• Fujifilm ได้เปิดตัวทีเซอร์สำหรับกล้องดิจิทัลแบบครึ่งเฟรม (half-frame) รุ่นใหม่ที่อาจใช้ชื่อว่า X-Half โดยกล้องนี้มีการออกแบบที่ผสมผสานระหว่างความคลาสสิกและเทคโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่ ทีเซอร์นี้มาพร้อมกับคำโปรยว่า "Half the Size, Twice the Story" ซึ่งบ่งบอกถึงความสามารถในการถ่ายภาพในรูปแบบครึ่งเฟรมที่ช่วยเพิ่มจำนวนภาพต่อม้วนฟิล์ม

    ✅ กล้องครึ่งเฟรมที่ผสมผสานความคลาสสิกและดิจิทัล
    - ใช้การออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกล้องฟิล์ม 35 มม.
    - มีหน้าจอ LCD แนวตั้งที่ช่วยในการจัดองค์ประกอบภาพ

    ✅ รองรับการถ่ายภาพในรูปแบบครึ่งเฟรม
    - สามารถถ่ายภาพสองภาพในเฟรมเดียวของฟิล์ม 35 มม.
    - เหมาะสำหรับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ต้องการภาพแนวตั้งสำหรับโซเชียลมีเดีย

    ✅ การออกแบบที่เน้นความคลาสสิกและการใช้งานง่าย
    - มีปุ่มควบคุมแบบ manual และช่องมองภาพแบบ optical
    - อาจมีหน้าจอแสดงผลฟิล์มจำลอง (film simulation) ที่ด้านหลัง

    ✅ การใช้เซ็นเซอร์ขนาด 1 นิ้ว
    - ช่วยให้สามารถสร้างภาพแบบ diptych หรือภาพสองภาพในเฟรมเดียว

    https://www.techradar.com/cameras/compact-cameras/fujifilm-has-officially-teased-its-unique-half-frame-camera-and-there-could-be-a-secret-screen
    Fujifilm ได้เปิดตัวทีเซอร์สำหรับกล้องดิจิทัลแบบครึ่งเฟรม (half-frame) รุ่นใหม่ที่อาจใช้ชื่อว่า X-Half โดยกล้องนี้มีการออกแบบที่ผสมผสานระหว่างความคลาสสิกและเทคโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่ ทีเซอร์นี้มาพร้อมกับคำโปรยว่า "Half the Size, Twice the Story" ซึ่งบ่งบอกถึงความสามารถในการถ่ายภาพในรูปแบบครึ่งเฟรมที่ช่วยเพิ่มจำนวนภาพต่อม้วนฟิล์ม ✅ กล้องครึ่งเฟรมที่ผสมผสานความคลาสสิกและดิจิทัล - ใช้การออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกล้องฟิล์ม 35 มม. - มีหน้าจอ LCD แนวตั้งที่ช่วยในการจัดองค์ประกอบภาพ ✅ รองรับการถ่ายภาพในรูปแบบครึ่งเฟรม - สามารถถ่ายภาพสองภาพในเฟรมเดียวของฟิล์ม 35 มม. - เหมาะสำหรับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ต้องการภาพแนวตั้งสำหรับโซเชียลมีเดีย ✅ การออกแบบที่เน้นความคลาสสิกและการใช้งานง่าย - มีปุ่มควบคุมแบบ manual และช่องมองภาพแบบ optical - อาจมีหน้าจอแสดงผลฟิล์มจำลอง (film simulation) ที่ด้านหลัง ✅ การใช้เซ็นเซอร์ขนาด 1 นิ้ว - ช่วยให้สามารถสร้างภาพแบบ diptych หรือภาพสองภาพในเฟรมเดียว https://www.techradar.com/cameras/compact-cameras/fujifilm-has-officially-teased-its-unique-half-frame-camera-and-there-could-be-a-secret-screen
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • *พัฒนาเซ็นเซอร์ตรวจวัดแก๊สมีเทนประสิทธิภาพสูงด้วยเทคโนโลยีซินโครตรอน*

    “มีเทน” เป็นองค์ประกอบหลักของแก๊สธรรมชาติโดยมีสัดส่วนประมาณ 75% แก๊สมีเทนมีคุณสมบัติไวไฟ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาหรือดมกลิ่น จึงต้องใช้อุปกรณ์จำเพาะที่เรียกว่า “แก๊สเซ็นเซอร์” ตรวจสอบการมีอยู่ของแก๊สชนิดนี้ โดยเฉพาะเมื่อเกิดการรั่วไหล ซึ่งแก๊สเซ็นเซอร์คืออุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจสอบและวัดระดับของแก๊สในอากาศหรือในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ โดยเซ็นเซอร์จะทำการตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของความเข้มข้นของก๊าซที่ต้องการวัด ซึ่งมักใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกัน เช่น การวัดด้วยไฟฟ้า ความร้อน หรือการเปลี่ยนแปลงทางเคมี การวิจัยและพัฒนาเซ็นเซอร์ให้มีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือจึงมีความจำเป็น

    ปัจจุบันแก๊สเซ็นเซอร์ชนิดสารกึ่งตัวนำโลหะออกไซด์ได้ถูกพัฒนาอย่างกว้างขวาง เนื่องจากมีการตอบสนองต่อแก๊สที่สูง มีความคุ้มค่า สามารถใช้งานในระยะยาว และง่ายต่อการขึ้นรูป

    งานวิจัยโดย ดร.ยิ่งยศ ภู่อาภรณ์ ส่วนวิจัยด้านพลังงาน ยานยนต์ไฟฟ้า และสิ่งแวดล้อม สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน และคณะ ได้ใช้เทคโนโลยีสปัตเตอริง* และไฮโดรเทอมอล ผลิตฟิล์มซิงค์ออกไซด์แท่งนาโนสำหรับประกอบเป็นวัสดุเซนเซอร์ตรวจวัดแก๊สมีเทน และใช้แสงซินโครตรอนประกอบขึ้นเป็นเซ็นเซอร์ด้วยกระบวนการลิโทกราฟี** โดยภาพจากล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแสดงให้เห็นซิงค์ออกไซด์ที่ผลิตได้มีรูปร่างเป็นแท่งหกเหลี่ยมวางตัวตามแนวตั้ง ซึ่งแต่ละแท่งมีความสูงเฉลี่ยประมาณ 1 ไมโครเมตร และมีขนาดหน้าตัดประมาณ 50 นาโนเมตร

    คณะวิจัยศึกษาประสิทธิการตอบสนองของเซ็นเซอร์ที่ผลิตได้สำหรับแก๊สมีเทนที่อุณหภูมิต่างๆ โดยเทคนิคการวัดการดูดกลืนรังสีเอกซ์แบบอินซิทู (in-situ X-ray absorption spectroscopy) ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าเซ็นเซอร์ที่ผลิตขึ้นสามารถตรวจวัดแก๊สมีเทนที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ที่ความเข้มข้นแก๊สสูงสุด 10% โดยปริมาตร ใช้เวลาในการตอบสนองต่อแก๊สมีเทน 4 วินาที และใช้เวลาในการฟื้นฟูพื้นผิว 6 วินาที

    งานวิจัยนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า เซ็นเซอร์ที่เตรียมขึ้นได้นี้มีค่าการตอบสนองต่อแก๊สมีเทนได้ดี และสามารถส่งสัญญาณการตอบสนองของแก๊สมีเทนได้ในเวลาไม่กี่วินาที ซึ่งสามารถต่อยอดสู่เซนเซอร์ประสิทธิภาพสูงที่ใช้งานได้จริง เพื่อตรวจจับแก๊สมีเทนแบบเรียลไทม์ต่อไปในอนาคต

    หมายเหตุ
    * เทคนิคสปัตเตอริง (Sputtering) เป็นวิธีการหนึ่งที่นิยมนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในการเคลือบฟิล์มบาง เนื่องจากจะได้ฟิล์มที่มีความสม่ำเสมอ
    ** ลิโธกราฟี (Lithography) เป็นหนึ่งในเทคนิคที่สามารถใช้แสงซินโครตรอนในการสร้างลวดลายเซนเซอร์
    *พัฒนาเซ็นเซอร์ตรวจวัดแก๊สมีเทนประสิทธิภาพสูงด้วยเทคโนโลยีซินโครตรอน* “มีเทน” เป็นองค์ประกอบหลักของแก๊สธรรมชาติโดยมีสัดส่วนประมาณ 75% แก๊สมีเทนมีคุณสมบัติไวไฟ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาหรือดมกลิ่น จึงต้องใช้อุปกรณ์จำเพาะที่เรียกว่า “แก๊สเซ็นเซอร์” ตรวจสอบการมีอยู่ของแก๊สชนิดนี้ โดยเฉพาะเมื่อเกิดการรั่วไหล ซึ่งแก๊สเซ็นเซอร์คืออุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจสอบและวัดระดับของแก๊สในอากาศหรือในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ โดยเซ็นเซอร์จะทำการตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของความเข้มข้นของก๊าซที่ต้องการวัด ซึ่งมักใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกัน เช่น การวัดด้วยไฟฟ้า ความร้อน หรือการเปลี่ยนแปลงทางเคมี การวิจัยและพัฒนาเซ็นเซอร์ให้มีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือจึงมีความจำเป็น ปัจจุบันแก๊สเซ็นเซอร์ชนิดสารกึ่งตัวนำโลหะออกไซด์ได้ถูกพัฒนาอย่างกว้างขวาง เนื่องจากมีการตอบสนองต่อแก๊สที่สูง มีความคุ้มค่า สามารถใช้งานในระยะยาว และง่ายต่อการขึ้นรูป งานวิจัยโดย ดร.ยิ่งยศ ภู่อาภรณ์ ส่วนวิจัยด้านพลังงาน ยานยนต์ไฟฟ้า และสิ่งแวดล้อม สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน และคณะ ได้ใช้เทคโนโลยีสปัตเตอริง* และไฮโดรเทอมอล ผลิตฟิล์มซิงค์ออกไซด์แท่งนาโนสำหรับประกอบเป็นวัสดุเซนเซอร์ตรวจวัดแก๊สมีเทน และใช้แสงซินโครตรอนประกอบขึ้นเป็นเซ็นเซอร์ด้วยกระบวนการลิโทกราฟี** โดยภาพจากล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแสดงให้เห็นซิงค์ออกไซด์ที่ผลิตได้มีรูปร่างเป็นแท่งหกเหลี่ยมวางตัวตามแนวตั้ง ซึ่งแต่ละแท่งมีความสูงเฉลี่ยประมาณ 1 ไมโครเมตร และมีขนาดหน้าตัดประมาณ 50 นาโนเมตร คณะวิจัยศึกษาประสิทธิการตอบสนองของเซ็นเซอร์ที่ผลิตได้สำหรับแก๊สมีเทนที่อุณหภูมิต่างๆ โดยเทคนิคการวัดการดูดกลืนรังสีเอกซ์แบบอินซิทู (in-situ X-ray absorption spectroscopy) ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าเซ็นเซอร์ที่ผลิตขึ้นสามารถตรวจวัดแก๊สมีเทนที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ที่ความเข้มข้นแก๊สสูงสุด 10% โดยปริมาตร ใช้เวลาในการตอบสนองต่อแก๊สมีเทน 4 วินาที และใช้เวลาในการฟื้นฟูพื้นผิว 6 วินาที งานวิจัยนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า เซ็นเซอร์ที่เตรียมขึ้นได้นี้มีค่าการตอบสนองต่อแก๊สมีเทนได้ดี และสามารถส่งสัญญาณการตอบสนองของแก๊สมีเทนได้ในเวลาไม่กี่วินาที ซึ่งสามารถต่อยอดสู่เซนเซอร์ประสิทธิภาพสูงที่ใช้งานได้จริง เพื่อตรวจจับแก๊สมีเทนแบบเรียลไทม์ต่อไปในอนาคต หมายเหตุ * เทคนิคสปัตเตอริง (Sputtering) เป็นวิธีการหนึ่งที่นิยมนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในการเคลือบฟิล์มบาง เนื่องจากจะได้ฟิล์มที่มีความสม่ำเสมอ ** ลิโธกราฟี (Lithography) เป็นหนึ่งในเทคนิคที่สามารถใช้แสงซินโครตรอนในการสร้างลวดลายเซนเซอร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 261 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาตรการภาษีนำเข้าทำให้ราคาสินค้าเทคโนโลยีใหม่พุ่งสูงขึ้น iFixit แนะนำให้ผู้บริโภคพิจารณาซ่อมแซมอุปกรณ์แทนการซื้อใหม่ เพื่อลดค่าใช้จ่ายและช่วยสร้างความยั่งยืน โดยยังเรียกร้องให้ผู้ผลิตสนับสนุนแนวทางนี้เพื่อความยั่งยืนของโลก

    ✅ ผลกระทบจากภาษีใหม่:
    - บริษัทระบุว่า เกือบทุกผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีใหม่จะมีราคาแพงขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตมีแนวโน้มปรับราคาสินค้าเพื่อตอบสนองต่อต้นทุนที่เพิ่มจากภาษีนำเข้า
    - การวิเคราะห์จาก Consumer Technology Association (CTA) เผยว่าภาษีอาจทำให้ราคาสินค้าเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นมากกว่า 16% โดยเฉพาะสินค้าไฮเอนด์อย่าง iPhone ซึ่งต้นทุนการผลิตอาจพุ่งจาก $550 เป็น $850

    ✅ การซ่อมแซมเป็นทางเลือกที่ยั่งยืน:
    - iFixit ชี้ว่าค่าซ่อมสินค้าจะเพิ่มขึ้นเช่นกันแต่ ไม่มากเท่ากับราคาสินค้าใหม่
    - การซ่อมช่วยลดความต้องการผลิตภัณฑ์ใหม่ ทำให้มีเวลาเก็บเงินสำหรับการลงทุนในสินค้าที่จำเป็นจริง ๆ ในอนาคต

    ✅ ข้อเสนอแนะจาก iFixit:
    - เรียกร้องให้ ผู้ผลิตและผู้กำหนดนโยบาย ส่งเสริมการซ่อมแซมโดยการออกแบบอุปกรณ์ให้ซ่อมง่ายและให้การสนับสนุน เช่น การจัดหาอะไหล่และเครื่องมือ
    - การออกแบบที่ส่งเสริมการซ่อมจะทำให้ผู้บริโภคมั่นใจในการซื้อผลิตภัณฑ์จากบริษัทนั้นซ้ำ อีกทั้งยังส่งผลดีต่อความยั่งยืนในระยะยาว

    == คำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อยืดอายุอุปกรณ์ของคุณ ==
    💡 ป้องกันก่อนเกิดปัญหา:
    - ใช้เคสและฟิล์มกันรอยเพื่อป้องกันอุปกรณ์เสียหาย
    - ตั้งค่าการใช้งานปุ่ม Power และ Volume ในอุปกรณ์เพื่อหลีกเลี่ยงการสึกหรอ

    💡 ซ่อมแทนทิ้ง:
    - การซ่อมไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดเงิน แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างโลกที่ยั่งยืน

    https://www.neowin.net/news/ifixit-says-tariffs-will-hike-consumer-tech-prices-but-repairing-can-save-you-money/
    มาตรการภาษีนำเข้าทำให้ราคาสินค้าเทคโนโลยีใหม่พุ่งสูงขึ้น iFixit แนะนำให้ผู้บริโภคพิจารณาซ่อมแซมอุปกรณ์แทนการซื้อใหม่ เพื่อลดค่าใช้จ่ายและช่วยสร้างความยั่งยืน โดยยังเรียกร้องให้ผู้ผลิตสนับสนุนแนวทางนี้เพื่อความยั่งยืนของโลก ✅ ผลกระทบจากภาษีใหม่: - บริษัทระบุว่า เกือบทุกผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีใหม่จะมีราคาแพงขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตมีแนวโน้มปรับราคาสินค้าเพื่อตอบสนองต่อต้นทุนที่เพิ่มจากภาษีนำเข้า - การวิเคราะห์จาก Consumer Technology Association (CTA) เผยว่าภาษีอาจทำให้ราคาสินค้าเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นมากกว่า 16% โดยเฉพาะสินค้าไฮเอนด์อย่าง iPhone ซึ่งต้นทุนการผลิตอาจพุ่งจาก $550 เป็น $850 ✅ การซ่อมแซมเป็นทางเลือกที่ยั่งยืน: - iFixit ชี้ว่าค่าซ่อมสินค้าจะเพิ่มขึ้นเช่นกันแต่ ไม่มากเท่ากับราคาสินค้าใหม่ - การซ่อมช่วยลดความต้องการผลิตภัณฑ์ใหม่ ทำให้มีเวลาเก็บเงินสำหรับการลงทุนในสินค้าที่จำเป็นจริง ๆ ในอนาคต ✅ ข้อเสนอแนะจาก iFixit: - เรียกร้องให้ ผู้ผลิตและผู้กำหนดนโยบาย ส่งเสริมการซ่อมแซมโดยการออกแบบอุปกรณ์ให้ซ่อมง่ายและให้การสนับสนุน เช่น การจัดหาอะไหล่และเครื่องมือ - การออกแบบที่ส่งเสริมการซ่อมจะทำให้ผู้บริโภคมั่นใจในการซื้อผลิตภัณฑ์จากบริษัทนั้นซ้ำ อีกทั้งยังส่งผลดีต่อความยั่งยืนในระยะยาว == คำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อยืดอายุอุปกรณ์ของคุณ == 💡 ป้องกันก่อนเกิดปัญหา: - ใช้เคสและฟิล์มกันรอยเพื่อป้องกันอุปกรณ์เสียหาย - ตั้งค่าการใช้งานปุ่ม Power และ Volume ในอุปกรณ์เพื่อหลีกเลี่ยงการสึกหรอ 💡 ซ่อมแทนทิ้ง: - การซ่อมไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดเงิน แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างโลกที่ยั่งยืน https://www.neowin.net/news/ifixit-says-tariffs-will-hike-consumer-tech-prices-but-repairing-can-save-you-money/
    WWW.NEOWIN.NET
    iFixit says tariffs will hike consumer tech prices, but repairing can save you money
    The repair company iFixit says you can avoid rising consumer tech prices due to tariffs by choosing to repair your current device rather than buying a new one.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 193 มุมมอง 0 รีวิว
  • NordVPN เผยว่าแม้ผู้เดินทางทั่วโลกจะใช้ Wi-Fi สาธารณะบ่อยขึ้น แต่มีเพียง 17% เท่านั้นที่ใช้ VPN เพื่อป้องกันข้อมูล ขณะที่ 60% ของผู้ใช้ยังคงเชื่อมต่อเครือข่ายสาธารณะอย่างเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะในเกาหลีใต้ที่สูงถึง 80% แม้ผู้ใช้จะป้องกันด้วย รหัสผ่านแข็งแกร่งและฟิล์มกันแอบมอง แต่การไม่ใช้ VPN และการเปิดแอปที่มีข้อมูลสำคัญยังคงเป็นความเสี่ยงสูง นักวิจัยแนะนำให้ผู้ใช้ หลีกเลี่ยงการเข้าระบบธนาคารบน Wi-Fi สาธารณะ และเปิดใช้งาน 2FA เพื่อเสริมความปลอดภัย

    ✅ พฤติกรรมการใช้อุปกรณ์ระหว่างเดินทางแตกต่างกันในแต่ละประเทศ
    - ผู้ใช้ในสหรัฐฯ และแคนาดานิยม ฟังเพลงหรือพอดแคสต์ระหว่างเดินทาง
    - ญี่ปุ่นมักใช้เวลาเดินทางในการ ติดตามข่าวสาร
    - สเปนและอิตาลีเน้นการ พูดคุยและส่งข้อความกับเพื่อน

    ✅ 60% ของผู้เดินทางเชื่อมต่อ Wi-Fi สาธารณะเป็นครั้งคราว
    - 80% ของผู้ใช้ในเกาหลีใต้มักใช้ Wi-Fi สาธารณะ
    - แม้ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะเชื่อมต่อไม่นาน (ประมาณ 30 นาที) แต่ก็ยังเสี่ยงต่อการถูกดักจับข้อมูล

    ✅ “Shoulder Surfing” เป็นภัยเงียบที่มักถูกมองข้าม
    - 20% ของผู้เดินทางใช้ ฟิล์มป้องกันหน้าจอ เพื่อป้องกันการมองเห็นข้อมูลโดยผู้อื่น
    - อย่างไรก็ตาม การไม่ใช้ VPN และการเข้าถึงข้อมูลสำคัญบน Wi-Fi สาธารณะยังคงเป็นจุดอ่อน

    ✅ คำแนะนำสำหรับการใช้งาน Wi-Fi สาธารณะอย่างปลอดภัย
    - หลีกเลี่ยงการเข้าสู่ระบบธนาคาร แอปสุขภาพ หรือแพลตฟอร์มที่มีข้อมูลสำคัญ
    - เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (2FA) เพื่อลดความเสี่ยงในการถูกโจมตี
    - ใช้ VPN เพื่อเข้ารหัสข้อมูลและป้องกันการสอดแนมจากเครือข่ายไม่ปลอดภัย

    https://www.techradar.com/pro/security/when-it-comes-to-security-public-wi-fi-could-be-a-risky-choice-for-commuters-worldwide
    NordVPN เผยว่าแม้ผู้เดินทางทั่วโลกจะใช้ Wi-Fi สาธารณะบ่อยขึ้น แต่มีเพียง 17% เท่านั้นที่ใช้ VPN เพื่อป้องกันข้อมูล ขณะที่ 60% ของผู้ใช้ยังคงเชื่อมต่อเครือข่ายสาธารณะอย่างเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะในเกาหลีใต้ที่สูงถึง 80% แม้ผู้ใช้จะป้องกันด้วย รหัสผ่านแข็งแกร่งและฟิล์มกันแอบมอง แต่การไม่ใช้ VPN และการเปิดแอปที่มีข้อมูลสำคัญยังคงเป็นความเสี่ยงสูง นักวิจัยแนะนำให้ผู้ใช้ หลีกเลี่ยงการเข้าระบบธนาคารบน Wi-Fi สาธารณะ และเปิดใช้งาน 2FA เพื่อเสริมความปลอดภัย ✅ พฤติกรรมการใช้อุปกรณ์ระหว่างเดินทางแตกต่างกันในแต่ละประเทศ - ผู้ใช้ในสหรัฐฯ และแคนาดานิยม ฟังเพลงหรือพอดแคสต์ระหว่างเดินทาง - ญี่ปุ่นมักใช้เวลาเดินทางในการ ติดตามข่าวสาร - สเปนและอิตาลีเน้นการ พูดคุยและส่งข้อความกับเพื่อน ✅ 60% ของผู้เดินทางเชื่อมต่อ Wi-Fi สาธารณะเป็นครั้งคราว - 80% ของผู้ใช้ในเกาหลีใต้มักใช้ Wi-Fi สาธารณะ - แม้ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะเชื่อมต่อไม่นาน (ประมาณ 30 นาที) แต่ก็ยังเสี่ยงต่อการถูกดักจับข้อมูล ✅ “Shoulder Surfing” เป็นภัยเงียบที่มักถูกมองข้าม - 20% ของผู้เดินทางใช้ ฟิล์มป้องกันหน้าจอ เพื่อป้องกันการมองเห็นข้อมูลโดยผู้อื่น - อย่างไรก็ตาม การไม่ใช้ VPN และการเข้าถึงข้อมูลสำคัญบน Wi-Fi สาธารณะยังคงเป็นจุดอ่อน ✅ คำแนะนำสำหรับการใช้งาน Wi-Fi สาธารณะอย่างปลอดภัย - หลีกเลี่ยงการเข้าสู่ระบบธนาคาร แอปสุขภาพ หรือแพลตฟอร์มที่มีข้อมูลสำคัญ - เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (2FA) เพื่อลดความเสี่ยงในการถูกโจมตี - ใช้ VPN เพื่อเข้ารหัสข้อมูลและป้องกันการสอดแนมจากเครือข่ายไม่ปลอดภัย https://www.techradar.com/pro/security/when-it-comes-to-security-public-wi-fi-could-be-a-risky-choice-for-commuters-worldwide
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 434 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทองแดงเป็นตัวนำไฟฟ้ามาตรฐานมานานกว่า 200 ปี แต่เริ่มมีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพ นักวิจัยพบว่า Niobium Phosphide (NbP) มีคุณสมบัติการนำไฟฟ้าที่เหนือกว่าทองแดง โดยเฉพาะในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระดับนาโน NbP สามารถใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีที่มีอยู่ได้ง่าย และช่วยลดการสูญเสียพลังงาน อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความท้าทายด้านการผลิต ที่ต้องแก้ไขก่อนจะนำมาใช้จริงในอุตสาหกรรม

    ✅ Niobium Phosphide เป็นวัสดุที่นำไฟฟ้าได้ดีกว่าทองแดงในระดับนาโน
    - งานวิจัยของ Stanford University พบว่า NbP มีค่าความต้านทานต่ำกว่าทองแดงถึง 6 เท่า
    - เมื่อวัสดุมีความบางลง NbP ยังคงรักษาคุณสมบัติในการนำไฟฟ้าได้ดีกว่าทองแดง

    ✅ เซมิมีทัลมีโครงสร้างทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยลดการสูญเสียพลังงาน
    - NbP มี คุณสมบัติเฉพาะด้านโครงสร้างที่ช่วยให้การส่งผ่านอิเล็กตรอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    - นักวิจัยระบุว่า สามารถลดการใช้พลังงานในอุปกรณ์ขนาดเล็กได้

    ✅ สามารถใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ที่มีอยู่ได้ง่าย
    - NbP สามารถถูกวางเป็น ฟิล์มที่อุณหภูมิ 400°C โดยไม่ทำให้ชิปซิลิคอนเสียหาย

    ✅ ยังคงมีความท้าทายด้านการผลิต
    - การควบคุมความหนาของชั้นฟิล์ม NbP เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความแม่นยำสูงมาก
    - หากชั้นฟิล์มมีความหนาไม่สม่ำเสมอ อาจทำให้ค่าความต้านทานแปรปรวน

    ✅ อนาคตของเซมิมีทัลในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
    - หากการพัฒนา NbP และวัสดุเซมิมีทัลอื่น ๆ ก้าวหน้า อาจแทนที่ทองแดงในวงจรระดับสูงได้ภายใน 10 ปี

    https://www.techradar.com/pro/after-semiconductors-semimetals-might-be-the-next-big-thing-as-the-tech-industry-looks-for-a-replacement-for-ubiquitous-copper
    ทองแดงเป็นตัวนำไฟฟ้ามาตรฐานมานานกว่า 200 ปี แต่เริ่มมีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพ นักวิจัยพบว่า Niobium Phosphide (NbP) มีคุณสมบัติการนำไฟฟ้าที่เหนือกว่าทองแดง โดยเฉพาะในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระดับนาโน NbP สามารถใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีที่มีอยู่ได้ง่าย และช่วยลดการสูญเสียพลังงาน อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความท้าทายด้านการผลิต ที่ต้องแก้ไขก่อนจะนำมาใช้จริงในอุตสาหกรรม ✅ Niobium Phosphide เป็นวัสดุที่นำไฟฟ้าได้ดีกว่าทองแดงในระดับนาโน - งานวิจัยของ Stanford University พบว่า NbP มีค่าความต้านทานต่ำกว่าทองแดงถึง 6 เท่า - เมื่อวัสดุมีความบางลง NbP ยังคงรักษาคุณสมบัติในการนำไฟฟ้าได้ดีกว่าทองแดง ✅ เซมิมีทัลมีโครงสร้างทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยลดการสูญเสียพลังงาน - NbP มี คุณสมบัติเฉพาะด้านโครงสร้างที่ช่วยให้การส่งผ่านอิเล็กตรอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น - นักวิจัยระบุว่า สามารถลดการใช้พลังงานในอุปกรณ์ขนาดเล็กได้ ✅ สามารถใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ที่มีอยู่ได้ง่าย - NbP สามารถถูกวางเป็น ฟิล์มที่อุณหภูมิ 400°C โดยไม่ทำให้ชิปซิลิคอนเสียหาย ✅ ยังคงมีความท้าทายด้านการผลิต - การควบคุมความหนาของชั้นฟิล์ม NbP เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความแม่นยำสูงมาก - หากชั้นฟิล์มมีความหนาไม่สม่ำเสมอ อาจทำให้ค่าความต้านทานแปรปรวน ✅ อนาคตของเซมิมีทัลในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ - หากการพัฒนา NbP และวัสดุเซมิมีทัลอื่น ๆ ก้าวหน้า อาจแทนที่ทองแดงในวงจรระดับสูงได้ภายใน 10 ปี https://www.techradar.com/pro/after-semiconductors-semimetals-might-be-the-next-big-thing-as-the-tech-industry-looks-for-a-replacement-for-ubiquitous-copper
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 322 มุมมอง 0 รีวิว
  • SiCarrier Technologies จากจีนกำลังก้าวสู่เวทีเซมิคอนดักเตอร์โลกด้วยการนำเสนอเครื่องมือการผลิตที่ครบวงจร ซึ่งอาจช่วยลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากตะวันตก ความเชื่อมโยงกับ Huawei และการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนช่วยให้บริษัทพัฒนานวัตกรรมได้รวดเร็ว แม้ต้องใช้เวลาเพื่อพิสูจน์ความสามารถของอุปกรณ์ แต่ก้าวนี้สะท้อนถึงความทะเยอทะยานของจีนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์

    เครือข่ายการวิจัยและพัฒนา:
    - บริษัทมีศูนย์วิจัยในเมืองสำคัญของจีน เช่น เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง และซีอาน รวมถึงทีมวิศวกรจากบริษัทชั้นนำระดับโลก เช่น ASML และ Applied Materials.

    อุปกรณ์ที่โดดเด่น:
    - SiCarrier นำเสนอเครื่องมือที่สามารถทำงานในกระบวนการหลากหลาย เช่น การเคลือบด้วยวิธี ALD, CVD, PVD รวมถึงอุปกรณ์ตรวจสอบ เช่น กล้องจุลทรรศน์กำลังอะตอม (AFM) และเครื่องวัดความหนาของฟิล์ม.

    แผนการสร้างระบบที่เป็นเอกเทศ:
    - SiCarrier อาจร่วมมือกับ Huawei เพื่อสร้างกระบวนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ใช้เฉพาะเครื่องมือจากจีน ซึ่งอาจต้องใช้เวลาหลายปีก่อนที่โรงงานดังกล่าวจะพร้อมใช้งาน.

    ความท้าทาย:
    - ยังไม่ชัดเจนว่าอุปกรณ์ที่นำเสนอสามารถใช้งานร่วมกับระบบการผลิตที่มีอยู่ หรือมีประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับการผลิตระดับอุตสาหกรรมหรือไม่.

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/chinas-sicarrier-challenges-u-s-and-eu-with-full-spectrum-of-chipmaking-equipment-huawei-linked-firm-makes-an-impressive-debut
    SiCarrier Technologies จากจีนกำลังก้าวสู่เวทีเซมิคอนดักเตอร์โลกด้วยการนำเสนอเครื่องมือการผลิตที่ครบวงจร ซึ่งอาจช่วยลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากตะวันตก ความเชื่อมโยงกับ Huawei และการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนช่วยให้บริษัทพัฒนานวัตกรรมได้รวดเร็ว แม้ต้องใช้เวลาเพื่อพิสูจน์ความสามารถของอุปกรณ์ แต่ก้าวนี้สะท้อนถึงความทะเยอทะยานของจีนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เครือข่ายการวิจัยและพัฒนา: - บริษัทมีศูนย์วิจัยในเมืองสำคัญของจีน เช่น เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง และซีอาน รวมถึงทีมวิศวกรจากบริษัทชั้นนำระดับโลก เช่น ASML และ Applied Materials. อุปกรณ์ที่โดดเด่น: - SiCarrier นำเสนอเครื่องมือที่สามารถทำงานในกระบวนการหลากหลาย เช่น การเคลือบด้วยวิธี ALD, CVD, PVD รวมถึงอุปกรณ์ตรวจสอบ เช่น กล้องจุลทรรศน์กำลังอะตอม (AFM) และเครื่องวัดความหนาของฟิล์ม. แผนการสร้างระบบที่เป็นเอกเทศ: - SiCarrier อาจร่วมมือกับ Huawei เพื่อสร้างกระบวนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ใช้เฉพาะเครื่องมือจากจีน ซึ่งอาจต้องใช้เวลาหลายปีก่อนที่โรงงานดังกล่าวจะพร้อมใช้งาน. ความท้าทาย: - ยังไม่ชัดเจนว่าอุปกรณ์ที่นำเสนอสามารถใช้งานร่วมกับระบบการผลิตที่มีอยู่ หรือมีประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับการผลิตระดับอุตสาหกรรมหรือไม่. https://www.tomshardware.com/tech-industry/chinas-sicarrier-challenges-u-s-and-eu-with-full-spectrum-of-chipmaking-equipment-huawei-linked-firm-makes-an-impressive-debut
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 386 มุมมอง 0 รีวิว
  • อุ้ย! สส.ลิซ่า โพสต์ โดนเม้าท์ในกลุ่มไลน์ยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เจ้าตัว แนะ "บิ๊กอ้วน" ติดฟิล์มกันเสือกหน่อยก็ดีค่ะ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000028450
    อุ้ย! สส.ลิซ่า โพสต์ โดนเม้าท์ในกลุ่มไลน์ยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เจ้าตัว แนะ "บิ๊กอ้วน" ติดฟิล์มกันเสือกหน่อยก็ดีค่ะ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000028450
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 711 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อี้ แทนคุณ" พา 5 ผู้เสียหายถูก "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ตบทรัพย์เข้าพบ "บิ๊กเต่า"ให้ข้อมูลพิจารณาเอาผิดข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระ ส่วน "ดีเจแมน-ใบเตย" ยังไม่พร้อมเข้าพบตำรวจ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000017337

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "อี้ แทนคุณ" พา 5 ผู้เสียหายถูก "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ตบทรัพย์เข้าพบ "บิ๊กเต่า"ให้ข้อมูลพิจารณาเอาผิดข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระ ส่วน "ดีเจแมน-ใบเตย" ยังไม่พร้อมเข้าพบตำรวจ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000017337 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1489 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อี้ แทนคุณ" พา 5 ผู้เสียหายถูก "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ตบทรัพย์เข้าพบ "บิ๊กเต่า"ให้ข้อมูลพิจารณาเอาผิดข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระ ส่วน "ดีเจแมน-ใบเตย" ยังไม่พร้อมเข้าพบตำรวจ

    วันนี้ (21 ก.พ.) เมื่อเวลา 12.30 น. นายแทนคุณ หรืออี้ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม นำผู้เสียหายใน 5 คดีที่เชื่อมโยงกับ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม รัฐภูมิ ดารานักแสดง เรียกรับผลประโยชน์และแอบอ้างช่วยวิ่งเต้นคดีให้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เพื่อให้ข้อมูลหลักฐานกับพนักงานสอบสวนนำไปพิจารณาประกอบสำนวนคดี

    นายแทนคุณ กล่าวว่า วันนี้พาผู้เสียหายจากทั้ง 5 คดีที่เชื่อมโยงกับฟิล์ม รัฐภูมิ เข้าให้ข้อมูลหลักฐานกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เพื่อให้พิจารณาหาความเชื่อมโยงกับคดีเดิม และบุคคลดังกล่าวมีพฤติการณ์ซ้ำ ๆ เพื่อพิจารณาหลักฐานตรงนี้ว่าจะสามารถดำเนินคดีกับ นายฟิล์ม ในข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระได้หรือไม่ โดยเฉพาะกรณีของดีเจแมนและใบเตย ตนเองได้มีการพูดคุยมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งพบว่าทั้งคู่มีหลักฐานเป็นเส้นทางการเงิน ที่สามารถบ่งชี้ได้ว่าเงินดังกล่าวออกจากบุคคลใดบุคคลหนึ่งไปยังบุคคลหนึ่ง มูลค่าหลักสิบล้านขึ้นไป รวมทั้งคลิปเสียงสนทนาระหว่างดีเจแมน ใบเตยและบุคคลที่สาม ขณะที่เป็นผู้ต้องหาอยู่ระหว่างต่อสู้คดี ซึ่งได้มีบุคคลเข้ามาติดต่อโดยอ้างว่ารู้จักกับผู้ใหญ่ โดยได้มีการเปิดวิดีโอคอลโทรศัพท์ให้เห็นว่าอยู่กับผู้ใหญ่ในสถานที่นั้นจริง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ก่อนจะมีการเรียกรับผลประโยชน์จากดีเจแมนและใบเตยคนละ 7 ล้านบาท รวม 14 ล้านบาท

    คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000017337

    #MGROnline #อี้แทนคุณ #ฟิล์มรัฐภูมิ #ตบทรัพย์ #บิ๊กเต่า #ข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระ
    "อี้ แทนคุณ" พา 5 ผู้เสียหายถูก "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ตบทรัพย์เข้าพบ "บิ๊กเต่า"ให้ข้อมูลพิจารณาเอาผิดข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระ ส่วน "ดีเจแมน-ใบเตย" ยังไม่พร้อมเข้าพบตำรวจ • วันนี้ (21 ก.พ.) เมื่อเวลา 12.30 น. นายแทนคุณ หรืออี้ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม นำผู้เสียหายใน 5 คดีที่เชื่อมโยงกับ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม รัฐภูมิ ดารานักแสดง เรียกรับผลประโยชน์และแอบอ้างช่วยวิ่งเต้นคดีให้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เพื่อให้ข้อมูลหลักฐานกับพนักงานสอบสวนนำไปพิจารณาประกอบสำนวนคดี • นายแทนคุณ กล่าวว่า วันนี้พาผู้เสียหายจากทั้ง 5 คดีที่เชื่อมโยงกับฟิล์ม รัฐภูมิ เข้าให้ข้อมูลหลักฐานกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เพื่อให้พิจารณาหาความเชื่อมโยงกับคดีเดิม และบุคคลดังกล่าวมีพฤติการณ์ซ้ำ ๆ เพื่อพิจารณาหลักฐานตรงนี้ว่าจะสามารถดำเนินคดีกับ นายฟิล์ม ในข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระได้หรือไม่ โดยเฉพาะกรณีของดีเจแมนและใบเตย ตนเองได้มีการพูดคุยมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งพบว่าทั้งคู่มีหลักฐานเป็นเส้นทางการเงิน ที่สามารถบ่งชี้ได้ว่าเงินดังกล่าวออกจากบุคคลใดบุคคลหนึ่งไปยังบุคคลหนึ่ง มูลค่าหลักสิบล้านขึ้นไป รวมทั้งคลิปเสียงสนทนาระหว่างดีเจแมน ใบเตยและบุคคลที่สาม ขณะที่เป็นผู้ต้องหาอยู่ระหว่างต่อสู้คดี ซึ่งได้มีบุคคลเข้ามาติดต่อโดยอ้างว่ารู้จักกับผู้ใหญ่ โดยได้มีการเปิดวิดีโอคอลโทรศัพท์ให้เห็นว่าอยู่กับผู้ใหญ่ในสถานที่นั้นจริง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ก่อนจะมีการเรียกรับผลประโยชน์จากดีเจแมนและใบเตยคนละ 7 ล้านบาท รวม 14 ล้านบาท • คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000017337 • #MGROnline #อี้แทนคุณ #ฟิล์มรัฐภูมิ #ตบทรัพย์ #บิ๊กเต่า #ข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 782 มุมมอง 0 รีวิว
  • รอง ผบช.ก.นัด "ดีเจแมน-ใบเตย" เข้าให้ปากคำในวันพุธที่ 19 ก.พ.นี้ ปมถูก "ฟิล์ม รัฐภูมิ" เรียกรับเงิน 14 ล้านบาท ช่วยคดี Forex 3D

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000014972

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes

    รอง ผบช.ก.นัด "ดีเจแมน-ใบเตย" เข้าให้ปากคำในวันพุธที่ 19 ก.พ.นี้ ปมถูก "ฟิล์ม รัฐภูมิ" เรียกรับเงิน 14 ล้านบาท ช่วยคดี Forex 3D อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000014972 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    17
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1294 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฟิล์มลั่น ปัญหาเดียวในชีวิตของฟิล์มคือ เป็นคนดีเกินไป (ทุ๊ย)
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    ฟิล์มลั่น ปัญหาเดียวในชีวิตของฟิล์มคือ เป็นคนดีเกินไป (ทุ๊ย) #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    Haha
    Like
    Wow
    12
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 441 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ดีเจแมน” โฟนอินฟาด! ปากบอกสนิทกับภรรยา แต่กลับมาตบทรัพย์ เหมือนคนจมน้ำ แต่เอาเท้ากดหัว ลั่นหลักฐานมีแต่ยังไม่เปิด อยากให้สำนึก งานนี้หลุดชื่อเต็มๆ

    เป็นประเด็นเดือดเลยทีเดียว กรณี “ดีเจแมน พัฒนพล มินทะขิน” แฉดาราดังที่กำลังเป็นข่าวเรียกเงินตนและภรรยา “ใบเตย อาร์สยาม” สุธีวัน กุญชร เป็นเงินถึง 14 ล้าน หากอยากหลุดพ้นคดี Forex-3D จนทำให้ “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” งานเข้า ถูกโยงว่าเป็นคนในข่าว จนออกมาเคลียร์ว่าไม่เกี่ยวกับตนอง ใครเลือกเส้นทางไหนก็ต้องได้ตามที่เขาเลือก และหากทำจริง คงไม่สนิทใบเตยมาถึงทุกวันนี้ ต่อมาแมนก็โพสต์อีก ไม่ใช่ว่าไม่มีหลักฐาน กฎแห่งกรรมมีจริง และเร็วๆ นี้แน่นอน

    คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000014429

    #MGROnline #ดีเจแมน #ฟิล์มรัฐภูมิ
    “ดีเจแมน” โฟนอินฟาด! ปากบอกสนิทกับภรรยา แต่กลับมาตบทรัพย์ เหมือนคนจมน้ำ แต่เอาเท้ากดหัว ลั่นหลักฐานมีแต่ยังไม่เปิด อยากให้สำนึก งานนี้หลุดชื่อเต็มๆ เป็นประเด็นเดือดเลยทีเดียว กรณี “ดีเจแมน พัฒนพล มินทะขิน” แฉดาราดังที่กำลังเป็นข่าวเรียกเงินตนและภรรยา “ใบเตย อาร์สยาม” สุธีวัน กุญชร เป็นเงินถึง 14 ล้าน หากอยากหลุดพ้นคดี Forex-3D จนทำให้ “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” งานเข้า ถูกโยงว่าเป็นคนในข่าว จนออกมาเคลียร์ว่าไม่เกี่ยวกับตนอง ใครเลือกเส้นทางไหนก็ต้องได้ตามที่เขาเลือก และหากทำจริง คงไม่สนิทใบเตยมาถึงทุกวันนี้ ต่อมาแมนก็โพสต์อีก ไม่ใช่ว่าไม่มีหลักฐาน กฎแห่งกรรมมีจริง และเร็วๆ นี้แน่นอน • คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000014429 • #MGROnline #ดีเจแมน #ฟิล์มรัฐภูมิ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 380 มุมมอง 0 รีวิว
  • พี่หนุ่มร้องว้าว ลั่นเรื่องฟิล์มสุดซอย (05/02/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ฟิล์มสุดซอย #ฟิล์มแจ้งความหนุ่ม #ตบทรัพย์ดิไอค่อน
    พี่หนุ่มร้องว้าว ลั่นเรื่องฟิล์มสุดซอย (05/02/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ฟิล์มสุดซอย #ฟิล์มแจ้งความหนุ่ม #ตบทรัพย์ดิไอค่อน
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1166 มุมมอง 41 0 รีวิว
  • #ฟิล์มให้สัมภาษณ์พี่หนุ่มนั่งดู
    พร้อมโพสภาพนี้ ให้อ่านปาก
    พี่คิงส์ได้ใช้ระบบเอไออ่านออกมาแล้ว
    พี่หนุ่มพูดว่า กรวย รวย หรือฆวย
    แน่ๆ ฟิล์มลองไปอ่านปากดูนะครับ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    #ฟิล์มให้สัมภาษณ์พี่หนุ่มนั่งดู พร้อมโพสภาพนี้ ให้อ่านปาก พี่คิงส์ได้ใช้ระบบเอไออ่านออกมาแล้ว พี่หนุ่มพูดว่า กรวย รวย หรือฆวย แน่ๆ ฟิล์มลองไปอ่านปากดูนะครับ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 343 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศึกใหญ่ใครจะดับ ฟิล์มเปิดศึกหนุ่มและอี๊ งานนี้มีเละ
    ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก ความขัดแย้งระหว่างฟิล์ม รัฐภูมิ กับหนุ่มกรรชัย พัฒนามาถึงขั้นผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ ยากจะประนีประนอม เพราะมีคําว่า จัญไรเวิ่นจอในการพูดถึงแต่ละฝ่าย ฝ่ายฟิล์มหลังจากเงียบไปตั้งหลักอยู่นานจนนึกว่าจะยอมแพ้จากการเป็นฝ่ายถูกเปิดโปง ทั้งจากหนุ่มกรรชัย
    ทั้งจาก อี้แทนคุณ ที่ลุยแฉฟิล์มรัวรัวในห้วงเวลาใกล้เคียงกับหนุ่มกรรชัยที่ไหนได้ ฟิล์มไม่ยอมแพ้ เขากลับมาคราวนี้มาทวงความยุติธรรมให้ตัวเองโดยใช้บริการของทนายรุ่นเดอะ อย่างทนายประมาณ เรืองวัฒนวนิช
    คําว่าจัญไรก็ออกมาจากปากของทนายประมาณเองต่อหน้ากล้องสื่อมวลชนทุกช่องเรียกว่าจงใจเรื่องเรตติ้งข่าวกันเลย ทนายประมาณ พาฟิล์มไปแจ้งความที่สน ห้วยขวาง ดําเนินคดีกับหนุ่มกรรชัยและอี้แทนคุณ ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
    งานนี้อี้แทนคุณโดนจัดหนักถึง 8 กรรมส่วนหนุ่มกรรชัยประมาณ 3-4 กรรมโดยฟิล์ม โอดครวญว่าที่ต้องเปิดศึกกับทั้งสองคนเพราะตัวเองโดนศาลเตี้ยชักจูงให้สังคมคล้อยตาม จนมีคนดุด่าไปถึงบุพการี ทันทีที่ปรากฏเป็นข่าวก็มีปฏิกิริยาตอบโต้จากหนุ่มกรรชัยทางควันมีคําว่าจัญไรออกมาเช่นกัน
    และโพสต์เตือนว่าใจเองมันได้ แต่หน้าเองมันด้าน พร้อมประกาศว่าทันทีที่หมายเรียกจากตํารวจมาถึง เขาก็จะสวนตับแตกเหมือนกันโดยจะแจ้งความกลับข้อหาแจ้งความเท็จและกลั่นแกล้งให้คนอื่นนั้นได้รับโทษทางอาญา
    ขณะที่อี้แทนคุณซึ่งถูกฟิล์มเย้ยว่าส่งคนมาต่อสายเจรจาลับหลัง ก็ปฏิเสธว่าไม่จริงและประกาศจะลุยเปิดโปงฟิล์มต่อไป สิ่งที่ทนายประมาณกล่าวต่อสื่อเขาบอกว่ามั่นใจในพยานหลักฐานที่มีถึงขั้นการันตีความบริสุทธิ์ของฟิล์มว่าไม่มีปัญหาเรื่องไปตบทรัพย์ยี่สิบล้านจากบอสปันแต่อย่างใด ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่...
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    #ฟิล์มรัฐภูมิ
    #หนุ่มกรรชัย
    #อี้แทนคุณ
    #โหนกระแส
    ศึกใหญ่ใครจะดับ ฟิล์มเปิดศึกหนุ่มและอี๊ งานนี้มีเละ ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก ความขัดแย้งระหว่างฟิล์ม รัฐภูมิ กับหนุ่มกรรชัย พัฒนามาถึงขั้นผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ ยากจะประนีประนอม เพราะมีคําว่า จัญไรเวิ่นจอในการพูดถึงแต่ละฝ่าย ฝ่ายฟิล์มหลังจากเงียบไปตั้งหลักอยู่นานจนนึกว่าจะยอมแพ้จากการเป็นฝ่ายถูกเปิดโปง ทั้งจากหนุ่มกรรชัย ทั้งจาก อี้แทนคุณ ที่ลุยแฉฟิล์มรัวรัวในห้วงเวลาใกล้เคียงกับหนุ่มกรรชัยที่ไหนได้ ฟิล์มไม่ยอมแพ้ เขากลับมาคราวนี้มาทวงความยุติธรรมให้ตัวเองโดยใช้บริการของทนายรุ่นเดอะ อย่างทนายประมาณ เรืองวัฒนวนิช คําว่าจัญไรก็ออกมาจากปากของทนายประมาณเองต่อหน้ากล้องสื่อมวลชนทุกช่องเรียกว่าจงใจเรื่องเรตติ้งข่าวกันเลย ทนายประมาณ พาฟิล์มไปแจ้งความที่สน ห้วยขวาง ดําเนินคดีกับหนุ่มกรรชัยและอี้แทนคุณ ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา งานนี้อี้แทนคุณโดนจัดหนักถึง 8 กรรมส่วนหนุ่มกรรชัยประมาณ 3-4 กรรมโดยฟิล์ม โอดครวญว่าที่ต้องเปิดศึกกับทั้งสองคนเพราะตัวเองโดนศาลเตี้ยชักจูงให้สังคมคล้อยตาม จนมีคนดุด่าไปถึงบุพการี ทันทีที่ปรากฏเป็นข่าวก็มีปฏิกิริยาตอบโต้จากหนุ่มกรรชัยทางควันมีคําว่าจัญไรออกมาเช่นกัน และโพสต์เตือนว่าใจเองมันได้ แต่หน้าเองมันด้าน พร้อมประกาศว่าทันทีที่หมายเรียกจากตํารวจมาถึง เขาก็จะสวนตับแตกเหมือนกันโดยจะแจ้งความกลับข้อหาแจ้งความเท็จและกลั่นแกล้งให้คนอื่นนั้นได้รับโทษทางอาญา ขณะที่อี้แทนคุณซึ่งถูกฟิล์มเย้ยว่าส่งคนมาต่อสายเจรจาลับหลัง ก็ปฏิเสธว่าไม่จริงและประกาศจะลุยเปิดโปงฟิล์มต่อไป สิ่งที่ทนายประมาณกล่าวต่อสื่อเขาบอกว่ามั่นใจในพยานหลักฐานที่มีถึงขั้นการันตีความบริสุทธิ์ของฟิล์มว่าไม่มีปัญหาเรื่องไปตบทรัพย์ยี่สิบล้านจากบอสปันแต่อย่างใด ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่... #คิงส์โพธิ์ดำ #ฟิล์มรัฐภูมิ #หนุ่มกรรชัย #อี้แทนคุณ #โหนกระแส
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 786 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศึกใหญ่ใครจะดับ ฟิล์มเปิดศึกหนุ่มและอี๊ งานนี้มีเละ
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    #ฟิล์มรัฐภูมิ
    #หนุ่มกรรชัย
    #อี้แทนคุณ
    #โหนกระแส
    ศึกใหญ่ใครจะดับ ฟิล์มเปิดศึกหนุ่มและอี๊ งานนี้มีเละ #คิงส์โพธิ์ดำ #ฟิล์มรัฐภูมิ #หนุ่มกรรชัย #อี้แทนคุณ #โหนกระแส
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 598 มุมมอง 3 0 รีวิว
  • อี้ เดินหน้า จี้ ทวี เร่งสอบสวนคดี ฟิล์ม รัฐภูมิ (03/02/68) #news1 # ฟิล์มรัฐภูมิ #อี้แทนคุณ
    อี้ เดินหน้า จี้ ทวี เร่งสอบสวนคดี ฟิล์ม รัฐภูมิ (03/02/68) #news1 # ฟิล์มรัฐภูมิ #อี้แทนคุณ
    Like
    Love
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 862 มุมมอง 53 0 รีวิว
  • "อี้ แทนคุณ" พร้อมชน "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ประกาศลั่น ตาต่อตา ฟันต่อฟัน! (31/01/68) #news1 #ฟิล์มรัฐภูมิ #อี้แทนคุณ
    "อี้ แทนคุณ" พร้อมชน "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ประกาศลั่น ตาต่อตา ฟันต่อฟัน! (31/01/68) #news1 #ฟิล์มรัฐภูมิ #อี้แทนคุณ
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1291 มุมมอง 46 0 รีวิว
  • "หนุ่ม กรรชัย"ลั่น สวนกลับตับแตกแน่!หลังถูก"ฟิล์ม รัฐภูมิ"แจ้งความหมิ่นประมาท 31/01/68 #หนุ่ม กรรชัย #ฟิล์ม รัฐภูมิ
    "หนุ่ม กรรชัย"ลั่น สวนกลับตับแตกแน่!หลังถูก"ฟิล์ม รัฐภูมิ"แจ้งความหมิ่นประมาท 31/01/68 #หนุ่ม กรรชัย #ฟิล์ม รัฐภูมิ
    Like
    Love
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1124 มุมมอง 33 0 รีวิว
  • ทานายประมาณทานายของไอ่เฮี้ยฟิล์มด่าพวกคุณJANGไร ฟ๊องหนุ่มกรรชัย "คืออะไรของเมิงไอ่ฟิล์มมันไถบอสอ้างพี่หนุ่ม สติเมิงมีมั๊ยประมาณ"
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    ทานายประมาณทานายของไอ่เฮี้ยฟิล์มด่าพวกคุณJANGไร ฟ๊องหนุ่มกรรชัย "คืออะไรของเมิงไอ่ฟิล์มมันไถบอสอ้างพี่หนุ่ม สติเมิงมีมั๊ยประมาณ" #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 484 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไอ่เฮี้ยฟิล์มเหิม ฟ๊องหนุ่มกรรไกร อ้างทำให้ตัวเองเสียชื่อเสียง ดาราไร้สำนึก ดาราต๋ำตม ดารานักไถ ดาราฟอกขาวเงิน ดาราหน้าH่EE
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    ไอ่เฮี้ยฟิล์มเหิม ฟ๊องหนุ่มกรรไกร อ้างทำให้ตัวเองเสียชื่อเสียง ดาราไร้สำนึก ดาราต๋ำตม ดารานักไถ ดาราฟอกขาวเงิน ดาราหน้าH่EE #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 332 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ฟิล์ม" ไม่ทน! เดินหน้าเอาผิด "หนุ่ม กรรชัย"-"อี้ แทนคุณ" เหน็บไม่แมน! 31/01/68 #ฟิล์ม รัฐภูมิ #หนุ่ม กรรชัย #อี้แทนคุณ
    "ฟิล์ม" ไม่ทน! เดินหน้าเอาผิด "หนุ่ม กรรชัย"-"อี้ แทนคุณ" เหน็บไม่แมน! 31/01/68 #ฟิล์ม รัฐภูมิ #หนุ่ม กรรชัย #อี้แทนคุณ
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1062 มุมมอง 32 0 รีวิว
  • ภาพจากกล้องฟิล์ม ดูกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ
    ภาพจากกล้องฟิล์ม ดูกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากเพจ ประวัติศาสตร์ ราชวงค์จักรี

    "ข้าชื่อ #สุพรรณกัลยา ข้าเกิดวันเสาร์ ปีมะเส็ง 2098 เป็นลูกสาวของพระมหาธรรมราชา มีน้องชายสองคน คือ เจ้าดำ เจ้าขาว เมื่อแพ้ศึก ข้ากับน้องชาย พร้อมด้วยเจ้าเหนือหัวคือพระมหินทราธิราช แต่ท่านมาถึงเกตทูเบิน เมืองมนต์ (มอญ) ท่านเสียชีวิตลง เขาจึงสั่งให้พ่อของข้า เป็นมหาอุปราช เป็นผู้ครองราช กรุงอโยธยา ข้าพร้อมกับไพร่พลและน้อง เพราะน้องข้าไม่ยอม จึงให้ข้ามาด้วย เราช่วยเลี้ยงเขาจนโต ข้าจากบ้านเมืองมา เมื่อวันพุธ เดือนสี่ ปีมะเมีย พุทธศักราช 2112 ข้าคิดถึงบ้าน คิดถึงมัน คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่เหลือเกิน"

    "ข้าได้เป็นแม่เลี้ยงน้องตั้งแต่อายุ 14 ปี ข้ากลับมาลาพ่อแม่เมื่ออายุ 19 ปี เมื่อปี 2119 ข้าได้แต่งงาน ข้าได้เลี้ยงน้อง ก่อนแต่งงานข้าได้กลับอยุธยา แล้วกลับไป แล้วให้น้องทั้งสองกลับมาช่วยพ่อกู้บ้านกู้เมืองที่อยุธยา ข้าคิดถึงบ้าน ข้าถูกจองจำด้วยเวทมนต์"

    เป็นบทความที่แปลจากหนังสือที่พระสุพรรณกัลยาได้เขียนเป็นอักษรโบราณของพม่าในปี พ.ศ. 2229 พบที่หอสมุดของพม่า

    โดยหลวงปู่โง่น โสรโย อริยสงฆ์แห่งวัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร ในปี พ.ศ. 2491

    หลวงปู่โง่น โสรโย เกิดบนแพกลางลำน้ำปิง เมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ.2447 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เวลา 05.58 น.

    บิดาเป็นหัวหน้าล่องแพไม้ซุง มารดาเป็นชาวลำพูน เมื่ออายุได้ประมาณ 10 ปี ซาโต้โมมอง เลขานุการข้าหลวงใหญ่ชาวฝรั่งเศสประจำอินโดจีน รับตัวเป็นบุตรบุญธรรม และได้ศึกษาที่ต่างประเทศจนจบปริญญาเอก ณ มหาวิทยาลัยในเยอรมัน สามารถพูดได้ถึง 7 ภาษา เดิมนับถือศาสนาคริสต์

    ต่อมาได้อุปสมบทในพุทธศาสนาในปี พ.ศ.2482 ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม นครพนม

    ระหว่างที่เป็นสมณะได้ปฏิบัติกรรมฐานในถ้ำ และกลางหิมะนานถึง 8 ชั่วโมง ได้รับคำสอนจากหลวงปู่โลกเทพอุดร มีความชำนาญเรื่องยาสมุนไพร หลวงปู่โง่นละสังขารของท่านเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2542 รวมสิริชนมายุได้ 94 ปีเศษ

    #หลวงปู่โง่น_โสรโย ขณะเดินทางเข้าพม่าในปี พ.ศ. 2491 ได้ถูกจับติดคุกพม่า เมื่อท่านทำความเพียร จึงได้สัมผัสทางวิญญาณพระสุพรรณกัลยา

    พระสุพรรณกัลยา: “ฉันเองชื่อสุพรรณกัลยา เป็นธิดาคนโตของพระมหาธรรมราชา

    มีน้องชายสองคน คือเจ้าองค์ดำ และเจ้าองค์ขาว เป็นชาวสยามไทย

    ได้ถูกกวาดต้อนมาเมื่อกรุงศรีอยุธยาแตก มาเป็นเชลยอยู่ที่เมืองหงสาวดีนี้ ท่านก็ถูกเขากวาดต้อนมาด้วย เขาเกณฑ์ท่านมาเป็นช่าง สร้างบ้านให้พวกเราอยู่กัน ฉันไว้ใจท่านเพราะท่านซื่อสัตย์และกตัญญู ท่านช่วยดูแลฉันและน้องๆ ตลอดพวกพ้องที่เป็นเชลย ตลอดเวลา

    มาวันนี้ท่านแต่งตัวเป็นนักบวช คงจะมีมนต์ขลังดี ช่วยแก้ด้ายสายสิญจน์ออกจากมือและขาให้ฉันด้วย

    หมอผีพม่ามันผูกเอาไว้ เพื่อกันฉันจะหนี ฉันจึงหนีไปไหนมาไหนไกลๆไม่ได้ มันจะเหนี่ยวกลับทันที ถ้าหนีได้ฉันจะไปกับท่าน”

    แล้วหลวงปู่โง่นจึงได้ถอดกายทิพย์ไปดึงด้ายสายสิญจน์ที่เขาทำด้วยแผ่นทองคำ ความยาวห้าคืบ กว้างหนึ่งนิ้ว ลงอักขระคาถา

    ตรงกับวันเพ็ญเดือน 12 ตรงกับวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2491 วันจันทร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12

    #พระสุพรรณกัลยา: “ท่านขาท่านเก่งมากที่ท่านช่วยแก้เครื่องผูกมัดออกให้ฉัน ฉันจะได้เป็นอิสระเสียที ฉันจะไปอยู่กับท่านตลอดไป ท่านต้องการอะไรบอกฉัน เมื่อท่านจะไปไหนมาไหน หรือทำอะไรบอกฉันด้วย ฉันจะช่วยแบ่งเบาเท่าที่ ความสามารถ ของฉันจะทำได้ และท่านก็จะพ้นภัยภายในเร็วๆ นี้

    พวกเราถูกกวาดต้อนมาเป็นเชลย จนฉันโตเป็นสาว อายุราวๆ เบญจเพศ ไอ้เจ้าบุเรงนองมันก็ปองรักจะหักด้ามพร้าด้วยเข่าเอาฉันทำเมีย

    แต่พระอนุชาของฉันทั้งสองไม่ยินยอมและตัวท่านเองก็ไม่ยอมด้วย ดังนั้นจึงพร้อมกันออกอุบายว่า ขอให้ฉันได้รับอนุญาตจากท่านผู้บังเกิดเกล้า

    คือ บิดามารดาเสียก่อน เจ้าบุเรงนองมันตาฝาดด้วยอำนาจกิเลสตัณหาจึงจัดแจงโยธาไพร่พลพร้อมด้วยตัวเขาและน้องชายทั้งสองของฉันและตัวท่านเองก็ได้กลับไปด้วย

    แต่การไปของท่าน เขาให้ไปถึงแค่เขตแดนแล้วเขาสั่งให้สร้างบ้านเรือนอยู่ตรงเมืองมะริด และเจ้าบุเรงนองก็เกรงใจท่านมากเพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ที่เขานับถือ

    เหตุที่ฉันจะต้องไปด้วยตอนถูกกวาดไปเป็นเชลย

    เพราะน้องของฉันทั้งสองพระองค์ เขาติดพันฉันมาก ฉันเป็นทั้งพี่จริงและพี่เลี้ยง ฉันเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เยาว์วัย

    ในคราวที่เราร่อนเร่มาอย่างเมื่อยล้า น้องคนเล็กไม่ยอมเดิน ฉันต้องอุ้มกระเตงคนเล็กไว้ที่เอวข้างขวา จูงคนโตด้วยมือซ้ายตอนข้ามน้ำ ท่านยังเห็นว่าขำแท้ๆท่านจึงทำจำแลง แกะสลักรูปของฉันอุ้มน้อง เพื่อล้อเลียนไว้ดูเล่น ขอให้ท่านเอากลับไปด้วยนะ เอาไว้ไปดูเล่นเป็นขวัญตา รวมถึงอัฐิและกำไลแขนของฉันในสถานที่ที่ฉันเก็บไว้ ขอให้นำกลับไปด้วย และของที่เราสักการะบูชา คือ เทวรูปพระนารายณ์ และพระแม่อุมาที่เป็นทองคำก็ให้ท่านเอากลับไปด้วย"

    สิ่งของเหล่านั้นหลวงปู่โง่นได้นำเอากลับมาเก็บรักษาไว้ที่ห้องเทวดา ศาลากลางน้ำ วัดพระพุทธบาทเขารวก พิจิตร เท่าทุกวันนี้ นี่แหละ คือ สักขีพยานในด้านรูปธรรมที่พอยืนยันได้

    พระสุพรรณกัลยา: “กองทัพของไทยขึ้นไปประชิดที่เมืองอังวะไว้แล้ว ไอ้เจ้ามังไชยสิงหะราช (นันทบุเรง) จึงสั่งจับจำจองแม่เลี้ยงของมันคือฉันเองให้ลงโทษทัณฑ์อย่างหนัก มันสั่งให้คนจับฉัน มัดมือ มัดเท้า แล้วลงมือชกต่อย ตบ ตี เตะ ถีบ โบยด้วยแส้หวาย โบยแล้วโบยอีก แล้วปล่อยให้ฉันอดข้าวอดน้ำ ให้ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส

    เมื่อมันเห็นว่าฉันอ่อนเปลี้ยเพลียแรงแล้ว มันก็ฟันฉันด้วยดาบเล่มนี้ และขอให้ท่านเอากลับไปด้วยนะ แล้วฉันก็ตายไปพร้อมกับลูกอยู่ในท้องแปดเดือน แล้วมันก็ให้หมอผีมาทำพิธีทางไสยศาสตร์ด้วย

    การผูกรัดรึงตรึงฉัน ด้วยไม้กางเขนตรากระสัง ให้วิญญาณของฉันไปไหนมาไหนไม่ได้ ต้องวนเวียนอยู่ในละแวกนี้เท่านั้น

    ฉันขอขอบใจท่านมากที่ท่านได้มาช่วยแก้เครื่องพันธนาการออกให้ฉัน

    แต่นี่ฉันก็เป็นอิสระแล้ว เมื่อท่านกลับไปเมืองไทยฉันจะไปด้วย ฉันจะไปช่วยงานท่าน ท่านมีธุรกิจอะไรเพื่อสังคม เพื่อส่วนรวม เพื่อชาติ ศาสนกษัตริย์แล้วบอกฉัน

    ขอให้ท่านหวนจิตคิดย้อนกลับไปดูภาวะของฉันที่ได้กำเนิดเกิดมาเป็นธิดาองค์ใหญ่ในวงศ์สุดท้ายของวงศ์สุโขทัย พระราชบิดาได้ไปครองเมืองอยุธยาได้รับสมญาว่า เจ้าฟ้าหญิงพระสุพรรณกัลยา มีความสุขจากทรัพย์โภคาอย่างล้นเหลือ มีข้าทาสบริวารนับไม่ถ้วน มีความสุขสุดที่จะพรรณา จำเดิมแต่ได้พลัดพรากจากบ้านเมืองพ่อแม่มา ข้ามภูผาที่กันดาร ยังมาทุกข์ทรมานในการจำจากน้องทั้งสองอันเป็นที่รักที่สุด สุดท้ายก็มาถูกเจ้านันทบุเรง บุตรบุญธรรมของฉันนั้นเองเฆี่ยนตีทำโทษจนถึง แก่ความตายอย่างทรมานที่สุด ซึ่งไม่มีมนุษย์คนใดๆจะเหมือนฉัน แต่ฉันก็กระทำไปเพื่อความอยู่รอดของประเทศชาติบ้านเมือง”

    หลวงปู่โง่น: “ตอนนี้ท่านหญิงสบายแล้ว เสวยสุขอยู่ในทิพย์วิมานอันแสนจะสำราญอยู่ที่นี้ ที่โลกทิพย์นี่ สองสามราตรีเท่านั้นในพิภพนี้ แต่โลกมนุษย์ปาเข้าไปห้าร้อยปีแล้ว ตัวอาตมาเองได้ดับชีวีจากเมืองผีไปเมืองคน วนเวียนอยู่หลายชาติแล้ว

    เราจะมาเพลิดเพลินในเรื่องเวียนว่ายตายเกิดอยู่หรือไง เป็นเพราะไอ้ตัวกิเลสตัณหาบ้าบอแท้ๆ ที่ได้จองจำนำพาให้เราต้องมาเวียนว่ายตายเกิด”

    พระสุพรรณกัลยา: “ฉันจะไปอุบัติในสกุลสุขุมาลย์ชาติในวงศ์สกุลกษัตริย์ไทย ช่วยบ้านเมืองในร่างสตรีเพศ เมื่อบ้านเมืองเดือดร้อน และจะไม่เยื่อใยในการมีคู่ครอง เพราะฉันเข็ดแล้วเรื่องผู้ชาย ฉันจะสร้างบารมีทำแต่ความดีให้นั่งอยู่บนหัวใจของคนไทยทั้งประเทศ
    แล้วฉันก็จะเป็นคนหมดเวรภัยไปสู่สถานที่ที่ไม่มีการเกิดการตายอีกแล้ว”

    พระสุพรรณกัลยา: “พระคุณเจ้าอย่าลืมนะ เรื่องฉันร้องขอคือ ฝากให้ท่านเอารูปลักษณ์ของฉันที่อยู่ในห้วงแห่งความทรงจำของท่าน ออกเผยแพร่ให้คนอื่นๆ ที่อยากรู้อยากเห็นฉันให้เป็นแบบรูปธรรมขึ้นมา ให้เขาได้เห็นฉันด้วย แต่ฉันเชื่อแน่ว่า คนไทยทั้งประเทศ เขาคงจำฉันได้ไม่กี่คน

    เพราะประวัติจริงๆ ที่พระน้องยาเธอของฉันจารึกไว้ก็คงจะสลายหายสูญไปกับกรุงแตกครั้งหลังสุดแล้ว”

    หลวงปู่โง่นจึงได้สร้างรูปของพระสุพรรณกัลยาโดยใช้วิธีการสองระบบ คือ ระบบทางนามธรรม หรือ ระบบทางจิตคือการสัมผัสทางจิตวิญญาณ และระบบทางรูปธรรม โดยอาศัยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ให้ปรากฏเป็นภาพแก่สายตาภายนอก โดยใช้กล้องถ่ายรูปชั้นดีสองตัว คือ กล้องโอลิมปัสของเยอรมัน และกล้องโพโตลองของฝรั่งเศส

    ในทางวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์ก็มีหลักยืนยันว่า E=MC2 สสารย่อมไม่หายไปจากโลก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีขึ้นแล้วในโลก เมื่อถึงคราวแตกดับไปสลายตัวไปก็จะกลายเป็นสสาร ยืนยงคงอยู่ตลอดไป เพราะอุณหภูมิคือความร้อนรักษาไว้

    มีการจัดหาเครื่องพลีกรรมทางไสยศาสตร์ ซึ่งมีเครื่องบูชามีอาหารหวานคาว ผลไม้ และเครื่องแต่งตัวของผู้หญิงมีแป้ง น้ำอบน้ำหอม ผ้าถุงเสื้อนุ่งสีทอง

    เสร็จแล้วก็ไปทำพิธีในสถานที่ได้นิมิตเห็นพระสุพรรณกัลยาและถ่ายรูปเอาดวงวิญญาณของพระนาง

    เมื่อได้จัดแจงอุปกรณ์ภายนอก ทุกอย่างที่กล่าวมาแล้ว หันหน้ากล้องทั้งสองเข้า หาพานเครื่องเส้น ทำใจให้สงบ หันหน้าตัวเองไปแนวเดียวกับกล้องถ่ายรูป แล้ว

    สวดคาถาว่า...

    เอหิภูโต มหาภูโต สะมะนุสโส สะเทวะโก กะโรหิ เทวะทิ ตานังอาคัจเฉยะ อาคัจฉาหิ เอหิวิญญานะสุพรรณกัลละยา เทวะทิตา อาคัจเฉยยะ อาคัจฉาหิ มานิมามา

    ภาวนาได้เจ็ดครั้งแล้วก็หยุด

    ใช้ความรู้สึกอย่างแรงในขณะหายใจเข้า ดึงเอาภาพลักษณ์ของพระสุพรรณกัลยา ให้มาปรากฏ แล้วจิตมันก็ว่าง อันรูปภาพของพระนางก็ปรากฏขึ้นในมโนภาพเห็น ชัดเจน อันกล้องถ่ายทั้งสอง มันก็ทำงานตามที่กำหนดไว้

    ใช้เวลาอยู่สามชั่วโมงก็หยุด เอาฟิล์มออกมาล้างดู ล้างด้วยมือเอง เพราะหลวงปู่โง่นเคยเป็นช่างถ่ายรูปมาก่อน ได้รูปออกมาเป็นที่น่าพอใจ

    หลวงปู่โง่นได้เผยแพร่รูปพระนางตามที่ได้ปรากฏในโพสต์นี้ และบันทึกว่า พระนางสุพรรณกัลยาได้ทำคุณประโยชน์ไว้ให้แก่คนไทยทั้งชาติ คือ ต้องยอมเสียสละความสุข ตลอดพระชนม์ชีพส่วนตัว เพื่อความอยู่รอดของบ้านเมืองสยามไทยทั้งประเทศ ซึ่งก็ไม่มีวีรสตรีหรือวีรบุรุษท่านใดในอดีตถึง ปัจจุบันที่จะได้เสียสละอย่างนั้น แล้วสมควรไหมที่ชาวไทยจะลืมท่านลง แต่ถ้าได้อ่านเรื่องนี้แล้ว ท่านผู้มีกตัญญูกตเวทิตาธรรม คงไม่ลืมแน่

    คัดลอกและเรียบเรียงจากหนังสือ “ย้อยรอยกรรม ตำนานพระสุพรรณกัลยา” โดยหลวงปู่โง่น โสรโย เมษายน 2529"ข้าชื่อ สุพรรณกัลยา ข้าเกิดวันเสาร์ ปีมะเส็ง 2098 เป็นลูกสาวของพระมหาธรรมราชา มีน้องชายสองคน คือ เจ้าดำ เจ้าขาว เมื่อแพ้ศึก ข้ากับน้องชาย พร้อมด้วยเจ้าเหนือหัวคือพระมหินทราธิราช แต่ท่านมาถึงเกตทูเบิน เมืองมนต์ (มอญ) ท่านเสียชีวิตลง เขาจึงสั่งให้พ่อของข้า เป็นมหาอุปราช เป็นผู้ครองราช กรุงอโยธยา ข้าพร้อมกับไพร่พลและน้อง เพราะน้องข้าไม่ยอม จึงให้ข้ามาด้วย เราช่วยเลี้ยงเขาจนโต ข้าจากบ้านเมืองมา เมื่อวันพุธ เดือนสี่ ปีมะเมีย พุทธศักราช 2112 ข้าคิดถึงบ้าน คิดถึงมัน คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่เหลือเกิน"

    "ข้าได้เป็นแม่เลี้ยงน้องตั้งแต่อายุ 14 ปี ข้ากลับมาลาพ่อแม่เมื่ออายุ 19 ปี เมื่อปี 2119 ข้าได้แต่งงาน ข้าได้เลี้ยงน้อง ก่อนแต่งงานข้าได้กลับอยุธยา แล้วกลับไป แล้วให้น้องทั้งสองกลับมาช่วยพ่อกู้บ้านกู้เมืองที่อยุธยา ข้าคิดถึงบ้าน ข้าถูกจองจำด้วยเวทมนต์"

    เป็นบทความที่แปลจากหนังสือที่พระสุพรรณกัลยาได้เขียนเป็นอักษรโบราณของพม่าในปี พ.ศ. 2229 พบที่หอสมุดของพม่า

    โดยหลวงปู่โง่น โสรโย อริยสงฆ์แห่งวัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร ในปี พ.ศ. 2491

    หลวงปู่โง่น โสรโย เกิดบนแพกลางลำน้ำปิง เมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ.2447 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เวลา 05.58 น.

    บิดาเป็นหัวหน้าล่องแพไม้ซุง มารดาเป็นชาวลำพูน เมื่ออายุได้ประมาณ 10 ปี ซาโต้โมมอง เลขานุการข้าหลวงใหญ่ชาวฝรั่งเศสประจำอินโดจีน รับตัวเป็นบุตรบุญธรรม และได้ศึกษาที่ต่างประเทศจนจบปริญญาเอก ณ มหาวิทยาลัยในเยอรมัน สามารถพูดได้ถึง 7 ภาษา เดิมนับถือศาสนาคริสต์

    ต่อมาได้อุปสมบทในพุทธศาสนาในปี พ.ศ.2482 ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม นครพนม

    ระหว่างที่เป็นสมณะได้ปฏิบัติกรรมฐานในถ้ำ และกลางหิมะนานถึง 8 ชั่วโมง ได้รับคำสอนจากหลวงปู่โลกเทพอุดร มีความชำนาญเรื่องยาสมุนไพร หลวงปู่โง่นละสังขารของท่านเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2542 รวมสิริชนมายุได้ 94 ปีเศษ

    หลวงปู่โง่น โสรโย
    จากเพจ ประวัติศาสตร์ ราชวงค์จักรี "ข้าชื่อ #สุพรรณกัลยา ข้าเกิดวันเสาร์ ปีมะเส็ง 2098 เป็นลูกสาวของพระมหาธรรมราชา มีน้องชายสองคน คือ เจ้าดำ เจ้าขาว เมื่อแพ้ศึก ข้ากับน้องชาย พร้อมด้วยเจ้าเหนือหัวคือพระมหินทราธิราช แต่ท่านมาถึงเกตทูเบิน เมืองมนต์ (มอญ) ท่านเสียชีวิตลง เขาจึงสั่งให้พ่อของข้า เป็นมหาอุปราช เป็นผู้ครองราช กรุงอโยธยา ข้าพร้อมกับไพร่พลและน้อง เพราะน้องข้าไม่ยอม จึงให้ข้ามาด้วย เราช่วยเลี้ยงเขาจนโต ข้าจากบ้านเมืองมา เมื่อวันพุธ เดือนสี่ ปีมะเมีย พุทธศักราช 2112 ข้าคิดถึงบ้าน คิดถึงมัน คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่เหลือเกิน" "ข้าได้เป็นแม่เลี้ยงน้องตั้งแต่อายุ 14 ปี ข้ากลับมาลาพ่อแม่เมื่ออายุ 19 ปี เมื่อปี 2119 ข้าได้แต่งงาน ข้าได้เลี้ยงน้อง ก่อนแต่งงานข้าได้กลับอยุธยา แล้วกลับไป แล้วให้น้องทั้งสองกลับมาช่วยพ่อกู้บ้านกู้เมืองที่อยุธยา ข้าคิดถึงบ้าน ข้าถูกจองจำด้วยเวทมนต์" เป็นบทความที่แปลจากหนังสือที่พระสุพรรณกัลยาได้เขียนเป็นอักษรโบราณของพม่าในปี พ.ศ. 2229 พบที่หอสมุดของพม่า โดยหลวงปู่โง่น โสรโย อริยสงฆ์แห่งวัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร ในปี พ.ศ. 2491 หลวงปู่โง่น โสรโย เกิดบนแพกลางลำน้ำปิง เมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ.2447 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เวลา 05.58 น. บิดาเป็นหัวหน้าล่องแพไม้ซุง มารดาเป็นชาวลำพูน เมื่ออายุได้ประมาณ 10 ปี ซาโต้โมมอง เลขานุการข้าหลวงใหญ่ชาวฝรั่งเศสประจำอินโดจีน รับตัวเป็นบุตรบุญธรรม และได้ศึกษาที่ต่างประเทศจนจบปริญญาเอก ณ มหาวิทยาลัยในเยอรมัน สามารถพูดได้ถึง 7 ภาษา เดิมนับถือศาสนาคริสต์ ต่อมาได้อุปสมบทในพุทธศาสนาในปี พ.ศ.2482 ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม นครพนม ระหว่างที่เป็นสมณะได้ปฏิบัติกรรมฐานในถ้ำ และกลางหิมะนานถึง 8 ชั่วโมง ได้รับคำสอนจากหลวงปู่โลกเทพอุดร มีความชำนาญเรื่องยาสมุนไพร หลวงปู่โง่นละสังขารของท่านเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2542 รวมสิริชนมายุได้ 94 ปีเศษ #หลวงปู่โง่น_โสรโย ขณะเดินทางเข้าพม่าในปี พ.ศ. 2491 ได้ถูกจับติดคุกพม่า เมื่อท่านทำความเพียร จึงได้สัมผัสทางวิญญาณพระสุพรรณกัลยา พระสุพรรณกัลยา: “ฉันเองชื่อสุพรรณกัลยา เป็นธิดาคนโตของพระมหาธรรมราชา มีน้องชายสองคน คือเจ้าองค์ดำ และเจ้าองค์ขาว เป็นชาวสยามไทย ได้ถูกกวาดต้อนมาเมื่อกรุงศรีอยุธยาแตก มาเป็นเชลยอยู่ที่เมืองหงสาวดีนี้ ท่านก็ถูกเขากวาดต้อนมาด้วย เขาเกณฑ์ท่านมาเป็นช่าง สร้างบ้านให้พวกเราอยู่กัน ฉันไว้ใจท่านเพราะท่านซื่อสัตย์และกตัญญู ท่านช่วยดูแลฉันและน้องๆ ตลอดพวกพ้องที่เป็นเชลย ตลอดเวลา มาวันนี้ท่านแต่งตัวเป็นนักบวช คงจะมีมนต์ขลังดี ช่วยแก้ด้ายสายสิญจน์ออกจากมือและขาให้ฉันด้วย หมอผีพม่ามันผูกเอาไว้ เพื่อกันฉันจะหนี ฉันจึงหนีไปไหนมาไหนไกลๆไม่ได้ มันจะเหนี่ยวกลับทันที ถ้าหนีได้ฉันจะไปกับท่าน” แล้วหลวงปู่โง่นจึงได้ถอดกายทิพย์ไปดึงด้ายสายสิญจน์ที่เขาทำด้วยแผ่นทองคำ ความยาวห้าคืบ กว้างหนึ่งนิ้ว ลงอักขระคาถา ตรงกับวันเพ็ญเดือน 12 ตรงกับวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2491 วันจันทร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 #พระสุพรรณกัลยา: “ท่านขาท่านเก่งมากที่ท่านช่วยแก้เครื่องผูกมัดออกให้ฉัน ฉันจะได้เป็นอิสระเสียที ฉันจะไปอยู่กับท่านตลอดไป ท่านต้องการอะไรบอกฉัน เมื่อท่านจะไปไหนมาไหน หรือทำอะไรบอกฉันด้วย ฉันจะช่วยแบ่งเบาเท่าที่ ความสามารถ ของฉันจะทำได้ และท่านก็จะพ้นภัยภายในเร็วๆ นี้ พวกเราถูกกวาดต้อนมาเป็นเชลย จนฉันโตเป็นสาว อายุราวๆ เบญจเพศ ไอ้เจ้าบุเรงนองมันก็ปองรักจะหักด้ามพร้าด้วยเข่าเอาฉันทำเมีย แต่พระอนุชาของฉันทั้งสองไม่ยินยอมและตัวท่านเองก็ไม่ยอมด้วย ดังนั้นจึงพร้อมกันออกอุบายว่า ขอให้ฉันได้รับอนุญาตจากท่านผู้บังเกิดเกล้า คือ บิดามารดาเสียก่อน เจ้าบุเรงนองมันตาฝาดด้วยอำนาจกิเลสตัณหาจึงจัดแจงโยธาไพร่พลพร้อมด้วยตัวเขาและน้องชายทั้งสองของฉันและตัวท่านเองก็ได้กลับไปด้วย แต่การไปของท่าน เขาให้ไปถึงแค่เขตแดนแล้วเขาสั่งให้สร้างบ้านเรือนอยู่ตรงเมืองมะริด และเจ้าบุเรงนองก็เกรงใจท่านมากเพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ที่เขานับถือ เหตุที่ฉันจะต้องไปด้วยตอนถูกกวาดไปเป็นเชลย เพราะน้องของฉันทั้งสองพระองค์ เขาติดพันฉันมาก ฉันเป็นทั้งพี่จริงและพี่เลี้ยง ฉันเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เยาว์วัย ในคราวที่เราร่อนเร่มาอย่างเมื่อยล้า น้องคนเล็กไม่ยอมเดิน ฉันต้องอุ้มกระเตงคนเล็กไว้ที่เอวข้างขวา จูงคนโตด้วยมือซ้ายตอนข้ามน้ำ ท่านยังเห็นว่าขำแท้ๆท่านจึงทำจำแลง แกะสลักรูปของฉันอุ้มน้อง เพื่อล้อเลียนไว้ดูเล่น ขอให้ท่านเอากลับไปด้วยนะ เอาไว้ไปดูเล่นเป็นขวัญตา รวมถึงอัฐิและกำไลแขนของฉันในสถานที่ที่ฉันเก็บไว้ ขอให้นำกลับไปด้วย และของที่เราสักการะบูชา คือ เทวรูปพระนารายณ์ และพระแม่อุมาที่เป็นทองคำก็ให้ท่านเอากลับไปด้วย" สิ่งของเหล่านั้นหลวงปู่โง่นได้นำเอากลับมาเก็บรักษาไว้ที่ห้องเทวดา ศาลากลางน้ำ วัดพระพุทธบาทเขารวก พิจิตร เท่าทุกวันนี้ นี่แหละ คือ สักขีพยานในด้านรูปธรรมที่พอยืนยันได้ พระสุพรรณกัลยา: “กองทัพของไทยขึ้นไปประชิดที่เมืองอังวะไว้แล้ว ไอ้เจ้ามังไชยสิงหะราช (นันทบุเรง) จึงสั่งจับจำจองแม่เลี้ยงของมันคือฉันเองให้ลงโทษทัณฑ์อย่างหนัก มันสั่งให้คนจับฉัน มัดมือ มัดเท้า แล้วลงมือชกต่อย ตบ ตี เตะ ถีบ โบยด้วยแส้หวาย โบยแล้วโบยอีก แล้วปล่อยให้ฉันอดข้าวอดน้ำ ให้ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส เมื่อมันเห็นว่าฉันอ่อนเปลี้ยเพลียแรงแล้ว มันก็ฟันฉันด้วยดาบเล่มนี้ และขอให้ท่านเอากลับไปด้วยนะ แล้วฉันก็ตายไปพร้อมกับลูกอยู่ในท้องแปดเดือน แล้วมันก็ให้หมอผีมาทำพิธีทางไสยศาสตร์ด้วย การผูกรัดรึงตรึงฉัน ด้วยไม้กางเขนตรากระสัง ให้วิญญาณของฉันไปไหนมาไหนไม่ได้ ต้องวนเวียนอยู่ในละแวกนี้เท่านั้น ฉันขอขอบใจท่านมากที่ท่านได้มาช่วยแก้เครื่องพันธนาการออกให้ฉัน แต่นี่ฉันก็เป็นอิสระแล้ว เมื่อท่านกลับไปเมืองไทยฉันจะไปด้วย ฉันจะไปช่วยงานท่าน ท่านมีธุรกิจอะไรเพื่อสังคม เพื่อส่วนรวม เพื่อชาติ ศาสนกษัตริย์แล้วบอกฉัน ขอให้ท่านหวนจิตคิดย้อนกลับไปดูภาวะของฉันที่ได้กำเนิดเกิดมาเป็นธิดาองค์ใหญ่ในวงศ์สุดท้ายของวงศ์สุโขทัย พระราชบิดาได้ไปครองเมืองอยุธยาได้รับสมญาว่า เจ้าฟ้าหญิงพระสุพรรณกัลยา มีความสุขจากทรัพย์โภคาอย่างล้นเหลือ มีข้าทาสบริวารนับไม่ถ้วน มีความสุขสุดที่จะพรรณา จำเดิมแต่ได้พลัดพรากจากบ้านเมืองพ่อแม่มา ข้ามภูผาที่กันดาร ยังมาทุกข์ทรมานในการจำจากน้องทั้งสองอันเป็นที่รักที่สุด สุดท้ายก็มาถูกเจ้านันทบุเรง บุตรบุญธรรมของฉันนั้นเองเฆี่ยนตีทำโทษจนถึง แก่ความตายอย่างทรมานที่สุด ซึ่งไม่มีมนุษย์คนใดๆจะเหมือนฉัน แต่ฉันก็กระทำไปเพื่อความอยู่รอดของประเทศชาติบ้านเมือง” หลวงปู่โง่น: “ตอนนี้ท่านหญิงสบายแล้ว เสวยสุขอยู่ในทิพย์วิมานอันแสนจะสำราญอยู่ที่นี้ ที่โลกทิพย์นี่ สองสามราตรีเท่านั้นในพิภพนี้ แต่โลกมนุษย์ปาเข้าไปห้าร้อยปีแล้ว ตัวอาตมาเองได้ดับชีวีจากเมืองผีไปเมืองคน วนเวียนอยู่หลายชาติแล้ว เราจะมาเพลิดเพลินในเรื่องเวียนว่ายตายเกิดอยู่หรือไง เป็นเพราะไอ้ตัวกิเลสตัณหาบ้าบอแท้ๆ ที่ได้จองจำนำพาให้เราต้องมาเวียนว่ายตายเกิด” พระสุพรรณกัลยา: “ฉันจะไปอุบัติในสกุลสุขุมาลย์ชาติในวงศ์สกุลกษัตริย์ไทย ช่วยบ้านเมืองในร่างสตรีเพศ เมื่อบ้านเมืองเดือดร้อน และจะไม่เยื่อใยในการมีคู่ครอง เพราะฉันเข็ดแล้วเรื่องผู้ชาย ฉันจะสร้างบารมีทำแต่ความดีให้นั่งอยู่บนหัวใจของคนไทยทั้งประเทศ แล้วฉันก็จะเป็นคนหมดเวรภัยไปสู่สถานที่ที่ไม่มีการเกิดการตายอีกแล้ว” พระสุพรรณกัลยา: “พระคุณเจ้าอย่าลืมนะ เรื่องฉันร้องขอคือ ฝากให้ท่านเอารูปลักษณ์ของฉันที่อยู่ในห้วงแห่งความทรงจำของท่าน ออกเผยแพร่ให้คนอื่นๆ ที่อยากรู้อยากเห็นฉันให้เป็นแบบรูปธรรมขึ้นมา ให้เขาได้เห็นฉันด้วย แต่ฉันเชื่อแน่ว่า คนไทยทั้งประเทศ เขาคงจำฉันได้ไม่กี่คน เพราะประวัติจริงๆ ที่พระน้องยาเธอของฉันจารึกไว้ก็คงจะสลายหายสูญไปกับกรุงแตกครั้งหลังสุดแล้ว” หลวงปู่โง่นจึงได้สร้างรูปของพระสุพรรณกัลยาโดยใช้วิธีการสองระบบ คือ ระบบทางนามธรรม หรือ ระบบทางจิตคือการสัมผัสทางจิตวิญญาณ และระบบทางรูปธรรม โดยอาศัยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ให้ปรากฏเป็นภาพแก่สายตาภายนอก โดยใช้กล้องถ่ายรูปชั้นดีสองตัว คือ กล้องโอลิมปัสของเยอรมัน และกล้องโพโตลองของฝรั่งเศส ในทางวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์ก็มีหลักยืนยันว่า E=MC2 สสารย่อมไม่หายไปจากโลก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีขึ้นแล้วในโลก เมื่อถึงคราวแตกดับไปสลายตัวไปก็จะกลายเป็นสสาร ยืนยงคงอยู่ตลอดไป เพราะอุณหภูมิคือความร้อนรักษาไว้ มีการจัดหาเครื่องพลีกรรมทางไสยศาสตร์ ซึ่งมีเครื่องบูชามีอาหารหวานคาว ผลไม้ และเครื่องแต่งตัวของผู้หญิงมีแป้ง น้ำอบน้ำหอม ผ้าถุงเสื้อนุ่งสีทอง เสร็จแล้วก็ไปทำพิธีในสถานที่ได้นิมิตเห็นพระสุพรรณกัลยาและถ่ายรูปเอาดวงวิญญาณของพระนาง เมื่อได้จัดแจงอุปกรณ์ภายนอก ทุกอย่างที่กล่าวมาแล้ว หันหน้ากล้องทั้งสองเข้า หาพานเครื่องเส้น ทำใจให้สงบ หันหน้าตัวเองไปแนวเดียวกับกล้องถ่ายรูป แล้ว สวดคาถาว่า... เอหิภูโต มหาภูโต สะมะนุสโส สะเทวะโก กะโรหิ เทวะทิ ตานังอาคัจเฉยะ อาคัจฉาหิ เอหิวิญญานะสุพรรณกัลละยา เทวะทิตา อาคัจเฉยยะ อาคัจฉาหิ มานิมามา ภาวนาได้เจ็ดครั้งแล้วก็หยุด ใช้ความรู้สึกอย่างแรงในขณะหายใจเข้า ดึงเอาภาพลักษณ์ของพระสุพรรณกัลยา ให้มาปรากฏ แล้วจิตมันก็ว่าง อันรูปภาพของพระนางก็ปรากฏขึ้นในมโนภาพเห็น ชัดเจน อันกล้องถ่ายทั้งสอง มันก็ทำงานตามที่กำหนดไว้ ใช้เวลาอยู่สามชั่วโมงก็หยุด เอาฟิล์มออกมาล้างดู ล้างด้วยมือเอง เพราะหลวงปู่โง่นเคยเป็นช่างถ่ายรูปมาก่อน ได้รูปออกมาเป็นที่น่าพอใจ หลวงปู่โง่นได้เผยแพร่รูปพระนางตามที่ได้ปรากฏในโพสต์นี้ และบันทึกว่า พระนางสุพรรณกัลยาได้ทำคุณประโยชน์ไว้ให้แก่คนไทยทั้งชาติ คือ ต้องยอมเสียสละความสุข ตลอดพระชนม์ชีพส่วนตัว เพื่อความอยู่รอดของบ้านเมืองสยามไทยทั้งประเทศ ซึ่งก็ไม่มีวีรสตรีหรือวีรบุรุษท่านใดในอดีตถึง ปัจจุบันที่จะได้เสียสละอย่างนั้น แล้วสมควรไหมที่ชาวไทยจะลืมท่านลง แต่ถ้าได้อ่านเรื่องนี้แล้ว ท่านผู้มีกตัญญูกตเวทิตาธรรม คงไม่ลืมแน่ คัดลอกและเรียบเรียงจากหนังสือ “ย้อยรอยกรรม ตำนานพระสุพรรณกัลยา” โดยหลวงปู่โง่น โสรโย เมษายน 2529"ข้าชื่อ สุพรรณกัลยา ข้าเกิดวันเสาร์ ปีมะเส็ง 2098 เป็นลูกสาวของพระมหาธรรมราชา มีน้องชายสองคน คือ เจ้าดำ เจ้าขาว เมื่อแพ้ศึก ข้ากับน้องชาย พร้อมด้วยเจ้าเหนือหัวคือพระมหินทราธิราช แต่ท่านมาถึงเกตทูเบิน เมืองมนต์ (มอญ) ท่านเสียชีวิตลง เขาจึงสั่งให้พ่อของข้า เป็นมหาอุปราช เป็นผู้ครองราช กรุงอโยธยา ข้าพร้อมกับไพร่พลและน้อง เพราะน้องข้าไม่ยอม จึงให้ข้ามาด้วย เราช่วยเลี้ยงเขาจนโต ข้าจากบ้านเมืองมา เมื่อวันพุธ เดือนสี่ ปีมะเมีย พุทธศักราช 2112 ข้าคิดถึงบ้าน คิดถึงมัน คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่เหลือเกิน" "ข้าได้เป็นแม่เลี้ยงน้องตั้งแต่อายุ 14 ปี ข้ากลับมาลาพ่อแม่เมื่ออายุ 19 ปี เมื่อปี 2119 ข้าได้แต่งงาน ข้าได้เลี้ยงน้อง ก่อนแต่งงานข้าได้กลับอยุธยา แล้วกลับไป แล้วให้น้องทั้งสองกลับมาช่วยพ่อกู้บ้านกู้เมืองที่อยุธยา ข้าคิดถึงบ้าน ข้าถูกจองจำด้วยเวทมนต์" เป็นบทความที่แปลจากหนังสือที่พระสุพรรณกัลยาได้เขียนเป็นอักษรโบราณของพม่าในปี พ.ศ. 2229 พบที่หอสมุดของพม่า โดยหลวงปู่โง่น โสรโย อริยสงฆ์แห่งวัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร ในปี พ.ศ. 2491 หลวงปู่โง่น โสรโย เกิดบนแพกลางลำน้ำปิง เมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ.2447 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เวลา 05.58 น. บิดาเป็นหัวหน้าล่องแพไม้ซุง มารดาเป็นชาวลำพูน เมื่ออายุได้ประมาณ 10 ปี ซาโต้โมมอง เลขานุการข้าหลวงใหญ่ชาวฝรั่งเศสประจำอินโดจีน รับตัวเป็นบุตรบุญธรรม และได้ศึกษาที่ต่างประเทศจนจบปริญญาเอก ณ มหาวิทยาลัยในเยอรมัน สามารถพูดได้ถึง 7 ภาษา เดิมนับถือศาสนาคริสต์ ต่อมาได้อุปสมบทในพุทธศาสนาในปี พ.ศ.2482 ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม นครพนม ระหว่างที่เป็นสมณะได้ปฏิบัติกรรมฐานในถ้ำ และกลางหิมะนานถึง 8 ชั่วโมง ได้รับคำสอนจากหลวงปู่โลกเทพอุดร มีความชำนาญเรื่องยาสมุนไพร หลวงปู่โง่นละสังขารของท่านเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2542 รวมสิริชนมายุได้ 94 ปีเศษ หลวงปู่โง่น โสรโย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1565 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากเพจ ประวัติศาสตร์ ราชวงค์จักรี

    "ข้าชื่อ #สุพรรณกัลยา ข้าเกิดวันเสาร์ ปีมะเส็ง 2098 เป็นลูกสาวของพระมหาธรรมราชา มีน้องชายสองคน คือ เจ้าดำ เจ้าขาว เมื่อแพ้ศึก ข้ากับน้องชาย พร้อมด้วยเจ้าเหนือหัวคือพระมหินทราธิราช แต่ท่านมาถึงเกตทูเบิน เมืองมนต์ (มอญ) ท่านเสียชีวิตลง เขาจึงสั่งให้พ่อของข้า เป็นมหาอุปราช เป็นผู้ครองราช กรุงอโยธยา ข้าพร้อมกับไพร่พลและน้อง เพราะน้องข้าไม่ยอม จึงให้ข้ามาด้วย เราช่วยเลี้ยงเขาจนโต ข้าจากบ้านเมืองมา เมื่อวันพุธ เดือนสี่ ปีมะเมีย พุทธศักราช 2112 ข้าคิดถึงบ้าน คิดถึงมัน คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่เหลือเกิน"

    "ข้าได้เป็นแม่เลี้ยงน้องตั้งแต่อายุ 14 ปี ข้ากลับมาลาพ่อแม่เมื่ออายุ 19 ปี เมื่อปี 2119 ข้าได้แต่งงาน ข้าได้เลี้ยงน้อง ก่อนแต่งงานข้าได้กลับอยุธยา แล้วกลับไป แล้วให้น้องทั้งสองกลับมาช่วยพ่อกู้บ้านกู้เมืองที่อยุธยา ข้าคิดถึงบ้าน ข้าถูกจองจำด้วยเวทมนต์"

    เป็นบทความที่แปลจากหนังสือที่พระสุพรรณกัลยาได้เขียนเป็นอักษรโบราณของพม่าในปี พ.ศ. 2229 พบที่หอสมุดของพม่า

    โดยหลวงปู่โง่น โสรโย อริยสงฆ์แห่งวัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร ในปี พ.ศ. 2491

    หลวงปู่โง่น โสรโย เกิดบนแพกลางลำน้ำปิง เมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ.2447 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เวลา 05.58 น.

    บิดาเป็นหัวหน้าล่องแพไม้ซุง มารดาเป็นชาวลำพูน เมื่ออายุได้ประมาณ 10 ปี ซาโต้โมมอง เลขานุการข้าหลวงใหญ่ชาวฝรั่งเศสประจำอินโดจีน รับตัวเป็นบุตรบุญธรรม และได้ศึกษาที่ต่างประเทศจนจบปริญญาเอก ณ มหาวิทยาลัยในเยอรมัน สามารถพูดได้ถึง 7 ภาษา เดิมนับถือศาสนาคริสต์

    ต่อมาได้อุปสมบทในพุทธศาสนาในปี พ.ศ.2482 ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม นครพนม

    ระหว่างที่เป็นสมณะได้ปฏิบัติกรรมฐานในถ้ำ และกลางหิมะนานถึง 8 ชั่วโมง ได้รับคำสอนจากหลวงปู่โลกเทพอุดร มีความชำนาญเรื่องยาสมุนไพร หลวงปู่โง่นละสังขารของท่านเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2542 รวมสิริชนมายุได้ 94 ปีเศษ

    #หลวงปู่โง่น_โสรโย ขณะเดินทางเข้าพม่าในปี พ.ศ. 2491 ได้ถูกจับติดคุกพม่า เมื่อท่านทำความเพียร จึงได้สัมผัสทางวิญญาณพระสุพรรณกัลยา

    พระสุพรรณกัลยา: “ฉันเองชื่อสุพรรณกัลยา เป็นธิดาคนโตของพระมหาธรรมราชา

    มีน้องชายสองคน คือเจ้าองค์ดำ และเจ้าองค์ขาว เป็นชาวสยามไทย

    ได้ถูกกวาดต้อนมาเมื่อกรุงศรีอยุธยาแตก มาเป็นเชลยอยู่ที่เมืองหงสาวดีนี้ ท่านก็ถูกเขากวาดต้อนมาด้วย เขาเกณฑ์ท่านมาเป็นช่าง สร้างบ้านให้พวกเราอยู่กัน ฉันไว้ใจท่านเพราะท่านซื่อสัตย์และกตัญญู ท่านช่วยดูแลฉันและน้องๆ ตลอดพวกพ้องที่เป็นเชลย ตลอดเวลา

    มาวันนี้ท่านแต่งตัวเป็นนักบวช คงจะมีมนต์ขลังดี ช่วยแก้ด้ายสายสิญจน์ออกจากมือและขาให้ฉันด้วย

    หมอผีพม่ามันผูกเอาไว้ เพื่อกันฉันจะหนี ฉันจึงหนีไปไหนมาไหนไกลๆไม่ได้ มันจะเหนี่ยวกลับทันที ถ้าหนีได้ฉันจะไปกับท่าน”

    แล้วหลวงปู่โง่นจึงได้ถอดกายทิพย์ไปดึงด้ายสายสิญจน์ที่เขาทำด้วยแผ่นทองคำ ความยาวห้าคืบ กว้างหนึ่งนิ้ว ลงอักขระคาถา

    ตรงกับวันเพ็ญเดือน 12 ตรงกับวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2491 วันจันทร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12

    #พระสุพรรณกัลยา: “ท่านขาท่านเก่งมากที่ท่านช่วยแก้เครื่องผูกมัดออกให้ฉัน ฉันจะได้เป็นอิสระเสียที ฉันจะไปอยู่กับท่านตลอดไป ท่านต้องการอะไรบอกฉัน เมื่อท่านจะไปไหนมาไหน หรือทำอะไรบอกฉันด้วย ฉันจะช่วยแบ่งเบาเท่าที่ ความสามารถ ของฉันจะทำได้ และท่านก็จะพ้นภัยภายในเร็วๆ นี้

    พวกเราถูกกวาดต้อนมาเป็นเชลย จนฉันโตเป็นสาว อายุราวๆ เบญจเพศ ไอ้เจ้าบุเรงนองมันก็ปองรักจะหักด้ามพร้าด้วยเข่าเอาฉันทำเมีย

    แต่พระอนุชาของฉันทั้งสองไม่ยินยอมและตัวท่านเองก็ไม่ยอมด้วย ดังนั้นจึงพร้อมกันออกอุบายว่า ขอให้ฉันได้รับอนุญาตจากท่านผู้บังเกิดเกล้า

    คือ บิดามารดาเสียก่อน เจ้าบุเรงนองมันตาฝาดด้วยอำนาจกิเลสตัณหาจึงจัดแจงโยธาไพร่พลพร้อมด้วยตัวเขาและน้องชายทั้งสองของฉันและตัวท่านเองก็ได้กลับไปด้วย

    แต่การไปของท่าน เขาให้ไปถึงแค่เขตแดนแล้วเขาสั่งให้สร้างบ้านเรือนอยู่ตรงเมืองมะริด และเจ้าบุเรงนองก็เกรงใจท่านมากเพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ที่เขานับถือ

    เหตุที่ฉันจะต้องไปด้วยตอนถูกกวาดไปเป็นเชลย

    เพราะน้องของฉันทั้งสองพระองค์ เขาติดพันฉันมาก ฉันเป็นทั้งพี่จริงและพี่เลี้ยง ฉันเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เยาว์วัย

    ในคราวที่เราร่อนเร่มาอย่างเมื่อยล้า น้องคนเล็กไม่ยอมเดิน ฉันต้องอุ้มกระเตงคนเล็กไว้ที่เอวข้างขวา จูงคนโตด้วยมือซ้ายตอนข้ามน้ำ ท่านยังเห็นว่าขำแท้ๆท่านจึงทำจำแลง แกะสลักรูปของฉันอุ้มน้อง เพื่อล้อเลียนไว้ดูเล่น ขอให้ท่านเอากลับไปด้วยนะ เอาไว้ไปดูเล่นเป็นขวัญตา รวมถึงอัฐิและกำไลแขนของฉันในสถานที่ที่ฉันเก็บไว้ ขอให้นำกลับไปด้วย และของที่เราสักการะบูชา คือ เทวรูปพระนารายณ์ และพระแม่อุมาที่เป็นทองคำก็ให้ท่านเอากลับไปด้วย"

    สิ่งของเหล่านั้นหลวงปู่โง่นได้นำเอากลับมาเก็บรักษาไว้ที่ห้องเทวดา ศาลากลางน้ำ วัดพระพุทธบาทเขารวก พิจิตร เท่าทุกวันนี้ นี่แหละ คือ สักขีพยานในด้านรูปธรรมที่พอยืนยันได้

    พระสุพรรณกัลยา: “กองทัพของไทยขึ้นไปประชิดที่เมืองอังวะไว้แล้ว ไอ้เจ้ามังไชยสิงหะราช (นันทบุเรง) จึงสั่งจับจำจองแม่เลี้ยงของมันคือฉันเองให้ลงโทษทัณฑ์อย่างหนัก มันสั่งให้คนจับฉัน มัดมือ มัดเท้า แล้วลงมือชกต่อย ตบ ตี เตะ ถีบ โบยด้วยแส้หวาย โบยแล้วโบยอีก แล้วปล่อยให้ฉันอดข้าวอดน้ำ ให้ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส

    เมื่อมันเห็นว่าฉันอ่อนเปลี้ยเพลียแรงแล้ว มันก็ฟันฉันด้วยดาบเล่มนี้ และขอให้ท่านเอากลับไปด้วยนะ แล้วฉันก็ตายไปพร้อมกับลูกอยู่ในท้องแปดเดือน แล้วมันก็ให้หมอผีมาทำพิธีทางไสยศาสตร์ด้วย

    การผูกรัดรึงตรึงฉัน ด้วยไม้กางเขนตรากระสัง ให้วิญญาณของฉันไปไหนมาไหนไม่ได้ ต้องวนเวียนอยู่ในละแวกนี้เท่านั้น

    ฉันขอขอบใจท่านมากที่ท่านได้มาช่วยแก้เครื่องพันธนาการออกให้ฉัน

    แต่นี่ฉันก็เป็นอิสระแล้ว เมื่อท่านกลับไปเมืองไทยฉันจะไปด้วย ฉันจะไปช่วยงานท่าน ท่านมีธุรกิจอะไรเพื่อสังคม เพื่อส่วนรวม เพื่อชาติ ศาสนกษัตริย์แล้วบอกฉัน

    ขอให้ท่านหวนจิตคิดย้อนกลับไปดูภาวะของฉันที่ได้กำเนิดเกิดมาเป็นธิดาองค์ใหญ่ในวงศ์สุดท้ายของวงศ์สุโขทัย พระราชบิดาได้ไปครองเมืองอยุธยาได้รับสมญาว่า เจ้าฟ้าหญิงพระสุพรรณกัลยา มีความสุขจากทรัพย์โภคาอย่างล้นเหลือ มีข้าทาสบริวารนับไม่ถ้วน มีความสุขสุดที่จะพรรณา จำเดิมแต่ได้พลัดพรากจากบ้านเมืองพ่อแม่มา ข้ามภูผาที่กันดาร ยังมาทุกข์ทรมานในการจำจากน้องทั้งสองอันเป็นที่รักที่สุด สุดท้ายก็มาถูกเจ้านันทบุเรง บุตรบุญธรรมของฉันนั้นเองเฆี่ยนตีทำโทษจนถึง แก่ความตายอย่างทรมานที่สุด ซึ่งไม่มีมนุษย์คนใดๆจะเหมือนฉัน แต่ฉันก็กระทำไปเพื่อความอยู่รอดของประเทศชาติบ้านเมือง”

    หลวงปู่โง่น: “ตอนนี้ท่านหญิงสบายแล้ว เสวยสุขอยู่ในทิพย์วิมานอันแสนจะสำราญอยู่ที่นี้ ที่โลกทิพย์นี่ สองสามราตรีเท่านั้นในพิภพนี้ แต่โลกมนุษย์ปาเข้าไปห้าร้อยปีแล้ว ตัวอาตมาเองได้ดับชีวีจากเมืองผีไปเมืองคน วนเวียนอยู่หลายชาติแล้ว

    เราจะมาเพลิดเพลินในเรื่องเวียนว่ายตายเกิดอยู่หรือไง เป็นเพราะไอ้ตัวกิเลสตัณหาบ้าบอแท้ๆ ที่ได้จองจำนำพาให้เราต้องมาเวียนว่ายตายเกิด”

    พระสุพรรณกัลยา: “ฉันจะไปอุบัติในสกุลสุขุมาลย์ชาติในวงศ์สกุลกษัตริย์ไทย ช่วยบ้านเมืองในร่างสตรีเพศ เมื่อบ้านเมืองเดือดร้อน และจะไม่เยื่อใยในการมีคู่ครอง เพราะฉันเข็ดแล้วเรื่องผู้ชาย ฉันจะสร้างบารมีทำแต่ความดีให้นั่งอยู่บนหัวใจของคนไทยทั้งประเทศ
    แล้วฉันก็จะเป็นคนหมดเวรภัยไปสู่สถานที่ที่ไม่มีการเกิดการตายอีกแล้ว”

    พระสุพรรณกัลยา: “พระคุณเจ้าอย่าลืมนะ เรื่องฉันร้องขอคือ ฝากให้ท่านเอารูปลักษณ์ของฉันที่อยู่ในห้วงแห่งความทรงจำของท่าน ออกเผยแพร่ให้คนอื่นๆ ที่อยากรู้อยากเห็นฉันให้เป็นแบบรูปธรรมขึ้นมา ให้เขาได้เห็นฉันด้วย แต่ฉันเชื่อแน่ว่า คนไทยทั้งประเทศ เขาคงจำฉันได้ไม่กี่คน

    เพราะประวัติจริงๆ ที่พระน้องยาเธอของฉันจารึกไว้ก็คงจะสลายหายสูญไปกับกรุงแตกครั้งหลังสุดแล้ว”

    หลวงปู่โง่นจึงได้สร้างรูปของพระสุพรรณกัลยาโดยใช้วิธีการสองระบบ คือ ระบบทางนามธรรม หรือ ระบบทางจิตคือการสัมผัสทางจิตวิญญาณ และระบบทางรูปธรรม โดยอาศัยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ให้ปรากฏเป็นภาพแก่สายตาภายนอก โดยใช้กล้องถ่ายรูปชั้นดีสองตัว คือ กล้องโอลิมปัสของเยอรมัน และกล้องโพโตลองของฝรั่งเศส

    ในทางวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์ก็มีหลักยืนยันว่า E=MC2 สสารย่อมไม่หายไปจากโลก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีขึ้นแล้วในโลก เมื่อถึงคราวแตกดับไปสลายตัวไปก็จะกลายเป็นสสาร ยืนยงคงอยู่ตลอดไป เพราะอุณหภูมิคือความร้อนรักษาไว้

    มีการจัดหาเครื่องพลีกรรมทางไสยศาสตร์ ซึ่งมีเครื่องบูชามีอาหารหวานคาว ผลไม้ และเครื่องแต่งตัวของผู้หญิงมีแป้ง น้ำอบน้ำหอม ผ้าถุงเสื้อนุ่งสีทอง

    เสร็จแล้วก็ไปทำพิธีในสถานที่ได้นิมิตเห็นพระสุพรรณกัลยาและถ่ายรูปเอาดวงวิญญาณของพระนาง

    เมื่อได้จัดแจงอุปกรณ์ภายนอก ทุกอย่างที่กล่าวมาแล้ว หันหน้ากล้องทั้งสองเข้า หาพานเครื่องเส้น ทำใจให้สงบ หันหน้าตัวเองไปแนวเดียวกับกล้องถ่ายรูป แล้ว

    สวดคาถาว่า...

    เอหิภูโต มหาภูโต สะมะนุสโส สะเทวะโก กะโรหิ เทวะทิ ตานังอาคัจเฉยะ อาคัจฉาหิ เอหิวิญญานะสุพรรณกัลละยา เทวะทิตา อาคัจเฉยยะ อาคัจฉาหิ มานิมามา

    ภาวนาได้เจ็ดครั้งแล้วก็หยุด

    ใช้ความรู้สึกอย่างแรงในขณะหายใจเข้า ดึงเอาภาพลักษณ์ของพระสุพรรณกัลยา ให้มาปรากฏ แล้วจิตมันก็ว่าง อันรูปภาพของพระนางก็ปรากฏขึ้นในมโนภาพเห็น ชัดเจน อันกล้องถ่ายทั้งสอง มันก็ทำงานตามที่กำหนดไว้

    ใช้เวลาอยู่สามชั่วโมงก็หยุด เอาฟิล์มออกมาล้างดู ล้างด้วยมือเอง เพราะหลวงปู่โง่นเคยเป็นช่างถ่ายรูปมาก่อน ได้รูปออกมาเป็นที่น่าพอใจ

    หลวงปู่โง่นได้เผยแพร่รูปพระนางตามที่ได้ปรากฏในโพสต์นี้ และบันทึกว่า พระนางสุพรรณกัลยาได้ทำคุณประโยชน์ไว้ให้แก่คนไทยทั้งชาติ คือ ต้องยอมเสียสละความสุข ตลอดพระชนม์ชีพส่วนตัว เพื่อความอยู่รอดของบ้านเมืองสยามไทยทั้งประเทศ ซึ่งก็ไม่มีวีรสตรีหรือวีรบุรุษท่านใดในอดีตถึง ปัจจุบันที่จะได้เสียสละอย่างนั้น แล้วสมควรไหมที่ชาวไทยจะลืมท่านลง แต่ถ้าได้อ่านเรื่องนี้แล้ว ท่านผู้มีกตัญญูกตเวทิตาธรรม คงไม่ลืมแน่

    คัดลอกและเรียบเรียงจากหนังสือ “ย้อยรอยกรรม ตำนานพระสุพรรณกัลยา” โดยหลวงปู่โง่น โสรโย เมษายน 2529"ข้าชื่อ สุพรรณกัลยา ข้าเกิดวันเสาร์ ปีมะเส็ง 2098 เป็นลูกสาวของพระมหาธรรมราชา มีน้องชายสองคน คือ เจ้าดำ เจ้าขาว เมื่อแพ้ศึก ข้ากับน้องชาย พร้อมด้วยเจ้าเหนือหัวคือพระมหินทราธิราช แต่ท่านมาถึงเกตทูเบิน เมืองมนต์ (มอญ) ท่านเสียชีวิตลง เขาจึงสั่งให้พ่อของข้า เป็นมหาอุปราช เป็นผู้ครองราช กรุงอโยธยา ข้าพร้อมกับไพร่พลและน้อง เพราะน้องข้าไม่ยอม จึงให้ข้ามาด้วย เราช่วยเลี้ยงเขาจนโต ข้าจากบ้านเมืองมา เมื่อวันพุธ เดือนสี่ ปีมะเมีย พุทธศักราช 2112 ข้าคิดถึงบ้าน คิดถึงมัน คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่เหลือเกิน"

    "ข้าได้เป็นแม่เลี้ยงน้องตั้งแต่อายุ 14 ปี ข้ากลับมาลาพ่อแม่เมื่ออายุ 19 ปี เมื่อปี 2119 ข้าได้แต่งงาน ข้าได้เลี้ยงน้อง ก่อนแต่งงานข้าได้กลับอยุธยา แล้วกลับไป แล้วให้น้องทั้งสองกลับมาช่วยพ่อกู้บ้านกู้เมืองที่อยุธยา ข้าคิดถึงบ้าน ข้าถูกจองจำด้วยเวทมนต์"

    เป็นบทความที่แปลจากหนังสือที่พระสุพรรณกัลยาได้เขียนเป็นอักษรโบราณของพม่าในปี พ.ศ. 2229 พบที่หอสมุดของพม่า

    โดยหลวงปู่โง่น โสรโย อริยสงฆ์แห่งวัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร ในปี พ.ศ. 2491

    หลวงปู่โง่น โสรโย เกิดบนแพกลางลำน้ำปิง เมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ.2447 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เวลา 05.58 น.

    บิดาเป็นหัวหน้าล่องแพไม้ซุง มารดาเป็นชาวลำพูน เมื่ออายุได้ประมาณ 10 ปี ซาโต้โมมอง เลขานุการข้าหลวงใหญ่ชาวฝรั่งเศสประจำอินโดจีน รับตัวเป็นบุตรบุญธรรม และได้ศึกษาที่ต่างประเทศจนจบปริญญาเอก ณ มหาวิทยาลัยในเยอรมัน สามารถพูดได้ถึง 7 ภาษา เดิมนับถือศาสนาคริสต์

    ต่อมาได้อุปสมบทในพุทธศาสนาในปี พ.ศ.2482 ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม นครพนม

    ระหว่างที่เป็นสมณะได้ปฏิบัติกรรมฐานในถ้ำ และกลางหิมะนานถึง 8 ชั่วโมง ได้รับคำสอนจากหลวงปู่โลกเทพอุดร มีความชำนาญเรื่องยาสมุนไพร หลวงปู่โง่นละสังขารของท่านเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2542 รวมสิริชนมายุได้ 94 ปีเศษ

    หลวงปู่โง่น โสรโย
    จากเพจ ประวัติศาสตร์ ราชวงค์จักรี "ข้าชื่อ #สุพรรณกัลยา ข้าเกิดวันเสาร์ ปีมะเส็ง 2098 เป็นลูกสาวของพระมหาธรรมราชา มีน้องชายสองคน คือ เจ้าดำ เจ้าขาว เมื่อแพ้ศึก ข้ากับน้องชาย พร้อมด้วยเจ้าเหนือหัวคือพระมหินทราธิราช แต่ท่านมาถึงเกตทูเบิน เมืองมนต์ (มอญ) ท่านเสียชีวิตลง เขาจึงสั่งให้พ่อของข้า เป็นมหาอุปราช เป็นผู้ครองราช กรุงอโยธยา ข้าพร้อมกับไพร่พลและน้อง เพราะน้องข้าไม่ยอม จึงให้ข้ามาด้วย เราช่วยเลี้ยงเขาจนโต ข้าจากบ้านเมืองมา เมื่อวันพุธ เดือนสี่ ปีมะเมีย พุทธศักราช 2112 ข้าคิดถึงบ้าน คิดถึงมัน คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่เหลือเกิน" "ข้าได้เป็นแม่เลี้ยงน้องตั้งแต่อายุ 14 ปี ข้ากลับมาลาพ่อแม่เมื่ออายุ 19 ปี เมื่อปี 2119 ข้าได้แต่งงาน ข้าได้เลี้ยงน้อง ก่อนแต่งงานข้าได้กลับอยุธยา แล้วกลับไป แล้วให้น้องทั้งสองกลับมาช่วยพ่อกู้บ้านกู้เมืองที่อยุธยา ข้าคิดถึงบ้าน ข้าถูกจองจำด้วยเวทมนต์" เป็นบทความที่แปลจากหนังสือที่พระสุพรรณกัลยาได้เขียนเป็นอักษรโบราณของพม่าในปี พ.ศ. 2229 พบที่หอสมุดของพม่า โดยหลวงปู่โง่น โสรโย อริยสงฆ์แห่งวัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร ในปี พ.ศ. 2491 หลวงปู่โง่น โสรโย เกิดบนแพกลางลำน้ำปิง เมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ.2447 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เวลา 05.58 น. บิดาเป็นหัวหน้าล่องแพไม้ซุง มารดาเป็นชาวลำพูน เมื่ออายุได้ประมาณ 10 ปี ซาโต้โมมอง เลขานุการข้าหลวงใหญ่ชาวฝรั่งเศสประจำอินโดจีน รับตัวเป็นบุตรบุญธรรม และได้ศึกษาที่ต่างประเทศจนจบปริญญาเอก ณ มหาวิทยาลัยในเยอรมัน สามารถพูดได้ถึง 7 ภาษา เดิมนับถือศาสนาคริสต์ ต่อมาได้อุปสมบทในพุทธศาสนาในปี พ.ศ.2482 ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม นครพนม ระหว่างที่เป็นสมณะได้ปฏิบัติกรรมฐานในถ้ำ และกลางหิมะนานถึง 8 ชั่วโมง ได้รับคำสอนจากหลวงปู่โลกเทพอุดร มีความชำนาญเรื่องยาสมุนไพร หลวงปู่โง่นละสังขารของท่านเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2542 รวมสิริชนมายุได้ 94 ปีเศษ #หลวงปู่โง่น_โสรโย ขณะเดินทางเข้าพม่าในปี พ.ศ. 2491 ได้ถูกจับติดคุกพม่า เมื่อท่านทำความเพียร จึงได้สัมผัสทางวิญญาณพระสุพรรณกัลยา พระสุพรรณกัลยา: “ฉันเองชื่อสุพรรณกัลยา เป็นธิดาคนโตของพระมหาธรรมราชา มีน้องชายสองคน คือเจ้าองค์ดำ และเจ้าองค์ขาว เป็นชาวสยามไทย ได้ถูกกวาดต้อนมาเมื่อกรุงศรีอยุธยาแตก มาเป็นเชลยอยู่ที่เมืองหงสาวดีนี้ ท่านก็ถูกเขากวาดต้อนมาด้วย เขาเกณฑ์ท่านมาเป็นช่าง สร้างบ้านให้พวกเราอยู่กัน ฉันไว้ใจท่านเพราะท่านซื่อสัตย์และกตัญญู ท่านช่วยดูแลฉันและน้องๆ ตลอดพวกพ้องที่เป็นเชลย ตลอดเวลา มาวันนี้ท่านแต่งตัวเป็นนักบวช คงจะมีมนต์ขลังดี ช่วยแก้ด้ายสายสิญจน์ออกจากมือและขาให้ฉันด้วย หมอผีพม่ามันผูกเอาไว้ เพื่อกันฉันจะหนี ฉันจึงหนีไปไหนมาไหนไกลๆไม่ได้ มันจะเหนี่ยวกลับทันที ถ้าหนีได้ฉันจะไปกับท่าน” แล้วหลวงปู่โง่นจึงได้ถอดกายทิพย์ไปดึงด้ายสายสิญจน์ที่เขาทำด้วยแผ่นทองคำ ความยาวห้าคืบ กว้างหนึ่งนิ้ว ลงอักขระคาถา ตรงกับวันเพ็ญเดือน 12 ตรงกับวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2491 วันจันทร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 #พระสุพรรณกัลยา: “ท่านขาท่านเก่งมากที่ท่านช่วยแก้เครื่องผูกมัดออกให้ฉัน ฉันจะได้เป็นอิสระเสียที ฉันจะไปอยู่กับท่านตลอดไป ท่านต้องการอะไรบอกฉัน เมื่อท่านจะไปไหนมาไหน หรือทำอะไรบอกฉันด้วย ฉันจะช่วยแบ่งเบาเท่าที่ ความสามารถ ของฉันจะทำได้ และท่านก็จะพ้นภัยภายในเร็วๆ นี้ พวกเราถูกกวาดต้อนมาเป็นเชลย จนฉันโตเป็นสาว อายุราวๆ เบญจเพศ ไอ้เจ้าบุเรงนองมันก็ปองรักจะหักด้ามพร้าด้วยเข่าเอาฉันทำเมีย แต่พระอนุชาของฉันทั้งสองไม่ยินยอมและตัวท่านเองก็ไม่ยอมด้วย ดังนั้นจึงพร้อมกันออกอุบายว่า ขอให้ฉันได้รับอนุญาตจากท่านผู้บังเกิดเกล้า คือ บิดามารดาเสียก่อน เจ้าบุเรงนองมันตาฝาดด้วยอำนาจกิเลสตัณหาจึงจัดแจงโยธาไพร่พลพร้อมด้วยตัวเขาและน้องชายทั้งสองของฉันและตัวท่านเองก็ได้กลับไปด้วย แต่การไปของท่าน เขาให้ไปถึงแค่เขตแดนแล้วเขาสั่งให้สร้างบ้านเรือนอยู่ตรงเมืองมะริด และเจ้าบุเรงนองก็เกรงใจท่านมากเพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ที่เขานับถือ เหตุที่ฉันจะต้องไปด้วยตอนถูกกวาดไปเป็นเชลย เพราะน้องของฉันทั้งสองพระองค์ เขาติดพันฉันมาก ฉันเป็นทั้งพี่จริงและพี่เลี้ยง ฉันเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เยาว์วัย ในคราวที่เราร่อนเร่มาอย่างเมื่อยล้า น้องคนเล็กไม่ยอมเดิน ฉันต้องอุ้มกระเตงคนเล็กไว้ที่เอวข้างขวา จูงคนโตด้วยมือซ้ายตอนข้ามน้ำ ท่านยังเห็นว่าขำแท้ๆท่านจึงทำจำแลง แกะสลักรูปของฉันอุ้มน้อง เพื่อล้อเลียนไว้ดูเล่น ขอให้ท่านเอากลับไปด้วยนะ เอาไว้ไปดูเล่นเป็นขวัญตา รวมถึงอัฐิและกำไลแขนของฉันในสถานที่ที่ฉันเก็บไว้ ขอให้นำกลับไปด้วย และของที่เราสักการะบูชา คือ เทวรูปพระนารายณ์ และพระแม่อุมาที่เป็นทองคำก็ให้ท่านเอากลับไปด้วย" สิ่งของเหล่านั้นหลวงปู่โง่นได้นำเอากลับมาเก็บรักษาไว้ที่ห้องเทวดา ศาลากลางน้ำ วัดพระพุทธบาทเขารวก พิจิตร เท่าทุกวันนี้ นี่แหละ คือ สักขีพยานในด้านรูปธรรมที่พอยืนยันได้ พระสุพรรณกัลยา: “กองทัพของไทยขึ้นไปประชิดที่เมืองอังวะไว้แล้ว ไอ้เจ้ามังไชยสิงหะราช (นันทบุเรง) จึงสั่งจับจำจองแม่เลี้ยงของมันคือฉันเองให้ลงโทษทัณฑ์อย่างหนัก มันสั่งให้คนจับฉัน มัดมือ มัดเท้า แล้วลงมือชกต่อย ตบ ตี เตะ ถีบ โบยด้วยแส้หวาย โบยแล้วโบยอีก แล้วปล่อยให้ฉันอดข้าวอดน้ำ ให้ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส เมื่อมันเห็นว่าฉันอ่อนเปลี้ยเพลียแรงแล้ว มันก็ฟันฉันด้วยดาบเล่มนี้ และขอให้ท่านเอากลับไปด้วยนะ แล้วฉันก็ตายไปพร้อมกับลูกอยู่ในท้องแปดเดือน แล้วมันก็ให้หมอผีมาทำพิธีทางไสยศาสตร์ด้วย การผูกรัดรึงตรึงฉัน ด้วยไม้กางเขนตรากระสัง ให้วิญญาณของฉันไปไหนมาไหนไม่ได้ ต้องวนเวียนอยู่ในละแวกนี้เท่านั้น ฉันขอขอบใจท่านมากที่ท่านได้มาช่วยแก้เครื่องพันธนาการออกให้ฉัน แต่นี่ฉันก็เป็นอิสระแล้ว เมื่อท่านกลับไปเมืองไทยฉันจะไปด้วย ฉันจะไปช่วยงานท่าน ท่านมีธุรกิจอะไรเพื่อสังคม เพื่อส่วนรวม เพื่อชาติ ศาสนกษัตริย์แล้วบอกฉัน ขอให้ท่านหวนจิตคิดย้อนกลับไปดูภาวะของฉันที่ได้กำเนิดเกิดมาเป็นธิดาองค์ใหญ่ในวงศ์สุดท้ายของวงศ์สุโขทัย พระราชบิดาได้ไปครองเมืองอยุธยาได้รับสมญาว่า เจ้าฟ้าหญิงพระสุพรรณกัลยา มีความสุขจากทรัพย์โภคาอย่างล้นเหลือ มีข้าทาสบริวารนับไม่ถ้วน มีความสุขสุดที่จะพรรณา จำเดิมแต่ได้พลัดพรากจากบ้านเมืองพ่อแม่มา ข้ามภูผาที่กันดาร ยังมาทุกข์ทรมานในการจำจากน้องทั้งสองอันเป็นที่รักที่สุด สุดท้ายก็มาถูกเจ้านันทบุเรง บุตรบุญธรรมของฉันนั้นเองเฆี่ยนตีทำโทษจนถึง แก่ความตายอย่างทรมานที่สุด ซึ่งไม่มีมนุษย์คนใดๆจะเหมือนฉัน แต่ฉันก็กระทำไปเพื่อความอยู่รอดของประเทศชาติบ้านเมือง” หลวงปู่โง่น: “ตอนนี้ท่านหญิงสบายแล้ว เสวยสุขอยู่ในทิพย์วิมานอันแสนจะสำราญอยู่ที่นี้ ที่โลกทิพย์นี่ สองสามราตรีเท่านั้นในพิภพนี้ แต่โลกมนุษย์ปาเข้าไปห้าร้อยปีแล้ว ตัวอาตมาเองได้ดับชีวีจากเมืองผีไปเมืองคน วนเวียนอยู่หลายชาติแล้ว เราจะมาเพลิดเพลินในเรื่องเวียนว่ายตายเกิดอยู่หรือไง เป็นเพราะไอ้ตัวกิเลสตัณหาบ้าบอแท้ๆ ที่ได้จองจำนำพาให้เราต้องมาเวียนว่ายตายเกิด” พระสุพรรณกัลยา: “ฉันจะไปอุบัติในสกุลสุขุมาลย์ชาติในวงศ์สกุลกษัตริย์ไทย ช่วยบ้านเมืองในร่างสตรีเพศ เมื่อบ้านเมืองเดือดร้อน และจะไม่เยื่อใยในการมีคู่ครอง เพราะฉันเข็ดแล้วเรื่องผู้ชาย ฉันจะสร้างบารมีทำแต่ความดีให้นั่งอยู่บนหัวใจของคนไทยทั้งประเทศ แล้วฉันก็จะเป็นคนหมดเวรภัยไปสู่สถานที่ที่ไม่มีการเกิดการตายอีกแล้ว” พระสุพรรณกัลยา: “พระคุณเจ้าอย่าลืมนะ เรื่องฉันร้องขอคือ ฝากให้ท่านเอารูปลักษณ์ของฉันที่อยู่ในห้วงแห่งความทรงจำของท่าน ออกเผยแพร่ให้คนอื่นๆ ที่อยากรู้อยากเห็นฉันให้เป็นแบบรูปธรรมขึ้นมา ให้เขาได้เห็นฉันด้วย แต่ฉันเชื่อแน่ว่า คนไทยทั้งประเทศ เขาคงจำฉันได้ไม่กี่คน เพราะประวัติจริงๆ ที่พระน้องยาเธอของฉันจารึกไว้ก็คงจะสลายหายสูญไปกับกรุงแตกครั้งหลังสุดแล้ว” หลวงปู่โง่นจึงได้สร้างรูปของพระสุพรรณกัลยาโดยใช้วิธีการสองระบบ คือ ระบบทางนามธรรม หรือ ระบบทางจิตคือการสัมผัสทางจิตวิญญาณ และระบบทางรูปธรรม โดยอาศัยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ให้ปรากฏเป็นภาพแก่สายตาภายนอก โดยใช้กล้องถ่ายรูปชั้นดีสองตัว คือ กล้องโอลิมปัสของเยอรมัน และกล้องโพโตลองของฝรั่งเศส ในทางวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์ก็มีหลักยืนยันว่า E=MC2 สสารย่อมไม่หายไปจากโลก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีขึ้นแล้วในโลก เมื่อถึงคราวแตกดับไปสลายตัวไปก็จะกลายเป็นสสาร ยืนยงคงอยู่ตลอดไป เพราะอุณหภูมิคือความร้อนรักษาไว้ มีการจัดหาเครื่องพลีกรรมทางไสยศาสตร์ ซึ่งมีเครื่องบูชามีอาหารหวานคาว ผลไม้ และเครื่องแต่งตัวของผู้หญิงมีแป้ง น้ำอบน้ำหอม ผ้าถุงเสื้อนุ่งสีทอง เสร็จแล้วก็ไปทำพิธีในสถานที่ได้นิมิตเห็นพระสุพรรณกัลยาและถ่ายรูปเอาดวงวิญญาณของพระนาง เมื่อได้จัดแจงอุปกรณ์ภายนอก ทุกอย่างที่กล่าวมาแล้ว หันหน้ากล้องทั้งสองเข้า หาพานเครื่องเส้น ทำใจให้สงบ หันหน้าตัวเองไปแนวเดียวกับกล้องถ่ายรูป แล้ว สวดคาถาว่า... เอหิภูโต มหาภูโต สะมะนุสโส สะเทวะโก กะโรหิ เทวะทิ ตานังอาคัจเฉยะ อาคัจฉาหิ เอหิวิญญานะสุพรรณกัลละยา เทวะทิตา อาคัจเฉยยะ อาคัจฉาหิ มานิมามา ภาวนาได้เจ็ดครั้งแล้วก็หยุด ใช้ความรู้สึกอย่างแรงในขณะหายใจเข้า ดึงเอาภาพลักษณ์ของพระสุพรรณกัลยา ให้มาปรากฏ แล้วจิตมันก็ว่าง อันรูปภาพของพระนางก็ปรากฏขึ้นในมโนภาพเห็น ชัดเจน อันกล้องถ่ายทั้งสอง มันก็ทำงานตามที่กำหนดไว้ ใช้เวลาอยู่สามชั่วโมงก็หยุด เอาฟิล์มออกมาล้างดู ล้างด้วยมือเอง เพราะหลวงปู่โง่นเคยเป็นช่างถ่ายรูปมาก่อน ได้รูปออกมาเป็นที่น่าพอใจ หลวงปู่โง่นได้เผยแพร่รูปพระนางตามที่ได้ปรากฏในโพสต์นี้ และบันทึกว่า พระนางสุพรรณกัลยาได้ทำคุณประโยชน์ไว้ให้แก่คนไทยทั้งชาติ คือ ต้องยอมเสียสละความสุข ตลอดพระชนม์ชีพส่วนตัว เพื่อความอยู่รอดของบ้านเมืองสยามไทยทั้งประเทศ ซึ่งก็ไม่มีวีรสตรีหรือวีรบุรุษท่านใดในอดีตถึง ปัจจุบันที่จะได้เสียสละอย่างนั้น แล้วสมควรไหมที่ชาวไทยจะลืมท่านลง แต่ถ้าได้อ่านเรื่องนี้แล้ว ท่านผู้มีกตัญญูกตเวทิตาธรรม คงไม่ลืมแน่ คัดลอกและเรียบเรียงจากหนังสือ “ย้อยรอยกรรม ตำนานพระสุพรรณกัลยา” โดยหลวงปู่โง่น โสรโย เมษายน 2529"ข้าชื่อ สุพรรณกัลยา ข้าเกิดวันเสาร์ ปีมะเส็ง 2098 เป็นลูกสาวของพระมหาธรรมราชา มีน้องชายสองคน คือ เจ้าดำ เจ้าขาว เมื่อแพ้ศึก ข้ากับน้องชาย พร้อมด้วยเจ้าเหนือหัวคือพระมหินทราธิราช แต่ท่านมาถึงเกตทูเบิน เมืองมนต์ (มอญ) ท่านเสียชีวิตลง เขาจึงสั่งให้พ่อของข้า เป็นมหาอุปราช เป็นผู้ครองราช กรุงอโยธยา ข้าพร้อมกับไพร่พลและน้อง เพราะน้องข้าไม่ยอม จึงให้ข้ามาด้วย เราช่วยเลี้ยงเขาจนโต ข้าจากบ้านเมืองมา เมื่อวันพุธ เดือนสี่ ปีมะเมีย พุทธศักราช 2112 ข้าคิดถึงบ้าน คิดถึงมัน คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่เหลือเกิน" "ข้าได้เป็นแม่เลี้ยงน้องตั้งแต่อายุ 14 ปี ข้ากลับมาลาพ่อแม่เมื่ออายุ 19 ปี เมื่อปี 2119 ข้าได้แต่งงาน ข้าได้เลี้ยงน้อง ก่อนแต่งงานข้าได้กลับอยุธยา แล้วกลับไป แล้วให้น้องทั้งสองกลับมาช่วยพ่อกู้บ้านกู้เมืองที่อยุธยา ข้าคิดถึงบ้าน ข้าถูกจองจำด้วยเวทมนต์" เป็นบทความที่แปลจากหนังสือที่พระสุพรรณกัลยาได้เขียนเป็นอักษรโบราณของพม่าในปี พ.ศ. 2229 พบที่หอสมุดของพม่า โดยหลวงปู่โง่น โสรโย อริยสงฆ์แห่งวัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร ในปี พ.ศ. 2491 หลวงปู่โง่น โสรโย เกิดบนแพกลางลำน้ำปิง เมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ.2447 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เวลา 05.58 น. บิดาเป็นหัวหน้าล่องแพไม้ซุง มารดาเป็นชาวลำพูน เมื่ออายุได้ประมาณ 10 ปี ซาโต้โมมอง เลขานุการข้าหลวงใหญ่ชาวฝรั่งเศสประจำอินโดจีน รับตัวเป็นบุตรบุญธรรม และได้ศึกษาที่ต่างประเทศจนจบปริญญาเอก ณ มหาวิทยาลัยในเยอรมัน สามารถพูดได้ถึง 7 ภาษา เดิมนับถือศาสนาคริสต์ ต่อมาได้อุปสมบทในพุทธศาสนาในปี พ.ศ.2482 ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม นครพนม ระหว่างที่เป็นสมณะได้ปฏิบัติกรรมฐานในถ้ำ และกลางหิมะนานถึง 8 ชั่วโมง ได้รับคำสอนจากหลวงปู่โลกเทพอุดร มีความชำนาญเรื่องยาสมุนไพร หลวงปู่โง่นละสังขารของท่านเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2542 รวมสิริชนมายุได้ 94 ปีเศษ หลวงปู่โง่น โสรโย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1561 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts