• รวยอย่างชินวัตร Episode 3 : ‘รวยจนชาติบ้านเมืองชิบหาย’9 ม.ค.2568 - นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความ รวยอย่างชินวัตร Episode 3 : “รวยจนชาติบ้านเมืองชิบหาย” มีรายละเอียดดังนี้“คอรัปชั่น”ใน “ระบอบทักษิณ” ถาม ระบอบทักษิณเกิดและเติบโตได้อย่างไรตอบ ระบอบนี้มีทุนพื้นฐาน ๔ ประการรองรับครบถ้วน ทั้งเงินลงทุน, อำนาจในระบบ, สื่อและปัญญชนชวนเชื่อ และสาวกบริวาร ทุนทั้งสี่จะมีพลวัตสร้างเสริมกันตลอดเวลาใช้เงินสร้างอำนาจ สร้างสื่อ สร้างพวก แล้วเอาอำนาจไปสร้างเงิน สร้างพวก สร้างสื่ออีกที ด้วยพลวัตอย่างนี้นี่เองที่ทำให้ระบอบนี้เติบโตได้ด้วยตนเองไปตลอดถาม ใช้เวลาไม่นานเลยนะครับตอบ คุณเห็นไหมว่าพอเข้าสมัยที่สอง ระบอบทักษิณก็ยึดสภาได้เด็ดขาด คนพลังธรรมและความหวังใหม่สลายตัวมาเข้าด้วยหมด ส่วนบ้านใหญ่ตามต่างจังหวัดก็สยบเข้าร่วมเปิดสาขา รับสินค้าประชานิยมไทยรักไทยมาขายให้ชาวบ้านทุกหัวระแหง ราวกับเปิด 7-11 พรึบทั้งประเทศเลยก็ว่าได้ถาม ในระบอบอย่างนี้ ไม่มีคอรัปชั่นได้ไหม ?ตอบ ไม่ได้ครับระบอบนี้เกิดและเติบโตจากความเห็นแก่ตัวที่ไม่มีคำว่า“ประโยชน์ส่วนรวม”อยู่เลย สำหรับสาวกที่รอบริโภคนั้น ก็มีสินค้าประชานิยมมาตอบแทนคะแนนเลือกตั้ง ทั้งข้าวทุกเมล็ดเกวียนละสามหมื่น รถคันแรก ค่าจ้างขั้นต่ำ เงินแจกดิจิตอล เงินเดือนปริญญาตรี รักษาฟรีทุกแห่งทุกโรคทุกคนแม้แต่มะเร็ง ทั้งหมดนี้เราจะแจกจนมีเกียรติ -มีศักดิ์ศรี ทุกคนนะคร้าา....ถาม ที่แจกเป็นพื้นที่ เฉพาะพื้นที่ มีไหมครับตอบ มีครับ อย่างหอประชุมนานาชาตินั้น ภูเก็ตไม่เลือกเรา เราก็ไม่ให้ เราไปให้เชียงใหม่ หรือที่เป็นโครงการระดับหมู่บ้านหรือตำบล ก็มีเงินจากกองสลาก ไหลผ่านมือ สส.กับหัวคะแนน ลงไปช่วยเหลืออุ้มชูฐานเสียงไม่มีขาดสาย เงินท่อนี้ถือเป็นPocket money ทางการเมือง ที่ทำให้ระบอบทักษิณเกิดขึ้นมาอย่างทรงพลังมากๆถาม เขาสร้างท่อนี้ขึ้นมาอย่างไรตอบ หวยสามตัวสมัยทักษิณนั้น พอผลสลากใกล้จะออก จะมีการอ้างว่าไม่พอขายแล้วสั่งพิมพ์เพิ่มล้อตใหญ่ทุกครั้งไป ทำทุกงวดนานเป็นปีๆเลยนะครับ สลากมืดถาดนี้ เป็นที่มาของเงินมืดที่ใช้จ่ายกันได้สะดวก โดยไม่ปรากฏในระบบตรวจเงินแผ่นดินเลยถาม แล้วตัว สส.กับหัวคะแนน มีเงินอุดหนุนจากพรรคไหมตอบ มีแน่นอนทุกเดือนครับ ยุคแพทองธาร ๑ นี่ ข่าวยืนยันว่าอัดฉีดรายเดือนกันเป็นล้านแล้ว ส่วนที่หัวหน้าซุ้มต้องหามาให้ลูกซุ้มก็มีอีกส่วนหนึ่ง แต่เงินซุ้มนี้หัวหน้าหามาได้เมื่อไหร่ก็ต้องแบ่งส่งพรรคหลักด้วยเสมอ สำหรับกระทรวงที่ “นาย”สร้างโครงการขึ้นมาชงเองกินเองก็มีเช่นกันถาม สรุปแล้วในระบอบนี้ ทุกชีวิตก็ร่วมกันคอรัปชั่นหมด ทั้งชาวบ้านที่เสพติดประชานิยมสส.กับหัวคะแนน และรัฐมนตรี พวกเขาต่างก็ร่วมทุนกันทำมาหากินจากส่วนรวม ถือสิทธิเลือกตั้งและอำนาจหน้าที่เป็นสินทรัพย์แล้วแปรเป็นทุนด้วยตัวระบอบทั้งสิ้น ตอบ เป็นเช่นนั้น.. ในภาพรวมอย่างนี้ เราจะไปมองว่าทักษิณโกงคนเดียวไม่ได้ พวกเขาวินวิน ร่วมมือกันจนได้กินกันหมดทุกคน เปรียบเหมือนซ่องโสเภณี ที่มีรายได้อ้วนท้วนกันทุกฝ่าย ทั้งเจ้าของซ่อง แมงดาการเมืองที่เกาะกิน และตัวโสเภณีด้วย ”รวยจนสิ้นชาติบ้านเมือง” ถาม ที่ผ่านมามีคอรัปชั่นอะไรไปบ้างแล้วครับตอบ ที่ฉาวโฉ่ อุกอาจ ก็มีหลายโครงการ ชิบหายรวมเป็นแสนล้านเลย คือ- ซื้อรถเรือดับเพลิงใช้การไม่ได้กว่า ๑๐๐ ล้านด้วย จีทูจี จอมปลอม รัฐมนตรีหนีคดี- ซื้อเครื่องบินแพงและไม่จำเป็นจนการบินไทยเสียหายหลายหมื่นล้าน- สร้างระบบสายพานขนสัมภาระในสนามบินแพงเกินจริง ทางการสหรัฐรายงานว่าเลขาพรรครัฐบาลเรียกเงินเป็นพันล้าน- สร้างรถไฟเชื่อมสนามบินด้วยสัญญาเหมาเบ็ดเสร็จ ทั้งออกแบบก่อสร้างและหาแหล่งเงินทุน พบเงินปากถุงกินเปล่าก้อนใหญ่ ไปไหนไม่ทราบ รัฐมนตรีคมนาคมคุมเปิดซองด้วยตนเอง- แจกกล้ายางที่ใช้การไม่ได้ ซื้อมาแล้วขายให้รัฐโดยพอกราคารวยเละ- สร้างและขายบ้านเอื้ออาทร ด้วยสัญญาโควต้าเหมาจ่ายทั้งโครงการราคาตายตัว จ้างให้ทำทั้งหาที่ดิน-หาผู้จองก่อสร้าง แล้วจบลงเป็นบ้านร้างสร้างไม่เสร็จ หรือเป็นบ้านผีสิงไม่มีผู้จองซื้อจริงทั่วไปหมด ครั้นตรวจกระแสเงินขายโควต้า ก็พบเงิน ๑๔๐๐ ล้าน เข้าเสี่ยเปี๋ยงคนที่รับงานเจรจา เป็นลูกน้องเจ๊ใหญ่ ติดคุกด้วย- รับจำนำข้าวเกินราคาตลาด จบเป็นข้าวเน่า ค้างโกดังรัฐเสียหายเป็นแสนล้าน เสี่ยเปี๋ยง ก็โผล่มาจนติดคุกอีก ตัวนายกฯหนีคดีตามเคย- เงินกู้ธนาคารกรุงไทย คดีนี้นายสั่งให้คณะกรรมการให้บริษัทอสังหาฯกู้เงินหลายพันล้าน เอาที่ดินมาพัฒนาเป็นโครงการจอมปลอม ธนาคารเสียหายเป็นพันล้าน ตามรอยเงินพบเข้าลูกและลูกน้องชินวัตร กว่า ๑๐๐ ล้าน งานนี้ติดคุกรวดถาม วันนี้ วันหน้า ถ้า “ระบอบทักษิณ” ฟื้นขึ้นมาอีก ประเทศก็ชิบหายอีกสิครับตอบ เขาฟื้นอยู่แล้ว ขณะนี้กำลังเดินหน้าปราศัยหาเสียงไปทั่วประเทศ ดำริจะออกสลากเพิ่มพร้อมโครงการหนึ่งทุนหนึ่งตำบลอีก งบประมาณปีนี้ทำขาดดุลเพื่อเทงบมาแจกชาวบ้านแล้วก็ยังไม่พอ ต้องแปรญัตติเบี้ยวไม่จ่ายหนี้เงินกู้ให้ธนาคาร แล้วตัดลดเงินต่อหัวในโครงการ ๓๐ บาทรักษาทุกโรคลงอีก หน้ามืดจะแจกเงินให้ได้อย่างนี้ อนาคตธนาคารไทยโรงพยาบาลไทยซวยแน่ๆ ถาม ถ้าทรัมป์ลุยจีน ยิวลุยอิหร่าน รัสเซียลุยเคียฟถล่มจรวดลงโปแลนด์ จนเศรษฐกิจโลกยับเยิน ซ้ำเติมสุขภาพเศรษฐกิจไทยที่ไม่แข็งแรงอยู่แล้ว จนเงินบาทลดค่า สินค้าส่งไม่ออก เงินคงคลังก็หมด อะไรจะเกิดขึ้นตอบ วิกฤตขนาดต้องดุลย์ข้าราชการหรือลูกจ้างจนตกงานกันทั้งประเทศนี่ ระวังฮุนเซ็นโมเดลไว้ให้ดีก็แล้วกันครับ
    รวยอย่างชินวัตร Episode 3 : ‘รวยจนชาติบ้านเมืองชิบหาย’9 ม.ค.2568 - นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความ รวยอย่างชินวัตร Episode 3 : “รวยจนชาติบ้านเมืองชิบหาย” มีรายละเอียดดังนี้“คอรัปชั่น”ใน “ระบอบทักษิณ” ถาม ระบอบทักษิณเกิดและเติบโตได้อย่างไรตอบ ระบอบนี้มีทุนพื้นฐาน ๔ ประการรองรับครบถ้วน ทั้งเงินลงทุน, อำนาจในระบบ, สื่อและปัญญชนชวนเชื่อ และสาวกบริวาร ทุนทั้งสี่จะมีพลวัตสร้างเสริมกันตลอดเวลาใช้เงินสร้างอำนาจ สร้างสื่อ สร้างพวก แล้วเอาอำนาจไปสร้างเงิน สร้างพวก สร้างสื่ออีกที ด้วยพลวัตอย่างนี้นี่เองที่ทำให้ระบอบนี้เติบโตได้ด้วยตนเองไปตลอดถาม ใช้เวลาไม่นานเลยนะครับตอบ คุณเห็นไหมว่าพอเข้าสมัยที่สอง ระบอบทักษิณก็ยึดสภาได้เด็ดขาด คนพลังธรรมและความหวังใหม่สลายตัวมาเข้าด้วยหมด ส่วนบ้านใหญ่ตามต่างจังหวัดก็สยบเข้าร่วมเปิดสาขา รับสินค้าประชานิยมไทยรักไทยมาขายให้ชาวบ้านทุกหัวระแหง ราวกับเปิด 7-11 พรึบทั้งประเทศเลยก็ว่าได้ถาม ในระบอบอย่างนี้ ไม่มีคอรัปชั่นได้ไหม ?ตอบ ไม่ได้ครับระบอบนี้เกิดและเติบโตจากความเห็นแก่ตัวที่ไม่มีคำว่า“ประโยชน์ส่วนรวม”อยู่เลย สำหรับสาวกที่รอบริโภคนั้น ก็มีสินค้าประชานิยมมาตอบแทนคะแนนเลือกตั้ง ทั้งข้าวทุกเมล็ดเกวียนละสามหมื่น รถคันแรก ค่าจ้างขั้นต่ำ เงินแจกดิจิตอล เงินเดือนปริญญาตรี รักษาฟรีทุกแห่งทุกโรคทุกคนแม้แต่มะเร็ง ทั้งหมดนี้เราจะแจกจนมีเกียรติ -มีศักดิ์ศรี ทุกคนนะคร้าา....ถาม ที่แจกเป็นพื้นที่ เฉพาะพื้นที่ มีไหมครับตอบ มีครับ อย่างหอประชุมนานาชาตินั้น ภูเก็ตไม่เลือกเรา เราก็ไม่ให้ เราไปให้เชียงใหม่ หรือที่เป็นโครงการระดับหมู่บ้านหรือตำบล ก็มีเงินจากกองสลาก ไหลผ่านมือ สส.กับหัวคะแนน ลงไปช่วยเหลืออุ้มชูฐานเสียงไม่มีขาดสาย เงินท่อนี้ถือเป็นPocket money ทางการเมือง ที่ทำให้ระบอบทักษิณเกิดขึ้นมาอย่างทรงพลังมากๆถาม เขาสร้างท่อนี้ขึ้นมาอย่างไรตอบ หวยสามตัวสมัยทักษิณนั้น พอผลสลากใกล้จะออก จะมีการอ้างว่าไม่พอขายแล้วสั่งพิมพ์เพิ่มล้อตใหญ่ทุกครั้งไป ทำทุกงวดนานเป็นปีๆเลยนะครับ สลากมืดถาดนี้ เป็นที่มาของเงินมืดที่ใช้จ่ายกันได้สะดวก โดยไม่ปรากฏในระบบตรวจเงินแผ่นดินเลยถาม แล้วตัว สส.กับหัวคะแนน มีเงินอุดหนุนจากพรรคไหมตอบ มีแน่นอนทุกเดือนครับ ยุคแพทองธาร ๑ นี่ ข่าวยืนยันว่าอัดฉีดรายเดือนกันเป็นล้านแล้ว ส่วนที่หัวหน้าซุ้มต้องหามาให้ลูกซุ้มก็มีอีกส่วนหนึ่ง แต่เงินซุ้มนี้หัวหน้าหามาได้เมื่อไหร่ก็ต้องแบ่งส่งพรรคหลักด้วยเสมอ สำหรับกระทรวงที่ “นาย”สร้างโครงการขึ้นมาชงเองกินเองก็มีเช่นกันถาม สรุปแล้วในระบอบนี้ ทุกชีวิตก็ร่วมกันคอรัปชั่นหมด ทั้งชาวบ้านที่เสพติดประชานิยมสส.กับหัวคะแนน และรัฐมนตรี พวกเขาต่างก็ร่วมทุนกันทำมาหากินจากส่วนรวม ถือสิทธิเลือกตั้งและอำนาจหน้าที่เป็นสินทรัพย์แล้วแปรเป็นทุนด้วยตัวระบอบทั้งสิ้น ตอบ เป็นเช่นนั้น.. ในภาพรวมอย่างนี้ เราจะไปมองว่าทักษิณโกงคนเดียวไม่ได้ พวกเขาวินวิน ร่วมมือกันจนได้กินกันหมดทุกคน เปรียบเหมือนซ่องโสเภณี ที่มีรายได้อ้วนท้วนกันทุกฝ่าย ทั้งเจ้าของซ่อง แมงดาการเมืองที่เกาะกิน และตัวโสเภณีด้วย ”รวยจนสิ้นชาติบ้านเมือง” ถาม ที่ผ่านมามีคอรัปชั่นอะไรไปบ้างแล้วครับตอบ ที่ฉาวโฉ่ อุกอาจ ก็มีหลายโครงการ ชิบหายรวมเป็นแสนล้านเลย คือ- ซื้อรถเรือดับเพลิงใช้การไม่ได้กว่า ๑๐๐ ล้านด้วย จีทูจี จอมปลอม รัฐมนตรีหนีคดี- ซื้อเครื่องบินแพงและไม่จำเป็นจนการบินไทยเสียหายหลายหมื่นล้าน- สร้างระบบสายพานขนสัมภาระในสนามบินแพงเกินจริง ทางการสหรัฐรายงานว่าเลขาพรรครัฐบาลเรียกเงินเป็นพันล้าน- สร้างรถไฟเชื่อมสนามบินด้วยสัญญาเหมาเบ็ดเสร็จ ทั้งออกแบบก่อสร้างและหาแหล่งเงินทุน พบเงินปากถุงกินเปล่าก้อนใหญ่ ไปไหนไม่ทราบ รัฐมนตรีคมนาคมคุมเปิดซองด้วยตนเอง- แจกกล้ายางที่ใช้การไม่ได้ ซื้อมาแล้วขายให้รัฐโดยพอกราคารวยเละ- สร้างและขายบ้านเอื้ออาทร ด้วยสัญญาโควต้าเหมาจ่ายทั้งโครงการราคาตายตัว จ้างให้ทำทั้งหาที่ดิน-หาผู้จองก่อสร้าง แล้วจบลงเป็นบ้านร้างสร้างไม่เสร็จ หรือเป็นบ้านผีสิงไม่มีผู้จองซื้อจริงทั่วไปหมด ครั้นตรวจกระแสเงินขายโควต้า ก็พบเงิน ๑๔๐๐ ล้าน เข้าเสี่ยเปี๋ยงคนที่รับงานเจรจา เป็นลูกน้องเจ๊ใหญ่ ติดคุกด้วย- รับจำนำข้าวเกินราคาตลาด จบเป็นข้าวเน่า ค้างโกดังรัฐเสียหายเป็นแสนล้าน เสี่ยเปี๋ยง ก็โผล่มาจนติดคุกอีก ตัวนายกฯหนีคดีตามเคย- เงินกู้ธนาคารกรุงไทย คดีนี้นายสั่งให้คณะกรรมการให้บริษัทอสังหาฯกู้เงินหลายพันล้าน เอาที่ดินมาพัฒนาเป็นโครงการจอมปลอม ธนาคารเสียหายเป็นพันล้าน ตามรอยเงินพบเข้าลูกและลูกน้องชินวัตร กว่า ๑๐๐ ล้าน งานนี้ติดคุกรวดถาม วันนี้ วันหน้า ถ้า “ระบอบทักษิณ” ฟื้นขึ้นมาอีก ประเทศก็ชิบหายอีกสิครับตอบ เขาฟื้นอยู่แล้ว ขณะนี้กำลังเดินหน้าปราศัยหาเสียงไปทั่วประเทศ ดำริจะออกสลากเพิ่มพร้อมโครงการหนึ่งทุนหนึ่งตำบลอีก งบประมาณปีนี้ทำขาดดุลเพื่อเทงบมาแจกชาวบ้านแล้วก็ยังไม่พอ ต้องแปรญัตติเบี้ยวไม่จ่ายหนี้เงินกู้ให้ธนาคาร แล้วตัดลดเงินต่อหัวในโครงการ ๓๐ บาทรักษาทุกโรคลงอีก หน้ามืดจะแจกเงินให้ได้อย่างนี้ อนาคตธนาคารไทยโรงพยาบาลไทยซวยแน่ๆ ถาม ถ้าทรัมป์ลุยจีน ยิวลุยอิหร่าน รัสเซียลุยเคียฟถล่มจรวดลงโปแลนด์ จนเศรษฐกิจโลกยับเยิน ซ้ำเติมสุขภาพเศรษฐกิจไทยที่ไม่แข็งแรงอยู่แล้ว จนเงินบาทลดค่า สินค้าส่งไม่ออก เงินคงคลังก็หมด อะไรจะเกิดขึ้นตอบ วิกฤตขนาดต้องดุลย์ข้าราชการหรือลูกจ้างจนตกงานกันทั้งประเทศนี่ ระวังฮุนเซ็นโมเดลไว้ให้ดีก็แล้วกันครับ
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 400 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครือข่ายภาคประชาชนกับการตรวจสอบระบอบทักษิณ : คนเคาะข่าว 19-12-67
    : พิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.)
    : กิตติชัย ไพโรจน์ไชยกุล ดำเนินรายการ
    เครือข่ายภาคประชาชนกับการตรวจสอบระบอบทักษิณ : คนเคาะข่าว 19-12-67 : พิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) : กิตติชัย ไพโรจน์ไชยกุล ดำเนินรายการ
    Like
    Yay
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 487 มุมมอง 5 0 รีวิว
  • ใครเกลียด "ทักษิณ" ! เรา..พวกเดียวกัน 19/12/67 #เสธ.นิด #ระบอบทักษิณ #เพื่อไทย #การเมือง
    ใครเกลียด "ทักษิณ" ! เรา..พวกเดียวกัน 19/12/67 #เสธ.นิด #ระบอบทักษิณ #เพื่อไทย #การเมือง
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 708 มุมมอง 36 0 รีวิว
  • #คนรุ่นใหม่ที่ไม่ทันระบอบทักษิณยุคแรกต้องอึ้ง
    ในวันที่น้องหลายคน เกิดไม่ทัน หรือโตไม่ทัน
    เวลาที่มีคนรุ่นก่อน เล่าว่าระบอบทักษิณมันยังงั้นอย่างงี้
    ก็จะมีกลุ่มอีกฝัง ใช้วาทะกรรมว่า ระบอบทักษิณ
    เป็นเพียงภาพวาดให้หวาด กลัว ตลอด ไม่มีอยู่จริง
    ............
    แต่วันนี้ คนไทยโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เริ่มอึ้งซ้ำๆ
    เมื่อทักษิณได้กลับมาบนแผ่นดินไทยอีกรอบ
    ไม่ว่าจะเป็นการที่รับโทษแบบเทวดา
    อ้าวป๋วย แต่ว่ายน้ำ ชกมวย เดินพบปะแฟนคลับ
    บินไปนั่นไปนี่ โดยไม่เกรงว่า คนที่ช่วยให้ออกมา
    โดยไม่ต้องเหยียบคูกแม้แต่วินาทีเดียว จะต้องได้
    รับผลอย่างไร
    ทั้งๆที่ อ้างว่าจะกลับมาเลี้ยงหลาน
    แต่ทำทุกอย่าง ให้ระบบนิติรัฐเหมือนต้องพิกลพิการ
    ถามคนไทยที่ไม่ใช่แฟนคลับเค้า ทุกคนซิ
    มีใคร เชื่อว่าโทนี่ ป๋วยสาหััส ขนาดเส้นเอนเปื่อยยุ่ย
    หรือตามรายละเอียดที่ระบุอ้างบ้าง
    ก็เห็นอยู่ตำตา ป๋วยตรงไหนฟร๊ะ ว่ายน้ำ ร้องเพลง
    ร่อนไปทัว
    มันบาดใจกับความไม่เท่าเทียม ความไม่ยุติธรรม
    ที่คนรุ่นก่อน เคยเจอมาก่อน
    ยกตัวอย่างกรณีภาคใต้ ก่อนยุคลุงตู่ คนใต้รู้ดี
    ถนนภาคใต้ กากสุดละ ท่านชวนหลีกภัย
    เคยประสานผ่านชัชชาติ ซึ่งขณะนั้นดูแลคมนาคม
    ให้ช่วยจัดงบในการทำถนนให้คนใต้ด้วย
    คุณรู้มั๊ย ทักษิณว่าไง จังหวัดไหน ภาคไหน
    ไม่เลือกผม ก็เอาไว้ทีหลังละกัน
    ประโยคนี้ ที่ออกจากปากนายกที่ชื่อทักษิณในขณะนั้น
    และได้เคยลั่นอีกครั้ง ในการให้สัมภาษณ์หน้าตาลอย
    ผ่านโทรทัศน์มาแล้วเช่นกัน
    รวมถึง สัมปทาน การแข่งขันในการประมูลงาน
    พรรคพวกของโทนี่ แม้กระทั่งบริษัทของโอ๊ค คือฮาวคัม
    ชนะมันแทบทุกหน่วยงาน บริษัทธรรมดา ไม่มีทางที่จะได้ลืมตาอ้าปาก
    มันยังมีอีกเยอะ ค่อยดูๆไป แล้วจะกระจ่าย
    ว่าระบอบทักษิณ คือแบบไหน รับรอง หนำ จนนั่งไม่ติดครับ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คนรุ่นใหม่ที่ไม่ทันระบอบทักษิณยุคแรกต้องอึ้ง ในวันที่น้องหลายคน เกิดไม่ทัน หรือโตไม่ทัน เวลาที่มีคนรุ่นก่อน เล่าว่าระบอบทักษิณมันยังงั้นอย่างงี้ ก็จะมีกลุ่มอีกฝัง ใช้วาทะกรรมว่า ระบอบทักษิณ เป็นเพียงภาพวาดให้หวาด กลัว ตลอด ไม่มีอยู่จริง ............ แต่วันนี้ คนไทยโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เริ่มอึ้งซ้ำๆ เมื่อทักษิณได้กลับมาบนแผ่นดินไทยอีกรอบ ไม่ว่าจะเป็นการที่รับโทษแบบเทวดา อ้าวป๋วย แต่ว่ายน้ำ ชกมวย เดินพบปะแฟนคลับ บินไปนั่นไปนี่ โดยไม่เกรงว่า คนที่ช่วยให้ออกมา โดยไม่ต้องเหยียบคูกแม้แต่วินาทีเดียว จะต้องได้ รับผลอย่างไร ทั้งๆที่ อ้างว่าจะกลับมาเลี้ยงหลาน แต่ทำทุกอย่าง ให้ระบบนิติรัฐเหมือนต้องพิกลพิการ ถามคนไทยที่ไม่ใช่แฟนคลับเค้า ทุกคนซิ มีใคร เชื่อว่าโทนี่ ป๋วยสาหััส ขนาดเส้นเอนเปื่อยยุ่ย หรือตามรายละเอียดที่ระบุอ้างบ้าง ก็เห็นอยู่ตำตา ป๋วยตรงไหนฟร๊ะ ว่ายน้ำ ร้องเพลง ร่อนไปทัว มันบาดใจกับความไม่เท่าเทียม ความไม่ยุติธรรม ที่คนรุ่นก่อน เคยเจอมาก่อน ยกตัวอย่างกรณีภาคใต้ ก่อนยุคลุงตู่ คนใต้รู้ดี ถนนภาคใต้ กากสุดละ ท่านชวนหลีกภัย เคยประสานผ่านชัชชาติ ซึ่งขณะนั้นดูแลคมนาคม ให้ช่วยจัดงบในการทำถนนให้คนใต้ด้วย คุณรู้มั๊ย ทักษิณว่าไง จังหวัดไหน ภาคไหน ไม่เลือกผม ก็เอาไว้ทีหลังละกัน ประโยคนี้ ที่ออกจากปากนายกที่ชื่อทักษิณในขณะนั้น และได้เคยลั่นอีกครั้ง ในการให้สัมภาษณ์หน้าตาลอย ผ่านโทรทัศน์มาแล้วเช่นกัน รวมถึง สัมปทาน การแข่งขันในการประมูลงาน พรรคพวกของโทนี่ แม้กระทั่งบริษัทของโอ๊ค คือฮาวคัม ชนะมันแทบทุกหน่วยงาน บริษัทธรรมดา ไม่มีทางที่จะได้ลืมตาอ้าปาก มันยังมีอีกเยอะ ค่อยดูๆไป แล้วจะกระจ่าย ว่าระบอบทักษิณ คือแบบไหน รับรอง หนำ จนนั่งไม่ติดครับ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 359 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ในที่สุดวันนี้คนไทยก็ได้หนำใจกับระบอบทักษิณของแทร่
    เป็นไงหล่ะ พีระพันธุ์จะแก้ปัญหาไฟฟ้า น้ำมัน
    ออกคำสั่งในฐานะ รมต.แล้วนะ ว่าอย่าทำ
    แต่กกพ. สนที่ไหน ฟังเสียงแม๊วอย่างเดียว
    คอยดูเมิงเอ๊ย อิปูจัดให้มารอบนึงเป็นไง
    ซื้อไฟเกินกว่าจำเป็น สัญญากี่ปี แบก Ft กันทุกบ้าน
    มาเจอดอกนี้ ที่ลุงพีแกสั่งแล้วว่าอย่า
    แม่มมสนที่ไหน
    ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ในที่สุดวันนี้คนไทยก็ได้หนำใจกับระบอบทักษิณของแทร่ เป็นไงหล่ะ พีระพันธุ์จะแก้ปัญหาไฟฟ้า น้ำมัน ออกคำสั่งในฐานะ รมต.แล้วนะ ว่าอย่าทำ แต่กกพ. สนที่ไหน ฟังเสียงแม๊วอย่างเดียว คอยดูเมิงเอ๊ย อิปูจัดให้มารอบนึงเป็นไง ซื้อไฟเกินกว่าจำเป็น สัญญากี่ปี แบก Ft กันทุกบ้าน มาเจอดอกนี้ ที่ลุงพีแกสั่งแล้วว่าอย่า แม่มมสนที่ไหน ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องราวเขมรนั้นเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับผมเสมอมาโดยเฉพาะในเรื่อง “ความกตัญญูกตเวทีอันเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของมนุษยชาติ” (แต่จะไม่สามารถเปรียบเทียบกับการตอบแทนบุญคุณชาติบ้านเมือง บุพกษัตริย์และวีรชนของชาติซึ่งยิ่งใหญ่มหาศาลมากกว่ามากมายนัก)ไม่ต้องพูดถึงอดีตกาลโบราณ เอาแค่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ฝรั่งเศสให้เอกราชกัมพูชา ซึ่งมีไทยส่งเสริมสนับสนุนและเป็นชาติแรกๆ ที่รับรองกัมพูชาเป็นสมาชิก UNช่วงสงครามกลางเมืองกัมพูชา ๒๕๑๕ เป็นต้นไป “รัฐบาลไทยสนับสนุนรัฐบาลเจ้านโรดมสีหนุซึ่งวางตัวเป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดในยุคสงครามเย็น”แต่ CIA เห็นว่าเจ้าสีหนุที่เป็นทั้งพระมหากษัตริย์ ประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีและไว้ใจไม่ได้ จึงสนับสนุนนายพลลอนนนอลรัฐประหารล้มระบอบกษัตริย์ในกัมพูชาฝ่ายพรรคคคอมมิวนิสต์กัมพูชาเห็นความอ่อนแอของรัฐ จึงยึดประเทศเกิดสงครามกลางเมือง (นี่ คือจุดอ่อนของระบอบกษัตริย์ในกัมพูชาจึงง่ายกับการถูกรัฐประหารและล้มล้างระบอบการปกครอง)สงครามกลางเมืองขยายขอบเขตสร้างความเดือนร้อนต่อประชาชนอย่างมหาศาลและกลายเป็นผู้ลี้ภัยทะลักเข้าสู่ประเทศไทยเป็นจำนวนนับหมิ่นๆ คนตลอดแนวชายแดนไทย/กัมพูชาโดยเฉพาะที่บริเวณเขาอีด่าง จังหวัดสระแก้วในปัจจุบัน (ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๙ เสด็จไปเยี่ยมผู้อพยพเขมรจนพระองค์ติดเชื้อโรคร้ายเกือบสิ้นพระชนม์ชีพในช่วงนั้นเลย) จิตอาสาแพทย์ไทยหลายสิบๆ คนเสียสละไปช่วยรักษาโรคให้ผู้อพยพเขมรจำนวนมากกองทัพไทยส่งหน่วยทหารไปวางแผนช่วยรัฐบาลนายพลลอนนอลรบกับคอมมิวนิสต์ โดยกองทัพอากาศส่งเครื่องบินไปโจมตีที่ตั้งเขมรแดงในเขตยึดครองเขมรแดงสนับสนุนนายพลลอนนอล (มีตำนานเล่าขานว่า มีนักบิน T-28 ทอ.ไทยถูกยิงตกที่บริเวณทะเลสาปเขมรแต่ก่อนตายถูกทรมานอย่างโหดเหี้ยมมากๆ) ขณะเดียวกันรัฐบาลลอนนอลฉวยโอกาสประกาศอ้างสิทธิ์เขตไหล่ทวีปทับทะเลอาณาเขตของไทย (ที่เป็นช่องทางให้สมเด็จฮุนเซนและลูกใช้อ้างเป็นพื้นที่ทับซ้อนและหวังนำสู่ศาลโลกเพื่อพลิกผันให้มีการตกลงแบ่งกันคนละครึ่งโดยมีคนไทยในระบอบทักษิณสมรู้ร่วมคิดนายพลลอนนอลคงไม่รู้คำว่า “กตัญญูกตเวทิตา” เป็นแน่แท้ (นายพลลอนนอลหนีไปสหรัฐฯ และเป็นโรคร้ายตายในสหรัฐฯ ไปแล้วและเรื่องที่ต้องเล่าแม้เป็นตำนานแต่ก็เป็นที่รู้กัน คือ เรื่องนี้เพราะ รร.นายร้อย West Piont นั้นไม่ใช่จะสมัครสอบเข้าเรียนได้เหมือนอย่างแหล่งอุดมศึกษาอื่นๆ ในสหรัฐฯ แต่มีเงื่อนไขทางกฎหมายสหรัฐฯ กำกับไว้สำหรับผู้ที่มีสิทธิ์อย่างชัดเจนคือ นายพล ฮุน มาเน็ต ที่เรียนจบจาก รร.นายร้อย West Point นั้นได้เข้าเรียนเพราะกองทัพบกไทย (โดยนายพลท่านหนึ่งสั่งการและอนุมัติให้กองทับบกดำเนินการเอาโคว้ต้าของนักเรียนนายร้อย จปร.ที่สามารถเข้าเรียนได้ตามสิทธิ์ในข้อตกลงระหว่างกองทัพไทยกับกองทัพบกสหรัฐฯ ไปให้ ฮุน มาเน็ต บุตรชายสมเด็จฮุนเซนได้เข้าเรียนที่ West Point เป็นกรณีพิเศษเพื่อสัมพันธไมตรีระหว่างสมเด็จฮุนเซนกับนายพลท่านผู้นั้น)ผมไม่ได้ตำหนิ “นายพลคนใดคนหนึ่งในกองทัพบก” เพราะท่านก็ทำเพื่อสัมพันธไมตรีอันดีเพื่อชาติ (สัมพันธไมตรีนั้นเป็น “นามธรรม” มูลค่าวัดไม่ได้) แต่เรื่องที่ผมอยากพูด คือ คนเนรคุณไม่รู้จักบุญคุณคนไทยทั้งชาติ สำหรับนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเน็ต ไม่รู้บุญคุณนักเรียนนายร้อย จปร.ที่สละสิทธิ์ให้เขาไปเรียน :Vachara Riddhagni
    เรื่องราวเขมรนั้นเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับผมเสมอมาโดยเฉพาะในเรื่อง “ความกตัญญูกตเวทีอันเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของมนุษยชาติ” (แต่จะไม่สามารถเปรียบเทียบกับการตอบแทนบุญคุณชาติบ้านเมือง บุพกษัตริย์และวีรชนของชาติซึ่งยิ่งใหญ่มหาศาลมากกว่ามากมายนัก)ไม่ต้องพูดถึงอดีตกาลโบราณ เอาแค่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ฝรั่งเศสให้เอกราชกัมพูชา ซึ่งมีไทยส่งเสริมสนับสนุนและเป็นชาติแรกๆ ที่รับรองกัมพูชาเป็นสมาชิก UNช่วงสงครามกลางเมืองกัมพูชา ๒๕๑๕ เป็นต้นไป “รัฐบาลไทยสนับสนุนรัฐบาลเจ้านโรดมสีหนุซึ่งวางตัวเป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดในยุคสงครามเย็น”แต่ CIA เห็นว่าเจ้าสีหนุที่เป็นทั้งพระมหากษัตริย์ ประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีและไว้ใจไม่ได้ จึงสนับสนุนนายพลลอนนนอลรัฐประหารล้มระบอบกษัตริย์ในกัมพูชาฝ่ายพรรคคคอมมิวนิสต์กัมพูชาเห็นความอ่อนแอของรัฐ จึงยึดประเทศเกิดสงครามกลางเมือง (นี่ คือจุดอ่อนของระบอบกษัตริย์ในกัมพูชาจึงง่ายกับการถูกรัฐประหารและล้มล้างระบอบการปกครอง)สงครามกลางเมืองขยายขอบเขตสร้างความเดือนร้อนต่อประชาชนอย่างมหาศาลและกลายเป็นผู้ลี้ภัยทะลักเข้าสู่ประเทศไทยเป็นจำนวนนับหมิ่นๆ คนตลอดแนวชายแดนไทย/กัมพูชาโดยเฉพาะที่บริเวณเขาอีด่าง จังหวัดสระแก้วในปัจจุบัน (ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๙ เสด็จไปเยี่ยมผู้อพยพเขมรจนพระองค์ติดเชื้อโรคร้ายเกือบสิ้นพระชนม์ชีพในช่วงนั้นเลย) จิตอาสาแพทย์ไทยหลายสิบๆ คนเสียสละไปช่วยรักษาโรคให้ผู้อพยพเขมรจำนวนมากกองทัพไทยส่งหน่วยทหารไปวางแผนช่วยรัฐบาลนายพลลอนนอลรบกับคอมมิวนิสต์ โดยกองทัพอากาศส่งเครื่องบินไปโจมตีที่ตั้งเขมรแดงในเขตยึดครองเขมรแดงสนับสนุนนายพลลอนนอล (มีตำนานเล่าขานว่า มีนักบิน T-28 ทอ.ไทยถูกยิงตกที่บริเวณทะเลสาปเขมรแต่ก่อนตายถูกทรมานอย่างโหดเหี้ยมมากๆ) ขณะเดียวกันรัฐบาลลอนนอลฉวยโอกาสประกาศอ้างสิทธิ์เขตไหล่ทวีปทับทะเลอาณาเขตของไทย (ที่เป็นช่องทางให้สมเด็จฮุนเซนและลูกใช้อ้างเป็นพื้นที่ทับซ้อนและหวังนำสู่ศาลโลกเพื่อพลิกผันให้มีการตกลงแบ่งกันคนละครึ่งโดยมีคนไทยในระบอบทักษิณสมรู้ร่วมคิดนายพลลอนนอลคงไม่รู้คำว่า “กตัญญูกตเวทิตา” เป็นแน่แท้ (นายพลลอนนอลหนีไปสหรัฐฯ และเป็นโรคร้ายตายในสหรัฐฯ ไปแล้วและเรื่องที่ต้องเล่าแม้เป็นตำนานแต่ก็เป็นที่รู้กัน คือ เรื่องนี้เพราะ รร.นายร้อย West Piont นั้นไม่ใช่จะสมัครสอบเข้าเรียนได้เหมือนอย่างแหล่งอุดมศึกษาอื่นๆ ในสหรัฐฯ แต่มีเงื่อนไขทางกฎหมายสหรัฐฯ กำกับไว้สำหรับผู้ที่มีสิทธิ์อย่างชัดเจนคือ นายพล ฮุน มาเน็ต ที่เรียนจบจาก รร.นายร้อย West Point นั้นได้เข้าเรียนเพราะกองทัพบกไทย (โดยนายพลท่านหนึ่งสั่งการและอนุมัติให้กองทับบกดำเนินการเอาโคว้ต้าของนักเรียนนายร้อย จปร.ที่สามารถเข้าเรียนได้ตามสิทธิ์ในข้อตกลงระหว่างกองทัพไทยกับกองทัพบกสหรัฐฯ ไปให้ ฮุน มาเน็ต บุตรชายสมเด็จฮุนเซนได้เข้าเรียนที่ West Point เป็นกรณีพิเศษเพื่อสัมพันธไมตรีระหว่างสมเด็จฮุนเซนกับนายพลท่านผู้นั้น)ผมไม่ได้ตำหนิ “นายพลคนใดคนหนึ่งในกองทัพบก” เพราะท่านก็ทำเพื่อสัมพันธไมตรีอันดีเพื่อชาติ (สัมพันธไมตรีนั้นเป็น “นามธรรม” มูลค่าวัดไม่ได้) แต่เรื่องที่ผมอยากพูด คือ คนเนรคุณไม่รู้จักบุญคุณคนไทยทั้งชาติ สำหรับนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเน็ต ไม่รู้บุญคุณนักเรียนนายร้อย จปร.ที่สละสิทธิ์ให้เขาไปเรียน :Vachara Riddhagni
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 510 มุมมอง 0 รีวิว
  • 14/12/67

    เจิมศักดิ์‘ เปิดคืนนั้น คุยอะไร ฝ่ายปฏิกิริยา จ้องโค่น ‘ระบอบทักษิณใหม่’
    cr:zaabnews

    https://www.youtube.com/live/TkyN7WsnROs?si
    14/12/67 เจิมศักดิ์‘ เปิดคืนนั้น คุยอะไร ฝ่ายปฏิกิริยา จ้องโค่น ‘ระบอบทักษิณใหม่’ cr:zaabnews https://www.youtube.com/live/TkyN7WsnROs?si
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝ่ายหวังยึดคุมทแกล้ว ถอนถอย แผนชั่วหาใช่ชัยชนะพลอย โห่ร้องทหารทุกเหล่าชะลอย ไป่คิด ดีใจหากมุ่งมั่นทำดีพ้อง ปกป้องชาติไทย ประชาชีขอให้เจริญธรรมและสุขสวัสดี ข่าวการ “ถอดถอน” ร่างแก้ไข พรบ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม ๒๕๕๑ ของนักการเมืองในระบอบทักษิณ หาใช่เป็น “ชัยชนะ” ของทแกล้วกล้าไทยรักไทยไม่ แต่เป็นเพราะ “สิ่งศักดิ์สิทธิ์และประชาชนคนไทยไม่เห็นด้วย คนไทยมองเห็นภัยพิบัติของชาติถ้า “นักการเมืองไทย” ควบคุม “กองทัพเหมือนพวกเขาควบคุมข้าราชการประจำอื่นๆ ที่ไม่ใช่ทหาร” มีตัวอย่าง ๑ เรื่องอดีต “ปลัดกระทรวงคมนาคม” มีเงินสดเก็บไว้ในบ้านนับเป็นร้อยๆ ล้าน!:- (เรื่องนี้มิใช่เป็นการประจานซ้ำเติมนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม แต่เป็นบทเรียนเชิงกรณีศึกษาและเปรียบเทียบ)นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม (ที่สายนักการเมืองกลุ่มหนึ่งปั้นขึ้นมา เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการทุจริตคอรัปชัน ลองไปหาอ่านเอาเองนะครับ (ใน Thaipublica.Comและไทยโพสต์และอื่นๆ) เหตุเกิดเพราะบ้านนายสุพจน์ถูกโจรกรรม ขโมยเงินไป “๖ ล้านบาท แต่โจรให้การกับตำรวจว่า “ในตู้เสื้อผ้าของนายสุพจน์ยังมีเงินซ่อนไว้อีกมากมาย”เรื่องนี้ผ่านสาธารณะสังคมและสื่อ “ปปช.จึงเข้ามาตรวจสอบพบว่านายสุพจน์ “ร่ำรวยผิดปกติ” และพบว่าผิดจริงตามที่โจรให้การจึงส่งฟ้อง “ศาลฎีกาพิพากษา จำคุก ๑๐ เดือน นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม (กรรมการการบินไทยจำกัด ด้วย) ไม่รอลงอาญาและยึดทรัพย์บ้างส่วน (เท่านั้น) เพราะปิดบังบัญชีทรัพย์สินที่ผมหยิบยกเรื่องนี้เพราะว่า “การแต่งตั้งปลัดกระทรวงนั้นอยู่ในอำนาจของ ครม.!งบประมาณของแต่ละกระทรวงเป็นเค็กก้อนใหญ่ สามารถชำแหละแบ่งกันในกลุ่มนักการเมืองที่มีอำนาจรัฐและตามจำนวน ส.ส.ในสภา จึงเป็นที่มาของระบบโควต้าแบ่งปัน)ถ้านักการเมืองคุม “ทหารเพียงคนเดียว” กลุ่มนักการเมืองบางคนบางกลุ่มนั้นนั้น สามารถคุมการทุจริตตลอดแนวชายแดนทั้งประเทศการค้าของเถื่อนจะเฟื่องฟูตลอดแนวชายแดน ยาเสพติด ค้าคน ค้าอาวุธ ค้ารถขโมยและสิ้นค้าเถิ่อนอื่นๆ อีกมากมาย ลองจินตนาการเอาเองนะครับสรุปว่า “เรื่องจริงที่เป็นประวัติศาสตร์การเมือง การทุจริตในประเทศไทย เคยมี นายทหารที่เป็นนายกรัฐมนตรีเอง ๒ ท่านเท่านั้นที่เป็นเผด็จการทหารและเป็นนายกรัฐมนตรีถูกกฎหมายที่ตัวท่านเองสร้างขึ้นมา เอาผิดฐานทุจริตคอรัปชันจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ถูกรัฐบาลจอมพลถนอมยึดทรัพย์ ๖๐๔ ล้านบาทในปี ๒๕๐๖ เข้าคลังและรัฐบาลอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ยึดทรัพย์ จอมพลถนอม กิตติขจร ๔๗๐ ล้านบาทในปี ๒๕๑๖แต่นายทักษิณ ชินวัตร ถูกยึดทรัพย์ ๔๖,๐๐๐ บาทแม้ตัวเงินไม่ได้หรือสามารถวัด “ดีกรีกิเลสความโลภ ความชั่วได้แต่พฤติกรรม “โกงเงินเท่ากัน”ข้อคิด “กรรมมีจริง บาปมีจริง :Vachara Riddhagni ”
    ฝ่ายหวังยึดคุมทแกล้ว ถอนถอย แผนชั่วหาใช่ชัยชนะพลอย โห่ร้องทหารทุกเหล่าชะลอย ไป่คิด ดีใจหากมุ่งมั่นทำดีพ้อง ปกป้องชาติไทย ประชาชีขอให้เจริญธรรมและสุขสวัสดี ข่าวการ “ถอดถอน” ร่างแก้ไข พรบ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม ๒๕๕๑ ของนักการเมืองในระบอบทักษิณ หาใช่เป็น “ชัยชนะ” ของทแกล้วกล้าไทยรักไทยไม่ แต่เป็นเพราะ “สิ่งศักดิ์สิทธิ์และประชาชนคนไทยไม่เห็นด้วย คนไทยมองเห็นภัยพิบัติของชาติถ้า “นักการเมืองไทย” ควบคุม “กองทัพเหมือนพวกเขาควบคุมข้าราชการประจำอื่นๆ ที่ไม่ใช่ทหาร” มีตัวอย่าง ๑ เรื่องอดีต “ปลัดกระทรวงคมนาคม” มีเงินสดเก็บไว้ในบ้านนับเป็นร้อยๆ ล้าน!:- (เรื่องนี้มิใช่เป็นการประจานซ้ำเติมนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม แต่เป็นบทเรียนเชิงกรณีศึกษาและเปรียบเทียบ)นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม (ที่สายนักการเมืองกลุ่มหนึ่งปั้นขึ้นมา เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการทุจริตคอรัปชัน ลองไปหาอ่านเอาเองนะครับ (ใน Thaipublica.Comและไทยโพสต์และอื่นๆ) เหตุเกิดเพราะบ้านนายสุพจน์ถูกโจรกรรม ขโมยเงินไป “๖ ล้านบาท แต่โจรให้การกับตำรวจว่า “ในตู้เสื้อผ้าของนายสุพจน์ยังมีเงินซ่อนไว้อีกมากมาย”เรื่องนี้ผ่านสาธารณะสังคมและสื่อ “ปปช.จึงเข้ามาตรวจสอบพบว่านายสุพจน์ “ร่ำรวยผิดปกติ” และพบว่าผิดจริงตามที่โจรให้การจึงส่งฟ้อง “ศาลฎีกาพิพากษา จำคุก ๑๐ เดือน นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม (กรรมการการบินไทยจำกัด ด้วย) ไม่รอลงอาญาและยึดทรัพย์บ้างส่วน (เท่านั้น) เพราะปิดบังบัญชีทรัพย์สินที่ผมหยิบยกเรื่องนี้เพราะว่า “การแต่งตั้งปลัดกระทรวงนั้นอยู่ในอำนาจของ ครม.!งบประมาณของแต่ละกระทรวงเป็นเค็กก้อนใหญ่ สามารถชำแหละแบ่งกันในกลุ่มนักการเมืองที่มีอำนาจรัฐและตามจำนวน ส.ส.ในสภา จึงเป็นที่มาของระบบโควต้าแบ่งปัน)ถ้านักการเมืองคุม “ทหารเพียงคนเดียว” กลุ่มนักการเมืองบางคนบางกลุ่มนั้นนั้น สามารถคุมการทุจริตตลอดแนวชายแดนทั้งประเทศการค้าของเถื่อนจะเฟื่องฟูตลอดแนวชายแดน ยาเสพติด ค้าคน ค้าอาวุธ ค้ารถขโมยและสิ้นค้าเถิ่อนอื่นๆ อีกมากมาย ลองจินตนาการเอาเองนะครับสรุปว่า “เรื่องจริงที่เป็นประวัติศาสตร์การเมือง การทุจริตในประเทศไทย เคยมี นายทหารที่เป็นนายกรัฐมนตรีเอง ๒ ท่านเท่านั้นที่เป็นเผด็จการทหารและเป็นนายกรัฐมนตรีถูกกฎหมายที่ตัวท่านเองสร้างขึ้นมา เอาผิดฐานทุจริตคอรัปชันจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ถูกรัฐบาลจอมพลถนอมยึดทรัพย์ ๖๐๔ ล้านบาทในปี ๒๕๐๖ เข้าคลังและรัฐบาลอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ยึดทรัพย์ จอมพลถนอม กิตติขจร ๔๗๐ ล้านบาทในปี ๒๕๑๖แต่นายทักษิณ ชินวัตร ถูกยึดทรัพย์ ๔๖,๐๐๐ บาทแม้ตัวเงินไม่ได้หรือสามารถวัด “ดีกรีกิเลสความโลภ ความชั่วได้แต่พฤติกรรม “โกงเงินเท่ากัน”ข้อคิด “กรรมมีจริง บาปมีจริง :Vachara Riddhagni ”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 451 มุมมอง 0 รีวิว
  • แผนการครองชาตินั้น เห็นชัดคิดพลิกแพลงสารพัด เหตุอ้างคาดหวังแค่รวบรัด ควบคุม ทแกล้วทัพกลอกกล่าวทหารลบล้าง ฉีกทิ้งธรรมนูญขอได้เจริญธรรมและสุขสวัสดีเมื่อนักการเมืองถูกจับไต๋ได้ว่า “นักการเมือง” ต้องการแทรกแซงและควบคุมกองทัพเพื่อประโยชน์ทางการเมืองและล้างแค้นที่ “เจ้าลัทธิระบอบทักษิณต้องถูกทหารรัฐประหารถอดถอนด้วยวิธีเชิงพฤตินัย (De Facto Change of Government)แต่กระแสสังคมต่อต้านเพราะมองเห็นภัยที่ค่อนข้างร้ายแรงต่อความมั่นคงของชาติทุกระบบวันนี้เขาประกาศ “ถอนร่างปรับปรุงแก้ไข พรบ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม พ.ศ.๒๕๕๑ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ไม่ให้นักการเมืองเข้ามาควบคุมการบริหารกำลังพลระดับนายพลที่ต้องควบคุมกำลังทหาร แต่ให้เกิดความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายเพราะมีการ “กลั่นกรองตามแบบฉบับธรรมเนียมทหารและมีความสามารถที่เหมาะสมตามสถานการณ์บ้านเมืองและเป็นไปตามที่กองทัพต้องการ (ในยุครัฐบาลทักษิณมีการแทรกแซงแต่งตั้งคนในอาณัติของรัฐบาลเพื่อประโยชน์ทางการเมืองหลายกรณี):Vachara Riddhagni
    แผนการครองชาตินั้น เห็นชัดคิดพลิกแพลงสารพัด เหตุอ้างคาดหวังแค่รวบรัด ควบคุม ทแกล้วทัพกลอกกล่าวทหารลบล้าง ฉีกทิ้งธรรมนูญขอได้เจริญธรรมและสุขสวัสดีเมื่อนักการเมืองถูกจับไต๋ได้ว่า “นักการเมือง” ต้องการแทรกแซงและควบคุมกองทัพเพื่อประโยชน์ทางการเมืองและล้างแค้นที่ “เจ้าลัทธิระบอบทักษิณต้องถูกทหารรัฐประหารถอดถอนด้วยวิธีเชิงพฤตินัย (De Facto Change of Government)แต่กระแสสังคมต่อต้านเพราะมองเห็นภัยที่ค่อนข้างร้ายแรงต่อความมั่นคงของชาติทุกระบบวันนี้เขาประกาศ “ถอนร่างปรับปรุงแก้ไข พรบ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม พ.ศ.๒๕๕๑ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ไม่ให้นักการเมืองเข้ามาควบคุมการบริหารกำลังพลระดับนายพลที่ต้องควบคุมกำลังทหาร แต่ให้เกิดความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายเพราะมีการ “กลั่นกรองตามแบบฉบับธรรมเนียมทหารและมีความสามารถที่เหมาะสมตามสถานการณ์บ้านเมืองและเป็นไปตามที่กองทัพต้องการ (ในยุครัฐบาลทักษิณมีการแทรกแซงแต่งตั้งคนในอาณัติของรัฐบาลเพื่อประโยชน์ทางการเมืองหลายกรณี):Vachara Riddhagni
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักการเมืองที่ร่าง พรบ.กห.ฉบับใหม่คนนี้เหมือนจะลอกจากระบบอังกฤษแต่เว้นไม่พูดเรื่อง “ตำแหน่งจอมทัพ” เพราะ “พระมหากษัตริย์อังกฤษทรงเป็น “จอมทัพ” มีอำนาจเยี่ยงจอมทัพจริงๆ แต่ในขนบธรรมเนียมกองทัพอังกฤษในระบอบประชาธิปไตย (ซึ่งมีวิวัฒนาการตั้งแต่ ค.ศ.๑๒๑๕ (พ.ศ.๑๗๕๘) พระมหากษัตริย์ทรงมอบอำนาจการจัดการกองทัพให้รัฐบาลแล้วและระบบอังกฤษ “ไม่มี” การนำเรื่องการบริหารหรือการแต่งตั้งนายทหารเข้าครม.พิจารณาการบริหารราชการกองทัพ “เพราะตามพรบ.กลาโหมอังกฤษ มี “Defence Council”ซึ่งประกอบด้วย “Defence Board” มี นักการเมือง ๕ คน ทหาร ๖ คนและสำนักงานพระราชวัง ๓ คนเพราะพระมหากษัตริย์ทรงเป็นจอมทัพ สำหรับ รมว.กห.เป็นตัวแทนของ ครม.อยู่แล้ว ซึ่ง Defence Board ในระบบอังกฤษกำกับดูแลการบริหารและการปฏิบัติการ Operations ของกองทัพ จึงไม่จำเป็นต้องนำเสนอ ครม.เพราะ Defence Council นั้นทำในในพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์ครม.อังกฤษกำกับดูแลกองทัพ ในเรื่อง การใช้กำลังทหารทำสงคราม งบประมาณกลาโหม การพิจารณาการพัฒนากองทัพเพื่อการสงคราม การเตรียมกำลังสำรองและกฎหมายให้ภาคเอกชนช่วยทำสงคราม เท่านั้นไม่เกี่ยวกับการแต่งตั้ง “ผู้บังคับบัญชาหน่วยทหารขนาดใหญ่ “หน่วยที่เล็กที่สุดในยุทธบริเวณ คือ กองพัน หน่วยที่ใหญ่ที่สุดในยุทธบริเวณ คือ กองพล (หมายถึงหน่วยที่รบพุ่งในสมรภูมิ” และสูงกว่านั้น Defence Board เป็นองค์กรพิจารณาแต่งตั้งสำหรับกองทัพสหรัฐฯ นายทหารระดับนายพลนั้น “รัฐสภาเป็นองค์กรแต่งตั้งนายพลตามวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีของกองทัพสหรัฐฯ เพราะ “นักการเมืองสร้างกองทัพ” (นักการเมืองลงขันสร้างกองทัพขึ้นสู้กับกองทัพอังกฤษสมัยทำสงครามปลดแอกจากอังกฤษ)แต่นักการเมืองไทยและพรรคการเมืองนี้มีเจตนาอย่างชัดเจนที่จะควบคุมกองทัพ นั่นเป็นแนวคิดที่ผิดมากๆ เพราะเป็นอคติต่อกองทัพ ซึ่งจะก่อให้เกิดการแตกแยกในกองทัพ ทหารจะเสียขวัญกำลังใจ (อันตรายมากๆ)เพราะเนื้อหาในร่าง พรบ.กห.ฉบับใหม่นี้มีการออกคุณสมบัติของนายทหารชั้นนายพล เสมือนว่า “นายพลระดับผู้บริหารเหล่าทัพ” เคยมีประวัติชั่วร้ายโกงกิน (คุณสมบัติเหล่าที่ร่าง พรบ.กห.ใหม่กำหนดไว้ก็เป็นพฤติกรรมของนักการเมืองบางคนทั้งสิ้น “โดยเฉพาะนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนักการเมืองที่ถูกศาลตัดสินว่าทำผิดกฎหมายจริงจนเป็นที่ประจักษ์ หรือรูปแบบต่างๆ ของนักการเมืองที่ถูกตัดสินติดคุกแต่อยู่ในคุกไม่นานตามที่เป็นข่าวอยู่นี้ เป็นต้นแบบของนักการเมืองไทยหรือ?”การกำหนดคุณสมบัตินายทหารชั้นนายพลนั้นเป็นการดูถูก “นายทหารแห่งกองทัพไทย” เพราะ “กว่าจะเป็นนายพลนั้นก็ผ่านการกลั่นกรองมาตามลำดับชั้นอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว”นักการเมืองพรรคเพื่อไทยคนนี้คิดจะทำลายกองทัพ การรัฐประหารเกิดจากนักการเมืองก่อเรื่องทั้งสิ้นรัฐประหาร ๒๒ พฤษภาคม ๕๗ จะไม่เกิด ไม่มี คสช.หากรัฐบาลชั่วคราวระบอบทักษิณ “ลาออก” พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีเงื่อนไขที่จะรัฐประหาร: Vachara Riddhagni
    นักการเมืองที่ร่าง พรบ.กห.ฉบับใหม่คนนี้เหมือนจะลอกจากระบบอังกฤษแต่เว้นไม่พูดเรื่อง “ตำแหน่งจอมทัพ” เพราะ “พระมหากษัตริย์อังกฤษทรงเป็น “จอมทัพ” มีอำนาจเยี่ยงจอมทัพจริงๆ แต่ในขนบธรรมเนียมกองทัพอังกฤษในระบอบประชาธิปไตย (ซึ่งมีวิวัฒนาการตั้งแต่ ค.ศ.๑๒๑๕ (พ.ศ.๑๗๕๘) พระมหากษัตริย์ทรงมอบอำนาจการจัดการกองทัพให้รัฐบาลแล้วและระบบอังกฤษ “ไม่มี” การนำเรื่องการบริหารหรือการแต่งตั้งนายทหารเข้าครม.พิจารณาการบริหารราชการกองทัพ “เพราะตามพรบ.กลาโหมอังกฤษ มี “Defence Council”ซึ่งประกอบด้วย “Defence Board” มี นักการเมือง ๕ คน ทหาร ๖ คนและสำนักงานพระราชวัง ๓ คนเพราะพระมหากษัตริย์ทรงเป็นจอมทัพ สำหรับ รมว.กห.เป็นตัวแทนของ ครม.อยู่แล้ว ซึ่ง Defence Board ในระบบอังกฤษกำกับดูแลการบริหารและการปฏิบัติการ Operations ของกองทัพ จึงไม่จำเป็นต้องนำเสนอ ครม.เพราะ Defence Council นั้นทำในในพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์ครม.อังกฤษกำกับดูแลกองทัพ ในเรื่อง การใช้กำลังทหารทำสงคราม งบประมาณกลาโหม การพิจารณาการพัฒนากองทัพเพื่อการสงคราม การเตรียมกำลังสำรองและกฎหมายให้ภาคเอกชนช่วยทำสงคราม เท่านั้นไม่เกี่ยวกับการแต่งตั้ง “ผู้บังคับบัญชาหน่วยทหารขนาดใหญ่ “หน่วยที่เล็กที่สุดในยุทธบริเวณ คือ กองพัน หน่วยที่ใหญ่ที่สุดในยุทธบริเวณ คือ กองพล (หมายถึงหน่วยที่รบพุ่งในสมรภูมิ” และสูงกว่านั้น Defence Board เป็นองค์กรพิจารณาแต่งตั้งสำหรับกองทัพสหรัฐฯ นายทหารระดับนายพลนั้น “รัฐสภาเป็นองค์กรแต่งตั้งนายพลตามวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีของกองทัพสหรัฐฯ เพราะ “นักการเมืองสร้างกองทัพ” (นักการเมืองลงขันสร้างกองทัพขึ้นสู้กับกองทัพอังกฤษสมัยทำสงครามปลดแอกจากอังกฤษ)แต่นักการเมืองไทยและพรรคการเมืองนี้มีเจตนาอย่างชัดเจนที่จะควบคุมกองทัพ นั่นเป็นแนวคิดที่ผิดมากๆ เพราะเป็นอคติต่อกองทัพ ซึ่งจะก่อให้เกิดการแตกแยกในกองทัพ ทหารจะเสียขวัญกำลังใจ (อันตรายมากๆ)เพราะเนื้อหาในร่าง พรบ.กห.ฉบับใหม่นี้มีการออกคุณสมบัติของนายทหารชั้นนายพล เสมือนว่า “นายพลระดับผู้บริหารเหล่าทัพ” เคยมีประวัติชั่วร้ายโกงกิน (คุณสมบัติเหล่าที่ร่าง พรบ.กห.ใหม่กำหนดไว้ก็เป็นพฤติกรรมของนักการเมืองบางคนทั้งสิ้น “โดยเฉพาะนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนักการเมืองที่ถูกศาลตัดสินว่าทำผิดกฎหมายจริงจนเป็นที่ประจักษ์ หรือรูปแบบต่างๆ ของนักการเมืองที่ถูกตัดสินติดคุกแต่อยู่ในคุกไม่นานตามที่เป็นข่าวอยู่นี้ เป็นต้นแบบของนักการเมืองไทยหรือ?”การกำหนดคุณสมบัตินายทหารชั้นนายพลนั้นเป็นการดูถูก “นายทหารแห่งกองทัพไทย” เพราะ “กว่าจะเป็นนายพลนั้นก็ผ่านการกลั่นกรองมาตามลำดับชั้นอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว”นักการเมืองพรรคเพื่อไทยคนนี้คิดจะทำลายกองทัพ การรัฐประหารเกิดจากนักการเมืองก่อเรื่องทั้งสิ้นรัฐประหาร ๒๒ พฤษภาคม ๕๗ จะไม่เกิด ไม่มี คสช.หากรัฐบาลชั่วคราวระบอบทักษิณ “ลาออก” พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีเงื่อนไขที่จะรัฐประหาร: Vachara Riddhagni
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 330 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องที่เขียนนี้ ฟังดูแล้วเหมือนนวนิยาย “กรุงเทพมหานครฯ คือ ศูนย์กลางสงครามจารชน ทุกชาติมีจารชนแฝงอยู่ในรูปแบบต่างๆ” แต่ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่สถานทูต แห่งที่แสวงหาข่าว “ย่านบาร์ที่เป็นสถานที่เปิด เช่น ถนนคนเดิน ซอยคาวบอย พัฒน์พงษ์ FCCT การสัมมนาต่างตามมหาวิทยาลัยและพื้นที่ชุมนุมทางการเมือง” เป็นต้นมีประวัติเช่นนี้มานานแล้ว “เริ่มต้นในยุคก่อนสงครามมหาเอเชียบูรพา ร่ายยาวมาจนทุกวันนี้” แม้กระทั่ง เด็กนักเรียนแลกเปลี่ยน Peace Corps บางคนเป็น CIA Trained (มาวิเคราะห์อุปนิสัยและมโนสำนึกของคนไทยที่อยู่ในระดับฐานะชนชั้นกลาง)ทุกสถานทูตจะมี “เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเมือง (เปิดเผย) และจารชนมืออาชีพ เช่น CIA, MI 6 หรือ SIS (อังกฤษ), SVR RF (รัสเซีย) MSS (จีน) MOSSAD (อิสราเอล) เป็นต้นก่อนหน้ารัฐบาล มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช รถนั่งจารชนก็ติดป้ายรถทูต ต่อมาหลายๆ ประเทศส่งจารชนมามากมายโดยเฉพาะสหรัฐฯ ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักพิธีการทูตที่กำหนดจำนวนเจ้าหน้าที่สถานทูตไว้จำนวนหนึ่งชัดเจนที่ได้รับสิทธิทางการทูตคุ้มครอง ในสมัยรัฐบาล มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช จารชนเต็มเมืองและถือสิทธิ์นักการทูต นายกรัฐมนตรี มรว.คึกฤทธิ์ เห็นว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง จึงกำหนดรถราชการองค์ต่างชาติให้ใช้ป้ายสีฟ้าเพื่อแยกแยะ คณะทูตกับเจ้าหน้าที่องค์ต่างชาติต่างๆ และจารชน ซึ่งไม่ใช่ทูตและไม่มีสิทธิ์ทางการทูตคุ้มครองกัมพูชาก็มีจารชนด้วยเช่นกันและครั้งหนึ่ง ๓๐ กว่าปีมาแล้วผมพบกับเลขาเอกสถานทูตเขมรและเข้าใจหน้าที่ของเขาดีว่าเขา “ต้องการอะไร The needed Intelligence Assessment”และในปี ๒๕๕๖ ก่อนการชุมนุม กปท./กองทัพธรรม เลขานุการฝ่ายการเมืองสถาทูตสหรัฐฯ ขอพบผม ๒ ครั้งและเราพบทั้ง ๒ ครั้ง “ผมก็ให้เหตุผลการชุมนุมของ กปท./กองทัพธรรมและยืนหนังสือถึงเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ชี้แจ้งยืนยันเจตนารมณ์ที่ดีเพื่อขจัดเผด็จการรัฐสภา (ช่วงนั้นเป็นยุคนางคริสตี้ Christy ซึ่งเข้าข้างฝ่ายระบอบทักษิณ)หลักการสรรหาแหล่งข่าว Human Intelligent ๑. คนมีปมด้อยหรือคิดว่าตัวเองถูกรัฐหรือสังคมเอาผิดอย่างไม่ยุติธรรมทั้งที่ตัวเองผิดเต็มประตู (อย่างที่นายทักษิณ ไปเป็นที่ปรึกษาสมเด็จฮุนเซน) ๒. คนโลภเห็นแก่เงิน ๓. คนไร้อุดมการณ์ระบอบการเมืองของรัฐนั้นๆ ๔. คนทีความทะเยอทะยานใฝ่สูง ๕. พวกหลงตัวเองโดยเฉพาะนักวิชาการสมเด็จฮุนเซนจึงไม่ได้ลงทุนอะไรมากเลยแต่กลับได้ข่าวที่แทบจะไม่ต้อง “กรอง” เลยโดยเฉพาะ “จุดอ่อนของประเทศไทยที่หน่วยข่าวกรองไทยเราเองประเมินไว้ตามหลัก “รู้เขารู้เรา” ในนายกรัฐมนตรีรับทราบและกำหนดนโยบายแก้ไขในฐานะที่ผมเคยเป็น “ผู้ช่วยเจ้ากรมข่าวทหารอากาศ เป็น ๑ ในกลุ่มผู้วิเคราะห์ข่าวยุทธศาสตร์/ยุทธวิธีและการต่อต้านการจารกรรม (ขั้นพื้นฐาน คือ การยึดระเบียบการรักษาความปลอดภัยของชาติ ๒๕๔๔)ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้อง “ตั้งประเด็นโดยเฉพาะ ปปช.” ซึ่งสามารถตั้งคณะอนุกรรมการสอบสวนและหาความจริงเท่าที่จะทำได้ ว่านายทักษิณให้คำปรึกษาอะไรบ้าง ที่อาจจะเป็นการเผยความลับที่สุดของชาติ ด้วยการนำเอารายละเอียดหลักการต่างๆ ที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะมีมติยกเลิก MOU44 ฉบับทรยศชาติมาวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบVachara Riddhagni
    เรื่องที่เขียนนี้ ฟังดูแล้วเหมือนนวนิยาย “กรุงเทพมหานครฯ คือ ศูนย์กลางสงครามจารชน ทุกชาติมีจารชนแฝงอยู่ในรูปแบบต่างๆ” แต่ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่สถานทูต แห่งที่แสวงหาข่าว “ย่านบาร์ที่เป็นสถานที่เปิด เช่น ถนนคนเดิน ซอยคาวบอย พัฒน์พงษ์ FCCT การสัมมนาต่างตามมหาวิทยาลัยและพื้นที่ชุมนุมทางการเมือง” เป็นต้นมีประวัติเช่นนี้มานานแล้ว “เริ่มต้นในยุคก่อนสงครามมหาเอเชียบูรพา ร่ายยาวมาจนทุกวันนี้” แม้กระทั่ง เด็กนักเรียนแลกเปลี่ยน Peace Corps บางคนเป็น CIA Trained (มาวิเคราะห์อุปนิสัยและมโนสำนึกของคนไทยที่อยู่ในระดับฐานะชนชั้นกลาง)ทุกสถานทูตจะมี “เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเมือง (เปิดเผย) และจารชนมืออาชีพ เช่น CIA, MI 6 หรือ SIS (อังกฤษ), SVR RF (รัสเซีย) MSS (จีน) MOSSAD (อิสราเอล) เป็นต้นก่อนหน้ารัฐบาล มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช รถนั่งจารชนก็ติดป้ายรถทูต ต่อมาหลายๆ ประเทศส่งจารชนมามากมายโดยเฉพาะสหรัฐฯ ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักพิธีการทูตที่กำหนดจำนวนเจ้าหน้าที่สถานทูตไว้จำนวนหนึ่งชัดเจนที่ได้รับสิทธิทางการทูตคุ้มครอง ในสมัยรัฐบาล มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช จารชนเต็มเมืองและถือสิทธิ์นักการทูต นายกรัฐมนตรี มรว.คึกฤทธิ์ เห็นว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง จึงกำหนดรถราชการองค์ต่างชาติให้ใช้ป้ายสีฟ้าเพื่อแยกแยะ คณะทูตกับเจ้าหน้าที่องค์ต่างชาติต่างๆ และจารชน ซึ่งไม่ใช่ทูตและไม่มีสิทธิ์ทางการทูตคุ้มครองกัมพูชาก็มีจารชนด้วยเช่นกันและครั้งหนึ่ง ๓๐ กว่าปีมาแล้วผมพบกับเลขาเอกสถานทูตเขมรและเข้าใจหน้าที่ของเขาดีว่าเขา “ต้องการอะไร The needed Intelligence Assessment”และในปี ๒๕๕๖ ก่อนการชุมนุม กปท./กองทัพธรรม เลขานุการฝ่ายการเมืองสถาทูตสหรัฐฯ ขอพบผม ๒ ครั้งและเราพบทั้ง ๒ ครั้ง “ผมก็ให้เหตุผลการชุมนุมของ กปท./กองทัพธรรมและยืนหนังสือถึงเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ชี้แจ้งยืนยันเจตนารมณ์ที่ดีเพื่อขจัดเผด็จการรัฐสภา (ช่วงนั้นเป็นยุคนางคริสตี้ Christy ซึ่งเข้าข้างฝ่ายระบอบทักษิณ)หลักการสรรหาแหล่งข่าว Human Intelligent ๑. คนมีปมด้อยหรือคิดว่าตัวเองถูกรัฐหรือสังคมเอาผิดอย่างไม่ยุติธรรมทั้งที่ตัวเองผิดเต็มประตู (อย่างที่นายทักษิณ ไปเป็นที่ปรึกษาสมเด็จฮุนเซน) ๒. คนโลภเห็นแก่เงิน ๓. คนไร้อุดมการณ์ระบอบการเมืองของรัฐนั้นๆ ๔. คนทีความทะเยอทะยานใฝ่สูง ๕. พวกหลงตัวเองโดยเฉพาะนักวิชาการสมเด็จฮุนเซนจึงไม่ได้ลงทุนอะไรมากเลยแต่กลับได้ข่าวที่แทบจะไม่ต้อง “กรอง” เลยโดยเฉพาะ “จุดอ่อนของประเทศไทยที่หน่วยข่าวกรองไทยเราเองประเมินไว้ตามหลัก “รู้เขารู้เรา” ในนายกรัฐมนตรีรับทราบและกำหนดนโยบายแก้ไขในฐานะที่ผมเคยเป็น “ผู้ช่วยเจ้ากรมข่าวทหารอากาศ เป็น ๑ ในกลุ่มผู้วิเคราะห์ข่าวยุทธศาสตร์/ยุทธวิธีและการต่อต้านการจารกรรม (ขั้นพื้นฐาน คือ การยึดระเบียบการรักษาความปลอดภัยของชาติ ๒๕๔๔)ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้อง “ตั้งประเด็นโดยเฉพาะ ปปช.” ซึ่งสามารถตั้งคณะอนุกรรมการสอบสวนและหาความจริงเท่าที่จะทำได้ ว่านายทักษิณให้คำปรึกษาอะไรบ้าง ที่อาจจะเป็นการเผยความลับที่สุดของชาติ ด้วยการนำเอารายละเอียดหลักการต่างๆ ที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะมีมติยกเลิก MOU44 ฉบับทรยศชาติมาวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบVachara Riddhagni
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 345 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้ (29 พ.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า ในหมู่ผู้ชมที่เรียกว่าแฟนข่าว สถานีข่าวท็อปนิวส์ ที่ออกอากาศผ่านทางทีวีดิจิทัล ช่องเจเคเอ็น 18 ได้วิพากษ์วิจารณ์ผังรายการประจำเดือน ธ.ค. 2567 ที่พบว่า รายการท็อปเฮดไลน์ (TOP HEADLINE) ซึ่งออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 15.05-15.55 น. ดำเนินรายการโดย นายสำราญ รอดเพชร และนายอุดร แสงอรุณ บรรณาธิการบริหาร สำนักข่าวท็อปนิวส์ ได้ย้ายเวลาและเพิ่มเวลาเป็นทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 15.05-16.05 น. โดยมีพิธีกรเพิ่มอีก 1 คน คือ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำให้ผู้ชมส่วนหนึ่งตกใจว่ามาได้อย่างไร .ขณะเดียวกัน รายการที่ บริษัท รวมหัวทีวี จำกัด ซื้อเวลากับทางสถานีและจ้างผู้ดำเนินรายการ ได้แก่ รายการเรื่องลับมาก ดำเนินรายการโดย รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา และนายวุฒินันท์ นาฮิม ได้ลดเวลาออกอากาศจากเดิมวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.10-10.55 น. เหลือทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 14.45-15.45 น. ส่วนรายการ TOP TALK เรื่องนี้ต้องเคลียร์ ดำเนินรายการโดย นายวรเทพ สุวัฒนพิมพ์ จากเดิมวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.00-14.45 น. เหลือทุกวันพุธ-ศุกร์ เวลา 14.45-15.45 น. ส่วนรายการเรื่องนี้ต้องเคลียร์แต่เช้า ยังออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 08.55-09.40 น. โดยทั้งสามรายการไม่ได้เป็นรายการของช่องโดยตรง.ด้าน ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Arnond Sakworawich วิพากษ์วิจารณ์กรณีสถานีข่าวท็อปนิวส์ นำนายจักรภพมาดำเนินรายการ ว่า "Top ten marketing mistakes ที่ปรมาจารย์ทางการตลาดอย่าง Philips Kotler เขียนไว้คือ Ambiguous market positioning สมัยนี้สื่อเลือกข้างชัดเจน สื่อบางช่องเคยชัดเจนในการต่อต้านระบอบทักษิณ มาวันนี้เอาคนรักทักษิณและยังโพสต์แซะสถาบันไปเมื่อวันก่อนมาจัดรายการ ความชัดเจนของตำแหน่งทางการตลาดหายไป เลิกเลือกข้าง เป็นสื่อที่นำเสนอทุกด้านแทน คำทำนายคือ สื่อนี้ จะไม่อยู่ยั้งยืนยง คงไปพร้อมๆ กับระบอบทักษิณที่คงจะมีจุดจบในไม่ช้า".ข้อความถัดมาระบุว่า "จักรภพ เพ็ญแข มาวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศนะครับ สมานฉันท์ ยุติความขัดแย้ง โอเค ก็ว่ากันไป ปกติผมก็ดูแต่สื่อฝั่งตรงข้ามอยู่แล้ว อันนี้ยังไม่ชัด ขนาดจะเป็นสื่อฝั่งตรงข้ามนะครับ" อีกข้อความหนึ่งระบุว่า "จักรภพ เพ็ญแข เพิ่งโพสต์กระแทกเบื้องสูง อ่านได้จากบทความ ไม่มีแผ่นดินอยู่ ของผักกาดหอม (ไทยโพสต์) เข้าใจว่าลุงเปลวเป็นคนเขียน วันนี้จักรภพ เพ็ญแขมาจัดรายการช่องที่เคยต่อต้านระบอบทักษิณอย่างเข้มแข็งแล้วนะครับ".และข้อความล่าสุด ระบุคำพูดของนายจักรภพ ว่า "พรรคเพื่อไทยต้องการใบอนุญาตนี้ เพื่อครองอำนาจอยู่ได้ เพื่อทำประโยชน์ เพิ่มอำนาจให้ประชาชน" "ถ้ามัวแต่เอาใจประชาชน โดยไม่สนใจผู้มีอำนาจเดิม ซึ่งไม่ได้สนใจประชาชนเท่าไหร่ พรรคเพื่อไทย จะสูญพันธุ์ไปก่อน" "อย่าลืมว่าชีวิตการเมือง อันดับแรก คือต้องอยู่รอดได้ ทำยังไงก็ได้อย่าให้ตาย เพราะตายก็ทำอะไรไม่ได้" และกล่าวว่า "จักรภพ เพ็ญแข พิธีกร ช่อง Top News พูดแบบนี้ หมายถึงใคร?".คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9670000114724……Sondhi X
    วันนี้ (29 พ.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า ในหมู่ผู้ชมที่เรียกว่าแฟนข่าว สถานีข่าวท็อปนิวส์ ที่ออกอากาศผ่านทางทีวีดิจิทัล ช่องเจเคเอ็น 18 ได้วิพากษ์วิจารณ์ผังรายการประจำเดือน ธ.ค. 2567 ที่พบว่า รายการท็อปเฮดไลน์ (TOP HEADLINE) ซึ่งออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 15.05-15.55 น. ดำเนินรายการโดย นายสำราญ รอดเพชร และนายอุดร แสงอรุณ บรรณาธิการบริหาร สำนักข่าวท็อปนิวส์ ได้ย้ายเวลาและเพิ่มเวลาเป็นทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 15.05-16.05 น. โดยมีพิธีกรเพิ่มอีก 1 คน คือ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำให้ผู้ชมส่วนหนึ่งตกใจว่ามาได้อย่างไร .ขณะเดียวกัน รายการที่ บริษัท รวมหัวทีวี จำกัด ซื้อเวลากับทางสถานีและจ้างผู้ดำเนินรายการ ได้แก่ รายการเรื่องลับมาก ดำเนินรายการโดย รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา และนายวุฒินันท์ นาฮิม ได้ลดเวลาออกอากาศจากเดิมวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.10-10.55 น. เหลือทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 14.45-15.45 น. ส่วนรายการ TOP TALK เรื่องนี้ต้องเคลียร์ ดำเนินรายการโดย นายวรเทพ สุวัฒนพิมพ์ จากเดิมวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.00-14.45 น. เหลือทุกวันพุธ-ศุกร์ เวลา 14.45-15.45 น. ส่วนรายการเรื่องนี้ต้องเคลียร์แต่เช้า ยังออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 08.55-09.40 น. โดยทั้งสามรายการไม่ได้เป็นรายการของช่องโดยตรง.ด้าน ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Arnond Sakworawich วิพากษ์วิจารณ์กรณีสถานีข่าวท็อปนิวส์ นำนายจักรภพมาดำเนินรายการ ว่า "Top ten marketing mistakes ที่ปรมาจารย์ทางการตลาดอย่าง Philips Kotler เขียนไว้คือ Ambiguous market positioning สมัยนี้สื่อเลือกข้างชัดเจน สื่อบางช่องเคยชัดเจนในการต่อต้านระบอบทักษิณ มาวันนี้เอาคนรักทักษิณและยังโพสต์แซะสถาบันไปเมื่อวันก่อนมาจัดรายการ ความชัดเจนของตำแหน่งทางการตลาดหายไป เลิกเลือกข้าง เป็นสื่อที่นำเสนอทุกด้านแทน คำทำนายคือ สื่อนี้ จะไม่อยู่ยั้งยืนยง คงไปพร้อมๆ กับระบอบทักษิณที่คงจะมีจุดจบในไม่ช้า".ข้อความถัดมาระบุว่า "จักรภพ เพ็ญแข มาวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศนะครับ สมานฉันท์ ยุติความขัดแย้ง โอเค ก็ว่ากันไป ปกติผมก็ดูแต่สื่อฝั่งตรงข้ามอยู่แล้ว อันนี้ยังไม่ชัด ขนาดจะเป็นสื่อฝั่งตรงข้ามนะครับ" อีกข้อความหนึ่งระบุว่า "จักรภพ เพ็ญแข เพิ่งโพสต์กระแทกเบื้องสูง อ่านได้จากบทความ ไม่มีแผ่นดินอยู่ ของผักกาดหอม (ไทยโพสต์) เข้าใจว่าลุงเปลวเป็นคนเขียน วันนี้จักรภพ เพ็ญแขมาจัดรายการช่องที่เคยต่อต้านระบอบทักษิณอย่างเข้มแข็งแล้วนะครับ".และข้อความล่าสุด ระบุคำพูดของนายจักรภพ ว่า "พรรคเพื่อไทยต้องการใบอนุญาตนี้ เพื่อครองอำนาจอยู่ได้ เพื่อทำประโยชน์ เพิ่มอำนาจให้ประชาชน" "ถ้ามัวแต่เอาใจประชาชน โดยไม่สนใจผู้มีอำนาจเดิม ซึ่งไม่ได้สนใจประชาชนเท่าไหร่ พรรคเพื่อไทย จะสูญพันธุ์ไปก่อน" "อย่าลืมว่าชีวิตการเมือง อันดับแรก คือต้องอยู่รอดได้ ทำยังไงก็ได้อย่าให้ตาย เพราะตายก็ทำอะไรไม่ได้" และกล่าวว่า "จักรภพ เพ็ญแข พิธีกร ช่อง Top News พูดแบบนี้ หมายถึงใคร?".คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9670000114724……Sondhi X
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 430 มุมมอง 0 รีวิว
  • 25 พ.ย.2567 - นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง ปัญหา “ความเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง”ของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง มีเนื้อหาดังนี้

๑.ข้อเท็จจริง นายกิตติรัตน์ ถือได้ว่าเป็นมือไม้ทำงานทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยโดยแท้ พ้นจาก กลต.แล้ว ก็รับงานเป็นรัฐมนตรีทั้งคลังและพาณิชย์ ให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ แม้ช่วงพรรคเพื่อไทยต้องหยุดงานการเมืองสมัย คสช. นายกิตติรัตน์ก็ไปรับเป็นที่ปรึกษา ให้ นายกฯอบจ.เชียงใหม่ เมื่อเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาล นายกฯเศรษฐา ก็ตั้งให้เป็นประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และพ้นตำแหน่งตามนายกฯเศรษฐาไปในที่สุด๒. พรรคเพื่อไทยกับธนาคารกลาง แนวทางเศรษฐกิจ “ทักษิโณมิคส์” ของทักษิณเน้นการอัดฉีดเงินเข้าระบบมาโดยตลอด ทำให้เกิดความขัดแย้งทางความคิดกับผู้บริหารธนาคารกลางเป็นระยะเรื่อยมา ทั้งนโยบายดอกเบี้ย และการจัดการเงินเฟ้อ จนมาถึงปัจจุบันที่เศรษฐกิจไทยพบปัญหาสภาพคล่องอย่างรุนแรงนี้ นโยบายแจกเงินดิจิตอลก็บานปลายเป็นปัญหาขัดแย้งระหว่างฐานคิดทางการเมือง กับฐานคิดในเรื่องความมั่นคงทางการเงินของชาติอย่างชัดเจนยิ่ง มีรัฐมนตรีของพรรคออกมาตำหนิติเตียนธนาคารกลางอย่างเปิดเผยกร้าวร้าวเป็นระยะ ดังตัวนายกิตติรัตน์เองก็เคยประกาศเมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีคลังว่า เฝ้าคิดจะปลดผู้ว่าธนาคารกลางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเลยทีเดียว๓. พฤติการณ์ “ยึดครองส่วนราชการ” ของ “ระบอบทักษิณ” ระบอบนี้ไม่เคยยอมรับและเคารพในอิสระของราชการประจำที่ต้องยึดมั่นในระเบียบแบบแผนและเหตุผลเป็นหลัก เหตุเพราะพรรคชินวัตรนี้เป็น “เผด็จการพรรคการเมืองนายทุน” มุ่งเอาเงินมาสร้างอำนาจและเอาอำนาจมาสร้างเงินตลอดเวลา ครองอำนาจเมื่อใดก็จะหาทางยึดครองส่วนราชการมาเป็นเบ๊ทุกครั้งไป ทั้งกระทรวงทบวงกรม รัฐวิสาหกิจ ธนาคารของรัฐ ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร จนปัจจุบันก็ได้สร้างคดีความให้เจ้าหน้าที่กับลูกมือของพรรคต้องโทษติดคุกมากมายหลายคน ซึ่งตัวทักษิณเอง ก็ได้ยอมรับความผิดนานาของตนในคำขอพระราชทานอภัยโทษมาแล้วเช่นกัน ด้วยพฤติการณ์ยึดครองอันเป็นนิสัยฝังลึกเช่นนี้นี่เอง ที่ทำให้การส่งนายกิตติรัตน์ผ่านกระบวนการสรรหาจนสำเร็จ ผ่านเป็นรายชื่อเสนอต่อ ครม. เพื่อพิจารณาเห็นชอบให้เป็นประธานคณะกรรมการธนาคารกลางในครั้งนี้ ต้องถูกมองว่า เป็นก้าวแรกของการแทรกซึมเข้ายึดครองการบริหารโดยเด็ดขาดต่อไป ทั้งในการแต่งตั้งผู้ว่าการธนาคาร และคณะกรรมการสำคัญสามคณะ ที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ แล้วกลายเป็นเหตุให้เกิดกระแสคัดค้านต่อต้านขึ้นทั่วไป จนทุกวันนี้ในที่สุด๔. ความผิดพลาดในการแต่งตั้งนายกิตติรัตน์ เป็นประธานธนาคารกลาง ระยะห่างจากการเมืองของธนาคารกลางเป็นหลักการสากลที่ปฏิเสธไม่ได้ และกฎหมายธนาคารชาติก็พยายามวางหลักประกันไว้หลายมาตรการด้วยกัน โดยเฉพาะในการแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญทุกตำแหน่งนั้น ก็กำหนดไว้ว่า จะต้องไม่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หากเคยเป็น ก็ต้องพ้นตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑ ปี ซึ่งก็ทำให้กรณีของนายกิตติรัตน์ เกิดปัญหาเป็นข้อพิจารณาสองประการดังนี้๔.๑) ความขัดแย้งต่อกฎหมาย มีข้อพิจารณาว่า การที่นายกิตติรัตน์ พ้นตำแหน่ง “ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” ในสมัยนายกฯเศรษฐามาไม่ถึง ๑ ปี นั้น ตำแหน่งนี้เป็น “ตำแหน่งทางการเมือง”ที่ต้องห้ามตาม มาตรา ๑๘ ของ พรบ.ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือไม่ ต่อปัญหานี้มีแนววินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๔๘๑/๒๕๓๕ เคยวางไว้เป็นบรรทัดฐานแล้วว่า คำนี้ครอบคลุมถึง “ผู้ช่วยรัฐมนตรี”ด้วย ทั้งๆที่ตำแหน่งนี้มิใช่ตำแหน่งตามกฎหมายฉบับใด สำหรับเหตุผลนั้นกฤษฎีกาก็อธิบายว่า เป็นคำที่กว้างกว่า “ข้าราชการการเมือง” หมายมุ่งให้ครอบคลุมบุคลากรทั้งหมดที่มีหน้าที่หรือมีส่วนร่วมในการอำนวยการปกครองประเทศ ดังนั้นหากยึดถือตามความหมายอย่างกว้างนี้ ตำแหน่ง “ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” ที่นายกฯใช้อำนาจตามกฎหมายแต่งตั้งขึ้น แล้วกำหนดให้ทุกส่วนราชการให้ความร่วมมือตามที่ท่านสั่งการนั้น จึงอยู่ในวิสัยที่จะตีความให้ถือเป็น “ตำแหน่งทางการเมือง”ได้ ซึ่งหาก ครม.นี้ ด่วนมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งและนำความขึ้นกราบบังคมทูลแล้ว กรณีก็อาจเป็นปัญหาโต้แย้งขึ้นมาได้ในภายหลัง หนทางที่รัดกุมที่สุดจึงควรที่จะมีมติให้นำปัญหานี้ปรึกษาคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน เพื่อที่หากภายหลังมีผู้นำคดีขึ้นสู่ศาลปกครองแล้ว รัฐบาลก็จะมีความเห็นทางกฎหมายที่รัดกุมอธิบายได้เสมอ๔.๒) การใช้ดุลพินิจโดยผิดพลาด ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ที่นายกฯรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานั้น อาจเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีอิสระทางความคิดเคารพตนเอง หรืออาจเป็นเพียงมือไม้ที่คอยรับใช้คิดอ่านให้ตามที่พรรคการเมืองต้องการเท่านั้นก็ได้ ดังนั้นแม้กรรมการสรรหาจะเห็นว่าตำแหน่งนี้ไม่ใช่ “ตำแหน่งทางการเมือง”ก็ตาม กรรมการก็ยังจำเป็นต้องพิจารณาถึงระยะห่างจากพรรคการเมือง ของนายกิตติรัตน์อยู่ดี ซึ่งหากไม่ผ่านเกณฑ์ในข้อนี้แล้ว ก็ไม่ควรที่จะสนับสนุนเลยแม้แต่น้อยด้วยเหตุนี้หากคณะกรรมการสรรหาละทิ้งไม่พิจารณาประเด็นนี้ เพราะเห็นว่านายกิตติรัตน์ ผ่านด่านทางกฎหมายแล้ว ตนจะสรรหาอย่างไรก็ได้ไม่ต้องพิจารณาถึงคุณสมบัติความใกล้ชิดพรรคการเมืองอีกต่อไป จึงเป็นการใช้ดุลพินิจที่ผิดพลาดยิ่ง และจำเป็นที่ ครม.พึงจะต้องเล็งเห็นถึงปัญหาความไม่เหมาะสมในข้อนี้ให้ถี่ถ้วนด้วยเช่นกัน
    25 พ.ย.2567 - นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง ปัญหา “ความเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง”ของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง มีเนื้อหาดังนี้

๑.ข้อเท็จจริง นายกิตติรัตน์ ถือได้ว่าเป็นมือไม้ทำงานทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยโดยแท้ พ้นจาก กลต.แล้ว ก็รับงานเป็นรัฐมนตรีทั้งคลังและพาณิชย์ ให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ แม้ช่วงพรรคเพื่อไทยต้องหยุดงานการเมืองสมัย คสช. นายกิตติรัตน์ก็ไปรับเป็นที่ปรึกษา ให้ นายกฯอบจ.เชียงใหม่ เมื่อเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาล นายกฯเศรษฐา ก็ตั้งให้เป็นประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และพ้นตำแหน่งตามนายกฯเศรษฐาไปในที่สุด๒. พรรคเพื่อไทยกับธนาคารกลาง แนวทางเศรษฐกิจ “ทักษิโณมิคส์” ของทักษิณเน้นการอัดฉีดเงินเข้าระบบมาโดยตลอด ทำให้เกิดความขัดแย้งทางความคิดกับผู้บริหารธนาคารกลางเป็นระยะเรื่อยมา ทั้งนโยบายดอกเบี้ย และการจัดการเงินเฟ้อ จนมาถึงปัจจุบันที่เศรษฐกิจไทยพบปัญหาสภาพคล่องอย่างรุนแรงนี้ นโยบายแจกเงินดิจิตอลก็บานปลายเป็นปัญหาขัดแย้งระหว่างฐานคิดทางการเมือง กับฐานคิดในเรื่องความมั่นคงทางการเงินของชาติอย่างชัดเจนยิ่ง มีรัฐมนตรีของพรรคออกมาตำหนิติเตียนธนาคารกลางอย่างเปิดเผยกร้าวร้าวเป็นระยะ ดังตัวนายกิตติรัตน์เองก็เคยประกาศเมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีคลังว่า เฝ้าคิดจะปลดผู้ว่าธนาคารกลางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเลยทีเดียว๓. พฤติการณ์ “ยึดครองส่วนราชการ” ของ “ระบอบทักษิณ” ระบอบนี้ไม่เคยยอมรับและเคารพในอิสระของราชการประจำที่ต้องยึดมั่นในระเบียบแบบแผนและเหตุผลเป็นหลัก เหตุเพราะพรรคชินวัตรนี้เป็น “เผด็จการพรรคการเมืองนายทุน” มุ่งเอาเงินมาสร้างอำนาจและเอาอำนาจมาสร้างเงินตลอดเวลา ครองอำนาจเมื่อใดก็จะหาทางยึดครองส่วนราชการมาเป็นเบ๊ทุกครั้งไป ทั้งกระทรวงทบวงกรม รัฐวิสาหกิจ ธนาคารของรัฐ ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร จนปัจจุบันก็ได้สร้างคดีความให้เจ้าหน้าที่กับลูกมือของพรรคต้องโทษติดคุกมากมายหลายคน ซึ่งตัวทักษิณเอง ก็ได้ยอมรับความผิดนานาของตนในคำขอพระราชทานอภัยโทษมาแล้วเช่นกัน ด้วยพฤติการณ์ยึดครองอันเป็นนิสัยฝังลึกเช่นนี้นี่เอง ที่ทำให้การส่งนายกิตติรัตน์ผ่านกระบวนการสรรหาจนสำเร็จ ผ่านเป็นรายชื่อเสนอต่อ ครม. เพื่อพิจารณาเห็นชอบให้เป็นประธานคณะกรรมการธนาคารกลางในครั้งนี้ ต้องถูกมองว่า เป็นก้าวแรกของการแทรกซึมเข้ายึดครองการบริหารโดยเด็ดขาดต่อไป ทั้งในการแต่งตั้งผู้ว่าการธนาคาร และคณะกรรมการสำคัญสามคณะ ที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ แล้วกลายเป็นเหตุให้เกิดกระแสคัดค้านต่อต้านขึ้นทั่วไป จนทุกวันนี้ในที่สุด๔. ความผิดพลาดในการแต่งตั้งนายกิตติรัตน์ เป็นประธานธนาคารกลาง ระยะห่างจากการเมืองของธนาคารกลางเป็นหลักการสากลที่ปฏิเสธไม่ได้ และกฎหมายธนาคารชาติก็พยายามวางหลักประกันไว้หลายมาตรการด้วยกัน โดยเฉพาะในการแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญทุกตำแหน่งนั้น ก็กำหนดไว้ว่า จะต้องไม่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หากเคยเป็น ก็ต้องพ้นตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑ ปี ซึ่งก็ทำให้กรณีของนายกิตติรัตน์ เกิดปัญหาเป็นข้อพิจารณาสองประการดังนี้๔.๑) ความขัดแย้งต่อกฎหมาย มีข้อพิจารณาว่า การที่นายกิตติรัตน์ พ้นตำแหน่ง “ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” ในสมัยนายกฯเศรษฐามาไม่ถึง ๑ ปี นั้น ตำแหน่งนี้เป็น “ตำแหน่งทางการเมือง”ที่ต้องห้ามตาม มาตรา ๑๘ ของ พรบ.ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือไม่ ต่อปัญหานี้มีแนววินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๔๘๑/๒๕๓๕ เคยวางไว้เป็นบรรทัดฐานแล้วว่า คำนี้ครอบคลุมถึง “ผู้ช่วยรัฐมนตรี”ด้วย ทั้งๆที่ตำแหน่งนี้มิใช่ตำแหน่งตามกฎหมายฉบับใด สำหรับเหตุผลนั้นกฤษฎีกาก็อธิบายว่า เป็นคำที่กว้างกว่า “ข้าราชการการเมือง” หมายมุ่งให้ครอบคลุมบุคลากรทั้งหมดที่มีหน้าที่หรือมีส่วนร่วมในการอำนวยการปกครองประเทศ ดังนั้นหากยึดถือตามความหมายอย่างกว้างนี้ ตำแหน่ง “ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” ที่นายกฯใช้อำนาจตามกฎหมายแต่งตั้งขึ้น แล้วกำหนดให้ทุกส่วนราชการให้ความร่วมมือตามที่ท่านสั่งการนั้น จึงอยู่ในวิสัยที่จะตีความให้ถือเป็น “ตำแหน่งทางการเมือง”ได้ ซึ่งหาก ครม.นี้ ด่วนมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งและนำความขึ้นกราบบังคมทูลแล้ว กรณีก็อาจเป็นปัญหาโต้แย้งขึ้นมาได้ในภายหลัง หนทางที่รัดกุมที่สุดจึงควรที่จะมีมติให้นำปัญหานี้ปรึกษาคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน เพื่อที่หากภายหลังมีผู้นำคดีขึ้นสู่ศาลปกครองแล้ว รัฐบาลก็จะมีความเห็นทางกฎหมายที่รัดกุมอธิบายได้เสมอ๔.๒) การใช้ดุลพินิจโดยผิดพลาด ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ที่นายกฯรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานั้น อาจเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีอิสระทางความคิดเคารพตนเอง หรืออาจเป็นเพียงมือไม้ที่คอยรับใช้คิดอ่านให้ตามที่พรรคการเมืองต้องการเท่านั้นก็ได้ ดังนั้นแม้กรรมการสรรหาจะเห็นว่าตำแหน่งนี้ไม่ใช่ “ตำแหน่งทางการเมือง”ก็ตาม กรรมการก็ยังจำเป็นต้องพิจารณาถึงระยะห่างจากพรรคการเมือง ของนายกิตติรัตน์อยู่ดี ซึ่งหากไม่ผ่านเกณฑ์ในข้อนี้แล้ว ก็ไม่ควรที่จะสนับสนุนเลยแม้แต่น้อยด้วยเหตุนี้หากคณะกรรมการสรรหาละทิ้งไม่พิจารณาประเด็นนี้ เพราะเห็นว่านายกิตติรัตน์ ผ่านด่านทางกฎหมายแล้ว ตนจะสรรหาอย่างไรก็ได้ไม่ต้องพิจารณาถึงคุณสมบัติความใกล้ชิดพรรคการเมืองอีกต่อไป จึงเป็นการใช้ดุลพินิจที่ผิดพลาดยิ่ง และจำเป็นที่ ครม.พึงจะต้องเล็งเห็นถึงปัญหาความไม่เหมาะสมในข้อนี้ให้ถี่ถ้วนด้วยเช่นกัน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 648 มุมมอง 0 รีวิว
  • #จับอาการทักษิณกับข่าวลือยุบพรรค
    เป็นที่น่าจับตาการอาการแปลกๆ หลังจากหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
    ตั้งแต่บุตรสาวอดีตนช.ทักษิณ ได้ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย
    ทักษิณ แสดงอาการไม่กลัวใคร ตัดสัมพันธ์วงษ์สุวรรณ และการรวมเสียงพรรคร่วมตั้งรัฐบาลได้ผ่านฉลุย รวมถึงการแสดงความเก๋า แก้เกมส์การเมืองจนลุงป้อมไปไม่เป็น สร้างสถานการณ์จนทำให้เสี่ยแป้งต้องตัดลุงอย่างไม่ใยดี
    -แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมา มีข่าวลือสะพัด กับการหายหน้าไปจากพื้นที่สื่อของทักษิณ ไปไกลกระทั่งลือว่าทักษิณหลบไปเป็นคนต่างด้าว ณ ต่างแดน แต่ก็มีการสยบข่าวลือ ด้วยการเข้าพบของเสี่ยหนู และเนวิน จนเปิดวาทะกรรม ไม่เคยพูดคำว่า "จบแล้วครับนาย" โดยอนุทินยังเน้นหน้าลอยๆให้สัมภาษณ์ว่า ลูกน้องจะไปพูดแบบนี้กับเจ้านายตัวเองได้อย่างไร แต่ถึงแม้กระนั้นก็ยังไม่เห็นเงาทักษิณออกมาให้เห็นหน้าซึ่งผิดปกติวิสัยอย่างยิ่งสำหรับคนชื่อทักษิณชินวัตร
    -มีข่าวที่ไม่ใช่ข่าวลือชุดต่อมา ว่าทักษิณ ได้ทำการขอนุญาตออกนอกประเทศ 2 วาระ ที่แรกคือ ประเทศอินโดยนีเซีย และวาระที่สองคือสหรัฐ ซึ่งวงการข่าวสารก็จะรับรู้ว่า การขอออกนอกประเทศของทักษิณ ส่วนใหญ่ จะมาพร้อมกับข่าววงใน ที่พบว่ามีความเสี่ยง มีความไม่แน่นอน ที่ควรจะออกไปตั้งหลักนอกประเทศก่อน
    -จึงเกิดคำถามว่า เหตุปัจจัยใดที่จะทำให้ทักษิณ ต้องหลีกเลี่ยงโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดในเกมส์นี้ได้บ้าง ก็พบว่า
    1. กรณี ป๋วยทิพย์ จากชั้น 14 มาถึงการแสดงออกถึงร่างกายที่แข็งแรงดุจพญาช้างสาร โดยไม่แคร์ผู้รับรอง ตั้งแต่ราชทัณฑ์ รพ.ตร. แพทย์ และทุกคนในกระบวนการที่ช่วยให้ทักษิณ ไม่ต้องเดินเข้าประตูตารางแม้แต่นาทีเดียว และยังเฉิดฉายแสดงบารมีอย่างไม่หวั่นเกรงสายตาของคนที่เคยต่อสู้กับระบอบทักษิณในอดีต
    2. กรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์ กับแผ่นดินธรณีสงฆ์ ที่แม้มีการให้สัมภาษณ์จากนักกฏหมายหลายคนจะออกมาในแนวทางที่ว่า เรื่องนี้ไม่สร้างผลกระทบต่อเสถียรภาพความมั่นคงของรัฐบาลแน่นอนก็ตาม และผู้ร้องก็ถูกด้อยค่าต่างๆนาๆก็ตาม แต่เมื่อเข้าสู่กระบวนการ กลไกการทำงานเพื่อแสวงหาความจริงกลับพบปัจจัยที่มีน้ำหนักเพียงพอ ที่จะเข้าสู่การพิจารณา
    3. กรณีบ้านจันทร์ส่องหล้า กับการเอ่ยถึงคลิปเสียง หรือคลิปภาพ ที่เห็นการบัญชาการของทักษิณ ที่มีต่อพรรคร่วม รวมถึงการใช้อำนาจในการสั่งการพรรคร่วม ไปทำสัญญาใจในการสนับสนุนบุตรสาวให้ได้ตำรงค์ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่เข้าข่ายการครอบงำพรรคการเมือง แต่ภาพข่าวที่ออกมาก็ยังค้านสายตาประชาชนทั้งประเทศ และตัวนายทักษิณ ก็ยังออกมาให้สัมภาษณ์เย้ยอีกว่า ไม่ได้ครอบงำ แต่ตนเองครอบครอง เพราะเป็นบิดาของนายกรัฐมนตรี ซ้ำยังมีการแต่งตั้ง ผู้มีพระคุณต่อทักษิณ ได้เข้ามาดำรงค์ตำแหน่งสำคัญอย่างมากมาย โดยล่าสุด คือตำแหน่งที่ปรึกษานายก ที่มีจำนวนมากเท่ากับทีมฟุตซอล อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทั้งหมดล้วนมีประวัติศาสตร์ในการรับใช้นายใหญ่ ที่ชื่อทักษิณทั้งสิ้น
    คิงส์โพธิ์ดำ จึงนำข้อมูลต่างๆมานำเสนอไว้ เพื่อหากเกิดเหตุทักษิณหายตัวไปจริงๆวันใด จะได้ทราบที่มาที่ไป ว่ามีอาการใดที่ผิดสังเกตุ กับข่าวความเคลื่อนไหวของทักษิณ ณ วันนี้
    #คิงส์โพธิ์ดำ รายงาน
    #จับอาการทักษิณกับข่าวลือยุบพรรค เป็นที่น่าจับตาการอาการแปลกๆ หลังจากหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งแต่บุตรสาวอดีตนช.ทักษิณ ได้ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย ทักษิณ แสดงอาการไม่กลัวใคร ตัดสัมพันธ์วงษ์สุวรรณ และการรวมเสียงพรรคร่วมตั้งรัฐบาลได้ผ่านฉลุย รวมถึงการแสดงความเก๋า แก้เกมส์การเมืองจนลุงป้อมไปไม่เป็น สร้างสถานการณ์จนทำให้เสี่ยแป้งต้องตัดลุงอย่างไม่ใยดี -แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมา มีข่าวลือสะพัด กับการหายหน้าไปจากพื้นที่สื่อของทักษิณ ไปไกลกระทั่งลือว่าทักษิณหลบไปเป็นคนต่างด้าว ณ ต่างแดน แต่ก็มีการสยบข่าวลือ ด้วยการเข้าพบของเสี่ยหนู และเนวิน จนเปิดวาทะกรรม ไม่เคยพูดคำว่า "จบแล้วครับนาย" โดยอนุทินยังเน้นหน้าลอยๆให้สัมภาษณ์ว่า ลูกน้องจะไปพูดแบบนี้กับเจ้านายตัวเองได้อย่างไร แต่ถึงแม้กระนั้นก็ยังไม่เห็นเงาทักษิณออกมาให้เห็นหน้าซึ่งผิดปกติวิสัยอย่างยิ่งสำหรับคนชื่อทักษิณชินวัตร -มีข่าวที่ไม่ใช่ข่าวลือชุดต่อมา ว่าทักษิณ ได้ทำการขอนุญาตออกนอกประเทศ 2 วาระ ที่แรกคือ ประเทศอินโดยนีเซีย และวาระที่สองคือสหรัฐ ซึ่งวงการข่าวสารก็จะรับรู้ว่า การขอออกนอกประเทศของทักษิณ ส่วนใหญ่ จะมาพร้อมกับข่าววงใน ที่พบว่ามีความเสี่ยง มีความไม่แน่นอน ที่ควรจะออกไปตั้งหลักนอกประเทศก่อน -จึงเกิดคำถามว่า เหตุปัจจัยใดที่จะทำให้ทักษิณ ต้องหลีกเลี่ยงโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดในเกมส์นี้ได้บ้าง ก็พบว่า 1. กรณี ป๋วยทิพย์ จากชั้น 14 มาถึงการแสดงออกถึงร่างกายที่แข็งแรงดุจพญาช้างสาร โดยไม่แคร์ผู้รับรอง ตั้งแต่ราชทัณฑ์ รพ.ตร. แพทย์ และทุกคนในกระบวนการที่ช่วยให้ทักษิณ ไม่ต้องเดินเข้าประตูตารางแม้แต่นาทีเดียว และยังเฉิดฉายแสดงบารมีอย่างไม่หวั่นเกรงสายตาของคนที่เคยต่อสู้กับระบอบทักษิณในอดีต 2. กรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์ กับแผ่นดินธรณีสงฆ์ ที่แม้มีการให้สัมภาษณ์จากนักกฏหมายหลายคนจะออกมาในแนวทางที่ว่า เรื่องนี้ไม่สร้างผลกระทบต่อเสถียรภาพความมั่นคงของรัฐบาลแน่นอนก็ตาม และผู้ร้องก็ถูกด้อยค่าต่างๆนาๆก็ตาม แต่เมื่อเข้าสู่กระบวนการ กลไกการทำงานเพื่อแสวงหาความจริงกลับพบปัจจัยที่มีน้ำหนักเพียงพอ ที่จะเข้าสู่การพิจารณา 3. กรณีบ้านจันทร์ส่องหล้า กับการเอ่ยถึงคลิปเสียง หรือคลิปภาพ ที่เห็นการบัญชาการของทักษิณ ที่มีต่อพรรคร่วม รวมถึงการใช้อำนาจในการสั่งการพรรคร่วม ไปทำสัญญาใจในการสนับสนุนบุตรสาวให้ได้ตำรงค์ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่เข้าข่ายการครอบงำพรรคการเมือง แต่ภาพข่าวที่ออกมาก็ยังค้านสายตาประชาชนทั้งประเทศ และตัวนายทักษิณ ก็ยังออกมาให้สัมภาษณ์เย้ยอีกว่า ไม่ได้ครอบงำ แต่ตนเองครอบครอง เพราะเป็นบิดาของนายกรัฐมนตรี ซ้ำยังมีการแต่งตั้ง ผู้มีพระคุณต่อทักษิณ ได้เข้ามาดำรงค์ตำแหน่งสำคัญอย่างมากมาย โดยล่าสุด คือตำแหน่งที่ปรึกษานายก ที่มีจำนวนมากเท่ากับทีมฟุตซอล อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทั้งหมดล้วนมีประวัติศาสตร์ในการรับใช้นายใหญ่ ที่ชื่อทักษิณทั้งสิ้น คิงส์โพธิ์ดำ จึงนำข้อมูลต่างๆมานำเสนอไว้ เพื่อหากเกิดเหตุทักษิณหายตัวไปจริงๆวันใด จะได้ทราบที่มาที่ไป ว่ามีอาการใดที่ผิดสังเกตุ กับข่าวความเคลื่อนไหวของทักษิณ ณ วันนี้ #คิงส์โพธิ์ดำ รายงาน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 692 มุมมอง 70 0 รีวิว
  • #จับอาการทักษิณกับข่าวลือยุบพรรค
    เป็นที่น่าจับตาการอาการแปลกๆ หลังจากหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
    ตั้งแต่บุตรสาวอดีตนช.ทักษิณ ได้ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย
    ทักษิณ แสดงอาการไม่กลัวใคร ตัดสัมพันธ์วงษ์สุวรรณ และการรวมเสียงพรรคร่วมตั้งรัฐบาลได้ผ่านฉลุย รวมถึงการแสดงความเก๋า แก้เกมส์การเมืองจนลุงป้อมไปไม่เป็น สร้างสถานการณ์จนทำให้เสี่ยแป้งต้องตัดลุงอย่างไม่ใยดี
    -แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมา มีข่าวลือสะพัด กับการหายหน้าไปจากพื้นที่สื่อของทักษิณ ไปไกลกระทั่งลือว่าทักษิณหลบไปเป็นคนต่างด้าว ณ ต่างแดน แต่ก็มีการสยบข่าวลือ ด้วยการเข้าพบของเสี่ยหนู และเนวิน จนเปิดวาทะกรรม ไม่เคยพูดคำว่า "จบแล้วครับนาย" โดยอนุทินยังเน้นหน้าลอยๆให้สัมภาษณ์ว่า ลูกน้องจะไปพูดแบบนี้กับเจ้านายตัวเองได้อย่างไร แต่ถึงแม้กระนั้นก็ยังไม่เห็นเงาทักษิณออกมาให้เห็นหน้าซึ่งผิดปกติวิสัยอย่างยิ่งสำหรับคนชื่อทักษิณชินวัตร
    -มีข่าวที่ไม่ใช่ข่าวลือชุดต่อมา ว่าทักษิณ ได้ทำการขอนุญาตออกนอกประเทศ 2 วาระ ที่แรกคือ ประเทศอินโดยนีเซีย และวาระที่สองคือสหรัฐ ซึ่งวงการข่าวสารก็จะรับรู้ว่า การขอออกนอกประเทศของทักษิณ ส่วนใหญ่ จะมาพร้อมกับข่าววงใน ที่พบว่ามีความเสี่ยง มีความไม่แน่นอน ที่ควรจะออกไปตั้งหลักนอกประเทศก่อน
    -จึงเกิดคำถามว่า เหตุปัจจัยใดที่จะทำให้ทักษิณ ต้องหลีกเลี่ยงโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดในเกมส์นี้ได้บ้าง ก็พบว่า
    1. กรณี ป๋วยทิพย์ จากชั้น 14 มาถึงการแสดงออกถึงร่างกายที่แข็งแรงดุจพญาช้างสาร โดยไม่แคร์ผู้รับรอง ตั้งแต่ราชทัณฑ์ รพ.ตร. แพทย์ และทุกคนในกระบวนการที่ช่วยให้ทักษิณ ไม่ต้องเดินเข้าประตูตารางแม้แต่นาทีเดียว และยังเฉิดฉายแสดงบารมีอย่างไม่หวั่นเกรงสายตาของคนที่เคยต่อสู้กับระบอบทักษิณในอดีต
    2. กรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์ กับแผ่นดินธรณีสงฆ์ ที่แม้มีการให้สัมภาษณ์จากนักกฏหมายหลายคนจะออกมาในแนวทางที่ว่า เรื่องนี้ไม่สร้างผลกระทบต่อเสถียรภาพความมั่นคงของรัฐบาลแน่นอนก็ตาม และผู้ร้องก็ถูกด้อยค่าต่างๆนาๆก็ตาม แต่เมื่อเข้าสู่กระบวนการ กลไกการทำงานเพื่อแสวงหาความจริงกลับพบปัจจัยที่มีน้ำหนักเพียงพอ ที่จะเข้าสู่การพิจารณา
    3. กรณีบ้านจันทร์ส่องหล้า กับการเอ่ยถึงคลิปเสียง หรือคลิปภาพ ที่เห็นการบัญชาการของทักษิณ ที่มีต่อพรรคร่วม รวมถึงการใช้อำนาจในการสั่งการพรรคร่วม ไปทำสัญญาใจในการสนับสนุนบุตรสาวให้ได้ตำรงค์ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่เข้าข่ายการครอบงำพรรคการเมือง แต่ภาพข่าวที่ออกมาก็ยังค้านสายตาประชาชนทั้งประเทศ และตัวนายทักษิณ ก็ยังออกมาให้สัมภาษณ์เย้ยอีกว่า ไม่ได้ครอบงำ แต่ตนเองครอบครอง เพราะเป็นบิดาของนายกรัฐมนตรี ซ้ำยังมีการแต่งตั้ง ผู้มีพระคุณต่อทักษิณ ได้เข้ามาดำรงค์ตำแหน่งสำคัญอย่างมากมาย โดยล่าสุด คือตำแหน่งที่ปรึกษานายก ที่มีจำนวนมากเท่ากับทีมฟุตซอล อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทั้งหมดล้วนมีประวัติศาสตร์ในการรับใช้นายใหญ่ ที่ชื่อทักษิณทั้งสิ้น
    คิงส์โพธิ์ดำ จึงนำข้อมูลต่างๆมานำเสนอไว้ เพื่อหากเกิดเหตุทักษิณหายตัวไปจริงๆวันใด จะได้ทราบที่มาที่ไป ว่ามีอาการใดที่ผิดสังเกตุ กับข่าวความเคลื่อนไหวของทักษิณ ณ วันนี้
    #คิงส์โพธิ์ดำ รายงาน
    #จับอาการทักษิณกับข่าวลือยุบพรรค เป็นที่น่าจับตาการอาการแปลกๆ หลังจากหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งแต่บุตรสาวอดีตนช.ทักษิณ ได้ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย ทักษิณ แสดงอาการไม่กลัวใคร ตัดสัมพันธ์วงษ์สุวรรณ และการรวมเสียงพรรคร่วมตั้งรัฐบาลได้ผ่านฉลุย รวมถึงการแสดงความเก๋า แก้เกมส์การเมืองจนลุงป้อมไปไม่เป็น สร้างสถานการณ์จนทำให้เสี่ยแป้งต้องตัดลุงอย่างไม่ใยดี -แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมา มีข่าวลือสะพัด กับการหายหน้าไปจากพื้นที่สื่อของทักษิณ ไปไกลกระทั่งลือว่าทักษิณหลบไปเป็นคนต่างด้าว ณ ต่างแดน แต่ก็มีการสยบข่าวลือ ด้วยการเข้าพบของเสี่ยหนู และเนวิน จนเปิดวาทะกรรม ไม่เคยพูดคำว่า "จบแล้วครับนาย" โดยอนุทินยังเน้นหน้าลอยๆให้สัมภาษณ์ว่า ลูกน้องจะไปพูดแบบนี้กับเจ้านายตัวเองได้อย่างไร แต่ถึงแม้กระนั้นก็ยังไม่เห็นเงาทักษิณออกมาให้เห็นหน้าซึ่งผิดปกติวิสัยอย่างยิ่งสำหรับคนชื่อทักษิณชินวัตร -มีข่าวที่ไม่ใช่ข่าวลือชุดต่อมา ว่าทักษิณ ได้ทำการขอนุญาตออกนอกประเทศ 2 วาระ ที่แรกคือ ประเทศอินโดยนีเซีย และวาระที่สองคือสหรัฐ ซึ่งวงการข่าวสารก็จะรับรู้ว่า การขอออกนอกประเทศของทักษิณ ส่วนใหญ่ จะมาพร้อมกับข่าววงใน ที่พบว่ามีความเสี่ยง มีความไม่แน่นอน ที่ควรจะออกไปตั้งหลักนอกประเทศก่อน -จึงเกิดคำถามว่า เหตุปัจจัยใดที่จะทำให้ทักษิณ ต้องหลีกเลี่ยงโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดในเกมส์นี้ได้บ้าง ก็พบว่า 1. กรณี ป๋วยทิพย์ จากชั้น 14 มาถึงการแสดงออกถึงร่างกายที่แข็งแรงดุจพญาช้างสาร โดยไม่แคร์ผู้รับรอง ตั้งแต่ราชทัณฑ์ รพ.ตร. แพทย์ และทุกคนในกระบวนการที่ช่วยให้ทักษิณ ไม่ต้องเดินเข้าประตูตารางแม้แต่นาทีเดียว และยังเฉิดฉายแสดงบารมีอย่างไม่หวั่นเกรงสายตาของคนที่เคยต่อสู้กับระบอบทักษิณในอดีต 2. กรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์ กับแผ่นดินธรณีสงฆ์ ที่แม้มีการให้สัมภาษณ์จากนักกฏหมายหลายคนจะออกมาในแนวทางที่ว่า เรื่องนี้ไม่สร้างผลกระทบต่อเสถียรภาพความมั่นคงของรัฐบาลแน่นอนก็ตาม และผู้ร้องก็ถูกด้อยค่าต่างๆนาๆก็ตาม แต่เมื่อเข้าสู่กระบวนการ กลไกการทำงานเพื่อแสวงหาความจริงกลับพบปัจจัยที่มีน้ำหนักเพียงพอ ที่จะเข้าสู่การพิจารณา 3. กรณีบ้านจันทร์ส่องหล้า กับการเอ่ยถึงคลิปเสียง หรือคลิปภาพ ที่เห็นการบัญชาการของทักษิณ ที่มีต่อพรรคร่วม รวมถึงการใช้อำนาจในการสั่งการพรรคร่วม ไปทำสัญญาใจในการสนับสนุนบุตรสาวให้ได้ตำรงค์ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่เข้าข่ายการครอบงำพรรคการเมือง แต่ภาพข่าวที่ออกมาก็ยังค้านสายตาประชาชนทั้งประเทศ และตัวนายทักษิณ ก็ยังออกมาให้สัมภาษณ์เย้ยอีกว่า ไม่ได้ครอบงำ แต่ตนเองครอบครอง เพราะเป็นบิดาของนายกรัฐมนตรี ซ้ำยังมีการแต่งตั้ง ผู้มีพระคุณต่อทักษิณ ได้เข้ามาดำรงค์ตำแหน่งสำคัญอย่างมากมาย โดยล่าสุด คือตำแหน่งที่ปรึกษานายก ที่มีจำนวนมากเท่ากับทีมฟุตซอล อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทั้งหมดล้วนมีประวัติศาสตร์ในการรับใช้นายใหญ่ ที่ชื่อทักษิณทั้งสิ้น คิงส์โพธิ์ดำ จึงนำข้อมูลต่างๆมานำเสนอไว้ เพื่อหากเกิดเหตุทักษิณหายตัวไปจริงๆวันใด จะได้ทราบที่มาที่ไป ว่ามีอาการใดที่ผิดสังเกตุ กับข่าวความเคลื่อนไหวของทักษิณ ณ วันนี้ #คิงส์โพธิ์ดำ รายงาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 675 มุมมอง 0 รีวิว
  • จริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริต สิ่งที่ระบอบทักษิณหวาดกลัว

    บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ

    คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9670000090897
    จริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริต สิ่งที่ระบอบทักษิณหวาดกลัว บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9670000090897
    MGRONLINE.COM
    จริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริต สิ่งที่ระบอบทักษิณหวาดกลัว
    ถ้าจะนิยามระบอบทักษิณ ก็ต้องบอกว่าคือการใช้อำนาจอย่างเหิมเกริมไม่บันยะบันยัง
    Like
    Angry
    19
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 348 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฉีกหน้ากาก“ขิ่นแก้วตา”กับ“หม่องรังสิมันต์ โรม”
    สส.ไทยใจพม่าในพรรคประชาชน
    .
    จริงๆ แล้วผมไม่อยากพูดเรื่องนี้ แต่วันนี้ถึงจุดแตกหัก ต้องพูดแล้ว ทำไมผมถึงไม่อยากพูด รู้ไหม ? เพราะว่าคนที่ชื่อ "ธิษะณา ชุณหะวัณ" หรือที่เรียกว่า "แก้วตา" นั้น พ่อของเขาคือ "ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ" ซึ่งเป็นเพื่อนรักผม และปู่ของเขาคือ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ซึ่งผมเคารพนับถือและเราสนิทสนมกันมาก ครอบครัวนี้ แม้กระทั่งแม่ของเขา ชื่อ "โน" ก็รู้จักกันดี และเป็นหนึ่งในพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ออกมาต่อสู้เพื่อล้มล้างระบอบทักษิณ
    .
    แต่วันนี้ผมคิดว่าเด็กคนนี้ล้ำเส้นมากเกินไปแล้ว และมันส่อวุฒิภาวะให้เห็นหลายๆมิติ มีเบื้องหน้าเบื้องหลังที่วันนี้พิสูจน์ให้เห็นชัดแล้วว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
    .
    มาดูคุณสมบัติ คุณวุฒิของคุณแก้วตากันหน่อย จบมหิดลอินเตอร์ เคยไปเรียนนอกตั้งแต่เด็ก แล้วไปจบ“SOAS”( School of Oriental and African Studies) University of London แต่คุณแก้วตายังอ่านตัวเลขมั่ว ผิดแล้วผิดอีก เรื่องนี้มันเป็นเรื่องตลก แต่มันไม่ตลกสำหรับผม และมิหนำซ้ำแล้วยังมีเรื่องเก่าๆ คุณไลฟ์สดถ่อย โชว์ถ่อย ด่าดับเพลิงกู้ภัย 22 มิถุนายน 2567 มันสะท้อนวุฒิภาวะของคุณ
    .
    ล่าสุดคุณธิษะณา ชุณหะวัณ อภิปรายเรื่องพม่า คำพูดของคุณไปเผยแพร่ต่อในโซเชียลมีเดีย ทั้ง Facebook, YouTube, TikTok แล้วคนรับไม่ได้ พูดยังไง
    .
    "เรื่องพม่าอย่าหาทำครับ เอาให้คนไทยมีกิน มีใช้ คุณภาพชีวิตดีก่อน คิดจะช่วยประเทศอื่น คนไทยบางคนยังไม่มีบ้านอยู่ ยังไม่มีที่ทำมาหากิน แต่พวกคุณกลับเลือกที่จะช่วยพม่า คนไทยเป็นคนเลือกคุณให้เข้ามาทำงานให้ประชาชนชาวไทย ไม่ใช่พม่านะครับ ผมจะบอกว่าถ้ายังไม่สนใจ รอบหน้าผมไม่เลือกพวกคุณอีกแล้ว ไม่ต้องไปเลือกอีกแล้ว ไอ้พรรคส้มนี่"
    .
    “ เอาเรื่องคนภายในประเทศให้รอดก่อนดีไหม คุณ สส. ใจพม่า คุณมันคือจุดอ่อนของพรรค ทำให้พรรคเสื่อมเสียชื่อเสียง"
    .
    "คนต่างด้าวเข้ามาทำงาน นายจ้างให้เงินตอบแทนค่ะ เขาไม่ได้ใช้งานฟรี อย่าเรียกร้องอะไรให้เท่าเทียมคนไทย อยากเท่าเทียมให้ไปเรียกร้องสิทธิที่บ้านตัวเอง ไม่ควรได้สวัสดิการฟรีเหมือนคนไทย อยากเข้าโรงพยาบาลต้องจ่ายค่ารักษา อยากเรียนต้องจ่ายค่าเทอม ค่าสมุด ค่าหนังสือ ค่าอาหารเอง สุดท้ายนี้ ปัญหาในประเทศก็มากจนแก้ไม่ไหวอยู่แล้ว อย่าเพิ่มปัญหาให้คนในชาติอีกเลย เพราะมีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ได้รับผลประทบจากคนต่างด้าวที่เข้ามาทำมาหากินในเมืองไทย เสียงเล็กๆ จากประชาชนที่เลือกคุณมาตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่"
    .
    ที่ผมอ่านให้ฟังนี่ก็คือแฟนคลับเก่าของพรรคอนาคตใหม่ที่เลือกคุณเข้ามา แล้วคุณไม่สังเกตหรือว่าวันนี้พรรคประชาชน (พม่า) เอาตีนก่ายหน้าผาก ไม่รู้จะแก้ปัญหานี้อย่างไร เลยต้องออกคำสั่งให้ "หม่องรังสิมันต์ โรม" ออกมาชี้แจงตามทุกช่องทีวีหลักๆ ที่มันพยายามแก้ตัวว่า แก้ปัญหาพม่าเพื่อคนไทย ตรงไหนวะ ไอ้หม่อง มึงแก้แบบนี้เพื่อกระทืบคนไทย และวันนี้ พรรณิการ์ (ช่อ) วานิช ก็ออกมาแจ๊ดๆๆๆ แก้ตัวว่าพวกที่โจมตีนโยบายพม่าเป็นพวก IO… ใช่ IO เหรอ แฟนคลับคุณทั้งนั้น หยุดแก้ตัวได้แล้ว
    .
    พรรคของคุณนะ คุณแก้วตา เชื่อมโยงกับพรรค NLD ของอองซาน ซูจี ที่อเมริกันและอียูสนับสนุนอยู่ ด้วยเงินด้วยทอง ด้วยกำลังคนเข้าไปฝึกอาวุธให้ แล้วแอบส่งอาวุธเข้าไปให้พวก NLD เพื่อรบกับรัฐบาลของมิน อ่อง หล่าย สำหรับผมแล้วปัญหามันอยู่ที่ว่า พม่าลี้ภัยทางการเมืองเข้ามา แล้วเชื่อผมสิ ขบวนการนี้ เบื้องหลังก็คือตะวันตก และมันรู้ว่ามี สส.(เรือหาย)อย่างคุณแก้วตา คอยหนุนหลังมัน ซึ่งเบื้องหลังก็มีธนารธร จึงรุ่งเรืองกิจ และหม่องรังสิมันต์ โรม ตลอดจนผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคประชาชน(พม่า)คอยสนับสนุนอยู่ เฮ้ย มาเลยๆ อยู่เมืองไทย เรามี สส. พรรคนี้ช่วยเราอยู่ตอนนี้
    .
    อะไรจะเกิดขึ้นล่ะถ้าพม่าเต็มบ้านเต็มเมือง ประเทศไทยวุ่นวาย ซึ่งมันก็สมใจพวกคุณแล้วใช่ไหม พวกพรรคประชาชน (พม่า) สมใจพวกคุณแล้วใช่ไหม เพราะคุณต้องการให้มีความวุ่นวาย ต้องการให้มันมีความฉิบหาย

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/N4prCnutKD6Uxh29/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    ฉีกหน้ากาก“ขิ่นแก้วตา”กับ“หม่องรังสิมันต์ โรม” สส.ไทยใจพม่าในพรรคประชาชน . จริงๆ แล้วผมไม่อยากพูดเรื่องนี้ แต่วันนี้ถึงจุดแตกหัก ต้องพูดแล้ว ทำไมผมถึงไม่อยากพูด รู้ไหม ? เพราะว่าคนที่ชื่อ "ธิษะณา ชุณหะวัณ" หรือที่เรียกว่า "แก้วตา" นั้น พ่อของเขาคือ "ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ" ซึ่งเป็นเพื่อนรักผม และปู่ของเขาคือ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ซึ่งผมเคารพนับถือและเราสนิทสนมกันมาก ครอบครัวนี้ แม้กระทั่งแม่ของเขา ชื่อ "โน" ก็รู้จักกันดี และเป็นหนึ่งในพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ออกมาต่อสู้เพื่อล้มล้างระบอบทักษิณ . แต่วันนี้ผมคิดว่าเด็กคนนี้ล้ำเส้นมากเกินไปแล้ว และมันส่อวุฒิภาวะให้เห็นหลายๆมิติ มีเบื้องหน้าเบื้องหลังที่วันนี้พิสูจน์ให้เห็นชัดแล้วว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ . มาดูคุณสมบัติ คุณวุฒิของคุณแก้วตากันหน่อย จบมหิดลอินเตอร์ เคยไปเรียนนอกตั้งแต่เด็ก แล้วไปจบ“SOAS”( School of Oriental and African Studies) University of London แต่คุณแก้วตายังอ่านตัวเลขมั่ว ผิดแล้วผิดอีก เรื่องนี้มันเป็นเรื่องตลก แต่มันไม่ตลกสำหรับผม และมิหนำซ้ำแล้วยังมีเรื่องเก่าๆ คุณไลฟ์สดถ่อย โชว์ถ่อย ด่าดับเพลิงกู้ภัย 22 มิถุนายน 2567 มันสะท้อนวุฒิภาวะของคุณ . ล่าสุดคุณธิษะณา ชุณหะวัณ อภิปรายเรื่องพม่า คำพูดของคุณไปเผยแพร่ต่อในโซเชียลมีเดีย ทั้ง Facebook, YouTube, TikTok แล้วคนรับไม่ได้ พูดยังไง . "เรื่องพม่าอย่าหาทำครับ เอาให้คนไทยมีกิน มีใช้ คุณภาพชีวิตดีก่อน คิดจะช่วยประเทศอื่น คนไทยบางคนยังไม่มีบ้านอยู่ ยังไม่มีที่ทำมาหากิน แต่พวกคุณกลับเลือกที่จะช่วยพม่า คนไทยเป็นคนเลือกคุณให้เข้ามาทำงานให้ประชาชนชาวไทย ไม่ใช่พม่านะครับ ผมจะบอกว่าถ้ายังไม่สนใจ รอบหน้าผมไม่เลือกพวกคุณอีกแล้ว ไม่ต้องไปเลือกอีกแล้ว ไอ้พรรคส้มนี่" . “ เอาเรื่องคนภายในประเทศให้รอดก่อนดีไหม คุณ สส. ใจพม่า คุณมันคือจุดอ่อนของพรรค ทำให้พรรคเสื่อมเสียชื่อเสียง" . "คนต่างด้าวเข้ามาทำงาน นายจ้างให้เงินตอบแทนค่ะ เขาไม่ได้ใช้งานฟรี อย่าเรียกร้องอะไรให้เท่าเทียมคนไทย อยากเท่าเทียมให้ไปเรียกร้องสิทธิที่บ้านตัวเอง ไม่ควรได้สวัสดิการฟรีเหมือนคนไทย อยากเข้าโรงพยาบาลต้องจ่ายค่ารักษา อยากเรียนต้องจ่ายค่าเทอม ค่าสมุด ค่าหนังสือ ค่าอาหารเอง สุดท้ายนี้ ปัญหาในประเทศก็มากจนแก้ไม่ไหวอยู่แล้ว อย่าเพิ่มปัญหาให้คนในชาติอีกเลย เพราะมีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ได้รับผลประทบจากคนต่างด้าวที่เข้ามาทำมาหากินในเมืองไทย เสียงเล็กๆ จากประชาชนที่เลือกคุณมาตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่" . ที่ผมอ่านให้ฟังนี่ก็คือแฟนคลับเก่าของพรรคอนาคตใหม่ที่เลือกคุณเข้ามา แล้วคุณไม่สังเกตหรือว่าวันนี้พรรคประชาชน (พม่า) เอาตีนก่ายหน้าผาก ไม่รู้จะแก้ปัญหานี้อย่างไร เลยต้องออกคำสั่งให้ "หม่องรังสิมันต์ โรม" ออกมาชี้แจงตามทุกช่องทีวีหลักๆ ที่มันพยายามแก้ตัวว่า แก้ปัญหาพม่าเพื่อคนไทย ตรงไหนวะ ไอ้หม่อง มึงแก้แบบนี้เพื่อกระทืบคนไทย และวันนี้ พรรณิการ์ (ช่อ) วานิช ก็ออกมาแจ๊ดๆๆๆ แก้ตัวว่าพวกที่โจมตีนโยบายพม่าเป็นพวก IO… ใช่ IO เหรอ แฟนคลับคุณทั้งนั้น หยุดแก้ตัวได้แล้ว . พรรคของคุณนะ คุณแก้วตา เชื่อมโยงกับพรรค NLD ของอองซาน ซูจี ที่อเมริกันและอียูสนับสนุนอยู่ ด้วยเงินด้วยทอง ด้วยกำลังคนเข้าไปฝึกอาวุธให้ แล้วแอบส่งอาวุธเข้าไปให้พวก NLD เพื่อรบกับรัฐบาลของมิน อ่อง หล่าย สำหรับผมแล้วปัญหามันอยู่ที่ว่า พม่าลี้ภัยทางการเมืองเข้ามา แล้วเชื่อผมสิ ขบวนการนี้ เบื้องหลังก็คือตะวันตก และมันรู้ว่ามี สส.(เรือหาย)อย่างคุณแก้วตา คอยหนุนหลังมัน ซึ่งเบื้องหลังก็มีธนารธร จึงรุ่งเรืองกิจ และหม่องรังสิมันต์ โรม ตลอดจนผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคประชาชน(พม่า)คอยสนับสนุนอยู่ เฮ้ย มาเลยๆ อยู่เมืองไทย เรามี สส. พรรคนี้ช่วยเราอยู่ตอนนี้ . อะไรจะเกิดขึ้นล่ะถ้าพม่าเต็มบ้านเต็มเมือง ประเทศไทยวุ่นวาย ซึ่งมันก็สมใจพวกคุณแล้วใช่ไหม พวกพรรคประชาชน (พม่า) สมใจพวกคุณแล้วใช่ไหม เพราะคุณต้องการให้มีความวุ่นวาย ต้องการให้มันมีความฉิบหาย ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/N4prCnutKD6Uxh29/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    3
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1073 มุมมอง 0 รีวิว
  • ระบอบและอุดมการณ์ของรัฐ ที่ฝากความหวังไว้กับระบอบทักษิณ

    บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ

    คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9670000082617
    ระบอบและอุดมการณ์ของรัฐ ที่ฝากความหวังไว้กับระบอบทักษิณ บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9670000082617
    MGRONLINE.COM
    ระบอบและอุดมการณ์ของรัฐ ที่ฝากความหวังไว้กับระบอบทักษิณ
    การเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่มาเป็นพรรคก้าวไกลและเป็นพรรคประชาชนที่ท้าทายระบอบและอุดมการณ์ของรัฐและมีเป้าหมายที่จะเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันกษัตริย์ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยนั้น
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 353 มุมมอง 0 รีวิว
  • เป็นที่ปิติสำหรับประเทศไทย
    ระบอบทักษิณกลับมาแล้ว
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ขอแสดงความยินดี
    เป็นที่ปิติสำหรับประเทศไทย ระบอบทักษิณกลับมาแล้ว #คิงส์โพธิ์แดง #ขอแสดงความยินดี
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลายปีที่ผ่านมาหลายคนพยายามอธิบาย
    ถึงระบอบทักษิณที่เคยทำให้ประเทศต้องมีความขัดแย้ง
    จนไปถึงการเผา บ้าน เผา เมือง
    แต่คนยุคใหม่ที่โตไม่ทันก็บอกว่าเกินจริง
    ไม่มีจริงหรอกระบอบทักษิณ
    มโนกันไปเอง คิดมากไปเอง
    แต่นช.โทนี่ ถือว่าทำคุณให้แผ่นดิน
    ทำให้คนไทยที่ไม่รู้จัก
    ก็ได้รู้เช่น เห็นชาติว่าระบอบทักษิณที่นักต่อสู้
    ในอดีตเคยต้องยอมแลก แม้ด้วยชีวิต
    เพื่อขจัดระบบนี้ออกจากผืนแผ่นดินไทย
    ตอนนี้แทบไม่ต้องอธิบาย แต่ตอนแรกๆ
    คนยุคใหม่บอกว่า เอ๊ะ อ๊ะ เฮ้ย อะไรฟร๊ะ
    งงดิ ไม่รู้จะเรียกสิ่งที่เห็นว่าคืออะไร
    พี่คิงส์จะบอกให้ เค้าเรียกว่า
    "ระบอบทักษิณ" นะคับนะ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    หลายปีที่ผ่านมาหลายคนพยายามอธิบาย ถึงระบอบทักษิณที่เคยทำให้ประเทศต้องมีความขัดแย้ง จนไปถึงการเผา บ้าน เผา เมือง แต่คนยุคใหม่ที่โตไม่ทันก็บอกว่าเกินจริง ไม่มีจริงหรอกระบอบทักษิณ มโนกันไปเอง คิดมากไปเอง แต่นช.โทนี่ ถือว่าทำคุณให้แผ่นดิน ทำให้คนไทยที่ไม่รู้จัก ก็ได้รู้เช่น เห็นชาติว่าระบอบทักษิณที่นักต่อสู้ ในอดีตเคยต้องยอมแลก แม้ด้วยชีวิต เพื่อขจัดระบบนี้ออกจากผืนแผ่นดินไทย ตอนนี้แทบไม่ต้องอธิบาย แต่ตอนแรกๆ คนยุคใหม่บอกว่า เอ๊ะ อ๊ะ เฮ้ย อะไรฟร๊ะ งงดิ ไม่รู้จะเรียกสิ่งที่เห็นว่าคืออะไร พี่คิงส์จะบอกให้ เค้าเรียกว่า "ระบอบทักษิณ" นะคับนะ #คิงส์โพธิ์แดง
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 286 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 7-8-67 ประเด็นคร่าว ๆ วันนี้
    - มุมมองของคุณสนธิ Temu
    - ย้อนอดีตคุณสนธิสมัยเป็นนักกีฬาตั้งแต่ระดับโรงเรียนจนถึงระดับประเทศ
    - ต่อเรื่องการต่อสู้ของพันธมิตรฯ กับระบอบทักษิณ

    คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=rIgTOS82XDo
    สนธิเล่าเรื่อง 7-8-67 ประเด็นคร่าว ๆ วันนี้ - มุมมองของคุณสนธิ Temu - ย้อนอดีตคุณสนธิสมัยเป็นนักกีฬาตั้งแต่ระดับโรงเรียนจนถึงระดับประเทศ - ต่อเรื่องการต่อสู้ของพันธมิตรฯ กับระบอบทักษิณ คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=rIgTOS82XDo
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1218 มุมมอง 1 รีวิว