• เรื่องเล่าใหม่: อินเดียเตรียมแบนเกมออนไลน์ที่ใช้เงินจริง – เมื่อความสนุกกลายเป็นภัยเงียบ

    ลองนึกภาพว่าคุณเล่นเกมแฟนตาซีคริกเก็ตบนมือถือ จ่ายเงินแค่ 10 เซ็นต์เพื่อสร้างทีม แล้วลุ้นเงินรางวัลหลักหมื่นรูปี ฟังดูน่าสนุกใช่ไหม? แต่สำหรับรัฐบาลอินเดีย นี่คือปัญหาที่กำลังลุกลาม

    ในเดือนสิงหาคม 2025 รัฐบาลอินเดียเสนอร่างกฎหมาย “Promotion and Regulation of Online Gaming Act” ที่จะห้ามเกมออนไลน์ที่ใช้เงินจริงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเกมที่อิงจากทักษะหรือโชค โดยให้เหตุผลว่าเกมเหล่านี้ส่งผลเสียทั้งด้านจิตใจและการเงิน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและผู้มีรายได้น้อย

    เกมเหล่านี้มักใช้เทคนิคการออกแบบที่กระตุ้นให้เล่นซ้ำ เช่น อัลกอริธึมที่สร้างความรู้สึกใกล้ชนะ หรือการแจกรางวัลแบบสุ่ม ซึ่งส่งผลให้ผู้เล่นติดเกมและเสียเงินจำนวนมาก บางกรณีถึงขั้นเกิดเหตุสลด เช่น การฆ่าตัวตายหลังจากสูญเงินไปกับเกม

    อุตสาหกรรมเกมเงินจริงในอินเดียมีมูลค่ากว่า $2.4 พันล้าน และคาดว่าจะโตถึง $3.6 พันล้านภายในปี 2029 โดยมีบริษัทใหญ่เช่น Dream11 และ Mobile Premier League ที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ แต่หากกฎหมายนี้ผ่าน จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อธุรกิจเหล่านี้ รวมถึงนักลงทุนต่างชาติ

    ร่างกฎหมายยังระบุโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี และปรับสูงสุด ₹10 ล้าน สำหรับผู้ให้บริการเกมเงินจริง และแม้แต่คนดังที่โฆษณาเกมเหล่านี้ก็อาจถูกลงโทษเช่นกัน

    ข้อมูลในข่าว
    รัฐบาลอินเดียเสนอร่างกฎหมายแบนเกมออนไลน์ที่ใช้เงินจริงทั้งหมด
    ร่างกฎหมายชื่อ Promotion and Regulation of Online Gaming Act 2025
    ห้ามโฆษณาเกมเงินจริง และห้ามสถาบันการเงินทำธุรกรรมเกี่ยวข้อง
    ผู้ฝ่าฝืนอาจถูกจำคุกสูงสุด 3 ปี หรือปรับ ₹10 ล้าน
    คนดังที่โฆษณาเกมเงินจริงอาจถูกปรับ ₹5 ล้าน หรือจำคุก 2 ปี
    อุตสาหกรรมเกมเงินจริงมีมูลค่ากว่า $2.4 พันล้านในปี 2024
    Dream11 มีมูลค่าบริษัท $8 พันล้าน ส่วน Mobile Premier League อยู่ที่ $2.5 พันล้าน
    เกมเหล่านี้ได้รับความนิยมสูงช่วงการแข่งขัน IPL
    กระทรวง IT ของอินเดียจะเป็นหน่วยงานกำกับดูแลตามร่างกฎหมาย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    เกมเงินจริงมักใช้เทคนิค “near win” และ “variable rewards” เพื่อกระตุ้นให้เล่นต่อ
    การติดเกมสามารถนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าและปัญหาทางการเงิน
    อินเดียเคยเก็บภาษีเกมออนไลน์ 28% ตั้งแต่ปี 2023 และอาจเพิ่มเป็น 40%
    รัฐบาลอินเดียเคยบล็อกเว็บไซต์พนันกว่า 1,400 แห่งระหว่างปี 2022–2025
    การควบคุมเกมออนไลน์เป็นเรื่องท้าทาย เพราะบางแพลตฟอร์มตั้งเซิร์ฟเวอร์นอกประเทศ
    หลายประเทศ เช่น จีนและเกาหลีใต้ ก็มีมาตรการควบคุมเกมเงินจริงอย่างเข้มงวด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/20/india-plans-to-ban-online-games-played-with-money-citing-addiction-risks
    🎯 เรื่องเล่าใหม่: อินเดียเตรียมแบนเกมออนไลน์ที่ใช้เงินจริง – เมื่อความสนุกกลายเป็นภัยเงียบ ลองนึกภาพว่าคุณเล่นเกมแฟนตาซีคริกเก็ตบนมือถือ จ่ายเงินแค่ 10 เซ็นต์เพื่อสร้างทีม แล้วลุ้นเงินรางวัลหลักหมื่นรูปี ฟังดูน่าสนุกใช่ไหม? แต่สำหรับรัฐบาลอินเดีย นี่คือปัญหาที่กำลังลุกลาม ในเดือนสิงหาคม 2025 รัฐบาลอินเดียเสนอร่างกฎหมาย “Promotion and Regulation of Online Gaming Act” ที่จะห้ามเกมออนไลน์ที่ใช้เงินจริงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเกมที่อิงจากทักษะหรือโชค โดยให้เหตุผลว่าเกมเหล่านี้ส่งผลเสียทั้งด้านจิตใจและการเงิน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและผู้มีรายได้น้อย เกมเหล่านี้มักใช้เทคนิคการออกแบบที่กระตุ้นให้เล่นซ้ำ เช่น อัลกอริธึมที่สร้างความรู้สึกใกล้ชนะ หรือการแจกรางวัลแบบสุ่ม ซึ่งส่งผลให้ผู้เล่นติดเกมและเสียเงินจำนวนมาก บางกรณีถึงขั้นเกิดเหตุสลด เช่น การฆ่าตัวตายหลังจากสูญเงินไปกับเกม อุตสาหกรรมเกมเงินจริงในอินเดียมีมูลค่ากว่า $2.4 พันล้าน และคาดว่าจะโตถึง $3.6 พันล้านภายในปี 2029 โดยมีบริษัทใหญ่เช่น Dream11 และ Mobile Premier League ที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ แต่หากกฎหมายนี้ผ่าน จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อธุรกิจเหล่านี้ รวมถึงนักลงทุนต่างชาติ ร่างกฎหมายยังระบุโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี และปรับสูงสุด ₹10 ล้าน สำหรับผู้ให้บริการเกมเงินจริง และแม้แต่คนดังที่โฆษณาเกมเหล่านี้ก็อาจถูกลงโทษเช่นกัน ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ รัฐบาลอินเดียเสนอร่างกฎหมายแบนเกมออนไลน์ที่ใช้เงินจริงทั้งหมด ➡️ ร่างกฎหมายชื่อ Promotion and Regulation of Online Gaming Act 2025 ➡️ ห้ามโฆษณาเกมเงินจริง และห้ามสถาบันการเงินทำธุรกรรมเกี่ยวข้อง ➡️ ผู้ฝ่าฝืนอาจถูกจำคุกสูงสุด 3 ปี หรือปรับ ₹10 ล้าน ➡️ คนดังที่โฆษณาเกมเงินจริงอาจถูกปรับ ₹5 ล้าน หรือจำคุก 2 ปี ➡️ อุตสาหกรรมเกมเงินจริงมีมูลค่ากว่า $2.4 พันล้านในปี 2024 ➡️ Dream11 มีมูลค่าบริษัท $8 พันล้าน ส่วน Mobile Premier League อยู่ที่ $2.5 พันล้าน ➡️ เกมเหล่านี้ได้รับความนิยมสูงช่วงการแข่งขัน IPL ➡️ กระทรวง IT ของอินเดียจะเป็นหน่วยงานกำกับดูแลตามร่างกฎหมาย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ เกมเงินจริงมักใช้เทคนิค “near win” และ “variable rewards” เพื่อกระตุ้นให้เล่นต่อ ➡️ การติดเกมสามารถนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าและปัญหาทางการเงิน ➡️ อินเดียเคยเก็บภาษีเกมออนไลน์ 28% ตั้งแต่ปี 2023 และอาจเพิ่มเป็น 40% ➡️ รัฐบาลอินเดียเคยบล็อกเว็บไซต์พนันกว่า 1,400 แห่งระหว่างปี 2022–2025 ➡️ การควบคุมเกมออนไลน์เป็นเรื่องท้าทาย เพราะบางแพลตฟอร์มตั้งเซิร์ฟเวอร์นอกประเทศ ➡️ หลายประเทศ เช่น จีนและเกาหลีใต้ ก็มีมาตรการควบคุมเกมเงินจริงอย่างเข้มงวด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/20/india-plans-to-ban-online-games-played-with-money-citing-addiction-risks
    WWW.THESTAR.COM.MY
    India plans to ban online games played with money, citing addiction risks
    NEW DELHI (Reuters) -India's government plans to ban online games played with money, a proposed bill showed on Tuesday, in what would be a heavy blow for an industry that has attracted billions of dollars of foreign investment.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อภาพลวงตากลายเป็นกับดัก: Deepfake Steve Wozniak กับกลโกง Bitcoin ที่สื่อยังพลาด

    ลองจินตนาการว่าเห็นคลิปของ Steve Wozniak ผู้ร่วมก่อตั้ง Apple พูดถึง Bitcoin พร้อมข้อความว่า “ส่งมา 1 BTC แล้วจะได้คืน 2 BTC” — หลายคนหลงเชื่อ เพราะภาพนั้นดูจริง เสียงนั้นเหมือน และชื่อ Wozniak ก็มีน้ำหนักพอจะทำให้คนไว้ใจ

    แต่ทั้งหมดนั้นคือกลโกงที่ใช้ deepfake และภาพเก่าของ Wozniak มาตัดต่อหลอกลวง โดยมีเหยื่อจำนวนมากสูญเงินไปถึงขั้นหมดตัว

    CBS News ได้เชิญ Wozniak มาพูดถึงเรื่องนี้ในรายการ แต่กลับพลาดอย่างแรง—ใช้ภาพหุ่นยนต์จาก Disney EPCOT ที่ดูคล้าย Wozniak แทนภาพจริง ทำให้ประเด็นเรื่อง “ภาพปลอม” กลายเป็นเรื่องจริงในรายการข่าวเอง

    Wozniak เคยฟ้อง YouTube ตั้งแต่ปี 2020 ฐานปล่อยให้มีคลิปหลอกลวงใช้ภาพเขา แต่คดีถูกยกฟ้องในปี 2021 เพราะกฎหมาย Section 230 ที่คุ้มครองแพลตฟอร์มจากความรับผิดชอบต่อเนื้อหาผู้ใช้

    เขาและภรรยา Janet Hill เล่าว่าเหยื่อบางคนถึงขั้นส่งอีเมลมาถามว่า “เมื่อไหร่จะได้เงินคืน” เพราะเชื่อว่า Wozniak เป็นคนรับเงินไปจริง ๆ

    สิ่งที่น่ากังวลคือ deepfake และการปลอมแปลงตัวตนดิจิทัลกำลังระบาดไปทั่ว Elon Musk, Jeff Bezos ก็เคยถูกใช้ภาพหลอกลวงในลักษณะเดียวกัน และแพลตฟอร์มอย่าง YouTube, Meta, X ยังถูกวิจารณ์ว่าควบคุมเนื้อหาไม่ทัน

    Steve Wozniak ถูกใช้ภาพและเสียงปลอมเพื่อหลอกลวง Bitcoin
    เหยื่อถูกหลอกให้ส่งเงินโดยสัญญาว่าจะได้คืนสองเท่า

    CBS เชิญ Wozniak มาเล่าเรื่อง แต่ใช้ภาพหุ่นยนต์ Disney แทนภาพจริง
    กลายเป็นการตอกย้ำปัญหาภาพปลอมในสื่อ

    Wozniak เคยฟ้อง YouTube ฐานปล่อยคลิปหลอกลวงในปี 2020
    คดีถูกยกฟ้องในปี 2021 เพราะกฎหมาย Section 230

    ภรรยา Wozniak ได้รับอีเมลจากเหยื่อที่เชื่อว่าเขาเป็นผู้รับเงิน
    แสดงให้เห็นว่าผู้คนเชื่อภาพปลอมอย่างจริงจัง

    Deepfake และการปลอมแปลงตัวตนดิจิทัลกำลังระบาด
    Elon Musk และ Jeff Bezos ก็เคยถูกใช้ภาพในกลโกงคล้ายกัน

    CBS เตือนให้ผู้ชมระวังและตรวจสอบความจริงของเนื้อหาดิจิทัล
    ไม่ควรเชื่อภาพหรือเสียงเพียงอย่างเดียว

    FBI รายงานว่าปี 2024 มีผู้เสียหายจากกลโกงออนไลน์กว่า $9.3 พันล้าน
    ตัวเลขจริงอาจสูงกว่านี้มาก

    Deepfake ถูกใช้ในกลโกงคริปโตสูงถึง 40% ของมูลค่าการหลอกลวง
    เป็นเครื่องมือหลักของแฮกเกอร์ยุคใหม่

    Google ลบโฆษณาหลอกลวงกว่า 5.1 พันล้านรายการในปีเดียว
    แต่ยังมีช่องโหว่ให้โฆษณาหลอกลวงเล็ดลอด

    นักการเมืองในอังกฤษเรียกร้องให้ควบคุมโฆษณาออนไลน์เหมือนทีวี
    เพื่อปิดช่องโหว่ที่ผู้ไม่หวังดีใช้หลอกลวง

    https://wccftech.com/cbs-reveals-bitcoin-scams-exploiting-steve-wozniaks-image-but-accidentally-features-disney-animatronic/
    🎭💸 เมื่อภาพลวงตากลายเป็นกับดัก: Deepfake Steve Wozniak กับกลโกง Bitcoin ที่สื่อยังพลาด ลองจินตนาการว่าเห็นคลิปของ Steve Wozniak ผู้ร่วมก่อตั้ง Apple พูดถึง Bitcoin พร้อมข้อความว่า “ส่งมา 1 BTC แล้วจะได้คืน 2 BTC” — หลายคนหลงเชื่อ เพราะภาพนั้นดูจริง เสียงนั้นเหมือน และชื่อ Wozniak ก็มีน้ำหนักพอจะทำให้คนไว้ใจ แต่ทั้งหมดนั้นคือกลโกงที่ใช้ deepfake และภาพเก่าของ Wozniak มาตัดต่อหลอกลวง โดยมีเหยื่อจำนวนมากสูญเงินไปถึงขั้นหมดตัว CBS News ได้เชิญ Wozniak มาพูดถึงเรื่องนี้ในรายการ แต่กลับพลาดอย่างแรง—ใช้ภาพหุ่นยนต์จาก Disney EPCOT ที่ดูคล้าย Wozniak แทนภาพจริง ทำให้ประเด็นเรื่อง “ภาพปลอม” กลายเป็นเรื่องจริงในรายการข่าวเอง Wozniak เคยฟ้อง YouTube ตั้งแต่ปี 2020 ฐานปล่อยให้มีคลิปหลอกลวงใช้ภาพเขา แต่คดีถูกยกฟ้องในปี 2021 เพราะกฎหมาย Section 230 ที่คุ้มครองแพลตฟอร์มจากความรับผิดชอบต่อเนื้อหาผู้ใช้ เขาและภรรยา Janet Hill เล่าว่าเหยื่อบางคนถึงขั้นส่งอีเมลมาถามว่า “เมื่อไหร่จะได้เงินคืน” เพราะเชื่อว่า Wozniak เป็นคนรับเงินไปจริง ๆ สิ่งที่น่ากังวลคือ deepfake และการปลอมแปลงตัวตนดิจิทัลกำลังระบาดไปทั่ว Elon Musk, Jeff Bezos ก็เคยถูกใช้ภาพหลอกลวงในลักษณะเดียวกัน และแพลตฟอร์มอย่าง YouTube, Meta, X ยังถูกวิจารณ์ว่าควบคุมเนื้อหาไม่ทัน ✅ Steve Wozniak ถูกใช้ภาพและเสียงปลอมเพื่อหลอกลวง Bitcoin ➡️ เหยื่อถูกหลอกให้ส่งเงินโดยสัญญาว่าจะได้คืนสองเท่า ✅ CBS เชิญ Wozniak มาเล่าเรื่อง แต่ใช้ภาพหุ่นยนต์ Disney แทนภาพจริง ➡️ กลายเป็นการตอกย้ำปัญหาภาพปลอมในสื่อ ✅ Wozniak เคยฟ้อง YouTube ฐานปล่อยคลิปหลอกลวงในปี 2020 ➡️ คดีถูกยกฟ้องในปี 2021 เพราะกฎหมาย Section 230 ✅ ภรรยา Wozniak ได้รับอีเมลจากเหยื่อที่เชื่อว่าเขาเป็นผู้รับเงิน ➡️ แสดงให้เห็นว่าผู้คนเชื่อภาพปลอมอย่างจริงจัง ✅ Deepfake และการปลอมแปลงตัวตนดิจิทัลกำลังระบาด ➡️ Elon Musk และ Jeff Bezos ก็เคยถูกใช้ภาพในกลโกงคล้ายกัน ✅ CBS เตือนให้ผู้ชมระวังและตรวจสอบความจริงของเนื้อหาดิจิทัล ➡️ ไม่ควรเชื่อภาพหรือเสียงเพียงอย่างเดียว ✅ FBI รายงานว่าปี 2024 มีผู้เสียหายจากกลโกงออนไลน์กว่า $9.3 พันล้าน ➡️ ตัวเลขจริงอาจสูงกว่านี้มาก ✅ Deepfake ถูกใช้ในกลโกงคริปโตสูงถึง 40% ของมูลค่าการหลอกลวง ➡️ เป็นเครื่องมือหลักของแฮกเกอร์ยุคใหม่ ✅ Google ลบโฆษณาหลอกลวงกว่า 5.1 พันล้านรายการในปีเดียว ➡️ แต่ยังมีช่องโหว่ให้โฆษณาหลอกลวงเล็ดลอด ✅ นักการเมืองในอังกฤษเรียกร้องให้ควบคุมโฆษณาออนไลน์เหมือนทีวี ➡️ เพื่อปิดช่องโหว่ที่ผู้ไม่หวังดีใช้หลอกลวง https://wccftech.com/cbs-reveals-bitcoin-scams-exploiting-steve-wozniaks-image-but-accidentally-features-disney-animatronic/
    WCCFTECH.COM
    CBS Unmasks Bitcoin Scams Using Deepfake Steve Wozniak, Accidentally Showcases Disney Animatronic, Exposing the Growing Digital Identity Fraud Threat
    Steve Wozniak shared about internet scammers and deepfakes on CBS only to have the news outlet feature a fake image of him.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 305 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: Raspberry Pi ตัวจิ๋วเกือบทำให้ธนาคารสูญเงินมหาศาล

    ลองจินตนาการว่าอุปกรณ์ขนาดเท่าฝ่ามืออย่าง Raspberry Pi ถูกแอบติดตั้งไว้ในเครือข่าย ATM ของธนาคาร โดยเชื่อมต่อผ่าน 4G และสามารถสื่อสารกับแฮกเกอร์จากภายนอกได้ตลอดเวลา—โดยไม่มีใครรู้เลย!

    นี่คือสิ่งที่กลุ่มแฮกเกอร์ UNC2891 ทำ พวกเขาใช้ความรู้ด้าน Linux และ Unix อย่างลึกซึ้ง ผสมกับเทคนิคการพรางตัวระดับสูง เช่นการใช้ชื่อโปรเซสปลอม (“lightdm”) และซ่อนโฟลเดอร์ในระบบด้วย bind mount เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับจากเครื่องมือ forensic

    เป้าหมายของพวกเขาคือเจาะเข้าไปยังเซิร์ฟเวอร์สวิตช์ ATM และติดตั้ง rootkit ชื่อ CAKETAP ซึ่งสามารถหลอกระบบความปลอดภัยของธนาคารให้อนุมัติการถอนเงินปลอมได้อย่างแนบเนียน

    แม้การโจมตีจะถูกหยุดก่อนจะเกิดความเสียหายจริง แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ แม้ Raspberry Pi จะถูกถอดออกแล้ว พวกเขายังสามารถเข้าถึงระบบผ่าน backdoor ที่ซ่อนไว้ใน mail server ได้อยู่ดี

    นี่ไม่ใช่แค่การแฮกผ่านอินเทอร์เน็ต แต่มันคือการผสมผสานระหว่างการเจาะระบบแบบ physical และ digital อย่างแยบยลที่สุดเท่าที่เคยมีมา

    กลุ่ม UNC2891 ใช้ Raspberry Pi เชื่อมต่อ 4G แอบติดตั้งในเครือข่าย ATM
    ติดตั้งบน network switch เดียวกับ ATM เพื่อเข้าถึงระบบภายในธนาคาร

    ใช้ backdoor ชื่อ Tinyshell สื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมผ่าน Dynamic DNS
    ทำให้สามารถควบคุมจากภายนอกได้โดยไม่ถูก firewall ตรวจจับ

    ใช้เทคนิค Linux bind mount เพื่อซ่อนโปรเซสจากเครื่องมือ forensic
    เทคนิคนี้ถูกบันทึกใน MITRE ATT&CK ว่าเป็น T1564.013

    เป้าหมายคือการติดตั้ง rootkit CAKETAP บน ATM switching server
    เพื่อหลอกระบบให้อนุมัติการถอนเงินปลอมโดยไม่ถูกตรวจจับ

    แม้ Raspberry Pi ถูกถอดออกแล้ว แต่ยังมี backdoor บน mail server
    แสดงถึงการวางแผนเพื่อคงการเข้าถึงระบบอย่างต่อเนื่อง

    การสื่อสารกับ Raspberry Pi เกิดทุก 600 วินาที
    ทำให้การตรวจจับยากเพราะดูเหมือนการทำงานปกติของระบบ

    UNC2891 เคยถูก Mandiant ตรวจพบในปี 2022 ว่าโจมตีระบบ ATM หลายแห่ง
    ใช้ rootkit CAKETAP เพื่อหลอกการตรวจสอบ PIN และบัตร

    Raspberry Pi 4 ราคาประมาณ $35 และโมเด็ม 4G ประมาณ $140
    แสดงให้เห็นว่าอุปกรณ์โจมตีไม่จำเป็นต้องแพง

    กลุ่มนี้มีความเชี่ยวชาญในระบบ Linux, Unix และ Solaris
    เคยใช้ malware ชื่อ SlapStick และ TinyShell ในการโจมตี

    การใช้ bind mount เป็นเทคนิคที่ไม่เคยพบในแฮกเกอร์มาก่อน
    ปกติใช้ในงาน IT administration แต่ถูกนำมาใช้เพื่อหลบ forensic

    https://www.techradar.com/pro/security/talk-about-an-unexpected-charge-criminals-deploy-raspberry-pi-with-4g-modem-in-an-attempt-to-hack-atms
    🎭💻 เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: Raspberry Pi ตัวจิ๋วเกือบทำให้ธนาคารสูญเงินมหาศาล ลองจินตนาการว่าอุปกรณ์ขนาดเท่าฝ่ามืออย่าง Raspberry Pi ถูกแอบติดตั้งไว้ในเครือข่าย ATM ของธนาคาร โดยเชื่อมต่อผ่าน 4G และสามารถสื่อสารกับแฮกเกอร์จากภายนอกได้ตลอดเวลา—โดยไม่มีใครรู้เลย! นี่คือสิ่งที่กลุ่มแฮกเกอร์ UNC2891 ทำ พวกเขาใช้ความรู้ด้าน Linux และ Unix อย่างลึกซึ้ง ผสมกับเทคนิคการพรางตัวระดับสูง เช่นการใช้ชื่อโปรเซสปลอม (“lightdm”) และซ่อนโฟลเดอร์ในระบบด้วย bind mount เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับจากเครื่องมือ forensic เป้าหมายของพวกเขาคือเจาะเข้าไปยังเซิร์ฟเวอร์สวิตช์ ATM และติดตั้ง rootkit ชื่อ CAKETAP ซึ่งสามารถหลอกระบบความปลอดภัยของธนาคารให้อนุมัติการถอนเงินปลอมได้อย่างแนบเนียน แม้การโจมตีจะถูกหยุดก่อนจะเกิดความเสียหายจริง แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ แม้ Raspberry Pi จะถูกถอดออกแล้ว พวกเขายังสามารถเข้าถึงระบบผ่าน backdoor ที่ซ่อนไว้ใน mail server ได้อยู่ดี นี่ไม่ใช่แค่การแฮกผ่านอินเทอร์เน็ต แต่มันคือการผสมผสานระหว่างการเจาะระบบแบบ physical และ digital อย่างแยบยลที่สุดเท่าที่เคยมีมา ✅ กลุ่ม UNC2891 ใช้ Raspberry Pi เชื่อมต่อ 4G แอบติดตั้งในเครือข่าย ATM ➡️ ติดตั้งบน network switch เดียวกับ ATM เพื่อเข้าถึงระบบภายในธนาคาร ✅ ใช้ backdoor ชื่อ Tinyshell สื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมผ่าน Dynamic DNS ➡️ ทำให้สามารถควบคุมจากภายนอกได้โดยไม่ถูก firewall ตรวจจับ ✅ ใช้เทคนิค Linux bind mount เพื่อซ่อนโปรเซสจากเครื่องมือ forensic ➡️ เทคนิคนี้ถูกบันทึกใน MITRE ATT&CK ว่าเป็น T1564.013 ✅ เป้าหมายคือการติดตั้ง rootkit CAKETAP บน ATM switching server ➡️ เพื่อหลอกระบบให้อนุมัติการถอนเงินปลอมโดยไม่ถูกตรวจจับ ✅ แม้ Raspberry Pi ถูกถอดออกแล้ว แต่ยังมี backdoor บน mail server ➡️ แสดงถึงการวางแผนเพื่อคงการเข้าถึงระบบอย่างต่อเนื่อง ✅ การสื่อสารกับ Raspberry Pi เกิดทุก 600 วินาที ➡️ ทำให้การตรวจจับยากเพราะดูเหมือนการทำงานปกติของระบบ ✅ UNC2891 เคยถูก Mandiant ตรวจพบในปี 2022 ว่าโจมตีระบบ ATM หลายแห่ง ➡️ ใช้ rootkit CAKETAP เพื่อหลอกการตรวจสอบ PIN และบัตร ✅ Raspberry Pi 4 ราคาประมาณ $35 และโมเด็ม 4G ประมาณ $140 ➡️ แสดงให้เห็นว่าอุปกรณ์โจมตีไม่จำเป็นต้องแพง ✅ กลุ่มนี้มีความเชี่ยวชาญในระบบ Linux, Unix และ Solaris ➡️ เคยใช้ malware ชื่อ SlapStick และ TinyShell ในการโจมตี ✅ การใช้ bind mount เป็นเทคนิคที่ไม่เคยพบในแฮกเกอร์มาก่อน ➡️ ปกติใช้ในงาน IT administration แต่ถูกนำมาใช้เพื่อหลบ forensic https://www.techradar.com/pro/security/talk-about-an-unexpected-charge-criminals-deploy-raspberry-pi-with-4g-modem-in-an-attempt-to-hack-atms
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกคริปโต: เมื่อการกู้เงินด้วยเหรียญดิจิทัลต้องเผชิญภัยไซเบอร์

    ในยุคที่คริปโตไม่ใช่แค่การลงทุน แต่กลายเป็นสินทรัพย์ที่ใช้ค้ำประกันเงินกู้ได้ “Crypto-backed lending” จึงกลายเป็นเทรนด์ที่ทั้งนักลงทุนรายย่อยและสถาบันต่างหันมาใช้กันมากขึ้น เพราะมันเปิดโอกาสให้ผู้ถือเหรียญสามารถกู้เงินโดยไม่ต้องขายเหรียญออกไป

    แต่ในความสะดวกนั้น ก็มีเงามืดของภัยไซเบอร์ที่ซ่อนอยู่ เพราะเมื่อมีสินทรัพย์ดิจิทัลมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ถูกล็อกไว้ในแพลตฟอร์มเหล่านี้ แฮกเกอร์ก็ยิ่งพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ เพื่อเจาะระบบให้ได้

    ภัยที่พบได้บ่อยคือการเจาะ smart contract ที่มีช่องโหว่ เช่นกรณี Inverse Finance ที่ถูกแฮกผ่านการบิดเบือนข้อมูลจาก oracle จนสูญเงินกว่า 15 ล้านดอลลาร์ หรือกรณี Atomic Wallet ที่สูญเงินกว่า 35 ล้านดอลลาร์เพราะการจัดการ private key ที่หละหลวม

    นอกจากนี้ยังมีการปลอมเว็บกู้เงินบน Telegram และ Discord เพื่อหลอกให้ผู้ใช้กรอก seed phrase หรือ key รวมถึงมัลแวร์ที่แอบเปลี่ยน address ใน clipboard เพื่อขโมยเหรียญแบบเนียน ๆ

    บทเรียนจากอดีต เช่นการล่มของ Celsius Network และการถูกเจาะซ้ำของ Cream Finance แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่แค่โค้ดที่ต้องแข็งแรง แต่กระบวนการภายในและการตรวจสอบความเสี่ยงก็ต้องเข้มงวดด้วย

    แนวทางป้องกันที่ดีคือการใช้ multi-signature wallet เช่น Gnosis Safe, การตรวจสอบ smart contract ด้วย formal verification, การตั้งระบบตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติแบบ real-time และการให้ผู้ใช้ใช้ hardware wallet ร่วมกับ 2FA เป็นมาตรฐาน

    Crypto-backed lending เติบโตอย่างรวดเร็วในปี 2024
    มีสินทรัพย์กว่า $80B ถูกล็อกใน DeFi lending pools

    ผู้ใช้สามารถกู้ stablecoin โดยใช้ BTC หรือ ETH เป็นหลักประกัน
    ไม่ต้องขายเหรียญเพื่อแลกเป็นเงินสด

    ช่องโหว่ใน smart contract เป็นจุดเสี่ยงหลัก
    เช่นกรณี Inverse Finance สูญเงิน $15M จาก oracle manipulation

    การจัดการ private key ที่ไม่ปลอดภัยนำไปสู่การสูญเงินมหาศาล
    Atomic Wallet สูญเงิน $35M จาก vendor ที่เก็บ key ไม่ดี

    การปลอมเว็บกู้เงินและมัลแวร์ clipboard เป็นภัยที่พุ่งเป้าผู้ใช้ทั่วไป
    พบมากใน Telegram, Discord และ browser extensions

    Celsius Network และ Cream Finance เคยถูกแฮกจากการควบคุมภายในที่อ่อนแอ
    เช่นการไม่อัปเดตระบบและการละเลย audit findings

    แนวทางป้องกันที่แนะนำคือ multi-sig wallet, formal verification และ anomaly detection
    Gnosis Safe เป็นเครื่องมือยอดนิยมใน DeFi

    ตลาด crypto lending มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
    คาดว่าจะกลายเป็นเครื่องมือการเงินหลักในอนาคต

    Blockchain ช่วยเพิ่มความโปร่งใสและลดการพึ่งพาตัวกลาง
    แต่ก็ยังต้องพึ่งระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแรง

    End-to-end encryption และ biometric login เป็นแนวทางเสริมความปลอดภัย
    ช่วยลดความเสี่ยงจาก phishing และ social engineering

    การใช้ระบบ real-time monitoring และ kill switch ช่วยหยุดการโจมตีทันที
    ลดความเสียหายจากการเจาะระบบแบบ flash attack

    https://hackread.com/navigating-cybersecurity-risks-crypto-backed-lending/
    🛡️💸 เรื่องเล่าจากโลกคริปโต: เมื่อการกู้เงินด้วยเหรียญดิจิทัลต้องเผชิญภัยไซเบอร์ ในยุคที่คริปโตไม่ใช่แค่การลงทุน แต่กลายเป็นสินทรัพย์ที่ใช้ค้ำประกันเงินกู้ได้ “Crypto-backed lending” จึงกลายเป็นเทรนด์ที่ทั้งนักลงทุนรายย่อยและสถาบันต่างหันมาใช้กันมากขึ้น เพราะมันเปิดโอกาสให้ผู้ถือเหรียญสามารถกู้เงินโดยไม่ต้องขายเหรียญออกไป แต่ในความสะดวกนั้น ก็มีเงามืดของภัยไซเบอร์ที่ซ่อนอยู่ เพราะเมื่อมีสินทรัพย์ดิจิทัลมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ถูกล็อกไว้ในแพลตฟอร์มเหล่านี้ แฮกเกอร์ก็ยิ่งพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ เพื่อเจาะระบบให้ได้ ภัยที่พบได้บ่อยคือการเจาะ smart contract ที่มีช่องโหว่ เช่นกรณี Inverse Finance ที่ถูกแฮกผ่านการบิดเบือนข้อมูลจาก oracle จนสูญเงินกว่า 15 ล้านดอลลาร์ หรือกรณี Atomic Wallet ที่สูญเงินกว่า 35 ล้านดอลลาร์เพราะการจัดการ private key ที่หละหลวม นอกจากนี้ยังมีการปลอมเว็บกู้เงินบน Telegram และ Discord เพื่อหลอกให้ผู้ใช้กรอก seed phrase หรือ key รวมถึงมัลแวร์ที่แอบเปลี่ยน address ใน clipboard เพื่อขโมยเหรียญแบบเนียน ๆ บทเรียนจากอดีต เช่นการล่มของ Celsius Network และการถูกเจาะซ้ำของ Cream Finance แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่แค่โค้ดที่ต้องแข็งแรง แต่กระบวนการภายในและการตรวจสอบความเสี่ยงก็ต้องเข้มงวดด้วย แนวทางป้องกันที่ดีคือการใช้ multi-signature wallet เช่น Gnosis Safe, การตรวจสอบ smart contract ด้วย formal verification, การตั้งระบบตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติแบบ real-time และการให้ผู้ใช้ใช้ hardware wallet ร่วมกับ 2FA เป็นมาตรฐาน ✅ Crypto-backed lending เติบโตอย่างรวดเร็วในปี 2024 ➡️ มีสินทรัพย์กว่า $80B ถูกล็อกใน DeFi lending pools ✅ ผู้ใช้สามารถกู้ stablecoin โดยใช้ BTC หรือ ETH เป็นหลักประกัน ➡️ ไม่ต้องขายเหรียญเพื่อแลกเป็นเงินสด ✅ ช่องโหว่ใน smart contract เป็นจุดเสี่ยงหลัก ➡️ เช่นกรณี Inverse Finance สูญเงิน $15M จาก oracle manipulation ✅ การจัดการ private key ที่ไม่ปลอดภัยนำไปสู่การสูญเงินมหาศาล ➡️ Atomic Wallet สูญเงิน $35M จาก vendor ที่เก็บ key ไม่ดี ✅ การปลอมเว็บกู้เงินและมัลแวร์ clipboard เป็นภัยที่พุ่งเป้าผู้ใช้ทั่วไป ➡️ พบมากใน Telegram, Discord และ browser extensions ✅ Celsius Network และ Cream Finance เคยถูกแฮกจากการควบคุมภายในที่อ่อนแอ ➡️ เช่นการไม่อัปเดตระบบและการละเลย audit findings ✅ แนวทางป้องกันที่แนะนำคือ multi-sig wallet, formal verification และ anomaly detection ➡️ Gnosis Safe เป็นเครื่องมือยอดนิยมใน DeFi ✅ ตลาด crypto lending มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ➡️ คาดว่าจะกลายเป็นเครื่องมือการเงินหลักในอนาคต ✅ Blockchain ช่วยเพิ่มความโปร่งใสและลดการพึ่งพาตัวกลาง ➡️ แต่ก็ยังต้องพึ่งระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแรง ✅ End-to-end encryption และ biometric login เป็นแนวทางเสริมความปลอดภัย ➡️ ช่วยลดความเสี่ยงจาก phishing และ social engineering ✅ การใช้ระบบ real-time monitoring และ kill switch ช่วยหยุดการโจมตีทันที ➡️ ลดความเสียหายจากการเจาะระบบแบบ flash attack https://hackread.com/navigating-cybersecurity-risks-crypto-backed-lending/
    HACKREAD.COM
    Navigating Cybersecurity Risks in Crypto-Backed Lending
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 434 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากระดับนาโน: เมื่อความสุ่มกลายเป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุดของการผลิตชิป

    ในเดือนกรกฎาคม 2025 บริษัท Fractilia ผู้นำด้านการวัดความแปรปรวนแบบสุ่ม (stochastics metrology) ได้เผยแพร่เอกสารวิชาการที่ชี้ให้เห็นว่า “ความแปรปรวนแบบสุ่ม” ในกระบวนการสร้างลวดลายบนชิป (โดยเฉพาะในเทคโนโลยี EUV และ High-NA EUV) กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดที่ทำให้การผลิตชิประดับ 2nm และต่ำกว่านั้นไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมาย

    แม้ในห้องวิจัยจะสามารถสร้างลวดลายขนาดเล็กถึง 12nm ได้ แต่เมื่อเข้าสู่การผลิตจริง กลับเกิดข้อผิดพลาดแบบสุ่ม เช่น ความหยาบของขอบลวดลาย (LER), ความแปรปรวนของขนาด (LCDU), และการเชื่อมหรือขาดของเส้นลวดลาย ซึ่งไม่สามารถควบคุมได้ด้วยวิธีเดิม

    Fractilia เรียกช่องว่างนี้ว่า “Stochastics Gap” ซึ่งเป็นช่องว่างระหว่างสิ่งที่สามารถทำได้ในห้องวิจัย กับสิ่งที่สามารถผลิตได้จริงในโรงงาน โดยเสนอแนวทางใหม่ในการวัดและควบคุมความสุ่มด้วยเทคนิคเชิงสถิติและการออกแบบที่ตระหนักถึงความสุ่มตั้งแต่ต้น

    Fractilia เปิดเผยว่าอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์สูญเงินหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปีจากความแปรปรวนแบบสุ่ม
    ความแปรปรวนนี้เกิดจากพฤติกรรมของโมเลกุล, แหล่งกำเนิดแสง, และอะตอมในกระบวนการสร้างลวดลาย
    ส่งผลให้ yield ต่ำ, ผลิตล่าช้า, และประสิทธิภาพชิปลดลง

    “Stochastics Gap” คือช่องว่างระหว่างสิ่งที่สามารถพิมพ์ในห้องวิจัย กับสิ่งที่ผลิตได้จริงในโรงงาน
    แม้จะพิมพ์ลวดลายขนาด 12nm ได้ใน R&D แต่ในโรงงานกลับติดที่ 16–18nm
    ช่องว่างนี้ส่งผลต่อจำนวน die ต่อ wafer และรายได้ที่หายไป

    Fractilia เสนอวิธีแก้ปัญหาด้วยการวัดความสุ่มอย่างแม่นยำและออกแบบกระบวนการที่รองรับความสุ่ม
    ใช้เทคโนโลยี FILM™ และ FAME™ เพื่อวัดความแปรปรวนแบบสุ่มในระดับนาโน
    เสนอการออกแบบที่ตระหนักถึงความสุ่ม เช่น OPC แบบ local-aware และการเลือกวัสดุที่ลด noise

    ความแปรปรวนแบบสุ่มไม่สามารถแก้ด้วยการควบคุมแบบเดิม
    ไม่ใช่ปัญหาเครื่องมือหรือการปรับพารามิเตอร์
    ต้องใช้การวิเคราะห์เชิงความน่าจะเป็นแทนการเฉลี่ยแบบเดิม

    การวัดความสุ่มอย่างแม่นยำช่วยให้ทีมออกแบบ, วิศวกร, และซัพพลายเออร์สื่อสารกันได้ดีขึ้น
    สร้าง “ภาษากลาง” ในการวิเคราะห์ yield และ defect
    ช่วยให้ตัดสินใจได้เร็วขึ้นและแม่นยำขึ้น

    หากไม่แก้ปัญหา Stochastics Gap จะทำให้การผลิตชิประดับ 2nm และต่ำกว่าติดขัด
    Yield ต่ำลง, ต้องใช้ mask หลายรอบ, และออกแบบชิปแบบประนีประนอม
    สูญเสียรายได้จาก die ที่ผลิตได้น้อยลงต่อ wafer

    โรงงานส่วนใหญ่ยังไม่มีเครื่องมือวัดความสุ่มอย่างแม่นยำในสายการผลิตจริง
    แม้จะรู้ว่าปัญหามีอยู่ แต่ขาดเทคโนโลยีในการวัดและควบคุม
    ทำให้ไม่สามารถปรับปรุงกระบวนการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    การใช้ EUV และ High-NA EUV ทำให้ความสุ่มมีผลมากขึ้นในงบประมาณข้อผิดพลาด
    ความสามารถในการพิมพ์ลวดลายเล็กลง แต่ความสุ่มกลับเพิ่มขึ้น
    ทำให้ข้อผิดพลาดแบบสุ่มกลายเป็นปัจจัยหลักที่จำกัด yield

    การไม่ตระหนักถึงความสุ่มตั้งแต่การออกแบบอาจทำให้ชิปไม่สามารถผลิตได้จริง
    ออกแบบลวดลายที่สวยงามใน CAD แต่ไม่สามารถพิมพ์ได้ในโรงงาน
    ต้องกลับไปแก้แบบใหม่ เสียเวลาและต้นทุน

    https://www.techradar.com/pro/the-semiconductor-industry-is-losing-billions-of-dollars-annually-because-of-this-little-obscure-quirk
    ⚠️ เรื่องเล่าจากระดับนาโน: เมื่อความสุ่มกลายเป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุดของการผลิตชิป ในเดือนกรกฎาคม 2025 บริษัท Fractilia ผู้นำด้านการวัดความแปรปรวนแบบสุ่ม (stochastics metrology) ได้เผยแพร่เอกสารวิชาการที่ชี้ให้เห็นว่า “ความแปรปรวนแบบสุ่ม” ในกระบวนการสร้างลวดลายบนชิป (โดยเฉพาะในเทคโนโลยี EUV และ High-NA EUV) กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดที่ทำให้การผลิตชิประดับ 2nm และต่ำกว่านั้นไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมาย แม้ในห้องวิจัยจะสามารถสร้างลวดลายขนาดเล็กถึง 12nm ได้ แต่เมื่อเข้าสู่การผลิตจริง กลับเกิดข้อผิดพลาดแบบสุ่ม เช่น ความหยาบของขอบลวดลาย (LER), ความแปรปรวนของขนาด (LCDU), และการเชื่อมหรือขาดของเส้นลวดลาย ซึ่งไม่สามารถควบคุมได้ด้วยวิธีเดิม Fractilia เรียกช่องว่างนี้ว่า “Stochastics Gap” ซึ่งเป็นช่องว่างระหว่างสิ่งที่สามารถทำได้ในห้องวิจัย กับสิ่งที่สามารถผลิตได้จริงในโรงงาน โดยเสนอแนวทางใหม่ในการวัดและควบคุมความสุ่มด้วยเทคนิคเชิงสถิติและการออกแบบที่ตระหนักถึงความสุ่มตั้งแต่ต้น ✅ Fractilia เปิดเผยว่าอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์สูญเงินหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปีจากความแปรปรวนแบบสุ่ม ➡️ ความแปรปรวนนี้เกิดจากพฤติกรรมของโมเลกุล, แหล่งกำเนิดแสง, และอะตอมในกระบวนการสร้างลวดลาย ➡️ ส่งผลให้ yield ต่ำ, ผลิตล่าช้า, และประสิทธิภาพชิปลดลง ✅ “Stochastics Gap” คือช่องว่างระหว่างสิ่งที่สามารถพิมพ์ในห้องวิจัย กับสิ่งที่ผลิตได้จริงในโรงงาน ➡️ แม้จะพิมพ์ลวดลายขนาด 12nm ได้ใน R&D แต่ในโรงงานกลับติดที่ 16–18nm ➡️ ช่องว่างนี้ส่งผลต่อจำนวน die ต่อ wafer และรายได้ที่หายไป ✅ Fractilia เสนอวิธีแก้ปัญหาด้วยการวัดความสุ่มอย่างแม่นยำและออกแบบกระบวนการที่รองรับความสุ่ม ➡️ ใช้เทคโนโลยี FILM™ และ FAME™ เพื่อวัดความแปรปรวนแบบสุ่มในระดับนาโน ➡️ เสนอการออกแบบที่ตระหนักถึงความสุ่ม เช่น OPC แบบ local-aware และการเลือกวัสดุที่ลด noise ✅ ความแปรปรวนแบบสุ่มไม่สามารถแก้ด้วยการควบคุมแบบเดิม ➡️ ไม่ใช่ปัญหาเครื่องมือหรือการปรับพารามิเตอร์ ➡️ ต้องใช้การวิเคราะห์เชิงความน่าจะเป็นแทนการเฉลี่ยแบบเดิม ✅ การวัดความสุ่มอย่างแม่นยำช่วยให้ทีมออกแบบ, วิศวกร, และซัพพลายเออร์สื่อสารกันได้ดีขึ้น ➡️ สร้าง “ภาษากลาง” ในการวิเคราะห์ yield และ defect ➡️ ช่วยให้ตัดสินใจได้เร็วขึ้นและแม่นยำขึ้น ‼️ หากไม่แก้ปัญหา Stochastics Gap จะทำให้การผลิตชิประดับ 2nm และต่ำกว่าติดขัด ⛔ Yield ต่ำลง, ต้องใช้ mask หลายรอบ, และออกแบบชิปแบบประนีประนอม ⛔ สูญเสียรายได้จาก die ที่ผลิตได้น้อยลงต่อ wafer ‼️ โรงงานส่วนใหญ่ยังไม่มีเครื่องมือวัดความสุ่มอย่างแม่นยำในสายการผลิตจริง ⛔ แม้จะรู้ว่าปัญหามีอยู่ แต่ขาดเทคโนโลยีในการวัดและควบคุม ⛔ ทำให้ไม่สามารถปรับปรุงกระบวนการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ‼️ การใช้ EUV และ High-NA EUV ทำให้ความสุ่มมีผลมากขึ้นในงบประมาณข้อผิดพลาด ⛔ ความสามารถในการพิมพ์ลวดลายเล็กลง แต่ความสุ่มกลับเพิ่มขึ้น ⛔ ทำให้ข้อผิดพลาดแบบสุ่มกลายเป็นปัจจัยหลักที่จำกัด yield ‼️ การไม่ตระหนักถึงความสุ่มตั้งแต่การออกแบบอาจทำให้ชิปไม่สามารถผลิตได้จริง ⛔ ออกแบบลวดลายที่สวยงามใน CAD แต่ไม่สามารถพิมพ์ได้ในโรงงาน ⛔ ต้องกลับไปแก้แบบใหม่ เสียเวลาและต้นทุน https://www.techradar.com/pro/the-semiconductor-industry-is-losing-billions-of-dollars-annually-because-of-this-little-obscure-quirk
    WWW.TECHRADAR.COM
    Tiny random manufacturing defects now costing chipmakers billions
    Randomness at the nanoscale is limiting semiconductor yields
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกคนดัง: เมื่อ Keanu ต้องจ่ายเงินเพื่อปกป้อง “ตัวตนดิจิทัล” ของตัวเอง

    ในบทความจาก The Hollywood Reporter มีนักข่าวทดลองพูดคุยกับบัญชีปลอมชื่อ “Keanu_Reeves68667” ที่พยายามชวนให้ซื้อ “บัตรสมาชิกแฟนคลับ 600 ดอลลาร์” เพื่อแลกกับโอกาสเจอนักแสดงตัวจริง — ทั้งที่ Keanu อยู่บนพรมแดงกับ Alexandra Grant ในงานเปิดตัวหนัง Ballerina อยู่เลย

    ระบบปลอมเหล่านี้ใช้ภาพ Getty เดิมของเขา พร้อมแต่งให้ถือป้ายข้อความสนับสนุน Donald Trump หรือเรียกร้องสิทธิให้ชาวพื้นเมืองแคนาดา แสดงให้เห็นว่า “ไม่ใช่แค่ romance scam แต่รวมถึงการปลุกปั่นทางการเมืองด้วย”

    Keanu จึงว่าจ้างบริษัท Loti AI ซึ่งเชี่ยวชาญด้าน “likeness protection” มาคอยค้นหาและส่งคำสั่งลบบัญชีปลอมให้แพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยตลอดปีที่ผ่านมา Loti ออกคำสั่งลบกว่า 40,000 บัญชี บน TikTok, Meta และอื่น ๆ — แต่ถึงแม้จะลบภายใน 48 ชั่วโมง แฮกเกอร์ก็สามารถ “ทำลาย” ได้มากในเวลาสั้น ๆ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่โดนหลอกให้โอนเงิน

    เช่นในคดีของหญิงวัย 73 ที่ถูกปลอมเป็น Kevin Costner ล่อลวงให้โอน bitcoin ทุกสัปดาห์รวมกว่า $100,000 ด้วยข้อความหวานว่า “ผมรักคุณ...แล้วเจอกันเร็ว ๆ นี้”

    Loti AI ใช้ระบบ “likeness protection” ค้นหาภาพและข้อความปลอมที่ใช้คนดัง
    โดย Keanu ลงทุนหลายพันดอลลาร์ต่อเดือนเพื่อบริการนี้

    FBI รายงานว่าในปี 2024 คนอเมริกันสูญเงินรวมจาก romance scam กว่า $672 ล้าน
    โดยเป้าหมายหลักคือผู้สูงวัยที่เหงาและไม่มีคนดูแลใกล้ตัว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/19/keanu-reeves-pays-ai-firm-thousands-a-month-to-stop-online-imitators-report
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกคนดัง: เมื่อ Keanu ต้องจ่ายเงินเพื่อปกป้อง “ตัวตนดิจิทัล” ของตัวเอง ในบทความจาก The Hollywood Reporter มีนักข่าวทดลองพูดคุยกับบัญชีปลอมชื่อ “Keanu_Reeves68667” ที่พยายามชวนให้ซื้อ “บัตรสมาชิกแฟนคลับ 600 ดอลลาร์” เพื่อแลกกับโอกาสเจอนักแสดงตัวจริง — ทั้งที่ Keanu อยู่บนพรมแดงกับ Alexandra Grant ในงานเปิดตัวหนัง Ballerina อยู่เลย ระบบปลอมเหล่านี้ใช้ภาพ Getty เดิมของเขา พร้อมแต่งให้ถือป้ายข้อความสนับสนุน Donald Trump หรือเรียกร้องสิทธิให้ชาวพื้นเมืองแคนาดา แสดงให้เห็นว่า “ไม่ใช่แค่ romance scam แต่รวมถึงการปลุกปั่นทางการเมืองด้วย” Keanu จึงว่าจ้างบริษัท Loti AI ซึ่งเชี่ยวชาญด้าน “likeness protection” มาคอยค้นหาและส่งคำสั่งลบบัญชีปลอมให้แพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยตลอดปีที่ผ่านมา Loti ออกคำสั่งลบกว่า 40,000 บัญชี บน TikTok, Meta และอื่น ๆ — แต่ถึงแม้จะลบภายใน 48 ชั่วโมง แฮกเกอร์ก็สามารถ “ทำลาย” ได้มากในเวลาสั้น ๆ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่โดนหลอกให้โอนเงิน เช่นในคดีของหญิงวัย 73 ที่ถูกปลอมเป็น Kevin Costner ล่อลวงให้โอน bitcoin ทุกสัปดาห์รวมกว่า $100,000 ด้วยข้อความหวานว่า “ผมรักคุณ...แล้วเจอกันเร็ว ๆ นี้” ✅ Loti AI ใช้ระบบ “likeness protection” ค้นหาภาพและข้อความปลอมที่ใช้คนดัง ➡️ โดย Keanu ลงทุนหลายพันดอลลาร์ต่อเดือนเพื่อบริการนี้ ✅ FBI รายงานว่าในปี 2024 คนอเมริกันสูญเงินรวมจาก romance scam กว่า $672 ล้าน ➡️ โดยเป้าหมายหลักคือผู้สูงวัยที่เหงาและไม่มีคนดูแลใกล้ตัว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/19/keanu-reeves-pays-ai-firm-thousands-a-month-to-stop-online-imitators-report
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Keanu Reeves pays AI firm thousands a month to stop online imitators: report
    According to the latest data from the FBI, Americans reported US$672mil (RM2.bil) in losses to confidence and romance scams in 2024.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 372 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลุงเองก็กลัวว่ามันจะเกิดขึ้นเหมือนกันนะ

    เรื่องเล่าจากเศรษฐศาสตร์ AI: ฟองสบู่ที่ใหญ่กว่าดอทคอม?

    ย้อนกลับไปช่วงปลายยุค 1990 บริษัทเทคต่างแห่ลงทุนอินเทอร์เน็ตจนฟองสบู่แตกในปี 2000 สูญเงินลงทุนและมูลค่าตลาดไปหลายล้านล้านดอลลาร์ แม้บางเจ้ายังอยู่รอด เช่น Amazon แต่ก็เจ็บหนัก

    วันนี้ Sløk เตือนว่า สถานการณ์ “คล้ายกันมาก” แต่ “หนักกว่า” เพราะมีเงินมหาศาลจากนักลงทุนไหลเข้าสู่ AI แบบ ไม่อิงรายได้จริง เช่น:
    - OpenAI ลงทุนกว่า $14B ใน ScaleAI — แล้วปลดพนักงาน 200 คน
    - Meta เสนอโบนัสจ้างงาน AI สูงถึง $100M ต่อคน
    - CoreWeave ทุ่ม $6B สร้างศูนย์ AI ใหม่
    - Amazon เตรียมลงเงินอีก $8B กับ Anthropic
    - Nvidia ผลักดัน “AI Factories” ด้วยงบ $500B

    Sløk วิเคราะห์ว่า การพุ่งขึ้นของหุ้น S&P 500 ช่วงนี้เกิดจากบริษัทยักษ์ใหญ่สาย AI ไม่กี่ราย ที่อาจ “ไม่คงทน” เพราะการประเมินมูลค่า “เกินกว่าศักยภาพจริงมาก”

    การเปรียบเทียบกับ Metaverse และ NFT ก็น่าสนใจ: เมื่อ hype แรงแต่รายได้จริงไม่มา — ทุกอย่างอาจ “ละลายหายไปเหมือนทราย”

    อย่างไรก็ตาม Sløk ยืนยันว่า “AI จะไม่หายไป” เหมือนอินเทอร์เน็ตยังอยู่หลัง dot-com crash แต่เราอาจได้เห็นการล้มเป็นกลุ่ม:
    - บริษัทที่ไม่มีรายได้จริงจะหายไป
    - ผู้รอดจะต้องลดขนาด ลดลงทุน
    - Buzzword “AI” อาจลดลงจากสินค้าทุกชิ้น

    Torsten Sløk เตือนว่าฟองสบู่ AI แรงกว่าดอทคอมในยุค 2000
    เพราะบริษัทใหญ่ใน S&P 500 ถูกประเมินมูลค่าสูงเกินศักยภาพจริง

    นักลงทุนเทเงินมหาศาลสู่ AI: OpenAI, Meta, Amazon, Nvidia ฯลฯ
    แม้บางกรณียังไม่มีสินค้าหรือรายได้ที่ยั่งยืน

    ความผันผวนของตลาดหุ้นตอนนี้เกิดจากบริษัทยักษ์ AI ไม่กี่ราย
    ไม่ได้สะท้อนความมั่นคงของทั้งอุตสาหกรรม

    Sløk ยกตัวอย่างการลงทุนผิดพลาดใน Metaverse, Blockchain และ NFTs
    เตือนว่าความ hype แบบนั้นอาจย้อนมาเล่นงาน AI เช่นกัน

    ฟองสบู่แตกอาจไม่ทำให้ AI หายไป
    แต่จะทำให้เหลือเฉพาะบริษัทที่มีรายได้จริงและปรับตัวได้

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ai-bubble-is-worse-than-the-dot-com-crash-that-erased-trillions-economist-warns-overvaluations-could-lead-to-catastrophic-consequences
    ลุงเองก็กลัวว่ามันจะเกิดขึ้นเหมือนกันนะ ‼️ 🎙️ เรื่องเล่าจากเศรษฐศาสตร์ AI: ฟองสบู่ที่ใหญ่กว่าดอทคอม? ย้อนกลับไปช่วงปลายยุค 1990 บริษัทเทคต่างแห่ลงทุนอินเทอร์เน็ตจนฟองสบู่แตกในปี 2000 สูญเงินลงทุนและมูลค่าตลาดไปหลายล้านล้านดอลลาร์ แม้บางเจ้ายังอยู่รอด เช่น Amazon แต่ก็เจ็บหนัก วันนี้ Sløk เตือนว่า สถานการณ์ “คล้ายกันมาก” แต่ “หนักกว่า” เพราะมีเงินมหาศาลจากนักลงทุนไหลเข้าสู่ AI แบบ ไม่อิงรายได้จริง เช่น: - OpenAI ลงทุนกว่า $14B ใน ScaleAI — แล้วปลดพนักงาน 200 คน - Meta เสนอโบนัสจ้างงาน AI สูงถึง $100M ต่อคน - CoreWeave ทุ่ม $6B สร้างศูนย์ AI ใหม่ - Amazon เตรียมลงเงินอีก $8B กับ Anthropic - Nvidia ผลักดัน “AI Factories” ด้วยงบ $500B Sløk วิเคราะห์ว่า การพุ่งขึ้นของหุ้น S&P 500 ช่วงนี้เกิดจากบริษัทยักษ์ใหญ่สาย AI ไม่กี่ราย ที่อาจ “ไม่คงทน” เพราะการประเมินมูลค่า “เกินกว่าศักยภาพจริงมาก” การเปรียบเทียบกับ Metaverse และ NFT ก็น่าสนใจ: เมื่อ hype แรงแต่รายได้จริงไม่มา — ทุกอย่างอาจ “ละลายหายไปเหมือนทราย” อย่างไรก็ตาม Sløk ยืนยันว่า “AI จะไม่หายไป” เหมือนอินเทอร์เน็ตยังอยู่หลัง dot-com crash แต่เราอาจได้เห็นการล้มเป็นกลุ่ม: - บริษัทที่ไม่มีรายได้จริงจะหายไป - ผู้รอดจะต้องลดขนาด ลดลงทุน - Buzzword “AI” อาจลดลงจากสินค้าทุกชิ้น ✅ Torsten Sløk เตือนว่าฟองสบู่ AI แรงกว่าดอทคอมในยุค 2000 ➡️ เพราะบริษัทใหญ่ใน S&P 500 ถูกประเมินมูลค่าสูงเกินศักยภาพจริง ✅ นักลงทุนเทเงินมหาศาลสู่ AI: OpenAI, Meta, Amazon, Nvidia ฯลฯ ➡️ แม้บางกรณียังไม่มีสินค้าหรือรายได้ที่ยั่งยืน ✅ ความผันผวนของตลาดหุ้นตอนนี้เกิดจากบริษัทยักษ์ AI ไม่กี่ราย ➡️ ไม่ได้สะท้อนความมั่นคงของทั้งอุตสาหกรรม ✅ Sløk ยกตัวอย่างการลงทุนผิดพลาดใน Metaverse, Blockchain และ NFTs ➡️ เตือนว่าความ hype แบบนั้นอาจย้อนมาเล่นงาน AI เช่นกัน ✅ ฟองสบู่แตกอาจไม่ทำให้ AI หายไป ➡️ แต่จะทำให้เหลือเฉพาะบริษัทที่มีรายได้จริงและปรับตัวได้ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ai-bubble-is-worse-than-the-dot-com-crash-that-erased-trillions-economist-warns-overvaluations-could-lead-to-catastrophic-consequences
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 340 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไอ้ว่าว สานต่อตำนาน The Almost จากชีวิตที่เกือบได้เป็น สู่คดีฟ้องร้องที่เกือบชนะ แต่สุดท้ายศาลยกฟ้องให้หมอวรงค์ ทำไอ้ว่าวสูญเงินบริจาคสามกับหลักแส
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #พิธานายกว่าว
    ไอ้ว่าว สานต่อตำนาน The Almost จากชีวิตที่เกือบได้เป็น สู่คดีฟ้องร้องที่เกือบชนะ แต่สุดท้ายศาลยกฟ้องให้หมอวรงค์ ทำไอ้ว่าวสูญเงินบริจาคสามกับหลักแส #คิงส์โพธิ์แดง #พิธานายกว่าว
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 324 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชายชาวสหรัฐฯ สูญเงินกว่า 200,000 ดอลลาร์ หลังถูกหลอกผ่าน Instagram

    ชายคนหนึ่งในเมือง Trenton สหรัฐฯ ถูกหลอกให้โอนเงินกว่า 200,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 850,099 บาท) หลังจากกดไลก์รูปของ Angelina Jolie บน Instagram โดยเขาเชื่อว่า กำลังพูดคุยกับนักแสดงชื่อดังผ่านข้อความ แต่แท้จริงแล้ว เป็นกลุ่มมิจฉาชีพที่ใช้กลยุทธ์หลอกลวงทางออนไลน์

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับกลโกงนี้
    เหยื่อเริ่มพูดคุยกับมิจฉาชีพที่แอบอ้างเป็น Angelina Jolie ตั้งแต่เดือนกันยายน 2023
    - มิจฉาชีพ แนะนำให้เขาลงทุนใน Bitcoin โดยอ้างว่ามีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถช่วยได้

    เหยื่อซื้อบัตร Apple Gift Card และส่งรูปให้มิจฉาชีพ รวมมูลค่ากว่า 150,000 ดอลลาร์
    - มิจฉาชีพ ใช้ข้ออ้างต่าง ๆ เพื่อให้เหยื่อโอนเงินเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

    เมื่อเหยื่อเริ่มสงสัยว่าถูกหลอก เขาติดต่อบุคคลที่อ้างว่าเป็นนักข่าวเพื่อขอความช่วยเหลือ
    - นักข่าวปลอม แนะนำให้เขาติดต่อทนายความ ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นมิจฉาชีพอีกคนหนึ่ง

    ทนายความปลอมส่งรูปตัวเองพร้อมใบขับขี่เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
    - จากนั้น เรียกร้องให้เหยื่อจ่ายค่าบริการเป็น Bitcoin และออกใบเสร็จปลอม

    เหยื่อพบว่ามีการพยายามถอนเงิน 31,000 ดอลลาร์จากบัญชีของเขา
    - เขาสามารถ ยับยั้งการทำธุรกรรมได้ทัน และยื่นเรื่องร้องเรียนกับธนาคาร

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/24/man-taken-for-us200000-after-liking-instagram-picture-of-angelina-jolie
    ชายชาวสหรัฐฯ สูญเงินกว่า 200,000 ดอลลาร์ หลังถูกหลอกผ่าน Instagram ชายคนหนึ่งในเมือง Trenton สหรัฐฯ ถูกหลอกให้โอนเงินกว่า 200,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 850,099 บาท) หลังจากกดไลก์รูปของ Angelina Jolie บน Instagram โดยเขาเชื่อว่า กำลังพูดคุยกับนักแสดงชื่อดังผ่านข้อความ แต่แท้จริงแล้ว เป็นกลุ่มมิจฉาชีพที่ใช้กลยุทธ์หลอกลวงทางออนไลน์ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับกลโกงนี้ ✅ เหยื่อเริ่มพูดคุยกับมิจฉาชีพที่แอบอ้างเป็น Angelina Jolie ตั้งแต่เดือนกันยายน 2023 - มิจฉาชีพ แนะนำให้เขาลงทุนใน Bitcoin โดยอ้างว่ามีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถช่วยได้ ✅ เหยื่อซื้อบัตร Apple Gift Card และส่งรูปให้มิจฉาชีพ รวมมูลค่ากว่า 150,000 ดอลลาร์ - มิจฉาชีพ ใช้ข้ออ้างต่าง ๆ เพื่อให้เหยื่อโอนเงินเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ✅ เมื่อเหยื่อเริ่มสงสัยว่าถูกหลอก เขาติดต่อบุคคลที่อ้างว่าเป็นนักข่าวเพื่อขอความช่วยเหลือ - นักข่าวปลอม แนะนำให้เขาติดต่อทนายความ ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นมิจฉาชีพอีกคนหนึ่ง ✅ ทนายความปลอมส่งรูปตัวเองพร้อมใบขับขี่เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ - จากนั้น เรียกร้องให้เหยื่อจ่ายค่าบริการเป็น Bitcoin และออกใบเสร็จปลอม ✅ เหยื่อพบว่ามีการพยายามถอนเงิน 31,000 ดอลลาร์จากบัญชีของเขา - เขาสามารถ ยับยั้งการทำธุรกรรมได้ทัน และยื่นเรื่องร้องเรียนกับธนาคาร https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/24/man-taken-for-us200000-after-liking-instagram-picture-of-angelina-jolie
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Man taken for US$200,000 after liking Instagram picture of Angelina Jolie
    According to a police report, the man first conversed via text message with a woman he thought was Jolie back in September 2023.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 521 มุมมอง 0 รีวิว
  • เศรษฐกิจเยอรมนีอาจสูญเงินสูงสุด 200,000 ล้านยูโร(7.39 ล้านล้านบาท) ในช่วงสิ้นปี 2028 หากว่ามาตรการรีดภาษี 50% ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ลากยาวไปจนถึงหมดวาะการดำรงตำแหน่ง จากรายงานของสถาบันเศรษฐกิจเยอรมนี ที่เผยแพร่เมื่อช่วงปลายสัปดาห์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000049003

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    เศรษฐกิจเยอรมนีอาจสูญเงินสูงสุด 200,000 ล้านยูโร(7.39 ล้านล้านบาท) ในช่วงสิ้นปี 2028 หากว่ามาตรการรีดภาษี 50% ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ลากยาวไปจนถึงหมดวาะการดำรงตำแหน่ง จากรายงานของสถาบันเศรษฐกิจเยอรมนี ที่เผยแพร่เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000049003 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 776 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วงนี้ มิจฉาชีพมักหลอกให้ทำงานออนไลน์ หรือทำภารกิจง่ายๆ ที่ได้เงินแบบสบาย ๆ

    ข้อสังเกต คือ ช่วงแรกๆ ได้เงินจริง ถอนเงินได้ แต่จะหลอกล่อให้ทำภารกิจเพิ่ม
    จากนั้นจะขอให้มีการโอนค่าธรรมเนียม หรือค่าถอน เพื่อปลดล๊อกถอนเงินออก
    สุดท้าย ไม่สามารถถอนเงินได้ สูญเงินทั้งหมดที่โอนไป

    อย่าหลงเชื่อ หากทำงานแล้ว มีให้โอนเงินไปก่อนเพื่อปลดล๊อกถอนเงินออก
    ช่วงนี้ มิจฉาชีพมักหลอกให้ทำงานออนไลน์ หรือทำภารกิจง่ายๆ ที่ได้เงินแบบสบาย ๆ 🤔 ✨ข้อสังเกต คือ ช่วงแรกๆ ได้เงินจริง ถอนเงินได้ แต่จะหลอกล่อให้ทำภารกิจเพิ่ม จากนั้นจะขอให้มีการโอนค่าธรรมเนียม หรือค่าถอน เพื่อปลดล๊อกถอนเงินออก สุดท้าย ไม่สามารถถอนเงินได้ สูญเงินทั้งหมดที่โอนไป อย่าหลงเชื่อ หากทำงานแล้ว มีให้โอนเงินไปก่อนเพื่อปลดล๊อกถอนเงินออก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 2 0 รีวิว
  • แฮกเกอร์ขโมยเงินคริปโตกว่า 1.67 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปี 2025 เพิ่มขึ้นถึง 303% จากไตรมาสก่อน เหตุการณ์สำคัญคือ การแฮก ByBit ที่ทำให้สูญเงิน 1.5 พันล้านดอลลาร์ โดยกลุ่ม Lazarus Group ของเกาหลีเหนือ เงินที่ถูกขโมยคืนได้เพียง 0.4% โดยมี Wallet Compromise เป็นวิธีแฮกที่พบบ่อยที่สุด นักวิเคราะห์เตือนว่า บริษัทคริปโตต้องลงทุนในมาตรการความปลอดภัยมากขึ้นเพื่อป้องกันการสูญเสียมหาศาลในอนาคต

    เหตุการณ์สำคัญ—การแฮก ByBit เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุด
    - ByBit ถูกโจมตีในเดือนกุมภาพันธ์ สูญเงินไป 1.5 พันล้านดอลลาร์ใน Ethereum
    - การแฮกเกิดขึ้นจาก Lazarus Group ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเกาหลีเหนือ

    ธุรกรรมที่ถูกขโมยคืนได้เพียง 0.4% เท่านั้น
    - เงินที่ถูกแฮกคืนได้เพียง 6.39 ล้านดอลลาร์
    - Blockchain มีข้อจำกัดด้านการย้อนธุรกรรม ทำให้การฟื้นเงินเป็นเรื่องยาก

    Wallet Compromise เป็นวิธีที่ถูกใช้โจมตีมากที่สุด
    - การสูญเสียคริปโตส่วนใหญ่มาจาก การแฮกกระเป๋าเงินดิจิทัล รองลงมาคือ การใช้ช่องโหว่ของโค้ด และการหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง

    CertiK เตือนให้บริษัทคริปโตลงทุนในมาตรการรักษาความปลอดภัย
    - การใช้มาตรการป้องกันล่วงหน้าและ AI Security อาจช่วยลดความเสียหายจากแฮกเกอร์ในอนาคต

    https://www.techradar.com/pro/security/over-usd1-5-billion-of-crypto-was-lost-to-scams-or-theft-this-year
    แฮกเกอร์ขโมยเงินคริปโตกว่า 1.67 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปี 2025 เพิ่มขึ้นถึง 303% จากไตรมาสก่อน เหตุการณ์สำคัญคือ การแฮก ByBit ที่ทำให้สูญเงิน 1.5 พันล้านดอลลาร์ โดยกลุ่ม Lazarus Group ของเกาหลีเหนือ เงินที่ถูกขโมยคืนได้เพียง 0.4% โดยมี Wallet Compromise เป็นวิธีแฮกที่พบบ่อยที่สุด นักวิเคราะห์เตือนว่า บริษัทคริปโตต้องลงทุนในมาตรการความปลอดภัยมากขึ้นเพื่อป้องกันการสูญเสียมหาศาลในอนาคต ✅ เหตุการณ์สำคัญ—การแฮก ByBit เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุด - ByBit ถูกโจมตีในเดือนกุมภาพันธ์ สูญเงินไป 1.5 พันล้านดอลลาร์ใน Ethereum - การแฮกเกิดขึ้นจาก Lazarus Group ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเกาหลีเหนือ ✅ ธุรกรรมที่ถูกขโมยคืนได้เพียง 0.4% เท่านั้น - เงินที่ถูกแฮกคืนได้เพียง 6.39 ล้านดอลลาร์ - Blockchain มีข้อจำกัดด้านการย้อนธุรกรรม ทำให้การฟื้นเงินเป็นเรื่องยาก ✅ Wallet Compromise เป็นวิธีที่ถูกใช้โจมตีมากที่สุด - การสูญเสียคริปโตส่วนใหญ่มาจาก การแฮกกระเป๋าเงินดิจิทัล รองลงมาคือ การใช้ช่องโหว่ของโค้ด และการหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง ✅ CertiK เตือนให้บริษัทคริปโตลงทุนในมาตรการรักษาความปลอดภัย - การใช้มาตรการป้องกันล่วงหน้าและ AI Security อาจช่วยลดความเสียหายจากแฮกเกอร์ในอนาคต https://www.techradar.com/pro/security/over-usd1-5-billion-of-crypto-was-lost-to-scams-or-theft-this-year
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 637 มุมมอง 0 รีวิว
  • "หมอรุ่งเรือง" เตือนภัย! มิจฉาชีพปลอม TikTok หลอกลงทุนสูญเงินกว่าแสน
    https://www.thai-tai.tv/news/17709/
    "หมอรุ่งเรือง" เตือนภัย! มิจฉาชีพปลอม TikTok หลอกลงทุนสูญเงินกว่าแสน https://www.thai-tai.tv/news/17709/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 332 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ สุริยะถลุงงบกลาง 140 ล้านบาท อุ้มเอกชนให้บริการฟรี รถไฟฟ้า-รถเมล์ 7 วัน หวังให้คนลดใช้รถยนต์ส่วนตัว หารู้ไม่ว่าเป็นคนละกลุ่มกัน แก้ปลายเหตุแบบไร้ประสิทธิภาพ แถมสูญเงินภาษีประชาชนอีก 140 ล้านบาท
    #7ดอกจิก
    #สุริยะ
    #ฝุ่นกรุงเทพ
    ♣ สุริยะถลุงงบกลาง 140 ล้านบาท อุ้มเอกชนให้บริการฟรี รถไฟฟ้า-รถเมล์ 7 วัน หวังให้คนลดใช้รถยนต์ส่วนตัว หารู้ไม่ว่าเป็นคนละกลุ่มกัน แก้ปลายเหตุแบบไร้ประสิทธิภาพ แถมสูญเงินภาษีประชาชนอีก 140 ล้านบาท #7ดอกจิก #สุริยะ #ฝุ่นกรุงเทพ
    Like
    Haha
    Sad
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 519 มุมมอง 0 รีวิว
  • ท่านที่เกิดปีระกา

    ในปี 2568 นี้... พลังชีวิตของคนที่เกิดปีระกาทุกๆคนจะถูกอิทธิพลของ 2 ดาวร้ายเข้ามาครอบงำดวงชะตาคือ ดาวร้าย白虎(แป๊ะโฮ้ว)และดาวร้าย 指背(จี๋ป่วย) เป็นผลร้ายต่อสุขภาพร่างกายให้ต้องเจ็บป่วย โรคเก่าโรคประจำตัวที่เรื้อรังจะประดังเข้ามาให้น่าเบื่อ โรคใหม่ที่ๆไม่เคยเกิดก็จะรุมเร้าให้เจ็บกระเสาะกระแสะวนเวียนตลอดทั้งปี หากพบสัญญาณอาการใดๆให้รีบปรึกษาหาหมอตรวจให้ละเอียด อย่ารอช้า อย่าเสียเวลา เรื่องเล็กๆจะได้ไม่กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่ให้หนักถึงขั้นต้องผ่าตัดนอนซมไปหลายวัน ทั้งการเดินทางจะนั่งรถลงเรือจะขึ้นเหนือล่องใต้อุบัติเหตุมีอยู่รายล้อมเช่นกัน ทั้งเรื่องกฎหมายที่ไม่น่าไว้วางใจ งานเอกสารหรือตัวเลขภาษีแอบแฝงใต้โต๊ะ หรือแม้แต่การไว้เนื้อเชื่อใจใครจนเกินไปอาจเป็นเรื่องเป็นราวให้ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลเป็นคดีความอย่างแน่นอน ควรรอบครอบโปร่งใสเก็บเอกสารหลักฐานป้องกันไว้ให้ชัดเจนเพื่อป้องกันความยุ่งยาก ทั้งต้องระมัดระวังคู่กรณีจะเข้ามาฉ้อฉลจนหลงกลโกง หากมีสติไม่ละโมบโลภมากหวังแต่ประโยชน์ทรัพย์สินคงจะไม่ต้องสูญเงินทองคงจะไม่ต้องเสียอย่างที่เป็นอยู่ตลอดทั้งปี
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ท่านที่เกิดปีระกา ในปี 2568 นี้... พลังชีวิตของคนที่เกิดปีระกาทุกๆคนจะถูกอิทธิพลของ 2 ดาวร้ายเข้ามาครอบงำดวงชะตาคือ ดาวร้าย白虎(แป๊ะโฮ้ว)และดาวร้าย 指背(จี๋ป่วย) เป็นผลร้ายต่อสุขภาพร่างกายให้ต้องเจ็บป่วย โรคเก่าโรคประจำตัวที่เรื้อรังจะประดังเข้ามาให้น่าเบื่อ โรคใหม่ที่ๆไม่เคยเกิดก็จะรุมเร้าให้เจ็บกระเสาะกระแสะวนเวียนตลอดทั้งปี หากพบสัญญาณอาการใดๆให้รีบปรึกษาหาหมอตรวจให้ละเอียด อย่ารอช้า อย่าเสียเวลา เรื่องเล็กๆจะได้ไม่กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่ให้หนักถึงขั้นต้องผ่าตัดนอนซมไปหลายวัน ทั้งการเดินทางจะนั่งรถลงเรือจะขึ้นเหนือล่องใต้อุบัติเหตุมีอยู่รายล้อมเช่นกัน ทั้งเรื่องกฎหมายที่ไม่น่าไว้วางใจ งานเอกสารหรือตัวเลขภาษีแอบแฝงใต้โต๊ะ หรือแม้แต่การไว้เนื้อเชื่อใจใครจนเกินไปอาจเป็นเรื่องเป็นราวให้ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลเป็นคดีความอย่างแน่นอน ควรรอบครอบโปร่งใสเก็บเอกสารหลักฐานป้องกันไว้ให้ชัดเจนเพื่อป้องกันความยุ่งยาก ทั้งต้องระมัดระวังคู่กรณีจะเข้ามาฉ้อฉลจนหลงกลโกง หากมีสติไม่ละโมบโลภมากหวังแต่ประโยชน์ทรัพย์สินคงจะไม่ต้องสูญเงินทองคงจะไม่ต้องเสียอย่างที่เป็นอยู่ตลอดทั้งปี ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 448 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อกว่า 1 ปีก่อนมีภาพยนตร์จีนชื่อว่า #NoMoreBets เปิดเผยเรื่องขบวนการคอลเซนเตอร์ จนทำให้นักท่องเที่ยวจีนหวาดกลัว และไม่กล้าเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทย....แต่ว่า นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต. สำนักนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้แก้ปัญหาด้วยการ️ สั่งห้ามภาพยนต์เรื่องดังกล่าวฉายในประเทศไทย.วันนี้ดูได้ทาง Netflix เรื่องราวในหนังยังเหมือนเดิม และคราวนี้ ไทยจะได้รับผลกระทบที่หนักกว่าด้วย เพราะ "มาตรการเด็ดขาด" จากจีนกำลังจะเริ่มขึ้น⛔หนังที่ถูกอ้างว่า "ทำลายการท่องเที่ยว" ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหวาดหวั่นไม่มาเที่ยวเมืองไทย ถึงขนาดที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ต้องไปพบกับทูต #จีน เพื่อชี้แจงว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในหนังไม่ใช่ประเทศไทย ทั้งขบวนการหลอกลวงออนไลน์, แก็งคอลเซนเตอร์, ขบวนการค้ามนุษย์ ที่หลอกคนมาทำงาน มีการลักพาตัว, กักขัง, ทรมาน จนถึงฆาตกรรม.หนังเรื่อง No More Bets ทำรายได้ในจีนได้สูงถึง 20,000 ล้านบาท ( ไม่ได้พิมพ์ผิด ! "2 หมื่นล้าน") และมีผู้เข้าชมในประเทศจีนมากกว่า 100 ล้านคน ผู้ที่ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ต่างพูดกันปากต่อปากว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เปิดเผยถึงความน่ากลัวของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ จนเกิดกระแสว่า "ถ้าคนไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มขึ้น 1 คน ก็จะมีคนที่ถูกหลอกลวงลดน้อยลงอีก 1 คน" .ในเมืองไทย สำนักข่าวต่าง ๆ รายงานเรื่องผลกระทบต่อการท่องที่ยวจากหนังเรื่องนี้มากมาย แต่ว่าน่าจะไม่มีใครได้ดูหนังเรื่องนี้อย่างเด็มๆ ส่วนใหญ่จะแค่ "ฟังเขาเล่ามา" อีกที ...แต่ฉันได้ดูหนังเรื่องนี้ 3 รอบ และคิดว่าถ้ามี DVD หรือให้ดาวน์โหลด ก็เต็มใจจะซื้อเก็บไว้.No More Bets หรือชื่อภาษาจีนคือ "กูจู้อีจื้อ" #孤注一掷 ซึ่งเป็นสำนวนจีน ที่แปลว่า "เดิมพันครั้งสุดท้าย" ตัวเอกในหนังมี 2 คน คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มที่เป็นโปรแกรมเมอร์ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ อีกคนหนึ่งเป็นนางแบบสาวสวย ทั้งสองคนถูกหลอกลวงว่า จะว่าได้ไปทำงานได้เงินเดือนสูง ๆ ในต่างประเทศ แต่เมื่อเดินทางไปถึงแล้ว กลับพบว่านี่คือขบวนการหลอกลวงออนไลน์.ภาพยนตร์มีฉากที่หัวหน้าขบวนการคอลเซนเตอร์พูดกับ คนที่มาทำงานด้วยว่า มี 2 ทางเลือก หนึ่งคือหลอกเงินเข้ามา สองก็คือหลอกคนให้มาทำงานด้วย.ขบวนการนี้จะใช้อุบายต่าง ๆ เพื่อหลอกเอาทรัพย์สินจากเหยื่อ คนที่ทำงานกับขบวนการนี้เล่าว่า ถึงขนาดมีคู่มือ มีการอบรมวิธีการพูด มีการสร้างเรื่องราวต่าง ๆ เป็นเหมือนบทละครเป็นร้อยเป็นพันเรื่อง เพื่อหลอกให้เหยื่อตายใจหลงเชื่อ .นอกจากการหลอกลวงให้โอนเงิน และการขโมยข้อมูลส่วนตัวแล้ว แหล่งรายได้หลักของขบวนการนี้ก็คือ การพนันออนไลน์.สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ขบวนการหลอกลวงและพนันออนไลน์แพร่หลายอย่างมาก ก็คือ ผู้ที่เข้าร่วมในขบวนการนี้ ไม่รู้สึกผิด คนเหล่านี้คิดว่าเหยื่อคือคนโลภ แต่ความจริงแล้ว เหยื่อจำนวนมากถูกหลอกลวงจนสิ้นเนื้อประดาตัว สูญเงินเกษียณ เงินที่ใช้เลี้ยงดูครอบครัว เหยื่อบางรายบ้านแตกสาแหรกขาด หรือถึงกับฆ่าตัวตายจบชีวิตตัวเองก็มี⚓️เพลงนำของหนังใช้ชื่อว่า "หมดเนื้อหมดตัว" #千金散尽 เปรียบเทียบว่า เรือลำหนึ่งที่อยากจะกลับเข้าฝั่ง แต่ว่าเมื่อถอนสมอ กางใบเรือกลับพบว่าเต็มไปด้วยรอยทะลุจนแทบจะแล่นต่อไปไม่ไหว...ความ "กล้าหาญ" ถ้ามากเกินไปก็จะเป็น "ลำพอง" ความ "ฉลาด" ถ้าใช้ไม่ถูกก็จะกลายเป็น "เล่ห์เหลี่ยม" .ความน่ากลัวของขบวนการหลอกลวงก็คือ เหยื่อจำนวนมากไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกหลอก พอนึกจะ "กลับเนื้อกลัวตัว" ก็สายไปแล้ว "กลับไม่ได้ไปไม่ถึง".No More Bets ทำให้ผู้คนตระหนักว่า ขบวนการหลอกลวงใกล้ตัวกว่าที่เราคาดคิด หลายคนคงเคยได้รับโทรศัพท์ SMS หรือข้อความในโซเชียลมีเดีย ที่มาจากแก็งค์เหล่านี้ และถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า โทรศัพท์และข้อความเหล่านี้มีมากขึ้นทุกวัน พวกเราหลายคนอาจจะกดลบข้อความทิ้งหรือวางสายโทรศัพท์ไป แต่ว่ายังมีผู้สูงอายุ เยาวชน และคนอีกมากมายที่ไม่รู้เท่าทันจนตกเป็นเหยื่อ .มีอีกหลายกรณีที่เหยื่อเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง เป็นคนที่มีการศึกษา เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ก็ยังถูกหลอกลวงได้...อย่าคิดว่าไม่มีโอกาสตกเป็นเหยื่อขบวนการหลอกลวง .ในภาพยนตร์บอกว่า คนเรามีจุดอ่อน 2 อย่าง คือ ความโลภ และความหลง เพราะว่า ใครๆ ก็อยากมีงานที่ดี มีเงินใช้ และก็หลงคิดไปว่า ตัวเองคงจะไม่โชคร้ายถึงขนาดที่ต้อง "ทุ่มสุดตัว วางเดิมพันครั้งสุดท้าย" เหมือนกับชื่อของภาพยนตร์ คือ No More Bets ที่มา เพจบูรพาไม่แพ้ .
    เมื่อกว่า 1 ปีก่อนมีภาพยนตร์จีนชื่อว่า #NoMoreBets เปิดเผยเรื่องขบวนการคอลเซนเตอร์ จนทำให้นักท่องเที่ยวจีนหวาดกลัว และไม่กล้าเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทย....แต่ว่า นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต. สำนักนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้แก้ปัญหาด้วยการ⛔️ สั่งห้ามภาพยนต์เรื่องดังกล่าวฉายในประเทศไทย.วันนี้ดูได้ทาง Netflix เรื่องราวในหนังยังเหมือนเดิม และคราวนี้ ไทยจะได้รับผลกระทบที่หนักกว่าด้วย เพราะ "มาตรการเด็ดขาด" จากจีนกำลังจะเริ่มขึ้น⛔หนังที่ถูกอ้างว่า "ทำลายการท่องเที่ยว" ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหวาดหวั่นไม่มาเที่ยวเมืองไทย ถึงขนาดที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ต้องไปพบกับทูต #จีน เพื่อชี้แจงว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในหนังไม่ใช่ประเทศไทย ทั้งขบวนการหลอกลวงออนไลน์, แก็งคอลเซนเตอร์, ขบวนการค้ามนุษย์ ที่หลอกคนมาทำงาน มีการลักพาตัว, กักขัง, ทรมาน จนถึงฆาตกรรม.หนังเรื่อง No More Bets ทำรายได้ในจีนได้สูงถึง 20,000 ล้านบาท ( ไม่ได้พิมพ์ผิด ! "2 หมื่นล้าน") และมีผู้เข้าชมในประเทศจีนมากกว่า 100 ล้านคน ผู้ที่ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ต่างพูดกันปากต่อปากว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เปิดเผยถึงความน่ากลัวของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ จนเกิดกระแสว่า "ถ้าคนไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มขึ้น 1 คน ก็จะมีคนที่ถูกหลอกลวงลดน้อยลงอีก 1 คน" .ในเมืองไทย สำนักข่าวต่าง ๆ รายงานเรื่องผลกระทบต่อการท่องที่ยวจากหนังเรื่องนี้มากมาย แต่ว่าน่าจะไม่มีใครได้ดูหนังเรื่องนี้อย่างเด็มๆ ส่วนใหญ่จะแค่ "ฟังเขาเล่ามา" อีกที ...แต่ฉันได้ดูหนังเรื่องนี้ 3 รอบ และคิดว่าถ้ามี DVD หรือให้ดาวน์โหลด ก็เต็มใจจะซื้อเก็บไว้.No More Bets หรือชื่อภาษาจีนคือ "กูจู้อีจื้อ" #孤注一掷 ซึ่งเป็นสำนวนจีน ที่แปลว่า "เดิมพันครั้งสุดท้าย" ตัวเอกในหนังมี 2 คน คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มที่เป็นโปรแกรมเมอร์ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ อีกคนหนึ่งเป็นนางแบบสาวสวย ทั้งสองคนถูกหลอกลวงว่า จะว่าได้ไปทำงานได้เงินเดือนสูง ๆ ในต่างประเทศ แต่เมื่อเดินทางไปถึงแล้ว กลับพบว่านี่คือขบวนการหลอกลวงออนไลน์.ภาพยนตร์มีฉากที่หัวหน้าขบวนการคอลเซนเตอร์พูดกับ คนที่มาทำงานด้วยว่า มี 2 ทางเลือก หนึ่งคือหลอกเงินเข้ามา สองก็คือหลอกคนให้มาทำงานด้วย.ขบวนการนี้จะใช้อุบายต่าง ๆ เพื่อหลอกเอาทรัพย์สินจากเหยื่อ คนที่ทำงานกับขบวนการนี้เล่าว่า ถึงขนาดมีคู่มือ มีการอบรมวิธีการพูด มีการสร้างเรื่องราวต่าง ๆ เป็นเหมือนบทละครเป็นร้อยเป็นพันเรื่อง เพื่อหลอกให้เหยื่อตายใจหลงเชื่อ .นอกจากการหลอกลวงให้โอนเงิน และการขโมยข้อมูลส่วนตัวแล้ว แหล่งรายได้หลักของขบวนการนี้ก็คือ การพนันออนไลน์.สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ขบวนการหลอกลวงและพนันออนไลน์แพร่หลายอย่างมาก ก็คือ ผู้ที่เข้าร่วมในขบวนการนี้ ไม่รู้สึกผิด คนเหล่านี้คิดว่าเหยื่อคือคนโลภ แต่ความจริงแล้ว เหยื่อจำนวนมากถูกหลอกลวงจนสิ้นเนื้อประดาตัว สูญเงินเกษียณ เงินที่ใช้เลี้ยงดูครอบครัว เหยื่อบางรายบ้านแตกสาแหรกขาด หรือถึงกับฆ่าตัวตายจบชีวิตตัวเองก็มี⚓️เพลงนำของหนังใช้ชื่อว่า "หมดเนื้อหมดตัว" #千金散尽 เปรียบเทียบว่า เรือลำหนึ่งที่อยากจะกลับเข้าฝั่ง แต่ว่าเมื่อถอนสมอ กางใบเรือกลับพบว่าเต็มไปด้วยรอยทะลุจนแทบจะแล่นต่อไปไม่ไหว...ความ "กล้าหาญ" ถ้ามากเกินไปก็จะเป็น "ลำพอง" ความ "ฉลาด" ถ้าใช้ไม่ถูกก็จะกลายเป็น "เล่ห์เหลี่ยม" .ความน่ากลัวของขบวนการหลอกลวงก็คือ เหยื่อจำนวนมากไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกหลอก พอนึกจะ "กลับเนื้อกลัวตัว" ก็สายไปแล้ว "กลับไม่ได้ไปไม่ถึง".No More Bets ทำให้ผู้คนตระหนักว่า ขบวนการหลอกลวงใกล้ตัวกว่าที่เราคาดคิด หลายคนคงเคยได้รับโทรศัพท์ SMS หรือข้อความในโซเชียลมีเดีย ที่มาจากแก็งค์เหล่านี้ และถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า โทรศัพท์และข้อความเหล่านี้มีมากขึ้นทุกวัน พวกเราหลายคนอาจจะกดลบข้อความทิ้งหรือวางสายโทรศัพท์ไป แต่ว่ายังมีผู้สูงอายุ เยาวชน และคนอีกมากมายที่ไม่รู้เท่าทันจนตกเป็นเหยื่อ .มีอีกหลายกรณีที่เหยื่อเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง เป็นคนที่มีการศึกษา เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ก็ยังถูกหลอกลวงได้...อย่าคิดว่าไม่มีโอกาสตกเป็นเหยื่อขบวนการหลอกลวง .ในภาพยนตร์บอกว่า คนเรามีจุดอ่อน 2 อย่าง คือ ความโลภ และความหลง เพราะว่า ใครๆ ก็อยากมีงานที่ดี มีเงินใช้ และก็หลงคิดไปว่า ตัวเองคงจะไม่โชคร้ายถึงขนาดที่ต้อง "ทุ่มสุดตัว วางเดิมพันครั้งสุดท้าย" เหมือนกับชื่อของภาพยนตร์ คือ No More Bets ที่มา เพจบูรพาไม่แพ้ .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1595 มุมมอง 0 รีวิว
  • บุรีรัมย์- แรงงานชาว อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ กว่า 100 คน ถูกสาวแสบอ้างเป็น จนท.สถานทูต หลอกจะพาไปทำงานที่ออสเตรเลีย สูญเงินรายละ 6 หมื่นถึง 1.2 แสน รวมกว่า 6 ล้าน ก่อนปล่อยลอยแพที่สนามบิน ญาติ ตร.โดนหลอกด้วย โอดบางคนกู้ยืมมาหวังได้ค่าแรงเดือนหลักแสนกลับเป็นหนี้สินเพิ่ม จัดหางานรุดลงพื้นที่รับคำร้องและสอบข้อเท็จจริง พร้อมแจ้งความเอาผิดนายหน้าเถื่อนแสบ

    วันนี้ (7 ม.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ว่าที่ร้อยตรีสมชาย ละอองทอง จัดหางานจังหวัดบุรีรัมย์ นำทีมเจ้าหน้าที่จัดหางานลงพื้นที่ สภ.พุทไธสง เพื่อรับคำร้องและสอบสวนข้อเท็จจริงจากแรงงานที่ถูก น.ส.ธมลวรรณ หรือออย อายุ 28 ปี ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ อ.พุทไธสง หลอกลวงจะพาไปทำงานเกษตร โรงแรม และร้านอาหาร ที่ประเทศออสเตรเลีย แต่ปล่อยลอยแพที่สนามบิน และโรงแรมที่กรุงเทพฯ ไม่ได้เดินทางไปทำงานจริงตามที่กล่าวอ้าง สูญเงินรายละ 60,000 - 120,000 บาท พร้อมกันนี้ยังได้รวบรวมคำร้องและหลักฐานจากแรงงานผู้เสียหาย แจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.พุทไธสง เพื่อเอาผิดตามกับ น.ส.ออย นายหน้าแสบที่หลอกลวงแรงงานด้วย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000001666

    #MGROnline #บุรีรัมย์ #ออสเตรเลีย
    บุรีรัมย์- แรงงานชาว อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ กว่า 100 คน ถูกสาวแสบอ้างเป็น จนท.สถานทูต หลอกจะพาไปทำงานที่ออสเตรเลีย สูญเงินรายละ 6 หมื่นถึง 1.2 แสน รวมกว่า 6 ล้าน ก่อนปล่อยลอยแพที่สนามบิน ญาติ ตร.โดนหลอกด้วย โอดบางคนกู้ยืมมาหวังได้ค่าแรงเดือนหลักแสนกลับเป็นหนี้สินเพิ่ม จัดหางานรุดลงพื้นที่รับคำร้องและสอบข้อเท็จจริง พร้อมแจ้งความเอาผิดนายหน้าเถื่อนแสบ • วันนี้ (7 ม.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ว่าที่ร้อยตรีสมชาย ละอองทอง จัดหางานจังหวัดบุรีรัมย์ นำทีมเจ้าหน้าที่จัดหางานลงพื้นที่ สภ.พุทไธสง เพื่อรับคำร้องและสอบสวนข้อเท็จจริงจากแรงงานที่ถูก น.ส.ธมลวรรณ หรือออย อายุ 28 ปี ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ อ.พุทไธสง หลอกลวงจะพาไปทำงานเกษตร โรงแรม และร้านอาหาร ที่ประเทศออสเตรเลีย แต่ปล่อยลอยแพที่สนามบิน และโรงแรมที่กรุงเทพฯ ไม่ได้เดินทางไปทำงานจริงตามที่กล่าวอ้าง สูญเงินรายละ 60,000 - 120,000 บาท พร้อมกันนี้ยังได้รวบรวมคำร้องและหลักฐานจากแรงงานผู้เสียหาย แจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.พุทไธสง เพื่อเอาผิดตามกับ น.ส.ออย นายหน้าแสบที่หลอกลวงแรงงานด้วย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000001666 • #MGROnline #บุรีรัมย์ #ออสเตรเลีย
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 597 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ภาษีคนไทย” ใช้เลี้ยงต่างด้าว?
    เด็กเกิดไทย รักษาฟรี-เรียนฟรี
    .
    อ่านเพิ่มเติม>>mgronline.com/specialscoop/d…
    .
    #ต่างด้าว #ค่ารักษา #ค่าคลอดบุตร #เด็กเกิดไทย #รักษาฟรี #เรียนฟรี #ภาษีคนไทย #สูญเงิน
    “ภาษีคนไทย” ใช้เลี้ยงต่างด้าว? เด็กเกิดไทย รักษาฟรี-เรียนฟรี . อ่านเพิ่มเติม>>mgronline.com/specialscoop/d… . #ต่างด้าว #ค่ารักษา #ค่าคลอดบุตร #เด็กเกิดไทย #รักษาฟรี #เรียนฟรี #ภาษีคนไทย #สูญเงิน
    Angry
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 849 มุมมอง 0 รีวิว
  • เผยสารพัดสิทธิของ "ต่างด้าว" ทำคนไทยอ่วม แบกทั้งค่ารักษา-ค่าคลอดบุตรของพม่าที่ข้ามมารักษาฝั่งไทย โดยใช้ “กองทุนสิทธิ ท.99” ปีละกว่า 1,500 ล้าน ไม่รวมกลุ่มที่เบี้ยวค่ารักษาพยาบาล เฉพาะ รพ.ตามแนวชายแดน สูญเงินแล้วกว่า 2,500 ล้านต่อปี ขณะที่เด็กต่างด้าวที่เกิดในประเทศไทยได้สิทธิ “บัตรทอง” ทันที รักษาฟรีตลอดชีวิต อีกทั้งยังให้สิทธิเรียนฟรี 15 ปี แก่เด็กต่างด้าวทั้งที่เกิดในไทยและติดตามพ่อแม่เข้ามา ด้าน “ประธานสภาองค์การลูกจ้าง” ระบุหลายฝ่ายเสนอแยก “กองทุนประกันสังคม” เหตุลักษณะการใช้สิทธิของแรงงานไทยกับแรงงานข้ามชาติแตกต่างกัน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000122057

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เผยสารพัดสิทธิของ "ต่างด้าว" ทำคนไทยอ่วม แบกทั้งค่ารักษา-ค่าคลอดบุตรของพม่าที่ข้ามมารักษาฝั่งไทย โดยใช้ “กองทุนสิทธิ ท.99” ปีละกว่า 1,500 ล้าน ไม่รวมกลุ่มที่เบี้ยวค่ารักษาพยาบาล เฉพาะ รพ.ตามแนวชายแดน สูญเงินแล้วกว่า 2,500 ล้านต่อปี ขณะที่เด็กต่างด้าวที่เกิดในประเทศไทยได้สิทธิ “บัตรทอง” ทันที รักษาฟรีตลอดชีวิต อีกทั้งยังให้สิทธิเรียนฟรี 15 ปี แก่เด็กต่างด้าวทั้งที่เกิดในไทยและติดตามพ่อแม่เข้ามา ด้าน “ประธานสภาองค์การลูกจ้าง” ระบุหลายฝ่ายเสนอแยก “กองทุนประกันสังคม” เหตุลักษณะการใช้สิทธิของแรงงานไทยกับแรงงานข้ามชาติแตกต่างกัน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000122057 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Angry
    Sad
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1651 มุมมอง 1 รีวิว
  • ตำรวจไซเบอร์แถลงรวบสาวบัญชีม้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ลวง “ชาล็อต ออสติน” สูญเงินกว่า 4 ล้านบาท พบเป็นบัญชีม้าแถวแรก เจ้าตัวสารภาพได้ค่าจ้าง 3,500 บาท ต้องข้ามแดนไปสแกนหน้าฝั่งกัมพูชา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000120312

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตำรวจไซเบอร์แถลงรวบสาวบัญชีม้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ลวง “ชาล็อต ออสติน” สูญเงินกว่า 4 ล้านบาท พบเป็นบัญชีม้าแถวแรก เจ้าตัวสารภาพได้ค่าจ้าง 3,500 บาท ต้องข้ามแดนไปสแกนหน้าฝั่งกัมพูชา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000120312 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    Sad
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1363 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องใหญ่อีกแล้ว! เจ้าของร้านสเต็กนามสกุลดังใช้เล่ห์นิติกรรมอำพรางหลอกเหยื่อสูญเงินมากกว่า11ล้าน! (01/12/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ฉ้อโกง #หลอกลงทุน #นิติกรรมอำพราง
    เรื่องใหญ่อีกแล้ว! เจ้าของร้านสเต็กนามสกุลดังใช้เล่ห์นิติกรรมอำพรางหลอกเหยื่อสูญเงินมากกว่า11ล้าน! (01/12/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ฉ้อโกง #หลอกลงทุน #นิติกรรมอำพราง
    Sad
    Love
    Haha
    Angry
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1660 มุมมอง 134 0 รีวิว

  • พนักงานสอบสวน สน.พญาไท นำตัวอดีตเมีย-ลูกสาว “หมอบุญ” คดีร่วมกันฉ้อโกงกว่า 7,500 ล้านบาท ส่งศาลอาญาฝากขัง

    วันนี้ (25 พ.ย.) พนักงานสอบสวน สน.พญาไท รับตัว นางจารุวรรณ อายุ 79 ปี อดีตภรรยาของ นพ.บุญ หรือหมอบุญ อายุ 86 ปี และ น.ส.นลิน อายุ 51 ปี ลูกสาว หลังเข้ามอบตัวในคดี ตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กรณี นพ.บุญ อ้างว่าลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจทางการแพทย์ 5 โครงการใหญ่ มีการชักชวนผู้เสียหายร่วมลงทุน มีผู้เสียหาย 247 ราย สูญเงินรวมกว่า 7,500 ล้านบาท ที่ สน.พญาไท ไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดา เป็นผลัดแรก โดยท้ายคำร้องคัดค้านการประกันตัว

    ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้าเวลา 07.30 น. นายพัน คนขับรถของ นางจารุวรรณ และลูกสาว ของหมอบุญ นำอาหารและน้ำดื่ม มาเยี่ยมผู้ต้องหาทั้งสองคนอีกครั้ง โดยตำรวจได้แนะนำให้รีบเยี่ยมและพูดคุยกัน ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที

    โดยนายพันธ์ เปิดเผยว่า ตนเป็นคนขับรถของบ้านหมอบุญมาประมาณ 5 ปี โดยวันนี้ได้นำข้าวและน้ำที่แม่บ้านเป็นคนเตรียมมาให้ ที่ผ่านมาทั้งสามคน อยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ตนเจอหมอบุญครั้งสุดท้ายประมาณช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม และเท่าที่รู้มาตัวหมอบุญเองเดินทางออกต่างประเทศไม่บ่อย และตนเองก็ไม่ทราบเรื่องธุรกิจลงทุน เพราะหมอบุญไม่เคยบอก และไม่เคยพาไปดูโครงการต่างๆ

    หลังเป็นข่าวตนรู้สึกตกใจและเป็นห่วง แต่เชื่อว่า ภรรยากับลูกสาวของหมอบุญไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว พร้อมบอกด้วยว่า วันนี้ภรรยาและลูกสาวของหมอบุญไม่ได้บอกให้ตนเตรียมเอกสารอะไรมาเพิ่มเติม

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000113117

    #MGROnline #หมอบุญ
    พนักงานสอบสวน สน.พญาไท นำตัวอดีตเมีย-ลูกสาว “หมอบุญ” คดีร่วมกันฉ้อโกงกว่า 7,500 ล้านบาท ส่งศาลอาญาฝากขัง • วันนี้ (25 พ.ย.) พนักงานสอบสวน สน.พญาไท รับตัว นางจารุวรรณ อายุ 79 ปี อดีตภรรยาของ นพ.บุญ หรือหมอบุญ อายุ 86 ปี และ น.ส.นลิน อายุ 51 ปี ลูกสาว หลังเข้ามอบตัวในคดี ตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กรณี นพ.บุญ อ้างว่าลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจทางการแพทย์ 5 โครงการใหญ่ มีการชักชวนผู้เสียหายร่วมลงทุน มีผู้เสียหาย 247 ราย สูญเงินรวมกว่า 7,500 ล้านบาท ที่ สน.พญาไท ไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดา เป็นผลัดแรก โดยท้ายคำร้องคัดค้านการประกันตัว • ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้าเวลา 07.30 น. นายพัน คนขับรถของ นางจารุวรรณ และลูกสาว ของหมอบุญ นำอาหารและน้ำดื่ม มาเยี่ยมผู้ต้องหาทั้งสองคนอีกครั้ง โดยตำรวจได้แนะนำให้รีบเยี่ยมและพูดคุยกัน ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที • โดยนายพันธ์ เปิดเผยว่า ตนเป็นคนขับรถของบ้านหมอบุญมาประมาณ 5 ปี โดยวันนี้ได้นำข้าวและน้ำที่แม่บ้านเป็นคนเตรียมมาให้ ที่ผ่านมาทั้งสามคน อยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ตนเจอหมอบุญครั้งสุดท้ายประมาณช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม และเท่าที่รู้มาตัวหมอบุญเองเดินทางออกต่างประเทศไม่บ่อย และตนเองก็ไม่ทราบเรื่องธุรกิจลงทุน เพราะหมอบุญไม่เคยบอก และไม่เคยพาไปดูโครงการต่างๆ • หลังเป็นข่าวตนรู้สึกตกใจและเป็นห่วง แต่เชื่อว่า ภรรยากับลูกสาวของหมอบุญไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว พร้อมบอกด้วยว่า วันนี้ภรรยาและลูกสาวของหมอบุญไม่ได้บอกให้ตนเตรียมเอกสารอะไรมาเพิ่มเติม • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000113117 • #MGROnline #หมอบุญ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 800 มุมมอง 0 รีวิว
  • จุดเริ่มต้นที่มา ทนายเสน่หา 71 ล้าน : [Exclusive for Sondhi talk](EP1)

    เปิดที่มา จากปากผู้เสียหาย รู้จัก “ทนายตั้ม” ก่อนโดนต้ม สูญเงิน 71 ล้าน พร้อมลากไส้ กินหรูอยู่แพง ค่าใช้จ่ายออกให้ทุกอย่าง.

    #Sondhix #Sondhitalk #ทนายมหาเสน่ห์ #พี่อ้อย #71ล้าน #ทนายตั้ม
    จุดเริ่มต้นที่มา ทนายเสน่หา 71 ล้าน : [Exclusive for Sondhi talk](EP1) เปิดที่มา จากปากผู้เสียหาย รู้จัก “ทนายตั้ม” ก่อนโดนต้ม สูญเงิน 71 ล้าน พร้อมลากไส้ กินหรูอยู่แพง ค่าใช้จ่ายออกให้ทุกอย่าง. #Sondhix #Sondhitalk #ทนายมหาเสน่ห์ #พี่อ้อย #71ล้าน #ทนายตั้ม
    Like
    Love
    Haha
    Angry
    55
    7 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 5613 มุมมอง 2571 1 รีวิว
  • -โผล่ต่อเนื่องเหยื่อ ดิไอคอน กรุ๊ป สาวใหญ่เมืองศรีราชาเกือบฆ่าตัวตายหลังสูญเงินเก็บกว่า 2 แสนบาทลงทุนขายสินค้าหวังเงินปันผลไว้ใช้ตอนแก่ สุดท้ายพบไม่เน้นขายของ เน้นหาคนเพิ่ม โชคดีได้กำลังใจจากลูกยื้อชีวิตกลับคืน ทุกวันนี้ต้องรับจ้างล้างจาน ส่วนลูกเป็นเด็กเสิร์ฟช่วยหาเงินเข้าบ้าน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000101542

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    -โผล่ต่อเนื่องเหยื่อ ดิไอคอน กรุ๊ป สาวใหญ่เมืองศรีราชาเกือบฆ่าตัวตายหลังสูญเงินเก็บกว่า 2 แสนบาทลงทุนขายสินค้าหวังเงินปันผลไว้ใช้ตอนแก่ สุดท้ายพบไม่เน้นขายของ เน้นหาคนเพิ่ม โชคดีได้กำลังใจจากลูกยื้อชีวิตกลับคืน ทุกวันนี้ต้องรับจ้างล้างจาน ส่วนลูกเป็นเด็กเสิร์ฟช่วยหาเงินเข้าบ้าน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000101542 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    Angry
    Love
    24
    0 ความคิดเห็น 4 การแบ่งปัน 2359 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชายชาวมาเก๊าวัย 70 ปี บินข้ามประเทศแจ้งจับ "ดิไอคอนกรุ๊ป" หลอกลงทุน สูญเงินกว่า 2.5 แสนบาทยอดเหยื่อล่าสุด 5,648 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 1,611 ล้านบาท

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000101139

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ชายชาวมาเก๊าวัย 70 ปี บินข้ามประเทศแจ้งจับ "ดิไอคอนกรุ๊ป" หลอกลงทุน สูญเงินกว่า 2.5 แสนบาทยอดเหยื่อล่าสุด 5,648 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 1,611 ล้านบาท อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000101139 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2079 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts