• Bernama มาเลเซีย แถลง "ขออภัยอย่างเป็นทางการ" ต่อความผิดพลาดร้ายแรงในการแปลข่าวปมทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา
    https://www.thai-tai.tv/news/22368/
    .
    #ไทยไท #Bernama #แปลผิดพลาด #ทุ่นระเบิดใหม่ #AOT #ความมั่นคงชายแดน

    Bernama มาเลเซีย แถลง "ขออภัยอย่างเป็นทางการ" ต่อความผิดพลาดร้ายแรงในการแปลข่าวปมทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา https://www.thai-tai.tv/news/22368/ . #ไทยไท #Bernama #แปลผิดพลาด #ทุ่นระเบิดใหม่ #AOT #ความมั่นคงชายแดน
    0 Comments 0 Shares 28 Views 0 Reviews
  • AMD และปัญหา SSD เขียนข้อมูลไม่หยุด

    เรื่องนี้เริ่มจากผู้ใช้รายหนึ่งพบว่าไดรเวอร์ของ AMD มีพฤติกรรมแปลก ๆ คือทุกครั้งที่ขยับหรือปรับขนาดหน้าต่างบนจอ ระบบจะเขียนข้อมูลลงไฟล์ log อย่างต่อเนื่องราวกับ “ยิงกระสุนข้อมูล” ไปที่ SSD ตลอดเวลา แม้จะเป็นข้อมูลเล็ก ๆ แต่ก็ทำให้หลายคนกังวลว่าอาจส่งผลต่ออายุการใช้งานของ SSD ได้ในระยะยาว

    นักวิศวกรบางคนอธิบายว่า การเขียนข้อมูลลักษณะนี้อาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะ SSD สมัยใหม่มีระบบ cache ที่ช่วยลดการเขียนจริงลงแผ่น NAND แต่สิ่งที่น่าสนใจคือไฟล์ log นี้เกี่ยวข้องกับบริการที่ชื่อว่า AMD External Events Utility ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับฟีเจอร์ FreeSync หากปิดบริการนี้ก็จะหยุดการเขียนไฟล์ได้ แต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่าจะกระทบกับการทำงานของ FreeSync หรือไม่

    AMD ยังไม่ได้ออกคำชี้แจงอย่างเป็นทางการ แต่ผู้ใช้บางรายก็หาทางแก้ชั่วคราว เช่น redirect การเขียนไฟล์ไปที่ nul: เพื่อไม่ให้ข้อมูลถูกบันทึกลง SSD จริง ๆ อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ก็มีความเสี่ยง เพราะอาจทำให้ระบบทำงานผิดพลาดในบางกรณี

    สรุปประเด็น
    พฤติกรรมไดรเวอร์ AMD เขียนไฟล์ log ทุกครั้งที่ขยับหน้าต่าง
    เกิดจากบริการ AMD External Events Utility

    การเขียนข้อมูลมีขนาดเล็กและอาจไม่กระทบ SSD มากนัก
    SSD รุ่นใหม่มีระบบ cache ลดการเขียนจริง

    การปิดบริการอาจกระทบ FreeSync
    ยังไม่มีการยืนยันผลกระทบจาก AMD

    การ redirect ไฟล์ไป nul: อาจเสี่ยงต่อระบบ
    ผู้ใช้ควรระวังและทดสอบก่อนใช้งานจริง

    https://www.tomshardware.com/software/windows/amd-users-flag-heavy-ssd-write-activity-tied-to-chipset-driver-incessant-log-file-writes-observed-every-time-a-window-is-moved-or-resized
    🖥️ AMD และปัญหา SSD เขียนข้อมูลไม่หยุด เรื่องนี้เริ่มจากผู้ใช้รายหนึ่งพบว่าไดรเวอร์ของ AMD มีพฤติกรรมแปลก ๆ คือทุกครั้งที่ขยับหรือปรับขนาดหน้าต่างบนจอ ระบบจะเขียนข้อมูลลงไฟล์ log อย่างต่อเนื่องราวกับ “ยิงกระสุนข้อมูล” ไปที่ SSD ตลอดเวลา แม้จะเป็นข้อมูลเล็ก ๆ แต่ก็ทำให้หลายคนกังวลว่าอาจส่งผลต่ออายุการใช้งานของ SSD ได้ในระยะยาว นักวิศวกรบางคนอธิบายว่า การเขียนข้อมูลลักษณะนี้อาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะ SSD สมัยใหม่มีระบบ cache ที่ช่วยลดการเขียนจริงลงแผ่น NAND แต่สิ่งที่น่าสนใจคือไฟล์ log นี้เกี่ยวข้องกับบริการที่ชื่อว่า AMD External Events Utility ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับฟีเจอร์ FreeSync หากปิดบริการนี้ก็จะหยุดการเขียนไฟล์ได้ แต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่าจะกระทบกับการทำงานของ FreeSync หรือไม่ AMD ยังไม่ได้ออกคำชี้แจงอย่างเป็นทางการ แต่ผู้ใช้บางรายก็หาทางแก้ชั่วคราว เช่น redirect การเขียนไฟล์ไปที่ nul: เพื่อไม่ให้ข้อมูลถูกบันทึกลง SSD จริง ๆ อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ก็มีความเสี่ยง เพราะอาจทำให้ระบบทำงานผิดพลาดในบางกรณี 📌 สรุปประเด็น ✅ พฤติกรรมไดรเวอร์ AMD เขียนไฟล์ log ทุกครั้งที่ขยับหน้าต่าง ➡️ เกิดจากบริการ AMD External Events Utility ✅ การเขียนข้อมูลมีขนาดเล็กและอาจไม่กระทบ SSD มากนัก ➡️ SSD รุ่นใหม่มีระบบ cache ลดการเขียนจริง ‼️ การปิดบริการอาจกระทบ FreeSync ⛔ ยังไม่มีการยืนยันผลกระทบจาก AMD ‼️ การ redirect ไฟล์ไป nul: อาจเสี่ยงต่อระบบ ⛔ ผู้ใช้ควรระวังและทดสอบก่อนใช้งานจริง https://www.tomshardware.com/software/windows/amd-users-flag-heavy-ssd-write-activity-tied-to-chipset-driver-incessant-log-file-writes-observed-every-time-a-window-is-moved-or-resized
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    AMD users flag heavy SSD write activity tied to chipset driver — incessant log file writes observed every time a window is moved or resized
    Disabling the AMD External Events Utility service appears to be a workaround, but with modern disk caching, we aren’t sure there’s a tangible problem.
    0 Comments 0 Shares 28 Views 0 Reviews
  • Thunderbird 145 รองรับ DNS over HTTPS และยุติ 32-bit

    Thunderbird 145 เปิดตัวพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่สำคัญคือ DNS over HTTPS (DoH) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ยังเพิ่มการตั้งค่า manual สำหรับ Exchange Web Services (EWS) และปรับปรุงการจัดการบัญชีอีเมล

    สิ่งที่น่าสังเกตคือ Thunderbird 145 ได้ยุติการรองรับ 32-bit Linux binaries อย่างเป็นทางการ ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกซอฟต์แวร์ที่หันไปใช้ 64-bit เป็นมาตรฐานแล้ว

    นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง UX เช่น การเปลี่ยนคำว่า “Junk” เป็น “Spam”, การจัดการ emoji ใน subject line, และการแก้บั๊กหลายจุด เช่น ปัญหาไฟล์แนบ overwrite โดยไม่เตือน และการตรวจสอบ spam ที่ผิดพลาด

    สรุปเป็นหัวข้อ:
    ฟีเจอร์ใหม่ใน Thunderbird 145
    รองรับ DNS over HTTPS
    ปรับปรุงการตั้งค่า EWS และบัญชีอีเมล

    การปรับปรุง UX และแก้บั๊ก
    เปลี่ยน “Junk” เป็น “Spam”
    แก้บั๊กไฟล์แนบ overwrite

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Linux 32-bit
    Thunderbird 145 ไม่รองรับอีกต่อไป

    https://9to5linux.com/thunderbird-145-enables-support-for-dns-over-https-drops-32-bit-linux-binaries
    📧 Thunderbird 145 รองรับ DNS over HTTPS และยุติ 32-bit Thunderbird 145 เปิดตัวพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่สำคัญคือ DNS over HTTPS (DoH) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ยังเพิ่มการตั้งค่า manual สำหรับ Exchange Web Services (EWS) และปรับปรุงการจัดการบัญชีอีเมล สิ่งที่น่าสังเกตคือ Thunderbird 145 ได้ยุติการรองรับ 32-bit Linux binaries อย่างเป็นทางการ ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกซอฟต์แวร์ที่หันไปใช้ 64-bit เป็นมาตรฐานแล้ว นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง UX เช่น การเปลี่ยนคำว่า “Junk” เป็น “Spam”, การจัดการ emoji ใน subject line, และการแก้บั๊กหลายจุด เช่น ปัญหาไฟล์แนบ overwrite โดยไม่เตือน และการตรวจสอบ spam ที่ผิดพลาด 📌 สรุปเป็นหัวข้อ: ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน Thunderbird 145 ➡️ รองรับ DNS over HTTPS ➡️ ปรับปรุงการตั้งค่า EWS และบัญชีอีเมล ✅ การปรับปรุง UX และแก้บั๊ก ➡️ เปลี่ยน “Junk” เป็น “Spam” ➡️ แก้บั๊กไฟล์แนบ overwrite ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Linux 32-bit ⛔ Thunderbird 145 ไม่รองรับอีกต่อไป https://9to5linux.com/thunderbird-145-enables-support-for-dns-over-https-drops-32-bit-linux-binaries
    9TO5LINUX.COM
    Thunderbird 145 Enables Support for DNS over HTTPS, Drops 32-Bit Linux Binaries - 9to5Linux
    Mozilla Thunderbird 145 open-source email client is now available for download with support for DNS over HTTPS and other changes.
    0 Comments 0 Shares 19 Views 0 Reviews
  • LibreOffice 25.8.3 แก้บั๊กกว่า 70 จุด

    LibreOffice 25.8.3 เปิดตัวเป็นการอัปเดตบำรุงรักษา โดยแก้ไขบั๊กกว่า 70 จุด เพื่อเพิ่มเสถียรภาพและความน่าเชื่อถือของชุดโปรแกรมสำนักงานโอเพ่นซอร์สยอดนิยมนี้

    ฟีเจอร์หลักของ LibreOffice 25.8 ที่เปิดตัวก่อนหน้านี้คือการรองรับ PDF 2.0, การเปิดไฟล์เร็วขึ้นถึง 30%, และการจัดการหน่วยความจำที่ดีขึ้นสำหรับ thin clients และ virtual desktops รวมถึงการปรับปรุงการเลื่อนเอกสารขนาดใหญ่และการจัดการการเว้นวรรคคำ

    ผู้ใช้ทั่วไปควรรีบอัปเดตเพื่อหลีกเลี่ยงบั๊กที่อาจทำให้โปรแกรม crash หรือทำงานผิดพลาด โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ LibreOffice ในงานเอกสารสำคัญ

    สรุปเป็นหัวข้อ:
    การแก้บั๊กใน LibreOffice 25.8.3
    รวมกว่า 70 จุด
    ปรับปรุงเสถียรภาพและความเร็ว

    ฟีเจอร์หลักของ LibreOffice 25.8
    รองรับ PDF 2.0
    เปิดไฟล์เร็วขึ้น 30%

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    หากไม่อัปเดต อาจเจอ crash หรือบั๊กเดิม

    https://9to5linux.com/libreoffice-25-8-3-office-suite-is-now-available-for-download-with-70-bug-fixes
    📑 LibreOffice 25.8.3 แก้บั๊กกว่า 70 จุด LibreOffice 25.8.3 เปิดตัวเป็นการอัปเดตบำรุงรักษา โดยแก้ไขบั๊กกว่า 70 จุด เพื่อเพิ่มเสถียรภาพและความน่าเชื่อถือของชุดโปรแกรมสำนักงานโอเพ่นซอร์สยอดนิยมนี้ ฟีเจอร์หลักของ LibreOffice 25.8 ที่เปิดตัวก่อนหน้านี้คือการรองรับ PDF 2.0, การเปิดไฟล์เร็วขึ้นถึง 30%, และการจัดการหน่วยความจำที่ดีขึ้นสำหรับ thin clients และ virtual desktops รวมถึงการปรับปรุงการเลื่อนเอกสารขนาดใหญ่และการจัดการการเว้นวรรคคำ ผู้ใช้ทั่วไปควรรีบอัปเดตเพื่อหลีกเลี่ยงบั๊กที่อาจทำให้โปรแกรม crash หรือทำงานผิดพลาด โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ LibreOffice ในงานเอกสารสำคัญ 📌 สรุปเป็นหัวข้อ: ✅ การแก้บั๊กใน LibreOffice 25.8.3 ➡️ รวมกว่า 70 จุด ➡️ ปรับปรุงเสถียรภาพและความเร็ว ✅ ฟีเจอร์หลักของ LibreOffice 25.8 ➡️ รองรับ PDF 2.0 ➡️ เปิดไฟล์เร็วขึ้น 30% ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ หากไม่อัปเดต อาจเจอ crash หรือบั๊กเดิม https://9to5linux.com/libreoffice-25-8-3-office-suite-is-now-available-for-download-with-70-bug-fixes
    9TO5LINUX.COM
    LibreOffice 25.8.3 Office Suite Is Now Available for Download with 70 Bug Fixes - 9to5Linux
    LibreOffice 25.8.3 is now available for download as the third update to the latest LibreOffice 25.8 office suite series with 70 bug fixes.
    0 Comments 0 Shares 19 Views 0 Reviews
  • ข่าวใหญ่: ช่องโหว่ร้ายแรงใน NVIDIA NeMo Framework เสี่ยง Code Injection และ Privilege Escalation

    รายละเอียดช่องโหว่
    NVIDIA ได้ออกประกาศเกี่ยวกับช่องโหว่ร้ายแรงใน NeMo Framework ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับการพัฒนา AI และ Machine Learning โดยพบว่า มี 2 ช่องโหว่หลัก ได้แก่

    CVE-2025-23361: เกิดจากการตรวจสอบอินพุตที่ไม่เพียงพอในสคริปต์ ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลที่ crafted ขึ้นมาเพื่อควบคุมการสร้างโค้ดได้

    CVE-2025-33178: เกิดในส่วนของ BERT services component ที่เปิดทางให้เกิด Code Injection ผ่านข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้โจมตี

    ทั้งสองช่องโหว่สามารถนำไปสู่การ รันโค้ดโดยไม่ได้รับอนุญาต, การยกระดับสิทธิ์, การเปิดเผยข้อมูล และการแก้ไขข้อมูล

    ความรุนแรงและผลกระทบ
    ช่องโหว่เหล่านี้ถูกจัดระดับ CVSS 7.8 (High Severity) โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีการใช้งานร่วมกัน เช่น Shared Development Machines, Research Clusters และ AI Inference Servers หากถูกโจมตีสำเร็จ อาจทำให้ระบบ AI pipeline ถูกควบคุมและข้อมูลสำคัญถูกดัดแปลงหรือรั่วไหล

    เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบและการแก้ไข
    ได้รับผลกระทบ: ทุกเวอร์ชันของ NeMo Framework ก่อน 2.5.0
    แก้ไขแล้ว: เวอร์ชัน 2.5.0 ที่ NVIDIA ได้ปล่อยแพตช์ออกมาแล้วบน GitHub และ PyPI

    ความสำคัญต่อวงการ AI
    การโจมตีที่เกิดขึ้นใน AI pipeline ไม่เพียงกระทบต่อการทำงานของนักพัฒนา แต่ยังอาจทำให้โมเดลที่ถูกฝึกหรือใช้งานในงานวิจัยและการผลิตถูกบิดเบือน ซึ่งอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ผิดพลาดและสร้างความเสียหายต่อองค์กรที่พึ่งพา AI ในการตัดสินใจ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    รายละเอียดช่องโหว่
    CVE-2025-23361: ช่องโหว่ในสคริปต์ที่ตรวจสอบอินพุตไม่เพียงพอ
    CVE-2025-33178: ช่องโหว่ใน BERT services component เปิดทาง Code Injection

    ผลกระทบต่อระบบ
    เสี่ยงต่อการรันโค้ดโดยไม่ได้รับอนุญาตและการยกระดับสิทธิ์
    อาจทำให้ข้อมูลรั่วไหลหรือถูกแก้ไข

    เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ
    ทุกเวอร์ชันก่อน NeMo 2.5.0
    NVIDIA ได้แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 2.5.0

    แนวทางแก้ไข
    รีบอัปเดตเป็น NeMo Framework 2.5.0
    ตรวจสอบระบบ AI pipeline ที่ใช้งานร่วมกัน

    คำเตือนสำหรับองค์กร
    หากไม่อัปเดต อาจถูกโจมตีจนระบบ AI pipeline ถูกควบคุม
    การโจมตีอาจบิดเบือนผลลัพธ์ของโมเดล AI และสร้างความเสียหายต่อธุรกิจ

    https://securityonline.info/high-severity-nvidia-nemo-framework-flaws-allow-code-injection-and-privilege-escalation-in-ai-pipelines/
    ⚠️ ข่าวใหญ่: ช่องโหว่ร้ายแรงใน NVIDIA NeMo Framework เสี่ยง Code Injection และ Privilege Escalation 🧩 รายละเอียดช่องโหว่ NVIDIA ได้ออกประกาศเกี่ยวกับช่องโหว่ร้ายแรงใน NeMo Framework ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับการพัฒนา AI และ Machine Learning โดยพบว่า มี 2 ช่องโหว่หลัก ได้แก่ 🪲 CVE-2025-23361: เกิดจากการตรวจสอบอินพุตที่ไม่เพียงพอในสคริปต์ ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลที่ crafted ขึ้นมาเพื่อควบคุมการสร้างโค้ดได้ 🪲 CVE-2025-33178: เกิดในส่วนของ BERT services component ที่เปิดทางให้เกิด Code Injection ผ่านข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้โจมตี ทั้งสองช่องโหว่สามารถนำไปสู่การ รันโค้ดโดยไม่ได้รับอนุญาต, การยกระดับสิทธิ์, การเปิดเผยข้อมูล และการแก้ไขข้อมูล 🔥 ความรุนแรงและผลกระทบ ช่องโหว่เหล่านี้ถูกจัดระดับ CVSS 7.8 (High Severity) โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีการใช้งานร่วมกัน เช่น Shared Development Machines, Research Clusters และ AI Inference Servers หากถูกโจมตีสำเร็จ อาจทำให้ระบบ AI pipeline ถูกควบคุมและข้อมูลสำคัญถูกดัดแปลงหรือรั่วไหล 🛠️ เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบและการแก้ไข 🪛 ได้รับผลกระทบ: ทุกเวอร์ชันของ NeMo Framework ก่อน 2.5.0 🪛 แก้ไขแล้ว: เวอร์ชัน 2.5.0 ที่ NVIDIA ได้ปล่อยแพตช์ออกมาแล้วบน GitHub และ PyPI 🌐 ความสำคัญต่อวงการ AI การโจมตีที่เกิดขึ้นใน AI pipeline ไม่เพียงกระทบต่อการทำงานของนักพัฒนา แต่ยังอาจทำให้โมเดลที่ถูกฝึกหรือใช้งานในงานวิจัยและการผลิตถูกบิดเบือน ซึ่งอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ผิดพลาดและสร้างความเสียหายต่อองค์กรที่พึ่งพา AI ในการตัดสินใจ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ รายละเอียดช่องโหว่ ➡️ CVE-2025-23361: ช่องโหว่ในสคริปต์ที่ตรวจสอบอินพุตไม่เพียงพอ ➡️ CVE-2025-33178: ช่องโหว่ใน BERT services component เปิดทาง Code Injection ✅ ผลกระทบต่อระบบ ➡️ เสี่ยงต่อการรันโค้ดโดยไม่ได้รับอนุญาตและการยกระดับสิทธิ์ ➡️ อาจทำให้ข้อมูลรั่วไหลหรือถูกแก้ไข ✅ เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ ➡️ ทุกเวอร์ชันก่อน NeMo 2.5.0 ➡️ NVIDIA ได้แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 2.5.0 ✅ แนวทางแก้ไข ➡️ รีบอัปเดตเป็น NeMo Framework 2.5.0 ➡️ ตรวจสอบระบบ AI pipeline ที่ใช้งานร่วมกัน ‼️ คำเตือนสำหรับองค์กร ⛔ หากไม่อัปเดต อาจถูกโจมตีจนระบบ AI pipeline ถูกควบคุม ⛔ การโจมตีอาจบิดเบือนผลลัพธ์ของโมเดล AI และสร้างความเสียหายต่อธุรกิจ https://securityonline.info/high-severity-nvidia-nemo-framework-flaws-allow-code-injection-and-privilege-escalation-in-ai-pipelines/
    SECURITYONLINE.INFO
    High-Severity NVIDIA NeMo Framework Flaws Allow Code Injection and Privilege Escalation in AI Pipelines
    NVIDIA patched two High-severity flaws in its NeMo Framework. CVE-2025-23361 and CVE-2025-33178 allow local code injection and privilege escalation in AI training environments. Update to v2.5.0.
    0 Comments 0 Shares 29 Views 0 Reviews
  • Microsoft แก้ปัญหา Windows 10 ESU ติดตั้งไม่สำเร็จ

    Microsoft ได้ออกแพตช์ใหม่ KB5071959 เพื่อแก้ปัญหาที่ทำให้ผู้ใช้ Windows 10 ไม่สามารถติดตั้ง Extended Security Updates (ESU) ได้อย่างถูกต้อง ปัญหานี้เกิดขึ้นหลังจาก Windows 10 หมดอายุการสนับสนุนหลัก และผู้ใช้ที่สมัคร ESU กลับถูกแจ้งว่าเครื่องหมดอายุแล้ว แม้จะเป็นรุ่น Enterprise ที่ยังอยู่ในระยะซัพพอร์ต

    การแก้ไขครั้งนี้ครอบคลุมทั้งการปรับปรุงระบบ Cloud Config และการแก้บั๊กที่ทำให้ผู้ใช้ในยุโรปไม่สามารถลงทะเบียน ESU ได้ รวมถึงการแก้ปัญหาที่ทำให้เกิดข้อความ “Something went wrong” เมื่อสมัครผ่าน Windows Backup

    ESU ถือเป็นการต่ออายุการสนับสนุน Windows 10 อีก 1–3 ปี เพื่อให้ผู้ใช้ที่ยังไม่สามารถอัปเกรดไป Windows 11 ได้รับการอัปเดตด้านความปลอดภัยต่อไป แต่ต้องมีการสมัครสมาชิกหรือใช้คะแนนรางวัล Microsoft เพื่อเข้าร่วม

    Microsoft ออกแพตช์ KB5071959 แก้ปัญหา ESU
    แก้บั๊กที่ทำให้เครื่องแจ้งหมดอายุผิดพลาด

    ESU ต่ออายุการสนับสนุน Windows 10 อีก 1–3 ปี
    เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ยังไม่สามารถอัปเกรดไป Windows 11

    ผู้ใช้สามารถสมัคร ESU ผ่าน Windows Backup หรือจ่ายเงิน
    ต้องมีบัญชี Microsoft เพื่อเข้าร่วม

    หากไม่เข้าร่วม ESU เครื่องจะเสี่ยงต่อการโจมตีไซเบอร์
    ไม่มีการอัปเดตความปลอดภัยเพิ่มเติม

    ปัญหาการสมัคร ESU ในบางภูมิภาคยังคงเกิดขึ้น
    ผู้ใช้ต้องตรวจสอบว่ามีสิทธิ์เข้าร่วมจริงหรือไม่

    https://www.tomshardware.com/software/windows/microsoft-patches-windows-10-issue-that-accidentally-blocked-extended-security-updates-from-installing-latest-update-should-finally-fix-all-the-issues-for-esu-eligible-devices
    🪟 Microsoft แก้ปัญหา Windows 10 ESU ติดตั้งไม่สำเร็จ Microsoft ได้ออกแพตช์ใหม่ KB5071959 เพื่อแก้ปัญหาที่ทำให้ผู้ใช้ Windows 10 ไม่สามารถติดตั้ง Extended Security Updates (ESU) ได้อย่างถูกต้อง ปัญหานี้เกิดขึ้นหลังจาก Windows 10 หมดอายุการสนับสนุนหลัก และผู้ใช้ที่สมัคร ESU กลับถูกแจ้งว่าเครื่องหมดอายุแล้ว แม้จะเป็นรุ่น Enterprise ที่ยังอยู่ในระยะซัพพอร์ต การแก้ไขครั้งนี้ครอบคลุมทั้งการปรับปรุงระบบ Cloud Config และการแก้บั๊กที่ทำให้ผู้ใช้ในยุโรปไม่สามารถลงทะเบียน ESU ได้ รวมถึงการแก้ปัญหาที่ทำให้เกิดข้อความ “Something went wrong” เมื่อสมัครผ่าน Windows Backup ESU ถือเป็นการต่ออายุการสนับสนุน Windows 10 อีก 1–3 ปี เพื่อให้ผู้ใช้ที่ยังไม่สามารถอัปเกรดไป Windows 11 ได้รับการอัปเดตด้านความปลอดภัยต่อไป แต่ต้องมีการสมัครสมาชิกหรือใช้คะแนนรางวัล Microsoft เพื่อเข้าร่วม ✅ Microsoft ออกแพตช์ KB5071959 แก้ปัญหา ESU ➡️ แก้บั๊กที่ทำให้เครื่องแจ้งหมดอายุผิดพลาด ✅ ESU ต่ออายุการสนับสนุน Windows 10 อีก 1–3 ปี ➡️ เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ยังไม่สามารถอัปเกรดไป Windows 11 ✅ ผู้ใช้สามารถสมัคร ESU ผ่าน Windows Backup หรือจ่ายเงิน ➡️ ต้องมีบัญชี Microsoft เพื่อเข้าร่วม ‼️ หากไม่เข้าร่วม ESU เครื่องจะเสี่ยงต่อการโจมตีไซเบอร์ ⛔ ไม่มีการอัปเดตความปลอดภัยเพิ่มเติม ‼️ ปัญหาการสมัคร ESU ในบางภูมิภาคยังคงเกิดขึ้น ⛔ ผู้ใช้ต้องตรวจสอบว่ามีสิทธิ์เข้าร่วมจริงหรือไม่ https://www.tomshardware.com/software/windows/microsoft-patches-windows-10-issue-that-accidentally-blocked-extended-security-updates-from-installing-latest-update-should-finally-fix-all-the-issues-for-esu-eligible-devices
    0 Comments 0 Shares 56 Views 0 Reviews
  • Intel ออกแพตช์แก้บั๊กใหญ่ในซอฟต์แวร์และไมโครโค้ด

    Intel จัดการอัปเดตครั้งใหญ่คล้ายกับ “Patch Tuesday” ของ Microsoft โดยแก้ไขช่องโหว่กว่า 30 จุด ทั้งในซอฟต์แวร์และไมโครโค้ดของซีพียูรุ่นใหม่ ๆ การอัปเดตนี้มีทั้งการแก้บั๊กเล็ก ๆ และการปิดช่องโหว่ที่อาจถูกใช้โจมตีเพื่อยกระดับสิทธิ์การเข้าถึงระบบ หนึ่งในช่องโหว่ที่น่ากังวลคือ UEFI Server Firmware ที่อาจทำให้ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์สูงสามารถเข้าถึงระบบทั้งหมดได้ ซึ่งถือว่าอันตรายมากในสภาพแวดล้อมเซิร์ฟเวอร์และคลาวด์

    นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขบั๊กในไดรเวอร์ Wi-Fi และ GPU ของ Intel ที่อาจทำให้การเชื่อมต่อหลุดหรือข้อมูลรั่วไหลได้ ส่วนไมโครโค้ดก็ได้รับการปรับปรุงเพื่อแก้ปัญหาการทำงานของคำสั่ง REP SCASB และ REP CMPSB ที่อาจให้ผลลัพธ์ผิดพลาดเมื่อมีการเข้าถึงหน่วยความจำพร้อมกันจากหลายคอร์ รวมถึงการแก้ไขฟีเจอร์ประหยัดพลังงานในซีพียู Xeon และ Arrow Lake

    การอัปเดตนี้ยังครอบคลุมถึงการแก้ปัญหากับอุปกรณ์ USB 3.2 ที่อาจทำให้การส่งข้อมูลเสียงหรือภาพสะดุด ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ใช้ที่ทำงานกับอุปกรณ์ A/V เช่น กล้องและไมโครโฟน

    Intel ปล่อยแพตช์แก้ช่องโหว่กว่า 30 จุด
    รวมถึง UEFI Server Firmware ที่มีความเสี่ยงสูง

    การแก้ไขบั๊กในไดรเวอร์ Wi-Fi และ GPU
    ลดโอกาสการหลุดของการเชื่อมต่อและการรั่วไหลของข้อมูล

    ปรับปรุงไมโครโค้ดของซีพียูหลายรุ่น
    แก้ปัญหาคำสั่ง REP SCASB/CMPSB และฟีเจอร์ประหยัดพลังงาน

    ช่องโหว่ UEFI อาจทำให้ผู้ดูแลระบบที่ไม่หวังดีเข้าถึงเครื่องทั้งหมด
    เสี่ยงต่อการโจมตีในเซิร์ฟเวอร์และคลาวด์

    บั๊ก Wi-Fi อาจทำให้การเชื่อมต่อหลุด
    กระทบผู้ใช้ทั่วไปหากไม่อัปเดตไดรเวอร์ทันที

    https://www.tomshardware.com/software/intel-software-fixes-stamp-down-privilege-escalation-vulnerabilities-while-microcode-updates-clean-up-cpu-messes-chipmaker-has-its-own-patch-tuesday-as-it-stomps-down-30-bugs
    🖥️ Intel ออกแพตช์แก้บั๊กใหญ่ในซอฟต์แวร์และไมโครโค้ด Intel จัดการอัปเดตครั้งใหญ่คล้ายกับ “Patch Tuesday” ของ Microsoft โดยแก้ไขช่องโหว่กว่า 30 จุด ทั้งในซอฟต์แวร์และไมโครโค้ดของซีพียูรุ่นใหม่ ๆ การอัปเดตนี้มีทั้งการแก้บั๊กเล็ก ๆ และการปิดช่องโหว่ที่อาจถูกใช้โจมตีเพื่อยกระดับสิทธิ์การเข้าถึงระบบ หนึ่งในช่องโหว่ที่น่ากังวลคือ UEFI Server Firmware ที่อาจทำให้ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์สูงสามารถเข้าถึงระบบทั้งหมดได้ ซึ่งถือว่าอันตรายมากในสภาพแวดล้อมเซิร์ฟเวอร์และคลาวด์ นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขบั๊กในไดรเวอร์ Wi-Fi และ GPU ของ Intel ที่อาจทำให้การเชื่อมต่อหลุดหรือข้อมูลรั่วไหลได้ ส่วนไมโครโค้ดก็ได้รับการปรับปรุงเพื่อแก้ปัญหาการทำงานของคำสั่ง REP SCASB และ REP CMPSB ที่อาจให้ผลลัพธ์ผิดพลาดเมื่อมีการเข้าถึงหน่วยความจำพร้อมกันจากหลายคอร์ รวมถึงการแก้ไขฟีเจอร์ประหยัดพลังงานในซีพียู Xeon และ Arrow Lake การอัปเดตนี้ยังครอบคลุมถึงการแก้ปัญหากับอุปกรณ์ USB 3.2 ที่อาจทำให้การส่งข้อมูลเสียงหรือภาพสะดุด ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ใช้ที่ทำงานกับอุปกรณ์ A/V เช่น กล้องและไมโครโฟน ✅ Intel ปล่อยแพตช์แก้ช่องโหว่กว่า 30 จุด ➡️ รวมถึง UEFI Server Firmware ที่มีความเสี่ยงสูง ✅ การแก้ไขบั๊กในไดรเวอร์ Wi-Fi และ GPU ➡️ ลดโอกาสการหลุดของการเชื่อมต่อและการรั่วไหลของข้อมูล ✅ ปรับปรุงไมโครโค้ดของซีพียูหลายรุ่น ➡️ แก้ปัญหาคำสั่ง REP SCASB/CMPSB และฟีเจอร์ประหยัดพลังงาน ‼️ ช่องโหว่ UEFI อาจทำให้ผู้ดูแลระบบที่ไม่หวังดีเข้าถึงเครื่องทั้งหมด ⛔ เสี่ยงต่อการโจมตีในเซิร์ฟเวอร์และคลาวด์ ‼️ บั๊ก Wi-Fi อาจทำให้การเชื่อมต่อหลุด ⛔ กระทบผู้ใช้ทั่วไปหากไม่อัปเดตไดรเวอร์ทันที https://www.tomshardware.com/software/intel-software-fixes-stamp-down-privilege-escalation-vulnerabilities-while-microcode-updates-clean-up-cpu-messes-chipmaker-has-its-own-patch-tuesday-as-it-stomps-down-30-bugs
    0 Comments 0 Shares 62 Views 0 Reviews
  • AI Chatbot ด้านสุขภาพจิต—ปลอดภัยจริงหรือ?

    บทความนี้ตั้งคำถามสำคัญว่า การใช้ AI chatbot เพื่อการบำบัดหรือให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตนั้นปลอดภัยจริงหรือไม่ หลายแพลตฟอร์มเริ่มนำ AI มาใช้เป็น "ผู้ช่วย" ในการพูดคุยกับผู้ที่มีปัญหาทางใจ แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า AI ไม่สามารถแทนที่นักจิตวิทยาหรือแพทย์ได้

    แม้ว่า AI จะช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงการสนับสนุนเบื้องต้นได้ง่ายขึ้น เช่นการให้คำพูดปลอบใจหรือแนะนำวิธีผ่อนคลาย แต่ก็มีความเสี่ยงสูงหากผู้ใช้พึ่งพามากเกินไป เพราะ AI ไม่มีความเข้าใจเชิงลึกในอารมณ์มนุษย์ และอาจให้คำแนะนำที่ไม่เหมาะสมในสถานการณ์ร้ายแรง

    สิ่งที่น่าสนใจคือ หลายบริษัทกำลังพยายามสร้างมาตรฐานความปลอดภัย เช่นการกำหนดให้ AI แจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อพบข้อความที่บ่งชี้ถึงความเสี่ยงต่อชีวิต เพื่อส่งต่อไปยังผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็ยังมีข้อถกเถียงว่า AI จะสามารถทำหน้าที่นี้ได้แม่นยำแค่ไหน

    AI chatbot ถูกนำมาใช้ในด้านสุขภาพจิตเพื่อช่วยพูดคุยเบื้องต้น
    สามารถให้คำปลอบใจและแนะนำวิธีผ่อนคลาย

    บริษัทเทคโนโลยีพยายามสร้างมาตรฐานความปลอดภัย
    เช่นการแจ้งเตือนเมื่อพบข้อความเสี่ยงต่อชีวิต

    ความเสี่ยงจากการพึ่งพา AI มากเกินไป
    AI อาจให้คำแนะนำผิดพลาดและไม่สามารถแทนที่นักจิตวิทยาได้

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/13/are-ai-therapy-chatbots-safe-to-use
    🤖 AI Chatbot ด้านสุขภาพจิต—ปลอดภัยจริงหรือ? บทความนี้ตั้งคำถามสำคัญว่า การใช้ AI chatbot เพื่อการบำบัดหรือให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตนั้นปลอดภัยจริงหรือไม่ หลายแพลตฟอร์มเริ่มนำ AI มาใช้เป็น "ผู้ช่วย" ในการพูดคุยกับผู้ที่มีปัญหาทางใจ แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า AI ไม่สามารถแทนที่นักจิตวิทยาหรือแพทย์ได้ แม้ว่า AI จะช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงการสนับสนุนเบื้องต้นได้ง่ายขึ้น เช่นการให้คำพูดปลอบใจหรือแนะนำวิธีผ่อนคลาย แต่ก็มีความเสี่ยงสูงหากผู้ใช้พึ่งพามากเกินไป เพราะ AI ไม่มีความเข้าใจเชิงลึกในอารมณ์มนุษย์ และอาจให้คำแนะนำที่ไม่เหมาะสมในสถานการณ์ร้ายแรง สิ่งที่น่าสนใจคือ หลายบริษัทกำลังพยายามสร้างมาตรฐานความปลอดภัย เช่นการกำหนดให้ AI แจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อพบข้อความที่บ่งชี้ถึงความเสี่ยงต่อชีวิต เพื่อส่งต่อไปยังผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็ยังมีข้อถกเถียงว่า AI จะสามารถทำหน้าที่นี้ได้แม่นยำแค่ไหน ✅ AI chatbot ถูกนำมาใช้ในด้านสุขภาพจิตเพื่อช่วยพูดคุยเบื้องต้น ➡️ สามารถให้คำปลอบใจและแนะนำวิธีผ่อนคลาย ✅ บริษัทเทคโนโลยีพยายามสร้างมาตรฐานความปลอดภัย ➡️ เช่นการแจ้งเตือนเมื่อพบข้อความเสี่ยงต่อชีวิต ‼️ ความเสี่ยงจากการพึ่งพา AI มากเกินไป ⛔ AI อาจให้คำแนะนำผิดพลาดและไม่สามารถแทนที่นักจิตวิทยาได้ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/13/are-ai-therapy-chatbots-safe-to-use
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Are AI therapy chatbots safe to use?
    Psychologists and technologists see them as the future of therapy. The Food and Drug Administration is exploring whether to regulate them as medical devices.
    0 Comments 0 Shares 40 Views 0 Reviews
  • Collaboration Sucks – เมื่อการร่วมมือมากเกินไปกลายเป็นอุปสรรค

    บทความจาก Charles Cook ชี้ให้เห็นว่าในหลายองค์กร โดยเฉพาะสตาร์ทอัพ การทำงานร่วมกันมากเกินไปอาจกลายเป็นตัวถ่วงความเร็วในการพัฒนา เขาเปรียบเทียบว่าเหมือนการขับรถที่มีคนคอยแทรกแซงตลอดเวลา ทำให้คนขับเสียสมาธิและไปถึงเป้าหมายช้าลง

    แนวคิดนี้เน้นว่า การให้ความรับผิดชอบกับบุคคล (You’re the driver) สำคัญกว่าการประชุมหรือการขอความคิดเห็นจากหลายฝ่าย เพราะการทำงานที่มีเจ้าของชัดเจนจะช่วยให้สิ่งต่าง ๆ ถูกส่งมอบได้เร็วและมีคุณภาพมากกว่า

    สิ่งที่น่าสนใจคือ PostHog ซึ่งเป็นบริษัทที่เขียนบทความนี้ ได้สร้างวัฒนธรรมที่เน้นการ “ลงมือทำ” มากกว่าการ “หารือ” โดยให้ทีมงานมีอิสระสูงในการตัดสินใจและรับผิดชอบงานของตนเองเต็มที่

    แนวคิด “You’re the driver”
    เน้นความรับผิดชอบส่วนบุคคลมากกว่าการประชุม

    วัฒนธรรมองค์กรที่เน้นการลงมือทำ
    PostHog ให้ทีมงานตัดสินใจเองและรับผิดชอบเต็มที่

    ความเสี่ยงจากการลดการร่วมมือ
    อาจทำให้บางงานที่ต้องการคุณภาพสูงเกิดข้อผิดพลาด

    การขาดการสื่อสารที่เหมาะสม
    อาจทำให้ทีมงานบางส่วนรู้สึกถูกตัดออกจากกระบวนการ

    https://newsletter.posthog.com/p/collaboration-sucks
    🚗 Collaboration Sucks – เมื่อการร่วมมือมากเกินไปกลายเป็นอุปสรรค บทความจาก Charles Cook ชี้ให้เห็นว่าในหลายองค์กร โดยเฉพาะสตาร์ทอัพ การทำงานร่วมกันมากเกินไปอาจกลายเป็นตัวถ่วงความเร็วในการพัฒนา เขาเปรียบเทียบว่าเหมือนการขับรถที่มีคนคอยแทรกแซงตลอดเวลา ทำให้คนขับเสียสมาธิและไปถึงเป้าหมายช้าลง แนวคิดนี้เน้นว่า การให้ความรับผิดชอบกับบุคคล (You’re the driver) สำคัญกว่าการประชุมหรือการขอความคิดเห็นจากหลายฝ่าย เพราะการทำงานที่มีเจ้าของชัดเจนจะช่วยให้สิ่งต่าง ๆ ถูกส่งมอบได้เร็วและมีคุณภาพมากกว่า สิ่งที่น่าสนใจคือ PostHog ซึ่งเป็นบริษัทที่เขียนบทความนี้ ได้สร้างวัฒนธรรมที่เน้นการ “ลงมือทำ” มากกว่าการ “หารือ” โดยให้ทีมงานมีอิสระสูงในการตัดสินใจและรับผิดชอบงานของตนเองเต็มที่ ✅ แนวคิด “You’re the driver” ➡️ เน้นความรับผิดชอบส่วนบุคคลมากกว่าการประชุม ✅ วัฒนธรรมองค์กรที่เน้นการลงมือทำ ➡️ PostHog ให้ทีมงานตัดสินใจเองและรับผิดชอบเต็มที่ ‼️ ความเสี่ยงจากการลดการร่วมมือ ⛔ อาจทำให้บางงานที่ต้องการคุณภาพสูงเกิดข้อผิดพลาด ‼️ การขาดการสื่อสารที่เหมาะสม ⛔ อาจทำให้ทีมงานบางส่วนรู้สึกถูกตัดออกจากกระบวนการ https://newsletter.posthog.com/p/collaboration-sucks
    NEWSLETTER.POSTHOG.COM
    Collaboration sucks
    If you want to go fast, go alone; if you want to go far, go alone too. (mostly)
    0 Comments 0 Shares 28 Views 0 Reviews
  • Ubuntu เจอปัญหา sudo-rs ในการเปลี่ยนไปใช้ Rust

    Ubuntu 25.10 กำลังทดลองใช้ sudo-rs ซึ่งเขียนใหม่ด้วย Rust เพื่อแทน sudo แบบเดิม แต่กลับพบช่องโหว่ด้านความปลอดภัย เช่น การรั่วไหลของรหัสผ่านหาก timeout และ การบันทึก user ID ผิดพลาด ทำให้เกิดการ bypass authentication ได้ ปัญหานี้ถูกค้นพบก่อนการออก LTS 26.04 ซึ่งถือว่าโชคดี เพราะสามารถแก้ไขได้ทันเวลา

    Canonical ได้ปล่อย patch ผ่าน sudo-rs 0.2.10 และจะอัปเดตผ่าน Stable Release Update (SRU) เพื่อให้ผู้ใช้แก้ไขได้ทันที แม้จะเป็นข้อผิดพลาด แต่ก็สะท้อนว่าการเปลี่ยนไปใช้ Rust ยังต้องใช้เวลาในการปรับปรุง แม้จะมีข้อดีด้าน memory safety ก็ตาม

    สิ่งนี้ทำให้เกิดการถกเถียงในชุมชนว่า การเร่งเปลี่ยนไปใช้ Rust สำหรับ core utilities อาจสร้างความเสี่ยงมากกว่าประโยชน์ในระยะสั้น แต่ Canonical ยืนยันว่าจะยังคงเดินหน้าต่อไปเพื่อความปลอดภัยในระยะยาว

    Ubuntu ใช้ sudo-rs เขียนด้วย Rust
    ตั้งใจเพิ่มความปลอดภัย memory-safe

    พบช่องโหว่: password leak และ bypass authentication
    Patch ออกแล้วใน sudo-rs 0.2.10

    การเร่งเปลี่ยนไปใช้ Rust อาจสร้างความเสี่ยง
    ต้องทดสอบให้รอบคอบก่อน LTS 26.04

    P/S สำหรับลุงแล้ว ความปลอดภัยสำคัญที่สุดแล้วไม่ชอบเลยที่หลายครั้ง Ubuntu ชอบรั้นแบบหัวชนฝา จนลุงเปลี่ยนระบบของลุงไปใช้ Rocky Linux 10 + Debian 13 ในระบบที่ต้องการการ Update/upgrade Hardware แล้ว

    https://itsfoss.com/news/sudo-rs-issue-ubuntu/
    🐧 Ubuntu เจอปัญหา sudo-rs ในการเปลี่ยนไปใช้ Rust Ubuntu 25.10 กำลังทดลองใช้ sudo-rs ซึ่งเขียนใหม่ด้วย Rust เพื่อแทน sudo แบบเดิม แต่กลับพบช่องโหว่ด้านความปลอดภัย เช่น การรั่วไหลของรหัสผ่านหาก timeout และ การบันทึก user ID ผิดพลาด ทำให้เกิดการ bypass authentication ได้ ปัญหานี้ถูกค้นพบก่อนการออก LTS 26.04 ซึ่งถือว่าโชคดี เพราะสามารถแก้ไขได้ทันเวลา Canonical ได้ปล่อย patch ผ่าน sudo-rs 0.2.10 และจะอัปเดตผ่าน Stable Release Update (SRU) เพื่อให้ผู้ใช้แก้ไขได้ทันที แม้จะเป็นข้อผิดพลาด แต่ก็สะท้อนว่าการเปลี่ยนไปใช้ Rust ยังต้องใช้เวลาในการปรับปรุง แม้จะมีข้อดีด้าน memory safety ก็ตาม สิ่งนี้ทำให้เกิดการถกเถียงในชุมชนว่า การเร่งเปลี่ยนไปใช้ Rust สำหรับ core utilities อาจสร้างความเสี่ยงมากกว่าประโยชน์ในระยะสั้น แต่ Canonical ยืนยันว่าจะยังคงเดินหน้าต่อไปเพื่อความปลอดภัยในระยะยาว ✅ Ubuntu ใช้ sudo-rs เขียนด้วย Rust ➡️ ตั้งใจเพิ่มความปลอดภัย memory-safe ✅ พบช่องโหว่: password leak และ bypass authentication ➡️ Patch ออกแล้วใน sudo-rs 0.2.10 ‼️ การเร่งเปลี่ยนไปใช้ Rust อาจสร้างความเสี่ยง ⛔ ต้องทดสอบให้รอบคอบก่อน LTS 26.04 P/S สำหรับลุงแล้ว ความปลอดภัยสำคัญที่สุดแล้วไม่ชอบเลยที่หลายครั้ง Ubuntu ชอบรั้นแบบหัวชนฝา จนลุงเปลี่ยนระบบของลุงไปใช้ Rocky Linux 10 + Debian 13 ในระบบที่ต้องการการ Update/upgrade Hardware แล้ว https://itsfoss.com/news/sudo-rs-issue-ubuntu/
    ITSFOSS.COM
    Ubuntu's Rust Transition Hits Another Bump as sudo-rs Security Vulnerabilities Show Up
    Password exposure and improper authentication validation issues caught early ahead of the LTS release.
    0 Comments 0 Shares 30 Views 0 Reviews
  • ข่าวการเดินทาง: ทำไมต้องเปิดโหมดเครื่องบินทุกครั้งที่ขึ้นบิน

    หลายคนอาจสงสัยว่า “ถ้าไม่เปิดโหมดเครื่องบินจะเกิดอะไรขึ้น?” บทความจาก SlashGear อธิบายว่า แม้ผลกระทบจากโทรศัพท์เพียงเครื่องเดียวจะเล็กน้อย แต่ก็ยังมีเหตุผลสำคัญที่ทำให้สายการบินทั่วโลกยืนยันให้ผู้โดยสารเปิดโหมดนี้เสมอ.

    สัญญาณรบกวนที่อาจเกิดขึ้น
    โทรศัพท์ที่ไม่ได้เปิดโหมดเครื่องบินจะพยายามเชื่อมต่อกับเสาสัญญาณ ทำให้เกิด เสียงรบกวน (buzzing sound) ในหูฟังของนักบินและลูกเรือ หากมีหลายเครื่องทำพร้อมกัน อาจทำให้การสื่อสารในห้องนักบินไม่ชัดเจน ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายเมื่อมีคำสั่งสำคัญ.

    ผลกระทบต่อเครื่องมือวัดความสูง (Radio Altimeter)
    นักวิชาการจาก University of Nevada อธิบายว่า เครื่องวัดความสูงด้วยคลื่นวิทยุ (Radio Altimeter) เป็นอุปกรณ์ที่เปราะบางต่อสัญญาณรบกวน โดยเฉพาะช่วงการลงจอดที่ต้องการข้อมูลความสูงที่แม่นยำที่สุด หากโทรศัพท์ส่งสัญญาณแรงขึ้นใกล้เสาสัญญาณภาคพื้นดิน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการทำงานผิดพลาด.

    ความแตกต่างระหว่างสหรัฐฯ และยุโรป
    ในยุโรปมีการอนุญาตให้ใช้ บริการ 5G บนเครื่องบิน เพราะใช้คลื่นความถี่และกำลังส่งที่ต่างจากสหรัฐฯ จึงมีความเสี่ยงต่ำกว่า อย่างไรก็ตาม ในสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ กฎการเปิดโหมดเครื่องบินยังคงบังคับใช้อย่างเข้มงวดเพื่อความปลอดภัย.

    เหตุผลที่ต้องเปิดโหมดเครื่องบิน
    ลดความเสี่ยงสัญญาณรบกวนในห้องนักบิน
    ป้องกันการสื่อสารผิดพลาดระหว่างนักบินและลูกเรือ

    ผลกระทบต่อเครื่องมือวัดความสูง
    Radio Altimeter อาจถูกรบกวนจากสัญญาณโทรศัพท์
    เสี่ยงต่อความแม่นยำช่วงการลงจอด

    ความแตกต่างในยุโรป
    อนุญาตให้ใช้ 5G บนเครื่องบิน
    ใช้คลื่นความถี่และกำลังส่งที่ปลอดภัยกว่า

    แม้ความเสี่ยงจากโทรศัพท์เพียงเครื่องเดียวจะน้อย
    แต่หากหลายเครื่องไม่เปิดโหมดพร้อมกัน อาจเพิ่มความเสี่ยงจริง

    การไม่ปฏิบัติตามกฎอาจมีผลทางกฎหมาย
    ผู้โดยสารอาจถูกตักเตือนหรือปรับหากฝ่าฝืนข้อกำหนดของสายการบิน

    https://www.slashgear.com/2019375/what-happens-if-dont-put-phone-on-airplane-mode-during-fight/
    ✈️ ข่าวการเดินทาง: ทำไมต้องเปิดโหมดเครื่องบินทุกครั้งที่ขึ้นบิน หลายคนอาจสงสัยว่า “ถ้าไม่เปิดโหมดเครื่องบินจะเกิดอะไรขึ้น?” บทความจาก SlashGear อธิบายว่า แม้ผลกระทบจากโทรศัพท์เพียงเครื่องเดียวจะเล็กน้อย แต่ก็ยังมีเหตุผลสำคัญที่ทำให้สายการบินทั่วโลกยืนยันให้ผู้โดยสารเปิดโหมดนี้เสมอ. 📡 สัญญาณรบกวนที่อาจเกิดขึ้น โทรศัพท์ที่ไม่ได้เปิดโหมดเครื่องบินจะพยายามเชื่อมต่อกับเสาสัญญาณ ทำให้เกิด เสียงรบกวน (buzzing sound) ในหูฟังของนักบินและลูกเรือ หากมีหลายเครื่องทำพร้อมกัน อาจทำให้การสื่อสารในห้องนักบินไม่ชัดเจน ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายเมื่อมีคำสั่งสำคัญ. 🛬 ผลกระทบต่อเครื่องมือวัดความสูง (Radio Altimeter) นักวิชาการจาก University of Nevada อธิบายว่า เครื่องวัดความสูงด้วยคลื่นวิทยุ (Radio Altimeter) เป็นอุปกรณ์ที่เปราะบางต่อสัญญาณรบกวน โดยเฉพาะช่วงการลงจอดที่ต้องการข้อมูลความสูงที่แม่นยำที่สุด หากโทรศัพท์ส่งสัญญาณแรงขึ้นใกล้เสาสัญญาณภาคพื้นดิน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการทำงานผิดพลาด. 🌍 ความแตกต่างระหว่างสหรัฐฯ และยุโรป ในยุโรปมีการอนุญาตให้ใช้ บริการ 5G บนเครื่องบิน เพราะใช้คลื่นความถี่และกำลังส่งที่ต่างจากสหรัฐฯ จึงมีความเสี่ยงต่ำกว่า อย่างไรก็ตาม ในสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ กฎการเปิดโหมดเครื่องบินยังคงบังคับใช้อย่างเข้มงวดเพื่อความปลอดภัย. ✅ เหตุผลที่ต้องเปิดโหมดเครื่องบิน ➡️ ลดความเสี่ยงสัญญาณรบกวนในห้องนักบิน ➡️ ป้องกันการสื่อสารผิดพลาดระหว่างนักบินและลูกเรือ ✅ ผลกระทบต่อเครื่องมือวัดความสูง ➡️ Radio Altimeter อาจถูกรบกวนจากสัญญาณโทรศัพท์ ➡️ เสี่ยงต่อความแม่นยำช่วงการลงจอด ✅ ความแตกต่างในยุโรป ➡️ อนุญาตให้ใช้ 5G บนเครื่องบิน ➡️ ใช้คลื่นความถี่และกำลังส่งที่ปลอดภัยกว่า ‼️ แม้ความเสี่ยงจากโทรศัพท์เพียงเครื่องเดียวจะน้อย ⛔ แต่หากหลายเครื่องไม่เปิดโหมดพร้อมกัน อาจเพิ่มความเสี่ยงจริง ‼️ การไม่ปฏิบัติตามกฎอาจมีผลทางกฎหมาย ⛔ ผู้โดยสารอาจถูกตักเตือนหรือปรับหากฝ่าฝืนข้อกำหนดของสายการบิน https://www.slashgear.com/2019375/what-happens-if-dont-put-phone-on-airplane-mode-during-fight/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    What Happens If You Don't Put Your Phone On Airplane Mode During A Flight? - SlashGear
    The potential impact of one phone without airplane mode enabled on an aircraft is essentially negligible. Even with multiple phones, its risk is minimal.
    0 Comments 0 Shares 79 Views 0 Reviews
  • Lazygit: เครื่องมือ Git ที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น
    Bartek Płotka เล่าว่าเขาเจอ lazygit โดยบังเอิญระหว่างทดลองใช้ Neovim และเพียงหนึ่งสัปดาห์ก็เปลี่ยนมาใช้ lazygit เป็นเครื่องมือหลักในการทำงานกับ Git เพราะมันตอบโจทย์ทั้งความเร็ว ความเรียบง่าย และการค้นพบฟีเจอร์ใหม่ ๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ

    จุดเด่นของ lazygit
    ใช้งานง่ายตั้งแต่วันแรก: ไม่ต้องจำคำสั่ง CLI ยาว ๆ แต่ยังคงยึดหลักการทำงานของ Git
    TUI ที่เร็วและสม่ำเสมอ: หน้าต่างแบ่งเป็นกล่อง (views) ที่ชัดเจน ทำให้เข้าใจสถานะ repo ได้ทันที
    สอดคล้องกับ Vim keybindings: เช่น q เพื่อออก, h/j/k/l สำหรับการนำทาง, c สำหรับ commit
    Discoverability สูง: แสดงข้อมูลสำคัญ เช่น branch ปัจจุบัน, commit ล่าสุด, stash item และคำสั่งหลักพร้อมคีย์ลัด
    Interactivity ที่ช่วยลดความผิดพลาด: เช่นเตือนเมื่อ push มี divergence, interactive rebase ที่เข้าใจง่าย, auto-stash เมื่อสลับ branch

    Workflow ที่ดีขึ้น
    Commit และ Push เร็วขึ้น ด้วยคีย์ลัดสั้น ๆ
    Interactive rebase ที่ปลอดภัยกว่า และมีการแสดงผลชัดเจน
    Cherry-pick ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องคัดลอก SHA เอง
    Patch per line/hunk ทำให้การแก้ไขบางบรรทัดจาก commit เก่าทำได้ง่ายและเร็ว

    มุมมองเพิ่มเติม
    Lazygit เป็นตัวอย่างที่ดีของ UX ใน DevTools: เน้นความสม่ำเสมอ, คีย์ลัดที่จำง่าย, และการโต้ตอบที่ช่วยผู้ใช้
    เขียนด้วย ภาษา Go และเป็นโอเพ่นซอร์ส (MIT License) ทำให้มีศักยภาพในการต่อยอดสร้างเครื่องมืออื่น ๆ
    แม้ AI จะเริ่มเข้ามาช่วยในงาน Git เช่นการสร้าง commit message แต่ Bartek เชื่อว่า lazygit จะยังคงมีบทบาทสำคัญใน workflow ของนักพัฒนา

    lazygit เป็น Git UI แบบ TUI ที่ใช้งานง่ายและเร็ว
    ใช้ keybindings คล้าย Vim และยึดหลักการ Git เดิม

    ช่วยลดการสลับบริบท (context switching)
    แสดงข้อมูล repo, commit, branch, stash ในหน้าต่างเดียว

    เพิ่มความปลอดภัยในการทำงานกับ Git
    เตือน divergence, interactive rebase ที่เข้าใจง่าย, auto-stash

    ปรับ workflow ให้ดีขึ้น
    commit/push เร็วขึ้น, cherry-pick ง่าย, patch per line/hunk

    ผู้ใช้ใหม่ไม่ควรข้ามการเรียนรู้ Git CLI
    เพราะ CLI ยังเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดและจำเป็นในสถานการณ์ที่ไม่มี UI

    https://www.bwplotka.dev/2025/lazygit/
    💻 Lazygit: เครื่องมือ Git ที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น Bartek Płotka เล่าว่าเขาเจอ lazygit โดยบังเอิญระหว่างทดลองใช้ Neovim และเพียงหนึ่งสัปดาห์ก็เปลี่ยนมาใช้ lazygit เป็นเครื่องมือหลักในการทำงานกับ Git เพราะมันตอบโจทย์ทั้งความเร็ว ความเรียบง่าย และการค้นพบฟีเจอร์ใหม่ ๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ จุดเด่นของ lazygit 🔰 ใช้งานง่ายตั้งแต่วันแรก: ไม่ต้องจำคำสั่ง CLI ยาว ๆ แต่ยังคงยึดหลักการทำงานของ Git 🔰 TUI ที่เร็วและสม่ำเสมอ: หน้าต่างแบ่งเป็นกล่อง (views) ที่ชัดเจน ทำให้เข้าใจสถานะ repo ได้ทันที 🔰 สอดคล้องกับ Vim keybindings: เช่น q เพื่อออก, h/j/k/l สำหรับการนำทาง, c สำหรับ commit 🔰 Discoverability สูง: แสดงข้อมูลสำคัญ เช่น branch ปัจจุบัน, commit ล่าสุด, stash item และคำสั่งหลักพร้อมคีย์ลัด 🔰 Interactivity ที่ช่วยลดความผิดพลาด: เช่นเตือนเมื่อ push มี divergence, interactive rebase ที่เข้าใจง่าย, auto-stash เมื่อสลับ branch Workflow ที่ดีขึ้น 💠 Commit และ Push เร็วขึ้น ด้วยคีย์ลัดสั้น ๆ 💠 Interactive rebase ที่ปลอดภัยกว่า และมีการแสดงผลชัดเจน 💠 Cherry-pick ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องคัดลอก SHA เอง 💠 Patch per line/hunk ทำให้การแก้ไขบางบรรทัดจาก commit เก่าทำได้ง่ายและเร็ว มุมมองเพิ่มเติม 🌍 📌 Lazygit เป็นตัวอย่างที่ดีของ UX ใน DevTools: เน้นความสม่ำเสมอ, คีย์ลัดที่จำง่าย, และการโต้ตอบที่ช่วยผู้ใช้ 📌 เขียนด้วย ภาษา Go และเป็นโอเพ่นซอร์ส (MIT License) ทำให้มีศักยภาพในการต่อยอดสร้างเครื่องมืออื่น ๆ 📌 แม้ AI จะเริ่มเข้ามาช่วยในงาน Git เช่นการสร้าง commit message แต่ Bartek เชื่อว่า lazygit จะยังคงมีบทบาทสำคัญใน workflow ของนักพัฒนา ✅ lazygit เป็น Git UI แบบ TUI ที่ใช้งานง่ายและเร็ว ➡️ ใช้ keybindings คล้าย Vim และยึดหลักการ Git เดิม ✅ ช่วยลดการสลับบริบท (context switching) ➡️ แสดงข้อมูล repo, commit, branch, stash ในหน้าต่างเดียว ✅ เพิ่มความปลอดภัยในการทำงานกับ Git ➡️ เตือน divergence, interactive rebase ที่เข้าใจง่าย, auto-stash ✅ ปรับ workflow ให้ดีขึ้น ➡️ commit/push เร็วขึ้น, cherry-pick ง่าย, patch per line/hunk ‼️ ผู้ใช้ใหม่ไม่ควรข้ามการเรียนรู้ Git CLI ⛔ เพราะ CLI ยังเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดและจำเป็นในสถานการณ์ที่ไม่มี UI https://www.bwplotka.dev/2025/lazygit/
    WWW.BWPLOTKA.DEV
    The (lazy) Git UI You Didn't Know You Need
    When my son was born last April, I had ambitious learning plans for the upcoming 5w paternity leave. As you can imagine, with two kids, life quickly verified this plan 🙃. I did eventually start some projects. One of the goals (sounding rebellious in the current AI hype cycle) was to learn and use neovim for coding. As a Goland aficionado, I (and my wrist) have always been tempted by no-mouse, OSS, gopls based, highly configurable dev setups.
    0 Comments 0 Shares 91 Views 0 Reviews
  • ข่าวเทคโนโลยี: "KDE Plasma 6.4.6 ปิดฉากซีรีส์ด้วยการแก้บั๊กครั้งใหญ่"

    ทีมพัฒนา KDE ได้ปล่อย KDE Plasma 6.4.6 ซึ่งถือเป็นการอัปเดตบำรุงรักษาครั้งสุดท้ายของซีรีส์ 6.4 ก่อนจะเข้าสู่ Plasma 6.5 ที่ใหม่กว่า จุดสำคัญของเวอร์ชันนี้คือการแก้ไขบั๊กจำนวนมากที่สร้างความรำคาญให้ผู้ใช้ เช่น

    ปัญหา Breeze GTK style ที่ไม่ถูกเปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้น
    Crash ใน Plasma System Monitor และ KMenuEdit
    ปัญหาการแสดงผล widget เช่น Timer, Weather Report, Media Player และ Shortcuts
    ปัญหาการจัดการ session ที่ทำให้ปุ่ม Shut Down/Restart/Log Out ทำงานผิดพลาด
    การแก้ไขบั๊กที่อาจนำไปสู่ การสูญหายของข้อมูลใน Sticky Notes

    นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง Plasma Discover ให้จัดการ shutdown/restart ได้ดีขึ้นเมื่อมีงานที่ยังไม่บันทึก และปรับปรุงการค้นหาแอปไม่ให้เลือก Flatpak/Snap โดยไม่เหมาะสม

    แม้จะเป็นเพียงการอัปเดตบำรุงรักษา แต่ Plasma 6.4.6 ก็ถือว่ามีความสำคัญ เพราะแก้ไขทั้งปัญหาด้านเสถียรภาพและความปลอดภัย พร้อมทั้งเป็นการปิดฉากซีรีส์ 6.4 อย่างสมบูรณ์

    KDE Plasma 6.4.6 คือการอัปเดตครั้งสุดท้ายของซีรีส์ 6.4
    ทีมพัฒนาแนะนำให้ผู้ใช้ย้ายไป Plasma 6.5

    การแก้ไขบั๊กสำคัญ
    Breeze GTK style ไม่ถูกเปิดใช้งาน
    Crash ใน System Monitor และ KMenuEdit
    ปัญหาการแสดงผล widget หลายตัว

    ปรับปรุงการจัดการระบบ
    ปุ่ม Shut Down/Restart/Log Out ทำงานถูกต้อง
    Plasma Discover ป้องกันการสูญหายของข้อมูลเมื่อมีงานที่ยังไม่บันทึก

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    Sticky Notes อาจสูญหายหากสร้างด้วย middle-click paste และไม่เคยคลิกเข้าไปแก้ไข
    หาก Plasma crash หรือไฟดับ ข้อมูลที่ยังไม่บันทึกอาจหายไป

    https://9to5linux.com/kde-plasma-6-4-6-released-with-numerous-bug-fixes-for-plasma-6-4-users
    🖥️ ข่าวเทคโนโลยี: "KDE Plasma 6.4.6 ปิดฉากซีรีส์ด้วยการแก้บั๊กครั้งใหญ่" ทีมพัฒนา KDE ได้ปล่อย KDE Plasma 6.4.6 ซึ่งถือเป็นการอัปเดตบำรุงรักษาครั้งสุดท้ายของซีรีส์ 6.4 ก่อนจะเข้าสู่ Plasma 6.5 ที่ใหม่กว่า จุดสำคัญของเวอร์ชันนี้คือการแก้ไขบั๊กจำนวนมากที่สร้างความรำคาญให้ผู้ใช้ เช่น 🔰 ปัญหา Breeze GTK style ที่ไม่ถูกเปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้น 🔰 Crash ใน Plasma System Monitor และ KMenuEdit 🔰 ปัญหาการแสดงผล widget เช่น Timer, Weather Report, Media Player และ Shortcuts 🔰 ปัญหาการจัดการ session ที่ทำให้ปุ่ม Shut Down/Restart/Log Out ทำงานผิดพลาด 🔰 การแก้ไขบั๊กที่อาจนำไปสู่ การสูญหายของข้อมูลใน Sticky Notes นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง Plasma Discover ให้จัดการ shutdown/restart ได้ดีขึ้นเมื่อมีงานที่ยังไม่บันทึก และปรับปรุงการค้นหาแอปไม่ให้เลือก Flatpak/Snap โดยไม่เหมาะสม แม้จะเป็นเพียงการอัปเดตบำรุงรักษา แต่ Plasma 6.4.6 ก็ถือว่ามีความสำคัญ เพราะแก้ไขทั้งปัญหาด้านเสถียรภาพและความปลอดภัย พร้อมทั้งเป็นการปิดฉากซีรีส์ 6.4 อย่างสมบูรณ์ ✅ KDE Plasma 6.4.6 คือการอัปเดตครั้งสุดท้ายของซีรีส์ 6.4 ➡️ ทีมพัฒนาแนะนำให้ผู้ใช้ย้ายไป Plasma 6.5 ✅ การแก้ไขบั๊กสำคัญ ➡️ Breeze GTK style ไม่ถูกเปิดใช้งาน ➡️ Crash ใน System Monitor และ KMenuEdit ➡️ ปัญหาการแสดงผล widget หลายตัว ✅ ปรับปรุงการจัดการระบบ ➡️ ปุ่ม Shut Down/Restart/Log Out ทำงานถูกต้อง ➡️ Plasma Discover ป้องกันการสูญหายของข้อมูลเมื่อมีงานที่ยังไม่บันทึก ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ Sticky Notes อาจสูญหายหากสร้างด้วย middle-click paste และไม่เคยคลิกเข้าไปแก้ไข ⛔ หาก Plasma crash หรือไฟดับ ข้อมูลที่ยังไม่บันทึกอาจหายไป https://9to5linux.com/kde-plasma-6-4-6-released-with-numerous-bug-fixes-for-plasma-6-4-users
    9TO5LINUX.COM
    KDE Plasma 6.4.6 Released with Numerous Bug Fixes for Plasma 6.4 Users - 9to5Linux
    KDE Plasma 6.4.6 is now available as the sixth andd last maintenance update to the KDE Plasma 6.4 desktop environment series.
    0 Comments 0 Shares 65 Views 0 Reviews
  • ข่าวด่วน: พบช่องโหว่ Authentication Bypass ร้ายแรงใน Milvus Proxy

    ทีมพัฒนา Milvus ซึ่งเป็นฐานข้อมูลเวกเตอร์โอเพนซอร์สที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการทำงานด้าน AI, Recommendation Systems และ Semantic Search ได้เปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-64513 ในส่วน Proxy Component โดยมีคะแนนความร้ายแรง CVSS 9.3

    รายละเอียดช่องโหว่
    ช่องโหว่นี้เกิดจาก การตรวจสอบสิทธิ์ที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ผู้โจมตีสามารถ ข้ามขั้นตอนการยืนยันตัวตนทั้งหมด ได้
    เมื่อถูกโจมตีสำเร็จ แฮกเกอร์สามารถ:
    อ่าน, แก้ไข, หรือลบข้อมูลเวกเตอร์และเมตาดาต้า
    ทำการจัดการฐานข้อมูล เช่น สร้างหรือลบ collections และ databases
    ส่งผลกระทบต่อความถูกต้องของโมเดล AI ที่ใช้ Milvus ในการทำ inference หรือ retrieval

    การแก้ไขและการป้องกัน
    ทีม Milvus ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน:
    2.4.24 สำหรับ branch 2.4.x
    2.5.21 สำหรับ branch 2.5.x
    2.6.5 สำหรับ branch 2.6.x

    สำหรับผู้ที่ไม่สามารถอัปเดตได้ทันที มี วิธีแก้ชั่วคราว โดยการ กรองหรือเอา header sourceID ออกจากทุก request ก่อนถึง Milvus Proxy

    ความสำคัญต่อโลกไซเบอร์
    เนื่องจาก Milvus มักถูกใช้งานในระบบ AI-driven applications หากถูกโจมตี อาจนำไปสู่:
    Data Poisoning (การบิดเบือนข้อมูลเพื่อทำให้โมเดล AI ให้ผลลัพธ์ผิดพลาด)
    Model Manipulation (การควบคุมหรือเปลี่ยนพฤติกรรมของโมเดล)
    Service Disruption (หยุดการทำงานของระบบ AI หรือ Search Engine ที่ใช้ Milvus)

    รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-64513
    Authentication Bypass ใน Milvus Proxy
    ระดับความร้ายแรง CVSS 9.3
    เปิดทางให้ทำการควบคุมระบบเต็มรูปแบบ

    การแก้ไขจาก Milvus
    ออกแพตช์ในเวอร์ชัน 2.4.24, 2.5.21 และ 2.6.5
    มีวิธีแก้ชั่วคราวโดยการลบ header sourceID

    ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
    Data Poisoning
    Model Manipulation
    Service Disruption

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Milvus
    หากไม่อัปเดต อาจถูกโจมตีและสูญเสียการควบคุมระบบ
    เสี่ยงต่อการรั่วไหลหรือบิดเบือนข้อมูล AI
    อาจถูกใช้เป็นฐานโจมตีเครือข่ายองค์กร

    https://securityonline.info/critical-authentication-bypass-vulnerability-found-in-milvus-proxy-cve-2025-64513-cvss-9-3/
    🔐 ข่าวด่วน: พบช่องโหว่ Authentication Bypass ร้ายแรงใน Milvus Proxy ทีมพัฒนา Milvus ซึ่งเป็นฐานข้อมูลเวกเตอร์โอเพนซอร์สที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการทำงานด้าน AI, Recommendation Systems และ Semantic Search ได้เปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-64513 ในส่วน Proxy Component โดยมีคะแนนความร้ายแรง CVSS 9.3 📌 รายละเอียดช่องโหว่ 🪲 ช่องโหว่นี้เกิดจาก การตรวจสอบสิทธิ์ที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ผู้โจมตีสามารถ ข้ามขั้นตอนการยืนยันตัวตนทั้งหมด ได้ 🪲 เมื่อถูกโจมตีสำเร็จ แฮกเกอร์สามารถ: ➡️ อ่าน, แก้ไข, หรือลบข้อมูลเวกเตอร์และเมตาดาต้า ➡️ ทำการจัดการฐานข้อมูล เช่น สร้างหรือลบ collections และ databases ➡️ ส่งผลกระทบต่อความถูกต้องของโมเดล AI ที่ใช้ Milvus ในการทำ inference หรือ retrieval 🛠️ การแก้ไขและการป้องกัน ทีม Milvus ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน: 🪛 2.4.24 สำหรับ branch 2.4.x 🪛 2.5.21 สำหรับ branch 2.5.x 🪛 2.6.5 สำหรับ branch 2.6.x สำหรับผู้ที่ไม่สามารถอัปเดตได้ทันที มี วิธีแก้ชั่วคราว โดยการ กรองหรือเอา header sourceID ออกจากทุก request ก่อนถึง Milvus Proxy 🌍 ความสำคัญต่อโลกไซเบอร์ เนื่องจาก Milvus มักถูกใช้งานในระบบ AI-driven applications หากถูกโจมตี อาจนำไปสู่: ➡️ Data Poisoning (การบิดเบือนข้อมูลเพื่อทำให้โมเดล AI ให้ผลลัพธ์ผิดพลาด) ➡️ Model Manipulation (การควบคุมหรือเปลี่ยนพฤติกรรมของโมเดล) ➡️ Service Disruption (หยุดการทำงานของระบบ AI หรือ Search Engine ที่ใช้ Milvus) ✅ รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-64513 ➡️ Authentication Bypass ใน Milvus Proxy ➡️ ระดับความร้ายแรง CVSS 9.3 ➡️ เปิดทางให้ทำการควบคุมระบบเต็มรูปแบบ ✅ การแก้ไขจาก Milvus ➡️ ออกแพตช์ในเวอร์ชัน 2.4.24, 2.5.21 และ 2.6.5 ➡️ มีวิธีแก้ชั่วคราวโดยการลบ header sourceID ✅ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ➡️ Data Poisoning ➡️ Model Manipulation ➡️ Service Disruption ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Milvus ⛔ หากไม่อัปเดต อาจถูกโจมตีและสูญเสียการควบคุมระบบ ⛔ เสี่ยงต่อการรั่วไหลหรือบิดเบือนข้อมูล AI ⛔ อาจถูกใช้เป็นฐานโจมตีเครือข่ายองค์กร https://securityonline.info/critical-authentication-bypass-vulnerability-found-in-milvus-proxy-cve-2025-64513-cvss-9-3/
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical Authentication Bypass Vulnerability Found in Milvus Proxy (CVE-2025-64513, CVSS 9.3)
    A Critical (CVSS 9.3) Auth Bypass flaw (CVE-2025-64513) in Milvus Proxy allows unauthenticated attackers to gain full administrative control over the vector database cluster. Update to v2.6.5.
    0 Comments 0 Shares 72 Views 0 Reviews
  • O.P.K.
    เจาะลึกมหาสงครามเทพระดับอะตอม: ศึกชิงอำนาจในโลกควอนตัม

    จักรวาลคู่ขนานระดับอนุภาค

    การค้นพบอาณาจักรควอนตัม

    หนูดีค้นพบโดยบังเอิญขณะฝึกควบคุมพลังงาน:
    "มันเหมือนกับมีเมืองเล็กๆ นับไม่ถ้วนอยู่ในทุกอะตอม...
    แต่ละเมืองมีกฎเกณฑ์และผู้ปกครองของตัวเอง"

    ```mermaid
    graph TB
    A[โลกควอนตัม] --> B[อาณาจักรโปรตอน<br>เมืองแห่งความมั่นคง]
    A --> C[อาณาจักรอิเล็กตรอน<br>เมืองแห่งพลังงาน]
    A --> D[อาณาจักรนิวตรอน<br>เมืองแห่งสมดุล]
    A --> E[อาณาจักรควาร์ก<br>เมืองแห่งพื้นฐาน]
    ```

    โครงสร้างสังคมเทพระดับอะตอม

    ```python
    class QuantumSociety:
    def __init__(self):
    self.hierarchy = {
    "elementary_level": {
    "quark_deities": "เทพพื้นฐาน 6 ประเภท",
    "lepton_sages": "ปราชญ์เลปตอน",
    "force_carriers": "ผู้ส่งผ่านแรงพื้นฐาน"
    },
    "composite_level": {
    "proton_monarchs": "กษัตริย์โปรตอน",
    "electron_nomads": "อิเล็กตรอนเร่ร่อน",
    "neutron_guardians": "ผู้พิทักษ์นิวตรอน"
    },
    "atomic_level": {
    "nucleus_kingdom": "อาณาจักรนิวเคลียส",
    "electron_cloud_cities": "เมืองเมฆอิเล็กตรอน",
    "bonding_alliances": "พันธมิตรทางการพันธะ"
    }
    }
    ```

    ราชวงศ์แห่งนิวเคลียส

    ราชอาณาจักรโปรตอน

    ผู้ปกครอง: พระเจ้าประจุบวก (Positive Majesty)

    · ลักษณะ: ทรงกายสีแดงเรืองรอง มีมงกุฎทำจากเกลียวควาร์ก
    · พระราชวัง: ป้อมปราการนิวเคลียสที่แข็งแกร่ง
    · พระราชอำนาจ: ควบคุมแรงนิวเคลียร์อย่างเข้ม

    สหพันธ์อิเล็กตรอน

    ผู้นำ: เทพีวงโคจร (Orbital Goddess)

    · ลักษณะ: ร่างกายกึ่งโปร่งแสง เคลื่อนไหวรวดเร็ว
    · ที่พำนัก: เมฆอิเล็กตรอนที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
    · อำนาจ: ควบคุมการแลกเปลี่ยนพลังงาน

    สภาคนกลางนิวตรอน

    ประธาน: จอมฤๅษีสมดุล (Balance Sage)

    · ลักษณะ: ทรงเครื่องหมายอินฟินิตี้ สีเทาเงิน
    · สถานที่ปฏิบัติธรรม: ศูนย์กลางนิวเคลียส
    · อำนาจ: รักษาเสถียรภาพและป้องกันการสลายตัว

    ต้นตอแห่งความขัดแย้ง

    การค้นพบ "อนุภาคศักดิ์สิทธิ์"

    นักวิทยาศาสตร์มนุษย์ทำการทดลอง LHC ทำให้ค้นพบ:

    ```mermaid
    graph LR
    A[การทดลอง LHC] --> B[ค้นพบอนุภาค<br>"พระเจ้าองค์เล็ก"]
    B --> C[พลังงานรั่วไหล<br>สู่โลกควอนตัม]
    C --> D[ทั้งสามอาณาจักร<br>ต้องการครอบครอง]
    ```

    ความต้องการที่ขัดแย้ง

    แต่ละอาณาจักรต้องการอนุภาคศักดิ์สิทธิ์เพื่อ:

    โปรตอน: "เพื่อสร้างอาณาจักรที่แข็งแกร่งถาวร!"
    อิเล็กตรอน:"เพื่อปลดปล่อยพลังงานอันไร้ขีดจำกัด!"
    นิวตรอน:"เพื่อสร้างสมดุลแห่งจักรวาล!"

    การเริ่มต้นสงคราม

    สงครามเริ่มต้นด้วย "ยุทธการแรงแม่เหล็ก":

    · อิเล็กตรอนโจมตีด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
    · โปรตอนตอบโต้ด้วยแรงนิวเคลียร์อย่างเข้ม
    · นิวตรอนพยายามไกล่เกลี่ยแต่ล้มเหลว

    ผลกระทบต่อโลกมนุษย์

    ความผิดปกติทางวิทยาศาสตร์

    การทดลองทางวิทยาศาสตร์เริ่มให้ผลผิดปกติ:

    ```python
    class Anomalies:
    def __init__(self):
    self.chemistry = [
    "พันธะเคมีแข็งแกร่งผิดปกติ",
    "อัตราการเกิดปฏิกิริยาผิดพลาด",
    "สารประกอบใหม่ที่ไม่มีในตารางธาตุ"
    ]

    self.physics = [
    "ค่าคงที่ทางฟิสิกส์เปลี่ยนแปลง",
    "กาลอวกาศบิดเบี้ยวในระดับจุลภาค",
    "หลักความไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์กล้มเหลว"
    ]

    self.technology = [
    "อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ล้มเหลว",
    "ระบบนำทางผิดพลาด",
    "พลังงานไฟฟ้าขัดข้อง"
    ]
    ```

    ผลกระทบต่อสุขภาพ

    มนุษย์เริ่มมีอาการแปลกๆ:

    · ความรู้สึกเสียวซ่า: จากอิเล็กตรอนเกินกำลัง
    · อาการแข็งเกร็ง: จากโปรตอนครอบงำ
    · ความไม่สมดุล: จากนิวตรอนไร้เสถียรภาพ

    บทบาทของหนูดีในสงคราม

    การเป็นสื่อสานระหว่างโลก

    หนูดีค้นพบว่าสามารถสื่อสารกับเทพระดับอะตอมได้:
    "พวกท่านทั้งหลาย...โลกมนุษย์กำลังได้รับผลกระทบจากการสู้รบของท่าน"

    การไกล่เกลี่ยครั้งประวัติศาสตร์

    หนูดีจัด สภาสันติภาพระหว่างมิติ:

    ```mermaid
    graph TB
    A[หนูดี<br>เป็นผู้ไกล่เกลี่ย] --> B[เชิญตัวแทน<br>ทั้งสามอาณาจักร]
    B --> C[จัดสภาใน<br>มิติกลาง]
    C --> D[หาข้อตกลง<br>ร่วมกัน]
    ```

    ข้อเสนอการแบ่งปัน

    หนูดีเสนอระบบการแบ่งปันอนุภาคศักดิ์สิทธิ์:

    · ระบบหมุนเวียน: แต่ละอาณาจักรได้ใช้ตามฤดูกาล
    · คณะกรรมการร่วม: ดูแลการใช้อย่างยุติธรรม
    · กองทุนพลังงาน: สำหรับโครงการเพื่อส่วนรวม

    สนธิสัญญาสันติภาพควอนตัม

    ข้อตกลงสำคัญ

    มีการลงนาม "สนธิสัญญาแรงพื้นฐานสามเส้า":

    ```python
    class QuantumTreaty:
    def __init__(self):
    self.agreements = {
    "power_sharing": {
    "protons": "ควบคุม 40% ของอนุภาคศักดิ์สิทธิ์",
    "electrons": "ควบคุม 40% ของอนุภาคศักดิ์สิทธิ์",
    "neutrons": "ควบคุม 20% สำหรับการรักษาสมดุล"
    },
    "territorial_rights": {
    "nuclear_zone": "ภายใต้การดูแลของโปรตอนและนิวตรอน",
    "electron_clouds": "เขตอิทธิพลของอิเล็กตรอน",
    "bonding_regions": "พื้นที่ร่วมกันสำหรับการสร้างพันธะ"
    },
    "collaboration_projects": [
    "การพัฒนาพลังงานสะอาด",
    "การรักษาโรคระดับโมเลกุล",
    "การสำรวจมิติควอนตัม"
    ]
    }
    ```

    พิธีลงนาม

    การลงนามเกิดขึ้นใน "ฮอลล์แรงนิวเคลียร์":

    · ผู้ลงนาม: ตัวแทนทั้งสามอาณาจักร
    · พยาน: หนูดีและร.ต.อ.สิงห์
    · สถานที่: มิติระหว่างโลก ที่สร้างขึ้นพิเศษ

    โลกใหม่หลังสันติภาพ

    ความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์

    เกิดโครงการวิจัยร่วมระหว่างมนุษย์และเทพระดับอะตอม:

    · การแพทย์ควอนตัม: รักษาโรคในระดับเซลล์
    · วัสดุศาสตร์: พัฒนาวัสดุใหม่จากความรู้ควอนตัม
    · พลังงาน: แหล่งพลังงานไร้ขีดจำกัด

    วัฒนธรรมแลกเปลี่ยน

    ```python
    class CulturalExchange:
    def __init__(self):
    self.knowledge_transfer = {
    "human_to_quantum": [
    "ศิลปะและอารมณ์มนุษย์",
    "ความคิดสร้างสรรค์",
    "หลักจริยธรรม"
    ],
    "quantum_to_human": [
    "ความลับของแรงพื้นฐาน",
    "เทคนิคการควบคุมพลังงาน",
    "ภูมิปัญญาการอยู่ร่วมกัน"
    ]
    }

    self.joint_projects = [
    "มหาวิทยาลัยระหว่างมิติ",
    "พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ควอนตัม",
    "เทศกาลศิลปะระดับอะตอม"
    ]
    ```

    บทเรียนจากสงคราม

    🪷 สำหรับเทพระดับอะตอม

    "เราตระหนักว่า...
    อำนาจที่แท้จริงไม่ใช่การครอบครอง
    แต่คือการแบ่งปันและความร่วมมือ"

    สำหรับมนุษยชาติ

    "เราเรียนรู้ว่า...
    จักรวาลนี้มีชีวิตในทุกระดับ
    และความรับผิดชอบของเรา
    คือการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล"

    สำหรับหนูดี

    "การเป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลก...
    สอนฉันว่าความเข้าใจคือกุญแจสู่สันติภาพ
    ไม่ว่าจะเป็นโลกใหญ่หรือโลกเล็ก"

    อนาคตแห่งความร่วมมือ

    โครงการระยะยาว

    สถาบันวิวัฒนาการจิตตั้ง "แผนกควอนตัมสัมพันธ์":

    · หน้าที่: ประสานงานกับเทพระดับอะตอม
    · โครงการ: วิจัยและพัฒนาร่วมกัน
    · การศึกษา: สอนเรื่องโลกควอนตัมแก่คนรุ่นใหม่

    มรดกแห่งสันติภาพ

    สงครามครั้งนี้ทิ้งมรดกสำคัญ:
    "ไม่ว่าความขัดแย้งจะอยู่ระดับไหน
    การพูดคุยและความเข้าใจ
    คือทางออกเดียวที่ยั่งยืน"

    ---

    คำสอนจากเทพนิวตรอน:
    "ในความเป็นกลาง...
    มีพลังแห่งสันติภาพ
    และในความสมดุล...
    มีอนาคตแห่งความเจริญ

    จักรวาลนี้ใหญ่พอสำหรับทุกชีวิต
    ตั้งแต่ควาร์กจนถึงดวงดาว
    ขอเพียงเราเรียนรู้ที่จะแบ่งปัน"

    คำคมสุดท้าย:
    "มหาสงครามที่เล็กที่สุด...
    สอนบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
    ว่าสันติภาพเริ่มต้นได้จากใจ
    ที่พร้อมจะเข้าใจในความแตกต่าง"
    O.P.K. ⚛️ เจาะลึกมหาสงครามเทพระดับอะตอม: ศึกชิงอำนาจในโลกควอนตัม 🌌 จักรวาลคู่ขนานระดับอนุภาค 🔬 การค้นพบอาณาจักรควอนตัม หนูดีค้นพบโดยบังเอิญขณะฝึกควบคุมพลังงาน: "มันเหมือนกับมีเมืองเล็กๆ นับไม่ถ้วนอยู่ในทุกอะตอม... แต่ละเมืองมีกฎเกณฑ์และผู้ปกครองของตัวเอง" ```mermaid graph TB A[โลกควอนตัม] --> B[อาณาจักรโปรตอน<br>เมืองแห่งความมั่นคง] A --> C[อาณาจักรอิเล็กตรอน<br>เมืองแห่งพลังงาน] A --> D[อาณาจักรนิวตรอน<br>เมืองแห่งสมดุล] A --> E[อาณาจักรควาร์ก<br>เมืองแห่งพื้นฐาน] ``` 🏛️ โครงสร้างสังคมเทพระดับอะตอม ```python class QuantumSociety: def __init__(self): self.hierarchy = { "elementary_level": { "quark_deities": "เทพพื้นฐาน 6 ประเภท", "lepton_sages": "ปราชญ์เลปตอน", "force_carriers": "ผู้ส่งผ่านแรงพื้นฐาน" }, "composite_level": { "proton_monarchs": "กษัตริย์โปรตอน", "electron_nomads": "อิเล็กตรอนเร่ร่อน", "neutron_guardians": "ผู้พิทักษ์นิวตรอน" }, "atomic_level": { "nucleus_kingdom": "อาณาจักรนิวเคลียส", "electron_cloud_cities": "เมืองเมฆอิเล็กตรอน", "bonding_alliances": "พันธมิตรทางการพันธะ" } } ``` 👑 ราชวงศ์แห่งนิวเคลียส 💎 ราชอาณาจักรโปรตอน ผู้ปกครอง: พระเจ้าประจุบวก (Positive Majesty) · ลักษณะ: ทรงกายสีแดงเรืองรอง มีมงกุฎทำจากเกลียวควาร์ก · พระราชวัง: ป้อมปราการนิวเคลียสที่แข็งแกร่ง · พระราชอำนาจ: ควบคุมแรงนิวเคลียร์อย่างเข้ม 🌪️ สหพันธ์อิเล็กตรอน ผู้นำ: เทพีวงโคจร (Orbital Goddess) · ลักษณะ: ร่างกายกึ่งโปร่งแสง เคลื่อนไหวรวดเร็ว · ที่พำนัก: เมฆอิเล็กตรอนที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา · อำนาจ: ควบคุมการแลกเปลี่ยนพลังงาน 🛡️ สภาคนกลางนิวตรอน ประธาน: จอมฤๅษีสมดุล (Balance Sage) · ลักษณะ: ทรงเครื่องหมายอินฟินิตี้ สีเทาเงิน · สถานที่ปฏิบัติธรรม: ศูนย์กลางนิวเคลียส · อำนาจ: รักษาเสถียรภาพและป้องกันการสลายตัว 💥 ต้นตอแห่งความขัดแย้ง 🔥 การค้นพบ "อนุภาคศักดิ์สิทธิ์" นักวิทยาศาสตร์มนุษย์ทำการทดลอง LHC ทำให้ค้นพบ: ```mermaid graph LR A[การทดลอง LHC] --> B[ค้นพบอนุภาค<br>"พระเจ้าองค์เล็ก"] B --> C[พลังงานรั่วไหล<br>สู่โลกควอนตัม] C --> D[ทั้งสามอาณาจักร<br>ต้องการครอบครอง] ``` 🎯 ความต้องการที่ขัดแย้ง แต่ละอาณาจักรต้องการอนุภาคศักดิ์สิทธิ์เพื่อ: โปรตอน: "เพื่อสร้างอาณาจักรที่แข็งแกร่งถาวร!" อิเล็กตรอน:"เพื่อปลดปล่อยพลังงานอันไร้ขีดจำกัด!" นิวตรอน:"เพื่อสร้างสมดุลแห่งจักรวาล!" ⚡ การเริ่มต้นสงคราม สงครามเริ่มต้นด้วย "ยุทธการแรงแม่เหล็ก": · อิเล็กตรอนโจมตีด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า · โปรตอนตอบโต้ด้วยแรงนิวเคลียร์อย่างเข้ม · นิวตรอนพยายามไกล่เกลี่ยแต่ล้มเหลว 🌪️ ผลกระทบต่อโลกมนุษย์ 🔬 ความผิดปกติทางวิทยาศาสตร์ การทดลองทางวิทยาศาสตร์เริ่มให้ผลผิดปกติ: ```python class Anomalies: def __init__(self): self.chemistry = [ "พันธะเคมีแข็งแกร่งผิดปกติ", "อัตราการเกิดปฏิกิริยาผิดพลาด", "สารประกอบใหม่ที่ไม่มีในตารางธาตุ" ] self.physics = [ "ค่าคงที่ทางฟิสิกส์เปลี่ยนแปลง", "กาลอวกาศบิดเบี้ยวในระดับจุลภาค", "หลักความไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์กล้มเหลว" ] self.technology = [ "อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ล้มเหลว", "ระบบนำทางผิดพลาด", "พลังงานไฟฟ้าขัดข้อง" ] ``` 🏥 ผลกระทบต่อสุขภาพ มนุษย์เริ่มมีอาการแปลกๆ: · ความรู้สึกเสียวซ่า: จากอิเล็กตรอนเกินกำลัง · อาการแข็งเกร็ง: จากโปรตอนครอบงำ · ความไม่สมดุล: จากนิวตรอนไร้เสถียรภาพ 💫 บทบาทของหนูดีในสงคราม 🔍 การเป็นสื่อสานระหว่างโลก หนูดีค้นพบว่าสามารถสื่อสารกับเทพระดับอะตอมได้: "พวกท่านทั้งหลาย...โลกมนุษย์กำลังได้รับผลกระทบจากการสู้รบของท่าน" 🕊️ การไกล่เกลี่ยครั้งประวัติศาสตร์ หนูดีจัด สภาสันติภาพระหว่างมิติ: ```mermaid graph TB A[หนูดี<br>เป็นผู้ไกล่เกลี่ย] --> B[เชิญตัวแทน<br>ทั้งสามอาณาจักร] B --> C[จัดสภาใน<br>มิติกลาง] C --> D[หาข้อตกลง<br>ร่วมกัน] ``` 🌟 ข้อเสนอการแบ่งปัน หนูดีเสนอระบบการแบ่งปันอนุภาคศักดิ์สิทธิ์: · ระบบหมุนเวียน: แต่ละอาณาจักรได้ใช้ตามฤดูกาล · คณะกรรมการร่วม: ดูแลการใช้อย่างยุติธรรม · กองทุนพลังงาน: สำหรับโครงการเพื่อส่วนรวม 🏛️ สนธิสัญญาสันติภาพควอนตัม 📜 ข้อตกลงสำคัญ มีการลงนาม "สนธิสัญญาแรงพื้นฐานสามเส้า": ```python class QuantumTreaty: def __init__(self): self.agreements = { "power_sharing": { "protons": "ควบคุม 40% ของอนุภาคศักดิ์สิทธิ์", "electrons": "ควบคุม 40% ของอนุภาคศักดิ์สิทธิ์", "neutrons": "ควบคุม 20% สำหรับการรักษาสมดุล" }, "territorial_rights": { "nuclear_zone": "ภายใต้การดูแลของโปรตอนและนิวตรอน", "electron_clouds": "เขตอิทธิพลของอิเล็กตรอน", "bonding_regions": "พื้นที่ร่วมกันสำหรับการสร้างพันธะ" }, "collaboration_projects": [ "การพัฒนาพลังงานสะอาด", "การรักษาโรคระดับโมเลกุล", "การสำรวจมิติควอนตัม" ] } ``` 🎉 พิธีลงนาม การลงนามเกิดขึ้นใน "ฮอลล์แรงนิวเคลียร์": · ผู้ลงนาม: ตัวแทนทั้งสามอาณาจักร · พยาน: หนูดีและร.ต.อ.สิงห์ · สถานที่: มิติระหว่างโลก ที่สร้างขึ้นพิเศษ 🌈 โลกใหม่หลังสันติภาพ 🔬 ความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ เกิดโครงการวิจัยร่วมระหว่างมนุษย์และเทพระดับอะตอม: · การแพทย์ควอนตัม: รักษาโรคในระดับเซลล์ · วัสดุศาสตร์: พัฒนาวัสดุใหม่จากความรู้ควอนตัม · พลังงาน: แหล่งพลังงานไร้ขีดจำกัด 💞 วัฒนธรรมแลกเปลี่ยน ```python class CulturalExchange: def __init__(self): self.knowledge_transfer = { "human_to_quantum": [ "ศิลปะและอารมณ์มนุษย์", "ความคิดสร้างสรรค์", "หลักจริยธรรม" ], "quantum_to_human": [ "ความลับของแรงพื้นฐาน", "เทคนิคการควบคุมพลังงาน", "ภูมิปัญญาการอยู่ร่วมกัน" ] } self.joint_projects = [ "มหาวิทยาลัยระหว่างมิติ", "พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ควอนตัม", "เทศกาลศิลปะระดับอะตอม" ] ``` 🏆 บทเรียนจากสงคราม 🪷 สำหรับเทพระดับอะตอม "เราตระหนักว่า... อำนาจที่แท้จริงไม่ใช่การครอบครอง แต่คือการแบ่งปันและความร่วมมือ" 💫 สำหรับมนุษยชาติ "เราเรียนรู้ว่า... จักรวาลนี้มีชีวิตในทุกระดับ และความรับผิดชอบของเรา คือการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล" 🌟 สำหรับหนูดี "การเป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลก... สอนฉันว่าความเข้าใจคือกุญแจสู่สันติภาพ ไม่ว่าจะเป็นโลกใหญ่หรือโลกเล็ก" 🔮 อนาคตแห่งความร่วมมือ 🚀 โครงการระยะยาว สถาบันวิวัฒนาการจิตตั้ง "แผนกควอนตัมสัมพันธ์": · หน้าที่: ประสานงานกับเทพระดับอะตอม · โครงการ: วิจัยและพัฒนาร่วมกัน · การศึกษา: สอนเรื่องโลกควอนตัมแก่คนรุ่นใหม่ 💝 มรดกแห่งสันติภาพ สงครามครั้งนี้ทิ้งมรดกสำคัญ: "ไม่ว่าความขัดแย้งจะอยู่ระดับไหน การพูดคุยและความเข้าใจ คือทางออกเดียวที่ยั่งยืน" --- คำสอนจากเทพนิวตรอน: "ในความเป็นกลาง... มีพลังแห่งสันติภาพ และในความสมดุล... มีอนาคตแห่งความเจริญ จักรวาลนี้ใหญ่พอสำหรับทุกชีวิต ตั้งแต่ควาร์กจนถึงดวงดาว ขอเพียงเราเรียนรู้ที่จะแบ่งปัน"⚛️✨ คำคมสุดท้าย: "มหาสงครามที่เล็กที่สุด... สอนบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ว่าสันติภาพเริ่มต้นได้จากใจ ที่พร้อมจะเข้าใจในความแตกต่าง"🌌
    0 Comments 0 Shares 212 Views 0 Reviews
  • ข่าวใหญ่แห่งโลกเทคโนโลยี: นักฟิสิกส์รางวัลโนเบลจับมือ HPE และอุตสาหกรรมชิป สร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ควอนตัมใช้งานจริง!

    เรื่องราวนี้เริ่มต้นจาก John M. Martinis นักฟิสิกส์ผู้คว้ารางวัลโนเบลปี 2025 จากผลงานด้านควอนตัมคอมพิวติ้ง ล่าสุดเขาได้ร่วมมือกับ HPE และบริษัทชิปหลายแห่ง เพื่อสร้าง “ควอนตัมซูเปอร์คอมพิวเตอร์” ที่ไม่ใช่แค่ต้นแบบในห้องแล็บ แต่สามารถผลิตใช้งานได้จริงในระดับอุตสาหกรรม

    ควอนตัมคอมพิวเตอร์มีศักยภาพในการแก้ปัญหาซับซ้อนในสาขาเคมี การแพทย์ และวัสดุศาสตร์ ที่คอมพิวเตอร์ทั่วไปต้องใช้เวลานับพันปีในการประมวลผล ความร่วมมือครั้งนี้จึงเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนเทคโนโลยีล้ำยุคให้กลายเป็นเครื่องมือที่ใช้งานได้จริงในภาคธุรกิจและวิทยาศาสตร์

    John M. Martinis ผู้คว้ารางวัลโนเบลปี 2025
    ได้รับรางวัลจากผลงานด้านควอนตัมคอมพิวติ้ง
    เป็นผู้นำในการผลักดันเทคโนโลยีควอนตัมสู่การใช้งานจริง

    ความร่วมมือกับ HPE และบริษัทชิป
    เป้าหมายคือสร้างควอนตัมซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ผลิตได้จริง
    รวมพลังจากภาคธุรกิจและวิทยาศาสตร์เพื่อเร่งการพัฒนา

    ควอนตัมคอมพิวเตอร์มีศักยภาพมหาศาล
    สามารถแก้ปัญหาทางเคมีและการแพทย์ที่คอมพิวเตอร์ทั่วไปทำไม่ได้
    มีบทบาทสำคัญในการค้นคว้ายาใหม่ การออกแบบวัสดุ และการจำลองโมเลกุล

    การเปลี่ยนจากต้นแบบสู่การผลิตจริง
    ความท้าทายคือการทำให้ระบบควอนตัมมีเสถียรภาพและสามารถผลิตจำนวนมากได้
    ต้องอาศัยการออกแบบร่วมกันระหว่างนักฟิสิกส์ วิศวกร และผู้ผลิตชิป

    คำเตือน: ควอนตัมคอมพิวเตอร์ยังไม่พร้อมใช้งานทั่วไป
    ยังต้องการการพัฒนาเพิ่มเติมในด้านการควบคุม qubit และการแก้ไขข้อผิดพลาด
    การใช้งานในระดับผู้บริโภคยังอยู่ห่างไกล ต้องรอการพัฒนาอีกหลายปี

    การลงทุนในเทคโนโลยีนี้มีความเสี่ยง
    ต้องใช้เงินทุนมหาศาลและอาจใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลตอบแทน
    บริษัทที่ลงทุนต้องมีวิสัยทัศน์ระยะยาวและความเข้าใจในเทคโนโลยีขั้นสูง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/10/nobel-winner-hpe-and-chip-industry-firms-team-up-to-make-a-practical-quantum-supercomputer
    🧠 ข่าวใหญ่แห่งโลกเทคโนโลยี: นักฟิสิกส์รางวัลโนเบลจับมือ HPE และอุตสาหกรรมชิป สร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ควอนตัมใช้งานจริง! เรื่องราวนี้เริ่มต้นจาก John M. Martinis นักฟิสิกส์ผู้คว้ารางวัลโนเบลปี 2025 จากผลงานด้านควอนตัมคอมพิวติ้ง ล่าสุดเขาได้ร่วมมือกับ HPE และบริษัทชิปหลายแห่ง เพื่อสร้าง “ควอนตัมซูเปอร์คอมพิวเตอร์” ที่ไม่ใช่แค่ต้นแบบในห้องแล็บ แต่สามารถผลิตใช้งานได้จริงในระดับอุตสาหกรรม ควอนตัมคอมพิวเตอร์มีศักยภาพในการแก้ปัญหาซับซ้อนในสาขาเคมี การแพทย์ และวัสดุศาสตร์ ที่คอมพิวเตอร์ทั่วไปต้องใช้เวลานับพันปีในการประมวลผล ความร่วมมือครั้งนี้จึงเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนเทคโนโลยีล้ำยุคให้กลายเป็นเครื่องมือที่ใช้งานได้จริงในภาคธุรกิจและวิทยาศาสตร์ ✅ John M. Martinis ผู้คว้ารางวัลโนเบลปี 2025 ➡️ ได้รับรางวัลจากผลงานด้านควอนตัมคอมพิวติ้ง ➡️ เป็นผู้นำในการผลักดันเทคโนโลยีควอนตัมสู่การใช้งานจริง ✅ ความร่วมมือกับ HPE และบริษัทชิป ➡️ เป้าหมายคือสร้างควอนตัมซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ผลิตได้จริง ➡️ รวมพลังจากภาคธุรกิจและวิทยาศาสตร์เพื่อเร่งการพัฒนา ✅ ควอนตัมคอมพิวเตอร์มีศักยภาพมหาศาล ➡️ สามารถแก้ปัญหาทางเคมีและการแพทย์ที่คอมพิวเตอร์ทั่วไปทำไม่ได้ ➡️ มีบทบาทสำคัญในการค้นคว้ายาใหม่ การออกแบบวัสดุ และการจำลองโมเลกุล ✅ การเปลี่ยนจากต้นแบบสู่การผลิตจริง ➡️ ความท้าทายคือการทำให้ระบบควอนตัมมีเสถียรภาพและสามารถผลิตจำนวนมากได้ ➡️ ต้องอาศัยการออกแบบร่วมกันระหว่างนักฟิสิกส์ วิศวกร และผู้ผลิตชิป ‼️ คำเตือน: ควอนตัมคอมพิวเตอร์ยังไม่พร้อมใช้งานทั่วไป ⛔ ยังต้องการการพัฒนาเพิ่มเติมในด้านการควบคุม qubit และการแก้ไขข้อผิดพลาด ⛔ การใช้งานในระดับผู้บริโภคยังอยู่ห่างไกล ต้องรอการพัฒนาอีกหลายปี ‼️ การลงทุนในเทคโนโลยีนี้มีความเสี่ยง ⛔ ต้องใช้เงินทุนมหาศาลและอาจใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลตอบแทน ⛔ บริษัทที่ลงทุนต้องมีวิสัยทัศน์ระยะยาวและความเข้าใจในเทคโนโลยีขั้นสูง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/10/nobel-winner-hpe-and-chip-industry-firms-team-up-to-make-a-practical-quantum-supercomputer
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Nobel winner, HPE and chip industry firms team up to make a practical quantum supercomputer
    SAN FRANCISCO (Reuters) -John M. Martinis, one of this year's winners of the Nobel Prize in physics for breakthroughs in quantum computing, on Monday formed an alliance with HPE and several chip firms to create a practical, mass-producible quantum supercomputer.
    0 Comments 0 Shares 120 Views 0 Reviews
  • ติดโซลาร์ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ! 5 ข้อผิดพลาดที่ควรเลี่ยงก่อนติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์

    การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์อาจดูเหมือนเป็นทางออกที่ดีในการลดค่าไฟฟ้า แต่ถ้าไม่วางแผนให้ดี อาจกลายเป็นภาระระยะยาวแทนที่จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า บทความนี้เผย 5 ข้อผิดพลาดที่เจ้าของบ้านมักทำเมื่อพิจารณาติดตั้งโซลาร์ พร้อมเสริมข้อมูลจากแหล่งอื่นเพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ.

    หลายคนเริ่มสนใจโซลาร์เพราะค่าไฟที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ความคิดว่า “ติดแล้วจะไม่ต้องจ่ายค่าไฟอีก” ฟังดูดี แต่ในความเป็นจริง โซลาร์ไม่ใช่พลังงานฟรี และการคืนทุน (ROI) ก็ไม่ได้เกิดขึ้นทันที

    ตัวอย่างเช่น ระบบขนาด 6 กิโลวัตต์อาจช่วยประหยัดได้ประมาณ $1,500 ต่อปี แต่ถ้าคุณลงทุน $29,000 กับระบบขนาด 10 กิโลวัตต์ ก็ต้องใช้เวลาหลายปีถึงจะคุ้มทุน

    ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยง
    1️⃣ คิดว่าจะคืนทุนทันที ROI เฉลี่ยของโซลาร์อยู่ที่ประมาณ 10% ต่อปี ต้องใช้เวลาหลายปีถึงจะคุ้มทุน

    2️⃣ ไม่ประเมินการใช้พลังงานของบ้าน บ้านแต่ละหลังมีความต้องการพลังงานต่างกัน ต้องคำนวณจากการใช้ไฟย้อนหลัง 12 เดือน และจำนวนชั่วโมงแสงแดดเฉลี่ยต่อวัน

    3️⃣ ไม่เปรียบเทียบผู้ให้บริการ ราคาติดตั้งแตกต่างกันมาก ขึ้นอยู่กับบริษัท ขนาดบ้าน จำนวนแผง และบริการหลังการขาย

    4️⃣ ไม่คำนึงถึงค่าบำรุงรักษา แผงโซลาร์ต้องทำความสะอาดและเปลี่ยนอะไหล่ เช่น อินเวอร์เตอร์ทุก 10 ปี

    5️⃣ ไม่เข้าใจระบบ Net Metering การขายไฟฟ้าคืนให้บริษัทไฟฟ้ามีข้อจำกัด เช่น ราคาซื้อคืนต่ำกว่าราคาขาย และอาจมีการจำกัดเครดิต

    การคืนทุนจากโซลาร์
    ROI เฉลี่ยประมาณ 10% ต่อปี
    ระบบขนาด 6kW ประหยัดได้ประมาณ $1,500 ต่อปี
    ระบบขนาด 10kW อาจต้องใช้เวลาหลายปีถึงจะคุ้มทุน

    การประเมินพลังงานที่บ้านต้องใช้
    คำนวณจากการใช้ไฟย้อนหลัง 12 เดือน
    ใช้เครื่องมือเช่น GHI Map เพื่อดูชั่วโมงแสงแดด
    ควรติดตั้งให้ผลิตไฟได้มากกว่าค่าเฉลี่ยรายวัน

    การเลือกผู้ให้บริการติดตั้ง
    เปรียบเทียบราคาและบริการจากหลายบริษัท
    ตรวจสอบว่ามีบริการติดตั้งเองหรือจ้างภายนอก
    พิจารณาเงื่อนไขการรับประกันและแผนบริการ

    ค่าบำรุงรักษา
    อินเวอร์เตอร์อาจต้องเปลี่ยนทุก 10 ปี
    ควรทำความสะอาดแผงปีละ 1 ครั้ง หรือบ่อยกว่านั้นในพื้นที่ฝุ่นเยอะ

    ระบบ Net Metering
    ขายไฟคืนได้เมื่อผลิตเกิน
    บริษัทไฟฟ้าอาจจ่ายน้อยกว่าราคาที่คุณซื้อ
    บางกรณีอาจมีการจำกัดเครดิต

    ความเข้าใจผิดเรื่อง ROI
    คิดว่าจะคืนทุนทันทีหลังติดตั้ง
    มองแค่ค่าไฟลดลงโดยไม่คิดถึงต้นทุน

    การไม่ประเมินความต้องการพลังงาน
    ติดตั้งระบบเล็กเกินไปหรือใหญ่เกินไป
    ไม่วางแผนสำหรับการใช้ไฟในอนาคต

    การละเลยค่าบำรุงรักษา
    ไม่เตรียมงบสำหรับการเปลี่ยนอะไหล่
    ไม่ทำความสะอาดแผงอย่างสม่ำเสมอ

    ความเข้าใจผิดเรื่อง Net Metering
    คิดว่าจะได้เงินคืนเต็มจำนวนจากไฟที่ขาย
    ไม่รู้ว่าบางบริษัทมีการจำกัดเครดิตหรือจ่ายน้อยกว่าราคาซื้อ

    https://www.slashgear.com/2019538/common-mistakes-avoid-considering-solar-panels/
    🌞 ติดโซลาร์ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ! 5 ข้อผิดพลาดที่ควรเลี่ยงก่อนติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์อาจดูเหมือนเป็นทางออกที่ดีในการลดค่าไฟฟ้า แต่ถ้าไม่วางแผนให้ดี อาจกลายเป็นภาระระยะยาวแทนที่จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า บทความนี้เผย 5 ข้อผิดพลาดที่เจ้าของบ้านมักทำเมื่อพิจารณาติดตั้งโซลาร์ พร้อมเสริมข้อมูลจากแหล่งอื่นเพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ. หลายคนเริ่มสนใจโซลาร์เพราะค่าไฟที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ความคิดว่า “ติดแล้วจะไม่ต้องจ่ายค่าไฟอีก” ฟังดูดี แต่ในความเป็นจริง โซลาร์ไม่ใช่พลังงานฟรี และการคืนทุน (ROI) ก็ไม่ได้เกิดขึ้นทันที ตัวอย่างเช่น ระบบขนาด 6 กิโลวัตต์อาจช่วยประหยัดได้ประมาณ $1,500 ต่อปี แต่ถ้าคุณลงทุน $29,000 กับระบบขนาด 10 กิโลวัตต์ ก็ต้องใช้เวลาหลายปีถึงจะคุ้มทุน 🛠️ ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยง 1️⃣ คิดว่าจะคืนทุนทันที ROI เฉลี่ยของโซลาร์อยู่ที่ประมาณ 10% ต่อปี ต้องใช้เวลาหลายปีถึงจะคุ้มทุน 2️⃣ ไม่ประเมินการใช้พลังงานของบ้าน บ้านแต่ละหลังมีความต้องการพลังงานต่างกัน ต้องคำนวณจากการใช้ไฟย้อนหลัง 12 เดือน และจำนวนชั่วโมงแสงแดดเฉลี่ยต่อวัน 3️⃣ ไม่เปรียบเทียบผู้ให้บริการ ราคาติดตั้งแตกต่างกันมาก ขึ้นอยู่กับบริษัท ขนาดบ้าน จำนวนแผง และบริการหลังการขาย 4️⃣ ไม่คำนึงถึงค่าบำรุงรักษา แผงโซลาร์ต้องทำความสะอาดและเปลี่ยนอะไหล่ เช่น อินเวอร์เตอร์ทุก 10 ปี 5️⃣ ไม่เข้าใจระบบ Net Metering การขายไฟฟ้าคืนให้บริษัทไฟฟ้ามีข้อจำกัด เช่น ราคาซื้อคืนต่ำกว่าราคาขาย และอาจมีการจำกัดเครดิต ✅ การคืนทุนจากโซลาร์ ➡️ ROI เฉลี่ยประมาณ 10% ต่อปี ➡️ ระบบขนาด 6kW ประหยัดได้ประมาณ $1,500 ต่อปี ➡️ ระบบขนาด 10kW อาจต้องใช้เวลาหลายปีถึงจะคุ้มทุน ✅ การประเมินพลังงานที่บ้านต้องใช้ ➡️ คำนวณจากการใช้ไฟย้อนหลัง 12 เดือน ➡️ ใช้เครื่องมือเช่น GHI Map เพื่อดูชั่วโมงแสงแดด ➡️ ควรติดตั้งให้ผลิตไฟได้มากกว่าค่าเฉลี่ยรายวัน ✅ การเลือกผู้ให้บริการติดตั้ง ➡️ เปรียบเทียบราคาและบริการจากหลายบริษัท ➡️ ตรวจสอบว่ามีบริการติดตั้งเองหรือจ้างภายนอก ➡️ พิจารณาเงื่อนไขการรับประกันและแผนบริการ ✅ ค่าบำรุงรักษา ➡️ อินเวอร์เตอร์อาจต้องเปลี่ยนทุก 10 ปี ➡️ ควรทำความสะอาดแผงปีละ 1 ครั้ง หรือบ่อยกว่านั้นในพื้นที่ฝุ่นเยอะ ✅ ระบบ Net Metering ➡️ ขายไฟคืนได้เมื่อผลิตเกิน ➡️ บริษัทไฟฟ้าอาจจ่ายน้อยกว่าราคาที่คุณซื้อ ➡️ บางกรณีอาจมีการจำกัดเครดิต ‼️ ความเข้าใจผิดเรื่อง ROI ⛔ คิดว่าจะคืนทุนทันทีหลังติดตั้ง ⛔ มองแค่ค่าไฟลดลงโดยไม่คิดถึงต้นทุน ‼️ การไม่ประเมินความต้องการพลังงาน ⛔ ติดตั้งระบบเล็กเกินไปหรือใหญ่เกินไป ⛔ ไม่วางแผนสำหรับการใช้ไฟในอนาคต ‼️ การละเลยค่าบำรุงรักษา ⛔ ไม่เตรียมงบสำหรับการเปลี่ยนอะไหล่ ⛔ ไม่ทำความสะอาดแผงอย่างสม่ำเสมอ ‼️ ความเข้าใจผิดเรื่อง Net Metering ⛔ คิดว่าจะได้เงินคืนเต็มจำนวนจากไฟที่ขาย ⛔ ไม่รู้ว่าบางบริษัทมีการจำกัดเครดิตหรือจ่ายน้อยกว่าราคาซื้อ https://www.slashgear.com/2019538/common-mistakes-avoid-considering-solar-panels/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Common Mistakes To Avoid When Considering Solar Panels For The Home - SlashGear
    Do rooftop solar panels sound like a good deal? They could very well be, assuming you consider all the pros and cons before making your decision.
    0 Comments 0 Shares 120 Views 0 Reviews
  • O.P.K.
    เจาะลึก "อสูรเฒ่า" : ฤๅษีวาจาธรแห่งกาลเวลา

    ข้อมูลพื้นฐานแห่งการถือกำเนิด

    ต้นกำเนิดในยุคโบราณ

    ชื่อจริง: ฤๅษีวาจาธร
    ชื่อหมายถึง:"ผู้ทรงพลังแห่งวาจา"
    อายุ:2,000 ปี
    ยุคสมัย:ยุคต้นสุโขทัย

    ```mermaid
    graph TB
    A[มนุษย์ธรรมดา<br>ชื่อ "ธรรมะ"] --> B[บวชเป็นฤๅษี<br>ฝึกวาจาศักดิ์สิทธิ์]
    B --> C[ได้รับพลัง<br>วาจาศักดิ์สิทธิ์]
    C --> D[ใช้พลังในทางที่ผิด<br>ด้วยความหลงตน]
    D --> E[ถูกสาป<br>ให้เป็นอสูรเฒ่า]
    ```

    ลักษณะทางกายภาพหลังถูกสาป

    · รูปร่าง: สูง 2 เมตร หนังหยาบกร้านเหมือนเปลือกไม้
    · ใบหน้า: มีดวงตาเดียวอยู่กลางหน้าผาก เรืองแสงสีทอง
    · ผม: ผมหงอกขาวยาวถึงเอว เกี่ยวกระหวัดด้วยเถาวัลย์
    · มือ: มี 6 นิ้วแต่ละมือ เป็นสัญลักษณ์แห่งพลังเหนือธรรมชาติ
    · เสียง: ก้องกังวานเหมือนเสียงกัมปนาท

    พลังวาจาศักดิ์สิทธิ์

    ระดับพลังแห่งวาจา

    ```python
    class VajaPowers:
    def __init__(self):
    self.truth_speech = {
    "reality_alteration": "เปลี่ยนแปลงความเป็นจริงด้วยคำพูด",
    "creation_destruction": "สร้างและทำลายด้วยวาจา",
    "time_manipulation": "เร่งหรือชะลอกระบวนการด้วยคำพูด",
    "element_control": "ควบคุมธาตุต่างๆ ด้วยภาษาบูรพา"
    }

    self.blessing_curse = {
    "healing_words": "รักษาโรคด้วยมนตร์บำบัด",
    "fate_weaving": "ถักทอโชคชะตาด้วยบทกวี",
    "nature_communication": "สื่อสารกับธรรมชาติด้วยภาษาดั้งเดิม",
    "soul_whispering": "พูดคุยกับจิตวิญญาณได้"
    }

    self.limitations = {
    "cannot_undo_own_words": "ไม่สามารถยกเลิกคำพูดของตัวเองได้",
    "requires_sincerity": "ต้องมีความจริงใจถึงจะได้ผล",
    "emotional_dependency": "พลังขึ้นอยู่กับอารมณ์ในขณะพูด",
    "karmic_consequences": "มีผลกรรมตามมาทุกครั้งที่ใช้"
    }
    ```

    ภาษาศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้

    อสูรเฒ่าใช้ภาษาบูรพาที่สูญหายไปแล้ว:

    · ภาษามคธโบราณ: สำหรับคำอวยพรระดับสูง
    · ภาษาขอมดั้งเดิม: สำหรับคำสาปและป้องกัน
    · ภาษาธรรมชาติ: สำหรับสื่อสารกับสรรพสิ่ง

    เรื่องราวการถูกสาป

    ชีวิตในยุคสุโขทัย

    ธรรมะเริ่มต้นเป็นฤๅษีผู้ทรงคุณ virtue:

    · อายุ 20: บวชเป็นฤๅษี ศึกษาคำศักดิ์สิทธิ์
    · อายุ 100: เชี่ยวชาญวาจาศักดิ์สิทธิ์
    · อายุ 500: เริ่มหลงระเริงกับพลัง

    จุดเปลี่ยนแห่งความหลงผิด

    ```mermaid
    graph LR
    A[ใช้พลังช่วยเหลือ<br>ผู้คนอย่างมากมาย] --> B[เริ่มได้รับ<br>การยกย่องเกินควร]
    B --> C[หลงคิดว่าตน<br>เหนือกว่ามนุษย์]
    C --> D[ใช้พลังสร้าง<br>นครเพื่อตนเอง]
    D --> E[ถูกเทวดา<br>ลงโทษสาปให้เป็นอสูร]
    ```

    คำสาปแห่งกาลเวลา

    เทวดาสาปให้เขา:

    · เป็นอสูร ร่างกายผิดปกติ
    · อยู่อย่างโดดเดี่ยว 2,000 ปี
    · ได้ลิ้มรส ความเหงาที่เขาทำให้ผู้อื่นรู้สึก

    ชีวิตในความโดดเดี่ยว

    ที่อยู่อาศัย

    อสูรเฒ่าอาศัยใน ถ้ำวาจาศักดิ์สิทธิ์:

    · ตำแหน่ง: กลางป่าลึกที่ไม่มีมนุษย์เข้าไป
    · ลักษณะ: มีจารึกภาษาบูรพาประดับทั่วถ้ำ
    · พลังงาน: เต็มไปด้วยพลังคำพูดที่สะสมมานับพันปี

    กิจวัตรประจำวัน

    รุ่งสาง: สวดมนตร์ภาษาบูรพา
    เช้า:ฝึกวาจาศักดิ์สิทธิ์กับธรรมชาติ
    บ่าย:บันทึกความรู้ลงในแผ่นศิลา
    ค่ำ:นั่งสมาธิไตร่ตรองความผิดในอดีต

    ความคิดและความรู้สึก

    อสูรเฒ่าบันทึกความในใจ:
    "สองพันปีแห่งความเหงา...
    สอนข้าว่าพลังที่แท้หาใช่การควบคุม
    แต่คือการเข้าใจและการให้อภัย

    แต่ใครจะให้อภัยข้าเล่า?
    เมื่อข้าเองยังให้อภัยตัวเองไม่ได้"

    การพัฒนาพลังวาจา

    จากความโกรธสู่ความเข้าใจ

    ```python
    class PowerEvolution:
    def __init__(self):
    self.past = {
    "purpose": "ใช้พลังเพื่อการควบคุมและแสดงอำนาจ",
    "emotion": "ความหยิ่งยโส ความโกรธ",
    "results": "การทำลายล้าง ความเสียหาย"
    }

    self.present = {
    "purpose": "ใช้พลังเพื่อการเยียวยาและความเข้าใจ",
    "emotion": "ความเมตตา ความอดทน",
    "results": "การสร้างสรรค์ การเยียวยา"
    }

    self.techniques_developed = [
    "การฟังด้วยหัวใจก่อนพูด",
    "การเลือกคำที่มีเมตตา",
    "การเข้าใจผลกระทบของคำพูด",
    "การใช้ความเงียบอย่างชาญฉลาด"
    ]
    ```

    พลังใหม่แห่งการเยียวยา

    อสูรเฒ่าพัฒนาความสามารถใหม่:

    · วาจาบำบัด: รักษาบาดแผลทางใจด้วยคำพูด
    · ภาษาสันติภาพ: สร้างความเข้าใจระหว่างเผ่าพันธุ์
    · คำพูดแห่งการให้อภัย: ช่วยให้ผู้คนให้อภัยกันและกัน

    การพบกับหนูดีและการเปลี่ยนแปลง

    จุดเปลี่ยนสำคัญ

    เมื่อหนูดีเข้ามาในชีวิต:
    "เป็นครั้งแรกในสองพันปี...
    ที่มีใครกล้ามาหาข้าโดยไม่กลัว

    และเป็นครั้งแรก...
    ที่มีคนมองข้าเป็น'บุคคล' ไม่ใช่ 'อสูร'"

    กระบวนการเยียวยา

    ```mermaid
    graph TB
    A[หนูดี<br>เข้ามาโดยไม่กลัว] --> B[อสูรเฒ่า<br>เริ่มเปิดใจ]
    B --> C[การแบ่งปัน<br>ความเจ็บปวด]
    C --> D[การเรียนรู้<br>ร่วมกัน]
    D --> E[การให้อภัย<br>ตัวเองและผู้อื่น]
    ```

    บทเรียนที่ได้รับ

    อสูรเฒ่าเรียนรู้จากหนูดีว่า:

    · พลังที่แท้ มาจากความอ่อนโยน ไม่ใช่ความแข็งกร้าว
    · วาจาศักดิ์สิทธิ์ ที่แท้คือคำพูดที่เกิดจากความเข้าใจ
    · การเป็นครู หมายถึงการเป็นนักเรียนไปพร้อมกัน

    บทบาทใหม่ในสังคม

    ที่ปรึกษาด้านวาจา

    อสูรเฒ่าได้รับตำแหน่งเป็น:

    · ครูสอนภาษาบูรพา ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต
    · ที่ปรึกษาด้านวาจาศักดิ์สิทธิ์ สำหรับโอปปาติกะ
    · ผู้ไกล่เกลี่ย ในความขัดแย้งระดับสูง

    โครงการสำคัญ

    ```python
    class NewResponsibilities:
    def __init__(self):
    self.projects = {
    "language_revival": "ฟื้นฟูภาษาบูรพาสำหรับการศึกษา",
    "conflict_resolution": "ใช้วาจาศักดิ์สิทธิ์สร้างสันติภาพ",
    "spiritual_guidance": "เป็นที่ปรึกษาทางจิตวิญญาณ",
    "knowledge_preservation": "รักษาความรู้โบราณไม่ให้สูญหาย"
    }

    self.students = [
    "หนูดี: เรียนภาษาบูรพาและวาจาศักดิ์สิทธิ์",
    "เณรพุทธ: เรียนการใช้คำพูดสร้างสรรค์",
    "นิทรา: เรียนการควบคุมอารมณ์ในคำพูด",
    "โอปปาติกะรุ่นใหม่: เรียนพลังแห่งวาจา"
    ]
    ```

    ปรัชญาและคำสอน

    🪷 คำคมแห่งปัญญา

    "วาจามีชีวิตเป็นของตัวเอง...
    เมื่อเธอพูดคำใดออกไป
    คำนั้นจะมีชีวิตและเดินทางไปหาเป้าหมาย

    เพราะฉะนั้นจงเลือกคำอย่างระมัดระวัง...
    เหมือนเลือกดอกไม้ให้คนที่เธอรัก"

    บทเรียนชีวิต

    อสูรเฒ่าสอนว่า:

    · คำพูด สามารถสร้างหรือทำลายได้ในพริบตา
    · ความเงียบ บางครั้งก็ทรงพลังกว่าคำพูดใดๆ
    · การฟัง คือส่วนสำคัญที่สุดของการสื่อสาร

    บทสรุปแห่งการเปลี่ยนแปลง

    การให้อภัยตัวเอง

    อสูรเฒ่าในที่สุดก็เรียนรู้ที่จะ:
    "ให้อภัยตัวเองสำหรับความผิดพลาดในอดีต
    และใช้บทเรียนเหล่านั้นเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น"

    ความหมายใหม่แห่งการมีอยู่

    จากผู้ที่เคย...

    · ใช้พลัง เพื่อการควบคุม
    · ถูกกลัว จากทุกสิ่งมีชีวิต
    · รู้สึกโดดเดี่ยว อย่างสุดซึ้ง

    กลายเป็นผู้ที่...

    · ใช้พลัง เพื่อการเยียวยา
    · ได้รับความรัก จากชุมชน
    · พบความหมาย ในการช่วยเหลือผู้อื่น

    ---

    คำคมสุดท้ายจากอสูรเฒ่า:
    "สองพันปีแห่งความเหงาสอนข้าว่า...
    พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหาใช่วาจาที่เปลี่ยนโลก
    แต่คือวาจาที่เปลี่ยนหัวใจ

    และเมื่อหัวใจเปลี่ยนแปลง...
    ทุกสิ่งก็เปลี่ยนแปลงตาม

    ข้าเคยคิดว่าต้องการพลังเพื่อเป็นเทพ...
    แต่ความจริงคือการเป็นมนุษย์ที่เข้าใจกัน
    ต่างหากที่คือพลังที่แท้จริง"

    การเดินทางของอสูรเฒ่าสอนเราว่า...
    "True power lies not in dominating others,
    but in understanding them
    And the most sacred words are those
    that heal rather than harm"
    O.P.K. 🔮 เจาะลึก "อสูรเฒ่า" : ฤๅษีวาจาธรแห่งกาลเวลา 👁️ ข้อมูลพื้นฐานแห่งการถือกำเนิด 🌌 ต้นกำเนิดในยุคโบราณ ชื่อจริง: ฤๅษีวาจาธร ชื่อหมายถึง:"ผู้ทรงพลังแห่งวาจา" อายุ:2,000 ปี ยุคสมัย:ยุคต้นสุโขทัย ```mermaid graph TB A[มนุษย์ธรรมดา<br>ชื่อ "ธรรมะ"] --> B[บวชเป็นฤๅษี<br>ฝึกวาจาศักดิ์สิทธิ์] B --> C[ได้รับพลัง<br>วาจาศักดิ์สิทธิ์] C --> D[ใช้พลังในทางที่ผิด<br>ด้วยความหลงตน] D --> E[ถูกสาป<br>ให้เป็นอสูรเฒ่า] ``` 🎭 ลักษณะทางกายภาพหลังถูกสาป · รูปร่าง: สูง 2 เมตร หนังหยาบกร้านเหมือนเปลือกไม้ · ใบหน้า: มีดวงตาเดียวอยู่กลางหน้าผาก เรืองแสงสีทอง · ผม: ผมหงอกขาวยาวถึงเอว เกี่ยวกระหวัดด้วยเถาวัลย์ · มือ: มี 6 นิ้วแต่ละมือ เป็นสัญลักษณ์แห่งพลังเหนือธรรมชาติ · เสียง: ก้องกังวานเหมือนเสียงกัมปนาท 🔥 พลังวาจาศักดิ์สิทธิ์ 💫 ระดับพลังแห่งวาจา ```python class VajaPowers: def __init__(self): self.truth_speech = { "reality_alteration": "เปลี่ยนแปลงความเป็นจริงด้วยคำพูด", "creation_destruction": "สร้างและทำลายด้วยวาจา", "time_manipulation": "เร่งหรือชะลอกระบวนการด้วยคำพูด", "element_control": "ควบคุมธาตุต่างๆ ด้วยภาษาบูรพา" } self.blessing_curse = { "healing_words": "รักษาโรคด้วยมนตร์บำบัด", "fate_weaving": "ถักทอโชคชะตาด้วยบทกวี", "nature_communication": "สื่อสารกับธรรมชาติด้วยภาษาดั้งเดิม", "soul_whispering": "พูดคุยกับจิตวิญญาณได้" } self.limitations = { "cannot_undo_own_words": "ไม่สามารถยกเลิกคำพูดของตัวเองได้", "requires_sincerity": "ต้องมีความจริงใจถึงจะได้ผล", "emotional_dependency": "พลังขึ้นอยู่กับอารมณ์ในขณะพูด", "karmic_consequences": "มีผลกรรมตามมาทุกครั้งที่ใช้" } ``` 📜 ภาษาศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ อสูรเฒ่าใช้ภาษาบูรพาที่สูญหายไปแล้ว: · ภาษามคธโบราณ: สำหรับคำอวยพรระดับสูง · ภาษาขอมดั้งเดิม: สำหรับคำสาปและป้องกัน · ภาษาธรรมชาติ: สำหรับสื่อสารกับสรรพสิ่ง 💔 เรื่องราวการถูกสาป 🏛️ ชีวิตในยุคสุโขทัย ธรรมะเริ่มต้นเป็นฤๅษีผู้ทรงคุณ virtue: · อายุ 20: บวชเป็นฤๅษี ศึกษาคำศักดิ์สิทธิ์ · อายุ 100: เชี่ยวชาญวาจาศักดิ์สิทธิ์ · อายุ 500: เริ่มหลงระเริงกับพลัง ⚡ จุดเปลี่ยนแห่งความหลงผิด ```mermaid graph LR A[ใช้พลังช่วยเหลือ<br>ผู้คนอย่างมากมาย] --> B[เริ่มได้รับ<br>การยกย่องเกินควร] B --> C[หลงคิดว่าตน<br>เหนือกว่ามนุษย์] C --> D[ใช้พลังสร้าง<br>นครเพื่อตนเอง] D --> E[ถูกเทวดา<br>ลงโทษสาปให้เป็นอสูร] ``` 🕰️ คำสาปแห่งกาลเวลา เทวดาสาปให้เขา: · เป็นอสูร ร่างกายผิดปกติ · อยู่อย่างโดดเดี่ยว 2,000 ปี · ได้ลิ้มรส ความเหงาที่เขาทำให้ผู้อื่นรู้สึก 🌪️ ชีวิตในความโดดเดี่ยว 🏚️ ที่อยู่อาศัย อสูรเฒ่าอาศัยใน ถ้ำวาจาศักดิ์สิทธิ์: · ตำแหน่ง: กลางป่าลึกที่ไม่มีมนุษย์เข้าไป · ลักษณะ: มีจารึกภาษาบูรพาประดับทั่วถ้ำ · พลังงาน: เต็มไปด้วยพลังคำพูดที่สะสมมานับพันปี 📖 กิจวัตรประจำวัน รุ่งสาง: สวดมนตร์ภาษาบูรพา เช้า:ฝึกวาจาศักดิ์สิทธิ์กับธรรมชาติ บ่าย:บันทึกความรู้ลงในแผ่นศิลา ค่ำ:นั่งสมาธิไตร่ตรองความผิดในอดีต 💭 ความคิดและความรู้สึก อสูรเฒ่าบันทึกความในใจ: "สองพันปีแห่งความเหงา... สอนข้าว่าพลังที่แท้หาใช่การควบคุม แต่คือการเข้าใจและการให้อภัย แต่ใครจะให้อภัยข้าเล่า? เมื่อข้าเองยังให้อภัยตัวเองไม่ได้" 🔮 การพัฒนาพลังวาจา 🌱 จากความโกรธสู่ความเข้าใจ ```python class PowerEvolution: def __init__(self): self.past = { "purpose": "ใช้พลังเพื่อการควบคุมและแสดงอำนาจ", "emotion": "ความหยิ่งยโส ความโกรธ", "results": "การทำลายล้าง ความเสียหาย" } self.present = { "purpose": "ใช้พลังเพื่อการเยียวยาและความเข้าใจ", "emotion": "ความเมตตา ความอดทน", "results": "การสร้างสรรค์ การเยียวยา" } self.techniques_developed = [ "การฟังด้วยหัวใจก่อนพูด", "การเลือกคำที่มีเมตตา", "การเข้าใจผลกระทบของคำพูด", "การใช้ความเงียบอย่างชาญฉลาด" ] ``` 💞 พลังใหม่แห่งการเยียวยา อสูรเฒ่าพัฒนาความสามารถใหม่: · วาจาบำบัด: รักษาบาดแผลทางใจด้วยคำพูด · ภาษาสันติภาพ: สร้างความเข้าใจระหว่างเผ่าพันธุ์ · คำพูดแห่งการให้อภัย: ช่วยให้ผู้คนให้อภัยกันและกัน 🌈 การพบกับหนูดีและการเปลี่ยนแปลง ⚡ จุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อหนูดีเข้ามาในชีวิต: "เป็นครั้งแรกในสองพันปี... ที่มีใครกล้ามาหาข้าโดยไม่กลัว และเป็นครั้งแรก... ที่มีคนมองข้าเป็น'บุคคล' ไม่ใช่ 'อสูร'" 🕊️ กระบวนการเยียวยา ```mermaid graph TB A[หนูดี<br>เข้ามาโดยไม่กลัว] --> B[อสูรเฒ่า<br>เริ่มเปิดใจ] B --> C[การแบ่งปัน<br>ความเจ็บปวด] C --> D[การเรียนรู้<br>ร่วมกัน] D --> E[การให้อภัย<br>ตัวเองและผู้อื่น] ``` 🌟 บทเรียนที่ได้รับ อสูรเฒ่าเรียนรู้จากหนูดีว่า: · พลังที่แท้ มาจากความอ่อนโยน ไม่ใช่ความแข็งกร้าว · วาจาศักดิ์สิทธิ์ ที่แท้คือคำพูดที่เกิดจากความเข้าใจ · การเป็นครู หมายถึงการเป็นนักเรียนไปพร้อมกัน 🏛️ บทบาทใหม่ในสังคม 🎓 ที่ปรึกษาด้านวาจา อสูรเฒ่าได้รับตำแหน่งเป็น: · ครูสอนภาษาบูรพา ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต · ที่ปรึกษาด้านวาจาศักดิ์สิทธิ์ สำหรับโอปปาติกะ · ผู้ไกล่เกลี่ย ในความขัดแย้งระดับสูง 📚 โครงการสำคัญ ```python class NewResponsibilities: def __init__(self): self.projects = { "language_revival": "ฟื้นฟูภาษาบูรพาสำหรับการศึกษา", "conflict_resolution": "ใช้วาจาศักดิ์สิทธิ์สร้างสันติภาพ", "spiritual_guidance": "เป็นที่ปรึกษาทางจิตวิญญาณ", "knowledge_preservation": "รักษาความรู้โบราณไม่ให้สูญหาย" } self.students = [ "หนูดี: เรียนภาษาบูรพาและวาจาศักดิ์สิทธิ์", "เณรพุทธ: เรียนการใช้คำพูดสร้างสรรค์", "นิทรา: เรียนการควบคุมอารมณ์ในคำพูด", "โอปปาติกะรุ่นใหม่: เรียนพลังแห่งวาจา" ] ``` 💫 ปรัชญาและคำสอน 🪷 คำคมแห่งปัญญา "วาจามีชีวิตเป็นของตัวเอง... เมื่อเธอพูดคำใดออกไป คำนั้นจะมีชีวิตและเดินทางไปหาเป้าหมาย เพราะฉะนั้นจงเลือกคำอย่างระมัดระวัง... เหมือนเลือกดอกไม้ให้คนที่เธอรัก" 🌟 บทเรียนชีวิต อสูรเฒ่าสอนว่า: · คำพูด สามารถสร้างหรือทำลายได้ในพริบตา · ความเงียบ บางครั้งก็ทรงพลังกว่าคำพูดใดๆ · การฟัง คือส่วนสำคัญที่สุดของการสื่อสาร 🏁 บทสรุปแห่งการเปลี่ยนแปลง 💝 การให้อภัยตัวเอง อสูรเฒ่าในที่สุดก็เรียนรู้ที่จะ: "ให้อภัยตัวเองสำหรับความผิดพลาดในอดีต และใช้บทเรียนเหล่านั้นเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น" 🌈 ความหมายใหม่แห่งการมีอยู่ จากผู้ที่เคย... · ใช้พลัง เพื่อการควบคุม · ถูกกลัว จากทุกสิ่งมีชีวิต · รู้สึกโดดเดี่ยว อย่างสุดซึ้ง กลายเป็นผู้ที่... · ใช้พลัง เพื่อการเยียวยา · ได้รับความรัก จากชุมชน · พบความหมาย ในการช่วยเหลือผู้อื่น --- คำคมสุดท้ายจากอสูรเฒ่า: "สองพันปีแห่งความเหงาสอนข้าว่า... พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหาใช่วาจาที่เปลี่ยนโลก แต่คือวาจาที่เปลี่ยนหัวใจ และเมื่อหัวใจเปลี่ยนแปลง... ทุกสิ่งก็เปลี่ยนแปลงตาม ข้าเคยคิดว่าต้องการพลังเพื่อเป็นเทพ... แต่ความจริงคือการเป็นมนุษย์ที่เข้าใจกัน ต่างหากที่คือพลังที่แท้จริง"🔮✨ การเดินทางของอสูรเฒ่าสอนเราว่า... "True power lies not in dominating others, but in understanding them And the most sacred words are those that heal rather than harm"🌈
    0 Comments 0 Shares 225 Views 0 Reviews
  • ทหารไทย ผู้นำคนใหม่ของไทย หรือเดอะทีมไทยเรา,ท่านจะผิดพลาดแบบยุคโควิด19ไม่ได้อีกแล้วนะ,จะเป็นขี้ข้าทาสอีลิทคาบาลไซออนิสต์หรือใดๆแบบเดิมๆในอดีตไม่ได้อีกแล้วนะ,กฎหมายมากมายที่ออกมาล้วนเป็นไปเพื่อควบคุมคนไทยเป็นทาสในยุคใหม่AIชัดเจนมากของagenda2030มัน,cbdc,เงินดิจิดัล,เมืองอัจฉริยะ,ไบโอเมทริกต่างๆเอย,เหล่านี้เป็นต้นล้วนเป็นภัยอันตรายชัดเจน ระดับฝ่ายข่าวกรอกทางความมั่นคงของชาติทหารเราถ้าพลาดเรื่องนี้ ท่านในนามกองทัพไทยถือว่าทรยศหักหลัง,ไม่สมควรมีประจำการบนแผ่นดินไทยเพราะมิได้ปกป้องดูแลเรา..ประชาชนคนไทยขัดเจนด้วย สมคบคิดจะปกครองให้คนไทยเป็นทาสระบบคาบาลชัดเจนนั้นเอง,ท่านต้องไม่พลาดอีก,ไม่มองโลกแคบขนาดนั้น,บริบทมากมายมันสะท้อนทางฝ่ายมืดชัดเจน ภาษีคาร์บอนก็ผ่านครม.แล้ว,พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศก็ผ่านแล้ว,นี้คือการเดินไปทางนรกชัดเจน ,ประเทศไทยจะเดินบนทางนรกไม่ได้อีก,ถ้าเดินทางนี้แสดงว่าเราสิ้นทั้งสามสถาบันแล้ว,มิอาจไว้วางใจสามเสาหักต่อไปได้อีก,เพราะแสดงว่าอยู่ภายใต้ทาสมันไปแล้วเช่นกัน หัวโขนนี้จะเอามาหลอกลวงคนไทยทั้งประเทศเพราะบรรลุเป้าหมายของฝ่ายชั่วซาตานไม่สมควรสิ้น,แสดงว่าการลดประชากรไทยจากวัคซีนอำมหิตนี้ที่ฉีดเกือบหมดทุกๆคนคือการปกครองของฝ่ายมืดเบ็ดเสร็จจริงประจำประเทศไทยเรา,มีทางเดียวที่ทหารจะจบความสงสัยคือนำพาคนไทยปลดปล่อยคนไทยจริงอีกจากการปกครองของฝ่ายมืดมันในไทยเรา,ฉีกกฎหมายอีลิททั้งหมดทิ้งทันทีแล้วทหารเขียนกฎหมายใหม่หมด,กฎหมายอดีตเป็นกฎหมายฝ่ายมืด เผาไฟทิ้งทุกๆฉบับเลย ตำราเรียนเท็จก็เอามาเผาทิ้งด้วย เรา..ประเทศไทยจะรอดไปยุคใหม่บนฐานค่าความจริงได้จริง,ทหารไทยต้องยึดอำนาจ ทหารไทยต้อง ใจหาญสไตล์บิ๊กกุ้ง,เราทั้งประเทศจึงจะรอดจากสงครามโลกของซาตานที่ปกครองโลกนี้จริง,เรา..สามารถเป็นบัวลอยพ้นน้ำทั้งประเทศได้จากสายบัวสายทหารไทยเรานำพาที่แข็งแกร่งและนั้นนี้เรา..คนไทยทั้งหมดด้วยรวมกันเป็นต้นบัวทั้งสายนั้นสู่บัวพ้นน้ำในที่สุดของประเทศไทยเราบนดินปุ๋ยโคลนตมจากพื้นฐานมูลใต้น้ำของซาตานที่สร้างขึ้นหรือธรรมชาติซาตานที่สร้างโลกนี้ขึ้น,แต่มิอาจขัดขวางเรา..ประเทศไทยบรรลุแจ้งได้นั้นเอง.,ทหารไทยต้องเด็ดขาดได้แล้ว.

    https://youtube.com/shorts/IPw1NT681uE?si=RvQko8iionjAGhQC
    ทหารไทย ผู้นำคนใหม่ของไทย หรือเดอะทีมไทยเรา,ท่านจะผิดพลาดแบบยุคโควิด19ไม่ได้อีกแล้วนะ,จะเป็นขี้ข้าทาสอีลิทคาบาลไซออนิสต์หรือใดๆแบบเดิมๆในอดีตไม่ได้อีกแล้วนะ,กฎหมายมากมายที่ออกมาล้วนเป็นไปเพื่อควบคุมคนไทยเป็นทาสในยุคใหม่AIชัดเจนมากของagenda2030มัน,cbdc,เงินดิจิดัล,เมืองอัจฉริยะ,ไบโอเมทริกต่างๆเอย,เหล่านี้เป็นต้นล้วนเป็นภัยอันตรายชัดเจน ระดับฝ่ายข่าวกรอกทางความมั่นคงของชาติทหารเราถ้าพลาดเรื่องนี้ ท่านในนามกองทัพไทยถือว่าทรยศหักหลัง,ไม่สมควรมีประจำการบนแผ่นดินไทยเพราะมิได้ปกป้องดูแลเรา..ประชาชนคนไทยขัดเจนด้วย สมคบคิดจะปกครองให้คนไทยเป็นทาสระบบคาบาลชัดเจนนั้นเอง,ท่านต้องไม่พลาดอีก,ไม่มองโลกแคบขนาดนั้น,บริบทมากมายมันสะท้อนทางฝ่ายมืดชัดเจน ภาษีคาร์บอนก็ผ่านครม.แล้ว,พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศก็ผ่านแล้ว,นี้คือการเดินไปทางนรกชัดเจน ,ประเทศไทยจะเดินบนทางนรกไม่ได้อีก,ถ้าเดินทางนี้แสดงว่าเราสิ้นทั้งสามสถาบันแล้ว,มิอาจไว้วางใจสามเสาหักต่อไปได้อีก,เพราะแสดงว่าอยู่ภายใต้ทาสมันไปแล้วเช่นกัน หัวโขนนี้จะเอามาหลอกลวงคนไทยทั้งประเทศเพราะบรรลุเป้าหมายของฝ่ายชั่วซาตานไม่สมควรสิ้น,แสดงว่าการลดประชากรไทยจากวัคซีนอำมหิตนี้ที่ฉีดเกือบหมดทุกๆคนคือการปกครองของฝ่ายมืดเบ็ดเสร็จจริงประจำประเทศไทยเรา,มีทางเดียวที่ทหารจะจบความสงสัยคือนำพาคนไทยปลดปล่อยคนไทยจริงอีกจากการปกครองของฝ่ายมืดมันในไทยเรา,ฉีกกฎหมายอีลิททั้งหมดทิ้งทันทีแล้วทหารเขียนกฎหมายใหม่หมด,กฎหมายอดีตเป็นกฎหมายฝ่ายมืด เผาไฟทิ้งทุกๆฉบับเลย ตำราเรียนเท็จก็เอามาเผาทิ้งด้วย เรา..ประเทศไทยจะรอดไปยุคใหม่บนฐานค่าความจริงได้จริง,ทหารไทยต้องยึดอำนาจ ทหารไทยต้อง ใจหาญสไตล์บิ๊กกุ้ง,เราทั้งประเทศจึงจะรอดจากสงครามโลกของซาตานที่ปกครองโลกนี้จริง,เรา..สามารถเป็นบัวลอยพ้นน้ำทั้งประเทศได้จากสายบัวสายทหารไทยเรานำพาที่แข็งแกร่งและนั้นนี้เรา..คนไทยทั้งหมดด้วยรวมกันเป็นต้นบัวทั้งสายนั้นสู่บัวพ้นน้ำในที่สุดของประเทศไทยเราบนดินปุ๋ยโคลนตมจากพื้นฐานมูลใต้น้ำของซาตานที่สร้างขึ้นหรือธรรมชาติซาตานที่สร้างโลกนี้ขึ้น,แต่มิอาจขัดขวางเรา..ประเทศไทยบรรลุแจ้งได้นั้นเอง.,ทหารไทยต้องเด็ดขาดได้แล้ว. https://youtube.com/shorts/IPw1NT681uE?si=RvQko8iionjAGhQC
    0 Comments 0 Shares 149 Views 0 Reviews
  • งานวิจัยชี้จุดอ่อนของการประเมิน AI: เมื่อแบบทดสอบอาจไม่ได้วัดสิ่งที่เราคิดว่าใช่

    งานวิจัยจาก Oxford Internet Institute (OII) และพันธมิตรระดับโลกกว่า 42 คน เผยให้เห็นว่าการประเมินระบบ AI โดยเฉพาะโมเดลภาษาใหญ่ (LLMs) ยังขาดความแม่นยำทางวิทยาศาสตร์ และอาจทำให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับความสามารถหรือความปลอดภัยของโมเดลเหล่านี้

    งานวิจัยนี้ตรวจสอบ benchmark จำนวน 445 รายการที่ใช้วัดความสามารถของ AI และพบว่า:
    มีเพียง 16% เท่านั้นที่ใช้สถิติในการเปรียบเทียบผลลัพธ์ หมายความว่าความแตกต่างที่รายงานอาจเกิดจากความบังเอิญ ไม่ใช่ความสามารถจริง
    คำที่ใช้วัด เช่น “เหตุผล” หรือ “ไม่เป็นอันตราย” มักไม่มีคำนิยามชัดเจน ทำให้ไม่แน่ใจว่าแบบทดสอบวัดสิ่งที่ตั้งใจไว้จริงหรือไม่
    ตัวอย่างที่ทำให้เข้าใจผิด เช่น:
    โมเดลตอบคำถามถูกแต่พลาดเพราะจัดรูปแบบไม่ตรง
    โมเดลทำโจทย์เลขง่ายๆ ได้ แต่เปลี่ยนคำถามนิดเดียวก็ตอบผิด
    โมเดลสอบผ่านข้อสอบแพทย์ แต่ไม่ได้หมายความว่ามีความสามารถเท่าหมอจริงๆ

    ข้อเสนอแนะจากทีมวิจัย
    นักวิจัยเสนอแนวทาง 8 ข้อเพื่อปรับปรุง benchmark เช่น:
    กำหนดนิยามให้ชัดเจน และควบคุมปัจจัยอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง
    สร้างแบบทดสอบที่สะท้อนสถานการณ์จริง และครอบคลุมพฤติกรรมที่ต้องการวัด
    ใช้สถิติและวิเคราะห์ข้อผิดพลาด เพื่อเข้าใจว่าทำไมโมเดลถึงล้มเหลว
    ใช้ Construct Validity Checklist ที่พัฒนาโดยทีมวิจัย เพื่อช่วยนักพัฒนาและผู้กำกับดูแลประเมินความน่าเชื่อถือของ benchmark

    สิ่งที่งานวิจัยค้นพบ
    มีเพียง 16% ของ benchmark ที่ใช้สถิติในการเปรียบเทียบ
    คำที่ใช้วัดความสามารถของ AI มักไม่มีนิยามชัดเจน
    แบบทดสอบบางอย่างอาจวัด “การจัดรูปแบบ” มากกว่าความเข้าใจ
    โมเดลอาจจำ pattern ได้ แต่ไม่เข้าใจจริง
    การสอบผ่านไม่เท่ากับความสามารถในโลกจริง

    ข้อเสนอแนะเพื่อการประเมินที่ดีขึ้น
    กำหนดนิยามที่ชัดเจนและควบคุมปัจจัยแทรกซ้อน
    ใช้สถานการณ์จริงในการออกแบบแบบทดสอบ
    วิเคราะห์ข้อผิดพลาดและใช้สถิติอย่างเป็นระบบ
    ใช้ Construct Validity Checklist เพื่อประเมิน benchmark

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    การใช้ benchmark ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ อาจทำให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับความปลอดภัยของ AI
    การอ้างอิง benchmark ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบ อาจส่งผลต่อการกำกับดูแลและนโยบาย

    https://www.oii.ox.ac.uk/news-events/study-identifies-weaknesses-in-how-ai-systems-are-evaluated/
    🧪 งานวิจัยชี้จุดอ่อนของการประเมิน AI: เมื่อแบบทดสอบอาจไม่ได้วัดสิ่งที่เราคิดว่าใช่ งานวิจัยจาก Oxford Internet Institute (OII) และพันธมิตรระดับโลกกว่า 42 คน เผยให้เห็นว่าการประเมินระบบ AI โดยเฉพาะโมเดลภาษาใหญ่ (LLMs) ยังขาดความแม่นยำทางวิทยาศาสตร์ และอาจทำให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับความสามารถหรือความปลอดภัยของโมเดลเหล่านี้ งานวิจัยนี้ตรวจสอบ benchmark จำนวน 445 รายการที่ใช้วัดความสามารถของ AI และพบว่า: 🔰 มีเพียง 16% เท่านั้นที่ใช้สถิติในการเปรียบเทียบผลลัพธ์ หมายความว่าความแตกต่างที่รายงานอาจเกิดจากความบังเอิญ ไม่ใช่ความสามารถจริง 🔰 คำที่ใช้วัด เช่น “เหตุผล” หรือ “ไม่เป็นอันตราย” มักไม่มีคำนิยามชัดเจน ทำให้ไม่แน่ใจว่าแบบทดสอบวัดสิ่งที่ตั้งใจไว้จริงหรือไม่ 🔰 ตัวอย่างที่ทำให้เข้าใจผิด เช่น: 📍 โมเดลตอบคำถามถูกแต่พลาดเพราะจัดรูปแบบไม่ตรง 📍 โมเดลทำโจทย์เลขง่ายๆ ได้ แต่เปลี่ยนคำถามนิดเดียวก็ตอบผิด 📍 โมเดลสอบผ่านข้อสอบแพทย์ แต่ไม่ได้หมายความว่ามีความสามารถเท่าหมอจริงๆ 🧰 ข้อเสนอแนะจากทีมวิจัย นักวิจัยเสนอแนวทาง 8 ข้อเพื่อปรับปรุง benchmark เช่น: 💠 กำหนดนิยามให้ชัดเจน และควบคุมปัจจัยอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง 💠 สร้างแบบทดสอบที่สะท้อนสถานการณ์จริง และครอบคลุมพฤติกรรมที่ต้องการวัด 💠 ใช้สถิติและวิเคราะห์ข้อผิดพลาด เพื่อเข้าใจว่าทำไมโมเดลถึงล้มเหลว 💠 ใช้ Construct Validity Checklist ที่พัฒนาโดยทีมวิจัย เพื่อช่วยนักพัฒนาและผู้กำกับดูแลประเมินความน่าเชื่อถือของ benchmark ✅ สิ่งที่งานวิจัยค้นพบ ➡️ มีเพียง 16% ของ benchmark ที่ใช้สถิติในการเปรียบเทียบ ➡️ คำที่ใช้วัดความสามารถของ AI มักไม่มีนิยามชัดเจน ➡️ แบบทดสอบบางอย่างอาจวัด “การจัดรูปแบบ” มากกว่าความเข้าใจ ➡️ โมเดลอาจจำ pattern ได้ แต่ไม่เข้าใจจริง ➡️ การสอบผ่านไม่เท่ากับความสามารถในโลกจริง ✅ ข้อเสนอแนะเพื่อการประเมินที่ดีขึ้น ➡️ กำหนดนิยามที่ชัดเจนและควบคุมปัจจัยแทรกซ้อน ➡️ ใช้สถานการณ์จริงในการออกแบบแบบทดสอบ ➡️ วิเคราะห์ข้อผิดพลาดและใช้สถิติอย่างเป็นระบบ ➡️ ใช้ Construct Validity Checklist เพื่อประเมิน benchmark ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ การใช้ benchmark ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ อาจทำให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับความปลอดภัยของ AI ⛔ การอ้างอิง benchmark ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบ อาจส่งผลต่อการกำกับดูแลและนโยบาย https://www.oii.ox.ac.uk/news-events/study-identifies-weaknesses-in-how-ai-systems-are-evaluated/
    WWW.OII.OX.AC.UK
    Study identifies weaknesses in how AI systems are evaluated
    Largest systematic review of AI benchmarks highlights need for clearer definitions and stronger scientific standards.
    0 Comments 0 Shares 128 Views 0 Reviews
  • Ironclad OS: เคอร์เนลลินุกซ์ที่ปลอดภัยที่สุด พร้อมการตรวจสอบแบบ formal verification

    Ironclad คือระบบปฏิบัติการเคอร์เนลแบบ UNIX ที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัย ความเสถียร และความสามารถในการทำงานแบบเรียลไทม์ โดยใช้ภาษา SPARK และ Ada ซึ่งเน้นการตรวจสอบความถูกต้องของโค้ดผ่านกระบวนการ formal verification

    Ironclad ไม่ใช่แค่เคอร์เนลทั่วไป แต่เป็นระบบที่ถูกออกแบบให้ “ปลอดภัยตั้งแต่รากฐาน” โดยใช้เทคนิคการตรวจสอบโค้ดที่สามารถพิสูจน์ได้ทางคณิตศาสตร์ว่าปราศจากข้อผิดพลาดในส่วนสำคัญ เช่น ระบบเข้ารหัสและการควบคุมสิทธิ์ (MAC)

    ระบบนี้ยังรองรับ POSIX interface ทำให้สามารถใช้งานซอฟต์แวร์ทั่วไปได้ง่าย และมีการรองรับการทำงานแบบ preemptive multitasking อย่างแท้จริง รวมถึงการจัดการเวลาแบบ hard real-time สำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง

    Ironclad ยังถูกออกแบบให้พกพาได้ง่าย รองรับหลายแพลตฟอร์ม และใช้ GNU toolchain ในการคอมไพล์ ทำให้สามารถนำไปใช้งานใน embedded systems ได้อย่างสะดวก

    จุดเด่นของ Ironclad OS
    เขียนด้วยภาษา SPARK และ Ada เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
    ใช้เทคนิค formal verification ตรวจสอบความถูกต้องของโค้ด
    รองรับ POSIX interface สำหรับการใช้งานทั่วไป
    รองรับ preemptive multitasking และ hard real-time scheduling
    ไม่มี firmware blobs ทุกส่วนเป็นโอเพ่นซอร์ส
    รองรับหลายแพลตฟอร์มและบอร์ด embedded
    ใช้ GNU toolchain สำหรับการ cross-compilation
    มีดิสโทรพร้อมใช้งาน เช่น Gloire
    ได้รับทุนสนับสนุนจากโครงการ NGI Zero Core ของ EU

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา อาจไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไปในระดับ production
    ต้องมีความรู้ด้าน SPARK/Ada และการคอมไพล์ข้ามแพลตฟอร์ม
    การใช้งานใน embedded systems ต้องตรวจสอบความเข้ากันได้ของฮาร์ดแวร์

    Ironclad เหมาะกับนักพัฒนาที่ต้องการระบบปฏิบัติการที่ปลอดภัยระดับสูง และสามารถควบคุมทุกส่วนของระบบได้อย่างละเอียด โดยเฉพาะในงานที่ต้องการความแม่นยำและความเสถียรแบบเรียลไทม์

    https://ironclad-os.org/
    🛡️ Ironclad OS: เคอร์เนลลินุกซ์ที่ปลอดภัยที่สุด พร้อมการตรวจสอบแบบ formal verification Ironclad คือระบบปฏิบัติการเคอร์เนลแบบ UNIX ที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัย ความเสถียร และความสามารถในการทำงานแบบเรียลไทม์ โดยใช้ภาษา SPARK และ Ada ซึ่งเน้นการตรวจสอบความถูกต้องของโค้ดผ่านกระบวนการ formal verification Ironclad ไม่ใช่แค่เคอร์เนลทั่วไป แต่เป็นระบบที่ถูกออกแบบให้ “ปลอดภัยตั้งแต่รากฐาน” โดยใช้เทคนิคการตรวจสอบโค้ดที่สามารถพิสูจน์ได้ทางคณิตศาสตร์ว่าปราศจากข้อผิดพลาดในส่วนสำคัญ เช่น ระบบเข้ารหัสและการควบคุมสิทธิ์ (MAC) ระบบนี้ยังรองรับ POSIX interface ทำให้สามารถใช้งานซอฟต์แวร์ทั่วไปได้ง่าย และมีการรองรับการทำงานแบบ preemptive multitasking อย่างแท้จริง รวมถึงการจัดการเวลาแบบ hard real-time สำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง Ironclad ยังถูกออกแบบให้พกพาได้ง่าย รองรับหลายแพลตฟอร์ม และใช้ GNU toolchain ในการคอมไพล์ ทำให้สามารถนำไปใช้งานใน embedded systems ได้อย่างสะดวก ✅ จุดเด่นของ Ironclad OS ➡️ เขียนด้วยภาษา SPARK และ Ada เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ➡️ ใช้เทคนิค formal verification ตรวจสอบความถูกต้องของโค้ด ➡️ รองรับ POSIX interface สำหรับการใช้งานทั่วไป ➡️ รองรับ preemptive multitasking และ hard real-time scheduling ➡️ ไม่มี firmware blobs ทุกส่วนเป็นโอเพ่นซอร์ส ➡️ รองรับหลายแพลตฟอร์มและบอร์ด embedded ➡️ ใช้ GNU toolchain สำหรับการ cross-compilation ➡️ มีดิสโทรพร้อมใช้งาน เช่น Gloire ➡️ ได้รับทุนสนับสนุนจากโครงการ NGI Zero Core ของ EU ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา อาจไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไปในระดับ production ⛔ ต้องมีความรู้ด้าน SPARK/Ada และการคอมไพล์ข้ามแพลตฟอร์ม ⛔ การใช้งานใน embedded systems ต้องตรวจสอบความเข้ากันได้ของฮาร์ดแวร์ Ironclad เหมาะกับนักพัฒนาที่ต้องการระบบปฏิบัติการที่ปลอดภัยระดับสูง และสามารถควบคุมทุกส่วนของระบบได้อย่างละเอียด โดยเฉพาะในงานที่ต้องการความแม่นยำและความเสถียรแบบเรียลไทม์ https://ironclad-os.org/
    IRONCLAD-OS.ORG
    Ironclad
    Ironclad is a free software formally verified kernel written in SPARK/Ada
    0 Comments 0 Shares 90 Views 0 Reviews
  • หายนะซ่อนอยู่ในคลาวด์: ช่องโหว่ใหม่ใน Windows Cloud Files Mini Filter Driver

    วันนี้มีข่าวใหญ่ในวงการความปลอดภัยไซเบอร์ที่ไม่ควรมองข้าม! นักวิจัยจาก TyphoonPWN และทีม Windows PE Winner ร่วมกับ SSD Secure Disclosure ได้เปิดเผยช่องโหว่ใหม่ใน Windows Cloud Files Mini Filter Driver ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบที่ช่วยจัดการไฟล์ในบริการคลาวด์อย่าง OneDrive

    ช่องโหว่นี้มีชื่อว่า CVE-2025-55680 และมีคะแนนความรุนแรง CVSS สูงถึง 7.8 ซึ่งถือว่า "ร้ายแรง" เพราะสามารถให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ระดับผู้ใช้ทั่วไป (domain user) ยกระดับสิทธิ์ขึ้นไปถึงระดับ SYSTEM ได้เลย!

    เรื่องนี้น่าสนใจตรงที่มันเป็นการ "ย้อนกลับ" หรือ Patch Bypass ของช่องโหว่เก่าในปี 2020 (CVE-2020-17136) ที่เคยถูก Google Project Zero รายงานไว้ Microsoft เคยพยายามแก้ไขด้วยการป้องกันการโจมตีแบบ symbolic link โดยห้ามใช้ backslash (\\) หรือ colon (:) ใน path แต่ปรากฏว่าการตรวจสอบ path นั้นยังอิงจากหน่วยความจำที่ผู้ใช้ควบคุมได้ ทำให้เกิดการโจมตีแบบ TOCTOU (Time-of-Check to Time-of-Use) ได้อีกครั้ง

    นักวิจัยสามารถใช้เทคนิคนี้เพื่อเขียนไฟล์ใดก็ได้ในระบบ ซึ่งนำไปสู่การควบคุมเครื่องแบบเต็มรูปแบบ!

    TOCTOU (Time-of-Check to Time-of-Use) คือการโจมตีที่เกิดจากช่องว่างระหว่างเวลาที่ระบบตรวจสอบเงื่อนไขบางอย่าง (เช่น ตรวจสอบว่าไฟล์ปลอดภัย) กับเวลาที่ระบบใช้งานข้อมูลนั้นจริงๆ หากผู้โจมตีสามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลในช่วงเวลานั้นได้ ก็สามารถหลอกระบบให้ทำงานผิดพลาดได้

    ช่องโหว่ใหม่ CVE-2025-55680
    เป็นช่องโหว่ใน Windows Cloud Files Mini Filter Driver
    มีคะแนน CVSS 7.8 ถือว่าร้ายแรง
    เปิดช่องให้ผู้ใช้ทั่วไปยกระดับสิทธิ์เป็น SYSTEM

    เทคนิคการโจมตี
    ใช้ TOCTOU (Time-of-Check to Time-of-Use) เพื่อหลอกระบบ
    อาศัยการควบคุมหน่วยความจำที่ใช้ตรวจสอบ path

    ความเกี่ยวข้องกับช่องโหว่เก่า
    เป็นการ bypass การแก้ไขของ CVE-2020-17136
    Microsoft เคยป้องกันด้วยการห้ามใช้ \\ และ : ใน path

    การแก้ไข
    Microsoft ออกแพตช์ในเดือนตุลาคม 2025
    แนะนำให้ผู้ดูแลระบบอัปเดตทันที

    ความเสี่ยงต่อระบบ
    ผู้โจมตีสามารถเขียนไฟล์ใดก็ได้ในระบบ
    อาจนำไปสู่การควบคุมเครื่องแบบเต็มรูปแบบ

    การละเลยแพตช์
    หากไม่อัปเดต อาจถูกโจมตีจากผู้ใช้ภายในองค์กร
    ช่องโหว่นี้สามารถใช้ร่วมกับช่องโหว่อื่นเพื่อโจมตีขั้นสูง

    https://securityonline.info/poc-exploit-released-for-cve-2025-55680-windows-cloud-files-mini-filter-driver-elevation-of-privilege-flaw/
    🛡️ หายนะซ่อนอยู่ในคลาวด์: ช่องโหว่ใหม่ใน Windows Cloud Files Mini Filter Driver วันนี้มีข่าวใหญ่ในวงการความปลอดภัยไซเบอร์ที่ไม่ควรมองข้าม! นักวิจัยจาก TyphoonPWN และทีม Windows PE Winner ร่วมกับ SSD Secure Disclosure ได้เปิดเผยช่องโหว่ใหม่ใน Windows Cloud Files Mini Filter Driver ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบที่ช่วยจัดการไฟล์ในบริการคลาวด์อย่าง OneDrive ช่องโหว่นี้มีชื่อว่า CVE-2025-55680 และมีคะแนนความรุนแรง CVSS สูงถึง 7.8 ซึ่งถือว่า "ร้ายแรง" เพราะสามารถให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ระดับผู้ใช้ทั่วไป (domain user) ยกระดับสิทธิ์ขึ้นไปถึงระดับ SYSTEM ได้เลย! เรื่องนี้น่าสนใจตรงที่มันเป็นการ "ย้อนกลับ" หรือ Patch Bypass ของช่องโหว่เก่าในปี 2020 (CVE-2020-17136) ที่เคยถูก Google Project Zero รายงานไว้ Microsoft เคยพยายามแก้ไขด้วยการป้องกันการโจมตีแบบ symbolic link โดยห้ามใช้ backslash (\\) หรือ colon (:) ใน path แต่ปรากฏว่าการตรวจสอบ path นั้นยังอิงจากหน่วยความจำที่ผู้ใช้ควบคุมได้ ทำให้เกิดการโจมตีแบบ TOCTOU (Time-of-Check to Time-of-Use) ได้อีกครั้ง นักวิจัยสามารถใช้เทคนิคนี้เพื่อเขียนไฟล์ใดก็ได้ในระบบ ซึ่งนำไปสู่การควบคุมเครื่องแบบเต็มรูปแบบ! TOCTOU (Time-of-Check to Time-of-Use) คือการโจมตีที่เกิดจากช่องว่างระหว่างเวลาที่ระบบตรวจสอบเงื่อนไขบางอย่าง (เช่น ตรวจสอบว่าไฟล์ปลอดภัย) กับเวลาที่ระบบใช้งานข้อมูลนั้นจริงๆ หากผู้โจมตีสามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลในช่วงเวลานั้นได้ ก็สามารถหลอกระบบให้ทำงานผิดพลาดได้ ✅ ช่องโหว่ใหม่ CVE-2025-55680 ➡️ เป็นช่องโหว่ใน Windows Cloud Files Mini Filter Driver ➡️ มีคะแนน CVSS 7.8 ถือว่าร้ายแรง ➡️ เปิดช่องให้ผู้ใช้ทั่วไปยกระดับสิทธิ์เป็น SYSTEM ✅ เทคนิคการโจมตี ➡️ ใช้ TOCTOU (Time-of-Check to Time-of-Use) เพื่อหลอกระบบ ➡️ อาศัยการควบคุมหน่วยความจำที่ใช้ตรวจสอบ path ✅ ความเกี่ยวข้องกับช่องโหว่เก่า ➡️ เป็นการ bypass การแก้ไขของ CVE-2020-17136 ➡️ Microsoft เคยป้องกันด้วยการห้ามใช้ \\ และ : ใน path ✅ การแก้ไข ➡️ Microsoft ออกแพตช์ในเดือนตุลาคม 2025 ➡️ แนะนำให้ผู้ดูแลระบบอัปเดตทันที ‼️ ความเสี่ยงต่อระบบ ⛔ ผู้โจมตีสามารถเขียนไฟล์ใดก็ได้ในระบบ ⛔ อาจนำไปสู่การควบคุมเครื่องแบบเต็มรูปแบบ ‼️ การละเลยแพตช์ ⛔ หากไม่อัปเดต อาจถูกโจมตีจากผู้ใช้ภายในองค์กร ⛔ ช่องโหว่นี้สามารถใช้ร่วมกับช่องโหว่อื่นเพื่อโจมตีขั้นสูง https://securityonline.info/poc-exploit-released-for-cve-2025-55680-windows-cloud-files-mini-filter-driver-elevation-of-privilege-flaw/
    SECURITYONLINE.INFO
    PoC Exploit Released for CVE-2025-55680 - Windows Cloud Files Mini Filter Driver Elevation of Privilege Flaw
    A High-severity LPE flaw (CVE-2025-55680) in the Windows Cloud Files Driver allows local users to gain SYSTEM privileges by exploiting a TOCTOU race condition. Patch immediately.
    0 Comments 0 Shares 110 Views 0 Reviews
  • “แก้ปริศนา 32 ปี! ช่างอิเล็กทรอนิกส์ย้อนรอยโปรเจกต์ Amiga Sampler ที่เคยล้มเหลว”

    เรื่องราวสุดประทับใจของ Rob Smith ผู้หลงใหลในคอมพิวเตอร์ Amiga และอิเล็กทรอนิกส์ DIY เขาย้อนกลับไปแก้ไขโปรเจกต์เก่าจากปี 1993 ที่เคยทำไม่สำเร็จ—การสร้างอุปกรณ์ Sound Sampler สำหรับ Amiga ตามคู่มือจากนิตยสาร CU Amiga ซึ่งภายหลังพบว่ามีข้อผิดพลาดสำคัญในสเปกอุปกรณ์!

    ย้อนกลับไปในยุค 90s Rob Smith เคยพยายามสร้างอุปกรณ์ Sound Sampler สำหรับ Amiga โดยอิงจากคู่มือในนิตยสาร CU Amiga ฉบับที่ 039 แต่แม้จะพยายามอย่างเต็มที่ อุปกรณ์กลับไม่ทำงาน และยังทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ค้างเมื่อใช้งาน เขาจึงต้องยอมแพ้และเก็บชิ้นส่วนไว้เป็นที่ระลึก

    32 ปีผ่านไป ด้วยประสบการณ์และความรู้ที่เพิ่มขึ้น เขาตัดสินใจกลับมาทำโปรเจกต์นี้อีกครั้ง โดยใช้ชิ้นส่วนเดิมและคู่มือเดิม ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม—อุปกรณ์ไม่ทำงาน! จนกระทั่งเขาค้นพบว่าในคู่มือมีการพิมพ์ผิดเรื่องค่าคาปาซิเตอร์ C1 ที่ควรเป็น 47uF แต่กลับพิมพ์ว่า 7uF

    หลังจากเปลี่ยนคาปาซิเตอร์แล้ว อุปกรณ์ก็ยังไม่ทำงาน เขาจึงตรวจสอบสัญญาณนาฬิกา (clock signal) และพบว่าความถี่ต่ำผิดปกติ จากนั้นจึงเปลี่ยนคาปาซิเตอร์อีกตัวจาก 470nF เป็น 20pF ซึ่งช่วยเพิ่มความถี่จาก 287Hz เป็น 1.6MHz และทำให้อุปกรณ์ทำงานได้จริงกับซอฟต์แวร์อย่าง ProTracker และ Audition 4

    โปรเจกต์ DIY Amiga Sampler
    เริ่มต้นในปี 1993 โดยใช้คู่มือจาก CU Amiga ฉบับที่ 039
    อุปกรณ์ไม่ทำงานแม้ทำตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด
    กลับมาทำใหม่ในปี 2025 ด้วยประสบการณ์และความรู้เพิ่มขึ้น

    การค้นพบข้อผิดพลาด
    คู่มือพิมพ์ผิดเรื่องค่าคาปาซิเตอร์ C1
    ควรใช้ 47uF แต่กลับระบุเป็น 7uF
    CU Amiga ฉบับที่ 040 มีการแก้ไขและชี้แจง

    การแก้ไขเพิ่มเติม
    ตรวจสอบสัญญาณนาฬิกา พบว่าความถี่ต่ำเกินไป
    เปลี่ยนคาปาซิเตอร์จาก 470nF เป็น 20pF
    เพิ่มความถี่จาก 287Hz เป็น 1.6MHz
    อุปกรณ์เริ่มทำงานกับซอฟต์แวร์ Amiga ได้สำเร็จ

    ความสำเร็จของโปรเจกต์
    ใช้งานได้กับ ProTracker และ Audition 4
    แสดงผล waveform บนหน้าจอ Amiga
    เป็นการแก้ไขโปรเจกต์ในวัยเด็กอย่างสมบูรณ์

    https://www.tomshardware.com/pc-components/sound-cards/diy-amiga-sound-sampler-circuit-mystery-solved-32-years-later-magazine-instructions-had-key-component-spec-typos
    🎛️ “แก้ปริศนา 32 ปี! ช่างอิเล็กทรอนิกส์ย้อนรอยโปรเจกต์ Amiga Sampler ที่เคยล้มเหลว” เรื่องราวสุดประทับใจของ Rob Smith ผู้หลงใหลในคอมพิวเตอร์ Amiga และอิเล็กทรอนิกส์ DIY เขาย้อนกลับไปแก้ไขโปรเจกต์เก่าจากปี 1993 ที่เคยทำไม่สำเร็จ—การสร้างอุปกรณ์ Sound Sampler สำหรับ Amiga ตามคู่มือจากนิตยสาร CU Amiga ซึ่งภายหลังพบว่ามีข้อผิดพลาดสำคัญในสเปกอุปกรณ์! ย้อนกลับไปในยุค 90s Rob Smith เคยพยายามสร้างอุปกรณ์ Sound Sampler สำหรับ Amiga โดยอิงจากคู่มือในนิตยสาร CU Amiga ฉบับที่ 039 แต่แม้จะพยายามอย่างเต็มที่ อุปกรณ์กลับไม่ทำงาน และยังทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ค้างเมื่อใช้งาน เขาจึงต้องยอมแพ้และเก็บชิ้นส่วนไว้เป็นที่ระลึก 32 ปีผ่านไป ด้วยประสบการณ์และความรู้ที่เพิ่มขึ้น เขาตัดสินใจกลับมาทำโปรเจกต์นี้อีกครั้ง โดยใช้ชิ้นส่วนเดิมและคู่มือเดิม ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม—อุปกรณ์ไม่ทำงาน! จนกระทั่งเขาค้นพบว่าในคู่มือมีการพิมพ์ผิดเรื่องค่าคาปาซิเตอร์ C1 ที่ควรเป็น 47uF แต่กลับพิมพ์ว่า 7uF หลังจากเปลี่ยนคาปาซิเตอร์แล้ว อุปกรณ์ก็ยังไม่ทำงาน เขาจึงตรวจสอบสัญญาณนาฬิกา (clock signal) และพบว่าความถี่ต่ำผิดปกติ จากนั้นจึงเปลี่ยนคาปาซิเตอร์อีกตัวจาก 470nF เป็น 20pF ซึ่งช่วยเพิ่มความถี่จาก 287Hz เป็น 1.6MHz และทำให้อุปกรณ์ทำงานได้จริงกับซอฟต์แวร์อย่าง ProTracker และ Audition 4 ✅ โปรเจกต์ DIY Amiga Sampler ➡️ เริ่มต้นในปี 1993 โดยใช้คู่มือจาก CU Amiga ฉบับที่ 039 ➡️ อุปกรณ์ไม่ทำงานแม้ทำตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด ➡️ กลับมาทำใหม่ในปี 2025 ด้วยประสบการณ์และความรู้เพิ่มขึ้น ✅ การค้นพบข้อผิดพลาด ➡️ คู่มือพิมพ์ผิดเรื่องค่าคาปาซิเตอร์ C1 ➡️ ควรใช้ 47uF แต่กลับระบุเป็น 7uF ➡️ CU Amiga ฉบับที่ 040 มีการแก้ไขและชี้แจง ✅ การแก้ไขเพิ่มเติม ➡️ ตรวจสอบสัญญาณนาฬิกา พบว่าความถี่ต่ำเกินไป ➡️ เปลี่ยนคาปาซิเตอร์จาก 470nF เป็น 20pF ➡️ เพิ่มความถี่จาก 287Hz เป็น 1.6MHz ➡️ อุปกรณ์เริ่มทำงานกับซอฟต์แวร์ Amiga ได้สำเร็จ ✅ ความสำเร็จของโปรเจกต์ ➡️ ใช้งานได้กับ ProTracker และ Audition 4 ➡️ แสดงผล waveform บนหน้าจอ Amiga ➡️ เป็นการแก้ไขโปรเจกต์ในวัยเด็กอย่างสมบูรณ์ https://www.tomshardware.com/pc-components/sound-cards/diy-amiga-sound-sampler-circuit-mystery-solved-32-years-later-magazine-instructions-had-key-component-spec-typos
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    DIY Amiga sound sampler circuit mystery solved 32 years later — Magazine instructions had key component spec typos
    An electronics enthusiast remade a 1993 DIY project from his youth, but hard-earned skills and experience ironed out errors in the printed instructions.
    0 Comments 0 Shares 132 Views 0 Reviews
  • โปรเจกต์สุดล้ำ! เปลี่ยนขยะบุหรี่ไฟฟ้า 500 ชิ้นให้กลายเป็นแบตเตอรี่พลังสูงจ่ายไฟให้บ้านทั้งหลังได้

    YouTuber ชาวอังกฤษ Chris Doel สร้างแรงบันดาลใจให้วงการรีไซเคิล ด้วยการนำแบตเตอรี่จากบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งจำนวน 500 ชิ้น มาสร้างเป็น Powerwall ที่สามารถจ่ายไฟให้บ้านได้ถึง 8 ชั่วโมง หรือเวิร์กช็อปของเขาได้นานถึง 3 วันเต็ม!

    ในยุคที่ขยะอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งที่ถูกทิ้งมากถึง 8.2 ล้านชิ้นต่อสัปดาห์ในสหราชอาณาจักร Chris Doel มองเห็นโอกาสจากวิกฤตนี้ เขาเริ่มเก็บรวบรวมบุหรี่ไฟฟ้าที่ลูกค้านำกลับมาคืนร้าน แล้วค่อย ๆ แกะ แยกวงจร และทดสอบแบตเตอรี่แต่ละก้อนอย่างพิถีพิถัน

    เขาใช้เทคนิค DIY อย่างการพ่นลมเข้าไปในตัวบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อตรวจสอบว่ามีไฟเหลือหรือไม่ จากนั้นจึงนำแบตเตอรี่ที่ยังดีมาทดสอบความจุ และจัดกลุ่มตามแรงดันไฟฟ้าเพื่อให้สามารถเชื่อมต่อแบบขนานได้อย่างปลอดภัย

    เมื่อได้แบตเตอรี่ที่ผ่านการคัดกรองแล้ว เขาใช้โมดูล 3D-printed และรางอลูมิเนียมในการจัดเรียงและเชื่อมต่อแบตเตอรี่เข้าด้วยกันเป็นกลุ่มใหญ่ พร้อมติดตั้งระบบ BMS (Battery Management System) และฟิวส์เพื่อความปลอดภัย ก่อนจะต่อเข้ากับอินเวอร์เตอร์แปลงไฟจาก DC 50V เป็น AC 240V เพื่อใช้งานกับอุปกรณ์ในบ้าน

    ผลลัพธ์คือระบบแบตเตอรี่ที่สามารถจ่ายไฟให้บ้านทั้งหลังได้ถึง 8 ชั่วโมง หรือเวิร์กช็อปของเขาได้นานถึง 3 วัน ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่ใช้งาน ถือเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นพลังงานอย่างยั่งยืน

    ปัญหาขยะบุหรี่ไฟฟ้าในสหราชอาณาจักร
    มีการทิ้งบุหรี่ไฟฟ้ากว่า 8.2 ล้านชิ้นต่อสัปดาห์
    ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการรีไซเคิลอย่างถูกต้อง

    แนวทางของ Chris Doel
    แกะและแยกแบตเตอรี่จากบุหรี่ไฟฟ้า
    ใช้เทคนิค DIY ตรวจสอบแรงดันและความจุ
    คัดเลือกเฉพาะแบตเตอรี่ที่ยังใช้งานได้
    ใช้โมดูล 3D-printed และรางอลูมิเนียมในการประกอบ
    ติดตั้งระบบ BMS และฟิวส์เพื่อความปลอดภัย
    เชื่อมต่อกับอินเวอร์เตอร์เพื่อแปลงไฟใช้งานจริง

    ผลลัพธ์ของโปรเจกต์
    ใช้แบตเตอรี่ 500 ก้อน
    จ่ายไฟให้บ้านได้ 8 ชั่วโมง
    หรือจ่ายไฟให้เวิร์กช็อปได้ 3 วัน
    ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และสร้างพลังงานหมุนเวียน

    ความเสี่ยงจากการทำงานกับแบตเตอรี่ลิเธียม
    หากแรงดันต่ำกว่า 3V แบตเตอรี่อาจไม่ปลอดภัย
    การเชื่อมต่อผิดพลาดอาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร
    ต้องมีความรู้ด้านไฟฟ้าและความปลอดภัยสูง
    ไม่แนะนำให้ทำตามหากไม่มีประสบการณ์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/500-disposable-vapes-recycled-into-a-powerwall-to-power-a-house-and-workshop-enough-juice-for-up-to-eight-hours-of-home-usage-or-three-days-of-work
    🔋 โปรเจกต์สุดล้ำ! เปลี่ยนขยะบุหรี่ไฟฟ้า 500 ชิ้นให้กลายเป็นแบตเตอรี่พลังสูงจ่ายไฟให้บ้านทั้งหลังได้ YouTuber ชาวอังกฤษ Chris Doel สร้างแรงบันดาลใจให้วงการรีไซเคิล ด้วยการนำแบตเตอรี่จากบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งจำนวน 500 ชิ้น มาสร้างเป็น Powerwall ที่สามารถจ่ายไฟให้บ้านได้ถึง 8 ชั่วโมง หรือเวิร์กช็อปของเขาได้นานถึง 3 วันเต็ม! ในยุคที่ขยะอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งที่ถูกทิ้งมากถึง 8.2 ล้านชิ้นต่อสัปดาห์ในสหราชอาณาจักร Chris Doel มองเห็นโอกาสจากวิกฤตนี้ เขาเริ่มเก็บรวบรวมบุหรี่ไฟฟ้าที่ลูกค้านำกลับมาคืนร้าน แล้วค่อย ๆ แกะ แยกวงจร และทดสอบแบตเตอรี่แต่ละก้อนอย่างพิถีพิถัน เขาใช้เทคนิค DIY อย่างการพ่นลมเข้าไปในตัวบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อตรวจสอบว่ามีไฟเหลือหรือไม่ จากนั้นจึงนำแบตเตอรี่ที่ยังดีมาทดสอบความจุ และจัดกลุ่มตามแรงดันไฟฟ้าเพื่อให้สามารถเชื่อมต่อแบบขนานได้อย่างปลอดภัย เมื่อได้แบตเตอรี่ที่ผ่านการคัดกรองแล้ว เขาใช้โมดูล 3D-printed และรางอลูมิเนียมในการจัดเรียงและเชื่อมต่อแบตเตอรี่เข้าด้วยกันเป็นกลุ่มใหญ่ พร้อมติดตั้งระบบ BMS (Battery Management System) และฟิวส์เพื่อความปลอดภัย ก่อนจะต่อเข้ากับอินเวอร์เตอร์แปลงไฟจาก DC 50V เป็น AC 240V เพื่อใช้งานกับอุปกรณ์ในบ้าน ผลลัพธ์คือระบบแบตเตอรี่ที่สามารถจ่ายไฟให้บ้านทั้งหลังได้ถึง 8 ชั่วโมง หรือเวิร์กช็อปของเขาได้นานถึง 3 วัน ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่ใช้งาน ถือเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นพลังงานอย่างยั่งยืน ✅ ปัญหาขยะบุหรี่ไฟฟ้าในสหราชอาณาจักร ➡️ มีการทิ้งบุหรี่ไฟฟ้ากว่า 8.2 ล้านชิ้นต่อสัปดาห์ ➡️ ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการรีไซเคิลอย่างถูกต้อง ✅ แนวทางของ Chris Doel ➡️ แกะและแยกแบตเตอรี่จากบุหรี่ไฟฟ้า ➡️ ใช้เทคนิค DIY ตรวจสอบแรงดันและความจุ ➡️ คัดเลือกเฉพาะแบตเตอรี่ที่ยังใช้งานได้ ➡️ ใช้โมดูล 3D-printed และรางอลูมิเนียมในการประกอบ ➡️ ติดตั้งระบบ BMS และฟิวส์เพื่อความปลอดภัย ➡️ เชื่อมต่อกับอินเวอร์เตอร์เพื่อแปลงไฟใช้งานจริง ✅ ผลลัพธ์ของโปรเจกต์ ➡️ ใช้แบตเตอรี่ 500 ก้อน ➡️ จ่ายไฟให้บ้านได้ 8 ชั่วโมง ➡️ หรือจ่ายไฟให้เวิร์กช็อปได้ 3 วัน ➡️ ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และสร้างพลังงานหมุนเวียน ‼️ ความเสี่ยงจากการทำงานกับแบตเตอรี่ลิเธียม ⛔ หากแรงดันต่ำกว่า 3V แบตเตอรี่อาจไม่ปลอดภัย ⛔ การเชื่อมต่อผิดพลาดอาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร ⛔ ต้องมีความรู้ด้านไฟฟ้าและความปลอดภัยสูง ⛔ ไม่แนะนำให้ทำตามหากไม่มีประสบการณ์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/500-disposable-vapes-recycled-into-a-powerwall-to-power-a-house-and-workshop-enough-juice-for-up-to-eight-hours-of-home-usage-or-three-days-of-work
    0 Comments 0 Shares 148 Views 0 Reviews
  • "กรอกฟอร์ม PDF ออนไลน์อย่างมืออาชีพ – เปลี่ยนงานเอกสารให้คล่องตัวและปลอดภัย”

    ลองนึกภาพว่าคุณต้องเซ็นเอกสารด่วน ส่งฟอร์ม HR หรืออนุมัติใบสั่งซื้อ แต่คุณอยู่ต่างจังหวัด ไม่มีเครื่องพิมพ์ ไม่มีสแกนเนอร์… นี่คือเหตุผลที่การกรอกฟอร์ม PDF ออนไลน์กลายเป็นสิ่งจำเป็นในยุคดิจิทัล

    บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าองค์กรยุคใหม่ไม่ควรเสียเวลาไปกับการพิมพ์-เซ็น-สแกน-ส่งอีเมลอีกต่อไป เพราะมีเครื่องมือออนไลน์ที่ช่วยให้คุณกรอกฟอร์ม PDF ได้จากทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน

    การกรอกฟอร์มออนไลน์ไม่เพียงแค่สะดวก แต่ยังช่วยลดข้อผิดพลาด เช่น ช่องว่างที่ลืมกรอก หรือข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน เพราะระบบสามารถตั้งค่าให้ตรวจสอบความถูกต้องก่อนส่งได้

    นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดลำดับการเซ็นเอกสาร ส่งลิงก์ให้ผู้เกี่ยวข้อง และติดตามสถานะการอนุมัติได้แบบเรียลไทม์ เพิ่มความโปร่งใสและลดการตามงานแบบเดิมๆ

    การใช้แพลตฟอร์มที่รองรับลายเซ็นดิจิทัล เช่น Adobe Sign, DocuSign หรือ SignNow ยังช่วยให้เอกสารมีความปลอดภัยตามมาตรฐานกฎหมาย และสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้

    ข้อดีของการกรอกฟอร์ม PDF ออนไลน์
    กรอกได้จากทุกอุปกรณ์ ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม
    ลดข้อผิดพลาดจากการกรอกข้อมูลไม่ครบ
    ส่งลิงก์ให้เซ็นเอกสารได้ทันที
    ติดตามสถานะการอนุมัติแบบเรียลไทม์
    เพิ่มความโปร่งใสและลดการตามงาน

    เทคนิคการใช้งานอย่างมืออาชีพ
    วางแผนลำดับการเซ็นเอกสาร
    ใช้เทมเพลตเพื่อความรวดเร็วและความสม่ำเสมอ
    เพิ่มคำแนะนำในฟอร์มเพื่อลดความสับสน
    ตั้งค่าความปลอดภัย เช่น 2FA หรือการยืนยันตัวตน

    การผสานกับแพลตฟอร์มลายเซ็นดิจิทัล
    รองรับลายเซ็นที่ถูกต้องตามกฎหมาย
    มีระบบ audit trail ตรวจสอบย้อนหลัง
    แบ่งสิทธิ์การเข้าถึงตามแผนกหรือผู้ใช้งาน

    คำเตือนในการใช้งานฟอร์ม PDF ออนไลน์
    ไม่ใช่ทุก PDF จะสามารถกรอกได้ทันที ต้องมีการสร้างฟิลด์ก่อน
    ควรเลือกแพลตฟอร์มที่มีการเข้ารหัสข้อมูล
    หลีกเลี่ยงการส่งเอกสารผ่านช่องทางที่ไม่ปลอดภัย เช่น อีเมลทั่วไป

    ความเสี่ยงจากการใช้แพลตฟอร์มที่ไม่มีมาตรฐาน
    อาจทำให้ข้อมูลรั่วไหลหรือถูกดัดแปลง
    เอกสารอาจไม่ถูกต้องตามกฎหมายหากไม่มีลายเซ็นที่รับรอง

    https://securityonline.info/fill-out-pdf-form-online-a-professional-guide/
    📄 "กรอกฟอร์ม PDF ออนไลน์อย่างมืออาชีพ – เปลี่ยนงานเอกสารให้คล่องตัวและปลอดภัย” ลองนึกภาพว่าคุณต้องเซ็นเอกสารด่วน ส่งฟอร์ม HR หรืออนุมัติใบสั่งซื้อ แต่คุณอยู่ต่างจังหวัด ไม่มีเครื่องพิมพ์ ไม่มีสแกนเนอร์… นี่คือเหตุผลที่การกรอกฟอร์ม PDF ออนไลน์กลายเป็นสิ่งจำเป็นในยุคดิจิทัล บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าองค์กรยุคใหม่ไม่ควรเสียเวลาไปกับการพิมพ์-เซ็น-สแกน-ส่งอีเมลอีกต่อไป เพราะมีเครื่องมือออนไลน์ที่ช่วยให้คุณกรอกฟอร์ม PDF ได้จากทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน การกรอกฟอร์มออนไลน์ไม่เพียงแค่สะดวก แต่ยังช่วยลดข้อผิดพลาด เช่น ช่องว่างที่ลืมกรอก หรือข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน เพราะระบบสามารถตั้งค่าให้ตรวจสอบความถูกต้องก่อนส่งได้ นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดลำดับการเซ็นเอกสาร ส่งลิงก์ให้ผู้เกี่ยวข้อง และติดตามสถานะการอนุมัติได้แบบเรียลไทม์ เพิ่มความโปร่งใสและลดการตามงานแบบเดิมๆ การใช้แพลตฟอร์มที่รองรับลายเซ็นดิจิทัล เช่น Adobe Sign, DocuSign หรือ SignNow ยังช่วยให้เอกสารมีความปลอดภัยตามมาตรฐานกฎหมาย และสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ ✅ ข้อดีของการกรอกฟอร์ม PDF ออนไลน์ ➡️ กรอกได้จากทุกอุปกรณ์ ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม ➡️ ลดข้อผิดพลาดจากการกรอกข้อมูลไม่ครบ ➡️ ส่งลิงก์ให้เซ็นเอกสารได้ทันที ➡️ ติดตามสถานะการอนุมัติแบบเรียลไทม์ ➡️ เพิ่มความโปร่งใสและลดการตามงาน ✅ เทคนิคการใช้งานอย่างมืออาชีพ ➡️ วางแผนลำดับการเซ็นเอกสาร ➡️ ใช้เทมเพลตเพื่อความรวดเร็วและความสม่ำเสมอ ➡️ เพิ่มคำแนะนำในฟอร์มเพื่อลดความสับสน ➡️ ตั้งค่าความปลอดภัย เช่น 2FA หรือการยืนยันตัวตน ✅ การผสานกับแพลตฟอร์มลายเซ็นดิจิทัล ➡️ รองรับลายเซ็นที่ถูกต้องตามกฎหมาย ➡️ มีระบบ audit trail ตรวจสอบย้อนหลัง ➡️ แบ่งสิทธิ์การเข้าถึงตามแผนกหรือผู้ใช้งาน ‼️ คำเตือนในการใช้งานฟอร์ม PDF ออนไลน์ ⛔ ไม่ใช่ทุก PDF จะสามารถกรอกได้ทันที ต้องมีการสร้างฟิลด์ก่อน ⛔ ควรเลือกแพลตฟอร์มที่มีการเข้ารหัสข้อมูล ⛔ หลีกเลี่ยงการส่งเอกสารผ่านช่องทางที่ไม่ปลอดภัย เช่น อีเมลทั่วไป ‼️ ความเสี่ยงจากการใช้แพลตฟอร์มที่ไม่มีมาตรฐาน ⛔ อาจทำให้ข้อมูลรั่วไหลหรือถูกดัดแปลง ⛔ เอกสารอาจไม่ถูกต้องตามกฎหมายหากไม่มีลายเซ็นที่รับรอง https://securityonline.info/fill-out-pdf-form-online-a-professional-guide/
    SECURITYONLINE.INFO
    Fill Out PDF Form Online: A Professional Guide
    It is not only a daily routine matter, but also a business-running activity to the decision-maker, office manager,
    0 Comments 0 Shares 78 Views 0 Reviews
More Results