• ผู้อำนวยการเขื่อนวชิราลงกรณ ยืนยันแผ่นดินไหว จุดศูนย์กลางอยู่ประเทศพม่าไม่กระทบเขื่อนวชิราลงกรณ เขื่อนยังมั่นคงแข็งแรงและปลอดภัย ขณะที่โรงพยาบาลอำเภอสังขละบุรี ได้อพยพผู้ป่วยออกจากตัวอาคารมาอาศัยอยู่ที่โล่งแจ้งภายในบริเวณโรงพยาบาลทั้งหมด

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000029625
    ผู้อำนวยการเขื่อนวชิราลงกรณ ยืนยันแผ่นดินไหว จุดศูนย์กลางอยู่ประเทศพม่าไม่กระทบเขื่อนวชิราลงกรณ เขื่อนยังมั่นคงแข็งแรงและปลอดภัย ขณะที่โรงพยาบาลอำเภอสังขละบุรี ได้อพยพผู้ป่วยออกจากตัวอาคารมาอาศัยอยู่ที่โล่งแจ้งภายในบริเวณโรงพยาบาลทั้งหมด อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000029625
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 92 Views 0 Reviews
  • 📌 ปภ. แนะข้อปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยกรณีเกิดแผ่นดินไหว
    วันนี้ (28 มี.ค.68 เวลา 14.25 น.) นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขอแนะนำวิธีการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้น โดยให้ประชาชนยึดหลัก “หมอบ – ป้อง – เกาะ” โดยการหมอบลงใต้โต๊ะหรือจุดที่มีโครงสร้างมั่นคงแข็งแรงให้พ้นจากแนวที่สิ่งของอาจหล่นใส่ และป้องกันของตกกระแทกด้วยการหมอบราบกับพื้นหรือก้มต่ำโดยแขนหรือมือกำบังศีรษะ รวมถึงเกาะโต๊ะหรือที่กำบังให้แน่น และเร่งอพยพออกจากอาคารสูงทันที และเมื่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวสิ้นสุด ขอให้ตรวจเช็กความปลอดภัยของคนรอบข้าง และอย่าเพิ่งรีบกลับเข้าไปในอาคารทันที ให้ตรวจสอบโครงสร้างอาคารและสภาพความมั่นคงปลอดภัยของสิ่งปลูกสร้างโดยรอบ หรือรอฟังคำสั่งจากทางราชการ เมื่อมั่นใจว่าปลอดภัยแล้วจึงค่อยเข้าไปในอาคารและตรวจสอบความเสียหายต่อไป
    โดยในกรณีแผ่นดินไหวในครั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ประสานให้จังหวัดที่มีรายงานรับรู้แรงสั่นสะเทือน ติดตามสถานการณ์และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เพื่อลดความตื่นตระหนก ประชาสัมพันธ์แนวทางการปฏิบัติตนให้ปลอดภัยและการให้ความช่วยเหลือของทางราชการ ตลอดจนเร่งสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือประชาชนตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป
    ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และหากได้รับความเดือดร้อนจากเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป
    📌 ปภ. แนะข้อปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยกรณีเกิดแผ่นดินไหว วันนี้ (28 มี.ค.68 เวลา 14.25 น.) นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขอแนะนำวิธีการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้น โดยให้ประชาชนยึดหลัก “หมอบ – ป้อง – เกาะ” โดยการหมอบลงใต้โต๊ะหรือจุดที่มีโครงสร้างมั่นคงแข็งแรงให้พ้นจากแนวที่สิ่งของอาจหล่นใส่ และป้องกันของตกกระแทกด้วยการหมอบราบกับพื้นหรือก้มต่ำโดยแขนหรือมือกำบังศีรษะ รวมถึงเกาะโต๊ะหรือที่กำบังให้แน่น และเร่งอพยพออกจากอาคารสูงทันที และเมื่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวสิ้นสุด ขอให้ตรวจเช็กความปลอดภัยของคนรอบข้าง และอย่าเพิ่งรีบกลับเข้าไปในอาคารทันที ให้ตรวจสอบโครงสร้างอาคารและสภาพความมั่นคงปลอดภัยของสิ่งปลูกสร้างโดยรอบ หรือรอฟังคำสั่งจากทางราชการ เมื่อมั่นใจว่าปลอดภัยแล้วจึงค่อยเข้าไปในอาคารและตรวจสอบความเสียหายต่อไป โดยในกรณีแผ่นดินไหวในครั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ประสานให้จังหวัดที่มีรายงานรับรู้แรงสั่นสะเทือน ติดตามสถานการณ์และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เพื่อลดความตื่นตระหนก ประชาสัมพันธ์แนวทางการปฏิบัติตนให้ปลอดภัยและการให้ความช่วยเหลือของทางราชการ ตลอดจนเร่งสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือประชาชนตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และหากได้รับความเดือดร้อนจากเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป
    0 Comments 0 Shares 26 Views 0 Reviews
  • หลังจากมีผู้ไม่หวังดีปล่อยข่าวปลอมเกี่ยวกับเขื่อนวชิราลงกรณได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว

    นายสกล อักษรธนาวัฒน์ ผู้อำนวยการเขื่อนวชิราลงกรณ ยืนยันแผ่นดินไหว ประเทศพม่าไม่กระทบเขื่อนวชิราลงกรณ เขื่อนยังมั่นคงแข็งแรงและปลอดภัย

    https://web.facebook.com/share/p/151hKbPucu/
    หลังจากมีผู้ไม่หวังดีปล่อยข่าวปลอมเกี่ยวกับเขื่อนวชิราลงกรณได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว นายสกล อักษรธนาวัฒน์ ผู้อำนวยการเขื่อนวชิราลงกรณ ยืนยันแผ่นดินไหว ประเทศพม่าไม่กระทบเขื่อนวชิราลงกรณ เขื่อนยังมั่นคงแข็งแรงและปลอดภัย https://web.facebook.com/share/p/151hKbPucu/
    0 Comments 1 Shares 58 Views 0 Reviews
  • “มีเหตุผลหลายประการที่จะเชื่อว่ากองทัพรัสเซียจะจัดการกับกองกำลังยูเครนให้สิ้นซาก”
    -- ประธานาธิบดีปูตินกล่าวระหว่างการสนทนากับลูกเรือของเรือดำน้ำอาร์คันเกลสค์ (Arkhangelsk submarine)
    “เราจะค่อยๆดำเนินการไปทีละน้อย ไม่เร่งรีบอย่างที่หลายคนคาดหวัง เพราะเราต้องการเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคงและมั่นใจ เพื่อบรรลุเป้าหมายทั้งหมดที่ประกาศไว้ในช่วงเริ่มต้นปฏิบัติการพิเศษทางทหารครั้งนี้ กองกำลังของเรามีแผนยุทธศาสตร์ตลอดทั้งแนวรบ ผมเพิ่งพูดไปเมื่อไม่นานนี้ว่า “เราจะจัดการกับพวกเขาให้สิ้นซาก” มันมีเหตุผลหลายประการที่จะเชื่อได้ว่าเราจะต้องจัดการกับพวกเขา และกองกำลังยูเครนจะต้องยอมรับถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น”

    นอกจากนี้ ยังมีคำพูดอื่นๆที่น่าสนใจของปูติน:
    👉 ปูตินเสนอให้หารือเรื่องการนำการปกครองชั่วคราวมาใช้ในยูเครนภายใต้การรับรองของสหประชาชาติและประเทศต่างๆ เพื่อจัดการเลือกตั้งที่นั่น
    👉 หากเซเลนสกีดำรงตำแหน่งโดยไม่มีกฎหมายรองรับ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ที่เกิดจากการแต่งตั้งของเซเลนสกีก็เช่นกัน โดยรวมแล้วน่าจะทั้งหมด
    👉รัสเซียยังไม่รู้เลยว่า ควรลงนามอะไรกับใครในยูเครน
    👉"พวกนาซี" มีอิทธิพลอย่างมากในยูเครน "เราจะคุยกับคนพวกนี้ได้อย่างไร" เช่นพวก “อาซอฟ” (Azov) (องค์กรก่อการร้ายที่ถูกห้ามในสหพันธรัฐรัสเซีย) และหน่วยชาตินิยมอื่นๆ กำลังมีอิทธิพลอย่างมากในยูเครน
    👉รัสเซียพร้อมที่จะทำงานเพื่อยุติปัญหายูเครนกับยุโรป แต่ "พวกเขาพยายามจะมีอิทธิพลสั่งให้เราทำตาม" ซึ่งมันไม่ถูกต้อง
    👉กองทัพรัสเซียได้ปลดปล่อยดินแดนลูฮันสก์ (LPR) ไปแล้ว 99%
    👉รัสเซียต้องการความจริงใจโดยไม่มีอะไรแอบแฝงจากทรัมป์ในการยุติความขัดแย้งในยูเครน
    👉รัสเซียจะไม่ทำผิดพลาดอีกต่อไป ในเรื่องความไว้วางใจที่มากเกินไปกับพันธมิตร
    👉รัสเซียต้องการแก้ไขความขัดแย้งด้วยสันติวิธี แต่มีเงื่อนไขว่าต้อง "กำจัดสาเหตุที่แท้จริง" ให้หมดไปด้วย
    👉รัสเซียของเราเป็นหนึ่งในสี่ของโลกในด้านเศรษฐกิจ รองจากจีน สหรัฐฯ และอินเดีย
    👉เศรษฐกิจและการเงินของรัสเซียอยู่ในสภาพที่มั่นคงและน่าพอใจ แม้ว่าเราต้องทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างเม็ดเงินอยู่บ้าง
    👉อังกฤษ ชาติที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวต่อรัสเซีย แต่เศรษฐกิจของพวกเขาอยู่ในอันดับที่ 9-10 ของโลก และมีกองทัพที่ขนาดเล็กมาก
    “มีเหตุผลหลายประการที่จะเชื่อว่ากองทัพรัสเซียจะจัดการกับกองกำลังยูเครนให้สิ้นซาก” -- ประธานาธิบดีปูตินกล่าวระหว่างการสนทนากับลูกเรือของเรือดำน้ำอาร์คันเกลสค์ (Arkhangelsk submarine) “เราจะค่อยๆดำเนินการไปทีละน้อย ไม่เร่งรีบอย่างที่หลายคนคาดหวัง เพราะเราต้องการเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคงและมั่นใจ เพื่อบรรลุเป้าหมายทั้งหมดที่ประกาศไว้ในช่วงเริ่มต้นปฏิบัติการพิเศษทางทหารครั้งนี้ กองกำลังของเรามีแผนยุทธศาสตร์ตลอดทั้งแนวรบ ผมเพิ่งพูดไปเมื่อไม่นานนี้ว่า “เราจะจัดการกับพวกเขาให้สิ้นซาก” มันมีเหตุผลหลายประการที่จะเชื่อได้ว่าเราจะต้องจัดการกับพวกเขา และกองกำลังยูเครนจะต้องยอมรับถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น” นอกจากนี้ ยังมีคำพูดอื่นๆที่น่าสนใจของปูติน: 👉 ปูตินเสนอให้หารือเรื่องการนำการปกครองชั่วคราวมาใช้ในยูเครนภายใต้การรับรองของสหประชาชาติและประเทศต่างๆ เพื่อจัดการเลือกตั้งที่นั่น 👉 หากเซเลนสกีดำรงตำแหน่งโดยไม่มีกฎหมายรองรับ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ที่เกิดจากการแต่งตั้งของเซเลนสกีก็เช่นกัน โดยรวมแล้วน่าจะทั้งหมด 👉รัสเซียยังไม่รู้เลยว่า ควรลงนามอะไรกับใครในยูเครน 👉"พวกนาซี" มีอิทธิพลอย่างมากในยูเครน "เราจะคุยกับคนพวกนี้ได้อย่างไร" เช่นพวก “อาซอฟ” (Azov) (องค์กรก่อการร้ายที่ถูกห้ามในสหพันธรัฐรัสเซีย) และหน่วยชาตินิยมอื่นๆ กำลังมีอิทธิพลอย่างมากในยูเครน 👉รัสเซียพร้อมที่จะทำงานเพื่อยุติปัญหายูเครนกับยุโรป แต่ "พวกเขาพยายามจะมีอิทธิพลสั่งให้เราทำตาม" ซึ่งมันไม่ถูกต้อง 👉กองทัพรัสเซียได้ปลดปล่อยดินแดนลูฮันสก์ (LPR) ไปแล้ว 99% 👉รัสเซียต้องการความจริงใจโดยไม่มีอะไรแอบแฝงจากทรัมป์ในการยุติความขัดแย้งในยูเครน 👉รัสเซียจะไม่ทำผิดพลาดอีกต่อไป ในเรื่องความไว้วางใจที่มากเกินไปกับพันธมิตร 👉รัสเซียต้องการแก้ไขความขัดแย้งด้วยสันติวิธี แต่มีเงื่อนไขว่าต้อง "กำจัดสาเหตุที่แท้จริง" ให้หมดไปด้วย 👉รัสเซียของเราเป็นหนึ่งในสี่ของโลกในด้านเศรษฐกิจ รองจากจีน สหรัฐฯ และอินเดีย 👉เศรษฐกิจและการเงินของรัสเซียอยู่ในสภาพที่มั่นคงและน่าพอใจ แม้ว่าเราต้องทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างเม็ดเงินอยู่บ้าง 👉อังกฤษ ชาติที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวต่อรัสเซีย แต่เศรษฐกิจของพวกเขาอยู่ในอันดับที่ 9-10 ของโลก และมีกองทัพที่ขนาดเล็กมาก
    0 Comments 0 Shares 113 Views 10 0 Reviews
  • 📰 61 ปี หนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์” จากบางกอกเดลิเมล์ สู่เดลินิวส์ออนไลน์ บันทึกความทรงจำของสื่อไทย ที่เติบโตเคียงข้างประชาชน

    ✨ 61 ปี แห่งการเปลี่ยนผ่านของสื่อที่ไม่หยุดนิ่ง ในยุคที่โลกหมุนเร็วด้วยข่าวสารและเทคโนโลยี 🌐 มีไม่กี่สื่อ ที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง ตลอดระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษ แต่ “เดลินิวส์” คือหนึ่งในนั้น 🙌

    จากวันแรกของการก่อตั้ง เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 สู่การเป็นผู้นำข่าวระดับประเทศ ทั้งในรูปแบบสิ่งพิมพ์และออนไลน์ 🖥️ เส้นทางของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์นั้น ไม่เพียงแต่สะท้อนวิวัฒนาการ ของวงการสื่อไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นกระจกเงาสำคัญของประวัติศาสตร์ สังคม และการเมืองไทยตลอด 61 ปี ที่ผ่านมา

    📆 ย้อนเวลาสำรวจเส้นทางของหนังสือพิมพ์ ที่เริ่มต้นจาก “บางกอกเดลิเมล์” สู่การเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” และ “เดลินิวส์ออนไลน์” ในวันนี้ พร้อมทั้งเผยเบื้องหลังความเปลี่ยนแปลง วิสัยทัศน์ และจุดยืนของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งภารกิจเพื่อประชาชนไทย 🇹🇭

    🕰 จุดเริ่มต้นจากบางกอกเดลิเมล์ ความกล้าในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2493 ประเทศไทยอยู่ในยุคหลังสงครามโลก ครั้งที่สอง 📜 สื่อยังถูกควบคุมโดยรัฐอย่างเข้มงวด การเปิดตัวหนังสือพิมพ์ใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ “นายห้างแสง เหตระกูล” ผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจ "โรงพิมพ์ประชาช่าง" กลับกล้าเสี่ยง 🔍

    นายห้างแสงตัดสินใจซื้อกิจการ "หนังสือพิมพ์บางกอกเดลิเมล์" (Bangkok Daily Mail) ของนายหลุย คีรีวัตน์ ซึ่งได้หยุดดำเนินการไปตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 และรื้อฟื้นมันขึ้นใหม่ ในรูปแบบหนังสือพิมพ์รายปักษ์ชื่อว่า “เดลิเมล์วันจันทร์” ออกฉบับแรกเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2493 📅

    ฉบับแรกมีพาดหัวว่า “นักศึกษา มธก.รากเลือดค้าน ก.พ.” เป็นการสะท้อนจุดยืนของสื่อ ที่กล้าแตะประเด็นทางสังคม การเมืองอย่างตรงไปตรงมา

    📰 เปลี่ยนผ่านอย่างมีทิศทาง จากเดลิเมล์ สู่แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ ในช่วง พ.ศ. 2500 “บางกอกเดลิเมล์รายวัน” ขยับสู่การเป็นหนังสือพิมพ์รายวัน อย่างเต็มรูปแบบ ขยายขนาดหน้ากระดาษจาก 7 เป็น 8 คอลัมน์นิ้ว 🖨 ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในวงการสื่อขณะนั้น 📈

    แต่แล้วจุดเปลี่ยนสำคัญก็เกิดขึ้น เมื่อรัฐบาล "จอมพลแปลก พิบูลสงคราม" ถูกโค่นล้มโดย "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ซึ่งส่งผลให้สื่อหลายฉบับถูกตรวจสอบ และปิดตัวลง ❌

    ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 “เดลิเมล์รายวัน” ถูกสั่งปิดโดยคำสั่งคณะปฏิวัติ มีการ ล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ และลงครั่งประทับ ปิดฉากความกล้าหาญของสื่อเสรีในยุคนั้น อย่างสิ้นเชิง

    📢 เดลินิวส์ฉบับแรก กำเนิดเกิดใหม่ในนาม “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” แม้จะถูกสั่งปิด แต่ “นายห้างแสง” ไม่ยอมแพ้ ✊ เดินหน้าสู่บทใหม่ ซื้อหัวหนังสือพิมพ์ “แนวหน้า” และรวมเข้ากับชื่อเดิม กลายเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” 🗞

    วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ออกวางแผงเป็นครั้งแรก โดยมี "นายประพันธ์ เหตระกูล" บุตรชายเป็นบรรณาธิการบริหาร

    พาดหัวฉบับแรกสร้างเสียงฮือฮาทันที “เมียน้อยจอมพลสฤษดิ์ท้องในอเมริกา พบรักแท้กับนักเรียนไทยวัยรุ่น” 😲 นำเสนอข่าวแบบเจาะลึกถึงตัวบุคคล และโครงสร้างอำนาจการเมือง

    🔍 ข่าวเด่นยุคแรก กล้าท้าชนอำนาจรัฐ เดลินิวส์มีจุดขายที่ชัดเจน คือการเสนอข่าวที่ตรงไปตรงมา 💥 โดยเฉพาะเรื่องของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับอนุภรรยากว่า 103 คน และทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2,874 ล้านบาท 😮

    นอกจากนี้ยังเปิดโปงคดีอาชญากรรม การทุจริต และประเด็นอ่อนไหวที่สื่ออื่นหลีกเลี่ยง จึงได้รับความนิยมจากผู้อ่านในวงกว้าง และถือเป็น “กระบอกเสียงของประชาชน” ที่แท้จริง

    📈 ก้าวข้ามวิกฤตเศรษฐกิจ ปรับคุณภาพเพื่อความอยู่รอด ช่วง พ.ศ. 2516 - 2517 ทั่วโลกประสบปัญหาน้ำมันขาดแคลน ทำให้ต้นทุนการผลิตหนังสือพิมพ์สูงขึ้น 📉 หนังสือพิมพ์หลายฉบับต้องขึ้นราคาขาย เดลินิวส์ก็เช่นกัน โดยปรับขึ้น 50 สตางค์ 💸

    แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เดลินิวส์ ไม่ลดคุณภาพข่าว ตรงกันข้ามกลับเพิ่มคอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง และข่าวสังคม มากขึ้น ส่งผลให้ได้รับความเชื่อถือจากผู้อ่าน อย่างต่อเนื่อง ✨

    📚 เปลี่ยนชื่อเป็น “เดลินิวส์” อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2522 บริษัทสี่พระยาการพิมพ์ จำกัด ได้ยื่นเรื่องเปลี่ยนชื่อหนังสือพิมพ์เป็น “เดลินิวส์” และได้รับอนุญาตในวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2522 🎉

    ต่อมา เดลินิวส์ได้ขยายสำนักงานจากถนนสี่พระยา มาที่ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบัน 🏢 พร้อมขยายจำนวนหน้าจาก 16 เป็น 48 หน้า และเพิ่มราคาจำหน่ายจาก 1 บาท เป็น 10 บาทในปัจจุบัน

    🖨 นวัตกรรมการพิมพ์ ก้าวสู่งานข่าวสีเต็มรูปแบบ ในปี พ.ศ. 2529 เดลินิวส์เริ่มพิมพ์ภาพข่าวสี่สีครั้งแรก คือ ภาพโศกนาฏกรรมกระสวยอวกาศ “แชลเลนเจอร์” 🚀 และต่อมาในปี พ.ศ. 2531 ตีพิมพ์ภาพ “ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก” คว้ามงกุฎนางงามจักรวาลที่ไต้หวัน 👑

    พร้อมลงทุนในระบบพิมพ์ แซตเติลไลต์ ยูนิต และโฟร์ไฮ ที่สามารถพิมพ์ได้เร็วถึง 120,000 ฉบับ ต่อชั่วโมง 🚀 สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการสื่อสิ่งพิมพ์ไทย

    🌐 เดลินิวส์ออนไลน์ ปฏิวัติวงการข่าวดิจิทัล ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2541 เดลินิวส์เข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มตัว เปิดเว็บไซต์ www.dailynews.co.th 💻 พร้อมคอนเซปต์ว่า...

    “ให้ข่าวสารพาไปไกลกว่าแค่ ‘รู้’ แต่คือ รู้ลึก รู้จริง และรู้เท่าทันทุกสถานการณ์”

    ในวันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ข่าว 🗂️ ไม่ว่าจะเป็นข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม บันเทิง กีฬา ไลฟ์สไตล์ รวมถึง วิดีโอ, อินโฟกราฟิก และ คอนเทนต์แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ⏱

    💡 ปณิธานของ “เดลินิวส์” ข่าวเพื่อประชาชน สิ่งที่ทำให้ “เดลินิวส์” อยู่ได้มากว่า 61 ปี ไม่ใช่เพียงเพราะยอดขายหรือชื่อเสียง 🏆 แต่เป็นเพราะความตั้งใจจริงของคณะผู้บริหาร ในการทำสื่อเพื่อประชาชน

    เดลินิวส์นำเสนอข่าวสารที่ครอบคลุม ทั้งข่าวสังคมที่ใกล้ตัว และข่าวเศรษฐกิจระดับชาติ โดยยึดมั่นในหลักจริยธรรมข่าว สร้างความเข้าใจ ที่มากกว่าแค่การรับรู้ข้อมูล 📘

    📌 เดลินิวส์…มากกว่าข่าว คือความเข้าใจ จาก “บางกอกเดลิเมล์” ที่เคยถูกล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ จนถึง “เดลินิวส์ออนไลน์” ที่ไหลลื่นในโลกดิจิทัล 🌐

    เส้นทางกว่า 61 ปี ของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย และบทบาทของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งประชาชน 💞

    และไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไร เดลินิวส์ยังคงทำหน้าที่ ด้วยหัวใจของนักข่าวเพื่อประชาชน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 280955 มี.ค. 2568

    📢 #เดลินิวส์ #ประวัติเดลินิวส์ #หนังสือพิมพ์ไทย #สื่อไทย #ข่าวออนไลน์ #เดลินิวส์ออนไลน์ #ข่าวเพื่อประชาชน #61ปีเดลินิวส์ #DailyNewsTH #ข่าวไทย
    📰 61 ปี หนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์” จากบางกอกเดลิเมล์ สู่เดลินิวส์ออนไลน์ บันทึกความทรงจำของสื่อไทย ที่เติบโตเคียงข้างประชาชน ✨ 61 ปี แห่งการเปลี่ยนผ่านของสื่อที่ไม่หยุดนิ่ง ในยุคที่โลกหมุนเร็วด้วยข่าวสารและเทคโนโลยี 🌐 มีไม่กี่สื่อ ที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง ตลอดระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษ แต่ “เดลินิวส์” คือหนึ่งในนั้น 🙌 จากวันแรกของการก่อตั้ง เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 สู่การเป็นผู้นำข่าวระดับประเทศ ทั้งในรูปแบบสิ่งพิมพ์และออนไลน์ 🖥️ เส้นทางของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์นั้น ไม่เพียงแต่สะท้อนวิวัฒนาการ ของวงการสื่อไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นกระจกเงาสำคัญของประวัติศาสตร์ สังคม และการเมืองไทยตลอด 61 ปี ที่ผ่านมา 📆 ย้อนเวลาสำรวจเส้นทางของหนังสือพิมพ์ ที่เริ่มต้นจาก “บางกอกเดลิเมล์” สู่การเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” และ “เดลินิวส์ออนไลน์” ในวันนี้ พร้อมทั้งเผยเบื้องหลังความเปลี่ยนแปลง วิสัยทัศน์ และจุดยืนของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งภารกิจเพื่อประชาชนไทย 🇹🇭 🕰 จุดเริ่มต้นจากบางกอกเดลิเมล์ ความกล้าในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2493 ประเทศไทยอยู่ในยุคหลังสงครามโลก ครั้งที่สอง 📜 สื่อยังถูกควบคุมโดยรัฐอย่างเข้มงวด การเปิดตัวหนังสือพิมพ์ใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ “นายห้างแสง เหตระกูล” ผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจ "โรงพิมพ์ประชาช่าง" กลับกล้าเสี่ยง 🔍 นายห้างแสงตัดสินใจซื้อกิจการ "หนังสือพิมพ์บางกอกเดลิเมล์" (Bangkok Daily Mail) ของนายหลุย คีรีวัตน์ ซึ่งได้หยุดดำเนินการไปตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 และรื้อฟื้นมันขึ้นใหม่ ในรูปแบบหนังสือพิมพ์รายปักษ์ชื่อว่า “เดลิเมล์วันจันทร์” ออกฉบับแรกเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2493 📅 ฉบับแรกมีพาดหัวว่า “นักศึกษา มธก.รากเลือดค้าน ก.พ.” เป็นการสะท้อนจุดยืนของสื่อ ที่กล้าแตะประเด็นทางสังคม การเมืองอย่างตรงไปตรงมา 📰 เปลี่ยนผ่านอย่างมีทิศทาง จากเดลิเมล์ สู่แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ ในช่วง พ.ศ. 2500 “บางกอกเดลิเมล์รายวัน” ขยับสู่การเป็นหนังสือพิมพ์รายวัน อย่างเต็มรูปแบบ ขยายขนาดหน้ากระดาษจาก 7 เป็น 8 คอลัมน์นิ้ว 🖨 ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในวงการสื่อขณะนั้น 📈 แต่แล้วจุดเปลี่ยนสำคัญก็เกิดขึ้น เมื่อรัฐบาล "จอมพลแปลก พิบูลสงคราม" ถูกโค่นล้มโดย "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ซึ่งส่งผลให้สื่อหลายฉบับถูกตรวจสอบ และปิดตัวลง ❌ ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 “เดลิเมล์รายวัน” ถูกสั่งปิดโดยคำสั่งคณะปฏิวัติ มีการ ล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ และลงครั่งประทับ ปิดฉากความกล้าหาญของสื่อเสรีในยุคนั้น อย่างสิ้นเชิง 📢 เดลินิวส์ฉบับแรก กำเนิดเกิดใหม่ในนาม “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” แม้จะถูกสั่งปิด แต่ “นายห้างแสง” ไม่ยอมแพ้ ✊ เดินหน้าสู่บทใหม่ ซื้อหัวหนังสือพิมพ์ “แนวหน้า” และรวมเข้ากับชื่อเดิม กลายเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” 🗞 วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ออกวางแผงเป็นครั้งแรก โดยมี "นายประพันธ์ เหตระกูล" บุตรชายเป็นบรรณาธิการบริหาร พาดหัวฉบับแรกสร้างเสียงฮือฮาทันที “เมียน้อยจอมพลสฤษดิ์ท้องในอเมริกา พบรักแท้กับนักเรียนไทยวัยรุ่น” 😲 นำเสนอข่าวแบบเจาะลึกถึงตัวบุคคล และโครงสร้างอำนาจการเมือง 🔍 ข่าวเด่นยุคแรก กล้าท้าชนอำนาจรัฐ เดลินิวส์มีจุดขายที่ชัดเจน คือการเสนอข่าวที่ตรงไปตรงมา 💥 โดยเฉพาะเรื่องของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับอนุภรรยากว่า 103 คน และทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2,874 ล้านบาท 😮 นอกจากนี้ยังเปิดโปงคดีอาชญากรรม การทุจริต และประเด็นอ่อนไหวที่สื่ออื่นหลีกเลี่ยง จึงได้รับความนิยมจากผู้อ่านในวงกว้าง และถือเป็น “กระบอกเสียงของประชาชน” ที่แท้จริง 📈 ก้าวข้ามวิกฤตเศรษฐกิจ ปรับคุณภาพเพื่อความอยู่รอด ช่วง พ.ศ. 2516 - 2517 ทั่วโลกประสบปัญหาน้ำมันขาดแคลน ทำให้ต้นทุนการผลิตหนังสือพิมพ์สูงขึ้น 📉 หนังสือพิมพ์หลายฉบับต้องขึ้นราคาขาย เดลินิวส์ก็เช่นกัน โดยปรับขึ้น 50 สตางค์ 💸 แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เดลินิวส์ ไม่ลดคุณภาพข่าว ตรงกันข้ามกลับเพิ่มคอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง และข่าวสังคม มากขึ้น ส่งผลให้ได้รับความเชื่อถือจากผู้อ่าน อย่างต่อเนื่อง ✨ 📚 เปลี่ยนชื่อเป็น “เดลินิวส์” อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2522 บริษัทสี่พระยาการพิมพ์ จำกัด ได้ยื่นเรื่องเปลี่ยนชื่อหนังสือพิมพ์เป็น “เดลินิวส์” และได้รับอนุญาตในวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2522 🎉 ต่อมา เดลินิวส์ได้ขยายสำนักงานจากถนนสี่พระยา มาที่ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบัน 🏢 พร้อมขยายจำนวนหน้าจาก 16 เป็น 48 หน้า และเพิ่มราคาจำหน่ายจาก 1 บาท เป็น 10 บาทในปัจจุบัน 🖨 นวัตกรรมการพิมพ์ ก้าวสู่งานข่าวสีเต็มรูปแบบ ในปี พ.ศ. 2529 เดลินิวส์เริ่มพิมพ์ภาพข่าวสี่สีครั้งแรก คือ ภาพโศกนาฏกรรมกระสวยอวกาศ “แชลเลนเจอร์” 🚀 และต่อมาในปี พ.ศ. 2531 ตีพิมพ์ภาพ “ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก” คว้ามงกุฎนางงามจักรวาลที่ไต้หวัน 👑 พร้อมลงทุนในระบบพิมพ์ แซตเติลไลต์ ยูนิต และโฟร์ไฮ ที่สามารถพิมพ์ได้เร็วถึง 120,000 ฉบับ ต่อชั่วโมง 🚀 สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการสื่อสิ่งพิมพ์ไทย 🌐 เดลินิวส์ออนไลน์ ปฏิวัติวงการข่าวดิจิทัล ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2541 เดลินิวส์เข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มตัว เปิดเว็บไซต์ www.dailynews.co.th 💻 พร้อมคอนเซปต์ว่า... “ให้ข่าวสารพาไปไกลกว่าแค่ ‘รู้’ แต่คือ รู้ลึก รู้จริง และรู้เท่าทันทุกสถานการณ์” ในวันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ข่าว 🗂️ ไม่ว่าจะเป็นข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม บันเทิง กีฬา ไลฟ์สไตล์ รวมถึง วิดีโอ, อินโฟกราฟิก และ คอนเทนต์แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ⏱ 💡 ปณิธานของ “เดลินิวส์” ข่าวเพื่อประชาชน สิ่งที่ทำให้ “เดลินิวส์” อยู่ได้มากว่า 61 ปี ไม่ใช่เพียงเพราะยอดขายหรือชื่อเสียง 🏆 แต่เป็นเพราะความตั้งใจจริงของคณะผู้บริหาร ในการทำสื่อเพื่อประชาชน เดลินิวส์นำเสนอข่าวสารที่ครอบคลุม ทั้งข่าวสังคมที่ใกล้ตัว และข่าวเศรษฐกิจระดับชาติ โดยยึดมั่นในหลักจริยธรรมข่าว สร้างความเข้าใจ ที่มากกว่าแค่การรับรู้ข้อมูล 📘 📌 เดลินิวส์…มากกว่าข่าว คือความเข้าใจ จาก “บางกอกเดลิเมล์” ที่เคยถูกล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ จนถึง “เดลินิวส์ออนไลน์” ที่ไหลลื่นในโลกดิจิทัล 🌐 เส้นทางกว่า 61 ปี ของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย และบทบาทของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งประชาชน 💞 และไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไร เดลินิวส์ยังคงทำหน้าที่ ด้วยหัวใจของนักข่าวเพื่อประชาชน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 280955 มี.ค. 2568 📢 #เดลินิวส์ #ประวัติเดลินิวส์ #หนังสือพิมพ์ไทย #สื่อไทย #ข่าวออนไลน์ #เดลินิวส์ออนไลน์ #ข่าวเพื่อประชาชน #61ปีเดลินิวส์ #DailyNewsTH #ข่าวไทย
    0 Comments 0 Shares 58 Views 0 Reviews
  • TSMC เร่งแผนการสร้างโรงงานผลิตชิปในอเมริกา โดยใช้ประสบการณ์จากอดีตเพื่อปรับปรุงกระบวนการก่อสร้างให้เร็วขึ้น โรงงานใหม่จะรองรับเทคโนโลยีระดับ 2 นาโนเมตร และมีเป้าหมายเสริมความมั่นคงให้กับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ แม้จะมีอุปสรรคด้านการจัดหาอุปกรณ์ แต่การปรับตัวครั้งนี้อาจเปลี่ยนโฉมการผลิตชิปในอเมริกาอย่างมีนัยสำคัญ

    การสร้างโรงงานใหม่:
    - TSMC มีแผนเริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตชิป Fab 21 แห่งที่สามในปีนี้ โดยตั้งเป้าจะเริ่มการผลิตทดลองในปี 2028 และเข้าสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2029 ด้วยเทคโนโลยีการผลิตระดับ 2 นาโนเมตร (N2) และ 1.6 นาโนเมตร (A16).

    ผลกระทบของการเร่งการผลิต:
    - แม้ TSMC จะเร่งสร้างโรงงาน แต่การได้รับอุปกรณ์ที่จำเป็นจากซัพพลายเออร์ เช่น ASML อาจเป็นอุปสรรค เนื่องจากปัจจุบันซัพพลายเออร์เหล่านี้มีรายการคำสั่งซื้อที่ยังรอผลิตอยู่อีกหลายพันล้านดอลลาร์.

    การเรียนรู้จากอดีต:
    - การก่อสร้างโรงงาน Fab 21 แห่งแรกของ TSMC ใช้เวลากว่า 5 ปี เนื่องจากปัญหาแรงงานและต้นทุนสูง แต่ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา บริษัทสามารถปรับกระบวนการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น.

    ผลลัพธ์ในอนาคต:
    - หากการก่อสร้างเป็นไปตามแผน โรงงานเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความมั่นคงในห่วงโซ่อุปทานของเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ และลดการพึ่งพาการนำเข้าจากเอเชีย.

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/tsmc-to-reportedly-speed-up-fab-building-in-the-us-third-fab-to-begin-construction-this-year
    TSMC เร่งแผนการสร้างโรงงานผลิตชิปในอเมริกา โดยใช้ประสบการณ์จากอดีตเพื่อปรับปรุงกระบวนการก่อสร้างให้เร็วขึ้น โรงงานใหม่จะรองรับเทคโนโลยีระดับ 2 นาโนเมตร และมีเป้าหมายเสริมความมั่นคงให้กับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ แม้จะมีอุปสรรคด้านการจัดหาอุปกรณ์ แต่การปรับตัวครั้งนี้อาจเปลี่ยนโฉมการผลิตชิปในอเมริกาอย่างมีนัยสำคัญ การสร้างโรงงานใหม่: - TSMC มีแผนเริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตชิป Fab 21 แห่งที่สามในปีนี้ โดยตั้งเป้าจะเริ่มการผลิตทดลองในปี 2028 และเข้าสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2029 ด้วยเทคโนโลยีการผลิตระดับ 2 นาโนเมตร (N2) และ 1.6 นาโนเมตร (A16). ผลกระทบของการเร่งการผลิต: - แม้ TSMC จะเร่งสร้างโรงงาน แต่การได้รับอุปกรณ์ที่จำเป็นจากซัพพลายเออร์ เช่น ASML อาจเป็นอุปสรรค เนื่องจากปัจจุบันซัพพลายเออร์เหล่านี้มีรายการคำสั่งซื้อที่ยังรอผลิตอยู่อีกหลายพันล้านดอลลาร์. การเรียนรู้จากอดีต: - การก่อสร้างโรงงาน Fab 21 แห่งแรกของ TSMC ใช้เวลากว่า 5 ปี เนื่องจากปัญหาแรงงานและต้นทุนสูง แต่ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา บริษัทสามารถปรับกระบวนการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น. ผลลัพธ์ในอนาคต: - หากการก่อสร้างเป็นไปตามแผน โรงงานเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความมั่นคงในห่วงโซ่อุปทานของเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ และลดการพึ่งพาการนำเข้าจากเอเชีย. https://www.tomshardware.com/tech-industry/tsmc-to-reportedly-speed-up-fab-building-in-the-us-third-fab-to-begin-construction-this-year
    0 Comments 0 Shares 74 Views 0 Reviews
  • 5 ท่าออกกำลังกายที่ดีที่สุดเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของร่างกายทั้งตัว

    ในขณะที่ท่าออกกำลังกายแบบ Dead Lift, Squat ... ฯลฯ จะสร้างความแข็งแรงโดยการใช้กล้ามเนื้อหลายกลุ่มพร้อมกัน

    5 ท่าออกกำลังกายที่นำเสนอนี้ จะช่วยปรับปรุงการควบคุม ความเสถียร และการประสานงาน ซึ่งจะช่วยเติมเต็มช่องว่างที่การยกน้ำหนักแบบเดิมๆ ขาดหายไป

    เมื่อท่านผสมผสานท่าออกกำลังกายที่ต้องใช้ร่างกายทั้งตัวเข้าด้วยกัน จะได้ฝึกกล้ามเนื้อให้ทำงานร่วมกัน โดยเพิ่มความแข็งแรงที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นในกีฬา (ต่อสู้) หรือการเคลื่อนไหวประจำวัน ท่าออกกำลังกายประเภทนี้จะบังคับให้แกนกลางลำตัวของคุณมั่นคงภายใต้ภาระ ปรับปรุงการควบคุมในหลายระนาบ และพัฒนาความแข็งแรงในจุดที่อาจจะอ่อนแอ เสริมสร้างความเป็นนักกีฬา และสร้างความยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อรับมือกับอาการบาดเจ็บ
    5 ท่าออกกำลังกายที่ดีที่สุดเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของร่างกายทั้งตัว ในขณะที่ท่าออกกำลังกายแบบ Dead Lift, Squat ... ฯลฯ จะสร้างความแข็งแรงโดยการใช้กล้ามเนื้อหลายกลุ่มพร้อมกัน 5 ท่าออกกำลังกายที่นำเสนอนี้ จะช่วยปรับปรุงการควบคุม ความเสถียร และการประสานงาน ซึ่งจะช่วยเติมเต็มช่องว่างที่การยกน้ำหนักแบบเดิมๆ ขาดหายไป เมื่อท่านผสมผสานท่าออกกำลังกายที่ต้องใช้ร่างกายทั้งตัวเข้าด้วยกัน จะได้ฝึกกล้ามเนื้อให้ทำงานร่วมกัน โดยเพิ่มความแข็งแรงที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นในกีฬา (ต่อสู้) หรือการเคลื่อนไหวประจำวัน ท่าออกกำลังกายประเภทนี้จะบังคับให้แกนกลางลำตัวของคุณมั่นคงภายใต้ภาระ ปรับปรุงการควบคุมในหลายระนาบ และพัฒนาความแข็งแรงในจุดที่อาจจะอ่อนแอ เสริมสร้างความเป็นนักกีฬา และสร้างความยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อรับมือกับอาการบาดเจ็บ
    0 Comments 0 Shares 134 Views 1 0 Reviews
  • “ทักษิณ” มีชื่อเป็นที่ปรึกษากองทุนความมั่นคงอินโดฯ หวั่น conflict of interest? ดำเนินรายการโดย : อุษณีย์ เอกอุษณีย์ / อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทรhttps://www.facebook.com/share/v/16Dvm8MvLp/?mibextid=wwXIfr
    “ทักษิณ” มีชื่อเป็นที่ปรึกษากองทุนความมั่นคงอินโดฯ หวั่น conflict of interest? ดำเนินรายการโดย : อุษณีย์ เอกอุษณีย์ / อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทรhttps://www.facebook.com/share/v/16Dvm8MvLp/?mibextid=wwXIfr
    0 Comments 0 Shares 63 Views 0 Reviews
  • “ทักษิณ” มีชื่อเป็นที่ปรึกษากองทุนความมั่นคงอินโดฯ หวั่น conflict of interest? : คนเคาะข่าว 27-03-68

    : อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ

    ดำเนินรายการโดย อุษณีย์ เอกอุษณีย์

    #คนเคาะข่าว #ทักษิณ #กองทุนความมั่นคงอินโดนีเซีย #ConflictOfInterest #อินโดนีเซีย #ข่าวการเมือง #ข่าวต่างประเทศ #Geopolitics #บทบาททักษิณ #สุดาทิพย์จารุจินดา #อุษณีย์เอกอุษณีย์ #ThaiTimes #วิเคราะห์การเมือง #ผลประโยชน์ทับซ้อน
    “ทักษิณ” มีชื่อเป็นที่ปรึกษากองทุนความมั่นคงอินโดฯ หวั่น conflict of interest? : คนเคาะข่าว 27-03-68 : อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ ดำเนินรายการโดย อุษณีย์ เอกอุษณีย์ #คนเคาะข่าว #ทักษิณ #กองทุนความมั่นคงอินโดนีเซีย #ConflictOfInterest #อินโดนีเซีย #ข่าวการเมือง #ข่าวต่างประเทศ #Geopolitics #บทบาททักษิณ #สุดาทิพย์จารุจินดา #อุษณีย์เอกอุษณีย์ #ThaiTimes #วิเคราะห์การเมือง #ผลประโยชน์ทับซ้อน
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 189 Views 22 1 Reviews
  • สืบเนื่องจากมีเพื่อนเพจเคยขอให้เขียนเกี่ยวกับวลีจีนที่มาจากเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ วันนี้ Storyฯ จะมาคุยเกี่ยวกับคำพังเพยที่หลายท่านต้องร้อง “อ๋อ!” ซึ่งก็คือ ‘แมวป่าสับเปลี่ยนองค์ชายรัชทายาท’ (หลีเม้าฮ่วนไท่จื่อ / 狸猫换太子) หรือที่แฟนคลับเปาบุ้นจิ้นต้องเคยได้ยินชื่อตอน ‘คดีสับเปลี่ยนพระโอรส’

    เป็นคำพังเพยที่ไม่ได้มาจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ แต่เป็นการอ้างอิงเรื่องเล่าที่มีตัวละครจากประวัติศาสตร์ แรกเริ่มเป็นละครงิ้วในสมัยราชวงศ์หยวน ต่อมากลายเป็นส่วนหนึ่งของนวนิยาย <สามผู้กล้าห้าผู้ทรงธรรม> (ซ้านเสียอู่อี้ / 三俠五義) ที่ประพันธ์ขึ้นโดยสืออวี้คุ้น ในสมัยราชวงศ์ชิง ซึ่งเป็นนวนิยายแนวสืบสวนสอบสวนอิงประวัติศาสตร์สมัยราชวงศ์ซ่งเดินเรื่องโดยเปาบุ้นจิ้น และต่อมาถูกนำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์หลายครั้ง

    ในเนื้อความเดิมจาก <สามผู้กล้าห้าผู้ทรงธรรม> นั้น กล่าวถึงพระนางหลิวเอ๋อ ซึ่งก็คือพระอัครมเหสีในองค์ซ่งเจินจง และต่อมาเป็นไทเฮาและผู้สำเร็จราชการแทนองค์ซ่งเหรินจงเป็นเวลาเก้าปี (ค.ศ. 1022–1031) โดยเล่าว่าพระนางหลิวเอ๋อริษยาพระชายาหลี่เฉินที่ได้ความรักจากองค์ซ่งเจินจง และต้องการรักษาราชอำนาจแต่แท้งลูก จึงเอาศพแมวป่าถลกหนังออกสลับไปเป็นลูกของพระชายาหลี่ที่เพิ่งคลอดออกมา แล้วสลับเอาลูกของพระชายาหลี่มาเป็นลูกของตนเพื่อว่าเด็กจะได้เป็นองค์ชายรัชทายาทและขึ้นครองราชย์ต่อไป ส่วนพระชายาหลี่เฉินนั้นก็ถูกจองจำในตำหนักเย็นเพราะคลอดลูกออกมาเป็นสัตว์ประหลาด ต่อมาเปาบุ้นจิ้นสืบสวนจนปรากฏข้อเท็จจริง (ขออภัยที่ไม่ใช้ราชาศัพท์)

    แต่ในละครเรื่อง <จอมนางแห่งวังหลัง> ได้มีการนำเสนออีกในแง่มุม ว่าเรื่องราวการสลับองค์ชายเป็นแผนขององค์ฮ่องเต้ซ่งเจินจงเพื่อไม่ให้ราชอำนาจในราชสำนักสั่นคลอน เรียกได้ว่าลบภาพลักษณ์ตัวร้ายของพระนางหลิวเอ๋อออกไปได้ รายละเอียดความเป็นมาเป็นอย่างไร ติดตามดูกันได้ในละครเรื่องนี้

    มีคนเคยวิเคราะห์แล้วว่า ‘แมวป่าสับเปลี่ยนองค์ชายรัชทายาท’ เป็นเรื่องที่มีความขัดแย้งกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์หลายประเด็น เช่นว่า
    – ตอนที่องค์ซ่งเหรินจงสืบหาความจริงเกี่ยวกับแม่แท้ๆ นั้น เปาบุ้นจิ้นยังไม่เข้ารับราชการ
    – พระนางหลิวเอ๋อไม่จำเป็นต้องสลับลูกเพราะนางเองในตอนนั้นมีฐานอำนาจที่มั่นคงมากแล้ว อีกทั้งนางพบรักกับองค์ซ่งเจินจงมานานก่อนหน้านั้น และไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าฮ่องเต้ทรงโปรดปรานพระชายาหลี่เฉินมากกว่า
    – พระนางหลิวเอ๋อจัดงานศพพระชายาหลี่เฉินให้ตามพิธีการของอัครมเหสี ไม่ใช่ชายาทั่วไป

    เรื่องราวที่แท้จริงตามประวัติศาสตร์เป็นอย่างไรไม่ทราบได้ แต่ประวัติศาสตร์จารึกไว้ว่าพระนางหลิวเอ๋อใช้พระราชอำนาจในการบริหารบ้านเมืองได้ดี เป็นอีกหนึ่งสตรีเหล็กแห่งประวัติศาสตร์จีน และเรื่องสับเปลี่ยนพระโอรสนี้กลายเป็นนิทานปรำปราและเป็นที่มาของคำพังเพยที่ว่า ‘แมวป่าสับเปลี่ยนองค์ชายรัชทายาท’ หรือ ‘หลีเม้าฮ่วนไท่จื่อ’

    ในวลี ‘หลีเม้าฮ่วนไท่จื่อ’ นี้ Storyฯ แปลคำว่า ‘หลีเม้า’ เป็นแมวป่า แต่จริงๆ แล้วมันหน้าตาเป็นอย่างไร Storyฯ ก็ไม่แน่ใจ เพราะบ้างบรรยายว่ามันเป็นแมวลายดาว (Leopard Cat) และบ้างว่ามันเป็นแมวชะมด (Civet Cat) หน้าตาต่างกันค่อนข้างมาก เลยแปะรูปมาให้ดูเป็นการเปรียบเทียบ

    เล่ามาเสียยืดยาว สรุป ‘หลีเม้าฮ่วนไท่จื่อ’ หมายถึงอะไร? เป็นคำพังเพยที่หมายความว่า เอาของปลอมมาสลับเปลี่ยนแทนของจริง หรือที่บ้านเราอาจเรียกว่า ‘ย้อมแมวขาย’ นั่นเอง

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://baike.baidu.com/tashuo/browse/content?id=efb5598dede9bd9a810a7272
    https://www.163.com/dy/article/G72T9QTQ05179OJ2.html
    http://www.china.org.cn/english/scitech/67652.htm
    https://felids.wordpress.com/2011/12/14/cats-in-china-leopard-cat/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.baike.com/wikiid/8060072274706103379?from=wiki_content&prd=innerlink&view_id=4mgrmib6ruo000
    http://k.sina.com.cn/article_5863047530_15d77016a00100jl1w.html?from=history#/
    https://new.qq.com/rain/a/20211209A08QHG00

    #จอมนางแห่งวังหลัง #หลิวเอ๋อ #สับเปลี่ยนพระโอรส #เปาบุ้นจิ้น #หลีเม้า #แมวป่าจีน #หลีเม้าฮ่วนไท่จื่อ
    สืบเนื่องจากมีเพื่อนเพจเคยขอให้เขียนเกี่ยวกับวลีจีนที่มาจากเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ วันนี้ Storyฯ จะมาคุยเกี่ยวกับคำพังเพยที่หลายท่านต้องร้อง “อ๋อ!” ซึ่งก็คือ ‘แมวป่าสับเปลี่ยนองค์ชายรัชทายาท’ (หลีเม้าฮ่วนไท่จื่อ / 狸猫换太子) หรือที่แฟนคลับเปาบุ้นจิ้นต้องเคยได้ยินชื่อตอน ‘คดีสับเปลี่ยนพระโอรส’ เป็นคำพังเพยที่ไม่ได้มาจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ แต่เป็นการอ้างอิงเรื่องเล่าที่มีตัวละครจากประวัติศาสตร์ แรกเริ่มเป็นละครงิ้วในสมัยราชวงศ์หยวน ต่อมากลายเป็นส่วนหนึ่งของนวนิยาย <สามผู้กล้าห้าผู้ทรงธรรม> (ซ้านเสียอู่อี้ / 三俠五義) ที่ประพันธ์ขึ้นโดยสืออวี้คุ้น ในสมัยราชวงศ์ชิง ซึ่งเป็นนวนิยายแนวสืบสวนสอบสวนอิงประวัติศาสตร์สมัยราชวงศ์ซ่งเดินเรื่องโดยเปาบุ้นจิ้น และต่อมาถูกนำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์หลายครั้ง ในเนื้อความเดิมจาก <สามผู้กล้าห้าผู้ทรงธรรม> นั้น กล่าวถึงพระนางหลิวเอ๋อ ซึ่งก็คือพระอัครมเหสีในองค์ซ่งเจินจง และต่อมาเป็นไทเฮาและผู้สำเร็จราชการแทนองค์ซ่งเหรินจงเป็นเวลาเก้าปี (ค.ศ. 1022–1031) โดยเล่าว่าพระนางหลิวเอ๋อริษยาพระชายาหลี่เฉินที่ได้ความรักจากองค์ซ่งเจินจง และต้องการรักษาราชอำนาจแต่แท้งลูก จึงเอาศพแมวป่าถลกหนังออกสลับไปเป็นลูกของพระชายาหลี่ที่เพิ่งคลอดออกมา แล้วสลับเอาลูกของพระชายาหลี่มาเป็นลูกของตนเพื่อว่าเด็กจะได้เป็นองค์ชายรัชทายาทและขึ้นครองราชย์ต่อไป ส่วนพระชายาหลี่เฉินนั้นก็ถูกจองจำในตำหนักเย็นเพราะคลอดลูกออกมาเป็นสัตว์ประหลาด ต่อมาเปาบุ้นจิ้นสืบสวนจนปรากฏข้อเท็จจริง (ขออภัยที่ไม่ใช้ราชาศัพท์) แต่ในละครเรื่อง <จอมนางแห่งวังหลัง> ได้มีการนำเสนออีกในแง่มุม ว่าเรื่องราวการสลับองค์ชายเป็นแผนขององค์ฮ่องเต้ซ่งเจินจงเพื่อไม่ให้ราชอำนาจในราชสำนักสั่นคลอน เรียกได้ว่าลบภาพลักษณ์ตัวร้ายของพระนางหลิวเอ๋อออกไปได้ รายละเอียดความเป็นมาเป็นอย่างไร ติดตามดูกันได้ในละครเรื่องนี้ มีคนเคยวิเคราะห์แล้วว่า ‘แมวป่าสับเปลี่ยนองค์ชายรัชทายาท’ เป็นเรื่องที่มีความขัดแย้งกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์หลายประเด็น เช่นว่า – ตอนที่องค์ซ่งเหรินจงสืบหาความจริงเกี่ยวกับแม่แท้ๆ นั้น เปาบุ้นจิ้นยังไม่เข้ารับราชการ – พระนางหลิวเอ๋อไม่จำเป็นต้องสลับลูกเพราะนางเองในตอนนั้นมีฐานอำนาจที่มั่นคงมากแล้ว อีกทั้งนางพบรักกับองค์ซ่งเจินจงมานานก่อนหน้านั้น และไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าฮ่องเต้ทรงโปรดปรานพระชายาหลี่เฉินมากกว่า – พระนางหลิวเอ๋อจัดงานศพพระชายาหลี่เฉินให้ตามพิธีการของอัครมเหสี ไม่ใช่ชายาทั่วไป เรื่องราวที่แท้จริงตามประวัติศาสตร์เป็นอย่างไรไม่ทราบได้ แต่ประวัติศาสตร์จารึกไว้ว่าพระนางหลิวเอ๋อใช้พระราชอำนาจในการบริหารบ้านเมืองได้ดี เป็นอีกหนึ่งสตรีเหล็กแห่งประวัติศาสตร์จีน และเรื่องสับเปลี่ยนพระโอรสนี้กลายเป็นนิทานปรำปราและเป็นที่มาของคำพังเพยที่ว่า ‘แมวป่าสับเปลี่ยนองค์ชายรัชทายาท’ หรือ ‘หลีเม้าฮ่วนไท่จื่อ’ ในวลี ‘หลีเม้าฮ่วนไท่จื่อ’ นี้ Storyฯ แปลคำว่า ‘หลีเม้า’ เป็นแมวป่า แต่จริงๆ แล้วมันหน้าตาเป็นอย่างไร Storyฯ ก็ไม่แน่ใจ เพราะบ้างบรรยายว่ามันเป็นแมวลายดาว (Leopard Cat) และบ้างว่ามันเป็นแมวชะมด (Civet Cat) หน้าตาต่างกันค่อนข้างมาก เลยแปะรูปมาให้ดูเป็นการเปรียบเทียบ เล่ามาเสียยืดยาว สรุป ‘หลีเม้าฮ่วนไท่จื่อ’ หมายถึงอะไร? เป็นคำพังเพยที่หมายความว่า เอาของปลอมมาสลับเปลี่ยนแทนของจริง หรือที่บ้านเราอาจเรียกว่า ‘ย้อมแมวขาย’ นั่นเอง (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://baike.baidu.com/tashuo/browse/content?id=efb5598dede9bd9a810a7272 https://www.163.com/dy/article/G72T9QTQ05179OJ2.html http://www.china.org.cn/english/scitech/67652.htm https://felids.wordpress.com/2011/12/14/cats-in-china-leopard-cat/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.baike.com/wikiid/8060072274706103379?from=wiki_content&prd=innerlink&view_id=4mgrmib6ruo000 http://k.sina.com.cn/article_5863047530_15d77016a00100jl1w.html?from=history#/ https://new.qq.com/rain/a/20211209A08QHG00 #จอมนางแห่งวังหลัง #หลิวเอ๋อ #สับเปลี่ยนพระโอรส #เปาบุ้นจิ้น #หลีเม้า #แมวป่าจีน #หลีเม้าฮ่วนไท่จื่อ
    《大宋宫词》评分下滑惨烈,古装剧只有唯美画风是不够的_百科TA说
    百度百科是一部内容开放、自由的网络百科全书,旨在创造一个涵盖所有领域知识,服务所有互联网用户的中文知识性百科全书。在这里你可以参与词条编辑,分享贡献你的知识。
    1 Comments 0 Shares 90 Views 0 Reviews
  • เดนมาร์กเริ่มบังคับใช้มาตรการเกณฑ์ทหารสำหรับผู้หญิง โดยประกาศให้ผู้หญิงต้องเข้ารับราชการทหารภาคบังคับ ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป มาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการป้องกันประเทศ

    ทรอยลส์ ลุนด์ พอลเซน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเดนมาร์ก กล่าวว่า เพื่อความเท่าเทียมกันผู้หญิงควรเข้ารับราชการทหารภาคบังคับภายใต้เงื่อนไขเดียวกับผู้ชาย

    มาตรการนี้ส่งผลให้ผู้ญิงที่มีอายุครบ 18 ปี หลังวันที่ 1 กรกฎาคมของปีนี้เป็นต้นไป จะต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารในปี 2026 ซึ่งในปัจจุบัน การเข้ารับราชการทหารภาคบังคับมีผลใช้บังคับเฉพาะผู้ชายที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น

    “ความเท่าเทียมกันเป็นสิ่งที่ดีและเพิ่มโอกาสในการสร้างกำลังรบให้กับกองทัพในการป้องกันประเทศของเดนมาร์ก”
    “การรับราชการทหารควรเป็นความเท่าเทียมทางเพศด้วย มันจะช่วยให้เราเอาชนะความท้าทายในนโยบายความมั่นคงได้”
    พอลเซน รัฐมนตรีกลาโหมกล่าว
    เดนมาร์กเริ่มบังคับใช้มาตรการเกณฑ์ทหารสำหรับผู้หญิง โดยประกาศให้ผู้หญิงต้องเข้ารับราชการทหารภาคบังคับ ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป มาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการป้องกันประเทศ ทรอยลส์ ลุนด์ พอลเซน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเดนมาร์ก กล่าวว่า เพื่อความเท่าเทียมกันผู้หญิงควรเข้ารับราชการทหารภาคบังคับภายใต้เงื่อนไขเดียวกับผู้ชาย มาตรการนี้ส่งผลให้ผู้ญิงที่มีอายุครบ 18 ปี หลังวันที่ 1 กรกฎาคมของปีนี้เป็นต้นไป จะต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารในปี 2026 ซึ่งในปัจจุบัน การเข้ารับราชการทหารภาคบังคับมีผลใช้บังคับเฉพาะผู้ชายที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น “ความเท่าเทียมกันเป็นสิ่งที่ดีและเพิ่มโอกาสในการสร้างกำลังรบให้กับกองทัพในการป้องกันประเทศของเดนมาร์ก” “การรับราชการทหารควรเป็นความเท่าเทียมทางเพศด้วย มันจะช่วยให้เราเอาชนะความท้าทายในนโยบายความมั่นคงได้” พอลเซน รัฐมนตรีกลาโหมกล่าว
    0 Comments 0 Shares 112 Views 0 Reviews
  • คำพยากรณ์ประจำวันนี้ (27 มีนาคม พ.ศ. 2568) มีเนื้อหาดังนี้:
    .
    ทุกความสำเร็จ ล้วนมาจากจุดเริ่มต้น
    จากนั้นจึงค่อยๆ เพิ่มเติมความขยันหมั่นเพียร เมื่อพบปัญหา ให้ใช้ปัญญาแก้ไขทันที พร้อมทั้งรักษาคุณธรรมและอารมณ์ให้มั่นคง
    .
    ข้อแนะนำ: วันนี้เป็นวันดีที่จะเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ โดยเฉพาะหากมีพื้นฐานของความพยายามและความคิดที่รอบคอบ

    #ติดต่อจองคิวดูดวง
    #ใดใดในโลกล้วนสายมู #พรหมอ่านไพ่ #ไพ่พรหมญาณ
    คำพยากรณ์ประจำวันนี้ (27 มีนาคม พ.ศ. 2568) มีเนื้อหาดังนี้: . ทุกความสำเร็จ ล้วนมาจากจุดเริ่มต้น จากนั้นจึงค่อยๆ เพิ่มเติมความขยันหมั่นเพียร เมื่อพบปัญหา ให้ใช้ปัญญาแก้ไขทันที พร้อมทั้งรักษาคุณธรรมและอารมณ์ให้มั่นคง . ข้อแนะนำ: วันนี้เป็นวันดีที่จะเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ โดยเฉพาะหากมีพื้นฐานของความพยายามและความคิดที่รอบคอบ #ติดต่อจองคิวดูดวง #ใดใดในโลกล้วนสายมู #พรหมอ่านไพ่ #ไพ่พรหมญาณ
    0 Comments 0 Shares 101 Views 0 0 Reviews
  • คำพยากรณ์ประจำวันนี้ (27 มีนาคม พ.ศ. 2568) มีเนื้อหาดังนี้:
    .
    ทุกความสำเร็จ ล้วนมาจากจุดเริ่มต้น
    จากนั้นจึงค่อยๆ เพิ่มเติมความขยันหมั่นเพียร เมื่อพบปัญหา ให้ใช้ปัญญาแก้ไขทันที พร้อมทั้งรักษาคุณธรรมและอารมณ์ให้มั่นคง
    .
    ข้อแนะนำ: วันนี้เป็นวันดีที่จะเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ โดยเฉพาะหากมีพื้นฐานของความพยายามและความคิดที่รอบคอบ

    #ติดต่อจองคิวดูดวง
    #ใดใดในโลกล้วนสายมู #พรหมอ่านไพ่ #ไพ่พรหมญาณ
    คำพยากรณ์ประจำวันนี้ (27 มีนาคม พ.ศ. 2568) มีเนื้อหาดังนี้: . ทุกความสำเร็จ ล้วนมาจากจุดเริ่มต้น จากนั้นจึงค่อยๆ เพิ่มเติมความขยันหมั่นเพียร เมื่อพบปัญหา ให้ใช้ปัญญาแก้ไขทันที พร้อมทั้งรักษาคุณธรรมและอารมณ์ให้มั่นคง . ข้อแนะนำ: วันนี้เป็นวันดีที่จะเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ โดยเฉพาะหากมีพื้นฐานของความพยายามและความคิดที่รอบคอบ #ติดต่อจองคิวดูดวง #ใดใดในโลกล้วนสายมู #พรหมอ่านไพ่ #ไพ่พรหมญาณ
    0 Comments 0 Shares 96 Views 0 0 Reviews
  • ทีมความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เกิดข้อผิดพลาดเมื่อใช้ Signal หารือแผนการโจมตีทางทหาร ทำให้ข้อมูลละเอียดอ่อนรั่วไหลไปถึงบรรณาธิการของสื่อ ทรัมป์ชี้ว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยและจะลดการใช้แอปในการหารือเรื่องสำคัญ แต่เหตุการณ์นี้สร้างคำถามว่าการใช้เทคโนโลยีทั่วไปนั้นเหมาะสมสำหรับงานที่อ่อนไหวหรือไม่

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/27/trump-downplays-national-security-team-texting-military-operation-plan-on-signal-as-a-minor-039glitch039
    ทีมความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เกิดข้อผิดพลาดเมื่อใช้ Signal หารือแผนการโจมตีทางทหาร ทำให้ข้อมูลละเอียดอ่อนรั่วไหลไปถึงบรรณาธิการของสื่อ ทรัมป์ชี้ว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยและจะลดการใช้แอปในการหารือเรื่องสำคัญ แต่เหตุการณ์นี้สร้างคำถามว่าการใช้เทคโนโลยีทั่วไปนั้นเหมาะสมสำหรับงานที่อ่อนไหวหรือไม่ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/27/trump-downplays-national-security-team-texting-military-operation-plan-on-signal-as-a-minor-039glitch039
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Trump downplays national security team texting military operation plan on Signal as a minor 'glitch'
    Trump told NBC News that the lapse "turned out not to be a serious one," and expressed his continued support for national security adviser Mike Waltz.
    0 Comments 0 Shares 83 Views 0 Reviews
  • TSMC กำลังผลิตชิปที่โรงงาน Fab 21 ในแอริโซนา ซึ่งต้นทุนผลิตสูงกว่าไต้หวันเพียง 10% การใช้ระบบอัตโนมัติช่วยลดความสำคัญของค่าแรงในต้นทุนรวม แม้จะมีการขนส่งแผ่นเวเฟอร์กลับไปยังไต้หวันเพื่อการบรรจุ แต่ไม่ได้เพิ่มต้นทุนมากนัก บริษัทวางแผนตั้งราคาพรีเมียมสำหรับชิปที่ผลิตในสหรัฐฯ เพื่อตอบสนองความต้องการในตลาด และเสริมความมั่นคงด้านอุตสาหกรรม

    อุปกรณ์เป็นตัวกำหนดต้นทุนหลัก:
    - เครื่องมือจากบริษัทชั้นนำ เช่น ASML และ Tokyo Electron คิดเป็นสองในสามของต้นทุนรวม โดยไม่ขึ้นกับสถานที่ตั้งของโรงงาน.

    บทบาทของแรงงาน:
    - แม้ค่าแรงในสหรัฐฯ จะสูงกว่าต่างประเทศถึงสามเท่า แต่ระบบอัตโนมัติที่ทันสมัยทำให้แรงงานมีส่วนร่วมกับต้นทุนรวมเพียง 2% เท่านั้น.

    การขนส่งและความซับซ้อน:
    - แผ่นเวเฟอร์ที่ผลิตในแอริโซนายังต้องส่งกลับไปที่ไต้หวันเพื่อกระบวนการตัดและบรรจุ ซึ่งเพิ่มความซับซ้อนด้านโลจิสติกส์ แต่ไม่ได้เพิ่มต้นทุนอย่างมีนัยสำคัญ.

    ราคาในตลาด:
    - TSMC อาจตั้งราคาพรีเมียมเพิ่ม 30% สำหรับชิปที่ผลิตในสหรัฐฯ เพื่อรองรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น.

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/producing-wafers-at-tsmc-arizona-is-only-10-percent-more-expensive-than-in-taiwan-techinsights
    TSMC กำลังผลิตชิปที่โรงงาน Fab 21 ในแอริโซนา ซึ่งต้นทุนผลิตสูงกว่าไต้หวันเพียง 10% การใช้ระบบอัตโนมัติช่วยลดความสำคัญของค่าแรงในต้นทุนรวม แม้จะมีการขนส่งแผ่นเวเฟอร์กลับไปยังไต้หวันเพื่อการบรรจุ แต่ไม่ได้เพิ่มต้นทุนมากนัก บริษัทวางแผนตั้งราคาพรีเมียมสำหรับชิปที่ผลิตในสหรัฐฯ เพื่อตอบสนองความต้องการในตลาด และเสริมความมั่นคงด้านอุตสาหกรรม อุปกรณ์เป็นตัวกำหนดต้นทุนหลัก: - เครื่องมือจากบริษัทชั้นนำ เช่น ASML และ Tokyo Electron คิดเป็นสองในสามของต้นทุนรวม โดยไม่ขึ้นกับสถานที่ตั้งของโรงงาน. บทบาทของแรงงาน: - แม้ค่าแรงในสหรัฐฯ จะสูงกว่าต่างประเทศถึงสามเท่า แต่ระบบอัตโนมัติที่ทันสมัยทำให้แรงงานมีส่วนร่วมกับต้นทุนรวมเพียง 2% เท่านั้น. การขนส่งและความซับซ้อน: - แผ่นเวเฟอร์ที่ผลิตในแอริโซนายังต้องส่งกลับไปที่ไต้หวันเพื่อกระบวนการตัดและบรรจุ ซึ่งเพิ่มความซับซ้อนด้านโลจิสติกส์ แต่ไม่ได้เพิ่มต้นทุนอย่างมีนัยสำคัญ. ราคาในตลาด: - TSMC อาจตั้งราคาพรีเมียมเพิ่ม 30% สำหรับชิปที่ผลิตในสหรัฐฯ เพื่อรองรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น. https://www.tomshardware.com/tech-industry/producing-wafers-at-tsmc-arizona-is-only-10-percent-more-expensive-than-in-taiwan-techinsights
    0 Comments 0 Shares 48 Views 0 Reviews
  • สหรัฐฯ เดินหน้าควบคุมการส่งออกด้วยการเพิ่มรายชื่อบริษัทจีนกว่า 70 แห่งในบัญชีดำ โดยอ้างว่าบริษัทเหล่านี้สนับสนุนการพัฒนาทางทหารของจีน เช่น อาวุธไฮเปอร์โซนิกและโปรแกรมประมวลผลควอนตัม จีนตอบโต้ว่า การกระทำนี้สะท้อนถึงความกังวลของสหรัฐฯ ต่อการพัฒนาเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าของตน เหตุการณ์นี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการแข่งขันด้านเทคโนโลยีที่เข้มข้นระหว่างสองประเทศ

    เหตุผลเบื้องหลังการเพิ่มรายชื่อในบัญชีดำ:
    - บริษัทที่ถูกเพิ่มรายชื่อ เช่น Inspur Group และ Beijing Academy of Artificial Intelligence มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนโครงการประมวลผลขั้นสูง รวมถึงการพัฒนาโมเดล AI และชิปขั้นสูงที่อาจนำไปใช้ในทางทหาร.

    เป้าหมายของสหรัฐฯ:
    - รัฐบาลสหรัฐฯ ยืนยันว่ามาตรการนี้มีเป้าหมายในการลดความสามารถของจีนในด้านอาวุธไฮเปอร์โซนิกและกิจกรรมด้านนิวเคลียร์ที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ รวมถึงการพัฒนาโปรแกรมขีปนาวุธ.

    ผลกระทบและการตอบสนองจากจีน:
    - จีนมองว่ามาตรการเหล่านี้เป็นการขัดขวางการพัฒนาเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมของตน โดยกระทรวงต่างประเทศจีนได้ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำของสหรัฐฯ และขอให้ยุติการอ้างเรื่องความมั่นคงแห่งชาติเป็นเหตุผลในการปิดกั้น.

    https://www.techspot.com/news/107294-us-adds-dozens-chinese-tech-firms-export-blacklist.html
    สหรัฐฯ เดินหน้าควบคุมการส่งออกด้วยการเพิ่มรายชื่อบริษัทจีนกว่า 70 แห่งในบัญชีดำ โดยอ้างว่าบริษัทเหล่านี้สนับสนุนการพัฒนาทางทหารของจีน เช่น อาวุธไฮเปอร์โซนิกและโปรแกรมประมวลผลควอนตัม จีนตอบโต้ว่า การกระทำนี้สะท้อนถึงความกังวลของสหรัฐฯ ต่อการพัฒนาเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าของตน เหตุการณ์นี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการแข่งขันด้านเทคโนโลยีที่เข้มข้นระหว่างสองประเทศ เหตุผลเบื้องหลังการเพิ่มรายชื่อในบัญชีดำ: - บริษัทที่ถูกเพิ่มรายชื่อ เช่น Inspur Group และ Beijing Academy of Artificial Intelligence มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนโครงการประมวลผลขั้นสูง รวมถึงการพัฒนาโมเดล AI และชิปขั้นสูงที่อาจนำไปใช้ในทางทหาร. เป้าหมายของสหรัฐฯ: - รัฐบาลสหรัฐฯ ยืนยันว่ามาตรการนี้มีเป้าหมายในการลดความสามารถของจีนในด้านอาวุธไฮเปอร์โซนิกและกิจกรรมด้านนิวเคลียร์ที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ รวมถึงการพัฒนาโปรแกรมขีปนาวุธ. ผลกระทบและการตอบสนองจากจีน: - จีนมองว่ามาตรการเหล่านี้เป็นการขัดขวางการพัฒนาเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมของตน โดยกระทรวงต่างประเทศจีนได้ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำของสหรัฐฯ และขอให้ยุติการอ้างเรื่องความมั่นคงแห่งชาติเป็นเหตุผลในการปิดกั้น. https://www.techspot.com/news/107294-us-adds-dozens-chinese-tech-firms-export-blacklist.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    US adds dozens of Chinese entities to export blacklist over AI and military concerns
    The US Department of Commerce's Bureau of Industry and Security (BIS) has added 80 organizations to the entity list, including more than 70 from China. There are...
    0 Comments 0 Shares 40 Views 0 Reviews
  • Edward Coristine สมาชิกวัย 19 ปีของทีม DOGE ที่นำโดย Elon Musk ตกเป็นประเด็นร้อนในโลกไซเบอร์ หลังเคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์ในอดีต กรณีนี้นำมาสู่ข้อถกเถียงว่าบุคคลที่มีประวัติเช่นนี้ควรได้รับบทบาทในทีมงานสำคัญของรัฐบาลหรือไม่ เรื่องราวนี้สะท้อนถึงความซับซ้อนของการคัดเลือกบุคลากรในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับการเมืองและความมั่นคง

    ความเกี่ยวข้องกับ EGodly:
    - บริษัท DiamondCDN ของ Coristine ให้บริการป้องกัน DDoS และระบบ caching ให้แก่ EGodly ซึ่งเป็นกลุ่มที่เคยก่อเหตุอาชญากรรมไซเบอร์ เช่น การแฮกอีเมลของเจ้าหน้าที่รัฐในละตินอเมริกา การขโมยคริปโตเคอเรนซี และการเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ FBI ผ่าน Telegram.

    การวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการคัดเลือกของ DOGE:
    - Coristine ถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับความเหมาะสมที่จะเข้าร่วมทีมงานที่มีการเข้าถึงเครือข่ายสำคัญของรัฐบาล เนื่องจากเขาเคยถูกปลดจากงานด้านความปลอดภัยไซเบอร์ในปีที่ผ่านมา โดยมีข้อกล่าวหาเรื่องการเปิดเผยข้อมูลลับให้คู่แข่ง.

    ภูมิหลังที่เชื่อมโยงกับการเมืองโลก:
    - Coristine ยังมีความเกี่ยวพันกับอดีตสายลับโซเวียต โดยปู่ของเขาเป็นเจ้าหน้าที่ KGB ที่เคยถูกจับกุมในฐานะสายลับสองหน้า.

    ผลกระทบในวงกว้าง:
    - กรณีนี้จุดประกายข้อถกเถียงเรื่องการคัดกรองบุคลากรในตำแหน่งสำคัญ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ผู้เกี่ยวข้องอาจมีอดีตที่ขัดแย้งกับหลักการด้านความปลอดภัยไซเบอร์.

    https://www.techspot.com/news/107297-report-19-year-old-doge-team-member-big.html
    Edward Coristine สมาชิกวัย 19 ปีของทีม DOGE ที่นำโดย Elon Musk ตกเป็นประเด็นร้อนในโลกไซเบอร์ หลังเคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์ในอดีต กรณีนี้นำมาสู่ข้อถกเถียงว่าบุคคลที่มีประวัติเช่นนี้ควรได้รับบทบาทในทีมงานสำคัญของรัฐบาลหรือไม่ เรื่องราวนี้สะท้อนถึงความซับซ้อนของการคัดเลือกบุคลากรในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับการเมืองและความมั่นคง ความเกี่ยวข้องกับ EGodly: - บริษัท DiamondCDN ของ Coristine ให้บริการป้องกัน DDoS และระบบ caching ให้แก่ EGodly ซึ่งเป็นกลุ่มที่เคยก่อเหตุอาชญากรรมไซเบอร์ เช่น การแฮกอีเมลของเจ้าหน้าที่รัฐในละตินอเมริกา การขโมยคริปโตเคอเรนซี และการเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ FBI ผ่าน Telegram. การวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการคัดเลือกของ DOGE: - Coristine ถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับความเหมาะสมที่จะเข้าร่วมทีมงานที่มีการเข้าถึงเครือข่ายสำคัญของรัฐบาล เนื่องจากเขาเคยถูกปลดจากงานด้านความปลอดภัยไซเบอร์ในปีที่ผ่านมา โดยมีข้อกล่าวหาเรื่องการเปิดเผยข้อมูลลับให้คู่แข่ง. ภูมิหลังที่เชื่อมโยงกับการเมืองโลก: - Coristine ยังมีความเกี่ยวพันกับอดีตสายลับโซเวียต โดยปู่ของเขาเป็นเจ้าหน้าที่ KGB ที่เคยถูกจับกุมในฐานะสายลับสองหน้า. ผลกระทบในวงกว้าง: - กรณีนี้จุดประกายข้อถกเถียงเรื่องการคัดกรองบุคลากรในตำแหน่งสำคัญ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ผู้เกี่ยวข้องอาจมีอดีตที่ขัดแย้งกับหลักการด้านความปลอดภัยไซเบอร์. https://www.techspot.com/news/107297-report-19-year-old-doge-team-member-big.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Report: 19-year-old DOGE team member "Big Balls" provided network support to cybercrime gang
    According to records reviewed by Reuters, Coristine ran a company called DiamondCDN that provided network services from around 2022, while he was still in high school. Among...
    0 Comments 0 Shares 56 Views 0 Reviews
  • SAP บริษัทซอฟต์แวร์ชื่อดังจากเยอรมนี ได้ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในยุโรปแทนที่ Novo Nordisk บริษัทด้านสุขภาพจากเดนมาร์ก โดยหุ้น SAP เพิ่มขึ้นมากกว่า 40% ในปีที่ผ่านมา ความสำเร็จนี้มาจากการปรับกลยุทธ์เข้าสู่ บริการคลาวด์ และการรวมเทคโนโลยี AI เข้ากับโซลูชันทางธุรกิจ ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของตลาดอย่างมาก

    การเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจที่สำคัญ:
    - SAP เคยเริ่มต้นด้วยการพัฒนาซอฟต์แวร์จัดการกระบวนการทางธุรกิจแบบดั้งเดิม แต่ได้เปลี่ยนจากการขายไลเซนส์ซอฟต์แวร์แบบเดิมไปสู่โมเดลบริการคลาวด์ ซึ่งสร้างรายได้แบบคาดการณ์ได้ (predictable revenue) และเพิ่มความมั่นคงให้ธุรกิจ.

    การรวม AI เข้าสู่แพลตฟอร์มธุรกิจ:
    - SAP ใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในระบบวางแผนธุรกิจ เช่น SAP Business Technology Platform รวมถึงขยายฟีเจอร์ที่ใช้ AI ในโซลูชันธุรกิจหลากหลายด้าน เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลและการปรับปรุงกระบวนการทำงาน.

    การเติบโตในตลาดโลก:
    - SAP สร้างรายได้ในสหรัฐฯ กว่า €2.9 พันล้าน ในไตรมาสล่าสุด ซึ่งคิดเป็น 31% ของรายได้ทั้งหมด ความแข็งแกร่งในตลาดสหรัฐฯ ช่วยให้ SAP อยู่เหนือความท้าทายด้านเศรษฐกิจในยุโรป.

    ผลกระทบต่อตลาดหุ้น:
    - การเติบโตของ SAP ส่งผลให้ DAX index ในตลาดหุ้นเยอรมนีต้องปรับรูปแบบเป็นเวอร์ชันที่ไม่มีการจำกัดน้ำหนัก (uncapped index) เพื่อสะท้อนมูลค่าของ SAP ที่เพิ่มขึ้น.

    https://www.techspot.com/news/107276-sap-surpasses-novo-nordisk-europe-most-valuable-company.html
    SAP บริษัทซอฟต์แวร์ชื่อดังจากเยอรมนี ได้ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในยุโรปแทนที่ Novo Nordisk บริษัทด้านสุขภาพจากเดนมาร์ก โดยหุ้น SAP เพิ่มขึ้นมากกว่า 40% ในปีที่ผ่านมา ความสำเร็จนี้มาจากการปรับกลยุทธ์เข้าสู่ บริการคลาวด์ และการรวมเทคโนโลยี AI เข้ากับโซลูชันทางธุรกิจ ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของตลาดอย่างมาก การเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจที่สำคัญ: - SAP เคยเริ่มต้นด้วยการพัฒนาซอฟต์แวร์จัดการกระบวนการทางธุรกิจแบบดั้งเดิม แต่ได้เปลี่ยนจากการขายไลเซนส์ซอฟต์แวร์แบบเดิมไปสู่โมเดลบริการคลาวด์ ซึ่งสร้างรายได้แบบคาดการณ์ได้ (predictable revenue) และเพิ่มความมั่นคงให้ธุรกิจ. การรวม AI เข้าสู่แพลตฟอร์มธุรกิจ: - SAP ใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในระบบวางแผนธุรกิจ เช่น SAP Business Technology Platform รวมถึงขยายฟีเจอร์ที่ใช้ AI ในโซลูชันธุรกิจหลากหลายด้าน เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลและการปรับปรุงกระบวนการทำงาน. การเติบโตในตลาดโลก: - SAP สร้างรายได้ในสหรัฐฯ กว่า €2.9 พันล้าน ในไตรมาสล่าสุด ซึ่งคิดเป็น 31% ของรายได้ทั้งหมด ความแข็งแกร่งในตลาดสหรัฐฯ ช่วยให้ SAP อยู่เหนือความท้าทายด้านเศรษฐกิจในยุโรป. ผลกระทบต่อตลาดหุ้น: - การเติบโตของ SAP ส่งผลให้ DAX index ในตลาดหุ้นเยอรมนีต้องปรับรูปแบบเป็นเวอร์ชันที่ไม่มีการจำกัดน้ำหนัก (uncapped index) เพื่อสะท้อนมูลค่าของ SAP ที่เพิ่มขึ้น. https://www.techspot.com/news/107276-sap-surpasses-novo-nordisk-europe-most-valuable-company.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    SAP surpasses Novo Nordisk to become Europe's most valuable company
    SAP's journey began in 1972 when five former IBM employees founded the company in Germany. Initially focused on business process management software, SAP has continually evolved to...
    0 Comments 0 Shares 36 Views 0 Reviews
  • TSMC เป็นบริษัทที่มีกลยุทธ์ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ทั้งโหนดใหม่และเก่าเพื่อสร้างกำไรสูงสุด โหนดเก่าที่หมดค่าเสื่อมราคากลายเป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคง ในขณะที่โหนดใหม่อย่าง 3nm และ 5nm แม้มีต้นทุนสูง แต่คาดว่าจะเริ่มทำกำไรเพิ่มขึ้นในปีหน้า

    การสร้างกำไรจากโหนดเก่า:
    - โหนดรุ่นเก่า เช่น 7nm มีอัตรากำไรสูงสุดถึง 27% เนื่องจากกระบวนการผลิตมีการชำระค่าเสื่อมราคาเรียบร้อยแล้ว เมื่อเทียบกับโหนดใหม่อย่าง 3nm และ 5nm ที่ยังอยู่ในช่วงต้นและมีต้นทุนสูงจากค่าเสื่อมราคาและการวิจัย.

    กลยุทธ์ของ TSMC:
    - การรักษาโหนดเก่าช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในด้านการผลิตและตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า เช่น รถยนต์ไฟฟ้าและอุตสาหกรรม IoT.

    การแข่งขันกับ Intel:
    - Intel ที่เน้นพัฒนาโหนดใหม่เร่งเข้าสู่ตลาด Foundry ต้องเผชิญกับอุปสรรคจากการขาดโครงสร้างและโหนดผลิตรุ่นเก่า โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ TSMC ที่มีศักยภาพในกระบวนการผลิตและการจัดการต้นทุนที่เหนือชั้นกว่า.

    มุมมองในอนาคต:
    - TSMC คาดว่าโหนดใหม่ เช่น 3nm และ 5nm จะเริ่มสร้างผลกำไรที่สูงขึ้นในปีหน้า หลังการปรับปรุงผลผลิตและลดต้นทุนลงอย่างต่อเนื่อง.

    https://www.techspot.com/news/107278-how-profitable-tsmc-nodes-crunching-numbers.html
    TSMC เป็นบริษัทที่มีกลยุทธ์ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ทั้งโหนดใหม่และเก่าเพื่อสร้างกำไรสูงสุด โหนดเก่าที่หมดค่าเสื่อมราคากลายเป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคง ในขณะที่โหนดใหม่อย่าง 3nm และ 5nm แม้มีต้นทุนสูง แต่คาดว่าจะเริ่มทำกำไรเพิ่มขึ้นในปีหน้า การสร้างกำไรจากโหนดเก่า: - โหนดรุ่นเก่า เช่น 7nm มีอัตรากำไรสูงสุดถึง 27% เนื่องจากกระบวนการผลิตมีการชำระค่าเสื่อมราคาเรียบร้อยแล้ว เมื่อเทียบกับโหนดใหม่อย่าง 3nm และ 5nm ที่ยังอยู่ในช่วงต้นและมีต้นทุนสูงจากค่าเสื่อมราคาและการวิจัย. กลยุทธ์ของ TSMC: - การรักษาโหนดเก่าช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในด้านการผลิตและตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า เช่น รถยนต์ไฟฟ้าและอุตสาหกรรม IoT. การแข่งขันกับ Intel: - Intel ที่เน้นพัฒนาโหนดใหม่เร่งเข้าสู่ตลาด Foundry ต้องเผชิญกับอุปสรรคจากการขาดโครงสร้างและโหนดผลิตรุ่นเก่า โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ TSMC ที่มีศักยภาพในกระบวนการผลิตและการจัดการต้นทุนที่เหนือชั้นกว่า. มุมมองในอนาคต: - TSMC คาดว่าโหนดใหม่ เช่น 3nm และ 5nm จะเริ่มสร้างผลกำไรที่สูงขึ้นในปีหน้า หลังการปรับปรุงผลผลิตและลดต้นทุนลงอย่างต่อเนื่อง. https://www.techspot.com/news/107278-how-profitable-tsmc-nodes-crunching-numbers.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    How profitable are TSMC's nodes: crunching the numbers
    By now, most of us are familiar with the fact that TSMC operates a significant amount of trailing edge manufacturing capacity. Long after they have moved on...
    0 Comments 0 Shares 28 Views 0 Reviews
  • Exxon Mobil ลงทุน 100 ล้านดอลลาร์ในโรงงานเคมีที่ Louisiana เพื่อผลิต isopropyl alcohol ที่มีความบริสุทธิ์สูงรองรับอุตสาหกรรมชิปที่กำลังเติบโต สารนี้ช่วยในกระบวนการทำความสะอาดและประมวลผลชิปไมโครโปรเซสเซอร์ ด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากการพัฒนา AI และศูนย์ข้อมูล การลงทุนนี้จะช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าและเพิ่มความมั่นคงในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐฯ

    ความสำคัญของ Isopropyl Alcohol ในอุตสาหกรรม:
    - สารนี้ใช้ในกระบวนการทำความสะอาดชิปเพื่อรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และเป็นองค์ประกอบสำคัญในห้องผลิตเซมิคอนดักเตอร์

    ความสัมพันธ์กับการพัฒนา AI:
    - การพัฒนา AI และการสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่กระตุ้นความต้องการชิปเฉพาะทาง ทำให้อุตสาหกรรมชิปเติบโตอย่างรวดเร็ว

    การลดความเสี่ยงจากการนำเข้าจากต่างประเทศ:
    - สหรัฐฯ เคยนำเข้าสารนี้จากไต้หวันและญี่ปุ่น เนื่องจากขาดซัพพลายภายในประเทศ การลงทุนครั้งนี้จึงช่วยลดการพึ่งพาและเพิ่มความมั่นคงให้กับอุตสาหกรรมในประเทศ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/26/exxon-investing-100-million-in-facility-to-produce-cleaning-alcohol-for-chip-industry
    Exxon Mobil ลงทุน 100 ล้านดอลลาร์ในโรงงานเคมีที่ Louisiana เพื่อผลิต isopropyl alcohol ที่มีความบริสุทธิ์สูงรองรับอุตสาหกรรมชิปที่กำลังเติบโต สารนี้ช่วยในกระบวนการทำความสะอาดและประมวลผลชิปไมโครโปรเซสเซอร์ ด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากการพัฒนา AI และศูนย์ข้อมูล การลงทุนนี้จะช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าและเพิ่มความมั่นคงในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ความสำคัญของ Isopropyl Alcohol ในอุตสาหกรรม: - สารนี้ใช้ในกระบวนการทำความสะอาดชิปเพื่อรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และเป็นองค์ประกอบสำคัญในห้องผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ความสัมพันธ์กับการพัฒนา AI: - การพัฒนา AI และการสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่กระตุ้นความต้องการชิปเฉพาะทาง ทำให้อุตสาหกรรมชิปเติบโตอย่างรวดเร็ว การลดความเสี่ยงจากการนำเข้าจากต่างประเทศ: - สหรัฐฯ เคยนำเข้าสารนี้จากไต้หวันและญี่ปุ่น เนื่องจากขาดซัพพลายภายในประเทศ การลงทุนครั้งนี้จึงช่วยลดการพึ่งพาและเพิ่มความมั่นคงให้กับอุตสาหกรรมในประเทศ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/26/exxon-investing-100-million-in-facility-to-produce-cleaning-alcohol-for-chip-industry
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Exxon investing $100 million in facility to produce cleaning alcohol for chip industry
    HOUSTON (Reuters) - Exxon Mobil said on Wednesday it will spend $100 million to upgrade its Baton Rouge, Louisiana, chemical plant to produce a highly pure form of isopropyl alcohol that is used in the tech industry to clean and process microchips.
    0 Comments 0 Shares 36 Views 0 Reviews
  • หลังจากทรัมป์ระบุว่าไม่มีปัญหาและเป็นเรื่องเล็กน้อยจากการที่ทีมคณะรัฐมนตรีของเขาทำ “แชตหลุด” เผลอเพิ่มรายชื่อ Jeffrey Goldberg บรรณาธิการบริหารของนิตยสาร The Atlantic เข้าไปในกลุ่มแชต ที่กำลังพูดคุยและส่งข้อมูลลับเกี่ยวกับการโจมตีกลุ่มฮูตีในเยเมน

    นอกจากนี้ ทรัมป์ยังบอกอีกว่า ข้อความในแชตไม่ถือเป็น "การวางแผนสงคราม" และไม่ได้เป็นความลับ

    งานนี้เลยเข้าทาง Goldberg บรรณาธิการบริหารของ The Atlantic ซึ่งต่อมาเขาได้เปิดเผยบันทึกการสนทนาฉบับสมบูรณ์ของกลุ่มแชตดังกล่าว รวมถึงระบุตัวของทุกคนที่อยู่ในกลุ่มแชท

    และจากบันทึกดังกล่าวพิสูจน์ได้ว่า Mike Waltz ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติเป็นผู้เพิ่ม Goldberg เข้าไปในกลุ่มดังกล่าว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ หลายฝ่ายต่างมุ่งเป้าไปที่รัฐมนตรีกลาโหม พีท เฮกเซธ

    นอกจากนี้ Goldberg ยังเน้นอีกว่า ข้อมูลเกี่ยวกับเวลาการโจมตี ระบบอาวุธ และเป้าหมายถูกโพสต์ในแชทโดย Pete Hegseth รัฐมนตรีกลาโหมเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนเริ่มปฏิบัติการโจมตีในเยเมนเป็นครั้งแรกในวันที่ 15 มีนาคม

    ความสะเพล่าครั้งนี้ หลายฝ่ายคาดว่าเกิดจากการอ่อนประสบการณ์ในการทำงานเรื่องสำคัญ การสนทนาผ่านกลุ่มแชตจากแอปฯ Signal น่าจะเป็นเรื่องง่ายและคุ้นเคยของพวกเขา แม้ว่ามันจะมีความเสี่ยงในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดูจากรายชื่อสมาชิกในกลุ่ม จะเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่อย่างน้อย 2 คน กำลังอยู่ต่างประเทศ ประกอบกับความตื่นเต้นในการปฏิบัติการสั่งโจมตีอย่างเป็นทางการครั้งแรกของทีมนี้
    หลังจากทรัมป์ระบุว่าไม่มีปัญหาและเป็นเรื่องเล็กน้อยจากการที่ทีมคณะรัฐมนตรีของเขาทำ “แชตหลุด” เผลอเพิ่มรายชื่อ Jeffrey Goldberg บรรณาธิการบริหารของนิตยสาร The Atlantic เข้าไปในกลุ่มแชต ที่กำลังพูดคุยและส่งข้อมูลลับเกี่ยวกับการโจมตีกลุ่มฮูตีในเยเมน นอกจากนี้ ทรัมป์ยังบอกอีกว่า ข้อความในแชตไม่ถือเป็น "การวางแผนสงคราม" และไม่ได้เป็นความลับ งานนี้เลยเข้าทาง Goldberg บรรณาธิการบริหารของ The Atlantic ซึ่งต่อมาเขาได้เปิดเผยบันทึกการสนทนาฉบับสมบูรณ์ของกลุ่มแชตดังกล่าว รวมถึงระบุตัวของทุกคนที่อยู่ในกลุ่มแชท และจากบันทึกดังกล่าวพิสูจน์ได้ว่า Mike Waltz ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติเป็นผู้เพิ่ม Goldberg เข้าไปในกลุ่มดังกล่าว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ หลายฝ่ายต่างมุ่งเป้าไปที่รัฐมนตรีกลาโหม พีท เฮกเซธ นอกจากนี้ Goldberg ยังเน้นอีกว่า ข้อมูลเกี่ยวกับเวลาการโจมตี ระบบอาวุธ และเป้าหมายถูกโพสต์ในแชทโดย Pete Hegseth รัฐมนตรีกลาโหมเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนเริ่มปฏิบัติการโจมตีในเยเมนเป็นครั้งแรกในวันที่ 15 มีนาคม ความสะเพล่าครั้งนี้ หลายฝ่ายคาดว่าเกิดจากการอ่อนประสบการณ์ในการทำงานเรื่องสำคัญ การสนทนาผ่านกลุ่มแชตจากแอปฯ Signal น่าจะเป็นเรื่องง่ายและคุ้นเคยของพวกเขา แม้ว่ามันจะมีความเสี่ยงในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดูจากรายชื่อสมาชิกในกลุ่ม จะเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่อย่างน้อย 2 คน กำลังอยู่ต่างประเทศ ประกอบกับความตื่นเต้นในการปฏิบัติการสั่งโจมตีอย่างเป็นทางการครั้งแรกของทีมนี้
    0 Comments 0 Shares 99 Views 0 Reviews
  • เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง ให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการ “การทูตประเทศใหญ่” ทางไชน่ามีเดียกรุ๊ป (CMG)

    เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษทางโทรศัพท์ในรายการ “การทูตประเทศใหญ่” ของทางไชน่ามีเดียกรุ๊ป (CMG) โดยมีการพูดคุยในประเด็นความสัมพันธ์จีน-ไทยในวาระ 50 ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย ความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น การหลอกลวงทางโทรคมนาคม รวมถึงความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างรถไฟจีน-ไทยระยะที่ 2 โดยรายการสัมภาษณ์ดังกล่าวออกอากาศเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2568

    ผู้สื่อข่าว CMG: ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวระหว่างการพบปะกับนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตรของไทยว่ามิตรภาพจีน-ไทยมีรากฐานลึกซึ้งนับพันปี และคำกล่าวที่ว่า “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ยังมั่นคงเหนียวแน่นตลอดมา ในฐานะเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ท่านมองแนวคิดนี้อย่างไร และปีนี้มีความหมายพิเศษต่อความสัมพันธ์จีน-ไทยอย่างไร

    เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” มีความหมาย 3 ประการ คือจีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดีที่เชื่อมต่อกันด้วยภูเขาและแม่น้ำ เป็นเครือญาติที่ดีที่เชื่อมต่อกันด้วยสายเลือด และเป็นหุ้นส่วนที่ดีที่มีอนาคตร่วมกัน จีนและไทยร่วมมือกันบนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกัน ความเท่าเทียม ความไว้วางใจระหว่างกัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไทยเป็นแบบอย่างของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและการพัฒนาร่วมกัน เดือนพฤศจิกายน ปี 2565 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เดินทางเยือนประเทศไทยครั้งประวัติศาสตร์ และได้ร่วมกับผู้นำไทยในการกำหนดวิสัยทัศน์การสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างจีน-ไทย ซึ่งเป็นการเติมเต็มความหมายของคำว่า “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ให้มีความหมายที่ทันสมัยมากขึ้น และชี้นำทิศทางการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในอนาคต

    ปีนี้เป็นปีที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับความสัมพันธ์จีน-ไทย เราได้กำหนดให้เป็น “ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย 50 ปี” รวมทั้งคำขวัญร่วมกันว่า “จีน - ไทยสานใจกัน ร่วมสร้างฝันประชาคม” สำหรับปีนี้ เราจะใช้โอกาสสำคัญนี้ในการสรุปประสบการณ์อันเป็นประโยชน์จากการร่วมมือกันตลอด 50 ปีที่ผ่านมา และเปิดศักราชใหม่แห่งความสัมพันธ์จีน-ไทยในอนาคต

    ผู้สื่อข่าว CMG: ปัจจุบัน จีนและไทยกำลังดำเนินความร่วมมือหลายโครงการเพื่อต่อสู้กับอาชญากรรมทางไซเบอร์ เช่น การหลอกลวงทางโทรศัพท์และออนไลน์ โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองเมียวดีของเมียนมา ความคืบหน้าของปฏิบัติการนี้เป็นอย่างไร

    เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: การหลอกลวงทางไซเบอร์เป็นภัยคุกคามข้ามพรมแดนที่มีความซับซ้อน จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะในเมืองเมียวดีของเมียนมา ซึ่งปัจจุบันเป็นศูนย์กลางของแก๊งอาชญากรรมทางไซเบอร์ ช่วงที่ผ่านมา จีน-ไทย-เมียนมา ได้ร่วมมือกันเปิดปฏิบัติการกวาดล้างครั้งใหญ่ ทำให้สามารถทำลายเครือข่ายอาชญากรรมได้หลายจุด และจับกุมผู้ต้องสงสัยจำนวนมาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสามประเทศในการปราบปรามการหลอกลวงทางไซเบอร์และปกป้องความมั่นคงในภูมิภาค

    ก้าวต่อไป จีน-ไทย-เมียนมาจะดำเนินมาตรการปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดนเช่นการหลอกลวงทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง เราจะขยายความร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกบังคับให้กระทำผิด จับกุมตัวการใหญ่ของกลุ่มอาชญากรและกวาดล้างศูนย์คอลเซ็นเตอร์ เพื่อปกป้องความปลอดภัยทางชีวิตและทรัพย์สินของพลเมืองจีนและประชาชนของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค

    ผู้สื่อข่าว CMG: คณะรัฐมนตรีไทยได้อนุมัติแผนการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงจีน-ไทย ระยะที่ 2 ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2573 แม้ว่าระยะที่ 1 ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ อะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้รัฐบาลไทยตัดสินใจเดินหน้าโครงการนี้

    เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: ในระหว่างการเยือนจีนของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ผู้นำทั้งสองประเทศได้บรรลุข้อตกลงสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินโครงการรถไฟจีน-ไทย และการส่งเสริมแนวคิดการเชื่อมโยงระหว่างจีน-ลาว-ไทยอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายไทยได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะเร่งดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟจีน-ไทย ระยะที่ 1 และจะเริ่มต้นโครงการระยะที่ 2 ภายในปีนี้

    ฝ่ายไทยได้อนุมัติแผนการก่อสร้างโครงการระยะที่ 2 ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยต่อโครงการรถไฟจีน-ไทย และมีความหมายสำคัญต่อการก่อสร้างรถไฟจีน-ไทยให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เราชื่นชมในการตัดสินใจของฝ่ายไทย และท่าทีที่แสดงถึงความมุ่งมั่นนี้อย่างสูง ฝ่ายจีนก็จะให้การสนับสนุนและความร่วมมืออย่างเต็มที่เพื่อให้โครงการดำเนินไปอย่างราบรื่น

    ในความเป็นจริงนั้น รถไฟจีน-ไทยเป็นเส้นทางการคมนาคมทางบกเส้นใหม่ระหว่างจีนและไทย และยังเป็นส่วนสำคัญของเส้นทางการคมนาคมหลักในคาบสมุทรอินโดจีน ทุกคนทราบดีว่า รถไฟจีน-ลาว ได้เปิดให้บริการมาเป็นเวลาเกือบ 3 ปีแล้ว การที่รถไฟจีน-ไทยแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายการเชื่อมโยงระหว่างจีน-ลาว-ไทย และจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อประชาชนทั้งสามประเทศ ในอนาคต รถไฟจีน-ไทยจะขยายไปทางทิศใต้เชื่อมต่อกับเครือข่ายรถไฟของมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างการเชื่อมโยงระหว่างจีนกับประเทศในอาเซียนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

    ผู้สื่อข่าว CMG: ไทยเพิ่งได้รับการรับรองให้เป็นหุ้นส่วนพันธมิตรของกลุ่มประเทศ BRICS อย่างเป็นทางการ อีกทั้งในกลไกต่าง ๆ เช่น ความร่วมมือจีน-อาเซียน และความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ไทยก็มีบทบาทสำคัญ ในสถานการณ์ปัจจุบัน จีนและไทยจะร่วมกันเสริมสร้างบทบาทกลไกพหุภาคีของประเทศโลกใต้ (Global South) อย่างไร

    เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: ไทยเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือพันธมิตรที่สำคัญของจีนในกลไกพหุภาคี อีกทั้งเป็นสมาชิกสำคัญของอาเซียน และได้เข้าร่วมกลุ่ม BRICS อย่างเป็นทางการ อีกทั้งยังเป็นประธานร่วมของความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง และมีบทบาทสำคัญในหลายองค์กรระหว่างประเทศและระดับภูมิภาค

    จากสถานการณ์ระหว่างประเทศในปัจจุบันที่กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้ง กลุ่มประเทศโลกใต้ กำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทาย ไทยได้แสดงการสนับสนุนอย่างชัดเจนต่อแนวคิดการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างมนุษยชาติ รวมถึงการสนับสนุนแนวคิดการพัฒนาระดับโลก แนวคิดความมั่นคงระดับโลก และแนวคิดอารยธรรมระดับโลก ซึ่งเสนอโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน จีนและไทยควรเสริมสร้างการสื่อสารและความร่วมมือให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งผลักดันและปฏิบัติตามหลักการพหุภาคีและการเปิดกว้างในระดับภูมิภาคให้เห็นเป็นรูปธรรมที่แท้จริง เพื่อร่วมส่งเสริมความหลากหลายและความเป็นระเบียบของโลก ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจที่ครอบคลุมและเป็นธรรม เพื่อร่วมกันสร้างระบบการปกครองโลกตามหลักธรรมาภิบาลอย่างสมเหตุสมผลมากยิ่งขึ้น

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/18t7wHFRgk/?mibextid=wwXIfr
    เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง ให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการ “การทูตประเทศใหญ่” ทางไชน่ามีเดียกรุ๊ป (CMG) เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษทางโทรศัพท์ในรายการ “การทูตประเทศใหญ่” ของทางไชน่ามีเดียกรุ๊ป (CMG) โดยมีการพูดคุยในประเด็นความสัมพันธ์จีน-ไทยในวาระ 50 ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย ความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น การหลอกลวงทางโทรคมนาคม รวมถึงความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างรถไฟจีน-ไทยระยะที่ 2 โดยรายการสัมภาษณ์ดังกล่าวออกอากาศเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าว CMG: ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวระหว่างการพบปะกับนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตรของไทยว่ามิตรภาพจีน-ไทยมีรากฐานลึกซึ้งนับพันปี และคำกล่าวที่ว่า “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ยังมั่นคงเหนียวแน่นตลอดมา ในฐานะเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ท่านมองแนวคิดนี้อย่างไร และปีนี้มีความหมายพิเศษต่อความสัมพันธ์จีน-ไทยอย่างไร เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” มีความหมาย 3 ประการ คือจีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดีที่เชื่อมต่อกันด้วยภูเขาและแม่น้ำ เป็นเครือญาติที่ดีที่เชื่อมต่อกันด้วยสายเลือด และเป็นหุ้นส่วนที่ดีที่มีอนาคตร่วมกัน จีนและไทยร่วมมือกันบนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกัน ความเท่าเทียม ความไว้วางใจระหว่างกัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไทยเป็นแบบอย่างของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและการพัฒนาร่วมกัน เดือนพฤศจิกายน ปี 2565 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เดินทางเยือนประเทศไทยครั้งประวัติศาสตร์ และได้ร่วมกับผู้นำไทยในการกำหนดวิสัยทัศน์การสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างจีน-ไทย ซึ่งเป็นการเติมเต็มความหมายของคำว่า “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ให้มีความหมายที่ทันสมัยมากขึ้น และชี้นำทิศทางการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในอนาคต ปีนี้เป็นปีที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับความสัมพันธ์จีน-ไทย เราได้กำหนดให้เป็น “ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย 50 ปี” รวมทั้งคำขวัญร่วมกันว่า “จีน - ไทยสานใจกัน ร่วมสร้างฝันประชาคม” สำหรับปีนี้ เราจะใช้โอกาสสำคัญนี้ในการสรุปประสบการณ์อันเป็นประโยชน์จากการร่วมมือกันตลอด 50 ปีที่ผ่านมา และเปิดศักราชใหม่แห่งความสัมพันธ์จีน-ไทยในอนาคต ผู้สื่อข่าว CMG: ปัจจุบัน จีนและไทยกำลังดำเนินความร่วมมือหลายโครงการเพื่อต่อสู้กับอาชญากรรมทางไซเบอร์ เช่น การหลอกลวงทางโทรศัพท์และออนไลน์ โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองเมียวดีของเมียนมา ความคืบหน้าของปฏิบัติการนี้เป็นอย่างไร เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: การหลอกลวงทางไซเบอร์เป็นภัยคุกคามข้ามพรมแดนที่มีความซับซ้อน จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะในเมืองเมียวดีของเมียนมา ซึ่งปัจจุบันเป็นศูนย์กลางของแก๊งอาชญากรรมทางไซเบอร์ ช่วงที่ผ่านมา จีน-ไทย-เมียนมา ได้ร่วมมือกันเปิดปฏิบัติการกวาดล้างครั้งใหญ่ ทำให้สามารถทำลายเครือข่ายอาชญากรรมได้หลายจุด และจับกุมผู้ต้องสงสัยจำนวนมาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสามประเทศในการปราบปรามการหลอกลวงทางไซเบอร์และปกป้องความมั่นคงในภูมิภาค ก้าวต่อไป จีน-ไทย-เมียนมาจะดำเนินมาตรการปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดนเช่นการหลอกลวงทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง เราจะขยายความร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกบังคับให้กระทำผิด จับกุมตัวการใหญ่ของกลุ่มอาชญากรและกวาดล้างศูนย์คอลเซ็นเตอร์ เพื่อปกป้องความปลอดภัยทางชีวิตและทรัพย์สินของพลเมืองจีนและประชาชนของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค ผู้สื่อข่าว CMG: คณะรัฐมนตรีไทยได้อนุมัติแผนการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงจีน-ไทย ระยะที่ 2 ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2573 แม้ว่าระยะที่ 1 ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ อะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้รัฐบาลไทยตัดสินใจเดินหน้าโครงการนี้ เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: ในระหว่างการเยือนจีนของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ผู้นำทั้งสองประเทศได้บรรลุข้อตกลงสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินโครงการรถไฟจีน-ไทย และการส่งเสริมแนวคิดการเชื่อมโยงระหว่างจีน-ลาว-ไทยอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายไทยได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะเร่งดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟจีน-ไทย ระยะที่ 1 และจะเริ่มต้นโครงการระยะที่ 2 ภายในปีนี้ ฝ่ายไทยได้อนุมัติแผนการก่อสร้างโครงการระยะที่ 2 ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยต่อโครงการรถไฟจีน-ไทย และมีความหมายสำคัญต่อการก่อสร้างรถไฟจีน-ไทยให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เราชื่นชมในการตัดสินใจของฝ่ายไทย และท่าทีที่แสดงถึงความมุ่งมั่นนี้อย่างสูง ฝ่ายจีนก็จะให้การสนับสนุนและความร่วมมืออย่างเต็มที่เพื่อให้โครงการดำเนินไปอย่างราบรื่น ในความเป็นจริงนั้น รถไฟจีน-ไทยเป็นเส้นทางการคมนาคมทางบกเส้นใหม่ระหว่างจีนและไทย และยังเป็นส่วนสำคัญของเส้นทางการคมนาคมหลักในคาบสมุทรอินโดจีน ทุกคนทราบดีว่า รถไฟจีน-ลาว ได้เปิดให้บริการมาเป็นเวลาเกือบ 3 ปีแล้ว การที่รถไฟจีน-ไทยแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายการเชื่อมโยงระหว่างจีน-ลาว-ไทย และจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อประชาชนทั้งสามประเทศ ในอนาคต รถไฟจีน-ไทยจะขยายไปทางทิศใต้เชื่อมต่อกับเครือข่ายรถไฟของมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างการเชื่อมโยงระหว่างจีนกับประเทศในอาเซียนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ผู้สื่อข่าว CMG: ไทยเพิ่งได้รับการรับรองให้เป็นหุ้นส่วนพันธมิตรของกลุ่มประเทศ BRICS อย่างเป็นทางการ อีกทั้งในกลไกต่าง ๆ เช่น ความร่วมมือจีน-อาเซียน และความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ไทยก็มีบทบาทสำคัญ ในสถานการณ์ปัจจุบัน จีนและไทยจะร่วมกันเสริมสร้างบทบาทกลไกพหุภาคีของประเทศโลกใต้ (Global South) อย่างไร เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: ไทยเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือพันธมิตรที่สำคัญของจีนในกลไกพหุภาคี อีกทั้งเป็นสมาชิกสำคัญของอาเซียน และได้เข้าร่วมกลุ่ม BRICS อย่างเป็นทางการ อีกทั้งยังเป็นประธานร่วมของความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง และมีบทบาทสำคัญในหลายองค์กรระหว่างประเทศและระดับภูมิภาค จากสถานการณ์ระหว่างประเทศในปัจจุบันที่กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้ง กลุ่มประเทศโลกใต้ กำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทาย ไทยได้แสดงการสนับสนุนอย่างชัดเจนต่อแนวคิดการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างมนุษยชาติ รวมถึงการสนับสนุนแนวคิดการพัฒนาระดับโลก แนวคิดความมั่นคงระดับโลก และแนวคิดอารยธรรมระดับโลก ซึ่งเสนอโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน จีนและไทยควรเสริมสร้างการสื่อสารและความร่วมมือให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งผลักดันและปฏิบัติตามหลักการพหุภาคีและการเปิดกว้างในระดับภูมิภาคให้เห็นเป็นรูปธรรมที่แท้จริง เพื่อร่วมส่งเสริมความหลากหลายและความเป็นระเบียบของโลก ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจที่ครอบคลุมและเป็นธรรม เพื่อร่วมกันสร้างระบบการปกครองโลกตามหลักธรรมาภิบาลอย่างสมเหตุสมผลมากยิ่งขึ้น ที่มา https://www.facebook.com/share/p/18t7wHFRgk/?mibextid=wwXIfr
    0 Comments 0 Shares 99 Views 0 Reviews
  • 26 มีนาคม 2568-ศ.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์รัฐศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์บทวิเคราะห์น่าสนใจว่า"ทางสองแพร่งการเมืองไทย"หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 ตลอด 92 ปี เรามีรัฐประหารถึง 13 ครั้ง ถ้าเทียบกับรัฐประหารทั่วโลก พบว่า ในศตวรรษที่ยี่สิบ ไทยเป็นประเทศที่ทำรัฐประหารเป็นอันดับสองของโลก อันดับหนึ่งคือ อาร์เจนตินา และ กรีซ ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด อาร์เจนตินาและกรีซ ไม่ทำรัฐประหาร แต่ไทยยังอยู่ในอันดับต้นๆ นั่นคือ อันดับสามของโลกถ้าเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียน เราก็ยังเป็นประเทศที่ทำรัฐประหารมากที่สุดอยู่ดี นั่นคือ แพร่งแรก คือ แพร่งรัฐประหาร----------------- แต่ในอีกมุมหนึ่ง แม้ว่าประเทศในกลุ่มอาเซียนจะทำรัฐประหารน้อยกว่าไทยมาก หรือบางประเทศไม่มีรัฐประหารเลย แต่ปรากฏการณ์ที่น่าสังเกตคือ ประเทศในกลุ่มอาเซียนมีผู้นำที่อยู่ในอำนาจยาวนานมาก (ดูรูปแนบ: นับถึง ปี ค.ศ. 2021 และในกรณีของพม่า หากนับช่วงเวลาของนายพลเนวิน จะต้องบวกไปอีก 25 ปี)ในขณะที่ไทยเรา แม้ว่าจะมีรัฐประหารมากที่สุด แต่ผู้นำไทยกลับไม่ได้อยู่ในอำนาจยาวนานเหมือนประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีสองช่วง รวมแล้วประมาณ 15 ปีจอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรีสามช่วง รวมแล้ว 11 ปี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีสองช่วง รวมแล้ว 9 ปีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี 8 ปี ผู้นำไทยที่อยู่ในอำนาจยาวนานที่สุด ก็ยังน้อยกว่าผู้นำที่อยู่ในอำนาจยาวนานในอาเซียน (ดูรูป)---------------------------- การเปลี่ยนรัฐบาลโดยการทำรัฐประหารย่อมไม่ใช่วิธีการที่จะสร้างการเมืองให้มั่นคงและมีเสถียรภาพในระยะยาวได้แต่การทำรัฐประหารทำให้ผู้นำไทยไม่สามารถอยู่ในอำนาจยาวนานเหมือนผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน------------ ผู้เขียนเชื่อว่า หลังจากรัฐประหาร 22 พฤษภาฯ 2557 ประเทศเราจะปลอดจากการทำรัฐประหารตลอดไปแต่ก็น่าคิดว่า การเมืองไทยอาจจะต้องเข้าสู่แพร่งที่สอง เหมือนกับประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ ?นั่นคือ มีผู้นำหรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งที่เป็นรัฐบาลสืบเนื่องยาวนาน แต่ถ้าไทยไม่ต้องตกอยู่ในแพร่งที่สองดังกล่าว และพรรคการเมืองผลัดเปลี่ยนเป็นรัฐบาล ก็แปลว่า การเมืองไทยหลุดออกจากทางสองแพร่งที่ว่านี้ได้————-
    26 มีนาคม 2568-ศ.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์รัฐศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์บทวิเคราะห์น่าสนใจว่า"ทางสองแพร่งการเมืองไทย"หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 ตลอด 92 ปี เรามีรัฐประหารถึง 13 ครั้ง ถ้าเทียบกับรัฐประหารทั่วโลก พบว่า ในศตวรรษที่ยี่สิบ ไทยเป็นประเทศที่ทำรัฐประหารเป็นอันดับสองของโลก อันดับหนึ่งคือ อาร์เจนตินา และ กรีซ ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด อาร์เจนตินาและกรีซ ไม่ทำรัฐประหาร แต่ไทยยังอยู่ในอันดับต้นๆ นั่นคือ อันดับสามของโลกถ้าเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียน เราก็ยังเป็นประเทศที่ทำรัฐประหารมากที่สุดอยู่ดี นั่นคือ แพร่งแรก คือ แพร่งรัฐประหาร----------------- แต่ในอีกมุมหนึ่ง แม้ว่าประเทศในกลุ่มอาเซียนจะทำรัฐประหารน้อยกว่าไทยมาก หรือบางประเทศไม่มีรัฐประหารเลย แต่ปรากฏการณ์ที่น่าสังเกตคือ ประเทศในกลุ่มอาเซียนมีผู้นำที่อยู่ในอำนาจยาวนานมาก (ดูรูปแนบ: นับถึง ปี ค.ศ. 2021 และในกรณีของพม่า หากนับช่วงเวลาของนายพลเนวิน จะต้องบวกไปอีก 25 ปี)ในขณะที่ไทยเรา แม้ว่าจะมีรัฐประหารมากที่สุด แต่ผู้นำไทยกลับไม่ได้อยู่ในอำนาจยาวนานเหมือนประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีสองช่วง รวมแล้วประมาณ 15 ปีจอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรีสามช่วง รวมแล้ว 11 ปี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีสองช่วง รวมแล้ว 9 ปีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี 8 ปี ผู้นำไทยที่อยู่ในอำนาจยาวนานที่สุด ก็ยังน้อยกว่าผู้นำที่อยู่ในอำนาจยาวนานในอาเซียน (ดูรูป)---------------------------- การเปลี่ยนรัฐบาลโดยการทำรัฐประหารย่อมไม่ใช่วิธีการที่จะสร้างการเมืองให้มั่นคงและมีเสถียรภาพในระยะยาวได้แต่การทำรัฐประหารทำให้ผู้นำไทยไม่สามารถอยู่ในอำนาจยาวนานเหมือนผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน------------ ผู้เขียนเชื่อว่า หลังจากรัฐประหาร 22 พฤษภาฯ 2557 ประเทศเราจะปลอดจากการทำรัฐประหารตลอดไปแต่ก็น่าคิดว่า การเมืองไทยอาจจะต้องเข้าสู่แพร่งที่สอง เหมือนกับประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ ?นั่นคือ มีผู้นำหรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งที่เป็นรัฐบาลสืบเนื่องยาวนาน แต่ถ้าไทยไม่ต้องตกอยู่ในแพร่งที่สองดังกล่าว และพรรคการเมืองผลัดเปลี่ยนเป็นรัฐบาล ก็แปลว่า การเมืองไทยหลุดออกจากทางสองแพร่งที่ว่านี้ได้————-
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 76 Views 0 Reviews
  • เป็นการพลั้งเผลอที่ร้ายแรงมาก : เมื่อสหรัฐ "เผลอ" ดึง Jeffrey Goldberg บรรณาธิการบริหารของนิตยสาร The Atlantic เข้าไปในกลุ่มแชทสนทนาของแอปฯ Signal ก่อนที่การโจมตี 'ฮูตี' ในเยเมนจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา

    Goldberg เปิดเผยผ่านบทความของตัวเองว่า เขาถูกเพิ่มเข้าไปในกลุ่มแชทที่ชื่อ 'Houthi PC Small Group' ตั้งแต่ 2 วันก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่อง:
    ในกลุ่มสนทนานี้มีทั้ง Mike Waltz ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ, Pete Hegseth รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ, JD Vance รองประธานาธิบดีสหรัฐ และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ในรัฐบาลทรัมป์

    Goldberg กล่าวอีกว่าในช่วงสองวันที่เขาอยู่ในกลุ่มสนทนานี้ ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะมีการเปิดฉากโจมตีฮูตี เจ้าหน้าที่ระดับสูงในฝ่ายบริหารได้ถกเถียงกันว่าการโจมตีควรเกิดขึ้นหรือไม่ โดยรองประธานาธิบดี เจ.ดี. แวนซ์ มีความเห็นว่า "ไม่ควรเปิดฉากโจมตีแบบรุนแรง" เนื่องจากคนอเมริกันส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจและไม่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีเรือในทะเลแดงของกลุ่มฮูตี

    แต่ Pete Hegseth รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ แย้งว่าการโจมตีครั้งนี้มีประโยชน์ต่อสหรัฐในการป้องกันการโจมตีเรือเดินทะเลผ่านช่องแคบบาบอัลมันดาบในอนาคต

    ในตอนท้าย Goldberg ระบุว่าเขาได้รับข้อความในแชทจากพีท เฮกเซธ แต่เขาไม่สามารถกล่าวถึงข้อความดังกล่าวโดยตรงได้ เนื่องจากข้อความดังกล่าว เป็นข้อความที่ละเอียดอ่อนและมีข้อมูลลับสุดยอด ซึ่ง Goldberg เน้นว่า “หากข้อมูลดังกล่าวถูกอ่านโดยศัตรูของสหรัฐ อาจถูกนำไปใช้ทำร้ายทหารและเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของสหรัฐ โดยเฉพาะในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการกลาง (CENTCOM)”

    Goldberg กล่าวว่านี่ถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงความประมาทเลินเล่ออย่างน่าตกใจของการสนทนาครั้งนี้ที่เขาเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งมีรายละเอียดการปฏิบัติการของการโจมตีเยเมนที่กำลังจะเกิดขึ้น รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมาย อาวุธที่สหรัฐจะนำไปใช้ และลำดับการโจมตี และแสดงความกังวลถึงความปลอดภัยของข้อมูล โดยเฉพาะหากผู้ที่มีข้อมูลเผยแพร่แผนดังกล่าวก่อนปฏิบัติการจริง อาจทำให้ปฏิบัติการของสหรัฐฯ ล้มเหลวหรือสร้างความเสียหายตามมา

    โกลด์เบิร์กได้สอบถามไปยังไบรอัน ฮิวจ์ส โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวเกี่ยวกับกลุ่มสนทนาดังกล่าว โดยเขายอมรับว่า นี่อาจเป็น ของจริง และขอเวลาในการตรวจสอบว่ามีการเพิ่มบุคคลเข้ามาโดยไม่ได้ตั้งใจนี้ได้อย่างไร

    อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้นำเรื่องนี้มาเปิดเผยก่อนการโจมตีเกิดขึ้นแต่อย่างใด
    เป็นการพลั้งเผลอที่ร้ายแรงมาก : เมื่อสหรัฐ "เผลอ" ดึง Jeffrey Goldberg บรรณาธิการบริหารของนิตยสาร The Atlantic เข้าไปในกลุ่มแชทสนทนาของแอปฯ Signal ก่อนที่การโจมตี 'ฮูตี' ในเยเมนจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา Goldberg เปิดเผยผ่านบทความของตัวเองว่า เขาถูกเพิ่มเข้าไปในกลุ่มแชทที่ชื่อ 'Houthi PC Small Group' ตั้งแต่ 2 วันก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่อง: ในกลุ่มสนทนานี้มีทั้ง Mike Waltz ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ, Pete Hegseth รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ, JD Vance รองประธานาธิบดีสหรัฐ และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ในรัฐบาลทรัมป์ Goldberg กล่าวอีกว่าในช่วงสองวันที่เขาอยู่ในกลุ่มสนทนานี้ ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะมีการเปิดฉากโจมตีฮูตี เจ้าหน้าที่ระดับสูงในฝ่ายบริหารได้ถกเถียงกันว่าการโจมตีควรเกิดขึ้นหรือไม่ โดยรองประธานาธิบดี เจ.ดี. แวนซ์ มีความเห็นว่า "ไม่ควรเปิดฉากโจมตีแบบรุนแรง" เนื่องจากคนอเมริกันส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจและไม่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีเรือในทะเลแดงของกลุ่มฮูตี แต่ Pete Hegseth รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ แย้งว่าการโจมตีครั้งนี้มีประโยชน์ต่อสหรัฐในการป้องกันการโจมตีเรือเดินทะเลผ่านช่องแคบบาบอัลมันดาบในอนาคต ในตอนท้าย Goldberg ระบุว่าเขาได้รับข้อความในแชทจากพีท เฮกเซธ แต่เขาไม่สามารถกล่าวถึงข้อความดังกล่าวโดยตรงได้ เนื่องจากข้อความดังกล่าว เป็นข้อความที่ละเอียดอ่อนและมีข้อมูลลับสุดยอด ซึ่ง Goldberg เน้นว่า “หากข้อมูลดังกล่าวถูกอ่านโดยศัตรูของสหรัฐ อาจถูกนำไปใช้ทำร้ายทหารและเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของสหรัฐ โดยเฉพาะในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการกลาง (CENTCOM)” Goldberg กล่าวว่านี่ถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงความประมาทเลินเล่ออย่างน่าตกใจของการสนทนาครั้งนี้ที่เขาเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งมีรายละเอียดการปฏิบัติการของการโจมตีเยเมนที่กำลังจะเกิดขึ้น รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมาย อาวุธที่สหรัฐจะนำไปใช้ และลำดับการโจมตี และแสดงความกังวลถึงความปลอดภัยของข้อมูล โดยเฉพาะหากผู้ที่มีข้อมูลเผยแพร่แผนดังกล่าวก่อนปฏิบัติการจริง อาจทำให้ปฏิบัติการของสหรัฐฯ ล้มเหลวหรือสร้างความเสียหายตามมา โกลด์เบิร์กได้สอบถามไปยังไบรอัน ฮิวจ์ส โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวเกี่ยวกับกลุ่มสนทนาดังกล่าว โดยเขายอมรับว่า นี่อาจเป็น ของจริง และขอเวลาในการตรวจสอบว่ามีการเพิ่มบุคคลเข้ามาโดยไม่ได้ตั้งใจนี้ได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้นำเรื่องนี้มาเปิดเผยก่อนการโจมตีเกิดขึ้นแต่อย่างใด
    0 Comments 0 Shares 279 Views 0 Reviews
  • ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและข่าวกรองอเมริกัน หวั่นปฏิบัติการอย่างใหญ่โตครึกโครม ในการปรับโครงสร้างหน่วยงานรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และกระทรวงประสิทธิภาพของรัฐบาล (DOGE -- โดช) ภายใต้การควบคุมของอีลอน มัสก์ กำลังบีบให้เจ้าหน้าที่รัฐนับพันคนที่มีความรู้และมีเส้นสายวงในต้องหางานทำใหม่ และนี่จะหมายถึงโอกาสทองของรัสเซีย จีน ศัตรูอื่นๆ ของอเมริกา ตลอดจนถึงองค์กรอาชญากรรมมากมาย ที่จะเข้าถึงบุคคลเหล่านั้นเพื่อหาข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อพวกเขา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000028188
    ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและข่าวกรองอเมริกัน หวั่นปฏิบัติการอย่างใหญ่โตครึกโครม ในการปรับโครงสร้างหน่วยงานรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และกระทรวงประสิทธิภาพของรัฐบาล (DOGE -- โดช) ภายใต้การควบคุมของอีลอน มัสก์ กำลังบีบให้เจ้าหน้าที่รัฐนับพันคนที่มีความรู้และมีเส้นสายวงในต้องหางานทำใหม่ และนี่จะหมายถึงโอกาสทองของรัสเซีย จีน ศัตรูอื่นๆ ของอเมริกา ตลอดจนถึงองค์กรอาชญากรรมมากมาย ที่จะเข้าถึงบุคคลเหล่านั้นเพื่อหาข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อพวกเขา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000028188
    Like
    Love
    Haha
    6
    0 Comments 0 Shares 1328 Views 0 Reviews
More Results