• ดาวเหินจรคู่ผสมระหว่างปีและเดือน ประจำเดือนพฤษภาคม 2568

    ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 5 เดือนพฤษภาคม ไปจนถึง วันพุธที่ 4 เดือนมิถุนายน พ.ศ.2568 เป็นเดือนมะเส็งไม้ 乙巳 (อิกจี๋) ธาตุไฟ มีกระแสพลังดาว八白 (โป๊ยแป๊ะ) ธาตุดิน ดาวแห่งนักปราชญ์ ผู้รอบรู้ โชคลาภ ร่วมด้วยช่วยกันกับกระแสพลังดาวคู่ผสม二黑 (หยี่เฮก) ธาตุดิน ดาวป่วยไข้ ดาวโรคภัย ดาวความเสื่อมถอย ประจำอยู่ในปีจรมะเส็งไม้ 乙巳 (อิกจี๋) ธาตุไฟ เช่นกัน ส่งผลต่อการตกลงเจราจาในที่ลับๆ ปกปิดไม่เปิดเผยในที่แจ้งจะถูกฝ่ายตรงข้ามใส่สีตีไข่ให้ร้าย เกิดเป็นวิวาทะกระทบถึงชื่อเสียงเกียรติยศให้เสื่อมเสียจนกลายเป็นประเด็นร้อนๆทางการเมืองได้อีกเช่นกัน แต่ถึงอย่างไรสังคมส่วนใหญ่ยังคงยอมรับให้การสนับสนุนเป็นกำลังใจเช่นเดิม ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ งานก่อสร้าง ค้าที่ดิน จะโชคดี มีชื่อเสียง มีข่าวดีๆจากแดนไกลมาเยือน อีกทั้งจะประสบพบความสำเร็จได้ผลประโยชน์กำไรอย่างน่าพอใจ ส่วนการเดินทางขับรถไปในสถานที่แห่งใดไม่ว่าใกล้หรือไกลควรมีสติสัมปชัญญะจะได้พ้นจากอุบัติเหตุเภทภัย
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ดาวเหินจรคู่ผสมระหว่างปีและเดือน ประจำเดือนพฤษภาคม 2568 ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 5 เดือนพฤษภาคม ไปจนถึง วันพุธที่ 4 เดือนมิถุนายน พ.ศ.2568 เป็นเดือนมะเส็งไม้ 乙巳 (อิกจี๋) ธาตุไฟ มีกระแสพลังดาว八白 (โป๊ยแป๊ะ) ธาตุดิน ดาวแห่งนักปราชญ์ ผู้รอบรู้ โชคลาภ ร่วมด้วยช่วยกันกับกระแสพลังดาวคู่ผสม二黑 (หยี่เฮก) ธาตุดิน ดาวป่วยไข้ ดาวโรคภัย ดาวความเสื่อมถอย ประจำอยู่ในปีจรมะเส็งไม้ 乙巳 (อิกจี๋) ธาตุไฟ เช่นกัน ส่งผลต่อการตกลงเจราจาในที่ลับๆ ปกปิดไม่เปิดเผยในที่แจ้งจะถูกฝ่ายตรงข้ามใส่สีตีไข่ให้ร้าย เกิดเป็นวิวาทะกระทบถึงชื่อเสียงเกียรติยศให้เสื่อมเสียจนกลายเป็นประเด็นร้อนๆทางการเมืองได้อีกเช่นกัน แต่ถึงอย่างไรสังคมส่วนใหญ่ยังคงยอมรับให้การสนับสนุนเป็นกำลังใจเช่นเดิม ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ งานก่อสร้าง ค้าที่ดิน จะโชคดี มีชื่อเสียง มีข่าวดีๆจากแดนไกลมาเยือน อีกทั้งจะประสบพบความสำเร็จได้ผลประโยชน์กำไรอย่างน่าพอใจ ส่วนการเดินทางขับรถไปในสถานที่แห่งใดไม่ว่าใกล้หรือไกลควรมีสติสัมปชัญญะจะได้พ้นจากอุบัติเหตุเภทภัย ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซาท์​ไชน่า​มอร์นิ่ง​โพสต์​ (30​ เม.ย.)​ สถานทูตจีนในกรุงโตเกียว​ หลงเชื่อการ์ตูน​ ออกโรงเตือนแผ่นดินไหวญี่ปุ่น และโน้มน้าวให้ผู้เดินทางบางคนยกเลิกแผนการเดินทางไปเยือน

    ข่าวลือดังกล่าวเป็นผลจากการทำนายที่ไม่มีมูลความจริงของมังงะญี่ปุ่นและปรมาจารย์ฮวงจุ้ยชาวฮ่องกง​ และก่อให้เกิดข้อกล่าวหามากมาย บนโซเชียลมีเดีย

    ในโพสต์บนเว็บไซต์เมื่อวันที่ 14 เมษายน สถานทูตจีนได้เตือนพลเมืองที่เดินทางหรืออาศัยอยู่ในญี่ปุ่นให้ระมัดระวังต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ นอกจากนี้ยังแจ้งให้พลเมืองจีนลงทะเบียนกับสถานทูตและระมัดระวังเมื่อวางแผนเดินทางหรือเรียนต่อในญี่ปุ่น รวมถึงการซื้ออสังหาริมทรัพย์

    คำเตือนดังกล่าวมีขึ้นหลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นรายงานเมื่อวันที่ 31 มีนาคม เกี่ยวกับภัยคุกคามจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นในร่องลึกนันไค ซึ่งเป็นรอยเลื่อนยาว 900 กิโลเมตร ที่ทอดขนานไปกับชายฝั่งนอกชายฝั่งทางใต้ของญี่ปุ่น

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/japan/detail/9680000040897

    #MGROnline #การ์ตูน#มังงะญี่ปุ่น
    เซาท์​ไชน่า​มอร์นิ่ง​โพสต์​ (30​ เม.ย.)​ สถานทูตจีนในกรุงโตเกียว​ หลงเชื่อการ์ตูน​ ออกโรงเตือนแผ่นดินไหวญี่ปุ่น และโน้มน้าวให้ผู้เดินทางบางคนยกเลิกแผนการเดินทางไปเยือน • ข่าวลือดังกล่าวเป็นผลจากการทำนายที่ไม่มีมูลความจริงของมังงะญี่ปุ่นและปรมาจารย์ฮวงจุ้ยชาวฮ่องกง​ และก่อให้เกิดข้อกล่าวหามากมาย บนโซเชียลมีเดีย • ในโพสต์บนเว็บไซต์เมื่อวันที่ 14 เมษายน สถานทูตจีนได้เตือนพลเมืองที่เดินทางหรืออาศัยอยู่ในญี่ปุ่นให้ระมัดระวังต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ นอกจากนี้ยังแจ้งให้พลเมืองจีนลงทะเบียนกับสถานทูตและระมัดระวังเมื่อวางแผนเดินทางหรือเรียนต่อในญี่ปุ่น รวมถึงการซื้ออสังหาริมทรัพย์ • คำเตือนดังกล่าวมีขึ้นหลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นรายงานเมื่อวันที่ 31 มีนาคม เกี่ยวกับภัยคุกคามจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นในร่องลึกนันไค ซึ่งเป็นรอยเลื่อนยาว 900 กิโลเมตร ที่ทอดขนานไปกับชายฝั่งนอกชายฝั่งทางใต้ของญี่ปุ่น • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/japan/detail/9680000040897 • #MGROnline #การ์ตูน​ #มังงะญี่ปุ่น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว
  • 9 ปี สิ้น “บรรหาร ศิลปอาชา” 🐉 มังกรสุพรรณ นายกฯ ผู้สร้างเมืองด้วยมือปลาไหลใส่สเก็ต รวยอันดับสอง รองจากทักษิณ ชายผู้พลิกเมือง “สุพรรณบุรี” จนกลายเป็น “บรรหารบุรี”

    📅 เช้าตรู่วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2559 แวดวงการเมืองไทย ต้องพบกับความสูญเสียครั้งสำคัญ เมื่อ “นายบรรหาร ศิลปอาชา” อดีตนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 ถึงแก่อนิจกรรมด้วยภาวะภูมิแพ้ และหอบหืดกำเริบ ที่โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ รวมอายุได้ 83 ปี 247 วัน

    แม้เวลาจะผ่านมา 9 ปี แต่ชื่อของบรรหารก็ยังคงดังก้อง ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย ทั้งในฐานะนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพล นายกฯ ที่สู้จนได้เป็นผู้นำประเทศ และ “เจ้าพ่อเมืองสุพรรณ” ผู้ปั้นเมืองทั้งเมืองด้วยความตั้งใจ และสายสัมพันธ์ทางการเมืองอันแน่นหนา

    🧠 จะพาคุณย้อนรอยชีวิต และผลงานของชายผู้ได้ฉายาว่า “ปลาไหลใส่สเก็ต” อย่างบรรหาร พร้อมเจาะลึกทุกมิติที่ควรรู้ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และมรดกที่ทิ้งไว้ให้เมืองสุพรรณบุรี 🇹🇭

    👦 ชีวิตวัยเด็กของ "เต็กเซียง แซ่เบ๊" เด็กชายแห่งท่าพี่เลี้ยง บรรหารเกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2475 ที่ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีชื่อเดิมว่า “เต็กเซียง แซ่เบ๊” (馬德祥)

    👨‍👩‍👧‍👦 เป็นบุตรคนที่ 4 จากทั้งหมด 6 คน ของครอบครัวชาวจีนแต้จิ๋ว ที่ทำธุรกิจร้านขายสิ่งทอชื่อ “ย่งหยูฮง” พ่อแม่คือ "เซ่งกิม" และ "สายเอ็ง แซ่เบ๊" ซึ่งปลูกฝังความขยันขันแข็ง และแนวคิดแบบพ่อค้า ให้แก่บรรหารตั้งแต่วัยเยาว์

    แม้จะเรียนถึงแค่ระดับมัธยมต้น ที่โรงเรียนวัฒนศิลป์วิทยาลัยในกรุงเทพฯ แต่ต้องหยุดเรียนเพราะสงครามโลก ครั้งที่สอง จึงเลือกเดินทางสายนักธุรกิจ สร้างฐานะด้วยตนเองจากงานรับเหมาก่อสร้าง จนในที่สุดกลายเป็นนักธุรกิจใหญ่ ผู้ก่อตั้งบริษัทมากมาย เช่น

    🏗️ บริษัทสหศรีชัยก่อสร้าง จำกัด
    ⚗️ บริษัทบี.เอส.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
    🧪 บริษัทคอสติกไทย จำกัด จำหน่ายเคมีภัณฑ์

    จากเด็กชายในเมืองเล็ก ๆ สู่เจ้าของอาณาจักรธุรกิจ และผู้นำประเทศ บรรหารถือเป็นตัวอย่าง ของคนที่สร้างทุกอย่างจากศูนย์ 💪

    🏛️ ก้าวแรกสู่การเมือง จากเทศบาลเมือง สู่สภาผู้แทนราษฎร เส้นทางการเมืองของบรรหาร เริ่มต้นในฐานะ “สมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี” จากการแต่งตั้งในปี พ.ศ. 2516 ก่อนที่จะได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ในปี พ.ศ. 2518 และลงเลือกตั้งเป็น ส.ส. สุพรรณบุรีในปี พ.ศ. 2519 ซึ่งเขาชนะทุกครั้งที่ลงสมัคร รวมทั้งสิ้น 11 สมัย! 🗳️

    🏆 จากพลังแห่งความนิยมในพื้นที่สุพรรณบุรี บรรหารก้าวขึ้นสู่เวทีใหญ่ เป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง อาทิ

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 🚆

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 🏢

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 🌾

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 💰

    บรรหารได้รับสมญานามว่า “มังกรสุพรรณ” ด้วยพลังในการควบคุมพื้นที่อย่างแน่นหนา และ “ปลาไหลใส่สเก็ต” ด้วยสไตล์ทางการเมือง ที่ลื่นไหลยืดหยุ่น

    👑 สู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 📌 ปี พ.ศ. 2538 บรรหาร ศิลปอาชา ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 21 ของประเทศไทย พร้อมควบตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

    🎯 ผลงานสำคัญที่เกิดขึ้นในรัฐบาลบรรหาร ได้แก่ ริเริ่มร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540, เป็นเจ้าภาพ ASEM และ ASEAN Summitm การแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่เชียงใหม่, การจัดงานเกษตรอุตสาหกรรมโลก WORLDTECH’95 และการตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ

    แม้การบริหารของบรรหาร ถูกฝ่ายค้านวิจารณ์อย่างหนัก จนต้องยุบสภาในปี พ.ศ. 2539 แต่ผลงานจำนวนมาก ก็ยังถูกพูดถึงจนถึงปัจจุบัน

    💸 รวยจริง ไม่ต้องโชว์ บรรหารกับทรัพย์สินมหาศาล 📈 จากรายงานของสำนักข่าวอิศรา “บรรหาร” ได้รับการจัดอันดับให้เป็น “นายกรัฐมนตรีที่ร่ำรวยที่สุด เป็นอันดับ 2” รองจาก “ทักษิณ ชินวัตร” โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่มาจาก

    ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 🏗️

    ธุรกิจเคมีภัณฑ์ 📦

    อสังหาริมทรัพย์ทั้งในเมือง และต่างจังหวัด 🏢

    ของสะสม เช่น พระเครื่อง นาฬิกาหรู รถยนต์หรู ⌚🚗

    แต่สิ่งที่ทำให้บรรหาร ได้รับความเคารพคือ “การใช้เงินเป็น” ไม่ใช่ “โชว์หรู” ใช้ทรัพย์สินเพื่อพัฒนา ไม่ใช่เพื่อสร้างภาพลักษณ์

    🌸 มรดกที่ทิ้งไว้ "บรรหารบุรี" เมืองต้นแบบของจังหวัดนิยม เมืองสุพรรณบุรีในวันนี้ กลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบ “จังหวัดนิยม” (Provincial Identity) ซึ่งนักวิชาการญี่ปุ่น "Yoshinori Nishizaki" อธิบายไว้ชัดเจนว่า

    “บรรหารสามารถสร้างอัตลักษณ์ใหม่ให้เมือง ผ่านโครงการต่างๆ ที่จับต้องได้จริง จนกลายเป็นแรงศรัทธาทางการเมือง”

    🧱 ตัวอย่างผลงานในสุพรรณบุรี เช่น หอคอยเมืองสุพรรณ, ถนนคุณภาพระดับประเทศ, โรงเรียนบรรหารแจ่มใส, โรงพยาบาล, ศูนย์ราชการรวมศูนย์, พิพิธภัณฑ์, หอเกียรติยศ และศาลหลักเมือง

    สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผู้คนมองเห็นว่า “นักการเมืองที่ดี” คือคนที่ “พัฒนาชุมชน” ไม่ใช่แค่พูดสวยหรูบนเวที

    📌 บทเรียนจากชีวิตบรรหาร สัจจะ และกตัญญู หากถามถึงคุณธรรมสำคัญในชีวิตของบรรหาร มีอยู่ 2 คำ ที่บรรหารยึดมั่นเสมอ คือ

    “สัจจะ” คำพูดต้องรักษาให้ได้

    “กตัญญู” ต่อบ้านเกิด และผู้มีพระคุณ

    นี่คือสิ่งที่ทำให้ชื่อของบรรหาร ยังถูกพูดถึงแม้เวลาผ่านไปหลายปี และยังเป็นแบบอย่างให้กับนักการเมืองรุ่นใหม่ ได้ศึกษาเรียนรู้

    📜 มังกรสุพรรณ ผู้ล่องด้วยสัจจะ "บรรหาร ศิลปอาชา" ไม่ใช่แค่ “อดีตนายกรัฐมนตรี” แต่คือชายที่หล่อหลอมเมืองสุพรรณบุรี ให้กลายเป็นพื้นที่พิเศษ ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย 🐉

    จากชายที่เกิดในครอบครัวพ่อค้า สู่ผู้พัฒนาจังหวัดด้วยวิสัยทัศน์

    จากนักธุรกิจที่สร้างตัวเอง สู่ผู้นำที่เปลี่ยนภูมิทัศน์การเมืองไทย 🇹🇭

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231016 เม.ย. 2568

    🔖 #บรรหารศิลปอาชา #นายกรัฐมนตรีไทย #มังกรสุพรรณ #บรรหารบุรี #ปลาไหลใส่สเก็ต #สุพรรณบุรี #การเมืองไทย #พัฒนาท้องถิ่น #จังหวัดนิยม #บุคคลสำคัญ
    9 ปี สิ้น “บรรหาร ศิลปอาชา” 🐉 มังกรสุพรรณ นายกฯ ผู้สร้างเมืองด้วยมือปลาไหลใส่สเก็ต รวยอันดับสอง รองจากทักษิณ ชายผู้พลิกเมือง “สุพรรณบุรี” จนกลายเป็น “บรรหารบุรี” 📅 เช้าตรู่วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2559 แวดวงการเมืองไทย ต้องพบกับความสูญเสียครั้งสำคัญ เมื่อ “นายบรรหาร ศิลปอาชา” อดีตนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 ถึงแก่อนิจกรรมด้วยภาวะภูมิแพ้ และหอบหืดกำเริบ ที่โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ รวมอายุได้ 83 ปี 247 วัน แม้เวลาจะผ่านมา 9 ปี แต่ชื่อของบรรหารก็ยังคงดังก้อง ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย ทั้งในฐานะนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพล นายกฯ ที่สู้จนได้เป็นผู้นำประเทศ และ “เจ้าพ่อเมืองสุพรรณ” ผู้ปั้นเมืองทั้งเมืองด้วยความตั้งใจ และสายสัมพันธ์ทางการเมืองอันแน่นหนา 🧠 จะพาคุณย้อนรอยชีวิต และผลงานของชายผู้ได้ฉายาว่า “ปลาไหลใส่สเก็ต” อย่างบรรหาร พร้อมเจาะลึกทุกมิติที่ควรรู้ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และมรดกที่ทิ้งไว้ให้เมืองสุพรรณบุรี 🇹🇭 👦 ชีวิตวัยเด็กของ "เต็กเซียง แซ่เบ๊" เด็กชายแห่งท่าพี่เลี้ยง บรรหารเกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2475 ที่ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีชื่อเดิมว่า “เต็กเซียง แซ่เบ๊” (馬德祥) 👨‍👩‍👧‍👦 เป็นบุตรคนที่ 4 จากทั้งหมด 6 คน ของครอบครัวชาวจีนแต้จิ๋ว ที่ทำธุรกิจร้านขายสิ่งทอชื่อ “ย่งหยูฮง” พ่อแม่คือ "เซ่งกิม" และ "สายเอ็ง แซ่เบ๊" ซึ่งปลูกฝังความขยันขันแข็ง และแนวคิดแบบพ่อค้า ให้แก่บรรหารตั้งแต่วัยเยาว์ แม้จะเรียนถึงแค่ระดับมัธยมต้น ที่โรงเรียนวัฒนศิลป์วิทยาลัยในกรุงเทพฯ แต่ต้องหยุดเรียนเพราะสงครามโลก ครั้งที่สอง จึงเลือกเดินทางสายนักธุรกิจ สร้างฐานะด้วยตนเองจากงานรับเหมาก่อสร้าง จนในที่สุดกลายเป็นนักธุรกิจใหญ่ ผู้ก่อตั้งบริษัทมากมาย เช่น 🏗️ บริษัทสหศรีชัยก่อสร้าง จำกัด ⚗️ บริษัทบี.เอส.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 🧪 บริษัทคอสติกไทย จำกัด จำหน่ายเคมีภัณฑ์ จากเด็กชายในเมืองเล็ก ๆ สู่เจ้าของอาณาจักรธุรกิจ และผู้นำประเทศ บรรหารถือเป็นตัวอย่าง ของคนที่สร้างทุกอย่างจากศูนย์ 💪 🏛️ ก้าวแรกสู่การเมือง จากเทศบาลเมือง สู่สภาผู้แทนราษฎร เส้นทางการเมืองของบรรหาร เริ่มต้นในฐานะ “สมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี” จากการแต่งตั้งในปี พ.ศ. 2516 ก่อนที่จะได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ในปี พ.ศ. 2518 และลงเลือกตั้งเป็น ส.ส. สุพรรณบุรีในปี พ.ศ. 2519 ซึ่งเขาชนะทุกครั้งที่ลงสมัคร รวมทั้งสิ้น 11 สมัย! 🗳️ 🏆 จากพลังแห่งความนิยมในพื้นที่สุพรรณบุรี บรรหารก้าวขึ้นสู่เวทีใหญ่ เป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง อาทิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 🚆 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 🏢 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 🌾 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 💰 บรรหารได้รับสมญานามว่า “มังกรสุพรรณ” ด้วยพลังในการควบคุมพื้นที่อย่างแน่นหนา และ “ปลาไหลใส่สเก็ต” ด้วยสไตล์ทางการเมือง ที่ลื่นไหลยืดหยุ่น 👑 สู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 📌 ปี พ.ศ. 2538 บรรหาร ศิลปอาชา ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 21 ของประเทศไทย พร้อมควบตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 🎯 ผลงานสำคัญที่เกิดขึ้นในรัฐบาลบรรหาร ได้แก่ ริเริ่มร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540, เป็นเจ้าภาพ ASEM และ ASEAN Summitm การแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่เชียงใหม่, การจัดงานเกษตรอุตสาหกรรมโลก WORLDTECH’95 และการตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ แม้การบริหารของบรรหาร ถูกฝ่ายค้านวิจารณ์อย่างหนัก จนต้องยุบสภาในปี พ.ศ. 2539 แต่ผลงานจำนวนมาก ก็ยังถูกพูดถึงจนถึงปัจจุบัน 💸 รวยจริง ไม่ต้องโชว์ บรรหารกับทรัพย์สินมหาศาล 📈 จากรายงานของสำนักข่าวอิศรา “บรรหาร” ได้รับการจัดอันดับให้เป็น “นายกรัฐมนตรีที่ร่ำรวยที่สุด เป็นอันดับ 2” รองจาก “ทักษิณ ชินวัตร” โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่มาจาก ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 🏗️ ธุรกิจเคมีภัณฑ์ 📦 อสังหาริมทรัพย์ทั้งในเมือง และต่างจังหวัด 🏢 ของสะสม เช่น พระเครื่อง นาฬิกาหรู รถยนต์หรู ⌚🚗 แต่สิ่งที่ทำให้บรรหาร ได้รับความเคารพคือ “การใช้เงินเป็น” ไม่ใช่ “โชว์หรู” ใช้ทรัพย์สินเพื่อพัฒนา ไม่ใช่เพื่อสร้างภาพลักษณ์ 🌸 มรดกที่ทิ้งไว้ "บรรหารบุรี" เมืองต้นแบบของจังหวัดนิยม เมืองสุพรรณบุรีในวันนี้ กลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบ “จังหวัดนิยม” (Provincial Identity) ซึ่งนักวิชาการญี่ปุ่น "Yoshinori Nishizaki" อธิบายไว้ชัดเจนว่า “บรรหารสามารถสร้างอัตลักษณ์ใหม่ให้เมือง ผ่านโครงการต่างๆ ที่จับต้องได้จริง จนกลายเป็นแรงศรัทธาทางการเมือง” 🧱 ตัวอย่างผลงานในสุพรรณบุรี เช่น หอคอยเมืองสุพรรณ, ถนนคุณภาพระดับประเทศ, โรงเรียนบรรหารแจ่มใส, โรงพยาบาล, ศูนย์ราชการรวมศูนย์, พิพิธภัณฑ์, หอเกียรติยศ และศาลหลักเมือง สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผู้คนมองเห็นว่า “นักการเมืองที่ดี” คือคนที่ “พัฒนาชุมชน” ไม่ใช่แค่พูดสวยหรูบนเวที 📌 บทเรียนจากชีวิตบรรหาร สัจจะ และกตัญญู หากถามถึงคุณธรรมสำคัญในชีวิตของบรรหาร มีอยู่ 2 คำ ที่บรรหารยึดมั่นเสมอ คือ “สัจจะ” คำพูดต้องรักษาให้ได้ “กตัญญู” ต่อบ้านเกิด และผู้มีพระคุณ นี่คือสิ่งที่ทำให้ชื่อของบรรหาร ยังถูกพูดถึงแม้เวลาผ่านไปหลายปี และยังเป็นแบบอย่างให้กับนักการเมืองรุ่นใหม่ ได้ศึกษาเรียนรู้ 📜 มังกรสุพรรณ ผู้ล่องด้วยสัจจะ "บรรหาร ศิลปอาชา" ไม่ใช่แค่ “อดีตนายกรัฐมนตรี” แต่คือชายที่หล่อหลอมเมืองสุพรรณบุรี ให้กลายเป็นพื้นที่พิเศษ ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย 🐉 จากชายที่เกิดในครอบครัวพ่อค้า สู่ผู้พัฒนาจังหวัดด้วยวิสัยทัศน์ จากนักธุรกิจที่สร้างตัวเอง สู่ผู้นำที่เปลี่ยนภูมิทัศน์การเมืองไทย 🇹🇭 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231016 เม.ย. 2568 🔖 #บรรหารศิลปอาชา #นายกรัฐมนตรีไทย #มังกรสุพรรณ #บรรหารบุรี #ปลาไหลใส่สเก็ต #สุพรรณบุรี #การเมืองไทย #พัฒนาท้องถิ่น #จังหวัดนิยม #บุคคลสำคัญ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 426 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกียวโดนิวส์​ (22​ เม.ย.)​ ราคาเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมใหม่ในใจกลางกรุงโตเกียวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.2 ในปี 2567 จากปีก่อนหน้าสู่ระดับสูงสุดที่ 116.32 ล้านเยน ซึ่งทะลุ 100 ล้านเยนเป็นปีที่สองติดต่อกัน ท่ามกลางต้นทุนวัสดุและแรงงานที่พุ่งสูงขึ้น

    ท่ามกลางราคาที่พุ่งสูงขึ้น ผู้ขายยังคงมุ่งเป้าไปที่ผู้ซื้อที่มีฐานะร่ำรวยด้วยการเสนออสังหาริมทรัพย์ในทำเลที่สะดวก เช่น ใกล้สถานีรถไฟหลัก

    ราคาเฉลี่ยในเมืองหลวงและพื้นที่โดยรอบของประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 จากปีก่อนอยู่ที่ 81.35 ล้านเยน ทำลายสถิติสูงสุดครั้งก่อนเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน

    จำนวนคอนโดมิเนียมที่มีอุปทานคงเหลือในพื้นที่ลดลงร้อยละ 17.0 เหลือ 22,239 ยูนิต ลดลงเป็นปีที่สามติดต่อกัน

    เมื่อจำแนกตามจังหวัด ราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.5 เป็น 58.93 ล้านเยนในไซตามะ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.6 เป็น 56.04 ล้านเยนในชิบะ และเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 เป็น 65.87 ล้านเยนในคานากาวะ

    ข้อมูลระบุว่า ราคาเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นทั่วทั้ง 6 ภูมิภาค รวมถึง 23 เขตของโตเกียวและจังหวัดโดยรอบ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/japan/detail/9680000037669

    #MGROnline #คอนโดมิเนียมใหม่ #กรุงโตเกียว
    เกียวโดนิวส์​ (22​ เม.ย.)​ ราคาเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมใหม่ในใจกลางกรุงโตเกียวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.2 ในปี 2567 จากปีก่อนหน้าสู่ระดับสูงสุดที่ 116.32 ล้านเยน ซึ่งทะลุ 100 ล้านเยนเป็นปีที่สองติดต่อกัน ท่ามกลางต้นทุนวัสดุและแรงงานที่พุ่งสูงขึ้น • ท่ามกลางราคาที่พุ่งสูงขึ้น ผู้ขายยังคงมุ่งเป้าไปที่ผู้ซื้อที่มีฐานะร่ำรวยด้วยการเสนออสังหาริมทรัพย์ในทำเลที่สะดวก เช่น ใกล้สถานีรถไฟหลัก • ราคาเฉลี่ยในเมืองหลวงและพื้นที่โดยรอบของประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 จากปีก่อนอยู่ที่ 81.35 ล้านเยน ทำลายสถิติสูงสุดครั้งก่อนเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน • จำนวนคอนโดมิเนียมที่มีอุปทานคงเหลือในพื้นที่ลดลงร้อยละ 17.0 เหลือ 22,239 ยูนิต ลดลงเป็นปีที่สามติดต่อกัน • เมื่อจำแนกตามจังหวัด ราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.5 เป็น 58.93 ล้านเยนในไซตามะ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.6 เป็น 56.04 ล้านเยนในชิบะ และเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 เป็น 65.87 ล้านเยนในคานากาวะ • ข้อมูลระบุว่า ราคาเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นทั่วทั้ง 6 ภูมิภาค รวมถึง 23 เขตของโตเกียวและจังหวัดโดยรอบ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/japan/detail/9680000037669 • #MGROnline #คอนโดมิเนียมใหม่ #กรุงโตเกียว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 216 มุมมอง 0 รีวิว
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 13 ความสำคัญของการมีเงินออม
    .
    การเปลี่ยนการออมเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดและได้รับผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจจนอาจเรียกได้ว่า “เงินทำงานรับใช้” นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายดังพูด มีหลายประเด็นดังต่อไปนี้ที่ควรใคร่ครวญ
    .
    บ่อยครั้งที่เงินออมของเรามีไม่เพียงพอ จึงต้องกู้ยืมเพิ่มเติมเพื่อผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่าดอกเบี้ยเงินกู้ บางครั้งการกู้ยืมและผ่อนชำระก็ถือได้ว่าเป็นเงินออมอย่างหนึ่งดังกรณีของบ้านและรถยนต์ บ้านเป็นสิ่งที่ให้คุณค่าในการอยู่อาศัย การผ่อนชำระหนี้บ้านทำให้ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน และเกิดความหวังว่าจะได้เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย มีความรู้สึกว่าเป็นอิสระเพราะไม่ต้องพึ่งพิงคนอื่น ส่วนรถยนต์เป็นสิ่งสร้างความสะดวกสะบายที่ช่วยลดโสหุ้ยในเรื่องเวลาและการเดินทาง
    .
    อย่างไรก็ดี มีความเสี่ยงอยุ่ไม่น้อยในการกู้และผ่อนชำระจนครบ หรือพูดอีกอย่างนึงว่า กว่าจะออมจนประสบผลสำเร็จสามารถมีบ้านเป็นของตนเอง ข้อเท็จจริงหนึ่งที่สำคัญเมื่อกู้ยืมและผ่อนชำระบ้านหรือรถยนต์หรือโรงงานก็คือ แท้จริงแล้วทรัพย์สินเหล่านี้ยังไม่ใช่ของผู้กู้ตามกฏหมาย เนื่องจากโฉนดและเอกสารแสดงสิทธิความเป็นเจ้าของยังมิได้ระบุตนเองเป็นเจ้าของ ซึ่งความเป็นเจ้าของอย่างแท้จริงจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อได้ผ่อนชำระครบแล้วเท่านั้น ข้อเท็จจริงนี้ผู้กู้จะต้องตระหนักอยู่เสมอ จะได้มีพฤติกรรมอันเหมาะสมในการใช้จ่ายเงินในระหว่างที่เป็นหนี้
    .
    ความไม่ได้เป็นเจ้าของทรัพย์สินอย่างแท้จริงดังกล่าว เป็นความเสี่ยงที่ผู้กู้ควรตระหนัก เพราะ “อุบัติเหตุ” หลายประการดังต่อไปนี้อาจเกิดขึ้นได้ตลอดช่วงเวลาของการกู้ยืม โดยเฉพาะการกู้ยืมที่มีระยะเวลายาวนาน นั่นก็คือ (1) รายจ่ายของครอบครัวอาจสูงขึ้นอย่างไม่คาดคิดอ้นเนื่องมาจากความเจ็บป่วยของสมาชิกในครอบครัว หรือมีความจำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่ หรือมีภาระผูกพันทางการเงินเพิ่มขึ้นอีก (2) รายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้นดังที่หวังไว้ แต่อาจลดลงเพราะตกงานหรือเปลี่ยนงาน หรือสภาวะเศรษฐกิจผันผวนจนทำให้ธุรกิจที่เคยรุ่งโรจน์ซบเซา หรือธุรกิจต้องการเงินลงทุนเพิ่มขึ้น (3) อัตราดอกเบี้ยอาจสูงขึ้นในช่วงเวลาต่อมาจนต้องผ่อนชำระในแต่ละเดือนด้วยเงินก้อนใหญ่ขึ้น
    .
    อุทาหรณ์ในเรื่องนี้ก็คือ ก่อนการกู้ยืมควรใคร่ครวญให้รอบคอบและเลือกผ่อนซื้อสิ่งที่มีมูลค่าสอดคล้องกับฐานะของตนเองอย่างแท้จริงเท่านั้น มีข้อแนะนำว่าเพื่อความปลอดภัยจาก “อุบัติเหตุ” ดังกล่าว จึงไม่ควรกู้เงินซื้อบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ซึ่งมีมูลค่าสูงเกินกว่าหนึ่งเท่าของรายได้ครัวเรือนในหนึ่งปี
    .
    เมื่อมีเงินออมและจะนำไปลงทุน มีข้อเท็จจริงหลายประการที่ควรทราบ ดังนี้
    (1) การลงทุนบางอย่างไม่ก่อให้เกิดรายได้ในระหว่างที่ถือครองอยู่ แต่อาจมีมูลค่าสูงเมื่อเลิกการถือครองแล้วก็เป็นได้เช่น ทองคำ ที่ดิน เพชรนิลจินดา ของเก่ามีค่า เป็นต้น สิ่งที่ต้องยอมสละไประหว่างการถือครองก็คือดอกเบี้ย เงินปันผล หรือผลตอบแทนรูปอื่นที่อาจเกิดขึ้นจากการนำเงินจำนวนเดียวกันนี้ไปลงทุนในหลักทรัพย์หรือการลงทุนอย่างอื่น นอกจากนี้เจ้าของเองอาจไม่มีโอกาสได้เก็บเกี่ยวดอกผลจากมูลค่าที่สูงขึ้นเพราะเสียชีวิตไปก่อนก็เป็นได้
    (2) การลงทุนบางอย่างได้รับผลตอบแทนระหว่างที่ครอง แต่อาจมีมูลค่าไม่สูงดังคาดหวังเมื่อจบสิ้นช่วงเวลาหนึ่งก็เป็นได้ เช่น หุ้น บ้านหรืออพาร์ตเมนต์หรือคอนโดมิเนียมให้เช่า อย่างไรก็ดีแม้ผลตอบแทนจากการถือครองอาจไม่สูงนัก แต่ก็สามารถนำไปลงทุนต่อเพื่อให้เกิดเงิน “ชั้นลูกชั้นหลาน” ขึ้นมาได้
    (3) ความเสี่ยงในการลงทุนไม่เท่ากันระหว่างประเภทของการลงทุน เช่น หุ้นกับพันธบัตร หรือที่ดินกับกองทุนรวม ฯลฯ ทั้งนี้เนื่องจากธรรมชาติของการเกิดผลตอบแทนนั้นแตกต่างกัน นอกจากนี้ความเสี่ยงจากการลงทุนในประเภทเดียวกันของการลงทุนแต่ละอย่างก็แตกต่างกันอีกด้วย เช่น การลงทุนซื้อหุ้นธนาคาร ก. อาจมีความเสี่ยงมากกว่าธนาคาร ข. อาจเนื่องมาจากธนาคาร ข. มีระบบการบริการงานที่มีประสิทธิภาพกว่า และมีธรรมาภิบาลสูงกว่าก็เป็นได้
    (4) ในการตัดสินใจว่าร่วมลงทุนในกิจการใด ไม่ว่าในรูปของการลงทุนร่วมประกอบการ SME’s หรือซื้อหุ้นโดยตรง พึงพิจารณาคุณภาพของการบริหารกิจการนั้นเป็นสำคัญระวังการหลงติดกับภาพลักษณ์และการโฆษณาชวนเชื่อให้ร่วมลงทุน การบริหารที่มีคุณภาพสูงประกอบด้วยผู้นำที่มีความรู้ ความสามารถ มีประวัติดี มีคุณธรรม มีประวัติของความสำเร็จ มีทีมงานที่แข็งขันสนับสนุนกิจการ มีนโยบายและการปฏิบัติอย่างจริงจังในเรื่องธรรมาภิบาลอย่างเป็นที่ประจักษ์
    (5) คำพูดที่ว่า “เสี่ยงสูง – ผลตอบแทนสูง” นั้นหมายถึงว่า เมื่อผู้ลงทุนคาดหวังผลตอบแทนที่สูง ก็จำเป็นต้องลงทุนในกิจการที่มีความเสี่ยงสูงเป็นธรรมดา มิได้หมายความว่าถ้ากิจการมีความเสี่ยงสูงแล้วจะได้รับผลตอบแทนสูงเสมอไป
    .
    เมื่อข้อเท็จจริงในเรื่องการลงทุนเป็นเช่นนี้ จึงสมควรใช้เงินออมไปลงทุนในหลากหลายประเภทและหลากหลายหน่วยธุรกิจ เพราะความผันผวนในทางลบจากการลงทุนหนึ่งอาจถูกคานไว้ด้วยความผันผวนในด้านบวกจากอีกการลงทุนหนึ่ง
    .
    การลงทุนขึ้นอยู่กับโชค แต่ภายในขอบเขตหนึ่ง หากเลือกลงทุนอย่างมีเหตุมีผลแล้ว ตัวแปรสร้างความผันผวนที่ชื่อว่า “โชค” อาจลดอิทธิฤทธิ์ลงไปได้มากทีเดียว
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 13 ความสำคัญของการมีเงินออม . การเปลี่ยนการออมเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดและได้รับผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจจนอาจเรียกได้ว่า “เงินทำงานรับใช้” นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายดังพูด มีหลายประเด็นดังต่อไปนี้ที่ควรใคร่ครวญ . บ่อยครั้งที่เงินออมของเรามีไม่เพียงพอ จึงต้องกู้ยืมเพิ่มเติมเพื่อผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่าดอกเบี้ยเงินกู้ บางครั้งการกู้ยืมและผ่อนชำระก็ถือได้ว่าเป็นเงินออมอย่างหนึ่งดังกรณีของบ้านและรถยนต์ บ้านเป็นสิ่งที่ให้คุณค่าในการอยู่อาศัย การผ่อนชำระหนี้บ้านทำให้ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน และเกิดความหวังว่าจะได้เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย มีความรู้สึกว่าเป็นอิสระเพราะไม่ต้องพึ่งพิงคนอื่น ส่วนรถยนต์เป็นสิ่งสร้างความสะดวกสะบายที่ช่วยลดโสหุ้ยในเรื่องเวลาและการเดินทาง . อย่างไรก็ดี มีความเสี่ยงอยุ่ไม่น้อยในการกู้และผ่อนชำระจนครบ หรือพูดอีกอย่างนึงว่า กว่าจะออมจนประสบผลสำเร็จสามารถมีบ้านเป็นของตนเอง ข้อเท็จจริงหนึ่งที่สำคัญเมื่อกู้ยืมและผ่อนชำระบ้านหรือรถยนต์หรือโรงงานก็คือ แท้จริงแล้วทรัพย์สินเหล่านี้ยังไม่ใช่ของผู้กู้ตามกฏหมาย เนื่องจากโฉนดและเอกสารแสดงสิทธิความเป็นเจ้าของยังมิได้ระบุตนเองเป็นเจ้าของ ซึ่งความเป็นเจ้าของอย่างแท้จริงจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อได้ผ่อนชำระครบแล้วเท่านั้น ข้อเท็จจริงนี้ผู้กู้จะต้องตระหนักอยู่เสมอ จะได้มีพฤติกรรมอันเหมาะสมในการใช้จ่ายเงินในระหว่างที่เป็นหนี้ . ความไม่ได้เป็นเจ้าของทรัพย์สินอย่างแท้จริงดังกล่าว เป็นความเสี่ยงที่ผู้กู้ควรตระหนัก เพราะ “อุบัติเหตุ” หลายประการดังต่อไปนี้อาจเกิดขึ้นได้ตลอดช่วงเวลาของการกู้ยืม โดยเฉพาะการกู้ยืมที่มีระยะเวลายาวนาน นั่นก็คือ (1) รายจ่ายของครอบครัวอาจสูงขึ้นอย่างไม่คาดคิดอ้นเนื่องมาจากความเจ็บป่วยของสมาชิกในครอบครัว หรือมีความจำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่ หรือมีภาระผูกพันทางการเงินเพิ่มขึ้นอีก (2) รายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้นดังที่หวังไว้ แต่อาจลดลงเพราะตกงานหรือเปลี่ยนงาน หรือสภาวะเศรษฐกิจผันผวนจนทำให้ธุรกิจที่เคยรุ่งโรจน์ซบเซา หรือธุรกิจต้องการเงินลงทุนเพิ่มขึ้น (3) อัตราดอกเบี้ยอาจสูงขึ้นในช่วงเวลาต่อมาจนต้องผ่อนชำระในแต่ละเดือนด้วยเงินก้อนใหญ่ขึ้น . อุทาหรณ์ในเรื่องนี้ก็คือ ก่อนการกู้ยืมควรใคร่ครวญให้รอบคอบและเลือกผ่อนซื้อสิ่งที่มีมูลค่าสอดคล้องกับฐานะของตนเองอย่างแท้จริงเท่านั้น มีข้อแนะนำว่าเพื่อความปลอดภัยจาก “อุบัติเหตุ” ดังกล่าว จึงไม่ควรกู้เงินซื้อบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ซึ่งมีมูลค่าสูงเกินกว่าหนึ่งเท่าของรายได้ครัวเรือนในหนึ่งปี . เมื่อมีเงินออมและจะนำไปลงทุน มีข้อเท็จจริงหลายประการที่ควรทราบ ดังนี้ (1) การลงทุนบางอย่างไม่ก่อให้เกิดรายได้ในระหว่างที่ถือครองอยู่ แต่อาจมีมูลค่าสูงเมื่อเลิกการถือครองแล้วก็เป็นได้เช่น ทองคำ ที่ดิน เพชรนิลจินดา ของเก่ามีค่า เป็นต้น สิ่งที่ต้องยอมสละไประหว่างการถือครองก็คือดอกเบี้ย เงินปันผล หรือผลตอบแทนรูปอื่นที่อาจเกิดขึ้นจากการนำเงินจำนวนเดียวกันนี้ไปลงทุนในหลักทรัพย์หรือการลงทุนอย่างอื่น นอกจากนี้เจ้าของเองอาจไม่มีโอกาสได้เก็บเกี่ยวดอกผลจากมูลค่าที่สูงขึ้นเพราะเสียชีวิตไปก่อนก็เป็นได้ (2) การลงทุนบางอย่างได้รับผลตอบแทนระหว่างที่ครอง แต่อาจมีมูลค่าไม่สูงดังคาดหวังเมื่อจบสิ้นช่วงเวลาหนึ่งก็เป็นได้ เช่น หุ้น บ้านหรืออพาร์ตเมนต์หรือคอนโดมิเนียมให้เช่า อย่างไรก็ดีแม้ผลตอบแทนจากการถือครองอาจไม่สูงนัก แต่ก็สามารถนำไปลงทุนต่อเพื่อให้เกิดเงิน “ชั้นลูกชั้นหลาน” ขึ้นมาได้ (3) ความเสี่ยงในการลงทุนไม่เท่ากันระหว่างประเภทของการลงทุน เช่น หุ้นกับพันธบัตร หรือที่ดินกับกองทุนรวม ฯลฯ ทั้งนี้เนื่องจากธรรมชาติของการเกิดผลตอบแทนนั้นแตกต่างกัน นอกจากนี้ความเสี่ยงจากการลงทุนในประเภทเดียวกันของการลงทุนแต่ละอย่างก็แตกต่างกันอีกด้วย เช่น การลงทุนซื้อหุ้นธนาคาร ก. อาจมีความเสี่ยงมากกว่าธนาคาร ข. อาจเนื่องมาจากธนาคาร ข. มีระบบการบริการงานที่มีประสิทธิภาพกว่า และมีธรรมาภิบาลสูงกว่าก็เป็นได้ (4) ในการตัดสินใจว่าร่วมลงทุนในกิจการใด ไม่ว่าในรูปของการลงทุนร่วมประกอบการ SME’s หรือซื้อหุ้นโดยตรง พึงพิจารณาคุณภาพของการบริหารกิจการนั้นเป็นสำคัญระวังการหลงติดกับภาพลักษณ์และการโฆษณาชวนเชื่อให้ร่วมลงทุน การบริหารที่มีคุณภาพสูงประกอบด้วยผู้นำที่มีความรู้ ความสามารถ มีประวัติดี มีคุณธรรม มีประวัติของความสำเร็จ มีทีมงานที่แข็งขันสนับสนุนกิจการ มีนโยบายและการปฏิบัติอย่างจริงจังในเรื่องธรรมาภิบาลอย่างเป็นที่ประจักษ์ (5) คำพูดที่ว่า “เสี่ยงสูง – ผลตอบแทนสูง” นั้นหมายถึงว่า เมื่อผู้ลงทุนคาดหวังผลตอบแทนที่สูง ก็จำเป็นต้องลงทุนในกิจการที่มีความเสี่ยงสูงเป็นธรรมดา มิได้หมายความว่าถ้ากิจการมีความเสี่ยงสูงแล้วจะได้รับผลตอบแทนสูงเสมอไป . เมื่อข้อเท็จจริงในเรื่องการลงทุนเป็นเช่นนี้ จึงสมควรใช้เงินออมไปลงทุนในหลากหลายประเภทและหลากหลายหน่วยธุรกิจ เพราะความผันผวนในทางลบจากการลงทุนหนึ่งอาจถูกคานไว้ด้วยความผันผวนในด้านบวกจากอีกการลงทุนหนึ่ง . การลงทุนขึ้นอยู่กับโชค แต่ภายในขอบเขตหนึ่ง หากเลือกลงทุนอย่างมีเหตุมีผลแล้ว ตัวแปรสร้างความผันผวนที่ชื่อว่า “โชค” อาจลดอิทธิฤทธิ์ลงไปได้มากทีเดียว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • 22 เมษายน 2568 -รายงานประกาศของราชกิจจานุเบกษา ได้ออกประกาศกระทรวงมหาดไทยจำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ฉบับแรก เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดินกรณีอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคาร ที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนดโดยที่เป็นการสมควรบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนซึ่งต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองและส่งเสริมการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์อันจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศอาศัยอำนาจตามความในข้อ 2(7) (ภู) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 47(พ.ศ. 2541)ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่เมษายน พ.ศ.2568 กำหนดหลักเกณฑ์ให้ลดหย่อนการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดินในการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคารดังกล่าว สำหรับผู้ซื้อออสังหาริมทรัพย์ราคาไม่เกินเจ็ดล้านบาทเป็นพิเศษโดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ข้อ 1 ให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์อันเนื่องมาจากการจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวในคราวเดียวกัน ร้อยละ 0.01% สำหรับกรณีการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวบ้านแฝด และบ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคารดังกล่าว ซึ่งมีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 7 ล้านบาท ทั้งนี้ สำหรับผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาที่มีสัญชาติไทยข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569ฉบับที่สอง เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุดกรณีห้องชุด ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนดโดยที่เป็นการสมควรบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนซึ่งต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง และส่งเสริมการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์อันจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศอาศัยอำนาจตามความในข้อ 1(7) (ช) แห่งกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคารชุด พ.ศ. 2553 คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 8 เมษายน ท.ศ. 2568 กำหนดหลักเกณฑ์ให้ลดหย่อนการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุดในการโอนและการจำนองห้องชุดสำหรับผู้ชื่อห้องชุดราคาไม่เกิน 7 ล้านบาทเป็นพิเศษ โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ข้อ 1 ให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอนห้องชุดและค่าจดทะเบียนการจำนองห้องชุดอันเนื่องมาจากการจดทะเบียนโอนห้องชุดดังกล่าวในคราวเดียวกัน ร้อยละ 0.01% สำหรับกรณีการโอนกรรมสิทธิ์และการจำนองห้องชุดในอาคารชุดที่จดทะเบียนนิติบุคคลอาคารชุดตามกฎหมาย ว่าด้วยอาคารชุด ซึ่งมีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนอง ไม่เกิน 7 ล้านบาท ทั้งนี้ สำหรับผู้ซื้อท้องชุดซึ่งเป็นบุคคธรรมดาที่มีสัญชาติไทยข้อ 2. ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569
    22 เมษายน 2568 -รายงานประกาศของราชกิจจานุเบกษา ได้ออกประกาศกระทรวงมหาดไทยจำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ฉบับแรก เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดินกรณีอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคาร ที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนดโดยที่เป็นการสมควรบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนซึ่งต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองและส่งเสริมการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์อันจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศอาศัยอำนาจตามความในข้อ 2(7) (ภู) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 47(พ.ศ. 2541)ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่เมษายน พ.ศ.2568 กำหนดหลักเกณฑ์ให้ลดหย่อนการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดินในการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคารดังกล่าว สำหรับผู้ซื้อออสังหาริมทรัพย์ราคาไม่เกินเจ็ดล้านบาทเป็นพิเศษโดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ข้อ 1 ให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์อันเนื่องมาจากการจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวในคราวเดียวกัน ร้อยละ 0.01% สำหรับกรณีการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวบ้านแฝด และบ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคารดังกล่าว ซึ่งมีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 7 ล้านบาท ทั้งนี้ สำหรับผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาที่มีสัญชาติไทยข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569ฉบับที่สอง เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุดกรณีห้องชุด ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนดโดยที่เป็นการสมควรบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนซึ่งต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง และส่งเสริมการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์อันจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศอาศัยอำนาจตามความในข้อ 1(7) (ช) แห่งกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคารชุด พ.ศ. 2553 คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 8 เมษายน ท.ศ. 2568 กำหนดหลักเกณฑ์ให้ลดหย่อนการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุดในการโอนและการจำนองห้องชุดสำหรับผู้ชื่อห้องชุดราคาไม่เกิน 7 ล้านบาทเป็นพิเศษ โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ข้อ 1 ให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอนห้องชุดและค่าจดทะเบียนการจำนองห้องชุดอันเนื่องมาจากการจดทะเบียนโอนห้องชุดดังกล่าวในคราวเดียวกัน ร้อยละ 0.01% สำหรับกรณีการโอนกรรมสิทธิ์และการจำนองห้องชุดในอาคารชุดที่จดทะเบียนนิติบุคคลอาคารชุดตามกฎหมาย ว่าด้วยอาคารชุด ซึ่งมีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนอง ไม่เกิน 7 ล้านบาท ทั้งนี้ สำหรับผู้ซื้อท้องชุดซึ่งเป็นบุคคธรรมดาที่มีสัญชาติไทยข้อ 2. ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลำดับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
    ลำดับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 9 ทางเลือกในการลงทุนและความเสี่ยง (2)
    .
    1.ฝากเงินกับธนาคาร มีความเสี่ยงน้อยที่สุด
    2.ซื้อตราสารหนี้ ซางหมายถึงสัญญาที่ออกโดยกิจการหนึ่งเพื่อกู้เงินจากผู้อื่น ถ้ารัฐบาลเป็นผู้กู้ ตราสารหรือสัญญานี้เรียกว่าตั๋วเงินคลัง หรือพันธบัตรรัฐบาล แต่ถ้าเป็นเอกชน จะเรียกว่าตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงิน หรือหุ้นกู้ การลงทุนซื้อตราสารหนี้มีความเสี่ยงต่ำกว่า โดยเปรียบเทียบ เพราะผลตอบแทนอยู่ในรูปของดอกเบี้ยที่จ่ายให้เงินกู้ซึ่งแตกต่างจากผลตอบแทนในรูปเงินปันผลจากหุ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการประกอบการ
    .
    3.ซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวม หมายถึงการร่วมทุนกับนักลงทุนรายย่อยอื่นๆ เพื่อลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และ/หรือ ตลาดตราสารหนี้ โดยมีบริษัทจัดการกองทุนตามกฏหมายเป็นผู้รับผิดชอบเป็นการเฉพาะ เนื่องจากมีความรอบรู้เป็นพิเศษในเรื่องการลงทุนในหลักทรัพย์เหล่านี้
    .
    กองทุนแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ (1) กองทุนปิด ซึ่งมีมูลค่ากองทุน (เงินลงทุนร่วมกันครั้งแรก) แน่นอน มีอายุเวลาไถ่ถอนเมื่อครบกำหนดเวลาลงทุนชัดเจน หากผู้บริหารกองทุนมีความสามารถเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นและมีเงินปันผลดี หน่วยลงทุนนั้นก็จะมีราคาสูงกว่าตอนซื้อครั้งแรก
    .
    (2) กองทุนเปิด ไม่กำหนดระยะเวลาไถ่ถอนที่แน่นอน หากผู้ซื้อหน่วยลงทุนต้องการถอนการลงทุนเมื่อใดก็สามารถขายคืนให้บริษัทผู้จัดการกองทุนได้ โดยจะคำนวนราคาซื้อคืนตามมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนในขณะนั้น ทางการกำหนดให้บริษัทผู้จัดการกองทุนรายงานตัวเลขแสดงสินทรัพย์สุทธิของกองทุนที่เรียกว่า NAV ( Net Asset Value ) เป็นประจำทุกเดือน เพื่อรายงานว่ามูลค่าสุทธิของแต่ละหน่วยลงทุนนั้นมัมูลค่าเท่าใด เพื่อเป็นข้อมูลเปรียบเทียบกับกองทุนอื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ถือหุ้นกองทุนรวมกองหนึ่งกองใด สามารถตัดสินใจได้ว่าจะขายหรือถือไว้ต่อไป
    .
    4.ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่เรียกว่า กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF ( Retirement Mutual Fund ) เป็นกองทุนรวมชนิดพิเศษ เพื่อส่งเสริมการออมเพื่อวัยเกษียณ เงินที่ซื้อกองทุนนี้สามารถใช้เป็นค่าลดหย่อนของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยไม่เกินร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี แต่ต้องไม่เกิน 300,000 บาท ผู้ซื้อต้องซื้อติดต่อจนถึงอายุ 55 ปี หรือซื้อต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 ปี ในกรณีที่มีอายุ 55 ปี ขึ่นไปจึงจะสามารถถอนเงินที่ซื้อกองทุนรวมไว้ทั้งหมดออกไปได้โดยไม่เสียภาษี
    .
    5.ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนที่เรียกว่า LTF ( Long Term Equity Fund ) หรือกองทุนหุ้นระยะยาว ซึ่งเป็นกองทุนรวมชนิดพิเศษอีกกองทุนหนึ่ง เพื่อส่งเสริมการลงทุนตลาดหุ้นระยะยาว มีเงื่อนไขคล้ายกับ RMF กล่าวคือ ซื้อได้ไม่เกินร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี แต่ไม่เกิน 300,000 บาท เงินที่ซื้อกองทุนสามารถนำไปหักเป็นค่าลดหย่อนของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ผู้ลงทุนต้องซื้อติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี จึงจะสามารถถอนเงินที่ซื้อกองทุนรวมนี้ไว้ทั้งหมดออกไปได้โดยไม่เสียภาษี
    .
    ผู้มีรายได้สามารถใช้สิทธิทางภาษีในการลดหย่อนภาษีของทั้ง RMF และ LMF กล่าวคือ ลดหย่อนได้สูงสุดด้วยการซื้อกองทุน RMF และ LMF อย่างละร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี โดยไม่เกินกองทุนละ 300,000 บาท รวมแล้วเป็นค่าลดหย่อนสูงสุด 600,000 บาทต่อปี
    .
    อนึ่ง ยอดเงินลดหย่อนสูงสุด 300,000 บาท ของ RMF ต้องรวมเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ลูกจ้างและนายจ้างจ่ายรวมกันในแต่ละปีด้วย ผู้ซื้อกองทุน RMF สามารถเลือกกองทุนรวมประเภทซื้อหุ้นอย่างเดียว (เสี่ยงที่สุด) หรือซื้อตราสารหนี้อย่างเดียว (เสี่ยงน้อยที่สุด) หรือซื้อปนกันทั้งหั้นและตราสารหนี้ (ความเสี่ยงอยู่ระหว่างสองประเภทกองทุนข้างต้น) ก็ได้
    .
    LTF โดยทั่วไปมีความเสี่ยงสูงกว่า RMF (ยกเว้นกองทุนที่ซื้อหุ้นอย่างเดียว) เนื่องจากเป็นกองทุนที่ซื้อหุ้นอย่างเดียว การลงทุนใน RMF และ LTF น่าสนใจเพราะเงินที่ซื้อกองทุนเป็นค่าลดหย่อนภาษี และยอดเงินนี้ก็เป็นการลงทุนอย่างหนึ่งที่ผู้รู้ช่วยเลือกลงทุนให้ นอกจากนี้เมื่อครบกำหนด ก็ยังสามารถถอนออกมาได้โดยไม่เสียภาษีอีกด้วย
    .
    6.ซื้อหุ้นโดยตรง ซึงหมายถึงการเข้าร่วมลงทุนหรือร่วมเป็นเจ้าของบริษัทนั้นๆ หากบริษัทประสบผลสำเร็จก็ได้ส่วนแบ่งกำไรในรูปของเงินปันผล และมีโอกาสได้ส่วนต่างของราคาหุ้น ทั้งจากหุ้นที่ซื้อไปและหุ้นออกใหม่ที่ขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในราคาต่ำกว่าตลาด
    .
    7.ซื้อที่อยู่อาศัยไว้สำหรับเช่า ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโด อพาร์ตเมนต์ หรือหอพักที่ตั้งอยู่ในทำเลดี มีผู้เช่าแน่นอน โดยใช้เงินออมเป็นเงินดาวน์ และใช้ค่าเช่าและบางส่วนของรายได้ประจำเป็นเงินผ่อนชำระเงินกู้นั้น การให้เช่าข้ามช่วงเวลาที่ยาวจนครบกำหนดเวลากู้ ก็จะได้อสังหาริมทรัพย์มาเป็นสมบัติของครอบครัว ในอนาคตลูกก็จะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากค่าเช่าและมูลค่าของที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นได้
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 9 ทางเลือกในการลงทุนและความเสี่ยง (2) . 1.ฝากเงินกับธนาคาร มีความเสี่ยงน้อยที่สุด 2.ซื้อตราสารหนี้ ซางหมายถึงสัญญาที่ออกโดยกิจการหนึ่งเพื่อกู้เงินจากผู้อื่น ถ้ารัฐบาลเป็นผู้กู้ ตราสารหรือสัญญานี้เรียกว่าตั๋วเงินคลัง หรือพันธบัตรรัฐบาล แต่ถ้าเป็นเอกชน จะเรียกว่าตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงิน หรือหุ้นกู้ การลงทุนซื้อตราสารหนี้มีความเสี่ยงต่ำกว่า โดยเปรียบเทียบ เพราะผลตอบแทนอยู่ในรูปของดอกเบี้ยที่จ่ายให้เงินกู้ซึ่งแตกต่างจากผลตอบแทนในรูปเงินปันผลจากหุ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการประกอบการ . 3.ซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวม หมายถึงการร่วมทุนกับนักลงทุนรายย่อยอื่นๆ เพื่อลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และ/หรือ ตลาดตราสารหนี้ โดยมีบริษัทจัดการกองทุนตามกฏหมายเป็นผู้รับผิดชอบเป็นการเฉพาะ เนื่องจากมีความรอบรู้เป็นพิเศษในเรื่องการลงทุนในหลักทรัพย์เหล่านี้ . กองทุนแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ (1) กองทุนปิด ซึ่งมีมูลค่ากองทุน (เงินลงทุนร่วมกันครั้งแรก) แน่นอน มีอายุเวลาไถ่ถอนเมื่อครบกำหนดเวลาลงทุนชัดเจน หากผู้บริหารกองทุนมีความสามารถเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นและมีเงินปันผลดี หน่วยลงทุนนั้นก็จะมีราคาสูงกว่าตอนซื้อครั้งแรก . (2) กองทุนเปิด ไม่กำหนดระยะเวลาไถ่ถอนที่แน่นอน หากผู้ซื้อหน่วยลงทุนต้องการถอนการลงทุนเมื่อใดก็สามารถขายคืนให้บริษัทผู้จัดการกองทุนได้ โดยจะคำนวนราคาซื้อคืนตามมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนในขณะนั้น ทางการกำหนดให้บริษัทผู้จัดการกองทุนรายงานตัวเลขแสดงสินทรัพย์สุทธิของกองทุนที่เรียกว่า NAV ( Net Asset Value ) เป็นประจำทุกเดือน เพื่อรายงานว่ามูลค่าสุทธิของแต่ละหน่วยลงทุนนั้นมัมูลค่าเท่าใด เพื่อเป็นข้อมูลเปรียบเทียบกับกองทุนอื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ถือหุ้นกองทุนรวมกองหนึ่งกองใด สามารถตัดสินใจได้ว่าจะขายหรือถือไว้ต่อไป . 4.ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่เรียกว่า กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF ( Retirement Mutual Fund ) เป็นกองทุนรวมชนิดพิเศษ เพื่อส่งเสริมการออมเพื่อวัยเกษียณ เงินที่ซื้อกองทุนนี้สามารถใช้เป็นค่าลดหย่อนของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยไม่เกินร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี แต่ต้องไม่เกิน 300,000 บาท ผู้ซื้อต้องซื้อติดต่อจนถึงอายุ 55 ปี หรือซื้อต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 ปี ในกรณีที่มีอายุ 55 ปี ขึ่นไปจึงจะสามารถถอนเงินที่ซื้อกองทุนรวมไว้ทั้งหมดออกไปได้โดยไม่เสียภาษี . 5.ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนที่เรียกว่า LTF ( Long Term Equity Fund ) หรือกองทุนหุ้นระยะยาว ซึ่งเป็นกองทุนรวมชนิดพิเศษอีกกองทุนหนึ่ง เพื่อส่งเสริมการลงทุนตลาดหุ้นระยะยาว มีเงื่อนไขคล้ายกับ RMF กล่าวคือ ซื้อได้ไม่เกินร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี แต่ไม่เกิน 300,000 บาท เงินที่ซื้อกองทุนสามารถนำไปหักเป็นค่าลดหย่อนของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ผู้ลงทุนต้องซื้อติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี จึงจะสามารถถอนเงินที่ซื้อกองทุนรวมนี้ไว้ทั้งหมดออกไปได้โดยไม่เสียภาษี . ผู้มีรายได้สามารถใช้สิทธิทางภาษีในการลดหย่อนภาษีของทั้ง RMF และ LMF กล่าวคือ ลดหย่อนได้สูงสุดด้วยการซื้อกองทุน RMF และ LMF อย่างละร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี โดยไม่เกินกองทุนละ 300,000 บาท รวมแล้วเป็นค่าลดหย่อนสูงสุด 600,000 บาทต่อปี . อนึ่ง ยอดเงินลดหย่อนสูงสุด 300,000 บาท ของ RMF ต้องรวมเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ลูกจ้างและนายจ้างจ่ายรวมกันในแต่ละปีด้วย ผู้ซื้อกองทุน RMF สามารถเลือกกองทุนรวมประเภทซื้อหุ้นอย่างเดียว (เสี่ยงที่สุด) หรือซื้อตราสารหนี้อย่างเดียว (เสี่ยงน้อยที่สุด) หรือซื้อปนกันทั้งหั้นและตราสารหนี้ (ความเสี่ยงอยู่ระหว่างสองประเภทกองทุนข้างต้น) ก็ได้ . LTF โดยทั่วไปมีความเสี่ยงสูงกว่า RMF (ยกเว้นกองทุนที่ซื้อหุ้นอย่างเดียว) เนื่องจากเป็นกองทุนที่ซื้อหุ้นอย่างเดียว การลงทุนใน RMF และ LTF น่าสนใจเพราะเงินที่ซื้อกองทุนเป็นค่าลดหย่อนภาษี และยอดเงินนี้ก็เป็นการลงทุนอย่างหนึ่งที่ผู้รู้ช่วยเลือกลงทุนให้ นอกจากนี้เมื่อครบกำหนด ก็ยังสามารถถอนออกมาได้โดยไม่เสียภาษีอีกด้วย . 6.ซื้อหุ้นโดยตรง ซึงหมายถึงการเข้าร่วมลงทุนหรือร่วมเป็นเจ้าของบริษัทนั้นๆ หากบริษัทประสบผลสำเร็จก็ได้ส่วนแบ่งกำไรในรูปของเงินปันผล และมีโอกาสได้ส่วนต่างของราคาหุ้น ทั้งจากหุ้นที่ซื้อไปและหุ้นออกใหม่ที่ขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในราคาต่ำกว่าตลาด . 7.ซื้อที่อยู่อาศัยไว้สำหรับเช่า ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโด อพาร์ตเมนต์ หรือหอพักที่ตั้งอยู่ในทำเลดี มีผู้เช่าแน่นอน โดยใช้เงินออมเป็นเงินดาวน์ และใช้ค่าเช่าและบางส่วนของรายได้ประจำเป็นเงินผ่อนชำระเงินกู้นั้น การให้เช่าข้ามช่วงเวลาที่ยาวจนครบกำหนดเวลากู้ ก็จะได้อสังหาริมทรัพย์มาเป็นสมบัติของครอบครัว ในอนาคตลูกก็จะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากค่าเช่าและมูลค่าของที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 432 มุมมอง 0 รีวิว
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 8 ทางเลือกในการลงทุนและความเสี่ยง (1)
    .
    ทางเลือกในการลงทุนและความเสี่ยง ไม่ว่าจะออมเงินมากเท่าใด หากไม่นำเงินก้อนนั้นไปลงทุนอย่างเหมาะสมแล้ว ความมั่นคงด้านการเงินของครอบครัวก็เกิดขึ้นไม่ได้ การลงทุนที่ชาญฉลาดจะก่อให้เกิดรายได้ขึ้นอีกทางหนึ่งโดยไม่ต้องออกแรงควบคู่ไปกับการทำงานตามปกติ และเมื่อมี “เงินลูก” เกิดขึ้นจากการลงทุนแล้ว ก็สามารถนำมันไปลงทุนต่ออีกให้งอกเงยต่อไปเป็น “เงินหลาน” “เงินเหลน” และต่อเนื่องได้อีกยาวนาน
    .
    ตัวอย่างเช่น เมื่อได้รับผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยเงินฝาก (เงินลูก) ก็สามารถเอาดอกเบี้ยไปซื้อหุ้น ผ่อนซื้ออสังหาริมทรัพย์ให้คนเช่า และได้รับผลตอบแทน (เงินหลาน) และเมื่องอกเงยขึ้นมาอีก ก็สามารถนำไปลงทุนต่อไปได้ไม่รู้จบ ผลตอบแทนทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ล้วนมีที่มาจาก “ต้นน้ำ” คือเงินออมแต่แรกทั้งสิ้น ถ้าปราศจากเสียซึ่งความสามารถในการสร้างเงินออมของครอบครัวแล้ว ผลตอบแทนทั้งหมดที่กล่าวมานี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย
    .
    อย่างไรก็ดี การลงทุนอาจไม่ก่อให้เกิดผลตอบแทนได้สมหวัง เพราะมีสิ่งที่เรียกว่าความเสี่ยงเกี่ยวพันอยู่ด้วยเสมอในการลงทุน ความเสี่ยงแบ่งออกได้เป็นสองประเภทใหญ่ๆคือ ความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยมหภาคหรือระดับประเทศ และความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยจุลภาคหรือระดับย่อย
    .
    ความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยระดับประเทศมีผลกระทบต่อทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้ลงทุนหรือไม่ใช่ ความเสี่ยงดังกล่าว ได้แก่ ความเสี่ยงที่เกิดจากอำนาจซื้อลดลงอันเนื่องมาจากเงินเฟ้อ (เมื่อของมีราคาสูงขึ้น เงินเท่าเดิมซื้อของได้จำนวนน้อยลง) ทำให้ดอกผลจากการลงทุนมีค่าแท้จริงน้อยลง และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหรือนโยบายของรัฐบาล จนอาจทำให้การลงทุนเท่านโยบายเก่า
    .
    ความเสี่ยงอันเกิดจากความผันแปรของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจนทำให้เกิดความเสียหาย เช่น การลดค่าเงินบาท (เงินตราต่างประเทศมีราคาสูงชึ้น) ทำให้ภาระหนี้ที่กู้จากต่างประเทศในรูปเงินบาทสูงขึ้น ก็เป็นความเสี่ยงที่ต้องคำนึงถึงเช่นกัน
    .
    นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยระดับประเทศอีกแบบหนึ่งคือ ความเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อตัวผู้ลงทุนเองเท่านั้น ได้แก่ (1) ความเสี่ยงอันเกิดจากการแปรผันของอัตราดอกเบี้ยจนทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการสูงขึ้นและอาจได้รับผลตอบแทนต่ำลง (2) ความเสี่ยงอันเกิดจากความรู้สึกของผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงไปจนทำให้ราคาหุ้นตก ถึงแม้ว่าปัจจัยพื้นฐานของหลักทรัพย์มิได้เปลี่ยนแปลงเลยก็ตาม (3) ความเสี่ยงอันเกิดจากการปั่นหุ้น ซึ่งอาจมีผลกระทบทำให้หุ้นตัวอื่นมีราคาลดลง ในขณะที่หุ้นตัวที่ปั่นราคาพุ่งขึ้นอย่างน่าตกใจ จนอาจนำไปสู่การขาดศรัทธาต่อตลาดหุ้นโดยรวม และพากันล่มจมไปด้วยกันในที่สุด
    .
    สำหรับความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยระดับย่อย เป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากภายในหรือเป็นการเฉพาะสำหรับธุรกิจนั้น โดยผู้ลงทุนอาจหลีกเลี่ยงได้ หากเลือกสรรการลงทุนที่ดี ความเสี่ยงชนิดนี้ได้แก่ ความเสี่ยงที่เกิดจากบริษัทนั้นๆเอง เช่น ขาดความสามารถในการบริหารจัดการ ฐานะการเงินไม่เข้มแข็ง ผู้บริหารฉ้อโกง เป็นต้น และความเสี่ยงที่เกิดจากลักษณะของธุรกิจหรืออุตสาหกรรมนั้นๆ ซึ่งอาจเปราะบางเพราะธรรมชาติของตัวมันเอง เช่น อุตสาหกรรมที่อาศัยทรัพยากรจำกัด เมื่อวัตถุดิบหมด โอกาสทางธุรกิจห็หายไป เช่น เหมืองแร่ ป่าไม้ หรืออุตสาหกรรมที่ราคาขึ้นลงตามวงจรราคาตลาดโลก เช่นน้ำตาล เป็นต้น.
    .
    ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่มีความเสี่ยง การลงทุนทุกอย่างเสี่ยงมากเสี่ยงน้อยต่างกัน อยู่ที่ว่าผู้ลงทุนเข้าใจความเสี่ยงของการลงทุนแต่ละอย่างมากน้อยเพียงใด และยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับใด การลงทุนต่อไปนี้ให้ผลตอบแทนและความเสี่ยงในระดับที่แตกต่างกัน ไว้บทหน้าจะมาเล่าให้ฟังครับ
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 8 ทางเลือกในการลงทุนและความเสี่ยง (1) . ทางเลือกในการลงทุนและความเสี่ยง ไม่ว่าจะออมเงินมากเท่าใด หากไม่นำเงินก้อนนั้นไปลงทุนอย่างเหมาะสมแล้ว ความมั่นคงด้านการเงินของครอบครัวก็เกิดขึ้นไม่ได้ การลงทุนที่ชาญฉลาดจะก่อให้เกิดรายได้ขึ้นอีกทางหนึ่งโดยไม่ต้องออกแรงควบคู่ไปกับการทำงานตามปกติ และเมื่อมี “เงินลูก” เกิดขึ้นจากการลงทุนแล้ว ก็สามารถนำมันไปลงทุนต่ออีกให้งอกเงยต่อไปเป็น “เงินหลาน” “เงินเหลน” และต่อเนื่องได้อีกยาวนาน . ตัวอย่างเช่น เมื่อได้รับผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยเงินฝาก (เงินลูก) ก็สามารถเอาดอกเบี้ยไปซื้อหุ้น ผ่อนซื้ออสังหาริมทรัพย์ให้คนเช่า และได้รับผลตอบแทน (เงินหลาน) และเมื่องอกเงยขึ้นมาอีก ก็สามารถนำไปลงทุนต่อไปได้ไม่รู้จบ ผลตอบแทนทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ล้วนมีที่มาจาก “ต้นน้ำ” คือเงินออมแต่แรกทั้งสิ้น ถ้าปราศจากเสียซึ่งความสามารถในการสร้างเงินออมของครอบครัวแล้ว ผลตอบแทนทั้งหมดที่กล่าวมานี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย . อย่างไรก็ดี การลงทุนอาจไม่ก่อให้เกิดผลตอบแทนได้สมหวัง เพราะมีสิ่งที่เรียกว่าความเสี่ยงเกี่ยวพันอยู่ด้วยเสมอในการลงทุน ความเสี่ยงแบ่งออกได้เป็นสองประเภทใหญ่ๆคือ ความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยมหภาคหรือระดับประเทศ และความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยจุลภาคหรือระดับย่อย . ความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยระดับประเทศมีผลกระทบต่อทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้ลงทุนหรือไม่ใช่ ความเสี่ยงดังกล่าว ได้แก่ ความเสี่ยงที่เกิดจากอำนาจซื้อลดลงอันเนื่องมาจากเงินเฟ้อ (เมื่อของมีราคาสูงขึ้น เงินเท่าเดิมซื้อของได้จำนวนน้อยลง) ทำให้ดอกผลจากการลงทุนมีค่าแท้จริงน้อยลง และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหรือนโยบายของรัฐบาล จนอาจทำให้การลงทุนเท่านโยบายเก่า . ความเสี่ยงอันเกิดจากความผันแปรของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจนทำให้เกิดความเสียหาย เช่น การลดค่าเงินบาท (เงินตราต่างประเทศมีราคาสูงชึ้น) ทำให้ภาระหนี้ที่กู้จากต่างประเทศในรูปเงินบาทสูงขึ้น ก็เป็นความเสี่ยงที่ต้องคำนึงถึงเช่นกัน . นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยระดับประเทศอีกแบบหนึ่งคือ ความเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อตัวผู้ลงทุนเองเท่านั้น ได้แก่ (1) ความเสี่ยงอันเกิดจากการแปรผันของอัตราดอกเบี้ยจนทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการสูงขึ้นและอาจได้รับผลตอบแทนต่ำลง (2) ความเสี่ยงอันเกิดจากความรู้สึกของผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงไปจนทำให้ราคาหุ้นตก ถึงแม้ว่าปัจจัยพื้นฐานของหลักทรัพย์มิได้เปลี่ยนแปลงเลยก็ตาม (3) ความเสี่ยงอันเกิดจากการปั่นหุ้น ซึ่งอาจมีผลกระทบทำให้หุ้นตัวอื่นมีราคาลดลง ในขณะที่หุ้นตัวที่ปั่นราคาพุ่งขึ้นอย่างน่าตกใจ จนอาจนำไปสู่การขาดศรัทธาต่อตลาดหุ้นโดยรวม และพากันล่มจมไปด้วยกันในที่สุด . สำหรับความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยระดับย่อย เป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากภายในหรือเป็นการเฉพาะสำหรับธุรกิจนั้น โดยผู้ลงทุนอาจหลีกเลี่ยงได้ หากเลือกสรรการลงทุนที่ดี ความเสี่ยงชนิดนี้ได้แก่ ความเสี่ยงที่เกิดจากบริษัทนั้นๆเอง เช่น ขาดความสามารถในการบริหารจัดการ ฐานะการเงินไม่เข้มแข็ง ผู้บริหารฉ้อโกง เป็นต้น และความเสี่ยงที่เกิดจากลักษณะของธุรกิจหรืออุตสาหกรรมนั้นๆ ซึ่งอาจเปราะบางเพราะธรรมชาติของตัวมันเอง เช่น อุตสาหกรรมที่อาศัยทรัพยากรจำกัด เมื่อวัตถุดิบหมด โอกาสทางธุรกิจห็หายไป เช่น เหมืองแร่ ป่าไม้ หรืออุตสาหกรรมที่ราคาขึ้นลงตามวงจรราคาตลาดโลก เช่นน้ำตาล เป็นต้น. . ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่มีความเสี่ยง การลงทุนทุกอย่างเสี่ยงมากเสี่ยงน้อยต่างกัน อยู่ที่ว่าผู้ลงทุนเข้าใจความเสี่ยงของการลงทุนแต่ละอย่างมากน้อยเพียงใด และยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับใด การลงทุนต่อไปนี้ให้ผลตอบแทนและความเสี่ยงในระดับที่แตกต่างกัน ไว้บทหน้าจะมาเล่าให้ฟังครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 384 มุมมอง 0 รีวิว
  • Blood Gold เจาะขุมทรัพย์ใต้ภิภพเมียนมาร์ความมั่งคั่งที่มืดมนอนธการ
    .
    ใต้ภิภพเมียนมาร์ นับเป็นรัฐที่มีทรัพยากรมูลค่าสูงฝังอยู่มหาศาล ที่สามารถแปลงเป็นสินทรัพย์ในการพัฒนาประเทศได้อันดับต้น ๆ ของอาเซียน
    ทว่า รัฐสภาพแห่งนี้เหมือนถูกครอบงำ และตกอยู่ภายใต้ความลำบาก ความขัดแย้งไม่ลงรอย ในประวัติศาสตร์การเมืองที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศโดยตรง
    รอยเลื่อนสะกาย (Sagaing Fault) “ยักษ์หลับแห่งเมียนมา” ที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ตื่นขึ้น 28 มีนาคม 2568 ที่ ขนาด 8.2 แมกนิจูด ได้ส่งพลังพาดผ่านเมืองหลวงสำคัญของพม่า ตั้งแต่มัณฑะเลย์ เนปิดอว์ ย่างกุ้ง ดูเหมือนว่าเมืองแห่งอารยธรรมและศูนย์กลางอำนาจ ตั้งอยู่บนหลังมังกรที่หลับ ขยับทีก็ทำให้เมืองศูนย์กลางสำคัญได้ได้ผลกระทบสูงการฟื้นตัวครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนสถานการณ์เริ่มต้นใหม่หลายรอบ หมุนวน
    โครงสร้างทางธรณีวิทยาของเมียนมาร์ค่อนข้างซับซ้อน ภูมิสัณฐานและธรณีโครงสร้างได้เป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ คือพื้นที่ราบสูงตะวันออก (Sino Burman Ranges) พื้นที่ลุ่มต่ำตอนกลาง (Inner Burman Tertiary Zone) ดินแดนเทือกเขาตะวันตก (Indo Burman Ranges) และ ที่ราบฝั่งยะไข่ - คะฉิ่น Rakhine (Arakan) Coastal Plain
    ชั้นหินที่มีอายุอ่อนที่สุดจะอยู่ใน พื้นที่ลุ่มต่ำตอนกลาง ไล่ถัดไปทางด้านตะวันตกของประเทศ จะเป็นชั้นหินที่มีอายุแก่ขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงที่ราบแถบยะไข่ ด้านตะวันออกของประเทศ ส่วนของ Sino Burman เป็นชั้นหินที่มีอายุแก่ที่สุด มีรอยเลื่อนรัฐฉาน แนวรอยต่อเชื่อมรอยเลื่อนสะกาย
    อุตสาหกรรมเหมืองแร่ในเมียนมาร์ มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงหลังรัฐประหารปี 2021 ซึ่งมีการขยายตัวของการทำเหมืองแร่หายาก (Rare Earth Elements: REEs) อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การเติบโตนี้มาพร้อมกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อน มีมูลค่าสูงถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023
    นับว่าแร่หายากกลุ่มหนัก heavy rare earth elements: HREE คิดเป็นสัดส่วนหลักของมูลค่าการส่งออกของเมียนมาร์ โดยส่วนใหญ่ส่งไปจีนเพื่อผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับรถไฟฟ้าและกังหันลมการส่งออก อัตราเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าในปี 2023 เมื่อเทียบกับปี 2021 จาก 19,500 ตัน เป็น 41,700 ตัน
    แน่นอนแร่หายากกลุ่ม China Rare Earths Group (REGCC) เป็นผู้ลงทุนหลัก ควบคุมทั้งเทคโนโลยี การประมวลผล และห่วงโซ่อุปทาน ภายใต้การดูแลพื้นที่ของกองทัพเมียนมาร์ (SAC) และมิลิเชียพันธมิตรควบคุมพื้นที่พิเศษ Kachin 1 และกองกำลัง Kachin Independence Army (KIA) ควบคุมพื้นที่ Momauk และแนวชายแดน
    แร่หายากเป็นแหล่งเงินสำคัญสำหรับทั้งรัฐบาลทหารและกลุ่มกบฎ แต่ 70% ของประชากรในพื้นที่ยังพึ่งพาการเกษตรที่ได้รับความเสียหาย ขณะที่ค่าแรงงานในเหมืองสูงถึง 600 ดอลลาร์สหรัฐ/เดือน (สูงกว่าเฉลี่ยประเทศ 2 เท่า) แต่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพ โรคปอด ปัญหาหายใจลำบาก โรคผิวหนัง และไตวายจากสารเคมี เช่น แอมโมเนียมซัลเฟตและออกซาลิกแอซิด
    ไม่รวมถึงมลพิษน้ำ 96% ของครัวเรือนในเขต Chipwi ไม่มีน้ำดื่มสะอาดเนื่องจากสารเคมีปนเปื้อน ดวงตาสวรรค์ได้ส่องพื้นที่การขยายตัวของเหมืองกว่า 40% ใน Kachin Special Region 1 และ Momauk ระหว่างปี 2021-2023 ที่สลายระบบนิเวศในพื้นที่ยากจะทวงคืนสภาพเดิมกลับมาในอนาคต
    อีกแร่ธาตุหนึ่งคือเหล็กที่เมียนมาร์ เป็นเบอร์หนึ่งของโลก ที่แหล่ง Pong Pet ซึ่งอยู่ห่างจาก Taunggyi ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นระยะทาง 10 กิโลเมตร ปรากฏเป็นแหล่งเฮมาไทต์ (Hematite) และยังพบแหล่งแร่เหล็ก 393 แหล่ง ปริมาณสารองทรัพยากรแร่ประมาณ 495 ล้านตัน และพบแหล่งแร่เหล็กที่มีศักยภาพ 14 แหล่ง ในรัฐ Kachin, Mandalay, Bago, Tanintharyi และรัฐShan ได้แก่ แหล่งแร่เหล็กสำคัญพบที่รัฐ Tanintharyi บริเวณตอนเหนือของรัฐ Shan
    โดยในรัฐคะฉิ่น คือศูนย์รวมแร่ธาตุความมั่งคั่งสมบูรณ์อุตสาหกรรมเหมืองแร่ นอกจากหยกแล้วยังมีแหล่งแร่เหล็กในรัฐ Kachin มีปริมาณสารองประมาณ 223 ล้านตันที่ 50.56%Fe องค์ประกอบหลักของแร่ คือ Goethite/Limonite 75%, Hematite 15% และ Magnetite 2%
    แน่นอนเมียนมาร์เป็นผู้ผลิตหยกรายใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในประเทศเดียวที่ผลิตหยกเจไดต์คุณภาพสูง อุตสาหกรรมหยกมีมูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของ GDP ของประเทศ โดยเมืองผะกัน (Hpakan) เป็นที่ตั้งของเหมืองหยกที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมืองที่มีข่าวของเหมืองถล่ม ดินโคลนโถมทับหมู่บ้านถี่มากและต้นปี 2568 ก็ได้เกิดเหตุการณ์โศกนาฎกรรมที่ซ้ำซาก สูญเสียชีวิตของผู้คนไปอย่างมาก
    Global Witness ประเมินไว้ว่ารายได้จากหยกได้เข้าพกเข้าห่อของผู้นำของเมียนมาไปแล้วราว 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา
    หากประมวลประเทศที่มีบริษัทลงทุนในเหมืองแร่ในภาพรวมในเมียนมาร์ ได้แก่
    1.) จีน: เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมเหมืองแร่เมียนมาร์ โดยเฉพาะในเหมืองทองแดง (เช่น โครงการ Letpadaung, S&K, Tagaung Taung) และแร่หายาก มีทั้งบริษัทขนาดใหญ่ของรัฐ เช่น China Nonferrous Metal Mining (CNMC), Wanbao Mining Co., Ltd. รวมถึงนักลงทุนรายย่อยจากมณฑลยูนนานและเสฉวน
    2.) ไทย: มีบริษัท Myanmar-Pongpipat Co., Ltd. ร่วมลงทุนในเหมืองดีบุกและโลหะอื่น
    3.) เวียดนาม: บริษัท Simco Songda มีการลงทุนในเหมืองแร่ร่วมกับเมียนมาร์
    4.) ออสเตรเลีย: บริษัท PanAust ได้รับอนุญาตให้ศึกษาความเป็นไปได้ในพื้นที่เหมือง Wuntho
    5.) ญี่ปุ่น: มีบริษัทญี่ปุ่นบางแห่งยื่นขออนุญาตลงทุนในเหมืองแร่เมียนมาร์
    6.) สิงคโปร์: แม้จะเน้นลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์และพลังงาน แต่ก็มีการลงทุนในเหมืองแร่บางส่วน
    7.) มาเลเซีย, เกาหลีใต้, เนเธอร์แลนด์, สหราชอาณาจักร: มีการลงทุนในเมียนมาร์ในหลายภาคส่วน รวมถึงเหมืองแร่ในบางโครงการ
    ในส่วนแร่ทองคำ Blood Gold บริบทไม่แตกต่างจากพื้นที่คะฉิ่น แต่รายงานจาก EarthRights International (2567) ระบุว่าในรัฐกะฉิ่นมีการขุดทองคำเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีจุดขุดนับร้อยแห่ง ส่วนใหญ่เป็นการขุดขนาดเล็กและใช้เครื่องจักรหนัก
    ผู้สัมปทาน ก่อนการรัฐประหาร (2564): เหมืองทองคำขนาดใหญ่บางแห่ง เช่น ในเขตเบ็งเมาก์ (Bemauk), กานิ (Kani), และเคาก์ปาดอง (Kyaukpadaung) ดำเนินการโดยบริษัทร่วมทุนระหว่างกองทัพเมียนมาร์และบริษัทต่างชาติ เช่น บริษัทจากจีนและไทย อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเฉพาะเจาะจงในปัจจุบันหายาก
    พื้นที่การขุดทองคำในรัฐกะฉิ่นส่วนใหญ่ควบคุมโดย Kachin Independence Army (KIA) และกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ ซึ่งเก็บค่าธรรมเนียมจากบริษัทหรือนักขุดท้องถิ่น บริษัทจีน มีรายงานว่าได้รับสัมปทานในพื้นที่ เช่น บริเวณแม่น้ำโขงและแม่น้ำกก โดยได้รับการอนุมัติจาก United Wa State Army (UWSA) บริษัทท้องถิ่นและกองทัพเมียนมาร์: Myanmar Economic Holdings Limited (MEHL) และ Myanmar Economic Corporation (MEC) ยังคงมีส่วนในเหมืองบางแห่ง
    ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ไม่มีการออกใบอนุญาตขุดอย่างเป็นทางการในหลายพื้นที่ เช่น Hpakant แต่การขุดยังดำเนินต่อไปโดยผิดกฎหมาย
    ปัจจุบันหลังจาก การรัฐประหารในปี 2564 ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจและกฎหมาย ส่งผลให้การขุดทองคำเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีการควบคุม โดยเฉพาะในรัฐกะฉิ่นและสะกาย เพิ่มขึ้น 10 เท่าหลังการรัฐประหาร ซึ่งเป็นแหล่งทองคำสำคัญ เรียกว่าเกิดการขุดแบบทำลายล้าง ใช้เครื่องจักรกลหนักและการขุดในแม่น้ำในพื้นที่ และลุกลามขยายยังพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง แม่น้ำกก และแม่น้ำสายใกล้ชายแดนไทย
    แน่นอนความระส่ำระสายในพื้นที่คือการกอบโกยความมั่งคั่งในพื้นที่ที่ไม่ได้มองไกลถึงอนาคตว่าผลกระทบของผู้คน ประชาชนจะเป็นอย่างไร ระยะเวลาการฟื้นตัวความอ่อนเปียกของรัฐชาติที่ถูกสูบทรัพยากรที่มีความมั่งคั่งออกไปอย่างไร้ข้อจำกัด โดยมีอำนาจภายในควบคุม กองทัพเมียนมาร์ ควบคุมเหมืองขนาดใหญ่บางแห่งเพื่อหารายได้ กลุ่มชาติพันธุ์ เช่น KIA เก็บส่วนแบ่งจากเหมืองในพื้นที่ของตน บริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน มีบทบาทในพื้นที่รัฐที่อุดมด้วยแร่ธาตุโดยเฉพาะฉาน และพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขงที่สัญญาณได้ส่งผลแล้วกรณีที่แม่สาย ลุ่มแม่น้ำกก เชียงราย ที่ต้องเกาะติดอย่างใกล้ชิด


    อ้างอิง :
    • โครงการ การส่งเสริมการจัดหาวัตถุดิบและการลงทุนด้านเหมืองแร่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
    https://www.bbc.com/thai/international-53264790
    • EarthRights International, Global Witness
    Blood Gold เจาะขุมทรัพย์ใต้ภิภพเมียนมาร์ความมั่งคั่งที่มืดมนอนธการ . ใต้ภิภพเมียนมาร์ นับเป็นรัฐที่มีทรัพยากรมูลค่าสูงฝังอยู่มหาศาล ที่สามารถแปลงเป็นสินทรัพย์ในการพัฒนาประเทศได้อันดับต้น ๆ ของอาเซียน ทว่า รัฐสภาพแห่งนี้เหมือนถูกครอบงำ และตกอยู่ภายใต้ความลำบาก ความขัดแย้งไม่ลงรอย ในประวัติศาสตร์การเมืองที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศโดยตรง รอยเลื่อนสะกาย (Sagaing Fault) “ยักษ์หลับแห่งเมียนมา” ที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ตื่นขึ้น 28 มีนาคม 2568 ที่ ขนาด 8.2 แมกนิจูด ได้ส่งพลังพาดผ่านเมืองหลวงสำคัญของพม่า ตั้งแต่มัณฑะเลย์ เนปิดอว์ ย่างกุ้ง ดูเหมือนว่าเมืองแห่งอารยธรรมและศูนย์กลางอำนาจ ตั้งอยู่บนหลังมังกรที่หลับ ขยับทีก็ทำให้เมืองศูนย์กลางสำคัญได้ได้ผลกระทบสูงการฟื้นตัวครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนสถานการณ์เริ่มต้นใหม่หลายรอบ หมุนวน โครงสร้างทางธรณีวิทยาของเมียนมาร์ค่อนข้างซับซ้อน ภูมิสัณฐานและธรณีโครงสร้างได้เป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ คือพื้นที่ราบสูงตะวันออก (Sino Burman Ranges) พื้นที่ลุ่มต่ำตอนกลาง (Inner Burman Tertiary Zone) ดินแดนเทือกเขาตะวันตก (Indo Burman Ranges) และ ที่ราบฝั่งยะไข่ - คะฉิ่น Rakhine (Arakan) Coastal Plain ชั้นหินที่มีอายุอ่อนที่สุดจะอยู่ใน พื้นที่ลุ่มต่ำตอนกลาง ไล่ถัดไปทางด้านตะวันตกของประเทศ จะเป็นชั้นหินที่มีอายุแก่ขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงที่ราบแถบยะไข่ ด้านตะวันออกของประเทศ ส่วนของ Sino Burman เป็นชั้นหินที่มีอายุแก่ที่สุด มีรอยเลื่อนรัฐฉาน แนวรอยต่อเชื่อมรอยเลื่อนสะกาย อุตสาหกรรมเหมืองแร่ในเมียนมาร์ มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงหลังรัฐประหารปี 2021 ซึ่งมีการขยายตัวของการทำเหมืองแร่หายาก (Rare Earth Elements: REEs) อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การเติบโตนี้มาพร้อมกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อน มีมูลค่าสูงถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 นับว่าแร่หายากกลุ่มหนัก heavy rare earth elements: HREE คิดเป็นสัดส่วนหลักของมูลค่าการส่งออกของเมียนมาร์ โดยส่วนใหญ่ส่งไปจีนเพื่อผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับรถไฟฟ้าและกังหันลมการส่งออก อัตราเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าในปี 2023 เมื่อเทียบกับปี 2021 จาก 19,500 ตัน เป็น 41,700 ตัน แน่นอนแร่หายากกลุ่ม China Rare Earths Group (REGCC) เป็นผู้ลงทุนหลัก ควบคุมทั้งเทคโนโลยี การประมวลผล และห่วงโซ่อุปทาน ภายใต้การดูแลพื้นที่ของกองทัพเมียนมาร์ (SAC) และมิลิเชียพันธมิตรควบคุมพื้นที่พิเศษ Kachin 1 และกองกำลัง Kachin Independence Army (KIA) ควบคุมพื้นที่ Momauk และแนวชายแดน แร่หายากเป็นแหล่งเงินสำคัญสำหรับทั้งรัฐบาลทหารและกลุ่มกบฎ แต่ 70% ของประชากรในพื้นที่ยังพึ่งพาการเกษตรที่ได้รับความเสียหาย ขณะที่ค่าแรงงานในเหมืองสูงถึง 600 ดอลลาร์สหรัฐ/เดือน (สูงกว่าเฉลี่ยประเทศ 2 เท่า) แต่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพ โรคปอด ปัญหาหายใจลำบาก โรคผิวหนัง และไตวายจากสารเคมี เช่น แอมโมเนียมซัลเฟตและออกซาลิกแอซิด ไม่รวมถึงมลพิษน้ำ 96% ของครัวเรือนในเขต Chipwi ไม่มีน้ำดื่มสะอาดเนื่องจากสารเคมีปนเปื้อน ดวงตาสวรรค์ได้ส่องพื้นที่การขยายตัวของเหมืองกว่า 40% ใน Kachin Special Region 1 และ Momauk ระหว่างปี 2021-2023 ที่สลายระบบนิเวศในพื้นที่ยากจะทวงคืนสภาพเดิมกลับมาในอนาคต อีกแร่ธาตุหนึ่งคือเหล็กที่เมียนมาร์ เป็นเบอร์หนึ่งของโลก ที่แหล่ง Pong Pet ซึ่งอยู่ห่างจาก Taunggyi ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นระยะทาง 10 กิโลเมตร ปรากฏเป็นแหล่งเฮมาไทต์ (Hematite) และยังพบแหล่งแร่เหล็ก 393 แหล่ง ปริมาณสารองทรัพยากรแร่ประมาณ 495 ล้านตัน และพบแหล่งแร่เหล็กที่มีศักยภาพ 14 แหล่ง ในรัฐ Kachin, Mandalay, Bago, Tanintharyi และรัฐShan ได้แก่ แหล่งแร่เหล็กสำคัญพบที่รัฐ Tanintharyi บริเวณตอนเหนือของรัฐ Shan โดยในรัฐคะฉิ่น คือศูนย์รวมแร่ธาตุความมั่งคั่งสมบูรณ์อุตสาหกรรมเหมืองแร่ นอกจากหยกแล้วยังมีแหล่งแร่เหล็กในรัฐ Kachin มีปริมาณสารองประมาณ 223 ล้านตันที่ 50.56%Fe องค์ประกอบหลักของแร่ คือ Goethite/Limonite 75%, Hematite 15% และ Magnetite 2% แน่นอนเมียนมาร์เป็นผู้ผลิตหยกรายใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในประเทศเดียวที่ผลิตหยกเจไดต์คุณภาพสูง อุตสาหกรรมหยกมีมูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของ GDP ของประเทศ โดยเมืองผะกัน (Hpakan) เป็นที่ตั้งของเหมืองหยกที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมืองที่มีข่าวของเหมืองถล่ม ดินโคลนโถมทับหมู่บ้านถี่มากและต้นปี 2568 ก็ได้เกิดเหตุการณ์โศกนาฎกรรมที่ซ้ำซาก สูญเสียชีวิตของผู้คนไปอย่างมาก Global Witness ประเมินไว้ว่ารายได้จากหยกได้เข้าพกเข้าห่อของผู้นำของเมียนมาไปแล้วราว 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา หากประมวลประเทศที่มีบริษัทลงทุนในเหมืองแร่ในภาพรวมในเมียนมาร์ ได้แก่ 1.) จีน: เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมเหมืองแร่เมียนมาร์ โดยเฉพาะในเหมืองทองแดง (เช่น โครงการ Letpadaung, S&K, Tagaung Taung) และแร่หายาก มีทั้งบริษัทขนาดใหญ่ของรัฐ เช่น China Nonferrous Metal Mining (CNMC), Wanbao Mining Co., Ltd. รวมถึงนักลงทุนรายย่อยจากมณฑลยูนนานและเสฉวน 2.) ไทย: มีบริษัท Myanmar-Pongpipat Co., Ltd. ร่วมลงทุนในเหมืองดีบุกและโลหะอื่น 3.) เวียดนาม: บริษัท Simco Songda มีการลงทุนในเหมืองแร่ร่วมกับเมียนมาร์ 4.) ออสเตรเลีย: บริษัท PanAust ได้รับอนุญาตให้ศึกษาความเป็นไปได้ในพื้นที่เหมือง Wuntho 5.) ญี่ปุ่น: มีบริษัทญี่ปุ่นบางแห่งยื่นขออนุญาตลงทุนในเหมืองแร่เมียนมาร์ 6.) สิงคโปร์: แม้จะเน้นลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์และพลังงาน แต่ก็มีการลงทุนในเหมืองแร่บางส่วน 7.) มาเลเซีย, เกาหลีใต้, เนเธอร์แลนด์, สหราชอาณาจักร: มีการลงทุนในเมียนมาร์ในหลายภาคส่วน รวมถึงเหมืองแร่ในบางโครงการ ในส่วนแร่ทองคำ Blood Gold บริบทไม่แตกต่างจากพื้นที่คะฉิ่น แต่รายงานจาก EarthRights International (2567) ระบุว่าในรัฐกะฉิ่นมีการขุดทองคำเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีจุดขุดนับร้อยแห่ง ส่วนใหญ่เป็นการขุดขนาดเล็กและใช้เครื่องจักรหนัก ผู้สัมปทาน ก่อนการรัฐประหาร (2564): เหมืองทองคำขนาดใหญ่บางแห่ง เช่น ในเขตเบ็งเมาก์ (Bemauk), กานิ (Kani), และเคาก์ปาดอง (Kyaukpadaung) ดำเนินการโดยบริษัทร่วมทุนระหว่างกองทัพเมียนมาร์และบริษัทต่างชาติ เช่น บริษัทจากจีนและไทย อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเฉพาะเจาะจงในปัจจุบันหายาก พื้นที่การขุดทองคำในรัฐกะฉิ่นส่วนใหญ่ควบคุมโดย Kachin Independence Army (KIA) และกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ ซึ่งเก็บค่าธรรมเนียมจากบริษัทหรือนักขุดท้องถิ่น บริษัทจีน มีรายงานว่าได้รับสัมปทานในพื้นที่ เช่น บริเวณแม่น้ำโขงและแม่น้ำกก โดยได้รับการอนุมัติจาก United Wa State Army (UWSA) บริษัทท้องถิ่นและกองทัพเมียนมาร์: Myanmar Economic Holdings Limited (MEHL) และ Myanmar Economic Corporation (MEC) ยังคงมีส่วนในเหมืองบางแห่ง ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ไม่มีการออกใบอนุญาตขุดอย่างเป็นทางการในหลายพื้นที่ เช่น Hpakant แต่การขุดยังดำเนินต่อไปโดยผิดกฎหมาย ปัจจุบันหลังจาก การรัฐประหารในปี 2564 ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจและกฎหมาย ส่งผลให้การขุดทองคำเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีการควบคุม โดยเฉพาะในรัฐกะฉิ่นและสะกาย เพิ่มขึ้น 10 เท่าหลังการรัฐประหาร ซึ่งเป็นแหล่งทองคำสำคัญ เรียกว่าเกิดการขุดแบบทำลายล้าง ใช้เครื่องจักรกลหนักและการขุดในแม่น้ำในพื้นที่ และลุกลามขยายยังพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง แม่น้ำกก และแม่น้ำสายใกล้ชายแดนไทย แน่นอนความระส่ำระสายในพื้นที่คือการกอบโกยความมั่งคั่งในพื้นที่ที่ไม่ได้มองไกลถึงอนาคตว่าผลกระทบของผู้คน ประชาชนจะเป็นอย่างไร ระยะเวลาการฟื้นตัวความอ่อนเปียกของรัฐชาติที่ถูกสูบทรัพยากรที่มีความมั่งคั่งออกไปอย่างไร้ข้อจำกัด โดยมีอำนาจภายในควบคุม กองทัพเมียนมาร์ ควบคุมเหมืองขนาดใหญ่บางแห่งเพื่อหารายได้ กลุ่มชาติพันธุ์ เช่น KIA เก็บส่วนแบ่งจากเหมืองในพื้นที่ของตน บริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน มีบทบาทในพื้นที่รัฐที่อุดมด้วยแร่ธาตุโดยเฉพาะฉาน และพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขงที่สัญญาณได้ส่งผลแล้วกรณีที่แม่สาย ลุ่มแม่น้ำกก เชียงราย ที่ต้องเกาะติดอย่างใกล้ชิด อ้างอิง : • โครงการ การส่งเสริมการจัดหาวัตถุดิบและการลงทุนด้านเหมืองแร่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ • https://www.bbc.com/thai/international-53264790 • EarthRights International, Global Witness
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 855 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดตัวอย่างเป็นทางการหนังสือ Fail Fast, Succeed More ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด

    “เคล็ดลับสู่ความสำเร็จแบบก้าวกระโดด ด้วยการเรียนรู้จากความล้มเหลว
    เพราะความล้มเหลวคือจิ๊กซอร์หนึ่งของความสำเร็จ”

    ดร.สุวัฒน์ ทองธนากุล บรรณาธิการ Green Innovation & SD Manager Online กรรมการสถาบันป๋วย อึ๊งภากรณ์ (ท่านที่ 2 จากซ้าย) อาจารย์ทวีภูมิ วิบรรณ์ ผู้ก่อตั้ง ProActive Forum (ท่านที่ 1 จากซ้าย) พ.ต.ท. ดร.คมกริช ศิลาทอง นักวิเทศสัมพันธ์ชำนาญการ สำนักประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน (ท่านที่ 1 จากขวา) ดร.ศรินนา แก้วสีเคน กรรมการเดชฤทธิ์ กรุ๊ป, 10X Consulting และผู้ก่อตั้งกิจการเพื่อสังคมสานฝันปันใจให้น้อง (ท่านที่ 2 จากขวา) คุณจารุวรรณ เวชตระกูล บรรณาธิการบริหาร สำนักพิมพ์วิช (ท่านที่ 3 จากขวา) คุณศิริรัตน์ ไชยาริพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายจัดจำหน่าย บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) (ท่านที่ 4 จากขวา) ร่วมเป็นเกียรติในงานเปิดตัวผลงานหนังสือล่าสุดของ ศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์พรหมบุตร (ท่านที่ 3 จากซ้าย) ที่ปรึกษา โค้ช วิทยากร และนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การพัฒนาการจัดการองค์กร จากแบรนด์ 10X Consulting (www.10-xconsulting.com) ซึ่งมีผลงานการให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อพัฒนาศักยภาพทั้งในระดับบุคคล ทีม และองค์กรชั้นนำกว่า 500 องค์กร ใน 21 อุตสาหกรรม ครอบคลุมกลุ่มบริษัท บริษัทมหาชน บริษัทจำกัดในอุตสาหกรรมผลิต พลังงาน การสื่อสาร - โทรคมนาคม เทคโนโลยีดิจิทัล ค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ การบริการ/มหาวิทยาลัย/สถาบันการศึกษา/ รัฐวิสาหกิจ 10 อันดับแรกที่ส่งรายได้สูงสุด/หน่วยงานภาครัฐระดับกระทรวง และส่วนราชการในสังกัดทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น/สถาบันอิสระ/องค์กรไม่แสวงหากำไร/โครงการพระราชดำริ และเป็นที่ปรึกษา พี่เลี้ยง และโค้ชส่วนตัวแก่ผู้บริหาร และผู้นำมากกว่า 10,000 คน

    ในยุคที่สังคมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และผู้คนก็กระหายความสำเร็จ และมุ่งหวังความเจริญเติบโต การเรียนรู้จากการล้ม และการฝึกกระบวนการในการสร้างความสำเร็จจึงเป็นเรื่องจำเป็นและทั้งหมดนี้ต้องเป็นไปอย่างรวดเร็ว รอช้าไม่ได้

    ปัจจุบันนี้ องค์กร หน่วยงาน ทีมต่างๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวบุคคล ล้วนเผชิญกับความท้าทายมากมาย ทั้งการแข่งขันที่ดุเดือด เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การยึดติดกับวิธีการเดิมๆ หรือกลัวความล้มเหลว อาจทำให้ตัวคุณ ทีม หน่วยงาน และองค์กรตกขบวนได้

    หนังสือ "Fall Fast, Succeed More ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด" ได้รับแรงบันดาลใจจากการได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับ ผู้นำทีม ผู้จัดการหน่วยงาน ผู้บริหารองค์กร ผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ ผู้ก่อตั้งองค์กรทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งบุคคล ที่รัก และชื่นชอบการพัฒนาตนเอง นับหมื่นคนที่มอบโอกาสและความไว้วางใจให้มีส่วนร่วมสร้างสรรค์ผลงาน ทำให้เห็นถึงความสำคัญของการทดลองสิ่งใหม่ๆ การเรียนรู้จากความล้มเหลว และการปรับตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้เกิดการพัฒนาสร้างการเติบโตนับ 10 เท่า (10X) และการปรับปรุง - พัฒนาอย่างต่อเนื่อง

    หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้นำทีม ผู้จัดการ ผู้บริหาร เจ้าของธุรกิจ และผู้ก่อตั้ง ที่ต้องการพัฒนา ทีมงาน หน่วยงาน และองค์กร ควบคู่กับการพัฒนาตนเอง ให้เป็นผู้สร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยผู้อ่านจะได้เรียนรู้กลยุทธ์และเทคนิคในการ "ล้มให้เร็ว" และ "สำเร็จให้สุด" ภายในเล่ม ผู้อ่านจะได้พบกับ

    1. เครื่องมือและเทคนิค ที่จะช่วยให้คุณ "ล้ม" อุปสรรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความกลัวความล้มเหลว การขาดความคิดสร้างสรรค์ หรือวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่เอื้อต่อต่อการเปลี่ยนแปลง
    2. กลยุทธ์ในการ "เร่ง" สู่ความสำเร็จในแบบ 10X ด้วยการปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง และการพัฒนาศักยภาพของบุคคล ทีม หน่วยงาน และองค์กร

    ด้วยเนื้อหาที่เข้มขันแต่เข้าใจง่าย ผู้อ่านจะได้เรียนรู้วิธีคิดและวิธีปฏิบัติแบบใหม่ๆ ที่จะช่วย "ปลดล็อก" ศักยภาพที่ซ่อนอยู่ภายในตัวคุณและองค์กร ไม่ว่าคุณจะกำลังเผชิญกับความท้าทายใดในชีวิต และธุรกิจการงาน

    หากคุณพร้อมที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ และพุ่งทะยานสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ด้วยการถอดแบบความสำเร็จแบบ "Fall Fast, Succeed More ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด" ราคา 299 บาท มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน นี้เป็นต้นไป หรือสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ที่ www.wishbookmaker.com สั่งซื้อจำนวนมากติดต่อที่ 02 – 418 - 2885

    ชมบรรยากาศการเปิดตัวหนังสือได้ที่ #FailFastSucceedMore

    #ล้มให้เร็วสำเร็จให้สุด
    #เพราะความล้มเหลวคือจิ๊กซอร์หนึ่งของความสำเร็จ
    #เผยเทคนิคล้มอย่างไรให้สำเร็จได้อย่างสุดๆ
    เปิดตัวอย่างเป็นทางการหนังสือ Fail Fast, Succeed More ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด “เคล็ดลับสู่ความสำเร็จแบบก้าวกระโดด ด้วยการเรียนรู้จากความล้มเหลว เพราะความล้มเหลวคือจิ๊กซอร์หนึ่งของความสำเร็จ” ดร.สุวัฒน์ ทองธนากุล บรรณาธิการ Green Innovation & SD Manager Online กรรมการสถาบันป๋วย อึ๊งภากรณ์ (ท่านที่ 2 จากซ้าย) อาจารย์ทวีภูมิ วิบรรณ์ ผู้ก่อตั้ง ProActive Forum (ท่านที่ 1 จากซ้าย) พ.ต.ท. ดร.คมกริช ศิลาทอง นักวิเทศสัมพันธ์ชำนาญการ สำนักประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน (ท่านที่ 1 จากขวา) ดร.ศรินนา แก้วสีเคน กรรมการเดชฤทธิ์ กรุ๊ป, 10X Consulting และผู้ก่อตั้งกิจการเพื่อสังคมสานฝันปันใจให้น้อง (ท่านที่ 2 จากขวา) คุณจารุวรรณ เวชตระกูล บรรณาธิการบริหาร สำนักพิมพ์วิช (ท่านที่ 3 จากขวา) คุณศิริรัตน์ ไชยาริพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายจัดจำหน่าย บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) (ท่านที่ 4 จากขวา) ร่วมเป็นเกียรติในงานเปิดตัวผลงานหนังสือล่าสุดของ ศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์พรหมบุตร (ท่านที่ 3 จากซ้าย) ที่ปรึกษา โค้ช วิทยากร และนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การพัฒนาการจัดการองค์กร จากแบรนด์ 10X Consulting (www.10-xconsulting.com) ซึ่งมีผลงานการให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อพัฒนาศักยภาพทั้งในระดับบุคคล ทีม และองค์กรชั้นนำกว่า 500 องค์กร ใน 21 อุตสาหกรรม ครอบคลุมกลุ่มบริษัท บริษัทมหาชน บริษัทจำกัดในอุตสาหกรรมผลิต พลังงาน การสื่อสาร - โทรคมนาคม เทคโนโลยีดิจิทัล ค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ การบริการ/มหาวิทยาลัย/สถาบันการศึกษา/ รัฐวิสาหกิจ 10 อันดับแรกที่ส่งรายได้สูงสุด/หน่วยงานภาครัฐระดับกระทรวง และส่วนราชการในสังกัดทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น/สถาบันอิสระ/องค์กรไม่แสวงหากำไร/โครงการพระราชดำริ และเป็นที่ปรึกษา พี่เลี้ยง และโค้ชส่วนตัวแก่ผู้บริหาร และผู้นำมากกว่า 10,000 คน ในยุคที่สังคมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และผู้คนก็กระหายความสำเร็จ และมุ่งหวังความเจริญเติบโต การเรียนรู้จากการล้ม และการฝึกกระบวนการในการสร้างความสำเร็จจึงเป็นเรื่องจำเป็นและทั้งหมดนี้ต้องเป็นไปอย่างรวดเร็ว รอช้าไม่ได้ ปัจจุบันนี้ องค์กร หน่วยงาน ทีมต่างๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวบุคคล ล้วนเผชิญกับความท้าทายมากมาย ทั้งการแข่งขันที่ดุเดือด เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การยึดติดกับวิธีการเดิมๆ หรือกลัวความล้มเหลว อาจทำให้ตัวคุณ ทีม หน่วยงาน และองค์กรตกขบวนได้ หนังสือ "Fall Fast, Succeed More ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด" ได้รับแรงบันดาลใจจากการได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับ ผู้นำทีม ผู้จัดการหน่วยงาน ผู้บริหารองค์กร ผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ ผู้ก่อตั้งองค์กรทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งบุคคล ที่รัก และชื่นชอบการพัฒนาตนเอง นับหมื่นคนที่มอบโอกาสและความไว้วางใจให้มีส่วนร่วมสร้างสรรค์ผลงาน ทำให้เห็นถึงความสำคัญของการทดลองสิ่งใหม่ๆ การเรียนรู้จากความล้มเหลว และการปรับตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้เกิดการพัฒนาสร้างการเติบโตนับ 10 เท่า (10X) และการปรับปรุง - พัฒนาอย่างต่อเนื่อง หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้นำทีม ผู้จัดการ ผู้บริหาร เจ้าของธุรกิจ และผู้ก่อตั้ง ที่ต้องการพัฒนา ทีมงาน หน่วยงาน และองค์กร ควบคู่กับการพัฒนาตนเอง ให้เป็นผู้สร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยผู้อ่านจะได้เรียนรู้กลยุทธ์และเทคนิคในการ "ล้มให้เร็ว" และ "สำเร็จให้สุด" ภายในเล่ม ผู้อ่านจะได้พบกับ 1. เครื่องมือและเทคนิค ที่จะช่วยให้คุณ "ล้ม" อุปสรรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความกลัวความล้มเหลว การขาดความคิดสร้างสรรค์ หรือวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่เอื้อต่อต่อการเปลี่ยนแปลง 2. กลยุทธ์ในการ "เร่ง" สู่ความสำเร็จในแบบ 10X ด้วยการปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง และการพัฒนาศักยภาพของบุคคล ทีม หน่วยงาน และองค์กร ด้วยเนื้อหาที่เข้มขันแต่เข้าใจง่าย ผู้อ่านจะได้เรียนรู้วิธีคิดและวิธีปฏิบัติแบบใหม่ๆ ที่จะช่วย "ปลดล็อก" ศักยภาพที่ซ่อนอยู่ภายในตัวคุณและองค์กร ไม่ว่าคุณจะกำลังเผชิญกับความท้าทายใดในชีวิต และธุรกิจการงาน หากคุณพร้อมที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ และพุ่งทะยานสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ด้วยการถอดแบบความสำเร็จแบบ "Fall Fast, Succeed More ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด" ราคา 299 บาท มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน นี้เป็นต้นไป หรือสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ที่ www.wishbookmaker.com สั่งซื้อจำนวนมากติดต่อที่ 02 – 418 - 2885 ชมบรรยากาศการเปิดตัวหนังสือได้ที่ #FailFastSucceedMore #ล้มให้เร็วสำเร็จให้สุด #เพราะความล้มเหลวคือจิ๊กซอร์หนึ่งของความสำเร็จ #เผยเทคนิคล้มอย่างไรให้สำเร็จได้อย่างสุดๆ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 484 มุมมอง 0 รีวิว
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 5 วิธีการทำให้เงินออมงอกเงย
    .
    เมื่อได้เงินออมมาด้วยความยากเย็นแล้ว ถ้าต้องการให้เงินออมงอกเงยเพื่อประโยชน์ของผู้ออม ก็สามารถดำเนินการได้หลายลักษณะดังต่อไปนี้
    - ฝากเงินกับธนาคารในลักษณะบัญชีออมทรัพย์ ซึ่งให้ความคล่องตัวในการถอนและฝาก แต่ได้ดอกเบี้ยต่ำ ถ้าฝากบัญชีเงินฝากประจำ จะมีเวลาให้เลือกได้แก่ 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี ซึ่งให้ผลตอบแทนแตกต่างกัน แต่ก็ยังสูงกว่าการฝากในรูปบัญชีออมทรัพย์ (ยิ่งระยะยาวนานดอกเบี้ยยิ่งสูง)
    - ซื้อกองทุนรวม หมายถึงบริษัทจัดการกองทุนรวมจะนำเงินออมที่ถูกนำมาซื้อหน่วยลงทุนไปลงทุนซื้อหุ้นตราสารหนี้ (ภาครัฐและบริษัทเอกชนกู้ยืมเงินเพื่อเอาไปลงทุน) เพื่อให้ได้รับผลตอบแทน การลงทุนผ่านกองทุนรวม เป็นการมอบหมายให้ผู้มีความรู้ในเรื่องการเงินเป็นผู้ตัดสินใจลงทุนแทน
    .
    กองทุนรวมในปัจจุบันมีหลายลักษณะ เช่น กองทุนรวมเพื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมเพื่อลงทุนในตราสารหนี้ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนหุ้นระยะยาว เป็นต้น
    - ซื้ออสังหาริมทรัพย์ไว้ให้เช่า เช่น อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม และบ้าน การใช้เงินออมร่วมกับค่าเช่าที่ได้รับจากอสังหาริมทรัพย์นั้น มาผ่อนชำระเพื่อจะได้เป็นเจ้าของในระยะยาว และหลังจากนั้นก็สามารถเก็บเกี่ยวค่าเช่าได้เต็มที่ และอาจได้รับส่วนเพิ่มของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย อย่างไรก็ดี ถ้ามีเงินออมเป็นก้อนใหญ่จนสามารถใช้เป็นเงินดาวน์ และสามารถใช้ค่าเช่าเป็นเงินผ่อนชำระได้ทั้งหมดแล้ว ก็จะเป็นกรณีที่เงินออมงอกเงยขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
    - ซื้อหุ้นด้วยเงินออม การลงทุนซื้อหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีสม่ำเสมอ อีกทั้งยังมีโอกาสสูงที่ราคาจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคตโดยหวังผลในระยะยาว เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ
    - ซื้อตราสารหนี้ ซึ่งอาจเป็นพันธบัตรรัฐบาล (รัฐบาลกู้ยืมโดยออกเอกสารรับรอง) หรือตราสารหนี้ที่ออกโดยธุรกิจเอกชน ผลตอบแทนจากการประกอบการที่มีความไม่แน่นอนสูงกว่า
    - ลงทุนประกอบธุรกิจเอง หรือเข้าหุ้นประกอบธุรกิจกับผู้อื่น การลงทุนลักษณะนี้มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากผลกำไร ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ประกอบการ
    .
    ยังมีวิธีการอื่นๆที่ทำให้เงินออมงอกเงย แต่ก็ไม่ใช่หนทางหลัก สิ่งที่ควรตระหนักเสมอในการลงทุนมีอยู่อย่างน้อย 2 ประการ คือ 1. จะมีเงินออมเพื่อนำไปลงทุนได้มากก็ต้องเริ่มจากการมีรายได้มากเป็นเบื้องแรก และสามารถควบคุมการใช้จ่ายได้ดีจนทำให้สามารถออมได้ 2. การลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยงทั้งสิ้น ไม่มีการลงทุนใดที่ปราศจากความเสี่ยง ประเด็นอยู่ที่ว่า เมื่อเปรียบเทียบแล้วการลงทุนใดมีความเสี่ยงมากกว่ากัน
    .
    การมีเงินออมอย่างสม่ำเสมอและอย่างมีจุดหมายเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างความมั่นคงทางการเงินตลอดชีวิต การทำงานอันเป็นหน้าที่ของมนุษย์ทุกคน จะก่อให้เกิดความมั่นคงในชีวิตได้ก็ต่อเมื่อมีรายได้อย่างเพียงพอต่อการดำรงชีพ และเหลือเงินออมเพื่อนำไปลงทุนจนก่อให้เกิดทรัพย์สินและรายได้เพิ่มเติมอีกทางหนึ่ง นอกจากรายได้จากการทำงานที่ต้องออกแรง รายได้ที่เกิดจากทรัพย์สินเหล่านี้จะเป็นฐานสำคัญของการดำรงชีพหลังวัยทำงาน
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 5 วิธีการทำให้เงินออมงอกเงย . เมื่อได้เงินออมมาด้วยความยากเย็นแล้ว ถ้าต้องการให้เงินออมงอกเงยเพื่อประโยชน์ของผู้ออม ก็สามารถดำเนินการได้หลายลักษณะดังต่อไปนี้ - ฝากเงินกับธนาคารในลักษณะบัญชีออมทรัพย์ ซึ่งให้ความคล่องตัวในการถอนและฝาก แต่ได้ดอกเบี้ยต่ำ ถ้าฝากบัญชีเงินฝากประจำ จะมีเวลาให้เลือกได้แก่ 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี ซึ่งให้ผลตอบแทนแตกต่างกัน แต่ก็ยังสูงกว่าการฝากในรูปบัญชีออมทรัพย์ (ยิ่งระยะยาวนานดอกเบี้ยยิ่งสูง) - ซื้อกองทุนรวม หมายถึงบริษัทจัดการกองทุนรวมจะนำเงินออมที่ถูกนำมาซื้อหน่วยลงทุนไปลงทุนซื้อหุ้นตราสารหนี้ (ภาครัฐและบริษัทเอกชนกู้ยืมเงินเพื่อเอาไปลงทุน) เพื่อให้ได้รับผลตอบแทน การลงทุนผ่านกองทุนรวม เป็นการมอบหมายให้ผู้มีความรู้ในเรื่องการเงินเป็นผู้ตัดสินใจลงทุนแทน . กองทุนรวมในปัจจุบันมีหลายลักษณะ เช่น กองทุนรวมเพื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมเพื่อลงทุนในตราสารหนี้ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนหุ้นระยะยาว เป็นต้น - ซื้ออสังหาริมทรัพย์ไว้ให้เช่า เช่น อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม และบ้าน การใช้เงินออมร่วมกับค่าเช่าที่ได้รับจากอสังหาริมทรัพย์นั้น มาผ่อนชำระเพื่อจะได้เป็นเจ้าของในระยะยาว และหลังจากนั้นก็สามารถเก็บเกี่ยวค่าเช่าได้เต็มที่ และอาจได้รับส่วนเพิ่มของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย อย่างไรก็ดี ถ้ามีเงินออมเป็นก้อนใหญ่จนสามารถใช้เป็นเงินดาวน์ และสามารถใช้ค่าเช่าเป็นเงินผ่อนชำระได้ทั้งหมดแล้ว ก็จะเป็นกรณีที่เงินออมงอกเงยขึ้นได้อย่างรวดเร็ว - ซื้อหุ้นด้วยเงินออม การลงทุนซื้อหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีสม่ำเสมอ อีกทั้งยังมีโอกาสสูงที่ราคาจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคตโดยหวังผลในระยะยาว เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ - ซื้อตราสารหนี้ ซึ่งอาจเป็นพันธบัตรรัฐบาล (รัฐบาลกู้ยืมโดยออกเอกสารรับรอง) หรือตราสารหนี้ที่ออกโดยธุรกิจเอกชน ผลตอบแทนจากการประกอบการที่มีความไม่แน่นอนสูงกว่า - ลงทุนประกอบธุรกิจเอง หรือเข้าหุ้นประกอบธุรกิจกับผู้อื่น การลงทุนลักษณะนี้มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากผลกำไร ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ประกอบการ . ยังมีวิธีการอื่นๆที่ทำให้เงินออมงอกเงย แต่ก็ไม่ใช่หนทางหลัก สิ่งที่ควรตระหนักเสมอในการลงทุนมีอยู่อย่างน้อย 2 ประการ คือ 1. จะมีเงินออมเพื่อนำไปลงทุนได้มากก็ต้องเริ่มจากการมีรายได้มากเป็นเบื้องแรก และสามารถควบคุมการใช้จ่ายได้ดีจนทำให้สามารถออมได้ 2. การลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยงทั้งสิ้น ไม่มีการลงทุนใดที่ปราศจากความเสี่ยง ประเด็นอยู่ที่ว่า เมื่อเปรียบเทียบแล้วการลงทุนใดมีความเสี่ยงมากกว่ากัน . การมีเงินออมอย่างสม่ำเสมอและอย่างมีจุดหมายเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างความมั่นคงทางการเงินตลอดชีวิต การทำงานอันเป็นหน้าที่ของมนุษย์ทุกคน จะก่อให้เกิดความมั่นคงในชีวิตได้ก็ต่อเมื่อมีรายได้อย่างเพียงพอต่อการดำรงชีพ และเหลือเงินออมเพื่อนำไปลงทุนจนก่อให้เกิดทรัพย์สินและรายได้เพิ่มเติมอีกทางหนึ่ง นอกจากรายได้จากการทำงานที่ต้องออกแรง รายได้ที่เกิดจากทรัพย์สินเหล่านี้จะเป็นฐานสำคัญของการดำรงชีพหลังวัยทำงาน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 265 มุมมอง 0 รีวิว
  • 08-04-68/04 : หมี CNN / "เสือกเฉพาะเรื่อง" EP8 (ซัดให้เละ ขยี้ให้แหลก)

    อะไรน่ะ! 6 เหล่าทัพ ไม่เห็นหัวรัฐบาล ไอ้สัส! จริงดิ? เพิ่งรู้เหรอ ดีออก! สายตรงวังนานแล้ว ไอ้ควาย เค้ากำลังจะล่อมรึงอยู่นี่ไง? เมษาเลือด เมษาเดือด โลกตะลุมบอล พอแตะพฤษภา ก็ถึงคิวอีร่านหน้าเหลี่ยมทันที สัญญานยังไม่ชัดพออีกเหรอ? อยู่ไปวันวัน ให้หนักแผ่นดินพ่อกูทำไม? ไม่อยากจะบอกว่า เบื้องบนส่งคนมาควบคุมกำกับเองน่ะมรึง ทุกคดีความที่สร้างความเสียหายหนักให้ประเทศ และชีวิตประชากรควายไทยบัดซบทั้งหลาย สติไม่มี สมองไม่มา ก็ถูกเค้าหลอกร่ำไป โง่ดักดาน จนควายตัวจริง ยังเดินหนี? การบริหารแผ่นดินจนได้รับความเสียหาย การแหกกฎ ระเบียบข้อบังคับ และวิถีปฎิบัติเก่าก่อน ใครเค้าจะเก็บมรึงเอาไว้อีก?

    อะไรอีกน่ะ! ISKANDER-M ล่อผบ.เหี้ยตายคาตรีน ผบ.อีเศษฝรั่ง อีสิงโต ร่างกระจุย ลากทหารนาโต้กว่า 85 นาย ระเหยไปพร้อมกันหมดทีเดียว แรงจริง ไม่พูดเยอะ อยากลองของ ต้องได้ลอง ตายไม่ต้องพูด เพราะไม่รอด กล้าเข้ามา ก็เตรียมกลายเป็นปุ๋ยไปซะน่ะ จนอีเคียฟ ต้องร้องขอชีวิต นาโต้บีบเหี้ยมะกันช่วยกูด้วย อีทรัมปป์สวนกลับ อยากให้กูช่วยยกกรีนแลนด์ให้กูสิ ดีออก? ไม่ว่ายุโรปจะหันไปทางไหน ก็เสร็จอีทรัมปป์ กับ ขั้วใหม่อยู่ดี ทางเลือกมีไม่มาก อยากให้ใครแดร๊ก ก็จิ้มคนนั้น แต่อย่าลืมน่ะว่า ตอนนี้ รัสเซีย จีน คือที่สุดของมหาอำนาจโลก แสนยานุภาพอันดับ 1 เลือกอีทรัมปป์ใช่ว่าจะรอด ดังนั้น สุดท้าย..ไม่พ้นต้องกลับมากราบตรีนปูตินจนได้

    ครั้งแรกของประวัติศาสตร์เมืองไทย เมื่อเหล่ากองทัพสีทั้งหลาย รวมตัวกันเพื่อภารกิจพิเศษเฉพาะ แดง เหลือง ฟ้า น้ำเงิน เขียว ม่วง มาหมด แห่กันเตรียมทอดกฐินรัฐบาลเถื่อนชาติหมา งานนี้ ดิ้นหนีตาย เผ่นหางจุกตูดออกนอกกันหมดเกลี้ยง กูเคยบอกแล้วว่า เพ่แดง เค้าจองเวร จองกรรมกับไอ้อีตระกูลเสนียดจัญไรแผ่นดินมายาวนาน ครั้งนี้ เตรียมแผนเด็ดหัวเหี้ยแบบรวบรัด เอาให้ช็อคแดร๊กทั้งแผ่นดิน รอดูลีลาเพ่ทหาร บู๊ทเขียวตรีนโต จะเล่นบทโหด มันส์ ฮา ขนาดไหน? ม็อบกู้ชาติลงถนนอีกครั้ง แน่นอน ย่อมมีกองกำลังจัดตั้ง และมีสายแข็งปะปนอยู่ในกลุ่มม็อบชัวร์ รออีกากี เล่นแรงเมื่อไหร่ งานนี้ น้องๆ TEXAS FESTIVAL เลยจ๊ะ พกกันมาเพี๊ยบ อย่าเอ็ดไป จุ๊..จุ๊ สวนมา สวนกลับไม่มีโกง วงในเค้ารู้ ไอ้ตัวแบ็คอัพข้างหลัง มันใหญ่แค่ไหน? สามารถสั่งทั้งไอ้อีทั้งกรมปทุมวัน หุบปากได้ อย่าเสือก งานนี้ กูขอ?

    เพ่อัจยังซัดต่อ ไม่เกรงใจใคร ผู้การ ผอ. นายพล เอี่ยวหมด แตะตรงไหน แดร๊กสะบัดช่อ ทุนจีนเทาเปย์หนัก เท่าไหร่ว่ามา เงินถึง เสี่ยงคุกก็กล้า? คิดว่าเคลียร์ได้ แต่ผลกระทบวงกว้าง เชิญไปเคลียร์กับพ่องในศาลล่ะกันน่ะ เพ่อัจ ไม่ได้กล่าว? เรื่องผีอีโม กำลังได้ข้อสรุปแล้ว ศาลเจ้าเถื่อนนนท์ จะตัดสินตามสำนวนอีกากีตอแหลเสนอไปก็ตาม แต่คดีพลิกไปแล้ว งานนี้ คุกรออยู่ 5 ตัวบนเรือ ถูกบูชายันต์ก่อนใคร? เพราะแก่นแท้ใจความแห่งคดีคือ "โดยประมาท" แต่มันไม่ใช่ปัจจัยหลักอีกต่อไปแล้ว เพราะถูกฆาตกรรมอำพรางคดี พิสูจน์หลักฐานชัด ผีอีโมไม่ได้อยู่บนเรือ ดังนั้น ใครทำสำนวนเก่ายื่น เตรียมรับกรรมได้เลย คุกมาแล้วจ๊า แถไม่ออก เถียงไม่ขึ้น? หลังสงกรานต์ จะมีเหี้ยร้องโหยหวนกันอีกเยอะ ตายยกรัง ทั้งกรมอีกากีเสนียดจัญไรแผ่นดินด้วย หมอใครเซ็นต์ ศพใครชันสูตร โดนหมดทั้งองคาพยพ!

    จีนไม่ใช่ไก่รองบ่อนมรึงน่ะ ไอ้ควาย? ซัดมา ซัดกลับ ไม่มีโกง เก็บกูเพิ่มเท่าไหร่ กูก็คิดเท่ากัน ไม่เอาเปรียบ เหี้ยกรี๊ด อีทรัมปป์ฉุน หากยังไม่ยอมหยุดตอบโต้กู กูจะขึ้นเป็น 50% เอามั้ย? จีนกลัวจนตัวสั่น กลัวหัวหดตดหาย เลยซัดกลับไปเลยว่า งั้นมรึงไม่ต้องเอาเหี้ยอะไรจากกูอีกต่อไป แร่หายาก แรเอิร์ธทั้งหมดบนโลก ไม่ส่งขายให้มรึง ดีมั้ยจ๊ะ? อีทรัมมป์ไบ้แดร๊ก เซมิคอนดั๊กเตอร์มรึงตายโหงทันที เพราะแร่แรเอิร์ธ จีนส่งออกมากกว่า 70% ทั้งโลก มวยคนละรุ่น ยาจก รึจะริเทียบชั้น เจ้าสัวโลก ดีออก? ล่าสุด เสือเหลือง ประธานอาเซียนปีนี้ ประกาศลั่น อาเซียนต้องจับมือกัน คุยกับเหี้ย อย่าแยกเดี่ยว ไปให้เป็นกลุ่มชาติอาเซียนจะมีอำนาจต่อรองเยอะกว่า จะไม่ยอมให้เหี้ยกระทำฝ่ายเดียว หากร่วมมือ แบนสินค้าอเมริกา งานนี้ถึงเจ๊งน่ะมรึง ทั้งโลกอาจจะทำ หากมรึงยังกระต่ายขาเดียวไม่เลิก เข้าทางตรีนขั้วใหม่สิจ๊ะ

    ปล.ไอ้สัส! THE TERMONIATOR มาจริงแล้วมรึง ไม่ได้ฝันไปน่ะเนี่ย? หุ่นยนต์ AI มนุษย์ ทำงานเหมือนมนุษย์ทุกอย่าง ปรากฎตัวแล้วจ๊ะ ด้วยนวตรรมชิป 1 นาโนเมตร พ่องตาย? มรึงจะทะลุมิติดาวคู่ขนานอยู่แล้วน่ะมรึง? ทำเลียนแบบมนุษย์ได้หมด ทำงานบ้านได้ตามที่ต้องการ เป็นนายแบบ นางแบบได้ ในอุตสาหกรรมยานยนต์ยักษ์ใหญ่จีน เริ่มใช้เข้าประจำการจริงแล้ว ทำงานไม่บ่น ไม่ฉี่ ไม่ขี้ ไม่แดร๊ก ไม่บ่น ไม่นินทานาย และไม่อู้งาน NON STOP 24 ชม. ลดต้นทุนไปได้เท่าไหร่? ล่าสุดงานมอเตอร์โชว์ ที่เพิ่งจบไป BYD ทะลุ 10000 คันไปแล้ว กระแส NO แบรนด์หรู สินค้าแฟชั่นตกต่ำ กระแสจ่ายค่าโง่รถคันละล้าน ตกกระป่องไปแล้ว ดีและถูก มีอยู่จริงแค่ 770000 ที่ราคารถเป็นล้านของอียุ่นปี่ เทียบไม่ติดขี้ตรีน ดีกว่าทุกรูขุมขน ทั้งฟังก์ชั่นและครอบคลุมประกันตลอดอายุการใช้งาน จีนบุกตลาดโลก ไม่ต้องไปตามแข่งกับเค้า ตามน้ำอย่างเดียว เดี๋ยวรวยเอง ทุนเค้าเยอะกว่า เทคโนโลยีสูงกว่า ต้นทุน วัตถุดิบต่ำกว่า เพราะผลิตเองทั้งหมด ไม่แปลกที่สหรัฐขาดดุลการค้าจีนมาโดยตลอด จะเอาเหี้ยอะไรไปขายจีนได้อีกล่ะ แม่งมีเกือบจะทุกอย่างแล้ว? ตามจีน ตามรัสเซีย เหี้ยไม่กัด หลวงพ่อปูติน หลวงเพ่สีจิ้นผิง ของเค้าขลังจริง อะไรจริง!

    หมี CNN(มีเรื่องนึงที่กูจำเป็นต้องพูด จำเป็นต้องบอก ส่วนพวกมรึงไปพิจารณาตามความเหมาะสมของตัวเอง เพราะปัจจัยแต่ละคนไม่เท่ากัน จำไว้ว่า สงครามมาปุ๊บ สิ่งที่สำคัญกว่าเงิน คือความปลอดภัย มั่นคง และความสงบสุข ตอนนี้ ต่างชาติ แห่กันเข้ามาซื้อคอนโด บ้านกันเยอะ ทุกภาคในประเทศไทย เหตุผลคือ เค้ามองแล้วว่า สงครามจะกินเวลายาวนาน กว่าจะหาผู้ชนะแท้จริงได้ หรือนำไปสู่โต๊ะเจรจา อาเซียนเป็นกลุ่มชาติที่น่าลี้ภัยมากที่สุด จากนี้ไป ราคาที่ดี ที่พัก คอนโด ที่มรึงคิดว่าน่าจะตกฮวบ จะกลับมาพุ่งทะยานฟ้าอีกครั้ง เหตุเพราะพื้นที่ในตัวเมืองมีจำกัดอย่างถึงที่สุด ใครอยากอยู่ในตัวเมืองก็ต้องยอมจ่ายแพง ใครร้อนเงิน จำเป็นต้องใช้เงิน กำไรแล้วขายได้ก็ทำไป แต่หากใครที่ยังไม่รีบร้อน ไม่เดือดร้อน เวลามีนายหน้ามาติดต่อขอซื้อตอนนี้ ให้บอกไปเลยว่า ยังไม่มีอารมณ์ขายจ๊ะ เพราะอีกไม่ถึง 5 ปีข้างหน้า ราคาบ้าน ที่ดิน คอนโด มรึงจะพุ่งขึ้นอย่างน่าใจหาย โดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ ยิ่งต่างชาติมาซื้อ มรึงอย่าขายถูก ตั้งราคาสูงเข้าไว้ได้เลย หากจะเอา ก็ต้องยอมจ่าย สรุปคืออสังหาริมทรัพย์อาจจะพุ่งขึ้น 300% ภายใน 5 ปีนี้ แนวโน้มสูง)
    08 เมษายน 68
    13.23 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    08-04-68/04 : หมี CNN / "เสือกเฉพาะเรื่อง" EP8 (ซัดให้เละ ขยี้ให้แหลก) อะไรน่ะ! 6 เหล่าทัพ ไม่เห็นหัวรัฐบาล ไอ้สัส! จริงดิ? เพิ่งรู้เหรอ ดีออก! สายตรงวังนานแล้ว ไอ้ควาย เค้ากำลังจะล่อมรึงอยู่นี่ไง? เมษาเลือด เมษาเดือด โลกตะลุมบอล พอแตะพฤษภา ก็ถึงคิวอีร่านหน้าเหลี่ยมทันที สัญญานยังไม่ชัดพออีกเหรอ? อยู่ไปวันวัน ให้หนักแผ่นดินพ่อกูทำไม? ไม่อยากจะบอกว่า เบื้องบนส่งคนมาควบคุมกำกับเองน่ะมรึง ทุกคดีความที่สร้างความเสียหายหนักให้ประเทศ และชีวิตประชากรควายไทยบัดซบทั้งหลาย สติไม่มี สมองไม่มา ก็ถูกเค้าหลอกร่ำไป โง่ดักดาน จนควายตัวจริง ยังเดินหนี? การบริหารแผ่นดินจนได้รับความเสียหาย การแหกกฎ ระเบียบข้อบังคับ และวิถีปฎิบัติเก่าก่อน ใครเค้าจะเก็บมรึงเอาไว้อีก? อะไรอีกน่ะ! ISKANDER-M ล่อผบ.เหี้ยตายคาตรีน ผบ.อีเศษฝรั่ง อีสิงโต ร่างกระจุย ลากทหารนาโต้กว่า 85 นาย ระเหยไปพร้อมกันหมดทีเดียว แรงจริง ไม่พูดเยอะ อยากลองของ ต้องได้ลอง ตายไม่ต้องพูด เพราะไม่รอด กล้าเข้ามา ก็เตรียมกลายเป็นปุ๋ยไปซะน่ะ จนอีเคียฟ ต้องร้องขอชีวิต นาโต้บีบเหี้ยมะกันช่วยกูด้วย อีทรัมปป์สวนกลับ อยากให้กูช่วยยกกรีนแลนด์ให้กูสิ ดีออก? ไม่ว่ายุโรปจะหันไปทางไหน ก็เสร็จอีทรัมปป์ กับ ขั้วใหม่อยู่ดี ทางเลือกมีไม่มาก อยากให้ใครแดร๊ก ก็จิ้มคนนั้น แต่อย่าลืมน่ะว่า ตอนนี้ รัสเซีย จีน คือที่สุดของมหาอำนาจโลก แสนยานุภาพอันดับ 1 เลือกอีทรัมปป์ใช่ว่าจะรอด ดังนั้น สุดท้าย..ไม่พ้นต้องกลับมากราบตรีนปูตินจนได้ ครั้งแรกของประวัติศาสตร์เมืองไทย เมื่อเหล่ากองทัพสีทั้งหลาย รวมตัวกันเพื่อภารกิจพิเศษเฉพาะ แดง เหลือง ฟ้า น้ำเงิน เขียว ม่วง มาหมด แห่กันเตรียมทอดกฐินรัฐบาลเถื่อนชาติหมา งานนี้ ดิ้นหนีตาย เผ่นหางจุกตูดออกนอกกันหมดเกลี้ยง กูเคยบอกแล้วว่า เพ่แดง เค้าจองเวร จองกรรมกับไอ้อีตระกูลเสนียดจัญไรแผ่นดินมายาวนาน ครั้งนี้ เตรียมแผนเด็ดหัวเหี้ยแบบรวบรัด เอาให้ช็อคแดร๊กทั้งแผ่นดิน รอดูลีลาเพ่ทหาร บู๊ทเขียวตรีนโต จะเล่นบทโหด มันส์ ฮา ขนาดไหน? ม็อบกู้ชาติลงถนนอีกครั้ง แน่นอน ย่อมมีกองกำลังจัดตั้ง และมีสายแข็งปะปนอยู่ในกลุ่มม็อบชัวร์ รออีกากี เล่นแรงเมื่อไหร่ งานนี้ น้องๆ TEXAS FESTIVAL เลยจ๊ะ พกกันมาเพี๊ยบ อย่าเอ็ดไป จุ๊..จุ๊ สวนมา สวนกลับไม่มีโกง วงในเค้ารู้ ไอ้ตัวแบ็คอัพข้างหลัง มันใหญ่แค่ไหน? สามารถสั่งทั้งไอ้อีทั้งกรมปทุมวัน หุบปากได้ อย่าเสือก งานนี้ กูขอ? เพ่อัจยังซัดต่อ ไม่เกรงใจใคร ผู้การ ผอ. นายพล เอี่ยวหมด แตะตรงไหน แดร๊กสะบัดช่อ ทุนจีนเทาเปย์หนัก เท่าไหร่ว่ามา เงินถึง เสี่ยงคุกก็กล้า? คิดว่าเคลียร์ได้ แต่ผลกระทบวงกว้าง เชิญไปเคลียร์กับพ่องในศาลล่ะกันน่ะ เพ่อัจ ไม่ได้กล่าว? เรื่องผีอีโม กำลังได้ข้อสรุปแล้ว ศาลเจ้าเถื่อนนนท์ จะตัดสินตามสำนวนอีกากีตอแหลเสนอไปก็ตาม แต่คดีพลิกไปแล้ว งานนี้ คุกรออยู่ 5 ตัวบนเรือ ถูกบูชายันต์ก่อนใคร? เพราะแก่นแท้ใจความแห่งคดีคือ "โดยประมาท" แต่มันไม่ใช่ปัจจัยหลักอีกต่อไปแล้ว เพราะถูกฆาตกรรมอำพรางคดี พิสูจน์หลักฐานชัด ผีอีโมไม่ได้อยู่บนเรือ ดังนั้น ใครทำสำนวนเก่ายื่น เตรียมรับกรรมได้เลย คุกมาแล้วจ๊า แถไม่ออก เถียงไม่ขึ้น? หลังสงกรานต์ จะมีเหี้ยร้องโหยหวนกันอีกเยอะ ตายยกรัง ทั้งกรมอีกากีเสนียดจัญไรแผ่นดินด้วย หมอใครเซ็นต์ ศพใครชันสูตร โดนหมดทั้งองคาพยพ! จีนไม่ใช่ไก่รองบ่อนมรึงน่ะ ไอ้ควาย? ซัดมา ซัดกลับ ไม่มีโกง เก็บกูเพิ่มเท่าไหร่ กูก็คิดเท่ากัน ไม่เอาเปรียบ เหี้ยกรี๊ด อีทรัมปป์ฉุน หากยังไม่ยอมหยุดตอบโต้กู กูจะขึ้นเป็น 50% เอามั้ย? จีนกลัวจนตัวสั่น กลัวหัวหดตดหาย เลยซัดกลับไปเลยว่า งั้นมรึงไม่ต้องเอาเหี้ยอะไรจากกูอีกต่อไป แร่หายาก แรเอิร์ธทั้งหมดบนโลก ไม่ส่งขายให้มรึง ดีมั้ยจ๊ะ? อีทรัมมป์ไบ้แดร๊ก เซมิคอนดั๊กเตอร์มรึงตายโหงทันที เพราะแร่แรเอิร์ธ จีนส่งออกมากกว่า 70% ทั้งโลก มวยคนละรุ่น ยาจก รึจะริเทียบชั้น เจ้าสัวโลก ดีออก? ล่าสุด เสือเหลือง ประธานอาเซียนปีนี้ ประกาศลั่น อาเซียนต้องจับมือกัน คุยกับเหี้ย อย่าแยกเดี่ยว ไปให้เป็นกลุ่มชาติอาเซียนจะมีอำนาจต่อรองเยอะกว่า จะไม่ยอมให้เหี้ยกระทำฝ่ายเดียว หากร่วมมือ แบนสินค้าอเมริกา งานนี้ถึงเจ๊งน่ะมรึง ทั้งโลกอาจจะทำ หากมรึงยังกระต่ายขาเดียวไม่เลิก เข้าทางตรีนขั้วใหม่สิจ๊ะ ปล.ไอ้สัส! THE TERMONIATOR มาจริงแล้วมรึง ไม่ได้ฝันไปน่ะเนี่ย? หุ่นยนต์ AI มนุษย์ ทำงานเหมือนมนุษย์ทุกอย่าง ปรากฎตัวแล้วจ๊ะ ด้วยนวตรรมชิป 1 นาโนเมตร พ่องตาย? มรึงจะทะลุมิติดาวคู่ขนานอยู่แล้วน่ะมรึง? ทำเลียนแบบมนุษย์ได้หมด ทำงานบ้านได้ตามที่ต้องการ เป็นนายแบบ นางแบบได้ ในอุตสาหกรรมยานยนต์ยักษ์ใหญ่จีน เริ่มใช้เข้าประจำการจริงแล้ว ทำงานไม่บ่น ไม่ฉี่ ไม่ขี้ ไม่แดร๊ก ไม่บ่น ไม่นินทานาย และไม่อู้งาน NON STOP 24 ชม. ลดต้นทุนไปได้เท่าไหร่? ล่าสุดงานมอเตอร์โชว์ ที่เพิ่งจบไป BYD ทะลุ 10000 คันไปแล้ว กระแส NO แบรนด์หรู สินค้าแฟชั่นตกต่ำ กระแสจ่ายค่าโง่รถคันละล้าน ตกกระป่องไปแล้ว ดีและถูก มีอยู่จริงแค่ 770000 ที่ราคารถเป็นล้านของอียุ่นปี่ เทียบไม่ติดขี้ตรีน ดีกว่าทุกรูขุมขน ทั้งฟังก์ชั่นและครอบคลุมประกันตลอดอายุการใช้งาน จีนบุกตลาดโลก ไม่ต้องไปตามแข่งกับเค้า ตามน้ำอย่างเดียว เดี๋ยวรวยเอง ทุนเค้าเยอะกว่า เทคโนโลยีสูงกว่า ต้นทุน วัตถุดิบต่ำกว่า เพราะผลิตเองทั้งหมด ไม่แปลกที่สหรัฐขาดดุลการค้าจีนมาโดยตลอด จะเอาเหี้ยอะไรไปขายจีนได้อีกล่ะ แม่งมีเกือบจะทุกอย่างแล้ว? ตามจีน ตามรัสเซีย เหี้ยไม่กัด หลวงพ่อปูติน หลวงเพ่สีจิ้นผิง ของเค้าขลังจริง อะไรจริง! หมี CNN(มีเรื่องนึงที่กูจำเป็นต้องพูด จำเป็นต้องบอก ส่วนพวกมรึงไปพิจารณาตามความเหมาะสมของตัวเอง เพราะปัจจัยแต่ละคนไม่เท่ากัน จำไว้ว่า สงครามมาปุ๊บ สิ่งที่สำคัญกว่าเงิน คือความปลอดภัย มั่นคง และความสงบสุข ตอนนี้ ต่างชาติ แห่กันเข้ามาซื้อคอนโด บ้านกันเยอะ ทุกภาคในประเทศไทย เหตุผลคือ เค้ามองแล้วว่า สงครามจะกินเวลายาวนาน กว่าจะหาผู้ชนะแท้จริงได้ หรือนำไปสู่โต๊ะเจรจา อาเซียนเป็นกลุ่มชาติที่น่าลี้ภัยมากที่สุด จากนี้ไป ราคาที่ดี ที่พัก คอนโด ที่มรึงคิดว่าน่าจะตกฮวบ จะกลับมาพุ่งทะยานฟ้าอีกครั้ง เหตุเพราะพื้นที่ในตัวเมืองมีจำกัดอย่างถึงที่สุด ใครอยากอยู่ในตัวเมืองก็ต้องยอมจ่ายแพง ใครร้อนเงิน จำเป็นต้องใช้เงิน กำไรแล้วขายได้ก็ทำไป แต่หากใครที่ยังไม่รีบร้อน ไม่เดือดร้อน เวลามีนายหน้ามาติดต่อขอซื้อตอนนี้ ให้บอกไปเลยว่า ยังไม่มีอารมณ์ขายจ๊ะ เพราะอีกไม่ถึง 5 ปีข้างหน้า ราคาบ้าน ที่ดิน คอนโด มรึงจะพุ่งขึ้นอย่างน่าใจหาย โดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ ยิ่งต่างชาติมาซื้อ มรึงอย่าขายถูก ตั้งราคาสูงเข้าไว้ได้เลย หากจะเอา ก็ต้องยอมจ่าย สรุปคืออสังหาริมทรัพย์อาจจะพุ่งขึ้น 300% ภายใน 5 ปีนี้ แนวโน้มสูง) 08 เมษายน 68 13.23 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    LINE.ME
    title
    description
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 613 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกี่ยวกับฉนวนกาซา:

    ดูเหมือนว่าประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ กำลังหว่านล้อมเนทันยาฮู โดยกล่าวถึงฉนวนกาซาว่าเป็น "อสังหาริมทรัพย์" และพูดถึงการที่สหรัฐฯ อาจควบคุมและเป็นเจ้าของฉนวนกาซา

    "คุณคงรู้ว่าผมรู้สึกอย่างไรกับฉนวนกาซา ผมคิดว่ามันเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญมาก และผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่เรา(อเมริกา)ควรต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง
    การมีกองกำลังรักษาสันติภาพอย่างสหรัฐฯอยู่ที่นั่นเพื่อคอยควบคุมและเป็นเจ้าของฉนวนกาซาจะเป็นเรื่องดี"
    เกี่ยวกับฉนวนกาซา: ดูเหมือนว่าประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ กำลังหว่านล้อมเนทันยาฮู โดยกล่าวถึงฉนวนกาซาว่าเป็น "อสังหาริมทรัพย์" และพูดถึงการที่สหรัฐฯ อาจควบคุมและเป็นเจ้าของฉนวนกาซา "คุณคงรู้ว่าผมรู้สึกอย่างไรกับฉนวนกาซา ผมคิดว่ามันเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญมาก และผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่เรา(อเมริกา)ควรต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง การมีกองกำลังรักษาสันติภาพอย่างสหรัฐฯอยู่ที่นั่นเพื่อคอยควบคุมและเป็นเจ้าของฉนวนกาซาจะเป็นเรื่องดี"
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 13 0 รีวิว
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันตกเฉียงใต้

    เดือนนี้ จะประสบผลสำเร็จรุดหน้าเจริญเฟื่องฟูดี โชคดี มีลาภลอยไหลมาอย่างต่อเนื่อง เป็นผลให้ฐานะทางการเงินดีมีเงินทองไหลเข้ามาให้ได้ใช้จ่ายอย่างคล่องมือ ธุรกิจการค้าคล่องตัวจะค้าจะขายจะเก็งกำไร ค้าที่ดิน ขายที่นา อสังหาริมทรัพย์ ค้าของเก่า ขายวัตถุโบราณ หรือติดต่อธุรกิจแดนไกลรับราชการจะก้าวหน้ารุ่งเรืองหรือจะได้ผู้ใหญ่อุปถัมภ์สนับสนุนช่วยเหลือ ทำให้ปรับเลื่อนยศตำแหน่งขั้นขึ้นเงินเดือน หรือหากติดคดีความอยู่ก็จะชนะ จะได้รับมรดกจากผู้ใหญ่ จะได้พบบ้านถูกใจ และมีโอกาสได้รับของกำนัลจากญาติผู้ใหญ่ แต่หากเป็นชายสูงวัยชีวิตจะถูกปิดกั้นอนาคตตีบตันทำให้ความรักย่ำแย่ จิตใจ อ้างว้าง โดดเดี่ยว ซึมเศร้า จนเจ็บป่วยทางจิต ส่วนชายอ่อนวัยสุขภาพร่างกายจะอ่อนแอเจ็บป่วยที่ศีรษะ กระดูก และปอด

    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ประตูเปิดทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เดือนนี้ จะประสบผลสำเร็จรุดหน้าเจริญเฟื่องฟูดี โชคดี มีลาภลอยไหลมาอย่างต่อเนื่อง เป็นผลให้ฐานะทางการเงินดีมีเงินทองไหลเข้ามาให้ได้ใช้จ่ายอย่างคล่องมือ ธุรกิจการค้าคล่องตัวจะค้าจะขายจะเก็งกำไร ค้าที่ดิน ขายที่นา อสังหาริมทรัพย์ ค้าของเก่า ขายวัตถุโบราณ หรือติดต่อธุรกิจแดนไกลรับราชการจะก้าวหน้ารุ่งเรืองหรือจะได้ผู้ใหญ่อุปถัมภ์สนับสนุนช่วยเหลือ ทำให้ปรับเลื่อนยศตำแหน่งขั้นขึ้นเงินเดือน หรือหากติดคดีความอยู่ก็จะชนะ จะได้รับมรดกจากผู้ใหญ่ จะได้พบบ้านถูกใจ และมีโอกาสได้รับของกำนัลจากญาติผู้ใหญ่ แต่หากเป็นชายสูงวัยชีวิตจะถูกปิดกั้นอนาคตตีบตันทำให้ความรักย่ำแย่ จิตใจ อ้างว้าง โดดเดี่ยว ซึมเศร้า จนเจ็บป่วยทางจิต ส่วนชายอ่อนวัยสุขภาพร่างกายจะอ่อนแอเจ็บป่วยที่ศีรษะ กระดูก และปอด ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 248 มุมมอง 0 รีวิว
  • จับสัญญาณอาฟเตอร์ช็อก อสังหา-ท่องเที่ยว : คนเคาะข่าว 31-03-68
    : พรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย
    : สรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์

    #คนเคาะข่าว #อสังหาริมทรัพย์ #อาฟเตอร์ช็อกเศรษฐกิจ #ตลาดอสังหา #ธุรกิจท่องเที่ยว #ท่องเที่ยวไทย #พรนริศชวนไชยสิทธิ์ #สรวงศ์เทียนทอง #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าวการท่องเที่ยว #thaiTimes #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #อสังหาไทย #ฟื้นฟูท่องเที่ยว #ผลกระทบเศรษฐกิจ #แผ่นดินไหว
    จับสัญญาณอาฟเตอร์ช็อก อสังหา-ท่องเที่ยว : คนเคาะข่าว 31-03-68 : พรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย : สรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์ #คนเคาะข่าว #อสังหาริมทรัพย์ #อาฟเตอร์ช็อกเศรษฐกิจ #ตลาดอสังหา #ธุรกิจท่องเที่ยว #ท่องเที่ยวไทย #พรนริศชวนไชยสิทธิ์ #สรวงศ์เทียนทอง #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าวการท่องเที่ยว #thaiTimes #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #อสังหาไทย #ฟื้นฟูท่องเที่ยว #ผลกระทบเศรษฐกิจ #แผ่นดินไหว
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 611 มุมมอง 3 0 รีวิว
  • เหล็กจีนทำลายโลก
    ประเทศจีนจับได้เมือสายไปแล้ว เหล็กปลอมออกไปหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทย
    ทำไมเกิดขึ้น? ใครเป็นคนรู้เห็นเป็นใจ?

    เดชา นฤนารท.
    29/3/68 11.20 น.

    ประเด็นตึกถล่ม จากบริษัทจีนที่ร่วมมือกับบริษัทอิตาเลียนไทย ยังดูเล็กไป

    ถ้าคนไทยตื่นรู้ความจริงว่า รัฐบาลจีนได้เข้าทะลายโรงงานผลิตเหล็กปลอมจำนวนมากหลายแห่งในประเทศจีน

    ทำให้รัฐบาลจีนสูญเสียรายได้ไปมากถึงกว่า 2.4ล้านล้านเหรียญ เพราะอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญในการก่อสร้างของจีนเสียหายไปหลายแห่ง และทำให้จีนเสื่อมเสียความเชื่อมั่นไปทั่วโลก จากการส่งออกเหล็กปลอม

    ในปีที่แล้ว สีจิ้นผิง ใช้ไม้แข็ง สั่งเจ้าหน้าที่ทุกมลฑล เข้ากรวดล้างโรงงานผลิตเหล็กเถื่อนกว่า500แห่ง จนราบคาบ กลายเป็นโรงงานร้าง และดำเนินคดีเจ้าของโรงงานด้วยการสั่งประหาร และจำคุกตลอดชีวิต

    คาดกันว่ายังมีเหล็กปลอมจากจีนกว่า 60 ล้านตัน หลุดออกไปยังประเทศต่างๆในอาเซียน โดยเฉพาะในประเทศที่มีเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ได้ใส่ใจและมีการคอรัปชั่นสูง เช่น ไทย เมียนมาร์ สปป.ลาว

    ตึกถล่มในไทย เป็นผลงานการก่อสร้างจากกลุ่มบริษัทเดียวกันที่คานเหล็กถล่มลงมาในการก่อสร้างที่ถนนพระราม2

    และยังมีคอนโดหรูอีกหลายแห่ง ที่ใช้บริการเหล็กปลอมจากจีน

    ปีที่แล้วก็เกิดคานเหล็กร่วงลงมาบ่อยมาก จากการก่อสร้างรถไฟภายใน กทม.เพราะเหล็กไม่ได้มาตรฐาน

    ผลจากการเกิดอาฟเตอร์ช็อคในเมียนมาร์ หลังเกิดแผ่นดินไหว ตึกอาคาร บ้านเรือน วัด แม้ไม่ได้สร้างให้สูง ก็พังถล่มลงมาจำนวนมาก

    ข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปถึงประเทศจีน คนจีนหลายล้านคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า **นั่นมันต้องเกิดจากเหล็กปลอมที่ถูกส่งมาจากประเทศจีนแน่นอน**

    งานนี้บริษัทรับเหมาของบริษัทจีนกับอิตาเลียนไทย ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป เพราะเสียเครดิตไปหมดแล้ว

    ส่วนข้าราชการไทยกับนักการเมืองไทย ก็จะโบ้ยโทษกันไปมาเหมือนเคย และจะไม่มีใครมาสนใจเหล็กปลอมกว่า 60 ล้านตันของจีน ว่าแจกพรอตมันจะหล่นไปตรงใส่หัวของใคร

    ต่อด้วย เฟอร์นิเจอร์สวรรค์

    ตึก สนง.ของ สตช.ถล่ม แน่นอนว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย ก็จะตายตามไปด้วย.

    เปิดราคาคุรุภัณฑ์ อาคาร สตง
    เห็นแล้วจะเป็นลม
    ชมรม strong ต้านทุจริต

    เก้าอี้ตัวละ 97900 บาท
    https://www.facebook.com/share/1R4ShHo9WC/?mibextid=wwXIfr

    ผ้าพื้นละ 110,000 บาท

    https://www.facebook.com/share/15W1c8Xvki/?mibextid=wwXIfr

    พรมทอมือ nylon ผืนละ 165,000 บาท
    https://www.facebook.com/share/1AJhURAfQM/?mibextid=wwXIfr

    โต๊ะกลมทานอาหารตัวละ 90,000 บาท
    https://www.facebook.com/share/16LKvsMFhi/?mibextid=wwXIfr
    เหล็กจีนทำลายโลก ประเทศจีนจับได้เมือสายไปแล้ว เหล็กปลอมออกไปหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทย ทำไมเกิดขึ้น? ใครเป็นคนรู้เห็นเป็นใจ? เดชา นฤนารท. 29/3/68 11.20 น. ประเด็นตึกถล่ม จากบริษัทจีนที่ร่วมมือกับบริษัทอิตาเลียนไทย ยังดูเล็กไป ถ้าคนไทยตื่นรู้ความจริงว่า รัฐบาลจีนได้เข้าทะลายโรงงานผลิตเหล็กปลอมจำนวนมากหลายแห่งในประเทศจีน ทำให้รัฐบาลจีนสูญเสียรายได้ไปมากถึงกว่า 2.4ล้านล้านเหรียญ เพราะอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญในการก่อสร้างของจีนเสียหายไปหลายแห่ง และทำให้จีนเสื่อมเสียความเชื่อมั่นไปทั่วโลก จากการส่งออกเหล็กปลอม ในปีที่แล้ว สีจิ้นผิง ใช้ไม้แข็ง สั่งเจ้าหน้าที่ทุกมลฑล เข้ากรวดล้างโรงงานผลิตเหล็กเถื่อนกว่า500แห่ง จนราบคาบ กลายเป็นโรงงานร้าง และดำเนินคดีเจ้าของโรงงานด้วยการสั่งประหาร และจำคุกตลอดชีวิต คาดกันว่ายังมีเหล็กปลอมจากจีนกว่า 60 ล้านตัน หลุดออกไปยังประเทศต่างๆในอาเซียน โดยเฉพาะในประเทศที่มีเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ได้ใส่ใจและมีการคอรัปชั่นสูง เช่น ไทย เมียนมาร์ สปป.ลาว ตึกถล่มในไทย เป็นผลงานการก่อสร้างจากกลุ่มบริษัทเดียวกันที่คานเหล็กถล่มลงมาในการก่อสร้างที่ถนนพระราม2 และยังมีคอนโดหรูอีกหลายแห่ง ที่ใช้บริการเหล็กปลอมจากจีน ปีที่แล้วก็เกิดคานเหล็กร่วงลงมาบ่อยมาก จากการก่อสร้างรถไฟภายใน กทม.เพราะเหล็กไม่ได้มาตรฐาน ผลจากการเกิดอาฟเตอร์ช็อคในเมียนมาร์ หลังเกิดแผ่นดินไหว ตึกอาคาร บ้านเรือน วัด แม้ไม่ได้สร้างให้สูง ก็พังถล่มลงมาจำนวนมาก ข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปถึงประเทศจีน คนจีนหลายล้านคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า **นั่นมันต้องเกิดจากเหล็กปลอมที่ถูกส่งมาจากประเทศจีนแน่นอน** งานนี้บริษัทรับเหมาของบริษัทจีนกับอิตาเลียนไทย ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป เพราะเสียเครดิตไปหมดแล้ว ส่วนข้าราชการไทยกับนักการเมืองไทย ก็จะโบ้ยโทษกันไปมาเหมือนเคย และจะไม่มีใครมาสนใจเหล็กปลอมกว่า 60 ล้านตันของจีน ว่าแจกพรอตมันจะหล่นไปตรงใส่หัวของใคร ต่อด้วย เฟอร์นิเจอร์สวรรค์ ตึก สนง.ของ สตช.ถล่ม แน่นอนว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย ก็จะตายตามไปด้วย. เปิดราคาคุรุภัณฑ์ อาคาร สตง เห็นแล้วจะเป็นลม ชมรม strong ต้านทุจริต เก้าอี้ตัวละ 97900 บาท https://www.facebook.com/share/1R4ShHo9WC/?mibextid=wwXIfr ผ้าพื้นละ 110,000 บาท https://www.facebook.com/share/15W1c8Xvki/?mibextid=wwXIfr พรมทอมือ nylon ผืนละ 165,000 บาท https://www.facebook.com/share/1AJhURAfQM/?mibextid=wwXIfr โต๊ะกลมทานอาหารตัวละ 90,000 บาท https://www.facebook.com/share/16LKvsMFhi/?mibextid=wwXIfr
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 722 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหล็กจีนทำลายโลก
    ประเทศจีนจับได้เมือสายไปแล้ว เหล็กปลอมออกไปหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทย
    ทำไมเกิดขึ้น? ใครเป็นคนรู้เห็นเป็นใจ?

    เดชา นฤนารท.
    29/3/68 11.20 น.

    ประเด็นตึกถล่ม จากบริษัทจีนที่ร่วมมือกับบริษัทอิตาเลียนไทย ยังดูเล็กไป

    ถ้าคนไทยตื่นรู้ความจริงว่า รัฐบาลจีนได้เข้าทะลายโรงงานผลิตเหล็กปลอมจำนวนมากหลายแห่งในประเทศจีน

    ทำให้รัฐบาลจีนสูญเสียรายได้ไปมากถึงกว่า 2.4ล้านล้านเหรียญ เพราะอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญในการก่อสร้างของจีนเสียหายไปหลายแห่ง และทำให้จีนเสื่อมเสียความเชื่อมั่นไปทั่วโลก จากการส่งออกเหล็กปลอม

    ในปีที่แล้ว สีจิ้นผิง ใช้ไม้แข็ง สั่งเจ้าหน้าที่ทุกมลฑล เข้ากรวดล้างโรงงานผลิตเหล็กเถื่อนกว่า500แห่ง จนราบคาบ กลายเป็นโรงงานร้าง และดำเนินคดีเจ้าของโรงงานด้วยการสั่งประหาร และจำคุกตลอดชีวิต

    คาดกันว่ายังมีเหล็กปลอมจากจีนกว่า 60 ล้านตัน หลุดออกไปยังประเทศต่างๆในอาเซียน โดยเฉพาะในประเทศที่มีเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ได้ใส่ใจและมีการคอรัปชั่นสูง เช่น ไทย เมียนมาร์ สปป.ลาว

    ตึกถล่มในไทย เป็นผลงานการก่อสร้างจากกลุ่มบริษัทเดียวกันที่คานเหล็กถล่มลงมาในการก่อสร้างที่ถนนพระราม2

    และยังมีคอนโดหรูอีกหลายแห่ง ที่ใช้บริการเหล็กปลอมจากจีน

    ปีที่แล้วก็เกิดคานเหล็กร่วงลงมาบ่อยมาก จากการก่อสร้างรถไฟภายใน กทม.เพราะเหล็กไม่ได้มาตรฐาน

    ผลจากการเกิดอาฟเตอร์ช็อคในเมียนมาร์ หลังเกิดแผ่นดินไหว ตึกอาคาร บ้านเรือน วัด แม้ไม่ได้สร้างให้สูง ก็พังถล่มลงมาจำนวนมาก

    ข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปถึงประเทศจีน คนจีนหลายล้านคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า **นั่นมันต้องเกิดจากเหล็กปลอมที่ถูกส่งมาจากประเทศจีนแน่นอน**

    งานนี้บริษัทรับเหมาของบริษัทจีนกับอิตาเลียนไทย ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป เพราะเสียเครดิตไปหมดแล้ว

    ส่วนข้าราชการไทยกับนักการเมืองไทย ก็จะโบ้ยโทษกันไปมาเหมือนเคย และจะไม่มีใครมาสนใจเหล็กปลอมกว่า 60 ล้านตันของจีน ว่าแจกพรอตมันจะหล่นไปตรงใส่หัวของใคร

    ต่อด้วย เฟอร์นิเจอร์สวรรค์

    ตึก สนง.ของ สตช.ถล่ม แน่นอนว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย ก็จะตายตามไปด้วย.

    เปิดราคาคุรุภัณฑ์ อาคาร สตง
    เห็นแล้วจะเป็นลม
    ชมรม strong ต้านทุจริต

    เก้าอี้ตัวละ 97900 บาท
    https://www.facebook.com/share/1R4ShHo9WC/?mibextid=wwXIfr

    ผ้าพื้นละ 110,000 บาท

    https://www.facebook.com/share/15W1c8Xvki/?mibextid=wwXIfr

    พรมทอมือ nylon ผืนละ 165,000 บาท
    https://www.facebook.com/share/1AJhURAfQM/?mibextid=wwXIfr

    โต๊ะกลมทานอาหารตัวละ 90,000 บาท
    https://www.facebook.com/share/16LKvsMFhi/?mibextid=wwXIfr
    เหล็กจีนทำลายโลก ประเทศจีนจับได้เมือสายไปแล้ว เหล็กปลอมออกไปหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทย ทำไมเกิดขึ้น? ใครเป็นคนรู้เห็นเป็นใจ? เดชา นฤนารท. 29/3/68 11.20 น. ประเด็นตึกถล่ม จากบริษัทจีนที่ร่วมมือกับบริษัทอิตาเลียนไทย ยังดูเล็กไป ถ้าคนไทยตื่นรู้ความจริงว่า รัฐบาลจีนได้เข้าทะลายโรงงานผลิตเหล็กปลอมจำนวนมากหลายแห่งในประเทศจีน ทำให้รัฐบาลจีนสูญเสียรายได้ไปมากถึงกว่า 2.4ล้านล้านเหรียญ เพราะอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญในการก่อสร้างของจีนเสียหายไปหลายแห่ง และทำให้จีนเสื่อมเสียความเชื่อมั่นไปทั่วโลก จากการส่งออกเหล็กปลอม ในปีที่แล้ว สีจิ้นผิง ใช้ไม้แข็ง สั่งเจ้าหน้าที่ทุกมลฑล เข้ากรวดล้างโรงงานผลิตเหล็กเถื่อนกว่า500แห่ง จนราบคาบ กลายเป็นโรงงานร้าง และดำเนินคดีเจ้าของโรงงานด้วยการสั่งประหาร และจำคุกตลอดชีวิต คาดกันว่ายังมีเหล็กปลอมจากจีนกว่า 60 ล้านตัน หลุดออกไปยังประเทศต่างๆในอาเซียน โดยเฉพาะในประเทศที่มีเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ได้ใส่ใจและมีการคอรัปชั่นสูง เช่น ไทย เมียนมาร์ สปป.ลาว ตึกถล่มในไทย เป็นผลงานการก่อสร้างจากกลุ่มบริษัทเดียวกันที่คานเหล็กถล่มลงมาในการก่อสร้างที่ถนนพระราม2 และยังมีคอนโดหรูอีกหลายแห่ง ที่ใช้บริการเหล็กปลอมจากจีน ปีที่แล้วก็เกิดคานเหล็กร่วงลงมาบ่อยมาก จากการก่อสร้างรถไฟภายใน กทม.เพราะเหล็กไม่ได้มาตรฐาน ผลจากการเกิดอาฟเตอร์ช็อคในเมียนมาร์ หลังเกิดแผ่นดินไหว ตึกอาคาร บ้านเรือน วัด แม้ไม่ได้สร้างให้สูง ก็พังถล่มลงมาจำนวนมาก ข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปถึงประเทศจีน คนจีนหลายล้านคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า **นั่นมันต้องเกิดจากเหล็กปลอมที่ถูกส่งมาจากประเทศจีนแน่นอน** งานนี้บริษัทรับเหมาของบริษัทจีนกับอิตาเลียนไทย ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป เพราะเสียเครดิตไปหมดแล้ว ส่วนข้าราชการไทยกับนักการเมืองไทย ก็จะโบ้ยโทษกันไปมาเหมือนเคย และจะไม่มีใครมาสนใจเหล็กปลอมกว่า 60 ล้านตันของจีน ว่าแจกพรอตมันจะหล่นไปตรงใส่หัวของใคร ต่อด้วย เฟอร์นิเจอร์สวรรค์ ตึก สนง.ของ สตช.ถล่ม แน่นอนว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย ก็จะตายตามไปด้วย. เปิดราคาคุรุภัณฑ์ อาคาร สตง เห็นแล้วจะเป็นลม ชมรม strong ต้านทุจริต เก้าอี้ตัวละ 97900 บาท https://www.facebook.com/share/1R4ShHo9WC/?mibextid=wwXIfr ผ้าพื้นละ 110,000 บาท https://www.facebook.com/share/15W1c8Xvki/?mibextid=wwXIfr พรมทอมือ nylon ผืนละ 165,000 บาท https://www.facebook.com/share/1AJhURAfQM/?mibextid=wwXIfr โต๊ะกลมทานอาหารตัวละ 90,000 บาท https://www.facebook.com/share/16LKvsMFhi/?mibextid=wwXIfr
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 720 มุมมอง 0 รีวิว
  • 35 ปี ตึกร้างผีสิง “สาธร ยูนีค ทาวเวอร์” ร่องรอยวิกฤตต้มยำกุ้ง แต่… ไร้รอยฝุ่นฟุ้งแผ่นดินไหว 🏚️

    🏙️ เมื่อสถานที่กลายเป็น ร่องรอยของเหตุการณ์ในอดีต สถานที่บางแห่ง ถูกสร้างขึ้นเพื่อจดจำสิ่งยิ่งใหญ่ เช่น รูปปั้นเทพีเสรีภาพของอเมริกา หรืออนุสาวรีย์ประชาธิปไตยของไทย แต่บางครั้งสถานที่กลับกลายเป็น "ร่องรอยที่ไม่มีใครอยากจดจำ" อย่างเช่น ตึกสาธร ยูนีค ทาวเวอร์ (Sathorn Unique Tower) ที่ไม่ได้ตั้งอยู่เพื่อเป็นอนุสรณ์ แต่กลับกลายเป็นหนึ่งในหลักฐานชิ้นเอกของ วิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง ปี พ.ศ. 2540 🕰️

    🌉 Sathorn Unique Tower:ความหวังระดับลักซ์ชัวรี่ใจกลางกรุง ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2533 ช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไทย เฟื่องฟูแบบก้าวกระโดด โครงการอสังหาริมทรัพย์หรู ผุดขึ้นทั่วเมืองกรุง หนึ่งในนั้นคือ “สาธร ยูนีค ทาวเวอร์” ที่ออกแบบโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์รังสรรค์ ต่อสุวรรณ สถาปนิกชื่อดัง ผู้อยู่เบื้องหลังดีไซน์ของ State Tower ที่โด่งดังเช่นกัน

    ตึกสาธร ยูนีค ทาวเวอร์ เป็นคอนโดฯ สไตล์โรมันสูง 49 ชั้น รวมชั้นใต้ดิน 2 ชั้น บนความสูง 185 เมตร 🏢 รวมทั้งหมด 600 ยูนิต มูลค่าลงทุนมากถึง 1,800 ล้านบาท เป้าหมายคือการเป็นแลนด์มาร์กสุดหรู ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

    🏗️ โครงการในฝัน กลายเป็นฝันร้าย? แม้จะมีเงินลงทุนจากพรีเซลล์ และบริษัทร่วมทุน แต่ก็ยังไม่พอ จึงต้องพึ่งพาเงินกู้จาก บริษัทหลักทรัพย์ไทยเม็กซ์ ซึ่งต่อมากลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะทันทีที่เจ้าของโครงการ ถูกกล่าวหาคดีอาญาเรื่องจ้างวานฆ่า ซึ่งภายหลังถูกยกฟ้อง ก็ส่งผลให้สถาบันการเงิน “เบรก” การปล่อยกู้ทันที 😨

    แม้จะฟื้นคืนการเงินได้ในภายหลัง แต่ “ความเชื่อมั่น” ก็ไม่กลับมาอีกเลย…

    📉 วิกฤตต้มยำกุ้ง จุดเปลี่ยนเศรษฐกิจที่ทำให้ตึกหยุดสร้าง

    🔍 พื้นหลังเศรษฐกิจไทยยุคทอง ก่อนปี 2540 เศรษฐกิจไทยโตเฉลี่ย 9% ต่อปี เงินทุนไหลเข้ามหาศาล ดอกเบี้ยในประเทศสูง ต่างชาติแห่ลงทุน ธนาคารไทยเองก็ขยายเครดิตอย่างหนัก 🏦

    มีการตั้ง BIBF เพื่อปล่อยกู้เงินต่างประเทศ เข้ามาภายในประเทศ แต่บริษัทส่วนใหญ่กลับกู้ระยะสั้น ทั้งที่อสังหาฯ ต้องใช้เงินระยะยาว ระบบเศรษฐกิจ "เติบโตเกินจริง" หรือ Overextended

    เมื่อค่าเงินบาทถูก "ลอยตัว" จาก 25 บาท/ดอลลาร์ ไปแตะ 50 บาท/ดอลลาร์ ทำให้ภาคเอกชนต้องใช้หนี้เพิ่มขึ้น “เท่าตัว” โดยไม่มีรายได้เพิ่มขึ้น

    🧨 เมื่อฟองสบู่แตก บริษัทเงินทุนล่มสลาย ปี 2540 รัฐบาลประกาศปิดบริษัทเงินทุนกว่า 50 แห่ง รวมถึง ไทยเม็กซ์
    โครงการสาธร ยูนีค ที่เดินหน้าไปแล้ว 80% ก็ต้องหยุดกะทันหัน ท่ามกลางวิกฤตความเชื่อมั่น และต้นทุนกู้ยืมที่สูงเกินรับไหว

    👻 จาก “สาธร ยูนีค” สู่ “Ghost Tower” ตำนานความหลอนใจกลางเมือง หลังจากการก่อสร้างถูกปล่อยทิ้งร้าง ตึกนี้ก็เริ่มเสื่อมโทรมตามกาลเวลา และเพราะเป็นตึกสูงใหญ่โดดเด่นที่ "ไม่เสร็จ" ผู้คนก็เริ่มแต่งเรื่องลี้ลับขึ้นมา…

    💀 ข่าวลือที่สร้างชื่อเสียงแบบไม่ตั้งใจ บางคนเชื่อว่า ตึกสร้างไม่เสร็จเพราะอาถรรพ์ บ้างลือว่าตึกนี้ ตั้งอยู่บนพื้นที่สุสานเก่า มีข่าวลือถึงการเสียชีวิตปริศนาในตึก

    🎥 ในปี 2557 มีเหตุสลดจริง เมื่อพบศพชายชาวสวีเดน แขวนคอในตึกดังกล่าว ทำให้ทางเจ้าของตึกแจ้งความ และมีการ “ปิดทางเข้า” ไม่ให้คนภายนอกเข้าไปอีก

    อย่างไรก็ตาม ภาพจากตึกนี้ยังคงปรากฏในหนังหลายเรื่อง เช่น “เพื่อน…ที่ระลึก” ที่ตีแผ่ความหลอนจากวิกฤตเศรษฐกิจและการพลัดพราก 🕯️

    💡 ทำไมถึงขายไม่ได้? ราคาพุ่งจาก 3,000 ล้าน สู่ 4,000 ล้าน

    📌 ต้นทุนที่ยังค้างคา เจ้าของคนปัจจุบันคือ นายพรรษิษฐ์ ต่อสุวรรณ บุตรชาย ผศ.รังสรรค์ ยืนยันว่า จะขายตึกในราคาที่สามารถคืนทุนทั้งหมด และคืนเงินให้กับผู้ที่ซื้อพรีเซลล์ไว้แล้วกว่า 90%

    ปัจจุบันราคาตึกตั้งไว้ที่ 3,000-4,000 ล้านบาท ซึ่งสูงเกินกว่าที่นักลงทุนรายใหม่จะรับได้ โดยเฉพาะเมื่อโครงสร้างห้องในอดีตเน้น “ขนาดใหญ่” ซึ่งสวนทางกับเทรนด์ห้องยุคปัจจุบัน ที่ต้องการห้องขนาดกะทัดรัด 😕

    🧱 แต่… “Ghost Tower” แข็งแรงกว่าที่คิด! 🌍 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2568 ผู้ใช้โซเชียลมีเดียรายหนึ่ง ออกมาโพสต์ขายตึกนี้ในราคา 4,000 ล้านบาท พร้อมข้อมูลว่า…

    ❗ "แม้จะเกิดแผ่นดินไหว แต่โครงสร้างตึก ไม่กระทบเลยแม้แต่น้อย"

    ทำให้มีคนเริ่มสนใจตึกนี้ในฐานะ “อสังหาริมทรัพย์ที่แข็งแรง และโดดเด่นทางสถาปัตยกรรม” อีกครั้ง ตึกนี้ไม่เพียงรอดจากวิกฤตเศรษฐกิจ แต่ยัง "ยืนหยัดท่ามกลางแรงสั่นสะเทือนจากธรรมชาติ" ได้อีกด้วย 💪🌎

    🧠 “สาธร” หรือ “สาทร” สรุปใช้คำไหนกันแน่? แม้ตึกจะใช้ชื่อว่า “สาธร ยูนีค ทาวเวอร์” ตามชื่อบริษัทที่จดทะเบียน แต่ในความเป็นจริง ชื่อเขตที่ตั้งควรสะกดว่า “สาทร” โดยมีที่มาทางประวัติศาสตร์ดังนี้

    “สาทร” มาจาก หลวงสาทรราชายุตก์ ผู้สร้างถนนและคลองในยุค ร.5 เอกสารราชการในยุค ร.6 ใช้คำว่า “สาทร” อย่างชัดเจน ปัจจุบันการสะกดผิดพลาด และใช้คำว่า “สาธร” แพร่หลาย

    ราชบัณฑิตยสถานจึงแนะนำให้ใช้คำว่า “สาทร” เพื่อความถูกต้องตามประวัติศาสตร์ 📜

    🎬 "Sathorn Unique Tower" แลนด์มาร์กของ “อดีต” ที่ยังยืนอยู่ใน “ปัจจุบัน” แม้จะผ่านเวลามาแล้ว 35 ปี ตึกแห่งนี้ยังคงตั้งตระหง่าน อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ได้เพียงเป็นตึกร้าง แต่กลายเป็น สัญลักษณ์ของบทเรียนเศรษฐกิจ กลายเป็น แลนด์มาร์กแห่งความทรงจำ และอาจเป็น “โอกาสใหม่” ที่รอเพียงการตีความใหม่อีกครั้ง ในอนาคต…

    🔚 "ตึกสาธร ยูนีค ทาวเวอร์" อดีตที่ยัง “ยืนอยู่” ตึกนี้คือบทเรียนทางเศรษฐกิจ สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรม
    ที่ยังไม่จบ… และอาจเป็น “จุดเริ่มต้นใหม่” หากมีใครกล้าคิด…ต่าง 💡

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 301305 มี.ค. 2568

    🏷️ #ตึกสาธรยูนีค #GhostTower #วิกฤตต้มยำกุ้ง #ตึกร้างกรุงเทพ #อสังหาริมทรัพย์ไทย #สถานที่หลอน #ตึกผีสิง #กรุงเทพมหานคร #SathornUniqueTower #ตำนานเมืองกรุง
    35 ปี ตึกร้างผีสิง “สาธร ยูนีค ทาวเวอร์” ร่องรอยวิกฤตต้มยำกุ้ง แต่… ไร้รอยฝุ่นฟุ้งแผ่นดินไหว 🏚️ 🏙️ เมื่อสถานที่กลายเป็น ร่องรอยของเหตุการณ์ในอดีต สถานที่บางแห่ง ถูกสร้างขึ้นเพื่อจดจำสิ่งยิ่งใหญ่ เช่น รูปปั้นเทพีเสรีภาพของอเมริกา หรืออนุสาวรีย์ประชาธิปไตยของไทย แต่บางครั้งสถานที่กลับกลายเป็น "ร่องรอยที่ไม่มีใครอยากจดจำ" อย่างเช่น ตึกสาธร ยูนีค ทาวเวอร์ (Sathorn Unique Tower) ที่ไม่ได้ตั้งอยู่เพื่อเป็นอนุสรณ์ แต่กลับกลายเป็นหนึ่งในหลักฐานชิ้นเอกของ วิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง ปี พ.ศ. 2540 🕰️ 🌉 Sathorn Unique Tower:ความหวังระดับลักซ์ชัวรี่ใจกลางกรุง ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2533 ช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไทย เฟื่องฟูแบบก้าวกระโดด โครงการอสังหาริมทรัพย์หรู ผุดขึ้นทั่วเมืองกรุง หนึ่งในนั้นคือ “สาธร ยูนีค ทาวเวอร์” ที่ออกแบบโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์รังสรรค์ ต่อสุวรรณ สถาปนิกชื่อดัง ผู้อยู่เบื้องหลังดีไซน์ของ State Tower ที่โด่งดังเช่นกัน ตึกสาธร ยูนีค ทาวเวอร์ เป็นคอนโดฯ สไตล์โรมันสูง 49 ชั้น รวมชั้นใต้ดิน 2 ชั้น บนความสูง 185 เมตร 🏢 รวมทั้งหมด 600 ยูนิต มูลค่าลงทุนมากถึง 1,800 ล้านบาท เป้าหมายคือการเป็นแลนด์มาร์กสุดหรู ริมแม่น้ำเจ้าพระยา 🏗️ โครงการในฝัน กลายเป็นฝันร้าย? แม้จะมีเงินลงทุนจากพรีเซลล์ และบริษัทร่วมทุน แต่ก็ยังไม่พอ จึงต้องพึ่งพาเงินกู้จาก บริษัทหลักทรัพย์ไทยเม็กซ์ ซึ่งต่อมากลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะทันทีที่เจ้าของโครงการ ถูกกล่าวหาคดีอาญาเรื่องจ้างวานฆ่า ซึ่งภายหลังถูกยกฟ้อง ก็ส่งผลให้สถาบันการเงิน “เบรก” การปล่อยกู้ทันที 😨 แม้จะฟื้นคืนการเงินได้ในภายหลัง แต่ “ความเชื่อมั่น” ก็ไม่กลับมาอีกเลย… 📉 วิกฤตต้มยำกุ้ง จุดเปลี่ยนเศรษฐกิจที่ทำให้ตึกหยุดสร้าง 🔍 พื้นหลังเศรษฐกิจไทยยุคทอง ก่อนปี 2540 เศรษฐกิจไทยโตเฉลี่ย 9% ต่อปี เงินทุนไหลเข้ามหาศาล ดอกเบี้ยในประเทศสูง ต่างชาติแห่ลงทุน ธนาคารไทยเองก็ขยายเครดิตอย่างหนัก 🏦 มีการตั้ง BIBF เพื่อปล่อยกู้เงินต่างประเทศ เข้ามาภายในประเทศ แต่บริษัทส่วนใหญ่กลับกู้ระยะสั้น ทั้งที่อสังหาฯ ต้องใช้เงินระยะยาว ระบบเศรษฐกิจ "เติบโตเกินจริง" หรือ Overextended เมื่อค่าเงินบาทถูก "ลอยตัว" จาก 25 บาท/ดอลลาร์ ไปแตะ 50 บาท/ดอลลาร์ ทำให้ภาคเอกชนต้องใช้หนี้เพิ่มขึ้น “เท่าตัว” โดยไม่มีรายได้เพิ่มขึ้น 🧨 เมื่อฟองสบู่แตก บริษัทเงินทุนล่มสลาย ปี 2540 รัฐบาลประกาศปิดบริษัทเงินทุนกว่า 50 แห่ง รวมถึง ไทยเม็กซ์ โครงการสาธร ยูนีค ที่เดินหน้าไปแล้ว 80% ก็ต้องหยุดกะทันหัน ท่ามกลางวิกฤตความเชื่อมั่น และต้นทุนกู้ยืมที่สูงเกินรับไหว 👻 จาก “สาธร ยูนีค” สู่ “Ghost Tower” ตำนานความหลอนใจกลางเมือง หลังจากการก่อสร้างถูกปล่อยทิ้งร้าง ตึกนี้ก็เริ่มเสื่อมโทรมตามกาลเวลา และเพราะเป็นตึกสูงใหญ่โดดเด่นที่ "ไม่เสร็จ" ผู้คนก็เริ่มแต่งเรื่องลี้ลับขึ้นมา… 💀 ข่าวลือที่สร้างชื่อเสียงแบบไม่ตั้งใจ บางคนเชื่อว่า ตึกสร้างไม่เสร็จเพราะอาถรรพ์ บ้างลือว่าตึกนี้ ตั้งอยู่บนพื้นที่สุสานเก่า มีข่าวลือถึงการเสียชีวิตปริศนาในตึก 🎥 ในปี 2557 มีเหตุสลดจริง เมื่อพบศพชายชาวสวีเดน แขวนคอในตึกดังกล่าว ทำให้ทางเจ้าของตึกแจ้งความ และมีการ “ปิดทางเข้า” ไม่ให้คนภายนอกเข้าไปอีก อย่างไรก็ตาม ภาพจากตึกนี้ยังคงปรากฏในหนังหลายเรื่อง เช่น “เพื่อน…ที่ระลึก” ที่ตีแผ่ความหลอนจากวิกฤตเศรษฐกิจและการพลัดพราก 🕯️ 💡 ทำไมถึงขายไม่ได้? ราคาพุ่งจาก 3,000 ล้าน สู่ 4,000 ล้าน 📌 ต้นทุนที่ยังค้างคา เจ้าของคนปัจจุบันคือ นายพรรษิษฐ์ ต่อสุวรรณ บุตรชาย ผศ.รังสรรค์ ยืนยันว่า จะขายตึกในราคาที่สามารถคืนทุนทั้งหมด และคืนเงินให้กับผู้ที่ซื้อพรีเซลล์ไว้แล้วกว่า 90% ปัจจุบันราคาตึกตั้งไว้ที่ 3,000-4,000 ล้านบาท ซึ่งสูงเกินกว่าที่นักลงทุนรายใหม่จะรับได้ โดยเฉพาะเมื่อโครงสร้างห้องในอดีตเน้น “ขนาดใหญ่” ซึ่งสวนทางกับเทรนด์ห้องยุคปัจจุบัน ที่ต้องการห้องขนาดกะทัดรัด 😕 🧱 แต่… “Ghost Tower” แข็งแรงกว่าที่คิด! 🌍 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2568 ผู้ใช้โซเชียลมีเดียรายหนึ่ง ออกมาโพสต์ขายตึกนี้ในราคา 4,000 ล้านบาท พร้อมข้อมูลว่า… ❗ "แม้จะเกิดแผ่นดินไหว แต่โครงสร้างตึก ไม่กระทบเลยแม้แต่น้อย" ทำให้มีคนเริ่มสนใจตึกนี้ในฐานะ “อสังหาริมทรัพย์ที่แข็งแรง และโดดเด่นทางสถาปัตยกรรม” อีกครั้ง ตึกนี้ไม่เพียงรอดจากวิกฤตเศรษฐกิจ แต่ยัง "ยืนหยัดท่ามกลางแรงสั่นสะเทือนจากธรรมชาติ" ได้อีกด้วย 💪🌎 🧠 “สาธร” หรือ “สาทร” สรุปใช้คำไหนกันแน่? แม้ตึกจะใช้ชื่อว่า “สาธร ยูนีค ทาวเวอร์” ตามชื่อบริษัทที่จดทะเบียน แต่ในความเป็นจริง ชื่อเขตที่ตั้งควรสะกดว่า “สาทร” โดยมีที่มาทางประวัติศาสตร์ดังนี้ “สาทร” มาจาก หลวงสาทรราชายุตก์ ผู้สร้างถนนและคลองในยุค ร.5 เอกสารราชการในยุค ร.6 ใช้คำว่า “สาทร” อย่างชัดเจน ปัจจุบันการสะกดผิดพลาด และใช้คำว่า “สาธร” แพร่หลาย ราชบัณฑิตยสถานจึงแนะนำให้ใช้คำว่า “สาทร” เพื่อความถูกต้องตามประวัติศาสตร์ 📜 🎬 "Sathorn Unique Tower" แลนด์มาร์กของ “อดีต” ที่ยังยืนอยู่ใน “ปัจจุบัน” แม้จะผ่านเวลามาแล้ว 35 ปี ตึกแห่งนี้ยังคงตั้งตระหง่าน อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ได้เพียงเป็นตึกร้าง แต่กลายเป็น สัญลักษณ์ของบทเรียนเศรษฐกิจ กลายเป็น แลนด์มาร์กแห่งความทรงจำ และอาจเป็น “โอกาสใหม่” ที่รอเพียงการตีความใหม่อีกครั้ง ในอนาคต… 🔚 "ตึกสาธร ยูนีค ทาวเวอร์" อดีตที่ยัง “ยืนอยู่” ตึกนี้คือบทเรียนทางเศรษฐกิจ สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรม ที่ยังไม่จบ… และอาจเป็น “จุดเริ่มต้นใหม่” หากมีใครกล้าคิด…ต่าง 💡 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 301305 มี.ค. 2568 🏷️ #ตึกสาธรยูนีค #GhostTower #วิกฤตต้มยำกุ้ง #ตึกร้างกรุงเทพ #อสังหาริมทรัพย์ไทย #สถานที่หลอน #ตึกผีสิง #กรุงเทพมหานคร #SathornUniqueTower #ตำนานเมืองกรุง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 987 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหล็กจีนทำลายโลกประเด็นตึกถล่ม จากบริษัทจีนที่ร่วมมือกับบริษัทอิตาเลียนไทย ยังดูเล็กไป ถ้าคนไทยตื่นรู้ความจริงว่า รัฐบาลจีนได้เข้าทะลายโรงงานผลิตเหล็กปลอมจำนวนมากหลายแห่งในประเทศจีนทำให้รัฐบาลจีนสูญเสียรายได้ไปมากถึงกว่า 2.4ล้านล้านเหรียญ เพราะอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญในการก่อสร้างของจีนเสียหายไปหลายแห่ง และทำให้จีนเสื่อมเสียความเชื่อมั่นไปทั่วโลก จากการส่งออกเหล็กปลอมในปีที่แล้ว สีจิ้นผิง ใช้ไม้แข็ง สั่งเจ้าหน้าที่ทุกมลฑล เข้ากรวดล้างโรงงานผลิตเหล็กเถื่อนกว่า500แห่ง จนราบคาบ กลายเป็นโรงงานร้าง และดำเนินคดีเจ้าของโรงงานด้วยการสั่งประหาร และจำคุกตลอดชีวิตคาดกันว่ายังมีเหล็กปลอมจากจีนกว่า 60 ล้านตัน หลุดออกไปยังประเทศต่างๆในอาเซียน โดยเฉพาะในประเทศที่มีเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ได้ใส่ใจและมีการคอรัปชั่นสูง เช่น ไทย เมียนมาร์ สปป.ลาวตึกถล่มในไทย เป็นผลงานการก่อสร้างจากกลุ่มบริษัทเดียวกันที่คานเหล็กถล่มลงมาในการก่อสร้างที่ถนนพระราม2และยังมีคอนโดหรูอีกหลายแห่ง ที่ใช้บริการเหล็กปลอมจากจีนปีที่แล้วก็เกิดคานเหล็กร่วงลงมาบ่อยมาก จากการก่อสร้างรถไฟภายใน กทม.เพราะเหล็กไม่ได้มาตรฐานผลจากการเกิดอาฟเตอร์ช็อคในเมียนมาร์ หลังเกิดแผ่นดินไหว ตึกอาคาร บ้านเรือน วัด แม้ไม่ได้สร้างให้สูง ก็พังถล่มลงมาจำนวนมากข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปถึงประเทศจีน คนจีนหลายล้านคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า **นั่นมันต้องเกิดจากเหล็กปลอมที่ถูกส่งมาจากประเทศจีนแน่นอน**งานนี้บริษัทรับเหมาของบริษัทจีนกับอิตาเลียนไทย ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป เพราะเสียเครดิตไปหมดแล้วส่วนข้าราชการไทยกับนักการเมืองไทย ก็จะโบ้ยโทษกันไปมาเหมือนเคย และจะไม่มีใครมาสนใจเหล็กปลอมกว่า 60 ล้านตันของจีน ว่าแจกพรอตมันจะหล่นไปตรงใส่หัวของใครตึก สนง.ของ สตช.ถล่ม แน่นอนว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย ก็จะตายตามไปด้วย.เดชา นฤนารท.29/3/68 11.20 น.
    เหล็กจีนทำลายโลกประเด็นตึกถล่ม จากบริษัทจีนที่ร่วมมือกับบริษัทอิตาเลียนไทย ยังดูเล็กไป ถ้าคนไทยตื่นรู้ความจริงว่า รัฐบาลจีนได้เข้าทะลายโรงงานผลิตเหล็กปลอมจำนวนมากหลายแห่งในประเทศจีนทำให้รัฐบาลจีนสูญเสียรายได้ไปมากถึงกว่า 2.4ล้านล้านเหรียญ เพราะอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญในการก่อสร้างของจีนเสียหายไปหลายแห่ง และทำให้จีนเสื่อมเสียความเชื่อมั่นไปทั่วโลก จากการส่งออกเหล็กปลอมในปีที่แล้ว สีจิ้นผิง ใช้ไม้แข็ง สั่งเจ้าหน้าที่ทุกมลฑล เข้ากรวดล้างโรงงานผลิตเหล็กเถื่อนกว่า500แห่ง จนราบคาบ กลายเป็นโรงงานร้าง และดำเนินคดีเจ้าของโรงงานด้วยการสั่งประหาร และจำคุกตลอดชีวิตคาดกันว่ายังมีเหล็กปลอมจากจีนกว่า 60 ล้านตัน หลุดออกไปยังประเทศต่างๆในอาเซียน โดยเฉพาะในประเทศที่มีเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ได้ใส่ใจและมีการคอรัปชั่นสูง เช่น ไทย เมียนมาร์ สปป.ลาวตึกถล่มในไทย เป็นผลงานการก่อสร้างจากกลุ่มบริษัทเดียวกันที่คานเหล็กถล่มลงมาในการก่อสร้างที่ถนนพระราม2และยังมีคอนโดหรูอีกหลายแห่ง ที่ใช้บริการเหล็กปลอมจากจีนปีที่แล้วก็เกิดคานเหล็กร่วงลงมาบ่อยมาก จากการก่อสร้างรถไฟภายใน กทม.เพราะเหล็กไม่ได้มาตรฐานผลจากการเกิดอาฟเตอร์ช็อคในเมียนมาร์ หลังเกิดแผ่นดินไหว ตึกอาคาร บ้านเรือน วัด แม้ไม่ได้สร้างให้สูง ก็พังถล่มลงมาจำนวนมากข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปถึงประเทศจีน คนจีนหลายล้านคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า **นั่นมันต้องเกิดจากเหล็กปลอมที่ถูกส่งมาจากประเทศจีนแน่นอน**งานนี้บริษัทรับเหมาของบริษัทจีนกับอิตาเลียนไทย ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป เพราะเสียเครดิตไปหมดแล้วส่วนข้าราชการไทยกับนักการเมืองไทย ก็จะโบ้ยโทษกันไปมาเหมือนเคย และจะไม่มีใครมาสนใจเหล็กปลอมกว่า 60 ล้านตันของจีน ว่าแจกพรอตมันจะหล่นไปตรงใส่หัวของใครตึก สนง.ของ สตช.ถล่ม แน่นอนว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย ก็จะตายตามไปด้วย.เดชา นฤนารท.29/3/68 11.20 น.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 708 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวจริงหรือเฟกนิวส์ หลังพบมีนายหน้าประกาศขายตึก “สาธร ยูนีค” ราคา 4 พันล้านบาท ล่าสุดเผยว่ามีติดต่อมาแล้ว 5 รายใหญ่

    จากกรณี จากกรณีเกิดเหตุแผ่นดินไหวในประเทศเมียนมา ซึ่งส่งผลกระทบถึงประเทศไทยรู้สึกถึงความสั่นไหวในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอาคารของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ บนถนนกำแพงเพชร 2 ตรงข้ามศูนย์การค้าเจเจมอลล์ แขวงและเขตจตุจักร กรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม มีชาวเน็ตได้นำตึกของ สตง.ไปเปรียบเทียบกับ ตึกใบหยก , ตึกช้างและตึกสาธร ยูนีค

    อย่างไรก็ตาม พบว่าเมื่อวันที่ 28 มี.ค. ชาวเน็ตแห่แชร์โพสต์ของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งอ้างว่าตนเองเป็นนายหน้า ประกาศขายตึกสาธร ยูนีค ในราคา 4 พันล้าน โดยได้ระบุข้อความว่า

    “#ขายตึกสูง 49ชั้น #ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา #ตึกสาธร ยูนิท ที่ดิน3.19ไร่ ตึกยังสร้างไม่เสร็จ เจอ I M F,เสียก่อน ‼️อยู่ถนนเจริญกรุง ไม่โดนมรดกโลกปิดบังทัศนียภาพ ผู้ออกแบบสถาปนิก อ,รังสรรถ้าสร้างเสร็จจะสวยดั่งรูปภาพแบบคอนโดที่หรูที่สุดในใจกลางเมืองมีสระว่ายน้ำรวมอยู่ด้วยใกล้สถานี BTS ไกล้ห้างโรบิลสัน ร,ร,แซงการิล่า หรือโอเร็นเต้ลริมแม่น้ำ สวยสุดแปลงที่เหลือ ขาย 4,000ล้านบาท สี่พันล้านบาท)ราคามาคุยกันได้คับ

    ออกแบบรองรับ แผ่นดินไหว โดยผู้เชี่ยชาญ สถาปนิกมือหนึ่งของไทยและ จากต่างประเทศ ขาย 4 พันล้านถ้วน “

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000030057

    #MGROnline #สาธรยูนีค #สาทรยูนีค #ตึกร้างกรุงเทพ #อสังหาริมทรัพย์ไทย
    ข่าวจริงหรือเฟกนิวส์ หลังพบมีนายหน้าประกาศขายตึก “สาธร ยูนีค” ราคา 4 พันล้านบาท ล่าสุดเผยว่ามีติดต่อมาแล้ว 5 รายใหญ่ • จากกรณี จากกรณีเกิดเหตุแผ่นดินไหวในประเทศเมียนมา ซึ่งส่งผลกระทบถึงประเทศไทยรู้สึกถึงความสั่นไหวในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอาคารของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ บนถนนกำแพงเพชร 2 ตรงข้ามศูนย์การค้าเจเจมอลล์ แขวงและเขตจตุจักร กรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม มีชาวเน็ตได้นำตึกของ สตง.ไปเปรียบเทียบกับ ตึกใบหยก , ตึกช้างและตึกสาธร ยูนีค • อย่างไรก็ตาม พบว่าเมื่อวันที่ 28 มี.ค. ชาวเน็ตแห่แชร์โพสต์ของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งอ้างว่าตนเองเป็นนายหน้า ประกาศขายตึกสาธร ยูนีค ในราคา 4 พันล้าน โดยได้ระบุข้อความว่า “#ขายตึกสูง 49ชั้น #ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา #ตึกสาธร ยูนิท ที่ดิน3.19ไร่ ตึกยังสร้างไม่เสร็จ เจอ I M F,เสียก่อน ‼️อยู่ถนนเจริญกรุง ไม่โดนมรดกโลกปิดบังทัศนียภาพ ผู้ออกแบบสถาปนิก อ,รังสรรถ้าสร้างเสร็จจะสวยดั่งรูปภาพแบบคอนโดที่หรูที่สุดในใจกลางเมืองมีสระว่ายน้ำรวมอยู่ด้วยใกล้สถานี BTS ไกล้ห้างโรบิลสัน ร,ร,แซงการิล่า หรือโอเร็นเต้ลริมแม่น้ำ สวยสุดแปลงที่เหลือ ขาย 4,000ล้านบาท สี่พันล้านบาท)ราคามาคุยกันได้คับ ออกแบบรองรับ แผ่นดินไหว โดยผู้เชี่ยชาญ สถาปนิกมือหนึ่งของไทยและ จากต่างประเทศ ขาย 4 พันล้านถ้วน “ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000030057 • #MGROnline #สาธรยูนีค #สาทรยูนีค #ตึกร้างกรุงเทพ #อสังหาริมทรัพย์ไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 586 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดูดวง 12 นักษัตร ในเดือนเมษายน 2568
    ------------------------------
    คำทำนายของพื้นดวงชะตา ในเดือนเมษายน 2568 ของคนที่เกิดในแต่ละปีทั้ง 12 นักษัตร ว่าพื้นดวงชะตาของแต่ละคนมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านบวกหรือด้านลบอย่างไร เรื่องใดโดดเด่นและเรื่องใดต้องระมัดระวังแก้ไข

    ในเดือน เมษายนเป็นเดือน แก ซิ้งนักษัตร มะโรง พลังดิน ธาตุโลหะ ตามหลักโป้ยหยี่ซีเถียวโหราศาสตร์จีน พลังของปีและพลังธาตุของเดือนส่งเสริมเป็นโชคลาภแก่กัน

    ส่งผลให้ในเดือนนี้มีพลังแห่งการแข่งขัน พัฒนาผลงาน การโฆษณา โปรโมท ส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม ร้านอาหาร โฮมสเตย์ รีสอร์ต สถานบันเทิง การท่องเที่ยว สิ่งประดิษฐ์ และสินค้าการเกษตร

    ในเดือนนี้ คนที่เกิดในนักษัตรที่มีพลังธาตุสอดคล้องกับเดือนมะโรงจะได้รับผลดีและหากนักษัตรใด มีพื้นดวงขัดแย้ง ก็ต้องระวังผลเสียที่เข้ากระทบ เช่นกัน

    @CailaiTV
    https://youtu.be/Ot48DOO4WKg

    ดูดวง 12 นักษัตร เดือน เมษายน 2568

    00:00 บทนำ
    01:21 ดวง ปีชวด (หนู)
    03:07 ดวง ปีฉลู (วัว)
    04:52 ดวง ปีขาล (เสือ)
    06:38 ดวง ปีเถาะ (กระต่าย)
    08:26 ดวง ปีมะโรง (งูใหญ่)
    10:22 ดวง ปีมะเส็ง (งูเล็ก)
    12:09 ดวง ปีมะเมีย (ม้า)
    13:46 ดวง ปีมะแม (แพะ)
    15:28 ดวง ปีวอก (ลิง)
    17:39 ดวง ปีระกา (ไก่)
    19:26 ดวง ปีจอ (หมา)
    21:27 ดวง ปีกุน (หมู)

    คำทำนายนี้มีผล ตั้งแต่วันที่ วันที่ 4 เมษายน ถึงวันที่ 4 พฤษภาคม 2568
    ดูดวง 12 นักษัตร ในเดือนเมษายน 2568 ------------------------------ คำทำนายของพื้นดวงชะตา ในเดือนเมษายน 2568 ของคนที่เกิดในแต่ละปีทั้ง 12 นักษัตร ว่าพื้นดวงชะตาของแต่ละคนมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านบวกหรือด้านลบอย่างไร เรื่องใดโดดเด่นและเรื่องใดต้องระมัดระวังแก้ไข ในเดือน เมษายนเป็นเดือน แก ซิ้งนักษัตร มะโรง พลังดิน ธาตุโลหะ ตามหลักโป้ยหยี่ซีเถียวโหราศาสตร์จีน พลังของปีและพลังธาตุของเดือนส่งเสริมเป็นโชคลาภแก่กัน ส่งผลให้ในเดือนนี้มีพลังแห่งการแข่งขัน พัฒนาผลงาน การโฆษณา โปรโมท ส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม ร้านอาหาร โฮมสเตย์ รีสอร์ต สถานบันเทิง การท่องเที่ยว สิ่งประดิษฐ์ และสินค้าการเกษตร ในเดือนนี้ คนที่เกิดในนักษัตรที่มีพลังธาตุสอดคล้องกับเดือนมะโรงจะได้รับผลดีและหากนักษัตรใด มีพื้นดวงขัดแย้ง ก็ต้องระวังผลเสียที่เข้ากระทบ เช่นกัน @CailaiTV https://youtu.be/Ot48DOO4WKg ดูดวง 12 นักษัตร เดือน เมษายน 2568 00:00 บทนำ 01:21 ดวง ปีชวด (หนู) 03:07 ดวง ปีฉลู (วัว) 04:52 ดวง ปีขาล (เสือ) 06:38 ดวง ปีเถาะ (กระต่าย) 08:26 ดวง ปีมะโรง (งูใหญ่) 10:22 ดวง ปีมะเส็ง (งูเล็ก) 12:09 ดวง ปีมะเมีย (ม้า) 13:46 ดวง ปีมะแม (แพะ) 15:28 ดวง ปีวอก (ลิง) 17:39 ดวง ปีระกา (ไก่) 19:26 ดวง ปีจอ (หมา) 21:27 ดวง ปีกุน (หมู) คำทำนายนี้มีผล ตั้งแต่วันที่ วันที่ 4 เมษายน ถึงวันที่ 4 พฤษภาคม 2568
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 365 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทุนมาเลย์สนใจรถไฟทางคู่ ชุมพร-ปาดังเบซาร์

    ในช่วงที่ประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพอาเซียนในปี 2025 และรัฐบาลอันวาร์ อิบราฮิม มีความสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ของประเทศไทย อาจจะได้เห็นข่าวความร่วมมือระหว่างมาเลเซียและไทยเป็นระยะ ล่าสุด พลเอกอาวุโส โมห์ด อาซูมิ โมฮัมเหม็ด (Mohd Azumi Mohamed) ประธานบริษัท ดายะ มาจู อินฟาสตรัคเจอร์ เอเชีย (Dhaya Maju Infrastructure Asia) หรือ DMIA บริษัทพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจากประเทศมาเลเซีย ได้เข้าพบกับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม และคณะ ที่กระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา

    โดยบริษัท DMIA ได้ให้ความสนใจเข้าร่วมการลงทุนในรูปแบบระหว่างภาครัฐและเอกชน หรือ PPP (Public Private Partnership) โครงการรถไฟทางคู่ ชุมพร-ปาดังเบซาร์ เชื่อมต่อกับประเทศมาเลเซีย ซึ่งกระทรวงคมนาคมมีความยินดีที่ DMIA ให้ความสนใจ และหวังว่าจะได้มีความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของทั้งสองประเทศร่วมกันในอนาคต ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเรื่องการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และความรู้ในด้านการพัฒนาระบบขนส่งทางราง เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ การปรับปรุงระบบรางข้ามพรมแดนอย่างยั่งยืน รวมถึงความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมระหว่างไทยและมาเลเซียอีกด้วย

    ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร ช่วงสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กิโลเมตร และช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา ระยะทาง 44 กิโลเมตร งานออกแบบแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติงานด้านโครงสร้างพื้นฐานและงานโยธา ส่วนช่วงหาดใหญ่-สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ระยะทาง 216 กิโลเมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างการว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อทำการศึกษาความเป็นไปได้

    สำหรับบริษัท DMIA ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2539 มีประสบการณ์งานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านทางหลวง อสังหาริมทรัพย์ การฟื้นฟูเมือง การก่อสร้างและปรับปรุงทางรถไฟ ทั้งในประเทศมาเลเซียและต่างประเทศ นับเฉพาะโครงการทางรถไฟ เป็นผู้รับเหมาหลักโครงการปรับปรุงรถไฟทางคู่ติดระบบไฟฟ้าบนหุบเขาแคลง (KVDT) ตั้งแต่ราวังถึงซาลักเซาต์ (Rawang-Salak South) และโครงการระยะที่ 2 (KVDT2) จากซาลักเซาต์ถึงเซเรมบัน (Salak South-Seremban) และจากเคแอลเซ็นทรัลถึงพอร์ตแคลง (KL Sentral-Port Klang) เป็นต้น

    #Newskit
    ทุนมาเลย์สนใจรถไฟทางคู่ ชุมพร-ปาดังเบซาร์ ในช่วงที่ประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพอาเซียนในปี 2025 และรัฐบาลอันวาร์ อิบราฮิม มีความสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ของประเทศไทย อาจจะได้เห็นข่าวความร่วมมือระหว่างมาเลเซียและไทยเป็นระยะ ล่าสุด พลเอกอาวุโส โมห์ด อาซูมิ โมฮัมเหม็ด (Mohd Azumi Mohamed) ประธานบริษัท ดายะ มาจู อินฟาสตรัคเจอร์ เอเชีย (Dhaya Maju Infrastructure Asia) หรือ DMIA บริษัทพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจากประเทศมาเลเซีย ได้เข้าพบกับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม และคณะ ที่กระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยบริษัท DMIA ได้ให้ความสนใจเข้าร่วมการลงทุนในรูปแบบระหว่างภาครัฐและเอกชน หรือ PPP (Public Private Partnership) โครงการรถไฟทางคู่ ชุมพร-ปาดังเบซาร์ เชื่อมต่อกับประเทศมาเลเซีย ซึ่งกระทรวงคมนาคมมีความยินดีที่ DMIA ให้ความสนใจ และหวังว่าจะได้มีความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของทั้งสองประเทศร่วมกันในอนาคต ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเรื่องการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และความรู้ในด้านการพัฒนาระบบขนส่งทางราง เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ การปรับปรุงระบบรางข้ามพรมแดนอย่างยั่งยืน รวมถึงความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมระหว่างไทยและมาเลเซียอีกด้วย ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร ช่วงสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กิโลเมตร และช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา ระยะทาง 44 กิโลเมตร งานออกแบบแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติงานด้านโครงสร้างพื้นฐานและงานโยธา ส่วนช่วงหาดใหญ่-สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ระยะทาง 216 กิโลเมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างการว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อทำการศึกษาความเป็นไปได้ สำหรับบริษัท DMIA ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2539 มีประสบการณ์งานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านทางหลวง อสังหาริมทรัพย์ การฟื้นฟูเมือง การก่อสร้างและปรับปรุงทางรถไฟ ทั้งในประเทศมาเลเซียและต่างประเทศ นับเฉพาะโครงการทางรถไฟ เป็นผู้รับเหมาหลักโครงการปรับปรุงรถไฟทางคู่ติดระบบไฟฟ้าบนหุบเขาแคลง (KVDT) ตั้งแต่ราวังถึงซาลักเซาต์ (Rawang-Salak South) และโครงการระยะที่ 2 (KVDT2) จากซาลักเซาต์ถึงเซเรมบัน (Salak South-Seremban) และจากเคแอลเซ็นทรัลถึงพอร์ตแคลง (KL Sentral-Port Klang) เป็นต้น #Newskit
    Like
    Love
    5
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 867 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สันติ” ยัน สปส.ซื้อตึก SKYY9 ไร้ดีลการเมือง ไม่ได้คุย “สุชาติ” แม้อยู่พรรคเดียวกัน ระบุลูกชายเก่งอสังหาฯ ซื้อตึกเก่ารีโนเวทขาย ไม่รู้คนซื้อไปขายต่อให้ใคร ลั่น “ตระกูลพร้อมพัฒน์-พร้อมทวีสิทธิ์” ไม่เกี่ยวเรื่องนี้ ยัน ไม่ฟ้องคนพาดพิง ชี้ ตึกราคาสูง ทำเลดี ปรับปรุงมหาศาล

    เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 20 มีนาคม ที่อาคารรัชดา วัน ถ.รัชดาภิเษก นายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีต รมช.สาธารณสุข และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีถูกตั้งข้อสังเกตว่าบริษัทของลูกชายมีความเชื่อมโยงกับการขายตึก Skyy9 ให้กับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ว่า จริงๆ แล้วเรื่องอสังหาริมทรัพย์นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ ลูกชายตน มีความรู้ความสามารถ จบปริญญาโทจากอังกฤษด้านอสังหาริมทรัพย์ ตนเลยปล่อยให้เขาบริหารจัดการในบริษัท วอเตอร์เกท พาวิลเลี่ยน จำกัด

    ผู้สื่อข่าวถามว่า การซื้อตึกของ สปส. ไม่ได้เป็นดีลพิเศษในขณะที่อยู่กับพรรคเดียวกับ รมว.แรงงาน ในยุคนั้นใช่หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า ตามที่นายพัฒนาได้พูดไป ตอนที่เขาไปซื้อตึกนี้มาจากบริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ บสก. เขาก็ยังต้องไปซื้อห้องอื่นๆ ในอดีตที่ขายกันไปแล้วกลับมา จนสามารถรวมเป็นตึกเดียวกันภายใต้เจ้าของเดียว ตอนนั้นเขามาหารือกับตนว่าอยากจะรีโนเวท พอสักพักเมื่อมีคนรู้ข่าวว่าตึกหลังนี้มีเจ้าของเดียวแล้ว มีคนสนใจจำนวนมาก ตนรู้แค่เพียงตอนที่เขาขาย ประมาณ 2 พันกว่าล้านบาท ให้กับบริษัทของฝรั่งที่มาจดทะเบียนในเมืองไทย เป็นกองทุนที่ใหญ่มาก วันที่เขาซื้อก็จ่ายเงินเลยทั้งหมด พอจ่ายแล้วมันก็แล้วกัน เราไม่รู้อะไรอีกเลยว่าเขาจะเอาไปทำอะไร รู้เพียงแต่ว่าเขาเอาไปรีโนเวท ตนนั่งรถผ่านก็เห็นว่าสวยมาก มารู้อีกทีตอนมีข่าวจากสื่อมวลชนว่าตึกหลังนี้ได้มีการขายไป โดย สปส.เป็นเจ้าของ ในราคา 7 พันล้านบาทบวกลบ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9680000026647

    #MGROnline #SKYY9
    “สันติ” ยัน สปส.ซื้อตึก SKYY9 ไร้ดีลการเมือง ไม่ได้คุย “สุชาติ” แม้อยู่พรรคเดียวกัน ระบุลูกชายเก่งอสังหาฯ ซื้อตึกเก่ารีโนเวทขาย ไม่รู้คนซื้อไปขายต่อให้ใคร ลั่น “ตระกูลพร้อมพัฒน์-พร้อมทวีสิทธิ์” ไม่เกี่ยวเรื่องนี้ ยัน ไม่ฟ้องคนพาดพิง ชี้ ตึกราคาสูง ทำเลดี ปรับปรุงมหาศาล • เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 20 มีนาคม ที่อาคารรัชดา วัน ถ.รัชดาภิเษก นายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีต รมช.สาธารณสุข และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีถูกตั้งข้อสังเกตว่าบริษัทของลูกชายมีความเชื่อมโยงกับการขายตึก Skyy9 ให้กับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ว่า จริงๆ แล้วเรื่องอสังหาริมทรัพย์นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ ลูกชายตน มีความรู้ความสามารถ จบปริญญาโทจากอังกฤษด้านอสังหาริมทรัพย์ ตนเลยปล่อยให้เขาบริหารจัดการในบริษัท วอเตอร์เกท พาวิลเลี่ยน จำกัด • ผู้สื่อข่าวถามว่า การซื้อตึกของ สปส. ไม่ได้เป็นดีลพิเศษในขณะที่อยู่กับพรรคเดียวกับ รมว.แรงงาน ในยุคนั้นใช่หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า ตามที่นายพัฒนาได้พูดไป ตอนที่เขาไปซื้อตึกนี้มาจากบริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ บสก. เขาก็ยังต้องไปซื้อห้องอื่นๆ ในอดีตที่ขายกันไปแล้วกลับมา จนสามารถรวมเป็นตึกเดียวกันภายใต้เจ้าของเดียว ตอนนั้นเขามาหารือกับตนว่าอยากจะรีโนเวท พอสักพักเมื่อมีคนรู้ข่าวว่าตึกหลังนี้มีเจ้าของเดียวแล้ว มีคนสนใจจำนวนมาก ตนรู้แค่เพียงตอนที่เขาขาย ประมาณ 2 พันกว่าล้านบาท ให้กับบริษัทของฝรั่งที่มาจดทะเบียนในเมืองไทย เป็นกองทุนที่ใหญ่มาก วันที่เขาซื้อก็จ่ายเงินเลยทั้งหมด พอจ่ายแล้วมันก็แล้วกัน เราไม่รู้อะไรอีกเลยว่าเขาจะเอาไปทำอะไร รู้เพียงแต่ว่าเขาเอาไปรีโนเวท ตนนั่งรถผ่านก็เห็นว่าสวยมาก มารู้อีกทีตอนมีข่าวจากสื่อมวลชนว่าตึกหลังนี้ได้มีการขายไป โดย สปส.เป็นเจ้าของ ในราคา 7 พันล้านบาทบวกลบ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9680000026647 • #MGROnline #SKYY9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 663 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลูกชาย "สันติ" ตั้งโต๊ะแถลง ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับสำนักงานประกันสังคมซื้ออาคาร Skyy9 เผยขายตึกให้ เอจีอาร์อี 101 ได้รับชำระเงินโอนกรรมสิทธิเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ปี 2562 หลังจากนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอีก

    เมื่อวันที่ 20 มี.ค.เวลา 10.30 น.ที่อาคารรัชดาวัน นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ ผู้บริหารบริษัท วอเตอร์เกทพาวิลเลี่ยน ลูกชายนายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีตรัฐมนตรี แถลงข่าวว่า ตามที่ปรากฎเป็นข่าวว่า สำนักงานประกันสังคมได้ทำการซื้ออาคาร Skyy9 หรือ ชื่อเดิม Cas Capital หรือ ในอดีตชื่อ ICE ในราคาประมาณ 7,000 ล้านบาทนั้น ต่อมาเริ่มมีกระแสในทำนองว่า ประกันสังคมได้ซื้ออาคารดังกล่าวในราคาที่สูง จะคุ้มค่าการลงทุนหรือไม่ โดยอ้างว่าเป็นการซื้อจากบริษัทของลูกชายนักการเมืองคนหนึ่ง ซึ่งคนทั่วไปเชื่อมโยงว่าเป็นตนนั้น

    “ผมขอเรียนให้ทราบว่า บริษัท วอเตอร์เกท พาวิลเลี่ยน จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของตึกที่ผมบริหารจัดการอยู่นั้น ว่า บริษัทฯ ได้เคยเป็นเจ้าของอาคารตึก ICE ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 100,000 ตารางเมตร โดยบริษัท วอเตอร์เกท ซื้อมาตั้งแต่ปี 2560 โดยในขณะนั้น อาคารนี้เป็นอาคารร้าง และมีสภาพทรุดโทรม ไม่สามารถใช้ประโยชน์ และใช้งานได้ โดยเป็นการลงทุนซื้ออาคารเก่าซึ่งเป็นห้องชุด โดยซื้อมาจากหลายเจ้าของ ตามที่ได้ปรากฏเป็นข่าวไปแล้ว

    "ในระหว่างที่ถือครองอยู่นั้น เคยได้มีแผนการที่จะปรับปรุงอาคารดังกล่าวเป็นสำนักงานตามเดิมที่อาคารนี้เคยเป็นอยู่ อย่างไรก็ดี ตลอดระยะเวลาที่ถือครองทรัพย์สินนี้อยู่ ได้มีพรรคพวกที่อยู่ในวงการการเงินและอสังหาริมทรัพย์มาแนะนำให้รู้จักกับผู้สนใจลงทุนซื้ออาคารนี้หลายราย หนึ่งในนั้นคือผู้ซื้อ คือ บริษัท เอจีอาร์อี 101 ซึ่งเป็นบริษัทที่เป็นกองทุน PE Fund (กองทุนที่ระดมทุนจากผู้มีเงินหลากหลายราย) ในต่างประเทศ“ นายพัฒนา กล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9680000026637

    #MGROnline #สำนักงานประกันสังคม #อาคารSkyy9
    ลูกชาย "สันติ" ตั้งโต๊ะแถลง ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับสำนักงานประกันสังคมซื้ออาคาร Skyy9 เผยขายตึกให้ เอจีอาร์อี 101 ได้รับชำระเงินโอนกรรมสิทธิเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ปี 2562 หลังจากนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอีก • เมื่อวันที่ 20 มี.ค.เวลา 10.30 น.ที่อาคารรัชดาวัน นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ ผู้บริหารบริษัท วอเตอร์เกทพาวิลเลี่ยน ลูกชายนายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีตรัฐมนตรี แถลงข่าวว่า ตามที่ปรากฎเป็นข่าวว่า สำนักงานประกันสังคมได้ทำการซื้ออาคาร Skyy9 หรือ ชื่อเดิม Cas Capital หรือ ในอดีตชื่อ ICE ในราคาประมาณ 7,000 ล้านบาทนั้น ต่อมาเริ่มมีกระแสในทำนองว่า ประกันสังคมได้ซื้ออาคารดังกล่าวในราคาที่สูง จะคุ้มค่าการลงทุนหรือไม่ โดยอ้างว่าเป็นการซื้อจากบริษัทของลูกชายนักการเมืองคนหนึ่ง ซึ่งคนทั่วไปเชื่อมโยงว่าเป็นตนนั้น • “ผมขอเรียนให้ทราบว่า บริษัท วอเตอร์เกท พาวิลเลี่ยน จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของตึกที่ผมบริหารจัดการอยู่นั้น ว่า บริษัทฯ ได้เคยเป็นเจ้าของอาคารตึก ICE ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 100,000 ตารางเมตร โดยบริษัท วอเตอร์เกท ซื้อมาตั้งแต่ปี 2560 โดยในขณะนั้น อาคารนี้เป็นอาคารร้าง และมีสภาพทรุดโทรม ไม่สามารถใช้ประโยชน์ และใช้งานได้ โดยเป็นการลงทุนซื้ออาคารเก่าซึ่งเป็นห้องชุด โดยซื้อมาจากหลายเจ้าของ ตามที่ได้ปรากฏเป็นข่าวไปแล้ว • "ในระหว่างที่ถือครองอยู่นั้น เคยได้มีแผนการที่จะปรับปรุงอาคารดังกล่าวเป็นสำนักงานตามเดิมที่อาคารนี้เคยเป็นอยู่ อย่างไรก็ดี ตลอดระยะเวลาที่ถือครองทรัพย์สินนี้อยู่ ได้มีพรรคพวกที่อยู่ในวงการการเงินและอสังหาริมทรัพย์มาแนะนำให้รู้จักกับผู้สนใจลงทุนซื้ออาคารนี้หลายราย หนึ่งในนั้นคือผู้ซื้อ คือ บริษัท เอจีอาร์อี 101 ซึ่งเป็นบริษัทที่เป็นกองทุน PE Fund (กองทุนที่ระดมทุนจากผู้มีเงินหลากหลายราย) ในต่างประเทศ“ นายพัฒนา กล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9680000026637 • #MGROnline #สำนักงานประกันสังคม #อาคารSkyy9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 485 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts