• เมื่อ AI พลาด ธนาคารต้องเรียกคนกลับมาทำงาน

    ในช่วงกลางปี 2025 ธนาคาร Commonwealth Bank (CBA) ของออสเตรเลียได้ตัดสินใจปลดพนักงานบริการลูกค้า 45 คน เพื่อแทนที่ด้วยระบบ AI voice-bot โดยหวังว่าจะลดปริมาณสายโทรเข้าและเพิ่มประสิทธิภาพการตอบคำถามทั่วไป

    แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม: ปริมาณสายโทรเข้าเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พนักงานที่เหลือต้องทำงานล่วงเวลา และแม้แต่หัวหน้าทีมก็ต้องลงมารับสายเอง! สหภาพแรงงานด้านการเงิน (Finance Sector Union) จึงออกมาเรียกร้องให้ธนาคารทบทวนการตัดสินใจนี้

    สุดท้าย CBA ต้อง “กลับลำ” โดยยอมรับว่าเป็น “ความผิดพลาดในการประเมิน” และประกาศเรียกพนักงานกลับมาทำงาน พร้อมขอโทษอย่างเป็นทางการ และเสนอทางเลือกให้พนักงานว่าจะกลับมาทำงานเดิม ย้ายตำแหน่ง หรือรับเงินชดเชยแล้วลาออก

    แม้ธนาคารจะยังคงเดินหน้าพัฒนา AI ร่วมกับ OpenAI ในด้านการตรวจจับการหลอกลวงและการให้บริการแบบเฉพาะบุคคล แต่กรณีนี้ก็เป็นตัวอย่างชัดเจนว่า AI ยังไม่สามารถแทนที่มนุษย์ได้ทุกด้าน โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้ความเข้าใจและความเห็นอกเห็นใจ

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    ธนาคาร CBA ประกาศปลดพนักงานบริการลูกค้า 45 คน เพื่อแทนที่ด้วย AI voice-bot
    ระบบ AI ถูกนำมาใช้เพื่อลดจำนวนสายโทรเข้าและตอบคำถามทั่วไป
    หลังจากใช้งานจริง ปริมาณสายกลับเพิ่มขึ้น และพนักงานต้องทำงานล่วงเวลา
    สหภาพแรงงานออกมาเรียกร้องให้ธนาคารทบทวนการตัดสินใจ
    ธนาคารยอมรับว่าเป็น “ความผิดพลาดในการประเมิน” และเรียกพนักงานกลับ
    พนักงานได้รับคำขอโทษและมีทางเลือกในการกลับมาทำงาน ย้ายตำแหน่ง หรือลาออก
    ธนาคารยังคงร่วมมือกับ OpenAI เพื่อพัฒนา AI ด้านการตรวจจับการหลอกลวงและบริการเฉพาะบุคคล

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ในสหราชอาณาจักร กว่า 50% ของบริษัทที่ใช้ AI แทนคนงานเริ่มเสียใจในภายหลัง
    AI voice-bot ยังไม่สามารถเข้าใจ “น้ำเสียงทางอารมณ์” ของผู้ใช้ได้ดีเท่ามนุษย์
    การใช้ AI แทนพนักงานอาจสร้างความเครียดและความไม่มั่นคงในชีวิตให้กับแรงงาน
    หลายบริษัทเริ่มหันกลับมาใช้ “มนุษย์” ในงานบริการที่ต้องใช้ความเข้าใจและความเห็นอกเห็นใจ

    https://www.techradar.com/pro/now-thats-an-embarassing-u-turn-bank-forced-to-rehire-human-workers-after-their-ai-replacement-fail-to-perform
    🎙️ เมื่อ AI พลาด ธนาคารต้องเรียกคนกลับมาทำงาน ในช่วงกลางปี 2025 ธนาคาร Commonwealth Bank (CBA) ของออสเตรเลียได้ตัดสินใจปลดพนักงานบริการลูกค้า 45 คน เพื่อแทนที่ด้วยระบบ AI voice-bot โดยหวังว่าจะลดปริมาณสายโทรเข้าและเพิ่มประสิทธิภาพการตอบคำถามทั่วไป แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม: ปริมาณสายโทรเข้าเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พนักงานที่เหลือต้องทำงานล่วงเวลา และแม้แต่หัวหน้าทีมก็ต้องลงมารับสายเอง! สหภาพแรงงานด้านการเงิน (Finance Sector Union) จึงออกมาเรียกร้องให้ธนาคารทบทวนการตัดสินใจนี้ สุดท้าย CBA ต้อง “กลับลำ” โดยยอมรับว่าเป็น “ความผิดพลาดในการประเมิน” และประกาศเรียกพนักงานกลับมาทำงาน พร้อมขอโทษอย่างเป็นทางการ และเสนอทางเลือกให้พนักงานว่าจะกลับมาทำงานเดิม ย้ายตำแหน่ง หรือรับเงินชดเชยแล้วลาออก แม้ธนาคารจะยังคงเดินหน้าพัฒนา AI ร่วมกับ OpenAI ในด้านการตรวจจับการหลอกลวงและการให้บริการแบบเฉพาะบุคคล แต่กรณีนี้ก็เป็นตัวอย่างชัดเจนว่า AI ยังไม่สามารถแทนที่มนุษย์ได้ทุกด้าน โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้ความเข้าใจและความเห็นอกเห็นใจ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ ธนาคาร CBA ประกาศปลดพนักงานบริการลูกค้า 45 คน เพื่อแทนที่ด้วย AI voice-bot ➡️ ระบบ AI ถูกนำมาใช้เพื่อลดจำนวนสายโทรเข้าและตอบคำถามทั่วไป ➡️ หลังจากใช้งานจริง ปริมาณสายกลับเพิ่มขึ้น และพนักงานต้องทำงานล่วงเวลา ➡️ สหภาพแรงงานออกมาเรียกร้องให้ธนาคารทบทวนการตัดสินใจ ➡️ ธนาคารยอมรับว่าเป็น “ความผิดพลาดในการประเมิน” และเรียกพนักงานกลับ ➡️ พนักงานได้รับคำขอโทษและมีทางเลือกในการกลับมาทำงาน ย้ายตำแหน่ง หรือลาออก ➡️ ธนาคารยังคงร่วมมือกับ OpenAI เพื่อพัฒนา AI ด้านการตรวจจับการหลอกลวงและบริการเฉพาะบุคคล ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ในสหราชอาณาจักร กว่า 50% ของบริษัทที่ใช้ AI แทนคนงานเริ่มเสียใจในภายหลัง ➡️ AI voice-bot ยังไม่สามารถเข้าใจ “น้ำเสียงทางอารมณ์” ของผู้ใช้ได้ดีเท่ามนุษย์ ➡️ การใช้ AI แทนพนักงานอาจสร้างความเครียดและความไม่มั่นคงในชีวิตให้กับแรงงาน ➡️ หลายบริษัทเริ่มหันกลับมาใช้ “มนุษย์” ในงานบริการที่ต้องใช้ความเข้าใจและความเห็นอกเห็นใจ https://www.techradar.com/pro/now-thats-an-embarassing-u-turn-bank-forced-to-rehire-human-workers-after-their-ai-replacement-fail-to-perform
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 Reviews
  • เมื่อจีน “ปิดประตู” สู่โลกภายนอก – และ HTTPS ก็ถูกตัดขาดโดยไม่มีคำอธิบาย

    ในช่วงเวลา 00:34 ถึง 01:48 ตามเวลาปักกิ่งของวันที่ 20 สิงหาคม 2025 จีนได้ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกับโลกภายนอกอย่างเงียบ ๆ โดยบล็อกการใช้งาน TCP port 443 ซึ่งเป็นพอร์ตมาตรฐานสำหรับ HTTPS ทำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในจีนไม่สามารถเข้าถึงเว็บไซต์และบริการต่างประเทศได้ รวมถึงบริการสำคัญอย่าง Apple และ Tesla ที่ใช้พอร์ตนี้ในการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ภายนอก

    กลุ่มนักวิจัยจาก Great Firewall Report ตรวจพบว่าอุปกรณ์ในระบบ Great Firewall ได้ “ฉีดแพ็กเก็ตปลอม” (forged TCP RST+ACK) เพื่อขัดขวางการเชื่อมต่อทุกกรณีที่ใช้ port 443 โดยไม่แตะต้องพอร์ตอื่น เช่น 22, 80 หรือ 8443 ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่แตกต่างจากการบล็อกแบบกว้างในปี 2020 ที่เคยบล็อก HTTPS ทุกพอร์ต

    สิ่งที่น่าสนใจคือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการบล็อกครั้งนี้ไม่ตรงกับลายนิ้วมือของอุปกรณ์ที่เคยใช้ในระบบ Great Firewall มาก่อน ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเป็นอุปกรณ์ใหม่ หรืออุปกรณ์เดิมที่ถูกตั้งค่าผิด หรืออาจเป็นการทดสอบระบบใหม่โดยรัฐบาลจีน

    แม้จะเป็นเหตุการณ์สั้น ๆ แต่ผลกระทบกลับกว้างขวาง เพราะ port 443 เป็นหัวใจของการเชื่อมต่อแบบปลอดภัยทั่วโลก และการบล็อกเพียงพอร์ตเดียวก็สามารถทำให้จีน “ตัดขาด” จากโลกภายนอกได้ทันที

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    จีนบล็อก TCP port 443 เป็นเวลา 74 นาทีในวันที่ 20 สิงหาคม 2025
    การบล็อกทำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในจีนไม่สามารถเข้าถึงเว็บไซต์ต่างประเทศได้
    บริการสำคัญอย่าง Apple และ Tesla ที่ใช้ port 443 ก็ได้รับผลกระทบ
    ระบบ Great Firewall ฉีดแพ็กเก็ตปลอม (RST+ACK) เพื่อขัดขวางการเชื่อมต่อ
    การบล็อกจำกัดเฉพาะ port 443 ไม่แตะต้องพอร์ตอื่น เช่น 22, 80, 8443
    อุปกรณ์ที่ใช้ในการบล็อกไม่ตรงกับลายนิ้วมือของอุปกรณ์เดิมในระบบ GFW
    นักวิจัยตั้งข้อสงสัยว่าเป็นอุปกรณ์ใหม่ หรือการตั้งค่าที่ผิดพลาด
    ไม่มีเหตุการณ์ทางการเมืองหรือวิกฤตที่ชัดเจนในช่วงเวลานั้น
    เหตุการณ์นี้ถูกตรวจพบโดยนักวิจัยจากหลายประเทศและองค์กรอิสระ
    การบล็อกครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของจีนในการควบคุมการเชื่อมต่อระดับโลก

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    เหตุการณ์คล้ายกันเคยเกิดในปี 2020 เมื่อจีนบล็อก HTTPS ทุกพอร์ตพร้อมกัน
    NetBlocks รายงานว่าปากีสถานมีการลดลงของทราฟฟิกอินเทอร์เน็ตก่อนเหตุการณ์ในจีน
    จีนเคยแบ่งปันเทคโนโลยี Great Firewall กับประเทศอื่น เช่น ปากีสถานและอิหร่าน
    การฉีดแพ็กเก็ตปลอมเป็นเทคนิคที่ใช้ในการบล็อกแบบลึก (deep packet interference)
    นักวิชาการเปรียบเทียบระบบ Great Firewall ว่าเป็น “การประนีประนอมระหว่างการเปิดและปิดอินเทอร์เน็ต”

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/chinas-great-firewall-blocked-all-traffic-to-a-common-https-port-for-over-an-hour-with-no-hint-as-to-its-intention
    🎙️ เมื่อจีน “ปิดประตู” สู่โลกภายนอก – และ HTTPS ก็ถูกตัดขาดโดยไม่มีคำอธิบาย ในช่วงเวลา 00:34 ถึง 01:48 ตามเวลาปักกิ่งของวันที่ 20 สิงหาคม 2025 จีนได้ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกับโลกภายนอกอย่างเงียบ ๆ โดยบล็อกการใช้งาน TCP port 443 ซึ่งเป็นพอร์ตมาตรฐานสำหรับ HTTPS ทำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในจีนไม่สามารถเข้าถึงเว็บไซต์และบริการต่างประเทศได้ รวมถึงบริการสำคัญอย่าง Apple และ Tesla ที่ใช้พอร์ตนี้ในการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ภายนอก กลุ่มนักวิจัยจาก Great Firewall Report ตรวจพบว่าอุปกรณ์ในระบบ Great Firewall ได้ “ฉีดแพ็กเก็ตปลอม” (forged TCP RST+ACK) เพื่อขัดขวางการเชื่อมต่อทุกกรณีที่ใช้ port 443 โดยไม่แตะต้องพอร์ตอื่น เช่น 22, 80 หรือ 8443 ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่แตกต่างจากการบล็อกแบบกว้างในปี 2020 ที่เคยบล็อก HTTPS ทุกพอร์ต สิ่งที่น่าสนใจคือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการบล็อกครั้งนี้ไม่ตรงกับลายนิ้วมือของอุปกรณ์ที่เคยใช้ในระบบ Great Firewall มาก่อน ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเป็นอุปกรณ์ใหม่ หรืออุปกรณ์เดิมที่ถูกตั้งค่าผิด หรืออาจเป็นการทดสอบระบบใหม่โดยรัฐบาลจีน แม้จะเป็นเหตุการณ์สั้น ๆ แต่ผลกระทบกลับกว้างขวาง เพราะ port 443 เป็นหัวใจของการเชื่อมต่อแบบปลอดภัยทั่วโลก และการบล็อกเพียงพอร์ตเดียวก็สามารถทำให้จีน “ตัดขาด” จากโลกภายนอกได้ทันที 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ จีนบล็อก TCP port 443 เป็นเวลา 74 นาทีในวันที่ 20 สิงหาคม 2025 ➡️ การบล็อกทำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในจีนไม่สามารถเข้าถึงเว็บไซต์ต่างประเทศได้ ➡️ บริการสำคัญอย่าง Apple และ Tesla ที่ใช้ port 443 ก็ได้รับผลกระทบ ➡️ ระบบ Great Firewall ฉีดแพ็กเก็ตปลอม (RST+ACK) เพื่อขัดขวางการเชื่อมต่อ ➡️ การบล็อกจำกัดเฉพาะ port 443 ไม่แตะต้องพอร์ตอื่น เช่น 22, 80, 8443 ➡️ อุปกรณ์ที่ใช้ในการบล็อกไม่ตรงกับลายนิ้วมือของอุปกรณ์เดิมในระบบ GFW ➡️ นักวิจัยตั้งข้อสงสัยว่าเป็นอุปกรณ์ใหม่ หรือการตั้งค่าที่ผิดพลาด ➡️ ไม่มีเหตุการณ์ทางการเมืองหรือวิกฤตที่ชัดเจนในช่วงเวลานั้น ➡️ เหตุการณ์นี้ถูกตรวจพบโดยนักวิจัยจากหลายประเทศและองค์กรอิสระ ➡️ การบล็อกครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของจีนในการควบคุมการเชื่อมต่อระดับโลก ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ เหตุการณ์คล้ายกันเคยเกิดในปี 2020 เมื่อจีนบล็อก HTTPS ทุกพอร์ตพร้อมกัน ➡️ NetBlocks รายงานว่าปากีสถานมีการลดลงของทราฟฟิกอินเทอร์เน็ตก่อนเหตุการณ์ในจีน ➡️ จีนเคยแบ่งปันเทคโนโลยี Great Firewall กับประเทศอื่น เช่น ปากีสถานและอิหร่าน ➡️ การฉีดแพ็กเก็ตปลอมเป็นเทคนิคที่ใช้ในการบล็อกแบบลึก (deep packet interference) ➡️ นักวิชาการเปรียบเทียบระบบ Great Firewall ว่าเป็น “การประนีประนอมระหว่างการเปิดและปิดอินเทอร์เน็ต” https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/chinas-great-firewall-blocked-all-traffic-to-a-common-https-port-for-over-an-hour-with-no-hint-as-to-its-intention
    0 Comments 0 Shares 61 Views 0 Reviews
  • เมื่อกล้องหน้าร้านกลายเป็นเครื่องมือสแกนใบหน้า – และลูกค้าไม่รู้ตัว

    Benjamin Jankowski ลูกค้าประจำของ Home Depot ในรัฐอิลลินอยส์ สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติระหว่างใช้เครื่อง self-checkout ที่ร้านในชิคาโก เขาเห็นกล้องและหน้าจอที่แสดงกรอบสีเขียวรอบใบหน้าของเขา ซึ่งทำให้เขาเชื่อว่าระบบกำลังสแกนและบันทึกข้อมูลใบหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต

    เขาจึงตัดสินใจฟ้อง Home Depot ในรูปแบบ class action โดยกล่าวหาว่าบริษัทละเมิดกฎหมาย Biometric Information Privacy Act (BIPA) ของรัฐอิลลินอยส์ ซึ่งกำหนดให้บริษัทต้องแจ้งลูกค้าอย่างชัดเจนก่อนเก็บข้อมูลชีวภาพ เช่น รูปทรงใบหน้า และต้องได้รับ “ความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร”

    คดีนี้เปิดเผยว่า Home Depot เริ่มใช้เทคโนโลยี “computer vision” ตั้งแต่ปี 2023 เพื่อป้องกันการขโมยสินค้า โดยขยายการใช้งานในปี 2024 ไปยังเครื่อง self-checkout ทั่วรัฐอิลลินอยส์ แต่ไม่มีการแจ้งลูกค้าอย่างเป็นทางการ และไม่มีนโยบายการจัดเก็บข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ

    Jankowski ต้องการเป็นตัวแทนของลูกค้าทั้งหมดที่ถูกสแกนใบหน้าโดยไม่รู้ตัว และเรียกร้องค่าชดเชย $1,000 ต่อการละเมิดแบบประมาท และ $5,000 ต่อการละเมิดโดยเจตนา

    กรณีนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Rite Aid ถูกแบนไม่ให้ใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากการใช้งานที่ “ประมาท” และสร้างผลกระทบต่อผู้บริโภค เช่น การระบุผิดพลาดและการเก็บข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    ลูกค้าชื่อ Benjamin Jankowski ฟ้อง Home Depot ฐานใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าโดยไม่แจ้ง
    เขาเห็นกรอบสีเขียวรอบใบหน้าบนหน้าจอ self-checkout ที่ร้านในชิคาโก
    ไม่มีป้ายแจ้งหรือคำเตือนเกี่ยวกับการสแกนใบหน้า
    Home Depot เริ่มใช้ “computer vision” ในปี 2023 และขยายในปี 2024 เพื่อป้องกันการขโมย
    ระบบนี้เก็บข้อมูลรูปทรงใบหน้า (facial geometry) ซึ่งถือเป็นข้อมูลชีวภาพตามกฎหมาย BIPA
    BIPA กำหนดให้บริษัทต้องแจ้งลูกค้าและขอความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนเก็บข้อมูล
    Jankowski เรียกร้องค่าชดเชย $1,000 ต่อการละเมิดแบบประมาท และ $5,000 ต่อการละเมิดโดยเจตนา
    เขาต้องการเป็นตัวแทนของลูกค้าทั้งหมดที่ถูกสแกนใบหน้าโดยไม่รู้ตัว
    คดีนี้เกิดขึ้นในรัฐอิลลินอยส์ ซึ่งมีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลชีวภาพที่เข้มงวด

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Rite Aid ถูกแบนจากการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าเป็นเวลา 5 ปี หลังจากใช้งานโดยประมาท
    ระบบของ Rite Aid เคยสร้าง false positives หลายพันครั้ง และเก็บภาพลูกค้าโดยไม่แจ้ง
    กฎหมาย BIPA ของรัฐอิลลินอยส์ถือเป็นหนึ่งในกฎหมายคุ้มครองข้อมูลชีวภาพที่เข้มงวดที่สุดในสหรัฐฯ
    เทคโนโลยีจดจำใบหน้าเริ่มถูกใช้อย่างแพร่หลายในร้านค้าปลีกเพื่อป้องกันการขโมย
    นักกฎหมายเตือนว่าการใช้เทคโนโลยีนี้โดยไม่แจ้งอาจนำไปสู่คดี class action จำนวนมาก

    https://petapixel.com/2025/08/20/home-depot-sued-for-secretly-using-facial-recognition-technology-on-self-checkout-cameras/
    🎙️ เมื่อกล้องหน้าร้านกลายเป็นเครื่องมือสแกนใบหน้า – และลูกค้าไม่รู้ตัว Benjamin Jankowski ลูกค้าประจำของ Home Depot ในรัฐอิลลินอยส์ สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติระหว่างใช้เครื่อง self-checkout ที่ร้านในชิคาโก เขาเห็นกล้องและหน้าจอที่แสดงกรอบสีเขียวรอบใบหน้าของเขา ซึ่งทำให้เขาเชื่อว่าระบบกำลังสแกนและบันทึกข้อมูลใบหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เขาจึงตัดสินใจฟ้อง Home Depot ในรูปแบบ class action โดยกล่าวหาว่าบริษัทละเมิดกฎหมาย Biometric Information Privacy Act (BIPA) ของรัฐอิลลินอยส์ ซึ่งกำหนดให้บริษัทต้องแจ้งลูกค้าอย่างชัดเจนก่อนเก็บข้อมูลชีวภาพ เช่น รูปทรงใบหน้า และต้องได้รับ “ความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร” คดีนี้เปิดเผยว่า Home Depot เริ่มใช้เทคโนโลยี “computer vision” ตั้งแต่ปี 2023 เพื่อป้องกันการขโมยสินค้า โดยขยายการใช้งานในปี 2024 ไปยังเครื่อง self-checkout ทั่วรัฐอิลลินอยส์ แต่ไม่มีการแจ้งลูกค้าอย่างเป็นทางการ และไม่มีนโยบายการจัดเก็บข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ Jankowski ต้องการเป็นตัวแทนของลูกค้าทั้งหมดที่ถูกสแกนใบหน้าโดยไม่รู้ตัว และเรียกร้องค่าชดเชย $1,000 ต่อการละเมิดแบบประมาท และ $5,000 ต่อการละเมิดโดยเจตนา กรณีนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Rite Aid ถูกแบนไม่ให้ใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากการใช้งานที่ “ประมาท” และสร้างผลกระทบต่อผู้บริโภค เช่น การระบุผิดพลาดและการเก็บข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ ลูกค้าชื่อ Benjamin Jankowski ฟ้อง Home Depot ฐานใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าโดยไม่แจ้ง ➡️ เขาเห็นกรอบสีเขียวรอบใบหน้าบนหน้าจอ self-checkout ที่ร้านในชิคาโก ➡️ ไม่มีป้ายแจ้งหรือคำเตือนเกี่ยวกับการสแกนใบหน้า ➡️ Home Depot เริ่มใช้ “computer vision” ในปี 2023 และขยายในปี 2024 เพื่อป้องกันการขโมย ➡️ ระบบนี้เก็บข้อมูลรูปทรงใบหน้า (facial geometry) ซึ่งถือเป็นข้อมูลชีวภาพตามกฎหมาย BIPA ➡️ BIPA กำหนดให้บริษัทต้องแจ้งลูกค้าและขอความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนเก็บข้อมูล ➡️ Jankowski เรียกร้องค่าชดเชย $1,000 ต่อการละเมิดแบบประมาท และ $5,000 ต่อการละเมิดโดยเจตนา ➡️ เขาต้องการเป็นตัวแทนของลูกค้าทั้งหมดที่ถูกสแกนใบหน้าโดยไม่รู้ตัว ➡️ คดีนี้เกิดขึ้นในรัฐอิลลินอยส์ ซึ่งมีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลชีวภาพที่เข้มงวด ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Rite Aid ถูกแบนจากการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าเป็นเวลา 5 ปี หลังจากใช้งานโดยประมาท ➡️ ระบบของ Rite Aid เคยสร้าง false positives หลายพันครั้ง และเก็บภาพลูกค้าโดยไม่แจ้ง ➡️ กฎหมาย BIPA ของรัฐอิลลินอยส์ถือเป็นหนึ่งในกฎหมายคุ้มครองข้อมูลชีวภาพที่เข้มงวดที่สุดในสหรัฐฯ ➡️ เทคโนโลยีจดจำใบหน้าเริ่มถูกใช้อย่างแพร่หลายในร้านค้าปลีกเพื่อป้องกันการขโมย ➡️ นักกฎหมายเตือนว่าการใช้เทคโนโลยีนี้โดยไม่แจ้งอาจนำไปสู่คดี class action จำนวนมาก https://petapixel.com/2025/08/20/home-depot-sued-for-secretly-using-facial-recognition-technology-on-self-checkout-cameras/
    PETAPIXEL.COM
    Home Depot Sued for 'Secretly' Using Facial Recognition Technology on Self-Checkout Cameras
    The Home Depot customer says he noticed the camera at a recent trip to the store.
    0 Comments 0 Shares 62 Views 0 Reviews
  • นี้ต้องอย่างนี้,เรา..ภาคประชาชนต้องร่วมกันแบบนี้,แต่จะดีมาหากร่วมกันยกเลิก พรบ.ห้ามชุมนุมในที่สาธารณะด้วย เพราะออกในยุคลุงเป็นรัฐบาลด้วย ยึดอำนาจมาด้วย 11จุดก็เสียให้เขมรด้วย มารู้ความจริงก็ตอนแม่ทัพภาคที่2บุกยึดคืนได้แล้ว,กฎหมายมากมาย พรบ.มากมายต้องฉีกทิ้งกันเป็นอันมาก,มันขัดขวางประชาชนพัฒนาตนเองสู่เจตนำนงเสรีทางดีเป็นอันมาก.

    ..เบื้องต้นนี้ คณะรวมพลังแผ่นดินไทย ทำตามกำลังตนถูกทางแล้ว ไม่มีภาพนักการเมืองแอบแฝงยิ่งดี เหมือนใครบ้างคนเข้ามาในคณะรวมพลังฯหมายเชิดชูลุงกลับมานั้นเอง,ยุคลุงยุคทหารแท้ๆเสือกไม่ยกเลิกmou43,44มันบอกนัยยะเปิดเผยชัดเจนแล้ว,ส่วนรัฐบาลในปัจจุบันก็แค่รับไม้ต่อสลับมุกเปลี่ยนมือนี้ล่ะ,เพื่อไทย คนของตนแบบลุงตู่ก็ขึ้นมาเหมือนเดิม,คณะรวมพลังแผ่นดินฯน่าจะเห็นชัดบริบทนี้,ต้องรวมพลังฯจริงๆเอาให้สุดซอยด้วย อย่าพลาดแบบกปปส.พลาดแบบอาสนธิ ต้องทำการเปลี่ยนแปลงโดยภาคประชาชนจริงให้ได้,คนในคณะรวมพลังแผ่นดินฯแน่นอนต่างมีอดีตที่ผิดพลาดกันหมด,แต่สงครามครั้งนี้อดีตได้ทิ้งไปแล้ว ยิ่งมุ่งทำเพื่อชาติคือประชาชนเราจริงๆร่วม สามารถเป็นคณะบริหารประเทศฉุกเฉินชั่วคราวของภาคประชาชนระดับประเทศแห่งชาติ ร่วมกับกองทัพไทยเรา รีเซ็ตประเทศไทยใหม่ กวาดล้างภัยภายในประเทศไทยเราจริงๆและภัยภายนอกแบบเขมร แบบมาเลย์ภาคใต้เรา แบบciaของอเมริกาชั่วมุ่งแต่ผลประโยชน์มันสูงสุด กำจัดเผาทิ้งพรบ.และกฎหมายทุกๆฉบับที่ขายชาติอย่างจริงจังด้วย กดขี่ความคิดอิสระสร้างสรรค์ของประชาชนพัฒนานวัตกรรมใหม่พัฒนาชาติให้ล้ำสมัยไม่แพ้ชาติใดในโลก,ตลอดคนไทยต้องพ้นสถานะยากจนจริงๆกันเสียที,ปล่อยให้ต่างชาติมาปล้นทรัพยากรมีค่ามากมายเราง่ายดายสะดวกสบายเกินไปจนคนไทยยากจนเป็นอันมากเมื่อศักยภาพเราสุดยอดขนาดนั้น ตีมูลค่าทรัพยากรมีค่าเราอาจกว่า100,000ล้านล้านบาท มิใช่ 4-5หมื่นล้านล้านบาทหรอก,แค่ขุดคลองคอดกระ ทำรั้วลวดหนามกั้นไทยกับมาเลย์ชัดเจน ciaอเมริกาก็ปั่นป่วนภาคใต้เรากับมาเลย์ลูกน้องอเมริกาซาอุฯก็ไม่ง่ายแล้ว, คลองคอดกระ ทางแลนด์บริดจ์ พื้นที่ภาคใต้เกือบทั้งหมด สามารถเป็นฮับสำนักใหญ่ของแต่ละชาติมาค้าขายทำตลาดระดับโลกฮับของโลกสบายมาก ไม่ใช้ทรัพยากรไทยก็ตีมูลค่ารายได้กว่า1,000ล้านล้านบาทต่อปี ได้สบาย,อนาคตคนไทยระดับจิตใจดีจะแยกแยะดีชั่วและกระบวนการโปร่งใส สามารถปกป้องคุ้มครองทั้งคนไทยเราและคู่ค้าให้ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเขา นักท่องเที่ยวนักธุรกิจย่อมชื่นชอบประเทศไทยเพิ่มคน ,คือเม็ดเงินมหาศาลหลากหลายช่องทางเข้าประเทศไทยเราแน่นอน,เราจะจัดสรรเม็ดเงินนี้ให้คนไทยเราร่ำรวยจริงแค่ไหนแค่นั้นล่ะ,แต่หากยังมีวิถีปกครองกากๆแบบนี้ต่อไปตลอดไป ก็ฝันเลยว่าประชาชนคนไทยจะพ้นสถานะความยากจน มีแต่เอารัดเอาเปรียบรีดไถประชาชนคนไทยตนผ่านกฎหมายเลวชั่วสาระพัด ดูแหล่งปิโตรเลียมชัดเจน ถ้าประเทศไทยนำโดยภาคประชาชนคนไทยทำเอง มิใช่ผีบ้าพวกรัฐบาลห่าเหวในอดีตนั้นทำ ไปยกบ่อน้ำมันให้ต่างชาติ รัฐบาลกบฎทรยศประชาชนตนเสียเอง สภาพคนไทยปัจจุบันก็ไม่เป็นแบบนี้ และล่าสุดดูเขมรนี้ล่ะ ฝีมือนักการเมืองและทหารทรยศไส้ศึกชัดเจนบนแผ่นดินไทยเรา,เช่นนั้นจะไม่เป็นแบบนี้เลย,อนาคตรีดภาษีจากประชาชนอีก ทั้งที่ระบบยังกากอยู่แฮกข้อมูลเป็นว่าเล่น ดูดตังคนไทยสนุกมือบัญชี จะไว้วางใจว่าจะแก้ไขความยากจนของคนไทยได้อย่างไร,ทั้งที่จริงๆเงินเถื่อนเงินนอกระบบเงินฟอกเงินเทาตรึมในวงจรอุบาทก์นี้ทั่วไทย ยังจัดการไม่ได้ ยาบ้ายังไร้ปัญญาจัดการจริงเลย,ภาษีที่รีดไถประชาชนจริงๆและปีละกว่าแสนล้านบาทคือภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีน้ำมันต่างหาก,ประเทศไทยแค่ยึดบ่อน้ำมันคืนก็ร่ำรวยแล้ว พลังงานสะอาดอื่นๆอีกต่อยอดได้สบาย,ภาษีบุคคลและนิติบุคคลกิจการบริษัทต่างๆแค่4-5พันล้านบาท มากสุดมนุษย์เงินเดือนแค่7-8พันล้านถั่วเฉลี่ย5-10ปีที่ผ่านๆมาอาจไม่ถึงด้วยซ้ำ,มุกภาษีNITนี้คือมุกนักการเมืองชั่วๆเลวๆจะควบคุมคนไทยนี้ล่ะ เชื่อมสุขภาพอีก ใครยังไม่ฉีดวัคซีน มันจะได้รู้และบังคับควบคุมได้โดยสร้างเงื่อนไขว่า หากไม่ฉีดจะตัดสวัสดิการทั้งหมดของรัฐที่ให้ไป,คือมันจะหามุกมาเรื่อยๆล่ะ คณะรวมพลังแผ่นดินไทยเราจึงต้องสามัคคีกันทำให้สุดซอยเพื่อเรา..ประชาชนคนไทยเราสู่ยุคใหม่จริงๆ.


    https://youtube.com/live/qyP5nsDRofk?si=IZhFf7d3BcxF7KUq
    นี้ต้องอย่างนี้,เรา..ภาคประชาชนต้องร่วมกันแบบนี้,แต่จะดีมาหากร่วมกันยกเลิก พรบ.ห้ามชุมนุมในที่สาธารณะด้วย เพราะออกในยุคลุงเป็นรัฐบาลด้วย ยึดอำนาจมาด้วย 11จุดก็เสียให้เขมรด้วย มารู้ความจริงก็ตอนแม่ทัพภาคที่2บุกยึดคืนได้แล้ว,กฎหมายมากมาย พรบ.มากมายต้องฉีกทิ้งกันเป็นอันมาก,มันขัดขวางประชาชนพัฒนาตนเองสู่เจตนำนงเสรีทางดีเป็นอันมาก. ..เบื้องต้นนี้ คณะรวมพลังแผ่นดินไทย ทำตามกำลังตนถูกทางแล้ว ไม่มีภาพนักการเมืองแอบแฝงยิ่งดี เหมือนใครบ้างคนเข้ามาในคณะรวมพลังฯหมายเชิดชูลุงกลับมานั้นเอง,ยุคลุงยุคทหารแท้ๆเสือกไม่ยกเลิกmou43,44มันบอกนัยยะเปิดเผยชัดเจนแล้ว,ส่วนรัฐบาลในปัจจุบันก็แค่รับไม้ต่อสลับมุกเปลี่ยนมือนี้ล่ะ,เพื่อไทย คนของตนแบบลุงตู่ก็ขึ้นมาเหมือนเดิม,คณะรวมพลังแผ่นดินฯน่าจะเห็นชัดบริบทนี้,ต้องรวมพลังฯจริงๆเอาให้สุดซอยด้วย อย่าพลาดแบบกปปส.พลาดแบบอาสนธิ ต้องทำการเปลี่ยนแปลงโดยภาคประชาชนจริงให้ได้,คนในคณะรวมพลังแผ่นดินฯแน่นอนต่างมีอดีตที่ผิดพลาดกันหมด,แต่สงครามครั้งนี้อดีตได้ทิ้งไปแล้ว ยิ่งมุ่งทำเพื่อชาติคือประชาชนเราจริงๆร่วม สามารถเป็นคณะบริหารประเทศฉุกเฉินชั่วคราวของภาคประชาชนระดับประเทศแห่งชาติ ร่วมกับกองทัพไทยเรา รีเซ็ตประเทศไทยใหม่ กวาดล้างภัยภายในประเทศไทยเราจริงๆและภัยภายนอกแบบเขมร แบบมาเลย์ภาคใต้เรา แบบciaของอเมริกาชั่วมุ่งแต่ผลประโยชน์มันสูงสุด กำจัดเผาทิ้งพรบ.และกฎหมายทุกๆฉบับที่ขายชาติอย่างจริงจังด้วย กดขี่ความคิดอิสระสร้างสรรค์ของประชาชนพัฒนานวัตกรรมใหม่พัฒนาชาติให้ล้ำสมัยไม่แพ้ชาติใดในโลก,ตลอดคนไทยต้องพ้นสถานะยากจนจริงๆกันเสียที,ปล่อยให้ต่างชาติมาปล้นทรัพยากรมีค่ามากมายเราง่ายดายสะดวกสบายเกินไปจนคนไทยยากจนเป็นอันมากเมื่อศักยภาพเราสุดยอดขนาดนั้น ตีมูลค่าทรัพยากรมีค่าเราอาจกว่า100,000ล้านล้านบาท มิใช่ 4-5หมื่นล้านล้านบาทหรอก,แค่ขุดคลองคอดกระ ทำรั้วลวดหนามกั้นไทยกับมาเลย์ชัดเจน ciaอเมริกาก็ปั่นป่วนภาคใต้เรากับมาเลย์ลูกน้องอเมริกาซาอุฯก็ไม่ง่ายแล้ว, คลองคอดกระ ทางแลนด์บริดจ์ พื้นที่ภาคใต้เกือบทั้งหมด สามารถเป็นฮับสำนักใหญ่ของแต่ละชาติมาค้าขายทำตลาดระดับโลกฮับของโลกสบายมาก ไม่ใช้ทรัพยากรไทยก็ตีมูลค่ารายได้กว่า1,000ล้านล้านบาทต่อปี ได้สบาย,อนาคตคนไทยระดับจิตใจดีจะแยกแยะดีชั่วและกระบวนการโปร่งใส สามารถปกป้องคุ้มครองทั้งคนไทยเราและคู่ค้าให้ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเขา นักท่องเที่ยวนักธุรกิจย่อมชื่นชอบประเทศไทยเพิ่มคน ,คือเม็ดเงินมหาศาลหลากหลายช่องทางเข้าประเทศไทยเราแน่นอน,เราจะจัดสรรเม็ดเงินนี้ให้คนไทยเราร่ำรวยจริงแค่ไหนแค่นั้นล่ะ,แต่หากยังมีวิถีปกครองกากๆแบบนี้ต่อไปตลอดไป ก็ฝันเลยว่าประชาชนคนไทยจะพ้นสถานะความยากจน มีแต่เอารัดเอาเปรียบรีดไถประชาชนคนไทยตนผ่านกฎหมายเลวชั่วสาระพัด ดูแหล่งปิโตรเลียมชัดเจน ถ้าประเทศไทยนำโดยภาคประชาชนคนไทยทำเอง มิใช่ผีบ้าพวกรัฐบาลห่าเหวในอดีตนั้นทำ ไปยกบ่อน้ำมันให้ต่างชาติ รัฐบาลกบฎทรยศประชาชนตนเสียเอง สภาพคนไทยปัจจุบันก็ไม่เป็นแบบนี้ และล่าสุดดูเขมรนี้ล่ะ ฝีมือนักการเมืองและทหารทรยศไส้ศึกชัดเจนบนแผ่นดินไทยเรา,เช่นนั้นจะไม่เป็นแบบนี้เลย,อนาคตรีดภาษีจากประชาชนอีก ทั้งที่ระบบยังกากอยู่แฮกข้อมูลเป็นว่าเล่น ดูดตังคนไทยสนุกมือบัญชี จะไว้วางใจว่าจะแก้ไขความยากจนของคนไทยได้อย่างไร,ทั้งที่จริงๆเงินเถื่อนเงินนอกระบบเงินฟอกเงินเทาตรึมในวงจรอุบาทก์นี้ทั่วไทย ยังจัดการไม่ได้ ยาบ้ายังไร้ปัญญาจัดการจริงเลย,ภาษีที่รีดไถประชาชนจริงๆและปีละกว่าแสนล้านบาทคือภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีน้ำมันต่างหาก,ประเทศไทยแค่ยึดบ่อน้ำมันคืนก็ร่ำรวยแล้ว พลังงานสะอาดอื่นๆอีกต่อยอดได้สบาย,ภาษีบุคคลและนิติบุคคลกิจการบริษัทต่างๆแค่4-5พันล้านบาท มากสุดมนุษย์เงินเดือนแค่7-8พันล้านถั่วเฉลี่ย5-10ปีที่ผ่านๆมาอาจไม่ถึงด้วยซ้ำ,มุกภาษีNITนี้คือมุกนักการเมืองชั่วๆเลวๆจะควบคุมคนไทยนี้ล่ะ เชื่อมสุขภาพอีก ใครยังไม่ฉีดวัคซีน มันจะได้รู้และบังคับควบคุมได้โดยสร้างเงื่อนไขว่า หากไม่ฉีดจะตัดสวัสดิการทั้งหมดของรัฐที่ให้ไป,คือมันจะหามุกมาเรื่อยๆล่ะ คณะรวมพลังแผ่นดินไทยเราจึงต้องสามัคคีกันทำให้สุดซอยเพื่อเรา..ประชาชนคนไทยเราสู่ยุคใหม่จริงๆ. https://youtube.com/live/qyP5nsDRofk?si=IZhFf7d3BcxF7KUq
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 Comments 0 Shares 99 Views 0 Reviews
  • นายสมชาย แสวงการ อดีต สว. เดินทางเข้าฟังการไต่สวนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่นัดไต่สวน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ในคดีคลิปเสียงสนทนากับ นานฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เชื่อว่าทั้งผู้ถูกร้องและพยาน ให้การตรงไปตรงมา คลิปดังกล่าวทำให้เกิดข้อพิพาทโจมตีไปมาระหว่างผู้นำ 2 ตระกูล นำไปสู่การเคลื่อนกำลังทหารปะทะกัน ประชาชนล้มตาย โดยในการเจรจาระหว่างผู้นำประเทศทั้งโลก จะมี Protocal ชัดเจนว่าบันทึกเทป กลั่นกรองจากหน่วยงานความมั่นคง มีคนของรัฐนั่งอยู่ด้วย ไม่มีโทรศัพท์ส่วนตัว คลิปเสียงเกิดข้อผิดพลาด นำไปสู่การยื่นผิดจริยธรรมร้ายแรง ไม่ซื่อสัตย์สุจริต ในประมวลจริยธรรมข้าราชการการเมืองผิดหลายข้อ หากลาออกก่อนศาลจะจำหน่ายคดี ท่านก็จะปลอดภัย มีเวลาตัดสินใจอีก 7 วัน ก่อนถึง 29 ส.ค. นี้ เชื่อว่าผลจะออกมาแบบคดีนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมา ตั้งแต่คดีนายสมัคร สุนทรเวช น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายเศรษฐา ทวีสิน 3 คดีมัดรวมกันยังน้อยกว่าคดีน.ส.แพทองธาร เกินครึ่ง คดีนี้หนักมาก แนะนำวันเกิดขอให้ลาออก
    นายสมชาย แสวงการ อดีต สว. เดินทางเข้าฟังการไต่สวนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่นัดไต่สวน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ในคดีคลิปเสียงสนทนากับ นานฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เชื่อว่าทั้งผู้ถูกร้องและพยาน ให้การตรงไปตรงมา คลิปดังกล่าวทำให้เกิดข้อพิพาทโจมตีไปมาระหว่างผู้นำ 2 ตระกูล นำไปสู่การเคลื่อนกำลังทหารปะทะกัน ประชาชนล้มตาย โดยในการเจรจาระหว่างผู้นำประเทศทั้งโลก จะมี Protocal ชัดเจนว่าบันทึกเทป กลั่นกรองจากหน่วยงานความมั่นคง มีคนของรัฐนั่งอยู่ด้วย ไม่มีโทรศัพท์ส่วนตัว คลิปเสียงเกิดข้อผิดพลาด นำไปสู่การยื่นผิดจริยธรรมร้ายแรง ไม่ซื่อสัตย์สุจริต ในประมวลจริยธรรมข้าราชการการเมืองผิดหลายข้อ หากลาออกก่อนศาลจะจำหน่ายคดี ท่านก็จะปลอดภัย มีเวลาตัดสินใจอีก 7 วัน ก่อนถึง 29 ส.ค. นี้ เชื่อว่าผลจะออกมาแบบคดีนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมา ตั้งแต่คดีนายสมัคร สุนทรเวช น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายเศรษฐา ทวีสิน 3 คดีมัดรวมกันยังน้อยกว่าคดีน.ส.แพทองธาร เกินครึ่ง คดีนี้หนักมาก แนะนำวันเกิดขอให้ลาออก
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 332 Views 0 0 Reviews
  • AI ไม่ได้ช่วยทุกคน – เมื่อองค์กรลงทุนใน Generative AI แล้วไม่เห็นผล

    แม้ว่า Generative AI จะถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในวงการธุรกิจ แต่รายงานล่าสุดจาก MIT พบว่า 95% ของโครงการนำ AI ไปใช้ในองค์กรไม่สามารถสร้างผลกระทบที่วัดได้ต่อกำไรหรือรายได้เลย

    รายงานนี้อ้างอิงจากการสัมภาษณ์ผู้บริหาร 150 คน, สำรวจพนักงาน 350 คน และวิเคราะห์การใช้งาน AI จริงกว่า 300 กรณี พบว่าโครงการส่วนใหญ่ “ล้มเหลว” ไม่ใช่เพราะโมเดล AI ทำงานผิดพลาด แต่เพราะ AI ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับกระบวนการทำงานที่มีอยู่แล้วในองค์กรได้

    องค์กรส่วนใหญ่ใช้ AI แบบทั่วไป เช่น ChatGPT โดยไม่ปรับให้เข้ากับบริบทเฉพาะของตน ทำให้เกิดช่องว่างการเรียนรู้ระหว่างเครื่องมือกับผู้ใช้ และโครงการก็หยุดชะงักในที่สุด

    ในทางกลับกัน โครงการที่ประสบความสำเร็จ (เพียง 5%) มักจะเลือก “ปัญหาเดียว” ที่ชัดเจน เช่น การจัดการเอกสาร หรือการตอบอีเมล แล้วใช้ AI แบบเฉพาะทางร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญ

    MIT ยังพบว่า AI มีประโยชน์สูงสุดในงานหลังบ้าน เช่น การจัดการข้อมูล, การลดการจ้างงานภายนอก และการทำงานซ้ำ ๆ แต่กว่า 50% ของงบประมาณ AI กลับถูกใช้ในงานขายและการตลาด ซึ่งยังต้องพึ่งพามนุษย์เป็นหลัก

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    MIT พบว่า 95% ของโครงการนำ Generative AI ไปใช้ในองค์กรไม่มีผลต่อกำไรหรือรายได้
    รายงานอ้างอิงจากการสัมภาษณ์ 150 คน, สำรวจ 350 คน และวิเคราะห์ 300 กรณี
    สาเหตุหลักคือ AI ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับกระบวนการทำงานขององค์กร
    โครงการที่ประสบความสำเร็จมักเลือกปัญหาเดียวและใช้เครื่องมือเฉพาะทาง
    AI มีประโยชน์สูงสุดในงานหลังบ้าน เช่น การจัดการข้อมูลและงานซ้ำ ๆ
    กว่า 50% ของงบประมาณ AI ถูกใช้ในงานขายและการตลาด ซึ่งไม่เหมาะกับ AI
    โครงการที่ใช้ผู้ให้บริการ AI เฉพาะทางมีอัตราความสำเร็จ 2 ใน 3
    โครงการที่พัฒนา AI ภายในองค์กรมีอัตราความสำเร็จเพียง 1 ใน 3
    องค์กรในอุตสาหกรรมที่มีการกำกับดูแลสูง เช่น การเงินและสุขภาพ มักเลือกพัฒนา AI เอง
    AI ส่งผลต่อแรงงานโดยทำให้ตำแหน่งงานที่ว่างไม่ถูกแทนที่ โดยเฉพาะงานระดับต้น

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ NANDA ของ MIT ชื่อว่า “The GenAI Divide”
    บริษัทที่ประสบความสำเร็จมักเป็นสตาร์ตอัปที่มีทีมเล็กและเป้าหมายชัดเจน
    การใช้ AI ในงานขายอาจไม่เหมาะ เพราะผู้ซื้อยังเป็นมนุษย์ที่ต้องการปฏิสัมพันธ์
    การใช้ AI ในงานหลังบ้านช่วยลดต้นทุนจากการจ้างงานภายนอกและเอเจนซี่
    การไม่แทนที่ตำแหน่งงานที่ว่างอาจเป็นสัญญาณของการลดแรงงานในระยะยาว
    CEO หลายคนเตือนว่า AI อาจแทนที่งานระดับต้นถึง 50% ภายใน 5 ปี

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/95-percent-of-generative-ai-implementations-in-enterprise-have-no-measurable-impact-on-p-and-l-says-mit-flawed-integration-key-reason-why-ai-projects-underperform
    🧠 AI ไม่ได้ช่วยทุกคน – เมื่อองค์กรลงทุนใน Generative AI แล้วไม่เห็นผล แม้ว่า Generative AI จะถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในวงการธุรกิจ แต่รายงานล่าสุดจาก MIT พบว่า 95% ของโครงการนำ AI ไปใช้ในองค์กรไม่สามารถสร้างผลกระทบที่วัดได้ต่อกำไรหรือรายได้เลย รายงานนี้อ้างอิงจากการสัมภาษณ์ผู้บริหาร 150 คน, สำรวจพนักงาน 350 คน และวิเคราะห์การใช้งาน AI จริงกว่า 300 กรณี พบว่าโครงการส่วนใหญ่ “ล้มเหลว” ไม่ใช่เพราะโมเดล AI ทำงานผิดพลาด แต่เพราะ AI ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับกระบวนการทำงานที่มีอยู่แล้วในองค์กรได้ องค์กรส่วนใหญ่ใช้ AI แบบทั่วไป เช่น ChatGPT โดยไม่ปรับให้เข้ากับบริบทเฉพาะของตน ทำให้เกิดช่องว่างการเรียนรู้ระหว่างเครื่องมือกับผู้ใช้ และโครงการก็หยุดชะงักในที่สุด ในทางกลับกัน โครงการที่ประสบความสำเร็จ (เพียง 5%) มักจะเลือก “ปัญหาเดียว” ที่ชัดเจน เช่น การจัดการเอกสาร หรือการตอบอีเมล แล้วใช้ AI แบบเฉพาะทางร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญ MIT ยังพบว่า AI มีประโยชน์สูงสุดในงานหลังบ้าน เช่น การจัดการข้อมูล, การลดการจ้างงานภายนอก และการทำงานซ้ำ ๆ แต่กว่า 50% ของงบประมาณ AI กลับถูกใช้ในงานขายและการตลาด ซึ่งยังต้องพึ่งพามนุษย์เป็นหลัก 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ MIT พบว่า 95% ของโครงการนำ Generative AI ไปใช้ในองค์กรไม่มีผลต่อกำไรหรือรายได้ ➡️ รายงานอ้างอิงจากการสัมภาษณ์ 150 คน, สำรวจ 350 คน และวิเคราะห์ 300 กรณี ➡️ สาเหตุหลักคือ AI ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับกระบวนการทำงานขององค์กร ➡️ โครงการที่ประสบความสำเร็จมักเลือกปัญหาเดียวและใช้เครื่องมือเฉพาะทาง ➡️ AI มีประโยชน์สูงสุดในงานหลังบ้าน เช่น การจัดการข้อมูลและงานซ้ำ ๆ ➡️ กว่า 50% ของงบประมาณ AI ถูกใช้ในงานขายและการตลาด ซึ่งไม่เหมาะกับ AI ➡️ โครงการที่ใช้ผู้ให้บริการ AI เฉพาะทางมีอัตราความสำเร็จ 2 ใน 3 ➡️ โครงการที่พัฒนา AI ภายในองค์กรมีอัตราความสำเร็จเพียง 1 ใน 3 ➡️ องค์กรในอุตสาหกรรมที่มีการกำกับดูแลสูง เช่น การเงินและสุขภาพ มักเลือกพัฒนา AI เอง ➡️ AI ส่งผลต่อแรงงานโดยทำให้ตำแหน่งงานที่ว่างไม่ถูกแทนที่ โดยเฉพาะงานระดับต้น ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ NANDA ของ MIT ชื่อว่า “The GenAI Divide” ➡️ บริษัทที่ประสบความสำเร็จมักเป็นสตาร์ตอัปที่มีทีมเล็กและเป้าหมายชัดเจน ➡️ การใช้ AI ในงานขายอาจไม่เหมาะ เพราะผู้ซื้อยังเป็นมนุษย์ที่ต้องการปฏิสัมพันธ์ ➡️ การใช้ AI ในงานหลังบ้านช่วยลดต้นทุนจากการจ้างงานภายนอกและเอเจนซี่ ➡️ การไม่แทนที่ตำแหน่งงานที่ว่างอาจเป็นสัญญาณของการลดแรงงานในระยะยาว ➡️ CEO หลายคนเตือนว่า AI อาจแทนที่งานระดับต้นถึง 50% ภายใน 5 ปี https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/95-percent-of-generative-ai-implementations-in-enterprise-have-no-measurable-impact-on-p-and-l-says-mit-flawed-integration-key-reason-why-ai-projects-underperform
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    95% of generative AI implementations in enterprise 'have no measurable impact on P&L', says MIT — flawed integration cited as why AI projects underperform
    AI is a powerful tool, but only if used correctly. | The study shows that AI tools must adjust to the organization’s processes for it to work effectively.
    0 Comments 0 Shares 65 Views 0 Reviews
  • Intel กำลังหายใจ – เมื่อยักษ์ใหญ่ต้องลดราคาหุ้นเพื่อความอยู่รอด

    ในเดือนสิงหาคม 2025 Intel กำลังเจรจากับนักลงทุนรายใหญ่เพื่อขอเงินทุนเพิ่มผ่านการขายหุ้นในราคาส่วนลด หลังจากเพิ่งได้รับเงินลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์จาก SoftBank ที่ซื้อหุ้นในราคา $23 ต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าราคาปิดเล็กน้อย

    การระดมทุนนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความพยายามของ Intel ที่จะฟื้นฟูธุรกิจผลิตชิปในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในตลาด AI ที่ถูกครอบครองโดย Nvidia และ TSMC มานานหลายปี เนื่องจากความผิดพลาดในการบริหารและการพัฒนาเทคโนโลยีที่ล่าช้า

    รัฐบาลสหรัฐฯ โดยรัฐมนตรีพาณิชย์ Howard Lutnick เสนอให้เปลี่ยนเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นหุ้นของ Intel ซึ่งอาจทำให้รัฐบาลถือหุ้นถึง 10% และกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด

    Intel ต้องการเงินทุนมหาศาลถึง $40 พันล้านเพื่อแข่งขันในตลาดชิประดับสูง โดยเฉพาะโครงการโรงงานผลิตชิปในรัฐโอไฮโอที่ล่าช้ามาหลายปี และการยกเลิกโครงการในเยอรมนีและโปแลนด์

    แม้ SoftBank จะไม่ขอที่นั่งในบอร์ด แต่การลงทุนครั้งนี้ถือเป็น “เดิมพัน” ว่า Intel จะสามารถพลิกสถานการณ์ได้ และกลับมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมชิปอีกครั้ง

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Intel กำลังเจรจากับนักลงทุนรายใหญ่เพื่อระดมทุนผ่านการขายหุ้นราคาส่วนลด
    SoftBank ลงทุน $2 พันล้าน ซื้อหุ้นที่ $23 ต่อหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 2%
    หุ้น Intel ร่วง 7% หลังข่าวการระดมทุนเพิ่มเติม
    รัฐบาลสหรัฐฯ เสนอเปลี่ยนเงินสนับสนุน CHIPS Act เป็นหุ้นของ Intel
    หากเปลี่ยนทั้งหมด รัฐบาลจะถือหุ้นถึง 10%
    Intel ต้องการเงินทุนรวมประมาณ $40 พันล้านเพื่อแข่งขันในตลาดชิป
    โครงการโรงงานในโอไฮโอล่าช้า และโครงการในเยอรมนี-โปแลนด์ถูกยกเลิก
    SoftBank ไม่ขอที่นั่งในบอร์ด และไม่มีข้อผูกพันในการซื้อชิปจาก Intel
    CEO คนใหม่ Lip-Bu Tan เข้ามาแทน Pat Gelsinger ตั้งแต่มีนาคม 2025
    Intel เคยขาดทุน $18.8 พันล้านในปี 2024 ซึ่งเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1986

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    SoftBank มีแผนลงทุน $30 พันล้านใน OpenAI และโครงการ Stargate ร่วมกับ Oracle
    Foxconn จะผลิตอุปกรณ์ดาต้าเซ็นเตอร์ในโรงงานเดิมที่โอไฮโอให้ SoftBank
    BlackRock และ Vanguard เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Intel อยู่แล้ว
    การถือหุ้นโดยรัฐบาลสหรัฐฯ อาจเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารของ Intel
    ตลาดชิป AI มีมูลค่ามากกว่า $500 พันล้าน และเติบโตอย่างรวดเร็ว
    Intel ยังไม่มีลูกค้าหลักในธุรกิจผลิตชิปตามสั่ง (foundry)

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/20/intel-in-talks-with-large-investors-for-equity-boost-at-discount-cnbc-reports
    💬 Intel กำลังหายใจ – เมื่อยักษ์ใหญ่ต้องลดราคาหุ้นเพื่อความอยู่รอด ในเดือนสิงหาคม 2025 Intel กำลังเจรจากับนักลงทุนรายใหญ่เพื่อขอเงินทุนเพิ่มผ่านการขายหุ้นในราคาส่วนลด หลังจากเพิ่งได้รับเงินลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์จาก SoftBank ที่ซื้อหุ้นในราคา $23 ต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าราคาปิดเล็กน้อย การระดมทุนนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความพยายามของ Intel ที่จะฟื้นฟูธุรกิจผลิตชิปในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในตลาด AI ที่ถูกครอบครองโดย Nvidia และ TSMC มานานหลายปี เนื่องจากความผิดพลาดในการบริหารและการพัฒนาเทคโนโลยีที่ล่าช้า รัฐบาลสหรัฐฯ โดยรัฐมนตรีพาณิชย์ Howard Lutnick เสนอให้เปลี่ยนเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นหุ้นของ Intel ซึ่งอาจทำให้รัฐบาลถือหุ้นถึง 10% และกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด Intel ต้องการเงินทุนมหาศาลถึง $40 พันล้านเพื่อแข่งขันในตลาดชิประดับสูง โดยเฉพาะโครงการโรงงานผลิตชิปในรัฐโอไฮโอที่ล่าช้ามาหลายปี และการยกเลิกโครงการในเยอรมนีและโปแลนด์ แม้ SoftBank จะไม่ขอที่นั่งในบอร์ด แต่การลงทุนครั้งนี้ถือเป็น “เดิมพัน” ว่า Intel จะสามารถพลิกสถานการณ์ได้ และกลับมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมชิปอีกครั้ง 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Intel กำลังเจรจากับนักลงทุนรายใหญ่เพื่อระดมทุนผ่านการขายหุ้นราคาส่วนลด ➡️ SoftBank ลงทุน $2 พันล้าน ซื้อหุ้นที่ $23 ต่อหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 2% ➡️ หุ้น Intel ร่วง 7% หลังข่าวการระดมทุนเพิ่มเติม ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ เสนอเปลี่ยนเงินสนับสนุน CHIPS Act เป็นหุ้นของ Intel ➡️ หากเปลี่ยนทั้งหมด รัฐบาลจะถือหุ้นถึง 10% ➡️ Intel ต้องการเงินทุนรวมประมาณ $40 พันล้านเพื่อแข่งขันในตลาดชิป ➡️ โครงการโรงงานในโอไฮโอล่าช้า และโครงการในเยอรมนี-โปแลนด์ถูกยกเลิก ➡️ SoftBank ไม่ขอที่นั่งในบอร์ด และไม่มีข้อผูกพันในการซื้อชิปจาก Intel ➡️ CEO คนใหม่ Lip-Bu Tan เข้ามาแทน Pat Gelsinger ตั้งแต่มีนาคม 2025 ➡️ Intel เคยขาดทุน $18.8 พันล้านในปี 2024 ซึ่งเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1986 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ SoftBank มีแผนลงทุน $30 พันล้านใน OpenAI และโครงการ Stargate ร่วมกับ Oracle ➡️ Foxconn จะผลิตอุปกรณ์ดาต้าเซ็นเตอร์ในโรงงานเดิมที่โอไฮโอให้ SoftBank ➡️ BlackRock และ Vanguard เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Intel อยู่แล้ว ➡️ การถือหุ้นโดยรัฐบาลสหรัฐฯ อาจเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารของ Intel ➡️ ตลาดชิป AI มีมูลค่ามากกว่า $500 พันล้าน และเติบโตอย่างรวดเร็ว ➡️ Intel ยังไม่มีลูกค้าหลักในธุรกิจผลิตชิปตามสั่ง (foundry) https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/20/intel-in-talks-with-large-investors-for-equity-boost-at-discount-cnbc-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Intel in talks with large investors for equity boost at discount, CNBC reports
    (Reuters) -Intel is in talks with other large investors to receive an equity infusion at a discounted price, CNBC reported on Wednesday, just days after the chipmaker got a $2 billion capital injection from SoftBank Group.
    0 Comments 0 Shares 73 Views 0 Reviews
  • ผีบ้าร่ายเสียยาว.อย่าว่ากันเด้อใครที่ผ่านเข้ามาในบ้านในเพจเรา.555

    ..มั่ว ระบบมั่ว,แค่อยากเก็บตังจากประชาชนให้มากๆเท่านั้น,กฎหมายลักหลับประชาชน จะหลอยหลอนออกทีหลังที่บ้านเมืองโกลาหลวุ่นวายตลอด โป๊กเกอร์คือตัวอย่าง อะไรที่ไม่สำเร็จในยุคโทนี่ สำเร็จเกือบหมดในยุคยึดอำนาจจาก กปปส.ถวายพาน,นี้ก็ด้วย พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศก็ผ่านแล้ว,นี้ก็อีกมัดมือชกตอนไทยทหารไทยและประชาชนกำลังต่อสู้กับภัยอธิปไตยชาติไทย เสือกหน้ามึนมาบังคับประกาศให้ประชาชนต้องทำตามคลังจากสมัยรัฐบาลที่ทหารเป็นฝ่ายตรงข้ามเรานะ กะผูกผันต้องทำตามนะ,เป็นท่านนี้ถ้าได้เป็นนายกฯนะจะยกเลิกทันทีเช่นกัน,ล้างระบบทั้งหมดผีบ้าออกก่อน สไตล์ซาตานอีลิทเอาตังล่อคนไทยเหมือนเดิมเพื่อตอนควายวัวแพะแกะเข้าระบบควบคุมมนุษย์มันอย่างสมบูรณ์อนาคตคงฝังชิปใส่ตัวทุกๆคนไทยเพื่อเข้าถึงสวัสดิการทั้งหมดล่ะ,คือเอาสวัสดิการมาล่อ,แบบเดอะแก๊งเงินบุญหรือเดอะแก๊งgesara nesaraตังUBIเอย ปลดหนี้สินเด็กๆนักเรียนนักศึกษาและประชาชนเอย,แนวคิดโคตรพ่อโคตรแมร่งมันมาจากอเมริกาอีกล่ะ,ล้างสมองผ่านสิ่งนี้ เพราะท้ายสุดพ่อมันตายสิ่งนี้ก็ยังไม่เห็นจริงสักที เขมรว่าสันดานโคตรตอแหลหลอกลวงแล้ว อเมริกายิ่งโคตรมหาตอแหลหลอกลวงอีก กูรูสายฝ่ายแสงไทยบอกว่าตังโอนเข้าประเทศไทยแล้วกว่า1×10¹²⁰ แค่1×10²⁰ก็บุญหัวแล้ว คนไทยจะได้ตังร่ำรวยขนาดไหน แต่ขอโทษ อเมริกาได้100,000$/เดือน ,ไทยได้25,000บาทต่อเดือนพะนะ,หรือ1,000,000บาทแค่40เดือนพอ,อเมริกาปล้นตังวาติกันได้กว่า1×10⁸⁰⁰โน้นหรือบางคนว่า1×10¹⁰⁰⁰ ,กูรูบางคนว่าประเทศไทยเป็นฮับปลดปล่อย โอนมารอกดปุ่มแล้ว1×10²⁰⁰เบื้องต้น,เริ่มหลังagenda30สำเร็จมันว่า ,ไทยคง2570เร่งเร็วขึ้น,ญี่ปุ่นปลดปล่อยnesaraแล้วพะนะ,คือมโนมากๆน่าจะเดอะแก๊งคอลเซนเตอร์เขมรนี้ล่ะ เก็งกำไรUSDสกุลรุ้งด้วยก็ว่า,ลงตามค่าครองชีพของแต่ละประเทศ,จากUBIกลายเป็นNITเสียแล้ว,แบบมุกค่าแรงอเมริกา3,000$ต่อวัน,ไทยไม่น้อยหน้าอวด300฿ต่อวันสู้โน้น,ตัดศูนย์ไม่หนึ่งตัว,สกุลแลกเปลี่ยน1$:35฿อีก มันคนละเรื่องเลย.

    ..จริงๆรัฐบาลนี้ไม่เหมาะสมในช่วงจังหวะนี้จะทำใดๆ,เพราะระบบยังไม่น่าเชื่อถือถูกแฮกเกอร์ดูดได้ปกติอยู่คือยังกากนั้นเอง,
    ..ภาษีจริงๆได้มาจากภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีปิโตรเลียมโดยส่วนใหญ่ ภาษีประชาชนจ่ายมากกว่าภาษีบริษัทนิติบุคคลอีกด้วย,รีดตังจากประชาชนดีๆนี้ล่ะ,ประชาชนไม่เกี่ยวเลยว่ารวมกันจ่ายหรือเก็บได้น้อย คนทำงานจ่ายมาก ต้องมาแบกภาระช่วยคนไม่ทำงาน ,ตรรกะนี้ถือว่าไม่สมควรมีรัฐบาลเพื่ออยู่ประจำชาติไทย,ตั้งบริษัทประเทศไทยแทนชื่อว่ารัฐบาลเถอะ,บริหารแบบบริษัทไป,หรือบริหารแบบกองทุนหมู่บ้านที่เข้มแข็งแทน เช่นกองทุนหมู่บ้านแห่งชาติแลนด์บริดจ์และคลองคอดกระเป็นต้น เป็นเจ้าของและร่วมบริหารจัดการจริง,มิใช่แบบรัฐบาลยกให้เอกชนต่างชาติหรือเอกชนไทยไปแดกตังจนร่ำรวยแบบยกบ่อน้ำมันทั่วประเทศไทยไปสำเร็จมาแล้ว,เนื้องานภาษีจริงๆคือภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีปิโตรเลียม รัฐบาลยึดอำนาจหากไม่ลดนั้นนี้ให้ต่างชาติหรือยึดทำบ่อน้ำมันเองจะพลิกเป็นร่ำรวยทันที,ภาษีบุุคคลธรรมดาจึงกากมากไม่กี่หมื่นล้านบาทต่อปี จากอดีต4-5พันล้านบาทต่อปีโดยเฉลี่ย,ส่วนภาษีนิติบุคคลยิ่งเก็บภาษีได้กากมาก3-4พันล้านบาทเอง,รัฐบาลจึงอ้างคนไทยทั้งประเทศต้องเข้าระบบภาษีทุกๆคนเพื่อป้องกันการเก็บภาษีหลุดออกจากระบบให้เก็บได้มากๆจึงเป็นตรรกขี้หมามากเล่าความเท็จโกหกแหกตาประชาชนแบบฉีดวัคซีนนั้นล่ะ ฉีดสารพิษเข้าร่างกายแท้ๆแต่รัฐบาลกลับปกปิดถึงปัจจุบัน ไม่มีความรับผิดชอบในชีวิตประชาชนเลยที่ตนทำกิจกรรมกิจการการเป็นรัฐบาลที่ผิดพลาด,นี้NITนี้ต้องการติดตามกิจกรรม สอดแนมวิถีชีวิตประชาชนแค่นั้นสังเกตุคือผีบ้าอ้างเชื่อมโยงสุขภาพจะเน้นๆกว่าสะท้อนการช่วยเหลือทางการเงิน,อนาคตคือคุณไม่มีอะไรใดๆเลย คุณจะมีความสุขนั้นล่ะ,แม้แต่ชีวิตหรือจิตวิญญาณคุณก็จะไม่เหลือ,คำว่ารัฐบาลเราต้องยกเลิกการใช้คำจริงๆ มันคือการบริหารกิจการประเทศผ่านชื่อสมมุติว่ารัฐบาลนี้ล่ะแต่ภาคประชาชนกลับไม่สามารถจัดการรัฐบาลตนเองได้,ไล่ออกรัฐบาลไม่ซื่อสัตย์ก็ไม่ได้ ยังมีพนักงานบัดสบรากงอกในบริษัทรัฐบาลนี้ปกติ ไปแค่นักการเมืองประมาณนั้นที่เชื่อว่าชั่วแต่โคตรชั่วไม่แพ้กันคือพวกรากงอกสร้างระบบเจ้าพ่ออิทธิพลทั่วเต็มบริษัทรัฐบาลนี้ล่ะ,

    ..จึงต้องล้างระบบทิ้งทั้งหมดจริงๆก่อน,ระบบภาษีล้างทิ้งทั้งหมดด้วยแล้วสร้างใหม่ สวัสดิการและภาษีที่ซ้ำๆซ้อนๆกัน เก็บเอาเปรียบคนไทยทุกๆคนจะคนธรรมดาหรือเจ้าของกิจการก็ต้องยกเลิกด้วย,ง่ายๆคือล้างกระดานใหม่ทั้งหมด.

    ..มโนเล่นๆ สมมุติไทยเข้าถึงระบบควอนตัมแล้วมีฐานมหาบิ๊กดาต้าพร้อมรับเข้าส่งออกเรียลไทม์มหาศาลแล้ว.,"บริษัทกองทุนประเทศไทย" ชื่อแทนชื่อรัฐบาลไทย,แจกมือถือควอนตัมคุณภาพสูงทุกๆคนไทยห้ามฝังชิปใส่ตัว,ทำธุรกรรมการเงินเรื่องตังจะใช้จ่ายจะรับเข้าให้ใช้มือถือแทน แน่นอนบาทคอยน์อินทนนท์มาใช้ในที่นี้จริงนั้นเอง,ตื๊ดๆตื๊ดๆรับเข้าโอนออก จ่ายออก ได้ตังมา ใช้มือถือควอนตัมนี้จบ,จะจบการทุจริตเงินมืดเงินเทาเงินเถื่อนเงินใต้โต๊ะเงินซื้อเสียงเงินขานเสียงเงินฮั๊วเงินถุงขนมตกหน้าศาล เงินแจกกล้วยในทั้งสภาได้เลยก็ว่าและเงินสาระพัดชั่วเลวระยำใดๆจะสิ้นซากหมด สามารถตามติดธุรกรรมเลวชั่วได้เรียลไทม์ทั้งหมดด้วย เป็นต้น,1คนไทย1 IDบัตรปชช.1 เลขมือถือควอนตัม 1บัญชีตังดิจิดัลบาทคอยน์อินทนนท์เท่านั้น จะมี1บาทคอยน์หรือ10ล้านล้านบาทคอยน์ก็มีได้แค่1บัญชีธนาคารตังดิจิดัลส่วนตัวเอกเทศปัจเจกบุคคลของใครของมันเฉพาะตัว,จากนั้นคุณจะอัดสวัสดิการใดๆ ล้างหนี้ประชาชนใดๆ เก็บภาษีลักษณะใดๆระบบจะรันอัตโนมัติคิดคำนวนอัตโนมัติเรียลไทม์ให้แบบเชื่อมต่อเน็ตstarlinkนั้นล่ะ อยู่ทุกๆที่ทุกๆเวลาทำทุกๆธุรกรรมการเงินได้,นี้คือการว่าด้วยตังเพียว,สามารถเก็บภาษีสินค้าอุปโภคและบริโภคอย่างเดียวก็ได้,สามารถเก็บภาษีเงินไหลเข้าตังไหลเข้ามือถือคนๆนั้นฝ่ายเดียวก็ได้เพื่อบรรลุเป้าหมายว่าคุณมีรายได้รับเข้ามาจริงแล้วต้องจ่ายส่วยจ่ายตังจ่ายภาษีให้เสียดีๆก็ว่า,เช่นเงินเข้า100บาท ระบบก็หักอัตโมัติ0.01บาทเป็นภาษีเงินเข้ารายรับรายได้ประชาชนจริง,เหลือคือ99.99บาทก็ไปรวมยอดสะสมที่มือถือนั้นสามารถตื๊ดๆใช้จ่ายออกไปได้จริงต่อไป,ใครตังเข้ามือถือหักออโต้ก็ว่า,ตลอดธุรกรรมจับจ่ายแลกเปลี่ยนโอนตังออก รับตังเข้า กระแสเงินสะพัดหมุนเวียนทั่วไทยและทั่วโลกของคนไทยค้าขายคือวันละ100ล้านล้านบาทต่อวันแบบเวอร์ๆ,ตังที่เก็บหักออโต้ได้คือ0.01ล้านล้านบาทต่อวันนั้นเอง,กรณีบวกสาระพัดจาก0.01+0.07กรณีภาษีมูลค่าเพิ่มด้วยก็คือ0.08,หรือvatแบบผีบ้าnesaraมันคิดเหมารวมที่0.14+0.01=0.15ก็สบายมาก ,จะเป็น0.15ล้านล้านบาทต่อวันหักออโต้เป็นตัวภาษีชาติไทยทันที,100วันคือ15ล้านล้านบาท,200วันคือ30ล้านล้านบาท,300วันคือ45ล้านล้านบาท,คือไม่เก็บภาษีใดๆเลย,ให้ประชาชนทำกิจกรรมเต็มที่ ใครอยากเปิดบริษัทไม่ต้องเสียภาษีนิติบุคคล,ประชาชนมนุษย์เงินเดือนใดๆไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอะไรใดๆ,และภาษีอื่นๆก็ว่า,โดยทั้งหมดค่อยๆคลายปลดไป,จนหมดจนสมดุลได้ดังเป้า ค้าขายฮับไทยระดับโลกก็ว่า,ใครมาทำธุรกรรมบนแผ่นดิน มาเปิดสาขาตั้งสำนักงานใดๆใหญ่น้อยเข้าระบบเราคือจบ,บาทคอยน์คือสกุลเงินโลกอาจไม่ผิด ใครทำธุรกรรมผ่านบาทคอยน์เสีย0.15ไปเลยก็ว่า,หรือ0.01กรณีโอนตังรับตังเข้ามือถือมิใช่ค้าขายการตลาดหรือบริษัท.,คือเสน่หาก็ว่า, นี้มโนเพียวๆ,ระบบไทยเรากากมั้ย ถ้าล้ำๆแบบทำที่ว่าได้ทันทีมั้ย,เงินมืดเงินเทาจะตายทันที,คนควบคุมตังดิจิดัลบาทคอยน์ของไทยจึงสำคัญมากๆ,เสือกคีย์ตังผีบ้าตีประเมินผีบ้าคีย์ตัวเลขสัก10ล้านล้านบาทหรือ1,000ล้านล้านบาทคอยน์บรรลัยกินทั้งระบบแน่นอนคือฟอกเงินให้ตังเทาพินาศแน่นอนนั่นเอง,ทั้งเงินใต้ดินเงินเทาเงินเถื่อนเงินที่เข้าใจว่าหนีภาษีสไตล์นักการเมืองแหกตาหรือคนราชการแหกอกว่าฉันต้องใช้NITกับประชาชนทุกๆคนนะจะจบไปทันที,ตังเถื่อนๆใต้เงินพวกนั้นจะไร้ค่่ของจริงทันที,อย่าว่าแต่หนีภาษีที่ฉันรัฐบาลอยากเก็บภาษีกับเงินห่าเหวพวกนี้เลย,บาทเดียวสลึงเดียวอาจไม่ได้เลยเพราะระบบตังดิจิดัลที่ว่าฆ่าทิ้งพวกนั้นนี้หมด,แบงค์ชาติเอาจริงจะไม่ใครในชาติไทยนี้หลบหนีการฟอกเงินได้หรอก,แบงค์ชาติเห็นหมดล่ะทุกๆธุรกรรมของใครๆ,แบงค์ชาติไม่ใช่ของคนไทยแต่เป็นของต่างชาติของอีลิทdeep stateควบคุมสั่งการและก่อตั้ง,แบงค์ชาติผีบ้าอะไรที่รัฐบาลไทยตนเข้าควบคุมสั่งการไม่ได้,แม้ไม่ใช่รัฐบาลทหารไทยเป็นฝ่สยตรงข้ามเราก็เถอะ,เป็นรัฐบาลประชาชนคนดีๆก็ตาม มันเขียนกฎหมายกติกาสาระพัดให้โทษใครก็ตามหมายจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวในกิจกรรมกิจการของเครือข่ายdeep stateสากลข้ามมาไทยยึดไทยมรุงอักเสบแน่ถูกมันจัดการนั้นเอง,
    ..วาระNITเป็นวาระหนึ่งในการควบคุมมนุษย์ของแผนagenda2030นี้ล่ะ,ด้านหนึ่งในหลายๆด้านหลายๆหมากกันผิดพลาดก็ได้ แบบคาร์บอนเครดิตหรือพรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนั้นล่ะ.
    ..NITนี้ยังไม่มีรายละเอียดชี้แจงแก่ประชาชนชัดเจนเข้าใจตรงกันในเนื้อในใดๆเลย กะมาแบบมุกเดิมๆใช้ตังล่อ ทำแล้วได้รับเศษตังนะ บังคับมาทำไวๆเร็วด้วย,ผิดปกติประชาธิปไตย ไร้ลงมติเห็นด้วยหรือไม่แก่ประชาชน มัดมือชกโดยกระบวนฝ่ายราชการประจำอีก,ราชการประจำนี้ล่ะเหี้ยนิ่งเฉยในพื้นที่สระแก้วจนบ้านหนองจานถูกเขมรยึดทำกินเสียนานกว่า30-40ปีหลังหนีตายเขมรแดงมาไทย,ข้าราชการพื้นที่แบบนานอำเภอผู้ว่าฯจังหวัดนั้นๆละเว้นปฏิบัติหน้าที่ถีบเขมรออกจากแผ่นดินไทยชัดเจนด้วย,คือระบบราชการไทยล้มเหลวทั้งระบบในตัวมันเอง กากไร้ประสิทธิภาพด้วย ทุจริตเต็มบ้านเต็มเมืองก็มาจากหน่วยงานราชการเองตนปล่อยปะละเลยในตำแหน่งราชการปกครองจนเหี้ยถึงปัจจุบัน,มารีดไถประชาชนอีกผ่านให้ทุกๆคนเข้าระบบภาษี,เน้นเชื่อมโยงสุขภาพด้วยคือใครยังไม่ฉีดวัคซีน ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งอำนาจข้าราชการประจำกระทรวงทบวงกรมประกาศ กูจะมีสิทธิตัดสิทธิสวัสดิการมรึงๆคนไทยทั้งหมดนะหรือคนไทยคนนั้นๆถ้าขัดขืนไม่ปฏิบัติตามรัฐบอก,คือประชาชนถูกไล่ล่าถีบออกจากพวกได้นั้นเอง,หากยิ่งเจอการปกครองแบบเผด็จการฮุนเซนควบคุมระบบจะมิตายเหรอ,ขนาดกำลังทำสงคราม ยังไม่สงบสุข คลังผีบ้าเสือกกล้าหาญชิงมาประกาศห่าเหวอะไร บังคับคนในอนาคตแบบนั้น,จะมามุกแบบประกาศล่วงหน้าใส่หมวกกันน็อคล่ะ ถึงเวลากูฝ่ายราชการประจำประกาศบังคับใช้เลย,นี้คือเผด็จการจากระบบราชการไทยฝ่ายธุรการราชการไทยชัดเจน,เผลอๆคิดเล่นๆฝ่ายราชการไทยนี้ล่ะแทรกแซงระบบประชาธิปไตย ทำลายประชาธิปไตยคนไทยให้ด้อยค่า,โดยใส่คนของราชการเต็มระบบนักการเมือง,ใส่ชุดนักการเมืองจากนั้นแสดงออกสาระพัดเลวชั่วในคราบนักการเมืองที่ตนสวมใส่ว่านักการเมืองในระบบนี้เลวชั่วช้าอย่างไร แล้วมันก็เขียนกฎหมายชั่วๆเลวๆสาระพัดออกมาใช้บังคับประชาชนโดยอ้างว่านักการเมืองสั่ง นักการเมืองอนุญาตแล้วนะ,มโนในมุมหักมุมว่าเหี้ยคนข้าราชการนี้ล่ะเข้ามาเล่นการเมืองในคราบชุดนักการเมืองแล้วแดกสาระพัดสร้างความเดือดร้อนสาระพัดทิศทั่วไทยหรือคือกลุ่มอนุรักษ์นิยมอำมาตย์เจ้าพระยาขุนเจ้าผู้ดีต่างๆนี้เพื่ออะไร เพื่อตนเองจะได้มีสิทธิอันชอบธรรมคืนสถานะเดิมศักดินาเดิมผู้ดีกลับคืนมาอีกครั้ง,คือผีบ้ายศบ้าตำแหน่งบ้าปกครองให้คนเป็นทาส เห็นคนรับใช้เป็นทาสตนแล้วมีความสุขในการเหยียบมนุษย์ด้วยกันนั้นเองแบบในอดีตที่พวกนี้ชอบชมใจชื่นชูแก่ใจมันนักยิ่งนั้นเอง,เรา..ประชาชนเห็นนักการเมืองเหี้ยนี้เลวชั่วจริง เขียนกฎหมายผีบ้าจริงมากมายด้วย ยังอยากไม่ให้มีสถาบันนักการเมืองหรือสภาเลย.,นี้คือมโนเพียวๆหักมุมอีกด้าน.
    ..ปัจจุบันประเทศไทยสมควรกวาดล้างจริงจังต่อคนชั่วเลวทั้งในระบบนักการเมืองและในระบบราชการกันจริงจังจริงๆ,
    ..ผู้นำผู้ปกครองต้องสไตล์คนอารยะธรรมจักรวาลขั้นสูงลงมาเกิดในมิตินี้ที่ไทยเรา,เป็นนักปกครองมาเกิดด้วยนั้นเอง,เราปกครองกากๆมานานเกินพอแล้ว.,จนเขมรซึ่งคือแค่เขมรยังมาเหยียบประเทศไทยได้,เหยียบย้ำศักดิ์ศรีไม่พอฆ่าเด็กๆเราแบบไม่รู้ตัวด้วย,รัฐบาลชุดทหารเป็นฝ่ายจรงข้ามเราสมควรหมดอำนาจทันทีตั้งแต่ก่อนวันที่28 ก.ค.2568แล้ว,นี้คือความไม่เด็ดขาดของ ผบ.ทหารสูงสุดเรา,ถ้าส่วนตัวเป็นนายกฯจะออกพรก.ฉุกเฉินยึดอำนาจตัวเอง,จากนั้นตั้งบิ๊กปู พนา เป็น ผบ.สูงสุดเลย,รองผบ.สูงสุดคือบิ๊กกุ้ง,คุมทัพจัดการกวาดล้างเขมร เด็ดหัวฮุนเซนฮุนมาเนตทันที, ประสานลาว เวียดนามร่วมรบเพื่อจัดสรรพื้นที่เขมรจริงจัง เพราะไทยยึดเขมรเองจะน่าเกียจเกินไป,จากนั้นเริ่มปฐมบทกวาดล้างสิ่งสกปรกจริงทั้งแผ่นดินไทยจริงๆเพื่ออัพเรเวลใหม่สู่ยุคอารยะธรรมท่องจักรวาลจริงๆ.,เรื่องเขมรเป็นอะไรที่ไร้สาระมาก,ทุบทิ้งลบชื่อเขมรออกจากแผ่นที่โลกเลย.,อนาคตชื่อประเทศเขมรไม่ปรากฎในคำทำนายก็เป็นเพราะเหตุนี้ด้วยมิใช่แค่แผ่นดินเขมรมุดลงทะเลแปซิฟิกหรอกก็ว่า.

    https://youtube.com/watch?v=a1dOy2xO08k&si=aTzjrtvryMM7K4Eo

    ผีบ้าร่ายเสียยาว.อย่าว่ากันเด้อใครที่ผ่านเข้ามาในบ้านในเพจเรา.555 ..มั่ว ระบบมั่ว,แค่อยากเก็บตังจากประชาชนให้มากๆเท่านั้น,กฎหมายลักหลับประชาชน จะหลอยหลอนออกทีหลังที่บ้านเมืองโกลาหลวุ่นวายตลอด โป๊กเกอร์คือตัวอย่าง อะไรที่ไม่สำเร็จในยุคโทนี่ สำเร็จเกือบหมดในยุคยึดอำนาจจาก กปปส.ถวายพาน,นี้ก็ด้วย พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศก็ผ่านแล้ว,นี้ก็อีกมัดมือชกตอนไทยทหารไทยและประชาชนกำลังต่อสู้กับภัยอธิปไตยชาติไทย เสือกหน้ามึนมาบังคับประกาศให้ประชาชนต้องทำตามคลังจากสมัยรัฐบาลที่ทหารเป็นฝ่ายตรงข้ามเรานะ กะผูกผันต้องทำตามนะ,เป็นท่านนี้ถ้าได้เป็นนายกฯนะจะยกเลิกทันทีเช่นกัน,ล้างระบบทั้งหมดผีบ้าออกก่อน สไตล์ซาตานอีลิทเอาตังล่อคนไทยเหมือนเดิมเพื่อตอนควายวัวแพะแกะเข้าระบบควบคุมมนุษย์มันอย่างสมบูรณ์อนาคตคงฝังชิปใส่ตัวทุกๆคนไทยเพื่อเข้าถึงสวัสดิการทั้งหมดล่ะ,คือเอาสวัสดิการมาล่อ,แบบเดอะแก๊งเงินบุญหรือเดอะแก๊งgesara nesaraตังUBIเอย ปลดหนี้สินเด็กๆนักเรียนนักศึกษาและประชาชนเอย,แนวคิดโคตรพ่อโคตรแมร่งมันมาจากอเมริกาอีกล่ะ,ล้างสมองผ่านสิ่งนี้ เพราะท้ายสุดพ่อมันตายสิ่งนี้ก็ยังไม่เห็นจริงสักที เขมรว่าสันดานโคตรตอแหลหลอกลวงแล้ว อเมริกายิ่งโคตรมหาตอแหลหลอกลวงอีก กูรูสายฝ่ายแสงไทยบอกว่าตังโอนเข้าประเทศไทยแล้วกว่า1×10¹²⁰ แค่1×10²⁰ก็บุญหัวแล้ว คนไทยจะได้ตังร่ำรวยขนาดไหน แต่ขอโทษ อเมริกาได้100,000$/เดือน ,ไทยได้25,000บาทต่อเดือนพะนะ,หรือ1,000,000บาทแค่40เดือนพอ,อเมริกาปล้นตังวาติกันได้กว่า1×10⁸⁰⁰โน้นหรือบางคนว่า1×10¹⁰⁰⁰ ,กูรูบางคนว่าประเทศไทยเป็นฮับปลดปล่อย โอนมารอกดปุ่มแล้ว1×10²⁰⁰เบื้องต้น,เริ่มหลังagenda30สำเร็จมันว่า ,ไทยคง2570เร่งเร็วขึ้น,ญี่ปุ่นปลดปล่อยnesaraแล้วพะนะ,คือมโนมากๆน่าจะเดอะแก๊งคอลเซนเตอร์เขมรนี้ล่ะ เก็งกำไรUSDสกุลรุ้งด้วยก็ว่า,ลงตามค่าครองชีพของแต่ละประเทศ,จากUBIกลายเป็นNITเสียแล้ว,แบบมุกค่าแรงอเมริกา3,000$ต่อวัน,ไทยไม่น้อยหน้าอวด300฿ต่อวันสู้โน้น,ตัดศูนย์ไม่หนึ่งตัว,สกุลแลกเปลี่ยน1$:35฿อีก มันคนละเรื่องเลย. ..จริงๆรัฐบาลนี้ไม่เหมาะสมในช่วงจังหวะนี้จะทำใดๆ,เพราะระบบยังไม่น่าเชื่อถือถูกแฮกเกอร์ดูดได้ปกติอยู่คือยังกากนั้นเอง, ..ภาษีจริงๆได้มาจากภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีปิโตรเลียมโดยส่วนใหญ่ ภาษีประชาชนจ่ายมากกว่าภาษีบริษัทนิติบุคคลอีกด้วย,รีดตังจากประชาชนดีๆนี้ล่ะ,ประชาชนไม่เกี่ยวเลยว่ารวมกันจ่ายหรือเก็บได้น้อย คนทำงานจ่ายมาก ต้องมาแบกภาระช่วยคนไม่ทำงาน ,ตรรกะนี้ถือว่าไม่สมควรมีรัฐบาลเพื่ออยู่ประจำชาติไทย,ตั้งบริษัทประเทศไทยแทนชื่อว่ารัฐบาลเถอะ,บริหารแบบบริษัทไป,หรือบริหารแบบกองทุนหมู่บ้านที่เข้มแข็งแทน เช่นกองทุนหมู่บ้านแห่งชาติแลนด์บริดจ์และคลองคอดกระเป็นต้น เป็นเจ้าของและร่วมบริหารจัดการจริง,มิใช่แบบรัฐบาลยกให้เอกชนต่างชาติหรือเอกชนไทยไปแดกตังจนร่ำรวยแบบยกบ่อน้ำมันทั่วประเทศไทยไปสำเร็จมาแล้ว,เนื้องานภาษีจริงๆคือภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีปิโตรเลียม รัฐบาลยึดอำนาจหากไม่ลดนั้นนี้ให้ต่างชาติหรือยึดทำบ่อน้ำมันเองจะพลิกเป็นร่ำรวยทันที,ภาษีบุุคคลธรรมดาจึงกากมากไม่กี่หมื่นล้านบาทต่อปี จากอดีต4-5พันล้านบาทต่อปีโดยเฉลี่ย,ส่วนภาษีนิติบุคคลยิ่งเก็บภาษีได้กากมาก3-4พันล้านบาทเอง,รัฐบาลจึงอ้างคนไทยทั้งประเทศต้องเข้าระบบภาษีทุกๆคนเพื่อป้องกันการเก็บภาษีหลุดออกจากระบบให้เก็บได้มากๆจึงเป็นตรรกขี้หมามากเล่าความเท็จโกหกแหกตาประชาชนแบบฉีดวัคซีนนั้นล่ะ ฉีดสารพิษเข้าร่างกายแท้ๆแต่รัฐบาลกลับปกปิดถึงปัจจุบัน ไม่มีความรับผิดชอบในชีวิตประชาชนเลยที่ตนทำกิจกรรมกิจการการเป็นรัฐบาลที่ผิดพลาด,นี้NITนี้ต้องการติดตามกิจกรรม สอดแนมวิถีชีวิตประชาชนแค่นั้นสังเกตุคือผีบ้าอ้างเชื่อมโยงสุขภาพจะเน้นๆกว่าสะท้อนการช่วยเหลือทางการเงิน,อนาคตคือคุณไม่มีอะไรใดๆเลย คุณจะมีความสุขนั้นล่ะ,แม้แต่ชีวิตหรือจิตวิญญาณคุณก็จะไม่เหลือ,คำว่ารัฐบาลเราต้องยกเลิกการใช้คำจริงๆ มันคือการบริหารกิจการประเทศผ่านชื่อสมมุติว่ารัฐบาลนี้ล่ะแต่ภาคประชาชนกลับไม่สามารถจัดการรัฐบาลตนเองได้,ไล่ออกรัฐบาลไม่ซื่อสัตย์ก็ไม่ได้ ยังมีพนักงานบัดสบรากงอกในบริษัทรัฐบาลนี้ปกติ ไปแค่นักการเมืองประมาณนั้นที่เชื่อว่าชั่วแต่โคตรชั่วไม่แพ้กันคือพวกรากงอกสร้างระบบเจ้าพ่ออิทธิพลทั่วเต็มบริษัทรัฐบาลนี้ล่ะ, ..จึงต้องล้างระบบทิ้งทั้งหมดจริงๆก่อน,ระบบภาษีล้างทิ้งทั้งหมดด้วยแล้วสร้างใหม่ สวัสดิการและภาษีที่ซ้ำๆซ้อนๆกัน เก็บเอาเปรียบคนไทยทุกๆคนจะคนธรรมดาหรือเจ้าของกิจการก็ต้องยกเลิกด้วย,ง่ายๆคือล้างกระดานใหม่ทั้งหมด. ..มโนเล่นๆ สมมุติไทยเข้าถึงระบบควอนตัมแล้วมีฐานมหาบิ๊กดาต้าพร้อมรับเข้าส่งออกเรียลไทม์มหาศาลแล้ว.,"บริษัทกองทุนประเทศไทย" ชื่อแทนชื่อรัฐบาลไทย,แจกมือถือควอนตัมคุณภาพสูงทุกๆคนไทยห้ามฝังชิปใส่ตัว,ทำธุรกรรมการเงินเรื่องตังจะใช้จ่ายจะรับเข้าให้ใช้มือถือแทน แน่นอนบาทคอยน์อินทนนท์มาใช้ในที่นี้จริงนั้นเอง,ตื๊ดๆตื๊ดๆรับเข้าโอนออก จ่ายออก ได้ตังมา ใช้มือถือควอนตัมนี้จบ,จะจบการทุจริตเงินมืดเงินเทาเงินเถื่อนเงินใต้โต๊ะเงินซื้อเสียงเงินขานเสียงเงินฮั๊วเงินถุงขนมตกหน้าศาล เงินแจกกล้วยในทั้งสภาได้เลยก็ว่าและเงินสาระพัดชั่วเลวระยำใดๆจะสิ้นซากหมด สามารถตามติดธุรกรรมเลวชั่วได้เรียลไทม์ทั้งหมดด้วย เป็นต้น,1คนไทย1 IDบัตรปชช.1 เลขมือถือควอนตัม 1บัญชีตังดิจิดัลบาทคอยน์อินทนนท์เท่านั้น จะมี1บาทคอยน์หรือ10ล้านล้านบาทคอยน์ก็มีได้แค่1บัญชีธนาคารตังดิจิดัลส่วนตัวเอกเทศปัจเจกบุคคลของใครของมันเฉพาะตัว,จากนั้นคุณจะอัดสวัสดิการใดๆ ล้างหนี้ประชาชนใดๆ เก็บภาษีลักษณะใดๆระบบจะรันอัตโนมัติคิดคำนวนอัตโนมัติเรียลไทม์ให้แบบเชื่อมต่อเน็ตstarlinkนั้นล่ะ อยู่ทุกๆที่ทุกๆเวลาทำทุกๆธุรกรรมการเงินได้,นี้คือการว่าด้วยตังเพียว,สามารถเก็บภาษีสินค้าอุปโภคและบริโภคอย่างเดียวก็ได้,สามารถเก็บภาษีเงินไหลเข้าตังไหลเข้ามือถือคนๆนั้นฝ่ายเดียวก็ได้เพื่อบรรลุเป้าหมายว่าคุณมีรายได้รับเข้ามาจริงแล้วต้องจ่ายส่วยจ่ายตังจ่ายภาษีให้เสียดีๆก็ว่า,เช่นเงินเข้า100บาท ระบบก็หักอัตโมัติ0.01บาทเป็นภาษีเงินเข้ารายรับรายได้ประชาชนจริง,เหลือคือ99.99บาทก็ไปรวมยอดสะสมที่มือถือนั้นสามารถตื๊ดๆใช้จ่ายออกไปได้จริงต่อไป,ใครตังเข้ามือถือหักออโต้ก็ว่า,ตลอดธุรกรรมจับจ่ายแลกเปลี่ยนโอนตังออก รับตังเข้า กระแสเงินสะพัดหมุนเวียนทั่วไทยและทั่วโลกของคนไทยค้าขายคือวันละ100ล้านล้านบาทต่อวันแบบเวอร์ๆ,ตังที่เก็บหักออโต้ได้คือ0.01ล้านล้านบาทต่อวันนั้นเอง,กรณีบวกสาระพัดจาก0.01+0.07กรณีภาษีมูลค่าเพิ่มด้วยก็คือ0.08,หรือvatแบบผีบ้าnesaraมันคิดเหมารวมที่0.14+0.01=0.15ก็สบายมาก ,จะเป็น0.15ล้านล้านบาทต่อวันหักออโต้เป็นตัวภาษีชาติไทยทันที,100วันคือ15ล้านล้านบาท,200วันคือ30ล้านล้านบาท,300วันคือ45ล้านล้านบาท,คือไม่เก็บภาษีใดๆเลย,ให้ประชาชนทำกิจกรรมเต็มที่ ใครอยากเปิดบริษัทไม่ต้องเสียภาษีนิติบุคคล,ประชาชนมนุษย์เงินเดือนใดๆไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอะไรใดๆ,และภาษีอื่นๆก็ว่า,โดยทั้งหมดค่อยๆคลายปลดไป,จนหมดจนสมดุลได้ดังเป้า ค้าขายฮับไทยระดับโลกก็ว่า,ใครมาทำธุรกรรมบนแผ่นดิน มาเปิดสาขาตั้งสำนักงานใดๆใหญ่น้อยเข้าระบบเราคือจบ,บาทคอยน์คือสกุลเงินโลกอาจไม่ผิด ใครทำธุรกรรมผ่านบาทคอยน์เสีย0.15ไปเลยก็ว่า,หรือ0.01กรณีโอนตังรับตังเข้ามือถือมิใช่ค้าขายการตลาดหรือบริษัท.,คือเสน่หาก็ว่า, นี้มโนเพียวๆ,ระบบไทยเรากากมั้ย ถ้าล้ำๆแบบทำที่ว่าได้ทันทีมั้ย,เงินมืดเงินเทาจะตายทันที,คนควบคุมตังดิจิดัลบาทคอยน์ของไทยจึงสำคัญมากๆ,เสือกคีย์ตังผีบ้าตีประเมินผีบ้าคีย์ตัวเลขสัก10ล้านล้านบาทหรือ1,000ล้านล้านบาทคอยน์บรรลัยกินทั้งระบบแน่นอนคือฟอกเงินให้ตังเทาพินาศแน่นอนนั่นเอง,ทั้งเงินใต้ดินเงินเทาเงินเถื่อนเงินที่เข้าใจว่าหนีภาษีสไตล์นักการเมืองแหกตาหรือคนราชการแหกอกว่าฉันต้องใช้NITกับประชาชนทุกๆคนนะจะจบไปทันที,ตังเถื่อนๆใต้เงินพวกนั้นจะไร้ค่่ของจริงทันที,อย่าว่าแต่หนีภาษีที่ฉันรัฐบาลอยากเก็บภาษีกับเงินห่าเหวพวกนี้เลย,บาทเดียวสลึงเดียวอาจไม่ได้เลยเพราะระบบตังดิจิดัลที่ว่าฆ่าทิ้งพวกนั้นนี้หมด,แบงค์ชาติเอาจริงจะไม่ใครในชาติไทยนี้หลบหนีการฟอกเงินได้หรอก,แบงค์ชาติเห็นหมดล่ะทุกๆธุรกรรมของใครๆ,แบงค์ชาติไม่ใช่ของคนไทยแต่เป็นของต่างชาติของอีลิทdeep stateควบคุมสั่งการและก่อตั้ง,แบงค์ชาติผีบ้าอะไรที่รัฐบาลไทยตนเข้าควบคุมสั่งการไม่ได้,แม้ไม่ใช่รัฐบาลทหารไทยเป็นฝ่สยตรงข้ามเราก็เถอะ,เป็นรัฐบาลประชาชนคนดีๆก็ตาม มันเขียนกฎหมายกติกาสาระพัดให้โทษใครก็ตามหมายจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวในกิจกรรมกิจการของเครือข่ายdeep stateสากลข้ามมาไทยยึดไทยมรุงอักเสบแน่ถูกมันจัดการนั้นเอง, ..วาระNITเป็นวาระหนึ่งในการควบคุมมนุษย์ของแผนagenda2030นี้ล่ะ,ด้านหนึ่งในหลายๆด้านหลายๆหมากกันผิดพลาดก็ได้ แบบคาร์บอนเครดิตหรือพรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนั้นล่ะ. ..NITนี้ยังไม่มีรายละเอียดชี้แจงแก่ประชาชนชัดเจนเข้าใจตรงกันในเนื้อในใดๆเลย กะมาแบบมุกเดิมๆใช้ตังล่อ ทำแล้วได้รับเศษตังนะ บังคับมาทำไวๆเร็วด้วย,ผิดปกติประชาธิปไตย ไร้ลงมติเห็นด้วยหรือไม่แก่ประชาชน มัดมือชกโดยกระบวนฝ่ายราชการประจำอีก,ราชการประจำนี้ล่ะเหี้ยนิ่งเฉยในพื้นที่สระแก้วจนบ้านหนองจานถูกเขมรยึดทำกินเสียนานกว่า30-40ปีหลังหนีตายเขมรแดงมาไทย,ข้าราชการพื้นที่แบบนานอำเภอผู้ว่าฯจังหวัดนั้นๆละเว้นปฏิบัติหน้าที่ถีบเขมรออกจากแผ่นดินไทยชัดเจนด้วย,คือระบบราชการไทยล้มเหลวทั้งระบบในตัวมันเอง กากไร้ประสิทธิภาพด้วย ทุจริตเต็มบ้านเต็มเมืองก็มาจากหน่วยงานราชการเองตนปล่อยปะละเลยในตำแหน่งราชการปกครองจนเหี้ยถึงปัจจุบัน,มารีดไถประชาชนอีกผ่านให้ทุกๆคนเข้าระบบภาษี,เน้นเชื่อมโยงสุขภาพด้วยคือใครยังไม่ฉีดวัคซีน ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งอำนาจข้าราชการประจำกระทรวงทบวงกรมประกาศ กูจะมีสิทธิตัดสิทธิสวัสดิการมรึงๆคนไทยทั้งหมดนะหรือคนไทยคนนั้นๆถ้าขัดขืนไม่ปฏิบัติตามรัฐบอก,คือประชาชนถูกไล่ล่าถีบออกจากพวกได้นั้นเอง,หากยิ่งเจอการปกครองแบบเผด็จการฮุนเซนควบคุมระบบจะมิตายเหรอ,ขนาดกำลังทำสงคราม ยังไม่สงบสุข คลังผีบ้าเสือกกล้าหาญชิงมาประกาศห่าเหวอะไร บังคับคนในอนาคตแบบนั้น,จะมามุกแบบประกาศล่วงหน้าใส่หมวกกันน็อคล่ะ ถึงเวลากูฝ่ายราชการประจำประกาศบังคับใช้เลย,นี้คือเผด็จการจากระบบราชการไทยฝ่ายธุรการราชการไทยชัดเจน,เผลอๆคิดเล่นๆฝ่ายราชการไทยนี้ล่ะแทรกแซงระบบประชาธิปไตย ทำลายประชาธิปไตยคนไทยให้ด้อยค่า,โดยใส่คนของราชการเต็มระบบนักการเมือง,ใส่ชุดนักการเมืองจากนั้นแสดงออกสาระพัดเลวชั่วในคราบนักการเมืองที่ตนสวมใส่ว่านักการเมืองในระบบนี้เลวชั่วช้าอย่างไร แล้วมันก็เขียนกฎหมายชั่วๆเลวๆสาระพัดออกมาใช้บังคับประชาชนโดยอ้างว่านักการเมืองสั่ง นักการเมืองอนุญาตแล้วนะ,มโนในมุมหักมุมว่าเหี้ยคนข้าราชการนี้ล่ะเข้ามาเล่นการเมืองในคราบชุดนักการเมืองแล้วแดกสาระพัดสร้างความเดือดร้อนสาระพัดทิศทั่วไทยหรือคือกลุ่มอนุรักษ์นิยมอำมาตย์เจ้าพระยาขุนเจ้าผู้ดีต่างๆนี้เพื่ออะไร เพื่อตนเองจะได้มีสิทธิอันชอบธรรมคืนสถานะเดิมศักดินาเดิมผู้ดีกลับคืนมาอีกครั้ง,คือผีบ้ายศบ้าตำแหน่งบ้าปกครองให้คนเป็นทาส เห็นคนรับใช้เป็นทาสตนแล้วมีความสุขในการเหยียบมนุษย์ด้วยกันนั้นเองแบบในอดีตที่พวกนี้ชอบชมใจชื่นชูแก่ใจมันนักยิ่งนั้นเอง,เรา..ประชาชนเห็นนักการเมืองเหี้ยนี้เลวชั่วจริง เขียนกฎหมายผีบ้าจริงมากมายด้วย ยังอยากไม่ให้มีสถาบันนักการเมืองหรือสภาเลย.,นี้คือมโนเพียวๆหักมุมอีกด้าน. ..ปัจจุบันประเทศไทยสมควรกวาดล้างจริงจังต่อคนชั่วเลวทั้งในระบบนักการเมืองและในระบบราชการกันจริงจังจริงๆ, ..ผู้นำผู้ปกครองต้องสไตล์คนอารยะธรรมจักรวาลขั้นสูงลงมาเกิดในมิตินี้ที่ไทยเรา,เป็นนักปกครองมาเกิดด้วยนั้นเอง,เราปกครองกากๆมานานเกินพอแล้ว.,จนเขมรซึ่งคือแค่เขมรยังมาเหยียบประเทศไทยได้,เหยียบย้ำศักดิ์ศรีไม่พอฆ่าเด็กๆเราแบบไม่รู้ตัวด้วย,รัฐบาลชุดทหารเป็นฝ่ายจรงข้ามเราสมควรหมดอำนาจทันทีตั้งแต่ก่อนวันที่28 ก.ค.2568แล้ว,นี้คือความไม่เด็ดขาดของ ผบ.ทหารสูงสุดเรา,ถ้าส่วนตัวเป็นนายกฯจะออกพรก.ฉุกเฉินยึดอำนาจตัวเอง,จากนั้นตั้งบิ๊กปู พนา เป็น ผบ.สูงสุดเลย,รองผบ.สูงสุดคือบิ๊กกุ้ง,คุมทัพจัดการกวาดล้างเขมร เด็ดหัวฮุนเซนฮุนมาเนตทันที, ประสานลาว เวียดนามร่วมรบเพื่อจัดสรรพื้นที่เขมรจริงจัง เพราะไทยยึดเขมรเองจะน่าเกียจเกินไป,จากนั้นเริ่มปฐมบทกวาดล้างสิ่งสกปรกจริงทั้งแผ่นดินไทยจริงๆเพื่ออัพเรเวลใหม่สู่ยุคอารยะธรรมท่องจักรวาลจริงๆ.,เรื่องเขมรเป็นอะไรที่ไร้สาระมาก,ทุบทิ้งลบชื่อเขมรออกจากแผ่นที่โลกเลย.,อนาคตชื่อประเทศเขมรไม่ปรากฎในคำทำนายก็เป็นเพราะเหตุนี้ด้วยมิใช่แค่แผ่นดินเขมรมุดลงทะเลแปซิฟิกหรอกก็ว่า. https://youtube.com/watch?v=a1dOy2xO08k&si=aTzjrtvryMM7K4Eo
    0 Comments 0 Shares 148 Views 0 Reviews
  • จริงๆมุกข่าวสร้างเพื่อปกป้องรั้วลวดหนามของบ้านหนองจานห้ามรื้อออกนะนั้นล่ะ,เหยื่อล่อมุกนี้คือรั้วลวดหนามอีสานใต้ของแม่ทัพภาค2เท่านั้น,เห็นมั้ยไม่มีนักวิชาการพูดเจาะจงเล่นมุกย้อนศรหน่อยว่า รื้อก็สมควรรื้อเก็บโดยวางรั้วลวดหนามใหม่ตรงเสาหมุดสยามให้เสร็จของแนวรั้วลวดหนามใหม่ก่อนจึงค่อยมาเก็บทีหลัง,ประชาชนพร้อมให้อภัยภาค1ได้,ผิดพลาดแก้ไขทันที ไม่เสียศักดิ์ศรีหรอก.



    https://youtube.com/shorts/7QYOMhEqJks?si=I2dN2zoTuvSnL4P8
    จริงๆมุกข่าวสร้างเพื่อปกป้องรั้วลวดหนามของบ้านหนองจานห้ามรื้อออกนะนั้นล่ะ,เหยื่อล่อมุกนี้คือรั้วลวดหนามอีสานใต้ของแม่ทัพภาค2เท่านั้น,เห็นมั้ยไม่มีนักวิชาการพูดเจาะจงเล่นมุกย้อนศรหน่อยว่า รื้อก็สมควรรื้อเก็บโดยวางรั้วลวดหนามใหม่ตรงเสาหมุดสยามให้เสร็จของแนวรั้วลวดหนามใหม่ก่อนจึงค่อยมาเก็บทีหลัง,ประชาชนพร้อมให้อภัยภาค1ได้,ผิดพลาดแก้ไขทันที ไม่เสียศักดิ์ศรีหรอก. https://youtube.com/shorts/7QYOMhEqJks?si=I2dN2zoTuvSnL4P8
    0 Comments 0 Shares 58 Views 0 Reviews
  • ช่องโหว่ RCE เดือนสิงหาคม 2025: เมื่อระบบสำคัญถูกเปิดช่องให้แฮกเกอร์ควบคุมจากระยะไกล
    ใน Patch Tuesday เดือนสิงหาคม 2025 Microsoft ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่กว่า 107 รายการ โดยมี 13 รายการจัดเป็นระดับ “วิกฤต” และหนึ่งในนั้นคือช่องโหว่ CVE-2025-53779 ซึ่งเป็นช่องโหว่แบบ zero-day ในระบบ Windows Kerberos ที่ใช้ใน Active Directory

    ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการ path traversal ใน dMSA (Delegated Managed Service Account) ที่ผิดพลาด ทำให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ระดับสูงสามารถปรับแต่งความสัมพันธ์ของบัญชีบริการ และยกระดับสิทธิ์จนกลายเป็น domain admin ได้ ซึ่งหมายถึงการควบคุมระบบเครือข่ายทั้งหมด

    แม้ Microsoft จะประเมินว่า “การโจมตีจริงยังไม่น่าจะเกิดขึ้น” แต่มี proof-of-concept ที่ใช้งานได้แล้ว และนักวิจัยจาก Akamai ได้เปิดเผยกลไกการโจมตีตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ทำให้ช่องโหว่นี้กลายเป็นความเสี่ยงระดับสูงสำหรับองค์กรที่ใช้ Windows Server 2025

    อีกด้านหนึ่ง Veeam ก็พบช่องโหว่ CVE-2025-23120 ซึ่งเปิดช่องให้ผู้ใช้ที่อยู่ในโดเมนสามารถโจมตี Backup Server ได้จากระยะไกล โดยไม่ต้องมีสิทธิ์ระดับ admin ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS สูงถึง 9.9 และกระทบกับ Veeam Backup & Replication เวอร์ชัน 12.3.0.310 และก่อนหน้านั้นทั้งหมด

    ข้อมูลจากข่าวหลัก
    Microsoft แก้ไขช่องโหว่ 107 รายการใน Patch Tuesday เดือนสิงหาคม 2025
    ช่องโหว่ CVE-2025-53779 เป็น zero-day ใน Windows Kerberos ที่ใช้ใน Active Directory
    ช่องโหว่เกิดจาก path traversal ใน dMSA ทำให้สามารถยกระดับสิทธิ์เป็น domain admin
    ช่องโหว่นี้มี proof-of-concept และถูกเปิดเผยโดย Akamai ตั้งแต่พฤษภาคม
    Veeam พบช่องโหว่ CVE-2025-23120 ซึ่งเปิดช่องให้โจมตี Backup Server จากระยะไกล
    ช่องโหว่ Veeam มีคะแนน CVSS 9.9 และกระทบกับเวอร์ชัน 12.3.0.310 และก่อนหน้านั้น
    Veeam แนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 12.3.1.1139 เพื่อแก้ไขช่องโหว่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Kerberos เป็นระบบยืนยันตัวตนหลักใน Windows ที่ใช้ในองค์กรทั่วโลก
    ช่องโหว่ใน dMSA อาจถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของ multi-exploit chain เพื่อควบคุมระบบ
    CISA เคยเตือนว่า Kerberoasting เป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการยกระดับสิทธิ์ในเครือข่าย
    Veeam เป็นซอฟต์แวร์สำรองข้อมูลที่ใช้ในองค์กรขนาดใหญ่และศูนย์ข้อมูล
    ช่องโหว่ใน Veeam อาจถูก reverse-engineer ได้หลังจากแพตช์ถูกปล่อย
    การโจมตี RCE แบบไม่ต้องมี interaction จากผู้ใช้ถือเป็นภัยคุกคามระดับสูง

    https://research.kudelskisecurity.com/2025/08/19/how-we-exploited-coderabbit-from-a-simple-pr-to-rce-and-write-access-on-1m-repositories/
    🧨 ช่องโหว่ RCE เดือนสิงหาคม 2025: เมื่อระบบสำคัญถูกเปิดช่องให้แฮกเกอร์ควบคุมจากระยะไกล ใน Patch Tuesday เดือนสิงหาคม 2025 Microsoft ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่กว่า 107 รายการ โดยมี 13 รายการจัดเป็นระดับ “วิกฤต” และหนึ่งในนั้นคือช่องโหว่ CVE-2025-53779 ซึ่งเป็นช่องโหว่แบบ zero-day ในระบบ Windows Kerberos ที่ใช้ใน Active Directory ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการ path traversal ใน dMSA (Delegated Managed Service Account) ที่ผิดพลาด ทำให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ระดับสูงสามารถปรับแต่งความสัมพันธ์ของบัญชีบริการ และยกระดับสิทธิ์จนกลายเป็น domain admin ได้ ซึ่งหมายถึงการควบคุมระบบเครือข่ายทั้งหมด แม้ Microsoft จะประเมินว่า “การโจมตีจริงยังไม่น่าจะเกิดขึ้น” แต่มี proof-of-concept ที่ใช้งานได้แล้ว และนักวิจัยจาก Akamai ได้เปิดเผยกลไกการโจมตีตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ทำให้ช่องโหว่นี้กลายเป็นความเสี่ยงระดับสูงสำหรับองค์กรที่ใช้ Windows Server 2025 อีกด้านหนึ่ง Veeam ก็พบช่องโหว่ CVE-2025-23120 ซึ่งเปิดช่องให้ผู้ใช้ที่อยู่ในโดเมนสามารถโจมตี Backup Server ได้จากระยะไกล โดยไม่ต้องมีสิทธิ์ระดับ admin ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS สูงถึง 9.9 และกระทบกับ Veeam Backup & Replication เวอร์ชัน 12.3.0.310 และก่อนหน้านั้นทั้งหมด ✅ ข้อมูลจากข่าวหลัก ➡️ Microsoft แก้ไขช่องโหว่ 107 รายการใน Patch Tuesday เดือนสิงหาคม 2025 ➡️ ช่องโหว่ CVE-2025-53779 เป็น zero-day ใน Windows Kerberos ที่ใช้ใน Active Directory ➡️ ช่องโหว่เกิดจาก path traversal ใน dMSA ทำให้สามารถยกระดับสิทธิ์เป็น domain admin ➡️ ช่องโหว่นี้มี proof-of-concept และถูกเปิดเผยโดย Akamai ตั้งแต่พฤษภาคม ➡️ Veeam พบช่องโหว่ CVE-2025-23120 ซึ่งเปิดช่องให้โจมตี Backup Server จากระยะไกล ➡️ ช่องโหว่ Veeam มีคะแนน CVSS 9.9 และกระทบกับเวอร์ชัน 12.3.0.310 และก่อนหน้านั้น ➡️ Veeam แนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 12.3.1.1139 เพื่อแก้ไขช่องโหว่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Kerberos เป็นระบบยืนยันตัวตนหลักใน Windows ที่ใช้ในองค์กรทั่วโลก ➡️ ช่องโหว่ใน dMSA อาจถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของ multi-exploit chain เพื่อควบคุมระบบ ➡️ CISA เคยเตือนว่า Kerberoasting เป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการยกระดับสิทธิ์ในเครือข่าย ➡️ Veeam เป็นซอฟต์แวร์สำรองข้อมูลที่ใช้ในองค์กรขนาดใหญ่และศูนย์ข้อมูล ➡️ ช่องโหว่ใน Veeam อาจถูก reverse-engineer ได้หลังจากแพตช์ถูกปล่อย ➡️ การโจมตี RCE แบบไม่ต้องมี interaction จากผู้ใช้ถือเป็นภัยคุกคามระดับสูง https://research.kudelskisecurity.com/2025/08/19/how-we-exploited-coderabbit-from-a-simple-pr-to-rce-and-write-access-on-1m-repositories/
    RESEARCH.KUDELSKISECURITY.COM
    How We Exploited CodeRabbit: From a Simple PR to RCE and Write Access on 1M Repositories
    In this blog post, we explain how we got remote code execution (RCE) on CodeRabbit’s production servers, leaked their API tokens and secrets, how we could have accessed their PostgreSQL datab…
    0 Comments 0 Shares 123 Views 0 Reviews
  • นักพัฒนามั่นใจว่า AI จะทำงานการตลาดแทนมนุษย์ได้เกือบทั้งหมด

    ผลสำรวจจาก Storyblok ที่สอบถามนักพัฒนาระดับอาวุโสกว่า 200 คน พบว่า 90% ใช้ AI เป็นเครื่องมือหลักในการเขียนโค้ด และกว่า 74% เชื่อว่า AI สามารถจัดการงานการตลาดของบริษัทได้ “เกือบทั้งหมด” หรือ “ทั้งหมด” โดย 28.5% มั่นใจว่า AI สามารถทำงานการตลาดได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องพึ่งมนุษย์เลย

    นักพัฒนามองว่า AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือช่วยเขียนโค้ด แต่เป็นระบบที่สามารถแก้ปัญหา ค้นหาข้อผิดพลาด และเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้พวกเขาเชื่อว่า AI ก็สามารถจัดการงานการตลาดที่เป็นกระบวนการซ้ำๆ ได้เช่นกัน

    ในทางกลับกัน เมื่อนักการตลาดถูกถามว่าพวกเขาสามารถทำงานของนักพัฒนาได้หรือไม่ มีเพียง 18.5% ที่คิดว่าทำได้ทั้งหมด และ 32% ที่คิดว่าทำได้ “ส่วนใหญ่” ซึ่งสะท้อนความมั่นใจที่ต่างกันระหว่างสองสายงาน

    การใช้ AI ในการตลาดเริ่มแพร่หลายมากขึ้น โดยบริษัทอย่าง Cobalt Keys และ Orior Media ได้พัฒนาเครื่องมือ AI ที่สามารถวางแผนกลยุทธ์ สร้างคอนเทนต์ และวิเคราะห์ผลลัพธ์แบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยลดต้นทุนโฆษณาและเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงลูกค้าได้อย่างชัดเจน

    ข้อมูลจากข่าวหลัก
    90% ของนักพัฒนาใช้ AI เป็นเครื่องมือหลักในการเขียนโค้ด
    74% เชื่อว่า AI สามารถทำงานการตลาดได้ “เกือบทั้งหมด” หรือ “ทั้งหมด”
    28.5% มั่นใจว่า AI สามารถทำงานการตลาดได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องพึ่งมนุษย์
    นักพัฒนาใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ, แก้ปัญหา, และเรียนรู้ทักษะใหม่
    34% ของนักพัฒนาเลือกใช้ AI เป็นตัวช่วยแรกเมื่อเจอปัญหา มากกว่าการถามเพื่อนร่วมงาน
    นักการตลาดมีความมั่นใจน้อยกว่าในการทำงานของนักพัฒนา โดยมีเพียง 18.5% ที่คิดว่าทำได้ทั้งหมด
    ความคุ้นเคยกับ AI ทำให้นักพัฒนาเชื่อว่า AI สามารถแทนที่งานอื่นได้ง่ายขึ้น

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    บริษัท Cobalt Keys ใช้ AI เพื่อวางกลยุทธ์การตลาดแบบลดต้นทุนโฆษณา
    Orior Media พัฒนา AI Strategy Builder ที่สร้างแผนการตลาดภายในไม่กี่วินาที
    AI Chatbot และระบบวิเคราะห์ผลแบบเรียลไทม์ช่วยให้การตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    88% ของนักการตลาดใช้ AI ในงานประจำวัน และ 83% รายงานว่าประสิทธิภาพดีขึ้น
    ตลาด AI ด้านการตลาดคาดว่าจะมีมูลค่ากว่า $47.32 พันล้านในปี 2025
    AI ช่วยให้การสร้างคอนเทนต์, การวิเคราะห์ข้อมูล, และการสื่อสารกับลูกค้าเร็วขึ้นหลายเท่า

    https://www.techradar.com/pro/devs-believe-that-ai-is-going-to-kill-most-or-all-of-their-companys-marketing-department
    🧠 นักพัฒนามั่นใจว่า AI จะทำงานการตลาดแทนมนุษย์ได้เกือบทั้งหมด ผลสำรวจจาก Storyblok ที่สอบถามนักพัฒนาระดับอาวุโสกว่า 200 คน พบว่า 90% ใช้ AI เป็นเครื่องมือหลักในการเขียนโค้ด และกว่า 74% เชื่อว่า AI สามารถจัดการงานการตลาดของบริษัทได้ “เกือบทั้งหมด” หรือ “ทั้งหมด” โดย 28.5% มั่นใจว่า AI สามารถทำงานการตลาดได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องพึ่งมนุษย์เลย นักพัฒนามองว่า AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือช่วยเขียนโค้ด แต่เป็นระบบที่สามารถแก้ปัญหา ค้นหาข้อผิดพลาด และเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้พวกเขาเชื่อว่า AI ก็สามารถจัดการงานการตลาดที่เป็นกระบวนการซ้ำๆ ได้เช่นกัน ในทางกลับกัน เมื่อนักการตลาดถูกถามว่าพวกเขาสามารถทำงานของนักพัฒนาได้หรือไม่ มีเพียง 18.5% ที่คิดว่าทำได้ทั้งหมด และ 32% ที่คิดว่าทำได้ “ส่วนใหญ่” ซึ่งสะท้อนความมั่นใจที่ต่างกันระหว่างสองสายงาน การใช้ AI ในการตลาดเริ่มแพร่หลายมากขึ้น โดยบริษัทอย่าง Cobalt Keys และ Orior Media ได้พัฒนาเครื่องมือ AI ที่สามารถวางแผนกลยุทธ์ สร้างคอนเทนต์ และวิเคราะห์ผลลัพธ์แบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยลดต้นทุนโฆษณาและเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงลูกค้าได้อย่างชัดเจน ✅ ข้อมูลจากข่าวหลัก ➡️ 90% ของนักพัฒนาใช้ AI เป็นเครื่องมือหลักในการเขียนโค้ด ➡️ 74% เชื่อว่า AI สามารถทำงานการตลาดได้ “เกือบทั้งหมด” หรือ “ทั้งหมด” ➡️ 28.5% มั่นใจว่า AI สามารถทำงานการตลาดได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องพึ่งมนุษย์ ➡️ นักพัฒนาใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ, แก้ปัญหา, และเรียนรู้ทักษะใหม่ ➡️ 34% ของนักพัฒนาเลือกใช้ AI เป็นตัวช่วยแรกเมื่อเจอปัญหา มากกว่าการถามเพื่อนร่วมงาน ➡️ นักการตลาดมีความมั่นใจน้อยกว่าในการทำงานของนักพัฒนา โดยมีเพียง 18.5% ที่คิดว่าทำได้ทั้งหมด ➡️ ความคุ้นเคยกับ AI ทำให้นักพัฒนาเชื่อว่า AI สามารถแทนที่งานอื่นได้ง่ายขึ้น ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ บริษัท Cobalt Keys ใช้ AI เพื่อวางกลยุทธ์การตลาดแบบลดต้นทุนโฆษณา ➡️ Orior Media พัฒนา AI Strategy Builder ที่สร้างแผนการตลาดภายในไม่กี่วินาที ➡️ AI Chatbot และระบบวิเคราะห์ผลแบบเรียลไทม์ช่วยให้การตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น ➡️ 88% ของนักการตลาดใช้ AI ในงานประจำวัน และ 83% รายงานว่าประสิทธิภาพดีขึ้น ➡️ ตลาด AI ด้านการตลาดคาดว่าจะมีมูลค่ากว่า $47.32 พันล้านในปี 2025 ➡️ AI ช่วยให้การสร้างคอนเทนต์, การวิเคราะห์ข้อมูล, และการสื่อสารกับลูกค้าเร็วขึ้นหลายเท่า https://www.techradar.com/pro/devs-believe-that-ai-is-going-to-kill-most-or-all-of-their-companys-marketing-department
    0 Comments 0 Shares 123 Views 0 Reviews
  • เมื่อชีวิตนักพัฒนาสตาร์ทอัพต้องมาเจอโลกขององค์กรใหญ่

    ลองจินตนาการว่าคุณเป็นนักพัฒนาที่เคยทำงานในสตาร์ทอัพเล็ก ๆ มาตลอดชีวิต แล้ววันหนึ่งคุณตัดสินใจ “ขายวิญญาณ” เข้าสู่โลกขององค์กรขนาดใหญ่เพื่อเงินและความมั่นคง นี่คือเรื่องราวของผู้เขียนที่เข้าสู่ชีวิตใหม่ในบริษัทที่เรียกว่า $ENTERPRISE

    เขาเริ่มต้นด้วยความตื่นเต้น แต่ไม่นานก็พบกับความวุ่นวายที่ไม่เคยเจอมาก่อน เช่น การหาคนรับผิดชอบเครื่องมือที่ไม่มีใครรู้ว่าใครดูแล, การใช้เงินอย่างไร้เหตุผล, เพื่อนร่วมงานที่ไม่มีมาตรฐานเดียวกัน, ความเร่งด่วนที่ไม่มีเหตุผล และระบบความปลอดภัยที่กลายเป็น “ละครตัวเลข”

    แม้จะมีเรื่องให้บ่นมากมาย แต่เขาก็ยอมรับว่าการทำงานในองค์กรใหญ่มีข้อดี เช่น การได้เขียนโค้ดที่มีคนใช้จริง, โอกาสเติบโตในสายงาน, การได้เรียนรู้จากคนเก่ง และความมั่นคงที่มากกว่าที่เคยมี

    ประสบการณ์ในองค์กรใหญ่ที่แตกต่างจากสตาร์ทอัพ
    การหาคนรับผิดชอบเครื่องมือในองค์กรใหญ่เป็นเรื่องยากและใช้เวลานาน
    เครื่องมือบางตัวไม่มีคนดูแล แต่ยังคงใช้งานและเสียค่าใช้จ่ายมหาศาล
    การใช้เงินในองค์กรใหญ่ขาดความคุ้มค่า เช่น ใช้ AWS เกินความจำเป็น
    โครงการใหญ่ถูกยกเลิกก่อนเปิดตัวเพราะงบเกินนิดเดียว
    การขออุปกรณ์เล็ก ๆ เช่นเมาส์ กลับถูกปฏิเสธ
    เพื่อนร่วมงานมีความสามารถไม่เท่ากัน และไม่มีการคัดกรองที่ดี
    ความเร่งด่วนในองค์กรใหญ่ไม่ชัดเจน ต้องแยกแยะเองว่าเรื่องไหนจริง
    ระบบความปลอดภัยกลายเป็นการสร้างตัวเลขเพื่อโชว์ผู้บริหาร
    ตำแหน่งในองค์กรไม่ชัดเจน เช่น “หัวหน้าสถาปัตยกรรม” มีหลายคน
    ผู้นำใหม่มักทำซ้ำความผิดพลาดเดิม เพราะไม่กล้ายอมรับว่า “ไม่รู้”
    ทีมวิศวกรรมแต่ละทีมมีวัฒนธรรมของตัวเอง เหมือนอาณาจักรแยกกัน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ปัญหา “tool ownership” เป็นเรื่องใหญ่ในองค์กรทั่วโลก โดยเฉพาะเมื่อมีการเปลี่ยนทีมบ่อย
    การใช้เงินเกินจำเป็นในระบบคลาวด์เป็นปัญหาที่หลายองค์กรกำลังแก้ด้วย FinOps
    การขาดมาตรฐานในการจ้างงานส่งผลต่อคุณภาพของทีมและความสามารถในการส่งมอบงาน
    การสร้าง “urgency” เทียมเป็นหนึ่งในสาเหตุของ burnout ในสายงานไอที
    การวัดความปลอดภัยด้วยตัวเลขแทนการวิเคราะห์เชิงลึกเป็นแนวโน้มที่ถูกวิจารณ์ในวงการ cybersecurity
    การมีหลายทีมที่ไม่สื่อสารกันทำให้เกิด “software silos” ซึ่งลดประสิทธิภาพโดยรวมขององค์กร

    https://churchofturing.github.io/the-enterprise-experience.html
    🏢 เมื่อชีวิตนักพัฒนาสตาร์ทอัพต้องมาเจอโลกขององค์กรใหญ่ ลองจินตนาการว่าคุณเป็นนักพัฒนาที่เคยทำงานในสตาร์ทอัพเล็ก ๆ มาตลอดชีวิต แล้ววันหนึ่งคุณตัดสินใจ “ขายวิญญาณ” เข้าสู่โลกขององค์กรขนาดใหญ่เพื่อเงินและความมั่นคง นี่คือเรื่องราวของผู้เขียนที่เข้าสู่ชีวิตใหม่ในบริษัทที่เรียกว่า $ENTERPRISE เขาเริ่มต้นด้วยความตื่นเต้น แต่ไม่นานก็พบกับความวุ่นวายที่ไม่เคยเจอมาก่อน เช่น การหาคนรับผิดชอบเครื่องมือที่ไม่มีใครรู้ว่าใครดูแล, การใช้เงินอย่างไร้เหตุผล, เพื่อนร่วมงานที่ไม่มีมาตรฐานเดียวกัน, ความเร่งด่วนที่ไม่มีเหตุผล และระบบความปลอดภัยที่กลายเป็น “ละครตัวเลข” แม้จะมีเรื่องให้บ่นมากมาย แต่เขาก็ยอมรับว่าการทำงานในองค์กรใหญ่มีข้อดี เช่น การได้เขียนโค้ดที่มีคนใช้จริง, โอกาสเติบโตในสายงาน, การได้เรียนรู้จากคนเก่ง และความมั่นคงที่มากกว่าที่เคยมี ✅ ประสบการณ์ในองค์กรใหญ่ที่แตกต่างจากสตาร์ทอัพ ➡️ การหาคนรับผิดชอบเครื่องมือในองค์กรใหญ่เป็นเรื่องยากและใช้เวลานาน ➡️ เครื่องมือบางตัวไม่มีคนดูแล แต่ยังคงใช้งานและเสียค่าใช้จ่ายมหาศาล ➡️ การใช้เงินในองค์กรใหญ่ขาดความคุ้มค่า เช่น ใช้ AWS เกินความจำเป็น ➡️ โครงการใหญ่ถูกยกเลิกก่อนเปิดตัวเพราะงบเกินนิดเดียว ➡️ การขออุปกรณ์เล็ก ๆ เช่นเมาส์ กลับถูกปฏิเสธ ➡️ เพื่อนร่วมงานมีความสามารถไม่เท่ากัน และไม่มีการคัดกรองที่ดี ➡️ ความเร่งด่วนในองค์กรใหญ่ไม่ชัดเจน ต้องแยกแยะเองว่าเรื่องไหนจริง ➡️ ระบบความปลอดภัยกลายเป็นการสร้างตัวเลขเพื่อโชว์ผู้บริหาร ➡️ ตำแหน่งในองค์กรไม่ชัดเจน เช่น “หัวหน้าสถาปัตยกรรม” มีหลายคน ➡️ ผู้นำใหม่มักทำซ้ำความผิดพลาดเดิม เพราะไม่กล้ายอมรับว่า “ไม่รู้” ➡️ ทีมวิศวกรรมแต่ละทีมมีวัฒนธรรมของตัวเอง เหมือนอาณาจักรแยกกัน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ปัญหา “tool ownership” เป็นเรื่องใหญ่ในองค์กรทั่วโลก โดยเฉพาะเมื่อมีการเปลี่ยนทีมบ่อย ➡️ การใช้เงินเกินจำเป็นในระบบคลาวด์เป็นปัญหาที่หลายองค์กรกำลังแก้ด้วย FinOps ➡️ การขาดมาตรฐานในการจ้างงานส่งผลต่อคุณภาพของทีมและความสามารถในการส่งมอบงาน ➡️ การสร้าง “urgency” เทียมเป็นหนึ่งในสาเหตุของ burnout ในสายงานไอที ➡️ การวัดความปลอดภัยด้วยตัวเลขแทนการวิเคราะห์เชิงลึกเป็นแนวโน้มที่ถูกวิจารณ์ในวงการ cybersecurity ➡️ การมีหลายทีมที่ไม่สื่อสารกันทำให้เกิด “software silos” ซึ่งลดประสิทธิภาพโดยรวมขององค์กร https://churchofturing.github.io/the-enterprise-experience.html
    0 Comments 0 Shares 124 Views 0 Reviews
  • แนวคิดของ Agentic AI กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าวงการไซเบอร์ซีเคียวริตี้อย่างรวดเร็ว—แต่ก็ไม่ใช่โดยปราศจากข้อควรระวัง บทความจาก CSO Online และข้อมูลเสริมจากแหล่งอื่นๆ ชี้ให้เห็นว่าแม้เทคโนโลยีนี้จะมีศักยภาพมหาศาลในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดภาระงานของผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความเสี่ยงที่ต้องจัดการอย่างรอบคอบ

    ลองนึกภาพว่า AI ไม่ได้แค่ตอบคำถามหรือวิเคราะห์ข้อมูล แต่สามารถตัดสินใจและดำเนินการได้เองโดยอัตโนมัติ—นี่คือสิ่งที่เรียกว่า Agentic AI ซึ่งต่างจาก AI แบบเดิมที่ต้องอาศัยคำสั่งจากมนุษย์ Agentic AI คือระบบที่มี “agency” หรือความสามารถในการลงมือทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง เช่น ตรวจสอบช่องโหว่ในระบบ สร้างแพตช์ หรือแม้แต่ประสานงานตอบโต้ภัยคุกคามแบบเรียลไทม์

    แต่ความสามารถนี้ก็มาพร้อมกับคำถามใหญ่: เราจะไว้ใจให้ AI ตัดสินใจแทนเราได้แค่ไหน? จะเกิดอะไรขึ้นถ้า AI “หลอน” หรือทำผิดพลาด? และข้อมูลที่เราป้อนให้มันจะถูกส่งต่อไปที่ไหน?

    ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าองค์กรต้องมี “รั้วกั้น” ที่ชัดเจน เช่น การกำหนดสิทธิ์ การตรวจสอบย้อนกลับ และการควบคุมการเข้าถึงข้อมูล เพื่อป้องกันไม่ให้ AI กลายเป็นภัยเสียเอง

    ในขณะเดียวกัน บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Cisco, Microsoft และ IBM ก็กำลังปรับโครงสร้างระบบความปลอดภัยใหม่ทั้งหมด เพื่อรองรับการทำงานของ AI ที่มีความเป็นอิสระมากขึ้น โดยเน้นการสร้างระบบที่สามารถตรวจสอบและควบคุมการตัดสินใจของ AI ได้อย่างโปร่งใส

    และแม้ว่า Agentic AI จะไม่แทนที่มนุษย์ในสายงานไซเบอร์ซีเคียวริตี้ แต่ก็จะเปลี่ยนแปลงทักษะที่จำเป็นอย่างสิ้นเชิง ผู้เชี่ยวชาญที่ไม่ปรับตัวอาจพบว่าตำแหน่งงานของตนถูกลดความสำคัญลง

    การเปลี่ยนแปลงในวงการไซเบอร์ซีเคียวริตี้
    Agentic AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดภาระงานของผู้เชี่ยวชาญ
    สามารถสร้างแพตช์ได้เร็วกว่าเจ้าหน้าที่มนุษย์ถึง 1,000 เท่า
    ไม่ใช่การลดจำนวนพนักงาน แต่เป็นการเปลี่ยนทักษะที่จำเป็น

    ความหมายของ Agentic AI
    คือระบบที่สามารถตัดสินใจและดำเนินการได้เอง
    ใช้ LLM ร่วมกับ MCP เพื่อเชื่อมต่อกับเครื่องมือภายนอก
    ยังไม่มีนิยามที่ชัดเจนในวงกว้าง

    การใช้งานในองค์กร
    CISOs ต้องตั้งคำถามก่อนนำ AI เข้ามาใช้งาน
    ต้องมีระบบตรวจสอบย้อนกลับและควบคุมสิทธิ์
    การปฏิเสธ AI ไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป ต้อง “ยอมรับแบบมีรั้วกั้น”

    ความเสี่ยงของ Agentic AI
    อาจเกิดการ “หลอน” หรือให้คำตอบผิดพลาด
    ข้อมูลอาจถูกส่งต่อไปยังผู้ให้บริการ AI รายอื่นโดยไม่ตั้งใจ
    MCP มีความเสี่ยงคล้าย API ที่เคยมีปัญหาเรื่องความปลอดภัยมาก่อน

    ความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐาน
    ระบบความปลอดภัยแบบเดิมไม่สามารถรับมือกับ AI ที่มีอิสระได้
    การอัปเกรดเครือข่ายเพื่อรองรับ AI อาจละเลยเรื่องความปลอดภัย
    การเชื่อมต่อระบบ OT กับ IT เพิ่มความเสี่ยงในอุตสาหกรรม

    https://www.csoonline.com/article/4040145/agentic-ai-promises-a-cybersecurity-revolution-with-asterisks.html
    แนวคิดของ Agentic AI กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าวงการไซเบอร์ซีเคียวริตี้อย่างรวดเร็ว—แต่ก็ไม่ใช่โดยปราศจากข้อควรระวัง บทความจาก CSO Online และข้อมูลเสริมจากแหล่งอื่นๆ ชี้ให้เห็นว่าแม้เทคโนโลยีนี้จะมีศักยภาพมหาศาลในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดภาระงานของผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความเสี่ยงที่ต้องจัดการอย่างรอบคอบ ลองนึกภาพว่า AI ไม่ได้แค่ตอบคำถามหรือวิเคราะห์ข้อมูล แต่สามารถตัดสินใจและดำเนินการได้เองโดยอัตโนมัติ—นี่คือสิ่งที่เรียกว่า Agentic AI ซึ่งต่างจาก AI แบบเดิมที่ต้องอาศัยคำสั่งจากมนุษย์ Agentic AI คือระบบที่มี “agency” หรือความสามารถในการลงมือทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง เช่น ตรวจสอบช่องโหว่ในระบบ สร้างแพตช์ หรือแม้แต่ประสานงานตอบโต้ภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ แต่ความสามารถนี้ก็มาพร้อมกับคำถามใหญ่: เราจะไว้ใจให้ AI ตัดสินใจแทนเราได้แค่ไหน? จะเกิดอะไรขึ้นถ้า AI “หลอน” หรือทำผิดพลาด? และข้อมูลที่เราป้อนให้มันจะถูกส่งต่อไปที่ไหน? ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าองค์กรต้องมี “รั้วกั้น” ที่ชัดเจน เช่น การกำหนดสิทธิ์ การตรวจสอบย้อนกลับ และการควบคุมการเข้าถึงข้อมูล เพื่อป้องกันไม่ให้ AI กลายเป็นภัยเสียเอง ในขณะเดียวกัน บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Cisco, Microsoft และ IBM ก็กำลังปรับโครงสร้างระบบความปลอดภัยใหม่ทั้งหมด เพื่อรองรับการทำงานของ AI ที่มีความเป็นอิสระมากขึ้น โดยเน้นการสร้างระบบที่สามารถตรวจสอบและควบคุมการตัดสินใจของ AI ได้อย่างโปร่งใส และแม้ว่า Agentic AI จะไม่แทนที่มนุษย์ในสายงานไซเบอร์ซีเคียวริตี้ แต่ก็จะเปลี่ยนแปลงทักษะที่จำเป็นอย่างสิ้นเชิง ผู้เชี่ยวชาญที่ไม่ปรับตัวอาจพบว่าตำแหน่งงานของตนถูกลดความสำคัญลง ✅ การเปลี่ยนแปลงในวงการไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ➡️ Agentic AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดภาระงานของผู้เชี่ยวชาญ ➡️ สามารถสร้างแพตช์ได้เร็วกว่าเจ้าหน้าที่มนุษย์ถึง 1,000 เท่า ➡️ ไม่ใช่การลดจำนวนพนักงาน แต่เป็นการเปลี่ยนทักษะที่จำเป็น ✅ ความหมายของ Agentic AI ➡️ คือระบบที่สามารถตัดสินใจและดำเนินการได้เอง ➡️ ใช้ LLM ร่วมกับ MCP เพื่อเชื่อมต่อกับเครื่องมือภายนอก ➡️ ยังไม่มีนิยามที่ชัดเจนในวงกว้าง ✅ การใช้งานในองค์กร ➡️ CISOs ต้องตั้งคำถามก่อนนำ AI เข้ามาใช้งาน ➡️ ต้องมีระบบตรวจสอบย้อนกลับและควบคุมสิทธิ์ ➡️ การปฏิเสธ AI ไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป ต้อง “ยอมรับแบบมีรั้วกั้น” ‼️ ความเสี่ยงของ Agentic AI ⛔ อาจเกิดการ “หลอน” หรือให้คำตอบผิดพลาด ⛔ ข้อมูลอาจถูกส่งต่อไปยังผู้ให้บริการ AI รายอื่นโดยไม่ตั้งใจ ⛔ MCP มีความเสี่ยงคล้าย API ที่เคยมีปัญหาเรื่องความปลอดภัยมาก่อน ‼️ ความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐาน ⛔ ระบบความปลอดภัยแบบเดิมไม่สามารถรับมือกับ AI ที่มีอิสระได้ ⛔ การอัปเกรดเครือข่ายเพื่อรองรับ AI อาจละเลยเรื่องความปลอดภัย ⛔ การเชื่อมต่อระบบ OT กับ IT เพิ่มความเสี่ยงในอุตสาหกรรม https://www.csoonline.com/article/4040145/agentic-ai-promises-a-cybersecurity-revolution-with-asterisks.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Agentic AI promises a cybersecurity revolution — with asterisks
    Experts say agentic AI will rapidly change cybersecurity, freeing up talent to focus on more dynamic work. But with AI agents still in their infancy, they also urge CISOs to ask a lot of questions before committing to this new security paradigm.
    0 Comments 0 Shares 141 Views 0 Reviews

  • ..แหกตาว่าชาวบ้านได้ที่คืนแล้วพะนะจากทหารไทยโดยแม่ทัพภาคที่1สั่งว่ารั้วลวดหนามแล้ว ชาวบ้านดีใจก่อนล่วงหน้าก็ว่า เอาเข้าจริงไม่ได้ล้อมรั้วลวดหนามตาทหลักเขตหมุดเสาดินแดนจริงอะไร ระยะห่างผีบ้าจริงถึง500เมตร ผีบ้าไปแล้วจริงๆของจริงด้วย,,ก่อนหยุดยิงแม่ทัพภาคที่1ไม่มีแผนการจะยึดพื้นที่ดินแดนคืนจากเขมรจริงแต่อย่างใดโดยเฉพาะบ้านหนองจาน จากคำกล่าว อ.วีระ ว่าชาวเขมรหนีตายทิ้งหมู่บ้านไปแล้วเป็นอันมากเพราะกลัวการปะทะระหว่างจุดบ้านหนองจาน ,นั้นยิ่งตอกย้ำว่าทหารไทยสามารถเข้าตียึดพื้นที่โดยง่ายแม้มีชาวบ้านเขมรอยู่จริงก็ตามหากไม่กลัวตายยังอาศัยอยู่ในบ้านจากการปะทะของทหารไทยกับทหารเขมรเพื่อยึดพื้นที่ดินแดนไทยบริเวณบ้านหนองจานกลับคืน,ทหารไทยสามารถปะทะเดือดถล่มบ่อนคาสิโนเขมรหรือเขตเศรษฐกิจทำตังของเขมรได้เลยด้วย ตัดบ่อนทำลายคนไทยในตัวอีกจากใช้โอกาสปะทะนีัทั้งรักษายึดคืนดินแดนที่ถูกเขมรแย่งเอาไปตั้งนานกลับคืนได้ ทำไมแม่ทัพภาคที่1ละเว้นการปฏิบัติภาระกิจที่ต้องทำชัดเจนอยู่แล้วและเราประชาชนคาดหวังมากว่าบ้านหนองจานที่เป็นข่าวอันโด่งดังที่เขมรยึดไปจากไทย แม่ทัพภาคที่1จะสามารถดำเนินการยึดคืนทั้งหมดได้โดยดีแม้ไม่เป็นข่าวออกสื่อใดๆระหว่างเกิดเหตุปะทะวันที่28ก.ค.68นี้ เราคาดหวังว่าต้องยึดคืนแบบเงียบๆไม่ต้องให้เป็นข่าวใหญ่โตแบบฝั่งอีสานใต้แม่ทัพภาคที่2ก็ได้ เป็นเสือร้ายนิ่งที่ลงมือสังหารศัตรูอย่างเด็ดขาดรวดเร็วในดาบเดียวประมาณนััน จึงวางใจว่าแม้ไม่เป็นข่าวก็เชื่อใจได้ว่าแม่ทัพภาคที่1จะไม่ทรยศในความคาดหวังจากเรา..ประชาชนคนไทยทั้งประเทศแม้กระแสหน้าสื่อจะหันไปภูมะเขือ ตาควายมากมายก็ตาม,จบปะทะภาค1 อย่างน้อยต้องได้พื้นที่หลายจุดที่เขมรครอบครองยึดไปแบบออกนอกหน้านอกตาเป็นข่าวเหมือนบ้านหนองจานที่อ.วีระถูกเขมรจับไป.,สุดท้ายเมื่อความจริงปรากฎ มันน่าผิดหวังมาก เราจะแม่ทัพภาคที่1และคณะทีมงานทั้งทีมนี้ไปทำไม???อีก,ไม่ละอายใจในทหารที่ตายที่บาดเจ็บที่สู้จนตัวตายพิการตลอดแนวพรมแดนไทยเขมรเราเลยเหรอ,ลาออกไปเถอะถ้าไร้ฝีมือความสามารถปัญญาขนาดเด็กๆยังดูออกเลย,ให้คนดีๆคนเก่งขึ้นมายึดดินแดนไทยอธิปไตยเราคืนจากเขมรเถอะหากไม่ตั้งใจเต็มใจเต็มที่ในภาระกิจความรับผิดชอบตนหน้างานนี้.,เด็กๆที่ตายคา7/11คุณไม่ละอายใจเหรอ,ครอบครัวตายเกือบหมดทั้งครอบครัวที่เขมรยิงระเบิดใส่เราสำนึกทหารทั้งภาค1ท่านคิดเช่นไร,ประชาชนเสียสละอพยพพรากจากในสิ่งที่รักที่หวงแหนให้ทหารไทยเราต่อสู้เพื่อเอาอธิปไตยไทยเรากลับมาให้ได้คุณๆไม่สำนึกเลยเหรอในเขาเสียสละให้ต้องจัดการมันคนเขมรให้จบ,บัดสบที่สุด ปฏิบัติเหี้ยที่สูญเปล่า ประชาชนคนไทยที่บาดเจ็บที่ตายมันทำให้สูญเปล่าเช่นนั้นเหรอ,ขลาดเขลานัก,พลทหารมากมายตลอดชายแดนท่านเหล่านั้นต่อสู้เพื่ออะไรล่ะ,แต่ตลอดพรมแดนแม่ทัพภาคที่1 มันคืออะไร?.,เช่นนั้นจะสามารถเข้าใจได้มั้ยว่า หากเขมรจะบุกโจมตีไทยสามารถทะลุมาทางภาค1ได้อย่างสบายเหมือนมีประตูเปิดโล่งเดินได้สะดวกสบายยึดประเทศไทยนี้ได้สบายมากๆ,ไม่สามารถวัวหายแล้วล้อมคอกได้จริงๆ การแอ็คชั่นเมื่อหลังจบการปะทะไม่สามารถอ้างความไม่รับผิดชอบได้,จังหวะอำนวยเกินล้าน%สามารถีบเขมรพ้นจากแผ่นดินไทยทั้งหมดได้ทำไมท่านไม่ทำ,
    ..สรุปพื้นที่ทหารเขตๆนี้อาจเป็นภัยความมั่นคงของชาติของอธิปไตยไทยตนเสียเองก็ได้,ตลอดอเมริกาท่าเรือไม่เป็นทางการหรือกองทัพอเมริกาอย่างไม่เป็นทางการก็อยู่ภาคตะวันออกนี้,นัยยะมากมายด้านความมั่นคงสาระพัดต่ออธิปไตยไทยด้วยอย่างมีนัยยสำคัญจริงๆมิใช่แค่เขมรในบ้านหนองจานที่รับผิดชอบในหน้าที่.
    ..เราประชาชนคนไทยผิดหวังมากถึงมากที่สุดที่รับรู้ข่าวนี้ว่าไม่สามารถถีบคนเขมรออกนอกเขตหลักหมุดพรมแดนจริงได้ซึ่งมีหลักหมุดให้เห็นเต็มตาขนาดนั้น,แนวระวางทางดาวเทียมประกอบก็ง่ายยิงสำรวจบอกพิกัดชัดเจนโคตรๆในปัจจุบัน แต่แสดงพฤติกรรมเสมือนว่าเรื่องเขตพรมแดนเขมรนี้ตกลงยากเย็นดึกดำบรรพ์เสียจริง,อดีตโกหกทั้งประเทศได้,ลากโกลาหลวุ่นวายขนาดไหนได้แต่ปัจจุบันมันไม่ใช่แล้ว ต้องซื่อสัตย์จริงใจต่อประชาชนเถอะ,ความจริงมีหนึ่งเดียวเท่านั้น,คนไทยเราพร้อมให้อภัยในสิ่งที่ผิดพลาดเมื่อรู้ตัวว่าผิดพลาด,แล้วมาร่วมสร้างชาติไทย รักบ้านเกิดเมืองไทยเรานี้กันใหม่ คนเราผิดพลาดได้แต่อย่าผิดต่อแผ่นดินไทยบ้านเกิดเมืองนอนตนเลย.,เรามิอาจให้อภัยได้หากไม่สำนึกผิดชอบชั่วดีอีกต่อไป.




    https://www.youtube.com/watch?v=tXh_K_azfJs
    ..แหกตาว่าชาวบ้านได้ที่คืนแล้วพะนะจากทหารไทยโดยแม่ทัพภาคที่1สั่งว่ารั้วลวดหนามแล้ว ชาวบ้านดีใจก่อนล่วงหน้าก็ว่า เอาเข้าจริงไม่ได้ล้อมรั้วลวดหนามตาทหลักเขตหมุดเสาดินแดนจริงอะไร ระยะห่างผีบ้าจริงถึง500เมตร ผีบ้าไปแล้วจริงๆของจริงด้วย,,ก่อนหยุดยิงแม่ทัพภาคที่1ไม่มีแผนการจะยึดพื้นที่ดินแดนคืนจากเขมรจริงแต่อย่างใดโดยเฉพาะบ้านหนองจาน จากคำกล่าว อ.วีระ ว่าชาวเขมรหนีตายทิ้งหมู่บ้านไปแล้วเป็นอันมากเพราะกลัวการปะทะระหว่างจุดบ้านหนองจาน ,นั้นยิ่งตอกย้ำว่าทหารไทยสามารถเข้าตียึดพื้นที่โดยง่ายแม้มีชาวบ้านเขมรอยู่จริงก็ตามหากไม่กลัวตายยังอาศัยอยู่ในบ้านจากการปะทะของทหารไทยกับทหารเขมรเพื่อยึดพื้นที่ดินแดนไทยบริเวณบ้านหนองจานกลับคืน,ทหารไทยสามารถปะทะเดือดถล่มบ่อนคาสิโนเขมรหรือเขตเศรษฐกิจทำตังของเขมรได้เลยด้วย ตัดบ่อนทำลายคนไทยในตัวอีกจากใช้โอกาสปะทะนีัทั้งรักษายึดคืนดินแดนที่ถูกเขมรแย่งเอาไปตั้งนานกลับคืนได้ ทำไมแม่ทัพภาคที่1ละเว้นการปฏิบัติภาระกิจที่ต้องทำชัดเจนอยู่แล้วและเราประชาชนคาดหวังมากว่าบ้านหนองจานที่เป็นข่าวอันโด่งดังที่เขมรยึดไปจากไทย แม่ทัพภาคที่1จะสามารถดำเนินการยึดคืนทั้งหมดได้โดยดีแม้ไม่เป็นข่าวออกสื่อใดๆระหว่างเกิดเหตุปะทะวันที่28ก.ค.68นี้ เราคาดหวังว่าต้องยึดคืนแบบเงียบๆไม่ต้องให้เป็นข่าวใหญ่โตแบบฝั่งอีสานใต้แม่ทัพภาคที่2ก็ได้ เป็นเสือร้ายนิ่งที่ลงมือสังหารศัตรูอย่างเด็ดขาดรวดเร็วในดาบเดียวประมาณนััน จึงวางใจว่าแม้ไม่เป็นข่าวก็เชื่อใจได้ว่าแม่ทัพภาคที่1จะไม่ทรยศในความคาดหวังจากเรา..ประชาชนคนไทยทั้งประเทศแม้กระแสหน้าสื่อจะหันไปภูมะเขือ ตาควายมากมายก็ตาม,จบปะทะภาค1 อย่างน้อยต้องได้พื้นที่หลายจุดที่เขมรครอบครองยึดไปแบบออกนอกหน้านอกตาเป็นข่าวเหมือนบ้านหนองจานที่อ.วีระถูกเขมรจับไป.,สุดท้ายเมื่อความจริงปรากฎ มันน่าผิดหวังมาก เราจะแม่ทัพภาคที่1และคณะทีมงานทั้งทีมนี้ไปทำไม???อีก,ไม่ละอายใจในทหารที่ตายที่บาดเจ็บที่สู้จนตัวตายพิการตลอดแนวพรมแดนไทยเขมรเราเลยเหรอ,ลาออกไปเถอะถ้าไร้ฝีมือความสามารถปัญญาขนาดเด็กๆยังดูออกเลย,ให้คนดีๆคนเก่งขึ้นมายึดดินแดนไทยอธิปไตยเราคืนจากเขมรเถอะหากไม่ตั้งใจเต็มใจเต็มที่ในภาระกิจความรับผิดชอบตนหน้างานนี้.,เด็กๆที่ตายคา7/11คุณไม่ละอายใจเหรอ,ครอบครัวตายเกือบหมดทั้งครอบครัวที่เขมรยิงระเบิดใส่เราสำนึกทหารทั้งภาค1ท่านคิดเช่นไร,ประชาชนเสียสละอพยพพรากจากในสิ่งที่รักที่หวงแหนให้ทหารไทยเราต่อสู้เพื่อเอาอธิปไตยไทยเรากลับมาให้ได้คุณๆไม่สำนึกเลยเหรอในเขาเสียสละให้ต้องจัดการมันคนเขมรให้จบ,บัดสบที่สุด ปฏิบัติเหี้ยที่สูญเปล่า ประชาชนคนไทยที่บาดเจ็บที่ตายมันทำให้สูญเปล่าเช่นนั้นเหรอ,ขลาดเขลานัก,พลทหารมากมายตลอดชายแดนท่านเหล่านั้นต่อสู้เพื่ออะไรล่ะ,แต่ตลอดพรมแดนแม่ทัพภาคที่1 มันคืออะไร?.,เช่นนั้นจะสามารถเข้าใจได้มั้ยว่า หากเขมรจะบุกโจมตีไทยสามารถทะลุมาทางภาค1ได้อย่างสบายเหมือนมีประตูเปิดโล่งเดินได้สะดวกสบายยึดประเทศไทยนี้ได้สบายมากๆ,ไม่สามารถวัวหายแล้วล้อมคอกได้จริงๆ การแอ็คชั่นเมื่อหลังจบการปะทะไม่สามารถอ้างความไม่รับผิดชอบได้,จังหวะอำนวยเกินล้าน%สามารถีบเขมรพ้นจากแผ่นดินไทยทั้งหมดได้ทำไมท่านไม่ทำ, ..สรุปพื้นที่ทหารเขตๆนี้อาจเป็นภัยความมั่นคงของชาติของอธิปไตยไทยตนเสียเองก็ได้,ตลอดอเมริกาท่าเรือไม่เป็นทางการหรือกองทัพอเมริกาอย่างไม่เป็นทางการก็อยู่ภาคตะวันออกนี้,นัยยะมากมายด้านความมั่นคงสาระพัดต่ออธิปไตยไทยด้วยอย่างมีนัยยสำคัญจริงๆมิใช่แค่เขมรในบ้านหนองจานที่รับผิดชอบในหน้าที่. ..เราประชาชนคนไทยผิดหวังมากถึงมากที่สุดที่รับรู้ข่าวนี้ว่าไม่สามารถถีบคนเขมรออกนอกเขตหลักหมุดพรมแดนจริงได้ซึ่งมีหลักหมุดให้เห็นเต็มตาขนาดนั้น,แนวระวางทางดาวเทียมประกอบก็ง่ายยิงสำรวจบอกพิกัดชัดเจนโคตรๆในปัจจุบัน แต่แสดงพฤติกรรมเสมือนว่าเรื่องเขตพรมแดนเขมรนี้ตกลงยากเย็นดึกดำบรรพ์เสียจริง,อดีตโกหกทั้งประเทศได้,ลากโกลาหลวุ่นวายขนาดไหนได้แต่ปัจจุบันมันไม่ใช่แล้ว ต้องซื่อสัตย์จริงใจต่อประชาชนเถอะ,ความจริงมีหนึ่งเดียวเท่านั้น,คนไทยเราพร้อมให้อภัยในสิ่งที่ผิดพลาดเมื่อรู้ตัวว่าผิดพลาด,แล้วมาร่วมสร้างชาติไทย รักบ้านเกิดเมืองไทยเรานี้กันใหม่ คนเราผิดพลาดได้แต่อย่าผิดต่อแผ่นดินไทยบ้านเกิดเมืองนอนตนเลย.,เรามิอาจให้อภัยได้หากไม่สำนึกผิดชอบชั่วดีอีกต่อไป. https://www.youtube.com/watch?v=tXh_K_azfJs
    0 Comments 0 Shares 166 Views 0 Reviews
  • ตอนนี้ศึกใต้ดินคือจีนกับอเมริกา.,โดยใช้ตัวแทนเขมรเปิดก่อนเพื่อยั่วยุไทยติดกับดักสาระพัดศึกรอบทิศด้วย ในนั้นมีไส้ศึกทรยศประจำประเทศไทยร่วมขายชาติยกไทยให้พวกนี้ด้วย.
    ..วิธีแก้ง่ายมาก ตัดตอนเลย ด้วยการยึดอำนาจจากนักการเมืองที่เป็นตัวแทนภาคประชาชนไปทางที่ผิดพลาดและล้มเหลวด้วยในปัจจุบัน ,คือไทยไม่ปลอดภัยในอธิปไตยไทยแล้วนั้นเอง,ตอนนี้เห็นง่ายๆมากคือรัฐบาลและฝ่ายค้านต้องพักบทบาททางการเมืองทันทีสัก20-30ปี,คืนรูปแบบการปกครองของฝรั่งที่ส่งออกนี้คือรูปแบบการปกครองแบบฝรั่งประชาธิปไตยนี้คืนแก่ฝรั่งยุโรปฝรั่งอเมริกาไปเสีย,สุดสิ้นตัดขาดลิขสิทธิ์ควบคุมไทยเบ็ดเสร็จด้วย,หันมาใช้ระบบธรรมาธิปไตยแทน,

    ..อเมริการบกับจีนแน่นอนเพราะเจ้าหนี้รายใหญ่ด้วย,ยึดไทยผ่านรัฐบาลกากๆนี้สบายด้วย เราไม่ไว้วางใจในรัฐบาลแล้วจากผลงานรบกับเขมรคือข้อพิสูจน์ทั้งๆที่จะจบเขมรได้แล้ว รัฐบาลกลับตาลีตาเหลือกรีบช่วยเขมรโดยทรัมป์อเมริกาเองก็รีบวิ่งเข้าช่วยเต็มที่,
    ..กองทัพอเมริกาจะมาในสถานะใดต้องขับออกผลักดันออกจากภาคใต้ไทยให้หมดทันทีโดยเร็วและจริงๆกองทัพอเมริกาทางฝั่งตะวันออกภาคตะวันออกก็ต้องขับออกเช่นกัน ใต้ดินรวงผึ้งอู่ตะเภาด้วย ขับหนีออกให้หมด,
    ..ยุคสมัยใหม่ รัฐบาลไทยแบบปัจจุบันนี้ต้องไม่มีบนแผ่นดินไทยอีกต่อไป,รัฐธรรมนูญไทยต้องเขียนใหม่ภายใต้ระบบปกครองใหม่ของไทยเราจริงๆได้แล้ว.,ของฝรั่งยิ่งใช้ของมัน มันมีแต่มาปล้นชิงจนคนไทยทั้งประเทศมีแต่จะยากจนลงไปทุกๆวัน ผ่านนักการเมืองที่มันสั่งการควบคุมได้ทั้งฝั่งฝ่ายรัฐบาลเองและฝั่งฝ่ายค้านเอง ต่างแหกตาล่อลวงความเท็จกระทำบัดสบต่อประชาชนคนไทยทั้งประเทศสิ้นดีนัันเอง.


    https://youtube.com/shorts/AD7-J7Dvxy8?si=f0jp7VRksskjOa1V
    ตอนนี้ศึกใต้ดินคือจีนกับอเมริกา.,โดยใช้ตัวแทนเขมรเปิดก่อนเพื่อยั่วยุไทยติดกับดักสาระพัดศึกรอบทิศด้วย ในนั้นมีไส้ศึกทรยศประจำประเทศไทยร่วมขายชาติยกไทยให้พวกนี้ด้วย. ..วิธีแก้ง่ายมาก ตัดตอนเลย ด้วยการยึดอำนาจจากนักการเมืองที่เป็นตัวแทนภาคประชาชนไปทางที่ผิดพลาดและล้มเหลวด้วยในปัจจุบัน ,คือไทยไม่ปลอดภัยในอธิปไตยไทยแล้วนั้นเอง,ตอนนี้เห็นง่ายๆมากคือรัฐบาลและฝ่ายค้านต้องพักบทบาททางการเมืองทันทีสัก20-30ปี,คืนรูปแบบการปกครองของฝรั่งที่ส่งออกนี้คือรูปแบบการปกครองแบบฝรั่งประชาธิปไตยนี้คืนแก่ฝรั่งยุโรปฝรั่งอเมริกาไปเสีย,สุดสิ้นตัดขาดลิขสิทธิ์ควบคุมไทยเบ็ดเสร็จด้วย,หันมาใช้ระบบธรรมาธิปไตยแทน, ..อเมริการบกับจีนแน่นอนเพราะเจ้าหนี้รายใหญ่ด้วย,ยึดไทยผ่านรัฐบาลกากๆนี้สบายด้วย เราไม่ไว้วางใจในรัฐบาลแล้วจากผลงานรบกับเขมรคือข้อพิสูจน์ทั้งๆที่จะจบเขมรได้แล้ว รัฐบาลกลับตาลีตาเหลือกรีบช่วยเขมรโดยทรัมป์อเมริกาเองก็รีบวิ่งเข้าช่วยเต็มที่, ..กองทัพอเมริกาจะมาในสถานะใดต้องขับออกผลักดันออกจากภาคใต้ไทยให้หมดทันทีโดยเร็วและจริงๆกองทัพอเมริกาทางฝั่งตะวันออกภาคตะวันออกก็ต้องขับออกเช่นกัน ใต้ดินรวงผึ้งอู่ตะเภาด้วย ขับหนีออกให้หมด, ..ยุคสมัยใหม่ รัฐบาลไทยแบบปัจจุบันนี้ต้องไม่มีบนแผ่นดินไทยอีกต่อไป,รัฐธรรมนูญไทยต้องเขียนใหม่ภายใต้ระบบปกครองใหม่ของไทยเราจริงๆได้แล้ว.,ของฝรั่งยิ่งใช้ของมัน มันมีแต่มาปล้นชิงจนคนไทยทั้งประเทศมีแต่จะยากจนลงไปทุกๆวัน ผ่านนักการเมืองที่มันสั่งการควบคุมได้ทั้งฝั่งฝ่ายรัฐบาลเองและฝั่งฝ่ายค้านเอง ต่างแหกตาล่อลวงความเท็จกระทำบัดสบต่อประชาชนคนไทยทั้งประเทศสิ้นดีนัันเอง. https://youtube.com/shorts/AD7-J7Dvxy8?si=f0jp7VRksskjOa1V
    0 Comments 0 Shares 143 Views 0 Reviews
  • อัปเดต Windows 11 KB5063878 ทำ SSD พังเมื่อเขียนไฟล์จำนวนมาก

    อัปเดต KB5063878 ที่ปล่อยเมื่อ 12 สิงหาคม 2025 มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับ Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 แต่กลับมีรายงานจากผู้ใช้หลายคนว่า SSD ของพวกเขา “หายไปจากระบบ” หลังจากมีการเขียนข้อมูลขนาดใหญ่ต่อเนื่อง เช่น การอัปเดตเกม Cyberpunk 2077 หรือการโอนข้อมูลมากกว่า 50 GB

    ผู้ใช้ชื่อ @Necoru_cat บน X พบว่า SSD ที่ใช้คอนโทรลเลอร์ Phison เช่น Corsair MP600, Kioxia Exceria Plus G4 และ SanDisk Extreme Pro มีแนวโน้มเกิดปัญหามากที่สุด โดยอาการคือ:
    - ไดรฟ์หายจากระบบ OS
    - SMART data อ่านไม่ได้
    - รีสตาร์ทแล้วบางครั้งกลับมา แต่บางครั้งหายถาวร
    - ไฟล์บางส่วนเสียหายหรือไม่สามารถเข้าถึงได้

    แม้จะยังไม่มีการยืนยันจาก Microsoft หรือผู้ผลิต SSD แต่รายงานจากหลายแหล่งชี้ว่าอาจเกิดจาก regression ในระดับ kernel หรือ driver ที่จัดการการเขียนข้อมูลต่อเนื่องผิดพลาด จนทำให้คอนโทรลเลอร์ “ล็อก” และไม่ตอบสนอง

    ปัญหานี้ยังไม่แพร่หลายมากนัก แต่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเขียนไฟล์ขนาดใหญ่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะถ้าใช้ SSD ที่มีคอนโทรลเลอร์ Phison หรือรุ่นที่อยู่ในรายชื่อที่ได้รับผลกระทบ

    ข้อมูลจากข่าวหลัก
    อัปเดต KB5063878 ของ Windows 11 ทำให้ SSD บางรุ่นพังเมื่อเขียนข้อมูลมากกว่า 50 GB
    อาการคือไดรฟ์หายจากระบบ, SMART อ่านไม่ได้, รีสตาร์ทแล้วไม่กลับมา
    SSD ที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่ใช้คอนโทรลเลอร์ Phison เช่น PS5012-E12, E16, E21T
    รุ่นที่พบปัญหา ได้แก่ Corsair MP600, Kioxia Exceria Plus G4, SanDisk Extreme Pro
    ปัญหาเกิดจากการเขียนข้อมูลต่อเนื่อง (sequential write) ที่ทำให้คอนโทรลเลอร์ล็อก
    ยังไม่มีการยืนยันจาก Microsoft หรือผู้ผลิต SSD

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ปัญหาอาจเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงใน Host Memory Buffer (HMB) และ storage stack
    มีรายงานว่า HDD บางรุ่นก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
    SSD บางรุ่นสามารถกลับมาใช้งานได้หลังรีสตาร์ท แต่บางรุ่นหายถาวร
    ผู้ใช้ควรหลีกเลี่ยงการโอนข้อมูลขนาดใหญ่ในช่วงนี้
    การใช้ซอฟต์แวร์ตรวจสอบ SMART อาจช่วยเตือนก่อนเกิดปัญหา
    ผู้ดูแลระบบควรสำรองข้อมูลก่อนติดตั้งอัปเดต KB5063878

    https://wccftech.com/windows-11-latest-update-is-reportedly-causing-widespread-ssd-failures/
    🧨 อัปเดต Windows 11 KB5063878 ทำ SSD พังเมื่อเขียนไฟล์จำนวนมาก อัปเดต KB5063878 ที่ปล่อยเมื่อ 12 สิงหาคม 2025 มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับ Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 แต่กลับมีรายงานจากผู้ใช้หลายคนว่า SSD ของพวกเขา “หายไปจากระบบ” หลังจากมีการเขียนข้อมูลขนาดใหญ่ต่อเนื่อง เช่น การอัปเดตเกม Cyberpunk 2077 หรือการโอนข้อมูลมากกว่า 50 GB ผู้ใช้ชื่อ @Necoru_cat บน X พบว่า SSD ที่ใช้คอนโทรลเลอร์ Phison เช่น Corsair MP600, Kioxia Exceria Plus G4 และ SanDisk Extreme Pro มีแนวโน้มเกิดปัญหามากที่สุด โดยอาการคือ: - ไดรฟ์หายจากระบบ OS - SMART data อ่านไม่ได้ - รีสตาร์ทแล้วบางครั้งกลับมา แต่บางครั้งหายถาวร - ไฟล์บางส่วนเสียหายหรือไม่สามารถเข้าถึงได้ แม้จะยังไม่มีการยืนยันจาก Microsoft หรือผู้ผลิต SSD แต่รายงานจากหลายแหล่งชี้ว่าอาจเกิดจาก regression ในระดับ kernel หรือ driver ที่จัดการการเขียนข้อมูลต่อเนื่องผิดพลาด จนทำให้คอนโทรลเลอร์ “ล็อก” และไม่ตอบสนอง ปัญหานี้ยังไม่แพร่หลายมากนัก แต่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเขียนไฟล์ขนาดใหญ่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะถ้าใช้ SSD ที่มีคอนโทรลเลอร์ Phison หรือรุ่นที่อยู่ในรายชื่อที่ได้รับผลกระทบ ✅ ข้อมูลจากข่าวหลัก ➡️ อัปเดต KB5063878 ของ Windows 11 ทำให้ SSD บางรุ่นพังเมื่อเขียนข้อมูลมากกว่า 50 GB ➡️ อาการคือไดรฟ์หายจากระบบ, SMART อ่านไม่ได้, รีสตาร์ทแล้วไม่กลับมา ➡️ SSD ที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่ใช้คอนโทรลเลอร์ Phison เช่น PS5012-E12, E16, E21T ➡️ รุ่นที่พบปัญหา ได้แก่ Corsair MP600, Kioxia Exceria Plus G4, SanDisk Extreme Pro ➡️ ปัญหาเกิดจากการเขียนข้อมูลต่อเนื่อง (sequential write) ที่ทำให้คอนโทรลเลอร์ล็อก ➡️ ยังไม่มีการยืนยันจาก Microsoft หรือผู้ผลิต SSD ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ปัญหาอาจเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงใน Host Memory Buffer (HMB) และ storage stack ➡️ มีรายงานว่า HDD บางรุ่นก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ➡️ SSD บางรุ่นสามารถกลับมาใช้งานได้หลังรีสตาร์ท แต่บางรุ่นหายถาวร ➡️ ผู้ใช้ควรหลีกเลี่ยงการโอนข้อมูลขนาดใหญ่ในช่วงนี้ ➡️ การใช้ซอฟต์แวร์ตรวจสอบ SMART อาจช่วยเตือนก่อนเกิดปัญหา ➡️ ผู้ดูแลระบบควรสำรองข้อมูลก่อนติดตั้งอัปเดต KB5063878 https://wccftech.com/windows-11-latest-update-is-reportedly-causing-widespread-ssd-failures/
    WCCFTECH.COM
    Windows 11’s Latest Security Update Is Reportedly Causing Several SSD Failures When Writing a Large Number of Files at Once
    It is now reported that the latest Windows 11 update is causing SSDs to become non-functional after a large data write.
    0 Comments 0 Shares 163 Views 0 Reviews
  • เมื่อ AI กลายเป็นดาบสองคมในวงการแพทย์

    ในยุคที่ AI ถูกนำมาใช้ช่วยแพทย์ตรวจหามะเร็งลำไส้ใหญ่ผ่านการส่องกล้อง (colonoscopy) หลายคนเชื่อว่าเทคโนโลยีนี้จะช่วยเพิ่มความแม่นยำและลดความผิดพลาด แต่ผลการศึกษาจากโรงพยาบาลในโปแลนด์กลับพบสิ่งตรงกันข้าม

    นักวิจัยวิเคราะห์การส่องกล้องกว่า 1,400 ครั้ง พบว่าแพทย์ที่เคยใช้ AI ช่วยตรวจ มีความสามารถลดลงถึง 20% เมื่อกลับไปตรวจโดยไม่ใช้ AI โดยเฉพาะการตรวจหาก้อนเนื้อก่อนเป็นมะเร็ง (adenoma)

    เหตุผลคือ เมื่อแพทย์พึ่งพา AI เป็นประจำ พวกเขาเริ่มลดการใช้ทักษะของตัวเอง เช่น การสังเกต การตัดสินใจ และความรับผิดชอบในการวินิจฉัย ส่งผลให้ประสิทธิภาพลดลงแม้จะเป็นแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง

    งานวิจัยนี้ตีพิมพ์ในวารสาร The Lancet Gastroenterology & Hepatology และถือเป็นครั้งแรกที่มีหลักฐานชัดเจนว่า AI อาจทำให้เกิด “การสูญเสียทักษะ” (deskilling) ในวงการแพทย์

    แม้ AI จะช่วยเพิ่มอัตราการตรวจพบในบางกรณี แต่การใช้แบบไม่ระวังอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพผู้ป่วยในระยะยาว นักวิจัยจึงเรียกร้องให้มีการศึกษาเชิงพฤติกรรมเพิ่มเติม เพื่อเข้าใจกลไกที่ AI ส่งผลต่อความสามารถของแพทย์

    ข้อมูลจากงานวิจัย
    ศึกษาจากโรงพยาบาล 4 แห่งในโปแลนด์ รวมกว่า 1,400 colonoscopies
    พบอัตราการตรวจพบ adenoma ลดลงจาก 28% เหลือ 22% หลังใช้ AI
    แพทย์ที่เคยใช้ AI มีประสิทธิภาพลดลงเมื่อกลับไปตรวจแบบเดิม
    งานวิจัยตีพิมพ์ใน The Lancet Gastroenterology & Hepatology
    เป็นหลักฐานแรกที่ชี้ว่า AI อาจทำให้แพทย์สูญเสียทักษะ
    นักวิจัยเรียกร้องให้มีการศึกษาเชิงพฤติกรรมเพิ่มเติม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ADR (Adenoma Detection Rate) เป็นตัวชี้วัดคุณภาพของการส่องกล้อง
    การใช้ AI ในการตรวจมะเร็งลำไส้ใหญ่เริ่มแพร่หลายตั้งแต่ปี 2021
    แพทย์ที่เข้าร่วมการศึกษามีประสบการณ์มากกว่า 2,000 ครั้งต่อคน
    การพึ่งพา AI อาจทำให้ลดการคิดเชิงวิเคราะห์และความรับผิดชอบ
    งานวิจัยจาก MIT และ Microsoft พบว่า AI ทำให้ผู้ใช้คิดน้อยลงในหลายวงการ
    สมาคมแพทย์อเมริกันระบุว่า 2 ใน 3 ของแพทย์เริ่มใช้ AI ในการทำงาน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/17/ai-dependent-doctors-risk-failing-to-detect-colon-cancer---study
    🧬 เมื่อ AI กลายเป็นดาบสองคมในวงการแพทย์ ในยุคที่ AI ถูกนำมาใช้ช่วยแพทย์ตรวจหามะเร็งลำไส้ใหญ่ผ่านการส่องกล้อง (colonoscopy) หลายคนเชื่อว่าเทคโนโลยีนี้จะช่วยเพิ่มความแม่นยำและลดความผิดพลาด แต่ผลการศึกษาจากโรงพยาบาลในโปแลนด์กลับพบสิ่งตรงกันข้าม นักวิจัยวิเคราะห์การส่องกล้องกว่า 1,400 ครั้ง พบว่าแพทย์ที่เคยใช้ AI ช่วยตรวจ มีความสามารถลดลงถึง 20% เมื่อกลับไปตรวจโดยไม่ใช้ AI โดยเฉพาะการตรวจหาก้อนเนื้อก่อนเป็นมะเร็ง (adenoma) เหตุผลคือ เมื่อแพทย์พึ่งพา AI เป็นประจำ พวกเขาเริ่มลดการใช้ทักษะของตัวเอง เช่น การสังเกต การตัดสินใจ และความรับผิดชอบในการวินิจฉัย ส่งผลให้ประสิทธิภาพลดลงแม้จะเป็นแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง งานวิจัยนี้ตีพิมพ์ในวารสาร The Lancet Gastroenterology & Hepatology และถือเป็นครั้งแรกที่มีหลักฐานชัดเจนว่า AI อาจทำให้เกิด “การสูญเสียทักษะ” (deskilling) ในวงการแพทย์ แม้ AI จะช่วยเพิ่มอัตราการตรวจพบในบางกรณี แต่การใช้แบบไม่ระวังอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพผู้ป่วยในระยะยาว นักวิจัยจึงเรียกร้องให้มีการศึกษาเชิงพฤติกรรมเพิ่มเติม เพื่อเข้าใจกลไกที่ AI ส่งผลต่อความสามารถของแพทย์ ✅ ข้อมูลจากงานวิจัย ➡️ ศึกษาจากโรงพยาบาล 4 แห่งในโปแลนด์ รวมกว่า 1,400 colonoscopies ➡️ พบอัตราการตรวจพบ adenoma ลดลงจาก 28% เหลือ 22% หลังใช้ AI ➡️ แพทย์ที่เคยใช้ AI มีประสิทธิภาพลดลงเมื่อกลับไปตรวจแบบเดิม ➡️ งานวิจัยตีพิมพ์ใน The Lancet Gastroenterology & Hepatology ➡️ เป็นหลักฐานแรกที่ชี้ว่า AI อาจทำให้แพทย์สูญเสียทักษะ ➡️ นักวิจัยเรียกร้องให้มีการศึกษาเชิงพฤติกรรมเพิ่มเติม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ADR (Adenoma Detection Rate) เป็นตัวชี้วัดคุณภาพของการส่องกล้อง ➡️ การใช้ AI ในการตรวจมะเร็งลำไส้ใหญ่เริ่มแพร่หลายตั้งแต่ปี 2021 ➡️ แพทย์ที่เข้าร่วมการศึกษามีประสบการณ์มากกว่า 2,000 ครั้งต่อคน ➡️ การพึ่งพา AI อาจทำให้ลดการคิดเชิงวิเคราะห์และความรับผิดชอบ ➡️ งานวิจัยจาก MIT และ Microsoft พบว่า AI ทำให้ผู้ใช้คิดน้อยลงในหลายวงการ ➡️ สมาคมแพทย์อเมริกันระบุว่า 2 ใน 3 ของแพทย์เริ่มใช้ AI ในการทำงาน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/17/ai-dependent-doctors-risk-failing-to-detect-colon-cancer---study
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AI-dependent doctors risk failing to detect colon cancer – study
    Doctors and other medical professionals who lean on "routine assistance" from artificial intelligence (AI) to carry out colonoscopies are at risk of losing the life-saving skills they have developed over years of on-the-job training.
    0 Comments 0 Shares 120 Views 0 Reviews
  • AI ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป: เทคโนโลยีที่อาจเปลี่ยนโครงสร้างโลก

    ลองนึกภาพว่าเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา การที่เครื่องจักรจะเข้าใจภาษาเรา เขียนโปรแกรม หรือหาข้อผิดพลาดในโค้ดที่มนุษย์มองข้าม ยังเป็นเรื่องในนิยายวิทยาศาสตร์ แต่วันนี้ AI ทำสิ่งเหล่านั้นได้จริง แม้จะยังไม่สมบูรณ์แบบ

    ผู้เขียนชี้ว่า แม้ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ยังประเมินผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งในแง่การมองข้ามความก้าวหน้า หรือคาดหวังเกินจริง แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือ AI กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และอาจไม่หยุดอยู่แค่ “เครื่องมือช่วยงาน” แต่กลายเป็น “ผู้เล่นหลัก” ที่เปลี่ยนระบบเศรษฐกิจทั้งหมด

    ตลาดหุ้นยังคงขึ้นอย่างไม่สนใจความไม่แน่นอนของ AI หรือสงครามในโลก แต่ผู้เขียนเตือนว่า หาก AI สามารถแทนที่แรงงานจำนวนมากได้จริง ระบบเศรษฐกิจแบบปัจจุบันอาจไม่สามารถรับมือได้ และอาจต้องเปลี่ยนไปสู่ระบบใหม่ที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

    ข้อมูลจาก MIT Sloan เสริมว่า แม้ AI จะมีศักยภาพสูง แต่ในระยะ 10 ปีข้างหน้า อาจมีผลต่อ GDP เพียง 1–2% เท่านั้น เพราะมีเพียง 5% ของงานทั้งหมดที่สามารถใช้ AI ได้อย่างคุ้มค่า

    IMF ก็เตือนว่า AI จะกระทบต่อ 40% ของงานทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งอาจเกิดความเหลื่อมล้ำทางรายได้มากขึ้น หากไม่มีนโยบายรองรับที่ดี

    ความก้าวหน้าของ AI
    AI สามารถเข้าใจภาษา เขียนโปรแกรม และหาข้อผิดพลาดในโค้ด
    ความสามารถเหล่านี้เคยเป็นเรื่องในนิยายวิทยาศาสตร์
    การพัฒนาเกิดขึ้นแม้ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินผิด

    ความไม่แน่นอนของอนาคต AI
    ไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำว่า AI จะไปถึงไหน
    หาก AI ไม่หยุดพัฒนา อาจกลายเป็นผู้เล่นหลักในระบบเศรษฐกิจ
    การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่เหมือนการปฏิวัติเทคโนโลยีที่ผ่านมา

    ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
    ตลาดหุ้นยังคงขึ้น แม้มีความไม่แน่นอน
    หาก AI แทนแรงงานจำนวนมาก ระบบเศรษฐกิจอาจต้องเปลี่ยน
    บริษัทอาจไม่จ้างบริการภายนอก หาก AI ภายในทำงานได้เอง

    ข้อมูลเสริมจาก MIT Sloan
    AI อาจเพิ่ม GDP เพียง 1–2% ใน 10 ปีข้างหน้า
    มีเพียง 5% ของงานที่สามารถใช้ AI ได้อย่างคุ้มค่า
    ผลกระทบต่อผลิตภาพโดยรวมอาจต่ำกว่าที่คาด

    ข้อมูลเสริมจาก IMF
    AI กระทบต่อ 40% ของงานทั่วโลก
    ประเทศพัฒนาแล้วมีความเสี่ยงสูงกว่า
    อาจเกิดความเหลื่อมล้ำทางรายได้และโอกาส

    คำเตือนและข้อจำกัด
    การพัฒนา AI อาจทำให้แรงงานจำนวนมากตกงาน
    ระบบเศรษฐกิจปัจจุบันอาจไม่สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลง
    หากไม่มีนโยบายรองรับ อาจเกิดความเหลื่อมล้ำอย่างรุนแรง
    ตลาดหุ้นอาจไม่สะท้อนความจริงของเศรษฐกิจในระยะยาว
    การพึ่งพา AI จากบริษัทใหญ่เพียงไม่กี่แห่ง อาจสร้างความเสี่ยงต่ออำนาจรวมศูนย์

    https://www.antirez.com/news/155
    🧠 AI ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป: เทคโนโลยีที่อาจเปลี่ยนโครงสร้างโลก ลองนึกภาพว่าเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา การที่เครื่องจักรจะเข้าใจภาษาเรา เขียนโปรแกรม หรือหาข้อผิดพลาดในโค้ดที่มนุษย์มองข้าม ยังเป็นเรื่องในนิยายวิทยาศาสตร์ แต่วันนี้ AI ทำสิ่งเหล่านั้นได้จริง แม้จะยังไม่สมบูรณ์แบบ ผู้เขียนชี้ว่า แม้ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ยังประเมินผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งในแง่การมองข้ามความก้าวหน้า หรือคาดหวังเกินจริง แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือ AI กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และอาจไม่หยุดอยู่แค่ “เครื่องมือช่วยงาน” แต่กลายเป็น “ผู้เล่นหลัก” ที่เปลี่ยนระบบเศรษฐกิจทั้งหมด ตลาดหุ้นยังคงขึ้นอย่างไม่สนใจความไม่แน่นอนของ AI หรือสงครามในโลก แต่ผู้เขียนเตือนว่า หาก AI สามารถแทนที่แรงงานจำนวนมากได้จริง ระบบเศรษฐกิจแบบปัจจุบันอาจไม่สามารถรับมือได้ และอาจต้องเปลี่ยนไปสู่ระบบใหม่ที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ข้อมูลจาก MIT Sloan เสริมว่า แม้ AI จะมีศักยภาพสูง แต่ในระยะ 10 ปีข้างหน้า อาจมีผลต่อ GDP เพียง 1–2% เท่านั้น เพราะมีเพียง 5% ของงานทั้งหมดที่สามารถใช้ AI ได้อย่างคุ้มค่า IMF ก็เตือนว่า AI จะกระทบต่อ 40% ของงานทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งอาจเกิดความเหลื่อมล้ำทางรายได้มากขึ้น หากไม่มีนโยบายรองรับที่ดี ✅ ความก้าวหน้าของ AI ➡️ AI สามารถเข้าใจภาษา เขียนโปรแกรม และหาข้อผิดพลาดในโค้ด ➡️ ความสามารถเหล่านี้เคยเป็นเรื่องในนิยายวิทยาศาสตร์ ➡️ การพัฒนาเกิดขึ้นแม้ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินผิด ✅ ความไม่แน่นอนของอนาคต AI ➡️ ไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำว่า AI จะไปถึงไหน ➡️ หาก AI ไม่หยุดพัฒนา อาจกลายเป็นผู้เล่นหลักในระบบเศรษฐกิจ ➡️ การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่เหมือนการปฏิวัติเทคโนโลยีที่ผ่านมา ✅ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ➡️ ตลาดหุ้นยังคงขึ้น แม้มีความไม่แน่นอน ➡️ หาก AI แทนแรงงานจำนวนมาก ระบบเศรษฐกิจอาจต้องเปลี่ยน ➡️ บริษัทอาจไม่จ้างบริการภายนอก หาก AI ภายในทำงานได้เอง ✅ ข้อมูลเสริมจาก MIT Sloan ➡️ AI อาจเพิ่ม GDP เพียง 1–2% ใน 10 ปีข้างหน้า ➡️ มีเพียง 5% ของงานที่สามารถใช้ AI ได้อย่างคุ้มค่า ➡️ ผลกระทบต่อผลิตภาพโดยรวมอาจต่ำกว่าที่คาด ✅ ข้อมูลเสริมจาก IMF ➡️ AI กระทบต่อ 40% ของงานทั่วโลก ➡️ ประเทศพัฒนาแล้วมีความเสี่ยงสูงกว่า ➡️ อาจเกิดความเหลื่อมล้ำทางรายได้และโอกาส ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ การพัฒนา AI อาจทำให้แรงงานจำนวนมากตกงาน ⛔ ระบบเศรษฐกิจปัจจุบันอาจไม่สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ⛔ หากไม่มีนโยบายรองรับ อาจเกิดความเหลื่อมล้ำอย่างรุนแรง ⛔ ตลาดหุ้นอาจไม่สะท้อนความจริงของเศรษฐกิจในระยะยาว ⛔ การพึ่งพา AI จากบริษัทใหญ่เพียงไม่กี่แห่ง อาจสร้างความเสี่ยงต่ออำนาจรวมศูนย์ https://www.antirez.com/news/155
    0 Comments 0 Shares 138 Views 0 Reviews
  • เมื่อ AI แนะนำผิด ชีวิตเกือบพัง: กรณีพิษโบรไมด์จากคำแนะนำของ ChatGPT

    ชายวัย 60 ปีในนิวยอร์กต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหลังจากใช้ ChatGPT เพื่อหาทางลดการบริโภคเกลือ โดยเขาต้องการแทนที่ “โซเดียมคลอไรด์” (เกลือทั่วไป) ด้วยสารอื่นที่ “ดูเหมือนจะปลอดภัย” ซึ่ง ChatGPT แนะนำว่า “โซเดียมโบรไมด์” สามารถใช้แทนได้

    เขาจึงซื้อโซเดียมโบรไมด์ทางออนไลน์และบริโภคทุกวันเป็นเวลา 3 เดือน ผลที่ตามมาคือเขาเริ่มมีอาการหลอน นอนไม่หลับ เห็นภาพและเสียงที่ไม่มีอยู่จริง และเชื่อว่ามีเพื่อนบ้านพยายามวางยาพิษเขา จนต้องถูกกักตัวในโรงพยาบาลด้วยอาการทางจิต

    แพทย์วินิจฉัยว่าเขาเป็นพิษจากโบรไมด์ (bromism) ซึ่งเคยพบได้บ่อยในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เมื่อโบรไมด์ถูกใช้ในยาระงับประสาทและยานอนหลับ แต่ถูกห้ามใช้ในผลิตภัณฑ์บริโภคตั้งแต่ปี 1975 เพราะมีผลข้างเคียงรุนแรงต่อระบบประสาท

    แม้จะไม่มีบันทึกการสนทนากับ ChatGPT แต่ทีมแพทย์ทดลองถามคำถามคล้ายกันกับเวอร์ชัน 3.5 และพบว่า AI แนะนำโบรไมด์โดยไม่มีคำเตือนเรื่องพิษหรือถามเจตนาของผู้ใช้ ซึ่งเป็นจุดอ่อนสำคัญของระบบ AI ที่ขาดบริบทและวิจารณญาณทางการแพทย์

    เหตุการณ์และอาการของผู้ป่วย
    ผู้ป่วยอายุ 60 ปีต้องการลดการบริโภคเกลือ
    ใช้ ChatGPT เพื่อหาสารแทนโซเดียมคลอไรด์
    ได้รับคำแนะนำให้ใช้โซเดียมโบรไมด์แทน
    บริโภคทุกวันเป็นเวลา 3 เดือนจนเกิดพิษ
    มีอาการหลอน นอนไม่หลับ หวาดระแวง และพฤติกรรมทางจิต

    การวินิจฉัยและการรักษา
    แพทย์วินิจฉัยว่าเป็น bromism หรือพิษจากโบรไมด์
    ระดับโบรไมด์ในเลือดสูงถึง 1,700 mg/L (ปกติคือ 0.9–7.3 mg/L)
    รักษาด้วยการให้สารน้ำและยาต้านอาการทางจิต
    อาการดีขึ้นภายใน 3 สัปดาห์และกลับบ้านได้

    จุดอ่อนของ AI ในการให้คำแนะนำด้านสุขภาพ
    ChatGPT แนะนำโบรไมด์โดยไม่มีคำเตือนเรื่องพิษ
    ไม่ถามเจตนาของผู้ใช้หรือให้บริบททางการแพทย์
    ข้อมูลที่ให้มาจากแหล่งวิทยาศาสตร์แต่ขาดการคัดกรอง
    อาจนำไปสู่การตัดสินใจผิดพลาดโดยผู้ใช้ที่ไม่มีพื้นฐานทางการแพทย์

    ข้อเสนอจากผู้เชี่ยวชาญ
    ควรมีระบบตรวจสอบความเสี่ยงและฐานข้อมูลทางการแพทย์ใน AI
    คำถามด้านสุขภาพควรมีการแจ้งเตือนหรือแนะนำให้ปรึกษาแพทย์
    AI ควรเป็นเครื่องมือเสริม ไม่ใช่ตัวแทนของผู้เชี่ยวชาญ
    ควรมีการกำกับดูแลระดับโลกเกี่ยวกับการใช้ AI ในด้านสุขภาพ

    https://wccftech.com/a-60-year-old-man-who-turned-to-chatgpt-for-diet-advice-ended-up-poisoning-himself-and-landed-in-the-hospital/
    🧠 เมื่อ AI แนะนำผิด ชีวิตเกือบพัง: กรณีพิษโบรไมด์จากคำแนะนำของ ChatGPT ชายวัย 60 ปีในนิวยอร์กต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหลังจากใช้ ChatGPT เพื่อหาทางลดการบริโภคเกลือ โดยเขาต้องการแทนที่ “โซเดียมคลอไรด์” (เกลือทั่วไป) ด้วยสารอื่นที่ “ดูเหมือนจะปลอดภัย” ซึ่ง ChatGPT แนะนำว่า “โซเดียมโบรไมด์” สามารถใช้แทนได้ เขาจึงซื้อโซเดียมโบรไมด์ทางออนไลน์และบริโภคทุกวันเป็นเวลา 3 เดือน ผลที่ตามมาคือเขาเริ่มมีอาการหลอน นอนไม่หลับ เห็นภาพและเสียงที่ไม่มีอยู่จริง และเชื่อว่ามีเพื่อนบ้านพยายามวางยาพิษเขา จนต้องถูกกักตัวในโรงพยาบาลด้วยอาการทางจิต แพทย์วินิจฉัยว่าเขาเป็นพิษจากโบรไมด์ (bromism) ซึ่งเคยพบได้บ่อยในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เมื่อโบรไมด์ถูกใช้ในยาระงับประสาทและยานอนหลับ แต่ถูกห้ามใช้ในผลิตภัณฑ์บริโภคตั้งแต่ปี 1975 เพราะมีผลข้างเคียงรุนแรงต่อระบบประสาท แม้จะไม่มีบันทึกการสนทนากับ ChatGPT แต่ทีมแพทย์ทดลองถามคำถามคล้ายกันกับเวอร์ชัน 3.5 และพบว่า AI แนะนำโบรไมด์โดยไม่มีคำเตือนเรื่องพิษหรือถามเจตนาของผู้ใช้ ซึ่งเป็นจุดอ่อนสำคัญของระบบ AI ที่ขาดบริบทและวิจารณญาณทางการแพทย์ ✅ เหตุการณ์และอาการของผู้ป่วย ➡️ ผู้ป่วยอายุ 60 ปีต้องการลดการบริโภคเกลือ ➡️ ใช้ ChatGPT เพื่อหาสารแทนโซเดียมคลอไรด์ ➡️ ได้รับคำแนะนำให้ใช้โซเดียมโบรไมด์แทน ➡️ บริโภคทุกวันเป็นเวลา 3 เดือนจนเกิดพิษ ➡️ มีอาการหลอน นอนไม่หลับ หวาดระแวง และพฤติกรรมทางจิต ✅ การวินิจฉัยและการรักษา ➡️ แพทย์วินิจฉัยว่าเป็น bromism หรือพิษจากโบรไมด์ ➡️ ระดับโบรไมด์ในเลือดสูงถึง 1,700 mg/L (ปกติคือ 0.9–7.3 mg/L) ➡️ รักษาด้วยการให้สารน้ำและยาต้านอาการทางจิต ➡️ อาการดีขึ้นภายใน 3 สัปดาห์และกลับบ้านได้ ✅ จุดอ่อนของ AI ในการให้คำแนะนำด้านสุขภาพ ➡️ ChatGPT แนะนำโบรไมด์โดยไม่มีคำเตือนเรื่องพิษ ➡️ ไม่ถามเจตนาของผู้ใช้หรือให้บริบททางการแพทย์ ➡️ ข้อมูลที่ให้มาจากแหล่งวิทยาศาสตร์แต่ขาดการคัดกรอง ➡️ อาจนำไปสู่การตัดสินใจผิดพลาดโดยผู้ใช้ที่ไม่มีพื้นฐานทางการแพทย์ ✅ ข้อเสนอจากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ ควรมีระบบตรวจสอบความเสี่ยงและฐานข้อมูลทางการแพทย์ใน AI ➡️ คำถามด้านสุขภาพควรมีการแจ้งเตือนหรือแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ ➡️ AI ควรเป็นเครื่องมือเสริม ไม่ใช่ตัวแทนของผู้เชี่ยวชาญ ➡️ ควรมีการกำกับดูแลระดับโลกเกี่ยวกับการใช้ AI ในด้านสุขภาพ https://wccftech.com/a-60-year-old-man-who-turned-to-chatgpt-for-diet-advice-ended-up-poisoning-himself-and-landed-in-the-hospital/
    WCCFTECH.COM
    A 60-Year-Old Man Who Turned To ChatGPT For Diet Advice Ended Up Poisoning Himself And Landed In The Hospital
    A 60-year-old man has developed bromism after following ChatGPT's dietary advice and replacing salt with sodium bromide
    0 Comments 0 Shares 182 Views 0 Reviews
  • สมองไมโครเวฟ: ชิปที่คิดแบบ AI และพูดแบบวิทยุ

    ในห้องทดลองเงียบ ๆ ของมหาวิทยาลัย Cornell นักวิจัยได้สร้างชิปต้นแบบที่ไม่ใช้การประมวลผลแบบดิจิทัลตามจังหวะนาฬิกาเหมือน CPU ทั่วไป แต่ใช้พลังงานไมโครเวฟในการประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์ และยังสามารถสื่อสารไร้สายได้ในตัวเดียวกัน

    ชิปนี้ถูกเรียกว่า “microwave brain” เพราะมันใช้คลื่นไมโครเวฟที่ปรับแต่งได้ผ่าน waveguide ซึ่งทำหน้าที่เหมือน “นิวรอนทางกายภาพ” โดยสามารถเปลี่ยนแอมพลิจูด เฟส และความถี่ของสัญญาณเพื่อแทนข้อมูล และให้สัญญาณเหล่านั้นแทรกกันในโดเมนแอนะล็อกเพื่อสร้างรูปแบบที่ซับซ้อน ก่อนจะถูกแปลงเป็นดิจิทัล

    ผลลัพธ์คือชิปที่สามารถประมวลผลข้อมูลความเร็วสูงระดับหลายสิบกิกะเฮิรตซ์ และยังสามารถสื่อสารไร้สายได้ในตัว โดยใช้พลังงานเพียง 200 มิลลิวัตต์—น้อยกว่าชิป AI ดิจิทัลทั่วไปหลายเท่า

    ในการทดสอบ ชิปสามารถจำแนกสัญญาณไร้สายได้ด้วยความแม่นยำถึง 88% โดยไม่ต้องใช้วงจรแก้ไขข้อผิดพลาดหรือหน่วยความจำขนาดใหญ่ และสามารถสลับงาน AI ได้ทันทีโดยไม่ต้องฝึกใหม่

    การออกแบบและหลักการทำงานของ microwave brain
    ใช้คลื่นไมโครเวฟผ่าน waveguide ที่ปรับแต่งได้แทนการประมวลผลแบบดิจิทัล
    สัญญาณแอนะล็อกแทรกกันเพื่อสร้างรูปแบบข้อมูลก่อนแปลงเป็นดิจิทัล
    ทำงานได้ทั้งการประมวลผลและการสื่อสารไร้สายในชิปเดียว

    ประสิทธิภาพและการใช้งาน
    ใช้พลังงานเพียง 200 มิลลิวัตต์
    ประมวลผลข้อมูลที่ความเร็วระดับหลายสิบกิกะเฮิรตซ์
    จำแนกสัญญาณไร้สายได้ด้วยความแม่นยำ 88%
    เหมาะกับงาน edge computing เช่น สมาร์ตวอทช์หรือมือถือที่ไม่ต้องพึ่งคลาวด์

    ความสามารถด้าน AI และการสื่อสาร
    สลับงาน AI ได้ทันทีโดยไม่ต้อง retrain
    ตรวจจับความผิดปกติในสัญญาณไร้สายได้
    อาจใช้ในงานเรดาร์ การถอดรหัสคลื่นวิทยุ หรือการรักษาความปลอดภัยฮาร์ดแวร์

    การสนับสนุนและการพัฒนา
    ได้รับทุนจาก DARPA และ National Science Foundation
    อยู่ในขั้นต้นแบบ แต่กำลังพัฒนาให้สามารถรวมเข้ากับระบบไมโครเวฟและดิจิทัลที่มีอยู่
    มีเป้าหมายเพื่อสร้างชิปที่เป็นทั้งสมองและเสาอากาศในอุปกรณ์เดียว

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/researchers-build-worlds-first-microwave-brain-chip-that-can-think-like-ai-and-talk-like-a-radio-all-at-gigahertz-speeds
    🧠 สมองไมโครเวฟ: ชิปที่คิดแบบ AI และพูดแบบวิทยุ ในห้องทดลองเงียบ ๆ ของมหาวิทยาลัย Cornell นักวิจัยได้สร้างชิปต้นแบบที่ไม่ใช้การประมวลผลแบบดิจิทัลตามจังหวะนาฬิกาเหมือน CPU ทั่วไป แต่ใช้พลังงานไมโครเวฟในการประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์ และยังสามารถสื่อสารไร้สายได้ในตัวเดียวกัน ชิปนี้ถูกเรียกว่า “microwave brain” เพราะมันใช้คลื่นไมโครเวฟที่ปรับแต่งได้ผ่าน waveguide ซึ่งทำหน้าที่เหมือน “นิวรอนทางกายภาพ” โดยสามารถเปลี่ยนแอมพลิจูด เฟส และความถี่ของสัญญาณเพื่อแทนข้อมูล และให้สัญญาณเหล่านั้นแทรกกันในโดเมนแอนะล็อกเพื่อสร้างรูปแบบที่ซับซ้อน ก่อนจะถูกแปลงเป็นดิจิทัล ผลลัพธ์คือชิปที่สามารถประมวลผลข้อมูลความเร็วสูงระดับหลายสิบกิกะเฮิรตซ์ และยังสามารถสื่อสารไร้สายได้ในตัว โดยใช้พลังงานเพียง 200 มิลลิวัตต์—น้อยกว่าชิป AI ดิจิทัลทั่วไปหลายเท่า ในการทดสอบ ชิปสามารถจำแนกสัญญาณไร้สายได้ด้วยความแม่นยำถึง 88% โดยไม่ต้องใช้วงจรแก้ไขข้อผิดพลาดหรือหน่วยความจำขนาดใหญ่ และสามารถสลับงาน AI ได้ทันทีโดยไม่ต้องฝึกใหม่ ✅ การออกแบบและหลักการทำงานของ microwave brain ➡️ ใช้คลื่นไมโครเวฟผ่าน waveguide ที่ปรับแต่งได้แทนการประมวลผลแบบดิจิทัล ➡️ สัญญาณแอนะล็อกแทรกกันเพื่อสร้างรูปแบบข้อมูลก่อนแปลงเป็นดิจิทัล ➡️ ทำงานได้ทั้งการประมวลผลและการสื่อสารไร้สายในชิปเดียว ✅ ประสิทธิภาพและการใช้งาน ➡️ ใช้พลังงานเพียง 200 มิลลิวัตต์ ➡️ ประมวลผลข้อมูลที่ความเร็วระดับหลายสิบกิกะเฮิรตซ์ ➡️ จำแนกสัญญาณไร้สายได้ด้วยความแม่นยำ 88% ➡️ เหมาะกับงาน edge computing เช่น สมาร์ตวอทช์หรือมือถือที่ไม่ต้องพึ่งคลาวด์ ✅ ความสามารถด้าน AI และการสื่อสาร ➡️ สลับงาน AI ได้ทันทีโดยไม่ต้อง retrain ➡️ ตรวจจับความผิดปกติในสัญญาณไร้สายได้ ➡️ อาจใช้ในงานเรดาร์ การถอดรหัสคลื่นวิทยุ หรือการรักษาความปลอดภัยฮาร์ดแวร์ ✅ การสนับสนุนและการพัฒนา ➡️ ได้รับทุนจาก DARPA และ National Science Foundation ➡️ อยู่ในขั้นต้นแบบ แต่กำลังพัฒนาให้สามารถรวมเข้ากับระบบไมโครเวฟและดิจิทัลที่มีอยู่ ➡️ มีเป้าหมายเพื่อสร้างชิปที่เป็นทั้งสมองและเสาอากาศในอุปกรณ์เดียว https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/researchers-build-worlds-first-microwave-brain-chip-that-can-think-like-ai-and-talk-like-a-radio-all-at-gigahertz-speeds
    0 Comments 0 Shares 114 Views 0 Reviews
  • Prinano กับเครื่องพิมพ์วงจรระดับนาโน: ทางเลือกใหม่แทน EUV
    ในโลกของการผลิตชิปที่ต้องการความละเอียดระดับนาโนเมตร ประเทศจีนได้เปิดตัวเครื่องมือใหม่ที่อาจเปลี่ยนเกมได้ นั่นคือเครื่องพิมพ์วงจรแบบ “Nanoimprint Lithography” หรือ NIL จากบริษัท Prinano ซึ่งใช้แม่พิมพ์ควอตซ์ที่มีลวดลายวงจรระดับนาโน กดลงบนแผ่น wafer ที่เคลือบสาร resist แทนการใช้แสงแบบเดิม

    เครื่องรุ่น PL-SR ของ Prinano เป็นเครื่อง NIL แบบ “step-and-repeat” ที่สามารถพิมพ์ลวดลายละเอียดต่ำกว่า 10nm ได้บนแผ่น wafer ขนาด 300mm โดยใช้ระบบฉีดหมึกความแม่นยำสูง และกลไกควบคุมการแนบแม่พิมพ์กับ wafer เพื่อให้ได้ลวดลายที่คมชัดและไม่บิดเบี้ยว

    แม้จะไม่เร็วเท่าเครื่อง EUV จาก ASML แต่ NIL มีข้อดีคือราคาถูกกว่า ใช้พลังงานน้อยกว่า และเหมาะกับการผลิตชิปประเภท memory, photonics และ packaging ที่มีโครงสร้างซ้ำ ๆ ไม่ซับซ้อน

    การเปิดตัวเครื่อง NIL จาก Prinano
    เป็นเครื่อง NIL รุ่นแรกที่ผลิตในจีนสำหรับการใช้งานจริง
    ใช้แม่พิมพ์ควอตซ์กดลงบนสาร resist แทนการใช้แสง
    รองรับการพิมพ์บน wafer ขนาด 300mm ด้วยความละเอียดต่ำกว่า 10nm

    เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ใช้
    ใช้ระบบฉีดหมึกปรับปริมาณตามความหนาแน่นของลวดลาย
    ควบคุมความหนาของชั้นสารเหลือ (residual layer) ให้น้อยกว่า 10nm
    มีระบบชดเชยความโค้งระหว่างแม่พิมพ์กับ wafer เพื่อป้องกันการบิดเบี้ยว

    การเปรียบเทียบกับ EUV
    EUV ต้องใช้หลายขั้นตอนในการพิมพ์ลวดลายต่ำกว่า 10nm
    NIL สามารถพิมพ์ลวดลายละเอียดในขั้นตอนเดียว หากแม่พิมพ์มีความแม่นยำ
    NIL ไม่มี residual layer แบบเดียวกับ EUV แต่มีความแม่นยำใกล้เคียงกัน

    การใช้งานที่เหมาะสม
    เหมาะกับการผลิต NAND Flash, photonic chips และ microdisplays
    ไม่เหมาะกับการผลิต CPU หรือ GPU ที่มีโครงสร้างซับซ้อน
    ใช้ในงานที่ต้องการความแม่นยำสูงแต่ไม่เน้นปริมาณการผลิตมาก

    ความเร็วในการผลิตต่ำกว่าระบบ EUV หรือ DUV projection
    ต้องสัมผัส wafer ทีละ field ทำให้ throughput ต่ำ
    ไม่เหมาะกับการผลิตชิป logic ที่มีโครงสร้างซับซ้อนและต้องการ defect rate ต่ำมาก
    การสัมผัสโดยตรงอาจทำให้แม่พิมพ์เสียหายจากฝุ่นหรือสิ่งปนเปื้อน
    หากแม่พิมพ์มีข้อผิดพลาด จะส่งผลต่อ yield อย่างรุนแรง
    ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนเรื่อง overlay accuracy ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการผลิตระดับสูง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-based-firm-delivers-its-first-chipmaking-tool-that-stamps-nanoscale-chip-designs-onto-wafers-prinanos-nanoimprint-lithography-tool-uses-quartz-molds-engraved-with-circuits
    🇨🇳 Prinano กับเครื่องพิมพ์วงจรระดับนาโน: ทางเลือกใหม่แทน EUV ในโลกของการผลิตชิปที่ต้องการความละเอียดระดับนาโนเมตร ประเทศจีนได้เปิดตัวเครื่องมือใหม่ที่อาจเปลี่ยนเกมได้ นั่นคือเครื่องพิมพ์วงจรแบบ “Nanoimprint Lithography” หรือ NIL จากบริษัท Prinano ซึ่งใช้แม่พิมพ์ควอตซ์ที่มีลวดลายวงจรระดับนาโน กดลงบนแผ่น wafer ที่เคลือบสาร resist แทนการใช้แสงแบบเดิม เครื่องรุ่น PL-SR ของ Prinano เป็นเครื่อง NIL แบบ “step-and-repeat” ที่สามารถพิมพ์ลวดลายละเอียดต่ำกว่า 10nm ได้บนแผ่น wafer ขนาด 300mm โดยใช้ระบบฉีดหมึกความแม่นยำสูง และกลไกควบคุมการแนบแม่พิมพ์กับ wafer เพื่อให้ได้ลวดลายที่คมชัดและไม่บิดเบี้ยว แม้จะไม่เร็วเท่าเครื่อง EUV จาก ASML แต่ NIL มีข้อดีคือราคาถูกกว่า ใช้พลังงานน้อยกว่า และเหมาะกับการผลิตชิปประเภท memory, photonics และ packaging ที่มีโครงสร้างซ้ำ ๆ ไม่ซับซ้อน ✅ การเปิดตัวเครื่อง NIL จาก Prinano ➡️ เป็นเครื่อง NIL รุ่นแรกที่ผลิตในจีนสำหรับการใช้งานจริง ➡️ ใช้แม่พิมพ์ควอตซ์กดลงบนสาร resist แทนการใช้แสง ➡️ รองรับการพิมพ์บน wafer ขนาด 300mm ด้วยความละเอียดต่ำกว่า 10nm ✅ เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ใช้ ➡️ ใช้ระบบฉีดหมึกปรับปริมาณตามความหนาแน่นของลวดลาย ➡️ ควบคุมความหนาของชั้นสารเหลือ (residual layer) ให้น้อยกว่า 10nm ➡️ มีระบบชดเชยความโค้งระหว่างแม่พิมพ์กับ wafer เพื่อป้องกันการบิดเบี้ยว ✅ การเปรียบเทียบกับ EUV ➡️ EUV ต้องใช้หลายขั้นตอนในการพิมพ์ลวดลายต่ำกว่า 10nm ➡️ NIL สามารถพิมพ์ลวดลายละเอียดในขั้นตอนเดียว หากแม่พิมพ์มีความแม่นยำ ➡️ NIL ไม่มี residual layer แบบเดียวกับ EUV แต่มีความแม่นยำใกล้เคียงกัน ✅ การใช้งานที่เหมาะสม ➡️ เหมาะกับการผลิต NAND Flash, photonic chips และ microdisplays ➡️ ไม่เหมาะกับการผลิต CPU หรือ GPU ที่มีโครงสร้างซับซ้อน ➡️ ใช้ในงานที่ต้องการความแม่นยำสูงแต่ไม่เน้นปริมาณการผลิตมาก ⛔ ความเร็วในการผลิตต่ำกว่าระบบ EUV หรือ DUV projection ⛔ ต้องสัมผัส wafer ทีละ field ทำให้ throughput ต่ำ ⛔ ไม่เหมาะกับการผลิตชิป logic ที่มีโครงสร้างซับซ้อนและต้องการ defect rate ต่ำมาก ⛔ การสัมผัสโดยตรงอาจทำให้แม่พิมพ์เสียหายจากฝุ่นหรือสิ่งปนเปื้อน ⛔ หากแม่พิมพ์มีข้อผิดพลาด จะส่งผลต่อ yield อย่างรุนแรง ⛔ ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนเรื่อง overlay accuracy ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการผลิตระดับสูง https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-based-firm-delivers-its-first-chipmaking-tool-that-stamps-nanoscale-chip-designs-onto-wafers-prinanos-nanoimprint-lithography-tool-uses-quartz-molds-engraved-with-circuits
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    China-based firm delivers its first chipmaking tool that stamps nanoscale processor designs onto wafers — Prinano's nanoimprint lithography tool uses quartz molds engraved with circuits
    China's Prinano Technology has shipped its first domestically developed semiconductor-grade step-and-repeat nanoimprint lithography system that offers sub-10 nm single-step patterning for applications like memory, photonics, and advanced packaging.
    0 Comments 0 Shares 168 Views 0 Reviews
  • ..ร่วมกันติดแฮชแท็ก

    #ยกเลิกmou43และ44เดี๋ยวนี้
    #ใช้1ต่อ50,000อย่างเดียว

    #ยกเลิกmou43และ44เดี๋ยวนี้
    #ใช้1ต่อ50,000อย่างเดียว

    #ยกเลิกmou43และ44ต้นเหตุสงครามชายแดนไทยกับเขมรจะจบทันที

    ..ร่วมกันติดแฮชแท็กทุกๆแพลตฟอร์มโซเชียลและสื่อหลักในไทยกันเถอะ ,ทุกๆคนไทยเราร่วมไม้ร่วมมือกันรวมน้ำหนึ่งใจเดียวกันดีแล้ว มาติดแฮชแท็กว่า "#ยกเลิกmou43และ44ต้นเหตุสงครามชายแดนไทยกับเขมรจะจบทันที" ทั่วประเทศไทยเลย เอกชนดีๆก็ทำป้ายติดทั่วตึกกทม.เลย ป้ายผ้าติดแนวสะพานรถวิ่งทั่วประเทศทุกๆสะพายข้ามถนน สะพานข้ามมหาลัยสถานศึกษาต่างๆเพื่อการตื่นรับรู้ต้นเหตุปัญหาจริงพร้อมกัน mou43และ44ทำแอบแฝงสูญเสียแผ่นดินจริงแล้วไม่เอา1:50,000เขียนลงในmouด้วย,ทั้งเขมรละเมิดผิดข้อตกลงแล้วฝ่ายรัฐบาลเองในปัจจุบันก็กอดไว้แน่นเป็นที่พิสูจน์ชัดเจนว่าไม่ซื่อสัตย์สุจริตต่อการปกครองปกป้องอธิปไตยแผ่นดินไทยตนเอง.

    ..เรา..ประชาชนไทยและสื่อตื่นรู้นักข่าวมากมายแสดงความรักชาติรักประเทศแล้วเป็นอันมากหลากช่องทางแพลตฟอร์มหลายช่องทางโซเชียลกว่าอดีตที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก
    ..เราสามารถร่วมกันทำให้ดีในช่วงจังหวะเวลานี้ของยุคสมัยเราร่วมกันได้แม้อดีตคนรุ่นก่อนจะผิดพลาดประการใดเราก็ไม่สามารถแก้ไขได้แล้วจะเป็นในลักษณะคตโกงเพื่อตนเองของผู้นำของผู้มีอำนาจของคนราชการในยุคอดีตก็ตาม จะโกงกินทุจริตหมายผลประโยชน์ทั้งเพื่อส่วนตัวหรือร่วมกับคนต่างชาติก็ตาม จะกระทำชั่วเลวใดๆที่ผ่านมาแล้วในอดีตก็ตาม เราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขใดๆได้แล้ว,
    ..แต่เราสามารถจบทุกๆปัญหาสิ่งชั่วเลวที่มันสร้างขึ้นสืบต่อมาถึงปัจจุบันได้ด้วยมือของเรา..ประชาชนคนไทยทั้งประเทศร่วมกันด้วยการแสดงออกอย่างเปิดเผยของเรา..ประชาชนได้ คือร่วมกันติดแฮชแท็กทุกๆที่ ทุกๆเวลาค้างทิ้งไว้บอกต่อทั่วไทย ว่า " #ยกเลิกmou43และ44เดี๋ยวนี้"ได้ "#ใช้1:50,000อย่างเดียว" สิ่งนี้จะบีบบังคับนักปกครองไม่อยากทำ อยากกอดใจจะขาด ก็ต้องยกเลิกก็ต้องทำการยกเลิกและใช้1:50,000 หากไม่ยกเลิก ไม่ทำตาม ,คนปกครองคือภัยศัตรูอธิปไตยของประชาชนคนไทยทันที ลงมติประหารชีวิตทั้งคณะทั้งชุดทั้งหมดได้ เจอที่ไหนสามารถฆ่าสังหารทิ้งทันทีไม่ผิดกฎหมายประเทศไทยเพราะคนทั้งหมดเหล่านี้คือศัตรูภายในของแผ่นดินไทยที่แท้จริงด้วย,เหมือนอเมริกา ใครฉีกรัฐธรรมนูญอเมริกา ประชาชนสามารถยิงทิ้งได้เลยไม่ว่าจะเห็นจะเจอจะพบเห็นจะพบเจอที่ไหนทั้งหมด.,นี้ก็เช่นกัน "เจตนาชัดเจนทำให้สูญเสียอธิปไตยดินแดนไทย " ของประเทศไทยที่ตนเป็นตัวแทนแค่4-5ปีมามีอำนาจบริหารจัดการสิ่งที่ผิดที่ไม่ควรที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริต กลับมาให้เป็นปกติ ซื่อสัตย์สุจริต ให้ถูกต้องถูกที่ถูกทางเหมาะสมเหมาะควร.

    #ยกเลิกmou43และ44ต้นเหตุสงครามชายแดนไทยกับเขมรจะจบทันที

    #ยกเลิกmou43และ44เดี๋ยวนี้
    #ใช้1ต่อ50,000อย่างเดียว

    #ยกเลิกmou43และ44เดี๋ยวนี้
    #ใช้1ต่อ50,000อย่างเดียว

    ..เรา..ประชาชนคนไทยทั้งประเทศสามารถทำให้มันจบที่รุ่นเราได้ในปัจจุบัน.

    https://youtube.com/watch?v=w5Yz17b3eNs&si=jLe_YVXhxHlrOdUy
    ..ร่วมกันติดแฮชแท็ก #ยกเลิกmou43และ44เดี๋ยวนี้ #ใช้1ต่อ50,000อย่างเดียว #ยกเลิกmou43และ44เดี๋ยวนี้ #ใช้1ต่อ50,000อย่างเดียว #ยกเลิกmou43และ44ต้นเหตุสงครามชายแดนไทยกับเขมรจะจบทันที ..ร่วมกันติดแฮชแท็กทุกๆแพลตฟอร์มโซเชียลและสื่อหลักในไทยกันเถอะ ,ทุกๆคนไทยเราร่วมไม้ร่วมมือกันรวมน้ำหนึ่งใจเดียวกันดีแล้ว มาติดแฮชแท็กว่า "#ยกเลิกmou43และ44ต้นเหตุสงครามชายแดนไทยกับเขมรจะจบทันที" ทั่วประเทศไทยเลย เอกชนดีๆก็ทำป้ายติดทั่วตึกกทม.เลย ป้ายผ้าติดแนวสะพานรถวิ่งทั่วประเทศทุกๆสะพายข้ามถนน สะพานข้ามมหาลัยสถานศึกษาต่างๆเพื่อการตื่นรับรู้ต้นเหตุปัญหาจริงพร้อมกัน mou43และ44ทำแอบแฝงสูญเสียแผ่นดินจริงแล้วไม่เอา1:50,000เขียนลงในmouด้วย,ทั้งเขมรละเมิดผิดข้อตกลงแล้วฝ่ายรัฐบาลเองในปัจจุบันก็กอดไว้แน่นเป็นที่พิสูจน์ชัดเจนว่าไม่ซื่อสัตย์สุจริตต่อการปกครองปกป้องอธิปไตยแผ่นดินไทยตนเอง. ..เรา..ประชาชนไทยและสื่อตื่นรู้นักข่าวมากมายแสดงความรักชาติรักประเทศแล้วเป็นอันมากหลากช่องทางแพลตฟอร์มหลายช่องทางโซเชียลกว่าอดีตที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก ..เราสามารถร่วมกันทำให้ดีในช่วงจังหวะเวลานี้ของยุคสมัยเราร่วมกันได้แม้อดีตคนรุ่นก่อนจะผิดพลาดประการใดเราก็ไม่สามารถแก้ไขได้แล้วจะเป็นในลักษณะคตโกงเพื่อตนเองของผู้นำของผู้มีอำนาจของคนราชการในยุคอดีตก็ตาม จะโกงกินทุจริตหมายผลประโยชน์ทั้งเพื่อส่วนตัวหรือร่วมกับคนต่างชาติก็ตาม จะกระทำชั่วเลวใดๆที่ผ่านมาแล้วในอดีตก็ตาม เราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขใดๆได้แล้ว, ..แต่เราสามารถจบทุกๆปัญหาสิ่งชั่วเลวที่มันสร้างขึ้นสืบต่อมาถึงปัจจุบันได้ด้วยมือของเรา..ประชาชนคนไทยทั้งประเทศร่วมกันด้วยการแสดงออกอย่างเปิดเผยของเรา..ประชาชนได้ คือร่วมกันติดแฮชแท็กทุกๆที่ ทุกๆเวลาค้างทิ้งไว้บอกต่อทั่วไทย ว่า " #ยกเลิกmou43และ44เดี๋ยวนี้"ได้ "#ใช้1:50,000อย่างเดียว" สิ่งนี้จะบีบบังคับนักปกครองไม่อยากทำ อยากกอดใจจะขาด ก็ต้องยกเลิกก็ต้องทำการยกเลิกและใช้1:50,000 หากไม่ยกเลิก ไม่ทำตาม ,คนปกครองคือภัยศัตรูอธิปไตยของประชาชนคนไทยทันที ลงมติประหารชีวิตทั้งคณะทั้งชุดทั้งหมดได้ เจอที่ไหนสามารถฆ่าสังหารทิ้งทันทีไม่ผิดกฎหมายประเทศไทยเพราะคนทั้งหมดเหล่านี้คือศัตรูภายในของแผ่นดินไทยที่แท้จริงด้วย,เหมือนอเมริกา ใครฉีกรัฐธรรมนูญอเมริกา ประชาชนสามารถยิงทิ้งได้เลยไม่ว่าจะเห็นจะเจอจะพบเห็นจะพบเจอที่ไหนทั้งหมด.,นี้ก็เช่นกัน "เจตนาชัดเจนทำให้สูญเสียอธิปไตยดินแดนไทย " ของประเทศไทยที่ตนเป็นตัวแทนแค่4-5ปีมามีอำนาจบริหารจัดการสิ่งที่ผิดที่ไม่ควรที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริต กลับมาให้เป็นปกติ ซื่อสัตย์สุจริต ให้ถูกต้องถูกที่ถูกทางเหมาะสมเหมาะควร. #ยกเลิกmou43และ44ต้นเหตุสงครามชายแดนไทยกับเขมรจะจบทันที #ยกเลิกmou43และ44เดี๋ยวนี้ #ใช้1ต่อ50,000อย่างเดียว #ยกเลิกmou43และ44เดี๋ยวนี้ #ใช้1ต่อ50,000อย่างเดียว ..เรา..ประชาชนคนไทยทั้งประเทศสามารถทำให้มันจบที่รุ่นเราได้ในปัจจุบัน. https://youtube.com/watch?v=w5Yz17b3eNs&si=jLe_YVXhxHlrOdUy
    0 Comments 0 Shares 177 Views 0 Reviews
  • เล่าให้ฟังใหม่: เมื่อ AI กลายเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของโรงงานในยุคสงครามภาษี

    ในยุคที่สงครามภาษีระหว่างประเทศกลับมารุนแรงอีกครั้ง ผู้ผลิตในสหรัฐฯ อย่าง The Toro Company กลับไม่ตื่นตระหนก พวกเขาเลือกใช้แนวทาง “Just-in-Time” หรือการบริหารสินค้าคงคลังแบบพอดีพอใช้ แทนที่จะกักตุนสินค้าไว้เต็มโกดังเหมือนในช่วงโควิด

    แต่การทำแบบนี้ในยุคที่ภาษีเปลี่ยนแปลงรายวันและความขัดแย้งระหว่างประเทศเกิดขึ้นตลอดเวลา ต้องอาศัยเครื่องมือที่ฉลาดมาก — และนั่นคือ AI

    Kevin Carpenter หัวหน้าฝ่ายซัพพลายเชนของ Toro ใช้ AI สร้างพอดแคสต์ส่วนตัวที่สรุปข่าวสารสำคัญทุกเช้า และใช้ generative AI วิเคราะห์ข้อมูลมหาศาลเพื่อแนะนำว่า ควรซื้อชิ้นส่วนจากใคร เมื่อไร และจำนวนเท่าไร

    บริษัทต่าง ๆ เริ่มลงทุนใน AI สำหรับซัพพลายเชนมากขึ้น โดยคาดว่ามูลค่าตลาดจะพุ่งถึง 55 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2029 จากเพียง 2.7 พันล้านในปัจจุบัน

    อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า AI ไม่ใช่ยาวิเศษ และการลงทุนโดยไม่เข้าใจอาจนำไปสู่ความสูญเปล่า

    AI ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการพยากรณ์ความต้องการสินค้า
    ลดปัญหาสินค้าขาดหรือค้างสต็อก

    AI ช่วยเลือกซัพพลายเออร์ที่เหมาะสมโดยวิเคราะห์ราคา ความเสี่ยง และระยะเวลาส่งมอบ
    เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดซื้อ

    AI ช่วยปรับระดับสินค้าคงคลังแบบไดนามิกตามความต้องการ
    ลดของเสียและเพิ่มความพร้อมในการส่งมอบ

    AI สามารถเชื่อมระบบ ERP, WMS, TMS เข้าด้วยกันเพื่อสร้าง “single source of truth”
    ลดความผิดพลาดจากข้อมูลที่กระจัดกระจาย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/13/analysis-just-in-time-manufacturers-turn-to-ai-to-weather-tariff-storm
    🤖📦 เล่าให้ฟังใหม่: เมื่อ AI กลายเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของโรงงานในยุคสงครามภาษี ในยุคที่สงครามภาษีระหว่างประเทศกลับมารุนแรงอีกครั้ง ผู้ผลิตในสหรัฐฯ อย่าง The Toro Company กลับไม่ตื่นตระหนก พวกเขาเลือกใช้แนวทาง “Just-in-Time” หรือการบริหารสินค้าคงคลังแบบพอดีพอใช้ แทนที่จะกักตุนสินค้าไว้เต็มโกดังเหมือนในช่วงโควิด แต่การทำแบบนี้ในยุคที่ภาษีเปลี่ยนแปลงรายวันและความขัดแย้งระหว่างประเทศเกิดขึ้นตลอดเวลา ต้องอาศัยเครื่องมือที่ฉลาดมาก — และนั่นคือ AI Kevin Carpenter หัวหน้าฝ่ายซัพพลายเชนของ Toro ใช้ AI สร้างพอดแคสต์ส่วนตัวที่สรุปข่าวสารสำคัญทุกเช้า และใช้ generative AI วิเคราะห์ข้อมูลมหาศาลเพื่อแนะนำว่า ควรซื้อชิ้นส่วนจากใคร เมื่อไร และจำนวนเท่าไร บริษัทต่าง ๆ เริ่มลงทุนใน AI สำหรับซัพพลายเชนมากขึ้น โดยคาดว่ามูลค่าตลาดจะพุ่งถึง 55 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2029 จากเพียง 2.7 พันล้านในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า AI ไม่ใช่ยาวิเศษ และการลงทุนโดยไม่เข้าใจอาจนำไปสู่ความสูญเปล่า ✅ AI ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการพยากรณ์ความต้องการสินค้า ➡️ ลดปัญหาสินค้าขาดหรือค้างสต็อก ✅ AI ช่วยเลือกซัพพลายเออร์ที่เหมาะสมโดยวิเคราะห์ราคา ความเสี่ยง และระยะเวลาส่งมอบ ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดซื้อ ✅ AI ช่วยปรับระดับสินค้าคงคลังแบบไดนามิกตามความต้องการ ➡️ ลดของเสียและเพิ่มความพร้อมในการส่งมอบ ✅ AI สามารถเชื่อมระบบ ERP, WMS, TMS เข้าด้วยกันเพื่อสร้าง “single source of truth” ➡️ ลดความผิดพลาดจากข้อมูลที่กระจัดกระจาย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/13/analysis-just-in-time-manufacturers-turn-to-ai-to-weather-tariff-storm
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Analysis-Just in time? Manufacturers turn to AI to weather tariff storm
    LONDON (Reuters) -Manufacturers like U.S. lawnmower maker The Toro Company are not panicking at the prospect of U.S. President Donald Trump's global trade tariffs.
    0 Comments 0 Shares 167 Views 0 Reviews
  • NGINX รองรับ ACME แบบเนทีฟแล้ว: ลดความยุ่งยากในการจัดการ SSL/TLS ด้วยโมดูลใหม่ที่เขียนด้วย Rust

    NGINX ประกาศเปิดตัวการรองรับโปรโตคอล ACME แบบเนทีฟผ่านโมดูลใหม่ชื่อว่า ngx_http_acme_module ซึ่งช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถขอ ติดตั้ง และต่ออายุใบรับรอง SSL/TLS ได้โดยตรงจากไฟล์คอนฟิกของ NGINX โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือภายนอกอย่าง Certbot อีกต่อไป

    โมดูลนี้ถูกพัฒนาโดยใช้ NGINX-Rust SDK และมาในรูปแบบ dynamic module ที่สามารถใช้งานได้ทั้งใน NGINX Open Source และ NGINX Plus สำหรับลูกค้าองค์กร โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้การจัดการใบรับรองปลอดภัยขึ้น ลดข้อผิดพลาดจากการตั้งค่าด้วยมือ และลดช่องโหว่จากการพึ่งพาเครื่องมือภายนอก

    ACME (Automated Certificate Management Environment) เป็นโปรโตคอลที่พัฒนาโดย ISRG เพื่อใช้กับ Let's Encrypt ซึ่งช่วยให้การออกใบรับรอง TLS เป็นไปโดยอัตโนมัติและฟรี โดยเวอร์ชันล่าสุด ACMEv2 รองรับ wildcard certificates และวิธีการตรวจสอบที่หลากหลายมากขึ้น

    การทำงานของ ACME บน NGINX มี 4 ขั้นตอนหลัก: ตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์ ACME, จัดสรร shared memory, กำหนด challenge, และออก/ต่ออายุใบรับรอง ซึ่งทั้งหมดสามารถกำหนดได้ผ่าน directive ในไฟล์คอนฟิกของ NGINX โดยตรง

    ACME ถูกใช้โดย Let's Encrypt เพื่อออกใบรับรองฟรีแบบอัตโนมัติ
    ช่วยลดต้นทุนและความยุ่งยากในการตั้งค่า HTTPS

    Certbot เป็นเครื่องมือยอดนิยมก่อนหน้านี้ แต่ต้องใช้ CLI และ cron jobs
    เสี่ยงต่อข้อผิดพลาดและต้องดูแลแยกต่างหาก

    การรวม ACME เข้ากับ NGINX โดยตรงช่วยให้ระบบมีความเสถียรและพกพาได้ดีขึ้น
    ไม่ขึ้นกับระบบปฏิบัติการหรือแพลตฟอร์มเฉพาะ

    การใช้ Rust ในการพัฒนาโมดูลช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
    ลดปัญหา memory leak และ buffer overflow

    https://blog.nginx.org/blog/native-support-for-acme-protocol
    🔐⚙️ NGINX รองรับ ACME แบบเนทีฟแล้ว: ลดความยุ่งยากในการจัดการ SSL/TLS ด้วยโมดูลใหม่ที่เขียนด้วย Rust NGINX ประกาศเปิดตัวการรองรับโปรโตคอล ACME แบบเนทีฟผ่านโมดูลใหม่ชื่อว่า ngx_http_acme_module ซึ่งช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถขอ ติดตั้ง และต่ออายุใบรับรอง SSL/TLS ได้โดยตรงจากไฟล์คอนฟิกของ NGINX โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือภายนอกอย่าง Certbot อีกต่อไป โมดูลนี้ถูกพัฒนาโดยใช้ NGINX-Rust SDK และมาในรูปแบบ dynamic module ที่สามารถใช้งานได้ทั้งใน NGINX Open Source และ NGINX Plus สำหรับลูกค้าองค์กร โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้การจัดการใบรับรองปลอดภัยขึ้น ลดข้อผิดพลาดจากการตั้งค่าด้วยมือ และลดช่องโหว่จากการพึ่งพาเครื่องมือภายนอก ACME (Automated Certificate Management Environment) เป็นโปรโตคอลที่พัฒนาโดย ISRG เพื่อใช้กับ Let's Encrypt ซึ่งช่วยให้การออกใบรับรอง TLS เป็นไปโดยอัตโนมัติและฟรี โดยเวอร์ชันล่าสุด ACMEv2 รองรับ wildcard certificates และวิธีการตรวจสอบที่หลากหลายมากขึ้น การทำงานของ ACME บน NGINX มี 4 ขั้นตอนหลัก: ตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์ ACME, จัดสรร shared memory, กำหนด challenge, และออก/ต่ออายุใบรับรอง ซึ่งทั้งหมดสามารถกำหนดได้ผ่าน directive ในไฟล์คอนฟิกของ NGINX โดยตรง ✅ ACME ถูกใช้โดย Let's Encrypt เพื่อออกใบรับรองฟรีแบบอัตโนมัติ ➡️ ช่วยลดต้นทุนและความยุ่งยากในการตั้งค่า HTTPS ✅ Certbot เป็นเครื่องมือยอดนิยมก่อนหน้านี้ แต่ต้องใช้ CLI และ cron jobs ➡️ เสี่ยงต่อข้อผิดพลาดและต้องดูแลแยกต่างหาก ✅ การรวม ACME เข้ากับ NGINX โดยตรงช่วยให้ระบบมีความเสถียรและพกพาได้ดีขึ้น ➡️ ไม่ขึ้นกับระบบปฏิบัติการหรือแพลตฟอร์มเฉพาะ ✅ การใช้ Rust ในการพัฒนาโมดูลช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ➡️ ลดปัญหา memory leak และ buffer overflow https://blog.nginx.org/blog/native-support-for-acme-protocol
    0 Comments 0 Shares 171 Views 0 Reviews
  • เขมร คนเขมรส่วนใหญ่หมดทางเยียวยาแล้วจริงๆ,มึนด้านหนาเกินอธิบาย,มันอยากเกิดใหม่จึงเปิดมาแน่นอนที่สุด,สำคัญผิดพลาดตรงที่ทางไทยเราไม่จัดการเด็ดขาดตัวต้นเหตุของเรื่องที่แท้จริงคือกำจัดฮุนเซนไล่ล่าทุกรูปแบบแม้หนีออกจากประเทศ,สามารถยิงเครื่องบินมันตกได้,ขอเปิดน่านฟ้าลาว เวียดนาม จีน ลงจอดเติมน้ำมันและไล่ล่ายิงระเบิดทิ้งได้ทุกๆที่ที่มันไปมันหลบหนี,อาชญากรสงครามต่อประเทศไทยแล้วเรามีสิทธิเต็มที่ในการไล่ล่าเด็ดหัวหรือจ้างมือสังหารได้ช่วยกำจัดภัยของประเทศไทยตัวจริง.
    ..ใครสงสารเขมรเวลานี้จะนักเรียนมันที่เหยียบธงชาติไทยกันตรึมทั่วประเทศหรือประชาชนมัน,คือไม่สามารถยกระดับจิตใจชาตินี้ขึ้นนั้นเอง,ไม่ย้ายดาวก็ทำลายทิ้งทั้งประเทศมีแค่นั้นจริงๆ,รกอาเชียนมาก,รุกรานลาวเวียดนามไม่พอ เห็นไทยใจดีหน่อยมีคนทรยศประจำประเทศไทยไปสมยอมตนหน่อยก็ลุแก่ใจว่าไทยกากไทยกระจอกโน้น ว่าตนสะสมอาวุธมากมายล้ำๆเตรียมชนะไทยเติมที่แล้วมันว่าจึงกล้าเปิดก่อนบวกมีฝรั่งเศสฝรั่งอเมริกาและต่างชาติมหาอำนาจหนุดหลังมันอีกมันว่าจึงกล้ามาเปิดไทยแม้แต่วางกับระเบิดใหม่ตอนกลางคืนบนแผ่นดินไทยด้วย.
    ..มันเปิดก่อนรอบสองโดยใช้กับระเบิดเปิดสงครามแล้วชัดเจน.

    https://youtube.com/watch?v=fhs7pbxruTg&si=hRNf0NMevLyWvDXl
    เขมร คนเขมรส่วนใหญ่หมดทางเยียวยาแล้วจริงๆ,มึนด้านหนาเกินอธิบาย,มันอยากเกิดใหม่จึงเปิดมาแน่นอนที่สุด,สำคัญผิดพลาดตรงที่ทางไทยเราไม่จัดการเด็ดขาดตัวต้นเหตุของเรื่องที่แท้จริงคือกำจัดฮุนเซนไล่ล่าทุกรูปแบบแม้หนีออกจากประเทศ,สามารถยิงเครื่องบินมันตกได้,ขอเปิดน่านฟ้าลาว เวียดนาม จีน ลงจอดเติมน้ำมันและไล่ล่ายิงระเบิดทิ้งได้ทุกๆที่ที่มันไปมันหลบหนี,อาชญากรสงครามต่อประเทศไทยแล้วเรามีสิทธิเต็มที่ในการไล่ล่าเด็ดหัวหรือจ้างมือสังหารได้ช่วยกำจัดภัยของประเทศไทยตัวจริง. ..ใครสงสารเขมรเวลานี้จะนักเรียนมันที่เหยียบธงชาติไทยกันตรึมทั่วประเทศหรือประชาชนมัน,คือไม่สามารถยกระดับจิตใจชาตินี้ขึ้นนั้นเอง,ไม่ย้ายดาวก็ทำลายทิ้งทั้งประเทศมีแค่นั้นจริงๆ,รกอาเชียนมาก,รุกรานลาวเวียดนามไม่พอ เห็นไทยใจดีหน่อยมีคนทรยศประจำประเทศไทยไปสมยอมตนหน่อยก็ลุแก่ใจว่าไทยกากไทยกระจอกโน้น ว่าตนสะสมอาวุธมากมายล้ำๆเตรียมชนะไทยเติมที่แล้วมันว่าจึงกล้าเปิดก่อนบวกมีฝรั่งเศสฝรั่งอเมริกาและต่างชาติมหาอำนาจหนุดหลังมันอีกมันว่าจึงกล้ามาเปิดไทยแม้แต่วางกับระเบิดใหม่ตอนกลางคืนบนแผ่นดินไทยด้วย. ..มันเปิดก่อนรอบสองโดยใช้กับระเบิดเปิดสงครามแล้วชัดเจน. https://youtube.com/watch?v=fhs7pbxruTg&si=hRNf0NMevLyWvDXl
    0 Comments 0 Shares 210 Views 0 Reviews
More Results