• "ในการปฏิบัติภารกิจเพื่อประโยชน์ของประเทศชาตินั้น ในบางครั้งการกระทำอาจเป็นคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติก็จริงอยู่ แต่ในบางครั้งบางโอกาสนั้น ผู้รู้ว่าการไม่กระทำนั้นจะก่อให้เกิดคุณประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองยิ่งกว่า"

    พจน์ สารสิน (นายกรัฐมนตรีคนที่ 9 ของประเทศไทย)

    #ข้อคิด
    #สุนทรพจน์
    #thaitimes
    #อดีตนายกรัฐมนตรี
    "ในการปฏิบัติภารกิจเพื่อประโยชน์ของประเทศชาตินั้น ในบางครั้งการกระทำอาจเป็นคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติก็จริงอยู่ แต่ในบางครั้งบางโอกาสนั้น ผู้รู้ว่าการไม่กระทำนั้นจะก่อให้เกิดคุณประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองยิ่งกว่า" พจน์ สารสิน (นายกรัฐมนตรีคนที่ 9 ของประเทศไทย) #ข้อคิด #สุนทรพจน์ #thaitimes #อดีตนายกรัฐมนตรี
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 258 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไฮฟาจะเป็นเป้าหมายของฮิซบอลเลาะห์ตลอดไป!!

    นาอิม กัสซิม (Naim Qassem)ผู้นำคนใหม่ของฮิซบอลเลาะห์เพิ่งกล่าวสุนทรพจน์อย่างเป็นทางการครั้งแรก หลังจากเข้ารับตำแหน่ง

    บางส่วนของคำปราศรัย:

    - "อิสราเอลกำลังประเมินผู้นำรุ่นใหม่ของฮิซบอลเลาะห์ต่ำเกินไป ผู้บัญชาการของเราเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ทั้งในแนวหน้าและในตะวันออกกลาง"

    - "เราพร้อมที่จะต่อสู้ในสงครามที่ยาวนานและยากลำบาก เวลาอยู่ข้างเรา"

    - "แม้ว่าเราจะถูกโจมตีจากเครื่องรับส่งวิทยุไปจนถึงการกำหนดเป้าหมายที่ผู้นำของเรา.. มันเป็นการโจมตีครั้งใหญ่จากศัตรู แต่หลังจากนั้นเพียง 8-10 วัน หรือ 11 วัน กองกำลังของเราก็เริ่มกลับมาเติมเต็มตำแหน่งที่ว่าง.. และลุกขึ้นสู้อีกครั้ง ขอบคุณพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ เพราะเรามีศักยภาพมากมาย"

    - "อิหร่านสนับสนุนเราอย่างปราศจากเงื่อนไข และไม่เคยคาดหวังผลลัพธ์อะไรจากเรา เรายังยินดีต้อนรับประเทศอาหรับและอิสลามทุกประเทศที่ต้องการสนับสนุนเราในการเผชิญหน้ากับ "อิสราเอล"

    - "เราไม่ได้ต่อสู้เพื่อใคร เราแค่ต่อสู้เพื่อปกป้องเลบานอน เจตนาของเราคือการปกป้องดินแดนของเราและสนับสนุนปาเลสไตน์เพียงเท่านั้น"

    - "เป็นหน้าที่ของเราในการสนับสนุนชาวกาซา และเราถือว่ามันคือหน้าที่ของเราในการเผชิญหน้ากับภัยคุกคามของอิสราเอลในภูมิภาคนี้"

    - “ไฮฟาได้กลายเป็นเป้าหมายของนักสู้ของเรา.. พวกเราจะส่งข้อความถึงอิสราเอลเป็นระยะๆตลอดไป”
    ไฮฟาจะเป็นเป้าหมายของฮิซบอลเลาะห์ตลอดไป!! นาอิม กัสซิม (Naim Qassem)ผู้นำคนใหม่ของฮิซบอลเลาะห์เพิ่งกล่าวสุนทรพจน์อย่างเป็นทางการครั้งแรก หลังจากเข้ารับตำแหน่ง บางส่วนของคำปราศรัย: - "อิสราเอลกำลังประเมินผู้นำรุ่นใหม่ของฮิซบอลเลาะห์ต่ำเกินไป ผู้บัญชาการของเราเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ทั้งในแนวหน้าและในตะวันออกกลาง" - "เราพร้อมที่จะต่อสู้ในสงครามที่ยาวนานและยากลำบาก เวลาอยู่ข้างเรา" - "แม้ว่าเราจะถูกโจมตีจากเครื่องรับส่งวิทยุไปจนถึงการกำหนดเป้าหมายที่ผู้นำของเรา.. มันเป็นการโจมตีครั้งใหญ่จากศัตรู แต่หลังจากนั้นเพียง 8-10 วัน หรือ 11 วัน กองกำลังของเราก็เริ่มกลับมาเติมเต็มตำแหน่งที่ว่าง.. และลุกขึ้นสู้อีกครั้ง ขอบคุณพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ เพราะเรามีศักยภาพมากมาย" - "อิหร่านสนับสนุนเราอย่างปราศจากเงื่อนไข และไม่เคยคาดหวังผลลัพธ์อะไรจากเรา เรายังยินดีต้อนรับประเทศอาหรับและอิสลามทุกประเทศที่ต้องการสนับสนุนเราในการเผชิญหน้ากับ "อิสราเอล" - "เราไม่ได้ต่อสู้เพื่อใคร เราแค่ต่อสู้เพื่อปกป้องเลบานอน เจตนาของเราคือการปกป้องดินแดนของเราและสนับสนุนปาเลสไตน์เพียงเท่านั้น" - "เป็นหน้าที่ของเราในการสนับสนุนชาวกาซา และเราถือว่ามันคือหน้าที่ของเราในการเผชิญหน้ากับภัยคุกคามของอิสราเอลในภูมิภาคนี้" - “ไฮฟาได้กลายเป็นเป้าหมายของนักสู้ของเรา.. พวกเราจะส่งข้อความถึงอิสราเอลเป็นระยะๆตลอดไป”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • กาเบรียลิอุส แลนด์สเบอร์กิส รัฐมนตรีต่างประเทศลิทัวเนีย เรียกร้องให้ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ลาออกจากตำแหน่ง อ้างว่าเขาสูญเสียความน่าเชื่อถือหลังไปเข้าร่วมการประชุมกลุ่ม BRICS ในรัสเซีย เมื่อช่วงปลายสัปดาห์
    .
    แลนด์สเบอร์กิส วิพากษ์วิจารณ์ กูเตอร์เรส สำหรับการไปปรากฏตัวในเมืองคาซาน ทั้งที่ไม่ยอมเข้าร่วมการประชุมซัมมิตสันติภาพของยูเครนเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา พร้อมชี้ว่ามันบั่นทอนความเป็นกลางของผู้นำยูเอ็น โดยรัฐมนตรีต่างประเทศลิทัวเนีย เรียกพฤติกรรมของ กูเตอร์เรส ว่าแสดงออกถึงความลำเลียง ทำให้สถานะของเขาในฐานะตัวแทนความเป็นกลางของนานาชาติไม่สมเหตุสมผลอีกต่อไป
    .
    ขณะเดียวกัน อินกรีดา ซิโมนีเต นายกรัฐมนตรีลิทัวเนีย ก็ประณามเช่นกันต่อการเดินทางไปร่วมประชุมกลุ่ม BRICS ของกูเตอร์เรส ที่ไปพบปะกับพวกผู้นำของจีน รัสเซีย และอื่นๆ พร้อมชี้ว่ามันเป็นเรื่องน่าเศร้าและยากที่จะเข้าใจ
    .
    กูเตอร์เรส เดินทางไปเข้าร่วมการประชุม 3 วันในคาซาน เวทีที่มีคณะผู้แทนระดับสูงจาก 36 ชาติเข้าร่วม ทั้งนี้ สำนักงานเลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ เน้นย้ำว่าการประชุมนี้เป็นตัวแทนของประชากรเกือบครึ่งโลก เพราะฉะนั้นการทำงานขององค์กรแห่งนี้จึงมีความสำคัญมาก
    .
    ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมิถุนายน สวิตเซอร์แลนด์เพิ่งเป็นเจ้าภาพการประชุมเกี่ยวกับยูเครน ซึ่งข้อเสนอของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ที่เรียกว่า "สูตรสันติภาพ" เป็นแก่นกลางการประชุมและไม่มีรัสเซียรวมอยู่ด้วย
    .
    แม้ทางเลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติปฏิเสธคำเชิญเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว แต่ทาง สเตฟาน ดูจาร์ริค โฆษกของสหประชาชาติชี้แจงว่าทางองค์กรระหว่างประเทศแห่งนี้ได้ส่งตัวแทนระดับสูงที่เหมาะสมเข้าร่วมแทน
    .
    อย่างไรก็ตาม แลนด์สเบอร์กิส โต้แย้งว่า กูเตอร์เรส ไม่ได้เป็นที่ยอมรับในฐานะคนกลางที่มีความจริงใจอีกแล้ว ในเรื่องเกี่ยวกับการหาทางออกระหวางรัสเซียกับยูเครน
    .
    "กูเตอร์เรสต้องยอมรับว่าเขาทำผิดพลาดและแสดงความรับผิดชอบ สำหรับการตัดสินใจไม่เข้าร่วมประชุมซัมมิตสันติภาพยูเครนในสวิตเซอร์แลนด์ และสำหรับความอยากไปเจอกับอาชญากรปูติน และสำหรับการไปประจบประแจงปูติน และลูคาเชนโก ผู้สมคบคิดของเขา" รัฐมนตรีต่างประเทศลิทัวเนียกล่าว อ้างถึง ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก แห่งเบลารุส
    .
    ในส่วนของนายกรัฐมนตรีลิทัวเนีย ก็แสดงความรู้สึกผิดหวังเช่นกัน พร้อมวิพากษ์วิจารณ์เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ สำหรับการจับมือกับ ปูติน และลูคาเชนโก ระหว่างร่วมประชุมซัมมิตกลุ่ม BRICS "อย่างน้อยๆ สามารถพูดได้ว่า มันเป็นพฤติกรรมที่ยากจะเข้าใจ"
    .
    กูเตอร์เรส ซึ่งไม่ได้เยือนรัสเซียมานานกว่า 2 ปี ก่อนเดินทางไปยังคาซาน เน้นย้ำความสำคัญของการเข้าร่วมใน "เซสชันขยายของที่ประชุมซัมมิตกลุ่ม BRICS ซึ่งเป็นตัวแทนของประชากรเกือบครึ่งโลก" และระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในวันสุดท้ายของการประชุม เขาเรียร้องให้สมาชิกกลุ่ม BRICS ทำตัวในฐานครอบครัวโลก เสาะแสวงหาเป้าหมายร่วมกันและเรียกร้อง "สันติภาพ" ในยูเครน เช่นเดียวกับข้อตกลงหยุดยิงในกาซาและเลบานอน
    .
    ระหว่างการประชุม เขาได้พบปะทวิภาคีกับบรรดาผู้นำของประเทศต่างๆ รวมถึงหารือเกี่ยวกับวิกฤตในยูเครนและตะวันออกกลาง ณ ที่ประชุมลับกับประธานาธิบดีปูติน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000103588
    ..............
    Sondhi X
    กาเบรียลิอุส แลนด์สเบอร์กิส รัฐมนตรีต่างประเทศลิทัวเนีย เรียกร้องให้ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ลาออกจากตำแหน่ง อ้างว่าเขาสูญเสียความน่าเชื่อถือหลังไปเข้าร่วมการประชุมกลุ่ม BRICS ในรัสเซีย เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ . แลนด์สเบอร์กิส วิพากษ์วิจารณ์ กูเตอร์เรส สำหรับการไปปรากฏตัวในเมืองคาซาน ทั้งที่ไม่ยอมเข้าร่วมการประชุมซัมมิตสันติภาพของยูเครนเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา พร้อมชี้ว่ามันบั่นทอนความเป็นกลางของผู้นำยูเอ็น โดยรัฐมนตรีต่างประเทศลิทัวเนีย เรียกพฤติกรรมของ กูเตอร์เรส ว่าแสดงออกถึงความลำเลียง ทำให้สถานะของเขาในฐานะตัวแทนความเป็นกลางของนานาชาติไม่สมเหตุสมผลอีกต่อไป . ขณะเดียวกัน อินกรีดา ซิโมนีเต นายกรัฐมนตรีลิทัวเนีย ก็ประณามเช่นกันต่อการเดินทางไปร่วมประชุมกลุ่ม BRICS ของกูเตอร์เรส ที่ไปพบปะกับพวกผู้นำของจีน รัสเซีย และอื่นๆ พร้อมชี้ว่ามันเป็นเรื่องน่าเศร้าและยากที่จะเข้าใจ . กูเตอร์เรส เดินทางไปเข้าร่วมการประชุม 3 วันในคาซาน เวทีที่มีคณะผู้แทนระดับสูงจาก 36 ชาติเข้าร่วม ทั้งนี้ สำนักงานเลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ เน้นย้ำว่าการประชุมนี้เป็นตัวแทนของประชากรเกือบครึ่งโลก เพราะฉะนั้นการทำงานขององค์กรแห่งนี้จึงมีความสำคัญมาก . ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมิถุนายน สวิตเซอร์แลนด์เพิ่งเป็นเจ้าภาพการประชุมเกี่ยวกับยูเครน ซึ่งข้อเสนอของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ที่เรียกว่า "สูตรสันติภาพ" เป็นแก่นกลางการประชุมและไม่มีรัสเซียรวมอยู่ด้วย . แม้ทางเลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติปฏิเสธคำเชิญเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว แต่ทาง สเตฟาน ดูจาร์ริค โฆษกของสหประชาชาติชี้แจงว่าทางองค์กรระหว่างประเทศแห่งนี้ได้ส่งตัวแทนระดับสูงที่เหมาะสมเข้าร่วมแทน . อย่างไรก็ตาม แลนด์สเบอร์กิส โต้แย้งว่า กูเตอร์เรส ไม่ได้เป็นที่ยอมรับในฐานะคนกลางที่มีความจริงใจอีกแล้ว ในเรื่องเกี่ยวกับการหาทางออกระหวางรัสเซียกับยูเครน . "กูเตอร์เรสต้องยอมรับว่าเขาทำผิดพลาดและแสดงความรับผิดชอบ สำหรับการตัดสินใจไม่เข้าร่วมประชุมซัมมิตสันติภาพยูเครนในสวิตเซอร์แลนด์ และสำหรับความอยากไปเจอกับอาชญากรปูติน และสำหรับการไปประจบประแจงปูติน และลูคาเชนโก ผู้สมคบคิดของเขา" รัฐมนตรีต่างประเทศลิทัวเนียกล่าว อ้างถึง ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก แห่งเบลารุส . ในส่วนของนายกรัฐมนตรีลิทัวเนีย ก็แสดงความรู้สึกผิดหวังเช่นกัน พร้อมวิพากษ์วิจารณ์เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ สำหรับการจับมือกับ ปูติน และลูคาเชนโก ระหว่างร่วมประชุมซัมมิตกลุ่ม BRICS "อย่างน้อยๆ สามารถพูดได้ว่า มันเป็นพฤติกรรมที่ยากจะเข้าใจ" . กูเตอร์เรส ซึ่งไม่ได้เยือนรัสเซียมานานกว่า 2 ปี ก่อนเดินทางไปยังคาซาน เน้นย้ำความสำคัญของการเข้าร่วมใน "เซสชันขยายของที่ประชุมซัมมิตกลุ่ม BRICS ซึ่งเป็นตัวแทนของประชากรเกือบครึ่งโลก" และระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในวันสุดท้ายของการประชุม เขาเรียร้องให้สมาชิกกลุ่ม BRICS ทำตัวในฐานครอบครัวโลก เสาะแสวงหาเป้าหมายร่วมกันและเรียกร้อง "สันติภาพ" ในยูเครน เช่นเดียวกับข้อตกลงหยุดยิงในกาซาและเลบานอน . ระหว่างการประชุม เขาได้พบปะทวิภาคีกับบรรดาผู้นำของประเทศต่างๆ รวมถึงหารือเกี่ยวกับวิกฤตในยูเครนและตะวันออกกลาง ณ ที่ประชุมลับกับประธานาธิบดีปูติน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000103588 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Yay
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1331 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ความมั่นคงด้านพลังงานกำลังเฟื่องฟูในหมู่สมาชิก BRICS”

    เป็นเรื่องน่าสังเกตว่า แม้ภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดต่อประเทศตะวันตกคือความมั่นคงด้านพลังงาน, แต่ปัจจุบันประเทศ BRICS กลับซื้อขายทรัพยากรจำนวนมหาศาลของตนอย่างเปิดเผย

    🤣การคว่ำบาตรล้มเหลวอย่างน่าตกใจ🤣
    .
    "Energy Security is thriving amongst BRICS members"

    It's remarkable that while the single biggest threat to Western countries is energy security, BRICS countries now openly trade in their vast resources.

    Sanctions have failed dramatically.
    .
    8:06 PM · Oct 23, 2024 · 93.1K Views
    https://x.com/BowesChay/status/1849074894450876729
    .
    ในสุนทรพจน์ที่การประชุมสุดยอด BRICS ปี ๒๐๒๔, ประธานาธิบดีปูติน ชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จของ BRICS ในด้านความมั่นคงด้านพลังงานและการสกัดแร่ธาตุ
    .
    In his speech at the 2024 BRICS Summit, President Putin pointed out BRICS' achievements in the fields of energy security and mineral extraction
    .
    11:00 AM · Oct 24, 2024 · 7,829 Views
    https://x.com/RT_com/status/1849299784588472525
    “ความมั่นคงด้านพลังงานกำลังเฟื่องฟูในหมู่สมาชิก BRICS” เป็นเรื่องน่าสังเกตว่า แม้ภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดต่อประเทศตะวันตกคือความมั่นคงด้านพลังงาน, แต่ปัจจุบันประเทศ BRICS กลับซื้อขายทรัพยากรจำนวนมหาศาลของตนอย่างเปิดเผย 🤣การคว่ำบาตรล้มเหลวอย่างน่าตกใจ🤣 . "Energy Security is thriving amongst BRICS members" It's remarkable that while the single biggest threat to Western countries is energy security, BRICS countries now openly trade in their vast resources. Sanctions have failed dramatically. . 8:06 PM · Oct 23, 2024 · 93.1K Views https://x.com/BowesChay/status/1849074894450876729 . ในสุนทรพจน์ที่การประชุมสุดยอด BRICS ปี ๒๐๒๔, ประธานาธิบดีปูติน ชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จของ BRICS ในด้านความมั่นคงด้านพลังงานและการสกัดแร่ธาตุ . In his speech at the 2024 BRICS Summit, President Putin pointed out BRICS' achievements in the fields of energy security and mineral extraction . 11:00 AM · Oct 24, 2024 · 7,829 Views https://x.com/RT_com/status/1849299784588472525
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 26 0 รีวิว
  • กองทัพจีนเริ่มทำการซ้อมรบครั้งใหม่ใกล้ไต้หวัน ระบุเป็นสัญญาณเตือนที่ส่งถึง "พฤติกรรมแบ่งแยกดินแดนของกองกำลังเอกราชไต้หวัน" โดยคราวนี้ไม่มีการกำหนดวันสิ้นสุดใดๆ ความเคลื่อนไหวที่เรียกเสียงประณามจากรัฐบาลไทเป
    .
    ไต้หวันซึ่งปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตย และถูกจีนกล่าวอ้างเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน อยู่ในภาวะเฝ้าระวังขั้นสูงต่อการซ้อมรบครั้งใหม่ใดๆ ของจีน นับตั้งแต่ประธานาธิบดี ไล่ ชิงเต๋อ กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวันชาติเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    ในสุนทรพจน์ ไล่ ได้ประกาศกร้าวจะเดินหน้าต่อต้านการผนวกดินแดนของจีนแผ่นดินใหญ่ และบอกว่าปักกิ่งไม่มีสิทธิเป็นตัวแทนของไต้หวัน แม้อีกด้านหนึ่งเขาได้เสนอร่วมมือกับปักกิ่งก็ตาม
    .
    สุนทรพจน์ดังกล่าวเรียกเสียงปะณามมาจากปักกิ่ง และล่าสุดทางกองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออกของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน เปิดเผยว่า การซ้อมรบ Joint Sword-2024B ได้เริ่มขึ้นแล้วและกำลังมีขึ้นในช่องแคบไต้หวัน และพื้นที่ต่างๆ ทางเหนือ ทางใต้และตะวันออกของไต้หวัน
    .
    "การซ้อมรบยังเป็นคำเตือนอย่างจริงจังต่อพฤติกรรมแบ่งแยกดินแดนของกองกำลังเอกราชไต้หวัน มันเป็นปฏิบัติการที่ชอบด้วยกฎหมายและจำเป็น เพื่อปกป้องอธิปไตยและความเป็นหนึ่งเดียวกันของประเทศชาติ" ถ้อยแถลงของกองทัพจีนระบุ ทั้งนี้ ถ้อยแถลงนี้มีเผยแพร่ทั้งในรูปแบบภาษาจีนและภาษาอังกฤษ
    .
    กองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออกของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน ได้เผยแพร่แผนที่หนึ่งซึ่งเผยให้เห็น 9 พื้นที่รอบไต้หวัน บริเวณที่มีการซ้อมรบ ในนั้น 2 จุดอยู่ทางชายฝั่งตะวันออกของเกาะ 3 จุดอยู่ทางชายฝั่งตะวันตก 1 จุดทางเหนือ และอีก 3 จุด แถวหมู่เกาะต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของไต้หวัน ใกล้กับชายฝั่งของจีน
    .
    "กองเรือและฝูงบินของจีนมุ่งหน้าเข้าหาไต้หวันในระยะประชิดจากทุกทิศทุกทาง มุ่งเน้นไปที่การฝึกซ้อมลาดตระเวนเพื่อความพร้อมด้านการสู้รบทั้งทางทะเลและอากาศ การปิดล้อมท่าเรือและพื้นที่สำคัญๆ การจู่โจมเป้าหมายทางทะเลและทางภาคพื้น รวมถึงฉวยความได้เปรียบอย่างครอบคลุม"
    .
    อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้แถลงว่ามีการฝึกซ้อมกระสุนจริงหรือกำหนดเขตห้ามบินใดๆ หรือไม่ ในขณะที่เมื่อปี 2022 ไม่นานหลังจาก แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ณ ขณะนั้นเดินทางเยือนไต้หวัน ทางจีนได้รัวยิงขีปนาวุธข้ามเกาะแห่งนี้
    .
    สภากิจการแผ่นดินใหญ่ของไต้หวัน กล่าวว่าการซ้อมรบล่าสุดของจีนและไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลัง คือการยั่วยุอย่างโจ่งแจ้งที่บ่อนทำลายเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาคอย่างร้ายแรง
    .
    อย่างไรก็ตาม สภากิจการแผ่นดินใหญ่ของไต้หวัน เน้นย้ำว่าแม้ถูกจีนยกระดับข่มขู่ทางการเมือง ทางทหารและเศรษฐกิจหนักหน่วงขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่ไต้หวันจะไม่ยอมจำนน "ประธานาธิบดีไล่ ได้แสดงออกถึงไมตรีจิตในคำกล่าวสุนทรพจน์เรื่องในวันชาติ และมีความตั้งใจแบกรับความรับผิดชอบธำรงไว้ซึ่งสันติภาพในช่องแคบไต้หวัน ร่วมกับคอมมิวนิสต์จีน"
    .
    กระทรวงกลาโหมไต้หวันเปิดเผยว่าพวกเขาได้ส่งกองกำลังของตนเองออกไปเช่นกัน
    .
    เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงระดับสูงรายหนึ่งของไต้หวัน ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์โดยไม่ประสงค์เอ่ยนาม เนื่องจากเป็นประเด็นอ่อนไหว เชื่อว่าจีนกำลังฝึกซ้อมปิดกั้นท่าเรือต่างๆ ของไต้หวันในทางเหนือและทางใต้ของเกาะ รวมถึงเส้นทางการเดินเรือระหว่างประเทศ เช่นเดียวกับการฝึกซ้อมสกัดการเดินทางเข้ามาของกองกำลังต่างชาติ
    .
    ไต้หวันเมื่อวันอาทิตย์ (13 ต.ค.) รายงานว่าเรือบรรทุกเครื่องบินลำหนึ่งของจีน ล่องสู่ทางใต้ของเกาะ ผ่านช่องแคบยุทธศาสตร์ "บาชิ" ที่กั้นระหว่างไต้หวันกับฟิลิปปินส์ และเชื่อมทะเลจีนใต้ไปยังมหาสมุทรแปซิฟิก
    .
    นับตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้ว สื่อมวลชนแห่งรัฐจีนรายงานเรื่องราวต่างๆ และความคิดเห็นของบรรดาผู้สันทัดกรณี ที่ประณามคำกล่าวสุนทรพจน์ของไล่ และในวันอาทิตย์ (13 ต.ค.) ทางกองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออกของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน เผยแพร่วิดีโอหนึ่งซึ่งเป็นภาพที่อ้างว่าพวกเขากำลังเตรียมพร้อมสำหรับการสู้รบ
    .
    จีนเคยจัดการซ้อมรบ Joint Sword-2024A รอบเกาะไต้หวัน เป็นเวลา 2 วัน ในเดือนพฤษภาคม ไม่นานหลังจาก ไล่ เข้ารับตำแหน่ง โดยบอกว่ามันเป็นการลงโทษต่อคำกล่าวสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของไล่ ที่มีเนื้อหาแบ่งแยกดินแดน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000098420
    ..............
    Sondhi X
    กองทัพจีนเริ่มทำการซ้อมรบครั้งใหม่ใกล้ไต้หวัน ระบุเป็นสัญญาณเตือนที่ส่งถึง "พฤติกรรมแบ่งแยกดินแดนของกองกำลังเอกราชไต้หวัน" โดยคราวนี้ไม่มีการกำหนดวันสิ้นสุดใดๆ ความเคลื่อนไหวที่เรียกเสียงประณามจากรัฐบาลไทเป . ไต้หวันซึ่งปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตย และถูกจีนกล่าวอ้างเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน อยู่ในภาวะเฝ้าระวังขั้นสูงต่อการซ้อมรบครั้งใหม่ใดๆ ของจีน นับตั้งแต่ประธานาธิบดี ไล่ ชิงเต๋อ กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวันชาติเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว . ในสุนทรพจน์ ไล่ ได้ประกาศกร้าวจะเดินหน้าต่อต้านการผนวกดินแดนของจีนแผ่นดินใหญ่ และบอกว่าปักกิ่งไม่มีสิทธิเป็นตัวแทนของไต้หวัน แม้อีกด้านหนึ่งเขาได้เสนอร่วมมือกับปักกิ่งก็ตาม . สุนทรพจน์ดังกล่าวเรียกเสียงปะณามมาจากปักกิ่ง และล่าสุดทางกองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออกของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน เปิดเผยว่า การซ้อมรบ Joint Sword-2024B ได้เริ่มขึ้นแล้วและกำลังมีขึ้นในช่องแคบไต้หวัน และพื้นที่ต่างๆ ทางเหนือ ทางใต้และตะวันออกของไต้หวัน . "การซ้อมรบยังเป็นคำเตือนอย่างจริงจังต่อพฤติกรรมแบ่งแยกดินแดนของกองกำลังเอกราชไต้หวัน มันเป็นปฏิบัติการที่ชอบด้วยกฎหมายและจำเป็น เพื่อปกป้องอธิปไตยและความเป็นหนึ่งเดียวกันของประเทศชาติ" ถ้อยแถลงของกองทัพจีนระบุ ทั้งนี้ ถ้อยแถลงนี้มีเผยแพร่ทั้งในรูปแบบภาษาจีนและภาษาอังกฤษ . กองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออกของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน ได้เผยแพร่แผนที่หนึ่งซึ่งเผยให้เห็น 9 พื้นที่รอบไต้หวัน บริเวณที่มีการซ้อมรบ ในนั้น 2 จุดอยู่ทางชายฝั่งตะวันออกของเกาะ 3 จุดอยู่ทางชายฝั่งตะวันตก 1 จุดทางเหนือ และอีก 3 จุด แถวหมู่เกาะต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของไต้หวัน ใกล้กับชายฝั่งของจีน . "กองเรือและฝูงบินของจีนมุ่งหน้าเข้าหาไต้หวันในระยะประชิดจากทุกทิศทุกทาง มุ่งเน้นไปที่การฝึกซ้อมลาดตระเวนเพื่อความพร้อมด้านการสู้รบทั้งทางทะเลและอากาศ การปิดล้อมท่าเรือและพื้นที่สำคัญๆ การจู่โจมเป้าหมายทางทะเลและทางภาคพื้น รวมถึงฉวยความได้เปรียบอย่างครอบคลุม" . อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้แถลงว่ามีการฝึกซ้อมกระสุนจริงหรือกำหนดเขตห้ามบินใดๆ หรือไม่ ในขณะที่เมื่อปี 2022 ไม่นานหลังจาก แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ณ ขณะนั้นเดินทางเยือนไต้หวัน ทางจีนได้รัวยิงขีปนาวุธข้ามเกาะแห่งนี้ . สภากิจการแผ่นดินใหญ่ของไต้หวัน กล่าวว่าการซ้อมรบล่าสุดของจีนและไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลัง คือการยั่วยุอย่างโจ่งแจ้งที่บ่อนทำลายเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาคอย่างร้ายแรง . อย่างไรก็ตาม สภากิจการแผ่นดินใหญ่ของไต้หวัน เน้นย้ำว่าแม้ถูกจีนยกระดับข่มขู่ทางการเมือง ทางทหารและเศรษฐกิจหนักหน่วงขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่ไต้หวันจะไม่ยอมจำนน "ประธานาธิบดีไล่ ได้แสดงออกถึงไมตรีจิตในคำกล่าวสุนทรพจน์เรื่องในวันชาติ และมีความตั้งใจแบกรับความรับผิดชอบธำรงไว้ซึ่งสันติภาพในช่องแคบไต้หวัน ร่วมกับคอมมิวนิสต์จีน" . กระทรวงกลาโหมไต้หวันเปิดเผยว่าพวกเขาได้ส่งกองกำลังของตนเองออกไปเช่นกัน . เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงระดับสูงรายหนึ่งของไต้หวัน ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์โดยไม่ประสงค์เอ่ยนาม เนื่องจากเป็นประเด็นอ่อนไหว เชื่อว่าจีนกำลังฝึกซ้อมปิดกั้นท่าเรือต่างๆ ของไต้หวันในทางเหนือและทางใต้ของเกาะ รวมถึงเส้นทางการเดินเรือระหว่างประเทศ เช่นเดียวกับการฝึกซ้อมสกัดการเดินทางเข้ามาของกองกำลังต่างชาติ . ไต้หวันเมื่อวันอาทิตย์ (13 ต.ค.) รายงานว่าเรือบรรทุกเครื่องบินลำหนึ่งของจีน ล่องสู่ทางใต้ของเกาะ ผ่านช่องแคบยุทธศาสตร์ "บาชิ" ที่กั้นระหว่างไต้หวันกับฟิลิปปินส์ และเชื่อมทะเลจีนใต้ไปยังมหาสมุทรแปซิฟิก . นับตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้ว สื่อมวลชนแห่งรัฐจีนรายงานเรื่องราวต่างๆ และความคิดเห็นของบรรดาผู้สันทัดกรณี ที่ประณามคำกล่าวสุนทรพจน์ของไล่ และในวันอาทิตย์ (13 ต.ค.) ทางกองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออกของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน เผยแพร่วิดีโอหนึ่งซึ่งเป็นภาพที่อ้างว่าพวกเขากำลังเตรียมพร้อมสำหรับการสู้รบ . จีนเคยจัดการซ้อมรบ Joint Sword-2024A รอบเกาะไต้หวัน เป็นเวลา 2 วัน ในเดือนพฤษภาคม ไม่นานหลังจาก ไล่ เข้ารับตำแหน่ง โดยบอกว่ามันเป็นการลงโทษต่อคำกล่าวสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของไล่ ที่มีเนื้อหาแบ่งแยกดินแดน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000098420 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 904 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇮🇱 อ๋าววว... นึกว่าจะโจมตีแก้แค้นอิหร่าน😁
    .... ลืมไปว่า ถนัดรังแกเด็ก😆
    .
    คืนวันที่ 5 ต.ค. สนข. #AP รายงานว่า : เหตุระเบิดรุนแรงเริ่มขึ้นหลังจากกองทัพอิสราเอลเรียกร้องให้ประชาชนอพยพออกจากพื้นที่ในดาฮีเยห์ ซึ่งเป็นเขตชานเมืองทางใต้ของกรุงเบรุต ที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวชีอะห์
    • 💥 วิดีโอของ AP เผยให้เห็นเหตุระเบิดที่สว่างไสวไปทั่วเขตชานเมืองทางใต้ที่มีประชากรหนาแน่น ของเลบานอน
    • 💥 วิดีโอทางโซเชียลฯเผยให้เห็นเหตุระเบิดครั้งใหญ่หลายครั้งในพื้นที่ดังกล่าว

    🇱🇧 สำนักข่าวแห่งชาติของเลบานอน รายงานว่า การโจมตีของอิสราเอล 5 ครั้ง เกิดขึ้นทางใต้ของเบรุตและชานเมือง โดย 4 ครั้งในนั้น "รุนแรงมาก"
    • มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,000 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 9,535 ราย นับตั้งแต่การสู้รบเริ่มขึ้นในเลบานอน โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย.
    .
    🇮🇷 🇮🇷 🇮🇷 🚀🚀
    หลังจากเตหะรานยิงขีปนาวุธถล่มประเทศเมื่อสัปดาห์นี้

    ◉ เบนจามิน เนทันยาฮู กล่าวในสุนทรพจน์ในการออกอากาศทางโทรทัศน์ เมื่อเย็นวันที่ 5 ต.ค. ว่า : อิสราเอลจะตอบโต้การโจมตีของอิหร่าน😁

    ◉ พลเรือเอกแดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพ กล่าวในแถลงการณ์ออกอากาศ ตามรายงานของ #รอยเตอร์ ว่า : "เราจะตอบโต้การโจมตี ✪ ที่น่าอับอายครั้งนี้ ✪ ในลักษณะ สถานที่ และช่วงเวลาที่เราตัดสินใจ ตามคำสั่งของผู้นำทางการเมือง"😆
    .
    🇮🇱 จะทำอะไรก็ทำ เราคนดูไม่เกี่ยว .... แต่ อับบาส อาราฆชี รมว.กต.อิหร่าน รออยู่น๊าาาา😁 อิหร่านจะตอบโต้ในลักษณะที่สมดุลและคล้ายคลึงกัน และจะรุนแรงกว่านั้นด้วย😂🤣

    Noraseth Tuntasiri
    🇮🇱 อ๋าววว... นึกว่าจะโจมตีแก้แค้นอิหร่าน😁 .... ลืมไปว่า ถนัดรังแกเด็ก😆 . คืนวันที่ 5 ต.ค. สนข. #AP รายงานว่า : เหตุระเบิดรุนแรงเริ่มขึ้นหลังจากกองทัพอิสราเอลเรียกร้องให้ประชาชนอพยพออกจากพื้นที่ในดาฮีเยห์ ซึ่งเป็นเขตชานเมืองทางใต้ของกรุงเบรุต ที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวชีอะห์ • 💥 วิดีโอของ AP เผยให้เห็นเหตุระเบิดที่สว่างไสวไปทั่วเขตชานเมืองทางใต้ที่มีประชากรหนาแน่น ของเลบานอน • 💥 วิดีโอทางโซเชียลฯเผยให้เห็นเหตุระเบิดครั้งใหญ่หลายครั้งในพื้นที่ดังกล่าว 🇱🇧 สำนักข่าวแห่งชาติของเลบานอน รายงานว่า การโจมตีของอิสราเอล 5 ครั้ง เกิดขึ้นทางใต้ของเบรุตและชานเมือง โดย 4 ครั้งในนั้น "รุนแรงมาก" • มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,000 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 9,535 ราย นับตั้งแต่การสู้รบเริ่มขึ้นในเลบานอน โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. . 🇮🇷 🇮🇷 🇮🇷 🚀🚀 หลังจากเตหะรานยิงขีปนาวุธถล่มประเทศเมื่อสัปดาห์นี้ ◉ เบนจามิน เนทันยาฮู กล่าวในสุนทรพจน์ในการออกอากาศทางโทรทัศน์ เมื่อเย็นวันที่ 5 ต.ค. ว่า : อิสราเอลจะตอบโต้การโจมตีของอิหร่าน😁 ◉ พลเรือเอกแดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพ กล่าวในแถลงการณ์ออกอากาศ ตามรายงานของ #รอยเตอร์ ว่า : "เราจะตอบโต้การโจมตี ✪ ที่น่าอับอายครั้งนี้ ✪ ในลักษณะ สถานที่ และช่วงเวลาที่เราตัดสินใจ ตามคำสั่งของผู้นำทางการเมือง"😆 . 🇮🇱 จะทำอะไรก็ทำ เราคนดูไม่เกี่ยว .... แต่ อับบาส อาราฆชี รมว.กต.อิหร่าน รออยู่น๊าาาา😁 อิหร่านจะตอบโต้ในลักษณะที่สมดุลและคล้ายคลึงกัน และจะรุนแรงกว่านั้นด้วย😂🤣 Noraseth Tuntasiri
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฉันอาจไม่อยู่ท่ามกลางพวกคุณเป็นเวลานาน ขั้นตอนต่างๆได้ถูกออกแบบขึ้น เพื่อให้เราเตรียมพร้อม
    แม้ว่าเราทุกคนจะต้องพลีชีพ, แม้ว่าบ้านของเราจะพังทลายลงมาเหนือศีรษะเรา, เราก็จะไม่ละทิ้งทางเลือกในการต่อต้านของอิสลาม

    ซัยยิด ฮัสซัน นาสรัลลอฮ์ ในสุนทรพจน์ครั้งสุดท้ายของเขา
    .
    I may not stay among you for a long time. Procedures have been devised so that we are prepared.
    Even if we are all martyred, even if our homes are destroyed over our heads, we will never abandon the option of Islamic resistance.

    Sayyed Hassan Nasrallah in his last speech
    .
    6:47 PM · Sep 28, 2024 · 130.6K Views
    https://x.com/SH_NasrallahEng/status/1839995375090053594
    ฉันอาจไม่อยู่ท่ามกลางพวกคุณเป็นเวลานาน ขั้นตอนต่างๆได้ถูกออกแบบขึ้น เพื่อให้เราเตรียมพร้อม แม้ว่าเราทุกคนจะต้องพลีชีพ, แม้ว่าบ้านของเราจะพังทลายลงมาเหนือศีรษะเรา, เราก็จะไม่ละทิ้งทางเลือกในการต่อต้านของอิสลาม ซัยยิด ฮัสซัน นาสรัลลอฮ์ ในสุนทรพจน์ครั้งสุดท้ายของเขา . I may not stay among you for a long time. Procedures have been devised so that we are prepared. Even if we are all martyred, even if our homes are destroyed over our heads, we will never abandon the option of Islamic resistance. Sayyed Hassan Nasrallah in his last speech . 6:47 PM · Sep 28, 2024 · 130.6K Views https://x.com/SH_NasrallahEng/status/1839995375090053594
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • คณะผู้แทนหลายคณะออกจากห้องประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเพื่อประท้วงในช่วงเริ่มต้นการกล่าวสุนทรพจน์ของนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เนทันยาฮู
    .
    Several delegations left the UN General Assembly hall in protest at the start of Israeli Prime Minister Netanyahu's speech.
    .
    9:24 PM · Sep 27, 2024 · 7,690 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1839672522846982338
    คณะผู้แทนหลายคณะออกจากห้องประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเพื่อประท้วงในช่วงเริ่มต้นการกล่าวสุนทรพจน์ของนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เนทันยาฮู . Several delegations left the UN General Assembly hall in protest at the start of Israeli Prime Minister Netanyahu's speech. . 9:24 PM · Sep 27, 2024 · 7,690 Views https://x.com/SputnikInt/status/1839672522846982338
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 72 0 รีวิว
  • วลาดิมีร์ ปูติน แย้มซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ใครอยู่เบื้องหลังการโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายนอร์ดสตรีม

    แม้ว่ามหาอำนาจตะวันตกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่า ใครอยู่เบื้องหลังการทำลายท่อส่งก๊าซธรรมชาตินอร์ดสตรีมในเดือนกันยายน ๒๐๒๒, หรือพยายามโยนความผิดให้กับแพะรับบาปที่แสนสะดวก, แต่ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน กลับเผยซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า รัสเซียรู้ว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบ และกลุ่มตะวันตกกำลังเล่นเกมอะไรอยู่

    อย่าเชื่อคำพูดของเรา – ดูวิดีโอนี้แล้วดูว่าปูตินพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ในสุนทรพจน์ต่างๆของเขาและในบทสัมภาษณ์อันโด่งดังของเขากับ ทักเกอร์ คาร์ลสัน
    .
    Vladimir Putin hints time and again who is behind the Nord Stream terrorist attack

    While Western powers either feign ignorance about who orchestrated the destruction of the Nord Stream natural gas pipelines in September 2022, or try to pin the blame on some convenient scapegoats, Russian President Vladimir Putin repeatedly hinted that Russia knows who is responsible and what kind of game the collective West is playing.

    Don’t take our word for it – check out this video and see what Putin himself said regarding this matter in his various speeches and in his famous interview to Tucker Carlson.
    .
    11:51 PM · Sep 26, 2024 · 3,854 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1839346981115703523
    วลาดิมีร์ ปูติน แย้มซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ใครอยู่เบื้องหลังการโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายนอร์ดสตรีม แม้ว่ามหาอำนาจตะวันตกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่า ใครอยู่เบื้องหลังการทำลายท่อส่งก๊าซธรรมชาตินอร์ดสตรีมในเดือนกันยายน ๒๐๒๒, หรือพยายามโยนความผิดให้กับแพะรับบาปที่แสนสะดวก, แต่ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน กลับเผยซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า รัสเซียรู้ว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบ และกลุ่มตะวันตกกำลังเล่นเกมอะไรอยู่ อย่าเชื่อคำพูดของเรา – ดูวิดีโอนี้แล้วดูว่าปูตินพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ในสุนทรพจน์ต่างๆของเขาและในบทสัมภาษณ์อันโด่งดังของเขากับ ทักเกอร์ คาร์ลสัน . Vladimir Putin hints time and again who is behind the Nord Stream terrorist attack While Western powers either feign ignorance about who orchestrated the destruction of the Nord Stream natural gas pipelines in September 2022, or try to pin the blame on some convenient scapegoats, Russian President Vladimir Putin repeatedly hinted that Russia knows who is responsible and what kind of game the collective West is playing. Don’t take our word for it – check out this video and see what Putin himself said regarding this matter in his various speeches and in his famous interview to Tucker Carlson. . 11:51 PM · Sep 26, 2024 · 3,854 Views https://x.com/SputnikInt/status/1839346981115703523
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 311 มุมมอง 108 0 รีวิว
  • มาครงมาแปลก เรียกร้องให้ปฏิรูประบบโลกในปัจจุบันที่ไม่ยุติธรรม

    ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง เรียกร้องให้มีการปฏิรูประเบียบโลกที่ “ไม่ยุติธรรม” ในปัจจุบัน เพื่อให้มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติมากขึ้น

    เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาได้สรุปวิสัยทัศน์ของเขาในงานประชุมนานาชาติ “Imagining Peace” ที่กรุงปารีส ซึ่งนำบุคคลสำคัญทางการเมืองและศาสนามารวมตัวกัน

    ในการกล่าวต่อหน้าชุมชนคาทอลิกแห่งซานต์เอจิดิโอ มาครงกล่าวว่า “เราต้องมีจินตนาการมากพอที่จะคิดถึงสันติภาพของวันพรุ่งนี้ สันติภาพในยุโรปในรูปแบบใหม่”

    หากทวีปยุโรปต้องการมีเสถียรภาพมากขึ้น ทุกคนควรยอมรับว่า “ไม่ใช่สหภาพยุโรปหรือ NATO อย่างเด็ดขาด” เขากล่าว “เราจะต้องคิดรูปแบบใหม่ขององค์กรยุโรปและคิดทบทวนความสัมพันธ์ของเรากับรัสเซีย” หลังจากความขัดแย้งในยูเครนสิ้นสุดลง

    ในสุนทรพจน์ของเขา มาครงกล่าวอ้างว่าระบบโลกที่สร้างขึ้นภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น “ไม่สมบูรณ์และไม่ยุติธรรม” เนื่องจากประเทศที่เกิดขึ้นมาใหม่จำนวนมากยังไม่มีอยู่จริงในเวลานั้น และไม่มีส่วนร่วมในโต๊ะเจรจา

    เขากล่าวว่าองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ ธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ควรได้รับการปฏิรูป

    สิ่งที่มาครงนำเสนอก็เพียงแต่คำพูด เพราะว่าผู้ที่จะปฏิรูปโครงสร้างระบบโลกได้ก็คือสหรัฐและอังกฤษ ซึ่งไม่ต้องการทำสิ่งนั้่นอยู่แล้ว เพราะว่าต้องการรักษาสถานภาพของอำนาจที่มีอยู่
    ผ่านมาตรการแซงชั่น การเมือง และการทหาร

    แต่ในขณะเดียวกัน จีนและรัสเซียเป็นผู้นำของประเทศกำลังพัฒนาที่ต้องการปฏิรูประบบโลกผ่านความร่วมมือของกลุ่มBRICS เพื่อสร้างสถาปัตยกรรมทางเศรษฐกิจและการเงินของโลกใหม่

    มาครงอ้างว่าต้องการสันติภาพ แต่ในทางปฏิบัติเขาเป็นพวกสายเหยี่ยวที่ต้องการให้นาโต้ทำสงครามกับรัสเซีย เท่ากับว่าเขาสนับสนุนสงครามโลกครั้งที่ 3 ให้เกิดขึ้น ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในประเทศนาโต้ที่ให้การสนับสนุนยูเครนอย่างแข็งขันในการทำสงครามกับรัสเซียผ่านการเงินและการส่งมอบอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ นอกจากนี้มีทหารฝรั่งเศสเดินทางเข้ายูเครน พร้อมกับทหารนาโต้ชาติอื่นๆเพื่อรบกับรัสเซียโดยตรงอีกด้วย

    มาครงต้องการประกาศส่งทหารฝรั่งเศสเข้าช่วยยูเครนรบกับรัสเซียอย่างเป็นทางการ และเรียกร้องให้นาโต้กระทำตาม โดยอ้างว่ายุโรปและนาโต้จะสูญเสียความน่าเชื่อถือถ้าหากปล่อยให้รัสเซียมีชัยชนะเหนือยูเครน แต่คำประกาศที่เป็นทางการไม่เกิดขึ้น หลังจากรัสเซียขู่ว่าจะตอบโต้ด้วยสงครามนิวเคลียร์กับนาโต้

    ผู้นำยุโรปที่เรียกร้องสันติภาพที่แท้จริงไม่ใช่มาครง แต่เป็นวิคเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีของฮังการี และโรเบิร์ต ฟิโก้ ผู้นำของสโลวาเนีย ซึ่งถูกลอบสังหารแต่รอดชีวิตมาได้ เพราะว่าแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับสงครามยูเครน

    คำปราศรัยของมาครงเกิดขึ้นในขณะที่นายวลาดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนเตรียมพบกับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อนำเสนอแผนที่เรียกว่า "ชัยชนะ" ซึ่งเป็นแผนงานในการกดดันให้รัสเซียยอมรับความพ่ายแพ้ เซเลนสกี้ต้องการคำอนุญาตให้ใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของตะวันตกเพื่อโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย

    ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่บริจาคฮาร์ดแวร์ทางทหารดังกล่าวให้กับยูเครนในรูปแบบของขีปนาวุธร่อน SCALP/Storm Shadow ซึ่งฝรั่งเศสผลิตร่วมกับสหราชอาณาจักร เจ้าหน้าที่อังกฤษสนับสนุนคำขอของเคียฟในการโจมตีรัสเซีย แต่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายนั้นเข้าใจกันว่าอยู่ในมือของวอชิงตัน

    มาครงไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจที่แท้จริงในยุโรป หรือนาโต้ เพราะว่าเขาเป็นเพียงแค่เชียร์ลีดเดอร์

    มาครงมาแปลก เรียกร้องให้ปฏิรูประบบโลกในปัจจุบันที่ไม่ยุติธรรม ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง เรียกร้องให้มีการปฏิรูประเบียบโลกที่ “ไม่ยุติธรรม” ในปัจจุบัน เพื่อให้มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติมากขึ้น เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาได้สรุปวิสัยทัศน์ของเขาในงานประชุมนานาชาติ “Imagining Peace” ที่กรุงปารีส ซึ่งนำบุคคลสำคัญทางการเมืองและศาสนามารวมตัวกัน ในการกล่าวต่อหน้าชุมชนคาทอลิกแห่งซานต์เอจิดิโอ มาครงกล่าวว่า “เราต้องมีจินตนาการมากพอที่จะคิดถึงสันติภาพของวันพรุ่งนี้ สันติภาพในยุโรปในรูปแบบใหม่” หากทวีปยุโรปต้องการมีเสถียรภาพมากขึ้น ทุกคนควรยอมรับว่า “ไม่ใช่สหภาพยุโรปหรือ NATO อย่างเด็ดขาด” เขากล่าว “เราจะต้องคิดรูปแบบใหม่ขององค์กรยุโรปและคิดทบทวนความสัมพันธ์ของเรากับรัสเซีย” หลังจากความขัดแย้งในยูเครนสิ้นสุดลง ในสุนทรพจน์ของเขา มาครงกล่าวอ้างว่าระบบโลกที่สร้างขึ้นภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น “ไม่สมบูรณ์และไม่ยุติธรรม” เนื่องจากประเทศที่เกิดขึ้นมาใหม่จำนวนมากยังไม่มีอยู่จริงในเวลานั้น และไม่มีส่วนร่วมในโต๊ะเจรจา เขากล่าวว่าองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ ธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ควรได้รับการปฏิรูป สิ่งที่มาครงนำเสนอก็เพียงแต่คำพูด เพราะว่าผู้ที่จะปฏิรูปโครงสร้างระบบโลกได้ก็คือสหรัฐและอังกฤษ ซึ่งไม่ต้องการทำสิ่งนั้่นอยู่แล้ว เพราะว่าต้องการรักษาสถานภาพของอำนาจที่มีอยู่ ผ่านมาตรการแซงชั่น การเมือง และการทหาร แต่ในขณะเดียวกัน จีนและรัสเซียเป็นผู้นำของประเทศกำลังพัฒนาที่ต้องการปฏิรูประบบโลกผ่านความร่วมมือของกลุ่มBRICS เพื่อสร้างสถาปัตยกรรมทางเศรษฐกิจและการเงินของโลกใหม่ มาครงอ้างว่าต้องการสันติภาพ แต่ในทางปฏิบัติเขาเป็นพวกสายเหยี่ยวที่ต้องการให้นาโต้ทำสงครามกับรัสเซีย เท่ากับว่าเขาสนับสนุนสงครามโลกครั้งที่ 3 ให้เกิดขึ้น ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในประเทศนาโต้ที่ให้การสนับสนุนยูเครนอย่างแข็งขันในการทำสงครามกับรัสเซียผ่านการเงินและการส่งมอบอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ นอกจากนี้มีทหารฝรั่งเศสเดินทางเข้ายูเครน พร้อมกับทหารนาโต้ชาติอื่นๆเพื่อรบกับรัสเซียโดยตรงอีกด้วย มาครงต้องการประกาศส่งทหารฝรั่งเศสเข้าช่วยยูเครนรบกับรัสเซียอย่างเป็นทางการ และเรียกร้องให้นาโต้กระทำตาม โดยอ้างว่ายุโรปและนาโต้จะสูญเสียความน่าเชื่อถือถ้าหากปล่อยให้รัสเซียมีชัยชนะเหนือยูเครน แต่คำประกาศที่เป็นทางการไม่เกิดขึ้น หลังจากรัสเซียขู่ว่าจะตอบโต้ด้วยสงครามนิวเคลียร์กับนาโต้ ผู้นำยุโรปที่เรียกร้องสันติภาพที่แท้จริงไม่ใช่มาครง แต่เป็นวิคเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีของฮังการี และโรเบิร์ต ฟิโก้ ผู้นำของสโลวาเนีย ซึ่งถูกลอบสังหารแต่รอดชีวิตมาได้ เพราะว่าแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับสงครามยูเครน คำปราศรัยของมาครงเกิดขึ้นในขณะที่นายวลาดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนเตรียมพบกับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อนำเสนอแผนที่เรียกว่า "ชัยชนะ" ซึ่งเป็นแผนงานในการกดดันให้รัสเซียยอมรับความพ่ายแพ้ เซเลนสกี้ต้องการคำอนุญาตให้ใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของตะวันตกเพื่อโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่บริจาคฮาร์ดแวร์ทางทหารดังกล่าวให้กับยูเครนในรูปแบบของขีปนาวุธร่อน SCALP/Storm Shadow ซึ่งฝรั่งเศสผลิตร่วมกับสหราชอาณาจักร เจ้าหน้าที่อังกฤษสนับสนุนคำขอของเคียฟในการโจมตีรัสเซีย แต่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายนั้นเข้าใจกันว่าอยู่ในมือของวอชิงตัน มาครงไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจที่แท้จริงในยุโรป หรือนาโต้ เพราะว่าเขาเป็นเพียงแค่เชียร์ลีดเดอร์
    Like
    Haha
    Wow
    22
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 934 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้อคิดเห็นใดของเลขาธิการนาโต้ สตอลเทนเบิร์ก จะถูกจดจำบ้าง?

    เลขาธิการนาโต้ เยนส์ สตอลเทนเบิร์ก จะส่งมอบอำนาจให้กับ มาร์ก รุตเต้ อดีตนายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ ในวันที่ ๑ ตุลาคม

    สปุตนิกได้เล่าถึงคำพูดที่น่าจดจำบางส่วนของสตอลเทนเบิร์กที่กล่าวระหว่างดำรงตำแหน่งนาโต้:

    ◻️ ชัยชนะของรัสเซียในความขัดแย้งกับยูเครน "จะไม่เพียงแต่เป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของชาวยูเครนเท่านั้น, แต่ยังเป็นความพ่ายแพ้และอันตรายสำหรับเราทุกคนด้วย," สตอลเทนเบิร์ก เน้นย้ำในเดือนตุลาคม ๒๐๒๒ คำแถลงดังกล่าวอาจถือเป็นการยอมรับความจริงที่ว่านาโต้กำลังสู้รบในยูเครน, ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกเครมลินกล่าวในขณะนั้น

    ◻️ สตอลเทนเบิร์ก เริ่มต้นปี 2024 ด้วยการกล่าวว่า การสนับสนุนยูเครน "ไม่ใช่การกุศล, แต่เป็นการลงทุนเพื่อความมั่นคงของเราเอง,"

    ◻️ หัวหน้า NATO เรียกร้องให้พันธมิตรปล่อยให้เคียฟใช้อาวุธระยะไกลจากชาติตะวันตกโจมตีลึกเข้าไปในรัสเซีย "ก่อนหน้านี้ เขาได้กำหนดเส้นแบ่งไว้หลายเส้นโดย [ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย] และเขาไม่ได้เพิ่มระดับความรุนแรง," สโตลเทนเบิร์ก กล่าวกับผู้สื่อข่าว

    ◻️ สโตลเทนเบิร์กปฏิเสธที่จะยอมรับว่ายูเครนได้ประสานงานการโจมตีพื้นที่ชายแดนรัสเซียที่เมืองเคิร์สก์กับตัวแทนจากชาติตะวันตก "ในเรื่องนี้, นาโต้ไม่ได้มีบทบาทใดๆ," สโตลเทนเบิร์ก กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสื่อของเยอรมนี

    ◻️ สโตลเทนเบิร์กกล่าวหาอย่างโด่งดังว่ารัสเซีย "พยายามแทรกแซงและทำลายความไว้วางใจของสถาบันประชาธิปไตยในประเทศพันธมิตรนาโตหลายแห่งและที่อื่นๆ" ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่ศูนย์การศึกษากลยุทธ์ในนิวซีแลนด์ในปี ๒๐๑๙ 🤣ในความเป็นจริง, สหรัฐฯและนาโตต่างก็อวดอ้างประวัติการทำสงครามที่ไร้เหตุผลและนองเลือด🤣

    ◻️ คาบสมุทรไครเมียได้กลับมารวมกับรัสเซียอีกครั้งอันเป็นผลจาก "การแข่งขันของมหาอำนาจ," ที่เพิ่มขึ้น สโตลเทนเบิร์กกล่าว 📌ในทางปฏิบัติ, ไครเมียลงคะแนนเสียงเพื่อกลับเข้าร่วมกับรัสเซียในการลงประชามติในปี ๒๐๑๔ หลังจากการรัฐประหารที่สหรัฐฯยุยงให้โค่นล้มรัฐบาลเคียฟที่ถูกต้องตามกฎหมาย และกลายเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับความขัดแย้งในยูเครน📌

    ◻️ สโตลเทนเบิร์กย้ำว่า "ประตูของนาโตเปิดอยู่ ยูเครนจะเข้าร่วม," ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่เบอร์ลินเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน
    .
    What remarks will NATO’s outgoing chief Stoltenberg be remembered for?

    NATO Secretary General Jens Stoltenberg is to hand over the reins to former Dutch Prime Minister Mark Rutte on October 1.

    Sputnik has recalled some of the memorable remarks Stoltenberg made during his NATO stint:

    ◻️ Russia’s victory in the Ukraine conflict would be “not only a big defeat for Ukrainians, but it will be a defeat and dangerous for all of us," Stoltenberg stressed in October 2022. The statement could be considered recognition of the fact that NATO is fighting in Ukraine, Kremlin spokesman Dmitry Peskov said at the time.

    ◻️ Supporting Ukraine “is not a charity, it is an investment in our own security," Stoltenberg started out 2024 by saying.

    ◻️ The NATO chief egged on allies to let Kiev use long-range Western weapons to strike deep inside Russia. "There have been many red lines declared by him [Russia’s President Vladimir Putin] before, and he has not escalated," Stoltenberg told reporters.

    ◻️ Stoltenberg refused to admit that Ukraine had coordinated its attack on the Russian border region of Kursk with its Western proxies. "In this respect, NATO played no role," Stoltenberg said in a German media interview.

    ◻️ Stoltenberg famously accused Russia of "trying to meddle in and undermining the trust of democratic institutions in several NATO allied countries and also elsewhere” during a speech at the Center for Strategic Studies in New Zealand in 2019. In fact, the US and NATO boast a track record of senseless and bloody wars.

    ◻️ The Crimean Peninsula was reunited with Russia as a result of increased "great power competition," Stoltenberg said. In effect, Crimea voted to rejoin Russia in a 2014 referendum after a US-instigated coup ousted the legitimate Kiev government and became a catalyst for the Ukraine conflagration.

    ◻️ Stoltenberg doubled down on the fact that “NATO’s door is open. Ukraine will join,” during a speech in Berlin on September 19.
    .
    1:31 AM · Sep 21, 2024 · 3,210 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1837197843531968526
    ข้อคิดเห็นใดของเลขาธิการนาโต้ สตอลเทนเบิร์ก จะถูกจดจำบ้าง? เลขาธิการนาโต้ เยนส์ สตอลเทนเบิร์ก จะส่งมอบอำนาจให้กับ มาร์ก รุตเต้ อดีตนายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ ในวันที่ ๑ ตุลาคม สปุตนิกได้เล่าถึงคำพูดที่น่าจดจำบางส่วนของสตอลเทนเบิร์กที่กล่าวระหว่างดำรงตำแหน่งนาโต้: ◻️ ชัยชนะของรัสเซียในความขัดแย้งกับยูเครน "จะไม่เพียงแต่เป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของชาวยูเครนเท่านั้น, แต่ยังเป็นความพ่ายแพ้และอันตรายสำหรับเราทุกคนด้วย," สตอลเทนเบิร์ก เน้นย้ำในเดือนตุลาคม ๒๐๒๒ คำแถลงดังกล่าวอาจถือเป็นการยอมรับความจริงที่ว่านาโต้กำลังสู้รบในยูเครน, ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกเครมลินกล่าวในขณะนั้น ◻️ สตอลเทนเบิร์ก เริ่มต้นปี 2024 ด้วยการกล่าวว่า การสนับสนุนยูเครน "ไม่ใช่การกุศล, แต่เป็นการลงทุนเพื่อความมั่นคงของเราเอง," ◻️ หัวหน้า NATO เรียกร้องให้พันธมิตรปล่อยให้เคียฟใช้อาวุธระยะไกลจากชาติตะวันตกโจมตีลึกเข้าไปในรัสเซีย "ก่อนหน้านี้ เขาได้กำหนดเส้นแบ่งไว้หลายเส้นโดย [ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย] และเขาไม่ได้เพิ่มระดับความรุนแรง," สโตลเทนเบิร์ก กล่าวกับผู้สื่อข่าว ◻️ สโตลเทนเบิร์กปฏิเสธที่จะยอมรับว่ายูเครนได้ประสานงานการโจมตีพื้นที่ชายแดนรัสเซียที่เมืองเคิร์สก์กับตัวแทนจากชาติตะวันตก "ในเรื่องนี้, นาโต้ไม่ได้มีบทบาทใดๆ," สโตลเทนเบิร์ก กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสื่อของเยอรมนี ◻️ สโตลเทนเบิร์กกล่าวหาอย่างโด่งดังว่ารัสเซีย "พยายามแทรกแซงและทำลายความไว้วางใจของสถาบันประชาธิปไตยในประเทศพันธมิตรนาโตหลายแห่งและที่อื่นๆ" ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่ศูนย์การศึกษากลยุทธ์ในนิวซีแลนด์ในปี ๒๐๑๙ 🤣ในความเป็นจริง, สหรัฐฯและนาโตต่างก็อวดอ้างประวัติการทำสงครามที่ไร้เหตุผลและนองเลือด🤣 ◻️ คาบสมุทรไครเมียได้กลับมารวมกับรัสเซียอีกครั้งอันเป็นผลจาก "การแข่งขันของมหาอำนาจ," ที่เพิ่มขึ้น สโตลเทนเบิร์กกล่าว 📌ในทางปฏิบัติ, ไครเมียลงคะแนนเสียงเพื่อกลับเข้าร่วมกับรัสเซียในการลงประชามติในปี ๒๐๑๔ หลังจากการรัฐประหารที่สหรัฐฯยุยงให้โค่นล้มรัฐบาลเคียฟที่ถูกต้องตามกฎหมาย และกลายเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับความขัดแย้งในยูเครน📌 ◻️ สโตลเทนเบิร์กย้ำว่า "ประตูของนาโตเปิดอยู่ ยูเครนจะเข้าร่วม," ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่เบอร์ลินเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน . What remarks will NATO’s outgoing chief Stoltenberg be remembered for? NATO Secretary General Jens Stoltenberg is to hand over the reins to former Dutch Prime Minister Mark Rutte on October 1. Sputnik has recalled some of the memorable remarks Stoltenberg made during his NATO stint: ◻️ Russia’s victory in the Ukraine conflict would be “not only a big defeat for Ukrainians, but it will be a defeat and dangerous for all of us," Stoltenberg stressed in October 2022. The statement could be considered recognition of the fact that NATO is fighting in Ukraine, Kremlin spokesman Dmitry Peskov said at the time. ◻️ Supporting Ukraine “is not a charity, it is an investment in our own security," Stoltenberg started out 2024 by saying. ◻️ The NATO chief egged on allies to let Kiev use long-range Western weapons to strike deep inside Russia. "There have been many red lines declared by him [Russia’s President Vladimir Putin] before, and he has not escalated," Stoltenberg told reporters. ◻️ Stoltenberg refused to admit that Ukraine had coordinated its attack on the Russian border region of Kursk with its Western proxies. "In this respect, NATO played no role," Stoltenberg said in a German media interview. ◻️ Stoltenberg famously accused Russia of "trying to meddle in and undermining the trust of democratic institutions in several NATO allied countries and also elsewhere” during a speech at the Center for Strategic Studies in New Zealand in 2019. In fact, the US and NATO boast a track record of senseless and bloody wars. ◻️ The Crimean Peninsula was reunited with Russia as a result of increased "great power competition," Stoltenberg said. In effect, Crimea voted to rejoin Russia in a 2014 referendum after a US-instigated coup ousted the legitimate Kiev government and became a catalyst for the Ukraine conflagration. ◻️ Stoltenberg doubled down on the fact that “NATO’s door is open. Ukraine will join,” during a speech in Berlin on September 19. . 1:31 AM · Sep 21, 2024 · 3,210 Views https://x.com/SputnikInt/status/1837197843531968526
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 935 มุมมอง 176 0 รีวิว
  • กิจกรรมการกล่าวสุนทรพจน์ ในหัวข้อ “เยาวชนรักสถาบัน” โดย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร

    เพื่อให้เยาวชนเกิดจิตสำนึกที่ดี และมีความจงรักภักดีต่อสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

    #กอรมน #สุนทรพจน์ #เยาวชน #thaitimesเยาวชน #รักสถาบันฯ
    กิจกรรมการกล่าวสุนทรพจน์ ในหัวข้อ “เยาวชนรักสถาบัน” โดย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เพื่อให้เยาวชนเกิดจิตสำนึกที่ดี และมีความจงรักภักดีต่อสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ #กอรมน #สุนทรพจน์ #เยาวชน #thaitimesเยาวชน #รักสถาบันฯ
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1057 มุมมอง 364 0 รีวิว
  • อเมริกาหลังชนฝาปีหน้าปั่นสงครามนิวเคลียร์
    .
    ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยในชีวิตผม ตั้งแต่อยู่ในวงการข่าวมากว่าห้าสิบปี ที่ได้เห็นผู้อำนวยการข่าวกรองกลางสหรัฐฯ หรือ CIA ซึ่งปัจจุบันคือ นายวิลเลียม เบิร์นส และหัวหน้าข่าวกรองต่างประเทศ หรือ MI6 ของอังกฤษ คือ เซอร์ริชาร์ด มัวร์ ไปขึ้นเวทีพร้อมๆ กัน โดยคนที่สัมภาษณ์หัวหน้าหน่วยสืบราชการลับทั้งสองคน คือ นาง Roula Khalaf บก.บริหารหญิงของ Financial Times ที่ยังมีนายทุนยิวที่มีอิทธิพลครอบงำใน City of London และ Wall Street เหล่านี้และนี่เองคำตอบส่วนหนึ่งว่าทำไม ผอ. ทั้ง CIA และ MI6 ถึงยอมมาขึ้นเวทีของ Financial Times พร้อมกันเป็นครั้งแรก
    .
    องค์กรสืบราชการลับ 2 องค์กรนี้คือตัวสำคัญที่ป่วนโลกทั้งโลกเลย ป่วนหมดทุกอย่างเพื่อหวังผลประโยชน์ในวาระซ่อนเร้น หรือวาระที่ตะวันตกมีอยู่กับโลกทั้งโลกให้เป็นไปตามที่ต้องการ องค์กร 2 องค์กรนี้ ลอบสังหาร ปลุกปั่นชาวบ้าน ยุยงให้มีความวุ่นวายขึ้นมา เพื่อพวกมันจะได้เข้ามาจับปลาตอนน้ำขุ่น
    .
    ท่านผู้ชมครับ ในบทบรรณาธิการ ทั้งวิลเลียม เบิร์นส และ ริชาร์ด มัวร์ เขียนเผยแพร่ร่วมกันในหนังสือพิมพ์ The Financial Times เมื่อวันเดียวกัน วันเสาร์ที่ 7 กันยายน ที่ผ่านมา ทั้งคู่พยายามปั่นกระแสว่าปัจจุบันกำลังเกิดภัยคุกคามโลกอย่างไม่เคยเห็น ตั้งแต่ยุคสงครามเย็น ขณะที่เครื่องบินล่องหน F-35 ก็ฝึกบินลงจอดบนถนนไฮเวย์ในฟินแลนด์ ที่มีพรมแดนติดกับรัสเซีย ส่วนเครื่องรบนาโตของเยอรมนี กำลังฝึกซ้อมขนระเบิดนิวเคลียร์อเมริกา B-61 ในรัฐแคลิฟอร์เนีย
    .
    นิตยสาร NEWSWEEK รายงานเมื่อวันศุกร์ที่ 6 กันยายน ก่อนวันกล่าวสุนทรพจน์ (7 ก.ย.) ว่า กองทัพนาโตแถลงยืนยันว่า สหรัฐฯ ได้ส่งระเบิดนิวเคลียร์ B61 จำนวนหนึ่งมาประจำการในยุโรป อันเป็นส่วนหนึ่งของการขยายป้องปรามที่รู้จักกันในนาม "ร่มนิวเคลียร์" หรือ Nuclear Umbrella ทั้งนี้ เป็นที่คาดหมายว่าระเบิดนิวเคลียร์ B61 จะถูกประจำไว้ที่ฐานทัพ 6 แห่งในยุโรป รวมทั้งฐานทัพอากาศบูเชล ทางตะวันตกของเยอรมนี
    .
    ผมเป็นคนที่ติดตามสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ของโลกอย่างใกล้ชิดมาหลายสิบปี ช่วงหลังผมมีโอกาสคุยกับคุณทนง ขันทอง นักการทูต และผู้เชี่ยวชาญด้านการต่างประเทศหลายคน จนตกผลึกว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เห็นได้ชัด สถานการณ์ที่ผู้อำนวยการข่าวกรอง MI6 และ CIA มาแถลงข่าวร่วมกัน เห็นได้ชัดว่าชาติตะวันตกและอเมริกาในยุโรปอยู่ในสถานการณ์หลังชนฝา มีความสั่นคลอนมาก จึงพยายามดิ้นรนรักษาความเป็นมหาอำนาจของโลกไว้อยู่ในการควบคุมของตัวเอง ก็คือว่า กูเคยคุมโลกอย่างไร กูไม่สนหรอก กูจะคุมโลกต่อไป ทุกคนต้องฟังกู นี่คือทัศนคติของโลกทางตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯอเมริกา
    .
    เป็นไปได้สูงมากว่าจุดแตกหักอาจจะเกิดขึ้นในปีหน้า คือ 2568 เพราะปีหน้าจากสถานการณ์ทั้งทางธุรกิจ เศรษฐกิจ การลงทุน การขาดดุลการค้า และงบประมาณหลายๆ อย่างของโลกตะวันตก น่าจะก้าวเข้าไปสู่ช่วงวิกฤตการณ์ทางการเงินแล้ว ทั้งนี้ การประชุมสุดยอดของกลุ่ม BRICS ครั้งที่ 16 ที่เมืองคาซาน ซึ่งมีนายวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เป็นเจ้าภาพในเดือนตุลาคม 2567 ระหว่างวันที่ 22-24 ตุลาคม จะเป็นการส่งสัญญาณที่แรงมาก เพราะมีประเทศที่สนใจเข้าเป็นสมาชิก BRICS เต็มไปหมด รวมๆ แล้ว 50 ประเทศ
    .
    ด้วยเหตุนี้ อเมริกา อังกฤษ และชาติตะวันตกในยุโรปจึงจงใจจุดไฟสงครามเพื่อสกัดกั้นไม่ให้ BRICS ได้แจ้งเกิด มิฉะนั้นแล้ว ศูนย์กลางการเจริญเติบโตของโลกจะย้ายที่มาที่ Global South หรือซีกโลกใต้ ที่ผมเอ่ยชื่อไปเมื่อกี้นี้อย่างแน่นอน
    .
    ด้วยเหตุนี้ผมจึงมองว่าตอนนี้ระหว่างโลกตะวันตกที่นำโดยอเมริกา กับประเทศในกลุ่ม BRICS ซึ่งนำโดยจีน รัสเซีย อินเดียบราซิลและแอฟริกาใต้ นับวันจะยิ่งแข็งแกร่งและขยายตัวใหญ่ขึ้นทุกที ประจวบกับการที่จีนเข้าไปสานสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ในทวีปแอฟริกาอย่างแน่นแฟ้น ด้วยเหตุนี้ ยิ่งนานวันทั้งสองฝ่ายยิ่งคุยกันไม่รู้เรื่อง
    .
    เพราะฉะนั้นแล้ว สงครามใหญ่อาจจะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่ผมก็เชื่อว่าเกิดขึ้นได้ยาก แต่มีโอกาสเกิดขึ้นแน่ และผมขอฟันธงไว้ล่วงหน้า ถ้าเกิดขึ้นจริง โลกตะวันตก อียู และอเมริกา จะแพ้ครับ นี่ผมทำนายไว้ล่วงหน้าเลยนะท่านผู้ชม จดเอาไว้ ผมทำนายวันนี้
    ที่มา : คุยทุกเรื่องกับสนธิ https://www.facebook.com/share/p/CrumLsJDbu5LEXj5/?mibextid=CTbP7E
    #Thaitimes
    อเมริกาหลังชนฝาปีหน้าปั่นสงครามนิวเคลียร์ . ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยในชีวิตผม ตั้งแต่อยู่ในวงการข่าวมากว่าห้าสิบปี ที่ได้เห็นผู้อำนวยการข่าวกรองกลางสหรัฐฯ หรือ CIA ซึ่งปัจจุบันคือ นายวิลเลียม เบิร์นส และหัวหน้าข่าวกรองต่างประเทศ หรือ MI6 ของอังกฤษ คือ เซอร์ริชาร์ด มัวร์ ไปขึ้นเวทีพร้อมๆ กัน โดยคนที่สัมภาษณ์หัวหน้าหน่วยสืบราชการลับทั้งสองคน คือ นาง Roula Khalaf บก.บริหารหญิงของ Financial Times ที่ยังมีนายทุนยิวที่มีอิทธิพลครอบงำใน City of London และ Wall Street เหล่านี้และนี่เองคำตอบส่วนหนึ่งว่าทำไม ผอ. ทั้ง CIA และ MI6 ถึงยอมมาขึ้นเวทีของ Financial Times พร้อมกันเป็นครั้งแรก . องค์กรสืบราชการลับ 2 องค์กรนี้คือตัวสำคัญที่ป่วนโลกทั้งโลกเลย ป่วนหมดทุกอย่างเพื่อหวังผลประโยชน์ในวาระซ่อนเร้น หรือวาระที่ตะวันตกมีอยู่กับโลกทั้งโลกให้เป็นไปตามที่ต้องการ องค์กร 2 องค์กรนี้ ลอบสังหาร ปลุกปั่นชาวบ้าน ยุยงให้มีความวุ่นวายขึ้นมา เพื่อพวกมันจะได้เข้ามาจับปลาตอนน้ำขุ่น . ท่านผู้ชมครับ ในบทบรรณาธิการ ทั้งวิลเลียม เบิร์นส และ ริชาร์ด มัวร์ เขียนเผยแพร่ร่วมกันในหนังสือพิมพ์ The Financial Times เมื่อวันเดียวกัน วันเสาร์ที่ 7 กันยายน ที่ผ่านมา ทั้งคู่พยายามปั่นกระแสว่าปัจจุบันกำลังเกิดภัยคุกคามโลกอย่างไม่เคยเห็น ตั้งแต่ยุคสงครามเย็น ขณะที่เครื่องบินล่องหน F-35 ก็ฝึกบินลงจอดบนถนนไฮเวย์ในฟินแลนด์ ที่มีพรมแดนติดกับรัสเซีย ส่วนเครื่องรบนาโตของเยอรมนี กำลังฝึกซ้อมขนระเบิดนิวเคลียร์อเมริกา B-61 ในรัฐแคลิฟอร์เนีย . นิตยสาร NEWSWEEK รายงานเมื่อวันศุกร์ที่ 6 กันยายน ก่อนวันกล่าวสุนทรพจน์ (7 ก.ย.) ว่า กองทัพนาโตแถลงยืนยันว่า สหรัฐฯ ได้ส่งระเบิดนิวเคลียร์ B61 จำนวนหนึ่งมาประจำการในยุโรป อันเป็นส่วนหนึ่งของการขยายป้องปรามที่รู้จักกันในนาม "ร่มนิวเคลียร์" หรือ Nuclear Umbrella ทั้งนี้ เป็นที่คาดหมายว่าระเบิดนิวเคลียร์ B61 จะถูกประจำไว้ที่ฐานทัพ 6 แห่งในยุโรป รวมทั้งฐานทัพอากาศบูเชล ทางตะวันตกของเยอรมนี . ผมเป็นคนที่ติดตามสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ของโลกอย่างใกล้ชิดมาหลายสิบปี ช่วงหลังผมมีโอกาสคุยกับคุณทนง ขันทอง นักการทูต และผู้เชี่ยวชาญด้านการต่างประเทศหลายคน จนตกผลึกว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เห็นได้ชัด สถานการณ์ที่ผู้อำนวยการข่าวกรอง MI6 และ CIA มาแถลงข่าวร่วมกัน เห็นได้ชัดว่าชาติตะวันตกและอเมริกาในยุโรปอยู่ในสถานการณ์หลังชนฝา มีความสั่นคลอนมาก จึงพยายามดิ้นรนรักษาความเป็นมหาอำนาจของโลกไว้อยู่ในการควบคุมของตัวเอง ก็คือว่า กูเคยคุมโลกอย่างไร กูไม่สนหรอก กูจะคุมโลกต่อไป ทุกคนต้องฟังกู นี่คือทัศนคติของโลกทางตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯอเมริกา . เป็นไปได้สูงมากว่าจุดแตกหักอาจจะเกิดขึ้นในปีหน้า คือ 2568 เพราะปีหน้าจากสถานการณ์ทั้งทางธุรกิจ เศรษฐกิจ การลงทุน การขาดดุลการค้า และงบประมาณหลายๆ อย่างของโลกตะวันตก น่าจะก้าวเข้าไปสู่ช่วงวิกฤตการณ์ทางการเงินแล้ว ทั้งนี้ การประชุมสุดยอดของกลุ่ม BRICS ครั้งที่ 16 ที่เมืองคาซาน ซึ่งมีนายวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เป็นเจ้าภาพในเดือนตุลาคม 2567 ระหว่างวันที่ 22-24 ตุลาคม จะเป็นการส่งสัญญาณที่แรงมาก เพราะมีประเทศที่สนใจเข้าเป็นสมาชิก BRICS เต็มไปหมด รวมๆ แล้ว 50 ประเทศ . ด้วยเหตุนี้ อเมริกา อังกฤษ และชาติตะวันตกในยุโรปจึงจงใจจุดไฟสงครามเพื่อสกัดกั้นไม่ให้ BRICS ได้แจ้งเกิด มิฉะนั้นแล้ว ศูนย์กลางการเจริญเติบโตของโลกจะย้ายที่มาที่ Global South หรือซีกโลกใต้ ที่ผมเอ่ยชื่อไปเมื่อกี้นี้อย่างแน่นอน . ด้วยเหตุนี้ผมจึงมองว่าตอนนี้ระหว่างโลกตะวันตกที่นำโดยอเมริกา กับประเทศในกลุ่ม BRICS ซึ่งนำโดยจีน รัสเซีย อินเดียบราซิลและแอฟริกาใต้ นับวันจะยิ่งแข็งแกร่งและขยายตัวใหญ่ขึ้นทุกที ประจวบกับการที่จีนเข้าไปสานสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ในทวีปแอฟริกาอย่างแน่นแฟ้น ด้วยเหตุนี้ ยิ่งนานวันทั้งสองฝ่ายยิ่งคุยกันไม่รู้เรื่อง . เพราะฉะนั้นแล้ว สงครามใหญ่อาจจะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่ผมก็เชื่อว่าเกิดขึ้นได้ยาก แต่มีโอกาสเกิดขึ้นแน่ และผมขอฟันธงไว้ล่วงหน้า ถ้าเกิดขึ้นจริง โลกตะวันตก อียู และอเมริกา จะแพ้ครับ นี่ผมทำนายไว้ล่วงหน้าเลยนะท่านผู้ชม จดเอาไว้ ผมทำนายวันนี้ ที่มา : คุยทุกเรื่องกับสนธิ https://www.facebook.com/share/p/CrumLsJDbu5LEXj5/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Love
    Yay
    Angry
    21
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 3689 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทองคำฟิวเจอร์สสร้างสถิติพุ่งทะลุระดับ2,600เหรียญ

    ในสัปดาห์ประวัติศาสตร์สำหรับตลาดโลหะมีค่า โกลด์ฟิวเจอร์สได้ทำลายสถิติ โดยทะลุระดับ 2,600 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์เป็นครั้งแรก

    ณ เวลา 17.00 น. EDTของวันศุกร์ที่ผ่านมา สัญญาเซื้อขายทองคำสำหรับเดือนธันวาคมอยู่ที่ 2,606.20 ดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นผลตอบแทนสุทธิ 19 ดอลลาร์หรือ 0.73% สำหรับวันนั้น การพุ่งขึ้นนี้ถือเป็นวันที่สองติดต่อกันของการทำลายสถิติสูงสุด โดยจุดสูงสุดระหว่างวันแตะระดับ $2,614.60 อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

    การเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่งของราคาทองคำเกิดขึ้นจากการเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งของเมื่อวันศุกร์ที่ 47 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในวันเดียวที่สำคัญที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม การเพิ่มขึ้นอย่างมากของสัปดาห์นี้จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ทางการเงินอย่างไม่ต้องสงสัย ในขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้าก้าวข้ามหลักชัยที่ 2,600 ดอลลาร์

    ในขณะที่ฝุ่นจางหายไปในเหตุการณ์สำคัญนี้ ผู้เข้าร่วมตลาดกำลังมุ่งความสนใจไปที่การประชุมคณะกรรมการตลาดกลางของรัฐบาลกลาง (FOMC) ในสัปดาห์หน้า โดยคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกอย่างกว้างขวางนับตั้งแต่ปี 2020 มีความเห็นพ้องต้องกันระหว่างนักวิเคราะห์ นักเศรษฐศาสตร์ และผู้สังเกตการณ์ตลาดก็คือการลดอัตราดอกเบี้ยนั้นเป็นสิ่งที่แน่นอน

    เวทีสำหรับการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้เกิดขึ้นในวันที่ 20 สิงหาคม เมื่อประธานธนาคารกลางสหรัฐ เจอโรม พาวเวลล์ ส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางมีความพร้อมที่จะลดอัตราดอกเบี้ยในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง จุดยืนของพาวเวลล์สะท้อนจากเจ้าหน้าที่เฟดคนอื่นๆ โดยเน้นย้ำถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นว่าการผ่อนคลายทางการเงินกำลังใกล้เข้ามา

    เมื่อเร็วๆ นี้ นาย Austan Goolsbee ประธานเฟดแห่งชิคาโกเน้นย้ำว่าแนวโน้มระยะยาวทั้งในตลาดแรงงานและข้อมูลเงินเฟ้อ แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วไปสู่นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น Goolsbee เตือนไม่ให้ใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดเป็นเวลานาน โดยอ้างถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับระดับการจ้างงาน

    แม้ว่าความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะมีสูง แต่ประเด็นสำคัญยังคงเป็นประเด็นถกเถียง นักเศรษฐศาสตร์ที่ Fitch คาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดจุดพื้นฐาน 0.25%สองครั้ง หนึ่งครั้งในสัปดาห์หน้าและอีกครั้งในเดือนธันวาคม

    อย่างไรก็ตาม เสียงบางส่วน เช่น Krishna Guha จาก Evercore ISI สนับสนุนการลดดอกเบี้ยพื้นฐาน 0.50%เพื่อปกป้องเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
    ที่มา Kitco
    ทองคำฟิวเจอร์สสร้างสถิติพุ่งทะลุระดับ2,600เหรียญ ในสัปดาห์ประวัติศาสตร์สำหรับตลาดโลหะมีค่า โกลด์ฟิวเจอร์สได้ทำลายสถิติ โดยทะลุระดับ 2,600 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์เป็นครั้งแรก ณ เวลา 17.00 น. EDTของวันศุกร์ที่ผ่านมา สัญญาเซื้อขายทองคำสำหรับเดือนธันวาคมอยู่ที่ 2,606.20 ดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นผลตอบแทนสุทธิ 19 ดอลลาร์หรือ 0.73% สำหรับวันนั้น การพุ่งขึ้นนี้ถือเป็นวันที่สองติดต่อกันของการทำลายสถิติสูงสุด โดยจุดสูงสุดระหว่างวันแตะระดับ $2,614.60 อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่งของราคาทองคำเกิดขึ้นจากการเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งของเมื่อวันศุกร์ที่ 47 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในวันเดียวที่สำคัญที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม การเพิ่มขึ้นอย่างมากของสัปดาห์นี้จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ทางการเงินอย่างไม่ต้องสงสัย ในขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้าก้าวข้ามหลักชัยที่ 2,600 ดอลลาร์ ในขณะที่ฝุ่นจางหายไปในเหตุการณ์สำคัญนี้ ผู้เข้าร่วมตลาดกำลังมุ่งความสนใจไปที่การประชุมคณะกรรมการตลาดกลางของรัฐบาลกลาง (FOMC) ในสัปดาห์หน้า โดยคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกอย่างกว้างขวางนับตั้งแต่ปี 2020 มีความเห็นพ้องต้องกันระหว่างนักวิเคราะห์ นักเศรษฐศาสตร์ และผู้สังเกตการณ์ตลาดก็คือการลดอัตราดอกเบี้ยนั้นเป็นสิ่งที่แน่นอน เวทีสำหรับการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้เกิดขึ้นในวันที่ 20 สิงหาคม เมื่อประธานธนาคารกลางสหรัฐ เจอโรม พาวเวลล์ ส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางมีความพร้อมที่จะลดอัตราดอกเบี้ยในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง จุดยืนของพาวเวลล์สะท้อนจากเจ้าหน้าที่เฟดคนอื่นๆ โดยเน้นย้ำถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นว่าการผ่อนคลายทางการเงินกำลังใกล้เข้ามา เมื่อเร็วๆ นี้ นาย Austan Goolsbee ประธานเฟดแห่งชิคาโกเน้นย้ำว่าแนวโน้มระยะยาวทั้งในตลาดแรงงานและข้อมูลเงินเฟ้อ แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วไปสู่นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น Goolsbee เตือนไม่ให้ใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดเป็นเวลานาน โดยอ้างถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับระดับการจ้างงาน แม้ว่าความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะมีสูง แต่ประเด็นสำคัญยังคงเป็นประเด็นถกเถียง นักเศรษฐศาสตร์ที่ Fitch คาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดจุดพื้นฐาน 0.25%สองครั้ง หนึ่งครั้งในสัปดาห์หน้าและอีกครั้งในเดือนธันวาคม อย่างไรก็ตาม เสียงบางส่วน เช่น Krishna Guha จาก Evercore ISI สนับสนุนการลดดอกเบี้ยพื้นฐาน 0.50%เพื่อปกป้องเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ที่มา Kitco
    Like
    Love
    Haha
    17
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1446 มุมมอง 0 รีวิว
  • เลือกตั้งปี 2024อาจเป็นครี้งสุดท้ายของสหรัฐ
    มาร์ติน อาร์มสตรองแห่ง armstrongeconomics.com คาดการณ์ว่าการเลือกตั้งในปี 2024ของสหรัฐอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะว่าฝ่ายสนับสนุนทั้งโดนัลด์ ทรัมป์ และกมลา แฮร์ริสจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ซึ่งจะนำไปสู้การฟ้องร้องในศาลทำให้ไม่สามารถรับรองผลการเลือกตั้งได้ และในที่สุดอาจจะนำไปสู่สงครามกลางเมือง
    อาร์มสตรอง บอกว่า ทรัมป์กับแฮร์ริสกำลังกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ทางกฎหมายที่ดุเดือดและน่ารังเกียจ ซึ่งจะทำให้ประเทศสหรัฐแตกแยกอย่างแน่นอน โดยเสริมว่าสื่อกระแสหลักจะทรยศต่อประเทศและทุกสิ่งที่รัฐธรรมนูญอเมริกันเคยยืนหยัด และพวกเขาจะสนับสนุนคนหลบเข้าเมืองที่ผิดกฎหมายและแฮร์รีสทั้งหมดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
    เขาบอกว่าการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นมุ่งหน้าสู่ปี 2032 ซึ่งจะทำลายสังคมตะวันตกในแง่ของการเป็นเมืองหลวงทางการเงินที่มีอิทธิพลต่อระบบการเงินโลก
    “พวกนีโอคอน (Neocon) กำลังทำลายสังคมตะวันตกเพราะความเกลียดชังรัสเซียและจีน ซึ่งส่งผลให้เกิดเมืองหลวงทางการเงินของโลกที่สหรัฐอเมริกายึดครองจากลอนดอนในปี 1918 เนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 1 เราจะสูญเสียสถานภาพนี้ 112 ปีต่อมา เพราะสงครามโลกครั้งที่ 3 และสื่อมวลชนก็ให้กำลังเชียร์ให้เกิด (ครึ่งรอบ 224 ปีของการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง)
    พรรคเดโมแครตได้ส่งข้อความนี้ออกไปบรรดาผู้สนับสนุน:

    “… เรากำลังเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับโครงการคุ้มครองผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพื่อปกป้องทรัมป์และพันธมิตรของเขาที่โจมตีสิทธิในการลงคะแนนเสียงของเรา นั่นเป็นสาเหตุที่เราลงทุนหกหลักในโครงการ Democrats Abroad เพื่อลงทะเบียนและรับคะแนนโหวตจากชาวอเมริกันเกือบ 9 ล้านคนที่อาศัยและรับใช้ในต่างประเทศ และนั่นคือเหตุผลที่เราขยายความพยายามในการจัดงานเสมือนจริงที่ประสบความสำเร็จเพื่อมีส่วนร่วมและระดมอาสาสมัครให้ได้มากที่สุด เพื่อให้คุณสามารถมีส่วนร่วมได้ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม”
    อาร์มสตรอง กล่าวต่อไปว่า จอร์เจียได้นำกฎใหม่สำหรับคณะกรรมการการเลือกตั้งของรัฐมาใช้ โดยอนุญาตให้สมาชิกชะลอการรับรองการเลือกตั้ง ถ้าหากมีการสอบถามเกี่ยวกับความคลาดเคลื่อนของบัตรลงคะแนน ในรัฐแอริโซนา มิชิแกน และเนวาดา ฝ่ายรีพับรีกันได้ผลักดันให้มีการกำจัดรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่ใช่พลเมือง พรรครีพับลิกันในเนวาดายื่นฟ้องเพื่อป้องกันไม่ให้มีการนับบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์หากได้รับหลังวันเลือกตั้ง ถึงกระนั้นพรรคเดโมแครตก็กำลังต่อสู้กับสิ่งนั้นเช่นกัน
    ในรัฐที่ฐานเสียงแกว่งไปมาอย่างจอร์เจีย แอริโซนา มิชิแกน เนวาดา และเพนซิลเวเนีย ผลของการลงคะแนนเสียงที่มีการโต้แย้งอาจจบลงที่ศาลฎีกา มีการปล่อยให้ผู้อพยพเข้าไปในยุโรปและสหรัฐอเมริกาอย่างผิดกฎหมายโดยที่ส่วนใหญ่ไม่ได้ให้อะไรเลยแก่สังคม เพื่อเป้าหมายของลัทธิเผด็จการที่จะควบคุมประชาชน โดยวางแผนที่จะให้พวกอพยพหลบเข้าเมืองลงคะแนนเสียงให้พรรคเดโมแครต
    ผลของการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีการโต้แย้งอย่างเผ็ดร้อนจนอาจจะจบลงที่ศาล จากนั้น หากพรรคเดโมแครตหรือพรรครีพับลิกันแต่งตั้งผู้พิพากษาเป็นผู้ตัดสิน ผู้แพ้ก็จะโต้แย้งว่าการตัดสินดังกล่าวเป็นเรื่องทางการเมือง ไม่มีทางหนีพ้นวิกฤตนี้ไปได้ เพราะฝ่ายซ้ายรู้ว่าตนกำลังพ่ายแพ้ และแทนที่จะตั้งคำถามกับปรัชญาแนวทางของตน กลับตั้งใจที่จะชนะทุกวิถีทางที่เป็นไปได้
    ที่การประชุมประชาธิปไตย ไบเดนราดน้ำมันลงบนกองไฟ ซึ่งหากทรัมป์ชนะ นั่นก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย เขากล่าวว่า “นี่จะเป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม” ไบเดนบอกกับฝูงชนในสุนทรพจน์ของเขาว่าเมื่อวันที่ 6 มกราคม “เราเกือบจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวตนของเราในฐานะประเทศไป และภัยคุกคามนั้น—นี่ไม่ใช่คำพูดเกินจริง—ภัยคุกคามนั้นยังดำรงอยู่”

    IMCT News

    ที่มา https://www.armstrongeconomics.com/international-news/politics/us-2024-may-be-our-last/
    เลือกตั้งปี 2024อาจเป็นครี้งสุดท้ายของสหรัฐ มาร์ติน อาร์มสตรองแห่ง armstrongeconomics.com คาดการณ์ว่าการเลือกตั้งในปี 2024ของสหรัฐอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะว่าฝ่ายสนับสนุนทั้งโดนัลด์ ทรัมป์ และกมลา แฮร์ริสจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ซึ่งจะนำไปสู้การฟ้องร้องในศาลทำให้ไม่สามารถรับรองผลการเลือกตั้งได้ และในที่สุดอาจจะนำไปสู่สงครามกลางเมือง อาร์มสตรอง บอกว่า ทรัมป์กับแฮร์ริสกำลังกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ทางกฎหมายที่ดุเดือดและน่ารังเกียจ ซึ่งจะทำให้ประเทศสหรัฐแตกแยกอย่างแน่นอน โดยเสริมว่าสื่อกระแสหลักจะทรยศต่อประเทศและทุกสิ่งที่รัฐธรรมนูญอเมริกันเคยยืนหยัด และพวกเขาจะสนับสนุนคนหลบเข้าเมืองที่ผิดกฎหมายและแฮร์รีสทั้งหมดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เขาบอกว่าการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นมุ่งหน้าสู่ปี 2032 ซึ่งจะทำลายสังคมตะวันตกในแง่ของการเป็นเมืองหลวงทางการเงินที่มีอิทธิพลต่อระบบการเงินโลก “พวกนีโอคอน (Neocon) กำลังทำลายสังคมตะวันตกเพราะความเกลียดชังรัสเซียและจีน ซึ่งส่งผลให้เกิดเมืองหลวงทางการเงินของโลกที่สหรัฐอเมริกายึดครองจากลอนดอนในปี 1918 เนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 1 เราจะสูญเสียสถานภาพนี้ 112 ปีต่อมา เพราะสงครามโลกครั้งที่ 3 และสื่อมวลชนก็ให้กำลังเชียร์ให้เกิด (ครึ่งรอบ 224 ปีของการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง) พรรคเดโมแครตได้ส่งข้อความนี้ออกไปบรรดาผู้สนับสนุน: “… เรากำลังเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับโครงการคุ้มครองผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพื่อปกป้องทรัมป์และพันธมิตรของเขาที่โจมตีสิทธิในการลงคะแนนเสียงของเรา นั่นเป็นสาเหตุที่เราลงทุนหกหลักในโครงการ Democrats Abroad เพื่อลงทะเบียนและรับคะแนนโหวตจากชาวอเมริกันเกือบ 9 ล้านคนที่อาศัยและรับใช้ในต่างประเทศ และนั่นคือเหตุผลที่เราขยายความพยายามในการจัดงานเสมือนจริงที่ประสบความสำเร็จเพื่อมีส่วนร่วมและระดมอาสาสมัครให้ได้มากที่สุด เพื่อให้คุณสามารถมีส่วนร่วมได้ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม” อาร์มสตรอง กล่าวต่อไปว่า จอร์เจียได้นำกฎใหม่สำหรับคณะกรรมการการเลือกตั้งของรัฐมาใช้ โดยอนุญาตให้สมาชิกชะลอการรับรองการเลือกตั้ง ถ้าหากมีการสอบถามเกี่ยวกับความคลาดเคลื่อนของบัตรลงคะแนน ในรัฐแอริโซนา มิชิแกน และเนวาดา ฝ่ายรีพับรีกันได้ผลักดันให้มีการกำจัดรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่ใช่พลเมือง พรรครีพับลิกันในเนวาดายื่นฟ้องเพื่อป้องกันไม่ให้มีการนับบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์หากได้รับหลังวันเลือกตั้ง ถึงกระนั้นพรรคเดโมแครตก็กำลังต่อสู้กับสิ่งนั้นเช่นกัน ในรัฐที่ฐานเสียงแกว่งไปมาอย่างจอร์เจีย แอริโซนา มิชิแกน เนวาดา และเพนซิลเวเนีย ผลของการลงคะแนนเสียงที่มีการโต้แย้งอาจจบลงที่ศาลฎีกา มีการปล่อยให้ผู้อพยพเข้าไปในยุโรปและสหรัฐอเมริกาอย่างผิดกฎหมายโดยที่ส่วนใหญ่ไม่ได้ให้อะไรเลยแก่สังคม เพื่อเป้าหมายของลัทธิเผด็จการที่จะควบคุมประชาชน โดยวางแผนที่จะให้พวกอพยพหลบเข้าเมืองลงคะแนนเสียงให้พรรคเดโมแครต ผลของการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีการโต้แย้งอย่างเผ็ดร้อนจนอาจจะจบลงที่ศาล จากนั้น หากพรรคเดโมแครตหรือพรรครีพับลิกันแต่งตั้งผู้พิพากษาเป็นผู้ตัดสิน ผู้แพ้ก็จะโต้แย้งว่าการตัดสินดังกล่าวเป็นเรื่องทางการเมือง ไม่มีทางหนีพ้นวิกฤตนี้ไปได้ เพราะฝ่ายซ้ายรู้ว่าตนกำลังพ่ายแพ้ และแทนที่จะตั้งคำถามกับปรัชญาแนวทางของตน กลับตั้งใจที่จะชนะทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ ที่การประชุมประชาธิปไตย ไบเดนราดน้ำมันลงบนกองไฟ ซึ่งหากทรัมป์ชนะ นั่นก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย เขากล่าวว่า “นี่จะเป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม” ไบเดนบอกกับฝูงชนในสุนทรพจน์ของเขาว่าเมื่อวันที่ 6 มกราคม “เราเกือบจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวตนของเราในฐานะประเทศไป และภัยคุกคามนั้น—นี่ไม่ใช่คำพูดเกินจริง—ภัยคุกคามนั้นยังดำรงอยู่” IMCT News ที่มา https://www.armstrongeconomics.com/international-news/politics/us-2024-may-be-our-last/
    WWW.ARMSTRONGECONOMICS.COM
    US 2024 May be Our Last
    This year's election is shaping up to be decided in court rather than the ballot box. Both Donald Trump and Kamala Harris are preparing for what will become a
    Like
    Love
    Wow
    Sad
    36
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1835 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฮามาสแต่งตั้งยาห์ยา ซินวาร์ ผู้วางแผนการโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ให้เป็นผู้นำคนใหม่ หลังจากฮาร์นิเยห์อดีตผู้นำฮามาสถูกลอบสังหารขณะอยู่ในอิหร่าน

    7 สิงหาคม 2567- รายงานวิกิพีเดียระบุประวัติซินวาร์เกิดในค่ายผู้ลี้ภัยข่านยูนิสในฉนวนกาซาที่ปกครองโดยอียิปต์เมื่อปีพ.ศ. 2505 ในครอบครัวที่ถูกขับไล่หรือหลบหนีจากอัชเคลอนในช่วงสงครามปาเลสไตน์ในปีพ.ศ. 2491เขาจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอิสลามแห่งฉนวนกาซาซึ่งเขาได้รับปริญญาตรีสาขาอาหรับศึกษา

    สำหรับกรณีลักพาตัวและสังหารทหารอิสราเอล 2 นายและชาวปาเลสไตน์ 4 นายซึ่งเขาถือว่าเป็นผู้ร่วมมือในปี 1989 ซินวาร์ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตสี่ครั้งโดยอิสราเอล ต้องรับโทษ 22 ปีจนกระทั่งได้รับการปล่อยตัวพร้อมผู้ต้องขังอีก 1,026 คนในการแลกเปลี่ยนนักโทษกับกิลาด ชาลิตทหาร อิสราเอลในปี 2011 ซินวาร์เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งร่วมของหน่วยงานรักษาความปลอดภัยของกลุ่มฮามาสในปี 2017 เขาได้รับเลือกเป็นผู้นำของกลุ่มฮามาสและอ้างว่าจะแสวงหา "การต่อต้านอย่างสันติและเป็นที่นิยม" ต่อการยึดครองของอิสราเอลในปีถัดมา
    เขาได้รับการเลือกตั้งให้เป็นผู้นำของกลุ่มฮามาสอีกครั้งในปี 2021 และตกเป็นเป้าหมายการลอบสังหารโดยอิสราเอลในปีนั้น ซินวาร์ถูกมองว่าเป็นผู้วางแผนเบื้องหลังการโจมตีอิสราเอลที่นำโดยกลุ่มฮามาสในปี 2023เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023

    ในเดือนกันยายน 2015 ซินวาร์ถูกหมายหัวเป็นผู้ก่อการร้ายโดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกา และฮามาสและกองกำลัง Izz ad-Din al-Qassamได้รับการกำหนดให้เป็นองค์กรก่อการร้ายโดยสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และประเทศอื่นๆ ต่อมาในเดือนพฤษภาคม 2024 คาริม ข่าน อัยการศาลอาญาระหว่างประเทศยื่นขอหมายจับซินวาร์ในข้อหาอาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวนของ ICC ในปาเลสไตน

    ซินวาร์ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้นำที่โดดเด่นที่สุดของฮามาส

    รายงานข่าวPolitico ระบุว่า ซินวาร์ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาตั้งแต่ปี 2560 แทบจะไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณะเลย แต่ยังคงควบคุมอำนาจของกลุ่มฮามาสในพื้นที่ดังกล่าวได้อย่างเหนียวแน่น เขาทำงานอย่างใกล้ชิดกับกองกำลังเดฟและกองกำลังคัสซัมเพื่อเสริมสร้างศักยภาพทางทหารของกลุ่ม

    ในการปรากฏตัวไม่กี่ครั้ง ซินวาร์ได้จบการกล่าวสุนทรพจน์ต่อสาธารณะในฉนวนกาซาด้วยการเชิญชวนอิสราเอลให้ลอบสังหารเขา โดยประกาศว่า “ฉันจะเดินกลับบ้านหลังการประชุมครั้งนี้” จากนั้นเขาก็ทำเช่นนั้น โดยจับมือและถ่ายเซลฟี่กับผู้คนบนท้องถนน

    เขาซ่อนตัวอยู่ใต้ดินตั้งแต่การโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งเป็นชนวนให้อิสราเอลโจมตีและโจมตีเพื่อทำลายกลุ่มฮามาส ปัจจุบันมีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตเกือบ 40,000 คน ประชากร 2.3 ล้านคนส่วนใหญ่ถูกขับไล่ออกจากบ้านเรือน และพื้นที่ส่วนใหญ่ในเมืองต่างๆ ในฉนวนกาซาถูกทำลาย ในเดือนพฤษภาคม อัยการศาลอาญาระหว่างประเทศได้ขอหมายจับซินวาร์ในข้อหาอาชญากรรมสงครามจากการโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม รวมถึงนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลและรัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอลในข้อหาอาชญากรรมสงคราม

    ฮิวจ์ โลวัต ผู้เชี่ยวชาญด้านความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์จากสภายุโรปว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กล่าวว่าการปลดผู้นำระดับสูงคนอื่นๆ ออกไปช่วยเปิดทางให้ซินวาร์ “เมื่อสองสัปดาห์ก่อน แทบไม่มีใครคาดคิดว่าซินวาร์จะเป็นผู้นำคนต่อไปของกลุ่ม แม้ว่าเขาจะมีอิทธิพลอย่างมากจากฉนวนกาซาก็ตาม” เขากล่าว

    การสังหารฮานิเยห์ ซึ่งค่อนข้างเป็นคนสายกลาง “ไม่เพียงแต่เปิดทางให้ซินวาร์อ้างสิทธิ์ในการควบคุมฮามาสได้อย่างสมบูรณ์เท่านั้น แต่ยังดูเหมือนจะทำให้กลุ่มนี้มุ่งไปสู่แนวทางที่แข็งกร้าวมากขึ้นด้วย” เขากล่าว

    #Thaitimes
    ฮามาสแต่งตั้งยาห์ยา ซินวาร์ ผู้วางแผนการโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ให้เป็นผู้นำคนใหม่ หลังจากฮาร์นิเยห์อดีตผู้นำฮามาสถูกลอบสังหารขณะอยู่ในอิหร่าน 7 สิงหาคม 2567- รายงานวิกิพีเดียระบุประวัติซินวาร์เกิดในค่ายผู้ลี้ภัยข่านยูนิสในฉนวนกาซาที่ปกครองโดยอียิปต์เมื่อปีพ.ศ. 2505 ในครอบครัวที่ถูกขับไล่หรือหลบหนีจากอัชเคลอนในช่วงสงครามปาเลสไตน์ในปีพ.ศ. 2491เขาจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอิสลามแห่งฉนวนกาซาซึ่งเขาได้รับปริญญาตรีสาขาอาหรับศึกษา สำหรับกรณีลักพาตัวและสังหารทหารอิสราเอล 2 นายและชาวปาเลสไตน์ 4 นายซึ่งเขาถือว่าเป็นผู้ร่วมมือในปี 1989 ซินวาร์ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตสี่ครั้งโดยอิสราเอล ต้องรับโทษ 22 ปีจนกระทั่งได้รับการปล่อยตัวพร้อมผู้ต้องขังอีก 1,026 คนในการแลกเปลี่ยนนักโทษกับกิลาด ชาลิตทหาร อิสราเอลในปี 2011 ซินวาร์เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งร่วมของหน่วยงานรักษาความปลอดภัยของกลุ่มฮามาสในปี 2017 เขาได้รับเลือกเป็นผู้นำของกลุ่มฮามาสและอ้างว่าจะแสวงหา "การต่อต้านอย่างสันติและเป็นที่นิยม" ต่อการยึดครองของอิสราเอลในปีถัดมา เขาได้รับการเลือกตั้งให้เป็นผู้นำของกลุ่มฮามาสอีกครั้งในปี 2021 และตกเป็นเป้าหมายการลอบสังหารโดยอิสราเอลในปีนั้น ซินวาร์ถูกมองว่าเป็นผู้วางแผนเบื้องหลังการโจมตีอิสราเอลที่นำโดยกลุ่มฮามาสในปี 2023เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ในเดือนกันยายน 2015 ซินวาร์ถูกหมายหัวเป็นผู้ก่อการร้ายโดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกา และฮามาสและกองกำลัง Izz ad-Din al-Qassamได้รับการกำหนดให้เป็นองค์กรก่อการร้ายโดยสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และประเทศอื่นๆ ต่อมาในเดือนพฤษภาคม 2024 คาริม ข่าน อัยการศาลอาญาระหว่างประเทศยื่นขอหมายจับซินวาร์ในข้อหาอาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวนของ ICC ในปาเลสไตน ซินวาร์ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้นำที่โดดเด่นที่สุดของฮามาส รายงานข่าวPolitico ระบุว่า ซินวาร์ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาตั้งแต่ปี 2560 แทบจะไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณะเลย แต่ยังคงควบคุมอำนาจของกลุ่มฮามาสในพื้นที่ดังกล่าวได้อย่างเหนียวแน่น เขาทำงานอย่างใกล้ชิดกับกองกำลังเดฟและกองกำลังคัสซัมเพื่อเสริมสร้างศักยภาพทางทหารของกลุ่ม ในการปรากฏตัวไม่กี่ครั้ง ซินวาร์ได้จบการกล่าวสุนทรพจน์ต่อสาธารณะในฉนวนกาซาด้วยการเชิญชวนอิสราเอลให้ลอบสังหารเขา โดยประกาศว่า “ฉันจะเดินกลับบ้านหลังการประชุมครั้งนี้” จากนั้นเขาก็ทำเช่นนั้น โดยจับมือและถ่ายเซลฟี่กับผู้คนบนท้องถนน เขาซ่อนตัวอยู่ใต้ดินตั้งแต่การโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งเป็นชนวนให้อิสราเอลโจมตีและโจมตีเพื่อทำลายกลุ่มฮามาส ปัจจุบันมีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตเกือบ 40,000 คน ประชากร 2.3 ล้านคนส่วนใหญ่ถูกขับไล่ออกจากบ้านเรือน และพื้นที่ส่วนใหญ่ในเมืองต่างๆ ในฉนวนกาซาถูกทำลาย ในเดือนพฤษภาคม อัยการศาลอาญาระหว่างประเทศได้ขอหมายจับซินวาร์ในข้อหาอาชญากรรมสงครามจากการโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม รวมถึงนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลและรัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอลในข้อหาอาชญากรรมสงคราม ฮิวจ์ โลวัต ผู้เชี่ยวชาญด้านความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์จากสภายุโรปว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กล่าวว่าการปลดผู้นำระดับสูงคนอื่นๆ ออกไปช่วยเปิดทางให้ซินวาร์ “เมื่อสองสัปดาห์ก่อน แทบไม่มีใครคาดคิดว่าซินวาร์จะเป็นผู้นำคนต่อไปของกลุ่ม แม้ว่าเขาจะมีอิทธิพลอย่างมากจากฉนวนกาซาก็ตาม” เขากล่าว การสังหารฮานิเยห์ ซึ่งค่อนข้างเป็นคนสายกลาง “ไม่เพียงแต่เปิดทางให้ซินวาร์อ้างสิทธิ์ในการควบคุมฮามาสได้อย่างสมบูรณ์เท่านั้น แต่ยังดูเหมือนจะทำให้กลุ่มนี้มุ่งไปสู่แนวทางที่แข็งกร้าวมากขึ้นด้วย” เขากล่าว #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 599 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนทันยาฮู โพสต์ภาพพบปะกับอีลอน มัสก์
    เนทันยาฮูได้แชร์ภาพถ่ายที่กำลังจับมือกับอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีแนวขวาในระหว่างการพบปะกันภายหลังคำปราศรัยของนายกรัฐมนตรีต่อรัฐสภา
    “เมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ได้พบกับ [อีลอน มัสก์] หลังจากกล่าวสุนทรพจน์ต่อรัฐสภาสหรัฐฯ” โพสต์ดังกล่าวระบุ “ทั้งสองคนได้หารือถึงโอกาสและความท้าทายในด้าน AI ตลอดจนอิทธิพลที่มีต่อเศรษฐกิจและสังคม และโอกาสในการร่วมมือด้านเทคโนโลยีกับเอล”
    .
    #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews
    #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง
    -------------------------------
    สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    เนทันยาฮู โพสต์ภาพพบปะกับอีลอน มัสก์ เนทันยาฮูได้แชร์ภาพถ่ายที่กำลังจับมือกับอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีแนวขวาในระหว่างการพบปะกันภายหลังคำปราศรัยของนายกรัฐมนตรีต่อรัฐสภา “เมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ได้พบกับ [อีลอน มัสก์] หลังจากกล่าวสุนทรพจน์ต่อรัฐสภาสหรัฐฯ” โพสต์ดังกล่าวระบุ “ทั้งสองคนได้หารือถึงโอกาสและความท้าทายในด้าน AI ตลอดจนอิทธิพลที่มีต่อเศรษฐกิจและสังคม และโอกาสในการร่วมมือด้านเทคโนโลยีกับเอล” . #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง ------------------------------- สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 415 มุมมอง 0 รีวิว