• เรื่อง เสื้อหนังกับเข็มขัดเหล็ก
    ” เสื้อหนัง กับ เข็มขัดเหล็ก”

    (1)

    รายการท้าชิงของมวยรุ่นเล็ก แต่ท่าทางจะเป็นพวกหมูตายไม่กลัวน้ำร้อน ดูเหมือนจะมีพวกแฟนๆรุ่นเก๋า เกาะเชือกเชียร์ไม่น้อย รวมทั้งผม

    พรรค Syriza ซ้ายจัดของกรีซ เพิ่งชนะเลือกตั้งเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2015 แม้ไม่ได้คะแนนเสียงข้างมาก ต้องมีพรรคร่วม แต่ก็ได้เป็นรัฐบาลใหม่เอี่ยมของกรีก ที่นำโดยพรรค Syriza ก็ทำท่าจะ ซ่าสมชื่อโดยเฉพาะ ท่านรัฐมนตรีคลังหน้าใหม่มาดเซอร์ คุณน้อง Yanis Varoufakis ของผม

    พรรค Syriza หาเสียงกับชาวกรีกว่า เลือกพวกผมนะพี่น้อง แล้วพี่น้องจะไม่ต้องถูกกดขี่จากนโยบายของสหภาพยุโรปอีกต่อไป มันโหดกับเราขนาดไหน มันหั่นงบของกินของใช้เราขนาดไหน มากไปแล้ว… คงจะทำนองนี้นะครับ ผมไม่ได้แปลคำต่อคำ

    แล้วชาวกรีกก็ได้ Syriza มาเป็นรัฐบาล งานแรกที่ Syriza ต้องทำคือ วิ่งรอกหาพวกสนับสนุน เนื่องจากเงินกู้จำนวนประมาณ 350 พันล้านยูโร ของกรีซจะถึงกำหนดชำระสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ ถ้าไม่มีการต่ออายุ และแน่นอน เศรษฐกิจของกรีซคงล้มระเนระนาด ล้มคราวนี้อาจจะหนักกว่า เมื่อปี 2011-2012 แต่ Syriza ก็ยังใจกล้า เข้ามาเป็นรัฐบาล มีของดีแอบอยู่หรือไง

    นายกรัฐมนตรี Alexis Tsipras กับรัฐมนตรีคลัง Yanis Varoufakis แยกกันเดินสาย ไปจับมือกับพวกพี่เบิ้มอียู ท่านนายกรัฐมนตรีมุ่งหน้าไปเยอรมัน ส่วนรัฐมนตรีคลังขอไปอังกฤษ มันกว่า

    ที่เยอรมัน นายกรัฐมนตรี Tsipras แวะไปคารวะอนุสาวรีย์สงครามโลกครั้งที่ 2 สื่อเยอรมันตีข่าวว่า กรีกกำลังมาทวงความจำว่า เยอรมันยังจำได้ไหม คนกรีกเคยช่วยพวกคนเยอรมันจากพวกกางเขนเหล็กของฮิตเลอร์ ตีข่าวกันแบบนี้ คุณป้าแมร์เคิลก็คงไม่ชอบใจ หาว่าฉันเป็นพวกนาซีหรือไงยะ ฉันไม่ใช่กางเขนเหล็กนะ ฉันแค่เข็มขัดเหล็ก

    ข่าวบอกว่า คุณป้าพยายามเลี่ยงการเจรจาแบบสองต่อสอง กับนายTsipras เป็นการทำโทษให้รู้ว่า ฉันไม่พอใจ อืม ป้าแมร์เคิลไม่เบานะ

    คุณเจ๊ Barbara Wesel ผู้สื่อข่าวเยอรมันของ Deutsche Welle ประจำกรุงบรัสเซลบอกว่า ไม่ฉลาดเลยนะ ที่คุณแสดงการดูถูกคนที่คุณจะต้องเจรจาง้องอนด้วย Angela Merkel ไม่สมควรจะได้รับการเปรียบเทียบกับฮิตเลอร์ ….เมื่อคุณเลือกที่จะปฎิบัติกับแมร์เคิลอย่างฝ่ายตรงข้าม คุณจะรู้เองว่า เธอจะเป็นฝ่ายตรงข้ามที่ร้ายขนาด ไหน…. จำไม่ได้เหรอว่า นายเดวิด แคมารอน ก็เคยโดนมาแล้ว เมื่อตอนงัดข้อกับคุณป้า เรื่องจะไม่เอานาย Jean-Claude Juncker เป็นประธานอียู ตามที่คุณป้าเสนอ แล้วเป็นยังไง ต้องลี้กาย หายหน้าไปจากอียูพักใหญ่ ดีว่าไม่ต้องไปแบบถาวร
    โอ้โห พวกเจ๊กางเขนเหล็ก เข็มขัดเหล็ก นี่ดุจัง

    แล้วจำเรื่องบุลกาเรียได้มั้ย ซ่าดีนัก นายกรัฐมนตรีตอนนั้น นาย Plamen Oresshaski เสนอหน้ามาเชียร์เส้นทางท่อแก๊ส South Stream ของรัสเซีย รู้อยู่แล้วว่าป้าเขาไม่เอาด้วย เพราะมันขัดกับกฏของอียู (กฏอะไรจ๊ะเจ๊ เรื่องแซงชั่นน่ะ พูดมันชัดๆไปเลย) แล้วเป็นไง เงินกู้ก้อนใหญ่ถูกตัด ฉับ ฉับเลย ยังไม่พอ ถึงตอนเลือกตั้ง นายปลาเมน หงายท้องผลึ่งไปเลย ฝ่ายค้าน ชื่อ Boyko Borisov ขึ้นมาเป็นแทน และนายปูติน ก็ต้องยกเลิกโครงการไง เห็นฤทธิ์ป้าเข็มขัดเหล็กแล้วซีนะ

    คราวนี้พวกกรีก ที่คิดจะมาต่อรองอียู จะเหลืออะไร ถึงกรีซจะเป็นสมาชิกเก่า ไม่ใช่เด็กใหม่อย่างบุลกาเรีย แถมคนเชียร์ก็ประเภทน้ำหนักเกินกระสอบข้าวทั้งนั้น เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี แต่ก็ยังมีหลายอีกประเทศสมาชิก ที่จนกว่ากรีซ ฉนั้น ไม่เหลือบ่ากว่าแรงป้าหรอกน่า ถ้าป้าอยากจะแผลงฤทธิ์ให้ดู

    เซียนมวย อย่าพลาดรายการนี้เชียว เดี๋ยวจะว่ามีดีไม่บอก น้ำหนักมันต่างกันหลายเท่าตัว แต่ทะลึ่งไปท้าเขา ไอ้ตัวเล็ก ฝ่ายท้าชิง มันบ้า หรือ มันไปได้ยาดีมากันแน่…

    (2)

    ฝ่ายผู้ท้าชิง รัฐมนตรีคลังมาดเซอร์ คุณน้อง Yanis Varoufakis ของผม นี่ไม่ธรรมดานะ จบเศรษฐศาสตร์จาก มหาวิทยาล้ย Exter ของอังกฤษ แกมีนัดกับรัฐมนตรีคลังผู้ดีอังกฤษ George Osborne ไอ้หมอนี่ดีกว่าลูกพี่หน่อย เวลาพูดไม่จีบปาก คุณน้องYanis ไปพบรัฐมนตรีผู้ดี ที่บ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิ่ง ก็ทำเนียบนายกนั่นแหละ คุณน้องใส่เสื้อหนัง เท่ สุดขีดไปเลย ข้างในเป็นเสื้อเชิร์ตสีฟ้า และไม่ผูกเนคไท!

    นี่ มันต้องอย่างนี้ ลุงนิทานเชียร์หมดกระเป๋าเลย

    คุณน้องเสื้อหนังบอกว่า เราไม่ได้จะเบี้ยวหนี้นะ เฮียหวัด แห่งไทยแลนด์แดนสมันน้อย เขาฝากมาสอนผม ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ก็แค่นั้น ผมกำลังเตรียมจะออกพันธบัตรใหม่ ไปแลกกับพันธบัตรชุดเดิม ที่พวก IMF กับ ECB จอมโหดมันบังคับให้ประเทศผมออกไว้ แต่ผมจะขอยืดเวลา เขาอยากได้หนี้คืนหรือเปล่าล่ะ หรือเขาอยากกำจัดเรา ประโยคท้ายนี่ ลุงนิทานแถมให้ครับ

    นาย Osbourne บอกว่า เรื่องหนี้กรีซ ที่รัฐบาลแถวยูโรโซน คุยกับเจ้าหนี้ไม่รู้เรื่องนี่ จะเป็นเรื่องที่กระทบต่อเศรษฐกิจโลก ยิ่งกว่าเรื่องตะวันออกกลาง หรือเรื่องเผชิญหน้าระหว่างรัสเซียกับพวกตะวันตกอีกนะ ไอ้หมอนี่ ถ้าจะตอแหลเก่ง ไม่น้อยกว่าลูกพี่จอมจีบปาก

    นอกจากนี้ นาย Mark Carney ผู้ว่าการของธนาคารชาติอังกฤษ ยังออกมาวิจารณ์ว่า นโยบายเข้มงวด เรื่องหนี้ของยูโรโซน จะยิ่งบีบให้จำนวนหนี้เพิ่ม แล้วก็ลากยาวกันไปอีก แปลกนะทำไมอังกฤษ สุ้มเสียงเหมือนกันเห็นใจกรีซ ผิดสันดานนักล่า

    อังกฤษกลัวใจคุณน้องเสื้อหนัง ว่าแกจะใช้นโยบายเบี้ยวหนี้ แล้วเดินออกจากอียูง่ายๆอย่างนั้น หรือไม่ก็ ถูกถีบออกจากอียู โดยไม่มีการต่ออายุ ไม่มีการผ่อนปรน เพราะไปลองดีกับพวกเข็มขัดเหล็ก เข้า หรือเพราะอะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้ามันเกิดขึ้น อังกฤษบอกว่า มันไม่ใช่กระทบแค่กรีซ มันกระแทกทั้งยุโรป และอังกฤษ ซึ่งอาศัยยุโรปเป็นตลาดส่งออกประมาณ 50 % ก็อ่วมตามด้วย
    ถ้ากรีซเจ๊ง มีข้อดีกับรัฐบาลอังกฤษอย่างเดียว อังกฤษกำลังจะมีการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคมที่จะถึง ถ้าแพ้เลือกตั้ง จะได้อ้างว่ามาจากเรื่องกรีซ ฮา

    ดูแล้ว เรื่องการห่วงกรีซของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย เป็นของปลอมไงไม่รู้ คงต้องตามไปคุ้ยต่อ

    แต่ก็มีเรื่องน่าคิด หนี้กรีซจำนวนมหึมา กำลังจะถึงกำหนด รู้หมู่รู้จ่าสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ พรรคของคุณน้องเสื้อหนังใจกล้า แอ่นอกเข้าเป็นรัฐบาล ส่วนสิ้นเดือนมีนาคม ก็ถึงกำหนดที่อียูต้องพิจารณาว่า จะต่ออายุการแซงชั่นรัสเซียหรือไม่ คุณป้าเข็มขัดเหล็กบอกว่าไว้แล้วว่า ยังไง เราก็ไม่มีวันผ่อนปรนให้นายปูติน ยกเว้น รัสเซียต้องถอยออกไปจากยูเครนให้หมดจด

    การลงมติ ที่จะต่ออายุการแซงชั่นรัสเซีย จะต้องได้คะแนนเสียงเอกฉันท์ ตอนนี้คุณป้าเข็มขัดเหล็กเลยออกเดินสาย ทำหน้าเข้มใส่ทุกคนเหมือนกัน ล่าสุดนี่ เห็นไปยืนบีบ นายVictor Orban นายกรัฐมนตรีฮังการี เสียหน้าเขียว ก็นาย Orban ดันบอกว่า เขาชอบรูปแบบการปกครองของนายปูติน แบบนี้เดี๋ยวได้โดนเข็มขัดแน่

    มติเอกฉันท์นี่ ไม่ได้กันง่ายๆนะครับ ใครไม่เอาด้วยรายเดียวก็จบ ผมเป็นคุณพี่ปูติน ก็เลิกเครียด ส่วนกรีซก็ไม่น่าเครียดเช่นเดียว กัน ทางออกมีให้เดินหลายทาง แต่ทางคุณป้าเข็มขัดเหล็ก และพวก คุณพี่ชาวเกาะนะซิ น่าจะเครียด ถ้ากรีซเลือกเดินทางนั้น อ้อ มิน่า ถึงได้ตาเหลือกกัน แหมคิดช้าจังลุง

    หมู่เกาะของกรีซ ใกล้กับตุรกีนิดเดียว ตุรกีก็ ไม่ไกลจากรัสเซีย รู้สึกคุณพี่ปูตินของผมนี่ แกชอบสะสม ชอบกินขนมชั้นนะ เอามาเรียงๆกันไว้ โดยเฉพาะกรีซนี่ อยู่กลางเมดิเตอร์เรเนียนเลย ช่างเหมาะจริงๆ แบบนี้กองทัพเรือของใคร ที่เพิ่งจัดงบปรับปรุงก้อนใหญ่ ก็คงเหนื่อยหน่อย จะเข้าไปได้ถึงไหน อย่างนี้ใส่เสื้อหนังไปคุยก็คงได้ คงเบ่งไม่ค่อยไหวแล้ว เอะ แล้วลูกพี่ใหญ่นักล่าใบตองแห้งว่าไงคร้าบ จะเสียหมากให้เขาอีกแล้วเหรอคร้าบ ฮา

    หมายเหตุ: อย่าลืมดูเวทียูเครนบ้างนะครับ ที่ตะวันออกกลางก็เหมือนกัน ตอนนี้เร่งเครื่องกันจัง เดี๋ยวจะว่าลุงไม่เตือน

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    4 กพ. 2558
    เรื่อง เสื้อหนังกับเข็มขัดเหล็ก ” เสื้อหนัง กับ เข็มขัดเหล็ก” (1) รายการท้าชิงของมวยรุ่นเล็ก แต่ท่าทางจะเป็นพวกหมูตายไม่กลัวน้ำร้อน ดูเหมือนจะมีพวกแฟนๆรุ่นเก๋า เกาะเชือกเชียร์ไม่น้อย รวมทั้งผม พรรค Syriza ซ้ายจัดของกรีซ เพิ่งชนะเลือกตั้งเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2015 แม้ไม่ได้คะแนนเสียงข้างมาก ต้องมีพรรคร่วม แต่ก็ได้เป็นรัฐบาลใหม่เอี่ยมของกรีก ที่นำโดยพรรค Syriza ก็ทำท่าจะ ซ่าสมชื่อโดยเฉพาะ ท่านรัฐมนตรีคลังหน้าใหม่มาดเซอร์ คุณน้อง Yanis Varoufakis ของผม พรรค Syriza หาเสียงกับชาวกรีกว่า เลือกพวกผมนะพี่น้อง แล้วพี่น้องจะไม่ต้องถูกกดขี่จากนโยบายของสหภาพยุโรปอีกต่อไป มันโหดกับเราขนาดไหน มันหั่นงบของกินของใช้เราขนาดไหน มากไปแล้ว… คงจะทำนองนี้นะครับ ผมไม่ได้แปลคำต่อคำ แล้วชาวกรีกก็ได้ Syriza มาเป็นรัฐบาล งานแรกที่ Syriza ต้องทำคือ วิ่งรอกหาพวกสนับสนุน เนื่องจากเงินกู้จำนวนประมาณ 350 พันล้านยูโร ของกรีซจะถึงกำหนดชำระสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ ถ้าไม่มีการต่ออายุ และแน่นอน เศรษฐกิจของกรีซคงล้มระเนระนาด ล้มคราวนี้อาจจะหนักกว่า เมื่อปี 2011-2012 แต่ Syriza ก็ยังใจกล้า เข้ามาเป็นรัฐบาล มีของดีแอบอยู่หรือไง นายกรัฐมนตรี Alexis Tsipras กับรัฐมนตรีคลัง Yanis Varoufakis แยกกันเดินสาย ไปจับมือกับพวกพี่เบิ้มอียู ท่านนายกรัฐมนตรีมุ่งหน้าไปเยอรมัน ส่วนรัฐมนตรีคลังขอไปอังกฤษ มันกว่า ที่เยอรมัน นายกรัฐมนตรี Tsipras แวะไปคารวะอนุสาวรีย์สงครามโลกครั้งที่ 2 สื่อเยอรมันตีข่าวว่า กรีกกำลังมาทวงความจำว่า เยอรมันยังจำได้ไหม คนกรีกเคยช่วยพวกคนเยอรมันจากพวกกางเขนเหล็กของฮิตเลอร์ ตีข่าวกันแบบนี้ คุณป้าแมร์เคิลก็คงไม่ชอบใจ หาว่าฉันเป็นพวกนาซีหรือไงยะ ฉันไม่ใช่กางเขนเหล็กนะ ฉันแค่เข็มขัดเหล็ก ข่าวบอกว่า คุณป้าพยายามเลี่ยงการเจรจาแบบสองต่อสอง กับนายTsipras เป็นการทำโทษให้รู้ว่า ฉันไม่พอใจ อืม ป้าแมร์เคิลไม่เบานะ คุณเจ๊ Barbara Wesel ผู้สื่อข่าวเยอรมันของ Deutsche Welle ประจำกรุงบรัสเซลบอกว่า ไม่ฉลาดเลยนะ ที่คุณแสดงการดูถูกคนที่คุณจะต้องเจรจาง้องอนด้วย Angela Merkel ไม่สมควรจะได้รับการเปรียบเทียบกับฮิตเลอร์ ….เมื่อคุณเลือกที่จะปฎิบัติกับแมร์เคิลอย่างฝ่ายตรงข้าม คุณจะรู้เองว่า เธอจะเป็นฝ่ายตรงข้ามที่ร้ายขนาด ไหน…. จำไม่ได้เหรอว่า นายเดวิด แคมารอน ก็เคยโดนมาแล้ว เมื่อตอนงัดข้อกับคุณป้า เรื่องจะไม่เอานาย Jean-Claude Juncker เป็นประธานอียู ตามที่คุณป้าเสนอ แล้วเป็นยังไง ต้องลี้กาย หายหน้าไปจากอียูพักใหญ่ ดีว่าไม่ต้องไปแบบถาวร โอ้โห พวกเจ๊กางเขนเหล็ก เข็มขัดเหล็ก นี่ดุจัง แล้วจำเรื่องบุลกาเรียได้มั้ย ซ่าดีนัก นายกรัฐมนตรีตอนนั้น นาย Plamen Oresshaski เสนอหน้ามาเชียร์เส้นทางท่อแก๊ส South Stream ของรัสเซีย รู้อยู่แล้วว่าป้าเขาไม่เอาด้วย เพราะมันขัดกับกฏของอียู (กฏอะไรจ๊ะเจ๊ เรื่องแซงชั่นน่ะ พูดมันชัดๆไปเลย) แล้วเป็นไง เงินกู้ก้อนใหญ่ถูกตัด ฉับ ฉับเลย ยังไม่พอ ถึงตอนเลือกตั้ง นายปลาเมน หงายท้องผลึ่งไปเลย ฝ่ายค้าน ชื่อ Boyko Borisov ขึ้นมาเป็นแทน และนายปูติน ก็ต้องยกเลิกโครงการไง เห็นฤทธิ์ป้าเข็มขัดเหล็กแล้วซีนะ คราวนี้พวกกรีก ที่คิดจะมาต่อรองอียู จะเหลืออะไร ถึงกรีซจะเป็นสมาชิกเก่า ไม่ใช่เด็กใหม่อย่างบุลกาเรีย แถมคนเชียร์ก็ประเภทน้ำหนักเกินกระสอบข้าวทั้งนั้น เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี แต่ก็ยังมีหลายอีกประเทศสมาชิก ที่จนกว่ากรีซ ฉนั้น ไม่เหลือบ่ากว่าแรงป้าหรอกน่า ถ้าป้าอยากจะแผลงฤทธิ์ให้ดู เซียนมวย อย่าพลาดรายการนี้เชียว เดี๋ยวจะว่ามีดีไม่บอก น้ำหนักมันต่างกันหลายเท่าตัว แต่ทะลึ่งไปท้าเขา ไอ้ตัวเล็ก ฝ่ายท้าชิง มันบ้า หรือ มันไปได้ยาดีมากันแน่… (2) ฝ่ายผู้ท้าชิง รัฐมนตรีคลังมาดเซอร์ คุณน้อง Yanis Varoufakis ของผม นี่ไม่ธรรมดานะ จบเศรษฐศาสตร์จาก มหาวิทยาล้ย Exter ของอังกฤษ แกมีนัดกับรัฐมนตรีคลังผู้ดีอังกฤษ George Osborne ไอ้หมอนี่ดีกว่าลูกพี่หน่อย เวลาพูดไม่จีบปาก คุณน้องYanis ไปพบรัฐมนตรีผู้ดี ที่บ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิ่ง ก็ทำเนียบนายกนั่นแหละ คุณน้องใส่เสื้อหนัง เท่ สุดขีดไปเลย ข้างในเป็นเสื้อเชิร์ตสีฟ้า และไม่ผูกเนคไท! นี่ มันต้องอย่างนี้ ลุงนิทานเชียร์หมดกระเป๋าเลย คุณน้องเสื้อหนังบอกว่า เราไม่ได้จะเบี้ยวหนี้นะ เฮียหวัด แห่งไทยแลนด์แดนสมันน้อย เขาฝากมาสอนผม ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ก็แค่นั้น ผมกำลังเตรียมจะออกพันธบัตรใหม่ ไปแลกกับพันธบัตรชุดเดิม ที่พวก IMF กับ ECB จอมโหดมันบังคับให้ประเทศผมออกไว้ แต่ผมจะขอยืดเวลา เขาอยากได้หนี้คืนหรือเปล่าล่ะ หรือเขาอยากกำจัดเรา ประโยคท้ายนี่ ลุงนิทานแถมให้ครับ นาย Osbourne บอกว่า เรื่องหนี้กรีซ ที่รัฐบาลแถวยูโรโซน คุยกับเจ้าหนี้ไม่รู้เรื่องนี่ จะเป็นเรื่องที่กระทบต่อเศรษฐกิจโลก ยิ่งกว่าเรื่องตะวันออกกลาง หรือเรื่องเผชิญหน้าระหว่างรัสเซียกับพวกตะวันตกอีกนะ ไอ้หมอนี่ ถ้าจะตอแหลเก่ง ไม่น้อยกว่าลูกพี่จอมจีบปาก นอกจากนี้ นาย Mark Carney ผู้ว่าการของธนาคารชาติอังกฤษ ยังออกมาวิจารณ์ว่า นโยบายเข้มงวด เรื่องหนี้ของยูโรโซน จะยิ่งบีบให้จำนวนหนี้เพิ่ม แล้วก็ลากยาวกันไปอีก แปลกนะทำไมอังกฤษ สุ้มเสียงเหมือนกันเห็นใจกรีซ ผิดสันดานนักล่า อังกฤษกลัวใจคุณน้องเสื้อหนัง ว่าแกจะใช้นโยบายเบี้ยวหนี้ แล้วเดินออกจากอียูง่ายๆอย่างนั้น หรือไม่ก็ ถูกถีบออกจากอียู โดยไม่มีการต่ออายุ ไม่มีการผ่อนปรน เพราะไปลองดีกับพวกเข็มขัดเหล็ก เข้า หรือเพราะอะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้ามันเกิดขึ้น อังกฤษบอกว่า มันไม่ใช่กระทบแค่กรีซ มันกระแทกทั้งยุโรป และอังกฤษ ซึ่งอาศัยยุโรปเป็นตลาดส่งออกประมาณ 50 % ก็อ่วมตามด้วย ถ้ากรีซเจ๊ง มีข้อดีกับรัฐบาลอังกฤษอย่างเดียว อังกฤษกำลังจะมีการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคมที่จะถึง ถ้าแพ้เลือกตั้ง จะได้อ้างว่ามาจากเรื่องกรีซ ฮา ดูแล้ว เรื่องการห่วงกรีซของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย เป็นของปลอมไงไม่รู้ คงต้องตามไปคุ้ยต่อ แต่ก็มีเรื่องน่าคิด หนี้กรีซจำนวนมหึมา กำลังจะถึงกำหนด รู้หมู่รู้จ่าสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ พรรคของคุณน้องเสื้อหนังใจกล้า แอ่นอกเข้าเป็นรัฐบาล ส่วนสิ้นเดือนมีนาคม ก็ถึงกำหนดที่อียูต้องพิจารณาว่า จะต่ออายุการแซงชั่นรัสเซียหรือไม่ คุณป้าเข็มขัดเหล็กบอกว่าไว้แล้วว่า ยังไง เราก็ไม่มีวันผ่อนปรนให้นายปูติน ยกเว้น รัสเซียต้องถอยออกไปจากยูเครนให้หมดจด การลงมติ ที่จะต่ออายุการแซงชั่นรัสเซีย จะต้องได้คะแนนเสียงเอกฉันท์ ตอนนี้คุณป้าเข็มขัดเหล็กเลยออกเดินสาย ทำหน้าเข้มใส่ทุกคนเหมือนกัน ล่าสุดนี่ เห็นไปยืนบีบ นายVictor Orban นายกรัฐมนตรีฮังการี เสียหน้าเขียว ก็นาย Orban ดันบอกว่า เขาชอบรูปแบบการปกครองของนายปูติน แบบนี้เดี๋ยวได้โดนเข็มขัดแน่ มติเอกฉันท์นี่ ไม่ได้กันง่ายๆนะครับ ใครไม่เอาด้วยรายเดียวก็จบ ผมเป็นคุณพี่ปูติน ก็เลิกเครียด ส่วนกรีซก็ไม่น่าเครียดเช่นเดียว กัน ทางออกมีให้เดินหลายทาง แต่ทางคุณป้าเข็มขัดเหล็ก และพวก คุณพี่ชาวเกาะนะซิ น่าจะเครียด ถ้ากรีซเลือกเดินทางนั้น อ้อ มิน่า ถึงได้ตาเหลือกกัน แหมคิดช้าจังลุง หมู่เกาะของกรีซ ใกล้กับตุรกีนิดเดียว ตุรกีก็ ไม่ไกลจากรัสเซีย รู้สึกคุณพี่ปูตินของผมนี่ แกชอบสะสม ชอบกินขนมชั้นนะ เอามาเรียงๆกันไว้ โดยเฉพาะกรีซนี่ อยู่กลางเมดิเตอร์เรเนียนเลย ช่างเหมาะจริงๆ แบบนี้กองทัพเรือของใคร ที่เพิ่งจัดงบปรับปรุงก้อนใหญ่ ก็คงเหนื่อยหน่อย จะเข้าไปได้ถึงไหน อย่างนี้ใส่เสื้อหนังไปคุยก็คงได้ คงเบ่งไม่ค่อยไหวแล้ว เอะ แล้วลูกพี่ใหญ่นักล่าใบตองแห้งว่าไงคร้าบ จะเสียหมากให้เขาอีกแล้วเหรอคร้าบ ฮา หมายเหตุ: อย่าลืมดูเวทียูเครนบ้างนะครับ ที่ตะวันออกกลางก็เหมือนกัน ตอนนี้เร่งเครื่องกันจัง เดี๋ยวจะว่าลุงไม่เตือน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 4 กพ. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Captery Ultra: แบตเตอรี่ AA ที่ชาร์จไว ใช้ได้นานหลายสิบปี และเป็นมิตรต่อโลก”

    ลองจินตนาการว่าแบตเตอรี่ AA ที่คุณใช้ในรีโมทหรือคีย์บอร์ดไร้สาย สามารถชาร์จเต็มในเวลาแค่ 160 วินาที ใช้ได้นานหลายสิบปี และไม่สร้างขยะพิษให้โลก—นี่คือสิ่งที่สตาร์ทอัพจากอิตาลีชื่อ Captery กำลังทำให้เป็นจริง

    Captery Ultra คือแบตเตอรี่ AA และ AAA ที่ใช้เทคโนโลยี “ซุปเปอร์คาปาซิเตอร์” แทนเคมีแบบดั้งเดิมอย่างลิเธียมหรือนิกเกิลเมทัลไฮไดรด์ ซึ่งทำให้สามารถชาร์จซ้ำได้มากกว่าถ่านทั่วไปถึง 500 เท่า และเสื่อมสภาพช้ากว่ามาก เพราะใช้กระบวนการทางกายภาพในการเก็บพลังงาน ไม่ใช่เคมี

    ที่น่าสนใจคือแรงดันไฟฟ้าของแบตเตอรี่นี้อยู่ที่ 3.2V ซึ่งเพียงพอสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ถ่าน AA สองก้อน และยังมีอุปกรณ์เสริมชื่อ “Bridge” ที่ช่วยให้ใช้งานร่วมกับถ่านเก่าได้อย่างสมดุล

    แม้จะยังอยู่ในช่วงระดมทุนผ่าน Kickstarter แต่ก็ได้รับการสนับสนุนเกินเป้าหมายแล้ว และมีชุดเริ่มต้นราคา €54 (~$63) ที่รวมแบตเตอรี่ AA, AAA, เครื่องชาร์จ S-Charge Plus และอุปกรณ์ Bridge พร้อมจัดส่งทั่วโลก

    เทคโนโลยีนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนของการใช้พลังงานแบบพกพาในอนาคต โดยเฉพาะในยุคที่โลกต้องการลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และหาทางเลือกที่ยั่งยืนมากขึ้น

    เทคโนโลยีซุปเปอร์คาปาซิเตอร์
    ใช้กระบวนการทางกายภาพในการเก็บพลังงาน ทำให้ชาร์จเร็วและเสื่อมช้ากว่าแบตเตอรี่ทั่วไป
    ชาร์จเต็มใน 160 วินาที และใช้งานได้นานหลายสิบปี
    ชาร์จซ้ำได้มากกว่าถ่านทั่วไปถึง 500 เท่า

    ความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม
    วัสดุที่ใช้มีความยั่งยืนมากกว่าถ่านทั่วไปถึง 90%
    ลดการสร้างขยะพิษจากแบตเตอรี่ที่ทิ้งปีละหลายพันล้านก้อน

    การใช้งานและอุปกรณ์เสริม
    แรงดันไฟฟ้า 3.2V ใช้ได้กับอุปกรณ์ที่ต้องการถ่าน AA สองก้อน
    ใช้กับรีโมท, คีย์บอร์ดไร้สาย, ของเล่น และอุปกรณ์ทั่วไป
    มีอุปกรณ์ “Bridge” สำหรับใช้งานร่วมกับถ่านเก่า
    เครื่องชาร์จ S-Charge Plus รองรับทั้ง AA และ AAA พร้อมอะแดปเตอร์

    การระดมทุนและการจัดจำหน่าย
    ระดมทุนผ่าน Kickstarter ได้เกินเป้าหมายแล้ว
    ชุดเริ่มต้นราคา €54 (~$63) พร้อมจัดส่งทั่วโลก
    วางแผนผลิตรุ่น 1.5V สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ถ่านก้อนเดียว

    https://www.techradar.com/pro/this-tiny-startup-wants-to-produce-the-worlds-best-aa-battery-capterys-supercapacitor-recharges-in-160-seconds-pollutes-less-and-can-last-decades-and-i-want-one
    🔋 “Captery Ultra: แบตเตอรี่ AA ที่ชาร์จไว ใช้ได้นานหลายสิบปี และเป็นมิตรต่อโลก” ลองจินตนาการว่าแบตเตอรี่ AA ที่คุณใช้ในรีโมทหรือคีย์บอร์ดไร้สาย สามารถชาร์จเต็มในเวลาแค่ 160 วินาที ใช้ได้นานหลายสิบปี และไม่สร้างขยะพิษให้โลก—นี่คือสิ่งที่สตาร์ทอัพจากอิตาลีชื่อ Captery กำลังทำให้เป็นจริง Captery Ultra คือแบตเตอรี่ AA และ AAA ที่ใช้เทคโนโลยี “ซุปเปอร์คาปาซิเตอร์” แทนเคมีแบบดั้งเดิมอย่างลิเธียมหรือนิกเกิลเมทัลไฮไดรด์ ซึ่งทำให้สามารถชาร์จซ้ำได้มากกว่าถ่านทั่วไปถึง 500 เท่า และเสื่อมสภาพช้ากว่ามาก เพราะใช้กระบวนการทางกายภาพในการเก็บพลังงาน ไม่ใช่เคมี ที่น่าสนใจคือแรงดันไฟฟ้าของแบตเตอรี่นี้อยู่ที่ 3.2V ซึ่งเพียงพอสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ถ่าน AA สองก้อน และยังมีอุปกรณ์เสริมชื่อ “Bridge” ที่ช่วยให้ใช้งานร่วมกับถ่านเก่าได้อย่างสมดุล แม้จะยังอยู่ในช่วงระดมทุนผ่าน Kickstarter แต่ก็ได้รับการสนับสนุนเกินเป้าหมายแล้ว และมีชุดเริ่มต้นราคา €54 (~$63) ที่รวมแบตเตอรี่ AA, AAA, เครื่องชาร์จ S-Charge Plus และอุปกรณ์ Bridge พร้อมจัดส่งทั่วโลก เทคโนโลยีนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนของการใช้พลังงานแบบพกพาในอนาคต โดยเฉพาะในยุคที่โลกต้องการลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และหาทางเลือกที่ยั่งยืนมากขึ้น ✅ เทคโนโลยีซุปเปอร์คาปาซิเตอร์ ➡️ ใช้กระบวนการทางกายภาพในการเก็บพลังงาน ทำให้ชาร์จเร็วและเสื่อมช้ากว่าแบตเตอรี่ทั่วไป ➡️ ชาร์จเต็มใน 160 วินาที และใช้งานได้นานหลายสิบปี ➡️ ชาร์จซ้ำได้มากกว่าถ่านทั่วไปถึง 500 เท่า ✅ ความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม ➡️ วัสดุที่ใช้มีความยั่งยืนมากกว่าถ่านทั่วไปถึง 90% ➡️ ลดการสร้างขยะพิษจากแบตเตอรี่ที่ทิ้งปีละหลายพันล้านก้อน ✅ การใช้งานและอุปกรณ์เสริม ➡️ แรงดันไฟฟ้า 3.2V ใช้ได้กับอุปกรณ์ที่ต้องการถ่าน AA สองก้อน ➡️ ใช้กับรีโมท, คีย์บอร์ดไร้สาย, ของเล่น และอุปกรณ์ทั่วไป ➡️ มีอุปกรณ์ “Bridge” สำหรับใช้งานร่วมกับถ่านเก่า ➡️ เครื่องชาร์จ S-Charge Plus รองรับทั้ง AA และ AAA พร้อมอะแดปเตอร์ ✅ การระดมทุนและการจัดจำหน่าย ➡️ ระดมทุนผ่าน Kickstarter ได้เกินเป้าหมายแล้ว ➡️ ชุดเริ่มต้นราคา €54 (~$63) พร้อมจัดส่งทั่วโลก ➡️ วางแผนผลิตรุ่น 1.5V สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ถ่านก้อนเดียว https://www.techradar.com/pro/this-tiny-startup-wants-to-produce-the-worlds-best-aa-battery-capterys-supercapacitor-recharges-in-160-seconds-pollutes-less-and-can-last-decades-and-i-want-one
    WWW.TECHRADAR.COM
    Startup Captery proposes quick-charging AA battery with decades of use
    Captery battery even comes with a special, dedicated charger
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 139 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Silicon Box ส่งมอบชิปครบ 100 ล้านชิ้น” — ยืนยันความพร้อมของเทคโนโลยี Panel-Level Packaging สำหรับยุค AI และ HPC

    Silicon Box บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการบรรจุภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์แบบขั้นสูง ประกาศความสำเร็จในการผลิตและส่งมอบชิปครบ 100 ล้านชิ้นจากโรงงานหลักในสิงคโปร์ ซึ่งใช้เทคโนโลยี Panel-Level Packaging (PLP) ที่ล้ำสมัยที่สุดในโลก

    PLP เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถรวมชิปหลายตัว (chiplets) เข้าด้วยกันบนแผงขนาดใหญ่ (panel) แทนที่จะใช้เวเฟอร์แบบดั้งเดิม ช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และรองรับการผลิตในปริมาณมาก เหมาะอย่างยิ่งกับความต้องการของอุตสาหกรรม AI, การประมวลผลสมรรถนะสูง (HPC), ยานยนต์ และหุ่นยนต์

    โรงงานของ Silicon Box ในสิงคโปร์เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในปลายปี 2023 และสามารถทำลายสถิติเดิมของบริษัทในด้านอัตราผลิตสำเร็จ (yield) ที่เคยอยู่ที่ 99.7% ในระดับเวเฟอร์ โดยตอนนี้สามารถรักษาระดับ yield ที่สูงมากแม้ในระดับ panel ซึ่งใหญ่และซับซ้อนกว่า

    บริษัทกำลังขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนสร้างโรงงานแห่งที่สองในเมืองโนวารา ประเทศอิตาลี ซึ่งจะเริ่มผลิตในปี 2028 และมีขนาดใหญ่กว่าสิงคโปร์ พร้อมระบบทดสอบภายในประเทศยุโรป

    Silicon Box ยังได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001, 14001 และ 45001 ซึ่งครอบคลุมคุณภาพ ความยั่งยืน และความปลอดภัยของพนักงาน

    ข้อมูลในข่าว
    Silicon Box ส่งมอบชิปครบ 100 ล้านชิ้นจากโรงงานในสิงคโปร์
    ใช้เทคโนโลยี Panel-Level Packaging (PLP) สำหรับการรวม chiplets
    PLP ช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และรองรับการผลิตจำนวนมาก
    โรงงานในสิงคโปร์เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ปลายปี 2023
    อัตราผลิตสำเร็จ (yield) สูงกว่า 99.7% แม้ในระดับ panel
    ได้รับการรับรอง ISO 9001, 14001 และ 45001
    แผนสร้างโรงงานแห่งที่สองในอิตาลี เริ่มผลิตปี 2028
    โรงงานใหม่จะมีระบบทดสอบภายในยุโรป และรองรับอุตสาหกรรม AI, HPC, ยานยนต์, หุ่นยนต์
    เป็นบริษัทอิสระรายเดียวที่สามารถผลิต chiplet ที่ระดับ panel ได้ในปริมาณมาก

    https://www.techpowerup.com/341914/silicon-box-ships-100m-units-proves-advanced-panel-level-packaging-ready-for-ai-hpc-era
    📦 “Silicon Box ส่งมอบชิปครบ 100 ล้านชิ้น” — ยืนยันความพร้อมของเทคโนโลยี Panel-Level Packaging สำหรับยุค AI และ HPC Silicon Box บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการบรรจุภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์แบบขั้นสูง ประกาศความสำเร็จในการผลิตและส่งมอบชิปครบ 100 ล้านชิ้นจากโรงงานหลักในสิงคโปร์ ซึ่งใช้เทคโนโลยี Panel-Level Packaging (PLP) ที่ล้ำสมัยที่สุดในโลก PLP เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถรวมชิปหลายตัว (chiplets) เข้าด้วยกันบนแผงขนาดใหญ่ (panel) แทนที่จะใช้เวเฟอร์แบบดั้งเดิม ช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และรองรับการผลิตในปริมาณมาก เหมาะอย่างยิ่งกับความต้องการของอุตสาหกรรม AI, การประมวลผลสมรรถนะสูง (HPC), ยานยนต์ และหุ่นยนต์ โรงงานของ Silicon Box ในสิงคโปร์เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในปลายปี 2023 และสามารถทำลายสถิติเดิมของบริษัทในด้านอัตราผลิตสำเร็จ (yield) ที่เคยอยู่ที่ 99.7% ในระดับเวเฟอร์ โดยตอนนี้สามารถรักษาระดับ yield ที่สูงมากแม้ในระดับ panel ซึ่งใหญ่และซับซ้อนกว่า บริษัทกำลังขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนสร้างโรงงานแห่งที่สองในเมืองโนวารา ประเทศอิตาลี ซึ่งจะเริ่มผลิตในปี 2028 และมีขนาดใหญ่กว่าสิงคโปร์ พร้อมระบบทดสอบภายในประเทศยุโรป Silicon Box ยังได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001, 14001 และ 45001 ซึ่งครอบคลุมคุณภาพ ความยั่งยืน และความปลอดภัยของพนักงาน ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ Silicon Box ส่งมอบชิปครบ 100 ล้านชิ้นจากโรงงานในสิงคโปร์ ➡️ ใช้เทคโนโลยี Panel-Level Packaging (PLP) สำหรับการรวม chiplets ➡️ PLP ช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และรองรับการผลิตจำนวนมาก ➡️ โรงงานในสิงคโปร์เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ปลายปี 2023 ➡️ อัตราผลิตสำเร็จ (yield) สูงกว่า 99.7% แม้ในระดับ panel ➡️ ได้รับการรับรอง ISO 9001, 14001 และ 45001 ➡️ แผนสร้างโรงงานแห่งที่สองในอิตาลี เริ่มผลิตปี 2028 ➡️ โรงงานใหม่จะมีระบบทดสอบภายในยุโรป และรองรับอุตสาหกรรม AI, HPC, ยานยนต์, หุ่นยนต์ ➡️ เป็นบริษัทอิสระรายเดียวที่สามารถผลิต chiplet ที่ระดับ panel ได้ในปริมาณมาก https://www.techpowerup.com/341914/silicon-box-ships-100m-units-proves-advanced-panel-level-packaging-ready-for-ai-hpc-era
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Silicon Box Ships 100M Units, Proves Advanced Panel-Level Packaging Ready for AI, HPC era
    Silicon Box, a global leader in chiplet integration and advanced semiconductor packaging, announced it has shipped 100-million-units from its flagship factory in Singapore's Tampines Wafer Park. The state-of-the-art facility, which began mass production in late 2023, produces advanced panel-level pa...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Surveillance Secrets” — เปิดโปงอาณาจักรลับของบริษัทติดตามโทรศัพท์ที่แทรกซึมทั่วโลก

    Lighthouse Reports เปิดเผยการสืบสวนครั้งใหญ่เกี่ยวกับบริษัท First Wap ผู้พัฒนาเครื่องมือสอดแนมชื่อ Altamides ที่สามารถติดตามตำแหน่งโทรศัพท์มือถือได้ทั่วโลก โดยการสืบสวนเริ่มต้นจากฐานข้อมูลลับบน deep web ที่มีข้อมูลการติดตามกว่า 1.5 ล้านรายการ ครอบคลุมผู้คนในกว่า 160 ประเทศ

    นักข่าวกว่า 70 คนจาก 14 สื่อร่วมกันตรวจสอบข้อมูลนี้ และพบว่า Altamides ถูกใช้โดยทั้งรัฐบาลเผด็จการและบริษัทเอกชนในการติดตามนักเคลื่อนไหว นักข่าว นักธุรกิจ และบุคคลทั่วไป โดยไม่มีการควบคุมหรือขอบเขตทางกฎหมายที่ชัดเจน

    การสืบสวนยังเผยว่า First Wap ใช้ช่องโหว่ในโปรโตคอล SS7 ของระบบโทรคมนาคมเพื่อดึงข้อมูลตำแหน่งแบบเรียลไทม์ และมีความสามารถในการดักฟังข้อความ SMS, โทรศัพท์ และแม้แต่แฮก WhatsApp

    ในปฏิบัติการลับ นักข่าวของ Lighthouse ปลอมตัวเป็นนักธุรกิจจากแอฟริกาใต้และเข้าไปเจรจากับผู้บริหารของ First Wap ที่งาน ISS World ในกรุงปราก ซึ่งผู้บริหารยอมรับว่าสามารถจัดการขายให้ลูกค้าที่ถูกคว่ำบาตรได้ผ่านบริษัทในจาการ์ตา โดยใช้บริษัทเปลือกเพื่อหลบเลี่ยงข้อกฎหมาย

    ข้อมูลในคลังยังเผยชื่อบุคคลสำคัญที่ถูกติดตาม เช่น อดีตนายกรัฐมนตรีกาตาร์, ภรรยาของอดีตผู้นำซีเรีย, ผู้ก่อตั้ง 23andMe, ผู้ผลิต Netflix, นักข่าวอิตาลี, นักการเมืองรวันดา และนักกฎหมายอิสราเอล รวมถึงบุคคลทั่วไปอย่างครู นักบำบัด และศิลปิน

    ข้อมูลในข่าว
    การสืบสวนเริ่มจากฐานข้อมูลลับที่มีข้อมูลการติดตามกว่า 1.5 ล้านรายการ
    บริษัท First Wap พัฒนาเครื่องมือชื่อ Altamides ที่สามารถติดตามตำแหน่งโทรศัพท์ทั่วโลก
    ใช้ช่องโหว่ในโปรโตคอล SS7 เพื่อดึงข้อมูลตำแหน่งแบบเรียลไทม์
    Altamides สามารถดักฟัง SMS, โทรศัพท์ และแฮก WhatsApp ได้
    นักข่าวกว่า 70 คนจาก 14 สื่อร่วมกันตรวจสอบข้อมูล
    พบการใช้งานโดยรัฐบาลเผด็จการและบริษัทเอกชนในการติดตามบุคคล
    มีการขายให้ลูกค้าที่ถูกคว่ำบาตรผ่านบริษัทในจาการ์ตาโดยใช้บริษัทเปลือก
    บุคคลสำคัญที่ถูกติดตามรวมถึงนักการเมือง นักธุรกิจ และนักข่าวจากหลายประเทศ
    พบการติดตามบุคคลทั่วไป เช่น ครู นักบำบัด และศิลปิน โดยไม่มีเหตุผลด้านความมั่นคง
    การสืบสวนได้รับทุนสนับสนุนจาก IJ4EU และเผยแพร่ร่วมกับสื่อระดับโลกหลายแห่ง

    https://www.lighthousereports.com/investigation/surveillance-secrets/
    📡 “Surveillance Secrets” — เปิดโปงอาณาจักรลับของบริษัทติดตามโทรศัพท์ที่แทรกซึมทั่วโลก Lighthouse Reports เปิดเผยการสืบสวนครั้งใหญ่เกี่ยวกับบริษัท First Wap ผู้พัฒนาเครื่องมือสอดแนมชื่อ Altamides ที่สามารถติดตามตำแหน่งโทรศัพท์มือถือได้ทั่วโลก โดยการสืบสวนเริ่มต้นจากฐานข้อมูลลับบน deep web ที่มีข้อมูลการติดตามกว่า 1.5 ล้านรายการ ครอบคลุมผู้คนในกว่า 160 ประเทศ นักข่าวกว่า 70 คนจาก 14 สื่อร่วมกันตรวจสอบข้อมูลนี้ และพบว่า Altamides ถูกใช้โดยทั้งรัฐบาลเผด็จการและบริษัทเอกชนในการติดตามนักเคลื่อนไหว นักข่าว นักธุรกิจ และบุคคลทั่วไป โดยไม่มีการควบคุมหรือขอบเขตทางกฎหมายที่ชัดเจน การสืบสวนยังเผยว่า First Wap ใช้ช่องโหว่ในโปรโตคอล SS7 ของระบบโทรคมนาคมเพื่อดึงข้อมูลตำแหน่งแบบเรียลไทม์ และมีความสามารถในการดักฟังข้อความ SMS, โทรศัพท์ และแม้แต่แฮก WhatsApp ในปฏิบัติการลับ นักข่าวของ Lighthouse ปลอมตัวเป็นนักธุรกิจจากแอฟริกาใต้และเข้าไปเจรจากับผู้บริหารของ First Wap ที่งาน ISS World ในกรุงปราก ซึ่งผู้บริหารยอมรับว่าสามารถจัดการขายให้ลูกค้าที่ถูกคว่ำบาตรได้ผ่านบริษัทในจาการ์ตา โดยใช้บริษัทเปลือกเพื่อหลบเลี่ยงข้อกฎหมาย ข้อมูลในคลังยังเผยชื่อบุคคลสำคัญที่ถูกติดตาม เช่น อดีตนายกรัฐมนตรีกาตาร์, ภรรยาของอดีตผู้นำซีเรีย, ผู้ก่อตั้ง 23andMe, ผู้ผลิต Netflix, นักข่าวอิตาลี, นักการเมืองรวันดา และนักกฎหมายอิสราเอล รวมถึงบุคคลทั่วไปอย่างครู นักบำบัด และศิลปิน ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ การสืบสวนเริ่มจากฐานข้อมูลลับที่มีข้อมูลการติดตามกว่า 1.5 ล้านรายการ ➡️ บริษัท First Wap พัฒนาเครื่องมือชื่อ Altamides ที่สามารถติดตามตำแหน่งโทรศัพท์ทั่วโลก ➡️ ใช้ช่องโหว่ในโปรโตคอล SS7 เพื่อดึงข้อมูลตำแหน่งแบบเรียลไทม์ ➡️ Altamides สามารถดักฟัง SMS, โทรศัพท์ และแฮก WhatsApp ได้ ➡️ นักข่าวกว่า 70 คนจาก 14 สื่อร่วมกันตรวจสอบข้อมูล ➡️ พบการใช้งานโดยรัฐบาลเผด็จการและบริษัทเอกชนในการติดตามบุคคล ➡️ มีการขายให้ลูกค้าที่ถูกคว่ำบาตรผ่านบริษัทในจาการ์ตาโดยใช้บริษัทเปลือก ➡️ บุคคลสำคัญที่ถูกติดตามรวมถึงนักการเมือง นักธุรกิจ และนักข่าวจากหลายประเทศ ➡️ พบการติดตามบุคคลทั่วไป เช่น ครู นักบำบัด และศิลปิน โดยไม่มีเหตุผลด้านความมั่นคง ➡️ การสืบสวนได้รับทุนสนับสนุนจาก IJ4EU และเผยแพร่ร่วมกับสื่อระดับโลกหลายแห่ง https://www.lighthousereports.com/investigation/surveillance-secrets/
    WWW.LIGHTHOUSEREPORTS.COM
    Surveillance Secrets
    Trove of surveillance data challenges what we thought we knew about location tracking tools, who they target and how far they have spread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 6
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3”
    ตอนที่ 6

    ในบรรดารัฐเล็กรัฐน้อย ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต อเมริกามองว่า Ukraine มี ความสำคัญต่อรัสเซียและอเมริกาไม่น้อยกว่ากัน ดังนั้นอเมริกาจึงคิดเอา Ukraine มาเก็บไว้ในกระเป๋าตัวเองอย่างมิดชิด ก่อนที่รัสเซียจะรวบเอาไป

    Ukraine มีอาณาเขตติดต่อกับรัสเซีย มีความสำคัญที่เปิดเผยรู้กันทั่วคือ

    – เป็นเส้นทางวางท่อส่งแก๊ส เส้นสำคัญของรัสเซียมาสู่ตลาดยุโรป ที่ทำให้รัสเซียมีอำนาจต่อรองสูงกับสหภาพยุโรป

    – รัสเซียมีกองเรือรบฝูงใหญ่ อยู่ที่ทะเลดำ โดยเช่า Stevastopol ของ Ukraine เป็นฐานทัพเรือ สัญญาเช่านี้ถ้าไม่ต่ออายุ จะสิ้นสุดในปี ค.ศ.2017

    – แหลม Crimea ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายแล้ว Crimea กลายเป็นอยู่ในอาณาเขตของ Ukraine Crimea ซึ่งมีประชาชนประมาณ 2.3 ล้านคน ที่ส่วนใหญ่ยังนึกว่าตนเองเป็นคนรัสเซีย พูดภาษารัสเซีย และรัสเซียอ้างว่าถือ passport รัสเซียเสียด้วย

    สิ่งที่ผู้คนยังไม่ค่อยรู้กัน เกี่ยวกับความสำคัญของ Ukraine คือ

    – แหลม Crimea เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ เป็นเหมือนประตูเข้าหลังบ้านรัสเซีย หากใครไปตั้งฐานยิงจรวดหันหัวให้ถูกทาง รัสเซียอาจไม่เหลือ !

    – ลึกลงใต้ทะเลดำ ด้านหน้าของแหลม Crimea เต็มไปด้วยแหล่งทรัพยากรน้ำมัน ที่ประมาณว่า มีมูลค่าหลายล้านล้านเหรียญ Exxon Mobil, Royal Dutch Shell หรือ BP และ หลายบริษัทน้ำมัน ได้ไปทำการสำรวจเรียบร้อยแล้ว และมีผลสำรวจออกมาว่า น่าจะเป็นแหล่งทรัพยากรใหญ่สู้กับแหล่งน้ำมันที่ทะเลเหนือได้ ซึ่งแหล่งน้ำมันที่ทะเลเหนือนั้น มีส่วนช่วยพยุงเศรษฐกิจของอังกฤษ นอร์เวย์ และหลายประเทศในยุโรปมาตั้งแต่เมื่อแหล่งน้ำมันที่ทะเลเหนือทำการผลิตน้ำมัน ได้ ในช่วงประมาณ ค.ศ.1970 กว่าเป็นต้นมา
    นอกจาก Ukraine ที่อเมริกาต้องการเก็บมาอยู่ในกระเป๋าแล้ว อเมริกายังต้องได้ Greorgia ซึ่งมีอาณาเขตด้านหนึ่งติดกับ Ukraine โดยมีเทือกเขา Caucasus กั้นอยู่ และอีกด้านหนึ่งติดกับรัสเซียและรัฐ Azerbijan

    ความสำคัญของ Georgia มีความต่างกับ Ukraine แม้จะน้อยกว่า แต่ถ้าฝ่ายใดได้ทั้ง Ukraine และ Georgia ไปด้วยกัน ย่อมได้เปรียบอีกฝ่ายอย่างยิ่ง

    – ปี ค.ศ.2002 BP ซึ่งมีประธานกรรมการชื่อ Tony Blair นายกรัฐมนตรีของอังกฤษในขณะนั้น ได้ทำสัญญาที่จะสร้างท่อส่งน้ำมัน ยาว 1,762 กิโลเมตร ที่ มีมูลค่าประมาณ 3.6 พันล้านเหรียญ จาก Baku ของ Azerbijan ผ่าน Tbilisi ของ Georgia มาสุดทางที่ Ceyhan ของตุรกี โดยมี Unocal ของอเมริกาและ Turkish Petroleum ของตุรกีร่วมทุนด้วย Ceyhan นี้อยู่ใกล้กับฐานทัพอากาศของอเมริกา ที่ตั้งอยู่ที่ Incirlik เป็นโครงการที่อังกฤษภาคภูมิใจหนักหนา เพราะเป็นผู้ริเริ่มร่วมกับรัฐบาล Bill Clinton ถึงขนาดนาย Blair เพ้อว่าเป็น Project of the Century ทีเดียว

    เมื่อท่อส่ง BTC ( Baku-Tbilisi-Ceyhan) นี้สร้างเสร็จในปี ค.ศ.2005 การดูแลท่อส่งจะต้องได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจาก Georgia ซึ่งไม่ได้ร่วมลงทุนในการสร้างท่อส่งด้วย ดังนั้นการมีอิทธิพลเหนือรัฐบาล Greorgia จึงเป็นเรื่องสำคัญของกลุ่มผู้ลงทุน

    เพื่อให้มีอิทธิพลเหนือ Ukraine และ Greorgia อเมริกาจึงวางแผนครอบงำทั้ง 2 รัฐ โดยส่งคนของตนเอง หรือที่ตัวเองเลือก ไปเป็นผู้มีอำนาจปกครองทั้ง 2 รัฐ โดยมีเป้าหมายหลัก จะให้ทั้ง 2 รัฐ เข้าเป็นสมาชิกของ NATO เพื่อเปิดทางให้กองทัพของ NATO เข้าไปตั้งฐานทัพใน 2 รัฐ กุมคอหอยทั้ง 2 รัฐไว้ และเป็นการวางกองทัพของ NATO จ่ออยู่หน้าประตูหลังบ้านรัสเซียอีกด้วย เป็นการปิดล้อม Containment รัสเซียรอบใหม่ ที่อันตรายสำหรับรัสเซีย

    แต่การจัดฉากของ Washington เพื่อส่งคนของตน เอาไปปกครอง 2 รัฐ ชาวโลกรู้จักกันในชื่อของ ปฏิวัติหลากสี Color Revolution เพื่อความเป็นประชาธิปไตยของทั้ง 2 รัฐ ตามที่สื่อย้อมสีของฝั่งตะวันตกเรียก ตอแหลซ้ำซากจริงๆ แต่ชาวโลกส่วนใหญ่ ก็ยังให้ความเขื่อถืออย่างน่าสมเพช
    ปี ค.ศ.2003 อเมริกาจัดส่งนาย Saakashvili หนุ่มน้อยอายุ 37 ปี ! เข้าไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากนาย Shevardnadze ซึ่งครองตำแหน่งมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1995 โดยการสร้างฉากปฏิวัติดอกกุหลาบ Rose Revolution ชื่อเพราะ แต่แรงเด็ด เขี่ยนาย Shevardnadze เสียกระเด็นจากทำเนียบประธานาธิบดี หายวับไปกับตา

    เมื่อนาย Saakashvili ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีเรียบร้อยในปี ค.ศ.2003 อเมริกาส่งของขวัญเป็นอาวุธและการฝึกอบรมจาก Pentagon เต็มรูปแบบไปให้ แค่นั้นยังไม่พอ อิสราเอลส่งที่ปรึกษาการทหาร (ก็ทหารรับจ้างนั่นแหละ !) ไปให้อีกหนึ่งพันคน เพื่อไปทำการฝึกให้แก่กองทัพ Greorgia ด้านการจู่โจมทางบกและทางอากาศ รวมทั้งการต่อสู้ป้องกันตัว เป็นลูกกระเป๋งเศรษฐีมันดีอย่างนี้เอง ถึงไม่ยอมเลิกเป็นกัน

    สำหรับ Ukraine ปี ค.ศ.2004 อเมริกาจัดส่งนาย Viktor Yushchenko อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางของUkraine ที่มีเมียเป็นคนอเมริกันจาก Chicago และเคยทำงานกับรัฐบาลอเมริกัน เข้าไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดีได้ โดยใช้ปฏิบัติการ ปฏิวัติสีส้ม Orange Revolution (รอบ 1) ชาว Uraine คงคล้ายๆกับสมันน้อยนะ ไม่ค่อยรู้สึกรู้สาว่าอะไรมันพิกลหรือเปล่า

    ทุกอย่างทำท่าเหมือนจะเป็นไปตาม แผนที่อเมริกาวางไว้ แต่พอถึงเดือนสิงหาคม ค.ศ.2008 กองทัพของ Georgia ก็ดันยกทัพเข้าไปยึดแคว้น South Ossetia ที่อยู่ในรัฐของตนเอง !

    Georgia มีปัญหาภายในมานานแล้ว เกี่ยวกับความต้องการแยกตัวของแคว้น South Ossetiaและ Abkhazia ซึ่ง เคยเป็นแคว้นที่ปกครองตนเอง สมัยยังขึ้นกับสหภาพโซเวียต เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลาย การแบ่งเขตแดนใหม่ ตาม Warsow Pact ทำให้ 2 แคว้นต้องไปรวมกับ Georgia ซึ่งมีวัฒนธรรมประเพณีต่างกัน และมักจะใช้ความรุนแรงกับ 2 รัฐเสมอ จึงมีเรื่องขัดแย้งและปะทะกันตลอด

    สำหรับรัสเซีย Ossetia เป็น เสมือนฐานทัพหนึ่งของรัสเซีย ที่คอยช่วยดูแลแนวเขตแดนระหว่างรัสเซียกับตุรกีและอิหร่าน ตั้งแต่สมัยซาร์ นอกจากเรื่องท่อส่งน้ำมันของ BP แล้ว ยังมีข่าวว่า Washington อาจจะมาตั้งฐานทัพใน Georgia อีกด้วย สำหรับรัสเซีย การบุกยึด Ossetia จึงเป็นข่าวร้าย
    ปูตินนำเรื่องเข้าสภา เพื่อให้สภาสนับสนุนการแยกตัวของแคว้น Ossetia และ Abkhazia เมื่อสภาให้ความเห็นชอบ ปูตินประกาศสนับสนุนการแยกตัวของทั้ง 2 แคว้น ประธานาธิบดี Saakashvili ประท้วงรัสเซีย บอกว่าอเมริกาและตะวันตกเห็นว่าทั้ง 2
    แค้วนเป็นของ Georgia ให้รัสเซียถอนการประกาศสนับสนุน แต่รัสเซียไม่ยอมถอน และประกาศเพิ่มว่าพร้อมที่จะส่งกำลังไปปกป้องทั้ง 2 รัฐ ปูตินกำลังคิดอะไร

    ช่วงนั้นคณะมนตรีของ NATO กำลังพิจารณาเรื่องการรับ Ukraineและ Georgia เข้าเป็นสมาชิกของ NATO ตามใบสั่งของ Washington สมาชิก NATO เห็นว่าถ้ารับ Georgia เข้าเป็นสมาชิก และหาก Georgia มีปัญหากับรัสเซีย ตามกฎบัตรของ NATO สมาชิก NATO ต้องทำสงครามกับรัสเซียเพื่อปกป้อง Georgia ด้วย

    มีสมาชิก 10 รายของ NATO ที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของ Georgia ซึ่งผู้ไม่เห็นด้วยมีทั้ง เยอรมัน ฝรั่งเศส และอิตาลี่ อเมริกาจึงจำเป็นต้องคลายมือที่บีบ NATO ชั่วคราว ด้วยความขัดใจ และทั้ง Ukraineและ Georgia จึงยังไม่ได้ร่วมอยู่ในคอก NATO

    รัสเซียรอดจากการมีกองทัพของ NATO มาอยู่ที่ประตูหน้าบ้านไปอย่างเฉียดฉิว

    เยอรมันคงยังไม่พร้อม หรือคิดอยากทำสงครามกับรัสเซี ย เพราะขณะนั้น ท่อส่งแก๊ส Baltic Pipeline System (BPS) ยาว 1,200 กิโลเมตรใต้ทะเล Baltic ซึ่งเป็นการร่วมทุน ระหว่างเยอรมันกับรัสเซีย เพื่อส่งแก๊สของรัสเซีย จาก West Siberia มายังตลาดยุโรปตะวันตกก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทำสงครามกับผู้ร่วมทุนเกี่ยวกับพลังงาน คงไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดของเยอรมัน

    ยุทธศาสตร์ท่อส่งของปูติน ได้ผลดีเกินกว่าที่อเมริกาประเมิน

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    2 ธค. 2557
    แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 6 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3” ตอนที่ 6 ในบรรดารัฐเล็กรัฐน้อย ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต อเมริกามองว่า Ukraine มี ความสำคัญต่อรัสเซียและอเมริกาไม่น้อยกว่ากัน ดังนั้นอเมริกาจึงคิดเอา Ukraine มาเก็บไว้ในกระเป๋าตัวเองอย่างมิดชิด ก่อนที่รัสเซียจะรวบเอาไป Ukraine มีอาณาเขตติดต่อกับรัสเซีย มีความสำคัญที่เปิดเผยรู้กันทั่วคือ – เป็นเส้นทางวางท่อส่งแก๊ส เส้นสำคัญของรัสเซียมาสู่ตลาดยุโรป ที่ทำให้รัสเซียมีอำนาจต่อรองสูงกับสหภาพยุโรป – รัสเซียมีกองเรือรบฝูงใหญ่ อยู่ที่ทะเลดำ โดยเช่า Stevastopol ของ Ukraine เป็นฐานทัพเรือ สัญญาเช่านี้ถ้าไม่ต่ออายุ จะสิ้นสุดในปี ค.ศ.2017 – แหลม Crimea ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายแล้ว Crimea กลายเป็นอยู่ในอาณาเขตของ Ukraine Crimea ซึ่งมีประชาชนประมาณ 2.3 ล้านคน ที่ส่วนใหญ่ยังนึกว่าตนเองเป็นคนรัสเซีย พูดภาษารัสเซีย และรัสเซียอ้างว่าถือ passport รัสเซียเสียด้วย สิ่งที่ผู้คนยังไม่ค่อยรู้กัน เกี่ยวกับความสำคัญของ Ukraine คือ – แหลม Crimea เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ เป็นเหมือนประตูเข้าหลังบ้านรัสเซีย หากใครไปตั้งฐานยิงจรวดหันหัวให้ถูกทาง รัสเซียอาจไม่เหลือ ! – ลึกลงใต้ทะเลดำ ด้านหน้าของแหลม Crimea เต็มไปด้วยแหล่งทรัพยากรน้ำมัน ที่ประมาณว่า มีมูลค่าหลายล้านล้านเหรียญ Exxon Mobil, Royal Dutch Shell หรือ BP และ หลายบริษัทน้ำมัน ได้ไปทำการสำรวจเรียบร้อยแล้ว และมีผลสำรวจออกมาว่า น่าจะเป็นแหล่งทรัพยากรใหญ่สู้กับแหล่งน้ำมันที่ทะเลเหนือได้ ซึ่งแหล่งน้ำมันที่ทะเลเหนือนั้น มีส่วนช่วยพยุงเศรษฐกิจของอังกฤษ นอร์เวย์ และหลายประเทศในยุโรปมาตั้งแต่เมื่อแหล่งน้ำมันที่ทะเลเหนือทำการผลิตน้ำมัน ได้ ในช่วงประมาณ ค.ศ.1970 กว่าเป็นต้นมา นอกจาก Ukraine ที่อเมริกาต้องการเก็บมาอยู่ในกระเป๋าแล้ว อเมริกายังต้องได้ Greorgia ซึ่งมีอาณาเขตด้านหนึ่งติดกับ Ukraine โดยมีเทือกเขา Caucasus กั้นอยู่ และอีกด้านหนึ่งติดกับรัสเซียและรัฐ Azerbijan ความสำคัญของ Georgia มีความต่างกับ Ukraine แม้จะน้อยกว่า แต่ถ้าฝ่ายใดได้ทั้ง Ukraine และ Georgia ไปด้วยกัน ย่อมได้เปรียบอีกฝ่ายอย่างยิ่ง – ปี ค.ศ.2002 BP ซึ่งมีประธานกรรมการชื่อ Tony Blair นายกรัฐมนตรีของอังกฤษในขณะนั้น ได้ทำสัญญาที่จะสร้างท่อส่งน้ำมัน ยาว 1,762 กิโลเมตร ที่ มีมูลค่าประมาณ 3.6 พันล้านเหรียญ จาก Baku ของ Azerbijan ผ่าน Tbilisi ของ Georgia มาสุดทางที่ Ceyhan ของตุรกี โดยมี Unocal ของอเมริกาและ Turkish Petroleum ของตุรกีร่วมทุนด้วย Ceyhan นี้อยู่ใกล้กับฐานทัพอากาศของอเมริกา ที่ตั้งอยู่ที่ Incirlik เป็นโครงการที่อังกฤษภาคภูมิใจหนักหนา เพราะเป็นผู้ริเริ่มร่วมกับรัฐบาล Bill Clinton ถึงขนาดนาย Blair เพ้อว่าเป็น Project of the Century ทีเดียว เมื่อท่อส่ง BTC ( Baku-Tbilisi-Ceyhan) นี้สร้างเสร็จในปี ค.ศ.2005 การดูแลท่อส่งจะต้องได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจาก Georgia ซึ่งไม่ได้ร่วมลงทุนในการสร้างท่อส่งด้วย ดังนั้นการมีอิทธิพลเหนือรัฐบาล Greorgia จึงเป็นเรื่องสำคัญของกลุ่มผู้ลงทุน เพื่อให้มีอิทธิพลเหนือ Ukraine และ Greorgia อเมริกาจึงวางแผนครอบงำทั้ง 2 รัฐ โดยส่งคนของตนเอง หรือที่ตัวเองเลือก ไปเป็นผู้มีอำนาจปกครองทั้ง 2 รัฐ โดยมีเป้าหมายหลัก จะให้ทั้ง 2 รัฐ เข้าเป็นสมาชิกของ NATO เพื่อเปิดทางให้กองทัพของ NATO เข้าไปตั้งฐานทัพใน 2 รัฐ กุมคอหอยทั้ง 2 รัฐไว้ และเป็นการวางกองทัพของ NATO จ่ออยู่หน้าประตูหลังบ้านรัสเซียอีกด้วย เป็นการปิดล้อม Containment รัสเซียรอบใหม่ ที่อันตรายสำหรับรัสเซีย แต่การจัดฉากของ Washington เพื่อส่งคนของตน เอาไปปกครอง 2 รัฐ ชาวโลกรู้จักกันในชื่อของ ปฏิวัติหลากสี Color Revolution เพื่อความเป็นประชาธิปไตยของทั้ง 2 รัฐ ตามที่สื่อย้อมสีของฝั่งตะวันตกเรียก ตอแหลซ้ำซากจริงๆ แต่ชาวโลกส่วนใหญ่ ก็ยังให้ความเขื่อถืออย่างน่าสมเพช ปี ค.ศ.2003 อเมริกาจัดส่งนาย Saakashvili หนุ่มน้อยอายุ 37 ปี ! เข้าไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากนาย Shevardnadze ซึ่งครองตำแหน่งมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1995 โดยการสร้างฉากปฏิวัติดอกกุหลาบ Rose Revolution ชื่อเพราะ แต่แรงเด็ด เขี่ยนาย Shevardnadze เสียกระเด็นจากทำเนียบประธานาธิบดี หายวับไปกับตา เมื่อนาย Saakashvili ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีเรียบร้อยในปี ค.ศ.2003 อเมริกาส่งของขวัญเป็นอาวุธและการฝึกอบรมจาก Pentagon เต็มรูปแบบไปให้ แค่นั้นยังไม่พอ อิสราเอลส่งที่ปรึกษาการทหาร (ก็ทหารรับจ้างนั่นแหละ !) ไปให้อีกหนึ่งพันคน เพื่อไปทำการฝึกให้แก่กองทัพ Greorgia ด้านการจู่โจมทางบกและทางอากาศ รวมทั้งการต่อสู้ป้องกันตัว เป็นลูกกระเป๋งเศรษฐีมันดีอย่างนี้เอง ถึงไม่ยอมเลิกเป็นกัน สำหรับ Ukraine ปี ค.ศ.2004 อเมริกาจัดส่งนาย Viktor Yushchenko อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางของUkraine ที่มีเมียเป็นคนอเมริกันจาก Chicago และเคยทำงานกับรัฐบาลอเมริกัน เข้าไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดีได้ โดยใช้ปฏิบัติการ ปฏิวัติสีส้ม Orange Revolution (รอบ 1) ชาว Uraine คงคล้ายๆกับสมันน้อยนะ ไม่ค่อยรู้สึกรู้สาว่าอะไรมันพิกลหรือเปล่า ทุกอย่างทำท่าเหมือนจะเป็นไปตาม แผนที่อเมริกาวางไว้ แต่พอถึงเดือนสิงหาคม ค.ศ.2008 กองทัพของ Georgia ก็ดันยกทัพเข้าไปยึดแคว้น South Ossetia ที่อยู่ในรัฐของตนเอง ! Georgia มีปัญหาภายในมานานแล้ว เกี่ยวกับความต้องการแยกตัวของแคว้น South Ossetiaและ Abkhazia ซึ่ง เคยเป็นแคว้นที่ปกครองตนเอง สมัยยังขึ้นกับสหภาพโซเวียต เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลาย การแบ่งเขตแดนใหม่ ตาม Warsow Pact ทำให้ 2 แคว้นต้องไปรวมกับ Georgia ซึ่งมีวัฒนธรรมประเพณีต่างกัน และมักจะใช้ความรุนแรงกับ 2 รัฐเสมอ จึงมีเรื่องขัดแย้งและปะทะกันตลอด สำหรับรัสเซีย Ossetia เป็น เสมือนฐานทัพหนึ่งของรัสเซีย ที่คอยช่วยดูแลแนวเขตแดนระหว่างรัสเซียกับตุรกีและอิหร่าน ตั้งแต่สมัยซาร์ นอกจากเรื่องท่อส่งน้ำมันของ BP แล้ว ยังมีข่าวว่า Washington อาจจะมาตั้งฐานทัพใน Georgia อีกด้วย สำหรับรัสเซีย การบุกยึด Ossetia จึงเป็นข่าวร้าย ปูตินนำเรื่องเข้าสภา เพื่อให้สภาสนับสนุนการแยกตัวของแคว้น Ossetia และ Abkhazia เมื่อสภาให้ความเห็นชอบ ปูตินประกาศสนับสนุนการแยกตัวของทั้ง 2 แคว้น ประธานาธิบดี Saakashvili ประท้วงรัสเซีย บอกว่าอเมริกาและตะวันตกเห็นว่าทั้ง 2 แค้วนเป็นของ Georgia ให้รัสเซียถอนการประกาศสนับสนุน แต่รัสเซียไม่ยอมถอน และประกาศเพิ่มว่าพร้อมที่จะส่งกำลังไปปกป้องทั้ง 2 รัฐ ปูตินกำลังคิดอะไร ช่วงนั้นคณะมนตรีของ NATO กำลังพิจารณาเรื่องการรับ Ukraineและ Georgia เข้าเป็นสมาชิกของ NATO ตามใบสั่งของ Washington สมาชิก NATO เห็นว่าถ้ารับ Georgia เข้าเป็นสมาชิก และหาก Georgia มีปัญหากับรัสเซีย ตามกฎบัตรของ NATO สมาชิก NATO ต้องทำสงครามกับรัสเซียเพื่อปกป้อง Georgia ด้วย มีสมาชิก 10 รายของ NATO ที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของ Georgia ซึ่งผู้ไม่เห็นด้วยมีทั้ง เยอรมัน ฝรั่งเศส และอิตาลี่ อเมริกาจึงจำเป็นต้องคลายมือที่บีบ NATO ชั่วคราว ด้วยความขัดใจ และทั้ง Ukraineและ Georgia จึงยังไม่ได้ร่วมอยู่ในคอก NATO รัสเซียรอดจากการมีกองทัพของ NATO มาอยู่ที่ประตูหน้าบ้านไปอย่างเฉียดฉิว เยอรมันคงยังไม่พร้อม หรือคิดอยากทำสงครามกับรัสเซี ย เพราะขณะนั้น ท่อส่งแก๊ส Baltic Pipeline System (BPS) ยาว 1,200 กิโลเมตรใต้ทะเล Baltic ซึ่งเป็นการร่วมทุน ระหว่างเยอรมันกับรัสเซีย เพื่อส่งแก๊สของรัสเซีย จาก West Siberia มายังตลาดยุโรปตะวันตกก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทำสงครามกับผู้ร่วมทุนเกี่ยวกับพลังงาน คงไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดของเยอรมัน ยุทธศาสตร์ท่อส่งของปูติน ได้ผลดีเกินกว่าที่อเมริกาประเมิน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 2 ธค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 405 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3”
    ตอนที่ 2

    ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษมองอเมริกาเหมือนเป็นเด็กอ่อน เขี้ยวยังไม่งอก ดังนั้นอังกฤษจึงตั้งตัวเองเป็นหัวหน้า เป็นผู้ควบคุมเกมสงครามโลกครั้ง ที่ 1 อังกฤษอยากทำสงคราม แต่กำลังถังแตก! ไม่มีทุน แต่คิดการใหญ่ จึงมีการวางแผนหลอกล่อ ให้อเมริกาเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินและอื่นๆ ให้อังกฤษเข้าทำสงคราม แผนการหลอกล่ออเมริกานี้ เกิด ขึ้นจากการ ร่วมมือของเหล่าอิลีต นักการเมือง นักธุรกิจข้ามชาติ และนักการเงิน ของทั้ง 2 ฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ที่คิดร่ำรวย จากการยุให้ทั้งอังกฤษ และอเมริกา เข้าทำสงครามโลก โดยให้ Think Tank ถังความคิด Chatham House ของฝั่งอังกฤษและ Council on Foreign Relations (CFR) ของฝั่งอเมริกา ร่วมกันวางแผนดำเนินการ

    นักธุรกิจ ไม่ว่าสมัยไหน และเชื้อชาติไหน ส่วนใหญ่ก็คิดเพื่อกระเป๋าตัวเองทั้งสิ้น ประเทศชาติจะเป็นอย่างไร ช่างมัน

    แต่แท้จริงแล้ว อเมริกา ที่อังกฤษคิดว่าเป็นเด็กอ่อนเขี้ยวยังไม่งอก แอบเอาเขี้ยวหลบใน อเมริกามองข้ามซ๊อตไกลไปกว่าพวกชาวเกาะ ใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 จะเกิดเสียอีก! อเมริกาเห็นว่า ไม่ใช่จะมีแต่อังกฤษเท่านั้น ที่ใหญ่พอที่จะเป็นผู้ครองโลกหมายเลขหนึ่ง อเมริกาเองก็มีสิทธิเข้าชิงตำแหน่งเหมือนกัน อเมริกาจึงวางแผน ที่มีทั้งความลึก และใช้เวลายาวนานอย่างเหลือเขื่อ !

    อเมริกา วางแผนล่วงหน้าที่จะให้มีทั้งสงครามโลกครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 รวมทั้งวางแผน จังหวะเวลาที่เหมาะสม สำหรับอเมริกา ที่จะเข้าสู่สงครามโลกแต่ละครั้ง และสุดท้ายจะเป็นรายเดียวของผู้ชนะสงครามโลก ที่ไม่บอบช้ำ วางแผนสมกับจะเป็นผู้นำโลกจริงๆ

    อเมริกาเล่นบทเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วย การลงทุนให้การสนับสนุนอังกฤษ ทั้งด้านการเงินและอื่นๆ ให้อังกฤษนำการรบ ให้อังกฤษจัดการคว่ำเยอรมัน ซึ่งเป็นประเทศที่มีความแข็งแกร่งในยุโรป โดยมีฝรั่งเศษ อิตาลีและ รัสเซีย เป็นกองเชียร์สนับสนุนและรุมทุบ โดยอเมริกาไม่ต้องออกแรง หลังจากนั้นอเมริกาวางแผนหนุนรัสเซีย ให้ทำการปฏิวัติล้มราชวงศ์ ทั้งหมดเพื่อนำไปสู่เกิดของสงครามโลกครั้งที่ 2 เห็นเขี้ยวอเมริกาหรือยัง

    อเมริกาวางแผนการเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ใน จังหวะที่จะส่งผลให้อังกฤษและยุโรปบอบซ้ำ ฉิบหาย กระเป๋าฉีก บ้านเมืองพังพินาศ และหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงจะเหลืออเมริกาประเทศใหญ่ ประเทศเดียวที่ไม่มีการบอบซ้ำ และผงาดเป็นพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลกแทนที่อังกฤษ ตามแผนที่วางไว้ทุกประการ (รายละเอียดของตอนนี้อยู่ในนิทานเรื่อง”มายากลยุทธ”) อเมริกาไม่ใช่มีเขี้ยวธรรมดา แต่เป็นเขี้ยวที่แหลมคมยิ่ง
    มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และอเมริกาก็ไม่ได้ถูกอังกฤษหลอกต้ม แต่อเมริกาปล่อยให้คิดว่า อเมริกาถูกหลอก จริงๆแล้วอเมริกาเอง ก็มีความคิดที่จะเป็นพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก โดยการครอบครอง Eurasia เช่น เดียวกับอังกฤษ เพราะกลุ่มผู้วางแผนให้อเมริกาเข้าสู่สงครามโลก ทั้ง 2 ครั้ง รวมทั้งเดินแผนครองโลกก็คือ กลุ่มบุคคลที่เป็นลูกศิษย์ครู Mac ใน ด้านภูมิศาสตร์การเมืองเหมือนกัน หรือมีความเห็นไม่ต่างกับครู Mac อิทธิพลครูMac นี่ไม่เบาเลย

    ผู้วางแผนปฏิบัติการของอเมริกาก็คือ ถังความคิดหมายเลขหนึ่งของอเมริกา Council of Foreign Relations หรือ CFR ตัวแสบนี่แหละ ที่ซ้อนแผนของอังกฤษอีกต่อหนึ่ง CFR โดยการชักใยของพวกอีลิต ที่อยากจะมีอำนาจเหนือรัฐบาลอเมริกัน นำโดยตระกูล Rockefeller ทำหน้าที่ คัดสรร จัดหา วางตัว และผลักดันบุคคล ที่พวกตนเลือก เข้าไปอยู่ในตำแหน่ง และองค์กรสำคัญๆ ของรัฐบาลอเมริกัน เพื่อมาดำเนินการตามแผน อย่างต่อเนื่อง

    หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การเดินแผนครองโลกของอเมริกา เป็นไปตามโครงการ War and Peace Studies ที่ CFR เป็นผู้จัดทำให้รัฐบาลอเมริกาปฏิบัติ ตามโครงการนี้ อเมริกาต้องมุ่งหน้า แผ่อิทธิพลเข้าไป เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ลาตินอเมริกา และประเทศต่างๆที่หลุดพ้นจากการเป็นอาณานิคม เนื่องจากผลของสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมทั้งกับอีกหลายประเทศในยุโรป ที่พังยับเยินจากสงครามโลกครั้งที่ 2 โครงการ War and Peace เรียกบริเวณต่างๆ เหล่านั้นว่า “Grand Area” ทุ่งใหญ่สำหรับการล่า เพื่อมุ่งหน้าไปสู่การเป็นหมายเลขหนึ่ง ผู้ครองโลกใบนี้

    เป็นการวางแผน เพื่อชิงโลกคนละเส้นทางกับครูMac แต่สอดคล้องกัน โดย เป็นการค่อยๆล้อม Eurasia มาจากอีกฝั่งหนึ่ง และดูเหมือนจะเป็นยุทธศาสตร์กระชับวงล้อมแบบที่อเมริกาชอบใช้

    จังหวะและการเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ของอเมริกา ก็เป็นหนึ่งในแผนการที่โครงการ War and Peace กำหนดไว้ล่วงหน้าด้วย (รายละเอียดตอนนี้อยู่ในนิทานเรื่อง “แหกคอก”)

    โดยการวางแผนของ CFR หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาล อเมริกันเริ่มแผน โดยมุ่งหน้ามาทางเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ก่อน ด้วยการสร้างผีคอมมิวนิสต์และทฤษฎีโดมิโน เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด รวมทั้งแดนสมันน้อย ก็ตกอยู่ในกำมือ ไม่ต่างกับเป็นเมืองขึ้นกลายๆของอเมริกา รวมกับญี่ปุ่นซึ่งแพ้สงครามโลก และอยู่ในกระเป๋าของอเมริกาไปก่อนแล้ว อเมริกา จึงเหมือนได้เอเซียไปเกือบหมด ยกเว้น จีน อินเดีย และเกาหลีเหนือ
    พร้อมกับการรวบเอเซีย อเมริกาก็จัดการกวาดประเทศแถบลาตินอเมริกามาได้เกือบหมดด้วย ยกเว้นคิวบา หนามยอกอกของอเมริกา ซึ่งเอียงไปทางฝั่งสหภาพโซเวียตอย่างไม่เปลี่ยนแปลง (รายละเอียดตอนนี้อยู่ในนิทานเรื่องจิ๊กโก๋ปากซอย และมายากลยุทธ)

    หมากต่อไปที่อเมริกาต้องรีบเดิน ตามอิทธิพลของยุทธศาสตร์ครู Mac คือ การชิง Heartland ของ Eurasia ทฤษฎีการปิดล้อม หรือ Containment สหภาพโซเวียต ที่นำไปสู่สงครามเย็น จึงถูกนำมาใช้ตั้งแต่ ค.ศ.1947 เป็นต้นมา

    ด้วยการ Containment ของอเมริกาและพวก เศรษฐกิจของสหภาพโซเวียตจึงอาการสาหัส แต่โซเวียตก็ยังไม่ล้มอย่างที่อเมริกาคาด ทุบจากข้างนอกไม่ล้ม อเมริกาจึงเปลี่ยนเป็นแผนทุบจากข้างใน ค.ศ.1985 Mikhail Gorbachev เป็น ผู้คุมบังเหียนสหภาพโซเวียต เห็นคนนอกดีกว่าคนในเพราะอะไรคงเดากันออก ได้ตัดเชือกที่ผูกสหภาพโซเวียตไว้ด้วยกันขาดสะบั้น ตามต่อด้วย Boris Yelsin ใน ปี ค.ศ.1990 ซึ่งไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ในที่สุด ค.ศ.1991 สหภาพโซเวียตก็ล่มสลายสมใจอเมริกา (รายละเอียดตอนนี้อยู่ในนิทานเรื่อง” มายากลยุทธ”)

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    30 พย. 2557
    แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3” ตอนที่ 2 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษมองอเมริกาเหมือนเป็นเด็กอ่อน เขี้ยวยังไม่งอก ดังนั้นอังกฤษจึงตั้งตัวเองเป็นหัวหน้า เป็นผู้ควบคุมเกมสงครามโลกครั้ง ที่ 1 อังกฤษอยากทำสงคราม แต่กำลังถังแตก! ไม่มีทุน แต่คิดการใหญ่ จึงมีการวางแผนหลอกล่อ ให้อเมริกาเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินและอื่นๆ ให้อังกฤษเข้าทำสงคราม แผนการหลอกล่ออเมริกานี้ เกิด ขึ้นจากการ ร่วมมือของเหล่าอิลีต นักการเมือง นักธุรกิจข้ามชาติ และนักการเงิน ของทั้ง 2 ฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ที่คิดร่ำรวย จากการยุให้ทั้งอังกฤษ และอเมริกา เข้าทำสงครามโลก โดยให้ Think Tank ถังความคิด Chatham House ของฝั่งอังกฤษและ Council on Foreign Relations (CFR) ของฝั่งอเมริกา ร่วมกันวางแผนดำเนินการ นักธุรกิจ ไม่ว่าสมัยไหน และเชื้อชาติไหน ส่วนใหญ่ก็คิดเพื่อกระเป๋าตัวเองทั้งสิ้น ประเทศชาติจะเป็นอย่างไร ช่างมัน แต่แท้จริงแล้ว อเมริกา ที่อังกฤษคิดว่าเป็นเด็กอ่อนเขี้ยวยังไม่งอก แอบเอาเขี้ยวหลบใน อเมริกามองข้ามซ๊อตไกลไปกว่าพวกชาวเกาะ ใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 จะเกิดเสียอีก! อเมริกาเห็นว่า ไม่ใช่จะมีแต่อังกฤษเท่านั้น ที่ใหญ่พอที่จะเป็นผู้ครองโลกหมายเลขหนึ่ง อเมริกาเองก็มีสิทธิเข้าชิงตำแหน่งเหมือนกัน อเมริกาจึงวางแผน ที่มีทั้งความลึก และใช้เวลายาวนานอย่างเหลือเขื่อ ! อเมริกา วางแผนล่วงหน้าที่จะให้มีทั้งสงครามโลกครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 รวมทั้งวางแผน จังหวะเวลาที่เหมาะสม สำหรับอเมริกา ที่จะเข้าสู่สงครามโลกแต่ละครั้ง และสุดท้ายจะเป็นรายเดียวของผู้ชนะสงครามโลก ที่ไม่บอบช้ำ วางแผนสมกับจะเป็นผู้นำโลกจริงๆ อเมริกาเล่นบทเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วย การลงทุนให้การสนับสนุนอังกฤษ ทั้งด้านการเงินและอื่นๆ ให้อังกฤษนำการรบ ให้อังกฤษจัดการคว่ำเยอรมัน ซึ่งเป็นประเทศที่มีความแข็งแกร่งในยุโรป โดยมีฝรั่งเศษ อิตาลีและ รัสเซีย เป็นกองเชียร์สนับสนุนและรุมทุบ โดยอเมริกาไม่ต้องออกแรง หลังจากนั้นอเมริกาวางแผนหนุนรัสเซีย ให้ทำการปฏิวัติล้มราชวงศ์ ทั้งหมดเพื่อนำไปสู่เกิดของสงครามโลกครั้งที่ 2 เห็นเขี้ยวอเมริกาหรือยัง อเมริกาวางแผนการเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ใน จังหวะที่จะส่งผลให้อังกฤษและยุโรปบอบซ้ำ ฉิบหาย กระเป๋าฉีก บ้านเมืองพังพินาศ และหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงจะเหลืออเมริกาประเทศใหญ่ ประเทศเดียวที่ไม่มีการบอบซ้ำ และผงาดเป็นพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลกแทนที่อังกฤษ ตามแผนที่วางไว้ทุกประการ (รายละเอียดของตอนนี้อยู่ในนิทานเรื่อง”มายากลยุทธ”) อเมริกาไม่ใช่มีเขี้ยวธรรมดา แต่เป็นเขี้ยวที่แหลมคมยิ่ง มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และอเมริกาก็ไม่ได้ถูกอังกฤษหลอกต้ม แต่อเมริกาปล่อยให้คิดว่า อเมริกาถูกหลอก จริงๆแล้วอเมริกาเอง ก็มีความคิดที่จะเป็นพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก โดยการครอบครอง Eurasia เช่น เดียวกับอังกฤษ เพราะกลุ่มผู้วางแผนให้อเมริกาเข้าสู่สงครามโลก ทั้ง 2 ครั้ง รวมทั้งเดินแผนครองโลกก็คือ กลุ่มบุคคลที่เป็นลูกศิษย์ครู Mac ใน ด้านภูมิศาสตร์การเมืองเหมือนกัน หรือมีความเห็นไม่ต่างกับครู Mac อิทธิพลครูMac นี่ไม่เบาเลย ผู้วางแผนปฏิบัติการของอเมริกาก็คือ ถังความคิดหมายเลขหนึ่งของอเมริกา Council of Foreign Relations หรือ CFR ตัวแสบนี่แหละ ที่ซ้อนแผนของอังกฤษอีกต่อหนึ่ง CFR โดยการชักใยของพวกอีลิต ที่อยากจะมีอำนาจเหนือรัฐบาลอเมริกัน นำโดยตระกูล Rockefeller ทำหน้าที่ คัดสรร จัดหา วางตัว และผลักดันบุคคล ที่พวกตนเลือก เข้าไปอยู่ในตำแหน่ง และองค์กรสำคัญๆ ของรัฐบาลอเมริกัน เพื่อมาดำเนินการตามแผน อย่างต่อเนื่อง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การเดินแผนครองโลกของอเมริกา เป็นไปตามโครงการ War and Peace Studies ที่ CFR เป็นผู้จัดทำให้รัฐบาลอเมริกาปฏิบัติ ตามโครงการนี้ อเมริกาต้องมุ่งหน้า แผ่อิทธิพลเข้าไป เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ลาตินอเมริกา และประเทศต่างๆที่หลุดพ้นจากการเป็นอาณานิคม เนื่องจากผลของสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมทั้งกับอีกหลายประเทศในยุโรป ที่พังยับเยินจากสงครามโลกครั้งที่ 2 โครงการ War and Peace เรียกบริเวณต่างๆ เหล่านั้นว่า “Grand Area” ทุ่งใหญ่สำหรับการล่า เพื่อมุ่งหน้าไปสู่การเป็นหมายเลขหนึ่ง ผู้ครองโลกใบนี้ เป็นการวางแผน เพื่อชิงโลกคนละเส้นทางกับครูMac แต่สอดคล้องกัน โดย เป็นการค่อยๆล้อม Eurasia มาจากอีกฝั่งหนึ่ง และดูเหมือนจะเป็นยุทธศาสตร์กระชับวงล้อมแบบที่อเมริกาชอบใช้ จังหวะและการเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ของอเมริกา ก็เป็นหนึ่งในแผนการที่โครงการ War and Peace กำหนดไว้ล่วงหน้าด้วย (รายละเอียดตอนนี้อยู่ในนิทานเรื่อง “แหกคอก”) โดยการวางแผนของ CFR หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาล อเมริกันเริ่มแผน โดยมุ่งหน้ามาทางเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ก่อน ด้วยการสร้างผีคอมมิวนิสต์และทฤษฎีโดมิโน เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด รวมทั้งแดนสมันน้อย ก็ตกอยู่ในกำมือ ไม่ต่างกับเป็นเมืองขึ้นกลายๆของอเมริกา รวมกับญี่ปุ่นซึ่งแพ้สงครามโลก และอยู่ในกระเป๋าของอเมริกาไปก่อนแล้ว อเมริกา จึงเหมือนได้เอเซียไปเกือบหมด ยกเว้น จีน อินเดีย และเกาหลีเหนือ พร้อมกับการรวบเอเซีย อเมริกาก็จัดการกวาดประเทศแถบลาตินอเมริกามาได้เกือบหมดด้วย ยกเว้นคิวบา หนามยอกอกของอเมริกา ซึ่งเอียงไปทางฝั่งสหภาพโซเวียตอย่างไม่เปลี่ยนแปลง (รายละเอียดตอนนี้อยู่ในนิทานเรื่องจิ๊กโก๋ปากซอย และมายากลยุทธ) หมากต่อไปที่อเมริกาต้องรีบเดิน ตามอิทธิพลของยุทธศาสตร์ครู Mac คือ การชิง Heartland ของ Eurasia ทฤษฎีการปิดล้อม หรือ Containment สหภาพโซเวียต ที่นำไปสู่สงครามเย็น จึงถูกนำมาใช้ตั้งแต่ ค.ศ.1947 เป็นต้นมา ด้วยการ Containment ของอเมริกาและพวก เศรษฐกิจของสหภาพโซเวียตจึงอาการสาหัส แต่โซเวียตก็ยังไม่ล้มอย่างที่อเมริกาคาด ทุบจากข้างนอกไม่ล้ม อเมริกาจึงเปลี่ยนเป็นแผนทุบจากข้างใน ค.ศ.1985 Mikhail Gorbachev เป็น ผู้คุมบังเหียนสหภาพโซเวียต เห็นคนนอกดีกว่าคนในเพราะอะไรคงเดากันออก ได้ตัดเชือกที่ผูกสหภาพโซเวียตไว้ด้วยกันขาดสะบั้น ตามต่อด้วย Boris Yelsin ใน ปี ค.ศ.1990 ซึ่งไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ในที่สุด ค.ศ.1991 สหภาพโซเวียตก็ล่มสลายสมใจอเมริกา (รายละเอียดตอนนี้อยู่ในนิทานเรื่อง” มายากลยุทธ”) สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 30 พย. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 335 มุมมอง 0 รีวิว
  • “SMEs ในยุโรปเร่งใช้ AI แต่ขาดเครื่องมือดิจิทัลพื้นฐาน — เสี่ยงเสียเปรียบในยุคแข่งขันสูง”

    ผลการศึกษาล่าสุดจาก Qonto และ Appinio เผยให้เห็นภาพน่ากังวลของธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMEs) ในยุโรป ที่กำลังเร่งนำ AI มาใช้ในองค์กรอย่างแพร่หลาย แต่กลับละเลยการวางรากฐานด้านดิจิทัลที่จำเป็น เช่น ระบบบัญชีดิจิทัล การประชุมออนไลน์ การจัดการเอกสาร หรือการวิเคราะห์ข้อมูล

    จากการสำรวจผู้บริหารระดับสูงกว่า 1,600 รายในฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และสเปน พบว่า 46% ของ SMEs ใช้เครื่องมือ AI อย่าง ChatGPT เป็นประจำทุกวัน แต่มีเพียงส่วนน้อยที่ใช้เครื่องมือดิจิทัลพื้นฐาน ซึ่งสร้าง “ความขัดแย้งเชิงโครงสร้าง” ที่อาจทำให้ SMEs เสียเปรียบเมื่อเทียบกับบริษัทขนาดใหญ่ที่ลงทุนในระบบดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง

    เยอรมนีเป็นประเทศที่มีความพร้อมสูงที่สุด โดย 76% ของธุรกิจรู้สึกว่าตนเองพร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ขณะที่ฝรั่งเศสมีเกือบครึ่งหนึ่งของธุรกิจที่รู้สึกว่าไม่พร้อมเลย

    การเร่งใช้ AI โดยไม่มีระบบพื้นฐานรองรับ อาจนำไปสู่การลดต้นทุนแบบฉับพลัน เช่น การลดพนักงานโดยไม่ปรับโครงสร้างองค์กรให้เหมาะสม ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโดยรวม

    Qonto แนะนำว่า SMEs ควรสร้าง “รากฐานดิจิทัลที่แข็งแรง” ก่อนนำ AI มาใช้เต็มรูปแบบ เพื่อให้สามารถเติบโตอย่างยั่งยืนและแข่งขันได้ในระยะยาว โดยเสนอแนวทางเฉพาะสำหรับแต่ละประเทศ เช่น ลดภาระกฎระเบียบในเยอรมนี แก้ปัญหาทักษะในสเปน และปรับทัศนคติในฝรั่งเศส

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    SMEs ในยุโรปเร่งใช้ AI โดยเฉพาะ ChatGPT แต่ขาดเครื่องมือดิจิทัลพื้นฐาน
    46% ของ SMEs ใช้ AI ทุกวัน แต่มีเพียงส่วนน้อยที่ใช้ระบบบัญชีหรือการประชุมออนไลน์
    เยอรมนีมีความพร้อมสูงสุด (76%) ขณะที่ฝรั่งเศสมีเกือบครึ่งที่ไม่พร้อม
    การใช้ AI เพื่อลดต้นทุนอาจนำไปสู่การลดพนักงานแบบไม่ยั่งยืน
    Qonto แนะนำให้สร้างรากฐานดิจิทัลก่อนนำ AI มาใช้เต็มรูปแบบ
    เสนอแนวทางเฉพาะประเทศ เช่น ลดกฎระเบียบในเยอรมนี แก้ทักษะในสเปน ปรับวัฒนธรรมในฝรั่งเศส
    SMEs เป็น “กระดูกสันหลัง” ของเศรษฐกิจยุโรป แต่กำลังเผชิญความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    การใช้ AI โดยไม่มีระบบพื้นฐาน อาจทำให้ข้อมูลไม่ถูกจัดเก็บหรือวิเคราะห์อย่างมีประสิทธิภาพ
    Digital Innovation Hubs ของ EU กำลังช่วย SMEs พัฒนาทักษะและระบบดิจิทัล
    การประชุมออนไลน์และการจัดการเอกสารดิจิทัลช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความคล่องตัว
    การวางระบบบัญชีดิจิทัลช่วยให้ธุรกิจสามารถตรวจสอบและวางแผนการเงินได้แม่นยำ
    การใช้ AI อย่างมีโครงสร้างช่วยเพิ่ม productivity และลดความเสี่ยงจากการตัดสินใจผิดพลาด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/08/european-small-businesses-rush-into-ai-without-basic-digital-tools-study-shows
    📊 “SMEs ในยุโรปเร่งใช้ AI แต่ขาดเครื่องมือดิจิทัลพื้นฐาน — เสี่ยงเสียเปรียบในยุคแข่งขันสูง” ผลการศึกษาล่าสุดจาก Qonto และ Appinio เผยให้เห็นภาพน่ากังวลของธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMEs) ในยุโรป ที่กำลังเร่งนำ AI มาใช้ในองค์กรอย่างแพร่หลาย แต่กลับละเลยการวางรากฐานด้านดิจิทัลที่จำเป็น เช่น ระบบบัญชีดิจิทัล การประชุมออนไลน์ การจัดการเอกสาร หรือการวิเคราะห์ข้อมูล จากการสำรวจผู้บริหารระดับสูงกว่า 1,600 รายในฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และสเปน พบว่า 46% ของ SMEs ใช้เครื่องมือ AI อย่าง ChatGPT เป็นประจำทุกวัน แต่มีเพียงส่วนน้อยที่ใช้เครื่องมือดิจิทัลพื้นฐาน ซึ่งสร้าง “ความขัดแย้งเชิงโครงสร้าง” ที่อาจทำให้ SMEs เสียเปรียบเมื่อเทียบกับบริษัทขนาดใหญ่ที่ลงทุนในระบบดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง เยอรมนีเป็นประเทศที่มีความพร้อมสูงที่สุด โดย 76% ของธุรกิจรู้สึกว่าตนเองพร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ขณะที่ฝรั่งเศสมีเกือบครึ่งหนึ่งของธุรกิจที่รู้สึกว่าไม่พร้อมเลย การเร่งใช้ AI โดยไม่มีระบบพื้นฐานรองรับ อาจนำไปสู่การลดต้นทุนแบบฉับพลัน เช่น การลดพนักงานโดยไม่ปรับโครงสร้างองค์กรให้เหมาะสม ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโดยรวม Qonto แนะนำว่า SMEs ควรสร้าง “รากฐานดิจิทัลที่แข็งแรง” ก่อนนำ AI มาใช้เต็มรูปแบบ เพื่อให้สามารถเติบโตอย่างยั่งยืนและแข่งขันได้ในระยะยาว โดยเสนอแนวทางเฉพาะสำหรับแต่ละประเทศ เช่น ลดภาระกฎระเบียบในเยอรมนี แก้ปัญหาทักษะในสเปน และปรับทัศนคติในฝรั่งเศส ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ SMEs ในยุโรปเร่งใช้ AI โดยเฉพาะ ChatGPT แต่ขาดเครื่องมือดิจิทัลพื้นฐาน ➡️ 46% ของ SMEs ใช้ AI ทุกวัน แต่มีเพียงส่วนน้อยที่ใช้ระบบบัญชีหรือการประชุมออนไลน์ ➡️ เยอรมนีมีความพร้อมสูงสุด (76%) ขณะที่ฝรั่งเศสมีเกือบครึ่งที่ไม่พร้อม ➡️ การใช้ AI เพื่อลดต้นทุนอาจนำไปสู่การลดพนักงานแบบไม่ยั่งยืน ➡️ Qonto แนะนำให้สร้างรากฐานดิจิทัลก่อนนำ AI มาใช้เต็มรูปแบบ ➡️ เสนอแนวทางเฉพาะประเทศ เช่น ลดกฎระเบียบในเยอรมนี แก้ทักษะในสเปน ปรับวัฒนธรรมในฝรั่งเศส ➡️ SMEs เป็น “กระดูกสันหลัง” ของเศรษฐกิจยุโรป แต่กำลังเผชิญความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ การใช้ AI โดยไม่มีระบบพื้นฐาน อาจทำให้ข้อมูลไม่ถูกจัดเก็บหรือวิเคราะห์อย่างมีประสิทธิภาพ ➡️ Digital Innovation Hubs ของ EU กำลังช่วย SMEs พัฒนาทักษะและระบบดิจิทัล ➡️ การประชุมออนไลน์และการจัดการเอกสารดิจิทัลช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความคล่องตัว ➡️ การวางระบบบัญชีดิจิทัลช่วยให้ธุรกิจสามารถตรวจสอบและวางแผนการเงินได้แม่นยำ ➡️ การใช้ AI อย่างมีโครงสร้างช่วยเพิ่ม productivity และลดความเสี่ยงจากการตัดสินใจผิดพลาด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/08/european-small-businesses-rush-into-ai-without-basic-digital-tools-study-shows
    WWW.THESTAR.COM.MY
    European small businesses rush into AI without basic digital tools, study shows
    (Reuters) -Most European small and mid-sized enterprises are prioritizing artificial intelligence systems over basic digital tools across their businesses, losing ground to bigger firms investing in core digital systems, a study published on Wednesday showed.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 314 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Jeff Bezos เตือน AI อยู่ในภาวะฟองสบู่อุตสาหกรรม — แต่เชื่อว่าเทคโนโลยีนี้จะเปลี่ยนโลกอย่างมหาศาล”

    ในงาน Italian Tech Week ที่เมืองตูริน ประเทศอิตาลี Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon ได้กล่าวถึงสถานการณ์ของวงการ AI ว่า “กำลังอยู่ในภาวะฟองสบู่อุตสาหกรรม” ซึ่งหมายถึงช่วงเวลาที่การลงทุนและความคาดหวังพุ่งสูงเกินกว่าความสามารถจริงของธุรกิจ แต่เขาย้ำว่า “AI เป็นของจริง และจะเปลี่ยนทุกอุตสาหกรรม”

    Bezos อธิบายว่าในช่วงฟองสบู่ นักลงทุนมักตื่นเต้นกับทุกไอเดีย ไม่ว่าจะดีหรือแย่ และมักแยกไม่ออกว่าอะไรคือโครงการที่มีศักยภาพจริง เขายกตัวอย่างบริษัทที่มีพนักงานเพียง 6 คนแต่ได้รับเงินลงทุนระดับพันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ “ผิดปกติอย่างมาก” แต่กำลังเกิดขึ้นจริงในตอนนี้

    แม้จะเตือนถึงความเสี่ยง Bezos ก็เชื่อว่าฟองสบู่อุตสาหกรรมไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป เขาเปรียบเทียบกับฟองสบู่ในอุตสาหกรรมชีวภาพช่วงปี 1990 ที่แม้หลายบริษัทจะล้ม แต่ก็มีการค้นพบยารักษาโรคที่ช่วยชีวิตผู้คนจำนวนมาก เขาเชื่อว่า AI ก็จะเป็นเช่นนั้น — เมื่อฝุ่นจางลง สังคมจะได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีที่รอดมาได้

    นอกจาก Bezos ยังมีผู้นำในวงการเทคโนโลยีที่แสดงความกังวลเรื่องฟองสบู่ AI เช่น Sam Altman จาก OpenAI และ David Solomon จาก Goldman Sachs ที่เตือนว่า “การลงทุนที่มากเกินไปอาจนำไปสู่การปรับฐานครั้งใหญ่” แต่ทุกคนก็ยังเห็นตรงกันว่า AI คือเทคโนโลยีที่มีผลกระทบต่อโลกอย่างลึกซึ้ง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Jeff Bezos กล่าวว่า AI อยู่ในภาวะ “ฟองสบู่อุตสาหกรรม” แต่เป็นเทคโนโลยีที่ “จริง” และจะเปลี่ยนโลก
    นักลงทุนกำลังตื่นเต้นกับทุกไอเดีย ทำให้แยกไม่ออกว่าอะไรดีหรือแย่
    มีบริษัทขนาดเล็กที่ได้รับเงินลงทุนระดับพันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่า “ผิดปกติ”
    Bezos เปรียบเทียบกับฟองสบู่ในอุตสาหกรรมชีวภาพที่นำไปสู่การค้นพบยารักษาโรค
    เขาเชื่อว่าเมื่อฟองสบู่แตก สังคมจะได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีที่รอดมาได้
    Sam Altman จาก OpenAI ก็เตือนว่า AI อยู่ในภาวะฟองสบู่ แต่ยังเชื่อว่าเป็นเทคโนโลยีสำคัญ
    David Solomon จาก Goldman Sachs เตือนว่าอาจเกิดการปรับฐานในตลาดจากการลงทุนเกินจริง
    Bezos ย้ำว่า “AI เป็นของจริง และจะเปลี่ยนทุกอุตสาหกรรม”

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ฟองสบู่ในอุตสาหกรรมต่างจากฟองสบู่ทางการเงิน เพราะยังมีเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์หลงเหลือ
    ฟองสบู่ดอทคอมในปี 2000 ทำให้หลายบริษัทล้ม แต่โครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตยังคงอยู่
    ฟองสบู่ชีวภาพในปี 1990 นำไปสู่การค้นพบยารักษาโรคแม้หลายบริษัทจะล้มละลาย
    การลงทุนใน AI ปี 2025 สูงถึง $104.3 พันล้านในสหรัฐฯ เฉพาะครึ่งปีแรก
    OpenAI มีมูลค่าประเมินสูงถึง $500 พันล้าน แม้ยังไม่สร้างกำไรที่ชัดเจน

    https://www.cnbc.com/2025/10/03/jeff-bezos-ai-in-an-industrial-bubble-but-society-to-benefit.html
    📈 “Jeff Bezos เตือน AI อยู่ในภาวะฟองสบู่อุตสาหกรรม — แต่เชื่อว่าเทคโนโลยีนี้จะเปลี่ยนโลกอย่างมหาศาล” ในงาน Italian Tech Week ที่เมืองตูริน ประเทศอิตาลี Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon ได้กล่าวถึงสถานการณ์ของวงการ AI ว่า “กำลังอยู่ในภาวะฟองสบู่อุตสาหกรรม” ซึ่งหมายถึงช่วงเวลาที่การลงทุนและความคาดหวังพุ่งสูงเกินกว่าความสามารถจริงของธุรกิจ แต่เขาย้ำว่า “AI เป็นของจริง และจะเปลี่ยนทุกอุตสาหกรรม” Bezos อธิบายว่าในช่วงฟองสบู่ นักลงทุนมักตื่นเต้นกับทุกไอเดีย ไม่ว่าจะดีหรือแย่ และมักแยกไม่ออกว่าอะไรคือโครงการที่มีศักยภาพจริง เขายกตัวอย่างบริษัทที่มีพนักงานเพียง 6 คนแต่ได้รับเงินลงทุนระดับพันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ “ผิดปกติอย่างมาก” แต่กำลังเกิดขึ้นจริงในตอนนี้ แม้จะเตือนถึงความเสี่ยง Bezos ก็เชื่อว่าฟองสบู่อุตสาหกรรมไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป เขาเปรียบเทียบกับฟองสบู่ในอุตสาหกรรมชีวภาพช่วงปี 1990 ที่แม้หลายบริษัทจะล้ม แต่ก็มีการค้นพบยารักษาโรคที่ช่วยชีวิตผู้คนจำนวนมาก เขาเชื่อว่า AI ก็จะเป็นเช่นนั้น — เมื่อฝุ่นจางลง สังคมจะได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีที่รอดมาได้ นอกจาก Bezos ยังมีผู้นำในวงการเทคโนโลยีที่แสดงความกังวลเรื่องฟองสบู่ AI เช่น Sam Altman จาก OpenAI และ David Solomon จาก Goldman Sachs ที่เตือนว่า “การลงทุนที่มากเกินไปอาจนำไปสู่การปรับฐานครั้งใหญ่” แต่ทุกคนก็ยังเห็นตรงกันว่า AI คือเทคโนโลยีที่มีผลกระทบต่อโลกอย่างลึกซึ้ง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Jeff Bezos กล่าวว่า AI อยู่ในภาวะ “ฟองสบู่อุตสาหกรรม” แต่เป็นเทคโนโลยีที่ “จริง” และจะเปลี่ยนโลก ➡️ นักลงทุนกำลังตื่นเต้นกับทุกไอเดีย ทำให้แยกไม่ออกว่าอะไรดีหรือแย่ ➡️ มีบริษัทขนาดเล็กที่ได้รับเงินลงทุนระดับพันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่า “ผิดปกติ” ➡️ Bezos เปรียบเทียบกับฟองสบู่ในอุตสาหกรรมชีวภาพที่นำไปสู่การค้นพบยารักษาโรค ➡️ เขาเชื่อว่าเมื่อฟองสบู่แตก สังคมจะได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีที่รอดมาได้ ➡️ Sam Altman จาก OpenAI ก็เตือนว่า AI อยู่ในภาวะฟองสบู่ แต่ยังเชื่อว่าเป็นเทคโนโลยีสำคัญ ➡️ David Solomon จาก Goldman Sachs เตือนว่าอาจเกิดการปรับฐานในตลาดจากการลงทุนเกินจริง ➡️ Bezos ย้ำว่า “AI เป็นของจริง และจะเปลี่ยนทุกอุตสาหกรรม” ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ฟองสบู่ในอุตสาหกรรมต่างจากฟองสบู่ทางการเงิน เพราะยังมีเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์หลงเหลือ ➡️ ฟองสบู่ดอทคอมในปี 2000 ทำให้หลายบริษัทล้ม แต่โครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตยังคงอยู่ ➡️ ฟองสบู่ชีวภาพในปี 1990 นำไปสู่การค้นพบยารักษาโรคแม้หลายบริษัทจะล้มละลาย ➡️ การลงทุนใน AI ปี 2025 สูงถึง $104.3 พันล้านในสหรัฐฯ เฉพาะครึ่งปีแรก ➡️ OpenAI มีมูลค่าประเมินสูงถึง $500 พันล้าน แม้ยังไม่สร้างกำไรที่ชัดเจน https://www.cnbc.com/2025/10/03/jeff-bezos-ai-in-an-industrial-bubble-but-society-to-benefit.html
    WWW.CNBC.COM
    Jeff Bezos says AI is in an industrial bubble but society will get 'gigantic' benefits from the tech
    Amazon founder Jeff Bezos said that artificial intelligence is showing signs of being in an "industrial bubble."
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 1
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 1”
    การแบ่งเค้กตะวันออกกลาง ระหว่างประเทศผู้ชนะสงคราม ดูเหมือนจะยังไม่ลงตัว เดือนเมษายน ค.ศ. 1920 รัฐมนตรีต่างประเทศที่ชนะสงคราม แอบจัดประชุมกันอีกที่ San Remo ประเทศอิตาลี โดยไม่มีผู้แทนของอเมริกาได้รับเชิญให้เข้าประชุมด้วย !

ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ หัวเรือใหญ่บอก อเมริกามาที่หลัง ไม่เกี่ยวกับเรื่องการแบ่งเค้กที่ได้มาจากการทะลายออตโตมานนี่นา เขามาเกี่ยวตรงไหน เราเป็นคนคิดริเริ่มนะ (เอะ ! พูดแบบนี้ เดี๋ยวสวยแน่ อเมริกาเพิ่งเขี้ยวงอกก็จริง แต่เป็นเขี้ยวเล็กและแหลมคม อย่าได้ประมาทเชียว) การประชุมที่ San Remo จึงเป็นการกำหนดและการกำกับ โดย นายกรัฐมนตรีอังกฤษ Lloyd George และประธานาธิบดีฝรั่งเศส Alexander Millerand ซึ่งไว้ใจกันเองมาก ถึงขนาดเดินประกบกันทุกฝีก้าว เข้าใจว่าใครไปเข้าห้องน้ำ อีกคนคงต้องตามไปด้วย
    เพื่อเป็นการปิดปากฝรั่งเศส อังกฤษตัดใจประกาศอย่างเป็นทางการ ต่อหน้าที่ประชุม เรา อังกฤษ ยินดียกหุ้นในบริษัทที่ได้สัมปทานน้ำมันในเมโสโปเตเมีย ให้แก่ฝรั่งเศส มิตรรักร่วมรบ เอาไปเลย 25% ของบริษัท เป็นของขวัญจากเรา แต่เมโสโปเตเมีย ต้องอยู่ในความดูแลของเราอังกฤษ ตกลงตามนี้นะ
    มันเป็นหุ้น 25% ของ Turkish Petroleum Gesellshaft ที่ Deutsche Bank ตั้งขึ้นภายหลังที่ออตโตมานให้ สิทธิ 20 กิโลเมตร 2 ข้างทางรถไฟ (Right of way) ของเส้นทาง Berlin Bagdad ส่วนอีก 75% แน่นอน ชาวเกาะบอก ต้องเป็นของเรา โดยมอบให้ Anglo Persian Oil ที่ไปหลอกต้มมาจาก นาย D’Arcy ผู้น่าสมเพชนั่นแหละ เป็นผู้รับโอนไป
    นี่มันทั้งขยี้เขา แล้วยังขโมยของในบ้านเขาต่ออีกด้วย สันดานแบบนี้ เป็นคนก็คบไม่ได้เลย
    San Remo Agreement เป็นฝีมือวางแผนของคน ที่ได้ชื่อต่อมาว่า เป็นผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในเกาะใหญ่ เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย ในสมัยนั้น เขาคือ Sir Henry Deterding
    นาย Deterding เป็นชาวดัชท์ เขาเป็นอีกคนหนึ่ง นอกเหนือจากกัปตัน Fisher ที่เห็นคุณค่า และอานุภาพของน้ำมัน ว่าจะเป็นทรัพยากรที่จะเป็นอาวุธสำคัญ ในการเปลี่ยนแปลงโลกนี้ !
    นาย Deterding ทำงานให้รัฐบาลดัชท์ ในบริษัท Dutch East Indies ที่เกาะสุมาตรา ซึ่งเป็นอาณานิคมของดัชท์ขณะนั้น สุมาตราก็มีน้ำมันตะเกียง นาย Deterding จึงตั้งบริษัทผลิตน้ำมันตะเกียง จากน้ำมันอินโดนีเซีย ชื่อบริษัท Royal Dutch Oil Company
    เมื่อธุรกิจนำมันของเขาก้าวหน้า มากขึ้น ค.ศ. 1897 นาย Deterding ตัดสินใจควบบริษัท Royal Dutch Oil Company เข้ากับบริษัท Shell Transport & Trading Company ของนาย Marcus Samuel (ซึ่งต่อมาได้เป็น Lord Bearsted) ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการเรือขนส่งสินค้า และเป็นผู้ริเริ่มสร้างแท้งค์บรรจุน้ำมัน การควบรวมบริษัทนี้ ทำให้เกิดเป็นบริษัท Royal Dutch Shell Company ยักษ์ใหญ่ในวงการน้ำมันของอังกฤษ และทำให้อังกฤษผงาดขึ้นมาเป็นผู้ค้าน้ำมันระดับโลก และในที่สุด เป็นคู่แข่งแบบเผ็ดร้อนกับ Standard Oil Group ของตระกูล Rockefeller ในอเมริกา
    ความสำเร็จของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ในกิจการน้ำมัน มาจากการวางแผนและสนับสนุนเกินร้อยของรัฐบาลอังกฤษ ภายใต้แผนการใช้ตัวแทน ให้เข้าไปดำเนินการฝังตัวตามที่ต่าง ๆ เพื่อหาข่าวกรอง และปฎิบัติการลับไปเกือบทุกแห่งในโลก นาย Deterding เองนั้น ภายหลังก็มีข่าวหลุดมาว่า แท้จริงแล้ว เขาสังกัดอยู่ในหน่วยราชการลับของอังกฤษตั้งแต่ต้น ถูกส่งให้ไปทำงานตั้งแต่ที่เกาะสุมาตรา ไม่งั้นมันจะไปควบรวม บริษัทใหญ่อย่างนั้นได้ ง่าย ๆ อย่างไร
    ค.ศ. 1912 ก่อนเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษมีส่วนแบ่งในตลาดน้ำมันโลก เพียง 12 % หลังสงครามโลก ภายหลังจากการล่าเหยื่อ หลอกเหยื่อ ขยี้เหยื่อ จนเหลือแต่ซากแล้ว ค.ศ. 1925 อังกฤษกลายเป็นขาใหญ่ในวงการน้ำมันโลก ที่กำลังจะมาแรง
    ปฎิบัติการ San Remo นาย Deterding ทำงานร่วมกับ Sir John Cadman ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาลอังกฤษ เข้าไปดูแล Anglo Persian Oil Company ทั้ง 2 คน เดินสายนอกรอบ ทั้งหว่าน ทั้งล้อมฝรั่งเศส ให้ฝรั่งเศสรับ 25% ของหุ้นใน Turkish Petroleum ไป แทนการเอาเมือง Mosul ฝรั่งเศส เหมือนเด็กได้อมยิ้มไป 1 กล่องในวันเดียว ดีใจเกือบตาย แทนที่จะได้ทั้งกล่องทุกวันไปตลอดชีวิต
    และด้วยอมยิ้ม 1 กล่อง ฝรั่งเศสใจป้ำ ตกลงว่าถ้าขุดน้ำมันเจอจริง และจะต้องวางท่อส่งน้ำมัน ผ่านมาทางซีเรีย ซึ่งฝรั่งเศสได้สิทธิปกครอง ฝรั่งเศสบอกเรายินดีนะ และภาษีอะไรที่ต้องมีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฝรั่งเศสยกเว้นให้หมด เป็นการตอบแทน เอ้อ ! เซ่อได้สมใจ เคี้ยวนุ่มอร่อยนาน
    อังกฤษมองไกล ต่อไปนี้ ตะวันออกกลาง เค้กทั้งก้อน ไม่ใช่แค่ชิ้นเดียว ต้องไม่พ้นมือเรา
    San Remo Agreement ยังใส่เงื่อนไขไว้ในสัญญาด้วยอีกว่า ต่างชาติอื่นนอกเหนือไปจากนี้ ไม่มีสิทธิมาขุดเจาะ เสาะหาน้ำมันในอาณาบริเวณเมโส โปเตเมีย เขียนแบบนี้ แปลว่า อเมริกาอย่ามาแหยม ! ไม่เชิญเขามาร่วมประชุม ก็หน้าด้านมากพอ แต่นี่ถึงขนาดตัดขาด จากการงานกินเค้ก ในอนาคตด้วยนี่ มันชักส่ออาการตระกรามมากไป
    นอกจากกันอเมริกาออกไปแล้ว San Remo Agreement ยังระบุด้วยว่า ในเรื่องน้ำมันที่โรมาเนีย และที่รัสเซีย ฝรั่งเศสจะต้องให้ความร่วมมือกับอังกฤษ ตามที่อังกฤษจูงอีกด้วย ข้อตกลงแบบนี้เหมือนการปฏิวัติเงียบ เกี่ยวกับน้ำมันในเมโสโปเตเมีย โดยชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อย ฯ เลยทีเดียว
    เมื่อกระทรวงต่างประเทศของอเมริกา รู้เรื่องการวางไม้ขวางของอังกฤษ จึงทำหนังสือประท้วงการตัดสิทธิของ American Standard Oil ออกไปจากสัมปทานในเมโสโปเตเมีย รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ขณะนั้น Lord Curzon ทำหนังสือลงวันที่ 21 เมษายน ค.ศ. 1921 แจ้งไปยังทูตอังกฤษที่ประจำอยู่ในวอชิตัน ให้ไปแจ้งต่ออเมริกาว่า อังกฤษเสียใจจริง ๆ ที่ไม่สามารถจะจัดการให้บริษัทน้ำมันอเมริกัน ได้รับสัมปทานในตะวันออกกลางได้
    เด็ดขาดจริงลูกพี่ ! เขียนได้เด็ด ! แต่จะขาดกันแค่ไหน เห็นจะต้องดูกันต่อไป นั่นมันเรื่อง 100 ปีมาแล้ว
    San Remo Agreement น่าจะเป็นหัวเชื้อ ในการทำสงครามชิงน้ำมัน ในตะวันออกกลางระหว่างอังกฤษกับอเมริกา ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา โดยเหยื่อที่เป็นเจ้าของน้ำมันตัวจริง ในตะวันออกกลางคงยังกำลังงง ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรกับพวกตน และดินแดนของพวกตน และไม่รู้ว่าบัดนี้ยังจะเข้าใจกันมากน้อยแค่ไหน ! ?
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
11 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 1 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 1” การแบ่งเค้กตะวันออกกลาง ระหว่างประเทศผู้ชนะสงคราม ดูเหมือนจะยังไม่ลงตัว เดือนเมษายน ค.ศ. 1920 รัฐมนตรีต่างประเทศที่ชนะสงคราม แอบจัดประชุมกันอีกที่ San Remo ประเทศอิตาลี โดยไม่มีผู้แทนของอเมริกาได้รับเชิญให้เข้าประชุมด้วย !

ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ หัวเรือใหญ่บอก อเมริกามาที่หลัง ไม่เกี่ยวกับเรื่องการแบ่งเค้กที่ได้มาจากการทะลายออตโตมานนี่นา เขามาเกี่ยวตรงไหน เราเป็นคนคิดริเริ่มนะ (เอะ ! พูดแบบนี้ เดี๋ยวสวยแน่ อเมริกาเพิ่งเขี้ยวงอกก็จริง แต่เป็นเขี้ยวเล็กและแหลมคม อย่าได้ประมาทเชียว) การประชุมที่ San Remo จึงเป็นการกำหนดและการกำกับ โดย นายกรัฐมนตรีอังกฤษ Lloyd George และประธานาธิบดีฝรั่งเศส Alexander Millerand ซึ่งไว้ใจกันเองมาก ถึงขนาดเดินประกบกันทุกฝีก้าว เข้าใจว่าใครไปเข้าห้องน้ำ อีกคนคงต้องตามไปด้วย เพื่อเป็นการปิดปากฝรั่งเศส อังกฤษตัดใจประกาศอย่างเป็นทางการ ต่อหน้าที่ประชุม เรา อังกฤษ ยินดียกหุ้นในบริษัทที่ได้สัมปทานน้ำมันในเมโสโปเตเมีย ให้แก่ฝรั่งเศส มิตรรักร่วมรบ เอาไปเลย 25% ของบริษัท เป็นของขวัญจากเรา แต่เมโสโปเตเมีย ต้องอยู่ในความดูแลของเราอังกฤษ ตกลงตามนี้นะ มันเป็นหุ้น 25% ของ Turkish Petroleum Gesellshaft ที่ Deutsche Bank ตั้งขึ้นภายหลังที่ออตโตมานให้ สิทธิ 20 กิโลเมตร 2 ข้างทางรถไฟ (Right of way) ของเส้นทาง Berlin Bagdad ส่วนอีก 75% แน่นอน ชาวเกาะบอก ต้องเป็นของเรา โดยมอบให้ Anglo Persian Oil ที่ไปหลอกต้มมาจาก นาย D’Arcy ผู้น่าสมเพชนั่นแหละ เป็นผู้รับโอนไป นี่มันทั้งขยี้เขา แล้วยังขโมยของในบ้านเขาต่ออีกด้วย สันดานแบบนี้ เป็นคนก็คบไม่ได้เลย San Remo Agreement เป็นฝีมือวางแผนของคน ที่ได้ชื่อต่อมาว่า เป็นผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในเกาะใหญ่ เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย ในสมัยนั้น เขาคือ Sir Henry Deterding นาย Deterding เป็นชาวดัชท์ เขาเป็นอีกคนหนึ่ง นอกเหนือจากกัปตัน Fisher ที่เห็นคุณค่า และอานุภาพของน้ำมัน ว่าจะเป็นทรัพยากรที่จะเป็นอาวุธสำคัญ ในการเปลี่ยนแปลงโลกนี้ ! นาย Deterding ทำงานให้รัฐบาลดัชท์ ในบริษัท Dutch East Indies ที่เกาะสุมาตรา ซึ่งเป็นอาณานิคมของดัชท์ขณะนั้น สุมาตราก็มีน้ำมันตะเกียง นาย Deterding จึงตั้งบริษัทผลิตน้ำมันตะเกียง จากน้ำมันอินโดนีเซีย ชื่อบริษัท Royal Dutch Oil Company เมื่อธุรกิจนำมันของเขาก้าวหน้า มากขึ้น ค.ศ. 1897 นาย Deterding ตัดสินใจควบบริษัท Royal Dutch Oil Company เข้ากับบริษัท Shell Transport & Trading Company ของนาย Marcus Samuel (ซึ่งต่อมาได้เป็น Lord Bearsted) ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการเรือขนส่งสินค้า และเป็นผู้ริเริ่มสร้างแท้งค์บรรจุน้ำมัน การควบรวมบริษัทนี้ ทำให้เกิดเป็นบริษัท Royal Dutch Shell Company ยักษ์ใหญ่ในวงการน้ำมันของอังกฤษ และทำให้อังกฤษผงาดขึ้นมาเป็นผู้ค้าน้ำมันระดับโลก และในที่สุด เป็นคู่แข่งแบบเผ็ดร้อนกับ Standard Oil Group ของตระกูล Rockefeller ในอเมริกา ความสำเร็จของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ในกิจการน้ำมัน มาจากการวางแผนและสนับสนุนเกินร้อยของรัฐบาลอังกฤษ ภายใต้แผนการใช้ตัวแทน ให้เข้าไปดำเนินการฝังตัวตามที่ต่าง ๆ เพื่อหาข่าวกรอง และปฎิบัติการลับไปเกือบทุกแห่งในโลก นาย Deterding เองนั้น ภายหลังก็มีข่าวหลุดมาว่า แท้จริงแล้ว เขาสังกัดอยู่ในหน่วยราชการลับของอังกฤษตั้งแต่ต้น ถูกส่งให้ไปทำงานตั้งแต่ที่เกาะสุมาตรา ไม่งั้นมันจะไปควบรวม บริษัทใหญ่อย่างนั้นได้ ง่าย ๆ อย่างไร ค.ศ. 1912 ก่อนเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษมีส่วนแบ่งในตลาดน้ำมันโลก เพียง 12 % หลังสงครามโลก ภายหลังจากการล่าเหยื่อ หลอกเหยื่อ ขยี้เหยื่อ จนเหลือแต่ซากแล้ว ค.ศ. 1925 อังกฤษกลายเป็นขาใหญ่ในวงการน้ำมันโลก ที่กำลังจะมาแรง ปฎิบัติการ San Remo นาย Deterding ทำงานร่วมกับ Sir John Cadman ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาลอังกฤษ เข้าไปดูแล Anglo Persian Oil Company ทั้ง 2 คน เดินสายนอกรอบ ทั้งหว่าน ทั้งล้อมฝรั่งเศส ให้ฝรั่งเศสรับ 25% ของหุ้นใน Turkish Petroleum ไป แทนการเอาเมือง Mosul ฝรั่งเศส เหมือนเด็กได้อมยิ้มไป 1 กล่องในวันเดียว ดีใจเกือบตาย แทนที่จะได้ทั้งกล่องทุกวันไปตลอดชีวิต และด้วยอมยิ้ม 1 กล่อง ฝรั่งเศสใจป้ำ ตกลงว่าถ้าขุดน้ำมันเจอจริง และจะต้องวางท่อส่งน้ำมัน ผ่านมาทางซีเรีย ซึ่งฝรั่งเศสได้สิทธิปกครอง ฝรั่งเศสบอกเรายินดีนะ และภาษีอะไรที่ต้องมีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฝรั่งเศสยกเว้นให้หมด เป็นการตอบแทน เอ้อ ! เซ่อได้สมใจ เคี้ยวนุ่มอร่อยนาน อังกฤษมองไกล ต่อไปนี้ ตะวันออกกลาง เค้กทั้งก้อน ไม่ใช่แค่ชิ้นเดียว ต้องไม่พ้นมือเรา San Remo Agreement ยังใส่เงื่อนไขไว้ในสัญญาด้วยอีกว่า ต่างชาติอื่นนอกเหนือไปจากนี้ ไม่มีสิทธิมาขุดเจาะ เสาะหาน้ำมันในอาณาบริเวณเมโส โปเตเมีย เขียนแบบนี้ แปลว่า อเมริกาอย่ามาแหยม ! ไม่เชิญเขามาร่วมประชุม ก็หน้าด้านมากพอ แต่นี่ถึงขนาดตัดขาด จากการงานกินเค้ก ในอนาคตด้วยนี่ มันชักส่ออาการตระกรามมากไป นอกจากกันอเมริกาออกไปแล้ว San Remo Agreement ยังระบุด้วยว่า ในเรื่องน้ำมันที่โรมาเนีย และที่รัสเซีย ฝรั่งเศสจะต้องให้ความร่วมมือกับอังกฤษ ตามที่อังกฤษจูงอีกด้วย ข้อตกลงแบบนี้เหมือนการปฏิวัติเงียบ เกี่ยวกับน้ำมันในเมโสโปเตเมีย โดยชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อย ฯ เลยทีเดียว เมื่อกระทรวงต่างประเทศของอเมริกา รู้เรื่องการวางไม้ขวางของอังกฤษ จึงทำหนังสือประท้วงการตัดสิทธิของ American Standard Oil ออกไปจากสัมปทานในเมโสโปเตเมีย รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ขณะนั้น Lord Curzon ทำหนังสือลงวันที่ 21 เมษายน ค.ศ. 1921 แจ้งไปยังทูตอังกฤษที่ประจำอยู่ในวอชิตัน ให้ไปแจ้งต่ออเมริกาว่า อังกฤษเสียใจจริง ๆ ที่ไม่สามารถจะจัดการให้บริษัทน้ำมันอเมริกัน ได้รับสัมปทานในตะวันออกกลางได้ เด็ดขาดจริงลูกพี่ ! เขียนได้เด็ด ! แต่จะขาดกันแค่ไหน เห็นจะต้องดูกันต่อไป นั่นมันเรื่อง 100 ปีมาแล้ว San Remo Agreement น่าจะเป็นหัวเชื้อ ในการทำสงครามชิงน้ำมัน ในตะวันออกกลางระหว่างอังกฤษกับอเมริกา ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา โดยเหยื่อที่เป็นเจ้าของน้ำมันตัวจริง ในตะวันออกกลางคงยังกำลังงง ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรกับพวกตน และดินแดนของพวกตน และไม่รู้ว่าบัดนี้ยังจะเข้าใจกันมากน้อยแค่ไหน ! ? สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
11 ก.ย. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 412 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ระบบอุตสาหกรรมกว่า 200,000 จุดเสี่ยงถูกแฮก — รายงานชี้ความประมาทและความสะดวกกลายเป็นภัยไซเบอร์ระดับชาติ”

    หลังจากหลายปีที่มีความพยายามลดความเสี่ยงด้านไซเบอร์ในระบบควบคุมอุตสาหกรรม (ICS/OT) รายงานล่าสุดจาก Bitsight กลับพบว่าแนวโน้มการเปิดเผยระบบต่ออินเทอร์เน็ตกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยในปี 2024 จำนวนอุปกรณ์ที่เข้าถึงได้จากสาธารณะเพิ่มขึ้นจาก 160,000 เป็น 180,000 จุด หรือเพิ่มขึ้น 12% และคาดว่าจะทะลุ 200,000 จุดภายในสิ้นปี 2025

    ระบบเหล่านี้รวมถึงอุปกรณ์ควบคุมโรงงานน้ำ, ระบบอัตโนมัติในอาคาร, และเครื่องวัดระดับถังน้ำมันที่ไม่มีระบบยืนยันตัวตน ซึ่งหลายตัวมีช่องโหว่ระดับ CVSS 10.0 ที่สามารถถูกโจมตีได้ง่าย โดยมัลแวร์ใหม่อย่าง FrostyGoop และ Fuxnet ถูกออกแบบมาเพื่อเจาะระบบ ICS โดยเฉพาะ

    Pedro Umbelino นักวิจัยจาก Bitsight เตือนว่า “นี่ไม่ใช่แค่ความผิดพลาด — แต่มันคือความเสี่ยงเชิงระบบที่ไม่อาจให้อภัยได้” เพราะการเปิดระบบเหล่านี้ต่ออินเทอร์เน็ตมักเกิดจากความสะดวก เช่น การติดตั้งเร็ว, การเข้าถึงจากระยะไกล, หรือการเชื่อมต่อทุกอย่างไว้ในระบบเดียว โดยไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัย

    AI ก็มีบทบาททั้งด้านดีและร้าย — ฝั่งผู้ป้องกันใช้ machine learning เพื่อสแกนและตรวจจับความผิดปกติในระบบ แต่ฝั่งผู้โจมตีก็ใช้ LLM เพื่อสร้างมัลแวร์และหาช่องโหว่ได้เร็วขึ้น โดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรสูง เช่น GPU farm อีกต่อไป

    รายงานแนะนำให้ผู้ดูแลระบบ ICS/OT ดำเนินการทันที เช่น ปิดการเข้าถึงจากสาธารณะ, กำหนดค่าเริ่มต้นของผู้ขายให้ปลอดภัยขึ้น, และร่วมมือกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เพราะระบบเหล่านี้ไม่ได้แค่ควบคุมเครื่องจักร — แต่ควบคุม “ความไว้วางใจ” ของสังคม

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    จำนวนระบบ ICS/OT ที่เปิดเผยต่ออินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น 12% ในปี 2024
    คาดว่าจะทะลุ 200,000 จุดภายในสิ้นปี 2025 หากไม่มีการแก้ไข
    ระบบที่เสี่ยงรวมถึงอุปกรณ์ควบคุมโรงงานน้ำ, ระบบอัตโนมัติในอาคาร, และเครื่องวัดถังน้ำมัน
    หลายระบบมีช่องโหว่ระดับ CVSS 10.0 ที่สามารถถูกโจมตีได้ง่าย
    มัลแวร์ใหม่ เช่น FrostyGoop และ Fuxnet ถูกออกแบบมาเพื่อเจาะ ICS โดยเฉพาะ
    AI ช่วยทั้งฝั่งป้องกันและโจมตี โดยลดต้นทุนการค้นหาช่องโหว่
    การเปิดเผยระบบมักเกิดจากความสะดวก เช่น การติดตั้งเร็วและการเข้าถึงจากระยะไกล
    รายงานแนะนำให้ปิดการเข้าถึงสาธารณะและปรับค่าความปลอดภัยของผู้ขาย
    ระบบ ICS/OT ควบคุมมากกว่าเครื่องจักร — มันควบคุมความไว้วางใจของสังคม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ICS (Industrial Control Systems) คือระบบที่ใช้ควบคุมกระบวนการในโรงงานและโครงสร้างพื้นฐาน
    OT (Operational Technology) คือเทคโนโลยีที่ใช้ในการควบคุมและตรวจสอบอุปกรณ์ทางกายภาพ
    CVSS (Common Vulnerability Scoring System) ใช้ประเมินความรุนแรงของช่องโหว่
    FrostyGoop ใช้โปรโตคอล Modbus TCP เพื่อควบคุมอุปกรณ์ ICS โดยตรง
    ประเทศที่มีอัตราการเปิดเผยสูงสุดต่อจำนวนบริษัทคืออิตาลีและสเปน ส่วนสหรัฐฯ มีจำนวนรวมสูงสุด

    https://www.techradar.com/pro/security/unforgivable-exposure-more-than-200-000-industrial-systems-are-needlessly-exposed-to-the-web-and-hackers-and-theres-no-absolutely-excuse
    🌐 “ระบบอุตสาหกรรมกว่า 200,000 จุดเสี่ยงถูกแฮก — รายงานชี้ความประมาทและความสะดวกกลายเป็นภัยไซเบอร์ระดับชาติ” หลังจากหลายปีที่มีความพยายามลดความเสี่ยงด้านไซเบอร์ในระบบควบคุมอุตสาหกรรม (ICS/OT) รายงานล่าสุดจาก Bitsight กลับพบว่าแนวโน้มการเปิดเผยระบบต่ออินเทอร์เน็ตกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยในปี 2024 จำนวนอุปกรณ์ที่เข้าถึงได้จากสาธารณะเพิ่มขึ้นจาก 160,000 เป็น 180,000 จุด หรือเพิ่มขึ้น 12% และคาดว่าจะทะลุ 200,000 จุดภายในสิ้นปี 2025 ระบบเหล่านี้รวมถึงอุปกรณ์ควบคุมโรงงานน้ำ, ระบบอัตโนมัติในอาคาร, และเครื่องวัดระดับถังน้ำมันที่ไม่มีระบบยืนยันตัวตน ซึ่งหลายตัวมีช่องโหว่ระดับ CVSS 10.0 ที่สามารถถูกโจมตีได้ง่าย โดยมัลแวร์ใหม่อย่าง FrostyGoop และ Fuxnet ถูกออกแบบมาเพื่อเจาะระบบ ICS โดยเฉพาะ Pedro Umbelino นักวิจัยจาก Bitsight เตือนว่า “นี่ไม่ใช่แค่ความผิดพลาด — แต่มันคือความเสี่ยงเชิงระบบที่ไม่อาจให้อภัยได้” เพราะการเปิดระบบเหล่านี้ต่ออินเทอร์เน็ตมักเกิดจากความสะดวก เช่น การติดตั้งเร็ว, การเข้าถึงจากระยะไกล, หรือการเชื่อมต่อทุกอย่างไว้ในระบบเดียว โดยไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัย AI ก็มีบทบาททั้งด้านดีและร้าย — ฝั่งผู้ป้องกันใช้ machine learning เพื่อสแกนและตรวจจับความผิดปกติในระบบ แต่ฝั่งผู้โจมตีก็ใช้ LLM เพื่อสร้างมัลแวร์และหาช่องโหว่ได้เร็วขึ้น โดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรสูง เช่น GPU farm อีกต่อไป รายงานแนะนำให้ผู้ดูแลระบบ ICS/OT ดำเนินการทันที เช่น ปิดการเข้าถึงจากสาธารณะ, กำหนดค่าเริ่มต้นของผู้ขายให้ปลอดภัยขึ้น, และร่วมมือกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เพราะระบบเหล่านี้ไม่ได้แค่ควบคุมเครื่องจักร — แต่ควบคุม “ความไว้วางใจ” ของสังคม ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ จำนวนระบบ ICS/OT ที่เปิดเผยต่ออินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น 12% ในปี 2024 ➡️ คาดว่าจะทะลุ 200,000 จุดภายในสิ้นปี 2025 หากไม่มีการแก้ไข ➡️ ระบบที่เสี่ยงรวมถึงอุปกรณ์ควบคุมโรงงานน้ำ, ระบบอัตโนมัติในอาคาร, และเครื่องวัดถังน้ำมัน ➡️ หลายระบบมีช่องโหว่ระดับ CVSS 10.0 ที่สามารถถูกโจมตีได้ง่าย ➡️ มัลแวร์ใหม่ เช่น FrostyGoop และ Fuxnet ถูกออกแบบมาเพื่อเจาะ ICS โดยเฉพาะ ➡️ AI ช่วยทั้งฝั่งป้องกันและโจมตี โดยลดต้นทุนการค้นหาช่องโหว่ ➡️ การเปิดเผยระบบมักเกิดจากความสะดวก เช่น การติดตั้งเร็วและการเข้าถึงจากระยะไกล ➡️ รายงานแนะนำให้ปิดการเข้าถึงสาธารณะและปรับค่าความปลอดภัยของผู้ขาย ➡️ ระบบ ICS/OT ควบคุมมากกว่าเครื่องจักร — มันควบคุมความไว้วางใจของสังคม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ICS (Industrial Control Systems) คือระบบที่ใช้ควบคุมกระบวนการในโรงงานและโครงสร้างพื้นฐาน ➡️ OT (Operational Technology) คือเทคโนโลยีที่ใช้ในการควบคุมและตรวจสอบอุปกรณ์ทางกายภาพ ➡️ CVSS (Common Vulnerability Scoring System) ใช้ประเมินความรุนแรงของช่องโหว่ ➡️ FrostyGoop ใช้โปรโตคอล Modbus TCP เพื่อควบคุมอุปกรณ์ ICS โดยตรง ➡️ ประเทศที่มีอัตราการเปิดเผยสูงสุดต่อจำนวนบริษัทคืออิตาลีและสเปน ส่วนสหรัฐฯ มีจำนวนรวมสูงสุด https://www.techradar.com/pro/security/unforgivable-exposure-more-than-200-000-industrial-systems-are-needlessly-exposed-to-the-web-and-hackers-and-theres-no-absolutely-excuse
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 336 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Jeff Bezos วาดภาพศูนย์ข้อมูลในอวกาศภายใน 20 ปี — พลังงานแสงอาทิตย์ 24/7 และระบบระบายความร้อนตามธรรมชาติ”

    ในงาน Italian Tech Week ที่เมืองตูริน ประเทศอิตาลี Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon และ Blue Origin ได้เปิดเผยวิสัยทัศน์ที่น่าตื่นตาเกี่ยวกับอนาคตของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โดยเขาคาดว่าในอีก 10–20 ปีข้างหน้า เราจะเริ่มสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดกิกะวัตต์ในวงโคจรของโลก ซึ่งจะใช้พลังงานแสงอาทิตย์อย่างต่อเนื่องและระบายความร้อนได้ง่ายกว่าบนโลก

    เหตุผลหลักคือในอวกาศไม่มีเมฆ ไม่มีฝน และไม่มีรอบกลางวันกลางคืน ทำให้สามารถผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานที่ต้องใช้พลังงานมหาศาล เช่น การฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ หรือการประมวลผลแบบคลัสเตอร์

    นอกจากนี้ อุณหภูมิในอวกาศที่ต่ำมาก (ถึง -270°C ในเงามืด) ช่วยให้การระบายความร้อนของเซิร์ฟเวอร์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องใช้ระบบทำความเย็นที่กินไฟมหาศาลเหมือนศูนย์ข้อมูลบนโลก

    อย่างไรก็ตาม การสร้างศูนย์ข้อมูลในอวกาศยังมีอุปสรรคใหญ่มาก ทั้งด้านวิศวกรรม เศรษฐศาสตร์ และโลจิสติกส์ เช่น ต้องใช้แผงโซลาร์เซลล์ขนาด 2.4–3.3 ล้านตารางเมตร ซึ่งหนักกว่า 9,000 ตัน และต้องใช้จรวดมากกว่า 150 เที่ยวในการขนส่งขึ้นสู่วงโคจร รวมถึงระบบหม้อน้ำขนาดมหึมาเพื่อระบายความร้อน และอุปกรณ์เซิร์ฟเวอร์ที่หนักหลายหมื่นตัน

    Bezos เชื่อว่า Blue Origin จะสามารถพัฒนาเทคโนโลยีจรวดที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ เพื่อทำให้การขนส่งอุปกรณ์ขึ้นสู่อวกาศมีต้นทุนต่ำลง และเขายังมองว่าในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า จะมี “ผู้คนหลายล้านคนอาศัยอยู่ในอวกาศ” ซึ่งจะเป็นการขยายขอบเขตของอุตสาหกรรมมนุษย์ออกไปนอกโลก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Jeff Bezos คาดว่าในอีก 10–20 ปีจะมีศูนย์ข้อมูลขนาดกิกะวัตต์ในวงโคจรของโลก
    พลังงานแสงอาทิตย์ในอวกาศสามารถผลิตได้ต่อเนื่อง 24/7 เพราะไม่มีเมฆหรือกลางคืน
    อุณหภูมิในอวกาศช่วยให้ระบายความร้อนได้ง่ายกว่าบนโลก
    เหมาะสำหรับงานที่ใช้พลังงานสูง เช่น การฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่
    ต้องใช้แผงโซลาร์เซลล์ขนาด 2.4–3.3 ล้านตารางเมตร น้ำหนักกว่า 9,000 ตัน
    ต้องใช้จรวดมากกว่า 150 เที่ยวในการขนส่งขึ้นสู่วงโคจร
    ระบบหม้อน้ำต้องมีพื้นที่หลายล้านตารางเมตรเพื่อระบายความร้อน
    Bezos เชื่อว่า Blue Origin จะพัฒนาจรวดนำกลับมาใช้ใหม่ได้
    เขามองว่าในอนาคตจะมีผู้คนหลายล้านคนอาศัยอยู่ในอวกาศ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    พลังงานแสงอาทิตย์ในอวกาศมีความเข้มข้นสูงกว่าและเสถียรกว่าบนโลก
    การระบายความร้อนในอวกาศใช้การแผ่รังสี (radiative cooling) แทนการพาความร้อน
    การใช้เลเซอร์หรือคลื่นวิทยุสามารถส่งข้อมูลจากอวกาศกลับมายังโลกได้
    บริษัทอื่น เช่น Lumen Orbit ก็เริ่มพัฒนาแนวคิดศูนย์ข้อมูลในอวกาศ
    ความต้องการพลังงานของศูนย์ข้อมูล AI บนโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการแสวงหาทางเลือกใหม่

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/jeff-bezos-envisions-space-based-data-centers-in-10-to-20-years-could-allow-for-natural-cooling-and-more-effective-solar-power
    🚀 “Jeff Bezos วาดภาพศูนย์ข้อมูลในอวกาศภายใน 20 ปี — พลังงานแสงอาทิตย์ 24/7 และระบบระบายความร้อนตามธรรมชาติ” ในงาน Italian Tech Week ที่เมืองตูริน ประเทศอิตาลี Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon และ Blue Origin ได้เปิดเผยวิสัยทัศน์ที่น่าตื่นตาเกี่ยวกับอนาคตของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โดยเขาคาดว่าในอีก 10–20 ปีข้างหน้า เราจะเริ่มสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดกิกะวัตต์ในวงโคจรของโลก ซึ่งจะใช้พลังงานแสงอาทิตย์อย่างต่อเนื่องและระบายความร้อนได้ง่ายกว่าบนโลก เหตุผลหลักคือในอวกาศไม่มีเมฆ ไม่มีฝน และไม่มีรอบกลางวันกลางคืน ทำให้สามารถผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานที่ต้องใช้พลังงานมหาศาล เช่น การฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ หรือการประมวลผลแบบคลัสเตอร์ นอกจากนี้ อุณหภูมิในอวกาศที่ต่ำมาก (ถึง -270°C ในเงามืด) ช่วยให้การระบายความร้อนของเซิร์ฟเวอร์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องใช้ระบบทำความเย็นที่กินไฟมหาศาลเหมือนศูนย์ข้อมูลบนโลก อย่างไรก็ตาม การสร้างศูนย์ข้อมูลในอวกาศยังมีอุปสรรคใหญ่มาก ทั้งด้านวิศวกรรม เศรษฐศาสตร์ และโลจิสติกส์ เช่น ต้องใช้แผงโซลาร์เซลล์ขนาด 2.4–3.3 ล้านตารางเมตร ซึ่งหนักกว่า 9,000 ตัน และต้องใช้จรวดมากกว่า 150 เที่ยวในการขนส่งขึ้นสู่วงโคจร รวมถึงระบบหม้อน้ำขนาดมหึมาเพื่อระบายความร้อน และอุปกรณ์เซิร์ฟเวอร์ที่หนักหลายหมื่นตัน Bezos เชื่อว่า Blue Origin จะสามารถพัฒนาเทคโนโลยีจรวดที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ เพื่อทำให้การขนส่งอุปกรณ์ขึ้นสู่อวกาศมีต้นทุนต่ำลง และเขายังมองว่าในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า จะมี “ผู้คนหลายล้านคนอาศัยอยู่ในอวกาศ” ซึ่งจะเป็นการขยายขอบเขตของอุตสาหกรรมมนุษย์ออกไปนอกโลก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Jeff Bezos คาดว่าในอีก 10–20 ปีจะมีศูนย์ข้อมูลขนาดกิกะวัตต์ในวงโคจรของโลก ➡️ พลังงานแสงอาทิตย์ในอวกาศสามารถผลิตได้ต่อเนื่อง 24/7 เพราะไม่มีเมฆหรือกลางคืน ➡️ อุณหภูมิในอวกาศช่วยให้ระบายความร้อนได้ง่ายกว่าบนโลก ➡️ เหมาะสำหรับงานที่ใช้พลังงานสูง เช่น การฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ ➡️ ต้องใช้แผงโซลาร์เซลล์ขนาด 2.4–3.3 ล้านตารางเมตร น้ำหนักกว่า 9,000 ตัน ➡️ ต้องใช้จรวดมากกว่า 150 เที่ยวในการขนส่งขึ้นสู่วงโคจร ➡️ ระบบหม้อน้ำต้องมีพื้นที่หลายล้านตารางเมตรเพื่อระบายความร้อน ➡️ Bezos เชื่อว่า Blue Origin จะพัฒนาจรวดนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ➡️ เขามองว่าในอนาคตจะมีผู้คนหลายล้านคนอาศัยอยู่ในอวกาศ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ พลังงานแสงอาทิตย์ในอวกาศมีความเข้มข้นสูงกว่าและเสถียรกว่าบนโลก ➡️ การระบายความร้อนในอวกาศใช้การแผ่รังสี (radiative cooling) แทนการพาความร้อน ➡️ การใช้เลเซอร์หรือคลื่นวิทยุสามารถส่งข้อมูลจากอวกาศกลับมายังโลกได้ ➡️ บริษัทอื่น เช่น Lumen Orbit ก็เริ่มพัฒนาแนวคิดศูนย์ข้อมูลในอวกาศ ➡️ ความต้องการพลังงานของศูนย์ข้อมูล AI บนโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการแสวงหาทางเลือกใหม่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/jeff-bezos-envisions-space-based-data-centers-in-10-to-20-years-could-allow-for-natural-cooling-and-more-effective-solar-power
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 295 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Klopatra: มัลแวร์ Android ตัวใหม่ปลอมเป็นแอป VPN/IPTV — ขโมยเงินแม้ตอนหน้าจอดับ พร้อมหลบแอนตี้ไวรัสแบบเหนือชั้น”

    นักวิจัยจาก Cleafy ได้เปิดโปงมัลแวร์ Android ตัวใหม่ชื่อ “Klopatra” ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่พูดภาษาตุรกี และมีความสามารถเหนือกว่ามัลแวร์ทั่วไปอย่างชัดเจน โดย Klopatra ถูกปล่อยผ่านแอปปลอมชื่อ “Modpro IP TV + VPN” ที่ไม่ได้อยู่บน Google Play Store แต่ถูกแจกจ่ายผ่านเว็บไซต์อันตรายโดยตรง

    เมื่อผู้ใช้ติดตั้งแอปนี้ มัลแวร์จะขอสิทธิ์ Accessibility Services ซึ่งเปิดทางให้มันควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ เช่น อ่านหน้าจอ, จำลองการแตะ, ขโมยรหัสผ่าน, และแม้แต่ควบคุมอุปกรณ์ขณะหน้าจอดับผ่านโหมด VNC แบบ “หน้าจอดำ” ที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัวเลยว่ามีการใช้งานอยู่

    Klopatra ยังมีความสามารถในการตรวจสอบว่าเครื่องกำลังชาร์จหรือหน้าจอดับ เพื่อเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการโจมตีโดยไม่ให้ผู้ใช้สงสัย และสามารถจำลองการแตะ, ปัด, กดค้าง เพื่อทำธุรกรรมธนาคารหรือขโมยคริปโตได้แบบเรียลไทม์

    เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ มัลแวร์ใช้เทคนิคขั้นสูง เช่น การเข้ารหัสด้วย NP Manager, การใช้ native libraries แทน Java/Kotlin, การฝัง Virbox ซึ่งเป็นระบบป้องกันโค้ดระดับเชิงพาณิชย์ และมีระบบตรวจจับ emulator, anti-debugging, และ integrity check เพื่อป้องกันนักวิจัยไม่ให้วิเคราะห์ได้ง่าย

    จนถึงตอนนี้ Klopatra ถูกพัฒนาไปแล้วกว่า 40 เวอร์ชันตั้งแต่มีการพบครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2025 และมีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 3,000 รายในยุโรป โดยเฉพาะในสเปนและอิตาลี ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของแคมเปญนี้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Klopatra เป็นมัลแวร์ Android ที่ปลอมตัวเป็นแอป IPTV และ VPN
    แจกจ่ายผ่านเว็บไซต์อันตราย ไม่ใช่ Google Play Store
    ขอสิทธิ์ Accessibility Services เพื่อควบคุมเครื่องแบบเต็มรูปแบบ
    ใช้โหมด VNC แบบหน้าจอดำเพื่อควบคุมเครื่องขณะผู้ใช้ไม่รู้ตัว
    ตรวจสอบสถานะการชาร์จและหน้าจอเพื่อเลือกเวลาที่เหมาะสมในการโจมตี
    ใช้ Virbox, NP Manager, native libraries และเทคนิค anti-debugging เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ
    ถูกพัฒนาไปแล้วกว่า 40 เวอร์ชันตั้งแต่เดือนมีนาคม 2025
    มีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 3,000 รายในยุโรป โดยเฉพาะในสเปนและอิตาลี
    กลุ่มผู้พัฒนาเป็นแฮกเกอร์ที่พูดภาษาตุรกี และมีโครงสร้าง C2 ที่ซับซ้อน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Accessibility Services เป็นช่องทางที่มัลแวร์นิยมใช้เพื่อควบคุมอุปกรณ์ Android
    Virbox เป็นระบบป้องกันโค้ดที่ใช้ในซอฟต์แวร์เชิงพาณิชย์ เช่น เกมหรือแอปที่ต้องการป้องกันการแครก
    VNC (Virtual Network Computing) เป็นระบบควบคุมอุปกรณ์จากระยะไกลที่ใช้ในงาน IT แต่ถูกนำมาใช้ในมัลแวร์
    NP Manager เป็นเครื่องมือที่ใช้เข้ารหัส string เพื่อหลบเลี่ยงการวิเคราะห์โค้ด
    การใช้ native libraries แทน Java/Kotlin ช่วยลดการตรวจจับจากระบบวิเคราะห์มัลแวร์อัตโนมัติ

    https://www.techradar.com/pro/security/this-dangerous-new-android-malware-disguises-itself-as-a-vpn-or-iptv-app-so-be-on-your-guard
    📱💀 “Klopatra: มัลแวร์ Android ตัวใหม่ปลอมเป็นแอป VPN/IPTV — ขโมยเงินแม้ตอนหน้าจอดับ พร้อมหลบแอนตี้ไวรัสแบบเหนือชั้น” นักวิจัยจาก Cleafy ได้เปิดโปงมัลแวร์ Android ตัวใหม่ชื่อ “Klopatra” ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่พูดภาษาตุรกี และมีความสามารถเหนือกว่ามัลแวร์ทั่วไปอย่างชัดเจน โดย Klopatra ถูกปล่อยผ่านแอปปลอมชื่อ “Modpro IP TV + VPN” ที่ไม่ได้อยู่บน Google Play Store แต่ถูกแจกจ่ายผ่านเว็บไซต์อันตรายโดยตรง เมื่อผู้ใช้ติดตั้งแอปนี้ มัลแวร์จะขอสิทธิ์ Accessibility Services ซึ่งเปิดทางให้มันควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ เช่น อ่านหน้าจอ, จำลองการแตะ, ขโมยรหัสผ่าน, และแม้แต่ควบคุมอุปกรณ์ขณะหน้าจอดับผ่านโหมด VNC แบบ “หน้าจอดำ” ที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัวเลยว่ามีการใช้งานอยู่ Klopatra ยังมีความสามารถในการตรวจสอบว่าเครื่องกำลังชาร์จหรือหน้าจอดับ เพื่อเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการโจมตีโดยไม่ให้ผู้ใช้สงสัย และสามารถจำลองการแตะ, ปัด, กดค้าง เพื่อทำธุรกรรมธนาคารหรือขโมยคริปโตได้แบบเรียลไทม์ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ มัลแวร์ใช้เทคนิคขั้นสูง เช่น การเข้ารหัสด้วย NP Manager, การใช้ native libraries แทน Java/Kotlin, การฝัง Virbox ซึ่งเป็นระบบป้องกันโค้ดระดับเชิงพาณิชย์ และมีระบบตรวจจับ emulator, anti-debugging, และ integrity check เพื่อป้องกันนักวิจัยไม่ให้วิเคราะห์ได้ง่าย จนถึงตอนนี้ Klopatra ถูกพัฒนาไปแล้วกว่า 40 เวอร์ชันตั้งแต่มีการพบครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2025 และมีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 3,000 รายในยุโรป โดยเฉพาะในสเปนและอิตาลี ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของแคมเปญนี้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Klopatra เป็นมัลแวร์ Android ที่ปลอมตัวเป็นแอป IPTV และ VPN ➡️ แจกจ่ายผ่านเว็บไซต์อันตราย ไม่ใช่ Google Play Store ➡️ ขอสิทธิ์ Accessibility Services เพื่อควบคุมเครื่องแบบเต็มรูปแบบ ➡️ ใช้โหมด VNC แบบหน้าจอดำเพื่อควบคุมเครื่องขณะผู้ใช้ไม่รู้ตัว ➡️ ตรวจสอบสถานะการชาร์จและหน้าจอเพื่อเลือกเวลาที่เหมาะสมในการโจมตี ➡️ ใช้ Virbox, NP Manager, native libraries และเทคนิค anti-debugging เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ ➡️ ถูกพัฒนาไปแล้วกว่า 40 เวอร์ชันตั้งแต่เดือนมีนาคม 2025 ➡️ มีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 3,000 รายในยุโรป โดยเฉพาะในสเปนและอิตาลี ➡️ กลุ่มผู้พัฒนาเป็นแฮกเกอร์ที่พูดภาษาตุรกี และมีโครงสร้าง C2 ที่ซับซ้อน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Accessibility Services เป็นช่องทางที่มัลแวร์นิยมใช้เพื่อควบคุมอุปกรณ์ Android ➡️ Virbox เป็นระบบป้องกันโค้ดที่ใช้ในซอฟต์แวร์เชิงพาณิชย์ เช่น เกมหรือแอปที่ต้องการป้องกันการแครก ➡️ VNC (Virtual Network Computing) เป็นระบบควบคุมอุปกรณ์จากระยะไกลที่ใช้ในงาน IT แต่ถูกนำมาใช้ในมัลแวร์ ➡️ NP Manager เป็นเครื่องมือที่ใช้เข้ารหัส string เพื่อหลบเลี่ยงการวิเคราะห์โค้ด ➡️ การใช้ native libraries แทน Java/Kotlin ช่วยลดการตรวจจับจากระบบวิเคราะห์มัลแวร์อัตโนมัติ https://www.techradar.com/pro/security/this-dangerous-new-android-malware-disguises-itself-as-a-vpn-or-iptv-app-so-be-on-your-guard
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 257 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิตาลี สเปน และตุรกี ถอนการคุ้มครองขบวนเรือ "Global Sumud Flotilla" ก่อนที่จะเข้าสู่น่านน้ำของกาซา โดยอ้างเหตุผลไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหาร และไม่ต้องการเผชิญหน้ากับกองกำลังอิสราเอล!

    ทั้งอิตาลี สเปน และตุรกี ประกาศยุติบทบาทการคุ้มกัน ขบวนเรือ "Global Sumud Flotilla" ก่อนที่ขบวนเรือทั้งหมดจะถูกกองกำลังอิสราเอลเข้าสกัดกั้น

    อิตาลี ได้แจ้งอย่างชัดเจนว่าเรือฟริเกตที่ส่งมาจะยุติการคุ้มครองขบวนเรือเมื่อเข้าใกล้ชายฝั่งกาซาในระยะ 150 ไมล์ทะเล (ประมาณ 278 กม.) เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าทางการทูตกับอิสราเอล

    สเปน ระบุว่าเรือรบที่ส่งมามีวัตถุประสงค์หลักเพื่อช่วยเหลือและกู้ภัยกองเรือ "Global Sumud Flotilla" กรณีเหตุจำเป็นเท่านั้น และจะไม่เข้าไปในทะเลที่อิสราเอลกำหนดไว้

    ตุรกี แม้ว่าจะไม่ได้ส่งเรือรบไปคุ้มกันในภารกิจนี้เหมือนอิตาลีและสเปน แต่บทบาทของตุรกีคือการให้ความช่วยเหลือและการสนับสนุนการเฝ้าระวัง ซึ่งได้ถอนตัวออกไปในช่วงเวลาเดียวกัน

    นอกจากนี้ ประเทศทั้งสามยังเรียกร้องให้นักเคลื่อนไหวของขบวนเรือ "Global Sumud Flotilla" หันหลังกลับเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับอิสราเอลอีกด้วย
    อิตาลี สเปน และตุรกี ถอนการคุ้มครองขบวนเรือ "Global Sumud Flotilla" ก่อนที่จะเข้าสู่น่านน้ำของกาซา โดยอ้างเหตุผลไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหาร และไม่ต้องการเผชิญหน้ากับกองกำลังอิสราเอล! ทั้งอิตาลี สเปน และตุรกี ประกาศยุติบทบาทการคุ้มกัน ขบวนเรือ "Global Sumud Flotilla" ก่อนที่ขบวนเรือทั้งหมดจะถูกกองกำลังอิสราเอลเข้าสกัดกั้น 👉อิตาลี ได้แจ้งอย่างชัดเจนว่าเรือฟริเกตที่ส่งมาจะยุติการคุ้มครองขบวนเรือเมื่อเข้าใกล้ชายฝั่งกาซาในระยะ 150 ไมล์ทะเล (ประมาณ 278 กม.) เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าทางการทูตกับอิสราเอล 👉สเปน ระบุว่าเรือรบที่ส่งมามีวัตถุประสงค์หลักเพื่อช่วยเหลือและกู้ภัยกองเรือ "Global Sumud Flotilla" กรณีเหตุจำเป็นเท่านั้น และจะไม่เข้าไปในทะเลที่อิสราเอลกำหนดไว้ 👉ตุรกี แม้ว่าจะไม่ได้ส่งเรือรบไปคุ้มกันในภารกิจนี้เหมือนอิตาลีและสเปน แต่บทบาทของตุรกีคือการให้ความช่วยเหลือและการสนับสนุนการเฝ้าระวัง ซึ่งได้ถอนตัวออกไปในช่วงเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ ประเทศทั้งสามยังเรียกร้องให้นักเคลื่อนไหวของขบวนเรือ "Global Sumud Flotilla" หันหลังกลับเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับอิสราเอลอีกด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 377 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Chat Control ใกล้เข้าสู่การลงมติ — EU เตรียมสแกนแชตแม้เข้ารหัส ประเทศสมาชิกเริ่มแตกแถว”

    ข้อเสนอร่างกฎหมาย “Child Sexual Abuse Regulation” หรือที่ถูกเรียกกันในวงกว้างว่า “Chat Control” กำลังเข้าใกล้การลงมติครั้งสำคัญในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 โดยมีเป้าหมายให้บริการส่งข้อความทุกประเภทในยุโรปต้องสแกนเนื้อหาของผู้ใช้เพื่อค้นหาเนื้อหาล่วงละเมิดเด็ก แม้ข้อความเหล่านั้นจะถูกเข้ารหัสแบบ end-to-end ก็ตาม

    แม้จะมีเสียงคัดค้านอย่างหนักจากนักวิชาการ นักพัฒนาเทคโนโลยี และนักสิทธิมนุษยชน แต่ข้อเสนอนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากประเทศสมาชิก EU จำนวนมาก โดยเฉพาะเดนมาร์กซึ่งเป็นผู้ผลักดันหลักในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานสภา EU

    ล่าสุด ประเทศที่เคยสนับสนุนเริ่มเปลี่ยนจุดยืน เช่น เยอรมนี เบลเยียม อิตาลี และสวีเดน ที่เปลี่ยนจาก “สนับสนุน” มาเป็น “ไม่แน่ใจ” หรือ “คัดค้าน” ซึ่งทำให้ผลการลงมติยังไม่แน่นอน และอาจส่งผลให้ร่างกฎหมายไม่สามารถเข้าสู่ขั้นตอนเจรจาสุดท้ายในรัฐสภาได้

    ข้อกังวลหลักคือการบังคับให้บริการอย่าง WhatsApp, Signal, ProtonMail และ VPN ต้องสแกนข้อความผู้ใช้ ซึ่งนักวิจัยกว่า 500 คนระบุว่าเป็นการทำลายความเป็นส่วนตัว และเปิดช่องให้เกิดการโจมตีทางไซเบอร์ได้ง่ายขึ้น

    แม้ข้อเสนอจะระบุว่า “จะปกป้องความปลอดภัยไซเบอร์และการเข้ารหัสอย่างครอบคลุม” แต่ในทางเทคนิคแล้ว การสแกนข้อความที่เข้ารหัสไม่สามารถทำได้โดยไม่ลดระดับความปลอดภัยของระบบทั้งหมด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ทั่วไป นักข่าว นักกฎหมาย และแม้แต่เด็กที่กฎหมายตั้งใจจะปกป้อง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    EU เตรียมลงมติร่างกฎหมาย Chat Control ในวันที่ 14 ตุลาคม 2025
    ร่างกฎหมายบังคับให้บริการส่งข้อความต้องสแกนเนื้อหาผู้ใช้ แม้จะเข้ารหัสแบบ end-to-end
    เดนมาร์กเป็นผู้ผลักดันหลักของร่างกฎหมายในช่วงดำรงตำแหน่งประธาน EU
    ประเทศที่เปลี่ยนจุดยืนล่าสุด ได้แก่ เยอรมนี เบลเยียม อิตาลี สวีเดน และลัตเวีย
    ข้อเสนอระบุว่าบัญชีรัฐบาลและทหารจะได้รับการยกเว้นจากการสแกน
    นักวิจัยกว่า 500 คนออกแถลงการณ์คัดค้านร่างกฎหมายนี้
    หากผ่าน ร่างกฎหมายจะเข้าสู่ขั้นตอนเจรจาในรัฐสภา EU เพื่อพิจารณาเป็นกฎหมาย
    บริการที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ WhatsApp, Signal, ProtonMail และ VPN ต่าง ๆ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Chat Control ถูกเสนอครั้งแรกในปี 2022 โดยอดีตกรรมาธิการ EU Ylva Johansson
    การสแกนข้อความแบบ client-side คือการติดตั้งระบบตรวจสอบในอุปกรณ์ผู้ใช้โดยตรง
    การลดระดับการเข้ารหัสอาจทำให้ข้อมูลผู้ใช้ถูกโจมตีจากแฮกเกอร์หรือรัฐคู่แข่ง
    UN และศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปเคยเตือนว่าการลดการเข้ารหัสเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน
    ระบบตรวจสอบอัตโนมัติมีอัตราความผิดพลาดสูง อาจทำให้ผู้บริสุทธิ์ถูกกล่าวหา

    https://www.techradar.com/computing/cyber-security/chat-control-the-list-of-countries-opposing-the-law-grows-but-support-remains-strong
    🔐 “Chat Control ใกล้เข้าสู่การลงมติ — EU เตรียมสแกนแชตแม้เข้ารหัส ประเทศสมาชิกเริ่มแตกแถว” ข้อเสนอร่างกฎหมาย “Child Sexual Abuse Regulation” หรือที่ถูกเรียกกันในวงกว้างว่า “Chat Control” กำลังเข้าใกล้การลงมติครั้งสำคัญในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 โดยมีเป้าหมายให้บริการส่งข้อความทุกประเภทในยุโรปต้องสแกนเนื้อหาของผู้ใช้เพื่อค้นหาเนื้อหาล่วงละเมิดเด็ก แม้ข้อความเหล่านั้นจะถูกเข้ารหัสแบบ end-to-end ก็ตาม แม้จะมีเสียงคัดค้านอย่างหนักจากนักวิชาการ นักพัฒนาเทคโนโลยี และนักสิทธิมนุษยชน แต่ข้อเสนอนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากประเทศสมาชิก EU จำนวนมาก โดยเฉพาะเดนมาร์กซึ่งเป็นผู้ผลักดันหลักในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานสภา EU ล่าสุด ประเทศที่เคยสนับสนุนเริ่มเปลี่ยนจุดยืน เช่น เยอรมนี เบลเยียม อิตาลี และสวีเดน ที่เปลี่ยนจาก “สนับสนุน” มาเป็น “ไม่แน่ใจ” หรือ “คัดค้าน” ซึ่งทำให้ผลการลงมติยังไม่แน่นอน และอาจส่งผลให้ร่างกฎหมายไม่สามารถเข้าสู่ขั้นตอนเจรจาสุดท้ายในรัฐสภาได้ ข้อกังวลหลักคือการบังคับให้บริการอย่าง WhatsApp, Signal, ProtonMail และ VPN ต้องสแกนข้อความผู้ใช้ ซึ่งนักวิจัยกว่า 500 คนระบุว่าเป็นการทำลายความเป็นส่วนตัว และเปิดช่องให้เกิดการโจมตีทางไซเบอร์ได้ง่ายขึ้น แม้ข้อเสนอจะระบุว่า “จะปกป้องความปลอดภัยไซเบอร์และการเข้ารหัสอย่างครอบคลุม” แต่ในทางเทคนิคแล้ว การสแกนข้อความที่เข้ารหัสไม่สามารถทำได้โดยไม่ลดระดับความปลอดภัยของระบบทั้งหมด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ทั่วไป นักข่าว นักกฎหมาย และแม้แต่เด็กที่กฎหมายตั้งใจจะปกป้อง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ EU เตรียมลงมติร่างกฎหมาย Chat Control ในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 ➡️ ร่างกฎหมายบังคับให้บริการส่งข้อความต้องสแกนเนื้อหาผู้ใช้ แม้จะเข้ารหัสแบบ end-to-end ➡️ เดนมาร์กเป็นผู้ผลักดันหลักของร่างกฎหมายในช่วงดำรงตำแหน่งประธาน EU ➡️ ประเทศที่เปลี่ยนจุดยืนล่าสุด ได้แก่ เยอรมนี เบลเยียม อิตาลี สวีเดน และลัตเวีย ➡️ ข้อเสนอระบุว่าบัญชีรัฐบาลและทหารจะได้รับการยกเว้นจากการสแกน ➡️ นักวิจัยกว่า 500 คนออกแถลงการณ์คัดค้านร่างกฎหมายนี้ ➡️ หากผ่าน ร่างกฎหมายจะเข้าสู่ขั้นตอนเจรจาในรัฐสภา EU เพื่อพิจารณาเป็นกฎหมาย ➡️ บริการที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ WhatsApp, Signal, ProtonMail และ VPN ต่าง ๆ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Chat Control ถูกเสนอครั้งแรกในปี 2022 โดยอดีตกรรมาธิการ EU Ylva Johansson ➡️ การสแกนข้อความแบบ client-side คือการติดตั้งระบบตรวจสอบในอุปกรณ์ผู้ใช้โดยตรง ➡️ การลดระดับการเข้ารหัสอาจทำให้ข้อมูลผู้ใช้ถูกโจมตีจากแฮกเกอร์หรือรัฐคู่แข่ง ➡️ UN และศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปเคยเตือนว่าการลดการเข้ารหัสเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน ➡️ ระบบตรวจสอบอัตโนมัติมีอัตราความผิดพลาดสูง อาจทำให้ผู้บริสุทธิ์ถูกกล่าวหา https://www.techradar.com/computing/cyber-security/chat-control-the-list-of-countries-opposing-the-law-grows-but-support-remains-strong
    WWW.TECHRADAR.COM
    Chat Control: The list of countries opposing the law grows, but support remains strong
    Germany, Belgium, Italy, Latvia, and Sweden shift their positions ahead of the October 14 meeting
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 313 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Klopatra: มัลแวร์ Android สุดแสบจากตุรกี ใช้ VNC ลับและโค้ดซ่อนระดับพาณิชย์ เจาะบัญชีธนาคารยุโรปขณะเหยื่อหลับ”

    Cleafy ทีมวิเคราะห์ภัยคุกคามจากอิตาลีได้เปิดเผยมัลแวร์ Android ตัวใหม่ชื่อ “Klopatra” ซึ่งเป็น Remote Access Trojan (RAT) ที่มีความซับซ้อนสูงและไม่เกี่ยวข้องกับมัลแวร์ตระกูลเดิมใด ๆ โดย Klopatra ถูกออกแบบมาเพื่อโจมตีผู้ใช้ธนาคารในยุโรป โดยเฉพาะในสเปนและอิตาลี ซึ่งมีอุปกรณ์ติดเชื้อแล้วกว่า 3,000 เครื่อง

    Klopatra เริ่มต้นด้วยการหลอกให้เหยื่อดาวน์โหลดแอป IPTV ปลอมชื่อ “Mobdro Pro IP TV + VPN” ซึ่งขอสิทธิ์ REQUEST_INSTALL_PACKAGES เพื่อให้สามารถติดตั้งแอปอื่นได้ เมื่อเหยื่ออนุญาต ตัว dropper จะติดตั้ง payload หลักของ Klopatra แบบเงียบ ๆ และเริ่มควบคุมอุปกรณ์ทันที

    มัลแวร์นี้ใช้ Accessibility Services เพื่อเข้าถึงหน้าจอ, บันทึกการพิมพ์, และควบคุมอุปกรณ์แบบไร้ร่องรอย โดยมีฟีเจอร์เด่นคือ Hidden VNC ที่ทำให้หน้าจอของเหยื่อกลายเป็นสีดำเหมือนปิดเครื่อง ขณะที่ผู้โจมตีสามารถเปิดแอปธนาคารและโอนเงินได้โดยไม่ถูกสังเกต

    Klopatra ยังใช้เทคนิค overlay attack โดยแสดงหน้าจอ login ปลอมที่เหมือนจริง เมื่อเหยื่อกรอกข้อมูล ระบบจะส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตีทันที

    สิ่งที่ทำให้ Klopatra อันตรายยิ่งขึ้นคือการใช้ Virbox ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือป้องกันโค้ดระดับพาณิชย์ที่ใช้ในซอฟต์แวร์ถูกลิขสิทธิ์ ทำให้การวิเคราะห์และตรวจจับทำได้ยากมาก โดยโค้ดหลักถูกย้ายไปอยู่ใน native layer พร้อมกลไก anti-debugging และตรวจจับ emulator

    จากการวิเคราะห์ภาษาในโค้ดและเซิร์ฟเวอร์ควบคุม พบว่าผู้พัฒนา Klopatra เป็นกลุ่มที่พูดภาษาตุรกี โดยมีการใช้คำว่า “etiket” และ “bot_notu” ในระบบหลังบ้าน รวมถึงข้อความหยาบคายที่บ่งบอกถึงความหงุดหงิดจากการโจรกรรมที่ล้มเหลว

    มีการระบุ botnet หลัก 2 กลุ่ม ได้แก่

    สเปน: ควบคุมผ่าน adsservices[.]uk

    อิตาลี: ควบคุมผ่าน adsservice2[.]org และมีเซิร์ฟเวอร์ทดสอบชื่อ guncel-tv-player-lnat[.]com

    Klopatra ถูกติดตามแล้วกว่า 40 เวอร์ชันตั้งแต่มีนาคม 2025 และยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดย Cleafy เตือนว่า นี่คือสัญญาณของการ “ยกระดับอาชญากรรมไซเบอร์บนมือถือ” ที่ใช้เทคโนโลยีระดับองค์กรเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับและเพิ่มกำไรสูงสุด

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Klopatra เป็น Android RAT ที่ใช้ Hidden VNC และ overlay attack เพื่อขโมยข้อมูลธนาคาร
    เริ่มต้นด้วย dropper ปลอมชื่อ Mobdro Pro IP TV + VPN ที่ขอสิทธิ์ติดตั้งแอป
    ใช้ Accessibility Services เพื่อควบคุมอุปกรณ์แบบสมบูรณ์
    Hidden VNC ทำให้หน้าจอเหยื่อกลายเป็นสีดำ ขณะผู้โจมตีควบคุมอุปกรณ์
    Overlay attack แสดงหน้าจอ login ปลอมเพื่อขโมยข้อมูลธนาคาร
    ใช้ Virbox เพื่อป้องกันโค้ด ทำให้ตรวจจับและวิเคราะห์ได้ยาก
    โค้ดหลักถูกย้ายไป native layer พร้อมกลไก anti-debugging และ integrity check
    ผู้พัฒนาเป็นกลุ่มที่พูดภาษาตุรกี โดยมีคำในระบบหลังบ้านเป็นภาษาตุรกี
    มี botnet 2 กลุ่มในสเปนและอิตาลี และเซิร์ฟเวอร์ทดสอบอีก 1 แห่ง
    ติดตามแล้วกว่า 40 เวอร์ชันตั้งแต่มีนาคม 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Virbox เป็นเครื่องมือป้องกันโค้ดที่ใช้ในซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ เช่น เกมหรือแอปองค์กร
    Hidden VNC เคยถูกใช้ในมัลแวร์ระดับองค์กร เช่น APT เพื่อควบคุมอุปกรณ์แบบลับ
    Accessibility Services เป็นช่องโหว่ที่มัลแวร์ Android ใช้บ่อยที่สุดในช่วงหลัง
    Overlay attack ถูกใช้ในมัลแวร์ธนาคารหลายตัว เช่น BRATA และ Octo
    การใช้ native code ทำให้มัลแวร์หลบเลี่ยงการตรวจจับจาก antivirus ได้ดีขึ้น

    https://securityonline.info/klopatra-new-android-rat-uses-hidden-vnc-and-commercial-obfuscation-to-hijack-european-banking-accounts/
    📱 “Klopatra: มัลแวร์ Android สุดแสบจากตุรกี ใช้ VNC ลับและโค้ดซ่อนระดับพาณิชย์ เจาะบัญชีธนาคารยุโรปขณะเหยื่อหลับ” Cleafy ทีมวิเคราะห์ภัยคุกคามจากอิตาลีได้เปิดเผยมัลแวร์ Android ตัวใหม่ชื่อ “Klopatra” ซึ่งเป็น Remote Access Trojan (RAT) ที่มีความซับซ้อนสูงและไม่เกี่ยวข้องกับมัลแวร์ตระกูลเดิมใด ๆ โดย Klopatra ถูกออกแบบมาเพื่อโจมตีผู้ใช้ธนาคารในยุโรป โดยเฉพาะในสเปนและอิตาลี ซึ่งมีอุปกรณ์ติดเชื้อแล้วกว่า 3,000 เครื่อง Klopatra เริ่มต้นด้วยการหลอกให้เหยื่อดาวน์โหลดแอป IPTV ปลอมชื่อ “Mobdro Pro IP TV + VPN” ซึ่งขอสิทธิ์ REQUEST_INSTALL_PACKAGES เพื่อให้สามารถติดตั้งแอปอื่นได้ เมื่อเหยื่ออนุญาต ตัว dropper จะติดตั้ง payload หลักของ Klopatra แบบเงียบ ๆ และเริ่มควบคุมอุปกรณ์ทันที มัลแวร์นี้ใช้ Accessibility Services เพื่อเข้าถึงหน้าจอ, บันทึกการพิมพ์, และควบคุมอุปกรณ์แบบไร้ร่องรอย โดยมีฟีเจอร์เด่นคือ Hidden VNC ที่ทำให้หน้าจอของเหยื่อกลายเป็นสีดำเหมือนปิดเครื่อง ขณะที่ผู้โจมตีสามารถเปิดแอปธนาคารและโอนเงินได้โดยไม่ถูกสังเกต Klopatra ยังใช้เทคนิค overlay attack โดยแสดงหน้าจอ login ปลอมที่เหมือนจริง เมื่อเหยื่อกรอกข้อมูล ระบบจะส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตีทันที สิ่งที่ทำให้ Klopatra อันตรายยิ่งขึ้นคือการใช้ Virbox ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือป้องกันโค้ดระดับพาณิชย์ที่ใช้ในซอฟต์แวร์ถูกลิขสิทธิ์ ทำให้การวิเคราะห์และตรวจจับทำได้ยากมาก โดยโค้ดหลักถูกย้ายไปอยู่ใน native layer พร้อมกลไก anti-debugging และตรวจจับ emulator จากการวิเคราะห์ภาษาในโค้ดและเซิร์ฟเวอร์ควบคุม พบว่าผู้พัฒนา Klopatra เป็นกลุ่มที่พูดภาษาตุรกี โดยมีการใช้คำว่า “etiket” และ “bot_notu” ในระบบหลังบ้าน รวมถึงข้อความหยาบคายที่บ่งบอกถึงความหงุดหงิดจากการโจรกรรมที่ล้มเหลว มีการระบุ botnet หลัก 2 กลุ่ม ได้แก่ 🌍 สเปน: ควบคุมผ่าน adsservices[.]uk 🌍 อิตาลี: ควบคุมผ่าน adsservice2[.]org และมีเซิร์ฟเวอร์ทดสอบชื่อ guncel-tv-player-lnat[.]com Klopatra ถูกติดตามแล้วกว่า 40 เวอร์ชันตั้งแต่มีนาคม 2025 และยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดย Cleafy เตือนว่า นี่คือสัญญาณของการ “ยกระดับอาชญากรรมไซเบอร์บนมือถือ” ที่ใช้เทคโนโลยีระดับองค์กรเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับและเพิ่มกำไรสูงสุด ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Klopatra เป็น Android RAT ที่ใช้ Hidden VNC และ overlay attack เพื่อขโมยข้อมูลธนาคาร ➡️ เริ่มต้นด้วย dropper ปลอมชื่อ Mobdro Pro IP TV + VPN ที่ขอสิทธิ์ติดตั้งแอป ➡️ ใช้ Accessibility Services เพื่อควบคุมอุปกรณ์แบบสมบูรณ์ ➡️ Hidden VNC ทำให้หน้าจอเหยื่อกลายเป็นสีดำ ขณะผู้โจมตีควบคุมอุปกรณ์ ➡️ Overlay attack แสดงหน้าจอ login ปลอมเพื่อขโมยข้อมูลธนาคาร ➡️ ใช้ Virbox เพื่อป้องกันโค้ด ทำให้ตรวจจับและวิเคราะห์ได้ยาก ➡️ โค้ดหลักถูกย้ายไป native layer พร้อมกลไก anti-debugging และ integrity check ➡️ ผู้พัฒนาเป็นกลุ่มที่พูดภาษาตุรกี โดยมีคำในระบบหลังบ้านเป็นภาษาตุรกี ➡️ มี botnet 2 กลุ่มในสเปนและอิตาลี และเซิร์ฟเวอร์ทดสอบอีก 1 แห่ง ➡️ ติดตามแล้วกว่า 40 เวอร์ชันตั้งแต่มีนาคม 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Virbox เป็นเครื่องมือป้องกันโค้ดที่ใช้ในซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ เช่น เกมหรือแอปองค์กร ➡️ Hidden VNC เคยถูกใช้ในมัลแวร์ระดับองค์กร เช่น APT เพื่อควบคุมอุปกรณ์แบบลับ ➡️ Accessibility Services เป็นช่องโหว่ที่มัลแวร์ Android ใช้บ่อยที่สุดในช่วงหลัง ➡️ Overlay attack ถูกใช้ในมัลแวร์ธนาคารหลายตัว เช่น BRATA และ Octo ➡️ การใช้ native code ทำให้มัลแวร์หลบเลี่ยงการตรวจจับจาก antivirus ได้ดีขึ้น https://securityonline.info/klopatra-new-android-rat-uses-hidden-vnc-and-commercial-obfuscation-to-hijack-european-banking-accounts/
    SECURITYONLINE.INFO
    Klopatra: New Android RAT Uses Hidden VNC and Commercial Obfuscation to Hijack European Banking Accounts
    Cleafy uncovers Klopatra, a new Android RAT using commercial Virbox obfuscation and native code to target banks in Spain/Italy, allowing invisible remote device control.Export to Sheets
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
    ตอนที่ 1 : “เสี้ยม 2”
    Istanbul ฤดูร้อน ปี ค.ศ. 1914 เมืองหลวงของจักรวรรดิออตโตมาน เหมือนอยู่ไกลไปครึ่งโลกห่างวัง ฤดูร้อนใน Ischi ที่ Emperor Franz Joseph ที่ 1 ลงนามในแถลงการณ์ “To My People” เมื่อวันที่ 28 ก.ค 1914 แจ้งให้ชาวออสเตรียรู้ว่า ออสเตรียได้ประกาศสงครามกับ Serbia อย่างเป็นทางการแล้ว !
    เป็นเวลาหลายศตวรรษมาแล้ว ที่อาณาจักรออตโตมานควบคุมทางใต้และตะวันออกของเมดิเตอเรเนียน ตั้งแต่เมือง Alexandretta ถึง Arish และจาก Maghreb ไปถึง Suez ส่วน Algeria และ Tunesia ตกอยู่ในการดูแลของฝรั่งเศส ในขณะที่อังกฤษงาบ อียิปต์ไปเรียบร้อยแล้ว
    ในปี ค.ศ. 1911 อิตาลีได้ยึดหัวหาดอยู่ที่ลิเบีย ก่อนที่จะเกิดสงครามโลก อาณาจักรออตโตมานถูกรุมทึ้งจนเหลือเพียงตุรกี (เท่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน) ตะวันออกกลางและอิรัค (เท่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน) และดินแดนยาวเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวอยู่แถบคาบสมุทรอารเบียยาวไปถึงเยเมน
    ตรงบริเวณนี้แหละ ตรงที่เป็นภาคใต้ของตุรกีปัจจุบัน ที่เป็นศูนย์กลางของสงครามในตะวันออกกลางในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ดินแดนส่วนนี้ได้พยุงตัวด้วยความยากลำบาก เป็นเวลากว่า 400 ปี ที่จะให้อยู่รอดพ้นจากการเหลือแต่ชื่อ แต่แล้วพอถึงต้นศตวรรษที่ 20 ดินแดนส่วนนี้ก็ยิ่งอาการสาหัส กลายเป็นแดนวิกฤติ อย่างที่เรารู้อยู่ในปัจจุบัน บริเวณที่เมืองต่าง ๆ ในแถบนั้นต้องประสบกับความทุกข์ทรมานยาวหลายชั่วคน เช่น Basra, Bagdad, Aleppo, Damascus, Beirut, Gaza และ Suez ฯลฯ เมืองที่เราเห็นชื่อตามสื่อและ breaking news ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนแทบจะเลิกสนใจเพราะนึกว่าเอาเทปของเก่ามาเล่นซ้ำ
    โชคดีที่พวกชักใยหรือตัวละครเอกที่แสดงอยู่ในฉากสงครามโลกครั้งที่ 1 ขณะนั้นยังไม่รู้ว่า ที่สนามหลังบ้านของอาณาจักรออตโตมาน มีแหล่งพลังงานน้ำมันใหญ่ที่สุด ซ่อนตัวอยู่ ถ้าไอ้พวกนั้นได้รู้ การต่อสู้ที่ตะวันออกกลางช่วงนั้นคงจะยิ่งดุเดือดและทารุณโหดร้าย ป่าเถื่อนกว่าที่ได้เกิดขึ้นอีกมากมาย ในขณะนั้น คู่สงครามต่างแสดงบทที่ดูเหมือนจะต้องการเพียงแค่ กำจัดอีกฝ่ายหนึ่งให้หมดไปจากทางเดินของตน ไม่ให้อีกฝ่ายหนึ่งมีอิทธิพล มีอำนาจมากกว่า ยิ่งใหญ่กว่า ต่างฝ่ายต่างไม่ต้องการให้อีกฝ่ายทำสำเร็จ และพยายามทุกอย่างที่จะขัดขวางกันและกันเท่านั้น
    อังกฤษ ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าข้างซ้าย สบโอกาสที่จะสลายอาณาจักรออตโตมาน ของนักไต่ลวดชาวตุรกี และยึดเอามาเป็นของตน เพื่อขยายอิทธิพลของตนไปทางตะวันออกกลางมากขึ้น ขณะนั้นอังกฤษมีอิทธิพลเหนืออียิปต์ อยู่แล้ว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1888 และเหนืออินเดีย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1857 ยังเหลืออาณาจักรออตโตมาน ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลาง ระหว่าง 2 อาณานิคมสำคัญ นี่ถ้าได้อาณาจักรออตโตมานอีกรายการ อาการฟันห่างระหว่างอียิปต์กับอินเดียก็จะแคบเข้ามา อังกฤษจะนั่งรอให้โอกาสวิ่งผ่านไป โดยไม่ฉวยได้อย่างไร ความคิดที่จะใช้สงครามโลกเป็นเครื่องมือถอนราก ถอนโคน อาณาจักรของนักไต่ลวด พร้อมกับการสกัดและทำลายเยอรมันที่คิดทาบรัศมีด้วยการสร้างทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ไปพร้อมกันจึงเกิดขึ้น
    อาณาจักรออตโตมาน ตัดสินใจว่าจะวางตัวเป็นกลาง ก็เป็นคนป่วยนี่ ไม่แข็งแรงพอที่จะไปต่อสู้กับใครได้ อยู่เฉย ๆ น่าจะดีและเหมาะกับสภาพของออตโตมานตอนนั้นมากกว่า สุลต่านผู้ครองจักรวรรดิออตโตมาน เป็นเสมือนหุ่นไม่มีอำนาจจริง หลังจากสุลต่าน Abdulhamid II ซึ่งเป็นสุลต่านที่มีอำนาจคนสุด ท้าย ถูกโค่นลงเมื่อปี 1908 แล้ว สุลต่านคนต่อ ๆ มา ก็หมกตัวอยู่แต่ในฮาเร็ม ให้รัฐบาลทหาร ซึ่งนำโดย Three Pasha เป็นผู้บริหารแทน ปาชาไม่ใช่พวกเคร่งศาสนาและออกจะเป็นพวกนิยมตะวันตกด้วยซ้ำ
    เป็นทหารจะไปรู้เรื่องการค้ามากมายอะไร (ผมหมายถึงปาชานะครับ อย่าเข้าใจผิดว่าเขียนถึงทหารอื่น ซึ่งเก่งทั้งการทหาร การค้า การปกครอง และอื่น ๆ อีกมากมาย) แล้วอาณาจักรออตโตมานก็ถึงเวลากระเป๋าแห้ง และฉีกขาดต่อมา เป็นหนี้ฝรั่งตะวันตกบานตะเกียง ชนิดไม่มีทางจะใช้คืน นอกจากเบี้ยวเขา หรือเป็นทาสเขาไปเท่านั้น แล้วไงล่ะ ขอไปร่วมอยู่ฝั่งเดียวกับเขา เขาก็ถีบทิ้ง นักไต่ลวดจึงถลาลงพื้น หัวฟาดอย่างเดียวไม่พอ กระเป๋าฉีกขาดอีกด้วย ทั้งเจ็บ ทั้งจนขนาดนี้ จะมีทางเลือกอะไร จึงจำใจไปเข้ากับอีกฝ่ายหนึ่ง
    ตุลาคม ค.ศ. 1914 ตุรกี (หรืออาณาจักรออตโตมานขณะนั้น) จึงประกาศตัวอยู่ฝ่ายเยอรมันกับพวก ที่น่าจะกระเป๋าตุงเพราะทำซ่า ว่าจะสร้างทางรถไฟข้ามทวีป เบอร์ลิน แบกแดด ท้าทายชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย แต่ก่อนประกาศตัวอยู่กับฝ่ายเยอรมันเป็นทางการ คนป่วยตุรกีแอบทำสัญญาลับกับ คุณหมอเยอรมัน เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม หลังจากนั้นไม่นาน เรือรบสัญชาติเยอรมัน 2 ลำ SMS Goeben และ SMS Breslau ก็วิ่งมาเงียบ ๆ จากฝั่งตะวันตกของเมดิเตอริเรเนียน ถึงกรุงคอนสแตนติโนเบิล เมื่อเทียบท่าเรียบร้อย ก็ทำพิธีส่งมอบให้ออตโตมาน ซึ่งขณะนั้นบอกว่ายังเป็นกลางอยู่ ออตโตมานตั้งชื่อเรือเสียใหม่ว่า Yavuz และ Midilli ให้มีกลิ่นแกะตุรกีติดเรือ แทนกลิ่นไส้กรอกกับผักดองเปรี้ยวของเยอรมัน พลประจำเรือชาวเยอรมันยังไม่ได้หายตัวไปไหน แค่เปลี่ยนชุดและใส่หมวกตุรกีแทนเท่านั้น เป็นคนป่วยที่ดูเหมือน ยังมีเหลี่ยมติดตัวอยู่ไม่น้อย
    หลังจากนั่นเรือรบ 2 ลำ เดินทางต่อไปถึง Golden Horn และต่อไปที่เมือง Dardanelles ปฏิบัติการยั่วยวนก็เกิดขึ้นทันที ออตโตมานและเยอรมัน ได้ปิดทางเชื่อมระหว่างรัสเซียออกจากพวก คือ ฝรั่งเศส และอังกฤษ หลังจากนั้น เครื่องบินรบติดธงออตโตมาน ก็บินขึ้นจากเรือรบ Goeben ถล่มท่าเรือรัสเซียที่ทะเลดำ การยั่วยวนได้ผล ต้นเดือนพฤศจิกายน รัสเซีย อังกฤษ และฝรั่งเศส ก็ประกาศสงครามกับจักรวรรดิออตโตมาน
    อังกฤษพยายามที่จะทลายการปิดกั้นเส้นทางที่ Dardanelles และยึดเมืองคอนสแตนติโนเบิล ยกโขยงกองทัพเรือมาพร้อมกับของฝรั่งเศสมาทางแหลม Gallipoli การสู้รบเป็นไปอย่างดุเดือด ทั้งทางเรือและทางบก ผลสุดท้ายคนป่วย ออตโตมานที่มีหมอดียาดี ยี่ห้อเยอรมัน ลุกขึ้นกวาดกองทัพอังกฤษแตกกลับ ลงทะเล ผลของคนป่วยได้ยาดี ทำให้ท่านหลอด Winston Churchill แม่ทัพเรือ ยื่นใบลาออกเพราะแพ้คนป่วย จะแก้ตัวยังไงดี ลาออกง่ายกว่า ผลการประเมินคนป่วยผิดคาดนี้ ทำให้เกิดบาดแผลมากมาย ทหารของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ลูกกระเป๋งของอังกฤษตายเป็นเบือ จนเดี๋ยวนี้ทั้ง 2 ชาติ ก็ไม่มีวันลืมสงครามคนป่วย
    ความพ่ายแพ้ที่ Gallipoli ทำให้ฝ่ายสัมพันธมิตรโดยเฉพาะอังกฤษ เปลี่ยนยุทธศาสตร์การรบใหม่ หลังจากแผนการตีกล่องดวงใจ ของออตโตมานล้มเหลว อังกฤษเปลี่ยนแผนเป็น ไล่เซิ้งเมืองรอบนอกให้ยับเยินแทน เป้าหมายมุ่งไปที่เมืองที่มีชาวอาหรับอ่อนแอดูแลอยู่
    กลยุทธที่อังกฤษถนัดใช้และพกติดตัวไว้เสมอ คือไม้เสี้ยม ไม่ต้องลงทุนมาก ใช้ความคิดชั่ว ๆ กับปากก็พอ อังกฤษตั้งใจจะใช้ชาวอาหรับ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรออตโตมาน เป็นเครื่องมือในการช่วยทลายออตโตมานเอง ในที่สุดก็หาเครื่องมือนี้เจอที่เมือง Hejaz ที่บริเวณตะวันตกของคาบสมุทรอารเบีย
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
17 ส.ค. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ” ตอนที่ 1 : “เสี้ยม 2” Istanbul ฤดูร้อน ปี ค.ศ. 1914 เมืองหลวงของจักรวรรดิออตโตมาน เหมือนอยู่ไกลไปครึ่งโลกห่างวัง ฤดูร้อนใน Ischi ที่ Emperor Franz Joseph ที่ 1 ลงนามในแถลงการณ์ “To My People” เมื่อวันที่ 28 ก.ค 1914 แจ้งให้ชาวออสเตรียรู้ว่า ออสเตรียได้ประกาศสงครามกับ Serbia อย่างเป็นทางการแล้ว ! เป็นเวลาหลายศตวรรษมาแล้ว ที่อาณาจักรออตโตมานควบคุมทางใต้และตะวันออกของเมดิเตอเรเนียน ตั้งแต่เมือง Alexandretta ถึง Arish และจาก Maghreb ไปถึง Suez ส่วน Algeria และ Tunesia ตกอยู่ในการดูแลของฝรั่งเศส ในขณะที่อังกฤษงาบ อียิปต์ไปเรียบร้อยแล้ว ในปี ค.ศ. 1911 อิตาลีได้ยึดหัวหาดอยู่ที่ลิเบีย ก่อนที่จะเกิดสงครามโลก อาณาจักรออตโตมานถูกรุมทึ้งจนเหลือเพียงตุรกี (เท่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน) ตะวันออกกลางและอิรัค (เท่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน) และดินแดนยาวเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวอยู่แถบคาบสมุทรอารเบียยาวไปถึงเยเมน ตรงบริเวณนี้แหละ ตรงที่เป็นภาคใต้ของตุรกีปัจจุบัน ที่เป็นศูนย์กลางของสงครามในตะวันออกกลางในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ดินแดนส่วนนี้ได้พยุงตัวด้วยความยากลำบาก เป็นเวลากว่า 400 ปี ที่จะให้อยู่รอดพ้นจากการเหลือแต่ชื่อ แต่แล้วพอถึงต้นศตวรรษที่ 20 ดินแดนส่วนนี้ก็ยิ่งอาการสาหัส กลายเป็นแดนวิกฤติ อย่างที่เรารู้อยู่ในปัจจุบัน บริเวณที่เมืองต่าง ๆ ในแถบนั้นต้องประสบกับความทุกข์ทรมานยาวหลายชั่วคน เช่น Basra, Bagdad, Aleppo, Damascus, Beirut, Gaza และ Suez ฯลฯ เมืองที่เราเห็นชื่อตามสื่อและ breaking news ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนแทบจะเลิกสนใจเพราะนึกว่าเอาเทปของเก่ามาเล่นซ้ำ โชคดีที่พวกชักใยหรือตัวละครเอกที่แสดงอยู่ในฉากสงครามโลกครั้งที่ 1 ขณะนั้นยังไม่รู้ว่า ที่สนามหลังบ้านของอาณาจักรออตโตมาน มีแหล่งพลังงานน้ำมันใหญ่ที่สุด ซ่อนตัวอยู่ ถ้าไอ้พวกนั้นได้รู้ การต่อสู้ที่ตะวันออกกลางช่วงนั้นคงจะยิ่งดุเดือดและทารุณโหดร้าย ป่าเถื่อนกว่าที่ได้เกิดขึ้นอีกมากมาย ในขณะนั้น คู่สงครามต่างแสดงบทที่ดูเหมือนจะต้องการเพียงแค่ กำจัดอีกฝ่ายหนึ่งให้หมดไปจากทางเดินของตน ไม่ให้อีกฝ่ายหนึ่งมีอิทธิพล มีอำนาจมากกว่า ยิ่งใหญ่กว่า ต่างฝ่ายต่างไม่ต้องการให้อีกฝ่ายทำสำเร็จ และพยายามทุกอย่างที่จะขัดขวางกันและกันเท่านั้น อังกฤษ ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าข้างซ้าย สบโอกาสที่จะสลายอาณาจักรออตโตมาน ของนักไต่ลวดชาวตุรกี และยึดเอามาเป็นของตน เพื่อขยายอิทธิพลของตนไปทางตะวันออกกลางมากขึ้น ขณะนั้นอังกฤษมีอิทธิพลเหนืออียิปต์ อยู่แล้ว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1888 และเหนืออินเดีย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1857 ยังเหลืออาณาจักรออตโตมาน ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลาง ระหว่าง 2 อาณานิคมสำคัญ นี่ถ้าได้อาณาจักรออตโตมานอีกรายการ อาการฟันห่างระหว่างอียิปต์กับอินเดียก็จะแคบเข้ามา อังกฤษจะนั่งรอให้โอกาสวิ่งผ่านไป โดยไม่ฉวยได้อย่างไร ความคิดที่จะใช้สงครามโลกเป็นเครื่องมือถอนราก ถอนโคน อาณาจักรของนักไต่ลวด พร้อมกับการสกัดและทำลายเยอรมันที่คิดทาบรัศมีด้วยการสร้างทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ไปพร้อมกันจึงเกิดขึ้น อาณาจักรออตโตมาน ตัดสินใจว่าจะวางตัวเป็นกลาง ก็เป็นคนป่วยนี่ ไม่แข็งแรงพอที่จะไปต่อสู้กับใครได้ อยู่เฉย ๆ น่าจะดีและเหมาะกับสภาพของออตโตมานตอนนั้นมากกว่า สุลต่านผู้ครองจักรวรรดิออตโตมาน เป็นเสมือนหุ่นไม่มีอำนาจจริง หลังจากสุลต่าน Abdulhamid II ซึ่งเป็นสุลต่านที่มีอำนาจคนสุด ท้าย ถูกโค่นลงเมื่อปี 1908 แล้ว สุลต่านคนต่อ ๆ มา ก็หมกตัวอยู่แต่ในฮาเร็ม ให้รัฐบาลทหาร ซึ่งนำโดย Three Pasha เป็นผู้บริหารแทน ปาชาไม่ใช่พวกเคร่งศาสนาและออกจะเป็นพวกนิยมตะวันตกด้วยซ้ำ เป็นทหารจะไปรู้เรื่องการค้ามากมายอะไร (ผมหมายถึงปาชานะครับ อย่าเข้าใจผิดว่าเขียนถึงทหารอื่น ซึ่งเก่งทั้งการทหาร การค้า การปกครอง และอื่น ๆ อีกมากมาย) แล้วอาณาจักรออตโตมานก็ถึงเวลากระเป๋าแห้ง และฉีกขาดต่อมา เป็นหนี้ฝรั่งตะวันตกบานตะเกียง ชนิดไม่มีทางจะใช้คืน นอกจากเบี้ยวเขา หรือเป็นทาสเขาไปเท่านั้น แล้วไงล่ะ ขอไปร่วมอยู่ฝั่งเดียวกับเขา เขาก็ถีบทิ้ง นักไต่ลวดจึงถลาลงพื้น หัวฟาดอย่างเดียวไม่พอ กระเป๋าฉีกขาดอีกด้วย ทั้งเจ็บ ทั้งจนขนาดนี้ จะมีทางเลือกอะไร จึงจำใจไปเข้ากับอีกฝ่ายหนึ่ง ตุลาคม ค.ศ. 1914 ตุรกี (หรืออาณาจักรออตโตมานขณะนั้น) จึงประกาศตัวอยู่ฝ่ายเยอรมันกับพวก ที่น่าจะกระเป๋าตุงเพราะทำซ่า ว่าจะสร้างทางรถไฟข้ามทวีป เบอร์ลิน แบกแดด ท้าทายชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย แต่ก่อนประกาศตัวอยู่กับฝ่ายเยอรมันเป็นทางการ คนป่วยตุรกีแอบทำสัญญาลับกับ คุณหมอเยอรมัน เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม หลังจากนั้นไม่นาน เรือรบสัญชาติเยอรมัน 2 ลำ SMS Goeben และ SMS Breslau ก็วิ่งมาเงียบ ๆ จากฝั่งตะวันตกของเมดิเตอริเรเนียน ถึงกรุงคอนสแตนติโนเบิล เมื่อเทียบท่าเรียบร้อย ก็ทำพิธีส่งมอบให้ออตโตมาน ซึ่งขณะนั้นบอกว่ายังเป็นกลางอยู่ ออตโตมานตั้งชื่อเรือเสียใหม่ว่า Yavuz และ Midilli ให้มีกลิ่นแกะตุรกีติดเรือ แทนกลิ่นไส้กรอกกับผักดองเปรี้ยวของเยอรมัน พลประจำเรือชาวเยอรมันยังไม่ได้หายตัวไปไหน แค่เปลี่ยนชุดและใส่หมวกตุรกีแทนเท่านั้น เป็นคนป่วยที่ดูเหมือน ยังมีเหลี่ยมติดตัวอยู่ไม่น้อย หลังจากนั่นเรือรบ 2 ลำ เดินทางต่อไปถึง Golden Horn และต่อไปที่เมือง Dardanelles ปฏิบัติการยั่วยวนก็เกิดขึ้นทันที ออตโตมานและเยอรมัน ได้ปิดทางเชื่อมระหว่างรัสเซียออกจากพวก คือ ฝรั่งเศส และอังกฤษ หลังจากนั้น เครื่องบินรบติดธงออตโตมาน ก็บินขึ้นจากเรือรบ Goeben ถล่มท่าเรือรัสเซียที่ทะเลดำ การยั่วยวนได้ผล ต้นเดือนพฤศจิกายน รัสเซีย อังกฤษ และฝรั่งเศส ก็ประกาศสงครามกับจักรวรรดิออตโตมาน อังกฤษพยายามที่จะทลายการปิดกั้นเส้นทางที่ Dardanelles และยึดเมืองคอนสแตนติโนเบิล ยกโขยงกองทัพเรือมาพร้อมกับของฝรั่งเศสมาทางแหลม Gallipoli การสู้รบเป็นไปอย่างดุเดือด ทั้งทางเรือและทางบก ผลสุดท้ายคนป่วย ออตโตมานที่มีหมอดียาดี ยี่ห้อเยอรมัน ลุกขึ้นกวาดกองทัพอังกฤษแตกกลับ ลงทะเล ผลของคนป่วยได้ยาดี ทำให้ท่านหลอด Winston Churchill แม่ทัพเรือ ยื่นใบลาออกเพราะแพ้คนป่วย จะแก้ตัวยังไงดี ลาออกง่ายกว่า ผลการประเมินคนป่วยผิดคาดนี้ ทำให้เกิดบาดแผลมากมาย ทหารของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ลูกกระเป๋งของอังกฤษตายเป็นเบือ จนเดี๋ยวนี้ทั้ง 2 ชาติ ก็ไม่มีวันลืมสงครามคนป่วย ความพ่ายแพ้ที่ Gallipoli ทำให้ฝ่ายสัมพันธมิตรโดยเฉพาะอังกฤษ เปลี่ยนยุทธศาสตร์การรบใหม่ หลังจากแผนการตีกล่องดวงใจ ของออตโตมานล้มเหลว อังกฤษเปลี่ยนแผนเป็น ไล่เซิ้งเมืองรอบนอกให้ยับเยินแทน เป้าหมายมุ่งไปที่เมืองที่มีชาวอาหรับอ่อนแอดูแลอยู่ กลยุทธที่อังกฤษถนัดใช้และพกติดตัวไว้เสมอ คือไม้เสี้ยม ไม่ต้องลงทุนมาก ใช้ความคิดชั่ว ๆ กับปากก็พอ อังกฤษตั้งใจจะใช้ชาวอาหรับ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรออตโตมาน เป็นเครื่องมือในการช่วยทลายออตโตมานเอง ในที่สุดก็หาเครื่องมือนี้เจอที่เมือง Hejaz ที่บริเวณตะวันตกของคาบสมุทรอารเบีย สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
17 ส.ค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 428 มุมมอง 0 รีวิว
  • น้ำหอมมีประวัติยาวนานกว่าที่หลายท่านคาดคิด เชื่อว่ามีต้นกำเนิดจากอารยธรรมโบราณอันรุ่งเรืองอย่างเมโสโปเตเมีย อียิปต์ กรีก และโรมัน จุดเริ่มต้นนั้นไม่ได้เป็นการสร้างเพื่อความหรูหราหรือความงามส่วนตัว แต่เกี่ยวพันกับความเชื่อ ศาสนา และการเชื่อมโยงกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างแนบแน่น คนโบราณใช้พืชสมุนไพร ดอกไม้ เรซิน และเครื่องเทศ นำมาเผาหรือสกัดเพื่อให้ได้กลิ่นหอม เชื่อว่ากลิ่นเหล่านี้สามารถส่งสารหรือคำภาวนาไปถึงเทพเจ้าได้
    .
    นอกจากนี้ กลิ่นหอมยังถูกใช้เพื่อสร้างบรรยากาศในพิธีกรรมทางศาสนา เช่น การเผากำยานในวิหาร การชำระล้างร่างกายก่อนประกอบพิธี หรือการใช้กลิ่นหอมในการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต้นกำเนิดของน้ำหอมจึงเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์และความลี้ลับ ก่อนจะค่อย ๆ พัฒนาไปสู่การใช้ในชีวิตประจำวันและกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความงดงาม
    .
    อียิปต์ถือเป็นแหล่งกำเนิดสำคัญของศาสตร์น้ำหอม ที่มีระบบระเบียบชัดเจนที่สุดในยุคโบราณ ชาวอียิปต์มีความเชื่อว่า กลิ่นหอมคือสะพานที่เชื่อมมนุษย์เข้าหาเทพเจ้า ดังนั้นน้ำหอมจึงถูกใช้ในแทบทุกพิธีกรรม ไม่ว่าจะเป็นการบูชาภายในวิหารหรือการจัดพิธีศพสำหรับกษัตริย์และชนชั้นสูง ยางไม้หอมอย่างมดยอบและกำยานถูกนำมาเผาเพื่อสื่อถึงความศักดิ์สิทธิ์
    .
    หนึ่งในสูตรน้ำหอมที่มีชื่อเสียงที่สุดของอียิปต์คือ Kyphi ซึ่งประกอบด้วยสมุนไพรกว่า 16 ชนิด ผสมกับไวน์ น้ำผึ้ง และยางไม้หอม สูตรนี้ไม่เพียงใช้เพื่อบูชา แต่ยังใช้เป็นยารักษาโรคและสร้างความผ่อนคลายในการนอนหลับ นอกจากนั้น น้ำมันหอมยังถูกใช้ในการทำมัมมี่ เพื่อรักษาสภาพศพให้คงอยู่ได้นานและถือเป็นการเคารพต่อวิญญาณผู้ตาย
    .
    เมื่อเวลาผ่านเข้าสู่ยุคกลาง น้ำหอมแพร่หลายมากขึ้นในยุโรป โดยเฉพาะในอิตาลีและฝรั่งเศส เทคโนโลยีการกลั่น (distillation) ถูกพัฒนา ทำให้ได้กลิ่นที่เข้มข้นและบริสุทธิ์กว่าเดิม น้ำหอมในยุคนี้ไม่ได้ใช้เพียงเพื่อบูชา แต่กลายเป็นเครื่องมือในการดับกลิ่นและรักษาสุขภาพ โดยเฉพาะในช่วงที่ยุโรปเผชิญโรคระบาด ผู้คนเชื่อว่ากลิ่นหอมช่วยป้องกันโรคร้ายได้
    .
    ฝรั่งเศสกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตน้ำหอมที่สำคัญตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เมืองกราซ (Grasse) เป็นแหล่งปลูกดอกไม้หอม เช่น กุหลาบและมะลิ จนกลายเป็นต้นทางของอุตสาหกรรมน้ำหอมที่เฟื่องฟู ความหอมไม่ได้จำกัดอยู่ที่พิธีกรรมอีกต่อไป แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของแฟชั่นและวัฒนธรรมระดับโลก
    .
    จนถึงปัจจุบัน น้ำหอมยังคงสืบทอดความหมายหลากหลายมิติ ทั้งความงาม ความศักดิ์สิทธิ์ การบ่งบอกตัวตน และศิลปะการผสมผสานกลิ่นที่สะท้อนอารมณ์และบุคลิกของผู้ใช้
    .
    อ่านฉบับเว็บไซต์ได้ที่
    https://www.keangun.com/article/13242
    #บทความ
    #ความรู้
    #น้ำหอม
    #วัฒนธรรม
    #ประวัติศาสตร์
    #เขียนกันดอทคอม
    #Keangun
    น้ำหอมมีประวัติยาวนานกว่าที่หลายท่านคาดคิด เชื่อว่ามีต้นกำเนิดจากอารยธรรมโบราณอันรุ่งเรืองอย่างเมโสโปเตเมีย อียิปต์ กรีก และโรมัน จุดเริ่มต้นนั้นไม่ได้เป็นการสร้างเพื่อความหรูหราหรือความงามส่วนตัว แต่เกี่ยวพันกับความเชื่อ ศาสนา และการเชื่อมโยงกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างแนบแน่น คนโบราณใช้พืชสมุนไพร ดอกไม้ เรซิน และเครื่องเทศ นำมาเผาหรือสกัดเพื่อให้ได้กลิ่นหอม เชื่อว่ากลิ่นเหล่านี้สามารถส่งสารหรือคำภาวนาไปถึงเทพเจ้าได้ . นอกจากนี้ กลิ่นหอมยังถูกใช้เพื่อสร้างบรรยากาศในพิธีกรรมทางศาสนา เช่น การเผากำยานในวิหาร การชำระล้างร่างกายก่อนประกอบพิธี หรือการใช้กลิ่นหอมในการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต้นกำเนิดของน้ำหอมจึงเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์และความลี้ลับ ก่อนจะค่อย ๆ พัฒนาไปสู่การใช้ในชีวิตประจำวันและกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความงดงาม . อียิปต์ถือเป็นแหล่งกำเนิดสำคัญของศาสตร์น้ำหอม ที่มีระบบระเบียบชัดเจนที่สุดในยุคโบราณ ชาวอียิปต์มีความเชื่อว่า กลิ่นหอมคือสะพานที่เชื่อมมนุษย์เข้าหาเทพเจ้า ดังนั้นน้ำหอมจึงถูกใช้ในแทบทุกพิธีกรรม ไม่ว่าจะเป็นการบูชาภายในวิหารหรือการจัดพิธีศพสำหรับกษัตริย์และชนชั้นสูง ยางไม้หอมอย่างมดยอบและกำยานถูกนำมาเผาเพื่อสื่อถึงความศักดิ์สิทธิ์ . หนึ่งในสูตรน้ำหอมที่มีชื่อเสียงที่สุดของอียิปต์คือ Kyphi ซึ่งประกอบด้วยสมุนไพรกว่า 16 ชนิด ผสมกับไวน์ น้ำผึ้ง และยางไม้หอม สูตรนี้ไม่เพียงใช้เพื่อบูชา แต่ยังใช้เป็นยารักษาโรคและสร้างความผ่อนคลายในการนอนหลับ นอกจากนั้น น้ำมันหอมยังถูกใช้ในการทำมัมมี่ เพื่อรักษาสภาพศพให้คงอยู่ได้นานและถือเป็นการเคารพต่อวิญญาณผู้ตาย . เมื่อเวลาผ่านเข้าสู่ยุคกลาง น้ำหอมแพร่หลายมากขึ้นในยุโรป โดยเฉพาะในอิตาลีและฝรั่งเศส เทคโนโลยีการกลั่น (distillation) ถูกพัฒนา ทำให้ได้กลิ่นที่เข้มข้นและบริสุทธิ์กว่าเดิม น้ำหอมในยุคนี้ไม่ได้ใช้เพียงเพื่อบูชา แต่กลายเป็นเครื่องมือในการดับกลิ่นและรักษาสุขภาพ โดยเฉพาะในช่วงที่ยุโรปเผชิญโรคระบาด ผู้คนเชื่อว่ากลิ่นหอมช่วยป้องกันโรคร้ายได้ . ฝรั่งเศสกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตน้ำหอมที่สำคัญตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เมืองกราซ (Grasse) เป็นแหล่งปลูกดอกไม้หอม เช่น กุหลาบและมะลิ จนกลายเป็นต้นทางของอุตสาหกรรมน้ำหอมที่เฟื่องฟู ความหอมไม่ได้จำกัดอยู่ที่พิธีกรรมอีกต่อไป แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของแฟชั่นและวัฒนธรรมระดับโลก . จนถึงปัจจุบัน น้ำหอมยังคงสืบทอดความหมายหลากหลายมิติ ทั้งความงาม ความศักดิ์สิทธิ์ การบ่งบอกตัวตน และศิลปะการผสมผสานกลิ่นที่สะท้อนอารมณ์และบุคลิกของผู้ใช้ . อ่านฉบับเว็บไซต์ได้ที่ https://www.keangun.com/article/13242 #บทความ #ความรู้ #น้ำหอม #วัฒนธรรม #ประวัติศาสตร์ #เขียนกันดอทคอม #Keangun
    WWW.KEANGUN.COM
    ประวัติความเป็นมาของน้ำหอม: พิธีกรรม เครื่องมือดับกลิ่นกาย สู่แฟชั่นระดับโลก
    น้ำหอมมีประวัติยาวนานกว่าที่หลายท่านคาดคิด เชื่อว่ามีต้นกำเนิดจากอารยธรรมโบราณอันรุ่งเรืองอย่างเมโสโปเตเมีย อียิปต์ กรีก และโรมัน จุดเริ่มต้นนั้นไม่ได้เป็นการสร้างเพื่อความหรูหราหรือความงามส่วนตัว แต่เกี่ยวพันกับความเชื่อ ศาสนา และการเชื่อมโยงกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างแนบแน่น คนโบราณใช้พืชสมุนไพร ดอกไ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 365 มุมมอง 0 รีวิว
  • "หยุดพูดได้ไหม!"
    การประท้วงในอิตาลีรุนแรงขึ้นทันที หลังจากนายกรัฐมนตรีสาว "จอร์เจีย เมโลนี" (Giorgia Meloni) ประกาศว่ายังไม่ถึงเวลารับรอง "รัฐปาเลสไตน์" จนเกิดจลาจลบนท้องถนน และมีความวุ่นวายไปทั่วทุกแห่ง
    "หยุดพูดได้ไหม!" การประท้วงในอิตาลีรุนแรงขึ้นทันที หลังจากนายกรัฐมนตรีสาว "จอร์เจีย เมโลนี" (Giorgia Meloni) ประกาศว่ายังไม่ถึงเวลารับรอง "รัฐปาเลสไตน์" จนเกิดจลาจลบนท้องถนน และมีความวุ่นวายไปทั่วทุกแห่ง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 285 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพการชุมนุมประท้วงของชาวอิตาลีในกรุงโรม มิลาน ตูริน เพื่อต่อต้านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซา และเพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับชาวปาเลสไตน์ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซา
    .
    นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการขายอาวุธให้กับอิสราเอล แล้วใช้มาตรการคว่ำบาตรเพื่อยุติการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
    ภาพการชุมนุมประท้วงของชาวอิตาลีในกรุงโรม มิลาน ตูริน เพื่อต่อต้านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซา และเพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับชาวปาเลสไตน์ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซา . นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการขายอาวุธให้กับอิสราเอล แล้วใช้มาตรการคว่ำบาตรเพื่อยุติการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 289 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • #ฮุนเซนฮุนมาเนตคืออาชญากรสงครามชาติใดก็สามารถฟ้องดำเนินคดีมันได้จึงสมควรที่สุด.

    ..ศาลอาญาระหว่างประเทศ

    ศาลซึ่งจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2545 เพื่อดำเนินคดีบุคคลในข้อหาอาชญากรรมร้ายแรงที่สุดภายใต้ธรรมนูญกรุงโรม มีประเทศสมาชิก 125 ประเทศที่ให้สัตยาบันสนธิสัญญาดังกล่าว ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2568

    ศาลอาญาระหว่างประเทศ (อังกฤษ: International Criminal Court; ย่อ: ICC) เป็นศาลระหว่างประเทศซึ่งมีที่ทำการอยู่ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีเขตอำนาจดำเนินคดีผู้กระทำความผิดอาญาระหว่างประเทศ 4 ฐาน คือ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ อาชญากรรมสงคราม และอาชญากรรมอันเป็นการรุกราน ก่อตั้งขึ้นโดยประสงค์จะให้เป็นส่วนเสริมของระบบยุติธรรมที่แต่ละประเทศมีอยู่ จึงมีเขตอำนาจเมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขเท่านั้น เช่น เมื่อศาลระดับประเทศไม่สามารถหรือไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแล้ว หรือเมื่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือรัฐหนึ่ง ๆ เสนอคดีมาให้พิจารณา ศาลนี้เริ่มปฏิบัติงานในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2002 อันเป็นวันที่ธรรมนูญกรุงโรมเริ่มใช้บังคับ ธรรมนูญดังกล่าวเป็นสนธิสัญญาพหุภาคีซึ่งวางรากฐานและกำหนดการบริหารจัดการของศาล รัฐที่เข้าเป็นภาคีแห่งธรรมนูญจะนับเป็นรัฐสมาชิกของศาล ปัจจุบันมีรัฐภาคี 125 รัฐ

    องค์กรหลักของศาลมี 4 องค์กร คือ คณะประธาน แผนกตุลาการ สำนักงานอัยการ และสำนักงานทะเบียน ประธานศาลเป็นตุลาการที่ได้รับเลือกมาจากตุลาการคนอื่นในแผนกตุลาการ สำนักงานอัยการมีอัยการเป็นหัวหน้า ทำหน้าที่สืบสวนคดีและส่งฟ้องต่อแผนกตุลาการ ส่วนสำนักงานทะเบียนมีนายทะเบียนเป็นหัวหน้า รับผิดชอบงานธุรการทั้งปวงของศาล ซึ่งรวมถึงการบริหารสำนักงานใหญ่ของศาล หน่วยขัง และสำนักงานทนายจำเลย


    ประเทศที่เป็นสมาชิกของ ICC

    ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2568 มีประเทศต่างๆ 137 ประเทศลงนามในธรรมนูญกรุงโรม ซึ่งแสดงถึงเจตนาที่จะเข้าร่วม ในขณะที่ 125 ประเทศได้ให้สัตยาบันอย่างเป็นทางการ และกลายเป็นรัฐสมาชิกเต็มตัวของ ICC

    ประเทศต่างๆ ที่ได้ลงนามหรือให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรมแสดงอยู่ในแผนที่ด้านล่าง


    ปี1999
    ฟิจิ กานา อิตาลี ซานมารีโน เซเนกัล ตรินิแดดและโตเบโก

    2000
    ออสเตรีย เบลเยียม บอตสวานา แคนาดา ฝรั่งเศส กาบอง เยอรมนี ไอซ์แลนด์ เลโซโท ลักเซมเบิร์ก มาลี หมู่เกาะมาร์แชลล์ นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ เซียร์ราลีโอน แอฟริกาใต้ สเปน ทาจิกิสถาน เวเนซุเอลา

    2001
    อันดอร์รา แอนติกาและบาร์บูดา อาร์เจนตินา สาธารณรัฐแอฟริกากลาง คอสตาริกา โครเอเชีย เดนมาร์ก โดมินิกา ฮังการี ลิกเตนสไตน์ เนเธอร์แลนด์ ไนจีเรีย ปารากวัย เปรู โปแลนด์ เซอร์เบีย สโลวีเนีย สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร

    2002
    บาร์เบโดส, เบนิน, โบลิเวีย, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, บราซิล, บัลแกเรีย, กัมพูชา, โคลอมเบีย, สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก, จิบูตี, เอกวาดอร์, เอสโตเนีย, แกมเบีย, กรีซ, ฮอนดูรัส, ไอร์แลนด์, จอร์แดน, ลัตเวีย, มาลาวี, มอลตา, มอริเชียส, มองโกเลีย, นามิเบีย, ไนเจอร์, มาซิโดเนียเหนือ, ปานามา, โปรตุเกส, สาธารณรัฐเกาหลี, โรมาเนีย, เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์, ซามัว, สโลวาเกีย, สโลวีเนีย, แทนซาเนีย, ติมอร์-เลสเต, ยูกันดา, อุรุกวัย, แซมเบีย

    2003
    อัฟกานิสถาน, แอลเบเนีย, จอร์เจีย, กินี, ลิทัวเนีย

    2004
    บูร์กินาฟาโซ กายอานา ไลบีเรีย สาธารณรัฐคองโก

    2005
    สาธารณรัฐโดมินิกัน เคนยา เม็กซิโก

    ปี 2549
    คอโมโรส มอนเตเนโกร เซนต์คิตส์และเนวิส

    2007
    ชาด ประเทศญี่ปุ่น

    2008
    หมู่เกาะคุก มาดากัสการ์ ซูรินาม

    ปี 2009
    ชิลี สาธารณรัฐเช็ก

    2010
    บังกลาเทศ มอลโดวา เซนต์ลูเซีย เซเชลส์

    ปี 2011
    กาบูเวร์ดี, เกรเนดา, มัลดีฟส์, ตูนิเซีย

    2012
    กัวเตมาลา วานูอาตู

    ปี 2013
    ไอวอรีโคสต์

    ปี 2558
    ปาเลสไตน์

    ปี 2559
    เอลซัลวาดอร์

    ปี 2019
    คิริบาติ

    2023
    อาร์เมเนีย

    2024
    ยูเครน




    #ฮุนเซนฮุนมาเนตคืออาชญากรสงครามชาติใดก็สามารถฟ้องดำเนินคดีมันได้จึงสมควรที่สุด. ..ศาลอาญาระหว่างประเทศ ศาลซึ่งจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2545 เพื่อดำเนินคดีบุคคลในข้อหาอาชญากรรมร้ายแรงที่สุดภายใต้ธรรมนูญกรุงโรม มีประเทศสมาชิก 125 ประเทศที่ให้สัตยาบันสนธิสัญญาดังกล่าว ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2568 ศาลอาญาระหว่างประเทศ (อังกฤษ: International Criminal Court; ย่อ: ICC) เป็นศาลระหว่างประเทศซึ่งมีที่ทำการอยู่ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีเขตอำนาจดำเนินคดีผู้กระทำความผิดอาญาระหว่างประเทศ 4 ฐาน คือ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ อาชญากรรมสงคราม และอาชญากรรมอันเป็นการรุกราน ก่อตั้งขึ้นโดยประสงค์จะให้เป็นส่วนเสริมของระบบยุติธรรมที่แต่ละประเทศมีอยู่ จึงมีเขตอำนาจเมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขเท่านั้น เช่น เมื่อศาลระดับประเทศไม่สามารถหรือไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแล้ว หรือเมื่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือรัฐหนึ่ง ๆ เสนอคดีมาให้พิจารณา ศาลนี้เริ่มปฏิบัติงานในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2002 อันเป็นวันที่ธรรมนูญกรุงโรมเริ่มใช้บังคับ ธรรมนูญดังกล่าวเป็นสนธิสัญญาพหุภาคีซึ่งวางรากฐานและกำหนดการบริหารจัดการของศาล รัฐที่เข้าเป็นภาคีแห่งธรรมนูญจะนับเป็นรัฐสมาชิกของศาล ปัจจุบันมีรัฐภาคี 125 รัฐ องค์กรหลักของศาลมี 4 องค์กร คือ คณะประธาน แผนกตุลาการ สำนักงานอัยการ และสำนักงานทะเบียน ประธานศาลเป็นตุลาการที่ได้รับเลือกมาจากตุลาการคนอื่นในแผนกตุลาการ สำนักงานอัยการมีอัยการเป็นหัวหน้า ทำหน้าที่สืบสวนคดีและส่งฟ้องต่อแผนกตุลาการ ส่วนสำนักงานทะเบียนมีนายทะเบียนเป็นหัวหน้า รับผิดชอบงานธุรการทั้งปวงของศาล ซึ่งรวมถึงการบริหารสำนักงานใหญ่ของศาล หน่วยขัง และสำนักงานทนายจำเลย ประเทศที่เป็นสมาชิกของ ICC ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2568 มีประเทศต่างๆ 137 ประเทศลงนามในธรรมนูญกรุงโรม ซึ่งแสดงถึงเจตนาที่จะเข้าร่วม ในขณะที่ 125 ประเทศได้ให้สัตยาบันอย่างเป็นทางการ และกลายเป็นรัฐสมาชิกเต็มตัวของ ICC ประเทศต่างๆ ที่ได้ลงนามหรือให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรมแสดงอยู่ในแผนที่ด้านล่าง ปี1999 ฟิจิ กานา อิตาลี ซานมารีโน เซเนกัล ตรินิแดดและโตเบโก 2000 ออสเตรีย เบลเยียม บอตสวานา แคนาดา ฝรั่งเศส กาบอง เยอรมนี ไอซ์แลนด์ เลโซโท ลักเซมเบิร์ก มาลี หมู่เกาะมาร์แชลล์ นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ เซียร์ราลีโอน แอฟริกาใต้ สเปน ทาจิกิสถาน เวเนซุเอลา 2001 อันดอร์รา แอนติกาและบาร์บูดา อาร์เจนตินา สาธารณรัฐแอฟริกากลาง คอสตาริกา โครเอเชีย เดนมาร์ก โดมินิกา ฮังการี ลิกเตนสไตน์ เนเธอร์แลนด์ ไนจีเรีย ปารากวัย เปรู โปแลนด์ เซอร์เบีย สโลวีเนีย สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร 2002 บาร์เบโดส, เบนิน, โบลิเวีย, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, บราซิล, บัลแกเรีย, กัมพูชา, โคลอมเบีย, สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก, จิบูตี, เอกวาดอร์, เอสโตเนีย, แกมเบีย, กรีซ, ฮอนดูรัส, ไอร์แลนด์, จอร์แดน, ลัตเวีย, มาลาวี, มอลตา, มอริเชียส, มองโกเลีย, นามิเบีย, ไนเจอร์, มาซิโดเนียเหนือ, ปานามา, โปรตุเกส, สาธารณรัฐเกาหลี, โรมาเนีย, เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์, ซามัว, สโลวาเกีย, สโลวีเนีย, แทนซาเนีย, ติมอร์-เลสเต, ยูกันดา, อุรุกวัย, แซมเบีย 2003 อัฟกานิสถาน, แอลเบเนีย, จอร์เจีย, กินี, ลิทัวเนีย 2004 บูร์กินาฟาโซ กายอานา ไลบีเรีย สาธารณรัฐคองโก 2005 สาธารณรัฐโดมินิกัน เคนยา เม็กซิโก ปี 2549 คอโมโรส มอนเตเนโกร เซนต์คิตส์และเนวิส 2007 ชาด ประเทศญี่ปุ่น 2008 หมู่เกาะคุก มาดากัสการ์ ซูรินาม ปี 2009 ชิลี สาธารณรัฐเช็ก 2010 บังกลาเทศ มอลโดวา เซนต์ลูเซีย เซเชลส์ ปี 2011 กาบูเวร์ดี, เกรเนดา, มัลดีฟส์, ตูนิเซีย 2012 กัวเตมาลา วานูอาตู ปี 2013 ไอวอรีโคสต์ ปี 2558 ปาเลสไตน์ ปี 2559 เอลซัลวาดอร์ ปี 2019 คิริบาติ 2023 อาร์เมเนีย 2024 ยูเครน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 465 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ศาลการเมืองโลกผีบ้า.

    ..นี้ถือว่ามิตรที่ดีใจยุคนั้น ส่วนจะแลกมากับอะไรเราก็มิรู้ได้.
    #ไต้หวันพิพากษาให้เป็นของไทย
    #อาร์เจนตินาพิพากษาให้เป็นของไทย
    #ออสเตรเลียพิพากษาให้เป็นของไทย

    ..นี้คือศัตรูไทยของแท้ พร้อมทำลายชาติไทยตลอดเวลาที่มีโอกาสและถือว่าคือชาติที่ชั่วเลวทำเพื่อผลประโยชน์ตนเองเท่านั้น.

    #ญี่ปุ่นพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา
    #รัสเซียพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา
    #ฝรั่งเศสพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา
    #อังกฤษพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา
    #อียิปต์พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา
    #เปรูพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา
    #อิตาลีพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา
    #โปแลนด์เป็นประธานพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา
    #ปานามาเป็นรองประธานพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา



    วันที่ 15 มิถุนายน 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ได้ตัดสินให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา

    ผู้พิพากษา
    ผู้พิพากษามีทั้งหมด 14 ท่าน คะแนนเสียง 9 ต่อ 3 ตัดสินว่าปราสาทเขาพระวิหารอยู่ในอาณาเขตภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา และ คะแนนเสียง 7 ต่อ 5 ตัดสินว่า ไทยต้องคืนวัตถุสิ่งประติมากรรม แผ่นศิลา ส่วนปรักหักพังของอนุสาวรีย์รูปหินทราย เครื่องปั้นดินเผาโบราณและปราสาทหรือบริเวณเขาพระวิหารให้แก่กัมพูชา

    โบดาน วินิอาร์สกิ (Bohdan Winiarski) : ชาวโปแลนด์ เป็นประธาน— พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    ริคาร์โด อาลฟาโร (Ricardo Alfaro) : ชาวปานามา เป็นรองประธาน — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    ลูซิโอ มอเรโน กินตานา (Lucio Moreno Quintana) : ชาวอาร์เจนตินา — พิพากษาให้เป็นของไทย

    เวลลิงตัน คู (Wellington Koo) : ชาวจีนไต้หวัน — พิพากษาให้เป็นของไทย

    เซอร์ เพอร์ซี สเปนเดอร์ (Percy Spender) : ชาวออสเตรเลีย — พิพากษาให้เป็นของไทย

    จูลส์ บาเดอวังต์ (Jules Basdevant) : ชาวฝรั่งเศส — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    อับดุล บาดาวี (Abdul Badawi) : ชาวอียิปต์ — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    เซอร์ เจรัลด์ ฟิตซ์มอริส (Sir Gerald Fitzmaurice) : ชาวอังกฤษ — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    วลาดิเมียร์ คอเรดสกี (Vladimir Koretsky) : ชาวรัสเซีย — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    โคะทะโระ ทะนะกะ (Kotaro Tanaka) : ชาวญี่ปุ่น — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    โจเซ่ บุสตามันเต อี ริเบโร (José Bustamante y Rivero) : ชาวเปรู — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    เกตาโน มอเรลลี (Gaetano Morelli) : ชาวอิตาลี — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    สปีโรปูลอส (Jean Spiropoulos) : ชาวกรีก — งดออกเสียง (ป่วย)

    โรแบร์โต คอร์โดวา (Roberto Cordova) : ชาวเม็กซิโก — งดออกเสียง (ป่วย)

    ฟิลิป เจสซัป (Philip Jessup) : ชาวอเมริกา (ทนายฝ่ายไทย)

    กานเย กวนเยต์ (Garnier-Coignet) : นายทะเบียนศาล


    ..ศาลการเมืองโลกผีบ้า. ..นี้ถือว่ามิตรที่ดีใจยุคนั้น ส่วนจะแลกมากับอะไรเราก็มิรู้ได้. #ไต้หวันพิพากษาให้เป็นของไทย #อาร์เจนตินาพิพากษาให้เป็นของไทย #ออสเตรเลียพิพากษาให้เป็นของไทย ..นี้คือศัตรูไทยของแท้ พร้อมทำลายชาติไทยตลอดเวลาที่มีโอกาสและถือว่าคือชาติที่ชั่วเลวทำเพื่อผลประโยชน์ตนเองเท่านั้น. #ญี่ปุ่นพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา #รัสเซียพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา #ฝรั่งเศสพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา #อังกฤษพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา #อียิปต์พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา #เปรูพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา #อิตาลีพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา #โปแลนด์เป็นประธานพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา #ปานามาเป็นรองประธานพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา วันที่ 15 มิถุนายน 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ได้ตัดสินให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา ผู้พิพากษา ผู้พิพากษามีทั้งหมด 14 ท่าน คะแนนเสียง 9 ต่อ 3 ตัดสินว่าปราสาทเขาพระวิหารอยู่ในอาณาเขตภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา และ คะแนนเสียง 7 ต่อ 5 ตัดสินว่า ไทยต้องคืนวัตถุสิ่งประติมากรรม แผ่นศิลา ส่วนปรักหักพังของอนุสาวรีย์รูปหินทราย เครื่องปั้นดินเผาโบราณและปราสาทหรือบริเวณเขาพระวิหารให้แก่กัมพูชา โบดาน วินิอาร์สกิ (Bohdan Winiarski) : ชาวโปแลนด์ เป็นประธาน— พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา ริคาร์โด อาลฟาโร (Ricardo Alfaro) : ชาวปานามา เป็นรองประธาน — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา ลูซิโอ มอเรโน กินตานา (Lucio Moreno Quintana) : ชาวอาร์เจนตินา — พิพากษาให้เป็นของไทย เวลลิงตัน คู (Wellington Koo) : ชาวจีนไต้หวัน — พิพากษาให้เป็นของไทย เซอร์ เพอร์ซี สเปนเดอร์ (Percy Spender) : ชาวออสเตรเลีย — พิพากษาให้เป็นของไทย จูลส์ บาเดอวังต์ (Jules Basdevant) : ชาวฝรั่งเศส — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา อับดุล บาดาวี (Abdul Badawi) : ชาวอียิปต์ — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา เซอร์ เจรัลด์ ฟิตซ์มอริส (Sir Gerald Fitzmaurice) : ชาวอังกฤษ — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา วลาดิเมียร์ คอเรดสกี (Vladimir Koretsky) : ชาวรัสเซีย — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา โคะทะโระ ทะนะกะ (Kotaro Tanaka) : ชาวญี่ปุ่น — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา โจเซ่ บุสตามันเต อี ริเบโร (José Bustamante y Rivero) : ชาวเปรู — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา เกตาโน มอเรลลี (Gaetano Morelli) : ชาวอิตาลี — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา สปีโรปูลอส (Jean Spiropoulos) : ชาวกรีก — งดออกเสียง (ป่วย) โรแบร์โต คอร์โดวา (Roberto Cordova) : ชาวเม็กซิโก — งดออกเสียง (ป่วย) ฟิลิป เจสซัป (Philip Jessup) : ชาวอเมริกา (ทนายฝ่ายไทย) กานเย กวนเยต์ (Garnier-Coignet) : นายทะเบียนศาล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 450 มุมมอง 0 รีวิว
  • LaLiga ไล่ล่าลิขสิทธิ์ฟุตบอล แต่กลับทำอินเทอร์เน็ตสเปนล่ม — เมื่อการปราบละเมิดกลายเป็นการเซ็นเซอร์

    ฤดูกาลฟุตบอล 2025/2026 ของ LaLiga เริ่มต้นด้วยมาตรการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมีการส่งคำสั่งลบเนื้อหามากกว่า 26 ล้านครั้งในครึ่งปีแรก เพิ่มขึ้นถึง 142% จากปี 2024 แต่เบื้องหลังตัวเลขนี้คือความเสียหายมหาศาลต่ออินเทอร์เน็ตของผู้ใช้งานในสเปน

    LaLiga ร่วมมือกับ Telefónica และผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ เช่น Movistar, Vodafone, Orange และ DIGI เพื่อบล็อก IP ที่สงสัยว่าใช้สตรีมเถื่อน แต่แทนที่จะบล็อกเฉพาะเนื้อหาผิดกฎหมาย กลับเลือกบล็อก “ช่วง IP” ทั้งกลุ่ม ซึ่งมักมีเว็บไซต์บริสุทธิ์หลายพันแห่งอยู่ร่วมกัน ส่งผลให้บริการอย่าง Amazon, GitHub, Cloudflare, Twitch และแม้แต่ Google Fonts ถูกบล็อกไปด้วย

    TrueNAS ซึ่งเป็นระบบ NAS แบบโอเพ่นซอร์ส ต้องเปลี่ยนวิธีแจกซอฟต์แวร์เป็นผ่าน BitTorrent หลัง CDN ถูกบล็อกซ้ำ ๆ ทำให้ผู้ใช้ในสเปนเข้าถึงอัปเดตด้านความปลอดภัยไม่ได้ ขณะที่ผู้ใช้บางรายหันไปใช้ VPN เพื่อหลบเลี่ยงการบล็อก แต่แม้แต่บริการ WARP ของ Cloudflare ก็ถูกบล็อกในช่วงเวลาถ่ายทอดสดการแข่งขัน

    แม้จะมีเสียงวิจารณ์จากผู้ใช้ทั่วไป นักพัฒนา และแม้แต่ CEO ของ Cloudflare ที่กล่าวว่า “กลยุทธ์นี้บ้าไปแล้ว” เพราะทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงบริการฉุกเฉินและธุรกิจสำคัญได้ แต่ศาลรัฐธรรมนูญของสเปนยังคงสนับสนุนแนวทางนี้ โดยปฏิเสธคำร้องของ Cloudflare และองค์กร RootedCON ที่ขอให้ยุติการบล็อกแบบครอบคลุม

    LaLiga เพิ่มมาตรการปราบละเมิดลิขสิทธิ์อย่างเข้มข้น
    ส่ง takedown notice กว่า 26 ล้านครั้งในครึ่งปีแรกของ 2025
    เพิ่มขึ้น 142% จากปี 2024

    ร่วมมือกับ Telefónica และ ISP รายใหญ่ในสเปน
    ใช้การบล็อก IP ที่สงสัยว่าเกี่ยวข้องกับสตรีมเถื่อน
    บล็อกเป็นช่วง IP ทำให้เว็บไซต์บริสุทธิ์ถูกบล็อกไปด้วย

    เว็บไซต์และบริการสำคัญได้รับผลกระทบ
    Amazon, GitHub, Cloudflare, Twitch, Google Fonts ถูกบล็อก
    TrueNAS ต้องเปลี่ยนวิธีแจกซอฟต์แวร์เป็น BitTorrent

    ผู้ใช้หันไปใช้ VPN เพื่อหลบเลี่ยงการบล็อก
    แม้แต่ Cloudflare WARP ก็ถูกบล็อกในช่วงถ่ายทอดสด
    ผู้ใช้ในสเปน อิตาลี และฝรั่งเศสรายงานปัญหาอย่างต่อเนื่อง

    Cloudflare และ RootedCON ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ
    ขอให้ยุติการบล็อกแบบครอบคลุม
    ศาลปฏิเสธคำร้อง โดยอ้างว่าไม่มีหลักฐานความเสียหาย

    https://reclaimthenet.org/laligas-anti-piracy-crackdown-triggers-widespread-internet-disruptions
    📰 LaLiga ไล่ล่าลิขสิทธิ์ฟุตบอล แต่กลับทำอินเทอร์เน็ตสเปนล่ม — เมื่อการปราบละเมิดกลายเป็นการเซ็นเซอร์ ฤดูกาลฟุตบอล 2025/2026 ของ LaLiga เริ่มต้นด้วยมาตรการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมีการส่งคำสั่งลบเนื้อหามากกว่า 26 ล้านครั้งในครึ่งปีแรก เพิ่มขึ้นถึง 142% จากปี 2024 แต่เบื้องหลังตัวเลขนี้คือความเสียหายมหาศาลต่ออินเทอร์เน็ตของผู้ใช้งานในสเปน LaLiga ร่วมมือกับ Telefónica และผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ เช่น Movistar, Vodafone, Orange และ DIGI เพื่อบล็อก IP ที่สงสัยว่าใช้สตรีมเถื่อน แต่แทนที่จะบล็อกเฉพาะเนื้อหาผิดกฎหมาย กลับเลือกบล็อก “ช่วง IP” ทั้งกลุ่ม ซึ่งมักมีเว็บไซต์บริสุทธิ์หลายพันแห่งอยู่ร่วมกัน ส่งผลให้บริการอย่าง Amazon, GitHub, Cloudflare, Twitch และแม้แต่ Google Fonts ถูกบล็อกไปด้วย TrueNAS ซึ่งเป็นระบบ NAS แบบโอเพ่นซอร์ส ต้องเปลี่ยนวิธีแจกซอฟต์แวร์เป็นผ่าน BitTorrent หลัง CDN ถูกบล็อกซ้ำ ๆ ทำให้ผู้ใช้ในสเปนเข้าถึงอัปเดตด้านความปลอดภัยไม่ได้ ขณะที่ผู้ใช้บางรายหันไปใช้ VPN เพื่อหลบเลี่ยงการบล็อก แต่แม้แต่บริการ WARP ของ Cloudflare ก็ถูกบล็อกในช่วงเวลาถ่ายทอดสดการแข่งขัน แม้จะมีเสียงวิจารณ์จากผู้ใช้ทั่วไป นักพัฒนา และแม้แต่ CEO ของ Cloudflare ที่กล่าวว่า “กลยุทธ์นี้บ้าไปแล้ว” เพราะทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงบริการฉุกเฉินและธุรกิจสำคัญได้ แต่ศาลรัฐธรรมนูญของสเปนยังคงสนับสนุนแนวทางนี้ โดยปฏิเสธคำร้องของ Cloudflare และองค์กร RootedCON ที่ขอให้ยุติการบล็อกแบบครอบคลุม ✅ LaLiga เพิ่มมาตรการปราบละเมิดลิขสิทธิ์อย่างเข้มข้น ➡️ ส่ง takedown notice กว่า 26 ล้านครั้งในครึ่งปีแรกของ 2025 ➡️ เพิ่มขึ้น 142% จากปี 2024 ✅ ร่วมมือกับ Telefónica และ ISP รายใหญ่ในสเปน ➡️ ใช้การบล็อก IP ที่สงสัยว่าเกี่ยวข้องกับสตรีมเถื่อน ➡️ บล็อกเป็นช่วง IP ทำให้เว็บไซต์บริสุทธิ์ถูกบล็อกไปด้วย ✅ เว็บไซต์และบริการสำคัญได้รับผลกระทบ ➡️ Amazon, GitHub, Cloudflare, Twitch, Google Fonts ถูกบล็อก ➡️ TrueNAS ต้องเปลี่ยนวิธีแจกซอฟต์แวร์เป็น BitTorrent ✅ ผู้ใช้หันไปใช้ VPN เพื่อหลบเลี่ยงการบล็อก ➡️ แม้แต่ Cloudflare WARP ก็ถูกบล็อกในช่วงถ่ายทอดสด ➡️ ผู้ใช้ในสเปน อิตาลี และฝรั่งเศสรายงานปัญหาอย่างต่อเนื่อง ✅ Cloudflare และ RootedCON ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ➡️ ขอให้ยุติการบล็อกแบบครอบคลุม ➡️ ศาลปฏิเสธคำร้อง โดยอ้างว่าไม่มีหลักฐานความเสียหาย https://reclaimthenet.org/laligas-anti-piracy-crackdown-triggers-widespread-internet-disruptions
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 291 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”
    ตอนที่ 10 สู้ด้วยท่อ

    ในปี ค.ศ. 2001 เมื่อเห็นชัดว่าประเทศแถบ Baltic จะเข้าร่วมกับ NATO ปูตินเร่งสร้าง ท่าเรือส่งน้ำมันขึ้นที่เมือง Primorsk ริมฝั่งทะเล Baltic การขนส่งน้ำมันจาก Baltic Pipeline System (BPS) เมื่อเสร็จในปี ค.ศ. 2006 จะทำให้การขนส่งน้ำมันที่ต้องพึ่ง กับประเทศ ที่เข้าไปร่วมกับ NATO ใหม่ ๆ เช่น Latvia, Lithrenia, และ Poland ลดน้อยลงไปอย่างมาก Baltic เป็นเส้นทางส่งออกน้ำมันเส้นใหญ่ ของรัสเซียจาก West Siberia และ Timan Pechora ตอนนี้ BPS สามารถขนส่งน้ำมัน มายังตลาดตะวันตก วันละประมาณ 1.3 ล้านบาเรล การดัดหลังสำเร็จตามเป้าหมาย

    ในปี ค.ศ. 2006 นาย Gerhard Schroder นายกรัฐมนตรีของเยอรมันสมัยนั้น ได้รับเลือกเป็นประธาน ของการร่วมงานกันระหว่างเยอรมันกับรัสเซีย ในการก่อสร้างท่อส่งแก๊ซยาว 1200 กิโลเมตร ใต้ทะเล Baltic ซึ่งเริ่มสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005 เมื่อเสร็จ จะเชื่อม แก๊ส terminal ที่เมืองท่า Vybog ใกล้ St.Petersberg กับเมือง Greifswald ในเยอรมันตะวันออก เป็นการเชื่อม Heartland กับ Central Europe เข้าด้วยกัน เป็นการเดินหมาก ตรงข้ามกับแผนการที่อังกฤษและอเมริกาต้องการ นับเป็นการดัดหลังที่เฉียบขาด อีกรายการของรัสเซีย
    การร่วมมือระหว่างเยอรมันกับรัส เซียครั้งนี้ แน่นอน ได้รับการประท้วงรอบทิศ รวมทั้งจาก Ukraine และ Poland ซึ่งเสียสภาพประตูหน้าของ Eurasia ไปอย่างไม่รู้ตัว และต้องไม่ลืมว่า ท่อส่งแก๊ซนี้ ส่งตรงจากรัสเซียมาเยอรมัน ในปริมาณ 40% ของแก๊ซที่เยอรมันต้องนำเข้า และยังมีผู้ร่วมลงทุนของรัสเซียที่พร้อมจะส่งแก๊ซมาตามท่อส่งคู่ขนานอีกหลายเจ้า เมื่อเสร็จสมบูรณ์ ท่อส่งแก๊ซคู่ขนานนี้จะสามารถส่งแก๊ซรัสเซียให้เยอรมันได้ถึง 55 billion cubic metres ต่อปี (เขียนตัวเลขไม่ถูกเลยครับ)

    เยอรมันถูกล็อคคอเรียบร้อย คุณนาย Angela Merkel นายกรัฐมนตรีเยอรมันสายอเมริกา คอฝืดกลืนน้ำไม่ลงไปอีกคน แต่สายไปแล้วคุณป้า

    ในเดือนเม.ย ค.ศ. 2006 รัฐบาล Putin เริ่มโครงการ 14 พันล้านเหรียญ เพื่อสร้าง East Siberia Pacific Ocean Pipleine (Espo) ท่อส่งน้ำมันจาก Taishet ใน East Siberia ข้ามมายังชายฝั่งของรัสเซียด้าน Pacific เมื่อเสร็จจะสามารถส่งน้ำมันได้ถึงวันละ 1.6 ล้านบาเรล จาก Siberia มาถึงฝั่งของรัสเซียด้านตะวันออกไกล และจากนั้น ส่งต่อมาทาง Asia Pacific ป้อนให้อาเฮียเพื่อนรักถึงหน้าบ้านและเผื่อแผ่ถึงญี่ปุ่นลูกเลี้ยงอเมริกาด้วย

    นอกจากนี้ จีนยังเจรจากับรัสเซียให้ทำท่อส่ง แยกมาทาง Daqing ของจีนด้วย ถ้าสำเร็จ มันจะเชื่อมรัสเซีย จีน ญี่ปุ่น และประเทศแถวเอเซียแปซิฟิคเข้าด้วยกัน สงสัยแผนของครู Mac และนาย Brzezinski ตัวแสบ จะมีคนอ่านและทำตาม อย่างตรงกันข้ามทุกประการ ใครช่วยพยุงปีกนกอินทรีย์หน่อยครับ กำลังถลาลงมา หัวจะใกล้จะปักดินแล้ว ฮา !
    ประมาณเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2005 Gazprom ของรัสเซีย สร้างท่อส่งใต้ทะเลยาว 1,213 กิโลเมตร มูลค่า 3.2 พันล้านเหรียญ ชื่อ Blue Stream Pipeline เสร็จ ทำให้รัสเซียสามารถส่งแก๊ซ จาก Krasnodar มาใต้ทะเลดำฝั่งของรัสเซีย โผล่ที่ฝั่งของตุรกี และจากจุดนี้ส่งต่อไปยังเมือง Ankara ตุรกี ติดกับดักแก๊ซ ของรัสเซียไปอีกราย เป็นรายสำคัญ เพราะตุรกีคืออาวุธลับของอเมริกาในแถบนี้

    กรีก อิตาลี และแม้กระทั่งอิสราเอล ก็มีการเจรจากับ Gazprom เพื่อขอให้ต่อท่อแก๊ซจาก Blue Stream เส้นทางท่อแก๊ซอีกเส้นของรัสเซีย คือ South-European Gas Pipeline ซึ่งจะสร้างผ่านยุโรปตะวันออกและยุโรปกลาง เป็นเครือข่ายท่อส่งก๊าซระบบใหม่

    ปูตินใช้แผนส่งพลังงานและส่งข้าม Eurasia จากตะวันออกไปตะวันตก จากเหนือไปใต้ แผนนี้วอชิงตันยังหาทางแก้ไม่ได้ แต่หนังยังไม่จบ อเมริกาวางแผนจะเป็นจักรวรรดิอ เมริกา นักล่าหมายเลขหนึ่งมาเป็น 100 ปี จะคว่ำไพ่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรือ ไม่มีทาง แต่อย่าลืมคู่เล่นคราวนี้ ไม่ใช่ธรรมดา แม้ตอนนี้ไม่ได้เป็นจักรวรรดิ แต่จักรวรรดิรัสเซียเคยรุ่งเรื่อง และเลือดนักสู้ของทหารม้าแห่งจักรวรรดิรัสเซียนั้น ไม่ธรรมดาเหมือนกัน

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    30 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 10 สู้ด้วยท่อ ในปี ค.ศ. 2001 เมื่อเห็นชัดว่าประเทศแถบ Baltic จะเข้าร่วมกับ NATO ปูตินเร่งสร้าง ท่าเรือส่งน้ำมันขึ้นที่เมือง Primorsk ริมฝั่งทะเล Baltic การขนส่งน้ำมันจาก Baltic Pipeline System (BPS) เมื่อเสร็จในปี ค.ศ. 2006 จะทำให้การขนส่งน้ำมันที่ต้องพึ่ง กับประเทศ ที่เข้าไปร่วมกับ NATO ใหม่ ๆ เช่น Latvia, Lithrenia, และ Poland ลดน้อยลงไปอย่างมาก Baltic เป็นเส้นทางส่งออกน้ำมันเส้นใหญ่ ของรัสเซียจาก West Siberia และ Timan Pechora ตอนนี้ BPS สามารถขนส่งน้ำมัน มายังตลาดตะวันตก วันละประมาณ 1.3 ล้านบาเรล การดัดหลังสำเร็จตามเป้าหมาย ในปี ค.ศ. 2006 นาย Gerhard Schroder นายกรัฐมนตรีของเยอรมันสมัยนั้น ได้รับเลือกเป็นประธาน ของการร่วมงานกันระหว่างเยอรมันกับรัสเซีย ในการก่อสร้างท่อส่งแก๊ซยาว 1200 กิโลเมตร ใต้ทะเล Baltic ซึ่งเริ่มสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005 เมื่อเสร็จ จะเชื่อม แก๊ส terminal ที่เมืองท่า Vybog ใกล้ St.Petersberg กับเมือง Greifswald ในเยอรมันตะวันออก เป็นการเชื่อม Heartland กับ Central Europe เข้าด้วยกัน เป็นการเดินหมาก ตรงข้ามกับแผนการที่อังกฤษและอเมริกาต้องการ นับเป็นการดัดหลังที่เฉียบขาด อีกรายการของรัสเซีย การร่วมมือระหว่างเยอรมันกับรัส เซียครั้งนี้ แน่นอน ได้รับการประท้วงรอบทิศ รวมทั้งจาก Ukraine และ Poland ซึ่งเสียสภาพประตูหน้าของ Eurasia ไปอย่างไม่รู้ตัว และต้องไม่ลืมว่า ท่อส่งแก๊ซนี้ ส่งตรงจากรัสเซียมาเยอรมัน ในปริมาณ 40% ของแก๊ซที่เยอรมันต้องนำเข้า และยังมีผู้ร่วมลงทุนของรัสเซียที่พร้อมจะส่งแก๊ซมาตามท่อส่งคู่ขนานอีกหลายเจ้า เมื่อเสร็จสมบูรณ์ ท่อส่งแก๊ซคู่ขนานนี้จะสามารถส่งแก๊ซรัสเซียให้เยอรมันได้ถึง 55 billion cubic metres ต่อปี (เขียนตัวเลขไม่ถูกเลยครับ) เยอรมันถูกล็อคคอเรียบร้อย คุณนาย Angela Merkel นายกรัฐมนตรีเยอรมันสายอเมริกา คอฝืดกลืนน้ำไม่ลงไปอีกคน แต่สายไปแล้วคุณป้า ในเดือนเม.ย ค.ศ. 2006 รัฐบาล Putin เริ่มโครงการ 14 พันล้านเหรียญ เพื่อสร้าง East Siberia Pacific Ocean Pipleine (Espo) ท่อส่งน้ำมันจาก Taishet ใน East Siberia ข้ามมายังชายฝั่งของรัสเซียด้าน Pacific เมื่อเสร็จจะสามารถส่งน้ำมันได้ถึงวันละ 1.6 ล้านบาเรล จาก Siberia มาถึงฝั่งของรัสเซียด้านตะวันออกไกล และจากนั้น ส่งต่อมาทาง Asia Pacific ป้อนให้อาเฮียเพื่อนรักถึงหน้าบ้านและเผื่อแผ่ถึงญี่ปุ่นลูกเลี้ยงอเมริกาด้วย นอกจากนี้ จีนยังเจรจากับรัสเซียให้ทำท่อส่ง แยกมาทาง Daqing ของจีนด้วย ถ้าสำเร็จ มันจะเชื่อมรัสเซีย จีน ญี่ปุ่น และประเทศแถวเอเซียแปซิฟิคเข้าด้วยกัน สงสัยแผนของครู Mac และนาย Brzezinski ตัวแสบ จะมีคนอ่านและทำตาม อย่างตรงกันข้ามทุกประการ ใครช่วยพยุงปีกนกอินทรีย์หน่อยครับ กำลังถลาลงมา หัวจะใกล้จะปักดินแล้ว ฮา ! ประมาณเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2005 Gazprom ของรัสเซีย สร้างท่อส่งใต้ทะเลยาว 1,213 กิโลเมตร มูลค่า 3.2 พันล้านเหรียญ ชื่อ Blue Stream Pipeline เสร็จ ทำให้รัสเซียสามารถส่งแก๊ซ จาก Krasnodar มาใต้ทะเลดำฝั่งของรัสเซีย โผล่ที่ฝั่งของตุรกี และจากจุดนี้ส่งต่อไปยังเมือง Ankara ตุรกี ติดกับดักแก๊ซ ของรัสเซียไปอีกราย เป็นรายสำคัญ เพราะตุรกีคืออาวุธลับของอเมริกาในแถบนี้ กรีก อิตาลี และแม้กระทั่งอิสราเอล ก็มีการเจรจากับ Gazprom เพื่อขอให้ต่อท่อแก๊ซจาก Blue Stream เส้นทางท่อแก๊ซอีกเส้นของรัสเซีย คือ South-European Gas Pipeline ซึ่งจะสร้างผ่านยุโรปตะวันออกและยุโรปกลาง เป็นเครือข่ายท่อส่งก๊าซระบบใหม่ ปูตินใช้แผนส่งพลังงานและส่งข้าม Eurasia จากตะวันออกไปตะวันตก จากเหนือไปใต้ แผนนี้วอชิงตันยังหาทางแก้ไม่ได้ แต่หนังยังไม่จบ อเมริกาวางแผนจะเป็นจักรวรรดิอ เมริกา นักล่าหมายเลขหนึ่งมาเป็น 100 ปี จะคว่ำไพ่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรือ ไม่มีทาง แต่อย่าลืมคู่เล่นคราวนี้ ไม่ใช่ธรรมดา แม้ตอนนี้ไม่ได้เป็นจักรวรรดิ แต่จักรวรรดิรัสเซียเคยรุ่งเรื่อง และเลือดนักสู้ของทหารม้าแห่งจักรวรรดิรัสเซียนั้น ไม่ธรรมดาเหมือนกัน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 30 มิย. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 330 มุมมอง 0 รีวิว
  • GNOME 49 “Brescia” เปิดตัวอย่างเป็นทางการ — ยกระดับประสบการณ์เดสก์ท็อป Linux ด้วยฟีเจอร์ใหม่และความลื่นไหลที่เหนือกว่า

    GNOME 49 ซึ่งใช้ชื่อรหัสว่า “Brescia” ตามเมืองที่จัดงาน GUADEC ล่าสุดในอิตาลี ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยเป็นการอัปเดตใหญ่ของสภาพแวดล้อมเดสก์ท็อปยอดนิยมสำหรับผู้ใช้ Linux ที่มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่มากมาย ทั้งด้านการใช้งาน ความปลอดภัย และการเข้าถึง

    หนึ่งในฟีเจอร์เด่นคือการเพิ่ม “Do Not Disturb” toggle ใน Quick Settings ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ปิดการแจ้งเตือนได้สะดวกขึ้น รวมถึงการควบคุมความสว่างแยกตามจอในระบบหลายจอ ซึ่งเป็นการปรับปรุงโครงสร้างการจัดการ backlight ครั้งใหญ่

    หน้าจอล็อก (Lock Screen) ก็ได้รับการปรับปรุง โดยเพิ่มตัวควบคุมสื่อ (Media Controller) ที่สามารถควบคุมเพลงหรือวิดีโอได้โดยตรง รวมถึงตัวเลือกรีสตาร์ทและปิดเครื่องที่สามารถเปิดใช้งานได้ตามต้องการ

    GNOME 49 ยังเปลี่ยนแอปหลักหลายตัว เช่น เปลี่ยน Evince เป็น Papers สำหรับดูเอกสาร และเปลี่ยน Totem เป็น Showtime สำหรับเล่นวิดีโอ ซึ่งรองรับฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น การปรับความเร็วเล่น, ซับไตเติลหลายภาษา, และการจับภาพหน้าจอ

    ด้านประสิทธิภาพ Mutter ซึ่งเป็น window manager ของ GNOME ได้รับการปรับปรุงให้รองรับการเคลื่อนเมาส์ที่ refresh rate สูงสุดเมื่อใช้ VRR (Variable Refresh Rate) และ GNOME Software ก็ได้รับการปรับปรุงให้ใช้หน่วยความจำน้อยลงและโหลดข้อมูลจาก Flathub ได้เร็วขึ้น

    GNOME 49 จะถูกใช้เป็นเดสก์ท็อปเริ่มต้นใน Fedora 43 และ Ubuntu 25.10 และจะเป็นพื้นฐานของ GNOME 50 “Tokyo” ที่จะเปิดตัวในเดือนมีนาคม 2026 ซึ่งคาดว่าจะยกเลิกการรองรับ X11 อย่างถาวร

    GNOME 49 “Brescia” เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
    ใช้ชื่อจากเมืองที่จัดงาน GUADEC ปี 2025
    เป็นอัปเดตใหญ่ที่เน้นฟีเจอร์ใหม่และความลื่นไหล

    เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน Quick Settings และ Lock Screen
    มี “Do Not Disturb” toggle และควบคุมความสว่างแยกตามจอ
    เพิ่ม Media Controller และตัวเลือกรีสตาร์ท/ปิดเครื่องในหน้าล็อก

    เปลี่ยนแอปหลักเพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่
    Evince ถูกแทนที่ด้วย Papers สำหรับดูเอกสาร
    Totem ถูกแทนที่ด้วย Showtime สำหรับเล่นวิดีโอ

    ปรับปรุงประสิทธิภาพและการเข้าถึง
    Mutter รองรับ VRR และ GNOME Software ใช้ RAM น้อยลง
    เพิ่ม Accessibility menu ในหน้าล็อกอิน
    ปรับปรุง GNOME Web, Calculator, Snapshot และ Orca screen reader

    GNOME 49 จะเป็นเดสก์ท็อปเริ่มต้นใน Fedora 43 และ Ubuntu 25.10
    รองรับการใช้งานบน rolling-release distros หลายตัว
    GNOME 50 “Tokyo” จะเปิดตัวในเดือนมีนาคม 2026

    คำเตือนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงใน GNOME 49
    การเปลี่ยนแอปหลักอาจทำให้ผู้ใช้เดิมต้องปรับตัว
    Showtime ยังไม่รองรับฟีเจอร์บางอย่างที่ Totem เคยมี
    การควบคุมความสว่างแยกจออาจยังไม่รองรับจอทุกประเภท
    GNOME 50 อาจยกเลิก X11 อย่างถาวร ซึ่งส่งผลต่อแอปเก่า

    https://9to5linux.com/gnome-49-brescia-desktop-environment-officially-released-heres-whats-new
    📰 GNOME 49 “Brescia” เปิดตัวอย่างเป็นทางการ — ยกระดับประสบการณ์เดสก์ท็อป Linux ด้วยฟีเจอร์ใหม่และความลื่นไหลที่เหนือกว่า GNOME 49 ซึ่งใช้ชื่อรหัสว่า “Brescia” ตามเมืองที่จัดงาน GUADEC ล่าสุดในอิตาลี ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยเป็นการอัปเดตใหญ่ของสภาพแวดล้อมเดสก์ท็อปยอดนิยมสำหรับผู้ใช้ Linux ที่มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่มากมาย ทั้งด้านการใช้งาน ความปลอดภัย และการเข้าถึง หนึ่งในฟีเจอร์เด่นคือการเพิ่ม “Do Not Disturb” toggle ใน Quick Settings ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ปิดการแจ้งเตือนได้สะดวกขึ้น รวมถึงการควบคุมความสว่างแยกตามจอในระบบหลายจอ ซึ่งเป็นการปรับปรุงโครงสร้างการจัดการ backlight ครั้งใหญ่ หน้าจอล็อก (Lock Screen) ก็ได้รับการปรับปรุง โดยเพิ่มตัวควบคุมสื่อ (Media Controller) ที่สามารถควบคุมเพลงหรือวิดีโอได้โดยตรง รวมถึงตัวเลือกรีสตาร์ทและปิดเครื่องที่สามารถเปิดใช้งานได้ตามต้องการ GNOME 49 ยังเปลี่ยนแอปหลักหลายตัว เช่น เปลี่ยน Evince เป็น Papers สำหรับดูเอกสาร และเปลี่ยน Totem เป็น Showtime สำหรับเล่นวิดีโอ ซึ่งรองรับฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น การปรับความเร็วเล่น, ซับไตเติลหลายภาษา, และการจับภาพหน้าจอ ด้านประสิทธิภาพ Mutter ซึ่งเป็น window manager ของ GNOME ได้รับการปรับปรุงให้รองรับการเคลื่อนเมาส์ที่ refresh rate สูงสุดเมื่อใช้ VRR (Variable Refresh Rate) และ GNOME Software ก็ได้รับการปรับปรุงให้ใช้หน่วยความจำน้อยลงและโหลดข้อมูลจาก Flathub ได้เร็วขึ้น GNOME 49 จะถูกใช้เป็นเดสก์ท็อปเริ่มต้นใน Fedora 43 และ Ubuntu 25.10 และจะเป็นพื้นฐานของ GNOME 50 “Tokyo” ที่จะเปิดตัวในเดือนมีนาคม 2026 ซึ่งคาดว่าจะยกเลิกการรองรับ X11 อย่างถาวร ✅ GNOME 49 “Brescia” เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ➡️ ใช้ชื่อจากเมืองที่จัดงาน GUADEC ปี 2025 ➡️ เป็นอัปเดตใหญ่ที่เน้นฟีเจอร์ใหม่และความลื่นไหล ✅ เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน Quick Settings และ Lock Screen ➡️ มี “Do Not Disturb” toggle และควบคุมความสว่างแยกตามจอ ➡️ เพิ่ม Media Controller และตัวเลือกรีสตาร์ท/ปิดเครื่องในหน้าล็อก ✅ เปลี่ยนแอปหลักเพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ ➡️ Evince ถูกแทนที่ด้วย Papers สำหรับดูเอกสาร ➡️ Totem ถูกแทนที่ด้วย Showtime สำหรับเล่นวิดีโอ ✅ ปรับปรุงประสิทธิภาพและการเข้าถึง ➡️ Mutter รองรับ VRR และ GNOME Software ใช้ RAM น้อยลง ➡️ เพิ่ม Accessibility menu ในหน้าล็อกอิน ➡️ ปรับปรุง GNOME Web, Calculator, Snapshot และ Orca screen reader ✅ GNOME 49 จะเป็นเดสก์ท็อปเริ่มต้นใน Fedora 43 และ Ubuntu 25.10 ➡️ รองรับการใช้งานบน rolling-release distros หลายตัว ➡️ GNOME 50 “Tokyo” จะเปิดตัวในเดือนมีนาคม 2026 ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงใน GNOME 49 ⛔ การเปลี่ยนแอปหลักอาจทำให้ผู้ใช้เดิมต้องปรับตัว ⛔ Showtime ยังไม่รองรับฟีเจอร์บางอย่างที่ Totem เคยมี ⛔ การควบคุมความสว่างแยกจออาจยังไม่รองรับจอทุกประเภท ⛔ GNOME 50 อาจยกเลิก X11 อย่างถาวร ซึ่งส่งผลต่อแอปเก่า https://9to5linux.com/gnome-49-brescia-desktop-environment-officially-released-heres-whats-new
    9TO5LINUX.COM
    GNOME 49 "Brescia" Desktop Environment Officially Released, Here's What's New - 9to5Linux
    GNOME 49 desktop environment is now available as a major release that introduces numerous new features and improvements.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 0 รีวิว
  • สเปน ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี "เปโดร ซานเชซ" ประกาศยกเลิกสัญญาด้านกลาโหมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านยูโร (ประมาณ 3.76 หมื่นล้านบาท) ที่ทำกับบริษัทต่างๆของอิสราเอล เพื่อตอบโต้ฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในฉนวนกาซา ส่งผลให้พลเรือนเสียชีวิตใกล้แตะเจ็ดหมื่นราย ส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิง และยังมีผู้สูญหายอีกประมาณสามแสนราย
    .
    นับเป็นมาตรการที่เข้มข้นที่สุดจากความเคลื่อนไหวของสเปนที่มีต่ออิสราเอล
    .
    สัญญาที่รัฐบาลสเปนยกเลิก เกี่ยวข้องกับระบบยิงจรวด SILAM ที่พัฒนาบนแพลตฟอร์ม Elbit PULS ของอิสราเอล และสัญญาสำหรับขีปนาวุธต่อต้านรถถัง Spike L.R. ซึ่งเดิมจะผลิตโดยกลุ่มบริษัทสเปนภายใต้ใบอนุญาตจากอิสราเอล
    .
    ขณะที่อิสราเอลเริ่มเดินหน้าปฏิบัติการยึดเมือง "กาซา ซิตี้" เมื่อคืนที่ผ่านมา เพื่อครอบครองเป็นของตนเอง โดยอ้างเหตุผลว่าเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มฮามาส และกดดันฮามาสให้ปล่อยตัวประกัน ซึ่งอิสราเอลคาดว่ายังมีอยู่อีกประมาณ 40 ราย แต่คาดว่ายังมีชีวิตเพียง 20 รายเท่านั้น

    ด้านคณะกรรมการสอบสวนอิสระแห่งสหประชาชาติ ยอมรับที่เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์อย่างเป็นทางการครั้งแรกว่า การโจมตีของอิสราเอลเป็น “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ตามอนุสัญญาปี 1948

    นอกจากนี้ หลายประเทศในยุโรป เช่น อิตาลี เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี ญี่ปุ่น และสโลวีเนีย ต่างประกาศระงับหรือจำกัดการส่งออกอาวุธไปยังอิสราเอลเช่นกัน
    สเปน ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี "เปโดร ซานเชซ" ประกาศยกเลิกสัญญาด้านกลาโหมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านยูโร (ประมาณ 3.76 หมื่นล้านบาท) ที่ทำกับบริษัทต่างๆของอิสราเอล เพื่อตอบโต้ฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในฉนวนกาซา ส่งผลให้พลเรือนเสียชีวิตใกล้แตะเจ็ดหมื่นราย ส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิง และยังมีผู้สูญหายอีกประมาณสามแสนราย . นับเป็นมาตรการที่เข้มข้นที่สุดจากความเคลื่อนไหวของสเปนที่มีต่ออิสราเอล . สัญญาที่รัฐบาลสเปนยกเลิก เกี่ยวข้องกับระบบยิงจรวด SILAM ที่พัฒนาบนแพลตฟอร์ม Elbit PULS ของอิสราเอล และสัญญาสำหรับขีปนาวุธต่อต้านรถถัง Spike L.R. ซึ่งเดิมจะผลิตโดยกลุ่มบริษัทสเปนภายใต้ใบอนุญาตจากอิสราเอล . 👉ขณะที่อิสราเอลเริ่มเดินหน้าปฏิบัติการยึดเมือง "กาซา ซิตี้" เมื่อคืนที่ผ่านมา เพื่อครอบครองเป็นของตนเอง โดยอ้างเหตุผลว่าเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มฮามาส และกดดันฮามาสให้ปล่อยตัวประกัน ซึ่งอิสราเอลคาดว่ายังมีอยู่อีกประมาณ 40 ราย แต่คาดว่ายังมีชีวิตเพียง 20 รายเท่านั้น 👉ด้านคณะกรรมการสอบสวนอิสระแห่งสหประชาชาติ ยอมรับที่เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์อย่างเป็นทางการครั้งแรกว่า การโจมตีของอิสราเอลเป็น “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ตามอนุสัญญาปี 1948 👉นอกจากนี้ หลายประเทศในยุโรป เช่น อิตาลี เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี ญี่ปุ่น และสโลวีเนีย ต่างประกาศระงับหรือจำกัดการส่งออกอาวุธไปยังอิสราเอลเช่นกัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 393 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts