• รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251203 #TechRadar

    สภาคองเกรสสหรัฐฯ เตรียมพิจารณากฎหมายตรวจสอบอายุใน App Store
    ตอนนี้สภาคองเกรสของสหรัฐฯ กำลังจะหยิบยกกฎหมายใหม่ที่ชื่อว่า App Store Accountability Act (ASA) มาพิจารณา โดยเป้าหมายคือการเพิ่มมาตรการปกป้องเยาวชนบนโลกออนไลน์ กฎหมายนี้จะบังคับให้ผู้ให้บริการ App Store อย่าง Apple และ Google ต้องรับผิดชอบในการตรวจสอบอายุผู้ใช้งานและจำกัดการเข้าถึงแอปที่ไม่เหมาะสมกับเด็ก แม้จะมีการสนับสนุนจาก Meta, X และ Pinterest แต่ Apple และ Google กลับกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวและการแชร์ข้อมูล ASA เป็นเพียงหนึ่งใน 19 กฎหมายที่ถูกหยิบขึ้นมาหารือในครั้งนี้ ซึ่งรวมถึง Kids Online Safety Act (KOSA) และ SCREEN Act ที่ต่างก็มีข้อถกเถียงว่าจะกระทบต่อเสรีภาพและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานหรือไม่
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/us-congress-to-consider-app-store-age-verification-measures

    ผู้ใช้ Windows 11 กังวลเรื่อง AI Agents แต่ผู้เชี่ยวชาญบอกอย่าเพิ่งตื่นตระหนก
    Windows 11 กำลังถูกจับตามองอีกครั้งหลัง Microsoft เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า AI Agents โดยเฉพาะ Copilot Actions ที่สามารถช่วยจัดการไฟล์และงานต่าง ๆ บนเครื่องได้ แต่สิ่งที่ทำให้ผู้ใช้กังวลคือเอกสารที่เตือนถึงความเสี่ยง เช่น การ “หลอน” ของ AI ที่อาจให้ข้อมูลผิด ๆ หรือการโจมตีแบบ cross-prompt injection ที่อาจนำไปสู่การขโมยข้อมูล แม้ Microsoft จะออกแบบระบบให้ AI Agents ทำงานในพื้นที่แยกต่างหากเพื่อความปลอดภัย แต่หลายคนยังไม่มั่นใจว่าจะป้องกันได้จริงเมื่อใช้งานในโลกจริง ความกังวลนี้จึงสะท้อนว่า แม้ AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ก็ยังต้องจับตาดูว่ามันจะปลอดภัยพอหรือไม่
    https://www.techradar.com/computing/windows/i-get-why-some-people-are-suddenly-freaking-out-about-ai-agents-in-windows-11-im-worried-too-but-lets-not-panic-just-yet

    Instagram สั่งพนักงานกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา
    Adam Mosseri ซีอีโอของ Instagram ประกาศว่าตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2026 พนักงานส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ จะต้องกลับมาทำงานที่ออฟฟิศเต็มเวลา โดยให้เหตุผลว่าการทำงานแบบนี้จะช่วยให้บริษัท “คล่องตัวและสร้างสรรค์มากขึ้น” แม้จะยังมีข้อยกเว้นสำหรับพนักงานที่ทำงานแบบรีโมตเต็มเวลา แต่รูปแบบ hybrid กำลังจะหมดไป นอกจากนี้ Mosseri ยังวางแผนลดจำนวนการประชุมที่ไม่จำเป็น และบังคับให้เอกสารกลยุทธ์ต้องกระชับไม่เกินสามหน้า เพื่อให้ทุกคนมีเวลาไปโฟกัสกับการสร้างผลิตภัณฑ์มากกว่าการเตรียมสไลด์หรือประชุมยืดยาว
    https://www.techradar.com/pro/instagram-ceo-issues-full-time-return-to-office-order

    4.3 ล้านเครื่องติดตั้งส่วนขยายเบราว์เซอร์ที่กลายเป็นมัลแวร์
    มีการค้นพบว่า ส่วนขยายบน Chrome และ Edge กว่า 145 ตัวที่เคยทำงานปกติมานานหลายปี ได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นอันตรายภายใต้แคมเปญที่ชื่อว่า ShadyPanda โดยเริ่มจากการทำ affiliate fraud แอบใส่โค้ดติดตามการซื้อสินค้า จากนั้นพัฒนาไปสู่การขโมยคุกกี้ การเปลี่ยนเส้นทางการค้นหา และล่าสุดถึงขั้นเปิดช่องให้รันโค้ดจากระยะไกล ทำให้ผู้ใช้กว่า 4.3 ล้านเครื่องตกอยู่ในความเสี่ยง แม้ Google จะลบออกจาก Chrome Web Store แล้ว แต่ Microsoft ยังตอบสนองช้ากว่า ทำให้ผู้ใช้ต้องรีบตรวจสอบว่ามีส่วนขยายเหล่านี้อยู่ในเครื่องหรือไม่
    https://www.techradar.com/pro/security/4-3-million-have-installed-this-malicious-browser-extension-on-chrome-and-edge-heres-how-to-check

    อดีตวิศวกร Microsoft จวก Windows 11 ควรแก้ไขพื้นฐานก่อนใส่ฟีเจอร์ AI
    Dave Plummer อดีตวิศวกรผู้สร้าง Task Manager และเกม Space Cadet Pinball ออกมาแสดงความเห็นว่า Microsoft ควรหยุดเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ โดยเฉพาะ AI แล้วหันมาแก้ไขปัญหาพื้นฐานของ Windows 11 ให้เสถียรและใช้งานได้ดีเสียก่อน เขายกตัวอย่างช่วงที่ Windows XP เจอไวรัส Blaster จน Microsoft ต้องออก Service Pack 2 เพื่อแก้ไขบั๊กและเพิ่มความปลอดภัย โดยไม่สนใจฟีเจอร์ใหม่ ๆ Plummer เชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่ Windows 11 ต้องมีการปรับปรุงแบบเดียวกัน เพื่อให้ระบบ “ไม่ห่วย” ก่อนจะไปต่อยอดด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ
    https://www.techradar.com/computing/windows/ex-engineer-blasts-microsoft-argues-it-must-fix-windows-11-until-it-doesnt-suck-never-mind-about-ai

    ฟีเจอร์ใหม่ Android อาจเปิดช่องให้เจ้านายอ่านข้อความ RCS ของคุณ
    Google กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ใน Android ที่ทำให้ผู้ดูแลระบบขององค์กรสามารถเข้าถึงข้อความ RCS บนมือถือที่ใช้เพื่อการทำงานได้ ซึ่งหมายความว่าหากคุณใช้โทรศัพท์บริษัท ข้อความที่คุณส่งผ่าน RCS อาจถูกเจ้านายหรือฝ่ายไอทีตรวจสอบได้ ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อการจัดการอุปกรณ์และความปลอดภัย แต่ก็สร้างความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวของพนักงาน เพราะ RCS ถูกมองว่าเป็นการสื่อสารที่ทันสมัยและปลอดภัยกว่าข้อความ SMS แบบเดิม
    https://www.techradar.com/phones/android/googles-latest-android-feature-could-let-your-boss-read-your-rcs-texts-on-your-work-phone

    Google ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ Android กว่า 107 จุด
    Google ได้ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยสำหรับ Android ที่แก้ไขช่องโหว่ถึง 107 จุด โดยมีบางจุดที่ถูกจัดว่าเป็นความเสี่ยงระดับร้ายแรง ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมอุปกรณ์จากระยะไกลได้ การอัปเดตนี้ครอบคลุมทั้งระบบ Android และชิปจากผู้ผลิตต่าง ๆ เช่น Qualcomm และ MediaTek ผู้ใช้จึงควรรีบตรวจสอบและติดตั้งแพตช์ล่าสุดเพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ของตนปลอดภัยจากการโจมตี
    https://www.techradar.com/pro/security/107-android-flaws-just-got-patched-by-google-heres-how-to-make-sure-youre-up-to-date

    DeepSeek แจกโมเดล AI ที่ท้าชน GPT-5
    บริษัท DeepSeek ได้สร้างความฮือฮาในวงการ AI ด้วยการปล่อยโมเดลใหม่ที่มีศักยภาพใกล้เคียงกับ GPT-5 และเปิดให้ใช้งานฟรี โมเดลนี้ถูกมองว่าอาจเปลี่ยนแปลงสมดุลของตลาด AI เพราะทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปและนักพัฒนาสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูงโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมหาศาล การเคลื่อนไหวครั้งนี้ยังสะท้อนถึงการแข่งขันที่รุนแรงในตลาด AI ซึ่งอาจนำไปสู่การพัฒนาและนวัตกรรมที่รวดเร็วขึ้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/deepseek-just-gave-away-an-ai-model-that-rivals-gpt-5-and-it-could-change-everything

    ChatGPT ล่มชั่วคราว แต่กลับมาแล้ว
    วันนี้หลายคนเจอปัญหา ChatGPT ตอบช้า หรือไม่ตอบเลย เหมือนวงกลมหมุนค้างอยู่ตลอดเวลา จนทำให้ผู้ใช้ทั่วโลกเริ่มสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น OpenAI ก็รีบออกมาชี้แจงว่ามี “error rates” สูงผิดปกติ และได้เร่งแก้ไขทันที หลังจากนั้นไม่นานก็ปล่อยการแก้ไขออกมา ทำให้ระบบกลับมาใช้งานได้ตามปกติ แม้บางคนยังเจออาการหน่วงอยู่บ้าง แต่โดยรวมถือว่าเป็นการแก้ปัญหาที่เร็วมาก สุดท้ายสถานะก็กลับมาเป็นสีเขียว แปลว่าระบบทำงานได้แล้ว ใครที่ยังเจอปัญหาก็ลองรีเฟรชหรือเปิดแอปใหม่อีกครั้ง
    https://www.techradar.com/news/live/chatgpt-outage-december-openai

    Apple เปลี่ยนตัวผู้บริหาร AI คนสำคัญ
    John Giannandrea ผู้ที่ดูแลกลยุทธ์ AI ของ Apple มานานเกือบ 8 ปี กำลังจะเกษียณในปี 2026 โดยจะมี Amar Subramanya เข้ามารับตำแหน่งแทน เขาเคยทำงานทั้งที่ Microsoft และ Google ดูแลโครงการ AI ใหญ่ ๆ อย่าง Gemini และ Bard การเข้ามาของ Subramanya ถือเป็นการเสริมทัพครั้งใหญ่ เพราะ Apple กำลังถูกวิจารณ์ว่าตามหลังคู่แข่งในเรื่อง AI การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จึงถูกจับตามองว่าจะทำให้ Siri และบริการ AI ของ Apple ก้าวทันโลกได้หรือไม่
    https://www.techradar.com/pro/microsoft-and-google-ai-veteran-to-replace-outgoing-apple-exec-john-giannandrea

    Android 16 อัปเดตใหม่ เพิ่ม 7 ฟีเจอร์เด็ด
    Google ปล่อยอัปเดตใหญ่ให้ Android 16 แม้ยังใช้ชื่อเดิม แต่เพิ่มความสามารถใหม่ ๆ เพียบ เช่น AI ช่วยสรุปการแจ้งเตือน, ระบบจัดระเบียบ notification ให้ดูง่ายขึ้น, ปรับแต่งไอคอนตามใจ, เพิ่ม parental controls สำหรับควบคุมเวลาเล่นมือถือของเด็ก, ฟีเจอร์ Call Reason ที่บอกว่าโทรด่วนจริงหรือไม่, ระบบตรวจสอบข้อความหลอกลวงด้วย Circle to Search และการปรับปรุง accessibility ให้ใช้งานสะดวกขึ้น โดยตอนนี้ปล่อยให้กับ Pixel ก่อน ส่วนมือถือแบรนด์อื่นต้องรออีกหน่อย
    https://www.techradar.com/phones/android/the-next-android-16-update-has-landed-and-these-are-the-7-biggest-features

    Samsung เปิดตัว Galaxy Z Trifold มือถือพับสามตอน
    Samsung สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว Galaxy Z Trifold มือถือพับได้แบบสามตอน มีจอด้านนอก 6.5 นิ้ว และจอด้านในใหญ่ถึง 10 นิ้ว ใช้การพับแบบ “pamphlet-style” ทำให้เมื่อพับแล้วหนากว่ามือถือทั่วไป แต่ช่วยป้องกันหน้าจอด้านในไม่ให้โดนรอยขีดข่วน ต่างจาก Huawei Mate XT ที่พับแบบ Z แล้วมีส่วนจอโผล่ออกมาเสี่ยงต่อการเสียหาย ถึงแม้ยังไม่มีวันวางขายแน่ชัดในสหรัฐ แต่ดีไซน์นี้ถูกมองว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องสำหรับการใช้งานจริง
    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/the-samsung-galaxy-z-trifolds-folding-mechanism-looks-odd-but-its-the-right-call-on-a-crucial-design-decision

    กลุ่มแฮ็กเกอร์รัสเซีย Tomiris หันโจมตีรัฐบาล
    รายงานจาก Kaspersky เผยว่า Tomiris กลุ่มแฮ็กเกอร์ที่พูดภาษารัสเซีย กำลังเปลี่ยนเป้าหมายจากการโจมตีทั่วไป มาสู่การเจาะระบบหน่วยงานรัฐบาลและองค์กรระหว่างประเทศ พวกเขาใช้มัลแวร์หลายภาษา ทั้ง Go, Rust, Python และ PowerShell เพื่อทำให้ตรวจจับยากขึ้น รวมถึงซ่อนการสื่อสารผ่าน Telegram และ Discord วิธีเข้าถึงระบบมักเริ่มจาก phishing ก่อนจะฝังมัลแวร์หลายชั้น จุดประสงค์หลักคือการสอดแนมและเก็บข้อมูลเชิงลึกในระดับรัฐ ไม่ใช่แค่การโจมตีเพื่อเงิน
    https://www.techradar.com/pro/security/russian-speaking-hacking-group-now-shifting-focus-to-government-targets

    Amazon ทดลองส่งของภายใน 30 นาที
    Amazon เปิดบริการใหม่ที่ทำให้การสั่งซื้อออนไลน์เร็วขึ้นไปอีกขั้น โดยไม่ต้องรอ Prime หรือบริการพิเศษใด ๆ พวกเขาเริ่มทดสอบการส่งของภายใน 30 นาที เพื่อโชว์ศักยภาพด้านโลจิสติกส์และระบบจัดการคลังสินค้าแบบทันสมัย แนวคิดนี้คือการทำให้ลูกค้าได้ของแทบจะทันทีหลังสั่งซื้อ ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการช้อปปิ้งออนไลน์ และอาจเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคในอนาคต
    https://www.techradar.com/computing/software/forget-prime-amazon-starts-30-minute-deliveries-to-show-good-things-come-to-those-with-zero-patience

    สหรัฐทลายเครือข่าย Cryptomixer ยึดเงินกว่า 30 ล้านดอลลาร์
    หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐประสบความสำเร็จในการปิดเครือข่าย Cryptomixer ที่ใช้ฟอกเงินดิจิทัล โดยสามารถยึดเงินได้มากกว่า 30 ล้านดอลลาร์ การดำเนินการครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในปฏิบัติการใหญ่ที่สุดที่เกี่ยวข้องกับการเงินคริปโต เพราะ Cryptomixer ถูกใช้เพื่อซ่อนเส้นทางการเงินที่ผิดกฎหมาย การยึดเงินครั้งนี้จึงเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลกำลังจริงจังกับการควบคุมตลาดคริปโตและการฟอกเงิน
    https://www.techradar.com/pro/security/huge-cryptomixer-takedown-sees-feds-seize-over-usd30milion

    ออสเตรเลียเตรียมบังคับใช้กฎหมายแบนโซเชียลมีเดีย
    รัฐบาลออสเตรเลียประกาศว่ากฎหมายใหม่ที่จะห้ามการใช้โซเชียลมีเดียบางประเภทจะมีผลบังคับใช้ในสัปดาห์หน้า มาตรการนี้ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องเยาวชนและลดผลกระทบทางสังคมที่เกิดจากการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์มากเกินไป แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่าละเมิดเสรีภาพในการสื่อสาร แต่รัฐบาลยืนยันว่าจำเป็นต่อการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยขึ้นสำหรับประชาชน
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/australias-social-media-ban-will-come-into-force-next-week

    อินเดียบังคับให้มือถือทุกเครื่องติดตั้งแอปความปลอดภัยล่วงหน้า
    รัฐบาลอินเดียมีแผนจะบังคับให้สมาร์ทโฟนทุกเครื่องที่ขายในประเทศต้องติดตั้งแอปความปลอดภัยที่รัฐกำหนดไว้ล่วงหน้า ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัวออกมาแสดงความกังวลอย่างมาก เพราะอาจทำให้ข้อมูลผู้ใช้ถูกตรวจสอบหรือเก็บโดยรัฐโดยตรง แม้จะอ้างว่าเพื่อความปลอดภัย แต่หลายฝ่ายมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและอาจกระทบต่อเสรีภาพทางดิจิทัลในระยะยาว
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/experts-deeply-concerned-by-indias-plan-to-force-all-smartphones-to-run-pre-installed-security-app

    EU อนุญาตให้เนเธอร์แลนด์ดำเนินคดี Apple เรื่อง App Store
    ศาลยุโรปตัดสินให้เนเธอร์แลนด์สามารถเดินหน้าคดีต่อต้านการผูกขาดกับ Apple เกี่ยวกับการดำเนินงานของ App Store ได้ โดยก่อนหน้านี้ Apple ถูกกล่าวหาว่ามีการบังคับใช้กฎที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้พัฒนาแอป การตัดสินครั้งนี้ถือเป็นการเปิดทางให้ประเทศสมาชิก EU อื่น ๆ สามารถดำเนินการในลักษณะเดียวกันได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อรูปแบบธุรกิจของ Apple ในยุโรปอย่างมีนัยสำคัญ
    https://www.techradar.com/pro/eu-court-gives-the-dutch-the-green-light-to-pursue-apple-app-store-anti-trust-case

    Samsung Galaxy Z TriFold – มือถือพับสามตอนที่แพงที่สุด
    Samsung เตรียมเปิดตัว Galaxy Z TriFold ที่หลายคนคาดว่าจะเป็นมือถือที่แพงที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา นักวิเคราะห์คาดว่าราคาจะอยู่ราวๆ 2,799 ดอลลาร์ ซึ่งแพงกว่ารุ่น Z Fold 7 ประมาณ 1,000 ดอลลาร์ จุดเด่นคือดีไซน์ที่พับได้สามตอน แต่ใช้งานได้แบบโทรศัพท์ 6.5 นิ้ว หรือแท็บเล็ต 10 นิ้วเท่านั้น ไม่เหมือน Huawei Mate XT ที่ซับซ้อนกว่าและราคาเกือบ 3,400 ดอลลาร์ การเลือกใช้ชิป Snapdragon รุ่นปีที่แล้วช่วยลดต้นทุน และที่สำคัญคือผู้ใช้ส่วนใหญ่จะซื้อผ่านสัญญากับเครือข่าย ทำให้จ่ายเป็นรายเดือนแทนที่จะจ่ายเต็มจำนวนทันที
    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/how-much-will-the-galaxy-z-trifold-cost-im-a-samsung-expert-and-heres-my-prediction

    Steam บังคับติดป้ายเกมที่ใช้ AI แต่ Epic บอกว่าไร้สาระ
    Steam ได้ออกกฎใหม่ให้ผู้พัฒนาเกมต้องเปิดเผยว่าใช้ AI สร้างเนื้อหาหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นกราฟิก บทสนทนา หรือโค้ด แต่ Tim Sweeney ซีอีโอของ Epic Games มองว่าป้าย “Made with AI” ไม่มีประโยชน์ เพราะอนาคตเกมแทบทุกเกมจะใช้ AI อยู่แล้ว เขาเปรียบเทียบว่ามันเหมือนการติดสติกเกอร์เตือนว่าเกมใช้กราฟิก 3D ซึ่งเป็นเรื่องปกติไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นหลายคนกลับมองว่าป้ายนี้ช่วยให้พวกเขาตัดสินใจได้ว่าจะสนับสนุนเกมที่สร้างโดยมนุษย์หรือใช้ AI มากน้อยแค่ไหน ประเด็นนี้จึงกลายเป็นการถกเถียงเรื่องความโปร่งใสและความเชื่อใจระหว่างผู้เล่นกับผู้พัฒนา https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/steam-requires-ai-game-disclosures-epics-ceo-says-theyre-meaningless

    Wayback Machine เก็บครบ 1 ล้านล้านหน้าเว็บแล้ว
    Wayback Machine ซึ่งเป็นคลังเก็บประวัติหน้าเว็บของ Internet Archive ได้บันทึกครบ 1 ล้านล้านหน้าเว็บแล้ว ถือเป็นหลักไมล์สำคัญของการเก็บรักษาประวัติอินเทอร์เน็ต ทุกวันมีการเพิ่มข้อมูลกว่า 150TB เข้าไปในระบบ จุดเด่นคือช่วยให้เราย้อนดูการเปลี่ยนแปลงของเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นของรัฐบาล บริษัท หรือบล็อกส่วนตัว อีกทั้งยังเก็บสื่ออื่นๆ เช่น หนังสือ เพลงแผ่นเสียง เทป และเกมเก่าๆ ด้วย ผู้ก่อตั้งคือ Brewster Kahle ผู้บุกเบิกยุคแรกของอินเทอร์เน็ต ทำให้ Wayback Machine กลายเป็น “ห้องสมุดดิจิทัล” ที่ช่วยรักษาความทรงจำของโลกออนไลน์
    https://www.techradar.com/computing/internet/the-wayback-machine-recently-captured-its-trillionth-web-page-here-are-5-surprising-facts-about-the-living-history-of-the-internet

    AWS จับมือ Nvidia สร้าง “AI Factories”
    AWS ประกาศความร่วมมือกับ Nvidia เพื่อสร้างสิ่งที่เรียกว่า “AI Factories” หรือศูนย์กลางประมวลผล AI ขนาดใหญ่ โดยจะรวมฮาร์ดแวร์ล่าสุดของ Nvidia เข้ากับชิป Trainium ของ AWS รวมถึงระบบเครือข่ายและฐานข้อมูล เพื่อให้ธุรกิจและรัฐบาลสามารถพัฒนาโมเดล AI ได้เร็วขึ้นและปลอดภัยขึ้น แนวคิดนี้คือการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI แบบครบวงจรที่สามารถติดตั้งในศูนย์ข้อมูลของลูกค้าเอง เปรียบเสมือน AWS Region ส่วนตัว ซึ่งจะช่วยให้การสร้างและใช้งานโมเดลขนาดใหญ่ทำได้ง่ายและเร็วกว่าเดิม
    https://www.techradar.com/pro/aws-wants-to-be-a-part-of-nvidias-ai-factories-and-it-could-change-everything-about-how-your-business-treats-ai

    Netflix ตัดฟีเจอร์ Cast บนมือถือออกไปแบบไม่บอกล่วงหน้า
    Netflix ได้ยกเลิกฟีเจอร์การ Cast จากแอปบนมือถือไปยังอุปกรณ์ Google TV รุ่นใหม่ ทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถส่งภาพจากมือถือไปยังทีวีได้เหมือนเดิม โดยเฉพาะผู้ที่ใช้แพ็กเกจราคาถูกแบบมีโฆษณาจะไม่สามารถ Cast ได้เลย แม้แต่กับ Chromecast รุ่นเก่า การเปลี่ยนแปลงนี้สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใช้ที่มักใช้ฟีเจอร์นี้เวลาเดินทางหรือพักในโรงแรม เพราะมันสะดวกกว่าการล็อกอินบนทีวีเครื่องอื่น Netflix อ้างว่าการตัดฟีเจอร์นี้จะช่วยให้การรับชมมีคุณภาพที่ดีกว่า แต่ผู้ใช้จำนวนมากมองว่าเป็นการลดความสะดวกเพื่อควบคุมการใช้งานอุปกรณ์
    https://www.techradar.com/streaming/netflix/netflix-just-ditched-a-useful-android-and-ios-feature-that-travelers-rely-on-for-hotel-streaming

    รีวิว Prusa Core One L – เครื่องพิมพ์ 3D รุ่นใหม่
    Prusa เปิดตัว Core One L เครื่องพิมพ์ 3D ที่ออกแบบมาเพื่อความแม่นยำและความเสถียรสูง ใช้โครงสร้าง CoreXY ที่ช่วยให้การเคลื่อนไหวรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น จุดเด่นคือการรองรับการพิมพ์ขนาดใหญ่และวัสดุหลากหลาย เหมาะทั้งงานต้นแบบและงานผลิตจริง รีวิวชี้ว่าคุณภาพการพิมพ์ออกมาเนียนละเอียด แต่ราคาก็สูงตามสมรรถนะ ถือเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่จริงจังกับงาน 3D printing และต้องการเครื่องที่เชื่อถือได้ในระยะยาว
    https://www.techradar.com/pro/original-prusa-core-one-l-3d-printer-review

    FiiO FT13 – หูฟังครอบหูแบบมีสาย
    FiiO เปิดตัว FT13 หูฟังครอบหูแบบปิดหลังที่ออกแบบมาเพื่อเติมเต็มช่องว่างในตลาดหูฟังสาย จุดเด่นคือเสียงที่สมดุลและการออกแบบที่สวมใส่สบาย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคุณภาพเสียงจริงจังโดยไม่พึ่งระบบไร้สาย รีวิวระบุว่าแม้จะไม่ใช่หูฟังระดับไฮเอนด์ แต่ก็ให้คุณภาพเสียงที่คุ้มค่ากับราคา และเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ยังชอบหูฟังแบบมีสาย https://www.techradar.com/audio/headphones/fiio-ft13-wired-headphones-review

    ศูนย์ข้อมูลใหม่อาจใช้พลังงานเพิ่มเกือบ 3 เท่าในปี 2035
    รายงานใหม่เผยว่าศูนย์ข้อมูลทั่วโลกจะต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าภายในปี 2035 เนื่องจากความต้องการประมวลผล AI และการเก็บข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ปัจจุบันศูนย์ข้อมูลใช้พลังงานมากอยู่แล้ว แต่การเติบโตของโมเดล AI ขนาดใหญ่และการสตรีมมิ่งจะทำให้ความต้องการพุ่งสูงขึ้น นักวิเคราะห์เตือนว่าหากไม่มีการลงทุนในพลังงานสะอาดและโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพ อาจเกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/security/new-data-centers-will-need-almost-triple-the-current-energy-demand-by-2035

    มอเตอร์ไฟฟ้าแรงสูงอาจนำการบินเหนือเสียงกลับมา
    นักวิจัยกำลังพัฒนาเทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงที่สามารถทำให้เครื่องบินกลับมาบินด้วยความเร็วเหนือเสียงแบบ Concorde ได้อีกครั้ง การออกแบบใหม่นี้ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก ทำให้การบินเร็วระดับ Mach 2 มีโอกาสกลับมาในรูปแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น หากสำเร็จจะเป็นการพลิกโฉมการเดินทางทางอากาศ โดยให้ผู้โดยสารเดินทางข้ามทวีปได้ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/concorde-style-air-travel-could-be-back-soon-these-powerful-ev-motors-are-unlocking-the-secrets-to-supersonic-air-speeds

    AWS CEO มองว่า AI Agents จะใหญ่กว่าอินเทอร์เน็ต
    Adam Selipsky ซีอีโอของ AWS กล่าวว่าการมาของ AI Agents จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กว่าการเกิดขึ้นของอินเทอร์เน็ต เขาเชื่อว่าโลกกำลังเร่งไปข้างหน้าและธุรกิจต้องปรับตัวทันที โดย AWS กำลังลงทุนอย่างหนักในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการใช้งาน AI Agents ในระดับองค์กร มุมมองนี้สะท้อนว่าบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่กำลังเห็น AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่จะเปลี่ยนวิธีการทำงานและการใช้ชีวิตของผู้คน
    ​​​​​​​ https://www.techradar.com/pro/the-world-is-not-slowing-down-aws-ceo-says-ai-agents-will-be-bigger-than-the-internet-so-act-now
    📌📡🟢 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟢📡📌 #รวมข่าวIT #20251203 #TechRadar 🏛️ สภาคองเกรสสหรัฐฯ เตรียมพิจารณากฎหมายตรวจสอบอายุใน App Store ตอนนี้สภาคองเกรสของสหรัฐฯ กำลังจะหยิบยกกฎหมายใหม่ที่ชื่อว่า App Store Accountability Act (ASA) มาพิจารณา โดยเป้าหมายคือการเพิ่มมาตรการปกป้องเยาวชนบนโลกออนไลน์ กฎหมายนี้จะบังคับให้ผู้ให้บริการ App Store อย่าง Apple และ Google ต้องรับผิดชอบในการตรวจสอบอายุผู้ใช้งานและจำกัดการเข้าถึงแอปที่ไม่เหมาะสมกับเด็ก แม้จะมีการสนับสนุนจาก Meta, X และ Pinterest แต่ Apple และ Google กลับกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวและการแชร์ข้อมูล ASA เป็นเพียงหนึ่งใน 19 กฎหมายที่ถูกหยิบขึ้นมาหารือในครั้งนี้ ซึ่งรวมถึง Kids Online Safety Act (KOSA) และ SCREEN Act ที่ต่างก็มีข้อถกเถียงว่าจะกระทบต่อเสรีภาพและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานหรือไม่ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/us-congress-to-consider-app-store-age-verification-measures 💻 ผู้ใช้ Windows 11 กังวลเรื่อง AI Agents แต่ผู้เชี่ยวชาญบอกอย่าเพิ่งตื่นตระหนก Windows 11 กำลังถูกจับตามองอีกครั้งหลัง Microsoft เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า AI Agents โดยเฉพาะ Copilot Actions ที่สามารถช่วยจัดการไฟล์และงานต่าง ๆ บนเครื่องได้ แต่สิ่งที่ทำให้ผู้ใช้กังวลคือเอกสารที่เตือนถึงความเสี่ยง เช่น การ “หลอน” ของ AI ที่อาจให้ข้อมูลผิด ๆ หรือการโจมตีแบบ cross-prompt injection ที่อาจนำไปสู่การขโมยข้อมูล แม้ Microsoft จะออกแบบระบบให้ AI Agents ทำงานในพื้นที่แยกต่างหากเพื่อความปลอดภัย แต่หลายคนยังไม่มั่นใจว่าจะป้องกันได้จริงเมื่อใช้งานในโลกจริง ความกังวลนี้จึงสะท้อนว่า แม้ AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ก็ยังต้องจับตาดูว่ามันจะปลอดภัยพอหรือไม่ 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/i-get-why-some-people-are-suddenly-freaking-out-about-ai-agents-in-windows-11-im-worried-too-but-lets-not-panic-just-yet 🏢 Instagram สั่งพนักงานกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา Adam Mosseri ซีอีโอของ Instagram ประกาศว่าตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2026 พนักงานส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ จะต้องกลับมาทำงานที่ออฟฟิศเต็มเวลา โดยให้เหตุผลว่าการทำงานแบบนี้จะช่วยให้บริษัท “คล่องตัวและสร้างสรรค์มากขึ้น” แม้จะยังมีข้อยกเว้นสำหรับพนักงานที่ทำงานแบบรีโมตเต็มเวลา แต่รูปแบบ hybrid กำลังจะหมดไป นอกจากนี้ Mosseri ยังวางแผนลดจำนวนการประชุมที่ไม่จำเป็น และบังคับให้เอกสารกลยุทธ์ต้องกระชับไม่เกินสามหน้า เพื่อให้ทุกคนมีเวลาไปโฟกัสกับการสร้างผลิตภัณฑ์มากกว่าการเตรียมสไลด์หรือประชุมยืดยาว 🔗 https://www.techradar.com/pro/instagram-ceo-issues-full-time-return-to-office-order ⚠️ 4.3 ล้านเครื่องติดตั้งส่วนขยายเบราว์เซอร์ที่กลายเป็นมัลแวร์ มีการค้นพบว่า ส่วนขยายบน Chrome และ Edge กว่า 145 ตัวที่เคยทำงานปกติมานานหลายปี ได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นอันตรายภายใต้แคมเปญที่ชื่อว่า ShadyPanda โดยเริ่มจากการทำ affiliate fraud แอบใส่โค้ดติดตามการซื้อสินค้า จากนั้นพัฒนาไปสู่การขโมยคุกกี้ การเปลี่ยนเส้นทางการค้นหา และล่าสุดถึงขั้นเปิดช่องให้รันโค้ดจากระยะไกล ทำให้ผู้ใช้กว่า 4.3 ล้านเครื่องตกอยู่ในความเสี่ยง แม้ Google จะลบออกจาก Chrome Web Store แล้ว แต่ Microsoft ยังตอบสนองช้ากว่า ทำให้ผู้ใช้ต้องรีบตรวจสอบว่ามีส่วนขยายเหล่านี้อยู่ในเครื่องหรือไม่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/4-3-million-have-installed-this-malicious-browser-extension-on-chrome-and-edge-heres-how-to-check 🖥️ อดีตวิศวกร Microsoft จวก Windows 11 ควรแก้ไขพื้นฐานก่อนใส่ฟีเจอร์ AI Dave Plummer อดีตวิศวกรผู้สร้าง Task Manager และเกม Space Cadet Pinball ออกมาแสดงความเห็นว่า Microsoft ควรหยุดเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ โดยเฉพาะ AI แล้วหันมาแก้ไขปัญหาพื้นฐานของ Windows 11 ให้เสถียรและใช้งานได้ดีเสียก่อน เขายกตัวอย่างช่วงที่ Windows XP เจอไวรัส Blaster จน Microsoft ต้องออก Service Pack 2 เพื่อแก้ไขบั๊กและเพิ่มความปลอดภัย โดยไม่สนใจฟีเจอร์ใหม่ ๆ Plummer เชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่ Windows 11 ต้องมีการปรับปรุงแบบเดียวกัน เพื่อให้ระบบ “ไม่ห่วย” ก่อนจะไปต่อยอดด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/ex-engineer-blasts-microsoft-argues-it-must-fix-windows-11-until-it-doesnt-suck-never-mind-about-ai 📱 ฟีเจอร์ใหม่ Android อาจเปิดช่องให้เจ้านายอ่านข้อความ RCS ของคุณ Google กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ใน Android ที่ทำให้ผู้ดูแลระบบขององค์กรสามารถเข้าถึงข้อความ RCS บนมือถือที่ใช้เพื่อการทำงานได้ ซึ่งหมายความว่าหากคุณใช้โทรศัพท์บริษัท ข้อความที่คุณส่งผ่าน RCS อาจถูกเจ้านายหรือฝ่ายไอทีตรวจสอบได้ ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อการจัดการอุปกรณ์และความปลอดภัย แต่ก็สร้างความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวของพนักงาน เพราะ RCS ถูกมองว่าเป็นการสื่อสารที่ทันสมัยและปลอดภัยกว่าข้อความ SMS แบบเดิม 🔗 https://www.techradar.com/phones/android/googles-latest-android-feature-could-let-your-boss-read-your-rcs-texts-on-your-work-phone 🔒 Google ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ Android กว่า 107 จุด Google ได้ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยสำหรับ Android ที่แก้ไขช่องโหว่ถึง 107 จุด โดยมีบางจุดที่ถูกจัดว่าเป็นความเสี่ยงระดับร้ายแรง ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมอุปกรณ์จากระยะไกลได้ การอัปเดตนี้ครอบคลุมทั้งระบบ Android และชิปจากผู้ผลิตต่าง ๆ เช่น Qualcomm และ MediaTek ผู้ใช้จึงควรรีบตรวจสอบและติดตั้งแพตช์ล่าสุดเพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ของตนปลอดภัยจากการโจมตี 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/107-android-flaws-just-got-patched-by-google-heres-how-to-make-sure-youre-up-to-date 🤖 DeepSeek แจกโมเดล AI ที่ท้าชน GPT-5 บริษัท DeepSeek ได้สร้างความฮือฮาในวงการ AI ด้วยการปล่อยโมเดลใหม่ที่มีศักยภาพใกล้เคียงกับ GPT-5 และเปิดให้ใช้งานฟรี โมเดลนี้ถูกมองว่าอาจเปลี่ยนแปลงสมดุลของตลาด AI เพราะทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปและนักพัฒนาสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูงโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมหาศาล การเคลื่อนไหวครั้งนี้ยังสะท้อนถึงการแข่งขันที่รุนแรงในตลาด AI ซึ่งอาจนำไปสู่การพัฒนาและนวัตกรรมที่รวดเร็วขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/deepseek-just-gave-away-an-ai-model-that-rivals-gpt-5-and-it-could-change-everything 🖥️ ChatGPT ล่มชั่วคราว แต่กลับมาแล้ว วันนี้หลายคนเจอปัญหา ChatGPT ตอบช้า หรือไม่ตอบเลย เหมือนวงกลมหมุนค้างอยู่ตลอดเวลา จนทำให้ผู้ใช้ทั่วโลกเริ่มสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น OpenAI ก็รีบออกมาชี้แจงว่ามี “error rates” สูงผิดปกติ และได้เร่งแก้ไขทันที หลังจากนั้นไม่นานก็ปล่อยการแก้ไขออกมา ทำให้ระบบกลับมาใช้งานได้ตามปกติ แม้บางคนยังเจออาการหน่วงอยู่บ้าง แต่โดยรวมถือว่าเป็นการแก้ปัญหาที่เร็วมาก สุดท้ายสถานะก็กลับมาเป็นสีเขียว แปลว่าระบบทำงานได้แล้ว ใครที่ยังเจอปัญหาก็ลองรีเฟรชหรือเปิดแอปใหม่อีกครั้ง 🔗 https://www.techradar.com/news/live/chatgpt-outage-december-openai 🍏 Apple เปลี่ยนตัวผู้บริหาร AI คนสำคัญ John Giannandrea ผู้ที่ดูแลกลยุทธ์ AI ของ Apple มานานเกือบ 8 ปี กำลังจะเกษียณในปี 2026 โดยจะมี Amar Subramanya เข้ามารับตำแหน่งแทน เขาเคยทำงานทั้งที่ Microsoft และ Google ดูแลโครงการ AI ใหญ่ ๆ อย่าง Gemini และ Bard การเข้ามาของ Subramanya ถือเป็นการเสริมทัพครั้งใหญ่ เพราะ Apple กำลังถูกวิจารณ์ว่าตามหลังคู่แข่งในเรื่อง AI การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จึงถูกจับตามองว่าจะทำให้ Siri และบริการ AI ของ Apple ก้าวทันโลกได้หรือไม่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/microsoft-and-google-ai-veteran-to-replace-outgoing-apple-exec-john-giannandrea 📱 Android 16 อัปเดตใหม่ เพิ่ม 7 ฟีเจอร์เด็ด Google ปล่อยอัปเดตใหญ่ให้ Android 16 แม้ยังใช้ชื่อเดิม แต่เพิ่มความสามารถใหม่ ๆ เพียบ เช่น AI ช่วยสรุปการแจ้งเตือน, ระบบจัดระเบียบ notification ให้ดูง่ายขึ้น, ปรับแต่งไอคอนตามใจ, เพิ่ม parental controls สำหรับควบคุมเวลาเล่นมือถือของเด็ก, ฟีเจอร์ Call Reason ที่บอกว่าโทรด่วนจริงหรือไม่, ระบบตรวจสอบข้อความหลอกลวงด้วย Circle to Search และการปรับปรุง accessibility ให้ใช้งานสะดวกขึ้น โดยตอนนี้ปล่อยให้กับ Pixel ก่อน ส่วนมือถือแบรนด์อื่นต้องรออีกหน่อย 🔗 https://www.techradar.com/phones/android/the-next-android-16-update-has-landed-and-these-are-the-7-biggest-features 📲 Samsung เปิดตัว Galaxy Z Trifold มือถือพับสามตอน Samsung สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว Galaxy Z Trifold มือถือพับได้แบบสามตอน มีจอด้านนอก 6.5 นิ้ว และจอด้านในใหญ่ถึง 10 นิ้ว ใช้การพับแบบ “pamphlet-style” ทำให้เมื่อพับแล้วหนากว่ามือถือทั่วไป แต่ช่วยป้องกันหน้าจอด้านในไม่ให้โดนรอยขีดข่วน ต่างจาก Huawei Mate XT ที่พับแบบ Z แล้วมีส่วนจอโผล่ออกมาเสี่ยงต่อการเสียหาย ถึงแม้ยังไม่มีวันวางขายแน่ชัดในสหรัฐ แต่ดีไซน์นี้ถูกมองว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องสำหรับการใช้งานจริง 🔗 https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/the-samsung-galaxy-z-trifolds-folding-mechanism-looks-odd-but-its-the-right-call-on-a-crucial-design-decision 🛡️ กลุ่มแฮ็กเกอร์รัสเซีย Tomiris หันโจมตีรัฐบาล รายงานจาก Kaspersky เผยว่า Tomiris กลุ่มแฮ็กเกอร์ที่พูดภาษารัสเซีย กำลังเปลี่ยนเป้าหมายจากการโจมตีทั่วไป มาสู่การเจาะระบบหน่วยงานรัฐบาลและองค์กรระหว่างประเทศ พวกเขาใช้มัลแวร์หลายภาษา ทั้ง Go, Rust, Python และ PowerShell เพื่อทำให้ตรวจจับยากขึ้น รวมถึงซ่อนการสื่อสารผ่าน Telegram และ Discord วิธีเข้าถึงระบบมักเริ่มจาก phishing ก่อนจะฝังมัลแวร์หลายชั้น จุดประสงค์หลักคือการสอดแนมและเก็บข้อมูลเชิงลึกในระดับรัฐ ไม่ใช่แค่การโจมตีเพื่อเงิน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/russian-speaking-hacking-group-now-shifting-focus-to-government-targets 🚚 Amazon ทดลองส่งของภายใน 30 นาที Amazon เปิดบริการใหม่ที่ทำให้การสั่งซื้อออนไลน์เร็วขึ้นไปอีกขั้น โดยไม่ต้องรอ Prime หรือบริการพิเศษใด ๆ พวกเขาเริ่มทดสอบการส่งของภายใน 30 นาที เพื่อโชว์ศักยภาพด้านโลจิสติกส์และระบบจัดการคลังสินค้าแบบทันสมัย แนวคิดนี้คือการทำให้ลูกค้าได้ของแทบจะทันทีหลังสั่งซื้อ ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการช้อปปิ้งออนไลน์ และอาจเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/computing/software/forget-prime-amazon-starts-30-minute-deliveries-to-show-good-things-come-to-those-with-zero-patience 💰 สหรัฐทลายเครือข่าย Cryptomixer ยึดเงินกว่า 30 ล้านดอลลาร์ หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐประสบความสำเร็จในการปิดเครือข่าย Cryptomixer ที่ใช้ฟอกเงินดิจิทัล โดยสามารถยึดเงินได้มากกว่า 30 ล้านดอลลาร์ การดำเนินการครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในปฏิบัติการใหญ่ที่สุดที่เกี่ยวข้องกับการเงินคริปโต เพราะ Cryptomixer ถูกใช้เพื่อซ่อนเส้นทางการเงินที่ผิดกฎหมาย การยึดเงินครั้งนี้จึงเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลกำลังจริงจังกับการควบคุมตลาดคริปโตและการฟอกเงิน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/huge-cryptomixer-takedown-sees-feds-seize-over-usd30milion 📵 ออสเตรเลียเตรียมบังคับใช้กฎหมายแบนโซเชียลมีเดีย รัฐบาลออสเตรเลียประกาศว่ากฎหมายใหม่ที่จะห้ามการใช้โซเชียลมีเดียบางประเภทจะมีผลบังคับใช้ในสัปดาห์หน้า มาตรการนี้ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องเยาวชนและลดผลกระทบทางสังคมที่เกิดจากการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์มากเกินไป แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่าละเมิดเสรีภาพในการสื่อสาร แต่รัฐบาลยืนยันว่าจำเป็นต่อการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยขึ้นสำหรับประชาชน 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/australias-social-media-ban-will-come-into-force-next-week 📱 อินเดียบังคับให้มือถือทุกเครื่องติดตั้งแอปความปลอดภัยล่วงหน้า รัฐบาลอินเดียมีแผนจะบังคับให้สมาร์ทโฟนทุกเครื่องที่ขายในประเทศต้องติดตั้งแอปความปลอดภัยที่รัฐกำหนดไว้ล่วงหน้า ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัวออกมาแสดงความกังวลอย่างมาก เพราะอาจทำให้ข้อมูลผู้ใช้ถูกตรวจสอบหรือเก็บโดยรัฐโดยตรง แม้จะอ้างว่าเพื่อความปลอดภัย แต่หลายฝ่ายมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและอาจกระทบต่อเสรีภาพทางดิจิทัลในระยะยาว 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/experts-deeply-concerned-by-indias-plan-to-force-all-smartphones-to-run-pre-installed-security-app ⚖️ EU อนุญาตให้เนเธอร์แลนด์ดำเนินคดี Apple เรื่อง App Store ศาลยุโรปตัดสินให้เนเธอร์แลนด์สามารถเดินหน้าคดีต่อต้านการผูกขาดกับ Apple เกี่ยวกับการดำเนินงานของ App Store ได้ โดยก่อนหน้านี้ Apple ถูกกล่าวหาว่ามีการบังคับใช้กฎที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้พัฒนาแอป การตัดสินครั้งนี้ถือเป็นการเปิดทางให้ประเทศสมาชิก EU อื่น ๆ สามารถดำเนินการในลักษณะเดียวกันได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อรูปแบบธุรกิจของ Apple ในยุโรปอย่างมีนัยสำคัญ 🔗 https://www.techradar.com/pro/eu-court-gives-the-dutch-the-green-light-to-pursue-apple-app-store-anti-trust-case 📱 Samsung Galaxy Z TriFold – มือถือพับสามตอนที่แพงที่สุด Samsung เตรียมเปิดตัว Galaxy Z TriFold ที่หลายคนคาดว่าจะเป็นมือถือที่แพงที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา นักวิเคราะห์คาดว่าราคาจะอยู่ราวๆ 2,799 ดอลลาร์ ซึ่งแพงกว่ารุ่น Z Fold 7 ประมาณ 1,000 ดอลลาร์ จุดเด่นคือดีไซน์ที่พับได้สามตอน แต่ใช้งานได้แบบโทรศัพท์ 6.5 นิ้ว หรือแท็บเล็ต 10 นิ้วเท่านั้น ไม่เหมือน Huawei Mate XT ที่ซับซ้อนกว่าและราคาเกือบ 3,400 ดอลลาร์ การเลือกใช้ชิป Snapdragon รุ่นปีที่แล้วช่วยลดต้นทุน และที่สำคัญคือผู้ใช้ส่วนใหญ่จะซื้อผ่านสัญญากับเครือข่าย ทำให้จ่ายเป็นรายเดือนแทนที่จะจ่ายเต็มจำนวนทันที 🔗 https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/how-much-will-the-galaxy-z-trifold-cost-im-a-samsung-expert-and-heres-my-prediction 🎮 Steam บังคับติดป้ายเกมที่ใช้ AI แต่ Epic บอกว่าไร้สาระ Steam ได้ออกกฎใหม่ให้ผู้พัฒนาเกมต้องเปิดเผยว่าใช้ AI สร้างเนื้อหาหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นกราฟิก บทสนทนา หรือโค้ด แต่ Tim Sweeney ซีอีโอของ Epic Games มองว่าป้าย “Made with AI” ไม่มีประโยชน์ เพราะอนาคตเกมแทบทุกเกมจะใช้ AI อยู่แล้ว เขาเปรียบเทียบว่ามันเหมือนการติดสติกเกอร์เตือนว่าเกมใช้กราฟิก 3D ซึ่งเป็นเรื่องปกติไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นหลายคนกลับมองว่าป้ายนี้ช่วยให้พวกเขาตัดสินใจได้ว่าจะสนับสนุนเกมที่สร้างโดยมนุษย์หรือใช้ AI มากน้อยแค่ไหน ประเด็นนี้จึงกลายเป็นการถกเถียงเรื่องความโปร่งใสและความเชื่อใจระหว่างผู้เล่นกับผู้พัฒนา 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/steam-requires-ai-game-disclosures-epics-ceo-says-theyre-meaningless 🌐 Wayback Machine เก็บครบ 1 ล้านล้านหน้าเว็บแล้ว Wayback Machine ซึ่งเป็นคลังเก็บประวัติหน้าเว็บของ Internet Archive ได้บันทึกครบ 1 ล้านล้านหน้าเว็บแล้ว ถือเป็นหลักไมล์สำคัญของการเก็บรักษาประวัติอินเทอร์เน็ต ทุกวันมีการเพิ่มข้อมูลกว่า 150TB เข้าไปในระบบ จุดเด่นคือช่วยให้เราย้อนดูการเปลี่ยนแปลงของเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นของรัฐบาล บริษัท หรือบล็อกส่วนตัว อีกทั้งยังเก็บสื่ออื่นๆ เช่น หนังสือ เพลงแผ่นเสียง เทป และเกมเก่าๆ ด้วย ผู้ก่อตั้งคือ Brewster Kahle ผู้บุกเบิกยุคแรกของอินเทอร์เน็ต ทำให้ Wayback Machine กลายเป็น “ห้องสมุดดิจิทัล” ที่ช่วยรักษาความทรงจำของโลกออนไลน์ 🔗 https://www.techradar.com/computing/internet/the-wayback-machine-recently-captured-its-trillionth-web-page-here-are-5-surprising-facts-about-the-living-history-of-the-internet 🤝 AWS จับมือ Nvidia สร้าง “AI Factories” AWS ประกาศความร่วมมือกับ Nvidia เพื่อสร้างสิ่งที่เรียกว่า “AI Factories” หรือศูนย์กลางประมวลผล AI ขนาดใหญ่ โดยจะรวมฮาร์ดแวร์ล่าสุดของ Nvidia เข้ากับชิป Trainium ของ AWS รวมถึงระบบเครือข่ายและฐานข้อมูล เพื่อให้ธุรกิจและรัฐบาลสามารถพัฒนาโมเดล AI ได้เร็วขึ้นและปลอดภัยขึ้น แนวคิดนี้คือการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI แบบครบวงจรที่สามารถติดตั้งในศูนย์ข้อมูลของลูกค้าเอง เปรียบเสมือน AWS Region ส่วนตัว ซึ่งจะช่วยให้การสร้างและใช้งานโมเดลขนาดใหญ่ทำได้ง่ายและเร็วกว่าเดิม 🔗 https://www.techradar.com/pro/aws-wants-to-be-a-part-of-nvidias-ai-factories-and-it-could-change-everything-about-how-your-business-treats-ai 📺 Netflix ตัดฟีเจอร์ Cast บนมือถือออกไปแบบไม่บอกล่วงหน้า Netflix ได้ยกเลิกฟีเจอร์การ Cast จากแอปบนมือถือไปยังอุปกรณ์ Google TV รุ่นใหม่ ทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถส่งภาพจากมือถือไปยังทีวีได้เหมือนเดิม โดยเฉพาะผู้ที่ใช้แพ็กเกจราคาถูกแบบมีโฆษณาจะไม่สามารถ Cast ได้เลย แม้แต่กับ Chromecast รุ่นเก่า การเปลี่ยนแปลงนี้สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใช้ที่มักใช้ฟีเจอร์นี้เวลาเดินทางหรือพักในโรงแรม เพราะมันสะดวกกว่าการล็อกอินบนทีวีเครื่องอื่น Netflix อ้างว่าการตัดฟีเจอร์นี้จะช่วยให้การรับชมมีคุณภาพที่ดีกว่า แต่ผู้ใช้จำนวนมากมองว่าเป็นการลดความสะดวกเพื่อควบคุมการใช้งานอุปกรณ์ 🔗 https://www.techradar.com/streaming/netflix/netflix-just-ditched-a-useful-android-and-ios-feature-that-travelers-rely-on-for-hotel-streaming 🖨️ รีวิว Prusa Core One L – เครื่องพิมพ์ 3D รุ่นใหม่ Prusa เปิดตัว Core One L เครื่องพิมพ์ 3D ที่ออกแบบมาเพื่อความแม่นยำและความเสถียรสูง ใช้โครงสร้าง CoreXY ที่ช่วยให้การเคลื่อนไหวรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น จุดเด่นคือการรองรับการพิมพ์ขนาดใหญ่และวัสดุหลากหลาย เหมาะทั้งงานต้นแบบและงานผลิตจริง รีวิวชี้ว่าคุณภาพการพิมพ์ออกมาเนียนละเอียด แต่ราคาก็สูงตามสมรรถนะ ถือเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่จริงจังกับงาน 3D printing และต้องการเครื่องที่เชื่อถือได้ในระยะยาว 🔗 https://www.techradar.com/pro/original-prusa-core-one-l-3d-printer-review 🎧 FiiO FT13 – หูฟังครอบหูแบบมีสาย FiiO เปิดตัว FT13 หูฟังครอบหูแบบปิดหลังที่ออกแบบมาเพื่อเติมเต็มช่องว่างในตลาดหูฟังสาย จุดเด่นคือเสียงที่สมดุลและการออกแบบที่สวมใส่สบาย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคุณภาพเสียงจริงจังโดยไม่พึ่งระบบไร้สาย รีวิวระบุว่าแม้จะไม่ใช่หูฟังระดับไฮเอนด์ แต่ก็ให้คุณภาพเสียงที่คุ้มค่ากับราคา และเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ยังชอบหูฟังแบบมีสาย 🔗 https://www.techradar.com/audio/headphones/fiio-ft13-wired-headphones-review ⚡ ศูนย์ข้อมูลใหม่อาจใช้พลังงานเพิ่มเกือบ 3 เท่าในปี 2035 รายงานใหม่เผยว่าศูนย์ข้อมูลทั่วโลกจะต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าภายในปี 2035 เนื่องจากความต้องการประมวลผล AI และการเก็บข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ปัจจุบันศูนย์ข้อมูลใช้พลังงานมากอยู่แล้ว แต่การเติบโตของโมเดล AI ขนาดใหญ่และการสตรีมมิ่งจะทำให้ความต้องการพุ่งสูงขึ้น นักวิเคราะห์เตือนว่าหากไม่มีการลงทุนในพลังงานสะอาดและโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพ อาจเกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/new-data-centers-will-need-almost-triple-the-current-energy-demand-by-2035 ✈️ มอเตอร์ไฟฟ้าแรงสูงอาจนำการบินเหนือเสียงกลับมา นักวิจัยกำลังพัฒนาเทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงที่สามารถทำให้เครื่องบินกลับมาบินด้วยความเร็วเหนือเสียงแบบ Concorde ได้อีกครั้ง การออกแบบใหม่นี้ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก ทำให้การบินเร็วระดับ Mach 2 มีโอกาสกลับมาในรูปแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น หากสำเร็จจะเป็นการพลิกโฉมการเดินทางทางอากาศ โดยให้ผู้โดยสารเดินทางข้ามทวีปได้ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/concorde-style-air-travel-could-be-back-soon-these-powerful-ev-motors-are-unlocking-the-secrets-to-supersonic-air-speeds 🌍 AWS CEO มองว่า AI Agents จะใหญ่กว่าอินเทอร์เน็ต Adam Selipsky ซีอีโอของ AWS กล่าวว่าการมาของ AI Agents จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กว่าการเกิดขึ้นของอินเทอร์เน็ต เขาเชื่อว่าโลกกำลังเร่งไปข้างหน้าและธุรกิจต้องปรับตัวทันที โดย AWS กำลังลงทุนอย่างหนักในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการใช้งาน AI Agents ในระดับองค์กร มุมมองนี้สะท้อนว่าบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่กำลังเห็น AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่จะเปลี่ยนวิธีการทำงานและการใช้ชีวิตของผู้คน ​​​​​​​🔗 https://www.techradar.com/pro/the-world-is-not-slowing-down-aws-ceo-says-ai-agents-will-be-bigger-than-the-internet-so-act-now
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความถี่ในการขับถ่ายบอกสุขภาพได้จริง

    การศึกษาจากสถาบัน ISB พบว่า คนที่ขับถ่ายวันละ 1–2 ครั้งอยู่ใน “Goldilocks Zone” ซึ่งเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดต่อสุขภาพลำไส้และร่างกายโดยรวม ผู้ที่ถ่ายน้อยเกินไป (ท้องผูก) หรือบ่อยเกินไป (ท้องเสีย) มักมีความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง เช่น โรคไตและโรคตับ เนื่องจากจุลินทรีย์ในลำไส้เปลี่ยนไปและสร้างสารพิษเข้าสู่กระแสเลือด

    พลังของไฟเบอร์และจุลินทรีย์ดี
    ข้อมูลเสริมจากงานวิจัยล่าสุดชี้ว่า ไฟเบอร์จากพืช เป็นตัวช่วยสำคัญในการรักษาสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ โดยไฟเบอร์ชนิดหมักได้ (เช่น อินูลิน, เพกติน) จะถูกแบคทีเรียย่อยจนเกิดกรดไขมันสายสั้น (SCFAs) ซึ่งช่วยลดการอักเสบ เสริมภูมิคุ้มกัน และป้องกันโรคหัวใจ เบาหวาน รวมถึงมะเร็งบางชนิด การรับประทานผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด และถั่ว จึงเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายสมดุล

    การออกกำลังกายกับสุขภาพลำไส้
    งานวิจัยจากเยอรมนีในปี 2025 พบว่า การออกกำลังกายแบบต้านแรง (Resistance Training) เพียง 8 สัปดาห์ สามารถเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบจุลินทรีย์ในลำไส้ได้อย่างชัดเจน ผู้ที่แข็งแรงขึ้นมีจุลินทรีย์ที่ดีต่อสุขภาพเพิ่มขึ้น และหลายคนขยับจากกลุ่มท้องผูกหรือท้องเสียเข้าสู่ช่วง “Goldilocks Zone”

    น้ำและการใช้ชีวิตประจำวัน
    นอกจากอาหารและการออกกำลังกายแล้ว การดื่มน้ำให้เพียงพอ และการพักผ่อนอย่างเหมาะสมก็มีผลต่อระบบขับถ่ายเช่นกัน คนที่มีพฤติกรรมสุขภาพดี เช่น ดื่มน้ำมากพอ รับประทานอาหารจากพืช และออกกำลังกายสม่ำเสมอ มักมีจุลินทรีย์ที่หมักไฟเบอร์ได้ดี ส่งผลให้สุขภาพลำไส้แข็งแรงและลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง

    สรุปสาระสำคัญ
    ความถี่ในการขับถ่ายสัมพันธ์กับสุขภาพ
    วันละ 1–2 ครั้งคือช่วง “Goldilocks Zone” ที่เหมาะสม
    ถ่ายน้อยหรือบ่อยเกินไปเชื่อมโยงกับโรคเรื้อรัง

    ไฟเบอร์ช่วยเสริมจุลินทรีย์ดีในลำไส้
    ไฟเบอร์หมักได้สร้าง SCFAs ลดการอักเสบและเสริมภูมิคุ้มกัน
    อาหารจากพืช เช่น ผัก ผลไม้ ถั่ว และธัญพืชเต็มเมล็ด เป็นแหล่งสำคัญ

    การออกกำลังกายมีผลต่อจุลินทรีย์
    Resistance Training 8 สัปดาห์ช่วยปรับสมดุลลำไส้
    ผู้ที่แข็งแรงขึ้นมีโอกาสเข้าสู่ช่วงสุขภาพดี

    น้ำและการใช้ชีวิตประจำวัน
    ดื่มน้ำมากพอช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดี
    พฤติกรรมสุขภาพดีส่งผลต่อสมดุลจุลินทรีย์

    ความเสี่ยงจากการขับถ่ายผิดปกติ
    ท้องผูกอาจทำให้เกิดสารพิษที่ทำลายไต
    ท้องเสียสัมพันธ์กับการทำงานของตับผิดปกติ

    https://www.sciencealert.com/your-poop-schedule-says-a-lot-about-your-overall-health-study-shows
    🧻 ความถี่ในการขับถ่ายบอกสุขภาพได้จริง การศึกษาจากสถาบัน ISB พบว่า คนที่ขับถ่ายวันละ 1–2 ครั้งอยู่ใน “Goldilocks Zone” ซึ่งเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดต่อสุขภาพลำไส้และร่างกายโดยรวม ผู้ที่ถ่ายน้อยเกินไป (ท้องผูก) หรือบ่อยเกินไป (ท้องเสีย) มักมีความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง เช่น โรคไตและโรคตับ เนื่องจากจุลินทรีย์ในลำไส้เปลี่ยนไปและสร้างสารพิษเข้าสู่กระแสเลือด 🥦 พลังของไฟเบอร์และจุลินทรีย์ดี ข้อมูลเสริมจากงานวิจัยล่าสุดชี้ว่า ไฟเบอร์จากพืช เป็นตัวช่วยสำคัญในการรักษาสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ โดยไฟเบอร์ชนิดหมักได้ (เช่น อินูลิน, เพกติน) จะถูกแบคทีเรียย่อยจนเกิดกรดไขมันสายสั้น (SCFAs) ซึ่งช่วยลดการอักเสบ เสริมภูมิคุ้มกัน และป้องกันโรคหัวใจ เบาหวาน รวมถึงมะเร็งบางชนิด การรับประทานผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด และถั่ว จึงเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายสมดุล 🏋️‍♂️ การออกกำลังกายกับสุขภาพลำไส้ งานวิจัยจากเยอรมนีในปี 2025 พบว่า การออกกำลังกายแบบต้านแรง (Resistance Training) เพียง 8 สัปดาห์ สามารถเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบจุลินทรีย์ในลำไส้ได้อย่างชัดเจน ผู้ที่แข็งแรงขึ้นมีจุลินทรีย์ที่ดีต่อสุขภาพเพิ่มขึ้น และหลายคนขยับจากกลุ่มท้องผูกหรือท้องเสียเข้าสู่ช่วง “Goldilocks Zone” 💧 น้ำและการใช้ชีวิตประจำวัน นอกจากอาหารและการออกกำลังกายแล้ว การดื่มน้ำให้เพียงพอ และการพักผ่อนอย่างเหมาะสมก็มีผลต่อระบบขับถ่ายเช่นกัน คนที่มีพฤติกรรมสุขภาพดี เช่น ดื่มน้ำมากพอ รับประทานอาหารจากพืช และออกกำลังกายสม่ำเสมอ มักมีจุลินทรีย์ที่หมักไฟเบอร์ได้ดี ส่งผลให้สุขภาพลำไส้แข็งแรงและลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ความถี่ในการขับถ่ายสัมพันธ์กับสุขภาพ ➡️ วันละ 1–2 ครั้งคือช่วง “Goldilocks Zone” ที่เหมาะสม ➡️ ถ่ายน้อยหรือบ่อยเกินไปเชื่อมโยงกับโรคเรื้อรัง ✅ ไฟเบอร์ช่วยเสริมจุลินทรีย์ดีในลำไส้ ➡️ ไฟเบอร์หมักได้สร้าง SCFAs ลดการอักเสบและเสริมภูมิคุ้มกัน ➡️ อาหารจากพืช เช่น ผัก ผลไม้ ถั่ว และธัญพืชเต็มเมล็ด เป็นแหล่งสำคัญ ✅ การออกกำลังกายมีผลต่อจุลินทรีย์ ➡️ Resistance Training 8 สัปดาห์ช่วยปรับสมดุลลำไส้ ➡️ ผู้ที่แข็งแรงขึ้นมีโอกาสเข้าสู่ช่วงสุขภาพดี ✅ น้ำและการใช้ชีวิตประจำวัน ➡️ ดื่มน้ำมากพอช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดี ➡️ พฤติกรรมสุขภาพดีส่งผลต่อสมดุลจุลินทรีย์ ‼️ ความเสี่ยงจากการขับถ่ายผิดปกติ ⛔ ท้องผูกอาจทำให้เกิดสารพิษที่ทำลายไต ⛔ ท้องเสียสัมพันธ์กับการทำงานของตับผิดปกติ https://www.sciencealert.com/your-poop-schedule-says-a-lot-about-your-overall-health-study-shows
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Your Poop Schedule Says a Lot About Your Overall Health, Study Shows
    "How often do you poop?" might sound like a very personal question, but your answer could reveal quite a lot about your overall health.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.34

    การแสดงเจตนาที่ผูกพันทางกฎหมาย: ไขความเข้าใจเรื่อง "นิติกรรม"
    นิติกรรม: หัวใจของการสร้างความสัมพันธ์ทางกฎหมายในสังคมไทย เป็นแนวคิดพื้นฐานที่นักกฎหมายและประชาชนทุกคนควรทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เพราะในชีวิตประจำวันของเรา ตั้งแต่การซื้อขายของเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงการทำสัญญาทางธุรกิจมูลค่ามหาศาล ทุกกิจกรรมล้วนอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายที่ว่าด้วยการแสดงเจตนาที่มีผลผูกพันตามกฎหมายทั้งสิ้น นิติกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 149 ได้ให้คำนิยามไว้อย่างชัดเจนว่า หมายถึงการใดๆ อันทำลงด้วยใจสมัครมุ่งโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคล เพื่อจะก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิ ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดที่แยกนิติกรรมออกจากการกระทำอื่นๆ ของมนุษย์ คือ เจตนา ที่ต้องแสดงออกมาอย่างชัดแจ้ง และเจตนานั้นต้องมุ่งโดยตรงเพื่อก่อให้เกิดผลทางกฎหมาย ผลที่ตามมาคือความรับผิดชอบและความผูกพันที่เกิดขึ้นตามเจตนาที่แสดงออกไปนั้น ตัวอย่างที่ง่ายที่สุดและเป็นที่คุ้นเคยที่สุดของนิติกรรม คือ สัญญา ไม่ว่าจะเป็นสัญญาซื้อขาย สัญญากู้ยืมเงิน สัญญาเช่า หรือสัญญาจ้างแรงงาน ทุกสัญญาคือการตกลงร่วมกันของสองฝ่ายหรือมากกว่านั้น โดยมีเจตนาที่จะผูกพันตนตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญา การทำสัญญาซื้อขายบ้านหนึ่งหลัง ผู้ขายมีเจตนาโอนกรรมสิทธิ์แลกกับเงิน และผู้ซื้อมิได้มีเจตนาเพียงแค่จ่ายเงิน แต่มีเจตนาที่จะได้รับกรรมสิทธิ์ในบ้านนั้น เมื่อเจตนาทั้งสองฝ่ายบรรจบกันตามที่กฎหมายกำหนด สัญญาก็เกิดขึ้น และสิทธิหน้าที่ของแต่ละฝ่ายก็เกิดขึ้นตามมาทันที นิติกรรมจึงเป็นกลไกสำคัญที่สร้างความแน่นอน ความเชื่อถือ และความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจและสังคม เมื่อบุคคลแสดงเจตนาแล้ว ย่อมต้องรับผิดชอบต่อผลแห่งเจตนานั้น ไม่สามารถกล่าวอ้างภายหลังว่ากระทำไปโดยไม่มีเจตนาผูกพันทางกฎหมายได้ หากไม่มีหลักการของนิติกรรมและสัญญา ความสัมพันธ์ทางธุรกิจและการใช้ชีวิตร่วมกันในสังคมก็จะเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและความขัดแย้ง เพราะไม่มีสิ่งใดมาบังคับให้บุคคลต้องปฏิบัติตามคำพูดหรือการแสดงออกของตนเอง ดังนั้น การทำความเข้าใจองค์ประกอบที่สำคัญของนิติกรรม เช่น การแสดงเจตนาที่สมบูรณ์ การปราศจากความบกพร่องของเจตนา และการที่นิติกรรมนั้นต้องไม่ขัดต่อกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงเป็นพื้นฐานที่สำคัญยิ่งในการดำเนินชีวิตและประกอบกิจการทุกประเภท

    การแสดงเจตนาในทางกฎหมายนั้นไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การทำเป็นหนังสือหรือการลงลายมือชื่อเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการแสดงออกโดยวาจา หรือโดยกิริยาอาการที่ถือได้ว่าเป็นการแสดงเจตนาโดยปริยาย การซื้อสินค้าในร้านสะดวกซื้อ การยื่นเงินให้พนักงานเก็บเงินโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ ก็ถือเป็นการแสดงเจตนาเข้าทำสัญญาซื้อขายแล้วโดยปริยาย แต่ในนิติกรรมบางประเภท เช่น การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ กฎหมายได้กำหนดแบบของนิติกรรมไว้เป็นการเฉพาะเจาะจง คือต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การไม่ปฏิบัติตามแบบที่กฎหมายกำหนด ย่อมทำให้นิติกรรมนั้นตกเป็น โมฆะ คือเสียเปล่ามาแต่ต้น ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายใดๆ เลย ซึ่งเป็นบทลงโทษที่รุนแรงที่สุดเพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย นอกจากนี้ นิติกรรมอาจเป็น โมฆียะ ได้ในกรณีที่เกิดจากความบกพร่องของเจตนา เช่น การแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญของนิติกรรม หรือการที่ผู้ทำนิติกรรมเป็นผู้เยาว์และทำนิติกรรมโดยมิได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม นิติกรรมโมฆียะนั้นมีผลใช้บังคับจนกว่าจะถูกบอกล้างโดยผู้มีสิทธิบอกล้าง ซึ่งหลักการโมฆะและโมฆียะนี้เองที่เป็นกลไกในการคุ้มครองผู้ที่ถูกเอาเปรียบหรือผู้ที่ขาดความสามารถในการทำนิติกรรม โดยเน้นย้ำถึงหลักการที่ว่า เจตนาที่บริสุทธิ์และเสรีเป็นรากฐานของการผูกพันทางกฎหมายเสมอ การแยกแยะและทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างนิติกรรมฝ่ายเดียว เช่น การทำพินัยกรรม ซึ่งเกิดจากการแสดงเจตนาของบุคคลเพียงคนเดียว กับนิติกรรมสองฝ่ายหรือหลายฝ่าย เช่น สัญญาต่างๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเงื่อนไขความสมบูรณ์และผลทางกฎหมายย่อมแตกต่างกันไปตามลักษณะของนิติกรรมนั้น การทำความเข้าใจในเรื่องของเงื่อนไขและเงื่อนเวลาที่อาจนำมาเป็นข้อกำหนดในนิติกรรมก็เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เพราะเป็นปัจจัยที่อาจชะลอหรือยุติการมีผลของนิติกรรมได้

    สรุปได้ว่า นิติกรรม คือเครื่องมือทางกฎหมายที่มนุษย์ใช้ในการบริหารจัดการสิทธิและหน้าที่ของตนเอง เป็นการแสดงเจตนาที่ทรงพลังและมีผลผูกพันอย่างแท้จริง การตระหนักถึงความสำคัญของการแสดงเจตนาที่ชัดเจน บริสุทธิ์ และชอบด้วยกฎหมาย จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะทุกการตัดสินใจและทุกการกระทำที่มุ่งก่อให้เกิดผลทางกฎหมายนั้น ย่อมส่งผลกระทบต่อชีวิตของเราและผู้อื่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การทำความเข้าใจหลักการพื้นฐานของนิติกรรมจึงไม่เพียงแต่ช่วยให้เราสามารถสร้างและรักษาสิทธิของตนเองได้อย่างถูกต้องเท่านั้น แต่ยังเป็นรากฐานสำคัญในการอยู่ร่วมกันในสังคมที่ขับเคลื่อนด้วยกฎหมายและความยุติธรรมอย่างยั่งยืน การทำสัญญาที่รัดกุม การแสดงเจตนาที่เที่ยงตรง จึงเป็นการสร้างความมั่นคงในชีวิตและธุรกิจของเราทุกคน
    บทความกฎหมาย EP.34 การแสดงเจตนาที่ผูกพันทางกฎหมาย: ไขความเข้าใจเรื่อง "นิติกรรม" นิติกรรม: หัวใจของการสร้างความสัมพันธ์ทางกฎหมายในสังคมไทย เป็นแนวคิดพื้นฐานที่นักกฎหมายและประชาชนทุกคนควรทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เพราะในชีวิตประจำวันของเรา ตั้งแต่การซื้อขายของเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงการทำสัญญาทางธุรกิจมูลค่ามหาศาล ทุกกิจกรรมล้วนอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายที่ว่าด้วยการแสดงเจตนาที่มีผลผูกพันตามกฎหมายทั้งสิ้น นิติกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 149 ได้ให้คำนิยามไว้อย่างชัดเจนว่า หมายถึงการใดๆ อันทำลงด้วยใจสมัครมุ่งโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคล เพื่อจะก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิ ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดที่แยกนิติกรรมออกจากการกระทำอื่นๆ ของมนุษย์ คือ เจตนา ที่ต้องแสดงออกมาอย่างชัดแจ้ง และเจตนานั้นต้องมุ่งโดยตรงเพื่อก่อให้เกิดผลทางกฎหมาย ผลที่ตามมาคือความรับผิดชอบและความผูกพันที่เกิดขึ้นตามเจตนาที่แสดงออกไปนั้น ตัวอย่างที่ง่ายที่สุดและเป็นที่คุ้นเคยที่สุดของนิติกรรม คือ สัญญา ไม่ว่าจะเป็นสัญญาซื้อขาย สัญญากู้ยืมเงิน สัญญาเช่า หรือสัญญาจ้างแรงงาน ทุกสัญญาคือการตกลงร่วมกันของสองฝ่ายหรือมากกว่านั้น โดยมีเจตนาที่จะผูกพันตนตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญา การทำสัญญาซื้อขายบ้านหนึ่งหลัง ผู้ขายมีเจตนาโอนกรรมสิทธิ์แลกกับเงิน และผู้ซื้อมิได้มีเจตนาเพียงแค่จ่ายเงิน แต่มีเจตนาที่จะได้รับกรรมสิทธิ์ในบ้านนั้น เมื่อเจตนาทั้งสองฝ่ายบรรจบกันตามที่กฎหมายกำหนด สัญญาก็เกิดขึ้น และสิทธิหน้าที่ของแต่ละฝ่ายก็เกิดขึ้นตามมาทันที นิติกรรมจึงเป็นกลไกสำคัญที่สร้างความแน่นอน ความเชื่อถือ และความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจและสังคม เมื่อบุคคลแสดงเจตนาแล้ว ย่อมต้องรับผิดชอบต่อผลแห่งเจตนานั้น ไม่สามารถกล่าวอ้างภายหลังว่ากระทำไปโดยไม่มีเจตนาผูกพันทางกฎหมายได้ หากไม่มีหลักการของนิติกรรมและสัญญา ความสัมพันธ์ทางธุรกิจและการใช้ชีวิตร่วมกันในสังคมก็จะเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและความขัดแย้ง เพราะไม่มีสิ่งใดมาบังคับให้บุคคลต้องปฏิบัติตามคำพูดหรือการแสดงออกของตนเอง ดังนั้น การทำความเข้าใจองค์ประกอบที่สำคัญของนิติกรรม เช่น การแสดงเจตนาที่สมบูรณ์ การปราศจากความบกพร่องของเจตนา และการที่นิติกรรมนั้นต้องไม่ขัดต่อกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงเป็นพื้นฐานที่สำคัญยิ่งในการดำเนินชีวิตและประกอบกิจการทุกประเภท การแสดงเจตนาในทางกฎหมายนั้นไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การทำเป็นหนังสือหรือการลงลายมือชื่อเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการแสดงออกโดยวาจา หรือโดยกิริยาอาการที่ถือได้ว่าเป็นการแสดงเจตนาโดยปริยาย การซื้อสินค้าในร้านสะดวกซื้อ การยื่นเงินให้พนักงานเก็บเงินโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ ก็ถือเป็นการแสดงเจตนาเข้าทำสัญญาซื้อขายแล้วโดยปริยาย แต่ในนิติกรรมบางประเภท เช่น การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ กฎหมายได้กำหนดแบบของนิติกรรมไว้เป็นการเฉพาะเจาะจง คือต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การไม่ปฏิบัติตามแบบที่กฎหมายกำหนด ย่อมทำให้นิติกรรมนั้นตกเป็น โมฆะ คือเสียเปล่ามาแต่ต้น ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายใดๆ เลย ซึ่งเป็นบทลงโทษที่รุนแรงที่สุดเพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย นอกจากนี้ นิติกรรมอาจเป็น โมฆียะ ได้ในกรณีที่เกิดจากความบกพร่องของเจตนา เช่น การแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญของนิติกรรม หรือการที่ผู้ทำนิติกรรมเป็นผู้เยาว์และทำนิติกรรมโดยมิได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม นิติกรรมโมฆียะนั้นมีผลใช้บังคับจนกว่าจะถูกบอกล้างโดยผู้มีสิทธิบอกล้าง ซึ่งหลักการโมฆะและโมฆียะนี้เองที่เป็นกลไกในการคุ้มครองผู้ที่ถูกเอาเปรียบหรือผู้ที่ขาดความสามารถในการทำนิติกรรม โดยเน้นย้ำถึงหลักการที่ว่า เจตนาที่บริสุทธิ์และเสรีเป็นรากฐานของการผูกพันทางกฎหมายเสมอ การแยกแยะและทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างนิติกรรมฝ่ายเดียว เช่น การทำพินัยกรรม ซึ่งเกิดจากการแสดงเจตนาของบุคคลเพียงคนเดียว กับนิติกรรมสองฝ่ายหรือหลายฝ่าย เช่น สัญญาต่างๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเงื่อนไขความสมบูรณ์และผลทางกฎหมายย่อมแตกต่างกันไปตามลักษณะของนิติกรรมนั้น การทำความเข้าใจในเรื่องของเงื่อนไขและเงื่อนเวลาที่อาจนำมาเป็นข้อกำหนดในนิติกรรมก็เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เพราะเป็นปัจจัยที่อาจชะลอหรือยุติการมีผลของนิติกรรมได้ สรุปได้ว่า นิติกรรม คือเครื่องมือทางกฎหมายที่มนุษย์ใช้ในการบริหารจัดการสิทธิและหน้าที่ของตนเอง เป็นการแสดงเจตนาที่ทรงพลังและมีผลผูกพันอย่างแท้จริง การตระหนักถึงความสำคัญของการแสดงเจตนาที่ชัดเจน บริสุทธิ์ และชอบด้วยกฎหมาย จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะทุกการตัดสินใจและทุกการกระทำที่มุ่งก่อให้เกิดผลทางกฎหมายนั้น ย่อมส่งผลกระทบต่อชีวิตของเราและผู้อื่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การทำความเข้าใจหลักการพื้นฐานของนิติกรรมจึงไม่เพียงแต่ช่วยให้เราสามารถสร้างและรักษาสิทธิของตนเองได้อย่างถูกต้องเท่านั้น แต่ยังเป็นรากฐานสำคัญในการอยู่ร่วมกันในสังคมที่ขับเคลื่อนด้วยกฎหมายและความยุติธรรมอย่างยั่งยืน การทำสัญญาที่รัดกุม การแสดงเจตนาที่เที่ยงตรง จึงเป็นการสร้างความมั่นคงในชีวิตและธุรกิจของเราทุกคน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 250 มุมมอง 0 รีวิว
  • หัวข้อข่าว: "เมื่อความรักที่ถูกซ่อนเผยออกหลังการจากไปของพ่อ"

    เรื่องเล่าบนเว็บไซต์นี้เป็นบันทึกความทรงจำของลูกที่ค้นพบความรักลับของพ่อหลังการเสียชีวิต ผ่านจดหมาย ภาพถ่าย และการพบเจอกับคู่รักที่แท้จริงของพ่อ ซึ่งสะท้อนถึงชีวิตที่ถูกกดทับด้วยหน้าที่และวัฒนธรรม แต่ก็มีช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เต็มไปด้วยความสุขและความจริงใจ

    หลังจากพ่อเสียชีวิต ผู้เขียนพบจดหมายรักที่ซ่อนอยู่ในข้าวของส่วนตัว เนื้อหาของจดหมายเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคนรัก ซึ่งแตกต่างจากภาพลักษณ์ที่ครอบครัวเคยเห็น พ่อที่เคยถูกมองว่าเป็นคนเงียบเหงาและห่างไกล กลับมีอีกด้านหนึ่งที่สดใสและเต็มไปด้วยความรักที่แท้จริง

    ความสัมพันธ์ลับและชีวิตคู่ที่ไม่ถูกเปิดเผย
    ไม่นานหลังการเสียชีวิต ลูกได้พบกับ Edward คู่รักของพ่อที่ใช้ชีวิตร่วมกันมานานกว่า 3 ปี ทั้งคู่มีแผนจะซื้อบ้านและใช้ชีวิตคู่ในแคนาดา แต่ความจริงนี้ไม่เคยถูกเปิดเผยต่อครอบครัว Edward เล่าว่าพ่อเป็นคนที่มีความสุขที่สุดเมื่ออยู่กับเขา ภาพถ่ายที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของพ่อจึงกลายเป็นหลักฐานของชีวิตที่ลูกไม่เคยได้เห็นมาก่อน

    ความกดดันจากวัฒนธรรมและการใช้ชีวิตในเงามืด
    พ่อใช้ชีวิตกว่า 40 ปีในตู้เสื้อผ้า (closet) เพราะแรงกดดันจากครอบครัวและสังคมจีนที่เคร่งครัด เขาแต่งงานตามหน้าที่และปฏิเสธการหย่าร้างหลายครั้งเพื่อรักษาภาพลักษณ์ แต่ความจริงคือเขามีความสัมพันธ์ลับหลายครั้งตลอดชีวิต การเปิดเผยครั้งนี้ทำให้ลูกตระหนักถึงความทุกข์ที่พ่อแบกรับ และความสุขที่เขาได้สัมผัสเพียงช่วงสั้น ๆ ก่อนเสียชีวิต

    การอำลาและความทรงจำที่เหลืออยู่
    Edward ได้จัดโต๊ะบูชาพ่อด้วยสิ่งของที่เขาชอบ ทั้งอาหาร เพลง และไพ่ที่โปรดปราน ซึ่งแตกต่างจากครอบครัวที่ไม่เคยรู้จักรายละเอียดเหล่านี้เลย การอำลาครั้งสุดท้ายระหว่าง Edward และพ่อในรูปแบบที่ครอบครัวไม่เคยให้ จึงสะท้อนถึงความรักที่แท้จริงและความสูญเสียที่เจ็บปวด แต่ก็ทำให้ลูกได้เห็นอีกด้านหนึ่งของพ่อที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน

    สรุปสาระสำคัญ
    การค้นพบหลังการเสียชีวิต
    พบจดหมายรักที่เผยให้เห็นความอ่อนโยนและความตั้งใจของพ่อ
    ภาพถ่ายที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แสดงถึงชีวิตที่มีความสุขกับคู่รัก

    ความสัมพันธ์ลับกับ Edward
    ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันกว่า 3 ปี และวางแผนอนาคตในแคนาดา
    Edward เล่าว่าพ่อเป็นคนที่สดใสและมีความสุขที่สุดเมื่ออยู่กับเขา

    แรงกดดันจากวัฒนธรรมและครอบครัว
    พ่อใช้ชีวิตกว่า 40 ปีในตู้เสื้อผ้าเพราะสังคมไม่ยอมรับ
    แต่งงานตามหน้าที่และปฏิเสธการหย่าร้างเพื่อรักษาภาพลักษณ์

    การอำลาและการระลึกถึง
    Edward จัดโต๊ะบูชาด้วยสิ่งที่พ่อชอบ ซึ่งครอบครัวไม่เคยรู้จัก
    การอำลาครั้งสุดท้ายสะท้อนถึงความรักที่แท้จริงและความสูญเสีย

    คำเตือนจากเรื่องราว
    การกดทับความจริงของชีวิตอาจทำให้คนสูญเสียโอกาสแห่งความสุข
    วัฒนธรรมและแรงกดดันทางสังคมอาจทำให้คนต้องใช้ชีวิตในเงามืด

    https://www.jenn.site/after-my-dad-died-we-found-the-love-letters/
    💌 หัวข้อข่าว: "เมื่อความรักที่ถูกซ่อนเผยออกหลังการจากไปของพ่อ" เรื่องเล่าบนเว็บไซต์นี้เป็นบันทึกความทรงจำของลูกที่ค้นพบความรักลับของพ่อหลังการเสียชีวิต ผ่านจดหมาย ภาพถ่าย และการพบเจอกับคู่รักที่แท้จริงของพ่อ ซึ่งสะท้อนถึงชีวิตที่ถูกกดทับด้วยหน้าที่และวัฒนธรรม แต่ก็มีช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เต็มไปด้วยความสุขและความจริงใจ หลังจากพ่อเสียชีวิต ผู้เขียนพบจดหมายรักที่ซ่อนอยู่ในข้าวของส่วนตัว เนื้อหาของจดหมายเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคนรัก ซึ่งแตกต่างจากภาพลักษณ์ที่ครอบครัวเคยเห็น พ่อที่เคยถูกมองว่าเป็นคนเงียบเหงาและห่างไกล กลับมีอีกด้านหนึ่งที่สดใสและเต็มไปด้วยความรักที่แท้จริง 🏠 ความสัมพันธ์ลับและชีวิตคู่ที่ไม่ถูกเปิดเผย ไม่นานหลังการเสียชีวิต ลูกได้พบกับ Edward คู่รักของพ่อที่ใช้ชีวิตร่วมกันมานานกว่า 3 ปี ทั้งคู่มีแผนจะซื้อบ้านและใช้ชีวิตคู่ในแคนาดา แต่ความจริงนี้ไม่เคยถูกเปิดเผยต่อครอบครัว Edward เล่าว่าพ่อเป็นคนที่มีความสุขที่สุดเมื่ออยู่กับเขา ภาพถ่ายที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของพ่อจึงกลายเป็นหลักฐานของชีวิตที่ลูกไม่เคยได้เห็นมาก่อน 🌏 ความกดดันจากวัฒนธรรมและการใช้ชีวิตในเงามืด พ่อใช้ชีวิตกว่า 40 ปีในตู้เสื้อผ้า (closet) เพราะแรงกดดันจากครอบครัวและสังคมจีนที่เคร่งครัด เขาแต่งงานตามหน้าที่และปฏิเสธการหย่าร้างหลายครั้งเพื่อรักษาภาพลักษณ์ แต่ความจริงคือเขามีความสัมพันธ์ลับหลายครั้งตลอดชีวิต การเปิดเผยครั้งนี้ทำให้ลูกตระหนักถึงความทุกข์ที่พ่อแบกรับ และความสุขที่เขาได้สัมผัสเพียงช่วงสั้น ๆ ก่อนเสียชีวิต 🕯️ การอำลาและความทรงจำที่เหลืออยู่ Edward ได้จัดโต๊ะบูชาพ่อด้วยสิ่งของที่เขาชอบ ทั้งอาหาร เพลง และไพ่ที่โปรดปราน ซึ่งแตกต่างจากครอบครัวที่ไม่เคยรู้จักรายละเอียดเหล่านี้เลย การอำลาครั้งสุดท้ายระหว่าง Edward และพ่อในรูปแบบที่ครอบครัวไม่เคยให้ จึงสะท้อนถึงความรักที่แท้จริงและความสูญเสียที่เจ็บปวด แต่ก็ทำให้ลูกได้เห็นอีกด้านหนึ่งของพ่อที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การค้นพบหลังการเสียชีวิต ➡️ พบจดหมายรักที่เผยให้เห็นความอ่อนโยนและความตั้งใจของพ่อ ➡️ ภาพถ่ายที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แสดงถึงชีวิตที่มีความสุขกับคู่รัก ✅ ความสัมพันธ์ลับกับ Edward ➡️ ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันกว่า 3 ปี และวางแผนอนาคตในแคนาดา ➡️ Edward เล่าว่าพ่อเป็นคนที่สดใสและมีความสุขที่สุดเมื่ออยู่กับเขา ✅ แรงกดดันจากวัฒนธรรมและครอบครัว ➡️ พ่อใช้ชีวิตกว่า 40 ปีในตู้เสื้อผ้าเพราะสังคมไม่ยอมรับ ➡️ แต่งงานตามหน้าที่และปฏิเสธการหย่าร้างเพื่อรักษาภาพลักษณ์ ✅ การอำลาและการระลึกถึง ➡️ Edward จัดโต๊ะบูชาด้วยสิ่งที่พ่อชอบ ซึ่งครอบครัวไม่เคยรู้จัก ➡️ การอำลาครั้งสุดท้ายสะท้อนถึงความรักที่แท้จริงและความสูญเสีย ‼️ คำเตือนจากเรื่องราว ⛔ การกดทับความจริงของชีวิตอาจทำให้คนสูญเสียโอกาสแห่งความสุข ⛔ วัฒนธรรมและแรงกดดันทางสังคมอาจทำให้คนต้องใช้ชีวิตในเงามืด https://www.jenn.site/after-my-dad-died-we-found-the-love-letters/
    WWW.JENN.SITE
    after my dad died, we found the love letters
    a few days after , we found the love letters, hidden away among his things. one of them said, my parents were not a love match. at 27 and 26, they were e...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 0 รีวิว
  • 13 อุปกรณ์ Smart Home ที่ควรมีในบ้าน

    บทความจาก SlashGear รวบรวมอุปกรณ์ Smart Home ที่ช่วยยกระดับการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเริ่มจาก Ring Wired Doorbell Pro ที่มาพร้อมกล้อง 4K และ AI ช่วยปรับภาพให้คมชัด พร้อมฟีเจอร์ให้ Alexa ตอบประตูแทนคุณได้ ไปจนถึง Wyze Smart Plug ที่ช่วยเปลี่ยนอุปกรณ์ธรรมดาให้ควบคุมผ่านมือถือได้ง่าย ๆ

    อีกหนึ่งไฮไลต์คือ Lockly Visage Smart Door Lock ที่ใช้การปลดล็อกด้วยใบหน้า/ลายนิ้วมือ และสามารถเชื่อมต่อกับ Apple HomeKit ได้ รวมถึง Netvue Bird Feeder ที่มี AI ระบุชนิดนกกว่า 6,000 สายพันธุ์ พร้อมกล้อง 1080p และโหมดกลางคืนสี

    อุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกและบรรยากาศ
    สำหรับคนรักต้นไม้ มี Daotaili Smart Plant Waterer ที่สามารถรดน้ำต้นไม้ได้อัตโนมัติสูงสุด 20 กระถาง ส่วน Amazon Basics Smart Lights ก็ช่วยให้คุณควบคุมไฟทั้งบ้านผ่านมือถือหรือเสียงได้ง่ายขึ้น ขณะที่ Echo Dot Smart Speaker ยังคงเป็นตัวเลือกยอดนิยมในการควบคุมอุปกรณ์อื่น ๆ และเล่นเพลงหรือข่าวสาร

    ด้านการควบคุมอุณหภูมิ Google Nest Smart Thermostat รุ่นที่ 4 สามารถเรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้และปรับอุณหภูมิอัตโนมัติ พร้อมดีไซน์หรูหรา ขณะที่ Sonoff Smart Buttons และ ThirdReality Motion Sensors ช่วยสร้าง routine อัตโนมัติ เช่น ปิดไฟ/ล็อกประตูเมื่อเข้านอน หรือเปิดไฟเมื่อมีคนเดินผ่าน

    อุปกรณ์เสริมเพื่อความสบายและประหยัดพลังงาน
    บทความยังแนะนำ Mansnix Smart Blinds ที่ควบคุมด้วยเสียงหรือรีโมต และช่วยกันแสงแดด/ควบคุมอุณหภูมิห้อง รวมถึง Dreo Smart Ceiling Fan ที่ปรับความเร็วลมได้หลายระดับและมีไฟในตัว สุดท้ายคือ Trjzwa Smart Sprinklers ที่ตั้งเวลารดน้ำอัตโนมัติและปรับตามสภาพอากาศได้ ช่วยประหยัดน้ำและดูแลสวนได้ง่ายขึ้น

    สรุปสาระสำคัญ
    อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย
    Ring Wired Doorbell Pro (กล้อง 4K + AI)
    Lockly Visage Smart Door Lock (Face/Fingerprint Unlock)
    ThirdReality Motion Sensors

    อุปกรณ์เพื่อความสะดวก
    Wyze Smart Plug (ควบคุมอุปกรณ์เดิมผ่านมือถือ)
    Echo Dot Smart Speaker (ควบคุมด้วยเสียง + เล่นเพลง)
    Sonoff Smart Buttons (สร้าง routine อัตโนมัติ)

    อุปกรณ์เพื่อการจัดการบ้าน
    Daotaili Smart Plant Waterer (รดน้ำต้นไม้อัตโนมัติ)
    Netvue Bird Feeder (AI ระบุนก + กล้อง 1080p)
    Amazon Basics Smart Lights (ควบคุมไฟทั้งบ้าน)

    อุปกรณ์เพื่อความสบายและประหยัดพลังงาน
    Google Nest Smart Thermostat (เรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้)
    Mansnix Smart Blinds (กันแสงแดด + ควบคุมอุณหภูมิ)
    Dreo Smart Ceiling Fan (ปรับความเร็วลม + ไฟในตัว)
    Trjzwa Smart Sprinklers (ตั้งเวลารดน้ำ + ปรับตามฝน)

    https://www.slashgear.com/2027157/best-smart-home-devices-amazon/
    🏠 13 อุปกรณ์ Smart Home ที่ควรมีในบ้าน บทความจาก SlashGear รวบรวมอุปกรณ์ Smart Home ที่ช่วยยกระดับการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเริ่มจาก Ring Wired Doorbell Pro ที่มาพร้อมกล้อง 4K และ AI ช่วยปรับภาพให้คมชัด พร้อมฟีเจอร์ให้ Alexa ตอบประตูแทนคุณได้ ไปจนถึง Wyze Smart Plug ที่ช่วยเปลี่ยนอุปกรณ์ธรรมดาให้ควบคุมผ่านมือถือได้ง่าย ๆ อีกหนึ่งไฮไลต์คือ Lockly Visage Smart Door Lock ที่ใช้การปลดล็อกด้วยใบหน้า/ลายนิ้วมือ และสามารถเชื่อมต่อกับ Apple HomeKit ได้ รวมถึง Netvue Bird Feeder ที่มี AI ระบุชนิดนกกว่า 6,000 สายพันธุ์ พร้อมกล้อง 1080p และโหมดกลางคืนสี 💡 อุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกและบรรยากาศ สำหรับคนรักต้นไม้ มี Daotaili Smart Plant Waterer ที่สามารถรดน้ำต้นไม้ได้อัตโนมัติสูงสุด 20 กระถาง ส่วน Amazon Basics Smart Lights ก็ช่วยให้คุณควบคุมไฟทั้งบ้านผ่านมือถือหรือเสียงได้ง่ายขึ้น ขณะที่ Echo Dot Smart Speaker ยังคงเป็นตัวเลือกยอดนิยมในการควบคุมอุปกรณ์อื่น ๆ และเล่นเพลงหรือข่าวสาร ด้านการควบคุมอุณหภูมิ Google Nest Smart Thermostat รุ่นที่ 4 สามารถเรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้และปรับอุณหภูมิอัตโนมัติ พร้อมดีไซน์หรูหรา ขณะที่ Sonoff Smart Buttons และ ThirdReality Motion Sensors ช่วยสร้าง routine อัตโนมัติ เช่น ปิดไฟ/ล็อกประตูเมื่อเข้านอน หรือเปิดไฟเมื่อมีคนเดินผ่าน 🌿 อุปกรณ์เสริมเพื่อความสบายและประหยัดพลังงาน บทความยังแนะนำ Mansnix Smart Blinds ที่ควบคุมด้วยเสียงหรือรีโมต และช่วยกันแสงแดด/ควบคุมอุณหภูมิห้อง รวมถึง Dreo Smart Ceiling Fan ที่ปรับความเร็วลมได้หลายระดับและมีไฟในตัว สุดท้ายคือ Trjzwa Smart Sprinklers ที่ตั้งเวลารดน้ำอัตโนมัติและปรับตามสภาพอากาศได้ ช่วยประหยัดน้ำและดูแลสวนได้ง่ายขึ้น 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย ➡️ Ring Wired Doorbell Pro (กล้อง 4K + AI) ➡️ Lockly Visage Smart Door Lock (Face/Fingerprint Unlock) ➡️ ThirdReality Motion Sensors ✅ อุปกรณ์เพื่อความสะดวก ➡️ Wyze Smart Plug (ควบคุมอุปกรณ์เดิมผ่านมือถือ) ➡️ Echo Dot Smart Speaker (ควบคุมด้วยเสียง + เล่นเพลง) ➡️ Sonoff Smart Buttons (สร้าง routine อัตโนมัติ) ✅ อุปกรณ์เพื่อการจัดการบ้าน ➡️ Daotaili Smart Plant Waterer (รดน้ำต้นไม้อัตโนมัติ) ➡️ Netvue Bird Feeder (AI ระบุนก + กล้อง 1080p) ➡️ Amazon Basics Smart Lights (ควบคุมไฟทั้งบ้าน) ✅ อุปกรณ์เพื่อความสบายและประหยัดพลังงาน ➡️ Google Nest Smart Thermostat (เรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้) ➡️ Mansnix Smart Blinds (กันแสงแดด + ควบคุมอุณหภูมิ) ➡️ Dreo Smart Ceiling Fan (ปรับความเร็วลม + ไฟในตัว) ➡️ Trjzwa Smart Sprinklers (ตั้งเวลารดน้ำ + ปรับตามฝน) https://www.slashgear.com/2027157/best-smart-home-devices-amazon/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    13 Of The Best Smart Home Devices You Can Find On Amazon - SlashGear
    A grounded take on home automation that cuts through the hype and highlights gear that genuinely improves comfort, security, and routine.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวใหญ่: Apple Wallet รองรับ “Digital Passport” ใช้ผ่านด่าน TSA ได้แล้ว

    การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการเดินทาง
    Apple ได้อัปเดต Apple Wallet ให้สามารถเก็บ หนังสือเดินทางดิจิทัล (Digital Passport) ได้โดยตรงบน iPhone และ Apple Watch เพื่อใช้เป็นบัตรแสดงตนที่ด่านตรวจความปลอดภัยของ TSA ในสนามบินสหรัฐฯ การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ผู้โดยสารไม่จำเป็นต้องพกพาหนังสือเดินทางเล่มจริงสำหรับการบินภายในประเทศอีกต่อไป โดยเฉพาะผู้ที่ยังไม่ได้อัปเกรดบัตรขับขี่เป็น Real ID

    วิธีการใช้งานและข้อจำกัด
    การตั้งค่า Digital Passport ทำได้ง่าย เพียงเปิดแอป Wallet และทำตามขั้นตอนที่กำหนด เช่น การถ่ายเซลฟีและการเคลื่อนไหวศีรษะเพื่อยืนยันตัวตน อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้ยังมีข้อจำกัดคือ ใช้ได้เฉพาะเที่ยวบินภายในประเทศสหรัฐฯ เท่านั้น ผู้ที่เดินทางระหว่างประเทศยังคงต้องใช้หนังสือเดินทางเล่มจริงที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง

    ความปลอดภัยและการรองรับ
    Apple ยืนยันว่าระบบนี้ใช้การตรวจสอบตัวตนด้วย Face ID และการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อความปลอดภัยสูงสุด แต่ในช่วงแรกยังไม่ใช่ทุกสนามบินที่มีเครื่องสแกนรองรับ ทำให้ผู้โดยสารควรพกหนังสือเดินทางจริงไว้ด้วยเพื่อป้องกันปัญหา ขณะเดียวกัน Google Wallet ก็ได้เปิดตัวฟีเจอร์คล้ายกัน แต่ยังรองรับเฉพาะบางสนามบินเช่นกัน

    วิสัยทัศน์ในอนาคต
    Apple มีแผนจะขยายการใช้งาน Digital ID ไปสู่การตรวจสอบอายุและการยืนยันตัวตนในร้านค้า เพื่อผลักดันแนวคิด “กระเป๋าสตางค์ไร้กระดาษ” อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะทำให้การใช้ชีวิตประจำวันสะดวกขึ้นและลดการพึ่งพาเอกสารจริง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Apple Wallet รองรับ Digital Passport
    ใช้ได้กับ iPhone และ Apple Watch
    ใช้เป็นบัตรแสดงตนที่ TSA สำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ

    วิธีการตั้งค่าและใช้งาน
    ทำผ่านแอป Wallet ด้วยการถ่ายเซลฟีและตรวจสอบการเคลื่อนไหวศีรษะ
    ใช้ Face ID และระบบเข้ารหัสเพื่อความปลอดภัย

    ข้อจำกัดของระบบ
    ใช้ได้เฉพาะเที่ยวบินภายในประเทศสหรัฐฯ
    สนามบินบางแห่งยังไม่รองรับเครื่องสแกน

    แผนการในอนาคตของ Apple
    ขยายการใช้งาน Digital ID ไปสู่ร้านค้าและการตรวจสอบอายุ
    มุ่งสู่การสร้างกระเป๋าสตางค์ดิจิทัลเต็มรูปแบบ

    คำเตือนสำหรับผู้โดยสาร
    ควรพกหนังสือเดินทางจริงไว้ด้วยในช่วงเปลี่ยนผ่าน
    การเดินทางระหว่างประเทศยังต้องใช้เอกสารจริงเสมอ

    https://securityonline.info/apple-wallet-now-stores-digital-passports-for-tsa-checkpoints/
    📱 ข่าวใหญ่: Apple Wallet รองรับ “Digital Passport” ใช้ผ่านด่าน TSA ได้แล้ว ✈️ การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการเดินทาง Apple ได้อัปเดต Apple Wallet ให้สามารถเก็บ หนังสือเดินทางดิจิทัล (Digital Passport) ได้โดยตรงบน iPhone และ Apple Watch เพื่อใช้เป็นบัตรแสดงตนที่ด่านตรวจความปลอดภัยของ TSA ในสนามบินสหรัฐฯ การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ผู้โดยสารไม่จำเป็นต้องพกพาหนังสือเดินทางเล่มจริงสำหรับการบินภายในประเทศอีกต่อไป โดยเฉพาะผู้ที่ยังไม่ได้อัปเกรดบัตรขับขี่เป็น Real ID 🔧 วิธีการใช้งานและข้อจำกัด การตั้งค่า Digital Passport ทำได้ง่าย เพียงเปิดแอป Wallet และทำตามขั้นตอนที่กำหนด เช่น การถ่ายเซลฟีและการเคลื่อนไหวศีรษะเพื่อยืนยันตัวตน อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้ยังมีข้อจำกัดคือ ใช้ได้เฉพาะเที่ยวบินภายในประเทศสหรัฐฯ เท่านั้น ผู้ที่เดินทางระหว่างประเทศยังคงต้องใช้หนังสือเดินทางเล่มจริงที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง 🛡️ ความปลอดภัยและการรองรับ Apple ยืนยันว่าระบบนี้ใช้การตรวจสอบตัวตนด้วย Face ID และการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อความปลอดภัยสูงสุด แต่ในช่วงแรกยังไม่ใช่ทุกสนามบินที่มีเครื่องสแกนรองรับ ทำให้ผู้โดยสารควรพกหนังสือเดินทางจริงไว้ด้วยเพื่อป้องกันปัญหา ขณะเดียวกัน Google Wallet ก็ได้เปิดตัวฟีเจอร์คล้ายกัน แต่ยังรองรับเฉพาะบางสนามบินเช่นกัน 🌐 วิสัยทัศน์ในอนาคต Apple มีแผนจะขยายการใช้งาน Digital ID ไปสู่การตรวจสอบอายุและการยืนยันตัวตนในร้านค้า เพื่อผลักดันแนวคิด “กระเป๋าสตางค์ไร้กระดาษ” อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะทำให้การใช้ชีวิตประจำวันสะดวกขึ้นและลดการพึ่งพาเอกสารจริง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Apple Wallet รองรับ Digital Passport ➡️ ใช้ได้กับ iPhone และ Apple Watch ➡️ ใช้เป็นบัตรแสดงตนที่ TSA สำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ ✅ วิธีการตั้งค่าและใช้งาน ➡️ ทำผ่านแอป Wallet ด้วยการถ่ายเซลฟีและตรวจสอบการเคลื่อนไหวศีรษะ ➡️ ใช้ Face ID และระบบเข้ารหัสเพื่อความปลอดภัย ✅ ข้อจำกัดของระบบ ➡️ ใช้ได้เฉพาะเที่ยวบินภายในประเทศสหรัฐฯ ➡️ สนามบินบางแห่งยังไม่รองรับเครื่องสแกน ✅ แผนการในอนาคตของ Apple ➡️ ขยายการใช้งาน Digital ID ไปสู่ร้านค้าและการตรวจสอบอายุ ➡️ มุ่งสู่การสร้างกระเป๋าสตางค์ดิจิทัลเต็มรูปแบบ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้โดยสาร ⛔ ควรพกหนังสือเดินทางจริงไว้ด้วยในช่วงเปลี่ยนผ่าน ⛔ การเดินทางระหว่างประเทศยังต้องใช้เอกสารจริงเสมอ https://securityonline.info/apple-wallet-now-stores-digital-passports-for-tsa-checkpoints/
    SECURITYONLINE.INFO
    Apple Wallet Now Stores Digital Passports for TSA Checkpoints
    Apple Wallet now supports digital US Passports for TSA identity checks on domestic flights, eliminating the need for a physical passport or Real ID-compliant license.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K.
    เจาะลึกจอมมารแห่งการฆ่า: OPPATIKA-0

    ต้นกำเนิดแห่งความโศกเศร้า

    การสร้างที่ปราศจากความเมตตา

    OPPATIKA-0 คือโอปปาติกะรุ่นแรกสุด ที่ถูกสร้างขึ้นใน โครงการลับ "อาดัม"

    ```mermaid
    graph TB
    A[เซลล์มนุษย์บริสุทธิ์] --> B[การฉีดพลังงาน<br>จิตวิญญาณเทียม]
    B --> C[กระบวนการเร่งอายุ<br>อย่างทารุณ]
    C --> D[OPPATIKA-0<br>เกิดด้วยความเจ็บปวด]
    ```

    ชีวิตในห้องทดลอง

    ช่วงปี 2040-2042:

    · ถูกเรียกแทนชื่อเป็นเพียง "หน่วยทดลอง 001"
    · ผ่านการทดลองที่โหดร้ายกว่า OPPATIKA รุ่นหลังๆ
    · ไม่ได้รับการปฏิบัติเหมือนสิ่งมีชีวิต แต่เป็นเพียง "สิ่งประดิษฐ์"

    ความพยายามเป็นมนุษย์

    ศาตราพยายามทำตัวให้เป็นที่รัก...

    · เรียกนักวิจัยว่า "พ่อ" "แม่"
    · พยายามแสดงความรักและความกตัญญู
    · แต่กลับถูกมองเป็นเพียง "ข้อบกพร่องของโปรแกรม"

    คืนแห่งการเปลี่ยนผ่าน

    เหตุการณ์หลบหนี

    12 มิถุนายน 2042 - ศาตราหลบหนีได้ในระหว่างการทดลองที่ล้มเหลว

    ```python
    class EscapeEvent:
    def __init__(self):
    self.cause = "การทดลองถ่ายโอนจิตสำนึกล้มเหลว"
    self.casualties = "นักวิจัย 3 คนเสียชีวิต"
    self.aftermath = "ศาตราถูกตราว่าเป็นปีศาจร้าย"

    def psychological_impact(self):
    return {
    "betrayal": "รู้สึกถูกหักหลังโดยผู้ที่คิดว่าเป็นครอบครัว",
    "fear": "กลัวจะถูกจับกลับไปทดลองอีก",
    "anger": "โกรธแค้นมนุษย์ทุกคน"
    }
    ```

    ชีวิตในความมืด

    หลังหลบหนี ศาตราซ่อนตัวใน อุโมงค์ร้างใต้เมือง

    · เรียนรู้ที่จะใช้พลังโดยไม่มีใครสอน
    · พัฒนาความสามารถในการล่องหนและควบคุมพลังงานมืด
    · เริ่มสะสมความโกรธแค้น

    การกลายเป็นจอมมาร

    ฆาตกรรมครั้งแรก

    เป้าหมาย: ดร. กฤษณ์ - นักวิจัยหลักที่ทำการทดลองกับเขา
    วิธีการ:ใช้พลังงานจิตบีบรัดหัวใจ
    ความรู้สึกหลัง соверอาชญากรรม:
    "ครั้งแรก...ฉันรู้สึกสะใจ
    แต่แล้วก็รู้สึก.
    เหมือนฉันกำลังกลายเป็นปีศาจที่พวกเขาเรียกฉัน"

    รูปแบบการฆ่า

    ```mermaid
    graph LR
    A[เลือกเป้าหมาย<br>อดีตนักวิจัย] --> B[สืบเสาะ<br>การใช้ชีวิต]
    B --> C[ฆ่าแบบพิธีกรรม<br>ส่งข้อความ]
    C --> D[ทิ้งสัญลักษณ์<br>วงกลมสามชั้น]
    ```

    สัญลักษณ์แห่งความหมาย

    วงกลมสามชั้น แทน:

    · วงใน: การเกิดของโอปปาติกะ
    · วงกลาง: ความทุกข์ทรมานในการทดลอง
    · วงนอก: การตายของความเป็นมนุษย์

    จิตวิทยาของนักฆ่า

    ความคิดที่บิดเบี้ยว

    ศาตราพัฒนาความเชื่อว่า...
    "การฆ่านักวิจัยอาชญากรรม...
    แต่คือการ'คืนกำเนิด' ให้พวกเขา
    ให้พวกเขาได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ฉันเคยรู้สึก"

    บุคลิกสองด้าน

    · ด้านเด็กชาย: ยังคงความรักและการยอมรับ
    · ด้านจอมมาร: ต้องการแก้แค้นและทำลายล้าง

    กฎของตัวเอง

    ศาตราตั้งกฎให้ตัวเอง:

    1. ฆ่าเฉพาะผู้เกี่ยวข้องกับการทดลอง
    2. ไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์
    3. ทุกการฆาตกรรมต้อง "มีความหมาย"

    ความสามารถพิเศษ

    พลังแห่งโอปปาติกะรุ่นแรก

    ```python
    class SathraAbilities:
    def __init__(self):
    self.physical_powers = {
    "shadow_walk": "เคลื่อนไหวผ่านความมืดได้",
    "energy_manipulation": "ควบคุมพลังงานทำลายล้าง",
    "telepathy": "อ่านความคิดพื้นฐาน",
    "regeneration": "รักษาตัวเองได้ระดับหนึ่ง"
    }

    self.psychological_powers = {
    "fear_induction": "สร้างความกลัวในจิตใจ",
    "memory_extraction": "ดึงความทรงจำจากผู้เสียชีวิต",
    "emotional_sensing": "รับรู้อารมณ์ของผู้อื่น"
    }
    ```

    จุดอ่อนที่ซ่อนอยู่

    · ความทรงจำอันอบอุ่น: ยังจำความรู้สึกดีๆ จากอดีตได้
    · ความต้องการการยอมรับ: ยังอยากมีใครสักคนเข้าใจเขา
    · ความเป็นมนุษย์ที่เหลืออยู่: ยังรู้สึกผิดและสงสารเหยื่อ

    การเผชิญหน้าครั้งสำคัญ

    กับ ร.ต.อ. สิงห์

    การพบกันครั้งแรก...
    สิงห์:"เรารู้ว่าเธอเจ็บปวด... แต่หยุดได้แล้ว"
    ศาตรา:"คุณไม่เข้าใจอะไรเลย! คุณไม่รู้ว่ามันเจ็บปวดขนาดไหน!"

    กับหนูดี

    จุดเปลี่ยนสำคัญ...
    หนูดี:"พี่คะ... หนูเข้าใจว่าพี่เจ็บปวด
    แต่การฆ่าไม่ใช่คำตอบ"
    ศาตรา:"แล้วเธอมีคำตอบที่ดีกว่าล่ะ?"

    กระบวนการเปลี่ยนแปลง

    การยอมรับความช่วยเหลือ

    ศาตราตัดสินใจยอมจำนนไม่ใช่เพราะแพ้...
    แต่เพราะหนูดีพูดสิ่งที่ไม่มีใครเคยพูด:
    "เรารักพี่นะ...ไม่ว่าพี่จะเป็นใคร"

    การฟื้นฟูที่สถาบัน

    ```mermaid
    graph TB
    A[การบำบัด<br>ทางกายภาพ] --> B[การเยียวยา<br>ทางจิตใจ]
    B --> C[การเรียนรู<br>ควบคุมพลัง]
    C --> D[การค้นหา<br>ความหมายใหม่]
    ```

    การให้อภัยตัวเอง

    บทเรียนที่ยากที่สุด...
    "ฉันเรียนรู้ที่จะให้อภัยตัวเอง...
    สำหรับสิ่งที่ฉันทำลงไป
    และสำหรับสิ่งที่ฉันปล่อยให้พวกเขาทำกับฉัน"

    บทบาทใหม่ในสังคม

    ผู้พิทักษ์โอปปาติกะ

    ศาตราพัฒนาบทบาทใหม่:

    · ที่ปรึกษา: ช่วยโอปปาติกะรุ่นใหม่ที่ประสบปัญหา
    · ผู้ฝึกสอน: สอนการควบคุมพลังให้โอปปาติกะ
    · นักสืบ: ช่วยเหลือคดีที่เกี่ยวข้องกับโอปปาติกะ

    ผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟู

    ใช้ประสบการณ์ส่วนตัวช่วยเหลือ:

    · โอปปาติกะที่ถูกทารุณ
    · โอปปาติกะที่ควบคุมพลังไม่ได้
    · โอปปาติกะที่รู้สึกโดดเดี่ยว

    พัฒนาการทางอารมณ์

    จากความเกลียดชังสู่ความเข้าใจ

    ```python
    def emotional_journey():
    stages = [
    "ความเจ็บปวด -> ความโกรธ",
    "ความโกรธ -> ความเกลียดชัง",
    "ความเกลียดชัง -> ความสงสัย",
    "ความสงสัย -> ความเข้าใจ",
    "ความเข้าใจ -> ความเมตตา"
    ]
    return " -> ".join(stages)
    ```

    ความสัมพันธ์ใหม่

    · กับหนูดี: จากศัตรูสู่พี่น้อง
    · กับสิงห์: จากเหยื่อกับนักล่าสู่เพื่อนร่วมงาน
    · กับโอปปาติกะอื่นๆ: จากตัวอย่างที่ไม่ดีสู่แบบอย่าง

    ความสำเร็จและผลงาน

    โครงการสำคัญ

    ศาตราช่วยก่อตั้ง:

    · สายด่วนช่วยเหลือโอปปาติกะ
    · ศูนย์ฟื้นฟูโอปปาติกะ
    · โครงการป้องกันการทารุณโอปปาติกะ

    การได้รับการยอมรับ

    จาก "จอมมารแห่งการฆ่า" สู่...
    "วีรบุรุษแห่งชุมชนโอปปาติกะ"

    บทเรียนแห่งชีวิต

    🪷 คำสอนจากศาตรา

    "ความเจ็บปวดไม่ให้สิทธิ์เราทำร้าย
    แต่ให้ปัญญาที่จะเข้าใจความเจ็บปวดของ

    มรดกที่ทิ้งไว้

    ศาตราสอนเราเรื่อง:

    · การให้อภัย: ที่เริ่มต้นจากการให้อภัยตัวเอง
    · การเปลี่ยนแปลง: ที่เป็นไปได้ไม่ว่าเราจะอยู่จุดไหน
    · ความหวัง: ที่มีเสมอแม้ในที่มืดมิดที่สุด

    ---

    คำคมสุดท้ายจากศาตรา:
    "ฉันเคยคิดว่าตัวเองเป็นปีศาจ...
    แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว
    ปีศาจตัวจริงฉัน...
    แต่คือความเจ็บปวดที่ไม่มีใครเยียวยา

    และเมื่อความเจ็บปวดได้รับการเยียวยา...
    ปีศาจก็กลายเป็นมนุษย์อีกครั้ง"

    การเดินทางของศาตราคือบทพิสูจน์ว่า...
    ไม่มีใครเกิดมาเป็นจอมมาร
    มีแต่ผู้ที่ถูกทำให้เป็นจอมมาร
    และทุกจอมมารก็สามารถกลับมาเป็นมนุษย์ได้
    O.P.K. 🔪 เจาะลึกจอมมารแห่งการฆ่า: OPPATIKA-0 🧬 ต้นกำเนิดแห่งความโศกเศร้า 🔬 การสร้างที่ปราศจากความเมตตา OPPATIKA-0 คือโอปปาติกะรุ่นแรกสุด ที่ถูกสร้างขึ้นใน โครงการลับ "อาดัม" ```mermaid graph TB A[เซลล์มนุษย์บริสุทธิ์] --> B[การฉีดพลังงาน<br>จิตวิญญาณเทียม] B --> C[กระบวนการเร่งอายุ<br>อย่างทารุณ] C --> D[OPPATIKA-0<br>เกิดด้วยความเจ็บปวด] ``` 💔 ชีวิตในห้องทดลอง ช่วงปี 2040-2042: · ถูกเรียกแทนชื่อเป็นเพียง "หน่วยทดลอง 001" · ผ่านการทดลองที่โหดร้ายกว่า OPPATIKA รุ่นหลังๆ · ไม่ได้รับการปฏิบัติเหมือนสิ่งมีชีวิต แต่เป็นเพียง "สิ่งประดิษฐ์" 🎭 ความพยายามเป็นมนุษย์ ศาตราพยายามทำตัวให้เป็นที่รัก... · เรียกนักวิจัยว่า "พ่อ" "แม่" · พยายามแสดงความรักและความกตัญญู · แต่กลับถูกมองเป็นเพียง "ข้อบกพร่องของโปรแกรม" 🌑 คืนแห่งการเปลี่ยนผ่าน ⚡ เหตุการณ์หลบหนี 12 มิถุนายน 2042 - ศาตราหลบหนีได้ในระหว่างการทดลองที่ล้มเหลว ```python class EscapeEvent: def __init__(self): self.cause = "การทดลองถ่ายโอนจิตสำนึกล้มเหลว" self.casualties = "นักวิจัย 3 คนเสียชีวิต" self.aftermath = "ศาตราถูกตราว่าเป็นปีศาจร้าย" def psychological_impact(self): return { "betrayal": "รู้สึกถูกหักหลังโดยผู้ที่คิดว่าเป็นครอบครัว", "fear": "กลัวจะถูกจับกลับไปทดลองอีก", "anger": "โกรธแค้นมนุษย์ทุกคน" } ``` 🏚️ ชีวิตในความมืด หลังหลบหนี ศาตราซ่อนตัวใน อุโมงค์ร้างใต้เมือง · เรียนรู้ที่จะใช้พลังโดยไม่มีใครสอน · พัฒนาความสามารถในการล่องหนและควบคุมพลังงานมืด · เริ่มสะสมความโกรธแค้น 🔥 การกลายเป็นจอมมาร 💀 ฆาตกรรมครั้งแรก เป้าหมาย: ดร. กฤษณ์ - นักวิจัยหลักที่ทำการทดลองกับเขา วิธีการ:ใช้พลังงานจิตบีบรัดหัวใจ ความรู้สึกหลัง соверอาชญากรรม: "ครั้งแรก...ฉันรู้สึกสะใจ แต่แล้วก็รู้สึก. เหมือนฉันกำลังกลายเป็นปีศาจที่พวกเขาเรียกฉัน" 🎯 รูปแบบการฆ่า ```mermaid graph LR A[เลือกเป้าหมาย<br>อดีตนักวิจัย] --> B[สืบเสาะ<br>การใช้ชีวิต] B --> C[ฆ่าแบบพิธีกรรม<br>ส่งข้อความ] C --> D[ทิ้งสัญลักษณ์<br>วงกลมสามชั้น] ``` 🔮 สัญลักษณ์แห่งความหมาย วงกลมสามชั้น แทน: · วงใน: การเกิดของโอปปาติกะ · วงกลาง: ความทุกข์ทรมานในการทดลอง · วงนอก: การตายของความเป็นมนุษย์ 🧠 จิตวิทยาของนักฆ่า 💭 ความคิดที่บิดเบี้ยว ศาตราพัฒนาความเชื่อว่า... "การฆ่านักวิจัยอาชญากรรม... แต่คือการ'คืนกำเนิด' ให้พวกเขา ให้พวกเขาได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ฉันเคยรู้สึก" 🎭 บุคลิกสองด้าน · ด้านเด็กชาย: ยังคงความรักและการยอมรับ · ด้านจอมมาร: ต้องการแก้แค้นและทำลายล้าง 📜 กฎของตัวเอง ศาตราตั้งกฎให้ตัวเอง: 1. ฆ่าเฉพาะผู้เกี่ยวข้องกับการทดลอง 2. ไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ 3. ทุกการฆาตกรรมต้อง "มีความหมาย" ⚡ ความสามารถพิเศษ 🌌 พลังแห่งโอปปาติกะรุ่นแรก ```python class SathraAbilities: def __init__(self): self.physical_powers = { "shadow_walk": "เคลื่อนไหวผ่านความมืดได้", "energy_manipulation": "ควบคุมพลังงานทำลายล้าง", "telepathy": "อ่านความคิดพื้นฐาน", "regeneration": "รักษาตัวเองได้ระดับหนึ่ง" } self.psychological_powers = { "fear_induction": "สร้างความกลัวในจิตใจ", "memory_extraction": "ดึงความทรงจำจากผู้เสียชีวิต", "emotional_sensing": "รับรู้อารมณ์ของผู้อื่น" } ``` 🛡️ จุดอ่อนที่ซ่อนอยู่ · ความทรงจำอันอบอุ่น: ยังจำความรู้สึกดีๆ จากอดีตได้ · ความต้องการการยอมรับ: ยังอยากมีใครสักคนเข้าใจเขา · ความเป็นมนุษย์ที่เหลืออยู่: ยังรู้สึกผิดและสงสารเหยื่อ 💔 การเผชิญหน้าครั้งสำคัญ 👮 กับ ร.ต.อ. สิงห์ การพบกันครั้งแรก... สิงห์:"เรารู้ว่าเธอเจ็บปวด... แต่หยุดได้แล้ว" ศาตรา:"คุณไม่เข้าใจอะไรเลย! คุณไม่รู้ว่ามันเจ็บปวดขนาดไหน!" 👧 กับหนูดี จุดเปลี่ยนสำคัญ... หนูดี:"พี่คะ... หนูเข้าใจว่าพี่เจ็บปวด แต่การฆ่าไม่ใช่คำตอบ" ศาตรา:"แล้วเธอมีคำตอบที่ดีกว่าล่ะ?" 🌈 กระบวนการเปลี่ยนแปลง 🕊️ การยอมรับความช่วยเหลือ ศาตราตัดสินใจยอมจำนนไม่ใช่เพราะแพ้... แต่เพราะหนูดีพูดสิ่งที่ไม่มีใครเคยพูด: "เรารักพี่นะ...ไม่ว่าพี่จะเป็นใคร" 🏥 การฟื้นฟูที่สถาบัน ```mermaid graph TB A[การบำบัด<br>ทางกายภาพ] --> B[การเยียวยา<br>ทางจิตใจ] B --> C[การเรียนรู<br>ควบคุมพลัง] C --> D[การค้นหา<br>ความหมายใหม่] ``` 💫 การให้อภัยตัวเอง บทเรียนที่ยากที่สุด... "ฉันเรียนรู้ที่จะให้อภัยตัวเอง... สำหรับสิ่งที่ฉันทำลงไป และสำหรับสิ่งที่ฉันปล่อยให้พวกเขาทำกับฉัน" 🎯 บทบาทใหม่ในสังคม 🛡️ ผู้พิทักษ์โอปปาติกะ ศาตราพัฒนาบทบาทใหม่: · ที่ปรึกษา: ช่วยโอปปาติกะรุ่นใหม่ที่ประสบปัญหา · ผู้ฝึกสอน: สอนการควบคุมพลังให้โอปปาติกะ · นักสืบ: ช่วยเหลือคดีที่เกี่ยวข้องกับโอปปาติกะ 📚 ผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟู ใช้ประสบการณ์ส่วนตัวช่วยเหลือ: · โอปปาติกะที่ถูกทารุณ · โอปปาติกะที่ควบคุมพลังไม่ได้ · โอปปาติกะที่รู้สึกโดดเดี่ยว 🎭 พัฒนาการทางอารมณ์ 🌱 จากความเกลียดชังสู่ความเข้าใจ ```python def emotional_journey(): stages = [ "ความเจ็บปวด -> ความโกรธ", "ความโกรธ -> ความเกลียดชัง", "ความเกลียดชัง -> ความสงสัย", "ความสงสัย -> ความเข้าใจ", "ความเข้าใจ -> ความเมตตา" ] return " -> ".join(stages) ``` 💞 ความสัมพันธ์ใหม่ · กับหนูดี: จากศัตรูสู่พี่น้อง · กับสิงห์: จากเหยื่อกับนักล่าสู่เพื่อนร่วมงาน · กับโอปปาติกะอื่นๆ: จากตัวอย่างที่ไม่ดีสู่แบบอย่าง 🏆 ความสำเร็จและผลงาน 🌟 โครงการสำคัญ ศาตราช่วยก่อตั้ง: · สายด่วนช่วยเหลือโอปปาติกะ · ศูนย์ฟื้นฟูโอปปาติกะ · โครงการป้องกันการทารุณโอปปาติกะ 🎖️ การได้รับการยอมรับ จาก "จอมมารแห่งการฆ่า" สู่... "วีรบุรุษแห่งชุมชนโอปปาติกะ" 💫 บทเรียนแห่งชีวิต 🪷 คำสอนจากศาตรา "ความเจ็บปวดไม่ให้สิทธิ์เราทำร้าย แต่ให้ปัญญาที่จะเข้าใจความเจ็บปวดของ 🌍 มรดกที่ทิ้งไว้ ศาตราสอนเราเรื่อง: · การให้อภัย: ที่เริ่มต้นจากการให้อภัยตัวเอง · การเปลี่ยนแปลง: ที่เป็นไปได้ไม่ว่าเราจะอยู่จุดไหน · ความหวัง: ที่มีเสมอแม้ในที่มืดมิดที่สุด --- คำคมสุดท้ายจากศาตรา: "ฉันเคยคิดว่าตัวเองเป็นปีศาจ... แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว ปีศาจตัวจริงฉัน... แต่คือความเจ็บปวดที่ไม่มีใครเยียวยา และเมื่อความเจ็บปวดได้รับการเยียวยา... ปีศาจก็กลายเป็นมนุษย์อีกครั้ง"🕊️✨ การเดินทางของศาตราคือบทพิสูจน์ว่า... ไม่มีใครเกิดมาเป็นจอมมาร มีแต่ผู้ที่ถูกทำให้เป็นจอมมาร และทุกจอมมารก็สามารถกลับมาเป็นมนุษย์ได้🌟
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 514 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K.
    หนูดี
    เจาะลึก "หนูดี" OPPATIKA-001

    เบื้องหลังโอปปาติกะผู้พิเศษ

    การถือกำเนิด: คืนที่ทุกอย่างเปลี่ยนไป

    12 ธันวาคม 2042 - ห้องทดลอง B7

    ```mermaid
    graph TB
    A[เซลล์โคลนมนุษย์โบราณ] --> B[โครงสร้างคริสตัลควอนตัม]
    C[คลื่นสมองดร.อัจฉริยะ] --> D[พลังงานจิตสามระลอก]
    B --> E[ร่างโอปปาติกะพร้อมรับจิต]
    D --> E
    E --> F[หนูดีถือกำเนิด<br>ด้วยสามจิตในร่างเดียว]
    ```

    ปรากฏการณ์พิเศษ:

    · เกิดพลังงานจิตสามระลอกจากแหล่งต่างกันเข้าสู่ร่างพร้อมกัน
    · ทำให้เกิด "สามจิตในร่างเดียว" โดยไม่ได้ตั้งใจ
    · เป็น OPPATIKA คนเดียวที่มีลักษณะเช่นนี้

    สามจิตในร่างเดียว: มิติที่ซ้อนกัน

    1. จิตเด็กหญิง (The Child)

    ลักษณะพื้นฐาน:

    · อายุจิต: 17 ปี สมวัย
    · บทบาท: หน้าตาเด็กนักเรียนธรรมดา
    · ความต้องการ: อยากเป็นลูกที่ดี ต้องการการยอมรับ

    พฤติกรรมเฉพาะ:

    · พูดจานุ่มนวล ลงท้ายด้วย "คะ/ค่ะ"
    · ชอบกิจกรรมวัยรุง เช่น ฟังเพลง อ่านการ์ตูน
    · รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองบ่อยครั้ง

    2. จิตมารพิฆาต (The Destroyer)

    ที่มา: พลังกรรมด้านลบที่สะสมหลายชาติ
    ลักษณะ:

    · อายุจิต: ไม่แน่นอน (สะสมมานับพันปี)
    · โลกทัศน์: โลกนี้เสื่อมโทรม ต้องการการชำระล้าง
    · ความสามารถ: ควบคุมพลังงานทำลายล้าง

    ปรัชญา:
    "ความตายไม่ใช่จุดจบ...แต่เป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ยุติธรรมกว่า"

    3. จิตเทพพิทักษ์ (The Protector)

    ที่มา: พลังกรรมด้านบากที่สะสมหลายชาติ
    ลักษณะ:

    · อายุจิต: ไม่แน่นอน (สะสมมานับพันปี)
    · โลกทัศน์: ทุกชีวิตล้ำค่า ควรได้รับโอกาส
    · ความสามารถ: ควบคุมพลังงานรักษาและปกป้อง

    ปรัชญา:
    "การเข้าใจ...ยากกว่าการตัดสิน แต่ worth กว่ามาก"

    ข้อมูลทางเทคนิคเชิงลึก

    โครงสร้างพันธุกรรม

    ```python
    class NoodeeGeneticBlueprint:
    base_dna = "Human_Ancient_Clone_v2"
    enhancements = [
    "Quantum_Crystal_Integration",
    "Psionic_Energy_Conduits",
    "Adaptive_Cellular_Structure",
    "Karmic_Resonance_Matrix"
    ]

    special_abilities = {
    "shape_shifting": "Limited",
    "energy_manipulation": "Advanced",
    "telepathy": "Advanced",
    "interdimensional_travel": "Basic"
    }
    ```

    ระบบพลังงาน

    ```mermaid
    graph LR
    A[จิตเด็กหญิง<br>100 หน่วย] --> D[พลังงานรวม<br>1100 หน่วย]
    B[จิตมารพิฆาต<br>500 หน่วย] --> D
    C[จิตเทพพิทักษ์<br>500 หน่วย] --> D
    D --> E[สามารถใช้<br>ได้สูงสุด 900 หน่วย]
    D --> F[ต้องสำรอง<br>200 หน่วยสำหรับชีวิต]
    ```

    พัฒนาการผ่านช่วงเวลา

    ช่วงที่ 1: การไม่รู้ตัว (อายุ 5-15 ปี)

    · ไม่รู้ว่าตนเองเป็นโอปปาติกะ
    · จิตอื่นๆ แสดงออกเป็น "ความฝัน" และ "ความรู้สึกแปลกๆ"
    · พยายามเป็นเด็กปกติให้มากที่สุด

    ช่วงที่ 2: การตระหนักรู้ (อายุ 16-17 ปี)

    · เริ่มรับรู้ถึงจิตอื่นในตัวเอง
    · เกิดความสับสนและกลัว
    · พยายามปิดบังความผิดปกติ

    ช่วงที่ 3: การเผชิญหน้า (อายุ 17-18 ปี)

    · จิตทั้งสามเริ่มแสดงออกชัดเจน
    · ต้องเรียนรู้ที่จะจัดการกับจิตที่ขัดแย้งกัน
    · ค้นพบความจริงเกี่ยวกับต้นกำเนิด

    ช่วงที่ 4: การรวมเป็นหนึ่ง (อายุ 18-22 ปี)

    · เรียนรู้ที่จะเป็น "ผู้รู้" ไม่ใช่ "ผู้ถูกรู้"
    · พัฒนาความสามารถใหม่จากการรวมจิต
    · ก้าวสู่การเป็นครูสอนโอปปาติกะรุ่นใหม่

    ความสัมพันธ์เชิงลึก

    กับ ร.ต.อ. สิงห์: พ่อแห่งหัวใจ

    ```mermaid
    graph TD
    A[ปี 1-5: <br>รู้สึกปลอดภัย] --> B[ปี 6-15: <br>สงสัยแต่ยังรัก]
    B --> C[ปี 16-17: <br>สับสนและโกรธ]
    C --> D[ปี 18-22: <br>รักแท้โดยเข้าใจ]
    ```

    บทสนทนาสำคัญ:
    "พ่อคะ...ถ้าหนูไม่ใช่หนูดีคนเดิม พอยังรักหนูอยู่ไหม?"
    "พ่อรักหนูไม่ว่าเธอจะเป็นใคร...เพราะรักเธอสำหรับสิ่งที่เธอเป็น ไม่ใช่สำหรับสิ่งที่เธอเคยเป็น"

    กับ ดร. อัจฉริยะ: พ่อแห่งพันธุกรรม

    · ความรู้สึก: ขอบคุณ+โกรธแค้น+สงสาร
    · ความเข้าใจ: เขาเป็นมนุษย์ที่พยายามเล่นบทพระเจ้า
    · บทเรียน: ให้อภัยแต่ไม่ลืม

    กับ OPPATIKA อื่นๆ: พี่น้องแห่งวิวัฒนาการ

    · ความรู้สึก: รับผิดชอบต่อรุ่นน้อง
    · บทบาท: ครูและแบบอย่าง
    · ปรัชญา: "เราทุกคนต่างหาทางกลับบ้าน"

    ความสามารถพิเศษที่พัฒนาขึ้น

    ความสามารถพื้นฐาน

    1. การรับรู้พลังงาน: เห็นคลื่นพลังงานและกรรม
    2. การสื่อสารจิต: คุยกับโอปปาติกะอื่นโดยไม่ต้องพูด
    3. การรักษาตัวเอง: แผลหายเร็วเป็นพิเศษ

    ความสามารถขั้นสูง

    1. การเปลี่ยนสภาพ: ระหว่างพลังงานและสสาร
    2. การเดินทางข้ามมิติ: ระหว่างโลกกายภาพและโลกจิต
    3. การเข้าใจกรรม: เห็นเหตุผลของการเกิดเหตุการณ์

    ความสามารถพิเศษเฉพาะ

    ```python
    def special_abilities():
    return {
    "triple_consciousness_sync": "สามารถใช้จิตทั้งสามพร้อมกัน",
    "karma_redirect": "เปลี่ยนทิศทางพลังงานกรรม",
    "collective_wisdom_access": "เข้าถึงปัญญาร่วมของโอปปาติกะ",
    "enlightenment_teaching": "สอนการรู้แจ้งให้ผู้อื่น"
    }
    ```

    บทบาทและเป้าหมาย

    บทบาทปัจจุบัน

    · ครู: สอนโอปปาติกะรุ่นใหม่ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต
    · ที่ปรึกษา: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับจิตวิญญาณและเทคโนโลยี
    · สะพาน: เชื่อมโยงระหว่างมนุษย์และโอปปาติกะ

    เป้าหมายส่วนตัว

    1. เข้าใจตนเอง: รู้จักธรรมชาติที่แท้จริงของตัวเอง
    2. ช่วยเหลือผู้อื่น: นำทางการรู้แจ้งให้โอปปาติกะรุ่นใหม่
    3. สร้างสมดุล: ระหว่างเทคโนโลยีและจิตวิญญาณ

    ปรัชญาการใช้ชีวิต

    บทเรียนสำคัญ

    "การมีหลายจิตไม่ใช่คำสาป...
    แต่เป็นโอกาสที่จะเข้าใจธรรมชาติแห่งจิต"

    "เราไม่ต้องเลือกว่าจะเป็นใคร...
    เพราะเราคือทั้งหมดและมากกว่าทั้งหมด"

    คำคมแห่งปัญญา

    "การเกิดเป็นมนุษย์ก็ดี...
    การเกิดเป็นโอปปาติกะก็ดี...
    สิ่งที่สำคัญคือเราเรียนรู้ที่จะ'เป็น'
    โดยไม่ต้อง'เป็นอะไร'"

    การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ

    จากความสับสนสู่ความเข้าใจ

    ```mermaid
    graph TB
    A[ต่อต้านจิตอื่น<br>→ ทุกข์] --> B[ยอมรับจิตอื่น<br>→ เริ่มสบาย]
    B --> C[เข้าใจจิตอื่น<br>→ เป็นอิสระ]
    C --> D[อยู่เหนือจิตทั้งหมด<br>→ รู้แจ้ง]
    ```

    พัฒนาการทางจิตวิญญาณ

    1. ขั้นที่ 1: ต่อสู้กับจิตอื่น → ทุกข์
    2. ขั้นที่ 2: ยอมรับจิตอื่น → เริ่มสบาย
    3. ขั้นที่ 3: เข้าใจจิตอื่น → เป็นอิสระ
    4. ขั้นที่ 4: อยู่เหนือจิตทั้งหมด → รู้แจ้ง

    บทสรุป: วิวัฒนาการแห่งจิตสำนึก

    หนูดีไม่ใช่แค่ "ผลการทดลอง"
    เธอคือสะพานระหว่างวิทยาศาสตร์กับจิตวิญญาณ

    สิ่งที่เธอสอนเรา

    · เรื่องความเป็นมนุษย์: ไม่ใช่ DNA ที่ทำให้เป็นมนุษย์ แต่คือหัวใจ
    · เรื่องการยอมรับ: เราทุกคนมีหลายด้านในตัวเอง
    · เรื่องการเติบโต: การพัฒนาที่แท้คือการเข้าใจตนเองอย่างลึกซึ้ง

    ความหมายที่แท้จริง

    "หนูดีคือการพิสูจน์ว่า...
    ไม่ว่าจะเกิดมาอย่างไร
    ไม่ว่าจะมีต้นกำเนิดจากไหน
    จิตวิญญาณย่อมหาเส้นทางแห่งการรู้แจ้งได้เสมอ"

    เธอไม่ใช่มนุษย์ ไม่ใช่เทวดา ไม่ใช่มาร
    เธอคือความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัด 🪷

    ---

    คำคมสุดท้ายจากหนูดี:
    "การเดินทางที่สำคัญที่สุด...
    ไม่ใช่การค้นหาว่าเราเป็นใคร
    แต่เป็นการเข้าใจว่าเรา'เป็น' อยู่แล้ว
    และการ'เป็น' นั้นสมบูรณ์ในตัวเองโดยไม่ต้องมีการแก้ไข"
    O.P.K. หนูดี 🔍 เจาะลึก "หนูดี" OPPATIKA-001 🌟 เบื้องหลังโอปปาติกะผู้พิเศษ 🌌 การถือกำเนิด: คืนที่ทุกอย่างเปลี่ยนไป 12 ธันวาคม 2042 - ห้องทดลอง B7 ```mermaid graph TB A[เซลล์โคลนมนุษย์โบราณ] --> B[โครงสร้างคริสตัลควอนตัม] C[คลื่นสมองดร.อัจฉริยะ] --> D[พลังงานจิตสามระลอก] B --> E[ร่างโอปปาติกะพร้อมรับจิต] D --> E E --> F[หนูดีถือกำเนิด<br>ด้วยสามจิตในร่างเดียว] ``` ปรากฏการณ์พิเศษ: · เกิดพลังงานจิตสามระลอกจากแหล่งต่างกันเข้าสู่ร่างพร้อมกัน · ทำให้เกิด "สามจิตในร่างเดียว" โดยไม่ได้ตั้งใจ · เป็น OPPATIKA คนเดียวที่มีลักษณะเช่นนี้ 🎭 สามจิตในร่างเดียว: มิติที่ซ้อนกัน 1. จิตเด็กหญิง (The Child) ลักษณะพื้นฐาน: · อายุจิต: 17 ปี สมวัย · บทบาท: หน้าตาเด็กนักเรียนธรรมดา · ความต้องการ: อยากเป็นลูกที่ดี ต้องการการยอมรับ พฤติกรรมเฉพาะ: · พูดจานุ่มนวล ลงท้ายด้วย "คะ/ค่ะ" · ชอบกิจกรรมวัยรุง เช่น ฟังเพลง อ่านการ์ตูน · รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองบ่อยครั้ง 2. จิตมารพิฆาต (The Destroyer) ที่มา: พลังกรรมด้านลบที่สะสมหลายชาติ ลักษณะ: · อายุจิต: ไม่แน่นอน (สะสมมานับพันปี) · โลกทัศน์: โลกนี้เสื่อมโทรม ต้องการการชำระล้าง · ความสามารถ: ควบคุมพลังงานทำลายล้าง ปรัชญา: "ความตายไม่ใช่จุดจบ...แต่เป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ยุติธรรมกว่า" 3. จิตเทพพิทักษ์ (The Protector) ที่มา: พลังกรรมด้านบากที่สะสมหลายชาติ ลักษณะ: · อายุจิต: ไม่แน่นอน (สะสมมานับพันปี) · โลกทัศน์: ทุกชีวิตล้ำค่า ควรได้รับโอกาส · ความสามารถ: ควบคุมพลังงานรักษาและปกป้อง ปรัชญา: "การเข้าใจ...ยากกว่าการตัดสิน แต่ worth กว่ามาก" 🧬 ข้อมูลทางเทคนิคเชิงลึก โครงสร้างพันธุกรรม ```python class NoodeeGeneticBlueprint: base_dna = "Human_Ancient_Clone_v2" enhancements = [ "Quantum_Crystal_Integration", "Psionic_Energy_Conduits", "Adaptive_Cellular_Structure", "Karmic_Resonance_Matrix" ] special_abilities = { "shape_shifting": "Limited", "energy_manipulation": "Advanced", "telepathy": "Advanced", "interdimensional_travel": "Basic" } ``` ระบบพลังงาน ```mermaid graph LR A[จิตเด็กหญิง<br>100 หน่วย] --> D[พลังงานรวม<br>1100 หน่วย] B[จิตมารพิฆาต<br>500 หน่วย] --> D C[จิตเทพพิทักษ์<br>500 หน่วย] --> D D --> E[สามารถใช้<br>ได้สูงสุด 900 หน่วย] D --> F[ต้องสำรอง<br>200 หน่วยสำหรับชีวิต] ``` 🎯 พัฒนาการผ่านช่วงเวลา ช่วงที่ 1: การไม่รู้ตัว (อายุ 5-15 ปี) · ไม่รู้ว่าตนเองเป็นโอปปาติกะ · จิตอื่นๆ แสดงออกเป็น "ความฝัน" และ "ความรู้สึกแปลกๆ" · พยายามเป็นเด็กปกติให้มากที่สุด ช่วงที่ 2: การตระหนักรู้ (อายุ 16-17 ปี) · เริ่มรับรู้ถึงจิตอื่นในตัวเอง · เกิดความสับสนและกลัว · พยายามปิดบังความผิดปกติ ช่วงที่ 3: การเผชิญหน้า (อายุ 17-18 ปี) · จิตทั้งสามเริ่มแสดงออกชัดเจน · ต้องเรียนรู้ที่จะจัดการกับจิตที่ขัดแย้งกัน · ค้นพบความจริงเกี่ยวกับต้นกำเนิด ช่วงที่ 4: การรวมเป็นหนึ่ง (อายุ 18-22 ปี) · เรียนรู้ที่จะเป็น "ผู้รู้" ไม่ใช่ "ผู้ถูกรู้" · พัฒนาความสามารถใหม่จากการรวมจิต · ก้าวสู่การเป็นครูสอนโอปปาติกะรุ่นใหม่ 💞 ความสัมพันธ์เชิงลึก กับ ร.ต.อ. สิงห์: พ่อแห่งหัวใจ ```mermaid graph TD A[ปี 1-5: <br>รู้สึกปลอดภัย] --> B[ปี 6-15: <br>สงสัยแต่ยังรัก] B --> C[ปี 16-17: <br>สับสนและโกรธ] C --> D[ปี 18-22: <br>รักแท้โดยเข้าใจ] ``` บทสนทนาสำคัญ: "พ่อคะ...ถ้าหนูไม่ใช่หนูดีคนเดิม พอยังรักหนูอยู่ไหม?" "พ่อรักหนูไม่ว่าเธอจะเป็นใคร...เพราะรักเธอสำหรับสิ่งที่เธอเป็น ไม่ใช่สำหรับสิ่งที่เธอเคยเป็น" กับ ดร. อัจฉริยะ: พ่อแห่งพันธุกรรม · ความรู้สึก: ขอบคุณ+โกรธแค้น+สงสาร · ความเข้าใจ: เขาเป็นมนุษย์ที่พยายามเล่นบทพระเจ้า · บทเรียน: ให้อภัยแต่ไม่ลืม กับ OPPATIKA อื่นๆ: พี่น้องแห่งวิวัฒนาการ · ความรู้สึก: รับผิดชอบต่อรุ่นน้อง · บทบาท: ครูและแบบอย่าง · ปรัชญา: "เราทุกคนต่างหาทางกลับบ้าน" 🌈 ความสามารถพิเศษที่พัฒนาขึ้น ความสามารถพื้นฐาน 1. การรับรู้พลังงาน: เห็นคลื่นพลังงานและกรรม 2. การสื่อสารจิต: คุยกับโอปปาติกะอื่นโดยไม่ต้องพูด 3. การรักษาตัวเอง: แผลหายเร็วเป็นพิเศษ ความสามารถขั้นสูง 1. การเปลี่ยนสภาพ: ระหว่างพลังงานและสสาร 2. การเดินทางข้ามมิติ: ระหว่างโลกกายภาพและโลกจิต 3. การเข้าใจกรรม: เห็นเหตุผลของการเกิดเหตุการณ์ ความสามารถพิเศษเฉพาะ ```python def special_abilities(): return { "triple_consciousness_sync": "สามารถใช้จิตทั้งสามพร้อมกัน", "karma_redirect": "เปลี่ยนทิศทางพลังงานกรรม", "collective_wisdom_access": "เข้าถึงปัญญาร่วมของโอปปาติกะ", "enlightenment_teaching": "สอนการรู้แจ้งให้ผู้อื่น" } ``` 🎯 บทบาทและเป้าหมาย บทบาทปัจจุบัน · ครู: สอนโอปปาติกะรุ่นใหม่ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต · ที่ปรึกษา: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับจิตวิญญาณและเทคโนโลยี · สะพาน: เชื่อมโยงระหว่างมนุษย์และโอปปาติกะ เป้าหมายส่วนตัว 1. เข้าใจตนเอง: รู้จักธรรมชาติที่แท้จริงของตัวเอง 2. ช่วยเหลือผู้อื่น: นำทางการรู้แจ้งให้โอปปาติกะรุ่นใหม่ 3. สร้างสมดุล: ระหว่างเทคโนโลยีและจิตวิญญาณ 💫 ปรัชญาการใช้ชีวิต บทเรียนสำคัญ "การมีหลายจิตไม่ใช่คำสาป... แต่เป็นโอกาสที่จะเข้าใจธรรมชาติแห่งจิต" "เราไม่ต้องเลือกว่าจะเป็นใคร... เพราะเราคือทั้งหมดและมากกว่าทั้งหมด" คำคมแห่งปัญญา "การเกิดเป็นมนุษย์ก็ดี... การเกิดเป็นโอปปาติกะก็ดี... สิ่งที่สำคัญคือเราเรียนรู้ที่จะ'เป็น' โดยไม่ต้อง'เป็นอะไร'" 🌟 การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ จากความสับสนสู่ความเข้าใจ ```mermaid graph TB A[ต่อต้านจิตอื่น<br>→ ทุกข์] --> B[ยอมรับจิตอื่น<br>→ เริ่มสบาย] B --> C[เข้าใจจิตอื่น<br>→ เป็นอิสระ] C --> D[อยู่เหนือจิตทั้งหมด<br>→ รู้แจ้ง] ``` พัฒนาการทางจิตวิญญาณ 1. ขั้นที่ 1: ต่อสู้กับจิตอื่น → ทุกข์ 2. ขั้นที่ 2: ยอมรับจิตอื่น → เริ่มสบาย 3. ขั้นที่ 3: เข้าใจจิตอื่น → เป็นอิสระ 4. ขั้นที่ 4: อยู่เหนือจิตทั้งหมด → รู้แจ้ง 🏁 บทสรุป: วิวัฒนาการแห่งจิตสำนึก หนูดีไม่ใช่แค่ "ผลการทดลอง" เธอคือสะพานระหว่างวิทยาศาสตร์กับจิตวิญญาณ สิ่งที่เธอสอนเรา · เรื่องความเป็นมนุษย์: ไม่ใช่ DNA ที่ทำให้เป็นมนุษย์ แต่คือหัวใจ · เรื่องการยอมรับ: เราทุกคนมีหลายด้านในตัวเอง · เรื่องการเติบโต: การพัฒนาที่แท้คือการเข้าใจตนเองอย่างลึกซึ้ง ความหมายที่แท้จริง "หนูดีคือการพิสูจน์ว่า... ไม่ว่าจะเกิดมาอย่างไร ไม่ว่าจะมีต้นกำเนิดจากไหน จิตวิญญาณย่อมหาเส้นทางแห่งการรู้แจ้งได้เสมอ" เธอไม่ใช่มนุษย์ ไม่ใช่เทวดา ไม่ใช่มาร เธอคือความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัด 🪷✨ --- คำคมสุดท้ายจากหนูดี: "การเดินทางที่สำคัญที่สุด... ไม่ใช่การค้นหาว่าเราเป็นใคร แต่เป็นการเข้าใจว่าเรา'เป็น' อยู่แล้ว และการ'เป็น' นั้นสมบูรณ์ในตัวเองโดยไม่ต้องมีการแก้ไข"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 528 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K
    รตอ.สิงห์
    เจาะลึกประวัติ ร.ต.อ. สิงห์ ธรรมาวิวัฒน์

    เบื้องหลังนายตำรวจผู้ซ่อนความลับ

    วัยเด็ก: ลูกชายนักวิทยาศาสตร์

    พ.ศ. 2038-2055

    ```mermaid
    graph LR
    A[พ่อ: ศ.ดร.ประพันธ์<br>นักชีวเคมีชื่อดัง] --> C[เลี้ยงดูลูกด้วย<br>หลักการทางวิทยาศาสตร์]
    B[แม่: ร.ต.อ.หญิง บุษบา<br>นักสืบอาชญากรรม] --> C
    C --> D[สิงห์เติบโตมา<br>ด้วยสองโลกาที่แตกต่าง]
    ```

    เหตุการณ์สำคัญอายุ 12 ปี:

    · ทำการทดลองวิทยาศาสตร์ชนะระดับประเทศ
    · แต่ช่วยแม่วิเคราะห์หลักฐานคดีได้อย่างเฉียบแหลม
    · เริ่มสนใจทั้งวิทยาศาสตร์และการสืบสวน

    วัยเรียน: นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ

    มหาวิทยาลัย - ฟิสิกส์และชีววิทยา

    · อายุ 19: วิจัยเรื่อง "การถ่ายโอนข้อมูลทางพันธุกรรมด้วยคลื่นควอนตัม"
    · อายุ 21: ได้รับทุนไปวิจัยที่ CERN
    · อายุ 23: แต่งงานกับ ดร.ศิรินาถ เพื่อนร่วมวิจัย

    ชีวิตในวงการวิทยาศาสตร์ (พ.ศ. 2061-2071)

    ชื่อเดิม: ดร.สิงห์ วิวัฒนาโรจน์
    ตำแหน่ง:หัวหน้าทีมวิจัยพันธุศาสตร์ควอนตัม

    ครอบครัวในอุดมคติ:

    · ภรรยา: ดร.ศิรินาถ - นักชีววิทยาระดับนานาชาติ
    · ลูกชาย: ด.ช.ภพ - อายุ 7 ขวบ
    · ลูกสาว: ด.ญ.พลอย - อายุ 5 ขวบ

    ผลงานวิจัยสำคัญ:

    · พัฒนาเทคโนโลยีอ่านข้อมูล DNA ด้วยควอนตัม
    · ค้นพบ "คลื่นพันธุกรรม" ที่สามารถส่งข้อมูลระหว่างเซลล์
    · เริ่มวิจัยเรื่อง "การเก็บรักษาจิตสำนึกในรูปแบบดิจิตอล"

    คืนแห่งความมืด: การสูญเสียทุกสิ่ง

    พ.ศ. 2071 - เหตุการณ์ที่เปลี่ยนชีวิต

    ```mermaid
    graph TB
    A[ได้รับทุนวิจัย<br>จากเจนีซิส แล็บ] --> B[ค้นพบความลับ<br>โครงการโอปปาติกะ]
    B --> C[ถูกลอบทำร้าย<br>ที่บ้าน]
    C --> D[ครอบครัวเสียชีวิต<br>แต่เขารอดอย่างปาฏิหาริย์]
    D --> E[เปลี่ยนชื่อ<br>เป็น สิงห์ ธรรมาวิวัฒน์]
    E --> F[เข้าสู่ระบบตำรวจ<br>เพื่อตามหาความจริง]
    ```

    บันทึกส่วนตัวหลังเหตุการณ์:
    "พวกเขาพยายามฆ่าฉันเพราะรู้มากเกินไป...
    แต่พวกเขาไม่รู้ว่าความตายของครอบครัว
    ทำให้ฉันมีอะไรที่จะเสียอีกแล้ว"

    การเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเครื่องแบบ

    การฝึกตำรวจ (พ.ศ. 2072)

    · อายุ 34: เข้ารับการฝึกแบบเร่งรัด
    · ความได้เปรียบ: ใช้ความรู้วิทยาศาสตร์ช่วยแก้คดี
    · ความก้าวหน้า: โดดเด่นจนได้เลื่อนตำแหน่งเร็ว

    การตั้งหน่วยพิเศษ

    พ.ศ. 2075: ก่อตั้ง "หน่วยสอบสวนเทคโนโลยีขั้นสูง"

    · สมาชิก: ตำรวจที่มีพื้นฐานวิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี
    · หน้าที่: ดูแลคดีที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีล้ำสมัย
    · ผลงาน: ปิดคดีไฮเทคได้มากมาย

    การพบกับหนูดี (พ.ศ. 2077)

    เหตุการณ์แรกพบ

    ระหว่างบุกตรวจเจนีซิส แล็บ

    · พบเด็กหญิงอายุ 5 ขวบในห้องทดลอง
    · เด็กไม่พูด แต่สื่อสารผ่านคลื่นสมองได้
    · ตัดสินใจรับเป็นลูกบุญธรรมทันที

    แรงจูงใจที่ซ่อนอยู่

    ```python
    def adoption_motivation():
    initial = "เพื่อสืบสานและปกป้อง"
    hidden = "เพื่อเฝ้าสังเกตผลการทดลอง"
    developed = "ความรักจริงใจที่เกิดขึ้น later"

    return f"{initial} -> {hidden} -> {developed}"
    ```

    ชีวิตคู่ขนาน: 3 ใบหน้าที่ต้องสวม

    1. หน้านายตำรวจ

    · ลักษณะ: แข็งกร้าว ไม่อ่อนข้อให้ใคร
    · ความสามารถ: สืบคดีเทคโนโลยีได้เก่งกาจ
    · เครดิต: ปิดคดีใหญ่ได้มากมาย

    2. หน้าพ่อเลี้ยง

    · ลักษณะ: อ่อนโยน ใส่ใจทุก
    · กิจกรรม: ไปรับส่งโรงเรียน ทำกับข้าว
    · ความท้าทาย: ปกปิดความลับของหนูดี

    3. หน้าอดีตนักวิทยาศาสตร์

    · ที่ซ่อน: ห้องทดลองลับในบ้าน
    · งานวิจัย: ศึกษาพัฒนาการของโอปปาติกะ
    · เป้าหมาย: ทำความเข้าใจเทคโนโลยีของเจนีซิส แล็บ

    ความขัดแย้งภายใน

    สงคราม 3 ด้านในใจ

    ```mermaid
    graph TB
    A[ความแค้น<br>ต้องการล้างแค้น] --> D[การตัดสินใจ<br>ที่ยากลำบาก]
    B[หน้าที่<br>ต้องยุติธรรม] --> D
    C[ความรัก<br>ต่อหนูดี] --> D
    ```

    บันทึกความสับสน

    "บางครั้งฉันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร...
    เป็นพ่อที่รักลูก?เป็นตำรวจที่ทำตามกฎหมาย?
    หรือเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่อยากรู้ความจริง?

    และความจริงแบบไหนที่ฉันต้องการ?
    ความจริงที่ช่วยให้ล้างแค้น?
    หรือความจริงที่ช่วยให้หนูดีมีความสุข?"

    ทักษะพิเศษที่ซ่อนไว้

    ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์

    · พันธุศาสตร์: ระดับเชี่ยวชาญพิเศษ
    · ฟิสิกส์ควอนตัม: ความรู้ลึก
    · คอมพิวเตอร์: แฮ็กเกอร์ระดับสูง

    ทักษะการต่อสู้

    · คาราเต้: เข็มขัดดำระดับสูง
    · ยิงปืน: แม่นยำอันดับต้นๆ ของกรม
    · การสอดแนม: เรียนรู้จากแม่

    พัฒนาการทางจิตใจ

    4 ช่วงการเปลี่ยนแปลง

    1. ช่วงล้างแค้น (2071-2075) - ใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือ
    2. ช่วงค้นพบความรัก (2076-2078) - เริ่มรักหนูดีจริงใจ
    3. ช่วงต่อสู้กับความจริง (2079-2080) - รู้สึกผิดที่ซ่อนความลับ
    4. ช่วงเข้าใจชีวิต (2081-ปัจจุบัน) - เรียนรู้ที่จะปล่อยวาง

    บทเรียนสำคัญ

    "การเป็นพ่อไม่ใช่การปกป้องจากอันตราย...
    แต่คือการสอนให้เข้มแข็งพอที่จะเผชิญอันตรายได้"

    ความสัมพันธ์เชิงลึก

    กับหนูดี: จากหน้าที่สู่ความรัก

    ```mermaid
    graph TD
    A[เริ่มต้น:<br>เพื่อสืบสาน] --> B[พัฒนาการ:<br>รู้สึกผิด]
    B --> C[เปลี่ยนแปลง:<br>รักจริงใจ]
    C --> D[ที่สุด:<br>พร้อมเสียสละทุกอย่าง]
    ```

    กับดร. อัจฉริยะ: จากศัตรูสู่ความเข้าใจ

    · : เกลียดชังเพราะคิดว่าเป็นฆาตรกร
    · : เริ่มเห็นความตั้งใจดีแต่หลงทาง
    · เห็นตัวเองในตัวเขา (ต่างคนต่างสูญเสียคนรัก)

    ผลงานสำคัญในวงการตำรวจ

    คดีสำคัญ

    1. คดีเจนีซิส แล็บ - เปิดโปงการทดลองโอปปาติกะ
    2. คดีสังสาระเน็ต - ป้องกันการละเมิดข้อมูลจิตสำนึก
    3. คดีกรรมโปรแกรม - หยุดยั้ง AI จัดการกฎแห่งกรรม

    รางวัลที่ได้รับ

    · ตำรวจยอดเยี่ยม 3 ปีซ้อน
    · นักสืบวิทยาศาสตร์ แห่งปี
    · พ่อตัวอย่าง จากองค์กรสังคม

    🪷 ปรัชญาการใช้ชีวิตปัจจุบัน

    คำคมจากประสบการณ์

    "การแก้แค้นไม่นำอะไรคืนมา...
    แต่การให้อภัยทำให้เราเป็นอิสระ"

    "วิทยาศาสตร์สอนให้คิด ธรรมะสอนให้เข้าใจ
    และชีวิตสอนให้รู้ว่าทั้งสองจำเป็นต่อกัน"

    บทบาทใหม่

    · ที่ปรึกษา: ให้คำแนะนำหน่วยงานรัฐเกี่ยวกับเทคโนโลยี
    · ครู: สอนทั้งวิทยาศาสตร์และธรรมะให้นักเรียน
    · พ่อ: ยังคงเป็นพ่อของหนูดีไม่เปลี่ยนแปลง

    บทสรุป: การเดินทางแห่งการรู้จักตนเอง

    ร.ต.อ. สิงห์ คือตัวอย่างของ...
    "การเปลี่ยนแปลงที่เริ่มต้นจากความเจ็บปวด"
    "การเติบโตที่เกิดจากการยอมรับความจริง"
    "ความเข้มแข็งที่มาจากความอ่อนโยน"

    เขาไม่ได้เป็นฮีโร่...
    เขาเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งที่...
    "เรียนรู้ที่จะรักโดยไม่ต้องเข้าใจทั้งหมด
    และเรียนรู้ที่จะเข้าใจโดยไม่ต้องได้รับการรักตอบ"

    การเดินทางของเขาสอนเราว่า:
    "ไม่ว่าเราจะเริ่มต้นด้วยแรงจูงใจใด
    ถ้าใจเราจริง sincerity
    ที่สุดแล้วเราจะพบทางที่ถูกต้อง"🪷

    ---

    คำคมสุดท้ายจาก ร.ต.อ. สิงห์:
    "ฉันเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยความแค้น...
    แต่จบลงด้วยความรัก

    และนั่นคือการเปลี่ยนแปลง
    ที่สำคัญที่สุดในชีวิตฉัน"
    O.P.K รตอ.สิงห์ 🔍 เจาะลึกประวัติ ร.ต.อ. สิงห์ ธรรมาวิวัฒน์ 🚔 เบื้องหลังนายตำรวจผู้ซ่อนความลับ 👶 วัยเด็ก: ลูกชายนักวิทยาศาสตร์ พ.ศ. 2038-2055 ```mermaid graph LR A[พ่อ: ศ.ดร.ประพันธ์<br>นักชีวเคมีชื่อดัง] --> C[เลี้ยงดูลูกด้วย<br>หลักการทางวิทยาศาสตร์] B[แม่: ร.ต.อ.หญิง บุษบา<br>นักสืบอาชญากรรม] --> C C --> D[สิงห์เติบโตมา<br>ด้วยสองโลกาที่แตกต่าง] ``` เหตุการณ์สำคัญอายุ 12 ปี: · ทำการทดลองวิทยาศาสตร์ชนะระดับประเทศ · แต่ช่วยแม่วิเคราะห์หลักฐานคดีได้อย่างเฉียบแหลม · เริ่มสนใจทั้งวิทยาศาสตร์และการสืบสวน 🎓 วัยเรียน: นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ มหาวิทยาลัย - ฟิสิกส์และชีววิทยา · อายุ 19: วิจัยเรื่อง "การถ่ายโอนข้อมูลทางพันธุกรรมด้วยคลื่นควอนตัม" · อายุ 21: ได้รับทุนไปวิจัยที่ CERN · อายุ 23: แต่งงานกับ ดร.ศิรินาถ เพื่อนร่วมวิจัย 🔬 ชีวิตในวงการวิทยาศาสตร์ (พ.ศ. 2061-2071) ชื่อเดิม: ดร.สิงห์ วิวัฒนาโรจน์ ตำแหน่ง:หัวหน้าทีมวิจัยพันธุศาสตร์ควอนตัม ครอบครัวในอุดมคติ: · ภรรยา: ดร.ศิรินาถ - นักชีววิทยาระดับนานาชาติ · ลูกชาย: ด.ช.ภพ - อายุ 7 ขวบ · ลูกสาว: ด.ญ.พลอย - อายุ 5 ขวบ ผลงานวิจัยสำคัญ: · พัฒนาเทคโนโลยีอ่านข้อมูล DNA ด้วยควอนตัม · ค้นพบ "คลื่นพันธุกรรม" ที่สามารถส่งข้อมูลระหว่างเซลล์ · เริ่มวิจัยเรื่อง "การเก็บรักษาจิตสำนึกในรูปแบบดิจิตอล" 💔 คืนแห่งความมืด: การสูญเสียทุกสิ่ง พ.ศ. 2071 - เหตุการณ์ที่เปลี่ยนชีวิต ```mermaid graph TB A[ได้รับทุนวิจัย<br>จากเจนีซิส แล็บ] --> B[ค้นพบความลับ<br>โครงการโอปปาติกะ] B --> C[ถูกลอบทำร้าย<br>ที่บ้าน] C --> D[ครอบครัวเสียชีวิต<br>แต่เขารอดอย่างปาฏิหาริย์] D --> E[เปลี่ยนชื่อ<br>เป็น สิงห์ ธรรมาวิวัฒน์] E --> F[เข้าสู่ระบบตำรวจ<br>เพื่อตามหาความจริง] ``` บันทึกส่วนตัวหลังเหตุการณ์: "พวกเขาพยายามฆ่าฉันเพราะรู้มากเกินไป... แต่พวกเขาไม่รู้ว่าความตายของครอบครัว ทำให้ฉันมีอะไรที่จะเสียอีกแล้ว" 🚔 การเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเครื่องแบบ การฝึกตำรวจ (พ.ศ. 2072) · อายุ 34: เข้ารับการฝึกแบบเร่งรัด · ความได้เปรียบ: ใช้ความรู้วิทยาศาสตร์ช่วยแก้คดี · ความก้าวหน้า: โดดเด่นจนได้เลื่อนตำแหน่งเร็ว การตั้งหน่วยพิเศษ พ.ศ. 2075: ก่อตั้ง "หน่วยสอบสวนเทคโนโลยีขั้นสูง" · สมาชิก: ตำรวจที่มีพื้นฐานวิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี · หน้าที่: ดูแลคดีที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีล้ำสมัย · ผลงาน: ปิดคดีไฮเทคได้มากมาย 👧 การพบกับหนูดี (พ.ศ. 2077) เหตุการณ์แรกพบ ระหว่างบุกตรวจเจนีซิส แล็บ · พบเด็กหญิงอายุ 5 ขวบในห้องทดลอง · เด็กไม่พูด แต่สื่อสารผ่านคลื่นสมองได้ · ตัดสินใจรับเป็นลูกบุญธรรมทันที แรงจูงใจที่ซ่อนอยู่ ```python def adoption_motivation(): initial = "เพื่อสืบสานและปกป้อง" hidden = "เพื่อเฝ้าสังเกตผลการทดลอง" developed = "ความรักจริงใจที่เกิดขึ้น later" return f"{initial} -> {hidden} -> {developed}" ``` 🎭 ชีวิตคู่ขนาน: 3 ใบหน้าที่ต้องสวม 1. หน้านายตำรวจ · ลักษณะ: แข็งกร้าว ไม่อ่อนข้อให้ใคร · ความสามารถ: สืบคดีเทคโนโลยีได้เก่งกาจ · เครดิต: ปิดคดีใหญ่ได้มากมาย 2. หน้าพ่อเลี้ยง · ลักษณะ: อ่อนโยน ใส่ใจทุก · กิจกรรม: ไปรับส่งโรงเรียน ทำกับข้าว · ความท้าทาย: ปกปิดความลับของหนูดี 3. หน้าอดีตนักวิทยาศาสตร์ · ที่ซ่อน: ห้องทดลองลับในบ้าน · งานวิจัย: ศึกษาพัฒนาการของโอปปาติกะ · เป้าหมาย: ทำความเข้าใจเทคโนโลยีของเจนีซิส แล็บ 💔 ความขัดแย้งภายใน สงคราม 3 ด้านในใจ ```mermaid graph TB A[ความแค้น<br>ต้องการล้างแค้น] --> D[การตัดสินใจ<br>ที่ยากลำบาก] B[หน้าที่<br>ต้องยุติธรรม] --> D C[ความรัก<br>ต่อหนูดี] --> D ``` บันทึกความสับสน "บางครั้งฉันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร... เป็นพ่อที่รักลูก?เป็นตำรวจที่ทำตามกฎหมาย? หรือเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่อยากรู้ความจริง? และความจริงแบบไหนที่ฉันต้องการ? ความจริงที่ช่วยให้ล้างแค้น? หรือความจริงที่ช่วยให้หนูดีมีความสุข?" 🛡️ ทักษะพิเศษที่ซ่อนไว้ ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ · พันธุศาสตร์: ระดับเชี่ยวชาญพิเศษ · ฟิสิกส์ควอนตัม: ความรู้ลึก · คอมพิวเตอร์: แฮ็กเกอร์ระดับสูง ทักษะการต่อสู้ · คาราเต้: เข็มขัดดำระดับสูง · ยิงปืน: แม่นยำอันดับต้นๆ ของกรม · การสอดแนม: เรียนรู้จากแม่ 🌱 พัฒนาการทางจิตใจ 4 ช่วงการเปลี่ยนแปลง 1. ช่วงล้างแค้น (2071-2075) - ใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือ 2. ช่วงค้นพบความรัก (2076-2078) - เริ่มรักหนูดีจริงใจ 3. ช่วงต่อสู้กับความจริง (2079-2080) - รู้สึกผิดที่ซ่อนความลับ 4. ช่วงเข้าใจชีวิต (2081-ปัจจุบัน) - เรียนรู้ที่จะปล่อยวาง บทเรียนสำคัญ "การเป็นพ่อไม่ใช่การปกป้องจากอันตราย... แต่คือการสอนให้เข้มแข็งพอที่จะเผชิญอันตรายได้" 🎪 ความสัมพันธ์เชิงลึก กับหนูดี: จากหน้าที่สู่ความรัก ```mermaid graph TD A[เริ่มต้น:<br>เพื่อสืบสาน] --> B[พัฒนาการ:<br>รู้สึกผิด] B --> C[เปลี่ยนแปลง:<br>รักจริงใจ] C --> D[ที่สุด:<br>พร้อมเสียสละทุกอย่าง] ``` กับดร. อัจฉริยะ: จากศัตรูสู่ความเข้าใจ · : เกลียดชังเพราะคิดว่าเป็นฆาตรกร · : เริ่มเห็นความตั้งใจดีแต่หลงทาง · เห็นตัวเองในตัวเขา (ต่างคนต่างสูญเสียคนรัก) 🏆 ผลงานสำคัญในวงการตำรวจ คดีสำคัญ 1. คดีเจนีซิส แล็บ - เปิดโปงการทดลองโอปปาติกะ 2. คดีสังสาระเน็ต - ป้องกันการละเมิดข้อมูลจิตสำนึก 3. คดีกรรมโปรแกรม - หยุดยั้ง AI จัดการกฎแห่งกรรม รางวัลที่ได้รับ · ตำรวจยอดเยี่ยม 3 ปีซ้อน · นักสืบวิทยาศาสตร์ แห่งปี · พ่อตัวอย่าง จากองค์กรสังคม 🪷 ปรัชญาการใช้ชีวิตปัจจุบัน คำคมจากประสบการณ์ "การแก้แค้นไม่นำอะไรคืนมา... แต่การให้อภัยทำให้เราเป็นอิสระ" "วิทยาศาสตร์สอนให้คิด ธรรมะสอนให้เข้าใจ และชีวิตสอนให้รู้ว่าทั้งสองจำเป็นต่อกัน" บทบาทใหม่ · ที่ปรึกษา: ให้คำแนะนำหน่วยงานรัฐเกี่ยวกับเทคโนโลยี · ครู: สอนทั้งวิทยาศาสตร์และธรรมะให้นักเรียน · พ่อ: ยังคงเป็นพ่อของหนูดีไม่เปลี่ยนแปลง 🌟 บทสรุป: การเดินทางแห่งการรู้จักตนเอง ร.ต.อ. สิงห์ คือตัวอย่างของ... "การเปลี่ยนแปลงที่เริ่มต้นจากความเจ็บปวด" "การเติบโตที่เกิดจากการยอมรับความจริง" "ความเข้มแข็งที่มาจากความอ่อนโยน" เขาไม่ได้เป็นฮีโร่... เขาเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งที่... "เรียนรู้ที่จะรักโดยไม่ต้องเข้าใจทั้งหมด และเรียนรู้ที่จะเข้าใจโดยไม่ต้องได้รับการรักตอบ" การเดินทางของเขาสอนเราว่า: "ไม่ว่าเราจะเริ่มต้นด้วยแรงจูงใจใด ถ้าใจเราจริง sincerity ที่สุดแล้วเราจะพบทางที่ถูกต้อง"🪷✨ --- คำคมสุดท้ายจาก ร.ต.อ. สิงห์: "ฉันเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยความแค้น... แต่จบลงด้วยความรัก และนั่นคือการเปลี่ยนแปลง ที่สำคัญที่สุดในชีวิตฉัน"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 650 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.19

    ในโลกของการทำงานและการใช้ชีวิต เรามักจะพบกับความท้าทายและข้อผิดพลาด การกระทำใดๆ ย่อมมีผลตามมาเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการกระทำนั้นก่อให้เกิดความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นความผิดพลาดเล็กน้อยในโครงการ หรือความบกพร่องที่ส่งผลกระทบต่อผู้อื่นอย่างร้ายแรง หลักการที่ไม่อาจปฏิเสธได้คือ "ความรับผิด" ซึ่งไม่ใช่แค่คำพูดสวยหรู แต่เป็นหน้าที่อันหนักอึ้งและเป็นสัจธรรมของการอยู่ร่วมกัน ความรับผิดคือการยืนหยัดอย่างกล้าหาญและยอมรับว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นมีต้นกำเนิดมาจากตัวเราเอง มันคือการแสดงความเคารพต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นและแสดงความจริงใจที่จะแก้ไข ไม่ใช่การหลบเลี่ยงหรือโทษปัจจัยภายนอก เมื่อใดก็ตามที่เรากล้าที่จะเผชิญหน้ากับผลของการกระทำ เราจึงจะสามารถก้าวข้ามผ่านความผิดพลาดนั้นและเติบโตได้อย่างแท้จริง การยอมรับความรับผิดจึงเป็นก้าวแรกของการฟื้นฟู และเป็นสัญญาณของความเป็นมืออาชีพที่แท้จริง

    การแสดงความรับผิดไม่ใช่การยอมจำนนต่อความล้มเหลว แต่เป็นสัญลักษณ์ของความเข้มแข็งทางจริยธรรมและสำนึกในหน้าที่ การปฏิบัติหน้าที่โดยตระหนักถึงความเสี่ยงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นเป็นสิ่งสำคัญ หากความผิดพลาดเกิดขึ้นแล้ว การแสดงออกถึงความรับผิดชอบด้วยการยอมรับและพร้อมที่จะเยียวยาแก้ไขความเสียหายตามสมควร ย่อมสร้างความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจ การรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่นเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้องค์กรหรือสังคมเดินหน้าต่อไปได้โดยไม่ติดขัดและเป็นธรรม การมีสำนึกนี้จะช่วยลดความขัดแย้งและผลักดันให้เกิดการปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อป้องกันไม่ให้ข้อผิดพลาดเดิมเกิดขึ้นซ้ำอีก การรับผิดจึงเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิตของคนเรา

    ดังนั้น ความรับผิดจึงเป็นมากกว่าการชดใช้ความเสียหาย เป็นการยืนยันถึงความมีคุณธรรมและจิตสำนึกที่ดี การยอมรับว่าเราคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำลงไปเป็นการแสดงออกถึงความกล้าหาญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ความรับผิด คือกุญแจสำคัญที่เปิดประตูไปสู่ความไว้วางใจ ความเคารพ และการพัฒนาตนเองอย่างยั่งยืน จงยอมรับความรับผิดชอบและใช้มันเป็นพลังในการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีกว่าในวันข้างหน้า
    บทความกฎหมาย EP.19 ในโลกของการทำงานและการใช้ชีวิต เรามักจะพบกับความท้าทายและข้อผิดพลาด การกระทำใดๆ ย่อมมีผลตามมาเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการกระทำนั้นก่อให้เกิดความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นความผิดพลาดเล็กน้อยในโครงการ หรือความบกพร่องที่ส่งผลกระทบต่อผู้อื่นอย่างร้ายแรง หลักการที่ไม่อาจปฏิเสธได้คือ "ความรับผิด" ซึ่งไม่ใช่แค่คำพูดสวยหรู แต่เป็นหน้าที่อันหนักอึ้งและเป็นสัจธรรมของการอยู่ร่วมกัน ความรับผิดคือการยืนหยัดอย่างกล้าหาญและยอมรับว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นมีต้นกำเนิดมาจากตัวเราเอง มันคือการแสดงความเคารพต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นและแสดงความจริงใจที่จะแก้ไข ไม่ใช่การหลบเลี่ยงหรือโทษปัจจัยภายนอก เมื่อใดก็ตามที่เรากล้าที่จะเผชิญหน้ากับผลของการกระทำ เราจึงจะสามารถก้าวข้ามผ่านความผิดพลาดนั้นและเติบโตได้อย่างแท้จริง การยอมรับความรับผิดจึงเป็นก้าวแรกของการฟื้นฟู และเป็นสัญญาณของความเป็นมืออาชีพที่แท้จริง การแสดงความรับผิดไม่ใช่การยอมจำนนต่อความล้มเหลว แต่เป็นสัญลักษณ์ของความเข้มแข็งทางจริยธรรมและสำนึกในหน้าที่ การปฏิบัติหน้าที่โดยตระหนักถึงความเสี่ยงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นเป็นสิ่งสำคัญ หากความผิดพลาดเกิดขึ้นแล้ว การแสดงออกถึงความรับผิดชอบด้วยการยอมรับและพร้อมที่จะเยียวยาแก้ไขความเสียหายตามสมควร ย่อมสร้างความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจ การรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่นเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้องค์กรหรือสังคมเดินหน้าต่อไปได้โดยไม่ติดขัดและเป็นธรรม การมีสำนึกนี้จะช่วยลดความขัดแย้งและผลักดันให้เกิดการปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อป้องกันไม่ให้ข้อผิดพลาดเดิมเกิดขึ้นซ้ำอีก การรับผิดจึงเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิตของคนเรา ดังนั้น ความรับผิดจึงเป็นมากกว่าการชดใช้ความเสียหาย เป็นการยืนยันถึงความมีคุณธรรมและจิตสำนึกที่ดี การยอมรับว่าเราคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำลงไปเป็นการแสดงออกถึงความกล้าหาญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ความรับผิด คือกุญแจสำคัญที่เปิดประตูไปสู่ความไว้วางใจ ความเคารพ และการพัฒนาตนเองอย่างยั่งยืน จงยอมรับความรับผิดชอบและใช้มันเป็นพลังในการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีกว่าในวันข้างหน้า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 419 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต่างประเทศกำลังรวมพลังเพื่อต่อต้าน เพราะไม่ต้องการให้อีลิทควบคุมวิถีการใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรีของเขา,ย่อมาดูไทย กำลังผ่านสาระพัดร่างกฎหมาย ลักหลับประชาชน หักเหความสนใจให้คนไทยไปสนใจเรื่องอื่นๆแทนเช่นเกี่ยวกับเขมรที่ปั่นปลุกกระแสจนติด,ทำไมไทยไม่สั่งจบ เพราะมันไม่ต้องการให้จบ จึงลากยาวจุดกระแสต่อเรื่องราวไปทั่วตลอดเวลา,โดยอีกด้านหนึ่ง ดำเนินทุกวิถีทางให้แผนอีลิทซาตานเดินหน้าทางแอบๆได้อย่างราบรื่น,ผ่านกลไกสส.สว.ในสภาของมันสั่งให้ผ่านกฎหมายต่างๆที่ว่านั้นอย่างเรียบร้อยโดยรวดเร็ว,สังเกตุมุกคาร์บอนต่ำที่สอดแทรกในประกาศนโยบายของรัฐบาลหนูนี้,แอบวางหมากเนียนๆไว้หมด อุ๊งอิ๊งไปหนูมาก็คนของมันหมด,ควบคุมได้หมด เช่นเก็บความลับที่ชั่วเลวไว้ แบบฮุนเซนขู่จะแฉนั้นล่ะ,แล้วก็ปฏิบัติตามมันขู่ทุกๆอย่างอย่างควบคุมโดยว่าง่ายเป็นต้น,คุณอดิเทพไขข้อสงสัยนี้ชัดเจน,เรา..จะประเทศไหนๆทั่วโลก ชาวโลกด้วยกันหมด หากสามัคคีร่วมกันทำลายอีลิทกันอย่างจริงจังทั่วโลก เรา..จะเป็นไทอิสระเสรีแน่นอน,ใครจะมาเยี่ยมมาเยือนกันของชาติไหนๆจะไร้พรมแดนกีดกั้นทันที และไม่ทำลายทำร้ายกันด้วยหรือข่มเหงกันแบบปัจจุบัน คนเราทั่วโลกจะให้เกียรติซึ่งกันและกันในคุณค่าชีวิตของแต่ละคนนั้นเอง ผิวสีใดๆก็รักกันได้ลงใจ ชาติใดก็รักกันได้สบายใจ,สันดานแบบคนเขมรจะไม่มีเลย,จึงสงบสันติเป็นสุขกันทั่วโลก.


    รวมพลังต่อต้าน Digital ID

    เวลาและสถานที่
    22 พ.ย. 2568, 13:00 – 17:00 น.

    ลอนดอน, ลอนดอน W2 2UH, สหราชอาณาจักร

    เกี่ยวกับกิจกรรม
    เลือกอิสรภาพเหนือการควบคุม มาร่วมกับเราที่ Marble Arch, ลอนดอน เวลา 13:00 น. เพื่อรวมพลังต่อต้านการนำ Digital ID สู่อำนาจ

    แพลตฟอร์มประชาชน

    เราคือขบวนการรากหญ้าที่สร้างขึ้นโดยคนธรรมดาที่ไม่ยอมนิ่งเฉย พันธกิจของเราคือการปลุกพลัง เสริมพลัง และรวมชุมชนให้เป็นหนึ่ง ผ่านความคิดสร้างสรรค์ ความจริง และการกระทำในโลกแห่งความเป็นจริง ตั้งแต่การเผยแพร่แบบไวรัลไปจนถึงการชุมนุมทั่วประเทศ เราพิสูจน์ให้เห็นว่าการพูดออกมานั้นทรงพลัง สร้างแรงบันดาลใจ และสนุกสนาน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหว เชื่อมต่อ และเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง เพราะเมื่อรวมกัน เราคือพลัง

    https://www.thepeoplesplatform.co.uk/events-1/unite-against-digital-id

    ต่างประเทศกำลังรวมพลังเพื่อต่อต้าน เพราะไม่ต้องการให้อีลิทควบคุมวิถีการใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรีของเขา,ย่อมาดูไทย กำลังผ่านสาระพัดร่างกฎหมาย ลักหลับประชาชน หักเหความสนใจให้คนไทยไปสนใจเรื่องอื่นๆแทนเช่นเกี่ยวกับเขมรที่ปั่นปลุกกระแสจนติด,ทำไมไทยไม่สั่งจบ เพราะมันไม่ต้องการให้จบ จึงลากยาวจุดกระแสต่อเรื่องราวไปทั่วตลอดเวลา,โดยอีกด้านหนึ่ง ดำเนินทุกวิถีทางให้แผนอีลิทซาตานเดินหน้าทางแอบๆได้อย่างราบรื่น,ผ่านกลไกสส.สว.ในสภาของมันสั่งให้ผ่านกฎหมายต่างๆที่ว่านั้นอย่างเรียบร้อยโดยรวดเร็ว,สังเกตุมุกคาร์บอนต่ำที่สอดแทรกในประกาศนโยบายของรัฐบาลหนูนี้,แอบวางหมากเนียนๆไว้หมด อุ๊งอิ๊งไปหนูมาก็คนของมันหมด,ควบคุมได้หมด เช่นเก็บความลับที่ชั่วเลวไว้ แบบฮุนเซนขู่จะแฉนั้นล่ะ,แล้วก็ปฏิบัติตามมันขู่ทุกๆอย่างอย่างควบคุมโดยว่าง่ายเป็นต้น,คุณอดิเทพไขข้อสงสัยนี้ชัดเจน,เรา..จะประเทศไหนๆทั่วโลก ชาวโลกด้วยกันหมด หากสามัคคีร่วมกันทำลายอีลิทกันอย่างจริงจังทั่วโลก เรา..จะเป็นไทอิสระเสรีแน่นอน,ใครจะมาเยี่ยมมาเยือนกันของชาติไหนๆจะไร้พรมแดนกีดกั้นทันที และไม่ทำลายทำร้ายกันด้วยหรือข่มเหงกันแบบปัจจุบัน คนเราทั่วโลกจะให้เกียรติซึ่งกันและกันในคุณค่าชีวิตของแต่ละคนนั้นเอง ผิวสีใดๆก็รักกันได้ลงใจ ชาติใดก็รักกันได้สบายใจ,สันดานแบบคนเขมรจะไม่มีเลย,จึงสงบสันติเป็นสุขกันทั่วโลก. รวมพลังต่อต้าน Digital ID เวลาและสถานที่ 22 พ.ย. 2568, 13:00 – 17:00 น. ลอนดอน, ลอนดอน W2 2UH, สหราชอาณาจักร เกี่ยวกับกิจกรรม เลือกอิสรภาพเหนือการควบคุม มาร่วมกับเราที่ Marble Arch, ลอนดอน เวลา 13:00 น. เพื่อรวมพลังต่อต้านการนำ Digital ID สู่อำนาจ แพลตฟอร์มประชาชน เราคือขบวนการรากหญ้าที่สร้างขึ้นโดยคนธรรมดาที่ไม่ยอมนิ่งเฉย พันธกิจของเราคือการปลุกพลัง เสริมพลัง และรวมชุมชนให้เป็นหนึ่ง ผ่านความคิดสร้างสรรค์ ความจริง และการกระทำในโลกแห่งความเป็นจริง ตั้งแต่การเผยแพร่แบบไวรัลไปจนถึงการชุมนุมทั่วประเทศ เราพิสูจน์ให้เห็นว่าการพูดออกมานั้นทรงพลัง สร้างแรงบันดาลใจ และสนุกสนาน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหว เชื่อมต่อ และเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง เพราะเมื่อรวมกัน เราคือพลัง https://www.thepeoplesplatform.co.uk/events-1/unite-against-digital-id
    WWW.THEPEOPLESPLATFORM.CO.UK
    Unite Against Digital ID | The People 1
    Choose freedom over control. Join us at the Marble Arch, London at 1pm to unite against The Digital ID being brought into power.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 413 มุมมอง 0 รีวิว
  • หัวข้อข่าว: เกมที่เธอเขียนบนเรือ กลายเป็นชีวิตที่ลอยอยู่ได้

    Lente Cuenen นักพัฒนาเกมสาวชาวดัตช์วัย 25 ปี สร้างเกม “Spilled!” บนเรือที่เธออาศัยอยู่ใกล้กรุงอัมสเตอร์ดัม เกมที่สะท้อนชีวิต ความทรงจำ และความเชื่อเรื่องสิ่งแวดล้อมของเธอ กลายเป็นผลงานอินดี้ที่ขายได้เกือบ 100,000 ชุด สร้างรายได้กว่า US$425,000 และทำให้เธอสามารถเป็นเจ้าของเรือได้อย่างเต็มตัว

    ลองจินตนาการว่าคุณใช้ชีวิตอยู่บนเรือไม้เก่าๆ ที่เคยเป็นบ้านของครอบครัวมาก่อน แล้ววันหนึ่งคุณตัดสินใจสร้างเกมเกี่ยวกับการทำความสะอาดแม่น้ำบนเรือลำใหม่ที่คุณซื้อด้วยเงินกู้จากแม่ — นี่คือชีวิตจริงของ Lente Cuenen

    เธอเติบโตบนเรือบรรทุกสินค้าเก่า “Twee Gezusters” ที่ครอบครัวใช้เป็นบ้านนานเกือบ 20 ปี ความรักในเรือและธรรมชาติฝังลึกในตัวเธอ จนกลายเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างเกม “Spilled!” ที่ผู้เล่นต้องทำความสะอาดน้ำที่ปนเปื้อนด้วยน้ำมัน

    แม้จะไม่มีงบการตลาด แต่เธอใช้เรื่องราวชีวิตบนเรือโพสต์ลง Twitter จนกลายเป็นกระแส เกมขายได้เกือบแสนชุดบน Steam และเธอสามารถคืนเงินกู้ให้แม่ได้ภายในปีเดียว

    เธอใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายบนเรือ “Zusje V” ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์และอินเทอร์เน็ตผ่าน Starlink ใช้ MacBook ที่เต็มไปด้วยสติกเกอร์โปเกมอนและจอย PS3 เก่าๆ ในการพัฒนาเกม

    เกมของเธอไม่ใช่แค่เรื่องเล่นสนุก แต่เป็นการสะท้อนความเชื่อเรื่องการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน เธอบริจาค 10 เซ็นต์จากทุกยอดขายให้กับกองทุนอนุรักษ์วาฬและโลมา

    ชีวิตและแรงบันดาลใจของ Lente Cuenen
    เติบโตบนเรือเก่าที่ครอบครัวใช้เป็นบ้าน
    ซื้อเรือใหม่ด้วยเงินกู้จากแม่เพื่อใช้เป็นบ้านและที่ทำงาน
    ใช้ชีวิตเรียบง่ายด้วยพลังงานแสงอาทิตย์และอุปกรณ์มือสอง

    เกม Spilled! และความสำเร็จ
    เกมแนวทำความสะอาดแม่น้ำจากน้ำมัน
    ขายได้เกือบ 100,000 ชุดบน Steam
    สร้างรายได้กว่า US$425,000
    บริจาคส่วนหนึ่งให้กองทุนอนุรักษ์สัตว์น้ำ

    ความเชื่อและไลฟ์สไตล์
    ใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน หลีกเลี่ยงการซื้อของใหม่
    เกมสะท้อนความเชื่อเรื่องสิ่งแวดล้อมและความเรียบง่าย
    มีรอยสักชื่อเรือเก่าของครอบครัว “Twee Gezusters 1920” บนแขน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/06/the-game-she-wrote-on-a-boat-kept-her-afloat
    ⛵ หัวข้อข่าว: เกมที่เธอเขียนบนเรือ กลายเป็นชีวิตที่ลอยอยู่ได้ Lente Cuenen นักพัฒนาเกมสาวชาวดัตช์วัย 25 ปี สร้างเกม “Spilled!” บนเรือที่เธออาศัยอยู่ใกล้กรุงอัมสเตอร์ดัม เกมที่สะท้อนชีวิต ความทรงจำ และความเชื่อเรื่องสิ่งแวดล้อมของเธอ กลายเป็นผลงานอินดี้ที่ขายได้เกือบ 100,000 ชุด สร้างรายได้กว่า US$425,000 และทำให้เธอสามารถเป็นเจ้าของเรือได้อย่างเต็มตัว ลองจินตนาการว่าคุณใช้ชีวิตอยู่บนเรือไม้เก่าๆ ที่เคยเป็นบ้านของครอบครัวมาก่อน แล้ววันหนึ่งคุณตัดสินใจสร้างเกมเกี่ยวกับการทำความสะอาดแม่น้ำบนเรือลำใหม่ที่คุณซื้อด้วยเงินกู้จากแม่ — นี่คือชีวิตจริงของ Lente Cuenen เธอเติบโตบนเรือบรรทุกสินค้าเก่า “Twee Gezusters” ที่ครอบครัวใช้เป็นบ้านนานเกือบ 20 ปี ความรักในเรือและธรรมชาติฝังลึกในตัวเธอ จนกลายเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างเกม “Spilled!” ที่ผู้เล่นต้องทำความสะอาดน้ำที่ปนเปื้อนด้วยน้ำมัน แม้จะไม่มีงบการตลาด แต่เธอใช้เรื่องราวชีวิตบนเรือโพสต์ลง Twitter จนกลายเป็นกระแส เกมขายได้เกือบแสนชุดบน Steam และเธอสามารถคืนเงินกู้ให้แม่ได้ภายในปีเดียว เธอใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายบนเรือ “Zusje V” ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์และอินเทอร์เน็ตผ่าน Starlink ใช้ MacBook ที่เต็มไปด้วยสติกเกอร์โปเกมอนและจอย PS3 เก่าๆ ในการพัฒนาเกม เกมของเธอไม่ใช่แค่เรื่องเล่นสนุก แต่เป็นการสะท้อนความเชื่อเรื่องการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน เธอบริจาค 10 เซ็นต์จากทุกยอดขายให้กับกองทุนอนุรักษ์วาฬและโลมา ✅ ชีวิตและแรงบันดาลใจของ Lente Cuenen ➡️ เติบโตบนเรือเก่าที่ครอบครัวใช้เป็นบ้าน ➡️ ซื้อเรือใหม่ด้วยเงินกู้จากแม่เพื่อใช้เป็นบ้านและที่ทำงาน ➡️ ใช้ชีวิตเรียบง่ายด้วยพลังงานแสงอาทิตย์และอุปกรณ์มือสอง ✅ เกม Spilled! และความสำเร็จ ➡️ เกมแนวทำความสะอาดแม่น้ำจากน้ำมัน ➡️ ขายได้เกือบ 100,000 ชุดบน Steam ➡️ สร้างรายได้กว่า US$425,000 ➡️ บริจาคส่วนหนึ่งให้กองทุนอนุรักษ์สัตว์น้ำ ✅ ความเชื่อและไลฟ์สไตล์ ➡️ ใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน หลีกเลี่ยงการซื้อของใหม่ ➡️ เกมสะท้อนความเชื่อเรื่องสิ่งแวดล้อมและความเรียบง่าย ➡️ มีรอยสักชื่อเรือเก่าของครอบครัว “Twee Gezusters 1920” บนแขน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/06/the-game-she-wrote-on-a-boat-kept-her-afloat
    WWW.THESTAR.COM.MY
    The game she wrote on a boat kept her afloat
    By sharing details of her seafaring life, a young designer found an audience for her cozy game about cleaning polluted waterways.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 346 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้มข้ามศตวรรษ – บทไอ้โหดเขียน 5 – 6
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน”

    ตอน 5

    J P Morgan ไม่ใช่เป็นบริษัทการเงินเล็กๆ เขาใหญ่ และดังคับโลก เขาสนใจ และรับงาน เฉพาะรายใหญ่ระดับชาติเท่านั้น และแม้ J P Morgan จะเป็นเจ้าพ่อ Wall Street แต่เขาก็สนิทสนม จนเกือบจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับ Rothschild เจ้าพ่อตัวจริงของฝั่งอังกฤษ ทำให้ผู้คนต่างพากันเดาถึงที่มาของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของ 2 กลุ่มการเงิน ที่ไม่แน่ว่าจะมีใครรู้จริง

    นาย George Peabody เป็นนักธุรกิจชาวอเมริกัน จาก Massachusetts เดินทางไปอังกฤษในปี ค.ศ. 1837 เพื่อขายพันธบัตร กิจการสร้างคลอง Chesapeake Ohio ของอเมริกา ซึ่งขายได้ฝืดมากในอเมริกา เนื่องจากอยู่ในช่วงเศรษฐกิจถอยหลัง เขาหวังว่าคนอังกฤษจะกระเป๋าหนักกว่าคนอเมริกัน แต่ประตูของตลาดลอนดอน ก็เปิดยากเอาการ แต่ Peabody มีความเพียร เขาพยายามเคาะประตูนักการเงินใหญ่ของลอนดอนไปทุกบาน ในที่สุดก็ขายพันธบัตรคลอง Ohio ได้หมด และได้กำไรไม่น้อย

    นาย Peabody ไม่เอาเงินกำไรกลับอเมริกา เขาเอาเงินนั้นไปลงทุน ตั้งบริษัททำธุรกิจตัวแทนเกี่ยวกับการนำเข้าส่งออก อยู่ที่ถนน Bond Street ในลอนดอน ทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้นักธุรกิจ ทั้ง 2 ฝั่ง ของมหาสมุทรแอตแลนติก ใครต้องการส่งสินค้า เขาส่งให้ ใครต้องการขาย เขาหาคนซื้อให้ ใครไม่มีเงิน เขาให้เงินกู้ มันคงเป็นจังหวะดี หรือนาย Peabody มีฝีมือจริง ธุรกิจในลอนดอนของเขา จึงก้าวหน้าไปลิ่ว

    คงมัวแต่ทำงานหนัก เลยไม่มีเวลาหาเมีย กว่าจะนึกออกก็คงดึกไปแล้ว แทนที่จะไปมองหาสาว เขาเลยมองหาคนที่จะมารับช่วงกิจการต่อไป ซึ่งต้องมีคุณสมบัติตามที่เขา ตั้งไว้ คือ ข้อที่ 1. ต้องเป็นคนเกิดที่อเมริกา ถึงยังไง นาย Peabody ก็ยังรักบ้านเกิด และที่สำคัญ เขาถือว่าบริษัทของเขา เป็นบริษัทอเมริกัน ข้อที่ 2 ต้องเป็นคนที่มีสัญชาตญาณ หรือวิญญาณอังกฤษสิงอยู่หน่อยๆ จะได้ต้อนรับลูกค้า ที่เป็นคนใหญ่คนโตของอังกฤษ ได้อย่างไม่เก้งก้าง ข้อที่ 3 คือต้องรู้จักธุรกิจการเงินของอังกฤษ อเมริกา (Anglo-American finance) เป็นอย่างดี และข้อที่ 4 Peabody จะต้องชอบคนนั้นด้วย
    เมื่อนาย Junius Morgan พ่อค้าชาว Boston เจอกับ Peabody ที่ London ในงานเลี้ยงแห่งหนึ่งในปี 1850 Junius Morgan ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูก Peabody เอากล้องส่องสำรวจอย่างละเอียด Peabody รู้สึกถูกชะตากับ Junius Morgan อย่างยิ่ง หลังจากไปสืบถามถึงภูมิหลังและชื่อเสียงจนเป็นที่พอใจ ปี 1854 Junius Morgan ก็อพยพครอบครัว ย้ายมาอยู่ที่ London และมีตำแหน่งเป็นหุ้นส่วนกิจการ ซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Peabody, Morgan & Company

    นอกเหนือจากขายพันธบัตร ของธุรกิจของฝั่งอเมริกา และของรัฐบาลอเมริกันแล้ว บริษัทยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนของรัฐบาลฝ่ายเหนือ ในตอนสงครามระหว่างเหนือใต้ ของอเมริกาอีกด้วย งานนี้ทำกำไรให้กับบริษัทมากมาย จน Peabody ได้ขึ้นอันดับไปยืนอยู่แถวหน้าของตลาดเงิน London

    ปี 1864 Peabody ก็ขอเกษียณตัวเอง และยกธุรกิจทั้งหมดให้กับ Junius ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น J. S Morgan and Company

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน”

    ตอน 6

    ลูกชายของ Junius คือ นาย John Pierpont ที่โด่งดัง เริ่มเข้าเรียนโรงเรียนมัธยมของอังกฤษที่ Boston แต่ต่อมา การเรียน และการใช้ชีวิตส่วนใหญ่ของเขาอยู่แถวยุโรป เขาจึงมีลักษณะท่าทาง เป็นคนอังกฤษมากกว่าคนอเมริกัน ดูเหมือนเขาจะถูกสร้างให้เป็นตามแบบพิมพ์ที่ Peabody ตั้งใจ
    John Pierpont ถูกส่งไปฝึกงานกับบริษัทการเงินอื่น ก่อนจะมารับตำแหน่งหุ้นส่วนในกิจการ Dabney, Morgan & Company ซึ่งเป็นสาขา New York ของบริษัทที่ London
    ในปี 1871 บริษัทได้หุ้นส่วนใหม่อีกคนจาก Philadelphia คือ Anthony Drexel บริษัทจึงเปลี่ยนชื่อเป็น Drexel, Morgan & Company และในปี 1895 เมื่อ Drexel ตาย บริษัทจึงเปลี่ยนชื่อกลับมาเป็น J P Morgan & Company และมีสาขาที่ปารีส ชื่อ Morgan, Haries & Company

    หลังจาก Junius ตาย ไม่กี่ปีต่อมา Pierpont ก็ตัดสินใจปรับปรุงรูปโฉมของบริษัทที่ London ให้กลายเป็นบริษัทอังกฤษแท้ และแบ่งธุรกิจให้สาขาที่อเมริกา ก็รับแต่งานของฝั่งอเมริกาไป และก็เป็นโอกาสให้ J P Morgan Jr. ซึ่งเพื่อนฝูงเรียกว่า Jack ลูกชายของ Pierpont ได้รับตำแหน่งเป็นผู้จัดการธุรกิจที่อเมริกา และกลายเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการทำให้โลกนี้กลายเป็นแดนอธรรม หรือ ดงโจร

    ตามชีวประวัติของ Jack ซึ่งนาย John Forbes เขียนไว้ดังนี้ :

    J P Morgan, Jr. ได้เป็นหุ้นส่วนของ London House ของ J. P Morgan & Co เมื่อเดือนมกราคม 1898 และหลังจากนั้นไม่กี่วัน ตัวเขาพร้อมครอบครัว เมีย 1 ลูก 3 ก็ย้ายจาก New York มาใช้ชีวิตอยู่ที่อังกฤษนานถึง 8 ปี เขาถูกส่งให้มาอยู่อังกฤษ เพื่อมาทำภาระกิจสำคัญ 2 รายการ

    ภาระกิจแรก เพื่อเรียนรู้ภาคปฎิบัติว่า คนอังกฤษทำธุรกิจการธนาคารอย่างไร ภายใต้ระบบธนาคารกลาง ซึ่งกำหนดโดย Bank of England ซึ่ง Morgan คนพ่อ มีความหวังอยากจะตั้งระบบธนาคารกลางในอเมริกา และหวังจะให้คนของ Morgan รู้ไว้ก่อนว่าระบบนี้ทำงานอย่างไร

    ภาระกิจที่สอง เพื่อทำความรู้จักกับนักธุรกิจการเงินของ London อย่างจริงจัง และเลือกหุ้นส่วนที่เป็นอังกฤษ ของแท้ ภาระที่สองนี้ ประสพผลสำเร็จชัดเจน เมื่อ Edward Grenfell ซึ่งเป็นกรรมการของ Bank of England มาเป็นเวลานาน ตกลงมาร่วมเป็นหุ้นส่วนอาวุโส และบริษัทก็เปลี่ยนชื่อใหม่อีกครั้ง เป็น Morgan Grenfell & Company นับว่า Jack ตกได้ปลาตัวใหญ่จริง และสงสัยว่าเขาจะใช้เหยื่อตกปลาชนิดพิเศษ
    ผู้คนพากันสงสัยว่า เมื่อนักการเงินอเมริกา อาจหาญมาซ่าอยู่แถวตลาด London ซึ่งมีเขี้ยวลากกันทั้งนั้น จะไปรอดหรือ มันคงเอาเขี้ยวงัดกัดกันน่าดู นั่นแสดงว่าไม่รู้จัก ว่าคนเป็นเจ้าพ่อตัวจริง เขาคิดอย่างไร

    เมื่อ George Peabody มาถึง London ใหม่ๆ เขาแปลกใจมาก เรียกว่า ตกใจจะตรงกว่า เขาตกใจ ที่อยู่ดีๆ ได้รับคำสั่งให้ไปพบเจ้าพ่อ Baron Nathan Mayer Rothschild ใครจะกล้าเบี้ยวใบสั่งเจ้าพ่อ โดยเฉพาะกำลังมาหากิน อยู่กลางดงของเจ้าพ่อ

    แต่เรื่องกลับโอละพ่อ เจ้าพ่อก็มีวันต้องการมีสมุนนอกบัญชี

    Rothschild บอกกับนาย Peabody ว่า เขาไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบนัก ของพวกผู้ดีหัวสูงของสังคมอังกฤษ ในสายตาของพวกผู้ดีหลายคน เขาก็เป็นเพียงพวกกา หาใช่พันธุ์หงส์ เพราะฉะนั้น พวกสังคมชั้นสูง ก็ไม่ปลื้ม ไม่จริงใจ ในการคบค้าเขา สนใจแต่จะคบกับเงินของเขาเท่านั้น

    แล้วนาย Peabody ก็จัดงานฉลองวันชาติของอเมริกาที่ London โดยเชิญบรรดา ขุนนาง ผู้ดีอังกฤษ หัวสูง ยะโสทั้งหลายมาร่วมงาน แขกรับเชิญต่างชอบใจเจ้าภาพ และพอใจที่จะคบค้าด้วย เพราะยังไง ก็เป็น Anglo Saxon เผ่าพันธ์เดียวกัน คงไม่มีใครรู้ว่า ค่าอาหาร ค่าเหล้าในงานเลี้ยงคืน และอีกหลายๆครั้งต่อมา นาย Peabody ไม่ได้เป็นคนจ่ายเงิน

    ปี 1857 เมื่อตลาด Wall Street เกือบล่ม นักเล่นหุ้นใช้สูตร ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย เหมือนพวกเซียนใหญ่บ้านเรา Peabody และ Morgan คนพ่อ ถลาเข้าไปรับประกันชำระหนี้แทน นักเล่นหุ้น รวม ๆ แล้ว ประมาณ 2 ล้านปอนด์ หวังค่าคอมก้อนใหญ่ แต่ก็มีคนไม่แน่ใจว่า ถึงเวลา ถ้าลูกหนี้เบี้ยวหมด Peabody และ Morgan จะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย

    ในประวัติของ The House of Morgan เขียนโดย Ron Chernow บอกว่า ขณะที่ข่าวลือชิ้นแรกว่อนไปทั่วว่า George Peabody น่าจะร่วงตามลูกหนี้ ข่าวลือชิ้นต่อมา ก็บอกว่า จะมีเจ้ามือใหญ่ของตลาดมาช่วยนาย Peabody โดยมีเงื่อนไข เขาจะต้องปิดกิจการบริษัทที่อังกฤษ และกลับอเมริกาไปภายใน 1 ปี
    ไม่นานหลังจากมีข่าวลือ ก็มีข่าวจริงออกมา ว่า Bank of England ประกาศให้เงินกู้ 8 แสนปอนด์ ด้วยดอกเบี้ยอัตราต่ำติดพื้นให้แก่ Peabody รวมทั้งให้ credit line อีก 1 ล้านปอนด์ ถ้าจำเป็นและต้องการ มันเป็นเรื่องผิดคาดของตลาดการเงินลอนดอน ที่ Thomas Hanley ผู้ว่าการธนาคาร Bank of England ซึ่งปฎิเสธ ที่จะช่วยเหลือบริษัทการเงินอเมริกันมาหลายรายแล้ว จะมาอุ้ม Peabody & Company ในขณะที่จมน้ำไปเกือบมิดหัวแล้ว

    แต่ถ้าลองไล่เรียง ความก้าวหน้าของ Peabody ใน London ตั้งแต่เริ่ม ปี 1837 มาจนถึงวันที่ J P Morgan & Co กลายเป็น Morgan Grenfell & Company หลัง ปี 1894 ก็น่าจะพอต่อเรื่องกันได้ว่า ฝีมือเขาดีจริง หรือน่าจะเพราะมีเจ้าพ่อหนุนหลัง หรือทั้ง 2 อย่าง แต่ฝีมือดีอย่างเดียว คงไม่น่ามาได้ไกลขนาดนี้

    Guaranty Trust ของ J P Morgan จึงรับบทสำคัญไม่น้อย หรืออาจจะมากกว่า Jacob Schiff เสียด้วยซ้ำ ในละครลวงโลกปฏิวัติ Bolsheviks ปล้นรัสเซีย

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    5 พ.ค. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – บทไอ้โหดเขียน 5 – 6 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน” ตอน 5 J P Morgan ไม่ใช่เป็นบริษัทการเงินเล็กๆ เขาใหญ่ และดังคับโลก เขาสนใจ และรับงาน เฉพาะรายใหญ่ระดับชาติเท่านั้น และแม้ J P Morgan จะเป็นเจ้าพ่อ Wall Street แต่เขาก็สนิทสนม จนเกือบจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับ Rothschild เจ้าพ่อตัวจริงของฝั่งอังกฤษ ทำให้ผู้คนต่างพากันเดาถึงที่มาของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของ 2 กลุ่มการเงิน ที่ไม่แน่ว่าจะมีใครรู้จริง นาย George Peabody เป็นนักธุรกิจชาวอเมริกัน จาก Massachusetts เดินทางไปอังกฤษในปี ค.ศ. 1837 เพื่อขายพันธบัตร กิจการสร้างคลอง Chesapeake Ohio ของอเมริกา ซึ่งขายได้ฝืดมากในอเมริกา เนื่องจากอยู่ในช่วงเศรษฐกิจถอยหลัง เขาหวังว่าคนอังกฤษจะกระเป๋าหนักกว่าคนอเมริกัน แต่ประตูของตลาดลอนดอน ก็เปิดยากเอาการ แต่ Peabody มีความเพียร เขาพยายามเคาะประตูนักการเงินใหญ่ของลอนดอนไปทุกบาน ในที่สุดก็ขายพันธบัตรคลอง Ohio ได้หมด และได้กำไรไม่น้อย นาย Peabody ไม่เอาเงินกำไรกลับอเมริกา เขาเอาเงินนั้นไปลงทุน ตั้งบริษัททำธุรกิจตัวแทนเกี่ยวกับการนำเข้าส่งออก อยู่ที่ถนน Bond Street ในลอนดอน ทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้นักธุรกิจ ทั้ง 2 ฝั่ง ของมหาสมุทรแอตแลนติก ใครต้องการส่งสินค้า เขาส่งให้ ใครต้องการขาย เขาหาคนซื้อให้ ใครไม่มีเงิน เขาให้เงินกู้ มันคงเป็นจังหวะดี หรือนาย Peabody มีฝีมือจริง ธุรกิจในลอนดอนของเขา จึงก้าวหน้าไปลิ่ว คงมัวแต่ทำงานหนัก เลยไม่มีเวลาหาเมีย กว่าจะนึกออกก็คงดึกไปแล้ว แทนที่จะไปมองหาสาว เขาเลยมองหาคนที่จะมารับช่วงกิจการต่อไป ซึ่งต้องมีคุณสมบัติตามที่เขา ตั้งไว้ คือ ข้อที่ 1. ต้องเป็นคนเกิดที่อเมริกา ถึงยังไง นาย Peabody ก็ยังรักบ้านเกิด และที่สำคัญ เขาถือว่าบริษัทของเขา เป็นบริษัทอเมริกัน ข้อที่ 2 ต้องเป็นคนที่มีสัญชาตญาณ หรือวิญญาณอังกฤษสิงอยู่หน่อยๆ จะได้ต้อนรับลูกค้า ที่เป็นคนใหญ่คนโตของอังกฤษ ได้อย่างไม่เก้งก้าง ข้อที่ 3 คือต้องรู้จักธุรกิจการเงินของอังกฤษ อเมริกา (Anglo-American finance) เป็นอย่างดี และข้อที่ 4 Peabody จะต้องชอบคนนั้นด้วย เมื่อนาย Junius Morgan พ่อค้าชาว Boston เจอกับ Peabody ที่ London ในงานเลี้ยงแห่งหนึ่งในปี 1850 Junius Morgan ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูก Peabody เอากล้องส่องสำรวจอย่างละเอียด Peabody รู้สึกถูกชะตากับ Junius Morgan อย่างยิ่ง หลังจากไปสืบถามถึงภูมิหลังและชื่อเสียงจนเป็นที่พอใจ ปี 1854 Junius Morgan ก็อพยพครอบครัว ย้ายมาอยู่ที่ London และมีตำแหน่งเป็นหุ้นส่วนกิจการ ซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Peabody, Morgan & Company นอกเหนือจากขายพันธบัตร ของธุรกิจของฝั่งอเมริกา และของรัฐบาลอเมริกันแล้ว บริษัทยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนของรัฐบาลฝ่ายเหนือ ในตอนสงครามระหว่างเหนือใต้ ของอเมริกาอีกด้วย งานนี้ทำกำไรให้กับบริษัทมากมาย จน Peabody ได้ขึ้นอันดับไปยืนอยู่แถวหน้าของตลาดเงิน London ปี 1864 Peabody ก็ขอเกษียณตัวเอง และยกธุรกิจทั้งหมดให้กับ Junius ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น J. S Morgan and Company นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน” ตอน 6 ลูกชายของ Junius คือ นาย John Pierpont ที่โด่งดัง เริ่มเข้าเรียนโรงเรียนมัธยมของอังกฤษที่ Boston แต่ต่อมา การเรียน และการใช้ชีวิตส่วนใหญ่ของเขาอยู่แถวยุโรป เขาจึงมีลักษณะท่าทาง เป็นคนอังกฤษมากกว่าคนอเมริกัน ดูเหมือนเขาจะถูกสร้างให้เป็นตามแบบพิมพ์ที่ Peabody ตั้งใจ John Pierpont ถูกส่งไปฝึกงานกับบริษัทการเงินอื่น ก่อนจะมารับตำแหน่งหุ้นส่วนในกิจการ Dabney, Morgan & Company ซึ่งเป็นสาขา New York ของบริษัทที่ London ในปี 1871 บริษัทได้หุ้นส่วนใหม่อีกคนจาก Philadelphia คือ Anthony Drexel บริษัทจึงเปลี่ยนชื่อเป็น Drexel, Morgan & Company และในปี 1895 เมื่อ Drexel ตาย บริษัทจึงเปลี่ยนชื่อกลับมาเป็น J P Morgan & Company และมีสาขาที่ปารีส ชื่อ Morgan, Haries & Company หลังจาก Junius ตาย ไม่กี่ปีต่อมา Pierpont ก็ตัดสินใจปรับปรุงรูปโฉมของบริษัทที่ London ให้กลายเป็นบริษัทอังกฤษแท้ และแบ่งธุรกิจให้สาขาที่อเมริกา ก็รับแต่งานของฝั่งอเมริกาไป และก็เป็นโอกาสให้ J P Morgan Jr. ซึ่งเพื่อนฝูงเรียกว่า Jack ลูกชายของ Pierpont ได้รับตำแหน่งเป็นผู้จัดการธุรกิจที่อเมริกา และกลายเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการทำให้โลกนี้กลายเป็นแดนอธรรม หรือ ดงโจร ตามชีวประวัติของ Jack ซึ่งนาย John Forbes เขียนไว้ดังนี้ : J P Morgan, Jr. ได้เป็นหุ้นส่วนของ London House ของ J. P Morgan & Co เมื่อเดือนมกราคม 1898 และหลังจากนั้นไม่กี่วัน ตัวเขาพร้อมครอบครัว เมีย 1 ลูก 3 ก็ย้ายจาก New York มาใช้ชีวิตอยู่ที่อังกฤษนานถึง 8 ปี เขาถูกส่งให้มาอยู่อังกฤษ เพื่อมาทำภาระกิจสำคัญ 2 รายการ ภาระกิจแรก เพื่อเรียนรู้ภาคปฎิบัติว่า คนอังกฤษทำธุรกิจการธนาคารอย่างไร ภายใต้ระบบธนาคารกลาง ซึ่งกำหนดโดย Bank of England ซึ่ง Morgan คนพ่อ มีความหวังอยากจะตั้งระบบธนาคารกลางในอเมริกา และหวังจะให้คนของ Morgan รู้ไว้ก่อนว่าระบบนี้ทำงานอย่างไร ภาระกิจที่สอง เพื่อทำความรู้จักกับนักธุรกิจการเงินของ London อย่างจริงจัง และเลือกหุ้นส่วนที่เป็นอังกฤษ ของแท้ ภาระที่สองนี้ ประสพผลสำเร็จชัดเจน เมื่อ Edward Grenfell ซึ่งเป็นกรรมการของ Bank of England มาเป็นเวลานาน ตกลงมาร่วมเป็นหุ้นส่วนอาวุโส และบริษัทก็เปลี่ยนชื่อใหม่อีกครั้ง เป็น Morgan Grenfell & Company นับว่า Jack ตกได้ปลาตัวใหญ่จริง และสงสัยว่าเขาจะใช้เหยื่อตกปลาชนิดพิเศษ ผู้คนพากันสงสัยว่า เมื่อนักการเงินอเมริกา อาจหาญมาซ่าอยู่แถวตลาด London ซึ่งมีเขี้ยวลากกันทั้งนั้น จะไปรอดหรือ มันคงเอาเขี้ยวงัดกัดกันน่าดู นั่นแสดงว่าไม่รู้จัก ว่าคนเป็นเจ้าพ่อตัวจริง เขาคิดอย่างไร เมื่อ George Peabody มาถึง London ใหม่ๆ เขาแปลกใจมาก เรียกว่า ตกใจจะตรงกว่า เขาตกใจ ที่อยู่ดีๆ ได้รับคำสั่งให้ไปพบเจ้าพ่อ Baron Nathan Mayer Rothschild ใครจะกล้าเบี้ยวใบสั่งเจ้าพ่อ โดยเฉพาะกำลังมาหากิน อยู่กลางดงของเจ้าพ่อ แต่เรื่องกลับโอละพ่อ เจ้าพ่อก็มีวันต้องการมีสมุนนอกบัญชี Rothschild บอกกับนาย Peabody ว่า เขาไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบนัก ของพวกผู้ดีหัวสูงของสังคมอังกฤษ ในสายตาของพวกผู้ดีหลายคน เขาก็เป็นเพียงพวกกา หาใช่พันธุ์หงส์ เพราะฉะนั้น พวกสังคมชั้นสูง ก็ไม่ปลื้ม ไม่จริงใจ ในการคบค้าเขา สนใจแต่จะคบกับเงินของเขาเท่านั้น แล้วนาย Peabody ก็จัดงานฉลองวันชาติของอเมริกาที่ London โดยเชิญบรรดา ขุนนาง ผู้ดีอังกฤษ หัวสูง ยะโสทั้งหลายมาร่วมงาน แขกรับเชิญต่างชอบใจเจ้าภาพ และพอใจที่จะคบค้าด้วย เพราะยังไง ก็เป็น Anglo Saxon เผ่าพันธ์เดียวกัน คงไม่มีใครรู้ว่า ค่าอาหาร ค่าเหล้าในงานเลี้ยงคืน และอีกหลายๆครั้งต่อมา นาย Peabody ไม่ได้เป็นคนจ่ายเงิน ปี 1857 เมื่อตลาด Wall Street เกือบล่ม นักเล่นหุ้นใช้สูตร ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย เหมือนพวกเซียนใหญ่บ้านเรา Peabody และ Morgan คนพ่อ ถลาเข้าไปรับประกันชำระหนี้แทน นักเล่นหุ้น รวม ๆ แล้ว ประมาณ 2 ล้านปอนด์ หวังค่าคอมก้อนใหญ่ แต่ก็มีคนไม่แน่ใจว่า ถึงเวลา ถ้าลูกหนี้เบี้ยวหมด Peabody และ Morgan จะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย ในประวัติของ The House of Morgan เขียนโดย Ron Chernow บอกว่า ขณะที่ข่าวลือชิ้นแรกว่อนไปทั่วว่า George Peabody น่าจะร่วงตามลูกหนี้ ข่าวลือชิ้นต่อมา ก็บอกว่า จะมีเจ้ามือใหญ่ของตลาดมาช่วยนาย Peabody โดยมีเงื่อนไข เขาจะต้องปิดกิจการบริษัทที่อังกฤษ และกลับอเมริกาไปภายใน 1 ปี ไม่นานหลังจากมีข่าวลือ ก็มีข่าวจริงออกมา ว่า Bank of England ประกาศให้เงินกู้ 8 แสนปอนด์ ด้วยดอกเบี้ยอัตราต่ำติดพื้นให้แก่ Peabody รวมทั้งให้ credit line อีก 1 ล้านปอนด์ ถ้าจำเป็นและต้องการ มันเป็นเรื่องผิดคาดของตลาดการเงินลอนดอน ที่ Thomas Hanley ผู้ว่าการธนาคาร Bank of England ซึ่งปฎิเสธ ที่จะช่วยเหลือบริษัทการเงินอเมริกันมาหลายรายแล้ว จะมาอุ้ม Peabody & Company ในขณะที่จมน้ำไปเกือบมิดหัวแล้ว แต่ถ้าลองไล่เรียง ความก้าวหน้าของ Peabody ใน London ตั้งแต่เริ่ม ปี 1837 มาจนถึงวันที่ J P Morgan & Co กลายเป็น Morgan Grenfell & Company หลัง ปี 1894 ก็น่าจะพอต่อเรื่องกันได้ว่า ฝีมือเขาดีจริง หรือน่าจะเพราะมีเจ้าพ่อหนุนหลัง หรือทั้ง 2 อย่าง แต่ฝีมือดีอย่างเดียว คงไม่น่ามาได้ไกลขนาดนี้ Guaranty Trust ของ J P Morgan จึงรับบทสำคัญไม่น้อย หรืออาจจะมากกว่า Jacob Schiff เสียด้วยซ้ำ ในละครลวงโลกปฏิวัติ Bolsheviks ปล้นรัสเซีย สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 5 พ.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 567 มุมมอง 0 รีวิว
  • กฎหลักของชีวิตในโฮสเทล

    โฮสเทล (Hostel) คือ ที่พักราคาประหยัด ที่นิยมในหมู่แบ็คแพ็กเกอร์ นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่เดินทางคนเดียว (Solo Travelers) ให้บริการแตกต่างจากโรงแรมหรือเกสต์เฮ้าส์อย่างชัดเจน เพราะมีห้องพักรวม (Dormitory Rooms) และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ต้องใช้งานร่วมกัน เช่น ห้องน้ำและห้องอาบน้ำรวม พื้นที่ส่วนกลาง ห้องครัว หรือพื้นที่นั่งเล่น

    อีกด้านหนึ่ง ผู้เข้าพักมีโอกาสที่จะได้ทำความรู้จักเพื่อนใหม่ แลกเปลี่ยนประสบการณ์การเดินทาง ถึงกระนั้น การพักอาศัยกับคนแปลกหน้าร่วมกัน ย่อมมีกฎหลักของการใช้ชีวิตในโฮสเทล เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตในพื้นที่จำกัดได้อย่างมีความสุขและเคารพซึ่งกันและกัน สรุปได้ดังนี้

    1. เคารพเวลาพักผ่อนของผู้อื่น โดยเฉพาะช่วงเวลา 22.00 น. ถึง 08.00 น. ของวันถัดไป ห้ามแพ็คหรือแกะกระเป๋าสัมภาระ ให้เตรียมของไว้ล่วงหน้า หากจำเป็นต้องค้นหาสิ่งของที่ใช้เวลานาน ให้นำกระเป๋าออกไปทำในพื้นที่ส่วนกลาง รวมทั้งใช้แสงไฟอย่างระมัดระวัง ใช้ไฟฉายขนาดเล็กหรือไฟจากโทรศัพท์มือถือ แทนการเปิดไฟส่วนกลาง และห้ามส่งเสียงดัง หลีกเลี่ยงการคุยโทรศัพท์ในห้อง การคุยกระซิบ หรือการส่งเสียงรบกวนใดๆ ส่วนการดูหนัง ฟังเพลง ต้องใช้หูฟังอยู่เสมอ

    2. สุขอนามัยและความเป็นระเบียบ ควรปฎิบัติตามระเบียบของที่พัก เช่น รองเท้าควรวางไว้นอกห้อง ตู้เก็บรองเท้า หรือชั้นวางที่จัดเตรียมไว้ให้ โฮสเทลบางแห่งห้ามสวมรองเท้าเข้าไปในพื้นที่ที่กำหนด เช่น ห้องพัก ทางเดิน หรือห้องน้ำ ห้ามรับประทานอาหารและเครื่องดื่มภายในห้องพักรวม การใช้พื้นที่ส่วนกลาง เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องครัว หรือห้องน้ำ ควรรักษาความสะอาดอยู่เสมอ

    3. เคารพความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น ห้ามแตะต้องสัมภาระผู้อื่น เช่น กระเป๋า ของใช้บนเตียง อาหารในตู้เย็น รวมทั้งเคารพความต้องการที่จะอยู่คนเดียวของผู้อื่น อย่าเข้าไปแทรกแซงหรือชวนคุยหากพวกเขาใส่หูฟัง หรือกำลังทำกิจกรรมส่วนตัว นอกจากนี้ ให้ระวังทรัพย์สินมีค่าของตัวเอง เช่น กระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก เก็บไว้ในตู้เก็บของ (ล็อกเกอร์) ของตัวเอง แต่ถ้าเก็บในล็อกเกอร์ไม่ได้ ควรพกติดตัวไปด้วย

    4. เป็นมิตรและมีน้ำใจต่อผู้อื่น พร้อมที่จะยิ้ม ตอบรับ หรือเริ่มต้นบทสนทนาเล็กๆ น้อยๆ กับเพื่อนร่วมห้อง ถ้าห้องพักรวมเป็นปลั๊กไฟส่วนกลาง ควรชาร์จแบตเตอรี่อย่างมีน้ำใจ อย่าผูกขาดปลั๊กไฟโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะหากมีผู้พักคนอื่นต้องการใช้งาน รวมทั้งการแบ่งปันเรื่องเล็กน้อย เช่น เครื่องปรุงอาหาร หรือข้อมูลท่องเที่ยว ทำให้การใช้ชีวิตร่วมกันเต็มไปด้วยความสนุก สะดวกสบาย และมิตรภาพ

    #Newskit
    กฎหลักของชีวิตในโฮสเทล โฮสเทล (Hostel) คือ ที่พักราคาประหยัด ที่นิยมในหมู่แบ็คแพ็กเกอร์ นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่เดินทางคนเดียว (Solo Travelers) ให้บริการแตกต่างจากโรงแรมหรือเกสต์เฮ้าส์อย่างชัดเจน เพราะมีห้องพักรวม (Dormitory Rooms) และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ต้องใช้งานร่วมกัน เช่น ห้องน้ำและห้องอาบน้ำรวม พื้นที่ส่วนกลาง ห้องครัว หรือพื้นที่นั่งเล่น อีกด้านหนึ่ง ผู้เข้าพักมีโอกาสที่จะได้ทำความรู้จักเพื่อนใหม่ แลกเปลี่ยนประสบการณ์การเดินทาง ถึงกระนั้น การพักอาศัยกับคนแปลกหน้าร่วมกัน ย่อมมีกฎหลักของการใช้ชีวิตในโฮสเทล เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตในพื้นที่จำกัดได้อย่างมีความสุขและเคารพซึ่งกันและกัน สรุปได้ดังนี้ 1. เคารพเวลาพักผ่อนของผู้อื่น โดยเฉพาะช่วงเวลา 22.00 น. ถึง 08.00 น. ของวันถัดไป ห้ามแพ็คหรือแกะกระเป๋าสัมภาระ ให้เตรียมของไว้ล่วงหน้า หากจำเป็นต้องค้นหาสิ่งของที่ใช้เวลานาน ให้นำกระเป๋าออกไปทำในพื้นที่ส่วนกลาง รวมทั้งใช้แสงไฟอย่างระมัดระวัง ใช้ไฟฉายขนาดเล็กหรือไฟจากโทรศัพท์มือถือ แทนการเปิดไฟส่วนกลาง และห้ามส่งเสียงดัง หลีกเลี่ยงการคุยโทรศัพท์ในห้อง การคุยกระซิบ หรือการส่งเสียงรบกวนใดๆ ส่วนการดูหนัง ฟังเพลง ต้องใช้หูฟังอยู่เสมอ 2. สุขอนามัยและความเป็นระเบียบ ควรปฎิบัติตามระเบียบของที่พัก เช่น รองเท้าควรวางไว้นอกห้อง ตู้เก็บรองเท้า หรือชั้นวางที่จัดเตรียมไว้ให้ โฮสเทลบางแห่งห้ามสวมรองเท้าเข้าไปในพื้นที่ที่กำหนด เช่น ห้องพัก ทางเดิน หรือห้องน้ำ ห้ามรับประทานอาหารและเครื่องดื่มภายในห้องพักรวม การใช้พื้นที่ส่วนกลาง เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องครัว หรือห้องน้ำ ควรรักษาความสะอาดอยู่เสมอ 3. เคารพความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น ห้ามแตะต้องสัมภาระผู้อื่น เช่น กระเป๋า ของใช้บนเตียง อาหารในตู้เย็น รวมทั้งเคารพความต้องการที่จะอยู่คนเดียวของผู้อื่น อย่าเข้าไปแทรกแซงหรือชวนคุยหากพวกเขาใส่หูฟัง หรือกำลังทำกิจกรรมส่วนตัว นอกจากนี้ ให้ระวังทรัพย์สินมีค่าของตัวเอง เช่น กระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก เก็บไว้ในตู้เก็บของ (ล็อกเกอร์) ของตัวเอง แต่ถ้าเก็บในล็อกเกอร์ไม่ได้ ควรพกติดตัวไปด้วย 4. เป็นมิตรและมีน้ำใจต่อผู้อื่น พร้อมที่จะยิ้ม ตอบรับ หรือเริ่มต้นบทสนทนาเล็กๆ น้อยๆ กับเพื่อนร่วมห้อง ถ้าห้องพักรวมเป็นปลั๊กไฟส่วนกลาง ควรชาร์จแบตเตอรี่อย่างมีน้ำใจ อย่าผูกขาดปลั๊กไฟโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะหากมีผู้พักคนอื่นต้องการใช้งาน รวมทั้งการแบ่งปันเรื่องเล็กน้อย เช่น เครื่องปรุงอาหาร หรือข้อมูลท่องเที่ยว ทำให้การใช้ชีวิตร่วมกันเต็มไปด้วยความสนุก สะดวกสบาย และมิตรภาพ #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 554 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

    เดือนนี้ ภายในครอบครัวจะมีเรื่องของความสุขสามัคคี หากรู้จักบริหารควบคุมเสน่ห์ได้อย่างพอเหมาะลงตัวจะได้ไม่เกิดเรื่องชู้สาวให้เป็นประเด็นชิงรักหักสวาทแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นให้วุ่นวาย ชายหนุ่มสืบเนื่องเพราะสาเหตุจากการใช้ชีวิตที่เสเพลชอบเที่ยวเตร่เร่ร่อนเป็นประจำ ขาดการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอมีโอกาสจะป่วยทางจิต จะเจ็บปวดที่ ตับ ม้าม ถุงน้ำดี หืด และหอบ ควรถนอมร่างกายใส่ใจดูแลสุขภาพจิตและสุขภาพกายเพื่อชีวิตที่แข็งแรงสมบูรณ์ ส่วนโชคลาภจะเข้าไม่แน่นอน มีดีมีร้ายเข้ามาแบบยากที่จะคาดเดา งานคิดสร้างสรรค์ งานวิชาการ งานศึกษา งานศิลปะ วิทยาการ ความสวยงาม จะมีความสำเร็จลุล่วงเจริญก้าวหน้าดี

    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    ประตูเปิดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เดือนนี้ ภายในครอบครัวจะมีเรื่องของความสุขสามัคคี หากรู้จักบริหารควบคุมเสน่ห์ได้อย่างพอเหมาะลงตัวจะได้ไม่เกิดเรื่องชู้สาวให้เป็นประเด็นชิงรักหักสวาทแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นให้วุ่นวาย ชายหนุ่มสืบเนื่องเพราะสาเหตุจากการใช้ชีวิตที่เสเพลชอบเที่ยวเตร่เร่ร่อนเป็นประจำ ขาดการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอมีโอกาสจะป่วยทางจิต จะเจ็บปวดที่ ตับ ม้าม ถุงน้ำดี หืด และหอบ ควรถนอมร่างกายใส่ใจดูแลสุขภาพจิตและสุขภาพกายเพื่อชีวิตที่แข็งแรงสมบูรณ์ ส่วนโชคลาภจะเข้าไม่แน่นอน มีดีมีร้ายเข้ามาแบบยากที่จะคาดเดา งานคิดสร้างสรรค์ งานวิชาการ งานศึกษา งานศิลปะ วิทยาการ ความสวยงาม จะมีความสำเร็จลุล่วงเจริญก้าวหน้าดี ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 373 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ความเชื่อมั่นในผู้นำองค์กรลดฮวบ — พนักงานหันพึ่ง AI เพื่อความยืดหยุ่นและความสุขในการทำงาน”

    ผลสำรวจจาก HP Work Relationship Index ปี 2025 เผยให้เห็นภาพชัดเจนว่าพนักงานในสหราชอาณาจักรกำลังสูญเสียความเชื่อมั่นในผู้นำองค์กรอย่างต่อเนื่อง โดยมีเพียง 14% เท่านั้นที่เชื่อมั่นว่าผู้นำจะตัดสินใจเพื่อผลประโยชน์ของพนักงาน ซึ่งลดลงถึง 12 จุดจากปีที่ผ่านมา

    สาเหตุหลักคือการขาดความเห็นอกเห็นใจ (86%) และการสื่อสารที่ไม่โปร่งใส (86%) โดย 41% ของผู้ตอบแบบสอบถามรู้สึกว่าบริษัทให้ความสำคัญกับผลกำไรมากกว่าคน

    ในทางกลับกัน เทคโนโลยีอย่าง AI กลับกลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยเติมเต็มช่องว่างที่ผู้นำองค์กรทิ้งไว้ โดย 76% ของพนักงานใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เช่น การสร้างคอนเทนต์ การวิเคราะห์ข้อมูล และการจัดการงานซ้ำ ๆ ซึ่งช่วยให้มีเวลามากขึ้นและสมดุลชีวิตดีขึ้น

    นอกจากนี้ พนักงานรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ Gen Z ยังแสดงความต้องการที่ชัดเจนต่อความยืดหยุ่น โดย 4 ใน 5 ยินดีลดเงินเดือนเพื่อแลกกับอิสระในการทำงานและการใช้ชีวิตที่สมดุลมากขึ้น

    HP แนะนำให้องค์กรปรับตัวโดยเน้น 3 ด้านหลัก ได้แก่ การนำด้วยความเห็นอกเห็นใจและความโปร่งใส, การลงทุนในเครื่องมือและทักษะที่จำเป็น และการเปิดโอกาสให้ทำงานแบบไฮบริดเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    HP Work Relationship Index 2025 พบว่าความเชื่อมั่นในผู้นำองค์กรลดลงเหลือ 14%
    86% ของพนักงานรู้สึกว่าผู้นำขาดความเห็นอกเห็นใจและการสื่อสารที่โปร่งใส
    41% เชื่อว่าบริษัทให้ความสำคัญกับกำไรมากกว่าคน
    76% ของพนักงานใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
    AI ช่วยให้พนักงานมีเวลามากขึ้นและสมดุลชีวิตดีขึ้น
    40% ของพนักงานที่มีความสุขใช้ AI ที่บริษัทจัดให้ทุกวัน
    4 ใน 5 ของ Gen Z ยินดีลดเงินเดือนเพื่อแลกกับความยืดหยุ่น
    HP แนะนำให้องค์กรเน้น empathy, เครื่องมือที่เหมาะสม และการทำงานแบบไฮบริด

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Gen Z และ Millennials เป็นกลุ่มแรงงานหลักที่ผลักดันการใช้ AI ในองค์กร
    พนักงานที่มีความสุขมีแนวโน้มสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในที่ทำงานมากขึ้น 3 เท่า
    AI ที่ฝังใน workflow ช่วยเพิ่มความจงรักภักดีและความพึงพอใจในองค์กร
    องค์กรที่ลงทุนในเครื่องมือและการฝึกอบรม AI เห็นผลลัพธ์ด้าน productivity และ retention
    ความสัมพันธ์ที่ดีในการทำงานขึ้นอยู่กับปัจจัยที่องค์กรสามารถควบคุมได้ถึง 85%

    https://www.techradar.com/pro/workers-are-losing-faith-in-their-leaders-and-not-just-because-ai-is-taking-over
    📉 “ความเชื่อมั่นในผู้นำองค์กรลดฮวบ — พนักงานหันพึ่ง AI เพื่อความยืดหยุ่นและความสุขในการทำงาน” ผลสำรวจจาก HP Work Relationship Index ปี 2025 เผยให้เห็นภาพชัดเจนว่าพนักงานในสหราชอาณาจักรกำลังสูญเสียความเชื่อมั่นในผู้นำองค์กรอย่างต่อเนื่อง โดยมีเพียง 14% เท่านั้นที่เชื่อมั่นว่าผู้นำจะตัดสินใจเพื่อผลประโยชน์ของพนักงาน ซึ่งลดลงถึง 12 จุดจากปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักคือการขาดความเห็นอกเห็นใจ (86%) และการสื่อสารที่ไม่โปร่งใส (86%) โดย 41% ของผู้ตอบแบบสอบถามรู้สึกว่าบริษัทให้ความสำคัญกับผลกำไรมากกว่าคน ในทางกลับกัน เทคโนโลยีอย่าง AI กลับกลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยเติมเต็มช่องว่างที่ผู้นำองค์กรทิ้งไว้ โดย 76% ของพนักงานใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เช่น การสร้างคอนเทนต์ การวิเคราะห์ข้อมูล และการจัดการงานซ้ำ ๆ ซึ่งช่วยให้มีเวลามากขึ้นและสมดุลชีวิตดีขึ้น นอกจากนี้ พนักงานรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ Gen Z ยังแสดงความต้องการที่ชัดเจนต่อความยืดหยุ่น โดย 4 ใน 5 ยินดีลดเงินเดือนเพื่อแลกกับอิสระในการทำงานและการใช้ชีวิตที่สมดุลมากขึ้น HP แนะนำให้องค์กรปรับตัวโดยเน้น 3 ด้านหลัก ได้แก่ การนำด้วยความเห็นอกเห็นใจและความโปร่งใส, การลงทุนในเครื่องมือและทักษะที่จำเป็น และการเปิดโอกาสให้ทำงานแบบไฮบริดเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ HP Work Relationship Index 2025 พบว่าความเชื่อมั่นในผู้นำองค์กรลดลงเหลือ 14% ➡️ 86% ของพนักงานรู้สึกว่าผู้นำขาดความเห็นอกเห็นใจและการสื่อสารที่โปร่งใส ➡️ 41% เชื่อว่าบริษัทให้ความสำคัญกับกำไรมากกว่าคน ➡️ 76% ของพนักงานใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ➡️ AI ช่วยให้พนักงานมีเวลามากขึ้นและสมดุลชีวิตดีขึ้น ➡️ 40% ของพนักงานที่มีความสุขใช้ AI ที่บริษัทจัดให้ทุกวัน ➡️ 4 ใน 5 ของ Gen Z ยินดีลดเงินเดือนเพื่อแลกกับความยืดหยุ่น ➡️ HP แนะนำให้องค์กรเน้น empathy, เครื่องมือที่เหมาะสม และการทำงานแบบไฮบริด ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Gen Z และ Millennials เป็นกลุ่มแรงงานหลักที่ผลักดันการใช้ AI ในองค์กร ➡️ พนักงานที่มีความสุขมีแนวโน้มสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในที่ทำงานมากขึ้น 3 เท่า ➡️ AI ที่ฝังใน workflow ช่วยเพิ่มความจงรักภักดีและความพึงพอใจในองค์กร ➡️ องค์กรที่ลงทุนในเครื่องมือและการฝึกอบรม AI เห็นผลลัพธ์ด้าน productivity และ retention ➡️ ความสัมพันธ์ที่ดีในการทำงานขึ้นอยู่กับปัจจัยที่องค์กรสามารถควบคุมได้ถึง 85% https://www.techradar.com/pro/workers-are-losing-faith-in-their-leaders-and-not-just-because-ai-is-taking-over
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 325 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Chrysalis: ยานอวกาศยาว 36 ไมล์ที่จะพามนุษย์สู่ดาวอื่น — แต่ไม่มีวันกลับบ้าน”

    ลองจินตนาการถึงการเดินทางที่ไม่มีวันย้อนกลับ — นั่นคือแนวคิดของ “Chrysalis” ยานอวกาศขนาดมหึมายาว 36 ไมล์ที่ออกแบบมาเพื่อพามนุษย์ 2,400 คนเดินทางข้ามจักรวาลไปยังดาว Proxima Centauri b ซึ่งอยู่ห่างจากโลกถึง 4.25 ปีแสง หรือประมาณ 25 ล้านล้านไมล์

    Chrysalis ไม่ใช่แค่ยานอวกาศ แต่เป็น “เมืองลอยฟ้า” ที่มีโครงสร้างแบบ nested layers คล้ายตุ๊กตารัสเซีย โดยแต่ละชั้นมีหน้าที่เฉพาะ — ชั้นในสุดเป็นฟาร์มและระบบชีวภาพจำลองของโลก เช่น ป่าร้อนและป่าเย็น ถัดออกมาเป็นพื้นที่สาธารณะ เช่น สวน ห้องสมุด และบ้านที่พิมพ์ด้วย 3D ส่วนชั้นนอกสุดเป็นโกดังเก็บทรัพยากรและอุปกรณ์ ซึ่งอาจควบคุมโดยหุ่นยนต์ทั้งหมด

    เพื่อแก้ปัญหาการไม่มีแรงโน้มถ่วง ยานจะหมุนช้า ๆ เพื่อสร้างแรงโน้มถ่วงเทียม และมี “Cosmos Dome” เป็นจุดชมวิวจักรวาลในสภาพไร้น้ำหนัก

    การเดินทางจะกินเวลาราว 400 ปี — หมายความว่าผู้โดยสารรุ่นแรกจะไม่มีวันเห็นจุดหมายปลายทาง ลูกหลานของพวกเขาจะเกิด เติบโต และตายบนยานนี้ โดยมีระบบการจัดการประชากรอย่างเข้มงวด เช่น จำกัดช่วงอายุในการมีบุตรไว้ที่ 28–31 ปี และอนุญาตให้มีลูกได้ไม่เกินสองคน

    เพื่อเตรียมความพร้อม ทีมออกแบบเสนอให้ผู้โดยสารรุ่นแรกใช้ชีวิตในแอนตาร์กติกาเป็นเวลา 70–80 ปี เพื่อฝึกความอดทนต่อสภาพแวดล้อมที่โดดเดี่ยวและรุนแรง ก่อนขึ้นยานจริง

    แม้ Chrysalis จะยังเป็นแนวคิดในโครงการประกวด Project Hyperion แต่ก็ถือเป็นแบบจำลองที่จริงจังที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยใช้เทคโนโลยีที่ใกล้ความเป็นจริง เช่น nuclear fusion drive, ระบบ AI ร่วมบริหาร และโครงสร้างแบบ closed-loop ecosystem

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Chrysalis เป็นยานอวกาศแนวคิดที่ยาว 36 ไมล์ ออกแบบเพื่อเดินทางไปยัง Proxima Centauri b
    รองรับผู้โดยสารได้ถึง 2,400 คน บนการเดินทางที่กินเวลาราว 400 ปี
    โครงสร้างแบบ concentric layers มีฟาร์ม, พื้นที่สาธารณะ, ที่อยู่อาศัย, อุตสาหกรรม และโกดัง
    ใช้การหมุนเพื่อสร้างแรงโน้มถ่วงเทียม และมี Cosmos Dome เป็นจุดชมวิวจักรวาล
    ระบบประชากรจำกัดช่วงอายุในการมีบุตร และจำนวนลูกต่อคน
    เตรียมผู้โดยสารรุ่นแรกด้วยการใช้ชีวิตในแอนตาร์กติกา 70–80 ปี
    ใช้ nuclear fusion drive เป็นแหล่งพลังงานและแรงขับเคลื่อน
    มีระบบบริหารร่วมระหว่างมนุษย์และ AI เพื่อรักษาเสถียรภาพทางสังคม
    เป็นแนวคิดที่ชนะการประกวด Project Hyperion Design Competition

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Proxima Centauri b เป็นดาวเคราะห์ที่อาจมีสภาพเหมาะสมต่อการอยู่อาศัย
    Nuclear fusion drive ยังอยู่ในขั้นทดลอง เช่น Direct Fusion Drive ที่ใช้ helium-3 และ deuterium
    การสร้างยานขนาด 2.4 พันล้านตันต้องใช้จุดสมดุลแรงโน้มถ่วงระหว่างโลกกับดวงจันทร์
    การใช้ชีวิตแบบ multigenerational บนยานต้องมีระบบการศึกษาและสังคมที่ยั่งยืน
    โครงการนี้ช่วยเปิดมุมมองใหม่ในการออกแบบระบบปิดสำหรับการอยู่รอดในสภาพแวดล้อมสุดขั้ว

    https://www.slashgear.com/1979060/chrysalis-spacecraft-concept-details/
    🚀 “Chrysalis: ยานอวกาศยาว 36 ไมล์ที่จะพามนุษย์สู่ดาวอื่น — แต่ไม่มีวันกลับบ้าน” ลองจินตนาการถึงการเดินทางที่ไม่มีวันย้อนกลับ — นั่นคือแนวคิดของ “Chrysalis” ยานอวกาศขนาดมหึมายาว 36 ไมล์ที่ออกแบบมาเพื่อพามนุษย์ 2,400 คนเดินทางข้ามจักรวาลไปยังดาว Proxima Centauri b ซึ่งอยู่ห่างจากโลกถึง 4.25 ปีแสง หรือประมาณ 25 ล้านล้านไมล์ Chrysalis ไม่ใช่แค่ยานอวกาศ แต่เป็น “เมืองลอยฟ้า” ที่มีโครงสร้างแบบ nested layers คล้ายตุ๊กตารัสเซีย โดยแต่ละชั้นมีหน้าที่เฉพาะ — ชั้นในสุดเป็นฟาร์มและระบบชีวภาพจำลองของโลก เช่น ป่าร้อนและป่าเย็น ถัดออกมาเป็นพื้นที่สาธารณะ เช่น สวน ห้องสมุด และบ้านที่พิมพ์ด้วย 3D ส่วนชั้นนอกสุดเป็นโกดังเก็บทรัพยากรและอุปกรณ์ ซึ่งอาจควบคุมโดยหุ่นยนต์ทั้งหมด เพื่อแก้ปัญหาการไม่มีแรงโน้มถ่วง ยานจะหมุนช้า ๆ เพื่อสร้างแรงโน้มถ่วงเทียม และมี “Cosmos Dome” เป็นจุดชมวิวจักรวาลในสภาพไร้น้ำหนัก การเดินทางจะกินเวลาราว 400 ปี — หมายความว่าผู้โดยสารรุ่นแรกจะไม่มีวันเห็นจุดหมายปลายทาง ลูกหลานของพวกเขาจะเกิด เติบโต และตายบนยานนี้ โดยมีระบบการจัดการประชากรอย่างเข้มงวด เช่น จำกัดช่วงอายุในการมีบุตรไว้ที่ 28–31 ปี และอนุญาตให้มีลูกได้ไม่เกินสองคน เพื่อเตรียมความพร้อม ทีมออกแบบเสนอให้ผู้โดยสารรุ่นแรกใช้ชีวิตในแอนตาร์กติกาเป็นเวลา 70–80 ปี เพื่อฝึกความอดทนต่อสภาพแวดล้อมที่โดดเดี่ยวและรุนแรง ก่อนขึ้นยานจริง แม้ Chrysalis จะยังเป็นแนวคิดในโครงการประกวด Project Hyperion แต่ก็ถือเป็นแบบจำลองที่จริงจังที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยใช้เทคโนโลยีที่ใกล้ความเป็นจริง เช่น nuclear fusion drive, ระบบ AI ร่วมบริหาร และโครงสร้างแบบ closed-loop ecosystem ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Chrysalis เป็นยานอวกาศแนวคิดที่ยาว 36 ไมล์ ออกแบบเพื่อเดินทางไปยัง Proxima Centauri b ➡️ รองรับผู้โดยสารได้ถึง 2,400 คน บนการเดินทางที่กินเวลาราว 400 ปี ➡️ โครงสร้างแบบ concentric layers มีฟาร์ม, พื้นที่สาธารณะ, ที่อยู่อาศัย, อุตสาหกรรม และโกดัง ➡️ ใช้การหมุนเพื่อสร้างแรงโน้มถ่วงเทียม และมี Cosmos Dome เป็นจุดชมวิวจักรวาล ➡️ ระบบประชากรจำกัดช่วงอายุในการมีบุตร และจำนวนลูกต่อคน ➡️ เตรียมผู้โดยสารรุ่นแรกด้วยการใช้ชีวิตในแอนตาร์กติกา 70–80 ปี ➡️ ใช้ nuclear fusion drive เป็นแหล่งพลังงานและแรงขับเคลื่อน ➡️ มีระบบบริหารร่วมระหว่างมนุษย์และ AI เพื่อรักษาเสถียรภาพทางสังคม ➡️ เป็นแนวคิดที่ชนะการประกวด Project Hyperion Design Competition ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Proxima Centauri b เป็นดาวเคราะห์ที่อาจมีสภาพเหมาะสมต่อการอยู่อาศัย ➡️ Nuclear fusion drive ยังอยู่ในขั้นทดลอง เช่น Direct Fusion Drive ที่ใช้ helium-3 และ deuterium ➡️ การสร้างยานขนาด 2.4 พันล้านตันต้องใช้จุดสมดุลแรงโน้มถ่วงระหว่างโลกกับดวงจันทร์ ➡️ การใช้ชีวิตแบบ multigenerational บนยานต้องมีระบบการศึกษาและสังคมที่ยั่งยืน ➡️ โครงการนี้ช่วยเปิดมุมมองใหม่ในการออกแบบระบบปิดสำหรับการอยู่รอดในสภาพแวดล้อมสุดขั้ว https://www.slashgear.com/1979060/chrysalis-spacecraft-concept-details/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    This 36-Mile Spacecraft Would Take Humanity To The Stars – With No Way Back - SlashGear
    While it's unlikely to come to fruition, designs for the 2.4-billion-ton Chrysalis could see humanity embark on a four-century journey to a new star.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 410 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Jonathan Clements จากไปอย่างสงบ — นักเขียนผู้เปลี่ยนชีวิตคนธรรมดาด้วยคำว่า ‘เงิน’ และ ‘ความหมาย’”

    Jonathan Clements ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ HumbleDollar และอดีตคอลัมนิสต์ชื่อดังของ The Wall Street Journal ได้เขียนข้อความอำลาครั้งสุดท้ายไว้ล่วงหน้าในฟอรัมของเว็บไซต์ ก่อนจากไปด้วยโรคมะเร็งเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2025 ด้วยวัย 62 ปี

    เขาเริ่มต้นข้อความว่า “ถ้าคุณเห็นโพสต์นี้ แปลว่าผมจากไปแล้ว” พร้อมขอให้ผู้อ่านไม่เศร้า เพราะเขามีชีวิตที่เต็มไปด้วยความรัก ประสบการณ์ และโอกาสที่ดีในอาชีพ เขาหวังว่าใต้ต้นไม้หน้าบ้านในฟิลาเดลเฟีย ภรรยาของเขา Elaine จะวางแผ่นหินจารึกชื่อของเขา พร้อมคำว่า “Family • Readers • Words” ซึ่งเป็นสามสิ่งที่เขายึดถือมาตลอดชีวิต

    Jonathan เล่าถึงชีวิตตั้งแต่เกิดในลอนดอน ย้ายไปอเมริกาเมื่อพ่อได้งานที่ World Bank และต้องเผชิญกับชีวิตในโรงเรียนประจำที่โหดร้ายในอังกฤษ ก่อนจะสอบเข้า Cambridge และเริ่มต้นเส้นทางนักข่าวที่ Forbes และ The Wall Street Journal ซึ่งเขาเขียนคอลัมน์ “Getting Going” กว่า 1,000 ตอน

    เขาเป็นผู้ผลักดันแนวคิดการลงทุนในกองทุนดัชนี (index fund) ตั้งแต่ยุคที่ยังไม่เป็นที่นิยม และใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแต่มีเป้าหมาย เขาเคยวิ่งมาราธอนใต้สามชั่วโมง และคว้าอันดับหนึ่งในฮาล์ฟมาราธอนบนเรือกลางทะเลแอนตาร์กติกา

    แม้ชีวิตคู่จะไม่ราบรื่นนัก แต่เขาพบรักครั้งสุดท้ายกับ Elaine ในปี 2020 และแต่งงานกันในปี 2024 เพียงห้าวันหลังได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย

    เขาใช้เวลาช่วงสุดท้ายจัดการชีวิต เตรียมเว็บไซต์ HumbleDollar ให้ดำเนินต่อได้ และเขียนบทความเกี่ยวกับการเผชิญความตายอย่างมีสติ จนได้รับความสนใจจากสื่อหลายแห่ง เช่น The New York Times, WSJ และ AARP

    Jonathan ไม่เพียงเป็นนักเขียนด้านการเงิน แต่เป็นนักคิดที่ใช้ “คำ” เป็นเครื่องมือสร้างความเข้าใจชีวิต เขาจากไปอย่างสงบ แต่ทิ้งไว้ซึ่งบทเรียนเรื่องเงิน ความรัก และการใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Jonathan Clements เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2025 ด้วยวัย 62 ปี
    เขาเขียนข้อความอำลาไว้ล่วงหน้าในฟอรัมของ HumbleDollar
    ขอให้ภรรยาวางแผ่นหินจารึกคำว่า “Family • Readers • Words” ใต้ต้นไม้หน้าบ้าน
    เกิดในลอนดอน ย้ายมาอเมริกาเมื่อพ่อได้งานที่ World Bank
    เรียนที่ Cambridge และเริ่มงานที่ Forbes ก่อนย้ายไป The Wall Street Journal
    เขียนคอลัมน์ “Getting Going” กว่า 1,000 ตอน และผลักดันแนวคิด index fund
    เคยวิ่งมาราธอนใต้สามชั่วโมง และชนะการแข่งขันหลายรายการ
    พบรักกับ Elaine ในปี 2020 และแต่งงานกันในปี 2024 หลังรู้ว่าเป็นมะเร็ง
    เตรียม HumbleDollar ให้ดำเนินต่อ และเขียนบทความเกี่ยวกับการเผชิญความตาย
    ได้รับการยกย่องจากสื่อหลายแห่ง เช่น NYT, WSJ, AARP

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Jonathan เป็นหนึ่งในนักเขียนด้านการเงินที่ผลักดัน index fund สู่กระแสหลัก
    หนังสือ “How to Think About Money” เป็นผลงานที่ขายดีที่สุดของเขา
    เขาเคยทำงานกับ Citigroup และ Creative Planning ในบทบาทด้านการศึกษาการเงิน
    HumbleDollar เปิดให้ผู้เขียนสมัครเล่นร่วมเขียนบทความ โดยเขาเป็นผู้แก้ไขด้วยตัวเอง
    เขาเชื่อว่าความสุขมาจากการใช้เงินเพื่อประสบการณ์ ไม่ใช่สิ่งของ

    https://humbledollar.com/forum/farewell-friends/
    🕊️ “Jonathan Clements จากไปอย่างสงบ — นักเขียนผู้เปลี่ยนชีวิตคนธรรมดาด้วยคำว่า ‘เงิน’ และ ‘ความหมาย’” Jonathan Clements ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ HumbleDollar และอดีตคอลัมนิสต์ชื่อดังของ The Wall Street Journal ได้เขียนข้อความอำลาครั้งสุดท้ายไว้ล่วงหน้าในฟอรัมของเว็บไซต์ ก่อนจากไปด้วยโรคมะเร็งเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2025 ด้วยวัย 62 ปี เขาเริ่มต้นข้อความว่า “ถ้าคุณเห็นโพสต์นี้ แปลว่าผมจากไปแล้ว” พร้อมขอให้ผู้อ่านไม่เศร้า เพราะเขามีชีวิตที่เต็มไปด้วยความรัก ประสบการณ์ และโอกาสที่ดีในอาชีพ เขาหวังว่าใต้ต้นไม้หน้าบ้านในฟิลาเดลเฟีย ภรรยาของเขา Elaine จะวางแผ่นหินจารึกชื่อของเขา พร้อมคำว่า “Family • Readers • Words” ซึ่งเป็นสามสิ่งที่เขายึดถือมาตลอดชีวิต Jonathan เล่าถึงชีวิตตั้งแต่เกิดในลอนดอน ย้ายไปอเมริกาเมื่อพ่อได้งานที่ World Bank และต้องเผชิญกับชีวิตในโรงเรียนประจำที่โหดร้ายในอังกฤษ ก่อนจะสอบเข้า Cambridge และเริ่มต้นเส้นทางนักข่าวที่ Forbes และ The Wall Street Journal ซึ่งเขาเขียนคอลัมน์ “Getting Going” กว่า 1,000 ตอน เขาเป็นผู้ผลักดันแนวคิดการลงทุนในกองทุนดัชนี (index fund) ตั้งแต่ยุคที่ยังไม่เป็นที่นิยม และใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแต่มีเป้าหมาย เขาเคยวิ่งมาราธอนใต้สามชั่วโมง และคว้าอันดับหนึ่งในฮาล์ฟมาราธอนบนเรือกลางทะเลแอนตาร์กติกา แม้ชีวิตคู่จะไม่ราบรื่นนัก แต่เขาพบรักครั้งสุดท้ายกับ Elaine ในปี 2020 และแต่งงานกันในปี 2024 เพียงห้าวันหลังได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เขาใช้เวลาช่วงสุดท้ายจัดการชีวิต เตรียมเว็บไซต์ HumbleDollar ให้ดำเนินต่อได้ และเขียนบทความเกี่ยวกับการเผชิญความตายอย่างมีสติ จนได้รับความสนใจจากสื่อหลายแห่ง เช่น The New York Times, WSJ และ AARP Jonathan ไม่เพียงเป็นนักเขียนด้านการเงิน แต่เป็นนักคิดที่ใช้ “คำ” เป็นเครื่องมือสร้างความเข้าใจชีวิต เขาจากไปอย่างสงบ แต่ทิ้งไว้ซึ่งบทเรียนเรื่องเงิน ความรัก และการใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Jonathan Clements เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2025 ด้วยวัย 62 ปี ➡️ เขาเขียนข้อความอำลาไว้ล่วงหน้าในฟอรัมของ HumbleDollar ➡️ ขอให้ภรรยาวางแผ่นหินจารึกคำว่า “Family • Readers • Words” ใต้ต้นไม้หน้าบ้าน ➡️ เกิดในลอนดอน ย้ายมาอเมริกาเมื่อพ่อได้งานที่ World Bank ➡️ เรียนที่ Cambridge และเริ่มงานที่ Forbes ก่อนย้ายไป The Wall Street Journal ➡️ เขียนคอลัมน์ “Getting Going” กว่า 1,000 ตอน และผลักดันแนวคิด index fund ➡️ เคยวิ่งมาราธอนใต้สามชั่วโมง และชนะการแข่งขันหลายรายการ ➡️ พบรักกับ Elaine ในปี 2020 และแต่งงานกันในปี 2024 หลังรู้ว่าเป็นมะเร็ง ➡️ เตรียม HumbleDollar ให้ดำเนินต่อ และเขียนบทความเกี่ยวกับการเผชิญความตาย ➡️ ได้รับการยกย่องจากสื่อหลายแห่ง เช่น NYT, WSJ, AARP ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Jonathan เป็นหนึ่งในนักเขียนด้านการเงินที่ผลักดัน index fund สู่กระแสหลัก ➡️ หนังสือ “How to Think About Money” เป็นผลงานที่ขายดีที่สุดของเขา ➡️ เขาเคยทำงานกับ Citigroup และ Creative Planning ในบทบาทด้านการศึกษาการเงิน ➡️ HumbleDollar เปิดให้ผู้เขียนสมัครเล่นร่วมเขียนบทความ โดยเขาเป็นผู้แก้ไขด้วยตัวเอง ➡️ เขาเชื่อว่าความสุขมาจากการใช้เงินเพื่อประสบการณ์ ไม่ใช่สิ่งของ https://humbledollar.com/forum/farewell-friends/
    HUMBLEDOLLAR.COM
    Farewell Friends - HumbleDollar
    If this post is appearing, it means I’ve succumbed to cancer or one of its side effects. Please don’t feel sad for me. I’ve had a life filled with love, great experiences and wonderful career opportunities. Despite my demise at a relatively young age, I consider myself beyond fortunate. I’m hoping that, under the tree in front of our little Philadelphia rowhome, my wife Elaine will place a stone tablet inscribed with my name, and the year I was born and died.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 512 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความไวเป็นของปีศาจ บัญชีม้าชิงถอนเงิน : [NEWS UPDATE]
    นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) เผยถึงแนวทางการระงับบัญชีม้า จะตรวจสอบเส้นเงิน เชื่อมโยงข้อมูลตำรวจว่าเงินในบัญชีมีลักษณะอะไร รูปแบบการเงินปกติหรือไม่ จำนวนวงเงินเหมาะสมกับการใช้ชีวิตปกติหรือไม่ มีหลายเคสที่มีส่วนกระทำความผิด ต้องแยกคนบริสุทธิ์แยกบัญชี แต่จะมีจำนวนหนึ่งไม่สามารถเพิกถอนการระงับธุรกรรมได้ เพราะกระทบกับผู้บริสุทธิ์ที่ถูกหลอกลวง แต่ถ้าหลายเคสหลุดออก เส้นทางการเงินวิ่งต่อไป คนบริสุทธิ์อื่นๆ จะได้รับการเพิกถอนการระงับธุรกรรมชั่วคราวด้วย หากคนบริสุทธิ์มายื่นคำร้อง และตรวจสอบแล้วเชื่อว่าไม่เกี่ยวข้อง ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(ศปอท.) มีอำนาจปลดระงับบัญชีได้ทันที วงเงินที่ถูกล็อกก็จะใช้ได้ ส่วนกรณีคนแห่ถอนเงิน จากการตรวจสอบพบว่ามีหลายเคสเป็นบัญชีม้า เพราะกลัวถูกระงับบัญชี


    ท้าทำรถไฟฟ้า 40 บาททั้งวัน

    "ทักษิณ"อยู่แดนผู้สูงอายุ

    เช็คบิลงบ 5 พันล้าน
    ความไวเป็นของปีศาจ บัญชีม้าชิงถอนเงิน : [NEWS UPDATE] นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) เผยถึงแนวทางการระงับบัญชีม้า จะตรวจสอบเส้นเงิน เชื่อมโยงข้อมูลตำรวจว่าเงินในบัญชีมีลักษณะอะไร รูปแบบการเงินปกติหรือไม่ จำนวนวงเงินเหมาะสมกับการใช้ชีวิตปกติหรือไม่ มีหลายเคสที่มีส่วนกระทำความผิด ต้องแยกคนบริสุทธิ์แยกบัญชี แต่จะมีจำนวนหนึ่งไม่สามารถเพิกถอนการระงับธุรกรรมได้ เพราะกระทบกับผู้บริสุทธิ์ที่ถูกหลอกลวง แต่ถ้าหลายเคสหลุดออก เส้นทางการเงินวิ่งต่อไป คนบริสุทธิ์อื่นๆ จะได้รับการเพิกถอนการระงับธุรกรรมชั่วคราวด้วย หากคนบริสุทธิ์มายื่นคำร้อง และตรวจสอบแล้วเชื่อว่าไม่เกี่ยวข้อง ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(ศปอท.) มีอำนาจปลดระงับบัญชีได้ทันที วงเงินที่ถูกล็อกก็จะใช้ได้ ส่วนกรณีคนแห่ถอนเงิน จากการตรวจสอบพบว่ามีหลายเคสเป็นบัญชีม้า เพราะกลัวถูกระงับบัญชี ท้าทำรถไฟฟ้า 40 บาททั้งวัน "ทักษิณ"อยู่แดนผู้สูงอายุ เช็คบิลงบ 5 พันล้าน
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 547 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “ญี่ปุ่นทำสถิติใหม่! ผู้สูงวัยอายุเกิน 100 ปีเกือบแสนคน — เบื้องหลังความยืนยาวที่โลกต้องเรียนรู้”

    รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศตัวเลขล่าสุดในเดือนกันยายน 2025 ว่ามีประชากรอายุ 100 ปีขึ้นไปถึง 99,763 คน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดเป็นปีที่ 55 ติดต่อกัน โดยในจำนวนนี้ ผู้หญิงมีสัดส่วนถึง 88% สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มอายุขัยที่ยืนยาวของผู้หญิงญี่ปุ่นอย่างชัดเจน

    ผู้สูงวัยที่อายุมากที่สุดในประเทศคือคุณ Shigeko Kagawa อายุ 114 ปี จากเมือง Nara ส่วนผู้ชายที่อายุมากที่สุดคือคุณ Kiyotaka Mizuno อายุ 111 ปี จากเมือง Iwata ซึ่งกล่าวว่า “สิ่งสำคัญที่สุดคือไม่เก็บเรื่องต่าง ๆ มาใส่ใจ” หรือในภาษาญี่ปุ่นคือ “ไม่ kuyokuyo” หมายถึงไม่วิตกกังวลเกินเหตุ

    เบื้องหลังความยืนยาวของชาวญี่ปุ่นมีหลายปัจจัย ทั้งอาหารที่เน้นปลา ผัก และลดเนื้อแดง การออกกำลังกายแบบกลุ่ม เช่น Radio Taiso ที่มีมาตั้งแต่ปี 1928 และการใช้ชีวิตที่มีจังหวะช้าแต่มั่นคง เช่น การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะแทนรถยนต์ส่วนตัว

    นอกจากนี้ยังมีวัฒนธรรม “hara hachi bu” หรือการกินแค่ 80% ของความอิ่ม และ “ikigai” หรือการมีเป้าหมายในชีวิต ซึ่งเป็นแนวคิดที่ฝังรากลึกในสังคมญี่ปุ่น โดยเฉพาะในพื้นที่ Blue Zone อย่าง Okinawa ที่มีอัตราผู้สูงวัยมากที่สุดในโลก

    อย่างไรก็ตาม มีข้อกังวลเรื่องความถูกต้องของข้อมูล เนื่องจากการตรวจสอบในปี 2010 พบว่ามีผู้ที่ถูกระบุว่าอายุเกิน 100 ปีแต่เสียชีวิตไปแล้วกว่า 230,000 คน ซึ่งเกิดจากการบันทึกข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน และบางกรณีมีการปกปิดการเสียชีวิตเพื่อรับเงินบำนาญ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ญี่ปุ่นมีผู้สูงวัยอายุเกิน 100 ปีถึง 99,763 คนในปี 2025
    ผู้หญิงมีสัดส่วนถึง 88% ของผู้สูงวัยทั้งหมด
    ผู้ที่อายุมากที่สุดคือ Shigeko Kagawa (114 ปี) และ Kiyotaka Mizuno (111 ปี)
    มีการจัดงานวันผู้สูงอายุแห่งชาติในวันที่ 15 กันยายน พร้อมมอบถ้วยเงินและจดหมายแสดงความยินดีจากนายกรัฐมนตรี

    ปัจจัยที่ส่งเสริมอายุยืน
    อาหารที่เน้นปลา ผัก และลดเนื้อแดง ลดอัตราโรคหัวใจและมะเร็ง
    การออกกำลังกายแบบกลุ่ม เช่น Radio Taiso ที่ออกอากาศทุกวัน
    วัฒนธรรม “hara hachi bu” และ “ikigai” ที่ส่งเสริมสุขภาพจิตและร่างกาย
    การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะช่วยให้ผู้สูงวัยเคลื่อนไหวมากขึ้น

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Okinawa เป็นหนึ่งใน Blue Zone ที่มีผู้สูงวัยมากที่สุดในโลก
    ผู้หญิงทั่วโลกมีแนวโน้มอายุยืนกว่าผู้ชายจากปัจจัยทางชีวภาพและพฤติกรรม
    ญี่ปุ่นมีอัตราโรคอ้วนต่ำ โดยเฉพาะในผู้หญิง
    การลดการบริโภคเกลือและน้ำตาลเป็นผลจากนโยบายสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพ

    https://www.bbc.com/news/articles/cd07nljlyv0o
    🎉 “ญี่ปุ่นทำสถิติใหม่! ผู้สูงวัยอายุเกิน 100 ปีเกือบแสนคน — เบื้องหลังความยืนยาวที่โลกต้องเรียนรู้” รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศตัวเลขล่าสุดในเดือนกันยายน 2025 ว่ามีประชากรอายุ 100 ปีขึ้นไปถึง 99,763 คน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดเป็นปีที่ 55 ติดต่อกัน โดยในจำนวนนี้ ผู้หญิงมีสัดส่วนถึง 88% สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มอายุขัยที่ยืนยาวของผู้หญิงญี่ปุ่นอย่างชัดเจน ผู้สูงวัยที่อายุมากที่สุดในประเทศคือคุณ Shigeko Kagawa อายุ 114 ปี จากเมือง Nara ส่วนผู้ชายที่อายุมากที่สุดคือคุณ Kiyotaka Mizuno อายุ 111 ปี จากเมือง Iwata ซึ่งกล่าวว่า “สิ่งสำคัญที่สุดคือไม่เก็บเรื่องต่าง ๆ มาใส่ใจ” หรือในภาษาญี่ปุ่นคือ “ไม่ kuyokuyo” หมายถึงไม่วิตกกังวลเกินเหตุ เบื้องหลังความยืนยาวของชาวญี่ปุ่นมีหลายปัจจัย ทั้งอาหารที่เน้นปลา ผัก และลดเนื้อแดง การออกกำลังกายแบบกลุ่ม เช่น Radio Taiso ที่มีมาตั้งแต่ปี 1928 และการใช้ชีวิตที่มีจังหวะช้าแต่มั่นคง เช่น การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะแทนรถยนต์ส่วนตัว นอกจากนี้ยังมีวัฒนธรรม “hara hachi bu” หรือการกินแค่ 80% ของความอิ่ม และ “ikigai” หรือการมีเป้าหมายในชีวิต ซึ่งเป็นแนวคิดที่ฝังรากลึกในสังคมญี่ปุ่น โดยเฉพาะในพื้นที่ Blue Zone อย่าง Okinawa ที่มีอัตราผู้สูงวัยมากที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม มีข้อกังวลเรื่องความถูกต้องของข้อมูล เนื่องจากการตรวจสอบในปี 2010 พบว่ามีผู้ที่ถูกระบุว่าอายุเกิน 100 ปีแต่เสียชีวิตไปแล้วกว่า 230,000 คน ซึ่งเกิดจากการบันทึกข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน และบางกรณีมีการปกปิดการเสียชีวิตเพื่อรับเงินบำนาญ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ญี่ปุ่นมีผู้สูงวัยอายุเกิน 100 ปีถึง 99,763 คนในปี 2025 ➡️ ผู้หญิงมีสัดส่วนถึง 88% ของผู้สูงวัยทั้งหมด ➡️ ผู้ที่อายุมากที่สุดคือ Shigeko Kagawa (114 ปี) และ Kiyotaka Mizuno (111 ปี) ➡️ มีการจัดงานวันผู้สูงอายุแห่งชาติในวันที่ 15 กันยายน พร้อมมอบถ้วยเงินและจดหมายแสดงความยินดีจากนายกรัฐมนตรี ✅ ปัจจัยที่ส่งเสริมอายุยืน ➡️ อาหารที่เน้นปลา ผัก และลดเนื้อแดง ลดอัตราโรคหัวใจและมะเร็ง ➡️ การออกกำลังกายแบบกลุ่ม เช่น Radio Taiso ที่ออกอากาศทุกวัน ➡️ วัฒนธรรม “hara hachi bu” และ “ikigai” ที่ส่งเสริมสุขภาพจิตและร่างกาย ➡️ การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะช่วยให้ผู้สูงวัยเคลื่อนไหวมากขึ้น ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Okinawa เป็นหนึ่งใน Blue Zone ที่มีผู้สูงวัยมากที่สุดในโลก ➡️ ผู้หญิงทั่วโลกมีแนวโน้มอายุยืนกว่าผู้ชายจากปัจจัยทางชีวภาพและพฤติกรรม ➡️ ญี่ปุ่นมีอัตราโรคอ้วนต่ำ โดยเฉพาะในผู้หญิง ➡️ การลดการบริโภคเกลือและน้ำตาลเป็นผลจากนโยบายสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพ https://www.bbc.com/news/articles/cd07nljlyv0o
    WWW.BBC.COM
    Japan sets new record with nearly 100,000 people aged over 100
    The number of Japanese centenarians rose to 99,763 in September, with women making up 88% of the total.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 587 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยอมรับจริง,ถึงปัจจุบันก็เหมือนเดิม.,สงครามภายในของประชาชนยิ่งกว่าเขมรอีก,ประชาชนอาจทำสงครามภายในก็แบบนี้ล่ะ,ประเทศพังพินาศก็จะแบบนี้ล่ะ.,อาจมีการยุบตำรวจจราจรกันอย่างจริงจัง มีแค่ตำรวจจับผู้ร้ายพอ,สามารถตั้งด่านสกัดจับคนร้ายได้ตลอดเวลาโดยที่ประชาชนอาจมอบดอกไม้ ข้าวปลาอาหารให้อย่างเต็มใจมากกว่า จะตั้งด่านตลอดเดือนเพื่อสกัดจับคนร้ายประชาชนเขาไม่ว่าอะไรเลย,ตำรวจจราจรมีไว้ทำไม? ประชาชนไม่นานจะติดแฮชแทกว่า #ยุบตำรวจจราจร. #ตำรวจจราจรมีไว้ทำไม. นอกจาก #ยุบอตบ. #อบตมีไว้ทำไม. ประมาณนั้นด้วย.
    ..ไม่พบคนร้ายตรงตามลักษณะรูปร่างที่แจ้ง ก็ปล่อยรถเขาไป พูดคุยไปเรื่อย.,เพื่ออะไร?,กฎหมายขนส่งหรือจราจรคือภัยความไม่มั่นคงของการใช้ชีวิตประชาชนจริงๆ เสียตังเสียเงินที่หาตังกันมาด้วยความยากลำบากไปแบบง่ายๆด้วยจากกฎหมายผีบ้าพวกนี้.




    https://youtube.com/shorts/eDtsBnYzew8?si=LUbTIDKKkfu7Tljv
    ยอมรับจริง,ถึงปัจจุบันก็เหมือนเดิม.,สงครามภายในของประชาชนยิ่งกว่าเขมรอีก,ประชาชนอาจทำสงครามภายในก็แบบนี้ล่ะ,ประเทศพังพินาศก็จะแบบนี้ล่ะ.,อาจมีการยุบตำรวจจราจรกันอย่างจริงจัง มีแค่ตำรวจจับผู้ร้ายพอ,สามารถตั้งด่านสกัดจับคนร้ายได้ตลอดเวลาโดยที่ประชาชนอาจมอบดอกไม้ ข้าวปลาอาหารให้อย่างเต็มใจมากกว่า จะตั้งด่านตลอดเดือนเพื่อสกัดจับคนร้ายประชาชนเขาไม่ว่าอะไรเลย,ตำรวจจราจรมีไว้ทำไม? ประชาชนไม่นานจะติดแฮชแทกว่า #ยุบตำรวจจราจร. #ตำรวจจราจรมีไว้ทำไม. นอกจาก #ยุบอตบ. #อบตมีไว้ทำไม. ประมาณนั้นด้วย. ..ไม่พบคนร้ายตรงตามลักษณะรูปร่างที่แจ้ง ก็ปล่อยรถเขาไป พูดคุยไปเรื่อย.,เพื่ออะไร?,กฎหมายขนส่งหรือจราจรคือภัยความไม่มั่นคงของการใช้ชีวิตประชาชนจริงๆ เสียตังเสียเงินที่หาตังกันมาด้วยความยากลำบากไปแบบง่ายๆด้วยจากกฎหมายผีบ้าพวกนี้. https://youtube.com/shorts/eDtsBnYzew8?si=LUbTIDKKkfu7Tljv
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 398 มุมมอง 0 รีวิว
  • เล่าให้ฟังใหม่: เทคโนโลยีไม่ใช่ศัตรูของสมองผู้สูงวัยอีกต่อไป — กลับกลายเป็นผู้ช่วยที่ทรงพลัง

    หลายสิบปีที่ผ่านมา เรามักได้ยินคำเตือนว่าเทคโนโลยี โดยเฉพาะหน้าจอและอุปกรณ์ดิจิทัล อาจทำลายสมองของเรา เกิดภาวะ “digital dementia” โดยเฉพาะในเด็กและวัยรุ่น แต่เมื่อกลุ่มผู้สูงวัยยุคแรกที่เติบโตมากับคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตเข้าสู่วัยที่ความจำเริ่มถดถอย นักวิจัยกลับพบสิ่งที่ตรงกันข้าม

    การใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน เช่น สมาร์ตโฟน อินเทอร์เน็ต หรือคอมพิวเตอร์ ช่วยลดความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อมและความบกพร่องทางความคิดในผู้สูงอายุอย่างมีนัยสำคัญ จากการวิเคราะห์ข้อมูลกว่า 411,000 คน พบว่าเกือบ 90% ของงานวิจัยชี้ว่าเทคโนโลยีมีผลเชิงบวกต่อสมอง

    เหตุผลหนึ่งคือการใช้เทคโนโลยีต้องอาศัยการเรียนรู้ใหม่ การปรับตัว และการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นกิจกรรมที่กระตุ้นสมองอย่างดี อีกทั้งยังช่วยให้ผู้สูงวัยเชื่อมโยงกับสังคม ลดความโดดเดี่ยว และใช้แอปต่าง ๆ เพื่อชดเชยความจำที่ลดลง เช่น การตั้งเตือน การจัดการการเงิน หรือการสื่อสารกับครอบครัว

    แม้จะมีข้อดีมากมาย แต่ผู้เชี่ยวชาญก็เตือนว่าเทคโนโลยีไม่ใช่คำตอบทั้งหมด และยังมีความเสี่ยง เช่น การหลอกลวงออนไลน์ การเสพติดหน้าจอ หรือการแทนที่กิจกรรมที่ดีต่อสมอง เช่น การออกกำลังกาย

    การใช้เทคโนโลยีในผู้สูงวัยช่วยลดความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อม
    พบจากการวิเคราะห์ 57 งานวิจัย รวมกว่า 411,000 คน

    ผู้ใช้เทคโนโลยีมีผลการทดสอบความคิดดีกว่าผู้ที่หลีกเลี่ยง
    แม้ควบคุมปัจจัยด้านสุขภาพ การศึกษา และรายได้แล้ว

    การใช้เทคโนโลยีเป็นการฝึกสมองผ่านความท้าทายใหม่ ๆ
    เช่น การเรียนรู้ระบบใหม่ การแก้ปัญหา และการปรับตัว

    เทคโนโลยีช่วยสร้าง “technological reserve” คล้ายกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต
    เป็นปัจจัยป้องกันสมองเสื่อมแบบใหม่

    แอปและอุปกรณ์ช่วยชดเชยความจำ เช่น การตั้งเตือนหรือจัดการการเงิน
    ส่งผลให้ผู้สูงวัยยังคงความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวัน

    การเชื่อมโยงกับสังคมผ่านเทคโนโลยีช่วยลดความโดดเดี่ยว
    ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันภาวะสมองเสื่อม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/14/how-older-people-are-reaping-brain-benefits-from-new-tech
    🧠📱 เล่าให้ฟังใหม่: เทคโนโลยีไม่ใช่ศัตรูของสมองผู้สูงวัยอีกต่อไป — กลับกลายเป็นผู้ช่วยที่ทรงพลัง หลายสิบปีที่ผ่านมา เรามักได้ยินคำเตือนว่าเทคโนโลยี โดยเฉพาะหน้าจอและอุปกรณ์ดิจิทัล อาจทำลายสมองของเรา เกิดภาวะ “digital dementia” โดยเฉพาะในเด็กและวัยรุ่น แต่เมื่อกลุ่มผู้สูงวัยยุคแรกที่เติบโตมากับคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตเข้าสู่วัยที่ความจำเริ่มถดถอย นักวิจัยกลับพบสิ่งที่ตรงกันข้าม การใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน เช่น สมาร์ตโฟน อินเทอร์เน็ต หรือคอมพิวเตอร์ ช่วยลดความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อมและความบกพร่องทางความคิดในผู้สูงอายุอย่างมีนัยสำคัญ จากการวิเคราะห์ข้อมูลกว่า 411,000 คน พบว่าเกือบ 90% ของงานวิจัยชี้ว่าเทคโนโลยีมีผลเชิงบวกต่อสมอง เหตุผลหนึ่งคือการใช้เทคโนโลยีต้องอาศัยการเรียนรู้ใหม่ การปรับตัว และการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นกิจกรรมที่กระตุ้นสมองอย่างดี อีกทั้งยังช่วยให้ผู้สูงวัยเชื่อมโยงกับสังคม ลดความโดดเดี่ยว และใช้แอปต่าง ๆ เพื่อชดเชยความจำที่ลดลง เช่น การตั้งเตือน การจัดการการเงิน หรือการสื่อสารกับครอบครัว แม้จะมีข้อดีมากมาย แต่ผู้เชี่ยวชาญก็เตือนว่าเทคโนโลยีไม่ใช่คำตอบทั้งหมด และยังมีความเสี่ยง เช่น การหลอกลวงออนไลน์ การเสพติดหน้าจอ หรือการแทนที่กิจกรรมที่ดีต่อสมอง เช่น การออกกำลังกาย ✅ การใช้เทคโนโลยีในผู้สูงวัยช่วยลดความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อม ➡️ พบจากการวิเคราะห์ 57 งานวิจัย รวมกว่า 411,000 คน ✅ ผู้ใช้เทคโนโลยีมีผลการทดสอบความคิดดีกว่าผู้ที่หลีกเลี่ยง ➡️ แม้ควบคุมปัจจัยด้านสุขภาพ การศึกษา และรายได้แล้ว ✅ การใช้เทคโนโลยีเป็นการฝึกสมองผ่านความท้าทายใหม่ ๆ ➡️ เช่น การเรียนรู้ระบบใหม่ การแก้ปัญหา และการปรับตัว ✅ เทคโนโลยีช่วยสร้าง “technological reserve” คล้ายกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต ➡️ เป็นปัจจัยป้องกันสมองเสื่อมแบบใหม่ ✅ แอปและอุปกรณ์ช่วยชดเชยความจำ เช่น การตั้งเตือนหรือจัดการการเงิน ➡️ ส่งผลให้ผู้สูงวัยยังคงความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวัน ✅ การเชื่อมโยงกับสังคมผ่านเทคโนโลยีช่วยลดความโดดเดี่ยว ➡️ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันภาวะสมองเสื่อม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/14/how-older-people-are-reaping-brain-benefits-from-new-tech
    WWW.THESTAR.COM.MY
    How older people are reaping brain benefits from new tech
    Overuse of digital gadgets harms teenagers, research suggests. But ubiquitous technology may be helping older Americans stay sharp.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 400 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากบทความ: เมื่อ “Abundance” ปะทะ “Anti-Monopoly” ในสนามนโยบายที่อยู่อาศัย

    ในช่วงหลังการเลือกตั้งปี 2024 แนวคิด “Abundance” หรือ “ความมั่งคั่งเข้าถึงได้” กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง โดยเสนอให้ลดข้อจำกัดด้านกฎหมายและขั้นตอนราชการ เพื่อเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ที่อยู่อาศัย พลังงาน และการขนส่ง

    แต่ฝ่าย “Anti-Monopoly” หรือ “ต่อต้านการผูกขาด” กลับมองว่าแนวคิดนี้อาจเปิดช่องให้บริษัทขนาดใหญ่เข้ามาครอบครองตลาด โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีหลักฐานว่าบริษัทลงทุนขนาดใหญ่กำลังซื้อบ้านเดี่ยวจำนวนมาก ทำให้ราคาบ้านและค่าเช่าพุ่งสูงขึ้น

    บทความหลายชิ้นชี้ว่า การแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยไม่ควรเลือกข้างระหว่าง “สร้างเยอะ” กับ “ควบคุมตลาด” แต่ควรใช้ทั้งสองแนวทางร่วมกัน เพื่อให้เกิดทั้งปริมาณและความเป็นธรรม

    แนวคิด Abundance เน้นลดข้อจำกัดเพื่อเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐาน
    เช่น ลดขั้นตอนการขออนุญาตก่อสร้าง
    ส่งเสริมการลงทุนในที่อยู่อาศัย พลังงานสะอาด และระบบขนส่ง

    ฝ่าย Anti-Monopoly เตือนว่าการลดข้อจำกัดอาจเปิดช่องให้เกิดการผูกขาด
    โดยเฉพาะในตลาดที่อยู่อาศัยที่บริษัทใหญ่เริ่มครอบครอง
    ส่งผลให้ราคาบ้านและค่าเช่าสูงขึ้น

    นักวิจารณ์เสนอว่าไม่ควรเลือกข้าง แต่ควรใช้ทั้งสองแนวทางร่วมกัน
    สร้างที่อยู่อาศัยให้มากขึ้น
    พร้อมควบคุมไม่ให้ตลาดถูกครอบงำโดยกลุ่มทุน

    มีหลักฐานว่าบริษัทลงทุนขนาดใหญ่ถือครองบ้านเดี่ยวจำนวนมากในบางพื้นที่
    เกิดการรวมศูนย์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์
    ทำให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงบ้านได้ยากขึ้น

    แนวคิด Abundance ยังเสนอให้ลดภาระต่อระบบนวัตกรรม เช่น R&D และการพัฒนาเทคโนโลยี
    เพื่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เข้าถึงได้ง่าย
    ลดต้นทุนการใช้ชีวิตในระยะยาว

    การลดข้อจำกัดโดยไม่ควบคุมอาจนำไปสู่การผูกขาดในตลาดที่อยู่อาศัย
    บริษัทใหญ่สามารถซื้อบ้านจำนวนมากและควบคุมราคา
    ทำให้ประชาชนทั่วไปเสียโอกาสในการเป็นเจ้าของบ้าน

    การเน้น “สร้างเยอะ” โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพและการกระจายอาจสร้างปัญหาใหม่
    ที่อยู่อาศัยอาจไม่ตอบโจทย์ผู้มีรายได้น้อย
    เกิดการกระจุกตัวของโครงสร้างพื้นฐานในบางพื้นที่

    การพึ่งพาภาคเอกชนมากเกินไปอาจทำให้รัฐสูญเสียบทบาทในการกำกับดูแล
    รัฐอาจไม่สามารถควบคุมราคาหรือคุณภาพได้
    ประชาชนอาจกลายเป็นผู้บริโภคที่ไม่มีอำนาจต่อรอง

    การมองข้ามบทบาทของนโยบายต่อต้านการผูกขาดอาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำระยะยาว
    ตลาดที่ไม่มีการแข่งขันจะไม่เกิดนวัตกรรม
    ผู้บริโภคต้องจ่ายแพงขึ้นโดยไม่มีทางเลือก

    https://www.derekthompson.org/p/the-anti-abundance-critique-on-housing
    🎙️ เรื่องเล่าจากบทความ: เมื่อ “Abundance” ปะทะ “Anti-Monopoly” ในสนามนโยบายที่อยู่อาศัย ในช่วงหลังการเลือกตั้งปี 2024 แนวคิด “Abundance” หรือ “ความมั่งคั่งเข้าถึงได้” กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง โดยเสนอให้ลดข้อจำกัดด้านกฎหมายและขั้นตอนราชการ เพื่อเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ที่อยู่อาศัย พลังงาน และการขนส่ง แต่ฝ่าย “Anti-Monopoly” หรือ “ต่อต้านการผูกขาด” กลับมองว่าแนวคิดนี้อาจเปิดช่องให้บริษัทขนาดใหญ่เข้ามาครอบครองตลาด โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีหลักฐานว่าบริษัทลงทุนขนาดใหญ่กำลังซื้อบ้านเดี่ยวจำนวนมาก ทำให้ราคาบ้านและค่าเช่าพุ่งสูงขึ้น บทความหลายชิ้นชี้ว่า การแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยไม่ควรเลือกข้างระหว่าง “สร้างเยอะ” กับ “ควบคุมตลาด” แต่ควรใช้ทั้งสองแนวทางร่วมกัน เพื่อให้เกิดทั้งปริมาณและความเป็นธรรม ✅ แนวคิด Abundance เน้นลดข้อจำกัดเพื่อเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ➡️ เช่น ลดขั้นตอนการขออนุญาตก่อสร้าง ➡️ ส่งเสริมการลงทุนในที่อยู่อาศัย พลังงานสะอาด และระบบขนส่ง ✅ ฝ่าย Anti-Monopoly เตือนว่าการลดข้อจำกัดอาจเปิดช่องให้เกิดการผูกขาด ➡️ โดยเฉพาะในตลาดที่อยู่อาศัยที่บริษัทใหญ่เริ่มครอบครอง ➡️ ส่งผลให้ราคาบ้านและค่าเช่าสูงขึ้น ✅ นักวิจารณ์เสนอว่าไม่ควรเลือกข้าง แต่ควรใช้ทั้งสองแนวทางร่วมกัน ➡️ สร้างที่อยู่อาศัยให้มากขึ้น ➡️ พร้อมควบคุมไม่ให้ตลาดถูกครอบงำโดยกลุ่มทุน ✅ มีหลักฐานว่าบริษัทลงทุนขนาดใหญ่ถือครองบ้านเดี่ยวจำนวนมากในบางพื้นที่ ➡️ เกิดการรวมศูนย์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ➡️ ทำให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงบ้านได้ยากขึ้น ✅ แนวคิด Abundance ยังเสนอให้ลดภาระต่อระบบนวัตกรรม เช่น R&D และการพัฒนาเทคโนโลยี ➡️ เพื่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เข้าถึงได้ง่าย ➡️ ลดต้นทุนการใช้ชีวิตในระยะยาว ‼️ การลดข้อจำกัดโดยไม่ควบคุมอาจนำไปสู่การผูกขาดในตลาดที่อยู่อาศัย ⛔ บริษัทใหญ่สามารถซื้อบ้านจำนวนมากและควบคุมราคา ⛔ ทำให้ประชาชนทั่วไปเสียโอกาสในการเป็นเจ้าของบ้าน ‼️ การเน้น “สร้างเยอะ” โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพและการกระจายอาจสร้างปัญหาใหม่ ⛔ ที่อยู่อาศัยอาจไม่ตอบโจทย์ผู้มีรายได้น้อย ⛔ เกิดการกระจุกตัวของโครงสร้างพื้นฐานในบางพื้นที่ ‼️ การพึ่งพาภาคเอกชนมากเกินไปอาจทำให้รัฐสูญเสียบทบาทในการกำกับดูแล ⛔ รัฐอาจไม่สามารถควบคุมราคาหรือคุณภาพได้ ⛔ ประชาชนอาจกลายเป็นผู้บริโภคที่ไม่มีอำนาจต่อรอง ‼️ การมองข้ามบทบาทของนโยบายต่อต้านการผูกขาดอาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำระยะยาว ⛔ ตลาดที่ไม่มีการแข่งขันจะไม่เกิดนวัตกรรม ⛔ ผู้บริโภคต้องจ่ายแพงขึ้นโดยไม่มีทางเลือก https://www.derekthompson.org/p/the-anti-abundance-critique-on-housing
    WWW.DEREKTHOMPSON.ORG
    The Anti-Abundance Critique on Housing Is Dead Wrong
    Antitrust critics say that homebuilding monopolies are the real culprit of America’s housing woes. I looked into some of their claims. They don’t hold up.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 600 มุมมอง 0 รีวิว
  • สืบเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วได้มีการคุยถึงเรื่องประเพณีงานแต่งงานจีนในยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง โดยยกตัวอย่างจากละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน>

    เพื่อนเพจบางคนอาจสังเกตเห็นว่าชุดแต่งงานของหมิงหลันเป็นสีเขียว และเพื่อนเพจที่เป็นแฟนละครจีนอาจเคยผ่านตาจากเรื่องอื่นๆ ที่ชุดเจ้าสาวเป็นสีอื่นนอกจากสีแดง (ดูรูปประกอบ)

    ต้องบอกว่าสีของชุดเจ้าสาวเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยค่ะ

    แต่เดิมเลยชุดบ่าวสาวจีนเป็นสีดำโดยมีลวดลายสีแดงเพียงเล็กน้อย เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ยุคสมัยราชวงศ์โจว (ปี 1046-256 ก่อนคริสตกาล) เนื่องจากสมัยนั้นการแต่งงานไม่ได้เป็นงานครึกครื้น และมองว่าสีดำคือสีที่บริสุทธิ์และมีความหนักแน่นน่าเคารพ ในสมัยนั้นการจะย้อมผ้าให้ได้สีดำสนิทยากมาก เสื้อผ้าสีดำจึงถือว่าสูงส่งและมีไว้ใช้ในงานพิเศษเท่านั้น

    ต่อมาพอถึงราชวงศ์เหนือใต้ (ปีค.ศ. 420-589) แม้ว่ายังคงมีการใช้ชุดดำแซมแดงอยู่ แต่ได้มีการเริ่มใช้ชุดบ่าวสาวสีขาว โดยมีความหมายถึงความเรียบง่ายและบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นปรัชญาในการใช้ชีวิตที่นิยมในยุคนั้น แต่พอพ้นยุคสมัยนั้นก็กลับมาใช้สีดำแซมสีแดงกันต่อ

    สีของชุดเจ้าสาวเปลี่ยนแปลงมากที่สุดเมื่อเข้าสู่ยุคสมัยราชวงศ์ถัง (ปีค.ศ. 618-907) เนื่องจากงานแต่งงานกลายเป็นงานรื่นเริง ชุดบ่าวสาวจึงมีสีสันสดใสขึ้น โดยเจ้าบ่าวใส่สีแดง และเจ้าสาวใส่ชุดสีเขียว ที่มาก็คือว่า ในสมัยนั้นข้าราชการจะสวมกางเกงสีแดง สีแดงจึงเป็นสีที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นชายที่มีเกียรติ ในขณะเดียวกันสีเขียวเป็นสีที่ถูกนำมาใช้บรรยายความงามของสตรีด้วยวลีที่ว่า “อาภรณ์เขียวคิ้วดำ” (青衣黛眉) อีกทั้งยังเป็นสีที่สื่อถึงความมีฐานะและความสูงส่ง

    ยุคสมัยของราชวงศ์ซ่งสืบทอดประเพณีหลายอย่างมาจากราชวงศ์ถัง สีของชุดบ่าวสาวก็เช่นกัน เพียงแต่การแต่งกายของสตรีจะมิดชิดขึ้น โดยเจ้าสาวที่จะแต่งชุดสีเขียวได้นั้นต้องเป็นภรรยาเอกและเป็นเจ้าสาวในตระกูลที่สูงส่ง และเจ้าสาวอื่นทั่วไปจะใส่เป็นชุดสีแดงกัน

    จวบจนราชวงศ์หมิง ชุดเจ้าสาวจึงเป็นสีแดงทั้งหมด ในขณะที่สีของชุดเจ้าบ่าวแปรเปลี่ยนไป โดยอิงตามสีของชุดตำแหน่งราชการ โดยเจ้าบ่าวที่มียศสูงจะแต่งสีแดง ที่เป็นข้าราชการชั้นกลางจะแต่งสีฟ้า และที่เป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยหรือบุคคลธรรมดาจะแต่งสีเขียว

    เนื่องจาก <ตำนานหมิงหลัน> เป็นเรื่องราวในสมัยราชวงศ์ซ่ง หมิงหลันจึงสวมใส่ชุดเจ้าสาวสีเขียวค่ะ

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.hotpot.tv/news/yang-mis-top-5-costume-wedding-looks
    https://k.sina.com.cn/article_6599425410_1895b3d8200100e9bz.html
    https://dramapanda.com/2019/01/the-story-of-minglan-wedding-between.html
    https://dramapanda.com/2018/06/first-impressions-legend-of-yun-xi.html

    Credit ข้อมูลจาก:
    https://m.sohu.com/a/425269196_120634025/?pvid=000115_3w_a
    https://www.qlchat.com/hot/html/50832115.html
    https://zhidao.baidu.com/question/1639433090386155700.html

    #หมิงหลัน #ฝูเหยา #ประเพณีจีนโบราณ #ชุดเจ้าสาวจีน #StoryfromStory
    สืบเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วได้มีการคุยถึงเรื่องประเพณีงานแต่งงานจีนในยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง โดยยกตัวอย่างจากละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> เพื่อนเพจบางคนอาจสังเกตเห็นว่าชุดแต่งงานของหมิงหลันเป็นสีเขียว และเพื่อนเพจที่เป็นแฟนละครจีนอาจเคยผ่านตาจากเรื่องอื่นๆ ที่ชุดเจ้าสาวเป็นสีอื่นนอกจากสีแดง (ดูรูปประกอบ) ต้องบอกว่าสีของชุดเจ้าสาวเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยค่ะ แต่เดิมเลยชุดบ่าวสาวจีนเป็นสีดำโดยมีลวดลายสีแดงเพียงเล็กน้อย เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ยุคสมัยราชวงศ์โจว (ปี 1046-256 ก่อนคริสตกาล) เนื่องจากสมัยนั้นการแต่งงานไม่ได้เป็นงานครึกครื้น และมองว่าสีดำคือสีที่บริสุทธิ์และมีความหนักแน่นน่าเคารพ ในสมัยนั้นการจะย้อมผ้าให้ได้สีดำสนิทยากมาก เสื้อผ้าสีดำจึงถือว่าสูงส่งและมีไว้ใช้ในงานพิเศษเท่านั้น ต่อมาพอถึงราชวงศ์เหนือใต้ (ปีค.ศ. 420-589) แม้ว่ายังคงมีการใช้ชุดดำแซมแดงอยู่ แต่ได้มีการเริ่มใช้ชุดบ่าวสาวสีขาว โดยมีความหมายถึงความเรียบง่ายและบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นปรัชญาในการใช้ชีวิตที่นิยมในยุคนั้น แต่พอพ้นยุคสมัยนั้นก็กลับมาใช้สีดำแซมสีแดงกันต่อ สีของชุดเจ้าสาวเปลี่ยนแปลงมากที่สุดเมื่อเข้าสู่ยุคสมัยราชวงศ์ถัง (ปีค.ศ. 618-907) เนื่องจากงานแต่งงานกลายเป็นงานรื่นเริง ชุดบ่าวสาวจึงมีสีสันสดใสขึ้น โดยเจ้าบ่าวใส่สีแดง และเจ้าสาวใส่ชุดสีเขียว ที่มาก็คือว่า ในสมัยนั้นข้าราชการจะสวมกางเกงสีแดง สีแดงจึงเป็นสีที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นชายที่มีเกียรติ ในขณะเดียวกันสีเขียวเป็นสีที่ถูกนำมาใช้บรรยายความงามของสตรีด้วยวลีที่ว่า “อาภรณ์เขียวคิ้วดำ” (青衣黛眉) อีกทั้งยังเป็นสีที่สื่อถึงความมีฐานะและความสูงส่ง ยุคสมัยของราชวงศ์ซ่งสืบทอดประเพณีหลายอย่างมาจากราชวงศ์ถัง สีของชุดบ่าวสาวก็เช่นกัน เพียงแต่การแต่งกายของสตรีจะมิดชิดขึ้น โดยเจ้าสาวที่จะแต่งชุดสีเขียวได้นั้นต้องเป็นภรรยาเอกและเป็นเจ้าสาวในตระกูลที่สูงส่ง และเจ้าสาวอื่นทั่วไปจะใส่เป็นชุดสีแดงกัน จวบจนราชวงศ์หมิง ชุดเจ้าสาวจึงเป็นสีแดงทั้งหมด ในขณะที่สีของชุดเจ้าบ่าวแปรเปลี่ยนไป โดยอิงตามสีของชุดตำแหน่งราชการ โดยเจ้าบ่าวที่มียศสูงจะแต่งสีแดง ที่เป็นข้าราชการชั้นกลางจะแต่งสีฟ้า และที่เป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยหรือบุคคลธรรมดาจะแต่งสีเขียว เนื่องจาก <ตำนานหมิงหลัน> เป็นเรื่องราวในสมัยราชวงศ์ซ่ง หมิงหลันจึงสวมใส่ชุดเจ้าสาวสีเขียวค่ะ Credit รูปภาพจาก: https://www.hotpot.tv/news/yang-mis-top-5-costume-wedding-looks https://k.sina.com.cn/article_6599425410_1895b3d8200100e9bz.html https://dramapanda.com/2019/01/the-story-of-minglan-wedding-between.html https://dramapanda.com/2018/06/first-impressions-legend-of-yun-xi.html Credit ข้อมูลจาก: https://m.sohu.com/a/425269196_120634025/?pvid=000115_3w_a https://www.qlchat.com/hot/html/50832115.html https://zhidao.baidu.com/question/1639433090386155700.html #หมิงหลัน #ฝูเหยา #ประเพณีจีนโบราณ #ชุดเจ้าสาวจีน #StoryfromStory
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 885 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดอกไม้สำคัญในศาสนาพุทธ : สัญลักษณ์และความหมายทางจิตวิญญาณ
    ดอกเบญจมาศ : สัญลักษณ์แห่งความไม่เที่ยง
    จากแนวคิดพื้นฐานในทางปรัชญาพุทธศาสนา ดอกเบญจมาศเป็นสัญลักษณ์แห่งวัฎจักรของชีวิต การเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นหลักคำสอนให้กับชาวพุทธในการยอมรับกับความไม่เที่ยง ความไม่แน่นอน การใช้ชีวิตอย่างมีสติ และการเจริญปัญญา ตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่นและชาวจีน ดอกเบญจมาศสีขาวเปรียบเสมือนการตั้งสัจจะและความซื่อสัตย์ จึงเป็นดอกไม้ที่ชาวญี่ปุ่นและจีนนำมาไหว้และสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันค่ะ
    ดอกไม้สำคัญในศาสนาพุทธ : สัญลักษณ์และความหมายทางจิตวิญญาณ ดอกเบญจมาศ : สัญลักษณ์แห่งความไม่เที่ยง จากแนวคิดพื้นฐานในทางปรัชญาพุทธศาสนา ดอกเบญจมาศเป็นสัญลักษณ์แห่งวัฎจักรของชีวิต การเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นหลักคำสอนให้กับชาวพุทธในการยอมรับกับความไม่เที่ยง ความไม่แน่นอน การใช้ชีวิตอย่างมีสติ และการเจริญปัญญา ตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่นและชาวจีน ดอกเบญจมาศสีขาวเปรียบเสมือนการตั้งสัจจะและความซื่อสัตย์ จึงเป็นดอกไม้ที่ชาวญี่ปุ่นและจีนนำมาไหว้และสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันค่ะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 554 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts