• "Truck Desk” – ออฟฟิศในฝันของนักเขียนโรงงาน

    ในบทความ “My Truck Desk” โดย Bud Smith นักเขียนและช่างเชื่อมจากโรงงานปิโตรเคมีแห่งหนึ่ง เล่าเรื่องราวชีวิตการทำงานที่ต้องสลับไปมาระหว่างแรงงานหนักกับความฝันในการเป็นนักเขียน เขาใช้เวลาพักกลางวันและช่วงเวลาว่างในไซต์งานเพื่อเขียนนิยายและบทความ—ไม่ใช่ในห้องทำงานหรูหรา แต่ในรถกระบะ F-150 เก่าๆ ที่แทบจะพัง

    เขาสร้าง “Truck Desk” ด้วยไม้สามแผ่นและเหล็กเส้นดัดเป็นฐาน ตั้งไว้บนพวงมาลัยและที่วางแขนของรถ ใช้เป็นโต๊ะทำงานพกพา เขาเขียนนิยายในรถขณะเพื่อนร่วมงานพักผ่อนในรถพ่วง เสียงเครื่องยนต์ดัง กลิ่นน้ำมัน และความร้อนอบอ้าวไม่อาจหยุดเขาจากการเขียนได้

    เมื่อรถถูกลากไปทิ้ง เขาก็สร้างโต๊ะใหม่จากไม้ในไซต์งาน และยังคงเขียนต่อในรถของเพื่อนร่วมงานทุกวัน พร้อมแล็ปท็อปและแผ่นไม้ที่กลายเป็น “Truck Plank” รุ่นใหม่ของเขา

    เรื่องราวนี้ไม่ใช่แค่การประดิษฐ์โต๊ะในรถ แต่คือบทพิสูจน์ว่า “ความฝันไม่ต้องรอให้มีเวลาว่าง—แต่ต้องสร้างเวลานั้นขึ้นมาเอง”

    ชีวิตแรงงานกับความฝันนักเขียน
    Bud Smith ทำงานเป็นช่างเชื่อมในโรงงานปิโตรเคมี
    ใช้เวลาพักกลางวันและช่วงว่างเขียนนิยายและบทความ

    การสร้าง “Truck Desk”
    โต๊ะทำงานแบบ DIY ที่ติดตั้งในรถกระบะ F-150
    ใช้ไม้สามแผ่นและเหล็กเส้นดัดเป็นฐาน
    กลายเป็น “ออฟฟิศเคลื่อนที่” ที่เขาใช้เขียนงานทุกวัน

    การปรับตัวเมื่อรถถูกทิ้ง
    สร้างโต๊ะใหม่จากไม้ในไซต์งาน
    ใช้ในรถของเพื่อนร่วมงานแทน
    พัฒนาเป็น “Truck Plank” ที่พกพาสะดวก

    แรงบันดาลใจจากชีวิตจริง
    เขียนนิยายจากประสบการณ์ในไซต์งาน
    ใช้โทรศัพท์มือถือและแล็ปท็อปเป็นเครื่องมือหลัก
    ยึดหลัก “You’ve gotta make your own conditions.”

    การยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบ
    โต๊ะถูกใช้วางอะไหล่บ้าง ถูกยึดพื้นที่บ้าง
    แต่เขายังคงเขียนต่อไป ไม่ยอมแพ้

    https://www.theparisreview.org/blog/2025/10/29/truck-desk/
    📰 "Truck Desk” – ออฟฟิศในฝันของนักเขียนโรงงาน ในบทความ “My Truck Desk” โดย Bud Smith นักเขียนและช่างเชื่อมจากโรงงานปิโตรเคมีแห่งหนึ่ง เล่าเรื่องราวชีวิตการทำงานที่ต้องสลับไปมาระหว่างแรงงานหนักกับความฝันในการเป็นนักเขียน เขาใช้เวลาพักกลางวันและช่วงเวลาว่างในไซต์งานเพื่อเขียนนิยายและบทความ—ไม่ใช่ในห้องทำงานหรูหรา แต่ในรถกระบะ F-150 เก่าๆ ที่แทบจะพัง เขาสร้าง “Truck Desk” ด้วยไม้สามแผ่นและเหล็กเส้นดัดเป็นฐาน ตั้งไว้บนพวงมาลัยและที่วางแขนของรถ ใช้เป็นโต๊ะทำงานพกพา เขาเขียนนิยายในรถขณะเพื่อนร่วมงานพักผ่อนในรถพ่วง เสียงเครื่องยนต์ดัง กลิ่นน้ำมัน และความร้อนอบอ้าวไม่อาจหยุดเขาจากการเขียนได้ เมื่อรถถูกลากไปทิ้ง เขาก็สร้างโต๊ะใหม่จากไม้ในไซต์งาน และยังคงเขียนต่อในรถของเพื่อนร่วมงานทุกวัน พร้อมแล็ปท็อปและแผ่นไม้ที่กลายเป็น “Truck Plank” รุ่นใหม่ของเขา เรื่องราวนี้ไม่ใช่แค่การประดิษฐ์โต๊ะในรถ แต่คือบทพิสูจน์ว่า “ความฝันไม่ต้องรอให้มีเวลาว่าง—แต่ต้องสร้างเวลานั้นขึ้นมาเอง” ✅ ชีวิตแรงงานกับความฝันนักเขียน ➡️ Bud Smith ทำงานเป็นช่างเชื่อมในโรงงานปิโตรเคมี ➡️ ใช้เวลาพักกลางวันและช่วงว่างเขียนนิยายและบทความ ✅ การสร้าง “Truck Desk” ➡️ โต๊ะทำงานแบบ DIY ที่ติดตั้งในรถกระบะ F-150 ➡️ ใช้ไม้สามแผ่นและเหล็กเส้นดัดเป็นฐาน ➡️ กลายเป็น “ออฟฟิศเคลื่อนที่” ที่เขาใช้เขียนงานทุกวัน ✅ การปรับตัวเมื่อรถถูกทิ้ง ➡️ สร้างโต๊ะใหม่จากไม้ในไซต์งาน ➡️ ใช้ในรถของเพื่อนร่วมงานแทน ➡️ พัฒนาเป็น “Truck Plank” ที่พกพาสะดวก ✅ แรงบันดาลใจจากชีวิตจริง ➡️ เขียนนิยายจากประสบการณ์ในไซต์งาน ➡️ ใช้โทรศัพท์มือถือและแล็ปท็อปเป็นเครื่องมือหลัก ➡️ ยึดหลัก “You’ve gotta make your own conditions.” ✅ การยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบ ➡️ โต๊ะถูกใช้วางอะไหล่บ้าง ถูกยึดพื้นที่บ้าง ➡️ แต่เขายังคงเขียนต่อไป ไม่ยอมแพ้ https://www.theparisreview.org/blog/2025/10/29/truck-desk/
    WWW.THEPARISREVIEW.ORG
    My Truck Desk by Bud Smith
    October 29, 2025 – “Now that I had my Truck Desk, that vehicle was my very own rolling cubicle.”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 511 มุมมอง 0 รีวิว
  • มายากลยุทธ ภาค 2 ตอน เชือด

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ‘มายากลยุทธ”
    ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน
    ตอนที่ 23 : “เชือด”
    หลายประเทศขยาดจากการที่ราคาน้ำมันขึ้นอย่างบ้าเลือด เมื่อตอนปี ค.ศ. 1973 พวกเขาพยายามหาทางพึ่งพาน้ำมันให้น้อยลง ประมาณปี ค.ศ. 1975 Brazil จึงติดต่อเยอรมันให้สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้ Mexico ก็สนใจทำตาม เพื่อรักษาน้ำมันที่ตนมีอยู่ไว้ให้นานที่สุด แต่ที่ทำให้นักเล่นกลเริ่มออกอาการ คือ Shah แห่งอิหร่าน มีน้ำมันเยอะแยะ แต่ดันจะเก็บไว้ ไม่ยอมหลวมตัวเอาน้ำมันแลกกับกระดาษอีกต่อไป เตรียมตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ตามแผนที่วางไว้ ปี ค.ศ. 1995 อิหร่านจะมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ถึง 20 โรง ทำให้อิหร่านขึ้นเป็นอันดับ 4 ของโลก ที่มีโครงการนิวเคลียร์
    อเมริกาเริ่มนั่งไม่ติด พยายามเจรจาให้เยอรมันยกเลิกสัญญากับอิหร่าน แต่ไม่สำเร็จ อเมริกาไม่มีอำนาจเหนือเยอรมัน ค.ศ. 1978 อเมริกาเหลือทางเลือกทางเดียว ต้องเลิกสนับสนุน Shah หาคนอื่นมาเป็นหุ่นแทน ขณะที่อเมริกากำลังคิดแผนกำจัด Shah Shah ก็เดินเชิดหน้าไปสดุดฝ่าเท้านายท่านเจ้าเก่า British Petroleum (BP) ซึ่งกำลังเจราจาต่อสัญญากับ Shah อีก 25 ปี โดย BP ยื่นเงื่อนไขว่าอิหร่านต้องให้สิทธิพิเศษแก่ BP รายเดียวสำหรับน้ำมันที่อิหร่านจะขุดเจอในอนาคต แต่ไม่ยอมประกันราคาซื้อ (แหม ! สัญญาได้ประโยชน์ขาเดียว แบบนี้เขาเรียกสัญญาทาส) คราวนี้ Shah Rukh Khanข็งข้อบอกไม่เป็นไร เดี๋ยวเราจะไปหาคนซื้อรายอื่นแล้วกัน ยังมีเรียงแถวกันมาอีกแยะ เช่น เยอรมัน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น
    เยอรมันอีกแล้ว ! นายท่านร้อง เจ็บนั้นไม่ลืม ยังจะมีเพิ่มเจ็บนี้อีกนานหรือไง นายท่านไม่รอช้าสั่งตั้งโรงงิ้วทันที มันลืมไปแล้วหรือไง ว่าไปนั่งอยู่บนบัลลังก์นั้นได้อย่างไร ว่าแล้วก็กระทืบเท้า 3 ที เรียกลูกรักมาสั่งความ ไประดมพวกเรากันมา คราวนี้ต้องใช้เด็กหลายคนหน่อย
    แผน 1 ก็เริ่มปฏิบัติการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1978 นายท่านสั่งให้ไปหาคนมาแทน Shah ก่อน อ่า ! เจอแล้วครับท่านเอาท่าน Ayotolloh Khomeini ไหมครับ เขาเคยเป็นคู่กรณีกันอยู่ ตอนนี้นั่งเฉย ๆ อยู่ที่ฝรั่งเศส
    แล้วแผน 2 ก็เริ่มตามมา นักสร้างฉากนักเล่นกล ค่าย US และ UK พากันจูงมือเข้าไปเดินพล่านในกรุงเตหะราน แล้วข่าวเรื่อง Shah ไม่ประพฤติตัวตามข้อกำหนดของศาสนาอิสลาม ก็ทะยอยตามออกมา ประชาชนก็เริ่มแสดงความไม่พอใจ Shah เริ่มเป็นที่วิพากษ์อย่างรุนแรง (ทั้ง ๆ เรื่องดังกล่าวก็มีมานานแล้ว) เรื่องการทำตัวหรูหราความฟู่ฟ่าของครอบครัว Shah ก็ทะยอยออกมา (ทั้ง ๆ ความจริงก็เป็นมาอย่างนี้นานแล้วเช่นกัน) ข่าวปล่อยเพิ่มเรื่องอีกว่าไปShah เป็นเผด็จการ มีตำรวจลับคอยจับประชาชน ละเมิดสิทธิมนุษยชน สื่อ BBC ก็ประโคมข่าวทุกวัน ทุกวันในขณะเดียวกัน ท่าน Khomeini ก็เริ่มมีการออกความเห็นผ่านสื่อต่างชาติ แต่ข่าวที่ Shah โต้ตอบ ไม่มีออกไปในสื่อ
    การออกข่าวแบบนี้ดำเนินไปได้ไม่เท่าไหร่ ประชาชนลุกขึ้นเดินขบวนขับไล่ Shah เหตุการณ์เริ่มรุนแรงขึ้น ใช้เวลาไม่ถึง 2 เดือน วันที่ 16 มกราคม ค.ศ. 1979 ก็มีคนมาช่วย Shah เก็บกระเป๋าขนของและครอบครัวออกไปจากอิหร่าน แล้วก็มีคนมาเชิญท่าน Ayotolleh Khomeini มาเป็นประมุขประเทศ ล้มบัลลังก์นกยูงของ Shah ลง และสถาปนาอิหร่านเป็นรัฐศาสนา ความวุ่นวายของอิหร่านก็เริ่มสงบ แต่ที่ตามมาคือ British Petroleum และ Royal Dutch Shell ต่างยกเลิกสัญญาซื้อน้ำมันกับอิหร่านเสียหมด
    แค่นั้นมันเบาไปหน่อยไหม กับคนที่ไม่รู้ถี่รู้ห่าง อุตสาห์อุ้มมานั่งบัลลังก์ ชุบเลี้ยงให้ร่ำรวย นอกจากไม่ยอมให้ตุ๋นต่อแล้ว ยังจะไปสมคบกับศัตรู แบบนี้ต้องเอาให้เข็ดหลาบ อเมริกาจัดหนักให้กับอิหร่านจริง ๆ นอกจากยกเลิกสัญญาซื้อขายน้ำมันแล้ว อเมริกายังประกาศคว่ำบาตร ห้ามมิให้มีการซื้อขายน้ำมัน ก๊าซ และผลิตภัณฑ์ประเภทปิโตรเคมีจากอิหร่าน รวมทั้งการทำธุรกรรมทางการเงินกับอิหร่านอีกด้วย ต่อมาก็ห้ามไป ถึงการขนส่ง การประกันภัย เรียกว่าห้ามธุรกิจอเมริกาไปยุ่งเกี่ยวกับอิหร่านเกือบทั้งหมด
    และมันไม่ได้หยุดแค่นั้น อเมริกาใช้อิทธิพลของตนเองที่มีเหนือประเทศต่าง ๆ ทั้งมิตรและคู่ค้า เช่น ออสเตรเลีย แคนนาดา เกาหลี ญี่ปุ่น อิสราเอล (แน่นอนของตาย !) ประเทศในกลุ่มประชาคมยุโรป กลุ่ม BRRICS ให้คว่ำบาตร (sanction) อิหร่านด้วยเช่นกัน การคว่ำบาตรเริ่มต้นมาตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ. 1979 จนบัดนี้ยังไม่เลิก และยังเพิ่มข้อหาไปเรื่อย ๆ โดยเฉพาะข้อหาว่า อิหร่านกำลังสร้างอาวุธนิวเคลียร์ UN มีมติให้ทำการตรวจสอบ ซึ่งถึงเดี๋ยวนี้ก็ ยังไม่มีหลักฐานยืนยันเพียงพอว่าอิหร่านทำเช่นนั้นจริง แต่อิหร่านก็ยังอยู่ได้ ประเทศแม้จะจนถึงขนาด แต่ชาวอิหร่านไม่ยอมอ่อนข้อให้อเมริกา เขาก้มหน้าก้มตาสร้างบ้านเมืองในแบบเขา เมื่อเขาผลิตเครื่องอีเลคโทรนิค
    หรือเครื่องมือในโลกไซเบอร์ได้ อเมริกาก็ประกาศขึ้นบัญชีดำบริษัทผู้ผลิต มันเกี่ยวกับน้ำมันตรงไหนนะ
    อเมริกาทำตัวเป็นนักเลงโต จิกโก๋ปากซอยตัวจริง แต่จิกโก๋คิดแค่นี้หรือ ยี่สิบกว่าปีที่อิหร่านถูกคว่ำบาตร ขายน้ำมันยากเย็น เพราะฉะนั้นดินแดนอิหร่านน้ำมันยังไม่พร่องมาก เพราะยังไม่มีใครกล้ามาแตะ ตอนนี้อิหร่านมีน้ำมัน ก็เหมือนไม่มี เจอการวิธีเล่นกล เสกน้ำมันให้หาย (ค่า) ได้แต่กัดฟันรอเวลาเอาคืน แล้วคอยดูไปเถอะ เมื่อถึงเวลา “อันเหมาะสม” รายแรกที่จะเข้าไปเปิดบ่อน้ำมันใหม่คืออเมริกา อ้าว ! มาแล้วไงคุณโอบามาเริ่มออกข่าวแล้วเมื่อปลายปีที่แล้วว่า จะมีการนัดเจรจาพิจารณาลดหย่อน เงื่อนไขการคว่ำบาตรให้กับอิหร่าน เห็นฝีมือหรือยัง การเล่นกลจาก 2 ค่าย 2 ฝั่งมหาสมุทรแอทแลนติค ! นี่ไม่ใช่เชือดไก่ให้ลิงดู แต่เป็นการเชือดทิ้งจริง ๆ เมื่อหมดประโยชน์ หรือหมากตัวที่ส่งไปเล่นในกระดาน แต่ดันเล่นผิดบทหรือทำให้เกิด cost overrun ! เขาก็เปลี่ยนหมากตัวใหม่ แต่ยังเอามากำกับให้เดิน ในกระดานของเขาเหมือนเดิม


    คนเล่านิทาน
    มายากลยุทธ ภาค 2 ตอน เชือด นิทานเรื่องจริง เรื่อง ‘มายากลยุทธ” ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน ตอนที่ 23 : “เชือด” หลายประเทศขยาดจากการที่ราคาน้ำมันขึ้นอย่างบ้าเลือด เมื่อตอนปี ค.ศ. 1973 พวกเขาพยายามหาทางพึ่งพาน้ำมันให้น้อยลง ประมาณปี ค.ศ. 1975 Brazil จึงติดต่อเยอรมันให้สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้ Mexico ก็สนใจทำตาม เพื่อรักษาน้ำมันที่ตนมีอยู่ไว้ให้นานที่สุด แต่ที่ทำให้นักเล่นกลเริ่มออกอาการ คือ Shah แห่งอิหร่าน มีน้ำมันเยอะแยะ แต่ดันจะเก็บไว้ ไม่ยอมหลวมตัวเอาน้ำมันแลกกับกระดาษอีกต่อไป เตรียมตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ตามแผนที่วางไว้ ปี ค.ศ. 1995 อิหร่านจะมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ถึง 20 โรง ทำให้อิหร่านขึ้นเป็นอันดับ 4 ของโลก ที่มีโครงการนิวเคลียร์ อเมริกาเริ่มนั่งไม่ติด พยายามเจรจาให้เยอรมันยกเลิกสัญญากับอิหร่าน แต่ไม่สำเร็จ อเมริกาไม่มีอำนาจเหนือเยอรมัน ค.ศ. 1978 อเมริกาเหลือทางเลือกทางเดียว ต้องเลิกสนับสนุน Shah หาคนอื่นมาเป็นหุ่นแทน ขณะที่อเมริกากำลังคิดแผนกำจัด Shah Shah ก็เดินเชิดหน้าไปสดุดฝ่าเท้านายท่านเจ้าเก่า British Petroleum (BP) ซึ่งกำลังเจราจาต่อสัญญากับ Shah อีก 25 ปี โดย BP ยื่นเงื่อนไขว่าอิหร่านต้องให้สิทธิพิเศษแก่ BP รายเดียวสำหรับน้ำมันที่อิหร่านจะขุดเจอในอนาคต แต่ไม่ยอมประกันราคาซื้อ (แหม ! สัญญาได้ประโยชน์ขาเดียว แบบนี้เขาเรียกสัญญาทาส) คราวนี้ Shah Rukh Khanข็งข้อบอกไม่เป็นไร เดี๋ยวเราจะไปหาคนซื้อรายอื่นแล้วกัน ยังมีเรียงแถวกันมาอีกแยะ เช่น เยอรมัน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เยอรมันอีกแล้ว ! นายท่านร้อง เจ็บนั้นไม่ลืม ยังจะมีเพิ่มเจ็บนี้อีกนานหรือไง นายท่านไม่รอช้าสั่งตั้งโรงงิ้วทันที มันลืมไปแล้วหรือไง ว่าไปนั่งอยู่บนบัลลังก์นั้นได้อย่างไร ว่าแล้วก็กระทืบเท้า 3 ที เรียกลูกรักมาสั่งความ ไประดมพวกเรากันมา คราวนี้ต้องใช้เด็กหลายคนหน่อย แผน 1 ก็เริ่มปฏิบัติการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1978 นายท่านสั่งให้ไปหาคนมาแทน Shah ก่อน อ่า ! เจอแล้วครับท่านเอาท่าน Ayotolloh Khomeini ไหมครับ เขาเคยเป็นคู่กรณีกันอยู่ ตอนนี้นั่งเฉย ๆ อยู่ที่ฝรั่งเศส แล้วแผน 2 ก็เริ่มตามมา นักสร้างฉากนักเล่นกล ค่าย US และ UK พากันจูงมือเข้าไปเดินพล่านในกรุงเตหะราน แล้วข่าวเรื่อง Shah ไม่ประพฤติตัวตามข้อกำหนดของศาสนาอิสลาม ก็ทะยอยตามออกมา ประชาชนก็เริ่มแสดงความไม่พอใจ Shah เริ่มเป็นที่วิพากษ์อย่างรุนแรง (ทั้ง ๆ เรื่องดังกล่าวก็มีมานานแล้ว) เรื่องการทำตัวหรูหราความฟู่ฟ่าของครอบครัว Shah ก็ทะยอยออกมา (ทั้ง ๆ ความจริงก็เป็นมาอย่างนี้นานแล้วเช่นกัน) ข่าวปล่อยเพิ่มเรื่องอีกว่าไปShah เป็นเผด็จการ มีตำรวจลับคอยจับประชาชน ละเมิดสิทธิมนุษยชน สื่อ BBC ก็ประโคมข่าวทุกวัน ทุกวันในขณะเดียวกัน ท่าน Khomeini ก็เริ่มมีการออกความเห็นผ่านสื่อต่างชาติ แต่ข่าวที่ Shah โต้ตอบ ไม่มีออกไปในสื่อ การออกข่าวแบบนี้ดำเนินไปได้ไม่เท่าไหร่ ประชาชนลุกขึ้นเดินขบวนขับไล่ Shah เหตุการณ์เริ่มรุนแรงขึ้น ใช้เวลาไม่ถึง 2 เดือน วันที่ 16 มกราคม ค.ศ. 1979 ก็มีคนมาช่วย Shah เก็บกระเป๋าขนของและครอบครัวออกไปจากอิหร่าน แล้วก็มีคนมาเชิญท่าน Ayotolleh Khomeini มาเป็นประมุขประเทศ ล้มบัลลังก์นกยูงของ Shah ลง และสถาปนาอิหร่านเป็นรัฐศาสนา ความวุ่นวายของอิหร่านก็เริ่มสงบ แต่ที่ตามมาคือ British Petroleum และ Royal Dutch Shell ต่างยกเลิกสัญญาซื้อน้ำมันกับอิหร่านเสียหมด แค่นั้นมันเบาไปหน่อยไหม กับคนที่ไม่รู้ถี่รู้ห่าง อุตสาห์อุ้มมานั่งบัลลังก์ ชุบเลี้ยงให้ร่ำรวย นอกจากไม่ยอมให้ตุ๋นต่อแล้ว ยังจะไปสมคบกับศัตรู แบบนี้ต้องเอาให้เข็ดหลาบ อเมริกาจัดหนักให้กับอิหร่านจริง ๆ นอกจากยกเลิกสัญญาซื้อขายน้ำมันแล้ว อเมริกายังประกาศคว่ำบาตร ห้ามมิให้มีการซื้อขายน้ำมัน ก๊าซ และผลิตภัณฑ์ประเภทปิโตรเคมีจากอิหร่าน รวมทั้งการทำธุรกรรมทางการเงินกับอิหร่านอีกด้วย ต่อมาก็ห้ามไป ถึงการขนส่ง การประกันภัย เรียกว่าห้ามธุรกิจอเมริกาไปยุ่งเกี่ยวกับอิหร่านเกือบทั้งหมด และมันไม่ได้หยุดแค่นั้น อเมริกาใช้อิทธิพลของตนเองที่มีเหนือประเทศต่าง ๆ ทั้งมิตรและคู่ค้า เช่น ออสเตรเลีย แคนนาดา เกาหลี ญี่ปุ่น อิสราเอล (แน่นอนของตาย !) ประเทศในกลุ่มประชาคมยุโรป กลุ่ม BRRICS ให้คว่ำบาตร (sanction) อิหร่านด้วยเช่นกัน การคว่ำบาตรเริ่มต้นมาตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ. 1979 จนบัดนี้ยังไม่เลิก และยังเพิ่มข้อหาไปเรื่อย ๆ โดยเฉพาะข้อหาว่า อิหร่านกำลังสร้างอาวุธนิวเคลียร์ UN มีมติให้ทำการตรวจสอบ ซึ่งถึงเดี๋ยวนี้ก็ ยังไม่มีหลักฐานยืนยันเพียงพอว่าอิหร่านทำเช่นนั้นจริง แต่อิหร่านก็ยังอยู่ได้ ประเทศแม้จะจนถึงขนาด แต่ชาวอิหร่านไม่ยอมอ่อนข้อให้อเมริกา เขาก้มหน้าก้มตาสร้างบ้านเมืองในแบบเขา เมื่อเขาผลิตเครื่องอีเลคโทรนิค หรือเครื่องมือในโลกไซเบอร์ได้ อเมริกาก็ประกาศขึ้นบัญชีดำบริษัทผู้ผลิต มันเกี่ยวกับน้ำมันตรงไหนนะ อเมริกาทำตัวเป็นนักเลงโต จิกโก๋ปากซอยตัวจริง แต่จิกโก๋คิดแค่นี้หรือ ยี่สิบกว่าปีที่อิหร่านถูกคว่ำบาตร ขายน้ำมันยากเย็น เพราะฉะนั้นดินแดนอิหร่านน้ำมันยังไม่พร่องมาก เพราะยังไม่มีใครกล้ามาแตะ ตอนนี้อิหร่านมีน้ำมัน ก็เหมือนไม่มี เจอการวิธีเล่นกล เสกน้ำมันให้หาย (ค่า) ได้แต่กัดฟันรอเวลาเอาคืน แล้วคอยดูไปเถอะ เมื่อถึงเวลา “อันเหมาะสม” รายแรกที่จะเข้าไปเปิดบ่อน้ำมันใหม่คืออเมริกา อ้าว ! มาแล้วไงคุณโอบามาเริ่มออกข่าวแล้วเมื่อปลายปีที่แล้วว่า จะมีการนัดเจรจาพิจารณาลดหย่อน เงื่อนไขการคว่ำบาตรให้กับอิหร่าน เห็นฝีมือหรือยัง การเล่นกลจาก 2 ค่าย 2 ฝั่งมหาสมุทรแอทแลนติค ! นี่ไม่ใช่เชือดไก่ให้ลิงดู แต่เป็นการเชือดทิ้งจริง ๆ เมื่อหมดประโยชน์ หรือหมากตัวที่ส่งไปเล่นในกระดาน แต่ดันเล่นผิดบทหรือทำให้เกิด cost overrun ! เขาก็เปลี่ยนหมากตัวใหม่ แต่ยังเอามากำกับให้เดิน ในกระดานของเขาเหมือนเดิม คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 620 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ”
    ภาคสอง ตอน เสกกระดาษแลกน้ำมัน
    ตอนที่ 22 : ปั่นน้ำมัน (2)
    ข่าวสำคัญที่รั่วออกมาจากที่ประชุม เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1973 คือ มีการหารือกันในที่ประชุมว่า “หากว่า” น้ำมันเกิดขึ้นราคาไป 400% เรามีแผนที่จัดการกับเงินดอลล่าร์ที่จะไหลมาท่วมหัวเรา จากที่น้ำมันขึ้นราคาอย่างบ้าเลือดนั้น อย่างไรดี สมาชิก (ลับ) ที่เข้าประชุม (ลับ) วันนั้นก็มี CEO จาก Royal Dutch Shell, British Petroleum (BP), Total S.A, ENI, Exxon รวมทั้งบรรดานายธนาคารใหญ่ และบุคคลที่น่าสนใจ เช่น Baron Edmond de Rothschild และนาย David Rockefeller และที่น่าสนใจที่สุด คือนาย Henry Kissinger รมว.ตปท. ของอเมริกาขณะนั้น
    หลังจากนั้น ก็มีคนแอบทำข่าวหล่นให้สื่อลือกันว่า เดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 1973 ประเทศในกลุ่มอาหรับ มีแผนที่จะบุกอิสราเอล ในวันสำคัญทางศาสนาของอิสราเอล (Yom Kippur) ข่าวนี้ทำให้เกิดความตื่นตระหนกในตลาด น้ำมันราคาพุ่งกระฉูด โลกตะวันตกที่ต้องใช้น้ำมันต่างไม่พอใจ แต่แล้วก็มีเสียงคล้าย ๆ กับ Shah ของอิหร่าน ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “…ก็ไม่แปลกนะ ที่ราคาน้ำมันจะขึ้นสูง ในเมื่อพวกยู (โลกตะวันตก) ก็ขึ้นราคาข้าวสาลีที่ขายให้พวกไอ ตั้ง 300% รวมทั้งน้ำตาลและปูนซีเมนต์ พวกยูซื้อน้ำมันดิบจากประเทศไอไป แล้วยูก็ไปกลั่นเป็นปิโตรเคมี แล้วไปขายได้ราคาแพง 100 กว่าเท่าของราคาที่จ่ายให้พวกไอ มันก็ยุติธรรมแล้วนี่นะ ต่อไปนี้พวกยูก็จ่ายค่าน้ำมันดิบสูงขึ้นอีก 10 เท่าก็แล้วกันนะ”
    แล้ววันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ. 1973 อียิปต์และซีเรียก็บุกอิสราเอลจริง ๆ วันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ. 1973 ประธานาธิบดี Nixon สั่งการให้ส่งอาวุธไปช่วยอิสราเอล ในขณะที่สหภาพโซเวียตส่งอาวุธให้อียิปต์และซีเรีย วันที่ 22 ตุลาคม ค.ศ 1973 UN ออกมาเป็นกรรมการห้ามมวย สั่งให้ทั้ง 2 ฝ่ายยุติการหยุดยิง
    ประเทศกลุ่ม OPEC ตอบโต้ ด้วยการประกาศงดส่งน้ำมันให้แก่อเมริกา ในฐานะเป็นประเทศที่ไม่ปราถนาดีต่อกลุ่มประเทศ OPEC การประกาศงดส่งน้ำมันนี้ ลามไปถึงประเทศในยุโรป และญี่ปุ่นด้วย แต่ 5 เดือนต่อมา 17 มีนาคม ค.ศ. 1974 กลุ่ม OPEC ก็ยกเลิกการห้ามส่งน้ำมันให้อเมริกา เอะ ! ตอนแรกก็ขึงขังดีนะ ประเทศในกลุ่ม OPEC ทำเป็นจะบุกอิสราเอล แล้วก็ขึ้นราคาน้ำมันไป 400% และก็ประกาศจะงดส่งน้ำมันให้พวกเขา (อเมริกาแอนด์โก) น่ะ แล้วไง ! ไม่ทันนกกระจอกกินน้ำ 5 เดือน กลับลำเกือบไม่ทัน
    ทั้งหมดเป็นแผนที่ร่วมมือกันอย่างดี ของกลุ่มนักเล่นกล 2 คาบสมุทร เริ่มต้นตั้งแต่เล่นกลตัดเชือกผูกเงินดอลล่าห์กับทองเอาเมื่อปี ค.ศ. 1969 ตอนอเมริกาเกิดเศรษฐกิจชักกระตุก เดินถอยหลัง เงินดอลล่าห์อ่อนเหมือนแป้งเปียก จะให้มันกลับมาแข็งปั้ง พร้อมกับสร้างอำนาจให้อเมริกาน่ะ มันต้องวางแผนให้เนียนหน่อย
    นาย Kissinger นักการฑูตฝีปากดี แถมมีฐานะเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคง การที่จะยุให้พวกกลุ่มอาหรับลุกขึ้นฮึด มาเอาดินแดนศักดิ์สิทธิ์คืนจากอิสราเอล คงไม่เกินฝีปากนาย Kissinger ขณะเดียวกันก็บอกกับอิสราเอลว่า ถ้าอาหรับทำท่าจะกรีฑาทัพเข้ามาบี้ยู ไม่ต้องกลัวนะเพื่อน อเมริกาจะยืนบังลูกปืนให้ เขายุซ้ายทีขวาทีจนได้ที่ แล้วเขาก็จับหมากตัวสำคัญ คือ ซาอุดิอาระเบียกับอิหร่านให้เดินต่อ ซาอุนั้น เป็นประเทศที่มีน้ำมันมากและเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของอเมริกา อเมริกาซื้อน้ำมันจากซาอุเป็นอันดับ 1 และซาอุก็ลงทุนกับอเมริกาเป็นอันดับ 1 เหมือนกัน ส่วนอิหร่าน มีน้ำมันอันดับ 2 ก็จริง แต่อย่าลืมว่าคุณซาห์มานั่งครองบัลลังก์นกยูงได้อย่างไร ให้มาเล่นเป็นตัวประกอบ เดินไปเดินมา 2 รอบแค่นี้ เล่นไม่ได้หรือไง
    แล้วสงคราม Yom Kippur มันก็เกิดขึ้นมาเพราะแบบนี้แหละ ถ้ามันของจริงน่ะ มันจะเลิกรบกันภายใไม่กี่วันเหรอ แล้วไอ้ Embargo ห้ามส่งน้ำมันน่ะ ถามจริง ๆ เถอะ อาหรับมีทรัพย์สมบัติติดตัวอยู่อย่างเดียว คือ น้ำมัน ถ้าไม่ขายน้ำมันจะอยู่อย่างไร แล้วลูกค้ารายใหญ่นะใคร อเมริกาบวกยุโรปตะวันตก บวกญี่ปุ่นน่ะ มันกินน้ำมันเข้าไป 60% ของผู้ใช้น้ำมันทั้งโลกในตอนนั้น ถ้าคิดไม่ขายลูกค้ารายใหญ่ 60% แล้วจะไปขายใครประเทศจน ๆ ให้มันเป็นหนี้หรือไง ! ?


    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ” ภาคสอง ตอน เสกกระดาษแลกน้ำมัน ตอนที่ 22 : ปั่นน้ำมัน (2) ข่าวสำคัญที่รั่วออกมาจากที่ประชุม เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1973 คือ มีการหารือกันในที่ประชุมว่า “หากว่า” น้ำมันเกิดขึ้นราคาไป 400% เรามีแผนที่จัดการกับเงินดอลล่าร์ที่จะไหลมาท่วมหัวเรา จากที่น้ำมันขึ้นราคาอย่างบ้าเลือดนั้น อย่างไรดี สมาชิก (ลับ) ที่เข้าประชุม (ลับ) วันนั้นก็มี CEO จาก Royal Dutch Shell, British Petroleum (BP), Total S.A, ENI, Exxon รวมทั้งบรรดานายธนาคารใหญ่ และบุคคลที่น่าสนใจ เช่น Baron Edmond de Rothschild และนาย David Rockefeller และที่น่าสนใจที่สุด คือนาย Henry Kissinger รมว.ตปท. ของอเมริกาขณะนั้น หลังจากนั้น ก็มีคนแอบทำข่าวหล่นให้สื่อลือกันว่า เดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 1973 ประเทศในกลุ่มอาหรับ มีแผนที่จะบุกอิสราเอล ในวันสำคัญทางศาสนาของอิสราเอล (Yom Kippur) ข่าวนี้ทำให้เกิดความตื่นตระหนกในตลาด น้ำมันราคาพุ่งกระฉูด โลกตะวันตกที่ต้องใช้น้ำมันต่างไม่พอใจ แต่แล้วก็มีเสียงคล้าย ๆ กับ Shah ของอิหร่าน ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “…ก็ไม่แปลกนะ ที่ราคาน้ำมันจะขึ้นสูง ในเมื่อพวกยู (โลกตะวันตก) ก็ขึ้นราคาข้าวสาลีที่ขายให้พวกไอ ตั้ง 300% รวมทั้งน้ำตาลและปูนซีเมนต์ พวกยูซื้อน้ำมันดิบจากประเทศไอไป แล้วยูก็ไปกลั่นเป็นปิโตรเคมี แล้วไปขายได้ราคาแพง 100 กว่าเท่าของราคาที่จ่ายให้พวกไอ มันก็ยุติธรรมแล้วนี่นะ ต่อไปนี้พวกยูก็จ่ายค่าน้ำมันดิบสูงขึ้นอีก 10 เท่าก็แล้วกันนะ” แล้ววันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ. 1973 อียิปต์และซีเรียก็บุกอิสราเอลจริง ๆ วันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ. 1973 ประธานาธิบดี Nixon สั่งการให้ส่งอาวุธไปช่วยอิสราเอล ในขณะที่สหภาพโซเวียตส่งอาวุธให้อียิปต์และซีเรีย วันที่ 22 ตุลาคม ค.ศ 1973 UN ออกมาเป็นกรรมการห้ามมวย สั่งให้ทั้ง 2 ฝ่ายยุติการหยุดยิง ประเทศกลุ่ม OPEC ตอบโต้ ด้วยการประกาศงดส่งน้ำมันให้แก่อเมริกา ในฐานะเป็นประเทศที่ไม่ปราถนาดีต่อกลุ่มประเทศ OPEC การประกาศงดส่งน้ำมันนี้ ลามไปถึงประเทศในยุโรป และญี่ปุ่นด้วย แต่ 5 เดือนต่อมา 17 มีนาคม ค.ศ. 1974 กลุ่ม OPEC ก็ยกเลิกการห้ามส่งน้ำมันให้อเมริกา เอะ ! ตอนแรกก็ขึงขังดีนะ ประเทศในกลุ่ม OPEC ทำเป็นจะบุกอิสราเอล แล้วก็ขึ้นราคาน้ำมันไป 400% และก็ประกาศจะงดส่งน้ำมันให้พวกเขา (อเมริกาแอนด์โก) น่ะ แล้วไง ! ไม่ทันนกกระจอกกินน้ำ 5 เดือน กลับลำเกือบไม่ทัน ทั้งหมดเป็นแผนที่ร่วมมือกันอย่างดี ของกลุ่มนักเล่นกล 2 คาบสมุทร เริ่มต้นตั้งแต่เล่นกลตัดเชือกผูกเงินดอลล่าห์กับทองเอาเมื่อปี ค.ศ. 1969 ตอนอเมริกาเกิดเศรษฐกิจชักกระตุก เดินถอยหลัง เงินดอลล่าห์อ่อนเหมือนแป้งเปียก จะให้มันกลับมาแข็งปั้ง พร้อมกับสร้างอำนาจให้อเมริกาน่ะ มันต้องวางแผนให้เนียนหน่อย นาย Kissinger นักการฑูตฝีปากดี แถมมีฐานะเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคง การที่จะยุให้พวกกลุ่มอาหรับลุกขึ้นฮึด มาเอาดินแดนศักดิ์สิทธิ์คืนจากอิสราเอล คงไม่เกินฝีปากนาย Kissinger ขณะเดียวกันก็บอกกับอิสราเอลว่า ถ้าอาหรับทำท่าจะกรีฑาทัพเข้ามาบี้ยู ไม่ต้องกลัวนะเพื่อน อเมริกาจะยืนบังลูกปืนให้ เขายุซ้ายทีขวาทีจนได้ที่ แล้วเขาก็จับหมากตัวสำคัญ คือ ซาอุดิอาระเบียกับอิหร่านให้เดินต่อ ซาอุนั้น เป็นประเทศที่มีน้ำมันมากและเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของอเมริกา อเมริกาซื้อน้ำมันจากซาอุเป็นอันดับ 1 และซาอุก็ลงทุนกับอเมริกาเป็นอันดับ 1 เหมือนกัน ส่วนอิหร่าน มีน้ำมันอันดับ 2 ก็จริง แต่อย่าลืมว่าคุณซาห์มานั่งครองบัลลังก์นกยูงได้อย่างไร ให้มาเล่นเป็นตัวประกอบ เดินไปเดินมา 2 รอบแค่นี้ เล่นไม่ได้หรือไง แล้วสงคราม Yom Kippur มันก็เกิดขึ้นมาเพราะแบบนี้แหละ ถ้ามันของจริงน่ะ มันจะเลิกรบกันภายใไม่กี่วันเหรอ แล้วไอ้ Embargo ห้ามส่งน้ำมันน่ะ ถามจริง ๆ เถอะ อาหรับมีทรัพย์สมบัติติดตัวอยู่อย่างเดียว คือ น้ำมัน ถ้าไม่ขายน้ำมันจะอยู่อย่างไร แล้วลูกค้ารายใหญ่นะใคร อเมริกาบวกยุโรปตะวันตก บวกญี่ปุ่นน่ะ มันกินน้ำมันเข้าไป 60% ของผู้ใช้น้ำมันทั้งโลกในตอนนั้น ถ้าคิดไม่ขายลูกค้ารายใหญ่ 60% แล้วจะไปขายใครประเทศจน ๆ ให้มันเป็นหนี้หรือไง ! ? คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 578 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่มพลังงาน&ปิโตรเคมี กลับมาคึกคัก 12/06/68 #กะเทาะหุ้น #กลุ่มพลังงาน #ปิโตรเคมี #ตลาดหุ้น
    กลุ่มพลังงาน&ปิโตรเคมี กลับมาคึกคัก 12/06/68 #กะเทาะหุ้น #กลุ่มพลังงาน #ปิโตรเคมี #ตลาดหุ้น
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 491 มุมมอง 18 0 รีวิว
  • Mukesh Ambani บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในอินเดีย กำลังวางแผนสร้างศูนย์ข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีขนาดใหญ่กว่าศูนย์ข้อมูลของ Microsoft ถึงห้าเท่า

    Reliance Group ของ Ambani กำลังพัฒนาโครงการศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ในเมือง Jamnagar รัฐ Gujarat ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงกลั่นน้ำมันและโรงงานปิโตรเคมีหลักของ Reliance ศูนย์ข้อมูลนี้คาดว่าจะมีความจุรวม 3 กิกะวัตต์ ซึ่งจะเพิ่มความจุของศูนย์ข้อมูลในอินเดียอย่างมากจากที่มีอยู่ไม่ถึง 1 กิกะวัตต์ในปัจจุบัน

    ศูนย์ข้อมูลนี้คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในปี 2027 โดย Nvidia จะเป็นผู้จัดหา AI chips ที่จำเป็นสำหรับโครงการนี้ Ambani ได้ให้คำมั่นว่าจะใช้พลังงานสีเขียวและพลังงานหมุนเวียนในการขับเคลื่อนศูนย์ข้อมูลนี้ โดยจะรวมเข้ากับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานลม, และไฮโดรเจนสีเขียวที่มีอยู่ของ Reliance

    อย่างไรก็ตาม Bloomberg เชื่อว่าการบรรลุความเสถียรของพลังงานอาจต้องใช้พลังงานสำรองจากเชื้อเพลิงฟอสซิลหรือแหล่งพลังงานอื่น ๆ แม้ว่าโฆษกของ Reliance จะปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ Jamnagar แต่พวกเขาได้ชี้ไปที่คำพูดก่อนหน้านี้ของ Akash Ambani ซีอีโอของ Reliance Jio Infocomm ซึ่งกล่าวว่าบริษัทตั้งเป้าที่จะสร้างศูนย์ข้อมูลนี้ให้เสร็จภายใน 24 เดือน

    https://www.techradar.com/pro/indias-richest-person-wants-to-build-the-worlds-largest-data-center-five-times-the-capacity-of-microsofts-mega-site
    Mukesh Ambani บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในอินเดีย กำลังวางแผนสร้างศูนย์ข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีขนาดใหญ่กว่าศูนย์ข้อมูลของ Microsoft ถึงห้าเท่า Reliance Group ของ Ambani กำลังพัฒนาโครงการศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ในเมือง Jamnagar รัฐ Gujarat ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงกลั่นน้ำมันและโรงงานปิโตรเคมีหลักของ Reliance ศูนย์ข้อมูลนี้คาดว่าจะมีความจุรวม 3 กิกะวัตต์ ซึ่งจะเพิ่มความจุของศูนย์ข้อมูลในอินเดียอย่างมากจากที่มีอยู่ไม่ถึง 1 กิกะวัตต์ในปัจจุบัน ศูนย์ข้อมูลนี้คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในปี 2027 โดย Nvidia จะเป็นผู้จัดหา AI chips ที่จำเป็นสำหรับโครงการนี้ Ambani ได้ให้คำมั่นว่าจะใช้พลังงานสีเขียวและพลังงานหมุนเวียนในการขับเคลื่อนศูนย์ข้อมูลนี้ โดยจะรวมเข้ากับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานลม, และไฮโดรเจนสีเขียวที่มีอยู่ของ Reliance อย่างไรก็ตาม Bloomberg เชื่อว่าการบรรลุความเสถียรของพลังงานอาจต้องใช้พลังงานสำรองจากเชื้อเพลิงฟอสซิลหรือแหล่งพลังงานอื่น ๆ แม้ว่าโฆษกของ Reliance จะปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ Jamnagar แต่พวกเขาได้ชี้ไปที่คำพูดก่อนหน้านี้ของ Akash Ambani ซีอีโอของ Reliance Jio Infocomm ซึ่งกล่าวว่าบริษัทตั้งเป้าที่จะสร้างศูนย์ข้อมูลนี้ให้เสร็จภายใน 24 เดือน https://www.techradar.com/pro/indias-richest-person-wants-to-build-the-worlds-largest-data-center-five-times-the-capacity-of-microsofts-mega-site
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 277 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อุตสาหกรรมที่ชี้เป็นชี้ตาย" หมายถึงกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญมากต่อเศรษฐกิจของประเทศหรือโลก และหากเกิดปัญหาในอุตสาหกรรมเหล่านี้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจโดยรวม โดยปกติจะหมายถึงอุตสาหกรรมหลัก เช่น:1. อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ2. อุตสาหกรรมพลังงาน3. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ4. อุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร5. อุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์6. อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์7. อุตสาหกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์8. อุตสาหกรรมการก่อสร้าง9. อุตสาหกรรมโทรคมนาคม10. อุตสาหกรรมการธนาคารและการเงิน11. อุตสาหกรรมเหมืองแร่12. อุตสาหกรรมเหล็กและโลหะ13. อุตสาหกรรมปิโตรเคมี14. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร15. อุตสาหกรรมป้องกันประเทศและอาวุธ16. อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์17. อุตสาหกรรมการผลิตหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ18. อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการ19. อุตสาหกรรมแฟชั่นและสิ่งทอ20. อุตสาหกรรมบันเทิงและสื่อ21. อุตสาหกรรมการศึกษาและการฝึกอบรม22. อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน (พลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานลม)23. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ24. อุตสาหกรรมสุขภาพและการแพทย์25. อุตสาหกรรมสื่อดิจิทัลและแพลตฟอร์มออนไลน์26. อุตสาหกรรมเกมและการพัฒนาแอปพลิเคชัน27. อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์พิเศษ28. อุตสาหกรรมการขนส่งสาธารณะและโครงสร้างพื้นฐานนี่คืออุตสาหกรรมเพิ่มเติมที่มีความสำคัญ:29. อุตสาหกรรมการรีไซเคิลและการจัดการของเสีย30. อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ31. อุตสาหกรรมการประมงและผลิตภัณฑ์จากทะเล32. อุตสาหกรรมการผลิตวัสดุก่อสร้าง33. อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์34. อุตสาหกรรมอุปกรณ์กีฬา35. อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว36. อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และการออกแบบตกแต่งภายใน37. อุตสาหกรรมการศึกษาออนไลน์และการเรียนรู้ดิจิทัล38. อุตสาหกรรมการค้าปลีก (ทั้งแบบดั้งเดิมและออนไลน์)39. อุตสาหกรรมการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ (เช่น ข้าวสาลี, ข้าวโพด, อ้อย)40. อุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ41. อุตสาหกรรมการพัฒนาและขายซอฟต์แวร์42. อุตสาหกรรมดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง43. อุตสาหกรรมบริการด้านการเงิน (เช่น บริษัทประกันภัย)44. อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์45. อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และการผลิตแบตเตอรี่46. อุตสาหกรรมพลังงานนิวเคลียร์47. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพเกษตร (เช่น พืชดัดแปลงพันธุกรรม)48. อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ49. อุตสาหกรรมการพิมพ์สามมิติ (3D Printing)50. อุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที (Data Centers)51. อุตสาหกรรมการออกแบบสถาปัตยกรรมและการวางผังเมือง52. อุตสาหกรรมการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data)53. อุตสาหกรรมการวิเคราะห์และวิจัยตลาด54. อุตสาหกรรมการทดสอบและควบคุมคุณภาพ55. อุตสาหกรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์56. อุตสาหกรรมอุปกรณ์การแพทย์57. อุตสาหกรรมการแพทย์ทางเลือกและการรักษาสุขภาพแบบองค์รวม58. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มการจัดการโครงข่ายพลังงาน (Smart Grid)59. อุตสาหกรรมการพัฒนาเทคโนโลยีรถไร้คนขับ60. อุตสาหกรรมโลจิสติกส์อัจฉริยะและห่วงโซ่อุปทาน61. อุตสาหกรรมการออกแบบและการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรูหรา62. อุตสาหกรรมการผลิตวัคซีนและยาชีววัตถุ63. อุตสาหกรรมการส่งเสริมและสนับสนุนเทคโนโลยีสีเขียว64. อุตสาหกรรมระบบการเกษตรแบบยั่งยืนและเทคโนโลยีเกษตร (AgriTech)65. อุตสาหกรรมที่พักอาศัยและการบริการ (Hospitality)66. อุตสาหกรรมสถาบันทางการเงินระหว่างประเทศ67. อุตสาหกรรมการจัดการและบำบัดน้ำ
    "อุตสาหกรรมที่ชี้เป็นชี้ตาย" หมายถึงกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญมากต่อเศรษฐกิจของประเทศหรือโลก และหากเกิดปัญหาในอุตสาหกรรมเหล่านี้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจโดยรวม โดยปกติจะหมายถึงอุตสาหกรรมหลัก เช่น:1. อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ2. อุตสาหกรรมพลังงาน3. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ4. อุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร5. อุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์6. อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์7. อุตสาหกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์8. อุตสาหกรรมการก่อสร้าง9. อุตสาหกรรมโทรคมนาคม10. อุตสาหกรรมการธนาคารและการเงิน11. อุตสาหกรรมเหมืองแร่12. อุตสาหกรรมเหล็กและโลหะ13. อุตสาหกรรมปิโตรเคมี14. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร15. อุตสาหกรรมป้องกันประเทศและอาวุธ16. อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์17. อุตสาหกรรมการผลิตหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ18. อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการ19. อุตสาหกรรมแฟชั่นและสิ่งทอ20. อุตสาหกรรมบันเทิงและสื่อ21. อุตสาหกรรมการศึกษาและการฝึกอบรม22. อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน (พลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานลม)23. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ24. อุตสาหกรรมสุขภาพและการแพทย์25. อุตสาหกรรมสื่อดิจิทัลและแพลตฟอร์มออนไลน์26. อุตสาหกรรมเกมและการพัฒนาแอปพลิเคชัน27. อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์พิเศษ28. อุตสาหกรรมการขนส่งสาธารณะและโครงสร้างพื้นฐานนี่คืออุตสาหกรรมเพิ่มเติมที่มีความสำคัญ:29. อุตสาหกรรมการรีไซเคิลและการจัดการของเสีย30. อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ31. อุตสาหกรรมการประมงและผลิตภัณฑ์จากทะเล32. อุตสาหกรรมการผลิตวัสดุก่อสร้าง33. อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์34. อุตสาหกรรมอุปกรณ์กีฬา35. อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว36. อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และการออกแบบตกแต่งภายใน37. อุตสาหกรรมการศึกษาออนไลน์และการเรียนรู้ดิจิทัล38. อุตสาหกรรมการค้าปลีก (ทั้งแบบดั้งเดิมและออนไลน์)39. อุตสาหกรรมการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ (เช่น ข้าวสาลี, ข้าวโพด, อ้อย)40. อุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ41. อุตสาหกรรมการพัฒนาและขายซอฟต์แวร์42. อุตสาหกรรมดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง43. อุตสาหกรรมบริการด้านการเงิน (เช่น บริษัทประกันภัย)44. อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์45. อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และการผลิตแบตเตอรี่46. อุตสาหกรรมพลังงานนิวเคลียร์47. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพเกษตร (เช่น พืชดัดแปลงพันธุกรรม)48. อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ49. อุตสาหกรรมการพิมพ์สามมิติ (3D Printing)50. อุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที (Data Centers)51. อุตสาหกรรมการออกแบบสถาปัตยกรรมและการวางผังเมือง52. อุตสาหกรรมการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data)53. อุตสาหกรรมการวิเคราะห์และวิจัยตลาด54. อุตสาหกรรมการทดสอบและควบคุมคุณภาพ55. อุตสาหกรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์56. อุตสาหกรรมอุปกรณ์การแพทย์57. อุตสาหกรรมการแพทย์ทางเลือกและการรักษาสุขภาพแบบองค์รวม58. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มการจัดการโครงข่ายพลังงาน (Smart Grid)59. อุตสาหกรรมการพัฒนาเทคโนโลยีรถไร้คนขับ60. อุตสาหกรรมโลจิสติกส์อัจฉริยะและห่วงโซ่อุปทาน61. อุตสาหกรรมการออกแบบและการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรูหรา62. อุตสาหกรรมการผลิตวัคซีนและยาชีววัตถุ63. อุตสาหกรรมการส่งเสริมและสนับสนุนเทคโนโลยีสีเขียว64. อุตสาหกรรมระบบการเกษตรแบบยั่งยืนและเทคโนโลยีเกษตร (AgriTech)65. อุตสาหกรรมที่พักอาศัยและการบริการ (Hospitality)66. อุตสาหกรรมสถาบันทางการเงินระหว่างประเทศ67. อุตสาหกรรมการจัดการและบำบัดน้ำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1635 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนนี้คือตัวพ่อของโปรอิสราเอล ที่มักจะปล่อยข่าวปลอมเพื่ออวยอิสราเอล และถากถางฝ่ายตรงข้ามด้วยคำรุนแรงอยู่เป็นประจำ

    ล่าสุดโพสต์ว่า อิสราเอลทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศทั้งหมดของท่าเรืออิหม่าม โคมัยนี และโรงงานปิโตรเคมีอิหม่าม โคมัยนีที่อยู่ติดกัน โรงกลั่นน้ำมันอาบาดาน และแหล่งก๊าซตังเอบิจาร์

    แต่ไม่มีหลักฐาน แม้แต่รูปถ่ายสักรูปนึงก็ไม่มี หากสายลับของอิสราเอลมีอยู่ในอิหร่านจริงๆ มีหรือที่พวกเขาเหล่านั้นจะไม่แอบถ่ายรูปผลการโจมตีของอิสราเอล หรือแม้แต่ภาพถ่ายดาวเทียมก็ไม่มี

    การทำลายโรงกลั่นน้ำมัน หรือโครงสร้างด้านพลังงาน การระเบิดจะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย และไม่สามารถปกปิดได้ อย่างที่เราเห็นกันในเยเมน หรือแม้แต่ในยูเครน
    คนนี้คือตัวพ่อของโปรอิสราเอล ที่มักจะปล่อยข่าวปลอมเพื่ออวยอิสราเอล และถากถางฝ่ายตรงข้ามด้วยคำรุนแรงอยู่เป็นประจำ ล่าสุดโพสต์ว่า อิสราเอลทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศทั้งหมดของท่าเรืออิหม่าม โคมัยนี และโรงงานปิโตรเคมีอิหม่าม โคมัยนีที่อยู่ติดกัน โรงกลั่นน้ำมันอาบาดาน และแหล่งก๊าซตังเอบิจาร์ แต่ไม่มีหลักฐาน แม้แต่รูปถ่ายสักรูปนึงก็ไม่มี หากสายลับของอิสราเอลมีอยู่ในอิหร่านจริงๆ มีหรือที่พวกเขาเหล่านั้นจะไม่แอบถ่ายรูปผลการโจมตีของอิสราเอล หรือแม้แต่ภาพถ่ายดาวเทียมก็ไม่มี การทำลายโรงกลั่นน้ำมัน หรือโครงสร้างด้านพลังงาน การระเบิดจะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย และไม่สามารถปกปิดได้ อย่างที่เราเห็นกันในเยเมน หรือแม้แต่ในยูเครน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 276 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลี่ เฉียง : จีนยกสัมพันธ์ 'ซาอุดีอาระเบีย'
    พันธกิจการทูตสำคัญในตะวันออกกลาง
    .
    ซินหัว - หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนประเทศซาอุดีอาระเบียเมื่อวันพุธ (11 ก.ย.) กล่าวว่าการพัฒนาความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียเป็นพันธกิจสำคัญในการทูตโดยรวมของจีน โดยเฉพาะการทูตในตะวันออกกลาง
    .
    นายหลี่กล่าวคำข้างต้นขณะพบปะหารือกับโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน อัล ซาอุด มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย และร่วมเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมระดับสูงจีน-ซาอุดีอาระเบีย ครั้งที่ 4 โดยหลี่ส่งสารทักทายอันอบอุ่นจากสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน แก่ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัล ซาอุด กษัตริย์ซาอุดีอาระเบีย และมกุฎราชกุมาร เป็นลำดับแรก
    .
    นายหลี่เน้นย้ำว่าจีนและซาอุดีอาระเบียได้รักษาไว้ซึ่งความเคารพ ความไว้วางใจ และผลประโยชน์ร่วมกัน รวมถึงการเรียนรู้และความเข้าใจซึ่งกันและกัน ภายใต้การชี้นำเชิงยุทธศาสตร์ของผู้นำสองประเทศ โดยความสัมพันธ์ทวิภาคีได้พัฒนาอย่างรอบด้าน รวดเร็ว และลึกซึ้ง ส่งผลลัพธ์ความร่วมมือด้านต่างๆ
    .
    จีนยินดีจะสนับสนุนซาอุดีอาระเบียและทำงานเพื่อบรรลุผลสำเร็จร่วมกัน มองการพัฒนาของอีกฝ่ายเป็นโอกาสสำคัญ และเสริมสร้างบทบาทของคณะกรรมการร่วมระดับสูงจีน-ซาอุดีอาระเบีย ด้วยเป้าหมายเดินหน้าความสัมพันธ์ทวิภาคีสู่ระดับสูงครั้งใหม่ และยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนสองประเทศอย่างต่อเนื่อง
    .
    จีนและซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่สำคัญ มีผลประโยชน์ร่วมกันในวงกว้าง โดยจีนพร้อมทำงานร่วมกับซาอุดีอาระเบียอย่างใกล้ชิดและเดินหน้าบนวิถีทางการพัฒนาไปด้วยกัน
    .
    นายหลี่เรียกร้องทั้งสองฝ่ายขยับขยายการค้าทวิภาคี กระชับความร่วมมือดั้งเดิมในด้านน้ำมันและก๊าซ ปิโตรเคมีและโครงสร้างพื้นฐาน สำรวจความร่วมมือใหม่ในด้านพลังงานใหม่ สารสนเทศและการสื่อสาร เศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียว พร้อมกระตุ้นบริษัทลงทุนในอีกประเทศและทำงานร่วมกันเพื่อรักษาเสถียรภาพของห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
    .
    นอกจากนั้น นายหลี่ส่งเสริมทั้งสองฝ่ายจัดงานปีแห่งวัฒนธรรมจีน-ซาอุดีอาระเบีย ในปี 2025 ให้ประสบผลสำเร็จ เดินหน้าความร่วมมือด้านวัฒนธรรม คลังสมอง การศึกษา สื่อมวลชน การแลกเปลี่ยนนอกภาครัฐและระหว่างประชาชน และยกระดับความเข้าใจซึ่งกันและกันและมิตรภาพระหว่างประชาชนสองประเทศอย่างต่อเนื่อง
    .
    จีนสนับสนุนซาอุดีอาระเบียในการมีบทบาทในกิจการระหว่างประเทศและระดับภูมิภาคเพิ่มขึ้น และพร้อมยกระดับการประสานงานพหุภาคีกับซาอุดีอาระเบีย บ่มเพาะความสามัคคีและความร่วมมือในกลุ่มประเทศเอเชีย ร่วมยึดมั่นความยุติธรรมและความเป็นธรรมสากล และส่งเสริมธรรมาภิบาลโลกในทิศทางที่เที่ยงธรรมและสมเหตุสมผลยิ่งขึ้น
    .
    ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามเอกสารความร่วมมือทวิภาคีเกี่ยวกับการฝึกอบรมทางเทคนิคและอาชีวศึกษา อุตุนิยมวิทยา และอื่นๆ จำนวนหลายฉบับระหว่างการเยือนของหลี่ด้วย
    .
    แฟ้มภาพซินหัว : นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน พบปะกับโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน อัล ซาอุด มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย และร่วมเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมระดับสูงจีน-ซาอุดีอาระเบีย ครั้งที่ 4 ณ พระราชวังอัลยามามะฮ์ ในกรุงริยาดของซาอุดีอาระเบีย วันที่ 11 ก.ย. 2567)
    หลี่ เฉียง : จีนยกสัมพันธ์ 'ซาอุดีอาระเบีย' พันธกิจการทูตสำคัญในตะวันออกกลาง . ซินหัว - หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนประเทศซาอุดีอาระเบียเมื่อวันพุธ (11 ก.ย.) กล่าวว่าการพัฒนาความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียเป็นพันธกิจสำคัญในการทูตโดยรวมของจีน โดยเฉพาะการทูตในตะวันออกกลาง . นายหลี่กล่าวคำข้างต้นขณะพบปะหารือกับโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน อัล ซาอุด มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย และร่วมเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมระดับสูงจีน-ซาอุดีอาระเบีย ครั้งที่ 4 โดยหลี่ส่งสารทักทายอันอบอุ่นจากสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน แก่ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัล ซาอุด กษัตริย์ซาอุดีอาระเบีย และมกุฎราชกุมาร เป็นลำดับแรก . นายหลี่เน้นย้ำว่าจีนและซาอุดีอาระเบียได้รักษาไว้ซึ่งความเคารพ ความไว้วางใจ และผลประโยชน์ร่วมกัน รวมถึงการเรียนรู้และความเข้าใจซึ่งกันและกัน ภายใต้การชี้นำเชิงยุทธศาสตร์ของผู้นำสองประเทศ โดยความสัมพันธ์ทวิภาคีได้พัฒนาอย่างรอบด้าน รวดเร็ว และลึกซึ้ง ส่งผลลัพธ์ความร่วมมือด้านต่างๆ . จีนยินดีจะสนับสนุนซาอุดีอาระเบียและทำงานเพื่อบรรลุผลสำเร็จร่วมกัน มองการพัฒนาของอีกฝ่ายเป็นโอกาสสำคัญ และเสริมสร้างบทบาทของคณะกรรมการร่วมระดับสูงจีน-ซาอุดีอาระเบีย ด้วยเป้าหมายเดินหน้าความสัมพันธ์ทวิภาคีสู่ระดับสูงครั้งใหม่ และยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนสองประเทศอย่างต่อเนื่อง . จีนและซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่สำคัญ มีผลประโยชน์ร่วมกันในวงกว้าง โดยจีนพร้อมทำงานร่วมกับซาอุดีอาระเบียอย่างใกล้ชิดและเดินหน้าบนวิถีทางการพัฒนาไปด้วยกัน . นายหลี่เรียกร้องทั้งสองฝ่ายขยับขยายการค้าทวิภาคี กระชับความร่วมมือดั้งเดิมในด้านน้ำมันและก๊าซ ปิโตรเคมีและโครงสร้างพื้นฐาน สำรวจความร่วมมือใหม่ในด้านพลังงานใหม่ สารสนเทศและการสื่อสาร เศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียว พร้อมกระตุ้นบริษัทลงทุนในอีกประเทศและทำงานร่วมกันเพื่อรักษาเสถียรภาพของห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก . นอกจากนั้น นายหลี่ส่งเสริมทั้งสองฝ่ายจัดงานปีแห่งวัฒนธรรมจีน-ซาอุดีอาระเบีย ในปี 2025 ให้ประสบผลสำเร็จ เดินหน้าความร่วมมือด้านวัฒนธรรม คลังสมอง การศึกษา สื่อมวลชน การแลกเปลี่ยนนอกภาครัฐและระหว่างประชาชน และยกระดับความเข้าใจซึ่งกันและกันและมิตรภาพระหว่างประชาชนสองประเทศอย่างต่อเนื่อง . จีนสนับสนุนซาอุดีอาระเบียในการมีบทบาทในกิจการระหว่างประเทศและระดับภูมิภาคเพิ่มขึ้น และพร้อมยกระดับการประสานงานพหุภาคีกับซาอุดีอาระเบีย บ่มเพาะความสามัคคีและความร่วมมือในกลุ่มประเทศเอเชีย ร่วมยึดมั่นความยุติธรรมและความเป็นธรรมสากล และส่งเสริมธรรมาภิบาลโลกในทิศทางที่เที่ยงธรรมและสมเหตุสมผลยิ่งขึ้น . ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามเอกสารความร่วมมือทวิภาคีเกี่ยวกับการฝึกอบรมทางเทคนิคและอาชีวศึกษา อุตุนิยมวิทยา และอื่นๆ จำนวนหลายฉบับระหว่างการเยือนของหลี่ด้วย . แฟ้มภาพซินหัว : นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน พบปะกับโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน อัล ซาอุด มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย และร่วมเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมระดับสูงจีน-ซาอุดีอาระเบีย ครั้งที่ 4 ณ พระราชวังอัลยามามะฮ์ ในกรุงริยาดของซาอุดีอาระเบีย วันที่ 11 ก.ย. 2567)
    Like
    Love
    14
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1483 มุมมอง 0 รีวิว