• Playlists รวมบทเพลง เติมพลังใจ [ Youtube Music ]
    https://music.youtube.com/playlist?list=PLkiI2AWp18nMiZsTr0CRHKe9FDZufBfYS&si=gsm7gQcdVp3uJV2T

    รายชื่อเพลง

    1. ชีวิตกับสายลม - โธมัส หงษ์ภักดี
    2. อ่อนไหว...ไม่อ่อนแอ - อุเทน พรหมมินทร์
    3. แผลชีวิต - สุรสีห์ อิทธิกุล
    4. ไม่กลัวอยู่แล้ว - ธิติ พฤกษ์ชะอุ่ม
    5. ถ้ามีวันนั้น - 2 is better than 1
    6. นกที่กลัวความสูง - 2 is better than 1
    7. New Beginning - 32 October Band
    8. ฟลอร์ชีวิต - ธิติ พฤกษ์ชะอุ่ม
    9. ทะยานสุดปีกฝัน - สาธิดา พรหมพิริยะ
    10. โลกต้องรู้ - ธิติ พฤกษ์ชะอุ่ม
    11. อย่าไปคิดมากเลย - 32 October Band
    12. ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน - สรนภา ทองประดู่
    13. บนทางเดินแห่งฝัน - Tuniez83
    14. อยู่กับปัจจุบันได้หรือเปล่า - ธิติ พฤกษ์ชะอุ่ม
    15. อย่ามองข้ามหัวใจตัวเอง - รวิวรรณ จินดา
    16. ถึงเวลา - ธีรวีร์ ปุณณะภุม

    #YoutubeMusic
    #ClassyRecords
    Playlists รวมบทเพลง เติมพลังใจ [ Youtube Music ] https://music.youtube.com/playlist?list=PLkiI2AWp18nMiZsTr0CRHKe9FDZufBfYS&si=gsm7gQcdVp3uJV2T รายชื่อเพลง 1. ชีวิตกับสายลม - โธมัส หงษ์ภักดี 2. อ่อนไหว...ไม่อ่อนแอ - อุเทน พรหมมินทร์ 3. แผลชีวิต - สุรสีห์ อิทธิกุล 4. ไม่กลัวอยู่แล้ว - ธิติ พฤกษ์ชะอุ่ม 5. ถ้ามีวันนั้น - 2 is better than 1 6. นกที่กลัวความสูง - 2 is better than 1 7. New Beginning - 32 October Band 8. ฟลอร์ชีวิต - ธิติ พฤกษ์ชะอุ่ม 9. ทะยานสุดปีกฝัน - สาธิดา พรหมพิริยะ 10. โลกต้องรู้ - ธิติ พฤกษ์ชะอุ่ม 11. อย่าไปคิดมากเลย - 32 October Band 12. ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน - สรนภา ทองประดู่ 13. บนทางเดินแห่งฝัน - Tuniez83 14. อยู่กับปัจจุบันได้หรือเปล่า - ธิติ พฤกษ์ชะอุ่ม 15. อย่ามองข้ามหัวใจตัวเอง - รวิวรรณ จินดา 16. ถึงเวลา - ธีรวีร์ ปุณณะภุม #YoutubeMusic #ClassyRecords
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📌 ความจริงของชีวิต : เรามีอะไรอยู่จริงหรือไม่?

    (วิเคราะห์จากหลักพุทธศาสนา และการเจริญสติ)


    ---

    🔍 1️⃣ ตั้งแต่เกิดมา เรามีอะไรอยู่จริงหรือไม่?

    🌱 ความรู้สึกว่า "เราได้อะไร" หรือ "เรามีอะไร"

    เป็นเพียง "กระบวนการของจิต"

    ไม่ใช่ของที่แท้จริง ไม่ใช่สิ่งที่เป็นของเราเสมอไป


    📌 ตั้งแต่เกิดมา จิตของเราถูกฝึกให้ยึดมั่นถือมั่น
    ✅ เด็กแรกเกิด = หิวนม → ได้กิน → รู้สึกมีความสุข
    ✅ โตขึ้น = ได้ของเล่น → เล่นจนเบื่อ → เปลี่ยนของเล่นใหม่
    ✅ เป็นวัยรุ่น = มีมือถือ → พอเก่าแล้วต้องซื้อใหม่
    ✅ เป็นผู้ใหญ่ = มีแฟน → เปลี่ยนแฟน → แต่งงาน → เลิกกัน
    ✅ มีงาน มีธุรกิจ → สูญเสีย → เริ่มใหม่

    💡 ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ

    ความรู้สึกว่า "มี" → เป็นเพียงภาพลวงของจิต

    ความจริงคือ "ไม่มีอะไรอยู่กับเราตลอดไป"



    ---

    🔍 2️⃣ ทำไมเราถึงคิดว่า "ตัวเรา" มีอยู่จริง?

    📌 พระพุทธเจ้าสอนว่า "เราไม่มีตัวตนที่แท้จริง"
    สิ่งที่เราเรียกว่า "ตัวเรา" เกิดจาก
    ✅ กาย (ร่างกาย) → มีความเสื่อมไปเรื่อยๆ
    ✅ เวทนา (ความรู้สึก) → มีสุข ทุกข์ และเฉยๆ ไม่คงที่
    ✅ สัญญา (ความจำได้หมายรู้) → ลืมแล้วลืมอีก
    ✅ สังขาร (การปรุงแต่งทางจิต) → คิดเปลี่ยนไปตลอด
    ✅ วิญญาณ (ความรับรู้) → รับรู้แล้วก็เปลี่ยนแปลงเสมอ

    💡 สรุป : "ตัวตนของเรา" = เป็นเพียงการปรุงแต่งชั่วคราว

    ไม่มีอะไรในชีวิตที่ "ของเรา" จริงๆ

    แม้แต่ร่างกาย ยังต้องคืนให้ธรรมชาติ



    ---

    🔍 3️⃣ เราจะเข้าใจ "ความว่าง" ของชีวิตได้อย่างไร?

    📌 "ความไม่มีตัวตน" (อนัตตา) ไม่ใช่แค่แนวคิด
    แต่คือ ความจริงที่เห็นได้จากการเจริญสติ

    📌 วิธีฝึกให้เห็นความว่างจริงๆ
    ✅ หายใจเข้า-ออก แล้วสังเกต → ลมหายใจไม่เที่ยง
    ✅ พิจารณาร่างกาย → เคยเด็ก เคยหนุ่มสาว แล้วก็เปลี่ยนไป
    ✅ พิจารณาอารมณ์ → เดี๋ยวโกรธ เดี๋ยวหาย ไม่แน่นอน
    ✅ พิจารณาความคิด → คิดเรื่องหนึ่งแค่แป๊บเดียว เดี๋ยวก็เปลี่ยน

    💡 สุดท้ายจะเห็นว่า

    ทุกอย่างที่เราเคยยึดมั่น → ล้วนเปลี่ยนแปลงหมด

    ไม่มีอะไรที่ "ของเรา" ตลอดไป



    ---

    🔍 4️⃣ เมื่อเข้าใจ "ความไม่มีอะไรเป็นของเรา" แล้วควรทำอย่างไร?

    🌿 "ชีวิตเป็นเพียงการยืมใช้ชั่วคราว"
    📌 ดังนั้น เราควร…
    ✅ ใช้ชีวิตให้มีประโยชน์กับตัวเองและผู้อื่น
    ✅ ไม่ยึดติดกับสิ่งใดเกินไป
    ✅ ฝึกให้จิตใจเป็นอิสระจากความทุกข์

    📌 สิ่งที่ควรฝึกในชีวิตประจำวัน
    ✅ เจริญสติ : อยู่กับปัจจุบัน ไม่จมกับอดีต ไม่หลงอนาคต
    ✅ ฝึกปล่อยวาง : อะไรที่ไม่ใช่ของเรา ก็คืนให้ธรรมชาติ
    ✅ ทำบุญ ทำทาน : ให้สิ่งดีๆ ออกไป ไม่ใช่เพื่อยึดถือ แต่เพื่อช่วยผู้อื่น

    💡 "เรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร?"
    ไม่ใช่เพื่อสะสมสิ่งของ
    ไม่ใช่เพื่อยึดติดกับความสัมพันธ์
    แต่เพื่อ เรียนรู้ และปล่อยวาง


    ---

    ✅ สรุป : ความจริงของชีวิตที่เราต้องเข้าใจ

    📌 1. ไม่มีอะไรเป็นของเราจริงๆ ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงเสมอ
    📌 2. "ตัวเรา" เป็นเพียงการปรุงแต่งของจิต
    📌 3. ความว่าง ไม่ใช่ความสูญเปล่า แต่เป็นอิสระจากการยึดติด
    📌 4. ใช้ชีวิตให้มีคุณค่า แต่ไม่ต้องยึดติดกับสิ่งใด

    🌿 "สุดท้ายแล้ว แม้แต่ร่างกายเราก็ต้องคืนให้โลก"
    🌿 "อยู่กับปัจจุบัน ทำสิ่งดี แล้วปล่อยวาง"

    💙 นี่คือหนทางสู่ความสุขที่แท้จริง 💙

    📌 ความจริงของชีวิต : เรามีอะไรอยู่จริงหรือไม่? (วิเคราะห์จากหลักพุทธศาสนา และการเจริญสติ) --- 🔍 1️⃣ ตั้งแต่เกิดมา เรามีอะไรอยู่จริงหรือไม่? 🌱 ความรู้สึกว่า "เราได้อะไร" หรือ "เรามีอะไร" เป็นเพียง "กระบวนการของจิต" ไม่ใช่ของที่แท้จริง ไม่ใช่สิ่งที่เป็นของเราเสมอไป 📌 ตั้งแต่เกิดมา จิตของเราถูกฝึกให้ยึดมั่นถือมั่น ✅ เด็กแรกเกิด = หิวนม → ได้กิน → รู้สึกมีความสุข ✅ โตขึ้น = ได้ของเล่น → เล่นจนเบื่อ → เปลี่ยนของเล่นใหม่ ✅ เป็นวัยรุ่น = มีมือถือ → พอเก่าแล้วต้องซื้อใหม่ ✅ เป็นผู้ใหญ่ = มีแฟน → เปลี่ยนแฟน → แต่งงาน → เลิกกัน ✅ มีงาน มีธุรกิจ → สูญเสีย → เริ่มใหม่ 💡 ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ความรู้สึกว่า "มี" → เป็นเพียงภาพลวงของจิต ความจริงคือ "ไม่มีอะไรอยู่กับเราตลอดไป" --- 🔍 2️⃣ ทำไมเราถึงคิดว่า "ตัวเรา" มีอยู่จริง? 📌 พระพุทธเจ้าสอนว่า "เราไม่มีตัวตนที่แท้จริง" สิ่งที่เราเรียกว่า "ตัวเรา" เกิดจาก ✅ กาย (ร่างกาย) → มีความเสื่อมไปเรื่อยๆ ✅ เวทนา (ความรู้สึก) → มีสุข ทุกข์ และเฉยๆ ไม่คงที่ ✅ สัญญา (ความจำได้หมายรู้) → ลืมแล้วลืมอีก ✅ สังขาร (การปรุงแต่งทางจิต) → คิดเปลี่ยนไปตลอด ✅ วิญญาณ (ความรับรู้) → รับรู้แล้วก็เปลี่ยนแปลงเสมอ 💡 สรุป : "ตัวตนของเรา" = เป็นเพียงการปรุงแต่งชั่วคราว ไม่มีอะไรในชีวิตที่ "ของเรา" จริงๆ แม้แต่ร่างกาย ยังต้องคืนให้ธรรมชาติ --- 🔍 3️⃣ เราจะเข้าใจ "ความว่าง" ของชีวิตได้อย่างไร? 📌 "ความไม่มีตัวตน" (อนัตตา) ไม่ใช่แค่แนวคิด แต่คือ ความจริงที่เห็นได้จากการเจริญสติ 📌 วิธีฝึกให้เห็นความว่างจริงๆ ✅ หายใจเข้า-ออก แล้วสังเกต → ลมหายใจไม่เที่ยง ✅ พิจารณาร่างกาย → เคยเด็ก เคยหนุ่มสาว แล้วก็เปลี่ยนไป ✅ พิจารณาอารมณ์ → เดี๋ยวโกรธ เดี๋ยวหาย ไม่แน่นอน ✅ พิจารณาความคิด → คิดเรื่องหนึ่งแค่แป๊บเดียว เดี๋ยวก็เปลี่ยน 💡 สุดท้ายจะเห็นว่า ทุกอย่างที่เราเคยยึดมั่น → ล้วนเปลี่ยนแปลงหมด ไม่มีอะไรที่ "ของเรา" ตลอดไป --- 🔍 4️⃣ เมื่อเข้าใจ "ความไม่มีอะไรเป็นของเรา" แล้วควรทำอย่างไร? 🌿 "ชีวิตเป็นเพียงการยืมใช้ชั่วคราว" 📌 ดังนั้น เราควร… ✅ ใช้ชีวิตให้มีประโยชน์กับตัวเองและผู้อื่น ✅ ไม่ยึดติดกับสิ่งใดเกินไป ✅ ฝึกให้จิตใจเป็นอิสระจากความทุกข์ 📌 สิ่งที่ควรฝึกในชีวิตประจำวัน ✅ เจริญสติ : อยู่กับปัจจุบัน ไม่จมกับอดีต ไม่หลงอนาคต ✅ ฝึกปล่อยวาง : อะไรที่ไม่ใช่ของเรา ก็คืนให้ธรรมชาติ ✅ ทำบุญ ทำทาน : ให้สิ่งดีๆ ออกไป ไม่ใช่เพื่อยึดถือ แต่เพื่อช่วยผู้อื่น 💡 "เรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร?" ไม่ใช่เพื่อสะสมสิ่งของ ไม่ใช่เพื่อยึดติดกับความสัมพันธ์ แต่เพื่อ เรียนรู้ และปล่อยวาง --- ✅ สรุป : ความจริงของชีวิตที่เราต้องเข้าใจ 📌 1. ไม่มีอะไรเป็นของเราจริงๆ ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงเสมอ 📌 2. "ตัวเรา" เป็นเพียงการปรุงแต่งของจิต 📌 3. ความว่าง ไม่ใช่ความสูญเปล่า แต่เป็นอิสระจากการยึดติด 📌 4. ใช้ชีวิตให้มีคุณค่า แต่ไม่ต้องยึดติดกับสิ่งใด 🌿 "สุดท้ายแล้ว แม้แต่ร่างกายเราก็ต้องคืนให้โลก" 🌿 "อยู่กับปัจจุบัน ทำสิ่งดี แล้วปล่อยวาง" 💙 นี่คือหนทางสู่ความสุขที่แท้จริง 💙
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 742 มุมมอง 0 รีวิว
  • Today is Buddhist Holy Day.
    "Spend time here and now"
    จงมีสติตื่นรู้อยู่กับปัจจุบันขณะ ที่นี่ เดี๋ยวนี้
    #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    Today is Buddhist Holy Day. "Spend time here and now" จงมีสติตื่นรู้อยู่กับปัจจุบันขณะ ที่นี่ เดี๋ยวนี้ #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📌.เมื่อชีวิตเลยหลักสี่📌..อยากจะบอกว่า
    👉มี "เงิน" อย่าใช้หมด ต้องคอย "เก็บเงิน" ไว้ใช้ในยามจำเป็นด้วย เพราะเวลาเกิดวิกฤตคนมีเงินอยู่บ้าง กับคนที่ไม่มีเงินเลย ทุกข์ต่างกันมากมาย
    👉 มี "งาน" ต้องรักงาน ต้องขยัน ต้องเต็มที่ เพราะต่อจากนี้ไม่มีอะไรการันตีความมั่นคงอีกแล้ว ต้องเป็นพนักงานที่องค์กรเห็นว่าทำงานให้เขาได้ "คุ้มค่า" เขาจึงจะจ้างไว้ต่อ
    👉 มี "คนที่รัก" ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว ญาติ คู่รัก หรือเพื่อนรัก ต้องสร้าง "สัมพันธ์" กันให้ดี หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้กัน แสดงความรักที่มีต่อกันออกมาตั้งแต่วันนี้ เพราะการลาจากโดยไม่ได้ร่ำลา ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้ายิ่งนัก
    👉มี "เวลา" ต้องใช้ให้ดี อย่างปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะที่เคยคิดกันว่าทุกคนมีเวลาอย่างน้อย 70-80 ปี ต่อจากนี้จะไม่แน่เช่นนั้นอีกแล้ว
    👉มี "ร่างกาย" ต้องดูแลรักษาให้ดีที่สุด อย่าบอกว่าไม่มีเวลา ร่างกายที่แข็งแรงจะเป็น "ภูมิต้านทาน" ต่อโรคต่าง ๆ การมีชีวิตอยู่ภายใต้ร่างกายที่แข็งแรง จะทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดี
    👉 มี "จิตใจ" ต้องทำให้ "สดชื่น" ไม่ทุกข์ ไม่กังวลกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไม่ต้องไปให้ความสำคัญกับคนไม่ดี และมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน โดยไม่จมอยู่กับอดีต หรือกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
    👉 มี "ชีวิต" ต้องใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ต่อไปไม่มีใครรู้ว่า เรามีเวลาของชีวิตแค่ไหน ❤️ขอให้ "รู้สึกดีกับชีวิต"❤️ ใช้ชีวิตในแบบที่เป็นตัวเราเอง รักตัวเอง ศรัทธาในตัวเอง ภูมิใจในทุกๆ ด้านของชีวิตเราเอง 📌เพราะสุดท้ายแล้ว มันจะมีเพียงตัวเราเท่านั้น
    📌.เมื่อชีวิตเลยหลักสี่📌..อยากจะบอกว่า 👉มี "เงิน" อย่าใช้หมด ต้องคอย "เก็บเงิน" ไว้ใช้ในยามจำเป็นด้วย เพราะเวลาเกิดวิกฤตคนมีเงินอยู่บ้าง กับคนที่ไม่มีเงินเลย ทุกข์ต่างกันมากมาย 👉 มี "งาน" ต้องรักงาน ต้องขยัน ต้องเต็มที่ เพราะต่อจากนี้ไม่มีอะไรการันตีความมั่นคงอีกแล้ว ต้องเป็นพนักงานที่องค์กรเห็นว่าทำงานให้เขาได้ "คุ้มค่า" เขาจึงจะจ้างไว้ต่อ 👉 มี "คนที่รัก" ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว ญาติ คู่รัก หรือเพื่อนรัก ต้องสร้าง "สัมพันธ์" กันให้ดี หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้กัน แสดงความรักที่มีต่อกันออกมาตั้งแต่วันนี้ เพราะการลาจากโดยไม่ได้ร่ำลา ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้ายิ่งนัก 👉มี "เวลา" ต้องใช้ให้ดี อย่างปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะที่เคยคิดกันว่าทุกคนมีเวลาอย่างน้อย 70-80 ปี ต่อจากนี้จะไม่แน่เช่นนั้นอีกแล้ว 👉มี "ร่างกาย" ต้องดูแลรักษาให้ดีที่สุด อย่าบอกว่าไม่มีเวลา ร่างกายที่แข็งแรงจะเป็น "ภูมิต้านทาน" ต่อโรคต่าง ๆ การมีชีวิตอยู่ภายใต้ร่างกายที่แข็งแรง จะทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดี 👉 มี "จิตใจ" ต้องทำให้ "สดชื่น" ไม่ทุกข์ ไม่กังวลกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไม่ต้องไปให้ความสำคัญกับคนไม่ดี และมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน โดยไม่จมอยู่กับอดีต หรือกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง 👉 มี "ชีวิต" ต้องใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ต่อไปไม่มีใครรู้ว่า เรามีเวลาของชีวิตแค่ไหน ❤️ขอให้ "รู้สึกดีกับชีวิต"❤️ ใช้ชีวิตในแบบที่เป็นตัวเราเอง รักตัวเอง ศรัทธาในตัวเอง ภูมิใจในทุกๆ ด้านของชีวิตเราเอง 📌เพราะสุดท้ายแล้ว มันจะมีเพียงตัวเราเท่านั้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 298 มุมมอง 0 รีวิว
  • เทคโนโลยีกับพระพุทธศาสนามีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและน่าสนใจ ทั้งในด้านการเสริมสร้างการปฏิบัติธรรมและการท้าทายต่อหลักคำสอนพื้นฐาน ต่อไปนี้เป็นแนวคิดหลักที่เชื่อมโยงทั้งสองประเด็น:

    ### 1. **เทคโนโลยีสนับสนุนการปฏิบัติธรรม**
    - **แอปพลิเคชันสมาธิและธรรมะ**: แอปเช่น *Insight Timer* หรือ *Headspace* ช่วยให้ผู้คนเข้าถึงการนั่งสมาธิแบบมีคำแนะนำ บทสวดมนต์ และคำสอนทางพุทธศาสนาได้ง่ายขึ้น
    - **การเรียนรู้ทางไกล**: พุทธศาสนิกชนสามารถฟังธรรมจากพระอาจารย์ทั่วโลกผ่าน YouTube, Podcasts หรือเว็บไซต์ เช่น [DharmaSeed](https://www.dharmaseed.org)
    - **วัดเสมือนจริง**: ในยุคโควิด-19 หลายวัดจัดกิจกรรมทางศาสนาออนไลน์ เช่น การถ่ายทอดสดการบวชพระ หรือการปฏิบัติธรรมร่วมกันผ่าน Zoom

    ### 2. **การเผยแผ่ธรรมะในยุคดิจิทัล**
    - **โซเชียลมีเดีย**: พระสงฆ์หลายรูปใช้ Facebook หรือ TikTok แบ่งปันคำสอนสั้นๆ ที่เข้าถึงคนรุ่นใหม่
    - **ปัญญาประดิษฐ์ (AI)**: มีการพัฒนา AI ที่สามารถตอบคำถามธรรมะเบื้องต้น หรือแปลพระสูตรโบราณได้ แต่ยังเป็นที่ถกเถียงเรื่องความลึกซึ้งทางจิตวิญญาณ

    ### 3. **ความท้าทายต่อหลักพุทธธรรม**
    - **การเสพติดเทคโนโลยี**: การใช้สมาร์ทโฟนมากเกินไปขัดกับหลัก "สติ" และ "ความพอดี" ในทางพุทธ
    - **โลกเสมือนกับความจริง**: การใช้ชีวิตในโลกดิจิทัลอาจทำให้หลงลืมการอยู่กับปัจจุบัน (หลักอริยสัจ 4)
    - **จริยธรรมทางเทคโนโลยี**: การพัฒนา AI หรือชีวเทคโนโลยีตั้งคำถามเชิงพุทธเกี่ยวกับ "กรรม" และ "เจตนา"

    ### 4. **พุทธธรรมกับการออกแบบเทคโนโลยี**
    - **เทคโนโลยีเชิงเมตตา**: หลัก "กรุณา" และ "มุทิตา" อาจ inspire การออกแบบเทคโนโลยีที่ลดการแบ่งแยกหรือช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส
    - **Digital Detox**: แนวคิด "ความไม่ยึดมั่น" ส่งเสริมให้ใช้เทคโนโลยีอย่างมีสติ ไม่ตกเป็นทาสของอุปกรณ์

    ### 5. **กรณีศึกษา**
    - **หุ่นยนต์สอนธรรมะ**: ในญี่ปุ่น มีการทดลองใช้หุ่นยนต์ Pepper อ่านพระสูตร แต่หลายคนเห็นว่าขาด "จิตวิญญาณแห่งการสั่งสอน"
    - **Blockchain กับวัด**: บางวัดใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อความโปร่งใสในการบริจาค

    ### 6. **ทางสายกลางในยุคดิจิทัล**
    พระพุทธศาสนาเน้น "มัชฌิมาปฏิปทา" การใช้เทคโนโลยีจึงควรอยู่บนพื้นฐาน:
    - **สติ**: รู้ตัวว่ากำลังใช้เทคโนโลยีเพื่ออะไร
    - **วัตถุประสงค์เชิงกุศล**: นำไปสู่การลดทุกข์ ไม่ใช่เพิ่มตัณหา
    - **ความสัมพันธ์มนุษย์**: ไม่ให้เทคโนโลยีทำลายการสื่อสารแบบเห็นหน้า

    ### สรุป
    เทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือ ไม่ใช่จุดหมายสุดท้าย การใช้อย่างชาญฉลาดภายใต้กรอบศีลธรรมทางพุทธศาสนาจะช่วยให้มนุษย์พัฒนาจิตใจควบคู่ไปกับความก้าวหน้าทางวัตถุ โดยไม่หลงลืมแก่นแท้แห่งการหลุดพ้นจากทุกข์ ☸️💻
    เทคโนโลยีกับพระพุทธศาสนามีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและน่าสนใจ ทั้งในด้านการเสริมสร้างการปฏิบัติธรรมและการท้าทายต่อหลักคำสอนพื้นฐาน ต่อไปนี้เป็นแนวคิดหลักที่เชื่อมโยงทั้งสองประเด็น: ### 1. **เทคโนโลยีสนับสนุนการปฏิบัติธรรม** - **แอปพลิเคชันสมาธิและธรรมะ**: แอปเช่น *Insight Timer* หรือ *Headspace* ช่วยให้ผู้คนเข้าถึงการนั่งสมาธิแบบมีคำแนะนำ บทสวดมนต์ และคำสอนทางพุทธศาสนาได้ง่ายขึ้น - **การเรียนรู้ทางไกล**: พุทธศาสนิกชนสามารถฟังธรรมจากพระอาจารย์ทั่วโลกผ่าน YouTube, Podcasts หรือเว็บไซต์ เช่น [DharmaSeed](https://www.dharmaseed.org) - **วัดเสมือนจริง**: ในยุคโควิด-19 หลายวัดจัดกิจกรรมทางศาสนาออนไลน์ เช่น การถ่ายทอดสดการบวชพระ หรือการปฏิบัติธรรมร่วมกันผ่าน Zoom ### 2. **การเผยแผ่ธรรมะในยุคดิจิทัล** - **โซเชียลมีเดีย**: พระสงฆ์หลายรูปใช้ Facebook หรือ TikTok แบ่งปันคำสอนสั้นๆ ที่เข้าถึงคนรุ่นใหม่ - **ปัญญาประดิษฐ์ (AI)**: มีการพัฒนา AI ที่สามารถตอบคำถามธรรมะเบื้องต้น หรือแปลพระสูตรโบราณได้ แต่ยังเป็นที่ถกเถียงเรื่องความลึกซึ้งทางจิตวิญญาณ ### 3. **ความท้าทายต่อหลักพุทธธรรม** - **การเสพติดเทคโนโลยี**: การใช้สมาร์ทโฟนมากเกินไปขัดกับหลัก "สติ" และ "ความพอดี" ในทางพุทธ - **โลกเสมือนกับความจริง**: การใช้ชีวิตในโลกดิจิทัลอาจทำให้หลงลืมการอยู่กับปัจจุบัน (หลักอริยสัจ 4) - **จริยธรรมทางเทคโนโลยี**: การพัฒนา AI หรือชีวเทคโนโลยีตั้งคำถามเชิงพุทธเกี่ยวกับ "กรรม" และ "เจตนา" ### 4. **พุทธธรรมกับการออกแบบเทคโนโลยี** - **เทคโนโลยีเชิงเมตตา**: หลัก "กรุณา" และ "มุทิตา" อาจ inspire การออกแบบเทคโนโลยีที่ลดการแบ่งแยกหรือช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส - **Digital Detox**: แนวคิด "ความไม่ยึดมั่น" ส่งเสริมให้ใช้เทคโนโลยีอย่างมีสติ ไม่ตกเป็นทาสของอุปกรณ์ ### 5. **กรณีศึกษา** - **หุ่นยนต์สอนธรรมะ**: ในญี่ปุ่น มีการทดลองใช้หุ่นยนต์ Pepper อ่านพระสูตร แต่หลายคนเห็นว่าขาด "จิตวิญญาณแห่งการสั่งสอน" - **Blockchain กับวัด**: บางวัดใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อความโปร่งใสในการบริจาค ### 6. **ทางสายกลางในยุคดิจิทัล** พระพุทธศาสนาเน้น "มัชฌิมาปฏิปทา" การใช้เทคโนโลยีจึงควรอยู่บนพื้นฐาน: - **สติ**: รู้ตัวว่ากำลังใช้เทคโนโลยีเพื่ออะไร - **วัตถุประสงค์เชิงกุศล**: นำไปสู่การลดทุกข์ ไม่ใช่เพิ่มตัณหา - **ความสัมพันธ์มนุษย์**: ไม่ให้เทคโนโลยีทำลายการสื่อสารแบบเห็นหน้า ### สรุป เทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือ ไม่ใช่จุดหมายสุดท้าย การใช้อย่างชาญฉลาดภายใต้กรอบศีลธรรมทางพุทธศาสนาจะช่วยให้มนุษย์พัฒนาจิตใจควบคู่ไปกับความก้าวหน้าทางวัตถุ โดยไม่หลงลืมแก่นแท้แห่งการหลุดพ้นจากทุกข์ ☸️💻
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 959 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่นึกถึงอดีตที่ล่วงมา
    ไม่กังวลกับอนาคต
    ที่ยังมาไม่ถึง
    อยู่กับปัจจุบัน
    นั่นแหล่ะคืออิสระ

    จากหนังสือ |แมวยิ้มง่ายใช่ว่าแตกสลายไม่เป็น
    บทสนทนาว่าด้วยรอยขีดข่วนของยุคสมัย

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #แมวยิ้มง่ายใช่ว่าแตกสลายไม่เป็น
    ไม่นึกถึงอดีตที่ล่วงมา ไม่กังวลกับอนาคต ที่ยังมาไม่ถึง อยู่กับปัจจุบัน นั่นแหล่ะคืออิสระ จากหนังสือ |แมวยิ้มง่ายใช่ว่าแตกสลายไม่เป็น บทสนทนาว่าด้วยรอยขีดข่วนของยุคสมัย #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #แมวยิ้มง่ายใช่ว่าแตกสลายไม่เป็น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 560 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประโยชน์ของการรู้อดีตชาติ และข้อควรระวัง

    1. ประโยชน์ของการรู้อดีตชาติ (เมื่อรู้ด้วยวิชชาแท้จริง)

    เป็นวิชชาแรกที่ช่วยชำแรกอวิชชา
    การระลึกชาติได้จริง (ปุพเพนิวาสานุสติญาณ) เป็นหนึ่งในวิชชาสามที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เห็นว่า "การเวียนว่ายตายเกิดมีจริง" และมีเหตุปัจจัยที่ทำให้ต้องเกิดในแต่ละภพภูมิ

    ช่วยให้เข้าใจเหตุของปัจจุบัน
    บางคนสงสัยว่าทำไมตนเองเกิดมาในครอบครัวนี้ หรือมีชีวิตที่แตกต่างจากผู้อื่น การระลึกชาติได้เองโดยการฝึกสมาธิถึงระดับลึก จะช่วยให้เห็นว่า สิ่งที่เป็นอยู่เกิดจากกรรมเก่า และสามารถแก้ไขปัจจุบันได้อย่างถูกต้อง

    ลดความหลงในตัวตน
    เมื่อเห็นว่าตัวเองเคยเกิดมาในหลายรูปแบบ ทั้งยากดีมีจน ชายหญิง หลากหลายชาติพันธุ์ ก็จะคลายความยึดติดว่าชีวิตชาตินี้เป็น "ตัวกู ของกู" ไปเอง

    2. ข้อควรระวังของการอยากรู้อดีตชาติ

    หากเป็นแค่ความอยากรู้อยากเห็น อาจพอกพูนอุปาทาน
    พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า "การไปนึกถึงอดีตชาติโดยไม่เข้าใจเหตุและผล จะทำให้ยึดติดและเสริมอัตตาทิฏฐิ" เช่น ถ้ารู้ว่าเคยเป็นกษัตริย์ อาจเกิดทิฏฐิว่าตัวเองสูงส่ง หรือหากเคยเป็นคนจน อาจเศร้าหมองติดอยู่กับความรู้สึกต่ำต้อย

    หากไปรับฟังจากผู้อื่น อาจถูกชี้นำผิดพลาด
    บางคนไปให้หมอดู หรือนักจิตสัมผัสบอกอดีตชาติ อาจได้รับข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง และอาจทำให้เกิดการคิดมาก ฟุ้งซ่าน หรือยึดติดกับอดีตจนละเลยปัจจุบัน

    อาจเป็นเหตุให้หมกมุ่น จนหลงลืมปัจจุบัน
    การใช้ชีวิตที่ดีอยู่ที่ปัจจุบัน ถ้าหมกมุ่นกับอดีตมากเกินไป อาจทำให้พลาดโอกาสในการปรับปรุงตนเองในชาตินี้

    3. วิธีที่ดีที่สุดในการใช้ประโยชน์จากอดีตชาติ

    แทนที่จะพยายามไปรู้อดีตชาติ ให้สังเกต "ปัจจุบันกรรม" เพราะปัจจุบันคือผลของอดีต และสิ่งที่เราทำในปัจจุบันก็คือการสร้างอนาคต

    เจริญสติ รู้กายใจตามความเป็นจริง โดยไม่ยึดติดกับอดีต จะนำไปสู่ความพ้นทุกข์ได้เร็วกว่าการระลึกชาติ

    ถ้าระลึกอดีตชาติได้จริง (ผ่านสมาธิระดับสูง) ให้ใช้เพื่อการเข้าใจกรรม ไม่ใช่เพื่อสร้างอัตตาทิฏฐิ

    สรุป:
    ถ้าการรู้อดีตชาติช่วยให้เข้าใจกรรม และนำไปสู่การปฏิบัติที่ถูกต้อง ก็เป็นประโยชน์
    แต่ถ้าหมกมุ่นกับอดีตโดยไม่มีสติ อาจเป็นอุปสรรคต่อการพ้นทุกข์
    ดังนั้น พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนให้ อยู่กับปัจจุบันให้ดีที่สุด เพราะปัจจุบันเป็นสิ่งที่เราปรับแก้ได้ และเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างอนาคตที่ดีกว่า
    ประโยชน์ของการรู้อดีตชาติ และข้อควรระวัง 1. ประโยชน์ของการรู้อดีตชาติ (เมื่อรู้ด้วยวิชชาแท้จริง) เป็นวิชชาแรกที่ช่วยชำแรกอวิชชา การระลึกชาติได้จริง (ปุพเพนิวาสานุสติญาณ) เป็นหนึ่งในวิชชาสามที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เห็นว่า "การเวียนว่ายตายเกิดมีจริง" และมีเหตุปัจจัยที่ทำให้ต้องเกิดในแต่ละภพภูมิ ช่วยให้เข้าใจเหตุของปัจจุบัน บางคนสงสัยว่าทำไมตนเองเกิดมาในครอบครัวนี้ หรือมีชีวิตที่แตกต่างจากผู้อื่น การระลึกชาติได้เองโดยการฝึกสมาธิถึงระดับลึก จะช่วยให้เห็นว่า สิ่งที่เป็นอยู่เกิดจากกรรมเก่า และสามารถแก้ไขปัจจุบันได้อย่างถูกต้อง ลดความหลงในตัวตน เมื่อเห็นว่าตัวเองเคยเกิดมาในหลายรูปแบบ ทั้งยากดีมีจน ชายหญิง หลากหลายชาติพันธุ์ ก็จะคลายความยึดติดว่าชีวิตชาตินี้เป็น "ตัวกู ของกู" ไปเอง 2. ข้อควรระวังของการอยากรู้อดีตชาติ หากเป็นแค่ความอยากรู้อยากเห็น อาจพอกพูนอุปาทาน พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า "การไปนึกถึงอดีตชาติโดยไม่เข้าใจเหตุและผล จะทำให้ยึดติดและเสริมอัตตาทิฏฐิ" เช่น ถ้ารู้ว่าเคยเป็นกษัตริย์ อาจเกิดทิฏฐิว่าตัวเองสูงส่ง หรือหากเคยเป็นคนจน อาจเศร้าหมองติดอยู่กับความรู้สึกต่ำต้อย หากไปรับฟังจากผู้อื่น อาจถูกชี้นำผิดพลาด บางคนไปให้หมอดู หรือนักจิตสัมผัสบอกอดีตชาติ อาจได้รับข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง และอาจทำให้เกิดการคิดมาก ฟุ้งซ่าน หรือยึดติดกับอดีตจนละเลยปัจจุบัน อาจเป็นเหตุให้หมกมุ่น จนหลงลืมปัจจุบัน การใช้ชีวิตที่ดีอยู่ที่ปัจจุบัน ถ้าหมกมุ่นกับอดีตมากเกินไป อาจทำให้พลาดโอกาสในการปรับปรุงตนเองในชาตินี้ 3. วิธีที่ดีที่สุดในการใช้ประโยชน์จากอดีตชาติ แทนที่จะพยายามไปรู้อดีตชาติ ให้สังเกต "ปัจจุบันกรรม" เพราะปัจจุบันคือผลของอดีต และสิ่งที่เราทำในปัจจุบันก็คือการสร้างอนาคต เจริญสติ รู้กายใจตามความเป็นจริง โดยไม่ยึดติดกับอดีต จะนำไปสู่ความพ้นทุกข์ได้เร็วกว่าการระลึกชาติ ถ้าระลึกอดีตชาติได้จริง (ผ่านสมาธิระดับสูง) ให้ใช้เพื่อการเข้าใจกรรม ไม่ใช่เพื่อสร้างอัตตาทิฏฐิ สรุป: ถ้าการรู้อดีตชาติช่วยให้เข้าใจกรรม และนำไปสู่การปฏิบัติที่ถูกต้อง ก็เป็นประโยชน์ แต่ถ้าหมกมุ่นกับอดีตโดยไม่มีสติ อาจเป็นอุปสรรคต่อการพ้นทุกข์ ดังนั้น พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนให้ อยู่กับปัจจุบันให้ดีที่สุด เพราะปัจจุบันเป็นสิ่งที่เราปรับแก้ได้ และเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างอนาคตที่ดีกว่า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 479 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำคมใหม่ แต่เป็นสัจธรรมเก่า 68
    มีอนาคตโดยไม่สนใจในปัจจุบัน มันจะไปมีความสุขไปได้อย่างไร
    ต้องมีปัจจุบันที่มีความสุขมาก่อน มันถึงจะมีอนาคตที่มีความสุขตามมา
    เพราะฉะนั้นเราจึงควรที่จะอยู่กับปัจจุบันที่มีความสุขก่อน แล้วจึงจะมีอนาคตที่ดีมีความสุขตามมานั่นเอง
    คำคมใหม่ แต่เป็นสัจธรรมเก่า 68 มีอนาคตโดยไม่สนใจในปัจจุบัน มันจะไปมีความสุขไปได้อย่างไร ต้องมีปัจจุบันที่มีความสุขมาก่อน มันถึงจะมีอนาคตที่มีความสุขตามมา เพราะฉะนั้นเราจึงควรที่จะอยู่กับปัจจุบันที่มีความสุขก่อน แล้วจึงจะมีอนาคตที่ดีมีความสุขตามมานั่นเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความสุขและความพอใจที่แท้จริง

    การเข้าใจธรรมชาติของ ความอยาก และการเจริญสติรู้เท่าทันจิตใจเป็นหัวใจสำคัญของการปลดเปลื้องตัวเองจากความทุกข์


    ---

    1. ต้นเหตุของความทุกข์คือความอยาก

    ความอยากในกาม: การปรารถนาสิ่งที่น่าพอใจผ่านตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

    ความอยากมี อยากเป็น: การดิ้นรนเพื่อให้ได้สถานะ ชื่อเสียง ทรัพย์สิน หรือสิ่งที่ปรารถนา

    ความไม่อยากมี ไม่อยากเป็น: การปฏิเสธหรือผลักไสสิ่งที่ไม่พอใจ


    สิ่งเหล่านี้เป็นแรงผลักดันที่ทำให้จิตใจไม่สงบ เกิดความกระวนกระวายและทุกข์อย่างต่อเนื่อง


    ---

    2. ความอยากทำให้จิตเพี้ยน

    มองสิ่งที่อยากได้ผิดเพี้ยน: เมื่ออยากได้มาก สิ่งนั้นจะดูดีเกินจริง มีเสน่ห์เกินจริง

    ความหลงที่เกิดจากความอยาก: จิตที่ถูกครอบงำด้วยความอยากจะฟุ้งซ่าน ขาดความเป็นกลาง และไร้เหตุผล

    เมื่อได้มาแล้ว ความอยากนั้นจะลดลง และค่าของสิ่งที่ได้มาเริ่มจางหาย กลายเป็นธรรมดา



    ---

    3. การเจริญสติรู้ทันความอยาก

    สังเกตความอยาก: เมื่อความอยากเกิดขึ้น ให้รู้ทันว่าความอยากนั้นกำลังทำให้จิตใจผิดเพี้ยน

    เห็นธรรมชาติของจิต: เห็นว่าจิตแปรปรวนไปตามความอยาก และสุดท้ายจะลงเอยด้วยความรู้สึก “เฉยๆ”

    สติชั้นสูง: การสังเกตความอยากจนเกิดความเข้าใจในความเป็นธรรมดาของสิ่งต่างๆ จะทำให้จิตสงบและลดการยึดมั่น



    ---

    4. วิธีฝึกใจให้พอจริง

    ฝึกมองสิ่งที่มีด้วยใจเปิดกว้าง: เห็นคุณค่าในสิ่งที่มีอยู่โดยไม่ปรุงแต่ง

    ยอมรับความธรรมดา: ไม่ว่าสิ่งนั้นจะดีหรือเลว เห็นมันตามที่เป็น ไม่ใช่ตามที่ใจปรุงแต่ง

    อยู่กับปัจจุบัน: หายใจเข้า-ออก พร้อมกับรู้ตัวในสิ่งที่ทำในขณะนั้น



    ---

    สรุป

    ความสุขที่แท้จริงเกิดจากการฝึกจิตให้รู้เท่าทันความอยาก และไม่ปล่อยให้มันครอบงำใจ การรู้จักพอใจในสิ่งที่มี และการมองทุกสิ่งด้วยสายตาที่เป็นกลาง จะทำให้คุณพบกับความสงบสุขและความอิ่มเอมในชีวิตอย่างยั่งยืน!

    ความสุขและความพอใจที่แท้จริง การเข้าใจธรรมชาติของ ความอยาก และการเจริญสติรู้เท่าทันจิตใจเป็นหัวใจสำคัญของการปลดเปลื้องตัวเองจากความทุกข์ --- 1. ต้นเหตุของความทุกข์คือความอยาก ความอยากในกาม: การปรารถนาสิ่งที่น่าพอใจผ่านตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ความอยากมี อยากเป็น: การดิ้นรนเพื่อให้ได้สถานะ ชื่อเสียง ทรัพย์สิน หรือสิ่งที่ปรารถนา ความไม่อยากมี ไม่อยากเป็น: การปฏิเสธหรือผลักไสสิ่งที่ไม่พอใจ สิ่งเหล่านี้เป็นแรงผลักดันที่ทำให้จิตใจไม่สงบ เกิดความกระวนกระวายและทุกข์อย่างต่อเนื่อง --- 2. ความอยากทำให้จิตเพี้ยน มองสิ่งที่อยากได้ผิดเพี้ยน: เมื่ออยากได้มาก สิ่งนั้นจะดูดีเกินจริง มีเสน่ห์เกินจริง ความหลงที่เกิดจากความอยาก: จิตที่ถูกครอบงำด้วยความอยากจะฟุ้งซ่าน ขาดความเป็นกลาง และไร้เหตุผล เมื่อได้มาแล้ว ความอยากนั้นจะลดลง และค่าของสิ่งที่ได้มาเริ่มจางหาย กลายเป็นธรรมดา --- 3. การเจริญสติรู้ทันความอยาก สังเกตความอยาก: เมื่อความอยากเกิดขึ้น ให้รู้ทันว่าความอยากนั้นกำลังทำให้จิตใจผิดเพี้ยน เห็นธรรมชาติของจิต: เห็นว่าจิตแปรปรวนไปตามความอยาก และสุดท้ายจะลงเอยด้วยความรู้สึก “เฉยๆ” สติชั้นสูง: การสังเกตความอยากจนเกิดความเข้าใจในความเป็นธรรมดาของสิ่งต่างๆ จะทำให้จิตสงบและลดการยึดมั่น --- 4. วิธีฝึกใจให้พอจริง ฝึกมองสิ่งที่มีด้วยใจเปิดกว้าง: เห็นคุณค่าในสิ่งที่มีอยู่โดยไม่ปรุงแต่ง ยอมรับความธรรมดา: ไม่ว่าสิ่งนั้นจะดีหรือเลว เห็นมันตามที่เป็น ไม่ใช่ตามที่ใจปรุงแต่ง อยู่กับปัจจุบัน: หายใจเข้า-ออก พร้อมกับรู้ตัวในสิ่งที่ทำในขณะนั้น --- สรุป ความสุขที่แท้จริงเกิดจากการฝึกจิตให้รู้เท่าทันความอยาก และไม่ปล่อยให้มันครอบงำใจ การรู้จักพอใจในสิ่งที่มี และการมองทุกสิ่งด้วยสายตาที่เป็นกลาง จะทำให้คุณพบกับความสงบสุขและความอิ่มเอมในชีวิตอย่างยั่งยืน!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 311 มุมมอง 0 รีวิว
  • สิ่งที่มองไม่เห็น
    มันก็เป็นแค่ความคิด
    ทำไมจึงไม่เลือกที่จะ
    อยู่กับปัจจุบัน
    อยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
    เพราะปัจจุบันและสิ่งตรงหน้า
    คือความจริงที่สุด

    จากหนังสือ |ความสุขมันมียากขนาดนั้นเลยเหรอ?

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ความสุขมันมียากขนาดนั้นเลยเหรอ
    สิ่งที่มองไม่เห็น มันก็เป็นแค่ความคิด ทำไมจึงไม่เลือกที่จะ อยู่กับปัจจุบัน อยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า เพราะปัจจุบันและสิ่งตรงหน้า คือความจริงที่สุด จากหนังสือ |ความสุขมันมียากขนาดนั้นเลยเหรอ? #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ความสุขมันมียากขนาดนั้นเลยเหรอ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเป็น 'นักลดความเดือดร้อน' ในสถานการณ์เลวร้าย

    หลักการสำคัญ

    1. ตระหนักในวงจรของกรรม:

    การลดความเดือดร้อนของตัวเองด้วยการเพิ่มความเดือดร้อนให้คนอื่น ไม่ได้แก้ปัญหา แต่กลับสร้างกรรมใหม่ให้ตัวเองเดือดร้อนต่อไปไม่จบสิ้น

    หากเราเลือกที่จะช่วยลดความเดือดร้อนให้คนอื่น เรากำลังสร้างวงจรแห่งความสบายใจและความสงบสุขในระยะยาว



    2. มีสติและปัญญาในความทุกข์:

    เมื่อเผชิญสถานการณ์เลวร้าย อย่ารีบด่วนตัดสินใจด้วยอารมณ์

    สังเกตความคิดและอารมณ์ของตนเอง แล้วเลือกลงมือทำสิ่งที่ไม่เพิ่มปัญหาให้ใคร





    ---

    วิธีเป็น 'นักลดความเดือดร้อน'

    1. เริ่มที่ใจของตนเอง:

    ฝึกมีสติอยู่กับปัจจุบัน ไม่ตื่นตระหนกเกินเหตุ

    ควบคุมอารมณ์ไม่ให้ระเบิดใส่คนอื่น เพราะการแสดงออกที่รุนแรงอาจเพิ่มความตึงเครียดในสถานการณ์



    2. ช่วยเหลือในขอบเขตที่ทำได้:

    หากช่วยแก้ปัญหาได้ ให้เริ่มจากสิ่งที่เล็กที่สุด เช่น การพูดปลอบโยน การให้คำแนะนำ หรือการแบ่งปันสิ่งของจำเป็น

    หากไม่สามารถช่วยเหลือได้จริงๆ การไม่เพิ่มปัญหาก็ถือเป็นการช่วยแล้ว



    3. พูดและกระทำด้วยเมตตา:

    ใช้คำพูดที่สร้างสรรค์ ลดการตำหนิหรือโทษใคร

    แสดงออกด้วยกิริยาที่ให้กำลังใจ เช่น การยิ้ม การรับฟังปัญหาอย่างตั้งใจ



    4. รักษาความเป็นกลาง:

    อย่าลำเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในสถานการณ์ขัดแย้ง

    พยายามหาทางแก้ปัญหาที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน





    ---

    ผลลัพธ์ของการเป็น 'นักลดความเดือดร้อน'

    สร้างความสงบในใจตนเอง:

    เมื่อรู้ว่าตนเองไม่เพิ่มความเดือดร้อนให้ใคร ใจจะเบาสบายและสงบ


    เกิดความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ที่ดี:

    ผู้คนรอบข้างจะเห็นคุณค่าในตัวคุณ และพร้อมสนับสนุนในยามที่คุณต้องการ


    เปลี่ยนสถานการณ์เลวร้ายให้ดีขึ้น:

    การมีคนช่วยบรรเทาปัญหา ย่อมสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย และช่วยให้ทุกคนร่วมมือกันแก้ไขสถานการณ์ได้ดีขึ้น




    ---

    สรุป

    การเป็น 'นักลดความเดือดร้อน' เริ่มต้นจากการไม่สร้างความเดือดร้อนเพิ่มเติม ทั้งกับตนเองและผู้อื่น หากทุกคนช่วยกันลดความเดือดร้อนในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ โลกนี้ก็จะน่าอยู่ขึ้น และสถานการณ์เลวร้ายก็จะคลี่คลายลงได้ง่ายกว่าเดิม.

    การเป็น 'นักลดความเดือดร้อน' ในสถานการณ์เลวร้าย หลักการสำคัญ 1. ตระหนักในวงจรของกรรม: การลดความเดือดร้อนของตัวเองด้วยการเพิ่มความเดือดร้อนให้คนอื่น ไม่ได้แก้ปัญหา แต่กลับสร้างกรรมใหม่ให้ตัวเองเดือดร้อนต่อไปไม่จบสิ้น หากเราเลือกที่จะช่วยลดความเดือดร้อนให้คนอื่น เรากำลังสร้างวงจรแห่งความสบายใจและความสงบสุขในระยะยาว 2. มีสติและปัญญาในความทุกข์: เมื่อเผชิญสถานการณ์เลวร้าย อย่ารีบด่วนตัดสินใจด้วยอารมณ์ สังเกตความคิดและอารมณ์ของตนเอง แล้วเลือกลงมือทำสิ่งที่ไม่เพิ่มปัญหาให้ใคร --- วิธีเป็น 'นักลดความเดือดร้อน' 1. เริ่มที่ใจของตนเอง: ฝึกมีสติอยู่กับปัจจุบัน ไม่ตื่นตระหนกเกินเหตุ ควบคุมอารมณ์ไม่ให้ระเบิดใส่คนอื่น เพราะการแสดงออกที่รุนแรงอาจเพิ่มความตึงเครียดในสถานการณ์ 2. ช่วยเหลือในขอบเขตที่ทำได้: หากช่วยแก้ปัญหาได้ ให้เริ่มจากสิ่งที่เล็กที่สุด เช่น การพูดปลอบโยน การให้คำแนะนำ หรือการแบ่งปันสิ่งของจำเป็น หากไม่สามารถช่วยเหลือได้จริงๆ การไม่เพิ่มปัญหาก็ถือเป็นการช่วยแล้ว 3. พูดและกระทำด้วยเมตตา: ใช้คำพูดที่สร้างสรรค์ ลดการตำหนิหรือโทษใคร แสดงออกด้วยกิริยาที่ให้กำลังใจ เช่น การยิ้ม การรับฟังปัญหาอย่างตั้งใจ 4. รักษาความเป็นกลาง: อย่าลำเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในสถานการณ์ขัดแย้ง พยายามหาทางแก้ปัญหาที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน --- ผลลัพธ์ของการเป็น 'นักลดความเดือดร้อน' สร้างความสงบในใจตนเอง: เมื่อรู้ว่าตนเองไม่เพิ่มความเดือดร้อนให้ใคร ใจจะเบาสบายและสงบ เกิดความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ที่ดี: ผู้คนรอบข้างจะเห็นคุณค่าในตัวคุณ และพร้อมสนับสนุนในยามที่คุณต้องการ เปลี่ยนสถานการณ์เลวร้ายให้ดีขึ้น: การมีคนช่วยบรรเทาปัญหา ย่อมสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย และช่วยให้ทุกคนร่วมมือกันแก้ไขสถานการณ์ได้ดีขึ้น --- สรุป การเป็น 'นักลดความเดือดร้อน' เริ่มต้นจากการไม่สร้างความเดือดร้อนเพิ่มเติม ทั้งกับตนเองและผู้อื่น หากทุกคนช่วยกันลดความเดือดร้อนในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ โลกนี้ก็จะน่าอยู่ขึ้น และสถานการณ์เลวร้ายก็จะคลี่คลายลงได้ง่ายกว่าเดิม.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 497 มุมมอง 0 รีวิว
  • การฝึกสติและสมาธิในชีวิตประจำวันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มความสงบ ลดความเครียด และพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ การฝึกฝนนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากหรือสถานที่พิเศษ แต่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในกิจวัตรประจำวันได้อย่างง่ายดาย1. การฝึกสติในกิจกรรมประจำวันการฝึกสติหมายถึงการตระหนักรู้และอยู่กับปัจจุบันขณะ คุณสามารถฝึกสติได้ในทุกกิจกรรม เช่น การรับประทานอาหาร การเดิน หรือการทำงานบ้าน โดยให้ความสนใจกับสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ สังเกตความรู้สึก รสชาติ กลิ่น และเสียงที่เกิดขึ้นในขณะนั้น การฝึกสติในกิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีสมาธิและลดความฟุ้งซ่าน2. การทำสมาธิแบบสั้นๆการนั่งสมาธิไม่จำเป็นต้องใช้เวลานาน คุณสามารถเริ่มต้นด้วยการนั่งสมาธิวันละ 10-30 นาที โดยหาสถานที่สงบ นั่งในท่าที่สบาย หลับตา และจดจ่อกับลมหายใจเข้าและออก หากจิตใจฟุ้งซ่าน ให้นำความสนใจกลับมาที่ลมหายใจ การฝึกฝนนี้จะช่วยเพิ่มความสงบและความชัดเจนในจิตใจ3. การสแกนร่างกายการสแกนร่างกายเป็นการฝึกสติที่ช่วยให้คุณตระหนักถึงความตึงเครียดหรือความรู้สึกต่างๆ ในร่างกาย เริ่มต้นจากการนั่งหรือนอนในท่าที่สบาย หลับตา และนำความสนใจไปที่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า สังเกตความรู้สึกที่เกิดขึ้นโดยไม่ตัดสินหรือพยายามเปลี่ยนแปลง การฝึกนี้จะช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับร่างกายและลดความเครียด4. การฝึกสติในกิจกรรมที่ทำซ้ำๆกิจกรรมที่ทำซ้ำๆ เช่น การล้างจาน การถูพื้น หรือการเดิน สามารถเป็นโอกาสในการฝึกสติได้ โดยให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหว ความรู้สึก และประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น การฝึกสติในกิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้คุณอยู่กับปัจจุบันและเพิ่มความพึงพอใจในชีวิตประจำวัน5. การฝึกสติผ่านการหายใจการจดจ่อกับลมหายใจเป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการฝึกสติ คุณสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา โดยนำความสนใจมาที่ลมหายใจเข้าและออก สังเกตความรู้สึกของลมหายใจที่ผ่านเข้ามาและออกไป หากจิตใจฟุ้งซ่าน ให้นำความสนใจกลับมาที่ลมหายใจ การฝึกนี้จะช่วยให้คุณสงบและมีสมาธิมากขึ้นการฝึกสติและสมาธิในชีวิตประจำวันไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากหรืออุปกรณ์พิเศษ แต่ต้องการความตั้งใจและการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการฝึกฝนเหล่านี้ คุณจะพบว่าชีวิตมีความสงบและความสุขมากขึ้น
    การฝึกสติและสมาธิในชีวิตประจำวันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มความสงบ ลดความเครียด และพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ การฝึกฝนนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากหรือสถานที่พิเศษ แต่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในกิจวัตรประจำวันได้อย่างง่ายดาย1. การฝึกสติในกิจกรรมประจำวันการฝึกสติหมายถึงการตระหนักรู้และอยู่กับปัจจุบันขณะ คุณสามารถฝึกสติได้ในทุกกิจกรรม เช่น การรับประทานอาหาร การเดิน หรือการทำงานบ้าน โดยให้ความสนใจกับสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ สังเกตความรู้สึก รสชาติ กลิ่น และเสียงที่เกิดขึ้นในขณะนั้น การฝึกสติในกิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีสมาธิและลดความฟุ้งซ่าน2. การทำสมาธิแบบสั้นๆการนั่งสมาธิไม่จำเป็นต้องใช้เวลานาน คุณสามารถเริ่มต้นด้วยการนั่งสมาธิวันละ 10-30 นาที โดยหาสถานที่สงบ นั่งในท่าที่สบาย หลับตา และจดจ่อกับลมหายใจเข้าและออก หากจิตใจฟุ้งซ่าน ให้นำความสนใจกลับมาที่ลมหายใจ การฝึกฝนนี้จะช่วยเพิ่มความสงบและความชัดเจนในจิตใจ3. การสแกนร่างกายการสแกนร่างกายเป็นการฝึกสติที่ช่วยให้คุณตระหนักถึงความตึงเครียดหรือความรู้สึกต่างๆ ในร่างกาย เริ่มต้นจากการนั่งหรือนอนในท่าที่สบาย หลับตา และนำความสนใจไปที่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า สังเกตความรู้สึกที่เกิดขึ้นโดยไม่ตัดสินหรือพยายามเปลี่ยนแปลง การฝึกนี้จะช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับร่างกายและลดความเครียด4. การฝึกสติในกิจกรรมที่ทำซ้ำๆกิจกรรมที่ทำซ้ำๆ เช่น การล้างจาน การถูพื้น หรือการเดิน สามารถเป็นโอกาสในการฝึกสติได้ โดยให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหว ความรู้สึก และประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น การฝึกสติในกิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้คุณอยู่กับปัจจุบันและเพิ่มความพึงพอใจในชีวิตประจำวัน5. การฝึกสติผ่านการหายใจการจดจ่อกับลมหายใจเป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการฝึกสติ คุณสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา โดยนำความสนใจมาที่ลมหายใจเข้าและออก สังเกตความรู้สึกของลมหายใจที่ผ่านเข้ามาและออกไป หากจิตใจฟุ้งซ่าน ให้นำความสนใจกลับมาที่ลมหายใจ การฝึกนี้จะช่วยให้คุณสงบและมีสมาธิมากขึ้นการฝึกสติและสมาธิในชีวิตประจำวันไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากหรืออุปกรณ์พิเศษ แต่ต้องการความตั้งใจและการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการฝึกฝนเหล่านี้ คุณจะพบว่าชีวิตมีความสงบและความสุขมากขึ้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 227 มุมมอง 0 รีวิว
  • อินัง ผ. โพส ลืมอดีตอยู่กับปัจจุบัน ลืมPongเมิงสิ อดีตเมิงโgงเค้าเพียบ E ดอก ต้องชดใช้ไม่ใช่ลืม อิฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    อินัง ผ. โพส ลืมอดีตอยู่กับปัจจุบัน ลืมPongเมิงสิ อดีตเมิงโgงเค้าเพียบ E ดอก ต้องชดใช้ไม่ใช่ลืม อิฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 434 มุมมอง 0 รีวิว
  • 7/11/67

    “ปริศนาจากพระพุทธรูป"

    คงไม่มีใครไม่เคยเห็นพระพุทธรูป แต่คงจะมีน้อยคนที่รู้ว่า ลักษณะของพระพุทธรูปที่เราเห็นกันอยู่บ่อยครั้งนั้น แฝงข้อคิดอันประเสริฐสุดในชีวิตเอาไว้ ถึง 5 ประการ
    คือ

    1. พระเศียรแหลม

    มีคำถามว่า ทำไมพระพุทธรูปจึงมีพระเศียรแหลมในเมื่อพระพุทธเจ้าของเราก็เป็นมนุษย์ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเขาสร้างพระพุทธรูปเพื่อให้คิดเป็นปริศนาธรรม

    พระเศียรแหลมนั้นหมายถึง สติปัญญาที่เฉียบแหลมในการดำเนินชีวิต สอนให้เราใช้ชีวิตและรู้จักแก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วยสติปัญญาไม่ใช่ใช้แต่อารมณ์

    ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ไม่มีอะไรแก้ไขไม่ได้ ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ แก้ ใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อน แล้วความผิดพลาดจะเกิดขึ้นน้อย หรือแม้มันเกิดขึ้น เราก็จะเรียนรู้จากมันได้อย่างรวดเร็ว

    ปัญญาคือ ที่สุดแห่งธรรม หากมีปัญญา ชีวิตจะไม่มีปัญหา เพราะทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาจะกลายเป็นเครื่องมือที่สามารถนำไปใช้พัฒนาจิตใจได้เสมอ

    2. พระกรรณยาน

    หูยานเป็นปริศนาธรรมให้ชาวพุทธเป็นคนหูหนัก คือ มีความหนักแน่นมั่นคง ไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ แต่หมั่นคิดพิจารณาไตร่ตรองด้วยสติปัญญาอันแยบคาย แล้วจึงเชื่อในหลักฐานและข้อพิสูจน์ที่ตัวเองได้นำไปทดสอบแล้ว

    เราต้องเชื่อมั่นในหลักเหตุและผล (Cause & Effect) เชื่อว่าบุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น เชื่อว่าสุดท้าย คน ๆเดียวที่จะสามารถทำให้เราสุขหรือทุกข์ ดีหรือเลวได้คือ ตัวเราเอง และ ชีวิตเราจะเสื่อมทรามหรือเจริญรุ่งเรือง ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอำนาจภายนอกหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ขึ้นอยู่กับความคิด คำพูด และการกระทำของเราเองฉะนั้น ในการใช้ชีวิต ให้มีความสุขุมเยือกเย็น มีสติ และ มีเหตุผลเข้าไว้ อย่าปล่อยใจไปยึดตามสิ่งที่ได้ยิน เชื่อตามคนอื่น หรือตัดสินใจอย่างหุนหันพลันแล่นจนเกินไป ลองพิสูจน์สิ่งต่าง ๆด้วยตัวเองเสียก่อนจะเชื่อ ตามหลัก “กาลามสูตร” เพื่อฝึกฝนการเป็นคนที่มีจิตใจหนักแน่นมั่นคง ดั่งองค์พระพุทธฯ

    3. พระเนตรมองต่ำ

    พระพุทธรูปที่สร้างโดยทั่วไปจะมีพระเนตรมองลงที่พระวรกายของพระองค์ ไม่ได้มองดูหน้าต่าง หรือมองดูประตูพระอุโบสถว่าจะมีใครเข้ามาไหว้บ้าง นี่เป็นปริศนาธรรม

    สอนให้มองตนเองและพิจารณาตนเองเสมอ ตักเตือนแก้ไขตนเองก่อนจะไปคอยจับผิดผู้อื่น ตามปกติคนเรามักจะมองเห็นแต่ความผิดพลาดของบุคคลอื่น โดยลืมมองข้อบกพร่องของตนเอง มัวแต่เอาเวลาไปนินทาว่าร้ายและจ้องแต่จะคอยวิจารณ์หรือเปลี่ยนแปลงคนรอบข้างอย่างเดียว ทำให้สูญเสียโอกาสในการปรับปรุงพัฒนาตัวเอง ใครเล่าจะตักเตือนตัวเราได้ดีกว่าตัวเราเอง จึงมีพุทธพจน์ตรัสให้เตือนตนเองว่า

    “อตฺตนา โจทยตฺตาน”

    ซึ่งแปลเป็นกลอนได้ว่า...

    “จงเตือนตนของตนให้พ้นผิด
    ตนเตือนจิตตนได้ใครจะเหมือน
    ตนเตือนตนไม่ได้ใครจะเตือน
    ตนแชเชือนรีบเตือนตนให้พ้นภัย”

    นอกจากนั้น พระเนตรที่มองต่ำคือ การสอนให้ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ไม่ใช่เหม่อมองฟ้าจนฝันเฟื่องถึงเรื่องที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น หรือ มัวหลงล่องลอยอยู่ในอดีตที่ผ่านพ้นไปแล้วและไม่มีวันหวนกลับมา ตาที่มองลงต่ำจะช่วยย้ำเตือนใจเราว่า “กลับมาก่อนเถิด... กลับบ้านมาอยู่กับลมหายใจที่ปลายจมูก... เพราะนั่นคือ ดินแดนแห่งสวรรค์ที่แท้จริง”

    4. พระพักตร์อันสงบนิ่ง

    ไม่ว่าใครจะด่าว่าพระพุทธรูปอย่างไร ท่านก็ยังสงบนิ่ง ไม่ว่าน้ำจะท่วม แผ่นดินจะไหว หรือใครจะเตะ ต่อย นินทา หรือทำร้ายพระพุทธรูปมากแค่ไหน ท่านก็นิ่งสงบรับแรงกระทบต่าง ๆ เหล่านั้นอย่างมั่นคง เบิกบาน และไม่หวั่นไหวไปกับปัญหาทั้งเล็กและใหญ่

    ให้ความรู้สึกเย็นสบายต่อผู้พบเห็นอยู่เสมอ ในชีวิตของเรา ไม่ใช่ว่าเราจะต้องยอมคนอยู่เสมอ แต่ถ้าเราสามารถฝึกรับแรงกระแทกทุกรูปแบบด้วยความนิ่งสงบได้ เราก็จะสามารถตอบโต้อย่างสร้างสรรค์และทรงพลังยิ่งกว่าเดิม เพราะคนบ้าจะโต้ตอบแบบหน้ามืด และคนโง่จะตอบโต้ตอนที่ตัวเองกำลังโกรธ ส่งผลให้ตัวเองและคนอื่นตกตายไปตามกัน

    หากเรารู้จักนิ่งสงบรับแรงกระแทกต่าง ๆ ในชีวิตได้เหมือนพระพุทธรูป ขั้นตอนต่อไปของการตอบโต้จะเกิดจากสติ เกิดจากปัญญา และเกิดจากพลังอันยิ่งใหญ่ที่มาจากใจที่สงบนิ่ง ซึ่งจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สร้างบาดแผลให้กับคนอื่นหรือตัวเอง

    5. รอยยิ้มของผู้ที่เข้าใจโลก

    สุดท้าย คือปริศนาจากพระโอษฐ์ที่แย้มยิ้มอยู่เสมอ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่รักสรรพสิ่ง รักโลก และเข้าใจความจริงของโลก...

    ความจริงที่ว่า... ทุกสิ่งย่อมเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปเป็นธรรมดาความจริงที่ว่า... ไม่มีอะไรแน่นอน
    ความจริงที่ว่า... ไม่มีอะไรคงทนถาวรความจริงที่ว่า... ไม่มีอะไรเป็นของเราอย่างแท้จริง

    ความสุขและความทุกข์ เป็นของคู่กันเสมอ ฉะนั้น

    “ผู้ที่เข้าใจความจริง” จะสามารถสงบนิ่งอยู่ได้ในธรรมชาติของสรรพสิ่ง ไม่วิ่งตามกระแสโลกจนเหนื่อยเกินไป และสามารถใช้ชีวิตอย่างเบิกบานได้ท่ามกลางพายุที่โหมกระหน่ำ เพราะมีสัจธรรมเป็นที่พักพิง

    นอกจากนั้นรอยยิ้มของพระพุทธรูป คือ รอยยิ้มของผู้ที่ถ่อมตัว แต่ในขณะเดียวกันก็เข้าใจความยิ่งใหญ่และคุณค่าของความเป็นมนุษย์ รู้ว่าแม้ตัวเองจะเป็นเพียงเศษผงธุลีหนึ่งในจักรวาล แต่ก็เป็นเศษผงธุลีที่สามารถเข้าใจความจริงของจักรวาลได้ จึงทั้งเป็นสิ่งที่พิเศษและไม่พิเศษ ในเวลาเดียวกัน...

    อย่าลืมนะ ว่า ในจิตใจของพวกเราทุกคน มีความเป็นพุทธะ (ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน) ซ่อนอยู่ โดยไม่มีข้อยกเว้น เพราะหลายคนอาจไม่ทราบว่า แท้จริงคำว่า “พระพุทธเจ้า” (ผู้ตื่นรู้) ไม่ใช่ “ชื่อ” แต่เป็น “คำนำหน้าชื่อ”

    และในอดีตก็เคยมีพระพุทธเจ้ามาแล้วหลายพระองค์ โดยองค์ปัจจุบันที่เรารู้จักกันดีมีพระนามว่า

    “โคตมะ” ซึ่งแปลว่า “ผู้ขับไล่ความมืด (อวิชชา) ด้วยแสงสว่างแห่งปัญญา”

    ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า
    ไม่ว่าใครก็สามารถไปถึงจุดของความเป็น “พุทธะ” ได้ทั้งนั้น หากคนคนนั้นหมั่นใช้ชีวิตอย่างมีสติและมีปัญญาอยู่เสมอ

    # ฉะนั้น เมื่อใดที่เราก้มลงกราบพระพุทธรูป นอกจากจะระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าแล้ว ก็อย่าลืมระลึกถึงปรัชญาที่แฝงไว้ด้วย
    7/11/67 “ปริศนาจากพระพุทธรูป" คงไม่มีใครไม่เคยเห็นพระพุทธรูป แต่คงจะมีน้อยคนที่รู้ว่า ลักษณะของพระพุทธรูปที่เราเห็นกันอยู่บ่อยครั้งนั้น แฝงข้อคิดอันประเสริฐสุดในชีวิตเอาไว้ ถึง 5 ประการ คือ 1. พระเศียรแหลม มีคำถามว่า ทำไมพระพุทธรูปจึงมีพระเศียรแหลมในเมื่อพระพุทธเจ้าของเราก็เป็นมนุษย์ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเขาสร้างพระพุทธรูปเพื่อให้คิดเป็นปริศนาธรรม พระเศียรแหลมนั้นหมายถึง สติปัญญาที่เฉียบแหลมในการดำเนินชีวิต สอนให้เราใช้ชีวิตและรู้จักแก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วยสติปัญญาไม่ใช่ใช้แต่อารมณ์ ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ไม่มีอะไรแก้ไขไม่ได้ ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ แก้ ใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อน แล้วความผิดพลาดจะเกิดขึ้นน้อย หรือแม้มันเกิดขึ้น เราก็จะเรียนรู้จากมันได้อย่างรวดเร็ว ปัญญาคือ ที่สุดแห่งธรรม หากมีปัญญา ชีวิตจะไม่มีปัญหา เพราะทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาจะกลายเป็นเครื่องมือที่สามารถนำไปใช้พัฒนาจิตใจได้เสมอ 2. พระกรรณยาน หูยานเป็นปริศนาธรรมให้ชาวพุทธเป็นคนหูหนัก คือ มีความหนักแน่นมั่นคง ไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ แต่หมั่นคิดพิจารณาไตร่ตรองด้วยสติปัญญาอันแยบคาย แล้วจึงเชื่อในหลักฐานและข้อพิสูจน์ที่ตัวเองได้นำไปทดสอบแล้ว เราต้องเชื่อมั่นในหลักเหตุและผล (Cause & Effect) เชื่อว่าบุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น เชื่อว่าสุดท้าย คน ๆเดียวที่จะสามารถทำให้เราสุขหรือทุกข์ ดีหรือเลวได้คือ ตัวเราเอง และ ชีวิตเราจะเสื่อมทรามหรือเจริญรุ่งเรือง ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอำนาจภายนอกหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ขึ้นอยู่กับความคิด คำพูด และการกระทำของเราเองฉะนั้น ในการใช้ชีวิต ให้มีความสุขุมเยือกเย็น มีสติ และ มีเหตุผลเข้าไว้ อย่าปล่อยใจไปยึดตามสิ่งที่ได้ยิน เชื่อตามคนอื่น หรือตัดสินใจอย่างหุนหันพลันแล่นจนเกินไป ลองพิสูจน์สิ่งต่าง ๆด้วยตัวเองเสียก่อนจะเชื่อ ตามหลัก “กาลามสูตร” เพื่อฝึกฝนการเป็นคนที่มีจิตใจหนักแน่นมั่นคง ดั่งองค์พระพุทธฯ 3. พระเนตรมองต่ำ พระพุทธรูปที่สร้างโดยทั่วไปจะมีพระเนตรมองลงที่พระวรกายของพระองค์ ไม่ได้มองดูหน้าต่าง หรือมองดูประตูพระอุโบสถว่าจะมีใครเข้ามาไหว้บ้าง นี่เป็นปริศนาธรรม สอนให้มองตนเองและพิจารณาตนเองเสมอ ตักเตือนแก้ไขตนเองก่อนจะไปคอยจับผิดผู้อื่น ตามปกติคนเรามักจะมองเห็นแต่ความผิดพลาดของบุคคลอื่น โดยลืมมองข้อบกพร่องของตนเอง มัวแต่เอาเวลาไปนินทาว่าร้ายและจ้องแต่จะคอยวิจารณ์หรือเปลี่ยนแปลงคนรอบข้างอย่างเดียว ทำให้สูญเสียโอกาสในการปรับปรุงพัฒนาตัวเอง ใครเล่าจะตักเตือนตัวเราได้ดีกว่าตัวเราเอง จึงมีพุทธพจน์ตรัสให้เตือนตนเองว่า “อตฺตนา โจทยตฺตาน” ซึ่งแปลเป็นกลอนได้ว่า... “จงเตือนตนของตนให้พ้นผิด ตนเตือนจิตตนได้ใครจะเหมือน ตนเตือนตนไม่ได้ใครจะเตือน ตนแชเชือนรีบเตือนตนให้พ้นภัย” นอกจากนั้น พระเนตรที่มองต่ำคือ การสอนให้ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ไม่ใช่เหม่อมองฟ้าจนฝันเฟื่องถึงเรื่องที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น หรือ มัวหลงล่องลอยอยู่ในอดีตที่ผ่านพ้นไปแล้วและไม่มีวันหวนกลับมา ตาที่มองลงต่ำจะช่วยย้ำเตือนใจเราว่า “กลับมาก่อนเถิด... กลับบ้านมาอยู่กับลมหายใจที่ปลายจมูก... เพราะนั่นคือ ดินแดนแห่งสวรรค์ที่แท้จริง” 4. พระพักตร์อันสงบนิ่ง ไม่ว่าใครจะด่าว่าพระพุทธรูปอย่างไร ท่านก็ยังสงบนิ่ง ไม่ว่าน้ำจะท่วม แผ่นดินจะไหว หรือใครจะเตะ ต่อย นินทา หรือทำร้ายพระพุทธรูปมากแค่ไหน ท่านก็นิ่งสงบรับแรงกระทบต่าง ๆ เหล่านั้นอย่างมั่นคง เบิกบาน และไม่หวั่นไหวไปกับปัญหาทั้งเล็กและใหญ่ ให้ความรู้สึกเย็นสบายต่อผู้พบเห็นอยู่เสมอ ในชีวิตของเรา ไม่ใช่ว่าเราจะต้องยอมคนอยู่เสมอ แต่ถ้าเราสามารถฝึกรับแรงกระแทกทุกรูปแบบด้วยความนิ่งสงบได้ เราก็จะสามารถตอบโต้อย่างสร้างสรรค์และทรงพลังยิ่งกว่าเดิม เพราะคนบ้าจะโต้ตอบแบบหน้ามืด และคนโง่จะตอบโต้ตอนที่ตัวเองกำลังโกรธ ส่งผลให้ตัวเองและคนอื่นตกตายไปตามกัน หากเรารู้จักนิ่งสงบรับแรงกระแทกต่าง ๆ ในชีวิตได้เหมือนพระพุทธรูป ขั้นตอนต่อไปของการตอบโต้จะเกิดจากสติ เกิดจากปัญญา และเกิดจากพลังอันยิ่งใหญ่ที่มาจากใจที่สงบนิ่ง ซึ่งจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สร้างบาดแผลให้กับคนอื่นหรือตัวเอง 5. รอยยิ้มของผู้ที่เข้าใจโลก สุดท้าย คือปริศนาจากพระโอษฐ์ที่แย้มยิ้มอยู่เสมอ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่รักสรรพสิ่ง รักโลก และเข้าใจความจริงของโลก... ความจริงที่ว่า... ทุกสิ่งย่อมเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปเป็นธรรมดาความจริงที่ว่า... ไม่มีอะไรแน่นอน ความจริงที่ว่า... ไม่มีอะไรคงทนถาวรความจริงที่ว่า... ไม่มีอะไรเป็นของเราอย่างแท้จริง ความสุขและความทุกข์ เป็นของคู่กันเสมอ ฉะนั้น “ผู้ที่เข้าใจความจริง” จะสามารถสงบนิ่งอยู่ได้ในธรรมชาติของสรรพสิ่ง ไม่วิ่งตามกระแสโลกจนเหนื่อยเกินไป และสามารถใช้ชีวิตอย่างเบิกบานได้ท่ามกลางพายุที่โหมกระหน่ำ เพราะมีสัจธรรมเป็นที่พักพิง นอกจากนั้นรอยยิ้มของพระพุทธรูป คือ รอยยิ้มของผู้ที่ถ่อมตัว แต่ในขณะเดียวกันก็เข้าใจความยิ่งใหญ่และคุณค่าของความเป็นมนุษย์ รู้ว่าแม้ตัวเองจะเป็นเพียงเศษผงธุลีหนึ่งในจักรวาล แต่ก็เป็นเศษผงธุลีที่สามารถเข้าใจความจริงของจักรวาลได้ จึงทั้งเป็นสิ่งที่พิเศษและไม่พิเศษ ในเวลาเดียวกัน... อย่าลืมนะ ว่า ในจิตใจของพวกเราทุกคน มีความเป็นพุทธะ (ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน) ซ่อนอยู่ โดยไม่มีข้อยกเว้น เพราะหลายคนอาจไม่ทราบว่า แท้จริงคำว่า “พระพุทธเจ้า” (ผู้ตื่นรู้) ไม่ใช่ “ชื่อ” แต่เป็น “คำนำหน้าชื่อ” และในอดีตก็เคยมีพระพุทธเจ้ามาแล้วหลายพระองค์ โดยองค์ปัจจุบันที่เรารู้จักกันดีมีพระนามว่า “โคตมะ” ซึ่งแปลว่า “ผู้ขับไล่ความมืด (อวิชชา) ด้วยแสงสว่างแห่งปัญญา” ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า ไม่ว่าใครก็สามารถไปถึงจุดของความเป็น “พุทธะ” ได้ทั้งนั้น หากคนคนนั้นหมั่นใช้ชีวิตอย่างมีสติและมีปัญญาอยู่เสมอ # ฉะนั้น เมื่อใดที่เราก้มลงกราบพระพุทธรูป นอกจากจะระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าแล้ว ก็อย่าลืมระลึกถึงปรัชญาที่แฝงไว้ด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 951 มุมมอง 0 รีวิว
  • เวลาชีวิตเราลดลงไปทุกวัน
    อย่าเสียดายสิ่งที่ผ่านมา
    แต่จงอยู่กับปัจจุบันให้มีความสุข
    เพราะไม่มีใคร
    อยู่บนโลกนี้ได้ตลอดกาล

    ที่มา เพจรักกัน
    เวลาชีวิตเราลดลงไปทุกวัน อย่าเสียดายสิ่งที่ผ่านมา แต่จงอยู่กับปัจจุบันให้มีความสุข เพราะไม่มีใคร อยู่บนโลกนี้ได้ตลอดกาล ที่มา เพจรักกัน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 82 มุมมอง 0 รีวิว
  • อยู่กับปัจจุบันให้เต็มที่
    ไม่ต้องกังวลถึงพรุ่งนี้


    จากหนังสือ |ชีวิตเรามีแค่สี่พันสัปดาห์

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ชีวิตเรามีแค่สี่พันสัปดาห์
    อยู่กับปัจจุบันให้เต็มที่ ไม่ต้องกังวลถึงพรุ่งนี้ จากหนังสือ |ชีวิตเรามีแค่สี่พันสัปดาห์ #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ชีวิตเรามีแค่สี่พันสัปดาห์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 369 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อใดที่เรารู้สึกว่าชีวิตยุ่งเหยิงหรือขาดการเรียงลำดับ การจัดระเบียบจิตใจเป็นวิธีเริ่มต้นที่ดีที่สุด เพราะจิตใจเป็นตัวกำหนดการกระทำและความกระตือรือร้นในทุกๆ วัน

    การตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนในใจทำให้การจัดการชีวิตง่ายขึ้น เช่น หากตั้งใจจะพัฒนาภายในหรือฝึกจิตใจให้เป็นระเบียบ นั่นจะช่วยให้เราสามารถจัดการกับสภาพแวดล้อมหรือปัญหาที่อยู่รอบๆ ได้ดีขึ้น ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าเป้าหมายนั้นจะเป็นเรื่องภายนอกเสมอไป แต่อยู่ที่ว่าเป้าหมายนั้นทำให้จิตใจเรามั่นคงหรือไม่

    เมื่อใดที่รู้ภสึกฟุ้งซ่านหรือรู้สึกว่าไม่มีอะไรเป็นระเบียบ ลองนึกถึงสิ่งที่จะช่วยให้ใจสงบและเป็นสมาธิ อาจเริ่มด้วยการทำงานตรงหน้าให้ดีที่สุด ไม่เปรียบเทียบ ไม่ใช้อารมณ์ไปตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นรอบตัว เพราะการคิดว่าใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบจากงานนั้น อาจเป็นต้นเหตุของการเกิดความฟุ้งซ่านที่ไม่จำเป็น

    จิตใจที่หิวเป้าหมาย มักฟุ้งซ่านเมื่อไม่ได้ทำอะไรที่ชัดเจน การตั้งโจทย์ให้กับจิตใจและมองงานให้เป็นเครื่องมือในการฝึกฝนจิตใจไม่ให้หลงไปกับเรื่องต่างๆ จะทำให้ใจนิ่งและเกิดสมาธิ งานหรือสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบนั้นมีคุณค่าตรงที่ทำให้เราอยู่กับปัจจุบัน เป็นเครื่องช่วยพาจิตใจกลับมาเสมอ

    เมื่อใดที่เรารู้สึกว่าชีวิตยุ่งเหยิงหรือขาดการเรียงลำดับ การจัดระเบียบจิตใจเป็นวิธีเริ่มต้นที่ดีที่สุด เพราะจิตใจเป็นตัวกำหนดการกระทำและความกระตือรือร้นในทุกๆ วัน การตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนในใจทำให้การจัดการชีวิตง่ายขึ้น เช่น หากตั้งใจจะพัฒนาภายในหรือฝึกจิตใจให้เป็นระเบียบ นั่นจะช่วยให้เราสามารถจัดการกับสภาพแวดล้อมหรือปัญหาที่อยู่รอบๆ ได้ดีขึ้น ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าเป้าหมายนั้นจะเป็นเรื่องภายนอกเสมอไป แต่อยู่ที่ว่าเป้าหมายนั้นทำให้จิตใจเรามั่นคงหรือไม่ เมื่อใดที่รู้ภสึกฟุ้งซ่านหรือรู้สึกว่าไม่มีอะไรเป็นระเบียบ ลองนึกถึงสิ่งที่จะช่วยให้ใจสงบและเป็นสมาธิ อาจเริ่มด้วยการทำงานตรงหน้าให้ดีที่สุด ไม่เปรียบเทียบ ไม่ใช้อารมณ์ไปตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นรอบตัว เพราะการคิดว่าใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบจากงานนั้น อาจเป็นต้นเหตุของการเกิดความฟุ้งซ่านที่ไม่จำเป็น จิตใจที่หิวเป้าหมาย มักฟุ้งซ่านเมื่อไม่ได้ทำอะไรที่ชัดเจน การตั้งโจทย์ให้กับจิตใจและมองงานให้เป็นเครื่องมือในการฝึกฝนจิตใจไม่ให้หลงไปกับเรื่องต่างๆ จะทำให้ใจนิ่งและเกิดสมาธิ งานหรือสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบนั้นมีคุณค่าตรงที่ทำให้เราอยู่กับปัจจุบัน เป็นเครื่องช่วยพาจิตใจกลับมาเสมอ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • 18-10-67/01 : หมี CNN / คัมภีร์หมี วิชัยยุทธ" EP.42 ชื่อตอนว่า "THE LAND OF NO HIA?" ไอ้สัส! โลกประกาศชัด มีโลก ไม่มีเหี้ย? ดาหน้าตายหมู่ อีมาครงปากดี จะเอาอียิวรอดหรือเผ่าพันธุ์มรึงรอดดีล่ะ? อาณานิคมจบแล้ว ยังจะเหลือเหี้ยอะไรให้แดร๊ก เจ๊งหมดทั้งภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม เบอร์ 1 ยุโรปอย่างอีเบียร์ยังทรุด จมดิ่งเหว งัดข้ออีเนรคุณทันยา ตบหน้าออกสื่อโลก "มรึงได้แผ่นดิน ตั้งรัฐยิว เพราะ UN" แถวบ้านเรียก "ทวงบุญคุณ" ไม่รีรอ อีเนรคุณทันยา ซัดกลับ กูได้เพราะไปไล่ยึดเค้ามา มติห่าอะไรก็ไม่ได้ช่วยให้กูมีแผ่นดิน หากไม่จบที่ปากกระบอกปืน ชัดพอมั้ย? ตรรกะเหี้ยชี้ชัด อยากได้ต้องใช้กำลังเท่านั้น! รัสเซีย จีน นอนกระดิกตรีนดูเหี้ยกัดกัน แม้แต่อีลูกเลิฟ สิงโตง่อย ยังหักหลังนายใหญ่ได้ หมดตูด ไม่เติม ไม่ส่ง กูจะสิ้นชาติอยู่แล้ว ช่วยตัวเองล่ะกัน นายจ๋า? โลกของเหี้ย ยามตกอับ หมาไม่แล ยามครองโลก ชะเลียเช้าเย็น นี่แหละ "โลกของทุนนิยมเหี้ยสามานย์" อย่าหวังความจริงใจในหมู่โจร! อ้าว..ไม่ช่วยอียิว พวกมรึงก็จะตายห่าด้วยน่ะ ใครบอกล่ะ? หลังม่านเหล็ก อีเศษฝรั่ง อีเบียร์ เตรียมย้ายขั้วแล้วจ๊ะ ที่มาว่าเลขา UN เตรียมไปประชุมกับ BRICS ตีโจทย์ให้แตก ใครเอาใครอยู่? สำหรับไอ้พวกเหี้ย ที่ใดคือแหล่งพลังงาน แหล่งทรัพยากร เจ้ามือโลกใหม่มา ใครไม่เกาะก็ไม่ใช่เหี้ย? คิดว่าจีน รัสเซีย จะปล่อยให้มรึงมาง่ายๆ เหรอ? ดอกนี้ มรึงต้องชดใช้กรรม เอาให้หมดสภาพ สั่งสอนที่คิด "วัดรอยตรีน" ประวัติศาสตร์มันฟ้อง รัสเซียถูก อีเบียร์ อีเศษฝรั่ง ลอบกัดมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว งวดนี้ หากกูไม่ขยี้มรึงก่อน "กูไม่ใช่ปูติน" เอาเลือดเหี้ยมาล้างตรีนกู เป็นพิธีกรรม สะกดวิญญานเหี้ยให้อยู่ใต้ตรีนขั้วใหม่ไปตลอดกาล T WHO T IT? ด้านเหี้ยมะกัน คุย แอบย่องส่ง B2 ไปถล่มคลังแสงใต้ดินเยเมน จริงดิ? "มหกรรมตอแหลรายวัน" เรือรบมรึงกลายเป็นปะการังในมหาสมุทรเกลี้ยง จะล่อลูกยาว เอาบินทิ้งระเบิดมา คิดว่าเยเมน เค้าไม่เตรียมการรอเชือดไว้ก่อนเหรอไง? ทางน้ำเข้าไม่ถึง ทางบกไม่มีสิทธิ์ ก็เหลือแค่ทางอากาศ B2 มันรุ่นไหนแล้ว เอารุ่นปู่มาขู่ แล้วระเบิดมรึงเนี่ย คุยซะมากกว่าผลลัพธ์ซะอีก เยเมนซัดกลับ "สะกิดอะไรรึจ๊ะ" ทำได้แค่นี้เองเหยอ? เดี๋ยวตากูล่อกลับ อย่าร้องขอชีวิต เสพสื่อเหี้ย ให้ตีตรงกันข้ามให้หมด แล้วมรึงจะได้ความจริง! เรื่องง่ายๆ ที่ควายคิดไม่ทัน? เยเมน มีของดี ของหนักอยู่ครบ อย่าไปห่วง เลบานอน มีกองหนุนทั้งโลกอาหรับ มุสลิม แห่กันเข้ามาในพื้นที่หมดแล้ว อียิวมีปัญญาเหรอ? ดูโลกความเป็นจริง อย่ามโนกันเยอะ? ข้ามวิกแป๊บ : อีแดง อีส้มเน่า กำลังจะเผาตัวเอง มาตามนัด ดันนิรโทษกรรม มอ 112 สุดซอย เพราะไม่เหลือเหี้ยอะไรอีกแล้ว จะตามมาด้วยคำสั่ง "ยุบพรรค" และตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต ชี้ชัดขัดรัฐธรรมนูญโดยตรง! แสดงตัวเป็นปฎิปักษ์ระบบการปกครอง ดอกนี้ ถึงขั้น "ประหารชีวิต" ทำไมเหี้ยมันจะไม่รู้? แต่เพราะพ่อยิวมันกำลังจะตาย ท่อน้ำเลี้ยงตัน เศษกระดาษขายไม่ออก ไม่ยึดไทย ก็คือจบ เข้าทางตรีนวังเต็มเหนี่ยว ได้เวลา "ราชาธิปไตยก้าวหน้า" แล้วสิน่ะ เพราะปชต.ตอแหล กำลังจะตายคาตรีนคนไทย ไทยโมเดลหอมหวล โลกรอดู จะฆ่าปชต.ตายห่ายังไงจ๊ะ? หลายชาติ แม้แต่ในยุโรป ที่เคยมีระบบกษัตริย์ ตอนนี้ แห่กันเรียกร้อง นำระบบราชาธิปไตยกลับมาอย่างถล่มทลาย เพราะรู้เช่นเห็นชาติแล้วว่า "ปชต.ตอแหล" มัน MADE IN JEW ZIONIST นี่หว่า? ควายโลกตื่นกันหมดแล้ว! เชิญแดร๊กปชต.ให้อิ่มท้องน่ะจ๊ะ เพราะพรุ่งนี้ มรึงจะไม่มีอะไรให้แดร๊กอีกต่อไป เหี้ยกับควาย คือของคู่กัน! ข้ามมาดูเกมส์โลก ลีลาปูติน ไม่ธรรมดา "อย่าน่ะ" อย่าเข้าร่วมยูเครนน่ะ NATO จะมาจริงดิ? กูกลัวจุงเบย อย่าน่ะ เดี๋ยวไม่พอตาย เพราะกูเตรียมระเบิดเกินจำนวนเหี้ยอย่างมรึงไว้เยอะเกิน คิดว่าจะมาเยอะ ที่ไหนได้ ตายห่าเกลี้ยงไปซะก่อน ฆ่าเหี้ยมันสบายตรีน กูต้องแสดงท่าทางท่าทีด้วยมุย? "กลัวแล้วจ๊ะ" อย่ามาน่ะ อย่าช้า ไอ้สัส! หลายคนสงสัย เมื่อไหร่จะล่ออีโปล ฟังสิจ๊ะ? เมื่อรัสเซียตั้งรัฐใหม่เรียบร้อย ยึดหัวหาดเบ็ดเสร็จ ครอบครองยุทธศาสตร์หลักหมดเกลี้ยง อีโปลแค่ประตูทางผ่าน เพราะไม่สามารถสกัดเหี้ยอะไรได้อีกแล้ว เป้าหมายคือลอนดอน อีฟินน์ อีสวิงกิ้ง นั่นคือขนมหวาน ที่ต้องทำก่อนตอนนี้ คือยึดพื้นที่หลักให้เกลี้ยงในยูเครน ทันที ที่กองทัพรัสเซีย เข้าไปตั้งฐานทัพใหม่สวมแทนฐานทัพเก่า นั่นแหละ "ไคร์เมียร์" ถึงจะเป็นรัสเซียโดยสมบูรณ์ เพราะจะไม่มีใครเข้าใกล้ไคร์เมียร์ได้อีกต่อไป เพราะรอบข้างถูกกวาดล้างหมดแล้ว สรุปคือ "สร้างความมั่นคงให้ไคร์เมียร์จบ เดินหน้าต่อด้วยความกระเหี้ยนกระหือรือ" ยังไง พวกมรึงไม่รอดส้นตรีนกูแน่ รอก่อน ไม่นานเกินรอ? อีโปลก็รู้ อีผีดิบยิ่งรู้ อีสมันน้อยยิ่งรู้ดีกว่าใคร มันถึงได้พยายามจะย้ายขั้วทันที ที่สบโอกาส แต่เหี้ยยังไม่เปิดโอกาสในตอนนี้ พูดง่ายๆ ภาคยุโรป "รัสเซียครองยุโรปเบ็ดเสร็จไปแล้วในเชิงพฤตินัย" ด้านตะวันออกกลาง อิหร่านและโลกอาหรับ มุสลิม ล้อมและขยี้เหี้ยยิวอย่างเมามันส์ มรึงทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว นอกจากจะเปิด "สงครามนุ๊ก" ซึ่งเยรูซาเล็ม จะหายไปจากแผนที่โลกทันที ก่อเกิด รัฐปาเลสไตน์ใหม่แทนที่ นี่คือบทสรุป ที่โลกขีดเขียนไว้ล่วงหน้าแล้ว เกจิดัง กุนซือ ระดับหัวกระทิโลก เค้ามองออก มองทะลุ อ่านขาดนานแล้ว ว่าเกมส์นี้ มันจะจบยังไง ข้ามเรื่องแป๊บ : กูเคยบอกแล้วชิมิ? กลียุค อะไรที่มรึงเคยเชื่อ อะไรที่มรึงเคยเห็น เคยเทิดทูล เคยคิดว่าดี เคยคิดว่าใช่ แสงทำงาน คือเปิดเผยความจริงทั้งหมด รู้เช่นเห็นชาติเกลี้ยง พระดี พระชั่ว พระตัณหากลับ พระปลอม โจรในคราบผ้าเหลือง มรึงจะได้เห็นหมดเปลือก "ตัณหา ราคะ กิเลส" ก็ไม่ยกเว้นพระ ไม่สำคัญว่ามรึงถือศีล จะอยู่ในเครื่องแบบไหน ความดี คิดดี มันอยู่ที่จิตใจมรึง เพราะมีสติ เพราะมีปัญญา ถึงได้ยับยั้งชั่งใจได้ หาไม่แล้ว คนก็ไม่ต่างอะไรกับสัดเดรัจฉาน ยิ่งเป็นพระ ยิ่งต้องระวังมากกว่า 100 เท่า สิ่งยั่วยวนมันเยอะ พระตบะแตกมากมาย ก็เพราะสีกาเล่นท่ายาก เสพอะไร ก็ได้อย่างนั้น กูถึงบอกไงล่ะว่า "I LOVE กลียุค" เพราะจะได้เห็นอะไรที่มรึงคาดไม่ถึงอีกเยอะ เหมือนที่ผ่านมา คนมีสติ จะแยกแยะออก เพราะมันเป็นเช่นนี้ นี่เอง? มีปม มีเหตุ จึงมีผลลัพธ์ตามมา เรื่องราวบนโลก แค่ใช้สติ ไม่มีอะไรที่มรึงแก้ไม่ได้ แค่ตรงใจมรึง หรือไม่ เท่านั้นเอง? พระดีดี พระที่มุ่งหาทางสว่าง จะไม่แตะ ไม่ต้อง สิ่งโสมมโดยไม่จำเป็น ที่ใช้คำว่าโดยไม่จำเป็น เพราะในบางสถานการณ์ หลีกเลี่ยงไม่ได้ คิดจะช่วย คิดจะทำทาน คิดจะแผ่บุญกุศล บางครั้งจำเป็นจะต้องผ่านเครื่องมือ อุปกรณ์ ต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงคนหมู่มาก เพื่ออานิสงค์แห่งธรรมไปทั่วถึง ดังนั้น พระจึงต้องมีสติมากกว่าคนทั่วไป 100 เท่า ไม่ถูกดูดเข้าไปในโลกโลกีย์ แต่เท่าที่กูเห็นพระตาม TV บอกตรง "มันใช่กิจของพระเหรอ?" เทศน์ก็เรื่อง ก่อนเทศน์ ทำให้ได้ก่อนน่ะ ศาสนาไม่ได้ผิด ผิดที่ปัจเจกบุคคล องค์คณะ ดีชั่ว ต่างรู้เห็นแจ้งกันเอง ไม่ต้องให้ใครมาบอก?

    ปล.หลายคนไม่เข้าใจ ทำไมช่วงหลัง เพ่หมี ต้องสอดไส้คาราเมล แฝง FACT ธรรม สติ ปัญญา เหมือนจะเทศก์ให้ฟัง หาได้ไม่? กูไม่ใช่พระ และกูก็คือหมีหื่น มีกิเลส ตัณหา เหมือนพวกมรึงหมดทุกคน หากแต่ว่า กูแค่ชี้ให้มรึงเห็นเต็ม 2 ตา ที่มาของทุกข์ ที่มาขอความสุขแท้จริง มันอยู่ที่มรึงเลือกทั้งนั้น ไม่มีใครไปบังคับใจมรึงได้ ใจเป็นของมรึง สติเป็นของมรึง เรื่องราวบนโลก สงคราม การเมือง แผ่นดิน คนดี คนชั่ว ล้วนถูกตัดสินจากการกระทำทั้งสิ้น ดังนั้น ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว คือสัจธรรม คือธรรมชาติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้ วันนี้ มรึงฆ่าเค้า พรุ่งนี้ เค้าก็ฆ่ามรึง ไม่รู้จบ เมื่อเข้าใจแก่นแท้ของปัญหาทั้งโลก มรึงก็จะเข้าใจชีวิต และตัวมรึงเอง ว่าจะเอายังไงกับชีวิตต่อไป? ข่าวสาร กูซัดไม่เลี้ยงอยู่แล้ว ข้อมูล วิเคราะห์ ไม่มีกั๊ก มี 100 ให้ไป 100 แต่สิ่งที่กูอยากจะให้ไม่แพ้ข้อมูลคือ "สติ" คนตามหมีมา 10 ปีกว่า ย่อมมีสติทุกคน ไม่งั้น มรึงคงได้กลายเป็นคนบ้าไปนานแล้ว เพราะเรื่องที่กูพูดมีหลายเรื่อง และแต่ละเรื่อง "มันยิ่งกว่า THE METRIX" หากไร้สติ มรึงจะไม่ GET ในสิ่งที่กูสื่อ เท่ากับกูได้คัดสรร เลือกผู้ที่คู่ควรจะได้อยู่บนโลกต่อนั่นเอง ส่วนกูจะไปดาวกุ๊กกูร่านสวาท ไปตามหาเพื่อน E.T ยามออกจากร่างเน่าเปื่อยนี้แล้ว ปิดท้ายด้วยเรื่อง "ผู้นำฮามาส" ตายอีกล่ะ กูถามคำเดียว มรึงรู้มั้ยว่า ฮามาส คือใคร? เกิดจากใคร? เป้าหมายเดียวคือ "ยึดแผ่นดินคานาอันคืนจากยิว" และไล่ฆ่าไอ้อียิวทุกตัวที่เข้ามาในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์นี้ ทุกคนคือผู้นำฮามาสได้หมด เพราะสู้กันมานานกว่า 30 ปี ดังนั้น ยามศึก ผู้นำฮามาส คือนักรบนั่นเอง หน้าฉากคือผู้นำ หลังฉากคือผู้เสียสละ เพราะไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงว่าผู้นำฮามาส ที่สั่งการทั้งหมดคือใคร? เข้าใจยัง? ต่อให้ตั้งผู้นำฮามาส 100 คน ตายห่าพร้อมกัน ฮามาสก็ยังดำเนินแผนการรบต่อได้ปกติ เพราะสมองกล ผู้สั่งการทั้งหมด ไม่ได้ออกหน้า ที่พูดเรื่องนี้ ก็เพื่อจะบอกว่า ทั้งอิหร่าน ฮามาส เฮซบอเลาะห์ ฮูตี ใช้สูตรเดียวกันหมด ที่มาว่าทำไม รัสเซีย อเมริกา ถึงได้แพ้สงครามอัฟกานิสถาน เพราะหัวหน้าตัวจริงไม่เคยปรากฎตัวไงล่ะ เข้าใจวิถีนักรบอาหรับ เปอร์เซีย แล้วรึยัง? ไม่งั้น มรึงจะถามกูทุกวัน หัวหน้าฮามาสตาย หัวหน้าเฮซบอเลาะห์ตาย หัวหน้าฮูตีตาย? กูถามกลับคำเดียว "มรึงรู้เหรอ ใครคือหัวหน้าตัวจริง เสียงจริง?" เพราะในโลกลึกลับ ซับซ้อน มันมีอะไรที่มรึงยังไม่รู้อีกเยอะ สื่อรายงาน เพราะมาจากปากคน แล้วใครสามารถยืนยันจากปากใครได้ล่ะ? เค้าถึงเรียกว่า "ปั่น" ไงล่ะ หลอกกันไป หลอกกันมา สุดท้าย "ละครปาหี่ลวงโลกทั้งนั้น" สรุปให้ฟังคือ "โลกเปลี่ยนไปแล้ว จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว" รัสเซีย จีน จะได้นำโลกโดยสมบูรณ์ พันธมิตรขั้วใหม่จะรวยเละเทะ แบบไม่ต้องปรึกษาใคร? BRICS จะนำสันติสุขแท้จริงให้โลก เลิกฆ่าฟัน เลิกคว่ำบาตร แบ่งปัน กระจายสินค้าทั่วโลก ไม่มีกีดกันอีกต่อไป พลังงานเข้าถึงหมดทุกที่บนโลก ส่วน "ปชต.ตอแหล" จะกลายเป็นสิ่งอัปยศแก่คนรุ่นหลัง ยุคกษัตริย์จะเฟื่องฟู อยู่ให้ถึงวันนั้นน่ะ..ตะเอง ไทยคือ TOP10 โลก แม้แต่ยุโรปยังต้องกราบตรีน

    หมี CNN(เอาให้สุด ทะลุตับไตไส้พุง ไม่รู้ ต้องรู้ ไม่เชื่อ ก็ต้องเชื่อ สติมา ปัญญาเกิด คิดดีกว่าพูด พูดดีกว่าหลับ ชั่วดี ก็แค่ช่วงเวลา ผ่านมา และก็ผ่านไป อยู่กับปัจจุบัน อยู่กับความจริง เชื่อมั่นในบรรพบุรุษ เพราะเค้าผ่านอะไรมาเยอะมากกว่าเรา รักษาตนให้ดี ดูแลลูกหลานให้มั่น คือทำหน้าที่)
    18 ตุลาคม 67
    10.43 น.

    https://linevoom.line.me/post/1172931801766776937
    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    18-10-67/01 : หมี CNN / คัมภีร์หมี วิชัยยุทธ" EP.42 ชื่อตอนว่า "THE LAND OF NO HIA?" ไอ้สัส! โลกประกาศชัด มีโลก ไม่มีเหี้ย? ดาหน้าตายหมู่ อีมาครงปากดี จะเอาอียิวรอดหรือเผ่าพันธุ์มรึงรอดดีล่ะ? อาณานิคมจบแล้ว ยังจะเหลือเหี้ยอะไรให้แดร๊ก เจ๊งหมดทั้งภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม เบอร์ 1 ยุโรปอย่างอีเบียร์ยังทรุด จมดิ่งเหว งัดข้ออีเนรคุณทันยา ตบหน้าออกสื่อโลก "มรึงได้แผ่นดิน ตั้งรัฐยิว เพราะ UN" แถวบ้านเรียก "ทวงบุญคุณ" ไม่รีรอ อีเนรคุณทันยา ซัดกลับ กูได้เพราะไปไล่ยึดเค้ามา มติห่าอะไรก็ไม่ได้ช่วยให้กูมีแผ่นดิน หากไม่จบที่ปากกระบอกปืน ชัดพอมั้ย? ตรรกะเหี้ยชี้ชัด อยากได้ต้องใช้กำลังเท่านั้น! รัสเซีย จีน นอนกระดิกตรีนดูเหี้ยกัดกัน แม้แต่อีลูกเลิฟ สิงโตง่อย ยังหักหลังนายใหญ่ได้ หมดตูด ไม่เติม ไม่ส่ง กูจะสิ้นชาติอยู่แล้ว ช่วยตัวเองล่ะกัน นายจ๋า? โลกของเหี้ย ยามตกอับ หมาไม่แล ยามครองโลก ชะเลียเช้าเย็น นี่แหละ "โลกของทุนนิยมเหี้ยสามานย์" อย่าหวังความจริงใจในหมู่โจร! อ้าว..ไม่ช่วยอียิว พวกมรึงก็จะตายห่าด้วยน่ะ ใครบอกล่ะ? หลังม่านเหล็ก อีเศษฝรั่ง อีเบียร์ เตรียมย้ายขั้วแล้วจ๊ะ ที่มาว่าเลขา UN เตรียมไปประชุมกับ BRICS ตีโจทย์ให้แตก ใครเอาใครอยู่? สำหรับไอ้พวกเหี้ย ที่ใดคือแหล่งพลังงาน แหล่งทรัพยากร เจ้ามือโลกใหม่มา ใครไม่เกาะก็ไม่ใช่เหี้ย? คิดว่าจีน รัสเซีย จะปล่อยให้มรึงมาง่ายๆ เหรอ? ดอกนี้ มรึงต้องชดใช้กรรม เอาให้หมดสภาพ สั่งสอนที่คิด "วัดรอยตรีน" ประวัติศาสตร์มันฟ้อง รัสเซียถูก อีเบียร์ อีเศษฝรั่ง ลอบกัดมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว งวดนี้ หากกูไม่ขยี้มรึงก่อน "กูไม่ใช่ปูติน" เอาเลือดเหี้ยมาล้างตรีนกู เป็นพิธีกรรม สะกดวิญญานเหี้ยให้อยู่ใต้ตรีนขั้วใหม่ไปตลอดกาล T WHO T IT? ด้านเหี้ยมะกัน คุย แอบย่องส่ง B2 ไปถล่มคลังแสงใต้ดินเยเมน จริงดิ? "มหกรรมตอแหลรายวัน" เรือรบมรึงกลายเป็นปะการังในมหาสมุทรเกลี้ยง จะล่อลูกยาว เอาบินทิ้งระเบิดมา คิดว่าเยเมน เค้าไม่เตรียมการรอเชือดไว้ก่อนเหรอไง? ทางน้ำเข้าไม่ถึง ทางบกไม่มีสิทธิ์ ก็เหลือแค่ทางอากาศ B2 มันรุ่นไหนแล้ว เอารุ่นปู่มาขู่ แล้วระเบิดมรึงเนี่ย คุยซะมากกว่าผลลัพธ์ซะอีก เยเมนซัดกลับ "สะกิดอะไรรึจ๊ะ" ทำได้แค่นี้เองเหยอ? เดี๋ยวตากูล่อกลับ อย่าร้องขอชีวิต เสพสื่อเหี้ย ให้ตีตรงกันข้ามให้หมด แล้วมรึงจะได้ความจริง! เรื่องง่ายๆ ที่ควายคิดไม่ทัน? เยเมน มีของดี ของหนักอยู่ครบ อย่าไปห่วง เลบานอน มีกองหนุนทั้งโลกอาหรับ มุสลิม แห่กันเข้ามาในพื้นที่หมดแล้ว อียิวมีปัญญาเหรอ? ดูโลกความเป็นจริง อย่ามโนกันเยอะ? ข้ามวิกแป๊บ : อีแดง อีส้มเน่า กำลังจะเผาตัวเอง มาตามนัด ดันนิรโทษกรรม มอ 112 สุดซอย เพราะไม่เหลือเหี้ยอะไรอีกแล้ว จะตามมาด้วยคำสั่ง "ยุบพรรค" และตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต ชี้ชัดขัดรัฐธรรมนูญโดยตรง! แสดงตัวเป็นปฎิปักษ์ระบบการปกครอง ดอกนี้ ถึงขั้น "ประหารชีวิต" ทำไมเหี้ยมันจะไม่รู้? แต่เพราะพ่อยิวมันกำลังจะตาย ท่อน้ำเลี้ยงตัน เศษกระดาษขายไม่ออก ไม่ยึดไทย ก็คือจบ เข้าทางตรีนวังเต็มเหนี่ยว ได้เวลา "ราชาธิปไตยก้าวหน้า" แล้วสิน่ะ เพราะปชต.ตอแหล กำลังจะตายคาตรีนคนไทย ไทยโมเดลหอมหวล โลกรอดู จะฆ่าปชต.ตายห่ายังไงจ๊ะ? หลายชาติ แม้แต่ในยุโรป ที่เคยมีระบบกษัตริย์ ตอนนี้ แห่กันเรียกร้อง นำระบบราชาธิปไตยกลับมาอย่างถล่มทลาย เพราะรู้เช่นเห็นชาติแล้วว่า "ปชต.ตอแหล" มัน MADE IN JEW ZIONIST นี่หว่า? ควายโลกตื่นกันหมดแล้ว! เชิญแดร๊กปชต.ให้อิ่มท้องน่ะจ๊ะ เพราะพรุ่งนี้ มรึงจะไม่มีอะไรให้แดร๊กอีกต่อไป เหี้ยกับควาย คือของคู่กัน! ข้ามมาดูเกมส์โลก ลีลาปูติน ไม่ธรรมดา "อย่าน่ะ" อย่าเข้าร่วมยูเครนน่ะ NATO จะมาจริงดิ? กูกลัวจุงเบย อย่าน่ะ เดี๋ยวไม่พอตาย เพราะกูเตรียมระเบิดเกินจำนวนเหี้ยอย่างมรึงไว้เยอะเกิน คิดว่าจะมาเยอะ ที่ไหนได้ ตายห่าเกลี้ยงไปซะก่อน ฆ่าเหี้ยมันสบายตรีน กูต้องแสดงท่าทางท่าทีด้วยมุย? "กลัวแล้วจ๊ะ" อย่ามาน่ะ อย่าช้า ไอ้สัส! หลายคนสงสัย เมื่อไหร่จะล่ออีโปล ฟังสิจ๊ะ? เมื่อรัสเซียตั้งรัฐใหม่เรียบร้อย ยึดหัวหาดเบ็ดเสร็จ ครอบครองยุทธศาสตร์หลักหมดเกลี้ยง อีโปลแค่ประตูทางผ่าน เพราะไม่สามารถสกัดเหี้ยอะไรได้อีกแล้ว เป้าหมายคือลอนดอน อีฟินน์ อีสวิงกิ้ง นั่นคือขนมหวาน ที่ต้องทำก่อนตอนนี้ คือยึดพื้นที่หลักให้เกลี้ยงในยูเครน ทันที ที่กองทัพรัสเซีย เข้าไปตั้งฐานทัพใหม่สวมแทนฐานทัพเก่า นั่นแหละ "ไคร์เมียร์" ถึงจะเป็นรัสเซียโดยสมบูรณ์ เพราะจะไม่มีใครเข้าใกล้ไคร์เมียร์ได้อีกต่อไป เพราะรอบข้างถูกกวาดล้างหมดแล้ว สรุปคือ "สร้างความมั่นคงให้ไคร์เมียร์จบ เดินหน้าต่อด้วยความกระเหี้ยนกระหือรือ" ยังไง พวกมรึงไม่รอดส้นตรีนกูแน่ รอก่อน ไม่นานเกินรอ? อีโปลก็รู้ อีผีดิบยิ่งรู้ อีสมันน้อยยิ่งรู้ดีกว่าใคร มันถึงได้พยายามจะย้ายขั้วทันที ที่สบโอกาส แต่เหี้ยยังไม่เปิดโอกาสในตอนนี้ พูดง่ายๆ ภาคยุโรป "รัสเซียครองยุโรปเบ็ดเสร็จไปแล้วในเชิงพฤตินัย" ด้านตะวันออกกลาง อิหร่านและโลกอาหรับ มุสลิม ล้อมและขยี้เหี้ยยิวอย่างเมามันส์ มรึงทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว นอกจากจะเปิด "สงครามนุ๊ก" ซึ่งเยรูซาเล็ม จะหายไปจากแผนที่โลกทันที ก่อเกิด รัฐปาเลสไตน์ใหม่แทนที่ นี่คือบทสรุป ที่โลกขีดเขียนไว้ล่วงหน้าแล้ว เกจิดัง กุนซือ ระดับหัวกระทิโลก เค้ามองออก มองทะลุ อ่านขาดนานแล้ว ว่าเกมส์นี้ มันจะจบยังไง ข้ามเรื่องแป๊บ : กูเคยบอกแล้วชิมิ? กลียุค อะไรที่มรึงเคยเชื่อ อะไรที่มรึงเคยเห็น เคยเทิดทูล เคยคิดว่าดี เคยคิดว่าใช่ แสงทำงาน คือเปิดเผยความจริงทั้งหมด รู้เช่นเห็นชาติเกลี้ยง พระดี พระชั่ว พระตัณหากลับ พระปลอม โจรในคราบผ้าเหลือง มรึงจะได้เห็นหมดเปลือก "ตัณหา ราคะ กิเลส" ก็ไม่ยกเว้นพระ ไม่สำคัญว่ามรึงถือศีล จะอยู่ในเครื่องแบบไหน ความดี คิดดี มันอยู่ที่จิตใจมรึง เพราะมีสติ เพราะมีปัญญา ถึงได้ยับยั้งชั่งใจได้ หาไม่แล้ว คนก็ไม่ต่างอะไรกับสัดเดรัจฉาน ยิ่งเป็นพระ ยิ่งต้องระวังมากกว่า 100 เท่า สิ่งยั่วยวนมันเยอะ พระตบะแตกมากมาย ก็เพราะสีกาเล่นท่ายาก เสพอะไร ก็ได้อย่างนั้น กูถึงบอกไงล่ะว่า "I LOVE กลียุค" เพราะจะได้เห็นอะไรที่มรึงคาดไม่ถึงอีกเยอะ เหมือนที่ผ่านมา คนมีสติ จะแยกแยะออก เพราะมันเป็นเช่นนี้ นี่เอง? มีปม มีเหตุ จึงมีผลลัพธ์ตามมา เรื่องราวบนโลก แค่ใช้สติ ไม่มีอะไรที่มรึงแก้ไม่ได้ แค่ตรงใจมรึง หรือไม่ เท่านั้นเอง? พระดีดี พระที่มุ่งหาทางสว่าง จะไม่แตะ ไม่ต้อง สิ่งโสมมโดยไม่จำเป็น ที่ใช้คำว่าโดยไม่จำเป็น เพราะในบางสถานการณ์ หลีกเลี่ยงไม่ได้ คิดจะช่วย คิดจะทำทาน คิดจะแผ่บุญกุศล บางครั้งจำเป็นจะต้องผ่านเครื่องมือ อุปกรณ์ ต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงคนหมู่มาก เพื่ออานิสงค์แห่งธรรมไปทั่วถึง ดังนั้น พระจึงต้องมีสติมากกว่าคนทั่วไป 100 เท่า ไม่ถูกดูดเข้าไปในโลกโลกีย์ แต่เท่าที่กูเห็นพระตาม TV บอกตรง "มันใช่กิจของพระเหรอ?" เทศน์ก็เรื่อง ก่อนเทศน์ ทำให้ได้ก่อนน่ะ ศาสนาไม่ได้ผิด ผิดที่ปัจเจกบุคคล องค์คณะ ดีชั่ว ต่างรู้เห็นแจ้งกันเอง ไม่ต้องให้ใครมาบอก? ปล.หลายคนไม่เข้าใจ ทำไมช่วงหลัง เพ่หมี ต้องสอดไส้คาราเมล แฝง FACT ธรรม สติ ปัญญา เหมือนจะเทศก์ให้ฟัง หาได้ไม่? กูไม่ใช่พระ และกูก็คือหมีหื่น มีกิเลส ตัณหา เหมือนพวกมรึงหมดทุกคน หากแต่ว่า กูแค่ชี้ให้มรึงเห็นเต็ม 2 ตา ที่มาของทุกข์ ที่มาขอความสุขแท้จริง มันอยู่ที่มรึงเลือกทั้งนั้น ไม่มีใครไปบังคับใจมรึงได้ ใจเป็นของมรึง สติเป็นของมรึง เรื่องราวบนโลก สงคราม การเมือง แผ่นดิน คนดี คนชั่ว ล้วนถูกตัดสินจากการกระทำทั้งสิ้น ดังนั้น ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว คือสัจธรรม คือธรรมชาติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้ วันนี้ มรึงฆ่าเค้า พรุ่งนี้ เค้าก็ฆ่ามรึง ไม่รู้จบ เมื่อเข้าใจแก่นแท้ของปัญหาทั้งโลก มรึงก็จะเข้าใจชีวิต และตัวมรึงเอง ว่าจะเอายังไงกับชีวิตต่อไป? ข่าวสาร กูซัดไม่เลี้ยงอยู่แล้ว ข้อมูล วิเคราะห์ ไม่มีกั๊ก มี 100 ให้ไป 100 แต่สิ่งที่กูอยากจะให้ไม่แพ้ข้อมูลคือ "สติ" คนตามหมีมา 10 ปีกว่า ย่อมมีสติทุกคน ไม่งั้น มรึงคงได้กลายเป็นคนบ้าไปนานแล้ว เพราะเรื่องที่กูพูดมีหลายเรื่อง และแต่ละเรื่อง "มันยิ่งกว่า THE METRIX" หากไร้สติ มรึงจะไม่ GET ในสิ่งที่กูสื่อ เท่ากับกูได้คัดสรร เลือกผู้ที่คู่ควรจะได้อยู่บนโลกต่อนั่นเอง ส่วนกูจะไปดาวกุ๊กกูร่านสวาท ไปตามหาเพื่อน E.T ยามออกจากร่างเน่าเปื่อยนี้แล้ว ปิดท้ายด้วยเรื่อง "ผู้นำฮามาส" ตายอีกล่ะ กูถามคำเดียว มรึงรู้มั้ยว่า ฮามาส คือใคร? เกิดจากใคร? เป้าหมายเดียวคือ "ยึดแผ่นดินคานาอันคืนจากยิว" และไล่ฆ่าไอ้อียิวทุกตัวที่เข้ามาในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์นี้ ทุกคนคือผู้นำฮามาสได้หมด เพราะสู้กันมานานกว่า 30 ปี ดังนั้น ยามศึก ผู้นำฮามาส คือนักรบนั่นเอง หน้าฉากคือผู้นำ หลังฉากคือผู้เสียสละ เพราะไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงว่าผู้นำฮามาส ที่สั่งการทั้งหมดคือใคร? เข้าใจยัง? ต่อให้ตั้งผู้นำฮามาส 100 คน ตายห่าพร้อมกัน ฮามาสก็ยังดำเนินแผนการรบต่อได้ปกติ เพราะสมองกล ผู้สั่งการทั้งหมด ไม่ได้ออกหน้า ที่พูดเรื่องนี้ ก็เพื่อจะบอกว่า ทั้งอิหร่าน ฮามาส เฮซบอเลาะห์ ฮูตี ใช้สูตรเดียวกันหมด ที่มาว่าทำไม รัสเซีย อเมริกา ถึงได้แพ้สงครามอัฟกานิสถาน เพราะหัวหน้าตัวจริงไม่เคยปรากฎตัวไงล่ะ เข้าใจวิถีนักรบอาหรับ เปอร์เซีย แล้วรึยัง? ไม่งั้น มรึงจะถามกูทุกวัน หัวหน้าฮามาสตาย หัวหน้าเฮซบอเลาะห์ตาย หัวหน้าฮูตีตาย? กูถามกลับคำเดียว "มรึงรู้เหรอ ใครคือหัวหน้าตัวจริง เสียงจริง?" เพราะในโลกลึกลับ ซับซ้อน มันมีอะไรที่มรึงยังไม่รู้อีกเยอะ สื่อรายงาน เพราะมาจากปากคน แล้วใครสามารถยืนยันจากปากใครได้ล่ะ? เค้าถึงเรียกว่า "ปั่น" ไงล่ะ หลอกกันไป หลอกกันมา สุดท้าย "ละครปาหี่ลวงโลกทั้งนั้น" สรุปให้ฟังคือ "โลกเปลี่ยนไปแล้ว จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว" รัสเซีย จีน จะได้นำโลกโดยสมบูรณ์ พันธมิตรขั้วใหม่จะรวยเละเทะ แบบไม่ต้องปรึกษาใคร? BRICS จะนำสันติสุขแท้จริงให้โลก เลิกฆ่าฟัน เลิกคว่ำบาตร แบ่งปัน กระจายสินค้าทั่วโลก ไม่มีกีดกันอีกต่อไป พลังงานเข้าถึงหมดทุกที่บนโลก ส่วน "ปชต.ตอแหล" จะกลายเป็นสิ่งอัปยศแก่คนรุ่นหลัง ยุคกษัตริย์จะเฟื่องฟู อยู่ให้ถึงวันนั้นน่ะ..ตะเอง ไทยคือ TOP10 โลก แม้แต่ยุโรปยังต้องกราบตรีน หมี CNN(เอาให้สุด ทะลุตับไตไส้พุง ไม่รู้ ต้องรู้ ไม่เชื่อ ก็ต้องเชื่อ สติมา ปัญญาเกิด คิดดีกว่าพูด พูดดีกว่าหลับ ชั่วดี ก็แค่ช่วงเวลา ผ่านมา และก็ผ่านไป อยู่กับปัจจุบัน อยู่กับความจริง เชื่อมั่นในบรรพบุรุษ เพราะเค้าผ่านอะไรมาเยอะมากกว่าเรา รักษาตนให้ดี ดูแลลูกหลานให้มั่น คือทำหน้าที่) 18 ตุลาคม 67 10.43 น. https://linevoom.line.me/post/1172931801766776937 ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1160 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชีวิตที่อยู่เพื่อเงิน..
    คุณจะต้องทุกข์มาก
    ชีวิตที่อยู่เพื่อลูก
    คุณจะต้องเหนื่อยมาก
    ชีวิตที่อยู่เพื่อความรัก
    คุณจะต้องเจ็บปวดมาก
    ชีวิตที่ต้องเปรียบเทียบแข่งขัน
    คุณจะรู้สึกยิ่งต้อยต่ำ
    ชีวิตที่อยู่ด้วยความดี...
    คุณจะอยู่อย่างไม่เห็นแก่ตัว
    ชีวิตที่อยู่กับปัจจุบันขณะ
    คุณจะอยู่อย่างโปร่งเบาสบาย
    ชีวิตที่อยู่อย่างใจกว้างให้อภัย
    คุณจะอยู่อย่างมีความสุข
    ชีวิตที่อยู่ด้วยความเมตตา
    คุณจะอยู่อย่างเบิกบานแจ่มใส
    ชีวิตที่อยู่อย่างพอเพียง
    คุณจะอยู่อย่างคนมั่งมีร่ำรวย..🌼
    Cr : PAG Design
    ชีวิตที่อยู่เพื่อเงิน.. คุณจะต้องทุกข์มาก ชีวิตที่อยู่เพื่อลูก คุณจะต้องเหนื่อยมาก ชีวิตที่อยู่เพื่อความรัก คุณจะต้องเจ็บปวดมาก ชีวิตที่ต้องเปรียบเทียบแข่งขัน คุณจะรู้สึกยิ่งต้อยต่ำ ชีวิตที่อยู่ด้วยความดี... คุณจะอยู่อย่างไม่เห็นแก่ตัว ชีวิตที่อยู่กับปัจจุบันขณะ คุณจะอยู่อย่างโปร่งเบาสบาย ชีวิตที่อยู่อย่างใจกว้างให้อภัย คุณจะอยู่อย่างมีความสุข ชีวิตที่อยู่ด้วยความเมตตา คุณจะอยู่อย่างเบิกบานแจ่มใส ชีวิตที่อยู่อย่างพอเพียง คุณจะอยู่อย่างคนมั่งมีร่ำรวย..🌼 Cr : PAG Design
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • #อยู่กับปัจจุบัน
    #อยู่กับปัจจุบัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • #จงอยู่กับปัจจุบัน
    #จงอยู่กับปัจจุบัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปล่อยวางอดีต
    แล้วอยู่กับปัจจุบันตรงหน้า

    มันเกิดขึ้นแล้ว
    ไม่ว่าเพราะอะไร
    มันเกิดขึ้นแล้ว
    ยอมรับมัน แล้วไปกันต่อ

    จากหนังสือ | สู้ ดิ วะ

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #การใช้ชีวิต #ทัศนคติ #Thaitimes
    ปล่อยวางอดีต แล้วอยู่กับปัจจุบันตรงหน้า มันเกิดขึ้นแล้ว ไม่ว่าเพราะอะไร มันเกิดขึ้นแล้ว ยอมรับมัน แล้วไปกันต่อ จากหนังสือ | สู้ ดิ วะ #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #การใช้ชีวิต #ทัศนคติ #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 843 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความเงียบ...

    เวลาที่เราต้องการสมาธิในการทำงาน
    เรามักต้องการความเงียบ

    เวลาที่เรารู้สึกเศร้า เราไม่ต้องการอยู่คนเดียว
    ไม่อยากอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางความเงียบ เพราะมันอาจทำให้ฟุ้งซ่าน

    ทำไมทั้ง2สถานการณ์
    ความต้องการ ‘ความเงียบ’ ถึงต่างกัน?

    ปัจจัยแรก
    -การอยู่ในบรรยากาศที่เงียบคือการที่เราจะได้อยู่กับตัวเองอย่างแท้จริง
    การจดจ่อแค่สิ่งที่อยู่ตรงหน้า
    การโฟกัสอยู่กับปัจจุบันอย่างสมบูรณ์แบบ

    ปัจจัยที่สอง
    -คือมาตรวัดความแข็งแกร่งในจิตใจ
    การที่เราอยู่ ณ ขณะปัจจุบันอย่างสมบูรณ์
    ไม่แตกตื่นกับอนาคต ไม่เศร้าโศรกกับอดีต
    หากเราอยู่กับตัวเองอย่างมีสติ
    เราก็จะมีหัวใจที่มั่นคง และแข็งแรง

    ถอดบทเรียนจากหนังสือ |คิดมากไปหรือเปล่า

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #คิดมาก
    #Thaitimes
    ความเงียบ... เวลาที่เราต้องการสมาธิในการทำงาน เรามักต้องการความเงียบ เวลาที่เรารู้สึกเศร้า เราไม่ต้องการอยู่คนเดียว ไม่อยากอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางความเงียบ เพราะมันอาจทำให้ฟุ้งซ่าน ทำไมทั้ง2สถานการณ์ ความต้องการ ‘ความเงียบ’ ถึงต่างกัน? ปัจจัยแรก -การอยู่ในบรรยากาศที่เงียบคือการที่เราจะได้อยู่กับตัวเองอย่างแท้จริง การจดจ่อแค่สิ่งที่อยู่ตรงหน้า การโฟกัสอยู่กับปัจจุบันอย่างสมบูรณ์แบบ ปัจจัยที่สอง -คือมาตรวัดความแข็งแกร่งในจิตใจ การที่เราอยู่ ณ ขณะปัจจุบันอย่างสมบูรณ์ ไม่แตกตื่นกับอนาคต ไม่เศร้าโศรกกับอดีต หากเราอยู่กับตัวเองอย่างมีสติ เราก็จะมีหัวใจที่มั่นคง และแข็งแรง ถอดบทเรียนจากหนังสือ |คิดมากไปหรือเปล่า #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #คิดมาก #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 896 มุมมอง 0 รีวิว