• Proton เตรียมลดราคาหลังศาลสหรัฐฯ ตัดสินว่า Apple ผูกขาดการชำระเงินใน App Store Proton ผู้ให้บริการ VPN และอีเมลที่เน้นความปลอดภัย ประกาศว่าจะ ลดราคาสำหรับผู้ใช้ iOS ลงสูงสุด 30% หลังจากที่ ศาลสหรัฐฯ ตัดสินว่า Apple ละเมิดคำสั่งศาลเกี่ยวกับการผูกขาดการชำระเงินใน App Store

    ศาลพบว่า Apple ละเมิดคำสั่งศาลที่ออกในปี 2021 โดยยังคง เรียกเก็บค่าธรรมเนียม 27% จากนักพัฒนา ที่อนุญาตให้ผู้ใช้ซื้อสินค้าผ่านช่องทางอื่นนอกเหนือจาก App Store

    ✅ ศาลสหรัฐฯ ตัดสินว่า Apple ละเมิดคำสั่งศาลเกี่ยวกับการผูกขาดการชำระเงินใน App Store
    - Apple ยังคง เรียกเก็บค่าธรรมเนียม 27% จากนักพัฒนา ที่ใช้ช่องทางชำระเงินอื่น

    ✅ Proton ประกาศลดราคาสำหรับผู้ใช้ iOS ลงสูงสุด 30%
    - Proton VPN Plus ในสหรัฐฯ จะลดราคาลง 34% สำหรับการสมัครสมาชิกแบบรายปี

    ✅ Spotify ได้รับอนุมัติให้แสดงราคาชัดเจนและลิงก์ไปยังช่องทางชำระเงินอื่น
    - ช่วยให้ ผู้ใช้มีทางเลือกมากขึ้นในการซื้อบริการ

    ✅ Proton เรียกร้องให้สหภาพยุโรปบังคับใช้กฎหมาย Digital Markets Act (DMA) กับ Apple
    - ระบุว่า EU ยังไม่ได้บังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่

    ✅ Apple ยืนยันว่าจะปฏิบัติตามคำสั่งศาล แต่จะยื่นอุทธรณ์
    - Apple ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาล

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/no-apple-tax-means-we-will-lower-prices-proton-promises-price-drop-after-us-ruling-against-apple
    Proton เตรียมลดราคาหลังศาลสหรัฐฯ ตัดสินว่า Apple ผูกขาดการชำระเงินใน App Store Proton ผู้ให้บริการ VPN และอีเมลที่เน้นความปลอดภัย ประกาศว่าจะ ลดราคาสำหรับผู้ใช้ iOS ลงสูงสุด 30% หลังจากที่ ศาลสหรัฐฯ ตัดสินว่า Apple ละเมิดคำสั่งศาลเกี่ยวกับการผูกขาดการชำระเงินใน App Store ศาลพบว่า Apple ละเมิดคำสั่งศาลที่ออกในปี 2021 โดยยังคง เรียกเก็บค่าธรรมเนียม 27% จากนักพัฒนา ที่อนุญาตให้ผู้ใช้ซื้อสินค้าผ่านช่องทางอื่นนอกเหนือจาก App Store ✅ ศาลสหรัฐฯ ตัดสินว่า Apple ละเมิดคำสั่งศาลเกี่ยวกับการผูกขาดการชำระเงินใน App Store - Apple ยังคง เรียกเก็บค่าธรรมเนียม 27% จากนักพัฒนา ที่ใช้ช่องทางชำระเงินอื่น ✅ Proton ประกาศลดราคาสำหรับผู้ใช้ iOS ลงสูงสุด 30% - Proton VPN Plus ในสหรัฐฯ จะลดราคาลง 34% สำหรับการสมัครสมาชิกแบบรายปี ✅ Spotify ได้รับอนุมัติให้แสดงราคาชัดเจนและลิงก์ไปยังช่องทางชำระเงินอื่น - ช่วยให้ ผู้ใช้มีทางเลือกมากขึ้นในการซื้อบริการ ✅ Proton เรียกร้องให้สหภาพยุโรปบังคับใช้กฎหมาย Digital Markets Act (DMA) กับ Apple - ระบุว่า EU ยังไม่ได้บังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ ✅ Apple ยืนยันว่าจะปฏิบัติตามคำสั่งศาล แต่จะยื่นอุทธรณ์ - Apple ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาล https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/no-apple-tax-means-we-will-lower-prices-proton-promises-price-drop-after-us-ruling-against-apple
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • ASRock X870 อาจทำให้ Ryzen 9 9950X เสียหาย—ปัญหาที่กำลังถูกจับตามอง Tech YES City ได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับ ปัญหาของเมนบอร์ด ASRock X870 Steel Legend ที่อาจทำให้ CPU AMD Ryzen 9 9950X เสียหาย โดยมีรายงานจากผู้ใช้หลายรายที่พบว่า CPU ของพวกเขาเสียหายอย่างสมบูรณ์

    ปัญหานี้เริ่มต้นจาก Ryzen 7 9800X3D ซึ่งมีรายงานว่า เสียหายบนเมนบอร์ด ASRock เป็นจำนวนมาก โดยมีการบันทึกใน ASRock Subreddit กว่า 200 กรณี และแม้ว่า ASRock จะออก BIOS อัปเดตเพื่อแก้ไขปัญหา แต่ดูเหมือนว่า ปัญหายังคงเกิดขึ้นกับ CPU รุ่นอื่น ๆ เช่น Ryzen 9 9950X

    ✅ Tech YES City รายงานว่า ASRock X870 Steel Legend อาจทำให้ Ryzen 9 9950X เสียหาย
    - พบ ร่องรอยสีเทาบน CPU ที่เสียหาย

    ✅ ปัญหานี้เริ่มต้นจาก Ryzen 7 9800X3D และมีรายงานกว่า 200 กรณีใน ASRock Subreddit
    - มีการบันทึก กรณี CPU เสียหายจำนวนมาก

    ✅ ASRock ได้ออก BIOS อัปเดตเพื่อแก้ไขปัญหา แต่ยังคงมีรายงาน CPU เสียหาย
    - AMD ได้ตรวจสอบปัญหาและ ASRock ออกอัปเดตเพิ่มเติม

    ✅ Tech YES City ระบุว่า ASRock อาจพยายามปกปิดปัญหานี้
    - มีการกล่าวว่า บริษัทหวังว่าปัญหาจะหายไปเอง

    ✅ ผู้ใช้บางรายเชื่อว่าปัญหาอาจเกิดจากแรงดันไฟฟ้าที่สูงเกินไป
    - อาจเป็น ข้อผิดพลาดของ BIOS ที่ทำให้ CPU ได้รับแรงดันไฟฟ้าสูงเกินไป

    https://www.techpowerup.com/336553/tech-youtuber-highlights-asrock-x870-motherboards-killing-of-his-ryzen-9-9950x-cpu
    ASRock X870 อาจทำให้ Ryzen 9 9950X เสียหาย—ปัญหาที่กำลังถูกจับตามอง Tech YES City ได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับ ปัญหาของเมนบอร์ด ASRock X870 Steel Legend ที่อาจทำให้ CPU AMD Ryzen 9 9950X เสียหาย โดยมีรายงานจากผู้ใช้หลายรายที่พบว่า CPU ของพวกเขาเสียหายอย่างสมบูรณ์ ปัญหานี้เริ่มต้นจาก Ryzen 7 9800X3D ซึ่งมีรายงานว่า เสียหายบนเมนบอร์ด ASRock เป็นจำนวนมาก โดยมีการบันทึกใน ASRock Subreddit กว่า 200 กรณี และแม้ว่า ASRock จะออก BIOS อัปเดตเพื่อแก้ไขปัญหา แต่ดูเหมือนว่า ปัญหายังคงเกิดขึ้นกับ CPU รุ่นอื่น ๆ เช่น Ryzen 9 9950X ✅ Tech YES City รายงานว่า ASRock X870 Steel Legend อาจทำให้ Ryzen 9 9950X เสียหาย - พบ ร่องรอยสีเทาบน CPU ที่เสียหาย ✅ ปัญหานี้เริ่มต้นจาก Ryzen 7 9800X3D และมีรายงานกว่า 200 กรณีใน ASRock Subreddit - มีการบันทึก กรณี CPU เสียหายจำนวนมาก ✅ ASRock ได้ออก BIOS อัปเดตเพื่อแก้ไขปัญหา แต่ยังคงมีรายงาน CPU เสียหาย - AMD ได้ตรวจสอบปัญหาและ ASRock ออกอัปเดตเพิ่มเติม ✅ Tech YES City ระบุว่า ASRock อาจพยายามปกปิดปัญหานี้ - มีการกล่าวว่า บริษัทหวังว่าปัญหาจะหายไปเอง ✅ ผู้ใช้บางรายเชื่อว่าปัญหาอาจเกิดจากแรงดันไฟฟ้าที่สูงเกินไป - อาจเป็น ข้อผิดพลาดของ BIOS ที่ทำให้ CPU ได้รับแรงดันไฟฟ้าสูงเกินไป https://www.techpowerup.com/336553/tech-youtuber-highlights-asrock-x870-motherboards-killing-of-his-ryzen-9-9950x-cpu
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Tech YouTuber Highlights ASRock X870 Motherboard's "Killing" of His Ryzen 9 9950X CPU
    Unlucky owners of AMD Ryzen 7 9800X3D processors have encountered major problems that largely involve ASRock motherboards. Throughout early 2025, user feedback provided insight into numerous cases of "catastrophic CPU failures." Members of the official ASRock subreddit have kept track of these unfor...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple ปรับปรุงแอป Move to iOS ให้โอนข้อมูลจาก Android ไป iPhone ได้ง่ายขึ้น Apple ได้อัปเดต แอป Move to iOS ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถ โอนข้อมูลจากสมาร์ทโฟน Android ไปยัง iPhone ได้รวดเร็วและครอบคลุมมากขึ้น โดยเพิ่ม การรองรับประวัติการโทร, ไฟล์เสียง และป้ายกำกับ Dual SIM

    นอกจากนี้ แอปยัง รองรับการโอนข้อมูลผ่านสาย USB-C สำหรับ iPhone รุ่นใหม่ และ USB-C to Lightning สำหรับรุ่นเก่า ทำให้การโอนข้อมูล มีความเร็วสูงขึ้นและลดข้อผิดพลาดในการเชื่อมต่อ

    ✅ Move to iOS รองรับการโอนข้อมูลที่ครอบคลุมมากขึ้น
    - สามารถ โอนรายชื่อ, ประวัติข้อความ, รูปภาพ, วิดีโอ, บุ๊กมาร์กเว็บ, บัญชีอีเมล และปฏิทิน
    - รองรับ แอปที่เข้ากันได้ รวมถึงเนื้อหา WhatsApp

    ✅ เพิ่มการรองรับประวัติการโทรและไฟล์เสียง
    - สามารถ โอนข้อมูลไปยังแอป Voice Memos หรือ Files ได้โดยตรง

    ✅ รองรับการโอนป้ายกำกับ Dual SIM
    - ช่วยให้ ผู้ใช้ที่ใช้สองซิมสามารถรักษาชื่อที่ตั้งค่าไว้ได้

    ✅ รองรับการโอนข้อมูลผ่านสาย USB-C และ USB-C to Lightning
    - ทำให้ การโอนข้อมูลเร็วขึ้นและลดข้อผิดพลาดในการเชื่อมต่อ

    ✅ Google มีแอป Switch to Android สำหรับการโอนข้อมูลจาก iPhone ไป Android
    - ใช้ QR Code เพื่อโอนรายชื่อ, ปฏิทิน, รูปภาพ และวิดีโอ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/09/switching-from-an-android-handset-to-an-iphone-has-never-been-easier
    Apple ปรับปรุงแอป Move to iOS ให้โอนข้อมูลจาก Android ไป iPhone ได้ง่ายขึ้น Apple ได้อัปเดต แอป Move to iOS ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถ โอนข้อมูลจากสมาร์ทโฟน Android ไปยัง iPhone ได้รวดเร็วและครอบคลุมมากขึ้น โดยเพิ่ม การรองรับประวัติการโทร, ไฟล์เสียง และป้ายกำกับ Dual SIM นอกจากนี้ แอปยัง รองรับการโอนข้อมูลผ่านสาย USB-C สำหรับ iPhone รุ่นใหม่ และ USB-C to Lightning สำหรับรุ่นเก่า ทำให้การโอนข้อมูล มีความเร็วสูงขึ้นและลดข้อผิดพลาดในการเชื่อมต่อ ✅ Move to iOS รองรับการโอนข้อมูลที่ครอบคลุมมากขึ้น - สามารถ โอนรายชื่อ, ประวัติข้อความ, รูปภาพ, วิดีโอ, บุ๊กมาร์กเว็บ, บัญชีอีเมล และปฏิทิน - รองรับ แอปที่เข้ากันได้ รวมถึงเนื้อหา WhatsApp ✅ เพิ่มการรองรับประวัติการโทรและไฟล์เสียง - สามารถ โอนข้อมูลไปยังแอป Voice Memos หรือ Files ได้โดยตรง ✅ รองรับการโอนป้ายกำกับ Dual SIM - ช่วยให้ ผู้ใช้ที่ใช้สองซิมสามารถรักษาชื่อที่ตั้งค่าไว้ได้ ✅ รองรับการโอนข้อมูลผ่านสาย USB-C และ USB-C to Lightning - ทำให้ การโอนข้อมูลเร็วขึ้นและลดข้อผิดพลาดในการเชื่อมต่อ ✅ Google มีแอป Switch to Android สำหรับการโอนข้อมูลจาก iPhone ไป Android - ใช้ QR Code เพื่อโอนรายชื่อ, ปฏิทิน, รูปภาพ และวิดีโอ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/09/switching-from-an-android-handset-to-an-iphone-has-never-been-easier
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Switching from an Android handset to an iPhone has never been easier
    Apple has announced a major update to its Move to iOS mobile application which, as the name suggests, lets you transfer your personal data from an old Android smartphone to a new iPhone. The manufacturer now promises a faster, more comprehensive switchover.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ออกอัปเดตไมโครโค้ด 0x12F เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่เสถียรของซีพียูรุ่นที่ 13 และ 14 Intel ได้ปล่อย ไมโครโค้ดเวอร์ชัน 0x12F เพื่อแก้ไขปัญหา Vmin Shift Instability ซึ่งเป็นปัญหาที่พบใน ซีพียูเดสก์ท็อปรุ่นที่ 13 และ 14 โดยอัปเดตใหม่นี้ ช่วยปรับปรุงเสถียรภาพของระบบโดยไม่มีผลกระทบต่อประสิทธิภาพ

    ก่อนหน้านี้ Intel ได้ออก ไมโครโค้ดเวอร์ชัน 0x12B เพื่อลดแรงดันไฟฟ้าที่สูงเกินไป แต่ยังพบปัญหาในบางกรณี ทำให้ต้องออก เวอร์ชัน 0x12F เพื่อแก้ไขเพิ่มเติม

    ✅ Intel ออกไมโครโค้ด 0x12F เพื่อแก้ไขปัญหา Vmin Shift Instability
    - เป็น ส่วนขยายของอัปเดต 0x12B
    - ช่วยปรับปรุง เสถียรภาพของซีพียูรุ่นที่ 13 และ 14

    ✅ อัปเดตใหม่นี้ไม่มีผลกระทบต่อประสิทธิภาพของซีพียู
    - Intel ยืนยันว่า ไม่มีการลดประสิทธิภาพจากอัปเดตนี้

    ✅ Intel แนะนำให้ผู้ใช้ติดตั้ง BIOS เวอร์ชันล่าสุด
    - ควรใช้ Intel Default Settings ใน BIOS เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของ Vmin Shift Instability

    ✅ ผู้ใช้สามารถตรวจสอบอัปเดต BIOS ได้จากเว็บไซต์ของผู้ผลิตเมนบอร์ด
    - หากไม่แน่ใจเกี่ยวกับรุ่นเมนบอร์ด สามารถใช้คำสั่ง msinfo32 เพื่อตรวจสอบข้อมูลระบบ

    https://www.neowin.net/news/intel-says-latest-13th14th-gen-cpu-instability-bug-firmware-does-not-impact-performance/
    Intel ออกอัปเดตไมโครโค้ด 0x12F เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่เสถียรของซีพียูรุ่นที่ 13 และ 14 Intel ได้ปล่อย ไมโครโค้ดเวอร์ชัน 0x12F เพื่อแก้ไขปัญหา Vmin Shift Instability ซึ่งเป็นปัญหาที่พบใน ซีพียูเดสก์ท็อปรุ่นที่ 13 และ 14 โดยอัปเดตใหม่นี้ ช่วยปรับปรุงเสถียรภาพของระบบโดยไม่มีผลกระทบต่อประสิทธิภาพ ก่อนหน้านี้ Intel ได้ออก ไมโครโค้ดเวอร์ชัน 0x12B เพื่อลดแรงดันไฟฟ้าที่สูงเกินไป แต่ยังพบปัญหาในบางกรณี ทำให้ต้องออก เวอร์ชัน 0x12F เพื่อแก้ไขเพิ่มเติม ✅ Intel ออกไมโครโค้ด 0x12F เพื่อแก้ไขปัญหา Vmin Shift Instability - เป็น ส่วนขยายของอัปเดต 0x12B - ช่วยปรับปรุง เสถียรภาพของซีพียูรุ่นที่ 13 และ 14 ✅ อัปเดตใหม่นี้ไม่มีผลกระทบต่อประสิทธิภาพของซีพียู - Intel ยืนยันว่า ไม่มีการลดประสิทธิภาพจากอัปเดตนี้ ✅ Intel แนะนำให้ผู้ใช้ติดตั้ง BIOS เวอร์ชันล่าสุด - ควรใช้ Intel Default Settings ใน BIOS เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของ Vmin Shift Instability ✅ ผู้ใช้สามารถตรวจสอบอัปเดต BIOS ได้จากเว็บไซต์ของผู้ผลิตเมนบอร์ด - หากไม่แน่ใจเกี่ยวกับรุ่นเมนบอร์ด สามารถใช้คำสั่ง msinfo32 เพื่อตรวจสอบข้อมูลระบบ https://www.neowin.net/news/intel-says-latest-13th14th-gen-cpu-instability-bug-firmware-does-not-impact-performance/
    WWW.NEOWIN.NET
    Intel says latest 13th/14th Gen CPU instability bug firmware does not impact performance
    Intel has issued new firmware to further fix stability issues on 13th and 14th Gen desktop processors. The new update is said to have almost no performance impact.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ได้ออก อัปเดตไมโครโค้ด 0x12F เพื่อแก้ไขปัญหา Vmin Shift instability ซึ่งเป็นปัญหาที่เคยคิดว่าได้รับการแก้ไขแล้วในอัปเดตก่อนหน้า แต่ยังคงเกิดขึ้นในบางกรณี

    ไมโครโค้ด 0x12F เป็น ส่วนขยายของอัปเดต 0x12B โดยเพิ่มการแก้ไขที่ไม่ได้ครอบคลุมในอัปเดตเดิม ซึ่งช่วยลดปัญหาความไม่เสถียรของ ซีพียู Raptor Lake รุ่นที่ 13 และ 14 ที่ทำงานต่อเนื่องหลายวันและใช้โหลดงานเบา

    ✅ Intel ออกอัปเดตไมโครโค้ด 0x12F เพื่อแก้ไขปัญหา Vmin Shift instability
    - เป็น ส่วนขยายของอัปเดต 0x12B
    - ช่วยลด ปัญหาความไม่เสถียรของซีพียู Raptor Lake รุ่นที่ 13 และ 14

    ✅ อัปเดตนี้ไม่มีผลกระทบต่อประสิทธิภาพเพิ่มเติม
    - Intel ยืนยันว่า ไม่มีการลดประสิทธิภาพของซีพียูจากอัปเดตนี้

    ✅ ไมโครโค้ด 0x12F ไม่เกี่ยวข้องกับซีพียู Core Ultra 200S series
    - ซีพียูรุ่นใหม่ ไม่มีปัญหาความไม่เสถียรที่พบใน Raptor Lake

    ✅ ผู้ผลิตเมนบอร์ดเริ่มปล่อยอัปเดต BIOS ที่รวมไมโครโค้ด 0x12F แล้ว
    - ASRock เป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่ เริ่มปล่อยอัปเดต BIOS ให้ผู้ใช้

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/raptor-lake-instability-saga-continues-as-intel-releases-0x12f-update-to-fix-vmin-instability
    Intel ได้ออก อัปเดตไมโครโค้ด 0x12F เพื่อแก้ไขปัญหา Vmin Shift instability ซึ่งเป็นปัญหาที่เคยคิดว่าได้รับการแก้ไขแล้วในอัปเดตก่อนหน้า แต่ยังคงเกิดขึ้นในบางกรณี ไมโครโค้ด 0x12F เป็น ส่วนขยายของอัปเดต 0x12B โดยเพิ่มการแก้ไขที่ไม่ได้ครอบคลุมในอัปเดตเดิม ซึ่งช่วยลดปัญหาความไม่เสถียรของ ซีพียู Raptor Lake รุ่นที่ 13 และ 14 ที่ทำงานต่อเนื่องหลายวันและใช้โหลดงานเบา ✅ Intel ออกอัปเดตไมโครโค้ด 0x12F เพื่อแก้ไขปัญหา Vmin Shift instability - เป็น ส่วนขยายของอัปเดต 0x12B - ช่วยลด ปัญหาความไม่เสถียรของซีพียู Raptor Lake รุ่นที่ 13 และ 14 ✅ อัปเดตนี้ไม่มีผลกระทบต่อประสิทธิภาพเพิ่มเติม - Intel ยืนยันว่า ไม่มีการลดประสิทธิภาพของซีพียูจากอัปเดตนี้ ✅ ไมโครโค้ด 0x12F ไม่เกี่ยวข้องกับซีพียู Core Ultra 200S series - ซีพียูรุ่นใหม่ ไม่มีปัญหาความไม่เสถียรที่พบใน Raptor Lake ✅ ผู้ผลิตเมนบอร์ดเริ่มปล่อยอัปเดต BIOS ที่รวมไมโครโค้ด 0x12F แล้ว - ASRock เป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่ เริ่มปล่อยอัปเดต BIOS ให้ผู้ใช้ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/raptor-lake-instability-saga-continues-as-intel-releases-0x12f-update-to-fix-vmin-instability
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Raptor Lake instability saga continues as Intel releases 0x12F update to fix Vmin instability
    Microcode update 0x12F rectifies rare circumstances where Vmin shift can still occur
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple ได้ยื่นคำร้องต่อ ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ เพื่อขอให้ ระงับคำสั่งศาลที่บังคับให้เปิด App Store ให้มีการแข่งขันมากขึ้น โดยระบุว่า บริษัทจะได้รับความเสียหายอย่างไม่สามารถแก้ไขได้หากคำสั่งนี้มีผลทันที

    คดีนี้เกี่ยวข้องกับ Epic Games ผู้พัฒนาเกม Fortnite ซึ่งฟ้องร้อง Apple ตั้งแต่ปี 2020 เพื่อ ให้ Apple ลดการควบคุมธุรกรรมในแอปที่ใช้ระบบ iOS ศาลพบว่า Apple ละเมิดคำสั่งศาลเดิมในปี 2021 และ พยายามหลีกเลี่ยงข้อบังคับที่กำหนดให้เปิดทางเลือกการชำระเงินนอก App Store

    ✅ Apple ขอให้ศาลอุทธรณ์ระงับคำสั่งที่บังคับให้เปิด App Store ให้มีการแข่งขันมากขึ้น
    - ระบุว่า บริษัทจะได้รับความเสียหายอย่างไม่สามารถแก้ไขได้หากคำสั่งนี้มีผลทันที
    - คำสั่งศาลเดิม บังคับให้ Apple ยุติการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 27% จากนักพัฒนาแอปที่ใช้ระบบชำระเงินภายนอก

    ✅ Epic Games ฟ้องร้อง Apple ตั้งแต่ปี 2020 เพื่อให้ลดการควบคุมธุรกรรมในแอป
    - ศาลพบว่า Apple ละเมิดคำสั่งศาลเดิมในปี 2021
    - Apple พยายามหลีกเลี่ยงข้อบังคับที่กำหนดให้เปิดทางเลือกการชำระเงินนอก App Store

    ✅ Epic Games ระบุว่า Apple พยายามขัดขวางการแข่งขันและเรียกเก็บค่าธรรมเนียมที่ไม่เป็นธรรม
    - Epic Games กล่าวว่าคำร้องของ Apple เป็น "ความพยายามครั้งสุดท้ายในการปิดกั้นการแข่งขันและเรียกเก็บค่าธรรมเนียมที่ไม่จำเป็นจากนักพัฒนาและผู้บริโภค"

    ✅ ศาลพบว่า Apple พยายามรักษารายได้หลายพันล้านดอลลาร์โดยฝ่าฝืนคำสั่งศาล
    - ผู้พิพากษา Yvonne Gonzalez Rogers ระบุว่า Apple จงใจละเมิดคำสั่งศาลและอาจถูกสอบสวนในข้อหาดูหมิ่นศาล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/08/apple-asks-us-appeals-court-to-pause-ruling-in-epic-games-case
    Apple ได้ยื่นคำร้องต่อ ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ เพื่อขอให้ ระงับคำสั่งศาลที่บังคับให้เปิด App Store ให้มีการแข่งขันมากขึ้น โดยระบุว่า บริษัทจะได้รับความเสียหายอย่างไม่สามารถแก้ไขได้หากคำสั่งนี้มีผลทันที คดีนี้เกี่ยวข้องกับ Epic Games ผู้พัฒนาเกม Fortnite ซึ่งฟ้องร้อง Apple ตั้งแต่ปี 2020 เพื่อ ให้ Apple ลดการควบคุมธุรกรรมในแอปที่ใช้ระบบ iOS ศาลพบว่า Apple ละเมิดคำสั่งศาลเดิมในปี 2021 และ พยายามหลีกเลี่ยงข้อบังคับที่กำหนดให้เปิดทางเลือกการชำระเงินนอก App Store ✅ Apple ขอให้ศาลอุทธรณ์ระงับคำสั่งที่บังคับให้เปิด App Store ให้มีการแข่งขันมากขึ้น - ระบุว่า บริษัทจะได้รับความเสียหายอย่างไม่สามารถแก้ไขได้หากคำสั่งนี้มีผลทันที - คำสั่งศาลเดิม บังคับให้ Apple ยุติการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 27% จากนักพัฒนาแอปที่ใช้ระบบชำระเงินภายนอก ✅ Epic Games ฟ้องร้อง Apple ตั้งแต่ปี 2020 เพื่อให้ลดการควบคุมธุรกรรมในแอป - ศาลพบว่า Apple ละเมิดคำสั่งศาลเดิมในปี 2021 - Apple พยายามหลีกเลี่ยงข้อบังคับที่กำหนดให้เปิดทางเลือกการชำระเงินนอก App Store ✅ Epic Games ระบุว่า Apple พยายามขัดขวางการแข่งขันและเรียกเก็บค่าธรรมเนียมที่ไม่เป็นธรรม - Epic Games กล่าวว่าคำร้องของ Apple เป็น "ความพยายามครั้งสุดท้ายในการปิดกั้นการแข่งขันและเรียกเก็บค่าธรรมเนียมที่ไม่จำเป็นจากนักพัฒนาและผู้บริโภค" ✅ ศาลพบว่า Apple พยายามรักษารายได้หลายพันล้านดอลลาร์โดยฝ่าฝืนคำสั่งศาล - ผู้พิพากษา Yvonne Gonzalez Rogers ระบุว่า Apple จงใจละเมิดคำสั่งศาลและอาจถูกสอบสวนในข้อหาดูหมิ่นศาล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/08/apple-asks-us-appeals-court-to-pause-ruling-in-epic-games-case
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Apple asks US appeals court to pause ruling in Epic Games case
    (Reuters) - Apple has asked a federal appeals court to temporarily pause key provisions in a U.S. judge's ruling that ordered the tech company to immediately open its lucrative App Store to more competition.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในปี 2025 ภัยคุกคามทางไซเบอร์มีความซับซ้อนมากขึ้น โดยมีการใช้ มัลแวร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI, ชุดเครื่องมือฟิชชิ่งแบบบริการ (Phishing-as-a-Service) และช่องโหว่ Zero-day ที่สามารถโจมตีได้ตั้งแต่บุคคลทั่วไปไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่

    ด้วยเหตุนี้ การเลือกใช้ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ใช่แค่การตรวจจับไวรัส แต่ต้องเป็น ระบบป้องกันที่ครอบคลุมทุกด้าน ตั้งแต่ ไฟล์ส่วนตัวไปจนถึงข้อมูลทางการเงิน และสามารถทำงานได้บน หลายอุปกรณ์และแพลตฟอร์ม

    ✅ Bitdefender Total Security – ป้องกันรอบด้านสำหรับทุกอุปกรณ์
    - ใช้ AI ในการตรวจจับภัยคุกคามแบบเรียลไทม์
    - มี VPN ปลอดภัย พร้อมตัวจัดการรหัสผ่าน
    - รองรับ Windows, macOS, Android และ iOS

    ✅ Kaspersky Internet Security – ประสิทธิภาพสูง ใช้ทรัพยากรระบบน้อย
    - มี Safe Money browser สำหรับธุรกรรมออนไลน์
    - ป้องกัน การโจมตีเครือข่ายและฟิชชิ่ง
    - มี ระบบเข้ารหัสข้อมูลและการตรวจสอบแบบเรียลไทม์

    ✅ ESET Smart Security Premium – เหมาะสำหรับผู้ใช้ระดับสูง
    - มี LiveGuard sandboxing สำหรับตรวจจับภัยคุกคามใหม่
    - ป้องกัน การโจมตีระดับเฟิร์มแวร์ด้วย UEFI scanner
    - มี ระบบเข้ารหัสไฟล์และตัวจัดการรหัสผ่าน

    ✅ Norton 360 Deluxe – ป้องกันข้อมูลส่วนตัวและการโจมตีทางไซเบอร์
    - มี Dark Web Monitoring และการแจ้งเตือนข้อมูลรั่วไหล
    - รองรับ การสำรองข้อมูลบนคลาวด์ 50GB
    - มี VPN ไม่จำกัดแบนด์วิดท์

    ✅ Webroot SecureAnywhere – เหมาะสำหรับระบบที่มีทรัพยากรจำกัด
    - ใช้ การวิเคราะห์ภัยคุกคามบนคลาวด์
    - มี ระบบป้องกันฟิชชิ่งและการโจมตีแบบเรียลไทม์
    - ใช้ทรัพยากรระบบน้อยมาก

    ‼️ มัลแวร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI อาจทำให้การโจมตีมีความซับซ้อนมากขึ้น
    - ระบบรักษาความปลอดภัยต้อง สามารถตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติได้

    ‼️ ช่องโหว่ Zero-day ยังคงเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรง
    - ควรใช้ ซอฟต์แวร์ที่มีระบบอัปเดตและแพตช์ความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง

    https://computercity.com/software/malware/best-network-security-software-for-protecting-your-digital-assets-2025
    ในปี 2025 ภัยคุกคามทางไซเบอร์มีความซับซ้อนมากขึ้น โดยมีการใช้ มัลแวร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI, ชุดเครื่องมือฟิชชิ่งแบบบริการ (Phishing-as-a-Service) และช่องโหว่ Zero-day ที่สามารถโจมตีได้ตั้งแต่บุคคลทั่วไปไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ ด้วยเหตุนี้ การเลือกใช้ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ใช่แค่การตรวจจับไวรัส แต่ต้องเป็น ระบบป้องกันที่ครอบคลุมทุกด้าน ตั้งแต่ ไฟล์ส่วนตัวไปจนถึงข้อมูลทางการเงิน และสามารถทำงานได้บน หลายอุปกรณ์และแพลตฟอร์ม ✅ Bitdefender Total Security – ป้องกันรอบด้านสำหรับทุกอุปกรณ์ - ใช้ AI ในการตรวจจับภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ - มี VPN ปลอดภัย พร้อมตัวจัดการรหัสผ่าน - รองรับ Windows, macOS, Android และ iOS ✅ Kaspersky Internet Security – ประสิทธิภาพสูง ใช้ทรัพยากรระบบน้อย - มี Safe Money browser สำหรับธุรกรรมออนไลน์ - ป้องกัน การโจมตีเครือข่ายและฟิชชิ่ง - มี ระบบเข้ารหัสข้อมูลและการตรวจสอบแบบเรียลไทม์ ✅ ESET Smart Security Premium – เหมาะสำหรับผู้ใช้ระดับสูง - มี LiveGuard sandboxing สำหรับตรวจจับภัยคุกคามใหม่ - ป้องกัน การโจมตีระดับเฟิร์มแวร์ด้วย UEFI scanner - มี ระบบเข้ารหัสไฟล์และตัวจัดการรหัสผ่าน ✅ Norton 360 Deluxe – ป้องกันข้อมูลส่วนตัวและการโจมตีทางไซเบอร์ - มี Dark Web Monitoring และการแจ้งเตือนข้อมูลรั่วไหล - รองรับ การสำรองข้อมูลบนคลาวด์ 50GB - มี VPN ไม่จำกัดแบนด์วิดท์ ✅ Webroot SecureAnywhere – เหมาะสำหรับระบบที่มีทรัพยากรจำกัด - ใช้ การวิเคราะห์ภัยคุกคามบนคลาวด์ - มี ระบบป้องกันฟิชชิ่งและการโจมตีแบบเรียลไทม์ - ใช้ทรัพยากรระบบน้อยมาก ‼️ มัลแวร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI อาจทำให้การโจมตีมีความซับซ้อนมากขึ้น - ระบบรักษาความปลอดภัยต้อง สามารถตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติได้ ‼️ ช่องโหว่ Zero-day ยังคงเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรง - ควรใช้ ซอฟต์แวร์ที่มีระบบอัปเดตและแพตช์ความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง https://computercity.com/software/malware/best-network-security-software-for-protecting-your-digital-assets-2025
    COMPUTERCITY.COM
    Best Network Security Software for Protecting Your Digital Assets (2025)
    In 2025, cyber threats have grown more advanced than ever, with AI-driven malware, phishing-as-a-service kits, and zero-day exploits targeting everyone from
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ให้ไฟเขียวเนทันยาฮูในการดำเนินการตามที่เขาเห็นว่าเหมาะสมในฉนวนกาซา!!

    - Axios รายงาน


    ภาพวิดีโออาคารที่พักประชาชนชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซากำลังพังทลายหลังการโจมตีอย่างรุนแรงของอิสราเอล
    ทรัมป์ให้ไฟเขียวเนทันยาฮูในการดำเนินการตามที่เขาเห็นว่าเหมาะสมในฉนวนกาซา!! - Axios รายงาน ภาพวิดีโออาคารที่พักประชาชนชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซากำลังพังทลายหลังการโจมตีอย่างรุนแรงของอิสราเอล
    Angry
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินของศาลสหรัฐฯ ที่บังคับให้บริษัท หยุดเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่น 27% จากการซื้อภายในแอปที่ดำเนินการผ่านระบบการชำระเงินของบุคคลที่สาม

    คำตัดสินนี้เป็นผลมาจากคดีที่ Epic Games ยื่นฟ้อง Apple ตั้งแต่ปี 2020 เพื่อเปิดให้ iOS รองรับ ร้านค้าแอปของบุคคลที่สาม และระบบการชำระเงินภายนอก โดยศาลระบุว่า Apple ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเดิมอย่างถูกต้อง และกล่าวหาว่า ผู้บริหารระดับสูงของ Apple ให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง

    แม้ว่าคำตัดสินนี้จะทำให้ Epic Games ประกาศว่าจะกลับเข้าสู่ App Store และนักพัฒนาหลายรายอาจลดราคาสินค้าในแอป แต่ Apple ยืนยันว่าจะ ปฏิบัติตามคำสั่งศาลและดำเนินการอุทธรณ์

    ✅ Apple ยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินของศาลสหรัฐฯ
    - ศาลบังคับให้ หยุดเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่น 27% จากการซื้อภายในแอปที่ใช้ระบบชำระเงินของบุคคลที่สาม
    - Apple ยืนยันว่าจะ ปฏิบัติตามคำสั่งศาลและดำเนินการอุทธรณ์

    ✅ คดีนี้เริ่มต้นจากการฟ้องร้องของ Epic Games ในปี 2020
    - Epic ต้องการให้ iOS รองรับร้านค้าแอปของบุคคลที่สาม
    - ต้องการให้ Apple อนุญาตให้ใช้ระบบการชำระเงินภายนอก

    ✅ ศาลกล่าวหา Apple ว่าไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเดิมอย่างถูกต้อง
    - ระบุว่า ผู้บริหารระดับสูงของ Apple ให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง
    - มีการเปิดเผยว่า Tim Cook ไม่ทำตามคำแนะนำของ Phillip Schiller

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมแอปพลิเคชัน
    - Epic Games ประกาศว่าจะ กลับเข้าสู่ App Store
    - นักพัฒนาหลายรายอาจ ลดราคาสินค้าในแอป เนื่องจากค่าคอมมิชชั่นลดลง

    https://www.techradar.com/phones/ios/is-the-app-store-about-to-undergo-a-big-change-not-so-fast-says-apple
    Apple ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินของศาลสหรัฐฯ ที่บังคับให้บริษัท หยุดเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่น 27% จากการซื้อภายในแอปที่ดำเนินการผ่านระบบการชำระเงินของบุคคลที่สาม คำตัดสินนี้เป็นผลมาจากคดีที่ Epic Games ยื่นฟ้อง Apple ตั้งแต่ปี 2020 เพื่อเปิดให้ iOS รองรับ ร้านค้าแอปของบุคคลที่สาม และระบบการชำระเงินภายนอก โดยศาลระบุว่า Apple ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเดิมอย่างถูกต้อง และกล่าวหาว่า ผู้บริหารระดับสูงของ Apple ให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง แม้ว่าคำตัดสินนี้จะทำให้ Epic Games ประกาศว่าจะกลับเข้าสู่ App Store และนักพัฒนาหลายรายอาจลดราคาสินค้าในแอป แต่ Apple ยืนยันว่าจะ ปฏิบัติตามคำสั่งศาลและดำเนินการอุทธรณ์ ✅ Apple ยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินของศาลสหรัฐฯ - ศาลบังคับให้ หยุดเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่น 27% จากการซื้อภายในแอปที่ใช้ระบบชำระเงินของบุคคลที่สาม - Apple ยืนยันว่าจะ ปฏิบัติตามคำสั่งศาลและดำเนินการอุทธรณ์ ✅ คดีนี้เริ่มต้นจากการฟ้องร้องของ Epic Games ในปี 2020 - Epic ต้องการให้ iOS รองรับร้านค้าแอปของบุคคลที่สาม - ต้องการให้ Apple อนุญาตให้ใช้ระบบการชำระเงินภายนอก ✅ ศาลกล่าวหา Apple ว่าไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเดิมอย่างถูกต้อง - ระบุว่า ผู้บริหารระดับสูงของ Apple ให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง - มีการเปิดเผยว่า Tim Cook ไม่ทำตามคำแนะนำของ Phillip Schiller ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมแอปพลิเคชัน - Epic Games ประกาศว่าจะ กลับเข้าสู่ App Store - นักพัฒนาหลายรายอาจ ลดราคาสินค้าในแอป เนื่องจากค่าคอมมิชชั่นลดลง https://www.techradar.com/phones/ios/is-the-app-store-about-to-undergo-a-big-change-not-so-fast-says-apple
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ยังคงเดินหน้าพัฒนา Xe3 "Celestial" GPUs แม้จะมีข่าวลือว่าถูกยกเลิก โดยล่าสุดมีรายงานว่า Celestial อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบก่อนผลิตจริง (pre-silicon validation) ขณะที่ Battlemage Arc B770 อาจเปิดตัวที่ Computex 2025

    ในขั้นตอน pre-silicon validation สถาปัตยกรรมกราฟิกของ Celestial ถูกทดสอบกับ OEMs และ BIOS vendors ผ่านซอฟต์แวร์จำลอง เพื่อให้วิศวกรสามารถ ตรวจจับปัญหาก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิตจริง นอกจากนี้ยังมีข้อมูลจาก LinkedIn ของวิศวกร Intel ที่เผยว่า Celestial GPU มีการพัฒนาโค้ดระดับต่ำและไดรเวอร์สำหรับ Nova Lake และ Xeon6 (Diamond Rapids) CPUs

    ขณะเดียวกัน Battlemage Arc B770 ซึ่งใช้ BMG-G31 silicon อาจเปิดตัวที่ Computex 2025 โดยมี 32 Xe cores, VRAM GDDR6 16GB และ memory bus 256-bit ซึ่งอาจทำให้สามารถแข่งขันกับ RTX 4070 Ti Super และ RTX 4080 ได้

    ✅ Celestial GPUs อยู่ในขั้นตอน pre-silicon validation
    - ทดสอบกับ OEMs และ BIOS vendors ผ่านซอฟต์แวร์จำลอง
    - วิศวกร Intel พัฒนา โค้ดระดับต่ำและไดรเวอร์สำหรับ Nova Lake และ Xeon6

    ✅ Battlemage Arc B770 อาจเปิดตัวที่ Computex 2025
    - ใช้ BMG-G31 silicon
    - มี 32 Xe cores, VRAM GDDR6 16GB และ memory bus 256-bit

    ✅ ผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาด GPU
    - Celestial อาจเป็น คู่แข่งของ Nvidia และ AMD ในตลาดกราฟิกระดับสูง
    - Battlemage Arc B770 อาจสามารถ แข่งขันกับ RTX 4070 Ti Super และ RTX 4080

    ✅ แนวโน้มของการพัฒนาในอนาคต
    - Intel ยังคงพัฒนา Xe4 "Druid" GPUs ซึ่งเป็นรุ่นถัดไปของ Celestial

    https://www.techspot.com/news/107798-intel-arc-xe3-celestial-gpu-enters-pre-validation.html
    Intel ยังคงเดินหน้าพัฒนา Xe3 "Celestial" GPUs แม้จะมีข่าวลือว่าถูกยกเลิก โดยล่าสุดมีรายงานว่า Celestial อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบก่อนผลิตจริง (pre-silicon validation) ขณะที่ Battlemage Arc B770 อาจเปิดตัวที่ Computex 2025 ในขั้นตอน pre-silicon validation สถาปัตยกรรมกราฟิกของ Celestial ถูกทดสอบกับ OEMs และ BIOS vendors ผ่านซอฟต์แวร์จำลอง เพื่อให้วิศวกรสามารถ ตรวจจับปัญหาก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิตจริง นอกจากนี้ยังมีข้อมูลจาก LinkedIn ของวิศวกร Intel ที่เผยว่า Celestial GPU มีการพัฒนาโค้ดระดับต่ำและไดรเวอร์สำหรับ Nova Lake และ Xeon6 (Diamond Rapids) CPUs ขณะเดียวกัน Battlemage Arc B770 ซึ่งใช้ BMG-G31 silicon อาจเปิดตัวที่ Computex 2025 โดยมี 32 Xe cores, VRAM GDDR6 16GB และ memory bus 256-bit ซึ่งอาจทำให้สามารถแข่งขันกับ RTX 4070 Ti Super และ RTX 4080 ได้ ✅ Celestial GPUs อยู่ในขั้นตอน pre-silicon validation - ทดสอบกับ OEMs และ BIOS vendors ผ่านซอฟต์แวร์จำลอง - วิศวกร Intel พัฒนา โค้ดระดับต่ำและไดรเวอร์สำหรับ Nova Lake และ Xeon6 ✅ Battlemage Arc B770 อาจเปิดตัวที่ Computex 2025 - ใช้ BMG-G31 silicon - มี 32 Xe cores, VRAM GDDR6 16GB และ memory bus 256-bit ✅ ผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาด GPU - Celestial อาจเป็น คู่แข่งของ Nvidia และ AMD ในตลาดกราฟิกระดับสูง - Battlemage Arc B770 อาจสามารถ แข่งขันกับ RTX 4070 Ti Super และ RTX 4080 ✅ แนวโน้มของการพัฒนาในอนาคต - Intel ยังคงพัฒนา Xe4 "Druid" GPUs ซึ่งเป็นรุ่นถัดไปของ Celestial https://www.techspot.com/news/107798-intel-arc-xe3-celestial-gpu-enters-pre-validation.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Intel Arc Xe3 Celestial GPU enters pre-validation, Battlemage B770 tipped to launch at Computex 2025
    As part of the pre-silicon validation stage, the graphics architecture is tested with OEMs and BIOS vendors using software emulators, allowing engineers to identify issues before fabricating...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google รายงานว่าในปี 2024 มีการใช้ช่องโหว่ zero-day จำนวน 75 รายการ โดยส่วนใหญ่ถูกใช้ใน การโจมตีที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล โดยเฉพาะจาก จีนและเกาหลีเหนือ

    แม้ว่าจำนวนช่องโหว่ zero-day จะลดลงจาก 98 รายการในปี 2023 แต่แนวโน้มในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า การใช้ช่องโหว่เหล่านี้ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    Google พบว่า 44% ของช่องโหว่ zero-day ในปี 2024 ถูกใช้กับผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กร ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 37% ในปี 2023 โดยเฉพาะช่องโหว่ใน ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยและอุปกรณ์เครือข่าย

    นอกจากนี้ รัฐบาลเป็นผู้ใช้ช่องโหว่ zero-day มากที่สุด โดย 50% ของช่องโหว่ที่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ ถูกใช้โดยกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลหรือบริษัทที่ให้บริการสอดแนม

    ✅ จำนวนช่องโหว่ zero-day ที่พบ
    - พบ 75 รายการ ลดลงจาก 98 รายการในปี 2023
    - แนวโน้มในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าการใช้ช่องโหว่ยังคงเพิ่มขึ้น

    ✅ เป้าหมายของการโจมตี
    - 44% ของช่องโหว่ zero-day ถูกใช้กับผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กร
    - ช่องโหว่ใน ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยและอุปกรณ์เครือข่าย เป็นเป้าหมายหลัก

    ✅ บทบาทของรัฐบาลในการใช้ช่องโหว่
    - 50% ของช่องโหว่ที่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ ถูกใช้โดยกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล
    - จีนและเกาหลีเหนือ เป็นประเทศที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด

    ✅ แนวโน้มของช่องโหว่ในระบบปฏิบัติการ
    - ช่องโหว่ใน Windows เพิ่มขึ้นเป็น 22 รายการ จาก 16 รายการในปี 2023
    - ช่องโหว่ใน Safari และ iOS ลดลงจาก 11 และ 9 รายการ เหลือ 3 และ 2 รายการ

    https://www.techradar.com/pro/security/75-zero-day-exploitations-spotted-by-google-governments-increasingly-responsible-for-attacks
    Google รายงานว่าในปี 2024 มีการใช้ช่องโหว่ zero-day จำนวน 75 รายการ โดยส่วนใหญ่ถูกใช้ใน การโจมตีที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล โดยเฉพาะจาก จีนและเกาหลีเหนือ แม้ว่าจำนวนช่องโหว่ zero-day จะลดลงจาก 98 รายการในปี 2023 แต่แนวโน้มในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า การใช้ช่องโหว่เหล่านี้ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง Google พบว่า 44% ของช่องโหว่ zero-day ในปี 2024 ถูกใช้กับผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กร ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 37% ในปี 2023 โดยเฉพาะช่องโหว่ใน ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยและอุปกรณ์เครือข่าย นอกจากนี้ รัฐบาลเป็นผู้ใช้ช่องโหว่ zero-day มากที่สุด โดย 50% ของช่องโหว่ที่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ ถูกใช้โดยกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลหรือบริษัทที่ให้บริการสอดแนม ✅ จำนวนช่องโหว่ zero-day ที่พบ - พบ 75 รายการ ลดลงจาก 98 รายการในปี 2023 - แนวโน้มในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าการใช้ช่องโหว่ยังคงเพิ่มขึ้น ✅ เป้าหมายของการโจมตี - 44% ของช่องโหว่ zero-day ถูกใช้กับผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กร - ช่องโหว่ใน ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยและอุปกรณ์เครือข่าย เป็นเป้าหมายหลัก ✅ บทบาทของรัฐบาลในการใช้ช่องโหว่ - 50% ของช่องโหว่ที่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ ถูกใช้โดยกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล - จีนและเกาหลีเหนือ เป็นประเทศที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด ✅ แนวโน้มของช่องโหว่ในระบบปฏิบัติการ - ช่องโหว่ใน Windows เพิ่มขึ้นเป็น 22 รายการ จาก 16 รายการในปี 2023 - ช่องโหว่ใน Safari และ iOS ลดลงจาก 11 และ 9 รายการ เหลือ 3 และ 2 รายการ https://www.techradar.com/pro/security/75-zero-day-exploitations-spotted-by-google-governments-increasingly-responsible-for-attacks
    WWW.TECHRADAR.COM
    75 zero-day exploitations spotted by Google, governments increasingly responsible for attacks
    Of all the zero-days abused in 2024, the majority were used in state-sponsored attacks
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • Epic Games ได้ประกาศแนวทางใหม่สำหรับนักพัฒนาในการหลีกเลี่ยง Apple Tax อย่างสมบูรณ์ หลังจากที่ศาลสหรัฐฯ ตัดสินว่า Apple ต้องอนุญาตให้นักพัฒนาแอปสามารถชี้นำผู้ใช้ไปยังระบบชำระเงินภายนอกได้

    Epic เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 เป็นต้นไป นักพัฒนาที่ใช้ Epic Games Store จะไม่ต้องแบ่งรายได้ให้ Epic จนกว่าจะถึง 1 ล้านดอลลาร์ หลังจากนั้นจะมีการแบ่งรายได้ตามอัตราเดิมคือ 88%-12%

    การต่อสู้ระหว่าง Epic และ Apple เริ่มขึ้นในปี 2021 เมื่อศาลตัดสินว่า Apple ไม่สามารถจำกัดนักพัฒนาแอปจากการใช้ปุ่มหรือลิงก์ภายนอกเพื่อชี้นำผู้ใช้ไปยังระบบชำระเงินอื่นได้ อย่างไรก็ตาม Apple ไม่ได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงตามคำสั่งศาล ทำให้ Epic ต้องกลับไปฟ้องร้องอีกครั้ง

    เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2025 ผู้พิพากษา Yvonne Gonzalez-Rogers ตัดสินว่า Apple "จงใจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล" และสร้างอุปสรรคใหม่เพื่อกีดกันการแข่งขัน นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยว่า Alex Roman รองประธานฝ่ายการเงินของ Apple ให้การเท็จ เกี่ยวกับค่าธรรมเนียม 27% สำหรับการซื้อสินค้าผ่านระบบภายนอก

    Epic ยังประกาศว่า Fortnite จะกลับเข้าสู่ App Store ในสหรัฐฯ และนักพัฒนาจะสามารถเปิด "เว็บช็อป" บน Epic Games Store เพื่อให้ผู้เล่นซื้อสินค้าโดยตรงจากเว็บไซต์ แทนที่จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมสูงให้ Apple หรือ Google

    ✅ การเปลี่ยนแปลงใน Epic Games Store
    - นักพัฒนาจะไม่ต้องแบ่งรายได้ให้ Epic จนกว่าจะถึง 1 ล้านดอลลาร์
    - หลังจากนั้นจะมีการแบ่งรายได้ตามอัตรา 88%-12%

    ✅ คำตัดสินของศาลสหรัฐฯ
    - Apple ต้องอนุญาตให้นักพัฒนาใช้ระบบชำระเงินภายนอก
    - Apple ถูกตัดสินว่าจงใจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล

    ✅ การกลับมาของ Fortnite บน iOS
    - Epic ประกาศว่า Fortnite จะกลับเข้าสู่ App Store ในสหรัฐฯ
    - นักพัฒนาสามารถเปิดเว็บช็อปบน Epic Games Store เพื่อขายสินค้าโดยตรง

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเกมและแอปพลิเคชัน
    - นักพัฒนาจะมีทางเลือกมากขึ้นในการจัดการรายได้
    - อาจส่งผลให้ Apple ต้องปรับนโยบายค่าธรรมเนียมในอนาคต

    https://www.neowin.net/news/epic-games-announces-new-way-for-developers-to-bypass-apple-tax-completely/
    Epic Games ได้ประกาศแนวทางใหม่สำหรับนักพัฒนาในการหลีกเลี่ยง Apple Tax อย่างสมบูรณ์ หลังจากที่ศาลสหรัฐฯ ตัดสินว่า Apple ต้องอนุญาตให้นักพัฒนาแอปสามารถชี้นำผู้ใช้ไปยังระบบชำระเงินภายนอกได้ Epic เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 เป็นต้นไป นักพัฒนาที่ใช้ Epic Games Store จะไม่ต้องแบ่งรายได้ให้ Epic จนกว่าจะถึง 1 ล้านดอลลาร์ หลังจากนั้นจะมีการแบ่งรายได้ตามอัตราเดิมคือ 88%-12% การต่อสู้ระหว่าง Epic และ Apple เริ่มขึ้นในปี 2021 เมื่อศาลตัดสินว่า Apple ไม่สามารถจำกัดนักพัฒนาแอปจากการใช้ปุ่มหรือลิงก์ภายนอกเพื่อชี้นำผู้ใช้ไปยังระบบชำระเงินอื่นได้ อย่างไรก็ตาม Apple ไม่ได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงตามคำสั่งศาล ทำให้ Epic ต้องกลับไปฟ้องร้องอีกครั้ง เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2025 ผู้พิพากษา Yvonne Gonzalez-Rogers ตัดสินว่า Apple "จงใจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล" และสร้างอุปสรรคใหม่เพื่อกีดกันการแข่งขัน นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยว่า Alex Roman รองประธานฝ่ายการเงินของ Apple ให้การเท็จ เกี่ยวกับค่าธรรมเนียม 27% สำหรับการซื้อสินค้าผ่านระบบภายนอก Epic ยังประกาศว่า Fortnite จะกลับเข้าสู่ App Store ในสหรัฐฯ และนักพัฒนาจะสามารถเปิด "เว็บช็อป" บน Epic Games Store เพื่อให้ผู้เล่นซื้อสินค้าโดยตรงจากเว็บไซต์ แทนที่จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมสูงให้ Apple หรือ Google ✅ การเปลี่ยนแปลงใน Epic Games Store - นักพัฒนาจะไม่ต้องแบ่งรายได้ให้ Epic จนกว่าจะถึง 1 ล้านดอลลาร์ - หลังจากนั้นจะมีการแบ่งรายได้ตามอัตรา 88%-12% ✅ คำตัดสินของศาลสหรัฐฯ - Apple ต้องอนุญาตให้นักพัฒนาใช้ระบบชำระเงินภายนอก - Apple ถูกตัดสินว่าจงใจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล ✅ การกลับมาของ Fortnite บน iOS - Epic ประกาศว่า Fortnite จะกลับเข้าสู่ App Store ในสหรัฐฯ - นักพัฒนาสามารถเปิดเว็บช็อปบน Epic Games Store เพื่อขายสินค้าโดยตรง ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเกมและแอปพลิเคชัน - นักพัฒนาจะมีทางเลือกมากขึ้นในการจัดการรายได้ - อาจส่งผลให้ Apple ต้องปรับนโยบายค่าธรรมเนียมในอนาคต https://www.neowin.net/news/epic-games-announces-new-way-for-developers-to-bypass-apple-tax-completely/
    WWW.NEOWIN.NET
    Epic Games announces new way for developers to bypass Apple Tax completely
    Epic Games has announced an alternative way for iOS app developers to process external payments with a zero percent revenue split, as the court rules Apple must allow external payments.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้ค้นพบช่องโหว่ในโปรโตคอล AirPlay ของ Apple ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้แฮกเกอร์สามารถควบคุมอุปกรณ์ Apple และอุปกรณ์ของบุคคลที่สามได้โดยไม่ต้องมีการโต้ตอบจากผู้ใช้ ช่องโหว่นี้ถูกเรียกว่า AirBorne และประกอบด้วย 23 ช่องโหว่ โดยมี 17 ช่องโหว่ที่ได้รับการระบุ CVE

    ช่องโหว่ที่สำคัญ เช่น CVE-2025-24252 และ CVE-2025-24206 ช่วยให้แฮกเกอร์สามารถควบคุมระบบ macOS ที่ตั้งค่าให้รับการเชื่อมต่อ AirPlay ได้โดยไม่ต้องมีการโต้ตอบจากผู้ใช้ นอกจากนี้ยังมีช่องโหว่แบบ zero-click เช่น CVE-2025-24132 ที่ช่วยให้แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดได้โดยไม่ต้องมีการแจ้งเตือน

    แม้ว่า Apple จะออกแพตช์เพื่อแก้ไขช่องโหว่ในอุปกรณ์ของตนเอง แต่ผู้ผลิตอุปกรณ์ของบุคคลที่สามยังคงมีความเสี่ยงเนื่องจากการอัปเดตที่ล่าช้า

    ✅ ช่องโหว่ในโปรโตคอล AirPlay
    - AirBorne ประกอบด้วย 23 ช่องโหว่ โดยมี 17 ช่องโหว่ที่ได้รับการระบุ CVE
    - ช่องโหว่ช่วยให้แฮกเกอร์สามารถควบคุมอุปกรณ์ได้โดยไม่ต้องมีการโต้ตอบจากผู้ใช้

    ✅ ผลกระทบต่ออุปกรณ์ Apple และบุคคลที่สาม
    - ช่องโหว่ CVE-2025-24252 และ CVE-2025-24206 ช่วยให้แฮกเกอร์ควบคุมระบบ macOS
    - ช่องโหว่ CVE-2025-24132 เป็น zero-click ที่ช่วยให้แฮกเกอร์รันโค้ดได้โดยไม่มีการแจ้งเตือน

    ✅ การตอบสนองของ Apple
    - Apple ออกแพตช์เพื่อแก้ไขช่องโหว่ใน macOS, iPadOS และ iOS
    - ผู้ใช้ควรอัปเดตอุปกรณ์และตรวจสอบการตั้งค่า AirPlay

    ✅ ความเสี่ยงต่ออุปกรณ์ของบุคคลที่สาม
    - อุปกรณ์ของบุคคลที่สาม เช่น ลำโพงและระบบ CarPlay อาจยังคงมีความเสี่ยง

    https://www.techspot.com/news/107728-researchers-find-numerous-apple-airplay-vulnerabilities-allowing-wormable.html
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้ค้นพบช่องโหว่ในโปรโตคอล AirPlay ของ Apple ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้แฮกเกอร์สามารถควบคุมอุปกรณ์ Apple และอุปกรณ์ของบุคคลที่สามได้โดยไม่ต้องมีการโต้ตอบจากผู้ใช้ ช่องโหว่นี้ถูกเรียกว่า AirBorne และประกอบด้วย 23 ช่องโหว่ โดยมี 17 ช่องโหว่ที่ได้รับการระบุ CVE ช่องโหว่ที่สำคัญ เช่น CVE-2025-24252 และ CVE-2025-24206 ช่วยให้แฮกเกอร์สามารถควบคุมระบบ macOS ที่ตั้งค่าให้รับการเชื่อมต่อ AirPlay ได้โดยไม่ต้องมีการโต้ตอบจากผู้ใช้ นอกจากนี้ยังมีช่องโหว่แบบ zero-click เช่น CVE-2025-24132 ที่ช่วยให้แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดได้โดยไม่ต้องมีการแจ้งเตือน แม้ว่า Apple จะออกแพตช์เพื่อแก้ไขช่องโหว่ในอุปกรณ์ของตนเอง แต่ผู้ผลิตอุปกรณ์ของบุคคลที่สามยังคงมีความเสี่ยงเนื่องจากการอัปเดตที่ล่าช้า ✅ ช่องโหว่ในโปรโตคอล AirPlay - AirBorne ประกอบด้วย 23 ช่องโหว่ โดยมี 17 ช่องโหว่ที่ได้รับการระบุ CVE - ช่องโหว่ช่วยให้แฮกเกอร์สามารถควบคุมอุปกรณ์ได้โดยไม่ต้องมีการโต้ตอบจากผู้ใช้ ✅ ผลกระทบต่ออุปกรณ์ Apple และบุคคลที่สาม - ช่องโหว่ CVE-2025-24252 และ CVE-2025-24206 ช่วยให้แฮกเกอร์ควบคุมระบบ macOS - ช่องโหว่ CVE-2025-24132 เป็น zero-click ที่ช่วยให้แฮกเกอร์รันโค้ดได้โดยไม่มีการแจ้งเตือน ✅ การตอบสนองของ Apple - Apple ออกแพตช์เพื่อแก้ไขช่องโหว่ใน macOS, iPadOS และ iOS - ผู้ใช้ควรอัปเดตอุปกรณ์และตรวจสอบการตั้งค่า AirPlay ✅ ความเสี่ยงต่ออุปกรณ์ของบุคคลที่สาม - อุปกรณ์ของบุคคลที่สาม เช่น ลำโพงและระบบ CarPlay อาจยังคงมีความเสี่ยง https://www.techspot.com/news/107728-researchers-find-numerous-apple-airplay-vulnerabilities-allowing-wormable.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Researchers find numerous Apple AirPlay vulnerabilities allowing "wormable" exploits over Wi-Fi
    Cybersecurity firm Oligo identified several "critical" flaws in Apple's native AirPlay protocol and the AirPlay Software Development Kit (SDK) used by audio and automotive manufacturers. While Apple...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของการโจมตีแบบ zero-day ที่มุ่งเป้าไปยังผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กร โดยพบว่าช่องโหว่ในอุปกรณ์เครือข่ายและระบบรักษาความปลอดภัยขององค์กรคิดเป็น 44% ของช่องโหว่ zero-day ที่ถูกโจมตีในปี 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้น 7% จากปี 2023

    แม้ว่าจำนวนช่องโหว่ zero-day โดยรวมจะลดลงจาก 98 รายการในปี 2023 เหลือ 75 รายการในปี 2024 แต่ช่องโหว่ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรกลับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่อยู่บริเวณขอบเครือข่าย เช่น VPNs, security gateways และ firewalls ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของการโจมตี

    Microsoft Windows เป็นระบบที่ถูกโจมตีมากที่สุด โดยมีช่องโหว่ zero-day 22 รายการ เพิ่มขึ้นจาก 16 รายการในปี 2023 ขณะที่ iOS มีช่องโหว่ลดลงจาก 9 รายการในปี 2023 เหลือเพียง 2 รายการ ในปี 2024

    ✅ การเพิ่มขึ้นของช่องโหว่ในผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กร
    - ช่องโหว่ในอุปกรณ์เครือข่ายและระบบรักษาความปลอดภัยคิดเป็น 44% ของช่องโหว่ zero-day
    - เพิ่มขึ้น 7% จากปี 2023

    ✅ ระบบที่ถูกโจมตีมากที่สุด
    - Microsoft Windows: 22 ช่องโหว่ (เพิ่มขึ้นจาก 16 ในปี 2023)
    - iOS: 2 ช่องโหว่ (ลดลงจาก 9 ในปี 2023)
    - Google Chrome: 7 ช่องโหว่, Safari: 3 ช่องโหว่ (ลดลงจาก 11 ในปี 2023)

    ✅ เป้าหมายหลักของการโจมตี
    - อุปกรณ์ที่อยู่บริเวณขอบเครือข่าย เช่น VPNs, security gateways และ firewalls
    - อุปกรณ์เหล่านี้มักมีสิทธิ์สูงและสามารถใช้ในการเคลื่อนที่ภายในเครือข่าย

    ✅ กลุ่มที่อยู่เบื้องหลังการโจมตี
    - กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการจารกรรมไซเบอร์ เช่น จีน (5 ช่องโหว่), เกาหลีเหนือ (5 ช่องโหว่), รัสเซีย (1 ช่องโหว่)
    - กลุ่มที่มุ่งเน้นการโจรกรรมทางการเงิน เช่น CSVs และกลุ่มที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ

    https://www.csoonline.com/article/3973769/enterprise-specific-zero-day-exploits-on-the-rise-google-warns.html
    Google ได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของการโจมตีแบบ zero-day ที่มุ่งเป้าไปยังผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กร โดยพบว่าช่องโหว่ในอุปกรณ์เครือข่ายและระบบรักษาความปลอดภัยขององค์กรคิดเป็น 44% ของช่องโหว่ zero-day ที่ถูกโจมตีในปี 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้น 7% จากปี 2023 แม้ว่าจำนวนช่องโหว่ zero-day โดยรวมจะลดลงจาก 98 รายการในปี 2023 เหลือ 75 รายการในปี 2024 แต่ช่องโหว่ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรกลับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่อยู่บริเวณขอบเครือข่าย เช่น VPNs, security gateways และ firewalls ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของการโจมตี Microsoft Windows เป็นระบบที่ถูกโจมตีมากที่สุด โดยมีช่องโหว่ zero-day 22 รายการ เพิ่มขึ้นจาก 16 รายการในปี 2023 ขณะที่ iOS มีช่องโหว่ลดลงจาก 9 รายการในปี 2023 เหลือเพียง 2 รายการ ในปี 2024 ✅ การเพิ่มขึ้นของช่องโหว่ในผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กร - ช่องโหว่ในอุปกรณ์เครือข่ายและระบบรักษาความปลอดภัยคิดเป็น 44% ของช่องโหว่ zero-day - เพิ่มขึ้น 7% จากปี 2023 ✅ ระบบที่ถูกโจมตีมากที่สุด - Microsoft Windows: 22 ช่องโหว่ (เพิ่มขึ้นจาก 16 ในปี 2023) - iOS: 2 ช่องโหว่ (ลดลงจาก 9 ในปี 2023) - Google Chrome: 7 ช่องโหว่, Safari: 3 ช่องโหว่ (ลดลงจาก 11 ในปี 2023) ✅ เป้าหมายหลักของการโจมตี - อุปกรณ์ที่อยู่บริเวณขอบเครือข่าย เช่น VPNs, security gateways และ firewalls - อุปกรณ์เหล่านี้มักมีสิทธิ์สูงและสามารถใช้ในการเคลื่อนที่ภายในเครือข่าย ✅ กลุ่มที่อยู่เบื้องหลังการโจมตี - กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการจารกรรมไซเบอร์ เช่น จีน (5 ช่องโหว่), เกาหลีเหนือ (5 ช่องโหว่), รัสเซีย (1 ช่องโหว่) - กลุ่มที่มุ่งเน้นการโจรกรรมทางการเงิน เช่น CSVs และกลุ่มที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ https://www.csoonline.com/article/3973769/enterprise-specific-zero-day-exploits-on-the-rise-google-warns.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Enterprise-specific zero-day exploits on the rise, Google warns
    Vulnerabilities in enterprise network and security appliances accounted for nearly half of the zero-day flaws exploited by attackers last year, according to Google’s Threat Intelligence Group.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงการทดสอบโมดูลหน่วยความจำ GDDR7 ของ SK hynix ที่ใช้ใน GPU รุ่น RTX 5070 Ti โดยพบว่ามีศักยภาพในการโอเวอร์คล็อกที่ใกล้เคียงกับโมดูลของ Samsung โดยสามารถเพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลได้ถึง 34 Gbps อย่างไรก็ตาม การทดสอบยังขาดข้อมูลด้านความร้อนและประสิทธิภาพพลังงาน

    การทดสอบนี้แสดงให้เห็นว่า Nvidia ได้เพิ่ม SK hynix เป็นผู้จัดหาหน่วยความจำ GDDR7 สำหรับซีรีส์ RTX 50 นอกเหนือจาก Samsung เพื่อเพิ่มความหลากหลายของซัพพลายเออร์ แม้ว่าจะมีข้อสันนิษฐานว่า BIOS ของ RTX 50 อาจขึ้นอยู่กับผู้ผลิตหน่วยความจำ ซึ่งอาจทำให้การใช้งาน BIOS ข้ามผู้ผลิตทำให้การ์ดจอเสียหายได้

    ✅ การทดสอบโมดูล GDDR7
    - SK Hynix GDDR7 สามารถโอเวอร์คล็อกได้ถึง 34 Gbps
    - มีศักยภาพใกล้เคียงกับโมดูลของ Samsung

    ✅ การเพิ่มความหลากหลายของซัพพลายเออร์
    - Nvidia เพิ่ม SK hynix เป็นผู้จัดหาหน่วยความจำ GDDR7 สำหรับซีรีส์ RTX 50

    ✅ ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับ BIOS
    - BIOS ของ RTX 50 อาจขึ้นอยู่กับผู้ผลิตหน่วยความจำ
    - การใช้งาน BIOS ข้ามผู้ผลิตอาจทำให้การ์ดจอเสียหาย

    ✅ เป้าหมายของ Nvidia
    - เพิ่มความหลากหลายของซัพพลายเออร์เพื่อความมั่นคงของการผลิต

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/sk-hynix-gddr7-modules-hit-34-gbps-on-the-rtx-5070-ti-similar-oc-performance-to-samsung
    บทความนี้กล่าวถึงการทดสอบโมดูลหน่วยความจำ GDDR7 ของ SK hynix ที่ใช้ใน GPU รุ่น RTX 5070 Ti โดยพบว่ามีศักยภาพในการโอเวอร์คล็อกที่ใกล้เคียงกับโมดูลของ Samsung โดยสามารถเพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลได้ถึง 34 Gbps อย่างไรก็ตาม การทดสอบยังขาดข้อมูลด้านความร้อนและประสิทธิภาพพลังงาน การทดสอบนี้แสดงให้เห็นว่า Nvidia ได้เพิ่ม SK hynix เป็นผู้จัดหาหน่วยความจำ GDDR7 สำหรับซีรีส์ RTX 50 นอกเหนือจาก Samsung เพื่อเพิ่มความหลากหลายของซัพพลายเออร์ แม้ว่าจะมีข้อสันนิษฐานว่า BIOS ของ RTX 50 อาจขึ้นอยู่กับผู้ผลิตหน่วยความจำ ซึ่งอาจทำให้การใช้งาน BIOS ข้ามผู้ผลิตทำให้การ์ดจอเสียหายได้ ✅ การทดสอบโมดูล GDDR7 - SK Hynix GDDR7 สามารถโอเวอร์คล็อกได้ถึง 34 Gbps - มีศักยภาพใกล้เคียงกับโมดูลของ Samsung ✅ การเพิ่มความหลากหลายของซัพพลายเออร์ - Nvidia เพิ่ม SK hynix เป็นผู้จัดหาหน่วยความจำ GDDR7 สำหรับซีรีส์ RTX 50 ✅ ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับ BIOS - BIOS ของ RTX 50 อาจขึ้นอยู่กับผู้ผลิตหน่วยความจำ - การใช้งาน BIOS ข้ามผู้ผลิตอาจทำให้การ์ดจอเสียหาย ✅ เป้าหมายของ Nvidia - เพิ่มความหลากหลายของซัพพลายเออร์เพื่อความมั่นคงของการผลิต https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/sk-hynix-gddr7-modules-hit-34-gbps-on-the-rtx-5070-ti-similar-oc-performance-to-samsung
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงการดัดแปลง GPU รุ่นเก่า Voodoo4 ให้สามารถใช้งานในแล็ปท็อปได้ โดยนักดัดแปลงฮาร์ดแวร์ Daniel Simionescu ได้พัฒนา PCB ที่ติดตั้ง GPU Voodoo4 พร้อมหน่วยความจำ SDR ขนาด 64MB และเชื่อมต่อกับแล็ปท็อป Dell Precision M4800 ผ่านโมดูล MXM (Mobile PCI Express Module) การดัดแปลงนี้ต้องใช้ FPGA, ตัวเชื่อมต่อ LVDS/eDP และ RealTek Scaler เพื่อให้ GPU รุ่นเก่าสามารถทำงานร่วมกับมาตรฐานปัจจุบันได้

    การทดสอบในระบบปฏิบัติการ Windows 98 พบปัญหาความเข้ากันไม่ได้ของ BIOS แต่เมื่อเปลี่ยนไปใช้ Windows XP และไดรเวอร์ VBE (VESA BIOS Extensions) ก็สามารถใช้งานได้บางส่วน เช่น การรัน 3DMark 2001 และเกม Need for Speed: Porsche Unleashed

    แม้ว่าการดัดแปลงนี้จะไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อการค้า แต่เป็นการเปิดโอกาสให้ชุมชนผู้ใช้งานสามารถพัฒนาต่อได้ในรูปแบบโอเพ่นซอร์ส

    ✅ การออกแบบและการดัดแปลง
    - ใช้ PCB ที่ติดตั้ง GPU Voodoo4 พร้อมหน่วยความจำ SDR ขนาด 64MB
    - เชื่อมต่อกับแล็ปท็อปผ่านโมดูล MXM

    ✅ การแก้ปัญหาความเข้ากันได้
    - ใช้ FPGA, ตัวเชื่อมต่อ LVDS/eDP และ RealTek Scaler
    - ใช้ไดรเวอร์ VBE เพื่อแก้ปัญหาความเข้ากันไม่ได้ของ BIOS

    ✅ ผลการทดสอบ
    - สามารถรัน 3DMark 2001 และเกม Need for Speed: Porsche Unleashed บน Windows XP

    ✅ เป้าหมายของการดัดแปลง
    - เปิดโอกาสให้ชุมชนผู้ใช้งานพัฒนาต่อในรูปแบบโอเพ่นซอร์ส

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/legendary-voodoo4-gpu-modded-into-laptop-benchmarks-work-with-windows-xp
    บทความนี้กล่าวถึงการดัดแปลง GPU รุ่นเก่า Voodoo4 ให้สามารถใช้งานในแล็ปท็อปได้ โดยนักดัดแปลงฮาร์ดแวร์ Daniel Simionescu ได้พัฒนา PCB ที่ติดตั้ง GPU Voodoo4 พร้อมหน่วยความจำ SDR ขนาด 64MB และเชื่อมต่อกับแล็ปท็อป Dell Precision M4800 ผ่านโมดูล MXM (Mobile PCI Express Module) การดัดแปลงนี้ต้องใช้ FPGA, ตัวเชื่อมต่อ LVDS/eDP และ RealTek Scaler เพื่อให้ GPU รุ่นเก่าสามารถทำงานร่วมกับมาตรฐานปัจจุบันได้ การทดสอบในระบบปฏิบัติการ Windows 98 พบปัญหาความเข้ากันไม่ได้ของ BIOS แต่เมื่อเปลี่ยนไปใช้ Windows XP และไดรเวอร์ VBE (VESA BIOS Extensions) ก็สามารถใช้งานได้บางส่วน เช่น การรัน 3DMark 2001 และเกม Need for Speed: Porsche Unleashed แม้ว่าการดัดแปลงนี้จะไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อการค้า แต่เป็นการเปิดโอกาสให้ชุมชนผู้ใช้งานสามารถพัฒนาต่อได้ในรูปแบบโอเพ่นซอร์ส ✅ การออกแบบและการดัดแปลง - ใช้ PCB ที่ติดตั้ง GPU Voodoo4 พร้อมหน่วยความจำ SDR ขนาด 64MB - เชื่อมต่อกับแล็ปท็อปผ่านโมดูล MXM ✅ การแก้ปัญหาความเข้ากันได้ - ใช้ FPGA, ตัวเชื่อมต่อ LVDS/eDP และ RealTek Scaler - ใช้ไดรเวอร์ VBE เพื่อแก้ปัญหาความเข้ากันไม่ได้ของ BIOS ✅ ผลการทดสอบ - สามารถรัน 3DMark 2001 และเกม Need for Speed: Porsche Unleashed บน Windows XP ✅ เป้าหมายของการดัดแปลง - เปิดโอกาสให้ชุมชนผู้ใช้งานพัฒนาต่อในรูปแบบโอเพ่นซอร์ส https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/legendary-voodoo4-gpu-modded-into-laptop-benchmarks-work-with-windows-xp
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อว่า 200S Boost สำหรับชิป Arrow Lake ซึ่งออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบผ่านการปรับปรุงความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างหน่วยความจำและชิป อย่างไรก็ตาม การทดสอบโดย Phoronix พบว่าฟีเจอร์นี้ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญเมื่อใช้งานบนระบบ Linux

    ฟีเจอร์ 200S Boost เป็นโปรไฟล์ที่สามารถเลือกเปิดใช้งานได้ใน BIOS โดยช่วยเพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างชิปและหน่วยความจำ เช่น DDR5-7200 หรือ DDR5-8000 อย่างไรก็ตาม การทดสอบพบว่าการปรับปรุงประสิทธิภาพส่วนใหญ่เกิดจากการใช้หน่วยความจำที่มีความเร็วสูงขึ้น ไม่ใช่จากการปรับปรุงฟีเจอร์นี้โดยตรง

    Intel ได้พยายามปรับปรุงประสิทธิภาพของชิป Arrow Lake ผ่านการอัปเดต BIOS และ Windows Updates รวมถึงการเปิดตัวโปรแกรม IPO ในประเทศจีน ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งความเร็วและพลังงานของชิปได้ภายใต้การรับประกัน

    ✅ การออกแบบและการใช้งาน
    - ฟีเจอร์ 200S Boost ช่วยเพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างชิปและหน่วยความจำ
    - สามารถเลือกเปิดใช้งานได้ใน BIOS

    ✅ ผลการทดสอบ
    - การปรับปรุงประสิทธิภาพส่วนใหญ่เกิดจากการใช้หน่วยความจำที่มีความเร็วสูงขึ้น
    - การทดสอบบน Linux พบว่าฟีเจอร์นี้ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ

    ✅ การปรับปรุงจาก Intel
    - Intel ได้อัปเดต BIOS และ Windows Updates เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของชิป Arrow Lake
    - เปิดตัวโปรแกรม IPO ในประเทศจีนเพื่อปรับแต่งความเร็วและพลังงานของชิป

    ✅ เป้าหมายของ Intel
    - มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของชิป Arrow Lake ผ่านการปรับปรุงเทคโนโลยี

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/tests-indicate-intels-200s-boost-feature-provides-no-real-gain-for-arrow-lake-cpus-on-linux
    Intel ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อว่า 200S Boost สำหรับชิป Arrow Lake ซึ่งออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบผ่านการปรับปรุงความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างหน่วยความจำและชิป อย่างไรก็ตาม การทดสอบโดย Phoronix พบว่าฟีเจอร์นี้ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญเมื่อใช้งานบนระบบ Linux ฟีเจอร์ 200S Boost เป็นโปรไฟล์ที่สามารถเลือกเปิดใช้งานได้ใน BIOS โดยช่วยเพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างชิปและหน่วยความจำ เช่น DDR5-7200 หรือ DDR5-8000 อย่างไรก็ตาม การทดสอบพบว่าการปรับปรุงประสิทธิภาพส่วนใหญ่เกิดจากการใช้หน่วยความจำที่มีความเร็วสูงขึ้น ไม่ใช่จากการปรับปรุงฟีเจอร์นี้โดยตรง Intel ได้พยายามปรับปรุงประสิทธิภาพของชิป Arrow Lake ผ่านการอัปเดต BIOS และ Windows Updates รวมถึงการเปิดตัวโปรแกรม IPO ในประเทศจีน ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งความเร็วและพลังงานของชิปได้ภายใต้การรับประกัน ✅ การออกแบบและการใช้งาน - ฟีเจอร์ 200S Boost ช่วยเพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างชิปและหน่วยความจำ - สามารถเลือกเปิดใช้งานได้ใน BIOS ✅ ผลการทดสอบ - การปรับปรุงประสิทธิภาพส่วนใหญ่เกิดจากการใช้หน่วยความจำที่มีความเร็วสูงขึ้น - การทดสอบบน Linux พบว่าฟีเจอร์นี้ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ ✅ การปรับปรุงจาก Intel - Intel ได้อัปเดต BIOS และ Windows Updates เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของชิป Arrow Lake - เปิดตัวโปรแกรม IPO ในประเทศจีนเพื่อปรับแต่งความเร็วและพลังงานของชิป ✅ เป้าหมายของ Intel - มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของชิป Arrow Lake ผ่านการปรับปรุงเทคโนโลยี https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/tests-indicate-intels-200s-boost-feature-provides-no-real-gain-for-arrow-lake-cpus-on-linux
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยในไมโครโค้ดของชิป Zen 5 ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่เรียกว่า EntrySign (ID: AMD-SB-7033) โดยช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถรันไมโครโค้ดที่ไม่ได้รับการลงนามบน CPU ซึ่งอาจนำไปสู่การโจมตีที่มีความเสี่ยงสูง

    ช่องโหว่นี้เกิดจากกระบวนการตรวจสอบลายเซ็นที่ใช้ AES-CMAC ซึ่งเป็นอัลกอริธึมที่มีความปลอดภัยต่ำ โดยนักวิจัยจาก Google สามารถสร้างลายเซ็นปลอมเพื่อรันไมโครโค้ดที่เป็นอันตรายได้ อย่างไรก็ตาม การโจมตีนี้ต้องการสิทธิ์ระดับ Kernel-level (ring 0) ซึ่งทำให้ช่องโหว่นี้มีความเสี่ยงต่ำในสภาพแวดล้อมทั่วไป

    AMD ได้ส่งมอบเฟิร์มแวร์ที่แก้ไขช่องโหว่ให้กับผู้ผลิตเมนบอร์ดในเดือนที่ผ่านมา โดย MSI เป็นผู้ผลิตรายแรกที่ออก BIOS อัปเดตสำหรับเมนบอร์ดในซีรีส์ 800 ซึ่งใช้เฟิร์มแวร์ AGESA 1.2.0.3C เพื่อแก้ไขปัญหานี้

    นอกจากนี้ ช่องโหว่นี้ยังส่งผลกระทบต่อโปรเซสเซอร์ระดับเซิร์ฟเวอร์ เช่น EPYC 9005 (Turin) ซึ่งอาจทำให้เทคโนโลยี SEV และ SEV-SNP ที่ใช้ปกป้องข้อมูลในเครื่องเสมือนถูกโจมตี

    ✅ ช่องโหว่ใน Zen 5
    - ช่องโหว่ EntrySign เปิดโอกาสให้รันไมโครโค้ดที่ไม่ได้รับการลงนามบน CPU
    - เกิดจากกระบวนการตรวจสอบลายเซ็นที่ใช้ AES-CMAC

    ✅ การตอบสนองของ AMD
    - AMD ส่งมอบเฟิร์มแวร์ที่แก้ไขช่องโหว่ให้กับผู้ผลิตเมนบอร์ด
    - MSI ออก BIOS อัปเดตสำหรับเมนบอร์ดในซีรีส์ 800

    ✅ ผลกระทบต่อโปรเซสเซอร์ระดับเซิร์ฟเวอร์
    - ช่องโหว่ส่งผลกระทบต่อ EPYC 9005 ซึ่งอาจทำให้เทคโนโลยี SEV และ SEV-SNP ถูกโจมตี

    ✅ การป้องกันในระดับผู้ใช้งานทั่วไป
    - ไมโครโค้ดที่รันผ่านช่องโหว่จะไม่คงอยู่หลังจากรีบูตระบบ


    https://www.tomshardware.com/pc-components/motherboards/amd-patches-critical-zen-5-microcode-bug-partners-deliver-new-bios-with-agesa-1-2-0-3c
    AMD ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยในไมโครโค้ดของชิป Zen 5 ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่เรียกว่า EntrySign (ID: AMD-SB-7033) โดยช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถรันไมโครโค้ดที่ไม่ได้รับการลงนามบน CPU ซึ่งอาจนำไปสู่การโจมตีที่มีความเสี่ยงสูง ช่องโหว่นี้เกิดจากกระบวนการตรวจสอบลายเซ็นที่ใช้ AES-CMAC ซึ่งเป็นอัลกอริธึมที่มีความปลอดภัยต่ำ โดยนักวิจัยจาก Google สามารถสร้างลายเซ็นปลอมเพื่อรันไมโครโค้ดที่เป็นอันตรายได้ อย่างไรก็ตาม การโจมตีนี้ต้องการสิทธิ์ระดับ Kernel-level (ring 0) ซึ่งทำให้ช่องโหว่นี้มีความเสี่ยงต่ำในสภาพแวดล้อมทั่วไป AMD ได้ส่งมอบเฟิร์มแวร์ที่แก้ไขช่องโหว่ให้กับผู้ผลิตเมนบอร์ดในเดือนที่ผ่านมา โดย MSI เป็นผู้ผลิตรายแรกที่ออก BIOS อัปเดตสำหรับเมนบอร์ดในซีรีส์ 800 ซึ่งใช้เฟิร์มแวร์ AGESA 1.2.0.3C เพื่อแก้ไขปัญหานี้ นอกจากนี้ ช่องโหว่นี้ยังส่งผลกระทบต่อโปรเซสเซอร์ระดับเซิร์ฟเวอร์ เช่น EPYC 9005 (Turin) ซึ่งอาจทำให้เทคโนโลยี SEV และ SEV-SNP ที่ใช้ปกป้องข้อมูลในเครื่องเสมือนถูกโจมตี ✅ ช่องโหว่ใน Zen 5 - ช่องโหว่ EntrySign เปิดโอกาสให้รันไมโครโค้ดที่ไม่ได้รับการลงนามบน CPU - เกิดจากกระบวนการตรวจสอบลายเซ็นที่ใช้ AES-CMAC ✅ การตอบสนองของ AMD - AMD ส่งมอบเฟิร์มแวร์ที่แก้ไขช่องโหว่ให้กับผู้ผลิตเมนบอร์ด - MSI ออก BIOS อัปเดตสำหรับเมนบอร์ดในซีรีส์ 800 ✅ ผลกระทบต่อโปรเซสเซอร์ระดับเซิร์ฟเวอร์ - ช่องโหว่ส่งผลกระทบต่อ EPYC 9005 ซึ่งอาจทำให้เทคโนโลยี SEV และ SEV-SNP ถูกโจมตี ✅ การป้องกันในระดับผู้ใช้งานทั่วไป - ไมโครโค้ดที่รันผ่านช่องโหว่จะไม่คงอยู่หลังจากรีบูตระบบ https://www.tomshardware.com/pc-components/motherboards/amd-patches-critical-zen-5-microcode-bug-partners-deliver-new-bios-with-agesa-1-2-0-3c
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    AMD patches critical Zen 5 microcode bug — partners deliver new BIOS with AGESA 1.2.0.3C
    Check your motherboard vendor's website to see if a new BIOS is available.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงปัญหาการปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แบบสุ่ม ซึ่งอาจเกิดจากปัญหาฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ โดยมีสาเหตุหลัก เช่น การร้อนเกินไปของ CPU หรือ GPU, ปัญหาแหล่งจ่ายไฟ, การเชื่อมต่อสายไฟที่หลวม, ปัญหา RAM หรือฮาร์ดดิสก์, ไดรเวอร์หรือ BIOS ที่ล้าสมัย, การติดมัลแวร์, หรือข้อผิดพลาดในระบบปฏิบัติการ

    เพื่อแก้ไขปัญหา ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบอุณหภูมิของระบบ, ตรวจสอบแหล่งจ่ายไฟ, ทดสอบ RAM และฮาร์ดดิสก์, อัปเดตไดรเวอร์และ BIOS, และสแกนหามัลแวร์ นอกจากนี้ การใช้เครื่องมืออย่าง Windows Event Viewer สามารถช่วยวิเคราะห์ข้อผิดพลาดที่เกี่ยวข้องกับการปิดเครื่อง

    ✅ สาเหตุที่พบบ่อย
    - การร้อนเกินไปของ CPU หรือ GPU
    - ปัญหาแหล่งจ่ายไฟที่ไม่เสถียร
    - การเชื่อมต่อสายไฟที่หลวม

    ✅ การแก้ไขปัญหาเบื้องต้น
    - ตรวจสอบและทำความสะอาดพัดลมและฮีตซิงค์
    - ทดสอบแหล่งจ่ายไฟด้วย PSU สำรอง
    - อัปเดตไดรเวอร์และ BIOS

    ✅ การใช้เครื่องมือวิเคราะห์
    - ใช้ Windows Event Viewer เพื่อตรวจสอบข้อผิดพลาด
    - ใช้ MemTest86 และ CrystalDiskInfo เพื่อตรวจสอบ RAM และฮาร์ดดิสก์

    ✅ คำแนะนำเพิ่มเติม
    - หากปัญหายังคงอยู่ ควรปรึกษาช่างเทคนิค

    https://computercity.com/laptops/pc-turns-off-randomly
    บทความนี้กล่าวถึงปัญหาการปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แบบสุ่ม ซึ่งอาจเกิดจากปัญหาฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ โดยมีสาเหตุหลัก เช่น การร้อนเกินไปของ CPU หรือ GPU, ปัญหาแหล่งจ่ายไฟ, การเชื่อมต่อสายไฟที่หลวม, ปัญหา RAM หรือฮาร์ดดิสก์, ไดรเวอร์หรือ BIOS ที่ล้าสมัย, การติดมัลแวร์, หรือข้อผิดพลาดในระบบปฏิบัติการ เพื่อแก้ไขปัญหา ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบอุณหภูมิของระบบ, ตรวจสอบแหล่งจ่ายไฟ, ทดสอบ RAM และฮาร์ดดิสก์, อัปเดตไดรเวอร์และ BIOS, และสแกนหามัลแวร์ นอกจากนี้ การใช้เครื่องมืออย่าง Windows Event Viewer สามารถช่วยวิเคราะห์ข้อผิดพลาดที่เกี่ยวข้องกับการปิดเครื่อง ✅ สาเหตุที่พบบ่อย - การร้อนเกินไปของ CPU หรือ GPU - ปัญหาแหล่งจ่ายไฟที่ไม่เสถียร - การเชื่อมต่อสายไฟที่หลวม ✅ การแก้ไขปัญหาเบื้องต้น - ตรวจสอบและทำความสะอาดพัดลมและฮีตซิงค์ - ทดสอบแหล่งจ่ายไฟด้วย PSU สำรอง - อัปเดตไดรเวอร์และ BIOS ✅ การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ - ใช้ Windows Event Viewer เพื่อตรวจสอบข้อผิดพลาด - ใช้ MemTest86 และ CrystalDiskInfo เพื่อตรวจสอบ RAM และฮาร์ดดิสก์ ✅ คำแนะนำเพิ่มเติม - หากปัญหายังคงอยู่ ควรปรึกษาช่างเทคนิค https://computercity.com/laptops/pc-turns-off-randomly
    COMPUTERCITY.COM
    PC Turns Off Randomly: Troubleshooting Tips
    Few things are more frustrating than a PC that shuts down without warning. Random shutdowns can interrupt your work, gaming, or browsing—and they usually
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้เปิดตัวฟีเจอร์ Data Classification Labels สำหรับ Gmail ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถจัดการและปกป้องข้อมูลที่สำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถกำหนดกฎการป้องกันข้อมูล เช่น การป้องกันไม่ให้ส่งอีเมลที่มีข้อมูลภายในออกนอกองค์กร หรือการติดป้ายกำกับ "Confidential" ให้กับข้อความที่มีข้อมูลสำคัญโดยอัตโนมัติ

    ✅ ฟีเจอร์ Data Classification Labels พร้อมใช้งานใน Gmail
    - ช่วยให้องค์กรสามารถจัดการข้อมูลสำคัญด้วยการติดป้ายกำกับ
    - ป้ายกำกับสามารถกำหนดได้ทั้งแบบกำหนดเองและแบบที่ใช้ร่วมกับ Google Drive

    ✅ การปรับปรุงฟีเจอร์ตั้งแต่ช่วง Beta
    - เพิ่มการติดป้ายกำกับอัตโนมัติผ่านกฎ Data Loss Prevention (DLP)
    - เพิ่มฟีเจอร์ "Sensitive Content Snippets" เพื่อแจ้งเตือนผู้ใช้งานเกี่ยวกับเนื้อหาที่ถูกตั้งกฎ

    ✅ การรองรับการใช้งานบนมือถือ
    - ฟีเจอร์นี้รองรับทั้ง Android และ iOS เพื่อให้การป้องกันข้อมูลครอบคลุมทุกอุปกรณ์

    ✅ การจัดการผ่าน Admin Console
    - ผู้ดูแลระบบสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ในระดับโดเมน กลุ่ม หรือผู้ใช้งานรายบุคคล

    https://www.neowin.net/news/data-classifications-labels-for-gmail-leaves-open-beta-now-generally-available/
    Google ได้เปิดตัวฟีเจอร์ Data Classification Labels สำหรับ Gmail ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถจัดการและปกป้องข้อมูลที่สำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถกำหนดกฎการป้องกันข้อมูล เช่น การป้องกันไม่ให้ส่งอีเมลที่มีข้อมูลภายในออกนอกองค์กร หรือการติดป้ายกำกับ "Confidential" ให้กับข้อความที่มีข้อมูลสำคัญโดยอัตโนมัติ ✅ ฟีเจอร์ Data Classification Labels พร้อมใช้งานใน Gmail - ช่วยให้องค์กรสามารถจัดการข้อมูลสำคัญด้วยการติดป้ายกำกับ - ป้ายกำกับสามารถกำหนดได้ทั้งแบบกำหนดเองและแบบที่ใช้ร่วมกับ Google Drive ✅ การปรับปรุงฟีเจอร์ตั้งแต่ช่วง Beta - เพิ่มการติดป้ายกำกับอัตโนมัติผ่านกฎ Data Loss Prevention (DLP) - เพิ่มฟีเจอร์ "Sensitive Content Snippets" เพื่อแจ้งเตือนผู้ใช้งานเกี่ยวกับเนื้อหาที่ถูกตั้งกฎ ✅ การรองรับการใช้งานบนมือถือ - ฟีเจอร์นี้รองรับทั้ง Android และ iOS เพื่อให้การป้องกันข้อมูลครอบคลุมทุกอุปกรณ์ ✅ การจัดการผ่าน Admin Console - ผู้ดูแลระบบสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ในระดับโดเมน กลุ่ม หรือผู้ใช้งานรายบุคคล https://www.neowin.net/news/data-classifications-labels-for-gmail-leaves-open-beta-now-generally-available/
    WWW.NEOWIN.NET
    Data classifications labels for Gmail leaves open beta, now generally available
    Data classification labels are handy for organizing sensitive emails. Now, Google has made them widely available for Gmail customers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 194 มุมมอง 0 รีวิว
  • YouTube TV กำลังจะมีการปรับปรุงครั้งใหญ่ในปีนี้ โดยมีการออกแบบ UI ใหม่เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน รวมถึงฟีเจอร์ Multiview ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถดูหลายช่องพร้อมกันได้ นอกจากนี้ YouTube Music ยังเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ใช้ AI ในการสร้างสถานีวิทยุส่วนตัว และ YouTube Premium เพิ่มตัวเลือกความเร็วในการเล่นวิดีโอสูงสุดถึง 4x บนมือถือ

    ✅ การออกแบบ UI ใหม่ใน YouTube TV
    - เพิ่มการนำทางที่ง่ายขึ้นและการควบคุมการเล่นที่ดีขึ้น
    - เพิ่มการเข้าถึงความคิดเห็นและข้อมูลช่อง รวมถึงการสมัครสมาชิก

    ✅ ฟีเจอร์ Multiview ที่ปรับปรุงใหม่
    - ผู้ใช้งานสามารถสร้าง Multiview ของตัวเองได้ โดยเริ่มจากช่องยอดนิยมบางช่อง
    - ก่อนหน้านี้ Multiview จำกัดเฉพาะเนื้อหากีฬาและการจัดวางที่เลือกโดย YouTube TV

    ✅ ฟีเจอร์ AI ใน YouTube Music
    - ฟีเจอร์ Ask Music ช่วยสร้างสถานีวิทยุส่วนตัวตามคำอธิบายของผู้ใช้งาน
    - ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานใน iOS และ Android สำหรับผู้ใช้ YouTube Premium และ YouTube Music

    ✅ การเพิ่มตัวเลือกความเร็วในการเล่นวิดีโอใน YouTube Premium
    - รองรับความเร็วในการเล่นสูงสุดถึง 4x บนมือถือ

    ✅ ฟีเจอร์ใหม่สำหรับผู้สร้างเนื้อหา
    - ผู้สร้างสามารถตอบความคิดเห็นด้วยโน้ตเสียง ซึ่งจะเปิดตัวให้ผู้สร้างมากขึ้นในปีนี้

    https://www.neowin.net/news/youtube-tv-is-getting-a-redesign-and-multiview-later-this-year/
    YouTube TV กำลังจะมีการปรับปรุงครั้งใหญ่ในปีนี้ โดยมีการออกแบบ UI ใหม่เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน รวมถึงฟีเจอร์ Multiview ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถดูหลายช่องพร้อมกันได้ นอกจากนี้ YouTube Music ยังเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ใช้ AI ในการสร้างสถานีวิทยุส่วนตัว และ YouTube Premium เพิ่มตัวเลือกความเร็วในการเล่นวิดีโอสูงสุดถึง 4x บนมือถือ ✅ การออกแบบ UI ใหม่ใน YouTube TV - เพิ่มการนำทางที่ง่ายขึ้นและการควบคุมการเล่นที่ดีขึ้น - เพิ่มการเข้าถึงความคิดเห็นและข้อมูลช่อง รวมถึงการสมัครสมาชิก ✅ ฟีเจอร์ Multiview ที่ปรับปรุงใหม่ - ผู้ใช้งานสามารถสร้าง Multiview ของตัวเองได้ โดยเริ่มจากช่องยอดนิยมบางช่อง - ก่อนหน้านี้ Multiview จำกัดเฉพาะเนื้อหากีฬาและการจัดวางที่เลือกโดย YouTube TV ✅ ฟีเจอร์ AI ใน YouTube Music - ฟีเจอร์ Ask Music ช่วยสร้างสถานีวิทยุส่วนตัวตามคำอธิบายของผู้ใช้งาน - ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานใน iOS และ Android สำหรับผู้ใช้ YouTube Premium และ YouTube Music ✅ การเพิ่มตัวเลือกความเร็วในการเล่นวิดีโอใน YouTube Premium - รองรับความเร็วในการเล่นสูงสุดถึง 4x บนมือถือ ✅ ฟีเจอร์ใหม่สำหรับผู้สร้างเนื้อหา - ผู้สร้างสามารถตอบความคิดเห็นด้วยโน้ตเสียง ซึ่งจะเปิดตัวให้ผู้สร้างมากขึ้นในปีนี้ https://www.neowin.net/news/youtube-tv-is-getting-a-redesign-and-multiview-later-this-year/
    WWW.NEOWIN.NET
    YouTube TV is getting a redesign and multiview later this year
    YouTube, in its blog post celebrating its 20th anniversary, announced new features, including a TV app redesign coming this summer.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ได้เปิดตัวโปรเซสเซอร์ Core Ultra 9 285K ซึ่งเป็นรุ่นเรือธงในซีรีส์ Arrow Lake โดยมีการปรับปรุงประสิทธิภาพบนระบบปฏิบัติการ Linux เพิ่มขึ้นถึง 6% หลังจากการอัปเดต BIOS และไดรเวอร์ใหม่ นอกจากนี้ Intel ยังได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อ "200S Boost" ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำและการประมวลผล โดยฟีเจอร์นี้ครอบคลุมการรับประกันฮาร์ดแวร์

    ✅ ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 6% บนระบบปฏิบัติการ Linux
    - การปรับปรุงนี้เกิดจากการอัปเดต BIOS และการปรับปรุงการจัดการงานบนแกนประมวลผลแบบ P/E cores
    - การทดสอบบน Ubuntu 25.04 แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงในงานแบบ single-core และการเล่นเกม

    ✅ ฟีเจอร์ "200S Boost" ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการโอเวอร์คล็อก
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มความเร็วในการประมวลผลได้ถึง 7.5%
    - ครอบคลุมการรับประกันฮาร์ดแวร์สำหรับผู้ใช้ที่ไม่เชี่ยวชาญด้านการโอเวอร์คล็อก

    ✅ Arrow Lake ใช้การออกแบบแกนประมวลผลแบบใหม่
    - การออกแบบแกนประมวลผลแบบ P/E cores ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน
    - การจัดการงานบนแกนประมวลผลได้รับการปรับปรุงใน Linux kernel

    ✅ การปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง
    - Intel ยังคงพัฒนา BIOS และไดรเวอร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ Arrow Lake

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-core-ultra-9-285k-performance-sees-6-percent-improvement-on-linux-arrow-lake-boosts-even-without-new-200s-boost-bios
    Intel ได้เปิดตัวโปรเซสเซอร์ Core Ultra 9 285K ซึ่งเป็นรุ่นเรือธงในซีรีส์ Arrow Lake โดยมีการปรับปรุงประสิทธิภาพบนระบบปฏิบัติการ Linux เพิ่มขึ้นถึง 6% หลังจากการอัปเดต BIOS และไดรเวอร์ใหม่ นอกจากนี้ Intel ยังได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อ "200S Boost" ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำและการประมวลผล โดยฟีเจอร์นี้ครอบคลุมการรับประกันฮาร์ดแวร์ ✅ ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 6% บนระบบปฏิบัติการ Linux - การปรับปรุงนี้เกิดจากการอัปเดต BIOS และการปรับปรุงการจัดการงานบนแกนประมวลผลแบบ P/E cores - การทดสอบบน Ubuntu 25.04 แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงในงานแบบ single-core และการเล่นเกม ✅ ฟีเจอร์ "200S Boost" ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการโอเวอร์คล็อก - ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มความเร็วในการประมวลผลได้ถึง 7.5% - ครอบคลุมการรับประกันฮาร์ดแวร์สำหรับผู้ใช้ที่ไม่เชี่ยวชาญด้านการโอเวอร์คล็อก ✅ Arrow Lake ใช้การออกแบบแกนประมวลผลแบบใหม่ - การออกแบบแกนประมวลผลแบบ P/E cores ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน - การจัดการงานบนแกนประมวลผลได้รับการปรับปรุงใน Linux kernel ✅ การปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง - Intel ยังคงพัฒนา BIOS และไดรเวอร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ Arrow Lake https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-core-ultra-9-285k-performance-sees-6-percent-improvement-on-linux-arrow-lake-boosts-even-without-new-200s-boost-bios
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ได้เปิดตัว 200S Boost ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่สำหรับ Arrow Lake K-series processors ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมผ่านการ โอเวอร์คล็อกหน่วยความจำและ fabric speeds โดยฟีเจอร์นี้ได้รับการรับรองภายใต้ การรับประกันของ Intel ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทให้การรับรองสำหรับการโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำ DDR5

    ✅ Intel 200S Boost ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมขึ้น 7%
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้หน่วยความจำ DDR5 สามารถโอเวอร์คล็อกได้สูงสุดถึง DDR5-8000
    - เพิ่มความเร็วของ Next Generation Uncore (NGU/SA Fabric) จาก 2.6 GHz เป็น 3.2 GHz

    ✅ ฟีเจอร์นี้ได้รับการรับรองภายใต้การรับประกันของ Intel
    - เป็นครั้งแรกที่ Intel ให้การรับรองสำหรับการโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำ DDR5
    - ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งระบบได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเสียหายของชิป

    ✅ 200S Boost จะถูกนำไปใช้ใน BIOS ของเมนบอร์ด Z-Series
    - ฟีเจอร์นี้จะถูกเพิ่มเข้าไปใน BIOS revisions จากผู้ผลิตเมนบอร์ดรายใหญ่
    - คาดว่าจะมีการอัปเดต BIOS จาก OEMs ภายในวันพรุ่งนี้

    ✅ การโอเวอร์คล็อก fabric speeds ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารระหว่างองค์ประกอบของชิป
    - Die-to-Die (D2D) communication fabric ถูกเพิ่มจาก 2.1 GHz เป็น 3.2 GHz
    - ช่วยให้ CPU cores, memory controllers และองค์ประกอบอื่นๆ ทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/we-tested-intels-unreleased-200s-boost-feature-7-percent-higher-gaming-performance-thanks-to-memory-overclocking-now-covered-by-the-warranty
    Intel ได้เปิดตัว 200S Boost ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่สำหรับ Arrow Lake K-series processors ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมผ่านการ โอเวอร์คล็อกหน่วยความจำและ fabric speeds โดยฟีเจอร์นี้ได้รับการรับรองภายใต้ การรับประกันของ Intel ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทให้การรับรองสำหรับการโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำ DDR5 ✅ Intel 200S Boost ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมขึ้น 7% - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้หน่วยความจำ DDR5 สามารถโอเวอร์คล็อกได้สูงสุดถึง DDR5-8000 - เพิ่มความเร็วของ Next Generation Uncore (NGU/SA Fabric) จาก 2.6 GHz เป็น 3.2 GHz ✅ ฟีเจอร์นี้ได้รับการรับรองภายใต้การรับประกันของ Intel - เป็นครั้งแรกที่ Intel ให้การรับรองสำหรับการโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำ DDR5 - ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งระบบได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเสียหายของชิป ✅ 200S Boost จะถูกนำไปใช้ใน BIOS ของเมนบอร์ด Z-Series - ฟีเจอร์นี้จะถูกเพิ่มเข้าไปใน BIOS revisions จากผู้ผลิตเมนบอร์ดรายใหญ่ - คาดว่าจะมีการอัปเดต BIOS จาก OEMs ภายในวันพรุ่งนี้ ✅ การโอเวอร์คล็อก fabric speeds ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารระหว่างองค์ประกอบของชิป - Die-to-Die (D2D) communication fabric ถูกเพิ่มจาก 2.1 GHz เป็น 3.2 GHz - ช่วยให้ CPU cores, memory controllers และองค์ประกอบอื่นๆ ทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/we-tested-intels-unreleased-200s-boost-feature-7-percent-higher-gaming-performance-thanks-to-memory-overclocking-now-covered-by-the-warranty
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 247 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple ได้ออก แพตช์ฉุกเฉิน เพื่อแก้ไขช่องโหว่ zero-day ที่ถูกใช้ใน การโจมตีที่ซับซ้อนสูง โดยช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อ CoreAudio และ RPAC ซึ่งสามารถถูกใช้เพื่อ รันโค้ดที่เป็นอันตรายและข้ามการตรวจสอบสิทธิ์

    ✅ Apple ออกแพตช์ฉุกเฉินเพื่อแก้ไขช่องโหว่ใน CoreAudio และ RPAC
    - ช่องโหว่ CVE-2025-31200 ใน CoreAudio อาจถูกใช้เพื่อ รันโค้ดที่เป็นอันตรายผ่านไฟล์เสียงที่ถูกดัดแปลง
    - ช่องโหว่ CVE-2025-31201 ใน RPAC อาจถูกใช้เพื่อ ข้ามการตรวจสอบ Pointer Authentication ซึ่งช่วยป้องกันการโจมตีแบบ memory corruption

    ✅ ช่องโหว่นี้ถูกใช้ใน "การโจมตีที่ซับซ้อนสูง" บน iOS
    - Apple ระบุว่า มีรายงานว่าช่องโหว่นี้ถูกใช้โจมตีบุคคลเป้าหมาย
    - แม้ว่าจะพบการโจมตีบน iPhone แต่ช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อ iOS, iPadOS, tvOS, visionOS และ macOS

    ✅ Apple ได้ออกแพตช์สำหรับทุกระบบที่ได้รับผลกระทบ
    - ระบบที่ได้รับการแก้ไข ได้แก่ tvOS 18.4.1, visionOS 2.4.1, iOS 18.4.1, iPadOS 18.4.1 และ macOS Sequoia 15.4.1
    - อุปกรณ์ที่ได้รับแพตช์ ได้แก่ iPhone XS และรุ่นใหม่กว่า, iPad Pro 13-inch, iPad Air 3rd generation และ iPad mini 5th generation

    ✅ Apple เผชิญกับช่องโหว่ zero-day หลายครั้งในปีนี้
    - นี่เป็นช่องโหว่ zero-day ครั้งที่ 5 ในปี 2025 ที่ Apple ต้องแก้ไข
    - ในปี 2024 Apple เผชิญกับ 6 ช่องโหว่ zero-day รวมถึงช่องโหว่ที่ถูกใช้ใน Operation Triangulation

    https://www.csoonline.com/article/3964668/hackers-target-apple-users-in-an-extremely-sophisticated-attack.html
    Apple ได้ออก แพตช์ฉุกเฉิน เพื่อแก้ไขช่องโหว่ zero-day ที่ถูกใช้ใน การโจมตีที่ซับซ้อนสูง โดยช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อ CoreAudio และ RPAC ซึ่งสามารถถูกใช้เพื่อ รันโค้ดที่เป็นอันตรายและข้ามการตรวจสอบสิทธิ์ ✅ Apple ออกแพตช์ฉุกเฉินเพื่อแก้ไขช่องโหว่ใน CoreAudio และ RPAC - ช่องโหว่ CVE-2025-31200 ใน CoreAudio อาจถูกใช้เพื่อ รันโค้ดที่เป็นอันตรายผ่านไฟล์เสียงที่ถูกดัดแปลง - ช่องโหว่ CVE-2025-31201 ใน RPAC อาจถูกใช้เพื่อ ข้ามการตรวจสอบ Pointer Authentication ซึ่งช่วยป้องกันการโจมตีแบบ memory corruption ✅ ช่องโหว่นี้ถูกใช้ใน "การโจมตีที่ซับซ้อนสูง" บน iOS - Apple ระบุว่า มีรายงานว่าช่องโหว่นี้ถูกใช้โจมตีบุคคลเป้าหมาย - แม้ว่าจะพบการโจมตีบน iPhone แต่ช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อ iOS, iPadOS, tvOS, visionOS และ macOS ✅ Apple ได้ออกแพตช์สำหรับทุกระบบที่ได้รับผลกระทบ - ระบบที่ได้รับการแก้ไข ได้แก่ tvOS 18.4.1, visionOS 2.4.1, iOS 18.4.1, iPadOS 18.4.1 และ macOS Sequoia 15.4.1 - อุปกรณ์ที่ได้รับแพตช์ ได้แก่ iPhone XS และรุ่นใหม่กว่า, iPad Pro 13-inch, iPad Air 3rd generation และ iPad mini 5th generation ✅ Apple เผชิญกับช่องโหว่ zero-day หลายครั้งในปีนี้ - นี่เป็นช่องโหว่ zero-day ครั้งที่ 5 ในปี 2025 ที่ Apple ต้องแก้ไข - ในปี 2024 Apple เผชิญกับ 6 ช่องโหว่ zero-day รวมถึงช่องโหว่ที่ถูกใช้ใน Operation Triangulation https://www.csoonline.com/article/3964668/hackers-target-apple-users-in-an-extremely-sophisticated-attack.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Hackers target Apple users in an ‘extremely sophisticated attack’
    The bugs, found in Apple’s CoreAudio and RPAC components, enabled code execution and memory corruption attacks.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 255 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Word บน iOS ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ แปลงบันทึกเสียงเป็นเอกสารที่มีโครงสร้างดี โดยใช้ Copilot ซึ่งช่วยให้การจัดรูปแบบเอกสารเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว

    ✅ Copilot ใน Word บน iOS สามารถแปลงบันทึกเสียงเป็นเอกสารได้อย่างมีโครงสร้าง
    - ผู้ใช้สามารถ เลือกภาษาและเทมเพลตเอกสาร ก่อนเริ่มบันทึกเสียง
    - เมื่อบันทึกเสร็จ Copilot จะ ถอดเสียงและจัดรูปแบบเอกสารตามเทมเพลตที่เลือก

    ✅ Word มีเทมเพลตเริ่มต้นสำหรับบันทึกเสียง 3 แบบ
    - Document: เอกสารมาตรฐานที่มีหัวข้อและส่วนต่างๆ
    - Notes: เอกสารข้อความเรียบง่ายที่แบ่งเป็นย่อหน้า
    - Email: เอกสารที่มีเนื้อหาอีเมลพร้อมคำลงท้าย

    ✅ ผู้ใช้สามารถสร้างเทมเพลตของตนเองได้
    - สามารถตั้งชื่อเทมเพลต เช่น Groceries และกำหนดรูปแบบเอกสารที่ต้องการ
    - ช่วยให้การจัดการเอกสารเป็นไปตามความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคล

    ✅ ฟีเจอร์นี้รองรับหลายภาษา แต่ยังไม่ครบทุกภาษา
    - รองรับ อังกฤษ, สเปน, ฝรั่งเศส, โปรตุเกส, จีน, เยอรมัน, อิตาลี และญี่ปุ่น
    - Microsoft ระบุว่าจะเพิ่มการรองรับภาษาอื่นๆ ในอนาคต

    ✅ ฟีเจอร์นี้ใช้ได้เฉพาะกับผู้ใช้ที่มี Copilot License
    - ต้องมี Copilot Pro หรือ AI credits ใน Microsoft 365 subscription
    - ใช้งานได้บน Word เวอร์ชัน 2.96 (build 25041112)

    https://www.neowin.net/news/microsoft-makes-it-easier-to-turn-voice-notes-into-well-made-documents-in-word-on-mobile/
    Microsoft ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Word บน iOS ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ แปลงบันทึกเสียงเป็นเอกสารที่มีโครงสร้างดี โดยใช้ Copilot ซึ่งช่วยให้การจัดรูปแบบเอกสารเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว ✅ Copilot ใน Word บน iOS สามารถแปลงบันทึกเสียงเป็นเอกสารได้อย่างมีโครงสร้าง - ผู้ใช้สามารถ เลือกภาษาและเทมเพลตเอกสาร ก่อนเริ่มบันทึกเสียง - เมื่อบันทึกเสร็จ Copilot จะ ถอดเสียงและจัดรูปแบบเอกสารตามเทมเพลตที่เลือก ✅ Word มีเทมเพลตเริ่มต้นสำหรับบันทึกเสียง 3 แบบ - Document: เอกสารมาตรฐานที่มีหัวข้อและส่วนต่างๆ - Notes: เอกสารข้อความเรียบง่ายที่แบ่งเป็นย่อหน้า - Email: เอกสารที่มีเนื้อหาอีเมลพร้อมคำลงท้าย ✅ ผู้ใช้สามารถสร้างเทมเพลตของตนเองได้ - สามารถตั้งชื่อเทมเพลต เช่น Groceries และกำหนดรูปแบบเอกสารที่ต้องการ - ช่วยให้การจัดการเอกสารเป็นไปตามความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคล ✅ ฟีเจอร์นี้รองรับหลายภาษา แต่ยังไม่ครบทุกภาษา - รองรับ อังกฤษ, สเปน, ฝรั่งเศส, โปรตุเกส, จีน, เยอรมัน, อิตาลี และญี่ปุ่น - Microsoft ระบุว่าจะเพิ่มการรองรับภาษาอื่นๆ ในอนาคต ✅ ฟีเจอร์นี้ใช้ได้เฉพาะกับผู้ใช้ที่มี Copilot License - ต้องมี Copilot Pro หรือ AI credits ใน Microsoft 365 subscription - ใช้งานได้บน Word เวอร์ชัน 2.96 (build 25041112) https://www.neowin.net/news/microsoft-makes-it-easier-to-turn-voice-notes-into-well-made-documents-in-word-on-mobile/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft makes it easier to turn voice notes into well-made documents in Word on mobile
    Copilot in Word on mobile devices gets a new feature to make life easier for users who frequently use voice notes.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts