• ปรับ 2.5 แสนริงกิตคลื่น ERA ปมคลิปดีเจล้อเลียนฮินดู

    ความคืบหน้ากรณีที่ ปาก อาซาด (Pak Azad) หรือ อาซาด จัสมิน จอห์น หลุยส์ เจฟฟรี่ (Azad Jazmin John Louis Jeffri) ดีเจสถานีวิทยุอีรา (ERA) คลื่นเพลงชื่อดังในมาเลเซีย ไปล้อเลียนการเต้นรำกาวาดี (Kavadi) ของศาสนาฮินดู แล้วมีคลิปในบัญชีโซเชียลมีเดียทางการของสถานี ทำให้ชาวมาเลเซียเชื้อสายอินเดีย และผู้ที่นับถือศาสนาฮินดูไม่พอใจ กระทั่งบริษัทแอสโตรสั่งให้พักงานดีเจสามคนที่จัดรายการร่วมกัน และพนักงานสถานีอีก 2 คนอย่างไม่มีกำหนด ขณะที่ดีเจทั้งสามคนขอโทษทั้งผ่านคลิปวีดีโอ รวมทั้งไปขอโทษต่อชุมชนชาวอินเดียที่วัดถ้ำบาตู (Batu Caves) ก่อนหน้านี้

    ปรากฎว่าเมื่อวันที่ 11 มี.ค. คณะกรรมการสื่อสารและมัลติมีเดียแห่งมาเลเซีย (MCMC) สั่งปรับ 250,000 ริงกิต (1,925,000 บาท) แก่บริษัทเมสตร้า บอร์ดคาสต์ (Maestra Broadcast) บริษัทย่อยของ แอสโตร มาเลเซีย โฮลดิ้งส์ (Astro Malaysia Holdings) ผู้ผลิตสื่อบันเทิงในมาเลเซีย โดยพิจารณาจากวีดีโอคลิปอัปโหลดลงในติ๊กต็อกที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของ แต่ไม่ระงับใบอนุญาตสถานีวิทยุ เนื่องจากบริษัทฯ ได้แก้ไขปัญหาพร้อมกับขอโทษ อีกทั้งเกรงถึงผลกระทบกับคลื่นเพลงภาษาจีน Melody และคลื่นเพลงสากล Mix FM ภายใต้ใบอนุญาตเดียวกันด้วย

    อย่างไรก็ตาม มีการเปรียบเทียบและโจมตี MCMC โดยเทียบกับกรณีละเมิดกฎ "3R" ได้แก่ เชื้อชาติ ศาสนา และราชวงศ์ (Race, Religion and Royalty) ทำนองว่าลำเอียงเมื่อเทียบกับคดีอื่นๆ ทำให้นายฟาห์มี ฟาดซิล รมว.การสื่อสาร และโฆษกรัฐบาลอันวาร์ อิบราฮิม อธิบายว่าแตกต่างกัน เพราะกรณีถุงเท้าในร้าน KK Mart เป็นคดีอาญา ศาลกำหนดค่าปรับ 60,000 ริงกิต (462,000 บาท) ส่วนกรณีนักแสดง ฮาริธ อิสกันเดอร์ (Harith Iskander) และผู้ใช้โซเชียลมีเดีย Cecelia Yap ที่อัปโหลดเนื้อหาพาดพิงศาสนาอิสลาม ถูกดำเนินคดีในนามบุคคล ไม่ใช่บริษัท และอัยการให้ปรับ 10,000 ริงกิต (77,000 บาท) โดยไม่ได้นำคดีขึ้นสู่ศาลแต่อย่างใด

    ตุนกู นาซรุล อาไบดาห์ โฆษกอาวุโสของนายกรัฐมนตรีอันวาร์ ระบุว่า นายกฯ เรียกร้องให้ชาวมาเลเซียทุกคนร่วมมือกันเพื่อเป็นตัวแทนแห่งความสามัคคี และช่วยเหลือรัฐบาลรวมพลังชาวมาเลเซียทุกคนที่มีศาสนา เชื้อชาติ และชาติพันธุ์ที่แตกต่างเข้าด้วยกัน โดยนายกฯ ได้พบกับดีเจที่เป็นข่าว ในงานเลี้ยงอาหารค่ำอิฟตาร์กับผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 11 มี.ค.โดยแนะว่าให้นำสารแห่งความสามัคคีไปใช้ในชีวิตประจำวัน และหวังว่าชาวมาเลเซียจะก้าวข้ามเรื่องนี้ไปข้างหน้าเพื่อสร้างสันติภาพและความสามัคคีในประเทศ โดยเคารพซึ่งกันและกัน

    #Newskit
    ปรับ 2.5 แสนริงกิตคลื่น ERA ปมคลิปดีเจล้อเลียนฮินดู ความคืบหน้ากรณีที่ ปาก อาซาด (Pak Azad) หรือ อาซาด จัสมิน จอห์น หลุยส์ เจฟฟรี่ (Azad Jazmin John Louis Jeffri) ดีเจสถานีวิทยุอีรา (ERA) คลื่นเพลงชื่อดังในมาเลเซีย ไปล้อเลียนการเต้นรำกาวาดี (Kavadi) ของศาสนาฮินดู แล้วมีคลิปในบัญชีโซเชียลมีเดียทางการของสถานี ทำให้ชาวมาเลเซียเชื้อสายอินเดีย และผู้ที่นับถือศาสนาฮินดูไม่พอใจ กระทั่งบริษัทแอสโตรสั่งให้พักงานดีเจสามคนที่จัดรายการร่วมกัน และพนักงานสถานีอีก 2 คนอย่างไม่มีกำหนด ขณะที่ดีเจทั้งสามคนขอโทษทั้งผ่านคลิปวีดีโอ รวมทั้งไปขอโทษต่อชุมชนชาวอินเดียที่วัดถ้ำบาตู (Batu Caves) ก่อนหน้านี้ ปรากฎว่าเมื่อวันที่ 11 มี.ค. คณะกรรมการสื่อสารและมัลติมีเดียแห่งมาเลเซีย (MCMC) สั่งปรับ 250,000 ริงกิต (1,925,000 บาท) แก่บริษัทเมสตร้า บอร์ดคาสต์ (Maestra Broadcast) บริษัทย่อยของ แอสโตร มาเลเซีย โฮลดิ้งส์ (Astro Malaysia Holdings) ผู้ผลิตสื่อบันเทิงในมาเลเซีย โดยพิจารณาจากวีดีโอคลิปอัปโหลดลงในติ๊กต็อกที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของ แต่ไม่ระงับใบอนุญาตสถานีวิทยุ เนื่องจากบริษัทฯ ได้แก้ไขปัญหาพร้อมกับขอโทษ อีกทั้งเกรงถึงผลกระทบกับคลื่นเพลงภาษาจีน Melody และคลื่นเพลงสากล Mix FM ภายใต้ใบอนุญาตเดียวกันด้วย อย่างไรก็ตาม มีการเปรียบเทียบและโจมตี MCMC โดยเทียบกับกรณีละเมิดกฎ "3R" ได้แก่ เชื้อชาติ ศาสนา และราชวงศ์ (Race, Religion and Royalty) ทำนองว่าลำเอียงเมื่อเทียบกับคดีอื่นๆ ทำให้นายฟาห์มี ฟาดซิล รมว.การสื่อสาร และโฆษกรัฐบาลอันวาร์ อิบราฮิม อธิบายว่าแตกต่างกัน เพราะกรณีถุงเท้าในร้าน KK Mart เป็นคดีอาญา ศาลกำหนดค่าปรับ 60,000 ริงกิต (462,000 บาท) ส่วนกรณีนักแสดง ฮาริธ อิสกันเดอร์ (Harith Iskander) และผู้ใช้โซเชียลมีเดีย Cecelia Yap ที่อัปโหลดเนื้อหาพาดพิงศาสนาอิสลาม ถูกดำเนินคดีในนามบุคคล ไม่ใช่บริษัท และอัยการให้ปรับ 10,000 ริงกิต (77,000 บาท) โดยไม่ได้นำคดีขึ้นสู่ศาลแต่อย่างใด ตุนกู นาซรุล อาไบดาห์ โฆษกอาวุโสของนายกรัฐมนตรีอันวาร์ ระบุว่า นายกฯ เรียกร้องให้ชาวมาเลเซียทุกคนร่วมมือกันเพื่อเป็นตัวแทนแห่งความสามัคคี และช่วยเหลือรัฐบาลรวมพลังชาวมาเลเซียทุกคนที่มีศาสนา เชื้อชาติ และชาติพันธุ์ที่แตกต่างเข้าด้วยกัน โดยนายกฯ ได้พบกับดีเจที่เป็นข่าว ในงานเลี้ยงอาหารค่ำอิฟตาร์กับผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 11 มี.ค.โดยแนะว่าให้นำสารแห่งความสามัคคีไปใช้ในชีวิตประจำวัน และหวังว่าชาวมาเลเซียจะก้าวข้ามเรื่องนี้ไปข้างหน้าเพื่อสร้างสันติภาพและความสามัคคีในประเทศ โดยเคารพซึ่งกันและกัน #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 380 มุมมอง 0 รีวิว
  • Western Digital บริษัทผู้ผลิตสื่อบันทึกข้อมูลที่เป็นที่รู้จักมายาวนาน ได้ตัดสินใจสำคัญที่จะยุติการมีส่วนร่วมในตลาด SSD โดยแยกกิจการที่เกี่ยวกับ NAND flash memory ออกไปให้กับ SanDisk ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นผลมาจากการวางแผนระยะยาวที่เริ่มตั้งแต่ปี 2023 และได้ถูกสรุปลงเมื่อเร็ว ๆ นี้

    การปรับโครงสร้างนี้หมายความว่า Western Digital จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) โดยคาดว่าความต้องการใช้งาน HDD จะเพิ่มขึ้นในอนาคต เนื่องจากข้อมูลจากแอปพลิเคชันคลาวด์, AI, และการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ยังคงพึ่งพาสื่อบันทึกแบบนี้เป็นหลัก

    การพัฒนา SSD ในมือของ SanDisk ซึ่งเป็นที่รู้จักในวงการ NAND flash memory จะรับหน้าที่ผลิตและจำหน่าย SSD ต่อไป และมีความเป็นไปได้ที่จะใช้ความร่วมมือกับผู้ผลิตชั้นนำเช่น Kioxia หรือ Samsung เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการผลิต

    สำหรับผู้ใช้ที่คุ้นเคยกับ SSD รุ่นยอดนิยมอย่าง WD Black SN850X นับเป็นช่วงเวลาแห่งความเสียดาย เพราะผลิตภัณฑ์ใหม่ในอนาคตจะไม่ใช้ชื่อ "WD" อีกต่อไป ซึ่งอาจทำให้ตลาดปรับตัวในแง่ของการรับรู้แบรนด์

    CEO ของ Western Digital, Irving Tan, ชี้ว่าการพัฒนา HDD ในอนาคตจะเน้นไปที่เทคโนโลยีอย่าง HAMR (Heat-Assisted Magnetic Recording) เพื่อตอบโจทย์การจัดเก็บข้อมูลในปริมาณมหาศาล เช่น AI data lakes และการเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine Learning)

    นี่ไม่เพียงแต่เป็นการเปลี่ยนโฟกัสของ Western Digital เท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมโดยรวม ที่การจัดการซัพพลายเชนและการตอบสนองความต้องการข้อมูลในยุคใหม่มีความซับซ้อนมากขึ้น นอกจากนี้ การพึ่งพา HDD สำหรับการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ยังเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเทคโนโลยีนี้ยังคงมีบทบาทสำคัญในอนาคต

    https://www.techspot.com/news/107039-western-digital-exits-ssd-market-shifts-focus-hard.html
    Western Digital บริษัทผู้ผลิตสื่อบันทึกข้อมูลที่เป็นที่รู้จักมายาวนาน ได้ตัดสินใจสำคัญที่จะยุติการมีส่วนร่วมในตลาด SSD โดยแยกกิจการที่เกี่ยวกับ NAND flash memory ออกไปให้กับ SanDisk ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นผลมาจากการวางแผนระยะยาวที่เริ่มตั้งแต่ปี 2023 และได้ถูกสรุปลงเมื่อเร็ว ๆ นี้ การปรับโครงสร้างนี้หมายความว่า Western Digital จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) โดยคาดว่าความต้องการใช้งาน HDD จะเพิ่มขึ้นในอนาคต เนื่องจากข้อมูลจากแอปพลิเคชันคลาวด์, AI, และการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ยังคงพึ่งพาสื่อบันทึกแบบนี้เป็นหลัก การพัฒนา SSD ในมือของ SanDisk ซึ่งเป็นที่รู้จักในวงการ NAND flash memory จะรับหน้าที่ผลิตและจำหน่าย SSD ต่อไป และมีความเป็นไปได้ที่จะใช้ความร่วมมือกับผู้ผลิตชั้นนำเช่น Kioxia หรือ Samsung เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการผลิต สำหรับผู้ใช้ที่คุ้นเคยกับ SSD รุ่นยอดนิยมอย่าง WD Black SN850X นับเป็นช่วงเวลาแห่งความเสียดาย เพราะผลิตภัณฑ์ใหม่ในอนาคตจะไม่ใช้ชื่อ "WD" อีกต่อไป ซึ่งอาจทำให้ตลาดปรับตัวในแง่ของการรับรู้แบรนด์ CEO ของ Western Digital, Irving Tan, ชี้ว่าการพัฒนา HDD ในอนาคตจะเน้นไปที่เทคโนโลยีอย่าง HAMR (Heat-Assisted Magnetic Recording) เพื่อตอบโจทย์การจัดเก็บข้อมูลในปริมาณมหาศาล เช่น AI data lakes และการเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine Learning) นี่ไม่เพียงแต่เป็นการเปลี่ยนโฟกัสของ Western Digital เท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมโดยรวม ที่การจัดการซัพพลายเชนและการตอบสนองความต้องการข้อมูลในยุคใหม่มีความซับซ้อนมากขึ้น นอกจากนี้ การพึ่งพา HDD สำหรับการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ยังเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเทคโนโลยีนี้ยังคงมีบทบาทสำคัญในอนาคต https://www.techspot.com/news/107039-western-digital-exits-ssd-market-shifts-focus-hard.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Western Digital exits SSD market, shifts focus to hard drives as SanDisk takes over NAND operations
    This move, which had been in development for some time, was finalized last week. The SSD division has been fully spun off into SanDisk, leaving Western Digital...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 282 มุมมอง 0 รีวิว
  • Anthropic เพิ่งเปิดเผยข้อมูลวิจัยเกี่ยวกับการใช้งาน Claude AI ซึ่งเป็นแชทบอทที่ช่วยในงานต่างๆ โดยใช้ข้อมูลจากการสนทนาแบบไม่ระบุตัวตน 1 ล้านครั้ง พบว่าคนที่ใช้ Claude AI มากที่สุดคือพนักงานที่ทำงานด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์ ซึ่งส่วนใหญ่ใช้สำหรับการตรวจสอบและแก้ไขโค้ด (debugging) และการแก้ปัญหาเครือข่าย (network troubleshooting)

    ที่น่าสนใจคือ กลุ่มงานด้านศิลปะและการเขียนก็ติดอันดับด้วย โดยมีการใช้ Claude AI ในการเขียนและแก้ไขเนื้อหาประมาณ 10.3% ของการสนทนาทั้งหมด นอกจากนี้ยังพบว่า AI ถูกใช้ในงานด้านวิทยาศาสตร์และการศึกษาในอัตราสูงเช่นกัน

    การวิจัยนี้ยังชี้ให้เห็นว่า AI สามารถช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานของมนุษย์ได้ถึง 57% และทำงานแทนมนุษย์โดยตรงถึง 43%

    ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ:

    - งานที่เกี่ยวข้องกับการใช้ AI ส่วนใหญ่จะมีระดับรายได้ปานกลางถึงสูง เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล

    - มีการเปิดเผยว่า 4% ของงานใช้ AI ในการทำงานมากกว่า 75% ของเวลา และ 36% ของงานมีการใช้ AI อย่างน้อย 25% ของเวลา

    - งานที่เกี่ยวข้องกับการใช้ AI สูงที่สุดคืองานที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถเฉพาะทาง เช่น การทำวิจัยและการผลิตสื่อบันเทิง

    อนาคตของการใช้ AI อาจทำให้บทบาทงานเปลี่ยนแปลงไปแทนที่จะหายไปทั้งหมด AI จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมความสามารถของมนุษย์ในหลายๆ ด้าน

    https://www.zdnet.com/article/the-work-tasks-people-use-claude-ai-for-most-according-to-anthropic/
    Anthropic เพิ่งเปิดเผยข้อมูลวิจัยเกี่ยวกับการใช้งาน Claude AI ซึ่งเป็นแชทบอทที่ช่วยในงานต่างๆ โดยใช้ข้อมูลจากการสนทนาแบบไม่ระบุตัวตน 1 ล้านครั้ง พบว่าคนที่ใช้ Claude AI มากที่สุดคือพนักงานที่ทำงานด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์ ซึ่งส่วนใหญ่ใช้สำหรับการตรวจสอบและแก้ไขโค้ด (debugging) และการแก้ปัญหาเครือข่าย (network troubleshooting) ที่น่าสนใจคือ กลุ่มงานด้านศิลปะและการเขียนก็ติดอันดับด้วย โดยมีการใช้ Claude AI ในการเขียนและแก้ไขเนื้อหาประมาณ 10.3% ของการสนทนาทั้งหมด นอกจากนี้ยังพบว่า AI ถูกใช้ในงานด้านวิทยาศาสตร์และการศึกษาในอัตราสูงเช่นกัน การวิจัยนี้ยังชี้ให้เห็นว่า AI สามารถช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานของมนุษย์ได้ถึง 57% และทำงานแทนมนุษย์โดยตรงถึง 43% ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ: - งานที่เกี่ยวข้องกับการใช้ AI ส่วนใหญ่จะมีระดับรายได้ปานกลางถึงสูง เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล - มีการเปิดเผยว่า 4% ของงานใช้ AI ในการทำงานมากกว่า 75% ของเวลา และ 36% ของงานมีการใช้ AI อย่างน้อย 25% ของเวลา - งานที่เกี่ยวข้องกับการใช้ AI สูงที่สุดคืองานที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถเฉพาะทาง เช่น การทำวิจัยและการผลิตสื่อบันเทิง อนาคตของการใช้ AI อาจทำให้บทบาทงานเปลี่ยนแปลงไปแทนที่จะหายไปทั้งหมด AI จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมความสามารถของมนุษย์ในหลายๆ ด้าน https://www.zdnet.com/article/the-work-tasks-people-use-claude-ai-for-most-according-to-anthropic/
    WWW.ZDNET.COM
    The work tasks people use Claude AI for most, according to Anthropic
    Anthropic's first Economic Index sheds light on who's using AI for what, and how much of our work it's actually automating.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • Verbatim และ I-O Data ได้ให้คำมั่นว่าจะยังคงสนับสนุนตลาดสื่อบันทึกข้อมูลแบบออปติคอล หลังจากที่ Sony Japan ประกาศถอนตัวจากตลาด Blu-ray ที่สามารถบันทึกได้ Verbatim ได้ออกแถลงการณ์บนเว็บไซต์ภาษาญี่ปุ่นของตนว่า จะตอบสนองความไว้วางใจของลูกค้าผ่านการจัดหาดิสก์ออปติคอลอย่างต่อเนื่องในตลาดญี่ปุ่น และยังคงขายต่อไป

    การประกาศนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Sony ประกาศปิดโรงงานผลิตสื่อบันทึกข้อมูลในญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึง Blu-ray, MiniDiscs และ MiniDV cassettes ที่สามารถบันทึกได้ โรงงานสุดท้ายของ Sony ในญี่ปุ่นจะปิดตัวลงในเดือนนี้ และได้หยุดจัดหาสื่อบันทึก Blu-ray ให้กับผู้บริโภคตั้งแต่ฤดูร้อนที่ผ่านมา

    Verbatim ย้ำว่าการจัดหาสื่อบันทึกข้อมูลคุณภาพสูงให้กับลูกค้าชาวญี่ปุ่นเป็น "สิ่งสำคัญอันดับต้น" และจะยังคงให้บริการสื่อบันทึกข้อมูลเหล่านี้ต่อไป แม้ว่าตลาดจะอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

    นอกจากนี้ Verbatim ยังได้เปิดตัวฮาร์ดแวร์การอ่าน/เขียนดิสก์ออปติคอลใหม่ เช่น Slimline Blu-ray Writer ที่งาน CES 2025 ซึ่งเป็นเครื่องเขียน 4K ที่สามารถเล่น Ultra HD Blu-ray และใช้พลังงานจากสาย USB

    https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/verbatim-pledges-stable-supply-of-optical-disks-after-sony-japans-recordable-blu-ray-exit
    Verbatim และ I-O Data ได้ให้คำมั่นว่าจะยังคงสนับสนุนตลาดสื่อบันทึกข้อมูลแบบออปติคอล หลังจากที่ Sony Japan ประกาศถอนตัวจากตลาด Blu-ray ที่สามารถบันทึกได้ Verbatim ได้ออกแถลงการณ์บนเว็บไซต์ภาษาญี่ปุ่นของตนว่า จะตอบสนองความไว้วางใจของลูกค้าผ่านการจัดหาดิสก์ออปติคอลอย่างต่อเนื่องในตลาดญี่ปุ่น และยังคงขายต่อไป การประกาศนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Sony ประกาศปิดโรงงานผลิตสื่อบันทึกข้อมูลในญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึง Blu-ray, MiniDiscs และ MiniDV cassettes ที่สามารถบันทึกได้ โรงงานสุดท้ายของ Sony ในญี่ปุ่นจะปิดตัวลงในเดือนนี้ และได้หยุดจัดหาสื่อบันทึก Blu-ray ให้กับผู้บริโภคตั้งแต่ฤดูร้อนที่ผ่านมา Verbatim ย้ำว่าการจัดหาสื่อบันทึกข้อมูลคุณภาพสูงให้กับลูกค้าชาวญี่ปุ่นเป็น "สิ่งสำคัญอันดับต้น" และจะยังคงให้บริการสื่อบันทึกข้อมูลเหล่านี้ต่อไป แม้ว่าตลาดจะอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นอกจากนี้ Verbatim ยังได้เปิดตัวฮาร์ดแวร์การอ่าน/เขียนดิสก์ออปติคอลใหม่ เช่น Slimline Blu-ray Writer ที่งาน CES 2025 ซึ่งเป็นเครื่องเขียน 4K ที่สามารถเล่น Ultra HD Blu-ray และใช้พลังงานจากสาย USB https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/verbatim-pledges-stable-supply-of-optical-disks-after-sony-japans-recordable-blu-ray-exit
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Verbatim pledges 'stable supply of optical disks' after Sony Japan's recordable Blu-ray exit
    Says it will continue to supply recordable Blu-ray, DVD, and CDs to the Japan market.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 327 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sony ประกาศยุติการผลิตสื่อบันทึกข้อมูล Blu-ray ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นการสิ้นสุดการผลิตที่ยาวนานเกือบสองทศวรรษ. นอกจากนี้ยังรวมถึงการยุติการผลิต MiniDiscs สำหรับการบันทึก, MD data สำหรับการบันทึก, และ MiniDV cassettes ด้วย. Sony ระบุว่าจะไม่มีรุ่นต่อจาก Blu-ray อีกต่อไป

    การยุติการผลิตนี้เกิดขึ้นเนื่องจากยอดขายสื่อบันทึกข้อมูลแบบแผ่นลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้บริโภคหันมาใช้บริการสตรีมมิ่งมากขึ้น แม้ว่า Blu-ray จะเคยเป็นที่นิยมในช่วงแรกๆ เนื่องจากความร่วมมือกับสตูดิโอภาพยนตร์และการรวมเทคโนโลยี Blu-ray ใน PlayStation 3 แต่ปัจจุบันยอดขายไม่เพียงพอที่จะทำให้ธุรกิจสื่อบันทึกข้อมูลของ Sony ยังคงอยู่ได้

    น่าสนใจที่เห็นว่าการยุติการผลิต Blu-ray ของ Sony อาจทำให้การหาซื้อแผ่น Blu-ray และเครื่องเล่น Blu-ray จากร้านค้าปลีกยากขึ้น แต่ยังคงสามารถหาซื้อได้จากแพลตฟอร์มออนไลน์เช่น Amazon ในขณะที่การใช้สื่อบันทึกข้อมูลแบบแผ่นลดลง ผู้ใช้หลายคนหันมาใช้การเก็บข้อมูลบนคลาวด์แทน แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายรายเดือนและปัญหาด้านความปลอดภัย

    การเก็บข้อมูลบนสื่อบันทึกข้อมูลแบบแผ่นยังคงมีข้อดี เนื่องจากสามารถเก็บข้อมูลได้นานหลายทศวรรษ หากเก็บรักษาอย่างถูกต้อง แม้ว่า Sony จะยุติการผลิต Blu-ray แต่คู่แข่งอย่าง Pioneer ยังคงพัฒนาสื่อบันทึกข้อมูล Blu-ray ที่ออกแบบมาให้มีอายุการใช้งานยาวนานถึง 100 ปี และนักวิจัยบางคนกำลังทำงานกับการเก็บข้อมูลบนแก้วที่สามารถเก็บข้อมูลได้นานถึง 5,000 ปี

    การยุติการผลิต Blu-ray ของ Sony เป็นการสิ้นสุดยุคหนึ่ง ซึ่งอาจทำให้ผู้สะสมภาพยนตร์ต้องหาวิธีใหม่ในการเก็บรักษาคอลเลกชันของพวกเขา การเปลี่ยนไปใช้บริการสตรีมมิ่งทำให้การเป็นเจ้าของภาพยนตร์และรายการทีวีเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน เนื่องจากอาจหายไปจากบริการสตรีมมิ่งโดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า

    https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/after-18-years-blu-ray-media-production-draws-to-a-close-sony-shuts-its-last-factory-in-feb
    Sony ประกาศยุติการผลิตสื่อบันทึกข้อมูล Blu-ray ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นการสิ้นสุดการผลิตที่ยาวนานเกือบสองทศวรรษ. นอกจากนี้ยังรวมถึงการยุติการผลิต MiniDiscs สำหรับการบันทึก, MD data สำหรับการบันทึก, และ MiniDV cassettes ด้วย. Sony ระบุว่าจะไม่มีรุ่นต่อจาก Blu-ray อีกต่อไป การยุติการผลิตนี้เกิดขึ้นเนื่องจากยอดขายสื่อบันทึกข้อมูลแบบแผ่นลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้บริโภคหันมาใช้บริการสตรีมมิ่งมากขึ้น แม้ว่า Blu-ray จะเคยเป็นที่นิยมในช่วงแรกๆ เนื่องจากความร่วมมือกับสตูดิโอภาพยนตร์และการรวมเทคโนโลยี Blu-ray ใน PlayStation 3 แต่ปัจจุบันยอดขายไม่เพียงพอที่จะทำให้ธุรกิจสื่อบันทึกข้อมูลของ Sony ยังคงอยู่ได้ น่าสนใจที่เห็นว่าการยุติการผลิต Blu-ray ของ Sony อาจทำให้การหาซื้อแผ่น Blu-ray และเครื่องเล่น Blu-ray จากร้านค้าปลีกยากขึ้น แต่ยังคงสามารถหาซื้อได้จากแพลตฟอร์มออนไลน์เช่น Amazon ในขณะที่การใช้สื่อบันทึกข้อมูลแบบแผ่นลดลง ผู้ใช้หลายคนหันมาใช้การเก็บข้อมูลบนคลาวด์แทน แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายรายเดือนและปัญหาด้านความปลอดภัย การเก็บข้อมูลบนสื่อบันทึกข้อมูลแบบแผ่นยังคงมีข้อดี เนื่องจากสามารถเก็บข้อมูลได้นานหลายทศวรรษ หากเก็บรักษาอย่างถูกต้อง แม้ว่า Sony จะยุติการผลิต Blu-ray แต่คู่แข่งอย่าง Pioneer ยังคงพัฒนาสื่อบันทึกข้อมูล Blu-ray ที่ออกแบบมาให้มีอายุการใช้งานยาวนานถึง 100 ปี และนักวิจัยบางคนกำลังทำงานกับการเก็บข้อมูลบนแก้วที่สามารถเก็บข้อมูลได้นานถึง 5,000 ปี การยุติการผลิต Blu-ray ของ Sony เป็นการสิ้นสุดยุคหนึ่ง ซึ่งอาจทำให้ผู้สะสมภาพยนตร์ต้องหาวิธีใหม่ในการเก็บรักษาคอลเลกชันของพวกเขา การเปลี่ยนไปใช้บริการสตรีมมิ่งทำให้การเป็นเจ้าของภาพยนตร์และรายการทีวีเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน เนื่องจากอาจหายไปจากบริการสตรีมมิ่งโดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/after-18-years-blu-ray-media-production-draws-to-a-close-sony-shuts-its-last-factory-in-feb
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    After 18 years, Sony's Blu-ray media production draws to a close — shuts its last factory in Feb
    MiniDiscs for recording, MD data for recording, and MiniDV cassettes will also be abandoned.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 รีวิว
  • รับงานลงเสียง พากย์ บรรยาย รายการ สปอต
    จิงเกิ้ล VTR. Presentation สารคดี สปอตรถแห่
    จะให้มิกซ์ให้เรียบร้อยหรือแค่ Vo.อย่างเดียวก็ได้ฮะ
    จะให้เขียนCopyหรือScriptให้ก็ได้จ้า
    รับจัดรายการ พิธีกร วิทยากรสื่อและดนตรีสร้างสรรค์เพื่อสังคม
    รับแต่งเพลง ผลิตเพลง โฆษณา ปชส.องค์กร สินค้า
    และเพลงให้นักร้องศิลปินทั่วไปนะครับ
    พร้อมรับตลอดเวย์จ้าฮะจ๊ะค่ะครับ
    กันเองๆฉันมิตรขอรับ
    Tel. 0970462989
    Line&ig&TikTok :Shawsherryduck
    https://youtu.be/R6r_Il3W2c4?si=P19gWzXG_08QIDuK
    https://youtu.be/KFru_mDCOJA?si=_H6y8yoKnP03pNrB
    #ลงเสียง #สปอต #สารคดี #บรรยายพากย์เสียงต่างๆ #ข่าวศิลปะบันเทิง #Sherryduck #ชอว์เชอร์รี่ดั๊ก #ศิลปินนักร้องยุค90 #indie #Artist #อินดี้โคตรๆ #ผลิตสื่อ #Alternative #อัลเทอร์เนทีฟ #ทำเพลง #ห้องบันทึกเสียง #singer #announcer #ชอว์พิชิต
    รับงานลงเสียง พากย์ บรรยาย รายการ สปอต จิงเกิ้ล VTR. Presentation สารคดี สปอตรถแห่ จะให้มิกซ์ให้เรียบร้อยหรือแค่ Vo.อย่างเดียวก็ได้ฮะ จะให้เขียนCopyหรือScriptให้ก็ได้จ้า รับจัดรายการ พิธีกร วิทยากรสื่อและดนตรีสร้างสรรค์เพื่อสังคม รับแต่งเพลง ผลิตเพลง โฆษณา ปชส.องค์กร สินค้า และเพลงให้นักร้องศิลปินทั่วไปนะครับ พร้อมรับตลอดเวย์จ้าฮะจ๊ะค่ะครับ กันเองๆฉันมิตรขอรับ Tel. 0970462989 Line&ig&TikTok :Shawsherryduck https://youtu.be/R6r_Il3W2c4?si=P19gWzXG_08QIDuK https://youtu.be/KFru_mDCOJA?si=_H6y8yoKnP03pNrB #ลงเสียง #สปอต #สารคดี #บรรยายพากย์เสียงต่างๆ #ข่าวศิลปะบันเทิง #Sherryduck #ชอว์เชอร์รี่ดั๊ก #ศิลปินนักร้องยุค90 #indie #Artist #อินดี้โคตรๆ #ผลิตสื่อ #Alternative #อัลเทอร์เนทีฟ #ทำเพลง #ห้องบันทึกเสียง #singer #announcer #ชอว์พิชิต
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1305 มุมมอง 0 รีวิว
  • อย่าปล่อยให้การทารุณสัตว์ในสื่อบันเทิงไทย....กลายเป็นเรื่องธรรมดา
    เมื่อไม่นานมานี้เกิดกรณีดราม่าที่มีละครซีรี่ย์เรื่อง “แม่หยัว” ของช่อง ONE 31 ได้ถ่ายทำฉากใน EP.5 ที่มี "แมวดำ" กินน้ำผสมยาพิษ หลังจากนั้นแมวตัวดังกล่าว มีอาการชักกระตุกหลายครั้ง ขย้อนอาหารออกจากปาก ตาเบิกโพลง มีลักษณะเกร็งตัวและนอนแน่นิ่งไป
    โดยการถ่ายทำฉากดังกล่าว เป็นการใช้แมวจริงที่ถูกวางยาสลบ โดยนาย สันต์ ศรีแก้วหล่อ ผู้กำกับการแสดง ได้ออกมาชี้แจงใน Facebook ของตนในภายหลังว่า เป็นการถ่ายทำที่มีผู้เชี่ยวชาญควบคุมดูแลอย่างดีในทุกขั้นตอน แต่ทว่าภาพที่สื่อออกมากลับสะท้อนถึงความทุกข์ทรมานของสัตว์ ซึ่งเข้าข่ายการทารุณกรรมสัตว์อย่างชัดเจน กรณีนี้ก่อให้เกิดกระแสในสังคมออนไลน์เรียกร้องให้บุคคลที่มีความเกี่ยวข้อง รวมไปถึงสถานีโทรทัศน์แสดงความรับผิดชอบ และเกิดการเคลื่อนไหวให้ "แบน" ละครดังกล่าวในวงกว้าง
    การนำสัตว์เข้าฉากเพื่อแสดงความเจ็บปวดหรือการวางยาสลบจริง ๆ ไม่เพียงแต่แสดงถึงการขาดความรับผิดชอบทางศีลธรรมและความเห็นใจต่อสัตว์ แต่ยังส่งผลกระทบต่อการรับรู้ของสังคมในด้านการปฏิบัติต่อสัตว์ในวงการบันเทิง กรณีนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สะท้อนถึงความละเลยและขาดมาตรฐานด้านจริยธรรมและการดูแลสัตว์ในกระบวนการผลิตของสื่อบันเทิงไทย โดยเฉพาะเมื่อละครดังกล่าวออกอากาศในวงกว้างและมีผู้ชมหลายกลุ่มอายุรวมไปถึงเยาวชน ย่อมส่งผลให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อวงการบันเทิงไทยโดยรวม และอาจก่อให้เกิดพฤติกรรมการเลียนแบบในหมู่เยาวชน
    ปัจจุบัน ประเทศไทยมีพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 ซึ่งครอบคลุมถึงการกระทำที่ถือเป็นการทารุณสัตว์ทุกประเภท โดยเฉพาะกรณีการทำร้ายสัตว์จนเกิดความทุกข์ทรมานทั้งทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งตามมาตรา 20 ของ พ.ร.บ. นี้ ระบุว่า "ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันควร" การทำให้สัตว์ทุกข์ทรมานหรือเจ็บปวดจนเสียชีวิตหรือได้รับความเสียหาย “อย่างไม่จำเป็น” ถือว่าเข้าข่ายการทารุณกรรม กรณีของการวางยาสลบสัตว์จริงโดยไม่มีเหตุผลเพียงพอ จึงถือเป็นความไม่จำเป็นและอาจเข้าข่ายเป็นการการละเมิดกฎหมาย ซึ่งมีบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    เมื่อพิจารณาจากถ้อยคำของนายสันต์ ผู้กำกับการแสดง จึงอดสงสัยไม่ได้ว่า ผู้เชี่ยวชาญที่ว่าคือใคร ใช่สัตว์แพทย์หรือไม่ และเจ้าของที่ว่าคือเจ้าของจริงที่แท้จริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่ผู้ควบคุมและเลี้ยงดูสัตว์เหล่านั้นไว้เพียงเพื่อประโยชน์ทางการค้า และแมวตัวที่นำมากล่าวอ้างว่าปัจจุบันสุขกายสบายดีนั้น แท้จริงแล้วใช่แมวตัวเดียวกันกับที่ถ่ายทำหรือไม่ จะพิสูจน์อย่างไร และกรณีแมวดำเป็นกรณีแรกหรือไม่ หรือว่ามีกรณีอื่นๆก่อนหน้านี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เพียงแต่ไม่เคยถูกตรวจสอบ และจะเป็นไปได้หรือไม่ว่าที่ผ่านมา มีการทารุณกรรมสัตว์ในการถ่ายทำ จนกลายเป็นปกติประเพณีไปแล้ว ประชาชนตั้งคำถามและประชาชน.......ต้องการคำตอบ
    แม้ตัวบทกฎหมายจะกล่าวเอาไว้ว่า “ผู้ใดกล่าวหา ผู้นั้นพิสูจน์” แต่ในกรณีนี้ คงไม่ใช่การเดินหมากที่ฉลาดนักของผู้บริหารช่องฯรวมไปถึงกลุ่มคนที่มีส่วนร่วม และควรต้องรีบชี้แจ้งข้อเท็จจริงโดยละเอียดให้เร็วที่สุด เพื่อแสดงความโปร่งใส และควรบอกแต่ความจริงเท่านั้น
    ดังนั้น การชี้แจ้งและกล่าวเพียงคำขอโทษผ่าน Instragram ของช่อง one31thailand เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา จึงไม่แสดงถึงความจริงใจ ไม่เพียงพอและไม่ได้สัดส่วนต่อสิ่งที่ได้กระทำขึ้น
    คำถามสำคัญที่พวกเราทุกคนต้องช่วยกันคบคิดต่อไปก็คือ แม้เราจะมีกฎหมาย แต่กฎหมายกลับไม่ได้กำหนดมาตรการการควบคุมที่เฉพาะเจาะจงในกรณีที่มีการใช้สัตว์ในงานบันเทิง เมื่อเปรียบเทียบกับกฎหมายและบทลงโทษในต่างประเทศ พบว่าในต่างประเทศมีกฎหมายที่คุ้มครองสัตว์เข้มงวดกว่าประเทศไทยมาก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมบันเทิง เช่น ในสหรัฐอเมริกา มีกฎหมาย Animal Welfare Act (AWA) ที่มีการกำหนดมาตรฐานสูงในการใช้สัตว์ในงานบันเทิง โดยกำหนดให้ต้องมีการขอใบอนุญาตและผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียดทุกขั้นตอน รวมถึงการมีองค์กรอย่าง American Humane Association (AHA) ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบและควบคุมการใช้สัตว์ในวงการภาพยนตร์โดยเฉพาะ หากพบว่ามีการละเมิด อาจถูกปรับเป็นเงินจำนวนมากและอาจถูกห้ามไม่ให้ใช้สัตว์ในสื่อบันเทิงอีกต่อไป
    หรืออย่างในประเทษอังกฤษ มี The Animal Welfare Act 2006 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ครอบคลุมการดูแลสัตว์ในวงการบันเทิง โดยห้ามการใช้วิธีการที่ทำให้สัตว์เจ็บปวดโดยไม่จำเป็น และหากพบการกระทำที่เป็นการทารุณกรรมสัตว์ จะมีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี รวมถึงปรับเงินตามความร้ายแรงของกรณี ดังนั้น เมื่อเทียบกับบทลงโทษของไทย ยังถือว่าเบากว่าต่างประเทศหลายเท่านัก
    สำหรับประเทศไทย กรมปศุสัตว์มีบทบาทสำคัญในการคุ้มครองสวัสดิภาพสัตว์และป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ ดังนั้น ในการแก้ปัญหาการใช้สัตว์อย่างไม่เหมาะสม กรมปศุสัตว์ควรพิจารณามาตรการ เช่น การจัดทำมาตรฐานแนวทางการใช้สัตว์ในสื่อบันเทิง ควรจัดทำคู่มือและข้อกำหนดที่ชัดเจนสำหรับการใช้สัตว์ในการถ่ายทำภาพยนตร์ ละคร และสื่อบันเทิงต่าง ๆ รวมถึงข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสวัสดิภาพสัตว์ การตรวจสอบสุขภาพสัตว์ก่อนและหลัง และการปฏิบัติต่อสัตว์ที่ปลอดภัยตลอดกระบวนการถ่ายทำ โดยอาจนำตัวอย่างแนวทางจากต่างประเทศ เช่น American Humane Association ของสหรัฐอเมริกามาปรับใช้
    กรมปศุสัตว์ควรเสนอให้เพิ่มบทลงโทษสำหรับการทารุณกรรมสัตว์ โดยเพิ่มค่าปรับหรือโทษจำคุกที่หนักขึ้น เพื่อให้ผู้ผลิตสื่อเกิดความยับยั้งชั่งใจและมีความรับผิดชอบในการใช้สัตว์ อีกทั้งควรมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและติดตามผลหลังจากที่มีการลงโทษเพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์ซ้ำ และควรร่วมมือกับองค์กรที่มีประสบการณ์ในการคุ้มครองสวัสดิภาพสัตว์ เช่น มูลนิธิต่างๆ และหน่วยงานอื่น ๆ ในการติดตามและตรวจสอบการใช้สัตว์ในวงการบันเทิง
    จากใจแม่ที่มีลูกเป็นหมาสองตัว อย่าปล่อยให้การทารุณสัตว์ในสื่อบันเทิงไทย....กลายเป็นเรื่องธรรมดา เพราะฉะนั้น เรื่องนี้กรมปศุสัตว์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง........ต้องไปให้สุดซอย ! ส่วนเราในฐานะภาคประชาชน ก็ทำหน้าที่ตรวจสอบในแบบที่เราถนัดต่อไป คือ การค้นหาความจริง และ การจับโกหก
    เพราะความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น (อ.สนธิ และ ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน กล่าวไว้)


    นักศึกษากฎหมายระบายทุกข์

    ที่มา :
    Thai PBS
    Instagram : one31thailand
    The Animal Welfare Act (AWA) 1966
    The Animal Welfare Act 2006
    The American Humane Association
    พ.ร.บ. ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 มาตรา 20
    อย่าปล่อยให้การทารุณสัตว์ในสื่อบันเทิงไทย....กลายเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อไม่นานมานี้เกิดกรณีดราม่าที่มีละครซีรี่ย์เรื่อง “แม่หยัว” ของช่อง ONE 31 ได้ถ่ายทำฉากใน EP.5 ที่มี "แมวดำ" กินน้ำผสมยาพิษ หลังจากนั้นแมวตัวดังกล่าว มีอาการชักกระตุกหลายครั้ง ขย้อนอาหารออกจากปาก ตาเบิกโพลง มีลักษณะเกร็งตัวและนอนแน่นิ่งไป โดยการถ่ายทำฉากดังกล่าว เป็นการใช้แมวจริงที่ถูกวางยาสลบ โดยนาย สันต์ ศรีแก้วหล่อ ผู้กำกับการแสดง ได้ออกมาชี้แจงใน Facebook ของตนในภายหลังว่า เป็นการถ่ายทำที่มีผู้เชี่ยวชาญควบคุมดูแลอย่างดีในทุกขั้นตอน แต่ทว่าภาพที่สื่อออกมากลับสะท้อนถึงความทุกข์ทรมานของสัตว์ ซึ่งเข้าข่ายการทารุณกรรมสัตว์อย่างชัดเจน กรณีนี้ก่อให้เกิดกระแสในสังคมออนไลน์เรียกร้องให้บุคคลที่มีความเกี่ยวข้อง รวมไปถึงสถานีโทรทัศน์แสดงความรับผิดชอบ และเกิดการเคลื่อนไหวให้ "แบน" ละครดังกล่าวในวงกว้าง การนำสัตว์เข้าฉากเพื่อแสดงความเจ็บปวดหรือการวางยาสลบจริง ๆ ไม่เพียงแต่แสดงถึงการขาดความรับผิดชอบทางศีลธรรมและความเห็นใจต่อสัตว์ แต่ยังส่งผลกระทบต่อการรับรู้ของสังคมในด้านการปฏิบัติต่อสัตว์ในวงการบันเทิง กรณีนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สะท้อนถึงความละเลยและขาดมาตรฐานด้านจริยธรรมและการดูแลสัตว์ในกระบวนการผลิตของสื่อบันเทิงไทย โดยเฉพาะเมื่อละครดังกล่าวออกอากาศในวงกว้างและมีผู้ชมหลายกลุ่มอายุรวมไปถึงเยาวชน ย่อมส่งผลให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อวงการบันเทิงไทยโดยรวม และอาจก่อให้เกิดพฤติกรรมการเลียนแบบในหมู่เยาวชน ปัจจุบัน ประเทศไทยมีพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 ซึ่งครอบคลุมถึงการกระทำที่ถือเป็นการทารุณสัตว์ทุกประเภท โดยเฉพาะกรณีการทำร้ายสัตว์จนเกิดความทุกข์ทรมานทั้งทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งตามมาตรา 20 ของ พ.ร.บ. นี้ ระบุว่า "ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันควร" การทำให้สัตว์ทุกข์ทรมานหรือเจ็บปวดจนเสียชีวิตหรือได้รับความเสียหาย “อย่างไม่จำเป็น” ถือว่าเข้าข่ายการทารุณกรรม กรณีของการวางยาสลบสัตว์จริงโดยไม่มีเหตุผลเพียงพอ จึงถือเป็นความไม่จำเป็นและอาจเข้าข่ายเป็นการการละเมิดกฎหมาย ซึ่งมีบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เมื่อพิจารณาจากถ้อยคำของนายสันต์ ผู้กำกับการแสดง จึงอดสงสัยไม่ได้ว่า ผู้เชี่ยวชาญที่ว่าคือใคร ใช่สัตว์แพทย์หรือไม่ และเจ้าของที่ว่าคือเจ้าของจริงที่แท้จริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่ผู้ควบคุมและเลี้ยงดูสัตว์เหล่านั้นไว้เพียงเพื่อประโยชน์ทางการค้า และแมวตัวที่นำมากล่าวอ้างว่าปัจจุบันสุขกายสบายดีนั้น แท้จริงแล้วใช่แมวตัวเดียวกันกับที่ถ่ายทำหรือไม่ จะพิสูจน์อย่างไร และกรณีแมวดำเป็นกรณีแรกหรือไม่ หรือว่ามีกรณีอื่นๆก่อนหน้านี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เพียงแต่ไม่เคยถูกตรวจสอบ และจะเป็นไปได้หรือไม่ว่าที่ผ่านมา มีการทารุณกรรมสัตว์ในการถ่ายทำ จนกลายเป็นปกติประเพณีไปแล้ว ประชาชนตั้งคำถามและประชาชน.......ต้องการคำตอบ แม้ตัวบทกฎหมายจะกล่าวเอาไว้ว่า “ผู้ใดกล่าวหา ผู้นั้นพิสูจน์” แต่ในกรณีนี้ คงไม่ใช่การเดินหมากที่ฉลาดนักของผู้บริหารช่องฯรวมไปถึงกลุ่มคนที่มีส่วนร่วม และควรต้องรีบชี้แจ้งข้อเท็จจริงโดยละเอียดให้เร็วที่สุด เพื่อแสดงความโปร่งใส และควรบอกแต่ความจริงเท่านั้น ดังนั้น การชี้แจ้งและกล่าวเพียงคำขอโทษผ่าน Instragram ของช่อง one31thailand เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา จึงไม่แสดงถึงความจริงใจ ไม่เพียงพอและไม่ได้สัดส่วนต่อสิ่งที่ได้กระทำขึ้น คำถามสำคัญที่พวกเราทุกคนต้องช่วยกันคบคิดต่อไปก็คือ แม้เราจะมีกฎหมาย แต่กฎหมายกลับไม่ได้กำหนดมาตรการการควบคุมที่เฉพาะเจาะจงในกรณีที่มีการใช้สัตว์ในงานบันเทิง เมื่อเปรียบเทียบกับกฎหมายและบทลงโทษในต่างประเทศ พบว่าในต่างประเทศมีกฎหมายที่คุ้มครองสัตว์เข้มงวดกว่าประเทศไทยมาก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมบันเทิง เช่น ในสหรัฐอเมริกา มีกฎหมาย Animal Welfare Act (AWA) ที่มีการกำหนดมาตรฐานสูงในการใช้สัตว์ในงานบันเทิง โดยกำหนดให้ต้องมีการขอใบอนุญาตและผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียดทุกขั้นตอน รวมถึงการมีองค์กรอย่าง American Humane Association (AHA) ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบและควบคุมการใช้สัตว์ในวงการภาพยนตร์โดยเฉพาะ หากพบว่ามีการละเมิด อาจถูกปรับเป็นเงินจำนวนมากและอาจถูกห้ามไม่ให้ใช้สัตว์ในสื่อบันเทิงอีกต่อไป หรืออย่างในประเทษอังกฤษ มี The Animal Welfare Act 2006 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ครอบคลุมการดูแลสัตว์ในวงการบันเทิง โดยห้ามการใช้วิธีการที่ทำให้สัตว์เจ็บปวดโดยไม่จำเป็น และหากพบการกระทำที่เป็นการทารุณกรรมสัตว์ จะมีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี รวมถึงปรับเงินตามความร้ายแรงของกรณี ดังนั้น เมื่อเทียบกับบทลงโทษของไทย ยังถือว่าเบากว่าต่างประเทศหลายเท่านัก สำหรับประเทศไทย กรมปศุสัตว์มีบทบาทสำคัญในการคุ้มครองสวัสดิภาพสัตว์และป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ ดังนั้น ในการแก้ปัญหาการใช้สัตว์อย่างไม่เหมาะสม กรมปศุสัตว์ควรพิจารณามาตรการ เช่น การจัดทำมาตรฐานแนวทางการใช้สัตว์ในสื่อบันเทิง ควรจัดทำคู่มือและข้อกำหนดที่ชัดเจนสำหรับการใช้สัตว์ในการถ่ายทำภาพยนตร์ ละคร และสื่อบันเทิงต่าง ๆ รวมถึงข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสวัสดิภาพสัตว์ การตรวจสอบสุขภาพสัตว์ก่อนและหลัง และการปฏิบัติต่อสัตว์ที่ปลอดภัยตลอดกระบวนการถ่ายทำ โดยอาจนำตัวอย่างแนวทางจากต่างประเทศ เช่น American Humane Association ของสหรัฐอเมริกามาปรับใช้ กรมปศุสัตว์ควรเสนอให้เพิ่มบทลงโทษสำหรับการทารุณกรรมสัตว์ โดยเพิ่มค่าปรับหรือโทษจำคุกที่หนักขึ้น เพื่อให้ผู้ผลิตสื่อเกิดความยับยั้งชั่งใจและมีความรับผิดชอบในการใช้สัตว์ อีกทั้งควรมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและติดตามผลหลังจากที่มีการลงโทษเพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์ซ้ำ และควรร่วมมือกับองค์กรที่มีประสบการณ์ในการคุ้มครองสวัสดิภาพสัตว์ เช่น มูลนิธิต่างๆ และหน่วยงานอื่น ๆ ในการติดตามและตรวจสอบการใช้สัตว์ในวงการบันเทิง จากใจแม่ที่มีลูกเป็นหมาสองตัว อย่าปล่อยให้การทารุณสัตว์ในสื่อบันเทิงไทย....กลายเป็นเรื่องธรรมดา เพราะฉะนั้น เรื่องนี้กรมปศุสัตว์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง........ต้องไปให้สุดซอย ! ส่วนเราในฐานะภาคประชาชน ก็ทำหน้าที่ตรวจสอบในแบบที่เราถนัดต่อไป คือ การค้นหาความจริง และ การจับโกหก เพราะความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น (อ.สนธิ และ ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน กล่าวไว้) นักศึกษากฎหมายระบายทุกข์ ที่มา : Thai PBS Instagram : one31thailand The Animal Welfare Act (AWA) 1966 The Animal Welfare Act 2006 The American Humane Association พ.ร.บ. ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 มาตรา 20
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1301 มุมมอง 0 รีวิว