• “แฮกเกอร์แกล้งบอกคุณตายแล้ว: กลโกงใหม่หลอกผู้ใช้ LastPass ให้เปิดเผยรหัสผ่าน”

    ล่าสุดมีกลโกงแปลก ๆ ที่กำลังระบาดในหมู่ผู้ใช้ LastPass ซึ่งเป็นบริการจัดการรหัสผ่านยอดนิยม—แฮกเกอร์ส่งอีเมลปลอมมาบอกว่า “คุณเสียชีวิตแล้ว” เพื่อหลอกให้เหยื่อคลิกลิงก์และกรอกรหัสผ่านหลัก!

    ฟังดูเหมือนเรื่องตลก แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่แยบยลมาก เพราะถ้าเราได้รับอีเมลที่บอกว่ามีคนส่งใบมรณบัตรเพื่อขอเข้าถึงบัญชีของเรา เราก็อาจตกใจและรีบตอบกลับทันทีโดยไม่คิดให้รอบคอบ

    อีเมลปลอมพวกนี้มีหัวข้อว่า “Legacy Request Opened (URGENT IF YOU ARE NOT DECEASED)” และมีเนื้อหาที่ดูเหมือนมาจากฝ่ายสนับสนุนของ LastPass พร้อมลิงก์ให้ “ยกเลิกคำขอ” ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นเว็บไซต์ของแฮกเกอร์ที่ใช้ขโมยรหัสผ่านหลักของเรา

    บางกรณีแฮกเกอร์ยังโทรมาหาเหยื่อโดยตรงเพื่อเร่งให้เข้าไปกรอกข้อมูลในเว็บปลอมอีกด้วย—เรียกว่าใช้ทั้ง phishing และ social engineering แบบเต็มรูปแบบ

    กลุ่มที่อยู่เบื้องหลังแคมเปญนี้ชื่อว่า CryptoChameleon ซึ่งเคยโจมตีแพลตฟอร์มคริปโตมาก่อน และตอนนี้หันมาเล่นงานผู้ใช้ LastPass โดยเฉพาะ

    กลโกงใหม่ที่ใช้ข้อความ “คุณเสียชีวิตแล้ว”
    อีเมลปลอมอ้างว่ามีการส่งใบมรณบัตรเพื่อขอเข้าถึงบัญชี LastPass
    มีหัวข้ออีเมลว่า “Legacy Request Opened (URGENT IF YOU ARE NOT DECEASED)”
    มีลิงก์ให้ “ยกเลิกคำขอ” ซึ่งนำไปสู่เว็บไซต์ปลอมเพื่อขโมยรหัสผ่านหลัก

    การใช้เทคนิค social engineering เพื่อหลอกเหยื่อ
    เนื้อหาอีเมลดูเหมือนมาจากฝ่ายสนับสนุนจริง มีข้อมูลปลอมเช่นหมายเลขเคสและชื่อเจ้าหน้าที่
    บางกรณีมีการโทรศัพท์หาผู้ใช้เพื่อเร่งให้เข้าเว็บปลอม
    ใช้จิตวิทยาเพื่อให้เหยื่อตอบสนองทันทีโดยไม่ตรวจสอบ

    คำเตือนจาก LastPass และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย
    LastPass ยืนยันว่าไม่เคยขอรหัสผ่านหลักจากผู้ใช้
    เตือนให้ผู้ใช้ตรวจสอบอีเมลที่น่าสงสัยและไม่คลิกลิงก์โดยไม่แน่ใจ
    แนะนำให้ใช้การยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (MFA) เพื่อป้องกันการเข้าถึงบัญชี

    กลุ่มแฮกเกอร์ที่อยู่เบื้องหลัง: CryptoChameleon
    เคยโจมตีแพลตฟอร์มคริปโตและใช้ LastPass เป็นส่วนหนึ่งของ phishing kit
    ใช้โฮสต์ที่มีชื่อเสียงด้านการหลบเลี่ยงการตรวจสอบเพื่อสร้างเว็บปลอม
    มีพฤติกรรมซ้ำแบบเดิม เช่น การโทรหาเหยื่อและใช้ข้อมูลปลอม

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ LastPass และบริการจัดการรหัสผ่านอื่น ๆ
    อย่ากรอกรหัสผ่านหลักในเว็บไซต์ที่ไม่ใช่ของ LastPass โดยตรง
    หากได้รับอีเมลที่ดูน่าสงสัย ให้ตรวจสอบ URL และอย่าคลิกลิงก์ทันที
    ควรเปิดใช้ MFA และตั้งค่าความปลอดภัยเพิ่มเติมในบัญชี
    หากสงสัยว่าโดน phishing ให้รายงานไปที่ abuse@lastpass.com พร้อมแนบอีเมลหรือภาพหน้าจอ

    https://www.csoonline.com/article/4079001/scammers-try-to-trick-lastpass-users-into-giving-up-credentials-by-telling-them-theyre-dead-2.html
    🪦 “แฮกเกอร์แกล้งบอกคุณตายแล้ว: กลโกงใหม่หลอกผู้ใช้ LastPass ให้เปิดเผยรหัสผ่าน” ล่าสุดมีกลโกงแปลก ๆ ที่กำลังระบาดในหมู่ผู้ใช้ LastPass ซึ่งเป็นบริการจัดการรหัสผ่านยอดนิยม—แฮกเกอร์ส่งอีเมลปลอมมาบอกว่า “คุณเสียชีวิตแล้ว” เพื่อหลอกให้เหยื่อคลิกลิงก์และกรอกรหัสผ่านหลัก! ฟังดูเหมือนเรื่องตลก แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่แยบยลมาก เพราะถ้าเราได้รับอีเมลที่บอกว่ามีคนส่งใบมรณบัตรเพื่อขอเข้าถึงบัญชีของเรา เราก็อาจตกใจและรีบตอบกลับทันทีโดยไม่คิดให้รอบคอบ อีเมลปลอมพวกนี้มีหัวข้อว่า “Legacy Request Opened (URGENT IF YOU ARE NOT DECEASED)” และมีเนื้อหาที่ดูเหมือนมาจากฝ่ายสนับสนุนของ LastPass พร้อมลิงก์ให้ “ยกเลิกคำขอ” ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นเว็บไซต์ของแฮกเกอร์ที่ใช้ขโมยรหัสผ่านหลักของเรา บางกรณีแฮกเกอร์ยังโทรมาหาเหยื่อโดยตรงเพื่อเร่งให้เข้าไปกรอกข้อมูลในเว็บปลอมอีกด้วย—เรียกว่าใช้ทั้ง phishing และ social engineering แบบเต็มรูปแบบ กลุ่มที่อยู่เบื้องหลังแคมเปญนี้ชื่อว่า CryptoChameleon ซึ่งเคยโจมตีแพลตฟอร์มคริปโตมาก่อน และตอนนี้หันมาเล่นงานผู้ใช้ LastPass โดยเฉพาะ ✅ กลโกงใหม่ที่ใช้ข้อความ “คุณเสียชีวิตแล้ว” ➡️ อีเมลปลอมอ้างว่ามีการส่งใบมรณบัตรเพื่อขอเข้าถึงบัญชี LastPass ➡️ มีหัวข้ออีเมลว่า “Legacy Request Opened (URGENT IF YOU ARE NOT DECEASED)” ➡️ มีลิงก์ให้ “ยกเลิกคำขอ” ซึ่งนำไปสู่เว็บไซต์ปลอมเพื่อขโมยรหัสผ่านหลัก ✅ การใช้เทคนิค social engineering เพื่อหลอกเหยื่อ ➡️ เนื้อหาอีเมลดูเหมือนมาจากฝ่ายสนับสนุนจริง มีข้อมูลปลอมเช่นหมายเลขเคสและชื่อเจ้าหน้าที่ ➡️ บางกรณีมีการโทรศัพท์หาผู้ใช้เพื่อเร่งให้เข้าเว็บปลอม ➡️ ใช้จิตวิทยาเพื่อให้เหยื่อตอบสนองทันทีโดยไม่ตรวจสอบ ✅ คำเตือนจาก LastPass และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย ➡️ LastPass ยืนยันว่าไม่เคยขอรหัสผ่านหลักจากผู้ใช้ ➡️ เตือนให้ผู้ใช้ตรวจสอบอีเมลที่น่าสงสัยและไม่คลิกลิงก์โดยไม่แน่ใจ ➡️ แนะนำให้ใช้การยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (MFA) เพื่อป้องกันการเข้าถึงบัญชี ✅ กลุ่มแฮกเกอร์ที่อยู่เบื้องหลัง: CryptoChameleon ➡️ เคยโจมตีแพลตฟอร์มคริปโตและใช้ LastPass เป็นส่วนหนึ่งของ phishing kit ➡️ ใช้โฮสต์ที่มีชื่อเสียงด้านการหลบเลี่ยงการตรวจสอบเพื่อสร้างเว็บปลอม ➡️ มีพฤติกรรมซ้ำแบบเดิม เช่น การโทรหาเหยื่อและใช้ข้อมูลปลอม ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ LastPass และบริการจัดการรหัสผ่านอื่น ๆ ⛔ อย่ากรอกรหัสผ่านหลักในเว็บไซต์ที่ไม่ใช่ของ LastPass โดยตรง ⛔ หากได้รับอีเมลที่ดูน่าสงสัย ให้ตรวจสอบ URL และอย่าคลิกลิงก์ทันที ⛔ ควรเปิดใช้ MFA และตั้งค่าความปลอดภัยเพิ่มเติมในบัญชี ⛔ หากสงสัยว่าโดน phishing ให้รายงานไปที่ abuse@lastpass.com พร้อมแนบอีเมลหรือภาพหน้าจอ https://www.csoonline.com/article/4079001/scammers-try-to-trick-lastpass-users-into-giving-up-credentials-by-telling-them-theyre-dead-2.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Scammers try to trick LastPass users into giving up credentials by telling them they’re dead
    Oddly worded pitch aimed at the living aims to get victims to click on a malicious link if they think the message isn’t for them.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • “จ่ายค่าไถ่แล้วก็ไม่รอด: 40% ของเหยื่อแรนซัมแวร์ยังคงสูญเสียข้อมูล”

    รู้หรือเปล่าว่า แม้จะยอมจ่ายค่าไถ่ให้แฮกเกอร์ไปแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้ข้อมูลคืนเสมอไปนะ! จากรายงานล่าสุดของ Hiscox พบว่า 2 ใน 5 บริษัทที่จ่ายค่าไถ่กลับไม่ได้ข้อมูลคืนเลย หรือได้คืนแค่บางส่วนเท่านั้น

    ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ แฮกเกอร์บางกลุ่มถึงขั้นใช้เครื่องมือถอดรหัสที่มีบั๊ก หรือบางทีก็หายตัวไปดื้อ ๆ หลังได้เงินแล้ว แถมบางครั้งตัวถอดรหัสยังทำให้ไฟล์เสียหายยิ่งกว่าเดิมอีกต่างหาก

    และที่สำคัญ—การจ่ายเงินไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาทั้งหมด เพราะแฮกเกอร์ยุคนี้ไม่ได้แค่ล็อกไฟล์ แต่ยังขู่จะปล่อยข้อมูลหรือโจมตีซ้ำด้วย DDoS แม้จะได้เงินไปแล้วก็ตาม

    องค์กรที่เคยโดนโจมตีอย่างบริษัท Kantsu ในญี่ปุ่น ถึงกับต้องกู้เงินจากธนาคารเพื่อฟื้นฟูระบบ เพราะแม้จะมีประกันไซเบอร์ แต่ก็ต้องรอขั้นตอนการเคลมที่ใช้เวลานาน

    ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า อย่ารอให้โดนก่อนค่อยหาทางแก้ ควรเตรียมแผนรับมือไว้ล่วงหน้า เช่น มีทีมตอบสนองเหตุการณ์ฉุกเฉิน มีระบบสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย และที่สำคัญ—อย่าคิดว่าการจ่ายเงินคือทางออกที่ดีที่สุด

    สถิติจากรายงาน Hiscox Cyber Readiness Report
    40% ของเหยื่อที่จ่ายค่าไถ่ไม่ได้ข้อมูลคืนเลย
    27% ของธุรกิจถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ในปีที่ผ่านมา
    80% ของเหยื่อยอมจ่ายค่าไถ่เพื่อพยายามกู้ข้อมูล

    ปัญหาที่เกิดขึ้นแม้จะจ่ายค่าไถ่แล้ว
    เครื่องมือถอดรหัสที่ได้รับอาจมีบั๊กหรือทำให้ไฟล์เสียหาย
    แฮกเกอร์บางกลุ่มไม่มีความน่าเชื่อถือ อาจไม่ส่งคีย์ถอดรหัส
    การถอดรหัสในระบบขนาดใหญ่ใช้เวลานานและอาจล้มเหลว

    ภัยคุกคามที่มากกว่าแค่การเข้ารหัสข้อมูล
    แฮกเกอร์ใช้วิธี “ขู่เปิดเผยข้อมูล” หรือ DDoS แม้จะได้เงินแล้ว
    การจ่ายเงินไม่ช่วยแก้ปัญหาการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล

    กรณีศึกษา: บริษัท Kantsu ในญี่ปุ่น
    ไม่จ่ายค่าไถ่ แต่ต้องกู้เงินเพื่อฟื้นฟูระบบ
    แม้มีประกันไซเบอร์ แต่ต้องรอขั้นตอนการเคลม

    คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
    ควรมีแผนรับมือเหตุการณ์ล่วงหน้า เช่น การสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย
    ควรมีทีมตอบสนองเหตุการณ์ฉุกเฉินไว้ล่วงหน้า
    การมีประกันไซเบอร์ช่วยลดผลกระทบและให้การสนับสนุนด้านกฎหมาย

    คำเตือนเกี่ยวกับการจ่ายค่าไถ่
    ไม่มีหลักประกันว่าจะได้ข้อมูลคืน
    อาจละเมิดกฎหมายหากจ่ายเงินให้กลุ่มที่ถูกคว่ำบาตร
    การจ่ายเงินอาจกระตุ้นให้เกิดอาชญากรรมไซเบอร์เพิ่มขึ้น
    อาจทำให้ข้อมูลเสียหายมากขึ้นจากการถอดรหัสที่ผิดพลาด

    https://www.csoonline.com/article/4077484/ransomware-recovery-perils-40-of-paying-victims-still-lose-their-data.html
    💸 “จ่ายค่าไถ่แล้วก็ไม่รอด: 40% ของเหยื่อแรนซัมแวร์ยังคงสูญเสียข้อมูล” รู้หรือเปล่าว่า แม้จะยอมจ่ายค่าไถ่ให้แฮกเกอร์ไปแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้ข้อมูลคืนเสมอไปนะ! จากรายงานล่าสุดของ Hiscox พบว่า 2 ใน 5 บริษัทที่จ่ายค่าไถ่กลับไม่ได้ข้อมูลคืนเลย หรือได้คืนแค่บางส่วนเท่านั้น ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ แฮกเกอร์บางกลุ่มถึงขั้นใช้เครื่องมือถอดรหัสที่มีบั๊ก หรือบางทีก็หายตัวไปดื้อ ๆ หลังได้เงินแล้ว แถมบางครั้งตัวถอดรหัสยังทำให้ไฟล์เสียหายยิ่งกว่าเดิมอีกต่างหาก และที่สำคัญ—การจ่ายเงินไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาทั้งหมด เพราะแฮกเกอร์ยุคนี้ไม่ได้แค่ล็อกไฟล์ แต่ยังขู่จะปล่อยข้อมูลหรือโจมตีซ้ำด้วย DDoS แม้จะได้เงินไปแล้วก็ตาม องค์กรที่เคยโดนโจมตีอย่างบริษัท Kantsu ในญี่ปุ่น ถึงกับต้องกู้เงินจากธนาคารเพื่อฟื้นฟูระบบ เพราะแม้จะมีประกันไซเบอร์ แต่ก็ต้องรอขั้นตอนการเคลมที่ใช้เวลานาน ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า อย่ารอให้โดนก่อนค่อยหาทางแก้ ควรเตรียมแผนรับมือไว้ล่วงหน้า เช่น มีทีมตอบสนองเหตุการณ์ฉุกเฉิน มีระบบสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย และที่สำคัญ—อย่าคิดว่าการจ่ายเงินคือทางออกที่ดีที่สุด ✅ สถิติจากรายงาน Hiscox Cyber Readiness Report ➡️ 40% ของเหยื่อที่จ่ายค่าไถ่ไม่ได้ข้อมูลคืนเลย ➡️ 27% ของธุรกิจถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ในปีที่ผ่านมา ➡️ 80% ของเหยื่อยอมจ่ายค่าไถ่เพื่อพยายามกู้ข้อมูล ✅ ปัญหาที่เกิดขึ้นแม้จะจ่ายค่าไถ่แล้ว ➡️ เครื่องมือถอดรหัสที่ได้รับอาจมีบั๊กหรือทำให้ไฟล์เสียหาย ➡️ แฮกเกอร์บางกลุ่มไม่มีความน่าเชื่อถือ อาจไม่ส่งคีย์ถอดรหัส ➡️ การถอดรหัสในระบบขนาดใหญ่ใช้เวลานานและอาจล้มเหลว ✅ ภัยคุกคามที่มากกว่าแค่การเข้ารหัสข้อมูล ➡️ แฮกเกอร์ใช้วิธี “ขู่เปิดเผยข้อมูล” หรือ DDoS แม้จะได้เงินแล้ว ➡️ การจ่ายเงินไม่ช่วยแก้ปัญหาการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ✅ กรณีศึกษา: บริษัท Kantsu ในญี่ปุ่น ➡️ ไม่จ่ายค่าไถ่ แต่ต้องกู้เงินเพื่อฟื้นฟูระบบ ➡️ แม้มีประกันไซเบอร์ แต่ต้องรอขั้นตอนการเคลม ✅ คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ ควรมีแผนรับมือเหตุการณ์ล่วงหน้า เช่น การสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย ➡️ ควรมีทีมตอบสนองเหตุการณ์ฉุกเฉินไว้ล่วงหน้า ➡️ การมีประกันไซเบอร์ช่วยลดผลกระทบและให้การสนับสนุนด้านกฎหมาย ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการจ่ายค่าไถ่ ⛔ ไม่มีหลักประกันว่าจะได้ข้อมูลคืน ⛔ อาจละเมิดกฎหมายหากจ่ายเงินให้กลุ่มที่ถูกคว่ำบาตร ⛔ การจ่ายเงินอาจกระตุ้นให้เกิดอาชญากรรมไซเบอร์เพิ่มขึ้น ⛔ อาจทำให้ข้อมูลเสียหายมากขึ้นจากการถอดรหัสที่ผิดพลาด https://www.csoonline.com/article/4077484/ransomware-recovery-perils-40-of-paying-victims-still-lose-their-data.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Ransomware recovery perils: 40% of paying victims still lose their data
    Paying the ransom is no guarantee of a smooth or even successful recovery of data. But that isn’t even the only issue security leaders will face under fire. Preparation is key.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่มแฮกเกอร์ Lazarus จากเกาหลีเหนือใช้กลยุทธ์ “DreamJob” หลอกบริษัทโดรนในยุโรป – ขโมยข้อมูล UAV ที่ใช้ในสงครามยูเครน

    กลุ่ม Lazarus ซึ่งเป็นแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเกาหลีเหนือ ได้ใช้กลยุทธ์หลอกลวงผ่าน “DreamJob” เพื่อเจาะระบบบริษัทด้านการผลิตโดรนในยุโรปตะวันออก โดยแสร้งเป็นบริษัทต่างชาติที่เสนองานให้ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี UAV (Unmanned Aerial Vehicle)

    ผู้ที่หลงเชื่อจะถูกเชิญให้เข้าร่วมการสัมภาษณ์หลายรอบ และถูกขอให้ดาวน์โหลดไฟล์ PDF หรือโปรแกรมที่แฝงมัลแวร์ ซึ่งจะติดตั้ง Remote Access Trojan (RAT) ชื่อ ScoringMathTea เพื่อให้แฮกเกอร์ควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ

    เป้าหมายของการโจมตีคือการขโมยข้อมูลการออกแบบและการผลิตโดรนที่ใช้ในสงครามยูเครน ซึ่งเกาหลีเหนือกำลังพัฒนาเทคโนโลยี UAV ของตนเอง และต้องการข้อมูลจากสนามรบจริงเพื่อเร่งการพัฒนา

    กลยุทธ์ “DreamJob” ของ Lazarus
    สร้างบริษัทและตำแหน่งงานปลอม
    เชิญเป้าหมายเข้าสัมภาษณ์หลายรอบ
    หลอกให้ดาวน์โหลดไฟล์ที่แฝงมัลแวร์
    ติดตั้ง RAT ชื่อ ScoringMathTea เพื่อควบคุมเครื่อง

    เป้าหมายของการโจมตี
    บริษัทผลิตโดรนในยุโรปตะวันออก
    ขโมยข้อมูลการออกแบบ UAV ที่ใช้ในสงครามยูเครน
    สนับสนุนการพัฒนาโดรนของเกาหลีเหนือ
    ใช้ข้อมูลจากสนามรบจริงเพื่อปรับปรุงเทคโนโลยี

    ความเชื่อมโยงกับสถานการณ์โลก
    เกาหลีเหนือส่งทหารไปช่วยรัสเซียในภูมิภาค Kursk
    การโจมตีเกิดขึ้นช่วงปลายปี 2024
    บริษัทที่ถูกเจาะระบบผลิตโดรนแบบ single-rotor ซึ่งเกาหลีเหนือกำลังพัฒนาอยู่

    https://www.techradar.com/pro/security/north-korean-hackers-target-european-defense-firms-with-dream-job-scam
    🎯 กลุ่มแฮกเกอร์ Lazarus จากเกาหลีเหนือใช้กลยุทธ์ “DreamJob” หลอกบริษัทโดรนในยุโรป – ขโมยข้อมูล UAV ที่ใช้ในสงครามยูเครน กลุ่ม Lazarus ซึ่งเป็นแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเกาหลีเหนือ ได้ใช้กลยุทธ์หลอกลวงผ่าน “DreamJob” เพื่อเจาะระบบบริษัทด้านการผลิตโดรนในยุโรปตะวันออก โดยแสร้งเป็นบริษัทต่างชาติที่เสนองานให้ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี UAV (Unmanned Aerial Vehicle) ผู้ที่หลงเชื่อจะถูกเชิญให้เข้าร่วมการสัมภาษณ์หลายรอบ และถูกขอให้ดาวน์โหลดไฟล์ PDF หรือโปรแกรมที่แฝงมัลแวร์ ซึ่งจะติดตั้ง Remote Access Trojan (RAT) ชื่อ ScoringMathTea เพื่อให้แฮกเกอร์ควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ เป้าหมายของการโจมตีคือการขโมยข้อมูลการออกแบบและการผลิตโดรนที่ใช้ในสงครามยูเครน ซึ่งเกาหลีเหนือกำลังพัฒนาเทคโนโลยี UAV ของตนเอง และต้องการข้อมูลจากสนามรบจริงเพื่อเร่งการพัฒนา ✅ กลยุทธ์ “DreamJob” ของ Lazarus ➡️ สร้างบริษัทและตำแหน่งงานปลอม ➡️ เชิญเป้าหมายเข้าสัมภาษณ์หลายรอบ ➡️ หลอกให้ดาวน์โหลดไฟล์ที่แฝงมัลแวร์ ➡️ ติดตั้ง RAT ชื่อ ScoringMathTea เพื่อควบคุมเครื่อง ✅ เป้าหมายของการโจมตี ➡️ บริษัทผลิตโดรนในยุโรปตะวันออก ➡️ ขโมยข้อมูลการออกแบบ UAV ที่ใช้ในสงครามยูเครน ➡️ สนับสนุนการพัฒนาโดรนของเกาหลีเหนือ ➡️ ใช้ข้อมูลจากสนามรบจริงเพื่อปรับปรุงเทคโนโลยี ✅ ความเชื่อมโยงกับสถานการณ์โลก ➡️ เกาหลีเหนือส่งทหารไปช่วยรัสเซียในภูมิภาค Kursk ➡️ การโจมตีเกิดขึ้นช่วงปลายปี 2024 ➡️ บริษัทที่ถูกเจาะระบบผลิตโดรนแบบ single-rotor ซึ่งเกาหลีเหนือกำลังพัฒนาอยู่ https://www.techradar.com/pro/security/north-korean-hackers-target-european-defense-firms-with-dream-job-scam
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้อมูลลูกค้า Toys "R" Us ถูกขโมยและเผยแพร่บนเว็บมืด – เสี่ยงโดนฟิชชิ่งและขโมยตัวตน.

    Toys "R" Us Canada เผชิญเหตุข้อมูลรั่วไหลครั้งใหญ่ หลังแฮกเกอร์ขโมยข้อมูลลูกค้าและนำไปเผยแพร่บนเว็บมืด โดยข้อมูลที่ถูกขโมยประกอบด้วยชื่อ, ที่อยู่, อีเมล และเบอร์โทรศัพท์ของลูกค้าบางส่วน แม้จะไม่มีรหัสผ่านหรือข้อมูลบัตรเครดิตหลุดออกไป แต่ก็ยังเสี่ยงต่อการถูกฟิชชิ่งและขโมยตัวตนได้

    บริษัทได้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์ และยืนยันว่าเป็นเพียง “บางส่วนของข้อมูลลูกค้า” ที่ถูกขโมย พร้อมทั้งเสริมระบบป้องกันเพิ่มเติม และแจ้งเตือนลูกค้าที่ได้รับผลกระทบแล้ว

    Toys "R" Us ยังแจ้งเตือนให้ลูกค้าระวังอีเมลหลอกลวงที่อ้างว่าเป็นบริษัท และไม่ควรคลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์แนบจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ

    ข้อมูลที่ถูกขโมย
    ชื่อ, ที่อยู่, อีเมล, เบอร์โทรศัพท์
    ไม่มีรหัสผ่านหรือข้อมูลบัตรเครดิต
    เสี่ยงต่อการถูกฟิชชิ่งและขโมยตัวตน

    การตอบสนองของบริษัท
    ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์เพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์
    ยืนยันว่าเป็นข้อมูลลูกค้า “บางส่วน”
    แจ้งเตือนลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ
    เสริมระบบป้องกันเพิ่มเติม

    คำแนะนำสำหรับลูกค้า
    ระวังอีเมลหลอกลวงที่อ้างว่าเป็น Toys "R" Us
    อย่าคลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์แนบจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ
    ตรวจสอบบัญชีและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนตัว

    https://www.techradar.com/pro/security/toys-r-us-customer-data-swiped-and-leaked-online-heres-what-we-know
    🧸 ข้อมูลลูกค้า Toys "R" Us ถูกขโมยและเผยแพร่บนเว็บมืด – เสี่ยงโดนฟิชชิ่งและขโมยตัวตน. Toys "R" Us Canada เผชิญเหตุข้อมูลรั่วไหลครั้งใหญ่ หลังแฮกเกอร์ขโมยข้อมูลลูกค้าและนำไปเผยแพร่บนเว็บมืด โดยข้อมูลที่ถูกขโมยประกอบด้วยชื่อ, ที่อยู่, อีเมล และเบอร์โทรศัพท์ของลูกค้าบางส่วน แม้จะไม่มีรหัสผ่านหรือข้อมูลบัตรเครดิตหลุดออกไป แต่ก็ยังเสี่ยงต่อการถูกฟิชชิ่งและขโมยตัวตนได้ บริษัทได้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์ และยืนยันว่าเป็นเพียง “บางส่วนของข้อมูลลูกค้า” ที่ถูกขโมย พร้อมทั้งเสริมระบบป้องกันเพิ่มเติม และแจ้งเตือนลูกค้าที่ได้รับผลกระทบแล้ว Toys "R" Us ยังแจ้งเตือนให้ลูกค้าระวังอีเมลหลอกลวงที่อ้างว่าเป็นบริษัท และไม่ควรคลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์แนบจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ ✅ ข้อมูลที่ถูกขโมย ➡️ ชื่อ, ที่อยู่, อีเมล, เบอร์โทรศัพท์ ➡️ ไม่มีรหัสผ่านหรือข้อมูลบัตรเครดิต ➡️ เสี่ยงต่อการถูกฟิชชิ่งและขโมยตัวตน ✅ การตอบสนองของบริษัท ➡️ ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์เพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์ ➡️ ยืนยันว่าเป็นข้อมูลลูกค้า “บางส่วน” ➡️ แจ้งเตือนลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ ➡️ เสริมระบบป้องกันเพิ่มเติม ✅ คำแนะนำสำหรับลูกค้า ➡️ ระวังอีเมลหลอกลวงที่อ้างว่าเป็น Toys "R" Us ➡️ อย่าคลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์แนบจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ ➡️ ตรวจสอบบัญชีและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนตัว https://www.techradar.com/pro/security/toys-r-us-customer-data-swiped-and-leaked-online-heres-what-we-know
    WWW.TECHRADAR.COM
    Toys "R" Us customer data swiped and leaked online - here's what we know
    Names, addresses, and more from Toys "R" Us customers stolen and leaked on the dark web
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซิร์ฟเวอร์ AI ผลิตในฮิวสตันของ Apple เริ่มจัดส่งแล้ว – รองรับ Private Cloud Compute เพื่อความเป็นส่วนตัวสูงสุด

    Apple ประกาศเริ่มจัดส่งเซิร์ฟเวอร์ AI ที่ผลิตในโรงงานใหม่ที่เมืองฮิวสตัน สหรัฐอเมริกา โดยเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้จะถูกนำไปใช้ในระบบ Private Cloud Compute (PCC) ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ที่เน้นความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้เป็นหลัก

    PCC ถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ของผู้ใช้ เช่น iPhone หรือ Mac โดยเมื่ออุปกรณ์ต้องส่งคำขอไปยังคลาวด์ ข้อมูลจะถูกส่งไปยังระบบปฏิบัติการแบบ clean-room ที่ไม่มีการเก็บข้อมูล ไม่มีการติดตาม และไม่มีหน่วยความจำถาวร หลังจากประมวลผลเสร็จ ข้อมูลจะถูกลบออกทันที

    Apple ยังเปิดให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยตรวจสอบระบบ PCC ได้ผ่าน Virtual Research Environment และจะเผยแพร่ภาพของระบบปฏิบัติการที่ใช้ในแต่ละเซิร์ฟเวอร์ เพื่อให้ตรวจสอบความปลอดภัยได้อย่างโปร่งใส

    แม้จะยังไม่เปิดเผยว่าเซิร์ฟเวอร์ใช้ชิปอะไร แต่คาดว่าเป็น Apple Silicon รุ่นใหม่ที่พัฒนาต่อจากซีรีส์ M โดยเน้นการประมวลผล AI แบบไฮบริด คือทำงานบนอุปกรณ์ก่อน แล้วค่อยส่งต่อไปยัง PCC เมื่อจำเป็น

    การเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ AI ของ Apple
    ผลิตในโรงงานใหม่ที่ฮิวสตัน สหรัฐอเมริกา
    ใช้ในระบบ Private Cloud Compute (PCC)
    รองรับการประมวลผล AI แบบไฮบริด (on-device + cloud)
    เน้นความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

    ความปลอดภัยของ PCC
    ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ clean-room ไม่มีการเก็บข้อมูล
    ไม่มีหน่วยความจำถาวร ไม่มี telemetry
    ลบข้อมูลทันทีหลังประมวลผล
    เปิดให้ตรวจสอบผ่าน Virtual Research Environment

    ความคาดหวังและผลกระทบ
    เป็นส่วนหนึ่งของแผนลงทุน $600 พันล้านในสหรัฐฯ
    ช่วยขยายขีดความสามารถของ Apple Intelligence
    ไม่พึ่งพาฮาร์ดแวร์จากผู้ผลิตรายอื่น
    ท้าทายแนวทางของ Microsoft และ Google ที่ใช้ GPU-heavy cloud

    https://www.tomshardware.com/desktops/servers/apples-houston-built-ai-servers-now-shipping
    🚚 เซิร์ฟเวอร์ AI ผลิตในฮิวสตันของ Apple เริ่มจัดส่งแล้ว – รองรับ Private Cloud Compute เพื่อความเป็นส่วนตัวสูงสุด Apple ประกาศเริ่มจัดส่งเซิร์ฟเวอร์ AI ที่ผลิตในโรงงานใหม่ที่เมืองฮิวสตัน สหรัฐอเมริกา โดยเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้จะถูกนำไปใช้ในระบบ Private Cloud Compute (PCC) ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ที่เน้นความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้เป็นหลัก PCC ถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ของผู้ใช้ เช่น iPhone หรือ Mac โดยเมื่ออุปกรณ์ต้องส่งคำขอไปยังคลาวด์ ข้อมูลจะถูกส่งไปยังระบบปฏิบัติการแบบ clean-room ที่ไม่มีการเก็บข้อมูล ไม่มีการติดตาม และไม่มีหน่วยความจำถาวร หลังจากประมวลผลเสร็จ ข้อมูลจะถูกลบออกทันที Apple ยังเปิดให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยตรวจสอบระบบ PCC ได้ผ่าน Virtual Research Environment และจะเผยแพร่ภาพของระบบปฏิบัติการที่ใช้ในแต่ละเซิร์ฟเวอร์ เพื่อให้ตรวจสอบความปลอดภัยได้อย่างโปร่งใส แม้จะยังไม่เปิดเผยว่าเซิร์ฟเวอร์ใช้ชิปอะไร แต่คาดว่าเป็น Apple Silicon รุ่นใหม่ที่พัฒนาต่อจากซีรีส์ M โดยเน้นการประมวลผล AI แบบไฮบริด คือทำงานบนอุปกรณ์ก่อน แล้วค่อยส่งต่อไปยัง PCC เมื่อจำเป็น ✅ การเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ AI ของ Apple ➡️ ผลิตในโรงงานใหม่ที่ฮิวสตัน สหรัฐอเมริกา ➡️ ใช้ในระบบ Private Cloud Compute (PCC) ➡️ รองรับการประมวลผล AI แบบไฮบริด (on-device + cloud) ➡️ เน้นความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ✅ ความปลอดภัยของ PCC ➡️ ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ clean-room ไม่มีการเก็บข้อมูล ➡️ ไม่มีหน่วยความจำถาวร ไม่มี telemetry ➡️ ลบข้อมูลทันทีหลังประมวลผล ➡️ เปิดให้ตรวจสอบผ่าน Virtual Research Environment ✅ ความคาดหวังและผลกระทบ ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของแผนลงทุน $600 พันล้านในสหรัฐฯ ➡️ ช่วยขยายขีดความสามารถของ Apple Intelligence ➡️ ไม่พึ่งพาฮาร์ดแวร์จากผู้ผลิตรายอื่น ➡️ ท้าทายแนวทางของ Microsoft และ Google ที่ใช้ GPU-heavy cloud https://www.tomshardware.com/desktops/servers/apples-houston-built-ai-servers-now-shipping
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Apple's Houston-built AI servers are now shipping, according to CEO Tim Cook — custom silicon to power Private Cloud Compute
    Apple has begun deploying custom silicon servers from a new US facility to power Private Cloud Compute, its privacy-first AI backend.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • TP-Link เจอช่องโหว่ร้ายแรง – โค้ดดีบั๊กเก่ากลับมาอีกครั้ง เปิดช่องให้แฮกเกอร์เข้าถึง root ได้

    TP-Link กำลังเผชิญกับปัญหาด้านความปลอดภัยครั้งใหญ่ เมื่อมีการค้นพบช่องโหว่ใหม่ 2 รายการในเราเตอร์รุ่น Omada และ Festa ซึ่งเปิดช่องให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงระบบในระดับ root ได้ ช่องโหว่เหล่านี้ถูกติดตามในชื่อ CVE-2025-7850 และ CVE-2025-7851 โดยทีมวิจัยจาก Forescout’s Vedere Labs

    CVE-2025-7851 เกิดจากโค้ดดีบั๊กเก่าที่เคยถูกใช้ในช่องโหว่ CVE-2024-21827 แม้ TP-Link จะเคยออกแพตช์แก้ไขไปแล้ว แต่กลับมีโค้ดบางส่วนหลงเหลืออยู่ และสามารถถูกเรียกใช้งานได้อีกครั้งหากมีไฟล์ชื่อ image_type_debug อยู่ในระบบ ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าสู่ระบบด้วยสิทธิ์ root ได้

    ช่องโหว่อีกตัวคือ CVE-2025-7850 เกิดจากการจัดการข้อมูลในฟิลด์ private key ของ WireGuard VPN ไม่ดีพอ ทำให้ผู้ใช้ที่ผ่านการยืนยันตัวตนสามารถ inject คำสั่งเข้าสู่ระบบได้ และเมื่อใช้ร่วมกับช่องโหว่แรก จะสามารถควบคุมอุปกรณ์ได้อย่างสมบูรณ์

    การค้นพบนี้ยังนำไปสู่การตรวจสอบเพิ่มเติม ซึ่งพบช่องโหว่อีก 15 รายการในอุปกรณ์ TP-Link รุ่นอื่นๆ ที่กำลังอยู่ในกระบวนการเปิดเผยและแก้ไขภายในต้นปี 2026

    ช่องโหว่ใหม่ในเราเตอร์ TP-Link
    CVE-2025-7851: โค้ดดีบั๊กเก่ากลับมาใช้งานได้อีกครั้ง
    CVE-2025-7850: ช่องโหว่ใน WireGuard VPN ที่เปิดให้ inject คำสั่ง
    ใช้ร่วมกันแล้วสามารถควบคุมอุปกรณ์ได้แบบ root access
    พบในรุ่น Omada และ Festa

    การตรวจสอบเพิ่มเติม
    พบช่องโหว่อีก 15 รายการในอุปกรณ์ TP-Link รุ่นอื่น
    อยู่ในกระบวนการเปิดเผยและแก้ไขภายในต้นปี 2026
    แสดงถึงปัญหาการจัดการโค้ดและการแพตช์ที่ไม่สมบูรณ์

    คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
    ควรอัปเดตเฟิร์มแวร์ทันทีเมื่อมีแพตช์ออก
    ปิดการเข้าถึงจากระยะไกลหากไม่จำเป็น
    ตรวจสอบ log เครือข่ายเพื่อหาสัญญาณการโจมตี

    ข้อควรระวังและความเสี่ยง
    ช่องโหว่ CVE-2025-7850 อาจถูกโจมตีจากระยะไกลโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน
    การแพตช์ที่ไม่สมบูรณ์อาจเปิดช่องให้โค้ดเก่ากลับมาใช้งานได้อีก
    อุปกรณ์ที่ดูเหมือนปลอดภัยอาจยังมีช่องโหว่ซ่อนอยู่
    การใช้ VPN โดยไม่ตรวจสอบความปลอดภัยอาจกลายเป็นช่องทางโจมตี

    https://www.techradar.com/pro/security/hidden-debug-code-returns-from-the-dead-as-tp-link-routers-face-a-wave-of-new-critical-root-access-flaws
    🛡️ TP-Link เจอช่องโหว่ร้ายแรง – โค้ดดีบั๊กเก่ากลับมาอีกครั้ง เปิดช่องให้แฮกเกอร์เข้าถึง root ได้ TP-Link กำลังเผชิญกับปัญหาด้านความปลอดภัยครั้งใหญ่ เมื่อมีการค้นพบช่องโหว่ใหม่ 2 รายการในเราเตอร์รุ่น Omada และ Festa ซึ่งเปิดช่องให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงระบบในระดับ root ได้ ช่องโหว่เหล่านี้ถูกติดตามในชื่อ CVE-2025-7850 และ CVE-2025-7851 โดยทีมวิจัยจาก Forescout’s Vedere Labs CVE-2025-7851 เกิดจากโค้ดดีบั๊กเก่าที่เคยถูกใช้ในช่องโหว่ CVE-2024-21827 แม้ TP-Link จะเคยออกแพตช์แก้ไขไปแล้ว แต่กลับมีโค้ดบางส่วนหลงเหลืออยู่ และสามารถถูกเรียกใช้งานได้อีกครั้งหากมีไฟล์ชื่อ image_type_debug อยู่ในระบบ ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าสู่ระบบด้วยสิทธิ์ root ได้ ช่องโหว่อีกตัวคือ CVE-2025-7850 เกิดจากการจัดการข้อมูลในฟิลด์ private key ของ WireGuard VPN ไม่ดีพอ ทำให้ผู้ใช้ที่ผ่านการยืนยันตัวตนสามารถ inject คำสั่งเข้าสู่ระบบได้ และเมื่อใช้ร่วมกับช่องโหว่แรก จะสามารถควบคุมอุปกรณ์ได้อย่างสมบูรณ์ การค้นพบนี้ยังนำไปสู่การตรวจสอบเพิ่มเติม ซึ่งพบช่องโหว่อีก 15 รายการในอุปกรณ์ TP-Link รุ่นอื่นๆ ที่กำลังอยู่ในกระบวนการเปิดเผยและแก้ไขภายในต้นปี 2026 ✅ ช่องโหว่ใหม่ในเราเตอร์ TP-Link ➡️ CVE-2025-7851: โค้ดดีบั๊กเก่ากลับมาใช้งานได้อีกครั้ง ➡️ CVE-2025-7850: ช่องโหว่ใน WireGuard VPN ที่เปิดให้ inject คำสั่ง ➡️ ใช้ร่วมกันแล้วสามารถควบคุมอุปกรณ์ได้แบบ root access ➡️ พบในรุ่น Omada และ Festa ✅ การตรวจสอบเพิ่มเติม ➡️ พบช่องโหว่อีก 15 รายการในอุปกรณ์ TP-Link รุ่นอื่น ➡️ อยู่ในกระบวนการเปิดเผยและแก้ไขภายในต้นปี 2026 ➡️ แสดงถึงปัญหาการจัดการโค้ดและการแพตช์ที่ไม่สมบูรณ์ ✅ คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ ควรอัปเดตเฟิร์มแวร์ทันทีเมื่อมีแพตช์ออก ➡️ ปิดการเข้าถึงจากระยะไกลหากไม่จำเป็น ➡️ ตรวจสอบ log เครือข่ายเพื่อหาสัญญาณการโจมตี ‼️ ข้อควรระวังและความเสี่ยง ⛔ ช่องโหว่ CVE-2025-7850 อาจถูกโจมตีจากระยะไกลโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ⛔ การแพตช์ที่ไม่สมบูรณ์อาจเปิดช่องให้โค้ดเก่ากลับมาใช้งานได้อีก ⛔ อุปกรณ์ที่ดูเหมือนปลอดภัยอาจยังมีช่องโหว่ซ่อนอยู่ ⛔ การใช้ VPN โดยไม่ตรวจสอบความปลอดภัยอาจกลายเป็นช่องทางโจมตี https://www.techradar.com/pro/security/hidden-debug-code-returns-from-the-dead-as-tp-link-routers-face-a-wave-of-new-critical-root-access-flaws
    WWW.TECHRADAR.COM
    Routine fixes can sometimes introduce fresh attack paths
    Two new flaws expose weaknesses in TP-Link’s Omada and Festa routers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • BOOX เปิดตัว Note Air5 C และ Palma 2 Pro – อุปกรณ์ ePaper สีใหม่เพื่อการอ่าน เขียน และเชื่อมต่ออย่างอิสระ

    BOOX ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี E Ink เปิดตัวอุปกรณ์ใหม่ 2 รุ่น ได้แก่ Note Air5 C และ Palma 2 Pro ซึ่งเป็น ePaper สีรุ่นล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อการอ่าน เขียน และทำงานแบบพกพา โดยทั้งสองรุ่นใช้หน้าจอ Kaleido 3 ที่แสดงสีได้อย่างนุ่มนวลและสบายตา พร้อมฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ยุคใหม่

    Note Air5 C เป็นแท็บเล็ตขนาด 10.3 นิ้วที่รองรับการเชื่อมต่อคีย์บอร์ดผ่านแม่เหล็ก มีระบบ Android 15 และปากกา Pen3 รุ่นใหม่ที่ให้สัมผัสเหมือนเขียนบนกระดาษจริง รองรับการทำงานแบบแบ่งหน้าจอและมีไฟหน้าปรับโทนสีได้ เหมาะสำหรับนักเรียน นักเขียน และมืออาชีพที่ต้องการอุปกรณ์จดบันทึกที่ยืดหยุ่น

    Palma 2 Pro เป็นอุปกรณ์ขนาดพกพา 6.13 นิ้ว น้ำหนักเพียง 175 กรัม มาพร้อม 5G และระบบ Android 15 เหมาะสำหรับการอ่านและจดบันทึกระหว่างเดินทาง รองรับปากกา InkSense Plus และมีฟีเจอร์ปรับแสงอัตโนมัติเพื่อความสบายตา

    ทั้งสองรุ่นใช้เทคโนโลยี BOOX Super Refresh เพื่อการตอบสนองที่รวดเร็ว และมีระบบ Smart Scribe ที่ใช้ AI ช่วยจัดการโน้ตและแผนผังความคิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    การเปิดตัว Note Air5 C
    หน้าจอ Kaleido 3 ขนาด 10.3 นิ้ว แสดงสีได้สบายตา
    รองรับคีย์บอร์ดแม่เหล็กและปากกา Pen3 รุ่นใหม่
    ระบบ Android 15 และ BOOX Firmware V4.1
    รองรับการแบ่งหน้าจอและไฟหน้าปรับโทนสี
    เหมาะสำหรับงานจดบันทึกและสร้างสรรค์เนื้อหา

    การเปิดตัว Palma 2 Pro
    ขนาด 6.13 นิ้ว น้ำหนัก 175 กรัม พกพาสะดวก
    รองรับ 5G และ Android 15
    ใช้ปากกา InkSense Plus สำหรับจดโน้ต
    มีไฟหน้าปรับอัตโนมัติตามสภาพแสง
    เหมาะสำหรับการอ่านและจดบันทึกระหว่างเดินทาง

    เทคโนโลยีและฟีเจอร์เด่น
    BOOX Super Refresh ช่วยให้การตอบสนองเร็วขึ้น
    Smart Scribe ใช้ AI จัดการโน้ตและแผนผังความคิด
    รองรับการใช้งานแบบ multitasking และ chiplet CPU
    มีระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือและหมุนหน้าจออัตโนมัติ
    ดีไซน์กันน้ำแบบ textured พร้อมสี Charcoal Black และ Ivory White

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    ราคาค่อนข้างสูง: Note Air5 C เริ่มต้นที่ $499.99 และ Palma 2 Pro ที่ $379.99
    อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการอุปกรณ์มัลติมีเดียเต็มรูปแบบ
    การใช้งานบางฟีเจอร์อาจต้องเรียนรู้เพิ่มเติม เช่น Smart Scribe
    หน้าจอ E Ink สีอาจไม่เหมาะกับการดูภาพหรือวิดีโอที่ต้องการความคมชัดสูง

    https://www.techpowerup.com/342185/boox-introduces-new-color-epaper-devices-note-air5-c-and-palma-2-pro
    📚 BOOX เปิดตัว Note Air5 C และ Palma 2 Pro – อุปกรณ์ ePaper สีใหม่เพื่อการอ่าน เขียน และเชื่อมต่ออย่างอิสระ BOOX ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี E Ink เปิดตัวอุปกรณ์ใหม่ 2 รุ่น ได้แก่ Note Air5 C และ Palma 2 Pro ซึ่งเป็น ePaper สีรุ่นล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อการอ่าน เขียน และทำงานแบบพกพา โดยทั้งสองรุ่นใช้หน้าจอ Kaleido 3 ที่แสดงสีได้อย่างนุ่มนวลและสบายตา พร้อมฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ยุคใหม่ Note Air5 C เป็นแท็บเล็ตขนาด 10.3 นิ้วที่รองรับการเชื่อมต่อคีย์บอร์ดผ่านแม่เหล็ก มีระบบ Android 15 และปากกา Pen3 รุ่นใหม่ที่ให้สัมผัสเหมือนเขียนบนกระดาษจริง รองรับการทำงานแบบแบ่งหน้าจอและมีไฟหน้าปรับโทนสีได้ เหมาะสำหรับนักเรียน นักเขียน และมืออาชีพที่ต้องการอุปกรณ์จดบันทึกที่ยืดหยุ่น Palma 2 Pro เป็นอุปกรณ์ขนาดพกพา 6.13 นิ้ว น้ำหนักเพียง 175 กรัม มาพร้อม 5G และระบบ Android 15 เหมาะสำหรับการอ่านและจดบันทึกระหว่างเดินทาง รองรับปากกา InkSense Plus และมีฟีเจอร์ปรับแสงอัตโนมัติเพื่อความสบายตา ทั้งสองรุ่นใช้เทคโนโลยี BOOX Super Refresh เพื่อการตอบสนองที่รวดเร็ว และมีระบบ Smart Scribe ที่ใช้ AI ช่วยจัดการโน้ตและแผนผังความคิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ การเปิดตัว Note Air5 C ➡️ หน้าจอ Kaleido 3 ขนาด 10.3 นิ้ว แสดงสีได้สบายตา ➡️ รองรับคีย์บอร์ดแม่เหล็กและปากกา Pen3 รุ่นใหม่ ➡️ ระบบ Android 15 และ BOOX Firmware V4.1 ➡️ รองรับการแบ่งหน้าจอและไฟหน้าปรับโทนสี ➡️ เหมาะสำหรับงานจดบันทึกและสร้างสรรค์เนื้อหา ✅ การเปิดตัว Palma 2 Pro ➡️ ขนาด 6.13 นิ้ว น้ำหนัก 175 กรัม พกพาสะดวก ➡️ รองรับ 5G และ Android 15 ➡️ ใช้ปากกา InkSense Plus สำหรับจดโน้ต ➡️ มีไฟหน้าปรับอัตโนมัติตามสภาพแสง ➡️ เหมาะสำหรับการอ่านและจดบันทึกระหว่างเดินทาง ✅ เทคโนโลยีและฟีเจอร์เด่น ➡️ BOOX Super Refresh ช่วยให้การตอบสนองเร็วขึ้น ➡️ Smart Scribe ใช้ AI จัดการโน้ตและแผนผังความคิด ➡️ รองรับการใช้งานแบบ multitasking และ chiplet CPU ➡️ มีระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือและหมุนหน้าจออัตโนมัติ ➡️ ดีไซน์กันน้ำแบบ textured พร้อมสี Charcoal Black และ Ivory White ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ ราคาค่อนข้างสูง: Note Air5 C เริ่มต้นที่ $499.99 และ Palma 2 Pro ที่ $379.99 ⛔ อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการอุปกรณ์มัลติมีเดียเต็มรูปแบบ ⛔ การใช้งานบางฟีเจอร์อาจต้องเรียนรู้เพิ่มเติม เช่น Smart Scribe ⛔ หน้าจอ E Ink สีอาจไม่เหมาะกับการดูภาพหรือวิดีโอที่ต้องการความคมชัดสูง https://www.techpowerup.com/342185/boox-introduces-new-color-epaper-devices-note-air5-c-and-palma-2-pro
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    BOOX Introduces New Color ePaper Devices: Note Air5 C and Palma 2 Pro
    BOOX, a global leader in E Ink technology and innovation, has announced the launch of two new additions to its product lineup: the Note Air5 C, a 10.3-inch color ePaper tablet designed for light productivity and creativity, and the Palma 2 Pro, a 6.13-inch color mobile ePaper device that brings true...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนประกาศแผน 5 ปีใหม่ มุ่งพึ่งพาตนเองด้านเซมิคอนดักเตอร์และ AI พร้อมกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ

    จีนกำลังวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาวฉบับใหม่ (ปี 2026–2030) โดยเน้นการพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจในยุคใหม่ แผนนี้ถูกผลักดันโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน และมีเป้าหมายเพื่อรับมือกับความเสี่ยงจากการพึ่งพาการส่งออกและผลกระทบจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ

    จีนต้องการเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจจากการพึ่งพาการส่งออก มาเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยจะเพิ่มความมั่นคงทางการเงินให้ประชาชนผ่านการปรับปรุงระบบประกันสังคมและสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้ประชาชนกล้าจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น

    ในด้านเทคโนโลยี รัฐบาลจะสนับสนุนการผลิตภายในประเทศ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และ AI ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของแผนนี้ พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ เช่น การบิน การขนส่ง และอินเทอร์เน็ต เพื่อสร้าง “พลังการผลิตคุณภาพใหม่” ที่จะผลักดันเศรษฐกิจจีนให้เติบโตอย่างมั่นคง

    แผนพัฒนาเศรษฐกิจ 5 ปีใหม่ของจีน (2026–2030)
    เน้นการพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์และ AI
    ผลักดัน “พลังการผลิตคุณภาพใหม่” เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมยุคใหม่
    รับมือกับความเสี่ยงจากการพึ่งพาการส่งออกและสงครามการค้ากับสหรัฐฯ

    การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ
    ลดสัดส่วนการพึ่งพาการส่งออก ซึ่งเคยสูงสุดในปี 2024
    กระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศที่ยังต่ำกว่า 40% ของ GDP
    ปรับปรุงระบบประกันสังคมและสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์
    เพิ่มความมั่นคงทางการเงินให้ประชาชนเพื่อกระตุ้นการบริโภค

    ผลกระทบต่อภาคเทคโนโลยี
    บริษัทเทคโนโลยีจีนจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล
    ความต้องการภายในประเทศจะเพิ่มขึ้นจากการกระตุ้นการใช้จ่าย
    การพัฒนาเทคโนโลยีภายในจะช่วยลดการพึ่งพาตะวันตก

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    การเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจต้องใช้เวลาและอาจกระทบการเติบโตระยะสั้น
    การพัฒนาเทคโนโลยีภายในอาจเผชิญกับข้อจำกัดด้านทรัพยากรและความเชี่ยวชาญ
    ความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าอาจส่งผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
    การกระตุ้นการใช้จ่ายอาจไม่สำเร็จหากประชาชนยังขาดความมั่นใจ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-seeks-semiconductor-and-ai-self-reliance-in-ambitious-new-5-year-plan-beijing-also-wants-to-increase-domestic-spending-and-reduce-reliance-on-exports
    🇨🇳 จีนประกาศแผน 5 ปีใหม่ มุ่งพึ่งพาตนเองด้านเซมิคอนดักเตอร์และ AI พร้อมกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ จีนกำลังวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาวฉบับใหม่ (ปี 2026–2030) โดยเน้นการพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจในยุคใหม่ แผนนี้ถูกผลักดันโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน และมีเป้าหมายเพื่อรับมือกับความเสี่ยงจากการพึ่งพาการส่งออกและผลกระทบจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ จีนต้องการเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจจากการพึ่งพาการส่งออก มาเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยจะเพิ่มความมั่นคงทางการเงินให้ประชาชนผ่านการปรับปรุงระบบประกันสังคมและสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้ประชาชนกล้าจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ในด้านเทคโนโลยี รัฐบาลจะสนับสนุนการผลิตภายในประเทศ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และ AI ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของแผนนี้ พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ เช่น การบิน การขนส่ง และอินเทอร์เน็ต เพื่อสร้าง “พลังการผลิตคุณภาพใหม่” ที่จะผลักดันเศรษฐกิจจีนให้เติบโตอย่างมั่นคง ✅ แผนพัฒนาเศรษฐกิจ 5 ปีใหม่ของจีน (2026–2030) ➡️ เน้นการพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์และ AI ➡️ ผลักดัน “พลังการผลิตคุณภาพใหม่” เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมยุคใหม่ ➡️ รับมือกับความเสี่ยงจากการพึ่งพาการส่งออกและสงครามการค้ากับสหรัฐฯ ✅ การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ➡️ ลดสัดส่วนการพึ่งพาการส่งออก ซึ่งเคยสูงสุดในปี 2024 ➡️ กระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศที่ยังต่ำกว่า 40% ของ GDP ➡️ ปรับปรุงระบบประกันสังคมและสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ ➡️ เพิ่มความมั่นคงทางการเงินให้ประชาชนเพื่อกระตุ้นการบริโภค ✅ ผลกระทบต่อภาคเทคโนโลยี ➡️ บริษัทเทคโนโลยีจีนจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ➡️ ความต้องการภายในประเทศจะเพิ่มขึ้นจากการกระตุ้นการใช้จ่าย ➡️ การพัฒนาเทคโนโลยีภายในจะช่วยลดการพึ่งพาตะวันตก ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ การเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจต้องใช้เวลาและอาจกระทบการเติบโตระยะสั้น ⛔ การพัฒนาเทคโนโลยีภายในอาจเผชิญกับข้อจำกัดด้านทรัพยากรและความเชี่ยวชาญ ⛔ ความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าอาจส่งผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ⛔ การกระตุ้นการใช้จ่ายอาจไม่สำเร็จหากประชาชนยังขาดความมั่นใจ https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-seeks-semiconductor-and-ai-self-reliance-in-ambitious-new-5-year-plan-beijing-also-wants-to-increase-domestic-spending-and-reduce-reliance-on-exports
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ เตรียมแบนการส่งออกสินค้าที่มีซอฟต์แวร์อเมริกันไปจีน – ตอบโต้การควบคุมแร่หายากของปักกิ่ง

    รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังพิจารณามาตรการตอบโต้จีนอย่างรุนแรง ด้วยการแบนการส่งออกสินค้าที่ผลิตด้วยหรือมีซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ ไปยังจีน ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ซอฟต์แวร์เฉพาะทางไปจนถึงระบบปฏิบัติการยอดนิยมอย่าง Windows, Android, iOS และ macOS

    มาตรการนี้เป็นการตอบโต้ที่สหรัฐฯ มองว่าเหมาะสม หลังจากจีนประกาศควบคุมการส่งออกแร่หายาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยรัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ ยืนยันว่า “ทุกทางเลือกยังอยู่บนโต๊ะ” และหากมีการดำเนินการจริง จะร่วมมือกับประเทศพันธมิตรในกลุ่ม G7

    แม้ยังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย แต่มาตรการนี้อาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการค้าระหว่างสองประเทศ เพราะแทบทุกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในจีนล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ การแบนครั้งนี้อาจทำให้จีนต้องเร่งพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเอง เช่น HarmonyOS, openKylin และมาตรฐานใหม่อย่าง UBIOS ที่เพิ่งเปิดตัว

    อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการดำเนินการเช่นนี้อาจส่งผลย้อนกลับต่ออุตสาหกรรมของสหรัฐฯ เอง และอาจเร่งให้จีนพัฒนาระบบของตัวเองจนสามารถแข่งขันได้ในอนาคต

    แผนการแบนสินค้าจากสหรัฐฯ ไปจีน
    ครอบคลุมสินค้าที่ผลิตด้วยหรือมีซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ
    รวมถึงระบบปฏิบัติการยอดนิยม เช่น Windows, Android, iOS, macOS
    เป็นมาตรการตอบโต้การควบคุมแร่หายากของจีน
    อาจดำเนินการร่วมกับพันธมิตรในกลุ่ม G7

    ผลกระทบต่อจีน
    อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ในจีนใช้ซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ
    จีนต้องเร่งพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเอง เช่น HarmonyOS, openKylin, UBIOS
    อาจทำให้จีนอยู่ในสถานะเสียเปรียบในระยะสั้น แต่เร่งการพึ่งพาตนเองในระยะยาว

    ความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้
    สหรัฐฯ เคยแบนซอฟต์แวร์ออกแบบชิป (EDA) ไปยังจีน
    ส่งผลให้บริษัทจีนอย่าง Xiaomi และ Lenovo ไม่สามารถออกแบบชิปกับ TSMC ได้
    มาตรการถูกยกเลิกหลังจีนยอมผ่อนปรนการส่งออกแร่หายาก

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    การแบนอาจกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ที่มีตลาดใหญ่ในจีน
    อาจเร่งให้จีนพัฒนาระบบที่ไม่พึ่งพาสหรัฐฯ และกลายเป็นคู่แข่งในอนาคต
    การดำเนินการอาจซับซ้อนและมีผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
    อาจนำไปสู่ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีระหว่างสองประเทศ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/trump-considering-china-export-ban-on-items-made-with-or-containing-u-s-software-sweeping-restriction-to-hit-hard-in-response-to-beijings-rare-earth-embargo-in-major-trade-war-escalation
    🇺🇸 สหรัฐฯ เตรียมแบนการส่งออกสินค้าที่มีซอฟต์แวร์อเมริกันไปจีน – ตอบโต้การควบคุมแร่หายากของปักกิ่ง รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังพิจารณามาตรการตอบโต้จีนอย่างรุนแรง ด้วยการแบนการส่งออกสินค้าที่ผลิตด้วยหรือมีซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ ไปยังจีน ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ซอฟต์แวร์เฉพาะทางไปจนถึงระบบปฏิบัติการยอดนิยมอย่าง Windows, Android, iOS และ macOS มาตรการนี้เป็นการตอบโต้ที่สหรัฐฯ มองว่าเหมาะสม หลังจากจีนประกาศควบคุมการส่งออกแร่หายาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยรัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ ยืนยันว่า “ทุกทางเลือกยังอยู่บนโต๊ะ” และหากมีการดำเนินการจริง จะร่วมมือกับประเทศพันธมิตรในกลุ่ม G7 แม้ยังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย แต่มาตรการนี้อาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการค้าระหว่างสองประเทศ เพราะแทบทุกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในจีนล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ การแบนครั้งนี้อาจทำให้จีนต้องเร่งพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเอง เช่น HarmonyOS, openKylin และมาตรฐานใหม่อย่าง UBIOS ที่เพิ่งเปิดตัว อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการดำเนินการเช่นนี้อาจส่งผลย้อนกลับต่ออุตสาหกรรมของสหรัฐฯ เอง และอาจเร่งให้จีนพัฒนาระบบของตัวเองจนสามารถแข่งขันได้ในอนาคต ✅ แผนการแบนสินค้าจากสหรัฐฯ ไปจีน ➡️ ครอบคลุมสินค้าที่ผลิตด้วยหรือมีซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ ➡️ รวมถึงระบบปฏิบัติการยอดนิยม เช่น Windows, Android, iOS, macOS ➡️ เป็นมาตรการตอบโต้การควบคุมแร่หายากของจีน ➡️ อาจดำเนินการร่วมกับพันธมิตรในกลุ่ม G7 ✅ ผลกระทบต่อจีน ➡️ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ในจีนใช้ซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ ➡️ จีนต้องเร่งพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเอง เช่น HarmonyOS, openKylin, UBIOS ➡️ อาจทำให้จีนอยู่ในสถานะเสียเปรียบในระยะสั้น แต่เร่งการพึ่งพาตนเองในระยะยาว ✅ ความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ ➡️ สหรัฐฯ เคยแบนซอฟต์แวร์ออกแบบชิป (EDA) ไปยังจีน ➡️ ส่งผลให้บริษัทจีนอย่าง Xiaomi และ Lenovo ไม่สามารถออกแบบชิปกับ TSMC ได้ ➡️ มาตรการถูกยกเลิกหลังจีนยอมผ่อนปรนการส่งออกแร่หายาก ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ การแบนอาจกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ที่มีตลาดใหญ่ในจีน ⛔ อาจเร่งให้จีนพัฒนาระบบที่ไม่พึ่งพาสหรัฐฯ และกลายเป็นคู่แข่งในอนาคต ⛔ การดำเนินการอาจซับซ้อนและมีผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก ⛔ อาจนำไปสู่ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีระหว่างสองประเทศ https://www.tomshardware.com/tech-industry/trump-considering-china-export-ban-on-items-made-with-or-containing-u-s-software-sweeping-restriction-to-hit-hard-in-response-to-beijings-rare-earth-embargo-in-major-trade-war-escalation
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงครามค้นหายุคใหม่: AI กำลังเปลี่ยนโฉมการท่องเว็บ และท้าทายอำนาจของ Google

    ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์กลายเป็นผู้ช่วยประจำตัวของผู้คนทั่วโลก การค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป บทความจาก The Star เผยว่า “การค้นหาออนไลน์” กำลังกลายเป็นสมรภูมิใหม่ของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน AI ที่พยายามเปลี่ยนวิธีที่ผู้คนเข้าถึงข้อมูล และท้าทายอำนาจของ Google Chrome ที่ครองตลาดมากกว่า 70%

    บริษัทอย่าง OpenAI, Microsoft, Perplexity และ Dia ต่างเปิดตัว “เบราว์เซอร์ AI” ที่สามารถค้นหาข้อมูล วิเคราะห์ และดำเนินการแทนผู้ใช้ได้โดยไม่ต้องพิมพ์คำค้นหาแบบเดิมอีกต่อไป เช่น Atlas ของ OpenAI สามารถสร้างรายการซื้อของตามเมนูและจำนวนแขกได้ทันทีจากคำสั่งเดียว

    แม้ Google จะมีฟีเจอร์ AI Overviews และโหมด AI Search ที่ใช้ reasoning และ multimodal แต่ก็ยังไม่ถึงขั้น “agentic AI” ที่สามารถทำงานแทนผู้ใช้ได้อย่างเต็มรูปแบบ

    สรุปประเด็นสำคัญจากบทความ

    1️⃣ การเปลี่ยนแปลงของการค้นหาออนไลน์
    แนวโน้มใหม่
    เบราว์เซอร์ AI สามารถค้นหาและดำเนินการแทนผู้ใช้ได้
    ไม่ใช่แค่ตอบคำถาม แต่สามารถจัดการงาน เช่น จองร้านอาหารหรือวางแผนการเดินทาง
    เปลี่ยนจาก “search engine” เป็น “action engine”

    คำเตือน
    ผู้ใช้อาจพึ่งพา AI มากเกินไปโดยไม่ตรวจสอบข้อมูล
    ความผิดพลาดจาก AI อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่ถูกต้อง

    2️⃣ ผู้เล่นหลักในสมรภูมิ AI Search
    เบราว์เซอร์ AI ที่เปิดตัวแล้ว
    Atlas จาก OpenAI
    Comet จาก Perplexity
    Copilot-enabled Edge จาก Microsoft
    Dia และ Neon จากผู้พัฒนารายใหม่

    คำเตือน
    บางเบราว์เซอร์ยังอยู่ในช่วงทดลอง อาจมีข้อจำกัดด้านความปลอดภัย
    การรวบรวมข้อมูลผู้ใช้เพื่อปรับปรุง AI อาจกระทบความเป็นส่วนตัว

    3️⃣ จุดแข็งและจุดอ่อนของ Google
    จุดแข็งของ Google
    Chrome ครองตลาดเบราว์เซอร์มากกว่า 70%
    Google Search ยังเป็นเครื่องมือหลักในการค้นหาข้อมูล
    มีฟีเจอร์ AI Overviews และโหมด AI Search

    จุดอ่อนที่ถูกท้าทาย
    ยังไม่เข้าสู่ระดับ “agentic AI” ที่ทำงานแทนผู้ใช้ได้
    คู่แข่งสามารถรวบรวมข้อมูลจากการใช้งาน AI เพื่อพัฒนาโมเดลได้เร็วกว่า

    4️⃣ ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ
    มุมมองจากนักวิเคราะห์
    Avi Greengart: “AI acting in the browser makes sense เพราะแอปส่วนใหญ่ทำงานผ่านเบราว์เซอร์อยู่แล้ว”
    Evan Schlossman: “AI กำลังควบคุมอินเทอร์เฟซของผู้ใช้ เพื่อ streamline ประสบการณ์”
    Thomas Thiele: “การรวมข้อมูลจาก ChatGPT และ Atlas อาจสร้าง Google ใหม่”

    คำเตือน
    การควบคุมอินเทอร์เฟซโดย AI อาจทำให้ผู้ใช้เสียอำนาจในการเลือก
    การรวบรวมข้อมูลมากเกินไปอาจนำไปสู่การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/24/online-search-a-battleground-for-ai-titans
    🔍 สงครามค้นหายุคใหม่: AI กำลังเปลี่ยนโฉมการท่องเว็บ และท้าทายอำนาจของ Google ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์กลายเป็นผู้ช่วยประจำตัวของผู้คนทั่วโลก การค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป บทความจาก The Star เผยว่า “การค้นหาออนไลน์” กำลังกลายเป็นสมรภูมิใหม่ของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน AI ที่พยายามเปลี่ยนวิธีที่ผู้คนเข้าถึงข้อมูล และท้าทายอำนาจของ Google Chrome ที่ครองตลาดมากกว่า 70% บริษัทอย่าง OpenAI, Microsoft, Perplexity และ Dia ต่างเปิดตัว “เบราว์เซอร์ AI” ที่สามารถค้นหาข้อมูล วิเคราะห์ และดำเนินการแทนผู้ใช้ได้โดยไม่ต้องพิมพ์คำค้นหาแบบเดิมอีกต่อไป เช่น Atlas ของ OpenAI สามารถสร้างรายการซื้อของตามเมนูและจำนวนแขกได้ทันทีจากคำสั่งเดียว แม้ Google จะมีฟีเจอร์ AI Overviews และโหมด AI Search ที่ใช้ reasoning และ multimodal แต่ก็ยังไม่ถึงขั้น “agentic AI” ที่สามารถทำงานแทนผู้ใช้ได้อย่างเต็มรูปแบบ 🔍 สรุปประเด็นสำคัญจากบทความ 1️⃣ การเปลี่ยนแปลงของการค้นหาออนไลน์ ✅ แนวโน้มใหม่ ➡️ เบราว์เซอร์ AI สามารถค้นหาและดำเนินการแทนผู้ใช้ได้ ➡️ ไม่ใช่แค่ตอบคำถาม แต่สามารถจัดการงาน เช่น จองร้านอาหารหรือวางแผนการเดินทาง ➡️ เปลี่ยนจาก “search engine” เป็น “action engine” ‼️ คำเตือน ⛔ ผู้ใช้อาจพึ่งพา AI มากเกินไปโดยไม่ตรวจสอบข้อมูล ⛔ ความผิดพลาดจาก AI อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่ถูกต้อง 2️⃣ ผู้เล่นหลักในสมรภูมิ AI Search ✅ เบราว์เซอร์ AI ที่เปิดตัวแล้ว ➡️ Atlas จาก OpenAI ➡️ Comet จาก Perplexity ➡️ Copilot-enabled Edge จาก Microsoft ➡️ Dia และ Neon จากผู้พัฒนารายใหม่ ‼️ คำเตือน ⛔ บางเบราว์เซอร์ยังอยู่ในช่วงทดลอง อาจมีข้อจำกัดด้านความปลอดภัย ⛔ การรวบรวมข้อมูลผู้ใช้เพื่อปรับปรุง AI อาจกระทบความเป็นส่วนตัว 3️⃣ จุดแข็งและจุดอ่อนของ Google ✅ จุดแข็งของ Google ➡️ Chrome ครองตลาดเบราว์เซอร์มากกว่า 70% ➡️ Google Search ยังเป็นเครื่องมือหลักในการค้นหาข้อมูล ➡️ มีฟีเจอร์ AI Overviews และโหมด AI Search ‼️ จุดอ่อนที่ถูกท้าทาย ⛔ ยังไม่เข้าสู่ระดับ “agentic AI” ที่ทำงานแทนผู้ใช้ได้ ⛔ คู่แข่งสามารถรวบรวมข้อมูลจากการใช้งาน AI เพื่อพัฒนาโมเดลได้เร็วกว่า 4️⃣ ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ ✅ มุมมองจากนักวิเคราะห์ ➡️ Avi Greengart: “AI acting in the browser makes sense เพราะแอปส่วนใหญ่ทำงานผ่านเบราว์เซอร์อยู่แล้ว” ➡️ Evan Schlossman: “AI กำลังควบคุมอินเทอร์เฟซของผู้ใช้ เพื่อ streamline ประสบการณ์” ➡️ Thomas Thiele: “การรวมข้อมูลจาก ChatGPT และ Atlas อาจสร้าง Google ใหม่” ‼️ คำเตือน ⛔ การควบคุมอินเทอร์เฟซโดย AI อาจทำให้ผู้ใช้เสียอำนาจในการเลือก ⛔ การรวบรวมข้อมูลมากเกินไปอาจนำไปสู่การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/24/online-search-a-battleground-for-ai-titans
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Online search a battleground for AI titans
    Tech firms battling for supremacy in artificial intelligence are out to transform how people search the web, challenging the dominance of the Chrome browser at the heart of Google's empire.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • AI กับสิ่งแวดล้อม: ใช้พลังงานมหาศาล แต่ก็ช่วยโลกได้ใน 5 วิธี

    แม้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะถูกวิจารณ์ว่าใช้พลังงานและน้ำมหาศาล โดยเฉพาะในศูนย์ข้อมูลที่รองรับการประมวลผลขั้นสูง แต่บทความจาก The Star ชี้ให้เห็นว่า AI ก็สามารถเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยลดมลพิษและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในหลายภาคส่วนได้เช่นกัน

    นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญเสนอ 5 วิธีที่ AI สามารถช่วยสิ่งแวดล้อมได้ ตั้งแต่การจัดการพลังงานในอาคาร ไปจนถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตน้ำมันและการจราจร

    สรุป 5 วิธีที่ AI ช่วยสิ่งแวดล้อม

    1️⃣ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคาร
    วิธีการทำงาน
    AI ปรับแสงสว่าง อุณหภูมิ และการระบายอากาศตามสภาพอากาศและการใช้งานจริง
    คาดว่าช่วยลดการใช้พลังงานในอาคารได้ 10–30%
    ระบบอัตโนมัติช่วยลดการเปิดแอร์หรือฮีตเตอร์เกินความจำเป็น

    คำเตือน
    หากระบบ AI ขัดข้อง อาจทำให้การควบคุมอุณหภูมิผิดพลาด
    ต้องมีการบำรุงรักษาเซ็นเซอร์และระบบควบคุมอย่างสม่ำเสมอ

    2️⃣ จัดการการชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ
    วิธีการทำงาน
    AI กำหนดเวลาชาร์จ EV และสมาร์ตโฟนให้เหมาะกับช่วงที่ไฟฟ้าถูกและสะอาด
    ลดการใช้ไฟฟ้าช่วงพีค และลดการพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิล

    คำเตือน
    ต้องมีการเชื่อมต่อกับระบบ grid และข้อมูลราคาพลังงานแบบเรียลไทม์
    หากข้อมูลไม่แม่นยำ อาจชาร์จผิดเวลาและเพิ่มค่าไฟ

    3️⃣ ลดมลพิษจากการผลิตน้ำมันและก๊าซ
    วิธีการทำงาน
    AI วิเคราะห์กระบวนการผลิตเพื่อหาจุดที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด
    ช่วยปรับปรุงกระบวนการให้ปล่อยก๊าซน้อยลง
    ใช้ machine learning เพื่อคาดการณ์และป้องกันการรั่วไหล

    คำเตือน
    ข้อมูลจากอุตสาหกรรมอาจไม่เปิดเผยทั้งหมด ทำให้ AI วิเคราะห์ไม่ครบ
    การพึ่งพา AI โดยไม่มีการตรวจสอบจากมนุษย์อาจเสี่ยงต่อความผิดพลาด

    4️⃣ ควบคุมสัญญาณไฟจราจรเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน
    วิธีการทำงาน
    AI วิเคราะห์การจราจรแบบเรียลไทม์เพื่อปรับสัญญาณไฟให้รถติดน้อยลง
    ลดการจอดรอและการเร่งเครื่องที่สิ้นเปลืองพลังงาน
    ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนจากรถยนต์ในเมืองใหญ่

    คำเตือน
    ต้องมีระบบกล้องและเซ็นเซอร์ที่ครอบคลุมทั่วเมือง
    หากระบบล่ม อาจทำให้การจราจรแย่ลงกว่าเดิม

    5️⃣ ตรวจสอบและซ่อมบำรุงระบบ HVAC และอุปกรณ์อื่นๆ
    วิธีการทำงาน
    AI ตรวจจับความผิดปกติในระบบก่อนเกิดความเสียหาย
    ช่วยลดการใช้พลังงานจากอุปกรณ์ที่ทำงานผิดปกติ
    ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมระยะยาว

    คำเตือน
    ต้องมีการติดตั้งเซ็นเซอร์และระบบวิเคราะห์ที่แม่นยำ
    หากไม่ calibrate ระบบอย่างสม่ำเสมอ อาจเกิด false alarm หรือพลาดการแจ้งเตือนจริง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/24/ai-can-help-the-environment-even-though-it-uses-tremendous-energy-here-are-5-ways-how
    🌱 AI กับสิ่งแวดล้อม: ใช้พลังงานมหาศาล แต่ก็ช่วยโลกได้ใน 5 วิธี แม้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะถูกวิจารณ์ว่าใช้พลังงานและน้ำมหาศาล โดยเฉพาะในศูนย์ข้อมูลที่รองรับการประมวลผลขั้นสูง แต่บทความจาก The Star ชี้ให้เห็นว่า AI ก็สามารถเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยลดมลพิษและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในหลายภาคส่วนได้เช่นกัน นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญเสนอ 5 วิธีที่ AI สามารถช่วยสิ่งแวดล้อมได้ ตั้งแต่การจัดการพลังงานในอาคาร ไปจนถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตน้ำมันและการจราจร 🔍 สรุป 5 วิธีที่ AI ช่วยสิ่งแวดล้อม 1️⃣ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคาร ✅ วิธีการทำงาน ➡️ AI ปรับแสงสว่าง อุณหภูมิ และการระบายอากาศตามสภาพอากาศและการใช้งานจริง ➡️ คาดว่าช่วยลดการใช้พลังงานในอาคารได้ 10–30% ➡️ ระบบอัตโนมัติช่วยลดการเปิดแอร์หรือฮีตเตอร์เกินความจำเป็น ‼️ คำเตือน ⛔ หากระบบ AI ขัดข้อง อาจทำให้การควบคุมอุณหภูมิผิดพลาด ⛔ ต้องมีการบำรุงรักษาเซ็นเซอร์และระบบควบคุมอย่างสม่ำเสมอ 2️⃣ จัดการการชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ✅ วิธีการทำงาน ➡️ AI กำหนดเวลาชาร์จ EV และสมาร์ตโฟนให้เหมาะกับช่วงที่ไฟฟ้าถูกและสะอาด ➡️ ลดการใช้ไฟฟ้าช่วงพีค และลดการพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิล ‼️ คำเตือน ⛔ ต้องมีการเชื่อมต่อกับระบบ grid และข้อมูลราคาพลังงานแบบเรียลไทม์ ⛔ หากข้อมูลไม่แม่นยำ อาจชาร์จผิดเวลาและเพิ่มค่าไฟ 3️⃣ ลดมลพิษจากการผลิตน้ำมันและก๊าซ ✅ วิธีการทำงาน ➡️ AI วิเคราะห์กระบวนการผลิตเพื่อหาจุดที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด ➡️ ช่วยปรับปรุงกระบวนการให้ปล่อยก๊าซน้อยลง ➡️ ใช้ machine learning เพื่อคาดการณ์และป้องกันการรั่วไหล ‼️ คำเตือน ⛔ ข้อมูลจากอุตสาหกรรมอาจไม่เปิดเผยทั้งหมด ทำให้ AI วิเคราะห์ไม่ครบ ⛔ การพึ่งพา AI โดยไม่มีการตรวจสอบจากมนุษย์อาจเสี่ยงต่อความผิดพลาด 4️⃣ ควบคุมสัญญาณไฟจราจรเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน ✅ วิธีการทำงาน ➡️ AI วิเคราะห์การจราจรแบบเรียลไทม์เพื่อปรับสัญญาณไฟให้รถติดน้อยลง ➡️ ลดการจอดรอและการเร่งเครื่องที่สิ้นเปลืองพลังงาน ➡️ ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนจากรถยนต์ในเมืองใหญ่ ‼️ คำเตือน ⛔ ต้องมีระบบกล้องและเซ็นเซอร์ที่ครอบคลุมทั่วเมือง ⛔ หากระบบล่ม อาจทำให้การจราจรแย่ลงกว่าเดิม 5️⃣ ตรวจสอบและซ่อมบำรุงระบบ HVAC และอุปกรณ์อื่นๆ ✅ วิธีการทำงาน ➡️ AI ตรวจจับความผิดปกติในระบบก่อนเกิดความเสียหาย ➡️ ช่วยลดการใช้พลังงานจากอุปกรณ์ที่ทำงานผิดปกติ ➡️ ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมระยะยาว ‼️ คำเตือน ⛔ ต้องมีการติดตั้งเซ็นเซอร์และระบบวิเคราะห์ที่แม่นยำ ⛔ หากไม่ calibrate ระบบอย่างสม่ำเสมอ อาจเกิด false alarm หรือพลาดการแจ้งเตือนจริง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/24/ai-can-help-the-environment-even-though-it-uses-tremendous-energy-here-are-5-ways-how
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AI can help the environment, even though it uses tremendous energy. Here are 5 ways how
    Artificial intelligence has caused concern for its tremendous consumptionof water and power. But scientists are also experimenting with ways that AI can help people and businesses use energy more efficiently and pollute less.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำไม CISO ต้อง “ปราบมังกรไซเบอร์” เพื่อให้ธุรกิจเคารพ?

    ในโลกธุรกิจยุคดิจิทัล ตำแหน่ง CISO (Chief Information Security Officer) กลายเป็นหนึ่งในบทบาทที่สำคัญที่สุด แต่กลับเป็นตำแหน่งที่มักถูกมองข้ามหรือกลายเป็น “แพะรับบาป” เมื่อเกิดเหตุการณ์โจมตีทางไซเบอร์ บทความจาก CSO Online ได้สำรวจว่าเหตุใด CISO จึงต้องเผชิญกับความท้าทายมหาศาลเพื่อให้ได้รับความเคารพจากผู้บริหารและเพื่อนร่วมงาน

    การรับมือกับเหตุการณ์ไซเบอร์ เช่น ransomware attack ไม่เพียงแต่เป็นบททดสอบด้านเทคนิค แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนของชื่อเสียงและอำนาจภายในองค์กร จากการสำรวจของ Cytactic พบว่า 65% ของ CISO ที่เคยนำทีมรับมือเหตุการณ์สำเร็จ ได้รับความเคารพเพิ่มขึ้น ขณะที่ 25% ถูกปลดออกจากตำแหน่งหลังเกิดเหตุการณ์

    Michael Oberlaender อดีต CISO ที่เคยผ่านวิกฤตใหญ่เล่าว่า หลังจากป้องกันการโจมตีได้สำเร็จ เขาได้รับอำนาจเต็มในการตัดสินใจทางการเงิน และเสียงของเขาในที่ประชุมก็ได้รับการรับฟังอย่างจริงจังมากขึ้น

    อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนชี้ว่า การได้รับความเคารพไม่ควรต้องแลกกับการเผชิญภัยคุกคามเสมอไป Jeff Pollard จาก Forrester กล่าวว่า “ถ้าเราไม่เห็นภัยเกิดขึ้น เราก็ไม่เห็นคุณค่าของการป้องกัน” และ Chris Jackson เปรียบ CISO กับโค้ชกีฬา: “ต่อให้ชนะทุกเกม แต่ถ้าไม่ได้แชมป์ ก็อาจถูกปลดได้”

    สรุปประเด็นสำคัญจากบทความ

    1️⃣ เหตุการณ์ไซเบอร์คือจุดเปลี่ยนของ CISO
    ผลกระทบจากการรับมือเหตุการณ์
    65% ของ CISO ที่รับมือเหตุการณ์สำเร็จ ได้รับความเคารพเพิ่มขึ้น
    25% ถูกปลดหลังเกิด ransomware attack
    การรับมือที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของทีมรักษาความปลอดภัย

    คำเตือน
    หากรับมือผิดพลาด อาจกลายเป็น “แพะรับบาป”
    การไม่เตรียมซ้อมรับมือเหตุการณ์ล่วงหน้า อาจทำให้ทีมล้มเหลว

    2️⃣ ความเคารพต้องแลกด้วย “การพิสูจน์ตัวเอง”
    ตัวอย่างจากผู้มีประสบการณ์
    Michael Oberlaender ได้รับอำนาจเต็มหลังป้องกันเหตุการณ์สำเร็จ
    Finance และผู้บริหารให้ความเชื่อมั่นมากขึ้น
    เสียงของเขาในที่ประชุมได้รับการรับฟังอย่างจริงจัง

    คำเตือน
    ความเคารพอาจเกิดขึ้นเฉพาะหลังเกิดวิกฤตเท่านั้น
    หากไม่มีเหตุการณ์ให้ “โชว์ฝีมือ” CISO อาจถูกมองข้าม

    3️⃣ ปัญหาการสื่อสารและการมองเห็นคุณค่า
    มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ
    Brian Levine ชี้ว่า การเพิ่มงบประมาณหลังเหตุการณ์ ไม่ใช่เพราะเคารพ CISO แต่เพราะต้องเสริมระบบ
    Jeff Pollard ชี้ว่า “ถ้าไม่เห็นภัย ก็ไม่เห็นคุณค่าของการป้องกัน”
    Erik Avakian แนะนำให้ใช้ KPI เพื่อแสดงคุณค่าทางธุรกิจ เช่น การลด spam email

    คำเตือน
    การสื่อสารไม่ชัดเจน อาจทำให้ความสำเร็จถูกมองข้าม
    การไม่แสดงผลลัพธ์เป็นตัวเลข อาจทำให้ผู้บริหารไม่เข้าใจคุณค่าของงานรักษาความปลอดภัย

    4️⃣ ปัญหาการจ้างงาน CISO ในตลาดปัจจุบัน
    ความเห็นจาก Oberlaender
    บริษัทควรจ้าง CISO ที่มีประสบการณ์จริง
    ปัจจุบันหลายบริษัทเลือกจ้าง “virtual CISO” ที่ขาดความรู้ลึก
    ส่งผลให้เกิดการจัดการเหตุการณ์ผิดพลาดและข้อมูลรั่วไหล

    คำเตือน
    การจ้างงานราคาถูกอาจนำไปสู่ความเสียหายที่มีต้นทุนสูง
    การละเลยคุณสมบัติด้านประสบการณ์ อาจทำให้องค์กรเสี่ยงต่อภัยไซเบอร์

    https://www.csoonline.com/article/4074994/why-must-cisos-slay-a-cyber-dragon-to-earn-business-respect.html
    🛡️ ทำไม CISO ต้อง “ปราบมังกรไซเบอร์” เพื่อให้ธุรกิจเคารพ? ในโลกธุรกิจยุคดิจิทัล ตำแหน่ง CISO (Chief Information Security Officer) กลายเป็นหนึ่งในบทบาทที่สำคัญที่สุด แต่กลับเป็นตำแหน่งที่มักถูกมองข้ามหรือกลายเป็น “แพะรับบาป” เมื่อเกิดเหตุการณ์โจมตีทางไซเบอร์ บทความจาก CSO Online ได้สำรวจว่าเหตุใด CISO จึงต้องเผชิญกับความท้าทายมหาศาลเพื่อให้ได้รับความเคารพจากผู้บริหารและเพื่อนร่วมงาน การรับมือกับเหตุการณ์ไซเบอร์ เช่น ransomware attack ไม่เพียงแต่เป็นบททดสอบด้านเทคนิค แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนของชื่อเสียงและอำนาจภายในองค์กร จากการสำรวจของ Cytactic พบว่า 65% ของ CISO ที่เคยนำทีมรับมือเหตุการณ์สำเร็จ ได้รับความเคารพเพิ่มขึ้น ขณะที่ 25% ถูกปลดออกจากตำแหน่งหลังเกิดเหตุการณ์ Michael Oberlaender อดีต CISO ที่เคยผ่านวิกฤตใหญ่เล่าว่า หลังจากป้องกันการโจมตีได้สำเร็จ เขาได้รับอำนาจเต็มในการตัดสินใจทางการเงิน และเสียงของเขาในที่ประชุมก็ได้รับการรับฟังอย่างจริงจังมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนชี้ว่า การได้รับความเคารพไม่ควรต้องแลกกับการเผชิญภัยคุกคามเสมอไป Jeff Pollard จาก Forrester กล่าวว่า “ถ้าเราไม่เห็นภัยเกิดขึ้น เราก็ไม่เห็นคุณค่าของการป้องกัน” และ Chris Jackson เปรียบ CISO กับโค้ชกีฬา: “ต่อให้ชนะทุกเกม แต่ถ้าไม่ได้แชมป์ ก็อาจถูกปลดได้” 🔍 สรุปประเด็นสำคัญจากบทความ 1️⃣ เหตุการณ์ไซเบอร์คือจุดเปลี่ยนของ CISO ✅ ผลกระทบจากการรับมือเหตุการณ์ ➡️ 65% ของ CISO ที่รับมือเหตุการณ์สำเร็จ ได้รับความเคารพเพิ่มขึ้น ➡️ 25% ถูกปลดหลังเกิด ransomware attack ➡️ การรับมือที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของทีมรักษาความปลอดภัย ‼️ คำเตือน ⛔ หากรับมือผิดพลาด อาจกลายเป็น “แพะรับบาป” ⛔ การไม่เตรียมซ้อมรับมือเหตุการณ์ล่วงหน้า อาจทำให้ทีมล้มเหลว 2️⃣ ความเคารพต้องแลกด้วย “การพิสูจน์ตัวเอง” ✅ ตัวอย่างจากผู้มีประสบการณ์ ➡️ Michael Oberlaender ได้รับอำนาจเต็มหลังป้องกันเหตุการณ์สำเร็จ ➡️ Finance และผู้บริหารให้ความเชื่อมั่นมากขึ้น ➡️ เสียงของเขาในที่ประชุมได้รับการรับฟังอย่างจริงจัง ‼️ คำเตือน ⛔ ความเคารพอาจเกิดขึ้นเฉพาะหลังเกิดวิกฤตเท่านั้น ⛔ หากไม่มีเหตุการณ์ให้ “โชว์ฝีมือ” CISO อาจถูกมองข้าม 3️⃣ ปัญหาการสื่อสารและการมองเห็นคุณค่า ✅ มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ Brian Levine ชี้ว่า การเพิ่มงบประมาณหลังเหตุการณ์ ไม่ใช่เพราะเคารพ CISO แต่เพราะต้องเสริมระบบ ➡️ Jeff Pollard ชี้ว่า “ถ้าไม่เห็นภัย ก็ไม่เห็นคุณค่าของการป้องกัน” ➡️ Erik Avakian แนะนำให้ใช้ KPI เพื่อแสดงคุณค่าทางธุรกิจ เช่น การลด spam email ‼️ คำเตือน ⛔ การสื่อสารไม่ชัดเจน อาจทำให้ความสำเร็จถูกมองข้าม ⛔ การไม่แสดงผลลัพธ์เป็นตัวเลข อาจทำให้ผู้บริหารไม่เข้าใจคุณค่าของงานรักษาความปลอดภัย 4️⃣ ปัญหาการจ้างงาน CISO ในตลาดปัจจุบัน ✅ ความเห็นจาก Oberlaender ➡️ บริษัทควรจ้าง CISO ที่มีประสบการณ์จริง ➡️ ปัจจุบันหลายบริษัทเลือกจ้าง “virtual CISO” ที่ขาดความรู้ลึก ➡️ ส่งผลให้เกิดการจัดการเหตุการณ์ผิดพลาดและข้อมูลรั่วไหล ‼️ คำเตือน ⛔ การจ้างงานราคาถูกอาจนำไปสู่ความเสียหายที่มีต้นทุนสูง ⛔ การละเลยคุณสมบัติด้านประสบการณ์ อาจทำให้องค์กรเสี่ยงต่อภัยไซเบอร์ https://www.csoonline.com/article/4074994/why-must-cisos-slay-a-cyber-dragon-to-earn-business-respect.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Why must CISOs slay a cyber dragon to earn business respect?
    Security leaders and industry experts weigh in on the complex calculus of CISOs’ internal clout.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • Medusa Ransomware โจมตี Comcast: ข้อมูล 834 GB ถูกเปิดเผยหลังไม่จ่ายค่าไถ่ $1.2 ล้าน

    กลุ่มแฮกเกอร์ Medusa Ransomware ได้เปิดเผยข้อมูลขนาดมหึมา 834 GB ที่อ้างว่าเป็นของ Comcast บริษัทสื่อและเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ หลังจากที่บริษัทไม่ยอมจ่ายค่าไถ่จำนวน $1.2 ล้านตามที่กลุ่มเรียกร้อง โดยข้อมูลที่ถูกปล่อยออกมานั้นเป็นไฟล์บีบอัดขนาด 186 GB ซึ่งเมื่อแตกไฟล์แล้วจะมีขนาดรวมถึง 834 GB ตามคำกล่าวอ้างของกลุ่มแฮกเกอร์.

    ข้อมูลที่รั่วไหลประกอบด้วยไฟล์ Excel และสคริปต์ Python/SQL ที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์เบี้ยประกันภัยอัตโนมัติ เช่น “Esur_rerating_verification.xlsx” และ “Claim Data Specifications.xlsm” ซึ่งบ่งชี้ว่ามีข้อมูลลูกค้าและการดำเนินงานภายในที่ละเอียดอ่อนถูกเปิดเผย

    Comcast ยังไม่ได้ออกมายืนยันหรือปฏิเสธเหตุการณ์นี้อย่างเป็นทางการ แม้ Hackread จะพยายามติดต่อเพื่อขอคำชี้แจงก็ตาม

    สรุปประเด็นสำคัญจากเหตุการณ์

    1️⃣ ข้อมูลที่ถูกเปิดเผย
    ข้อมูลที่ Medusa อ้างว่าได้จาก Comcast
    ขนาดรวม 834 GB (บีบอัดเหลือ 186 GB)
    ประกอบด้วยไฟล์ Excel และสคริปต์ Python/SQL
    เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์เบี้ยประกันภัยและข้อมูลลูกค้า

    คำเตือน
    ข้อมูลที่รั่วไหลอาจมีผลกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของลูกค้าจำนวนมาก
    อาจนำไปสู่การโจมตีแบบ phishing หรือการขโมยข้อมูลทางการเงิน

    2️⃣ พฤติกรรมของกลุ่ม Medusa Ransomware
    ประวัติการโจมตีที่ผ่านมา
    เคยโจมตี NASCAR ด้วยค่าไถ่ $4 ล้านในเดือนเมษายน 2025
    ใช้ช่องโหว่ GoAnywhere MFT (CVE-2025-10035) เพื่อเจาะระบบ
    มีประวัติการปล่อยข้อมูลเมื่อไม่ได้รับการตอบสนองจากเหยื่อ

    คำเตือน
    กลุ่มนี้มีแนวโน้มปล่อยข้อมูลทันทีเมื่อการเจรจาล้มเหลว
    องค์กรที่ใช้ GoAnywhere MFT ควรตรวจสอบระบบอย่างเร่งด่วน

    3️⃣ ความเคลื่อนไหวของ Comcast
    เหตุการณ์ก่อนหน้านี้
    ในปี 2023 แบรนด์ Xfinity ของ Comcast เคยถูกโจมตีผ่านช่องโหว่ของ Citrix
    ส่งผลกระทบต่อบัญชีผู้ใช้กว่า 35.9 ล้านราย

    คำเตือน
    การโจมตีซ้ำแสดงถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
    การไม่ตอบสนองต่อสื่อหรือผู้เชี่ยวชาญอาจลดความเชื่อมั่นของลูกค้า

    https://hackread.com/medusa-ransomware-comcast-data-leak/
    🧨 Medusa Ransomware โจมตี Comcast: ข้อมูล 834 GB ถูกเปิดเผยหลังไม่จ่ายค่าไถ่ $1.2 ล้าน กลุ่มแฮกเกอร์ Medusa Ransomware ได้เปิดเผยข้อมูลขนาดมหึมา 834 GB ที่อ้างว่าเป็นของ Comcast บริษัทสื่อและเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ หลังจากที่บริษัทไม่ยอมจ่ายค่าไถ่จำนวน $1.2 ล้านตามที่กลุ่มเรียกร้อง โดยข้อมูลที่ถูกปล่อยออกมานั้นเป็นไฟล์บีบอัดขนาด 186 GB ซึ่งเมื่อแตกไฟล์แล้วจะมีขนาดรวมถึง 834 GB ตามคำกล่าวอ้างของกลุ่มแฮกเกอร์. ข้อมูลที่รั่วไหลประกอบด้วยไฟล์ Excel และสคริปต์ Python/SQL ที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์เบี้ยประกันภัยอัตโนมัติ เช่น “Esur_rerating_verification.xlsx” และ “Claim Data Specifications.xlsm” ซึ่งบ่งชี้ว่ามีข้อมูลลูกค้าและการดำเนินงานภายในที่ละเอียดอ่อนถูกเปิดเผย Comcast ยังไม่ได้ออกมายืนยันหรือปฏิเสธเหตุการณ์นี้อย่างเป็นทางการ แม้ Hackread จะพยายามติดต่อเพื่อขอคำชี้แจงก็ตาม 🔍 สรุปประเด็นสำคัญจากเหตุการณ์ 1️⃣ ข้อมูลที่ถูกเปิดเผย ✅ ข้อมูลที่ Medusa อ้างว่าได้จาก Comcast ➡️ ขนาดรวม 834 GB (บีบอัดเหลือ 186 GB) ➡️ ประกอบด้วยไฟล์ Excel และสคริปต์ Python/SQL ➡️ เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์เบี้ยประกันภัยและข้อมูลลูกค้า ‼️ คำเตือน ⛔ ข้อมูลที่รั่วไหลอาจมีผลกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของลูกค้าจำนวนมาก ⛔ อาจนำไปสู่การโจมตีแบบ phishing หรือการขโมยข้อมูลทางการเงิน 2️⃣ พฤติกรรมของกลุ่ม Medusa Ransomware ✅ ประวัติการโจมตีที่ผ่านมา ➡️ เคยโจมตี NASCAR ด้วยค่าไถ่ $4 ล้านในเดือนเมษายน 2025 ➡️ ใช้ช่องโหว่ GoAnywhere MFT (CVE-2025-10035) เพื่อเจาะระบบ ➡️ มีประวัติการปล่อยข้อมูลเมื่อไม่ได้รับการตอบสนองจากเหยื่อ ‼️ คำเตือน ⛔ กลุ่มนี้มีแนวโน้มปล่อยข้อมูลทันทีเมื่อการเจรจาล้มเหลว ⛔ องค์กรที่ใช้ GoAnywhere MFT ควรตรวจสอบระบบอย่างเร่งด่วน 3️⃣ ความเคลื่อนไหวของ Comcast ✅ เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ➡️ ในปี 2023 แบรนด์ Xfinity ของ Comcast เคยถูกโจมตีผ่านช่องโหว่ของ Citrix ➡️ ส่งผลกระทบต่อบัญชีผู้ใช้กว่า 35.9 ล้านราย ‼️ คำเตือน ⛔ การโจมตีซ้ำแสดงถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ⛔ การไม่ตอบสนองต่อสื่อหรือผู้เชี่ยวชาญอาจลดความเชื่อมั่นของลูกค้า https://hackread.com/medusa-ransomware-comcast-data-leak/
    HACKREAD.COM
    Medusa Ransomware Leaks 834 GB of Comcast Data After $1.2M Demand
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • TerraMaster เปิดตัว NAS รุ่นใหม่ F2-425 Plus และ F4-425 Plus: แรง เร็ว พร้อม AI ในบ้านคุณ

    TerraMaster ผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเครือข่าย (NAS) ได้เปิดตัวสองรุ่นใหม่ล่าสุดคือ F2-425 Plus และ F4-425 Plus ที่มาพร้อมกับขุมพลัง Intel N150 และดีไซน์ hybrid storage ที่ผสาน SSD M.2 กับ HDD ในเครื่องเดียว เหมาะสำหรับทั้งผู้ใช้ตามบ้านและธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการระบบสำรองข้อมูลระดับองค์กรและการสตรีมมีเดียที่ลื่นไหล

    ทั้งสองรุ่นใช้โปรเซสเซอร์ Intel N150 แบบ quad-core ความเร็วสูงสุด 3.6 GHz พร้อมพอร์ต 5GbE สองช่องที่ให้ความเร็วในการส่งข้อมูลสูงถึง 1010 MB/s และมีสล็อต M.2 ถึง 3 ช่อง รองรับ SSD ขนาดสูงสุด 8 TB ต่อช่อง

    F2-425 Plus มาพร้อมดีไซน์ 3+2 bay (3 M.2 + 2 HDD) และ RAM DDR5 ขนาด 8 GB รองรับพื้นที่จัดเก็บสูงสุด 84 TB เหมาะสำหรับผู้ใช้ตามบ้านหรือออฟฟิศขนาดเล็ก ส่วน F4-425 Plus ขยายขีดความสามารถด้วยดีไซน์ 3+4 bay, RAM 16 GB และรองรับพื้นที่จัดเก็บสูงสุดถึง 144 TB เหมาะสำหรับผู้ใช้ระดับ power user และครีเอเตอร์ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง

    ทั้งสองรุ่นใช้ระบบปฏิบัติการ TOS 6 พร้อมฟีเจอร์ AI photo management ที่สามารถจดจำใบหน้า สัตว์เลี้ยง และฉากต่างๆ ได้ รวมถึงระบบสำรองข้อมูล BBS ที่ให้ความปลอดภัยระดับองค์กร

    สเปกหลักของ F2-425 Plus และ F4-425 Plus
    ใช้ Intel N150 quad-core (สูงสุด 3.6 GHz)
    มีพอร์ต 5GbE สองช่อง ความเร็วสูงสุด 1010 MB/s
    มีสล็อต M.2 จำนวน 3 ช่อง รองรับ SSD สูงสุด 8 TB ต่อช่อง

    ความแตกต่างระหว่างสองรุ่น
    F2-425 Plus: 3+2 bay, RAM 8 GB, รองรับพื้นที่จัดเก็บสูงสุด 84 TB
    F4-425 Plus: 3+4 bay, RAM 16 GB, รองรับพื้นที่จัดเก็บสูงสุด 144 TB

    ฟีเจอร์เด่น
    ใช้ระบบปฏิบัติการ TOS 6
    มีระบบ AI photo management สำหรับจดจำใบหน้าและสัตว์เลี้ยง
    ระบบสำรองข้อมูล BBS ระดับองค์กร
    รองรับการถอดเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์แบบ hot-swap
    รองรับการถอดรหัสวิดีโอ 4K และ 8K

    การเชื่อมต่อและพอร์ต
    USB 3.2 Gen 2 จำนวน 2 ช่อง (10 Gbps)
    HDMI 2.0 รองรับ 4K @ 60 Hz
    น้ำหนัก: F2-425 Plus – 2.2 กก. | F4-425 Plus – 2.9 กก.

    โปรโมชั่นเปิดตัว
    ลดราคา 15% ถึงวันที่ 27 ตุลาคม 2025
    รับประกันทั่วโลก 2 ปี พร้อมบริการซัพพอร์ตตลอดชีพ
    วางจำหน่ายผ่านร้านค้า TerraMaster, Amazon และ AliExpress

    https://news.itsfoss.com/terramaster-f4-425-plus-launch/
    🗄️ TerraMaster เปิดตัว NAS รุ่นใหม่ F2-425 Plus และ F4-425 Plus: แรง เร็ว พร้อม AI ในบ้านคุณ TerraMaster ผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเครือข่าย (NAS) ได้เปิดตัวสองรุ่นใหม่ล่าสุดคือ F2-425 Plus และ F4-425 Plus ที่มาพร้อมกับขุมพลัง Intel N150 และดีไซน์ hybrid storage ที่ผสาน SSD M.2 กับ HDD ในเครื่องเดียว เหมาะสำหรับทั้งผู้ใช้ตามบ้านและธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการระบบสำรองข้อมูลระดับองค์กรและการสตรีมมีเดียที่ลื่นไหล ทั้งสองรุ่นใช้โปรเซสเซอร์ Intel N150 แบบ quad-core ความเร็วสูงสุด 3.6 GHz พร้อมพอร์ต 5GbE สองช่องที่ให้ความเร็วในการส่งข้อมูลสูงถึง 1010 MB/s และมีสล็อต M.2 ถึง 3 ช่อง รองรับ SSD ขนาดสูงสุด 8 TB ต่อช่อง F2-425 Plus มาพร้อมดีไซน์ 3+2 bay (3 M.2 + 2 HDD) และ RAM DDR5 ขนาด 8 GB รองรับพื้นที่จัดเก็บสูงสุด 84 TB เหมาะสำหรับผู้ใช้ตามบ้านหรือออฟฟิศขนาดเล็ก ส่วน F4-425 Plus ขยายขีดความสามารถด้วยดีไซน์ 3+4 bay, RAM 16 GB และรองรับพื้นที่จัดเก็บสูงสุดถึง 144 TB เหมาะสำหรับผู้ใช้ระดับ power user และครีเอเตอร์ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง ทั้งสองรุ่นใช้ระบบปฏิบัติการ TOS 6 พร้อมฟีเจอร์ AI photo management ที่สามารถจดจำใบหน้า สัตว์เลี้ยง และฉากต่างๆ ได้ รวมถึงระบบสำรองข้อมูล BBS ที่ให้ความปลอดภัยระดับองค์กร ✅ สเปกหลักของ F2-425 Plus และ F4-425 Plus ➡️ ใช้ Intel N150 quad-core (สูงสุด 3.6 GHz) ➡️ มีพอร์ต 5GbE สองช่อง ความเร็วสูงสุด 1010 MB/s ➡️ มีสล็อต M.2 จำนวน 3 ช่อง รองรับ SSD สูงสุด 8 TB ต่อช่อง ✅ ความแตกต่างระหว่างสองรุ่น ➡️ F2-425 Plus: 3+2 bay, RAM 8 GB, รองรับพื้นที่จัดเก็บสูงสุด 84 TB ➡️ F4-425 Plus: 3+4 bay, RAM 16 GB, รองรับพื้นที่จัดเก็บสูงสุด 144 TB ✅ ฟีเจอร์เด่น ➡️ ใช้ระบบปฏิบัติการ TOS 6 ➡️ มีระบบ AI photo management สำหรับจดจำใบหน้าและสัตว์เลี้ยง ➡️ ระบบสำรองข้อมูล BBS ระดับองค์กร ➡️ รองรับการถอดเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์แบบ hot-swap ➡️ รองรับการถอดรหัสวิดีโอ 4K และ 8K ✅ การเชื่อมต่อและพอร์ต ➡️ USB 3.2 Gen 2 จำนวน 2 ช่อง (10 Gbps) ➡️ HDMI 2.0 รองรับ 4K @ 60 Hz ➡️ น้ำหนัก: F2-425 Plus – 2.2 กก. | F4-425 Plus – 2.9 กก. ✅ โปรโมชั่นเปิดตัว ➡️ ลดราคา 15% ถึงวันที่ 27 ตุลาคม 2025 ➡️ รับประกันทั่วโลก 2 ปี พร้อมบริการซัพพอร์ตตลอดชีพ ➡️ วางจำหน่ายผ่านร้านค้า TerraMaster, Amazon และ AliExpress https://news.itsfoss.com/terramaster-f4-425-plus-launch/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    TerraMaster Launches F2-425 Plus and F4-425 Plus NAS with Intel N150 and Triple M.2 Slots
    New hybrid NAS series brings enterprise-grade backup and media streaming to home users and small businesses.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • “UK เตรียมใช้ AI ประเมินอายุผู้อพยพ – นักสิทธิมนุษยชนหวั่นเทคโนโลยีละเมิดสิทธิเด็ก”

    รัฐบาลอังกฤษเตรียมใช้เทคโนโลยี AI เพื่อประเมินอายุของผู้อพยพที่อ้างว่าเป็นเด็ก โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาโดยลำพังผ่านช่องทางลักลอบ เช่น เรือเล็กจากฝรั่งเศส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมการเข้าเมืองที่เข้มงวดขึ้น

    เทคโนโลยีที่ใช้คือ facial age estimation หรือการประเมินอายุจากใบหน้า ซึ่งจะเริ่มใช้อย่างเป็นทางการในปี 2026 โดยรัฐบาลอ้างว่าเป็นวิธีที่ “คุ้มค่าและแม่นยำ” เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใหญ่แอบอ้างเป็นเด็กเพื่อรับสิทธิพิเศษในการขอลี้ภัย

    แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชนและองค์กรช่วยเหลือผู้อพยพออกมาเตือนว่า การใช้ AI แบบนี้อาจ ตอกย้ำอคติทางเชื้อชาติ และ ละเมิดสิทธิของเด็ก โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่มีเอกสารยืนยันอายุ หรือมีเอกสารปลอม ซึ่งอาจทำให้เด็กถูกจัดให้อยู่ในที่พักของผู้ใหญ่โดยไม่มีการคุ้มครองที่เหมาะสม

    กรณีของ “Jean” ผู้อพยพจากแอฟริกากลางที่เคยถูกระบุอายุผิดเพราะ “ตัวสูงเกินไป” จนต้องอยู่กับผู้ใหญ่และเผชิญกับความเครียดอย่างหนัก เป็นตัวอย่างของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหาก AI ถูกใช้โดยไม่มีการควบคุมที่เหมาะสม

    แม้รัฐบาลจะยืนยันว่า AI จะเป็นเพียง “หนึ่งในหลายเครื่องมือ” ที่ใช้ร่วมกับการประเมินโดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนเตือนว่า ระบบอัตโนมัติอาจขาดความโปร่งใส และ ไม่สามารถอธิบายการตัดสินใจได้ ซึ่งอาจทำให้ผู้ถูกประเมินไม่สามารถโต้แย้งผลได้

    แผนของรัฐบาลอังกฤษ
    เริ่มใช้ AI ประเมินอายุผู้อพยพในปี 2026
    ใช้เทคโนโลยี facial age estimation
    มุ่งเป้าผู้อพยพที่อ้างว่าเป็นเด็กแต่ไม่มีเอกสาร
    เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมการเข้าเมืองที่เข้มงวดขึ้น

    ความกังวลจากภาคประชาสังคม
    AI อาจมีอคติทางเชื้อชาติและเพศ
    เด็กอาจถูกจัดให้อยู่ในที่พักของผู้ใหญ่โดยผิดพลาด
    การประเมินอายุควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านเด็ก ไม่ใช่ AI
    ระบบอัตโนมัติขาดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ยาก

    ตัวอย่างผลกระทบจริง
    Jean ถูกประเมินอายุผิดเพราะ “ตัวสูง”
    ต้องอยู่กับผู้ใหญ่โดยไม่มีการคุ้มครอง
    ส่งผลต่อสุขภาพจิตและความปลอดภัย
    ต่อมาได้รับการแก้ไขอายุหลังยื่นอุทธรณ์

    ความเคลื่อนไหวด้านนโยบาย
    รัฐบาลอังกฤษร่วมมือกับ OpenAI เพื่อพัฒนา AI ในหลายด้าน
    มีแผนใช้ AI ในการตัดสินคำขอลี้ภัย
    แนวโน้มการใช้ “digital fixes” เพื่อจัดการผู้อพยพเพิ่มขึ้น
    กลุ่มสิทธิเรียกร้องให้มีมาตรการคุ้มครองและความโปร่งใส

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/23/uk-use-of-ai-age-estimation-tech-on-migrants-fuels-rights-fears
    🧬 “UK เตรียมใช้ AI ประเมินอายุผู้อพยพ – นักสิทธิมนุษยชนหวั่นเทคโนโลยีละเมิดสิทธิเด็ก” รัฐบาลอังกฤษเตรียมใช้เทคโนโลยี AI เพื่อประเมินอายุของผู้อพยพที่อ้างว่าเป็นเด็ก โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาโดยลำพังผ่านช่องทางลักลอบ เช่น เรือเล็กจากฝรั่งเศส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมการเข้าเมืองที่เข้มงวดขึ้น เทคโนโลยีที่ใช้คือ facial age estimation หรือการประเมินอายุจากใบหน้า ซึ่งจะเริ่มใช้อย่างเป็นทางการในปี 2026 โดยรัฐบาลอ้างว่าเป็นวิธีที่ “คุ้มค่าและแม่นยำ” เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใหญ่แอบอ้างเป็นเด็กเพื่อรับสิทธิพิเศษในการขอลี้ภัย แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชนและองค์กรช่วยเหลือผู้อพยพออกมาเตือนว่า การใช้ AI แบบนี้อาจ ตอกย้ำอคติทางเชื้อชาติ และ ละเมิดสิทธิของเด็ก โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่มีเอกสารยืนยันอายุ หรือมีเอกสารปลอม ซึ่งอาจทำให้เด็กถูกจัดให้อยู่ในที่พักของผู้ใหญ่โดยไม่มีการคุ้มครองที่เหมาะสม กรณีของ “Jean” ผู้อพยพจากแอฟริกากลางที่เคยถูกระบุอายุผิดเพราะ “ตัวสูงเกินไป” จนต้องอยู่กับผู้ใหญ่และเผชิญกับความเครียดอย่างหนัก เป็นตัวอย่างของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหาก AI ถูกใช้โดยไม่มีการควบคุมที่เหมาะสม แม้รัฐบาลจะยืนยันว่า AI จะเป็นเพียง “หนึ่งในหลายเครื่องมือ” ที่ใช้ร่วมกับการประเมินโดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนเตือนว่า ระบบอัตโนมัติอาจขาดความโปร่งใส และ ไม่สามารถอธิบายการตัดสินใจได้ ซึ่งอาจทำให้ผู้ถูกประเมินไม่สามารถโต้แย้งผลได้ ✅ แผนของรัฐบาลอังกฤษ ➡️ เริ่มใช้ AI ประเมินอายุผู้อพยพในปี 2026 ➡️ ใช้เทคโนโลยี facial age estimation ➡️ มุ่งเป้าผู้อพยพที่อ้างว่าเป็นเด็กแต่ไม่มีเอกสาร ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมการเข้าเมืองที่เข้มงวดขึ้น ✅ ความกังวลจากภาคประชาสังคม ➡️ AI อาจมีอคติทางเชื้อชาติและเพศ ➡️ เด็กอาจถูกจัดให้อยู่ในที่พักของผู้ใหญ่โดยผิดพลาด ➡️ การประเมินอายุควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านเด็ก ไม่ใช่ AI ➡️ ระบบอัตโนมัติขาดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ยาก ✅ ตัวอย่างผลกระทบจริง ➡️ Jean ถูกประเมินอายุผิดเพราะ “ตัวสูง” ➡️ ต้องอยู่กับผู้ใหญ่โดยไม่มีการคุ้มครอง ➡️ ส่งผลต่อสุขภาพจิตและความปลอดภัย ➡️ ต่อมาได้รับการแก้ไขอายุหลังยื่นอุทธรณ์ ✅ ความเคลื่อนไหวด้านนโยบาย ➡️ รัฐบาลอังกฤษร่วมมือกับ OpenAI เพื่อพัฒนา AI ในหลายด้าน ➡️ มีแผนใช้ AI ในการตัดสินคำขอลี้ภัย ➡️ แนวโน้มการใช้ “digital fixes” เพื่อจัดการผู้อพยพเพิ่มขึ้น ➡️ กลุ่มสิทธิเรียกร้องให้มีมาตรการคุ้มครองและความโปร่งใส https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/23/uk-use-of-ai-age-estimation-tech-on-migrants-fuels-rights-fears
    WWW.THESTAR.COM.MY
    UK use of AI age estimation tech on migrants fuels rights fears
    UK to use facial recognition tech to decide ages of lone child asylum seekers but critics say biases could rob many of safeguards.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🎞 เขาเล่ากันว่า... ในโลกของนักเขียน ไม่ได้มีแค่ตัวละครหรือแรงบันดาลใจ แต่ยังมี “ผี” ที่คอยสิงสู่อยู่ในหัว คอยกินเวลา และกลืนไฟสร้างสรรค์ของเราไปทีละน้อย

    "สารานุกรมผีนักเขียน" บันทึก "วิญญาณเฮี้ยนทั้ง 7" ที่ทุกคนต้องเผชิญหน้า

    มาดูกันว่า... คุณกำลังถูกผีตนไหนสิงสู่อยู่?

    ----------------------------

    🕯 บันทึกวิญญาณที่ 1 : ผีผลัดวัน
    ไอ้ต้าววิญญาณ ผู้เชี่ยวชาญด้านการ "เดี๋ยวก่อน!!"

    เจ้าผีตนนี้ไม่มาหลอกให้เรากลัว แต่ทำตัวน่ารำคาญ จะส่งเสียงกระซิบกระซาบ... ตลอดว่า “เชื่อข้า...ไว้เขียนพรุ่งนี้~~”

    อย่าคิดว่าเป็นความขี้เกียจส่วนตัวนะ! เจ้านี่แหละ “ผีผลัดวัน” ไอ้ตัวดูดไฟทำให้นักเขียนหมดแพสชั่นนั่นแหละ

    รู้สึกคุ้นๆ เหตุการณ์ไหมอ่ะ? ถ้าเผลอไปพยักหน้าตาม เวลาก็จะหายวับไป ทีละวัน... ทีละวัน... จน “ไฟล์ร่างแรก” ที่ตั้งใจไว้ กลายเป็น "สุสานนิยาย" ร้างๆ ดองเค็มตลอดกาล

    ----------------------------

    เช็กลิสต์อาการ (ว่าโดนเข้าแล้ว):
    จ้องหน้าจอเปล่าๆ นานกว่าพิมพ์จริง
    สมุดโน้ตไอเดียหน้าสุดท้ายที่เขียนคือ เมื่อชาติที่แล้ว
    กาแฟแก้วเดิมที่จืดชืด (คาถาที่เป่าไว้คงเสื่อมหมดแล้ว)

    ----------------------------

    วิธีไล่ผี (ฉบับเร่งด่วน):
    เติมเชื้อเพลิง: ชงกาแฟใหม่! เอาเข้มๆ ให้ตื่น (กาแฟดำขลังสุด บอกเลย)
    ขุดของเก่า: ลองไปเปิดดู "ศพไอเดีย" เก่าๆ บางทีอาจมีบางศพที่ยังพอปั๊มหัวใจกลับมาได้
    เขียนมันไปเลย: ผีตัวนี้มันแพ้ "การเริ่มต้น" แค่คุณพิมพ์ประโยคแรกได้เมื่อไหร่... มันก็เผ่นแล้ว เชื่อเหอะ!!

    ----------------------------

    นี่คือ 1 ใน 7 ของผีเฮี้ยน แต่ "ผีผลัดวัน" ขโมยแค่เวลา เรายังพอทวงคืนได้ แต่... ผีตัวต่อไปนั้นจะชวนเรา "แก้งานใหม่" จนไม่มีวันจบ

    มาจ่อรอชมได้พรุ่งนี้เจอกัน
    บันทึกวิญญาณที่ 2 : ผีจอมจู้จี้ เจ้าลัทธิ ‘คลั่งความเป๊ะ’ จนเฟร่อ!
    .
    .
    #นักเขียน #นักเขียนนิยาย #นักเขียนมือใหม่ #นิยาย #เรื่องสั้น #นามปากกาฌาณินน์ #ฌาณินน์ #บันทึกของฉัน #แรงบันดาลใจนักเขียน #ฮาโลวีน #วันฮาโลวีน #คืนปล่อยผี
    🎞 เขาเล่ากันว่า... ในโลกของนักเขียน ไม่ได้มีแค่ตัวละครหรือแรงบันดาลใจ แต่ยังมี “ผี” ที่คอยสิงสู่อยู่ในหัว คอยกินเวลา และกลืนไฟสร้างสรรค์ของเราไปทีละน้อย "สารานุกรมผีนักเขียน" บันทึก "วิญญาณเฮี้ยนทั้ง 7" ที่ทุกคนต้องเผชิญหน้า มาดูกันว่า... คุณกำลังถูกผีตนไหนสิงสู่อยู่? 👻 ---------------------------- 🕯 บันทึกวิญญาณที่ 1 : ผีผลัดวัน ไอ้ต้าววิญญาณ ผู้เชี่ยวชาญด้านการ "เดี๋ยวก่อน!!" เจ้าผีตนนี้ไม่มาหลอกให้เรากลัว แต่ทำตัวน่ารำคาญ จะส่งเสียงกระซิบกระซาบ... ตลอดว่า “เชื่อข้า...ไว้เขียนพรุ่งนี้~~” อย่าคิดว่าเป็นความขี้เกียจส่วนตัวนะ! เจ้านี่แหละ “ผีผลัดวัน” ไอ้ตัวดูดไฟทำให้นักเขียนหมดแพสชั่นนั่นแหละ รู้สึกคุ้นๆ เหตุการณ์ไหมอ่ะ? ถ้าเผลอไปพยักหน้าตาม เวลาก็จะหายวับไป ทีละวัน... ทีละวัน... จน “ไฟล์ร่างแรก” ที่ตั้งใจไว้ กลายเป็น "สุสานนิยาย" ร้างๆ ดองเค็มตลอดกาล ---------------------------- เช็กลิสต์อาการ (ว่าโดนเข้าแล้ว): ▪️จ้องหน้าจอเปล่าๆ นานกว่าพิมพ์จริง ▪️สมุดโน้ตไอเดียหน้าสุดท้ายที่เขียนคือ เมื่อชาติที่แล้ว ▪️กาแฟแก้วเดิมที่จืดชืด (คาถาที่เป่าไว้คงเสื่อมหมดแล้ว) ---------------------------- 👻 วิธีไล่ผี (ฉบับเร่งด่วน): 📍 เติมเชื้อเพลิง: ชงกาแฟใหม่! เอาเข้มๆ ให้ตื่น (กาแฟดำขลังสุด บอกเลย) 📍 ขุดของเก่า: ลองไปเปิดดู "ศพไอเดีย" เก่าๆ บางทีอาจมีบางศพที่ยังพอปั๊มหัวใจกลับมาได้ 📍 เขียนมันไปเลย: ผีตัวนี้มันแพ้ "การเริ่มต้น" แค่คุณพิมพ์ประโยคแรกได้เมื่อไหร่... มันก็เผ่นแล้ว เชื่อเหอะ!! ---------------------------- นี่คือ 1 ใน 7 ของผีเฮี้ยน แต่ "ผีผลัดวัน" ขโมยแค่เวลา เรายังพอทวงคืนได้ แต่... ผีตัวต่อไปนั้นจะชวนเรา "แก้งานใหม่" จนไม่มีวันจบ มาจ่อรอชมได้พรุ่งนี้เจอกัน บันทึกวิญญาณที่ 2 : ผีจอมจู้จี้ เจ้าลัทธิ ‘คลั่งความเป๊ะ’ จนเฟร่อ! . . #นักเขียน #นักเขียนนิยาย #นักเขียนมือใหม่ #นิยาย #เรื่องสั้น #นามปากกาฌาณินน์ #ฌาณินน์ #บันทึกของฉัน #แรงบันดาลใจนักเขียน #ฮาโลวีน #วันฮาโลวีน #คืนปล่อยผี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • “แฮกเกอร์ต่างชาติเจาะโรงงานนิวเคลียร์สหรัฐฯ ผ่านช่องโหว่ SharePoint – เสี่ยงลามถึงระบบควบคุมการผลิต”

    มีรายงานจาก CSO Online ว่าแฮกเกอร์ต่างชาติสามารถเจาะเข้าไปใน Kansas City National Security Campus (KCNSC) ซึ่งเป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ โดยใช้ช่องโหว่ใน Microsoft SharePoint ที่ยังไม่ได้รับการอัปเดต

    โรงงานนี้อยู่ภายใต้การดูแลของ National Nuclear Security Administration (NNSA) และผลิตชิ้นส่วนที่ไม่ใช่นิวเคลียร์ถึง 80% ของคลังอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมดของสหรัฐฯ

    แฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่สองรายการ ได้แก่ CVE-2025-53770 (spoofing) และ CVE-2025-49704 (remote code execution) ซึ่ง Microsoft เพิ่งออกแพตช์เมื่อเดือนกรกฎาคม 2025 แต่ KCNSC ยังไม่ได้อัปเดตทันเวลา ทำให้แฮกเกอร์สามารถเจาะเข้าระบบได้

    แม้จะยังไม่แน่ชัดว่าเป็นฝีมือของจีนหรือรัสเซีย แต่ Microsoft ระบุว่ามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มจีน เช่น Linen Typhoon และ Violet Typhoon ขณะที่แหล่งข่าวบางแห่งชี้ว่าอาจเป็นกลุ่มแฮกเกอร์รัสเซียที่ใช้ช่องโหว่นี้ซ้ำหลังจากมีการเปิดเผยรายละเอียดทางเทคนิค

    สิ่งที่น่ากังวลคือ แม้การเจาะระบบจะเกิดขึ้นในฝั่ง IT แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หากไม่มีการแยกเครือข่ายอย่างเข้มงวด แฮกเกอร์อาจ “เคลื่อนย้ายแนวรบ” ไปยังระบบควบคุมการผลิต (OT) ได้ เช่น ระบบควบคุมหุ่นยนต์หรือระบบควบคุมคุณภาพ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของอาวุธนิวเคลียร์

    นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่ข้อมูลทางเทคนิค แม้จะไม่จัดเป็นความลับ แต่สามารถนำไปวิเคราะห์จุดอ่อนของระบบผลิตอาวุธได้ เช่น ความแม่นยำของชิ้นส่วน หรือความทนทานของระบบจุดระเบิด

    รายละเอียดของเหตุการณ์
    แฮกเกอร์เจาะเข้า KCNSC ผ่านช่องโหว่ SharePoint
    ใช้ช่องโหว่ CVE-2025-53770 และ CVE-2025-49704
    Microsoft ออกแพตช์แล้ว แต่โรงงานยังไม่ได้อัปเดต
    KCNSC ผลิตชิ้นส่วนไม่ใช่นิวเคลียร์ 80% ของคลังอาวุธสหรัฐฯ

    กลุ่มแฮกเกอร์ที่เกี่ยวข้อง
    Microsoft ระบุว่าเป็นกลุ่มจีน เช่น Linen Typhoon และ Violet Typhoon
    แหล่งข่าวบางแห่งชี้ว่าอาจเป็นกลุ่มรัสเซีย
    มีการใช้ช่องโหว่ซ้ำหลังจากมีการเปิดเผย PoC
    โครงสร้างการโจมตีคล้ายกับแคมเปญของกลุ่ม Storm-2603

    ความเสี่ยงต่อระบบควบคุม
    แม้จะเจาะฝั่ง IT แต่เสี่ยงต่อ lateral movement ไปยังระบบ OT
    OT ควบคุมหุ่นยนต์, ระบบประกอบ, ระบบควบคุมคุณภาพ
    หากถูกแทรกแซง อาจกระทบความปลอดภัยของอาวุธนิวเคลียร์
    ระบบ OT บางส่วนอาจยังไม่มีการใช้ zero-trust security

    ความสำคัญของข้อมูลที่ถูกขโมย
    แม้ไม่ใช่ข้อมูลลับ แต่มีมูลค่าทางยุทธศาสตร์
    เช่น ข้อมูลความแม่นยำของชิ้นส่วน, ความทนทาน, ซัพพลายเชน
    อาจถูกใช้วิเคราะห์จุดอ่อนของระบบอาวุธ
    เสี่ยงต่อการโจมตีแบบ supply chain หรือการปลอมแปลงชิ้นส่วน

    https://www.csoonline.com/article/4074962/foreign-hackers-breached-a-us-nuclear-weapons-plant-via-sharepoint-flaws.html
    ☢️ “แฮกเกอร์ต่างชาติเจาะโรงงานนิวเคลียร์สหรัฐฯ ผ่านช่องโหว่ SharePoint – เสี่ยงลามถึงระบบควบคุมการผลิต” มีรายงานจาก CSO Online ว่าแฮกเกอร์ต่างชาติสามารถเจาะเข้าไปใน Kansas City National Security Campus (KCNSC) ซึ่งเป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ โดยใช้ช่องโหว่ใน Microsoft SharePoint ที่ยังไม่ได้รับการอัปเดต โรงงานนี้อยู่ภายใต้การดูแลของ National Nuclear Security Administration (NNSA) และผลิตชิ้นส่วนที่ไม่ใช่นิวเคลียร์ถึง 80% ของคลังอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมดของสหรัฐฯ แฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่สองรายการ ได้แก่ CVE-2025-53770 (spoofing) และ CVE-2025-49704 (remote code execution) ซึ่ง Microsoft เพิ่งออกแพตช์เมื่อเดือนกรกฎาคม 2025 แต่ KCNSC ยังไม่ได้อัปเดตทันเวลา ทำให้แฮกเกอร์สามารถเจาะเข้าระบบได้ แม้จะยังไม่แน่ชัดว่าเป็นฝีมือของจีนหรือรัสเซีย แต่ Microsoft ระบุว่ามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มจีน เช่น Linen Typhoon และ Violet Typhoon ขณะที่แหล่งข่าวบางแห่งชี้ว่าอาจเป็นกลุ่มแฮกเกอร์รัสเซียที่ใช้ช่องโหว่นี้ซ้ำหลังจากมีการเปิดเผยรายละเอียดทางเทคนิค สิ่งที่น่ากังวลคือ แม้การเจาะระบบจะเกิดขึ้นในฝั่ง IT แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หากไม่มีการแยกเครือข่ายอย่างเข้มงวด แฮกเกอร์อาจ “เคลื่อนย้ายแนวรบ” ไปยังระบบควบคุมการผลิต (OT) ได้ เช่น ระบบควบคุมหุ่นยนต์หรือระบบควบคุมคุณภาพ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของอาวุธนิวเคลียร์ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่ข้อมูลทางเทคนิค แม้จะไม่จัดเป็นความลับ แต่สามารถนำไปวิเคราะห์จุดอ่อนของระบบผลิตอาวุธได้ เช่น ความแม่นยำของชิ้นส่วน หรือความทนทานของระบบจุดระเบิด ✅ รายละเอียดของเหตุการณ์ ➡️ แฮกเกอร์เจาะเข้า KCNSC ผ่านช่องโหว่ SharePoint ➡️ ใช้ช่องโหว่ CVE-2025-53770 และ CVE-2025-49704 ➡️ Microsoft ออกแพตช์แล้ว แต่โรงงานยังไม่ได้อัปเดต ➡️ KCNSC ผลิตชิ้นส่วนไม่ใช่นิวเคลียร์ 80% ของคลังอาวุธสหรัฐฯ ✅ กลุ่มแฮกเกอร์ที่เกี่ยวข้อง ➡️ Microsoft ระบุว่าเป็นกลุ่มจีน เช่น Linen Typhoon และ Violet Typhoon ➡️ แหล่งข่าวบางแห่งชี้ว่าอาจเป็นกลุ่มรัสเซีย ➡️ มีการใช้ช่องโหว่ซ้ำหลังจากมีการเปิดเผย PoC ➡️ โครงสร้างการโจมตีคล้ายกับแคมเปญของกลุ่ม Storm-2603 ✅ ความเสี่ยงต่อระบบควบคุม ➡️ แม้จะเจาะฝั่ง IT แต่เสี่ยงต่อ lateral movement ไปยังระบบ OT ➡️ OT ควบคุมหุ่นยนต์, ระบบประกอบ, ระบบควบคุมคุณภาพ ➡️ หากถูกแทรกแซง อาจกระทบความปลอดภัยของอาวุธนิวเคลียร์ ➡️ ระบบ OT บางส่วนอาจยังไม่มีการใช้ zero-trust security ✅ ความสำคัญของข้อมูลที่ถูกขโมย ➡️ แม้ไม่ใช่ข้อมูลลับ แต่มีมูลค่าทางยุทธศาสตร์ ➡️ เช่น ข้อมูลความแม่นยำของชิ้นส่วน, ความทนทาน, ซัพพลายเชน ➡️ อาจถูกใช้วิเคราะห์จุดอ่อนของระบบอาวุธ ➡️ เสี่ยงต่อการโจมตีแบบ supply chain หรือการปลอมแปลงชิ้นส่วน https://www.csoonline.com/article/4074962/foreign-hackers-breached-a-us-nuclear-weapons-plant-via-sharepoint-flaws.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Foreign hackers breached a US nuclear weapons plant via SharePoint flaws
    A foreign actor infiltrated the National Nuclear Security Administration’s Kansas City National Security Campus through vulnerabilities in Microsoft’s SharePoint browser-based app, raising questions about the need to solidify further federal IT/OT security protections.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Clonezilla Live 3.3.0-33 มาแล้ว! รองรับการโคลน MTD และ eMMC พร้อมเครื่องมือใหม่เพียบ”

    Clonezilla Live เวอร์ชัน 3.3.0-33 เพิ่งเปิดตัว โดยเป็นระบบ live OS สำหรับการโคลนดิสก์และพาร์ทิชันที่อิงจาก Debian และใช้ Linux kernel 6.16 จุดเด่นของเวอร์ชันนี้คือการเพิ่มการรองรับการโคลนอุปกรณ์ MTD block และ eMMC boot ในโหมดผู้เชี่ยวชาญ (expert mode) ซึ่งเป็นประโยชน์มากสำหรับงาน embedded system และอุปกรณ์ IoT

    นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือใหม่ชื่อว่า ocs-blkdev-sorter ที่ช่วยให้ udev สร้าง alias block device ใน /dev/ocs-disks/ ได้สะดวกขึ้น และ ocs-live-time-sync สำหรับซิงค์เวลาในระบบผ่าน ocs-live-netcfg

    ยังมีการเพิ่มตัวเลือก -uoab ใน ocs-sr และ ocs-live-feed-img เพื่อให้เลือก alias block device ได้จาก UI แบบข้อความ และเครื่องมือใหม่อีกหลายตัว เช่น ocs-cmd-screen-sample, ocs-live-gen-ubrd, และ ocs-blk-dev-info ที่ให้ข้อมูล block device ในรูปแบบ JSON

    ด้านระบบยังมีการเพิ่มแพ็กเกจสำคัญ เช่น atd, cron, upower, และ dhcpcd-base รวมถึงปรับปรุงการตั้งค่า locale และ keymap ให้เลือกได้จาก shell login โดยใช้ fbterm เป็นค่าเริ่มต้น

    สุดท้าย Clonezilla Live 3.3.0-33 ยังอัปเดตสคริปต์ต่าง ๆ เช่น ocs-iso-2-onie, ocs-cvt-dev, และ ocs-live-swap-kernel เพื่อรองรับการใช้งานที่ซับซ้อนมากขึ้น พร้อมปรับปรุงประสิทธิภาพและแก้บั๊กหลายจุด

    ความสามารถใหม่ใน Clonezilla Live 3.3.0-33
    รองรับการโคลน MTD block และ eMMC boot device ใน expert mode
    เพิ่ม ocs-blkdev-sorter สำหรับสร้าง alias block device
    เพิ่ม ocs-live-time-sync สำหรับซิงค์เวลา
    เพิ่ม ocs-cmd-screen-sample และ ocs-live-gen-ubrd
    เพิ่ม ocs-blk-dev-info สำหรับแสดงข้อมูล block device แบบ JSON

    การปรับปรุงระบบและ UI
    เพิ่มตัวเลือก -uoab ใน UI แบบข้อความ
    ปรับ locale และ keymap ให้เลือกจาก shell login ด้วย fbterm
    ปรับปรุง ocs-iso-2-onie, ocs-cvt-dev, ocs-live-swap-kernel
    เพิ่มการรองรับ CPU architecture ในชื่อไฟล์ ISO/ZIP
    ปรับปรุงการแสดงผลของ ocs-scan-disk และ ocs-get-dev-info

    แพ็กเกจและระบบพื้นฐาน
    เพิ่มแพ็กเกจ atd, cron, upower, dhcpcd-base
    ใช้ Debian Sid (ณ วันที่ 17 ต.ค. 2025) เป็นฐานระบบ
    อัปเดต Partclone เป็นเวอร์ชัน 0.3.38 (แก้บั๊กเกี่ยวกับ btrfs)
    ปรับ grub.cfg ให้ใช้ efitextmode 0
    เพิ่มกลไกตั้งค่า timezone จาก BIOS หากไม่มีอินเทอร์เน็ต

    https://9to5linux.com/clonezilla-live-3-3-0-33-adds-support-for-cloning-mtd-block-and-emmc-boot-devices
    💾 “Clonezilla Live 3.3.0-33 มาแล้ว! รองรับการโคลน MTD และ eMMC พร้อมเครื่องมือใหม่เพียบ” Clonezilla Live เวอร์ชัน 3.3.0-33 เพิ่งเปิดตัว โดยเป็นระบบ live OS สำหรับการโคลนดิสก์และพาร์ทิชันที่อิงจาก Debian และใช้ Linux kernel 6.16 จุดเด่นของเวอร์ชันนี้คือการเพิ่มการรองรับการโคลนอุปกรณ์ MTD block และ eMMC boot ในโหมดผู้เชี่ยวชาญ (expert mode) ซึ่งเป็นประโยชน์มากสำหรับงาน embedded system และอุปกรณ์ IoT นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือใหม่ชื่อว่า ocs-blkdev-sorter ที่ช่วยให้ udev สร้าง alias block device ใน /dev/ocs-disks/ ได้สะดวกขึ้น และ ocs-live-time-sync สำหรับซิงค์เวลาในระบบผ่าน ocs-live-netcfg ยังมีการเพิ่มตัวเลือก -uoab ใน ocs-sr และ ocs-live-feed-img เพื่อให้เลือก alias block device ได้จาก UI แบบข้อความ และเครื่องมือใหม่อีกหลายตัว เช่น ocs-cmd-screen-sample, ocs-live-gen-ubrd, และ ocs-blk-dev-info ที่ให้ข้อมูล block device ในรูปแบบ JSON ด้านระบบยังมีการเพิ่มแพ็กเกจสำคัญ เช่น atd, cron, upower, และ dhcpcd-base รวมถึงปรับปรุงการตั้งค่า locale และ keymap ให้เลือกได้จาก shell login โดยใช้ fbterm เป็นค่าเริ่มต้น สุดท้าย Clonezilla Live 3.3.0-33 ยังอัปเดตสคริปต์ต่าง ๆ เช่น ocs-iso-2-onie, ocs-cvt-dev, และ ocs-live-swap-kernel เพื่อรองรับการใช้งานที่ซับซ้อนมากขึ้น พร้อมปรับปรุงประสิทธิภาพและแก้บั๊กหลายจุด ✅ ความสามารถใหม่ใน Clonezilla Live 3.3.0-33 ➡️ รองรับการโคลน MTD block และ eMMC boot device ใน expert mode ➡️ เพิ่ม ocs-blkdev-sorter สำหรับสร้าง alias block device ➡️ เพิ่ม ocs-live-time-sync สำหรับซิงค์เวลา ➡️ เพิ่ม ocs-cmd-screen-sample และ ocs-live-gen-ubrd ➡️ เพิ่ม ocs-blk-dev-info สำหรับแสดงข้อมูล block device แบบ JSON ✅ การปรับปรุงระบบและ UI ➡️ เพิ่มตัวเลือก -uoab ใน UI แบบข้อความ ➡️ ปรับ locale และ keymap ให้เลือกจาก shell login ด้วย fbterm ➡️ ปรับปรุง ocs-iso-2-onie, ocs-cvt-dev, ocs-live-swap-kernel ➡️ เพิ่มการรองรับ CPU architecture ในชื่อไฟล์ ISO/ZIP ➡️ ปรับปรุงการแสดงผลของ ocs-scan-disk และ ocs-get-dev-info ✅ แพ็กเกจและระบบพื้นฐาน ➡️ เพิ่มแพ็กเกจ atd, cron, upower, dhcpcd-base ➡️ ใช้ Debian Sid (ณ วันที่ 17 ต.ค. 2025) เป็นฐานระบบ ➡️ อัปเดต Partclone เป็นเวอร์ชัน 0.3.38 (แก้บั๊กเกี่ยวกับ btrfs) ➡️ ปรับ grub.cfg ให้ใช้ efitextmode 0 ➡️ เพิ่มกลไกตั้งค่า timezone จาก BIOS หากไม่มีอินเทอร์เน็ต https://9to5linux.com/clonezilla-live-3-3-0-33-adds-support-for-cloning-mtd-block-and-emmc-boot-devices
    9TO5LINUX.COM
    Clonezilla Live 3.3.0-33 Adds Support for Cloning MTD Block and eMMC Boot Devices - 9to5Linux
    Clonezilla Live 3.3.0-33 open-source and free disk cloning/imaging tool is now available for download with various changes and updated components.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้อมูลก่อนหน้า
    https://t.me/ThaiPitaksithData/6914

    เปิดโปงเบื้องหลัง ธุรกิจไวรัสตัดต่อพันธุกรรม ทำไมคนไทยต้อง Save หมอธีระวัฒน์ เพื่อ Save ประชาชน จากรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ ศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567
    https://fb.watch/qpJFWeLSO0/?
    “หมอธีระวัฒน์” เผยความจริงต้นตอที่มาโควิด พร้อมแจงละเอียดยิบเหตุยุติวิจัยไวรัสค้างคาว
    https://news1live.com/detail/9670000005954
    “หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ“ แจงละเอียดยิบ “แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด” (White Clot) และโปรตีนหนามทั่วร่างกายไปไกลถึงลูกอัณฑะ / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    https://www.facebook.com/100044511276276/posts/pfbid0mcjQWeLT6R55prCBLgHHxQXfATwsQjRnh8dTuNmaYYhrC1eigXFAWG6tZUweSTTUl/?
    ปรากฏการณ์แท่งย้วยสีขาวตันเส้นเลือด
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000015694
    สารคดี Died Suddenly เป็นการค้นพบเส้นอุดตันในเส้นเลือด ที่ไม่ใช่การอุดตันปกติ นักแต่งศพหลายๆคน มีปัญหาฉีดน้ำยารักษาศพเข้าเส้นเลือดไม่ได้ จึงทำการผ่าดู ปรากฏว่าเจอการอุดตันผิดปกติ ยาวเป็นฟุต!! ฝรั่งเขารู้ก่อนเรามานานแล้ว แล้วคุณยังจะเชื่อว่ามันคือ ฮีทสโตรกอยู่เหรอ สารคดีที่ลงสื่อหลักไม่ได้ เพราะเขาไม่อยากให้คุณรู้
    https://rumble.com/v1wac7i-world-premier-died-suddenly.html
    Thai sub https://rumble.com/v1ytofw-died-suddenly-thai-subtitles-.html
    https://t.me/awakened_thailand/415
    “หมอธีระวัฒน์” ย้ำแท่งย้วยสีขาวเริ่มพบกลางปี 2021 หลังมีการใช้วัคซีน mRNA ยันไม่ใช่นักต่อต้านวัคซีน
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000015912
    “หมอธีระวัฒน์” ย้ำแท่งย้วยสีขาวเริ่มพบกลางปี 2021 หลังมีการใช้วัคซีน mRNA ยันไม่ใช่นักต่อต้านวัคซีน
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000015912
    “หมอธีระวัฒน์” เผย 5 เหตุผล ลาออก หน.ศูนย์ฯโรคอุบัติใหม่
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000037010
    วัคซีน : ที่ปฏิบัติในปัจจุบันเป็นการฝ่าฝืนกฎข้อบังคับทางจริยธรรมทางการแพทย์ทั้งหมดหรือไม่? (ตอนที่ 1)
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000036764
    หัวข้อ ทำไม พระสงฆ์ คนหนุ่มสาว ป่วยทรดตัวไว? รายการสภากาแฟ ช่อง News1
    https://www.youtube.com/live/4BHNF3zpCz0?si=nzF8PfAMNCo_mS8x
    "หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ" เชิญร่วมเสวนา “อันตรายจากวัคซีนร้ายแรงกว่าที่คิด” ณ หอศิลป์กรุงเทพฯ 3 พ.ค.นี้
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000035647
    เรื่องใหญ่! “หมอธีระวัฒน์” เผยนักวิจัย “โมเดอร์นา” ยอมรับเอง วัคซีน mRNA ยังต้องผ่านการปรับปรุงอีกหลายขั้นตอน
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000035583
    มะเร็งเพิ่มหลังฉีดวัคซีนโควิดในญี่ปุ่น : กรณีศึกษาในไทย
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000034512
    “หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ“ แจงละเอียดยิบ “แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด” และโปรตีนหนามทั่วร่างกายไปไกลถึงลูกอัณฑะ
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000025152
    ไวรัสโควิด สร้างได้ในห้องทดลองและ มีจด สิทธิบัตร ตั้งแต่ปี 2018
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000025130
    นวัตกรรมสุดยอดของวัคซีนเลื้อยดุ ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    https://mgronline.com/daily/detail/9670000023136
    White Clot ยังไม่จบ “หมอธีระวัฒน์” พร้อมตอบแบบจัดเต็ม ในงาน “ความจริงมีหนึ่งเดียว” 17 มี.ค.2567
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000020769
    อจ หมออรรถพล CDC Webinar Live Talk 04 มี.ค. 2567 หัวข้อ ภัยของ Covid Vaccine
    https://rumble.com/v4hcoae--covid-vaccine.html
    ชันสูตรศพผู้ตายจากวัคซีนโควิด 326 ราย
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000019343
    คนไทยพิทักษ์สิทธิ์ฯ ร้องดีอีปรับปรุงศูนย์ต้านข่าวปลอม พร้อมแก้ไขข้อมูลเท็จ
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000019152
    ฝ่ายค้านแคนาดาแฉ “ทรูโด” ปกปิดหลักฐานวิจัยไวรัสร่วมกับจีน
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000018855
    "ปานเทพ" เผย 7 ประเด็นสำคัญผลกระทบจากวัคซีนโควิด อันตราย-อำมหิตกว่าที่คิด จี้หยุดฉีด
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000018762
    Save หมอธีระวัฒน์ ผู้เปิดโปงธุรกิจไวรัสตัดต่อพันธุกรรม
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000017172
    https://youtu.be/ucQZu7LbZCM?si=YPMxtmhRnYQrnAnk
    จี้คณบดีแพทยศาสตร์ ศิริราช-จุฬาฯ เลิกติดต่อ “เฟาซี” และ EHA ที่ให้ทุนวิจัยสร้างไวรัสอันตราย
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000016687
    “ปานเทพ” เสียดายคนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้อ่าน งานวิจัยผลกระทบจากวัคซีนต่อเด็กและเยาวชนไทย
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000016219


    จวก “หมอธีระ” ยืนข้างบริษัทยา ปล่อยข่าวปลอมเสียเอง ท้าดีเบตกับวิชาการตัวจริง
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000015945
    หมอธีระ หมอที่ยืนข้างบริษัทยา
    https://www.facebook.com/share/p/9x61sF5dLf2dy6wk/?mibextid=Nif5oz
    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid049af37rusAcp8AW12nnFEe2MehpUHd5buVdroxoPy6tmSBFnx7M4RRcHoCSXLFYWl&id=100064810775743&mibextid=Nif5oz
    ปรากฏการณ์แท่งย้วยสีขาวตันเส้นเลือด
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000015694
    “หมอธีระวัฒน์” เผยพบปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เห็นมาก่อนในคนฉีดวัคซีน mRNA
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000015334
    โลกใช้เชื้อโรคเป็นอาวุธ..แผ่นดินเรามีโอสถภูมิปัญญา WHO..อย่ายุ่งมาก! | สภากาแฟเวทีชาวบ้าน ช่อง News1
    เข้าใจ สนธิสัญญาโรคระบาดและการแก้ไข IHR ( International Health Regulation หรือ กฎระเบียบด้านสุขภาพระหว่างประเทศ) ของ WHO (องค์การอนามัยโลก)
    https://youtu.be/Cvml6w6c5WI?si=UL81i3lAOVL9872W
    https://www.rookon.com/?p=1176
    สภาทนายความ แถลงข่าว เรื่อง ประกันโควิด กับผลกระทบวัคซีน 05-06-2024
    https://rumble.com/v4zrij6--05-06-2024.html
    เปิดโปงธุรกิจไวรัสตัดต่อพันธุกรรม : Sondhitalk (ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง) EP.230
    https://m.youtube.com/watch?si=Q9kw0ho0R0JfKya5&fbclid=IwAR2tadgM38rB01iG7B_EKK8lvTA4DScCO4-iSpyg9bBZyAmXfGLsiExEFmI_aem_AZq7B_ZfF8BLBoKcmTknNdVCH9GPFMRKMg6tuV_UV8w2m106s6kASAKDgBYMmG3Lzmg&v=ucQZu7LbZCM&feature=youtu.be
    นวัตกรรมสุดยอดของวัคซีนเลื้อยดุ ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    https://mgronline.com/daily/detail/9670000023136
    สร้างเท็จเป็นจริง เปลี่ยนจริงเป็นเท็จ
    https://m.youtube.com/watch?si=XN7rAI1qEWlI-kr6&fbclid=IwAR1mynXiLAbnauASWUlJJWFbJ9YUkDlYd3MpVN975-j1XiXKT8m6LK2stvs_aem_AQH-ZkLmZSDYhXTbonKF3fZqbmCD50usAsDLiZk9cI9WNJJdVKVS7dUUuc-N1nedwd8&v=D6NboVSczKU&feature=youtu.be
    “หมอธีระวัฒน์” เผยความจริงปรากฏ โควิดหลุดจากแล็บเป็นเรื่องจริง ฝีมือหมอใหญ่สหรัฐฯ ผ่านองค์กร Eco Health Alliance
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000042959
    เราจะรอดพ้นจากการเป็นซอมบี้ได้อย่างไร ?!! / โดย ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    https://youtu.be/RLWADSjPdC0?si=6oot2AiWzNbH7efq
    “อีลอน มัสก์” ร้องเอาผิด “เฟาซี” ตอกย้ำโควิดมาจากแล็บอู่ฮั่นที่อเมริกาให้เงินอุดหนุน
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000043013
    อย่าเงียบ!กดดันไฟเซอร์-โมเดอร์นาถอนใบอนุญาตวัคซีนโควิด อ้างพบตายมากกว่าแอสตร้าฯ3เท่า
    https://mgronline.com/around/detail/9670000040887
    “หมอธีระวัฒน์” ตั้งคำถามหลังแอสตร้าฯ หยุดขาย แล้ววัคซีนชนิดอื่นทำไมทางการไทยยังปกป้อง แฉไฟเซอร์ต้องยอมความ 1 หมื่นคดี
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000040486
    “หมอธีระวัฒน์” ถามแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ รับเงิน 2 พันล้านก๊อปปี้วัคซีนโควิดไฟเซอร์ ได้ผลสำเร็จอย่างไร
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000040290
    “ปานเทพ” ชี้แอสตร้าฯ ถอนใบอนุญาตการตลาดวัคซีนทั่วโลกหลังยอมรับก่อผลข้างเคียง แต่องค์กรรัฐไทยเงียบกริบ สะท้อนสำนึกความปลอดภัยที่ตกต่ำ
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000040078
    “ฉีดแล้ว แถมอะไรบ้าง?” ฟังเวอร์ชั่นมึผู้ดัดแปลง แรพเตอร์ประยุกต์
    https://fb.watch/rY3hwhondy/?
    https://fb.watch/rY3jv7hMym/?
    เปิดวิธีป้องกัน ความอันตราย จากพิษของวัคซีน / ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา สัมภาษณ์โดย ปากซอย 105 รู้ก่อนใคร ลึกจากข่าววงใน
    https://youtu.be/44uwz3X0Gh4?si=_qNy29hSXEYptH4g
    “หมอธีระวัฒน์” เผยเคสคนป่วยจากแอสตร้า-ไฟเซอร์ ชี้ทั้งวัคซีนเชื้อเป็นและ mRNA ส่งผลกระทบระยะสั้นถึงยาว ต่อสมอง-กล้ามเนื้อ
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000037733
    แท่งย้วยสีขาวในหลอดเลือด เกิดขึ้น “ก่อน”ตายเท่านั้น รีบช่วยชมและแชร์ก่อนถูกลบ
    https://fb.watch/s0hNc3DymZ/?
    https://fb.watch/s0hJ12wEyq/?
    ช็อค!!! คำสารภาพของไฟเซอร์ รีบชมและแชร์ก่อนโดนลบ
    https://fb.watch/s0bmq6HW8P/?
    “หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ“ แจงละเอียดยิบ “แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด” (White Clot) และโปรตีนหนามทั่วร่างกายไปไกลถึงลูกอัณฑะ / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    https://www.facebook.com/100044511276276/posts/945435006950200/?
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000025152
    ไวรัสโควิด สร้างได้ในห้องทดลองและ มีจด สิทธิบัตร ตั้งแต่ปี 2018
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000025130
    “หมอชลธวัช” เผยวัคซีน mRNA โยงโรคสมองเสื่อม แนะคนกลัวอัลไซเมอร์-พาร์กินสัน ไม่ควรฉีด
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000052341
    เงินสำคัญกว่าชีวิต! ผู้เชี่ยวชาญเชื่อ US บิดเบือนวัคซีน 'โควิด' จีน มีเป้าหมายเพื่อสกัดคู่แข่ง
    https://mgronline.com/around/detail/9670000051671

    วัคซีนเทพระส่ำ! รัฐแคนซัสลุยฟ้องเอาผิด 'ไฟเซอร์' กล่าวหาปกปิดความเสี่ยง-โป้ปดประสิทธิภาพ
    https://mgronline.com/around/detail/9670000052000
    ความจริงปรากฏ! รอยเตอร์แฉเอง US ใช้ยุทธการบิดเบือน ใส่ร้ายป้ายสีวัคซีนโควิดของจีน
    https://mgronline.com/around/detail/9670000051466
    “หมอธีระวัฒน์” เผยผลชันสูตรคนตาย วัคซีนโควิดอาจเป็นสาเหตุเชื้ออสุจิไม่วิ่ง
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000051903
    สะเทือนแน่! ศาลสหรัฐฯ ตัดสิน วัคซีนโควิด mRNA ไม่ใช่วัคซีนตามความหมายเดิม
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000051429
    เผยเหตุเชื้อ “ฝีดาษลิง” รุนแรงขึ้นอาจเป็นเพราะการทดลองของมนุษย์
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000050851
    วัคซีนเล่มสีชมพู – ดร. เชอร์รี เทนเพนนี
    https://www.rookon.com/?p=1112
    เรื่องใหญ่! 'หมอธีระวัฒน์'แฉนักวิทยาศาสตร์ของ 'โมเดนา' ยอมรับ วัคซีน mRNR มีอันตรายต้องปรับปรุง https://www.thaipost.net/x-cite-news/574701/
    ตัวเร่งอัลไซเมอร์ ปัจจัยสมองเสื่อม
    https://www.thairath.co.th/news/local/2780279?fbclid=IwZXh0bgNhZW0BMQABHasG0naYhGMWkauoJynJJogiy5_NDCd315hbeWbq9VKsujvb0QlhIDaYXw_aem_AVdXSF5wlAW6xu0DqygB78_9MAXrrrSl80nxmlnJULaXM7V7p4XE8sSaW8nA80wGr9U
    “หมอธีระวัฒน์” แฉวัคซีนไฟเซอร์โดนฟ้องแหลกในสหรัฐฯ แต่ในไทยยังประชาสัมพันธ์ให้ฉีด
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000052545
    ลับ ลวง พราง ชั่วร้าย ยาและวัคซีน (ตอนที่ 1)
    https://mgronline.com/daily/detail/9670000053749
    ขึ้นเครื่องบิน ตอนนี้ต้องถามว่า นักบินฉีดกี่เข็ม มีมรณา mRNA ด้วยไหม ถ้าตอบว่ามี รอไฟลต์หน้าปลอดภัย กว่า
    https://x.com/makismd/status/1805541350026199289?s=53&t=Pd2sCn9Dej9GlmSuERlElA
    งานวิจัย วัคซีน mRNA แทรกตัว เปลี่ยน DNA มนุษย์ได้ใน 6 ชม. โดย รศ.ดร.คล้ายอัปสร พงศ์รพีพร
    https://youtu.be/S32-hkJBJKA
    รูต่ายส่ายสะโพก เสนอ ความจริงที่สื่อกระแสหลักไม่กล้าพูดถึง การหลอกลวงและความเชื่อมโยง...
    วัคซีน mRNA ... มือที่มองไม่เห็นและปลายเข็มแห่งซาตาน (วัคซีน mRNA ส่งผลต่อร่างกายมนุษย์ยังไง)
    https://rumble.com/v6gea87--mrna-...-.html?e9s=src_v1_upp_a
    เปิดแฟ้มลับ...มือสังหารหมู่โลก (วัคซีน mRNA, กำเนิดเชื้อโควิด และ RFK JR. แหกทุจริตในอเมริกา)
    https://rumble.com/v6q1hmg-...-mrna-.html?e9s=src_v1_upp_a
    เปิดแฟ้มลับ...มือสังหาร JFK (วัคซีนก่อมะเร็ง,การลอบสังหาร, รัฐลึก, 911)
    https://rumble.com/v6rewkc-...-jfk-ep3.html?e9s=src_v1_upp_a
    ตัวอย่างหนังสือปฏิเสธวัคซีน
    https://t.me/ThaiPitaksithData/6897
    ชำแหละหมอธนีย์
    ตอนที่ 1. ใครกันแน่ที่หาแสง เพื่อขายของ https://www.facebook.com/share/p/1GzjbbbCHp/
    ตอนที่ 2.สื่อไหนนะที่ให้ข่าวปลอม https://www.facebook.com/share/p/1MVZc5gBdM/
    ตอนที่ 3.ก่อนอ่านงานวิจัย อ่านเอกสารกำกับยาก่อนดีไหม
    https://www.facebook.com/share/p/17W8FE6zLY/
    ตอนที่ 4. มีคนเอาข้อมูลไฟเซอร์มาเขียนรายงาน 102 ฉบับ หมอเคยอ่านไหม https://www.facebook.com/share/p/1JCYxQopJV/
    ตอนที่ 5. อาจารย์ธีระวัฒน์ที่เป็น ครู ของหมอ อธิบายได้ดีพร้อมมีหลักฐานแสดง https://www.facebook.com/share/p/1GU7bL72BH/
    ตอนที่ 6.ไหนว่า อ่านงานวิจัยเป็น ทำไมหมอโดนหลอก?
    https://www.facebook.com/share/p/16YVXEaET1/
    ตอนที่ 7.หมอเข้าใจ mRNA มากแค่ไหน Antigen คืออะไร ตอบได้รึเปล่า? https://www.facebook.com/share/p/1BcP47gdMN/
    ตอนที่ 8. อคติ คือ อะไร ทำไม หมอไม่รู้ตัว ?
    https://www.facebook.com/share/p/1GnAz468Kk/
    ตอนที่ 9.หมอสนใจข้อมูล จริงๆ หรือ? แค่พูดให้ดูดี หรือ กล้าไปขอมาดูจริงๆ
    https://www.facebook.com/share/p/14M6mFcCrE2/
    ตอนที่ 10.กาลามสูตรคือ อะไร ต่างจากใช้ AI อย่างไร
    https://www.facebook.com/share/p/17Wua35Hmi/
    โควิดความจริงที่ถูกเปิดเผย
    ตอนที่ 1 https://www.thairath.co.th/newspaper/2756723
    ตอนที่ 2 https://mgronline.com/daily/detail/9670000008184
    ตอนที่ 3 https://mgronline.com/daily/detail/9670000010320
    ตอนที่ 4 https://mgronline.com/daily/detail/9670000012549
    ตอนที่ 5 https://mgronline.com/daily/detail/9670000014922
    ตอนที่ 6 https://www.thairath.co.th/news/local/2765797
    ตอนที่ 7 https://www.facebook.com/share/p/19ohqtKnpQ/
    ตอนที่ 8 https://www.facebook.com/share/p/1FaswKgAHT/
    ตอนที่ 9 https://www.facebook.com/share/p/19fp8ufNYM/
    ตอน 10
    https://www.facebook.com/share/14MV2xoK5Bq/?mibextid=wwXIfr
    ตอน 11
    https://www.facebook.com/share/p/1JHQybX6oW/?mibextid=wwXIfr
    ตอน 12
    https://www.facebook.com/share/17XgRhXGNF/?mibextid=wwXIfr





    ข้อมูลก่อนหน้า https://t.me/ThaiPitaksithData/6914 ✍️เปิดโปงเบื้องหลัง ธุรกิจไวรัสตัดต่อพันธุกรรม ทำไมคนไทยต้อง Save หมอธีระวัฒน์ เพื่อ Save ประชาชน จากรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ ศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 https://fb.watch/qpJFWeLSO0/? ✍️“หมอธีระวัฒน์” เผยความจริงต้นตอที่มาโควิด พร้อมแจงละเอียดยิบเหตุยุติวิจัยไวรัสค้างคาว https://news1live.com/detail/9670000005954 ✍️“หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ“ แจงละเอียดยิบ “แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด” (White Clot) และโปรตีนหนามทั่วร่างกายไปไกลถึงลูกอัณฑะ / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ https://www.facebook.com/100044511276276/posts/pfbid0mcjQWeLT6R55prCBLgHHxQXfATwsQjRnh8dTuNmaYYhrC1eigXFAWG6tZUweSTTUl/? ✍️ปรากฏการณ์แท่งย้วยสีขาวตันเส้นเลือด https://mgronline.com/qol/detail/9670000015694 ✍️สารคดี Died Suddenly เป็นการค้นพบเส้นอุดตันในเส้นเลือด ที่ไม่ใช่การอุดตันปกติ นักแต่งศพหลายๆคน มีปัญหาฉีดน้ำยารักษาศพเข้าเส้นเลือดไม่ได้ จึงทำการผ่าดู ปรากฏว่าเจอการอุดตันผิดปกติ ยาวเป็นฟุต!! ฝรั่งเขารู้ก่อนเรามานานแล้ว แล้วคุณยังจะเชื่อว่ามันคือ ฮีทสโตรกอยู่เหรอ สารคดีที่ลงสื่อหลักไม่ได้ เพราะเขาไม่อยากให้คุณรู้ https://rumble.com/v1wac7i-world-premier-died-suddenly.html Thai sub https://rumble.com/v1ytofw-died-suddenly-thai-subtitles-.html https://t.me/awakened_thailand/415 ✍️“หมอธีระวัฒน์” ย้ำแท่งย้วยสีขาวเริ่มพบกลางปี 2021 หลังมีการใช้วัคซีน mRNA ยันไม่ใช่นักต่อต้านวัคซีน https://mgronline.com/qol/detail/9670000015912 ✍️“หมอธีระวัฒน์” ย้ำแท่งย้วยสีขาวเริ่มพบกลางปี 2021 หลังมีการใช้วัคซีน mRNA ยันไม่ใช่นักต่อต้านวัคซีน https://mgronline.com/qol/detail/9670000015912 ✍️“หมอธีระวัฒน์” เผย 5 เหตุผล ลาออก หน.ศูนย์ฯโรคอุบัติใหม่ https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000037010 ✍️วัคซีน : ที่ปฏิบัติในปัจจุบันเป็นการฝ่าฝืนกฎข้อบังคับทางจริยธรรมทางการแพทย์ทั้งหมดหรือไม่? (ตอนที่ 1) https://mgronline.com/qol/detail/9670000036764 ✍️หัวข้อ ทำไม พระสงฆ์ คนหนุ่มสาว ป่วยทรดตัวไว? รายการสภากาแฟ ช่อง News1 https://www.youtube.com/live/4BHNF3zpCz0?si=nzF8PfAMNCo_mS8x ✍️"หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ" เชิญร่วมเสวนา “อันตรายจากวัคซีนร้ายแรงกว่าที่คิด” ณ หอศิลป์กรุงเทพฯ 3 พ.ค.นี้ https://mgronline.com/qol/detail/9670000035647 ✍️เรื่องใหญ่! “หมอธีระวัฒน์” เผยนักวิจัย “โมเดอร์นา” ยอมรับเอง วัคซีน mRNA ยังต้องผ่านการปรับปรุงอีกหลายขั้นตอน https://mgronline.com/qol/detail/9670000035583 ✍️มะเร็งเพิ่มหลังฉีดวัคซีนโควิดในญี่ปุ่น : กรณีศึกษาในไทย https://mgronline.com/qol/detail/9670000034512 ✍️“หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ“ แจงละเอียดยิบ “แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด” และโปรตีนหนามทั่วร่างกายไปไกลถึงลูกอัณฑะ https://mgronline.com/qol/detail/9670000025152 ✍️ไวรัสโควิด สร้างได้ในห้องทดลองและ มีจด สิทธิบัตร ตั้งแต่ปี 2018 https://mgronline.com/qol/detail/9670000025130 ✍️นวัตกรรมสุดยอดของวัคซีนเลื้อยดุ ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา https://mgronline.com/daily/detail/9670000023136 ✍️White Clot ยังไม่จบ “หมอธีระวัฒน์” พร้อมตอบแบบจัดเต็ม ในงาน “ความจริงมีหนึ่งเดียว” 17 มี.ค.2567 https://mgronline.com/qol/detail/9670000020769 ✍️อจ หมออรรถพล CDC Webinar Live Talk 04 มี.ค. 2567 หัวข้อ ภัยของ Covid Vaccine https://rumble.com/v4hcoae--covid-vaccine.html ✍️ชันสูตรศพผู้ตายจากวัคซีนโควิด 326 ราย https://mgronline.com/qol/detail/9670000019343 ✍️คนไทยพิทักษ์สิทธิ์ฯ ร้องดีอีปรับปรุงศูนย์ต้านข่าวปลอม พร้อมแก้ไขข้อมูลเท็จ https://mgronline.com/qol/detail/9670000019152 ✍️ฝ่ายค้านแคนาดาแฉ “ทรูโด” ปกปิดหลักฐานวิจัยไวรัสร่วมกับจีน https://mgronline.com/qol/detail/9670000018855 ✍️"ปานเทพ" เผย 7 ประเด็นสำคัญผลกระทบจากวัคซีนโควิด อันตราย-อำมหิตกว่าที่คิด จี้หยุดฉีด https://mgronline.com/qol/detail/9670000018762 ✍️Save หมอธีระวัฒน์ ผู้เปิดโปงธุรกิจไวรัสตัดต่อพันธุกรรม https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000017172 https://youtu.be/ucQZu7LbZCM?si=YPMxtmhRnYQrnAnk ✍️จี้คณบดีแพทยศาสตร์ ศิริราช-จุฬาฯ เลิกติดต่อ “เฟาซี” และ EHA ที่ให้ทุนวิจัยสร้างไวรัสอันตราย https://mgronline.com/qol/detail/9670000016687 ✍️“ปานเทพ” เสียดายคนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้อ่าน งานวิจัยผลกระทบจากวัคซีนต่อเด็กและเยาวชนไทย https://mgronline.com/qol/detail/9670000016219 ✍️จวก “หมอธีระ” ยืนข้างบริษัทยา ปล่อยข่าวปลอมเสียเอง ท้าดีเบตกับวิชาการตัวจริง https://mgronline.com/qol/detail/9670000015945 ✍️หมอธีระ หมอที่ยืนข้างบริษัทยา https://www.facebook.com/share/p/9x61sF5dLf2dy6wk/?mibextid=Nif5oz https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid049af37rusAcp8AW12nnFEe2MehpUHd5buVdroxoPy6tmSBFnx7M4RRcHoCSXLFYWl&id=100064810775743&mibextid=Nif5oz ✍️ปรากฏการณ์แท่งย้วยสีขาวตันเส้นเลือด https://mgronline.com/qol/detail/9670000015694 ✍️“หมอธีระวัฒน์” เผยพบปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เห็นมาก่อนในคนฉีดวัคซีน mRNA https://mgronline.com/qol/detail/9670000015334 ✍️ โลกใช้เชื้อโรคเป็นอาวุธ..แผ่นดินเรามีโอสถภูมิปัญญา WHO..อย่ายุ่งมาก! | สภากาแฟเวทีชาวบ้าน ช่อง News1 เข้าใจ สนธิสัญญาโรคระบาดและการแก้ไข IHR ( International Health Regulation หรือ กฎระเบียบด้านสุขภาพระหว่างประเทศ) ของ WHO (องค์การอนามัยโลก) https://youtu.be/Cvml6w6c5WI?si=UL81i3lAOVL9872W https://www.rookon.com/?p=1176 ✍️ สภาทนายความ แถลงข่าว เรื่อง ประกันโควิด กับผลกระทบวัคซีน 05-06-2024 https://rumble.com/v4zrij6--05-06-2024.html ✍️ เปิดโปงธุรกิจไวรัสตัดต่อพันธุกรรม : Sondhitalk (ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง) EP.230 https://m.youtube.com/watch?si=Q9kw0ho0R0JfKya5&fbclid=IwAR2tadgM38rB01iG7B_EKK8lvTA4DScCO4-iSpyg9bBZyAmXfGLsiExEFmI_aem_AZq7B_ZfF8BLBoKcmTknNdVCH9GPFMRKMg6tuV_UV8w2m106s6kASAKDgBYMmG3Lzmg&v=ucQZu7LbZCM&feature=youtu.be ✍️ นวัตกรรมสุดยอดของวัคซีนเลื้อยดุ ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา https://mgronline.com/daily/detail/9670000023136 ✍️ สร้างเท็จเป็นจริง เปลี่ยนจริงเป็นเท็จ https://m.youtube.com/watch?si=XN7rAI1qEWlI-kr6&fbclid=IwAR1mynXiLAbnauASWUlJJWFbJ9YUkDlYd3MpVN975-j1XiXKT8m6LK2stvs_aem_AQH-ZkLmZSDYhXTbonKF3fZqbmCD50usAsDLiZk9cI9WNJJdVKVS7dUUuc-N1nedwd8&v=D6NboVSczKU&feature=youtu.be ✍️“หมอธีระวัฒน์” เผยความจริงปรากฏ โควิดหลุดจากแล็บเป็นเรื่องจริง ฝีมือหมอใหญ่สหรัฐฯ ผ่านองค์กร Eco Health Alliance https://mgronline.com/qol/detail/9670000042959 ✍️เราจะรอดพ้นจากการเป็นซอมบี้ได้อย่างไร ?!! / โดย ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา https://youtu.be/RLWADSjPdC0?si=6oot2AiWzNbH7efq ✍️“อีลอน มัสก์” ร้องเอาผิด “เฟาซี” ตอกย้ำโควิดมาจากแล็บอู่ฮั่นที่อเมริกาให้เงินอุดหนุน https://mgronline.com/qol/detail/9670000043013 ✍️อย่าเงียบ!กดดันไฟเซอร์-โมเดอร์นาถอนใบอนุญาตวัคซีนโควิด อ้างพบตายมากกว่าแอสตร้าฯ3เท่า https://mgronline.com/around/detail/9670000040887 ✍️“หมอธีระวัฒน์” ตั้งคำถามหลังแอสตร้าฯ หยุดขาย แล้ววัคซีนชนิดอื่นทำไมทางการไทยยังปกป้อง แฉไฟเซอร์ต้องยอมความ 1 หมื่นคดี https://mgronline.com/qol/detail/9670000040486 ✍️“หมอธีระวัฒน์” ถามแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ รับเงิน 2 พันล้านก๊อปปี้วัคซีนโควิดไฟเซอร์ ได้ผลสำเร็จอย่างไร https://mgronline.com/qol/detail/9670000040290 ✍️“ปานเทพ” ชี้แอสตร้าฯ ถอนใบอนุญาตการตลาดวัคซีนทั่วโลกหลังยอมรับก่อผลข้างเคียง แต่องค์กรรัฐไทยเงียบกริบ สะท้อนสำนึกความปลอดภัยที่ตกต่ำ https://mgronline.com/qol/detail/9670000040078 ✍️“ฉีดแล้ว แถมอะไรบ้าง?” ฟังเวอร์ชั่นมึผู้ดัดแปลง แรพเตอร์ประยุกต์ https://fb.watch/rY3hwhondy/? https://fb.watch/rY3jv7hMym/? ✍️เปิดวิธีป้องกัน ความอันตราย จากพิษของวัคซีน / ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา สัมภาษณ์โดย ปากซอย 105 รู้ก่อนใคร ลึกจากข่าววงใน https://youtu.be/44uwz3X0Gh4?si=_qNy29hSXEYptH4g ✍️“หมอธีระวัฒน์” เผยเคสคนป่วยจากแอสตร้า-ไฟเซอร์ ชี้ทั้งวัคซีนเชื้อเป็นและ mRNA ส่งผลกระทบระยะสั้นถึงยาว ต่อสมอง-กล้ามเนื้อ https://mgronline.com/qol/detail/9670000037733 ✍️แท่งย้วยสีขาวในหลอดเลือด เกิดขึ้น “ก่อน”ตายเท่านั้น รีบช่วยชมและแชร์ก่อนถูกลบ https://fb.watch/s0hNc3DymZ/? https://fb.watch/s0hJ12wEyq/? ✍️ช็อค!!! คำสารภาพของไฟเซอร์ รีบชมและแชร์ก่อนโดนลบ https://fb.watch/s0bmq6HW8P/? ✍️ “หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ“ แจงละเอียดยิบ “แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด” (White Clot) และโปรตีนหนามทั่วร่างกายไปไกลถึงลูกอัณฑะ / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ https://www.facebook.com/100044511276276/posts/945435006950200/? https://mgronline.com/qol/detail/9670000025152 ✍️ ไวรัสโควิด สร้างได้ในห้องทดลองและ มีจด สิทธิบัตร ตั้งแต่ปี 2018 https://mgronline.com/qol/detail/9670000025130 ✍️ “หมอชลธวัช” เผยวัคซีน mRNA โยงโรคสมองเสื่อม แนะคนกลัวอัลไซเมอร์-พาร์กินสัน ไม่ควรฉีด https://mgronline.com/qol/detail/9670000052341 ✍️ เงินสำคัญกว่าชีวิต! ผู้เชี่ยวชาญเชื่อ US บิดเบือนวัคซีน 'โควิด' จีน มีเป้าหมายเพื่อสกัดคู่แข่ง https://mgronline.com/around/detail/9670000051671 ✍️ วัคซีนเทพระส่ำ! รัฐแคนซัสลุยฟ้องเอาผิด 'ไฟเซอร์' กล่าวหาปกปิดความเสี่ยง-โป้ปดประสิทธิภาพ https://mgronline.com/around/detail/9670000052000 ✍️ ความจริงปรากฏ! รอยเตอร์แฉเอง US ใช้ยุทธการบิดเบือน ใส่ร้ายป้ายสีวัคซีนโควิดของจีน https://mgronline.com/around/detail/9670000051466 ✍️ “หมอธีระวัฒน์” เผยผลชันสูตรคนตาย วัคซีนโควิดอาจเป็นสาเหตุเชื้ออสุจิไม่วิ่ง https://mgronline.com/qol/detail/9670000051903 ✍️ สะเทือนแน่! ศาลสหรัฐฯ ตัดสิน วัคซีนโควิด mRNA ไม่ใช่วัคซีนตามความหมายเดิม https://mgronline.com/qol/detail/9670000051429 ✍️เผยเหตุเชื้อ “ฝีดาษลิง” รุนแรงขึ้นอาจเป็นเพราะการทดลองของมนุษย์ https://mgronline.com/qol/detail/9670000050851 ✍️ วัคซีนเล่มสีชมพู – ดร. เชอร์รี เทนเพนนี https://www.rookon.com/?p=1112 ✍️ เรื่องใหญ่! 'หมอธีระวัฒน์'แฉนักวิทยาศาสตร์ของ 'โมเดนา' ยอมรับ วัคซีน mRNR มีอันตรายต้องปรับปรุง https://www.thaipost.net/x-cite-news/574701/ ✍️ ตัวเร่งอัลไซเมอร์ ปัจจัยสมองเสื่อม https://www.thairath.co.th/news/local/2780279?fbclid=IwZXh0bgNhZW0BMQABHasG0naYhGMWkauoJynJJogiy5_NDCd315hbeWbq9VKsujvb0QlhIDaYXw_aem_AVdXSF5wlAW6xu0DqygB78_9MAXrrrSl80nxmlnJULaXM7V7p4XE8sSaW8nA80wGr9U ✍️ “หมอธีระวัฒน์” แฉวัคซีนไฟเซอร์โดนฟ้องแหลกในสหรัฐฯ แต่ในไทยยังประชาสัมพันธ์ให้ฉีด https://mgronline.com/qol/detail/9670000052545 ✍️ ลับ ลวง พราง ชั่วร้าย ยาและวัคซีน (ตอนที่ 1) https://mgronline.com/daily/detail/9670000053749 ✍️ขึ้นเครื่องบิน ตอนนี้ต้องถามว่า นักบินฉีดกี่เข็ม มีมรณา mRNA ด้วยไหม ถ้าตอบว่ามี รอไฟลต์หน้าปลอดภัย กว่า https://x.com/makismd/status/1805541350026199289?s=53&t=Pd2sCn9Dej9GlmSuERlElA ✍️งานวิจัย วัคซีน mRNA แทรกตัว เปลี่ยน DNA มนุษย์ได้ใน 6 ชม. โดย รศ.ดร.คล้ายอัปสร พงศ์รพีพร https://youtu.be/S32-hkJBJKA รูต่ายส่ายสะโพก เสนอ ความจริงที่สื่อกระแสหลักไม่กล้าพูดถึง การหลอกลวงและความเชื่อมโยง... ✍️วัคซีน mRNA ... มือที่มองไม่เห็นและปลายเข็มแห่งซาตาน (วัคซีน mRNA ส่งผลต่อร่างกายมนุษย์ยังไง) https://rumble.com/v6gea87--mrna-...-.html?e9s=src_v1_upp_a ✍️เปิดแฟ้มลับ...มือสังหารหมู่โลก (วัคซีน mRNA, กำเนิดเชื้อโควิด และ RFK JR. แหกทุจริตในอเมริกา) https://rumble.com/v6q1hmg-...-mrna-.html?e9s=src_v1_upp_a ✍️เปิดแฟ้มลับ...มือสังหาร JFK (วัคซีนก่อมะเร็ง,การลอบสังหาร, รัฐลึก, 911) https://rumble.com/v6rewkc-...-jfk-ep3.html?e9s=src_v1_upp_a ✍️ตัวอย่างหนังสือปฏิเสธวัคซีน https://t.me/ThaiPitaksithData/6897 ✍️🔪ชำแหละหมอธนีย์ ตอนที่ 1. ใครกันแน่ที่หาแสง เพื่อขายของ https://www.facebook.com/share/p/1GzjbbbCHp/ ตอนที่ 2.สื่อไหนนะที่ให้ข่าวปลอม https://www.facebook.com/share/p/1MVZc5gBdM/ ตอนที่ 3.ก่อนอ่านงานวิจัย อ่านเอกสารกำกับยาก่อนดีไหม https://www.facebook.com/share/p/17W8FE6zLY/ ตอนที่ 4. มีคนเอาข้อมูลไฟเซอร์มาเขียนรายงาน 102 ฉบับ หมอเคยอ่านไหม https://www.facebook.com/share/p/1JCYxQopJV/ ตอนที่ 5. อาจารย์ธีระวัฒน์ที่เป็น ครู ของหมอ อธิบายได้ดีพร้อมมีหลักฐานแสดง https://www.facebook.com/share/p/1GU7bL72BH/ ตอนที่ 6.ไหนว่า อ่านงานวิจัยเป็น ทำไมหมอโดนหลอก? https://www.facebook.com/share/p/16YVXEaET1/ ตอนที่ 7.หมอเข้าใจ mRNA มากแค่ไหน Antigen คืออะไร ตอบได้รึเปล่า? https://www.facebook.com/share/p/1BcP47gdMN/ ตอนที่ 8. อคติ คือ อะไร ทำไม หมอไม่รู้ตัว ? https://www.facebook.com/share/p/1GnAz468Kk/ ตอนที่ 9.หมอสนใจข้อมูล จริงๆ หรือ? แค่พูดให้ดูดี หรือ กล้าไปขอมาดูจริงๆ https://www.facebook.com/share/p/14M6mFcCrE2/ ตอนที่ 10.กาลามสูตรคือ อะไร ต่างจากใช้ AI อย่างไร https://www.facebook.com/share/p/17Wua35Hmi/ ✍️โควิดความจริงที่ถูกเปิดเผย ตอนที่ 1 https://www.thairath.co.th/newspaper/2756723 ตอนที่ 2 https://mgronline.com/daily/detail/9670000008184 ตอนที่ 3 https://mgronline.com/daily/detail/9670000010320 ตอนที่ 4 https://mgronline.com/daily/detail/9670000012549 ตอนที่ 5 https://mgronline.com/daily/detail/9670000014922 ตอนที่ 6 https://www.thairath.co.th/news/local/2765797 ตอนที่ 7 https://www.facebook.com/share/p/19ohqtKnpQ/ ตอนที่ 8 https://www.facebook.com/share/p/1FaswKgAHT/ ตอนที่ 9 https://www.facebook.com/share/p/19fp8ufNYM/ ตอน 10 https://www.facebook.com/share/14MV2xoK5Bq/?mibextid=wwXIfr ตอน 11 https://www.facebook.com/share/p/1JHQybX6oW/?mibextid=wwXIfr ตอน 12 https://www.facebook.com/share/17XgRhXGNF/?mibextid=wwXIfr
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 336 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Google ปล่อยแพตช์ด่วน! อุดช่องโหว่ร้ายแรงใน V8 (CVE-2025-12036) – เสี่ยงโดนเจาะระบบผ่านเว็บเพจ”

    Google ได้ปล่อยอัปเดตฉุกเฉินสำหรับ Chrome เวอร์ชัน 141.0.7390.122/.123 บน Windows, macOS และ Linux เพื่ออุดช่องโหว่ร้ายแรงใน V8 JavaScript engine ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการประมวลผลโค้ดใน Chrome และเบราว์เซอร์ที่ใช้ Chromium อื่น ๆ

    ช่องโหว่นี้มีรหัส CVE-2025-12036 และถูกจัดอยู่ในระดับ “high severity” โดย Google ระบุว่าเป็น “การใช้งานที่ไม่เหมาะสมใน V8” ซึ่งอาจหมายถึง logic flaw หรือการจัดการประเภทข้อมูลที่ผิดพลาด ส่งผลให้แฮกเกอร์สามารถสร้างเว็บเพจที่เจาะระบบ renderer process ของเบราว์เซอร์ได้

    หากช่องโหว่นี้ถูกนำไปใช้ร่วมกับช่องโหว่อื่น อาจนำไปสู่การขโมยข้อมูล หรือยกระดับสิทธิ์ในระบบได้เลย ซึ่งเป็นลักษณะของการโจมตีแบบ sandbox escape หรือ remote code execution ที่อันตรายมาก

    Google ได้รับรายงานช่องโหว่นี้จากนักวิจัยชื่อ Big Sleep เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2025 และรีบปล่อยแพตช์ภายในไม่กี่วัน พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนอัปเดต Chrome โดยเข้าไปที่ Settings → Help → About Google Chrome เพื่อให้แน่ใจว่าใช้เวอร์ชันล่าสุด

    ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเตือนว่า ช่องโหว่ใน V8 มักถูกใช้ใน zero-day attacks และมีประวัติถูกเจาะจริงมาแล้วหลายครั้ง ดังนั้นการอัปเดตทันทีจึงเป็นเรื่องจำเป็น

    รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-12036
    เกิดจากการใช้งานที่ไม่เหมาะสมใน V8 JavaScript engine
    ส่งผลให้เว็บเพจที่ถูกสร้างขึ้นสามารถเจาะ renderer process ได้
    อาจนำไปสู่การขโมยข้อมูลหรือยกระดับสิทธิ์
    ถูกจัดอยู่ในระดับ high severity
    รายงานโดยนักวิจัยชื่อ Big Sleep เมื่อ 15 ตุลาคม 2025

    การตอบสนองจาก Google
    ปล่อยอัปเดตเวอร์ชัน 141.0.7390.122/.123 สำหรับทุกระบบ
    แนะนำให้ผู้ใช้เข้าไปอัปเดตผ่าน Settings → Help → About Google Chrome
    Enterprise ควร deploy อัปเดตให้ครบทุกเครื่องโดยเร็ว
    ช่องโหว่นี้อาจถูกใช้ใน zero-day attacks ได้

    ความสำคัญของ V8 engine
    เป็นหัวใจของการประมวลผล JavaScript ใน Chrome และ Chromium
    ช่องโหว่ใน V8 มักถูกใช้เป็นจุดเริ่มต้นของการเจาะระบบ
    มีประวัติถูกใช้ในแคมเปญโจมตีจริงหลายครั้ง

    https://securityonline.info/chrome-update-new-high-severity-flaw-in-v8-engine-cve-2025-12036-requires-immediate-patch/
    🚨 “Google ปล่อยแพตช์ด่วน! อุดช่องโหว่ร้ายแรงใน V8 (CVE-2025-12036) – เสี่ยงโดนเจาะระบบผ่านเว็บเพจ” Google ได้ปล่อยอัปเดตฉุกเฉินสำหรับ Chrome เวอร์ชัน 141.0.7390.122/.123 บน Windows, macOS และ Linux เพื่ออุดช่องโหว่ร้ายแรงใน V8 JavaScript engine ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการประมวลผลโค้ดใน Chrome และเบราว์เซอร์ที่ใช้ Chromium อื่น ๆ ช่องโหว่นี้มีรหัส CVE-2025-12036 และถูกจัดอยู่ในระดับ “high severity” โดย Google ระบุว่าเป็น “การใช้งานที่ไม่เหมาะสมใน V8” ซึ่งอาจหมายถึง logic flaw หรือการจัดการประเภทข้อมูลที่ผิดพลาด ส่งผลให้แฮกเกอร์สามารถสร้างเว็บเพจที่เจาะระบบ renderer process ของเบราว์เซอร์ได้ หากช่องโหว่นี้ถูกนำไปใช้ร่วมกับช่องโหว่อื่น อาจนำไปสู่การขโมยข้อมูล หรือยกระดับสิทธิ์ในระบบได้เลย ซึ่งเป็นลักษณะของการโจมตีแบบ sandbox escape หรือ remote code execution ที่อันตรายมาก Google ได้รับรายงานช่องโหว่นี้จากนักวิจัยชื่อ Big Sleep เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2025 และรีบปล่อยแพตช์ภายในไม่กี่วัน พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนอัปเดต Chrome โดยเข้าไปที่ Settings → Help → About Google Chrome เพื่อให้แน่ใจว่าใช้เวอร์ชันล่าสุด ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเตือนว่า ช่องโหว่ใน V8 มักถูกใช้ใน zero-day attacks และมีประวัติถูกเจาะจริงมาแล้วหลายครั้ง ดังนั้นการอัปเดตทันทีจึงเป็นเรื่องจำเป็น ✅ รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-12036 ➡️ เกิดจากการใช้งานที่ไม่เหมาะสมใน V8 JavaScript engine ➡️ ส่งผลให้เว็บเพจที่ถูกสร้างขึ้นสามารถเจาะ renderer process ได้ ➡️ อาจนำไปสู่การขโมยข้อมูลหรือยกระดับสิทธิ์ ➡️ ถูกจัดอยู่ในระดับ high severity ➡️ รายงานโดยนักวิจัยชื่อ Big Sleep เมื่อ 15 ตุลาคม 2025 ✅ การตอบสนองจาก Google ➡️ ปล่อยอัปเดตเวอร์ชัน 141.0.7390.122/.123 สำหรับทุกระบบ ➡️ แนะนำให้ผู้ใช้เข้าไปอัปเดตผ่าน Settings → Help → About Google Chrome ➡️ Enterprise ควร deploy อัปเดตให้ครบทุกเครื่องโดยเร็ว ➡️ ช่องโหว่นี้อาจถูกใช้ใน zero-day attacks ได้ ✅ ความสำคัญของ V8 engine ➡️ เป็นหัวใจของการประมวลผล JavaScript ใน Chrome และ Chromium ➡️ ช่องโหว่ใน V8 มักถูกใช้เป็นจุดเริ่มต้นของการเจาะระบบ ➡️ มีประวัติถูกใช้ในแคมเปญโจมตีจริงหลายครั้ง https://securityonline.info/chrome-update-new-high-severity-flaw-in-v8-engine-cve-2025-12036-requires-immediate-patch/
    SECURITYONLINE.INFO
    Chrome Update: New High-Severity Flaw in V8 Engine (CVE-2025-12036) Requires Immediate Patch
    Google issued an urgent Stable Channel update for Chrome (v141.0.7390.122) to fix a High-severity V8 flaw (CVE-2025-12036) that could lead to Remote Code Execution via a malicious web page.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • “จีนสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ 37 ล้านคอร์ – จำลองเคมีควอนตัมระดับโมเลกุลด้วย AI!”

    จีนประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในการจำลองเคมีควอนตัมระดับโมเลกุล ด้วยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Sunway ที่มีจำนวนคอร์ประมวลผลมากถึง 37 ล้านคอร์! ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจากการผสานพลังของ AI เข้ากับการคำนวณเชิงควอนตัม ซึ่งเป็นโจทย์ที่ซับซ้อนและใช้ทรัพยากรสูงมาก

    ทีมวิจัยจาก National Research Center of Parallel Computer Engineering & Technology (NRCPC) ใช้ Sunway supercomputer ในการจำลองปฏิกิริยาเคมีที่ซับซ้อนระดับอะตอม โดยใช้โมเดล AI ขนาดใหญ่ที่มี context ยาวถึง 20,000 tokens ซึ่งช่วยให้สามารถวิเคราะห์โครงสร้างโมเลกุลและพฤติกรรมควอนตัมได้แม่นยำขึ้น

    สิ่งที่น่าทึ่งคือ Sunway ใช้สถาปัตยกรรมที่ออกแบบเองทั้งหมด โดยไม่พึ่งพาเทคโนโลยีจากตะวันตก และสามารถประมวลผลได้เร็วกว่าเครื่องระดับ exascale ที่ใช้ GPU แบบทั่วไปหลายเท่า

    การจำลองเคมีควอนตัมระดับนี้มีความสำคัญมากในงานด้านวัสดุศาสตร์ ยา และพลังงาน เพราะสามารถช่วยออกแบบโมเลกุลใหม่ ๆ ได้โดยไม่ต้องทดลองในห้องแล็บ ซึ่งลดต้นทุนและเวลาได้มหาศาล

    ความสำเร็จของ Sunway Supercomputer
    ใช้คอร์ประมวลผลมากถึง 37 ล้านคอร์
    จำลองเคมีควอนตัมระดับโมเลกุลได้สำเร็จ
    ใช้โมเดล AI ขนาดใหญ่ที่มี context ยาวถึง 20,000 tokens
    ประมวลผลเร็วกว่า exascale GPU หลายเท่า
    สถาปัตยกรรมออกแบบเอง ไม่พึ่งเทคโนโลยีตะวันตก

    ความสำคัญของการจำลองเคมีควอนตัม
    ช่วยออกแบบวัสดุใหม่ เช่น ตัวนำยิ่งยวดหรือแบตเตอรี่
    ใช้ในงานด้านเภสัชกรรมเพื่อออกแบบยาใหม่
    ลดต้นทุนและเวลาในการทดลองในห้องแล็บ
    เพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์พฤติกรรมโมเลกุล
    เป็นก้าวสำคัญในการรวม AI เข้ากับวิทยาศาสตร์พื้นฐาน

    ข้อควรระวังและคำเตือน
    การจำลองเคมีควอนตัมต้องใช้พลังงานมหาศาล
    โมเดล AI ขนาดใหญ่ยังมีข้อจำกัดด้านความแม่นยำในบางบริบท
    การพัฒนาเทคโนโลยีแบบปิดอาจขาดความร่วมมือจากนานาชาติ
    ผลลัพธ์จากการจำลองยังต้องตรวจสอบกับการทดลองจริง
    การใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ระดับนี้ต้องการบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญสูง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/china-supercomputer-breakthrough-models-complex-quantum-chemistry-at-molecular-scale-37-million-processor-cores-fuse-ai-and-quantum-science
    🧬 “จีนสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ 37 ล้านคอร์ – จำลองเคมีควอนตัมระดับโมเลกุลด้วย AI!” จีนประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในการจำลองเคมีควอนตัมระดับโมเลกุล ด้วยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Sunway ที่มีจำนวนคอร์ประมวลผลมากถึง 37 ล้านคอร์! ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจากการผสานพลังของ AI เข้ากับการคำนวณเชิงควอนตัม ซึ่งเป็นโจทย์ที่ซับซ้อนและใช้ทรัพยากรสูงมาก ทีมวิจัยจาก National Research Center of Parallel Computer Engineering & Technology (NRCPC) ใช้ Sunway supercomputer ในการจำลองปฏิกิริยาเคมีที่ซับซ้อนระดับอะตอม โดยใช้โมเดล AI ขนาดใหญ่ที่มี context ยาวถึง 20,000 tokens ซึ่งช่วยให้สามารถวิเคราะห์โครงสร้างโมเลกุลและพฤติกรรมควอนตัมได้แม่นยำขึ้น สิ่งที่น่าทึ่งคือ Sunway ใช้สถาปัตยกรรมที่ออกแบบเองทั้งหมด โดยไม่พึ่งพาเทคโนโลยีจากตะวันตก และสามารถประมวลผลได้เร็วกว่าเครื่องระดับ exascale ที่ใช้ GPU แบบทั่วไปหลายเท่า การจำลองเคมีควอนตัมระดับนี้มีความสำคัญมากในงานด้านวัสดุศาสตร์ ยา และพลังงาน เพราะสามารถช่วยออกแบบโมเลกุลใหม่ ๆ ได้โดยไม่ต้องทดลองในห้องแล็บ ซึ่งลดต้นทุนและเวลาได้มหาศาล ✅ ความสำเร็จของ Sunway Supercomputer ➡️ ใช้คอร์ประมวลผลมากถึง 37 ล้านคอร์ ➡️ จำลองเคมีควอนตัมระดับโมเลกุลได้สำเร็จ ➡️ ใช้โมเดล AI ขนาดใหญ่ที่มี context ยาวถึง 20,000 tokens ➡️ ประมวลผลเร็วกว่า exascale GPU หลายเท่า ➡️ สถาปัตยกรรมออกแบบเอง ไม่พึ่งเทคโนโลยีตะวันตก ✅ ความสำคัญของการจำลองเคมีควอนตัม ➡️ ช่วยออกแบบวัสดุใหม่ เช่น ตัวนำยิ่งยวดหรือแบตเตอรี่ ➡️ ใช้ในงานด้านเภสัชกรรมเพื่อออกแบบยาใหม่ ➡️ ลดต้นทุนและเวลาในการทดลองในห้องแล็บ ➡️ เพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์พฤติกรรมโมเลกุล ➡️ เป็นก้าวสำคัญในการรวม AI เข้ากับวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ‼️ ข้อควรระวังและคำเตือน ⛔ การจำลองเคมีควอนตัมต้องใช้พลังงานมหาศาล ⛔ โมเดล AI ขนาดใหญ่ยังมีข้อจำกัดด้านความแม่นยำในบางบริบท ⛔ การพัฒนาเทคโนโลยีแบบปิดอาจขาดความร่วมมือจากนานาชาติ ⛔ ผลลัพธ์จากการจำลองยังต้องตรวจสอบกับการทดลองจริง ⛔ การใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ระดับนี้ต้องการบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญสูง https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/china-supercomputer-breakthrough-models-complex-quantum-chemistry-at-molecular-scale-37-million-processor-cores-fuse-ai-and-quantum-science
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
  • “United 737 MAX ถูกวัตถุตกใส่กลางอากาศที่ระดับ 36,000 ฟุต — อาจเป็นเศษดาวเทียมหรืออุกกาบาต” — เมื่อการบินพาณิชย์เผชิญเหตุการณ์ที่อาจไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

    เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2025 เครื่องบิน United Airlines รุ่น 737 MAX ที่บินจากเดนเวอร์ไปลอสแอนเจลิส ถูกวัตถุตกใส่กลางอากาศที่ระดับความสูง 36,000 ฟุตเหนือรัฐโคโลราโด ส่งผลให้กระจกหน้าห้องนักบินและโครงสร้างบางส่วนได้รับความเสียหาย

    ภาพถ่ายที่มีลายน้ำซึ่งเผยแพร่หลังเหตุการณ์แสดงให้เห็นรอยร้าวบนกระจกและแขนของนักบินที่มีรอยขีดข่วนเล็กน้อย กัปตันของเที่ยวบินระบุว่าวัตถุดังกล่าวอาจเป็น “space debris” หรือเศษซากจากดาวเทียมหรือจรวด แต่บางรายงานก็เสนอว่าอาจเป็นอุกกาบาต

    แม้จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เครื่องบินสามารถเบี่ยงเส้นทางไปลงจอดที่เมืองซอลต์เลกซิตีได้อย่างปลอดภัย โดยไม่มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ และไม่มีการสูญเสียแรงดันในห้องโดยสาร เนื่องจากกระจกที่เสียหายเป็นเพียงชั้นนอกเท่านั้น

    นักบินลดระดับลงมาเหลือ 26,000 ฟุตเพื่อบรรเทาความต่างแรงดัน และผู้โดยสารประมาณ 130 คนถูกเปลี่ยนไปขึ้นเครื่องลำใหม่เพื่อเดินทางต่อ

    จนถึงขณะนี้ FAA และสายการบินยังไม่ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินมองว่าเหตุการณ์นี้ “หายากมาก” และอาจเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับเที่ยวบินพาณิชย์

    United 737 MAX ถูกวัตถุตกใส่ที่ระดับ 36,000 ฟุตเหนือโคโลราโด
    เกิดขึ้นหลังออกจากเดนเวอร์มุ่งหน้าลอสแอนเจลิส

    กระจกหน้าห้องนักบินและโครงสร้างบางส่วนได้รับความเสียหาย
    มีภาพแสดงรอยร้าวและแขนนักบินที่มีรอยขีดข่วน

    กัปตันระบุว่าอาจเป็น “space debris” หรือเศษดาวเทียม
    บางรายงานเสนอว่าอาจเป็นอุกกาบาต

    เครื่องบินเบี่ยงเส้นทางไปลงจอดที่ซอลต์เลกซิตี
    ไม่มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ

    ไม่มีการสูญเสียแรงดันในห้องโดยสาร
    กระจกที่เสียหายเป็นเพียงชั้นนอก

    นักบินลดระดับลงเหลือ 26,000 ฟุตเพื่อความปลอดภัย
    ลดแรงดันบนกระจกที่เหลือ

    ผู้โดยสารประมาณ 130 คนถูกเปลี่ยนไปขึ้นเครื่องลำใหม่
    เดินทางต่อเพื่อจบเที่ยวบิน 90 นาที

    https://avbrief.com/united-max-hit-by-falling-object-at-36000-feet/
    ✈️ “United 737 MAX ถูกวัตถุตกใส่กลางอากาศที่ระดับ 36,000 ฟุต — อาจเป็นเศษดาวเทียมหรืออุกกาบาต” — เมื่อการบินพาณิชย์เผชิญเหตุการณ์ที่อาจไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2025 เครื่องบิน United Airlines รุ่น 737 MAX ที่บินจากเดนเวอร์ไปลอสแอนเจลิส ถูกวัตถุตกใส่กลางอากาศที่ระดับความสูง 36,000 ฟุตเหนือรัฐโคโลราโด ส่งผลให้กระจกหน้าห้องนักบินและโครงสร้างบางส่วนได้รับความเสียหาย ภาพถ่ายที่มีลายน้ำซึ่งเผยแพร่หลังเหตุการณ์แสดงให้เห็นรอยร้าวบนกระจกและแขนของนักบินที่มีรอยขีดข่วนเล็กน้อย กัปตันของเที่ยวบินระบุว่าวัตถุดังกล่าวอาจเป็น “space debris” หรือเศษซากจากดาวเทียมหรือจรวด แต่บางรายงานก็เสนอว่าอาจเป็นอุกกาบาต แม้จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เครื่องบินสามารถเบี่ยงเส้นทางไปลงจอดที่เมืองซอลต์เลกซิตีได้อย่างปลอดภัย โดยไม่มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ และไม่มีการสูญเสียแรงดันในห้องโดยสาร เนื่องจากกระจกที่เสียหายเป็นเพียงชั้นนอกเท่านั้น นักบินลดระดับลงมาเหลือ 26,000 ฟุตเพื่อบรรเทาความต่างแรงดัน และผู้โดยสารประมาณ 130 คนถูกเปลี่ยนไปขึ้นเครื่องลำใหม่เพื่อเดินทางต่อ จนถึงขณะนี้ FAA และสายการบินยังไม่ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินมองว่าเหตุการณ์นี้ “หายากมาก” และอาจเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับเที่ยวบินพาณิชย์ ✅ United 737 MAX ถูกวัตถุตกใส่ที่ระดับ 36,000 ฟุตเหนือโคโลราโด ➡️ เกิดขึ้นหลังออกจากเดนเวอร์มุ่งหน้าลอสแอนเจลิส ✅ กระจกหน้าห้องนักบินและโครงสร้างบางส่วนได้รับความเสียหาย ➡️ มีภาพแสดงรอยร้าวและแขนนักบินที่มีรอยขีดข่วน ✅ กัปตันระบุว่าอาจเป็น “space debris” หรือเศษดาวเทียม ➡️ บางรายงานเสนอว่าอาจเป็นอุกกาบาต ✅ เครื่องบินเบี่ยงเส้นทางไปลงจอดที่ซอลต์เลกซิตี ➡️ ไม่มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ ✅ ไม่มีการสูญเสียแรงดันในห้องโดยสาร ➡️ กระจกที่เสียหายเป็นเพียงชั้นนอก ✅ นักบินลดระดับลงเหลือ 26,000 ฟุตเพื่อความปลอดภัย ➡️ ลดแรงดันบนกระจกที่เหลือ ✅ ผู้โดยสารประมาณ 130 คนถูกเปลี่ยนไปขึ้นเครื่องลำใหม่ ➡️ เดินทางต่อเพื่อจบเที่ยวบิน 90 นาที https://avbrief.com/united-max-hit-by-falling-object-at-36000-feet/
    AVBRIEF.COM
    United MAX Hit by Falling Object at 36,000 Feet - AvBrief.com
    Object may have been a piece of a weather balloon
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Managed IT Services เสริมเกราะไซเบอร์องค์กร — จากการเฝ้าระวังถึงการฟื้นตัวหลังภัยคุกคาม” — เมื่อการจ้างผู้เชี่ยวชาญดูแลระบบ IT กลายเป็นกลยุทธ์สำคัญในการรับมือภัยไซเบอร์ยุคใหม่

    ในยุคที่ธุรกิจพึ่งพาเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบ ความเสี่ยงด้านไซเบอร์ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีด้วย ransomware, การหลอกลวงผ่าน phishing หรือการเจาะระบบเพื่อขโมยข้อมูลสำคัญ หลายองค์กรพบว่าการรับมือด้วยทีมภายในเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ

    บทความจาก SecurityOnline.info ชี้ให้เห็นว่า “Managed IT Services” หรือบริการดูแลระบบ IT แบบครบวงจรจากภายนอก คือคำตอบที่ช่วยให้องค์กรเปลี่ยนจากการรับมือแบบ “ตามเหตุการณ์” ไปสู่การป้องกันเชิงรุก โดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยเฝ้าระวัง ตรวจจับ และตอบสนองต่อภัยคุกคามตลอดเวลา

    บริการเหล่านี้ครอบคลุมตั้งแต่การติดตั้งระบบป้องกันหลายชั้น เช่น firewall และ endpoint protection, การอัปเดตแพตช์อย่างสม่ำเสมอ, การสำรองข้อมูลและวางแผนกู้คืนระบบ ไปจนถึงการฝึกอบรมพนักงานให้รู้เท่าทันภัยไซเบอร์

    ที่สำคัญ Managed IT ยังช่วยให้องค์กรปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานด้านความปลอดภัย เช่น GDPR, HIPAA และ PCI-DSS ได้ง่ายขึ้น ลดความเสี่ยงด้านกฎหมายและชื่อเสียง

    Managed IT Services ช่วยเปลี่ยนการรับมือภัยไซเบอร์จากเชิงรับเป็นเชิงรุก
    มีการเฝ้าระวังและตรวจจับภัยคุกคามแบบเรียลไทม์

    ใช้เครื่องมืออัตโนมัติและ AI วิเคราะห์พฤติกรรมผิดปกติ
    ลดช่องว่างระหว่างการตรวจพบและการตอบสนอง

    ติดตั้งระบบป้องกันหลายชั้น เช่น firewall, IDS, encryption
    ปรับแต่งตามความต้องการเฉพาะของแต่ละองค์กร

    จัดการอัปเดตและแพตช์ระบบอย่างต่อเนื่อง
    ลดช่องโหว่จากซอฟต์แวร์ที่ล้าสมัย

    สำรองข้อมูลและวางแผนกู้คืนระบบจากภัยพิบัติ
    ใช้คลาวด์และระบบอัตโนมัติเพื่อฟื้นตัวเร็ว

    ฝึกอบรมพนักงานให้รู้เท่าทันภัยไซเบอร์
    ลดความเสี่ยงจาก human error เช่น phishing หรือรหัสผ่านอ่อนแอ

    ช่วยให้องค์กรปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย เช่น GDPR, HIPAA
    มีการตรวจสอบและจัดทำเอกสารตามข้อกำหนด

    ลด downtime และเพิ่มความต่อเนื่องทางธุรกิจ
    มีแผนสำรองและระบบเฝ้าระวังที่ตอบสนองเร็ว

    องค์กรที่ไม่มีการอัปเดตระบบอย่างสม่ำเสมอเสี่ยงต่อการถูกโจมตี
    ช่องโหว่จากซอฟต์แวร์เก่าเป็นเป้าหมายหลักของแฮกเกอร์

    หากไม่มีแผนกู้คืนระบบ อาจสูญเสียข้อมูลสำคัญเมื่อเกิดภัยพิบัติ
    ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและความต่อเนื่องทางธุรกิจ

    พนักงานที่ไม่ได้รับการฝึกอบรมอาจเป็นช่องทางให้ภัยไซเบอร์เข้าถึงระบบ
    เช่น คลิกลิงก์หลอกลวงหรือใช้รหัสผ่านซ้ำ

    การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัยข้อมูลอาจนำไปสู่ค่าปรับมหาศาล
    และสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงองค์กร

    https://securityonline.info/how-managed-it-services-strengthen-cybersecurity/
    🛡️ “Managed IT Services เสริมเกราะไซเบอร์องค์กร — จากการเฝ้าระวังถึงการฟื้นตัวหลังภัยคุกคาม” — เมื่อการจ้างผู้เชี่ยวชาญดูแลระบบ IT กลายเป็นกลยุทธ์สำคัญในการรับมือภัยไซเบอร์ยุคใหม่ ในยุคที่ธุรกิจพึ่งพาเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบ ความเสี่ยงด้านไซเบอร์ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีด้วย ransomware, การหลอกลวงผ่าน phishing หรือการเจาะระบบเพื่อขโมยข้อมูลสำคัญ หลายองค์กรพบว่าการรับมือด้วยทีมภายในเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ บทความจาก SecurityOnline.info ชี้ให้เห็นว่า “Managed IT Services” หรือบริการดูแลระบบ IT แบบครบวงจรจากภายนอก คือคำตอบที่ช่วยให้องค์กรเปลี่ยนจากการรับมือแบบ “ตามเหตุการณ์” ไปสู่การป้องกันเชิงรุก โดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยเฝ้าระวัง ตรวจจับ และตอบสนองต่อภัยคุกคามตลอดเวลา บริการเหล่านี้ครอบคลุมตั้งแต่การติดตั้งระบบป้องกันหลายชั้น เช่น firewall และ endpoint protection, การอัปเดตแพตช์อย่างสม่ำเสมอ, การสำรองข้อมูลและวางแผนกู้คืนระบบ ไปจนถึงการฝึกอบรมพนักงานให้รู้เท่าทันภัยไซเบอร์ ที่สำคัญ Managed IT ยังช่วยให้องค์กรปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานด้านความปลอดภัย เช่น GDPR, HIPAA และ PCI-DSS ได้ง่ายขึ้น ลดความเสี่ยงด้านกฎหมายและชื่อเสียง ✅ Managed IT Services ช่วยเปลี่ยนการรับมือภัยไซเบอร์จากเชิงรับเป็นเชิงรุก ➡️ มีการเฝ้าระวังและตรวจจับภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ ✅ ใช้เครื่องมืออัตโนมัติและ AI วิเคราะห์พฤติกรรมผิดปกติ ➡️ ลดช่องว่างระหว่างการตรวจพบและการตอบสนอง ✅ ติดตั้งระบบป้องกันหลายชั้น เช่น firewall, IDS, encryption ➡️ ปรับแต่งตามความต้องการเฉพาะของแต่ละองค์กร ✅ จัดการอัปเดตและแพตช์ระบบอย่างต่อเนื่อง ➡️ ลดช่องโหว่จากซอฟต์แวร์ที่ล้าสมัย ✅ สำรองข้อมูลและวางแผนกู้คืนระบบจากภัยพิบัติ ➡️ ใช้คลาวด์และระบบอัตโนมัติเพื่อฟื้นตัวเร็ว ✅ ฝึกอบรมพนักงานให้รู้เท่าทันภัยไซเบอร์ ➡️ ลดความเสี่ยงจาก human error เช่น phishing หรือรหัสผ่านอ่อนแอ ✅ ช่วยให้องค์กรปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย เช่น GDPR, HIPAA ➡️ มีการตรวจสอบและจัดทำเอกสารตามข้อกำหนด ✅ ลด downtime และเพิ่มความต่อเนื่องทางธุรกิจ ➡️ มีแผนสำรองและระบบเฝ้าระวังที่ตอบสนองเร็ว ‼️ องค์กรที่ไม่มีการอัปเดตระบบอย่างสม่ำเสมอเสี่ยงต่อการถูกโจมตี ⛔ ช่องโหว่จากซอฟต์แวร์เก่าเป็นเป้าหมายหลักของแฮกเกอร์ ‼️ หากไม่มีแผนกู้คืนระบบ อาจสูญเสียข้อมูลสำคัญเมื่อเกิดภัยพิบัติ ⛔ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและความต่อเนื่องทางธุรกิจ ‼️ พนักงานที่ไม่ได้รับการฝึกอบรมอาจเป็นช่องทางให้ภัยไซเบอร์เข้าถึงระบบ ⛔ เช่น คลิกลิงก์หลอกลวงหรือใช้รหัสผ่านซ้ำ ‼️ การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัยข้อมูลอาจนำไปสู่ค่าปรับมหาศาล ⛔ และสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงองค์กร https://securityonline.info/how-managed-it-services-strengthen-cybersecurity/
    SECURITYONLINE.INFO
    How Managed IT Services Strengthen Cybersecurity?
    In today’s digital age, businesses depend heavily on technology to operate efficiently, but that reliance also introduces new
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลลวงทรัมป์ในแผนสันติภาพไทย-กัมพูชา : คนเคาะข่าว 20-10-68
    : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์

    https://www.youtube.com/watch?v=E0tMZ2WcWNc
    กลลวงทรัมป์ในแผนสันติภาพไทย-กัมพูชา : คนเคาะข่าว 20-10-68 : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์ https://www.youtube.com/watch?v=E0tMZ2WcWNc
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • "Kubernetes 1 ล้านโหนด: ภารกิจสุดโหดที่กลายเป็นจริง"

    ลองจินตนาการถึง Kubernetes cluster ที่มีถึง 1 ล้านโหนด—ไม่ใช่แค่แนวคิด แต่เป็นการทดลองจริงที่ผลักดันขีดจำกัดของระบบ cloud-native ที่ทรงพลังที่สุดในโลกใบนี้! โครงการ “k8s-1m” โดยผู้เชี่ยวชาญจาก OpenAI และอดีตผู้ร่วมเขียนบทความชื่อดังเรื่องการขยาย Kubernetes สู่ 7,500 โหนด ได้กลับมาอีกครั้ง พร้อมเป้าหมายใหม่ที่ทะเยอทะยานกว่าเดิม: สร้าง cluster ที่มี 1 ล้านโหนดและสามารถจัดการ workload ได้จริง

    เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือการแก้ปัญหาทางเทคนิคระดับมหากาพย์ ตั้งแต่การจัดการ IP ด้วย IPv6, การออกแบบระบบ etcd ใหม่ให้รองรับการเขียนระดับแสนครั้งต่อวินาที, ไปจนถึงการสร้าง distributed scheduler ที่สามารถจัดสรร 1 ล้าน pods ได้ภายใน 1 นาที

    แม้จะไม่ใช่ระบบที่พร้อมใช้งานใน production แต่โครงการนี้ได้เปิดเผยขีดจำกัดที่แท้จริงของ Kubernetes และเสนอแนวทางใหม่ในการออกแบบระบบ cloud-native ที่สามารถรองรับ workload ขนาดมหาศาลได้ในอนาคต

    สรุปเนื้อหาจากโครงการ k8s-1m:

    เป้าหมายของโครงการ
    สร้าง Kubernetes cluster ที่มี 1 ล้านโหนด
    ทดสอบขีดจำกัดของระบบ cloud-native
    ไม่เน้นการใช้งานเชิงพาณิชย์ แต่เพื่อการวิจัยและแรงบันดาลใจ

    ปัญหาหลักที่ต้องแก้
    ประสิทธิภาพของ etcd ที่เป็นคอขวด
    ความสามารถของ kube-apiserver ในการจัดการ watch cache
    การจัดการ IP address ด้วย IPv6
    การออกแบบ scheduler ให้กระจายโหลดได้

    เทคนิคที่ใช้ในระบบเครือข่าย
    ใช้ IPv6 แทน IPv4 เพื่อรองรับ IP จำนวนมหาศาล
    สร้าง bridge สำหรับ pod interfaces เพื่อจัดการ MAC address
    ใช้ WireGuard เป็น NAT64 gateway สำหรับบริการที่รองรับเฉพาะ IPv4

    ข้อจำกัดด้านความปลอดภัย
    ไม่ใช้ network policies ระหว่าง workloads เพราะมี prefix มากเกินไป
    ไม่ใช้ firewall ครอบคลุมทุก prefix แต่ใช้ TLS และการจำกัดพอร์ตแทน

    การจัดการ state ด้วย mem_etcd
    สร้าง etcd ใหม่ที่เขียนด้วย Rust ชื่อ mem_etcd
    ลดการใช้ fsync เพื่อเพิ่ม throughput
    ใช้ hash map และ B-tree แยกตาม resource kind
    รองรับการเขียนระดับล้านครั้งต่อวินาที

    คำเตือนเกี่ยวกับ durability
    ลดระดับความทนทานของข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    ไม่ใช้ etcd replicas ในบางกรณีเพื่อหลีกเลี่ยงการลด throughput

    การออกแบบ scheduler แบบกระจาย
    ใช้แนวคิด scatter-gather เพื่อกระจายการคำนวณ
    ใช้ relays หลายระดับเพื่อกระจาย pod ไปยัง schedulers
    ใช้ ValidatingWebhook แทน watch stream เพื่อรับ pod ใหม่เร็วขึ้น

    ปัญหา long-tail latency
    บาง scheduler ช้ากว่าค่าเฉลี่ย ทำให้ระบบรอ
    ใช้เทคนิค pinned CPUs และปรับ GC เพื่อลดความล่าช้า
    ตัดสินใจไม่รอ scheduler ที่ช้าเกินไป

    ผลการทดลอง
    สามารถจัดสรร 1 ล้าน pods ได้ในเวลาประมาณ 1 นาที
    mem_etcd รองรับ 100K–125K requests/sec
    kube-apiserver รองรับ 100K lease updates/sec
    ระบบใช้ RAM และ CPU อย่างมีประสิทธิภาพ

    ข้อจำกัดของภาษา Go
    GC ของ Go เป็นคอขวดหลักในการจัดการ object จำนวนมาก
    การเพิ่ม kube-apiserver replicas ไม่ช่วยลด GC load

    ข้อสรุปจากโครงการ
    ขนาด cluster ไม่สำคัญเท่ากับอัตราการเขียนของ resource kind
    Lease updates เป็นภาระหลักของระบบ
    การแยก etcd ตาม resource kind ช่วยเพิ่ม scalability
    การเปลี่ยน backend ของ etcd และปรับ watch cache ช่วยรองรับ 1 ล้านโหนด

    https://bchess.github.io/k8s-1m/
    🖇️ "Kubernetes 1 ล้านโหนด: ภารกิจสุดโหดที่กลายเป็นจริง" ลองจินตนาการถึง Kubernetes cluster ที่มีถึง 1 ล้านโหนด—ไม่ใช่แค่แนวคิด แต่เป็นการทดลองจริงที่ผลักดันขีดจำกัดของระบบ cloud-native ที่ทรงพลังที่สุดในโลกใบนี้! โครงการ “k8s-1m” โดยผู้เชี่ยวชาญจาก OpenAI และอดีตผู้ร่วมเขียนบทความชื่อดังเรื่องการขยาย Kubernetes สู่ 7,500 โหนด ได้กลับมาอีกครั้ง พร้อมเป้าหมายใหม่ที่ทะเยอทะยานกว่าเดิม: สร้าง cluster ที่มี 1 ล้านโหนดและสามารถจัดการ workload ได้จริง เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือการแก้ปัญหาทางเทคนิคระดับมหากาพย์ ตั้งแต่การจัดการ IP ด้วย IPv6, การออกแบบระบบ etcd ใหม่ให้รองรับการเขียนระดับแสนครั้งต่อวินาที, ไปจนถึงการสร้าง distributed scheduler ที่สามารถจัดสรร 1 ล้าน pods ได้ภายใน 1 นาที แม้จะไม่ใช่ระบบที่พร้อมใช้งานใน production แต่โครงการนี้ได้เปิดเผยขีดจำกัดที่แท้จริงของ Kubernetes และเสนอแนวทางใหม่ในการออกแบบระบบ cloud-native ที่สามารถรองรับ workload ขนาดมหาศาลได้ในอนาคต สรุปเนื้อหาจากโครงการ k8s-1m: ✅ เป้าหมายของโครงการ ➡️ สร้าง Kubernetes cluster ที่มี 1 ล้านโหนด ➡️ ทดสอบขีดจำกัดของระบบ cloud-native ➡️ ไม่เน้นการใช้งานเชิงพาณิชย์ แต่เพื่อการวิจัยและแรงบันดาลใจ ✅ ปัญหาหลักที่ต้องแก้ ➡️ ประสิทธิภาพของ etcd ที่เป็นคอขวด ➡️ ความสามารถของ kube-apiserver ในการจัดการ watch cache ➡️ การจัดการ IP address ด้วย IPv6 ➡️ การออกแบบ scheduler ให้กระจายโหลดได้ ✅ เทคนิคที่ใช้ในระบบเครือข่าย ➡️ ใช้ IPv6 แทน IPv4 เพื่อรองรับ IP จำนวนมหาศาล ➡️ สร้าง bridge สำหรับ pod interfaces เพื่อจัดการ MAC address ➡️ ใช้ WireGuard เป็น NAT64 gateway สำหรับบริการที่รองรับเฉพาะ IPv4 ‼️ ข้อจำกัดด้านความปลอดภัย ⛔ ไม่ใช้ network policies ระหว่าง workloads เพราะมี prefix มากเกินไป ⛔ ไม่ใช้ firewall ครอบคลุมทุก prefix แต่ใช้ TLS และการจำกัดพอร์ตแทน ✅ การจัดการ state ด้วย mem_etcd ➡️ สร้าง etcd ใหม่ที่เขียนด้วย Rust ชื่อ mem_etcd ➡️ ลดการใช้ fsync เพื่อเพิ่ม throughput ➡️ ใช้ hash map และ B-tree แยกตาม resource kind ➡️ รองรับการเขียนระดับล้านครั้งต่อวินาที ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับ durability ⛔ ลดระดับความทนทานของข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ⛔ ไม่ใช้ etcd replicas ในบางกรณีเพื่อหลีกเลี่ยงการลด throughput ✅ การออกแบบ scheduler แบบกระจาย ➡️ ใช้แนวคิด scatter-gather เพื่อกระจายการคำนวณ ➡️ ใช้ relays หลายระดับเพื่อกระจาย pod ไปยัง schedulers ➡️ ใช้ ValidatingWebhook แทน watch stream เพื่อรับ pod ใหม่เร็วขึ้น ‼️ ปัญหา long-tail latency ⛔ บาง scheduler ช้ากว่าค่าเฉลี่ย ทำให้ระบบรอ ⛔ ใช้เทคนิค pinned CPUs และปรับ GC เพื่อลดความล่าช้า ⛔ ตัดสินใจไม่รอ scheduler ที่ช้าเกินไป ✅ ผลการทดลอง ➡️ สามารถจัดสรร 1 ล้าน pods ได้ในเวลาประมาณ 1 นาที ➡️ mem_etcd รองรับ 100K–125K requests/sec ➡️ kube-apiserver รองรับ 100K lease updates/sec ➡️ ระบบใช้ RAM และ CPU อย่างมีประสิทธิภาพ ‼️ ข้อจำกัดของภาษา Go ⛔ GC ของ Go เป็นคอขวดหลักในการจัดการ object จำนวนมาก ⛔ การเพิ่ม kube-apiserver replicas ไม่ช่วยลด GC load ✅ ข้อสรุปจากโครงการ ➡️ ขนาด cluster ไม่สำคัญเท่ากับอัตราการเขียนของ resource kind ➡️ Lease updates เป็นภาระหลักของระบบ ➡️ การแยก etcd ตาม resource kind ช่วยเพิ่ม scalability ➡️ การเปลี่ยน backend ของ etcd และปรับ watch cache ช่วยรองรับ 1 ล้านโหนด https://bchess.github.io/k8s-1m/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts