• “Surfshark ยุติการรองรับ iOS และ macOS รุ่นเก่า — เน้นอุปกรณ์ใหม่เพื่อความปลอดภัยสูงสุด”

    Surfshark ผู้ให้บริการ VPN อันดับต้น ๆ ได้ประกาศยุติการรองรับระบบปฏิบัติการ iOS และ macOS รุ่นเก่าอย่างเป็นทางการ โดยจะสนับสนุนเฉพาะ 4 เวอร์ชันล่าสุดของแต่ละระบบเท่านั้น เช่น iOS 15 ขึ้นไป และ macOS 12 (Monterey) ขึ้นไป ซึ่งหมายความว่าอุปกรณ์รุ่นเก่าที่ไม่สามารถอัปเดตระบบได้จะไม่ได้รับการอัปเดตแอปอีกต่อไป

    การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับการปกป้องจากภัยคุกคามล่าสุดอย่างเต็มที่ เนื่องจากระบบรุ่นเก่ามักไม่ได้รับแพตช์ความปลอดภัย ทำให้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีจากช่องโหว่ที่รู้จักแล้ว Surfshark ระบุว่าการยุติการรองรับจะช่วยให้ทีมสามารถมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ และปรับปรุงประสิทธิภาพของแอปบนอุปกรณ์ที่ยังได้รับการอัปเดตจาก Apple

    สำหรับผู้ใช้ที่ยังใช้อุปกรณ์รุ่นเก่า Surfshark ได้เสนอทางเลือก เช่น การติดตั้งแอปเวอร์ชันเก่าที่รองรับ macOS 10.12 (Sierra) หรือการเชื่อมต่อแบบ manual ผ่านโปรโตคอล WireGuard, OpenVPN หรือ IKEv2 โดยมีคู่มือการตั้งค่าให้ใช้งานได้ต่อเนื่องแม้ไม่มีแอปเวอร์ชันใหม่

    Surfshark ยังให้บริการช่วยเหลือผู้ใช้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านแชตสดและอีเมล เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนสามารถใช้งาน VPN ได้อย่างปลอดภัย แม้จะใช้อุปกรณ์ที่ไม่สามารถอัปเดตระบบได้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Surfshark ยุติการรองรับ iOS และ macOS รุ่นเก่า
    สนับสนุนเฉพาะ 4 เวอร์ชันล่าสุดของแต่ละระบบ
    iOS ที่รองรับคือ iOS 15 ขึ้นไป
    macOS ที่รองรับคือ macOS 12 (Monterey) ขึ้นไป
    อุปกรณ์รุ่นเก่าจะไม่ได้รับการอัปเดตแอปอีกต่อไป
    Surfshark เน้นให้ผู้ใช้ใช้อุปกรณ์ที่ปลอดภัยและทันสมัย
    การยุติการรองรับช่วยให้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ได้เร็วขึ้น
    ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อแบบ manual ผ่าน WireGuard, OpenVPN หรือ IKEv2
    มีคู่มือการติดตั้งสำหรับ macOS ตั้งแต่เวอร์ชัน 10.12 (Sierra)
    ให้บริการช่วยเหลือผู้ใช้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านแชตและอีเมล

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Apple มีแนวโน้มออกระบบใหม่ทุกปี ทำให้ผู้ใช้รุ่นเก่าลดลง
    การอัปเดตระบบช่วยลดความเสี่ยงจากช่องโหว่ที่รู้จักแล้ว
    WireGuard เป็นโปรโตคอล VPN ที่เร็วและปลอดภัยที่สุดในปัจจุบัน
    OpenVPN ยังเป็นมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย แม้จะช้ากว่า WireGuard
    IKEv2 เหมาะสำหรับการเชื่อมต่อแบบ manual บนอุปกรณ์ Apple

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/surfshark-drops-legacy-ios-and-macos-support-shifts-focus-to-latest-apple-releases
    🔒 “Surfshark ยุติการรองรับ iOS และ macOS รุ่นเก่า — เน้นอุปกรณ์ใหม่เพื่อความปลอดภัยสูงสุด” Surfshark ผู้ให้บริการ VPN อันดับต้น ๆ ได้ประกาศยุติการรองรับระบบปฏิบัติการ iOS และ macOS รุ่นเก่าอย่างเป็นทางการ โดยจะสนับสนุนเฉพาะ 4 เวอร์ชันล่าสุดของแต่ละระบบเท่านั้น เช่น iOS 15 ขึ้นไป และ macOS 12 (Monterey) ขึ้นไป ซึ่งหมายความว่าอุปกรณ์รุ่นเก่าที่ไม่สามารถอัปเดตระบบได้จะไม่ได้รับการอัปเดตแอปอีกต่อไป การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับการปกป้องจากภัยคุกคามล่าสุดอย่างเต็มที่ เนื่องจากระบบรุ่นเก่ามักไม่ได้รับแพตช์ความปลอดภัย ทำให้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีจากช่องโหว่ที่รู้จักแล้ว Surfshark ระบุว่าการยุติการรองรับจะช่วยให้ทีมสามารถมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ และปรับปรุงประสิทธิภาพของแอปบนอุปกรณ์ที่ยังได้รับการอัปเดตจาก Apple สำหรับผู้ใช้ที่ยังใช้อุปกรณ์รุ่นเก่า Surfshark ได้เสนอทางเลือก เช่น การติดตั้งแอปเวอร์ชันเก่าที่รองรับ macOS 10.12 (Sierra) หรือการเชื่อมต่อแบบ manual ผ่านโปรโตคอล WireGuard, OpenVPN หรือ IKEv2 โดยมีคู่มือการตั้งค่าให้ใช้งานได้ต่อเนื่องแม้ไม่มีแอปเวอร์ชันใหม่ Surfshark ยังให้บริการช่วยเหลือผู้ใช้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านแชตสดและอีเมล เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนสามารถใช้งาน VPN ได้อย่างปลอดภัย แม้จะใช้อุปกรณ์ที่ไม่สามารถอัปเดตระบบได้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Surfshark ยุติการรองรับ iOS และ macOS รุ่นเก่า ➡️ สนับสนุนเฉพาะ 4 เวอร์ชันล่าสุดของแต่ละระบบ ➡️ iOS ที่รองรับคือ iOS 15 ขึ้นไป ➡️ macOS ที่รองรับคือ macOS 12 (Monterey) ขึ้นไป ➡️ อุปกรณ์รุ่นเก่าจะไม่ได้รับการอัปเดตแอปอีกต่อไป ➡️ Surfshark เน้นให้ผู้ใช้ใช้อุปกรณ์ที่ปลอดภัยและทันสมัย ➡️ การยุติการรองรับช่วยให้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ได้เร็วขึ้น ➡️ ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อแบบ manual ผ่าน WireGuard, OpenVPN หรือ IKEv2 ➡️ มีคู่มือการติดตั้งสำหรับ macOS ตั้งแต่เวอร์ชัน 10.12 (Sierra) ➡️ ให้บริการช่วยเหลือผู้ใช้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านแชตและอีเมล ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Apple มีแนวโน้มออกระบบใหม่ทุกปี ทำให้ผู้ใช้รุ่นเก่าลดลง ➡️ การอัปเดตระบบช่วยลดความเสี่ยงจากช่องโหว่ที่รู้จักแล้ว ➡️ WireGuard เป็นโปรโตคอล VPN ที่เร็วและปลอดภัยที่สุดในปัจจุบัน ➡️ OpenVPN ยังเป็นมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย แม้จะช้ากว่า WireGuard ➡️ IKEv2 เหมาะสำหรับการเชื่อมต่อแบบ manual บนอุปกรณ์ Apple https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/surfshark-drops-legacy-ios-and-macos-support-shifts-focus-to-latest-apple-releases
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • “อัปเดต iOS ใหม่ทำ iPhone ช้าลงจริงหรือ? — คำตอบที่ไม่ง่าย และไม่ใช่แค่เรื่องสมมุติ”

    ทุกครั้งที่ Apple ปล่อยอัปเดต iOS ใหม่ คำถามที่วนกลับมาเสมอคือ “เครื่องจะช้าลงไหม?” โดยเฉพาะผู้ใช้ iPhone รุ่นเก่าที่รู้สึกว่าเครื่องอืดลงหลังอัปเดต ล่าสุด iOS 26 ก็ไม่พ้นข้อสงสัยนี้ และ Apple เองก็ออกเอกสารสนับสนุนเพื่ออธิบายอย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น

    Apple ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจทำให้ iPhone ช้าลงเพื่อบังคับให้ผู้ใช้เปลี่ยนเครื่องใหม่ แต่ก็ยอมรับว่าการอัปเดตอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพและแบตเตอรี่ โดยเฉพาะในช่วงแรกหลังติดตั้ง เพราะระบบต้องทำงานเบื้องหลังจำนวนมาก เช่น การจัดทำดัชนีข้อมูล การอัปเดตแอป และการดาวน์โหลดไฟล์ใหม่ ซึ่งอาจทำให้เครื่องร้อนขึ้นและแบตเตอรี่หมดเร็วขึ้นชั่วคราว

    นอกจากนี้ ฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่เพิ่มเข้ามาใน iOS 26 เช่น Apple Intelligence หรือ Live Translation ก็ใช้ทรัพยากรเครื่องมากขึ้น โดยเฉพาะในรุ่นเก่าที่ฮาร์ดแวร์ไม่ทันสมัย ทำให้เกิดความรู้สึกว่าเครื่องช้าลง แม้ประสิทธิภาพของ CPU และ GPU จะยังคงเดิมก็ตาม

    Apple ยังเปิดให้ผู้ใช้ตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่ และเลือกปิดระบบจัดการประสิทธิภาพได้เอง แต่ก็เตือนว่าอาจทำให้เครื่องดับโดยไม่คาดคิดหากแบตเตอรี่เสื่อมมาก

    สำหรับผู้ใช้ที่ไม่ต้องการฟีเจอร์ใหม่แต่ยังต้องการความปลอดภัย Apple ก็มีทางเลือกให้อัปเดตเวอร์ชันย่อย เช่น iOS 18.7 ที่ยังได้รับแพตช์ความปลอดภัยโดยไม่ต้องแบกรับฟีเจอร์หนัก ๆ ของเวอร์ชันล่าสุด

    สุดท้ายแล้ว การอัปเดตหรือไม่อัปเดตขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้ — ถ้าเน้นฟีเจอร์ใหม่ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงเรื่องประสิทธิภาพ แต่ถ้าเน้นความเสถียร ก็อาจเลือกเวอร์ชันที่เบากว่า หรือเปลี่ยนแบตเตอรี่เพื่อยืดอายุเครื่อง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Apple ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจทำให้ iPhone ช้าลงเพื่อบังคับให้เปลี่ยนเครื่อง
    การอัปเดต iOS อาจทำให้เครื่องช้าลงและแบตหมดเร็วในช่วงแรก
    ระบบต้องทำงานเบื้องหลัง เช่น indexing, อัปเดตแอป, ดาวน์โหลดไฟล์
    ฟีเจอร์ใหม่ใน iOS 26 ใช้ทรัพยากรเครื่องมากขึ้น โดยเฉพาะในรุ่นเก่า
    Apple เปิดให้ผู้ใช้ตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่และปิดระบบจัดการประสิทธิภาพได้
    มีทางเลือกให้อัปเดตเวอร์ชันย่อย เช่น iOS 18.7 เพื่อความเสถียร
    การเปลี่ยนแบตเตอรี่ช่วยยืดอายุเครื่องและคืนประสิทธิภาพ
    Benchmark พบว่า CPU และ GPU ยังทำงานใกล้เคียงเดิมในหลายรุ่น

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Apple ระบุว่าอาการเครื่องช้าหลังอัปเดตเป็นเรื่องปกติและจะดีขึ้นภายใน 2–3 วัน
    iOS 26.1 อยู่ระหว่างการทดสอบ และจะเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน AirPods และ Safari
    แอปโซเชียลในปี 2025 ใช้ทรัพยากรมากกว่าเดิม แม้เครื่องจะมีประสิทธิภาพเท่าเดิม
    การอัปเดตช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความเข้ากันได้กับแอปใหม่
    การไม่อัปเดตอาจทำให้เครื่องเสี่ยงต่อช่องโหว่ความปลอดภัย

    https://www.slashgear.com/1985799/do-apple-updates-make-your-iphone-slower/
    📱 “อัปเดต iOS ใหม่ทำ iPhone ช้าลงจริงหรือ? — คำตอบที่ไม่ง่าย และไม่ใช่แค่เรื่องสมมุติ” ทุกครั้งที่ Apple ปล่อยอัปเดต iOS ใหม่ คำถามที่วนกลับมาเสมอคือ “เครื่องจะช้าลงไหม?” โดยเฉพาะผู้ใช้ iPhone รุ่นเก่าที่รู้สึกว่าเครื่องอืดลงหลังอัปเดต ล่าสุด iOS 26 ก็ไม่พ้นข้อสงสัยนี้ และ Apple เองก็ออกเอกสารสนับสนุนเพื่ออธิบายอย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น Apple ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจทำให้ iPhone ช้าลงเพื่อบังคับให้ผู้ใช้เปลี่ยนเครื่องใหม่ แต่ก็ยอมรับว่าการอัปเดตอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพและแบตเตอรี่ โดยเฉพาะในช่วงแรกหลังติดตั้ง เพราะระบบต้องทำงานเบื้องหลังจำนวนมาก เช่น การจัดทำดัชนีข้อมูล การอัปเดตแอป และการดาวน์โหลดไฟล์ใหม่ ซึ่งอาจทำให้เครื่องร้อนขึ้นและแบตเตอรี่หมดเร็วขึ้นชั่วคราว นอกจากนี้ ฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่เพิ่มเข้ามาใน iOS 26 เช่น Apple Intelligence หรือ Live Translation ก็ใช้ทรัพยากรเครื่องมากขึ้น โดยเฉพาะในรุ่นเก่าที่ฮาร์ดแวร์ไม่ทันสมัย ทำให้เกิดความรู้สึกว่าเครื่องช้าลง แม้ประสิทธิภาพของ CPU และ GPU จะยังคงเดิมก็ตาม Apple ยังเปิดให้ผู้ใช้ตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่ และเลือกปิดระบบจัดการประสิทธิภาพได้เอง แต่ก็เตือนว่าอาจทำให้เครื่องดับโดยไม่คาดคิดหากแบตเตอรี่เสื่อมมาก สำหรับผู้ใช้ที่ไม่ต้องการฟีเจอร์ใหม่แต่ยังต้องการความปลอดภัย Apple ก็มีทางเลือกให้อัปเดตเวอร์ชันย่อย เช่น iOS 18.7 ที่ยังได้รับแพตช์ความปลอดภัยโดยไม่ต้องแบกรับฟีเจอร์หนัก ๆ ของเวอร์ชันล่าสุด สุดท้ายแล้ว การอัปเดตหรือไม่อัปเดตขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้ — ถ้าเน้นฟีเจอร์ใหม่ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงเรื่องประสิทธิภาพ แต่ถ้าเน้นความเสถียร ก็อาจเลือกเวอร์ชันที่เบากว่า หรือเปลี่ยนแบตเตอรี่เพื่อยืดอายุเครื่อง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Apple ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจทำให้ iPhone ช้าลงเพื่อบังคับให้เปลี่ยนเครื่อง ➡️ การอัปเดต iOS อาจทำให้เครื่องช้าลงและแบตหมดเร็วในช่วงแรก ➡️ ระบบต้องทำงานเบื้องหลัง เช่น indexing, อัปเดตแอป, ดาวน์โหลดไฟล์ ➡️ ฟีเจอร์ใหม่ใน iOS 26 ใช้ทรัพยากรเครื่องมากขึ้น โดยเฉพาะในรุ่นเก่า ➡️ Apple เปิดให้ผู้ใช้ตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่และปิดระบบจัดการประสิทธิภาพได้ ➡️ มีทางเลือกให้อัปเดตเวอร์ชันย่อย เช่น iOS 18.7 เพื่อความเสถียร ➡️ การเปลี่ยนแบตเตอรี่ช่วยยืดอายุเครื่องและคืนประสิทธิภาพ ➡️ Benchmark พบว่า CPU และ GPU ยังทำงานใกล้เคียงเดิมในหลายรุ่น ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Apple ระบุว่าอาการเครื่องช้าหลังอัปเดตเป็นเรื่องปกติและจะดีขึ้นภายใน 2–3 วัน ➡️ iOS 26.1 อยู่ระหว่างการทดสอบ และจะเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน AirPods และ Safari ➡️ แอปโซเชียลในปี 2025 ใช้ทรัพยากรมากกว่าเดิม แม้เครื่องจะมีประสิทธิภาพเท่าเดิม ➡️ การอัปเดตช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความเข้ากันได้กับแอปใหม่ ➡️ การไม่อัปเดตอาจทำให้เครื่องเสี่ยงต่อช่องโหว่ความปลอดภัย https://www.slashgear.com/1985799/do-apple-updates-make-your-iphone-slower/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Do Apple Updates Really Make Your iPhone Slower? - SlashGear
    It's a recurring myth that the latest Apple update will make your iPhone slower, but does that turn out to be the case? Here's what the data says.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Signal เปิดตัว Triple Ratchet — ป้องกันแชตจากภัยควอนตัม ด้วย SPQR และการเข้ารหัสแบบผสมผสาน”

    ในยุคที่การสื่อสารส่วนตัวผ่านแอปแชตกลายเป็นเรื่องพื้นฐานของชีวิตประจำวัน ความปลอดภัยของข้อความจึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจละเลย ล่าสุด Signal ได้เปิดตัวการอัปเกรดครั้งสำคัญของโปรโตคอลเข้ารหัสของตนเอง โดยเพิ่มกลไกใหม่ชื่อว่า SPQR (Sparse Post-Quantum Ratchet) เข้ามาเสริมความสามารถของระบบ Double Ratchet เดิม กลายเป็น Triple Ratchet ที่สามารถต้านทานการโจมตีจากคอมพิวเตอร์ควอนตัมในอนาคตได้

    SPQR ถูกออกแบบมาเพื่อเสริมความปลอดภัยในสองด้านหลักคือ Forward Secrecy (FS) และ Post-Compromise Security (PCS) โดยใช้เทคนิคการแลกเปลี่ยนกุญแจแบบใหม่ที่เรียกว่า ML-KEM ซึ่งเป็นมาตรฐานการเข้ารหัสที่ทนทานต่อการถอดรหัสด้วยควอนตัม และสามารถทำงานร่วมกับระบบเดิมได้อย่างราบรื่น

    เพื่อให้การแลกเปลี่ยนกุญแจมีประสิทธิภาพสูงสุด ทีมงาน Signal ได้ออกแบบระบบ state machine ที่สามารถจัดการการส่งข้อมูลขนาดใหญ่แบบ chunk และใช้เทคนิค erasure code เพื่อให้การส่งข้อมูลมีความยืดหยุ่นและทนต่อการสูญหายของข้อความระหว่างทาง

    ที่สำคัญคือ Triple Ratchet ไม่ได้แทนที่ Double Ratchet แต่ใช้ร่วมกัน โดยนำกุญแจจากทั้งสองระบบมาผสมผ่าน Key Derivation Function เพื่อสร้างกุญแจใหม่ที่มีความปลอดภัยแบบผสมผสาน ซึ่งหมายความว่า ผู้โจมตีต้องสามารถเจาะทั้งระบบเดิมและระบบใหม่พร้อมกัน จึงจะสามารถถอดรหัสข้อความได้

    การเปิดตัว SPQR ยังมาพร้อมการออกแบบให้สามารถ “downgrade” ได้ในกรณีที่ผู้ใช้ยังไม่ได้อัปเดตแอป ซึ่งช่วยให้การสื่อสารไม่สะดุด และยังคงปลอดภัยในระดับเดิม จนกว่าการอัปเดตจะครอบคลุมทุกผู้ใช้

    Signal ยังใช้การตรวจสอบความถูกต้องของโค้ดผ่านระบบ formal verification โดยใช้เครื่องมือเช่น ProVerif และ F* เพื่อให้มั่นใจว่าโปรโตคอลใหม่มีความปลอดภัยจริงตามที่ออกแบบ และจะยังคงปลอดภัยแม้มีการอัปเดตในอนาคต

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Signal เปิดตัว Triple Ratchet โดยเพิ่ม SPQR เข้ามาเสริม Double Ratchet
    SPQR ใช้ ML-KEM ซึ่งเป็นมาตรฐานการเข้ารหัสที่ทนต่อควอนตัม
    Triple Ratchet ให้ความปลอดภัยแบบ hybrid โดยผสมกุญแจจากสองระบบ
    ใช้ state machine และ erasure code เพื่อจัดการการส่งข้อมูลขนาดใหญ่
    ระบบสามารถ downgrade ได้หากผู้ใช้ยังไม่รองรับ SPQR
    การตรวจสอบความถูกต้องของโค้ดใช้ formal verification ผ่าน ProVerif และ F*
    SPQR จะถูกนำไปใช้กับทุกข้อความในอนาคตเมื่อการอัปเดตครอบคลุม
    ผู้ใช้ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นเบื้องหลัง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Double Ratchet เป็นระบบที่ให้ FS และ PCS โดยใช้ ECDH และ hash function
    ML-KEM เป็นหนึ่งในมาตรฐานที่ NIST รับรองสำหรับการเข้ารหัสหลังยุคควอนตัม
    Erasure code ช่วยให้สามารถส่งข้อมูลแบบ chunk โดยไม่ต้องเรียงลำดับ
    Formal verification เป็นกระบวนการตรวจสอบความถูกต้องของโปรโตคอลในระดับคณิตศาสตร์
    SPQR ได้รับการพัฒนาโดยร่วมมือกับนักวิจัยจาก PQShield, AIST และ NYU

    https://signal.org/blog/spqr/
    🔐 “Signal เปิดตัว Triple Ratchet — ป้องกันแชตจากภัยควอนตัม ด้วย SPQR และการเข้ารหัสแบบผสมผสาน” ในยุคที่การสื่อสารส่วนตัวผ่านแอปแชตกลายเป็นเรื่องพื้นฐานของชีวิตประจำวัน ความปลอดภัยของข้อความจึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจละเลย ล่าสุด Signal ได้เปิดตัวการอัปเกรดครั้งสำคัญของโปรโตคอลเข้ารหัสของตนเอง โดยเพิ่มกลไกใหม่ชื่อว่า SPQR (Sparse Post-Quantum Ratchet) เข้ามาเสริมความสามารถของระบบ Double Ratchet เดิม กลายเป็น Triple Ratchet ที่สามารถต้านทานการโจมตีจากคอมพิวเตอร์ควอนตัมในอนาคตได้ SPQR ถูกออกแบบมาเพื่อเสริมความปลอดภัยในสองด้านหลักคือ Forward Secrecy (FS) และ Post-Compromise Security (PCS) โดยใช้เทคนิคการแลกเปลี่ยนกุญแจแบบใหม่ที่เรียกว่า ML-KEM ซึ่งเป็นมาตรฐานการเข้ารหัสที่ทนทานต่อการถอดรหัสด้วยควอนตัม และสามารถทำงานร่วมกับระบบเดิมได้อย่างราบรื่น เพื่อให้การแลกเปลี่ยนกุญแจมีประสิทธิภาพสูงสุด ทีมงาน Signal ได้ออกแบบระบบ state machine ที่สามารถจัดการการส่งข้อมูลขนาดใหญ่แบบ chunk และใช้เทคนิค erasure code เพื่อให้การส่งข้อมูลมีความยืดหยุ่นและทนต่อการสูญหายของข้อความระหว่างทาง ที่สำคัญคือ Triple Ratchet ไม่ได้แทนที่ Double Ratchet แต่ใช้ร่วมกัน โดยนำกุญแจจากทั้งสองระบบมาผสมผ่าน Key Derivation Function เพื่อสร้างกุญแจใหม่ที่มีความปลอดภัยแบบผสมผสาน ซึ่งหมายความว่า ผู้โจมตีต้องสามารถเจาะทั้งระบบเดิมและระบบใหม่พร้อมกัน จึงจะสามารถถอดรหัสข้อความได้ การเปิดตัว SPQR ยังมาพร้อมการออกแบบให้สามารถ “downgrade” ได้ในกรณีที่ผู้ใช้ยังไม่ได้อัปเดตแอป ซึ่งช่วยให้การสื่อสารไม่สะดุด และยังคงปลอดภัยในระดับเดิม จนกว่าการอัปเดตจะครอบคลุมทุกผู้ใช้ Signal ยังใช้การตรวจสอบความถูกต้องของโค้ดผ่านระบบ formal verification โดยใช้เครื่องมือเช่น ProVerif และ F* เพื่อให้มั่นใจว่าโปรโตคอลใหม่มีความปลอดภัยจริงตามที่ออกแบบ และจะยังคงปลอดภัยแม้มีการอัปเดตในอนาคต ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Signal เปิดตัว Triple Ratchet โดยเพิ่ม SPQR เข้ามาเสริม Double Ratchet ➡️ SPQR ใช้ ML-KEM ซึ่งเป็นมาตรฐานการเข้ารหัสที่ทนต่อควอนตัม ➡️ Triple Ratchet ให้ความปลอดภัยแบบ hybrid โดยผสมกุญแจจากสองระบบ ➡️ ใช้ state machine และ erasure code เพื่อจัดการการส่งข้อมูลขนาดใหญ่ ➡️ ระบบสามารถ downgrade ได้หากผู้ใช้ยังไม่รองรับ SPQR ➡️ การตรวจสอบความถูกต้องของโค้ดใช้ formal verification ผ่าน ProVerif และ F* ➡️ SPQR จะถูกนำไปใช้กับทุกข้อความในอนาคตเมื่อการอัปเดตครอบคลุม ➡️ ผู้ใช้ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นเบื้องหลัง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Double Ratchet เป็นระบบที่ให้ FS และ PCS โดยใช้ ECDH และ hash function ➡️ ML-KEM เป็นหนึ่งในมาตรฐานที่ NIST รับรองสำหรับการเข้ารหัสหลังยุคควอนตัม ➡️ Erasure code ช่วยให้สามารถส่งข้อมูลแบบ chunk โดยไม่ต้องเรียงลำดับ ➡️ Formal verification เป็นกระบวนการตรวจสอบความถูกต้องของโปรโตคอลในระดับคณิตศาสตร์ ➡️ SPQR ได้รับการพัฒนาโดยร่วมมือกับนักวิจัยจาก PQShield, AIST และ NYU https://signal.org/blog/spqr/
    SIGNAL.ORG
    Signal Protocol and Post-Quantum Ratchets
    We are excited to announce a significant advancement in the security of the Signal Protocol: the introduction of the Sparse Post Quantum Ratchet (SPQR). This new ratchet enhances the Signal Protocol’s resilience against future quantum computing threats while maintaining our existing security guar...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Nvidia อัปเกรดแอปฟรีให้โน้ตบุ๊กเกมมิ่ง — ใช้ AI ยืดอายุแบตเตอรี่ พร้อมปรับจูน WhisperMode อัตโนมัติ”

    Nvidia ประกาศอัปเดตแอปเวอร์ชันใหม่สำหรับผู้ใช้โน้ตบุ๊กที่ใช้ GPU GeForce โดยเพิ่มฟีเจอร์ AI ใหม่ในโครงการ G-Assist ซึ่งเดิมทีใช้กับเดสก์ท็อปเท่านั้น ตอนนี้สามารถควบคุมการตั้งค่าหลักของโน้ตบุ๊กได้โดยตรง เช่น BatteryBoost, WhisperMode และ Optimal Playable Settings เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่และเพิ่มความเงียบขณะใช้งาน

    G-Assist จะปรับแต่งการตั้งค่าเกมและแอปพลิเคชันโดยอัตโนมัติเมื่อใช้งานแบบไม่เสียบปลั๊ก เช่น ลดการใช้พลังงานของ GPU, ปรับความเร็วพัดลมให้เบาลง และเลือกเฟรมเรตที่เหมาะสมเพื่อให้เล่นเกมได้ลื่นไหลโดยไม่กินไฟเกินจำเป็น

    นอกจากนี้ Nvidia ยังเพิ่มการรองรับ DLSS override สำหรับเกมใหม่ ๆ เช่น Borderlands 4, Dying Light: The Beast และ Hell Is Us พร้อมแก้ไขบั๊กที่เคยทำให้การตั้งค่าเกมไม่ทำงานหลังรีบูตเครื่อง และปรับปรุงเสถียรภาพของแอปโดยรวม

    แม้จะเป็นการอัปเดตฟรี แต่ผู้ใช้บางรายยังพบปัญหา เช่น DLSS override ที่รีเซ็ตทุกครั้งหลังเปิดเครื่องใหม่ ซึ่ง Nvidia ยังไม่ได้แก้ไขในเวอร์ชันนี้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Nvidia อัปเดตแอปเวอร์ชัน 11.0.5 เพิ่มฟีเจอร์ AI G-Assist สำหรับโน้ตบุ๊ก
    G-Assist ควบคุม BatteryBoost, WhisperMode และ Optimal Playable Settings ได้
    ปรับแต่งการตั้งค่าเกมอัตโนมัติเมื่อใช้งานแบบไม่เสียบปลั๊ก
    WhisperMode ลดการใช้พลังงาน GPU และความเร็วพัดลมเพื่อความเงียบ
    เพิ่ม DLSS override สำหรับเกมใหม่ เช่น Borderlands 4 และ Dying Light: The Beast
    แก้ไขบั๊กที่ทำให้การตั้งค่าเกมไม่ทำงานหลังรีบูตเครื่อง
    ปรับปรุงเสถียรภาพของแอป Nvidia โดยรวม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    BatteryBoost เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยรักษาเฟรมเรตขณะใช้งานแบตเตอรี่
    DLSS (Deep Learning Super Sampling) ใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกราฟิกโดยไม่ลดคุณภาพ
    WhisperMode ช่วยให้โน้ตบุ๊กทำงานเงียบลงโดยลดการใช้พลังงานของ GPU
    Optimal Playable Settings คือการปรับค่ากราฟิกให้เหมาะกับฮาร์ดแวร์โดยอัตโนมัติ
    G-Assist ใช้โมเดล AI แบบ ChatGPT-style เพื่อสื่อสารและปรับแต่งระบบ

    คำเตือนและข้อจำกัด
    DLSS override ยังมีปัญหารีเซ็ตหลังรีบูตเครื่อง ต้องตั้งค่าซ้ำทุกครั้ง
    G-Assist ยังเป็นฟีเจอร์ pre-release อาจมีข้อผิดพลาดหรือไม่เสถียร
    การปรับแต่งอัตโนมัติอาจไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการควบคุมเองแบบละเอียด
    WhisperMode อาจลดประสิทธิภาพกราฟิกในบางเกมเพื่อแลกกับความเงียบ
    แอป Nvidia ยังไม่รองรับทุกเกมหรือฮาร์ดแวร์อย่างสมบูรณ์

    https://www.techradar.com/computing/gaming-laptops/nvidia-just-delivered-a-major-free-upgrade-for-gaming-laptops-bringing-in-ai-to-extend-battery-life
    ⚙️ “Nvidia อัปเกรดแอปฟรีให้โน้ตบุ๊กเกมมิ่ง — ใช้ AI ยืดอายุแบตเตอรี่ พร้อมปรับจูน WhisperMode อัตโนมัติ” Nvidia ประกาศอัปเดตแอปเวอร์ชันใหม่สำหรับผู้ใช้โน้ตบุ๊กที่ใช้ GPU GeForce โดยเพิ่มฟีเจอร์ AI ใหม่ในโครงการ G-Assist ซึ่งเดิมทีใช้กับเดสก์ท็อปเท่านั้น ตอนนี้สามารถควบคุมการตั้งค่าหลักของโน้ตบุ๊กได้โดยตรง เช่น BatteryBoost, WhisperMode และ Optimal Playable Settings เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่และเพิ่มความเงียบขณะใช้งาน G-Assist จะปรับแต่งการตั้งค่าเกมและแอปพลิเคชันโดยอัตโนมัติเมื่อใช้งานแบบไม่เสียบปลั๊ก เช่น ลดการใช้พลังงานของ GPU, ปรับความเร็วพัดลมให้เบาลง และเลือกเฟรมเรตที่เหมาะสมเพื่อให้เล่นเกมได้ลื่นไหลโดยไม่กินไฟเกินจำเป็น นอกจากนี้ Nvidia ยังเพิ่มการรองรับ DLSS override สำหรับเกมใหม่ ๆ เช่น Borderlands 4, Dying Light: The Beast และ Hell Is Us พร้อมแก้ไขบั๊กที่เคยทำให้การตั้งค่าเกมไม่ทำงานหลังรีบูตเครื่อง และปรับปรุงเสถียรภาพของแอปโดยรวม แม้จะเป็นการอัปเดตฟรี แต่ผู้ใช้บางรายยังพบปัญหา เช่น DLSS override ที่รีเซ็ตทุกครั้งหลังเปิดเครื่องใหม่ ซึ่ง Nvidia ยังไม่ได้แก้ไขในเวอร์ชันนี้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Nvidia อัปเดตแอปเวอร์ชัน 11.0.5 เพิ่มฟีเจอร์ AI G-Assist สำหรับโน้ตบุ๊ก ➡️ G-Assist ควบคุม BatteryBoost, WhisperMode และ Optimal Playable Settings ได้ ➡️ ปรับแต่งการตั้งค่าเกมอัตโนมัติเมื่อใช้งานแบบไม่เสียบปลั๊ก ➡️ WhisperMode ลดการใช้พลังงาน GPU และความเร็วพัดลมเพื่อความเงียบ ➡️ เพิ่ม DLSS override สำหรับเกมใหม่ เช่น Borderlands 4 และ Dying Light: The Beast ➡️ แก้ไขบั๊กที่ทำให้การตั้งค่าเกมไม่ทำงานหลังรีบูตเครื่อง ➡️ ปรับปรุงเสถียรภาพของแอป Nvidia โดยรวม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ BatteryBoost เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยรักษาเฟรมเรตขณะใช้งานแบตเตอรี่ ➡️ DLSS (Deep Learning Super Sampling) ใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกราฟิกโดยไม่ลดคุณภาพ ➡️ WhisperMode ช่วยให้โน้ตบุ๊กทำงานเงียบลงโดยลดการใช้พลังงานของ GPU ➡️ Optimal Playable Settings คือการปรับค่ากราฟิกให้เหมาะกับฮาร์ดแวร์โดยอัตโนมัติ ➡️ G-Assist ใช้โมเดล AI แบบ ChatGPT-style เพื่อสื่อสารและปรับแต่งระบบ ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ DLSS override ยังมีปัญหารีเซ็ตหลังรีบูตเครื่อง ต้องตั้งค่าซ้ำทุกครั้ง ⛔ G-Assist ยังเป็นฟีเจอร์ pre-release อาจมีข้อผิดพลาดหรือไม่เสถียร ⛔ การปรับแต่งอัตโนมัติอาจไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการควบคุมเองแบบละเอียด ⛔ WhisperMode อาจลดประสิทธิภาพกราฟิกในบางเกมเพื่อแลกกับความเงียบ ⛔ แอป Nvidia ยังไม่รองรับทุกเกมหรือฮาร์ดแวร์อย่างสมบูรณ์ https://www.techradar.com/computing/gaming-laptops/nvidia-just-delivered-a-major-free-upgrade-for-gaming-laptops-bringing-in-ai-to-extend-battery-life
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • Tails 7.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ — ระบบปฏิบัติการลินุกซ์นิรนามที่เร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น และใช้ GNOME 48 เต็มรูปแบบ

    Tails 7.0 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยเป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ของระบบปฏิบัติการแบบพกพา (Live OS) ที่เน้นความเป็นส่วนตัวและการต่อต้านการเซ็นเซอร์ โดยเวอร์ชันนี้ใช้พื้นฐานจาก Debian 13 “Trixie” และมาพร้อมกับ Linux Kernel 6.12 LTS ซึ่งรองรับฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ได้ดีขึ้น

    หนึ่งในจุดเด่นของ Tails 7.0 คือการเปลี่ยนแปลงด้านประสิทธิภาพ โดยปรับอัลกอริธึมการบีบอัดไฟล์จาก xz เป็น zstd ทำให้ระบบบูตเร็วขึ้น 10–15 วินาทีบนคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ แม้จะทำให้ขนาดไฟล์ ISO ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าคุ้มค่า อย่างไรก็ตาม หากใช้แฟลชไดรฟ์คุณภาพต่ำ อาจทำให้บูตช้าลงถึง 20 วินาที

    ในด้านอินเทอร์เฟซ Tails 7.0 ใช้ GNOME 48 เป็นเดสก์ท็อปหลัก พร้อมเปลี่ยนแอปเริ่มต้นหลายตัว เช่น GNOME Console แทน GNOME Terminal และ GNOME Loupe แทน GNOME Image Viewer นอกจากนี้ยังมีการอัปเดตแอปสำคัญ เช่น Tor Browser 14.5.7, Thunderbird 128.14 ESR, GIMP 3.0.4, Inkscape 1.4 และ KeePassXC 2.7.10

    มีการลบฟีเจอร์ที่ล้าสมัยออก เช่น เมนู Places และ Network Connection จากหน้าต้อนรับ รวมถึงแพ็กเกจบางตัวที่ไม่จำเป็น เช่น aircrack-ng, unar และ sq เพื่อให้ระบบเบาและปลอดภัยขึ้น

    Tails 7.0 ยังเพิ่มข้อกำหนด RAM จาก 2 GB เป็น 3 GB เพื่อให้ใช้งานได้ลื่นไหล และจะแสดงแจ้งเตือนหากเครื่องไม่ตรงตามสเปก นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขบั๊กเกี่ยวกับการเลือกคีย์บอร์ดสำหรับบางภาษา และอุทิศเวอร์ชันนี้ให้กับ Lunar (Jérémy Bobbio) ผู้ร่วมก่อตั้งและนักพัฒนาอิสระที่มีบทบาทสำคัญในโครงการ Tails และ Tor

    Tails 7.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
    ใช้พื้นฐานจาก Debian 13 “Trixie” และ Linux Kernel 6.12 LTS
    มุ่งเน้นความเป็นส่วนตัวและการต่อต้านการเซ็นเซอร์

    ปรับปรุงประสิทธิภาพการบูต
    เปลี่ยนการบีบอัดจาก xz เป็น zstd ทำให้บูตเร็วขึ้น 10–15 วินาที
    ขนาดไฟล์ ISO ใหญ่ขึ้น ~10% แต่คุ้มค่ากับความเร็วที่เพิ่มขึ้น

    ใช้ GNOME 48 เป็นเดสก์ท็อปหลัก
    เปลี่ยน GNOME Terminal เป็น GNOME Console
    เปลี่ยน GNOME Image Viewer เป็น GNOME Loupe

    อัปเดตแอปสำคัญหลายตัว
    Tor Browser 14.5.7, Thunderbird 128.14 ESR, GIMP 3.0.4
    KeePassXC 2.7.10, OnionShare 2.6.3, Electrum 4.5.8

    ลบฟีเจอร์และแพ็กเกจที่ไม่จำเป็น
    ลบเมนู Places และ Network Connection จากหน้าต้อนรับ
    ลบ aircrack-ng, unar และ sq จาก ISO

    เพิ่มข้อกำหนด RAM เป็น 3 GB
    แสดงแจ้งเตือนหากเครื่องมี RAM ไม่เพียงพอ
    เพื่อให้ประสบการณ์ใช้งานลื่นไหลและเสถียร

    อุทิศเวอร์ชันนี้ให้กับ Lunar (Jérémy Bobbio)
    ผู้ร่วมก่อตั้ง Tails และนักพัฒนาในโครงการ Tor
    มีบทบาทสำคัญในด้านเทคนิคและการออกแบบผลิตภัณฑ์

    คำเตือนเกี่ยวกับการใช้งาน Tails 7.0
    หากใช้แฟลชไดรฟ์คุณภาพต่ำ อาจทำให้บูตช้าลงถึง 20 วินาที
    เครื่องที่มี RAM ต่ำกว่า 3 GB จะได้รับแจ้งเตือนและอาจใช้งานไม่ลื่น
    การลบแพ็กเกจบางตัวอาจกระทบผู้ใช้ที่เคยใช้ฟีเจอร์เฉพาะทาง
    การเปลี่ยนแอปเริ่มต้นอาจทำให้ผู้ใช้เดิมต้องปรับตัวใหม่

    https://9to5linux.com/tails-7-0-anonymous-linux-os-released-based-on-debian-13-trixie
    📰 Tails 7.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ — ระบบปฏิบัติการลินุกซ์นิรนามที่เร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น และใช้ GNOME 48 เต็มรูปแบบ Tails 7.0 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยเป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ของระบบปฏิบัติการแบบพกพา (Live OS) ที่เน้นความเป็นส่วนตัวและการต่อต้านการเซ็นเซอร์ โดยเวอร์ชันนี้ใช้พื้นฐานจาก Debian 13 “Trixie” และมาพร้อมกับ Linux Kernel 6.12 LTS ซึ่งรองรับฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ได้ดีขึ้น หนึ่งในจุดเด่นของ Tails 7.0 คือการเปลี่ยนแปลงด้านประสิทธิภาพ โดยปรับอัลกอริธึมการบีบอัดไฟล์จาก xz เป็น zstd ทำให้ระบบบูตเร็วขึ้น 10–15 วินาทีบนคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ แม้จะทำให้ขนาดไฟล์ ISO ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าคุ้มค่า อย่างไรก็ตาม หากใช้แฟลชไดรฟ์คุณภาพต่ำ อาจทำให้บูตช้าลงถึง 20 วินาที ในด้านอินเทอร์เฟซ Tails 7.0 ใช้ GNOME 48 เป็นเดสก์ท็อปหลัก พร้อมเปลี่ยนแอปเริ่มต้นหลายตัว เช่น GNOME Console แทน GNOME Terminal และ GNOME Loupe แทน GNOME Image Viewer นอกจากนี้ยังมีการอัปเดตแอปสำคัญ เช่น Tor Browser 14.5.7, Thunderbird 128.14 ESR, GIMP 3.0.4, Inkscape 1.4 และ KeePassXC 2.7.10 มีการลบฟีเจอร์ที่ล้าสมัยออก เช่น เมนู Places และ Network Connection จากหน้าต้อนรับ รวมถึงแพ็กเกจบางตัวที่ไม่จำเป็น เช่น aircrack-ng, unar และ sq เพื่อให้ระบบเบาและปลอดภัยขึ้น Tails 7.0 ยังเพิ่มข้อกำหนด RAM จาก 2 GB เป็น 3 GB เพื่อให้ใช้งานได้ลื่นไหล และจะแสดงแจ้งเตือนหากเครื่องไม่ตรงตามสเปก นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขบั๊กเกี่ยวกับการเลือกคีย์บอร์ดสำหรับบางภาษา และอุทิศเวอร์ชันนี้ให้กับ Lunar (Jérémy Bobbio) ผู้ร่วมก่อตั้งและนักพัฒนาอิสระที่มีบทบาทสำคัญในโครงการ Tails และ Tor ✅ Tails 7.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ➡️ ใช้พื้นฐานจาก Debian 13 “Trixie” และ Linux Kernel 6.12 LTS ➡️ มุ่งเน้นความเป็นส่วนตัวและการต่อต้านการเซ็นเซอร์ ✅ ปรับปรุงประสิทธิภาพการบูต ➡️ เปลี่ยนการบีบอัดจาก xz เป็น zstd ทำให้บูตเร็วขึ้น 10–15 วินาที ➡️ ขนาดไฟล์ ISO ใหญ่ขึ้น ~10% แต่คุ้มค่ากับความเร็วที่เพิ่มขึ้น ✅ ใช้ GNOME 48 เป็นเดสก์ท็อปหลัก ➡️ เปลี่ยน GNOME Terminal เป็น GNOME Console ➡️ เปลี่ยน GNOME Image Viewer เป็น GNOME Loupe ✅ อัปเดตแอปสำคัญหลายตัว ➡️ Tor Browser 14.5.7, Thunderbird 128.14 ESR, GIMP 3.0.4 ➡️ KeePassXC 2.7.10, OnionShare 2.6.3, Electrum 4.5.8 ✅ ลบฟีเจอร์และแพ็กเกจที่ไม่จำเป็น ➡️ ลบเมนู Places และ Network Connection จากหน้าต้อนรับ ➡️ ลบ aircrack-ng, unar และ sq จาก ISO ✅ เพิ่มข้อกำหนด RAM เป็น 3 GB ➡️ แสดงแจ้งเตือนหากเครื่องมี RAM ไม่เพียงพอ ➡️ เพื่อให้ประสบการณ์ใช้งานลื่นไหลและเสถียร ✅ อุทิศเวอร์ชันนี้ให้กับ Lunar (Jérémy Bobbio) ➡️ ผู้ร่วมก่อตั้ง Tails และนักพัฒนาในโครงการ Tor ➡️ มีบทบาทสำคัญในด้านเทคนิคและการออกแบบผลิตภัณฑ์ ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการใช้งาน Tails 7.0 ⛔ หากใช้แฟลชไดรฟ์คุณภาพต่ำ อาจทำให้บูตช้าลงถึง 20 วินาที ⛔ เครื่องที่มี RAM ต่ำกว่า 3 GB จะได้รับแจ้งเตือนและอาจใช้งานไม่ลื่น ⛔ การลบแพ็กเกจบางตัวอาจกระทบผู้ใช้ที่เคยใช้ฟีเจอร์เฉพาะทาง ⛔ การเปลี่ยนแอปเริ่มต้นอาจทำให้ผู้ใช้เดิมต้องปรับตัวใหม่ https://9to5linux.com/tails-7-0-anonymous-linux-os-released-based-on-debian-13-trixie
    9TO5LINUX.COM
    Tails 7.0 Anonymous Linux OS Officially Released, Based on Debian 13 “Trixie” - 9to5Linux
    Tails 7.0 anonymous Linux OS is now available for download based on Debian 13 “Trixie” and featuring the GNOME 48 desktop environment.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประกาศสำคัญ: แจ้งเตือนการอัปเดตแอปพลิเคชัน

    แอป Thaitimes จะมีการอัปเดตเวอร์ชันใหม่ในวันที่ 15 กันยายน 2568 หรือหลังจากนั้น

    หลังจากผู้ใช้งานอัปเดตแอปแล้ว
    ระบบจะให้ทำการ Sign in (ล็อกอิน) ใหม่อีกครั้ง

    นี่เป็นกระบวนการปกติจากการปรับโครงสร้างภายในแอป (App) เพื่อเพิ่มความเสถียรและรองรับระบบใหม่ ข้อมูลเดิมของผู้ใช้งานจะไม่หาย และยังคงอยู่ครบถ้วน

    หากท่านพบว่าเข้าใช้งานไม่ได้ หรือต้องการคำแนะนำ สามารถติดต่อทีมงานได้ทาง
    LINE: @sondhitalk

    ทีมงานพร้อมดูแลและให้ความช่วยเหลือทุกท่านครับ
    ขออภัยในความไม่สะดวก และขอบพระคุณที่ใช้งานแอป Thaitimes มาโดยตลอด


    Important Announcement: App Update Notification

    The Thaitimes app will be updated on 15th September 2025 or shortly after.
    Once the new version is installed,
    users will be required to sign in again.

    This is a normal process due to internal structural changes
    to improve system stability and support new features.
    All your existing data and account details will remain safe and unchanged.

    If you’re unable to sign in or need any assistance,
    please feel free to contact our support team via
    LINE: @sondhitalk

    We’re here to help.
    Thank you for your understanding and continued support.
    📢 ประกาศสำคัญ: แจ้งเตือนการอัปเดตแอปพลิเคชัน แอป Thaitimes จะมีการอัปเดตเวอร์ชันใหม่ในวันที่ 15 กันยายน 2568 หรือหลังจากนั้น หลังจากผู้ใช้งานอัปเดตแอปแล้ว ระบบจะให้ทำการ Sign in (ล็อกอิน) ใหม่อีกครั้ง นี่เป็นกระบวนการปกติจากการปรับโครงสร้างภายในแอป (App) เพื่อเพิ่มความเสถียรและรองรับระบบใหม่ ข้อมูลเดิมของผู้ใช้งานจะไม่หาย และยังคงอยู่ครบถ้วน หากท่านพบว่าเข้าใช้งานไม่ได้ หรือต้องการคำแนะนำ สามารถติดต่อทีมงานได้ทาง LINE: @sondhitalk ทีมงานพร้อมดูแลและให้ความช่วยเหลือทุกท่านครับ ขออภัยในความไม่สะดวก และขอบพระคุณที่ใช้งานแอป Thaitimes มาโดยตลอด 📢 Important Announcement: App Update Notification The Thaitimes app will be updated on 15th September 2025 or shortly after. Once the new version is installed, users will be required to sign in again. This is a normal process due to internal structural changes to improve system stability and support new features. All your existing data and account details will remain safe and unchanged. If you’re unable to sign in or need any assistance, please feel free to contact our support team via LINE: @sondhitalk We’re here to help. Thank you for your understanding and continued support.
    Like
    Love
    10
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1298 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก Zara: เมื่อ Linux Mint กลายเป็นระบบปฏิบัติการที่ “รู้จักคุณ” มากขึ้น

    Linux Mint 22.2 รหัสชื่อ “Zara” เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยเป็นเวอร์ชัน Long-Term Support (LTS) ที่จะได้รับอัปเดตจนถึงปี 2029 และสร้างบนฐานของ Ubuntu 24.04 พร้อม Linux Kernel 6.14 จุดเด่นของเวอร์ชันนี้ไม่ใช่แค่ความเสถียร แต่คือการเพิ่มฟีเจอร์ที่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่า “ระบบเข้าใจเรา” มากขึ้น

    ฟีเจอร์ใหม่ที่โดดเด่นคือ Fingwit—แอปสำหรับจัดการการยืนยันตัวตนด้วยลายนิ้วมือแบบเนทีฟ ซึ่งสามารถใช้ปลดล็อกหน้าจอ, ยืนยันคำสั่ง sudo, และเปิดแอป admin ได้โดยไม่ต้องพึ่งเครื่องมือภายนอกอีกต่อไป

    อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือ Sticky Notes ที่ไม่ใช่แค่แอปโพสต์อิทธรรมดา แต่สามารถซิงก์กับแอป Android ชื่อ StyncyNotes ได้ ทำให้คุณสามารถเขียนโน้ตบนคอมแล้วเปิดดูบนมือถือได้ทันที และยังรองรับ Wayland ซึ่งเป็นโปรโตคอลแสดงผลรุ่นใหม่ที่มาแทน X11

    นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงหน้าจอล็อกอินให้ดูทันสมัยขึ้นด้วย blur effect และ user avatar, อัปเดตแอป Hypnotix สำหรับดู IPTV ให้มี Theater Mode และ Borderless Mode, และปรับปรุง Software Manager ให้เข้าใจง่ายขึ้น โดยเพิ่มคำอธิบายระหว่าง Flatpak กับ system packages

    เวอร์ชันและฐานระบบของ Linux Mint 22.2 Zara
    เป็นเวอร์ชัน LTS ที่จะได้รับอัปเดตจนถึงปี 2029
    สร้างบน Ubuntu 24.04 และใช้ Linux Kernel 6.14

    Fingwit: ระบบลายนิ้วมือแบบเนทีฟ
    ใช้ยืนยันตัวตนสำหรับ login, screensaver, sudo, และ pkexec
    ไม่ต้องติดตั้งเครื่องมือภายนอกอีกต่อไป
    UI เรียบง่ายและใช้งานสะดวก

    Sticky Notes และการซิงก์กับมือถือ
    รองรับ Wayland และมีมุมโค้งที่ดูทันสมัย
    ซิงก์กับแอป Android ชื่อ StyncyNotes ผ่าน D-Bus
    เขียนโน้ตบนคอมแล้วเปิดดูบนมือถือได้ทันที

    การปรับปรุงหน้าจอและแอปอื่น ๆ
    หน้าจอล็อกอินมี blur effect และ user avatar
    Hypnotix เพิ่ม Theater Mode และ Borderless Mode
    Software Manager อธิบายความต่างระหว่าง Flatpak กับ system packages

    การอัปเดตและการติดตั้ง
    อัปเดตจาก Mint 22 หรือ 22.1 ได้ง่ายผ่าน Update Manager
    มีให้เลือก 3 desktop environment: Cinnamon 6.4, Xfce 4.18, MATE 1.26

    https://www.tomshardware.com/software/linux/linux-mint-22-2-zara-released-with-native-fingerprint-support-also-has-a-new-syncing-sticky-note-system
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Zara: เมื่อ Linux Mint กลายเป็นระบบปฏิบัติการที่ “รู้จักคุณ” มากขึ้น Linux Mint 22.2 รหัสชื่อ “Zara” เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยเป็นเวอร์ชัน Long-Term Support (LTS) ที่จะได้รับอัปเดตจนถึงปี 2029 และสร้างบนฐานของ Ubuntu 24.04 พร้อม Linux Kernel 6.14 จุดเด่นของเวอร์ชันนี้ไม่ใช่แค่ความเสถียร แต่คือการเพิ่มฟีเจอร์ที่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่า “ระบบเข้าใจเรา” มากขึ้น ฟีเจอร์ใหม่ที่โดดเด่นคือ Fingwit—แอปสำหรับจัดการการยืนยันตัวตนด้วยลายนิ้วมือแบบเนทีฟ ซึ่งสามารถใช้ปลดล็อกหน้าจอ, ยืนยันคำสั่ง sudo, และเปิดแอป admin ได้โดยไม่ต้องพึ่งเครื่องมือภายนอกอีกต่อไป อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือ Sticky Notes ที่ไม่ใช่แค่แอปโพสต์อิทธรรมดา แต่สามารถซิงก์กับแอป Android ชื่อ StyncyNotes ได้ ทำให้คุณสามารถเขียนโน้ตบนคอมแล้วเปิดดูบนมือถือได้ทันที และยังรองรับ Wayland ซึ่งเป็นโปรโตคอลแสดงผลรุ่นใหม่ที่มาแทน X11 นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงหน้าจอล็อกอินให้ดูทันสมัยขึ้นด้วย blur effect และ user avatar, อัปเดตแอป Hypnotix สำหรับดู IPTV ให้มี Theater Mode และ Borderless Mode, และปรับปรุง Software Manager ให้เข้าใจง่ายขึ้น โดยเพิ่มคำอธิบายระหว่าง Flatpak กับ system packages ✅ เวอร์ชันและฐานระบบของ Linux Mint 22.2 Zara ➡️ เป็นเวอร์ชัน LTS ที่จะได้รับอัปเดตจนถึงปี 2029 ➡️ สร้างบน Ubuntu 24.04 และใช้ Linux Kernel 6.14 ✅ Fingwit: ระบบลายนิ้วมือแบบเนทีฟ ➡️ ใช้ยืนยันตัวตนสำหรับ login, screensaver, sudo, และ pkexec ➡️ ไม่ต้องติดตั้งเครื่องมือภายนอกอีกต่อไป ➡️ UI เรียบง่ายและใช้งานสะดวก ✅ Sticky Notes และการซิงก์กับมือถือ ➡️ รองรับ Wayland และมีมุมโค้งที่ดูทันสมัย ➡️ ซิงก์กับแอป Android ชื่อ StyncyNotes ผ่าน D-Bus ➡️ เขียนโน้ตบนคอมแล้วเปิดดูบนมือถือได้ทันที ✅ การปรับปรุงหน้าจอและแอปอื่น ๆ ➡️ หน้าจอล็อกอินมี blur effect และ user avatar ➡️ Hypnotix เพิ่ม Theater Mode และ Borderless Mode ➡️ Software Manager อธิบายความต่างระหว่าง Flatpak กับ system packages ✅ การอัปเดตและการติดตั้ง ➡️ อัปเดตจาก Mint 22 หรือ 22.1 ได้ง่ายผ่าน Update Manager ➡️ มีให้เลือก 3 desktop environment: Cinnamon 6.4, Xfce 4.18, MATE 1.26 https://www.tomshardware.com/software/linux/linux-mint-22-2-zara-released-with-native-fingerprint-support-also-has-a-new-syncing-sticky-note-system
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft เปิดทางให้เกมเมอร์สาย Arm ได้เล่นเกม Xbox แบบติดตั้งจริง

    ก่อนหน้านี้ ถ้าใครใช้คอมพิวเตอร์ที่ใช้ชิป Arm เช่น Snapdragon X Elite หรือ Surface Laptop 7 แล้วอยากเล่นเกม Xbox บน Windows 11 ก็ต้องพึ่งพา “Xbox Cloud Gaming” เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าต้องมีอินเทอร์เน็ตแรง ๆ และไม่สามารถเล่นแบบออฟไลน์ได้เลย

    แต่ตอนนี้ Microsoft ได้ปล่อยอัปเดตใหม่ให้กับแอป Xbox บน Windows 11 ที่ใช้ชิป Arm โดยเปิดให้ “ดาวน์โหลดเกมและเล่นแบบ native” ได้แล้ว!

    ฟีเจอร์นี้ยังอยู่ในช่วงทดสอบสำหรับผู้ที่เข้าร่วมโปรแกรม Windows Insider และ Xbox Insider เท่านั้น โดยต้องอัปเดตแอป Xbox PC เป็นเวอร์ชัน 2508.1001.27.0 ขึ้นไป

    การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ เพราะมันเป็นสัญญาณว่า Microsoft กำลังเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในฮาร์ดแวร์ โดยเฉพาะการมาของชิป Arm จาก Nvidia ที่ร่วมมือกับ MediaTek ซึ่งมีข่าวลือว่าจะเปิดตัวในปี 2025–2026 พร้อม GPU ระดับ RTX 5070!

    นอกจากนี้ Microsoft ยังร่วมมือกับ Epic Games เพื่อให้ระบบ Easy Anti-Cheat รองรับ Arm แล้ว ทำให้เกมออนไลน์หลายเกม เช่น Fortnite หรือ DOTA 2 สามารถเล่นได้บนเครื่อง Arm โดยไม่โดนบล็อกจากระบบป้องกันโกง

    แม้ว่า Arm จะยังไม่แรงเท่า x86 จาก Intel หรือ AMD แต่การพัฒนาเหล่านี้กำลังเปลี่ยนภาพของ “เกมเมอร์สายประหยัดพลังงาน” ให้กลายเป็นกลุ่มที่น่าจับตามองในอนาคต

    Microsoft เปิดให้เล่นเกม Xbox แบบ native บน Windows 11 ที่ใช้ชิป Arm
    ต้องเข้าร่วมโปรแกรม Windows Insider และ Xbox Insider
    ใช้แอป Xbox PC เวอร์ชัน 2508.1001.27.0 ขึ้นไป
    สามารถดาวน์โหลดเกมจาก Game Pass และเล่นแบบออฟไลน์ได้

    ความร่วมมือระหว่าง Windows และ Xbox เพื่อขยายเกมที่รองรับ
    Microsoft กำลังพัฒนาให้เกมใน Game Pass เล่นได้บน Arm มากขึ้น
    มีการปรับปรุงระบบเพื่อรองรับ anti-cheat บน Arm เช่น Easy Anti-Cheat

    การมาของชิป Arm จาก Nvidia อาจเปลี่ยนเกมในตลาด PC
    Nvidia ร่วมมือกับ MediaTek พัฒนาชิป N1X และ N1 สำหรับ Windows
    N1X อาจมี GPU ระดับ Blackwell เทียบเท่า RTX 5070
    คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2025 ถึงต้นปี 2026

    https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/microsoft-brings-native-xbox-app-gaming-to-windows-on-arm-pcs-hints-at-bigger-hardware-shift-ahead
    🎮 Microsoft เปิดทางให้เกมเมอร์สาย Arm ได้เล่นเกม Xbox แบบติดตั้งจริง ก่อนหน้านี้ ถ้าใครใช้คอมพิวเตอร์ที่ใช้ชิป Arm เช่น Snapdragon X Elite หรือ Surface Laptop 7 แล้วอยากเล่นเกม Xbox บน Windows 11 ก็ต้องพึ่งพา “Xbox Cloud Gaming” เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าต้องมีอินเทอร์เน็ตแรง ๆ และไม่สามารถเล่นแบบออฟไลน์ได้เลย แต่ตอนนี้ Microsoft ได้ปล่อยอัปเดตใหม่ให้กับแอป Xbox บน Windows 11 ที่ใช้ชิป Arm โดยเปิดให้ “ดาวน์โหลดเกมและเล่นแบบ native” ได้แล้ว! 🎉 ฟีเจอร์นี้ยังอยู่ในช่วงทดสอบสำหรับผู้ที่เข้าร่วมโปรแกรม Windows Insider และ Xbox Insider เท่านั้น โดยต้องอัปเดตแอป Xbox PC เป็นเวอร์ชัน 2508.1001.27.0 ขึ้นไป การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ เพราะมันเป็นสัญญาณว่า Microsoft กำลังเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในฮาร์ดแวร์ โดยเฉพาะการมาของชิป Arm จาก Nvidia ที่ร่วมมือกับ MediaTek ซึ่งมีข่าวลือว่าจะเปิดตัวในปี 2025–2026 พร้อม GPU ระดับ RTX 5070! นอกจากนี้ Microsoft ยังร่วมมือกับ Epic Games เพื่อให้ระบบ Easy Anti-Cheat รองรับ Arm แล้ว ทำให้เกมออนไลน์หลายเกม เช่น Fortnite หรือ DOTA 2 สามารถเล่นได้บนเครื่อง Arm โดยไม่โดนบล็อกจากระบบป้องกันโกง แม้ว่า Arm จะยังไม่แรงเท่า x86 จาก Intel หรือ AMD แต่การพัฒนาเหล่านี้กำลังเปลี่ยนภาพของ “เกมเมอร์สายประหยัดพลังงาน” ให้กลายเป็นกลุ่มที่น่าจับตามองในอนาคต ✅ Microsoft เปิดให้เล่นเกม Xbox แบบ native บน Windows 11 ที่ใช้ชิป Arm ➡️ ต้องเข้าร่วมโปรแกรม Windows Insider และ Xbox Insider ➡️ ใช้แอป Xbox PC เวอร์ชัน 2508.1001.27.0 ขึ้นไป ➡️ สามารถดาวน์โหลดเกมจาก Game Pass และเล่นแบบออฟไลน์ได้ ✅ ความร่วมมือระหว่าง Windows และ Xbox เพื่อขยายเกมที่รองรับ ➡️ Microsoft กำลังพัฒนาให้เกมใน Game Pass เล่นได้บน Arm มากขึ้น ➡️ มีการปรับปรุงระบบเพื่อรองรับ anti-cheat บน Arm เช่น Easy Anti-Cheat ✅ การมาของชิป Arm จาก Nvidia อาจเปลี่ยนเกมในตลาด PC ➡️ Nvidia ร่วมมือกับ MediaTek พัฒนาชิป N1X และ N1 สำหรับ Windows ➡️ N1X อาจมี GPU ระดับ Blackwell เทียบเท่า RTX 5070 ➡️ คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2025 ถึงต้นปี 2026 https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/microsoft-brings-native-xbox-app-gaming-to-windows-on-arm-pcs-hints-at-bigger-hardware-shift-ahead
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ปรับปรุงช่องทางอัปเดตแอปใน Microsoft 365
    Microsoft ได้ประกาศ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เกี่ยวกับช่องทางอัปเดตแอปใน Microsoft 365 (M365) ซึ่งจะมีผลตั้งแต่ กรกฎาคม 2025 โดยมีการ ลดระยะเวลาการสนับสนุนของบางช่องทาง และขยายการรองรับของช่องทางอื่น

    ปัจจุบัน Microsoft มี 4 ช่องทางหลัก สำหรับการอัปเดตแอปใน M365 ได้แก่
    - Current Channel – ได้รับอัปเดตเร็วที่สุด
    - Monthly Enterprise Channel – อัปเดตทุกเดือน
    - Semi-Annual Enterprise Channel (Preview) – รุ่นทดลองก่อนอัปเดตจริง
    - Semi-Annual Enterprise Channel – อัปเดตทุก 6 เดือน

    Microsoft ได้ประกาศว่า จะยกเลิก Semi-Annual Enterprise Channel (Preview) และ ลดระยะเวลาการสนับสนุนของ Semi-Annual Enterprise Channel จาก 14 เดือนเหลือ 8 เดือน

    ในทางกลับกัน Monthly Enterprise Channel จะได้รับการขยายระยะเวลาการรองรับจาก 1 เดือนเป็น 2 เดือน

    ข้อมูลจากข่าว
    - Microsoft จะยกเลิก Semi-Annual Enterprise Channel (Preview) ตั้งแต่กรกฎาคม 2025
    - Semi-Annual Enterprise Channel จะลดระยะเวลาการสนับสนุนจาก 14 เดือนเหลือ 8 เดือน
    - Monthly Enterprise Channel จะได้รับการขยายระยะเวลาการรองรับจาก 1 เดือนเป็น 2 เดือน
    - Microsoft แนะนำให้องค์กรที่ใช้ Semi-Annual Enterprise Channel ย้ายไปใช้ Monthly Enterprise Channel หรือ Current Channel
    - การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลต่ออุปกรณ์ที่ไม่ได้รับการดูแลโดยผู้ใช้ (Unattended Devices)

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - องค์กรที่ใช้ Semi-Annual Enterprise Channel ต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง
    - การลดระยะเวลาการสนับสนุนอาจทำให้บางองค์กรต้องอัปเดตบ่อยขึ้น
    - ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อความเสถียรของแอป M365 อย่างไร
    - Microsoft อาจมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมเกี่ยวกับช่องทางอัปเดตในอนาคต

    การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ องค์กรสามารถเลือกช่องทางอัปเดตที่เหมาะสมกับการใช้งานของตนเอง อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการลดระยะเวลาการสนับสนุนจะส่งผลต่อการบริหารจัดการแอปในองค์กรอย่างไร

    https://www.neowin.net/news/microsoft-365-getting-major-change-to-how-app-updates-will-be-released/
    🔄 Microsoft ปรับปรุงช่องทางอัปเดตแอปใน Microsoft 365 Microsoft ได้ประกาศ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เกี่ยวกับช่องทางอัปเดตแอปใน Microsoft 365 (M365) ซึ่งจะมีผลตั้งแต่ กรกฎาคม 2025 โดยมีการ ลดระยะเวลาการสนับสนุนของบางช่องทาง และขยายการรองรับของช่องทางอื่น ปัจจุบัน Microsoft มี 4 ช่องทางหลัก สำหรับการอัปเดตแอปใน M365 ได้แก่ - Current Channel – ได้รับอัปเดตเร็วที่สุด - Monthly Enterprise Channel – อัปเดตทุกเดือน - Semi-Annual Enterprise Channel (Preview) – รุ่นทดลองก่อนอัปเดตจริง - Semi-Annual Enterprise Channel – อัปเดตทุก 6 เดือน Microsoft ได้ประกาศว่า จะยกเลิก Semi-Annual Enterprise Channel (Preview) และ ลดระยะเวลาการสนับสนุนของ Semi-Annual Enterprise Channel จาก 14 เดือนเหลือ 8 เดือน ในทางกลับกัน Monthly Enterprise Channel จะได้รับการขยายระยะเวลาการรองรับจาก 1 เดือนเป็น 2 เดือน ✅ ข้อมูลจากข่าว - Microsoft จะยกเลิก Semi-Annual Enterprise Channel (Preview) ตั้งแต่กรกฎาคม 2025 - Semi-Annual Enterprise Channel จะลดระยะเวลาการสนับสนุนจาก 14 เดือนเหลือ 8 เดือน - Monthly Enterprise Channel จะได้รับการขยายระยะเวลาการรองรับจาก 1 เดือนเป็น 2 เดือน - Microsoft แนะนำให้องค์กรที่ใช้ Semi-Annual Enterprise Channel ย้ายไปใช้ Monthly Enterprise Channel หรือ Current Channel - การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลต่ออุปกรณ์ที่ไม่ได้รับการดูแลโดยผู้ใช้ (Unattended Devices) ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - องค์กรที่ใช้ Semi-Annual Enterprise Channel ต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง - การลดระยะเวลาการสนับสนุนอาจทำให้บางองค์กรต้องอัปเดตบ่อยขึ้น - ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อความเสถียรของแอป M365 อย่างไร - Microsoft อาจมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมเกี่ยวกับช่องทางอัปเดตในอนาคต การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ องค์กรสามารถเลือกช่องทางอัปเดตที่เหมาะสมกับการใช้งานของตนเอง อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการลดระยะเวลาการสนับสนุนจะส่งผลต่อการบริหารจัดการแอปในองค์กรอย่างไร https://www.neowin.net/news/microsoft-365-getting-major-change-to-how-app-updates-will-be-released/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft 365 getting "major change" to how app updates will be released
    Microsoft has confirmed that update releases for its Microsoft 365 apps are getting a "major change" very soon.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 278 มุมมอง 0 รีวิว
  • Windows Update Orchestration Platform: ระบบอัปเดตแอปทั้งหมดจากที่เดียว
    Microsoft เปิดตัว Windows Update Orchestration Platform ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถ อัปเดตแอปทั้งหมดจากที่เดียว แทนที่จะต้องจัดการอัปเดตแยกกัน

    Windows Update ปกติจะอัปเดตเฉพาะ ส่วนประกอบของระบบปฏิบัติการ แต่แอปของ Microsoft และแอปของบุคคลที่สามยังต้องจัดการอัปเดตแยกกัน

    แพลตฟอร์มใหม่นี้ช่วยให้ นักพัฒนาและผู้ดูแลระบบ IT สามารถจัดการอัปเดตแอปได้ง่ายขึ้น ลดปัญหา CPU และแบนด์วิดท์ที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึง ลดต้นทุนการสนับสนุน

    ข้อมูลจากข่าว
    - Windows Update Orchestration Platform ช่วยให้สามารถอัปเดตแอปทั้งหมดจากที่เดียว
    - Microsoft เปิดตัวแพลตฟอร์มนี้เพื่อช่วยนักพัฒนาและผู้ดูแลระบบ IT
    - ลดปัญหา CPU และแบนด์วิดท์ที่พุ่งสูงขึ้นจากการอัปเดตแยกกัน
    - ช่วยให้มีการแจ้งเตือนที่สม่ำเสมอผ่านระบบ Windows Update
    - นักพัฒนาสามารถใช้ Windows Runtime APIs และ PowerShell commands เพื่อจัดการอัปเดต

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แพลตฟอร์มนี้ยังอยู่ในช่วง Private Preview และต้องรอการเปิดตัวเต็มรูปแบบ
    - ต้องติดตามว่าผู้พัฒนาแอปบุคคลที่สามจะเข้าร่วมแพลตฟอร์มหรือไม่
    - อาจมีข้อจำกัดในการใช้งานสำหรับองค์กรที่มีระบบอัปเดตเฉพาะทาง
    - ต้องรอดูว่าการรวมแอปทั้งหมดเข้ากับ Windows Update จะส่งผลต่อประสิทธิภาพของระบบหรือไม่

    Windows Update Orchestration Platform อาจช่วยให้ การจัดการอัปเดตแอปง่ายขึ้น และลดปัญหาด้านประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้พัฒนาแอปบุคคลที่สามจะเข้าร่วมแพลตฟอร์มหรือไม่

    https://wccftech.com/microsoft-debuts-windows-update-orchestration-platform-for-updating-all-apps/
    🔄 Windows Update Orchestration Platform: ระบบอัปเดตแอปทั้งหมดจากที่เดียว Microsoft เปิดตัว Windows Update Orchestration Platform ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถ อัปเดตแอปทั้งหมดจากที่เดียว แทนที่จะต้องจัดการอัปเดตแยกกัน Windows Update ปกติจะอัปเดตเฉพาะ ส่วนประกอบของระบบปฏิบัติการ แต่แอปของ Microsoft และแอปของบุคคลที่สามยังต้องจัดการอัปเดตแยกกัน แพลตฟอร์มใหม่นี้ช่วยให้ นักพัฒนาและผู้ดูแลระบบ IT สามารถจัดการอัปเดตแอปได้ง่ายขึ้น ลดปัญหา CPU และแบนด์วิดท์ที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึง ลดต้นทุนการสนับสนุน ✅ ข้อมูลจากข่าว - Windows Update Orchestration Platform ช่วยให้สามารถอัปเดตแอปทั้งหมดจากที่เดียว - Microsoft เปิดตัวแพลตฟอร์มนี้เพื่อช่วยนักพัฒนาและผู้ดูแลระบบ IT - ลดปัญหา CPU และแบนด์วิดท์ที่พุ่งสูงขึ้นจากการอัปเดตแยกกัน - ช่วยให้มีการแจ้งเตือนที่สม่ำเสมอผ่านระบบ Windows Update - นักพัฒนาสามารถใช้ Windows Runtime APIs และ PowerShell commands เพื่อจัดการอัปเดต ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แพลตฟอร์มนี้ยังอยู่ในช่วง Private Preview และต้องรอการเปิดตัวเต็มรูปแบบ - ต้องติดตามว่าผู้พัฒนาแอปบุคคลที่สามจะเข้าร่วมแพลตฟอร์มหรือไม่ - อาจมีข้อจำกัดในการใช้งานสำหรับองค์กรที่มีระบบอัปเดตเฉพาะทาง - ต้องรอดูว่าการรวมแอปทั้งหมดเข้ากับ Windows Update จะส่งผลต่อประสิทธิภาพของระบบหรือไม่ Windows Update Orchestration Platform อาจช่วยให้ การจัดการอัปเดตแอปง่ายขึ้น และลดปัญหาด้านประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้พัฒนาแอปบุคคลที่สามจะเข้าร่วมแพลตฟอร์มหรือไม่ https://wccftech.com/microsoft-debuts-windows-update-orchestration-platform-for-updating-all-apps/
    WCCFTECH.COM
    Microsoft Debuts Windows Update Orchestration Platform For Updating All Apps From A Single Place
    Microsoft has announced that it will now handle all the apps from the Windows Update Orchestration Platform in order to update them easily.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 299 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft อัปเดตแอป Paint, Notepad และ Snipping Tool เพิ่มฟีเจอร์ AI ใหม่

    Microsoft เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่สำหรับแอปพื้นฐานของ Windows 11 ได้แก่ Paint, Notepad และ Snipping Tool โดยมีการเพิ่ม เครื่องมือ AI ที่ช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการอัปเดตแอป Windows 11
    Paint เพิ่มฟีเจอร์ "Sticker Generator" สำหรับสร้างสติกเกอร์ด้วย AI
    - ผู้ใช้สามารถ พิมพ์คำอธิบาย แล้ว Paint จะสร้างสติกเกอร์ให้โดยอัตโนมัติ

    Paint ยังเพิ่มฟีเจอร์ "Object Select" ที่ช่วยเลือกและแยกวัตถุออกจากพื้นหลัง
    - ใช้ AI เพื่อช่วยให้การแก้ไขภาพง่ายขึ้น

    Snipping Tool อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 11.2504.38.0 พร้อมฟีเจอร์ "Perfect Screenshot"
    - ใช้ AI เพื่อช่วยให้การจับภาพหน้าจอแม่นยำขึ้น

    Snipping Tool ยังเพิ่มเครื่องมือ "Color Picker" สำหรับเลือกสีในรูปแบบ HEX, RGB และ HSL
    - ช่วยให้ ผู้ใช้สามารถคัดลอกค่าสีไปใช้ในโปรแกรมอื่นได้ง่ายขึ้น

    Notepad เพิ่มฟีเจอร์ "Text Generation" ที่ช่วยให้ AI สามารถแก้ไขข้อความตามคำสั่งของผู้ใช้
    - ผู้ใช้สามารถ เลือกข้อความ กด Ctrl + Q แล้วระบุการเปลี่ยนแปลงที่ต้องการ

    https://www.neowin.net/news/microsoft-rolls-out-big-updates-for-paint-notepad-and-snipping-tool/
    Microsoft อัปเดตแอป Paint, Notepad และ Snipping Tool เพิ่มฟีเจอร์ AI ใหม่ Microsoft เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่สำหรับแอปพื้นฐานของ Windows 11 ได้แก่ Paint, Notepad และ Snipping Tool โดยมีการเพิ่ม เครื่องมือ AI ที่ช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการอัปเดตแอป Windows 11 ✅ Paint เพิ่มฟีเจอร์ "Sticker Generator" สำหรับสร้างสติกเกอร์ด้วย AI - ผู้ใช้สามารถ พิมพ์คำอธิบาย แล้ว Paint จะสร้างสติกเกอร์ให้โดยอัตโนมัติ ✅ Paint ยังเพิ่มฟีเจอร์ "Object Select" ที่ช่วยเลือกและแยกวัตถุออกจากพื้นหลัง - ใช้ AI เพื่อช่วยให้การแก้ไขภาพง่ายขึ้น ✅ Snipping Tool อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 11.2504.38.0 พร้อมฟีเจอร์ "Perfect Screenshot" - ใช้ AI เพื่อช่วยให้การจับภาพหน้าจอแม่นยำขึ้น ✅ Snipping Tool ยังเพิ่มเครื่องมือ "Color Picker" สำหรับเลือกสีในรูปแบบ HEX, RGB และ HSL - ช่วยให้ ผู้ใช้สามารถคัดลอกค่าสีไปใช้ในโปรแกรมอื่นได้ง่ายขึ้น ✅ Notepad เพิ่มฟีเจอร์ "Text Generation" ที่ช่วยให้ AI สามารถแก้ไขข้อความตามคำสั่งของผู้ใช้ - ผู้ใช้สามารถ เลือกข้อความ กด Ctrl + Q แล้วระบุการเปลี่ยนแปลงที่ต้องการ https://www.neowin.net/news/microsoft-rolls-out-big-updates-for-paint-notepad-and-snipping-tool/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft rolls out big updates for Paint, Notepad, and Snipping Tool
    Microsoft is rolling out big updates for stock Windows 11 apps to Windows Insiders. They include Paint, Snipping Tool, and Notepad.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple ได้ปรับนโยบาย App Store ใหม่ หลังจากแพ้คดีในศาล โดยอนุญาตให้ นักพัฒนาแอปสามารถใช้ระบบชำระเงินภายนอกได้โดยไม่ต้องเสียค่าคอมมิชชันให้ Apple ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่มีผลเฉพาะใน App Store ของสหรัฐฯ

    ก่อนหน้านี้ Apple เคยพยายามหลีกเลี่ยงคำสั่งศาลโดย เรียกเก็บค่าธรรมเนียม 27% จากแอปที่ใช้ระบบชำระเงินภายนอก แต่คำตัดสินล่าสุดของ ศาลแขวงแคลิฟอร์เนีย ได้บังคับให้ Apple ต้อง ยกเลิกค่าธรรมเนียมดังกล่าว

    Spotify เป็นหนึ่งในบริษัทแรกที่ใช้ประโยชน์จากนโยบายใหม่นี้ โดยออกอัปเดตแอปที่ ให้ผู้ใช้สามารถสมัครสมาชิกผ่านระบบชำระเงินภายนอกได้ ซึ่ง Spotify เรียกการเปลี่ยนแปลงนี้ว่า "ชัยชนะของผู้บริโภค ศิลปิน และนักสร้างสรรค์"

    Apple อนุญาตให้ใช้ระบบชำระเงินภายนอก
    - นักพัฒนาแอปสามารถใช้ ปุ่ม, ลิงก์ภายนอก และช่องทางชำระเงินอื่น ๆ
    - ไม่มีค่าคอมมิชชัน "Apple Tax" สำหรับการชำระเงินภายนอก

    ผลกระทบต่อแอปในสหรัฐฯ
    - นโยบายนี้มีผลเฉพาะใน App Store ของสหรัฐฯ
    - ตลาดอื่น ๆ ยังคงอยู่ภายใต้ข้อกำหนดเดิม

    Spotify ใช้ประโยชน์จากนโยบายใหม่
    - ออกอัปเดตแอปที่ให้ผู้ใช้ สมัครสมาชิกผ่านระบบชำระเงินภายนอก
    - เรียกการเปลี่ยนแปลงนี้ว่า "ชัยชนะของผู้บริโภค ศิลปิน และนักสร้างสรรค์"

    คำตัดสินของศาลแขวงแคลิฟอร์เนีย
    - Apple ถูกบังคับให้ ยกเลิกค่าธรรมเนียม 27% สำหรับระบบชำระเงินภายนอก
    - ศาลตำหนิ Apple ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งก่อนหน้านี้

    https://www.techspot.com/news/107775-apple-revises-app-store-policy-allows-third-party.html
    Apple ได้ปรับนโยบาย App Store ใหม่ หลังจากแพ้คดีในศาล โดยอนุญาตให้ นักพัฒนาแอปสามารถใช้ระบบชำระเงินภายนอกได้โดยไม่ต้องเสียค่าคอมมิชชันให้ Apple ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่มีผลเฉพาะใน App Store ของสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ Apple เคยพยายามหลีกเลี่ยงคำสั่งศาลโดย เรียกเก็บค่าธรรมเนียม 27% จากแอปที่ใช้ระบบชำระเงินภายนอก แต่คำตัดสินล่าสุดของ ศาลแขวงแคลิฟอร์เนีย ได้บังคับให้ Apple ต้อง ยกเลิกค่าธรรมเนียมดังกล่าว Spotify เป็นหนึ่งในบริษัทแรกที่ใช้ประโยชน์จากนโยบายใหม่นี้ โดยออกอัปเดตแอปที่ ให้ผู้ใช้สามารถสมัครสมาชิกผ่านระบบชำระเงินภายนอกได้ ซึ่ง Spotify เรียกการเปลี่ยนแปลงนี้ว่า "ชัยชนะของผู้บริโภค ศิลปิน และนักสร้างสรรค์" ✅ Apple อนุญาตให้ใช้ระบบชำระเงินภายนอก - นักพัฒนาแอปสามารถใช้ ปุ่ม, ลิงก์ภายนอก และช่องทางชำระเงินอื่น ๆ - ไม่มีค่าคอมมิชชัน "Apple Tax" สำหรับการชำระเงินภายนอก ✅ ผลกระทบต่อแอปในสหรัฐฯ - นโยบายนี้มีผลเฉพาะใน App Store ของสหรัฐฯ - ตลาดอื่น ๆ ยังคงอยู่ภายใต้ข้อกำหนดเดิม ✅ Spotify ใช้ประโยชน์จากนโยบายใหม่ - ออกอัปเดตแอปที่ให้ผู้ใช้ สมัครสมาชิกผ่านระบบชำระเงินภายนอก - เรียกการเปลี่ยนแปลงนี้ว่า "ชัยชนะของผู้บริโภค ศิลปิน และนักสร้างสรรค์" ✅ คำตัดสินของศาลแขวงแคลิฟอร์เนีย - Apple ถูกบังคับให้ ยกเลิกค่าธรรมเนียม 27% สำหรับระบบชำระเงินภายนอก - ศาลตำหนิ Apple ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งก่อนหน้านี้ https://www.techspot.com/news/107775-apple-revises-app-store-policy-allows-third-party.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Apple revises App Store policy, allows third-party payments 'without tax' after losing in court
    According to Apple's revised guidelines, apps listed on the iOS and macOS App Stores will no longer be prohibited from including "buttons, external links, or other calls...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 361 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในยูเครน มีกลุ่มแฮ็กเกอร์ที่ใช้บัญชี Signal ที่ถูกแฮ็กเพื่อส่งมัลแวร์ให้กับกองทัพและบริษัทด้านกลาโหม ไฟล์แนบที่ส่งมาจะปลอมเป็นรายงานการประชุมและหลอกให้เหยื่อเปิดใช้งานมัลแวร์ ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงระบบของเหยื่อได้ ผู้ใช้ Signal จึงควรตรวจสอบอุปกรณ์และตั้งค่าความปลอดภัยให้เข้มงวด เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อในอนาคต

    ลักษณะของการโจมตี:
    - ผู้โจมตีส่งข้อความที่มีไฟล์แนบโดยใช้บัญชี Signal ของคนที่เป้าหมายรู้จัก เพื่อเพิ่มโอกาสในการเปิดไฟล์.
    - ไฟล์แนบประกอบด้วย PDF ซึ่งหลอกให้เหยื่อเปิด และไฟล์ที่เป็นโปรแกรมอันตรายซึ่งเริ่มการโจมตีเมื่อถูกเปิด.

    หัวข้อเหยื่อล่อใหม่:
    - ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2025 การโจมตีเปลี่ยนมาใช้หัวข้อที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีทางทหาร เช่น UAV และระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับความสนใจของเป้าหมายโดยตรง.

    การป้องกันสำหรับผู้ใช้งาน Signal:
    - ผู้ใช้ Signal ควรปิดการดาวน์โหลดไฟล์แนบโดยอัตโนมัติและตรวจสอบอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อในบัญชีของตนอย่างสม่ำเสมอ.
    - การเปิดใช้งานการตรวจสอบสองขั้นตอนและอัปเดตแอปเวอร์ชันล่าสุดช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตี.

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/ukrainian-military-targeted-in-new-signal-spear-phishing-attacks/
    ในยูเครน มีกลุ่มแฮ็กเกอร์ที่ใช้บัญชี Signal ที่ถูกแฮ็กเพื่อส่งมัลแวร์ให้กับกองทัพและบริษัทด้านกลาโหม ไฟล์แนบที่ส่งมาจะปลอมเป็นรายงานการประชุมและหลอกให้เหยื่อเปิดใช้งานมัลแวร์ ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงระบบของเหยื่อได้ ผู้ใช้ Signal จึงควรตรวจสอบอุปกรณ์และตั้งค่าความปลอดภัยให้เข้มงวด เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อในอนาคต ลักษณะของการโจมตี: - ผู้โจมตีส่งข้อความที่มีไฟล์แนบโดยใช้บัญชี Signal ของคนที่เป้าหมายรู้จัก เพื่อเพิ่มโอกาสในการเปิดไฟล์. - ไฟล์แนบประกอบด้วย PDF ซึ่งหลอกให้เหยื่อเปิด และไฟล์ที่เป็นโปรแกรมอันตรายซึ่งเริ่มการโจมตีเมื่อถูกเปิด. หัวข้อเหยื่อล่อใหม่: - ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2025 การโจมตีเปลี่ยนมาใช้หัวข้อที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีทางทหาร เช่น UAV และระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับความสนใจของเป้าหมายโดยตรง. การป้องกันสำหรับผู้ใช้งาน Signal: - ผู้ใช้ Signal ควรปิดการดาวน์โหลดไฟล์แนบโดยอัตโนมัติและตรวจสอบอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อในบัญชีของตนอย่างสม่ำเสมอ. - การเปิดใช้งานการตรวจสอบสองขั้นตอนและอัปเดตแอปเวอร์ชันล่าสุดช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตี. https://www.bleepingcomputer.com/news/security/ukrainian-military-targeted-in-new-signal-spear-phishing-attacks/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Ukrainian military targeted in new Signal spear-phishing attacks
    Ukraine's Computer Emergency Response Team (CERT-UA) is warning about highly targeted attacks employing compromised Signal accounts to send malware to employees of defense industry firms and members of the country's army forces.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 0 รีวิว
  • OPPO และ Realme โทรศัพท์ดีย์ๆที่ไม่ควรมีติดบ้าน
    สภาองค์กรของผู้บริโภคได้แจ้งเตือนอันตรายจากแอปพลิเคชันเถื่อนที่อยู่นอก Play Store ของทาง Google โดยเฉพาะแอปฯ ‘สินเชื่อความสุข’ หรือ ‘Fineasy’ ที่ฝังมาพร้อมระบบปฏิบัติการหลังการอัปเดตสมาร์ทโฟน Oppo และ realme
    ทางสภาองค์กรผู้บริโภคให้ข้อมูลว่าแอปฯ ดังกล่าวไม่สามารถลบออกจากเครื่องได้ และยังสามารถส่งการแจ้งเตือนเชิญชวนให้กู้เงิน รวมถึงเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ เช่น รายชื่อผู้ติดต่อและเบอร์โทรศัพท์ การที่แอปฯ นี้ฝังตัวอยู่ในระบบปฏิบัติการของสมาร์ทโฟน ทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปไม่สามารถควบคุม ป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว หรือถอนการติดตั้งได้ด้วย
    ล่าสุดวันนี้ นาย อิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค เรียกร้องให้บริษัท OPPO และ Realme เร่งเปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับแอปกู้เงินเถื่อน “Fineasy” และ “สินเชื่อความสุข” ที่แอบติดตั้งมากับสมาร์ทโฟน โดยให้เปิดเผยว่าใครเป็นผู้พัฒนาแอปฯ และใครเป็นผู้ดำเนินธุรกิจเงินกู้ดังกล่าวด้วย
    สภาผู้บริโภคเสนอให้ทั้ง 2 บริษัทปรับปรุงระบบปฏิบัติการหรืออัปเดตแอปฯ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถถอนการติดตั้งได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องเดินทางไปศูนย์บริการ เนื่องจากขณะนี้พบเสียงสะท้อนจากผู้บริโภคว่าการปลดล็อกแอปฯ ทำได้เฉพาะที่ศูนย์บริการขนาดใหญ่ ซึ่งสร้างภาระให้ผู้บริโภค หากบริษัทไม่สามารถดำเนินการได้ ควรจ่ายเงินเยียวยาค่าเดินทางค่าเสียเวลาให้ผู้บริโภค 2,000 บาทต่อรายเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาที่ศูนย์บริการ
    “แม้ทั้งสองบริษัทจะออกแถลงการณ์ว่าจะแก้ไขปัญหาโดยการลบแอปฯ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีมาตรการที่เป็นรูปธรรม สภาผู้บริโภคจึงตั้งคำถามว่า การที่ OPPO และ Realme ไม่เร่งแก้ไขปัญหาอย่างเด็ดขาดนั้น อาจเป็นเพราะมีผลประโยชน์ทางธุรกิจ หรือส่วนแบ่งรายได้ร่วมกับผู้พัฒนาแอปฯ กู้เงินเถื่อนหรือไม่ ติดตามข่าวซีพๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    OPPO และ Realme โทรศัพท์ดีย์ๆที่ไม่ควรมีติดบ้าน สภาองค์กรของผู้บริโภคได้แจ้งเตือนอันตรายจากแอปพลิเคชันเถื่อนที่อยู่นอก Play Store ของทาง Google โดยเฉพาะแอปฯ ‘สินเชื่อความสุข’ หรือ ‘Fineasy’ ที่ฝังมาพร้อมระบบปฏิบัติการหลังการอัปเดตสมาร์ทโฟน Oppo และ realme ทางสภาองค์กรผู้บริโภคให้ข้อมูลว่าแอปฯ ดังกล่าวไม่สามารถลบออกจากเครื่องได้ และยังสามารถส่งการแจ้งเตือนเชิญชวนให้กู้เงิน รวมถึงเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ เช่น รายชื่อผู้ติดต่อและเบอร์โทรศัพท์ การที่แอปฯ นี้ฝังตัวอยู่ในระบบปฏิบัติการของสมาร์ทโฟน ทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปไม่สามารถควบคุม ป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว หรือถอนการติดตั้งได้ด้วย ล่าสุดวันนี้ นาย อิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค เรียกร้องให้บริษัท OPPO และ Realme เร่งเปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับแอปกู้เงินเถื่อน “Fineasy” และ “สินเชื่อความสุข” ที่แอบติดตั้งมากับสมาร์ทโฟน โดยให้เปิดเผยว่าใครเป็นผู้พัฒนาแอปฯ และใครเป็นผู้ดำเนินธุรกิจเงินกู้ดังกล่าวด้วย สภาผู้บริโภคเสนอให้ทั้ง 2 บริษัทปรับปรุงระบบปฏิบัติการหรืออัปเดตแอปฯ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถถอนการติดตั้งได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องเดินทางไปศูนย์บริการ เนื่องจากขณะนี้พบเสียงสะท้อนจากผู้บริโภคว่าการปลดล็อกแอปฯ ทำได้เฉพาะที่ศูนย์บริการขนาดใหญ่ ซึ่งสร้างภาระให้ผู้บริโภค หากบริษัทไม่สามารถดำเนินการได้ ควรจ่ายเงินเยียวยาค่าเดินทางค่าเสียเวลาให้ผู้บริโภค 2,000 บาทต่อรายเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาที่ศูนย์บริการ “แม้ทั้งสองบริษัทจะออกแถลงการณ์ว่าจะแก้ไขปัญหาโดยการลบแอปฯ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีมาตรการที่เป็นรูปธรรม สภาผู้บริโภคจึงตั้งคำถามว่า การที่ OPPO และ Realme ไม่เร่งแก้ไขปัญหาอย่างเด็ดขาดนั้น อาจเป็นเพราะมีผลประโยชน์ทางธุรกิจ หรือส่วนแบ่งรายได้ร่วมกับผู้พัฒนาแอปฯ กู้เงินเถื่อนหรือไม่ ติดตามข่าวซีพๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 810 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2025 ศาลสูงสุดของสหรัฐอเมริกาได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการท้าทายของ TikTok และบริษัทแม่ ByteDance ต่อกฎหมายที่ลงนามโดยประธานาธิบดี Joe Biden ซึ่งจะบังคับให้ขายหรือแบนแอปวิดีโอสั้นยอดนิยมนี้ภายในวันที่ 19 มกราคมในสหรัฐอเมริกา

    กฎหมายนี้จะส่งผลให้ผู้ใช้ใหม่ไม่สามารถดาวน์โหลด TikTok จากร้านแอปได้ และผู้ใช้ปัจจุบันจะไม่สามารถอัปเดตแอปได้ เนื่องจากกฎหมายห้ามไม่ให้มีการดาวน์โหลดหรือบำรุงรักษาแอปพลิเคชัน TikTok ผู้ใช้ TikTok ในสหรัฐอเมริกาจำนวน 170 ล้านคนจะยังคงสามารถใช้แอปได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป แอปจะไม่สามารถใช้งานได้เนื่องจากไม่มีการอัปเดตซอฟต์แวร์และความปลอดภัย

    ผู้สร้างเนื้อหาที่ใช้ TikTok ในการสร้างธุรกิจของตนกำลังเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด เช่น Nadya Okamoto ผู้ก่อตั้งแบรนด์ผลิตภัณฑ์สำหรับประจำเดือนของผู้หญิง August ซึ่งกล่าวว่า TikTok ช่วยให้ธุรกิจของเธอเติบโตอย่างเป็นธรรมชาติผ่านวิดีโอไวรัล

    นอกจากนี้ พนักงานของ TikTok ในสหรัฐอเมริกาจำนวน 7,000 คนกำลังพยายามหาทางออกเกี่ยวกับอนาคตของตนเอง หลังจากที่ศาลอุทธรณ์ของสหรัฐอเมริกายืนยันกฎหมายขายหรือแบนเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม

    ทาง TikTok ได้กล่าวซ้ำๆ ว่าไม่สามารถขายจาก ByteDance ได้ แต่ Frank McCourt นักธุรกิจมหาเศรษฐีได้กล่าวว่าเขาได้รับคำมั่นสัญญาจากกลุ่มนักลงทุนมูลค่า 20 พันล้านดอลลาร์เพื่อเสนอซื้อ TikTok

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/11/explainer-what-happens-after-the-tiktok-ban
    เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2025 ศาลสูงสุดของสหรัฐอเมริกาได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการท้าทายของ TikTok และบริษัทแม่ ByteDance ต่อกฎหมายที่ลงนามโดยประธานาธิบดี Joe Biden ซึ่งจะบังคับให้ขายหรือแบนแอปวิดีโอสั้นยอดนิยมนี้ภายในวันที่ 19 มกราคมในสหรัฐอเมริกา กฎหมายนี้จะส่งผลให้ผู้ใช้ใหม่ไม่สามารถดาวน์โหลด TikTok จากร้านแอปได้ และผู้ใช้ปัจจุบันจะไม่สามารถอัปเดตแอปได้ เนื่องจากกฎหมายห้ามไม่ให้มีการดาวน์โหลดหรือบำรุงรักษาแอปพลิเคชัน TikTok ผู้ใช้ TikTok ในสหรัฐอเมริกาจำนวน 170 ล้านคนจะยังคงสามารถใช้แอปได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป แอปจะไม่สามารถใช้งานได้เนื่องจากไม่มีการอัปเดตซอฟต์แวร์และความปลอดภัย ผู้สร้างเนื้อหาที่ใช้ TikTok ในการสร้างธุรกิจของตนกำลังเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด เช่น Nadya Okamoto ผู้ก่อตั้งแบรนด์ผลิตภัณฑ์สำหรับประจำเดือนของผู้หญิง August ซึ่งกล่าวว่า TikTok ช่วยให้ธุรกิจของเธอเติบโตอย่างเป็นธรรมชาติผ่านวิดีโอไวรัล นอกจากนี้ พนักงานของ TikTok ในสหรัฐอเมริกาจำนวน 7,000 คนกำลังพยายามหาทางออกเกี่ยวกับอนาคตของตนเอง หลังจากที่ศาลอุทธรณ์ของสหรัฐอเมริกายืนยันกฎหมายขายหรือแบนเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ทาง TikTok ได้กล่าวซ้ำๆ ว่าไม่สามารถขายจาก ByteDance ได้ แต่ Frank McCourt นักธุรกิจมหาเศรษฐีได้กล่าวว่าเขาได้รับคำมั่นสัญญาจากกลุ่มนักลงทุนมูลค่า 20 พันล้านดอลลาร์เพื่อเสนอซื้อ TikTok https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/11/explainer-what-happens-after-the-tiktok-ban
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Explainer-What happens after the TikTok ban?
    (Reuters) -The U.S. Supreme Court justices on Friday expressed skepticism about a challenge from TikTok and its Chinese parent company ByteDance against a law signed by President Joe Biden, which would force the sale or ban of the popular short-video app by Jan. 19 in the United States.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 345 มุมมอง 0 รีวิว
  • 20-12-2024 แจ้งอัปเดตเวอร์ชัน
    - Thaitimes Version 3..5
    - Bugs Fix
    ***************
    แจ้งอัปเดตเวอร์ชัน ของมือถือระบบ Android
    กรุณากดอัปเดตแอปพลิเคชันได้ที่ Google Play Store โดยทำตามขั้นตอนดังนี้:
    1. เปิดแอป Google Play Store
    2. ค้นหา Thaitimes
    3. กดที่ปุ่ม อัปเดต ตามภาพประกอบ
    ***************
    ของมือถือระบบ iOS (iphone , ipad)
    กรุณากดอัปเดตแอปพลิเคชันได้ที่
    App Store โดยทำตามขั้นตอนดังนี้:
    1. เปิดแอป App Store
    2. ค้นหา Thaitimes
    3. กดที่ปุ่ม อัปเดต ตามที่แสดงในภาพ

    #thaitimes #updateapp #android #iOS
    20-12-2024 แจ้งอัปเดตเวอร์ชัน - Thaitimes Version 3..5 - Bugs Fix *************** แจ้งอัปเดตเวอร์ชัน ของมือถือระบบ Android กรุณากดอัปเดตแอปพลิเคชันได้ที่ Google Play Store โดยทำตามขั้นตอนดังนี้: 1. เปิดแอป Google Play Store 2. ค้นหา Thaitimes 3. กดที่ปุ่ม อัปเดต ตามภาพประกอบ *************** ของมือถือระบบ iOS (iphone , ipad) กรุณากดอัปเดตแอปพลิเคชันได้ที่ App Store โดยทำตามขั้นตอนดังนี้: 1. เปิดแอป App Store 2. ค้นหา Thaitimes 3. กดที่ปุ่ม อัปเดต ตามที่แสดงในภาพ #thaitimes #updateapp #android #iOS
    Like
    Love
    Yay
    Wow
    32
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4734 มุมมอง 0 รีวิว
  • 20-12-2024 แจ้งอัปเดตเวอร์ชัน ของมือถือระบบ iOS (iphone , ipad)
    - Thaitimes Version 3..5
    - Bugs Fix

    กรุณากดอัปเดตแอปพลิเคชันได้ที่
    App Store โดยทำตามขั้นตอนดังนี้:
    1. เปิดแอป App Store
    2. ค้นหา Thaitimes
    3. กดที่ปุ่ม อัปเดต ตามที่แสดงในภาพ

    #thaitimes #thaitimeshelpcenter #updateapp
    20-12-2024 แจ้งอัปเดตเวอร์ชัน ของมือถือระบบ iOS (iphone , ipad) - Thaitimes Version 3..5 - Bugs Fix กรุณากดอัปเดตแอปพลิเคชันได้ที่ App Store โดยทำตามขั้นตอนดังนี้: 1. เปิดแอป App Store 2. ค้นหา Thaitimes 3. กดที่ปุ่ม อัปเดต ตามที่แสดงในภาพ #thaitimes #thaitimeshelpcenter #updateapp
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1468 มุมมอง 1 รีวิว
  • 20-12-2024 แจ้งอัปเดตเวอร์ชัน ของมือถือระบบ Android
    - Thaitimes Version 3..5
    - Bugs Fix

    กรุณากดอัปเดตแอปพลิเคชันได้ที่ Google Play Store โดยทำตามขั้นตอนดังนี้:
    1. เปิดแอป Google Play Store
    2. ค้นหา Thaitimes
    3. กดที่ปุ่ม อัปเดต ตามภาพประกอบ

    #thaitimes #thaitimeshelpcenter #updateapp
    20-12-2024 แจ้งอัปเดตเวอร์ชัน ของมือถือระบบ Android - Thaitimes Version 3..5 - Bugs Fix กรุณากดอัปเดตแอปพลิเคชันได้ที่ Google Play Store โดยทำตามขั้นตอนดังนี้: 1. เปิดแอป Google Play Store 2. ค้นหา Thaitimes 3. กดที่ปุ่ม อัปเดต ตามภาพประกอบ #thaitimes #thaitimeshelpcenter #updateapp
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1477 มุมมอง 0 รีวิว
  • 13-12-2024 แจ้งอัปเดตเวอร์ชัน ของมือถือระบบ Android
    - Thaitimes Version 3.4.5
    - Bugs Fix
    - The new version also addresses the issue of the app crashing

    กรุณากดอัปเดตแอปพลิเคชันได้ที่ Google Play Store โดยทำตามขั้นตอนดังนี้:
    1. เปิดแอป Google Play Store
    2. ค้นหา Thaitimes
    3. กดที่ปุ่ม อัปเดต ตามภาพประกอบ
    13-12-2024 แจ้งอัปเดตเวอร์ชัน ของมือถือระบบ Android - Thaitimes Version 3.4.5 - Bugs Fix - The new version also addresses the issue of the app crashing กรุณากดอัปเดตแอปพลิเคชันได้ที่ Google Play Store โดยทำตามขั้นตอนดังนี้: 1. เปิดแอป Google Play Store 2. ค้นหา Thaitimes 3. กดที่ปุ่ม อัปเดต ตามภาพประกอบ
    Like
    Love
    6
    4 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2049 มุมมอง 0 รีวิว
  • แจ้งอัปเดตเวอร์ชัน 3.2.2 (iOS) เราได้ทำการอัปเดตแอปพลิเคชันเวอร์ชัน 3.2.2 สำหรับ iOS โดยมีการปรับปรุงดังนี้:

    - ปัญหาการแชร์วิดีโอ Live แล้วเล่นไม่ได้ได้รับการแก้ไขเรียบร้อย

    เรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาแอปพลิเคชันให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด

    #thaitimes #UpdateAPP

    แจ้งอัปเดตเวอร์ชัน 3.2.2 (iOS) เราได้ทำการอัปเดตแอปพลิเคชันเวอร์ชัน 3.2.2 สำหรับ iOS โดยมีการปรับปรุงดังนี้: - ปัญหาการแชร์วิดีโอ Live แล้วเล่นไม่ได้ได้รับการแก้ไขเรียบร้อย เรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาแอปพลิเคชันให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด #thaitimes #UpdateAPP
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1260 มุมมอง 1 รีวิว
  • แจ้งอัปเดตเวอร์ชัน 3.2.2 (Android) เราได้ทำการอัปเดตแอปพลิเคชันเวอร์ชัน 3.2.2 สำหรับ Android โดยมีการปรับปรุงดังนี้:

    - ปัญหาการแชร์วิดีโอ Live แล้วเล่นไม่ได้ได้รับการแก้ไขเรียบร้อย

    สำหรับ iOS กำลังดำเนินการครับ.....

    #Thaitimes #Update
    แจ้งอัปเดตเวอร์ชัน 3.2.2 (Android) เราได้ทำการอัปเดตแอปพลิเคชันเวอร์ชัน 3.2.2 สำหรับ Android โดยมีการปรับปรุงดังนี้: - ปัญหาการแชร์วิดีโอ Live แล้วเล่นไม่ได้ได้รับการแก้ไขเรียบร้อย สำหรับ iOS กำลังดำเนินการครับ..... #Thaitimes #Update
    Like
    Yay
    6
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1548 มุมมอง 0 รีวิว
  • แจ้งอัปเดตเวอร์ชัน 3.2.1 (iOS) เราได้ทำการอัปเดตแอปพลิเคชันเวอร์ชัน 3.2.1 สำหรับ iOS โดยมีการปรับปรุงดังนี้:

    - แก้ไขบั๊กต่าง ๆ เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหลยิ่งขึ้น

    เรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาแอปพลิเคชันให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด
    อย่าลืมอัปเดตแอปพลิเคชัน ThaiTimes บน iOS ของคุณวันนี้!

    #thaitimes #Update #iOS
    แจ้งอัปเดตเวอร์ชัน 3.2.1 (iOS) เราได้ทำการอัปเดตแอปพลิเคชันเวอร์ชัน 3.2.1 สำหรับ iOS โดยมีการปรับปรุงดังนี้: - แก้ไขบั๊กต่าง ๆ เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหลยิ่งขึ้น เรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาแอปพลิเคชันให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด อย่าลืมอัปเดตแอปพลิเคชัน ThaiTimes บน iOS ของคุณวันนี้! #thaitimes #Update #iOS
    Like
    7
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1592 มุมมอง 0 รีวิว
  • 21-11-2024 แจ้งอัปเดตเวอร์ชัน 3.2.1 (เฉพาะ Android) ThaiTimes ได้ทำการอัปเดตแอปพลิเคชันเป็นเวอร์ชัน 3.2.1 ซึ่งมีการปรับปรุงและแก้ไขปัญหาดังนี้:

    - แก้ไขปัญหาวิดีโอที่ถูกบีบในบางขนาดหน้าจอ
    - แก้ปัญหาการโพสต์ซ้ำ กดโพสต์สำเร็จในครั้งเดียว
    - ปรับปรุงการดูวิดีโอแบบเต็มจอให้เล่นต่อเนื่องได้ไม่มีสะดุด
    - ช่องค้นหาสามารถใช้งานได้ดีขึ้น คลิกดูผลลัพธ์ได้ตามปกติ
    - ปัญหาเสียงซ้อนในวิดีโอได้รับการแก้ไขแล้ว

    เรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาแอปพลิเคชันให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด
    อย่าลืมอัปเดตแอปพลิเคชัน ThaiTimes บน Android ของคุณวันนี้!

    #Thaitimes #Update
    21-11-2024 แจ้งอัปเดตเวอร์ชัน 3.2.1 (เฉพาะ Android) ThaiTimes ได้ทำการอัปเดตแอปพลิเคชันเป็นเวอร์ชัน 3.2.1 ซึ่งมีการปรับปรุงและแก้ไขปัญหาดังนี้: - แก้ไขปัญหาวิดีโอที่ถูกบีบในบางขนาดหน้าจอ - แก้ปัญหาการโพสต์ซ้ำ กดโพสต์สำเร็จในครั้งเดียว - ปรับปรุงการดูวิดีโอแบบเต็มจอให้เล่นต่อเนื่องได้ไม่มีสะดุด - ช่องค้นหาสามารถใช้งานได้ดีขึ้น คลิกดูผลลัพธ์ได้ตามปกติ - ปัญหาเสียงซ้อนในวิดีโอได้รับการแก้ไขแล้ว เรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาแอปพลิเคชันให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด อย่าลืมอัปเดตแอปพลิเคชัน ThaiTimes บน Android ของคุณวันนี้! #Thaitimes #Update
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1539 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขณะนี้แอปพลิเคชัน Thaitimes มีการอัปเดตใหม่สำหรับผู้ใช้งานบนระบบ iOS ได้แล้ว โดยมีการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของแอป อย่างไรก็ตาม ทีมงานทราบดีว่ามีบางฟังก์ชันที่อาจยังไม่สมบูรณ์และกำลังอยู่ระหว่างการแก้ไข เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งาน

    ขั้นตอนการอัปเดตแอปพลิเคชัน:
    1. เปิดแอป App Store
    2. ค้นหา Thaitimes
    3. กดที่ปุ่ม อัปเดต ตามที่แสดงในภาพ

    หลังการอัปเดต ท่านจำเป็นต้องล็อกอินใหม่ด้วยชื่อผู้ใช้งานอีเมลและรหัสผ่านเดิมที่เคยสมัครไว้ หากพบปัญหาในการล็อกอิน ท่านสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line: @sondhitalk
    ขณะนี้แอปพลิเคชัน Thaitimes มีการอัปเดตใหม่สำหรับผู้ใช้งานบนระบบ iOS ได้แล้ว โดยมีการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของแอป อย่างไรก็ตาม ทีมงานทราบดีว่ามีบางฟังก์ชันที่อาจยังไม่สมบูรณ์และกำลังอยู่ระหว่างการแก้ไข เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งาน ขั้นตอนการอัปเดตแอปพลิเคชัน: 1. เปิดแอป App Store 2. ค้นหา Thaitimes 3. กดที่ปุ่ม อัปเดต ตามที่แสดงในภาพ หลังการอัปเดต ท่านจำเป็นต้องล็อกอินใหม่ด้วยชื่อผู้ใช้งานอีเมลและรหัสผ่านเดิมที่เคยสมัครไว้ หากพบปัญหาในการล็อกอิน ท่านสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line: @sondhitalk
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1798 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขณะนี้แอปพลิเคชัน Thaitimes มีการอัปเดตใหม่สำหรับผู้ใช้งานบนระบบ Android โดยมีการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของแอป อย่างไรก็ตาม ทีมงานทราบดีว่ามีบางฟังก์ชันที่อาจยังไม่สมบูรณ์และกำลังอยู่ระหว่างการแก้ไข เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งาน

    กรุณากดอัปเดตแอปพลิเคชันได้ที่ Google Play Store โดยทำตามขั้นตอนดังนี้:
    1. เปิดแอป Google Play Store
    2. ค้นหา Thaitimes
    3. กดที่ปุ่ม อัปเดต ตามภาพประกอบ

    หลังการอัปเดต ท่านจำเป็นต้องล็อกอินใหม่ด้วยชื่อผู้ใช้งานอีเมลและรหัสผ่านเดิมที่เคยสมัครไว้ หากพบปัญหาในการล็อกอิน ท่านสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line: @sondhitalk
    ขณะนี้แอปพลิเคชัน Thaitimes มีการอัปเดตใหม่สำหรับผู้ใช้งานบนระบบ Android โดยมีการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของแอป อย่างไรก็ตาม ทีมงานทราบดีว่ามีบางฟังก์ชันที่อาจยังไม่สมบูรณ์และกำลังอยู่ระหว่างการแก้ไข เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งาน กรุณากดอัปเดตแอปพลิเคชันได้ที่ Google Play Store โดยทำตามขั้นตอนดังนี้: 1. เปิดแอป Google Play Store 2. ค้นหา Thaitimes 3. กดที่ปุ่ม อัปเดต ตามภาพประกอบ หลังการอัปเดต ท่านจำเป็นต้องล็อกอินใหม่ด้วยชื่อผู้ใช้งานอีเมลและรหัสผ่านเดิมที่เคยสมัครไว้ หากพบปัญหาในการล็อกอิน ท่านสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line: @sondhitalk
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 1868 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts