• นี่ละยิวจอมทรยศและเนรคุณ..#เมื่อยิวถามจีนว่า
    ทำไมไม่ช่วยอิสรา.เอล​รบกับ ฮามา.ส
    ลองฟังคับตอบ ประชาชนจีนที่รู้ประวัติศาสตร์​อ่านแล้วถึงกับอึง ยาวหน่อย แต่เป็นความรู้ระดับ #พันปี

    “เมื่อ Ross อเมริกันเชื้อสายยิวกล่าวโจมตี ทำไม จีน ไม่สนับสนุนอิสราเอลโจมตี ฮามาส“

    นี่คือคำตอบ
    ประวัติศาสตร์อีกมุมหนึ่งของชนชาติยิว...

    สองวันที่ผ่านมา
    Ross อดีตประธานภาคพื้นเอเซียแปซิฟิคของ พรรครีพับริกัน
    ได้สร้างข่าวพาดหัวด้วยการ กล่าวหา ชาวจีน ที่เล่นอินเตอร์เนต ว่า ไม่มีความเห็นอกเห็นใจชาวยิว อันเนื่องจากเหตุการณ์ความขัดแย้งที่กาซ่า..

    ต่อมา มีชาวเนตจีนรายหนึ่ง เข้ามาเห็น จึงเขียนบทความอย่างยืดยาว เพื่อสอนบทเรียนทาง ประวัติศาสตร์ แก่ชาวอเมริกันยิวคนนี้..
    สรุปว่า ต่อมา Ross ได้แอบลบบทวิจารณ์นี้ทิ้งไป...

    ไม่มีใครรู้ว่าผู้เขียนบทความโต้แย้งชายจีนผู้นี้เป็นใคร
    แต่ อย่างไรก็ตาม ข้อเขียนของเขาได้หลุดรอดออกมา และ ถูกเผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวาง!

    เป็นข้อเขียนที่ทุกคนต้องอ่าน!

    เพราะเป็นการตอบโต้ที่แข็งกร้าวของชาวเนตจีน..( 11 กค. 2024 )

    สวัสดีครับคุณ Enge...
    ผมรู้สึกช๊อคไปกับคำพูดของคุณที่ว่า
    "หากโลกจะสนใจช่วยชาวยิวในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 (WW II)ืชาวยิวหกล้านคนก็คงไม่ถูกสังหาร"...

    แต่นี่ คงมิใช่ เหตุผล หรือ ทำให้กองทัพยิว มีสิทธิที่จะก่อสงครามล้างเผ่าพันธุ์ต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่าแต่อย่างใด...

    ยิ่งไปกว่า มันไม่เป็นความจริงด้วย..

    ในระหว่าง WW II นั้น ชาวจีนในเซี่ยงไฮ้ และ นานจิง กำลังถูกรุกราน และ ถูกสังหารหมู่ โดยกองทัพญี่ปุ่น
    ในขณะที่ชาวยิวถูกฆ่าโดยนาซี..

    แต่กระนั้นก็ดี แม้ชาวจีนจะประสบเคราะห์กรรมขนาดนั้น ก็ยังยินดีรับเอาชาวยิวกว่า 50,000 คน ที่อพยพไปยังประเทศจีนเพื่อหนีภัยจากนาซี...

    แต่วิธีตอบแทนแบบยิวก็คือ การร่วมมือกับญี่ปุ่น เพื่อสร้างทรัฐชาวยิว ขึ้นในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน!
    แผนงานนี้เป็นที่เลื่องลือในนามของ Pufferfish Plan..
    แต่ก็โชคร้าย ซึ่งในที่สุดแผนการณ์นี้ล้มเหลว..
    ทำให้นิทานเรื่องชาวนาและงูเห่า ไม่อาจเกิดเป็นจริงได้ในแผ่นดินจีน...

    แต่ที่เหลือเชื่อยิ่งกว่านั้นคือ เมื่อราวสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
    เจ้าหน้าที่คนของสถานทูตอิสราเอล ได้กล่าวอ้างอย่างเปิดเผยผ่านทางรูปถ่ายว่า ที่ตั้งของสถานทูตที่อยู่บนถนนในเซี่ยงไฮ้ เกิดจากการยินยอมให้ใช้ของฝรั่งเศส!(ทั้งที่เรื่องกฏหมายสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ถูกยกเลิกไปนานแล้ว)

    แต่แน่นอน
    หากพูดถึงสัมพันธภาพระหว่างจีน กับ ชาวยิว ย่อมมีอะไรที่มากไปกว่านั้นมากมาย

    ชาวยิวได้ร่อนเร่มายังประเทศจีนตั้งแต่สมัย ราชวงศ์ซ่ง
    หรือ ราวพันปีที่ผ่านมา และ ได้ตั้งถิ่นฐานในจีนตั้งแต่นั้นมา

    ราชวงศ์ซ่ง ปกครองอาณาจักรจีนโบราณ ที่ถือกันว่าสมบูรณ์พูนสุขิและ ร่ำรวยที่สุดราชวงศ์หนึ่ง

    อย่างไรก็ดี
    ในกาลต่อมา เมื่อราชวงศ์ซ่งล่มสลาย ผู้คนอพยพหนีภัยไปทางทิศใต้
    นักธุรกิจชาวยิว ที่มีชื่อสกุล Pu ได้ใช้กำลังทหารส่วนตัว เข่นฆ่าชาวเมืองจำนวนมากที่เคยเป็นราษฎรภายใต้การปกครองของราชวงศ์ซ่ง แล้วนำศพไปให้กองทัพของราชวงศ์ หยวน
    เพื่อเป็นสัญญลักษณ์ของการยอมรับในอำนาจของผู้ปกครองชาว มงโกล รายใหม่

    ในหลายสิบปีหลังจากนั้น ราชวงศ์ จูหยวนจาง ได้โค่นราชวงศ์หยวนลง และ จัดตั้งราชวงศ์หมิงขึ้น
    คนจีนที่สืบเชื้อสายจากชาวฮั่น จึงกลับขึ้นมามีอำนาจอีกครั้ง
    แต่ก็มิได้ขับไล่ชุมชนชาวยิวกลุ่มทรยศเหล่านี้ออกไป (ทั้งที่ได้เข่นฆ่าชาวจีนไปมากก่อนหน้านั้น)

    ต่อมา ในสมัยประวัติศาสตร์ช่วงการเกิดสงครามฝิ่น
    มีนักธุรกิจชาวยิว ตระกูล Sassoon ได้นำฝิ่นจำนวนมากมาจำหน่ายเพื่อหวังผลกำไร
    ทำให้ชาวจีนติดฝิ่นกันงอมแงม ประชากรชาวจีน อ่อนแอ และ ล้มตายกันเป็นจำนวนมาก.. คุณ (Mr Ross)เคยใช้ชีวิตอยู่ในเอเซียมาหลายปี น่าจะคุ้นเคยกับเรื่องนี้ดี

    เหตุการณ์ สงครามฉนวนกาซ่าในครั้งนี้
    ชาวจีน มิได้รู้สึกเห็นใจ ชาวยิว เพราะชาวจีน มีการศึกษาเรื่องคุณธรรม ร่วมสามพันปีมาแล้ว

    "Shangshu" วรรณกรรมคลาสิกที่ยังเหลืออยู่ของจีน ที่เขียนขึ้นมาตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 10 ก่อนคริสตกาลหรือราว 3,000 ปีพอดี ซึ่งคงเป็นระยะเวลาเดียวกับที่ชาวยิวถูกขับไล่ออกจากดินแดนแห่งพันธสัญญา (Promised Land) และเป็นชนชาติเร่ร่อนตั้งแต่นั้นมา

    ถ้าคุณ( Mr. Ross )คุ้นเคย กับอดีต และ ประวัติศาสตร์ ชาวยิว ของคุณ คุณก็ควรรับรู้และตระหนักถึงมันด้วย

    ชาวอียิปต์ ยอมรับ ชาวยิว เข้าไปในดินแดนของตน
    แต่ ชาวยิว กลับทรยศ ต่อชาวอียิปต์ หลายต่อหลายครั้ง
    จนในที่สุด ชาวยิว ก็ถูกเข่นฆ่าและ ขับไล่ออกไปจากดินแดนอียิปต์โดย กษัตริย์ฟาโรห์

    อาณาจักรโรมัน ยอมรับ ชาวยิว เป็นส่วนหนึ่งของโรมัน ถึงขนาดจัดตั้งชุมชนให้เป็น กลุ่มก้อน โดยเฉพาะ
    แต่ ชาวยิว กลับถือโอกาสก่อการกบฎ ในช่วงเวลาที่กษัตริย์ Trajan มุ่งขยายดินแดนไปทางตะวันออก และ กองกำลังความมั่นคงในโรมันอ่อนแอลง

    หลังจาก ชาวยิว สังหารกองกำลังโรมัน ที่มีอยู่น้อยนิด
    ชาวยิว ก็บุกสังหาร พลเรือนชาวโรมัน อย่างบ้าคลั่ง
    ถึงขนาด เฉือนเอาผิวหนังมาทำเสื้อผ้า กินเนื้อเป็นอาหาร และ โยนซากศพไปเป็นอาหารของสัตว์ดุร้าย..

    ในเมือง Cyprus Salamis และ Libya พลเรือนชาวโรมันราว 220,000 คน ถูกสังหารโดย ชาวยิว

    แม้ต่อหน้าพลเรือนชาวโรมัน
    ชาวยิวดูจะทารุณโหดร้ายมาก
    แต่ในที่สุดกษัตริย์ Trajan ใช้กำลังทหารเพียงสองชุด ก็สามารถทวงคืนอำนาจจากชาวยิวได้อย่างสมบูรณ์

    กองทัพโรมันที่โกรธแค้นได้เคลื่อนทัพจากดินแดนเมโสโปเตเมีย ไปตามฝั่ง ตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน..จนทำให้ชาวยิวที่อาศัยในพื้นที่เหล่านี้ถูกเข่นฆ่าจนเกือบหมด
    ต่อมา ชาวยิว ก็ก่อกบฎอีกครั้ง ครววนี้ มุ่งสังหารผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะ

    แต่ครั้งนี้ โชคไม่เข้าข้างชาวยิว เมื่อต้องพบกับกษัตริย์ Hadrian ผู้ได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์ที่เฉลียวฉลาดที่สุดคนหนึ่งของกรุงโรม ผู้ที่ได้ระดมกำลังทหาร 120,000 นาย เข้าจัดการสังหาร ชาวยิว ที่ก่อการกบฎได้อย่างเบ็ดเสร็จ

    กษัตริย์ Hadrian ได้ศึกษาบทเรียนจากยุคสมัยของกษัตริย์ Trajan
    จึงได้ยกเลิก ชุมชนชาวยิว เสียทั้งหมด
    ทำให้ชาวยิวต้องอยู่กันอย่างกระจัดกระจาย และ แตกกระสานซ่านเซ็นไปทั่วโลก

    นอกจากนั้น ยังมีจักรพรรดิ Titus ผู้บุกทำลาย และ สังหาร ชาวยิวในกรุงเยลูซาเล็ม
    ที่เคยเป็น Second Temple จนปัจจุบันเหลือเพียง Western Wall (หรือที่เรียกว่า กำแพงร้องไห้)ที่ชาวยิวใช้เป็นที่สวดมนต์ไปติดต่อพระเจ้าฯ

    เป็นเวลานับพันปี ที่ชาวยิว ต้องถูก เข่นฆ่า และ ขับออกนอกประเทศต่างๆนับครั้งไม่ถ้วน
    แต่ พวกคุณ ชาวยิว ก็ได้ทรยศต่อ ชาติต่างๆ จำนวนไม่น้อย ที่เห็นอกเห็นใจต่อความยากลำบากของพวกคุณ

    กระนั้นก็ดี
    พวกคุณ ก็ยังคงโอหัง เชื่อว่า ชนชาติตน เป็นชนชาติอภิสิทธิ์ ที่เหนือกว่าคนชาติอื่นๆ และ เชื่อว่า เป็น ชนชาติ ที่พระเจ้าเลือกสรรไว้ ให้เป็นใหญ่กว่าชนชาติอื่นใด

    ทำให้ ชาวไซออนนิสยิว ไม่เคยตระหนักถึงอดีตของตน..
    จนเป็นที่สรุปกันแล้วว่า วัฒนธรรมของชนชาติยิว มีลักษณะที่เข้ากับใครยาก และ ไม่ยอมปรับตัวเข้าหาวัฒนธรรมอื่น

    ความเชื่อของชาวยิวเหล่านี้ จะใช้กับคนจีนไม่ได้
    เพราะ คนจีนมีหลักการด้านคุณธรรมของตนเอง และ ไม่เคยคิดว่าชนชาติตนเหนือกว่าคนชนะชาติอื่น
    แต่จะปฏิบัติต่อคนชาติอื่น อย่างเท่าเทียมกัน และ ไม่เกรงกลัวต่อชนชาติอื่น ที่คิดว่าเหนือกว่าชาวจีน

    คนจีน จะมีความ อดทน อดกลั้น มีความละอายใจ มีความกตัญญูรู้คุณ และ รู้จักตอบแทนบุญคุณคน

    John Rabe อดีตนาซี ผู้ที่ครั้งหนึ่ง เคยช่วยชีวิตชาวจีนที่นานจิง คนจีนที่รู้เรื่องนี้ จะนึกถึงบุญคุณของเขาเสมอ

    จากเหตุการณ์ เมื่อสองปีที่แล้ว ที่โรงพยาบาล สถานที่ที่หลานของ John Rabe ทำงานอยู่ เกิดการขาดแคลนยารักษาโรค
    จึงร้องขอความช่วยเหลือไปยังสถานทูตจีนในเยอรมัน
    ปรากฏว่า ชาวจีนต่างช่วยกันบริจาคเงินและสิ่งของให้กันอย่างแข็งขัน ด้วยความสำนึกในพระคุณในอดีต ของ John Rabe

    ในช่วง WW II ประธานของสภากาชาดแห่งสวีเดน เคยช่วยเหลือเชลยถึง 35,000 คน จากค่ายกักกันของนาซี
    โดยในจำนวนนี้เป็นชาวยิวถึง 6,000 คน..

    ต่อมา เมื่อเขาถูกยูเอ็น ส่งไปเป็นผู้แทน เพื่อยืนยันประเด็นที่เกี่ยวกับขอบเขตดินแดนในกรุงเยรูซาเล็ม ที่กำหนดขึ้นใหม่ระหว่างอิสราเอล กับ ปาเลสไตน์

    ปรากฏว่าเขาถูกยิงถึงหกนัดและเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ จากมือสังหารชาวยิว..
    เพียงเพราะ เขาพูดถึง "ความยุติธรรม" เพียงไม่กี่คำ

    ในระหว่าง WW II เช่นเดียวกัน
    ประเทศยูโกสลาเวีย เคยช่วยชีวิตเด็กผู้หญิงชาวยิวไว้คนหนึ่ง..
    แต่ 50 ปีต่อมา เธอกลับเป็นคนสั่งให้ทิ้งระเบิดยูโกสลาเวียอย่างไม่เลือกหน้า...

    หลายปีต่อมา
    เมื่อเธอ ถูกผู้สื่อข่าวถามในระหว่างการให้สัมภาษณ์ว่า เธอรู้สึกเสียใจบ้างหรือไม่ กับการสั่งทิ้งระเบิดยูโกสลาเวีย..
    เธอตอบว่า.."ไม่เลย"..

    เธอผู้นั้น คือ อดีตสตรีที่เป็น รัฐมนตรีต่างประเทศ คนแรกของสหรัฐ..Madeleine Albright!

    ในการให้สัมภาษณ์ในรายการ 60 Minutes ในปี1996..
    M. Albright กล่าวว่า
    การที่สหรัฐแซงชั่นอิรัค(สมัยซัดดัม) ซึ่งได้สังหารเด็กชาวอิรัคไปกว่าครึ่งล้าน (เพราะขาดแคลนอาหารและยารักษาโรค)นั้น
    เป็นสิ่งที่คุ้มค่า!
    ทั้งๆที่ การบุกเข้ายึดครองอิรัคเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ
    เพราะสหรัฐอ้างว่า อิรัคกำลังผลิตอาวุธทำลายล้าง
    ด้วยการนำเสนอเพียงภาพ “ผงซักฟอก” ในสื่อ ว่าคือ “สารเคมี” ที่ใช้สร้างอาวุธชีวภาพ

    นาง M. Albright กล่าวอย่างโจ่งแจ้งท้าทายว่า..
    การเข่นฆ่าเด็กนับล้าน เป็นสิ่งที่คุ้มค่าแล้ว!

    ในปี 1947 เมื่อชาวยิว อพยพทางเรือมายังดินแดนปาเลสไตน์
    มีการเขียนข้างลำเรือไว้ว่า..
    "คนเยอรมันได้ทำลายบ้านเรือนของเรา โปรดอย่าทำลายความหวังของเราอีก"...

    ด้วยความเมตตา ชาวปาเลสไตน์ยอมรับชาวยิวอพยพเข้าสู่ดินแดนของตน..
    ในที่สุด ชาวยิว อ้างในภายหลังว่า ดินแดน ปาเลสไตน์ นี้ เป็นดินแดนแห่งพันธสัญญา- Promised Land ของพวกเราชนชาติยิว!

    ตลอดเวลากว่า 70 ปี ที่ชาวไซออนนิสต์ยิว ได้สังหารชาวปาเลสไตน์ ผู้ที่เมตตา และ ยินยอมให้ชาวยิวเข้ามาตั้งถิ่นฐานต่อเนื่องยาวนาน

    แต่ ชาวยิว กลับมาเนรคุณ สร้างอาณาจักรแห่งการเหยียดผิว ที่เปรียบเสมือนเรือนจำกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก..
    และ ยังปฏิบัติ ต่อชาวปาเลสไตน์เยี่ยงสัตว์ (subhumans)

    พวกคุณชาวยิว
    ยังจะต้องการความเห็นอกเห็นใจอีกมากแค่ไหน คุณจึงจะพอใจ

    สำหรับการไม่รู้จักบุญคุณคน และ จากข้อมูลใน ประวัติศาสตร์ที่พวกคุณตอบแทนความเมตตา และ ตอบแทนการยอมรับของคนชาติอื่นด้วยการทรยศ ด้วยการพร้อมที่จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาติอื่นที่เคยช่วยเหลือพวกคุณ ชาวยิว อีกหรือ!

    ประโยคหนึ่ง ที่เขียนในวรรณกรรมคลาสสิก ของจีน ที่ชื่อว่า..“การเดินหน้าเข้าสู่ตวามตาย” (The Death March)...กล่าวว่า

    "ประเทศเล็ก ที่ไม่ตระหนักในตนเอง ไม่เคารพต่อประเทศอื่นๆ แสดงความหยาบช้า ดูถูกดูแคลน ประเทศเพื่อนบ้านอันมั่นคงที่ตั้งอยู่ก่อน
    พลันแต่มี ความโลภ ไม่อินังขังขอบต่อ มิตรภาพ และ ความเป็นเพื่อน..
    ก็ย่อมจะนำพาตนเอง เดินทางไปสู่ความพินาศย่อยยับอย่างไม่ต้องสงสัย“

    บทความนี้น่าสนใจมาก
    เป็นประวัติศาสตร์ ที่ชาวโลกอีกหลายล้านอาจจะยังไม่เคยได้รับรู้

    ซึ่ง อาจจะมีคนตั้งกระทู้ ตั้งข้อโต้แย้ง ขึ้นมาได้

    อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครทราบความเป็นจริง
    อยู่ที่ คนตั้งกระทู้ จะหาหลักฐานมาโต้แย้งทางประวัติศาสตร์ ได้ หรือ ไม่ได้

    ซึ่งหากมีข้อมูลทางประวัติศาสตร์มาโต้แย้งได้
    ก็จะยิ่งน่าศึกษา น่าติดตาม
    เพื่อให้ความจริงกระจ่างยิ่งขึ้น
    และ นับเป็นเรื่องดี ที่จะได้ทราบกันจริงๆว่า
    “ ยิว เป็นชนชาติประเภทใด?“
    ดีจริงแท้ หรือ ซาตานลวงโลก กันแน่ ?
    ......
    (แปลโดย : SB-22/07/24)
    ส่งต่อจาก วิชา มหาคุณ
    นี่ละยิวจอมทรยศและเนรคุณ..#เมื่อยิวถามจีนว่า ทำไมไม่ช่วยอิสรา.เอล​รบกับ ฮามา.ส ลองฟังคับตอบ ประชาชนจีนที่รู้ประวัติศาสตร์​อ่านแล้วถึงกับอึง ยาวหน่อย แต่เป็นความรู้ระดับ #พันปี “เมื่อ Ross อเมริกันเชื้อสายยิวกล่าวโจมตี ทำไม จีน ไม่สนับสนุนอิสราเอลโจมตี ฮามาส“ นี่คือคำตอบ ประวัติศาสตร์อีกมุมหนึ่งของชนชาติยิว... สองวันที่ผ่านมา Ross อดีตประธานภาคพื้นเอเซียแปซิฟิคของ พรรครีพับริกัน ได้สร้างข่าวพาดหัวด้วยการ กล่าวหา ชาวจีน ที่เล่นอินเตอร์เนต ว่า ไม่มีความเห็นอกเห็นใจชาวยิว อันเนื่องจากเหตุการณ์ความขัดแย้งที่กาซ่า.. ต่อมา มีชาวเนตจีนรายหนึ่ง เข้ามาเห็น จึงเขียนบทความอย่างยืดยาว เพื่อสอนบทเรียนทาง ประวัติศาสตร์ แก่ชาวอเมริกันยิวคนนี้.. สรุปว่า ต่อมา Ross ได้แอบลบบทวิจารณ์นี้ทิ้งไป... ไม่มีใครรู้ว่าผู้เขียนบทความโต้แย้งชายจีนผู้นี้เป็นใคร แต่ อย่างไรก็ตาม ข้อเขียนของเขาได้หลุดรอดออกมา และ ถูกเผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวาง! เป็นข้อเขียนที่ทุกคนต้องอ่าน! เพราะเป็นการตอบโต้ที่แข็งกร้าวของชาวเนตจีน..( 11 กค. 2024 ) สวัสดีครับคุณ Enge... ผมรู้สึกช๊อคไปกับคำพูดของคุณที่ว่า "หากโลกจะสนใจช่วยชาวยิวในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 (WW II)ืชาวยิวหกล้านคนก็คงไม่ถูกสังหาร"... แต่นี่ คงมิใช่ เหตุผล หรือ ทำให้กองทัพยิว มีสิทธิที่จะก่อสงครามล้างเผ่าพันธุ์ต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่าแต่อย่างใด... ยิ่งไปกว่า มันไม่เป็นความจริงด้วย.. ในระหว่าง WW II นั้น ชาวจีนในเซี่ยงไฮ้ และ นานจิง กำลังถูกรุกราน และ ถูกสังหารหมู่ โดยกองทัพญี่ปุ่น ในขณะที่ชาวยิวถูกฆ่าโดยนาซี.. แต่กระนั้นก็ดี แม้ชาวจีนจะประสบเคราะห์กรรมขนาดนั้น ก็ยังยินดีรับเอาชาวยิวกว่า 50,000 คน ที่อพยพไปยังประเทศจีนเพื่อหนีภัยจากนาซี... แต่วิธีตอบแทนแบบยิวก็คือ การร่วมมือกับญี่ปุ่น เพื่อสร้างทรัฐชาวยิว ขึ้นในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน! แผนงานนี้เป็นที่เลื่องลือในนามของ Pufferfish Plan.. แต่ก็โชคร้าย ซึ่งในที่สุดแผนการณ์นี้ล้มเหลว.. ทำให้นิทานเรื่องชาวนาและงูเห่า ไม่อาจเกิดเป็นจริงได้ในแผ่นดินจีน... แต่ที่เหลือเชื่อยิ่งกว่านั้นคือ เมื่อราวสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่คนของสถานทูตอิสราเอล ได้กล่าวอ้างอย่างเปิดเผยผ่านทางรูปถ่ายว่า ที่ตั้งของสถานทูตที่อยู่บนถนนในเซี่ยงไฮ้ เกิดจากการยินยอมให้ใช้ของฝรั่งเศส!(ทั้งที่เรื่องกฏหมายสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ถูกยกเลิกไปนานแล้ว) แต่แน่นอน หากพูดถึงสัมพันธภาพระหว่างจีน กับ ชาวยิว ย่อมมีอะไรที่มากไปกว่านั้นมากมาย ชาวยิวได้ร่อนเร่มายังประเทศจีนตั้งแต่สมัย ราชวงศ์ซ่ง หรือ ราวพันปีที่ผ่านมา และ ได้ตั้งถิ่นฐานในจีนตั้งแต่นั้นมา ราชวงศ์ซ่ง ปกครองอาณาจักรจีนโบราณ ที่ถือกันว่าสมบูรณ์พูนสุขิและ ร่ำรวยที่สุดราชวงศ์หนึ่ง อย่างไรก็ดี ในกาลต่อมา เมื่อราชวงศ์ซ่งล่มสลาย ผู้คนอพยพหนีภัยไปทางทิศใต้ นักธุรกิจชาวยิว ที่มีชื่อสกุล Pu ได้ใช้กำลังทหารส่วนตัว เข่นฆ่าชาวเมืองจำนวนมากที่เคยเป็นราษฎรภายใต้การปกครองของราชวงศ์ซ่ง แล้วนำศพไปให้กองทัพของราชวงศ์ หยวน เพื่อเป็นสัญญลักษณ์ของการยอมรับในอำนาจของผู้ปกครองชาว มงโกล รายใหม่ ในหลายสิบปีหลังจากนั้น ราชวงศ์ จูหยวนจาง ได้โค่นราชวงศ์หยวนลง และ จัดตั้งราชวงศ์หมิงขึ้น คนจีนที่สืบเชื้อสายจากชาวฮั่น จึงกลับขึ้นมามีอำนาจอีกครั้ง แต่ก็มิได้ขับไล่ชุมชนชาวยิวกลุ่มทรยศเหล่านี้ออกไป (ทั้งที่ได้เข่นฆ่าชาวจีนไปมากก่อนหน้านั้น) ต่อมา ในสมัยประวัติศาสตร์ช่วงการเกิดสงครามฝิ่น มีนักธุรกิจชาวยิว ตระกูล Sassoon ได้นำฝิ่นจำนวนมากมาจำหน่ายเพื่อหวังผลกำไร ทำให้ชาวจีนติดฝิ่นกันงอมแงม ประชากรชาวจีน อ่อนแอ และ ล้มตายกันเป็นจำนวนมาก.. คุณ (Mr Ross)เคยใช้ชีวิตอยู่ในเอเซียมาหลายปี น่าจะคุ้นเคยกับเรื่องนี้ดี เหตุการณ์ สงครามฉนวนกาซ่าในครั้งนี้ ชาวจีน มิได้รู้สึกเห็นใจ ชาวยิว เพราะชาวจีน มีการศึกษาเรื่องคุณธรรม ร่วมสามพันปีมาแล้ว "Shangshu" วรรณกรรมคลาสิกที่ยังเหลืออยู่ของจีน ที่เขียนขึ้นมาตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 10 ก่อนคริสตกาลหรือราว 3,000 ปีพอดี ซึ่งคงเป็นระยะเวลาเดียวกับที่ชาวยิวถูกขับไล่ออกจากดินแดนแห่งพันธสัญญา (Promised Land) และเป็นชนชาติเร่ร่อนตั้งแต่นั้นมา ถ้าคุณ( Mr. Ross )คุ้นเคย กับอดีต และ ประวัติศาสตร์ ชาวยิว ของคุณ คุณก็ควรรับรู้และตระหนักถึงมันด้วย ชาวอียิปต์ ยอมรับ ชาวยิว เข้าไปในดินแดนของตน แต่ ชาวยิว กลับทรยศ ต่อชาวอียิปต์ หลายต่อหลายครั้ง จนในที่สุด ชาวยิว ก็ถูกเข่นฆ่าและ ขับไล่ออกไปจากดินแดนอียิปต์โดย กษัตริย์ฟาโรห์ อาณาจักรโรมัน ยอมรับ ชาวยิว เป็นส่วนหนึ่งของโรมัน ถึงขนาดจัดตั้งชุมชนให้เป็น กลุ่มก้อน โดยเฉพาะ แต่ ชาวยิว กลับถือโอกาสก่อการกบฎ ในช่วงเวลาที่กษัตริย์ Trajan มุ่งขยายดินแดนไปทางตะวันออก และ กองกำลังความมั่นคงในโรมันอ่อนแอลง หลังจาก ชาวยิว สังหารกองกำลังโรมัน ที่มีอยู่น้อยนิด ชาวยิว ก็บุกสังหาร พลเรือนชาวโรมัน อย่างบ้าคลั่ง ถึงขนาด เฉือนเอาผิวหนังมาทำเสื้อผ้า กินเนื้อเป็นอาหาร และ โยนซากศพไปเป็นอาหารของสัตว์ดุร้าย.. ในเมือง Cyprus Salamis และ Libya พลเรือนชาวโรมันราว 220,000 คน ถูกสังหารโดย ชาวยิว แม้ต่อหน้าพลเรือนชาวโรมัน ชาวยิวดูจะทารุณโหดร้ายมาก แต่ในที่สุดกษัตริย์ Trajan ใช้กำลังทหารเพียงสองชุด ก็สามารถทวงคืนอำนาจจากชาวยิวได้อย่างสมบูรณ์ กองทัพโรมันที่โกรธแค้นได้เคลื่อนทัพจากดินแดนเมโสโปเตเมีย ไปตามฝั่ง ตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน..จนทำให้ชาวยิวที่อาศัยในพื้นที่เหล่านี้ถูกเข่นฆ่าจนเกือบหมด ต่อมา ชาวยิว ก็ก่อกบฎอีกครั้ง ครววนี้ มุ่งสังหารผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะ แต่ครั้งนี้ โชคไม่เข้าข้างชาวยิว เมื่อต้องพบกับกษัตริย์ Hadrian ผู้ได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์ที่เฉลียวฉลาดที่สุดคนหนึ่งของกรุงโรม ผู้ที่ได้ระดมกำลังทหาร 120,000 นาย เข้าจัดการสังหาร ชาวยิว ที่ก่อการกบฎได้อย่างเบ็ดเสร็จ กษัตริย์ Hadrian ได้ศึกษาบทเรียนจากยุคสมัยของกษัตริย์ Trajan จึงได้ยกเลิก ชุมชนชาวยิว เสียทั้งหมด ทำให้ชาวยิวต้องอยู่กันอย่างกระจัดกระจาย และ แตกกระสานซ่านเซ็นไปทั่วโลก นอกจากนั้น ยังมีจักรพรรดิ Titus ผู้บุกทำลาย และ สังหาร ชาวยิวในกรุงเยลูซาเล็ม ที่เคยเป็น Second Temple จนปัจจุบันเหลือเพียง Western Wall (หรือที่เรียกว่า กำแพงร้องไห้)ที่ชาวยิวใช้เป็นที่สวดมนต์ไปติดต่อพระเจ้าฯ เป็นเวลานับพันปี ที่ชาวยิว ต้องถูก เข่นฆ่า และ ขับออกนอกประเทศต่างๆนับครั้งไม่ถ้วน แต่ พวกคุณ ชาวยิว ก็ได้ทรยศต่อ ชาติต่างๆ จำนวนไม่น้อย ที่เห็นอกเห็นใจต่อความยากลำบากของพวกคุณ กระนั้นก็ดี พวกคุณ ก็ยังคงโอหัง เชื่อว่า ชนชาติตน เป็นชนชาติอภิสิทธิ์ ที่เหนือกว่าคนชาติอื่นๆ และ เชื่อว่า เป็น ชนชาติ ที่พระเจ้าเลือกสรรไว้ ให้เป็นใหญ่กว่าชนชาติอื่นใด ทำให้ ชาวไซออนนิสยิว ไม่เคยตระหนักถึงอดีตของตน.. จนเป็นที่สรุปกันแล้วว่า วัฒนธรรมของชนชาติยิว มีลักษณะที่เข้ากับใครยาก และ ไม่ยอมปรับตัวเข้าหาวัฒนธรรมอื่น ความเชื่อของชาวยิวเหล่านี้ จะใช้กับคนจีนไม่ได้ เพราะ คนจีนมีหลักการด้านคุณธรรมของตนเอง และ ไม่เคยคิดว่าชนชาติตนเหนือกว่าคนชนะชาติอื่น แต่จะปฏิบัติต่อคนชาติอื่น อย่างเท่าเทียมกัน และ ไม่เกรงกลัวต่อชนชาติอื่น ที่คิดว่าเหนือกว่าชาวจีน คนจีน จะมีความ อดทน อดกลั้น มีความละอายใจ มีความกตัญญูรู้คุณ และ รู้จักตอบแทนบุญคุณคน John Rabe อดีตนาซี ผู้ที่ครั้งหนึ่ง เคยช่วยชีวิตชาวจีนที่นานจิง คนจีนที่รู้เรื่องนี้ จะนึกถึงบุญคุณของเขาเสมอ จากเหตุการณ์ เมื่อสองปีที่แล้ว ที่โรงพยาบาล สถานที่ที่หลานของ John Rabe ทำงานอยู่ เกิดการขาดแคลนยารักษาโรค จึงร้องขอความช่วยเหลือไปยังสถานทูตจีนในเยอรมัน ปรากฏว่า ชาวจีนต่างช่วยกันบริจาคเงินและสิ่งของให้กันอย่างแข็งขัน ด้วยความสำนึกในพระคุณในอดีต ของ John Rabe ในช่วง WW II ประธานของสภากาชาดแห่งสวีเดน เคยช่วยเหลือเชลยถึง 35,000 คน จากค่ายกักกันของนาซี โดยในจำนวนนี้เป็นชาวยิวถึง 6,000 คน.. ต่อมา เมื่อเขาถูกยูเอ็น ส่งไปเป็นผู้แทน เพื่อยืนยันประเด็นที่เกี่ยวกับขอบเขตดินแดนในกรุงเยรูซาเล็ม ที่กำหนดขึ้นใหม่ระหว่างอิสราเอล กับ ปาเลสไตน์ ปรากฏว่าเขาถูกยิงถึงหกนัดและเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ จากมือสังหารชาวยิว.. เพียงเพราะ เขาพูดถึง "ความยุติธรรม" เพียงไม่กี่คำ ในระหว่าง WW II เช่นเดียวกัน ประเทศยูโกสลาเวีย เคยช่วยชีวิตเด็กผู้หญิงชาวยิวไว้คนหนึ่ง.. แต่ 50 ปีต่อมา เธอกลับเป็นคนสั่งให้ทิ้งระเบิดยูโกสลาเวียอย่างไม่เลือกหน้า... หลายปีต่อมา เมื่อเธอ ถูกผู้สื่อข่าวถามในระหว่างการให้สัมภาษณ์ว่า เธอรู้สึกเสียใจบ้างหรือไม่ กับการสั่งทิ้งระเบิดยูโกสลาเวีย.. เธอตอบว่า.."ไม่เลย".. เธอผู้นั้น คือ อดีตสตรีที่เป็น รัฐมนตรีต่างประเทศ คนแรกของสหรัฐ..Madeleine Albright! ในการให้สัมภาษณ์ในรายการ 60 Minutes ในปี1996.. M. Albright กล่าวว่า การที่สหรัฐแซงชั่นอิรัค(สมัยซัดดัม) ซึ่งได้สังหารเด็กชาวอิรัคไปกว่าครึ่งล้าน (เพราะขาดแคลนอาหารและยารักษาโรค)นั้น เป็นสิ่งที่คุ้มค่า! ทั้งๆที่ การบุกเข้ายึดครองอิรัคเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะสหรัฐอ้างว่า อิรัคกำลังผลิตอาวุธทำลายล้าง ด้วยการนำเสนอเพียงภาพ “ผงซักฟอก” ในสื่อ ว่าคือ “สารเคมี” ที่ใช้สร้างอาวุธชีวภาพ นาง M. Albright กล่าวอย่างโจ่งแจ้งท้าทายว่า.. การเข่นฆ่าเด็กนับล้าน เป็นสิ่งที่คุ้มค่าแล้ว! ในปี 1947 เมื่อชาวยิว อพยพทางเรือมายังดินแดนปาเลสไตน์ มีการเขียนข้างลำเรือไว้ว่า.. "คนเยอรมันได้ทำลายบ้านเรือนของเรา โปรดอย่าทำลายความหวังของเราอีก"... ด้วยความเมตตา ชาวปาเลสไตน์ยอมรับชาวยิวอพยพเข้าสู่ดินแดนของตน.. ในที่สุด ชาวยิว อ้างในภายหลังว่า ดินแดน ปาเลสไตน์ นี้ เป็นดินแดนแห่งพันธสัญญา- Promised Land ของพวกเราชนชาติยิว! ตลอดเวลากว่า 70 ปี ที่ชาวไซออนนิสต์ยิว ได้สังหารชาวปาเลสไตน์ ผู้ที่เมตตา และ ยินยอมให้ชาวยิวเข้ามาตั้งถิ่นฐานต่อเนื่องยาวนาน แต่ ชาวยิว กลับมาเนรคุณ สร้างอาณาจักรแห่งการเหยียดผิว ที่เปรียบเสมือนเรือนจำกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก.. และ ยังปฏิบัติ ต่อชาวปาเลสไตน์เยี่ยงสัตว์ (subhumans) พวกคุณชาวยิว ยังจะต้องการความเห็นอกเห็นใจอีกมากแค่ไหน คุณจึงจะพอใจ สำหรับการไม่รู้จักบุญคุณคน และ จากข้อมูลใน ประวัติศาสตร์ที่พวกคุณตอบแทนความเมตตา และ ตอบแทนการยอมรับของคนชาติอื่นด้วยการทรยศ ด้วยการพร้อมที่จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาติอื่นที่เคยช่วยเหลือพวกคุณ ชาวยิว อีกหรือ! ประโยคหนึ่ง ที่เขียนในวรรณกรรมคลาสสิก ของจีน ที่ชื่อว่า..“การเดินหน้าเข้าสู่ตวามตาย” (The Death March)...กล่าวว่า "ประเทศเล็ก ที่ไม่ตระหนักในตนเอง ไม่เคารพต่อประเทศอื่นๆ แสดงความหยาบช้า ดูถูกดูแคลน ประเทศเพื่อนบ้านอันมั่นคงที่ตั้งอยู่ก่อน พลันแต่มี ความโลภ ไม่อินังขังขอบต่อ มิตรภาพ และ ความเป็นเพื่อน.. ก็ย่อมจะนำพาตนเอง เดินทางไปสู่ความพินาศย่อยยับอย่างไม่ต้องสงสัย“ บทความนี้น่าสนใจมาก เป็นประวัติศาสตร์ ที่ชาวโลกอีกหลายล้านอาจจะยังไม่เคยได้รับรู้ ซึ่ง อาจจะมีคนตั้งกระทู้ ตั้งข้อโต้แย้ง ขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครทราบความเป็นจริง อยู่ที่ คนตั้งกระทู้ จะหาหลักฐานมาโต้แย้งทางประวัติศาสตร์ ได้ หรือ ไม่ได้ ซึ่งหากมีข้อมูลทางประวัติศาสตร์มาโต้แย้งได้ ก็จะยิ่งน่าศึกษา น่าติดตาม เพื่อให้ความจริงกระจ่างยิ่งขึ้น และ นับเป็นเรื่องดี ที่จะได้ทราบกันจริงๆว่า “ ยิว เป็นชนชาติประเภทใด?“ ดีจริงแท้ หรือ ซาตานลวงโลก กันแน่ ? ...... (แปลโดย : SB-22/07/24) ส่งต่อจาก วิชา มหาคุณ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • นอกจากนี้กิริยาท่าทางของเซเลนสกี ที่เสียมารยาททางการทูตอย่างมากแล้ว ในระว่างการเจรจากับทรัมป์ เขายังใช้คำพูดหยาบคายอีกด้วย

    ข้อความในวิดีโอเป็นที่ระบุว่า “сука, блять” เป็นคำหยาบคายมาก “Сука” แปลว่า “ผู้หญิงใจร้าย” ส่วน “блять” เป็นคำอุทานหยาบคายคล้ายกับคำว่า “f_ _k” ในภาษาอังกฤษ เมื่อรวมกันแล้ว คำนี้เป็นการแสดงออกถึงความหงุดหงิดหรือความโกรธ ซึ่งเทียบได้กับคำว่า “damn it” หรือ “f_ _king h_ll” ในภาษาอังกฤษ

    อย่างไรก็ตาม คำหยาบคายนี้ไม่เหมาะสำหรับการสนทนาอย่างสุภาพในระดับผู้นำประเทศขณะอยู่หน้าสื่อมวลชน
    นอกจากนี้กิริยาท่าทางของเซเลนสกี ที่เสียมารยาททางการทูตอย่างมากแล้ว ในระว่างการเจรจากับทรัมป์ เขายังใช้คำพูดหยาบคายอีกด้วย ข้อความในวิดีโอเป็นที่ระบุว่า “сука, блять” เป็นคำหยาบคายมาก “Сука” แปลว่า “ผู้หญิงใจร้าย” ส่วน “блять” เป็นคำอุทานหยาบคายคล้ายกับคำว่า “f_ _k” ในภาษาอังกฤษ เมื่อรวมกันแล้ว คำนี้เป็นการแสดงออกถึงความหงุดหงิดหรือความโกรธ ซึ่งเทียบได้กับคำว่า “damn it” หรือ “f_ _king h_ll” ในภาษาอังกฤษ อย่างไรก็ตาม คำหยาบคายนี้ไม่เหมาะสำหรับการสนทนาอย่างสุภาพในระดับผู้นำประเทศขณะอยู่หน้าสื่อมวลชน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💕💗 แหวนคู่รักเงินแท้ 92.5%💙 Ornate couples RGC-019 🧡ประดับเพชร CZ💗 ปรับขนาดได้ ❤ พร้อมส่งงับ

    ✔️ ราคาคู่ละ 550 บาท จัดส่งฟรี

    🔷วัสดุเป็นเงินแท้ 92.5%

    ขนาด : ฟรีไซส์ ปรับขนาดได้
    ผู้ชาย : เส้นผ่าศูนย์กลางตั้งต้นภายในแหวน 18 mm (รอบนิ้ว 56.5 mm) ช่วงปรับขนาด 16.5-20 mm (รอบนิ้ว 51.5-63 mm)
    ผู้หญิง : เส้นผ่าศูนย์กลางตั้งต้นภายในแหวน 16.5 mm (รอบนิ้ว 51.5 mm) ช่วงปรับขนาด 15.3-17.5 mm (รอบนิ้ว 48-55 mm)

    สั่งซื้อสินค้าหรือสอบถาม
    Line : @373quzdi หรือ Inbox ได้เลยค่ะ
    หรือ Shop ผ่าน Shopee >>https://shp.ee/i2c3mft

    🎯มีบริการเก็บเงินปลายทาง ค่าส่ง 45 บาท (ยกเว้น พื้นที่ห่างไกล/พื้นที่ท่องเที่ยวพิเศษงดบริการเก็บเงินปลายทางชั่วคราว)

    #เครื่องประดับ #เงินแท้925 #ราคาสุดคุ้ม #เกรดพรีเมี่ยม #สร้อยคอ #สร้อยเงินแท้925 #สร้อยข้อมือ #สร้อยข้อเท้า #แหวนคู่ #แหวนเงินแท้ #แหวนแฟชั่น
    💕💗 แหวนคู่รักเงินแท้ 92.5%💙 Ornate couples RGC-019 🧡ประดับเพชร CZ💗 ปรับขนาดได้ ❤ พร้อมส่งงับ ✔️ ราคาคู่ละ 550 บาท จัดส่งฟรี 🔷วัสดุเป็นเงินแท้ 92.5% ขนาด : ฟรีไซส์ ปรับขนาดได้ ผู้ชาย : เส้นผ่าศูนย์กลางตั้งต้นภายในแหวน 18 mm (รอบนิ้ว 56.5 mm) ช่วงปรับขนาด 16.5-20 mm (รอบนิ้ว 51.5-63 mm) ผู้หญิง : เส้นผ่าศูนย์กลางตั้งต้นภายในแหวน 16.5 mm (รอบนิ้ว 51.5 mm) ช่วงปรับขนาด 15.3-17.5 mm (รอบนิ้ว 48-55 mm) สั่งซื้อสินค้าหรือสอบถาม Line : @373quzdi หรือ Inbox ได้เลยค่ะ หรือ Shop ผ่าน Shopee >>https://shp.ee/i2c3mft 🎯มีบริการเก็บเงินปลายทาง ค่าส่ง 45 บาท (ยกเว้น พื้นที่ห่างไกล/พื้นที่ท่องเที่ยวพิเศษงดบริการเก็บเงินปลายทางชั่วคราว) #เครื่องประดับ #เงินแท้925 #ราคาสุดคุ้ม #เกรดพรีเมี่ยม #สร้อยคอ #สร้อยเงินแท้925 #สร้อยข้อมือ #สร้อยข้อเท้า #แหวนคู่ #แหวนเงินแท้ #แหวนแฟชั่น
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เมื่อยิวถามจีนว่า
    ทำไมไม่ช่วยอิสรา.เอล​รบกับ ฮามา.ส
    ลองฟังคับตอบ ประชาชนจีนที่รู้ประวัติศาสตร์​อ่านแล้วถึงกับอึง ยาวหน่อย แต่เป็นความรู้ระดับ #พันปี

    “เมื่อ Ross อเมริกันเชื้อสายยิวกล่าวโจมตี ทำไม จีน ไม่สนับสนุนอิสราเอลโจมตี ฮามาส“

    นี่คือคำตอบ

    (แปลโดย SB-22/07/24)
    ส่งต่อจาก วิชา มหาคุณ

    ประวัติศาสตร์อีกมุมหนึ่งของชนชาติยิว...

    สองวันที่ผ่านมา
    Ross อดีตประธานภาคพื้นเอเซียแปซิฟิคของ พรรครีพับริกัน
    ได้สร้างข่าวพาดหัวด้วยการ กล่าวหา ชาวจีน ที่เล่นอินเตอร์เนต ว่า ไม่มีความเห็นอกเห็นใจชาวยิว อันเนื่องจากเหตุการณ์ความขัดแย้งที่กาซ่า..

    ต่อมา มีชาวเนตจีนรายหนึ่ง เข้ามาเห็น จึงเขียนบทความอย่างยืดยาว เพื่อสอนบทเรียนทาง ประวัติศาสตร์ แก่ชาวอเมริกันยิวคนนี้..
    สรุปว่า ต่อมา Ross ได้แอบลบบทวิจารณ์นี้ทิ้งไป...

    ไม่มีใครรู้ว่าผู้เขียนบทความโต้แย้งชายจีนผู้นี้เป็นใคร
    แต่ อย่างไรก็ตาม ข้อเขียนของเขาได้หลุดรอดออกมา และ ถูกเผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวาง!

    เป็นข้อเขียนที่ทุกคนต้องอ่าน!

    เพราะเป็นการตอบโต้ที่แข็งกร้าวของชาวเนตจีน..( 11 กค. 2024 )

    สวัสดีครับคุณ Enge...
    ผมรู้สึกช๊อคไปกับคำพูดของคุณที่ว่า
    "หากโลกจะสนใจช่วยชาวยิวในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 (WW II)ืชาวยิวหกล้านคนก็คงไม่ถูกสังหาร"...

    แต่นี่ คงมิใช่ เหตุผล หรือ ทำให้กองทัพยิว มีสิทธิที่จะก่อสงครามล้างเผ่าพันธุ์ต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่าแต่อย่างใด...

    ยิ่งไปกว่า มันไม่เป็นความจริงด้วย..

    ในระหว่าง WW II นั้น ชาวจีนในเซี่ยงไฮ้ และ นานจิง กำลังถูกรุกราน และ ถูกสังหารหมู่ โดยกองทัพญี่ปุ่น
    ในขณะที่ชาวยิวถูกฆ่าโดยนาซี..

    แต่กระนั้นก็ดี แม้ชาวจีนจะประสบเคราะห์กรรมขนาดนั้น ก็ยังยินดีรับเอาชาวยิวกว่า 50,000 คน ที่อพยพไปยังประเทศจีนเพื่อหนีภัยจากนาซี...

    แต่วิธีตอบแทนแบบยิวก็คือ การร่วมมือกับญี่ปุ่น เพื่อสร้างทรัฐชาวยิว ขึ้นในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน!
    แผนงานนี้เป็นที่เลื่องลือในนามของ Pufferfish Plan..
    แต่ก็โชคร้าย ซึ่งในที่สุดแผนการณ์นี้ล้มเหลว..
    ทำให้นิทานเรื่องชาวนาและงูเห่า ไม่อาจเกิดเป็นจริงได้ในแผ่นดินจีน...

    แต่ที่เหลือเชื่อยิ่งกว่านั้นคือ เมื่อราวสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
    เจ้าหน้าที่คนของสถานทูตอิสราเอล ได้กล่าวอ้างอย่างเปิดเผยผ่านทางรูปถ่ายว่า ที่ตั้งของสถานทูตที่อยู่บนถนนในเซี่ยงไฮ้ เกิดจากการยินยอมให้ใช้ของฝรั่งเศส!(ทั้งที่เรื่องกฏหมายสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ถูกยกเลิกไปนานแล้ว)

    แต่แน่นอน
    หากพูดถึงสัมพันธภาพระหว่างจีน กับ ชาวยิว ย่อมมีอะไรที่มากไปกว่านั้นมากมาย

    ชาวยิวได้ร่อนเร่มายังประเทศจีนตั้งแต่สมัย ราชวงศ์ซ่ง
    หรือ ราวพันปีที่ผ่านมา และ ได้ตั้งถิ่นฐานในจีนตั้งแต่นั้นมา

    ราชวงศ์ซ่ง ปกครองอาณาจักรจีนโบราณ ที่ถือกันว่าสมบูรณ์พูนสุขิและ ร่ำรวยที่สุดราชวงศ์หนึ่ง

    อย่างไรก็ดี
    ในกาลต่อมา เมื่อราชวงศ์ซ่งล่มสลาย ผู้คนอพยพหนีภัยไปทางทิศใต้
    นักธุรกิจชาวยิว ที่มีชื่อสกุล Pu ได้ใช้กำลังทหารส่วนตัว เข่นฆ่าชาวเมืองจำนวนมากที่เคยเป็นราษฎรภายใต้การปกครองของราชวงศ์ซ่ง แล้วนำศพไปให้กองทัพของราชวงศ์ หยวน
    เพื่อเป็นสัญญลักษณ์ของการยอมรับในอำนาจของผู้ปกครองชาว มงโกล รายใหม่

    ในหลายสิบปีหลังจากนั้น ราชวงศ์ จูหยวนจาง ได้โค่นราชวงศ์หยวนลง และ จัดตั้งราชวงศ์หมิงขึ้น
    คนจีนที่สืบเชื้อสายจากชาวฮั่น จึงกลับขึ้นมามีอำนาจอีกครั้ง
    แต่ก็มิได้ขับไล่ชุมชนชาวยิวกลุ่มทรยศเหล่านี้ออกไป (ทั้งที่ได้เข่นฆ่าชาวจีนไปมากก่อนหน้านั้น)

    ต่อมา ในสมัยประวัติศาสตร์ช่วงการเกิดสงครามฝิ่น
    มีนักธุรกิจชาวยิว ตระกูล Sassoon ได้นำฝิ่นจำนวนมากมาจำหน่ายเพื่อหวังผลกำไร
    ทำให้ชาวจีนติดฝิ่นกันงอมแงม ประชากรชาวจีน อ่อนแอ และ ล้มตายกันเป็นจำนวนมาก.. คุณ (Mr Ross)เคยใช้ชีวิตอยู่ในเอเซียมาหลายปี น่าจะคุ้นเคยกับเรื่องนี้ดี

    เหตุการณ์ สงครามฉนวนกาซ่าในครั้งนี้
    ชาวจีน มิได้รู้สึกเห็นใจ ชาวยิว เพราะชาวจีน มีการศึกษาเรื่องคุณธรรม ร่วมสามพันปีมาแล้ว

    "Shangshu" วรรณกรรมคลาสิกที่ยังเหลืออยู่ของจีน ที่เขียนขึ้นมาตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 10 ก่อนคริสตกาลหรือราว 3,000 ปีพอดี ซึ่งคงเป็นระยะเวลาเดียวกับที่ชาวยิวถูกขับไล่ออกจากดินแดนแห่งพันธสัญญา (Promised Land) และเป็นชนชาติเร่ร่อนตั้งแต่นั้นมา

    ถ้าคุณ( Mr. Ross )คุ้นเคย กับอดีต และ ประวัติศาสตร์ ชาวยิว ของคุณ คุณก็ควรรับรู้และตระหนักถึงมันด้วย

    ชาวอียิปต์ ยอมรับ ชาวยิว เข้าไปในดินแดนของตน
    แต่ ชาวยิว กลับทรยศ ต่อชาวอียิปต์ หลายต่อหลายครั้ง
    จนในที่สุด ชาวยิว ก็ถูกเข่นฆ่าและ ขับไล่ออกไปจากดินแดนอียิปต์โดย กษัตริย์ฟาโรห์

    อาณาจักรโรมัน ยอมรับ ชาวยิว เป็นส่วนหนึ่งของโรมัน ถึงขนาดจัดตั้งชุมชนให้เป็น กลุ่มก้อน โดยเฉพาะ
    แต่ ชาวยิว กลับถือโอกาสก่อการกบฎ ในช่วงเวลาที่กษัตริย์ Trajan มุ่งขยายดินแดนไปทางตะวันออก และ กองกำลังความมั่นคงในโรมันอ่อนแอลง

    หลังจาก ชาวยิว สังหารกองกำลังโรมัน ที่มีอยู่น้อยนิด
    ชาวยิว ก็บุกสังหาร พลเรือนชาวโรมัน อย่างบ้าคลั่ง
    ถึงขนาด เฉือนเอาผิวหนังมาทำเสื้อผ้า กินเนื้อเป็นอาหาร และ โยนซากศพไปเป็นอาหารของสัตว์ดุร้าย..

    ในเมือง Cyprus Salamis และ Libya พลเรือนชาวโรมันราว 220,000 คน ถูกสังหารโดย ชาวยิว

    แม้ต่อหน้าพลเรือนชาวโรมัน
    ชาวยิวดูจะทารุณโหดร้ายมาก
    แต่ในที่สุดกษัตริย์ Trajan ใช้กำลังทหารเพียงสองชุด ก็สามารถทวงคืนอำนาจจากชาวยิวได้อย่างสมบูรณ์

    กองทัพโรมันที่โกรธแค้นได้เคลื่อนทัพจากดินแดนเมโสโปเตเมีย ไปตามฝั่ง ตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน..จนทำให้ชาวยิวที่อาศัยในพื้นที่เหล่านี้ถูกเข่นฆ่าจนเกือบหมด
    ต่อมา ชาวยิว ก็ก่อกบฎอีกครั้ง ครววนี้ มุ่งสังหารผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะ

    แต่ครั้งนี้ โชคไม่เข้าข้างชาวยิว เมื่อต้องพบกับกษัตริย์ Hadrian ผู้ได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์ที่เฉลียวฉลาดที่สุดคนหนึ่งของกรุงโรม ผู้ที่ได้ระดมกำลังทหาร 120,000 นาย เข้าจัดการสังหาร ชาวยิว ที่ก่อการกบฎได้อย่างเบ็ดเสร็จ

    กษัตริย์ Hadrian ได้ศึกษาบทเรียนจากยุคสมัยของกษัตริย์ Trajan
    จึงได้ยกเลิก ชุมชนชาวยิว เสียทั้งหมด
    ทำให้ชาวยิวต้องอยู่กันอย่างกระจัดกระจาย และ แตกกระสานซ่านเซ็นไปทั่วโลก

    นอกจากนั้น ยังมีจักรพรรดิ Titus ผู้บุกทำลาย และ สังหาร ชาวยิวในกรุงเยลูซาเล็ม
    ที่เคยเป็น Second Temple จนปัจจุบันเหลือเพียง Western Wall (หรือที่เรียกว่า กำแพงร้องไห้)ที่ชาวยิวใช้เป็นที่สวดมนต์ไปติดต่อพระเจ้าฯ

    เป็นเวลานับพันปี ที่ชาวยิว ต้องถูก เข่นฆ่า และ ขับออกนอกประเทศต่างๆนับครั้งไม่ถ้วน
    แต่ พวกคุณ ชาวยิว ก็ได้ทรยศต่อ ชาติต่างๆ จำนวนไม่น้อย ที่เห็นอกเห็นใจต่อความยากลำบากของพวกคุณ

    กระนั้นก็ดี
    พวกคุณ ก็ยังคงโอหัง เชื่อว่า ชนชาติตน เป็นชนชาติอภิสิทธิ์ ที่เหนือกว่าคนชาติอื่นๆ และ เชื่อว่า เป็น ชนชาติ ที่พระเจ้าเลือกสรรไว้ ให้เป็นใหญ่กว่าชนชาติอื่นใด

    ทำให้ ชาวไซออนนิสยิว ไม่เคยตระหนักถึงอดีตของตน..
    จนเป็นที่สรุปกันแล้วว่า วัฒนธรรมของชนชาติยิว มีลักษณะที่เข้ากับใครยาก และ ไม่ยอมปรับตัวเข้าหาวัฒนธรรมอื่น

    ความเชื่อของชาวยิวเหล่านี้ จะใช้กับคนจีนไม่ได้
    เพราะ คนจีนมีหลักการด้านคุณธรรมของตนเอง และ ไม่เคยคิดว่าชนชาติตนเหนือกว่าคนชนะชาติอื่น
    แต่จะปฏิบัติต่อคนชาติอื่น อย่างเท่าเทียมกัน และ ไม่เกรงกลัวต่อชนชาติอื่น ที่คิดว่าเหนือกว่าชาวจีน

    คนจีน จะมีความ อดทน อดกลั้น มีความละอายใจ มีความกตัญญูรู้คุณ และ รู้จักตอบแทนบุญคุณคน

    John Rabe อดีตนาซี ผู้ที่ครั้งหนึ่ง เคยช่วยชีวิตชาวจีนที่นานจิง คนจีนที่รู้เรื่องนี้ จะนึกถึงบุญคุณของเขาเสมอ

    จากเหตุการณ์ เมื่อสองปีที่แล้ว ที่โรงพยาบาล สถานที่ที่หลานของ John Rabe ทำงานอยู่ เกิดการขาดแคลนยารักษาโรค
    จึงร้องขอความช่วยเหลือไปยังสถานทูตจีนในเยอรมัน
    ปรากฏว่า ชาวจีนต่างช่วยกันบริจาคเงินและสิ่งของให้กันอย่างแข็งขัน ด้วยความสำนึกในพระคุณในอดีต ของ John Rabe

    ในช่วง WW II ประธานของสภากาชาดแห่งสวีเดน เคยช่วยเหลือเชลยถึง 35,000 คน จากค่ายกักกันของนาซี
    โดยในจำนวนนี้เป็นชาวยิวถึง 6,000 คน..

    ต่อมา เมื่อเขาถูกยูเอ็น ส่งไปเป็นผู้แทน เพื่อยืนยันประเด็นที่เกี่ยวกับขอบเขตดินแดนในกรุงเยรูซาเล็ม ที่กำหนดขึ้นใหม่ระหว่างอิสราเอล กับ ปาเลสไตน์

    ปรากฏว่าเขาถูกยิงถึงหกนัดและเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ จากมือสังหารชาวยิว..
    เพียงเพราะ เขาพูดถึง "ความยุติธรรม" เพียงไม่กี่คำ

    ในระหว่าง WW II เช่นเดียวกัน
    ประเทศยูโกสลาเวีย เคยช่วยชีวิตเด็กผู้หญิงชาวยิวไว้คนหนึ่ง..
    แต่ 50 ปีต่อมา เธอกลับเป็นคนสั่งให้ทิ้งระเบิดยูโกสลาเวียอย่างไม่เลือกหน้า...

    หลายปีต่อมา
    เมื่อเธอ ถูกผู้สื่อข่าวถามในระหว่างการให้สัมภาษณ์ว่า เธอรู้สึกเสียใจบ้างหรือไม่ กับการสั่งทิ้งระเบิดยูโกสลาเวีย..
    เธอตอบว่า.."ไม่เลย"..

    เธอผู้นั้น คือ อดีตสตรีที่เป็น รัฐมนตรีต่างประเทศ คนแรกของสหรัฐ..Madeleine Albright!

    ในการให้สัมภาษณ์ในรายการ 60 Minutes ในปี1996..
    M. Albright กล่าวว่า
    การที่สหรัฐแซงชั่นอิรัค(สมัยซัดดัม) ซึ่งได้สังหารเด็กชาวอิรัคไปกว่าครึ่งล้าน (เพราะขาดแคลนอาหารและยารักษาโรค)นั้น
    เป็นสิ่งที่คุ้มค่า!
    ทั้งๆที่ การบุกเข้ายึดครองอิรัคเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ
    เพราะสหรัฐอ้างว่า อิรัคกำลังผลิตอาวุธทำลายล้าง
    ด้วยการนำเสนอเพียงภาพ “ผงซักฟอก” ในสื่อ ว่าคือ “สารเคมี” ที่ใช้สร้างอาวุธชีวภาพ

    นาง M. Albright กล่าวอย่างโจ่งแจ้งท้าทายว่า..
    การเข่นฆ่าเด็กนับล้าน เป็นสิ่งที่คุ้มค่าแล้ว!

    ในปี 1947 เมื่อชาวยิว อพยพทางเรือมายังดินแดนปาเลสไตน์
    มีการเขียนข้างลำเรือไว้ว่า..
    "คนเยอรมันได้ทำลายบ้านเรือนของเรา โปรดอย่าทำลายความหวังของเราอีก"...

    ด้วยความเมตตา ชาวปาเลสไตน์ยอมรับชาวยิวอพยพเข้าสู่ดินแดนของตน..
    ในที่สุด ชาวยิว อ้างในภายหลังว่า ดินแดน ปาเลสไตน์ นี้ เป็นดินแดนแห่งพันธสัญญา- Promised Land ของพวกเราชนชาติยิว!

    ตลอดเวลากว่า 70 ปี ที่ชาวไซออนนิสต์ยิว ได้สังหารชาวปาเลสไตน์ ผู้ที่เมตตา และ ยินยอมให้ชาวยิวเข้ามาตั้งถิ่นฐานต่อเนื่องยาวนาน

    แต่ ชาวยิว กลับมาเนรคุณ สร้างอาณาจักรแห่งการเหยียดผิว ที่เปรียบเสมือนเรือนจำกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก..
    และ ยังปฏิบัติ ต่อชาวปาเลสไตน์เยี่ยงสัตว์ (subhumans)

    พวกคุณชาวยิว
    ยังจะต้องการความเห็นอกเห็นใจอีกมากแค่ไหน คุณจึงจะพอใจ

    สำหรับการไม่รู้จักบุญคุณคน และ จากข้อมูลใน ประวัติศาสตร์ที่พวกคุณตอบแทนความเมตตา และ ตอบแทนการยอมรับของคนชาติอื่นด้วยการทรยศ ด้วยการพร้อมที่จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาติอื่นที่เคยช่วยเหลือพวกคุณ ชาวยิว อีกหรือ!

    ประโยคหนึ่ง ที่เขียนในวรรณกรรมคลาสสิก ของจีน ที่ชื่อว่า..“การเดินหน้าเข้าสู่ตวามตาย” (The Death March)...กล่าวว่า

    "ประเทศเล็ก ที่ไม่ตระหนักในตนเอง ไม่เคารพต่อประเทศอื่นๆ แสดงความหยาบช้า ดูถูกดูแคลน ประเทศเพื่อนบ้านอันมั่นคงที่ตั้งอยู่ก่อน
    พลันแต่มี ความโลภ ไม่อินังขังขอบต่อ มิตรภาพ และ ความเป็นเพื่อน..
    ก็ย่อมจะนำพาตนเอง เดินทางไปสู่ความพินาศย่อยยับอย่างไม่ต้องสงสัย“

    บทความนี้น่าสนใจมาก
    เป็นประวัติศาสตร์ ที่ชาวโลกอีกหลายล้านอาจจะยังไม่เคยได้รับรู้

    ซึ่ง อาจจะมีคนตั้งกระทู้ ตั้งข้อโต้แย้ง ขึ้นมาได้

    อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครทราบความเป็นจริง
    อยู่ที่ คนตั้งกระทู้ จะหาหลักฐานมาโต้แย้งทางประวัติศาสตร์ ได้ หรือ ไม่ได้

    ซึ่งหากมีข้อมูลทางประวัติศาสตร์มาโต้แย้งได้
    ก็จะยิ่งน่าศึกษา น่าติดตาม
    เพื่อให้ความจริงกระจ่างยิ่งขึ้น
    และ นับเป็นเรื่องดี ที่จะได้ทราบกันจริงๆว่า
    “ ยิว เป็นชนชาติประเภทใด?“
    ดีจริงแท้ หรือ ซาตานลวงโลก กันแน่ ?
    ......
    (แปลโดย : SB-22/07/24)
    ส่งต่อจาก วิชา มหาคุณ
    #เมื่อยิวถามจีนว่า ทำไมไม่ช่วยอิสรา.เอล​รบกับ ฮามา.ส ลองฟังคับตอบ ประชาชนจีนที่รู้ประวัติศาสตร์​อ่านแล้วถึงกับอึง ยาวหน่อย แต่เป็นความรู้ระดับ #พันปี “เมื่อ Ross อเมริกันเชื้อสายยิวกล่าวโจมตี ทำไม จีน ไม่สนับสนุนอิสราเอลโจมตี ฮามาส“ นี่คือคำตอบ (แปลโดย SB-22/07/24) ส่งต่อจาก วิชา มหาคุณ ประวัติศาสตร์อีกมุมหนึ่งของชนชาติยิว... สองวันที่ผ่านมา Ross อดีตประธานภาคพื้นเอเซียแปซิฟิคของ พรรครีพับริกัน ได้สร้างข่าวพาดหัวด้วยการ กล่าวหา ชาวจีน ที่เล่นอินเตอร์เนต ว่า ไม่มีความเห็นอกเห็นใจชาวยิว อันเนื่องจากเหตุการณ์ความขัดแย้งที่กาซ่า.. ต่อมา มีชาวเนตจีนรายหนึ่ง เข้ามาเห็น จึงเขียนบทความอย่างยืดยาว เพื่อสอนบทเรียนทาง ประวัติศาสตร์ แก่ชาวอเมริกันยิวคนนี้.. สรุปว่า ต่อมา Ross ได้แอบลบบทวิจารณ์นี้ทิ้งไป... ไม่มีใครรู้ว่าผู้เขียนบทความโต้แย้งชายจีนผู้นี้เป็นใคร แต่ อย่างไรก็ตาม ข้อเขียนของเขาได้หลุดรอดออกมา และ ถูกเผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวาง! เป็นข้อเขียนที่ทุกคนต้องอ่าน! เพราะเป็นการตอบโต้ที่แข็งกร้าวของชาวเนตจีน..( 11 กค. 2024 ) สวัสดีครับคุณ Enge... ผมรู้สึกช๊อคไปกับคำพูดของคุณที่ว่า "หากโลกจะสนใจช่วยชาวยิวในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 (WW II)ืชาวยิวหกล้านคนก็คงไม่ถูกสังหาร"... แต่นี่ คงมิใช่ เหตุผล หรือ ทำให้กองทัพยิว มีสิทธิที่จะก่อสงครามล้างเผ่าพันธุ์ต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่าแต่อย่างใด... ยิ่งไปกว่า มันไม่เป็นความจริงด้วย.. ในระหว่าง WW II นั้น ชาวจีนในเซี่ยงไฮ้ และ นานจิง กำลังถูกรุกราน และ ถูกสังหารหมู่ โดยกองทัพญี่ปุ่น ในขณะที่ชาวยิวถูกฆ่าโดยนาซี.. แต่กระนั้นก็ดี แม้ชาวจีนจะประสบเคราะห์กรรมขนาดนั้น ก็ยังยินดีรับเอาชาวยิวกว่า 50,000 คน ที่อพยพไปยังประเทศจีนเพื่อหนีภัยจากนาซี... แต่วิธีตอบแทนแบบยิวก็คือ การร่วมมือกับญี่ปุ่น เพื่อสร้างทรัฐชาวยิว ขึ้นในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน! แผนงานนี้เป็นที่เลื่องลือในนามของ Pufferfish Plan.. แต่ก็โชคร้าย ซึ่งในที่สุดแผนการณ์นี้ล้มเหลว.. ทำให้นิทานเรื่องชาวนาและงูเห่า ไม่อาจเกิดเป็นจริงได้ในแผ่นดินจีน... แต่ที่เหลือเชื่อยิ่งกว่านั้นคือ เมื่อราวสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่คนของสถานทูตอิสราเอล ได้กล่าวอ้างอย่างเปิดเผยผ่านทางรูปถ่ายว่า ที่ตั้งของสถานทูตที่อยู่บนถนนในเซี่ยงไฮ้ เกิดจากการยินยอมให้ใช้ของฝรั่งเศส!(ทั้งที่เรื่องกฏหมายสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ถูกยกเลิกไปนานแล้ว) แต่แน่นอน หากพูดถึงสัมพันธภาพระหว่างจีน กับ ชาวยิว ย่อมมีอะไรที่มากไปกว่านั้นมากมาย ชาวยิวได้ร่อนเร่มายังประเทศจีนตั้งแต่สมัย ราชวงศ์ซ่ง หรือ ราวพันปีที่ผ่านมา และ ได้ตั้งถิ่นฐานในจีนตั้งแต่นั้นมา ราชวงศ์ซ่ง ปกครองอาณาจักรจีนโบราณ ที่ถือกันว่าสมบูรณ์พูนสุขิและ ร่ำรวยที่สุดราชวงศ์หนึ่ง อย่างไรก็ดี ในกาลต่อมา เมื่อราชวงศ์ซ่งล่มสลาย ผู้คนอพยพหนีภัยไปทางทิศใต้ นักธุรกิจชาวยิว ที่มีชื่อสกุล Pu ได้ใช้กำลังทหารส่วนตัว เข่นฆ่าชาวเมืองจำนวนมากที่เคยเป็นราษฎรภายใต้การปกครองของราชวงศ์ซ่ง แล้วนำศพไปให้กองทัพของราชวงศ์ หยวน เพื่อเป็นสัญญลักษณ์ของการยอมรับในอำนาจของผู้ปกครองชาว มงโกล รายใหม่ ในหลายสิบปีหลังจากนั้น ราชวงศ์ จูหยวนจาง ได้โค่นราชวงศ์หยวนลง และ จัดตั้งราชวงศ์หมิงขึ้น คนจีนที่สืบเชื้อสายจากชาวฮั่น จึงกลับขึ้นมามีอำนาจอีกครั้ง แต่ก็มิได้ขับไล่ชุมชนชาวยิวกลุ่มทรยศเหล่านี้ออกไป (ทั้งที่ได้เข่นฆ่าชาวจีนไปมากก่อนหน้านั้น) ต่อมา ในสมัยประวัติศาสตร์ช่วงการเกิดสงครามฝิ่น มีนักธุรกิจชาวยิว ตระกูล Sassoon ได้นำฝิ่นจำนวนมากมาจำหน่ายเพื่อหวังผลกำไร ทำให้ชาวจีนติดฝิ่นกันงอมแงม ประชากรชาวจีน อ่อนแอ และ ล้มตายกันเป็นจำนวนมาก.. คุณ (Mr Ross)เคยใช้ชีวิตอยู่ในเอเซียมาหลายปี น่าจะคุ้นเคยกับเรื่องนี้ดี เหตุการณ์ สงครามฉนวนกาซ่าในครั้งนี้ ชาวจีน มิได้รู้สึกเห็นใจ ชาวยิว เพราะชาวจีน มีการศึกษาเรื่องคุณธรรม ร่วมสามพันปีมาแล้ว "Shangshu" วรรณกรรมคลาสิกที่ยังเหลืออยู่ของจีน ที่เขียนขึ้นมาตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 10 ก่อนคริสตกาลหรือราว 3,000 ปีพอดี ซึ่งคงเป็นระยะเวลาเดียวกับที่ชาวยิวถูกขับไล่ออกจากดินแดนแห่งพันธสัญญา (Promised Land) และเป็นชนชาติเร่ร่อนตั้งแต่นั้นมา ถ้าคุณ( Mr. Ross )คุ้นเคย กับอดีต และ ประวัติศาสตร์ ชาวยิว ของคุณ คุณก็ควรรับรู้และตระหนักถึงมันด้วย ชาวอียิปต์ ยอมรับ ชาวยิว เข้าไปในดินแดนของตน แต่ ชาวยิว กลับทรยศ ต่อชาวอียิปต์ หลายต่อหลายครั้ง จนในที่สุด ชาวยิว ก็ถูกเข่นฆ่าและ ขับไล่ออกไปจากดินแดนอียิปต์โดย กษัตริย์ฟาโรห์ อาณาจักรโรมัน ยอมรับ ชาวยิว เป็นส่วนหนึ่งของโรมัน ถึงขนาดจัดตั้งชุมชนให้เป็น กลุ่มก้อน โดยเฉพาะ แต่ ชาวยิว กลับถือโอกาสก่อการกบฎ ในช่วงเวลาที่กษัตริย์ Trajan มุ่งขยายดินแดนไปทางตะวันออก และ กองกำลังความมั่นคงในโรมันอ่อนแอลง หลังจาก ชาวยิว สังหารกองกำลังโรมัน ที่มีอยู่น้อยนิด ชาวยิว ก็บุกสังหาร พลเรือนชาวโรมัน อย่างบ้าคลั่ง ถึงขนาด เฉือนเอาผิวหนังมาทำเสื้อผ้า กินเนื้อเป็นอาหาร และ โยนซากศพไปเป็นอาหารของสัตว์ดุร้าย.. ในเมือง Cyprus Salamis และ Libya พลเรือนชาวโรมันราว 220,000 คน ถูกสังหารโดย ชาวยิว แม้ต่อหน้าพลเรือนชาวโรมัน ชาวยิวดูจะทารุณโหดร้ายมาก แต่ในที่สุดกษัตริย์ Trajan ใช้กำลังทหารเพียงสองชุด ก็สามารถทวงคืนอำนาจจากชาวยิวได้อย่างสมบูรณ์ กองทัพโรมันที่โกรธแค้นได้เคลื่อนทัพจากดินแดนเมโสโปเตเมีย ไปตามฝั่ง ตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน..จนทำให้ชาวยิวที่อาศัยในพื้นที่เหล่านี้ถูกเข่นฆ่าจนเกือบหมด ต่อมา ชาวยิว ก็ก่อกบฎอีกครั้ง ครววนี้ มุ่งสังหารผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะ แต่ครั้งนี้ โชคไม่เข้าข้างชาวยิว เมื่อต้องพบกับกษัตริย์ Hadrian ผู้ได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์ที่เฉลียวฉลาดที่สุดคนหนึ่งของกรุงโรม ผู้ที่ได้ระดมกำลังทหาร 120,000 นาย เข้าจัดการสังหาร ชาวยิว ที่ก่อการกบฎได้อย่างเบ็ดเสร็จ กษัตริย์ Hadrian ได้ศึกษาบทเรียนจากยุคสมัยของกษัตริย์ Trajan จึงได้ยกเลิก ชุมชนชาวยิว เสียทั้งหมด ทำให้ชาวยิวต้องอยู่กันอย่างกระจัดกระจาย และ แตกกระสานซ่านเซ็นไปทั่วโลก นอกจากนั้น ยังมีจักรพรรดิ Titus ผู้บุกทำลาย และ สังหาร ชาวยิวในกรุงเยลูซาเล็ม ที่เคยเป็น Second Temple จนปัจจุบันเหลือเพียง Western Wall (หรือที่เรียกว่า กำแพงร้องไห้)ที่ชาวยิวใช้เป็นที่สวดมนต์ไปติดต่อพระเจ้าฯ เป็นเวลานับพันปี ที่ชาวยิว ต้องถูก เข่นฆ่า และ ขับออกนอกประเทศต่างๆนับครั้งไม่ถ้วน แต่ พวกคุณ ชาวยิว ก็ได้ทรยศต่อ ชาติต่างๆ จำนวนไม่น้อย ที่เห็นอกเห็นใจต่อความยากลำบากของพวกคุณ กระนั้นก็ดี พวกคุณ ก็ยังคงโอหัง เชื่อว่า ชนชาติตน เป็นชนชาติอภิสิทธิ์ ที่เหนือกว่าคนชาติอื่นๆ และ เชื่อว่า เป็น ชนชาติ ที่พระเจ้าเลือกสรรไว้ ให้เป็นใหญ่กว่าชนชาติอื่นใด ทำให้ ชาวไซออนนิสยิว ไม่เคยตระหนักถึงอดีตของตน.. จนเป็นที่สรุปกันแล้วว่า วัฒนธรรมของชนชาติยิว มีลักษณะที่เข้ากับใครยาก และ ไม่ยอมปรับตัวเข้าหาวัฒนธรรมอื่น ความเชื่อของชาวยิวเหล่านี้ จะใช้กับคนจีนไม่ได้ เพราะ คนจีนมีหลักการด้านคุณธรรมของตนเอง และ ไม่เคยคิดว่าชนชาติตนเหนือกว่าคนชนะชาติอื่น แต่จะปฏิบัติต่อคนชาติอื่น อย่างเท่าเทียมกัน และ ไม่เกรงกลัวต่อชนชาติอื่น ที่คิดว่าเหนือกว่าชาวจีน คนจีน จะมีความ อดทน อดกลั้น มีความละอายใจ มีความกตัญญูรู้คุณ และ รู้จักตอบแทนบุญคุณคน John Rabe อดีตนาซี ผู้ที่ครั้งหนึ่ง เคยช่วยชีวิตชาวจีนที่นานจิง คนจีนที่รู้เรื่องนี้ จะนึกถึงบุญคุณของเขาเสมอ จากเหตุการณ์ เมื่อสองปีที่แล้ว ที่โรงพยาบาล สถานที่ที่หลานของ John Rabe ทำงานอยู่ เกิดการขาดแคลนยารักษาโรค จึงร้องขอความช่วยเหลือไปยังสถานทูตจีนในเยอรมัน ปรากฏว่า ชาวจีนต่างช่วยกันบริจาคเงินและสิ่งของให้กันอย่างแข็งขัน ด้วยความสำนึกในพระคุณในอดีต ของ John Rabe ในช่วง WW II ประธานของสภากาชาดแห่งสวีเดน เคยช่วยเหลือเชลยถึง 35,000 คน จากค่ายกักกันของนาซี โดยในจำนวนนี้เป็นชาวยิวถึง 6,000 คน.. ต่อมา เมื่อเขาถูกยูเอ็น ส่งไปเป็นผู้แทน เพื่อยืนยันประเด็นที่เกี่ยวกับขอบเขตดินแดนในกรุงเยรูซาเล็ม ที่กำหนดขึ้นใหม่ระหว่างอิสราเอล กับ ปาเลสไตน์ ปรากฏว่าเขาถูกยิงถึงหกนัดและเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ จากมือสังหารชาวยิว.. เพียงเพราะ เขาพูดถึง "ความยุติธรรม" เพียงไม่กี่คำ ในระหว่าง WW II เช่นเดียวกัน ประเทศยูโกสลาเวีย เคยช่วยชีวิตเด็กผู้หญิงชาวยิวไว้คนหนึ่ง.. แต่ 50 ปีต่อมา เธอกลับเป็นคนสั่งให้ทิ้งระเบิดยูโกสลาเวียอย่างไม่เลือกหน้า... หลายปีต่อมา เมื่อเธอ ถูกผู้สื่อข่าวถามในระหว่างการให้สัมภาษณ์ว่า เธอรู้สึกเสียใจบ้างหรือไม่ กับการสั่งทิ้งระเบิดยูโกสลาเวีย.. เธอตอบว่า.."ไม่เลย".. เธอผู้นั้น คือ อดีตสตรีที่เป็น รัฐมนตรีต่างประเทศ คนแรกของสหรัฐ..Madeleine Albright! ในการให้สัมภาษณ์ในรายการ 60 Minutes ในปี1996.. M. Albright กล่าวว่า การที่สหรัฐแซงชั่นอิรัค(สมัยซัดดัม) ซึ่งได้สังหารเด็กชาวอิรัคไปกว่าครึ่งล้าน (เพราะขาดแคลนอาหารและยารักษาโรค)นั้น เป็นสิ่งที่คุ้มค่า! ทั้งๆที่ การบุกเข้ายึดครองอิรัคเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะสหรัฐอ้างว่า อิรัคกำลังผลิตอาวุธทำลายล้าง ด้วยการนำเสนอเพียงภาพ “ผงซักฟอก” ในสื่อ ว่าคือ “สารเคมี” ที่ใช้สร้างอาวุธชีวภาพ นาง M. Albright กล่าวอย่างโจ่งแจ้งท้าทายว่า.. การเข่นฆ่าเด็กนับล้าน เป็นสิ่งที่คุ้มค่าแล้ว! ในปี 1947 เมื่อชาวยิว อพยพทางเรือมายังดินแดนปาเลสไตน์ มีการเขียนข้างลำเรือไว้ว่า.. "คนเยอรมันได้ทำลายบ้านเรือนของเรา โปรดอย่าทำลายความหวังของเราอีก"... ด้วยความเมตตา ชาวปาเลสไตน์ยอมรับชาวยิวอพยพเข้าสู่ดินแดนของตน.. ในที่สุด ชาวยิว อ้างในภายหลังว่า ดินแดน ปาเลสไตน์ นี้ เป็นดินแดนแห่งพันธสัญญา- Promised Land ของพวกเราชนชาติยิว! ตลอดเวลากว่า 70 ปี ที่ชาวไซออนนิสต์ยิว ได้สังหารชาวปาเลสไตน์ ผู้ที่เมตตา และ ยินยอมให้ชาวยิวเข้ามาตั้งถิ่นฐานต่อเนื่องยาวนาน แต่ ชาวยิว กลับมาเนรคุณ สร้างอาณาจักรแห่งการเหยียดผิว ที่เปรียบเสมือนเรือนจำกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก.. และ ยังปฏิบัติ ต่อชาวปาเลสไตน์เยี่ยงสัตว์ (subhumans) พวกคุณชาวยิว ยังจะต้องการความเห็นอกเห็นใจอีกมากแค่ไหน คุณจึงจะพอใจ สำหรับการไม่รู้จักบุญคุณคน และ จากข้อมูลใน ประวัติศาสตร์ที่พวกคุณตอบแทนความเมตตา และ ตอบแทนการยอมรับของคนชาติอื่นด้วยการทรยศ ด้วยการพร้อมที่จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาติอื่นที่เคยช่วยเหลือพวกคุณ ชาวยิว อีกหรือ! ประโยคหนึ่ง ที่เขียนในวรรณกรรมคลาสสิก ของจีน ที่ชื่อว่า..“การเดินหน้าเข้าสู่ตวามตาย” (The Death March)...กล่าวว่า "ประเทศเล็ก ที่ไม่ตระหนักในตนเอง ไม่เคารพต่อประเทศอื่นๆ แสดงความหยาบช้า ดูถูกดูแคลน ประเทศเพื่อนบ้านอันมั่นคงที่ตั้งอยู่ก่อน พลันแต่มี ความโลภ ไม่อินังขังขอบต่อ มิตรภาพ และ ความเป็นเพื่อน.. ก็ย่อมจะนำพาตนเอง เดินทางไปสู่ความพินาศย่อยยับอย่างไม่ต้องสงสัย“ บทความนี้น่าสนใจมาก เป็นประวัติศาสตร์ ที่ชาวโลกอีกหลายล้านอาจจะยังไม่เคยได้รับรู้ ซึ่ง อาจจะมีคนตั้งกระทู้ ตั้งข้อโต้แย้ง ขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครทราบความเป็นจริง อยู่ที่ คนตั้งกระทู้ จะหาหลักฐานมาโต้แย้งทางประวัติศาสตร์ ได้ หรือ ไม่ได้ ซึ่งหากมีข้อมูลทางประวัติศาสตร์มาโต้แย้งได้ ก็จะยิ่งน่าศึกษา น่าติดตาม เพื่อให้ความจริงกระจ่างยิ่งขึ้น และ นับเป็นเรื่องดี ที่จะได้ทราบกันจริงๆว่า “ ยิว เป็นชนชาติประเภทใด?“ ดีจริงแท้ หรือ ซาตานลวงโลก กันแน่ ? ...... (แปลโดย : SB-22/07/24) ส่งต่อจาก วิชา มหาคุณ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📌ข้อคิดดีๆฝากถึง Gen-Y และ Gen-Xตลอดจน ผู้ที่กำลังก้าวเข้าสู่ผู้สูงวัยจาก
    ➡️นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (ปัจจุบันอายุ 99 ปี) เจ้าของผลงานหนังสือ
    “อายุ 120 ปี ทำไมจะทำให้ไม่ได้”

    1. ผมเริ่มหันมาดูแลตัวเองอย่างจริงจังตั้งแต่อายุ 35 ปี ผมเป็นนักกีฬา ไม่เคยป่วย ไม่เคยเจ็บ ตอนทำงานคนอื่นเขาลาป่วยกัน ผมไม่เคยลา ผมวิ่ง ว่ายน้ำ ขึ้นเขาลงห้วยมาหมด พอเป็นอย่างนั้นผมก็มาตั้งเป้าหมายของตัวเองว่าอยากมีอายุยืนยาวถึง 120 ปี

    2. ที่ผมตั้งเป้าหมายว่าอยากมีอายุถึง 120 ปี ก็เพราะ หนึ่งผมเป็นหมอ เลยอยากทดลองกับตัวเอง และสองเป็นการทำให้ตัวเองไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ไม่นอนป่วย ถ้าเป็นคนอื่นที่มีอายุขนาดนี้เขาป่วยตายกันไปเเล้ว แต่ผมยังเเข็งแรง ขับรถทางไกลไปหัวหิน ไปไหนมาไหนได้สบายๆ

    3. ผมกินแบบช้าง ม้า วัว ควาย ไม่ได้กินแบบเสือ สิงโต หมา แมว เนื้อสัตว์ผมจะกินให้น้อยที่สุด กินเเต่ผัก กินผลไม้ ก็ทำให้แข็งแรงน่ะสิ ตลอดชีวิตผมให้เลือดไปทั้งหมด 114 ครั้ง ได้เลือดรวม 60 ลิตร ผมให้เลือดจนถึงอายุ 70 กว่าปีเพราะแข็งแรง คนปกติแค่อายุ 60 เขาก็หยุดให้เเล้ว เพราะกรุ๊ปเลือดผมเป็นเอบี หายาก มีน้อย

    4. สุขภาพที่ดีมาจากการออกกำลังกายสม่ำเสมอ น้ำหนักส่วนสูงต้องเป๊ะ คนอ้วนๆ ตายเร็วทั้งนั้นแหละ สังเกตดีๆ คนอายุยืนรูปร่างจะสูงเพรียว แต่ถ้าอ้วน ความดัน เบาหวาน โรคไต โรคตับ โรคอะไรร้อยแปด สุดท้ายก็ตายเร็ว

    5. ถ้าอยากดูแลสุขภาพตัวเอง เริ่มต้นง่ายๆ แค่ดูน้ำหนักกับส่วนสูง ผู้ชายสูงกี่เซนติเมตรให้เอา 100 ลบ แก้ผ้าชั่งน้ำหนักเลยนะ สมมติสูง 170 หัวเด็ดตีนขาดอย่าเกิน 70 กิโลกรัม ถ้าจะให้ดียิ่งไปอีกเอา 105 ลบ ส่วนผู้หญิงให้เอา 110 ลบ หุ่นนางงามอย่าง อาภัสรา หงสกุล สูง 170 น้ำหนัก 50 กิโลกรัม เห็นไหมเขาถึงได้เป็นมิสยูนิเวิร์ส

    6. การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด ไม่ต้องมีสระว่ายน้ำ ไม่ต้องมีอุปกรณ์อะไร นอกจากไปซื้อรองเท้ามาคู่หนึ่ง คนวัยทำงานควรหาเวลาออกกำลังกายอย่างน้อยๆ 3-4 วันใน 1 สัปดาห์ ก็ไปวิ่งสิ ให้ได้สักวันละ 5 กิโลเมตร วิ่งแล้วหัวใจก็แข็งแรง กล้ามเนื้อเเข็งแรง เหงื่อออก น้ำหนักตัวก็จะลดลง

    7. คนเราก็มีอยู่สองอย่าง มีคิดผิดกับคิดถูก ที่บอกว่ายิ่งแก่ยิ่งหมดไฟในการมีชีวิต ก็คนแบบนั้นมันคิดไม่เป็นไง หรือไม่ได้คิด เอาแต่เที่ยวเตร่ กินเหล้าเมายา สูบบุหรี่ เที่ยวหามรุ่งหามค่ำ แต่ผมไม่ ทุกวันนี้สนุกจะตาย ทดลองใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ

    8. คำว่า ‘ความสุข’ กับ ‘อายุยืน’ นั้นมาคู่กัน สุขอื่นใดยิ่งกว่าความสงบไม่มี พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ เพราะฉะนั้น เราก็ทำจิตใจให้สบาย สงบ ไม่เครียด ไม่จุ้นจ้าน ไม่หาเรื่อง ไม่โกรธ จิตใจมันก็สบาย แล้วสร้างแต่บุญสร้างแต่กุศล คนชั่ว คนใจบาปหยาบช้าไม่มีทางมีความสุขและอายุยืนยาวได้เลย คุณต้องทำจิตใจให้สบาย สร้างแต่บุญกุศล และทำแต่ความดี

    9. ผมแทบไม่มีเรื่องที่เสียดายในชีวิต เพราะผมวางแผนไว้หมดทุกอย่าง ผมเริ่มต้นดูแลสุขภาพมาตั้งแต่อายุยังน้อยๆ วางแผนทุกอย่างตั้งแต่การออกกำลังกาย การกินอาหาร และพักผ่อนนอนหลับ เรื่องที่เสียดายเกือบจะไม่มี เพราะชีวิตมันคือการวางแผน ผมวางแผนไว้ตั้งแต่หนุ่มๆ และมันเป็นไปตามแผนหมดทุกอย่าง หนังสืองานศพก็มี ความหมายของการมีหนังสืองานศพของตัวเองคือ การเตรียมตัวเตรียมใจ พูดง่ายๆ ว่าเตรียมพร้อมทุกอย่างไว้แล้ว คนเขียนคำไว้อาลัยให้เสร็จสรรพเรียบร้อยหมด

    10. สิ่งที่มีคุณค่าสำหรับคนวัยผมก็คือ การเห็นความก้าวหน้าของลูกหลานและเหลน ลูกทุกคนมีครอบครัวที่ดี เหมือนกับเราปลูกต้นไม้ เห็นต้นไม้ออกดอกผล ไม่มีด้วงไม่มีแมลงมาเกาะมันก็คือความสุข

    11. ชีวิตคนเราไม่ต้องมีต้นแบบ ตัวเราเป็นต้นแบบของตัวเองได้ อย่างผมไง ผมดูแลสุขภาพ วางแผนชีวิตตัวเองมาตลอดตั้งแต่ยังหนุ่มๆ ไม่จำเป็นต้องหาต้นแบบจากที่ไหน

    นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (ปัจจุบันอายุ 99 ปี)

    ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์

    FB: โต๊ะป้าศรี CH Table

    (แอดมินเดือน)
    📌ข้อคิดดีๆฝากถึง Gen-Y และ Gen-Xตลอดจน ผู้ที่กำลังก้าวเข้าสู่ผู้สูงวัยจาก ➡️นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (ปัจจุบันอายุ 99 ปี) เจ้าของผลงานหนังสือ “อายุ 120 ปี ทำไมจะทำให้ไม่ได้” 1. ผมเริ่มหันมาดูแลตัวเองอย่างจริงจังตั้งแต่อายุ 35 ปี ผมเป็นนักกีฬา ไม่เคยป่วย ไม่เคยเจ็บ ตอนทำงานคนอื่นเขาลาป่วยกัน ผมไม่เคยลา ผมวิ่ง ว่ายน้ำ ขึ้นเขาลงห้วยมาหมด พอเป็นอย่างนั้นผมก็มาตั้งเป้าหมายของตัวเองว่าอยากมีอายุยืนยาวถึง 120 ปี 2. ที่ผมตั้งเป้าหมายว่าอยากมีอายุถึง 120 ปี ก็เพราะ หนึ่งผมเป็นหมอ เลยอยากทดลองกับตัวเอง และสองเป็นการทำให้ตัวเองไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ไม่นอนป่วย ถ้าเป็นคนอื่นที่มีอายุขนาดนี้เขาป่วยตายกันไปเเล้ว แต่ผมยังเเข็งแรง ขับรถทางไกลไปหัวหิน ไปไหนมาไหนได้สบายๆ 3. ผมกินแบบช้าง ม้า วัว ควาย ไม่ได้กินแบบเสือ สิงโต หมา แมว เนื้อสัตว์ผมจะกินให้น้อยที่สุด กินเเต่ผัก กินผลไม้ ก็ทำให้แข็งแรงน่ะสิ ตลอดชีวิตผมให้เลือดไปทั้งหมด 114 ครั้ง ได้เลือดรวม 60 ลิตร ผมให้เลือดจนถึงอายุ 70 กว่าปีเพราะแข็งแรง คนปกติแค่อายุ 60 เขาก็หยุดให้เเล้ว เพราะกรุ๊ปเลือดผมเป็นเอบี หายาก มีน้อย 4. สุขภาพที่ดีมาจากการออกกำลังกายสม่ำเสมอ น้ำหนักส่วนสูงต้องเป๊ะ คนอ้วนๆ ตายเร็วทั้งนั้นแหละ สังเกตดีๆ คนอายุยืนรูปร่างจะสูงเพรียว แต่ถ้าอ้วน ความดัน เบาหวาน โรคไต โรคตับ โรคอะไรร้อยแปด สุดท้ายก็ตายเร็ว 5. ถ้าอยากดูแลสุขภาพตัวเอง เริ่มต้นง่ายๆ แค่ดูน้ำหนักกับส่วนสูง ผู้ชายสูงกี่เซนติเมตรให้เอา 100 ลบ แก้ผ้าชั่งน้ำหนักเลยนะ สมมติสูง 170 หัวเด็ดตีนขาดอย่าเกิน 70 กิโลกรัม ถ้าจะให้ดียิ่งไปอีกเอา 105 ลบ ส่วนผู้หญิงให้เอา 110 ลบ หุ่นนางงามอย่าง อาภัสรา หงสกุล สูง 170 น้ำหนัก 50 กิโลกรัม เห็นไหมเขาถึงได้เป็นมิสยูนิเวิร์ส 6. การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด ไม่ต้องมีสระว่ายน้ำ ไม่ต้องมีอุปกรณ์อะไร นอกจากไปซื้อรองเท้ามาคู่หนึ่ง คนวัยทำงานควรหาเวลาออกกำลังกายอย่างน้อยๆ 3-4 วันใน 1 สัปดาห์ ก็ไปวิ่งสิ ให้ได้สักวันละ 5 กิโลเมตร วิ่งแล้วหัวใจก็แข็งแรง กล้ามเนื้อเเข็งแรง เหงื่อออก น้ำหนักตัวก็จะลดลง 7. คนเราก็มีอยู่สองอย่าง มีคิดผิดกับคิดถูก ที่บอกว่ายิ่งแก่ยิ่งหมดไฟในการมีชีวิต ก็คนแบบนั้นมันคิดไม่เป็นไง หรือไม่ได้คิด เอาแต่เที่ยวเตร่ กินเหล้าเมายา สูบบุหรี่ เที่ยวหามรุ่งหามค่ำ แต่ผมไม่ ทุกวันนี้สนุกจะตาย ทดลองใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ 8. คำว่า ‘ความสุข’ กับ ‘อายุยืน’ นั้นมาคู่กัน สุขอื่นใดยิ่งกว่าความสงบไม่มี พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ เพราะฉะนั้น เราก็ทำจิตใจให้สบาย สงบ ไม่เครียด ไม่จุ้นจ้าน ไม่หาเรื่อง ไม่โกรธ จิตใจมันก็สบาย แล้วสร้างแต่บุญสร้างแต่กุศล คนชั่ว คนใจบาปหยาบช้าไม่มีทางมีความสุขและอายุยืนยาวได้เลย คุณต้องทำจิตใจให้สบาย สร้างแต่บุญกุศล และทำแต่ความดี 9. ผมแทบไม่มีเรื่องที่เสียดายในชีวิต เพราะผมวางแผนไว้หมดทุกอย่าง ผมเริ่มต้นดูแลสุขภาพมาตั้งแต่อายุยังน้อยๆ วางแผนทุกอย่างตั้งแต่การออกกำลังกาย การกินอาหาร และพักผ่อนนอนหลับ เรื่องที่เสียดายเกือบจะไม่มี เพราะชีวิตมันคือการวางแผน ผมวางแผนไว้ตั้งแต่หนุ่มๆ และมันเป็นไปตามแผนหมดทุกอย่าง หนังสืองานศพก็มี ความหมายของการมีหนังสืองานศพของตัวเองคือ การเตรียมตัวเตรียมใจ พูดง่ายๆ ว่าเตรียมพร้อมทุกอย่างไว้แล้ว คนเขียนคำไว้อาลัยให้เสร็จสรรพเรียบร้อยหมด 10. สิ่งที่มีคุณค่าสำหรับคนวัยผมก็คือ การเห็นความก้าวหน้าของลูกหลานและเหลน ลูกทุกคนมีครอบครัวที่ดี เหมือนกับเราปลูกต้นไม้ เห็นต้นไม้ออกดอกผล ไม่มีด้วงไม่มีแมลงมาเกาะมันก็คือความสุข 11. ชีวิตคนเราไม่ต้องมีต้นแบบ ตัวเราเป็นต้นแบบของตัวเองได้ อย่างผมไง ผมดูแลสุขภาพ วางแผนชีวิตตัวเองมาตลอดตั้งแต่ยังหนุ่มๆ ไม่จำเป็นต้องหาต้นแบบจากที่ไหน นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (ปัจจุบันอายุ 99 ปี) ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์ FB: โต๊ะป้าศรี CH Table (แอดมินเดือน)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • ❤️ขัอคิดดีๆฝากถึง Gen-Y Gen-X และผู้ที่กำลังก้าวเข้าสู่สูงวัยจาก
    👉นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (ปัจจุบันอายุ 99 ปี) เจ้าของผลงานหนังสือ
    “อายุ 120 ปี ทำไมจะทำให้ไม่ได้”

    1. ผมเริ่มหันมาดูแลตัวเองอย่างจริงจังตั้งแต่อายุ 35 ปี ผมเป็นนักกีฬา ไม่เคยป่วย ไม่เคยเจ็บ ตอนทำงานคนอื่นเขาลาป่วยกัน ผมไม่เคยลา ผมวิ่ง ว่ายน้ำ ขึ้นเขาลงห้วยมาหมด พอเป็นอย่างนั้นผมก็มาตั้งเป้าหมายของตัวเองว่าอยากมีอายุยืนยาวถึง 120 ปี

    2. ที่ผมตั้งเป้าหมายว่าอยากมีอายุถึง 120 ปี ก็เพราะ หนึ่งผมเป็นหมอ เลยอยากทดลองกับตัวเอง และสองเป็นการทำให้ตัวเองไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ไม่นอนป่วย ถ้าเป็นคนอื่นที่มีอายุขนาดนี้เขาป่วยตายกันไปเเล้ว แต่ผมยังเเข็งแรง ขับรถทางไกลไปหัวหิน ไปไหนมาไหนได้สบายๆ

    3. ผมกินแบบช้าง ม้า วัว ควาย ไม่ได้กินแบบเสือ สิงโต หมา แมว เนื้อสัตว์ผมจะกินให้น้อยที่สุด กินเเต่ผัก กินผลไม้ ก็ทำให้แข็งแรงน่ะสิ ตลอดชีวิตผมให้เลือดไปทั้งหมด 114 ครั้ง ได้เลือดรวม 60 ลิตร ผมให้เลือดจนถึงอายุ 70 กว่าปีเพราะแข็งแรง คนปกติแค่อายุ 60 เขาก็หยุดให้เเล้ว เพราะกรุ๊ปเลือดผมเป็นเอบี หายาก มีน้อย

    4. สุขภาพที่ดีมาจากการออกกำลังกายสม่ำเสมอ น้ำหนักส่วนสูงต้องเป๊ะ คนอ้วนๆ ตายเร็วทั้งนั้นแหละ สังเกตดีๆ คนอายุยืนรูปร่างจะสูงเพรียว แต่ถ้าอ้วน ความดัน เบาหวาน โรคไต โรคตับ โรคอะไรร้อยแปด สุดท้ายก็ตายเร็ว

    5. ถ้าอยากดูแลสุขภาพตัวเอง เริ่มต้นง่ายๆ แค่ดูน้ำหนักกับส่วนสูง ผู้ชายสูงกี่เซนติเมตรให้เอา 100 ลบ แก้ผ้าชั่งน้ำหนักเลยนะ สมมติสูง 170 หัวเด็ดตีนขาดอย่าเกิน 70 กิโลกรัม ถ้าจะให้ดียิ่งไปอีกเอา 105 ลบ ส่วนผู้หญิงให้เอา 110 ลบ หุ่นนางงามอย่าง อาภัสรา หงสกุล สูง 170 น้ำหนัก 50 กิโลกรัม เห็นไหมเขาถึงได้เป็นมิสยูนิเวิร์ส

    6. การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด ไม่ต้องมีสระว่ายน้ำ ไม่ต้องมีอุปกรณ์อะไร นอกจากไปซื้อรองเท้ามาคู่หนึ่ง คนวัยทำงานควรหาเวลาออกกำลังกายอย่างน้อยๆ 3-4 วันใน 1 สัปดาห์ ก็ไปวิ่งสิ ให้ได้สักวันละ 5 กิโลเมตร วิ่งแล้วหัวใจก็แข็งแรง กล้ามเนื้อเเข็งแรง เหงื่อออก น้ำหนักตัวก็จะลดลง

    7. คนเราก็มีอยู่สองอย่าง มีคิดผิดกับคิดถูก ที่บอกว่ายิ่งแก่ยิ่งหมดไฟในการมีชีวิต ก็คนแบบนั้นมันคิดไม่เป็นไง หรือไม่ได้คิด เอาแต่เที่ยวเตร่ กินเหล้าเมายา สูบบุหรี่ เที่ยวหามรุ่งหามค่ำ แต่ผมไม่ ทุกวันนี้สนุกจะตาย ทดลองใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ

    8. คำว่า ‘ความสุข’ กับ ‘อายุยืน’ นั้นมาคู่กัน สุขอื่นใดยิ่งกว่าความสงบไม่มี พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ เพราะฉะนั้น เราก็ทำจิตใจให้สบาย สงบ ไม่เครียด ไม่จุ้นจ้าน ไม่หาเรื่อง ไม่โกรธ จิตใจมันก็สบาย แล้วสร้างแต่บุญสร้างแต่กุศล คนชั่ว คนใจบาปหยาบช้าไม่มีทางมีความสุขและอายุยืนยาวได้เลย คุณต้องทำจิตใจให้สบาย สร้างแต่บุญกุศล และทำแต่ความดี

    9. ผมแทบไม่มีเรื่องที่เสียดายในชีวิต เพราะผมวางแผนไว้หมดทุกอย่าง ผมเริ่มต้นดูแลสุขภาพมาตั้งแต่อายุยังน้อยๆ วางแผนทุกอย่างตั้งแต่การออกกำลังกาย การกินอาหาร และพักผ่อนนอนหลับ เรื่องที่เสียดายเกือบจะไม่มี เพราะชีวิตมันคือการวางแผน ผมวางแผนไว้ตั้งแต่หนุ่มๆ และมันเป็นไปตามแผนหมดทุกอย่าง หนังสืองานศพก็มี ความหมายของการมีหนังสืองานศพของตัวเองคือ การเตรียมตัวเตรียมใจ พูดง่ายๆ ว่าเตรียมพร้อมทุกอย่างไว้แล้ว คนเขียนคำไว้อาลัยให้เสร็จสรรพเรียบร้อยหมด

    10. สิ่งที่มีคุณค่าสำหรับคนวัยผมก็คือ การเห็นความก้าวหน้าของลูกหลานและเหลน ลูกทุกคนมีครอบครัวที่ดี เหมือนกับเราปลูกต้นไม้ เห็นต้นไม้ออกดอกผล ไม่มีด้วงไม่มีแมลงมาเกาะมันก็คือความสุข

    11. ชีวิตคนเราไม่ต้องมีต้นแบบ ตัวเราเป็นต้นแบบของตัวเองได้ อย่างผมไง ผมดูแลสุขภาพ วางแผนชีวิตตัวเองมาตลอดตั้งแต่ยังหนุ่มๆ ไม่จำเป็นต้องหาต้นแบบจากที่ไหน

    นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (ปัจจุบันอายุ 99ปี
    ❤️ขัอคิดดีๆฝากถึง Gen-Y Gen-X และผู้ที่กำลังก้าวเข้าสู่สูงวัยจาก 👉นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (ปัจจุบันอายุ 99 ปี) เจ้าของผลงานหนังสือ “อายุ 120 ปี ทำไมจะทำให้ไม่ได้” 1. ผมเริ่มหันมาดูแลตัวเองอย่างจริงจังตั้งแต่อายุ 35 ปี ผมเป็นนักกีฬา ไม่เคยป่วย ไม่เคยเจ็บ ตอนทำงานคนอื่นเขาลาป่วยกัน ผมไม่เคยลา ผมวิ่ง ว่ายน้ำ ขึ้นเขาลงห้วยมาหมด พอเป็นอย่างนั้นผมก็มาตั้งเป้าหมายของตัวเองว่าอยากมีอายุยืนยาวถึง 120 ปี 2. ที่ผมตั้งเป้าหมายว่าอยากมีอายุถึง 120 ปี ก็เพราะ หนึ่งผมเป็นหมอ เลยอยากทดลองกับตัวเอง และสองเป็นการทำให้ตัวเองไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ไม่นอนป่วย ถ้าเป็นคนอื่นที่มีอายุขนาดนี้เขาป่วยตายกันไปเเล้ว แต่ผมยังเเข็งแรง ขับรถทางไกลไปหัวหิน ไปไหนมาไหนได้สบายๆ 3. ผมกินแบบช้าง ม้า วัว ควาย ไม่ได้กินแบบเสือ สิงโต หมา แมว เนื้อสัตว์ผมจะกินให้น้อยที่สุด กินเเต่ผัก กินผลไม้ ก็ทำให้แข็งแรงน่ะสิ ตลอดชีวิตผมให้เลือดไปทั้งหมด 114 ครั้ง ได้เลือดรวม 60 ลิตร ผมให้เลือดจนถึงอายุ 70 กว่าปีเพราะแข็งแรง คนปกติแค่อายุ 60 เขาก็หยุดให้เเล้ว เพราะกรุ๊ปเลือดผมเป็นเอบี หายาก มีน้อย 4. สุขภาพที่ดีมาจากการออกกำลังกายสม่ำเสมอ น้ำหนักส่วนสูงต้องเป๊ะ คนอ้วนๆ ตายเร็วทั้งนั้นแหละ สังเกตดีๆ คนอายุยืนรูปร่างจะสูงเพรียว แต่ถ้าอ้วน ความดัน เบาหวาน โรคไต โรคตับ โรคอะไรร้อยแปด สุดท้ายก็ตายเร็ว 5. ถ้าอยากดูแลสุขภาพตัวเอง เริ่มต้นง่ายๆ แค่ดูน้ำหนักกับส่วนสูง ผู้ชายสูงกี่เซนติเมตรให้เอา 100 ลบ แก้ผ้าชั่งน้ำหนักเลยนะ สมมติสูง 170 หัวเด็ดตีนขาดอย่าเกิน 70 กิโลกรัม ถ้าจะให้ดียิ่งไปอีกเอา 105 ลบ ส่วนผู้หญิงให้เอา 110 ลบ หุ่นนางงามอย่าง อาภัสรา หงสกุล สูง 170 น้ำหนัก 50 กิโลกรัม เห็นไหมเขาถึงได้เป็นมิสยูนิเวิร์ส 6. การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด ไม่ต้องมีสระว่ายน้ำ ไม่ต้องมีอุปกรณ์อะไร นอกจากไปซื้อรองเท้ามาคู่หนึ่ง คนวัยทำงานควรหาเวลาออกกำลังกายอย่างน้อยๆ 3-4 วันใน 1 สัปดาห์ ก็ไปวิ่งสิ ให้ได้สักวันละ 5 กิโลเมตร วิ่งแล้วหัวใจก็แข็งแรง กล้ามเนื้อเเข็งแรง เหงื่อออก น้ำหนักตัวก็จะลดลง 7. คนเราก็มีอยู่สองอย่าง มีคิดผิดกับคิดถูก ที่บอกว่ายิ่งแก่ยิ่งหมดไฟในการมีชีวิต ก็คนแบบนั้นมันคิดไม่เป็นไง หรือไม่ได้คิด เอาแต่เที่ยวเตร่ กินเหล้าเมายา สูบบุหรี่ เที่ยวหามรุ่งหามค่ำ แต่ผมไม่ ทุกวันนี้สนุกจะตาย ทดลองใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ 8. คำว่า ‘ความสุข’ กับ ‘อายุยืน’ นั้นมาคู่กัน สุขอื่นใดยิ่งกว่าความสงบไม่มี พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ เพราะฉะนั้น เราก็ทำจิตใจให้สบาย สงบ ไม่เครียด ไม่จุ้นจ้าน ไม่หาเรื่อง ไม่โกรธ จิตใจมันก็สบาย แล้วสร้างแต่บุญสร้างแต่กุศล คนชั่ว คนใจบาปหยาบช้าไม่มีทางมีความสุขและอายุยืนยาวได้เลย คุณต้องทำจิตใจให้สบาย สร้างแต่บุญกุศล และทำแต่ความดี 9. ผมแทบไม่มีเรื่องที่เสียดายในชีวิต เพราะผมวางแผนไว้หมดทุกอย่าง ผมเริ่มต้นดูแลสุขภาพมาตั้งแต่อายุยังน้อยๆ วางแผนทุกอย่างตั้งแต่การออกกำลังกาย การกินอาหาร และพักผ่อนนอนหลับ เรื่องที่เสียดายเกือบจะไม่มี เพราะชีวิตมันคือการวางแผน ผมวางแผนไว้ตั้งแต่หนุ่มๆ และมันเป็นไปตามแผนหมดทุกอย่าง หนังสืองานศพก็มี ความหมายของการมีหนังสืองานศพของตัวเองคือ การเตรียมตัวเตรียมใจ พูดง่ายๆ ว่าเตรียมพร้อมทุกอย่างไว้แล้ว คนเขียนคำไว้อาลัยให้เสร็จสรรพเรียบร้อยหมด 10. สิ่งที่มีคุณค่าสำหรับคนวัยผมก็คือ การเห็นความก้าวหน้าของลูกหลานและเหลน ลูกทุกคนมีครอบครัวที่ดี เหมือนกับเราปลูกต้นไม้ เห็นต้นไม้ออกดอกผล ไม่มีด้วงไม่มีแมลงมาเกาะมันก็คือความสุข 11. ชีวิตคนเราไม่ต้องมีต้นแบบ ตัวเราเป็นต้นแบบของตัวเองได้ อย่างผมไง ผมดูแลสุขภาพ วางแผนชีวิตตัวเองมาตลอดตั้งแต่ยังหนุ่มๆ ไม่จำเป็นต้องหาต้นแบบจากที่ไหน นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (ปัจจุบันอายุ 99ปี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • 28/2/68

    เนื้อหายาวมาก แต่คุ้มค่าแก่การอ่านค่ะ

    หมอพจนีย์ #ไม่เชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีจริง
    แล้ววันหนึ่ง....

    แพทย์หญิงพจนีย์ พงษ์ประภาพันธ์....เรียนจบมัธยมปลายที่เตรียมอุดมฯ
    จบแพทย์ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ต่อแพทย์เฉพาะทางด้านสูตินรีเวช

    อยู่กับครอบครัวที่อบอุ่น
    มีนิสัยร่าเริงสนุกสนาน
    มีเพื่อนฝูงรักชอบหมอมากมาย

    หมอเล่าว่า เมื่อก่อนเคยใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย เที่ยวทุกคืน อาศัยเข้าไปกินบรรยากาศ
    ดื่มพอมึน ๆ ฟังพวกเพื่อนที่กินเหล้าคุยกัน มันรู้สึกสนุก บ้าๆ บอๆ สะใจ หัวเราะกันได้ทั้งคืน
    บ่อยครั้งที่ดื่มจนถึงเช้าแล้วค่อยแยกจากกัน

    มันก็แปลกเหมือนกันที่หมอเองเป็นผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ในเพื่อนผู้ชายกลุ่มใหญ่
    แต่ก็ไม่รู้สึกกลัวอะไร กลับรู้สึกว่า ทำแบบนี้ เก๋มาก ภูมิใจ เป็นการเข้าสังคมกลุ่มพี่น้องหมอด้วยกัน

    ก่อนหน้านั้น หมอเป็นคนห่างไกลศาสนา มองไม่เห็นความจำเป็นว่า ศาสนาจะเข้ามาช่วยชีวิตให้สมบูรณ์ได้อย่างไร
    เพราะที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้ ก็ดีอยู่แล้ว ทำบุญวันเกิดปีละครั้งตามประเพณี
    ก็น่าจะเพียงพอแล้ว

    ยิ่งมาเรียนจบหมอก็ยิ่งเชื่อมั่นในความเห็นของตนยิ่ง ขึ้นไปอีก คือ ไม่เชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีจริง

    ยิ่งเรียนสูติฯ ด้วยก็ไม่เคยเห็นเด็กที่คลอดออกมาแล้วเดินได้ 7 ก้าวเลย
    มันไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ว่าพระพุทธเจ้าพอคลอดออกมาก็เดินได้ 7 ก้าว

    ยังนั่งคุยกับเพื่อน ๆ เลยว่า
    สมัยก่อนคงมีนักคิดที่เก่ง ๆ ที่คิดจัดระเบียบทางสังคมให้ดีขึ้น จึงแต่งเรื่องพระพุทธเจ้าขึ้นมา แล้วก็ใส่ปาฏิหาริย์ เพื่อเพิ่มความศรัทธาไปเท่านั้น

    ตอนนั้นหมอคิดว่า อะไรที่พิสูจน์ด้วยวิทยาศาสตร์ไม่ได้ หรือจับต้องไม่ได้
    เราก็ไม่ควรเชื่อ

    ในที่สุด วันร้ายคืนร้ายก็มาถึง หมอล้มป่วยลงอย่างกะทันหัน ด้วยโรคหมอนรองกระดูกแตก โดยไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง
    ซึ่งเจ็บปวดทรมานมาก ถึงขั้นเดินไม่ได้ หมอต้องเข้ารับการผ่าตัดและนอนพักฟื้นอย่างยาวนาน

    ฉีดยาเข้าไขสันหลังเพื่อบรรเทาปวด ก็ยังไม่หาย แม้แต่อาจารย์หมอที่ว่าเก่ง ๆ ที่เชี่ยวชาญมาก ๆ ทั่วทั้งโรงพยาบาลมารุมวินิจฉัยดูอาการ ก็ยังไม่มีใครรักษาเราได้

    ได้รักษาทุกวิถีทางแล้ว จนรู้สึกท้อแท้ หมดหวังเหมือนหมดหวังทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต กินยา ก็กินไม่ได้ ทรมานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน น้ำหนักลดจาก 47 กิโลกรัม เหลือ 42 กิโลกรัม
    ภายใน 2-3 วัน จนอาจารย์หมอมาพูดกับเราว่า ให้ทนอย่างนี้อีก 10 ปี ทนอีก 10 ปีนะ แล้วเราก็จะชินไปเอง…

    ได้ยินประโยคนี้ เรารับไม่ได้ เลยหันมาตั้งสติใหม่ มาคิดว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตนี่…ผ่าตัดก็ไม่หาย ฉีดยาเข้าช่องไขสันหลัง
    น้ำไขสันหลังก็รั่ว กินยาก็แพ้

    อาจารย์หมอทุกคนและเพื่อนหมอด้วยกัน ก็มาช่วยดูแลรักษาอาการของเราทั้งหมด แต่เราก็ยังไม่หาย เราเองก็เป็นหมอด้วย
    มันช่างไม่ตรงไปตรงมาเสียเลย หมอเก่ง ๆ ก็น่าจะรักษาให้หายได้ แต่ทำไมไม่หาย…ทำไมเรื่องแบบนี้
    ต้องมาเกิดขึ้นกับเราเล่า…
    ทำไมต้องเป็นเราด้วย…

    วิชาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีที่ว่าแน่ๆ
    วิชาหมอที่เรียนมาเกือบ 10 ปี ก็ไม่สามารถหาสาเหตุที่แท้จริงของการป่วยของเราเองได้ ซ้ำถูกบอกได้แค่ว่าให้ทนรออีก 10 ปี แล้วจะชินไปเอง……

    มันน่าจะมีอะไร ที่อยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่มากกว่านี้ แล้วสิ่งนั้นคืออะไรกันแน่……

    ความรู้สึกเชื่อมั่นในทางวิทยาศาสตร์ตอนนั้น
    ได้ลดลงไปเลย เพราะเราสู้มาทุกทาง ใช้เทคโนโลยีที่ว่าทันสมัยทุกอย่างรักษามาหมด กลับสู้ไม่ได้…..

    โชคดีที่ช่วงนั้น คุณน้าแนะนำให้เราใช้พุทธศาสตร์เข้ามาช่วย
    ก็ในเมื่อเราลองมาทุกทางแล้วนี่ แต่ไม่เห็นว่าจะมีอะไรดีขึ้น ก็เลยหันมาศึกษาธรรมะ

    ลองหัดทำสมาธิ หัดทำใจให้สงบ ขยันฟังธรรมะทุกวัน…รู้สึกโปร่งโล่งเบากายเบาใจขึ้น รู้สึกเริ่มเข้าใจ
    ในเบื้องหน้าเบื้องหลังของชีวิตมากขึ้น จนทำให้รู้ว่า เบื้องหลังของการป่วยของเรา มันคือวิบากกรรมที่เราเคยทำไว้ในอดีตนั่นเอง

    ก่อนหน้านั้น มีแต่คนบอกว่า คนเราเกิดมาเพื่อใช้กรรม มาชดใช้วิบากกรรมที่เคยทำไว้ฟังแล้วก็รู้สึกว่ามันไม่น่าเกิดมาเลยนะ
    เหมือนเกิดมาเพื่อโดนลงโทษ ก็รู้สึกห่อเหี่ยว คิดว่าเราจะไม่สามารถมีโอกาส หรือหาหนทางแก้ไขได้เลยหรือ ?

    แต่พอมาศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่พระองค์ทรงเน้นย้ำว่าเราเกิดมาเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง…… พอรู้เป้าหมายอย่างนี้ ก็รู้สึกชุ่มใจ
    เกิดมาเหมือนชีวิตมีโอกาสที่จะแก้ไขและปรับปรุงในสิ่งที่เรายังบกพร่องได้

    มีคำถามในใจว่า...
    “ การรู้เพียงว่ามันคือวิบากกรรม มันจะช่วยให้อะไรดีขึ้นได้บ้างล่ะ หากยังไม่รู้ถึงวิธีการแก้ไข ”

    ด้วยคำถามนี้เอง ทำให้หมอประทับใจในคำสอนของพระพุทธเจ้าเพิ่มมากขึ้น เพราะพระพุทธเจ้าทรงสอนให้รู้ถึงวิธีแก้ไขวิบากกรรม จากหนักให้เป็นเบา
    จากเบาก็จะหาย ถ้าจะตายก็จะไปดี ด้วยการบำเพ็ญบุญกุศลให้ถึงพร้อม

    หมอขอยืนยันเลยว่า วิทยาศาสตร์และวิชาหมอไม่ได้สอนไว้เลย ซึ่งหมอได้พิสูจน์จุดนี้อย่างเด่นชัด
    ด้วยตัวเองแล้ว

    ทั้งนี้เพราะอาการของหมอหมดหนทาง
    ที่จะเยียวยาแล้ว แม้กินยา ก็ยังไม่ได้ เพราะแพ้ยา หมอจึงหันมารักษาด้วยการศึกษาและปฏิบัติธรรม
    ทำบุญทำทาน รักษาศีล ทำสมาธิ และอธิษฐานจิต...

    ในที่สุด หมอก็พบว่าอาการของหมอดีขึ้นตามลำดับอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งสามารถทำงานเป็นหมอได้ดังเดิม

    เมื่อก่อน หมอไม่เคยคิดเลยว่า พุทธศาสตร์จะเป็นศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่และมหัศจรรย์ถึงขนาดนี้ คิดแต่ว่าเป็นสิ่งเหลือเชื่อ งมงาย แต่พอมาได้ศึกษาปฏิบัติแล้ว ก็พบว่าวิทยาศาสตร์เป็นศาสตร์ที่
    ยังล้าหลังพุทธศาสตร์อยู่มาก

    อย่างเราเองเรียนหมอ วิชาแพทย์ ก็อธิบายได้แค่การเกิดของคนจนถึงตาย
    แต่ก่อนที่จะเกิด และหลังจากความตายเป็นอย่างไรนั้น วิทยาศาสตร์ตอบไม่ได้…

    การเจ็บป่วย เช่น โรคมะเร็ง ความดัน เบาหวาน หัวใจ สารพัดโรค ทางการแพทย์เองก็ไม่สามารถบอกได้แน่ชัด บอกได้แต่สมมติฐาน และพยาธิสภาพรวมๆว่า มาจากหลายสาเหตุ ยังหาสาเหตุที่แท้จริงไม่ได้

    แต่พอมาศึกษาพุทธศาสตร์ มาหยั่งใจใคร่ครวญด้วยสมาธิ
    ในเรื่องกฎของกรรม ก็สามารถตอบได้หมด
    ถึงสาเหตุและต้นตอของโรคว่าที่เป็นโรคนี้ เพราะกรรมอะไร จากชาติไหน
    และต้องแก้ไขอย่างไร ซึ่งตัวเราเองก็อัศจรรย์ใจมาก

    ทุกวันนี้ หมอเชื่อมั่นถึงการมีจริงของพระพุทธเจ้า เชื่อว่าพระพุทธเจ้าประสูติแล้วสามารถเดินได้ 7 ก้าวจริง ๆ

    พอมาถึงทุกวันนี้ เมื่อหมอย้อนไปในอดีต ก็อดนึกขำตัวเองไม่หายว่าทำไมเราหลงคิดผิด ๆด้วยมานะทิฐิอยู่ได้ตั้งนาน ไม่ยอมเปิดโอกาสให้กับตัวเองได้ลองศึกษาก่อน จนเกือบจะสายเกินไป หรือหมดโอกาสไปเสียเลย

    แต่พอมาศึกษาจริง ๆ จึงได้เข้าใจ
    และเห็นพระคุณของพุทธศาสตร์อย่างลึกซึ้ง
    จนต่อให้วิชาทางโลก ที่ว่าเจ๋ง ๆ นั้น แม้จะไม่รู้ก็ยังไม่เป็นไร แต่หากไม่มาเรียนรู้พุทธศาสตร์แล้ว ก็จะไม่สามารถเอาตัวรอดอย่างปลอดภัยในวัฏสงสารได้เลย

    พุทธศาสตร์นั้น จะสอนให้เรารู้จักเลือกและเลี่ยงได้ สอนให้เรารู้ว่าตอนที่เรา
    ยังมีชีวิตอยู่นั้น เราควรดำเนินชีวิตอย่างไร จึงจะมีชีวิตที่ดีและมีคุณค่า ตลอดจนวิธีการที่จะกำจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไปได้อย่างไร

    การที่จะไม่เกิดอีกนั้น ต้องทำอย่างไร ซึ่งสิ่งนี้เราสามารถเรียนรู้จากการศึกษาปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนา เมื่อเราได้ศึกษาไป ปฏิบัติไป เราก็จะเข้าใจชีวิตและโลกเพิ่มมากขึ้นๆ แล้วจะมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างเห็นความแตกต่างได้ชัด อย่างที่ตัวของหมอเองได้ประสบมา…

    สังคมทุกวันนี้ หมอสังเกตเห็นชัดว่าเด็กที่ฝากท้องกับหมอ จำนวนของเด็กวัยรุ่น 16 – 17 ปี ที่กำลังเป็นวัยเรียนได้เพิ่มสูงขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก บางคนมาขอให้หมอทำแท้งให้ ซึ่งเราก็ให้ความรู้เขาไปว่ามันเป็นบาปนะ มันจะกลับมาเป็นเวรกรรมให้กับตัวเองด้วย

    ปัญหาเด็กและเยาวชนเพิ่มมากขึ้น เพราะสื่อทุกอย่างเป็นสื่อของกระแสกาม
    พ่อแม่เลี้ยงลูกด้วยรายการทีวี เด็กซึมซับพฤติกรรมอะไร ๆ โดยได้รับอิทธิลจากทีวีสูงมาก

    สังคมที่ยังขาดความรู้ทางพุทธศาสตร์ จะแก้ปัญหาให้เกิดความสันติสุขไม่ได้เลย แผนพัฒนาประเทศชาติควรต้องคำนึงถึง
    เรื่องนี้ให้มาก

    หมอคิดว่า แม้ว่าเราจะมีความรู้สูง ฉลาด ก็อย่าฉลาดอย่างงมงายอย่างที่หมอเคยเป็นมาก่อน คือ
    ไม่เปิดโอกาสให้ตัวเองได้มาศึกษาก่อน แถมยังปิดกั้นสิ่งที่ดีนั้นไว้ นั่นจะทำให้เราไม่ได้รับประโยชน์จากสิ่งที่ดีที่สุดไปตลอดชีวิตเลย

    คนเราอาจผิดพลาดในชีวิต คิดผิดด้วยความยึดมั่นในความรู้และความพร้อมของตัวเองได้ก็จริง
    แต่สิ่งที่เราไม่ควรผิดพลาดเลยสำหรับชีวิตนี้
    ก็คือ การปิดกั้นตัวเองจากสิ่งที่ยังไม่ได้ลองศึกษา
    แล้วด่วนสรุปด้วยตัวเองแทนการลงมือพิสูจน์ด้วยตัวเอง

    การเปิดโอกาส ให้ตัวเองได้ศึกษาธรรมะ เป็นการเปิดโอกาสให้เราได้ศึกษา
    วิชาที่สำคัญและจำเป็นที่สุดในชีวิต ที่มิใช่เป็นเพียงทางเลือก แต่เป็นสิ่งที่ต้องรู้ ถ้าไม่รู้ ก็เสียชาติเกิด…

    /////////

    ขอขอบคุณและอนุโมทนาบุญกับแพทย์หญิงพจนีย์ พงษ์ประภาพันธ์ ที่ให้ประสบการณ์ชีวิตเป็นธรรมทานค่ะ

    สำหรับผู้ได้อ่านแล้วเห็นว่าเป็นธรรมะที่ดีช่วยกันแชร์เป็นธรรมทานนะคะ 😊🙏✨
    28/2/68 เนื้อหายาวมาก แต่คุ้มค่าแก่การอ่านค่ะ หมอพจนีย์ #ไม่เชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีจริง แล้ววันหนึ่ง.... แพทย์หญิงพจนีย์ พงษ์ประภาพันธ์....เรียนจบมัธยมปลายที่เตรียมอุดมฯ จบแพทย์ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ต่อแพทย์เฉพาะทางด้านสูตินรีเวช อยู่กับครอบครัวที่อบอุ่น มีนิสัยร่าเริงสนุกสนาน มีเพื่อนฝูงรักชอบหมอมากมาย หมอเล่าว่า เมื่อก่อนเคยใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย เที่ยวทุกคืน อาศัยเข้าไปกินบรรยากาศ ดื่มพอมึน ๆ ฟังพวกเพื่อนที่กินเหล้าคุยกัน มันรู้สึกสนุก บ้าๆ บอๆ สะใจ หัวเราะกันได้ทั้งคืน บ่อยครั้งที่ดื่มจนถึงเช้าแล้วค่อยแยกจากกัน มันก็แปลกเหมือนกันที่หมอเองเป็นผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ในเพื่อนผู้ชายกลุ่มใหญ่ แต่ก็ไม่รู้สึกกลัวอะไร กลับรู้สึกว่า ทำแบบนี้ เก๋มาก ภูมิใจ เป็นการเข้าสังคมกลุ่มพี่น้องหมอด้วยกัน ก่อนหน้านั้น หมอเป็นคนห่างไกลศาสนา มองไม่เห็นความจำเป็นว่า ศาสนาจะเข้ามาช่วยชีวิตให้สมบูรณ์ได้อย่างไร เพราะที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้ ก็ดีอยู่แล้ว ทำบุญวันเกิดปีละครั้งตามประเพณี ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ยิ่งมาเรียนจบหมอก็ยิ่งเชื่อมั่นในความเห็นของตนยิ่ง ขึ้นไปอีก คือ ไม่เชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีจริง ยิ่งเรียนสูติฯ ด้วยก็ไม่เคยเห็นเด็กที่คลอดออกมาแล้วเดินได้ 7 ก้าวเลย มันไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ว่าพระพุทธเจ้าพอคลอดออกมาก็เดินได้ 7 ก้าว ยังนั่งคุยกับเพื่อน ๆ เลยว่า สมัยก่อนคงมีนักคิดที่เก่ง ๆ ที่คิดจัดระเบียบทางสังคมให้ดีขึ้น จึงแต่งเรื่องพระพุทธเจ้าขึ้นมา แล้วก็ใส่ปาฏิหาริย์ เพื่อเพิ่มความศรัทธาไปเท่านั้น ตอนนั้นหมอคิดว่า อะไรที่พิสูจน์ด้วยวิทยาศาสตร์ไม่ได้ หรือจับต้องไม่ได้ เราก็ไม่ควรเชื่อ ในที่สุด วันร้ายคืนร้ายก็มาถึง หมอล้มป่วยลงอย่างกะทันหัน ด้วยโรคหมอนรองกระดูกแตก โดยไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง ซึ่งเจ็บปวดทรมานมาก ถึงขั้นเดินไม่ได้ หมอต้องเข้ารับการผ่าตัดและนอนพักฟื้นอย่างยาวนาน ฉีดยาเข้าไขสันหลังเพื่อบรรเทาปวด ก็ยังไม่หาย แม้แต่อาจารย์หมอที่ว่าเก่ง ๆ ที่เชี่ยวชาญมาก ๆ ทั่วทั้งโรงพยาบาลมารุมวินิจฉัยดูอาการ ก็ยังไม่มีใครรักษาเราได้ ได้รักษาทุกวิถีทางแล้ว จนรู้สึกท้อแท้ หมดหวังเหมือนหมดหวังทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต กินยา ก็กินไม่ได้ ทรมานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน น้ำหนักลดจาก 47 กิโลกรัม เหลือ 42 กิโลกรัม ภายใน 2-3 วัน จนอาจารย์หมอมาพูดกับเราว่า ให้ทนอย่างนี้อีก 10 ปี ทนอีก 10 ปีนะ แล้วเราก็จะชินไปเอง… ได้ยินประโยคนี้ เรารับไม่ได้ เลยหันมาตั้งสติใหม่ มาคิดว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตนี่…ผ่าตัดก็ไม่หาย ฉีดยาเข้าช่องไขสันหลัง น้ำไขสันหลังก็รั่ว กินยาก็แพ้ อาจารย์หมอทุกคนและเพื่อนหมอด้วยกัน ก็มาช่วยดูแลรักษาอาการของเราทั้งหมด แต่เราก็ยังไม่หาย เราเองก็เป็นหมอด้วย มันช่างไม่ตรงไปตรงมาเสียเลย หมอเก่ง ๆ ก็น่าจะรักษาให้หายได้ แต่ทำไมไม่หาย…ทำไมเรื่องแบบนี้ ต้องมาเกิดขึ้นกับเราเล่า… ทำไมต้องเป็นเราด้วย… วิชาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีที่ว่าแน่ๆ วิชาหมอที่เรียนมาเกือบ 10 ปี ก็ไม่สามารถหาสาเหตุที่แท้จริงของการป่วยของเราเองได้ ซ้ำถูกบอกได้แค่ว่าให้ทนรออีก 10 ปี แล้วจะชินไปเอง…… มันน่าจะมีอะไร ที่อยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่มากกว่านี้ แล้วสิ่งนั้นคืออะไรกันแน่…… ความรู้สึกเชื่อมั่นในทางวิทยาศาสตร์ตอนนั้น ได้ลดลงไปเลย เพราะเราสู้มาทุกทาง ใช้เทคโนโลยีที่ว่าทันสมัยทุกอย่างรักษามาหมด กลับสู้ไม่ได้….. โชคดีที่ช่วงนั้น คุณน้าแนะนำให้เราใช้พุทธศาสตร์เข้ามาช่วย ก็ในเมื่อเราลองมาทุกทางแล้วนี่ แต่ไม่เห็นว่าจะมีอะไรดีขึ้น ก็เลยหันมาศึกษาธรรมะ ลองหัดทำสมาธิ หัดทำใจให้สงบ ขยันฟังธรรมะทุกวัน…รู้สึกโปร่งโล่งเบากายเบาใจขึ้น รู้สึกเริ่มเข้าใจ ในเบื้องหน้าเบื้องหลังของชีวิตมากขึ้น จนทำให้รู้ว่า เบื้องหลังของการป่วยของเรา มันคือวิบากกรรมที่เราเคยทำไว้ในอดีตนั่นเอง ก่อนหน้านั้น มีแต่คนบอกว่า คนเราเกิดมาเพื่อใช้กรรม มาชดใช้วิบากกรรมที่เคยทำไว้ฟังแล้วก็รู้สึกว่ามันไม่น่าเกิดมาเลยนะ เหมือนเกิดมาเพื่อโดนลงโทษ ก็รู้สึกห่อเหี่ยว คิดว่าเราจะไม่สามารถมีโอกาส หรือหาหนทางแก้ไขได้เลยหรือ ? แต่พอมาศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่พระองค์ทรงเน้นย้ำว่าเราเกิดมาเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง…… พอรู้เป้าหมายอย่างนี้ ก็รู้สึกชุ่มใจ เกิดมาเหมือนชีวิตมีโอกาสที่จะแก้ไขและปรับปรุงในสิ่งที่เรายังบกพร่องได้ มีคำถามในใจว่า... “ การรู้เพียงว่ามันคือวิบากกรรม มันจะช่วยให้อะไรดีขึ้นได้บ้างล่ะ หากยังไม่รู้ถึงวิธีการแก้ไข ” ด้วยคำถามนี้เอง ทำให้หมอประทับใจในคำสอนของพระพุทธเจ้าเพิ่มมากขึ้น เพราะพระพุทธเจ้าทรงสอนให้รู้ถึงวิธีแก้ไขวิบากกรรม จากหนักให้เป็นเบา จากเบาก็จะหาย ถ้าจะตายก็จะไปดี ด้วยการบำเพ็ญบุญกุศลให้ถึงพร้อม หมอขอยืนยันเลยว่า วิทยาศาสตร์และวิชาหมอไม่ได้สอนไว้เลย ซึ่งหมอได้พิสูจน์จุดนี้อย่างเด่นชัด ด้วยตัวเองแล้ว ทั้งนี้เพราะอาการของหมอหมดหนทาง ที่จะเยียวยาแล้ว แม้กินยา ก็ยังไม่ได้ เพราะแพ้ยา หมอจึงหันมารักษาด้วยการศึกษาและปฏิบัติธรรม ทำบุญทำทาน รักษาศีล ทำสมาธิ และอธิษฐานจิต... ในที่สุด หมอก็พบว่าอาการของหมอดีขึ้นตามลำดับอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งสามารถทำงานเป็นหมอได้ดังเดิม เมื่อก่อน หมอไม่เคยคิดเลยว่า พุทธศาสตร์จะเป็นศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่และมหัศจรรย์ถึงขนาดนี้ คิดแต่ว่าเป็นสิ่งเหลือเชื่อ งมงาย แต่พอมาได้ศึกษาปฏิบัติแล้ว ก็พบว่าวิทยาศาสตร์เป็นศาสตร์ที่ ยังล้าหลังพุทธศาสตร์อยู่มาก อย่างเราเองเรียนหมอ วิชาแพทย์ ก็อธิบายได้แค่การเกิดของคนจนถึงตาย แต่ก่อนที่จะเกิด และหลังจากความตายเป็นอย่างไรนั้น วิทยาศาสตร์ตอบไม่ได้… การเจ็บป่วย เช่น โรคมะเร็ง ความดัน เบาหวาน หัวใจ สารพัดโรค ทางการแพทย์เองก็ไม่สามารถบอกได้แน่ชัด บอกได้แต่สมมติฐาน และพยาธิสภาพรวมๆว่า มาจากหลายสาเหตุ ยังหาสาเหตุที่แท้จริงไม่ได้ แต่พอมาศึกษาพุทธศาสตร์ มาหยั่งใจใคร่ครวญด้วยสมาธิ ในเรื่องกฎของกรรม ก็สามารถตอบได้หมด ถึงสาเหตุและต้นตอของโรคว่าที่เป็นโรคนี้ เพราะกรรมอะไร จากชาติไหน และต้องแก้ไขอย่างไร ซึ่งตัวเราเองก็อัศจรรย์ใจมาก ทุกวันนี้ หมอเชื่อมั่นถึงการมีจริงของพระพุทธเจ้า เชื่อว่าพระพุทธเจ้าประสูติแล้วสามารถเดินได้ 7 ก้าวจริง ๆ พอมาถึงทุกวันนี้ เมื่อหมอย้อนไปในอดีต ก็อดนึกขำตัวเองไม่หายว่าทำไมเราหลงคิดผิด ๆด้วยมานะทิฐิอยู่ได้ตั้งนาน ไม่ยอมเปิดโอกาสให้กับตัวเองได้ลองศึกษาก่อน จนเกือบจะสายเกินไป หรือหมดโอกาสไปเสียเลย แต่พอมาศึกษาจริง ๆ จึงได้เข้าใจ และเห็นพระคุณของพุทธศาสตร์อย่างลึกซึ้ง จนต่อให้วิชาทางโลก ที่ว่าเจ๋ง ๆ นั้น แม้จะไม่รู้ก็ยังไม่เป็นไร แต่หากไม่มาเรียนรู้พุทธศาสตร์แล้ว ก็จะไม่สามารถเอาตัวรอดอย่างปลอดภัยในวัฏสงสารได้เลย พุทธศาสตร์นั้น จะสอนให้เรารู้จักเลือกและเลี่ยงได้ สอนให้เรารู้ว่าตอนที่เรา ยังมีชีวิตอยู่นั้น เราควรดำเนินชีวิตอย่างไร จึงจะมีชีวิตที่ดีและมีคุณค่า ตลอดจนวิธีการที่จะกำจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไปได้อย่างไร การที่จะไม่เกิดอีกนั้น ต้องทำอย่างไร ซึ่งสิ่งนี้เราสามารถเรียนรู้จากการศึกษาปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนา เมื่อเราได้ศึกษาไป ปฏิบัติไป เราก็จะเข้าใจชีวิตและโลกเพิ่มมากขึ้นๆ แล้วจะมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างเห็นความแตกต่างได้ชัด อย่างที่ตัวของหมอเองได้ประสบมา… สังคมทุกวันนี้ หมอสังเกตเห็นชัดว่าเด็กที่ฝากท้องกับหมอ จำนวนของเด็กวัยรุ่น 16 – 17 ปี ที่กำลังเป็นวัยเรียนได้เพิ่มสูงขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก บางคนมาขอให้หมอทำแท้งให้ ซึ่งเราก็ให้ความรู้เขาไปว่ามันเป็นบาปนะ มันจะกลับมาเป็นเวรกรรมให้กับตัวเองด้วย ปัญหาเด็กและเยาวชนเพิ่มมากขึ้น เพราะสื่อทุกอย่างเป็นสื่อของกระแสกาม พ่อแม่เลี้ยงลูกด้วยรายการทีวี เด็กซึมซับพฤติกรรมอะไร ๆ โดยได้รับอิทธิลจากทีวีสูงมาก สังคมที่ยังขาดความรู้ทางพุทธศาสตร์ จะแก้ปัญหาให้เกิดความสันติสุขไม่ได้เลย แผนพัฒนาประเทศชาติควรต้องคำนึงถึง เรื่องนี้ให้มาก หมอคิดว่า แม้ว่าเราจะมีความรู้สูง ฉลาด ก็อย่าฉลาดอย่างงมงายอย่างที่หมอเคยเป็นมาก่อน คือ ไม่เปิดโอกาสให้ตัวเองได้มาศึกษาก่อน แถมยังปิดกั้นสิ่งที่ดีนั้นไว้ นั่นจะทำให้เราไม่ได้รับประโยชน์จากสิ่งที่ดีที่สุดไปตลอดชีวิตเลย คนเราอาจผิดพลาดในชีวิต คิดผิดด้วยความยึดมั่นในความรู้และความพร้อมของตัวเองได้ก็จริง แต่สิ่งที่เราไม่ควรผิดพลาดเลยสำหรับชีวิตนี้ ก็คือ การปิดกั้นตัวเองจากสิ่งที่ยังไม่ได้ลองศึกษา แล้วด่วนสรุปด้วยตัวเองแทนการลงมือพิสูจน์ด้วยตัวเอง การเปิดโอกาส ให้ตัวเองได้ศึกษาธรรมะ เป็นการเปิดโอกาสให้เราได้ศึกษา วิชาที่สำคัญและจำเป็นที่สุดในชีวิต ที่มิใช่เป็นเพียงทางเลือก แต่เป็นสิ่งที่ต้องรู้ ถ้าไม่รู้ ก็เสียชาติเกิด… ///////// ขอขอบคุณและอนุโมทนาบุญกับแพทย์หญิงพจนีย์ พงษ์ประภาพันธ์ ที่ให้ประสบการณ์ชีวิตเป็นธรรมทานค่ะ สำหรับผู้ได้อ่านแล้วเห็นว่าเป็นธรรมะที่ดีช่วยกันแชร์เป็นธรรมทานนะคะ 😊🙏✨
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • ย้อนรอยโศกนาฏกรรม ไฟไหม้รถไฟ “กอดรา” เมื่อ 23 ปี ที่ผ่านมา วางเพลิงปริศนา หรืออุบัติเหตุ?
    เหตุการณ์สะเทือนขวัญแห่งรัฐคุชราต

    🗓️ ย้อนไปเมื่อ 23 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545 เกิดโศกนาฏกรรม ที่เขย่าขวัญทั้งอินเดีย ขบวนรถไฟ Sabarmati Express ถูกไฟไหม้ที่สถานี Godhra ในรัฐคุชราต ส่งผลให้ 59 ชีวิต ต้องจบลงอย่างโหดร้าย และมีผู้ถูกไฟคลอกบาดเจ็บอีก 48 ราย

    เหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่เพลิงไหม้ธรรมดา แต่กลายเป็นชนวนเหตุ ของความขัดแย้งทางศาสนา ที่นำไปสู่ความรุนแรง และการจลาจลทั่วทั้งรัฐคุชราต มีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 2,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม 😨

    แต่คำถามที่ยังคงอยู่ จนถึงทุกวันนี้คือ... ไฟไหม้ครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุ หรือแผนสมคบคิด? 🔥

    🚆 Sabarmati Express เป็นขบวนรถไฟ ที่เดินทางจากเมืองอโยธยา (Ayodhya) มุ่งหน้าสู่ อาเมดาบัด (Ahmedabad) ในรัฐคุชราต ขบวนนี้มีผู้แสวงบุญชาวฮินดู (Kar Sevaks) กว่า 1,700 คน ซึ่งเดินทางกลับจากอโยธยา

    🕖 เวลา 7:43 น. เมื่อขบวนรถไฟถึงสถานี Godhra มีเหตุการณ์ความขัดแย้งเกิดขึ้น ระหว่างชาวฮินดู กับชาวมุสลิมในพื้นที่ มีรายงานว่า ฝูงชนขว้างหินเข้าใส่ขบวนรถ ขณะที่มีคนดึงเบรกฉุกเฉิน ทำให้รถไฟหยุดลง

    🔥 ไม่นานนัก ตู้รถไฟที่ 6 (S-6) ก็ลุกไหม้ขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้ผู้โดยสารที่ติดอยู่ภายใน ไม่สามารถหนีออกมาได้ ส่งผลให้มีผู้ถูกย่างสดเสียชีวิต 59 ศพ รวมถึงเด็ก 10 คน และผู้หญิง 27 คน

    💬 คำถามสำคัญคือ ไฟไหม้เกิดจากอะไร?
    มีการกล่าวหาว่า กลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง วางแผนเผารถไฟ 🚇 ขณะที่บางฝ่ายระบุว่า เป็นอุบัติเหตุจากเตาถ่าน ที่ใช้ประกอบอาหารภายในขบวนรถ

    🔥 เหตุการณ์ลุกลาม กลายเป็นจลาจลนองเลือด หลังเกิดเหตุการณ์ไม่กี่ชั่วโมง ข่าวแพร่สะพัดไปทั่วรัฐคุชราต กลุ่มฮินดูหัวรุนแรง ตอบโต้ชาวมุสลิมอย่างรุนแรง จนเกิดการจลาจลใหญ่ในคุชราต

    🔴 ผู้เสียชีวิตกว่า 2,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม
    🏚️ หมู่บ้าน และบ้านเรือนของชาวมุสลิม ถูกเผาวอด
    👮‍♂️ ตำรวจและรัฐบาลถูกกล่าวหาว่า ปล่อยให้เหตุการณ์รุนแรงลุกลาม

    มีคำถามมากมาย ที่ยังคงค้างคาใจ...
    ❓ เหตุใดตำรวจ จึงไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้?
    ❓ "นเรนทรา โมดี" นายกรัฐมนตรีอินเดียในปัจจุบัน ซึ่งขณะนั้นเป็นมุขมนตรีรัฐคุชราต มีบทบาทอย่างไรในการจลาจล?

    ข้อสรุปจากการสอบสวน วางเพลิงหรืออุบัติเหตุ?
    🚨 มีคณะกรรมการสอบสวนหลายชุด ถูกตั้งขึ้นเพื่อหาความจริง แต่ผลสรุปกลับไม่ตรงกัน

    🔹 คณะกรรมการ Nanavati-Mehta 2008
    ✅ รายงานระบุว่า เป็นแผนวางเพลิงโดยชาวมุสลิม
    ✅ มีการใช้น้ำมันเบนซินเทลงบนตู้โดยสาร ก่อนจะจุดไฟเผา

    🔹 คณะกรรมการ Banerjee 2006
    ❌ รายงานสรุปว่า ไฟไหม้เกิดจากอุบัติเหตุภายในรถไฟ
    ❌ ไม่มีหลักฐานยืนยันว่า มีการวางเพลิง

    🔹 องค์กรสิทธิมนุษยชน และนักวิจัยอิสระ
    🔍 พบหลักฐานที่บ่งชี้ว่า ไฟไหม้เกิดจากการเผาภายในตู้โดยสารเอง ไม่ใช่การวางเพลิงจากภายนอก

    ผลกระทบและคำตัดสินของศาล
    ⚖️ ปี 2011 ศาลอินเดียตัดสินให้ชาวมุสลิม 31 คน มีความผิดฐานวางเพลิง
    ⚖️ ปี 2017 ศาลลดโทษประหารชีวิต ของผู้ต้องขัง 11 คน เป็นจำคุกตลอดชีวิต
    ⚖️ ปี 2022 ศาลฎีกาอินเดียยืนยันคำตัดสินว่า การวางเพลิงมีอยู่จริง

    แต่... 🚨 หลายฝ่ายยังคงตั้งคำถามว่า การสอบสวนมีแรงจูงใจทางการเมืองหรือไม่? 🧐

    ข้อสังเกตแ ละข้อถกเถียงที่ยังคงอยู่
    💡 ไฟไหม้ครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุ หรือการโจมตีที่มีการวางแผน?
    💡 เหตุใดตำรวจและรัฐบาล จึงไม่สามารถควบคุมการจลาจล ที่เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์ได้?
    💡 บทบาทของ "นเรนทรา โมดี" ในเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นอย่างไร?

    🤔 แม้จะผ่านไปกว่า 23 ปี แต่โศกนาฏกรรมครั้งนี้ ยังคงเป็นที่ถกเถียงในอินเดีย

    บทเรียนจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้
    🔥 เหตุการณ์ไฟไหม้ Sabarmati Express เป็นโศกนาฏกรรม ที่สะท้อนถึงความขัดแย้งทางศาสนา และการเมืองในอินเดีย
    ✋ ความรุนแรงที่ตามมา แสดงให้เห็นถึง อันตรายของความเกลียดชัง และการแบ่งแยกทางศาสนา
    🔎 แม้จะมีการสอบสวนและตัดสินคดี แต่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับต้นเหตุของเพลิงไหม้ ยังคงเป็นที่ถกเถียง

    📌 สุดท้ายนี้... เหตุการณ์ที่กอดรา ได้เตือนโลกว่า ความรุนแรง ที่เกิดจากความขัดแย้งทางศาสนา อาจนำไปสู่โศกนาฏกรรม ที่ไม่มีวันย้อนคืนได้ 🔗 💬

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 270947 ก.พ. 2568

    #โศกนาฏกรรมกอดรา #ไฟไหม้รถไฟอินเดีย #จลาจลคุชราต #ประวัติศาสตร์อินเดีย #ไฟคลอกรถไฟ #GodhraTrainBurning #SabarmatiExpress #ไฟไหม้ปริศนา #ความขัดแย้งทางศาสนา #23ปีไฟไหม้กอดรา
    ย้อนรอยโศกนาฏกรรม ไฟไหม้รถไฟ “กอดรา” เมื่อ 23 ปี ที่ผ่านมา วางเพลิงปริศนา หรืออุบัติเหตุ? เหตุการณ์สะเทือนขวัญแห่งรัฐคุชราต 🗓️ ย้อนไปเมื่อ 23 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545 เกิดโศกนาฏกรรม ที่เขย่าขวัญทั้งอินเดีย ขบวนรถไฟ Sabarmati Express ถูกไฟไหม้ที่สถานี Godhra ในรัฐคุชราต ส่งผลให้ 59 ชีวิต ต้องจบลงอย่างโหดร้าย และมีผู้ถูกไฟคลอกบาดเจ็บอีก 48 ราย เหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่เพลิงไหม้ธรรมดา แต่กลายเป็นชนวนเหตุ ของความขัดแย้งทางศาสนา ที่นำไปสู่ความรุนแรง และการจลาจลทั่วทั้งรัฐคุชราต มีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 2,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม 😨 แต่คำถามที่ยังคงอยู่ จนถึงทุกวันนี้คือ... ไฟไหม้ครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุ หรือแผนสมคบคิด? 🔥 🚆 Sabarmati Express เป็นขบวนรถไฟ ที่เดินทางจากเมืองอโยธยา (Ayodhya) มุ่งหน้าสู่ อาเมดาบัด (Ahmedabad) ในรัฐคุชราต ขบวนนี้มีผู้แสวงบุญชาวฮินดู (Kar Sevaks) กว่า 1,700 คน ซึ่งเดินทางกลับจากอโยธยา 🕖 เวลา 7:43 น. เมื่อขบวนรถไฟถึงสถานี Godhra มีเหตุการณ์ความขัดแย้งเกิดขึ้น ระหว่างชาวฮินดู กับชาวมุสลิมในพื้นที่ มีรายงานว่า ฝูงชนขว้างหินเข้าใส่ขบวนรถ ขณะที่มีคนดึงเบรกฉุกเฉิน ทำให้รถไฟหยุดลง 🔥 ไม่นานนัก ตู้รถไฟที่ 6 (S-6) ก็ลุกไหม้ขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้ผู้โดยสารที่ติดอยู่ภายใน ไม่สามารถหนีออกมาได้ ส่งผลให้มีผู้ถูกย่างสดเสียชีวิต 59 ศพ รวมถึงเด็ก 10 คน และผู้หญิง 27 คน 💬 คำถามสำคัญคือ ไฟไหม้เกิดจากอะไร? มีการกล่าวหาว่า กลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง วางแผนเผารถไฟ 🚇 ขณะที่บางฝ่ายระบุว่า เป็นอุบัติเหตุจากเตาถ่าน ที่ใช้ประกอบอาหารภายในขบวนรถ 🔥 เหตุการณ์ลุกลาม กลายเป็นจลาจลนองเลือด หลังเกิดเหตุการณ์ไม่กี่ชั่วโมง ข่าวแพร่สะพัดไปทั่วรัฐคุชราต กลุ่มฮินดูหัวรุนแรง ตอบโต้ชาวมุสลิมอย่างรุนแรง จนเกิดการจลาจลใหญ่ในคุชราต 🔴 ผู้เสียชีวิตกว่า 2,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม 🏚️ หมู่บ้าน และบ้านเรือนของชาวมุสลิม ถูกเผาวอด 👮‍♂️ ตำรวจและรัฐบาลถูกกล่าวหาว่า ปล่อยให้เหตุการณ์รุนแรงลุกลาม มีคำถามมากมาย ที่ยังคงค้างคาใจ... ❓ เหตุใดตำรวจ จึงไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้? ❓ "นเรนทรา โมดี" นายกรัฐมนตรีอินเดียในปัจจุบัน ซึ่งขณะนั้นเป็นมุขมนตรีรัฐคุชราต มีบทบาทอย่างไรในการจลาจล? ข้อสรุปจากการสอบสวน วางเพลิงหรืออุบัติเหตุ? 🚨 มีคณะกรรมการสอบสวนหลายชุด ถูกตั้งขึ้นเพื่อหาความจริง แต่ผลสรุปกลับไม่ตรงกัน 🔹 คณะกรรมการ Nanavati-Mehta 2008 ✅ รายงานระบุว่า เป็นแผนวางเพลิงโดยชาวมุสลิม ✅ มีการใช้น้ำมันเบนซินเทลงบนตู้โดยสาร ก่อนจะจุดไฟเผา 🔹 คณะกรรมการ Banerjee 2006 ❌ รายงานสรุปว่า ไฟไหม้เกิดจากอุบัติเหตุภายในรถไฟ ❌ ไม่มีหลักฐานยืนยันว่า มีการวางเพลิง 🔹 องค์กรสิทธิมนุษยชน และนักวิจัยอิสระ 🔍 พบหลักฐานที่บ่งชี้ว่า ไฟไหม้เกิดจากการเผาภายในตู้โดยสารเอง ไม่ใช่การวางเพลิงจากภายนอก ผลกระทบและคำตัดสินของศาล ⚖️ ปี 2011 ศาลอินเดียตัดสินให้ชาวมุสลิม 31 คน มีความผิดฐานวางเพลิง ⚖️ ปี 2017 ศาลลดโทษประหารชีวิต ของผู้ต้องขัง 11 คน เป็นจำคุกตลอดชีวิต ⚖️ ปี 2022 ศาลฎีกาอินเดียยืนยันคำตัดสินว่า การวางเพลิงมีอยู่จริง แต่... 🚨 หลายฝ่ายยังคงตั้งคำถามว่า การสอบสวนมีแรงจูงใจทางการเมืองหรือไม่? 🧐 ข้อสังเกตแ ละข้อถกเถียงที่ยังคงอยู่ 💡 ไฟไหม้ครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุ หรือการโจมตีที่มีการวางแผน? 💡 เหตุใดตำรวจและรัฐบาล จึงไม่สามารถควบคุมการจลาจล ที่เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์ได้? 💡 บทบาทของ "นเรนทรา โมดี" ในเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นอย่างไร? 🤔 แม้จะผ่านไปกว่า 23 ปี แต่โศกนาฏกรรมครั้งนี้ ยังคงเป็นที่ถกเถียงในอินเดีย บทเรียนจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้ 🔥 เหตุการณ์ไฟไหม้ Sabarmati Express เป็นโศกนาฏกรรม ที่สะท้อนถึงความขัดแย้งทางศาสนา และการเมืองในอินเดีย ✋ ความรุนแรงที่ตามมา แสดงให้เห็นถึง อันตรายของความเกลียดชัง และการแบ่งแยกทางศาสนา 🔎 แม้จะมีการสอบสวนและตัดสินคดี แต่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับต้นเหตุของเพลิงไหม้ ยังคงเป็นที่ถกเถียง 📌 สุดท้ายนี้... เหตุการณ์ที่กอดรา ได้เตือนโลกว่า ความรุนแรง ที่เกิดจากความขัดแย้งทางศาสนา อาจนำไปสู่โศกนาฏกรรม ที่ไม่มีวันย้อนคืนได้ 🔗 💬 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 270947 ก.พ. 2568 #โศกนาฏกรรมกอดรา #ไฟไหม้รถไฟอินเดีย #จลาจลคุชราต #ประวัติศาสตร์อินเดีย #ไฟคลอกรถไฟ #GodhraTrainBurning #SabarmatiExpress #ไฟไหม้ปริศนา #ความขัดแย้งทางศาสนา #23ปีไฟไหม้กอดรา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 244 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผมเพิ่งมาฉุกคิดเอาเมื่อไม่กี่วันมานี้เองว่า ไพ่ Tower นำเสนอโลกทัศน์แบบเฟมินิสม์ (Feminism) ชัดเอามาก ๆ หรือจะให้เจาะจงกว่านั้นคือ ไพ่ใบนี้แสดงถึงการต่อต้านปิตาธิปไตย (Patriarchy) แบบเห็นตำตากระแทกหน้าเลยทีเดียว

    ก่อนจะตอบคำถามว่าทำไม ผมขอถือวิสาสะติ๊ต่างว่าพวกคุณที่กำลังอ่านเนื้อหาในโพสต์นี้อยู่ไม่เคยรู้จักคำว่า Phallus หรือ Phallic symbol มาก่อน เพื่อที่ผมจะได้ติ๊ต่างว่าตัวเองเป็นผู้ทรงภูมิและเล่าเรื่องต่อจากนี้ได้อย่างมีแพชชันมากขึ้นนะครับ

    ในสัญลักษณ์วิทยา ซึ่งต่อมาก็ขยายไปถึงทฤษฏีการวิจารณ์งานศิลปะ วรรณกรรม และสื่อประเภทต่าง ๆ มีสัญลักษณ์ประเภทหนึ่งที่เรียกว่า "Phallic symbol" หรือ "ลึงคสัญลักษณ์" คือเป็นสัญลักษณ์ที่เชื่อมโยงกับ "Phallus" หรือ "ลึงค์" หรือก็คือ_วยซึ่งเป็นเครื่องเพศแบบ Built it แต่กำเนิดของมนุษย์เพศชายทุกคนนั่นแหละครับ

    Phallic symbol คือสัญลักษณ์ที่อยู่ในรูปวัตถุสิ่งของใด ๆ ก็ตามที่มีลักษณะหรือสัณฐานคล้าย Phallus กล่าวคือ ยาว เป็นแท่ง เป็นดุ้น เป็นลำ มีตั้งแต่สิ่งของไม่มีชีวิต เช่น ดาบ กระบอง จรวด เข็ม ดินสอ ปืน ฯลฯ ไปจนถึงสิ่งมีชีวิตหรืออวัยวะ เช่น งู มังกร แขน ขา นิ้ว เขี้ยว หนวดหมึก เป็นต้น แน่นอนว่า หอคอย ก็จัดเป็นสัญลักษณ์ประเภทนี้ด้วย

    ทีนี้ วัตถุสิ่งของใดก็ตามที่เข้าข่าย Phallic symbol มันไม่ได้แค่เป็นตัวแทนของ_วยหรือลึงค์ของผู้ชาย แต่ในทางสัญลักษณ์วิทยาและทฤษฎีการวิจารณ์ (โดยเฉพาะในสายจิตวิเคราะห์และสายเฟมินิสม์) สัญลักษณ์พวกนี้พ่วงมาด้วยคุณลักษณะอะไรก็ตามที่สังคมแบบปิตาธิปไตยหรือชายเป็นใหญ่ล้วนแต่จับยึดโยงกับเพศชาย ไม่ว่าจะเป็น ความแข็งแกร่ง ความเป็นผู้นำ ความเป็นฝ่ายกระทำหรือฝ่ายรุก อำนาจ ฯลฯ ตย. ที่เห็นชัดมาก ๆ คือในสมัยก่อน คนที่จับอาวุธอย่างดาบ กระบี่กระบอง หรือท่อนไม้ เพื่อใช้ต่อสู้ศัตรูหรือปกป้องครอบครัว ก็มักเป็นผู้ชาย ส่วนในสมัยปัจจุบันก็มีสัญลักษณ์ใหม่ ๆ อย่างรถยนต์ ผู้ชายที่ขับรถก็เป็นการแสดงถึงความมีอำนาจ(ทางการเงิน) ทำให้มีโอกาสตกผู้หญิงได้มากกว่าคนไม่มีรถขับ อะไรทำนองนี้

    เมื่อพูดถึง Phallus แล้วก็ต้องขอแนะนำอีกคำหนึ่ง นั่นคือ "Phallocentrism" คือแนวคิดว่าด้วยการเอา "ลึงค์" เป็นศูนย์กลาง ไม่ได้หมายถึงวัน ๆ คิดแต่เรื่องหื่น ๆ แต่หมายถึงการสร้างวัฒนธรรมและวางระบบของสังคมโดยเน้นที่เพศชายเป็นหลัก หรืออีกนัยหนึ่งก็คือปิตาธิปไตยนั่นเอง

    สังคมมนุษย์หลายแห่งทั้งในอดีตและปัจจุบันเป็นสังคมแบบเอาลึงค์เป็นใหญ่ ซึ่งมักสะท้อนให้เห็นผ่านตำนานความเชื่อของคนในสังคมนั้น ๆ ลองสังเกตเทพปกรณัมของหลายชนชาติที่ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นชายมีอำนาจสูงสุด มันมักจะมีสัญลักษณ์ที่เป็น Phallic symbol สักอย่างทำหน้าที่เป็นเสมือนศูนย์กลางทางจักรวาลวิทยาของความเชื่อนั้น ๆ เช่น เขาโอลิมปัสและเขาพระสุเมรุที่เป็นแกนกลางของจักรวาลตามตำนานกรีกและฮินดูตามลำดับ ต้นอิกดราซิลของนอร์ส หรือในกรณีของศาสนาที่ยังคง active ในปัจจุบัน ก็มีต้นศรีมหาโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าประทับข้างใต้ขณะตรัสรู้ และไม้กางเขนที่ตรึงพระเยซู เป็นต้น (อย่าปฏิเสธผมนะว่า 2 ศาสนานี้ไม่ได้เอาชายเป็นใหญ่)

    กลับมาที่ไพ่ Tower ไพ่ทาโรต์ชุดหลักหมายเลข 16 ตัวหอคอยที่กำลังโดนฟ้าผ่าจนพังทลาย มันก็คือ Phallic symbol อย่างหนึ่ง เป็นเสมือนลึงค์ลำเบ้อเร่อที่ชูตระหง่านขึ้นฟ้า ลองนึกภาพว่าคุณเป็นชาวบ้านธรรมดา ๆ ในหมู่บ้านห่างไกล หอคอยหลังนี้น่าจะสูงตระหง่านจนมองเห็นได้จากหมู่บ้านของคุณ และผู้ที่สั่งการให้สร้างหอคอยสูงตระหง่านขนาดนี้ได้ก็ต้องมีอำนาจไม่ธรรมดา และแน่นอนว่าสำหรับยุคสมัยนั้น ผู้มีอำนาจนี้ก็น่าเป็นผู้ปกครองที่เป็นชาย เป็นราชา เป็นจักรพรรดิ หอคอยสูงตระหง่านหลังนี้จึงเป็นเสมือนสัญลักษณ์แทนอำนาจของผู้ปกครอง(ชาย)ที่สูงเสียดฟ้า และดังนั้นจึงเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจปิตาธิปไตยที่อยู่เหนือดินแดนแห่งนั้นด้วย

    และเมื่อหอคอยที่ว่าถูกทำลายจนถล่ม มองในเชิงสัญลักษณ์ มันก็คือการพังทลายของอำนาจชายเป็นใหญ่นั่นเอง และพอความเป็นปิตาธิปไตยพังทลายแล้ว นั่นก็หมายถึงการเปิดพื้นที่ให้เพศที่เป็นรองอย่างเพศหญิงได้ลุกขึ้นมาลืมตาอ้าปาก มีบทบาทมากขึ้น รวมไปถึงการเปิดพื้นที่ให้เพศวิถีและรูปแบบความสัมพันธ์ที่อยู่นอกเหนือไปจากบรรทัดฐานเพศตรงข้าม (Heteronormativity) ที่ปัจจุบันเราเรียกรวม ๆ ว่า LGBTQIA+ ทั้งหมดนี่แหละครับคือ เฟมินิสม์

    โอเคครับ บางคนอาจจะบอกว่า เรื่องราวตามหน้าไพ่ Tower มันอ้างอิงถึงตำนานของหอบาเบลไม่ใช่หรือ มนุษย์ผู้อหังการมุ่งหมายจะยึดอำนาจพระเจ้า พระเจ้าเลยตบเกรียนสั่งสอนด้วยการทำลายหอคอยและทำให้มนุษย์พูดภาษาต่างกัน อ่าฮะ ถ้างั้น ลองมาอ่านตำนานนี้จากแว่นของทฤษฎีจิตวิเคราะห์กันไหมครับ ;) การสร้างหอคอยบาเบลก็ไม่ต่างจากการที่มนุษย์จะพยายามฉุดคร่าข่มขืuแดนสวรรค์ มนุษย์พยายามสร้าง "ลึงค์" อันมหึมาให้แข็งชูชันขึ้นไปทะลุเยื่อเมฆเพื่อเปิดซิงสวรรค์ แต่สวรรค์ไม่ใช่แดน "บริสุทธิ์" มีพระเจ้าเป็นเจ้าของอยู่แล้ว และพระเจ้าก็ใช้ Phallic symbol ที่มาพร้อมอำนาจทำลายล้างทรงพลังกว่า อย่างสายฟ้า ทำลายลึงค์ของมนุษย์จนพังไม่เป็นท่า หอบาเบลที่ถล่มไปก็เหมือนลึงค์ขาด เปรียบเหมือนมนุษย์ถูกลงโทษด้วยการโดน "ตอน" ส่วนการพูดภาษาแตกต่างกัน ก็คือการสูญเสียอำนาจในรูปแบบหนึ่ง พอคนคุยกันไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ ก็รวมตัวกันก่อการใหญ่ไม่ได้อีก

    อย่างไรก็ดี ตำนานหอคอยบาเบลก็มีกำเนิดจากศาสนายิว ซึ่งคงไม่ต้องย้ำนะครับว่าเป็นอีกหนึ่งตัวพ่อในการเผยแพร่วัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ คุณดูสิว่าเขาเรียกพระเจ้าว่าอะไร พระบิดา ใช่ไหม และก่อนที่จะมีไพ่ RWS เกิดขึ้นมา ไพ่ทาโรต์ระบบหลักในยุโรปตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 14 - 19 คือระบบมาร์แซย์ (Tarot de Marseille) ระบบนี้เรียกไพ่หอคอยถล่มหมายเลข XVI ว่า "La Maison Dieu" ลา เมซง ดิเยอ แปลตรงตัวว่า บ้านของพระเจ้า พระเจ้าคือตัวแทนสูงสุดแห่งปิตาธิปไตย เมื่อหอคอยที่เป็นเหมือนบ้านของพระเจ้าถูกทำลายลง มันก็เปรียบได้กับการพังทลายของปิตาธิปไตย... ย้อนกลับไปสู่เมื่อ 2 ย่อหน้าที่แล้ว

    ทีนี้ บางคนอาจสงสัย (มีไหมนะ? มีจริงไหมไม่รู้ เอาเป็นว่าผมจะมโนละกันว่ามี) ว่าถ้าดูตามภาพหน้าไพ่ ก็เห็นว่าคนที่ร่วงลงมามีทั้งชายและหญิง แล้วแบบนี้จะเป็นการพังทลายของแนวคิดชายเป็นใหญ่แต่ฝ่ายเดียวได้ยังไง ผมจะตอบอย่างนี้ละกันครับว่า ปิตาธิปไตยหรือชายเป็นใหญ่เป็นแนวคิดที่ผูกติดกับทั้งสังคมและวัฒนธรรม และผู้คนที่ยึดถือปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมทางสังคมและวัฒนธรรมสืบต่อกันมาก็มีทั้งชายและหญิง ทำต่อ ๆ กันมาจนทุกคน(หลง)เชื่อกันว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นเรื่องปกติวิสัยที่จะให้ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า เป็นนักรบ ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง เป็นแม่ศรีเรือน ใครที่ชอบหรือหลงใหลกิจกรรมที่สังคมมองว่าเหมาะสำหรับอีกเพศ (เช่น ผู้ชายอยากเรียนแต่งหน้า ผู้หญิงอยากเรียนวิทยาศาสตร์) จะถูกมองว่าแปลก ทั้งหมดนี้คือชุดความคิดที่เป็นมายาคติครอบงำโลกทัศน์ของผู้คนในสังคมและวัฒนธรรมนั้น ๆ เป็นเหมือนโลกทั้งใบของเขา ฉะนั้น คุณลองคิดดูว่า ถ้าจู่ ๆ มีคนบอกว่าคุณไม่ต้องทำตามกรอบขนบประเพณีพวกนั้นแล้ว โลกของพวกเขาก็คงเหมือนจะพังทลาย ไม่ต่างกับหอคอยในไพ่ Tower

    ดังนั้น ครั้งต่อไปที่เห็นไพ่ Tower ปรากฏขึ้นมา ถ้าพิจารณาจากบริบทคำถามแล้ว เห็นว่ามันไม่น่าจะเป็นคำเตือนถึงอุบัติเหตุหรืออะไรบางอย่างที่จะเกิดอย่างกะทันหัน ลองตั้งคำถามกับตัวเองดูนะครับว่า หรือไพ่กำลังกระซิบบอกให้คุณทลายกรอบความคิดหรือมายาคติเกี่ยวกับเรื่องเพศสภาพและเพศวิถี แล้วลองมองเรื่องตรงหน้าโดยสวมแว่นของเฟมินิสต์ดูบ้าง
    ผมเพิ่งมาฉุกคิดเอาเมื่อไม่กี่วันมานี้เองว่า ไพ่ Tower นำเสนอโลกทัศน์แบบเฟมินิสม์ (Feminism) ชัดเอามาก ๆ หรือจะให้เจาะจงกว่านั้นคือ ไพ่ใบนี้แสดงถึงการต่อต้านปิตาธิปไตย (Patriarchy) แบบเห็นตำตากระแทกหน้าเลยทีเดียว ก่อนจะตอบคำถามว่าทำไม ผมขอถือวิสาสะติ๊ต่างว่าพวกคุณที่กำลังอ่านเนื้อหาในโพสต์นี้อยู่ไม่เคยรู้จักคำว่า Phallus หรือ Phallic symbol มาก่อน เพื่อที่ผมจะได้ติ๊ต่างว่าตัวเองเป็นผู้ทรงภูมิและเล่าเรื่องต่อจากนี้ได้อย่างมีแพชชันมากขึ้นนะครับ ในสัญลักษณ์วิทยา ซึ่งต่อมาก็ขยายไปถึงทฤษฏีการวิจารณ์งานศิลปะ วรรณกรรม และสื่อประเภทต่าง ๆ มีสัญลักษณ์ประเภทหนึ่งที่เรียกว่า "Phallic symbol" หรือ "ลึงคสัญลักษณ์" คือเป็นสัญลักษณ์ที่เชื่อมโยงกับ "Phallus" หรือ "ลึงค์" หรือก็คือ_วยซึ่งเป็นเครื่องเพศแบบ Built it แต่กำเนิดของมนุษย์เพศชายทุกคนนั่นแหละครับ Phallic symbol คือสัญลักษณ์ที่อยู่ในรูปวัตถุสิ่งของใด ๆ ก็ตามที่มีลักษณะหรือสัณฐานคล้าย Phallus กล่าวคือ ยาว เป็นแท่ง เป็นดุ้น เป็นลำ มีตั้งแต่สิ่งของไม่มีชีวิต เช่น ดาบ กระบอง จรวด เข็ม ดินสอ ปืน ฯลฯ ไปจนถึงสิ่งมีชีวิตหรืออวัยวะ เช่น งู มังกร แขน ขา นิ้ว เขี้ยว หนวดหมึก เป็นต้น แน่นอนว่า หอคอย ก็จัดเป็นสัญลักษณ์ประเภทนี้ด้วย ทีนี้ วัตถุสิ่งของใดก็ตามที่เข้าข่าย Phallic symbol มันไม่ได้แค่เป็นตัวแทนของ_วยหรือลึงค์ของผู้ชาย แต่ในทางสัญลักษณ์วิทยาและทฤษฎีการวิจารณ์ (โดยเฉพาะในสายจิตวิเคราะห์และสายเฟมินิสม์) สัญลักษณ์พวกนี้พ่วงมาด้วยคุณลักษณะอะไรก็ตามที่สังคมแบบปิตาธิปไตยหรือชายเป็นใหญ่ล้วนแต่จับยึดโยงกับเพศชาย ไม่ว่าจะเป็น ความแข็งแกร่ง ความเป็นผู้นำ ความเป็นฝ่ายกระทำหรือฝ่ายรุก อำนาจ ฯลฯ ตย. ที่เห็นชัดมาก ๆ คือในสมัยก่อน คนที่จับอาวุธอย่างดาบ กระบี่กระบอง หรือท่อนไม้ เพื่อใช้ต่อสู้ศัตรูหรือปกป้องครอบครัว ก็มักเป็นผู้ชาย ส่วนในสมัยปัจจุบันก็มีสัญลักษณ์ใหม่ ๆ อย่างรถยนต์ ผู้ชายที่ขับรถก็เป็นการแสดงถึงความมีอำนาจ(ทางการเงิน) ทำให้มีโอกาสตกผู้หญิงได้มากกว่าคนไม่มีรถขับ อะไรทำนองนี้ เมื่อพูดถึง Phallus แล้วก็ต้องขอแนะนำอีกคำหนึ่ง นั่นคือ "Phallocentrism" คือแนวคิดว่าด้วยการเอา "ลึงค์" เป็นศูนย์กลาง ไม่ได้หมายถึงวัน ๆ คิดแต่เรื่องหื่น ๆ แต่หมายถึงการสร้างวัฒนธรรมและวางระบบของสังคมโดยเน้นที่เพศชายเป็นหลัก หรืออีกนัยหนึ่งก็คือปิตาธิปไตยนั่นเอง สังคมมนุษย์หลายแห่งทั้งในอดีตและปัจจุบันเป็นสังคมแบบเอาลึงค์เป็นใหญ่ ซึ่งมักสะท้อนให้เห็นผ่านตำนานความเชื่อของคนในสังคมนั้น ๆ ลองสังเกตเทพปกรณัมของหลายชนชาติที่ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นชายมีอำนาจสูงสุด มันมักจะมีสัญลักษณ์ที่เป็น Phallic symbol สักอย่างทำหน้าที่เป็นเสมือนศูนย์กลางทางจักรวาลวิทยาของความเชื่อนั้น ๆ เช่น เขาโอลิมปัสและเขาพระสุเมรุที่เป็นแกนกลางของจักรวาลตามตำนานกรีกและฮินดูตามลำดับ ต้นอิกดราซิลของนอร์ส หรือในกรณีของศาสนาที่ยังคง active ในปัจจุบัน ก็มีต้นศรีมหาโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าประทับข้างใต้ขณะตรัสรู้ และไม้กางเขนที่ตรึงพระเยซู เป็นต้น (อย่าปฏิเสธผมนะว่า 2 ศาสนานี้ไม่ได้เอาชายเป็นใหญ่) กลับมาที่ไพ่ Tower ไพ่ทาโรต์ชุดหลักหมายเลข 16 ตัวหอคอยที่กำลังโดนฟ้าผ่าจนพังทลาย มันก็คือ Phallic symbol อย่างหนึ่ง เป็นเสมือนลึงค์ลำเบ้อเร่อที่ชูตระหง่านขึ้นฟ้า ลองนึกภาพว่าคุณเป็นชาวบ้านธรรมดา ๆ ในหมู่บ้านห่างไกล หอคอยหลังนี้น่าจะสูงตระหง่านจนมองเห็นได้จากหมู่บ้านของคุณ และผู้ที่สั่งการให้สร้างหอคอยสูงตระหง่านขนาดนี้ได้ก็ต้องมีอำนาจไม่ธรรมดา และแน่นอนว่าสำหรับยุคสมัยนั้น ผู้มีอำนาจนี้ก็น่าเป็นผู้ปกครองที่เป็นชาย เป็นราชา เป็นจักรพรรดิ หอคอยสูงตระหง่านหลังนี้จึงเป็นเสมือนสัญลักษณ์แทนอำนาจของผู้ปกครอง(ชาย)ที่สูงเสียดฟ้า และดังนั้นจึงเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจปิตาธิปไตยที่อยู่เหนือดินแดนแห่งนั้นด้วย และเมื่อหอคอยที่ว่าถูกทำลายจนถล่ม มองในเชิงสัญลักษณ์ มันก็คือการพังทลายของอำนาจชายเป็นใหญ่นั่นเอง และพอความเป็นปิตาธิปไตยพังทลายแล้ว นั่นก็หมายถึงการเปิดพื้นที่ให้เพศที่เป็นรองอย่างเพศหญิงได้ลุกขึ้นมาลืมตาอ้าปาก มีบทบาทมากขึ้น รวมไปถึงการเปิดพื้นที่ให้เพศวิถีและรูปแบบความสัมพันธ์ที่อยู่นอกเหนือไปจากบรรทัดฐานเพศตรงข้าม (Heteronormativity) ที่ปัจจุบันเราเรียกรวม ๆ ว่า LGBTQIA+ ทั้งหมดนี่แหละครับคือ เฟมินิสม์ โอเคครับ บางคนอาจจะบอกว่า เรื่องราวตามหน้าไพ่ Tower มันอ้างอิงถึงตำนานของหอบาเบลไม่ใช่หรือ มนุษย์ผู้อหังการมุ่งหมายจะยึดอำนาจพระเจ้า พระเจ้าเลยตบเกรียนสั่งสอนด้วยการทำลายหอคอยและทำให้มนุษย์พูดภาษาต่างกัน อ่าฮะ ถ้างั้น ลองมาอ่านตำนานนี้จากแว่นของทฤษฎีจิตวิเคราะห์กันไหมครับ ;) การสร้างหอคอยบาเบลก็ไม่ต่างจากการที่มนุษย์จะพยายามฉุดคร่าข่มขืuแดนสวรรค์ มนุษย์พยายามสร้าง "ลึงค์" อันมหึมาให้แข็งชูชันขึ้นไปทะลุเยื่อเมฆเพื่อเปิดซิงสวรรค์ แต่สวรรค์ไม่ใช่แดน "บริสุทธิ์" มีพระเจ้าเป็นเจ้าของอยู่แล้ว และพระเจ้าก็ใช้ Phallic symbol ที่มาพร้อมอำนาจทำลายล้างทรงพลังกว่า อย่างสายฟ้า ทำลายลึงค์ของมนุษย์จนพังไม่เป็นท่า หอบาเบลที่ถล่มไปก็เหมือนลึงค์ขาด เปรียบเหมือนมนุษย์ถูกลงโทษด้วยการโดน "ตอน" ส่วนการพูดภาษาแตกต่างกัน ก็คือการสูญเสียอำนาจในรูปแบบหนึ่ง พอคนคุยกันไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ ก็รวมตัวกันก่อการใหญ่ไม่ได้อีก อย่างไรก็ดี ตำนานหอคอยบาเบลก็มีกำเนิดจากศาสนายิว ซึ่งคงไม่ต้องย้ำนะครับว่าเป็นอีกหนึ่งตัวพ่อในการเผยแพร่วัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ คุณดูสิว่าเขาเรียกพระเจ้าว่าอะไร พระบิดา ใช่ไหม และก่อนที่จะมีไพ่ RWS เกิดขึ้นมา ไพ่ทาโรต์ระบบหลักในยุโรปตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 14 - 19 คือระบบมาร์แซย์ (Tarot de Marseille) ระบบนี้เรียกไพ่หอคอยถล่มหมายเลข XVI ว่า "La Maison Dieu" ลา เมซง ดิเยอ แปลตรงตัวว่า บ้านของพระเจ้า พระเจ้าคือตัวแทนสูงสุดแห่งปิตาธิปไตย เมื่อหอคอยที่เป็นเหมือนบ้านของพระเจ้าถูกทำลายลง มันก็เปรียบได้กับการพังทลายของปิตาธิปไตย... ย้อนกลับไปสู่เมื่อ 2 ย่อหน้าที่แล้ว ทีนี้ บางคนอาจสงสัย (มีไหมนะ? มีจริงไหมไม่รู้ เอาเป็นว่าผมจะมโนละกันว่ามี) ว่าถ้าดูตามภาพหน้าไพ่ ก็เห็นว่าคนที่ร่วงลงมามีทั้งชายและหญิง แล้วแบบนี้จะเป็นการพังทลายของแนวคิดชายเป็นใหญ่แต่ฝ่ายเดียวได้ยังไง ผมจะตอบอย่างนี้ละกันครับว่า ปิตาธิปไตยหรือชายเป็นใหญ่เป็นแนวคิดที่ผูกติดกับทั้งสังคมและวัฒนธรรม และผู้คนที่ยึดถือปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมทางสังคมและวัฒนธรรมสืบต่อกันมาก็มีทั้งชายและหญิง ทำต่อ ๆ กันมาจนทุกคน(หลง)เชื่อกันว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นเรื่องปกติวิสัยที่จะให้ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า เป็นนักรบ ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง เป็นแม่ศรีเรือน ใครที่ชอบหรือหลงใหลกิจกรรมที่สังคมมองว่าเหมาะสำหรับอีกเพศ (เช่น ผู้ชายอยากเรียนแต่งหน้า ผู้หญิงอยากเรียนวิทยาศาสตร์) จะถูกมองว่าแปลก ทั้งหมดนี้คือชุดความคิดที่เป็นมายาคติครอบงำโลกทัศน์ของผู้คนในสังคมและวัฒนธรรมนั้น ๆ เป็นเหมือนโลกทั้งใบของเขา ฉะนั้น คุณลองคิดดูว่า ถ้าจู่ ๆ มีคนบอกว่าคุณไม่ต้องทำตามกรอบขนบประเพณีพวกนั้นแล้ว โลกของพวกเขาก็คงเหมือนจะพังทลาย ไม่ต่างกับหอคอยในไพ่ Tower ดังนั้น ครั้งต่อไปที่เห็นไพ่ Tower ปรากฏขึ้นมา ถ้าพิจารณาจากบริบทคำถามแล้ว เห็นว่ามันไม่น่าจะเป็นคำเตือนถึงอุบัติเหตุหรืออะไรบางอย่างที่จะเกิดอย่างกะทันหัน ลองตั้งคำถามกับตัวเองดูนะครับว่า หรือไพ่กำลังกระซิบบอกให้คุณทลายกรอบความคิดหรือมายาคติเกี่ยวกับเรื่องเพศสภาพและเพศวิถี แล้วลองมองเรื่องตรงหน้าโดยสวมแว่นของเฟมินิสต์ดูบ้าง
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไมโรสลาฟ โอเลชโก (Myroslav Oleshko) บล็อกเกอร์ชาวยูเครนโพสต์วิดีพร้อมคำบรรยายเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ยูเครนที่บังคับจับชายชาวยูเครนเข้าสู่แนวหน้า หรือบางครั้งรีดไถเงินเพื่อไม่ต้องถูกส่งตัวเข้าแนวหน้า:

    ชาวอเมริกันและยุโรป จงดูวิดีโอนี้!
    นี่คือยูเครนของผม ประเทศที่ผู้คนถูกลักพาตัวบนท้องถนน ถูกจับขังไว้ในห้องใต้ดิน แล้วปล่อยให้อดอาหารและน้ำ เพื่อบังคับให้พวกเขาเข้าสู่แนวหน้า

    บางรายจะถูกข่มขู่รีดไถเงินระหว่าง 5,000 ถึง 20,000 ดอลลาร์ เพื่อแลกกับการไปเสี่ยงชีวิตที่แนวหน้า และถ้าหากไม่ยอมจ่ายเงิน แน่นอนว่าจุดหมายปลายทางของพวกเขาคือแนวหน้าของสงคราม

    หลายคนถูกต้องจบชีวิตลงที่แนวหน้าจากการปลิดชีวิตตัวเอง เนื่องจากความยากจน ไม่มีเงินจ่ายในการหลบเลี่ยงสู่แนวหน้า

    สื่อของพวกคุณคงไม่มีใครรายงานข่าวเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้หรอก เพราะพวกเขากำลังโกหกคุณ นักการเมืองของพวกคุณก็โกหกเช่นกัน เพื่อช่วยกันปกป้องเผด็จการเซเลนสกี ซึ่งตอนนี้ได้แซงหน้ารัสเซียไปแล้ว

    ขณะนี้ผู้ชายยูเครนจำนวนมากกลัวการออกไปนอกบ้าน ส่วนผู้หญิงที่มีลูกชายในวัย 17 ปี กำลังหาทางหนีออกนอกประเทศอย่างสิ้นหวัง เพราะพรมแดนของเราถูกปิดสำหรับทุกคน ยกเว้นเพื่อนและหุ้นส่วนทางธุรกิจของเซเลนสกี

    ส่วนชาวยูเครนคนไหนที่ยอมเสี่ยงหลบหนีข้ามพรมแดนผ่านภูเขาและทุ่งนาจะถูกสังหารทันที

    ผู้ที่ต้อต้านเซเลนสกี รวมทั้งตัวผมเอง ต้องเผชิญกับคดีอาญาที่ถูกจัดฉากขึ้น บางรายถูกจับกุม และถูกทรมานในเรือนจำเพื่อบังคับให้รับสารภาพจากข้อหาที่พวกเขาไม่ได้ทำ

    และหากผู้ต่อต้านเหล่านั้น หลบหนีออกนอกประเทศไปได้ เซเลนสกีจะจับกุมญาติของพวกเขาและตั้งขอหา เช่น แม่ เพียงแค่แชร์วิดีโอบน Facebook ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล

    เราต้องการการเลือกตั้ง ความจริงที่ว่าผู้นำสหภาพยุโรปประกาศในวันนี้ว่าพวกเขาสนับสนุนการตัดสินใจของเซเลนสกีที่จะไม่จัดการเลือกตั้งนั้นเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก พวกเขากำลังสนับสนุนการสังหาร การจับกุม และการทรมานผู้คนเพิ่มเติม ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนโยนความผิดไปให้ทางรัสเซีย”



    ไมโรสลาฟ โอเลชโก (Myroslav Oleshko) บล็อกเกอร์ชาวยูเครนโพสต์วิดีพร้อมคำบรรยายเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ยูเครนที่บังคับจับชายชาวยูเครนเข้าสู่แนวหน้า หรือบางครั้งรีดไถเงินเพื่อไม่ต้องถูกส่งตัวเข้าแนวหน้า: ชาวอเมริกันและยุโรป จงดูวิดีโอนี้! นี่คือยูเครนของผม ประเทศที่ผู้คนถูกลักพาตัวบนท้องถนน ถูกจับขังไว้ในห้องใต้ดิน แล้วปล่อยให้อดอาหารและน้ำ เพื่อบังคับให้พวกเขาเข้าสู่แนวหน้า บางรายจะถูกข่มขู่รีดไถเงินระหว่าง 5,000 ถึง 20,000 ดอลลาร์ เพื่อแลกกับการไปเสี่ยงชีวิตที่แนวหน้า และถ้าหากไม่ยอมจ่ายเงิน แน่นอนว่าจุดหมายปลายทางของพวกเขาคือแนวหน้าของสงคราม หลายคนถูกต้องจบชีวิตลงที่แนวหน้าจากการปลิดชีวิตตัวเอง เนื่องจากความยากจน ไม่มีเงินจ่ายในการหลบเลี่ยงสู่แนวหน้า สื่อของพวกคุณคงไม่มีใครรายงานข่าวเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้หรอก เพราะพวกเขากำลังโกหกคุณ นักการเมืองของพวกคุณก็โกหกเช่นกัน เพื่อช่วยกันปกป้องเผด็จการเซเลนสกี ซึ่งตอนนี้ได้แซงหน้ารัสเซียไปแล้ว ขณะนี้ผู้ชายยูเครนจำนวนมากกลัวการออกไปนอกบ้าน ส่วนผู้หญิงที่มีลูกชายในวัย 17 ปี กำลังหาทางหนีออกนอกประเทศอย่างสิ้นหวัง เพราะพรมแดนของเราถูกปิดสำหรับทุกคน ยกเว้นเพื่อนและหุ้นส่วนทางธุรกิจของเซเลนสกี ส่วนชาวยูเครนคนไหนที่ยอมเสี่ยงหลบหนีข้ามพรมแดนผ่านภูเขาและทุ่งนาจะถูกสังหารทันที ผู้ที่ต้อต้านเซเลนสกี รวมทั้งตัวผมเอง ต้องเผชิญกับคดีอาญาที่ถูกจัดฉากขึ้น บางรายถูกจับกุม และถูกทรมานในเรือนจำเพื่อบังคับให้รับสารภาพจากข้อหาที่พวกเขาไม่ได้ทำ และหากผู้ต่อต้านเหล่านั้น หลบหนีออกนอกประเทศไปได้ เซเลนสกีจะจับกุมญาติของพวกเขาและตั้งขอหา เช่น แม่ เพียงแค่แชร์วิดีโอบน Facebook ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล เราต้องการการเลือกตั้ง ความจริงที่ว่าผู้นำสหภาพยุโรปประกาศในวันนี้ว่าพวกเขาสนับสนุนการตัดสินใจของเซเลนสกีที่จะไม่จัดการเลือกตั้งนั้นเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก พวกเขากำลังสนับสนุนการสังหาร การจับกุม และการทรมานผู้คนเพิ่มเติม ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนโยนความผิดไปให้ทางรัสเซีย”
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลงานวิจัยเกิดโรคมะเร็งของรัสเซีย
    -----
    รัสเซียทำอะไรชอบเปิดเผยให้โลกรู้ทุกอย่างไม่เหมือนอเมริกาที่รู้อะไรเก็บเป็นความลับหมด แล้วมนุษย์บนโลกใบนี้จะเชื่อว่าระบอบการปกครองแบบไหนดีที่สุดของมนุษยชาติ หรือถูกอเมริกาหลอกมาตลอดว่าระบอบเขาดีสุด หรือระบอบรัสเซีย-จีนดีสุดกันแน่ ในท้ายสุดมนุษย์รุ่นต่อๆไปจะอยู่กับระบอบไหนถึงจะมีชีวิตรอดยาวนาน ไม่ใช่ผลาญทรัพย์กรธรรมชาติโลกที่ว่ายุโรปและอเมริกาผลาญจนประเทศตัวเองไม่มีอะไรเหลือ แล้วไปปล้นคนอื่นกินเข้าประเทศตัวเอง


    คนที่เป็นมะเร็งเสียชีวิตเพราะอะไร

    ผลงานวิจัยฯ ของรัสเซีย อ้างว่าเหตุผลการเสียชีวิตมิได้เกิดจากมะเร็ง ยกเว้นความสะเพร่าของผู้ป่วย เมื่อผู้ป่วยทราบว่ามีเซลล์มะเร็ง ให้รีบปฏิบัติ

    1. ขั้นตอนแรกคือ การหยุดน้ำตาลทั้งหมด ถ้าไม่มีน้ำตาล ในร่างกายของคุณจำนวนมาก เซลล์มะเร็ง ก็จะตาย อย่างเป็นธรรมชาติ

    2. ผสมผลไม้ มะนาว ทั้งหมด กับน้ำร้อนสักแก้ว แล้วดื่มมัน ประมาณ 3 เดือน เซลล์มะเร็งจะแพ้ การปฏิบัติดังกล่าวดีกว่าการรักษาด้วยคีโม

    3. ขั้นตอนที่ 3 คือ การดื่มน้ำมันมะพร้าว อินทรีย์ 3 ช้อนโต๊ะ เช้าและกลางคืน เซลล์มะเร็งจะค่อยๆ หายไป ท่านสามารถเลือก 1 ใน 2 วิธีนี้ หลังจากหลีกเลี่ยงน้ำตาล ที่ผ่านมา ความไม่รู้ ไม่ใช่ความผิด ข้อมูลนี้เผยแพร่มานานกว่า 5 ปี ซึ่งปัจจุบันนี้ เพิ่งมาถึงคุณ แต่ที่สำคัญที่สุด มันยังช้ากว่าการที่คุณไม่เคยให้ข้อมูลนี้กับทุกคนรอบตัวคุณเพื่อได้รู้เห็นงานวิจัยของมหาวิทยาลัยมอสโก รัสเซีย ผมเห็นว่ามีประโยชน์ จึงขอให้ทุกท่านที่ได้รับข้อมูลนี้ กรุณาส่งต่อบทความนี้ให้กับคน ที่ท่านรักอีก 1 คน ผมเชื่อว่าแน่นอน! อย่างน้อย 1 ชีวิต จะได้รับประโยชน์ และจะบันทึกไว้ ส่วน

    ผมได้ทำในส่วนของผมแล้ว หวังว่าท่านจะสามารถช่วยเผยแพร่ โดยการทำส่วนของคุณ กล่าวคือ

    1. การดื่มน้ำมะนาว สามารถป้องกันมะเร็งได้ แต่จำไว้ว่า อย่าผสมน้ำตาล น้ำมะนาวร้อน มีประโยชน์กว่า น้ำมะนาวเย็นๆ

    2. หั่นเป็นแว่น 5 ชิ้น แล้วแช่ด้วยน้ำร้อนสักแก้วทิ้งไว้ 20- 30 นาที แล้วค่อยดื่ม

    3. มันสำปะหลัง นำไปต้ม แต่ต้องต้มด้วย เปิดฝาหม้อวิตามิน B 17 อยู่ในมันสำปะหลัง ที่สามารถปิดเซลล์มะเร็งได้

    บ่อยครั้ง การกินมื้อเย็นสามารถเพิ่มความเป็นไปได้ ของมะเร็งลำไส้ - มะเร็งกระเพาะอาหาร - ผู้หญิง

    อย่าดื่มชาในช่วงมีรอบเดือน และ

    การดื่มน้ำถั่วเหลือง นั้น ไม่ควรเพิ่มน้ำตาล หรือไข่ ในน้ำถั่วเหลือง ไม่กินมะเขือเทศ ตอนท้องว่าง ดื่มน้ำเปล่า 1 แก้ว ทุกเช้า ก่อนอาหาร เพื่อป้องกันนิ่ว

    ไม่กินอาหารในช่วง 3 ชั่วโมง ก่อนนอน

    หลีกเลี่ยงสุรา เพราะไม่มีประสิทธิภาพ ทางโภชนาการ แต่สามารถทำให้เกิดโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูงได้ อย่ากินขนมปัง ในขณะที่ร้อนจาก เตาอบ หรือเครื่องปิ้งขนมปัง

    ไม่ชาร์จมือถือหรืออุปกรณ์ใดๆ ที่อยู่ข้างๆ ตัวคุณ ในขณะที่คุณหลับ ดื่มน้ำเปล่าวันละ 10 แก้ว ป้องกันมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้ ให้ดื่มน้ำต่อเนื่องระหว่างวัน ลดช่วงกลางคืน และ

    อย่าดื่มกาแฟ มากกว่า 2 แก้วต่อวัน เพราะมันสามารถทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ และมีปัญหาต่อกระเพาะอาหารได้

    กินอาหารที่เลี่ยนได้เล็กน้อย หรือหลีกเลี่ยงมัน เพราะต้องใช้เวลา 5-7 ชั่วโมงในการย่อย ทั้งยังทำให้คุณรู้สึกเหนื่อย

    หลัง 17:00 น.กินอาหารให้น้อยลง ประการสำคัญอาหาร 6 ชนิด ที่ทำให้คุณมีความสุข ได้แก่ กล้วย, ส้มบาหลี, ผักโขม, ฟักทอง, ลูกพีช อนึ่ง การนอนไม่ถึง 8 ชั่วโมงต่อวัน ส่งผลให้มีการทำงานของสมองเสื่อมสภาพ พยายามนอนพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะจะทำให้เราอ่อนกว่าวัย อย่าลืม น้ำมะนาวที่ไม่มีน้ำตาล สามารถดูแลสุขภาพของคุณและทำให้คุณรู้สึกสดชื่น

    น้ำมะนาวร้อนฆ่าเซลล์มะเร็ง

    แช่มะนาวชิ้นเท่าๆกัน 5 ชิ้นกับน้ำร้อน ดื่มเป็นประจำทุกวัน anti-oxsidan

    รสชาติขมในน้ำมะนาวร้อนเป็นสารที่ดีที่สุดในการฆ่าเซลล์มะเร็ง

    น้ำมะนาวเย็นประกอบด้วยวิตามินซีเท่านั้น ซึ่งไม่ช่วยป้องกันมะเร็ง น้ำมะนาวร้อนสามารถควบคุมการเติบโตของเนื้องอกมะเร็งได้

    การทดสอบทางคลินิก พิสูจน์แล้วว่า น้ำมะนาวร้อน ทำงานได้ดี เพื่อยับยั้งเซลล์มะเร็ง การรักษาด้วยน้ำมะนาวร้อน จะทำลายเซลล์ที่ชั่วร้าย เท่านั้น แต่ไม่มีผลกระทบต่อเซลล์ที่ดี กรด citric และมะนาว polyphenol ในน้ำมะนาว ช่วยลดความดันสูง และป้องกันการเกิดลิ่มเลือด และป้องกันการแข็งตัวของเลือด ถึงแม้ คุณจะยุ่งแค่ไหน เมื่ออ่านข้อความนี้ของผมแล้ว ช่วยถ่ายทอดให้ผู้อื่นด้วยครับ❤

    การแบ่งปัน ถือเป็นวิทยาทาน ด้วยความปรารถนาดี
    ผศ.ดร.ศ.สำเร็จผล
    #มะเร็ง #โรคมะเร็ง #มะเร็งหายได้
    ผลงานวิจัยเกิดโรคมะเร็งของรัสเซีย ----- รัสเซียทำอะไรชอบเปิดเผยให้โลกรู้ทุกอย่างไม่เหมือนอเมริกาที่รู้อะไรเก็บเป็นความลับหมด แล้วมนุษย์บนโลกใบนี้จะเชื่อว่าระบอบการปกครองแบบไหนดีที่สุดของมนุษยชาติ หรือถูกอเมริกาหลอกมาตลอดว่าระบอบเขาดีสุด หรือระบอบรัสเซีย-จีนดีสุดกันแน่ ในท้ายสุดมนุษย์รุ่นต่อๆไปจะอยู่กับระบอบไหนถึงจะมีชีวิตรอดยาวนาน ไม่ใช่ผลาญทรัพย์กรธรรมชาติโลกที่ว่ายุโรปและอเมริกาผลาญจนประเทศตัวเองไม่มีอะไรเหลือ แล้วไปปล้นคนอื่นกินเข้าประเทศตัวเอง คนที่เป็นมะเร็งเสียชีวิตเพราะอะไร ผลงานวิจัยฯ ของรัสเซีย อ้างว่าเหตุผลการเสียชีวิตมิได้เกิดจากมะเร็ง ยกเว้นความสะเพร่าของผู้ป่วย เมื่อผู้ป่วยทราบว่ามีเซลล์มะเร็ง ให้รีบปฏิบัติ 1. ขั้นตอนแรกคือ การหยุดน้ำตาลทั้งหมด ถ้าไม่มีน้ำตาล ในร่างกายของคุณจำนวนมาก เซลล์มะเร็ง ก็จะตาย อย่างเป็นธรรมชาติ 2. ผสมผลไม้ มะนาว ทั้งหมด กับน้ำร้อนสักแก้ว แล้วดื่มมัน ประมาณ 3 เดือน เซลล์มะเร็งจะแพ้ การปฏิบัติดังกล่าวดีกว่าการรักษาด้วยคีโม 3. ขั้นตอนที่ 3 คือ การดื่มน้ำมันมะพร้าว อินทรีย์ 3 ช้อนโต๊ะ เช้าและกลางคืน เซลล์มะเร็งจะค่อยๆ หายไป ท่านสามารถเลือก 1 ใน 2 วิธีนี้ หลังจากหลีกเลี่ยงน้ำตาล ที่ผ่านมา ความไม่รู้ ไม่ใช่ความผิด ข้อมูลนี้เผยแพร่มานานกว่า 5 ปี ซึ่งปัจจุบันนี้ เพิ่งมาถึงคุณ แต่ที่สำคัญที่สุด มันยังช้ากว่าการที่คุณไม่เคยให้ข้อมูลนี้กับทุกคนรอบตัวคุณเพื่อได้รู้เห็นงานวิจัยของมหาวิทยาลัยมอสโก รัสเซีย ผมเห็นว่ามีประโยชน์ จึงขอให้ทุกท่านที่ได้รับข้อมูลนี้ กรุณาส่งต่อบทความนี้ให้กับคน ที่ท่านรักอีก 1 คน ผมเชื่อว่าแน่นอน! อย่างน้อย 1 ชีวิต จะได้รับประโยชน์ และจะบันทึกไว้ ส่วน ผมได้ทำในส่วนของผมแล้ว หวังว่าท่านจะสามารถช่วยเผยแพร่ โดยการทำส่วนของคุณ กล่าวคือ 1. การดื่มน้ำมะนาว สามารถป้องกันมะเร็งได้ แต่จำไว้ว่า อย่าผสมน้ำตาล น้ำมะนาวร้อน มีประโยชน์กว่า น้ำมะนาวเย็นๆ 2. หั่นเป็นแว่น 5 ชิ้น แล้วแช่ด้วยน้ำร้อนสักแก้วทิ้งไว้ 20- 30 นาที แล้วค่อยดื่ม 3. มันสำปะหลัง นำไปต้ม แต่ต้องต้มด้วย เปิดฝาหม้อวิตามิน B 17 อยู่ในมันสำปะหลัง ที่สามารถปิดเซลล์มะเร็งได้ บ่อยครั้ง การกินมื้อเย็นสามารถเพิ่มความเป็นไปได้ ของมะเร็งลำไส้ - มะเร็งกระเพาะอาหาร - ผู้หญิง อย่าดื่มชาในช่วงมีรอบเดือน และ การดื่มน้ำถั่วเหลือง นั้น ไม่ควรเพิ่มน้ำตาล หรือไข่ ในน้ำถั่วเหลือง ไม่กินมะเขือเทศ ตอนท้องว่าง ดื่มน้ำเปล่า 1 แก้ว ทุกเช้า ก่อนอาหาร เพื่อป้องกันนิ่ว ไม่กินอาหารในช่วง 3 ชั่วโมง ก่อนนอน หลีกเลี่ยงสุรา เพราะไม่มีประสิทธิภาพ ทางโภชนาการ แต่สามารถทำให้เกิดโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูงได้ อย่ากินขนมปัง ในขณะที่ร้อนจาก เตาอบ หรือเครื่องปิ้งขนมปัง ไม่ชาร์จมือถือหรืออุปกรณ์ใดๆ ที่อยู่ข้างๆ ตัวคุณ ในขณะที่คุณหลับ ดื่มน้ำเปล่าวันละ 10 แก้ว ป้องกันมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้ ให้ดื่มน้ำต่อเนื่องระหว่างวัน ลดช่วงกลางคืน และ อย่าดื่มกาแฟ มากกว่า 2 แก้วต่อวัน เพราะมันสามารถทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ และมีปัญหาต่อกระเพาะอาหารได้ กินอาหารที่เลี่ยนได้เล็กน้อย หรือหลีกเลี่ยงมัน เพราะต้องใช้เวลา 5-7 ชั่วโมงในการย่อย ทั้งยังทำให้คุณรู้สึกเหนื่อย หลัง 17:00 น.กินอาหารให้น้อยลง ประการสำคัญอาหาร 6 ชนิด ที่ทำให้คุณมีความสุข ได้แก่ กล้วย, ส้มบาหลี, ผักโขม, ฟักทอง, ลูกพีช อนึ่ง การนอนไม่ถึง 8 ชั่วโมงต่อวัน ส่งผลให้มีการทำงานของสมองเสื่อมสภาพ พยายามนอนพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะจะทำให้เราอ่อนกว่าวัย อย่าลืม น้ำมะนาวที่ไม่มีน้ำตาล สามารถดูแลสุขภาพของคุณและทำให้คุณรู้สึกสดชื่น น้ำมะนาวร้อนฆ่าเซลล์มะเร็ง แช่มะนาวชิ้นเท่าๆกัน 5 ชิ้นกับน้ำร้อน ดื่มเป็นประจำทุกวัน anti-oxsidan รสชาติขมในน้ำมะนาวร้อนเป็นสารที่ดีที่สุดในการฆ่าเซลล์มะเร็ง น้ำมะนาวเย็นประกอบด้วยวิตามินซีเท่านั้น ซึ่งไม่ช่วยป้องกันมะเร็ง น้ำมะนาวร้อนสามารถควบคุมการเติบโตของเนื้องอกมะเร็งได้ การทดสอบทางคลินิก พิสูจน์แล้วว่า น้ำมะนาวร้อน ทำงานได้ดี เพื่อยับยั้งเซลล์มะเร็ง การรักษาด้วยน้ำมะนาวร้อน จะทำลายเซลล์ที่ชั่วร้าย เท่านั้น แต่ไม่มีผลกระทบต่อเซลล์ที่ดี กรด citric และมะนาว polyphenol ในน้ำมะนาว ช่วยลดความดันสูง และป้องกันการเกิดลิ่มเลือด และป้องกันการแข็งตัวของเลือด ถึงแม้ คุณจะยุ่งแค่ไหน เมื่ออ่านข้อความนี้ของผมแล้ว ช่วยถ่ายทอดให้ผู้อื่นด้วยครับ❤ การแบ่งปัน ถือเป็นวิทยาทาน ด้วยความปรารถนาดี ผศ.ดร.ศ.สำเร็จผล #มะเร็ง #โรคมะเร็ง #มะเร็งหายได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 284 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลฎีกาจีนเผยแพร่ผลการพิจารณาคดีสำคัญ 7 คดีเกี่ยวกับการฉ้อโกงผ่านระบบโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ต โดยล่าสุดมีการตัดสินจำคุกตลอดชีวิต 4 ผู้ต้องหาคนสำคัญจากกลุ่มอาชญากรรมที่ก่อเหตุฉ้อโกงข้ามชาติผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ในคดีประเภท "โรแมนซ์สแกม"

    รายงานของศาลฎีการะบุว่า ในช่วงต้นปี 2563 ผู้ต้องหาชาวจีนได้จัดตั้งกลุ่มฉ้อโกงที่เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ในพื้นที่ที่เรียกว่า "สวนไฉเสิน อินเตอร์เนชั่นแนล" (Caishen International Park) โดยพวกเขาจ้างสมาชิกอีกหลายคนมาเป็นทีมงานเพื่อดำเนินการหลอกลวงประชาชนจีนผ่านโลกออนไลน์ โดยมีเป้าหมายหลักเป็นผู้หญิงที่เป็นนักธุรกิจหรือผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจดี

    วิธีการของกลุ่มนี้คือใช้แอปพลิเคชั่นแชทและโซเชียลมีเดียต่างชาติในการเข้าหาเหยื่อ ปลอมตัวเป็นผู้ชายที่มีฐานะดีหน้าตาดี ทำทีตีสนิท พูดคุยจนเหยื่อเชื่อใจ จากนั้นหลอกล่อให้เหยื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชันลงทุนออนไลน์หรือพนันออนไลน์ปลอมชื่อ "จินเทียนลี่" และแพลตฟอร์มอื่นๆ ซึ่งกลุ่มสามารถควบคุมและจัดการผลลัพธ์ให้เหยื่อหลงเชื่อได้ เมื่อเหยื่อลงทุนด้วยจำนวนเงินมากแล้ว กลุ่มจะตัดช่องทางถอนเงินออก และตัดการติดต่อกับเหยื่อในทันที

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000018150

    #MGROnline #โรแมนซ์สแกม
    ศาลฎีกาจีนเผยแพร่ผลการพิจารณาคดีสำคัญ 7 คดีเกี่ยวกับการฉ้อโกงผ่านระบบโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ต โดยล่าสุดมีการตัดสินจำคุกตลอดชีวิต 4 ผู้ต้องหาคนสำคัญจากกลุ่มอาชญากรรมที่ก่อเหตุฉ้อโกงข้ามชาติผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ในคดีประเภท "โรแมนซ์สแกม" • รายงานของศาลฎีการะบุว่า ในช่วงต้นปี 2563 ผู้ต้องหาชาวจีนได้จัดตั้งกลุ่มฉ้อโกงที่เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ในพื้นที่ที่เรียกว่า "สวนไฉเสิน อินเตอร์เนชั่นแนล" (Caishen International Park) โดยพวกเขาจ้างสมาชิกอีกหลายคนมาเป็นทีมงานเพื่อดำเนินการหลอกลวงประชาชนจีนผ่านโลกออนไลน์ โดยมีเป้าหมายหลักเป็นผู้หญิงที่เป็นนักธุรกิจหรือผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจดี • วิธีการของกลุ่มนี้คือใช้แอปพลิเคชั่นแชทและโซเชียลมีเดียต่างชาติในการเข้าหาเหยื่อ ปลอมตัวเป็นผู้ชายที่มีฐานะดีหน้าตาดี ทำทีตีสนิท พูดคุยจนเหยื่อเชื่อใจ จากนั้นหลอกล่อให้เหยื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชันลงทุนออนไลน์หรือพนันออนไลน์ปลอมชื่อ "จินเทียนลี่" และแพลตฟอร์มอื่นๆ ซึ่งกลุ่มสามารถควบคุมและจัดการผลลัพธ์ให้เหยื่อหลงเชื่อได้ เมื่อเหยื่อลงทุนด้วยจำนวนเงินมากแล้ว กลุ่มจะตัดช่องทางถอนเงินออก และตัดการติดต่อกับเหยื่อในทันที • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000018150 • #MGROnline #โรแมนซ์สแกม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 240 มุมมอง 0 รีวิว
  • พวกอนุรักษนิยมของเยอรมนีคว้าชัยในศึกเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ (23 ก.พ.) แต่เสียงโหวตที่แตกกัน ส่งให้พรรค Alternative for Germany (AfD) พรรคขวาจัด คว้าอันดับ 2 มีผลงานดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา และอาจทำให้ ฟรีดริช แมร์ซ ผู้นำพรรคคอนเซอร์เวทีฟ ประสบความยุ่งยากในการเจรจาจัดตั้งรัฐบาล
    .
    แมร์ซ ผู้ซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์ในการดำรงตำแหน่งมาก่อน เตรียมก้าวมาเป็นนายกรัฐมนตรีของชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของยุโรป ที่เวลานี้อยู่ในภาวะเปราะบาง มีความแตกแยกในสังคมเกี่ยวกับปัญหาคนเข้ามืองและติดแหง็กอยู่ในประเด็นความมั่นคงท่ามกลางการเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียและจีน
    .
    ตามหลังการพังครืนของรัฐบาลผสมของนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชล์ซ ทาง แมร์ซ วัย 69 ปี รับปากกับกองเชียร์ที่ส่งเสียงดังกึกก้อง ว่ารัฐบาลของเขามีความตั้งใจทำให้เยอรมนีมีตัวตนในยุโรปอีกครั้ง เพื่อที่โลกจะสังเกตเห็นว่าเยอรมนีกำลังถูกปกครองด้วยความน่าเชื่อถืออีกครั้ง "คืนนี้เราจะเฉลิมฉลอง ทว่านับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เราจะเริ่มทำงาน โลกภายนอกรอเราไม่ได้"
    .
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ซึ่งพันธมิตรอย่าง อีลอน มัสก์ ส่งเสียงสนับสนุนพรรค AfD ซ้ำแล้วซ้ำเล่าระหว่างศึกหาเสียง แสดงความยินดีต่อชัยชนะของฝ่ายอนุรักษนิยมบนทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง "แทบเหมือนกับในสหรัฐฯ ประชาชนเยอรมนีเบื่อหน่านกับวาระที่ไม่สมเหตุสมผล โดยเฉพาะพลังงานและคนเข้าเมือง ที่ถูกให้ความสำคัญมานานหลายปีเหลือเกิน"
    .
    ผลการเลือกตั้งพบว่ากลุ่มก้อนอนุรักษนิยมพรรค CDU/CSU คว้าคะแนนเสียงไปได้ 28.4% ตามมาด้วยพรรค AfD ที่ได้คะแนนเสียง 20.4% ตามการคาดการณ์ของสำนักข่าว ZDF
    .
    อย่างไรก็ตาม พรรคกระแสหลักทั้งหลายปฏิเสธทำงานร่วมกับ AfD ที่กวาดคะแนนเสียงได้เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากศึกเลือกตั้งคราวก่อน และมองผลการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ (23 ก.พ.) เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น "มือของเรายังคงเปิดกว้างสำหรับการจัดตั้งรัฐบาล" อลิซ ไวเดล ผู้นำพรรค AfD บอกกับผู้สนับสนุน พร้อมระบุ "ครั้งต่อไป เราจะมาเป็นอันดับ 1"
    .
    คาดหมายว่า แมร์ซ กำลังมุ่งหน้าสู่สิ่งที่เชื่อว่าอาจเป็นการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสมที่ยืดเยื้อยาวนาน เนื่องจากไม่ได้ถือครองความได้เปรียบในการเจรจาเท่าไหร่ โดยแม้กลุ่มก้อน CDU/CSU ของเขาจะคว้าคะแนนมาเป็นอันดับ 1 แต่ก็ถือเป็นผลการเลือกตั้งเลวร้ายที่สุดอันดับ 2 ของพวกเขาในยุคหลังสงคราม
    .
    ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า แมร์ซ จะต้องการพรรคร่วมรัฐบาล 1 หรือ 2 พรรค สำหรับรวบรวมเสียงข้างมาก ในขณะที่ชะตากรรมของบรรดาพรรคขนาดเล็กก็ไม่ชัดเจนเช่นกัน การจัดตั้งรัฐบาล 3 พรรคก็ยิ่งอาจทำให้อุ้ยอ้ายกว่าเดิม และอาจบั่นทอนศักยภาพของเยอรมนี ในการแสดงออกถึงความเป็นผู้นำ
    .
    พรรคโซเชียลเดโมแครตส์ (SPD) ของนายกรัฐมตรีโชลซ์ ทำผลงานได้เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้คะแนนโหวตเพียง 16.4% และโชลซ์ ยอมรับว่ามันเป็นผลการเลือกตั้งที่เจ็บปวด อ้างอิงการคาดการณ์ของ ZDF ขณะที่พรรคกรีนส์ได้คะแนนเสียง 12.2% ส่วนพรรคซ้ายจัดอย่าง Die Linke ได้คะแนนเสียงเพียง 8.9% แม้ได้รับแรงสนับสนุนโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคนหนุ่มสาว
    .
    อ้างอิงข้อมูลเอ็กซิตโพล พบว่ามีผู้ออกมาใช้สิทธิใช้เสียงถึง 83% มากที่สุดตั้งแต่ก่อนรวมชาติเยอรมนีในปี 1990 ขณะเดียวกันพบว่าผู้ออกเสียงที่เป็นผู้ชายมีความโน้มเอียงไปทางฝ่ายขวา ส่วนผู้ออกเสียงที่เป็นผู้หญิง ให้การสนับสนุนอย่างแข็งขันต่อพรรคฝ่ายซ้าย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000017982
    ..............
    Sondhi X
    พวกอนุรักษนิยมของเยอรมนีคว้าชัยในศึกเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ (23 ก.พ.) แต่เสียงโหวตที่แตกกัน ส่งให้พรรค Alternative for Germany (AfD) พรรคขวาจัด คว้าอันดับ 2 มีผลงานดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา และอาจทำให้ ฟรีดริช แมร์ซ ผู้นำพรรคคอนเซอร์เวทีฟ ประสบความยุ่งยากในการเจรจาจัดตั้งรัฐบาล . แมร์ซ ผู้ซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์ในการดำรงตำแหน่งมาก่อน เตรียมก้าวมาเป็นนายกรัฐมนตรีของชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของยุโรป ที่เวลานี้อยู่ในภาวะเปราะบาง มีความแตกแยกในสังคมเกี่ยวกับปัญหาคนเข้ามืองและติดแหง็กอยู่ในประเด็นความมั่นคงท่ามกลางการเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียและจีน . ตามหลังการพังครืนของรัฐบาลผสมของนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชล์ซ ทาง แมร์ซ วัย 69 ปี รับปากกับกองเชียร์ที่ส่งเสียงดังกึกก้อง ว่ารัฐบาลของเขามีความตั้งใจทำให้เยอรมนีมีตัวตนในยุโรปอีกครั้ง เพื่อที่โลกจะสังเกตเห็นว่าเยอรมนีกำลังถูกปกครองด้วยความน่าเชื่อถืออีกครั้ง "คืนนี้เราจะเฉลิมฉลอง ทว่านับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เราจะเริ่มทำงาน โลกภายนอกรอเราไม่ได้" . ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ซึ่งพันธมิตรอย่าง อีลอน มัสก์ ส่งเสียงสนับสนุนพรรค AfD ซ้ำแล้วซ้ำเล่าระหว่างศึกหาเสียง แสดงความยินดีต่อชัยชนะของฝ่ายอนุรักษนิยมบนทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง "แทบเหมือนกับในสหรัฐฯ ประชาชนเยอรมนีเบื่อหน่านกับวาระที่ไม่สมเหตุสมผล โดยเฉพาะพลังงานและคนเข้าเมือง ที่ถูกให้ความสำคัญมานานหลายปีเหลือเกิน" . ผลการเลือกตั้งพบว่ากลุ่มก้อนอนุรักษนิยมพรรค CDU/CSU คว้าคะแนนเสียงไปได้ 28.4% ตามมาด้วยพรรค AfD ที่ได้คะแนนเสียง 20.4% ตามการคาดการณ์ของสำนักข่าว ZDF . อย่างไรก็ตาม พรรคกระแสหลักทั้งหลายปฏิเสธทำงานร่วมกับ AfD ที่กวาดคะแนนเสียงได้เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากศึกเลือกตั้งคราวก่อน และมองผลการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ (23 ก.พ.) เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น "มือของเรายังคงเปิดกว้างสำหรับการจัดตั้งรัฐบาล" อลิซ ไวเดล ผู้นำพรรค AfD บอกกับผู้สนับสนุน พร้อมระบุ "ครั้งต่อไป เราจะมาเป็นอันดับ 1" . คาดหมายว่า แมร์ซ กำลังมุ่งหน้าสู่สิ่งที่เชื่อว่าอาจเป็นการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสมที่ยืดเยื้อยาวนาน เนื่องจากไม่ได้ถือครองความได้เปรียบในการเจรจาเท่าไหร่ โดยแม้กลุ่มก้อน CDU/CSU ของเขาจะคว้าคะแนนมาเป็นอันดับ 1 แต่ก็ถือเป็นผลการเลือกตั้งเลวร้ายที่สุดอันดับ 2 ของพวกเขาในยุคหลังสงคราม . ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า แมร์ซ จะต้องการพรรคร่วมรัฐบาล 1 หรือ 2 พรรค สำหรับรวบรวมเสียงข้างมาก ในขณะที่ชะตากรรมของบรรดาพรรคขนาดเล็กก็ไม่ชัดเจนเช่นกัน การจัดตั้งรัฐบาล 3 พรรคก็ยิ่งอาจทำให้อุ้ยอ้ายกว่าเดิม และอาจบั่นทอนศักยภาพของเยอรมนี ในการแสดงออกถึงความเป็นผู้นำ . พรรคโซเชียลเดโมแครตส์ (SPD) ของนายกรัฐมตรีโชลซ์ ทำผลงานได้เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้คะแนนโหวตเพียง 16.4% และโชลซ์ ยอมรับว่ามันเป็นผลการเลือกตั้งที่เจ็บปวด อ้างอิงการคาดการณ์ของ ZDF ขณะที่พรรคกรีนส์ได้คะแนนเสียง 12.2% ส่วนพรรคซ้ายจัดอย่าง Die Linke ได้คะแนนเสียงเพียง 8.9% แม้ได้รับแรงสนับสนุนโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคนหนุ่มสาว . อ้างอิงข้อมูลเอ็กซิตโพล พบว่ามีผู้ออกมาใช้สิทธิใช้เสียงถึง 83% มากที่สุดตั้งแต่ก่อนรวมชาติเยอรมนีในปี 1990 ขณะเดียวกันพบว่าผู้ออกเสียงที่เป็นผู้ชายมีความโน้มเอียงไปทางฝ่ายขวา ส่วนผู้ออกเสียงที่เป็นผู้หญิง ให้การสนับสนุนอย่างแข็งขันต่อพรรคฝ่ายซ้าย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000017982 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1422 มุมมอง 0 รีวิว
  • ระยอง -​ ชาวบ้านฮือไล่เจ้าอาวาสวัดพลา อ จ.ระยอง โชว์คลิปหวิวช่วยตัวเองกับหญิงคู่ขาในโลกออนไลน์​หลักฐานชัดทั้งภาพ-เสียงคราง เจ้าตัวยังรับทำจริงอ้างถูกหลอกรีดเงิน 2แสนบาทไม่ให้จึงถูกปล่อยประจาน ไม่พอใจ เจ้าคณะตำบลพลา สั่งแค่ให้พ้นหน้าที่ไม่จับสึกอ้างแค่ความผิด "อาบัติสังฆาทิเสส"

    วันนี้ (23 ก.พ.)​ ชาวบ้านนับร้อยคนได้พากันไปรวมตัวที่วัดพลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เพื่อขับไล่ พระครูวิธานสุพัฒน์กิจ เจ้าอาวาสวัดพลา หลังมีการเผยแพร่คลิปพฤติ​กรรมที่ไม่เหมาะสมบนโลกออนไลน์​ โดยคลิปดังกล่าวมีความยาวประมาณ 1.10 นาที เป็นภาพขณะที่พระสงฆ์สวมแว่นกำลังช่วยตัวเองและส่งเสียงครางกระเส่าเป็นระยะ และยังมีภาพผู้หญิงอีกฝั่งที่กำลังใช้แตงกวาขนาดใหญ่ช่วยตัวเอง

    โดยชาวบ้านเชื่อว่าคลิปดังกล่าวพระสงฆ์และหญิงคนนี้น่าจะถ่ายไว้ดูกันเอง ซึ่งการกระทำของพระรูปนี้ถือเป็นการกระทำที่เสื่อมทรามต่อพระพุทธศาสนาและต้องการให้ออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส พร้อมให้สึกจากการเป็นพระ​ทันที

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000017853

    #MGROnline #ระยอง
    ระยอง -​ ชาวบ้านฮือไล่เจ้าอาวาสวัดพลา อ จ.ระยอง โชว์คลิปหวิวช่วยตัวเองกับหญิงคู่ขาในโลกออนไลน์​หลักฐานชัดทั้งภาพ-เสียงคราง เจ้าตัวยังรับทำจริงอ้างถูกหลอกรีดเงิน 2แสนบาทไม่ให้จึงถูกปล่อยประจาน ไม่พอใจ เจ้าคณะตำบลพลา สั่งแค่ให้พ้นหน้าที่ไม่จับสึกอ้างแค่ความผิด "อาบัติสังฆาทิเสส" • วันนี้ (23 ก.พ.)​ ชาวบ้านนับร้อยคนได้พากันไปรวมตัวที่วัดพลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เพื่อขับไล่ พระครูวิธานสุพัฒน์กิจ เจ้าอาวาสวัดพลา หลังมีการเผยแพร่คลิปพฤติ​กรรมที่ไม่เหมาะสมบนโลกออนไลน์​ โดยคลิปดังกล่าวมีความยาวประมาณ 1.10 นาที เป็นภาพขณะที่พระสงฆ์สวมแว่นกำลังช่วยตัวเองและส่งเสียงครางกระเส่าเป็นระยะ และยังมีภาพผู้หญิงอีกฝั่งที่กำลังใช้แตงกวาขนาดใหญ่ช่วยตัวเอง • โดยชาวบ้านเชื่อว่าคลิปดังกล่าวพระสงฆ์และหญิงคนนี้น่าจะถ่ายไว้ดูกันเอง ซึ่งการกระทำของพระรูปนี้ถือเป็นการกระทำที่เสื่อมทรามต่อพระพุทธศาสนาและต้องการให้ออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส พร้อมให้สึกจากการเป็นพระ​ทันที • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000017853 • #MGROnline #ระยอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 186 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย ถามตำรวจไซเบอร์ โดยเฉพาะ "ไตรรงค์ ผิวพรรณ" รับใช้ "ทักษิณ ชินวัตร" หรือไม่? หลังเอาตำรวจนับสิบนาย บุกบ้านผู้ประกาศข่าวผู้หญิง ชี้ไม่ใช่ลูกผู้ชาย ความผิดส่วนบุคคล แต่กลับเอามาเล่นงาน ขนาดคดี 112 ยังแค่ออกหมายเรียก ลั่นเจอกันที่ศาล

    วันนี้ (21 ก.พ.) จากกรณีที่ตำรวจกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ นำกำลังตำรวจนับสิบนายตรวจค้นบ้าน น.ส.ไญยิกา อธิคุปต์ธนวัฒ ผู้ประกาศข่าวสำนักข่าวเดอะครีติก (The Critics) ก่อนควบคุมตัวไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้การในฐานะพยาน พร้อมตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ เหตุเกิดเมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา หลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายวิญญัติ ชาติมนตรี แจ้งความในข้อหาหมิ่นประมาทและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีวีดีโอคลิป "ทักษิณผู้นำเลวสุดในโลก มอนเตฯ ริบสัญชาติเพราะโกง" ทำให้นายทักษิณได้รับความเสียหาย และกรณีที่ น.ส.ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ผู้ก่อตั้งสำนักข่าวเดอะรีพอตเตอร์ (The Reporter) ถูกกล่าวหาด้วยข้อความบิดเบือน ต่อว่า ให้ร้าย แต่ตนเองยังอยู่ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก จะเดินทางเข้าแจ้งความ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000017860

    #MGROnline #ทักษิณชินวัตร #ผู้ก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย #ตำรวจไซเบอร์
    ผู้ก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย ถามตำรวจไซเบอร์ โดยเฉพาะ "ไตรรงค์ ผิวพรรณ" รับใช้ "ทักษิณ ชินวัตร" หรือไม่? หลังเอาตำรวจนับสิบนาย บุกบ้านผู้ประกาศข่าวผู้หญิง ชี้ไม่ใช่ลูกผู้ชาย ความผิดส่วนบุคคล แต่กลับเอามาเล่นงาน ขนาดคดี 112 ยังแค่ออกหมายเรียก ลั่นเจอกันที่ศาล • วันนี้ (21 ก.พ.) จากกรณีที่ตำรวจกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ นำกำลังตำรวจนับสิบนายตรวจค้นบ้าน น.ส.ไญยิกา อธิคุปต์ธนวัฒ ผู้ประกาศข่าวสำนักข่าวเดอะครีติก (The Critics) ก่อนควบคุมตัวไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้การในฐานะพยาน พร้อมตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ เหตุเกิดเมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา หลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายวิญญัติ ชาติมนตรี แจ้งความในข้อหาหมิ่นประมาทและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีวีดีโอคลิป "ทักษิณผู้นำเลวสุดในโลก มอนเตฯ ริบสัญชาติเพราะโกง" ทำให้นายทักษิณได้รับความเสียหาย และกรณีที่ น.ส.ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ผู้ก่อตั้งสำนักข่าวเดอะรีพอตเตอร์ (The Reporter) ถูกกล่าวหาด้วยข้อความบิดเบือน ต่อว่า ให้ร้าย แต่ตนเองยังอยู่ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก จะเดินทางเข้าแจ้งความ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000017860 • #MGROnline #ทักษิณชินวัตร #ผู้ก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย #ตำรวจไซเบอร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้พิพากษา คาร์ล นิโคลส์ ของรัฐบาลกลางเพิ่งมีคำสั่งเปิดทางให้รัฐบาลทรัมป์สามารถยุบองค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (United States Agency for International Development: USAID) ต่อไปได้


    เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ผู้พิพากษาได้ออกคำสั่งชั่วคราว เพื่อระงับแผนของทรัมป์ที่สั่งให้พนักงานของ USAID ราว 2,200 คน หยุดงานโดยยังได้รับค่าจ้าง จากการยื่นคำร้องคัดค้านฉุกเฉินของ สมาคมบริการต่างประเทศของอเมริกา (AFSA) และสหพันธ์พนักงานรัฐบาลอเมริกัน (AFGE) ซึ่งเป็นสองสหภาพที่เป็นตัวแทนของพนักงาน USAID เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่คำสั่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้

    USAID เป็นหน่วยงานหลักของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ มีพนักงานประมาณ 10,000 คน โดย 2 ใน 3 ทำงานในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าสถานะของพนักงานที่เหลือจะเป็นอย่างไร หลังกระบวนการยุบหน่วยงานนี้เสร็จสิ้นลง

    ในปีงบประมาณ 2023 สหรัฐฯ ได้อนุมัติงบประมาณ 72,000 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือต่างประเทศ โดยมีตั้งแต่การส่งเสริมสุขภาพผู้หญิงในพื้นที่ขัดแย้งเรื่อยไปจนถึงการเข้าถึงน้ำสะอาด การรักษา HIV/AIDS ความมั่นคงทางพลังงาน และงานต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน

    ความช่วยเหลือของสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 42% ของความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมทั่วโลก ตามข้อมูลของสหประชาชาติในปี 2024

    ทรัมป์มองว่าการใช้งบประมาณของหน่วยงาน USAID เป็นการใช้เงินภาษีไม่คุ้มค่า โดย USAID เป็นหนึ่งในหน่วยงานรัฐบาลหลายแห่งที่รัฐบาลของเขากำลังพยายาม ลดงบประมาณ ตามแนวทางที่เคยประกาศไว้ในการหาเสียงว่าจะมีนโยบายปฏิรูปภาครัฐ
    ผู้พิพากษา คาร์ล นิโคลส์ ของรัฐบาลกลางเพิ่งมีคำสั่งเปิดทางให้รัฐบาลทรัมป์สามารถยุบองค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (United States Agency for International Development: USAID) ต่อไปได้ เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ผู้พิพากษาได้ออกคำสั่งชั่วคราว เพื่อระงับแผนของทรัมป์ที่สั่งให้พนักงานของ USAID ราว 2,200 คน หยุดงานโดยยังได้รับค่าจ้าง จากการยื่นคำร้องคัดค้านฉุกเฉินของ สมาคมบริการต่างประเทศของอเมริกา (AFSA) และสหพันธ์พนักงานรัฐบาลอเมริกัน (AFGE) ซึ่งเป็นสองสหภาพที่เป็นตัวแทนของพนักงาน USAID เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่คำสั่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ USAID เป็นหน่วยงานหลักของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ มีพนักงานประมาณ 10,000 คน โดย 2 ใน 3 ทำงานในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าสถานะของพนักงานที่เหลือจะเป็นอย่างไร หลังกระบวนการยุบหน่วยงานนี้เสร็จสิ้นลง ในปีงบประมาณ 2023 สหรัฐฯ ได้อนุมัติงบประมาณ 72,000 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือต่างประเทศ โดยมีตั้งแต่การส่งเสริมสุขภาพผู้หญิงในพื้นที่ขัดแย้งเรื่อยไปจนถึงการเข้าถึงน้ำสะอาด การรักษา HIV/AIDS ความมั่นคงทางพลังงาน และงานต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน ความช่วยเหลือของสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 42% ของความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมทั่วโลก ตามข้อมูลของสหประชาชาติในปี 2024 ทรัมป์มองว่าการใช้งบประมาณของหน่วยงาน USAID เป็นการใช้เงินภาษีไม่คุ้มค่า โดย USAID เป็นหนึ่งในหน่วยงานรัฐบาลหลายแห่งที่รัฐบาลของเขากำลังพยายาม ลดงบประมาณ ตามแนวทางที่เคยประกาศไว้ในการหาเสียงว่าจะมีนโยบายปฏิรูปภาครัฐ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ขนมาค่ะ
    การเลือกคู่ชีวิตต้องดูที่ ”ขน“
    ไม่ใช่ขนแข้ง .. ขนขา.. ขนแขน.. ขนหนวด
    หรือขนจักกะแร้ .. แต่ให้ดูว่าขนเข้าหรือขนออก

     หากขนเข้า.. เราก็ไปต่อกันได้
    หากขนออก..เราก็เลิกกัน
    แต่หากขี้เกียจจนตัวเป็นขนอันนี้ต้องขนไปทิ้ง
    คงไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากได้
    #ขนมาค่ะ การเลือกคู่ชีวิตต้องดูที่ ”ขน“ ไม่ใช่ขนแข้ง .. ขนขา.. ขนแขน.. ขนหนวด หรือขนจักกะแร้ .. แต่ให้ดูว่าขนเข้าหรือขนออก   หากขนเข้า.. เราก็ไปต่อกันได้ หากขนออก..เราก็เลิกกัน แต่หากขี้เกียจจนตัวเป็นขนอันนี้ต้องขนไปทิ้ง คงไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากได้
    Love
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💖 น้องสาวแน่น ฟิตเปรี๊ยะ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ✨
    .
    คืนความมั่นใจและความกระชับให้น้องสาวของคุณ ด้วยเทคโนโลยีการดูแลเฉพาะ 💎 ผลลัพธ์ที่สัมผัสได้ตั้งแต่ครั้งแรก ทั้งฟิตกระชับ สุขภาพดี และเพิ่มความมั่นใจในทุกกิจกรรม 🩷 มั่นใจในมาตรฐานและความปลอดภัยที่พร้อมดูแลคุณทุกขั้นตอน อย่าปล่อยให้ความกังวลเป็นอุปสรรคในชีวิต !
    .
    สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสำรองคิวใน Comment
    .
    #ตรวจภายใน #ดูแลสุขภาพผู้หญิง #ฟื้นฟูความมั่นใจ #การดูแลสุขภาพ #ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ #สุขภาพผู้ #ตรวจเพื่อป้องกัน #ผู้หญิงยุคใหม่ #Ultrasound #VagiRejuCO2Laser #DrJim #VagiClinic
    💖 น้องสาวแน่น ฟิตเปรี๊ยะ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ✨ . คืนความมั่นใจและความกระชับให้น้องสาวของคุณ ด้วยเทคโนโลยีการดูแลเฉพาะ 💎 ผลลัพธ์ที่สัมผัสได้ตั้งแต่ครั้งแรก ทั้งฟิตกระชับ สุขภาพดี และเพิ่มความมั่นใจในทุกกิจกรรม 🩷 มั่นใจในมาตรฐานและความปลอดภัยที่พร้อมดูแลคุณทุกขั้นตอน อย่าปล่อยให้ความกังวลเป็นอุปสรรคในชีวิต ! . สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสำรองคิวใน Comment . #ตรวจภายใน #ดูแลสุขภาพผู้หญิง #ฟื้นฟูความมั่นใจ #การดูแลสุขภาพ #ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ #สุขภาพผู้ #ตรวจเพื่อป้องกัน #ผู้หญิงยุคใหม่ #Ultrasound #VagiRejuCO2Laser #DrJim #VagiClinic
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 482 มุมมอง 2 0 รีวิว
  • เมื่อยามวัยฉะกัน เมื่อ40ปีที่ผ่านไป เคยเที่ยวตามสถานต่างๆเคยถาม ญ. ว่ามีแฟนมั้ยตอบ ว่า มีถาม ทำแบบนี้ แฟนรับได้ ฤตอบ ได้อืม..เคยได้ยินแต่ว่าผู้หญิงข้าห้ามใครแตะ
    เมื่อยามวัยฉะกัน เมื่อ40ปีที่ผ่านไป เคยเที่ยวตามสถานต่างๆเคยถาม ญ. ว่ามีแฟนมั้ยตอบ ว่า มีถาม ทำแบบนี้ แฟนรับได้ ฤตอบ ได้อืม..เคยได้ยินแต่ว่าผู้หญิงข้าห้ามใครแตะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณเคยเห็นกระเป๋าผู้หญิงแบรนด์ที่ทำให้คุณต้องร้องว่า "ว้าว!" หรือไม่? 😲 ขอแนะนำกระเป๋า Kipling รุ่น GABB-S สี Glowing Fuchsia ที่จะทำให้คุณหลงรักตั้งแต่แรกเห็น! 💖
    .
    กระเป๋าใบนี้ไม่เพียงแต่มีสีสันสดใสที่โดดเด่นเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับดีไซน์ที่ทันสมัยและฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน 👜✨ ไม่ว่าคุณจะใส่ของจุกจิกแค่ไหน กระเป๋าใบนี้ก็เอาอยู่! และที่สำคัญ น้ำหนักเบาจนคุณอาจลืมไปว่ากำลังสะพายกระเป๋าอยู่! 😆
    .
    พิกัด Kipling ลด 40%📌 https://s.shopee.co.th/3foypZeBkX
    พิกัด Kipling ลด 40%📌 https://s.shopee.co.th/3foypZeBkX
    .
    แล้วคุณล่ะ? เคยมีประสบการณ์ฮาๆ กับกระเป๋าใบโปรดของคุณบ้างไหม? หรือมีกระเป๋าใบไหนที่คุณคิดว่าเจ๋งสุดๆ? มาแชร์ความคิดเห็นกันเถอะ! 💬👇
    .
    ถ้าคุณชอบบทความนี้ อย่าลืมกดติดตามเพจของเรา กดไลค์ และแชร์ให้เพื่อนๆ ของคุณด้วยนะคะ! 🙏😊
    .
    #กระเป๋าผู้หญิงแบรนด์ #Kipling #GABB_S #แฟชั่น #กระเป๋าสีสดใส
    คุณเคยเห็นกระเป๋าผู้หญิงแบรนด์ที่ทำให้คุณต้องร้องว่า "ว้าว!" หรือไม่? 😲 ขอแนะนำกระเป๋า Kipling รุ่น GABB-S สี Glowing Fuchsia ที่จะทำให้คุณหลงรักตั้งแต่แรกเห็น! 💖 . กระเป๋าใบนี้ไม่เพียงแต่มีสีสันสดใสที่โดดเด่นเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับดีไซน์ที่ทันสมัยและฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน 👜✨ ไม่ว่าคุณจะใส่ของจุกจิกแค่ไหน กระเป๋าใบนี้ก็เอาอยู่! และที่สำคัญ น้ำหนักเบาจนคุณอาจลืมไปว่ากำลังสะพายกระเป๋าอยู่! 😆 . พิกัด Kipling ลด 40%📌 https://s.shopee.co.th/3foypZeBkX พิกัด Kipling ลด 40%📌 https://s.shopee.co.th/3foypZeBkX . แล้วคุณล่ะ? เคยมีประสบการณ์ฮาๆ กับกระเป๋าใบโปรดของคุณบ้างไหม? หรือมีกระเป๋าใบไหนที่คุณคิดว่าเจ๋งสุดๆ? มาแชร์ความคิดเห็นกันเถอะ! 💬👇 . ถ้าคุณชอบบทความนี้ อย่าลืมกดติดตามเพจของเรา กดไลค์ และแชร์ให้เพื่อนๆ ของคุณด้วยนะคะ! 🙏😊 . #กระเป๋าผู้หญิงแบรนด์ #Kipling #GABB_S #แฟชั่น #กระเป๋าสีสดใส
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 6 0 รีวิว
  • 🚨 รู้หรือไม่? ผู้ชายวัย 40+ มีความเสี่ยงสูงกว่าผู้หญิงถึง 2 เท่า ที่จะเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบหรือแตก! 🧠

    สวัสดีครับเพื่อนๆ ที่รักสุขภาพทุกคน 👋 วันนี้เรามาคุยกันเรื่องภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับต้นๆ กันดีกว่า
    .
    เส้นเลือดในสมองตีบหรือแตกเป็นปัญหาที่พบบ่อยในผู้ชายวัย 40 ขึ้นไป สาเหตุหลักๆ มาจากไลฟ์สไตล์ที่เสี่ยง ทั้งดื่มเหล้า สูบบุหรี่ กินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ โดยเฉพาะพวกไขมันเลวที่สะสมในเส้นเลือด 😱
    .
    เปรียบให้เห็นภาพง่ายๆ ก็เหมือนท่อน้ำที่มีสิ่งอุดตัน ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ แต่ไม่ต้องกลัวไป! เรามีวิธีป้องกันง่ายๆ แค่:
    - ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 💪
    - กินอาหารแบบพอดีๆ ไม่เผ็ด เค็ม หวาน มัน จนเกินไป
    - ทานกระเทียมเป็นตัวช่วยธรรมชาติ 🧄
    .
    เพื่อนๆ คิดว่าไง? มีใครเคยมีญาติหรือคนรู้จักเป็นโรคนี้บ้างไหม? แชร์ประสบการณ์กันหน่อย! 🤔
    .
    ถ้าชอบบทความนี้ อย่าลืมกดไลค์ แชร์ และติดตามเพจเราด้วยนะคะ จะได้ไม่พลาดสาระดีๆ แบบนี้ 🙏
    .
    #สุขภาพดี #โรคหลอดเลือดสมอง #ความรู้สุขภาพ #รักษาสุขภาพ #ป้องกันโรค
    🚨 รู้หรือไม่? ผู้ชายวัย 40+ มีความเสี่ยงสูงกว่าผู้หญิงถึง 2 เท่า ที่จะเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบหรือแตก! 🧠 สวัสดีครับเพื่อนๆ ที่รักสุขภาพทุกคน 👋 วันนี้เรามาคุยกันเรื่องภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับต้นๆ กันดีกว่า . เส้นเลือดในสมองตีบหรือแตกเป็นปัญหาที่พบบ่อยในผู้ชายวัย 40 ขึ้นไป สาเหตุหลักๆ มาจากไลฟ์สไตล์ที่เสี่ยง ทั้งดื่มเหล้า สูบบุหรี่ กินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ โดยเฉพาะพวกไขมันเลวที่สะสมในเส้นเลือด 😱 . เปรียบให้เห็นภาพง่ายๆ ก็เหมือนท่อน้ำที่มีสิ่งอุดตัน ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ แต่ไม่ต้องกลัวไป! เรามีวิธีป้องกันง่ายๆ แค่: - ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 💪 - กินอาหารแบบพอดีๆ ไม่เผ็ด เค็ม หวาน มัน จนเกินไป - ทานกระเทียมเป็นตัวช่วยธรรมชาติ 🧄 . เพื่อนๆ คิดว่าไง? มีใครเคยมีญาติหรือคนรู้จักเป็นโรคนี้บ้างไหม? แชร์ประสบการณ์กันหน่อย! 🤔 . ถ้าชอบบทความนี้ อย่าลืมกดไลค์ แชร์ และติดตามเพจเราด้วยนะคะ จะได้ไม่พลาดสาระดีๆ แบบนี้ 🙏 . #สุขภาพดี #โรคหลอดเลือดสมอง #ความรู้สุขภาพ #รักษาสุขภาพ #ป้องกันโรค
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 330 มุมมอง 0 รีวิว
  • เติมเต็มความมั่นใจ คืนความฟูให้น้องสาว ด้วย Vagi Fill Program ✨💖

    ✔ ลาน้องคล้ำ คืนความกระชับ เติมเต็มเนื้อเยื่อให้น้องสาวดูสุขภาพดี
    ✔ น้องสาวชุ่มชื่น ลดความแห้ง คืนความเนียนนุ่ม สบายตัวขึ้น
    ✔ น้องสาวอิ่มฟู โหนกนูน เสริมความอวบอิ่มอย่างเป็นธรรมชาติ
    ✔ เติมคอลลาเจน ฟื้นฟูเนื้อเยื่อ ช่วยให้ผิวบริเวณจุดซ่อนเร้นดูเต่งตึง
    ✔ ปรับรูปทรงน้องสาว ให้ได้สัดส่วน ดูสมดุลขึ้น
    ✔ ไม่ต้องพักฟื้น ทำเสร็จแล้วใช้ชีวิตได้ตามปกติ
    ✔ ปลอดภัย ใช้สารเติมเต็มมาตรฐานสูง ไม่เป็นอันตราย
    แค่ดูแลให้ถูกจุด น้องสาวก็กลับมาดูดีได้อีกครั้ง! 💖💫
    .
    สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสำรองคิวใน Comment
    .
    #ตรวจภายใน #Ultrasound #VAGIFILL #สุขภาพ #น้องสาว #ผู้หญิง #ปัญหาสุขภาพ #สูตินรีเวช #หมอสู #DrJim #VagiClinic
    เติมเต็มความมั่นใจ คืนความฟูให้น้องสาว ด้วย Vagi Fill Program ✨💖 ✔ ลาน้องคล้ำ คืนความกระชับ เติมเต็มเนื้อเยื่อให้น้องสาวดูสุขภาพดี ✔ น้องสาวชุ่มชื่น ลดความแห้ง คืนความเนียนนุ่ม สบายตัวขึ้น ✔ น้องสาวอิ่มฟู โหนกนูน เสริมความอวบอิ่มอย่างเป็นธรรมชาติ ✔ เติมคอลลาเจน ฟื้นฟูเนื้อเยื่อ ช่วยให้ผิวบริเวณจุดซ่อนเร้นดูเต่งตึง ✔ ปรับรูปทรงน้องสาว ให้ได้สัดส่วน ดูสมดุลขึ้น ✔ ไม่ต้องพักฟื้น ทำเสร็จแล้วใช้ชีวิตได้ตามปกติ ✔ ปลอดภัย ใช้สารเติมเต็มมาตรฐานสูง ไม่เป็นอันตราย แค่ดูแลให้ถูกจุด น้องสาวก็กลับมาดูดีได้อีกครั้ง! 💖💫 . สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสำรองคิวใน Comment . #ตรวจภายใน #Ultrasound #VAGIFILL #สุขภาพ #น้องสาว #ผู้หญิง #ปัญหาสุขภาพ #สูตินรีเวช #หมอสู #DrJim #VagiClinic
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 273 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพกองกำลังอิสราเอลบุกเข้าไปทำลายงานแต่งงานของชาวปาเลสไตน์ในเขตเวสต์แบงก์ และยังเล็งอาวุธไปที่ผู้หญิงและเด็กอีกด้วย
    ภาพกองกำลังอิสราเอลบุกเข้าไปทำลายงานแต่งงานของชาวปาเลสไตน์ในเขตเวสต์แบงก์ และยังเล็งอาวุธไปที่ผู้หญิงและเด็กอีกด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 377 มุมมอง 13 0 รีวิว
  • ✨ ผลลัพธ์เกินคาด! กระชับน้องสาวแบบอึ้งตั้งแต่ครั้งแรก 💖 เปลี่ยนความกังวลให้กลายเป็นความมั่นใจ ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย 🌸 ไม่ว่าคุณจะเคยเจอปัญหาหย่อนคล้อยหรือไม่กระชับ มาที่นี่แล้วคุณจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงแบบเห็นผลทันที! เพราะสุขภาพน้องสาวที่ดีคือกุญแจสู่ความสุขของผู้หญิงทุกคน 💎
    .
    สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสำรองคิวใน Comment
    .
    #ตรวจภายใน #Ultrasound #VagiRejuCO2Laser #ดูแลทุกปัญหาผู้หญิง #สุขภาพภายใน #มั่นใจทุกวัย #ความงามจากภายใน #สุขภาพภายในผู้หญิง #DrJim #VagiClinic
    ✨ ผลลัพธ์เกินคาด! กระชับน้องสาวแบบอึ้งตั้งแต่ครั้งแรก 💖 เปลี่ยนความกังวลให้กลายเป็นความมั่นใจ ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย 🌸 ไม่ว่าคุณจะเคยเจอปัญหาหย่อนคล้อยหรือไม่กระชับ มาที่นี่แล้วคุณจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงแบบเห็นผลทันที! เพราะสุขภาพน้องสาวที่ดีคือกุญแจสู่ความสุขของผู้หญิงทุกคน 💎 . สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสำรองคิวใน Comment . #ตรวจภายใน #Ultrasound #VagiRejuCO2Laser #ดูแลทุกปัญหาผู้หญิง #สุขภาพภายใน #มั่นใจทุกวัย #ความงามจากภายใน #สุขภาพภายในผู้หญิง #DrJim #VagiClinic
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 406 มุมมอง 12 0 รีวิว
  • การผลิตเม็ดเลือดแดง (erythropoiesis)

    เกิดขึ้นในไขกระดูกภายใต้การควบคุมของฮอร์โมนอีริโทรโพอีติน (erythropoietin-EPO) ไฟโบรบลาสต์ระหว่างหลอดไตสร้างอีริโทรโพอีติน เพื่อตอบสนองต่อการส่งออกซิเจน ที่ลดลง (เช่น ในโรคโลหิตจางหรือภาวะขาดออกซิเจน) นอกจากอีริโทรโพอีตินแล้ว การผลิตเม็ดเลือดแดงยังต้องการสารตั้งต้นที่เพียงพอ โดยเฉพาะธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 โฟเลตและฮีม

    เม็ดเลือดแดงสามารถมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 120 วัน จากนั้นเม็ดเลือดแดงจะสูญเสียเยื่อหุ้มเซลล์และส่วนใหญ่จะถูกกำจัดออกจากระบบไหลเวียนเลือดโดยเซลล์ที่ทำหน้าที่จับกินเซลล์ของม้ามและในตับด้วย ฮีโมโกลบินจะถูกย่อยสลายโดยระบบฮีมออกซิเจเนสเป็นหลัก โดยจะรักษา (และนำกลับมาใช้ใหม่) ของธาตุเหล็ก ย่อยสลายฮีมให้เป็นบิลิรูบินผ่านขั้นตอนของเอนไซม์ชุดหนึ่ง และนำกรดอะมิโนกลับมาใช้ใหม่ การรักษาจำนวนเม็ดเลือดแดงให้คงที่นั้นต้องอาศัยการสร้างเซลล์ใหม่ 1/120 เซลล์ทุกวัน และเม็ดเลือดแดงผลิตได้เฉลี่ยนาทีละ 25 ล้านเซลล์ เม็ดเลือดแดงที่ยังไม่โตเต็มที่ (เรติคิวโลไซต์-reticulocytes) จะถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่องและคิดเป็น 0.5 ถึง 2.5% ของประชากรเม็ดเลือดแดงรอบนอกในผู้ใหญ่

    เมื่ออายุมากขึ้น ระดับฮีโมโกลบินและฮีมาโตคริต (Hct) จะลดลงเล็กน้อยแต่ไม่ต่ำกว่าค่าปกติ ในผู้หญิงที่มีประจำเดือน สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของระดับเม็ดเลือดแดงต่ำคือการขาดธาตุเหล็กเนื่องจากการเสียเลือดเรื้อรังอันเป็นผลจากการมีประจำเดือน

    ธาตุเหล็กมีมากในอาหารดังต่อไปนี้

    หอย

    หอยเป็นอาหารที่มีรสชาติดีและมีคุณค่าทางโภชนาการ หอยทุกชนิดมีธาตุเหล็กสูง แต่หอยตลับ หอยนางรม และหอยแมลงภู่เป็นแหล่งธาตุเหล็กที่ดีโดยเฉพาะ

    ตัวอย่างเช่น หอยตลับ 100 กรัม (3.5 ออนซ์) อาจมีธาตุเหล็กสูงถึง 3 มก. ซึ่งคิดเป็น 17% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน

    อย่างไรก็ตาม ปริมาณธาตุเหล็กในหอยตลับนั้นผันผวนมาก และหอยตลับบางชนิดอาจมีธาตุเหล็กน้อยกว่ามาก

    ธาตุเหล็กในหอยตลับคือธาตุเหล็กในรูปแบบฮีม ซึ่งร่างกายดูดซึมได้ง่ายกว่าธาตุเหล็กที่ไม่ใช่ฮีมซึ่งพบในพืช

    ในความเป็นจริง หอยเป็นแหล่งที่ดีของกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถเพิ่มระดับไขมันดี (HDL) ที่ดีต่อหัวใจ

    EPA และ FDA แนะนำให้กินอาหารทะเล 2 ถึง 3 จานต่อสัปดาห์จากรายการ "ทางเลือกที่ดีที่สุด" ซึ่งรวมถึงหอยเช่น หอยตลับ หอยนางรม และหอยเชลล์

    ผักโขม

    มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายแต่มีแคลอรี่น้อยมาก

    ผักโขมดิบประมาณ 3.5 ออนซ์ (100 กรัม) มีธาตุเหล็ก 2.7 มก. หรือ 15% ของ DV ( คำแนะนำการบริโภคต่อวัน)
    แม้ว่านี่จะเป็นธาตุเหล็กที่ไม่ใช่ฮีมซึ่งดูดซึมได้ไม่ดีนัก แต่ผักโขมก็อุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากวิตามินซีช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กได้อย่างมาก

    ผักโขมยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่าแคโรทีนอยด์ ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็ง ลดการอักเสบ และปกป้องดวงตาของคุณจากโรคต่างๆ

    การรับประทานผักโขมและผักใบเขียวอื่นๆ ที่มีไขมันจะช่วยให้ร่างกายดูดซับแคโรทีนอยด์ได้ ดังนั้นอย่าลืมรับประทานไขมันที่มีประโยชน์ เช่น น้ำมันมะกอกกับผักโขม

    ตับและเครื่องในอื่นๆ

    มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก ประเภทที่นิยมรับประทาน ได้แก่ ตับ ไต สมอง และหัวใจ ซึ่งล้วนมีธาตุเหล็กสูง

    ตัวอย่างเช่น ตับวัว 3.5 ออนซ์ (100 กรัม) มีธาตุเหล็ก 6.5 มก. หรือ 36% ของ DV

    เครื่องในสัตว์ยังมีโปรตีนสูงและอุดมไปด้วยวิตามินบี ทองแดง และซีลีเนียม

    ตับมีวิตามินเอสูงเป็นพิเศษ โดยให้มากถึง 1,049% ของ DV ต่อ 3.5 ออนซ์

    ยิ่งไปกว่านั้น เครื่องในสัตว์ยังเป็นแหล่งโคลีนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญสำหรับสุขภาพสมองและตับที่หลายคนไม่ได้รับอย่างเพียงพอ

    พืชตระกูลถั่วเป็นแหล่งธาตุเหล็กชั้นดี โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ทานมังสวิรัติ ถั่วเลนทิลปรุงสุก 1 ถ้วย (198 กรัม) มีธาตุเหล็ก 6.6 มิลลิกรัม ซึ่งคิดเป็น 37% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน

    ถั่ว

    ถั่วดำ ถั่วเนวี่ และถั่วแดง ล้วนช่วยเพิ่มปริมาณธาตุเหล็กที่ร่างกายได้รับได้อย่างง่ายดาย

    ถั่วดำปรุงสุก 1 ถ้วย (86 กรัม) มีธาตุเหล็กประมาณ 1.8 มิลลิกรัม หรือคิดเป็น 10% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน

    พืชตระกูลถั่วยังเป็นแหล่งโฟเลต แมกนีเซียม และโพแทสเซียมที่ดีอีกด้วย

    นอกจากนี้ การศึกษายังแสดงให้เห็นว่าถั่วและพืชตระกูลถั่วชนิดอื่นๆ สามารถลดการอักเสบในผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ พืชตระกูลถั่วยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจสำหรับผู้ที่มีอาการเมตาบอลิกซินโดรมได้อีกด้วย

    นอกจากนี้ พืชตระกูลถั่วยังช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้ดี พืชตระกูลถั่วมีไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้สูงมาก ซึ่งช่วยเพิ่มความรู้สึกอิ่ม ลดการบริโภคแคลอรี่ และส่งเสริมแบคทีเรียในลำไส้ที่มีสุขภาพดี ซึ่งส่งผลต่อน้ำหนัก การอักเสบ และความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง

    แต่มีข้อควรระวังคือ ถั่วทุกชนิดนำไปสู่กรดไหลย้อน

    เนื้อแดง

    มีคุณค่าทางโภชนาการและน่าพอใจ เนื้อบด 3.5 ออนซ์ (100 กรัม) มีธาตุเหล็ก 2.7 มก. ซึ่งคิดเป็น 15% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน

    เนื้อสัตว์ยังอุดมไปด้วยโปรตีน สังกะสี ซีลีเนียม และวิตามินบีหลายชนิด

    นักวิจัยแนะนำว่าผู้ที่กินเนื้อสัตว์ สัตว์ปีก และปลาเป็นประจำอาจมีแนวโน้มขาดธาตุเหล็กน้อยลง

    ในความเป็นจริง เนื้อแดงอาจเป็นแหล่งธาตุเหล็กฮีมที่หาได้ง่ายที่สุด จึงอาจทำให้เนื้อแดงเป็นอาหารสำคัญสำหรับผู้ที่มีแนวโน้มเป็นโรคโลหิตจางได้

    การวิจัยแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงที่กินเนื้อแดงน้อยกว่า 2 ออนซ์ต่อวัน มีแนวโน้มที่จะได้รับสังกะสี ธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 โพแทสเซียม และวิตามินดีไม่เพียงพอมากกว่าผู้หญิงที่กินเนื้อแดง 2 ถึง 3 ออนซ์ต่อวัน

    เมล็ดฟักทอง

    เป็นอาหารว่างที่อร่อยและพกพาสะดวก

    เมล็ดฟักทอง 1 ออนซ์ (28 กรัม) มีธาตุเหล็ก 2.5 มก. ซึ่งคิดเป็น 14% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน

    นอกจากนี้ เมล็ดฟักทองยังเป็นแหล่งที่ดีของวิตามินเค สังกะสี และแมงกานีส นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งแมกนีเซียมที่ดีที่สุดอีกด้วย ซึ่งเป็นภาวะขาดแคลนอาหารที่พบบ่อย

    เมล็ดฟักทอง 1 ออนซ์ (28 กรัม) มีแมกนีเซียม 40% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการดื้อต่ออินซูลิน เบาหวาน และภาวะซึมเศร้า

    บรอกโคลี

    มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก บรอกโคลีปรุงสุก 1 ถ้วย (156 กรัม) มีธาตุเหล็ก 1 มก. ซึ่งคิดเป็น 6% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
    นอกจากนี้ บร็อคโคลี 1 มื้อยังมีวิตามินซี 112% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ซึ่งช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น

    ปริมาณที่รับประทานเท่ากันนี้ยังมีโฟเลตสูงและมีไฟเบอร์ 5 กรัม รวมถึงวิตามินเคอีกด้วย บร็อคโคลีเป็นสมาชิกของตระกูลผักตระกูลกะหล่ำ ซึ่งรวมถึงกะหล่ำดอก กะหล่ำบรัสเซลส์ คะน้า และกะหล่ำปลี

    ผักตระกูลกะหล่ำมีอินโดล ซัลโฟราเฟน และกลูโคซิโนเลต ซึ่งเป็นสารประกอบจากพืชที่เชื่อว่าช่วยป้องกันมะเร็ง

    โกโก้และช็อกโกแลตดำ

    มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระอย่างมีนัยสำคัญคล้ายกับสารสกัดจากผลไม้ตระกูลเบอร์รี่และเชอร์รี่

    การศึกษายังแสดงให้เห็นอีกด้วยว่า โกโก้และช็อกโกแลตมีผลดีต่อคอเลสเตอรอลและอาจช่วยลดความเสี่ยงของอาการหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมอง

    อย่างไรก็ตาม โกโก้และช็อกโกแลตไม่ได้ถูกผลิตมาเท่าเทียมกันทั้งหมด เชื่อกันว่าสารประกอบที่เรียกว่าฟลาโวนอลเป็นสารที่รับผิดชอบต่อประโยชน์ของพวกเขาและปริมาณฟลาโวนอลในช็อกโกแลตดำสูงกว่าช็อกโกแลตนมมาก

    ดังนั้น จึงควรบริโภคช็อกโกแลตที่มีโกโก้เป็นส่วนผสมอย่างน้อย 70% เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุด

    ปลา

    เป็นส่วนผสมที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และปลาบางชนิด เช่น ปลาทูน่า มีธาตุเหล็กสูงเป็นพิเศษ

    อันที่จริง ปลาทูน่ากระป๋อง 3 ออนซ์ (85 กรัม) มีธาตุเหล็กประมาณ 1.4 มก. ซึ่งคิดเป็นประมาณ 8% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน

    ปลาอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นไขมันดีต่อหัวใจชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรดไขมันโอเมก้า 3 ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าส่งเสริมสุขภาพสมอง เสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และสนับสนุนการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่แข็งแรง

    นอกจากปลาทูน่าแล้ว ปลาแฮดด็อก ปลาแมคเคอเรล และปลาซาร์ดีนแล้ว ยังมีปลาอีกไม่กี่ชนิดที่มีธาตุเหล็กสูงซึ่งคุณสามารถนำมารับประทานได้

    วิตามินบี 12

    วิตามินบี 12 (ไซยาโนโคบาลามิน) เป็นวิตามินที่มีความสำคัญเกี่ยวกับระบบประสาท หากขาดจะเกิดอาการโลหิตจางได้ มีขนาดเม็ดเลือดแดงโตกว่าปกติ พบในกลุ่มเนื้อสัตว์ ไข่แดง โยเกิร์ต

    ปริมาณที่ควรได้รับ

    วัยเด็ก 4-8 ปี 1.2 ไมโครกรัมต่อวัน
    วัยรุ่น 9-12 ปี 1.8 ไมโครกรัมต่อวัน
    วัยรุ่น 13-18 ปี 2.4 ไมโครกรัมต่อวัน
    วัยผู้ใหญ่ 19-71 ปี 2.4 ไมโครกรัมต่อวัน
    โฟเลตหรือกรดโฟลิก ( Folic acid)

    โฟเลตหรือกรดโฟลิกหรือวิตามินบี 9 เป็นสารอาหารที่หาง่าย สามารถพบได้ใน ผักสดใบเขียว คะน้า กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักปวยเล้ง บล็อกโคลี่ หน่อไม้ฝรั่ง ถั่วเมล็ดแห้ง ถั่วลิสง ส้ม มะนาว มะเขือเทศ อะโวคาโด เมล็ดทานตะวัน ธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ลูกเดือย

    โฟเลตเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำและขับออกทางปัสสาวะ

    โฟเลตกับความจำเป็นในชีวิตวัยต่างๆ

    -หญิงสาว โฟลิกจะช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ช่วยทดแทนการสูญเสียเลือดในแต่ละเดือน ช่วยบำรุงผิวพรรณและสุขภาพช่วยชะลอให้ผมขาวช้าลงเมื่อรับประทานร่วมกับพาบาและวิตามินบี และยังพบว่ามีฤทธิ์ลดความดันโลหิตในสตรีอีกด้วย

    -หญิงตั้งครรภ์ นอกจากช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงเพื่อการเจริญของลูกในครรภ์และเตรียมสำรองเลือดเผื่อไว้ตอนคลอดแล้ว โฟลิกยังช่วยการสร้างเนื้อเยื่อของลูกในครรภ์ สร้างเซลล์ประสาทสมองช่วยลดความพิการแต่กำเนิด ช่วยความฉลาดและเชาว์ปัญญาของลูกที่จะเกิดมาและยังช่วยในการสร้างน้ำนมของมารดาหลังคลอดบุตร

    -โฟเลตในเด็กทารก ช่วยสร้างความเจริญเติบโตของร่างกายและสมอง เป็นตัวการสำคัญในการสร้างกรดนิวคลิอิก ซึ่งจำเป็นสำหรับขั้นตอนในการเจริญเติบโตของร่างกายและสร้างเซลล์ทั้งหลายให้กับร่างกายอย่างถูกต้องและเหมาะสมรวมถึงสีผิวของทารก

    สร้างภูมิต้านทานโรคในต่อมไธมัสให้แก่ทารกแรกเกิด และเด็กเล็ก
    -ทุกเพศทุกวัย โฟเลตจะช่วยการทำงานของระบบต่างๆในร่างกาย ช่วยให้ร่างกายใช้น้ำตาล และกรดอะมิโนผ่านทางขบวนการระดับเซลล์ป้องกันเบาหวาน

    -ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง โดยไปช่วยไขกระดูกให้ผลิตเม็ดเลือดแดง

    - กระตุ้นการผลิตกรดไฮโดรคลอริกซึ่งช่วยในการป้องกันเชื้อก่อโรคในลำไส้และป้องกันอาหารเป็นพิษ

    -ช่วยในการปฏิบัติหน้าที่ของตับให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

    -ทำหน้าที่คล้ายน้ำย่อยทำงานร่วมกับวิตามินบี 12 และวิตามินซี เผาผลาญโปรตีนและใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่

    -กระตุ้นถุงน้ำดีให้บีบตัวแรงขึ้น เพิ่มพลังผลิตน้ำดี ทำให้การย่อยไขมันและการดูดซึมไขมันดีขึ้น โดยเฉพาะกรดไขมันที่จำเป็นและวิตามินเอ ดี อี เค

    -ทำให้เจริญอาหารมากขึ้น ในรายที่รู้สึกเบื่ออาหาร

    -โฟเลตสามารถช่วยป้องกันหัวใจได้หลายวิธี ประการแรก โฟเลตสามารถช่วยลดสามารถช่วยลดปัจจัยเสี่ยงจากโรคหัวใจ และอันตรายจากโคเลสเตอรอล และโฮโมซิสเทอีน ซึ่งทั้งสองชนิดสามารถทำลายหลอดเลือดหัวใจได้ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการเกิดการปวดหน้าอก และลดอัตราการตายลงด้วย

    ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแนะนำสำหรับเม็ดเลือดแดง

    น้ำปั่นป๋า
    โกโก้ป๋า
    Glap
    Whole c

    ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง

    Cr. Santi Manadee
    การผลิตเม็ดเลือดแดง (erythropoiesis) เกิดขึ้นในไขกระดูกภายใต้การควบคุมของฮอร์โมนอีริโทรโพอีติน (erythropoietin-EPO) ไฟโบรบลาสต์ระหว่างหลอดไตสร้างอีริโทรโพอีติน เพื่อตอบสนองต่อการส่งออกซิเจน ที่ลดลง (เช่น ในโรคโลหิตจางหรือภาวะขาดออกซิเจน) นอกจากอีริโทรโพอีตินแล้ว การผลิตเม็ดเลือดแดงยังต้องการสารตั้งต้นที่เพียงพอ โดยเฉพาะธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 โฟเลตและฮีม เม็ดเลือดแดงสามารถมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 120 วัน จากนั้นเม็ดเลือดแดงจะสูญเสียเยื่อหุ้มเซลล์และส่วนใหญ่จะถูกกำจัดออกจากระบบไหลเวียนเลือดโดยเซลล์ที่ทำหน้าที่จับกินเซลล์ของม้ามและในตับด้วย ฮีโมโกลบินจะถูกย่อยสลายโดยระบบฮีมออกซิเจเนสเป็นหลัก โดยจะรักษา (และนำกลับมาใช้ใหม่) ของธาตุเหล็ก ย่อยสลายฮีมให้เป็นบิลิรูบินผ่านขั้นตอนของเอนไซม์ชุดหนึ่ง และนำกรดอะมิโนกลับมาใช้ใหม่ การรักษาจำนวนเม็ดเลือดแดงให้คงที่นั้นต้องอาศัยการสร้างเซลล์ใหม่ 1/120 เซลล์ทุกวัน และเม็ดเลือดแดงผลิตได้เฉลี่ยนาทีละ 25 ล้านเซลล์ เม็ดเลือดแดงที่ยังไม่โตเต็มที่ (เรติคิวโลไซต์-reticulocytes) จะถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่องและคิดเป็น 0.5 ถึง 2.5% ของประชากรเม็ดเลือดแดงรอบนอกในผู้ใหญ่ เมื่ออายุมากขึ้น ระดับฮีโมโกลบินและฮีมาโตคริต (Hct) จะลดลงเล็กน้อยแต่ไม่ต่ำกว่าค่าปกติ ในผู้หญิงที่มีประจำเดือน สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของระดับเม็ดเลือดแดงต่ำคือการขาดธาตุเหล็กเนื่องจากการเสียเลือดเรื้อรังอันเป็นผลจากการมีประจำเดือน ธาตุเหล็กมีมากในอาหารดังต่อไปนี้ หอย หอยเป็นอาหารที่มีรสชาติดีและมีคุณค่าทางโภชนาการ หอยทุกชนิดมีธาตุเหล็กสูง แต่หอยตลับ หอยนางรม และหอยแมลงภู่เป็นแหล่งธาตุเหล็กที่ดีโดยเฉพาะ ตัวอย่างเช่น หอยตลับ 100 กรัม (3.5 ออนซ์) อาจมีธาตุเหล็กสูงถึง 3 มก. ซึ่งคิดเป็น 17% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน อย่างไรก็ตาม ปริมาณธาตุเหล็กในหอยตลับนั้นผันผวนมาก และหอยตลับบางชนิดอาจมีธาตุเหล็กน้อยกว่ามาก ธาตุเหล็กในหอยตลับคือธาตุเหล็กในรูปแบบฮีม ซึ่งร่างกายดูดซึมได้ง่ายกว่าธาตุเหล็กที่ไม่ใช่ฮีมซึ่งพบในพืช ในความเป็นจริง หอยเป็นแหล่งที่ดีของกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถเพิ่มระดับไขมันดี (HDL) ที่ดีต่อหัวใจ EPA และ FDA แนะนำให้กินอาหารทะเล 2 ถึง 3 จานต่อสัปดาห์จากรายการ "ทางเลือกที่ดีที่สุด" ซึ่งรวมถึงหอยเช่น หอยตลับ หอยนางรม และหอยเชลล์ ผักโขม มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายแต่มีแคลอรี่น้อยมาก ผักโขมดิบประมาณ 3.5 ออนซ์ (100 กรัม) มีธาตุเหล็ก 2.7 มก. หรือ 15% ของ DV ( คำแนะนำการบริโภคต่อวัน) แม้ว่านี่จะเป็นธาตุเหล็กที่ไม่ใช่ฮีมซึ่งดูดซึมได้ไม่ดีนัก แต่ผักโขมก็อุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากวิตามินซีช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กได้อย่างมาก ผักโขมยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่าแคโรทีนอยด์ ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็ง ลดการอักเสบ และปกป้องดวงตาของคุณจากโรคต่างๆ การรับประทานผักโขมและผักใบเขียวอื่นๆ ที่มีไขมันจะช่วยให้ร่างกายดูดซับแคโรทีนอยด์ได้ ดังนั้นอย่าลืมรับประทานไขมันที่มีประโยชน์ เช่น น้ำมันมะกอกกับผักโขม ตับและเครื่องในอื่นๆ มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก ประเภทที่นิยมรับประทาน ได้แก่ ตับ ไต สมอง และหัวใจ ซึ่งล้วนมีธาตุเหล็กสูง ตัวอย่างเช่น ตับวัว 3.5 ออนซ์ (100 กรัม) มีธาตุเหล็ก 6.5 มก. หรือ 36% ของ DV เครื่องในสัตว์ยังมีโปรตีนสูงและอุดมไปด้วยวิตามินบี ทองแดง และซีลีเนียม ตับมีวิตามินเอสูงเป็นพิเศษ โดยให้มากถึง 1,049% ของ DV ต่อ 3.5 ออนซ์ ยิ่งไปกว่านั้น เครื่องในสัตว์ยังเป็นแหล่งโคลีนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญสำหรับสุขภาพสมองและตับที่หลายคนไม่ได้รับอย่างเพียงพอ พืชตระกูลถั่วเป็นแหล่งธาตุเหล็กชั้นดี โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ทานมังสวิรัติ ถั่วเลนทิลปรุงสุก 1 ถ้วย (198 กรัม) มีธาตุเหล็ก 6.6 มิลลิกรัม ซึ่งคิดเป็น 37% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ถั่ว ถั่วดำ ถั่วเนวี่ และถั่วแดง ล้วนช่วยเพิ่มปริมาณธาตุเหล็กที่ร่างกายได้รับได้อย่างง่ายดาย ถั่วดำปรุงสุก 1 ถ้วย (86 กรัม) มีธาตุเหล็กประมาณ 1.8 มิลลิกรัม หรือคิดเป็น 10% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน พืชตระกูลถั่วยังเป็นแหล่งโฟเลต แมกนีเซียม และโพแทสเซียมที่ดีอีกด้วย นอกจากนี้ การศึกษายังแสดงให้เห็นว่าถั่วและพืชตระกูลถั่วชนิดอื่นๆ สามารถลดการอักเสบในผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ พืชตระกูลถั่วยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจสำหรับผู้ที่มีอาการเมตาบอลิกซินโดรมได้อีกด้วย นอกจากนี้ พืชตระกูลถั่วยังช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้ดี พืชตระกูลถั่วมีไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้สูงมาก ซึ่งช่วยเพิ่มความรู้สึกอิ่ม ลดการบริโภคแคลอรี่ และส่งเสริมแบคทีเรียในลำไส้ที่มีสุขภาพดี ซึ่งส่งผลต่อน้ำหนัก การอักเสบ และความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง แต่มีข้อควรระวังคือ ถั่วทุกชนิดนำไปสู่กรดไหลย้อน เนื้อแดง มีคุณค่าทางโภชนาการและน่าพอใจ เนื้อบด 3.5 ออนซ์ (100 กรัม) มีธาตุเหล็ก 2.7 มก. ซึ่งคิดเป็น 15% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน เนื้อสัตว์ยังอุดมไปด้วยโปรตีน สังกะสี ซีลีเนียม และวิตามินบีหลายชนิด นักวิจัยแนะนำว่าผู้ที่กินเนื้อสัตว์ สัตว์ปีก และปลาเป็นประจำอาจมีแนวโน้มขาดธาตุเหล็กน้อยลง ในความเป็นจริง เนื้อแดงอาจเป็นแหล่งธาตุเหล็กฮีมที่หาได้ง่ายที่สุด จึงอาจทำให้เนื้อแดงเป็นอาหารสำคัญสำหรับผู้ที่มีแนวโน้มเป็นโรคโลหิตจางได้ การวิจัยแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงที่กินเนื้อแดงน้อยกว่า 2 ออนซ์ต่อวัน มีแนวโน้มที่จะได้รับสังกะสี ธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 โพแทสเซียม และวิตามินดีไม่เพียงพอมากกว่าผู้หญิงที่กินเนื้อแดง 2 ถึง 3 ออนซ์ต่อวัน เมล็ดฟักทอง เป็นอาหารว่างที่อร่อยและพกพาสะดวก เมล็ดฟักทอง 1 ออนซ์ (28 กรัม) มีธาตุเหล็ก 2.5 มก. ซึ่งคิดเป็น 14% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน นอกจากนี้ เมล็ดฟักทองยังเป็นแหล่งที่ดีของวิตามินเค สังกะสี และแมงกานีส นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งแมกนีเซียมที่ดีที่สุดอีกด้วย ซึ่งเป็นภาวะขาดแคลนอาหารที่พบบ่อย เมล็ดฟักทอง 1 ออนซ์ (28 กรัม) มีแมกนีเซียม 40% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการดื้อต่ออินซูลิน เบาหวาน และภาวะซึมเศร้า บรอกโคลี มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก บรอกโคลีปรุงสุก 1 ถ้วย (156 กรัม) มีธาตุเหล็ก 1 มก. ซึ่งคิดเป็น 6% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน นอกจากนี้ บร็อคโคลี 1 มื้อยังมีวิตามินซี 112% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ซึ่งช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น ปริมาณที่รับประทานเท่ากันนี้ยังมีโฟเลตสูงและมีไฟเบอร์ 5 กรัม รวมถึงวิตามินเคอีกด้วย บร็อคโคลีเป็นสมาชิกของตระกูลผักตระกูลกะหล่ำ ซึ่งรวมถึงกะหล่ำดอก กะหล่ำบรัสเซลส์ คะน้า และกะหล่ำปลี ผักตระกูลกะหล่ำมีอินโดล ซัลโฟราเฟน และกลูโคซิโนเลต ซึ่งเป็นสารประกอบจากพืชที่เชื่อว่าช่วยป้องกันมะเร็ง โกโก้และช็อกโกแลตดำ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระอย่างมีนัยสำคัญคล้ายกับสารสกัดจากผลไม้ตระกูลเบอร์รี่และเชอร์รี่ การศึกษายังแสดงให้เห็นอีกด้วยว่า โกโก้และช็อกโกแลตมีผลดีต่อคอเลสเตอรอลและอาจช่วยลดความเสี่ยงของอาการหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมอง อย่างไรก็ตาม โกโก้และช็อกโกแลตไม่ได้ถูกผลิตมาเท่าเทียมกันทั้งหมด เชื่อกันว่าสารประกอบที่เรียกว่าฟลาโวนอลเป็นสารที่รับผิดชอบต่อประโยชน์ของพวกเขาและปริมาณฟลาโวนอลในช็อกโกแลตดำสูงกว่าช็อกโกแลตนมมาก ดังนั้น จึงควรบริโภคช็อกโกแลตที่มีโกโก้เป็นส่วนผสมอย่างน้อย 70% เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุด ปลา เป็นส่วนผสมที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และปลาบางชนิด เช่น ปลาทูน่า มีธาตุเหล็กสูงเป็นพิเศษ อันที่จริง ปลาทูน่ากระป๋อง 3 ออนซ์ (85 กรัม) มีธาตุเหล็กประมาณ 1.4 มก. ซึ่งคิดเป็นประมาณ 8% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ปลาอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นไขมันดีต่อหัวใจชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรดไขมันโอเมก้า 3 ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าส่งเสริมสุขภาพสมอง เสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และสนับสนุนการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่แข็งแรง นอกจากปลาทูน่าแล้ว ปลาแฮดด็อก ปลาแมคเคอเรล และปลาซาร์ดีนแล้ว ยังมีปลาอีกไม่กี่ชนิดที่มีธาตุเหล็กสูงซึ่งคุณสามารถนำมารับประทานได้ วิตามินบี 12 วิตามินบี 12 (ไซยาโนโคบาลามิน) เป็นวิตามินที่มีความสำคัญเกี่ยวกับระบบประสาท หากขาดจะเกิดอาการโลหิตจางได้ มีขนาดเม็ดเลือดแดงโตกว่าปกติ พบในกลุ่มเนื้อสัตว์ ไข่แดง โยเกิร์ต ปริมาณที่ควรได้รับ วัยเด็ก 4-8 ปี 1.2 ไมโครกรัมต่อวัน วัยรุ่น 9-12 ปี 1.8 ไมโครกรัมต่อวัน วัยรุ่น 13-18 ปี 2.4 ไมโครกรัมต่อวัน วัยผู้ใหญ่ 19-71 ปี 2.4 ไมโครกรัมต่อวัน โฟเลตหรือกรดโฟลิก ( Folic acid) โฟเลตหรือกรดโฟลิกหรือวิตามินบี 9 เป็นสารอาหารที่หาง่าย สามารถพบได้ใน ผักสดใบเขียว คะน้า กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักปวยเล้ง บล็อกโคลี่ หน่อไม้ฝรั่ง ถั่วเมล็ดแห้ง ถั่วลิสง ส้ม มะนาว มะเขือเทศ อะโวคาโด เมล็ดทานตะวัน ธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ลูกเดือย โฟเลตเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำและขับออกทางปัสสาวะ โฟเลตกับความจำเป็นในชีวิตวัยต่างๆ -หญิงสาว โฟลิกจะช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ช่วยทดแทนการสูญเสียเลือดในแต่ละเดือน ช่วยบำรุงผิวพรรณและสุขภาพช่วยชะลอให้ผมขาวช้าลงเมื่อรับประทานร่วมกับพาบาและวิตามินบี และยังพบว่ามีฤทธิ์ลดความดันโลหิตในสตรีอีกด้วย -หญิงตั้งครรภ์ นอกจากช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงเพื่อการเจริญของลูกในครรภ์และเตรียมสำรองเลือดเผื่อไว้ตอนคลอดแล้ว โฟลิกยังช่วยการสร้างเนื้อเยื่อของลูกในครรภ์ สร้างเซลล์ประสาทสมองช่วยลดความพิการแต่กำเนิด ช่วยความฉลาดและเชาว์ปัญญาของลูกที่จะเกิดมาและยังช่วยในการสร้างน้ำนมของมารดาหลังคลอดบุตร -โฟเลตในเด็กทารก ช่วยสร้างความเจริญเติบโตของร่างกายและสมอง เป็นตัวการสำคัญในการสร้างกรดนิวคลิอิก ซึ่งจำเป็นสำหรับขั้นตอนในการเจริญเติบโตของร่างกายและสร้างเซลล์ทั้งหลายให้กับร่างกายอย่างถูกต้องและเหมาะสมรวมถึงสีผิวของทารก สร้างภูมิต้านทานโรคในต่อมไธมัสให้แก่ทารกแรกเกิด และเด็กเล็ก -ทุกเพศทุกวัย โฟเลตจะช่วยการทำงานของระบบต่างๆในร่างกาย ช่วยให้ร่างกายใช้น้ำตาล และกรดอะมิโนผ่านทางขบวนการระดับเซลล์ป้องกันเบาหวาน -ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง โดยไปช่วยไขกระดูกให้ผลิตเม็ดเลือดแดง - กระตุ้นการผลิตกรดไฮโดรคลอริกซึ่งช่วยในการป้องกันเชื้อก่อโรคในลำไส้และป้องกันอาหารเป็นพิษ -ช่วยในการปฏิบัติหน้าที่ของตับให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น -ทำหน้าที่คล้ายน้ำย่อยทำงานร่วมกับวิตามินบี 12 และวิตามินซี เผาผลาญโปรตีนและใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ -กระตุ้นถุงน้ำดีให้บีบตัวแรงขึ้น เพิ่มพลังผลิตน้ำดี ทำให้การย่อยไขมันและการดูดซึมไขมันดีขึ้น โดยเฉพาะกรดไขมันที่จำเป็นและวิตามินเอ ดี อี เค -ทำให้เจริญอาหารมากขึ้น ในรายที่รู้สึกเบื่ออาหาร -โฟเลตสามารถช่วยป้องกันหัวใจได้หลายวิธี ประการแรก โฟเลตสามารถช่วยลดสามารถช่วยลดปัจจัยเสี่ยงจากโรคหัวใจ และอันตรายจากโคเลสเตอรอล และโฮโมซิสเทอีน ซึ่งทั้งสองชนิดสามารถทำลายหลอดเลือดหัวใจได้ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการเกิดการปวดหน้าอก และลดอัตราการตายลงด้วย ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแนะนำสำหรับเม็ดเลือดแดง น้ำปั่นป๋า โกโก้ป๋า Glap Whole c ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง Cr. Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 651 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts