• 171/68

    วินทร์ เลียววาริณ
    15 มกราคม 2568

    ลูกค้าคนล่าสุดในคืนนี้เป็นฝรั่งผมสีทอง ร่างหนาใหญ่ หน้าตาคุ้นๆ

    หลายคนทักเขา "ท่านเอง"

    'ท่านเอง' วางก้นบนเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์ บอกข้าพเจ้า "วันนี้อยากกินกรีนแลนด์"

    ข้าพเจ้าเลิกคิ้ว ถาม "ท่านหมายถึง Greenland Cocktail?"

    "ผมหมายถึงกรีนแลนด์จริงๆ"

    "ท่านจะยึดเกรียนแลนด์?"

    "กรีนแลนด์ ไม่ใช่เกรียนแลนด์ เกรียนแลนด์ยึดไปให้ปวดหัวทำไม"

    "ขออภัย ยึดกรีนแลนด์ไปทำไมครับ มันเป็นดินแดนน้ำแข็ง ถ้าท่านชอบที่เย็นๆ มาเมืองไทยตอนนี้ดีที่สุด อุณหภูมิที่กรุงเทพฯ 18 องศา กำลังดี ยกเว้นฝุ่น 2.5 นิดหน่อย ผู้ว่าฯบอกว่าไม่เป็นไร แค่ work from home ก็จบ"

    "ผมต้องยึดเกรียนแลนด์ เอ๊ย! กรีนแลนด์ เพราะต้องขัดขวางพวกจีน สายลับของผมสืบมาว่าจีนจะสร้างเส้นทางค้าขายข้ามกรีนแลนด์ เรียกว่า Ice Silk Road"

    "แล้วพวกกรีนแลนด์จะยอมให้ท่านยึดหรือไฉน?"

    "เราเป็นพี่เบิ้ม ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด"

    "งั้นท่านก็ควรฉลองการยึดล่วงหน้า ด้วยค็อคเทล Greenland ดื่มให้สบายใจดีกว่า"

    "ค็อคเทลนี้ทำยังไง?"

    "Greenland Cocktail ทำมาจากน้ำส้มผสมว็อดกา เติม Amaretto almond liqueur กับ Blue Curacao liqueur และไข่ อ้อ! ใส่เชอร์รีและใบมินท์เข้าไปด้วยเพื่อให้สวย"

    'ท่านเอง' ดื่ม Greenland Cocktail จนหมดแก้ว แล้วเอ่ย "คราวนี้ผมอยากกินปานามา"

    "ท่านหมายถึงค็อคเทล Panama ที่ทำด้วย บรั่นดี Creme de Cacao น้ำแข็ง ครีม?"

    "ค็อคเทลที่คุณว่ามานี้ก็เอา แต่จะยึดปานามาด้วย"

    "ยึดไปทำไมครับ?"

    "พวกจีนไปคุมคลองปานามา เราต้องไปยึดคืนมา"

    "งั้นฉลองด้วยค็อคเทล Panama นะครับ"

    ค็อคเทล Panama หายลงท้อง 'ท่านเอง' กล่าว "คราวนี้ผมอยากกินรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ"

    "ท่านหมายถึงเบียร์ยี่ห้อ 51st State?"

    "เบียร์ก็เอา แต่เวลาพูดถึงรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ ผมหมายถึงแคนาดา"

    "ท่านจะยึดแคนาดาไปทำไมครับ ในเมื่อผู้นำแคนาดาก็เป็นลูกน้องท่านอยู่แล้ว สั่งให้ทำอะไรก็ทำ"

    "ก็อยากยึด ยึดแล้วเท่ เข้าใจมั้ย? เราเป็นพี่เบิ้ม ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด"

    "จริงครับ งั้นดื่มรัฐที่ 51 เลยครับ"

    ข้าพเจ้าเสิร์ฟเบียร์ 51st State ให้ 'ท่านเอง' แล้วกล่าวว่า "เห็นท่านยึดประเทศนั้นประเทศนี้แล้วผมกลัวมากว่าท่านจะมายึดไทยแลนด์ด้วย"

    'ท่านเอง' สำลักเบียร์ สั่นหัว

    "โน! โน! โน! ไม่เอา ไม่ยึดไทยแลนด์ ยึดไปแล้วเหนื่อย ต้องแก้ปัญหามากมาย บ้านคุณมีปัญหาเยอะ นักโทษไม่ต้องเข้าคุก คิดอะไรไม่ออกก็แจกเงินช่วยคนจน กับสร้างบ่อนเพื่อชาติ แก้ฝุ่น 2.5 ไม่ได้ก็ work from home อ่านหนังสือแปดบรรทัดก็รู้หมดทุกอย่าง เรียนหนังสือก็จ่ายครบจบแน่ มาตรฐานการศึกษาแย่ก็แจกแท็บเล็ต แท็กซี่ตีหัวนักท่องเที่ยวกับมอเตอร์ไซค์บนทางเท้าก็ไม่เห็น ไม่ขายผ้าขาวม้าก็ขาย soft power นี่นั่นโน่น พูดแล้วหมด'รมณ์ ผมไปก่อนละ"

    "เดี๋ยว! ท่านยังไม่จ่ายค่าเครื่องดื่ม"

    "ค่าเครื่องดื่มนี่ขอยึดนะ เราเป็นพี่เบิ้ม ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด"
    ..............................

    หมายเหตุ เหล้าทั้งหมดนี้มีจริง
    171/68 วินทร์ เลียววาริณ 15 มกราคม 2568 ลูกค้าคนล่าสุดในคืนนี้เป็นฝรั่งผมสีทอง ร่างหนาใหญ่ หน้าตาคุ้นๆ หลายคนทักเขา "ท่านเอง" 'ท่านเอง' วางก้นบนเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์ บอกข้าพเจ้า "วันนี้อยากกินกรีนแลนด์" ข้าพเจ้าเลิกคิ้ว ถาม "ท่านหมายถึง Greenland Cocktail?" "ผมหมายถึงกรีนแลนด์จริงๆ" "ท่านจะยึดเกรียนแลนด์?" "กรีนแลนด์ ไม่ใช่เกรียนแลนด์ เกรียนแลนด์ยึดไปให้ปวดหัวทำไม" "ขออภัย ยึดกรีนแลนด์ไปทำไมครับ มันเป็นดินแดนน้ำแข็ง ถ้าท่านชอบที่เย็นๆ มาเมืองไทยตอนนี้ดีที่สุด อุณหภูมิที่กรุงเทพฯ 18 องศา กำลังดี ยกเว้นฝุ่น 2.5 นิดหน่อย ผู้ว่าฯบอกว่าไม่เป็นไร แค่ work from home ก็จบ" "ผมต้องยึดเกรียนแลนด์ เอ๊ย! กรีนแลนด์ เพราะต้องขัดขวางพวกจีน สายลับของผมสืบมาว่าจีนจะสร้างเส้นทางค้าขายข้ามกรีนแลนด์ เรียกว่า Ice Silk Road" "แล้วพวกกรีนแลนด์จะยอมให้ท่านยึดหรือไฉน?" "เราเป็นพี่เบิ้ม ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด" "งั้นท่านก็ควรฉลองการยึดล่วงหน้า ด้วยค็อคเทล Greenland ดื่มให้สบายใจดีกว่า" "ค็อคเทลนี้ทำยังไง?" "Greenland Cocktail ทำมาจากน้ำส้มผสมว็อดกา เติม Amaretto almond liqueur กับ Blue Curacao liqueur และไข่ อ้อ! ใส่เชอร์รีและใบมินท์เข้าไปด้วยเพื่อให้สวย" 'ท่านเอง' ดื่ม Greenland Cocktail จนหมดแก้ว แล้วเอ่ย "คราวนี้ผมอยากกินปานามา" "ท่านหมายถึงค็อคเทล Panama ที่ทำด้วย บรั่นดี Creme de Cacao น้ำแข็ง ครีม?" "ค็อคเทลที่คุณว่ามานี้ก็เอา แต่จะยึดปานามาด้วย" "ยึดไปทำไมครับ?" "พวกจีนไปคุมคลองปานามา เราต้องไปยึดคืนมา" "งั้นฉลองด้วยค็อคเทล Panama นะครับ" ค็อคเทล Panama หายลงท้อง 'ท่านเอง' กล่าว "คราวนี้ผมอยากกินรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ" "ท่านหมายถึงเบียร์ยี่ห้อ 51st State?" "เบียร์ก็เอา แต่เวลาพูดถึงรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ ผมหมายถึงแคนาดา" "ท่านจะยึดแคนาดาไปทำไมครับ ในเมื่อผู้นำแคนาดาก็เป็นลูกน้องท่านอยู่แล้ว สั่งให้ทำอะไรก็ทำ" "ก็อยากยึด ยึดแล้วเท่ เข้าใจมั้ย? เราเป็นพี่เบิ้ม ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด" "จริงครับ งั้นดื่มรัฐที่ 51 เลยครับ" ข้าพเจ้าเสิร์ฟเบียร์ 51st State ให้ 'ท่านเอง' แล้วกล่าวว่า "เห็นท่านยึดประเทศนั้นประเทศนี้แล้วผมกลัวมากว่าท่านจะมายึดไทยแลนด์ด้วย" 'ท่านเอง' สำลักเบียร์ สั่นหัว "โน! โน! โน! ไม่เอา ไม่ยึดไทยแลนด์ ยึดไปแล้วเหนื่อย ต้องแก้ปัญหามากมาย บ้านคุณมีปัญหาเยอะ นักโทษไม่ต้องเข้าคุก คิดอะไรไม่ออกก็แจกเงินช่วยคนจน กับสร้างบ่อนเพื่อชาติ แก้ฝุ่น 2.5 ไม่ได้ก็ work from home อ่านหนังสือแปดบรรทัดก็รู้หมดทุกอย่าง เรียนหนังสือก็จ่ายครบจบแน่ มาตรฐานการศึกษาแย่ก็แจกแท็บเล็ต แท็กซี่ตีหัวนักท่องเที่ยวกับมอเตอร์ไซค์บนทางเท้าก็ไม่เห็น ไม่ขายผ้าขาวม้าก็ขาย soft power นี่นั่นโน่น พูดแล้วหมด'รมณ์ ผมไปก่อนละ" "เดี๋ยว! ท่านยังไม่จ่ายค่าเครื่องดื่ม" "ค่าเครื่องดื่มนี่ขอยึดนะ เราเป็นพี่เบิ้ม ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด" .............................. หมายเหตุ เหล้าทั้งหมดนี้มีจริง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว
  • #แก็สในทางเดินอาหาร

    แก็สในระบบทางเดินอาหารทำหัวใจเต้นผิดปกติและรู้สึกวิงเวียน :
    แรงดันของแก๊สในลำไส้และหลอดเลือดทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายและรู้สึกคลื่นไส้ ภาวะที่รุนแรงอาจส่งผลให้มีความดันโลหิตสูงและแพทย์มักวินิจฉัยผิดพลาด จากนั้นพวกเขาจะกำหนดการใช้ยาที่เกี่ยวข้องกับปัญหาหัวใจแต่ยาพวกนั้นในท้ายที่สุดก็ทำลายกระเพาะอาหารได้อีก

    -อาการปวดรอบหัวใจ
    -อาการปวดหัวหน้าและศีรษะบริเวณหน้าผาก
    -รู้สึกอยากอาเจียน
    -อาการขนลุก มือเท้าเย็นและเหงื่อออกตามฝ่ามือและฝ่าเท้า
    -ความจำเริ่มลดลงจากการขาดสารอาหาร
    -นอนไม่หลับเนื่องจากการขาดสารสื่อประสาท
    -กระวนกระวาย
    -ปวดเมื่อย
    -อ่อนแรง
    -ขาดสมาธิ
    -หยุดหงิด ขี้โมโห
    -ควบคุมอารมณ์ไม่ได้
    -มองโลกในแง่ลบ

    นี่คือบางส่วนของสาเหตุของการเกิดแก็สในกระเพาะอาหาร:
    -นิสัยการกินน้ำจำนวนมากก่อนอาหาร ระหว่างมื้ออาหารและหลังอาหาร
    -ปรุงอาหารผิดวิธี : ผักสดมีเอ็นไซม์เป็นจำนวนมากและเมื่อนำไปปรุงสุกจะย่อยได้ยากกว่าผักสดและก่อให้เกิดแก็สในระบบทางเดินอาหารได้ในรายที่มีการย่อยผิดปกติ
    -กินอาหารที่เน่าเสีย
    -เคี้ยวอาหารอย่างไม่ถูกต้อง : การกินอาหารในอัตราที่รวดเร็ว การพูดและการหัวเราะในขณะที่รับประทานอาหารทำให้อากาศเคลื่อนที่เข้าไปในกระเพาะอาหาร

    -การกินอาหารที่ไม่เป็นไปตามลำดับของการย่อย : ผักสดใช้เวลาในการย่อยราว 20 นาที แป้ง ข้าว ใช้เวลาในการย่อยราว 30 นาทีและโปรตีนใช้เวลาในการย่อยราว 40 นาที่ การกินอาหารที่ใช้เวลาในการย่อยนานกว่าลงไปเป็นลำดับแรกจะทำให้เกิดการหมักหมกของอาหารที่ย่อยง่ายกว่าจนก่อให้แก็สในระบบทางเดินอาหาร

    -เอนไซม์ในกระเพาะอาหารและต่อมจะไม่ทำงานตามปกติหากคุณ..หดหู่ เครียดหรือโกรธในระหว่างมื้ออาหารของคุณ สิ่งนี้อาจทำให้แก๊สในกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารเกี่ยวข้องโดยตรงกับสมอง จิตใจที่หดหู่จะส่งผลให้เกิดแรงกระตุ้นที่ไม่เหมาะสมจากสมอง การสร้างเอนไซม์และสารเคมีอื่น ๆ ก็จะผิดพลาดตามไปด้วย นอกจากนี้การดูโทรทัศน์ในขณะที่คุณกินอาหารยังสร้างแก๊สในกระเพาะอาหารไอ้อีกด้วย
    -การดื่มชามากเกินไปยังส่งผลต่อกระเพาะอาหาร
    -แอลกอฮอล์ทำลายหน้าที่ของตับและส่งผลต่อการย่อยในกระเพาะอาหาร
    -นอนหลังอาหารทันทีหรือกินอาหารตอนดึกก็เป็นสาเหตุให้เกิดแก๊ส
    -ผู้ป่วยไทฟอยด์และเกาต์ก็เป็นสาเหตุของการเกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร
    -ท้องผูก ยังพบว่าเป็นตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารและลำไส้
    -การกินอาหารที่มีน้ำมันมาก ๆ อาหารรสเผ็ด ขนมหวาน ผลไม้หวาน เบเกอรี่ อาหารค้างคืน อาหารแช่เย็น อาหารเหล่านี้มีส่วนร่วมในการก่อแก๊สในกระเพาะอาหาร
    -คนชรามีแนวโน้มที่จะมีแก๊สในกระเพาะอาหารมากที่สุดเนื่องจากการสร้างเอ็นไซม์จะเริ่มลดลงเมื่ออายุได้ 35 ปี
    -ผู้ที่มีโรคที่เกี่ยวกับลำไส้ใหญ่และผู้ป่วยที่มีอาการท้องร่วงหรืออุจจาระบ่อยในแต่ละวันมักประสบปัญหาแก็สในกระเพาะอาหารเป็นประจำ
    -อาหารที่มีแป้งสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าวและถั่วลันเตาทำให้เกิดก๊าซในกระเพาะอาหาร
    -น้ำตาลแลคโตส..เป็นที่รู้จักกันว่าทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร : นม ธัญพืช ไอศกรีมและเบเกอรี่มีส่วนประกอบของแลคโตสเป็นจำนวนมาก ในบางคนไม่มีเอนไซม์ lactase อย่างเพียงพอจะย่อยแลคโตสไม่สมบูรณ์ จากนั้นอาหารที่ไม่ได้รับการย่อยจะเคลื่อนย้ายไปยังลำไส้ใหญ่ ที่ซึ่งแบคทีเรียที่เป็นอันตรายจะทำการสลายสารอาหารและปล่อยแก๊สเช่น ไฮโดรเจน ไนโตรเจนและคาร์บอนไดออกไซด์
    อาหารที่ก่อให้เกิดแก๊สในคน ๆ หนึ่งอาจไม่ก่อให้เกิดแก็สในคนอื่น ๆ เนื่องจากความสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ที่แตกต่างกัน อาทิเช่นไฮโดรเจนที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งก็สามารถถูกทำลายได้โดยแบคทีเรียอีกชนิดหนึ่งได้ ปริมาณแบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้ใหญ่เป็นปัจจัยในการกำหนดแก๊สในกระเพาะอาหาร บางครั้งแบคทีเรียที่เป็นอันตรายเหล่านี้ลุกลามเข้าไปในลำไส้เล็กซึ่งพวกเขาเริ่มย่อยอาหารด้วยตัวของพวกเขาเองแทนการทำงานของลำไส้เล็ก และผลจากการกระทำของพวกเขาส่งผลให้เกิดการผลิตแก็สเช่นไฮโดรเจน

    ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง

    Cr. Santi Manadee
    #แก็สในทางเดินอาหาร แก็สในระบบทางเดินอาหารทำหัวใจเต้นผิดปกติและรู้สึกวิงเวียน : แรงดันของแก๊สในลำไส้และหลอดเลือดทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายและรู้สึกคลื่นไส้ ภาวะที่รุนแรงอาจส่งผลให้มีความดันโลหิตสูงและแพทย์มักวินิจฉัยผิดพลาด จากนั้นพวกเขาจะกำหนดการใช้ยาที่เกี่ยวข้องกับปัญหาหัวใจแต่ยาพวกนั้นในท้ายที่สุดก็ทำลายกระเพาะอาหารได้อีก -อาการปวดรอบหัวใจ -อาการปวดหัวหน้าและศีรษะบริเวณหน้าผาก -รู้สึกอยากอาเจียน -อาการขนลุก มือเท้าเย็นและเหงื่อออกตามฝ่ามือและฝ่าเท้า -ความจำเริ่มลดลงจากการขาดสารอาหาร -นอนไม่หลับเนื่องจากการขาดสารสื่อประสาท -กระวนกระวาย -ปวดเมื่อย -อ่อนแรง -ขาดสมาธิ -หยุดหงิด ขี้โมโห -ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ -มองโลกในแง่ลบ นี่คือบางส่วนของสาเหตุของการเกิดแก็สในกระเพาะอาหาร: -นิสัยการกินน้ำจำนวนมากก่อนอาหาร ระหว่างมื้ออาหารและหลังอาหาร -ปรุงอาหารผิดวิธี : ผักสดมีเอ็นไซม์เป็นจำนวนมากและเมื่อนำไปปรุงสุกจะย่อยได้ยากกว่าผักสดและก่อให้เกิดแก็สในระบบทางเดินอาหารได้ในรายที่มีการย่อยผิดปกติ -กินอาหารที่เน่าเสีย -เคี้ยวอาหารอย่างไม่ถูกต้อง : การกินอาหารในอัตราที่รวดเร็ว การพูดและการหัวเราะในขณะที่รับประทานอาหารทำให้อากาศเคลื่อนที่เข้าไปในกระเพาะอาหาร -การกินอาหารที่ไม่เป็นไปตามลำดับของการย่อย : ผักสดใช้เวลาในการย่อยราว 20 นาที แป้ง ข้าว ใช้เวลาในการย่อยราว 30 นาทีและโปรตีนใช้เวลาในการย่อยราว 40 นาที่ การกินอาหารที่ใช้เวลาในการย่อยนานกว่าลงไปเป็นลำดับแรกจะทำให้เกิดการหมักหมกของอาหารที่ย่อยง่ายกว่าจนก่อให้แก็สในระบบทางเดินอาหาร -เอนไซม์ในกระเพาะอาหารและต่อมจะไม่ทำงานตามปกติหากคุณ..หดหู่ เครียดหรือโกรธในระหว่างมื้ออาหารของคุณ สิ่งนี้อาจทำให้แก๊สในกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารเกี่ยวข้องโดยตรงกับสมอง จิตใจที่หดหู่จะส่งผลให้เกิดแรงกระตุ้นที่ไม่เหมาะสมจากสมอง การสร้างเอนไซม์และสารเคมีอื่น ๆ ก็จะผิดพลาดตามไปด้วย นอกจากนี้การดูโทรทัศน์ในขณะที่คุณกินอาหารยังสร้างแก๊สในกระเพาะอาหารไอ้อีกด้วย -การดื่มชามากเกินไปยังส่งผลต่อกระเพาะอาหาร -แอลกอฮอล์ทำลายหน้าที่ของตับและส่งผลต่อการย่อยในกระเพาะอาหาร -นอนหลังอาหารทันทีหรือกินอาหารตอนดึกก็เป็นสาเหตุให้เกิดแก๊ส -ผู้ป่วยไทฟอยด์และเกาต์ก็เป็นสาเหตุของการเกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร -ท้องผูก ยังพบว่าเป็นตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารและลำไส้ -การกินอาหารที่มีน้ำมันมาก ๆ อาหารรสเผ็ด ขนมหวาน ผลไม้หวาน เบเกอรี่ อาหารค้างคืน อาหารแช่เย็น อาหารเหล่านี้มีส่วนร่วมในการก่อแก๊สในกระเพาะอาหาร -คนชรามีแนวโน้มที่จะมีแก๊สในกระเพาะอาหารมากที่สุดเนื่องจากการสร้างเอ็นไซม์จะเริ่มลดลงเมื่ออายุได้ 35 ปี -ผู้ที่มีโรคที่เกี่ยวกับลำไส้ใหญ่และผู้ป่วยที่มีอาการท้องร่วงหรืออุจจาระบ่อยในแต่ละวันมักประสบปัญหาแก็สในกระเพาะอาหารเป็นประจำ -อาหารที่มีแป้งสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าวและถั่วลันเตาทำให้เกิดก๊าซในกระเพาะอาหาร -น้ำตาลแลคโตส..เป็นที่รู้จักกันว่าทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร : นม ธัญพืช ไอศกรีมและเบเกอรี่มีส่วนประกอบของแลคโตสเป็นจำนวนมาก ในบางคนไม่มีเอนไซม์ lactase อย่างเพียงพอจะย่อยแลคโตสไม่สมบูรณ์ จากนั้นอาหารที่ไม่ได้รับการย่อยจะเคลื่อนย้ายไปยังลำไส้ใหญ่ ที่ซึ่งแบคทีเรียที่เป็นอันตรายจะทำการสลายสารอาหารและปล่อยแก๊สเช่น ไฮโดรเจน ไนโตรเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ อาหารที่ก่อให้เกิดแก๊สในคน ๆ หนึ่งอาจไม่ก่อให้เกิดแก็สในคนอื่น ๆ เนื่องจากความสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ที่แตกต่างกัน อาทิเช่นไฮโดรเจนที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งก็สามารถถูกทำลายได้โดยแบคทีเรียอีกชนิดหนึ่งได้ ปริมาณแบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้ใหญ่เป็นปัจจัยในการกำหนดแก๊สในกระเพาะอาหาร บางครั้งแบคทีเรียที่เป็นอันตรายเหล่านี้ลุกลามเข้าไปในลำไส้เล็กซึ่งพวกเขาเริ่มย่อยอาหารด้วยตัวของพวกเขาเองแทนการทำงานของลำไส้เล็ก และผลจากการกระทำของพวกเขาส่งผลให้เกิดการผลิตแก็สเช่นไฮโดรเจน ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง Cr. Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • #กรดไหลย้อนนำไปสู่โรคที่คาดไม่ถึงได้อย่างไร (สิ่งที่ไม่มีใครเคยบอกคุณและไม่ใช่ความลับสวรรค์) (2)

    อะไรจะเกิดขึ้นกับร่างกายถ้าคุณไม่สามารถย่อยโปรตีนและไม่สามารถที่จะมีกรดอะมิโนซึ่งเซลล์ทุกเซลล์ต้องการเพื่อทำหน้าที่ของพวกเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ กรดอะมิโนมาตรฐานมี 20 ตัวรวมถึง 8 ตัวที่จำเป็นและ 4 ตัวที่เป็นแบบกึ่งจำเป็นซึ่งช่วยให้ร่างกายทำงานได้ตามปกติ ...เมื่อปราศจากพวกเขาเสียแล้ว คุณจะประสบกับปัญหาอย่างแน่นอน กรดอะมิโนตัวแรกที่จะกล่าวถึงก็คือ...
    Tryptophan
    เป็นกรดอะมิโนจำเป็นที่ช่วยในการสร้าง Serotonin (สารสื่อประสาทตัวหนึ่งที่ทำหน้าที่ส่งสัญญาณระหว่างเซลล์ประสาทภายในสมองที่ทำให้รู้สึกดี)
    ...จินตนาการ...
    หากร่างกายคุณไม่สามารถย่อยโปรตีนจนกลายเป็น Tryptophan ได้ ผลที่ตามมาก็น่าจะเป็น โรคซึมเศร้า ไมเกรน นอนหลับยาก วิตกกังวล กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) ภาวะซึมเศร้าจากการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล SAD (Seasonal Affective Disorder) และน้ำหนักเกินเนื่องจากสมองไม่สามารถส่งสัญญาณแห่งความอิ่มได้ (อ่านในโพสต์ที่มีภาพ “สงบนิ่ง 1 นาที” ) …..ใช่หรือไม่..!!!
    Tryptophan ยังสร้าง Ninacinหรืออาจเรียกว่า นิโคตินิค แอสิด (Nicotinic acid) เป็นวิตามินบี (วิตามินบี 3) ซึ่งเป็นตัวลดไขมันไม่ดีในร่างกายอีกด้วย
    ..สิ่งที่พึงระวัง..
    Phenylalanine : สารที่ผสมในสารให้ความหวานสามารถก่อกวน Tryptophan และการสร้าง Serotonin
    5-Hydoxytrytophan (5-HTPX) ซึ่งได้จากอาหารไม่ว่าจะเป็นไก่ เนื้อ ถั่ว ชิส ผักโขม ปลาทูน่า หรือแม้แต่โยเกิต์ต เป็นรูปแบบของ Tryptophan ที่ช่วยให้ร่างกายสร้าง Serotonin และช่วยในการรักษาอาการซึมเศร้า นอนไม่หลับ วิตกกังวลรวมถึงไมเกรนได้อย่างดีเยี่ยม (นี่เป็นข้อเท็จจริงของสารอาหารที่อยู่ในอาหาร แต่ถ้าคุณเป็นโรคกรดไหลย้อน... กรุณาจดจำไว้ให้ขึ้นใจว่าผมห้ามกินอะไรบ้าง)
    เมลาโทนิน : เป็นฮอร์โมนที่ผลิตจากสารเซโรโทนิน (Serotonin) ที่เซลล์ไพเนียลซึ่งอยู่ในต่อมไพเนียล เป็นส่วนหนึ่งของสมองส่วนกลางที่ช่วยการกระตุ้นการปรับเปลี่ยนระบบนาฬิกาของร่างกาย ถ้าได้รับในปริมาณที่เหมาะสมก็จะช่วยรักษาโรคนอนไม่หลับ ซึมเศร้าได้เช่นกันนอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในการต้านอนุมูลอิสระและลดความเสื่อมของเซลล์สมองอีกด้วย
    ...สิ่งที่น่าสนใจคือ...
    ปริมาณที่เหมาะสมของเมลาโทนินคือ 200 mcg หรือ 0.2 mg ใช้สำหรับอมใต้ลิ้นหรือพ่นทางจมูก
    !!! ข้อควรระวัง !!!
    เมลาโทนินที่มากจนเกินไปจะเพิ่มการผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลซึ่งจะไปรบกวนการนอนหลับและทำให้ปวดหัวได้ตลอดวัน
    ลองมาคิดกันเล่น ๆ ไหมว่า..ยาที่ใช้รักษาอาการที่เกิดมาจากการขาดเมลาโทนินไม่ว่าจะเป็นไมเกรน ซึมเศร้าหรือวิตกกังวลอย่าง Prozac,Paxil,Celexa,Zoloft,Cymbalta และ Lexapro ที่ใช้รักษาโรคซึมเศร้า Ambien,LunestaและSonata ที่ใช้รักษาโรคนอนไม่หลับและ Amerge,Frova,Imitrex,ZomigและMaxalt สำหรับไมเกรน นี่คือชื่อยาบางส่วนที่บริษัทยาผลิตมาเพื่อรักษาอาการที่เกิดจากการขาด Serotonin ซึ่งส่วนใหญ่ของผู้ป่วยก็มาจากการขาด Tryptophan
    ...คุณคิดจริง ๆ หรือว่า..ร่างกายคุณขาด Zoloft หรือ Lunesta หรือ Imitrex…ร่างกายของคุณถูกสร้างมาจากยาหรือไม่..ใช่หรือไม่..ใช่หรือไม่..!!!
    ร่างกายคุณต้องการสารอาหาร แร่ธาตุที่มากขึ้นเพื่อทำให้พวกเขาสมดุลและส่งผลให้มีการย่อยโปรตีนได้มากขึ้น ได้รับกรดอะมิโนมากขึ้นเพื่อให้เซลล์ต่าง ๆ ทำงานได้ดีขึ้นและทำให้สมองสร้างสารเคมีที่จำเป็นต้องใช้เพื่อให้คุณมีสุขภาพที่ดี
    โปรดจำไว้ว่า...ร้อยละ 95 ของสารสื่อประสาทของเราพบในระบบทางเดินอาหารและ Neurotransmittersเกือบทั้งหมดในร่างกาย(สารเคมีที่ใช้สำหรับการสื่อสารของระบบประสาท) ได้มาจากกรดอะมิโน
    ..เราควรที่จะแก้ไขที่ต้นเหตุของเรื่องราว...หรือแก้ไขอาการไปวัน ๆ และแก้ไปตลอดชีวิต
    ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง
    สวัสดี
    อ้างอิง : Calcium Lie และ Stomach Acid is good for you

    Cr. Santi Manadee
    #กรดไหลย้อนนำไปสู่โรคที่คาดไม่ถึงได้อย่างไร (สิ่งที่ไม่มีใครเคยบอกคุณและไม่ใช่ความลับสวรรค์) (2) อะไรจะเกิดขึ้นกับร่างกายถ้าคุณไม่สามารถย่อยโปรตีนและไม่สามารถที่จะมีกรดอะมิโนซึ่งเซลล์ทุกเซลล์ต้องการเพื่อทำหน้าที่ของพวกเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ กรดอะมิโนมาตรฐานมี 20 ตัวรวมถึง 8 ตัวที่จำเป็นและ 4 ตัวที่เป็นแบบกึ่งจำเป็นซึ่งช่วยให้ร่างกายทำงานได้ตามปกติ ...เมื่อปราศจากพวกเขาเสียแล้ว คุณจะประสบกับปัญหาอย่างแน่นอน กรดอะมิโนตัวแรกที่จะกล่าวถึงก็คือ... Tryptophan เป็นกรดอะมิโนจำเป็นที่ช่วยในการสร้าง Serotonin (สารสื่อประสาทตัวหนึ่งที่ทำหน้าที่ส่งสัญญาณระหว่างเซลล์ประสาทภายในสมองที่ทำให้รู้สึกดี) ...จินตนาการ... หากร่างกายคุณไม่สามารถย่อยโปรตีนจนกลายเป็น Tryptophan ได้ ผลที่ตามมาก็น่าจะเป็น โรคซึมเศร้า ไมเกรน นอนหลับยาก วิตกกังวล กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) ภาวะซึมเศร้าจากการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล SAD (Seasonal Affective Disorder) และน้ำหนักเกินเนื่องจากสมองไม่สามารถส่งสัญญาณแห่งความอิ่มได้ (อ่านในโพสต์ที่มีภาพ “สงบนิ่ง 1 นาที” ) …..ใช่หรือไม่..!!! Tryptophan ยังสร้าง Ninacinหรืออาจเรียกว่า นิโคตินิค แอสิด (Nicotinic acid) เป็นวิตามินบี (วิตามินบี 3) ซึ่งเป็นตัวลดไขมันไม่ดีในร่างกายอีกด้วย ..สิ่งที่พึงระวัง.. Phenylalanine : สารที่ผสมในสารให้ความหวานสามารถก่อกวน Tryptophan และการสร้าง Serotonin 5-Hydoxytrytophan (5-HTPX) ซึ่งได้จากอาหารไม่ว่าจะเป็นไก่ เนื้อ ถั่ว ชิส ผักโขม ปลาทูน่า หรือแม้แต่โยเกิต์ต เป็นรูปแบบของ Tryptophan ที่ช่วยให้ร่างกายสร้าง Serotonin และช่วยในการรักษาอาการซึมเศร้า นอนไม่หลับ วิตกกังวลรวมถึงไมเกรนได้อย่างดีเยี่ยม (นี่เป็นข้อเท็จจริงของสารอาหารที่อยู่ในอาหาร แต่ถ้าคุณเป็นโรคกรดไหลย้อน... กรุณาจดจำไว้ให้ขึ้นใจว่าผมห้ามกินอะไรบ้าง) เมลาโทนิน : เป็นฮอร์โมนที่ผลิตจากสารเซโรโทนิน (Serotonin) ที่เซลล์ไพเนียลซึ่งอยู่ในต่อมไพเนียล เป็นส่วนหนึ่งของสมองส่วนกลางที่ช่วยการกระตุ้นการปรับเปลี่ยนระบบนาฬิกาของร่างกาย ถ้าได้รับในปริมาณที่เหมาะสมก็จะช่วยรักษาโรคนอนไม่หลับ ซึมเศร้าได้เช่นกันนอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในการต้านอนุมูลอิสระและลดความเสื่อมของเซลล์สมองอีกด้วย ...สิ่งที่น่าสนใจคือ... ปริมาณที่เหมาะสมของเมลาโทนินคือ 200 mcg หรือ 0.2 mg ใช้สำหรับอมใต้ลิ้นหรือพ่นทางจมูก !!! ข้อควรระวัง !!! เมลาโทนินที่มากจนเกินไปจะเพิ่มการผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลซึ่งจะไปรบกวนการนอนหลับและทำให้ปวดหัวได้ตลอดวัน ลองมาคิดกันเล่น ๆ ไหมว่า..ยาที่ใช้รักษาอาการที่เกิดมาจากการขาดเมลาโทนินไม่ว่าจะเป็นไมเกรน ซึมเศร้าหรือวิตกกังวลอย่าง Prozac,Paxil,Celexa,Zoloft,Cymbalta และ Lexapro ที่ใช้รักษาโรคซึมเศร้า Ambien,LunestaและSonata ที่ใช้รักษาโรคนอนไม่หลับและ Amerge,Frova,Imitrex,ZomigและMaxalt สำหรับไมเกรน นี่คือชื่อยาบางส่วนที่บริษัทยาผลิตมาเพื่อรักษาอาการที่เกิดจากการขาด Serotonin ซึ่งส่วนใหญ่ของผู้ป่วยก็มาจากการขาด Tryptophan ...คุณคิดจริง ๆ หรือว่า..ร่างกายคุณขาด Zoloft หรือ Lunesta หรือ Imitrex…ร่างกายของคุณถูกสร้างมาจากยาหรือไม่..ใช่หรือไม่..ใช่หรือไม่..!!! ร่างกายคุณต้องการสารอาหาร แร่ธาตุที่มากขึ้นเพื่อทำให้พวกเขาสมดุลและส่งผลให้มีการย่อยโปรตีนได้มากขึ้น ได้รับกรดอะมิโนมากขึ้นเพื่อให้เซลล์ต่าง ๆ ทำงานได้ดีขึ้นและทำให้สมองสร้างสารเคมีที่จำเป็นต้องใช้เพื่อให้คุณมีสุขภาพที่ดี โปรดจำไว้ว่า...ร้อยละ 95 ของสารสื่อประสาทของเราพบในระบบทางเดินอาหารและ Neurotransmittersเกือบทั้งหมดในร่างกาย(สารเคมีที่ใช้สำหรับการสื่อสารของระบบประสาท) ได้มาจากกรดอะมิโน ..เราควรที่จะแก้ไขที่ต้นเหตุของเรื่องราว...หรือแก้ไขอาการไปวัน ๆ และแก้ไปตลอดชีวิต ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง สวัสดี อ้างอิง : Calcium Lie และ Stomach Acid is good for you Cr. Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

    เดือนนี้ โชคดีสำหรับการคิดริเริ่มธุรกิจ การค้าขายใหม่ๆจะมีการติดต่อเพิ่มยอดขายจำหน่ายมากขึ้น การตกลงเจรจาต้องใช้ความอดทนอดกลั้นระวังคำพูดคำจา เพราะเอกสารสัญญาจะผิดพลาด จนถูกทักท้วงให้เกิดขัดแย้ง ควรมีสัจจะยึดมั่นในคำพูดยึดมั่นในสัญญาเพื่อรักษาเครดิตไว้ต่อยอดในภายภาคหน้าจะมีประโยชน์มากกว่า งานการศึกษา วิชาการ งานสวยงาม งานคิดสร้างสรรค์ จะสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่ยอมรับจนได้รับปรับเลื่อนตำแหน่งขั้น เรื่องของหัวใจหากปากมากขาดการจัดการบริหารเสน่ห์ที่ลงตัวจะเกิดเรื่องชู้สาวให้ปวดหัว จะเดินทางๆอากาศต้องระวังพายุฟ้าฝนควรตรวจสอบสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาก่อนการเดินทาง

    เสริมความมงคล : ตั้งพัดลมทรงสูง
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ประตูเปิดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เดือนนี้ โชคดีสำหรับการคิดริเริ่มธุรกิจ การค้าขายใหม่ๆจะมีการติดต่อเพิ่มยอดขายจำหน่ายมากขึ้น การตกลงเจรจาต้องใช้ความอดทนอดกลั้นระวังคำพูดคำจา เพราะเอกสารสัญญาจะผิดพลาด จนถูกทักท้วงให้เกิดขัดแย้ง ควรมีสัจจะยึดมั่นในคำพูดยึดมั่นในสัญญาเพื่อรักษาเครดิตไว้ต่อยอดในภายภาคหน้าจะมีประโยชน์มากกว่า งานการศึกษา วิชาการ งานสวยงาม งานคิดสร้างสรรค์ จะสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่ยอมรับจนได้รับปรับเลื่อนตำแหน่งขั้น เรื่องของหัวใจหากปากมากขาดการจัดการบริหารเสน่ห์ที่ลงตัวจะเกิดเรื่องชู้สาวให้ปวดหัว จะเดินทางๆอากาศต้องระวังพายุฟ้าฝนควรตรวจสอบสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาก่อนการเดินทาง เสริมความมงคล : ตั้งพัดลมทรงสูง ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เนี่ยต้องหาภาพ4ป้ามายืนยัน
    ว่าที่โพสรัวๆ คืออิป้าข้างบ้านในหมู่บ้านเดียวกันนี่แหละ
    อายุปูนนี้แล้ว เห็นสภาพป่ะ
    บางคนผัวเท บางคนมีผัวมีลูก
    แต่ป่านนี้ยังเอาตัวไม่รอดเลย
    ชอบเอาเรื่องน้องชายไปเมาท์มอย
    ทั้งๆที่นอกจากไร้ปัญญาดูแลตัวเอง
    ก็ยังไร้สามารถไปดูแลแม่
    แต่ปากดีไง ไปหางานทำกับใคร
    หางานทำกับคนที่คิดร้ายกับน้องชายตัวเอง
    ไอ่คนที่ชวนชื่ออิปูตัวเสี้ยม ดังมากในหมู่บ้านพี่
    บางคน เรียก ผจก.ปู ย่อมาจาก ผู้จัดกรวย
    เพราะอินี่เจอกรวยไม่ได้ ชอบจัดมาก
    แล้วยังมีอีกอิป้า เพิ่งออกจากศรีธังญา
    เป็นเฉบติกดราม่า เป็นคนไขข้ แต่ชอบทำตัวเป็นหมอ
    ไว้เดี๋ยวแอบถ่ายมาให้แฟนเพจดู
    คราวนี้เชื่อหรือยัง ที่ใครๆชอบเอาไปโยงกัน
    ว่าเป็นคนนั้นคนนี้ พี่ก็โพสบ่นๆไปแหละ
    เห็นความเฮี้ยของคนแล้วมันอดไม่ได้
    แฟนเพจเข้าใจพี่คิงส์แหละเนาะ
    เออๆ ส่วนใครที่ติดตามน้องแน๊กอะ
    น้องเค้าประกาศแล้ว ว่าโกรธใครแทนผมนะคร๊าบ
    พวกเรารักน้องต้องเชื่อน้องนะ
    ส่วนใคร ชอบเรื่องคนข้างบ้านพี่คิงส์
    ชอบที่พี่คิงส์เล่าความฝัน
    หรือชอบนิทานนังแฝดสองผ.มิจ Kaหรี่ด็อกท็อง
    ก็ติดตามบทประพันธ์กันได้นะ
    ตามนั้นคือจบ แล้วทีหลังก็อย่าไปโยงให้มันปวดหัวเน้อ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #เนี่ยต้องหาภาพ4ป้ามายืนยัน ว่าที่โพสรัวๆ คืออิป้าข้างบ้านในหมู่บ้านเดียวกันนี่แหละ อายุปูนนี้แล้ว เห็นสภาพป่ะ บางคนผัวเท บางคนมีผัวมีลูก แต่ป่านนี้ยังเอาตัวไม่รอดเลย ชอบเอาเรื่องน้องชายไปเมาท์มอย ทั้งๆที่นอกจากไร้ปัญญาดูแลตัวเอง ก็ยังไร้สามารถไปดูแลแม่ แต่ปากดีไง ไปหางานทำกับใคร หางานทำกับคนที่คิดร้ายกับน้องชายตัวเอง ไอ่คนที่ชวนชื่ออิปูตัวเสี้ยม ดังมากในหมู่บ้านพี่ บางคน เรียก ผจก.ปู ย่อมาจาก ผู้จัดกรวย เพราะอินี่เจอกรวยไม่ได้ ชอบจัดมาก แล้วยังมีอีกอิป้า เพิ่งออกจากศรีธังญา เป็นเฉบติกดราม่า เป็นคนไขข้ แต่ชอบทำตัวเป็นหมอ ไว้เดี๋ยวแอบถ่ายมาให้แฟนเพจดู คราวนี้เชื่อหรือยัง ที่ใครๆชอบเอาไปโยงกัน ว่าเป็นคนนั้นคนนี้ พี่ก็โพสบ่นๆไปแหละ เห็นความเฮี้ยของคนแล้วมันอดไม่ได้ แฟนเพจเข้าใจพี่คิงส์แหละเนาะ เออๆ ส่วนใครที่ติดตามน้องแน๊กอะ น้องเค้าประกาศแล้ว ว่าโกรธใครแทนผมนะคร๊าบ พวกเรารักน้องต้องเชื่อน้องนะ ส่วนใคร ชอบเรื่องคนข้างบ้านพี่คิงส์ ชอบที่พี่คิงส์เล่าความฝัน หรือชอบนิทานนังแฝดสองผ.มิจ Kaหรี่ด็อกท็อง ก็ติดตามบทประพันธ์กันได้นะ ตามนั้นคือจบ แล้วทีหลังก็อย่าไปโยงให้มันปวดหัวเน้อ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 281 มุมมอง 0 รีวิว
  • MGR Online - กรมราชทัณฑ์ ชี้แจงผู้ต้องขังแข่งมวยไทยในเรือนจำกลางระยองเสียชีวิต ยุติยก 2 เพราะสู้ไม่ได้ พบมีอาการปวดหัว อาเจียน รีบนำส่ง รพ.แม่ข่าย ก่อนเสียชีวิต

    จากกรณี ญาติผู้ต้องขังรายหนึ่งของเรือนจำกลางระยองเสียชีวิต ซึ่งเป็นนักกีฬามวยไทย จึงร้องเรียนต้องการทราบสาเหตุที่แท้จริงของการเสียชีวิตดังกล่าวว่าเกิดจาการแข่งขันชกมวย หรือ การถูกทำร้ายร่างกาย นั้น

    วันนี้ (9 ธ.ค.) กรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานจากเรือนจำกลางระยอง ว่า ได้ทำการแข่งขันมวยไทยในฝ่ายควบคุมแดน 7 เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.67 โดยเรือนจำฯ มีกระบวนการรับสมัคร โดยความสมัครใจของนักกีฬามีผู้ต้องขังเข้าร่วมรับชมประมาณ 200 คน อยู่ในการควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่ ก่อนการแข่งขันมีตรวจร่างกายตามมาตรฐานการชกมวยทุกขั้นตอน โดยทุกคนค่าสัญญาณชีพเป็นปกติ ไม่มีอาการเจ็บป่วย ทั้งนี้ หลังจากการแข่งขัน ในยกที่ 2 ผู้ต้องขังรายดังกล่าว ถูกกรรมการผู้ตัดสินยุติการชก เนื่องจากสู้ไม่ได้ จึงได้พามาจุดพักนักมวย เพื่อดูอาการและวัดค่าสัญญาญชีพ ซึ่งระหว่างนั่งพัก ผู้ต้องขังรายดังกล่าวมีอาการปวดศีรษะ อาเจียน จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตามลำดับ

    พัศดีเวรได้สั่งการให้นำตัวส่งไปยังสถานพยาบาลเรือนจำฯ และเวรพยาบาลเรือนจำฯ ได้ประสานกับแพทย์โรงพยาบาลบ้านค่าย ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแม่ข่าย มีความเห็นให้ส่งตัวผู้ต้องขังรายดังกล่าวออกไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลบ้านค่าย ซึ่งทางโรงพยาบาลฯ ได้ทำการตรวจและมีความเห็นให้ส่งต่อไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลระยองและแพทย์ของโรงพยาบาลระยองได้รับตัวผู้ต้องขังรายดังกล่าวไว้รักษาตัว เนื่องจากมีอาการเลือดออกในสมองฉับพลัน และเรือนจำฯ ได้ให้พยาบาลติดต่อญาติ เพื่ออธิบายอาการเจ็บป่วยและแนวทางการรักษา รวมทั้งให้ญาติเข้าเยี่ยมดูอาการผู้ต้องขังรายดังกล่าวเนื่องจากมีอาการขั้นวิกฤต

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000118307

    #MGROnline #กรมราชทัณฑ์ #ผู้ต้องขัง #แข่งมวยไทย #เรือนจำกลางระยอง #เสียชีวิต
    MGR Online - กรมราชทัณฑ์ ชี้แจงผู้ต้องขังแข่งมวยไทยในเรือนจำกลางระยองเสียชีวิต ยุติยก 2 เพราะสู้ไม่ได้ พบมีอาการปวดหัว อาเจียน รีบนำส่ง รพ.แม่ข่าย ก่อนเสียชีวิต • จากกรณี ญาติผู้ต้องขังรายหนึ่งของเรือนจำกลางระยองเสียชีวิต ซึ่งเป็นนักกีฬามวยไทย จึงร้องเรียนต้องการทราบสาเหตุที่แท้จริงของการเสียชีวิตดังกล่าวว่าเกิดจาการแข่งขันชกมวย หรือ การถูกทำร้ายร่างกาย นั้น • วันนี้ (9 ธ.ค.) กรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานจากเรือนจำกลางระยอง ว่า ได้ทำการแข่งขันมวยไทยในฝ่ายควบคุมแดน 7 เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.67 โดยเรือนจำฯ มีกระบวนการรับสมัคร โดยความสมัครใจของนักกีฬามีผู้ต้องขังเข้าร่วมรับชมประมาณ 200 คน อยู่ในการควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่ ก่อนการแข่งขันมีตรวจร่างกายตามมาตรฐานการชกมวยทุกขั้นตอน โดยทุกคนค่าสัญญาณชีพเป็นปกติ ไม่มีอาการเจ็บป่วย ทั้งนี้ หลังจากการแข่งขัน ในยกที่ 2 ผู้ต้องขังรายดังกล่าว ถูกกรรมการผู้ตัดสินยุติการชก เนื่องจากสู้ไม่ได้ จึงได้พามาจุดพักนักมวย เพื่อดูอาการและวัดค่าสัญญาญชีพ ซึ่งระหว่างนั่งพัก ผู้ต้องขังรายดังกล่าวมีอาการปวดศีรษะ อาเจียน จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตามลำดับ • พัศดีเวรได้สั่งการให้นำตัวส่งไปยังสถานพยาบาลเรือนจำฯ และเวรพยาบาลเรือนจำฯ ได้ประสานกับแพทย์โรงพยาบาลบ้านค่าย ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแม่ข่าย มีความเห็นให้ส่งตัวผู้ต้องขังรายดังกล่าวออกไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลบ้านค่าย ซึ่งทางโรงพยาบาลฯ ได้ทำการตรวจและมีความเห็นให้ส่งต่อไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลระยองและแพทย์ของโรงพยาบาลระยองได้รับตัวผู้ต้องขังรายดังกล่าวไว้รักษาตัว เนื่องจากมีอาการเลือดออกในสมองฉับพลัน และเรือนจำฯ ได้ให้พยาบาลติดต่อญาติ เพื่ออธิบายอาการเจ็บป่วยและแนวทางการรักษา รวมทั้งให้ญาติเข้าเยี่ยมดูอาการผู้ต้องขังรายดังกล่าวเนื่องจากมีอาการขั้นวิกฤต • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000118307 • #MGROnline #กรมราชทัณฑ์ #ผู้ต้องขัง #แข่งมวยไทย #เรือนจำกลางระยอง #เสียชีวิต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 360 มุมมอง 0 รีวิว
  • 08-12-67/02 : หมี CNN / คัมภีร์หมี วิชัยยุทธ" EP.45 ชื่อตอนว่า "HIDDEN TRUE TARGET" โป๊ะแตก! หากทฤษฎีนี้เป็นจริง จะตอบโจทย์ได้ทุกข้อ ขออย่าให้เป็นอย่างที่หมีคิดเลย? งัดคัมภีร์หมี วิชัยยุทธ ตอนพิเศษ(สมรภูมิซีเรียใหม่) คิดอยู่นาน เพิ่งจะมาปิ๊งไอเดีย รวมกันเราอยู่ แยกกันอยู่ตายเดี่ยว จะเกิดอะไรขึ้น (หาก)ปูติน แอร์โดกัน อัสซาด สมรู้ร่วมคิด เพื่ออะไรบางอย่าง ตอบโจทย์ทุกความต้องการทุกฝ่ายวินวินได้สำเร็จ หากเป็นจริง กูบอกเลยมันส์แน่? อะไรที่แอร์โดกันฝังใจ นั่นคือเคิร์กกบฎ อะไรที่อัสซาดอยากปลดแอก คือบ่อน้ำมัน และกองกำลังเหี้ยมะกัน รวมชาติซีเรีย อะไรที่ปูตินอยากได้ แผนเชื่อมท่อแก็สรัสเซีย-ซีเรีย-ตะวันออกกลาง เมื่อความต้องการทั้ง 3 เข้ามาผูกเอี่ยวกัน จึงต้องมีการหาข้อสรุป และทำให้พึงพอใจทั้ง 3 ฝ่าย เพื่อเดินหน้าต่อโลกยุคใหม่ กับโครงการเมกะโปรเจคอีกมากที่รออยู่ แต่มันจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มีความสงบสุข มั่นคง ถาวร ดอกนี้ จึงต้องใช้บริการ "กองทัพออตโตมานผู้ยิ่งใหญ่" เข้ามากวาดล้างบางอิทธิพล NATO และสหรัฐ ให้สิ้นซาก ทำไมต้องไก่งวง เพราะมันเป็นสมาชิก NATO ไงล่ะ ไม่ใช่รัฐบาลอัสซาด(ซีเรีย) แผนคือ หากอัสซาดยินยอม ยกแผ่นดินบางส่วนให้อีเคริ์กกบฎเอาไปตั้งรัฐอิสระสมหวังดั่งใจในซีเรีย โดยมีข้อกำหนด และเงื่อนไข รวมทั้งถอนถอด ควบคุมกองกำลังให้อยู่ในเฉพาะเขตแดนพิเศษ ซีเรียได้แผ่นดินทั้งหมดคืน เคิร์กได้บ้านอยู่ถาวร ตั้งรัฐเป็นประเทศตามหวัง แถมอีแอร์โดกัน ไม่ต้องปวดหัวเรื่องอีเคิร์กบฎกตลอดกาล เพราะมันจะย้ายจากตุรกี อิรัก เข้ามาอยู่รวมกันที่ซีเรียทั้งหมด หลังประกาศตั้งเป็นรัฐอิสระ(ประเทศ)สำเร็จ ไก่งวงเท่ากับกำจัดศัตรูถาวรไปในตัว โดยแลกกับการส่งกองกำลังเข้าซีเรียเพื่อปลดแอกซีเรียออกจาก NATO และสหรัฐ รวมถึงแหล่งบ่อน้ำมันด้วย ดอกนี้ เท่ากับดึงเคิร์กกบฎย้ายขั้ว เข้ามาซีเรียนั่นเอง เอาไปเลย พื้นที่เฉพาะ หรือไม่ มรึงก็ตายให้หมด ล้างเผ่าพันธุ์เคิร์กกันไปเลย นี่คือหนทางรอดทางเดียว ด้านสหรัฐ หากไม่มีกลุ่มกบฎเคิร์ก ก็อยู่ยาก ทั้งในซีเรีย อิรัก ที่มาว่าทำไม เลบานอน อิหร่าน อิรัก ส่งกองกำลังเข้ามาซีเรีย เพื่อเป้าหมายที่ราบสูงโกลาน ในช่วงเวลาที่กบฎซีเรียรุกรานอยู่ ตอบโจทย์ได้ทันที ซีเรียจะได้ที่ราบสูงโกลานคืน และเยรูซาเล็มจะแตกในไม่ช้า ด้านรัสเซีย จะได้ผลประโยชน์เต็มเหนี่ยว ทั้งในทะเลดำ และในพื้นที่ยุทธศาสตร์หลักในตะวันออกกลาง จับมือตุรกี คุยซีเรีย เพื่อให้ร่วมมือกัน ทะเลาะกันไป ก็ไม่มีใครได้ประโยชน์ ปัญหาที่ขวางทางอยู่คือ "เคิร์ก" นี่คือปมเดียว หากแก้ได้ทุกอย่างจะฉลุยทันที และเหี้ยจะไร้ที่พึง กองกำลังสหรัฐไม่สามารถอยู่ได้ หากไม่มีเจ้าถิ่นคอยแบ็คอัพ เพราะขั้วใหม่ส่งกองกำลังชุดใหญ่เข้าซีเรียแล้วตอนนี้ ไม่ได้จะเข้ามาขับไล่ กองกำลังกบฎซีเรียดอกน่ะ ตอบโจทย์ได้ว่า ทำไมชาวบ้านไม่แตกตื่น ทำไม SAA ถึงต้องย้ายออก เพื่อเปิดทางให้กองกำลังตุรกี เข้ามาปฎิบัติการกวาดล้างบางเหี้ยแทน เพราะเป็นชาติ NATO เหมือนกัน โดยที่ผ่านมา เหี้ยอ้างตลอด ว่ารัฐบาลอัสซาด ไม่เป็นปชต. แต่งวดนี้ อัสซาดแค่ย้ายก้นไปอยู่มอสโคว์ซักพัก รอให้ขยี้เหี้ยให้จบก่อน ค่อยย้ายกลับ คำถามคือ เมื่ออีไกง่วงปฎิบัติสำเร็จแล้วจะคืนพื้นที่ให้อัสซาดหรือไม่ คำตอบคือ ซีเรียเองก็ไม่ได้ปล่อยให้มรึงทำทุกอย่างได้สะดวกโยธินบูรณะทุกอย่างดอกน่ะ ในซีเรีย ยังมีกองกำลังรัสเซียอยู่ ฐานทัพรัสเซียอยู่ ไหนจะอิหร่าน ไหนจะ WAGNER หากมรึงไม่รบกันเอง ดอกนี้ ยิ่งชัด ร่วมกันตี เป้าหมายเดียวกัน ภาพใหญ่ปรากฎทันที! หลังหลายคนสงสัย S-400 ทำไมถึงถูกยึด อย่าเรียกว่ายึดเลย ส่งต่อให้ใช้น่าจะเหมาะกว่า เพราะไก่งวงก็มี S-400 อยู่แล้วน่ะ รู้การใช้งานดี แค่ส่งมอบอาวุธเอาไปใช้ต่อล้างบางเหี้ย ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย เหตุเพราะ ซีเรีย ตุรกี มีปัญหาพิพากกันมายาวนาน เพราะเรื่องกบฎเคิร์ก และเชื่อว่า บ่อน้ำมันซีเรีย ก็อยู่ในสายตาไก่งวงด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้น 10 ปี ก่อน คงไม่ร่วมมือเหี้ยเข้ามาบุกซีเรีย สร้างไอซิสไปเข่นฆ่าชาวซีเรียดอกน่ะ ดอกนี้ อัสซาดต้องทำใจ อะไรที่ผ่านมาก็ต้องยอมให้ผ่านไป เพื่อเป้าหมายรวมชาติเป็นหนึ่งเดียวให้สำเร็จ รักษาแผ่นดินส่วนใหญ่เอาไว้ ควบคุมเคิร์กให้อยู่ในพื้นที่พิเศษเฉพาะ ดีกว่าปล่อยให้มันถูกศัตรูเอาไปใช้งานเป็นภัยต่อความมั่นคงซีเรียซะเอง ล่าสุด กองทัพไก่งวงในคราบกบฎซีเรีย เปิดคุก ปล่อยนักโทษเดนตายออกมา ทั้งหมดคือ "เหี้ยไอซิสทั้งนั้น" เพื่ออะไร จับอาวุธสู้กับใคร? อย่าลืมเจ้าของไอซิสเก่าก็คือ "ตุรกี" รอดู หากทฤษฎีที่หมีบอกว่า ปูติน แอร์โดกัน อัสซาด สมรู้ร่วมคิดกัน เป้าหมายที่มันต้องทำคือ แย่งบ่อน้ำมันคืนจากเคิร์กกบฎ และขับไล่กองกำลังต่างชาติออกไป ยกเว้นรัสเซีย ดอกนี้ถึงจะพิสูจน์ได้ว่าจริง แต่หากกองทัพไก่งวง ทำอะไรที่หมิ่นเหม่ เปิดทางให้ฐานทัพมะกันขยายได้ หรือเคิร์กกบฎขยายพื้นที่บ่อน้ำมันเพิ่ม ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะตุรกีเกลียดอีเคิร์กเข้าไส้ แปลว่าอีไก่งวงถูกร่างทรงเข้าแทรกแล้ว นั่นคือ แอร์โดกันถูกปลดอำนาจไปแล้ว ผู้กุมอำนาจอีกฝ่ายเป็นคนเดินเกมส์ ถึงเวลานั่น ค่อยมาวิเคราะห์ตามสถานการณ์จริงอีกที เพราะตอนนี้ ฝุ่นตลบ จะคิดอย่างไร ก็ไม่มีทางสว่างโปร่งใสได้แน่ รอควันจางเท่านั้น ตัวละครจะโผล่มาเอง แค่มาบอกแนวทาง แนวคิดอีกอย่าง เพื่อหาคำตอบ ตอบโจทย์ทั้งหมดได้ เพราะดูเหมือนช่องโหว่เยอะเกิน มันง่ายดายมากจนเกินไป เหมือนกับจงใจให้เกิด ให้เป็นไป รัสเซียเท่านั้นที่รู้ ในยามศึกสงคราม "สงครามข่าวสาร" คือสิ่งที่จำเป็น เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นเป้าหมายหลัก ใช้กันเยอะ ไม่ว่าสงครามใดในโลก กูไม่ใช่เทวดา กูแค่จับผิด และพยายามมองทะลุหมอกควันหนาเหล่านี้ ให้เห็นร่างจริง ผู้อยู่เบื้องหลังจริงก่อน ถึงจะเดาทางต่อได้แม่นยำ หมากตานี้ อำมะหิตน่ะ ไก่งวงอยู่ดีดี จะบุกซีเรียไม่มีปี่ ไม่มีขลุ่ยได้ยังไง? หากไม่มีใครสั่ง หรือแบ็คอัพ ใครล่ะ ที่ตุรกี ซีเรีย อิหร่าน เกรงใจ? เอาไปคิดเอง?หมี CNN(หมากที่เดินไปแล้ว อย่าคิดว่ากลับตาลปัตรไม่ได้ ทุกหมาก ทุกตา หลอกล่อได้หมด ขั้วใหม่กำลังจะทำอะไร ภายนอกสื่อตี เหี้ยตัดกำลังรัสเซีย แต่หมีกลับมองว่า นี่คือ 1 ในหมากที่ถูกวางให้เดินเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว อยู่ที่ตัวละครถัดไป ใครจะโผล่ แล้วมันจะตอบคำตอบได้เองว่า ทฤษฎีสมคบคิดจริงหรือไม่? เพราะยามศึกเท็จคือจริง จริงคือเท็จ) 08 ธันวาคม 6717.52 น.------------------------------------------------------------------------—เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnnหรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNThttps://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u**เพจหลักของหมี CNN คือ**https://www.minds.com/mheecnn2/เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnnwww.vk.com/id448335733**เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**https://twitter.com/CnnMhee**เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    08-12-67/02 : หมี CNN / คัมภีร์หมี วิชัยยุทธ" EP.45 ชื่อตอนว่า "HIDDEN TRUE TARGET" โป๊ะแตก! หากทฤษฎีนี้เป็นจริง จะตอบโจทย์ได้ทุกข้อ ขออย่าให้เป็นอย่างที่หมีคิดเลย? งัดคัมภีร์หมี วิชัยยุทธ ตอนพิเศษ(สมรภูมิซีเรียใหม่) คิดอยู่นาน เพิ่งจะมาปิ๊งไอเดีย รวมกันเราอยู่ แยกกันอยู่ตายเดี่ยว จะเกิดอะไรขึ้น (หาก)ปูติน แอร์โดกัน อัสซาด สมรู้ร่วมคิด เพื่ออะไรบางอย่าง ตอบโจทย์ทุกความต้องการทุกฝ่ายวินวินได้สำเร็จ หากเป็นจริง กูบอกเลยมันส์แน่? อะไรที่แอร์โดกันฝังใจ นั่นคือเคิร์กกบฎ อะไรที่อัสซาดอยากปลดแอก คือบ่อน้ำมัน และกองกำลังเหี้ยมะกัน รวมชาติซีเรีย อะไรที่ปูตินอยากได้ แผนเชื่อมท่อแก็สรัสเซีย-ซีเรีย-ตะวันออกกลาง เมื่อความต้องการทั้ง 3 เข้ามาผูกเอี่ยวกัน จึงต้องมีการหาข้อสรุป และทำให้พึงพอใจทั้ง 3 ฝ่าย เพื่อเดินหน้าต่อโลกยุคใหม่ กับโครงการเมกะโปรเจคอีกมากที่รออยู่ แต่มันจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มีความสงบสุข มั่นคง ถาวร ดอกนี้ จึงต้องใช้บริการ "กองทัพออตโตมานผู้ยิ่งใหญ่" เข้ามากวาดล้างบางอิทธิพล NATO และสหรัฐ ให้สิ้นซาก ทำไมต้องไก่งวง เพราะมันเป็นสมาชิก NATO ไงล่ะ ไม่ใช่รัฐบาลอัสซาด(ซีเรีย) แผนคือ หากอัสซาดยินยอม ยกแผ่นดินบางส่วนให้อีเคริ์กกบฎเอาไปตั้งรัฐอิสระสมหวังดั่งใจในซีเรีย โดยมีข้อกำหนด และเงื่อนไข รวมทั้งถอนถอด ควบคุมกองกำลังให้อยู่ในเฉพาะเขตแดนพิเศษ ซีเรียได้แผ่นดินทั้งหมดคืน เคิร์กได้บ้านอยู่ถาวร ตั้งรัฐเป็นประเทศตามหวัง แถมอีแอร์โดกัน ไม่ต้องปวดหัวเรื่องอีเคิร์กบฎกตลอดกาล เพราะมันจะย้ายจากตุรกี อิรัก เข้ามาอยู่รวมกันที่ซีเรียทั้งหมด หลังประกาศตั้งเป็นรัฐอิสระ(ประเทศ)สำเร็จ ไก่งวงเท่ากับกำจัดศัตรูถาวรไปในตัว โดยแลกกับการส่งกองกำลังเข้าซีเรียเพื่อปลดแอกซีเรียออกจาก NATO และสหรัฐ รวมถึงแหล่งบ่อน้ำมันด้วย ดอกนี้ เท่ากับดึงเคิร์กกบฎย้ายขั้ว เข้ามาซีเรียนั่นเอง เอาไปเลย พื้นที่เฉพาะ หรือไม่ มรึงก็ตายให้หมด ล้างเผ่าพันธุ์เคิร์กกันไปเลย นี่คือหนทางรอดทางเดียว ด้านสหรัฐ หากไม่มีกลุ่มกบฎเคิร์ก ก็อยู่ยาก ทั้งในซีเรีย อิรัก ที่มาว่าทำไม เลบานอน อิหร่าน อิรัก ส่งกองกำลังเข้ามาซีเรีย เพื่อเป้าหมายที่ราบสูงโกลาน ในช่วงเวลาที่กบฎซีเรียรุกรานอยู่ ตอบโจทย์ได้ทันที ซีเรียจะได้ที่ราบสูงโกลานคืน และเยรูซาเล็มจะแตกในไม่ช้า ด้านรัสเซีย จะได้ผลประโยชน์เต็มเหนี่ยว ทั้งในทะเลดำ และในพื้นที่ยุทธศาสตร์หลักในตะวันออกกลาง จับมือตุรกี คุยซีเรีย เพื่อให้ร่วมมือกัน ทะเลาะกันไป ก็ไม่มีใครได้ประโยชน์ ปัญหาที่ขวางทางอยู่คือ "เคิร์ก" นี่คือปมเดียว หากแก้ได้ทุกอย่างจะฉลุยทันที และเหี้ยจะไร้ที่พึง กองกำลังสหรัฐไม่สามารถอยู่ได้ หากไม่มีเจ้าถิ่นคอยแบ็คอัพ เพราะขั้วใหม่ส่งกองกำลังชุดใหญ่เข้าซีเรียแล้วตอนนี้ ไม่ได้จะเข้ามาขับไล่ กองกำลังกบฎซีเรียดอกน่ะ ตอบโจทย์ได้ว่า ทำไมชาวบ้านไม่แตกตื่น ทำไม SAA ถึงต้องย้ายออก เพื่อเปิดทางให้กองกำลังตุรกี เข้ามาปฎิบัติการกวาดล้างบางเหี้ยแทน เพราะเป็นชาติ NATO เหมือนกัน โดยที่ผ่านมา เหี้ยอ้างตลอด ว่ารัฐบาลอัสซาด ไม่เป็นปชต. แต่งวดนี้ อัสซาดแค่ย้ายก้นไปอยู่มอสโคว์ซักพัก รอให้ขยี้เหี้ยให้จบก่อน ค่อยย้ายกลับ คำถามคือ เมื่ออีไกง่วงปฎิบัติสำเร็จแล้วจะคืนพื้นที่ให้อัสซาดหรือไม่ คำตอบคือ ซีเรียเองก็ไม่ได้ปล่อยให้มรึงทำทุกอย่างได้สะดวกโยธินบูรณะทุกอย่างดอกน่ะ ในซีเรีย ยังมีกองกำลังรัสเซียอยู่ ฐานทัพรัสเซียอยู่ ไหนจะอิหร่าน ไหนจะ WAGNER หากมรึงไม่รบกันเอง ดอกนี้ ยิ่งชัด ร่วมกันตี เป้าหมายเดียวกัน ภาพใหญ่ปรากฎทันที! หลังหลายคนสงสัย S-400 ทำไมถึงถูกยึด อย่าเรียกว่ายึดเลย ส่งต่อให้ใช้น่าจะเหมาะกว่า เพราะไก่งวงก็มี S-400 อยู่แล้วน่ะ รู้การใช้งานดี แค่ส่งมอบอาวุธเอาไปใช้ต่อล้างบางเหี้ย ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย เหตุเพราะ ซีเรีย ตุรกี มีปัญหาพิพากกันมายาวนาน เพราะเรื่องกบฎเคิร์ก และเชื่อว่า บ่อน้ำมันซีเรีย ก็อยู่ในสายตาไก่งวงด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้น 10 ปี ก่อน คงไม่ร่วมมือเหี้ยเข้ามาบุกซีเรีย สร้างไอซิสไปเข่นฆ่าชาวซีเรียดอกน่ะ ดอกนี้ อัสซาดต้องทำใจ อะไรที่ผ่านมาก็ต้องยอมให้ผ่านไป เพื่อเป้าหมายรวมชาติเป็นหนึ่งเดียวให้สำเร็จ รักษาแผ่นดินส่วนใหญ่เอาไว้ ควบคุมเคิร์กให้อยู่ในพื้นที่พิเศษเฉพาะ ดีกว่าปล่อยให้มันถูกศัตรูเอาไปใช้งานเป็นภัยต่อความมั่นคงซีเรียซะเอง ล่าสุด กองทัพไก่งวงในคราบกบฎซีเรีย เปิดคุก ปล่อยนักโทษเดนตายออกมา ทั้งหมดคือ "เหี้ยไอซิสทั้งนั้น" เพื่ออะไร จับอาวุธสู้กับใคร? อย่าลืมเจ้าของไอซิสเก่าก็คือ "ตุรกี" รอดู หากทฤษฎีที่หมีบอกว่า ปูติน แอร์โดกัน อัสซาด สมรู้ร่วมคิดกัน เป้าหมายที่มันต้องทำคือ แย่งบ่อน้ำมันคืนจากเคิร์กกบฎ และขับไล่กองกำลังต่างชาติออกไป ยกเว้นรัสเซีย ดอกนี้ถึงจะพิสูจน์ได้ว่าจริง แต่หากกองทัพไก่งวง ทำอะไรที่หมิ่นเหม่ เปิดทางให้ฐานทัพมะกันขยายได้ หรือเคิร์กกบฎขยายพื้นที่บ่อน้ำมันเพิ่ม ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะตุรกีเกลียดอีเคิร์กเข้าไส้ แปลว่าอีไก่งวงถูกร่างทรงเข้าแทรกแล้ว นั่นคือ แอร์โดกันถูกปลดอำนาจไปแล้ว ผู้กุมอำนาจอีกฝ่ายเป็นคนเดินเกมส์ ถึงเวลานั่น ค่อยมาวิเคราะห์ตามสถานการณ์จริงอีกที เพราะตอนนี้ ฝุ่นตลบ จะคิดอย่างไร ก็ไม่มีทางสว่างโปร่งใสได้แน่ รอควันจางเท่านั้น ตัวละครจะโผล่มาเอง แค่มาบอกแนวทาง แนวคิดอีกอย่าง เพื่อหาคำตอบ ตอบโจทย์ทั้งหมดได้ เพราะดูเหมือนช่องโหว่เยอะเกิน มันง่ายดายมากจนเกินไป เหมือนกับจงใจให้เกิด ให้เป็นไป รัสเซียเท่านั้นที่รู้ ในยามศึกสงคราม "สงครามข่าวสาร" คือสิ่งที่จำเป็น เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นเป้าหมายหลัก ใช้กันเยอะ ไม่ว่าสงครามใดในโลก กูไม่ใช่เทวดา กูแค่จับผิด และพยายามมองทะลุหมอกควันหนาเหล่านี้ ให้เห็นร่างจริง ผู้อยู่เบื้องหลังจริงก่อน ถึงจะเดาทางต่อได้แม่นยำ หมากตานี้ อำมะหิตน่ะ ไก่งวงอยู่ดีดี จะบุกซีเรียไม่มีปี่ ไม่มีขลุ่ยได้ยังไง? หากไม่มีใครสั่ง หรือแบ็คอัพ ใครล่ะ ที่ตุรกี ซีเรีย อิหร่าน เกรงใจ? เอาไปคิดเอง?หมี CNN(หมากที่เดินไปแล้ว อย่าคิดว่ากลับตาลปัตรไม่ได้ ทุกหมาก ทุกตา หลอกล่อได้หมด ขั้วใหม่กำลังจะทำอะไร ภายนอกสื่อตี เหี้ยตัดกำลังรัสเซีย แต่หมีกลับมองว่า นี่คือ 1 ในหมากที่ถูกวางให้เดินเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว อยู่ที่ตัวละครถัดไป ใครจะโผล่ แล้วมันจะตอบคำตอบได้เองว่า ทฤษฎีสมคบคิดจริงหรือไม่? เพราะยามศึกเท็จคือจริง จริงคือเท็จ) 08 ธันวาคม 6717.52 น.------------------------------------------------------------------------—เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnnหรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNThttps://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u**เพจหลักของหมี CNN คือ**https://www.minds.com/mheecnn2/เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnnwww.vk.com/id448335733**เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**https://twitter.com/CnnMhee**เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 408 มุมมอง 0 รีวิว
  • 08-12-67/02 : หมี CNN / คัมภีร์หมี วิชัยยุทธ" EP.45 ชื่อตอนว่า "HIDDEN TRUE TARGET" โป๊ะแตก! หากทฤษฎีนี้เป็นจริง จะตอบโจทย์ได้ทุกข้อ ขออย่าให้เป็นอย่างที่หมีคิดเลย? งัดคัมภีร์หมี วิชัยยุทธ ตอนพิเศษ(สมรภูมิซีเรียใหม่) คิดอยู่นาน เพิ่งจะมาปิ๊งไอเดีย รวมกันเราอยู่ แยกกันอยู่ตายเดี่ยว จะเกิดอะไรขึ้น (หาก)ปูติน แอร์โดกัน อัสซาด สมรู้ร่วมคิด เพื่ออะไรบางอย่าง ตอบโจทย์ทุกความต้องการทุกฝ่ายวินวินได้สำเร็จ หากเป็นจริง กูบอกเลยมันส์แน่? อะไรที่แอร์โดกันฝังใจ นั่นคือเคิร์กกบฎ อะไรที่อัสซาดอยากปลดแอก คือบ่อน้ำมัน และกองกำลังเหี้ยมะกัน รวมชาติซีเรีย อะไรที่ปูตินอยากได้ แผนเชื่อมท่อแก็สรัสเซีย-ซีเรีย-ตะวันออกกลาง เมื่อความต้องการทั้ง 3 เข้ามาผูกเอี่ยวกัน จึงต้องมีการหาข้อสรุป และทำให้พึงพอใจทั้ง 3 ฝ่าย เพื่อเดินหน้าต่อโลกยุคใหม่ กับโครงการเมกะโปรเจคอีกมากที่รออยู่ แต่มันจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มีความสงบสุข มั่นคง ถาวร ดอกนี้ จึงต้องใช้บริการ "กองทัพออตโตมานผู้ยิ่งใหญ่" เข้ามากวาดล้างบางอิทธิพล NATO และสหรัฐ ให้สิ้นซาก ทำไมต้องไก่งวง เพราะมันเป็นสมาชิก NATO ไงล่ะ ไม่ใช่รัฐบาลอัสซาด(ซีเรีย) แผนคือ หากอัสซาดยินยอม ยกแผ่นดินบางส่วนให้อีเคริ์กกบฎเอาไปตั้งรัฐอิสระสมหวังดั่งใจในซีเรีย โดยมีข้อกำหนด และเงื่อนไข รวมทั้งถอนถอด ควบคุมกองกำลังให้อยู่ในเฉพาะเขตแดนพิเศษ ซีเรียได้แผ่นดินทั้งหมดคืน เคิร์กได้บ้านอยู่ถาวร ตั้งรัฐเป็นประเทศตามหวัง แถมอีแอร์โดกัน ไม่ต้องปวดหัวเรื่องอีเคิร์กบฎกตลอดกาล เพราะมันจะย้ายจากตุรกี อิรัก เข้ามาอยู่รวมกันที่ซีเรียทั้งหมด หลังประกาศตั้งเป็นรัฐอิสระ(ประเทศ)สำเร็จ ไก่งวงเท่ากับกำจัดศัตรูถาวรไปในตัว โดยแลกกับการส่งกองกำลังเข้าซีเรียเพื่อปลดแอกซีเรียออกจาก NATO และสหรัฐ รวมถึงแหล่งบ่อน้ำมันด้วย ดอกนี้ เท่ากับดึงเคิร์กกบฎย้ายขั้ว เข้ามาซีเรียนั่นเอง เอาไปเลย พื้นที่เฉพาะ หรือไม่ มรึงก็ตายให้หมด ล้างเผ่าพันธุ์เคิร์กกันไปเลย นี่คือหนทางรอดทางเดียว ด้านสหรัฐ หากไม่มีกลุ่มกบฎเคิร์ก ก็อยู่ยาก ทั้งในซีเรีย อิรัก ที่มาว่าทำไม เลบานอน อิหร่าน อิรัก ส่งกองกำลังเข้ามาซีเรีย เพื่อเป้าหมายที่ราบสูงโกลาน ในช่วงเวลาที่กบฎซีเรียรุกรานอยู่ ตอบโจทย์ได้ทันที ซีเรียจะได้ที่ราบสูงโกลานคืน และเยรูซาเล็มจะแตกในไม่ช้า ด้านรัสเซีย จะได้ผลประโยชน์เต็มเหนี่ยว ทั้งในทะเลดำ และในพื้นที่ยุทธศาสตร์หลักในตะวันออกกลาง จับมือตุรกี คุยซีเรีย เพื่อให้ร่วมมือกัน ทะเลาะกันไป ก็ไม่มีใครได้ประโยชน์ ปัญหาที่ขวางทางอยู่คือ "เคิร์ก" นี่คือปมเดียว หากแก้ได้ทุกอย่างจะฉลุยทันที และเหี้ยจะไร้ที่พึง กองกำลังสหรัฐไม่สามารถอยู่ได้ หากไม่มีเจ้าถิ่นคอยแบ็คอัพ เพราะขั้วใหม่ส่งกองกำลังชุดใหญ่เข้าซีเรียแล้วตอนนี้ ไม่ได้จะเข้ามาขับไล่ กองกำลังกบฎซีเรียดอกน่ะ ตอบโจทย์ได้ว่า ทำไมชาวบ้านไม่แตกตื่น ทำไม SAA ถึงต้องย้ายออก เพื่อเปิดทางให้กองกำลังตุรกี เข้ามาปฎิบัติการกวาดล้างบางเหี้ยแทน เพราะเป็นชาติ NATO เหมือนกัน โดยที่ผ่านมา เหี้ยอ้างตลอด ว่ารัฐบาลอัสซาด ไม่เป็นปชต. แต่งวดนี้ อัสซาดแค่ย้ายก้นไปอยู่มอสโคว์ซักพัก รอให้ขยี้เหี้ยให้จบก่อน ค่อยย้ายกลับ คำถามคือ เมื่ออีไกง่วงปฎิบัติสำเร็จแล้วจะคืนพื้นที่ให้อัสซาดหรือไม่ คำตอบคือ ซีเรียเองก็ไม่ได้ปล่อยให้มรึงทำทุกอย่างได้สะดวกโยธินบูรณะทุกอย่างดอกน่ะ ในซีเรีย ยังมีกองกำลังรัสเซียอยู่ ฐานทัพรัสเซียอยู่ ไหนจะอิหร่าน ไหนจะ WAGNER หากมรึงไม่รบกันเอง ดอกนี้ ยิ่งชัด ร่วมกันตี เป้าหมายเดียวกัน ภาพใหญ่ปรากฎทันที! หลังหลายคนสงสัย S-400 ทำไมถึงถูกยึด อย่าเรียกว่ายึดเลย ส่งต่อให้ใช้น่าจะเหมาะกว่า เพราะไก่งวงก็มี S-400 อยู่แล้วน่ะ รู้การใช้งานดี แค่ส่งมอบอาวุธเอาไปใช้ต่อล้างบางเหี้ย ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย เหตุเพราะ ซีเรีย ตุรกี มีปัญหาพิพากกันมายาวนาน เพราะเรื่องกบฎเคิร์ก และเชื่อว่า บ่อน้ำมันซีเรีย ก็อยู่ในสายตาไก่งวงด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้น 10 ปี ก่อน คงไม่ร่วมมือเหี้ยเข้ามาบุกซีเรีย สร้างไอซิสไปเข่นฆ่าชาวซีเรียดอกน่ะ ดอกนี้ อัสซาดต้องทำใจ อะไรที่ผ่านมาก็ต้องยอมให้ผ่านไป เพื่อเป้าหมายรวมชาติเป็นหนึ่งเดียวให้สำเร็จ รักษาแผ่นดินส่วนใหญ่เอาไว้ ควบคุมเคิร์กให้อยู่ในพื้นที่พิเศษเฉพาะ ดีกว่าปล่อยให้มันถูกศัตรูเอาไปใช้งานเป็นภัยต่อความมั่นคงซีเรียซะเอง ล่าสุด กองทัพไก่งวงในคราบกบฎซีเรีย เปิดคุก ปล่อยนักโทษเดนตายออกมา ทั้งหมดคือ "เหี้ยไอซิสทั้งนั้น" เพื่ออะไร จับอาวุธสู้กับใคร? อย่าลืมเจ้าของไอซิสเก่าก็คือ "ตุรกี" รอดู หากทฤษฎีที่หมีบอกว่า ปูติน แอร์โดกัน อัสซาด สมรู้ร่วมคิดกัน เป้าหมายที่มันต้องทำคือ แย่งบ่อน้ำมันคืนจากเคิร์กกบฎ และขับไล่กองกำลังต่างชาติออกไป ยกเว้นรัสเซีย ดอกนี้ถึงจะพิสูจน์ได้ว่าจริง แต่หากกองทัพไก่งวง ทำอะไรที่หมิ่นเหม่ เปิดทางให้ฐานทัพมะกันขยายได้ หรือเคิร์กกบฎขยายพื้นที่บ่อน้ำมันเพิ่ม ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะตุรกีเกลียดอีเคิร์กเข้าไส้ แปลว่าอีไก่งวงถูกร่างทรงเข้าแทรกแล้ว นั่นคือ แอร์โดกันถูกปลดอำนาจไปแล้ว ผู้กุมอำนาจอีกฝ่ายเป็นคนเดินเกมส์ ถึงเวลานั่น ค่อยมาวิเคราะห์ตามสถานการณ์จริงอีกที เพราะตอนนี้ ฝุ่นตลบ จะคิดอย่างไร ก็ไม่มีทางสว่างโปร่งใสได้แน่ รอควันจางเท่านั้น ตัวละครจะโผล่มาเอง แค่มาบอกแนวทาง แนวคิดอีกอย่าง เพื่อหาคำตอบ ตอบโจทย์ทั้งหมดได้ เพราะดูเหมือนช่องโหว่เยอะเกิน มันง่ายดายมากจนเกินไป เหมือนกับจงใจให้เกิด ให้เป็นไป รัสเซียเท่านั้นที่รู้ ในยามศึกสงคราม "สงครามข่าวสาร" คือสิ่งที่จำเป็น เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นเป้าหมายหลัก ใช้กันเยอะ ไม่ว่าสงครามใดในโลก กูไม่ใช่เทวดา กูแค่จับผิด และพยายามมองทะลุหมอกควันหนาเหล่านี้ ให้เห็นร่างจริง ผู้อยู่เบื้องหลังจริงก่อน ถึงจะเดาทางต่อได้แม่นยำ หมากตานี้ อำมะหิตน่ะ ไก่งวงอยู่ดีดี จะบุกซีเรียไม่มีปี่ ไม่มีขลุ่ยได้ยังไง? หากไม่มีใครสั่ง หรือแบ็คอัพ ใครล่ะ ที่ตุรกี ซีเรีย อิหร่าน เกรงใจ? เอาไปคิดเอง?หมี CNN(หมากที่เดินไปแล้ว อย่าคิดว่ากลับตาลปัตรไม่ได้ ทุกหมาก ทุกตา หลอกล่อได้หมด ขั้วใหม่กำลังจะทำอะไร ภายนอกสื่อตี เหี้ยตัดกำลังรัสเซีย แต่หมีกลับมองว่า นี่คือ 1 ในหมากที่ถูกวางให้เดินเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว อยู่ที่ตัวละครถัดไป ใครจะโผล่ แล้วมันจะตอบคำตอบได้เองว่า ทฤษฎีสมคบคิดจริงหรือไม่? เพราะยามศึกเท็จคือจริง จริงคือเท็จ) 08 ธันวาคม 6717.52 น.------------------------------------------------------------------------—เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnnหรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNThttps://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u**เพจหลักของหมี CNN คือ**https://www.minds.com/mheecnn2/เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnnwww.vk.com/id448335733**เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**https://twitter.com/CnnMhee**เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    08-12-67/02 : หมี CNN / คัมภีร์หมี วิชัยยุทธ" EP.45 ชื่อตอนว่า "HIDDEN TRUE TARGET" โป๊ะแตก! หากทฤษฎีนี้เป็นจริง จะตอบโจทย์ได้ทุกข้อ ขออย่าให้เป็นอย่างที่หมีคิดเลย? งัดคัมภีร์หมี วิชัยยุทธ ตอนพิเศษ(สมรภูมิซีเรียใหม่) คิดอยู่นาน เพิ่งจะมาปิ๊งไอเดีย รวมกันเราอยู่ แยกกันอยู่ตายเดี่ยว จะเกิดอะไรขึ้น (หาก)ปูติน แอร์โดกัน อัสซาด สมรู้ร่วมคิด เพื่ออะไรบางอย่าง ตอบโจทย์ทุกความต้องการทุกฝ่ายวินวินได้สำเร็จ หากเป็นจริง กูบอกเลยมันส์แน่? อะไรที่แอร์โดกันฝังใจ นั่นคือเคิร์กกบฎ อะไรที่อัสซาดอยากปลดแอก คือบ่อน้ำมัน และกองกำลังเหี้ยมะกัน รวมชาติซีเรีย อะไรที่ปูตินอยากได้ แผนเชื่อมท่อแก็สรัสเซีย-ซีเรีย-ตะวันออกกลาง เมื่อความต้องการทั้ง 3 เข้ามาผูกเอี่ยวกัน จึงต้องมีการหาข้อสรุป และทำให้พึงพอใจทั้ง 3 ฝ่าย เพื่อเดินหน้าต่อโลกยุคใหม่ กับโครงการเมกะโปรเจคอีกมากที่รออยู่ แต่มันจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มีความสงบสุข มั่นคง ถาวร ดอกนี้ จึงต้องใช้บริการ "กองทัพออตโตมานผู้ยิ่งใหญ่" เข้ามากวาดล้างบางอิทธิพล NATO และสหรัฐ ให้สิ้นซาก ทำไมต้องไก่งวง เพราะมันเป็นสมาชิก NATO ไงล่ะ ไม่ใช่รัฐบาลอัสซาด(ซีเรีย) แผนคือ หากอัสซาดยินยอม ยกแผ่นดินบางส่วนให้อีเคริ์กกบฎเอาไปตั้งรัฐอิสระสมหวังดั่งใจในซีเรีย โดยมีข้อกำหนด และเงื่อนไข รวมทั้งถอนถอด ควบคุมกองกำลังให้อยู่ในเฉพาะเขตแดนพิเศษ ซีเรียได้แผ่นดินทั้งหมดคืน เคิร์กได้บ้านอยู่ถาวร ตั้งรัฐเป็นประเทศตามหวัง แถมอีแอร์โดกัน ไม่ต้องปวดหัวเรื่องอีเคิร์กบฎกตลอดกาล เพราะมันจะย้ายจากตุรกี อิรัก เข้ามาอยู่รวมกันที่ซีเรียทั้งหมด หลังประกาศตั้งเป็นรัฐอิสระ(ประเทศ)สำเร็จ ไก่งวงเท่ากับกำจัดศัตรูถาวรไปในตัว โดยแลกกับการส่งกองกำลังเข้าซีเรียเพื่อปลดแอกซีเรียออกจาก NATO และสหรัฐ รวมถึงแหล่งบ่อน้ำมันด้วย ดอกนี้ เท่ากับดึงเคิร์กกบฎย้ายขั้ว เข้ามาซีเรียนั่นเอง เอาไปเลย พื้นที่เฉพาะ หรือไม่ มรึงก็ตายให้หมด ล้างเผ่าพันธุ์เคิร์กกันไปเลย นี่คือหนทางรอดทางเดียว ด้านสหรัฐ หากไม่มีกลุ่มกบฎเคิร์ก ก็อยู่ยาก ทั้งในซีเรีย อิรัก ที่มาว่าทำไม เลบานอน อิหร่าน อิรัก ส่งกองกำลังเข้ามาซีเรีย เพื่อเป้าหมายที่ราบสูงโกลาน ในช่วงเวลาที่กบฎซีเรียรุกรานอยู่ ตอบโจทย์ได้ทันที ซีเรียจะได้ที่ราบสูงโกลานคืน และเยรูซาเล็มจะแตกในไม่ช้า ด้านรัสเซีย จะได้ผลประโยชน์เต็มเหนี่ยว ทั้งในทะเลดำ และในพื้นที่ยุทธศาสตร์หลักในตะวันออกกลาง จับมือตุรกี คุยซีเรีย เพื่อให้ร่วมมือกัน ทะเลาะกันไป ก็ไม่มีใครได้ประโยชน์ ปัญหาที่ขวางทางอยู่คือ "เคิร์ก" นี่คือปมเดียว หากแก้ได้ทุกอย่างจะฉลุยทันที และเหี้ยจะไร้ที่พึง กองกำลังสหรัฐไม่สามารถอยู่ได้ หากไม่มีเจ้าถิ่นคอยแบ็คอัพ เพราะขั้วใหม่ส่งกองกำลังชุดใหญ่เข้าซีเรียแล้วตอนนี้ ไม่ได้จะเข้ามาขับไล่ กองกำลังกบฎซีเรียดอกน่ะ ตอบโจทย์ได้ว่า ทำไมชาวบ้านไม่แตกตื่น ทำไม SAA ถึงต้องย้ายออก เพื่อเปิดทางให้กองกำลังตุรกี เข้ามาปฎิบัติการกวาดล้างบางเหี้ยแทน เพราะเป็นชาติ NATO เหมือนกัน โดยที่ผ่านมา เหี้ยอ้างตลอด ว่ารัฐบาลอัสซาด ไม่เป็นปชต. แต่งวดนี้ อัสซาดแค่ย้ายก้นไปอยู่มอสโคว์ซักพัก รอให้ขยี้เหี้ยให้จบก่อน ค่อยย้ายกลับ คำถามคือ เมื่ออีไกง่วงปฎิบัติสำเร็จแล้วจะคืนพื้นที่ให้อัสซาดหรือไม่ คำตอบคือ ซีเรียเองก็ไม่ได้ปล่อยให้มรึงทำทุกอย่างได้สะดวกโยธินบูรณะทุกอย่างดอกน่ะ ในซีเรีย ยังมีกองกำลังรัสเซียอยู่ ฐานทัพรัสเซียอยู่ ไหนจะอิหร่าน ไหนจะ WAGNER หากมรึงไม่รบกันเอง ดอกนี้ ยิ่งชัด ร่วมกันตี เป้าหมายเดียวกัน ภาพใหญ่ปรากฎทันที! หลังหลายคนสงสัย S-400 ทำไมถึงถูกยึด อย่าเรียกว่ายึดเลย ส่งต่อให้ใช้น่าจะเหมาะกว่า เพราะไก่งวงก็มี S-400 อยู่แล้วน่ะ รู้การใช้งานดี แค่ส่งมอบอาวุธเอาไปใช้ต่อล้างบางเหี้ย ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย เหตุเพราะ ซีเรีย ตุรกี มีปัญหาพิพากกันมายาวนาน เพราะเรื่องกบฎเคิร์ก และเชื่อว่า บ่อน้ำมันซีเรีย ก็อยู่ในสายตาไก่งวงด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้น 10 ปี ก่อน คงไม่ร่วมมือเหี้ยเข้ามาบุกซีเรีย สร้างไอซิสไปเข่นฆ่าชาวซีเรียดอกน่ะ ดอกนี้ อัสซาดต้องทำใจ อะไรที่ผ่านมาก็ต้องยอมให้ผ่านไป เพื่อเป้าหมายรวมชาติเป็นหนึ่งเดียวให้สำเร็จ รักษาแผ่นดินส่วนใหญ่เอาไว้ ควบคุมเคิร์กให้อยู่ในพื้นที่พิเศษเฉพาะ ดีกว่าปล่อยให้มันถูกศัตรูเอาไปใช้งานเป็นภัยต่อความมั่นคงซีเรียซะเอง ล่าสุด กองทัพไก่งวงในคราบกบฎซีเรีย เปิดคุก ปล่อยนักโทษเดนตายออกมา ทั้งหมดคือ "เหี้ยไอซิสทั้งนั้น" เพื่ออะไร จับอาวุธสู้กับใคร? อย่าลืมเจ้าของไอซิสเก่าก็คือ "ตุรกี" รอดู หากทฤษฎีที่หมีบอกว่า ปูติน แอร์โดกัน อัสซาด สมรู้ร่วมคิดกัน เป้าหมายที่มันต้องทำคือ แย่งบ่อน้ำมันคืนจากเคิร์กกบฎ และขับไล่กองกำลังต่างชาติออกไป ยกเว้นรัสเซีย ดอกนี้ถึงจะพิสูจน์ได้ว่าจริง แต่หากกองทัพไก่งวง ทำอะไรที่หมิ่นเหม่ เปิดทางให้ฐานทัพมะกันขยายได้ หรือเคิร์กกบฎขยายพื้นที่บ่อน้ำมันเพิ่ม ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะตุรกีเกลียดอีเคิร์กเข้าไส้ แปลว่าอีไก่งวงถูกร่างทรงเข้าแทรกแล้ว นั่นคือ แอร์โดกันถูกปลดอำนาจไปแล้ว ผู้กุมอำนาจอีกฝ่ายเป็นคนเดินเกมส์ ถึงเวลานั่น ค่อยมาวิเคราะห์ตามสถานการณ์จริงอีกที เพราะตอนนี้ ฝุ่นตลบ จะคิดอย่างไร ก็ไม่มีทางสว่างโปร่งใสได้แน่ รอควันจางเท่านั้น ตัวละครจะโผล่มาเอง แค่มาบอกแนวทาง แนวคิดอีกอย่าง เพื่อหาคำตอบ ตอบโจทย์ทั้งหมดได้ เพราะดูเหมือนช่องโหว่เยอะเกิน มันง่ายดายมากจนเกินไป เหมือนกับจงใจให้เกิด ให้เป็นไป รัสเซียเท่านั้นที่รู้ ในยามศึกสงคราม "สงครามข่าวสาร" คือสิ่งที่จำเป็น เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นเป้าหมายหลัก ใช้กันเยอะ ไม่ว่าสงครามใดในโลก กูไม่ใช่เทวดา กูแค่จับผิด และพยายามมองทะลุหมอกควันหนาเหล่านี้ ให้เห็นร่างจริง ผู้อยู่เบื้องหลังจริงก่อน ถึงจะเดาทางต่อได้แม่นยำ หมากตานี้ อำมะหิตน่ะ ไก่งวงอยู่ดีดี จะบุกซีเรียไม่มีปี่ ไม่มีขลุ่ยได้ยังไง? หากไม่มีใครสั่ง หรือแบ็คอัพ ใครล่ะ ที่ตุรกี ซีเรีย อิหร่าน เกรงใจ? เอาไปคิดเอง?หมี CNN(หมากที่เดินไปแล้ว อย่าคิดว่ากลับตาลปัตรไม่ได้ ทุกหมาก ทุกตา หลอกล่อได้หมด ขั้วใหม่กำลังจะทำอะไร ภายนอกสื่อตี เหี้ยตัดกำลังรัสเซีย แต่หมีกลับมองว่า นี่คือ 1 ในหมากที่ถูกวางให้เดินเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว อยู่ที่ตัวละครถัดไป ใครจะโผล่ แล้วมันจะตอบคำตอบได้เองว่า ทฤษฎีสมคบคิดจริงหรือไม่? เพราะยามศึกเท็จคือจริง จริงคือเท็จ) 08 ธันวาคม 6717.52 น.------------------------------------------------------------------------—เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnnหรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNThttps://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u**เพจหลักของหมี CNN คือ**https://www.minds.com/mheecnn2/เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnnwww.vk.com/id448335733**เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**https://twitter.com/CnnMhee**เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 434 มุมมอง 0 รีวิว
  • เอาหล่ะสิ...!!!
    .
    ชอบนวดนะ แต่นี่ไม่ยอมให้ หมอนวด นวดเหนือจาก คอบ่าไหล่ ขึ้นไปเลย
    .
    ทั้งหลัง ทั้งคอ นี่ ไม่เคยยอมให้หมอนวดบิดเลย
    .
    ยิ่ง หัว นี่ยิ่งห้ามเลย ขมับเขมิบอะไร ไม่ให้ยุ่งเลย เคยลอง 2-3 ครั้งปวดหัวมาก เข็ดเลย...
    .
    แต่ที่ ขาหนีบ นี่ดูอันตรายมากเลยนะเนี่ย หมอนวด ชอบมาเน้นตรงนี้ คราวหน้าต้องบอกให้เบาๆซะละ...
    .
    🥲🥲🥲🥲🥲🥲
    เอาหล่ะสิ...!!! . ชอบนวดนะ แต่นี่ไม่ยอมให้ หมอนวด นวดเหนือจาก คอบ่าไหล่ ขึ้นไปเลย . ทั้งหลัง ทั้งคอ นี่ ไม่เคยยอมให้หมอนวดบิดเลย . ยิ่ง หัว นี่ยิ่งห้ามเลย ขมับเขมิบอะไร ไม่ให้ยุ่งเลย เคยลอง 2-3 ครั้งปวดหัวมาก เข็ดเลย... . แต่ที่ ขาหนีบ นี่ดูอันตรายมากเลยนะเนี่ย หมอนวด ชอบมาเน้นตรงนี้ คราวหน้าต้องบอกให้เบาๆซะละ... . 🥲🥲🥲🥲🥲🥲
    หมอแอร์ นักไตรกีฬาและอายุรแพทย์โรคหัวใจ เตือน 5 ข้อ ที่ต้องระวังในการนวด ชี้บริเวณคอและขาหนีบมีความเสี่ยงสูง รวมทั้งคนที่ลิ่มเลือดอุดตันที่ขา โรคหัวใจ-ความดัน และบริเวณกล้ามเนื้ออักเสบเฉียบพลัน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000117944

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว
  • #พี่คิงส์มีเรื่องจริงจะบอกอีกเรื่อง
    ในช่วงเกือบสัปดาห์ที่ผ่านมา พี่คิงส์ยอมรับว่า
    มีแฟนคลับฝั่งเกา ที่ลาออกจากการเป็นด้อมทักมาหาพี่เยอะมาก
    จะมีคำคล้ายๆกันว่า "พี่คิงส์ เมื่อก่อนไม่ชอบพี่ และหนูเคยด่าพี่ด้วย
    แต่พอเวลาผ่านไป สิ่งที่พี่โพสมันจริงในหลายเรื่องอย่างน่าตกใจ
    เช่น ทุกอย่างจะพังเพราะป้า" เอาว่าบทสนทนาประมาณนี้
    และทุกคนจะมีความรู้สึกอึดอัดกับความหิวแสงกลัวโดนแย่งซีน
    ของป้าคนนี้เอามากๆ
    - โดยด้อมเหล่านี้ รักสงบ ไม่อยากให้สาวเกาของตัวเองต้องไปมีเรื่องมีราวกับคนนั้นคนนี้ และบางคนก็เคยเอ่ยในช่องที่อิป้าเป็นเจ้าลัทติ๊ว่า พอเหอะป้า ปรากฏ อิป้าตีโพยตีพาย บอกว่าด้อมคนนี้ย้ายข้างแล้ว อ้าว อิห่านจิก ไปไล่เค้าอีก
    - และพี่คิงส์ก็เจออีกหลายๆเคส ที่โดนบลล็อคคแหลก หรือเจออะไรที่มันปวดหัวไม่เว้นวัน จนคิดว่า ถ้าจะเชียร์สาวเกาโดยต้องอยู่ใต้ teen อิป้า พวกเค้าขอถอนตัวออกมา เอาชีวีให้รอดก่อน เพราะถ้ายังต้องเป็นสาวกอิป้าต่อไป มีหวัง ได้เปื่อยจิตตามอิป้าแน่นอน
    - พี่คิงได้สนทนา ก็ได้แต่แสดงความเห็นใจ และเข้าใจ
    อ้อ แล้วเริ่มมีด้อมเกาจำนวนมากที่เกิดความสงสัยในหลายๆครั้ง ที่ป้า มักอ้างว่า ได้คุยกับสาวเกา สาวเกาพูดว่าอย่างโน้น อย่างนี้นั้น มันจริงรึเปล่า เพราะมันมีบทพิสูจน์หลายอย่างที่สาวเกามาพูดเอง กับสิ่งที่ป้าถ่ายทอดเป็นนิยาย มันไม่ตรงกัน มันคนละเรื่องกัน อย่างไม่น่าให้อภัย แม้กระทั่ง เรื่องที่ป้าเม้นมา น้องมันก็แคปมาให้พี่ดูว่า "เนี่ย ป้าไปคุยกับน้องมา น้องบอกว่าไม่มีการออมชอม รู้สึกใจฟูู" เออ อะไรประมาณนี้แหละ
    - เพราะทุกคนที่ทักมารู้ดีกว่า การฟ๊องคนไทย สาวเกามีแต่ความอิ๊บอ๋ายวายป่วงแน่นวล
    และพี่คิงส์ไปได้ข้อมูลมาว่า อิป้า ให้สาวเกามอบ อำ นาจ ให้ทานายที่อิโจหามา แล้วสาวเกาไม่รู้ว่า อิป้า จะฟ๊องเป็นร้อยๆคาดี เพราะมันจะฟ๊องเท่าไหร่ก็ได้ ทานายมีใบมอบไว้แล้ว แต่ค่าฟ๊อง สาวเกาออกนะ ไม่ใช่ ป้า ยังไม่พอ การทำคาดีแบบนี้ อย่าคิดว่าสาวไม่ต้องลงมาไทยเลยนะ ต้องมีการไต่สวน มีอะไรที่เป็นขั้นตอนวุ่นวายอีกมาก และที่สำคัญ อิป้าก็เอ่ยแล้วว่า ต้องใช่ค่าใช่จ่ายในการฟ๊องคนไทยนั้นมหาศาล แต่อิป้าก็ไม่ปล่อยวาง
    - ถามว่า ไอ่ที่อิป้ามันจะปักธงฟ๊องอะ มันปกป้องสาวเกาจริง หรือเพียงแค่สนองความสะใจ และรู้สึกว่าตัวเองนั้นยิ่งใหญ่ซะเหลือเกินกันแน่ กรรูว่านะ ใครๆก็รู้คำตอบแม้ว่าเป็นฝั่งเดียวกัน แต่หารู้ไม่ว่า
    - ป้า กำลังบั่นทอนคนที่เป็นแฟนคลับสาวเกาจากที่แฟนคลับหนุ่มกับสาว คือกลุ่มเดียวกัน ถ้าป้าไม่ปั่น ยอดฟอลไม่หายเกินครึ่งล้านแบบนี้ ในห้องเทพ จากห้าพัน ป้าปั่นไปปั่นมา เหลืออยู่พันกว่า ยอดฟอลจากล้านเจ็ด เหลือนับถอยหลังต่ำล้านแน่นอนในเวลาไม่นาน จากกลุ่มที่เล็กจะแย่อยู่แล้ว ป้ายังมาซอยย่อยยิบ ถีบหัวส่งคนเชียร์ฝั่งเดียวกัน แต่เค้าไม่อยาก Ba เหมือนป้า ที่จะไปไฝว้กับคนนั้นคนนี้ ป้าไล่หมด
    กรรูอยากถามว่า สรุป อิป้านี่ มันจะผูกขาดความเป็นแฟนคลับสาวเกาไว้ที่มันกับคนไม่กี่คนเหรอฟร๊ะ เออ แต่ก็แล้วแต่เมิงแหละ เอาที่เมิงสบายใจ
    - สรุป สาวเกา คบ และเชื่ออิป้า เสียเงินมหาศาล ไม่รวมค่าใช้จ่ายวันแถลงข่าวที่ไมไ่ด้ห่านอะไรเป็นสาระ และมีอิป้าที่แย่งซีนสาวเกาซะเหลือเกิน จับมือแฟนคลับดุจดั่งตัวเองเป็นสาวเกา กรรูเห็นแล้วยังเขินแทนเลย นอกจากเสียเงินมหาศาลที่พี่คิงส์ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะหมดอีกเท่าไหร่ หรืออาจจะถึงขั้นหมดตัวก็ได้ เพราะทานาย จ้าง เค้าก็ฟ๊อง แต่ชนะ หรือ แพ้ หรือโดนฟ๊องกลับนั่นก็อีกเรื่อง แต่เค้าได้เงินไปแล้ว ส่วนอิป้าจะได้เปอร์เซ็นหรือไม่ เอาว่า ปกติ มันมีครับกรณีแบบนี้หาลูกค้ามาให้ มีตั้งแต่ 10 - 40% แล้วแต่ตกลง
    ก็พี่คิงส์เคยบอกแล้วว่างานนี้ ทุกคนมีแต่เสีย หนุ่ม สาว แฟนคลับสองฝ่าย
    - คนที่ได้สนองความเฉพติดดราม่า และความต้องการของตัวเองคนเดียวคือ
    ก๊อดซีป้านี่แหละ
    อิฉัด
    หวังว่าถ้าเรื่องนี้จบ อิป้า จะพยายามหาผัวให้ได้นะ
    กรรูว่า เมิงฟุ้งซ่านจนชาวบา้นเดือดร้อนมากเกินไปละ
    อิห่านจิก
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    #พี่คิงส์มีเรื่องจริงจะบอกอีกเรื่อง ในช่วงเกือบสัปดาห์ที่ผ่านมา พี่คิงส์ยอมรับว่า มีแฟนคลับฝั่งเกา ที่ลาออกจากการเป็นด้อมทักมาหาพี่เยอะมาก จะมีคำคล้ายๆกันว่า "พี่คิงส์ เมื่อก่อนไม่ชอบพี่ และหนูเคยด่าพี่ด้วย แต่พอเวลาผ่านไป สิ่งที่พี่โพสมันจริงในหลายเรื่องอย่างน่าตกใจ เช่น ทุกอย่างจะพังเพราะป้า" เอาว่าบทสนทนาประมาณนี้ และทุกคนจะมีความรู้สึกอึดอัดกับความหิวแสงกลัวโดนแย่งซีน ของป้าคนนี้เอามากๆ - โดยด้อมเหล่านี้ รักสงบ ไม่อยากให้สาวเกาของตัวเองต้องไปมีเรื่องมีราวกับคนนั้นคนนี้ และบางคนก็เคยเอ่ยในช่องที่อิป้าเป็นเจ้าลัทติ๊ว่า พอเหอะป้า ปรากฏ อิป้าตีโพยตีพาย บอกว่าด้อมคนนี้ย้ายข้างแล้ว อ้าว อิห่านจิก ไปไล่เค้าอีก - และพี่คิงส์ก็เจออีกหลายๆเคส ที่โดนบลล็อคคแหลก หรือเจออะไรที่มันปวดหัวไม่เว้นวัน จนคิดว่า ถ้าจะเชียร์สาวเกาโดยต้องอยู่ใต้ teen อิป้า พวกเค้าขอถอนตัวออกมา เอาชีวีให้รอดก่อน เพราะถ้ายังต้องเป็นสาวกอิป้าต่อไป มีหวัง ได้เปื่อยจิตตามอิป้าแน่นอน - พี่คิงได้สนทนา ก็ได้แต่แสดงความเห็นใจ และเข้าใจ อ้อ แล้วเริ่มมีด้อมเกาจำนวนมากที่เกิดความสงสัยในหลายๆครั้ง ที่ป้า มักอ้างว่า ได้คุยกับสาวเกา สาวเกาพูดว่าอย่างโน้น อย่างนี้นั้น มันจริงรึเปล่า เพราะมันมีบทพิสูจน์หลายอย่างที่สาวเกามาพูดเอง กับสิ่งที่ป้าถ่ายทอดเป็นนิยาย มันไม่ตรงกัน มันคนละเรื่องกัน อย่างไม่น่าให้อภัย แม้กระทั่ง เรื่องที่ป้าเม้นมา น้องมันก็แคปมาให้พี่ดูว่า "เนี่ย ป้าไปคุยกับน้องมา น้องบอกว่าไม่มีการออมชอม รู้สึกใจฟูู" เออ อะไรประมาณนี้แหละ - เพราะทุกคนที่ทักมารู้ดีกว่า การฟ๊องคนไทย สาวเกามีแต่ความอิ๊บอ๋ายวายป่วงแน่นวล และพี่คิงส์ไปได้ข้อมูลมาว่า อิป้า ให้สาวเกามอบ อำ นาจ ให้ทานายที่อิโจหามา แล้วสาวเกาไม่รู้ว่า อิป้า จะฟ๊องเป็นร้อยๆคาดี เพราะมันจะฟ๊องเท่าไหร่ก็ได้ ทานายมีใบมอบไว้แล้ว แต่ค่าฟ๊อง สาวเกาออกนะ ไม่ใช่ ป้า ยังไม่พอ การทำคาดีแบบนี้ อย่าคิดว่าสาวไม่ต้องลงมาไทยเลยนะ ต้องมีการไต่สวน มีอะไรที่เป็นขั้นตอนวุ่นวายอีกมาก และที่สำคัญ อิป้าก็เอ่ยแล้วว่า ต้องใช่ค่าใช่จ่ายในการฟ๊องคนไทยนั้นมหาศาล แต่อิป้าก็ไม่ปล่อยวาง - ถามว่า ไอ่ที่อิป้ามันจะปักธงฟ๊องอะ มันปกป้องสาวเกาจริง หรือเพียงแค่สนองความสะใจ และรู้สึกว่าตัวเองนั้นยิ่งใหญ่ซะเหลือเกินกันแน่ กรรูว่านะ ใครๆก็รู้คำตอบแม้ว่าเป็นฝั่งเดียวกัน แต่หารู้ไม่ว่า - ป้า กำลังบั่นทอนคนที่เป็นแฟนคลับสาวเกาจากที่แฟนคลับหนุ่มกับสาว คือกลุ่มเดียวกัน ถ้าป้าไม่ปั่น ยอดฟอลไม่หายเกินครึ่งล้านแบบนี้ ในห้องเทพ จากห้าพัน ป้าปั่นไปปั่นมา เหลืออยู่พันกว่า ยอดฟอลจากล้านเจ็ด เหลือนับถอยหลังต่ำล้านแน่นอนในเวลาไม่นาน จากกลุ่มที่เล็กจะแย่อยู่แล้ว ป้ายังมาซอยย่อยยิบ ถีบหัวส่งคนเชียร์ฝั่งเดียวกัน แต่เค้าไม่อยาก Ba เหมือนป้า ที่จะไปไฝว้กับคนนั้นคนนี้ ป้าไล่หมด กรรูอยากถามว่า สรุป อิป้านี่ มันจะผูกขาดความเป็นแฟนคลับสาวเกาไว้ที่มันกับคนไม่กี่คนเหรอฟร๊ะ เออ แต่ก็แล้วแต่เมิงแหละ เอาที่เมิงสบายใจ - สรุป สาวเกา คบ และเชื่ออิป้า เสียเงินมหาศาล ไม่รวมค่าใช้จ่ายวันแถลงข่าวที่ไมไ่ด้ห่านอะไรเป็นสาระ และมีอิป้าที่แย่งซีนสาวเกาซะเหลือเกิน จับมือแฟนคลับดุจดั่งตัวเองเป็นสาวเกา กรรูเห็นแล้วยังเขินแทนเลย นอกจากเสียเงินมหาศาลที่พี่คิงส์ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะหมดอีกเท่าไหร่ หรืออาจจะถึงขั้นหมดตัวก็ได้ เพราะทานาย จ้าง เค้าก็ฟ๊อง แต่ชนะ หรือ แพ้ หรือโดนฟ๊องกลับนั่นก็อีกเรื่อง แต่เค้าได้เงินไปแล้ว ส่วนอิป้าจะได้เปอร์เซ็นหรือไม่ เอาว่า ปกติ มันมีครับกรณีแบบนี้หาลูกค้ามาให้ มีตั้งแต่ 10 - 40% แล้วแต่ตกลง ก็พี่คิงส์เคยบอกแล้วว่างานนี้ ทุกคนมีแต่เสีย หนุ่ม สาว แฟนคลับสองฝ่าย - คนที่ได้สนองความเฉพติดดราม่า และความต้องการของตัวเองคนเดียวคือ ก๊อดซีป้านี่แหละ อิฉัด หวังว่าถ้าเรื่องนี้จบ อิป้า จะพยายามหาผัวให้ได้นะ กรรูว่า เมิงฟุ้งซ่านจนชาวบา้นเดือดร้อนมากเกินไปละ อิห่านจิก #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 543 มุมมอง 0 รีวิว
  • วัคซีนโควิดปลอดภัยในสตรีตั้งครรภ์จริงหรือ ?   รวบรวมข้อมูลจาก CDC/FDA Vaccine Adverse Event Reporting System (VAERS) ตั้งแต่ 1 มกราคม 1990 ถึง 26 เมษายน 2024 เพื่อดูผลข้างเคียง (adverse effect, AE) ของวัคซีนโควิดที่มีต่อสตรีตั้งครรภ์เมื่อเทียบกับวัคซีนชนิดอื่น รวมระยะเวลาทั้งหมด 412 เดือน ยกเว้นวัคซีนโควิดที่เก็บรวบรวมได้แค่ 40 เดือนจาก 412 เดือน (1 ธันวาคม 2020 ถึง 26 เมษายน April 2024) โดยดู proportional reporting ratios (PRR) ตามระยะเวลา เปรียบเทียบ AEs ระหว่างวัคซีนโควิดที่มีต่อสตรีตั้งครรภ์กับวัคซีนชนิดอื่น ในกรณีที่หา PRR ไม่ได้ก็ใช้ Chi-square analysis และ Fisher’s exact tests แทน โดยยึดข้อกำหนดตาม CDC/FDA safety concern คือต้องระวังเรื่องความปลอดภัย ถ้า PRR ≥ 2 หรือ Chi-square  ≥ 4พบ 37 AE จากการฉีดวัคซีนโควิดในผู้ตั้งครรภ์  ได้แก่ : miscarriage, fetal chromosomal abnormality, fetal malformation, cervical insufficiency, premature rupture of membranes, premature labor, premature delivery, placental calcification, placental infarction, placental thrombosis, placenta accreta, placental abruption, placental insufficiency, placental disorder, fetal maternal hemorrhage, fetal growth restriction, reduced amniotic fluid volume, preeclampsia, fetal heart rate abnormality, fetal cardiac disorder, fetal vascular mal-perfusion, fetal arrhythmia, fetal distress, fetal biophysical profile abnormal, hemorrhage in pregnancy, fetal cardiac arrest, fetal death (stillbirth), premature infant death, neonatal asphyxia, neonatal dyspnea, neonatal infection, neonatal hemorrhage, insufficient breast milk, neonatal pneumonia, neonatal respiratory distress, neonatal respiratory distress syndrome, neonatal seizure. ขออนุญาตไม่แปลเป็นภาษาไทยทั้งหมดเพราะอาจสื่อความหมายได้ไม่ชัดเจน แต่สำหรับผู้ที่สนใจหาข้อมูลก็สามารถหาคำแปลภาวะต่างๆด้านบนได้ไม่ยากSummary statistics for the deviation from the CDC/FDA safety signals mean (n, range) เป็นดังนี้: PRR 69.3 (46, 5.37 - 499); z statistic 9.64 (46, 3.29 - 27.0); และ Chi-square was 74.7 (26, 28.9 - 148)จะเห็นได้ว่าผลข้างเคียงจากวัคซีนโควิดในสตรีตั้งครรภ์สูงกว่า safety concern ที่ CDC/FDA กำหนดไว้มากและมีอีก 1 รายงานผลกระทบจากการฉีดวัคซีนโควิดที่มีต่อสตรีมีครรภ์จากการรวบรวมเคส 438 รายในประเทศซาอุดิอาระเบีย ช่วง มีค.-พค. 2022 โดยแบ่งกลุ่มศึกษาเป็น 2 กลุ่ม กลุ่ม A คือสตรีมีครรภ์ที่ไม่ได้รับวัคซีนเลยแม้แต่เข็มเดียว กลุ่ม B คือได้รับวัคซีนโควิดอย่างน้อย 1 เข็ม พบว่ากลุ่ม B มีอัตราการแท้ง น้ำคร่ำน้อย รกผิดปกติ การเจริญเติบโตของทารกผิดปกติ มีปัญหาเรื่องการให้นม ความดันโลหิตสูง อาการอื่นๆทางระบบ เช่น อ่อนเพลียปวดหัวเจ็บหน้าอก การหายใจมีปัญหา มีปัญหาการนอนหลับ มากกว่ากลุ่ม A อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เรียบเรียงโดย นพ.ดร. ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริhttps://www.preprints.org/manuscript/202406.2062/v1 https://journals.sagepub.com/doi/epdf/10.1177/25151355241285594?utm_source=substack&utm_medium=email
    วัคซีนโควิดปลอดภัยในสตรีตั้งครรภ์จริงหรือ ?   รวบรวมข้อมูลจาก CDC/FDA Vaccine Adverse Event Reporting System (VAERS) ตั้งแต่ 1 มกราคม 1990 ถึง 26 เมษายน 2024 เพื่อดูผลข้างเคียง (adverse effect, AE) ของวัคซีนโควิดที่มีต่อสตรีตั้งครรภ์เมื่อเทียบกับวัคซีนชนิดอื่น รวมระยะเวลาทั้งหมด 412 เดือน ยกเว้นวัคซีนโควิดที่เก็บรวบรวมได้แค่ 40 เดือนจาก 412 เดือน (1 ธันวาคม 2020 ถึง 26 เมษายน April 2024) โดยดู proportional reporting ratios (PRR) ตามระยะเวลา เปรียบเทียบ AEs ระหว่างวัคซีนโควิดที่มีต่อสตรีตั้งครรภ์กับวัคซีนชนิดอื่น ในกรณีที่หา PRR ไม่ได้ก็ใช้ Chi-square analysis และ Fisher’s exact tests แทน โดยยึดข้อกำหนดตาม CDC/FDA safety concern คือต้องระวังเรื่องความปลอดภัย ถ้า PRR ≥ 2 หรือ Chi-square  ≥ 4พบ 37 AE จากการฉีดวัคซีนโควิดในผู้ตั้งครรภ์  ได้แก่ : miscarriage, fetal chromosomal abnormality, fetal malformation, cervical insufficiency, premature rupture of membranes, premature labor, premature delivery, placental calcification, placental infarction, placental thrombosis, placenta accreta, placental abruption, placental insufficiency, placental disorder, fetal maternal hemorrhage, fetal growth restriction, reduced amniotic fluid volume, preeclampsia, fetal heart rate abnormality, fetal cardiac disorder, fetal vascular mal-perfusion, fetal arrhythmia, fetal distress, fetal biophysical profile abnormal, hemorrhage in pregnancy, fetal cardiac arrest, fetal death (stillbirth), premature infant death, neonatal asphyxia, neonatal dyspnea, neonatal infection, neonatal hemorrhage, insufficient breast milk, neonatal pneumonia, neonatal respiratory distress, neonatal respiratory distress syndrome, neonatal seizure. ขออนุญาตไม่แปลเป็นภาษาไทยทั้งหมดเพราะอาจสื่อความหมายได้ไม่ชัดเจน แต่สำหรับผู้ที่สนใจหาข้อมูลก็สามารถหาคำแปลภาวะต่างๆด้านบนได้ไม่ยากSummary statistics for the deviation from the CDC/FDA safety signals mean (n, range) เป็นดังนี้: PRR 69.3 (46, 5.37 - 499); z statistic 9.64 (46, 3.29 - 27.0); และ Chi-square was 74.7 (26, 28.9 - 148)จะเห็นได้ว่าผลข้างเคียงจากวัคซีนโควิดในสตรีตั้งครรภ์สูงกว่า safety concern ที่ CDC/FDA กำหนดไว้มากและมีอีก 1 รายงานผลกระทบจากการฉีดวัคซีนโควิดที่มีต่อสตรีมีครรภ์จากการรวบรวมเคส 438 รายในประเทศซาอุดิอาระเบีย ช่วง มีค.-พค. 2022 โดยแบ่งกลุ่มศึกษาเป็น 2 กลุ่ม กลุ่ม A คือสตรีมีครรภ์ที่ไม่ได้รับวัคซีนเลยแม้แต่เข็มเดียว กลุ่ม B คือได้รับวัคซีนโควิดอย่างน้อย 1 เข็ม พบว่ากลุ่ม B มีอัตราการแท้ง น้ำคร่ำน้อย รกผิดปกติ การเจริญเติบโตของทารกผิดปกติ มีปัญหาเรื่องการให้นม ความดันโลหิตสูง อาการอื่นๆทางระบบ เช่น อ่อนเพลียปวดหัวเจ็บหน้าอก การหายใจมีปัญหา มีปัญหาการนอนหลับ มากกว่ากลุ่ม A อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เรียบเรียงโดย นพ.ดร. ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริhttps://www.preprints.org/manuscript/202406.2062/v1 https://journals.sagepub.com/doi/epdf/10.1177/25151355241285594?utm_source=substack&utm_medium=email
    Like
    Love
    21
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1253 มุมมอง 1 รีวิว
  • การทานอาหารตามธาตุเจ้าเรือน เป็นศาสตร์แห่งการรักษาสุขภาพด้วยการทานอาหาร ซึ่งตามทฤษฎีการแพทย์แผนไทยได้กล่าวว่า ร่างกายของคนเรานั้นล้วนประกอบขึ้นด้วยธาตุต่างๆ ได้แก่ธาตุไฟ ธาตุลม ธาตุน้ำ ธาตุดิน เมื่อธาตุทั้งสี่ในร่างกายสมดุลแล้ว จะไม่ค่อยเจ็บป่วย แต่หากขาดสมดุลแล้วจะเกิดการเจ็บป่วยจากจุดอ่อนด้านสุขภาพของคนตามธาตุเจ้าเรือน
    ธาตุไฟ คือ ผู้ที่เกิด (เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์-มีนาคม)
    ผู้ที่เกิดธาตุนี้ขี้ร้อน หงุดหงิดง่าย เป็นลมพิษ ปวดหัวบ่อย ผิวแห้งและท้องผูกบ่อย
    ดังนั้นควรรับประทานควรเป็นรสเย็น รสขม รสจืด เพื่อช่วยลดความร้อนในร่างกาย โดยเมนูตัวอย่างที่แนะนำ เช่น ต้มจืดฟักหมู ต้มจืดตำลึง แตงกวาผัดไข่ น้ำเก๊กฮวย เป็นต้น
    ธาตุลม คือ ผู้ที่เกิด (เดือนเมษายน-พฤษภาคม-มิถุนายน)
    ผู้ที่เกิดธาตุลม มักมีลมอยู่ภายในร่างกายค่อนข้างมาก ก็จะส่งผลให้มีอาการท้องอืด ปวดเส้น หน้ามืด วิงเวียน ปวดหัว นอนไม่หลับ
    ดังนั้นควรรับประทานควรเป็นรสเผ็ดร้อน เพื่อกระจายและลดธาตุลม ได้แก่ ต้มยำกุ้ง ไก่ผัดขิง ต้มข่าไก่ บัวลอยน้ำขิง เป็นต้น
    ธาตุน้ำ คือ ผู้ที่เกิด (เดือนกรกฎาคม สิงหาคม กันยายน)
    ผู้ที่เกิดธาตุน้ำจะมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก โรคที่พบได้ค่อนข้างบ่อยสำหรับผู้ที่เกิดธาตุน้ำได้แก่ โรคภูมิแพ้ น้ำเหลืองเสีย ขาบวม อ้วน โรคเนื้องอก ซีสต์
    ดังนั้นควรรับประทานควรเป็นรสเปรี้ยว รสขม เพื่อปรับสมดุลน้ำในร่างกาย ได้แก่ ต้มจืดมะระ แกงส้มดอกแค ห่อหมกใบยอ น้ำใบบัวบก เป็นต้น
    ธาตุดิน คือ ผู้ที่เกิด (ตุลาคม-พฤศจิกายน-ธันวาคม)
    ผู้ที่เกิดธาตุดินควรรับประทานอาหารรส ฝาด หวาน มัน เค็ม เพื่อบำรุงกำลัง ได้แก่ แกงคั่วขนุน สะตอผัดกุ้ง ผัดฟัดทอง ผัดผักหวาน น้ำอ้อย เป็นต้น
    ----
    สนใจผลิตภัณฑ์และขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่…
    Line OA : https://lin.ee/MOFhjQs
    Facebook : https://www.facebook.com/qr?id=100090076934583
    #โปรโมชั่นสุดคุ้ม #ผลิตภัณฑ์สมุนไพร #ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม #สยามไภษัชย์ #วิลิตา #เฮอร์บาติก้า #Siamphaisat #Vilita #Herbatika #thaitimes
    การทานอาหารตามธาตุเจ้าเรือน เป็นศาสตร์แห่งการรักษาสุขภาพด้วยการทานอาหาร ซึ่งตามทฤษฎีการแพทย์แผนไทยได้กล่าวว่า ร่างกายของคนเรานั้นล้วนประกอบขึ้นด้วยธาตุต่างๆ ได้แก่ธาตุไฟ ธาตุลม ธาตุน้ำ ธาตุดิน เมื่อธาตุทั้งสี่ในร่างกายสมดุลแล้ว จะไม่ค่อยเจ็บป่วย แต่หากขาดสมดุลแล้วจะเกิดการเจ็บป่วยจากจุดอ่อนด้านสุขภาพของคนตามธาตุเจ้าเรือน ธาตุไฟ คือ ผู้ที่เกิด (เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์-มีนาคม) ผู้ที่เกิดธาตุนี้ขี้ร้อน หงุดหงิดง่าย เป็นลมพิษ ปวดหัวบ่อย ผิวแห้งและท้องผูกบ่อย ดังนั้นควรรับประทานควรเป็นรสเย็น รสขม รสจืด เพื่อช่วยลดความร้อนในร่างกาย โดยเมนูตัวอย่างที่แนะนำ เช่น ต้มจืดฟักหมู ต้มจืดตำลึง แตงกวาผัดไข่ น้ำเก๊กฮวย เป็นต้น ธาตุลม คือ ผู้ที่เกิด (เดือนเมษายน-พฤษภาคม-มิถุนายน) ผู้ที่เกิดธาตุลม มักมีลมอยู่ภายในร่างกายค่อนข้างมาก ก็จะส่งผลให้มีอาการท้องอืด ปวดเส้น หน้ามืด วิงเวียน ปวดหัว นอนไม่หลับ ดังนั้นควรรับประทานควรเป็นรสเผ็ดร้อน เพื่อกระจายและลดธาตุลม ได้แก่ ต้มยำกุ้ง ไก่ผัดขิง ต้มข่าไก่ บัวลอยน้ำขิง เป็นต้น ธาตุน้ำ คือ ผู้ที่เกิด (เดือนกรกฎาคม สิงหาคม กันยายน) ผู้ที่เกิดธาตุน้ำจะมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก โรคที่พบได้ค่อนข้างบ่อยสำหรับผู้ที่เกิดธาตุน้ำได้แก่ โรคภูมิแพ้ น้ำเหลืองเสีย ขาบวม อ้วน โรคเนื้องอก ซีสต์ ดังนั้นควรรับประทานควรเป็นรสเปรี้ยว รสขม เพื่อปรับสมดุลน้ำในร่างกาย ได้แก่ ต้มจืดมะระ แกงส้มดอกแค ห่อหมกใบยอ น้ำใบบัวบก เป็นต้น ธาตุดิน คือ ผู้ที่เกิด (ตุลาคม-พฤศจิกายน-ธันวาคม) ผู้ที่เกิดธาตุดินควรรับประทานอาหารรส ฝาด หวาน มัน เค็ม เพื่อบำรุงกำลัง ได้แก่ แกงคั่วขนุน สะตอผัดกุ้ง ผัดฟัดทอง ผัดผักหวาน น้ำอ้อย เป็นต้น ---- สนใจผลิตภัณฑ์และขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่… Line OA : https://lin.ee/MOFhjQs Facebook : https://www.facebook.com/qr?id=100090076934583 #โปรโมชั่นสุดคุ้ม #ผลิตภัณฑ์สมุนไพร #ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม #สยามไภษัชย์ #วิลิตา #เฮอร์บาติก้า #Siamphaisat #Vilita #Herbatika #thaitimes
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 924 มุมมอง 0 รีวิว
  • แผนกแพทย์แผนจีนที่ RegeneLife Vital Center เรามุ่งเน้นการดูแลปรับสมดุลร่างกาย อย่างครอบคลุมในเชิงป้องกันและบำบัดรักษา
    --
    การฝังเข็ม : สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดเรื้อรัง เช่น โรคข้ออักเสบ อาการบาดเจ็บ ปวดหัวไมเกรน ปวดประจําเดือน และอาการปวดคอ หลัง หรือหัวเข่า นอกจากนี้ยังช่วยให้ภาวะและระบบต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ดีขึ้นได้ ผลข้างเคียงของโรคมะเร็งและการรักษามะเร็ง ระบบภูมิคุ้มกัน
    นอกจากทางศูนย์จะผ่านการรับรองตามมาตรฐาน ยังตั้งอยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวก ทั้งโดย BTSราชดำริ และ MRT สีลม หมดความกังวลใจเรื่องที่จอดรถ เพราะทางเรามีบริการลานจอดรถที่รองรับผู้ใช้บริการอย่างกว้างขวาง
    จองคิวล่วงหน้าหรือสอบถามเพิ่มเติม
    💙 RVC Clinic Rajadamri
    ✅Line : @rvc.official https://lin.ee/9azUqvQ
    📞 phone : 083-9485178
    💙 Facebook : https://www.facebook.com/Regenelife?mibextid=uzlsIk
    💖Instagram: https://www.instagram.com/rvc_rajadamri...
    🌟TikTok : rvc.official
    📍5th Fl. Regent House 2 building
    https://maps.app.goo.gl/UgibdJL3NQibkYae9?g_st=ic
    ฝังเข็ม #ออฟฟิศซินโดรม #ครอบแก้ว #แพทย์แผนจีน #chinesemedicine #acupuncture #cupping #ราชดำริ #สวนลุมพินี #นอนไม่หลับ #หลับยาก #หน้าใส #ฝังเข็มหน้าใส #RegeneLife #regenelifevitalcenter #thaitimes
    แผนกแพทย์แผนจีนที่ RegeneLife Vital Center เรามุ่งเน้นการดูแลปรับสมดุลร่างกาย อย่างครอบคลุมในเชิงป้องกันและบำบัดรักษา -- การฝังเข็ม : สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดเรื้อรัง เช่น โรคข้ออักเสบ อาการบาดเจ็บ ปวดหัวไมเกรน ปวดประจําเดือน และอาการปวดคอ หลัง หรือหัวเข่า นอกจากนี้ยังช่วยให้ภาวะและระบบต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ดีขึ้นได้ ผลข้างเคียงของโรคมะเร็งและการรักษามะเร็ง ระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากทางศูนย์จะผ่านการรับรองตามมาตรฐาน ยังตั้งอยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวก ทั้งโดย BTSราชดำริ และ MRT สีลม หมดความกังวลใจเรื่องที่จอดรถ เพราะทางเรามีบริการลานจอดรถที่รองรับผู้ใช้บริการอย่างกว้างขวาง จองคิวล่วงหน้าหรือสอบถามเพิ่มเติม 💙 RVC Clinic Rajadamri ✅Line : @rvc.official https://lin.ee/9azUqvQ 📞 phone : 083-9485178 💙 Facebook : https://www.facebook.com/Regenelife?mibextid=uzlsIk 💖Instagram: https://www.instagram.com/rvc_rajadamri... 🌟TikTok : rvc.official 📍5th Fl. Regent House 2 building https://maps.app.goo.gl/UgibdJL3NQibkYae9?g_st=ic ฝังเข็ม #ออฟฟิศซินโดรม #ครอบแก้ว #แพทย์แผนจีน #chinesemedicine #acupuncture #cupping #ราชดำริ #สวนลุมพินี #นอนไม่หลับ #หลับยาก #หน้าใส #ฝังเข็มหน้าใส #RegeneLife #regenelifevitalcenter #thaitimes
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 753 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยิ่งดูเรื่องการเมืองไทยยิ่งปวดหัว
    ยิ่งดูเรื่องการเมืองไทยยิ่งปวดหัว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • จาก ธรรมะคืออะไร ก็มาถึง ตบทรัพย์คืออะไร
    โอ๊ย...ป้าปวดหัวแล้วค่ะ แต่ละวัน มีเรื่องอะไรนักก็ไม่รู้ คิดคำตอบไม่ทันแล้วค่ะ

    พอมาเห็นข่าว ตาแก่ปากเสียไปพูดอะไรบนเวที ยิ่งหงุดหงิด ชื่นชมแต่ลูกสาวตัวเอง
    เชอะ...เก่งตายละ คนอื่นโง่หมด เก่งแต่ตระกูลตัวเองล่ะนะ

    ไม่ได้ขึ้นเวทีปราศรัยหลายปี คงจะอัดอั้นสินะ พอได้จังหวะเลยโม้ไม่หยุด ปากจัดซะด้วย
    ด่าไปทั่ว เรื่องชั้น 14 ล่ะว่าไง จะได้เข้าไปคุยกับบอสพอล เพื่อช่วยกันหาวิธีทำให้ชาวบ้านมีรายได้ง่ายๆ บ้างมั้ย
    รอลุ้นอยู่นะ คุกๆ (เสียงตาแก่ไอ)
    #วิถีคนแก่ #หาเรื่องมาคุย #บ่นยามเย็น
    จาก ธรรมะคืออะไร ก็มาถึง ตบทรัพย์คืออะไร โอ๊ย...ป้าปวดหัวแล้วค่ะ แต่ละวัน มีเรื่องอะไรนักก็ไม่รู้ คิดคำตอบไม่ทันแล้วค่ะ พอมาเห็นข่าว ตาแก่ปากเสียไปพูดอะไรบนเวที ยิ่งหงุดหงิด ชื่นชมแต่ลูกสาวตัวเอง เชอะ...เก่งตายละ คนอื่นโง่หมด เก่งแต่ตระกูลตัวเองล่ะนะ ไม่ได้ขึ้นเวทีปราศรัยหลายปี คงจะอัดอั้นสินะ พอได้จังหวะเลยโม้ไม่หยุด ปากจัดซะด้วย ด่าไปทั่ว เรื่องชั้น 14 ล่ะว่าไง จะได้เข้าไปคุยกับบอสพอล เพื่อช่วยกันหาวิธีทำให้ชาวบ้านมีรายได้ง่ายๆ บ้างมั้ย รอลุ้นอยู่นะ คุกๆ (เสียงตาแก่ไอ) #วิถีคนแก่ #หาเรื่องมาคุย #บ่นยามเย็น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 435 มุมมอง 0 รีวิว
  • แนะนำ ถ้าไม่อยากปวดหัว รำคาญใจ หรรือแม้กระทั่งถามหาความรรับผิดชอบยามมีปัญหา...อย่าซื้อของกับเด็กวัยรุ่น...เพราะความเข้าใจในเรื่อง เครดิต การรักษาคำพูด นัดหมาย สัญญาอะไร...ยังน้อย....ถามว่า เด็กวัยรุ่นที่ดีมีไหม...ตอบว่า มี แต่น้อย...และไม่รู้จะยืนระยะไปได้นานแค่ไหน..ซื้อกับมืออาชีพดีกว่า.
    แนะนำ ถ้าไม่อยากปวดหัว รำคาญใจ หรรือแม้กระทั่งถามหาความรรับผิดชอบยามมีปัญหา...อย่าซื้อของกับเด็กวัยรุ่น...เพราะความเข้าใจในเรื่อง เครดิต การรักษาคำพูด นัดหมาย สัญญาอะไร...ยังน้อย....ถามว่า เด็กวัยรุ่นที่ดีมีไหม...ตอบว่า มี แต่น้อย...และไม่รู้จะยืนระยะไปได้นานแค่ไหน..ซื้อกับมืออาชีพดีกว่า.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🩸ภาวะแทรกโรคซ้อนจากไขมันในเลือดสูง🩸 1. โรคหลอดเลือดสมอง 2. โรคหลอดเลือดหัวใจ 3. โรคความดันสูง 4. เสื่อมสมรรถภาพ 5. อัมพฤกษ์ อัมพาต 6. โรคตับ 7. โรคไต👉แนะนำทานผลิตภัณฑ์ KO สารสกัดจากธรรมชาติมากกว่า 9 ชนิด มี อย.รับรอง ทานแล้วปลอดภัย🍀ผลิตภัณฑ์ K.O ❣️ ช่วยลดไขมันในเลือด ลดไตรกลีเซอไรด์ ฟื้นฟูการทำงานของระบบไหลเวียนของเลือดในร่างกาย. ✅ลดอาการ ปวดหัวบ่อย มึนหัว ไมเกรน ✅ลดไขมันในเลือด โคเลสเตอรอล ✅ฟื้นฟู เส้นเลือดในสมอง โรคหัวใจ อัมพาต ✅โลหิตจาง อาการชา อ่อนแรง ✅ช่วยให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น👉แนะนำทานผลิตภัณฑ์เคโอ (K.O) ช่วยคุณได้จากอาการเหล่านี้…☎️ปรึกษา/สั่งซื้อ โทร 092-237-8484 คุณอ้อ.#ไมเกรน #ปวดหัวไมเกรน #เลือดข้น #เลือดหนืด #ไขมันในเลือดสูง #คอเลสเตอรอลสูง #ไตรกลีเซอร์ไลด์ #มึนหัว #ปวดเนื้อปวดตัว #เหนื่อยง่าย #เบาหวาน #เวียนหัว #บ้านหมุน #วูบบ่อย #น้ำในหูไม่เท่ากัน #ความดัน #เบาหวาน #เคโอคุณอ้อ #คุณอ้อเคโอ #เคโอ #ko
    🩸ภาวะแทรกโรคซ้อนจากไขมันในเลือดสูง🩸 1. โรคหลอดเลือดสมอง 2. โรคหลอดเลือดหัวใจ 3. โรคความดันสูง 4. เสื่อมสมรรถภาพ 5. อัมพฤกษ์ อัมพาต 6. โรคตับ 7. โรคไต👉แนะนำทานผลิตภัณฑ์ KO สารสกัดจากธรรมชาติมากกว่า 9 ชนิด มี อย.รับรอง ทานแล้วปลอดภัย🍀ผลิตภัณฑ์ K.O ❣️ ช่วยลดไขมันในเลือด ลดไตรกลีเซอไรด์ ฟื้นฟูการทำงานของระบบไหลเวียนของเลือดในร่างกาย. ✅ลดอาการ ปวดหัวบ่อย มึนหัว ไมเกรน ✅ลดไขมันในเลือด โคเลสเตอรอล ✅ฟื้นฟู เส้นเลือดในสมอง โรคหัวใจ อัมพาต ✅โลหิตจาง อาการชา อ่อนแรง ✅ช่วยให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น👉แนะนำทานผลิตภัณฑ์เคโอ (K.O) ช่วยคุณได้จากอาการเหล่านี้…☎️ปรึกษา/สั่งซื้อ โทร 092-237-8484 คุณอ้อ.#ไมเกรน #ปวดหัวไมเกรน #เลือดข้น #เลือดหนืด #ไขมันในเลือดสูง #คอเลสเตอรอลสูง #ไตรกลีเซอร์ไลด์ #มึนหัว #ปวดเนื้อปวดตัว #เหนื่อยง่าย #เบาหวาน #เวียนหัว #บ้านหมุน #วูบบ่อย #น้ำในหูไม่เท่ากัน #ความดัน #เบาหวาน #เคโอคุณอ้อ #คุณอ้อเคโอ #เคโอ #ko
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 885 มุมมอง 0 รีวิว
  • 😲ไขมันในเลือดสูง เสี่ยง ตีบ แตก ตัน และ ทำให้ #ปวดหัว #เวียนหัว #หน้ามืด #บ้านหมุน #วูบบ่อย #อ่อนเพลีย #มีเสียงวิ้งๆในหู ใช้ #มือเท้าชาแขนขาอ่อนแรง #ใจสั่นแน่นหน้าอก 🍀แนะนำทาน เค.โอ (K.O) ช่วยคุณได้ ทำให้อาการที่เป็นอยู่ดีขึ้น✅ลดไขมันในเส้นเลือด ป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือด✅เพิ่มเม็ดเลือดแดงในร่างกาย ให้อยู่ในสภาวะสมดุล และเพิ่ม Growth Hormone✅ช่วยบำรุงเลือด เพิ่มออกซิเจนในเลือด✅กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และช่วยลดคลอเรสเตอรอล LDL (ไขมันไม่ดี) เพิ่ม HDL (ไขมันดี)✅เพิ่มพลังงานแก่ร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน✅สุภาพสตรีสทานแล้วประจำเดือนมาจะปวดท้องน้อยลง จนไม่ปวดเลย✅ผิวขาวขึ้น ใสขึ้น ชะลอความแก่ สิวน้อยลง สิวอักเสบดีขึ้น ผิวเรียบเนียน✅หลับง่ายขึ้นหลับสบาย หลับลึก ตื่นมาไม่เพลีย✅ป้องกันไข้หวัดต่างๆได้ดี✅ป้องกันโรคต่างได้ดีมาก มะเร็ง เบาหวาน ความดัน✅ป้องกันอาการแพ้ ต่างๆได้ดีมาก✅ป้องกันอาการแทรกซ้อนของเชื้อโรคต่างๆได้ดี✅ยับยั้งการกระจายของโรค✅ฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศของผู้ชาย✅ช่วยให้มีบุตรง่าย✅ลดและป้องกัน ฝ้า กระ จุดด่างดํา☎️ปรึกษา/สั่งซื้อ โทร 092-237-8484 (คุณอ้อ) #เลือดข้น #เลือดหนืด #ไขมันในเลือดสูง #คลอเรสเตอรอล #ไตรกลีเซอร์ไลด์ #มึนหัว #ปวดเนื้อปวดตัว #เหนื่อยง่าย #เบาหวาน #เวียนหัว #บ้านหมุน #น้ำในหูไม่เท่ากัน #ความดัน #เบาหวาน #เคโอ #ko #คุณอ้อเคโอ #เคโอคุณอ้อ
    😲ไขมันในเลือดสูง เสี่ยง ตีบ แตก ตัน และ ทำให้ #ปวดหัว #เวียนหัว #หน้ามืด #บ้านหมุน #วูบบ่อย #อ่อนเพลีย #มีเสียงวิ้งๆในหู ใช้ #มือเท้าชาแขนขาอ่อนแรง #ใจสั่นแน่นหน้าอก 🍀แนะนำทาน เค.โอ (K.O) ช่วยคุณได้ ทำให้อาการที่เป็นอยู่ดีขึ้น✅ลดไขมันในเส้นเลือด ป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือด✅เพิ่มเม็ดเลือดแดงในร่างกาย ให้อยู่ในสภาวะสมดุล และเพิ่ม Growth Hormone✅ช่วยบำรุงเลือด เพิ่มออกซิเจนในเลือด✅กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และช่วยลดคลอเรสเตอรอล LDL (ไขมันไม่ดี) เพิ่ม HDL (ไขมันดี)✅เพิ่มพลังงานแก่ร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน✅สุภาพสตรีสทานแล้วประจำเดือนมาจะปวดท้องน้อยลง จนไม่ปวดเลย✅ผิวขาวขึ้น ใสขึ้น ชะลอความแก่ สิวน้อยลง สิวอักเสบดีขึ้น ผิวเรียบเนียน✅หลับง่ายขึ้นหลับสบาย หลับลึก ตื่นมาไม่เพลีย✅ป้องกันไข้หวัดต่างๆได้ดี✅ป้องกันโรคต่างได้ดีมาก มะเร็ง เบาหวาน ความดัน✅ป้องกันอาการแพ้ ต่างๆได้ดีมาก✅ป้องกันอาการแทรกซ้อนของเชื้อโรคต่างๆได้ดี✅ยับยั้งการกระจายของโรค✅ฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศของผู้ชาย✅ช่วยให้มีบุตรง่าย✅ลดและป้องกัน ฝ้า กระ จุดด่างดํา☎️ปรึกษา/สั่งซื้อ โทร 092-237-8484 (คุณอ้อ) #เลือดข้น #เลือดหนืด #ไขมันในเลือดสูง #คลอเรสเตอรอล #ไตรกลีเซอร์ไลด์ #มึนหัว #ปวดเนื้อปวดตัว #เหนื่อยง่าย #เบาหวาน #เวียนหัว #บ้านหมุน #น้ำในหูไม่เท่ากัน #ความดัน #เบาหวาน #เคโอ #ko #คุณอ้อเคโอ #เคโอคุณอ้อ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1229 มุมมอง 5 0 รีวิว
  • แถลงการณ์วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    ฉบับที่ 001/2567
    เรื่อง ตั้งสติ อย่าตื่นตระหนก เตรียมรับมือฝีดาษลิง

    ​จากสถานการณ์โรคระบาดฝีดาษลิงในต่างประเทศซึ่งมีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยองค์การอนามัยโลก เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ซึ่งในเวลาต่อมาอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 ว่าได้พบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงคนแรกในประเทศไทยแล้ว โดยผู้ติดเชื้อดังกล่าวได้เดินทางมาจากประเทศแถบทวีปแอฟริกา ข่าวดังกล่าวได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนคนไทยโดยทั่วไป เกิดความสับสนในข่าวสารและแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้อง วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต จึงเห็นสมควรให้ชี้แจงกับประชาชน ให้ตั้งสติ อย่าตื่นตระหนก เตรียมรับมือฝีดาษลิง ดังต่อไปนี้

    ​​ประการแรก ตามรายงานในต่างประเทศซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Lancet ฉบับเผยแพร่เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 พบว่ามีผู้ป่วยส่วนใหญ่กักตัวที่บ้าน มีเพียงไม่เกินร้อยละ 13 ที่ต้องอยู่ในโรงพยาบาลเพราะต้องการแยกตัว หรือมีอาการรุนแรง โดยมีอัตราการตายน้อยกว่าร้อยละ 0.1 แต่สำหรับประเทศไทย ปรากฏเป็นข้อมูลที่เคยแถลงข่าวโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2567 รายงานว่า ประเทศไทยเคยมีผู้ป่วยฝีดาษลิงอยู่แล้วตั้งแต่กรกฏาคม 2565 ถึง 2 มิถุนายน 2567 จำนวน 794 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากฝีดาษลิง 11 ราย คิดเป็นอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยในประเทศไทยอยู่เพียงร้อยละ 1.38 ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเสียชีวิตในระดับต่ำ

    ประการที่สอง สำหรับกรณีการกลายพันธุ์เป็นชนิด เคลด วันบี (Clade Ib ) เกิดขึ้นประมาณ กันยายน 2566 ซึ่งมีอัตราการแพร่กระจายและความรุนแรงมากขึ้น ทำให้อัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น โดยเท่าที่มีข้อมูลในประเทศแถบแอฟริกาพบว่า ผู้ติดเชื้อที่เป็นผู้ใหญ่มีอัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 4 ซึ่งกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 ว่ามีผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงชนิด เคลด วันบี แล้ว 1 ราย ซึ่งเดินทางมาจากประเทศหนึ่งในแถบแอฟริกา ดังนั้นกรมควบคุมโรคควรมีมาตรการในการคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด
    ​​
    ทั้งนี้ผู้ที่ติดเชื้อฝีดาษลิงจะมีระยะเวลาฟักตัวภายใน 21 วัน และสามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่เริ่มมีอาการก่อนจะมีผื่นขึ้น กล่าวคือ มีไข้พบได้ร้อยละ 62 ปวดกล้ามเนื้อพบได้ร้อยละ 31 ปวดหัวพบได้ร้อยละ 27 ต่อมน้ำเหลืองโตพบได้ร้อยละ 56 เซื่องซึมพบได้ร้อยละ 41 หลังจากนั้นจะมีโอกาสผื่นขึ้นต่อมาร้อยละ 95 ทั้งนี้อาจเกิดตุ่มในปาก อวัยวะเพศชายและหญิง ช่องคลอด หรือรูทวารหนักได้ด้วย ผู้ป่วยจะถูกแยกกักกันนานประมาณ 21 วัน หรือจนพ้นระยะเวลาแพร่เชื้อคือ ทุกรอยโรคหายไป ตกสะเก็ดและสะเก็ดหลุดจนมีผิวหนังปกติ โดยหลังจากหายป่วยแล้วควรงดการมีเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะใช้ถุงยางอนามัยหรือไม่ก็ตามเป็นเวลาหนึ่งเดือน
    ​​
    อย่างไรก็ตามผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงส่วนใหญ่สามารถหายเองได้โดยรักษาตามอาการ เพราะยังไม่พบยาต้านไวรัสชนิดนี้ โดยแม้แต่ยา Tecovirimat ที่องค์การอนามัยโลกประกาศใช้รักษาฝีดาษลิงชนิดเคลด วันบี ก็ยังไม่ได้ผลในการรักษาแต่ประการใด เพราะตามประกาศของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ สหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 พบรายงานการวิจัยในมนุษย์ว่ายา Tecovirimat ไม่ได้ลดระยะผื่นของฝีดาษลิงในผู้ติดเชื้อทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่ประเทศคองโก รวมทั้งมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 1.7 ไม่ว่าจะใช้ยา Tecovirimat หรือไม่ใช้ก็ตาม
    ​​
    ประการที่สาม กลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรงหากติดเชื้อ ได้แก่ เด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี สตรีมีครรภ์ ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือมีโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Eczema) ตุ่มพุพอง ตกสะเก็ด คัน แสบ สะเก็ดเงิน โดยจากข้อมูลในทวีปแอฟริกา พบว่ากลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรงมีอัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 10 กลุ่มเหล่านี้จะต้องมีความระมัดระวังอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะ หลีกเลี่ยงการสัมผัสแนบชิดทางผิวหนัง เลือด หนอง สิ่งคัดหลั่งของผู้ป่วยหรือผู้ต้องสงสัยติดเชื้อฝีดาษลิง รวมถึงควรล้างมือเป็นประจำและไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น

    ประการที่สี่ สำหรับผู้มีอาชีพหรือผู้รับบริการที่ต้องมีการสัมผัสแนบชิดทางผิวหนัง ควรต้องสอบถามผู้ที่จะมาสัมผัสแนบชิดทางผิวหนัง ว่ามีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่หรือไม่ เช่น ปวดตามร่างกายแบบลักษณะมีไข้ หรือมีไข้ ปวดหัว ต่อมน้ำเหลืองโต เซื่องซึม มีตุ่มหรือผื่นตามร่างกาย หากมีอาการดังกล่าวควรแนะนำให้ไปพบแพทย์

    ประการที่ห้า อาการที่เสี่ยงเสียชีวิตหลังจากติดเชื้อแล้ว ได้แก่ มีตุ่มแผลบริเวณเยื่อบุตา ผื่นตุ่มที่แพร่กระจายทั่วตัว หรือผื่นขึ้นแบบกระจุกตัว (Cluster) มีตกเลือดในบริเวณผื่นตุ่ม อาการไข้และอาการทางร่างกายที่หนักขึ้น รวมทั้งหายใจเหนื่อย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
    ​​
    ประการที่หก ที่ผ่านมายังไม่มีวัคซีนสำหรับการป้องกันการติดเชื้อโรคฝีดาษลิงโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตามวันที่ 24 กรกฏาคม 2565 สหภาพยุโรปได้อนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ (JYNNEOS) เพื่อประยุกต์ใช้ในการป้องกันโรคฝีดาษลิง

    ทั้งนี้ผลสำรวจงานวิจัยในวารสาร New England ตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566 รายงานว่าทหารอเมริกันผู้เคยได้รับวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษชนิดเดียวกันกับที่ประเทศไทยเคยใช้ในอดีต หรือวัคซีน ACAM2000 หรือวัคซีน JYNNEOS ในปัจจุบัน ในระหว่างปี 2545 ถึง 2560 จำนวน 2.6 ล้านคนพบว่ามีโอกาสติดเชื้อฝีดาษทุกชนิดลดลง
    ​​
    สำหรับประเทศไทยผู้ที่เกิดก่อนปี 2523 หรืออายุตั้งแต่ 44 ปีขึ้นไป น่าจะได้รับการปลูกฝีป้องกันโรคฝีดาษไข้ทรพิษ (Smallpox) โดยทั่วไปแล้ว โดยสามารถสังเกตแผลเป็นที่บริเวณหัวไหล่ของผู้ที่เคยได้รับการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ ซึ่งทำให้ช่วยลดอัตราการติดเชื้อและความรุนแรงของโรคฝีดาษลิงได้ และกลุ่มคนเหล่านี้ไม่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนแล้ว

    สำหรับประชาชนทั่วไปที่มีอายุน้อยกว่า 44 ปี หรือไม่เคยปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ ยังไม่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนในขณะนี้ เพราะยังสามารถใช้มาตราการป้องกันด้วยการหลีกเลี่ยงการสัมผัสแนบชิดกับผู้ติดเชื้อหรือผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อฝีดาษลิง

    ​​เพราะตามข้อมูลของบริษัทผู้ผลิตวัคซีน JYNNEOS รายงานว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงต่อหัวใจในอัตรา 8 ต่อ10,000 ราย ซึ่งน้อยกว่าการฉีดวัควัคซีนจริงปรากฏตามรายงานในวารสาร Vaccine ฉบับเผยแพร่ออนไลน์เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 ซึ่งรายงานว่าการฉีดวัคซีน JYNNEOS อย่างน้อย 1 เข็ม มีโอกาสได้รับผลข้างเคียงต่อหัวใจในอัตรา 3.1 ต่อ 1,000 โดส อีกทั้งยังไม่เคยมีการวิจัยผลข้างเคียงการฉีดวัคซีนชนิดนี้สำหรับประชากรไทยมาก่อนด้วย

    ดังนั้นผู้ที่สมควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันฝีดาษลิง จึงควรเป็นกลุ่มประชากรที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น ได้แก่ ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงและบุคลากรสาธารณสุขที่มีความเสี่ยงสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงมากที่สุด รวมทั้งผู้มีอาชีพที่ต้องมีการสัมผัสแนบชิดทางผิวหนังกับผู้อื่น

    ประการที่เจ็ด สำหรับผู้ที่ติดเชื้อฝีดาษลิงแล้ว ให้กักตัวเองและรักษาตามอาการ ทั้งนี้ในกรรมวิธีของการแพทย์แผนไทยในการรักษาโรคระบาดที่มีผื่นหรือตุ่มตามผิวหนังนั้น มีหลักฐานปรากฏชัดเจนและได้ถูกรับรองตามกฏหมายในฐานะเป็นตำรับยาและตำรายาแผนไทยของชาติในการรับมือกับโรคระบาด ได้แก่
    ​​
    พระคัมภีร์ตักกะศิลาตามตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งสืบทอดภูมิปัญญามาตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยมีขั้นตอนการรักษา 3 ขั้นตอน คือ ตำรับยาเพื่อขั้นตอนการกระทุ้งพิษไข้ด้วยยาห้าราก ตำรับยาเพื่อขั้นตอนการแปรไข้ภายในและรักษาผิวภายนอก และตำรับยาเพื่อขั้นตอนการครอบไข้ ซึ่งมีตำรับยาใน 3 ขั้นตอนนี้ รวม 7 ขนาน
    ​​
    นอกจากนี้ยังมีตำรับยาขาว ซึ่งเป็นยาขนานเดียวตามตำรายาของศิลาจารึกวัดเชตุพนวิมลมังคราราม ราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่ามีสรรพคุณรักษาโรคระบาดได้หลายชนิด อีกทั้งยังมีตำรับยาหลายขนานสำหรับรักษาโรคฝีดาษโดยเฉพาะ ตามคัมภีร์แพทย์แผนไทยโบราณ เล่ม 3 ของขุนโสภิตบรรณลักษณ์ (อำพัน กิตติขจร)

    สำหรับการแพทย์แผนจีนมีหลักการรักษาโรคตามภาวะร่างกายโดยมีพื้นฐานการขับพิษ-ขับร้อน การปรับความร้อนระดับเลือด การขับความชื้น การปรับสมดุลของม้าม กระเพาะอาหาร การบำรุงเลือดและพลัง เพื่อขับพิษและเสริมพลังพื้นฐานในการต่อสู้กับโรคฝีดาษลิง
    ​​
    สำหรับงานวิจัยเภสัชสมุนไพรปรากฏในวารสาร Frontiers in cellular and infection Microbiology เผยแพร่เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566 ซึ่งวิเคราะห์ด้วยกระบวนการทางโมเลกุล พบว่า ขมิ้นชันมีปฏิกริยาต่อต้านไวรัสฝีดาษลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีกลไกการขัดขวางยับยั้งไวรัส ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลสำคัญที่ควรนำมาศึกษาและวิจัยการใช้ขมิ้นชันในผู้ป่วยโรคฝีดาษของมนุษย์ต่อไป เพราะเป็นสมุนไพรที่มีราคาถูก เข้าถึงได้ทั่วไป คนไทยสามารถพึ่งพาตัวเองได้ ซึ่งมีรายงานก่อนหน้านี้ว่าขมิ้นชันมีประสิทธิภาพในการยับยั้งกลไกในหลายขั้นตอนของไวรัสอีกหลายชนิด
    ​​
    นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรเดี่ยวที่มีศักยภาพในการต้านไวรัสหลายชนิด เช่น ฟ้าทะลายโจร มะขามป้อม เสลดพังพอนตัวเมีย กัญชา กัญชง ฯลฯ ซึ่งจะต้องมีการวิจัยเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงว่าจะมีศักยภาพและสามารถนำไปใช้รักษาผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงต่อไปได้หรือไม่
    ​​
    อย่างไรก็ตามผู้ป่วยฝีดาษลิงที่เลือกกักตัวเองอยู่ที่บ้าน สามารถขอรับคำปรึกษาและรับตำรับยากับคลินิกการแพทย์แผนไทย การแพทย์แผนไทยประยุกต์ การแพทย์แผนจีน ทั่วประเทศ รวมถึงสหคลินิการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-791-6000 ต่อ 4406 หรือ 089-770-5862 อย่างไรก็ตามจะต้องมีการเก็บข้อมูลติดตามผลและทำการศึกษาวิจัยผลการรักษาภายหลังต่อไป
    ​​
    จากข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นว่าประชาชนไทยต้องตั้งสติ ไม่ตื่นตระหนก แต่ให้มีความตระหนักในการป้องกันและระวังตัว และเตรียมความพร้อมในการวางแผนและกำหนดมาตรการอย่างรอบด้าน รวมทั้งประเทศไทยมีบุคลากรที่มีความรู้และภูมิปัญญาที่จะสามารถรับมือกับโรคฝีดาษลิงได้อย่างแน่นอน

    ด้วยความปรารถนาดี
    วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    23 สิงหาคม 2567

    https://www.facebook.com/100044511276276/posts/pfbid0v8ELDqDcnAZ2MgmuoGJU9Faxw4irDyQS7guRbaDmfwTqhy4QJCrTF8j4YHLVjGexl/?
    วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ม.รังสิต ออกแถลงการณ์แนะคนไทยตั้งสติ อย่าตื่นตระหนกฝีดาษวานร
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000078027
    แถลงการณ์วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ฉบับที่ 001/2567 เรื่อง ตั้งสติ อย่าตื่นตระหนก เตรียมรับมือฝีดาษลิง ​จากสถานการณ์โรคระบาดฝีดาษลิงในต่างประเทศซึ่งมีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยองค์การอนามัยโลก เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ซึ่งในเวลาต่อมาอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 ว่าได้พบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงคนแรกในประเทศไทยแล้ว โดยผู้ติดเชื้อดังกล่าวได้เดินทางมาจากประเทศแถบทวีปแอฟริกา ข่าวดังกล่าวได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนคนไทยโดยทั่วไป เกิดความสับสนในข่าวสารและแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้อง วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต จึงเห็นสมควรให้ชี้แจงกับประชาชน ให้ตั้งสติ อย่าตื่นตระหนก เตรียมรับมือฝีดาษลิง ดังต่อไปนี้ ​​ประการแรก ตามรายงานในต่างประเทศซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Lancet ฉบับเผยแพร่เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 พบว่ามีผู้ป่วยส่วนใหญ่กักตัวที่บ้าน มีเพียงไม่เกินร้อยละ 13 ที่ต้องอยู่ในโรงพยาบาลเพราะต้องการแยกตัว หรือมีอาการรุนแรง โดยมีอัตราการตายน้อยกว่าร้อยละ 0.1 แต่สำหรับประเทศไทย ปรากฏเป็นข้อมูลที่เคยแถลงข่าวโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2567 รายงานว่า ประเทศไทยเคยมีผู้ป่วยฝีดาษลิงอยู่แล้วตั้งแต่กรกฏาคม 2565 ถึง 2 มิถุนายน 2567 จำนวน 794 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากฝีดาษลิง 11 ราย คิดเป็นอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยในประเทศไทยอยู่เพียงร้อยละ 1.38 ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเสียชีวิตในระดับต่ำ ประการที่สอง สำหรับกรณีการกลายพันธุ์เป็นชนิด เคลด วันบี (Clade Ib ) เกิดขึ้นประมาณ กันยายน 2566 ซึ่งมีอัตราการแพร่กระจายและความรุนแรงมากขึ้น ทำให้อัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น โดยเท่าที่มีข้อมูลในประเทศแถบแอฟริกาพบว่า ผู้ติดเชื้อที่เป็นผู้ใหญ่มีอัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 4 ซึ่งกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 ว่ามีผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงชนิด เคลด วันบี แล้ว 1 ราย ซึ่งเดินทางมาจากประเทศหนึ่งในแถบแอฟริกา ดังนั้นกรมควบคุมโรคควรมีมาตรการในการคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด ​​ ทั้งนี้ผู้ที่ติดเชื้อฝีดาษลิงจะมีระยะเวลาฟักตัวภายใน 21 วัน และสามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่เริ่มมีอาการก่อนจะมีผื่นขึ้น กล่าวคือ มีไข้พบได้ร้อยละ 62 ปวดกล้ามเนื้อพบได้ร้อยละ 31 ปวดหัวพบได้ร้อยละ 27 ต่อมน้ำเหลืองโตพบได้ร้อยละ 56 เซื่องซึมพบได้ร้อยละ 41 หลังจากนั้นจะมีโอกาสผื่นขึ้นต่อมาร้อยละ 95 ทั้งนี้อาจเกิดตุ่มในปาก อวัยวะเพศชายและหญิง ช่องคลอด หรือรูทวารหนักได้ด้วย ผู้ป่วยจะถูกแยกกักกันนานประมาณ 21 วัน หรือจนพ้นระยะเวลาแพร่เชื้อคือ ทุกรอยโรคหายไป ตกสะเก็ดและสะเก็ดหลุดจนมีผิวหนังปกติ โดยหลังจากหายป่วยแล้วควรงดการมีเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะใช้ถุงยางอนามัยหรือไม่ก็ตามเป็นเวลาหนึ่งเดือน ​​ อย่างไรก็ตามผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงส่วนใหญ่สามารถหายเองได้โดยรักษาตามอาการ เพราะยังไม่พบยาต้านไวรัสชนิดนี้ โดยแม้แต่ยา Tecovirimat ที่องค์การอนามัยโลกประกาศใช้รักษาฝีดาษลิงชนิดเคลด วันบี ก็ยังไม่ได้ผลในการรักษาแต่ประการใด เพราะตามประกาศของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ สหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 พบรายงานการวิจัยในมนุษย์ว่ายา Tecovirimat ไม่ได้ลดระยะผื่นของฝีดาษลิงในผู้ติดเชื้อทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่ประเทศคองโก รวมทั้งมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 1.7 ไม่ว่าจะใช้ยา Tecovirimat หรือไม่ใช้ก็ตาม ​​ ประการที่สาม กลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรงหากติดเชื้อ ได้แก่ เด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี สตรีมีครรภ์ ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือมีโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Eczema) ตุ่มพุพอง ตกสะเก็ด คัน แสบ สะเก็ดเงิน โดยจากข้อมูลในทวีปแอฟริกา พบว่ากลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรงมีอัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 10 กลุ่มเหล่านี้จะต้องมีความระมัดระวังอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะ หลีกเลี่ยงการสัมผัสแนบชิดทางผิวหนัง เลือด หนอง สิ่งคัดหลั่งของผู้ป่วยหรือผู้ต้องสงสัยติดเชื้อฝีดาษลิง รวมถึงควรล้างมือเป็นประจำและไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น ประการที่สี่ สำหรับผู้มีอาชีพหรือผู้รับบริการที่ต้องมีการสัมผัสแนบชิดทางผิวหนัง ควรต้องสอบถามผู้ที่จะมาสัมผัสแนบชิดทางผิวหนัง ว่ามีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่หรือไม่ เช่น ปวดตามร่างกายแบบลักษณะมีไข้ หรือมีไข้ ปวดหัว ต่อมน้ำเหลืองโต เซื่องซึม มีตุ่มหรือผื่นตามร่างกาย หากมีอาการดังกล่าวควรแนะนำให้ไปพบแพทย์ ประการที่ห้า อาการที่เสี่ยงเสียชีวิตหลังจากติดเชื้อแล้ว ได้แก่ มีตุ่มแผลบริเวณเยื่อบุตา ผื่นตุ่มที่แพร่กระจายทั่วตัว หรือผื่นขึ้นแบบกระจุกตัว (Cluster) มีตกเลือดในบริเวณผื่นตุ่ม อาการไข้และอาการทางร่างกายที่หนักขึ้น รวมทั้งหายใจเหนื่อย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที ​​ ประการที่หก ที่ผ่านมายังไม่มีวัคซีนสำหรับการป้องกันการติดเชื้อโรคฝีดาษลิงโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตามวันที่ 24 กรกฏาคม 2565 สหภาพยุโรปได้อนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ (JYNNEOS) เพื่อประยุกต์ใช้ในการป้องกันโรคฝีดาษลิง ทั้งนี้ผลสำรวจงานวิจัยในวารสาร New England ตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566 รายงานว่าทหารอเมริกันผู้เคยได้รับวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษชนิดเดียวกันกับที่ประเทศไทยเคยใช้ในอดีต หรือวัคซีน ACAM2000 หรือวัคซีน JYNNEOS ในปัจจุบัน ในระหว่างปี 2545 ถึง 2560 จำนวน 2.6 ล้านคนพบว่ามีโอกาสติดเชื้อฝีดาษทุกชนิดลดลง ​​ สำหรับประเทศไทยผู้ที่เกิดก่อนปี 2523 หรืออายุตั้งแต่ 44 ปีขึ้นไป น่าจะได้รับการปลูกฝีป้องกันโรคฝีดาษไข้ทรพิษ (Smallpox) โดยทั่วไปแล้ว โดยสามารถสังเกตแผลเป็นที่บริเวณหัวไหล่ของผู้ที่เคยได้รับการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ ซึ่งทำให้ช่วยลดอัตราการติดเชื้อและความรุนแรงของโรคฝีดาษลิงได้ และกลุ่มคนเหล่านี้ไม่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนแล้ว สำหรับประชาชนทั่วไปที่มีอายุน้อยกว่า 44 ปี หรือไม่เคยปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ ยังไม่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนในขณะนี้ เพราะยังสามารถใช้มาตราการป้องกันด้วยการหลีกเลี่ยงการสัมผัสแนบชิดกับผู้ติดเชื้อหรือผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อฝีดาษลิง ​​เพราะตามข้อมูลของบริษัทผู้ผลิตวัคซีน JYNNEOS รายงานว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงต่อหัวใจในอัตรา 8 ต่อ10,000 ราย ซึ่งน้อยกว่าการฉีดวัควัคซีนจริงปรากฏตามรายงานในวารสาร Vaccine ฉบับเผยแพร่ออนไลน์เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 ซึ่งรายงานว่าการฉีดวัคซีน JYNNEOS อย่างน้อย 1 เข็ม มีโอกาสได้รับผลข้างเคียงต่อหัวใจในอัตรา 3.1 ต่อ 1,000 โดส อีกทั้งยังไม่เคยมีการวิจัยผลข้างเคียงการฉีดวัคซีนชนิดนี้สำหรับประชากรไทยมาก่อนด้วย ดังนั้นผู้ที่สมควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันฝีดาษลิง จึงควรเป็นกลุ่มประชากรที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น ได้แก่ ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงและบุคลากรสาธารณสุขที่มีความเสี่ยงสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงมากที่สุด รวมทั้งผู้มีอาชีพที่ต้องมีการสัมผัสแนบชิดทางผิวหนังกับผู้อื่น ประการที่เจ็ด สำหรับผู้ที่ติดเชื้อฝีดาษลิงแล้ว ให้กักตัวเองและรักษาตามอาการ ทั้งนี้ในกรรมวิธีของการแพทย์แผนไทยในการรักษาโรคระบาดที่มีผื่นหรือตุ่มตามผิวหนังนั้น มีหลักฐานปรากฏชัดเจนและได้ถูกรับรองตามกฏหมายในฐานะเป็นตำรับยาและตำรายาแผนไทยของชาติในการรับมือกับโรคระบาด ได้แก่ ​​ พระคัมภีร์ตักกะศิลาตามตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งสืบทอดภูมิปัญญามาตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยมีขั้นตอนการรักษา 3 ขั้นตอน คือ ตำรับยาเพื่อขั้นตอนการกระทุ้งพิษไข้ด้วยยาห้าราก ตำรับยาเพื่อขั้นตอนการแปรไข้ภายในและรักษาผิวภายนอก และตำรับยาเพื่อขั้นตอนการครอบไข้ ซึ่งมีตำรับยาใน 3 ขั้นตอนนี้ รวม 7 ขนาน ​​ นอกจากนี้ยังมีตำรับยาขาว ซึ่งเป็นยาขนานเดียวตามตำรายาของศิลาจารึกวัดเชตุพนวิมลมังคราราม ราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่ามีสรรพคุณรักษาโรคระบาดได้หลายชนิด อีกทั้งยังมีตำรับยาหลายขนานสำหรับรักษาโรคฝีดาษโดยเฉพาะ ตามคัมภีร์แพทย์แผนไทยโบราณ เล่ม 3 ของขุนโสภิตบรรณลักษณ์ (อำพัน กิตติขจร) สำหรับการแพทย์แผนจีนมีหลักการรักษาโรคตามภาวะร่างกายโดยมีพื้นฐานการขับพิษ-ขับร้อน การปรับความร้อนระดับเลือด การขับความชื้น การปรับสมดุลของม้าม กระเพาะอาหาร การบำรุงเลือดและพลัง เพื่อขับพิษและเสริมพลังพื้นฐานในการต่อสู้กับโรคฝีดาษลิง ​​ สำหรับงานวิจัยเภสัชสมุนไพรปรากฏในวารสาร Frontiers in cellular and infection Microbiology เผยแพร่เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566 ซึ่งวิเคราะห์ด้วยกระบวนการทางโมเลกุล พบว่า ขมิ้นชันมีปฏิกริยาต่อต้านไวรัสฝีดาษลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีกลไกการขัดขวางยับยั้งไวรัส ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลสำคัญที่ควรนำมาศึกษาและวิจัยการใช้ขมิ้นชันในผู้ป่วยโรคฝีดาษของมนุษย์ต่อไป เพราะเป็นสมุนไพรที่มีราคาถูก เข้าถึงได้ทั่วไป คนไทยสามารถพึ่งพาตัวเองได้ ซึ่งมีรายงานก่อนหน้านี้ว่าขมิ้นชันมีประสิทธิภาพในการยับยั้งกลไกในหลายขั้นตอนของไวรัสอีกหลายชนิด ​​ นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรเดี่ยวที่มีศักยภาพในการต้านไวรัสหลายชนิด เช่น ฟ้าทะลายโจร มะขามป้อม เสลดพังพอนตัวเมีย กัญชา กัญชง ฯลฯ ซึ่งจะต้องมีการวิจัยเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงว่าจะมีศักยภาพและสามารถนำไปใช้รักษาผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงต่อไปได้หรือไม่ ​​ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยฝีดาษลิงที่เลือกกักตัวเองอยู่ที่บ้าน สามารถขอรับคำปรึกษาและรับตำรับยากับคลินิกการแพทย์แผนไทย การแพทย์แผนไทยประยุกต์ การแพทย์แผนจีน ทั่วประเทศ รวมถึงสหคลินิการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-791-6000 ต่อ 4406 หรือ 089-770-5862 อย่างไรก็ตามจะต้องมีการเก็บข้อมูลติดตามผลและทำการศึกษาวิจัยผลการรักษาภายหลังต่อไป ​​ จากข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นว่าประชาชนไทยต้องตั้งสติ ไม่ตื่นตระหนก แต่ให้มีความตระหนักในการป้องกันและระวังตัว และเตรียมความพร้อมในการวางแผนและกำหนดมาตรการอย่างรอบด้าน รวมทั้งประเทศไทยมีบุคลากรที่มีความรู้และภูมิปัญญาที่จะสามารถรับมือกับโรคฝีดาษลิงได้อย่างแน่นอน ด้วยความปรารถนาดี วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 23 สิงหาคม 2567 https://www.facebook.com/100044511276276/posts/pfbid0v8ELDqDcnAZ2MgmuoGJU9Faxw4irDyQS7guRbaDmfwTqhy4QJCrTF8j4YHLVjGexl/? วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ม.รังสิต ออกแถลงการณ์แนะคนไทยตั้งสติ อย่าตื่นตระหนกฝีดาษวานร https://mgronline.com/qol/detail/9670000078027
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1012 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนที่ชอบ swab บ่อยๆ อดทนอ่านสักนิดนะ
    อันนี้เค้าแปลไทยมาให้แล้ว บรรทัดต่อบรรทัด
    ว่ามันอันตรายยังไง แบบไหน เพราะอะไร
    ⏩เหตุใดหน่วยงานภาครัฐจึงยังดึงดันที่จะบังคับใช้ TR-PCT test เป็น Gold Standard ในการวินิจฉัยผู้ติดเชื้อโkวิdให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และบ่อยครั้งที่สุดเท่าที่จะบ่อยได้ในบุคคลเดิม
    ⏩ทั้งที่เทคนิคนี้ได้รับการพิสูจน์อย่างกว้างขวางโดยนักวิทยาศาตร์และบุคลากรทางการแพทย์กว่าห้าหมื่นคนทั่วโลกแล้วว่าเป็นวิธีที่เชื่อถือไม่ได้
    ⏩ให้ผลบวกลวง หรือ False Positive มหาศาลกว่า 90% และแม้แต่ Dr. Kary Mullis ผู้คิดค้นเทคนิคนี้เอง
    ยังยืนกรานออกสื่อหลายครั้งว่ามันไม่เที่ยงตรงและนำไปสู่การแปลผลผิดพลาดได้
    ❓เหตุใดจึงเลือกวิธีล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะของพวกเราอย่างมากทั้งที่สามารถทำได้ง่ายจากการตรวจวิเคราะห์น้ำลาย
    📌การสอดไม้ Swab เข้าไปกว้านลึกถึงเพดานจมูกสามารถสร้างความเสียหายต่อเนื้อเยื่อพังผืดที่ห่อหุ้ม Olfactory Nerve
    📌ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพและอายุขัยของมนุษย์ เนื่องจาก olfactory nerve เป็นปราการด่านหนึ่งในสองของกะโหลกศรีษะ
    ⏩ซึ่งเชื่อมระหว่างโพรงจมูกกับสมอง ที่ไวรัสและแบคทีเรียสามารถเดินทางข้าม blood-brain barrier เข้าสู่สมองได้
    📌นอกจากนี้ olfactory nerve ยังเป็นเซลล์ชนิดเดียวในกะโหลกศรีษะที่มี stem cells เรียกว่า olfactory ensheathing cells ที่ล้อมรอบเซลล์รับกลิ่น olfactory sensory axons ส่วนที่ยื่นออกมาจากเซลล์ประสาท neuron
    ⏩ทำหน้าที่ส่งผ่านกระแสประสาทจากเซลล์ร่างกาย พวกมันทำหน้าที่ปกป้อง olfactory nerve และช่วยการสร้างเซลล์ใหม่เมื่อเกิดความบาดเจ็บเสียหาย (สเต็มเซลล์ชนิดนี้มีความพิเศษมากจนถูกนำไปใช้ในการซ่อมแซมไขสันหลังบาดเจ็บและรักษาโรคทางสมองหลายชนิดในการแพทย์ปัจจุบันอย่างประสบความสำเร็จ)
    ⏩นอกจากนี้ olfactory ensheathing cells ยังช่วยเป็นภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด
    ✅เนื่องจากมันประพฤติตัวเป็น phagocytic กล่าวคือ จับกินและย่อยสลายเชื้อโรคได้
    📌ดังนั้น มันจึงเป็นปราการสำคัญที่ช่วยป้องกันสมองโดยระบบภูมิคุ้มกันธรรมชาติของร่างกาย โดยเซลล์ประสาท Olfactory และ neuron bulb มีอายุขัย 4-8 เดือน
    ก่อนจะถูกแทนที่อย่างต่อเนื่องด้วย neuron stem cell อย่าง olfactory ensheathing cells
    ⏩มันช่วยส่งเสริมการอยู่รอดของเซลล์ประสาทและช่วยในการขยายตัวของ axon
    📌จากงานวิจัยล่าสุด แสดงให้เห็นว่า หาก olfactory ensheathing cells สูญเสียความสามารถในการสร้างใหม่หรือซ่อมแซมตัวเองไป
    ‼️จะทำให้โอกาสการเสียชีวิตภายใน 5 ปี ในผู้ใหญ่วัย 57 – 85 ปี เพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 4 เท่าตัว
    📌การทำงานของ olfactory จึงเสมือนเป็นเครื่องทำนายความสามารถในการดำรงชีวิตภายใน 5 ปี เป็นสัญญาณเตือนเมื่อการสร้างใหม่ของเซลล์ช้าลง และใช้เป็นเครื่องบ่งชี้เมื่อมีการสะสมสารพิษที่สัมผัสจากสิ่งแวดล้อม
    ‼️ Olfactory nerve ที่เสียหายเสมือนป้อมปราการสู่สมองถูกทำลาย ทำให้ง่ายต่อการถูกโจมตีด้วยสิ่งแปลกปลอมและส่งผลอันตรายถึงแก่ชีวิต
    📌การ swab PCR เป็นระยะ จนทำลายความสามารถในการสร้างใหม่ต่อ Olfactory nerve ทำให้เกิดการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรในผู้ใหญ่อายุ 57 – 85 ปี ซึ่งเป็นประชากรกลุ่มผู้สูงอายุ
    ‼️การทดสอบ PCR test มีบทบาทสำคัญในการสร้างความเสียหายครั้งแล้วครั้งเล่าต่อ Olfactory nerve
    📌ทำให้เกิดการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
    ⏩ซึ่งยอดผู้ติดเชื้อนี้ได้ถูกนำไปสนับสนุนให้รัฐบาลยกระดับมาตรการต่อโรคระบาดยิ่งขึ้น
    📌เมื่อมีผู้ถูกทดสอบโดย PCR เพิ่มขึ้น เซลล์ป้องกันจึงถูกทำลายมากขึ้นและมีผู้ติดเชื้อหลากหลายชนิดเพิ่มขึ้นในครั้งต่อมา
    😔โดยจะถูกตีความต่อไปว่า เกิดการติดเชื้อจากไวรัสโkวิdด้วยการเพิ่มจำนวน Cycle ใน thermal cycler จนกว่าเปอร์เซ็นต์จะเพิ่มจนให้ผลเป็นบวก
    ⏩เพื่อสรุปว่าเป็นโkวิdตามต้องการ
    📌อาจมีการโต้แย้งว่า การทดสอบ swab ช่องจมูกที่ถูกต้อง ควรกวาดเป็นมุมสูงไม่เกิน 30 องศา จากแนวระนาบเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสเส้นประสาทรับกลิ่น
    📌แต่ในตำแหน่งดังกล่าวนี้ ไม้ Swab จะไปไปสัมผัสเส้นประสาท Trigeminal แทน ซึ่งเป็น blood-brain barrier เข้าสู่สมองปราการที่สอง
    ‼️ส่งผลต่อการรับรสและการมองเห็น
    📌นอกจากนี้ เพื่อเป็นการทำลายประสาทรับกลิ่นและรส ไม้ swab ไม่จำเป็นต้องไปสัมผัสโดนจนก่ออันตรายต่อเซลล์ประสาท Trigeminal หรือ Olfactory โดยตรงเลย
    ⁉️แค่ลำพังการสร้างความระคายเคืองต่อเยื่อเมือกในโพรงจมูก ก็สามารถส่งผลกระทบต่ออวัยวะทั้งระบบ Limbic
    📌เนื่องจากมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาก
    ‼️สิ่งนี้สามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดผู้ป่วยโควิดจึงสูญเสียการตอบสนองทางพฤติกรรมที่ควบคุมโดยระบบ Limbic เช่น การนอนหลับ ความเหนื่อยล้า การรับรู้ การปรับตัว การเคลื่อนไหว ความจำ เป็นต้น
    📌นอกจากปลายของไม้ swab มีเขี้ยวขรุขระ ประกอบกับวิธีการสอดที่ลึกและการหมุนที่กว้างอย่างรุนแรง
    ⏩ถูกออกแบบมาเพื่อขีดข่วนสร้างความเสียหายให้เยื่อยุผิวมากที่สุดแล้ว
    ‼️ยังพบว่ามีการใช้สารเคมี ethylene oxide ที่รู้จักกันดีว่าเป็นสารก่อมะเร็ง
    📌ถูกนำมาใช้ในการฆ่าเชื้อใน PCR swab test ก่ออันตรายกับเยื่อเมือกโพรงจมูกซึ่งเป็นเนื้อเยื่อที่มีความไวต่อการแพ้
    📌ร่วมกับมาตรการบังคับใช้ให้สวมหน้ากากอนามัยทั้งในที่ร่มและกลางแจ้ง
    📌จึงเป็นการเพิ่มจำนวนแบคทีเรียและไวรัสให้เข้าสู่สมองผ่าน Olfactory nerve และ Trigeminal neve ที่เสียหายให้มากยิ่งขึ้น
    📌จากผลการศึกษาหลายร้อยชิ้น แสดงให้เห็นว่าภายใต้หน้ากากอนามัยเป็นแหล่งปนเปื้อนแบคทีเรียและเชื้อราจำนวนมาก เมื่อสวมใส่เป็นเวลานาน
    📌และหลายงานวิจัยยืนยันว่าการใส่หน้ากากอนามัยเป็นประจำ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาของระบบทางเดินหายใจสั้นลง และความเหนื่อยล้าอย่างมีนัยสำคัญ (P<0.05)
    ⏩ในหน้ากาก N95 ออกซิเจนลดลง 72%, คาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้น 82%, อาการปวดหัว 60%, ความบกพร่องของการหายในอุณหภูมิและความชื้นที่เพิ่มขึ้น 100%.
    📌นอกจากนี้ หลายการศึกษาพบว่า
    การใส่หน้ากากอนามัย ไม่สามารถปิดกั้นการแพร่กระจายของละอองไวรัสได้อย่างสมบูรณ์แม้ขณะปิดสนิท จึงไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อ
    📌ในปี 2020 เด็กและวัยรุ่นส่วนใหญ่รอดพ้นการการทดสอบ PCR มีสุขภาพแข็งแรง และไม่มีอาการแสดงการติดเชื้อโควิดเลย
    📌กระทั่งปี 2021 เมื่อมีการทดสอบเชิงรุก พวกเขาก็เริ่มแสดงอาการ ที่เกิดจากโkวิdทันที
    📌ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นการสร้างความเสียหายต่อสมองโดยจงใจ
    ‼️ความบกพร่องในการทำงานของศูนย์กลางการหายใจในสมอง Medula oblongata ก่อให้เกิดภาวะหายใจลำบาก Dyspnoea โดยที่ไม่มีการติดเชื้อหรือรอยโรคใดที่ปอด แต่เป็นความเสียหายทางสมองและระบบประสาท
    เราเรียบเรียงใหม่จากส่วนหนึ่งในบทความ PCR Tests and the Depopulation Program by Kevin Galalae, 10 October 2021
    Cr : Ramone Jira
    คนที่ชอบ swab บ่อยๆ อดทนอ่านสักนิดนะ อันนี้เค้าแปลไทยมาให้แล้ว บรรทัดต่อบรรทัด ว่ามันอันตรายยังไง แบบไหน เพราะอะไร ⏩เหตุใดหน่วยงานภาครัฐจึงยังดึงดันที่จะบังคับใช้ TR-PCT test เป็น Gold Standard ในการวินิจฉัยผู้ติดเชื้อโkวิdให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และบ่อยครั้งที่สุดเท่าที่จะบ่อยได้ในบุคคลเดิม ⏩ทั้งที่เทคนิคนี้ได้รับการพิสูจน์อย่างกว้างขวางโดยนักวิทยาศาตร์และบุคลากรทางการแพทย์กว่าห้าหมื่นคนทั่วโลกแล้วว่าเป็นวิธีที่เชื่อถือไม่ได้ ⏩ให้ผลบวกลวง หรือ False Positive มหาศาลกว่า 90% และแม้แต่ Dr. Kary Mullis ผู้คิดค้นเทคนิคนี้เอง ยังยืนกรานออกสื่อหลายครั้งว่ามันไม่เที่ยงตรงและนำไปสู่การแปลผลผิดพลาดได้ ❓เหตุใดจึงเลือกวิธีล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะของพวกเราอย่างมากทั้งที่สามารถทำได้ง่ายจากการตรวจวิเคราะห์น้ำลาย 📌การสอดไม้ Swab เข้าไปกว้านลึกถึงเพดานจมูกสามารถสร้างความเสียหายต่อเนื้อเยื่อพังผืดที่ห่อหุ้ม Olfactory Nerve 📌ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพและอายุขัยของมนุษย์ เนื่องจาก olfactory nerve เป็นปราการด่านหนึ่งในสองของกะโหลกศรีษะ ⏩ซึ่งเชื่อมระหว่างโพรงจมูกกับสมอง ที่ไวรัสและแบคทีเรียสามารถเดินทางข้าม blood-brain barrier เข้าสู่สมองได้ 📌นอกจากนี้ olfactory nerve ยังเป็นเซลล์ชนิดเดียวในกะโหลกศรีษะที่มี stem cells เรียกว่า olfactory ensheathing cells ที่ล้อมรอบเซลล์รับกลิ่น olfactory sensory axons ส่วนที่ยื่นออกมาจากเซลล์ประสาท neuron ⏩ทำหน้าที่ส่งผ่านกระแสประสาทจากเซลล์ร่างกาย พวกมันทำหน้าที่ปกป้อง olfactory nerve และช่วยการสร้างเซลล์ใหม่เมื่อเกิดความบาดเจ็บเสียหาย (สเต็มเซลล์ชนิดนี้มีความพิเศษมากจนถูกนำไปใช้ในการซ่อมแซมไขสันหลังบาดเจ็บและรักษาโรคทางสมองหลายชนิดในการแพทย์ปัจจุบันอย่างประสบความสำเร็จ) ⏩นอกจากนี้ olfactory ensheathing cells ยังช่วยเป็นภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด ✅เนื่องจากมันประพฤติตัวเป็น phagocytic กล่าวคือ จับกินและย่อยสลายเชื้อโรคได้ 📌ดังนั้น มันจึงเป็นปราการสำคัญที่ช่วยป้องกันสมองโดยระบบภูมิคุ้มกันธรรมชาติของร่างกาย โดยเซลล์ประสาท Olfactory และ neuron bulb มีอายุขัย 4-8 เดือน ก่อนจะถูกแทนที่อย่างต่อเนื่องด้วย neuron stem cell อย่าง olfactory ensheathing cells ⏩มันช่วยส่งเสริมการอยู่รอดของเซลล์ประสาทและช่วยในการขยายตัวของ axon 📌จากงานวิจัยล่าสุด แสดงให้เห็นว่า หาก olfactory ensheathing cells สูญเสียความสามารถในการสร้างใหม่หรือซ่อมแซมตัวเองไป ‼️จะทำให้โอกาสการเสียชีวิตภายใน 5 ปี ในผู้ใหญ่วัย 57 – 85 ปี เพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 4 เท่าตัว 📌การทำงานของ olfactory จึงเสมือนเป็นเครื่องทำนายความสามารถในการดำรงชีวิตภายใน 5 ปี เป็นสัญญาณเตือนเมื่อการสร้างใหม่ของเซลล์ช้าลง และใช้เป็นเครื่องบ่งชี้เมื่อมีการสะสมสารพิษที่สัมผัสจากสิ่งแวดล้อม ‼️ Olfactory nerve ที่เสียหายเสมือนป้อมปราการสู่สมองถูกทำลาย ทำให้ง่ายต่อการถูกโจมตีด้วยสิ่งแปลกปลอมและส่งผลอันตรายถึงแก่ชีวิต 📌การ swab PCR เป็นระยะ จนทำลายความสามารถในการสร้างใหม่ต่อ Olfactory nerve ทำให้เกิดการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรในผู้ใหญ่อายุ 57 – 85 ปี ซึ่งเป็นประชากรกลุ่มผู้สูงอายุ ‼️การทดสอบ PCR test มีบทบาทสำคัญในการสร้างความเสียหายครั้งแล้วครั้งเล่าต่อ Olfactory nerve 📌ทำให้เกิดการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ⏩ซึ่งยอดผู้ติดเชื้อนี้ได้ถูกนำไปสนับสนุนให้รัฐบาลยกระดับมาตรการต่อโรคระบาดยิ่งขึ้น 📌เมื่อมีผู้ถูกทดสอบโดย PCR เพิ่มขึ้น เซลล์ป้องกันจึงถูกทำลายมากขึ้นและมีผู้ติดเชื้อหลากหลายชนิดเพิ่มขึ้นในครั้งต่อมา 😔โดยจะถูกตีความต่อไปว่า เกิดการติดเชื้อจากไวรัสโkวิdด้วยการเพิ่มจำนวน Cycle ใน thermal cycler จนกว่าเปอร์เซ็นต์จะเพิ่มจนให้ผลเป็นบวก ⏩เพื่อสรุปว่าเป็นโkวิdตามต้องการ 📌อาจมีการโต้แย้งว่า การทดสอบ swab ช่องจมูกที่ถูกต้อง ควรกวาดเป็นมุมสูงไม่เกิน 30 องศา จากแนวระนาบเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสเส้นประสาทรับกลิ่น 📌แต่ในตำแหน่งดังกล่าวนี้ ไม้ Swab จะไปไปสัมผัสเส้นประสาท Trigeminal แทน ซึ่งเป็น blood-brain barrier เข้าสู่สมองปราการที่สอง ‼️ส่งผลต่อการรับรสและการมองเห็น 📌นอกจากนี้ เพื่อเป็นการทำลายประสาทรับกลิ่นและรส ไม้ swab ไม่จำเป็นต้องไปสัมผัสโดนจนก่ออันตรายต่อเซลล์ประสาท Trigeminal หรือ Olfactory โดยตรงเลย ⁉️แค่ลำพังการสร้างความระคายเคืองต่อเยื่อเมือกในโพรงจมูก ก็สามารถส่งผลกระทบต่ออวัยวะทั้งระบบ Limbic 📌เนื่องจากมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาก ‼️สิ่งนี้สามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดผู้ป่วยโควิดจึงสูญเสียการตอบสนองทางพฤติกรรมที่ควบคุมโดยระบบ Limbic เช่น การนอนหลับ ความเหนื่อยล้า การรับรู้ การปรับตัว การเคลื่อนไหว ความจำ เป็นต้น 📌นอกจากปลายของไม้ swab มีเขี้ยวขรุขระ ประกอบกับวิธีการสอดที่ลึกและการหมุนที่กว้างอย่างรุนแรง ⏩ถูกออกแบบมาเพื่อขีดข่วนสร้างความเสียหายให้เยื่อยุผิวมากที่สุดแล้ว ‼️ยังพบว่ามีการใช้สารเคมี ethylene oxide ที่รู้จักกันดีว่าเป็นสารก่อมะเร็ง 📌ถูกนำมาใช้ในการฆ่าเชื้อใน PCR swab test ก่ออันตรายกับเยื่อเมือกโพรงจมูกซึ่งเป็นเนื้อเยื่อที่มีความไวต่อการแพ้ 📌ร่วมกับมาตรการบังคับใช้ให้สวมหน้ากากอนามัยทั้งในที่ร่มและกลางแจ้ง 📌จึงเป็นการเพิ่มจำนวนแบคทีเรียและไวรัสให้เข้าสู่สมองผ่าน Olfactory nerve และ Trigeminal neve ที่เสียหายให้มากยิ่งขึ้น 📌จากผลการศึกษาหลายร้อยชิ้น แสดงให้เห็นว่าภายใต้หน้ากากอนามัยเป็นแหล่งปนเปื้อนแบคทีเรียและเชื้อราจำนวนมาก เมื่อสวมใส่เป็นเวลานาน 📌และหลายงานวิจัยยืนยันว่าการใส่หน้ากากอนามัยเป็นประจำ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาของระบบทางเดินหายใจสั้นลง และความเหนื่อยล้าอย่างมีนัยสำคัญ (P<0.05) ⏩ในหน้ากาก N95 ออกซิเจนลดลง 72%, คาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้น 82%, อาการปวดหัว 60%, ความบกพร่องของการหายในอุณหภูมิและความชื้นที่เพิ่มขึ้น 100%. 📌นอกจากนี้ หลายการศึกษาพบว่า การใส่หน้ากากอนามัย ไม่สามารถปิดกั้นการแพร่กระจายของละอองไวรัสได้อย่างสมบูรณ์แม้ขณะปิดสนิท จึงไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อ 📌ในปี 2020 เด็กและวัยรุ่นส่วนใหญ่รอดพ้นการการทดสอบ PCR มีสุขภาพแข็งแรง และไม่มีอาการแสดงการติดเชื้อโควิดเลย 📌กระทั่งปี 2021 เมื่อมีการทดสอบเชิงรุก พวกเขาก็เริ่มแสดงอาการ ที่เกิดจากโkวิdทันที 📌ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นการสร้างความเสียหายต่อสมองโดยจงใจ ‼️ความบกพร่องในการทำงานของศูนย์กลางการหายใจในสมอง Medula oblongata ก่อให้เกิดภาวะหายใจลำบาก Dyspnoea โดยที่ไม่มีการติดเชื้อหรือรอยโรคใดที่ปอด แต่เป็นความเสียหายทางสมองและระบบประสาท เราเรียบเรียงใหม่จากส่วนหนึ่งในบทความ PCR Tests and the Depopulation Program by Kevin Galalae, 10 October 2021 Cr : Ramone Jira
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 651 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภัยเงียบ ไม่แสดงอาการ อันตรายถึงชีวิต
    โรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง Brain Aneurysm


    เกิดจาก #ผนังของหลอดเลือด(บาง)+แรงดันเลือด(สูง)=เปลี่ยนรูปโป่งพองเป็น(กระเปาะ)โดยไม่แสดงอาการใดๆ


    โรคนี้อันตรายมาก เพราะ..โรคนี้มักตรวจไม่พบ ?
    เพราะ การตรวจให้พบ จำเป็นต้องฉีดสี+CT SCAN (เจ็บตัว+ยาก+แพง)


    เมื่อตรวจพบ แรงดันเลือด มักจะดัน(กระเปาะ) หลอดเลือดแตก จะทำให้ผู้ป่วยมีความรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรงฉับพลัน และ เสียชีวิตหลังจากนั้นไม่กี่นาที !!!


    สาเหตุการเสียชีวิต เกิดขึ้นเมื่อ(กระเปาะ) หลอดเลือดสมอง บาง โป่ง พอง ปริแตก ทำให้เลือดในหลอดเลือด ไหลออกมา ไปกดทับ เส้นประสาทอัตโนมัติ ในส่วนที่ควบคุมกระบังลม การหายใจ และการเต้นของหัวใจ โรคนี้เป็นกรรมพันธุ์ พบในผู้หญิงเป็นมากกว่าผู้ชาย



    โรคนี้เกิดจากการบริโภคอาหารน้ำตาล+แป้ง+อาหารแปรรูปมากเกินไปเครียด ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ นอนดึก ขาดการออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายสะสมพลังงานที่อยู่ในรูปของ #ไตรกลีเซอรายด์สูง ล้นเกินเนื้อเยื่อ ใต้ผิวหนัง และในช่องท้อง ทะลักเข้าสู่หลอดเลือด ในบางราย..เลือดของผู้ป่วย จะมีสีแดงปนสีเหลืองเนื่องจากไขมัน !!!

    สังเกตอาการเบื้องต้น ได้จาก ประวัติมีญาติสายตรงเสียชีวิตด้วยโรคนี้ มีถุงน้ำในไต กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง หนังตาตกข้างใดข้างหนึ่ง มองภาพเบลอ ไม่เห็น หรือ มองภาพซ้อน

    การป้องกัน+แก้ไข(สรุป)ย่อ

    - กินไขมันดี เข้าไปล้างไขมันเลว
    - เลี่ยงน้ำตาล ลดแป้ง และพวกอาหารชุบแป้งทอด
    - เพิ่มกากใยต่างๆ เช่น ผัก ผลไม้หวานน้อย-แป้งต่ำ
    - กินผัก+ผลไม้ที่กากใยสูง และ ดื่มน้ำก่อนมื้ออาหาร 15 นาที
    - ออกกำลังกาย สม่ำเสมอ
    - งดการดื่มแอลกอฮอล์ เลิกบุหรี่
    - ทำ IF
    - นอนหัวค่ำ-ตื่นเช้าออกกำลังกาย
    .
    .
    พัชรี ว่องไววิทย์
    October27, 2024
    San Francisco, CA94108
    ภัยเงียบ ไม่แสดงอาการ อันตรายถึงชีวิต โรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง Brain Aneurysm เกิดจาก #ผนังของหลอดเลือด(บาง)+แรงดันเลือด(สูง)=เปลี่ยนรูปโป่งพองเป็น(กระเปาะ)โดยไม่แสดงอาการใดๆ โรคนี้อันตรายมาก เพราะ..โรคนี้มักตรวจไม่พบ ? เพราะ การตรวจให้พบ จำเป็นต้องฉีดสี+CT SCAN (เจ็บตัว+ยาก+แพง) เมื่อตรวจพบ แรงดันเลือด มักจะดัน(กระเปาะ) หลอดเลือดแตก จะทำให้ผู้ป่วยมีความรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรงฉับพลัน และ เสียชีวิตหลังจากนั้นไม่กี่นาที !!! สาเหตุการเสียชีวิต เกิดขึ้นเมื่อ(กระเปาะ) หลอดเลือดสมอง บาง โป่ง พอง ปริแตก ทำให้เลือดในหลอดเลือด ไหลออกมา ไปกดทับ เส้นประสาทอัตโนมัติ ในส่วนที่ควบคุมกระบังลม การหายใจ และการเต้นของหัวใจ โรคนี้เป็นกรรมพันธุ์ พบในผู้หญิงเป็นมากกว่าผู้ชาย โรคนี้เกิดจากการบริโภคอาหารน้ำตาล+แป้ง+อาหารแปรรูปมากเกินไปเครียด ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ นอนดึก ขาดการออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายสะสมพลังงานที่อยู่ในรูปของ #ไตรกลีเซอรายด์สูง ล้นเกินเนื้อเยื่อ ใต้ผิวหนัง และในช่องท้อง ทะลักเข้าสู่หลอดเลือด ในบางราย..เลือดของผู้ป่วย จะมีสีแดงปนสีเหลืองเนื่องจากไขมัน !!! สังเกตอาการเบื้องต้น ได้จาก ประวัติมีญาติสายตรงเสียชีวิตด้วยโรคนี้ มีถุงน้ำในไต กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง หนังตาตกข้างใดข้างหนึ่ง มองภาพเบลอ ไม่เห็น หรือ มองภาพซ้อน การป้องกัน+แก้ไข(สรุป)ย่อ - กินไขมันดี เข้าไปล้างไขมันเลว - เลี่ยงน้ำตาล ลดแป้ง และพวกอาหารชุบแป้งทอด - เพิ่มกากใยต่างๆ เช่น ผัก ผลไม้หวานน้อย-แป้งต่ำ - กินผัก+ผลไม้ที่กากใยสูง และ ดื่มน้ำก่อนมื้ออาหาร 15 นาที - ออกกำลังกาย สม่ำเสมอ - งดการดื่มแอลกอฮอล์ เลิกบุหรี่ - ทำ IF - นอนหัวค่ำ-ตื่นเช้าออกกำลังกาย . . พัชรี ว่องไววิทย์ October27, 2024 San Francisco, CA94108
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 296 มุมมอง 0 รีวิว
  • หวังว่าไม่มีข่าวปลอมๆ ในนี้ครับ ขี้คร้านปวดหัว
    หวังว่าไม่มีข่าวปลอมๆ ในนี้ครับ ขี้คร้านปวดหัว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมียบิ๊กโจ๊กฉาว โดนแฉแย่งผัว เปิดคอนโดฟอกเงิน

    “บิ๊กโจ๊ก” แทนที่จะได้พักสักครู่ กับเรื่องฉาวที่ตัวเองก่อไว้ กลับต้องมาปวดหัวกับเรื่องของ “มาดามกุ๊บ” เมียสุดที่รัก ที่ถูกแฉว่าก่อคดีอาชญากรรมน่าละอาย มีหลักฐานเป็นคลิปจากกล้องวงจรปิด มัดตัวแน่นหนาดิ้นไม่หลุด

    #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ #บิ๊กโจ๊ก #มาดามกุ๊บ #ฟอกเงิน
    เมียบิ๊กโจ๊กฉาว โดนแฉแย่งผัว เปิดคอนโดฟอกเงิน “บิ๊กโจ๊ก” แทนที่จะได้พักสักครู่ กับเรื่องฉาวที่ตัวเองก่อไว้ กลับต้องมาปวดหัวกับเรื่องของ “มาดามกุ๊บ” เมียสุดที่รัก ที่ถูกแฉว่าก่อคดีอาชญากรรมน่าละอาย มีหลักฐานเป็นคลิปจากกล้องวงจรปิด มัดตัวแน่นหนาดิ้นไม่หลุด #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ #บิ๊กโจ๊ก #มาดามกุ๊บ #ฟอกเงิน
    Like
    Haha
    Angry
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2235 มุมมอง 537 1 รีวิว
  • “ วัคซีนโควิดปลอดภัยในสตรีตั้งครรภ์จริงหรือ ? “

    รวบรวมข้อมูลจาก CDC/FDA Vaccine Adverse Event Reporting System (VAERS) ตั้งแต่ 1 มกราคม 1990 ถึง 26 เมษายน 2024 เพื่อดูผลข้างเคียง (adverse effect, AE) ของวัคซีนโควิดที่มีต่อสตรีตั้งครรภ์เมื่อเทียบกับวัคซีนชนิดอื่น รวมระยะเวลาทั้งหมด 412 เดือน ยกเว้นวัคซีนโควิดที่เก็บรวบรวมได้แค่ 40 เดือนจาก 412 เดือน (1 ธันวาคม 2020 ถึง 26 เมษายน April 2024) โดยดู proportional reporting ratios (PRR) ตามระยะเวลา เปรียบเทียบ AEs ระหว่างวัคซีนโควิดที่มีต่อสตรีตั้งครรภ์กับวัคซีนชนิดอื่น ในกรณีที่หา PRR ไม่ได้ก็ใช้ Chi-square analysis และ Fisher’s exact tests แทน โดยยึดข้อกำหนดตาม CDC/FDA safety concern คือต้องระวังเรื่องความปลอดภัย ถ้า PRR ≥ 2 หรือ Chi-square ≥ 4

    พบ 37 AE จากการฉีดวัคซีนโควิดในผู้ตั้งครรภ์ ได้แก่ : miscarriage, fetal chromosomal abnormality, fetal malformation, cervical insufficiency, premature rupture of membranes, premature labor, premature delivery, placental calcification, placental infarction, placental thrombosis, placenta accreta, placental abruption, placental insufficiency, placental disorder, fetal maternal hemorrhage, fetal growth restriction, reduced amniotic fluid volume, preeclampsia, fetal heart rate abnormality, fetal cardiac disorder, fetal vascular mal-perfusion, fetal arrhythmia, fetal distress, fetal biophysical profile abnormal, hemorrhage in pregnancy, fetal cardiac arrest, fetal death (stillbirth), premature infant death, neonatal asphyxia, neonatal dyspnea, neonatal infection, neonatal hemorrhage, insufficient breast milk, neonatal pneumonia, neonatal respiratory distress, neonatal respiratory distress syndrome, neonatal seizure.

    ขออนุญาตไม่แปลเป็นภาษาไทยทั้งหมดเพราะอาจสื่อความหมายได้ไม่ชัดเจน แต่สำหรับผู้ที่สนใจหาข้อมูลก็สามารถหาคำแปลภาวะต่างๆด้านบนได้ไม่ยาก

    Summary statistics for the deviation from the CDC/FDA safety signals mean (n, range) เป็นดังนี้ : PRR 69.3 (46, 5.37 - 499); z statistic 9.64 (46, 3.29 - 27.0); และ Chi-square was 74.7 (26, 28.9 - 148)

    จะเห็นได้ว่าผลข้างเคียงจากวัคซีนโควิดในสตรีตั้งครรภ์สูงกว่า safety concern ที่ CDC/FDA กำหนดไว้มาก

    และมีอีก 1 รายงานผลกระทบจากการฉีดวัคซีนโควิดที่มีต่อสตรีมีครรภ์จากการรวบรวมเคส 438 รายในประเทศซาอุดิอาระเบียช่วง มีค.-พค. 2022 โดยแบ่งกลุ่มศึกษาเป็น 2 กลุ่ม กลุ่ม A คือสตรีมีครรภ์ที่ไม่ได้รับวัคซีนเลยแม้แต่เข็มเดียว กลุ่ม B คือได้รับวัคซีนโควิดอย่างน้อย 1 เข็ม

    พบว่ากลุ่ม B มีอัตราการแท้ง น้ำคร่ำน้อย รกผิดปกติ การเจริญเติบโตของทารกผิดปกติ มีปัญหาเรื่องการให้นม ความดันโลหิตสูง อาการอื่นๆทางระบบ เช่น อ่อนเพลียปวดหัวเจ็บหน้าอก การหายใจมีปัญหา มีปัญหาการนอนหลับ มากกว่ากลุ่ม A อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

    เรียบเรียงโดย นพ.ดร. ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ

    Reference :

    https://www.preprints.org/manuscript/202406.2062/v1

    https://journals.sagepub.com/doi/epdf/10.1177/25151355241285594?utm_source=substack&utm_medium=email
    “ วัคซีนโควิดปลอดภัยในสตรีตั้งครรภ์จริงหรือ ? “ รวบรวมข้อมูลจาก CDC/FDA Vaccine Adverse Event Reporting System (VAERS) ตั้งแต่ 1 มกราคม 1990 ถึง 26 เมษายน 2024 เพื่อดูผลข้างเคียง (adverse effect, AE) ของวัคซีนโควิดที่มีต่อสตรีตั้งครรภ์เมื่อเทียบกับวัคซีนชนิดอื่น รวมระยะเวลาทั้งหมด 412 เดือน ยกเว้นวัคซีนโควิดที่เก็บรวบรวมได้แค่ 40 เดือนจาก 412 เดือน (1 ธันวาคม 2020 ถึง 26 เมษายน April 2024) โดยดู proportional reporting ratios (PRR) ตามระยะเวลา เปรียบเทียบ AEs ระหว่างวัคซีนโควิดที่มีต่อสตรีตั้งครรภ์กับวัคซีนชนิดอื่น ในกรณีที่หา PRR ไม่ได้ก็ใช้ Chi-square analysis และ Fisher’s exact tests แทน โดยยึดข้อกำหนดตาม CDC/FDA safety concern คือต้องระวังเรื่องความปลอดภัย ถ้า PRR ≥ 2 หรือ Chi-square ≥ 4 พบ 37 AE จากการฉีดวัคซีนโควิดในผู้ตั้งครรภ์ ได้แก่ : miscarriage, fetal chromosomal abnormality, fetal malformation, cervical insufficiency, premature rupture of membranes, premature labor, premature delivery, placental calcification, placental infarction, placental thrombosis, placenta accreta, placental abruption, placental insufficiency, placental disorder, fetal maternal hemorrhage, fetal growth restriction, reduced amniotic fluid volume, preeclampsia, fetal heart rate abnormality, fetal cardiac disorder, fetal vascular mal-perfusion, fetal arrhythmia, fetal distress, fetal biophysical profile abnormal, hemorrhage in pregnancy, fetal cardiac arrest, fetal death (stillbirth), premature infant death, neonatal asphyxia, neonatal dyspnea, neonatal infection, neonatal hemorrhage, insufficient breast milk, neonatal pneumonia, neonatal respiratory distress, neonatal respiratory distress syndrome, neonatal seizure. ขออนุญาตไม่แปลเป็นภาษาไทยทั้งหมดเพราะอาจสื่อความหมายได้ไม่ชัดเจน แต่สำหรับผู้ที่สนใจหาข้อมูลก็สามารถหาคำแปลภาวะต่างๆด้านบนได้ไม่ยาก Summary statistics for the deviation from the CDC/FDA safety signals mean (n, range) เป็นดังนี้ : PRR 69.3 (46, 5.37 - 499); z statistic 9.64 (46, 3.29 - 27.0); และ Chi-square was 74.7 (26, 28.9 - 148) จะเห็นได้ว่าผลข้างเคียงจากวัคซีนโควิดในสตรีตั้งครรภ์สูงกว่า safety concern ที่ CDC/FDA กำหนดไว้มาก และมีอีก 1 รายงานผลกระทบจากการฉีดวัคซีนโควิดที่มีต่อสตรีมีครรภ์จากการรวบรวมเคส 438 รายในประเทศซาอุดิอาระเบียช่วง มีค.-พค. 2022 โดยแบ่งกลุ่มศึกษาเป็น 2 กลุ่ม กลุ่ม A คือสตรีมีครรภ์ที่ไม่ได้รับวัคซีนเลยแม้แต่เข็มเดียว กลุ่ม B คือได้รับวัคซีนโควิดอย่างน้อย 1 เข็ม พบว่ากลุ่ม B มีอัตราการแท้ง น้ำคร่ำน้อย รกผิดปกติ การเจริญเติบโตของทารกผิดปกติ มีปัญหาเรื่องการให้นม ความดันโลหิตสูง อาการอื่นๆทางระบบ เช่น อ่อนเพลียปวดหัวเจ็บหน้าอก การหายใจมีปัญหา มีปัญหาการนอนหลับ มากกว่ากลุ่ม A อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เรียบเรียงโดย นพ.ดร. ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ Reference : https://www.preprints.org/manuscript/202406.2062/v1 https://journals.sagepub.com/doi/epdf/10.1177/25151355241285594?utm_source=substack&utm_medium=email
    WWW.PREPRINTS.ORG
    Are COVID-19 Vaccines in Pregnancy as Safe and Effective as the U.S. Government, Medical Organizations, and Pharmaceutical Industry Claim? Part I
    Introduction: In Part I of this three-part series we report a retrospective, population-based cohort study assessing rates of adverse events (AEs) in pregnancy after COVID-19 vaccines compared to the same AEs after influenza vaccines and after all other vaccines. Methods: Data were collected from the U.S. Centers for Disease Control and prevention (CDC) and the U.S. Food and Drug Administration (FDA). The CDC/FDA Vaccine Adverse Event Reporting System (VAERS) database was queried from January 1, 1990, to April 26, 2024, for adverse events (AEs) involving pregnancy complications following COVID-19 vaccination. The time-period included 412 months for all vaccines except COVID-19 vaccines, having been used for only 40 of the 412 months (December 1, 2020, to April 26, 2024). Proportional reporting ratios (PRR) by time compared AEs after COVID-19 vaccination to those after influenza vaccination, and after all other vaccine products administered to pregnant women. In cases in which the PRR was not applicable, Chi-square analysis and Fisher’s exact tests were used according to CDC/FDA guidance. CDC/FDA stipulate a safety concern if a PRR is ≥ 2 or if a Chi-square is ≥ 4. Results: The CDC/FDA’s safety signals were breached for all 37 AEs following COVID-19 vaccination in pregnancy: miscarriage, fetal chromosomal abnormality, fetal malformation, cervical insufficiency, premature rupture of membranes, premature labor, premature delivery, placental calcification, placental infarction, placental thrombosis, placenta accreta, placental abruption, placental insufficiency, placental disorder, fetal maternal hemorrhage, fetal growth restriction, reduced amniotic fluid volume, preeclampsia, fetal heart rate abnormality, fetal cardiac disorder, fetal vascular mal-perfusion, fetal arrhythmia, fetal distress, fetal biophysical profile abnormal, hemorrhage in pregnancy, fetal cardiac arrest, fetal death (stillbirth), premature infant death, neonatal asphyxia, neonatal dyspnea, neonatal infection, neonatal hemorrhage, insufficient breast milk, neonatal pneumonia, neonatal respiratory distress, neonatal respiratory distress syndrome, and neonatal seizure. All p values were ≤ 0.001 with the majority being
    Like
    6
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 811 มุมมอง 0 รีวิว
  • “บั้นปลายชีวิต ”ไม่คิดหวังอะไรเลย...
    ขอเพียงร่างกายแข็งแรง สุขภาพจิตใจดี

    ได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว
    ไม่มีเรื่องปวดหัว กินอิ่มนอนหลับ

    อยู่กับคนรัก..ทำในสิ่งที่ชอบ
    นี่แหละ..มันคือ..“ความสุขของคนแก่”.✨

    ที่มา เพจน่าคิด

    #เกษียณ​สุข #ประกันบำนาญ
    #AIA
    “บั้นปลายชีวิต ”ไม่คิดหวังอะไรเลย... ขอเพียงร่างกายแข็งแรง สุขภาพจิตใจดี ได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว ไม่มีเรื่องปวดหัว กินอิ่มนอนหลับ อยู่กับคนรัก..ทำในสิ่งที่ชอบ นี่แหละ..มันคือ..“ความสุขของคนแก่”.✨ ที่มา เพจน่าคิด #เกษียณ​สุข #ประกันบำนาญ #AIA
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts