• สหรัฐฯ เตรียมแบนการส่งออกสินค้าที่มีซอฟต์แวร์อเมริกันไปจีน – ตอบโต้การควบคุมแร่หายากของปักกิ่ง

    รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังพิจารณามาตรการตอบโต้จีนอย่างรุนแรง ด้วยการแบนการส่งออกสินค้าที่ผลิตด้วยหรือมีซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ ไปยังจีน ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ซอฟต์แวร์เฉพาะทางไปจนถึงระบบปฏิบัติการยอดนิยมอย่าง Windows, Android, iOS และ macOS

    มาตรการนี้เป็นการตอบโต้ที่สหรัฐฯ มองว่าเหมาะสม หลังจากจีนประกาศควบคุมการส่งออกแร่หายาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยรัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ ยืนยันว่า “ทุกทางเลือกยังอยู่บนโต๊ะ” และหากมีการดำเนินการจริง จะร่วมมือกับประเทศพันธมิตรในกลุ่ม G7

    แม้ยังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย แต่มาตรการนี้อาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการค้าระหว่างสองประเทศ เพราะแทบทุกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในจีนล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ การแบนครั้งนี้อาจทำให้จีนต้องเร่งพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเอง เช่น HarmonyOS, openKylin และมาตรฐานใหม่อย่าง UBIOS ที่เพิ่งเปิดตัว

    อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการดำเนินการเช่นนี้อาจส่งผลย้อนกลับต่ออุตสาหกรรมของสหรัฐฯ เอง และอาจเร่งให้จีนพัฒนาระบบของตัวเองจนสามารถแข่งขันได้ในอนาคต

    แผนการแบนสินค้าจากสหรัฐฯ ไปจีน
    ครอบคลุมสินค้าที่ผลิตด้วยหรือมีซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ
    รวมถึงระบบปฏิบัติการยอดนิยม เช่น Windows, Android, iOS, macOS
    เป็นมาตรการตอบโต้การควบคุมแร่หายากของจีน
    อาจดำเนินการร่วมกับพันธมิตรในกลุ่ม G7

    ผลกระทบต่อจีน
    อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ในจีนใช้ซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ
    จีนต้องเร่งพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเอง เช่น HarmonyOS, openKylin, UBIOS
    อาจทำให้จีนอยู่ในสถานะเสียเปรียบในระยะสั้น แต่เร่งการพึ่งพาตนเองในระยะยาว

    ความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้
    สหรัฐฯ เคยแบนซอฟต์แวร์ออกแบบชิป (EDA) ไปยังจีน
    ส่งผลให้บริษัทจีนอย่าง Xiaomi และ Lenovo ไม่สามารถออกแบบชิปกับ TSMC ได้
    มาตรการถูกยกเลิกหลังจีนยอมผ่อนปรนการส่งออกแร่หายาก

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    การแบนอาจกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ที่มีตลาดใหญ่ในจีน
    อาจเร่งให้จีนพัฒนาระบบที่ไม่พึ่งพาสหรัฐฯ และกลายเป็นคู่แข่งในอนาคต
    การดำเนินการอาจซับซ้อนและมีผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
    อาจนำไปสู่ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีระหว่างสองประเทศ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/trump-considering-china-export-ban-on-items-made-with-or-containing-u-s-software-sweeping-restriction-to-hit-hard-in-response-to-beijings-rare-earth-embargo-in-major-trade-war-escalation
    🇺🇸 สหรัฐฯ เตรียมแบนการส่งออกสินค้าที่มีซอฟต์แวร์อเมริกันไปจีน – ตอบโต้การควบคุมแร่หายากของปักกิ่ง รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังพิจารณามาตรการตอบโต้จีนอย่างรุนแรง ด้วยการแบนการส่งออกสินค้าที่ผลิตด้วยหรือมีซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ ไปยังจีน ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ซอฟต์แวร์เฉพาะทางไปจนถึงระบบปฏิบัติการยอดนิยมอย่าง Windows, Android, iOS และ macOS มาตรการนี้เป็นการตอบโต้ที่สหรัฐฯ มองว่าเหมาะสม หลังจากจีนประกาศควบคุมการส่งออกแร่หายาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยรัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ ยืนยันว่า “ทุกทางเลือกยังอยู่บนโต๊ะ” และหากมีการดำเนินการจริง จะร่วมมือกับประเทศพันธมิตรในกลุ่ม G7 แม้ยังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย แต่มาตรการนี้อาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการค้าระหว่างสองประเทศ เพราะแทบทุกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในจีนล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ การแบนครั้งนี้อาจทำให้จีนต้องเร่งพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเอง เช่น HarmonyOS, openKylin และมาตรฐานใหม่อย่าง UBIOS ที่เพิ่งเปิดตัว อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการดำเนินการเช่นนี้อาจส่งผลย้อนกลับต่ออุตสาหกรรมของสหรัฐฯ เอง และอาจเร่งให้จีนพัฒนาระบบของตัวเองจนสามารถแข่งขันได้ในอนาคต ✅ แผนการแบนสินค้าจากสหรัฐฯ ไปจีน ➡️ ครอบคลุมสินค้าที่ผลิตด้วยหรือมีซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ ➡️ รวมถึงระบบปฏิบัติการยอดนิยม เช่น Windows, Android, iOS, macOS ➡️ เป็นมาตรการตอบโต้การควบคุมแร่หายากของจีน ➡️ อาจดำเนินการร่วมกับพันธมิตรในกลุ่ม G7 ✅ ผลกระทบต่อจีน ➡️ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ในจีนใช้ซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ ➡️ จีนต้องเร่งพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเอง เช่น HarmonyOS, openKylin, UBIOS ➡️ อาจทำให้จีนอยู่ในสถานะเสียเปรียบในระยะสั้น แต่เร่งการพึ่งพาตนเองในระยะยาว ✅ ความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ ➡️ สหรัฐฯ เคยแบนซอฟต์แวร์ออกแบบชิป (EDA) ไปยังจีน ➡️ ส่งผลให้บริษัทจีนอย่าง Xiaomi และ Lenovo ไม่สามารถออกแบบชิปกับ TSMC ได้ ➡️ มาตรการถูกยกเลิกหลังจีนยอมผ่อนปรนการส่งออกแร่หายาก ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ การแบนอาจกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ที่มีตลาดใหญ่ในจีน ⛔ อาจเร่งให้จีนพัฒนาระบบที่ไม่พึ่งพาสหรัฐฯ และกลายเป็นคู่แข่งในอนาคต ⛔ การดำเนินการอาจซับซ้อนและมีผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก ⛔ อาจนำไปสู่ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีระหว่างสองประเทศ https://www.tomshardware.com/tech-industry/trump-considering-china-export-ban-on-items-made-with-or-containing-u-s-software-sweeping-restriction-to-hit-hard-in-response-to-beijings-rare-earth-embargo-in-major-trade-war-escalation
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิถีปกครองทั้งหมดในไทยเรา..มันกระทบคนไทยทุกๆคนเลยนะ,ยิ่งปัจจุบันนี้กระทบหนักด้วย คนไทยต้องสามัคคีกัน ร่วมกันลุกขึ้นมาปกป้องตนกันทั่วประเทศจริงๆ,ชีวิตคนไทยเราพลาดแล้วเมื่อยุคโควิด19 อย่าพากันพลาดอีกเลย,สิ่งแรกทหารไทยน้ำดีต้องยึดอำนาจรัฐบาลในปัจจุบัน กำจัดไทยเทา จีนเทา เดอะแก๊งสแกมเมอร์ในไทยทั้งหมด ร่วมมือกับจีนสีจิ้นผิงทันที,เอาจีนเทาก่อน ค่อยขยายตัวการอื่นๆต่อยอดภายหลัง ระงับกระแสเงินออกนอกประเทศทัังหมด ห้ามการโอนออกนอกประเทศจนกว่าทหารยึดอำนาจจะอนุมัติ ตรวจสอบภายใน1ปีอย่างละเอียด,ยึดอายัดทรัพย์สินทั้งหมดที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงไปถึง,เงินเถื่อนเหล่านี้มันซื้อสส.สว.จริงทางฝ่ายปกครองเรา,มันเพิ่มความเลวร้ายจริง.

    ..ไม่แค่ปืนสงคราม,เข็มสงครามมันฆ่าสังหารคนไทยเราเงียบๆอย่างอำมหิตมาก,พวกมันอนุมัติการฉีดตายแก่คนไทยจริง,ไม่สนใจในชีวิตตาดำๆคนไทยทั้งประเทศ,การปกครองที่โง่แกล้งโง่ของพวกถืออำนาจปกครองในไทยอันตรายต่อชีวิตสุขภาพคนไทยหมด,หลายคนป่วย พิการ เจ็บป่วยเรื้อรัง ภาระค่าใช้จ่ายแก่ครอบครัวนั้นๆยิ่งยากจนอีกจะมีเงินทองมากมายทางไหนมาช่วย,พวกมันพยายามทำลายระบบการรักษาประชาชนคนไทยอีก จึงอันตรายมาก,เรากำลังบ้าบอกับนักการเมืองไปวันๆที่ไร้จิตใจทำเพื่อชาติบ้านเมืองแท้จริงเป็นไปเพื่อรักษาผลประโยชน์ตนทั้งหมด,ระบบปกครองภาคประชาชนกำลังถูกทำลายและปล้นชิงสิทธิเราภาคมนุษย์ประชาชนไปถูกควบคุมโดยฝ่ายไม่ดีของแท้,จากมือนักการเมือง,ระบบนี้พังพินาศแล้ว ,มันไม่ปกป้องเรา..ประชาชนจริงห่าอะไรเลย คนชั่วเลวซื้อพวกปกครองได้ สมบัติเต็มแผ่นดินไทยกอบโกยในวงศ์ชนชั้นปกครองหมด,ประชาชนถูกปล้นชิงสมบัติส่วนรวมสิ้น,คงไว้แค่ความยากจนและมอบความตายผ่อนส่งให้เรา..ประชาชนเท่านั้นแบบยุคโควิดที่ผ่านมา,ทั้งในอนาคตจะติดตามผ่านระบบฝังชิปว่าใครไม่ฉีดวัคซีนมันอีก,ผิดกฎหมายประเทศไทยนะที่มันบอกว่าคือรัฐขี้ข้ารัฐทาสภาคีใต้ตีนมัน,พวกคนปกครองมันก็ไปลงนามเข้าร่วมเป็นทาสใต้ปกครองมันชัดเจน,วิถีทาสมิใช่ตราหน้าว่ากูประเทศไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นชาติใด แต่จริงๆแล้ววลีนี้บัดสบหาจริงไม่,พวกมันสาระพัดวิถีปกครองได้หลังฉากเสมอ,แมวดำแมวขวามันจับหนูได้หมด,ทาสคือหนูจึงสาระพัดวิธีจะเป็นเหยื่อในปากมัน ดูชัดๆคือบ่อปิโตรเลียมบนบกในทะเลของไทยเรา มันปล้นชิงยึดครองเอาไปหมดจากแผ่นดินไทย ทิ้งให้คนไทยประชาชนยากจนเต็มแผ่นดิน,ร่ำรวยไม่กี่ตระกูลที่ทำงานรับใช้เป็นขี้ข้าทาสมัน,แล้วใช้ตังนั้นกลับมาทำลายคนไทยต่อไป,ไม่ต่างจากแก๊งสแกมเมอร์ฟอกเงินนั้น เอาเงินมหาศาลซื้อนักการเมืองไทยในปัจจุบัน.

    https://vm.tiktok.com/ZSHvubKMN6Yef-bZBFO/
    วิถีปกครองทั้งหมดในไทยเรา..มันกระทบคนไทยทุกๆคนเลยนะ,ยิ่งปัจจุบันนี้กระทบหนักด้วย คนไทยต้องสามัคคีกัน ร่วมกันลุกขึ้นมาปกป้องตนกันทั่วประเทศจริงๆ,ชีวิตคนไทยเราพลาดแล้วเมื่อยุคโควิด19 อย่าพากันพลาดอีกเลย,สิ่งแรกทหารไทยน้ำดีต้องยึดอำนาจรัฐบาลในปัจจุบัน กำจัดไทยเทา จีนเทา เดอะแก๊งสแกมเมอร์ในไทยทั้งหมด ร่วมมือกับจีนสีจิ้นผิงทันที,เอาจีนเทาก่อน ค่อยขยายตัวการอื่นๆต่อยอดภายหลัง ระงับกระแสเงินออกนอกประเทศทัังหมด ห้ามการโอนออกนอกประเทศจนกว่าทหารยึดอำนาจจะอนุมัติ ตรวจสอบภายใน1ปีอย่างละเอียด,ยึดอายัดทรัพย์สินทั้งหมดที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงไปถึง,เงินเถื่อนเหล่านี้มันซื้อสส.สว.จริงทางฝ่ายปกครองเรา,มันเพิ่มความเลวร้ายจริง. ..ไม่แค่ปืนสงคราม,เข็มสงครามมันฆ่าสังหารคนไทยเราเงียบๆอย่างอำมหิตมาก,พวกมันอนุมัติการฉีดตายแก่คนไทยจริง,ไม่สนใจในชีวิตตาดำๆคนไทยทั้งประเทศ,การปกครองที่โง่แกล้งโง่ของพวกถืออำนาจปกครองในไทยอันตรายต่อชีวิตสุขภาพคนไทยหมด,หลายคนป่วย พิการ เจ็บป่วยเรื้อรัง ภาระค่าใช้จ่ายแก่ครอบครัวนั้นๆยิ่งยากจนอีกจะมีเงินทองมากมายทางไหนมาช่วย,พวกมันพยายามทำลายระบบการรักษาประชาชนคนไทยอีก จึงอันตรายมาก,เรากำลังบ้าบอกับนักการเมืองไปวันๆที่ไร้จิตใจทำเพื่อชาติบ้านเมืองแท้จริงเป็นไปเพื่อรักษาผลประโยชน์ตนทั้งหมด,ระบบปกครองภาคประชาชนกำลังถูกทำลายและปล้นชิงสิทธิเราภาคมนุษย์ประชาชนไปถูกควบคุมโดยฝ่ายไม่ดีของแท้,จากมือนักการเมือง,ระบบนี้พังพินาศแล้ว ,มันไม่ปกป้องเรา..ประชาชนจริงห่าอะไรเลย คนชั่วเลวซื้อพวกปกครองได้ สมบัติเต็มแผ่นดินไทยกอบโกยในวงศ์ชนชั้นปกครองหมด,ประชาชนถูกปล้นชิงสมบัติส่วนรวมสิ้น,คงไว้แค่ความยากจนและมอบความตายผ่อนส่งให้เรา..ประชาชนเท่านั้นแบบยุคโควิดที่ผ่านมา,ทั้งในอนาคตจะติดตามผ่านระบบฝังชิปว่าใครไม่ฉีดวัคซีนมันอีก,ผิดกฎหมายประเทศไทยนะที่มันบอกว่าคือรัฐขี้ข้ารัฐทาสภาคีใต้ตีนมัน,พวกคนปกครองมันก็ไปลงนามเข้าร่วมเป็นทาสใต้ปกครองมันชัดเจน,วิถีทาสมิใช่ตราหน้าว่ากูประเทศไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นชาติใด แต่จริงๆแล้ววลีนี้บัดสบหาจริงไม่,พวกมันสาระพัดวิถีปกครองได้หลังฉากเสมอ,แมวดำแมวขวามันจับหนูได้หมด,ทาสคือหนูจึงสาระพัดวิธีจะเป็นเหยื่อในปากมัน ดูชัดๆคือบ่อปิโตรเลียมบนบกในทะเลของไทยเรา มันปล้นชิงยึดครองเอาไปหมดจากแผ่นดินไทย ทิ้งให้คนไทยประชาชนยากจนเต็มแผ่นดิน,ร่ำรวยไม่กี่ตระกูลที่ทำงานรับใช้เป็นขี้ข้าทาสมัน,แล้วใช้ตังนั้นกลับมาทำลายคนไทยต่อไป,ไม่ต่างจากแก๊งสแกมเมอร์ฟอกเงินนั้น เอาเงินมหาศาลซื้อนักการเมืองไทยในปัจจุบัน. https://vm.tiktok.com/ZSHvubKMN6Yef-bZBFO/
    @adithepchawla01

    "ถ้า WHO สั่งฉีดวัคซีน คุณยังจะมีสิทธิ์ปฏิเสธอยู่ไหม? 💉🤔" ถ้าวันหนึ่ง WHO แนะนำให้ “ฉีดวัคซีนตัวใหม่” แล้วรัฐบาลไทยต้องทำตามทันที — คุณจะมีสิทธิ์ปฏิเสธหรือไม่? 📄 ตามร่างข้อตกลง IHR 2025 ของ WHO มาตรา 24 ระบุว่า รัฐภาคีต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของ WHO โดยไม่ใช่แค่ “ข้อเสนอแนะ” อีกต่อไป แต่เป็นคำแนะนำที่มี ผลผูกพันทางกฎหมาย นั่นหมายความว่า ในสถานการณ์ฉุกเฉิน: – ผู้ทำงานสายการบิน – พนักงานขนส่งสาธารณะ – บุคลากรชายแดน ฯลฯ อาจถูกบังคับให้ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง WHO โดยไม่มีทางเลือก 📌 เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพ แต่มันคือ สิทธิในร่างกายของคุณ ❤️ แชร์ประสบการณ์: คุณเคยรู้สึก “ไม่มีทางเลือก” ในช่วงโควิดไหม? คุณเคยฉีดเพราะกลัวตกงาน หรือถูกบีบบังคับจากกฎขององค์กรหรือสังคมหรือเปล่า? 🧠 ถ้าคุณเคยอยู่ในสถานการณ์นั้น — คุณไม่ได้อยู่คนเดียว 👇 แชร์เรื่องของคุณไว้ในคอมเมนต์ เพื่อให้เสียงของคุณไม่เงียบหาย 📢 และแชร์คลิปนี้ให้คนรอบตัวรู้ว่า เรื่องนี้...กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง 🔗 แหล่งอ้างอิง / Proof Link (ภาษาอังกฤษ):b 🌐 WHO IHR Working Group Portal: https://apps.who.int/gb/wgihr/ 📄 ร่างข้อเสนอ IHR 2025 (ดูมาตรา 24 หน้า 12–13): https://apps.who.int/gb/wgihr/pdf_files/wgihr1/WGIHR_Compilation-en.pdf สิทธิในร่างกาย ไม่เอาIHR WHO IHR2025 ข้อตกลงระดับโลก สุขภาพของเรา อดิเทพจาวลาห์ สิทธิเสรีภาพ วัคซีนโควิด ฉีดเพราะไม่มีทางเลือก

    ♬ original sound - อดิเทพ จาวลาห์ - อดิเทพ จาวลาห์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง เสื้อหนังกับเข็มขัดเหล็ก
    ” เสื้อหนัง กับ เข็มขัดเหล็ก”

    (1)

    รายการท้าชิงของมวยรุ่นเล็ก แต่ท่าทางจะเป็นพวกหมูตายไม่กลัวน้ำร้อน ดูเหมือนจะมีพวกแฟนๆรุ่นเก๋า เกาะเชือกเชียร์ไม่น้อย รวมทั้งผม

    พรรค Syriza ซ้ายจัดของกรีซ เพิ่งชนะเลือกตั้งเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2015 แม้ไม่ได้คะแนนเสียงข้างมาก ต้องมีพรรคร่วม แต่ก็ได้เป็นรัฐบาลใหม่เอี่ยมของกรีก ที่นำโดยพรรค Syriza ก็ทำท่าจะ ซ่าสมชื่อโดยเฉพาะ ท่านรัฐมนตรีคลังหน้าใหม่มาดเซอร์ คุณน้อง Yanis Varoufakis ของผม

    พรรค Syriza หาเสียงกับชาวกรีกว่า เลือกพวกผมนะพี่น้อง แล้วพี่น้องจะไม่ต้องถูกกดขี่จากนโยบายของสหภาพยุโรปอีกต่อไป มันโหดกับเราขนาดไหน มันหั่นงบของกินของใช้เราขนาดไหน มากไปแล้ว… คงจะทำนองนี้นะครับ ผมไม่ได้แปลคำต่อคำ

    แล้วชาวกรีกก็ได้ Syriza มาเป็นรัฐบาล งานแรกที่ Syriza ต้องทำคือ วิ่งรอกหาพวกสนับสนุน เนื่องจากเงินกู้จำนวนประมาณ 350 พันล้านยูโร ของกรีซจะถึงกำหนดชำระสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ ถ้าไม่มีการต่ออายุ และแน่นอน เศรษฐกิจของกรีซคงล้มระเนระนาด ล้มคราวนี้อาจจะหนักกว่า เมื่อปี 2011-2012 แต่ Syriza ก็ยังใจกล้า เข้ามาเป็นรัฐบาล มีของดีแอบอยู่หรือไง

    นายกรัฐมนตรี Alexis Tsipras กับรัฐมนตรีคลัง Yanis Varoufakis แยกกันเดินสาย ไปจับมือกับพวกพี่เบิ้มอียู ท่านนายกรัฐมนตรีมุ่งหน้าไปเยอรมัน ส่วนรัฐมนตรีคลังขอไปอังกฤษ มันกว่า

    ที่เยอรมัน นายกรัฐมนตรี Tsipras แวะไปคารวะอนุสาวรีย์สงครามโลกครั้งที่ 2 สื่อเยอรมันตีข่าวว่า กรีกกำลังมาทวงความจำว่า เยอรมันยังจำได้ไหม คนกรีกเคยช่วยพวกคนเยอรมันจากพวกกางเขนเหล็กของฮิตเลอร์ ตีข่าวกันแบบนี้ คุณป้าแมร์เคิลก็คงไม่ชอบใจ หาว่าฉันเป็นพวกนาซีหรือไงยะ ฉันไม่ใช่กางเขนเหล็กนะ ฉันแค่เข็มขัดเหล็ก

    ข่าวบอกว่า คุณป้าพยายามเลี่ยงการเจรจาแบบสองต่อสอง กับนายTsipras เป็นการทำโทษให้รู้ว่า ฉันไม่พอใจ อืม ป้าแมร์เคิลไม่เบานะ

    คุณเจ๊ Barbara Wesel ผู้สื่อข่าวเยอรมันของ Deutsche Welle ประจำกรุงบรัสเซลบอกว่า ไม่ฉลาดเลยนะ ที่คุณแสดงการดูถูกคนที่คุณจะต้องเจรจาง้องอนด้วย Angela Merkel ไม่สมควรจะได้รับการเปรียบเทียบกับฮิตเลอร์ ….เมื่อคุณเลือกที่จะปฎิบัติกับแมร์เคิลอย่างฝ่ายตรงข้าม คุณจะรู้เองว่า เธอจะเป็นฝ่ายตรงข้ามที่ร้ายขนาด ไหน…. จำไม่ได้เหรอว่า นายเดวิด แคมารอน ก็เคยโดนมาแล้ว เมื่อตอนงัดข้อกับคุณป้า เรื่องจะไม่เอานาย Jean-Claude Juncker เป็นประธานอียู ตามที่คุณป้าเสนอ แล้วเป็นยังไง ต้องลี้กาย หายหน้าไปจากอียูพักใหญ่ ดีว่าไม่ต้องไปแบบถาวร
    โอ้โห พวกเจ๊กางเขนเหล็ก เข็มขัดเหล็ก นี่ดุจัง

    แล้วจำเรื่องบุลกาเรียได้มั้ย ซ่าดีนัก นายกรัฐมนตรีตอนนั้น นาย Plamen Oresshaski เสนอหน้ามาเชียร์เส้นทางท่อแก๊ส South Stream ของรัสเซีย รู้อยู่แล้วว่าป้าเขาไม่เอาด้วย เพราะมันขัดกับกฏของอียู (กฏอะไรจ๊ะเจ๊ เรื่องแซงชั่นน่ะ พูดมันชัดๆไปเลย) แล้วเป็นไง เงินกู้ก้อนใหญ่ถูกตัด ฉับ ฉับเลย ยังไม่พอ ถึงตอนเลือกตั้ง นายปลาเมน หงายท้องผลึ่งไปเลย ฝ่ายค้าน ชื่อ Boyko Borisov ขึ้นมาเป็นแทน และนายปูติน ก็ต้องยกเลิกโครงการไง เห็นฤทธิ์ป้าเข็มขัดเหล็กแล้วซีนะ

    คราวนี้พวกกรีก ที่คิดจะมาต่อรองอียู จะเหลืออะไร ถึงกรีซจะเป็นสมาชิกเก่า ไม่ใช่เด็กใหม่อย่างบุลกาเรีย แถมคนเชียร์ก็ประเภทน้ำหนักเกินกระสอบข้าวทั้งนั้น เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี แต่ก็ยังมีหลายอีกประเทศสมาชิก ที่จนกว่ากรีซ ฉนั้น ไม่เหลือบ่ากว่าแรงป้าหรอกน่า ถ้าป้าอยากจะแผลงฤทธิ์ให้ดู

    เซียนมวย อย่าพลาดรายการนี้เชียว เดี๋ยวจะว่ามีดีไม่บอก น้ำหนักมันต่างกันหลายเท่าตัว แต่ทะลึ่งไปท้าเขา ไอ้ตัวเล็ก ฝ่ายท้าชิง มันบ้า หรือ มันไปได้ยาดีมากันแน่…

    (2)

    ฝ่ายผู้ท้าชิง รัฐมนตรีคลังมาดเซอร์ คุณน้อง Yanis Varoufakis ของผม นี่ไม่ธรรมดานะ จบเศรษฐศาสตร์จาก มหาวิทยาล้ย Exter ของอังกฤษ แกมีนัดกับรัฐมนตรีคลังผู้ดีอังกฤษ George Osborne ไอ้หมอนี่ดีกว่าลูกพี่หน่อย เวลาพูดไม่จีบปาก คุณน้องYanis ไปพบรัฐมนตรีผู้ดี ที่บ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิ่ง ก็ทำเนียบนายกนั่นแหละ คุณน้องใส่เสื้อหนัง เท่ สุดขีดไปเลย ข้างในเป็นเสื้อเชิร์ตสีฟ้า และไม่ผูกเนคไท!

    นี่ มันต้องอย่างนี้ ลุงนิทานเชียร์หมดกระเป๋าเลย

    คุณน้องเสื้อหนังบอกว่า เราไม่ได้จะเบี้ยวหนี้นะ เฮียหวัด แห่งไทยแลนด์แดนสมันน้อย เขาฝากมาสอนผม ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ก็แค่นั้น ผมกำลังเตรียมจะออกพันธบัตรใหม่ ไปแลกกับพันธบัตรชุดเดิม ที่พวก IMF กับ ECB จอมโหดมันบังคับให้ประเทศผมออกไว้ แต่ผมจะขอยืดเวลา เขาอยากได้หนี้คืนหรือเปล่าล่ะ หรือเขาอยากกำจัดเรา ประโยคท้ายนี่ ลุงนิทานแถมให้ครับ

    นาย Osbourne บอกว่า เรื่องหนี้กรีซ ที่รัฐบาลแถวยูโรโซน คุยกับเจ้าหนี้ไม่รู้เรื่องนี่ จะเป็นเรื่องที่กระทบต่อเศรษฐกิจโลก ยิ่งกว่าเรื่องตะวันออกกลาง หรือเรื่องเผชิญหน้าระหว่างรัสเซียกับพวกตะวันตกอีกนะ ไอ้หมอนี่ ถ้าจะตอแหลเก่ง ไม่น้อยกว่าลูกพี่จอมจีบปาก

    นอกจากนี้ นาย Mark Carney ผู้ว่าการของธนาคารชาติอังกฤษ ยังออกมาวิจารณ์ว่า นโยบายเข้มงวด เรื่องหนี้ของยูโรโซน จะยิ่งบีบให้จำนวนหนี้เพิ่ม แล้วก็ลากยาวกันไปอีก แปลกนะทำไมอังกฤษ สุ้มเสียงเหมือนกันเห็นใจกรีซ ผิดสันดานนักล่า

    อังกฤษกลัวใจคุณน้องเสื้อหนัง ว่าแกจะใช้นโยบายเบี้ยวหนี้ แล้วเดินออกจากอียูง่ายๆอย่างนั้น หรือไม่ก็ ถูกถีบออกจากอียู โดยไม่มีการต่ออายุ ไม่มีการผ่อนปรน เพราะไปลองดีกับพวกเข็มขัดเหล็ก เข้า หรือเพราะอะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้ามันเกิดขึ้น อังกฤษบอกว่า มันไม่ใช่กระทบแค่กรีซ มันกระแทกทั้งยุโรป และอังกฤษ ซึ่งอาศัยยุโรปเป็นตลาดส่งออกประมาณ 50 % ก็อ่วมตามด้วย
    ถ้ากรีซเจ๊ง มีข้อดีกับรัฐบาลอังกฤษอย่างเดียว อังกฤษกำลังจะมีการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคมที่จะถึง ถ้าแพ้เลือกตั้ง จะได้อ้างว่ามาจากเรื่องกรีซ ฮา

    ดูแล้ว เรื่องการห่วงกรีซของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย เป็นของปลอมไงไม่รู้ คงต้องตามไปคุ้ยต่อ

    แต่ก็มีเรื่องน่าคิด หนี้กรีซจำนวนมหึมา กำลังจะถึงกำหนด รู้หมู่รู้จ่าสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ พรรคของคุณน้องเสื้อหนังใจกล้า แอ่นอกเข้าเป็นรัฐบาล ส่วนสิ้นเดือนมีนาคม ก็ถึงกำหนดที่อียูต้องพิจารณาว่า จะต่ออายุการแซงชั่นรัสเซียหรือไม่ คุณป้าเข็มขัดเหล็กบอกว่าไว้แล้วว่า ยังไง เราก็ไม่มีวันผ่อนปรนให้นายปูติน ยกเว้น รัสเซียต้องถอยออกไปจากยูเครนให้หมดจด

    การลงมติ ที่จะต่ออายุการแซงชั่นรัสเซีย จะต้องได้คะแนนเสียงเอกฉันท์ ตอนนี้คุณป้าเข็มขัดเหล็กเลยออกเดินสาย ทำหน้าเข้มใส่ทุกคนเหมือนกัน ล่าสุดนี่ เห็นไปยืนบีบ นายVictor Orban นายกรัฐมนตรีฮังการี เสียหน้าเขียว ก็นาย Orban ดันบอกว่า เขาชอบรูปแบบการปกครองของนายปูติน แบบนี้เดี๋ยวได้โดนเข็มขัดแน่

    มติเอกฉันท์นี่ ไม่ได้กันง่ายๆนะครับ ใครไม่เอาด้วยรายเดียวก็จบ ผมเป็นคุณพี่ปูติน ก็เลิกเครียด ส่วนกรีซก็ไม่น่าเครียดเช่นเดียว กัน ทางออกมีให้เดินหลายทาง แต่ทางคุณป้าเข็มขัดเหล็ก และพวก คุณพี่ชาวเกาะนะซิ น่าจะเครียด ถ้ากรีซเลือกเดินทางนั้น อ้อ มิน่า ถึงได้ตาเหลือกกัน แหมคิดช้าจังลุง

    หมู่เกาะของกรีซ ใกล้กับตุรกีนิดเดียว ตุรกีก็ ไม่ไกลจากรัสเซีย รู้สึกคุณพี่ปูตินของผมนี่ แกชอบสะสม ชอบกินขนมชั้นนะ เอามาเรียงๆกันไว้ โดยเฉพาะกรีซนี่ อยู่กลางเมดิเตอร์เรเนียนเลย ช่างเหมาะจริงๆ แบบนี้กองทัพเรือของใคร ที่เพิ่งจัดงบปรับปรุงก้อนใหญ่ ก็คงเหนื่อยหน่อย จะเข้าไปได้ถึงไหน อย่างนี้ใส่เสื้อหนังไปคุยก็คงได้ คงเบ่งไม่ค่อยไหวแล้ว เอะ แล้วลูกพี่ใหญ่นักล่าใบตองแห้งว่าไงคร้าบ จะเสียหมากให้เขาอีกแล้วเหรอคร้าบ ฮา

    หมายเหตุ: อย่าลืมดูเวทียูเครนบ้างนะครับ ที่ตะวันออกกลางก็เหมือนกัน ตอนนี้เร่งเครื่องกันจัง เดี๋ยวจะว่าลุงไม่เตือน

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    4 กพ. 2558
    เรื่อง เสื้อหนังกับเข็มขัดเหล็ก ” เสื้อหนัง กับ เข็มขัดเหล็ก” (1) รายการท้าชิงของมวยรุ่นเล็ก แต่ท่าทางจะเป็นพวกหมูตายไม่กลัวน้ำร้อน ดูเหมือนจะมีพวกแฟนๆรุ่นเก๋า เกาะเชือกเชียร์ไม่น้อย รวมทั้งผม พรรค Syriza ซ้ายจัดของกรีซ เพิ่งชนะเลือกตั้งเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2015 แม้ไม่ได้คะแนนเสียงข้างมาก ต้องมีพรรคร่วม แต่ก็ได้เป็นรัฐบาลใหม่เอี่ยมของกรีก ที่นำโดยพรรค Syriza ก็ทำท่าจะ ซ่าสมชื่อโดยเฉพาะ ท่านรัฐมนตรีคลังหน้าใหม่มาดเซอร์ คุณน้อง Yanis Varoufakis ของผม พรรค Syriza หาเสียงกับชาวกรีกว่า เลือกพวกผมนะพี่น้อง แล้วพี่น้องจะไม่ต้องถูกกดขี่จากนโยบายของสหภาพยุโรปอีกต่อไป มันโหดกับเราขนาดไหน มันหั่นงบของกินของใช้เราขนาดไหน มากไปแล้ว… คงจะทำนองนี้นะครับ ผมไม่ได้แปลคำต่อคำ แล้วชาวกรีกก็ได้ Syriza มาเป็นรัฐบาล งานแรกที่ Syriza ต้องทำคือ วิ่งรอกหาพวกสนับสนุน เนื่องจากเงินกู้จำนวนประมาณ 350 พันล้านยูโร ของกรีซจะถึงกำหนดชำระสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ ถ้าไม่มีการต่ออายุ และแน่นอน เศรษฐกิจของกรีซคงล้มระเนระนาด ล้มคราวนี้อาจจะหนักกว่า เมื่อปี 2011-2012 แต่ Syriza ก็ยังใจกล้า เข้ามาเป็นรัฐบาล มีของดีแอบอยู่หรือไง นายกรัฐมนตรี Alexis Tsipras กับรัฐมนตรีคลัง Yanis Varoufakis แยกกันเดินสาย ไปจับมือกับพวกพี่เบิ้มอียู ท่านนายกรัฐมนตรีมุ่งหน้าไปเยอรมัน ส่วนรัฐมนตรีคลังขอไปอังกฤษ มันกว่า ที่เยอรมัน นายกรัฐมนตรี Tsipras แวะไปคารวะอนุสาวรีย์สงครามโลกครั้งที่ 2 สื่อเยอรมันตีข่าวว่า กรีกกำลังมาทวงความจำว่า เยอรมันยังจำได้ไหม คนกรีกเคยช่วยพวกคนเยอรมันจากพวกกางเขนเหล็กของฮิตเลอร์ ตีข่าวกันแบบนี้ คุณป้าแมร์เคิลก็คงไม่ชอบใจ หาว่าฉันเป็นพวกนาซีหรือไงยะ ฉันไม่ใช่กางเขนเหล็กนะ ฉันแค่เข็มขัดเหล็ก ข่าวบอกว่า คุณป้าพยายามเลี่ยงการเจรจาแบบสองต่อสอง กับนายTsipras เป็นการทำโทษให้รู้ว่า ฉันไม่พอใจ อืม ป้าแมร์เคิลไม่เบานะ คุณเจ๊ Barbara Wesel ผู้สื่อข่าวเยอรมันของ Deutsche Welle ประจำกรุงบรัสเซลบอกว่า ไม่ฉลาดเลยนะ ที่คุณแสดงการดูถูกคนที่คุณจะต้องเจรจาง้องอนด้วย Angela Merkel ไม่สมควรจะได้รับการเปรียบเทียบกับฮิตเลอร์ ….เมื่อคุณเลือกที่จะปฎิบัติกับแมร์เคิลอย่างฝ่ายตรงข้าม คุณจะรู้เองว่า เธอจะเป็นฝ่ายตรงข้ามที่ร้ายขนาด ไหน…. จำไม่ได้เหรอว่า นายเดวิด แคมารอน ก็เคยโดนมาแล้ว เมื่อตอนงัดข้อกับคุณป้า เรื่องจะไม่เอานาย Jean-Claude Juncker เป็นประธานอียู ตามที่คุณป้าเสนอ แล้วเป็นยังไง ต้องลี้กาย หายหน้าไปจากอียูพักใหญ่ ดีว่าไม่ต้องไปแบบถาวร โอ้โห พวกเจ๊กางเขนเหล็ก เข็มขัดเหล็ก นี่ดุจัง แล้วจำเรื่องบุลกาเรียได้มั้ย ซ่าดีนัก นายกรัฐมนตรีตอนนั้น นาย Plamen Oresshaski เสนอหน้ามาเชียร์เส้นทางท่อแก๊ส South Stream ของรัสเซีย รู้อยู่แล้วว่าป้าเขาไม่เอาด้วย เพราะมันขัดกับกฏของอียู (กฏอะไรจ๊ะเจ๊ เรื่องแซงชั่นน่ะ พูดมันชัดๆไปเลย) แล้วเป็นไง เงินกู้ก้อนใหญ่ถูกตัด ฉับ ฉับเลย ยังไม่พอ ถึงตอนเลือกตั้ง นายปลาเมน หงายท้องผลึ่งไปเลย ฝ่ายค้าน ชื่อ Boyko Borisov ขึ้นมาเป็นแทน และนายปูติน ก็ต้องยกเลิกโครงการไง เห็นฤทธิ์ป้าเข็มขัดเหล็กแล้วซีนะ คราวนี้พวกกรีก ที่คิดจะมาต่อรองอียู จะเหลืออะไร ถึงกรีซจะเป็นสมาชิกเก่า ไม่ใช่เด็กใหม่อย่างบุลกาเรีย แถมคนเชียร์ก็ประเภทน้ำหนักเกินกระสอบข้าวทั้งนั้น เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี แต่ก็ยังมีหลายอีกประเทศสมาชิก ที่จนกว่ากรีซ ฉนั้น ไม่เหลือบ่ากว่าแรงป้าหรอกน่า ถ้าป้าอยากจะแผลงฤทธิ์ให้ดู เซียนมวย อย่าพลาดรายการนี้เชียว เดี๋ยวจะว่ามีดีไม่บอก น้ำหนักมันต่างกันหลายเท่าตัว แต่ทะลึ่งไปท้าเขา ไอ้ตัวเล็ก ฝ่ายท้าชิง มันบ้า หรือ มันไปได้ยาดีมากันแน่… (2) ฝ่ายผู้ท้าชิง รัฐมนตรีคลังมาดเซอร์ คุณน้อง Yanis Varoufakis ของผม นี่ไม่ธรรมดานะ จบเศรษฐศาสตร์จาก มหาวิทยาล้ย Exter ของอังกฤษ แกมีนัดกับรัฐมนตรีคลังผู้ดีอังกฤษ George Osborne ไอ้หมอนี่ดีกว่าลูกพี่หน่อย เวลาพูดไม่จีบปาก คุณน้องYanis ไปพบรัฐมนตรีผู้ดี ที่บ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิ่ง ก็ทำเนียบนายกนั่นแหละ คุณน้องใส่เสื้อหนัง เท่ สุดขีดไปเลย ข้างในเป็นเสื้อเชิร์ตสีฟ้า และไม่ผูกเนคไท! นี่ มันต้องอย่างนี้ ลุงนิทานเชียร์หมดกระเป๋าเลย คุณน้องเสื้อหนังบอกว่า เราไม่ได้จะเบี้ยวหนี้นะ เฮียหวัด แห่งไทยแลนด์แดนสมันน้อย เขาฝากมาสอนผม ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ก็แค่นั้น ผมกำลังเตรียมจะออกพันธบัตรใหม่ ไปแลกกับพันธบัตรชุดเดิม ที่พวก IMF กับ ECB จอมโหดมันบังคับให้ประเทศผมออกไว้ แต่ผมจะขอยืดเวลา เขาอยากได้หนี้คืนหรือเปล่าล่ะ หรือเขาอยากกำจัดเรา ประโยคท้ายนี่ ลุงนิทานแถมให้ครับ นาย Osbourne บอกว่า เรื่องหนี้กรีซ ที่รัฐบาลแถวยูโรโซน คุยกับเจ้าหนี้ไม่รู้เรื่องนี่ จะเป็นเรื่องที่กระทบต่อเศรษฐกิจโลก ยิ่งกว่าเรื่องตะวันออกกลาง หรือเรื่องเผชิญหน้าระหว่างรัสเซียกับพวกตะวันตกอีกนะ ไอ้หมอนี่ ถ้าจะตอแหลเก่ง ไม่น้อยกว่าลูกพี่จอมจีบปาก นอกจากนี้ นาย Mark Carney ผู้ว่าการของธนาคารชาติอังกฤษ ยังออกมาวิจารณ์ว่า นโยบายเข้มงวด เรื่องหนี้ของยูโรโซน จะยิ่งบีบให้จำนวนหนี้เพิ่ม แล้วก็ลากยาวกันไปอีก แปลกนะทำไมอังกฤษ สุ้มเสียงเหมือนกันเห็นใจกรีซ ผิดสันดานนักล่า อังกฤษกลัวใจคุณน้องเสื้อหนัง ว่าแกจะใช้นโยบายเบี้ยวหนี้ แล้วเดินออกจากอียูง่ายๆอย่างนั้น หรือไม่ก็ ถูกถีบออกจากอียู โดยไม่มีการต่ออายุ ไม่มีการผ่อนปรน เพราะไปลองดีกับพวกเข็มขัดเหล็ก เข้า หรือเพราะอะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้ามันเกิดขึ้น อังกฤษบอกว่า มันไม่ใช่กระทบแค่กรีซ มันกระแทกทั้งยุโรป และอังกฤษ ซึ่งอาศัยยุโรปเป็นตลาดส่งออกประมาณ 50 % ก็อ่วมตามด้วย ถ้ากรีซเจ๊ง มีข้อดีกับรัฐบาลอังกฤษอย่างเดียว อังกฤษกำลังจะมีการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคมที่จะถึง ถ้าแพ้เลือกตั้ง จะได้อ้างว่ามาจากเรื่องกรีซ ฮา ดูแล้ว เรื่องการห่วงกรีซของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย เป็นของปลอมไงไม่รู้ คงต้องตามไปคุ้ยต่อ แต่ก็มีเรื่องน่าคิด หนี้กรีซจำนวนมหึมา กำลังจะถึงกำหนด รู้หมู่รู้จ่าสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ พรรคของคุณน้องเสื้อหนังใจกล้า แอ่นอกเข้าเป็นรัฐบาล ส่วนสิ้นเดือนมีนาคม ก็ถึงกำหนดที่อียูต้องพิจารณาว่า จะต่ออายุการแซงชั่นรัสเซียหรือไม่ คุณป้าเข็มขัดเหล็กบอกว่าไว้แล้วว่า ยังไง เราก็ไม่มีวันผ่อนปรนให้นายปูติน ยกเว้น รัสเซียต้องถอยออกไปจากยูเครนให้หมดจด การลงมติ ที่จะต่ออายุการแซงชั่นรัสเซีย จะต้องได้คะแนนเสียงเอกฉันท์ ตอนนี้คุณป้าเข็มขัดเหล็กเลยออกเดินสาย ทำหน้าเข้มใส่ทุกคนเหมือนกัน ล่าสุดนี่ เห็นไปยืนบีบ นายVictor Orban นายกรัฐมนตรีฮังการี เสียหน้าเขียว ก็นาย Orban ดันบอกว่า เขาชอบรูปแบบการปกครองของนายปูติน แบบนี้เดี๋ยวได้โดนเข็มขัดแน่ มติเอกฉันท์นี่ ไม่ได้กันง่ายๆนะครับ ใครไม่เอาด้วยรายเดียวก็จบ ผมเป็นคุณพี่ปูติน ก็เลิกเครียด ส่วนกรีซก็ไม่น่าเครียดเช่นเดียว กัน ทางออกมีให้เดินหลายทาง แต่ทางคุณป้าเข็มขัดเหล็ก และพวก คุณพี่ชาวเกาะนะซิ น่าจะเครียด ถ้ากรีซเลือกเดินทางนั้น อ้อ มิน่า ถึงได้ตาเหลือกกัน แหมคิดช้าจังลุง หมู่เกาะของกรีซ ใกล้กับตุรกีนิดเดียว ตุรกีก็ ไม่ไกลจากรัสเซีย รู้สึกคุณพี่ปูตินของผมนี่ แกชอบสะสม ชอบกินขนมชั้นนะ เอามาเรียงๆกันไว้ โดยเฉพาะกรีซนี่ อยู่กลางเมดิเตอร์เรเนียนเลย ช่างเหมาะจริงๆ แบบนี้กองทัพเรือของใคร ที่เพิ่งจัดงบปรับปรุงก้อนใหญ่ ก็คงเหนื่อยหน่อย จะเข้าไปได้ถึงไหน อย่างนี้ใส่เสื้อหนังไปคุยก็คงได้ คงเบ่งไม่ค่อยไหวแล้ว เอะ แล้วลูกพี่ใหญ่นักล่าใบตองแห้งว่าไงคร้าบ จะเสียหมากให้เขาอีกแล้วเหรอคร้าบ ฮา หมายเหตุ: อย่าลืมดูเวทียูเครนบ้างนะครับ ที่ตะวันออกกลางก็เหมือนกัน ตอนนี้เร่งเครื่องกันจัง เดี๋ยวจะว่าลุงไม่เตือน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 4 กพ. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เสียงที่ช่วยเยียวยา: เครื่องสร้างเสียง Neuromodulator สำหรับผู้มีอาการหูอื้อ (Tinnitus)"

    เว็บไซต์ myNoise ได้เปิดตัวเครื่องมือที่ไม่ธรรมดา—Tinnitus Neuromodulator ซึ่งเป็นเครื่องสร้างเสียงที่ออกแบบมาเพื่อช่วยบรรเทาอาการหูอื้อ (Tinnitus) โดยใช้หลักการ neuromodulation ร่วมกับการปรับแต่งเสียงเฉพาะบุคคล

    เครื่องมือนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่าง Steve Harrison ผู้สร้าง Tinnitus Works และ Stéphane Pigeon ผู้ก่อตั้ง myNoise โดยผสมผสานลำดับเสียงที่ออกแบบมาเฉพาะกับระบบเสียงของ myNoise เพื่อให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งเสียงให้ตรงกับอาการของตนเองได้อย่างละเอียด

    ผู้ใช้สามารถเริ่มต้นด้วยการตั้งค่าทุกตัวเลื่อนไว้ที่ศูนย์ แล้วค่อย ๆ ปรับตามโทนเสียงที่ตนเองได้ยินจากอาการหูอื้อ โดยเน้นให้เสียงกลมกลืนกับเสียงรบกวนในหู ไม่ใช่กลบเสียงทั้งหมด ซึ่งช่วยลดความเครียดและสร้างสภาวะผ่อนคลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    จุดเด่นของ Tinnitus Neuromodulator
    เป็นผลจากความร่วมมือระหว่าง Steve Harrison และ Stéphane Pigeon
    ใช้เทคนิค neuromodulation ผสมกับระบบเสียงของ myNoise
    ปรับแต่งเสียงได้ละเอียดตามอาการเฉพาะบุคคล

    วิธีการใช้งาน
    เริ่มต้นด้วยการตั้งค่าทุกตัวเลื่อนไว้ที่ศูนย์
    ปรับตัวเลื่อนที่ตรงกับโทนเสียงของอาการหูอื้อ
    ใช้ระดับเสียงต่ำพอให้กลมกลืนกับเสียงในหู
    สามารถเปิดหลายตัวเลื่อนพร้อมกันเพื่อสร้างเสียงที่ซับซ้อน
    ใช้ฟีเจอร์ Animation เพื่อเพิ่มความหลากหลายของเสียง

    แนวคิดการใช้งาน
    ไม่จำเป็นต้องกลบเสียงหูอื้อทั้งหมด
    มองเสียงหูอื้อเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์เสียง
    ใช้แนวทางแบบ mindfulness เพื่อสร้างความสงบ

    ฟีเจอร์เสริม
    มี presets ให้เลือก เช่น Neural Hack, Dreamesque, Sinescape
    ปรับความกว้างของเสียง (Stereo Width) และความเร็วของเสียง (Tape Speed)
    รองรับการบันทึกและแชร์การตั้งค่าเสียง
    มีโหมด Guided Meditation สำหรับการผ่อนคลาย

    คำเตือนในการใช้งาน
    ไม่ใช่ทุกคนจะได้รับผลลัพธ์เหมือนกัน
    บางคนอาจรู้สึกไม่สบายจากเสียงบางประเภท
    ควรใช้ระดับเสียงต่ำเพื่อหลีกเลี่ยงความล้าทางการได้ยิน

    ความเห็นจากผู้ใช้
    หลายคนรายงานว่าอาการหูอื้อลดลงหลังใช้งาน
    บางคนรู้สึกถึง “ความเงียบที่แท้จริง” หลังถอดหูฟัง
    มีผู้ใช้ที่ไม่มีอาการหูอื้อแต่ใช้เพื่อช่วยโฟกัสหรือผ่อนคลาย
    เสียงที่แปลกและหลากหลายช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ในการฟัง

    สาระเพิ่มเติมจากภายนอก:
    หลักการ neuromodulation ในการบำบัด Tinnitus
    ใช้เสียงเพื่อกระตุ้นระบบประสาทให้ปรับการรับรู้เสียงรบกวน
    ช่วยลดการตอบสนองทางอารมณ์ต่อเสียงหูอื้อ

    ความสำคัญของการปรับแต่งเสียงเฉพาะบุคคล
    อาการหูอื้อมีความแตกต่างกันในแต่ละคน
    การปรับเสียงให้ตรงกับความถี่ของอาการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบรรเทา

    https://mynoise.net/NoiseMachines/neuromodulationTonesGenerator.php
    🎧 "เสียงที่ช่วยเยียวยา: เครื่องสร้างเสียง Neuromodulator สำหรับผู้มีอาการหูอื้อ (Tinnitus)" เว็บไซต์ myNoise ได้เปิดตัวเครื่องมือที่ไม่ธรรมดา—Tinnitus Neuromodulator ซึ่งเป็นเครื่องสร้างเสียงที่ออกแบบมาเพื่อช่วยบรรเทาอาการหูอื้อ (Tinnitus) โดยใช้หลักการ neuromodulation ร่วมกับการปรับแต่งเสียงเฉพาะบุคคล เครื่องมือนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่าง Steve Harrison ผู้สร้าง Tinnitus Works และ Stéphane Pigeon ผู้ก่อตั้ง myNoise โดยผสมผสานลำดับเสียงที่ออกแบบมาเฉพาะกับระบบเสียงของ myNoise เพื่อให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งเสียงให้ตรงกับอาการของตนเองได้อย่างละเอียด ผู้ใช้สามารถเริ่มต้นด้วยการตั้งค่าทุกตัวเลื่อนไว้ที่ศูนย์ แล้วค่อย ๆ ปรับตามโทนเสียงที่ตนเองได้ยินจากอาการหูอื้อ โดยเน้นให้เสียงกลมกลืนกับเสียงรบกวนในหู ไม่ใช่กลบเสียงทั้งหมด ซึ่งช่วยลดความเครียดและสร้างสภาวะผ่อนคลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ จุดเด่นของ Tinnitus Neuromodulator ➡️ เป็นผลจากความร่วมมือระหว่าง Steve Harrison และ Stéphane Pigeon ➡️ ใช้เทคนิค neuromodulation ผสมกับระบบเสียงของ myNoise ➡️ ปรับแต่งเสียงได้ละเอียดตามอาการเฉพาะบุคคล ✅ วิธีการใช้งาน ➡️ เริ่มต้นด้วยการตั้งค่าทุกตัวเลื่อนไว้ที่ศูนย์ ➡️ ปรับตัวเลื่อนที่ตรงกับโทนเสียงของอาการหูอื้อ ➡️ ใช้ระดับเสียงต่ำพอให้กลมกลืนกับเสียงในหู ➡️ สามารถเปิดหลายตัวเลื่อนพร้อมกันเพื่อสร้างเสียงที่ซับซ้อน ➡️ ใช้ฟีเจอร์ Animation เพื่อเพิ่มความหลากหลายของเสียง ✅ แนวคิดการใช้งาน ➡️ ไม่จำเป็นต้องกลบเสียงหูอื้อทั้งหมด ➡️ มองเสียงหูอื้อเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์เสียง ➡️ ใช้แนวทางแบบ mindfulness เพื่อสร้างความสงบ ✅ ฟีเจอร์เสริม ➡️ มี presets ให้เลือก เช่น Neural Hack, Dreamesque, Sinescape ➡️ ปรับความกว้างของเสียง (Stereo Width) และความเร็วของเสียง (Tape Speed) ➡️ รองรับการบันทึกและแชร์การตั้งค่าเสียง ➡️ มีโหมด Guided Meditation สำหรับการผ่อนคลาย ‼️ คำเตือนในการใช้งาน ⛔ ไม่ใช่ทุกคนจะได้รับผลลัพธ์เหมือนกัน ⛔ บางคนอาจรู้สึกไม่สบายจากเสียงบางประเภท ⛔ ควรใช้ระดับเสียงต่ำเพื่อหลีกเลี่ยงความล้าทางการได้ยิน ✅ ความเห็นจากผู้ใช้ ➡️ หลายคนรายงานว่าอาการหูอื้อลดลงหลังใช้งาน ➡️ บางคนรู้สึกถึง “ความเงียบที่แท้จริง” หลังถอดหูฟัง ➡️ มีผู้ใช้ที่ไม่มีอาการหูอื้อแต่ใช้เพื่อช่วยโฟกัสหรือผ่อนคลาย ➡️ เสียงที่แปลกและหลากหลายช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ในการฟัง 📎 สาระเพิ่มเติมจากภายนอก: ✅ หลักการ neuromodulation ในการบำบัด Tinnitus ➡️ ใช้เสียงเพื่อกระตุ้นระบบประสาทให้ปรับการรับรู้เสียงรบกวน ➡️ ช่วยลดการตอบสนองทางอารมณ์ต่อเสียงหูอื้อ ✅ ความสำคัญของการปรับแต่งเสียงเฉพาะบุคคล ➡️ อาการหูอื้อมีความแตกต่างกันในแต่ละคน ➡️ การปรับเสียงให้ตรงกับความถี่ของอาการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบรรเทา https://mynoise.net/NoiseMachines/neuromodulationTonesGenerator.php
    MYNOISE.NET
    Tinnitus Neuromodulator — Free Tinnitus Masker
    De-stressing and pushing your tinnitus out of your mind are probably among the best pieces of advice you can get. Tinnitus can jump in and play with your nerves, you need to stop letting it do so and teach your brain to tune it out.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • กฎหลักของชีวิตในโฮสเทล

    โฮสเทล (Hostel) คือ ที่พักราคาประหยัด ที่นิยมในหมู่แบ็คแพ็กเกอร์ นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่เดินทางคนเดียว (Solo Travelers) ให้บริการแตกต่างจากโรงแรมหรือเกสต์เฮ้าส์อย่างชัดเจน เพราะมีห้องพักรวม (Dormitory Rooms) และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ต้องใช้งานร่วมกัน เช่น ห้องน้ำและห้องอาบน้ำรวม พื้นที่ส่วนกลาง ห้องครัว หรือพื้นที่นั่งเล่น

    อีกด้านหนึ่ง ผู้เข้าพักมีโอกาสที่จะได้ทำความรู้จักเพื่อนใหม่ แลกเปลี่ยนประสบการณ์การเดินทาง ถึงกระนั้น การพักอาศัยกับคนแปลกหน้าร่วมกัน ย่อมมีกฎหลักของการใช้ชีวิตในโฮสเทล เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตในพื้นที่จำกัดได้อย่างมีความสุขและเคารพซึ่งกันและกัน สรุปได้ดังนี้

    1. เคารพเวลาพักผ่อนของผู้อื่น โดยเฉพาะช่วงเวลา 22.00 น. ถึง 08.00 น. ของวันถัดไป ห้ามแพ็คหรือแกะกระเป๋าสัมภาระ ให้เตรียมของไว้ล่วงหน้า หากจำเป็นต้องค้นหาสิ่งของที่ใช้เวลานาน ให้นำกระเป๋าออกไปทำในพื้นที่ส่วนกลาง รวมทั้งใช้แสงไฟอย่างระมัดระวัง ใช้ไฟฉายขนาดเล็กหรือไฟจากโทรศัพท์มือถือ แทนการเปิดไฟส่วนกลาง และห้ามส่งเสียงดัง หลีกเลี่ยงการคุยโทรศัพท์ในห้อง การคุยกระซิบ หรือการส่งเสียงรบกวนใดๆ ส่วนการดูหนัง ฟังเพลง ต้องใช้หูฟังอยู่เสมอ

    2. สุขอนามัยและความเป็นระเบียบ ควรปฎิบัติตามระเบียบของที่พัก เช่น รองเท้าควรวางไว้นอกห้อง ตู้เก็บรองเท้า หรือชั้นวางที่จัดเตรียมไว้ให้ โฮสเทลบางแห่งห้ามสวมรองเท้าเข้าไปในพื้นที่ที่กำหนด เช่น ห้องพัก ทางเดิน หรือห้องน้ำ ห้ามรับประทานอาหารและเครื่องดื่มภายในห้องพักรวม การใช้พื้นที่ส่วนกลาง เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องครัว หรือห้องน้ำ ควรรักษาความสะอาดอยู่เสมอ

    3. เคารพความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น ห้ามแตะต้องสัมภาระผู้อื่น เช่น กระเป๋า ของใช้บนเตียง อาหารในตู้เย็น รวมทั้งเคารพความต้องการที่จะอยู่คนเดียวของผู้อื่น อย่าเข้าไปแทรกแซงหรือชวนคุยหากพวกเขาใส่หูฟัง หรือกำลังทำกิจกรรมส่วนตัว นอกจากนี้ ให้ระวังทรัพย์สินมีค่าของตัวเอง เช่น กระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก เก็บไว้ในตู้เก็บของ (ล็อกเกอร์) ของตัวเอง แต่ถ้าเก็บในล็อกเกอร์ไม่ได้ ควรพกติดตัวไปด้วย

    4. เป็นมิตรและมีน้ำใจต่อผู้อื่น พร้อมที่จะยิ้ม ตอบรับ หรือเริ่มต้นบทสนทนาเล็กๆ น้อยๆ กับเพื่อนร่วมห้อง ถ้าห้องพักรวมเป็นปลั๊กไฟส่วนกลาง ควรชาร์จแบตเตอรี่อย่างมีน้ำใจ อย่าผูกขาดปลั๊กไฟโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะหากมีผู้พักคนอื่นต้องการใช้งาน รวมทั้งการแบ่งปันเรื่องเล็กน้อย เช่น เครื่องปรุงอาหาร หรือข้อมูลท่องเที่ยว ทำให้การใช้ชีวิตร่วมกันเต็มไปด้วยความสนุก สะดวกสบาย และมิตรภาพ

    #Newskit
    กฎหลักของชีวิตในโฮสเทล โฮสเทล (Hostel) คือ ที่พักราคาประหยัด ที่นิยมในหมู่แบ็คแพ็กเกอร์ นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่เดินทางคนเดียว (Solo Travelers) ให้บริการแตกต่างจากโรงแรมหรือเกสต์เฮ้าส์อย่างชัดเจน เพราะมีห้องพักรวม (Dormitory Rooms) และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ต้องใช้งานร่วมกัน เช่น ห้องน้ำและห้องอาบน้ำรวม พื้นที่ส่วนกลาง ห้องครัว หรือพื้นที่นั่งเล่น อีกด้านหนึ่ง ผู้เข้าพักมีโอกาสที่จะได้ทำความรู้จักเพื่อนใหม่ แลกเปลี่ยนประสบการณ์การเดินทาง ถึงกระนั้น การพักอาศัยกับคนแปลกหน้าร่วมกัน ย่อมมีกฎหลักของการใช้ชีวิตในโฮสเทล เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตในพื้นที่จำกัดได้อย่างมีความสุขและเคารพซึ่งกันและกัน สรุปได้ดังนี้ 1. เคารพเวลาพักผ่อนของผู้อื่น โดยเฉพาะช่วงเวลา 22.00 น. ถึง 08.00 น. ของวันถัดไป ห้ามแพ็คหรือแกะกระเป๋าสัมภาระ ให้เตรียมของไว้ล่วงหน้า หากจำเป็นต้องค้นหาสิ่งของที่ใช้เวลานาน ให้นำกระเป๋าออกไปทำในพื้นที่ส่วนกลาง รวมทั้งใช้แสงไฟอย่างระมัดระวัง ใช้ไฟฉายขนาดเล็กหรือไฟจากโทรศัพท์มือถือ แทนการเปิดไฟส่วนกลาง และห้ามส่งเสียงดัง หลีกเลี่ยงการคุยโทรศัพท์ในห้อง การคุยกระซิบ หรือการส่งเสียงรบกวนใดๆ ส่วนการดูหนัง ฟังเพลง ต้องใช้หูฟังอยู่เสมอ 2. สุขอนามัยและความเป็นระเบียบ ควรปฎิบัติตามระเบียบของที่พัก เช่น รองเท้าควรวางไว้นอกห้อง ตู้เก็บรองเท้า หรือชั้นวางที่จัดเตรียมไว้ให้ โฮสเทลบางแห่งห้ามสวมรองเท้าเข้าไปในพื้นที่ที่กำหนด เช่น ห้องพัก ทางเดิน หรือห้องน้ำ ห้ามรับประทานอาหารและเครื่องดื่มภายในห้องพักรวม การใช้พื้นที่ส่วนกลาง เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องครัว หรือห้องน้ำ ควรรักษาความสะอาดอยู่เสมอ 3. เคารพความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น ห้ามแตะต้องสัมภาระผู้อื่น เช่น กระเป๋า ของใช้บนเตียง อาหารในตู้เย็น รวมทั้งเคารพความต้องการที่จะอยู่คนเดียวของผู้อื่น อย่าเข้าไปแทรกแซงหรือชวนคุยหากพวกเขาใส่หูฟัง หรือกำลังทำกิจกรรมส่วนตัว นอกจากนี้ ให้ระวังทรัพย์สินมีค่าของตัวเอง เช่น กระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก เก็บไว้ในตู้เก็บของ (ล็อกเกอร์) ของตัวเอง แต่ถ้าเก็บในล็อกเกอร์ไม่ได้ ควรพกติดตัวไปด้วย 4. เป็นมิตรและมีน้ำใจต่อผู้อื่น พร้อมที่จะยิ้ม ตอบรับ หรือเริ่มต้นบทสนทนาเล็กๆ น้อยๆ กับเพื่อนร่วมห้อง ถ้าห้องพักรวมเป็นปลั๊กไฟส่วนกลาง ควรชาร์จแบตเตอรี่อย่างมีน้ำใจ อย่าผูกขาดปลั๊กไฟโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะหากมีผู้พักคนอื่นต้องการใช้งาน รวมทั้งการแบ่งปันเรื่องเล็กน้อย เช่น เครื่องปรุงอาหาร หรือข้อมูลท่องเที่ยว ทำให้การใช้ชีวิตร่วมกันเต็มไปด้วยความสนุก สะดวกสบาย และมิตรภาพ #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 219 มุมมอง 0 รีวิว
  • รุกฆาต หรือ รุกคืบ ตอนที่ 2
    “รุกฆาต หรือ รุกคืบ”
    ตอนที่ 2

    คงจำกันได้ เมื่อปี ค.ศ. 2011 อเมริกามีปัญหาถังแตก กระเป๋าฉีก (เป็นบ่อยเหมือนกันนะ ไหนว่ารวยไง) จะต้องมีการตัดงบประมาณรายจ่ายของประเทศเป็นการใหญ่ ฝ่ายรัฐบาลโอบามาจะให้ตัดงบด้านความมั่นคงเป็นส่วนใหญ่และตัดงบประมาณด้านสวัสดิการประชาชนน้อยกว่า เพื่อเลี้ยงฐานเสียง แต่พรรคฝ่ายค้าน บรรดาเหยี่ยวกระหายเลือด มีความเห็นตรงกันข้าม ไม่ยอมให้แตะงบด้านความมั่นคง แบบนี้จะไปมองหน้าพ่อค้าอาวุธนายทุนใหญ่ทั้งหลายได้ยังไง เลือกตั้งครั้งหน้าจะทำยังไง ทำให้รัฐบาลและฝ่ายค้านตกลงกันไม่ได้

    ในที่สุด นายโอบามาวางสนุ้ก โดยลงนามใน Budget Control Act of 2011 ซึ่งมีผลเป็นการตัดงบประมาณทั้ง กระดานเท่ากัน ซึ่งเรียกกันว่า ” Sequestrations” ตัดอัตโนมัติ ตัดเท่ากัน ตัดเหี้ยน ไม่ว่าจะด้านความมั่นคง หรือสวัสดิการ เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ 2013 ไปจนถึง ปี 2021 นายโอบามาหวังจะให้วุฒิสมาชิกทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ร่วมมือกันหาทางออก แต่จนถึงบัดนี้ยังหาประตูกันไม่เจอ ส่วนนายโอบามา ได้รับก้อนอิฐจากทุกสารทิศ ทั้งจากสภา และประชาชนปาใส่ยังไม่เลิก

    ฝ่ายความมั่นคง โดยนาย Pennetta รมว. กลาโหมขณะนั้น บอกว่าเรื่องนี้เรื่องใหญ่นะ ตัดงบแบบนี้ ในส่วนของกลาโหม 10 ปี คิดแล้วงบหดไป 20 % และจะทำให้กองทัพ
    – มีทหารราบเหลือน้อยที่สุด นับแต่สงครามโลก ครั้งที่ 2
    – มีกองทัพเรือเล็กที่สุด นับแต่ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 1
    – มีหน่วยรบด้านกลยุทธที่เล็กที่สุดในประวัติศาสตร์ของกองทัพอากาศ
    – มีกำลังพล ที่เป็นพลเรือนน้อยที่สุด ในประวัติศาสตร์ ของกลาโหม

    แต่การตัดงบประมาณ แบบตัดเหี้ยน Sequestration ก็ยังเดินหน้าต่อไป ตอนนั้นอเมริกาคงยังมองไม่เห็น แปลสัญญาณ การขยับหมากของรัสเซียและจีนไม่ออก

    นาง Michele Flournoy ตัวเก็งหมายเลขหนึ่ง ที่นายโอบามา ทาบทามมาให้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกลาโหม หลังปลดนาย Chuck Hagel เมื่อ กลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานี้ ได้เขียนบทความ เกี่ยวกับการตัดงบประมาณแบบตัดเหี้ยนนี้ ซึ่ง Washington Post นำมาลงเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2014 ว่า

    ” ฤดูร้อนปีนี้ เราเห็นเหตุการณ์โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเหลือเชื่อ ตั้งแต่การเกิดขึ้นของ Islamic State การรุกรานUkraine ของรัสเซีย สงครามระหว่าง ฮามาส กับอิสราเอล ความตึงเครียดในน่านน้ำเกาหลี และทะเลจีน เป็นการเตือนให้รู้ว่า อเมริกาอาจจะเจอกับการท้าทาย ด้านความมั่นคง ที่ซับซ้อน ผันแปรรวดเร็ว อย่างไม่เคยมีมาก่อน นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เลยทีเดียว
    ทั้งนี้คณะทำงานของ The National Defense Panel ซึ่งตั้งโดยสภาสูง (ที่มีนาง Flournoy เป็นหนึ่งในคณะทำงาน) ได้ทำรายงาน สรุปว่า Budget Control Act of 2011 เป็นยุทธศาสตร์ที่ “ผิดพลาดอย่างรุนแรง” ถ้าไม่มีการยกเลิก หรือผ่อนปรนโดยเร็ว กองทัพของอเมริกาจะตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างสูง และจะไม่สามารถปฏิบัติภาระกิจ ตามยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงของประเทศได้

    นาง Flournoy แจงเพิ่มเติมว่า การตัดงบตามกฏหมายดังกล่าว ทำให้การฝึกของนักบินไม่สามารถทำได้ตามจำนวนชั่วโมงที่ต้องการ เพื่อรักษาความชำนาญ และกองทัพเรือไม่สามารถไปประจำอยู่ในบริเวณที่วิกฤติได้…

    The National Defense Panel จึงขอให้สภาสูง พิจารณายกเลิก Budget Control Act ดังกล่าวทันที เพื่อให้กองทัพ สามารถยับยั้ง หรือหยุดความรุกรานในหลายๆที่ และรวมทั้งสามารถทำการรบ ในสงครามที่มีขนาดใหญ่ได้ (large-scale war) ซึ่งจำเป็นต้องมีการพิจารณาถึง ขนาด และรูปแบบของกองทัพเป็นการด่วน เพื่อเราจะได้ดำเนินการปกป้องผลประโยชน์ของเราที่มีอยู่ทั่วโลก และจัดหาวิธีการต่อสู้สงครามอย่างเหมาะสม ที่จะเป็นการรับประกันสถานะการเป็นผู้นำของอเมริกา…”

    Flournoy ไม่ได้เป็นคนเดียวที่ออกมาแสดงความเห็นคัดค้าน อย่างไม่อ้อมค้อม

    Gen. Gary Cheek รองปลัดกลาโหม ด้านแผนงาน และนโยบาย ให้สัมภาษณ์ ในวันประชุมประจำปี ของ AUSA Convention เมื่อ 15 ตุลาคม 2014 ว่า

    “การ ยกเลิก Sequestration เท่านั้นแหละ ถึงจะเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นตอ ขณะนี้ เราส่ง 7 กองกำลัง ไปประจำการณ์อยู่ต่างประเทศ จากจำนวน 10 กองกำลังด้านนี้ที่เรามี ถ้ามีการตัดงบประมาณต่อไป การหมุนเวียนกำลังพล ทำไม่ได้มาก กำลังพลที่ไปประจำการณ์ ต่างประเทศนานๆ ก็จะอยู่ในภาวะเครียดหนัก

    ตั้งแต่เริ่มรายการตัดงบเมื่อปี 2011 เป็นต้นมา กองทัพได้ยกเลิกไปแล้ว 21 แผนงาน ชลอ 125 แผนงาน และปรับปรุง 124 ที่แย่ คือ งบวิจัยและปรับปรุง ถูกตัดไปแล้ว 1 ใน 3 และหลังจากรบยาวติดต่อกันมา 12 ปี เราต้องมีการปรับปรุงอาวุธ และเครื่องมือ เครื่องใช้เรานะ”

    หลังจากนั้น ปลายเดือนตุลาคม 2014 ถึงคิว นาย Robert Gates อดีต รมว. กลาโหม อีกคนหนึ่ง ก็ออกมาพูดว่า ” สภาสูง ทำให้ Pentagon อยู่ในสภาพที่แย่ที่สุดในทุกทาง และเพื่อจะปกป้องพันธมิตร และผลประโยชน์ของอเมริกาในเอเซีย อเมริกาต้องมีระบบจรวดป้องกันทรัพย์สินของอเมริกาที่อยู่ในอวกาศ และเครือข่ายไซเบอร์ และต้องลงทุนในระบบการป้องกันระยะไกล อเมริกาไม่มีทางเลือก ที่จะไม่ลงทุน มันจำเป็นที่เราจะต้องรักษาขนาดของกองทัพ ความพร้อม และสมรรถนะ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเราทั่วโลก ”
    และ ล่าสุด นาย Bob Work รมช. กลาโหม ออกมาพูดเมื่อ วันที่ 1 ธันวาคม นี้ ที่ สถาบัน Center for Strategic and International Studies ถังความคิดชื่อดังของวอชิงตันว่า การ ตัดงบแบบSequestration นี้ ทำให้ความชำนาญในการรบของกองทัพลดลง ถ้ากองทัพต้องปฏิบัติการณ์ ทำนองเดียวกับ Desert Storm สมัยขยี้ Saddam Hussien ตอนนี้บอกได้ว่าคงเหนื่อยแน่

    นอกจากนี้ เขาบอกว่า สมัยช่วงก่อนปี 2001 นายทหารที่อยู่ในกองทัพมา กว่า 10 ปี จะได้เข้ารับการฝึกแบบ full spectrum combat training หลายครั้ง ก่อนเลื่อนตำแหน่งเป็นระดับหัวหน้า แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว เพราะตอนนี้ กลาโหมเน้นการรบเป็นรูปแบบการรับมือการก่อความไม่สงบ ถ้าจะเป็นการรบใหญ่จริงๆ เราต้องฝึกกันใหม่ และถ้ายังมีการตัดงบประมาณอย่างนี้ กว่าเริ่มฝีกใหม่ได้ ก็คงเป็นปี 2016 โน้นแน่ะ

    รู้สึกฝ่ายกลาโหมของอเมริกาจะโหมโรงหนังเรื่อง ตัดเหี้ยน Sequestration อย่างพร้อมเพรียง ในจังหวะน่าสนใจ!

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    13 ธค. 2557
    รุกฆาต หรือ รุกคืบ ตอนที่ 2 “รุกฆาต หรือ รุกคืบ” ตอนที่ 2 คงจำกันได้ เมื่อปี ค.ศ. 2011 อเมริกามีปัญหาถังแตก กระเป๋าฉีก (เป็นบ่อยเหมือนกันนะ ไหนว่ารวยไง) จะต้องมีการตัดงบประมาณรายจ่ายของประเทศเป็นการใหญ่ ฝ่ายรัฐบาลโอบามาจะให้ตัดงบด้านความมั่นคงเป็นส่วนใหญ่และตัดงบประมาณด้านสวัสดิการประชาชนน้อยกว่า เพื่อเลี้ยงฐานเสียง แต่พรรคฝ่ายค้าน บรรดาเหยี่ยวกระหายเลือด มีความเห็นตรงกันข้าม ไม่ยอมให้แตะงบด้านความมั่นคง แบบนี้จะไปมองหน้าพ่อค้าอาวุธนายทุนใหญ่ทั้งหลายได้ยังไง เลือกตั้งครั้งหน้าจะทำยังไง ทำให้รัฐบาลและฝ่ายค้านตกลงกันไม่ได้ ในที่สุด นายโอบามาวางสนุ้ก โดยลงนามใน Budget Control Act of 2011 ซึ่งมีผลเป็นการตัดงบประมาณทั้ง กระดานเท่ากัน ซึ่งเรียกกันว่า ” Sequestrations” ตัดอัตโนมัติ ตัดเท่ากัน ตัดเหี้ยน ไม่ว่าจะด้านความมั่นคง หรือสวัสดิการ เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ 2013 ไปจนถึง ปี 2021 นายโอบามาหวังจะให้วุฒิสมาชิกทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ร่วมมือกันหาทางออก แต่จนถึงบัดนี้ยังหาประตูกันไม่เจอ ส่วนนายโอบามา ได้รับก้อนอิฐจากทุกสารทิศ ทั้งจากสภา และประชาชนปาใส่ยังไม่เลิก ฝ่ายความมั่นคง โดยนาย Pennetta รมว. กลาโหมขณะนั้น บอกว่าเรื่องนี้เรื่องใหญ่นะ ตัดงบแบบนี้ ในส่วนของกลาโหม 10 ปี คิดแล้วงบหดไป 20 % และจะทำให้กองทัพ – มีทหารราบเหลือน้อยที่สุด นับแต่สงครามโลก ครั้งที่ 2 – มีกองทัพเรือเล็กที่สุด นับแต่ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 1 – มีหน่วยรบด้านกลยุทธที่เล็กที่สุดในประวัติศาสตร์ของกองทัพอากาศ – มีกำลังพล ที่เป็นพลเรือนน้อยที่สุด ในประวัติศาสตร์ ของกลาโหม แต่การตัดงบประมาณ แบบตัดเหี้ยน Sequestration ก็ยังเดินหน้าต่อไป ตอนนั้นอเมริกาคงยังมองไม่เห็น แปลสัญญาณ การขยับหมากของรัสเซียและจีนไม่ออก นาง Michele Flournoy ตัวเก็งหมายเลขหนึ่ง ที่นายโอบามา ทาบทามมาให้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกลาโหม หลังปลดนาย Chuck Hagel เมื่อ กลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานี้ ได้เขียนบทความ เกี่ยวกับการตัดงบประมาณแบบตัดเหี้ยนนี้ ซึ่ง Washington Post นำมาลงเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2014 ว่า ” ฤดูร้อนปีนี้ เราเห็นเหตุการณ์โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเหลือเชื่อ ตั้งแต่การเกิดขึ้นของ Islamic State การรุกรานUkraine ของรัสเซีย สงครามระหว่าง ฮามาส กับอิสราเอล ความตึงเครียดในน่านน้ำเกาหลี และทะเลจีน เป็นการเตือนให้รู้ว่า อเมริกาอาจจะเจอกับการท้าทาย ด้านความมั่นคง ที่ซับซ้อน ผันแปรรวดเร็ว อย่างไม่เคยมีมาก่อน นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เลยทีเดียว ทั้งนี้คณะทำงานของ The National Defense Panel ซึ่งตั้งโดยสภาสูง (ที่มีนาง Flournoy เป็นหนึ่งในคณะทำงาน) ได้ทำรายงาน สรุปว่า Budget Control Act of 2011 เป็นยุทธศาสตร์ที่ “ผิดพลาดอย่างรุนแรง” ถ้าไม่มีการยกเลิก หรือผ่อนปรนโดยเร็ว กองทัพของอเมริกาจะตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างสูง และจะไม่สามารถปฏิบัติภาระกิจ ตามยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงของประเทศได้ นาง Flournoy แจงเพิ่มเติมว่า การตัดงบตามกฏหมายดังกล่าว ทำให้การฝึกของนักบินไม่สามารถทำได้ตามจำนวนชั่วโมงที่ต้องการ เพื่อรักษาความชำนาญ และกองทัพเรือไม่สามารถไปประจำอยู่ในบริเวณที่วิกฤติได้… The National Defense Panel จึงขอให้สภาสูง พิจารณายกเลิก Budget Control Act ดังกล่าวทันที เพื่อให้กองทัพ สามารถยับยั้ง หรือหยุดความรุกรานในหลายๆที่ และรวมทั้งสามารถทำการรบ ในสงครามที่มีขนาดใหญ่ได้ (large-scale war) ซึ่งจำเป็นต้องมีการพิจารณาถึง ขนาด และรูปแบบของกองทัพเป็นการด่วน เพื่อเราจะได้ดำเนินการปกป้องผลประโยชน์ของเราที่มีอยู่ทั่วโลก และจัดหาวิธีการต่อสู้สงครามอย่างเหมาะสม ที่จะเป็นการรับประกันสถานะการเป็นผู้นำของอเมริกา…” Flournoy ไม่ได้เป็นคนเดียวที่ออกมาแสดงความเห็นคัดค้าน อย่างไม่อ้อมค้อม Gen. Gary Cheek รองปลัดกลาโหม ด้านแผนงาน และนโยบาย ให้สัมภาษณ์ ในวันประชุมประจำปี ของ AUSA Convention เมื่อ 15 ตุลาคม 2014 ว่า “การ ยกเลิก Sequestration เท่านั้นแหละ ถึงจะเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นตอ ขณะนี้ เราส่ง 7 กองกำลัง ไปประจำการณ์อยู่ต่างประเทศ จากจำนวน 10 กองกำลังด้านนี้ที่เรามี ถ้ามีการตัดงบประมาณต่อไป การหมุนเวียนกำลังพล ทำไม่ได้มาก กำลังพลที่ไปประจำการณ์ ต่างประเทศนานๆ ก็จะอยู่ในภาวะเครียดหนัก ตั้งแต่เริ่มรายการตัดงบเมื่อปี 2011 เป็นต้นมา กองทัพได้ยกเลิกไปแล้ว 21 แผนงาน ชลอ 125 แผนงาน และปรับปรุง 124 ที่แย่ คือ งบวิจัยและปรับปรุง ถูกตัดไปแล้ว 1 ใน 3 และหลังจากรบยาวติดต่อกันมา 12 ปี เราต้องมีการปรับปรุงอาวุธ และเครื่องมือ เครื่องใช้เรานะ” หลังจากนั้น ปลายเดือนตุลาคม 2014 ถึงคิว นาย Robert Gates อดีต รมว. กลาโหม อีกคนหนึ่ง ก็ออกมาพูดว่า ” สภาสูง ทำให้ Pentagon อยู่ในสภาพที่แย่ที่สุดในทุกทาง และเพื่อจะปกป้องพันธมิตร และผลประโยชน์ของอเมริกาในเอเซีย อเมริกาต้องมีระบบจรวดป้องกันทรัพย์สินของอเมริกาที่อยู่ในอวกาศ และเครือข่ายไซเบอร์ และต้องลงทุนในระบบการป้องกันระยะไกล อเมริกาไม่มีทางเลือก ที่จะไม่ลงทุน มันจำเป็นที่เราจะต้องรักษาขนาดของกองทัพ ความพร้อม และสมรรถนะ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเราทั่วโลก ” และ ล่าสุด นาย Bob Work รมช. กลาโหม ออกมาพูดเมื่อ วันที่ 1 ธันวาคม นี้ ที่ สถาบัน Center for Strategic and International Studies ถังความคิดชื่อดังของวอชิงตันว่า การ ตัดงบแบบSequestration นี้ ทำให้ความชำนาญในการรบของกองทัพลดลง ถ้ากองทัพต้องปฏิบัติการณ์ ทำนองเดียวกับ Desert Storm สมัยขยี้ Saddam Hussien ตอนนี้บอกได้ว่าคงเหนื่อยแน่ นอกจากนี้ เขาบอกว่า สมัยช่วงก่อนปี 2001 นายทหารที่อยู่ในกองทัพมา กว่า 10 ปี จะได้เข้ารับการฝึกแบบ full spectrum combat training หลายครั้ง ก่อนเลื่อนตำแหน่งเป็นระดับหัวหน้า แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว เพราะตอนนี้ กลาโหมเน้นการรบเป็นรูปแบบการรับมือการก่อความไม่สงบ ถ้าจะเป็นการรบใหญ่จริงๆ เราต้องฝึกกันใหม่ และถ้ายังมีการตัดงบประมาณอย่างนี้ กว่าเริ่มฝีกใหม่ได้ ก็คงเป็นปี 2016 โน้นแน่ะ รู้สึกฝ่ายกลาโหมของอเมริกาจะโหมโรงหนังเรื่อง ตัดเหี้ยน Sequestration อย่างพร้อมเพรียง ในจังหวะน่าสนใจ! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 13 ธค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 337 มุมมอง 0 รีวิว
  • นาทีงูเลื้อยขึ้นเตียงฉกคุณยายวัย 93 ปี ที่นอนพักผ่อนอยู่ใต้ถุนบ้าน ลูกสาวรีบนำยายส่งโรงพยาบาลต้องเข้าห้อง ICU
    นาทีงูเลื้อยขึ้นเตียงฉกคุณยายวัย 93 ปี ที่นอนพักผ่อนอยู่ใต้ถุนบ้าน ลูกสาวรีบนำยายส่งโรงพยาบาลต้องเข้าห้อง ICU
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

    เดือนนี้ ภายในครอบครัวจะมีเรื่องของความสุขสามัคคี หากรู้จักบริหารควบคุมเสน่ห์ได้อย่างพอเหมาะลงตัวจะได้ไม่เกิดเรื่องชู้สาวให้เป็นประเด็นชิงรักหักสวาทแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นให้วุ่นวาย ชายหนุ่มสืบเนื่องเพราะสาเหตุจากการใช้ชีวิตที่เสเพลชอบเที่ยวเตร่เร่ร่อนเป็นประจำ ขาดการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอมีโอกาสจะป่วยทางจิต จะเจ็บปวดที่ ตับ ม้าม ถุงน้ำดี หืด และหอบ ควรถนอมร่างกายใส่ใจดูแลสุขภาพจิตและสุขภาพกายเพื่อชีวิตที่แข็งแรงสมบูรณ์ ส่วนโชคลาภจะเข้าไม่แน่นอน มีดีมีร้ายเข้ามาแบบยากที่จะคาดเดา งานคิดสร้างสรรค์ งานวิชาการ งานศึกษา งานศิลปะ วิทยาการ ความสวยงาม จะมีความสำเร็จลุล่วงเจริญก้าวหน้าดี

    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    ประตูเปิดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เดือนนี้ ภายในครอบครัวจะมีเรื่องของความสุขสามัคคี หากรู้จักบริหารควบคุมเสน่ห์ได้อย่างพอเหมาะลงตัวจะได้ไม่เกิดเรื่องชู้สาวให้เป็นประเด็นชิงรักหักสวาทแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นให้วุ่นวาย ชายหนุ่มสืบเนื่องเพราะสาเหตุจากการใช้ชีวิตที่เสเพลชอบเที่ยวเตร่เร่ร่อนเป็นประจำ ขาดการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอมีโอกาสจะป่วยทางจิต จะเจ็บปวดที่ ตับ ม้าม ถุงน้ำดี หืด และหอบ ควรถนอมร่างกายใส่ใจดูแลสุขภาพจิตและสุขภาพกายเพื่อชีวิตที่แข็งแรงสมบูรณ์ ส่วนโชคลาภจะเข้าไม่แน่นอน มีดีมีร้ายเข้ามาแบบยากที่จะคาดเดา งานคิดสร้างสรรค์ งานวิชาการ งานศึกษา งานศิลปะ วิทยาการ ความสวยงาม จะมีความสำเร็จลุล่วงเจริญก้าวหน้าดี ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพจ “CSI LA" เปิดเรื่องช็อก! นศ.เกาหลีวัยเพียง 22 ปี ถูกอุ้มฆ่าในกัมพูชา หลังมาพักผ่อนช่วงปิดเทอม ทางครอบครัวผู้เสียชีวิตโดนเรียกค่าไถ่ 1.3 ล้านบาท รัฐบาลเกาหลีประท้วงเรียกความยุติธรรม

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000097251

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    เพจ “CSI LA" เปิดเรื่องช็อก! นศ.เกาหลีวัยเพียง 22 ปี ถูกอุ้มฆ่าในกัมพูชา หลังมาพักผ่อนช่วงปิดเทอม ทางครอบครัวผู้เสียชีวิตโดนเรียกค่าไถ่ 1.3 ล้านบาท รัฐบาลเกาหลีประท้วงเรียกความยุติธรรม อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000097251 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 378 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เผยผลการประชุม สมช. ได้ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยย้ำจุดยืนเดิม 4 ข้อที่นายกฯ แถลงไว้ คือ กัมพูชาต้องถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ ต้องเก็บกู้กับระเบิด ต้องร่วมมือปราบปรามอาชญากรรม และความร่วมมือบริหารชายแดนที่มีปัญหา วันนี้เป็นการติดตามสถานการณ์ในภาพรวม ส่วนการขอคืนพื้นที่ทหารดำเนินอยู่ตามขั้นตอนที่วางไว้ ยังไม่มีการคุยถึงข้อเสนอของประธานาธิบดีสหรัฐ เตรียมตั้งผู้แทนพิเศษ เชื่อมการทำงานระหว่างฝ่ายนโยบายกับฝ่ายปฏิบัติในพื้นที่ เพื่อแก้ปัญหา
    สถานการณ์ชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้แต่งตั้งหัวหน้าพูดคุยสันติสุขแล้ว จะเริ่มดำเนินการตามขั้นตอนเนื่องจากรัฐบาลมีเวลา 4 เดือน ต้องการให้กลไกนี้เป็นจุดเชื่อมสำคัญและกำหนดเป้าหมายการทำงานที่ชัดเจน

    -ทหารรุกปรับปรุงพื้นที่
    -ตายโหงตายอหิวา ก็ไม่ออก
    -การเมืองพรรคใหญ่แข่งดูด
    -พร้อมผ่อนคลายอุ้มเศรษฐกิจ
    นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เผยผลการประชุม สมช. ได้ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยย้ำจุดยืนเดิม 4 ข้อที่นายกฯ แถลงไว้ คือ กัมพูชาต้องถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ ต้องเก็บกู้กับระเบิด ต้องร่วมมือปราบปรามอาชญากรรม และความร่วมมือบริหารชายแดนที่มีปัญหา วันนี้เป็นการติดตามสถานการณ์ในภาพรวม ส่วนการขอคืนพื้นที่ทหารดำเนินอยู่ตามขั้นตอนที่วางไว้ ยังไม่มีการคุยถึงข้อเสนอของประธานาธิบดีสหรัฐ เตรียมตั้งผู้แทนพิเศษ เชื่อมการทำงานระหว่างฝ่ายนโยบายกับฝ่ายปฏิบัติในพื้นที่ เพื่อแก้ปัญหา สถานการณ์ชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้แต่งตั้งหัวหน้าพูดคุยสันติสุขแล้ว จะเริ่มดำเนินการตามขั้นตอนเนื่องจากรัฐบาลมีเวลา 4 เดือน ต้องการให้กลไกนี้เป็นจุดเชื่อมสำคัญและกำหนดเป้าหมายการทำงานที่ชัดเจน -ทหารรุกปรับปรุงพื้นที่ -ตายโหงตายอหิวา ก็ไม่ออก -การเมืองพรรคใหญ่แข่งดูด -พร้อมผ่อนคลายอุ้มเศรษฐกิจ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 452 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เหยื่อติดคอ ตอนที่ 4
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ”
    ตอนที่ 4

    อเมริกาเริ่มมองหาผู้ที่น่าจะเหมาะสมเป็นหุ่นตัวใหม่แทน Shah สาระพัดฑูตและที่ปรึกษาถูกส่งตัวไปเดินหาข่าวแถวอิหร่าน แน่นอนทุกคนต่างหาเรื่องโกหกมาบังหน้าในการเดินเข้าไปอยู่ในสังคมอิหร่าน

    นาย Henry Precht นักการฑูตคนหนึ่ง ซึ่งถูกส่งไปเดินเล่นช่วงนั้น บรรยายถึงการปฏิบัติการดังกล่าว “เป็นปฏิบัติการสร้างหนทางสำหรับให้คนในสังคมการเมืองระดับสูง เข้ามาจัดตั้งรัฐบาลอิหร่านที่สนับสนุนอเมริกา”

    นาย William H. Sullivan ฑูตอเมริกันประจำอิหร่านช่วง ค.ศ.1977 ถึง ค.ศ.1979 พูดถึงช่วงเวลาดังกล่าวไว้ว่า “ในช่วงฤดูใบไม้ผลิของ ค.ศ.1978 (ประมาณ 1 ปี ก่อนมี Islamic Revolution ) สถานะการณ์ในอิหร่านเกิดการเปลี่ยนแปลง และเราก็คอยโอกาสนั้น……… สถานฑูตเราได้สร้างเครือข่ายติดต่อกับผู้ไม่เห็นด้วย (กับ Shah) และเราก็ทำให้พวกเขาเชื่อมั่น………. พวกเขาส่วนมากแปลกใจที่ความเห็นของเรากับของพวกเขาใกล้เคียงกันมาก……… เขา (Shah) ถามผมบ่อยๆว่า พวกนักสอนศาสนาเพื่อนคุณทำอะไรกันนะ ? ……”

    เมื่อพวกนักเดินเล่น ส่งรายงานกลับไปที่วอซิงตัน พวกเขาสรุปกันว่า อเมริกาควรสนับสนุนพวก Islamic ที่อยู่ตรงกันข้ามกับ Shah พวกนักการเมืองฝ่านค้าน อ่อนแอเกินไป ส่วนพรรคคอมมิวนิตส์ ก็ใกล้ชิดกับสหภาพโซเวียตมากไป พวก Islamic นี้ มีผู้นำชื่อ Ayatollah Ruhollah Khomeini ซึ่งอาศัยอยู่ที่เมือง Najif ในอิรักมาหลายปี ตั้งแต่ตั้งตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามกับ Shah แต่ใน ค.ศ.1978 Saddam Hussein ไล่เขาออกไปจากอิรัก Khomeini ย้ายไปปักหลักแถวชานเมืองของปารีสที่ฝรั่งเศสชื่อ Neauphle Le Chateau

    เมื่ออยู่ที่เมือง Najif พวกอเมริกันไปแวะเยี่ยม Khomeini บ่อยๆ Richard Cottam พวก CIA กลุ่มที่มีส่วนในการสร้างการปฏิวัติโค่น Massadeq ได้ไปพบ Khomeini ในฐานะตัวแทนของรัฐบาลอเมริกัน Cottam เข้าใจว่า Khomeini มีความเป็นห่วงคอมมิวนิตส์จะเข้ามาครองอิหร่าน และบอกว่าจะต้องระวังไม่ใช่ไล่ Shah ออกไป แล้วเป็นการเปิดทางให้คอมมิวนิตส์เข้ามาครองอิหร่านแทน Khomeini ขอให้ Cottam สื่อสารกับนายที่วอซิงตันให้รู้เรื่องว่า Khomeini หวังจะได้รับการสนับสนุนจากอเมริกา หากพวกคอมมิวนิตส์ในอิหร่านต่อต้านการปฏิวัติ

    อเมริกาส่งตัวแทนไปคุยที่ Neauphle Le Chateau ในเดือนตุลาคม ค.ศ.1978 แล้ว Khomeini กับอเมริกา ก็ได้มีตกลงกันเป็นทางการว่า Khomeini ตกลงจะให้ความร่วมมือกับอเมริกา ถ้าอเมริกาจะช่วยเขาโค่น Shah และรับรองว่าหลังจากการปฏิวัติโค่น Shah อเมริกาจะไม่เข้ามายุ่งในกิจการภายในของอิหร่าน อเมริกาตกลงรับคำ
    ประธานาธิบดี Jimmy Carter ส่ง General Robert Huyser ไปอิหร่านเพื่อประสานงานกับพวกนายพลอิหร่าน Huyser ถึงอิหร่านในวันที่ 4 มกราคม ค.ศ.1979 เขาบอกกับนายพลอิหร่านว่า ถ้าพวกคุณไม่สนับสนุนการปฏิวัติของ Khomeini โดยนั่งอยู่เฉยๆแล้วละก้อ พวกคอมมิวนิตส์จะฉวยโอกาสนี้บุกเข้าประเทศคุณ เปลี่ยนอิหร่านเป็นรัฐคอมมิวนิตส์แน่นอน ข้อมูลนี้ปรากฏอยู่ในรายงานของ Al Watan รายงานในหนังสือพิมพ์ Kuwaiti วันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ.1979 ประธานาธิบดี Carter เขียนไว้ในบันทึกความทรงจำของเขาว่า “Huyser มีความเห็นว่า กองทัพอิหร่านเตรียมพร้อมที่จะป้องกันอาวุธพวกเขา (ไม่ไห้ตกไปอยู่ในมือของคนอื่น) และรับรองว่าจะไม่ออกมาขัดขวางตามถนน”

    Shah เองก็สังหรณ์ใจว่า น่าจะมีอะไรผิดปกติ เขาเขียนในบันทึกความทรงจำเกี่ยวกับการมาอิหร่านของ General Huyser ในเดือนมกราคม ค.ศ.1979 ว่า “Huyser ไม่แจ้งเราล่วงหน้าถึงการมา เขามาเตหะรานบ่อยมาก และทุกครั้งจะแจ้งตารางการนัดพบล่วงหน้า เพื่อหารือกับเราเกี่ยวกับเรื่อ งการทหาร กับเราและพวกทหาร” แต่การมาคราวนี้ของ Huyser ไม่มีการแจ้งให้ Shah ทราบ Shah ได้เขียนบันทึกต่อไปว่า “Huyser ได้กล่อมให้หัวหน้าเลขาธิการของเรา General Ghara-Baghi ซึ่งพฤติกรรมช่วงหลังของเขา ทำให้เราเชื่อว่าเขาทรยศต่อเราแล้ว Huyser ขอให้ Ghara-Baghi นัดให้เขาพบกับทนายชื่อดังด้านสิทธิมนุษยชนชื่อ Mehdi Bazargan” (ซึ่งภายหลังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของรัฐบาล Khomeini)

    “นายพล Ghara-Baghi แจ้งเราเกี่ยวกับเรื่องที่ Huyser ขอให้นัด ก่อนที่เราจะไปจากอิหร่าน และเราไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น เรารู้แต่ว่า Ghara-Baghi ใช้อำนาจของเขา ห้ามกองทัพมิให้ขัดขวาง Khomeini เขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่า มีการตัดสินใจกันอย่างไรและในราคาใด เข้าใจว่าพวกนายพลของเราตอนหลังได้ถูกประหารชีวิตหมด ยกเว้น Ghara-Baghi ที่ได้รับผ่อนผัน คนช่วยเขาก็คือ Mehdi Bazargan นั่นแหละ”

    วันที่ 14 มกราคม ค.ศ.1979 ฑูตอเมริกันได้นัดพบกับ Ebrahin Yazedi ผู้ช่วยของ Khomeini พร้อมด้วยตัวแทนของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา Yazedi อาศัยอยู่ในอเมริกาเป็นเวลานานตั้งแต่ ค.ศ.1961 เขาถูกบังคับให้ลี้ภัยจากอิหร่าน เพราะเขาต่อต้าน Shah หลังจากเข้าไปอยู่ในอเมริกา เขาผูกสัมพันธ์แน่นชิดกับ CIA และกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ตอนหลังเขาได้แปลงสัญชาติเป็นอเมริกัน

    ระหว่างการนัดพบ Warren Zimmerman ในฐานะตัวแทนของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา บอกให้ Yazedi แจ้ง Khomeini ให้คอยก่อน อย่างเพิ่งกลับมาอิหร่าน จนกว่า Huyser จะได้เตี๊ยมกับบรรดาพวกนายพลอิหร่านเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นใน วันที่ 26 มกราคม ค.ศ.1979 นาย Ramsay Clark จากกระทรวงต่างประเทศก็ไปพบ Khomeini ที่ Neauphle Le Chateau หลังจากพบ เขาแจ้งแก่นักข่าวว่า เราหวังว่าการปฏิวัติจะสร้างความเป็นธรรมในสังคมให้กลับมาสู่ชาวอิหร่าน การปฏิวัติได้ถูกเตรียมการพร้อมเดินหน้าแล้ว

    วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1979 Khomeini ก็ขึ้นเครื่องบิน Air France จากปารีสบินเข้าเตหะราน ส่วน Shah รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และคงไม่อยู่ในสภาพที่จะระงับได้ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1979 Khomeini ก็ขึ้นมาเป็นผู้ครองอิหร่าน และตั้งรัฐบาลรักษาการณ์ มี Mehdi Bazargan เป็นหัวหน้ารัฐบาล
    Bazargan เป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างพวกปฏิวัติ กับอเมริกา ในช่วง ค.ศ.1978 ตัวแทนของรัฐบาลอเมริกัน เช่น John Stempel, Hurry Precht, Warren Zimmerman และ Richard Cottam ต่างได้มาพบพูดคุยกับขบวนการ Iranian Freedom Movement ซึ่งนำโดย Bazargan อยู่ตลอด อเมริกาติดต่อกับ Bazargan โดยผ่านขบวนการ Freedom Movement นี้ตลอดช่วงเดือนแรกๆ หลังจากการปฏิวัติ

    Bazargan ได้แต่งตั้ง Abbas Amir Entezam ซึ่งอยู่อเมริกามากว่า 20 ปี ให้เป็นรองนายกรัฐมนตรี Entezam นี้ใกล้ชิดติดต่อกับ CIA มาตั้งแต่สมัยของ Massadeq และเป็นสายข่าวให้แก่ CIA เมื่อมีการสร้างปฏิวัติล้ม Massadeq นอกจากนี้ยังตั้ง Kerim Sanjabi เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ Sanjabi ก็เช่นกัน เป็นผู้ที่คุ้นเคยกับสถานฑูตอเมริกาในกรุงเตหะราน คณะรัฐมนตรีของ Bazargan สรุปแล้วมีคนอิหร่านถือสัญชาติอเมริกันถึง 5 คน

    ในบันทึกความทรงจำของประธานาธิบดี Carter เขียนชื่นชมว่า Bazargan และคณะรัฐบาล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้จบการศึกษาจากตะวันตกว่า ให้ความร่วมมือกับอเมริกาอย่าง ดีเยี่ยม คอยดูแลป้องกันสถานฑูต ดูแลการเดินทางของ General Philip C. Gast ซึ่งมาแทน Huyser และคอยส่งข่าวให้พวกเรา Bazargan เองก็ประกาศชัดเจนว่า ต้องการจะสร้างสัมพันธ์ไมตรีอันดียิ่งกับอเมริกา และอิหร่านก็จะกลับมาส่งน้ำมันให้แก่ลูกค้าตามปกติในเร็วๆนี้

    การปฏิวัติในอิหร่านในปี ค.ศ.1979 เหมือนเป็นการจับคู่ที่เหมาะสม ระหว่างกลุ่มอิสลามที่เคร่งครัดและไม่ชอบระบอบคอมมิวนิตส์ กับจักรวรรดิอเมริกาที่กีดกั้นระบอบคอมมิวนิตส์ แต่ไม่แน่ว่าการจับคู่ถูกในตอนนั้น จะไปลงท้ายด้วยการหย่าและเคียดแค้น หรือถือไม้เท้ายอดทองด้วยกัน

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    23 กันยายน 2557
    เหยื่อติดคอ ตอนที่ 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ” ตอนที่ 4 อเมริกาเริ่มมองหาผู้ที่น่าจะเหมาะสมเป็นหุ่นตัวใหม่แทน Shah สาระพัดฑูตและที่ปรึกษาถูกส่งตัวไปเดินหาข่าวแถวอิหร่าน แน่นอนทุกคนต่างหาเรื่องโกหกมาบังหน้าในการเดินเข้าไปอยู่ในสังคมอิหร่าน นาย Henry Precht นักการฑูตคนหนึ่ง ซึ่งถูกส่งไปเดินเล่นช่วงนั้น บรรยายถึงการปฏิบัติการดังกล่าว “เป็นปฏิบัติการสร้างหนทางสำหรับให้คนในสังคมการเมืองระดับสูง เข้ามาจัดตั้งรัฐบาลอิหร่านที่สนับสนุนอเมริกา” นาย William H. Sullivan ฑูตอเมริกันประจำอิหร่านช่วง ค.ศ.1977 ถึง ค.ศ.1979 พูดถึงช่วงเวลาดังกล่าวไว้ว่า “ในช่วงฤดูใบไม้ผลิของ ค.ศ.1978 (ประมาณ 1 ปี ก่อนมี Islamic Revolution ) สถานะการณ์ในอิหร่านเกิดการเปลี่ยนแปลง และเราก็คอยโอกาสนั้น……… สถานฑูตเราได้สร้างเครือข่ายติดต่อกับผู้ไม่เห็นด้วย (กับ Shah) และเราก็ทำให้พวกเขาเชื่อมั่น………. พวกเขาส่วนมากแปลกใจที่ความเห็นของเรากับของพวกเขาใกล้เคียงกันมาก……… เขา (Shah) ถามผมบ่อยๆว่า พวกนักสอนศาสนาเพื่อนคุณทำอะไรกันนะ ? ……” เมื่อพวกนักเดินเล่น ส่งรายงานกลับไปที่วอซิงตัน พวกเขาสรุปกันว่า อเมริกาควรสนับสนุนพวก Islamic ที่อยู่ตรงกันข้ามกับ Shah พวกนักการเมืองฝ่านค้าน อ่อนแอเกินไป ส่วนพรรคคอมมิวนิตส์ ก็ใกล้ชิดกับสหภาพโซเวียตมากไป พวก Islamic นี้ มีผู้นำชื่อ Ayatollah Ruhollah Khomeini ซึ่งอาศัยอยู่ที่เมือง Najif ในอิรักมาหลายปี ตั้งแต่ตั้งตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามกับ Shah แต่ใน ค.ศ.1978 Saddam Hussein ไล่เขาออกไปจากอิรัก Khomeini ย้ายไปปักหลักแถวชานเมืองของปารีสที่ฝรั่งเศสชื่อ Neauphle Le Chateau เมื่ออยู่ที่เมือง Najif พวกอเมริกันไปแวะเยี่ยม Khomeini บ่อยๆ Richard Cottam พวก CIA กลุ่มที่มีส่วนในการสร้างการปฏิวัติโค่น Massadeq ได้ไปพบ Khomeini ในฐานะตัวแทนของรัฐบาลอเมริกัน Cottam เข้าใจว่า Khomeini มีความเป็นห่วงคอมมิวนิตส์จะเข้ามาครองอิหร่าน และบอกว่าจะต้องระวังไม่ใช่ไล่ Shah ออกไป แล้วเป็นการเปิดทางให้คอมมิวนิตส์เข้ามาครองอิหร่านแทน Khomeini ขอให้ Cottam สื่อสารกับนายที่วอซิงตันให้รู้เรื่องว่า Khomeini หวังจะได้รับการสนับสนุนจากอเมริกา หากพวกคอมมิวนิตส์ในอิหร่านต่อต้านการปฏิวัติ อเมริกาส่งตัวแทนไปคุยที่ Neauphle Le Chateau ในเดือนตุลาคม ค.ศ.1978 แล้ว Khomeini กับอเมริกา ก็ได้มีตกลงกันเป็นทางการว่า Khomeini ตกลงจะให้ความร่วมมือกับอเมริกา ถ้าอเมริกาจะช่วยเขาโค่น Shah และรับรองว่าหลังจากการปฏิวัติโค่น Shah อเมริกาจะไม่เข้ามายุ่งในกิจการภายในของอิหร่าน อเมริกาตกลงรับคำ ประธานาธิบดี Jimmy Carter ส่ง General Robert Huyser ไปอิหร่านเพื่อประสานงานกับพวกนายพลอิหร่าน Huyser ถึงอิหร่านในวันที่ 4 มกราคม ค.ศ.1979 เขาบอกกับนายพลอิหร่านว่า ถ้าพวกคุณไม่สนับสนุนการปฏิวัติของ Khomeini โดยนั่งอยู่เฉยๆแล้วละก้อ พวกคอมมิวนิตส์จะฉวยโอกาสนี้บุกเข้าประเทศคุณ เปลี่ยนอิหร่านเป็นรัฐคอมมิวนิตส์แน่นอน ข้อมูลนี้ปรากฏอยู่ในรายงานของ Al Watan รายงานในหนังสือพิมพ์ Kuwaiti วันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ.1979 ประธานาธิบดี Carter เขียนไว้ในบันทึกความทรงจำของเขาว่า “Huyser มีความเห็นว่า กองทัพอิหร่านเตรียมพร้อมที่จะป้องกันอาวุธพวกเขา (ไม่ไห้ตกไปอยู่ในมือของคนอื่น) และรับรองว่าจะไม่ออกมาขัดขวางตามถนน” Shah เองก็สังหรณ์ใจว่า น่าจะมีอะไรผิดปกติ เขาเขียนในบันทึกความทรงจำเกี่ยวกับการมาอิหร่านของ General Huyser ในเดือนมกราคม ค.ศ.1979 ว่า “Huyser ไม่แจ้งเราล่วงหน้าถึงการมา เขามาเตหะรานบ่อยมาก และทุกครั้งจะแจ้งตารางการนัดพบล่วงหน้า เพื่อหารือกับเราเกี่ยวกับเรื่อ งการทหาร กับเราและพวกทหาร” แต่การมาคราวนี้ของ Huyser ไม่มีการแจ้งให้ Shah ทราบ Shah ได้เขียนบันทึกต่อไปว่า “Huyser ได้กล่อมให้หัวหน้าเลขาธิการของเรา General Ghara-Baghi ซึ่งพฤติกรรมช่วงหลังของเขา ทำให้เราเชื่อว่าเขาทรยศต่อเราแล้ว Huyser ขอให้ Ghara-Baghi นัดให้เขาพบกับทนายชื่อดังด้านสิทธิมนุษยชนชื่อ Mehdi Bazargan” (ซึ่งภายหลังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของรัฐบาล Khomeini) “นายพล Ghara-Baghi แจ้งเราเกี่ยวกับเรื่องที่ Huyser ขอให้นัด ก่อนที่เราจะไปจากอิหร่าน และเราไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น เรารู้แต่ว่า Ghara-Baghi ใช้อำนาจของเขา ห้ามกองทัพมิให้ขัดขวาง Khomeini เขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่า มีการตัดสินใจกันอย่างไรและในราคาใด เข้าใจว่าพวกนายพลของเราตอนหลังได้ถูกประหารชีวิตหมด ยกเว้น Ghara-Baghi ที่ได้รับผ่อนผัน คนช่วยเขาก็คือ Mehdi Bazargan นั่นแหละ” วันที่ 14 มกราคม ค.ศ.1979 ฑูตอเมริกันได้นัดพบกับ Ebrahin Yazedi ผู้ช่วยของ Khomeini พร้อมด้วยตัวแทนของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา Yazedi อาศัยอยู่ในอเมริกาเป็นเวลานานตั้งแต่ ค.ศ.1961 เขาถูกบังคับให้ลี้ภัยจากอิหร่าน เพราะเขาต่อต้าน Shah หลังจากเข้าไปอยู่ในอเมริกา เขาผูกสัมพันธ์แน่นชิดกับ CIA และกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ตอนหลังเขาได้แปลงสัญชาติเป็นอเมริกัน ระหว่างการนัดพบ Warren Zimmerman ในฐานะตัวแทนของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา บอกให้ Yazedi แจ้ง Khomeini ให้คอยก่อน อย่างเพิ่งกลับมาอิหร่าน จนกว่า Huyser จะได้เตี๊ยมกับบรรดาพวกนายพลอิหร่านเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นใน วันที่ 26 มกราคม ค.ศ.1979 นาย Ramsay Clark จากกระทรวงต่างประเทศก็ไปพบ Khomeini ที่ Neauphle Le Chateau หลังจากพบ เขาแจ้งแก่นักข่าวว่า เราหวังว่าการปฏิวัติจะสร้างความเป็นธรรมในสังคมให้กลับมาสู่ชาวอิหร่าน การปฏิวัติได้ถูกเตรียมการพร้อมเดินหน้าแล้ว วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1979 Khomeini ก็ขึ้นเครื่องบิน Air France จากปารีสบินเข้าเตหะราน ส่วน Shah รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และคงไม่อยู่ในสภาพที่จะระงับได้ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1979 Khomeini ก็ขึ้นมาเป็นผู้ครองอิหร่าน และตั้งรัฐบาลรักษาการณ์ มี Mehdi Bazargan เป็นหัวหน้ารัฐบาล Bazargan เป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างพวกปฏิวัติ กับอเมริกา ในช่วง ค.ศ.1978 ตัวแทนของรัฐบาลอเมริกัน เช่น John Stempel, Hurry Precht, Warren Zimmerman และ Richard Cottam ต่างได้มาพบพูดคุยกับขบวนการ Iranian Freedom Movement ซึ่งนำโดย Bazargan อยู่ตลอด อเมริกาติดต่อกับ Bazargan โดยผ่านขบวนการ Freedom Movement นี้ตลอดช่วงเดือนแรกๆ หลังจากการปฏิวัติ Bazargan ได้แต่งตั้ง Abbas Amir Entezam ซึ่งอยู่อเมริกามากว่า 20 ปี ให้เป็นรองนายกรัฐมนตรี Entezam นี้ใกล้ชิดติดต่อกับ CIA มาตั้งแต่สมัยของ Massadeq และเป็นสายข่าวให้แก่ CIA เมื่อมีการสร้างปฏิวัติล้ม Massadeq นอกจากนี้ยังตั้ง Kerim Sanjabi เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ Sanjabi ก็เช่นกัน เป็นผู้ที่คุ้นเคยกับสถานฑูตอเมริกาในกรุงเตหะราน คณะรัฐมนตรีของ Bazargan สรุปแล้วมีคนอิหร่านถือสัญชาติอเมริกันถึง 5 คน ในบันทึกความทรงจำของประธานาธิบดี Carter เขียนชื่นชมว่า Bazargan และคณะรัฐบาล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้จบการศึกษาจากตะวันตกว่า ให้ความร่วมมือกับอเมริกาอย่าง ดีเยี่ยม คอยดูแลป้องกันสถานฑูต ดูแลการเดินทางของ General Philip C. Gast ซึ่งมาแทน Huyser และคอยส่งข่าวให้พวกเรา Bazargan เองก็ประกาศชัดเจนว่า ต้องการจะสร้างสัมพันธ์ไมตรีอันดียิ่งกับอเมริกา และอิหร่านก็จะกลับมาส่งน้ำมันให้แก่ลูกค้าตามปกติในเร็วๆนี้ การปฏิวัติในอิหร่านในปี ค.ศ.1979 เหมือนเป็นการจับคู่ที่เหมาะสม ระหว่างกลุ่มอิสลามที่เคร่งครัดและไม่ชอบระบอบคอมมิวนิตส์ กับจักรวรรดิอเมริกาที่กีดกั้นระบอบคอมมิวนิตส์ แต่ไม่แน่ว่าการจับคู่ถูกในตอนนั้น จะไปลงท้ายด้วยการหย่าและเคียดแค้น หรือถือไม้เท้ายอดทองด้วยกัน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 23 กันยายน 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 360 มุมมอง 0 รีวิว
  • ล่องเรือแม่น้ำแซน ฝรั่งเศส เส้นทางสุดโรแมนติก จากปารีสสู่นอร์ม็องดี พักผ่อนบนเรือล่องแม่น้ำบริการระดับโรงแรม 6 ดาว อาหารฝรั่งเศสระดับกูร์เมต์ พร้อมไวน์ท้องถิ่นเสิร์ฟทุกมื้อ

    แพ็คเกจเรือล่องเรือ Paris & Normandy พัก S.S. Joie de Vivre By Uniworld River Cruise

    เดินทาง มี.ค. - พ.ย. 2569

    เส้นทางปารีส - ลา โรช - กียง, แวร์นง, ชีแวร์นี่ - รูอ็อง - โกดด์เบค - ออง โก (องเฟลอ แอเทรอตา) - รูอ็อง - มองต์ - ลา - ฌอลี (แวร์ซาย) - ปารีส

    Early Booking ลดสูงสุด 10% (บางช่วงวันเดินทาง)
    ปกติเริ่มต้น 4,299 USD ลดเหลือ เริ่มต้น 3,869 USD

    ค่าที่พักบนเรือตลอดการเดินทาง
    WIFI บนเรือ และ เครื่องดื่มบนเรือ
    รถรับ-ส่ง สนามบิน-ท่าเรือ (กรณีเดินทางมาถึงในวันที่เรือออกเดินทาง)
    กิจกรรมบนเรือ และความบันเทิง
    ค่าภาษีท่าเรือและค่าทิปพนักงานบนเรือ

    รหัสโปรแกรม : UNIP-8D7N-PAR-PAR-2611021
    คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e79677

    สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที!
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696

    #UniworldRiverCruise #Paris #Normandy #LaRoche #France #Rouen #แพ็คเกจเรือล่องแม่น้ำ #CruiseDomain
    🎼 ล่องเรือแม่น้ำแซน ฝรั่งเศส เส้นทางสุดโรแมนติก จากปารีสสู่นอร์ม็องดี พักผ่อนบนเรือล่องแม่น้ำบริการระดับโรงแรม 6 ดาว อาหารฝรั่งเศสระดับกูร์เมต์ พร้อมไวน์ท้องถิ่นเสิร์ฟทุกมื้อ 🍷🍴 ✨ แพ็คเกจเรือล่องเรือ Paris & Normandy พัก S.S. Joie de Vivre By Uniworld River Cruise 📅 เดินทาง มี.ค. - พ.ย. 2569 📍 เส้นทางปารีส - ลา โรช - กียง, แวร์นง, ชีแวร์นี่ - รูอ็อง - โกดด์เบค - ออง โก (องเฟลอ แอเทรอตา) - รูอ็อง - มองต์ - ลา - ฌอลี (แวร์ซาย) - ปารีส 🎇 Early Booking ลดสูงสุด 10% (บางช่วงวันเดินทาง) 💸 ปกติเริ่มต้น 4,299 USD ลดเหลือ เริ่มต้น 3,869 USD ✅ ค่าที่พักบนเรือตลอดการเดินทาง ✅ WIFI บนเรือ และ เครื่องดื่มบนเรือ ✅ รถรับ-ส่ง สนามบิน-ท่าเรือ (กรณีเดินทางมาถึงในวันที่เรือออกเดินทาง) ✅ กิจกรรมบนเรือ และความบันเทิง ✅ ค่าภาษีท่าเรือและค่าทิปพนักงานบนเรือ 📌 รหัสโปรแกรม : UNIP-8D7N-PAR-PAR-2611021 คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e79677 📩 สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที! https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 #UniworldRiverCruise #Paris #Normandy #LaRoche #France #Rouen #แพ็คเกจเรือล่องแม่น้ำ #CruiseDomain
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 274 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 5 – อิหร่าน 1
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 5”
    อิหร่าน 1
อิหร่านตกเป็นเหยื่อ ของเหล่านักล่าสาระพัดสัญชาติ มากว่า 100 ปีแล้ว ตั้งแต่ข่าวเรื่องนายD’Arcy ถูกนักล่า จากเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ เอาลงหม้อตุ๋น เล็ดรอดไปเข้าหู หน่วยสืบราชการลับของชาติต่าง ๆ
    เมื่อเริ่มศตวรรษที่ 19 อิหร่านยังเป็นประเทศที่ล้าหลังอยู่มาก ชาวบ้านซึ่งมีหลายเผ่าพันธ์ ยังอาศัยอยู่แถวนอกเมือง และทำงานประเภทอาบเหงื่อแทนน้ำ พวกเขานับถือศาสนาเดียวกัน แต่ก็ไม่ถึงกับเคร่งครัด และมีการปกครองโดยผู้ครองนคร
    ย้อนไปตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา อิหร่านโดนต่างชาติบุก และยึดครองดินแดนอยู่เสมอโดยพวกตะวันตก โดยเฉพาะอังกฤษและรัสเซีย การแย่งชิงอิหร่านระหว่าง 2 คู่ชิง หนักข้อขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา แต่ยังไม่มีเรื่องน้ำมันมาเกี่ยวข้อง มันมีสาเหตุ มาจากภูมิศาสตร์ที่ตั้งของอิหร่านเป็นหลัก
    สำหรับอังกฤษ อิหร่านเป็นเส้นทางสำคัญ ที่เชื่อมอังกฤษชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ กับอินเดีย กล่องดวงใจ และเป็นที่เหมาะ สำหรับจะวางไม้ขวาง กันไม่ให้รัสเซียขยายอำนาจเข้ามา ส่วนรัสเซียก็มองว่าอิหร่านเป็นด่านสำคัญ ที่จะไม่ให้ใครแหลมเข้ามาในรัฐเล็ก รัฐน้อยของตัวเอง ที่อยู่ทางภาคใต้ของรัสเซีย โดยเฉพาะพวกหน้าซีดเหมือนปลาตาย ทิ้งค้างอยู่บนเกาะ
    แม้อังกฤษจะพยายามปิดข่าว เรื่องการไปตั้งหม้อต้มตุ๋นคนกันเอง อย่างนายD’Arcy เพื่อซื้อสัมปทานน้ำมันในราคาถูก แต่ความลับยิ่งปิด ก็ยิ่งรั่ว ข่าวการต้มตุ๋นคนกันเอง กระฉ่อนไปเข้าหูนักล่าทุกสัญชาติ ต่างก็พากัน พกมีด เตรียมไม้ มุ่งหน้ามาอิหร่านเป็นแถว หวังจะได้เหยื่อ ส้มหล่นแบบอังกฤษบ้าง
    อังกฤษกับรัสเซีย เขม่นหน้ากันมานาน แต่เมื่ออังกฤษมีแผนจะถล่มออตโตมาน และต้องการรัสเซียมาร่วมเข้าฉาก ค.ศ.1907 อังกฤษกัดฟันตกลงกับรัสเซีย ทำสัญญาลับ “Convention of St. Petersburg ที่จะแบ่งอิหร่านระหว่างกัน รัสเซียจับไม้สั้นได้ส่วนเหนือ อังกฤษจับไม้ยาวได้ส่วนใต้ แต่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ จับไม้ไหน รัสเซียก็คงได้ส่วนเหนือของอิหร่านทั้งนั่นแหละ ก็อังกฤษเป็นฝ่ายเตรียมไม้ให้จับเอง ทางใต้ของอิหร่าน ที่อังกฤษล๊อกเอามาปรากฎว่าเต็มไปด้วยแหล่งน้ำมัน การจับไม้สั้นไม้ยาวนี้ เป็นการจับกันเองระหว่างพวกตะวันตก รัฐบาลอิหร่านไม่รู้เรื่องด้วย ยิ่งชาวอิหร่านยิ่งไม่รู้เรื่องใหญ่ ยังนอนหลับฝันร้ายกลางทะเลทรายอยู่เลย
    แล้ว Anglo Persian ก็เริ่มผลิตน้ำมันได้ในปี ค.ศ. 1908 อิหร่านเป็นประเทศแรกในตะวันออกกลาง ที่สามารถผลิตน้ำมันขายได้ แต่รายได้ค่าน้ำมันไปอยู่ที่ไหน ต้องแจงกันไหม
    เมื่ออังกฤษสามารถเปลี่ยนให้กองทัพเรือ มาใช้น้ำมันเป็นพลังงานแทนถ่านหิน น้ำมันยิ่งกลายเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้กองทัพเรืออังกฤษก้าวขึ้นไปสู่การเป็นเจ้าแห่งทะเลอย่างเต็มภาคภูมิ และเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลงโดยเยอรมันแพ้ลุ่ย อังกฤษ ถึงกับประกาศว่าฝ่ายสัมพันธมิตร ลอยตัวไปบนน้ำมันสู่ชัยชนะ (ไอ้พวกชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ นี่ ทั้งขี้โกง ขี้โม้ น้ำมันต้มเขามา น่าจะบอกให้ครบ )
    แต่น้ำมันไม่ใช้เป็นอาวุธหรือส่วนสำคัญ ในการชนะสงครามเท่านั้น น้ำมันกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการแข่งขัน สู่การเป็นหมายเลขหนึ่งของการครองโลกไปด้วย ตะวันออกกลาง จึงกลายเป็นเหมือนชุมทางโจร เป็นแหล่งล่าเหยื่อ ที่สร้างอนาคตใหม่ให้เหล่านักล่า อย่างเหลือเชื่อ หลอด Churchill ถึงกับบอกว่า น้ำมันอิหร่านเหมือนเป็นของขวัญที่เทวดาประทานให้ เกินความนึกฝันจริง ๆ
    แต่ความเป็นอยู่ของเจ้าของแผ่นดิน ช่างต่างกับผู้ได้รับของขวัญ อย่างเหลือเชื่อเช่นกัน
    เจ้าหน้าที่ชาวอิหร่านที่ทำงานอยู่ในโรงกลั่นน้ำมัน Anglo – Persian นาย Manucher Farmfarmaian ได้เขียนเล่าถึง โลกของผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินกับผู้ได้รับของขวัญไว้ดังนี้ :
    “ค่าแรงคือวันละ 50 เซ็นต์ ต่อวัน ไม่มีการจ่ายค่าจ้างในวันหยุดพักผ่อน ไม่มีการให้ลาป่วย ไม่มีค่าชดเชยหากพิการ คนงานอาศัยอยู่ในกระท่อมที่ Kaqhazabad โดยไม่มีน้ำและไฟฟ้า ไม่ต้องพูดถึงของฟุ่มเฟื่อย เช่น น้ำแข็ง หรือพัดลม หน้าหนาวน้ำจะท่วมพื้นดิน ค้าง บริเวณกว้าง เหมือนเป็นทะเลสาบ โคลนในเมืองสูงเท่าหัวเข่า และต้องใช้เรือขนส่ง แล่นไปตามถนน ที่เต็มไปด้วยน้ำเพื่อขนส่ง หน้าร้อนยิ่งแย่กว่า ที่พักซึ่งถูกเขม่าน้ำมันเกาะกันเป็นแผ่นหนาเตอะ ทำให้กระท่อมร้อนระอุเหมือนเตาอบ และมีกลิ่นเหม็นหื่นของน้ำมันเผาเก่า ๆ…
    ส่วนที่พักของชาวอังกฤษอยู่ใน Abadn เป็นบ้านใหญ่โต มีสนามสวยงาม มีแปลงดอกกุหลาบ สนามเทนนิส สระว่ายน้ำ และสโมสร แต่ที่ Kaqhazabad ไม่มีอะไรเช่นนั้น ไม่มี… ไม่มีแม้แต่ที่อาบน้ำ ไม่มีแม้แต่ต้นไม้สักต้น …”
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
14 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 5 – อิหร่าน 1 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 5” อิหร่าน 1
อิหร่านตกเป็นเหยื่อ ของเหล่านักล่าสาระพัดสัญชาติ มากว่า 100 ปีแล้ว ตั้งแต่ข่าวเรื่องนายD’Arcy ถูกนักล่า จากเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ เอาลงหม้อตุ๋น เล็ดรอดไปเข้าหู หน่วยสืบราชการลับของชาติต่าง ๆ เมื่อเริ่มศตวรรษที่ 19 อิหร่านยังเป็นประเทศที่ล้าหลังอยู่มาก ชาวบ้านซึ่งมีหลายเผ่าพันธ์ ยังอาศัยอยู่แถวนอกเมือง และทำงานประเภทอาบเหงื่อแทนน้ำ พวกเขานับถือศาสนาเดียวกัน แต่ก็ไม่ถึงกับเคร่งครัด และมีการปกครองโดยผู้ครองนคร ย้อนไปตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา อิหร่านโดนต่างชาติบุก และยึดครองดินแดนอยู่เสมอโดยพวกตะวันตก โดยเฉพาะอังกฤษและรัสเซีย การแย่งชิงอิหร่านระหว่าง 2 คู่ชิง หนักข้อขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา แต่ยังไม่มีเรื่องน้ำมันมาเกี่ยวข้อง มันมีสาเหตุ มาจากภูมิศาสตร์ที่ตั้งของอิหร่านเป็นหลัก สำหรับอังกฤษ อิหร่านเป็นเส้นทางสำคัญ ที่เชื่อมอังกฤษชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ กับอินเดีย กล่องดวงใจ และเป็นที่เหมาะ สำหรับจะวางไม้ขวาง กันไม่ให้รัสเซียขยายอำนาจเข้ามา ส่วนรัสเซียก็มองว่าอิหร่านเป็นด่านสำคัญ ที่จะไม่ให้ใครแหลมเข้ามาในรัฐเล็ก รัฐน้อยของตัวเอง ที่อยู่ทางภาคใต้ของรัสเซีย โดยเฉพาะพวกหน้าซีดเหมือนปลาตาย ทิ้งค้างอยู่บนเกาะ แม้อังกฤษจะพยายามปิดข่าว เรื่องการไปตั้งหม้อต้มตุ๋นคนกันเอง อย่างนายD’Arcy เพื่อซื้อสัมปทานน้ำมันในราคาถูก แต่ความลับยิ่งปิด ก็ยิ่งรั่ว ข่าวการต้มตุ๋นคนกันเอง กระฉ่อนไปเข้าหูนักล่าทุกสัญชาติ ต่างก็พากัน พกมีด เตรียมไม้ มุ่งหน้ามาอิหร่านเป็นแถว หวังจะได้เหยื่อ ส้มหล่นแบบอังกฤษบ้าง อังกฤษกับรัสเซีย เขม่นหน้ากันมานาน แต่เมื่ออังกฤษมีแผนจะถล่มออตโตมาน และต้องการรัสเซียมาร่วมเข้าฉาก ค.ศ.1907 อังกฤษกัดฟันตกลงกับรัสเซีย ทำสัญญาลับ “Convention of St. Petersburg ที่จะแบ่งอิหร่านระหว่างกัน รัสเซียจับไม้สั้นได้ส่วนเหนือ อังกฤษจับไม้ยาวได้ส่วนใต้ แต่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ จับไม้ไหน รัสเซียก็คงได้ส่วนเหนือของอิหร่านทั้งนั่นแหละ ก็อังกฤษเป็นฝ่ายเตรียมไม้ให้จับเอง ทางใต้ของอิหร่าน ที่อังกฤษล๊อกเอามาปรากฎว่าเต็มไปด้วยแหล่งน้ำมัน การจับไม้สั้นไม้ยาวนี้ เป็นการจับกันเองระหว่างพวกตะวันตก รัฐบาลอิหร่านไม่รู้เรื่องด้วย ยิ่งชาวอิหร่านยิ่งไม่รู้เรื่องใหญ่ ยังนอนหลับฝันร้ายกลางทะเลทรายอยู่เลย แล้ว Anglo Persian ก็เริ่มผลิตน้ำมันได้ในปี ค.ศ. 1908 อิหร่านเป็นประเทศแรกในตะวันออกกลาง ที่สามารถผลิตน้ำมันขายได้ แต่รายได้ค่าน้ำมันไปอยู่ที่ไหน ต้องแจงกันไหม เมื่ออังกฤษสามารถเปลี่ยนให้กองทัพเรือ มาใช้น้ำมันเป็นพลังงานแทนถ่านหิน น้ำมันยิ่งกลายเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้กองทัพเรืออังกฤษก้าวขึ้นไปสู่การเป็นเจ้าแห่งทะเลอย่างเต็มภาคภูมิ และเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลงโดยเยอรมันแพ้ลุ่ย อังกฤษ ถึงกับประกาศว่าฝ่ายสัมพันธมิตร ลอยตัวไปบนน้ำมันสู่ชัยชนะ (ไอ้พวกชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ นี่ ทั้งขี้โกง ขี้โม้ น้ำมันต้มเขามา น่าจะบอกให้ครบ ) แต่น้ำมันไม่ใช้เป็นอาวุธหรือส่วนสำคัญ ในการชนะสงครามเท่านั้น น้ำมันกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการแข่งขัน สู่การเป็นหมายเลขหนึ่งของการครองโลกไปด้วย ตะวันออกกลาง จึงกลายเป็นเหมือนชุมทางโจร เป็นแหล่งล่าเหยื่อ ที่สร้างอนาคตใหม่ให้เหล่านักล่า อย่างเหลือเชื่อ หลอด Churchill ถึงกับบอกว่า น้ำมันอิหร่านเหมือนเป็นของขวัญที่เทวดาประทานให้ เกินความนึกฝันจริง ๆ แต่ความเป็นอยู่ของเจ้าของแผ่นดิน ช่างต่างกับผู้ได้รับของขวัญ อย่างเหลือเชื่อเช่นกัน เจ้าหน้าที่ชาวอิหร่านที่ทำงานอยู่ในโรงกลั่นน้ำมัน Anglo – Persian นาย Manucher Farmfarmaian ได้เขียนเล่าถึง โลกของผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินกับผู้ได้รับของขวัญไว้ดังนี้ : “ค่าแรงคือวันละ 50 เซ็นต์ ต่อวัน ไม่มีการจ่ายค่าจ้างในวันหยุดพักผ่อน ไม่มีการให้ลาป่วย ไม่มีค่าชดเชยหากพิการ คนงานอาศัยอยู่ในกระท่อมที่ Kaqhazabad โดยไม่มีน้ำและไฟฟ้า ไม่ต้องพูดถึงของฟุ่มเฟื่อย เช่น น้ำแข็ง หรือพัดลม หน้าหนาวน้ำจะท่วมพื้นดิน ค้าง บริเวณกว้าง เหมือนเป็นทะเลสาบ โคลนในเมืองสูงเท่าหัวเข่า และต้องใช้เรือขนส่ง แล่นไปตามถนน ที่เต็มไปด้วยน้ำเพื่อขนส่ง หน้าร้อนยิ่งแย่กว่า ที่พักซึ่งถูกเขม่าน้ำมันเกาะกันเป็นแผ่นหนาเตอะ ทำให้กระท่อมร้อนระอุเหมือนเตาอบ และมีกลิ่นเหม็นหื่นของน้ำมันเผาเก่า ๆ… ส่วนที่พักของชาวอังกฤษอยู่ใน Abadn เป็นบ้านใหญ่โต มีสนามสวยงาม มีแปลงดอกกุหลาบ สนามเทนนิส สระว่ายน้ำ และสโมสร แต่ที่ Kaqhazabad ไม่มีอะไรเช่นนั้น ไม่มี… ไม่มีแม้แต่ที่อาบน้ำ ไม่มีแม้แต่ต้นไม้สักต้น …” สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
14 ก.ย. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 390 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Gboard Dial Edition — คีย์บอร์ดหมุนสุดแหวกจาก Google Japan ที่เปิดให้ทุกคนสร้างเองได้”

    ทุกวันที่ 1 ตุลาคม Google Japan จะเปิดตัวคีย์บอร์ดต้นแบบสุดแหวกแนวเพื่อโชว์ความคิดสร้างสรรค์ของทีม Gboard ที่ปกติเน้นพัฒนาแอปคีย์บอร์ดบนมือถือ ปีนี้พวกเขาเปิดตัว “Gboard Dial Edition” — คีย์บอร์ดที่ไม่มีปุ่ม แต่ใช้การหมุนแบบโทรศัพท์บ้านยุคโบราณแทน

    Gboard Dial Edition ใช้หลักการหมุนวงแหวนเพื่อเลือกตัวอักษร โดยมีวงแหวนหลักสำหรับ QWERTY และวงแหวนย่อยสำหรับปุ่มฟังก์ชัน เช่น Enter, ตัวเลข และปุ่มลูกศร การหมุนแต่ละครั้งจะมีเสียง “วืด” แบบกลไกที่ให้ความรู้สึกย้อนยุคและผ่อนคลาย ซึ่งทีมงานเชื่อว่าจะช่วยลดความเครียดจากการพิมพ์และลดโอกาสพิมพ์ผิด

    ดีไซน์นี้ยังมีการแบ่งวงแหวนเป็น 3 ชั้นซ้อนกัน เพื่อประหยัดพื้นที่และเพิ่มความเร็วในการพิมพ์แบบขนาน โดยผู้ใช้สามารถหมุนหลายวงแหวนพร้อมกันได้ นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชันตกแต่งด้วยผ้าหุ้มและสีสันหลากหลาย เพื่อให้เข้ากับการตกแต่งบ้าน

    แม้จะไม่วางขายจริง แต่ Google Japan ได้เปิดซอร์สทั้งหมดบน GitHub ทั้งไฟล์ 3D สำหรับพิมพ์, แผงวงจร PCB, เฟิร์มแวร์ และคู่มือประกอบ โดยใช้ Raspberry Pi Pico เป็นสมองหลักของระบบ พร้อมเซนเซอร์และมอเตอร์ควบคุมการหมุน

    Gboard Dial Edition เป็นหนึ่งในซีรีส์คีย์บอร์ดต้นแบบที่ Google Japan เคยทำ เช่น คีย์บอร์ดช้อนงอ, คีย์บอร์ดรหัสมอร์ส, และคีย์บอร์ดแถบวัดแนวแกน X ซึ่งทั้งหมดเน้นการทดลองแนวคิดใหม่ ๆ มากกว่าการผลิตเพื่อขายจริง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Gboard Dial Edition เป็นคีย์บอร์ดต้นแบบจาก Google Japan ที่ใช้การหมุนแทนการกดปุ่ม
    วงแหวนหลักใช้สำหรับ QWERTY และมีวงแหวนย่อยสำหรับปุ่มฟังก์ชัน
    เสียงกลไกขณะหมุนช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและลดโอกาสพิมพ์ผิด
    วงแหวนแบ่งเป็น 3 ชั้นเพื่อเพิ่มความเร็วและลดขนาด
    มีเวอร์ชันตกแต่งด้วยผ้าหุ้มและสีสันให้เข้ากับบ้าน
    เปิดซอร์สทั้งหมดบน GitHub ภายใต้ Apache License 2.0
    ใช้ Raspberry Pi Pico เป็นหน่วยประมวลผล พร้อมเซนเซอร์และมอเตอร์
    เป็นส่วนหนึ่งของธรรมเนียมประจำปีของทีม Gboard ในการโชว์ไอเดียใหม่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Rotary dial เคยใช้ในโทรศัพท์บ้านยุค 1950–1980 ก่อนถูกแทนที่ด้วยปุ่มกด
    Raspberry Pi Pico เป็นไมโครคอนโทรลเลอร์ราคาประหยัดที่นิยมใช้ในงาน DIY
    การใช้ photo sensor และ stepper motor ช่วยให้การหมุนแม่นยำและตอบสนองเร็ว
    คีย์บอร์ดต้นแบบของ Google Japan ไม่เคยวางขายจริง แต่เปิดให้ผู้ใช้สร้างเอง
    การออกแบบแบบ modular ช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งได้ตามความต้องการ

    https://www.tomshardware.com/peripherals/keyboards/crazy-google-japan-keyboard-design-switches-keys-for-dials-the-gboard-dial-edition-shows-why-the-software-team-isnt-allowed-to-design-hardware
    🎛️ “Gboard Dial Edition — คีย์บอร์ดหมุนสุดแหวกจาก Google Japan ที่เปิดให้ทุกคนสร้างเองได้” ทุกวันที่ 1 ตุลาคม Google Japan จะเปิดตัวคีย์บอร์ดต้นแบบสุดแหวกแนวเพื่อโชว์ความคิดสร้างสรรค์ของทีม Gboard ที่ปกติเน้นพัฒนาแอปคีย์บอร์ดบนมือถือ ปีนี้พวกเขาเปิดตัว “Gboard Dial Edition” — คีย์บอร์ดที่ไม่มีปุ่ม แต่ใช้การหมุนแบบโทรศัพท์บ้านยุคโบราณแทน Gboard Dial Edition ใช้หลักการหมุนวงแหวนเพื่อเลือกตัวอักษร โดยมีวงแหวนหลักสำหรับ QWERTY และวงแหวนย่อยสำหรับปุ่มฟังก์ชัน เช่น Enter, ตัวเลข และปุ่มลูกศร การหมุนแต่ละครั้งจะมีเสียง “วืด” แบบกลไกที่ให้ความรู้สึกย้อนยุคและผ่อนคลาย ซึ่งทีมงานเชื่อว่าจะช่วยลดความเครียดจากการพิมพ์และลดโอกาสพิมพ์ผิด ดีไซน์นี้ยังมีการแบ่งวงแหวนเป็น 3 ชั้นซ้อนกัน เพื่อประหยัดพื้นที่และเพิ่มความเร็วในการพิมพ์แบบขนาน โดยผู้ใช้สามารถหมุนหลายวงแหวนพร้อมกันได้ นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชันตกแต่งด้วยผ้าหุ้มและสีสันหลากหลาย เพื่อให้เข้ากับการตกแต่งบ้าน แม้จะไม่วางขายจริง แต่ Google Japan ได้เปิดซอร์สทั้งหมดบน GitHub ทั้งไฟล์ 3D สำหรับพิมพ์, แผงวงจร PCB, เฟิร์มแวร์ และคู่มือประกอบ โดยใช้ Raspberry Pi Pico เป็นสมองหลักของระบบ พร้อมเซนเซอร์และมอเตอร์ควบคุมการหมุน Gboard Dial Edition เป็นหนึ่งในซีรีส์คีย์บอร์ดต้นแบบที่ Google Japan เคยทำ เช่น คีย์บอร์ดช้อนงอ, คีย์บอร์ดรหัสมอร์ส, และคีย์บอร์ดแถบวัดแนวแกน X ซึ่งทั้งหมดเน้นการทดลองแนวคิดใหม่ ๆ มากกว่าการผลิตเพื่อขายจริง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Gboard Dial Edition เป็นคีย์บอร์ดต้นแบบจาก Google Japan ที่ใช้การหมุนแทนการกดปุ่ม ➡️ วงแหวนหลักใช้สำหรับ QWERTY และมีวงแหวนย่อยสำหรับปุ่มฟังก์ชัน ➡️ เสียงกลไกขณะหมุนช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและลดโอกาสพิมพ์ผิด ➡️ วงแหวนแบ่งเป็น 3 ชั้นเพื่อเพิ่มความเร็วและลดขนาด ➡️ มีเวอร์ชันตกแต่งด้วยผ้าหุ้มและสีสันให้เข้ากับบ้าน ➡️ เปิดซอร์สทั้งหมดบน GitHub ภายใต้ Apache License 2.0 ➡️ ใช้ Raspberry Pi Pico เป็นหน่วยประมวลผล พร้อมเซนเซอร์และมอเตอร์ ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของธรรมเนียมประจำปีของทีม Gboard ในการโชว์ไอเดียใหม่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Rotary dial เคยใช้ในโทรศัพท์บ้านยุค 1950–1980 ก่อนถูกแทนที่ด้วยปุ่มกด ➡️ Raspberry Pi Pico เป็นไมโครคอนโทรลเลอร์ราคาประหยัดที่นิยมใช้ในงาน DIY ➡️ การใช้ photo sensor และ stepper motor ช่วยให้การหมุนแม่นยำและตอบสนองเร็ว ➡️ คีย์บอร์ดต้นแบบของ Google Japan ไม่เคยวางขายจริง แต่เปิดให้ผู้ใช้สร้างเอง ➡️ การออกแบบแบบ modular ช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งได้ตามความต้องการ https://www.tomshardware.com/peripherals/keyboards/crazy-google-japan-keyboard-design-switches-keys-for-dials-the-gboard-dial-edition-shows-why-the-software-team-isnt-allowed-to-design-hardware
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 306 มุมมอง 0 รีวิว
  • “5 อุปกรณ์อัจฉริยะที่ผู้ใช้รีวิวว่ายกระดับห้องนอนได้ทันที — จากปลั๊กไฟยันผ้าห่มอุ่น”

    ห้องนอนคือพื้นที่พักผ่อนที่ควรสะดวกสบายและตอบโจทย์ชีวิตประจำวัน ล่าสุดเว็บไซต์ SlashGear ได้รวบรวม 5 อุปกรณ์อัจฉริยะที่ได้รับรีวิวจากผู้ใช้จริงมากกว่า 1,000 ราย และมีคะแนนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 4.4 ดาวบน Amazon ซึ่งช่วยยกระดับห้องนอนให้ทันสมัยและใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น

    1️⃣ เริ่มจาก Qinlianf Outlet Extender ปลั๊กพ่วงอัจฉริยะที่มีทั้ง 5 ช่องเสียบไฟและ 4 ช่อง USB รวมถึงรุ่นอัปเกรดที่มีไฟกลางคืนในตัว เหมาะสำหรับบ้านเก่าที่มีช่องเสียบไฟน้อย และยังรองรับปลั๊กขนาดใหญ่ได้โดยไม่เบียดกัน

    2️⃣ ต่อมาคือ Rootro Table Lamp โคมไฟสัมผัสที่ปรับสีได้แบบ RGB และมีแสง 360 องศา เหมาะสำหรับการสร้างบรรยากาศผ่อนคลายก่อนนอน แม้จะไม่มีรีโมทหรือแอปควบคุม แต่ผู้ใช้หลายคนยืนยันว่าใช้งานได้นานหลายปีโดยไม่เสีย

    3️⃣ Dreo Smart Humidifier เครื่องเพิ่มความชื้นที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ ช่วยดูแลผิวและสุขภาพในห้องที่อากาศแห้ง มีถังน้ำขนาด 4 ลิตรที่เติมง่ายและมีระบบแจ้งเตือนทำความสะอาด

    4️⃣ Bedsure Heated Blanket ผ้าห่มไฟฟ้าที่ปรับอุณหภูมิได้หลายระดับ มีระบบตั้งเวลาและเนื้อผ้านุ่มสบาย เหมาะสำหรับฤดูหนาวหรือผู้ที่ต้องการความอบอุ่นเฉพาะจุด

    5️⃣ สุดท้ายคือ Huanuo Lap Desk โต๊ะวางแล็ปท็อปแบบพกพาที่มีเบาะรองมือและพื้นเอียง ช่วยให้ใช้งานอุปกรณ์ในเตียงได้สะดวกขึ้น โดยมีให้เลือกหลายขนาดตามอุปกรณ์ที่ใช้

    https://www.slashgear.com/1985726/more-smart-gadgets-to-upgrade-bedroom/
    🛏️ “5 อุปกรณ์อัจฉริยะที่ผู้ใช้รีวิวว่ายกระดับห้องนอนได้ทันที — จากปลั๊กไฟยันผ้าห่มอุ่น” ห้องนอนคือพื้นที่พักผ่อนที่ควรสะดวกสบายและตอบโจทย์ชีวิตประจำวัน ล่าสุดเว็บไซต์ SlashGear ได้รวบรวม 5 อุปกรณ์อัจฉริยะที่ได้รับรีวิวจากผู้ใช้จริงมากกว่า 1,000 ราย และมีคะแนนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 4.4 ดาวบน Amazon ซึ่งช่วยยกระดับห้องนอนให้ทันสมัยและใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น 1️⃣ เริ่มจาก Qinlianf Outlet Extender ปลั๊กพ่วงอัจฉริยะที่มีทั้ง 5 ช่องเสียบไฟและ 4 ช่อง USB รวมถึงรุ่นอัปเกรดที่มีไฟกลางคืนในตัว เหมาะสำหรับบ้านเก่าที่มีช่องเสียบไฟน้อย และยังรองรับปลั๊กขนาดใหญ่ได้โดยไม่เบียดกัน 2️⃣ ต่อมาคือ Rootro Table Lamp โคมไฟสัมผัสที่ปรับสีได้แบบ RGB และมีแสง 360 องศา เหมาะสำหรับการสร้างบรรยากาศผ่อนคลายก่อนนอน แม้จะไม่มีรีโมทหรือแอปควบคุม แต่ผู้ใช้หลายคนยืนยันว่าใช้งานได้นานหลายปีโดยไม่เสีย 3️⃣ Dreo Smart Humidifier เครื่องเพิ่มความชื้นที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ ช่วยดูแลผิวและสุขภาพในห้องที่อากาศแห้ง มีถังน้ำขนาด 4 ลิตรที่เติมง่ายและมีระบบแจ้งเตือนทำความสะอาด 4️⃣ Bedsure Heated Blanket ผ้าห่มไฟฟ้าที่ปรับอุณหภูมิได้หลายระดับ มีระบบตั้งเวลาและเนื้อผ้านุ่มสบาย เหมาะสำหรับฤดูหนาวหรือผู้ที่ต้องการความอบอุ่นเฉพาะจุด 5️⃣ สุดท้ายคือ Huanuo Lap Desk โต๊ะวางแล็ปท็อปแบบพกพาที่มีเบาะรองมือและพื้นเอียง ช่วยให้ใช้งานอุปกรณ์ในเตียงได้สะดวกขึ้น โดยมีให้เลือกหลายขนาดตามอุปกรณ์ที่ใช้ https://www.slashgear.com/1985726/more-smart-gadgets-to-upgrade-bedroom/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 More Smart Gadgets User Reviews Say Can Instantly Upgrade Any Bedroom - SlashGear
    Smart gadgets with thousands of reviews that users say improve comfort, lighting, and convenience in the bedroom while staying budget-friendly.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 286 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประตูเปิดทางทิศเหนือ

    เดือนนี้ เพราะผลร้ายทำให้คู่รักหนุ่มสาวจำต้องเกิดการขัดแย้งมีปากเสียงต่อกัน ส่วนหญิงสาวจะมีปัญหาทางจิตคิดวิตกเป็นกังวล ชายหนุ่มจะเกิดปัญหาที่ปาก คอ ฟัน ลิ้น ปอด หรือ ลำไส้ใหญ่ หมั่นพักผ่อนนอนหลับ ออกกำลังกายให้เพียงพอ เป็นการใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงสมบูรณ์ เพื่อจะได้ปลอดจากโรคร้ายรอดจากภัยไข้เจ็บตลอดทั้งเดือน แม้ว่าการเงินจะไหลลื่นเข้ามาง่ายแต่ก็จะหลั่งไหลไปง่ายได้เช่นกัน โดยจะจับจ่ายหมดไปกับเรื่องบันเทิงดื่มกิน สูญสิ้นทรัพย์สินเงินทองไปกับสุรานารีเป็นเหตุ ไม่เหลือให้ออมเก็บเพื่อใช้จ่ายในยามจำเป็น ชายวัย 50 ขึ้น หากรับราชการ ทหาร ตำรวจ จะได้เลื่อนปรับยศตำแหน่งขั้น อีกทั้งจะมีข่าวดี มีโชคลาภ การงานจะประสบพบความสำเร็จราบรื่นดี

    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    ประตูเปิดทางทิศเหนือ เดือนนี้ เพราะผลร้ายทำให้คู่รักหนุ่มสาวจำต้องเกิดการขัดแย้งมีปากเสียงต่อกัน ส่วนหญิงสาวจะมีปัญหาทางจิตคิดวิตกเป็นกังวล ชายหนุ่มจะเกิดปัญหาที่ปาก คอ ฟัน ลิ้น ปอด หรือ ลำไส้ใหญ่ หมั่นพักผ่อนนอนหลับ ออกกำลังกายให้เพียงพอ เป็นการใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงสมบูรณ์ เพื่อจะได้ปลอดจากโรคร้ายรอดจากภัยไข้เจ็บตลอดทั้งเดือน แม้ว่าการเงินจะไหลลื่นเข้ามาง่ายแต่ก็จะหลั่งไหลไปง่ายได้เช่นกัน โดยจะจับจ่ายหมดไปกับเรื่องบันเทิงดื่มกิน สูญสิ้นทรัพย์สินเงินทองไปกับสุรานารีเป็นเหตุ ไม่เหลือให้ออมเก็บเพื่อใช้จ่ายในยามจำเป็น ชายวัย 50 ขึ้น หากรับราชการ ทหาร ตำรวจ จะได้เลื่อนปรับยศตำแหน่งขั้น อีกทั้งจะมีข่าวดี มีโชคลาภ การงานจะประสบพบความสำเร็จราบรื่นดี ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 1 : “เสี้ยม 1”
    ตามประวัติศาสตร์ที่จารึกกันไว้ สงครามโลกครั้งที่ 1 ได้จบสิ้นลงไปแล้ว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1918 แต่ความรุนแรงที่สงครามโลก ได้สร้างทิ้งไว้ในตะวันออกกลาง ดูเหมือนจะยังไม่จบ การโต้แย้งเรื่องเขตแดน ซึ่งกำหนดขึ้นโดยเหล่านักล่าอาณานิคม โดยเฉพาะอังกฤษ เพื่อสนองตัณหาของพวกนักล่า ได้ทิ้งมรดกแห่งความขัดแย้งและความเศร้าสลดใจไว้ในภูมิภาคนี้ อย่างยากที่จะหาทางเยียวยา
    ที่เมือง Damascus ในซีเรียเกิดสงครามกลางเมืองมากว่า 3 ปีแล้ว และยังไม่เห็นเค้าว่าจะจบลงเมื่อไหร่ กองทัพภาคที่ 4 ของรัฐบาลซีเรีย ขึ้นไปตั้งมั่นอยู่บนภูเขา Kassioun ผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติบอกว่า แก๊สพิษที่ถูกยิงลงมาฟุ้งกระจายอยู่บริเวณเมืองชายขอบของ Damascus เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ. 2013 นั้น ถูกยิงมาจากภูเขาดังกล่าว ทำให้มีคนตายไปประมาณ 1,400 คน เป็นยอดคนตายเฉพาะใน 1 วันเท่านั้น ตั้งแต่สงครามกลางเมืองเริ่ม จนถึงปัจจุบัน มีคนตายไปแล้วประมาณ 1.5 แสนคน
    Bagdad เมืองที่เคยเป็นวังเก่าในอิรัค 2 ปี หลังจากที่กองทัพอเมริกันถอนออกไป ชาวอิรัคได้มีโอกาสมาเดินเล่นในส่วนที่เรียกว่าเป็น Green – Zone ที่ตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำ Tigris อีกครั้งหนึ่ง มันเป็นส่วนของเมืองแบกแดด ที่ทหารอเมริกันแอบใช้เป็นที่หลบภัย เมื่อทำให้ทั้งประเทศที่พวกเขาไปครอบครองอยู่ กลายเป็นแดนฆาตกรรมหมู่ ปัจจุบันสถานการณ์ดูเหมือนไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ การเดินเล่นใน Green Zone มีอายุสั้นจริง อีกด้านหนึ่งของกำแพงเป็น Red-Zone การถูกยิง การตายหมู่ กลับกลายมาเป็นเหตุการณ์ประจำวันอีกครั้ง แม้ทหารอเมริกันจะถอยทัพออกไปแล้ว ความสงบก็ไม่ได้กลับมา มีคนตายไปแล้วเป็นหมื่นคน
    Beirut เมืองหลวงของเลบานอน เมืองซึ่งเป็นที่ชื่นชมของชาวอาหรับ พวกเขาชอบใช้เบรุตเป็นสถานที่นัดพบ เป็นที่เดินเล่นทอดน่อง จูงมือกัน พักผ่อนหย่อนใจ และแข่งกันทำมาหากิน เป็นเส้นทางขนานคู่ระหว่างศาสนากับโลกีย์ มุสลิมกับคริสเตียน ชีอะห์กับสุหนี่ แล้วกลิ่นไอของการต่อสู้ที่ลิเบีย ซีเรีย และความไม่สงบที่เกิดขึ้นใน อียิปต์ และอิรัค ก็โชยมาใส่จมูกของชาวเบรุตที่กำลังเดินจูงมือกันอีกครั้ง คำถามเดิม ๆ วนกลับมาเข้ามาในใจของชาวเลบานอน แล้วเบรุตจะรอดไหม เราจะเจอคลื่นความไม่สงบ ความรุนแรงโหมใส่เราอีกครั้งไหม หรือว่ามันมาคอยเราอยู่แล้ว ตรงหัวมุมถนนอันเป็นที่รักของเราในเบรุตนี้เอง
    2 ปี หลังจากการลุกฮือเหมือนนัดกันในปี ค.ศ. 2011 สถานการณ์ในตะวันออกกลาง ดูเหมือนจะย้อนกลับไปทางความสิ้นหวังและเปล่าเปลี่ยวเหมือนอย่างที่ผ่านมา แทบจะไม่มีประเทศใดเลยในภูมิภาคนี้ ที่ไม่เคยผจญกับสงคราม หรือความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรง ในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา และก็ดูเหมือนว่า จะไม่มีประเทศไหนเลยที่มีภูมิต้านทานแข็งแรงพอ ที่จะรับมือกับการจราจลรอบใหม่ ที่อาจจะระเบิดเป็นวงกว้างไปทั่วภูมิภาค ในอนาคตอันใกล้นี้ ขบวนการที่เรียกว่า Arab Spring ดูเหมือนจะจมโคลนไปแล้ว แทนที่จะงอกงาม หรือไม่ก็ถูกต่อต้าน หรือถูกโค่น ด้วยความขัดแย้งที่เกิดขึ้นใหม่ต่อไปเรื่อย ๆ อย่างดูเหมือนไม่มีวันจบสิ้น
    สำหรับผู้ที่ติดตามข่าวภูมิภาคนี้จากสื่อฟอกย้อม คงมองเห็นว่าการต่อต้าน ลุกฮือที่เกิดขึ้นในตูนิเซีย ลิเบีย อียิปต์ และซีเรีย ก็คงเป็นพัฒนาการทางการเมืองตามปรกติของภูมิภาค แต่เปล่าหรอก ความไม่สงบเหล่านั้น มันเป็นหน่อใหม่ที่แตกเพิ่ม มาจากรากเหง้าของความขัดแย้ง ที่เจริญเติบโตขึ้นมาอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการหยุดยั้งมา เป็นเวลาประมาณ 100 ปีแล้ว และยังไม่เห็นทีท่าว่าจะสิ้นสุดแต่อย่างไร
    ยังไม่มีเหตุการณ์ใด ที่ผลของมันจะสามารถสร้างความตึงเครียดและขัดแย้ง ให้ใหม่สดเสมอ ต่อเนื่องและยาวนานในตะวันออกกลาง ได้เท่ากับผลของสงครามโลกครั้งที่ 1
    การสู้รบ ที่นักประวัติศาสตร์เรียกว่า European Civil War ที่หมายถึงช่วงเวลาความรุนแรงที่เขย่ายุโรป ตั้งแต่ ค.ศ. 1914 เป็นต้นมาและสิ้นสุดเอาปี ค.ศ. 1945 ต่อด้วยสงครามเย็น ได้จบลงเมื่อ 1990 แต่สำหรับโลกอาหรับ ความตึงเครียดของพวกเขา ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบันยังคงค้างคาอยู่ บรรดาชาวตะวันออกกลาง พบว่าตัวเองจำเป็นต้องไปฝึกหัดเป็นนักไต่ลวดกันถ้วนหน้า พวกเขาไม่ได้เป็นนักไต่ลวดธรรมดา เขาไต่ลวดและถือดาบไล่ฟันกันระหว่างไต่ลวดด้วย
    นัก (เขียน) ประวัติศาสตร์ฝรั่งบอกว่า ในภูมิภาคอันกว้างใหญ่ มี 2 ประเทศ คือ อียิปต์ และอิหร่าน ที่ดูเหมือนจะพอประคองตนเองให้อยู่รอดมาได้แม้จะโดนเขย่า โดนโค่นอยู่หลายครั้ง อีก 1 ประเทศ ที่ดูจะชำนาญในการประคองตนเองอย่างหวาดเสียว แม้จะถูกบีบถูกถีบทิ้งหลายครั้ง แต่ก็ลุกขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็วคือตุรกี และอีก 1 ประเทศที่แม้ไม่ถนัด ในการประคองตนเองอย่างหวาดเสียว แต่ใช้วิธีทำตัวอ่อน โอนไปตามกระแส เงินและน้ำมัน คือ Saudi Arabia ประเทศทั้ง 4 นี้ ล้อมรอบใจกลางของตะวันออกกลาง ซึ่งมี 5 ประเทศ และ 1 รัฐพิเศษ คือ เลบานอน ซีเรีย จอร์แดน อีรัค อิสราเอล และปาเลสไตน์ ซึ่งนักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกัน Fromkin เรียกกลุ่มประเทศนี้ว่า ลูก ๆ ของอังกฤษและฝรั่งเศส แต่ผมอยากจะแย้งนักประวัติศาสตร์ฝรั่งทั้งหลายว่า ไม่ว่าจะเป็น 4 ประเทศข้างต้น ก็ดูเหมือนจะเอาตัวรอดยาก แม้ว่าต่างจะฝึกเป็นนักไต่ลวดกันเป็นแถว และพวกประเทศที่ฝรั่งเรียกว่าเป็นลูก ที่นักล่าอาณานิคม “สร้าง” ก็ดูจะเป็นการสร้างขึ้นมาใช้เป็น “ไม้เสี้ยม” ตะวันออกกลาง ให้แตกให้แย้งกันเองอยู่เสมอต่างหาก
    ไม่มีกลุ่มประเทศไหน แม้จะมีขนาดเล็กเท่ากับกลุ่มเด็กถูกเสี้ยมข้างต้น ที่จะต้องผจญภัยสงคราม การขัดแย้งทางการเมือง สงครามกลางเมือง การโค่นล้ม การก่อการร้าย ได้มากเท่าที่กลุ่มเด็กถูกเสี้ยมโดน ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา
    เพื่อที่จะเข้าใจความผิดปรกติของสิ่งที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของภูมิภาค นี้ เราคงจะต้องตามไปรู้จักหัวหางของเหตุการณ์บางอย่างก่อน เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 รวมทั้งความล้มเหลวของเหล่าผู้ปกครองและการเมืองในตะวันออกกลางเอง ที่ไม่สามารถจะต้านทาน หรือแก้เกมการครอบครอง และครอบงำโดยเหล่านักล่าอาณานิคม โดยเฉพาะชาติอังกฤษ และที่สำคัญ การค้นพบน้ำมัน การก่อตั้งอิสราเอล ก็เป็นปัจจัยที่เพิ่มความขัดแย้งในภูมิภาคนี้
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
17 สค. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 1 : “เสี้ยม 1” ตามประวัติศาสตร์ที่จารึกกันไว้ สงครามโลกครั้งที่ 1 ได้จบสิ้นลงไปแล้ว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1918 แต่ความรุนแรงที่สงครามโลก ได้สร้างทิ้งไว้ในตะวันออกกลาง ดูเหมือนจะยังไม่จบ การโต้แย้งเรื่องเขตแดน ซึ่งกำหนดขึ้นโดยเหล่านักล่าอาณานิคม โดยเฉพาะอังกฤษ เพื่อสนองตัณหาของพวกนักล่า ได้ทิ้งมรดกแห่งความขัดแย้งและความเศร้าสลดใจไว้ในภูมิภาคนี้ อย่างยากที่จะหาทางเยียวยา ที่เมือง Damascus ในซีเรียเกิดสงครามกลางเมืองมากว่า 3 ปีแล้ว และยังไม่เห็นเค้าว่าจะจบลงเมื่อไหร่ กองทัพภาคที่ 4 ของรัฐบาลซีเรีย ขึ้นไปตั้งมั่นอยู่บนภูเขา Kassioun ผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติบอกว่า แก๊สพิษที่ถูกยิงลงมาฟุ้งกระจายอยู่บริเวณเมืองชายขอบของ Damascus เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ. 2013 นั้น ถูกยิงมาจากภูเขาดังกล่าว ทำให้มีคนตายไปประมาณ 1,400 คน เป็นยอดคนตายเฉพาะใน 1 วันเท่านั้น ตั้งแต่สงครามกลางเมืองเริ่ม จนถึงปัจจุบัน มีคนตายไปแล้วประมาณ 1.5 แสนคน Bagdad เมืองที่เคยเป็นวังเก่าในอิรัค 2 ปี หลังจากที่กองทัพอเมริกันถอนออกไป ชาวอิรัคได้มีโอกาสมาเดินเล่นในส่วนที่เรียกว่าเป็น Green – Zone ที่ตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำ Tigris อีกครั้งหนึ่ง มันเป็นส่วนของเมืองแบกแดด ที่ทหารอเมริกันแอบใช้เป็นที่หลบภัย เมื่อทำให้ทั้งประเทศที่พวกเขาไปครอบครองอยู่ กลายเป็นแดนฆาตกรรมหมู่ ปัจจุบันสถานการณ์ดูเหมือนไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ การเดินเล่นใน Green Zone มีอายุสั้นจริง อีกด้านหนึ่งของกำแพงเป็น Red-Zone การถูกยิง การตายหมู่ กลับกลายมาเป็นเหตุการณ์ประจำวันอีกครั้ง แม้ทหารอเมริกันจะถอยทัพออกไปแล้ว ความสงบก็ไม่ได้กลับมา มีคนตายไปแล้วเป็นหมื่นคน Beirut เมืองหลวงของเลบานอน เมืองซึ่งเป็นที่ชื่นชมของชาวอาหรับ พวกเขาชอบใช้เบรุตเป็นสถานที่นัดพบ เป็นที่เดินเล่นทอดน่อง จูงมือกัน พักผ่อนหย่อนใจ และแข่งกันทำมาหากิน เป็นเส้นทางขนานคู่ระหว่างศาสนากับโลกีย์ มุสลิมกับคริสเตียน ชีอะห์กับสุหนี่ แล้วกลิ่นไอของการต่อสู้ที่ลิเบีย ซีเรีย และความไม่สงบที่เกิดขึ้นใน อียิปต์ และอิรัค ก็โชยมาใส่จมูกของชาวเบรุตที่กำลังเดินจูงมือกันอีกครั้ง คำถามเดิม ๆ วนกลับมาเข้ามาในใจของชาวเลบานอน แล้วเบรุตจะรอดไหม เราจะเจอคลื่นความไม่สงบ ความรุนแรงโหมใส่เราอีกครั้งไหม หรือว่ามันมาคอยเราอยู่แล้ว ตรงหัวมุมถนนอันเป็นที่รักของเราในเบรุตนี้เอง 2 ปี หลังจากการลุกฮือเหมือนนัดกันในปี ค.ศ. 2011 สถานการณ์ในตะวันออกกลาง ดูเหมือนจะย้อนกลับไปทางความสิ้นหวังและเปล่าเปลี่ยวเหมือนอย่างที่ผ่านมา แทบจะไม่มีประเทศใดเลยในภูมิภาคนี้ ที่ไม่เคยผจญกับสงคราม หรือความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรง ในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา และก็ดูเหมือนว่า จะไม่มีประเทศไหนเลยที่มีภูมิต้านทานแข็งแรงพอ ที่จะรับมือกับการจราจลรอบใหม่ ที่อาจจะระเบิดเป็นวงกว้างไปทั่วภูมิภาค ในอนาคตอันใกล้นี้ ขบวนการที่เรียกว่า Arab Spring ดูเหมือนจะจมโคลนไปแล้ว แทนที่จะงอกงาม หรือไม่ก็ถูกต่อต้าน หรือถูกโค่น ด้วยความขัดแย้งที่เกิดขึ้นใหม่ต่อไปเรื่อย ๆ อย่างดูเหมือนไม่มีวันจบสิ้น สำหรับผู้ที่ติดตามข่าวภูมิภาคนี้จากสื่อฟอกย้อม คงมองเห็นว่าการต่อต้าน ลุกฮือที่เกิดขึ้นในตูนิเซีย ลิเบีย อียิปต์ และซีเรีย ก็คงเป็นพัฒนาการทางการเมืองตามปรกติของภูมิภาค แต่เปล่าหรอก ความไม่สงบเหล่านั้น มันเป็นหน่อใหม่ที่แตกเพิ่ม มาจากรากเหง้าของความขัดแย้ง ที่เจริญเติบโตขึ้นมาอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการหยุดยั้งมา เป็นเวลาประมาณ 100 ปีแล้ว และยังไม่เห็นทีท่าว่าจะสิ้นสุดแต่อย่างไร ยังไม่มีเหตุการณ์ใด ที่ผลของมันจะสามารถสร้างความตึงเครียดและขัดแย้ง ให้ใหม่สดเสมอ ต่อเนื่องและยาวนานในตะวันออกกลาง ได้เท่ากับผลของสงครามโลกครั้งที่ 1 การสู้รบ ที่นักประวัติศาสตร์เรียกว่า European Civil War ที่หมายถึงช่วงเวลาความรุนแรงที่เขย่ายุโรป ตั้งแต่ ค.ศ. 1914 เป็นต้นมาและสิ้นสุดเอาปี ค.ศ. 1945 ต่อด้วยสงครามเย็น ได้จบลงเมื่อ 1990 แต่สำหรับโลกอาหรับ ความตึงเครียดของพวกเขา ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบันยังคงค้างคาอยู่ บรรดาชาวตะวันออกกลาง พบว่าตัวเองจำเป็นต้องไปฝึกหัดเป็นนักไต่ลวดกันถ้วนหน้า พวกเขาไม่ได้เป็นนักไต่ลวดธรรมดา เขาไต่ลวดและถือดาบไล่ฟันกันระหว่างไต่ลวดด้วย นัก (เขียน) ประวัติศาสตร์ฝรั่งบอกว่า ในภูมิภาคอันกว้างใหญ่ มี 2 ประเทศ คือ อียิปต์ และอิหร่าน ที่ดูเหมือนจะพอประคองตนเองให้อยู่รอดมาได้แม้จะโดนเขย่า โดนโค่นอยู่หลายครั้ง อีก 1 ประเทศ ที่ดูจะชำนาญในการประคองตนเองอย่างหวาดเสียว แม้จะถูกบีบถูกถีบทิ้งหลายครั้ง แต่ก็ลุกขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็วคือตุรกี และอีก 1 ประเทศที่แม้ไม่ถนัด ในการประคองตนเองอย่างหวาดเสียว แต่ใช้วิธีทำตัวอ่อน โอนไปตามกระแส เงินและน้ำมัน คือ Saudi Arabia ประเทศทั้ง 4 นี้ ล้อมรอบใจกลางของตะวันออกกลาง ซึ่งมี 5 ประเทศ และ 1 รัฐพิเศษ คือ เลบานอน ซีเรีย จอร์แดน อีรัค อิสราเอล และปาเลสไตน์ ซึ่งนักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกัน Fromkin เรียกกลุ่มประเทศนี้ว่า ลูก ๆ ของอังกฤษและฝรั่งเศส แต่ผมอยากจะแย้งนักประวัติศาสตร์ฝรั่งทั้งหลายว่า ไม่ว่าจะเป็น 4 ประเทศข้างต้น ก็ดูเหมือนจะเอาตัวรอดยาก แม้ว่าต่างจะฝึกเป็นนักไต่ลวดกันเป็นแถว และพวกประเทศที่ฝรั่งเรียกว่าเป็นลูก ที่นักล่าอาณานิคม “สร้าง” ก็ดูจะเป็นการสร้างขึ้นมาใช้เป็น “ไม้เสี้ยม” ตะวันออกกลาง ให้แตกให้แย้งกันเองอยู่เสมอต่างหาก ไม่มีกลุ่มประเทศไหน แม้จะมีขนาดเล็กเท่ากับกลุ่มเด็กถูกเสี้ยมข้างต้น ที่จะต้องผจญภัยสงคราม การขัดแย้งทางการเมือง สงครามกลางเมือง การโค่นล้ม การก่อการร้าย ได้มากเท่าที่กลุ่มเด็กถูกเสี้ยมโดน ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เพื่อที่จะเข้าใจความผิดปรกติของสิ่งที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของภูมิภาค นี้ เราคงจะต้องตามไปรู้จักหัวหางของเหตุการณ์บางอย่างก่อน เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 รวมทั้งความล้มเหลวของเหล่าผู้ปกครองและการเมืองในตะวันออกกลางเอง ที่ไม่สามารถจะต้านทาน หรือแก้เกมการครอบครอง และครอบงำโดยเหล่านักล่าอาณานิคม โดยเฉพาะชาติอังกฤษ และที่สำคัญ การค้นพบน้ำมัน การก่อตั้งอิสราเอล ก็เป็นปัจจัยที่เพิ่มความขัดแย้งในภูมิภาคนี้ สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
17 สค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 409 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AI ในที่ทำงาน: ใช้กันจริงหรือแค่กระแส? — เมื่อ Productivity พุ่ง แต่องค์กรยังไม่เปลี่ยน”

    AI กลายเป็นคำที่ทุกบริษัทพูดถึง แต่คำถามคือ “มีใครใช้จริงไหม?” รายงานล่าสุดจาก Atlassian ชื่อว่า AI Collaboration Index 2025 เผยให้เห็นภาพที่ซับซ้อนกว่าที่คิด แม้การใช้ AI ในชีวิตประจำวันของพนักงานจะเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวในรอบปี และคนทำงานสามารถประหยัดเวลาได้เฉลี่ย 1.4 ชั่วโมงต่อวัน แต่ผลลัพธ์ในระดับองค์กรกลับไม่เปลี่ยนแปลงเท่าที่ควร

    มีเพียง 3% ขององค์กรที่รายงานว่าประสิทธิภาพโดยรวมดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และแค่ 2% ที่บอกว่างานมีคุณภาพสูงขึ้น ส่วนใหญ่ยังคงเห็นผลแค่ในระดับบุคคล ไม่ใช่ระดับทีมหรือองค์กร ซึ่งสะท้อนถึงปัญหา “AI แบบแยกส่วน” ที่แต่ละคนใช้เครื่องมือของตัวเองโดยไม่มีการเชื่อมโยงกัน

    ที่น่ากังวลคือ 1 ใน 3 ของพนักงานยอมรับว่าใช้ “Shadow AI” หรือ AI ที่องค์กรไม่ได้อนุมัติ ซึ่งอาจเสี่ยงต่อความปลอดภัยของข้อมูล และยิ่งทำให้ทีมงานแยกส่วนมากขึ้น เพราะแต่ละคนใช้เครื่องมือที่ต่างกัน

    แม้จะมีคนใช้เวลาเพิ่มขึ้นในการคิดเชิงกลยุทธ์หรือปรับปรุงกระบวนการ แต่เกือบครึ่งกลับใช้เวลาที่ประหยัดได้ไปกับการพักผ่อนหรือปรับสมดุลชีวิต ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้องค์กรก้าวหน้าเท่าที่ควร

    รายงานยังเตือนว่า หากไม่ปรับโครงสร้างการทำงานใหม่ AI อาจทำให้เกิด “ภาวะหมดไฟ” เพราะเมื่อ AI ลดงานซ้ำซ้อนลง พนักงานจะถูกผลักไปทำงานที่ใช้สมองมากขึ้นโดยไม่มีเวลาพัก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    การใช้ AI ในที่ทำงานเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวในรอบปี
    พนักงานประหยัดเวลาได้เฉลี่ย 1.4 ชั่วโมงต่อวัน
    คนทำงานมี productivity เพิ่มขึ้นประมาณ 33%
    มีเพียง 3% ขององค์กรที่เห็นผลเชิงโครงสร้างจากการใช้ AI
    1 ใน 3 ของพนักงานใช้ Shadow AI ที่องค์กรไม่ได้อนุมัติ
    49% ใช้เวลาที่ประหยัดได้ไปกับการปรับสมดุลชีวิต
    43% ใช้เวลาไปกับการคิดเชิงกลยุทธ์ และ 41% ปรับปรุงกระบวนการ
    Atlassian แนะนำให้เริ่มจากการสร้างฐานข้อมูลที่ AI เข้าถึงได้ ก่อนตั้งระบบการทำงานที่ชัดเจน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    อินเดียเป็นผู้นำด้านการใช้ AI โดย 77% ของคนทำงานใช้ AI ทุกวัน
    บริษัทที่เห็นผลจริงจาก AI ทำ 3 สิ่งต่างออกไป: สร้างฐานความรู้, เชื่อมงานข้ามทีม, และให้ผู้บริหารเป็นตัวอย่าง
    การใช้ AI แบบ “ผู้ร่วมงานเชิงกลยุทธ์” ให้ผลดีกว่าการใช้แบบ “เครื่องมือส่วนตัว”
    การใช้ AI เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลและการตัดสินใจร่วมกันคือกุญแจสู่การเปลี่ยนแปลงระดับองค์กร
    การใช้ AI ในการจัดการเอกสารและความรู้ช่วยลดเวลาเสียเปล่าได้ถึง 4.4 เท่า

    https://www.techradar.com/pro/now-ai-is-everywhere-in-businesses-is-anyone-actually-using-it
    🤖 “AI ในที่ทำงาน: ใช้กันจริงหรือแค่กระแส? — เมื่อ Productivity พุ่ง แต่องค์กรยังไม่เปลี่ยน” AI กลายเป็นคำที่ทุกบริษัทพูดถึง แต่คำถามคือ “มีใครใช้จริงไหม?” รายงานล่าสุดจาก Atlassian ชื่อว่า AI Collaboration Index 2025 เผยให้เห็นภาพที่ซับซ้อนกว่าที่คิด แม้การใช้ AI ในชีวิตประจำวันของพนักงานจะเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวในรอบปี และคนทำงานสามารถประหยัดเวลาได้เฉลี่ย 1.4 ชั่วโมงต่อวัน แต่ผลลัพธ์ในระดับองค์กรกลับไม่เปลี่ยนแปลงเท่าที่ควร มีเพียง 3% ขององค์กรที่รายงานว่าประสิทธิภาพโดยรวมดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และแค่ 2% ที่บอกว่างานมีคุณภาพสูงขึ้น ส่วนใหญ่ยังคงเห็นผลแค่ในระดับบุคคล ไม่ใช่ระดับทีมหรือองค์กร ซึ่งสะท้อนถึงปัญหา “AI แบบแยกส่วน” ที่แต่ละคนใช้เครื่องมือของตัวเองโดยไม่มีการเชื่อมโยงกัน ที่น่ากังวลคือ 1 ใน 3 ของพนักงานยอมรับว่าใช้ “Shadow AI” หรือ AI ที่องค์กรไม่ได้อนุมัติ ซึ่งอาจเสี่ยงต่อความปลอดภัยของข้อมูล และยิ่งทำให้ทีมงานแยกส่วนมากขึ้น เพราะแต่ละคนใช้เครื่องมือที่ต่างกัน แม้จะมีคนใช้เวลาเพิ่มขึ้นในการคิดเชิงกลยุทธ์หรือปรับปรุงกระบวนการ แต่เกือบครึ่งกลับใช้เวลาที่ประหยัดได้ไปกับการพักผ่อนหรือปรับสมดุลชีวิต ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้องค์กรก้าวหน้าเท่าที่ควร รายงานยังเตือนว่า หากไม่ปรับโครงสร้างการทำงานใหม่ AI อาจทำให้เกิด “ภาวะหมดไฟ” เพราะเมื่อ AI ลดงานซ้ำซ้อนลง พนักงานจะถูกผลักไปทำงานที่ใช้สมองมากขึ้นโดยไม่มีเวลาพัก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ การใช้ AI ในที่ทำงานเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวในรอบปี ➡️ พนักงานประหยัดเวลาได้เฉลี่ย 1.4 ชั่วโมงต่อวัน ➡️ คนทำงานมี productivity เพิ่มขึ้นประมาณ 33% ➡️ มีเพียง 3% ขององค์กรที่เห็นผลเชิงโครงสร้างจากการใช้ AI ➡️ 1 ใน 3 ของพนักงานใช้ Shadow AI ที่องค์กรไม่ได้อนุมัติ ➡️ 49% ใช้เวลาที่ประหยัดได้ไปกับการปรับสมดุลชีวิต ➡️ 43% ใช้เวลาไปกับการคิดเชิงกลยุทธ์ และ 41% ปรับปรุงกระบวนการ ➡️ Atlassian แนะนำให้เริ่มจากการสร้างฐานข้อมูลที่ AI เข้าถึงได้ ก่อนตั้งระบบการทำงานที่ชัดเจน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ อินเดียเป็นผู้นำด้านการใช้ AI โดย 77% ของคนทำงานใช้ AI ทุกวัน ➡️ บริษัทที่เห็นผลจริงจาก AI ทำ 3 สิ่งต่างออกไป: สร้างฐานความรู้, เชื่อมงานข้ามทีม, และให้ผู้บริหารเป็นตัวอย่าง ➡️ การใช้ AI แบบ “ผู้ร่วมงานเชิงกลยุทธ์” ให้ผลดีกว่าการใช้แบบ “เครื่องมือส่วนตัว” ➡️ การใช้ AI เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลและการตัดสินใจร่วมกันคือกุญแจสู่การเปลี่ยนแปลงระดับองค์กร ➡️ การใช้ AI ในการจัดการเอกสารและความรู้ช่วยลดเวลาเสียเปล่าได้ถึง 4.4 เท่า https://www.techradar.com/pro/now-ai-is-everywhere-in-businesses-is-anyone-actually-using-it
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Jensen Huang ชี้จีนตามหลังแค่ ‘นาโนวินาที’ — เรียกร้องให้สหรัฐฯ ผ่อนคลายข้อจำกัดการส่งออกชิป AI”

    Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ออกมาแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมาในรายการ BG2 Podcast ว่า “จีนตามหลังสหรัฐฯ ในด้านการผลิตชิปแค่ไม่กี่นาโนวินาที” พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ลดข้อจำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังจีน โดยให้เหตุผลว่าการเปิดตลาดจะช่วยขยายอิทธิพลเทคโนโลยีของสหรัฐฯ และรักษาความเป็นผู้นำในระดับโลก

    คำพูดของ Huang เกิดขึ้นในช่วงที่ Nvidia กำลังพยายามกลับมาขายชิป H20 ให้กับลูกค้าในจีน หลังจากถูกระงับการส่งออกหลายเดือนจากข้อจำกัดของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ซึ่งเพิ่งเริ่มออกใบอนุญาตให้ส่งออกอีกครั้งในเดือนสิงหาคม 2025

    อย่างไรก็ตาม จีนเองก็ไม่ได้รอให้ Nvidia กลับมา เพราะ Huawei ได้เปิดตัวระบบ Atlas 900 A3 SuperPoD ที่ใช้ชิป Ascend 910B ซึ่งไม่พึ่งพา CUDA และออกแบบมาเพื่อซอฟต์แวร์จีนโดยเฉพาะ พร้อมวางแผนพัฒนาชิปรุ่นใหม่ให้เทียบเท่าหรือเหนือกว่าชิปของ Nvidia ภายในปี 2027

    Huang ยอมรับว่าจีนเป็นคู่แข่งที่ “หิวโหย เคลื่อนไหวเร็ว และมีวัฒนธรรมการทำงานแบบ 9-9-6” ซึ่งทำให้การพัฒนาเทคโนโลยีในจีนก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อบริษัทใหญ่อย่าง Baidu, Alibaba, Tencent และ ByteDance ต่างลงทุนในทีมพัฒนาชิปของตัวเองและสนับสนุนสตาร์ทอัพด้านเซมิคอนดักเตอร์

    แม้ Nvidia จะพยายามรักษาตลาดจีนด้วยการออกแบบชิปเฉพาะ เช่น H20 และ RTX Pro 6000D แต่ก็ยังถูกจีนสั่งห้ามซื้อในเดือนกันยายน 2025 โดยหน่วยงาน CAC ของจีนให้เหตุผลว่า “ชิปจีนตอนนี้เทียบเท่าหรือดีกว่าชิปที่ Nvidia อนุญาตให้ขายในจีนแล้ว” และเรียกร้องให้บริษัทในประเทศหันไปใช้ชิปภายในประเทศแทน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Jensen Huang ระบุว่าจีนตามหลังสหรัฐฯ ในการผลิตชิปแค่ “นาโนวินาที”
    เรียกร้องให้สหรัฐฯ ลดข้อจำกัดการส่งออกชิป AI เพื่อรักษาอิทธิพลทางเทคโนโลยี
    Nvidia หวังกลับมาขายชิป H20 ให้จีนหลังถูกระงับหลายเดือน
    กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เริ่มออกใบอนุญาตส่งออก H20 ในเดือนสิงหาคม 2025
    Huawei เปิดตัว Atlas 900 A3 SuperPoD ที่ใช้ชิป Ascend 910B ไม่พึ่ง CUDA
    จีนวางแผนพัฒนาชิป Ascend รุ่นใหม่ให้เทียบเท่าหรือเหนือกว่า Nvidia ภายในปี 2027
    บริษัทจีนใหญ่ลงทุนในชิปภายในประเทศ เช่น Baidu, Alibaba, Tencent และ ByteDance
    Nvidia เคยครองตลาดจีนถึง 95% แต่ลดลงอย่างรวดเร็วจากข้อจำกัดการส่งออก
    CAC ของจีนสั่งห้ามบริษัทในประเทศซื้อชิป H20 และ RTX Pro 6000D

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ชิป H20 และ RTX Pro 6000D ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผ่านข้อจำกัดของสหรัฐฯ โดยเฉพาะ
    จีนกำลังสร้างระบบ AI ที่ไม่พึ่งพาเทคโนโลยีสหรัฐฯ เช่น CUDA หรือ TensorRT
    การพัฒนา AI ในจีนเติบโตเร็วที่สุดในโลก โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ เช่น เซินเจิ้นและปักกิ่ง
    DeepSeek เป็นโมเดล AI จากจีนที่เทียบเคียงกับ OpenAI และ Anthropic
    การแข่งขันด้านชิปส่งผลต่ออุตสาหกรรมอื่น เช่น บล็อกเชนและอินเทอร์เน็ตดาวเทียม

    https://www.tomshardware.com/jensen-huang-says-china-is-nanoseconds-behind-in-chips
    🇨🇳⚙️ “Jensen Huang ชี้จีนตามหลังแค่ ‘นาโนวินาที’ — เรียกร้องให้สหรัฐฯ ผ่อนคลายข้อจำกัดการส่งออกชิป AI” Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ออกมาแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมาในรายการ BG2 Podcast ว่า “จีนตามหลังสหรัฐฯ ในด้านการผลิตชิปแค่ไม่กี่นาโนวินาที” พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ลดข้อจำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังจีน โดยให้เหตุผลว่าการเปิดตลาดจะช่วยขยายอิทธิพลเทคโนโลยีของสหรัฐฯ และรักษาความเป็นผู้นำในระดับโลก คำพูดของ Huang เกิดขึ้นในช่วงที่ Nvidia กำลังพยายามกลับมาขายชิป H20 ให้กับลูกค้าในจีน หลังจากถูกระงับการส่งออกหลายเดือนจากข้อจำกัดของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ซึ่งเพิ่งเริ่มออกใบอนุญาตให้ส่งออกอีกครั้งในเดือนสิงหาคม 2025 อย่างไรก็ตาม จีนเองก็ไม่ได้รอให้ Nvidia กลับมา เพราะ Huawei ได้เปิดตัวระบบ Atlas 900 A3 SuperPoD ที่ใช้ชิป Ascend 910B ซึ่งไม่พึ่งพา CUDA และออกแบบมาเพื่อซอฟต์แวร์จีนโดยเฉพาะ พร้อมวางแผนพัฒนาชิปรุ่นใหม่ให้เทียบเท่าหรือเหนือกว่าชิปของ Nvidia ภายในปี 2027 Huang ยอมรับว่าจีนเป็นคู่แข่งที่ “หิวโหย เคลื่อนไหวเร็ว และมีวัฒนธรรมการทำงานแบบ 9-9-6” ซึ่งทำให้การพัฒนาเทคโนโลยีในจีนก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อบริษัทใหญ่อย่าง Baidu, Alibaba, Tencent และ ByteDance ต่างลงทุนในทีมพัฒนาชิปของตัวเองและสนับสนุนสตาร์ทอัพด้านเซมิคอนดักเตอร์ แม้ Nvidia จะพยายามรักษาตลาดจีนด้วยการออกแบบชิปเฉพาะ เช่น H20 และ RTX Pro 6000D แต่ก็ยังถูกจีนสั่งห้ามซื้อในเดือนกันยายน 2025 โดยหน่วยงาน CAC ของจีนให้เหตุผลว่า “ชิปจีนตอนนี้เทียบเท่าหรือดีกว่าชิปที่ Nvidia อนุญาตให้ขายในจีนแล้ว” และเรียกร้องให้บริษัทในประเทศหันไปใช้ชิปภายในประเทศแทน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Jensen Huang ระบุว่าจีนตามหลังสหรัฐฯ ในการผลิตชิปแค่ “นาโนวินาที” ➡️ เรียกร้องให้สหรัฐฯ ลดข้อจำกัดการส่งออกชิป AI เพื่อรักษาอิทธิพลทางเทคโนโลยี ➡️ Nvidia หวังกลับมาขายชิป H20 ให้จีนหลังถูกระงับหลายเดือน ➡️ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เริ่มออกใบอนุญาตส่งออก H20 ในเดือนสิงหาคม 2025 ➡️ Huawei เปิดตัว Atlas 900 A3 SuperPoD ที่ใช้ชิป Ascend 910B ไม่พึ่ง CUDA ➡️ จีนวางแผนพัฒนาชิป Ascend รุ่นใหม่ให้เทียบเท่าหรือเหนือกว่า Nvidia ภายในปี 2027 ➡️ บริษัทจีนใหญ่ลงทุนในชิปภายในประเทศ เช่น Baidu, Alibaba, Tencent และ ByteDance ➡️ Nvidia เคยครองตลาดจีนถึง 95% แต่ลดลงอย่างรวดเร็วจากข้อจำกัดการส่งออก ➡️ CAC ของจีนสั่งห้ามบริษัทในประเทศซื้อชิป H20 และ RTX Pro 6000D ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ชิป H20 และ RTX Pro 6000D ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผ่านข้อจำกัดของสหรัฐฯ โดยเฉพาะ ➡️ จีนกำลังสร้างระบบ AI ที่ไม่พึ่งพาเทคโนโลยีสหรัฐฯ เช่น CUDA หรือ TensorRT ➡️ การพัฒนา AI ในจีนเติบโตเร็วที่สุดในโลก โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ เช่น เซินเจิ้นและปักกิ่ง ➡️ DeepSeek เป็นโมเดล AI จากจีนที่เทียบเคียงกับ OpenAI และ Anthropic ➡️ การแข่งขันด้านชิปส่งผลต่ออุตสาหกรรมอื่น เช่น บล็อกเชนและอินเทอร์เน็ตดาวเทียม https://www.tomshardware.com/jensen-huang-says-china-is-nanoseconds-behind-in-chips
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 307 มุมมอง 0 รีวิว
  • น้ำหอมมีประวัติยาวนานกว่าที่หลายท่านคาดคิด เชื่อว่ามีต้นกำเนิดจากอารยธรรมโบราณอันรุ่งเรืองอย่างเมโสโปเตเมีย อียิปต์ กรีก และโรมัน จุดเริ่มต้นนั้นไม่ได้เป็นการสร้างเพื่อความหรูหราหรือความงามส่วนตัว แต่เกี่ยวพันกับความเชื่อ ศาสนา และการเชื่อมโยงกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างแนบแน่น คนโบราณใช้พืชสมุนไพร ดอกไม้ เรซิน และเครื่องเทศ นำมาเผาหรือสกัดเพื่อให้ได้กลิ่นหอม เชื่อว่ากลิ่นเหล่านี้สามารถส่งสารหรือคำภาวนาไปถึงเทพเจ้าได้
    .
    นอกจากนี้ กลิ่นหอมยังถูกใช้เพื่อสร้างบรรยากาศในพิธีกรรมทางศาสนา เช่น การเผากำยานในวิหาร การชำระล้างร่างกายก่อนประกอบพิธี หรือการใช้กลิ่นหอมในการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต้นกำเนิดของน้ำหอมจึงเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์และความลี้ลับ ก่อนจะค่อย ๆ พัฒนาไปสู่การใช้ในชีวิตประจำวันและกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความงดงาม
    .
    อียิปต์ถือเป็นแหล่งกำเนิดสำคัญของศาสตร์น้ำหอม ที่มีระบบระเบียบชัดเจนที่สุดในยุคโบราณ ชาวอียิปต์มีความเชื่อว่า กลิ่นหอมคือสะพานที่เชื่อมมนุษย์เข้าหาเทพเจ้า ดังนั้นน้ำหอมจึงถูกใช้ในแทบทุกพิธีกรรม ไม่ว่าจะเป็นการบูชาภายในวิหารหรือการจัดพิธีศพสำหรับกษัตริย์และชนชั้นสูง ยางไม้หอมอย่างมดยอบและกำยานถูกนำมาเผาเพื่อสื่อถึงความศักดิ์สิทธิ์
    .
    หนึ่งในสูตรน้ำหอมที่มีชื่อเสียงที่สุดของอียิปต์คือ Kyphi ซึ่งประกอบด้วยสมุนไพรกว่า 16 ชนิด ผสมกับไวน์ น้ำผึ้ง และยางไม้หอม สูตรนี้ไม่เพียงใช้เพื่อบูชา แต่ยังใช้เป็นยารักษาโรคและสร้างความผ่อนคลายในการนอนหลับ นอกจากนั้น น้ำมันหอมยังถูกใช้ในการทำมัมมี่ เพื่อรักษาสภาพศพให้คงอยู่ได้นานและถือเป็นการเคารพต่อวิญญาณผู้ตาย
    .
    เมื่อเวลาผ่านเข้าสู่ยุคกลาง น้ำหอมแพร่หลายมากขึ้นในยุโรป โดยเฉพาะในอิตาลีและฝรั่งเศส เทคโนโลยีการกลั่น (distillation) ถูกพัฒนา ทำให้ได้กลิ่นที่เข้มข้นและบริสุทธิ์กว่าเดิม น้ำหอมในยุคนี้ไม่ได้ใช้เพียงเพื่อบูชา แต่กลายเป็นเครื่องมือในการดับกลิ่นและรักษาสุขภาพ โดยเฉพาะในช่วงที่ยุโรปเผชิญโรคระบาด ผู้คนเชื่อว่ากลิ่นหอมช่วยป้องกันโรคร้ายได้
    .
    ฝรั่งเศสกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตน้ำหอมที่สำคัญตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เมืองกราซ (Grasse) เป็นแหล่งปลูกดอกไม้หอม เช่น กุหลาบและมะลิ จนกลายเป็นต้นทางของอุตสาหกรรมน้ำหอมที่เฟื่องฟู ความหอมไม่ได้จำกัดอยู่ที่พิธีกรรมอีกต่อไป แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของแฟชั่นและวัฒนธรรมระดับโลก
    .
    จนถึงปัจจุบัน น้ำหอมยังคงสืบทอดความหมายหลากหลายมิติ ทั้งความงาม ความศักดิ์สิทธิ์ การบ่งบอกตัวตน และศิลปะการผสมผสานกลิ่นที่สะท้อนอารมณ์และบุคลิกของผู้ใช้
    .
    อ่านฉบับเว็บไซต์ได้ที่
    https://www.keangun.com/article/13242
    #บทความ
    #ความรู้
    #น้ำหอม
    #วัฒนธรรม
    #ประวัติศาสตร์
    #เขียนกันดอทคอม
    #Keangun
    น้ำหอมมีประวัติยาวนานกว่าที่หลายท่านคาดคิด เชื่อว่ามีต้นกำเนิดจากอารยธรรมโบราณอันรุ่งเรืองอย่างเมโสโปเตเมีย อียิปต์ กรีก และโรมัน จุดเริ่มต้นนั้นไม่ได้เป็นการสร้างเพื่อความหรูหราหรือความงามส่วนตัว แต่เกี่ยวพันกับความเชื่อ ศาสนา และการเชื่อมโยงกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างแนบแน่น คนโบราณใช้พืชสมุนไพร ดอกไม้ เรซิน และเครื่องเทศ นำมาเผาหรือสกัดเพื่อให้ได้กลิ่นหอม เชื่อว่ากลิ่นเหล่านี้สามารถส่งสารหรือคำภาวนาไปถึงเทพเจ้าได้ . นอกจากนี้ กลิ่นหอมยังถูกใช้เพื่อสร้างบรรยากาศในพิธีกรรมทางศาสนา เช่น การเผากำยานในวิหาร การชำระล้างร่างกายก่อนประกอบพิธี หรือการใช้กลิ่นหอมในการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต้นกำเนิดของน้ำหอมจึงเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์และความลี้ลับ ก่อนจะค่อย ๆ พัฒนาไปสู่การใช้ในชีวิตประจำวันและกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความงดงาม . อียิปต์ถือเป็นแหล่งกำเนิดสำคัญของศาสตร์น้ำหอม ที่มีระบบระเบียบชัดเจนที่สุดในยุคโบราณ ชาวอียิปต์มีความเชื่อว่า กลิ่นหอมคือสะพานที่เชื่อมมนุษย์เข้าหาเทพเจ้า ดังนั้นน้ำหอมจึงถูกใช้ในแทบทุกพิธีกรรม ไม่ว่าจะเป็นการบูชาภายในวิหารหรือการจัดพิธีศพสำหรับกษัตริย์และชนชั้นสูง ยางไม้หอมอย่างมดยอบและกำยานถูกนำมาเผาเพื่อสื่อถึงความศักดิ์สิทธิ์ . หนึ่งในสูตรน้ำหอมที่มีชื่อเสียงที่สุดของอียิปต์คือ Kyphi ซึ่งประกอบด้วยสมุนไพรกว่า 16 ชนิด ผสมกับไวน์ น้ำผึ้ง และยางไม้หอม สูตรนี้ไม่เพียงใช้เพื่อบูชา แต่ยังใช้เป็นยารักษาโรคและสร้างความผ่อนคลายในการนอนหลับ นอกจากนั้น น้ำมันหอมยังถูกใช้ในการทำมัมมี่ เพื่อรักษาสภาพศพให้คงอยู่ได้นานและถือเป็นการเคารพต่อวิญญาณผู้ตาย . เมื่อเวลาผ่านเข้าสู่ยุคกลาง น้ำหอมแพร่หลายมากขึ้นในยุโรป โดยเฉพาะในอิตาลีและฝรั่งเศส เทคโนโลยีการกลั่น (distillation) ถูกพัฒนา ทำให้ได้กลิ่นที่เข้มข้นและบริสุทธิ์กว่าเดิม น้ำหอมในยุคนี้ไม่ได้ใช้เพียงเพื่อบูชา แต่กลายเป็นเครื่องมือในการดับกลิ่นและรักษาสุขภาพ โดยเฉพาะในช่วงที่ยุโรปเผชิญโรคระบาด ผู้คนเชื่อว่ากลิ่นหอมช่วยป้องกันโรคร้ายได้ . ฝรั่งเศสกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตน้ำหอมที่สำคัญตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เมืองกราซ (Grasse) เป็นแหล่งปลูกดอกไม้หอม เช่น กุหลาบและมะลิ จนกลายเป็นต้นทางของอุตสาหกรรมน้ำหอมที่เฟื่องฟู ความหอมไม่ได้จำกัดอยู่ที่พิธีกรรมอีกต่อไป แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของแฟชั่นและวัฒนธรรมระดับโลก . จนถึงปัจจุบัน น้ำหอมยังคงสืบทอดความหมายหลากหลายมิติ ทั้งความงาม ความศักดิ์สิทธิ์ การบ่งบอกตัวตน และศิลปะการผสมผสานกลิ่นที่สะท้อนอารมณ์และบุคลิกของผู้ใช้ . อ่านฉบับเว็บไซต์ได้ที่ https://www.keangun.com/article/13242 #บทความ #ความรู้ #น้ำหอม #วัฒนธรรม #ประวัติศาสตร์ #เขียนกันดอทคอม #Keangun
    WWW.KEANGUN.COM
    ประวัติความเป็นมาของน้ำหอม: พิธีกรรม เครื่องมือดับกลิ่นกาย สู่แฟชั่นระดับโลก
    น้ำหอมมีประวัติยาวนานกว่าที่หลายท่านคาดคิด เชื่อว่ามีต้นกำเนิดจากอารยธรรมโบราณอันรุ่งเรืองอย่างเมโสโปเตเมีย อียิปต์ กรีก และโรมัน จุดเริ่มต้นนั้นไม่ได้เป็นการสร้างเพื่อความหรูหราหรือความงามส่วนตัว แต่เกี่ยวพันกับความเชื่อ ศาสนา และการเชื่อมโยงกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างแนบแน่น คนโบราณใช้พืชสมุนไพร ดอกไ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 363 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Stan Lee กลับมาอีกครั้งในรูปแบบ AI Hologram — เทคโนโลยีปลุกตำนานสู่ชีวิตใหม่ที่ L.A. Comic Con”

    ในงาน L.A. Comic Con ปี 2025 ที่จัดขึ้น ณ Los Angeles Convention Center ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษกับ “Stan Lee Experience” — การปรากฏตัวของ Stan Lee ผู้สร้างฮีโร่ระดับตำนานอย่าง Spider-Man, Iron Man, Hulk และ Thor ในรูปแบบ AI hologram ที่สามารถพูดคุยและตอบคำถามแฟน ๆ ได้แบบเรียลไทม์

    แม้ Stan Lee จะเสียชีวิตไปในปี 2018 ด้วยวัย 95 ปี แต่ด้วยความร่วมมือระหว่าง Proto Hologram และ Hyperreal ทีมงานสามารถสร้าง “Holo Stan” ขึ้นมาโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และภาพจากการปรากฏตัวของเขาในงานต่าง ๆ ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา เพื่อให้คำพูดและบุคลิกของเขายังคง “เป็นตัวเขา” อย่างแท้จริง

    ผู้เข้าร่วมงานสามารถเข้าไปในบูธขนาด 1,500 ตารางฟุตเพื่อพูดคุยกับ Holo Stan ได้โดยตรง เช่น ถามว่า “คุณคิดอย่างไรกับ X-Men ที่เชื่อมโยงกับขบวนการสิทธิพลเมือง?” หรือ “ถ้าเลือกฮีโร่หนึ่งคนมาช่วยโลกวันนี้ คุณจะเลือกใคร?” ซึ่งคำตอบของเขาคือ Spider-Man พร้อมคำพูดที่อบอุ่นว่า “ฮีโร่ที่แท้จริงคือพวกคุณ — แฟน ๆ ที่ทำให้เรื่องราวเหล่านี้ยังมีชีวิตอยู่”

    แม้หลายคนจะรู้สึกตื่นเต้นกับการได้พบ Stan Lee อีกครั้งในรูปแบบใหม่ แต่ก็มีเสียงวิจารณ์จากบางกลุ่มที่มองว่าเป็นการ “ไม่ให้เขาได้พักผ่อน” และตั้งคำถามถึงขอบเขตของการใช้ AI กับบุคคลที่ล่วงลับไปแล้ว

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Stan Lee ปรากฏตัวในรูปแบบ AI hologram ที่ L.A. Comic Con ปี 2025
    ใช้เทคโนโลยีจาก Proto Hologram และ Hyperreal ในการสร้าง “Holo Stan”
    Hologram ถูกฝึกจากภาพและเสียงของ Stan Lee ตลอดชีวิตการทำงาน
    ผู้เข้าร่วมสามารถพูดคุยกับ Holo Stan ได้แบบเรียลไทม์ในบูธขนาด 1,500 ตารางฟุต
    คำพูดของ Holo Stan ถูกควบคุมให้ไม่ออกนอกบริบทจากสิ่งที่ Stan เคยพูดจริง
    โครงการนี้ได้รับการอนุมัติจาก Stan Lee Universe และอดีตผู้บริหาร Marvel
    Holo Stan กล่าวถึงความรักที่มีต่อแฟน ๆ และความหวังในโลกผ่านฮีโร่
    มีการใช้เทคโนโลยี “guardrails” เพื่อป้องกันไม่ให้ AI พูดสิ่งที่ไม่เหมาะสม
    ผู้ชมสามารถถ่ายภาพและพูดคุยกับ Holo Stan ได้เหมือนพบตัวจริง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Proto Hologram เคยใช้เทคโนโลยีนี้โปรโมตภาพยนตร์ เช่น The Conjuring และ Minecraft Movie
    Hyperreal เป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการสร้าง digital humans ด้วย AI
    Stan Lee เคยปรากฏตัวในภาพยนตร์ Marvel ทุกเรื่องก่อนเสียชีวิต
    การใช้ AI hologram เริ่มแพร่หลายในวงการบันเทิง เช่น Elvis, Whitney Houston และ ABBA
    การสร้าง “digital legacy” กำลังกลายเป็นเทรนด์ใหม่ในการอนุรักษ์บุคคลสำคัญ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/27/ai-hologram-of-spider-man-creator-stan-lee-debuts-at-la-comic-con
    🕹️ “Stan Lee กลับมาอีกครั้งในรูปแบบ AI Hologram — เทคโนโลยีปลุกตำนานสู่ชีวิตใหม่ที่ L.A. Comic Con” ในงาน L.A. Comic Con ปี 2025 ที่จัดขึ้น ณ Los Angeles Convention Center ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษกับ “Stan Lee Experience” — การปรากฏตัวของ Stan Lee ผู้สร้างฮีโร่ระดับตำนานอย่าง Spider-Man, Iron Man, Hulk และ Thor ในรูปแบบ AI hologram ที่สามารถพูดคุยและตอบคำถามแฟน ๆ ได้แบบเรียลไทม์ แม้ Stan Lee จะเสียชีวิตไปในปี 2018 ด้วยวัย 95 ปี แต่ด้วยความร่วมมือระหว่าง Proto Hologram และ Hyperreal ทีมงานสามารถสร้าง “Holo Stan” ขึ้นมาโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และภาพจากการปรากฏตัวของเขาในงานต่าง ๆ ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา เพื่อให้คำพูดและบุคลิกของเขายังคง “เป็นตัวเขา” อย่างแท้จริง ผู้เข้าร่วมงานสามารถเข้าไปในบูธขนาด 1,500 ตารางฟุตเพื่อพูดคุยกับ Holo Stan ได้โดยตรง เช่น ถามว่า “คุณคิดอย่างไรกับ X-Men ที่เชื่อมโยงกับขบวนการสิทธิพลเมือง?” หรือ “ถ้าเลือกฮีโร่หนึ่งคนมาช่วยโลกวันนี้ คุณจะเลือกใคร?” ซึ่งคำตอบของเขาคือ Spider-Man พร้อมคำพูดที่อบอุ่นว่า “ฮีโร่ที่แท้จริงคือพวกคุณ — แฟน ๆ ที่ทำให้เรื่องราวเหล่านี้ยังมีชีวิตอยู่” แม้หลายคนจะรู้สึกตื่นเต้นกับการได้พบ Stan Lee อีกครั้งในรูปแบบใหม่ แต่ก็มีเสียงวิจารณ์จากบางกลุ่มที่มองว่าเป็นการ “ไม่ให้เขาได้พักผ่อน” และตั้งคำถามถึงขอบเขตของการใช้ AI กับบุคคลที่ล่วงลับไปแล้ว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Stan Lee ปรากฏตัวในรูปแบบ AI hologram ที่ L.A. Comic Con ปี 2025 ➡️ ใช้เทคโนโลยีจาก Proto Hologram และ Hyperreal ในการสร้าง “Holo Stan” ➡️ Hologram ถูกฝึกจากภาพและเสียงของ Stan Lee ตลอดชีวิตการทำงาน ➡️ ผู้เข้าร่วมสามารถพูดคุยกับ Holo Stan ได้แบบเรียลไทม์ในบูธขนาด 1,500 ตารางฟุต ➡️ คำพูดของ Holo Stan ถูกควบคุมให้ไม่ออกนอกบริบทจากสิ่งที่ Stan เคยพูดจริง ➡️ โครงการนี้ได้รับการอนุมัติจาก Stan Lee Universe และอดีตผู้บริหาร Marvel ➡️ Holo Stan กล่าวถึงความรักที่มีต่อแฟน ๆ และความหวังในโลกผ่านฮีโร่ ➡️ มีการใช้เทคโนโลยี “guardrails” เพื่อป้องกันไม่ให้ AI พูดสิ่งที่ไม่เหมาะสม ➡️ ผู้ชมสามารถถ่ายภาพและพูดคุยกับ Holo Stan ได้เหมือนพบตัวจริง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Proto Hologram เคยใช้เทคโนโลยีนี้โปรโมตภาพยนตร์ เช่น The Conjuring และ Minecraft Movie ➡️ Hyperreal เป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการสร้าง digital humans ด้วย AI ➡️ Stan Lee เคยปรากฏตัวในภาพยนตร์ Marvel ทุกเรื่องก่อนเสียชีวิต ➡️ การใช้ AI hologram เริ่มแพร่หลายในวงการบันเทิง เช่น Elvis, Whitney Houston และ ABBA ➡️ การสร้าง “digital legacy” กำลังกลายเป็นเทรนด์ใหม่ในการอนุรักษ์บุคคลสำคัญ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/27/ai-hologram-of-spider-man-creator-stan-lee-debuts-at-la-comic-con
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AI hologram of Spider-Man creator Stan Lee debuts at L.A. Comic Con
    LOS ANGELES (Reuters) -Wearing a green sweater and tan pants against a bright blue screen, Marvel comic book superhero creator Stan Lee will return to L.A. Comic Con in holographic form to meet fans of his characters including Spider-Man, Hulk, Iron Man and Thor.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 276 มุมมอง 0 รีวิว
  • สินเชื่อที่ไม่ต้องผ่อน มีไหม?
    สินเชื่อที่ไม่ต้องผ่อน มีไหม?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “ดารา เรียน” หอบเอกสาร ร้องเรียน “วีระ สมความคิด” แฉอดีตข้าราชการระดับสูง จ.สระแก้ว รับส่วย “ออกญาสัมพันธ์ฤทธิ์” เจ้าของโครงการจุดผ่อนปรน บ้านโนนหมากมุ่น ที่หลักเขต 43 ด้านอดีตผู้ว่าฯ โบ้ยไม่เกี่ยว โยนถามอดีตนายอำเภอ ด้าน “วีระ” เผยยังไม่เชื่อฝ่ายใด ขอตรวจสอบก่อน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000092556

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    “ดารา เรียน” หอบเอกสาร ร้องเรียน “วีระ สมความคิด” แฉอดีตข้าราชการระดับสูง จ.สระแก้ว รับส่วย “ออกญาสัมพันธ์ฤทธิ์” เจ้าของโครงการจุดผ่อนปรน บ้านโนนหมากมุ่น ที่หลักเขต 43 ด้านอดีตผู้ว่าฯ โบ้ยไม่เกี่ยว โยนถามอดีตนายอำเภอ ด้าน “วีระ” เผยยังไม่เชื่อฝ่ายใด ขอตรวจสอบก่อน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000092556 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 469 มุมมอง 0 รีวิว
  • แรงงานเฮ! ‘สภา’ มีมติเอกฉันท์ หนุนกฎหมาย ลดชั่วโมงทำงานเหลือ 40 ชม./สัปดาห์ ‘สิทธิลาพักผ่อน’ และ ‘ให้นมบุตร’
    https://www.thai-tai.tv/news/21608/
    .
    #ไทยไท #กฎหมายแรงงาน #พรรคประชาชน #สภาผู้แทนราษฎร #ข่าววันนี้
    แรงงานเฮ! ‘สภา’ มีมติเอกฉันท์ หนุนกฎหมาย ลดชั่วโมงทำงานเหลือ 40 ชม./สัปดาห์ ‘สิทธิลาพักผ่อน’ และ ‘ให้นมบุตร’ https://www.thai-tai.tv/news/21608/ . #ไทยไท #กฎหมายแรงงาน #พรรคประชาชน #สภาผู้แทนราษฎร #ข่าววันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • “11 อุปกรณ์อัจฉริยะที่ทำให้ขโมยคิดว่าคุณอยู่บ้าน — เทคนิคหลอกตาเพื่อความปลอดภัยในยุคสมาร์ตโฮม”

    ในยุคที่บ้านว่างเปล่าคือเป้าหมายของโจร อุปกรณ์สมาร์ตโฮมกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการ “หลอก” ให้ผู้ไม่หวังดีคิดว่ามีคนอยู่บ้าน แม้คุณจะกำลังเดินทางไกลหรือพักผ่อนอยู่ต่างจังหวัดก็ตาม

    บทความจาก SlashGear ได้รวบรวม 11 อุปกรณ์อัจฉริยะที่ช่วยสร้างภาพลวงตาให้บ้านดูมีชีวิต เช่น ไฟ floodlight ที่เปิดเมื่อมีการเคลื่อนไหว, ม่านอัตโนมัติที่เปิดปิดตามเวลา, กล้องที่ซ่อนอยู่ในหลอดไฟ, ไปจนถึงเครื่องจำลองแสงจากทีวี—all เพื่อให้บ้านดูเหมือนมีคนอยู่ตลอดเวลา

    อุปกรณ์เหล่านี้ไม่ได้แค่เปิดปิดตามเวลา แต่ยังใช้ “ความสุ่ม” และ “พฤติกรรมเลียนแบบ” เช่น การเปิดไฟแบบไม่สม่ำเสมอ หรือการเปิดเพลงผ่าน Echo Pop เพื่อสร้างบรรยากาศที่เหมือนมีคนอยู่จริง ๆ

    แม้เทคโนโลยีจะไม่สามารถป้องกันขโมยได้ 100% แต่การทำให้บ้านของคุณดูไม่น่าเสี่ยง ก็เพียงพอที่จะทำให้โจรเลือกเป้าหมายอื่นแทน

    อุปกรณ์สมาร์ตที่ช่วยหลอกขโมย
    Smart Wi-Fi Floodlights: เปิดไฟเมื่อมีการเคลื่อนไหว และสามารถควบคุมจากแอป
    Motorized Roller Shades: ม่านอัตโนมัติที่เปิดปิดตามเวลาแบบไม่สม่ำเสมอ
    Wyze Video Doorbell Pro: กล้องหน้าบ้านที่แจ้งเตือนเมื่อมีคนเข้าใกล้
    Lorex Smart Lightbulb Camera: กล้องซ่อนในหลอดไฟที่หมุนได้ 360°
    Robot Lawn Mower: ตัดหญ้าอัตโนมัติแม้เจ้าของไม่อยู่บ้าน
    Smart Package Vault: ตู้รับพัสดุอัจฉริยะที่ซ่อนกล่องจากสายตาคนภายนอก
    FakeTV Simulator: อุปกรณ์จำลองแสงจากทีวีเพื่อให้ดูเหมือนมีคนดูอยู่
    Amazon Echo Pop: ควบคุมอุปกรณ์ทั้งหมดผ่านเสียงและตั้งเวลาเปิดเพลง
    Kasa Smart Bulbs: หลอดไฟที่เปิดปิดแบบสุ่มเพื่อเลียนแบบพฤติกรรมจริง
    Smart Garage Door Opener: เปิดปิดประตูโรงรถจากระยะไกล
    Wi-Fi Sprinkler Timer: ตั้งเวลารดน้ำต้นไม้เพื่อให้บ้านดูมีคนดูแล

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    การใช้ “Away Mode” บนอุปกรณ์ช่วยสร้างความสุ่มที่ดูสมจริง
    การเปิดไฟในห้องต่าง ๆ ด้วยความสว่างที่ต่างกันช่วยให้ดูเหมือนมีคนอยู่
    การใช้กล้องที่ไม่ดูเหมือนกล้องช่วยลดการหลบเลี่ยงจากขโมยที่มีประสบการณ์
    การควบคุมผ่านสมาร์ตฮับ เช่น Alexa หรือ Google Home ช่วยให้จัดการง่ายขึ้น

    https://www.slashgear.com/1971492/smart-products-that-make-thieves-think-you-are-home/
    🏠 “11 อุปกรณ์อัจฉริยะที่ทำให้ขโมยคิดว่าคุณอยู่บ้าน — เทคนิคหลอกตาเพื่อความปลอดภัยในยุคสมาร์ตโฮม” ในยุคที่บ้านว่างเปล่าคือเป้าหมายของโจร อุปกรณ์สมาร์ตโฮมกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการ “หลอก” ให้ผู้ไม่หวังดีคิดว่ามีคนอยู่บ้าน แม้คุณจะกำลังเดินทางไกลหรือพักผ่อนอยู่ต่างจังหวัดก็ตาม บทความจาก SlashGear ได้รวบรวม 11 อุปกรณ์อัจฉริยะที่ช่วยสร้างภาพลวงตาให้บ้านดูมีชีวิต เช่น ไฟ floodlight ที่เปิดเมื่อมีการเคลื่อนไหว, ม่านอัตโนมัติที่เปิดปิดตามเวลา, กล้องที่ซ่อนอยู่ในหลอดไฟ, ไปจนถึงเครื่องจำลองแสงจากทีวี—all เพื่อให้บ้านดูเหมือนมีคนอยู่ตลอดเวลา อุปกรณ์เหล่านี้ไม่ได้แค่เปิดปิดตามเวลา แต่ยังใช้ “ความสุ่ม” และ “พฤติกรรมเลียนแบบ” เช่น การเปิดไฟแบบไม่สม่ำเสมอ หรือการเปิดเพลงผ่าน Echo Pop เพื่อสร้างบรรยากาศที่เหมือนมีคนอยู่จริง ๆ แม้เทคโนโลยีจะไม่สามารถป้องกันขโมยได้ 100% แต่การทำให้บ้านของคุณดูไม่น่าเสี่ยง ก็เพียงพอที่จะทำให้โจรเลือกเป้าหมายอื่นแทน ✅ อุปกรณ์สมาร์ตที่ช่วยหลอกขโมย ➡️ Smart Wi-Fi Floodlights: เปิดไฟเมื่อมีการเคลื่อนไหว และสามารถควบคุมจากแอป ➡️ Motorized Roller Shades: ม่านอัตโนมัติที่เปิดปิดตามเวลาแบบไม่สม่ำเสมอ ➡️ Wyze Video Doorbell Pro: กล้องหน้าบ้านที่แจ้งเตือนเมื่อมีคนเข้าใกล้ ➡️ Lorex Smart Lightbulb Camera: กล้องซ่อนในหลอดไฟที่หมุนได้ 360° ➡️ Robot Lawn Mower: ตัดหญ้าอัตโนมัติแม้เจ้าของไม่อยู่บ้าน ➡️ Smart Package Vault: ตู้รับพัสดุอัจฉริยะที่ซ่อนกล่องจากสายตาคนภายนอก ➡️ FakeTV Simulator: อุปกรณ์จำลองแสงจากทีวีเพื่อให้ดูเหมือนมีคนดูอยู่ ➡️ Amazon Echo Pop: ควบคุมอุปกรณ์ทั้งหมดผ่านเสียงและตั้งเวลาเปิดเพลง ➡️ Kasa Smart Bulbs: หลอดไฟที่เปิดปิดแบบสุ่มเพื่อเลียนแบบพฤติกรรมจริง ➡️ Smart Garage Door Opener: เปิดปิดประตูโรงรถจากระยะไกล ➡️ Wi-Fi Sprinkler Timer: ตั้งเวลารดน้ำต้นไม้เพื่อให้บ้านดูมีคนดูแล ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ การใช้ “Away Mode” บนอุปกรณ์ช่วยสร้างความสุ่มที่ดูสมจริง ➡️ การเปิดไฟในห้องต่าง ๆ ด้วยความสว่างที่ต่างกันช่วยให้ดูเหมือนมีคนอยู่ ➡️ การใช้กล้องที่ไม่ดูเหมือนกล้องช่วยลดการหลบเลี่ยงจากขโมยที่มีประสบการณ์ ➡️ การควบคุมผ่านสมาร์ตฮับ เช่น Alexa หรือ Google Home ช่วยให้จัดการง่ายขึ้น https://www.slashgear.com/1971492/smart-products-that-make-thieves-think-you-are-home/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    11 Smart Products That Can Fool Thieves Into Thinking You're Home - SlashGear
    If you're planning to be away from home for an extended period of time, you may be worrying about the risk of a break-in. These smart home products can help.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 245 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts