• ลุงโทนี่กลับมาดรามาอีกครั้ง ใส่โต๊ปขายหมูหัน อาจไม่ได้หลุดพลาด แต่คือสูตร เพราะทุกคำด่าคือยอดวิว

    #ใส่โต๊ปขายหมูหัน #ขายหมูหัน #ลุงโทนี่ขายหมูหัน #ศรัทธาถูกใช้เป็นไวรัล #ศาสนาอิสลาม #ลุงโทนี่ #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    ลุงโทนี่กลับมาดรามาอีกครั้ง ใส่โต๊ปขายหมูหัน อาจไม่ได้หลุดพลาด แต่คือสูตร เพราะทุกคำด่าคือยอดวิว #ใส่โต๊ปขายหมูหัน #ขายหมูหัน #ลุงโทนี่ขายหมูหัน #ศรัทธาถูกใช้เป็นไวรัล #ศาสนาอิสลาม #ลุงโทนี่ #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    Love
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1243 มุมมอง 36 0 รีวิว
  • แถลงการณ์พรรคประชาชาติ

    เรื่อง จุดยืนต่อร่างพระราชบัญญัติเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กช์
    พรรคประชาชาติขอแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าไม่สามารถรับหลักการของร่างพระราชบัญญัติเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ได้เนื่องจากเนื้อหาของร่างกฎหมายดังกล่าวขัดต่อหลักคำสอนของศาสนาอิสลามและอาจส่งผลกระทบในเชิงลบต่อสังคม วัฒนธรรม และศีลธรรมของเยาวชนและประชาชนในพื้นที่

    ซึ่งล้วนเป็นมิติสำคัญที่พรรคประชาชาติให้ความสำคัญมาโดยตลอด
    พรรคประชาชาติขอยืนยันว่า ทุกการตัดสินใจของพรรคมุ่งยึดถือ
    ผลประโยชน์ของประเทศชาติ ความสงบสุขของสังคม และการอยู่ร่วมกันอย่างเคารพในความหลากหลายทางศาสนาและวัฒนธรรมอย่างเท่าเทียมกันเป็นสำคัญ

    พรรคประชาชาติ
    วันที่ 8 เมษายน 2568
    แถลงการณ์พรรคประชาชาติ เรื่อง จุดยืนต่อร่างพระราชบัญญัติเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กช์ พรรคประชาชาติขอแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าไม่สามารถรับหลักการของร่างพระราชบัญญัติเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ได้เนื่องจากเนื้อหาของร่างกฎหมายดังกล่าวขัดต่อหลักคำสอนของศาสนาอิสลามและอาจส่งผลกระทบในเชิงลบต่อสังคม วัฒนธรรม และศีลธรรมของเยาวชนและประชาชนในพื้นที่ ซึ่งล้วนเป็นมิติสำคัญที่พรรคประชาชาติให้ความสำคัญมาโดยตลอด พรรคประชาชาติขอยืนยันว่า ทุกการตัดสินใจของพรรคมุ่งยึดถือ ผลประโยชน์ของประเทศชาติ ความสงบสุขของสังคม และการอยู่ร่วมกันอย่างเคารพในความหลากหลายทางศาสนาและวัฒนธรรมอย่างเท่าเทียมกันเป็นสำคัญ พรรคประชาชาติ วันที่ 8 เมษายน 2568
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปรับ 2.5 แสนริงกิตคลื่น ERA ปมคลิปดีเจล้อเลียนฮินดู

    ความคืบหน้ากรณีที่ ปาก อาซาด (Pak Azad) หรือ อาซาด จัสมิน จอห์น หลุยส์ เจฟฟรี่ (Azad Jazmin John Louis Jeffri) ดีเจสถานีวิทยุอีรา (ERA) คลื่นเพลงชื่อดังในมาเลเซีย ไปล้อเลียนการเต้นรำกาวาดี (Kavadi) ของศาสนาฮินดู แล้วมีคลิปในบัญชีโซเชียลมีเดียทางการของสถานี ทำให้ชาวมาเลเซียเชื้อสายอินเดีย และผู้ที่นับถือศาสนาฮินดูไม่พอใจ กระทั่งบริษัทแอสโตรสั่งให้พักงานดีเจสามคนที่จัดรายการร่วมกัน และพนักงานสถานีอีก 2 คนอย่างไม่มีกำหนด ขณะที่ดีเจทั้งสามคนขอโทษทั้งผ่านคลิปวีดีโอ รวมทั้งไปขอโทษต่อชุมชนชาวอินเดียที่วัดถ้ำบาตู (Batu Caves) ก่อนหน้านี้

    ปรากฎว่าเมื่อวันที่ 11 มี.ค. คณะกรรมการสื่อสารและมัลติมีเดียแห่งมาเลเซีย (MCMC) สั่งปรับ 250,000 ริงกิต (1,925,000 บาท) แก่บริษัทเมสตร้า บอร์ดคาสต์ (Maestra Broadcast) บริษัทย่อยของ แอสโตร มาเลเซีย โฮลดิ้งส์ (Astro Malaysia Holdings) ผู้ผลิตสื่อบันเทิงในมาเลเซีย โดยพิจารณาจากวีดีโอคลิปอัปโหลดลงในติ๊กต็อกที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของ แต่ไม่ระงับใบอนุญาตสถานีวิทยุ เนื่องจากบริษัทฯ ได้แก้ไขปัญหาพร้อมกับขอโทษ อีกทั้งเกรงถึงผลกระทบกับคลื่นเพลงภาษาจีน Melody และคลื่นเพลงสากล Mix FM ภายใต้ใบอนุญาตเดียวกันด้วย

    อย่างไรก็ตาม มีการเปรียบเทียบและโจมตี MCMC โดยเทียบกับกรณีละเมิดกฎ "3R" ได้แก่ เชื้อชาติ ศาสนา และราชวงศ์ (Race, Religion and Royalty) ทำนองว่าลำเอียงเมื่อเทียบกับคดีอื่นๆ ทำให้นายฟาห์มี ฟาดซิล รมว.การสื่อสาร และโฆษกรัฐบาลอันวาร์ อิบราฮิม อธิบายว่าแตกต่างกัน เพราะกรณีถุงเท้าในร้าน KK Mart เป็นคดีอาญา ศาลกำหนดค่าปรับ 60,000 ริงกิต (462,000 บาท) ส่วนกรณีนักแสดง ฮาริธ อิสกันเดอร์ (Harith Iskander) และผู้ใช้โซเชียลมีเดีย Cecelia Yap ที่อัปโหลดเนื้อหาพาดพิงศาสนาอิสลาม ถูกดำเนินคดีในนามบุคคล ไม่ใช่บริษัท และอัยการให้ปรับ 10,000 ริงกิต (77,000 บาท) โดยไม่ได้นำคดีขึ้นสู่ศาลแต่อย่างใด

    ตุนกู นาซรุล อาไบดาห์ โฆษกอาวุโสของนายกรัฐมนตรีอันวาร์ ระบุว่า นายกฯ เรียกร้องให้ชาวมาเลเซียทุกคนร่วมมือกันเพื่อเป็นตัวแทนแห่งความสามัคคี และช่วยเหลือรัฐบาลรวมพลังชาวมาเลเซียทุกคนที่มีศาสนา เชื้อชาติ และชาติพันธุ์ที่แตกต่างเข้าด้วยกัน โดยนายกฯ ได้พบกับดีเจที่เป็นข่าว ในงานเลี้ยงอาหารค่ำอิฟตาร์กับผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 11 มี.ค.โดยแนะว่าให้นำสารแห่งความสามัคคีไปใช้ในชีวิตประจำวัน และหวังว่าชาวมาเลเซียจะก้าวข้ามเรื่องนี้ไปข้างหน้าเพื่อสร้างสันติภาพและความสามัคคีในประเทศ โดยเคารพซึ่งกันและกัน

    #Newskit
    ปรับ 2.5 แสนริงกิตคลื่น ERA ปมคลิปดีเจล้อเลียนฮินดู ความคืบหน้ากรณีที่ ปาก อาซาด (Pak Azad) หรือ อาซาด จัสมิน จอห์น หลุยส์ เจฟฟรี่ (Azad Jazmin John Louis Jeffri) ดีเจสถานีวิทยุอีรา (ERA) คลื่นเพลงชื่อดังในมาเลเซีย ไปล้อเลียนการเต้นรำกาวาดี (Kavadi) ของศาสนาฮินดู แล้วมีคลิปในบัญชีโซเชียลมีเดียทางการของสถานี ทำให้ชาวมาเลเซียเชื้อสายอินเดีย และผู้ที่นับถือศาสนาฮินดูไม่พอใจ กระทั่งบริษัทแอสโตรสั่งให้พักงานดีเจสามคนที่จัดรายการร่วมกัน และพนักงานสถานีอีก 2 คนอย่างไม่มีกำหนด ขณะที่ดีเจทั้งสามคนขอโทษทั้งผ่านคลิปวีดีโอ รวมทั้งไปขอโทษต่อชุมชนชาวอินเดียที่วัดถ้ำบาตู (Batu Caves) ก่อนหน้านี้ ปรากฎว่าเมื่อวันที่ 11 มี.ค. คณะกรรมการสื่อสารและมัลติมีเดียแห่งมาเลเซีย (MCMC) สั่งปรับ 250,000 ริงกิต (1,925,000 บาท) แก่บริษัทเมสตร้า บอร์ดคาสต์ (Maestra Broadcast) บริษัทย่อยของ แอสโตร มาเลเซีย โฮลดิ้งส์ (Astro Malaysia Holdings) ผู้ผลิตสื่อบันเทิงในมาเลเซีย โดยพิจารณาจากวีดีโอคลิปอัปโหลดลงในติ๊กต็อกที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของ แต่ไม่ระงับใบอนุญาตสถานีวิทยุ เนื่องจากบริษัทฯ ได้แก้ไขปัญหาพร้อมกับขอโทษ อีกทั้งเกรงถึงผลกระทบกับคลื่นเพลงภาษาจีน Melody และคลื่นเพลงสากล Mix FM ภายใต้ใบอนุญาตเดียวกันด้วย อย่างไรก็ตาม มีการเปรียบเทียบและโจมตี MCMC โดยเทียบกับกรณีละเมิดกฎ "3R" ได้แก่ เชื้อชาติ ศาสนา และราชวงศ์ (Race, Religion and Royalty) ทำนองว่าลำเอียงเมื่อเทียบกับคดีอื่นๆ ทำให้นายฟาห์มี ฟาดซิล รมว.การสื่อสาร และโฆษกรัฐบาลอันวาร์ อิบราฮิม อธิบายว่าแตกต่างกัน เพราะกรณีถุงเท้าในร้าน KK Mart เป็นคดีอาญา ศาลกำหนดค่าปรับ 60,000 ริงกิต (462,000 บาท) ส่วนกรณีนักแสดง ฮาริธ อิสกันเดอร์ (Harith Iskander) และผู้ใช้โซเชียลมีเดีย Cecelia Yap ที่อัปโหลดเนื้อหาพาดพิงศาสนาอิสลาม ถูกดำเนินคดีในนามบุคคล ไม่ใช่บริษัท และอัยการให้ปรับ 10,000 ริงกิต (77,000 บาท) โดยไม่ได้นำคดีขึ้นสู่ศาลแต่อย่างใด ตุนกู นาซรุล อาไบดาห์ โฆษกอาวุโสของนายกรัฐมนตรีอันวาร์ ระบุว่า นายกฯ เรียกร้องให้ชาวมาเลเซียทุกคนร่วมมือกันเพื่อเป็นตัวแทนแห่งความสามัคคี และช่วยเหลือรัฐบาลรวมพลังชาวมาเลเซียทุกคนที่มีศาสนา เชื้อชาติ และชาติพันธุ์ที่แตกต่างเข้าด้วยกัน โดยนายกฯ ได้พบกับดีเจที่เป็นข่าว ในงานเลี้ยงอาหารค่ำอิฟตาร์กับผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 11 มี.ค.โดยแนะว่าให้นำสารแห่งความสามัคคีไปใช้ในชีวิตประจำวัน และหวังว่าชาวมาเลเซียจะก้าวข้ามเรื่องนี้ไปข้างหน้าเพื่อสร้างสันติภาพและความสามัคคีในประเทศ โดยเคารพซึ่งกันและกัน #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 597 มุมมอง 0 รีวิว
  • สลามเมืองไทย EP13 | ศูนย์รวมศรัทธาชนพี่น้องมุสลิม

    "จุดศูนย์กลางแห่งศรัทธา ความสามัคคี และสายสัมพันธ์ของพี่น้องมุสลิมไทย"

    "สลามเมืองไทย" EP นี้ พาคุณไปรู้จักกับ ศูนย์รวมศรัทธาของพี่น้องมุสลิม ที่ไม่เพียงเป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจ แต่ยังเป็น แหล่งเรียนรู้และศูนย์กลางของชุมชน ที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกันผ่านศรัทธาและวัฒนธรรม

    "มากกว่าสถานที่ แต่คือจิตวิญญาณของชุมชน"
    ที่นี่เป็น จุดนัดพบของศรัทธาชน ที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างความเข้าใจ การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และการส่งต่อคุณค่าของศาสนาอิสลามไปยังคนรุ่นใหม่

    #สลามเมืองไทย #EP13 #ศูนย์รวมศรัทธา #IslamicCommunity #MuslimUnity #มุสลิมไทย #IslamicHeritage #FaithAndBrotherhood #เรียนรู้ศรัทธา #ThaiMuslim #ThaiTimes
    สลามเมืองไทย EP13 | ศูนย์รวมศรัทธาชนพี่น้องมุสลิม "จุดศูนย์กลางแห่งศรัทธา ความสามัคคี และสายสัมพันธ์ของพี่น้องมุสลิมไทย" "สลามเมืองไทย" EP นี้ พาคุณไปรู้จักกับ ศูนย์รวมศรัทธาของพี่น้องมุสลิม ที่ไม่เพียงเป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจ แต่ยังเป็น แหล่งเรียนรู้และศูนย์กลางของชุมชน ที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกันผ่านศรัทธาและวัฒนธรรม "มากกว่าสถานที่ แต่คือจิตวิญญาณของชุมชน" ที่นี่เป็น จุดนัดพบของศรัทธาชน ที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างความเข้าใจ การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และการส่งต่อคุณค่าของศาสนาอิสลามไปยังคนรุ่นใหม่ #สลามเมืองไทย #EP13 #ศูนย์รวมศรัทธา #IslamicCommunity #MuslimUnity #มุสลิมไทย #IslamicHeritage #FaithAndBrotherhood #เรียนรู้ศรัทธา #ThaiMuslim #ThaiTimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 743 มุมมอง 12 0 รีวิว
  • 77 ปี จับ “หะยีสุหลง” จากโต๊ะอิหม่าม นักเคลื่อนไหว ปลายด้ามขวาน สู่สี่ชีวิตถูกอุ้มฆ่า ถ่วงทะเลสาบสงขลา

    📅 ย้อนไปเมื่อ 77 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2491 วันที่ชื่อของ "หะยีสุหลง โต๊ะมีนา" ถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ไทย ในฐานะนักเคลื่อนไหว เพื่อสิทธิของชาวมลายูมุสลิม ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทว่าการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม และสิทธิของประชาชนของเหะยีสุหลง กลับจบลงอย่างโศกนาฏกรรม

    หะยีสุหลงพร้อมกับผู้ติดตามอีก 3 คน หายตัวไปหลังจากเดินทางไปยัง กองบัญชาการตำรวจสันติบาล จังหวัดสงขลา ก่อนถูกสังหาร และถ่วงน้ำในทะเลสาบสงขลา เหตุการณ์นี้กลายเป็น หนึ่งในกรณีการอุ้มฆ่าทางการเมือง ที่สำคัญที่สุดของไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้ง ระหว่างอำนาจรัฐ กับกลุ่มชนพื้นเมืองในภาคใต้

    🔍 "หะยีสุหลง บิน อับดุลกาเคร์ ฒูฮัมมัด เอล ฟาโทนิ" หรือที่รู้จักในนาม "หะยีสุหลง" เป็นผู้นำศาสนาและนักเคลื่อนไหวทางสังคม ของชาวมลายูมุสลิม ในภาคใต้ของไทย เป็นประธานกรรมการอิสลามจังหวัดปัตตานี และเป็นบุคคลสำคัญ ในการเรียกร้องให้รัฐไทย ให้ความเป็นธรรมแก่ชาวมุสลิมใน 4 จังหวัดภาคใต้

    📌 ภารกิจของหะยีสุหลง
    ✅ ปรับปรุงระบบการศึกษา โดยก่อตั้ง "ปอเนาะ" หรือโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามแห่งแรก
    ✅ ส่งเสริมศาสนาอิสลามที่ถูกต้อง ต่อต้านความเชื่อที่ขัดกับหลักศาสนา
    ✅ เรียกร้องสิทธิและความเป็นธรรม ให้ชาวมลายูมุสลิม ภายใต้กรอบของรัฐไทย

    แต่... เส้นทางการต่อสู้ กลับนำไปสู่ความขัดแย้งกับรัฐบาลไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่หะยีสุหลงเสนอ "7 ข้อเรียกร้อง" ต่อรัฐบาลไทย

    📜 7 ข้อเรียกร้องของหะยีสุหลง พ.ศ. 2490
    ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2490 หะยีสุหลงได้เสนอข้อเรียกร้อง 7 ประการต่อ พลเรือตรีถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ซึ่งเป็นข้อเสนอ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม แก่ประชาชนมุสลิม ในภาคใต้

    📝 รายละเอียดของ 7 ข้อเรียกร้อง
    1. ให้แต่งตั้งผู้ว่าราชการ ที่เป็นชาวมลายูมุสลิม และมาจากการเลือกตั้ง
    2. ข้าราชการในพื้นที่ ต้องเป็นมุสลิมอย่างน้อย 80%
    3. ให้ใช้ภาษามลายูและภาษาไทย เป็นภาษาราชการ
    4. ให้ภาษามลายูเป็นภาษากลาง ในโรงเรียนระดับประถมศึกษา
    5. ให้ใช้กฎหมายอิสลาม ในการพิจารณาคดีของศาลศาสนา
    6. รายได้จากภาษีใน 4 จังหวัด ต้องถูกใช้ในพื้นที่นั้น
    7. ให้จัดตั้งคณะกรรมการมุสลิม เพื่อดูแลกิจการของชาวมุสลิม

    💡 แต่กลับเกิดผลกระทบ เนื่องจากข้อเรียกร้องนี้ถูกมองว่า เป็นการพยายามแบ่งแยกดินแดน นำไปสู่การจับกุม และกล่าวหาหะยีสุหลงว่าเป็น "กบฏ"

    ⚖️ หลังการรัฐประหารในวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 ซึ่งเปลี่ยนแปลงรัฐบาล มาเป็นฝ่ายของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม แนวคิด "7 ข้อเรียกร้อง" ของหะยีสุหลง ถูกตีความว่า เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ

    📅 เหตุการณ์สำคัญ
    16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2491 → หะยีสุหลงถูกจับกุมที่ปัตตานี
    30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2493 → ศาลฎีกาตัดสินจำคุก 4 ปี 8 เดือน ในข้อหาปลุกระดม ให้ประชาชนต่อต้านรัฐ

    หลังจากพ้นโทษ หะยีสุหลงยังคงถูกจับตามอง และเผชิญกับการคุกคามจากฝ่ายรัฐ จนนำไปสู่เหตุการณ์ "การอุ้มหาย" ที่สร้างความตื่นตัวในสังคม

    🚨 การอุ้มหายและสังหาร 13 สิงหาคม พ.ศ. 2497
    หลังจากได้รับคำสั่ง ให้เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สงขลา หะยีสุหลงพร้อมลูกชายวัย 15 ปี ซึ่งเป็นล่าม และพรรคพวกอีก 2 คน ได้เดินทางไปยัง สำนักงานตำรวจสันติบาลจังหวัดสงชลา

    ❌ แล้วพวกเขาก็หายตัวไป...
    หลักฐานทางประวัติศาสตร์ระบุว่า พวกเขาถูกสังหารในบังกะโล ริมทะเลสาบสงขลา โดยใช้เชือกรัดคอ คว้านท้องศพ แล้วผูกกับแท่งซีเมนต์ก่อนถ่วงน้ำ มีหลักฐานโยงไปถึง พล.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้น ว่าเป็นผู้บงการอุ้มฆ่า

    เหตุการณ์นี้ กลายเป็นหนึ่งในคดีอุ้มหาย ที่สะเทือนขวัญที่สุดของไทย และแม้ว่าจะมีการรื้อฟื้นคดี ในปี พ.ศ. 2500 แต่สุดท้าย... ก็ไม่มีใครต้องรับผิดชอบ

    🏛️ เหตุการณ์การอุ้มหายของหะยีสุหลง ส่งผลให้เกิดกระแสต่อต้านรัฐบาล และสร้างแรงบันดาลใจ ให้ขบวนการเคลื่อนไหวในภาคใต้

    📌 ผลกระทบที่สำคัญ
    ✅ จุดชนวนความไม่พอใจ ของชาวมลายูมุสลิมต่อรัฐไทย
    ✅ ทำให้ปัญหาความขัดแย้งใน 4 จังหวัดภาคใต้รุนแรงขึ้น
    ✅ กระตุ้นให้เกิดขบวนการเคลื่อนไห วและกลุ่มติดอาวุธในเวลาต่อมา

    แม้ว่าปัจจุบันปัญหาภาคใต้ จะมีพัฒนาการที่ซับซ้อนขึ้น แต่เหตุการณ์ของหะยีสุหลง ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจ ถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัญหา ด้วยสันติวิธีและความเป็นธรรม

    📌 กรณีของหะยีสุหลง แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อน ของปัญหาชายแดนใต้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ อัตลักษณ์ วัฒนธรรม และการปกครองของรัฐไทย 🔎

    ⚖️ สิ่งที่รัฐควรเรียนรู้
    ✅ การให้สิทธิทางวัฒนธรรมและศาสนา แก่กลุ่มชาติพันธุ์
    ✅ การเปิดพื้นที่การมีส่วนร่วมทางการเมือง
    ✅ การแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ด้วยกระบวนการสันติ

    📌 เหตุการณ์นี้ เป็นหนึ่งในบทเรียนสำคัญ ของประวัติศาสตร์ไทย ซึ่งยังคงมีอิทธิพล ต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน ⬇️

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 161122 ก.พ. 2568

    #หะยีสุหลง #ชายแดนใต้ #อุ้มหาย #77ปีหะยีสุหลง #ประวัติศาสตร์ไทย
    77 ปี จับ “หะยีสุหลง” จากโต๊ะอิหม่าม นักเคลื่อนไหว ปลายด้ามขวาน สู่สี่ชีวิตถูกอุ้มฆ่า ถ่วงทะเลสาบสงขลา 📅 ย้อนไปเมื่อ 77 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2491 วันที่ชื่อของ "หะยีสุหลง โต๊ะมีนา" ถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ไทย ในฐานะนักเคลื่อนไหว เพื่อสิทธิของชาวมลายูมุสลิม ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทว่าการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม และสิทธิของประชาชนของเหะยีสุหลง กลับจบลงอย่างโศกนาฏกรรม หะยีสุหลงพร้อมกับผู้ติดตามอีก 3 คน หายตัวไปหลังจากเดินทางไปยัง กองบัญชาการตำรวจสันติบาล จังหวัดสงขลา ก่อนถูกสังหาร และถ่วงน้ำในทะเลสาบสงขลา เหตุการณ์นี้กลายเป็น หนึ่งในกรณีการอุ้มฆ่าทางการเมือง ที่สำคัญที่สุดของไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้ง ระหว่างอำนาจรัฐ กับกลุ่มชนพื้นเมืองในภาคใต้ 🔍 "หะยีสุหลง บิน อับดุลกาเคร์ ฒูฮัมมัด เอล ฟาโทนิ" หรือที่รู้จักในนาม "หะยีสุหลง" เป็นผู้นำศาสนาและนักเคลื่อนไหวทางสังคม ของชาวมลายูมุสลิม ในภาคใต้ของไทย เป็นประธานกรรมการอิสลามจังหวัดปัตตานี และเป็นบุคคลสำคัญ ในการเรียกร้องให้รัฐไทย ให้ความเป็นธรรมแก่ชาวมุสลิมใน 4 จังหวัดภาคใต้ 📌 ภารกิจของหะยีสุหลง ✅ ปรับปรุงระบบการศึกษา โดยก่อตั้ง "ปอเนาะ" หรือโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามแห่งแรก ✅ ส่งเสริมศาสนาอิสลามที่ถูกต้อง ต่อต้านความเชื่อที่ขัดกับหลักศาสนา ✅ เรียกร้องสิทธิและความเป็นธรรม ให้ชาวมลายูมุสลิม ภายใต้กรอบของรัฐไทย แต่... เส้นทางการต่อสู้ กลับนำไปสู่ความขัดแย้งกับรัฐบาลไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่หะยีสุหลงเสนอ "7 ข้อเรียกร้อง" ต่อรัฐบาลไทย 📜 7 ข้อเรียกร้องของหะยีสุหลง พ.ศ. 2490 ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2490 หะยีสุหลงได้เสนอข้อเรียกร้อง 7 ประการต่อ พลเรือตรีถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ซึ่งเป็นข้อเสนอ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม แก่ประชาชนมุสลิม ในภาคใต้ 📝 รายละเอียดของ 7 ข้อเรียกร้อง 1. ให้แต่งตั้งผู้ว่าราชการ ที่เป็นชาวมลายูมุสลิม และมาจากการเลือกตั้ง 2. ข้าราชการในพื้นที่ ต้องเป็นมุสลิมอย่างน้อย 80% 3. ให้ใช้ภาษามลายูและภาษาไทย เป็นภาษาราชการ 4. ให้ภาษามลายูเป็นภาษากลาง ในโรงเรียนระดับประถมศึกษา 5. ให้ใช้กฎหมายอิสลาม ในการพิจารณาคดีของศาลศาสนา 6. รายได้จากภาษีใน 4 จังหวัด ต้องถูกใช้ในพื้นที่นั้น 7. ให้จัดตั้งคณะกรรมการมุสลิม เพื่อดูแลกิจการของชาวมุสลิม 💡 แต่กลับเกิดผลกระทบ เนื่องจากข้อเรียกร้องนี้ถูกมองว่า เป็นการพยายามแบ่งแยกดินแดน นำไปสู่การจับกุม และกล่าวหาหะยีสุหลงว่าเป็น "กบฏ" ⚖️ หลังการรัฐประหารในวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 ซึ่งเปลี่ยนแปลงรัฐบาล มาเป็นฝ่ายของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม แนวคิด "7 ข้อเรียกร้อง" ของหะยีสุหลง ถูกตีความว่า เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ 📅 เหตุการณ์สำคัญ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2491 → หะยีสุหลงถูกจับกุมที่ปัตตานี 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2493 → ศาลฎีกาตัดสินจำคุก 4 ปี 8 เดือน ในข้อหาปลุกระดม ให้ประชาชนต่อต้านรัฐ หลังจากพ้นโทษ หะยีสุหลงยังคงถูกจับตามอง และเผชิญกับการคุกคามจากฝ่ายรัฐ จนนำไปสู่เหตุการณ์ "การอุ้มหาย" ที่สร้างความตื่นตัวในสังคม 🚨 การอุ้มหายและสังหาร 13 สิงหาคม พ.ศ. 2497 หลังจากได้รับคำสั่ง ให้เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สงขลา หะยีสุหลงพร้อมลูกชายวัย 15 ปี ซึ่งเป็นล่าม และพรรคพวกอีก 2 คน ได้เดินทางไปยัง สำนักงานตำรวจสันติบาลจังหวัดสงชลา ❌ แล้วพวกเขาก็หายตัวไป... หลักฐานทางประวัติศาสตร์ระบุว่า พวกเขาถูกสังหารในบังกะโล ริมทะเลสาบสงขลา โดยใช้เชือกรัดคอ คว้านท้องศพ แล้วผูกกับแท่งซีเมนต์ก่อนถ่วงน้ำ มีหลักฐานโยงไปถึง พล.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้น ว่าเป็นผู้บงการอุ้มฆ่า เหตุการณ์นี้ กลายเป็นหนึ่งในคดีอุ้มหาย ที่สะเทือนขวัญที่สุดของไทย และแม้ว่าจะมีการรื้อฟื้นคดี ในปี พ.ศ. 2500 แต่สุดท้าย... ก็ไม่มีใครต้องรับผิดชอบ 🏛️ เหตุการณ์การอุ้มหายของหะยีสุหลง ส่งผลให้เกิดกระแสต่อต้านรัฐบาล และสร้างแรงบันดาลใจ ให้ขบวนการเคลื่อนไหวในภาคใต้ 📌 ผลกระทบที่สำคัญ ✅ จุดชนวนความไม่พอใจ ของชาวมลายูมุสลิมต่อรัฐไทย ✅ ทำให้ปัญหาความขัดแย้งใน 4 จังหวัดภาคใต้รุนแรงขึ้น ✅ กระตุ้นให้เกิดขบวนการเคลื่อนไห วและกลุ่มติดอาวุธในเวลาต่อมา แม้ว่าปัจจุบันปัญหาภาคใต้ จะมีพัฒนาการที่ซับซ้อนขึ้น แต่เหตุการณ์ของหะยีสุหลง ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจ ถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัญหา ด้วยสันติวิธีและความเป็นธรรม 📌 กรณีของหะยีสุหลง แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อน ของปัญหาชายแดนใต้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ อัตลักษณ์ วัฒนธรรม และการปกครองของรัฐไทย 🔎 ⚖️ สิ่งที่รัฐควรเรียนรู้ ✅ การให้สิทธิทางวัฒนธรรมและศาสนา แก่กลุ่มชาติพันธุ์ ✅ การเปิดพื้นที่การมีส่วนร่วมทางการเมือง ✅ การแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ด้วยกระบวนการสันติ 📌 เหตุการณ์นี้ เป็นหนึ่งในบทเรียนสำคัญ ของประวัติศาสตร์ไทย ซึ่งยังคงมีอิทธิพล ต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน ⬇️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 161122 ก.พ. 2568 #หะยีสุหลง #ชายแดนใต้ #อุ้มหาย #77ปีหะยีสุหลง #ประวัติศาสตร์ไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 926 มุมมอง 0 รีวิว
  • [Exclusive on Sondhi Talk]
    "บังแจ็ค" ไว้ใจ DSI ไขคดี
    แย้มมือถือแตงโมมี 4 หมื่นภาพ
    แถมข้อมูลนักการเมือง-นักธุรกิจดัง
    .
    บังแจ็คเปิดใจส่งมอบมือถือแตงโม นิดา ให้หมอธวัชชัยนำมาให้ดีเอสไอคลี่คลายคดี ระบุกู้ข้อมูลมีภาพกว่า 4 หมื่นภาพ แชตบางส่วนคุยกับนักการเมืองดัง และมีข้อมูลที่ผู้ใหญ่มีอิทธิพลสูง นักธุรกิจระดับประเทศเกี่ยวข้องด้วย เผยมีคนขอซื้อมือถือจริงแต่ไม่ถึง 15 ล้าน ลั่นยังไงก็ไม่ขาย
    .
    วันนี้ (6 ก.พ.) นายซาคาเนียน ราชา ไฮเดอร์ หรือบังแจ็ค ให้สัมภาษณ์ทางเฟซบุ๊ก และยูทูป "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" (คลิกชมย้อนหลัง >> https://www.youtube.com/watch?v=58nPhAE2uZo) ถึงโทรศัพท์มือถือของ แตงโม นิดา หรือ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ นักแสดงสาวที่เสียชีวิตจากเรือสปีดโบ้ท เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 ซึ่งได้ส่งมอบให้ นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ และเตรียมนำมาส่งมอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำมาใช้เพื่อคลี่คลายการเสียชีวิตของแตงโม ระบุว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตอนที่รู้จักกับนางพนิดา ศิริยุทธโยธิน มารดาของแตงโม นางพนิดาได้รับโทรศัพท์มือถือของแตงโมจากตำรวจ แต่ไม่พบข้อมูลใดๆ ในเครื่อง ตนจึงแนะนำให้นำไปที่ศูนย์บริการของแอปเปิลช่วยดูว่ายังมีข้อมูลในเครื่องหรือไม่ นางพนิดาไปที่ศูนย์แอปเปิลฯ แต่ไม่ไว้ใจ จึงให้โทรศัพท์มือถือแก่ตน ซึ่งเป็นความครอบครองโดยถูกต้อง
    .
    การตัดสินใจส่งมอบโทรศัพท์มือถือเป็นไปตามที่ตนได้ประกาศไว้ว่าจะมอบให้เฉพาะบุคคล 3 ราย ได้แก่ นพ.ธวัชชัย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เพราะทั้งสามคนไว้วางใจที่สุดแล้ว เพราะมีข้อมูลบางส่วนที่ไม่อยากให้ผู้ที่กระทำความผิด หรือคนที่จะนำไปใช้ในทางที่ไม่ดี โดยข้อมูลในโทรศัพท์มือถือบางอย่างเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนไปแล้ว เช่น มีคนดังโทร.เข้ามาในเวลาผิดปกติ ซึ่งนายคชาภา ตันเจริญ หรือมดดำ เปิดเผยว่าได้โทร.หาจริง ยังเหลืออีก 2-3 คนที่ยังไม่ได้ออกมาพูด รวมทั้ง น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือ กระติก ผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม โทร.มาหาเมื่อเวลา 20.40 น. ของวันเกิดเหตุ ทั้งๆ ที่อยู่บนเรือลำเดียวกัน และอีกหลายข้อมูลทั้งคลิป รูปภาพ การลบข้อความ และการลบบัญชีทั้งบัญชี
    .
    ตนจำได้ว่ามดดำได้โทร.หาแตงโม แต่ได้รับข่าวจากแอนนา วรินทร วัตรสังข์ เพื่อนของแตงโมว่า แตงโมตกน้ำ แอนนาพยายามทักไลน์ โทร.ทั้งไลน์และมือถือแต่ไม่ติด เมื่อ 3 ปีที่แล้วพอเข้าไปดูบัญชีแอนนาไม่มีเลย ลบทิ้ง บัญชีฮิปโป (ผู้จัดการส่วนตัวให้ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนที่แตงโมเสียชีวิต) ก็ลบทิ้ง บัญชีโม อมีนา พินิจ ก็ลบทิ้ง บัญชีพุดเดิล ยุพดี ก็ลบทิ้ง และอีกหลายคน ส่วนข้อความที่กระติกนำมาเปิดเผยในรายการโหนกระแสว่าได้คุยกับแตงโม ตนก็เข้าไปดู ไม่พบข้อความที่กระติกนำมาแสดง มีถึงแค่วันที่ 17-18 ก.พ. 2565 เท่านั้น แสดงว่ามีข้อมูลที่ถูกลบและข้อมูลที่แต่งขึ้นมา
    .
    บังแจ็ค กล่าวว่า ตนกู้ข้อมูลเฉพาะรูปภาพกว่า 40,000 ภาพ ยังดูไม่หมด ดูเฉพาะเกี่ยวข้องกับคดี เช่น บัญชีธนาคารไม่มีเงินสักบาทในบัญชี ทั้งที่อย่างน้อยเป็นดาราต้องมีเงินติดบัญชีสัก 4-5 พันบาท แต่ยอดเงินกลับเป็น 0 บาท บันทึกบางส่วนถูกลบออกไป แชตบางส่วนที่คุยกับนักการเมืองดัง ที่ขู่จะให้ส่งภาพลับที่ไม่เหมาะสมและเรียกให้มาหาก็มี ตนสงสารที่แตงโมต้องเจออะไรแบบนั้น ถือเป็นข้อมูลสำคัญที่จะช่วยคลี่คลายคดีเมื่ออยู่ในมือของดีเอสไอ
    .
    ส่วนเรื่องความน่าเชื่อถือของตนที่ทำให้พยานหลักฐานถูกด้อยค่านั้น ถามว่าใครทำร้ายเครดิตตน คนที่เสียประโยชน์ก็พยายามใช้สื่อที่เข้าข้างมาดิสเครดิตตน หนึ่งในนั้นคือทนายความที่ท้าให้ดื่มปัสสาวะ 70 แก้ว พาทั้งพิธีกรชื่อดังไปแจ้งความว่าตนขู่ฆ่าและใช้สื่อโจมตี ทั้งๆ ที่พิธีกรชื่อดังเข้าใจกันแล้ว และจะร่วมมือจำหน่ายสินค้าที่ต่างประเทศ ส่วนเรื่องที่โพสต์ภาพปืนเป็นเรื่องนานมาแล้ว ไม่เกี่ยวกับคดีแตงโม และได้เคลียร์จบแล้ว ตนมีหลักฐานทั้งหมดส่งให้ นพ.ธวัชชัย เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าได้คุยกัน จับมือขออภัยกันจริง
    .
    ส่วนคดีเบนซ์ เรซซิ่ง หรือนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช ส่วนตัวมาเมืองไทยถูกต้อง เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ซื้อรถจักรยานยนต์จากเบนซ์ เรซซิ่ง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดี เวลานั้นตนอยู่โคราช ตนถูกหลอกเพราะไม่มีเอกสารและทะเบียน ตนเป็นชาวต่างชาติไม่รู้กฎหมาย เจอด่านก็โดนยึด พอกลับไปหาเจ้าตัวก็ไม่รับผิดชอบเพราะไม่มีหลักฐาน พอเกิดคดีนายไซซะนะ แก้วพิมพา เจ้าพ่อยาเสพติด ตนออกมาวิจารณ์เบนซ์ เรซซิ่ง ไม่ได้เข้าข้างและไม่ได้เป็นหนึ่งในทีมของเขา ตนซื้อรถด้วยน้ำพักน้ำแรงแล้วทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง แต่ด้วยความที่ตนใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้อง เวลานั้นไม่รู้จะอธิบายให้ใครฟังเพราะโดนโจมตี น้ำหนักน้อยลง พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อเพราะเป็นคนต่างชาติ ถูกด้อยค่าตลอดเวลา จึงเลือกที่จะไม่ตอบโต้
    .
    ส่วนที่ไม่สามารถเข้าประเทศไทยได้ถึงปี 2569 เพราะเป็นบุคคลที่เชื่อได้ว่าเป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยนั้น บังแจ็ค กล่าวว่า สมมติเป็นบุคคลอันตรายจริงก็ไม่น่าจะมาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้ 6-7 ปี ไม่ใช่โรงเรียนเอกชน แต่เป็นโรงเรียนรัฐบาล และออกเอกสารถูกต้อง มีใบอนุญาตทำงาน เมื่อ 2 ปีก่อนมีรายการโทรทัศน์ไปตรวจสอบแล้วไม่พบบัญชีดำในสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตอนนี้สามารถเข้าประเทศไทยได้ ส่วนคดีที่เจอระยะหลังๆ คือคดีแตงโม ถูกใส่ไข่เยอะเพราะอีกฝ่ายหรืออีกสื่อหนึ่งมีเอฟซี มีอิทธิพลเยอะ แถมเมื่อตนไปสัมภาษณ์รายการหนึ่ง 5 ครั้ง ภายหลังไลฟ์รายการลบทิ้ง หมายความว่าอย่างไร ตนถามตรงๆ ไปว่าลบทิ้งทำไม เขาไม่มีคำตอบ เปลี่ยนประเด็น
    .
    ตนมองว่าต้องมีคนสั่งให้ลบ เพราะมือถืออยู่ในมือตนเอง จึงต้องดิสเครดิตให้ไม่มีความน่าเชื่อถือ พยายามด้อยค่าหลักฐานจากโทรศัพท์มือถือที่ปล่อยออกมา 1-2 คลิปที่ อ.ปานเทพเปิดเผย ตนเคยลงในเพจมานานมากแล้ว แต่มีคนทักมาถามว่าสถานที่ตรงนี้ตรงนั้นหรือเปล่า ซึ่งตนไม่รู้เพราะไม่ได้อยู่ในประเทศไทยมานานแล้ว พอไปดูก็มีการแต่งเพิ่มมา อ.ปานเทพถามตนว่าคลิปนี้ได้มาจากตนหรือเปล่า ตนตอบว่าไม่ใช่ คลิปที่ได้จากตนมีแค่นี้ เขาใช้วิธีเหมือนเมื่อ 3 ปีก่อน คือ เอามาแต่งเติม เอามาตัด และโจมตีว่าไม่ใช่ข้อมูลจริง หิวแสง ตนเพิ่งรู้จัก อ.ปานเทพ และ นพ.ธวัชชัยไม่ถึง 2 เดือน ข้อมูล GPS ที่เคยส่งให้ทีวีช่องหนึ่งเมื่อ 3 ปีก่อนก็ถูกด้อยค่าว่าไปตรวจมาแล้วไม่มีอะไรเลย ด้อยค่าแล้วก็ลบตัดทิ้งเลย
    .
    พอรับฟีดแบ็คกลับมาตนก็มีความรู้สึก แฟนของตนก็ไม่สบายใจ ให้หยุดไม่ต้องทำเพราะไม่มีใครเชื่อ แต่ตนเชื่อว่าเวรกรรมมีจริง คดีนี้ต้องกลับมาแน่ เพราะข้อพิรุธหลายอย่าง ตนเก็บข้อมูลไว้ เบอร์แต่ละคนหาไม่ยาก อยู่บนเรือด้วยกันโทร.หากันทำไม แล้วบรรดาคนดังโทร.หาแตงโมเวลา 21.58 น. 22.04 น. หรือ 22.07 น.ของวันเกิดเหตุ ไม่ใช่แค่คืนนั้นคืนเดียว โทร.มาตอนเช้าด้วย โทร.ในระหว่างนั้นด้วย ทั้งๆ ที่ตำรวจแถลงข่าวแตงโมตกน้ำ 22.37-22.38 น. แสดงว่าคนรู้แล้วว่าแตงโมตกน้ำ แต่ไม่มีการกดรับสายเพราะปิดเครื่อง แต่มีระบบรับฝากข้อความและมีข้อความเข้ามา
    .
    เมื่อถามว่า ขบวนการดิสเครดิตบังแจ็คทำไปเพื่ออะไร เกี่ยวกับการเสียชีวิตของแตงโมอย่างไร บังแจ็ค กล่าวว่า มีคนใหญ่อยู่เบื้องหลัง แต่พอคดีแตงโมเปิดขึ้นมาเขาได้รับความเสียหายมาก จึงไม่ยอมให้ทำแบบนี้ ที่ไปคุยที่ปั๊มน้ำมันนั้น ได้ให้ที่ปรึกษากฎหมายของเขาสอนให้พูดแบบนี้ แล้วมีอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่แนะนำว่าต้องไปในทิศทางนี้ เท่าที่ตนทราบไม่นานมีโทรทัศน์ 3 ช่อง ช่องแรกไม่ดัง อีก 2 ช่องดัง ใช้ทนายความคนบนเรือคนเดียวกันออกโทรทัศน์ บางสื่อต้องกลัวตำรวจหรือเกรงใจตำรวจเพราะจะไม่มีข่าวเล่น ตนรู้พิรุธมานานแล้วว่าตอนสัมภาษณ์เขาก็ตัดออก อย่างทีวีช่องหนึ่งสัมภาษณ์นานมาก แต่ตัดบางส่วนออก เหลือเฉพาะตอนที่เปิดช่องให้ถูกโจมตี ภายหลังพบว่าใช้ทนายความคนเดียวกันออกทีวี
    .
    เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีคนเสนอเงิน 15 ล้านบาทเพื่อยุติเรื่องดังกล่าวจริงหรือไม่ บังแจ็คกล่าวว่า ไม่ถึง 15 ล้านบาท แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนที่ นพ.ธวัชชัยจะมารับเครื่อง ก็พยายามที่จะถามว่าจะให้โทรศัพท์มือถือจริงหรือเปล่า แล้วเชื่อหรือเปล่าว่าจะนำมาใช้ในทางที่ถูกต้อง แต่ถ้าคิดจะขายจะขายในราคาเท่าไหร่ ตนตอบว่าไม่ขาย ถามว่า 2 ล้านบาทขายไหม ตนตอบว่าไม่ขาย ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านบาท เงินที่เสนอมาเป็นค่าใช้จ่ายภายในเดือนหนึ่งก็หมดแล้ว เพราะตนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา มีบริษัท จ่ายค่ารถ จ่ายค่าบ้าน ค่าใช้จ่ายต่างๆ หมดแล้ว ตนหาได้เองไม่ต้องเสนอ อีกฝ่ายก็เสนอเป็น 5 ล้านบาท แต่ไม่ต้องให้เครื่องแก่ นพ.ธวัชชัย ตนกล่าวว่าให้เท่าไหร่ก็ไม่ขาย อยากจะยกให้เขา อีกฝ่ายกล่าวว่า ต้องคิดให้ดีๆ ก่อน เพราะ 1 ใน 5 คนบนเรือกล่าวว่า ได้เครื่องนี้ไปก็คือจบเลย เพราะมีข้อมูลที่ผู้ใหญ่ที่มีอิทธิพลสูง เป็นนักธุรกิจระดับประเทศมาเกี่ยวข้องด้วย ไม่อยากให้มือถือนี้ไปอยู่ที่เมืองไทย
    .
    เมื่อถามว่า ที่โดนดักตีหัวสงสัยว่าจัดฉากหรือไม่ บังแจ็คกล่าวว่า ตอนที่โดนตีหัว นพ.ธวัชชัยคุยกับตนอยู่ เวลาโดนตีหัวแฟนถามว่าเรียกรถพยาบาลหรือเปล่า เพราะที่สหรัฐฯ มีค่าใช้จ่าย 3,500-4,000 เหรียญสหรัฐฯ แต่พอจับดูเลือดไหล จึงให้ นพ.ธวัชชัยดูแผล ก็แนะนำว่าให้ไปเย็บแผลก่อน แต่เย็บไม่เยอะ 2 เข็ม และให้กลับไปรักษาที่บ้าน ส่วนที่โดนตีหัวคิดว่าวันนั้นเป็นวันหยุดของคนผิวสี ตำรวจไม่ค่อยมี เป็นเหตุบังเอิญที่โจรขโมยของ นพ.ธวัชชัยอยู่ในสาย ก็เลยเป็นห่วงจึงเป็นข่าวขึ้นมา ส่วนขบวนการดิสเครดิตที่เกิดขึ้น นพ.ธวัชชัย อ.ปานเทพ และนายอัจฉริยะต้องระวังอะไรเป็นพิเศษ บังแจ็ค กล่าวว่า ทั้งสามคนต้องระวังอย่างสูง เพราะเท่าที่เจอข้อมูลในเครื่องมีแต่คนใหญ่คนโต ทั้งนักการเมืองและนักธุรกิจชื่อดัง มีเรื่องของยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง จากที่แถลงข่าวยังมีเยอะกว่านี้
    .
    ถามถึงแนวทางคลี่คลายคดีเพื่อคืนความยุติธรรมให้แตงโม บังแจ็คกล่าวว่า ลองไว้ใจทีมดีเอสไอ และดูว่าจะมีคนเข้ามาสกัดหรือข่มขู่หรือเปล่าก็ต้องคอยดู แต่ถ้าทั้งสามคนสบายใจและมั่นใจในทีมนี้ก็ตามนั้น สิ่งที่ทำได้ก็คือฟิงเกอร์ครอส (ยกนิ้วไขว้เพื่ออวยพรขอให้โชคดี) เมื่อถามว่า ตอนนี้บังแจ็คทำอะไรอยู่ ตนต้องขอบคุณเน็ตไอดอลที่สร้างภาพให้ตนเป็นแบบนั้นว่าเขาทำสำเร็จ ตนมีร้านอาหาร 2 แห่ง มีบริษัทที่มีรถยนต์กันกระสุน 5 คัน รับคุ้มกันดาราระดับโลก นักฟุตบอลชื่อดัง และนักการเมือง ยืนยันว่าเป็นโทรศัพท์มือถือแตงโมจริง ให้ นพ.ธวัชชัชตรวจอีมี่ (IMEI) และตรวจเครื่องให้เรียบร้อย ถ้าสมมติถ้าตนหิวเงินหรือหิวแสงคงไม่เก็บไว้นานถึง 3 ปี ภาพหรือคลิปที่ตนเจอป่านนี้ได้เงินเป็นร้อยล้านแล้ว ตนนับถือศาสนาอิสลาม เป็นเงินบาป ทำแบบนี้ไม่ได้ เราไม่ไปยุ่งและไม่เปิดเผย ไม่ทำให้แตงโมเสียหายเพราะน่าสงสารที่สุดแล้ว
    .
    คลิกอ่านต้นฉบับ >> https://sondhitalk.com/detail/9680000012224
    ......
    Sondhi X
    [Exclusive on Sondhi Talk] "บังแจ็ค" ไว้ใจ DSI ไขคดี แย้มมือถือแตงโมมี 4 หมื่นภาพ แถมข้อมูลนักการเมือง-นักธุรกิจดัง . บังแจ็คเปิดใจส่งมอบมือถือแตงโม นิดา ให้หมอธวัชชัยนำมาให้ดีเอสไอคลี่คลายคดี ระบุกู้ข้อมูลมีภาพกว่า 4 หมื่นภาพ แชตบางส่วนคุยกับนักการเมืองดัง และมีข้อมูลที่ผู้ใหญ่มีอิทธิพลสูง นักธุรกิจระดับประเทศเกี่ยวข้องด้วย เผยมีคนขอซื้อมือถือจริงแต่ไม่ถึง 15 ล้าน ลั่นยังไงก็ไม่ขาย . วันนี้ (6 ก.พ.) นายซาคาเนียน ราชา ไฮเดอร์ หรือบังแจ็ค ให้สัมภาษณ์ทางเฟซบุ๊ก และยูทูป "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" (คลิกชมย้อนหลัง >> https://www.youtube.com/watch?v=58nPhAE2uZo) ถึงโทรศัพท์มือถือของ แตงโม นิดา หรือ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ นักแสดงสาวที่เสียชีวิตจากเรือสปีดโบ้ท เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 ซึ่งได้ส่งมอบให้ นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ และเตรียมนำมาส่งมอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำมาใช้เพื่อคลี่คลายการเสียชีวิตของแตงโม ระบุว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตอนที่รู้จักกับนางพนิดา ศิริยุทธโยธิน มารดาของแตงโม นางพนิดาได้รับโทรศัพท์มือถือของแตงโมจากตำรวจ แต่ไม่พบข้อมูลใดๆ ในเครื่อง ตนจึงแนะนำให้นำไปที่ศูนย์บริการของแอปเปิลช่วยดูว่ายังมีข้อมูลในเครื่องหรือไม่ นางพนิดาไปที่ศูนย์แอปเปิลฯ แต่ไม่ไว้ใจ จึงให้โทรศัพท์มือถือแก่ตน ซึ่งเป็นความครอบครองโดยถูกต้อง . การตัดสินใจส่งมอบโทรศัพท์มือถือเป็นไปตามที่ตนได้ประกาศไว้ว่าจะมอบให้เฉพาะบุคคล 3 ราย ได้แก่ นพ.ธวัชชัย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เพราะทั้งสามคนไว้วางใจที่สุดแล้ว เพราะมีข้อมูลบางส่วนที่ไม่อยากให้ผู้ที่กระทำความผิด หรือคนที่จะนำไปใช้ในทางที่ไม่ดี โดยข้อมูลในโทรศัพท์มือถือบางอย่างเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนไปแล้ว เช่น มีคนดังโทร.เข้ามาในเวลาผิดปกติ ซึ่งนายคชาภา ตันเจริญ หรือมดดำ เปิดเผยว่าได้โทร.หาจริง ยังเหลืออีก 2-3 คนที่ยังไม่ได้ออกมาพูด รวมทั้ง น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือ กระติก ผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม โทร.มาหาเมื่อเวลา 20.40 น. ของวันเกิดเหตุ ทั้งๆ ที่อยู่บนเรือลำเดียวกัน และอีกหลายข้อมูลทั้งคลิป รูปภาพ การลบข้อความ และการลบบัญชีทั้งบัญชี . ตนจำได้ว่ามดดำได้โทร.หาแตงโม แต่ได้รับข่าวจากแอนนา วรินทร วัตรสังข์ เพื่อนของแตงโมว่า แตงโมตกน้ำ แอนนาพยายามทักไลน์ โทร.ทั้งไลน์และมือถือแต่ไม่ติด เมื่อ 3 ปีที่แล้วพอเข้าไปดูบัญชีแอนนาไม่มีเลย ลบทิ้ง บัญชีฮิปโป (ผู้จัดการส่วนตัวให้ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนที่แตงโมเสียชีวิต) ก็ลบทิ้ง บัญชีโม อมีนา พินิจ ก็ลบทิ้ง บัญชีพุดเดิล ยุพดี ก็ลบทิ้ง และอีกหลายคน ส่วนข้อความที่กระติกนำมาเปิดเผยในรายการโหนกระแสว่าได้คุยกับแตงโม ตนก็เข้าไปดู ไม่พบข้อความที่กระติกนำมาแสดง มีถึงแค่วันที่ 17-18 ก.พ. 2565 เท่านั้น แสดงว่ามีข้อมูลที่ถูกลบและข้อมูลที่แต่งขึ้นมา . บังแจ็ค กล่าวว่า ตนกู้ข้อมูลเฉพาะรูปภาพกว่า 40,000 ภาพ ยังดูไม่หมด ดูเฉพาะเกี่ยวข้องกับคดี เช่น บัญชีธนาคารไม่มีเงินสักบาทในบัญชี ทั้งที่อย่างน้อยเป็นดาราต้องมีเงินติดบัญชีสัก 4-5 พันบาท แต่ยอดเงินกลับเป็น 0 บาท บันทึกบางส่วนถูกลบออกไป แชตบางส่วนที่คุยกับนักการเมืองดัง ที่ขู่จะให้ส่งภาพลับที่ไม่เหมาะสมและเรียกให้มาหาก็มี ตนสงสารที่แตงโมต้องเจออะไรแบบนั้น ถือเป็นข้อมูลสำคัญที่จะช่วยคลี่คลายคดีเมื่ออยู่ในมือของดีเอสไอ . ส่วนเรื่องความน่าเชื่อถือของตนที่ทำให้พยานหลักฐานถูกด้อยค่านั้น ถามว่าใครทำร้ายเครดิตตน คนที่เสียประโยชน์ก็พยายามใช้สื่อที่เข้าข้างมาดิสเครดิตตน หนึ่งในนั้นคือทนายความที่ท้าให้ดื่มปัสสาวะ 70 แก้ว พาทั้งพิธีกรชื่อดังไปแจ้งความว่าตนขู่ฆ่าและใช้สื่อโจมตี ทั้งๆ ที่พิธีกรชื่อดังเข้าใจกันแล้ว และจะร่วมมือจำหน่ายสินค้าที่ต่างประเทศ ส่วนเรื่องที่โพสต์ภาพปืนเป็นเรื่องนานมาแล้ว ไม่เกี่ยวกับคดีแตงโม และได้เคลียร์จบแล้ว ตนมีหลักฐานทั้งหมดส่งให้ นพ.ธวัชชัย เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าได้คุยกัน จับมือขออภัยกันจริง . ส่วนคดีเบนซ์ เรซซิ่ง หรือนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช ส่วนตัวมาเมืองไทยถูกต้อง เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ซื้อรถจักรยานยนต์จากเบนซ์ เรซซิ่ง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดี เวลานั้นตนอยู่โคราช ตนถูกหลอกเพราะไม่มีเอกสารและทะเบียน ตนเป็นชาวต่างชาติไม่รู้กฎหมาย เจอด่านก็โดนยึด พอกลับไปหาเจ้าตัวก็ไม่รับผิดชอบเพราะไม่มีหลักฐาน พอเกิดคดีนายไซซะนะ แก้วพิมพา เจ้าพ่อยาเสพติด ตนออกมาวิจารณ์เบนซ์ เรซซิ่ง ไม่ได้เข้าข้างและไม่ได้เป็นหนึ่งในทีมของเขา ตนซื้อรถด้วยน้ำพักน้ำแรงแล้วทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง แต่ด้วยความที่ตนใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้อง เวลานั้นไม่รู้จะอธิบายให้ใครฟังเพราะโดนโจมตี น้ำหนักน้อยลง พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อเพราะเป็นคนต่างชาติ ถูกด้อยค่าตลอดเวลา จึงเลือกที่จะไม่ตอบโต้ . ส่วนที่ไม่สามารถเข้าประเทศไทยได้ถึงปี 2569 เพราะเป็นบุคคลที่เชื่อได้ว่าเป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยนั้น บังแจ็ค กล่าวว่า สมมติเป็นบุคคลอันตรายจริงก็ไม่น่าจะมาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้ 6-7 ปี ไม่ใช่โรงเรียนเอกชน แต่เป็นโรงเรียนรัฐบาล และออกเอกสารถูกต้อง มีใบอนุญาตทำงาน เมื่อ 2 ปีก่อนมีรายการโทรทัศน์ไปตรวจสอบแล้วไม่พบบัญชีดำในสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตอนนี้สามารถเข้าประเทศไทยได้ ส่วนคดีที่เจอระยะหลังๆ คือคดีแตงโม ถูกใส่ไข่เยอะเพราะอีกฝ่ายหรืออีกสื่อหนึ่งมีเอฟซี มีอิทธิพลเยอะ แถมเมื่อตนไปสัมภาษณ์รายการหนึ่ง 5 ครั้ง ภายหลังไลฟ์รายการลบทิ้ง หมายความว่าอย่างไร ตนถามตรงๆ ไปว่าลบทิ้งทำไม เขาไม่มีคำตอบ เปลี่ยนประเด็น . ตนมองว่าต้องมีคนสั่งให้ลบ เพราะมือถืออยู่ในมือตนเอง จึงต้องดิสเครดิตให้ไม่มีความน่าเชื่อถือ พยายามด้อยค่าหลักฐานจากโทรศัพท์มือถือที่ปล่อยออกมา 1-2 คลิปที่ อ.ปานเทพเปิดเผย ตนเคยลงในเพจมานานมากแล้ว แต่มีคนทักมาถามว่าสถานที่ตรงนี้ตรงนั้นหรือเปล่า ซึ่งตนไม่รู้เพราะไม่ได้อยู่ในประเทศไทยมานานแล้ว พอไปดูก็มีการแต่งเพิ่มมา อ.ปานเทพถามตนว่าคลิปนี้ได้มาจากตนหรือเปล่า ตนตอบว่าไม่ใช่ คลิปที่ได้จากตนมีแค่นี้ เขาใช้วิธีเหมือนเมื่อ 3 ปีก่อน คือ เอามาแต่งเติม เอามาตัด และโจมตีว่าไม่ใช่ข้อมูลจริง หิวแสง ตนเพิ่งรู้จัก อ.ปานเทพ และ นพ.ธวัชชัยไม่ถึง 2 เดือน ข้อมูล GPS ที่เคยส่งให้ทีวีช่องหนึ่งเมื่อ 3 ปีก่อนก็ถูกด้อยค่าว่าไปตรวจมาแล้วไม่มีอะไรเลย ด้อยค่าแล้วก็ลบตัดทิ้งเลย . พอรับฟีดแบ็คกลับมาตนก็มีความรู้สึก แฟนของตนก็ไม่สบายใจ ให้หยุดไม่ต้องทำเพราะไม่มีใครเชื่อ แต่ตนเชื่อว่าเวรกรรมมีจริง คดีนี้ต้องกลับมาแน่ เพราะข้อพิรุธหลายอย่าง ตนเก็บข้อมูลไว้ เบอร์แต่ละคนหาไม่ยาก อยู่บนเรือด้วยกันโทร.หากันทำไม แล้วบรรดาคนดังโทร.หาแตงโมเวลา 21.58 น. 22.04 น. หรือ 22.07 น.ของวันเกิดเหตุ ไม่ใช่แค่คืนนั้นคืนเดียว โทร.มาตอนเช้าด้วย โทร.ในระหว่างนั้นด้วย ทั้งๆ ที่ตำรวจแถลงข่าวแตงโมตกน้ำ 22.37-22.38 น. แสดงว่าคนรู้แล้วว่าแตงโมตกน้ำ แต่ไม่มีการกดรับสายเพราะปิดเครื่อง แต่มีระบบรับฝากข้อความและมีข้อความเข้ามา . เมื่อถามว่า ขบวนการดิสเครดิตบังแจ็คทำไปเพื่ออะไร เกี่ยวกับการเสียชีวิตของแตงโมอย่างไร บังแจ็ค กล่าวว่า มีคนใหญ่อยู่เบื้องหลัง แต่พอคดีแตงโมเปิดขึ้นมาเขาได้รับความเสียหายมาก จึงไม่ยอมให้ทำแบบนี้ ที่ไปคุยที่ปั๊มน้ำมันนั้น ได้ให้ที่ปรึกษากฎหมายของเขาสอนให้พูดแบบนี้ แล้วมีอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่แนะนำว่าต้องไปในทิศทางนี้ เท่าที่ตนทราบไม่นานมีโทรทัศน์ 3 ช่อง ช่องแรกไม่ดัง อีก 2 ช่องดัง ใช้ทนายความคนบนเรือคนเดียวกันออกโทรทัศน์ บางสื่อต้องกลัวตำรวจหรือเกรงใจตำรวจเพราะจะไม่มีข่าวเล่น ตนรู้พิรุธมานานแล้วว่าตอนสัมภาษณ์เขาก็ตัดออก อย่างทีวีช่องหนึ่งสัมภาษณ์นานมาก แต่ตัดบางส่วนออก เหลือเฉพาะตอนที่เปิดช่องให้ถูกโจมตี ภายหลังพบว่าใช้ทนายความคนเดียวกันออกทีวี . เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีคนเสนอเงิน 15 ล้านบาทเพื่อยุติเรื่องดังกล่าวจริงหรือไม่ บังแจ็คกล่าวว่า ไม่ถึง 15 ล้านบาท แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนที่ นพ.ธวัชชัยจะมารับเครื่อง ก็พยายามที่จะถามว่าจะให้โทรศัพท์มือถือจริงหรือเปล่า แล้วเชื่อหรือเปล่าว่าจะนำมาใช้ในทางที่ถูกต้อง แต่ถ้าคิดจะขายจะขายในราคาเท่าไหร่ ตนตอบว่าไม่ขาย ถามว่า 2 ล้านบาทขายไหม ตนตอบว่าไม่ขาย ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านบาท เงินที่เสนอมาเป็นค่าใช้จ่ายภายในเดือนหนึ่งก็หมดแล้ว เพราะตนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา มีบริษัท จ่ายค่ารถ จ่ายค่าบ้าน ค่าใช้จ่ายต่างๆ หมดแล้ว ตนหาได้เองไม่ต้องเสนอ อีกฝ่ายก็เสนอเป็น 5 ล้านบาท แต่ไม่ต้องให้เครื่องแก่ นพ.ธวัชชัย ตนกล่าวว่าให้เท่าไหร่ก็ไม่ขาย อยากจะยกให้เขา อีกฝ่ายกล่าวว่า ต้องคิดให้ดีๆ ก่อน เพราะ 1 ใน 5 คนบนเรือกล่าวว่า ได้เครื่องนี้ไปก็คือจบเลย เพราะมีข้อมูลที่ผู้ใหญ่ที่มีอิทธิพลสูง เป็นนักธุรกิจระดับประเทศมาเกี่ยวข้องด้วย ไม่อยากให้มือถือนี้ไปอยู่ที่เมืองไทย . เมื่อถามว่า ที่โดนดักตีหัวสงสัยว่าจัดฉากหรือไม่ บังแจ็คกล่าวว่า ตอนที่โดนตีหัว นพ.ธวัชชัยคุยกับตนอยู่ เวลาโดนตีหัวแฟนถามว่าเรียกรถพยาบาลหรือเปล่า เพราะที่สหรัฐฯ มีค่าใช้จ่าย 3,500-4,000 เหรียญสหรัฐฯ แต่พอจับดูเลือดไหล จึงให้ นพ.ธวัชชัยดูแผล ก็แนะนำว่าให้ไปเย็บแผลก่อน แต่เย็บไม่เยอะ 2 เข็ม และให้กลับไปรักษาที่บ้าน ส่วนที่โดนตีหัวคิดว่าวันนั้นเป็นวันหยุดของคนผิวสี ตำรวจไม่ค่อยมี เป็นเหตุบังเอิญที่โจรขโมยของ นพ.ธวัชชัยอยู่ในสาย ก็เลยเป็นห่วงจึงเป็นข่าวขึ้นมา ส่วนขบวนการดิสเครดิตที่เกิดขึ้น นพ.ธวัชชัย อ.ปานเทพ และนายอัจฉริยะต้องระวังอะไรเป็นพิเศษ บังแจ็ค กล่าวว่า ทั้งสามคนต้องระวังอย่างสูง เพราะเท่าที่เจอข้อมูลในเครื่องมีแต่คนใหญ่คนโต ทั้งนักการเมืองและนักธุรกิจชื่อดัง มีเรื่องของยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง จากที่แถลงข่าวยังมีเยอะกว่านี้ . ถามถึงแนวทางคลี่คลายคดีเพื่อคืนความยุติธรรมให้แตงโม บังแจ็คกล่าวว่า ลองไว้ใจทีมดีเอสไอ และดูว่าจะมีคนเข้ามาสกัดหรือข่มขู่หรือเปล่าก็ต้องคอยดู แต่ถ้าทั้งสามคนสบายใจและมั่นใจในทีมนี้ก็ตามนั้น สิ่งที่ทำได้ก็คือฟิงเกอร์ครอส (ยกนิ้วไขว้เพื่ออวยพรขอให้โชคดี) เมื่อถามว่า ตอนนี้บังแจ็คทำอะไรอยู่ ตนต้องขอบคุณเน็ตไอดอลที่สร้างภาพให้ตนเป็นแบบนั้นว่าเขาทำสำเร็จ ตนมีร้านอาหาร 2 แห่ง มีบริษัทที่มีรถยนต์กันกระสุน 5 คัน รับคุ้มกันดาราระดับโลก นักฟุตบอลชื่อดัง และนักการเมือง ยืนยันว่าเป็นโทรศัพท์มือถือแตงโมจริง ให้ นพ.ธวัชชัชตรวจอีมี่ (IMEI) และตรวจเครื่องให้เรียบร้อย ถ้าสมมติถ้าตนหิวเงินหรือหิวแสงคงไม่เก็บไว้นานถึง 3 ปี ภาพหรือคลิปที่ตนเจอป่านนี้ได้เงินเป็นร้อยล้านแล้ว ตนนับถือศาสนาอิสลาม เป็นเงินบาป ทำแบบนี้ไม่ได้ เราไม่ไปยุ่งและไม่เปิดเผย ไม่ทำให้แตงโมเสียหายเพราะน่าสงสารที่สุดแล้ว . คลิกอ่านต้นฉบับ >> https://sondhitalk.com/detail/9680000012224 ...... Sondhi X
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1359 มุมมอง 0 รีวิว
  • สลามเมืองไทย EP09 | อศว. ป๋ามัดแอร์ FC เชื่อมกีฬากับศาสนา สานฝันเยาวชน

    ⚽ "สโมสรฟุตบอลที่มากกว่ากีฬา เชื่อมโยงศรัทธา เสริมสร้างเยาวชน"

    อศว. ป๋ามัดแอร์ FC เป็น ศูนย์กลางของโอกาสและการพัฒนาเยาวชน ที่ใช้ฟุตบอลเป็นเครื่องมือในการปลูกฝังวินัย ความอดทน และจิตวิญญาณของการทำงานเป็นทีม ควบคู่ไปกับหลักคำสอนของศาสนาอิสลาม

    #สลามเมืองไทย #EP09 #อศวป๋ามัดแอร์FC #สโมสรฟุตบอลชุมชน #FootballForFaith #IslamicCommunity #สามัคคีผ่านกีฬา #ฟุตบอลสร้างเยาวชน #MuslimFootball #เยาวชนคืออนาคต #กีฬาสร้างโอกาส #ThaiTimes
    สลามเมืองไทย EP09 | อศว. ป๋ามัดแอร์ FC เชื่อมกีฬากับศาสนา สานฝันเยาวชน ⚽ "สโมสรฟุตบอลที่มากกว่ากีฬา เชื่อมโยงศรัทธา เสริมสร้างเยาวชน" อศว. ป๋ามัดแอร์ FC เป็น ศูนย์กลางของโอกาสและการพัฒนาเยาวชน ที่ใช้ฟุตบอลเป็นเครื่องมือในการปลูกฝังวินัย ความอดทน และจิตวิญญาณของการทำงานเป็นทีม ควบคู่ไปกับหลักคำสอนของศาสนาอิสลาม #สลามเมืองไทย #EP09 #อศวป๋ามัดแอร์FC #สโมสรฟุตบอลชุมชน #FootballForFaith #IslamicCommunity #สามัคคีผ่านกีฬา #ฟุตบอลสร้างเยาวชน #MuslimFootball #เยาวชนคืออนาคต #กีฬาสร้างโอกาส #ThaiTimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 785 มุมมอง 28 0 รีวิว
  • เครื่องบินกองทัพอากาศของปากีสถานทิ้งบอมบ์ถล่มจังหวัดปักติกา ทางตะวันออกของอัฟกานิสถาน ในวันอังคาร(24ธ.ค.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 46 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก จากการเปิดเผยของพวกตอลิบานอัฟกันในวันพุธ(25ฑ.ค.) พร้อมระบุจะมีการแก้แค้นอย่างแน่นอน
    .
    นอกจากผู้เสียชีวิตข้างต้นแล้ว ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 6 ราย ในเหตุทิ้งบอมบ์ถล่ม 4 จุดในอัฟกนิสถาน จากการเปิดเผยของ ฮัมดัลเลาะห์ ฟิตรัต รองโฆษกตอลิบาน ผู้ปกครองอัฟกานิสถาน ในวันพุธ(25ธ.ค.) ขณะที่รัฐบาลและเจ้าหน้าที่กองทัพปากีสถาน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้
    .
    กระทรวงการต่างประเทศอัฟกานิสถาน ระบุว่าได้เรียกหัวหน้าคณะผู้แทนทูตของปากีสถานในกรุงคาบูลเข้าพบ เพื่อยื่นหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการไปยังอิสลามาบัด เกี่ยวกับการทิ้งระเบิดของเครื่องบินทหารปากีสถาน พร้อมเตือนว่าการทูตระหว่าง 2 ชาติอาจได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมดังกล่าว
    .
    "อัฟกานิสถานมองพฤติกรรมที่โหดร้ายป่าเถื่อนนี้ละเมิดหลักการนานาชาติทั้งมวลและเป็นพฤติกรรมแห่งการรุกรานอย่างชัดเจน" โฆษกกระทรวงป้องกันชาติของอัฟกานิสถานระบุในถ้อยแถลง "เอมิเรตอิสลามแห่งอัฟกานิสถานจะไม่ปล่อยให้การกระทำที่ขี้ขลาดตาขาวนี้ลอยนวล"
    .
    เจ้าหน้าที่ปากีสถานรายหนึ่งซึ่งรับรู้เรื่องราวนี้ แต่ไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกกับรอยเตอร์ว่า ปากีสถานปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเล่นงานค่ายแห่งหนึ่งของพวกกลุ่มนักรบอิสลามิสต์ ปากีสถานตอลิบาน(TTP)
    .
    TTP ประกาศสวามิภักดิ์ต่อพวกตอลิบานอัฟกานิสถาน และได้ชื่อมาจากนักรบกลุ่มนี้ แต่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งโดยตรงของกลุ่มที่ปกครองอัฟกานิสถาน พวกเขาเน้นย้ำเป้าหมายในการบังคับใช้กฎหมายศาสนาอิสลามในปากีสถาน แบบเดียวกับที่พวกตอลิบานทำในอัฟกานิสถาน
    .
    ก่อนหน้านี้พวก TTP โจมตีครั้งใหญ่เล่นงานพื้นที่เซาต์ วาซิริสถาน ของปากีสถาน ปลิดชีพบุคลากรด้านความมั่นคงของปากีสถาน 16 ราย เมื่อวันเสาร์(21ธ.ค.)
    .
    กระทรวงกลาโหมอัฟกานิสถาน ระบุว่าพวกที่เสียชวิตในปฏิบัติการทิ้งระเบิดของปากีสถาน ส่วนใหญ่แล้วเป็น "ผู้ลี้ภัยชาววาซิริสถาน" บ่งชี้ว่าคนเหล่านั้นมาจากดินแดนซาซิริสถานของปากีสถานเอง
    .
    เพื่อนบ้านทั้ง 2 ชาติ มีความสัมพันธ์อันตึงเครียด ด้วย ปากีสถาน บอกว่าการโจมตีของพวก TTP หลายต่อหลายครั้งที่เกิดขึ้นภายในประเทศของพวกเขา เป็นการลงมือมาจากแผ่นดินของอัฟกัน ข้อกล่าวหาที่พวกตอลิบานอัฟกันปฏิเสธ
    .
    ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ฝ่าย ยุ่งเหยิงยิ่งขึ้นในเดือนมีนาคม ครั้งที่ตอลิบานกล่าวหาปากีสถานทำการโจมตีทางอากาศ 2 ระลอกเล่นงานดินแดนของพวกเขา ปลิดชีพผู้หญิงและเด็ก 5 ราย
    .
    ปากีสถาน อ้างในตอนนั้น ว่าพวกเขาปฏิบัติการต่อต้านก่อการร้ายในอัฟกานิสถานบนพื้นฐานของข่าวกรอง แต่ไม่เจาะจงลักษณะของปฏิบัติการ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000123940
    ..............
    Sondhi X
    เครื่องบินกองทัพอากาศของปากีสถานทิ้งบอมบ์ถล่มจังหวัดปักติกา ทางตะวันออกของอัฟกานิสถาน ในวันอังคาร(24ธ.ค.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 46 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก จากการเปิดเผยของพวกตอลิบานอัฟกันในวันพุธ(25ฑ.ค.) พร้อมระบุจะมีการแก้แค้นอย่างแน่นอน . นอกจากผู้เสียชีวิตข้างต้นแล้ว ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 6 ราย ในเหตุทิ้งบอมบ์ถล่ม 4 จุดในอัฟกนิสถาน จากการเปิดเผยของ ฮัมดัลเลาะห์ ฟิตรัต รองโฆษกตอลิบาน ผู้ปกครองอัฟกานิสถาน ในวันพุธ(25ธ.ค.) ขณะที่รัฐบาลและเจ้าหน้าที่กองทัพปากีสถาน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ . กระทรวงการต่างประเทศอัฟกานิสถาน ระบุว่าได้เรียกหัวหน้าคณะผู้แทนทูตของปากีสถานในกรุงคาบูลเข้าพบ เพื่อยื่นหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการไปยังอิสลามาบัด เกี่ยวกับการทิ้งระเบิดของเครื่องบินทหารปากีสถาน พร้อมเตือนว่าการทูตระหว่าง 2 ชาติอาจได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมดังกล่าว . "อัฟกานิสถานมองพฤติกรรมที่โหดร้ายป่าเถื่อนนี้ละเมิดหลักการนานาชาติทั้งมวลและเป็นพฤติกรรมแห่งการรุกรานอย่างชัดเจน" โฆษกกระทรวงป้องกันชาติของอัฟกานิสถานระบุในถ้อยแถลง "เอมิเรตอิสลามแห่งอัฟกานิสถานจะไม่ปล่อยให้การกระทำที่ขี้ขลาดตาขาวนี้ลอยนวล" . เจ้าหน้าที่ปากีสถานรายหนึ่งซึ่งรับรู้เรื่องราวนี้ แต่ไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกกับรอยเตอร์ว่า ปากีสถานปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเล่นงานค่ายแห่งหนึ่งของพวกกลุ่มนักรบอิสลามิสต์ ปากีสถานตอลิบาน(TTP) . TTP ประกาศสวามิภักดิ์ต่อพวกตอลิบานอัฟกานิสถาน และได้ชื่อมาจากนักรบกลุ่มนี้ แต่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งโดยตรงของกลุ่มที่ปกครองอัฟกานิสถาน พวกเขาเน้นย้ำเป้าหมายในการบังคับใช้กฎหมายศาสนาอิสลามในปากีสถาน แบบเดียวกับที่พวกตอลิบานทำในอัฟกานิสถาน . ก่อนหน้านี้พวก TTP โจมตีครั้งใหญ่เล่นงานพื้นที่เซาต์ วาซิริสถาน ของปากีสถาน ปลิดชีพบุคลากรด้านความมั่นคงของปากีสถาน 16 ราย เมื่อวันเสาร์(21ธ.ค.) . กระทรวงกลาโหมอัฟกานิสถาน ระบุว่าพวกที่เสียชวิตในปฏิบัติการทิ้งระเบิดของปากีสถาน ส่วนใหญ่แล้วเป็น "ผู้ลี้ภัยชาววาซิริสถาน" บ่งชี้ว่าคนเหล่านั้นมาจากดินแดนซาซิริสถานของปากีสถานเอง . เพื่อนบ้านทั้ง 2 ชาติ มีความสัมพันธ์อันตึงเครียด ด้วย ปากีสถาน บอกว่าการโจมตีของพวก TTP หลายต่อหลายครั้งที่เกิดขึ้นภายในประเทศของพวกเขา เป็นการลงมือมาจากแผ่นดินของอัฟกัน ข้อกล่าวหาที่พวกตอลิบานอัฟกันปฏิเสธ . ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ฝ่าย ยุ่งเหยิงยิ่งขึ้นในเดือนมีนาคม ครั้งที่ตอลิบานกล่าวหาปากีสถานทำการโจมตีทางอากาศ 2 ระลอกเล่นงานดินแดนของพวกเขา ปลิดชีพผู้หญิงและเด็ก 5 ราย . ปากีสถาน อ้างในตอนนั้น ว่าพวกเขาปฏิบัติการต่อต้านก่อการร้ายในอัฟกานิสถานบนพื้นฐานของข่าวกรอง แต่ไม่เจาะจงลักษณะของปฏิบัติการ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000123940 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1215 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇸🇦🇮🇱 พบว่าผู้ก่อเหตุโจมตีตลาดคริสต์มาสของเยอรมนีเป็นชาวซาอุดีอาระเบียที่หลบหนีและเกลียดชังศาสนาอิสลาม และต้องการให้อิสราเอลเข้ายึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของซาอุดีอาระเบีย
    .
    JUST IN: 🇸🇦🇮🇱 German Christmas Market attacker found to be Saudi fugitive who hated Islam and wanted Israel to take over a large part of Saudi Arabia.
    .
    7:24 PM · Dec 21, 2024 · 643.7K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1870445274432209162
    🇸🇦🇮🇱 พบว่าผู้ก่อเหตุโจมตีตลาดคริสต์มาสของเยอรมนีเป็นชาวซาอุดีอาระเบียที่หลบหนีและเกลียดชังศาสนาอิสลาม และต้องการให้อิสราเอลเข้ายึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของซาอุดีอาระเบีย . JUST IN: 🇸🇦🇮🇱 German Christmas Market attacker found to be Saudi fugitive who hated Islam and wanted Israel to take over a large part of Saudi Arabia. . 7:24 PM · Dec 21, 2024 · 643.7K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1870445274432209162
    Wow
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 442 มุมมอง 0 รีวิว
  • Marry Now, Pay Later แพ็คเกจมาเลย์นิกะห์ไทย

    เป็นที่ฮือฮาของชาวเน็ตมาเลเซีย เมื่อมีคลิปในติ๊กต็อกโฆษณาแพ็คเกจแต่งงานในประเทศไทย สำหรับคู่รักชาวมุสลิมมาเลเซียในราคาต่ำกว่า 2,000 ริงกิต (ประมาณ 15,200 บาทเศษ) ในคอนเซปต์ Marry Now, Pay Later หรือแต่งก่อนจ่ายทีหลัง ทำเอาแซวอย่างตลกขบขัน เช่น จะใช้ Atome (แอปฯ ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง) เพื่อผ่อนชำระรายเดือนได้หรือไม่ บางคนสงสัยว่าในมาเลเซียถูกกฎหมายหรือเปล่า ทำไมผู้คนถึงแต่งงานกันที่นั่น

    จากการสอบถามชาวมาเลเซียรายหนึ่ง ระบุว่า คู่รักที่นิยมไปทำพิธีนิกะห์ หรือพิธีแต่งงานแบบชาวมุสลิมที่ประเทศไทย ส่วนใหญ่แต่งงานกับภรรยาคนที่สอง คนที่สาม หรือคนที่สี่ เพราะฝ่ายชายเจอภรรยาคนที่หนึ่งไม่อนุญาต

    การแต่งงานในไทยของชาวมุสลิมมาเลเซียเกิดขึ้นมานานแล้ว เนื่องจากกฎหมายของมาเลเซียถ้าจะแต่งงงานกับภรรยาคนที่สอง ต้องได้รับอนุญาตจากภรรยาคนแรก ต้องมีสถานะการเงิน และความเป็นอยู่ที่มั่นคง รวมทั้งต้องทำตามหลักศาสนาที่ถูกต้อง ฝ่ายชายที่พบรักกับผู้หญิงคนใหม่ จึงอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายออกนอกประเทศ เพื่อประกอบพิธีนิกะห์ตามมัสยิดใน 5 จังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ สตูล สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส

    ขั้นตอนก็คือ เมื่อคู่รักมาถึงไทยแล้ว จะประกอบพิธีนิกะห์ที่มัสยิด จากนั้นองค์กรศาสนาอิสลามในไทย เช่น สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด จะออกหนังสือรับรองการแต่งงาน แล้วไปลงทะเบียนที่สถานกงสุลใหญ่มาเลเซีย ประจำจังหวัดสงขลา เมื่อได้เอกสารแล้วกลับมาเลเซีย คู่รักทั้งสองคนไปจ่ายค่าปรับที่ศาลอิสลามคนละ 1,000 ริงกิต หรือประมาณ 7,700 บาท แล้วไปจดทะเบียนสมรสกับสภาศาสนาของมาเลเซีย

    เมื่อเกิดกระแส Buy Now, Pay Later สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค จึงมีผู้ประกอบการหัวใสจัดแพ็คเกจแต่งงานในประเทศไทยแบบ "แต่งก่อน จ่ายทีหลัง" เพื่อให้คู่รักสามารถตัดสินใจแต่งงานได้ง่ายขึ้น

    อย่างไรก็ตาม นายโมฮัมหมัด นาอิม มุคธาร์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ด้านกิจการศาสนา) ของมาเลเซีย เตือนว่าผู้ประกอบการที่จัดแพ็คเกจแต่งงานในไทย อาจถูกดำเนินคดีภายใต้พระราชบัญญัติครอบครัวศาสนาอิสลาม แม้ว่าการแต่งงานในไทยอาจตรงตามข้อกำหนดของศาสนา เช่น การมีวะลีย์ (ผู้ปกครองเจ้าสาว) และพยาน แต่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายของมาเลเซีย พร้อมเตือนว่าให้ประชาชนระวังและอย่าหลงเชื่อโฆษณาเหล่านี้

    ทั้งนี้ มาเลเซียต้องการสร้างสังคมมุสลิม ที่เคารพทั้งกฎหมายศาสนาและระบบกฎหมายของประเทศ หากรีบแต่งงาน ไม่เพียงแต่สูญเสียเงิน แต่ยังสูญเสียแผนการแต่งงานด้วย ผู้ประกอบการบางคนแสวงหาผลผลกำไรอย่างรวดเร็วโดยไม่คำนึงถึงผู้อื่น

    #Newskit
    Marry Now, Pay Later แพ็คเกจมาเลย์นิกะห์ไทย เป็นที่ฮือฮาของชาวเน็ตมาเลเซีย เมื่อมีคลิปในติ๊กต็อกโฆษณาแพ็คเกจแต่งงานในประเทศไทย สำหรับคู่รักชาวมุสลิมมาเลเซียในราคาต่ำกว่า 2,000 ริงกิต (ประมาณ 15,200 บาทเศษ) ในคอนเซปต์ Marry Now, Pay Later หรือแต่งก่อนจ่ายทีหลัง ทำเอาแซวอย่างตลกขบขัน เช่น จะใช้ Atome (แอปฯ ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง) เพื่อผ่อนชำระรายเดือนได้หรือไม่ บางคนสงสัยว่าในมาเลเซียถูกกฎหมายหรือเปล่า ทำไมผู้คนถึงแต่งงานกันที่นั่น จากการสอบถามชาวมาเลเซียรายหนึ่ง ระบุว่า คู่รักที่นิยมไปทำพิธีนิกะห์ หรือพิธีแต่งงานแบบชาวมุสลิมที่ประเทศไทย ส่วนใหญ่แต่งงานกับภรรยาคนที่สอง คนที่สาม หรือคนที่สี่ เพราะฝ่ายชายเจอภรรยาคนที่หนึ่งไม่อนุญาต การแต่งงานในไทยของชาวมุสลิมมาเลเซียเกิดขึ้นมานานแล้ว เนื่องจากกฎหมายของมาเลเซียถ้าจะแต่งงงานกับภรรยาคนที่สอง ต้องได้รับอนุญาตจากภรรยาคนแรก ต้องมีสถานะการเงิน และความเป็นอยู่ที่มั่นคง รวมทั้งต้องทำตามหลักศาสนาที่ถูกต้อง ฝ่ายชายที่พบรักกับผู้หญิงคนใหม่ จึงอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายออกนอกประเทศ เพื่อประกอบพิธีนิกะห์ตามมัสยิดใน 5 จังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ สตูล สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ขั้นตอนก็คือ เมื่อคู่รักมาถึงไทยแล้ว จะประกอบพิธีนิกะห์ที่มัสยิด จากนั้นองค์กรศาสนาอิสลามในไทย เช่น สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด จะออกหนังสือรับรองการแต่งงาน แล้วไปลงทะเบียนที่สถานกงสุลใหญ่มาเลเซีย ประจำจังหวัดสงขลา เมื่อได้เอกสารแล้วกลับมาเลเซีย คู่รักทั้งสองคนไปจ่ายค่าปรับที่ศาลอิสลามคนละ 1,000 ริงกิต หรือประมาณ 7,700 บาท แล้วไปจดทะเบียนสมรสกับสภาศาสนาของมาเลเซีย เมื่อเกิดกระแส Buy Now, Pay Later สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค จึงมีผู้ประกอบการหัวใสจัดแพ็คเกจแต่งงานในประเทศไทยแบบ "แต่งก่อน จ่ายทีหลัง" เพื่อให้คู่รักสามารถตัดสินใจแต่งงานได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม นายโมฮัมหมัด นาอิม มุคธาร์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ด้านกิจการศาสนา) ของมาเลเซีย เตือนว่าผู้ประกอบการที่จัดแพ็คเกจแต่งงานในไทย อาจถูกดำเนินคดีภายใต้พระราชบัญญัติครอบครัวศาสนาอิสลาม แม้ว่าการแต่งงานในไทยอาจตรงตามข้อกำหนดของศาสนา เช่น การมีวะลีย์ (ผู้ปกครองเจ้าสาว) และพยาน แต่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายของมาเลเซีย พร้อมเตือนว่าให้ประชาชนระวังและอย่าหลงเชื่อโฆษณาเหล่านี้ ทั้งนี้ มาเลเซียต้องการสร้างสังคมมุสลิม ที่เคารพทั้งกฎหมายศาสนาและระบบกฎหมายของประเทศ หากรีบแต่งงาน ไม่เพียงแต่สูญเสียเงิน แต่ยังสูญเสียแผนการแต่งงานด้วย ผู้ประกอบการบางคนแสวงหาผลผลกำไรอย่างรวดเร็วโดยไม่คำนึงถึงผู้อื่น #Newskit
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 821 มุมมอง 0 รีวิว
  • Masjid Agung Al-Aqsa Klaten มัสยิดอากุงอัลอักซอ (Masjid Agung Al-Aqsa) ตั้งอยู่ในเมืองกลาตัน (Klaten) จังหวัดชวากลาง ประเทศอินโดนีเซีย เป็นหนึ่งในมัสยิดที่มีความสวยงามและสำคัญในภูมิภาคนี้ เนื่องจากมีลักษณะสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและมีบทบาทสำคัญในชุมชนชาวมุสลิมในพื้นที่https://maps.app.goo.gl/zFCMDhC97wgTFQyTA?g_st=com.google.maps.preview.copyประวัติโดยย่อ 1. การก่อสร้างมัสยิดแห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546) เพื่อเป็นศูนย์กลางการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและกิจกรรมของชุมชนชาวมุสลิมในกลาตัน ตัวมัสยิดมีสถาปัตยกรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก มัสยิดอัลอักซอในเยรูซาเล็ม โดยผสมผสานสไตล์อิสลามแบบดั้งเดิมกับองค์ประกอบสมัยใหม่ 2. สถาปัตยกรรม โดมหลักของมัสยิดมีขนาดใหญ่และโดดเด่น โดยมีสีทองและลวดลายที่วิจิตรบรรจง เสาสูงและการตกแต่งภายในสะท้อนถึงศิลปะแบบอิสลามที่ละเอียดอ่อน ภายในสามารถรองรับผู้มาละหมาดได้มากกว่า 2,000 คน 3. บทบาทในชุมชน เป็นศูนย์กลางของการเรียนการสอนเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม ใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมและงานเฉลิมฉลองสำคัญ เช่น วันฮารีรายอ 4. สถานที่ท่องเที่ยวและความสำคัญนอกจากจะเป็นศูนย์กลางทางศาสนาแล้ว มัสยิดอากุงอัลอักซอยังเป็นจุดสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการชมความงดงามของสถาปัตยกรรม และสัมผัสบรรยากาศทางศาสนาในภูมิภาคนี้มัสยิดอากุงอัลอักซอถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ชาวมุสลิมในอินโดนีเซียภูมิใจ และยังเป็นจุดเด่นที่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางศาสนาและวัฒนธรรมในพื้นที่กลาตัน.
    Masjid Agung Al-Aqsa Klaten มัสยิดอากุงอัลอักซอ (Masjid Agung Al-Aqsa) ตั้งอยู่ในเมืองกลาตัน (Klaten) จังหวัดชวากลาง ประเทศอินโดนีเซีย เป็นหนึ่งในมัสยิดที่มีความสวยงามและสำคัญในภูมิภาคนี้ เนื่องจากมีลักษณะสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและมีบทบาทสำคัญในชุมชนชาวมุสลิมในพื้นที่https://maps.app.goo.gl/zFCMDhC97wgTFQyTA?g_st=com.google.maps.preview.copyประวัติโดยย่อ 1. การก่อสร้างมัสยิดแห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546) เพื่อเป็นศูนย์กลางการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและกิจกรรมของชุมชนชาวมุสลิมในกลาตัน ตัวมัสยิดมีสถาปัตยกรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก มัสยิดอัลอักซอในเยรูซาเล็ม โดยผสมผสานสไตล์อิสลามแบบดั้งเดิมกับองค์ประกอบสมัยใหม่ 2. สถาปัตยกรรม โดมหลักของมัสยิดมีขนาดใหญ่และโดดเด่น โดยมีสีทองและลวดลายที่วิจิตรบรรจง เสาสูงและการตกแต่งภายในสะท้อนถึงศิลปะแบบอิสลามที่ละเอียดอ่อน ภายในสามารถรองรับผู้มาละหมาดได้มากกว่า 2,000 คน 3. บทบาทในชุมชน เป็นศูนย์กลางของการเรียนการสอนเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม ใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมและงานเฉลิมฉลองสำคัญ เช่น วันฮารีรายอ 4. สถานที่ท่องเที่ยวและความสำคัญนอกจากจะเป็นศูนย์กลางทางศาสนาแล้ว มัสยิดอากุงอัลอักซอยังเป็นจุดสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการชมความงดงามของสถาปัตยกรรม และสัมผัสบรรยากาศทางศาสนาในภูมิภาคนี้มัสยิดอากุงอัลอักซอถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ชาวมุสลิมในอินโดนีเซียภูมิใจ และยังเป็นจุดเด่นที่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางศาสนาและวัฒนธรรมในพื้นที่กลาตัน.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 494 มุมมอง 0 รีวิว
  • #บาลีวันละคำ (4,534)

    สีสะ ศีรษะ สิระ เศียร

    อย่าเอาของสูงมาทำให้ใจเสื่อม

    (๑) “สีสะ”

    เขียนแบบบาลีเป็น “สีส” อ่านว่า สี-สะ รากศัพท์มาจาก -

    (1) สี (ธาตุ = อยู่, นอน) + ส ปัจจัย

    : สี + ส = สีส แปลตามศัพท์ว่า “อวัยวะเป็นที่อยู่ของเหาเป็นต้น” (คำแปลนี้เป็นอันแสดงความจริงว่า คนโบราณบนหัวต้องมีเหา คนสมัยใหม่ที่มีวิธีรักษาความสะอาดของหัวเป็นอย่างดีย่อมนึกไม่เห็นว่า “ศีรษะ” จะแปลอย่างนี้ได้อย่างไร)

    (2) สิ (ธาตุ = ผูก) + ส ปัจจัย, ทีฆะ อิ ที่ สิ เป็น อี (สิ > สี)

    : สิ + ส = สิส > สีส แปลตามศัพท์ว่า “อวัยวะเป็นที่ผูกผมโดยเกล้าเป็นมวย”

    “สีส” (นปุงสกลิงค์) ในภาษาบาลีใช้ในความหมายดังนี้ -

    (1) ศีรษะ (the head [of the body])
    (2) ส่วนสูงที่สุด, ยอด, ข้างหน้า (highest part, top, front)
    (3) ข้อสำคัญ (chief point)
    (4) ดอก, รวง (ของข้าวหรือพืช) (panicle, ear [of rice or crops])
    (5) หัว, หัวข้อ (เป็นข้อย่อยของเรื่อง) (head, heading [as subdivision of a subject])

    บาลี “สีส” สันสกฤตเป็น “ศีรฺษ”
    สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า -
    (สะกดตามต้นฉบับ)

    “ศีรฺษ : (คำนาม) ‘ศีร์ษะ,’ ศิรัส, เศียร, หัว; the head.”

    ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บไว้ทั้ง “สีสะ” ตามบาลี และ “ศีรษะ” ตามสันสกฤต บอกไว้ดังนี้ -

    (1) สีสะ ๒ : (คำนาม) ศีรษะ. (ป.; ส. ศีรฺษ).

    (2) ศีรษะ : (คำนาม) หัว (เป็นคำสุภาพที่ใช้แก่คน). (ส.; ป. สีส)

    โปรดสังเกตว่า -

    “สีส” บาลี สระ อี อยู่บน ส
    “ศีรฺษ” สันสกฤต สระ อี ก็อยู่บน ศ ไม่ได้อยู่บน ร
    ดังนั้น เมื่อเขียนในภาษาไทย จึงเป็น “ศีรษะ” - สระ อี อยู่บน ศ

    (๒) “สิระ”

    เขียนแบบบาลีเป็น “สิร” อ่านว่า สิ-ระ รากศัพท์มาจาก สิ (ธาตุ = คบหา, ผูก) + ร ปัจจัย

    : สิ + ร = สิร แปลตามศัพท์ว่า (1) “อวัยวะเป็นเครื่องคบหา” คือใช้ก้มยอมรับกัน (2) “อวัยวะอันคอเชื่อมไว้” (3) “ส่วนอันดอกไม้ติดอยู่”

    “สิร” (ปุงลิงค์) หมายถึง -

    (1) ศีรษะหรือหัว (head)
    (2) ยอดไม้, ปลาย (tip)

    บาลี “สิร” สันสกฤตเป็น “ศิรสฺ”
    สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอไว้ดังนี้ -
    (สะกดตามต้นฉบับ)

    “ศิรสฺ : (คำนาม) 'ศิรัส,' เศียร, ศิร์ษะ; ยอตไม้; อัครภาคหรือเสนามุข; อธิบดีหรือนายก; the head; the top of a tree; the van of an army; a chief.”

    “สิร” บาลี “ศิรสฺ” สันสกฤต ไทยเอามาใช้เป็น “เศียร”

    พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บไว้ทั้ง “สิระ” ตามบาลี “ศิระ” อิงสันสกฤต และ “เศียร” แบบไทย บอกไว้ดังนี้ -

    (1) สิร-, สิระ : (คำนาม) หัว, ยอด, ที่สุด. (ป.; ส. ศิรา).

    (2) ศิร-, ศิระ : (คำนาม) หัว, ยอด, ด้านหน้า. (ส. ศิรสฺ; ป. สิร).

    (3) เศียร : (คำนาม) หัว เช่น เศียรพระพุทธรูป ทศกัณฐ์มีสิบเศียรยี่สิบกร, ราชาศัพท์ใช้ว่า พระเศียร. (ส. ศิร; ป. สิร); เรียกไพ่ตอง ๓ ใบ พวกเดียวกัน แต่ไม่เหมือนกัน เช่น ๓ คน ๓ นก ๓ ตา ว่า ๑ เศียร.

    อภิปราย :

    บาลีวันละคำวันนี้ยกคำขึ้นตั้งว่า “สีสะ ศีรษะ สิระ เศียร” มีเจตนาจะบอกว่า -

    “สีสะ” ในบาลี เราเอามาใช้อิงสันสกฤตเป็น “ศีรษะ”
    “สิระ” ในบาลี เราเอามาใช้อิงสันสกฤตเป็น “เศียร”

    ..............

    ที่ยกคำนี้ขึ้นมาเขียน ได้แรงบันดาลใจจากภาพประกอบโพสต์ของญาติมิตรท่านหนึ่ง ข้อความในโพสต์ท่านเขียนไว้ว่า -

    ..............

    อยากให้แม่ค้าพินิจพิเคราะห์ให้ดี ก่อนที่จะนำสินค้าใด ๆ ก็ตามที่สื่อถึงพระศาสดา มาจัดจำหน่าย ไม่ว่าศาสดาของศาสนาไหนก็ตาม เช่นสินค้าชุดนี้ เป็นสินค้าที่สื่อถึงพระเศียรขององค์พระสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้า นำมาห้อยกระเป๋าหรือพวงกุญแจ ไม่เหมาะโดยประการทั้งปวง กรณีนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนยิ่ง

    ที่ผ่านมา พศ ทำได้เพียงขอความร่วมมือ

    ..............

    ผู้เขียนบาลีวันละคำเห็นด้วยอย่างยิ่งกับความที่ท่านเขียนไว้นั้น ขอเป็นสื่อสารถ่ายทอดอีกทางหนึ่ง

    ผู้เขียนบาลีวันละคำมีข้อสังเกตว่า ในเมืองไทยของเรานี้ ศาสนบุคคลและศาสนวัตถุในพระพุทธศาสนาเท่านั้นที่คนประเภทหนึ่งกล้านำมาเหยียบย่ำ เย้ยหยัน ล้อเล่น หรือปฏิบัติในลักษณะเช่นนี้

    ยังไม่เคยเห็นคนประเภทนี้นำศาสนบุคคลและศาสนวัตถุในศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลามมาเหยียบย่ำ เย้ยหยัน ล้อเล่น หรือปฏิบัติในลักษณะเช่นนี้เลย

    ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ เป็นเรื่องที่ควรศึกษาอย่างยิ่ง

    ..............

    ดูก่อนภราดา!

    เอาของสูงมาทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสม

    : ของยิ่งสูงมาก
    : ใจของผู้ทำก็ยิ่งต่ำมาก
    พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย
    #บาลีวันละคำ (4,534) สีสะ ศีรษะ สิระ เศียร อย่าเอาของสูงมาทำให้ใจเสื่อม (๑) “สีสะ” เขียนแบบบาลีเป็น “สีส” อ่านว่า สี-สะ รากศัพท์มาจาก - (1) สี (ธาตุ = อยู่, นอน) + ส ปัจจัย : สี + ส = สีส แปลตามศัพท์ว่า “อวัยวะเป็นที่อยู่ของเหาเป็นต้น” (คำแปลนี้เป็นอันแสดงความจริงว่า คนโบราณบนหัวต้องมีเหา คนสมัยใหม่ที่มีวิธีรักษาความสะอาดของหัวเป็นอย่างดีย่อมนึกไม่เห็นว่า “ศีรษะ” จะแปลอย่างนี้ได้อย่างไร) (2) สิ (ธาตุ = ผูก) + ส ปัจจัย, ทีฆะ อิ ที่ สิ เป็น อี (สิ > สี) : สิ + ส = สิส > สีส แปลตามศัพท์ว่า “อวัยวะเป็นที่ผูกผมโดยเกล้าเป็นมวย” “สีส” (นปุงสกลิงค์) ในภาษาบาลีใช้ในความหมายดังนี้ - (1) ศีรษะ (the head [of the body]) (2) ส่วนสูงที่สุด, ยอด, ข้างหน้า (highest part, top, front) (3) ข้อสำคัญ (chief point) (4) ดอก, รวง (ของข้าวหรือพืช) (panicle, ear [of rice or crops]) (5) หัว, หัวข้อ (เป็นข้อย่อยของเรื่อง) (head, heading [as subdivision of a subject]) บาลี “สีส” สันสกฤตเป็น “ศีรฺษ” สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า - (สะกดตามต้นฉบับ) “ศีรฺษ : (คำนาม) ‘ศีร์ษะ,’ ศิรัส, เศียร, หัว; the head.” ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บไว้ทั้ง “สีสะ” ตามบาลี และ “ศีรษะ” ตามสันสกฤต บอกไว้ดังนี้ - (1) สีสะ ๒ : (คำนาม) ศีรษะ. (ป.; ส. ศีรฺษ). (2) ศีรษะ : (คำนาม) หัว (เป็นคำสุภาพที่ใช้แก่คน). (ส.; ป. สีส) โปรดสังเกตว่า - “สีส” บาลี สระ อี อยู่บน ส “ศีรฺษ” สันสกฤต สระ อี ก็อยู่บน ศ ไม่ได้อยู่บน ร ดังนั้น เมื่อเขียนในภาษาไทย จึงเป็น “ศีรษะ” - สระ อี อยู่บน ศ (๒) “สิระ” เขียนแบบบาลีเป็น “สิร” อ่านว่า สิ-ระ รากศัพท์มาจาก สิ (ธาตุ = คบหา, ผูก) + ร ปัจจัย : สิ + ร = สิร แปลตามศัพท์ว่า (1) “อวัยวะเป็นเครื่องคบหา” คือใช้ก้มยอมรับกัน (2) “อวัยวะอันคอเชื่อมไว้” (3) “ส่วนอันดอกไม้ติดอยู่” “สิร” (ปุงลิงค์) หมายถึง - (1) ศีรษะหรือหัว (head) (2) ยอดไม้, ปลาย (tip) บาลี “สิร” สันสกฤตเป็น “ศิรสฺ” สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอไว้ดังนี้ - (สะกดตามต้นฉบับ) “ศิรสฺ : (คำนาม) 'ศิรัส,' เศียร, ศิร์ษะ; ยอตไม้; อัครภาคหรือเสนามุข; อธิบดีหรือนายก; the head; the top of a tree; the van of an army; a chief.” “สิร” บาลี “ศิรสฺ” สันสกฤต ไทยเอามาใช้เป็น “เศียร” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บไว้ทั้ง “สิระ” ตามบาลี “ศิระ” อิงสันสกฤต และ “เศียร” แบบไทย บอกไว้ดังนี้ - (1) สิร-, สิระ : (คำนาม) หัว, ยอด, ที่สุด. (ป.; ส. ศิรา). (2) ศิร-, ศิระ : (คำนาม) หัว, ยอด, ด้านหน้า. (ส. ศิรสฺ; ป. สิร). (3) เศียร : (คำนาม) หัว เช่น เศียรพระพุทธรูป ทศกัณฐ์มีสิบเศียรยี่สิบกร, ราชาศัพท์ใช้ว่า พระเศียร. (ส. ศิร; ป. สิร); เรียกไพ่ตอง ๓ ใบ พวกเดียวกัน แต่ไม่เหมือนกัน เช่น ๓ คน ๓ นก ๓ ตา ว่า ๑ เศียร. อภิปราย : บาลีวันละคำวันนี้ยกคำขึ้นตั้งว่า “สีสะ ศีรษะ สิระ เศียร” มีเจตนาจะบอกว่า - “สีสะ” ในบาลี เราเอามาใช้อิงสันสกฤตเป็น “ศีรษะ” “สิระ” ในบาลี เราเอามาใช้อิงสันสกฤตเป็น “เศียร” .............. ที่ยกคำนี้ขึ้นมาเขียน ได้แรงบันดาลใจจากภาพประกอบโพสต์ของญาติมิตรท่านหนึ่ง ข้อความในโพสต์ท่านเขียนไว้ว่า - .............. อยากให้แม่ค้าพินิจพิเคราะห์ให้ดี ก่อนที่จะนำสินค้าใด ๆ ก็ตามที่สื่อถึงพระศาสดา มาจัดจำหน่าย ไม่ว่าศาสดาของศาสนาไหนก็ตาม เช่นสินค้าชุดนี้ เป็นสินค้าที่สื่อถึงพระเศียรขององค์พระสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้า นำมาห้อยกระเป๋าหรือพวงกุญแจ ไม่เหมาะโดยประการทั้งปวง กรณีนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนยิ่ง ที่ผ่านมา พศ ทำได้เพียงขอความร่วมมือ .............. ผู้เขียนบาลีวันละคำเห็นด้วยอย่างยิ่งกับความที่ท่านเขียนไว้นั้น ขอเป็นสื่อสารถ่ายทอดอีกทางหนึ่ง ผู้เขียนบาลีวันละคำมีข้อสังเกตว่า ในเมืองไทยของเรานี้ ศาสนบุคคลและศาสนวัตถุในพระพุทธศาสนาเท่านั้นที่คนประเภทหนึ่งกล้านำมาเหยียบย่ำ เย้ยหยัน ล้อเล่น หรือปฏิบัติในลักษณะเช่นนี้ ยังไม่เคยเห็นคนประเภทนี้นำศาสนบุคคลและศาสนวัตถุในศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลามมาเหยียบย่ำ เย้ยหยัน ล้อเล่น หรือปฏิบัติในลักษณะเช่นนี้เลย ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ เป็นเรื่องที่ควรศึกษาอย่างยิ่ง .............. ดูก่อนภราดา! เอาของสูงมาทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสม : ของยิ่งสูงมาก : ใจของผู้ทำก็ยิ่งต่ำมาก พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 681 มุมมอง 0 รีวิว
  • สลามเมืองไทย EP06 | มัสยิดบางหลวง มัสยิดทรงไทย อันซีนกรุงเทพฯ

    มัสยิดบางหลวง: เสน่ห์แห่งสถาปัตยกรรมไทย ศรัทธาที่หยั่งรากลึกกลางกรุงเทพฯ

    ท่ามกลางความเจริญของเมืองหลวง มัสยิดบางหลวง (กุฎีขาว) ซ่อนตัวอยู่ในชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดดเด่นด้วย สถาปัตยกรรมแบบไทยดั้งเดิม ที่หาได้ยาก เป็นหนึ่งในมัสยิดที่สะท้อนถึง ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และความศรัทธาของชาวมุสลิมไทย

    อันซีนกรุงเทพฯ ที่ต้องมาเยือน
    ที่นี่ไม่เพียงเป็นศูนย์กลางของศาสนาอิสลาม แต่ยังเป็นสถานที่ที่ผสมผสานเอกลักษณ์ไทย-มุสลิมไว้ได้อย่างลงตัว บอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนไทย-มุสลิมที่ยาวนานนับร้อยปี

    #สลามเมืองไทย #EP06 #มัสยิดบางหลวง #มัสยิดทรงไทย #อันซีนกรุงเทพ #UnseenBangkok #IslamicHeritage #MuslimCommunity #มัสยิดในไทย #BangkokHiddenGems #ThaiTimes
    สลามเมืองไทย EP06 | มัสยิดบางหลวง มัสยิดทรงไทย อันซีนกรุงเทพฯ มัสยิดบางหลวง: เสน่ห์แห่งสถาปัตยกรรมไทย ศรัทธาที่หยั่งรากลึกกลางกรุงเทพฯ ท่ามกลางความเจริญของเมืองหลวง มัสยิดบางหลวง (กุฎีขาว) ซ่อนตัวอยู่ในชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดดเด่นด้วย สถาปัตยกรรมแบบไทยดั้งเดิม ที่หาได้ยาก เป็นหนึ่งในมัสยิดที่สะท้อนถึง ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และความศรัทธาของชาวมุสลิมไทย อันซีนกรุงเทพฯ ที่ต้องมาเยือน ที่นี่ไม่เพียงเป็นศูนย์กลางของศาสนาอิสลาม แต่ยังเป็นสถานที่ที่ผสมผสานเอกลักษณ์ไทย-มุสลิมไว้ได้อย่างลงตัว บอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนไทย-มุสลิมที่ยาวนานนับร้อยปี #สลามเมืองไทย #EP06 #มัสยิดบางหลวง #มัสยิดทรงไทย #อันซีนกรุงเทพ #UnseenBangkok #IslamicHeritage #MuslimCommunity #มัสยิดในไทย #BangkokHiddenGems #ThaiTimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 742 มุมมอง 52 0 รีวิว
  • สลามเมืองไทย EP05 | หนึ่งเดียวในโลก มัสยิดทรงไทย

    ความงดงามแห่งศรัทธาและสถาปัตยกรรม มัสยิดทรงไทย หนึ่งเดียวในโลก

    กลางเมืองไทย มีมัสยิดที่แตกต่างจากที่อื่นในโลก "มัสยิดทรงไทย" ที่ผสมผสานศิลปะไทยเข้ากับศาสนาอิสลามได้อย่างงดงามและลงตัว โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมที่สะท้อนถึง วัฒนธรรม ความศรัทธา และความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างไทยและอิสลาม

    "หนึ่งเดียวในโลก"
    มัสยิดแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ประกอบศาสนกิจ แต่ยังเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่บ่งบอกถึง การอยู่ร่วมกันของคนต่างศาสนาและวัฒนธรรม ได้อย่างสงบสุข

    #สลามเมืองไทย #EP05 #มัสยิดทรงไทย #หนึ่งเดียวในโลก #ThaiIslamicArchitecture #MuslimCommunity #IslamicHeritage #มัสยิดในไทย #ศิลปะไทยอิสลาม #ThaiTimes
    สลามเมืองไทย EP05 | หนึ่งเดียวในโลก มัสยิดทรงไทย ความงดงามแห่งศรัทธาและสถาปัตยกรรม มัสยิดทรงไทย หนึ่งเดียวในโลก กลางเมืองไทย มีมัสยิดที่แตกต่างจากที่อื่นในโลก "มัสยิดทรงไทย" ที่ผสมผสานศิลปะไทยเข้ากับศาสนาอิสลามได้อย่างงดงามและลงตัว โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมที่สะท้อนถึง วัฒนธรรม ความศรัทธา และความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างไทยและอิสลาม "หนึ่งเดียวในโลก" มัสยิดแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ประกอบศาสนกิจ แต่ยังเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่บ่งบอกถึง การอยู่ร่วมกันของคนต่างศาสนาและวัฒนธรรม ได้อย่างสงบสุข #สลามเมืองไทย #EP05 #มัสยิดทรงไทย #หนึ่งเดียวในโลก #ThaiIslamicArchitecture #MuslimCommunity #IslamicHeritage #มัสยิดในไทย #ศิลปะไทยอิสลาม #ThaiTimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 681 มุมมอง 40 0 รีวิว
  • มือตบ "ทนายธรรมราช" เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ก่อนอนถูกพาตัวส่งฟ้องศาล ยืนยันไม่มีคนจ้าง ลงมือเอง เหตุไม่พอใจทนายโพสต์ดูหมิ่นศาสนาอิสลามนักข่าวถามก็ไม่ตอบ

    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000105599

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    มือตบ "ทนายธรรมราช" เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ก่อนอนถูกพาตัวส่งฟ้องศาล ยืนยันไม่มีคนจ้าง ลงมือเอง เหตุไม่พอใจทนายโพสต์ดูหมิ่นศาสนาอิสลามนักข่าวถามก็ไม่ตอบ อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000105599 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2318 มุมมอง 1 รีวิว
  • สลามเมืองไทย EP01 | ศูนย์ปลูกฝังคุณธรรมเยาวชน ชุมชนเกาะใหญ่ มีนบุรี

    "ศูนย์ปลูกฝังคุณธรรมเยาวชน: พื้นที่แห่งศรัทธาและการเรียนรู้ของชุมชนมุสลิม"

    ที่ ชุมชนเกาะใหญ่ มีนบุรี ไม่ได้มีเพียงบ้านเรือนและมัสยิด แต่ยังมี "ศูนย์ปลูกฝังคุณธรรมเยาวชน" ที่ทำหน้าที่เสริมสร้างศรัทธาและคุณธรรมให้กับเด็กและเยาวชนในชุมชน ปลูกฝังจริยธรรมผ่านหลักคำสอนของศาสนาอิสลาม ควบคู่ไปกับการสร้างความสามัคคีและการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสงบสุข

    "เยาวชนวันนี้ คืออนาคตของสังคม"
    ศูนย์แห่งนี้ทำหน้าที่เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ ส่งเสริมการศึกษา ศาสนา และคุณธรรม เพื่อให้เยาวชนเติบโตขึ้นเป็นบุคคลที่มีคุณค่าทั้งในศาสนาและสังคมไทย"

    📅 ออกอากาศครั้งแรก : 22 มกราคม 2022

    #สลามเมืองไทย #EP01 #ศูนย์ปลูกฝังคุณธรรม #ชุมชนเกาะใหญ่ #IslamicEducation #MuslimYouth #เยาวชนคืออนาคต #IslamicCommunity #เรียนรู้เพื่อศรัทธา #ThaiMuslimCulture #ThaiTimes
    สลามเมืองไทย EP01 | ศูนย์ปลูกฝังคุณธรรมเยาวชน ชุมชนเกาะใหญ่ มีนบุรี "ศูนย์ปลูกฝังคุณธรรมเยาวชน: พื้นที่แห่งศรัทธาและการเรียนรู้ของชุมชนมุสลิม" ที่ ชุมชนเกาะใหญ่ มีนบุรี ไม่ได้มีเพียงบ้านเรือนและมัสยิด แต่ยังมี "ศูนย์ปลูกฝังคุณธรรมเยาวชน" ที่ทำหน้าที่เสริมสร้างศรัทธาและคุณธรรมให้กับเด็กและเยาวชนในชุมชน ปลูกฝังจริยธรรมผ่านหลักคำสอนของศาสนาอิสลาม ควบคู่ไปกับการสร้างความสามัคคีและการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสงบสุข "เยาวชนวันนี้ คืออนาคตของสังคม" ศูนย์แห่งนี้ทำหน้าที่เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ ส่งเสริมการศึกษา ศาสนา และคุณธรรม เพื่อให้เยาวชนเติบโตขึ้นเป็นบุคคลที่มีคุณค่าทั้งในศาสนาและสังคมไทย" 📅 ออกอากาศครั้งแรก : 22 มกราคม 2022 #สลามเมืองไทย #EP01 #ศูนย์ปลูกฝังคุณธรรม #ชุมชนเกาะใหญ่ #IslamicEducation #MuslimYouth #เยาวชนคืออนาคต #IslamicCommunity #เรียนรู้เพื่อศรัทธา #ThaiMuslimCulture #ThaiTimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 736 มุมมอง 71 0 รีวิว
  • ลอบวางระเบิด กุโบร์ สถานที่ ที่ไม่ควรเกิดขึ้น

    👉ที่ผ่านมากลุ่มขบวนการแนวร่วม ผู้ก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เรียกร้องการต่อสู้ว่า “เขาต้องสู้เพราะมีคนรุกรานศาสนา เขาต้องสู้เพราะมีคนมารุกรานมาตุภูมิพ่อแม่เขา”
    ล่าสุด วันที่ 10 ต.ต.67 เวลาประมาน 05.45 น.รับแจ้งว่าเกิดเหตุระเบิดขึ้น บริเวณกูโบร์ข้างฐานปฏิบัติการ ชคต.บางปู อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี
    คนร้ายเลือกก่อเหตุในเขตกุโบร์ #เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้น #แต่กลุ่มคนร้ายยังก่อเหตุไม่เลือก!
    🚩#คำถามคือ “ใครรุกรานศาสนาอิสลามในประเทศไทย ใครรุกรานมาตุภูมิพ่อแม่เขาในประเทศไทย”
    #ใครกันแน่ที่รุกรานศาสนา ใครกันแน่ที่ทำให้ศาสนาถูกตำหนิจากคนทั้งประเทศ

    @ชายแดนใต้

    https://www.facebook.com/share/axJAHyHQqRG9TnM5/
    ลอบวางระเบิด กุโบร์ สถานที่ ที่ไม่ควรเกิดขึ้น 👉ที่ผ่านมากลุ่มขบวนการแนวร่วม ผู้ก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เรียกร้องการต่อสู้ว่า “เขาต้องสู้เพราะมีคนรุกรานศาสนา เขาต้องสู้เพราะมีคนมารุกรานมาตุภูมิพ่อแม่เขา” ล่าสุด วันที่ 10 ต.ต.67 เวลาประมาน 05.45 น.รับแจ้งว่าเกิดเหตุระเบิดขึ้น บริเวณกูโบร์ข้างฐานปฏิบัติการ ชคต.บางปู อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี คนร้ายเลือกก่อเหตุในเขตกุโบร์ #เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้น #แต่กลุ่มคนร้ายยังก่อเหตุไม่เลือก! 🚩#คำถามคือ “ใครรุกรานศาสนาอิสลามในประเทศไทย ใครรุกรานมาตุภูมิพ่อแม่เขาในประเทศไทย” #ใครกันแน่ที่รุกรานศาสนา ใครกันแน่ที่ทำให้ศาสนาถูกตำหนิจากคนทั้งประเทศ @ชายแดนใต้ https://www.facebook.com/share/axJAHyHQqRG9TnM5/
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 487 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในหลวง-พระราชินี พระราชทานรางวัลการทดสอบการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานประจำปี 2567
    วันที่ 28 กันยายน 2567
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานรางวัลการทดสอบการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานระดับประเทศ ครั้งที่ 17 ประจำปี 2567 ณ มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี และพระราชทานโล่เกียรติคุณและเงินรางวัลแก่คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด และอิหม่ามที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ประจำปี 2566 และพระราชทานรางวัลแก่ผู้แทนโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียน ครู และนักเรียน โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามภาคใต้ ประจำปี 2566ณ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี
    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    ในหลวง-พระราชินี พระราชทานรางวัลการทดสอบการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานประจำปี 2567 วันที่ 28 กันยายน 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานรางวัลการทดสอบการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานระดับประเทศ ครั้งที่ 17 ประจำปี 2567 ณ มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี และพระราชทานโล่เกียรติคุณและเงินรางวัลแก่คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด และอิหม่ามที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ประจำปี 2566 และพระราชทานรางวัลแก่ผู้แทนโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียน ครู และนักเรียน โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามภาคใต้ ประจำปี 2566ณ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Love
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 752 มุมมอง 0 รีวิว
  • พิธีการแต่งงานในศาสนาอิสลาม สุเหร่าบ้านโรงกระโจม(มัสยิดอิกอม่าตุ้ลอิสลาม) บ้านโรงกระโจม ตำบลพิมลราช อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี
    https://youtu.be/TLvJKVzveuA
    พิธีการแต่งงานในศาสนาอิสลาม สุเหร่าบ้านโรงกระโจม(มัสยิดอิกอม่าตุ้ลอิสลาม) บ้านโรงกระโจม ตำบลพิมลราช อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี https://youtu.be/TLvJKVzveuA
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 211 มุมมอง 0 รีวิว
  • พิธีการแต่งงานในศาสนาอิสลาม สุเหร่าบ้านโรงกระโจม(มัสยิดอิกอม่าตุ้ลอิสลาม) บ้านโรงกระโจม ตำบลพิมลราช อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี
    https://www.pracharthai.com/news/archives/18476
    พิธีการแต่งงานในศาสนาอิสลาม สุเหร่าบ้านโรงกระโจม(มัสยิดอิกอม่าตุ้ลอิสลาม) บ้านโรงกระโจม ตำบลพิมลราช อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี https://www.pracharthai.com/news/archives/18476
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิด้าโพลสำรวจเสียงคนใต้เกินครึ่งไม่เห็นด้วย พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย มีผลเลือกตั้งครั้งหน้าไม่เลือกพรรคประชาธิปัตย์

    ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “เสียงพี่น้องชาวใต้ถึงพรรคประชาธิปัตย์ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 2-3 กันยายน 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่มีสิทธิเลือกตั้งใน 14 จังหวัดภาคใต้ กระจายระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์ในการเข้าร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

    จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อการตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์ในการเข้าร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 54.19 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย รองลงมา ร้อยละ 14.58 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย ร้อยละ 12.98 ระบุว่า เห็นด้วยมาก ร้อยละ 11.91 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย และร้อยละ 6.34 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

    ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงการเลือกพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 41.37 ระบุว่า ไม่เลือก รองลงมา ร้อยละ 41.15 ระบุว่า ยังไม่แน่ใจ และร้อยละ 17.48 ระบุว่า เลือก

    เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่างทั้งหมดมีภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านอยู่ในภาคใต้ ตัวอย่าง ร้อยละ 16.87 มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ร้อยละ 15.27 จังหวัดสงขลา ร้อยละ 11.53 จังหวัดสุราษฎร์ธานี ร้อยละ 8.01 จังหวัดนราธิวาส ร้อยละ 7.10 จังหวัดปัตตานี ร้อยละ 6.95 จังหวัดตรัง ร้อยละ 5.80 จังหวัดพัทลุง ร้อยละ 5.57 จังหวัดชุมพร ร้อยละ 5.34 จังหวัดยะลา ร้อยละ 4.96 จังหวัดกระบี่ ร้อยละ 4.43 จังหวัดภูเก็ต ร้อยละ 3.36 จังหวัดสตูล ร้อยละ 2.90 จังหวัดพังงา และร้อยละ 1.91 จังหวัดระนอง ตัวอย่าง ร้อยละ 48.09 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.91 เป็นเพศหญิง

    ตัวอย่าง ร้อยละ 14.35 อายุ 18-25 ปี ร้อยละ 19.47 อายุ 26-35 ปี ร้อยละ 19.00 อายุ 36-45 ปี ร้อยละ 24.89 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 22.29 อายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่าง ร้อยละ 72.22 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 27.25 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 0.53 นับถือศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่น ๆ

    ตัวอย่าง ร้อยละ 34.73 สถานภาพโสด ร้อยละ 63.74 สมรส และร้อยละ 1.53 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ ตัวอย่าง ร้อยละ 15.65 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 36.41 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 9.47 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 33.66 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 4.81 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า

    ตัวอย่าง ร้อยละ 11.98 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 14.73 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 23.59 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 12.06 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 13.82 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 18.17 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และร้อยละ 5.65 เป็นนักเรียน/นักศึกษา

    ตัวอย่าง ร้อยละ 18.86 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 16.72 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 32.82 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 11.22 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 5.19 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 6.56 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 8.63 ไม่ระบุรายได้

    ที่มา https://nidapoll.nida.ac.th/survey_detail?survey_id=716

    #Thaitimes
    นิด้าโพลสำรวจเสียงคนใต้เกินครึ่งไม่เห็นด้วย พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย มีผลเลือกตั้งครั้งหน้าไม่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “เสียงพี่น้องชาวใต้ถึงพรรคประชาธิปัตย์ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 2-3 กันยายน 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่มีสิทธิเลือกตั้งใน 14 จังหวัดภาคใต้ กระจายระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์ในการเข้าร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0 จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อการตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์ในการเข้าร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 54.19 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย รองลงมา ร้อยละ 14.58 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย ร้อยละ 12.98 ระบุว่า เห็นด้วยมาก ร้อยละ 11.91 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย และร้อยละ 6.34 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงการเลือกพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 41.37 ระบุว่า ไม่เลือก รองลงมา ร้อยละ 41.15 ระบุว่า ยังไม่แน่ใจ และร้อยละ 17.48 ระบุว่า เลือก เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่างทั้งหมดมีภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านอยู่ในภาคใต้ ตัวอย่าง ร้อยละ 16.87 มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ร้อยละ 15.27 จังหวัดสงขลา ร้อยละ 11.53 จังหวัดสุราษฎร์ธานี ร้อยละ 8.01 จังหวัดนราธิวาส ร้อยละ 7.10 จังหวัดปัตตานี ร้อยละ 6.95 จังหวัดตรัง ร้อยละ 5.80 จังหวัดพัทลุง ร้อยละ 5.57 จังหวัดชุมพร ร้อยละ 5.34 จังหวัดยะลา ร้อยละ 4.96 จังหวัดกระบี่ ร้อยละ 4.43 จังหวัดภูเก็ต ร้อยละ 3.36 จังหวัดสตูล ร้อยละ 2.90 จังหวัดพังงา และร้อยละ 1.91 จังหวัดระนอง ตัวอย่าง ร้อยละ 48.09 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.91 เป็นเพศหญิง ตัวอย่าง ร้อยละ 14.35 อายุ 18-25 ปี ร้อยละ 19.47 อายุ 26-35 ปี ร้อยละ 19.00 อายุ 36-45 ปี ร้อยละ 24.89 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 22.29 อายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่าง ร้อยละ 72.22 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 27.25 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 0.53 นับถือศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่น ๆ ตัวอย่าง ร้อยละ 34.73 สถานภาพโสด ร้อยละ 63.74 สมรส และร้อยละ 1.53 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ ตัวอย่าง ร้อยละ 15.65 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 36.41 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 9.47 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 33.66 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 4.81 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ตัวอย่าง ร้อยละ 11.98 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 14.73 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 23.59 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 12.06 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 13.82 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 18.17 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และร้อยละ 5.65 เป็นนักเรียน/นักศึกษา ตัวอย่าง ร้อยละ 18.86 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 16.72 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 32.82 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 11.22 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 5.19 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 6.56 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 8.63 ไม่ระบุรายได้ ที่มา https://nidapoll.nida.ac.th/survey_detail?survey_id=716 #Thaitimes
    Like
    Haha
    Angry
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1596 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝึกใจสําหรับคนไร้ศาสนา

    สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานผลการวิจัยในชื่อ “ภูมิทัศน์ใน การนับถือศาสนาของคนทั่วโลก” โดย “พิว” (This tow Forturn on Religion & Public Life) รวบรวมข้อมูลจากสถิติในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ พบ. ว่า ประชากรโลกที่ระบุว่าตัวเองเป็นคน “ไร้ศาสนา” หรือ “ไม่ผูกพัน กับศาสนาใด” จํานวนเพิ่มมากขึ้นจนติดอันดับ 5

    อันดับ 4) ศาสนาคริสต์ มีผู้นับถืออยู่ทั่วโลกสูงถึง ๒.๒ พัน ร้านคน

    อันดับ 6 ศาสนาอิสลาม มีอยู่ประมาณ ๑๖ พันล้านคน

    อันดับ ๓ สำหรับผู้ที่ระบุว่าไร้ศาสนา หมายถึง ผู้ที่แสดง ตน ว่าไม่ได้นับถือศาสนาใดๆ เลย หรือผู้ที่มีศรัทธาในจิตวิญญาณ ซึ่งไม่ ได้ขึ้นอยู่กับศาสนาใด มีจำนวน ๑.๑ พันร้านคน

    คนที่นับถือศาสนาอยู่แล้ว แต่ไม่เคยประพฤติปฏิบัติตามหลัก คำสอนของศาสนาเลย หรือไม่เคยศึกษาให้เข้าใจ นี่ก็น่าจะเหมารวม ได้ว่าเป็นคนไร้ศาสนาเช่นกัน


    อันดับ 4 ศาสนาฮินดู มีผู้นับถือ ๑,๐๐๐ ล้านคน โดย อยู่ในประเทศอินเดีย

    อันดับ 4 ศาสนาพุทธ มีผู้นับถือ ๕๐๐ ล้านคน

    อันดับ 5 กลุ่มศาสนาเสียๆ เช่น บากาโย ลัทธิเต๋า เจนในน ซิกข์ เทนริเดียว วิคคา และโซโรอัสเตอร์ มีผู้นับถือรวมกันประมาณ * ล้านคนทั่วโลก
    อันดับ 4 กลุ่มผู้ที่นับถือธรรมชาติ กราบไหว้ภูติผีและเทพอื่นๆ ตามความเชื่อของบรรพบุรุษ มีประมาณ ๕๐๕ ล้านคน

    อันดับ 6 ศาสนายิว มีผู้นับถือศาสนานี้ในประเทศอิสราเอล และที่อื่นๆ ๑๔ ล้านคน


    เมื่อถึง พ.ศ. นี้ แน่นอนว่าคนไร้ศาสนาคงมีมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ แปลว่าสังคมจะเลวลง เพราะคนไร้ศาสนาไม่ได้แปลว่า ไร้เมตตา ใช้ ปัญญา หรือไร้คุณธรรม คนไร้ศาสนาอาจเพราะเหตุผลมากมาย เช่น

    เมื่อพิธีกรรม

    ๒. รู้สึกเป็นอิสระมากกว่า

    ไม่มีศาสนา ทําดีได้

    ๔. ศาสนาทำให้คนฆ่ากันเพราะความแตกต่างของศรัทธา

    สงครามทั้งหลายที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ถ้าไม่เพราะการเมือง ก็ เพราะศาสนานั่นเอง

    ๕. คำสอนทางอภิปรัชญาของศาสนาต่างๆ ไม่สามารถพิสูจน์ ได้ แต่ถ้าเป็นคำสอนทางด้านจริยธรรม เช่น ความอดทน ความเพียร

    พ ร ะ ม ห า วั เรี ย ว ช น โ ล 66

    เมตตากรุณา คนทั่วไปก็ทำกันโดยปกติอยู่แล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องมี ศาสนา และอีกร้อยแปดพันเก้า

    ถ้าถามผู้เขียนเอง ก็ยอมรับความเห็นที่แตกต่างทุกคนมีสิทธิที่ จะเลือกนับถือหรือไม่นับถือศาสนาใดก็ได้

    สรรพสัตว์ทั้งหลาย ไม่รู้เลยว่าเกิดมาเพื่อนับถือศาสนาอะไร ล้วนสร้างสมมุติขึ้นมาในภายหลังว่า ฉันเป็นพุทธ คริสต์ อิสลาม ฮินดู หรือไร้ศาสนา

    บางครั้งการไร้ศาสนา อาจช่วยให้ไร้อัตตาตัวตนได้ง่ายกว่า เพราะไม่ถูกปลูกฝังให้จมอยู่กับศรัทธา ความเชื่อ รูปแบบ พิธีกรรม ทางศาสนา

    ที่เขียนเรื่องนี้ ก็เพื่อนำเสนอวิธีฝึกใจที่เหมาะสำหรับมวล
    สามารถอ่านต่อที่เว็บบอร์ดพระนิพพาน

    https://www.thenirvanalive.com/2023/03/09/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%95-3/

    #เว็บบอร์ดพระนิพพาน #thaitimes #เว็บไซต์พระนิพพาน #เว็บไซต์ธรรมะ #ฝึกใจสําหรับคนไร้ศาสนา #ศาสนา
    ฝึกใจสําหรับคนไร้ศาสนา สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานผลการวิจัยในชื่อ “ภูมิทัศน์ใน การนับถือศาสนาของคนทั่วโลก” โดย “พิว” (This tow Forturn on Religion & Public Life) รวบรวมข้อมูลจากสถิติในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ พบ. ว่า ประชากรโลกที่ระบุว่าตัวเองเป็นคน “ไร้ศาสนา” หรือ “ไม่ผูกพัน กับศาสนาใด” จํานวนเพิ่มมากขึ้นจนติดอันดับ 5 อันดับ 4) ศาสนาคริสต์ มีผู้นับถืออยู่ทั่วโลกสูงถึง ๒.๒ พัน ร้านคน อันดับ 6 ศาสนาอิสลาม มีอยู่ประมาณ ๑๖ พันล้านคน อันดับ ๓ สำหรับผู้ที่ระบุว่าไร้ศาสนา หมายถึง ผู้ที่แสดง ตน ว่าไม่ได้นับถือศาสนาใดๆ เลย หรือผู้ที่มีศรัทธาในจิตวิญญาณ ซึ่งไม่ ได้ขึ้นอยู่กับศาสนาใด มีจำนวน ๑.๑ พันร้านคน คนที่นับถือศาสนาอยู่แล้ว แต่ไม่เคยประพฤติปฏิบัติตามหลัก คำสอนของศาสนาเลย หรือไม่เคยศึกษาให้เข้าใจ นี่ก็น่าจะเหมารวม ได้ว่าเป็นคนไร้ศาสนาเช่นกัน อันดับ 4 ศาสนาฮินดู มีผู้นับถือ ๑,๐๐๐ ล้านคน โดย อยู่ในประเทศอินเดีย อันดับ 4 ศาสนาพุทธ มีผู้นับถือ ๕๐๐ ล้านคน อันดับ 5 กลุ่มศาสนาเสียๆ เช่น บากาโย ลัทธิเต๋า เจนในน ซิกข์ เทนริเดียว วิคคา และโซโรอัสเตอร์ มีผู้นับถือรวมกันประมาณ * ล้านคนทั่วโลก อันดับ 4 กลุ่มผู้ที่นับถือธรรมชาติ กราบไหว้ภูติผีและเทพอื่นๆ ตามความเชื่อของบรรพบุรุษ มีประมาณ ๕๐๕ ล้านคน อันดับ 6 ศาสนายิว มีผู้นับถือศาสนานี้ในประเทศอิสราเอล และที่อื่นๆ ๑๔ ล้านคน เมื่อถึง พ.ศ. นี้ แน่นอนว่าคนไร้ศาสนาคงมีมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ แปลว่าสังคมจะเลวลง เพราะคนไร้ศาสนาไม่ได้แปลว่า ไร้เมตตา ใช้ ปัญญา หรือไร้คุณธรรม คนไร้ศาสนาอาจเพราะเหตุผลมากมาย เช่น เมื่อพิธีกรรม ๒. รู้สึกเป็นอิสระมากกว่า ไม่มีศาสนา ทําดีได้ ๔. ศาสนาทำให้คนฆ่ากันเพราะความแตกต่างของศรัทธา สงครามทั้งหลายที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ถ้าไม่เพราะการเมือง ก็ เพราะศาสนานั่นเอง ๕. คำสอนทางอภิปรัชญาของศาสนาต่างๆ ไม่สามารถพิสูจน์ ได้ แต่ถ้าเป็นคำสอนทางด้านจริยธรรม เช่น ความอดทน ความเพียร พ ร ะ ม ห า วั เรี ย ว ช น โ ล 66 เมตตากรุณา คนทั่วไปก็ทำกันโดยปกติอยู่แล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องมี ศาสนา และอีกร้อยแปดพันเก้า ถ้าถามผู้เขียนเอง ก็ยอมรับความเห็นที่แตกต่างทุกคนมีสิทธิที่ จะเลือกนับถือหรือไม่นับถือศาสนาใดก็ได้ สรรพสัตว์ทั้งหลาย ไม่รู้เลยว่าเกิดมาเพื่อนับถือศาสนาอะไร ล้วนสร้างสมมุติขึ้นมาในภายหลังว่า ฉันเป็นพุทธ คริสต์ อิสลาม ฮินดู หรือไร้ศาสนา บางครั้งการไร้ศาสนา อาจช่วยให้ไร้อัตตาตัวตนได้ง่ายกว่า เพราะไม่ถูกปลูกฝังให้จมอยู่กับศรัทธา ความเชื่อ รูปแบบ พิธีกรรม ทางศาสนา ที่เขียนเรื่องนี้ ก็เพื่อนำเสนอวิธีฝึกใจที่เหมาะสำหรับมวล สามารถอ่านต่อที่เว็บบอร์ดพระนิพพาน https://www.thenirvanalive.com/2023/03/09/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%95-3/ #เว็บบอร์ดพระนิพพาน #thaitimes #เว็บไซต์พระนิพพาน #เว็บไซต์ธรรมะ #ฝึกใจสําหรับคนไร้ศาสนา #ศาสนา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 919 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่มผู้ปกป้องดินแดนปาเลสเรียกร้องให้ประณามการเผาคัมภีร์อัลกุรอานโดยทหารเอล
    กลุ่มผ็ปกป้องดินแดนปาเลสได้ขอให้ประเทศอาหรับและมุสลิมประณามและแสดงความโกรธแค้นกรณีที่ทหารเอลเผาสำเนาหนังสือศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอิสลามระหว่างบุกโจมตีมัสยิดบานีซาเลห์ทางตอนเหนือของกาซา
    มีการกล่าวในแถลงการณ์ว่า “การเผาสำเนาคัมภีร์อัลกุรอาน การทำลายล้างและการทำลายมัสยิดต่างๆ เป็นการตอกย้ำถึงธรรมชาติของพวกหัวรุนแรงและทหารที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ตลอดจนพฤติกรรมฟาสซิสต์ของพวกเขาต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับอัตลักษณ์และความศักดิ์สิทธิ์ของประเทศของเรา”
    อัลยาซีรา ได้ นำภาพที่ได้รับมาจากกล้องของทหารเอล ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขากำลังฉีกหน้าพระคัมภีร์อิสลามและเผาที่มัสยิด บานีซาเลห์
    .
    #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews #กุรอาน #มัสยิด
    #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง
    -------------------------------
    สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    กลุ่มผู้ปกป้องดินแดนปาเลสเรียกร้องให้ประณามการเผาคัมภีร์อัลกุรอานโดยทหารเอล กลุ่มผ็ปกป้องดินแดนปาเลสได้ขอให้ประเทศอาหรับและมุสลิมประณามและแสดงความโกรธแค้นกรณีที่ทหารเอลเผาสำเนาหนังสือศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอิสลามระหว่างบุกโจมตีมัสยิดบานีซาเลห์ทางตอนเหนือของกาซา มีการกล่าวในแถลงการณ์ว่า “การเผาสำเนาคัมภีร์อัลกุรอาน การทำลายล้างและการทำลายมัสยิดต่างๆ เป็นการตอกย้ำถึงธรรมชาติของพวกหัวรุนแรงและทหารที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ตลอดจนพฤติกรรมฟาสซิสต์ของพวกเขาต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับอัตลักษณ์และความศักดิ์สิทธิ์ของประเทศของเรา” อัลยาซีรา ได้ นำภาพที่ได้รับมาจากกล้องของทหารเอล ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขากำลังฉีกหน้าพระคัมภีร์อิสลามและเผาที่มัสยิด บานีซาเลห์ . #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews #กุรอาน #มัสยิด #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง ------------------------------- สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1095 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “บทบาทอดีตนายกฯ ทักษิณ ในรัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 20-21 สิงหาคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับบทบาททางการเมืองของคุณทักษิณ ชินวัตร ในรัฐบาลนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

    จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนถึงความเป็นไปได้ที่นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร จะบริหารประเทศโดยปราศจากคุณทักษิณ ชินวัตร พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 59.01 ระบุว่า เป็นไปไม่ได้เลย รองลงมา ร้อยละ 15.42 ระบุว่า ไม่น่าเป็นไปได้ ร้อยละ 14.96 ระบุว่า ค่อนข้างเป็นไปได้ ร้อยละ 9.77 ระบุว่า เป็นไปได้แน่นอน และร้อยละ 0.84 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

    ด้านบทบาทที่คุณทักษิณ ชินวัตร ควรมีในรัฐบาลนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 37.79 ระบุว่า ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ ไม่อยู่หลังฉาก แต่อาจให้คำปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการในฐานะพ่อ-ลูก รองลงมา ร้อยละ 28.85 ระบุว่า ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ แต่อยู่หลังฉากในการช่วย หรือให้คำปรึกษาในการบริหารประเทศแก่นายกฯ แพทองธาร ร้อยละ 26.95 ระบุว่า ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ ไม่อยู่หลังฉาก และปล่อยให้นายกฯ แพทองธาร เป็นอิสระในการบริหารประเทศ ร้อยละ 6.03 ระบุว่า ดำรงตำแหน่งที่เป็นทางการในการช่วย หรือให้คำปรึกษาในการบริหารประเทศแก่นายกฯ แพทองธาร และร้อยละ 0.38 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

    ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงบทบาทของ คุณทักษิณ ชินวัตร ในความเป็นจริงที่ประชาชนจะได้เห็นในรัฐบาลนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตรพบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 39.39 ระบุว่า ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ แต่อยู่หลังฉากในการช่วย หรือให้คำปรึกษาในการบริหารประเทศแก่นายกฯ แพทองธารรองลงมา ร้อยละ 31.91 ระบุว่า ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ ไม่อยู่หลังฉาก แต่อาจให้คำปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการในฐานะพ่อ-ลูก ร้อยละ 18.70 ระบุว่า ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ ไม่อยู่หลังฉาก และปล่อยให้นายกฯ แพทองธาร เป็นอิสระในการบริหารประเทศ ร้อยละ 9.08 ระบุว่าดำรงตำแหน่งที่เป็นทางการในการช่วย หรือให้คำปรึกษาในการบริหารประเทศแก่นายกฯ แพทองธาร และร้อยละ 0.92 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

    เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 8.55 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ร้อยละ 18.63 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคกลาง ร้อยละ 17.86 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 33.35 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 13.82 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ และร้อยละ 7.79 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออก ตัวอย่าง ร้อยละ 48.09 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.91 เป็นเพศหญิง

    ตัวอย่าง ร้อยละ 12.37 อายุ 18-25 ปี ร้อยละ 17.94 อายุ 26-35 ปี ร้อยละ 18.24 อายุ 36-45 ปี ร้อยละ 26.64 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 24.81 อายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่าง ร้อยละ 96.26 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 2.75 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 0.99 นับถือศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่น ๆ

    ตัวอย่าง ร้อยละ 35.42 สถานภาพโสด ร้อยละ 62.75 สมรส และร้อยละ 1.83 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ ตัวอย่าง ร้อยละ 12.83 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 27.63 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 11.22 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 39.16 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 9.16 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า

    ตัวอย่าง ร้อยละ 12.90 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 16.34 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 23.83 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 6.79 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 14.50 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 20.53 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และร้อยละ 5.11 เป็นนักเรียน/นักศึกษา

    ตัวอย่าง ร้อยละ 17.71 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 13.74 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 29.54 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 14.20 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 6.95 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 8.32 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 9.54 ไม่ระบุรายได้

    ที่มา : นิด้าโพล

    #Thaitimes
    ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “บทบาทอดีตนายกฯ ทักษิณ ในรัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 20-21 สิงหาคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับบทบาททางการเมืองของคุณทักษิณ ชินวัตร ในรัฐบาลนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0 จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนถึงความเป็นไปได้ที่นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร จะบริหารประเทศโดยปราศจากคุณทักษิณ ชินวัตร พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 59.01 ระบุว่า เป็นไปไม่ได้เลย รองลงมา ร้อยละ 15.42 ระบุว่า ไม่น่าเป็นไปได้ ร้อยละ 14.96 ระบุว่า ค่อนข้างเป็นไปได้ ร้อยละ 9.77 ระบุว่า เป็นไปได้แน่นอน และร้อยละ 0.84 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ ด้านบทบาทที่คุณทักษิณ ชินวัตร ควรมีในรัฐบาลนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 37.79 ระบุว่า ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ ไม่อยู่หลังฉาก แต่อาจให้คำปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการในฐานะพ่อ-ลูก รองลงมา ร้อยละ 28.85 ระบุว่า ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ แต่อยู่หลังฉากในการช่วย หรือให้คำปรึกษาในการบริหารประเทศแก่นายกฯ แพทองธาร ร้อยละ 26.95 ระบุว่า ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ ไม่อยู่หลังฉาก และปล่อยให้นายกฯ แพทองธาร เป็นอิสระในการบริหารประเทศ ร้อยละ 6.03 ระบุว่า ดำรงตำแหน่งที่เป็นทางการในการช่วย หรือให้คำปรึกษาในการบริหารประเทศแก่นายกฯ แพทองธาร และร้อยละ 0.38 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงบทบาทของ คุณทักษิณ ชินวัตร ในความเป็นจริงที่ประชาชนจะได้เห็นในรัฐบาลนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตรพบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 39.39 ระบุว่า ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ แต่อยู่หลังฉากในการช่วย หรือให้คำปรึกษาในการบริหารประเทศแก่นายกฯ แพทองธารรองลงมา ร้อยละ 31.91 ระบุว่า ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ ไม่อยู่หลังฉาก แต่อาจให้คำปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการในฐานะพ่อ-ลูก ร้อยละ 18.70 ระบุว่า ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ ไม่อยู่หลังฉาก และปล่อยให้นายกฯ แพทองธาร เป็นอิสระในการบริหารประเทศ ร้อยละ 9.08 ระบุว่าดำรงตำแหน่งที่เป็นทางการในการช่วย หรือให้คำปรึกษาในการบริหารประเทศแก่นายกฯ แพทองธาร และร้อยละ 0.92 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 8.55 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ร้อยละ 18.63 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคกลาง ร้อยละ 17.86 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 33.35 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 13.82 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ และร้อยละ 7.79 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออก ตัวอย่าง ร้อยละ 48.09 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.91 เป็นเพศหญิง ตัวอย่าง ร้อยละ 12.37 อายุ 18-25 ปี ร้อยละ 17.94 อายุ 26-35 ปี ร้อยละ 18.24 อายุ 36-45 ปี ร้อยละ 26.64 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 24.81 อายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่าง ร้อยละ 96.26 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 2.75 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 0.99 นับถือศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่น ๆ ตัวอย่าง ร้อยละ 35.42 สถานภาพโสด ร้อยละ 62.75 สมรส และร้อยละ 1.83 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ ตัวอย่าง ร้อยละ 12.83 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 27.63 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 11.22 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 39.16 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 9.16 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ตัวอย่าง ร้อยละ 12.90 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 16.34 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 23.83 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 6.79 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 14.50 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 20.53 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และร้อยละ 5.11 เป็นนักเรียน/นักศึกษา ตัวอย่าง ร้อยละ 17.71 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 13.74 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 29.54 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 14.20 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 6.95 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 8.32 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 9.54 ไม่ระบุรายได้ ที่มา : นิด้าโพล #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 690 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันอิดิ้ลอัฏฮา หรือวันรายอฮัจยี เป็นวันเฉลิมฉลองการเชือดสัตว์เพื่อพลีทาน โดยวันสำคัญทางศาสนาอิสลามที่มีการฉลองใหญ่ทั่วโลกเพื่อยกย่องอิบรอฮีมที่จะเชือดพลีลูกชายตามคำสั่งของอัลลอฮ์ แต่ก่อนที่อิบรอฮีมเชือดพลีลูกชายของตนเอง พระองค์ให้ท่านเชือดแกะแทน โดยจะถูกแบ่งเป็นสามส่วน ส่วนหนึ่งให้คนจนและคนที่ต้องการ อีกส่วนให้เก็บที่บ้าน และส่วนที่สามเอาไปแจกให้กับญาติ ตามปฏิทินอิสลาม อีดิลอัฎฮา อยู่ในวันที่ 10 ซุลฮิจญะฮ์ และมีระยะเวลาสามวัน

    ในวันอีดิ้ลอัฏฮา ชาวมุสลิมจะทำการละหมาดและฟังคำสอนที่มัสยิด และจะสวมเสื้อผ้าใหม่ ไปเยี่ยมครอบครัวและเพื่อน และในผู้ที่พอมีกำลังทรัพย์สามารถทำการเชือดสัตว์พลีทาน (กุรบาน) เป็นสัญลักษณ์แทนความเต็มใจของอิบรอฮีมในการเชือดลูกชายคนเดียวของตัวเอง และมีการบริจาคเงินให้กับคนที่ยากจน และในช่วงวันอีดิ้ลอัฏฮา ชาวมุสลิมทั่วโลกจะเดินทางไปนครเมกกะและพื้นที่โดยรอบในซาอุดีอาระเบียเพื่อประกอบพิธีฮัจญ์
    สำหรับชาวปาเลสนั้นก็มีโอกาสเยี่ยมชมสุสานหลังจากการละหมาดในข่าน ยูนิส
    หลุมศพจำนวนมากในสุสานในเมืองถูกทำลายเนื่องจากการโจมตีทางอากาศและภาคพื้นดินโดยกองทัพเอล
    โดยในโอกาสสำคัญนี้ชาวปาเลสก็ได้ร่วมดูแลหลุมศพของผู้เป็นที่รักและผู้ที่จากไปด้วยความคิดถึง ในความสามารถเท่าที่จะทำได้
    โดยมีการร่วมไว้อาลัยกันด้วยความพร้อมเพรียงกันอีกด้วย
    .
    #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews
    #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง
    -------------------------------
    สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    วันอิดิ้ลอัฏฮา หรือวันรายอฮัจยี เป็นวันเฉลิมฉลองการเชือดสัตว์เพื่อพลีทาน โดยวันสำคัญทางศาสนาอิสลามที่มีการฉลองใหญ่ทั่วโลกเพื่อยกย่องอิบรอฮีมที่จะเชือดพลีลูกชายตามคำสั่งของอัลลอฮ์ แต่ก่อนที่อิบรอฮีมเชือดพลีลูกชายของตนเอง พระองค์ให้ท่านเชือดแกะแทน โดยจะถูกแบ่งเป็นสามส่วน ส่วนหนึ่งให้คนจนและคนที่ต้องการ อีกส่วนให้เก็บที่บ้าน และส่วนที่สามเอาไปแจกให้กับญาติ ตามปฏิทินอิสลาม อีดิลอัฎฮา อยู่ในวันที่ 10 ซุลฮิจญะฮ์ และมีระยะเวลาสามวัน ในวันอีดิ้ลอัฏฮา ชาวมุสลิมจะทำการละหมาดและฟังคำสอนที่มัสยิด และจะสวมเสื้อผ้าใหม่ ไปเยี่ยมครอบครัวและเพื่อน และในผู้ที่พอมีกำลังทรัพย์สามารถทำการเชือดสัตว์พลีทาน (กุรบาน) เป็นสัญลักษณ์แทนความเต็มใจของอิบรอฮีมในการเชือดลูกชายคนเดียวของตัวเอง และมีการบริจาคเงินให้กับคนที่ยากจน และในช่วงวันอีดิ้ลอัฏฮา ชาวมุสลิมทั่วโลกจะเดินทางไปนครเมกกะและพื้นที่โดยรอบในซาอุดีอาระเบียเพื่อประกอบพิธีฮัจญ์ สำหรับชาวปาเลสนั้นก็มีโอกาสเยี่ยมชมสุสานหลังจากการละหมาดในข่าน ยูนิส หลุมศพจำนวนมากในสุสานในเมืองถูกทำลายเนื่องจากการโจมตีทางอากาศและภาคพื้นดินโดยกองทัพเอล โดยในโอกาสสำคัญนี้ชาวปาเลสก็ได้ร่วมดูแลหลุมศพของผู้เป็นที่รักและผู้ที่จากไปด้วยความคิดถึง ในความสามารถเท่าที่จะทำได้ โดยมีการร่วมไว้อาลัยกันด้วยความพร้อมเพรียงกันอีกด้วย . #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง ------------------------------- สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 451 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts