• พระสมเด็จวัดระฆัง รุ่นแตกลายงา วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพ ปี2556
    พระสมเด็จวัดระฆังหลังปั้มตรายาง รุ่นแตกลายงา (โค้ดระฆัง) เนื้อผงพุทธคุณผสมผงเก่า วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพ ปี2556 // พระดีพิธีใหญ่ พิธีมหาพุทธาภิเษก ณ วัดระฆังโฆสิตาราม เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2556 // พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิมๆ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณแคล้วคลาดปลอดภัย คุ้มครองจากภัยอันตรายต่างๆ เมตตามหานิยม และเสริมดวงโชคลาภ หนุนดวงชะตา เสริมบารมี และนำพาความโชคดี ป้องกันสิ่งชั่วร้าย และช่วยให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน >>

    ** พระสมเด็จวัดระฆัง รุ่นแตกลายงา วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพ ปี2556 มหาพิธีพุทธาภิเษกยิ่งใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์ ณ วิหารสมเด็จโต วัดระฆังฯ โดยมีการนิมนต์เกจิพระคณาจารย์ดังๆ จากทั่วฟ้าเมืองไทยมาร่วมปลุกเสก
    เมื่อวันที่ 13 มิถนายน พ.ศ. 2556 โดยมี พระธรรมธีรราชมหามุนี (เจ้าคุณเที่ยง อคฺคธมฺโมฺ) เจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม เป็นประธานจุดเทียนชัย และเป็นประธานในพิธี หลวงพ่อพูล วัดบ้านแพน ผู้ประกอบพิธีดับเทียนชัย
    มีพระเกจิเถราจารย์ที่ร่วมประกอบพิธีพุทธาภิเษกและร่วมอธิษฐานจิตดังนี้
    - หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน
    - หลวงพ่อสิริ วัดตาล
    - หลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร
    - หลวงพ่อสมชาย วัดปริวาสราชสงคราม
    - หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว
    - หลวงพ่อชาญ วัดบางบ่อ
    - หลวงพ่อพูล วัดบ้านแพน
    - หลวงพ่อรักษ์ วัดสุทธาวาสวิปัสสนา
    - พระมหาสุรศักดิ์ วัดประดู่พระอารามหลวง
    - หลวงพ่อมาลัย วัดบางหญ้าแพรก

    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิมๆ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    พระสมเด็จวัดระฆัง รุ่นแตกลายงา วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพ ปี2556 พระสมเด็จวัดระฆังหลังปั้มตรายาง รุ่นแตกลายงา (โค้ดระฆัง) เนื้อผงพุทธคุณผสมผงเก่า วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพ ปี2556 // พระดีพิธีใหญ่ พิธีมหาพุทธาภิเษก ณ วัดระฆังโฆสิตาราม เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2556 // พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิมๆ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณแคล้วคลาดปลอดภัย คุ้มครองจากภัยอันตรายต่างๆ เมตตามหานิยม และเสริมดวงโชคลาภ หนุนดวงชะตา เสริมบารมี และนำพาความโชคดี ป้องกันสิ่งชั่วร้าย และช่วยให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน >> ** พระสมเด็จวัดระฆัง รุ่นแตกลายงา วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพ ปี2556 มหาพิธีพุทธาภิเษกยิ่งใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์ ณ วิหารสมเด็จโต วัดระฆังฯ โดยมีการนิมนต์เกจิพระคณาจารย์ดังๆ จากทั่วฟ้าเมืองไทยมาร่วมปลุกเสก เมื่อวันที่ 13 มิถนายน พ.ศ. 2556 โดยมี พระธรรมธีรราชมหามุนี (เจ้าคุณเที่ยง อคฺคธมฺโมฺ) เจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม เป็นประธานจุดเทียนชัย และเป็นประธานในพิธี หลวงพ่อพูล วัดบ้านแพน ผู้ประกอบพิธีดับเทียนชัย มีพระเกจิเถราจารย์ที่ร่วมประกอบพิธีพุทธาภิเษกและร่วมอธิษฐานจิตดังนี้ - หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน - หลวงพ่อสิริ วัดตาล - หลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร - หลวงพ่อสมชาย วัดปริวาสราชสงคราม - หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว - หลวงพ่อชาญ วัดบางบ่อ - หลวงพ่อพูล วัดบ้านแพน - หลวงพ่อรักษ์ วัดสุทธาวาสวิปัสสนา - พระมหาสุรศักดิ์ วัดประดู่พระอารามหลวง - หลวงพ่อมาลัย วัดบางหญ้าแพรก ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิมๆ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ธรรมเป็นส่วนแห่งวิชชา
    สัทธรรมลำดับที่ : 718
    ชื่อบทธรรม :- ธรรมเป็นส่วนแห่งวิชชา
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=718
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ธรรมเป็นส่วนแห่งวิชา
    --ภิกษุ ท. ! ธรรม ๒ อย่างเหล่านี้ เป็นส่วนแห่งวิชชา มีอยู่สองอย่าง อะไรเล่า ?
    สองอย่างคือ สมถะและวิปัสสนา.
    --ภิกษุ ท. ! #สมถะ เมื่ออบรมแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ?
    http://etipitaka.com/read/pali/20/77/?keywords=สมโถ
    อบรมแล้ว จิตจะเจริญ.
    จิต เจริญแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ?
    เจริญแล้ว #จะละราคะได้.
    --ภิกษุ ท. ! #วิปัสสนา เล่า เมื่อเจริญแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ? http://etipitaka.com/read/pali/20/77/?keywords=วิปสฺสนา
    เจริญแล้ว ปัญญาจะเจริญ.
    ปัญญา เจริญแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ?
    เจริญแล้ว #จะละอวิชชาได้แล.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ทุก.อํ 20/49/275.
    http://etipitaka.com/read/thai/20/49/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%97
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทุก.อํ ๒๐/๗๗/๒๗๕.
    http://etipitaka.com/read/pali/20/77/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97%E0%B9%95
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=718
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53&id=718
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53
    ลำดับสาธยายธรรม : 53 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_53.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ธรรมเป็นส่วนแห่งวิชชา สัทธรรมลำดับที่ : 718 ชื่อบทธรรม :- ธรรมเป็นส่วนแห่งวิชชา https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=718 เนื้อความทั้งหมด :- --ธรรมเป็นส่วนแห่งวิชา --ภิกษุ ท. ! ธรรม ๒ อย่างเหล่านี้ เป็นส่วนแห่งวิชชา มีอยู่สองอย่าง อะไรเล่า ? สองอย่างคือ สมถะและวิปัสสนา. --ภิกษุ ท. ! #สมถะ เมื่ออบรมแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ? http://etipitaka.com/read/pali/20/77/?keywords=สมโถ อบรมแล้ว จิตจะเจริญ. จิต เจริญแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ? เจริญแล้ว #จะละราคะได้. --ภิกษุ ท. ! #วิปัสสนา เล่า เมื่อเจริญแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ? http://etipitaka.com/read/pali/20/77/?keywords=วิปสฺสนา เจริญแล้ว ปัญญาจะเจริญ. ปัญญา เจริญแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ? เจริญแล้ว #จะละอวิชชาได้แล.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ทุก.อํ 20/49/275. http://etipitaka.com/read/thai/20/49/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%97 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทุก.อํ ๒๐/๗๗/๒๗๕. http://etipitaka.com/read/pali/20/77/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97%E0%B9%95 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=718 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53&id=718 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53 ลำดับสาธยายธรรม : 53 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_53.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ธรรมเป็นส่วนแห่งวิชา
    -ธรรมเป็นส่วนแห่งวิชา ภิกษุ ท. ! ธรรม ๒ อย่างเหล่านี้ เป็นส่วนแห่งวิชชา มีอยู่สองอย่าง อะไรเล่า ? สองอย่างคือ สมถะและวิปัสสนา. ภิกษุ ท. ! สมถะ เมื่ออบรมแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ? อบรมแล้ว จิตจะเจริญ. จิต เจริญแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ? เจริญแล้ว จะละราคะได้. ภิกษุ ท. ! วิปัสสนา เล่า เมื่อเจริญแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ? เจริญแล้ว ปัญญาจะเจริญ. ปัญญา เจริญแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ? เจริญแล้ว จะละอวิชชาได้แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญพระพุทธสิหิงค์หลังพระประจำวันศุกร์ อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร วัดช่องลม ปี2496
    เหรียญพระพุทธสิหิงค์หลังพระประจำวันศุกร์ อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร วัดช่องลม กรุงเทพ ปี2496 // พระดีพิธีขลัง !! พระเก่า พศ.ลึก สุดยอดเรื่องประสบการณ์ เหมาะกับ คนชอบ พระดี ติดตัว // พระสถาพใช้ หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณบันดาลความร่มเย็นเป็นสุข เจริญรุ่งเรือง และโบราณสถาน ผู้ไว้บูชาจะได้รับอานุภาพคุ้มครองดวงชะตา ชีวิตจะดีขึ้น เงินทองเหลือกินเหลือใช้ คุ้มครองดวงชะตาให้ชีวิตดีขึ้นอย่างมั่นใจ ...

    ** พระพุทธสิหิงค์ ปี 2496 อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร จำลองแบบพระพระพุทธสิหิงค์ประทับอยู่บนบัว ในพิธีนั้นนิมนต์พระคณาจารย์ที่เชี่ยวชาญทางวิปัสสนาธุระ ทรงพระเวทวิทยาคม หลายท่านด้วยกันมาทำการนั่งปลุกเสก นอกจากนี้ก็ยังมีพระชัยปีศูนย์กว่าเทที่วัดสุทัศน์ >>


    ** พระสถาพใช้ หายากกครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญพระพุทธสิหิงค์หลังพระประจำวันศุกร์ อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร วัดช่องลม ปี2496 เหรียญพระพุทธสิหิงค์หลังพระประจำวันศุกร์ อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร วัดช่องลม กรุงเทพ ปี2496 // พระดีพิธีขลัง !! พระเก่า พศ.ลึก สุดยอดเรื่องประสบการณ์ เหมาะกับ คนชอบ พระดี ติดตัว // พระสถาพใช้ หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณบันดาลความร่มเย็นเป็นสุข เจริญรุ่งเรือง และโบราณสถาน ผู้ไว้บูชาจะได้รับอานุภาพคุ้มครองดวงชะตา ชีวิตจะดีขึ้น เงินทองเหลือกินเหลือใช้ คุ้มครองดวงชะตาให้ชีวิตดีขึ้นอย่างมั่นใจ ... ** พระพุทธสิหิงค์ ปี 2496 อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร จำลองแบบพระพระพุทธสิหิงค์ประทับอยู่บนบัว ในพิธีนั้นนิมนต์พระคณาจารย์ที่เชี่ยวชาญทางวิปัสสนาธุระ ทรงพระเวทวิทยาคม หลายท่านด้วยกันมาทำการนั่งปลุกเสก นอกจากนี้ก็ยังมีพระชัยปีศูนย์กว่าเทที่วัดสุทัศน์ >> ** พระสถาพใช้ หายากกครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญหลวงปู่คำบุ รุ่นทานบารมี53 วัดกุดชมภู จ.อุบลราชธานี ปี2553
    เหรียญหลวงปู่คำบุ รุ่นทานบารมี หลังเป็นยันต์อิติปิโส 8 ทิศ เนื้อทองแดง วัดกุดชมภู จ.อุบลราชธานี ปี2553 // พระดีพิธีขลัง !! ศิริอายุ ๘๘ ปี // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ >> //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >

    ** พุทธคุณ ผู้ใช้วัตถุมงคลของท่านต่างประสบความสำเร็จในธุรกิจ เจริญรุ่งเรืองในที่การงาน การค้าขาย ให้โชคลาภ เงินทอง เมตตามหานิยม, เสน่ห์, มีแต่คนเอ็นดู เงินทองไหลมาเทมา แคล้วคลาดปลอดภัยดีนักแล >>

    ** เหรียญหลวงปู่คำบุ รุ่นทานบารมี วัดกุดชมภู อุบลราชธานี ปี2553 เหรียญรุ่นนี้หลวงปู่ดำริให้จัดสร้าง เพื่อนำไปไว้แจกลูกศิษย์ในที่ต่างๆ จำนวนจัดสร้าง ๑. เนื้ออัลปาก้า ๑๐,๐๐๐ เหรียญ ๒. เนื้อทองแดง ๕,๐๐๐ เหรียญ แจกทหาร - ตำรวจ ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ >>

    ** 'หลวงปู่คำบุ คุตตจิตโต' วัดกุดชมภู ต.กุดชมภู อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี เป็นศิษย์สายตรงของพระครูวิโรจน์รัตโนมล (หลวงปู่รอด นันตโร) แห่งวัดทุ่งศรีเมือง และอดีตเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี พระเกจิอาจารย์ผู้มีพลังจิตสูง ศึกษาศาสตร์วิชาต่างๆ จากตำรา จนมีความชำนาญแตกฉาน จึงออกเดินจารึกธุดงค์เพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์ มีโอกาสร่ำเรียนสายวิชาวิปัสสนากรรมฐานและวิทยาคมต่างๆ ในสายของท่านสำเร็จลุน แห่งวัดเวิ่นไชย เมืองปาเซ นครจำปาสัก พระผู้ทรงอภิญญา >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงปู่คำบุ รุ่นทานบารมี53 วัดกุดชมภู จ.อุบลราชธานี ปี2553 เหรียญหลวงปู่คำบุ รุ่นทานบารมี หลังเป็นยันต์อิติปิโส 8 ทิศ เนื้อทองแดง วัดกุดชมภู จ.อุบลราชธานี ปี2553 // พระดีพิธีขลัง !! ศิริอายุ ๘๘ ปี // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ >> //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ > ** พุทธคุณ ผู้ใช้วัตถุมงคลของท่านต่างประสบความสำเร็จในธุรกิจ เจริญรุ่งเรืองในที่การงาน การค้าขาย ให้โชคลาภ เงินทอง เมตตามหานิยม, เสน่ห์, มีแต่คนเอ็นดู เงินทองไหลมาเทมา แคล้วคลาดปลอดภัยดีนักแล >> ** เหรียญหลวงปู่คำบุ รุ่นทานบารมี วัดกุดชมภู อุบลราชธานี ปี2553 เหรียญรุ่นนี้หลวงปู่ดำริให้จัดสร้าง เพื่อนำไปไว้แจกลูกศิษย์ในที่ต่างๆ จำนวนจัดสร้าง ๑. เนื้ออัลปาก้า ๑๐,๐๐๐ เหรียญ ๒. เนื้อทองแดง ๕,๐๐๐ เหรียญ แจกทหาร - ตำรวจ ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ >> ** 'หลวงปู่คำบุ คุตตจิตโต' วัดกุดชมภู ต.กุดชมภู อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี เป็นศิษย์สายตรงของพระครูวิโรจน์รัตโนมล (หลวงปู่รอด นันตโร) แห่งวัดทุ่งศรีเมือง และอดีตเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี พระเกจิอาจารย์ผู้มีพลังจิตสูง ศึกษาศาสตร์วิชาต่างๆ จากตำรา จนมีความชำนาญแตกฉาน จึงออกเดินจารึกธุดงค์เพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์ มีโอกาสร่ำเรียนสายวิชาวิปัสสนากรรมฐานและวิทยาคมต่างๆ ในสายของท่านสำเร็จลุน แห่งวัดเวิ่นไชย เมืองปาเซ นครจำปาสัก พระผู้ทรงอภิญญา >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 178 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลูกอมหลวงปู่สุระ วัดสวนใหม่ จ.ยะลา
    ลูกอมหลวงปู่สุระ เนื้อว่านทาทองบรอน วัดสวนใหม่ จ.ยะลา //เครื่องรางของขลัง สำหรับท่านที่ต้องการความสำเร็จ ทำอะไรก็ผ่านตลอด จะสมัครงาน การค้า การขาย ดี ดี เฮง เฮง ผ่านตลอด !! มีประสพการณ์มาก ของดีอยากจะแนะนำ !! // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพ

    ** พุทธคุณครบเครื่อง "แคล้วคาด" เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก.ให้โชค ให้ลาภ ค้าขายร่ำรวย กระพันชาตรี ช่วยพลิกเรื่องร้ายกลายเป็นดี ทำการสิ่งใดผ่านตลอด ดีตลอด ไม่มีอะไรติดขัด >>

    ** พระเกจิอาจารย์ที่มีวิชาอาคมขลัง "หลวงปู่สุระ วัดสวนใหม่" เมื่ออายุได้ 15 ปี ท่านได้เข้าบรรพชาเป็นสามเณร จนกระทั่งอายุครบ 20 ท่านจึงเข้าอุปสมบทเป็นภิกษุ ณ วัดมัชฒิมาวาส จ.สงขลา ท่านได้มีส่วนในการสร้างและขยายทั้งการเปิดสำนักสงฆ์ และวัดขึ้นอีกหลายแห่ง อาทิ วัดตาแปด อ.เทพา โดยได้ขอให้ หลวงตาถัด ท่านมานั่งเป็นเจ้าอาวาสที่นี่ >>

    ** "หลวงปู่สุระ วัดสวนใหม่" พระนักพัฒนา ทั้งการทำนุบำรุงวัด และด้านวิปัสสนาธุระ อย่างเคร่งครัด หลังการมรณภาพ สรีระสังขารไม่เน่าเปื่อย เส้นผม และเล็บก็งอกยาวออกมา มีลูกศิษย์ ลูกหาในสามจังหวัดใต้ มาเลเชีย สิงคโปร์ มากมาย >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    ลูกอมหลวงปู่สุระ วัดสวนใหม่ จ.ยะลา ลูกอมหลวงปู่สุระ เนื้อว่านทาทองบรอน วัดสวนใหม่ จ.ยะลา //เครื่องรางของขลัง สำหรับท่านที่ต้องการความสำเร็จ ทำอะไรก็ผ่านตลอด จะสมัครงาน การค้า การขาย ดี ดี เฮง เฮง ผ่านตลอด !! มีประสพการณ์มาก ของดีอยากจะแนะนำ !! // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพ ** พุทธคุณครบเครื่อง "แคล้วคาด" เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก.ให้โชค ให้ลาภ ค้าขายร่ำรวย กระพันชาตรี ช่วยพลิกเรื่องร้ายกลายเป็นดี ทำการสิ่งใดผ่านตลอด ดีตลอด ไม่มีอะไรติดขัด >> ** พระเกจิอาจารย์ที่มีวิชาอาคมขลัง "หลวงปู่สุระ วัดสวนใหม่" เมื่ออายุได้ 15 ปี ท่านได้เข้าบรรพชาเป็นสามเณร จนกระทั่งอายุครบ 20 ท่านจึงเข้าอุปสมบทเป็นภิกษุ ณ วัดมัชฒิมาวาส จ.สงขลา ท่านได้มีส่วนในการสร้างและขยายทั้งการเปิดสำนักสงฆ์ และวัดขึ้นอีกหลายแห่ง อาทิ วัดตาแปด อ.เทพา โดยได้ขอให้ หลวงตาถัด ท่านมานั่งเป็นเจ้าอาวาสที่นี่ >> ** "หลวงปู่สุระ วัดสวนใหม่" พระนักพัฒนา ทั้งการทำนุบำรุงวัด และด้านวิปัสสนาธุระ อย่างเคร่งครัด หลังการมรณภาพ สรีระสังขารไม่เน่าเปื่อย เส้นผม และเล็บก็งอกยาวออกมา มีลูกศิษย์ ลูกหาในสามจังหวัดใต้ มาเลเชีย สิงคโปร์ มากมาย >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญเลื่อนบารมีหลวงพ่อจรัญ เหรียญแจกในพิธี วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ปี2557
    เหรียญแจกในพิธี ( ตอกโค็ด "แจก" สร้างน้อย มีอนาคตแน่นอน ) เนื้อทองแดงผิวไฟ หลวงพ่อจรัญ รุ่นเลื่อนบารมี วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ปี2557 //พระดีพิธีใหญ่ //พระสถาพสวยย สวยงามคมชัดมากๆ หายากกก พระไม่ถูกใช้ครับ @ รับประกันความแท้ตลอดชีพ >>

    ** พุทธคุณเลื่อนยศเลื่อนตําแหน่ง มีความเจริญรุ่งเรือง แคล้วคลาด มหาอุตย์ คงกระพัน เมตตา จัดเป็นที่นิยมอย่างยิ่งในหมู่ข้าราชการ ยิ่งฤดูกาลแต่งตั้งเป็นต้องเสาะหามาบูชากัน >>

    ** หลวงพ่อจรัญท่านมีเมตตาต่อผู้คนทุกถ้วนหน้า โดยไม่เลือก ชั้น วรรณะ เชื้อชาติ หรือ ศาสนา ศิษยานุศิษย์ของท่านจึงมีทั้งที่นับถือศาสนาพุทธ คริสต์ และอิสลาม ทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ ท่านตั้งปณิธานมุ่งมั่นในการสร้างคน แทนการสร้างวัตถุ จึงทุ่มเทชีวิตทั้งกำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญาให้กับ การเผยแพร่วิปัสสนากรรมฐานมากว่า ๔๐ ปี โดยทำงานอย่างหนัก ทั้งกลางวัน กลางคืน >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญเลื่อนบารมีหลวงพ่อจรัญ เหรียญแจกในพิธี วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ปี2557 เหรียญแจกในพิธี ( ตอกโค็ด "แจก" สร้างน้อย มีอนาคตแน่นอน ) เนื้อทองแดงผิวไฟ หลวงพ่อจรัญ รุ่นเลื่อนบารมี วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ปี2557 //พระดีพิธีใหญ่ //พระสถาพสวยย สวยงามคมชัดมากๆ หายากกก พระไม่ถูกใช้ครับ @ รับประกันความแท้ตลอดชีพ >> ** พุทธคุณเลื่อนยศเลื่อนตําแหน่ง มีความเจริญรุ่งเรือง แคล้วคลาด มหาอุตย์ คงกระพัน เมตตา จัดเป็นที่นิยมอย่างยิ่งในหมู่ข้าราชการ ยิ่งฤดูกาลแต่งตั้งเป็นต้องเสาะหามาบูชากัน >> ** หลวงพ่อจรัญท่านมีเมตตาต่อผู้คนทุกถ้วนหน้า โดยไม่เลือก ชั้น วรรณะ เชื้อชาติ หรือ ศาสนา ศิษยานุศิษย์ของท่านจึงมีทั้งที่นับถือศาสนาพุทธ คริสต์ และอิสลาม ทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ ท่านตั้งปณิธานมุ่งมั่นในการสร้างคน แทนการสร้างวัตถุ จึงทุ่มเทชีวิตทั้งกำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญาให้กับ การเผยแพร่วิปัสสนากรรมฐานมากว่า ๔๐ ปี โดยทำงานอย่างหนัก ทั้งกลางวัน กลางคืน >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญหลวงปู่เทพโลกอุดร วัดถ้ำสุมะโน จ.พัทลุง
    เหรียญหลวงปู่เทพโลกอุดร วัดถ้ำสุมะโน จ.พัทลุง // พระดีพิธีใหญ่ !! “วัดถ้ำสุมะโน” เป็นสำนักปฏิบัติธรรมของจังหวัดพัทลุง เป็นแหล่งวิปัสสนา ของผู้ที่แสวงหาธรรมะ //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ >> รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณอานุภาพครอบจักรวาล เด่นด้านเมตตามหาลาภ โภคทรัพย์ แคล้วคลาด ป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง เสนียดจัญไร เลื่อนยศเลื่อนตําแหน่ง มีความเจริญรุ่งเรือง มหาอุตย์ คงกระพัน และเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง >>

    ** วัดถ้ำสุมะโน ภูเขาที่เป็นถ้ำสองลูกนี้ เดิมเป็นสถานที่ว่างเป็นป่าปกคลุม มีดินกลบอยู่ จนไม่มีใครสงสัยว่าเป็นถ้ำ แต่เนื่องด้วยได้ถูกค้นพบโดย พระอาจารย์เดช สุมโน คณะญาติธรรมจึงได้ตั้งชื่อว่า " ถ้ำสุมะโน " โดยตั้งชื่อตามฉายาของผู้ค้นพบถ้ำเป็นคนแรก คณะชาวภูเก็ต ๒o คน โดยการนำของ คุณ ณรงค์ นพดารา พระอาจารย์เดช สุมโน ค้นพบถ้ำแห่งนี้ครั้งแรก ต่อมาคุณบัญชา นำศรีรัตน์ ถวายที่ดินรอบภูเขา ๘ ไร่ที่มีเอกสาร น.ส.๓ ก. ให้สร้างวัดมีนามว่า วัดถ้ำสุมะโน และมีผู้ศรัทธาซื้อที่ดินถวายเพิ่มเติมรอบภูเขาสองลูก ๗๘ ไร่ รวมทั้งภูเขาด้วยประมาณ ๕oo ไร่.


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงปู่เทพโลกอุดร วัดถ้ำสุมะโน จ.พัทลุง เหรียญหลวงปู่เทพโลกอุดร วัดถ้ำสุมะโน จ.พัทลุง // พระดีพิธีใหญ่ !! “วัดถ้ำสุมะโน” เป็นสำนักปฏิบัติธรรมของจังหวัดพัทลุง เป็นแหล่งวิปัสสนา ของผู้ที่แสวงหาธรรมะ //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ >> รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณอานุภาพครอบจักรวาล เด่นด้านเมตตามหาลาภ โภคทรัพย์ แคล้วคลาด ป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง เสนียดจัญไร เลื่อนยศเลื่อนตําแหน่ง มีความเจริญรุ่งเรือง มหาอุตย์ คงกระพัน และเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง >> ** วัดถ้ำสุมะโน ภูเขาที่เป็นถ้ำสองลูกนี้ เดิมเป็นสถานที่ว่างเป็นป่าปกคลุม มีดินกลบอยู่ จนไม่มีใครสงสัยว่าเป็นถ้ำ แต่เนื่องด้วยได้ถูกค้นพบโดย พระอาจารย์เดช สุมโน คณะญาติธรรมจึงได้ตั้งชื่อว่า " ถ้ำสุมะโน " โดยตั้งชื่อตามฉายาของผู้ค้นพบถ้ำเป็นคนแรก คณะชาวภูเก็ต ๒o คน โดยการนำของ คุณ ณรงค์ นพดารา พระอาจารย์เดช สุมโน ค้นพบถ้ำแห่งนี้ครั้งแรก ต่อมาคุณบัญชา นำศรีรัตน์ ถวายที่ดินรอบภูเขา ๘ ไร่ที่มีเอกสาร น.ส.๓ ก. ให้สร้างวัดมีนามว่า วัดถ้ำสุมะโน และมีผู้ศรัทธาซื้อที่ดินถวายเพิ่มเติมรอบภูเขาสองลูก ๗๘ ไร่ รวมทั้งภูเขาด้วยประมาณ ๕oo ไร่. ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 278 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญรุ่นแรกพระนางสุพรรณกัลยาณีเทวี เนื้อกะไหล่ทอง หลวงปู่โง่น โสรยา ผู้จัดสร้าง วัดพระพุทธบาทเขารวก // พระดีพิธีใหญ่ พระพี่นางเธอแห่งองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช //พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ....##รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ สามารถขอพรได้ทุกอย่าง ขอเรื่องอะไรก็ได้ เป็นเมตตตามหนิยม มหาเสน่ห์ เสริมสร้างความเป็นสิริมงคลในชีวิต เมตตามหานิยม โชคลาภ และเสี่ยงโชค เจริญรุ่งเรือง ไม่ฝืดเคืองขัดสน ค้าขาย ร่ำรวย เรียกทรัพย์หนุนดวง อุดมสมบูรณ์ ทำมาหากินคล่อง เจริญในหน้าที่การงาน >>

    ** "หลวงปู่โง่น" ครูบาอาจารย์ของ ครูบาบุญชุ่ม พระเถระผู้มีญาณหยั่งรู้ นับเป็นพระเถราจารย์ที่ได้รับการขนานนามว่า เป็นตนบุญ ในอดีต ครูบาบุญชุ่ม ได้ออกธุดงค์ เพื่อศึกษาปฏิบัติในด้านวิปัสสนากรรมฐาน กับครูบาอาจารย์หลายท่าน และหนึ่งในนั้น คือ หลวงปู่โง่น โสรโย แห่ง วัดพระพุทธบาทเขารวก ซึ่งเป็นพระอาจารย์องค์สุดท้าย ของครูบาบุญชุ่ม >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญรุ่นแรกพระนางสุพรรณกัลยาณีเทวี เนื้อกะไหล่ทอง หลวงปู่โง่น โสรยา ผู้จัดสร้าง วัดพระพุทธบาทเขารวก // พระดีพิธีใหญ่ พระพี่นางเธอแห่งองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช //พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ....##รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ สามารถขอพรได้ทุกอย่าง ขอเรื่องอะไรก็ได้ เป็นเมตตตามหนิยม มหาเสน่ห์ เสริมสร้างความเป็นสิริมงคลในชีวิต เมตตามหานิยม โชคลาภ และเสี่ยงโชค เจริญรุ่งเรือง ไม่ฝืดเคืองขัดสน ค้าขาย ร่ำรวย เรียกทรัพย์หนุนดวง อุดมสมบูรณ์ ทำมาหากินคล่อง เจริญในหน้าที่การงาน >> ** "หลวงปู่โง่น" ครูบาอาจารย์ของ ครูบาบุญชุ่ม พระเถระผู้มีญาณหยั่งรู้ นับเป็นพระเถราจารย์ที่ได้รับการขนานนามว่า เป็นตนบุญ ในอดีต ครูบาบุญชุ่ม ได้ออกธุดงค์ เพื่อศึกษาปฏิบัติในด้านวิปัสสนากรรมฐาน กับครูบาอาจารย์หลายท่าน และหนึ่งในนั้น คือ หลวงปู่โง่น โสรโย แห่ง วัดพระพุทธบาทเขารวก ซึ่งเป็นพระอาจารย์องค์สุดท้าย ของครูบาบุญชุ่ม >> ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 262 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญหลวงพ่อไสว วัดมงคลเทพาราม หาดใหญ่ ปี2521
    เหรียญหลวงพ่อไสว อายุครบ 80 ปี วัดมงคลเทพาราม หาดใหญ่ ปี2521 //พระดีพิธีใหญ่ มีพระเกจิชื่อดังร่วมปลุกเสกมากมาย // พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ พระหายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ แคล้วคลาดปลอดภัย ช่วยเสริมโชคลาภ การเงิน เมตตามหานิยม ขจัดอุปสรรคภยันตรายต่างๆ โดยเฉพาะผู้ทำธุรกิจหรือทำอาชีพค้าขายก็จะร่ำรวย ตลอดจนช่วยเสริมเรื่องเดินทางแคล้วคลาด ปลอดภัย >>

    ** วัดปากน้ำ หาดใหญ่ หรือชื่ออย่างเป็นทางการ วัดมงคลเทพาราม หนึ่งในวัดศักดิ์สิทธิ์ หาดใหญ่ มีจุดกำเนิด เมื่อ พ.ศ. 2496 เมืองหาดใหญ่ ได้จัดหาพื้นที่ที่สะดวกในการเดินทางสำหรับชาวเมืองหาดใหญ่เพื่อเรียนวิปัสสนากรรมฐาน พร้อมกับนิมนต์หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ธนบุรี (พระมงคลเทพมุณี) มา ชาวเมืองหาดใหญ่ต่างก็ให้ความร่วมมือร่วมใจสนับสนุน บ้างก็บริจาคไม้กระดาน บ้างก็บริจาคเสา บ้างก็ให้จากมามุงหลังคา จัดอาหารมาเลี้ยงผู้ที่มาช่วยกันก่อสร้าง ขณะกำลังก่อสร้างสำนักสงฆ์อยู่นั้น ก็ได้รับโทรเลขจากปลัดโชติ เดชะรัตน์ ว่าจะมีพระอาจารย์สามรูปเดินทางมาที่หาดใหญ่ ได้แก่ พระอาจารย์แอบ วรธัมโม เป็นหัวหน้า พระอาจารย์ผัน โสกิโก กับพระอาจารย์ปัญญา ญาณวโร (พระจีนไหหล่ำ) ถึงวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2497 โดยรถด่วน ด้วยแรงศรัทธาในพระพุทธศาสนา ทำให้ประชาชนไปต้อนรับพระทั้งสามรูปที่สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่เป็นจำนวนมาก แต่ในวันนั้นสำนักสงฆ์ยังสร้างไม่เสร็จ แต่กลับเกิดพลังสามัคคีของผู้คนที่มีจิตศรัทธา ต่างช่วยกันร่วมแรงร่วมใจสร้างให้เสร็จภายในวันนั้น มีผู้คนจำนวนมากต่างมารับการอบรมวิชาสมาธิภาวนา และวิปัสสนากรรมฐาน >>

    ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ พระหายากกครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131

    เหรียญหลวงพ่อไสว วัดมงคลเทพาราม หาดใหญ่ ปี2521 เหรียญหลวงพ่อไสว อายุครบ 80 ปี วัดมงคลเทพาราม หาดใหญ่ ปี2521 //พระดีพิธีใหญ่ มีพระเกจิชื่อดังร่วมปลุกเสกมากมาย // พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ พระหายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ แคล้วคลาดปลอดภัย ช่วยเสริมโชคลาภ การเงิน เมตตามหานิยม ขจัดอุปสรรคภยันตรายต่างๆ โดยเฉพาะผู้ทำธุรกิจหรือทำอาชีพค้าขายก็จะร่ำรวย ตลอดจนช่วยเสริมเรื่องเดินทางแคล้วคลาด ปลอดภัย >> ** วัดปากน้ำ หาดใหญ่ หรือชื่ออย่างเป็นทางการ วัดมงคลเทพาราม หนึ่งในวัดศักดิ์สิทธิ์ หาดใหญ่ มีจุดกำเนิด เมื่อ พ.ศ. 2496 เมืองหาดใหญ่ ได้จัดหาพื้นที่ที่สะดวกในการเดินทางสำหรับชาวเมืองหาดใหญ่เพื่อเรียนวิปัสสนากรรมฐาน พร้อมกับนิมนต์หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ธนบุรี (พระมงคลเทพมุณี) มา ชาวเมืองหาดใหญ่ต่างก็ให้ความร่วมมือร่วมใจสนับสนุน บ้างก็บริจาคไม้กระดาน บ้างก็บริจาคเสา บ้างก็ให้จากมามุงหลังคา จัดอาหารมาเลี้ยงผู้ที่มาช่วยกันก่อสร้าง ขณะกำลังก่อสร้างสำนักสงฆ์อยู่นั้น ก็ได้รับโทรเลขจากปลัดโชติ เดชะรัตน์ ว่าจะมีพระอาจารย์สามรูปเดินทางมาที่หาดใหญ่ ได้แก่ พระอาจารย์แอบ วรธัมโม เป็นหัวหน้า พระอาจารย์ผัน โสกิโก กับพระอาจารย์ปัญญา ญาณวโร (พระจีนไหหล่ำ) ถึงวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2497 โดยรถด่วน ด้วยแรงศรัทธาในพระพุทธศาสนา ทำให้ประชาชนไปต้อนรับพระทั้งสามรูปที่สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่เป็นจำนวนมาก แต่ในวันนั้นสำนักสงฆ์ยังสร้างไม่เสร็จ แต่กลับเกิดพลังสามัคคีของผู้คนที่มีจิตศรัทธา ต่างช่วยกันร่วมแรงร่วมใจสร้างให้เสร็จภายในวันนั้น มีผู้คนจำนวนมากต่างมารับการอบรมวิชาสมาธิภาวนา และวิปัสสนากรรมฐาน >> ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ พระหายากกครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 252 มุมมอง 0 รีวิว
  • #อดีตชาติหลวงพ่อฤาษี 13 ชาติ..

    #ที่เกิดตั้งแต่สมัยโยนกนคร #จนถึงรัตนโกสินทร์

    ลงมาเกิดเพื่อรวมไทยให้เป็นปึกแผ่น และเพื่อช่วยเหลือคนไทย และช่วยให้พระพุทธศาสนามีอายุครบ 5000 ปี

    #วาระที่ 1 เกิดเป็นพระเจ้ามังราย รัชกาลที่ 2 แห่งโยนกนคร เป็นลูกชายพระเจ้าอชุตราช ในชาตินั้นท่านเป็นผู้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่ดอยตุง โดยการนำมาของพระมหากัสสปะพร้อมด้วยพระอรหันต์ 500 องค์

    #วาระที่ 2 เกิดสมัยโยนก เป็นเณรน้อยอายุ 7 ปีทรงฌานสมาบัติ แต่ได้ถูกขอมดำกระทำย่ำยี เวลานั้นขอมดำมายึดเมืองโยนกนครได้แล้ว แล้วทำการกดขี่ข่มเหงรังแกคนไทย
    เณรจึงเข้าฌานสมาบัติ ตั้งจิตอธิษฐานว่า เกิดคราวหน้าขอให้ได้เกิดมาเป็นคนไทย และได้ช่วยคนไทยทุกแง่ทุกมุม
    มิไม่ใช่เฉพาะการรบ การเศรษฐกิจ การปกครอง แม้แต่การรบทุกอย่างให้ครบถ้วน ให้คนไทยพ้นจากความเป็นทาส "พอตั้งจิตอธิษฐานก็ไม่ถอนจากฌานสมาบัติ ก็นั่งทรงฌานอย่างนั้นจนตาย แล้วไปเกิดเป็นพรหม ชั้นที่ 11

    #การเกิดครั้งที่3 หลังจากตายจากเณรน้อย ไปเป็นพรหมชั้นที่11ได้เพียง1ปีเศษ ก็ลงมาเกิดเป็น "พระเจ้าพรหม มหาราช" เป็นโอรสของพระเจ้าพังคราช รัชกาลที่ 37 ในสมัยโยนกนคร มีพี่ชายชื่อทุกภิขะ( บริเวณพระธาตุจอมกิตติ ดอยตุง เป็นเขตเมืองโยนกนคร) เกิดพร้อมสหชาติที่เป็นพรหม เทวดา ลงมาเกิดพร้อมกัน 250 คน ทั้ง 250 คน เกิดเป็นผู้ชายทั้งหมด พรหมอีกองค์นึงเกิดเป็นช้างประกายแก้ว ช้างคู่บารมีพระเจ้าพรหม ลงมาเกิดเพื่อกู้ชาติให้พ้นความเป็นทาสจากขอมดำ และทำสำเร็จด้วย ทุกวันนี้วันอาสาฬหบูชาที่วัดท่าซุงก็มีการแห่ชัยชนะพระเจ้าพรหมทุกๆปี

    #การเกิดในวาระที่4 หลังจากที่ตายจากการเป็นพระเจ้าพรหมสมัยโยนก แล้วเข้าฌาณตาย กลับไปเป็นพรหม เวลาผ่านไปอีก 800 ปีลงมาเกิดเป็นพระร่วงโรจนฤทธิ์ ตอนเด็กมีนามว่าอรุณกุมาร เป็นผู้ที่มีฤทธิ์มาก มีวิชาอาคม มีวาจาสิทธิ์ สามารถเสกขอมให้เป็นหินได้ และขยายอาณาเขตของประเทศไทย (ตอนนั้นยังไม่เป็นเทศไทย )กว้างใหญ่ไพศาล ยึดมอญ พม่าขอมไว้ได้หมด อาณาจักรยาวเหยียด เวลานั้นคือก่อนเมืองสุโขทัย 700 ปีเศษ ก่อนหน้าพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ 700ประมาณปีเศษ

    #วาระที่5 เกิดเป็น"พ่อขุนศรีเมืองมาน"( เป็นพ่อของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ แห่งอณาจักรสุโขทัย) ตายจากพระร่วงโรจนฤทธิ์ก็เข้าฌานตาย กลับไปเป็นพรหมเช่นเดิม กลับมาเกิดวาระที่5 เป็นพ่อขุนศรีเมืองมาน มีสหชาติเกิดมาด้วยคือ พ่อขุนน้าวนําถมลงมาช่วยกู้ชาติไทยจากขอมดำ ขยายอาณาเขตประเทศไทยไปถึงสิงคโปร์ มีภรรยาชื่อพรรณวดีศรีโสภาศ เป็นเมียเอก และมีเมียราษฏร์อีก 29 คน พอเมียเอกตาย ก็บวชไม่สึกอีกเลย เข้าฌานตายแล้วไปเกิดเป็นพรหมตามเดิม

    #วาระที่6 "ขุนหลวงพระงั่ว" รัชกาลที่ 3 แห่งกรุงศรีอยุธยา ต่อมาคนไทยเกิดแบ่งเป็น 2 พวก จึงต้องลงมาเกิดเพื่อรวมไทยให้เป็น1เดียว ลงมาเกิดในราชวงศ์อู่ทอง เป็น"ขุนหลวงพระงั่ว" มาปลุกจิตสำนึกคนไทยให้รู้จักบาปบุญคุณโทษ จึงนิมนต์พระสงฆ์มาร่าง"ไตรภูมิพระร่วง
    ไตรภูมิพระร่วง พระร่วงไม่ได้ทำ
    ท่านเป็นเพียงแต่ศาสนูปถัมภ์
    ไตรภูมิพระร่วง เป็นการร่วมมือกันระหว่างสุโขทัยและกรุงศรี
    และยังได้ร่วมกันสร้างพระพุทธชินราชพระพุทธชินสีห์ และพระศรีศากยมุนีขึ้นมาเป็นมิ่งขวัญของเมืองไทย เป็นการแสดงสัญลักษณ์ว่าประเทศไทยจะทรงตัวได้ด้วยเหตุ 3 อย่างด้วยกัน
    คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
    พระพุทธชินราช หมายถึง พระมหากษัตริย์ พระพุทธชินสีห์ หมายถึง พระศาสนา พระศากยมุนี หมายถึง ชาติ
    การสร้างครั้งนี้ก็เป็นหน้าที่ของท้าวโกสีย์สักกะเทวราชให้พระวิษณุกรรมมาช่วย ขุนหลวงพระงั่วได้มารวมสุโขทัยกับอยุธยาเป็นประเทศเดียวกัน

    #เกิดวาระที่7 ต่อมาลงมาเกิดในสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงศรีฯ ครั้งนี้เป็นลูกชาวบ้าน แต่เป็นลูกมหาเศรษฐี มีแม่ชื่อปิ่นทอง พ่อชื่อกองแก้ว ท่านเองเป็นลูกชายชื่ออำไพ ลงมาช่วยคน ให้เงินให้ทอง ให้ที่ทำกิน ช่วยการเกษตร ช่วยทุกสิ่งทุกอย่าง ให้การศึกษา จนคนไทยเป็นปึกแผ่นแน่นหนาพอ ประชาชนมีความสุข และท่านก็ตายไปเกิดเป็นพรหมตามเดิม

    #วาระที่ 8 เกิดมาในตระกูลของแม่ทัพสมเด็จพระพันวสา คือสมเด็จพระอินทราธิราช มีนามว่า "ขุนไกร" (#ขุนแผน) เป็นอันว่าชาตินี้ขุนแผนต้องรวบรวมไทยอาศัยที่มีวิชาการมาก เป็นนักรบเก่ง
    ล่องหนหายตัวได้ สะเดาะกลอนได้
    ทำหุ่นพยนต์ได้ ทำอะไรได้แปลกๆ
    การยกทัพไปก็ไม่ต้องใช้กำลังคนมาก
    ก็สามารถจะสู้ข้าศึกได้

    #วาระที่ 9 เกิดมาเป็นลูกกษัตริย์ มีนามว่าพระบรมไตรโลกนาถ เมื่อพระบรมไตรโลกนาสวรรนคตก็ไปเป็นพรหมตามเดิมไม่ช้าไม่นานก็ต้องเสด็จลงมาเกิดอีก

    #วาระที่10 เกิดสมัยพระนารายณ์ ท่านลงมาเกิดเป็น"ขุนเหล็ก"
    หรือพระยาโกษาเหล็ก เกิดควบคู่กับสมเด็จพระนารายณ์มหาราช รุ่นราวคราวเดียวกัน เป็นเพื่อนเล่นกัน ขุนเหล็กมีน้องชายชื่อว่าขุนปาน หรือพระยาโกษาปาน ทั้งสองพระองค์ เป็นที่ไว้วางใจของสมเด็จพระนารายณ์มาก
    #บั้นปลายชีวิตลากิจราชการไปจำศีลเจริญภาวนาวิปัสสนาญาณ ให้ทาน ตายจากเจ้าพระยาโกษาเหล็ก ก็เข้าฌานกลับไปเป็นพรหมตามเดิม
    (#ท่านไม่ได้ตายตามประวัติศาสตร์เขียนไว้หรอกนะ)

    #วาระที่11 ลงมาเกิดมาเป็นขุนดาบคู่ใจของพระเจ้าตากสินมหาราช คือพระยาศรีสิทธิสงคราม อยู่ในกองทัพหลวงประจำองค์พระเจ้าตากสินมหาราชสมัยกรุงธนบุรี ก่อนกรุงศรีจะแตก เป็นกำนันจัน ชื่อว่า #จันหนวดเขี้ยว เป็นที่รักของประชาชน ต่อมาค่ายบางระจันแตก
    #นายจันหนวดเขี้ยวไม่ได้ตายไปตามประวัติศาสตร์ที่เขียน
    นายจันหนวดเขี้ยวจึงมารวมกำลังกับพระเจ้าตากสินกู้ชาติ ต่อมาพระเจ้าตากสินจึงเปลี่ยนชื่อให้จากกำนันจัน มาเป็นพระยาศรีสิทธิสงคราม ประจำกองทัพหลวง (ด้วง- นายจันหนวดเขี้ยว- พระยาศรีสิทธิสงคราม -เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก-และ #สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก

    #วาระที่12 มาเกิดเป็น รัชกาลที่ 5 แห่ง กรุงรัตนโกสินทร์

    #วาระที่13 ชาติสุดท้ายเกิดมาเป็น
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

    หนังสือเรื่องจริงอิงนิทานพิเศษ
    พระราชพรหมยานเถระ (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)​
    คัดลอกแบ่งปันเป็นธรรมทานโดย
    จิตหนึ่งประภัสสร สุดยอดคือพระนิพพาน
    ⚜️ #อดีตชาติหลวงพ่อฤาษี 13 ชาติ..⚜️ 🔱#ที่เกิดตั้งแต่สมัยโยนกนคร #จนถึงรัตนโกสินทร์🔱 ลงมาเกิดเพื่อรวมไทยให้เป็นปึกแผ่น และเพื่อช่วยเหลือคนไทย และช่วยให้พระพุทธศาสนามีอายุครบ 5000 ปี ✴️ #วาระที่ 1 เกิดเป็นพระเจ้ามังราย รัชกาลที่ 2 แห่งโยนกนคร เป็นลูกชายพระเจ้าอชุตราช ในชาตินั้นท่านเป็นผู้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่ดอยตุง โดยการนำมาของพระมหากัสสปะพร้อมด้วยพระอรหันต์ 500 องค์ ✴️ #วาระที่ 2 เกิดสมัยโยนก เป็นเณรน้อยอายุ 7 ปีทรงฌานสมาบัติ แต่ได้ถูกขอมดำกระทำย่ำยี เวลานั้นขอมดำมายึดเมืองโยนกนครได้แล้ว แล้วทำการกดขี่ข่มเหงรังแกคนไทย เณรจึงเข้าฌานสมาบัติ ตั้งจิตอธิษฐานว่า เกิดคราวหน้าขอให้ได้เกิดมาเป็นคนไทย และได้ช่วยคนไทยทุกแง่ทุกมุม มิไม่ใช่เฉพาะการรบ การเศรษฐกิจ การปกครอง แม้แต่การรบทุกอย่างให้ครบถ้วน ให้คนไทยพ้นจากความเป็นทาส "พอตั้งจิตอธิษฐานก็ไม่ถอนจากฌานสมาบัติ ก็นั่งทรงฌานอย่างนั้นจนตาย แล้วไปเกิดเป็นพรหม ชั้นที่ 11 ✴️ #การเกิดครั้งที่3 หลังจากตายจากเณรน้อย ไปเป็นพรหมชั้นที่11ได้เพียง1ปีเศษ ก็ลงมาเกิดเป็น "พระเจ้าพรหม มหาราช" เป็นโอรสของพระเจ้าพังคราช รัชกาลที่ 37 ในสมัยโยนกนคร มีพี่ชายชื่อทุกภิขะ( บริเวณพระธาตุจอมกิตติ ดอยตุง เป็นเขตเมืองโยนกนคร) เกิดพร้อมสหชาติที่เป็นพรหม เทวดา ลงมาเกิดพร้อมกัน 250 คน ทั้ง 250 คน เกิดเป็นผู้ชายทั้งหมด พรหมอีกองค์นึงเกิดเป็นช้างประกายแก้ว ช้างคู่บารมีพระเจ้าพรหม ลงมาเกิดเพื่อกู้ชาติให้พ้นความเป็นทาสจากขอมดำ และทำสำเร็จด้วย ทุกวันนี้วันอาสาฬหบูชาที่วัดท่าซุงก็มีการแห่ชัยชนะพระเจ้าพรหมทุกๆปี ✴️ #การเกิดในวาระที่4 หลังจากที่ตายจากการเป็นพระเจ้าพรหมสมัยโยนก แล้วเข้าฌาณตาย กลับไปเป็นพรหม เวลาผ่านไปอีก 800 ปีลงมาเกิดเป็นพระร่วงโรจนฤทธิ์ ตอนเด็กมีนามว่าอรุณกุมาร เป็นผู้ที่มีฤทธิ์มาก มีวิชาอาคม มีวาจาสิทธิ์ สามารถเสกขอมให้เป็นหินได้ และขยายอาณาเขตของประเทศไทย (ตอนนั้นยังไม่เป็นเทศไทย )กว้างใหญ่ไพศาล ยึดมอญ พม่าขอมไว้ได้หมด อาณาจักรยาวเหยียด เวลานั้นคือก่อนเมืองสุโขทัย 700 ปีเศษ ก่อนหน้าพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ 700ประมาณปีเศษ ✴️ #วาระที่5 เกิดเป็น"พ่อขุนศรีเมืองมาน"( เป็นพ่อของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ แห่งอณาจักรสุโขทัย) ตายจากพระร่วงโรจนฤทธิ์ก็เข้าฌานตาย กลับไปเป็นพรหมเช่นเดิม กลับมาเกิดวาระที่5 เป็นพ่อขุนศรีเมืองมาน มีสหชาติเกิดมาด้วยคือ พ่อขุนน้าวนําถมลงมาช่วยกู้ชาติไทยจากขอมดำ ขยายอาณาเขตประเทศไทยไปถึงสิงคโปร์ มีภรรยาชื่อพรรณวดีศรีโสภาศ เป็นเมียเอก และมีเมียราษฏร์อีก 29 คน พอเมียเอกตาย ก็บวชไม่สึกอีกเลย เข้าฌานตายแล้วไปเกิดเป็นพรหมตามเดิม ✴️ #วาระที่6 "ขุนหลวงพระงั่ว" รัชกาลที่ 3 แห่งกรุงศรีอยุธยา ต่อมาคนไทยเกิดแบ่งเป็น 2 พวก จึงต้องลงมาเกิดเพื่อรวมไทยให้เป็น1เดียว ลงมาเกิดในราชวงศ์อู่ทอง เป็น"ขุนหลวงพระงั่ว" มาปลุกจิตสำนึกคนไทยให้รู้จักบาปบุญคุณโทษ จึงนิมนต์พระสงฆ์มาร่าง"ไตรภูมิพระร่วง ไตรภูมิพระร่วง พระร่วงไม่ได้ทำ ท่านเป็นเพียงแต่ศาสนูปถัมภ์ ไตรภูมิพระร่วง เป็นการร่วมมือกันระหว่างสุโขทัยและกรุงศรี และยังได้ร่วมกันสร้างพระพุทธชินราชพระพุทธชินสีห์ และพระศรีศากยมุนีขึ้นมาเป็นมิ่งขวัญของเมืองไทย เป็นการแสดงสัญลักษณ์ว่าประเทศไทยจะทรงตัวได้ด้วยเหตุ 3 อย่างด้วยกัน คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พระพุทธชินราช หมายถึง พระมหากษัตริย์ พระพุทธชินสีห์ หมายถึง พระศาสนา พระศากยมุนี หมายถึง ชาติ การสร้างครั้งนี้ก็เป็นหน้าที่ของท้าวโกสีย์สักกะเทวราชให้พระวิษณุกรรมมาช่วย ขุนหลวงพระงั่วได้มารวมสุโขทัยกับอยุธยาเป็นประเทศเดียวกัน ✴️ #เกิดวาระที่7 ต่อมาลงมาเกิดในสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงศรีฯ ครั้งนี้เป็นลูกชาวบ้าน แต่เป็นลูกมหาเศรษฐี มีแม่ชื่อปิ่นทอง พ่อชื่อกองแก้ว ท่านเองเป็นลูกชายชื่ออำไพ ลงมาช่วยคน ให้เงินให้ทอง ให้ที่ทำกิน ช่วยการเกษตร ช่วยทุกสิ่งทุกอย่าง ให้การศึกษา จนคนไทยเป็นปึกแผ่นแน่นหนาพอ ประชาชนมีความสุข และท่านก็ตายไปเกิดเป็นพรหมตามเดิม ✴️ #วาระที่ 8 เกิดมาในตระกูลของแม่ทัพสมเด็จพระพันวสา คือสมเด็จพระอินทราธิราช มีนามว่า "ขุนไกร" (#ขุนแผน) เป็นอันว่าชาตินี้ขุนแผนต้องรวบรวมไทยอาศัยที่มีวิชาการมาก เป็นนักรบเก่ง ล่องหนหายตัวได้ สะเดาะกลอนได้ ทำหุ่นพยนต์ได้ ทำอะไรได้แปลกๆ การยกทัพไปก็ไม่ต้องใช้กำลังคนมาก ก็สามารถจะสู้ข้าศึกได้ ✴️ #วาระที่ 9 เกิดมาเป็นลูกกษัตริย์ มีนามว่าพระบรมไตรโลกนาถ เมื่อพระบรมไตรโลกนาสวรรนคตก็ไปเป็นพรหมตามเดิมไม่ช้าไม่นานก็ต้องเสด็จลงมาเกิดอีก ✴️ #วาระที่10 เกิดสมัยพระนารายณ์ ท่านลงมาเกิดเป็น"ขุนเหล็ก" หรือพระยาโกษาเหล็ก เกิดควบคู่กับสมเด็จพระนารายณ์มหาราช รุ่นราวคราวเดียวกัน เป็นเพื่อนเล่นกัน ขุนเหล็กมีน้องชายชื่อว่าขุนปาน หรือพระยาโกษาปาน ทั้งสองพระองค์ เป็นที่ไว้วางใจของสมเด็จพระนารายณ์มาก #บั้นปลายชีวิตลากิจราชการไปจำศีลเจริญภาวนาวิปัสสนาญาณ ให้ทาน ตายจากเจ้าพระยาโกษาเหล็ก ก็เข้าฌานกลับไปเป็นพรหมตามเดิม (#ท่านไม่ได้ตายตามประวัติศาสตร์เขียนไว้หรอกนะ) ✴️ #วาระที่11 ลงมาเกิดมาเป็นขุนดาบคู่ใจของพระเจ้าตากสินมหาราช คือพระยาศรีสิทธิสงคราม อยู่ในกองทัพหลวงประจำองค์พระเจ้าตากสินมหาราชสมัยกรุงธนบุรี ก่อนกรุงศรีจะแตก เป็นกำนันจัน ชื่อว่า #จันหนวดเขี้ยว เป็นที่รักของประชาชน ต่อมาค่ายบางระจันแตก ✴️ #นายจันหนวดเขี้ยวไม่ได้ตายไปตามประวัติศาสตร์ที่เขียน นายจันหนวดเขี้ยวจึงมารวมกำลังกับพระเจ้าตากสินกู้ชาติ ต่อมาพระเจ้าตากสินจึงเปลี่ยนชื่อให้จากกำนันจัน มาเป็นพระยาศรีสิทธิสงคราม ประจำกองทัพหลวง (ด้วง- นายจันหนวดเขี้ยว- พระยาศรีสิทธิสงคราม -เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก-และ #สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ✴️ #วาระที่12 มาเกิดเป็น รัชกาลที่ 5 แห่ง กรุงรัตนโกสินทร์ ✴️ #วาระที่13 ชาติสุดท้ายเกิดมาเป็น หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง 🖋️📚หนังสือเรื่องจริงอิงนิทานพิเศษ ⚜️พระราชพรหมยานเถระ (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)​⚜️ 🖋️📚คัดลอกแบ่งปันเป็นธรรมทานโดย 🧘จิตหนึ่งประภัสสร สุดยอดคือพระนิพพาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 609 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ รุ่น1 วัดเกาะลังตา จ.กระบี่ ปี2557
    เหรียญกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ รุ่น1 (ตอกโค็ด ส.) วัดเกาะลังตา จ.กระบี่ ปี2557 // พระดีพิธีใหญ่ ผ้าป่าสมทบทุนสร้างอาคารเรียน โรงเรียนวัดเกาะลังตา // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณด้าน แคล้วคาด เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย โภคทรัพย์ เรียกทรัพย์และคุ้มครองป้องกันภัย ดีนัก เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย อุดมสมบูรณ์ ทำมาหากินคล่อง เจริญในหน้าที่การงาน คุ้มครองป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง >>

    ** วัดเกาะลันตาเป็นวัดเก่าแก่ แห่งแรกเพียงแห่งเดียวของเกาะลันตาที่มีวิสุคามสีมา และลานสำหรับนั่งวิปัสสนาปฏิบัติกรรมฐาน วัดนี้เริ่มต้นจากการจัดตั้งสำนักสงฆ์ในปี พ.ศ. 2475 (สมัยรัชกาลที่ 7) โดยมีพระกลัน พินธุกำนันเต็งฮั้ว ตุลารักษ์ ผู้ใหญ่เชวง ตุลารักษ์ นายวิลาส โปตะการักษ์ ศึกษาธิการอำเภอ และประชาชนชาวไทยพุทธและชาวจีนในย่านชุมชนเก่าศรีรายา ร่วมกันสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของชาวพุทธ >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ รุ่น1 วัดเกาะลังตา จ.กระบี่ ปี2557 เหรียญกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ รุ่น1 (ตอกโค็ด ส.) วัดเกาะลังตา จ.กระบี่ ปี2557 // พระดีพิธีใหญ่ ผ้าป่าสมทบทุนสร้างอาคารเรียน โรงเรียนวัดเกาะลังตา // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณด้าน แคล้วคาด เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย โภคทรัพย์ เรียกทรัพย์และคุ้มครองป้องกันภัย ดีนัก เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย อุดมสมบูรณ์ ทำมาหากินคล่อง เจริญในหน้าที่การงาน คุ้มครองป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง >> ** วัดเกาะลันตาเป็นวัดเก่าแก่ แห่งแรกเพียงแห่งเดียวของเกาะลันตาที่มีวิสุคามสีมา และลานสำหรับนั่งวิปัสสนาปฏิบัติกรรมฐาน วัดนี้เริ่มต้นจากการจัดตั้งสำนักสงฆ์ในปี พ.ศ. 2475 (สมัยรัชกาลที่ 7) โดยมีพระกลัน พินธุกำนันเต็งฮั้ว ตุลารักษ์ ผู้ใหญ่เชวง ตุลารักษ์ นายวิลาส โปตะการักษ์ ศึกษาธิการอำเภอ และประชาชนชาวไทยพุทธและชาวจีนในย่านชุมชนเก่าศรีรายา ร่วมกันสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของชาวพุทธ >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 327 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญหลวงปู่ทวดหลังหลวงพ่อไกร วัดลำพะยา จ.ยะลา
    เหรียญหลวงปู่ทวดหลังหลวงพ่อไกร เนื้อทองแดงรมดำ วัดลำพะยา จ.ยะลา //พระดีพิธีขลัง !! เหรียญมีประสบการณ์มากมาย //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณครอบจักวาล เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ประสบการณ์มากมาย ทั้งระเบิดด้าน รถคว่ำ ตกตึก รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >>

    ** วัดลำพะยาเป็นที่บรรจุอัฐิของ "หลวงพ่อไกร" หรือ "สมภารท่านเจ้าไกร"หรือ "หลวงพ่อทวดไกร" ประวัติท่านเป็นพระภิกษุที่มีชีวิตอยู่ในสมัยอยุธยาท่านได้ศึกษาสมถวิปัสสนากรรมฐานพระอาจารย์องค์เดียวกันกับ "หลวงพ่อทวด" วัดช้างให้ “หลวงพ่อไกร” เป็นพระภิกษุรูปหนึ่งในพระพุทธศาสนาราวพ.ศ. ๒๐๕๕ในสมัยกรุงศรีอยุธยาภูมิลำเนาเดิมของท่านเป็นชาวจังหวัดสงขลาหลังจากท่านอุปสมบทแล้วได้เข้าศึกษาวิชาทางพุทธศาสนาเคร่งครัดในทางธุดงค์มากก่อน ก่อนที่หลวงพ่อจะเข้ามาอยู่ในวัดนี้ท่านได้ออกธุดงค์ไปในที่ต่างๆจนประชาชนในสมัยนั้นรู้จักท่านเป็นอันมากเมื่อท่านเดินทางมาถึงตำบลนี้เห็นว่าสถานที่เป็นทำเลที่เหมาะสมควรแก่การวิปัสสนาและธุดงค์จึงเข้ายึดเอาสถานที่นี้ทำเป็นวัดของท่านภูมิประเทศวัดที่หลวงพ่อเข้าไปอยู่นี้มีชื่อว่า“วัดใน” ตั้งอยู่ที่หน้าถ้ำใหญ่หมู่ที่2 ตำบลลำพะยา อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงปู่ทวดหลังหลวงพ่อไกร วัดลำพะยา จ.ยะลา เหรียญหลวงปู่ทวดหลังหลวงพ่อไกร เนื้อทองแดงรมดำ วัดลำพะยา จ.ยะลา //พระดีพิธีขลัง !! เหรียญมีประสบการณ์มากมาย //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณครอบจักวาล เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ประสบการณ์มากมาย ทั้งระเบิดด้าน รถคว่ำ ตกตึก รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >> ** วัดลำพะยาเป็นที่บรรจุอัฐิของ "หลวงพ่อไกร" หรือ "สมภารท่านเจ้าไกร"หรือ "หลวงพ่อทวดไกร" ประวัติท่านเป็นพระภิกษุที่มีชีวิตอยู่ในสมัยอยุธยาท่านได้ศึกษาสมถวิปัสสนากรรมฐานพระอาจารย์องค์เดียวกันกับ "หลวงพ่อทวด" วัดช้างให้ “หลวงพ่อไกร” เป็นพระภิกษุรูปหนึ่งในพระพุทธศาสนาราวพ.ศ. ๒๐๕๕ในสมัยกรุงศรีอยุธยาภูมิลำเนาเดิมของท่านเป็นชาวจังหวัดสงขลาหลังจากท่านอุปสมบทแล้วได้เข้าศึกษาวิชาทางพุทธศาสนาเคร่งครัดในทางธุดงค์มากก่อน ก่อนที่หลวงพ่อจะเข้ามาอยู่ในวัดนี้ท่านได้ออกธุดงค์ไปในที่ต่างๆจนประชาชนในสมัยนั้นรู้จักท่านเป็นอันมากเมื่อท่านเดินทางมาถึงตำบลนี้เห็นว่าสถานที่เป็นทำเลที่เหมาะสมควรแก่การวิปัสสนาและธุดงค์จึงเข้ายึดเอาสถานที่นี้ทำเป็นวัดของท่านภูมิประเทศวัดที่หลวงพ่อเข้าไปอยู่นี้มีชื่อว่า“วัดใน” ตั้งอยู่ที่หน้าถ้ำใหญ่หมู่ที่2 ตำบลลำพะยา อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 371 มุมมอง 0 รีวิว
  • แผ่นปั๊มหลวงพ่อสงฆ์ วัดศาลาลอย จ.ชุมพร
    แผ่นปั๊มหลวงพ่อสงฆ์ วัดศาลาลอย จ.ชุมพร // พระเกจิสายสมถวิปัสสนาที่ชาวจังหวัดชุมพรและชาวกรุงเทพฯ ให้ความเคารพอย่างยิ่ง // พระสถาพสวยมาก ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณโดดเด่นด้านแคล้วคลาด ปลอดภัย คงกระพัน เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม >>

    ** หลวงปู่สงฆ์ได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์เมื่ออายุได้ ๑๘ ปี คือ การเข้าพิธีบรรพชาเป็นสามเณรที่ วัดสวี จนกระทั่งเมื่อถึงปี พ.ศ.๒๔๕๒ หลวงปู่สงฆ์ในขณะนั้นมีอายุได้ ๒๐ ปี จึงได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ได้รับฉายาในทางธรรมว่า “จันทสโร” หลวงปู่สงฆ์ท่านมีอุปนิสัยมักน้อย สมถะ เรียบง่าย สันโดษ ส่วนการปฏิบัติของท่านโดยทั่วไปนั้น เรียกได้ว่าเคร่งครัดมาก ท่านจะฉันมื้อเดียว โดยจะนำอาหารที่ญาติโยมนำมาถวาย ทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน นำมาใส่รวมกันในบาตรแล้วฉัน >>


    ** พระสถาพสวยมาก ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    แผ่นปั๊มหลวงพ่อสงฆ์ วัดศาลาลอย จ.ชุมพร แผ่นปั๊มหลวงพ่อสงฆ์ วัดศาลาลอย จ.ชุมพร // พระเกจิสายสมถวิปัสสนาที่ชาวจังหวัดชุมพรและชาวกรุงเทพฯ ให้ความเคารพอย่างยิ่ง // พระสถาพสวยมาก ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณโดดเด่นด้านแคล้วคลาด ปลอดภัย คงกระพัน เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม >> ** หลวงปู่สงฆ์ได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์เมื่ออายุได้ ๑๘ ปี คือ การเข้าพิธีบรรพชาเป็นสามเณรที่ วัดสวี จนกระทั่งเมื่อถึงปี พ.ศ.๒๔๕๒ หลวงปู่สงฆ์ในขณะนั้นมีอายุได้ ๒๐ ปี จึงได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ได้รับฉายาในทางธรรมว่า “จันทสโร” หลวงปู่สงฆ์ท่านมีอุปนิสัยมักน้อย สมถะ เรียบง่าย สันโดษ ส่วนการปฏิบัติของท่านโดยทั่วไปนั้น เรียกได้ว่าเคร่งครัดมาก ท่านจะฉันมื้อเดียว โดยจะนำอาหารที่ญาติโยมนำมาถวาย ทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน นำมาใส่รวมกันในบาตรแล้วฉัน >> ** พระสถาพสวยมาก ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าอาการที่ตัณหาไม่นำไปสู่ภพใหม่
    สัทธรรมลำดับที่ : 660
    ชื่อบทธรรม : -อาการที่ตัณหาไม่นำไปสู่ภพใหม่(ให้เกิดผลพิเศษอีกนานาประการ)
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=660
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --อาการที่ตัณหาไม่นำไปสู่ภพใหม่(ให้เกิดผลพิเศษอีกนานาประการ)
    --ภิกษุ ท. !
    +--ส่วนบุคคล
    เมื่อรู้เมื่อเห็น ซึ่ง ๑.จักษุ ตามที่เป็นจริง.
    เมื่อรู้เมื่อเห็นซึ่ง รูปทั้งหลาย ตามที่เป็นจริง,
    เมื่อรู้เมื่อเห็นซึ่ง จักขุวิญญาณ ตามที่เป็นจริง,
    เมื่อรู้เมื่อเห็น ซึ่ง จักขุสัมผัส ตามที่เป็นจริง,
    เมื่อรู้เมื่อเห็นซึ่งเวทนาอันเกิดขึ้นเพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัย
    อันเป็นสุขก็ตาม เป็นทุกข์ก็ตาม ไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุขก็ตาม ตามที่เป็นจริงแล้ว ;
    เขาย่อมไม่กำหนัดในจักษุ, ไม่กำหนัดในรูปทั้งหลาย,
    ไม่กำหนัดในจักขุวิญญาณ, ไม่กำหนัดในจักขุสัมผัส, และ
    ไม่กำหนัดในเวทนาอันเกิดขึ้นเพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัย
    อันเป็นสุขก็ตาม เป็นทุกข์ก็ตาม ไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุขก็ตาม.
    เมื่อบุคคลนั้นไม่กำหนัดแล้ว ไม่ติดพันแล้ว ไม่ลุ่มหลงแล้ว
    ตามเห็นอาทีนวะ (โทษของสิ่งเหล่านั้น) อยู่เนือง ๆ ,
    ปัญจุปาทานขันธ์ทั้งหลาย ย่อมถึงซึ่งความไม่ก่อเกิดต่อไป ;
    และตัณหา อันเป็นเครื่องนำไปสู่ภพใหม่
    อันประกอบอยู่ด้วยความกำหนัดด้วยอำนาจความเพลิน
    เป็นเครื่องทำให้เพลินอย่างยิ่งในอารมณ์นั้น ๆ นั้นอันเขาย่อมละเสียได้ ;
    +--ความกระวนกระวาย (ทรถ) แม้ ทางกาย อันเขาย่อมละเสียได้,
    ความกระวนกระวายแม้ทางจิต อันเขาย่อมละเสียได้ ;
    +--ความแผดเผา (สนฺตาป) แม้ทางกาย อันเขาย่อมละเสียได้,
    ความแผดเผา แม้ทางจิต อันเขาย่อมละเสียได้ ;
    +-ความเร่าร้อน (ปริฬาห) แม้ทางกาย อันเขาย่อมละเสียได้,
    ความเร่าร้อน แม้ทางจิต อันเขาย่อมละเสียได้.

    +--บุคคลนั้นย่อม เสวยซึ่งความสุข อันเป็นไป ทางกายด้วย.
    ซึ่งความสุขอันเป็นไป ทางจิต ด้วย.
    +--เมื่อบุคคลเป็นเช่นนั้นแล้ว
    ทิฏฐิ ของเขา ย่อมเป็นสัมมาทิฏฐิ ;
    ความดำริของเขา ย่อมเป็นสัมมาสังกัปปะ;
    ความพยายาม ของเขา ย่อมเป็นสัมมาวายามะ;
    สติ ของเขา ย่อมเป็นสัมมาสติ ;
    สมาธิ ของเขา ย่อมเป็นสัมมาสมาธิ ;
    ส่วน กายกรรม วจีกรรม และ อาชีวะ
    ของเขา เป็นธรรมบริสุทธิ์อยู่ก่อนแล้วนั่นเทียว.
    ด้วยอาการอย่างนี้ เป็นอันว่า อริยอัฏฐังคิกมรรค นี้
    ของเขานั้น ย่อมถึงซึ่งความเต็มรอบแห่งความเจริญ.
    +--เมื่อเขาทำอริยอัฏฐังคิกมรรค ให้เจริญอยู่ด้วยอาการอย่างนี้,
    สติปัฏฐาน แม้ทั้ง ๔ ย่อมถึงซึ่งความเต็มรอบแห่งความเจริญ;
    สัมมัปปธาน แม้ทั้ง ๔ ย่อมถึงซึ่งความเต็มรอบแห่งความเจริญ ;
    อิทธิบาท แม้ทั้ง ๔ ย่อมถึงซึ่งความเต็มรอบแห่งความเจริญ ;
    อินทรีย์ แม้ทั้ง ๕ ย่อมถึงซึ่งความเต็มรอบแห่งความเจริญ ;
    พละ แม้ทั้ง ๕ ย่อมถึงซึ่งความเต็มรอบแห่งความเจริญ ;
    โพชฌงค์ แม้ทั้ง ๗ ย่อมถึงซึ่งความเต็มรอบแห่งความเจริญ.

    +--ธรรมทั้งสองคือ #สมถะและวิปัสสนา ของเขานั้น ย่อมเป็นธรรมเคียงคู่กันไป.
    http://etipitaka.com/read/pali/14/524/?keywords=สมโถ+วิปสฺสนา
    +--บุคคลนั้น ย่อม
    กำหนดรู้ ด้วยปัญญาอันยิ่ง ซึ่งธรรมทั้งหลายอันบุคคลพึงกำหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง ;
    ย่อมละ ด้วยปัญญาอันยิ่ง ซึ่งธรรมทั้งหลายอันบุคคลพึงละด้วยปัญญาอันยิ่ง ;
    ย่อมทำให้เจริญ ด้วยปัญญาอันยิ่ง ซึ่งธรรมทั้งหลายอันบุคคลพึงทำให้เจริญด้วยปัญญาอันยิ่ง;
    ย่อม ทำให้แจ้ง ด้วยปัญญาอันยิ่ง ซึ่งธรรมทั้งหลายอันบุคคลพึงทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่ง.
    --ภิกษุ ท. ! ก็ ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็นธรรมอันบุคคลพึงกำหนดรู ้ด้วยปัญญาอันยิ่ง ?
    คำตอบ พึงมีว่า ปัญจุปาทานขันธ์ ทั้งหลาย กล่าวคือ
    อุปาทานขันธ์คือรูป
    อุปาทานขันธ์คือเวทนา
    อุปาทานขันธ์คือสัญญา
    อุปาทานขันธ์คือสังขาร
    อุปาทานขันธ์คือวิญญาณ :
    ธรรมทั้งหลายเหล่านี้แล #ชื่อว่าเป็นธรรมอันบุคคลพึงกำหนดรู้ ด้วยปัญญาอันยิ่ง.

    --ภิกษุ ท. ! ก็ ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็นธรรมอันบุคคลพึงละด้วย ปัญญาอันยิ่ง ?
    คำตอบ พึงมีว่า อวิชชา ด้วย ภวตัณหา ด้วย :
    ธรรมทั้งหลายเหล่านี้แล #ชื่อว่าเป็นธรรมอันบุคคลพึงละ ด้วยปัญญาอันยิ่ง.

    --ภิกษุ ท. ! ก็ ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็นธรรมอันบุคคลพึงทำให้เจริญ ด้วยปัญญาอันยิ่ง ?
    คำตอบ พึงมีว่า สมถะ ด้วย วิปัสสนา ด้วย :
    ธรรมทั้งหลายเหล่านี้แล #ชื่อว่าเป็นธรรมอันบุคคลพึงทำให้เจริญ ด้วยปัญญาอันยิ่ง.

    --ภิกษุ ท. ! ก็ ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็นธรรมอันบุคคลพึงทำให้แจ้ง ด้วยปัญญาอันยิ่ง ?
    คำตอบ พึงมีว่า วิชชา ด้วย วิมุตติ ด้วย :
    ธรรมทั้งหลายเหล่านี้แล #ชื่อว่าเป็นธรรมอันบุคคลพึงทำให้แจ้ง ด้วยปัญญาอันยิ่ง.

    (ในกรณีที่เกี่ยวกับ
    ๒.โสต ๓.ฆาน ๔.ชิวหา ๕.กาย ๖.มโน และ สหคตธรรมแห่งอายตนะมีโสต เป็นต้น
    ก็มีเนื้อความเหมือนกับที่กล่าวแล้วในกรณีแห่ง ๑.จักษุและสหคตธรรมของจักษุ
    ดังที่กล่าวข้างต้นนี้ทุกประการ พึงขยายความเอาเองให้เต็มตามนั้น
    ).-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. 14/395-398/828-831.
    http://etipitaka.com/read/thai/14/395/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%92%E0%B9%98
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. ๑๔/๕๒๓-๕๒๖/๘๒๘-๘๓๑.
    http://etipitaka.com/read/pali/14/523/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%92%E0%B9%98
    ถึง
    http://etipitaka.com/read/pali/14/526/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%93%E0%B9%91
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=660
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=46&id=660
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=46
    ลำดับสาธยายธรรม : 46 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_46.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าอาการที่ตัณหาไม่นำไปสู่ภพใหม่ สัทธรรมลำดับที่ : 660 ชื่อบทธรรม : -อาการที่ตัณหาไม่นำไปสู่ภพใหม่(ให้เกิดผลพิเศษอีกนานาประการ) https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=660 เนื้อความทั้งหมด :- --อาการที่ตัณหาไม่นำไปสู่ภพใหม่(ให้เกิดผลพิเศษอีกนานาประการ) --ภิกษุ ท. ! +--ส่วนบุคคล เมื่อรู้เมื่อเห็น ซึ่ง ๑.จักษุ ตามที่เป็นจริง. เมื่อรู้เมื่อเห็นซึ่ง รูปทั้งหลาย ตามที่เป็นจริง, เมื่อรู้เมื่อเห็นซึ่ง จักขุวิญญาณ ตามที่เป็นจริง, เมื่อรู้เมื่อเห็น ซึ่ง จักขุสัมผัส ตามที่เป็นจริง, เมื่อรู้เมื่อเห็นซึ่งเวทนาอันเกิดขึ้นเพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัย อันเป็นสุขก็ตาม เป็นทุกข์ก็ตาม ไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุขก็ตาม ตามที่เป็นจริงแล้ว ; เขาย่อมไม่กำหนัดในจักษุ, ไม่กำหนัดในรูปทั้งหลาย, ไม่กำหนัดในจักขุวิญญาณ, ไม่กำหนัดในจักขุสัมผัส, และ ไม่กำหนัดในเวทนาอันเกิดขึ้นเพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัย อันเป็นสุขก็ตาม เป็นทุกข์ก็ตาม ไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุขก็ตาม. เมื่อบุคคลนั้นไม่กำหนัดแล้ว ไม่ติดพันแล้ว ไม่ลุ่มหลงแล้ว ตามเห็นอาทีนวะ (โทษของสิ่งเหล่านั้น) อยู่เนือง ๆ , ปัญจุปาทานขันธ์ทั้งหลาย ย่อมถึงซึ่งความไม่ก่อเกิดต่อไป ; และตัณหา อันเป็นเครื่องนำไปสู่ภพใหม่ อันประกอบอยู่ด้วยความกำหนัดด้วยอำนาจความเพลิน เป็นเครื่องทำให้เพลินอย่างยิ่งในอารมณ์นั้น ๆ นั้นอันเขาย่อมละเสียได้ ; +--ความกระวนกระวาย (ทรถ) แม้ ทางกาย อันเขาย่อมละเสียได้, ความกระวนกระวายแม้ทางจิต อันเขาย่อมละเสียได้ ; +--ความแผดเผา (สนฺตาป) แม้ทางกาย อันเขาย่อมละเสียได้, ความแผดเผา แม้ทางจิต อันเขาย่อมละเสียได้ ; +-ความเร่าร้อน (ปริฬาห) แม้ทางกาย อันเขาย่อมละเสียได้, ความเร่าร้อน แม้ทางจิต อันเขาย่อมละเสียได้. +--บุคคลนั้นย่อม เสวยซึ่งความสุข อันเป็นไป ทางกายด้วย. ซึ่งความสุขอันเป็นไป ทางจิต ด้วย. +--เมื่อบุคคลเป็นเช่นนั้นแล้ว ทิฏฐิ ของเขา ย่อมเป็นสัมมาทิฏฐิ ; ความดำริของเขา ย่อมเป็นสัมมาสังกัปปะ; ความพยายาม ของเขา ย่อมเป็นสัมมาวายามะ; สติ ของเขา ย่อมเป็นสัมมาสติ ; สมาธิ ของเขา ย่อมเป็นสัมมาสมาธิ ; ส่วน กายกรรม วจีกรรม และ อาชีวะ ของเขา เป็นธรรมบริสุทธิ์อยู่ก่อนแล้วนั่นเทียว. ด้วยอาการอย่างนี้ เป็นอันว่า อริยอัฏฐังคิกมรรค นี้ ของเขานั้น ย่อมถึงซึ่งความเต็มรอบแห่งความเจริญ. +--เมื่อเขาทำอริยอัฏฐังคิกมรรค ให้เจริญอยู่ด้วยอาการอย่างนี้, สติปัฏฐาน แม้ทั้ง ๔ ย่อมถึงซึ่งความเต็มรอบแห่งความเจริญ; สัมมัปปธาน แม้ทั้ง ๔ ย่อมถึงซึ่งความเต็มรอบแห่งความเจริญ ; อิทธิบาท แม้ทั้ง ๔ ย่อมถึงซึ่งความเต็มรอบแห่งความเจริญ ; อินทรีย์ แม้ทั้ง ๕ ย่อมถึงซึ่งความเต็มรอบแห่งความเจริญ ; พละ แม้ทั้ง ๕ ย่อมถึงซึ่งความเต็มรอบแห่งความเจริญ ; โพชฌงค์ แม้ทั้ง ๗ ย่อมถึงซึ่งความเต็มรอบแห่งความเจริญ. +--ธรรมทั้งสองคือ #สมถะและวิปัสสนา ของเขานั้น ย่อมเป็นธรรมเคียงคู่กันไป. http://etipitaka.com/read/pali/14/524/?keywords=สมโถ+วิปสฺสนา +--บุคคลนั้น ย่อม กำหนดรู้ ด้วยปัญญาอันยิ่ง ซึ่งธรรมทั้งหลายอันบุคคลพึงกำหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง ; ย่อมละ ด้วยปัญญาอันยิ่ง ซึ่งธรรมทั้งหลายอันบุคคลพึงละด้วยปัญญาอันยิ่ง ; ย่อมทำให้เจริญ ด้วยปัญญาอันยิ่ง ซึ่งธรรมทั้งหลายอันบุคคลพึงทำให้เจริญด้วยปัญญาอันยิ่ง; ย่อม ทำให้แจ้ง ด้วยปัญญาอันยิ่ง ซึ่งธรรมทั้งหลายอันบุคคลพึงทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่ง. --ภิกษุ ท. ! ก็ ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็นธรรมอันบุคคลพึงกำหนดรู ้ด้วยปัญญาอันยิ่ง ? คำตอบ พึงมีว่า ปัญจุปาทานขันธ์ ทั้งหลาย กล่าวคือ อุปาทานขันธ์คือรูป อุปาทานขันธ์คือเวทนา อุปาทานขันธ์คือสัญญา อุปาทานขันธ์คือสังขาร อุปาทานขันธ์คือวิญญาณ : ธรรมทั้งหลายเหล่านี้แล #ชื่อว่าเป็นธรรมอันบุคคลพึงกำหนดรู้ ด้วยปัญญาอันยิ่ง. --ภิกษุ ท. ! ก็ ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็นธรรมอันบุคคลพึงละด้วย ปัญญาอันยิ่ง ? คำตอบ พึงมีว่า อวิชชา ด้วย ภวตัณหา ด้วย : ธรรมทั้งหลายเหล่านี้แล #ชื่อว่าเป็นธรรมอันบุคคลพึงละ ด้วยปัญญาอันยิ่ง. --ภิกษุ ท. ! ก็ ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็นธรรมอันบุคคลพึงทำให้เจริญ ด้วยปัญญาอันยิ่ง ? คำตอบ พึงมีว่า สมถะ ด้วย วิปัสสนา ด้วย : ธรรมทั้งหลายเหล่านี้แล #ชื่อว่าเป็นธรรมอันบุคคลพึงทำให้เจริญ ด้วยปัญญาอันยิ่ง. --ภิกษุ ท. ! ก็ ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็นธรรมอันบุคคลพึงทำให้แจ้ง ด้วยปัญญาอันยิ่ง ? คำตอบ พึงมีว่า วิชชา ด้วย วิมุตติ ด้วย : ธรรมทั้งหลายเหล่านี้แล #ชื่อว่าเป็นธรรมอันบุคคลพึงทำให้แจ้ง ด้วยปัญญาอันยิ่ง. (ในกรณีที่เกี่ยวกับ ๒.โสต ๓.ฆาน ๔.ชิวหา ๕.กาย ๖.มโน และ สหคตธรรมแห่งอายตนะมีโสต เป็นต้น ก็มีเนื้อความเหมือนกับที่กล่าวแล้วในกรณีแห่ง ๑.จักษุและสหคตธรรมของจักษุ ดังที่กล่าวข้างต้นนี้ทุกประการ พึงขยายความเอาเองให้เต็มตามนั้น ).- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. 14/395-398/828-831. http://etipitaka.com/read/thai/14/395/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%92%E0%B9%98 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. ๑๔/๕๒๓-๕๒๖/๘๒๘-๘๓๑. http://etipitaka.com/read/pali/14/523/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%92%E0%B9%98 ถึง http://etipitaka.com/read/pali/14/526/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%93%E0%B9%91 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=660 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=46&id=660 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=46 ลำดับสาธยายธรรม : 46 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_46.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - อาการที่ตัณหาไม่นำไปสู่ภพใหม่--ให้เกิดผลพิเศษอีกนานาประการ
    -(ในสูตรถัดไป (๑๘/๒๖๔/๓๘๕) ทรงแสดง ที่เกิดของเวทนาทั้งสาม ว่าได้แก่ “ผัสสะ” แทนที่จะทรงแสดงว่าได้แก่ “กาย” เหมือนที่ทรงแสดงไว้ในสูตรข้างบนนี้, ส่วนเนื้อความนอกนั้น ก็เหมือนกับข้อความแห่งสูตรข้างบนนี้ ทุกประการ). อาการที่ตัณหาไม่นำไปสู่ภพใหม่ ให้เกิดผลพิเศษอีกนานาประการ ภิกษุ ท. ! ....ส่วนบุคคล เมื่อรู้เมื่อเห็น ซึ่ง จักษุ ตามที่เป็นจริง. เมื่อรู้เมื่อเห็น ซึ่ง รูปทั้งหลาย ตามที่เป็นจริง, เมื่อรู้เมื่อเห็นซึ่ง จักขุวิญญาณ ตามที่เป็นจริง, เมื่อรู้เมื่อเห็น ซึ่ง จักขุสัมผัส ตามที่เป็นจริง, เมื่อรู้เมื่อเห็นซึ่งเวทนาอันเกิดขึ้นเพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัย อันเป็นสุขก็ตาม เป็นทุกข์ก็ตาม ไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุขก็ตาม ตามที่เป็นจริงแล้ว ; เขาย่อมไม่กำหนัดในจักษุ, ไม่กำหนัดในรูปทั้งหลาย, ไม่กำหนัดในจักขุวิญญาณ, ไม่กำหนัดในจักขุสัมผัส, และไม่กำหนัดในเวทนาอันเกิดขึ้นเพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัย อันเป็นสุขก็ตาม เป็นทุกข์ก็ตาม ไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุขก็ตาม. เมื่อบุคคลนั้นไม่กำหนัดแล้ว ไม่ติดพันแล้ว ไม่ลุ่มหลงแล้ว ตามเห็นอาทีนวะ (โทษของสิ่งเหล่านั้น) อยู่เนือง ๆ , ปัญจุปาทานขันธ์ทั้งหลาย ย่อมถึงซึ่งความไม่ก่อเกิดต่อไป ; และตัณหา อัน เป็นเครื่องนำไปสู่ภพใหม่ อันประกอบอยู่ด้วยความกำหนัดด้วยอำนาจความเพลิน เป็นเครื่องทำให้เพลินอย่างยิ่งในอารมณ์นั้น ๆ นั้นอันเขาย่อมละเสียได้ ; ความกระวนกระวาย (ทรถ) แม้ ทางกาย อันเขาย่อมละเสียได้, ความกระวนกระวายแม้ทางจิต อันเขาย่อมละเสียได้ ; ความแผดเผา (สนฺตาป) แม้ทางกาย อันเขาย่อมละเสียได้, ความแผดเผา แม้ทางจิต อันเขาย่อมละเสียได้ ; ความเร่าร้อน (ปริฬาห) แม้ทางกาย อันเขาย่อมละเสียได้, ความเร่าร้อน แม้ทางจิต อันเขาย่อมละเสียได้. บุคคลนั้นย่อม เสวยซึ่งความสุข อันเป็นไป ทางกายด้วย. ซึ่งความสุขอันเป็นไป ทางจิต ด้วย. เมื่อบุคคลเป็นเช่นนั้นแล้ว ทิฏฐิ ของเขา ย่อมเป็นสัมมาทิฏฐิ ; ความดำริของเขา ย่อมเป็นสัมมาสังกัปปะ; ความพยายาม ของเขา ย่อมเป็นสัมมาวายามะ; สติ ของเขา ย่อมเป็นสัมมาสติ ; สมาธิ ของเขา ย่อมเป็นสัมมาสมาธิ ; ส่วน กายกรรม วจีกรรม และ อาชีวะ ของเขา เป็นธรรมบริสุทธิ์อยู่ก่อนแล้วนั่นเทียว. ด้วยอาการอย่างนี้ เป็นอันว่า อริยอัฏฐังคิกมรรค นี้ ของเขานั้น ย่อมถึงซึ่งความเต็มรอบแห่งความเจริญ. เมื่อเขาทำอริยอัฏฐังคิกมรรค ให้เจริญอยู่ด้วยอาการอย่างนี้, สติปัฏฐาน แม้ทั้ง ๔ ย่อมถึงซึ่งความเต็มรอบแห่งความเจริญ; สัมมัปปธาน แม้ทั้ง ๔ ย่อมถึงซึ่งความเต็มรอบแห่งความเจริญ ; อิทธิบาท แม้ทั้ง ๔ ย่อมถึงซึ่งความเต็มรอบแห่งความเจริญ ; อินทรีย์ แม้ทั้ง ๕ ย่อมถึงซึ่งความเต็มรอบแห่งความเจริญ ; พละ แม้ทั้ง ๕ ย่อมถึงซึ่งความเต็มรอบแห่งความเจริญ ; โพชฌงค์ แม้ทั้ง ๗ ย่อมถึงซึ่งความเต็มรอบแห่งความเจริญ. ธรรมทั้งสองคือ สมถะ และวิปัสสนา ของเขานั้น ย่อมเป็นธรรมเคียงคู่กันไป. บุคคลนั้น ย่อม กำหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง ซึ่งธรรมทั้งหลายอันบุคคลพึงกำหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง ; ย่อม ละ ด้วยปัญญาอันยิ่ง ซึ่งธรรมทั้งหลายอันบุคคลพึงละด้วยปัญญาอันยิ่ง ; ย่อมทำให้เจริญ ด้วยปัญญาอันยิ่ง ซึ่งธรรมทั้งหลายอันบุคคลพึงทำให้เจริญด้วยปัญญาอันยิ่ง; ย่อม ทำให้แจ้ง ด้วยปัญญาอันยิ่ง ซึ่งธรรมทั้งหลายอันบุคคลพึงทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่ง. ภิกษุ ท. ! ก็ ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็นธรรมอันบุคคลพึงกำหนดรู ้ด้วยปัญญาอันยิ่ง ? คำตอบ พึงมีว่า ปัญจุปาทานขันธ์ ทั้งหลาย กล่าวคืออุปาทานขันธ์คือรูป อุปาทานขันธ์คือเวทนา อุปาทานขันธ์คือสัญญา อุปาทานขันธ์คือสังขาร อุปาทานขันธ์คือวิญญาณ : ธรรมทั้งหลายเหล่านี้แล ชื่อว่าเป็นธรรม อันบุคคลพึงกำหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง. ภิกษุ ท. ! ก็ ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็นธรรมอันบุคคลพึงละด้วย ปัญญาอันยิ่ง ? คำตอบ พึงมีว่า อวิชชา ด้วย ภวตัณหา ด้วย : ธรรมทั้งหลายเหล่านี้แล ชื่อว่าเป็นธรรมอันบุคคลพึงละด้วยปัญญาอันยิ่ง. ภิกษุ ท. ! ก็ ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็นธรรมอันบุคคลพึงทำให้เจริญ ด้วยปัญญาอันยิ่ง ? คำตอบ พึงมีว่า สมถะ ด้วย วิปัสสนา ด้วย : ธรรมทั้งหลายเหล่านี้แล ชื่อว่าเป็นธรรมอันบุคคลพึงทำให้เจริญด้วยปัญญาอันยิ่ง. ภิกษุ ท. ! ก็ ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็นธรรมอันบุคคลพึงทำให้แจ้ง ด้วยปัญญาอันยิ่ง ? คำตอบ พึงมีว่า วิชชา ด้วย วิมุตติ ด้วย : ธรรมทั้งหลายเหล่านี้แล ชื่อว่าเป็นธรรมอันบุคคลพึงทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่ง. (ในกรณีที่เกี่ยวกับ โสต ฆาน ชิวหา กาย มโน และ สหคตธรรมแห่งอายตนะมีโสตเป็นต้น ก็มีเนื้อความเหมือนกับที่กล่าวแล้วในกรณีแห่ง จักษุและสหคตธรรมของจักษุ ดังที่กล่าวข้างบนนี้ทุกประการ พึงขยายความเอาเองให้เต็มตามนั้น).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 351 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​การปฏิบัติเพื่อความสมดุลย์แห่งสมถะและวิปัสสนา
    สัทธรรมลำดับที่ : 1027
    ชื่อบทธรรม :- การปฏิบัติเพื่อความสมดุลย์แห่งสมถะและวิปัสสนา
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1027
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --การปฏิบัติเพื่อความสมดุลย์แห่งสมถะและวิปัสสนา
    --ภิกษุ ท. ! ในบรรดาสี่จำพวกนั้น
    http://etipitaka.com/read/pali/21/122/?keywords=เจโตสมถ
    ๑. บุคคลผู้ได้เจโตสมถะในภายใน แต่ไม่ได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนา นั้น
    บุคคลนั้น
    พึงเข้าไปหาบุคคล ผู้ได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนา
    แล้วถามว่า
    “ท่านผู้มีอายุ ! เราควรเห็นสังขารกันอย่างไร ?
    ควรพิจารณากันอย่างไร ?
    ควรเห็นแจ้งสังขารกันอย่างไร ?”
    ดังนี้.
    ผู้ถูกถามนั้น จะพยากรณ์ตามที่ตนเห็นแล้ว แจ่มแจ้งแล้วอย่างไร แก่บุคคลนั้นว่า
    “ท่านผู้มีอายุ ! สังขารควรเห็นกันอย่างนี้ๆ,
    สังขารควรพิจารณา กันอย่างนี้ๆ,
    สังขารควรเห็นแจ้งกันอย่างนี้ๆ”
    ดังนี้.
    สมัยต่อมา บุคคลนั้น ก็จะเป็นผู้ได้ทั้งเจโตสมถะในภายใน และอธิปัญญาธัมมวิปัสสนา.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/123/?keywords=เจโตสมถ
    ๒. ภิกษุ ท. ! บุคคลผู้ได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนา แต่ไม่ได้เจโตสมถะในภายใน นั้น
    บุคคลนั้น
    พึงเข้าไปหาบุคคลผู้ได้เจโตสมถะในภายใน
    แล้วท่านถามว่า
    “ท่านผู้มีอายุ !
    จิต เป็นสิ่งที่ควรดำรงไว้ (สณฺฐเปตพฺพ) อย่างไร ?
    ควรถูกชักนำไป (สนฺนิยาเทตพฺพ) อย่างไร?
    ควรทำให้เป็นจิตมีอารมณ์เดียว (เอโกทิกตฺตพฺพ) อย่างไร ?
    ควรทำให้ตั้งมั่น (สมาทหาตพฺพ) อย่างไร ? ”
    ดังนี้.
    ผู้ถูกถามนั้นจะพยากรณ์ ตามที่ตนเห็นแล้ว แจ่มแจ้งแล้วอย่างไร แก่บุคคลนั้นว่า
    “ท่านผู้มีอายุ !
    จิต เป็นสิ่งที่ควรดำรงไว้ ด้วยอาการอย่างนี้ๆ,
    ควรถูกชักนำไป ด้วยอาการอย่างนี้ ๆ,
    ควรทำให้เป็นจิตมีอารมณ์เดียว ด้วยอาการอย่างนี้ๆ,
    ควรทำให้ตั้งมั่น ด้วยอาการอย่างนี้ๆ”
    ดังนี้.
    สมัยต่อมา บุคคลนั้น ก็จะเป็นผู้ได้ทั้งอธิปัญญาธัมมวิปัสสนาและเจโตสมถะในภายใน.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/124/?keywords=เจโตสมถ
    ๓. ภิกษุ ท. ! บุคคลผู้ไม่ได้ทั้งเจโตสมถะในภายใน และอธิปัญญาธัมมวิปัสสนา นั้น
    บุคคลนั้น
    พึงเข้าไปหาผู้ได้ทั้งเจโตสมถะในภายในและอธิปัญญาธัมมวิปัสสนา
    แล้วถามว่า
    “ท่านผู้มีอายุ !
    จิตเป็นสิ่งที่ควรดำรงไว้อย่างไร ?
    ควรถูกชักนำไปอย่างไร ?
    ควรทำให้เป็นจิตมีอารมณ์เดียวอย่างไร ?
    ควรทำให้ตั้งมั่นอย่างไร?
    สังขารเป็นสิ่งที่ควรเห็นอย่างไร ?
    ควรพิจารณาอย่างไร ?
    ควรเห็นแจ้งอย่างไร ? ”
    ดังนี้.
    ผู้ถูกถามนั้นจะพยากรณ์ ตามที่ตน เห็นแล้วแจ่มแจ้งแล้วอย่างไร ? แก่บุคคลนั้น ว่า
    “ท่านผู้มีอายุ !
    จิตเป็นสิ่งที่ควรดำรงไว้ด้วยอาการอย่างนี้ๆ,
    ควรถูกชักนำไป ด้วยอาการอย่างนี้ๆ,
    ควรทำให้เป็นจิตมีอารมณ์เดียว ด้วยอาการอย่างนี้ๆ,
    ควรทำให้ตั้งมั่น ด้วยอาการ อย่างนี้ๆ;
    สังขารเป็นสิ่งที่ควรเห็นกันอย่างนี้ๆ,
    ควรพิจารณากันอย่างนี้ ๆ,
    ควรเห็นแจ้งกันอย่างนี้ ๆ”
    ดังนี้.
    สมัยต่อมา บุคคลนั้น ก็จะเป็นผู้ได้ ทั้งเจโตสมถะในภายในและอธิปัญญาธัมมวิปัสสนา.

    ๔. ภิกษุ ท. ! บุคคลผู้ได้ทั้งเจโตสมถะในภายใน และอธิปัญญาธัมมวิปัสสนา นั้น
    บุคคลนั้น พึงดำรงตนไว้ในธรรมทั้งสองนั้น
    #แล้วประกอบความเพียรเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ให้ยิ่งขึ้นไป.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/124/?keywords=อาสวานํ
    --ภิกษุ ท. ! บุคคล ๔ จำพวกเหล่านี้มีอยู่ หาได้อยู่ ในโลก.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/94 - 98/94.
    http://etipitaka.com/read/thai/21/94/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%94
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๒๒ - ๑๒๔/๙๔.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/122/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%94
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1027
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=89&id=1027
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=89
    ลำดับสาธยายธรรม : 89 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_89.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​การปฏิบัติเพื่อความสมดุลย์แห่งสมถะและวิปัสสนา สัทธรรมลำดับที่ : 1027 ชื่อบทธรรม :- การปฏิบัติเพื่อความสมดุลย์แห่งสมถะและวิปัสสนา https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1027 เนื้อความทั้งหมด :- --การปฏิบัติเพื่อความสมดุลย์แห่งสมถะและวิปัสสนา --ภิกษุ ท. ! ในบรรดาสี่จำพวกนั้น http://etipitaka.com/read/pali/21/122/?keywords=เจโตสมถ ๑. บุคคลผู้ได้เจโตสมถะในภายใน แต่ไม่ได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนา นั้น บุคคลนั้น พึงเข้าไปหาบุคคล ผู้ได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนา แล้วถามว่า “ท่านผู้มีอายุ ! เราควรเห็นสังขารกันอย่างไร ? ควรพิจารณากันอย่างไร ? ควรเห็นแจ้งสังขารกันอย่างไร ?” ดังนี้. ผู้ถูกถามนั้น จะพยากรณ์ตามที่ตนเห็นแล้ว แจ่มแจ้งแล้วอย่างไร แก่บุคคลนั้นว่า “ท่านผู้มีอายุ ! สังขารควรเห็นกันอย่างนี้ๆ, สังขารควรพิจารณา กันอย่างนี้ๆ, สังขารควรเห็นแจ้งกันอย่างนี้ๆ” ดังนี้. สมัยต่อมา บุคคลนั้น ก็จะเป็นผู้ได้ทั้งเจโตสมถะในภายใน และอธิปัญญาธัมมวิปัสสนา. http://etipitaka.com/read/pali/21/123/?keywords=เจโตสมถ ๒. ภิกษุ ท. ! บุคคลผู้ได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนา แต่ไม่ได้เจโตสมถะในภายใน นั้น บุคคลนั้น พึงเข้าไปหาบุคคลผู้ได้เจโตสมถะในภายใน แล้วท่านถามว่า “ท่านผู้มีอายุ ! จิต เป็นสิ่งที่ควรดำรงไว้ (สณฺฐเปตพฺพ) อย่างไร ? ควรถูกชักนำไป (สนฺนิยาเทตพฺพ) อย่างไร? ควรทำให้เป็นจิตมีอารมณ์เดียว (เอโกทิกตฺตพฺพ) อย่างไร ? ควรทำให้ตั้งมั่น (สมาทหาตพฺพ) อย่างไร ? ” ดังนี้. ผู้ถูกถามนั้นจะพยากรณ์ ตามที่ตนเห็นแล้ว แจ่มแจ้งแล้วอย่างไร แก่บุคคลนั้นว่า “ท่านผู้มีอายุ ! จิต เป็นสิ่งที่ควรดำรงไว้ ด้วยอาการอย่างนี้ๆ, ควรถูกชักนำไป ด้วยอาการอย่างนี้ ๆ, ควรทำให้เป็นจิตมีอารมณ์เดียว ด้วยอาการอย่างนี้ๆ, ควรทำให้ตั้งมั่น ด้วยอาการอย่างนี้ๆ” ดังนี้. สมัยต่อมา บุคคลนั้น ก็จะเป็นผู้ได้ทั้งอธิปัญญาธัมมวิปัสสนาและเจโตสมถะในภายใน. http://etipitaka.com/read/pali/21/124/?keywords=เจโตสมถ ๓. ภิกษุ ท. ! บุคคลผู้ไม่ได้ทั้งเจโตสมถะในภายใน และอธิปัญญาธัมมวิปัสสนา นั้น บุคคลนั้น พึงเข้าไปหาผู้ได้ทั้งเจโตสมถะในภายในและอธิปัญญาธัมมวิปัสสนา แล้วถามว่า “ท่านผู้มีอายุ ! จิตเป็นสิ่งที่ควรดำรงไว้อย่างไร ? ควรถูกชักนำไปอย่างไร ? ควรทำให้เป็นจิตมีอารมณ์เดียวอย่างไร ? ควรทำให้ตั้งมั่นอย่างไร? สังขารเป็นสิ่งที่ควรเห็นอย่างไร ? ควรพิจารณาอย่างไร ? ควรเห็นแจ้งอย่างไร ? ” ดังนี้. ผู้ถูกถามนั้นจะพยากรณ์ ตามที่ตน เห็นแล้วแจ่มแจ้งแล้วอย่างไร ? แก่บุคคลนั้น ว่า “ท่านผู้มีอายุ ! จิตเป็นสิ่งที่ควรดำรงไว้ด้วยอาการอย่างนี้ๆ, ควรถูกชักนำไป ด้วยอาการอย่างนี้ๆ, ควรทำให้เป็นจิตมีอารมณ์เดียว ด้วยอาการอย่างนี้ๆ, ควรทำให้ตั้งมั่น ด้วยอาการ อย่างนี้ๆ; สังขารเป็นสิ่งที่ควรเห็นกันอย่างนี้ๆ, ควรพิจารณากันอย่างนี้ ๆ, ควรเห็นแจ้งกันอย่างนี้ ๆ” ดังนี้. สมัยต่อมา บุคคลนั้น ก็จะเป็นผู้ได้ ทั้งเจโตสมถะในภายในและอธิปัญญาธัมมวิปัสสนา. ๔. ภิกษุ ท. ! บุคคลผู้ได้ทั้งเจโตสมถะในภายใน และอธิปัญญาธัมมวิปัสสนา นั้น บุคคลนั้น พึงดำรงตนไว้ในธรรมทั้งสองนั้น #แล้วประกอบความเพียรเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ให้ยิ่งขึ้นไป. http://etipitaka.com/read/pali/21/124/?keywords=อาสวานํ --ภิกษุ ท. ! บุคคล ๔ จำพวกเหล่านี้มีอยู่ หาได้อยู่ ในโลก.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/94 - 98/94. http://etipitaka.com/read/thai/21/94/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%94 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๒๒ - ๑๒๔/๙๔. http://etipitaka.com/read/pali/21/122/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%94 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1027 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=89&id=1027 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=89 ลำดับสาธยายธรรม : 89 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_89.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - การปฏิบัติเพื่อความสมดุลย์แห่งสมถะและวิปัสสนา
    -(ในพระบาลีบางแห่ง (๑๔/๕๒๔/๘๒๙) ตรัสระบุมรรคหรืออริยสัจที่สี่ว่าได้แก่ สมถะและวิปัสสนา. ข้อความข้างบนนี้เกี่ยวข้องกับสมถะและวิปัสสนา จึงนำมาใส่ไว้ในหมวดนี้). การปฏิบัติเพื่อความสมดุลย์แห่งสมถะและวิปัสสนา ภิกษุ ท. ! ในบรรดาสี่จำพวกนั้น ๑. บุคคลผู้ได้เจโตสมถะในภายใน แต่ไม่ได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนา นั้น บุคคลนั้น พึงเข้าไปหาบุคคล ผู้ได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนา แล้วถามว่า “ท่านผู้มีอายุ ! เราควรเห็นสังขารกันอย่างไร ? ควรพิจารณากันอย่างไร ? ควรเห็นแจ้งสังขารกันอย่างไร ?” ดังนี้. ผู้ถูกถามนั้น จะพยากรณ์ตามที่ตนเห็นแล้ว แจ่มแจ้งแล้วอย่างไร แก่บุคคลนั้นว่า “ท่านผู้มีอายุ ! สังขารควรเห็นกันอย่างนี้ๆ, สังขารควรพิจารณา กันอย่างนี้ๆ, สังขารควรเห็นแจ้งกันอย่างนี้ๆ” ดังนี้. สมัยต่อมา บุคคลนั้น ก็จะเป็นผู้ได้ทั้งเจโตสมถะในภายใน และอธิปัญญาธัมมวิปัสสนา. ๒. ภิกษุ ท. ! บุคคลผู้ได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนา แต่ไม่ได้เจโตสมถะในภายใน นั้น บุคคลนั้น พึงเข้าไปหาบุคคลผู้ได้เจโตสมถะในภายใน แล้วท่านถามว่า “ท่านผู้มีอายุ ! จิต เป็นสิ่งที่ควรดำรงไว้ (สณฺฐเปตพพฺ) อย่างไร ? ควรถูกชักนำไป (สนฺนิยาเทตพฺพ) อย่างไร? ควรทำให้เป็นจิตมีอารมณ์เดียว (เอโกทิกตฺตพฺพ) อย่างไร ? ควรทำให้ตั้งมั่น (สมาทหาตพฺพ) อย่างไร ? ” ดังนี้. ผู้ถูกถามนั้นจะพยากรณ์ ตามที่ตนเห็นแล้ว แจ่มแจ้งแล้วอย่างไร แก่บุคคลนั้นว่า “ท่านผู้มีอายุ ! จิต เป็นสิ่งที่ควรดำรงไว้ ด้วยอาการอย่างนี้ๆ, ควรถูกชักนำไป ด้วยอาการอย่างนี้ ๆ, ควรทำให้เป็นจิตมีอารมณ์เดียว ด้วยอาการอย่างนี้ๆ, ควรทำให้ตั้งมั่น ด้วยอาการอย่างนี้ๆ” ดังนี้. สมัยต่อมา บุคคลนั้น ก็จะเป็นผู้ได้ทั้งอธิปัญญาธัมมวิปัสสนาและเจโตสมถะในภายใน. ๓. ภิกษุ ท. ! บุคคลผู้ไม่ได้ทั้งเจโตสมถะในภายใน และอธิปัญญาธัมมวิปัสสนานั้น บุคคลนั้น พึงเข้าไปหาผู้ได้ทั้งเจโตสมถะในภายในและ อธิปัญญาธัมมวิปัสสนา แล้วถามว่า “ท่านผู้มีอายุ ! จิตเป็นสิ่งที่ควรดำรงไว้อย่างไร ? ควรถูกชักนำไปอย่างไร ? ควรทำให้เป็นจิตมีอารมณ์เดียวอย่างไร ? ควรทำให้ตั้งมั่นอย่างไร? สังขารเป็นสิ่งที่ควรเห็นอย่างไร ? ควรพิจารณาอย่างไร ? ควรเห็นแจ้งอย่างไร ? ” ดังนี้. ผู้ถูกถามนั้นจะพยากรณ์ ตามที่ตน เห็นแล้วแจ่มแจ้งแล้วอย่างไร ? แก่บุคคลนั้น ว่า “ท่านผู้มีอายุ ! จิตเป็นสิ่งที่ควรดำรงไว้ด้วยอาการอย่างนี้ๆ, ควรถูกชักนำไป ด้วยอาการอย่างนี้ๆ, ควรทำให้เป็นจิตมีอารมณ์เดียว ด้วยอาการอย่างนี้ๆ, ควรทำให้ตั้งมั่น ด้วยอาการ อย่างนี้ๆ; สังขารเป็นสิ่งที่ควรเห็นกันอย่างนี้ๆ, ควรพิจารณากันอย่างนี้ ๆ, ควรเห็นแจ้งกันอย่างนี้ ๆ” ดังนี้. สมัยต่อมา บุคคลนั้น ก็จะเป็นผู้ได้ ทั้งเจโตสมถะในภายในและอธิปัญญาธัมมวิปัสสนา. ๔. ภิกษุ ท. ! บุคคลผู้ได้ทั้งเจโตสมถะในภายใน และอธิปัญญาธัมมวิปัสสนา นั้น บุคคลนั้น พึงดำรงตนไว้ในธรรมทั้งสองนั้น แล้วประกอบความเพียรเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ให้ยิ่งขึ้นไป. ภิกษุ ท. ! บุคคล ๔ จำพวกเหล่านี้มีอยู่ หาได้อยู่ ในโลก.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​พึงทำความสมดุลย์ของสมถะและวิปัสสนา
    สัทธรรมลำดับที่ : 1026
    ชื่อบทธรรม :- พึงทำความสมดุลย์ของสมถะและวิปัสสนา
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1026
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --พึงทำความสมดุลย์ของสมถะและวิปัสสนา
    --ภิกษุ ท. ! บุคคล ๔ จำพวกเหล่านี้ มีอยู่ หาได้อยู่ ในโลก.
    สี่จำพวกอย่างไรเล่า ? สี่คือ
    http://etipitaka.com/read/pali/21/121/?keywords=อธิปญฺญาธมฺมวิปสฺสนาย+เจโตสมถสฺส
    ๑.บุคคลบางคน ได้เจโตสมถะในภายใน แต่ไม่ได้ธัมมวิปัสสนาด้วยอธิปัญญา;
    ๒.บุคคลบางคน ได้ธัมมวิปัสสนาด้วยอธิปัญญา แต่ไม่ได้เจโตสมถะในภายใน;
    ๓.บุคคลบางคน ไม่ได้ทั้งเจโตสมถะในภายในและไม่ได้ธัมมวิปัสสนาด้วยอธิปัญญาด้วย;
    ๔.บุคคลบางคน ได้ทั้งเจโตในภายในด้วยและได้ธัมมวิปัสสนาด้วยอธิปัญญาด้วย.

    --ภิกษุ ท. ! ในบรรดาบุคคล ๔ จำพวกนั้น
    +--๑. บุคคลผู้ได้เจโตสมถะ ในภายใน แต่ไม่ได้ธัมมวิปัสสนาด้วยอธิปัญญานั้น
    บุคคลนั้น ควรดำรงตน อยู่ในเจโตสมถะในภายใน
    แล้วประกอบความเพียรในธัมมวิปัสสนาด้วยอธิปัญญาเถิด.
    สมัยต่อมาเขาก็จะเป็นผู้ได้ทั้งเจโตสมถะในภายใน และได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนาด้วย.
    +--๒. ภิกษุ ท. ! บุคคลผู้ได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนา แต่ไม่ได้เจโตสมถะในภายในนั้น
    บุคคลนั้น ควรดำรงตนอยู่ในอธิปัญญาธัมมวิปัสสนา
    แล้วประกอบความเพียรในเจโตสมถะในภายใน.
    สมัยต่อมา เขาจะเป็นผู้ได้ทั้งอธิปัญญาธัมมวิปัสสนาด้วย และได้เจโตสมถะในภายในด้วย.
    +--๓. ภิกษุ ท. ! บุคคลผู้ไม่ได้ทั้งเจโตสมถะในภายใน และไม่ได้ อธิปัญญาธัมมวิปัสสนานั้น บุคคลนั้น
    เพื่อให้ได้ซึ่งกุศลธรรมทั้งสองอย่างนั้น พึง
    -กระทำโดยประมาณอันยิ่งซึ่ง ฉันทะ (ความพอใจ)
    -วายามะ (ความพยายาม)
    -อุสสาหะ อุสโสฬ๎หี (ความขะมักเขม้น)
    -อัปปฏิวาณี (ความไม่ถอยหลัง)
    -สติ และสัมปชัญญะ
    ให้เหมือนกับคนมีไฟลุกโพลงที่เสื้อผ้าหรือที่ศีรษะ พึงกระทำซึ่ง
    ฉันทะ วายามะ อุสสาหะ อุสโสฬ๎หี อัปปฏิวาณี สติ สัมปะชัญญะ โดยประมาณอันยิ่ง
    เพื่อจะดับไฟอันลุกโพลงที่เสื้อผ้าหรือที่ศีรษะนั้นเสีย, ฉันใดก็ฉันนั้น.
    สมัยต่อมา เขาจะเป็นผู้ได้ทั้งเจโตสมถะในภายใน และได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนาด้วย.
    +--๔. ภิกษุ ท. ! ส่วน
    บุคคลผู้ใด ได้ทั้งเจโตสมถะในภายในด้วย และได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนาด้วยนั้น
    บุคคลนั้น ควรดำรงอยู่ในกุศลธรรมทั้งสองนั้นแล้วประกอบความเพียร
    เพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ให้ยิ่งขึ้นไป.
    --ภิกษุ ท. ! บุคคล ๔ จำพวกเหล่านี้แล มีอยู่ หาอยู่ ในโลก.-
    http://etipitaka.com/read/pali/21/121/?keywords=อธิปญฺญาธมฺมวิปสฺสนาย+เจโตสมถสฺส

    (ในพระบาลีบางแห่ง
    (มชฺฌิม. อุ. ๑๔/๕๒๔/๘๒๙​ )​ http://etipitaka.com/read/pali/14/524/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%92%E0%B9%99
    ตรัสระบุอริยมรรคหรืออริยสัจที่สี่ว่าได้แก่ สมถะและวิปัสสนา.
    http://etipitaka.com/read/pali/14/524/?keywords=สมโถ+วิปสฺสนา
    ข้อความที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนี้เกี่ยวข้องกับสมถะและวิปัสสนา จึงนำมาใส่ไว้ในหมวดนี้
    ).
    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/93/93.
    http://etipitaka.com/read/thai/21/93/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%93
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๒๑/๙๓.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/121/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%93
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1026
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=89&id=1026
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=89
    ลำดับสาธยายธรรม : 89 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_89.mp3
    อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​พึงทำความสมดุลย์ของสมถะและวิปัสสนา สัทธรรมลำดับที่ : 1026 ชื่อบทธรรม :- พึงทำความสมดุลย์ของสมถะและวิปัสสนา https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1026 เนื้อความทั้งหมด :- --พึงทำความสมดุลย์ของสมถะและวิปัสสนา --ภิกษุ ท. ! บุคคล ๔ จำพวกเหล่านี้ มีอยู่ หาได้อยู่ ในโลก. สี่จำพวกอย่างไรเล่า ? สี่คือ http://etipitaka.com/read/pali/21/121/?keywords=อธิปญฺญาธมฺมวิปสฺสนาย+เจโตสมถสฺส ๑.บุคคลบางคน ได้เจโตสมถะในภายใน แต่ไม่ได้ธัมมวิปัสสนาด้วยอธิปัญญา; ๒.บุคคลบางคน ได้ธัมมวิปัสสนาด้วยอธิปัญญา แต่ไม่ได้เจโตสมถะในภายใน; ๓.บุคคลบางคน ไม่ได้ทั้งเจโตสมถะในภายในและไม่ได้ธัมมวิปัสสนาด้วยอธิปัญญาด้วย; ๔.บุคคลบางคน ได้ทั้งเจโตในภายในด้วยและได้ธัมมวิปัสสนาด้วยอธิปัญญาด้วย. --ภิกษุ ท. ! ในบรรดาบุคคล ๔ จำพวกนั้น +--๑. บุคคลผู้ได้เจโตสมถะ ในภายใน แต่ไม่ได้ธัมมวิปัสสนาด้วยอธิปัญญานั้น บุคคลนั้น ควรดำรงตน อยู่ในเจโตสมถะในภายใน แล้วประกอบความเพียรในธัมมวิปัสสนาด้วยอธิปัญญาเถิด. สมัยต่อมาเขาก็จะเป็นผู้ได้ทั้งเจโตสมถะในภายใน และได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนาด้วย. +--๒. ภิกษุ ท. ! บุคคลผู้ได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนา แต่ไม่ได้เจโตสมถะในภายในนั้น บุคคลนั้น ควรดำรงตนอยู่ในอธิปัญญาธัมมวิปัสสนา แล้วประกอบความเพียรในเจโตสมถะในภายใน. สมัยต่อมา เขาจะเป็นผู้ได้ทั้งอธิปัญญาธัมมวิปัสสนาด้วย และได้เจโตสมถะในภายในด้วย. +--๓. ภิกษุ ท. ! บุคคลผู้ไม่ได้ทั้งเจโตสมถะในภายใน และไม่ได้ อธิปัญญาธัมมวิปัสสนานั้น บุคคลนั้น เพื่อให้ได้ซึ่งกุศลธรรมทั้งสองอย่างนั้น พึง -กระทำโดยประมาณอันยิ่งซึ่ง ฉันทะ (ความพอใจ) -วายามะ (ความพยายาม) -อุสสาหะ อุสโสฬ๎หี (ความขะมักเขม้น) -อัปปฏิวาณี (ความไม่ถอยหลัง) -สติ และสัมปชัญญะ ให้เหมือนกับคนมีไฟลุกโพลงที่เสื้อผ้าหรือที่ศีรษะ พึงกระทำซึ่ง ฉันทะ วายามะ อุสสาหะ อุสโสฬ๎หี อัปปฏิวาณี สติ สัมปะชัญญะ โดยประมาณอันยิ่ง เพื่อจะดับไฟอันลุกโพลงที่เสื้อผ้าหรือที่ศีรษะนั้นเสีย, ฉันใดก็ฉันนั้น. สมัยต่อมา เขาจะเป็นผู้ได้ทั้งเจโตสมถะในภายใน และได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนาด้วย. +--๔. ภิกษุ ท. ! ส่วน บุคคลผู้ใด ได้ทั้งเจโตสมถะในภายในด้วย และได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนาด้วยนั้น บุคคลนั้น ควรดำรงอยู่ในกุศลธรรมทั้งสองนั้นแล้วประกอบความเพียร เพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ให้ยิ่งขึ้นไป. --ภิกษุ ท. ! บุคคล ๔ จำพวกเหล่านี้แล มีอยู่ หาอยู่ ในโลก.- http://etipitaka.com/read/pali/21/121/?keywords=อธิปญฺญาธมฺมวิปสฺสนาย+เจโตสมถสฺส (ในพระบาลีบางแห่ง (มชฺฌิม. อุ. ๑๔/๕๒๔/๘๒๙​ )​ http://etipitaka.com/read/pali/14/524/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%92%E0%B9%99 ตรัสระบุอริยมรรคหรืออริยสัจที่สี่ว่าได้แก่ สมถะและวิปัสสนา. http://etipitaka.com/read/pali/14/524/?keywords=สมโถ+วิปสฺสนา ข้อความที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนี้เกี่ยวข้องกับสมถะและวิปัสสนา จึงนำมาใส่ไว้ในหมวดนี้ ). #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/93/93. http://etipitaka.com/read/thai/21/93/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%93 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๒๑/๙๓. http://etipitaka.com/read/pali/21/121/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%93 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1026 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=89&id=1026 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=89 ลำดับสาธยายธรรม : 89 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_89.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - พึงทำความสมดุลย์ของสมถะและวิปัสสนา
    -(ขอให้สังเกตเห็นใจความสำคัญที่ว่า แม้จะเป็น เตรียมพระโสดาบัน (คือธัมมานุสารี และสัทธานุสารีก็ตาม) หรือเป็นพระโสดาบันแล้วก็ตาม ยังมีกิจคือความไม่ประมาทที่จะต้องกระทำสืบต่อยิ่งขึ้นไป ความข้อความในพระสูตรนี้ ให้ได้ชื่อว่าเป็นผู้อยู่ด้วยความไม่ประมาทอยู่เสมอ. ข้อปฏิบัติเหล่านั้นมีใจความสำคัญอยู่ที่ว่า กลางวันมีวิเวก คือสงัดจากความรบกวนภายนอก กลางคืนมีปฏิสัลลาณะ คือจิตไม่ฟุ้งซ่านไปในอารมณ์ต่าง แต่มากำหนดอยู่ที่ธรรมอันควรกำหนดอยู่ตลอดเวลา จนเกิดผลตามลำดับ นับตั้งแต่ความปราโมทย์ ไปจนถึงความปรากฏแห่งธรรมที่ยังไม่เคยปรากฏ. อริยสาวกชั้นที่สูงขึ้นไปก็มีหลักปฏิบัติทำนองนี้ คือกลางวันมีวิเวิก กลางคืนมีปฏิสัลลาณะ เพื่อบรรลุธรรมชั้นที่สูงขึ้นไปกว่าที่บรรลุอยู่ จนกระทั่งถึงชั้นพระอรหันต์. แม้ชั้นพระอรหันต์ซึ่งเป็นชั้นที่ถึงที่สุดแห่งความไม่ประมาทแล้ว ก็ยังมีวิเวกในกลางวัน มีปฏิสัลลาณะในกลางคืน เพื่อความอยู่เป็นผาสุกของบุคคลผู้ถึงที่สุดแห่งพรหมจรรย์. ขอให้ทุกคนเห็นความสำคัญของการอยู่อย่างมีวิเวกและมีปฏิสัลลาณะ ว่าเป็นฐานรากในการสืบต่อความไม่ประมาทให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปในตัวเอง โดยไม่ต้องลำบากมากมายนัก). พึงทำความสมดุลย์ของสมถะและวิปัสสนา ภิกษุ ท. ! บุคคล ๔ จำพวกเหล่านี้ มีอยู่ หาได้อยู่ ในโลก. สี่จำพวกอย่างไรเล่า ? สี่คือ บุคคลบางคน ได้เจโตสมถะในภายใน แต่ไม่ได้ธัมมวิปัสสนาด้วยอธิปัญญา; บุคคลบางคน ได้ธัมมวิปัสสนาด้วยอธิปัญญา แต่ไม่ได้เจโตสมถะในภายใน; บุคคลบางคน ไม่ได้ทั้งเจโตสมถะในภายในและไม่ได้ธัมมวิปัสสนาด้วยอธิปัญญาด้วย; บุคคลบางคน ได้ทั้งเจโตในภายในด้วยและได้ธัมมวิปัสสนาด้วยอธิปัญญาด้วย. ภิกษุ ท. ! ในบรรดาบุคคล ๔ จำพวกนั้น ๑. บุคคลผู้ได้เจโตสมถะ ในภายใน แต่ไม่ได้ธัมมวิปัสสนาด้วยอธิปัญญานั้น บุคคลนั้น ควรดำรงตน อยู่ในเจโสมถะในภายใน แล้วประกอบความเพียรในธัมมวิปัสสนาด้วยอธิปัญญา เถิด. สมัยต่อมาเขาก็จะเป็นผู้ได้ทั้งเจโตสมถะในภายใน และได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนาด้วย. ๒. ภิกษุ ท. ! บุคคลผู้ได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนา แต่ไม่ได้เจโตสมถะในภายในนั้น บุคคลนั้น ควรดำรงตนอยู่ในอธิปัญญาธัมมวิปัสสนา แล้วประกอบความเพียรในเจโตสมถะในภายใน. สมัยต่อมา เขาจะเป็นผู้ได้ทั้งอธิปัญญาธัมมวิปัสสนาด้วย และได้เจโตสมถะในภายในด้วย. ๓. ภิกษุ ท. ! บุคคลผู้ไม่ได้ทั้งเจโตสมถะในภายใน และไม่ได้ อธิปัญญาธัมมวิปัสสนานั้น บุคคลนั้น เพื่อให้ได้ซึ่งกุศลธรรมทั้งสองอย่างนั้น พึง กระทำโดยประมาณอันยิ่งซึ่งฉันทะ (ความพอใจ) วายามะ (ความพยายาม) อุสสาหะ อุสโสฬ๎หี (ความขะมักเขม้น) อัปปฏิวาณี (ความไม่ถอยหลัง) สติ และสัมปชัญญะ ให้เหมือนกับคนมีไฟลุกโพลงที่เสื้อผ้าหรือที่ศีรษะ พึงกระทำซึ่งฉันทะ วายามะ อุสสาหะ อุสโสฬ๎หี อัปปฏิวาณี สติ สัมปะชัญญะ โดยประมาณอันยิ่ง เพื่อจะดับไฟอันลุกโพลงที่เสื้อผ้าหรือที่ศีรษะนั้นเสีย, ฉันใดก็ฉันนั้น. สมัยต่อมา เขาจะเป็นผู้ได้ทั้งเจโตสมถะในภายใน และได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนาด้วย. ๔. ภิกษุ ท. ! ส่วน บุคคลผู้ได้ได้ทั้งเจโตสมถะในภายในด้วย และได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนาด้วยนั้น บุคคลนั้น ควรดำรงอยู่ในกุศลธรรมทั้งสองนั้นแล้วประกอบความเพียร เพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ให้ยิ่งขึ้นไป. ภิกษุ ท. ! บุคคล ๔ จำพวกเหล่านี้แล มีอยู่ หาอยู่ ในโลก.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • ** ขายแล้ว!!

    กะลาตาเดียวหลวงปู่สุระ วัดสวนใหม่ จ.ยะลา
    กะลาตาเดียว หลัง จารมือ (หายาก) หลวงปู่สุระ วัดสวนใหม่ จ.ยะลา // ของขลังจากธรรมชาติรังสรรที่คนเชื่อกันว่า กันภัย ใส่เเล้วเพิ่มเสน่ห์ // // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** ใครที่ต้องการความสำเร็จในหน้าทีการงาน ข้าราชการที่เข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งแบบง่ายๆ การค้าการขายแบบขายดีไม่ติดขัด มีโชค มีลาภ แบบมีเข้ามาตลอด "ผมแนะนำครับ มั้นใจในพุทธคุณได้ครับของหลวงปู่ดีจริงๆ " >>

    ** พุทธคุณ โชคลาภ สุดยอดโภคทรัพย์ เมตตามหานิยม และเสี่ยงโชค ช่วยให้ค้าขายดี มีโชค ช่วยให้ทรัพย์ที่ได้มางอกเงยและรักษาทรัพย์ได้นาน เจริญรุ่งเรือง ไม่ฝืดเคืองขัดสน ค้าขาย ร่ำรวย เรียกทรัพย์หนุนดวง อุดมสมบูรณ์ ทำมาหากินคล่อง เจริญในหน้าที่การงานคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง >>

    ** หลวงปู่สุระ พระเกจิชื่อดังจังหวัดยะลา หลังการมรณภาพ สรีสระไม่เน่าเปื่อย ต้องปลงผม ต้องตัดเล็บ ทุกๆเดือน พระเกจิผู้ปฎิบัติดี “#. หลวงปู่สุระเป็นนักปฎิบัติที่มีจริยวัตรแห่งความสงฆ์ที่เคร่งครัด และส่งเสริมด้านวิปัสสนาธุระ จนกระทั่งมีลูกศิษย์ ลูกหาในสามจังหวัดใต้ มาเลเชีย สิงคโปร์ มากมาย >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    ** ขายแล้ว!! กะลาตาเดียวหลวงปู่สุระ วัดสวนใหม่ จ.ยะลา กะลาตาเดียว หลัง จารมือ (หายาก) หลวงปู่สุระ วัดสวนใหม่ จ.ยะลา // ของขลังจากธรรมชาติรังสรรที่คนเชื่อกันว่า กันภัย ใส่เเล้วเพิ่มเสน่ห์ // // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** ใครที่ต้องการความสำเร็จในหน้าทีการงาน ข้าราชการที่เข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งแบบง่ายๆ การค้าการขายแบบขายดีไม่ติดขัด มีโชค มีลาภ แบบมีเข้ามาตลอด "ผมแนะนำครับ มั้นใจในพุทธคุณได้ครับของหลวงปู่ดีจริงๆ " >> ** พุทธคุณ โชคลาภ สุดยอดโภคทรัพย์ เมตตามหานิยม และเสี่ยงโชค ช่วยให้ค้าขายดี มีโชค ช่วยให้ทรัพย์ที่ได้มางอกเงยและรักษาทรัพย์ได้นาน เจริญรุ่งเรือง ไม่ฝืดเคืองขัดสน ค้าขาย ร่ำรวย เรียกทรัพย์หนุนดวง อุดมสมบูรณ์ ทำมาหากินคล่อง เจริญในหน้าที่การงานคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง >> ** หลวงปู่สุระ พระเกจิชื่อดังจังหวัดยะลา หลังการมรณภาพ สรีสระไม่เน่าเปื่อย ต้องปลงผม ต้องตัดเล็บ ทุกๆเดือน พระเกจิผู้ปฎิบัติดี “#. หลวงปู่สุระเป็นนักปฎิบัติที่มีจริยวัตรแห่งความสงฆ์ที่เคร่งครัด และส่งเสริมด้านวิปัสสนาธุระ จนกระทั่งมีลูกศิษย์ ลูกหาในสามจังหวัดใต้ มาเลเชีย สิงคโปร์ มากมาย >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 242 มุมมอง 0 รีวิว
  • รูปหล่อหลวงพ่อเฟื่อง วัดคงคาเลียบ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
    รูปหล่อหลวงพ่อเฟื่อง (ก้นตันไม่อุดกริ่ง) เนื้อทองฝาบาตร+รมดำ (สร้างจำนวนน้อย) วัดคงคาเลียบ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา // พระดีพิธีใหญ่ หลวงพ่อเฟื่องเป็นพระอรหันต์เกจิที่มีความศักดิ์สิทธิ์มาก และมีผู้คนทั้งชาวสงขลา หาดใหญ่ ชาวไทยและต่างชาติ ให้ความเคารพนับถือเป็นจำนวนมากมาย ... // พระสถาพสวยมาก ผิงหิ้ง พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >

    ** พุทธคุณด้านเมตตาหานิยม โภคทรัพย์ คุ้มครองป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง เรียกทรัพย์หนุนดวง โชคลาภมหาสมบัติค้าขายร่ำรวย อุดมสมบูรณ์ ทำมาหากินคล่อง เจริญในหน้าที่การงานคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง @@

    ** หลวงพ่อเฟื่อง วัดคงคาเลียบ ผู้ซึ่งมีอัฐิกลายเป็นพระธาตุ แม้แต่หลวงพ่อวัดปากน้ำ ก็เคารพนับถือ และกล่าวถึงอยู่เนือง ๆ...หลวงพ่อวัดปากน้ำ เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อเฟื่อง ซึ่งได้ศึกษาเล่าเรียนวิปัสสนากัมมัฏฐานจากหลวงพ่อเฟื่อง ได้กล่าวยกย่องถึงหลวงพ่อเฟื่องเสมอ จึงเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่ท่านพูดถึงนั้นต้องจริง....หลวงพ่อคล้ายซึ่งเป็นพระอาจารย์ชื่อดังทางภาคใต้ได้ให้ความนับถือและเคารพในตัวหลวงพ่อเฟื่องมาก หลังจากท่านหลวงพ่อเฟื่องมรณภาพล่วงลับไปแล้ว หลวงพ่อคล้ายได้หาเงินมาจัดทอดกฐินให้ทางวัดคงคาเลียบทุก ๆ ปี และได้สร้างพระเจดีย์ขึ้นเพื่อบรรจุอัฐิของหลวงพ่อเฟื่อง >>


    ** พระสถาพสวยมาก ผิงหิ้ง พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    รูปหล่อหลวงพ่อเฟื่อง วัดคงคาเลียบ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รูปหล่อหลวงพ่อเฟื่อง (ก้นตันไม่อุดกริ่ง) เนื้อทองฝาบาตร+รมดำ (สร้างจำนวนน้อย) วัดคงคาเลียบ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา // พระดีพิธีใหญ่ หลวงพ่อเฟื่องเป็นพระอรหันต์เกจิที่มีความศักดิ์สิทธิ์มาก และมีผู้คนทั้งชาวสงขลา หาดใหญ่ ชาวไทยและต่างชาติ ให้ความเคารพนับถือเป็นจำนวนมากมาย ... // พระสถาพสวยมาก ผิงหิ้ง พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ > ** พุทธคุณด้านเมตตาหานิยม โภคทรัพย์ คุ้มครองป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง เรียกทรัพย์หนุนดวง โชคลาภมหาสมบัติค้าขายร่ำรวย อุดมสมบูรณ์ ทำมาหากินคล่อง เจริญในหน้าที่การงานคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง @@ ** หลวงพ่อเฟื่อง วัดคงคาเลียบ ผู้ซึ่งมีอัฐิกลายเป็นพระธาตุ แม้แต่หลวงพ่อวัดปากน้ำ ก็เคารพนับถือ และกล่าวถึงอยู่เนือง ๆ...หลวงพ่อวัดปากน้ำ เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อเฟื่อง ซึ่งได้ศึกษาเล่าเรียนวิปัสสนากัมมัฏฐานจากหลวงพ่อเฟื่อง ได้กล่าวยกย่องถึงหลวงพ่อเฟื่องเสมอ จึงเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่ท่านพูดถึงนั้นต้องจริง....หลวงพ่อคล้ายซึ่งเป็นพระอาจารย์ชื่อดังทางภาคใต้ได้ให้ความนับถือและเคารพในตัวหลวงพ่อเฟื่องมาก หลังจากท่านหลวงพ่อเฟื่องมรณภาพล่วงลับไปแล้ว หลวงพ่อคล้ายได้หาเงินมาจัดทอดกฐินให้ทางวัดคงคาเลียบทุก ๆ ปี และได้สร้างพระเจดีย์ขึ้นเพื่อบรรจุอัฐิของหลวงพ่อเฟื่อง >> ** พระสถาพสวยมาก ผิงหิ้ง พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 260 มุมมอง 0 รีวิว
  • แหวนหัวเมฆพัตร หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี
    แหวนทองเหลืองหัวเมฆพัตร ( หัวแหวนเนื้อเมฆพัดผสมด้วยแร่เหล็กไหล ) ข้างนางกวัก-พระลีลา หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี //ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 ซม. // แหวนสถาพสวยมาก แหวนสถาพสมบูรณ์ หายาก พระไม่ถูกใช้ครับ >> รับประกันพระแท้ตลอดชีพ !!##//

    ** พุทธคุณเป็นแหวนที่ป้องกันคุณไสย สิ่งชั่วร้าย กันภัยอันตรายต่างๆ ป้องกันอันตรายแคล้วคลาดปลอดถัย คงกระพันชาตรี ให้โชคลาภ มหาเสน่ห์ (ถ้าแหวนหัวเมฆพัตรก็ต้องหลวงพ่ออิ่มเลยครับ) >>

    ** "เมฆพัตร" นั้น ตำราทางไสยศาสตร์เรียกว่า "โลหะธาตุกายสิทธิ์" เป็นโลหะที่สำเร็จขึ้นด้วยกรรมวิธีการนำเอา "แร่ธาตุ" บางชนิดมาหลอมรวมกันในเบ้าโดยมี "น้ำว่าน" บางชนิดเป็นส่วนผสม อีกทั้งมีการบริกรรมคาถาปลุกเสกไปตลอดของการหลอมผสมแร่ธาตุ และซัดด้วยน้ำว่านนี้ เมื่อสำเร็จออกมาจึงเป็นเนื้อโลหะที่มีความศักดิ์สิทธิ์ในตัว เมื่อนำมาสร้างวัตถุมงคลก็จะยิ่งมีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นไปอีกเป็นพิเศษ >>

    ** หลวงพ่ออิ่ม สิริปุญโญ แห่งวัดหัวเขา สุพรรณบุรี ปรมาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาอาคม และวิปัสสนากรรมฐาน พระเถราจารย์ร่วมยุคสมัยเดียวกับหลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า และ หลวงปู่บุญ แห่งสำนักวัดกลางบางแก้ว พระเถราจารย์ผู้โด่งดังและมีชื่อเสียงโจษย์ขานกันทั่วทั้งสยามประเทศในยุคพุทธศักราชนั้น ซึ่งหลวงพ่ออิ่มที่เป็นทั้งสหธรรมิก หรือเกี่ยวข้องเป็นศิษย์อาจารย์ ที่เข้าไปเรียนรู้แลกเปลี่ยนวิชากับพระเถระทั้งสองคณาจารย์ ซึ่งหาได้ยากยิ่งนักและแทบจะมีปรากฏไม่กี่รูป ที่ได้รับการถ่ายทอดแลกเปลี่ยนพุทธาคมแบบใกล้ชิด และถ้ารวมถึงหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง พระเถราจารย์ผู้เรื่องเวชอาคมแห่งพระนคร ซึ่งหลวงพ่ออิ่มท่านก็ได้ไปพบปะแลกเปลี่ยนด้านวิชาอาคม อยู่บ่อยครั้ง >>


    ** แหวนสถาพสวยมาก แหวนสถาพสมบูรณ์ หายาก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    แหวนหัวเมฆพัตร หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี แหวนทองเหลืองหัวเมฆพัตร ( หัวแหวนเนื้อเมฆพัดผสมด้วยแร่เหล็กไหล ) ข้างนางกวัก-พระลีลา หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี //ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 ซม. // แหวนสถาพสวยมาก แหวนสถาพสมบูรณ์ หายาก พระไม่ถูกใช้ครับ >> รับประกันพระแท้ตลอดชีพ !!##// ** พุทธคุณเป็นแหวนที่ป้องกันคุณไสย สิ่งชั่วร้าย กันภัยอันตรายต่างๆ ป้องกันอันตรายแคล้วคลาดปลอดถัย คงกระพันชาตรี ให้โชคลาภ มหาเสน่ห์ (ถ้าแหวนหัวเมฆพัตรก็ต้องหลวงพ่ออิ่มเลยครับ) >> ** "เมฆพัตร" นั้น ตำราทางไสยศาสตร์เรียกว่า "โลหะธาตุกายสิทธิ์" เป็นโลหะที่สำเร็จขึ้นด้วยกรรมวิธีการนำเอา "แร่ธาตุ" บางชนิดมาหลอมรวมกันในเบ้าโดยมี "น้ำว่าน" บางชนิดเป็นส่วนผสม อีกทั้งมีการบริกรรมคาถาปลุกเสกไปตลอดของการหลอมผสมแร่ธาตุ และซัดด้วยน้ำว่านนี้ เมื่อสำเร็จออกมาจึงเป็นเนื้อโลหะที่มีความศักดิ์สิทธิ์ในตัว เมื่อนำมาสร้างวัตถุมงคลก็จะยิ่งมีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นไปอีกเป็นพิเศษ >> ** หลวงพ่ออิ่ม สิริปุญโญ แห่งวัดหัวเขา สุพรรณบุรี ปรมาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาอาคม และวิปัสสนากรรมฐาน พระเถราจารย์ร่วมยุคสมัยเดียวกับหลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า และ หลวงปู่บุญ แห่งสำนักวัดกลางบางแก้ว พระเถราจารย์ผู้โด่งดังและมีชื่อเสียงโจษย์ขานกันทั่วทั้งสยามประเทศในยุคพุทธศักราชนั้น ซึ่งหลวงพ่ออิ่มที่เป็นทั้งสหธรรมิก หรือเกี่ยวข้องเป็นศิษย์อาจารย์ ที่เข้าไปเรียนรู้แลกเปลี่ยนวิชากับพระเถระทั้งสองคณาจารย์ ซึ่งหาได้ยากยิ่งนักและแทบจะมีปรากฏไม่กี่รูป ที่ได้รับการถ่ายทอดแลกเปลี่ยนพุทธาคมแบบใกล้ชิด และถ้ารวมถึงหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง พระเถราจารย์ผู้เรื่องเวชอาคมแห่งพระนคร ซึ่งหลวงพ่ออิ่มท่านก็ได้ไปพบปะแลกเปลี่ยนด้านวิชาอาคม อยู่บ่อยครั้ง >> ** แหวนสถาพสวยมาก แหวนสถาพสมบูรณ์ หายาก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 307 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ปฏิปทาเพื่อสิ้นอาสวะ ๔ แบบ
    สัทธรรมลำดับที่ : 1003
    ชื่อบทธรรม : -ปฏิปทาเพื่อสิ้นอาสวะ ๔ แบบ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1003
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ปฏิปทาเพื่อสิ้นอาสวะ ๔ แบบ
    --ภิกษุ ท. ! ปฏิปทา ๔ ประการเหล่านี้ มีอยู่; คือ
    http://etipitaka.com/read/pali/21/202/?keywords=จตสฺโส
    ปฏิบัติลำบาก รู้ได้ช้า ๑,
    ปฏิบัติลำบาก รู้ได้เร็ว ๑,
    ปฏิบัติสบาย รู้ได้ช้า ๑,
    ปฏิบัติสบาย รู้ได้เร็ว ๑.

    ก. แบบปฏิบัติลำบาก ประสพผลช้า
    --ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ
    เป็นผู้มีปกติเห็นความไม่งามในกาย
    มีสัญญาว่าปฏิกูลในอาหาร
    มีสัญญาในโลกทั้งปวงโดยความเป็นของไม่น่ายินดี
    เป็นผู้มีปกติตามเห็นความไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง
    มรณสัญญาก็เป็นสิ่งที่เขาตั้งไว้ดีแล้วในภายใน.
    +--ภิกษุนั้นเข้าไปอาศัยธรรมเป็นกำลังของพระเสขะ ๕ ประการเหล่านี้อยู่ คือ
    สัทธาพละ หิริพละ โอตตัปปพละ วิริยพละ ปัญญาพละ; แต่
    อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ของเธอนั้น ปรากฏว่าอ่อน คือ
    สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์.
    เพราะเหตุที่อินทรีย์ทั้งห้าเหล่านี้ยังอ่อน
    +--ภิกษุนั้นจึง บรรลุอนันตริยกิจ*--๑ เพื่อความสิ้น อาสวะได้ช้า
    http://etipitaka.com/read/pali/21/202/?keywords=อนนฺตริยํ+หิรีพลํ+โอตฺตปฺปพลํ+วิริยพลํ+ปญฺญาพลํ
    : ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า #ปฏิบัติลำบากรู้ได้ช้า.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/202/?keywords=ทุกฺขา+ปฏิปทา

    ข. แบบปฏิบัติลำบาก ประสพผลเร็ว
    --ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ เป็นผู้มีปกติเห็นความไม่งามในกาย
    มีสัญญาว่าปฏิกูลในอาหาร มีสัญญาในโลกทั้งปวงโดยความเป็นของไม่น่ายินดี
    เป็นผู้มีปกติตามเห็นความไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง
    มรณสัญญาก็เป็นสิ่งที่เขาตั้งไว้ดีแล้วในภายใน.
    +--ภิกษุนั้นเข้าไปอาศัยธรรมเป็นกำลังของพระเสขะ ๕ ประการเหล่านี้อยู่ คือ
    สัทธาพละ หิริพละ โอตตัปปพละ วิริยพละ ปัญญาพละ; แต่
    อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ของเธอนั้น ปรากฏว่ามีประมาณยิ่ง (แก่กล้า) คือ
    สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์.
    เพราะเหตุที่ อินทรีย์ทั้งห้าเหล่านี้มีประมาณยิ่ง
    +--ภิกษุนั้นจึง บรรลุอนันตริยกิจ*--๑ เพื่อความสิ้นอาสวะ ได้เร็ว
    : ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า #ปฏิบัติลำบากรู้ได้เร็ว.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/202/?keywords=ทุกฺขา+ปฏิปทา

    --ค. แบบปฏิบัติสบาย ประสพผลช้า
    --ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ เพราะสงัดจากกามและอกุศลธรรมทั้งหลาย
    จึงบรรลุปฐมฌาน . . . .
    ทุติยฌาน . . . .
    ตติยฌาน . . . .
    จตุตถฌาน...
    แล้วแลอยู่.
    +--ภิกษุนั้นเข้าไปอาศัยธรรมเป็นกำลังของพระเสขะ ๕ ประการเหล่านี้อยู่ คือ
    สัทธาพละ หิริพละ โอตตัปปพละ วิริยพละ ปัญญาพละ; แต่
    อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ของเธอนั้น ปรากฏว่าอ่อน คือ
    สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์.
    เพราะเหตุที่ อินทรีย์ทั้งห้าเหล่านี้ยังอ่อน
    +--ภิกษุนั้นจึง บรรลุอนันตริยกิจ*--๑ เพื่อความสิ้นอาสวะ ได้ช้า
    http://etipitaka.com/read/pali/21/203/?keywords=อนนฺตริยํ+หิรีพลํ+โอตฺตปฺปพลํ+วิริยพลํ+ปญฺญาพลํ
    : ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า #ปฏิบัติสบายรู้ได้ช้า.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/203/?keywords=สุขา+ปฏิปทา

    ง. แบบปฏิบัติสบาย ประสพผลเร็ว
    --ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ เพราะสงัดจากกามและอกุศลธรรมทั้งหลาย
    จึงบรรลุปฐมฌาน . . . .
    ทุติยฌาน . . . .
    ตติยฌาน . . . .
    จตุตถฌาน . . . .
    แล้วแลอยู่.
    +--ภิกษุนั้นเข้าไปอาศัยธรรมเป็นกำลังของพระเสขะ ๕ ประการเหล่านี้อยู่ คือ
    สัทธาพละ หิริพละ โอตตัปปพละ วิริยพละ ปัญญาพละ; แต่
    อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ของเธอนั้น ปรากฏว่ามีประมาณยิ่ง คือ
    สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์.
    เพราะเหตุที่อินทรีย์ทั้งห้าเหล่านี้มีประมาณยิ่ง
    +--ภิกษุนั้นจึง บรรลุอนันตริยกิจ*--๑ เพื่อความสิ้นอาสวะ ได้เร็ว
    http://etipitaka.com/read/pali/21/204/?keywords=อนนฺตริยํ+หิรีพลํ+โอตฺตปฺปพลํ+วิริยพลํ+ปญฺญาพลํ
    : ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า #ปฏิบัติสบายรู้ได้เร็ว.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/204/?keywords=สุขา+ปฏิปทา
    --ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล ปฏิปทา ๔ ประการ.-

    *--๑. อนันตริยกิจ คือสมถะและวิปัสสนา
    รวมกำลังกันทำหน้าที่ของอริยมรรค
    ตัดกิเลสบรรลุมรรคผลขึ้นไปตามลำดับจนถึงขั้นสูงสุด ไม่มีระยะว่างขั้น.

    ( บาลีนี้ แบ่งการปฏิบัติออกเป็น ๒ จำพวก
    1: พวกหนึ่ง ปฏิบัติลำบาก ยุ่งยาก อย่างที่เรียกว่าทุลักทุเล น่าหวาดเสียวปฏิกูล
    ไม่สะดวกสบาย ที่ระบุในสูตรนี้ว่าการตามเห็นความไม่งามในกาย เป็นต้น;
    2: ส่วนอีกจำพวกหนึ่ง นั้น เป็นการปฏิบัติที่เยือกเย็น เป็นสุขสบายไปแต่ต้นมือ
    ที่ระบุในสูตรนี้เรียกว่าเป็นการได้ฌานทั้งสี่; ต่างกันอยู่อย่างตรงกันข้าม.
    =: คนบางพวกเหมาะสำหรับระบบปฏิบัติลำบาก บางพวกเหมาะสำหรับระบบปฏิบัติสบาย
    แต่จะ ประสพผลเร็วหรือช้านั้น ขึ้นอยู่กับอินทรีย์ทั้งห้าของเขา
    ).

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/148/163.
    http://etipitaka.com/read/thai/21/148/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%93
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๐๒/๑๖๓.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/202/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%93
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1003
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=86&id=1003
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=86
    ลำดับสาธยายธรรม : 86 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_86.mp3
    อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ปฏิปทาเพื่อสิ้นอาสวะ ๔ แบบ สัทธรรมลำดับที่ : 1003 ชื่อบทธรรม : -ปฏิปทาเพื่อสิ้นอาสวะ ๔ แบบ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1003 เนื้อความทั้งหมด :- --ปฏิปทาเพื่อสิ้นอาสวะ ๔ แบบ --ภิกษุ ท. ! ปฏิปทา ๔ ประการเหล่านี้ มีอยู่; คือ http://etipitaka.com/read/pali/21/202/?keywords=จตสฺโส ปฏิบัติลำบาก รู้ได้ช้า ๑, ปฏิบัติลำบาก รู้ได้เร็ว ๑, ปฏิบัติสบาย รู้ได้ช้า ๑, ปฏิบัติสบาย รู้ได้เร็ว ๑. ก. แบบปฏิบัติลำบาก ประสพผลช้า --ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ เป็นผู้มีปกติเห็นความไม่งามในกาย มีสัญญาว่าปฏิกูลในอาหาร มีสัญญาในโลกทั้งปวงโดยความเป็นของไม่น่ายินดี เป็นผู้มีปกติตามเห็นความไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง มรณสัญญาก็เป็นสิ่งที่เขาตั้งไว้ดีแล้วในภายใน. +--ภิกษุนั้นเข้าไปอาศัยธรรมเป็นกำลังของพระเสขะ ๕ ประการเหล่านี้อยู่ คือ สัทธาพละ หิริพละ โอตตัปปพละ วิริยพละ ปัญญาพละ; แต่ อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ของเธอนั้น ปรากฏว่าอ่อน คือ สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์. เพราะเหตุที่อินทรีย์ทั้งห้าเหล่านี้ยังอ่อน +--ภิกษุนั้นจึง บรรลุอนันตริยกิจ*--๑ เพื่อความสิ้น อาสวะได้ช้า http://etipitaka.com/read/pali/21/202/?keywords=อนนฺตริยํ+หิรีพลํ+โอตฺตปฺปพลํ+วิริยพลํ+ปญฺญาพลํ : ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า #ปฏิบัติลำบากรู้ได้ช้า. http://etipitaka.com/read/pali/21/202/?keywords=ทุกฺขา+ปฏิปทา ข. แบบปฏิบัติลำบาก ประสพผลเร็ว --ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ เป็นผู้มีปกติเห็นความไม่งามในกาย มีสัญญาว่าปฏิกูลในอาหาร มีสัญญาในโลกทั้งปวงโดยความเป็นของไม่น่ายินดี เป็นผู้มีปกติตามเห็นความไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง มรณสัญญาก็เป็นสิ่งที่เขาตั้งไว้ดีแล้วในภายใน. +--ภิกษุนั้นเข้าไปอาศัยธรรมเป็นกำลังของพระเสขะ ๕ ประการเหล่านี้อยู่ คือ สัทธาพละ หิริพละ โอตตัปปพละ วิริยพละ ปัญญาพละ; แต่ อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ของเธอนั้น ปรากฏว่ามีประมาณยิ่ง (แก่กล้า) คือ สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์. เพราะเหตุที่ อินทรีย์ทั้งห้าเหล่านี้มีประมาณยิ่ง +--ภิกษุนั้นจึง บรรลุอนันตริยกิจ*--๑ เพื่อความสิ้นอาสวะ ได้เร็ว : ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า #ปฏิบัติลำบากรู้ได้เร็ว. http://etipitaka.com/read/pali/21/202/?keywords=ทุกฺขา+ปฏิปทา --ค. แบบปฏิบัติสบาย ประสพผลช้า --ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ เพราะสงัดจากกามและอกุศลธรรมทั้งหลาย จึงบรรลุปฐมฌาน . . . . ทุติยฌาน . . . . ตติยฌาน . . . . จตุตถฌาน... แล้วแลอยู่. +--ภิกษุนั้นเข้าไปอาศัยธรรมเป็นกำลังของพระเสขะ ๕ ประการเหล่านี้อยู่ คือ สัทธาพละ หิริพละ โอตตัปปพละ วิริยพละ ปัญญาพละ; แต่ อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ของเธอนั้น ปรากฏว่าอ่อน คือ สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์. เพราะเหตุที่ อินทรีย์ทั้งห้าเหล่านี้ยังอ่อน +--ภิกษุนั้นจึง บรรลุอนันตริยกิจ*--๑ เพื่อความสิ้นอาสวะ ได้ช้า http://etipitaka.com/read/pali/21/203/?keywords=อนนฺตริยํ+หิรีพลํ+โอตฺตปฺปพลํ+วิริยพลํ+ปญฺญาพลํ : ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า #ปฏิบัติสบายรู้ได้ช้า. http://etipitaka.com/read/pali/21/203/?keywords=สุขา+ปฏิปทา ง. แบบปฏิบัติสบาย ประสพผลเร็ว --ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ เพราะสงัดจากกามและอกุศลธรรมทั้งหลาย จึงบรรลุปฐมฌาน . . . . ทุติยฌาน . . . . ตติยฌาน . . . . จตุตถฌาน . . . . แล้วแลอยู่. +--ภิกษุนั้นเข้าไปอาศัยธรรมเป็นกำลังของพระเสขะ ๕ ประการเหล่านี้อยู่ คือ สัทธาพละ หิริพละ โอตตัปปพละ วิริยพละ ปัญญาพละ; แต่ อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ของเธอนั้น ปรากฏว่ามีประมาณยิ่ง คือ สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์. เพราะเหตุที่อินทรีย์ทั้งห้าเหล่านี้มีประมาณยิ่ง +--ภิกษุนั้นจึง บรรลุอนันตริยกิจ*--๑ เพื่อความสิ้นอาสวะ ได้เร็ว http://etipitaka.com/read/pali/21/204/?keywords=อนนฺตริยํ+หิรีพลํ+โอตฺตปฺปพลํ+วิริยพลํ+ปญฺญาพลํ : ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า #ปฏิบัติสบายรู้ได้เร็ว. http://etipitaka.com/read/pali/21/204/?keywords=สุขา+ปฏิปทา --ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล ปฏิปทา ๔ ประการ.- *--๑. อนันตริยกิจ คือสมถะและวิปัสสนา รวมกำลังกันทำหน้าที่ของอริยมรรค ตัดกิเลสบรรลุมรรคผลขึ้นไปตามลำดับจนถึงขั้นสูงสุด ไม่มีระยะว่างขั้น. ( บาลีนี้ แบ่งการปฏิบัติออกเป็น ๒ จำพวก 1: พวกหนึ่ง ปฏิบัติลำบาก ยุ่งยาก อย่างที่เรียกว่าทุลักทุเล น่าหวาดเสียวปฏิกูล ไม่สะดวกสบาย ที่ระบุในสูตรนี้ว่าการตามเห็นความไม่งามในกาย เป็นต้น; 2: ส่วนอีกจำพวกหนึ่ง นั้น เป็นการปฏิบัติที่เยือกเย็น เป็นสุขสบายไปแต่ต้นมือ ที่ระบุในสูตรนี้เรียกว่าเป็นการได้ฌานทั้งสี่; ต่างกันอยู่อย่างตรงกันข้าม. =: คนบางพวกเหมาะสำหรับระบบปฏิบัติลำบาก บางพวกเหมาะสำหรับระบบปฏิบัติสบาย แต่จะ ประสพผลเร็วหรือช้านั้น ขึ้นอยู่กับอินทรีย์ทั้งห้าของเขา ). #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/148/163. http://etipitaka.com/read/thai/21/148/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%93 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๐๒/๑๖๓. http://etipitaka.com/read/pali/21/202/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%93 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1003 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=86&id=1003 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=86 ลำดับสาธยายธรรม : 86 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_86.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ปฏิปทาเพื่อสิ้นอาสวะ ๔ แบบ
    -ปฏิปทาเพื่อสิ้นอาสวะ ๔ แบบ ภิกษุ ท. ! ปฏิปทา ๔ ประการเหล่านี้ มีอยู่; คือ ปฏิบัติลำบาก รู้ได้ช้า ๑, ปฏิบัติลำบาก รู้ได้เร็ว ๑, ปฏิบัติสบาย รู้ได้ช้า ๑, ปฏิบัติสบาย รู้ได้เร็ว ๑. ก. แบบปฏิบัติลำบาก ประสพผลช้า ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ เป็นผู้มีปกติเห็นความไม่งามในกาย มีสัญญาว่าปฏิกูลในอาหาร มีสัญญาในโลกทั้งปวงโดยความเป็นของไม่น่ายินดี เป็นผู้มีปกติตามเห็นความไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง มรณสัญญาก็เป็นสิ่งที่เขาตั้งไว้ดีแล้วใน ภายใน. ภิกษุนั้นเข้าไปอาศัยธรรมเป็นกำลังของพระเสขะ ๕ ประการเหล่านี้อยู่ คือ สัทธาพละ หิริพละ โอตตัปปพละ วิริยพละ ปัญญาพละ; แต่ อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ของเธอนั้น ปรากฏว่าอ่อน คือ สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์. เพราะเหตุที่อินทรีย์ทั้งห้าเหล่านี้ยังอ่อน ภิกษุนั้นจึง บรรลุอนันตริยกิจ๑ เพื่อความสิ้น อาสวะได้ช้า : ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า ปฏิบัติลำบาก รู้ได้ช้า. ข. แบบปฏิบัติลำบาก ประสพผลเร็ว ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ เป็นผู้มีปกติเห็นความไม่งามในกาย มีสัญญาว่าปฏิกูลในอาหาร มีสัญญาในโลกทั้งปวงโดยความเป็นของไม่น่ายินดี เป็นผู้มีปกติตามเห็นความไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง มรณสัญญาก็เป็นสิ่งที่เขาตั้งไว้ดีแล้วในภายใน. ภิกษุนั้นเข้าไปอาศัยธรรมเป็นกำลังของพระเสขะ ๕ ประการเหล่านี้อยู่ คือ สัทธาพละ หิริพละ โอตตัปปพละ วิริยพละ ปัญญาพละ; แต่ อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ของเธอนั้น ปรากฏว่ามีประมาณยิ่ง (แก่กล้า) คือ สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์. เพราะเหตุที่ อินทรีย์ทั้งห้าเหล่านี้มีประมาณยิ่ง ภิกษุนั้นจึง บรรลุอนันตริยกิจ เพื่อความสิ้นอาสวะ ได้เร็ว : ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า ปฏิบัติลำบาก รู้ได้เร็ว. ค. แบบปฏิบัติสบาย ประสพผลช้า ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ เพราะสงัดจากกามและอกุศลธรรมทั้งหลาย จึงบรรลุปฐมฌาน . . . . ทุติยฌาน . . . . ตติยฌาน . . . . จตุตถฌาน ๑. อนันตริยกิจ คือสมถะและวิปัสสนา รวมกำลังกันทำหน้าที่ของอริยมรรค ตัดกิเลสบรรลุมรรคผลขึ้นไปตามลำดับจนถึงขั้นสูงสุด ไม่มีระยะว่างขั้น. ( มีรายละเอียดดังที่แสดงแล้วในที่ทั่วไป ) แล้วแลอยู่. ภิกษุนั้นเข้าไปอาศัยธรรมเป็นกำลังของพระเสขะ ๕ ประการเหล่านี้อยู่ คือ สัทธาพละ หิริพละ โอตตัปปพละ วิริยพละ ปัญญาพละ; แต่ อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ของเธอนั้น ปรากฏว่าอ่อน คือสัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์. เพราะเหตุที่ อินทรีย์ทั้งห้าเหล่านี้ยังอ่อน ภิกษุนั้นจึง บรรลุอนันตริยกิจ เพื่อความสิ้นอาสวะ ได้ช้า : ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า ปฏิบัติสบาย รู้ได้ช้า. ง. แบบปฏิบัติสบาย ประสพผลเร็ว ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ เพราะสงัดจากกามและอกุศลธรรมทั้งหลาย จึงบรรลุปฐมฌาน . . . . ทุติยฌาน . . . . ตติยฌาน . . . . จตุตถฌาน . . . . แล้วแลอยู่. ภิกษุนั้นเข้าไปอาศัยธรรมเป็นกำลังของพระเสขะ ๕ ประการเหล่านี้อยู่ คือสัทธาพละ หิริพละ โอตตัปปพละ วิริยพละ ปัญญาพละ; แต่ อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ของเธอนั้น ปรากฏว่ามีประมาณยิ่ง คือสัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์. เพราะเหตุที่อินทรีย์ทั้งห้าเหล่านี้มีประมาณยิ่ง ภิกษุนั้นจึง บรรลุอนันตริยกิจ เพื่อความสิ้นอาสวะ ได้เร็ว : ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า ปฏิบัติสบาย รู้ได้เร็ว. ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล ปฏิปทา ๔ ประการ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 488 มุมมอง 0 รีวิว
  • เทพเจ้าโชคลาภ หลวงพ่อผัน วัดทรายขาว จ.สงขลา
    เทพเจ้าโชคลาภ (เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย) เนื้อผงพุทธคุณลงบรอนทอง หลวงพ่อผัน วัดทรายขาว จ.สงขลา //พระดีพิธีใหญ๋ เทพแห่งความร่ำรวย ที่จะให้โชคลาภด้านเงินทองกับคุณ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายาก พระไม่ถูกใช้ครับ >> รับประกันพระแท้ตลอดชีพ !!##//

    ** พุทธคุณแห่งความร่ำรวย ความมั่งคั่งและการได้รับโชคลาภด้านเงินทอง ทำให้กิจการเจริญรุ่งเรือง มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ประสบความสำเร็จในทุกๆด้าน อีกทั้ง ยังช่วยดลบันดาลและช่วยเหลือให้ได้มีโชคลาภตลอดจนความโชคดี >>>

    ** หลวงพ่อผัน หรือ พ่อท่านผัน ปสันโน พระเถระที่สำคัญอีกรูปแห่งเมืองสงขลา เป็นพระสงฆ์ที่เคร่งในพระธรรมวินัย ร่วมกับพระรุ่นเดียวกัน ฝึกวิปัสสนากัมมัฏฐาน เพื่อกำหนดจิตให้สงบที่ป่าช้าบ้านทรายขาว พ่อท่านผัน เป็นศิษย์สายตรงสืบทอดวิทยาคมจากหลวงพ่อภัทร วัดโคกสูง จ.สงขลา, หลวงพ่อหมุ่น วัดเขาแดงตะวันออก จ.พัทลุง, พระภัทรกรโกวิท หรือเจ้าคุณเนื่อง วัดนาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของหลวงปู่ทิม และ พ่อท่านนอง วัดทรายขาว >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เทพเจ้าโชคลาภ หลวงพ่อผัน วัดทรายขาว จ.สงขลา เทพเจ้าโชคลาภ (เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย) เนื้อผงพุทธคุณลงบรอนทอง หลวงพ่อผัน วัดทรายขาว จ.สงขลา //พระดีพิธีใหญ๋ เทพแห่งความร่ำรวย ที่จะให้โชคลาภด้านเงินทองกับคุณ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายาก พระไม่ถูกใช้ครับ >> รับประกันพระแท้ตลอดชีพ !!##// ** พุทธคุณแห่งความร่ำรวย ความมั่งคั่งและการได้รับโชคลาภด้านเงินทอง ทำให้กิจการเจริญรุ่งเรือง มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ประสบความสำเร็จในทุกๆด้าน อีกทั้ง ยังช่วยดลบันดาลและช่วยเหลือให้ได้มีโชคลาภตลอดจนความโชคดี >>> ** หลวงพ่อผัน หรือ พ่อท่านผัน ปสันโน พระเถระที่สำคัญอีกรูปแห่งเมืองสงขลา เป็นพระสงฆ์ที่เคร่งในพระธรรมวินัย ร่วมกับพระรุ่นเดียวกัน ฝึกวิปัสสนากัมมัฏฐาน เพื่อกำหนดจิตให้สงบที่ป่าช้าบ้านทรายขาว พ่อท่านผัน เป็นศิษย์สายตรงสืบทอดวิทยาคมจากหลวงพ่อภัทร วัดโคกสูง จ.สงขลา, หลวงพ่อหมุ่น วัดเขาแดงตะวันออก จ.พัทลุง, พระภัทรกรโกวิท หรือเจ้าคุณเนื่อง วัดนาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของหลวงปู่ทิม และ พ่อท่านนอง วัดทรายขาว >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 337 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษาอัฏฐังคิกมรรคเป็นการทำกิจแห่งอริยสัจสี่พร้อมกันไปในตัว
    สัทธรรมลำดับที่ : 997
    ชื่อบทธรรม :- อัฏฐังคิกมรรคชนิดที่เจริญแล้ว-ทำกิจแห่งอริยสัจสี่พร้อมกันไปในตัว
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=997
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --หมวด ง. ว่าด้วย การทำหน้าที่ของมรรค
    --อัฏฐังคิกมรรคชนิดที่เจริญแล้ว-ทำกิจแห่งอริยสัจสี่พร้อมกันไปในตัว
    --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนเรือนรับรองแขก มีอยู่. ณ เรือนนั้น มีแขก
    มาจากทิศตะวันออก พักอาศัยอยู่บ้าง
    มาจากทิศตะวันตกพักอาศัยอยู่บ้าง
    มาจากทิศเหนือพักอาศัยอยู่บ้าง
    มาจากทิศใต้พักอาศัยอยู่บ้าง
    มีแขกวรรณะกษัตริย์มาพักอยู่ก็มี
    มีแขกวรรณะพราหมณ์มาพักอยู่ก็มี
    มีแขกวรรณะแพศย์มาพักอยู่ก็มี
    มีแขกวรรณะศูทรมาพักอยู่ก็มี
    (ในเรือนหลังเดียวพักกันอยู่ได้ถึงสี่วรรณะ จากสี่ทิศ ดังนี้), นี้ฉันใด;
    --ภิกษุ ท. ! ข้อนี้ก็ฉันนั้น กล่าวคือ ภิกษุเมื่อเจริญทำให้มากอยู่ซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรค :-
    +--ย่อม กำหนดรู้ ซึ่งธรรมอันพึงกำหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่งได้ ;
    +--ย่อม ละ ซึ่งธรรมอันพึงละด้วยปัญญาอันยิ่งได้ ;
    +--ย่อม ทำให้แจ้ง ซึ่งธรรมอันพึงทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งได้ ;
    +--ย่อม ทำให้เจริญ ซึ่งธรรมอันพึงทำให้เจริญด้วยปัญญาอันยิ่งได้.
    (หมายความว่า ในการเจริญอริยมรรคเพียงอย่างเดียวนั้น
    ย่อมมี การกระทำ และ ผลแห่งการกระทำ รวมอยู่ถึงสี่อย่าง
    เช่นเดียวกับเรือนหลังเดียวมีคนพักรวมอยู่ ๔ พวก, ฉันใดก็ฉันนั้น).
    --ภิกษุ ท. ! ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็น ธรรมอันพึงกำหนดรู้ ด้วยปัญญาอันยิ่ง ?
    คำตอบพึงมีว่า ปัญจุปาทานขันธ์;
    กล่าวคือ
    ขันธ์เป็นที่ยึดมั่นคือ รูป,
    ขันธ์เป็นที่ยึดมั่นคือ เวทนา,
    ขันธ์เป็นที่ยึดมั่นคือ สัญญา,
    ขันธ์เป็นที่ยึดมั่นคือ สังขาร,
    ขันธ์เป็นที่ยึดมั่นคือ วิญญาณ.
    --ภิกษุ ท. ! ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็น
    #ธรรมอันพึงละ ด้วยปัญญาอันยิ่ง ?
    คำตอบพึงมีว่า อวิชชา และ ภวตัณหา.
    --ภิกษุ ท. ! ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็น
    #ธรรมอันพึงทำให้แจ้ง ด้วยปัญญาอันยิ่ง ?
    คำตอบพึงมีว่า วิชชา และ วิมุตติ.
    --ภิกษุ ท. ! ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็น
    #ธรรมอันพึงทำให้เจริญ ด้วยปัญญาอันยิ่ง ?
    คำตอบพึงมีว่า สมถะ และ วิปัสสนา.
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อภิกษุ เจริญทำให้มากซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรคอยู่ อย่างไรเล่า
    (จึงจะ มีผล ๔ ประการนั้น) ?
    --ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุย่อมเจริญ
    สัมมาทิฏฐิ . . . . สัมมาสังกัปปะ . . . .
    สัมมาวาจา . . . . สัมมากัมมันตะ . . . . สัมมาอาชีวะ . . . .
    สัมมาวายามะ . . . . สัมมาสติ . . . . สัมมาสมาธิ
    ชนิดที่
    มีวิเวกอาศัยแล้ว มีวิราคะอาศัยแล้ว มีนิโรธอาศัยแล้ว มีปกติน้อมไปเพื่อการสลัดลง.
    --ภิกษุ ท. ! #เมื่อภิกษุเจริญทำให้มากซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรคอยู่ อย่างนี้แล
    (จึงมีผล ๔ ประการนั้น).-

    (----+
    ธรรม ๔ อย่างในสูตรนี้ เรียงลำดับไว้เป็น
    ธรรมที่ควรกำหนดรู้ ควรละ ควรทำให้แจ้ง ควรทำให้เจริญ
    ตรงกับหลักธรรมดาทั่วๆไป ของอริยสัจสี่;
    แต่มีสูตรอื่น (อุปริ. ม. ๑๔/๕๒๔/๘๒๙) เรียงลำดับไว้เป็นอย่างอื่น คือ
    ธรรมที่ควรกำหนดรู้ ควรละ ควรทำให้เจริญ ควรทำให้แจ้ง,
    ดังนี้ก็มี;
    ---อุปริ. ม. ๑๔/๕๒๔/๘๒๙
    http://etipitaka.com/read/pali/14/524/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%92%E0%B9%99
    แต่ก็ยังคงเป็นอริยสัจสี่ได้อยู่นั่นเอง ไม่มีผลเป็นการขัดแย้งกันแต่ประการใด.
    +--พระบาลีในสูตรนี้ แสดงลักษณะของอริยอัฏฐังคิกมรรคไว้เป็น
    วิเวกนิสฺสิต วิราคนิสฺสิต นิโรธนิสฺสิต โวสฺสคฺคปริณามี;
    มีสูตรอื่นๆแสดงลักษณะของอริยอัฏฐังคิกมรรคในกรณีเช่นนี้ แปลกออกไปเป็น
    ราควินยปริโยสาน : มีการนำออกซึ่งราคะเป็นปริโยสาน,
    โทสวินยปริโยสาน : มีการนำออกซึ่งโทสะเป็นปริโยสาน,
    โมหวินยปริโยสาน : มีการนำออกซึ่งโมหะเป็นปริโยสาน (๑๙/๖๙/๒๖๗);
    ---สํยุตฺต. ม. ๑๙/๖๙/๒๖๗
    http://etipitaka.com/read/pali/19/69/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%96%E0%B9%97
    อมโตคธ : หยั่งลงสู่อมตะ,
    อมตปรายน : มีเบื้องหน้าเป็นอมตะ,
    อมตปริโยสาน : มีอมตะเป็นปริโยสาน (๑๙/๖๙/๒๖๙);
    ---สํยุตฺต. ม. ๑๙/๖๙/๒๖๙
    http://etipitaka.com/read/pali/19/69/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%96%E0%B9%99
    นิพฺพานนินฺน : เอียงไปสู่นิพพาน,
    นิพฺพานโปณ : โน้มไปสู่นิพพาน,
    นิพฺพานปพฺภาร : เงื้อมไปสู่นิพพาน (๑๙/๗๐/๒๗๑) ; ดังนี้ก็มี ;
    ---สํยุตฺต. ม. ๑๙/๗๐/๒๗๑
    http://etipitaka.com/read/pali/19/70/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97%E0%B9%91
    แม้โดยพยัญชนะจะต่างกัน แต่ก็มุ่งไปยังความหมายอย่างเดียวกัน.
    +--ข้อควรสังเกตอีกอย่างหนึ่งก็คือ
    วัตถุแห่งกิจของอริยสัจในสูตรนี้
    แสดงไว้ต่างจากสูตรที่รู้กันอยู่ทั่วไป, คือสูตรทั่วๆไป
    วัตถุแห่งการกำหนดรู้ แสดงไว้ด้วย ความทุกข์ทุกชนิด
    สูตรนี้แสดงไว้ด้วย ปัญจุปาทานขันธ์เท่านั้น;
    วัตถุแห่งการละ สูตรทั่วๆไปแสดงไว้ด้วย ตัณหาสาม
    สูตรนี้แสดงไว้ด้วย อวิชชาและภวตัณหา;
    วัตถุแห่งการทำให้แจ้ง สูตรทั่วๆไปแสดงไว้ด้วย การดับแห่งตัณหา
    สูตรนี้แสดงไว้ด้วย วิชชาและวิมุตติ;
    วัตถุแห่งการทำให้เจริญ สูตรทั่วๆไปแสดงไว้ด้วย อริยอัฏฐังคิกมรรค
    ส่วนในสูตรนี้แสดงไว้ด้วย สมถะและวิปัสสนา.
    +--ถ้าผู้ศึกษาเข้าใจความหมายของคำที่แสดงไว้แต่ละฝ่ายอย่างทั่วถึงแล้ว
    ก็จะเห็นได้ว่าไม่ขัดขวางอะไรกัน
    +----).

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/76-77/290-295.
    http://etipitaka.com/read/thai/19/76/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%90
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๗๗-๗๘/๒๙๐-๒๙๕.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/77/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%90
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=997
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=86&id=997
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=86
    ลำดับสาธยายธรรม : 86 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_86.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษาอัฏฐังคิกมรรคเป็นการทำกิจแห่งอริยสัจสี่พร้อมกันไปในตัว สัทธรรมลำดับที่ : 997 ชื่อบทธรรม :- อัฏฐังคิกมรรคชนิดที่เจริญแล้ว-ทำกิจแห่งอริยสัจสี่พร้อมกันไปในตัว https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=997 เนื้อความทั้งหมด :- --หมวด ง. ว่าด้วย การทำหน้าที่ของมรรค --อัฏฐังคิกมรรคชนิดที่เจริญแล้ว-ทำกิจแห่งอริยสัจสี่พร้อมกันไปในตัว --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนเรือนรับรองแขก มีอยู่. ณ เรือนนั้น มีแขก มาจากทิศตะวันออก พักอาศัยอยู่บ้าง มาจากทิศตะวันตกพักอาศัยอยู่บ้าง มาจากทิศเหนือพักอาศัยอยู่บ้าง มาจากทิศใต้พักอาศัยอยู่บ้าง มีแขกวรรณะกษัตริย์มาพักอยู่ก็มี มีแขกวรรณะพราหมณ์มาพักอยู่ก็มี มีแขกวรรณะแพศย์มาพักอยู่ก็มี มีแขกวรรณะศูทรมาพักอยู่ก็มี (ในเรือนหลังเดียวพักกันอยู่ได้ถึงสี่วรรณะ จากสี่ทิศ ดังนี้), นี้ฉันใด; --ภิกษุ ท. ! ข้อนี้ก็ฉันนั้น กล่าวคือ ภิกษุเมื่อเจริญทำให้มากอยู่ซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรค :- +--ย่อม กำหนดรู้ ซึ่งธรรมอันพึงกำหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่งได้ ; +--ย่อม ละ ซึ่งธรรมอันพึงละด้วยปัญญาอันยิ่งได้ ; +--ย่อม ทำให้แจ้ง ซึ่งธรรมอันพึงทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งได้ ; +--ย่อม ทำให้เจริญ ซึ่งธรรมอันพึงทำให้เจริญด้วยปัญญาอันยิ่งได้. (หมายความว่า ในการเจริญอริยมรรคเพียงอย่างเดียวนั้น ย่อมมี การกระทำ และ ผลแห่งการกระทำ รวมอยู่ถึงสี่อย่าง เช่นเดียวกับเรือนหลังเดียวมีคนพักรวมอยู่ ๔ พวก, ฉันใดก็ฉันนั้น). --ภิกษุ ท. ! ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็น ธรรมอันพึงกำหนดรู้ ด้วยปัญญาอันยิ่ง ? คำตอบพึงมีว่า ปัญจุปาทานขันธ์; กล่าวคือ ขันธ์เป็นที่ยึดมั่นคือ รูป, ขันธ์เป็นที่ยึดมั่นคือ เวทนา, ขันธ์เป็นที่ยึดมั่นคือ สัญญา, ขันธ์เป็นที่ยึดมั่นคือ สังขาร, ขันธ์เป็นที่ยึดมั่นคือ วิญญาณ. --ภิกษุ ท. ! ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็น #ธรรมอันพึงละ ด้วยปัญญาอันยิ่ง ? คำตอบพึงมีว่า อวิชชา และ ภวตัณหา. --ภิกษุ ท. ! ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็น #ธรรมอันพึงทำให้แจ้ง ด้วยปัญญาอันยิ่ง ? คำตอบพึงมีว่า วิชชา และ วิมุตติ. --ภิกษุ ท. ! ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็น #ธรรมอันพึงทำให้เจริญ ด้วยปัญญาอันยิ่ง ? คำตอบพึงมีว่า สมถะ และ วิปัสสนา. --ภิกษุ ท. ! เมื่อภิกษุ เจริญทำให้มากซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรคอยู่ อย่างไรเล่า (จึงจะ มีผล ๔ ประการนั้น) ? --ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุย่อมเจริญ สัมมาทิฏฐิ . . . . สัมมาสังกัปปะ . . . . สัมมาวาจา . . . . สัมมากัมมันตะ . . . . สัมมาอาชีวะ . . . . สัมมาวายามะ . . . . สัมมาสติ . . . . สัมมาสมาธิ ชนิดที่ มีวิเวกอาศัยแล้ว มีวิราคะอาศัยแล้ว มีนิโรธอาศัยแล้ว มีปกติน้อมไปเพื่อการสลัดลง. --ภิกษุ ท. ! #เมื่อภิกษุเจริญทำให้มากซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรคอยู่ อย่างนี้แล (จึงมีผล ๔ ประการนั้น).- (----+ ธรรม ๔ อย่างในสูตรนี้ เรียงลำดับไว้เป็น ธรรมที่ควรกำหนดรู้ ควรละ ควรทำให้แจ้ง ควรทำให้เจริญ ตรงกับหลักธรรมดาทั่วๆไป ของอริยสัจสี่; แต่มีสูตรอื่น (อุปริ. ม. ๑๔/๕๒๔/๘๒๙) เรียงลำดับไว้เป็นอย่างอื่น คือ ธรรมที่ควรกำหนดรู้ ควรละ ควรทำให้เจริญ ควรทำให้แจ้ง, ดังนี้ก็มี; ---อุปริ. ม. ๑๔/๕๒๔/๘๒๙ http://etipitaka.com/read/pali/14/524/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%92%E0%B9%99 แต่ก็ยังคงเป็นอริยสัจสี่ได้อยู่นั่นเอง ไม่มีผลเป็นการขัดแย้งกันแต่ประการใด. +--พระบาลีในสูตรนี้ แสดงลักษณะของอริยอัฏฐังคิกมรรคไว้เป็น วิเวกนิสฺสิต วิราคนิสฺสิต นิโรธนิสฺสิต โวสฺสคฺคปริณามี; มีสูตรอื่นๆแสดงลักษณะของอริยอัฏฐังคิกมรรคในกรณีเช่นนี้ แปลกออกไปเป็น ราควินยปริโยสาน : มีการนำออกซึ่งราคะเป็นปริโยสาน, โทสวินยปริโยสาน : มีการนำออกซึ่งโทสะเป็นปริโยสาน, โมหวินยปริโยสาน : มีการนำออกซึ่งโมหะเป็นปริโยสาน (๑๙/๖๙/๒๖๗); ---สํยุตฺต. ม. ๑๙/๖๙/๒๖๗ http://etipitaka.com/read/pali/19/69/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%96%E0%B9%97 อมโตคธ : หยั่งลงสู่อมตะ, อมตปรายน : มีเบื้องหน้าเป็นอมตะ, อมตปริโยสาน : มีอมตะเป็นปริโยสาน (๑๙/๖๙/๒๖๙); ---สํยุตฺต. ม. ๑๙/๖๙/๒๖๙ http://etipitaka.com/read/pali/19/69/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%96%E0%B9%99 นิพฺพานนินฺน : เอียงไปสู่นิพพาน, นิพฺพานโปณ : โน้มไปสู่นิพพาน, นิพฺพานปพฺภาร : เงื้อมไปสู่นิพพาน (๑๙/๗๐/๒๗๑) ; ดังนี้ก็มี ; ---สํยุตฺต. ม. ๑๙/๗๐/๒๗๑ http://etipitaka.com/read/pali/19/70/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97%E0%B9%91 แม้โดยพยัญชนะจะต่างกัน แต่ก็มุ่งไปยังความหมายอย่างเดียวกัน. +--ข้อควรสังเกตอีกอย่างหนึ่งก็คือ วัตถุแห่งกิจของอริยสัจในสูตรนี้ แสดงไว้ต่างจากสูตรที่รู้กันอยู่ทั่วไป, คือสูตรทั่วๆไป วัตถุแห่งการกำหนดรู้ แสดงไว้ด้วย ความทุกข์ทุกชนิด สูตรนี้แสดงไว้ด้วย ปัญจุปาทานขันธ์เท่านั้น; วัตถุแห่งการละ สูตรทั่วๆไปแสดงไว้ด้วย ตัณหาสาม สูตรนี้แสดงไว้ด้วย อวิชชาและภวตัณหา; วัตถุแห่งการทำให้แจ้ง สูตรทั่วๆไปแสดงไว้ด้วย การดับแห่งตัณหา สูตรนี้แสดงไว้ด้วย วิชชาและวิมุตติ; วัตถุแห่งการทำให้เจริญ สูตรทั่วๆไปแสดงไว้ด้วย อริยอัฏฐังคิกมรรค ส่วนในสูตรนี้แสดงไว้ด้วย สมถะและวิปัสสนา. +--ถ้าผู้ศึกษาเข้าใจความหมายของคำที่แสดงไว้แต่ละฝ่ายอย่างทั่วถึงแล้ว ก็จะเห็นได้ว่าไม่ขัดขวางอะไรกัน +----). #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/76-77/290-295. http://etipitaka.com/read/thai/19/76/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๗๗-๗๘/๒๙๐-๒๙๕. http://etipitaka.com/read/pali/19/77/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%90 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=997 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=86&id=997 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=86 ลำดับสาธยายธรรม : 86 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_86.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - หมวด ง. ว่าด้วย การทำหน้าที่ของมรรค-อัฏฐังคิกมรรคชนิดที่เจริญแล้ว-ทำกิจแห่งอริยสัจสี่พร้อมกันไปในตัว
    -(ข้อนี้หมายความว่า เมื่อมีการปฏิบัติอยู่อย่างนี้ ผลย่อมเกิดขึ้นเป็นการน้อมไปเพื่อนิพพานอยู่ในตัวโดยไม่ต้องเจตนา เหมือนแม่ไก่ฟักไข่อย่างดีแล้ว ลูกไก่ย่อมออกมาเป็นตัวโดยที่แม่ไก่ไม่ต้องเจตนาให้ออกมา, ฉันใดก็ฉันนั้น. ขอให้พิจารณาดูให้ดี จงทุกคนเถิด). หมวด ง. ว่าด้วย การทำหน้าที่ของมรรค อัฏฐังคิกมรรคชนิดที่เจริญแล้ว ทำกิจแห่งอริยสัจสี่พร้อมกันไปในตัว ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนเรือนรับรองแขก มีอยู่. ณ เรือนนั้น มีแขกมาจากทิศตะวันออก พักอาศัยอยู่บ้าง มาจากทิศตะวันตกพักอาศัยอยู่บ้าง มาจากทิศเหนือพักอาศัยอยู่บ้าง มาจากทิศใต้พักอาศัยอยู่บ้าง มีแขกวรรณะกษัตริย์มาพักอยู่ก็มี มีแขกวรรณะพราหมณ์มาพักอยู่ก็มี มีแขกวรรณะแพศย์มาพักอยู่ก็มี มีแขกวรรณะศูทรมาพักอยู่ก็มี (ในเรือนหลังเดียวพักกันอยู่ได้ถึงสี่วรรณะ จากสี่ทิศ ดังนี้), นี้ฉันใด; ภิกษุ ท. ! ข้อนี้ก็ฉันนั้น กล่าวคือ ภิกษุเมื่อเจริญทำให้มากอยู่ซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรค : ย่อม กำหนดรู้ ซึ่งธรรมอันพึงกำหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่งได้ ; ย่อม ละ ซึ่งธรรมอันพึงละด้วยปัญญาอันยิ่งได้ ; ย่อม ทำให้แจ้ง ซึ่งธรรมอันพึงทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งได้ ; ย่อม ทำให้เจริญ ซึ่งธรรมอันพึงทำให้เจริญด้วยปัญญาอันยิ่งได้. (หมายความว่า ในการเจริญอริยมรรคเพียงอย่างเดียวนั้น ย่อมมี การกระทำ และ ผลแห่งการกระทำ รวมอยู่ถึงสี่อย่าง เช่นเดียวกับเรือนหลังเดียวมีคนพักรวมอยู่ ๔ พวก, ฉันใดก็ฉันนั้น). ภิกษุ ท. ! ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็น ธรรมอันพึงกำหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง ? คำตอบพึงมีว่า ปัญจุปาทานขันธ์; กล่าวคือ ขันธ์เป็นที่ยึดมั่นคือ รูป, ขันธ์เป็นที่ยึดมั่นคือ เวทนา, ขันธ์เป็นที่ยึดมั่นคือ สัญญา, ขันธ์เป็นที่ยึดมั่นคือ สังขาร, ขันธ์เป็นที่ยึดมั่นคือ วิญญาณ. ภิกษุ ท. ! ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็น ธรรมอันพึงละด้วยปัญญาอันยิ่ง ? คำตอบพึงมีว่า อวิชชา และ ภวตัณหา. ภิกษุ ท. ! ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็น ธรรมอันพึงทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่ง ? คำตอบพึงมีว่า วิชชา และ วิมุตติ. ภิกษุ ท. ! ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็น ธรรมอันพึงทำให้เจริญด้วยปัญญาอันยิ่ง ? คำตอบพึงมีว่า สมถะ และ วิปัสสนา. ภิกษุ ท. ! เมื่อภิกษุ เจริญทำให้มากซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรคอยู่ อย่างไรเล่า (จึงจะ มีผล ๔ ประการนั้น) ? ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ . . . . สัมมาสังกัปปะ . . . . สัมมาวาจา . . . . สัมมากัมมันตะ . . . . สัมมาอาชีวะ . . . . สัมมาวายามะ . . . . สัมมาสติ . . . . สัมมาสมาธิ ชนิดที่ มีวิเวกอาศัยแล้ว มีวิราคะอาศัยแล้ว มีนิโรธอาศัยแล้ว มีปกติน้อมไปเพื่อการสลัดลง. ภิกษุ ท. ! เมื่อภิกษุเจริญทำให้มากซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรคอยู่ อย่างนี้แล (จึงมีผล ๔ ประการนั้น).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 414 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ปฏิปทาเพื่อละโอรัมภาคิยสังโยชน์ก็คือมรรค
    สัทธรรมลำดับที่ : 995
    ชื่อบทธรรม : -ปฏิปทาเพื่อละโอรัมภาคิยสังโยชน์ก็คือมรรค
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=995
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ปฏิปทาเพื่อละโอรัมภาคิยสังโยชน์ก็คือมรรค
    --อานนท์ ! มรรคใด ปฏิปทาใด เป็นไปเพื่อละเสียซึ่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้า มีอยู่;
    การที่บุคคลจะไม่อาศัย ซึ่งมรรคนั้น ซึ่งปฏิปทานั้น
    แล้วจักรู้จักเห็นหรือว่าจักละ ซึ่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้านั้น : นั้นไม่ใช่ฐานะที่จะมีได้ ;
    เช่นเดียวกับการที่บุคคลไม่ถากเปือก ไม่ถากกระพี้ ของต้นไม้ใหญ่มีแก่นยืนต้นอยู่
    เสียก่อน แล้วจักไปถากเอาแก่นนั้น : นั่นไม่เป็น ฐานะที่จะมีได้, ฉันใดก็ฉันนั้น.

    --อานนท์ ! มรรค และ ปฏิปทา เพื่อละเสียซึ่งโอรัมภาคิย สังโยชน์ห้า
    นั้นเป็นอย่างไรเล่า ?
    --อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้
    เพราะสงัดจากอุปธิ เพราะละเสียซึ่งอกุศลธรรมทั้งหลาย
    เพราะความระงับเฉพาะแห่งความหยาบกระด้างทางกายโดยประการทั้งปวง
    ก็สงัดจากกามทั้งหลาย สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย เข้าถึงปฐมฌาน
    อันมีวิตกวิจาร มีปิติและสุขอันเกิดจากวิเวก แล้วแลอยู่.
    ในปฐมฌานนั้น มีธรรมคือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ (ที่กำลังทำหน้าที่อยู่) ;
    เธอนั้น ตามเห็นธรรมซึ่งธรรมเหล่านั้น
    โดยความเป็นของไม่เที่ยง โดยความเป็นทุกข์
    เป็นโรค เป็นหัวฝี เป็นลูกศร เป็นความยากลำบาก เป็นอาพาธ
    เป็นดังผู้อื่น (ให้ยืมมา) เป็นของแตกสลาย เป็นของว่าง เป็นของไม่ใช่ตน.
    เธอดำรงจิตด้วยธรรม (คือขันธ์ทั้งห้า) เหล่านั้น
    (อันประกอบด้วยลักษณะ ๑๑ ประการ มีอนิจจลักษณะเป็นต้น)
    แล้วจึง น้อมจิตไปสู่อมตธาตุ (คือนิพพานธาตุ)
    ด้วยการกำหนดว่า “นั่นสงบระงับ นั่นประณีต
    : นั่นคือธรรมชาติเป็นที่สงบระงับแห่งสังขารทั้งปวง
    เป็นที่สลัดคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา
    เป็นความจางคลาย เป็นความดับ เป็นนิพพาน”
    ดังนี้.
    เขาดำรงอยู่ในวิปัสสนาญาณมีปฐมฌานเป็นบาทนั้น
    ย่อม ถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะ;
    ถ้าไม่ถึงความสิ้นไปแห่ง อาสวะ ก็เป็นโอปปาติกะอนาคามี
    ผู้ปรินิพพานในภพนั้น มีการไม่เวียนกลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา
    เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์มีในเบื้องต่ำห้าประการ
    และเพราะอำนาจแห่ง ธัมมราคะ ธัมมนันทิ (อันเกิดจากการกำหนดจิตในอมตธาตุ) นั้น ๆ นั่นเอง.
    --อานนท์ ! แม้นี้แล ก็เป็นมรรค เป็นปฏิปทา เพื่อละเสียซึ่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้านั้น.

    --อานนท์ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ภิกษุ เพราะความเข้าไปสงบระงับเสียได้ซึ่งวิตกและวิจาร จึง เข้าถึงทุติยฌาน
    เป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น
    ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุข อันเกิดจากสมาธิ แล้วแลอยู่.
    .... ฯลฯ(เปยยาล)​....
    (ข้อความตรงที่ละเปยยาลไว้นี้ มีเนื้อความเต็มเหมือนในตอนที่กล่าวถึงปฐมฌานข้างต้นนั้น ทุกตัวอักษร แปลกแต่คำว่าปฐมฌานเป็นทุติยฌานเท่านั้น
    แม้ข้อความที่ละเปยยาล ไว้ในตอนตติยฌานและจตุตถฌาน
    ก็พึงทราบโดยนัยนี้ ผู้ศึกษาพึงเติมให้เต็มเอาเอง ; จนกระทั่งถึงข้อความว่า )
    ....
    --อานนท์ ! แม้นี้แล ก็เป็นมรรค เป็นปฏิปทา เพื่อละเสียซึ่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้านั้น.
    --อานนท์ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ภิกษุ เพราะความจางคลายไปแห่งปิติ ย่อมเป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติและสัมปชัญญะ
    และย่อมเสวยความสุขด้วยนามกายชนิดที่พระอริยเจ้าทั้งหลาย
    ย่อมกล่าวสรรเสริญผู้นั้นว่า “เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติอยู่เป็นปรกติสุข” ดังนี้
    $เข้าถึงตติยฌาน แล้วแลอยู่.
    .... ฯลฯ ....
    ( มีเนื้อ ความเต็มดุจในตอนปฐมฌาน )
    ....
    --อานนท์ ! แม้นี้แล ก็เป็นมรรค เป็นปฏิปทา เพื่อละเสียซึ่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้านั้น.
    --อานนท์ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ภิกษุ เพราะละสุข เสียได้ และเพราะละทุกข์เสียได้
    เพราะ ความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสทั้งสอง ในกาลก่อน เข้าถึงจตุตถฌาน
    ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข มีแต่ความมีสติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่.
    .... ฯลฯ....
    ( มีเนื้อความเต็มดุจในตอนปฐมฌาน )
    ....
    อานนท์ ! แม้นี้แล ก็เป็นมรรค เป็นปฏิปทา เพื่อละเสียซึ่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้านั้น.
    --อานนท์ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ภิกษุ เพราะก้าวล่วงรูปสัญญา เสียได้โดยประการทั้งปวง
    เพราะความดับไปแห่งปฏิฆสัญญา เพราะการไม่ใส่ใจซึ่งนานัตตสัญญา
    จึง เข้าถึงอากาสานัญจายตนะ
    อันมีการทำในใจว่า อากาศไม่มีที่สุด ดังนี้ แล้วแลอยู่.
    ในอากาสานัญจายตนะนั้น มีธรรม คือเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    ( ที่กำลังทำหน้าที่อยู่ ) *--๑ ;
    เธอนั้น ตามเห็นซึ่งธรรมเหล่านั้นโดยความเป็นของไม่เที่ยง
    โดยความเป็นทุกข์ เป็นโรค เป็นหัวฝี เป็นลูกศร เป็นความยากลำบาก เป็นอาพาธ
    เป็นดังผู้อื่น (ให้ยืมมา) เป็นของแตกสลาย เป็นของว่าง เป็นของไม่ใช่ตน
    เธอดำรงจิตด้วยธรรม (คือขันธ์เพียงสี่)
    เหล่านั้น (อันประกอบด้วยลักษณะ ๑๑ ประการ มีอนิจจลักษณะเป็นต้น )
    แล้วจึง น้อมจิตไปสู่อมตธาตุ (คือนิพพาน)
    ด้วยการกำหนดว่า
    “นั่นสงบระงับ นั่นประณีต
    : นั่นคือธรรมชาติเป็นที่สงบระงับแห่งสังขารทั้งปวง
    เป็นที่สลัดคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา
    เป็นความจางคลาย เป็นความดับ เป็นนิพพาน”
    ดังนี้.
    เธอดำรงอยู่ในวิปัสสนาญาณมีอากาสานัญจายตนะเป็นบาทนั้น
    ย่อม ถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะ ;
    ถ้าไม่ถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะ ก็เป็น โอปปาติกะอนาคามี
    ผู้ปรินิพพานในภพนั้น มีการไม่เวียนกลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา
    เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์ มีในเบื้องต่ำห้าประการ
    และเพราะอำนาจแห่ง ธัมมราคะ ธัมมนันทิ (อันเกิดจากการกำหนดจิตในอมตธาตุ) นั้นๆนั่นเอง.
    -- อานนท์ ! แม้นี้แล ก็เป็นมรรค เป็นปฏิปทา เพื่อละเสียซึ่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้านั้น.
    --อานนท์ ! ข้ออื่นยังมีอีก :
    ภิกษุ เพราะผ่านพ้นอากาสานัญจายตนะ โดยประการทั้งปวงเสียแล้ว
    จึง เข้าถึงวิญญาณัญจายตนะ อันมีการทำในใจว่า “วิญญาณไม่มีที่สิ้นสุด” แล้วแลอยู่.
    . . . . ฯลฯ . . . .
    (ข้อความตรงละเปยยาลไว้นี้
    มีข้อความที่ตรัสไว้เหมือนในตอนที่ตรัสถึงเรื่องอากาสานัญจายตนะข้างบนนี้ ทุกตัวอักษร แปลกแต่เปลี่ยนจากอากาสานัญจายตนะ มาเป็นวิญญาณัญจายตนะเท่านั้น
    แม้ในตอนอากิญจัญญายตนะที่ละไว้ ก็พึงทราบโดยนัยนี้, จนกระทั่งถึงข้อความว่า)
    . . . .
    --อานนท์ ! แม้นี้แล ก็เป็นมรรค เป็นปฏิปทา เพื่อละเสียซึ่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้านั้น.

    --อานนท์ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ภิกษุ เพราะผ่านพ้นวิญญาณัญจายตนะ
    โดยประการทั้งปวงเสียแล้ว จึง $เข้าถึงอากิญจัญญายตนะ อันมีการทำในใจว่า
    “อะไรๆไม่มี” ดังนี้ แล้วแลอยู่.
    . . . . ฯลฯ . . . .
    (มีเนื้อความเต็มดุจในตอนอากาสานัญจายตนะ)
    . . . .
    --อานนท์ ! แม้นี้แล ก็เป็นมรรค เป็นปฏิปทา เพื่อละเสียซึ่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้านั้น.-

    (สรุปความว่า มรรคหรือปฏิปทานี้ ละโอรัมภาคิยสังโยชน์ได้
    เพราะการเห็น อนิจจตา กระทั่งถึง อนัตตา รวมเป็น ๑๑ ลักษณะ
    ในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    อันปรากฏอยู่ในขณะแห่งรูปฌานทั้งสี่ แต่ละฌาณๆ;
    และเห็นธรรม ๑๑ อย่างนั้นอย่างเดียวกัน
    ใน เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    อันปรากฏอยู่ในขณะแห่งอรูปฌานสามข้างต้น แต่ละฌาณๆ
    เว้นเนวสัญญานาสัญญายตนะ;
    นับว่าเป็นธรรมที่ละเอียดสุขุมที่สุด.
    ผู้ศึกษาพึงใคร่ครวญให้เป็นอย่างดีตรงที่ว่า มีขันธ์ห้า หรือ ขันธ์สี่
    อยู่ที่จิตในขณะที่มีฌาน ดังนี้
    ).

    *--๑. ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็นว่า ในพวกรูปฌานมีขันธ์ครบห้า;
    ส่วนในอรูปฌานมีขันธ์เพียงสี่ คือขาดรูปขันธ์ไป.

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ม. ม. 13/125-129/156-158.
    http://etipitaka.com/read/thai/13/125/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%95%E0%B9%96
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ม. ม. ๑๓/๑๕๗-๑๖๑/๑๕๖-๑๕๘.
    http://etipitaka.com/read/pali/13/157/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%95%E0%B9%96
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=995
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=85&id=995
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=85
    ลำดับสาธยายธรรม : 85 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_85.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ปฏิปทาเพื่อละโอรัมภาคิยสังโยชน์ก็คือมรรค สัทธรรมลำดับที่ : 995 ชื่อบทธรรม : -ปฏิปทาเพื่อละโอรัมภาคิยสังโยชน์ก็คือมรรค https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=995 เนื้อความทั้งหมด :- --ปฏิปทาเพื่อละโอรัมภาคิยสังโยชน์ก็คือมรรค --อานนท์ ! มรรคใด ปฏิปทาใด เป็นไปเพื่อละเสียซึ่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้า มีอยู่; การที่บุคคลจะไม่อาศัย ซึ่งมรรคนั้น ซึ่งปฏิปทานั้น แล้วจักรู้จักเห็นหรือว่าจักละ ซึ่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้านั้น : นั้นไม่ใช่ฐานะที่จะมีได้ ; เช่นเดียวกับการที่บุคคลไม่ถากเปือก ไม่ถากกระพี้ ของต้นไม้ใหญ่มีแก่นยืนต้นอยู่ เสียก่อน แล้วจักไปถากเอาแก่นนั้น : นั่นไม่เป็น ฐานะที่จะมีได้, ฉันใดก็ฉันนั้น. --อานนท์ ! มรรค และ ปฏิปทา เพื่อละเสียซึ่งโอรัมภาคิย สังโยชน์ห้า นั้นเป็นอย่างไรเล่า ? --อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ เพราะสงัดจากอุปธิ เพราะละเสียซึ่งอกุศลธรรมทั้งหลาย เพราะความระงับเฉพาะแห่งความหยาบกระด้างทางกายโดยประการทั้งปวง ก็สงัดจากกามทั้งหลาย สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย เข้าถึงปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปิติและสุขอันเกิดจากวิเวก แล้วแลอยู่. ในปฐมฌานนั้น มีธรรมคือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ (ที่กำลังทำหน้าที่อยู่) ; เธอนั้น ตามเห็นธรรมซึ่งธรรมเหล่านั้น โดยความเป็นของไม่เที่ยง โดยความเป็นทุกข์ เป็นโรค เป็นหัวฝี เป็นลูกศร เป็นความยากลำบาก เป็นอาพาธ เป็นดังผู้อื่น (ให้ยืมมา) เป็นของแตกสลาย เป็นของว่าง เป็นของไม่ใช่ตน. เธอดำรงจิตด้วยธรรม (คือขันธ์ทั้งห้า) เหล่านั้น (อันประกอบด้วยลักษณะ ๑๑ ประการ มีอนิจจลักษณะเป็นต้น) แล้วจึง น้อมจิตไปสู่อมตธาตุ (คือนิพพานธาตุ) ด้วยการกำหนดว่า “นั่นสงบระงับ นั่นประณีต : นั่นคือธรรมชาติเป็นที่สงบระงับแห่งสังขารทั้งปวง เป็นที่สลัดคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา เป็นความจางคลาย เป็นความดับ เป็นนิพพาน” ดังนี้. เขาดำรงอยู่ในวิปัสสนาญาณมีปฐมฌานเป็นบาทนั้น ย่อม ถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะ; ถ้าไม่ถึงความสิ้นไปแห่ง อาสวะ ก็เป็นโอปปาติกะอนาคามี ผู้ปรินิพพานในภพนั้น มีการไม่เวียนกลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์มีในเบื้องต่ำห้าประการ และเพราะอำนาจแห่ง ธัมมราคะ ธัมมนันทิ (อันเกิดจากการกำหนดจิตในอมตธาตุ) นั้น ๆ นั่นเอง. --อานนท์ ! แม้นี้แล ก็เป็นมรรค เป็นปฏิปทา เพื่อละเสียซึ่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้านั้น. --อานนท์ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะความเข้าไปสงบระงับเสียได้ซึ่งวิตกและวิจาร จึง เข้าถึงทุติยฌาน เป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุข อันเกิดจากสมาธิ แล้วแลอยู่. .... ฯลฯ(เปยยาล)​.... (ข้อความตรงที่ละเปยยาลไว้นี้ มีเนื้อความเต็มเหมือนในตอนที่กล่าวถึงปฐมฌานข้างต้นนั้น ทุกตัวอักษร แปลกแต่คำว่าปฐมฌานเป็นทุติยฌานเท่านั้น แม้ข้อความที่ละเปยยาล ไว้ในตอนตติยฌานและจตุตถฌาน ก็พึงทราบโดยนัยนี้ ผู้ศึกษาพึงเติมให้เต็มเอาเอง ; จนกระทั่งถึงข้อความว่า ) .... --อานนท์ ! แม้นี้แล ก็เป็นมรรค เป็นปฏิปทา เพื่อละเสียซึ่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้านั้น. --อานนท์ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะความจางคลายไปแห่งปิติ ย่อมเป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติและสัมปชัญญะ และย่อมเสวยความสุขด้วยนามกายชนิดที่พระอริยเจ้าทั้งหลาย ย่อมกล่าวสรรเสริญผู้นั้นว่า “เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติอยู่เป็นปรกติสุข” ดังนี้ $เข้าถึงตติยฌาน แล้วแลอยู่. .... ฯลฯ .... ( มีเนื้อ ความเต็มดุจในตอนปฐมฌาน ) .... --อานนท์ ! แม้นี้แล ก็เป็นมรรค เป็นปฏิปทา เพื่อละเสียซึ่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้านั้น. --อานนท์ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะละสุข เสียได้ และเพราะละทุกข์เสียได้ เพราะ ความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสทั้งสอง ในกาลก่อน เข้าถึงจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข มีแต่ความมีสติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่. .... ฯลฯ.... ( มีเนื้อความเต็มดุจในตอนปฐมฌาน ) .... อานนท์ ! แม้นี้แล ก็เป็นมรรค เป็นปฏิปทา เพื่อละเสียซึ่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้านั้น. --อานนท์ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะก้าวล่วงรูปสัญญา เสียได้โดยประการทั้งปวง เพราะความดับไปแห่งปฏิฆสัญญา เพราะการไม่ใส่ใจซึ่งนานัตตสัญญา จึง เข้าถึงอากาสานัญจายตนะ อันมีการทำในใจว่า อากาศไม่มีที่สุด ดังนี้ แล้วแลอยู่. ในอากาสานัญจายตนะนั้น มีธรรม คือเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ( ที่กำลังทำหน้าที่อยู่ ) *--๑ ; เธอนั้น ตามเห็นซึ่งธรรมเหล่านั้นโดยความเป็นของไม่เที่ยง โดยความเป็นทุกข์ เป็นโรค เป็นหัวฝี เป็นลูกศร เป็นความยากลำบาก เป็นอาพาธ เป็นดังผู้อื่น (ให้ยืมมา) เป็นของแตกสลาย เป็นของว่าง เป็นของไม่ใช่ตน เธอดำรงจิตด้วยธรรม (คือขันธ์เพียงสี่) เหล่านั้น (อันประกอบด้วยลักษณะ ๑๑ ประการ มีอนิจจลักษณะเป็นต้น ) แล้วจึง น้อมจิตไปสู่อมตธาตุ (คือนิพพาน) ด้วยการกำหนดว่า “นั่นสงบระงับ นั่นประณีต : นั่นคือธรรมชาติเป็นที่สงบระงับแห่งสังขารทั้งปวง เป็นที่สลัดคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา เป็นความจางคลาย เป็นความดับ เป็นนิพพาน” ดังนี้. เธอดำรงอยู่ในวิปัสสนาญาณมีอากาสานัญจายตนะเป็นบาทนั้น ย่อม ถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะ ; ถ้าไม่ถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะ ก็เป็น โอปปาติกะอนาคามี ผู้ปรินิพพานในภพนั้น มีการไม่เวียนกลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์ มีในเบื้องต่ำห้าประการ และเพราะอำนาจแห่ง ธัมมราคะ ธัมมนันทิ (อันเกิดจากการกำหนดจิตในอมตธาตุ) นั้นๆนั่นเอง. -- อานนท์ ! แม้นี้แล ก็เป็นมรรค เป็นปฏิปทา เพื่อละเสียซึ่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้านั้น. --อานนท์ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะผ่านพ้นอากาสานัญจายตนะ โดยประการทั้งปวงเสียแล้ว จึง เข้าถึงวิญญาณัญจายตนะ อันมีการทำในใจว่า “วิญญาณไม่มีที่สิ้นสุด” แล้วแลอยู่. . . . . ฯลฯ . . . . (ข้อความตรงละเปยยาลไว้นี้ มีข้อความที่ตรัสไว้เหมือนในตอนที่ตรัสถึงเรื่องอากาสานัญจายตนะข้างบนนี้ ทุกตัวอักษร แปลกแต่เปลี่ยนจากอากาสานัญจายตนะ มาเป็นวิญญาณัญจายตนะเท่านั้น แม้ในตอนอากิญจัญญายตนะที่ละไว้ ก็พึงทราบโดยนัยนี้, จนกระทั่งถึงข้อความว่า) . . . . --อานนท์ ! แม้นี้แล ก็เป็นมรรค เป็นปฏิปทา เพื่อละเสียซึ่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้านั้น. --อานนท์ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะผ่านพ้นวิญญาณัญจายตนะ โดยประการทั้งปวงเสียแล้ว จึง $เข้าถึงอากิญจัญญายตนะ อันมีการทำในใจว่า “อะไรๆไม่มี” ดังนี้ แล้วแลอยู่. . . . . ฯลฯ . . . . (มีเนื้อความเต็มดุจในตอนอากาสานัญจายตนะ) . . . . --อานนท์ ! แม้นี้แล ก็เป็นมรรค เป็นปฏิปทา เพื่อละเสียซึ่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้านั้น.- (สรุปความว่า มรรคหรือปฏิปทานี้ ละโอรัมภาคิยสังโยชน์ได้ เพราะการเห็น อนิจจตา กระทั่งถึง อนัตตา รวมเป็น ๑๑ ลักษณะ ในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันปรากฏอยู่ในขณะแห่งรูปฌานทั้งสี่ แต่ละฌาณๆ; และเห็นธรรม ๑๑ อย่างนั้นอย่างเดียวกัน ใน เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันปรากฏอยู่ในขณะแห่งอรูปฌานสามข้างต้น แต่ละฌาณๆ เว้นเนวสัญญานาสัญญายตนะ; นับว่าเป็นธรรมที่ละเอียดสุขุมที่สุด. ผู้ศึกษาพึงใคร่ครวญให้เป็นอย่างดีตรงที่ว่า มีขันธ์ห้า หรือ ขันธ์สี่ อยู่ที่จิตในขณะที่มีฌาน ดังนี้ ). *--๑. ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็นว่า ในพวกรูปฌานมีขันธ์ครบห้า; ส่วนในอรูปฌานมีขันธ์เพียงสี่ คือขาดรูปขันธ์ไป. #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ม. ม. 13/125-129/156-158. http://etipitaka.com/read/thai/13/125/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%95%E0%B9%96 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ม. ม. ๑๓/๑๕๗-๑๖๑/๑๕๖-๑๕๘. http://etipitaka.com/read/pali/13/157/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%95%E0%B9%96 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=995 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=85&id=995 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=85 ลำดับสาธยายธรรม : 85 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_85.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ปฏิปทาเพื่อละโอรัมภาคิยสังโยชน์ก็คือมรรค
    -ปฏิปทาเพื่อละโอรัมภาคิยสังโยชน์ก็คือมรรค อานนท์ ! มรรคใด ปฏิปทาใด เป็นไปเพื่อละเสียซึ่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้า มีอยู่; การที่บุคคลจะไม่อาศัย ซึ่งมรรคนั้น ซึ่งปฏิปทานั้น แล้ว จักรู้จักเห็นหรือว่าจักละ ซึ่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้านั้น : นั้นไม่ใช่ฐานะที่จะมีได้ ; เช่นเดียวกับการที่บุคคลไม่ถากเปือก ไม่ถากกระพี้ ของต้นไม้ใหญ่มีแก่นยืนต้นอยู่ เสียก่อน แล้วจักไปถากเอาแก่นนั้น : นั่นไม่เป็น ฐานะที่จะมีได้, ฉันใดก็ฉันนั้น. ...... อานนท์ ! มรรค และ ปฏิปทา เพื่อละเสียซึ่งโอรัมภาคิย สังโยชน์ห้า นั้นเป็นอย่างไรเล่า ? อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ เพราะสงัดจากอุปธิ เพราะละเสียซึ่งอกุศลธรรมทั้งหลาย เพราะความระงับเฉพาะแห่งความหยาบกระด้างทางกายโดยประการทั้งปวง ก็สงัดจากกามทั้งหลาย สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย เข้าถึงปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปิติและสุขอันเกิดจากวิเวก แล้วแลอยู่. ในปฐมฌานนั้น มีธรรมคือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ (ที่กำลังทำหน้าที่อยู่) ; เธอนั้น ตามเห็นธรรมซึ่งธรรมเหล่านั้น โดยความเป็นของไม่เที่ยง โดยความเป็นทุกข์ เป็นโรค เป็นหัวฝี เป็นลูกศร เป็นความยากลำบาก เป็นอาพาธ เป็นดังผู้อื่น (ให้ยืมมา) เป็นของแตกสลาย เป็นของว่าง เป็นของไม่ใช่ตน. เธอดำรงจิตด้วยธรรม (คือขันธ์ทั้งห้า) เหล่านั้น (อันประกอบด้วยลักษณะ ๑๑ ประการ มีอนิจจลักษณะเป็นต้น) แล้วจึง น้อมจิตไปสู่อมตธาตุ (คือนิพพาน) ด้วยการกำหนดว่า “นั่นสงบระงับ นั่นประณีต : นั่นคือธรรมชาติเป็นที่สงบระงับแห่งสังขารทั้งปวง เป็นที่สลัดคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา เป็นความจางคลาย เป็นความดับ เป็นนิพพาน” ดังนี้. เขาดำรงอยู่ในวิปัสสนาญาณมีปฐมฌานเป็นบาทนั้น ย่อม ถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะ; ถ้าไม่ถึงความสิ้นไปแห่ง อาสวะ ก็เป็น โอปปาติกะ อนาคามี ผู้ปรินิพพานในภพนั้น มีการไม่เวียน กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์มีในเบื้องต่ำห้าประการ และเพราะอำนาจแห่งธัมมราคะ ธัมมนันทิ (อันเกิดจากการกำหนดจิตในอมตธาตุ) นั้น ๆ นั่นเอง. อานนท์ ! แม้นี้แล ก็เป็นมรรค เป็นปฏิปทา เพื่อละเสียซึ่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้านั้น. อานนท์ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะความเข้าไปสงบระงับเสียได้ซึ่งวิตกและวิจาร จึง เข้าถึงทุติยฌาน เป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุข อันเกิดจากสมาธิ แล้วแลอยู่. .... ฯลฯ .... (ข้อความตรงที่ละเปยยาลไว้นี้ มีเนื้อความเต็มเหมือนในตอนที่กล่าวถึงปฐมฌานข้างบนนั้น ทุกตัวอักษร แปลกแต่คำว่าปฐมฌานเป็นทุติยฌานเท่านั้น แม้ข้อความที่ละเปยยาลไว้ในตอนตติยฌานและจตุตถฌาน ก็พึงทราบโดยนัยนี้ ผู้ศึกษาพึงเติมให้เต็มเอาเอง ; จนกระทั่งถึงข้อความว่า ) .... อานนท์ ! แม้นี้แล ก็เป็นมรรค เป็นปฏิปทา เพื่อละเสียซึ่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้านั้น. อานนท์ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะความจางคลายไปแห่งปิติ ย่อมเป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติและสัมปชัญญะ และย่อมเสวยความสุขด้วยนามกายชนิดที่พระอริยเจ้าทั้งหลาย ย่อมกล่าวสรรเสริญผู้นั้นว่า “เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติอยู่เป็นปรกติสุข” ดังนี้ เข้าถึงตติยฌาน แล้วแลอยู่. .... ฯลฯ .... ( มีเนื้อ ความเต็มดุจในตอนปฐมฌาน ) .... อานนท์ ! แม้นี้แล ก็เป็นมรรค เป็นปฏิปทา เพื่อละเสียซึ่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้านั้น. อานนท์ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะละสุข เสียได้ และเพราะละทุกข์เสียได้ เพราะ ความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสทั้งสอง ในกาลก่อนเข้าถึงจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข มีแต่ความมีสติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่. .... ฯลฯ.... ( มีเนื้อความเต็มดุจในตอนปฐมฌาน ) .... อานนท์ ! แม้นี้แล ก็เป็นมรรค เป็นปฏิปทา เพื่อละเสียซึ่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้านั้น. อานนท์ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะก้าวล่วงรูปสัญญา เสียได้โดยประการทั้งปวง เพราะความดับไปแห่งปฏิฆสัญญา เพราะการไม่ใส่ใจซึ่งนานัตตสัญญา จึง เข้าถึงอากาสานัญจายตนะ อันมีการทำในใจว่า อากาศไม่มีที่สุด ดังนี้ แล้วแลอยู่. ในอากาสานัญจายตนะนั้น มีธรรม คือเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ( ที่กำลังทำหน้าที่อยู่ ) ๑ ; เธอนั้น ตามเห็นซึ่งธรรมเหล่านั้นโดยความเป็นของไม่เที่ยง โดยความเป็นทุกข์ เป็นโรค เป็นหัวฝี เป็นลูกศร เป็นความยากลำบาก เป็นอาพาธ เป็นดังผู้อื่น (ให้ยืมมา) เป็นของแตกสลาย เป็นของว่าง เป็นของไม่ใช่ตน เธอดำรงจิตด้วยธรรม (คือขันธ์เพียงสี่) เหล่านั้น (อันประกอบด้วยลักษณะ ๑๑ ประการ มีอนิจจลักษณะเป็นต้น ) แล้วจึง น้อมจิตไปสู่อมตธาตุ (คือนิพพาน) ด้วยการกำหนดว่า “นั่นสงบระงับ นั่นประณีต : นั่นคือธรรมชาติเป็นที่สงบระงับแห่งสังขารทั้งปวง เป็นที่สลัดคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา เป็นความจางคลาย เป็นความดับ เป็นนิพพาน” ดังนี้. เธอดำรงอยู่ในวิปัสสนาญาณมีอากาสานัญจายตนะเป็นบาทนั้น ย่อม ถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะ ; ถ้าไม่ถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะ ก็เป็น โอปปาติกะ อนาคามี ๑. ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็นว่า ในพวกรูปฌานมีขันธ์ครบห้า; ส่วนในอรูปฌานมีขันธ์เพียงสี่ คือขาดรูปขันธ์ไป. ผู้ปรินิพพานในภพนั้น มีการไม่เวียนกลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์ มีในเบื้องต่ำห้าประการ และเพราะอำนาจแห่งธัมมราคะธัมมนันทิ (อันเกิดจากการกำหนดจิตในอมตธาตุ) นั้นๆนั่นเอง. อานนท์ ! แม้นี้แล ก็เป็นมรรค เป็นปฏิปทา เพื่อละเสียซึ่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้านั้น. อานนท์ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะผ่านพ้นอากาสานัญจายตนะ โดยประการทั้งปวงเสียแล้ว จึงเข้าถึง วิญญาณัญจายตนะ อันมีการทำในใจว่า “วิญญาณไม่มีที่สิ้นสุด” แล้วแลอยู่. . . . . ฯลฯ . . . . (ข้อความตรงละเปยยาลไว้นี้ มีข้อความที่ตรัสไว้เหมือนในตอนที่ตรัสถึงเรื่องอากาสานัญจายตนะข้างบนนี้ ทุกตัวอักษร แปลกแต่เปลี่ยนจากอากาสานัญจายตนะ มาเป็นวิญญาณัญจายตนะเท่านั้น แม้ในตอนอากิญจัญญายตนะที่ละไว้ ก็พึงทราบโดยนัยนี้, จนกระทั่งถึงข้อความว่า) . . . . อานนท์ ! แม้นี้แล ก็เป็นมรรค เป็นปฏิปทา เพื่อละเสียซึ่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้านั้น. อานนท์ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะผ่านพ้นวิญญาณัญจายตนะ โดยประการทั้งปวงเสียแล้ว จึงเข้าถึง อากิญจัญญายตนะ อันมีการทำในใจว่า “อะไรๆไม่มี” ดังนี้ แล้วแลอยู่. . . . . ฯลฯ . . . . (มีเนื้อความเต็มดุจในตอนอากาสานัญจายตนะ) . . . . อานนท์ ! แม้นี้แล ก็เป็นมรรค เป็นปฏิปทา เพื่อละเสียซึ่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้านั้น.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 469 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระผงโภคทรัพย์หลวงพ่อเกษม วัดม่วง จ.อ่างทอง
    พระผงโภคทรัพย์ หลวงพ่อเกษม วัดม่วง จ.อ่างทอง // ยอดพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากองค์หนึ่งแห่งเมืองอ่างทอง และเป็นเคารพนับถือและเป็นที่รู้จักของประชาชนมากที่สุดองค์หนึ่ง // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณเข้มขลัง เรียกเงิน บันดาลโชคลาภ ค้าขายดี โภคทรัพย์ รับโชค รับทรัพย์ เมตตามหานิยม ส่งเสริมความรักความเมตตา เป็นมหาโภคทรัพย์เจริญในโชคลาภ แคล้วคลาดปลอดภัย ป้องกันภูติผีวิญญาณร้าย >>

    ** หลวงพ่อเกษม วัดม่วง จ.อ่างทอง ยอดพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากองค์หนึ่งแห่งเมืองอ่างทอง และเป็นเคารพนับถือและเป็นที่รู้จักของประชาชนมากที่สุดองค์หนึ่ง ท่านได้อุปสมบท ณ วัดนางใน โดยมีหลวงพ่อชม เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านเป็นพระที่เคร่งครัดพระธรรมวินัยและมีความชำนาญด้านวิปัสสนากรรมฐาน และยังเป็นผู้ชำนาญด้านเทศนาปาฐกถาอีกด้วย และท่านยังชอบจาริกธุดงธ์ทั้งใกล้และไกล เมื่อวันที่8ธ.ค.2525 ท่านได้ธุดงค์มา ณ สถานที่นี้และได้ปักกลดเห็นว่าบริเวณนี้เคยเป็นวัดร้าง เป็นสถานที่เงียบสงบน่าปฏิบัติธรรมยิ่งนัก และมีอยู่คืนหนึ่งขณะปฏิบัติธรรมได้ปรากฏนิมิตเห็นองค์หลวงปู่ขาวและหลวงปู่แดง มาบอกว่าให้ท่านช่วยบูรณะก่อสร้างวัดม่วงขึ้นมาใหม่ จึงเป็นจุดเริ่มต้น ตั้งแต่นั้นมาจนมีความเจริญรุ่งเรืองมาถึงปัจจุบัน ท่านได้สร้างวัตถุมงคลล้วนได้รัยความนิยมและมีพุทธคุณ >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    พระผงโภคทรัพย์หลวงพ่อเกษม วัดม่วง จ.อ่างทอง พระผงโภคทรัพย์ หลวงพ่อเกษม วัดม่วง จ.อ่างทอง // ยอดพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากองค์หนึ่งแห่งเมืองอ่างทอง และเป็นเคารพนับถือและเป็นที่รู้จักของประชาชนมากที่สุดองค์หนึ่ง // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณเข้มขลัง เรียกเงิน บันดาลโชคลาภ ค้าขายดี โภคทรัพย์ รับโชค รับทรัพย์ เมตตามหานิยม ส่งเสริมความรักความเมตตา เป็นมหาโภคทรัพย์เจริญในโชคลาภ แคล้วคลาดปลอดภัย ป้องกันภูติผีวิญญาณร้าย >> ** หลวงพ่อเกษม วัดม่วง จ.อ่างทอง ยอดพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากองค์หนึ่งแห่งเมืองอ่างทอง และเป็นเคารพนับถือและเป็นที่รู้จักของประชาชนมากที่สุดองค์หนึ่ง ท่านได้อุปสมบท ณ วัดนางใน โดยมีหลวงพ่อชม เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านเป็นพระที่เคร่งครัดพระธรรมวินัยและมีความชำนาญด้านวิปัสสนากรรมฐาน และยังเป็นผู้ชำนาญด้านเทศนาปาฐกถาอีกด้วย และท่านยังชอบจาริกธุดงธ์ทั้งใกล้และไกล เมื่อวันที่8ธ.ค.2525 ท่านได้ธุดงค์มา ณ สถานที่นี้และได้ปักกลดเห็นว่าบริเวณนี้เคยเป็นวัดร้าง เป็นสถานที่เงียบสงบน่าปฏิบัติธรรมยิ่งนัก และมีอยู่คืนหนึ่งขณะปฏิบัติธรรมได้ปรากฏนิมิตเห็นองค์หลวงปู่ขาวและหลวงปู่แดง มาบอกว่าให้ท่านช่วยบูรณะก่อสร้างวัดม่วงขึ้นมาใหม่ จึงเป็นจุดเริ่มต้น ตั้งแต่นั้นมาจนมีความเจริญรุ่งเรืองมาถึงปัจจุบัน ท่านได้สร้างวัตถุมงคลล้วนได้รัยความนิยมและมีพุทธคุณ >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 466 มุมมอง 0 รีวิว
  • เทพเจ้าโชคลาภ หลวงพ่อผัน วัดทรายขาว จ.สงขลา
    เทพเจ้าโชคลาภ (เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย) เนื้อผงพุทธคุณลงบรอนทอง หลวงพ่อผัน วัดทรายขาว จ.สงขลา //พระดีพิธีใหญ๋ เทพแห่งความร่ำรวย ที่จะให้โชคลาภด้านเงินทองกับคุณ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายาก พระไม่ถูกใช้ครับ >> รับประกันพระแท้ตลอดชีพ !!##//

    ** พุทธคุณแห่งความร่ำรวย ความมั่งคั่งและการได้รับโชคลาภด้านเงินทอง ทำให้กิจการเจริญรุ่งเรือง มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ประสบความสำเร็จในทุกๆด้าน อีกทั้ง ยังช่วยดลบันดาลและช่วยเหลือให้ได้มีโชคลาภตลอดจนความโชคดี >>>

    ** หลวงพ่อผัน หรือ พ่อท่านผัน ปสันโน พระเถระที่สำคัญอีกรูปแห่งเมืองสงขลา เป็นพระสงฆ์ที่เคร่งในพระธรรมวินัย ร่วมกับพระรุ่นเดียวกัน ฝึกวิปัสสนากัมมัฏฐาน เพื่อกำหนดจิตให้สงบที่ป่าช้าบ้านทรายขาว พ่อท่านผัน เป็นศิษย์สายตรงสืบทอดวิทยาคมจากหลวงพ่อภัทร วัดโคกสูง จ.สงขลา, หลวงพ่อหมุ่น วัดเขาแดงตะวันออก จ.พัทลุง, พระภัทรกรโกวิท หรือเจ้าคุณเนื่อง วัดนาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของหลวงปู่ทิม และ พ่อท่านนอง วัดทรายขาว >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เทพเจ้าโชคลาภ หลวงพ่อผัน วัดทรายขาว จ.สงขลา เทพเจ้าโชคลาภ (เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย) เนื้อผงพุทธคุณลงบรอนทอง หลวงพ่อผัน วัดทรายขาว จ.สงขลา //พระดีพิธีใหญ๋ เทพแห่งความร่ำรวย ที่จะให้โชคลาภด้านเงินทองกับคุณ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายาก พระไม่ถูกใช้ครับ >> รับประกันพระแท้ตลอดชีพ !!##// ** พุทธคุณแห่งความร่ำรวย ความมั่งคั่งและการได้รับโชคลาภด้านเงินทอง ทำให้กิจการเจริญรุ่งเรือง มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ประสบความสำเร็จในทุกๆด้าน อีกทั้ง ยังช่วยดลบันดาลและช่วยเหลือให้ได้มีโชคลาภตลอดจนความโชคดี >>> ** หลวงพ่อผัน หรือ พ่อท่านผัน ปสันโน พระเถระที่สำคัญอีกรูปแห่งเมืองสงขลา เป็นพระสงฆ์ที่เคร่งในพระธรรมวินัย ร่วมกับพระรุ่นเดียวกัน ฝึกวิปัสสนากัมมัฏฐาน เพื่อกำหนดจิตให้สงบที่ป่าช้าบ้านทรายขาว พ่อท่านผัน เป็นศิษย์สายตรงสืบทอดวิทยาคมจากหลวงพ่อภัทร วัดโคกสูง จ.สงขลา, หลวงพ่อหมุ่น วัดเขาแดงตะวันออก จ.พัทลุง, พระภัทรกรโกวิท หรือเจ้าคุณเนื่อง วัดนาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของหลวงปู่ทิม และ พ่อท่านนอง วัดทรายขาว >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 314 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts