• AltaVista: ตำนานเสิร์ชเอนจินผู้บุกเบิก UI สะอาด–เร็วแรง แต่พ่ายแพ้ต่อยุคเว็บพอร์ทัลและการเปลี่ยนมือหลายครั้ง

    สามทศวรรษก่อน AltaVista ถือเป็นหนึ่งในเสิร์ชเอนจินที่ล้ำสมัยที่สุดในยุคแรกของอินเทอร์เน็ต ด้วยอินเทอร์เฟซที่สะอาด รวดเร็ว และระบบจัดทำดัชนีเว็บที่เหนือกว่าคู่แข่งในเวลานั้น เปิดตัวในปี 1995 พร้อมฐานข้อมูลเว็บกว่า 16 ล้านหน้า ซึ่งถือว่าใหญ่โตมากในยุคนั้น AltaVista กลายเป็นประตูสู่โลกออนไลน์ของผู้ใช้จำนวนมหาศาล และเป็นแรงผลักดันสำคัญให้การค้นหาข้อมูลบนเว็บกลายเป็นกิจกรรมหลักของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก

    ความสำเร็จของ AltaVista ส่วนหนึ่งมาจากพลังประมวลผลของ DEC Alpha 8400 Turbolaser ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์ระดับสูงสุดในยุคนั้น ทำให้สามารถรองรับคำค้นจากหลักแสนสู่หลักสิบล้านครั้งต่อวันได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้สถาปัตยกรรมที่ผสานระหว่างเว็บครอว์เลอร์ “Scooter” และระบบจัดทำดัชนี “TurboVista” ทำให้ผลลัพธ์การค้นหามีความแม่นยำและรวดเร็วกว่าเสิร์ชเอนจินแบบไดเรกทอรีที่ครองตลาดในเวลานั้น เช่น Yahoo Directory หรือ Lycos

    อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อ Google เปิดตัว PageRank ในปี 1998 ซึ่งเป็นอัลกอริทึมที่ให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือของลิงก์ ทำให้ผลลัพธ์การค้นหามีคุณภาพสูงกว่า AltaVista อย่างชัดเจน ประกอบกับการที่ AltaVista ถูกขายต่อหลายครั้ง ตั้งแต่ DEC → Compaq → CMGI → Overture → Yahoo! ทำให้ทิศทางผลิตภัณฑ์ขาดความเสถียร และถูกบังคับให้เปลี่ยนจากเสิร์ชเอนจินเรียบง่ายไปเป็น “เว็บพอร์ทัล” ที่เต็มไปด้วยโฆษณาและฟีเจอร์เกินจำเป็น จนสูญเสียเอกลักษณ์ดั้งเดิมไปในที่สุด

    แม้ AltaVista จะถูกปิดตัวในปี 2013 แต่ร่องรอยของมันยังคงอยู่ในประวัติศาสตร์อินเทอร์เน็ต ทั้งในฐานะผู้บุกเบิก UI แบบมินิมอลที่ Google นำไปต่อยอด และในฐานะบทเรียนสำคัญของการบริหารผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีที่ต้องรักษาแก่นหลักของตัวเองให้มั่นคงท่ามกลางการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

    สรุปประเด็นสำคัญ
    AltaVista คือเสิร์ชเอนจินผู้บุกเบิกยุคแรกของอินเทอร์เน็ต
    เปิดตัวปี 1995 พร้อมฐานข้อมูล 16 ล้านหน้า
    UI สะอาด รวดเร็ว และเหนือกว่าเสิร์ชแบบไดเรกทอรีในยุคนั้น

    พลังของ DEC Alpha ทำให้ AltaVista เร็วกว่าใคร
    ใช้เซิร์ฟเวอร์ DEC Alpha 8400 Turbolaser
    รองรับคำค้นจากหลักแสนสู่หลักสิบล้านครั้งต่อวัน

    Google เปลี่ยนเกมด้วย PageRank
    อัลกอริทึมให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือของลิงก์
    ผลลัพธ์แม่นยำกว่า ทำให้ผู้ใช้ย้ายไป Google อย่างรวดเร็ว

    การเปลี่ยนมือหลายครั้งทำให้ทิศทางผลิตภัณฑ์สั่นคลอน
    ถูกบังคับให้กลายเป็นเว็บพอร์ทัลที่สูญเสียเอกลักษณ์
    ปิดตัวในปี 2013 หลังถูก Yahoo! ซื้อกิจการ

    ประเด็นที่ควรระวัง / ข้อจำกัด
    การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์บ่อยครั้งคือความเสี่ยงใหญ่
    ทำให้แบรนด์สูญเสียเอกลักษณ์และฐานผู้ใช้

    การไล่ตามคู่แข่งโดยไม่ยึดจุดแข็งของตัวเอง
    AltaVista พยายามเป็นเว็บพอร์ทัลเหมือน Yahoo จนลืมจุดเด่นด้านการค้นหา

    เทคโนโลยีใหม่สามารถล้มยักษ์ได้เสมอ
    PageRank ของ Google คือบทเรียนว่าความแม่นยำสำคัญกว่า “ความเร็วเพียงอย่างเดียว”

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/big-tech/search-pioneer-altavistas-star-shone-bright-with-a-clean-and-minimal-ui-30-years-ago-engine-lost-momentum-after-multiple-ownership-changes-and-the-embrace-of-the-web-portal-trend
    🔍 AltaVista: ตำนานเสิร์ชเอนจินผู้บุกเบิก UI สะอาด–เร็วแรง แต่พ่ายแพ้ต่อยุคเว็บพอร์ทัลและการเปลี่ยนมือหลายครั้ง สามทศวรรษก่อน AltaVista ถือเป็นหนึ่งในเสิร์ชเอนจินที่ล้ำสมัยที่สุดในยุคแรกของอินเทอร์เน็ต ด้วยอินเทอร์เฟซที่สะอาด รวดเร็ว และระบบจัดทำดัชนีเว็บที่เหนือกว่าคู่แข่งในเวลานั้น เปิดตัวในปี 1995 พร้อมฐานข้อมูลเว็บกว่า 16 ล้านหน้า ซึ่งถือว่าใหญ่โตมากในยุคนั้น AltaVista กลายเป็นประตูสู่โลกออนไลน์ของผู้ใช้จำนวนมหาศาล และเป็นแรงผลักดันสำคัญให้การค้นหาข้อมูลบนเว็บกลายเป็นกิจกรรมหลักของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก ความสำเร็จของ AltaVista ส่วนหนึ่งมาจากพลังประมวลผลของ DEC Alpha 8400 Turbolaser ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์ระดับสูงสุดในยุคนั้น ทำให้สามารถรองรับคำค้นจากหลักแสนสู่หลักสิบล้านครั้งต่อวันได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้สถาปัตยกรรมที่ผสานระหว่างเว็บครอว์เลอร์ “Scooter” และระบบจัดทำดัชนี “TurboVista” ทำให้ผลลัพธ์การค้นหามีความแม่นยำและรวดเร็วกว่าเสิร์ชเอนจินแบบไดเรกทอรีที่ครองตลาดในเวลานั้น เช่น Yahoo Directory หรือ Lycos อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อ Google เปิดตัว PageRank ในปี 1998 ซึ่งเป็นอัลกอริทึมที่ให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือของลิงก์ ทำให้ผลลัพธ์การค้นหามีคุณภาพสูงกว่า AltaVista อย่างชัดเจน ประกอบกับการที่ AltaVista ถูกขายต่อหลายครั้ง ตั้งแต่ DEC → Compaq → CMGI → Overture → Yahoo! ทำให้ทิศทางผลิตภัณฑ์ขาดความเสถียร และถูกบังคับให้เปลี่ยนจากเสิร์ชเอนจินเรียบง่ายไปเป็น “เว็บพอร์ทัล” ที่เต็มไปด้วยโฆษณาและฟีเจอร์เกินจำเป็น จนสูญเสียเอกลักษณ์ดั้งเดิมไปในที่สุด แม้ AltaVista จะถูกปิดตัวในปี 2013 แต่ร่องรอยของมันยังคงอยู่ในประวัติศาสตร์อินเทอร์เน็ต ทั้งในฐานะผู้บุกเบิก UI แบบมินิมอลที่ Google นำไปต่อยอด และในฐานะบทเรียนสำคัญของการบริหารผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีที่ต้องรักษาแก่นหลักของตัวเองให้มั่นคงท่ามกลางการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ AltaVista คือเสิร์ชเอนจินผู้บุกเบิกยุคแรกของอินเทอร์เน็ต ➡️ เปิดตัวปี 1995 พร้อมฐานข้อมูล 16 ล้านหน้า ➡️ UI สะอาด รวดเร็ว และเหนือกว่าเสิร์ชแบบไดเรกทอรีในยุคนั้น ✅ พลังของ DEC Alpha ทำให้ AltaVista เร็วกว่าใคร ➡️ ใช้เซิร์ฟเวอร์ DEC Alpha 8400 Turbolaser ➡️ รองรับคำค้นจากหลักแสนสู่หลักสิบล้านครั้งต่อวัน ✅ Google เปลี่ยนเกมด้วย PageRank ➡️ อัลกอริทึมให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือของลิงก์ ➡️ ผลลัพธ์แม่นยำกว่า ทำให้ผู้ใช้ย้ายไป Google อย่างรวดเร็ว ✅ การเปลี่ยนมือหลายครั้งทำให้ทิศทางผลิตภัณฑ์สั่นคลอน ➡️ ถูกบังคับให้กลายเป็นเว็บพอร์ทัลที่สูญเสียเอกลักษณ์ ➡️ ปิดตัวในปี 2013 หลังถูก Yahoo! ซื้อกิจการ ⚠️ ประเด็นที่ควรระวัง / ข้อจำกัด ‼️ การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์บ่อยครั้งคือความเสี่ยงใหญ่ ⛔ ทำให้แบรนด์สูญเสียเอกลักษณ์และฐานผู้ใช้ ‼️ การไล่ตามคู่แข่งโดยไม่ยึดจุดแข็งของตัวเอง ⛔ AltaVista พยายามเป็นเว็บพอร์ทัลเหมือน Yahoo จนลืมจุดเด่นด้านการค้นหา ‼️ เทคโนโลยีใหม่สามารถล้มยักษ์ได้เสมอ ⛔ PageRank ของ Google คือบทเรียนว่าความแม่นยำสำคัญกว่า “ความเร็วเพียงอย่างเดียว” https://www.tomshardware.com/tech-industry/big-tech/search-pioneer-altavistas-star-shone-bright-with-a-clean-and-minimal-ui-30-years-ago-engine-lost-momentum-after-multiple-ownership-changes-and-the-embrace-of-the-web-portal-trend
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมชลประทานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถอดบทเรียนอุทกภัยจังหวัดสงขลา เพื่อวางแผนรับมือน้ำท่วมหาดใหญ่อย่างเป็นระบบ ครอบคลุมทั้งระยะเร่งด่วน ระยะปานกลาง และระยะยาว เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่
    .
    การประชุมดังกล่าวมีการรายงานสถานการณ์น้ำท่วมและอุปสรรคในการบริหารจัดการอุทกภัย รวมถึงการเตรียมความพร้อม การรับมือระหว่างเกิดเหตุ และการฟื้นฟูหลังน้ำลด พร้อมพิจารณาการสนับสนุนจากภาครัฐในอนาคต
    .
    กรมชลประทานได้เสนอแผนเร่งด่วน เช่น การขุดลอกคลองและซ่อมแซมอาคารชลประทาน แผนระยะปานกลางในการเพิ่มประสิทธิภาพระบบระบายน้ำหลายสายคลอง และแผนระยะยาวในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำและคลองผันน้ำ เพื่อเสริมศักยภาพการระบายน้ำในช่วงฤดูน้ำหลาก และลดความเสียหายที่จะเกิดกับประชาชน
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122030
    .
    #News1live #News1 #กรมชลประทาน #น้ำท่วม #หาดใหญ่ #สงขลา #อุทกภัย
    กรมชลประทานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถอดบทเรียนอุทกภัยจังหวัดสงขลา เพื่อวางแผนรับมือน้ำท่วมหาดใหญ่อย่างเป็นระบบ ครอบคลุมทั้งระยะเร่งด่วน ระยะปานกลาง และระยะยาว เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ . การประชุมดังกล่าวมีการรายงานสถานการณ์น้ำท่วมและอุปสรรคในการบริหารจัดการอุทกภัย รวมถึงการเตรียมความพร้อม การรับมือระหว่างเกิดเหตุ และการฟื้นฟูหลังน้ำลด พร้อมพิจารณาการสนับสนุนจากภาครัฐในอนาคต . กรมชลประทานได้เสนอแผนเร่งด่วน เช่น การขุดลอกคลองและซ่อมแซมอาคารชลประทาน แผนระยะปานกลางในการเพิ่มประสิทธิภาพระบบระบายน้ำหลายสายคลอง และแผนระยะยาวในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำและคลองผันน้ำ เพื่อเสริมศักยภาพการระบายน้ำในช่วงฤดูน้ำหลาก และลดความเสียหายที่จะเกิดกับประชาชน . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122030 . #News1live #News1 #กรมชลประทาน #น้ำท่วม #หาดใหญ่ #สงขลา #อุทกภัย
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 359 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เด็กชายทำลาย SSD 50 ตัว – พ่อสูญเสียพื้นที่เก็บข้อมูล 25TB ท่ามกลางวิกฤต NAND”

    ภาพที่แชร์ในกลุ่ม Facebook “Build a PC is easy” ของเวียดนามเผยให้เห็น SSD Samsung PM991a ขนาด 512GB จำนวน 50 ตัวที่ถูกงอจนใช้การไม่ได้ เด็กชายวัย 10 ปีซึ่งเป็นลูกชายเจ้าของ ได้ทำการ “ทดสอบความทนทาน” โดยไม่รู้ว่ากำลังทำลายอุปกรณ์ที่มีมูลค่ารวมกว่า 3,800–4,000 ดอลลาร์

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดหน่วยความจำ NAND กำลังเผชิญวิกฤตราคาพุ่งสูง โดยราคาของ SSD และ RAM เพิ่มขึ้นเร็วกว่าทองคำ ทำให้การสูญเสียครั้งนี้ยิ่งเจ็บปวดสำหรับผู้เป็นพ่อที่ถูกเรียกว่า “the most miserable dad in the world” ในโพสต์ต้นทาง

    แม้ SSD ที่ถูกงออาจยังมีบางตัวที่สามารถใช้งานได้ หากชิ้นส่วน PCB ไม่เสียหาย แต่โดยทั่วไปแล้วการบิดงอทำให้โอกาสใช้งานต่อแทบเป็นศูนย์ และหากไม่สามารถซ่อมได้ก็ต้องนำไปรีไซเคิล NAND chips เท่านั้น

    เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเปราะบางของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล และเป็นบทเรียนว่าการเก็บรักษาอุปกรณ์ไอทีควรอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาหน่วยความจำทั่วโลกกำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เด็กชายวัย 10 ปีทำลาย SSD Samsung PM991a จำนวน 50 ตัว
    แต่ละตัวมีความจุ 512GB รวมทั้งหมดกว่า 25,600GB

    มูลค่าความเสียหายประมาณ 3,800–4,000 ดอลลาร์
    เกิดขึ้นในช่วงที่ราคาหน่วยความจำ NAND พุ่งสูง

    เหตุการณ์ถูกแชร์ในกลุ่ม Facebook เวียดนาม
    เจ้าของถูกเรียกว่า “the most miserable dad in the world”

    ความเสี่ยงต่อการใช้งาน SSD ที่ถูกงอ
    โอกาสใช้งานต่อแทบไม่มี หาก PCB เสียหาย
    ทางออกเดียวคือการรีไซเคิล NAND chips

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/boy-breaks-50-of-his-fathers-samsung-m-2-nvme-ssds-worth-nearly-usd4-000-25-600-gb-of-storage-ruined-by-ten-year-old-oblivious-to-global-nand-crisis
    📰 “เด็กชายทำลาย SSD 50 ตัว – พ่อสูญเสียพื้นที่เก็บข้อมูล 25TB ท่ามกลางวิกฤต NAND” ภาพที่แชร์ในกลุ่ม Facebook “Build a PC is easy” ของเวียดนามเผยให้เห็น SSD Samsung PM991a ขนาด 512GB จำนวน 50 ตัวที่ถูกงอจนใช้การไม่ได้ เด็กชายวัย 10 ปีซึ่งเป็นลูกชายเจ้าของ ได้ทำการ “ทดสอบความทนทาน” โดยไม่รู้ว่ากำลังทำลายอุปกรณ์ที่มีมูลค่ารวมกว่า 3,800–4,000 ดอลลาร์ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดหน่วยความจำ NAND กำลังเผชิญวิกฤตราคาพุ่งสูง โดยราคาของ SSD และ RAM เพิ่มขึ้นเร็วกว่าทองคำ ทำให้การสูญเสียครั้งนี้ยิ่งเจ็บปวดสำหรับผู้เป็นพ่อที่ถูกเรียกว่า “the most miserable dad in the world” ในโพสต์ต้นทาง แม้ SSD ที่ถูกงออาจยังมีบางตัวที่สามารถใช้งานได้ หากชิ้นส่วน PCB ไม่เสียหาย แต่โดยทั่วไปแล้วการบิดงอทำให้โอกาสใช้งานต่อแทบเป็นศูนย์ และหากไม่สามารถซ่อมได้ก็ต้องนำไปรีไซเคิล NAND chips เท่านั้น เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเปราะบางของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล และเป็นบทเรียนว่าการเก็บรักษาอุปกรณ์ไอทีควรอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาหน่วยความจำทั่วโลกกำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เด็กชายวัย 10 ปีทำลาย SSD Samsung PM991a จำนวน 50 ตัว ➡️ แต่ละตัวมีความจุ 512GB รวมทั้งหมดกว่า 25,600GB ✅ มูลค่าความเสียหายประมาณ 3,800–4,000 ดอลลาร์ ➡️ เกิดขึ้นในช่วงที่ราคาหน่วยความจำ NAND พุ่งสูง ✅ เหตุการณ์ถูกแชร์ในกลุ่ม Facebook เวียดนาม ➡️ เจ้าของถูกเรียกว่า “the most miserable dad in the world” ‼️ ความเสี่ยงต่อการใช้งาน SSD ที่ถูกงอ ⛔ โอกาสใช้งานต่อแทบไม่มี หาก PCB เสียหาย ⛔ ทางออกเดียวคือการรีไซเคิล NAND chips https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/boy-breaks-50-of-his-fathers-samsung-m-2-nvme-ssds-worth-nearly-usd4-000-25-600-gb-of-storage-ruined-by-ten-year-old-oblivious-to-global-nand-crisis
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ร้ายแรงใน FreePBX (CVE-2025-66039)

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบช่องโหว่ใหม่ใน FreePBX ซึ่งเป็นระบบโทรศัพท์ IP-PBX แบบโอเพนซอร์สที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ช่องโหว่นี้เกิดขึ้นในโหมด Webserver Authentication ที่อนุญาตให้ผู้โจมตีสามารถข้ามขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์ และเข้าถึงระบบโดยตรง ผลลัพธ์คือผู้โจมตีสามารถเข้ายึดระบบ PBX ได้ทั้งหมด รวมถึงการจัดการสายโทรศัพท์ การตั้งค่า และข้อมูลผู้ใช้

    วิธีการโจมตีและผลกระทบ
    เมื่อเปิดใช้งานโหมด Webserver Auth ช่องโหว่นี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่งไปยังระบบโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน หากระบบเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยตรง ความเสี่ยงจะยิ่งสูงขึ้น เพราะผู้โจมตีสามารถเข้าถึงจากระยะไกลได้ทันที ผลกระทบที่ตามมา ได้แก่ การดักฟังการสื่อสาร, การเปลี่ยนเส้นทางสายโทรศัพท์, การสร้างบัญชีผู้ใช้ปลอม และแม้กระทั่งการใช้ระบบเพื่อทำการโจมตีแบบ VoIP Fraud

    การตอบสนองและแนวทางแก้ไข
    ทีมพัฒนา FreePBX ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว โดยแนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดทันที นอกจากนี้ยังควร ปิดการใช้งาน Webserver Auth Mode หากไม่จำเป็น และใช้การตรวจสอบสิทธิ์ที่เข้มงวดกว่า เช่นการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น (2FA) รวมถึงการจำกัดการเข้าถึงระบบจากเครือข่ายภายในเท่านั้น

    บทเรียนสำหรับผู้ดูแลระบบ
    ช่องโหว่นี้ตอกย้ำว่า การตั้งค่าการตรวจสอบสิทธิ์ที่ไม่รัดกุม สามารถนำไปสู่การยึดระบบได้อย่างง่ายดาย ผู้ดูแลระบบควรตรวจสอบการตั้งค่าอย่างสม่ำเสมอ และติดตามการอัปเดตแพตช์จากผู้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-66039
    เกิดในโหมด Webserver Authentication ของ FreePBX
    ระดับความรุนแรง CVSS 9.8 (Critical)

    ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
    การเข้ายึดระบบ PBX ทั้งหมด
    ดักฟังการสื่อสารและเปลี่ยนเส้นทางสายโทรศัพท์
    การสร้างบัญชีผู้ใช้ปลอมและ VoIP Fraud

    แนวทางแก้ไข
    อัปเดต FreePBX เป็นเวอร์ชันล่าสุดทันที
    ปิด Webserver Auth Mode หากไม่จำเป็น
    ใช้การตรวจสอบสิทธิ์เข้มงวด เช่น 2FA

    คำเตือนต่อผู้ดูแลระบบ
    หากไม่อัปเดตแพตช์ อาจถูกโจมตีและยึดระบบโทรศัพท์ทั้งหมด
    การเปิดระบบให้เข้าถึงจากอินเทอร์เน็ตโดยตรง เพิ่มความเสี่ยงอย่างมาก

    https://securityonline.info/critical-freepbx-flaw-cve-2025-66039-risks-pbx-takeover-via-authentication-bypass-in-webserver-auth-mode/
    📞 ช่องโหว่ร้ายแรงใน FreePBX (CVE-2025-66039) นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบช่องโหว่ใหม่ใน FreePBX ซึ่งเป็นระบบโทรศัพท์ IP-PBX แบบโอเพนซอร์สที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ช่องโหว่นี้เกิดขึ้นในโหมด Webserver Authentication ที่อนุญาตให้ผู้โจมตีสามารถข้ามขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์ และเข้าถึงระบบโดยตรง ผลลัพธ์คือผู้โจมตีสามารถเข้ายึดระบบ PBX ได้ทั้งหมด รวมถึงการจัดการสายโทรศัพท์ การตั้งค่า และข้อมูลผู้ใช้ ⚡ วิธีการโจมตีและผลกระทบ เมื่อเปิดใช้งานโหมด Webserver Auth ช่องโหว่นี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่งไปยังระบบโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน หากระบบเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยตรง ความเสี่ยงจะยิ่งสูงขึ้น เพราะผู้โจมตีสามารถเข้าถึงจากระยะไกลได้ทันที ผลกระทบที่ตามมา ได้แก่ การดักฟังการสื่อสาร, การเปลี่ยนเส้นทางสายโทรศัพท์, การสร้างบัญชีผู้ใช้ปลอม และแม้กระทั่งการใช้ระบบเพื่อทำการโจมตีแบบ VoIP Fraud 🔒 การตอบสนองและแนวทางแก้ไข ทีมพัฒนา FreePBX ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว โดยแนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดทันที นอกจากนี้ยังควร ปิดการใช้งาน Webserver Auth Mode หากไม่จำเป็น และใช้การตรวจสอบสิทธิ์ที่เข้มงวดกว่า เช่นการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น (2FA) รวมถึงการจำกัดการเข้าถึงระบบจากเครือข่ายภายในเท่านั้น 🌐 บทเรียนสำหรับผู้ดูแลระบบ ช่องโหว่นี้ตอกย้ำว่า การตั้งค่าการตรวจสอบสิทธิ์ที่ไม่รัดกุม สามารถนำไปสู่การยึดระบบได้อย่างง่ายดาย ผู้ดูแลระบบควรตรวจสอบการตั้งค่าอย่างสม่ำเสมอ และติดตามการอัปเดตแพตช์จากผู้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-66039 ➡️ เกิดในโหมด Webserver Authentication ของ FreePBX ➡️ ระดับความรุนแรง CVSS 9.8 (Critical) ✅ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ➡️ การเข้ายึดระบบ PBX ทั้งหมด ➡️ ดักฟังการสื่อสารและเปลี่ยนเส้นทางสายโทรศัพท์ ➡️ การสร้างบัญชีผู้ใช้ปลอมและ VoIP Fraud ✅ แนวทางแก้ไข ➡️ อัปเดต FreePBX เป็นเวอร์ชันล่าสุดทันที ➡️ ปิด Webserver Auth Mode หากไม่จำเป็น ➡️ ใช้การตรวจสอบสิทธิ์เข้มงวด เช่น 2FA ‼️ คำเตือนต่อผู้ดูแลระบบ ⛔ หากไม่อัปเดตแพตช์ อาจถูกโจมตีและยึดระบบโทรศัพท์ทั้งหมด ⛔ การเปิดระบบให้เข้าถึงจากอินเทอร์เน็ตโดยตรง เพิ่มความเสี่ยงอย่างมาก https://securityonline.info/critical-freepbx-flaw-cve-2025-66039-risks-pbx-takeover-via-authentication-bypass-in-webserver-auth-mode/
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical FreePBX Flaw (CVE-2025-66039) Risks PBX Takeover via Authentication Bypass in 'webserver' Auth Mode
    A critical authentication bypass (CVSS 9.3) in FreePBX allows complete PBX takeover when the 'webserver' auth mode is enabled. Attackers can gain an admin session with a crafted HTTP header. Update immediately.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 175 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ Windows Admin Center (CVE-2025-64669)

    นักวิจัยจาก Cymulate Research Labs พบช่องโหว่ร้ายแรงใน Windows Admin Center (WAC) ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดการเซิร์ฟเวอร์ของ Microsoft โดยช่องโหว่นี้ถูกจัดอยู่ในระดับ High Severity (CVSS 7.8) และสามารถนำไปสู่การ Local Privilege Escalation (LPE) ได้ ช่องโหว่เกิดจากการตั้งค่าโฟลเดอร์ C:\ProgramData\WindowsAdminCenter ที่เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเขียนไฟล์ได้ ซึ่งถือเป็นการละเมิดหลักการความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน

    วิธีการโจมตี: จาก Permission Error สู่ SYSTEM Access
    นักวิจัยพบว่าสามารถใช้วิธี DLL Hijacking กับโปรเซส WindowsAdminCenterUpdater.exe เพื่อรันโค้ดอันตรายด้วยสิทธิ์ SYSTEM แม้ตัวโปรเซสจะตรวจสอบลายเซ็นดิจิทัล แต่ก็มีช่องโหว่แบบ TOCTOU (Time-of-Check Time-of-Use) ที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสลับไฟล์หลังการตรวจสอบเสร็จสิ้นแต่ก่อนการรันจริง ผลลัพธ์คือไฟล์ DLL ที่แฝงมัลแวร์สามารถถูกโหลดและทำงานด้วยสิทธิ์สูงสุดบนเครื่อง

    การตอบสนองของ Microsoft
    Microsoft ได้ยืนยันช่องโหว่นี้และออกแพตช์แก้ไขแล้ว โดยแนะนำให้อัปเดต Windows Admin Center เป็นเวอร์ชัน 2411 หรือใหม่กว่า เพื่อปิดช่องโหว่ นอกจากนี้ยังได้มอบเงินรางวัล $5,000 ให้กับทีมวิจัยที่ค้นพบ ถือเป็นการตอกย้ำความสำคัญของการตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึงไฟล์และการจัดการโฟลเดอร์ที่ปลอดภัย

    ผลกระทบและบทเรียน
    ช่องโหว่นี้ชี้ให้เห็นว่าแม้การตั้งค่าที่ดูเล็กน้อย เช่น Permission ของโฟลเดอร์ ก็สามารถนำไปสู่การโจมตีขั้นรุนแรงได้ การตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึงไฟล์และการอัปเดตระบบอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ดูแลระบบทุกคน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-64669
    เกิดจากโฟลเดอร์ C:\ProgramData\WindowsAdminCenter ที่เปิดสิทธิ์ให้ผู้ใช้ทั่วไปเขียนได้
    ระดับความรุนแรง CVSS 7.8 (High Severity)

    วิธีการโจมตี
    ใช้เทคนิค DLL Hijacking กับ WindowsAdminCenterUpdater.exe
    ช่องโหว่ TOCTOU ทำให้ไฟล์ถูกสลับหลังตรวจสอบลายเซ็น

    การแก้ไขจาก Microsoft
    อัปเดต WAC เป็นเวอร์ชัน 2411 หรือใหม่กว่า
    มอบเงินรางวัล $5,000 ให้ทีมวิจัย

    คำเตือนต่อผู้ดูแลระบบ
    หากไม่อัปเดต อาจถูกโจมตีและยกระดับสิทธิ์เป็น SYSTEM ได้
    การละเลยการตรวจสอบ Permission ของโฟลเดอร์ อาจเปิดช่องให้เกิดการโจมตีในอนาคต
    🖥️ ช่องโหว่ Windows Admin Center (CVE-2025-64669) นักวิจัยจาก Cymulate Research Labs พบช่องโหว่ร้ายแรงใน Windows Admin Center (WAC) ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดการเซิร์ฟเวอร์ของ Microsoft โดยช่องโหว่นี้ถูกจัดอยู่ในระดับ High Severity (CVSS 7.8) และสามารถนำไปสู่การ Local Privilege Escalation (LPE) ได้ ช่องโหว่เกิดจากการตั้งค่าโฟลเดอร์ C:\ProgramData\WindowsAdminCenter ที่เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเขียนไฟล์ได้ ซึ่งถือเป็นการละเมิดหลักการความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน ⚡ วิธีการโจมตี: จาก Permission Error สู่ SYSTEM Access นักวิจัยพบว่าสามารถใช้วิธี DLL Hijacking กับโปรเซส WindowsAdminCenterUpdater.exe เพื่อรันโค้ดอันตรายด้วยสิทธิ์ SYSTEM แม้ตัวโปรเซสจะตรวจสอบลายเซ็นดิจิทัล แต่ก็มีช่องโหว่แบบ TOCTOU (Time-of-Check Time-of-Use) ที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสลับไฟล์หลังการตรวจสอบเสร็จสิ้นแต่ก่อนการรันจริง ผลลัพธ์คือไฟล์ DLL ที่แฝงมัลแวร์สามารถถูกโหลดและทำงานด้วยสิทธิ์สูงสุดบนเครื่อง 🔒 การตอบสนองของ Microsoft Microsoft ได้ยืนยันช่องโหว่นี้และออกแพตช์แก้ไขแล้ว โดยแนะนำให้อัปเดต Windows Admin Center เป็นเวอร์ชัน 2411 หรือใหม่กว่า เพื่อปิดช่องโหว่ นอกจากนี้ยังได้มอบเงินรางวัล $5,000 ให้กับทีมวิจัยที่ค้นพบ ถือเป็นการตอกย้ำความสำคัญของการตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึงไฟล์และการจัดการโฟลเดอร์ที่ปลอดภัย 🌐 ผลกระทบและบทเรียน ช่องโหว่นี้ชี้ให้เห็นว่าแม้การตั้งค่าที่ดูเล็กน้อย เช่น Permission ของโฟลเดอร์ ก็สามารถนำไปสู่การโจมตีขั้นรุนแรงได้ การตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึงไฟล์และการอัปเดตระบบอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ดูแลระบบทุกคน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-64669 ➡️ เกิดจากโฟลเดอร์ C:\ProgramData\WindowsAdminCenter ที่เปิดสิทธิ์ให้ผู้ใช้ทั่วไปเขียนได้ ➡️ ระดับความรุนแรง CVSS 7.8 (High Severity) ✅ วิธีการโจมตี ➡️ ใช้เทคนิค DLL Hijacking กับ WindowsAdminCenterUpdater.exe ➡️ ช่องโหว่ TOCTOU ทำให้ไฟล์ถูกสลับหลังตรวจสอบลายเซ็น ✅ การแก้ไขจาก Microsoft ➡️ อัปเดต WAC เป็นเวอร์ชัน 2411 หรือใหม่กว่า ➡️ มอบเงินรางวัล $5,000 ให้ทีมวิจัย ‼️ คำเตือนต่อผู้ดูแลระบบ ⛔ หากไม่อัปเดต อาจถูกโจมตีและยกระดับสิทธิ์เป็น SYSTEM ได้ ⛔ การละเลยการตรวจสอบ Permission ของโฟลเดอร์ อาจเปิดช่องให้เกิดการโจมตีในอนาคต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลฎีกาพิพากษายืน จำคุก 1 ปี หญิงสาวเมาแล้วขับ ชน “น้องอ๊อฟ ธนกฤต” อดีตนักแสดงหนัง 16 ห้าว 19 เดือด จนกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ตลอดชีวิต
    .
    แม่ของน้องอ๊อฟ เผยต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมมานานถึง 3 ปี 8 เดือน แม้ศาลแพ่งสั่งชดใช้ค่าเสียหายกว่า 4 ล้านบาท แต่คู่กรณีไม่เคยเยียวยาแม้แต่บาทเดียว และไม่เคยมีคำขอโทษ
    .
    ตลอดเวลาที่ผ่านมา ครอบครัวต้องเผชิญความยากลำบาก แม่ต้องดูแลลูกชายตลอด 24 ชั่วโมง สูญเสียรายได้ และอาศัยการขายของผ่านโซเชียลเพื่อหาเงินมารักษาลูกเพียงลำพัง
    .
    แม้วันนี้คดีถึงที่สุดแล้ว แม่ยอมรับว่าได้รับ “ความยุติธรรมจากศาล” แต่ความสูญเสียและภาระชีวิตยังคงอยู่ พร้อมย้ำว่านี่คือบทเรียนของสังคมจากโศกนาฏกรรมเมาแล้วขับ
    .
    อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000121188
    .
    #News1live #News1 #เมาแล้วขับ #น้องอ๊อฟธนกฤต #ความยุติธรรม #อุบัติเหตุไม่ควรเกิด
    ศาลฎีกาพิพากษายืน จำคุก 1 ปี หญิงสาวเมาแล้วขับ ชน “น้องอ๊อฟ ธนกฤต” อดีตนักแสดงหนัง 16 ห้าว 19 เดือด จนกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ตลอดชีวิต . แม่ของน้องอ๊อฟ เผยต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมมานานถึง 3 ปี 8 เดือน แม้ศาลแพ่งสั่งชดใช้ค่าเสียหายกว่า 4 ล้านบาท แต่คู่กรณีไม่เคยเยียวยาแม้แต่บาทเดียว และไม่เคยมีคำขอโทษ . ตลอดเวลาที่ผ่านมา ครอบครัวต้องเผชิญความยากลำบาก แม่ต้องดูแลลูกชายตลอด 24 ชั่วโมง สูญเสียรายได้ และอาศัยการขายของผ่านโซเชียลเพื่อหาเงินมารักษาลูกเพียงลำพัง . แม้วันนี้คดีถึงที่สุดแล้ว แม่ยอมรับว่าได้รับ “ความยุติธรรมจากศาล” แต่ความสูญเสียและภาระชีวิตยังคงอยู่ พร้อมย้ำว่านี่คือบทเรียนของสังคมจากโศกนาฏกรรมเมาแล้วขับ . อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000121188 . #News1live #News1 #เมาแล้วขับ #น้องอ๊อฟธนกฤต #ความยุติธรรม #อุบัติเหตุไม่ควรเกิด
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันศุกร์(12ธ.ค.) ว่าไทยและกัมพูชาเห็นพ้องในข้อตกลงหยุดยิงรอบใหม่ แต่การสู้รบยังคงลากยาวต่อไป ในอีกแง่มุมมอง ทางซีเอ็นเอ สื่อมวลชนสิงคโปร์ ชี้ว่ามันถือเป็นบทเรียนของข้อจำกัดด้านอิทธิพลของอเมริกา ในยามที่ความรู้สึกชาตินิยมพุ่งสูง ขณะเดียวกันพวกผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าวอชิงตันเองและปักกิ่งอาจรู้เห็นเป็นใจกับไทย ในปฏิบัติการถล่มศูนย์สแกมเมอร์ในกัมพูชา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000121241

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire

    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันศุกร์(12ธ.ค.) ว่าไทยและกัมพูชาเห็นพ้องในข้อตกลงหยุดยิงรอบใหม่ แต่การสู้รบยังคงลากยาวต่อไป ในอีกแง่มุมมอง ทางซีเอ็นเอ สื่อมวลชนสิงคโปร์ ชี้ว่ามันถือเป็นบทเรียนของข้อจำกัดด้านอิทธิพลของอเมริกา ในยามที่ความรู้สึกชาตินิยมพุ่งสูง ขณะเดียวกันพวกผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าวอชิงตันเองและปักกิ่งอาจรู้เห็นเป็นใจกับไทย ในปฏิบัติการถล่มศูนย์สแกมเมอร์ในกัมพูชา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000121241 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 469 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอป MAGA Messaging App ที่ไม่ปลอดภัยอย่างที่คิด

    มีรายงานว่าแอปแชทที่ถูกโปรโมตว่าเป็น “Super Secure MAGA Messaging App” เกิดเหตุการณ์รั่วไหลครั้งใหญ่ โดยข้อมูล หมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้ทั้งหมด ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ เหตุการณ์นี้สร้างความตกใจอย่างมาก เพราะแอปดังกล่าวเคลมว่ามีระบบความปลอดภัยสูงและเน้นการปกป้องข้อมูลส่วนตัว แต่กลับเกิดข้อผิดพลาดร้ายแรงที่ทำให้ผู้ใช้สูญเสียความเชื่อมั่นทันที

    สาเหตุและผลกระทบ
    การรั่วไหลครั้งนี้เกิดจาก การตั้งค่าฐานข้อมูลที่ไม่ปลอดภัย ทำให้ข้อมูลผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตนใดๆ ผลกระทบคือผู้ใช้จำนวนมากเสี่ยงต่อการถูกนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด เช่น การโทรก่อกวน (Spam Calls), การโจมตีแบบฟิชชิ่ง (Phishing) หรือแม้กระทั่งการนำข้อมูลไปเชื่อมโยงกับข้อมูลส่วนตัวอื่นเพื่อสร้างการโจมตีที่ซับซ้อนขึ้น

    บทเรียนด้านความปลอดภัยไซเบอร์
    เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้แอปจะโฆษณาว่ามีความปลอดภัยสูง แต่หาก โครงสร้างระบบไม่ได้รับการตรวจสอบและป้องกันอย่างจริงจัง ก็สามารถสร้างความเสียหายใหญ่หลวงได้ทันที ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยแนะนำว่า ผู้ใช้ควรเลือกใช้แพลตฟอร์มที่มีการตรวจสอบจากบุคคลที่สาม และควรเปิดใช้งาน Two-Factor Authentication (2FA) รวมถึงหลีกเลี่ยงการแชร์ข้อมูลส่วนตัวเกินความจำเป็น

    สรุปสาระสำคัญ
    เหตุการณ์รั่วไหลของแอป MAGA Messaging App
    ข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ผู้ใช้ทั้งหมดถูกเปิดเผย
    เกิดจากการตั้งค่าฐานข้อมูลที่ไม่ปลอดภัย

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    เสี่ยงต่อการถูกโทรก่อกวนและสแปม
    เสี่ยงต่อการโจมตีแบบฟิชชิ่งและการขโมยข้อมูลส่วนตัว

    บทเรียนด้านความปลอดภัย
    แอปที่โฆษณาว่าปลอดภัยอาจไม่จริง หากไม่มีการตรวจสอบระบบ
    ผู้ใช้ควรเปิดใช้งาน 2FA และระมัดระวังในการแชร์ข้อมูลส่วนตัว

    https://ericdaigle.ca/posts/super-secure-maga-messaging-app-leaks-everyones-phone-number/
    📱 แอป MAGA Messaging App ที่ไม่ปลอดภัยอย่างที่คิด มีรายงานว่าแอปแชทที่ถูกโปรโมตว่าเป็น “Super Secure MAGA Messaging App” เกิดเหตุการณ์รั่วไหลครั้งใหญ่ โดยข้อมูล หมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้ทั้งหมด ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ เหตุการณ์นี้สร้างความตกใจอย่างมาก เพราะแอปดังกล่าวเคลมว่ามีระบบความปลอดภัยสูงและเน้นการปกป้องข้อมูลส่วนตัว แต่กลับเกิดข้อผิดพลาดร้ายแรงที่ทำให้ผู้ใช้สูญเสียความเชื่อมั่นทันที 🔎 สาเหตุและผลกระทบ การรั่วไหลครั้งนี้เกิดจาก การตั้งค่าฐานข้อมูลที่ไม่ปลอดภัย ทำให้ข้อมูลผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตนใดๆ ผลกระทบคือผู้ใช้จำนวนมากเสี่ยงต่อการถูกนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด เช่น การโทรก่อกวน (Spam Calls), การโจมตีแบบฟิชชิ่ง (Phishing) หรือแม้กระทั่งการนำข้อมูลไปเชื่อมโยงกับข้อมูลส่วนตัวอื่นเพื่อสร้างการโจมตีที่ซับซ้อนขึ้น ⚠️ บทเรียนด้านความปลอดภัยไซเบอร์ เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้แอปจะโฆษณาว่ามีความปลอดภัยสูง แต่หาก โครงสร้างระบบไม่ได้รับการตรวจสอบและป้องกันอย่างจริงจัง ก็สามารถสร้างความเสียหายใหญ่หลวงได้ทันที ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยแนะนำว่า ผู้ใช้ควรเลือกใช้แพลตฟอร์มที่มีการตรวจสอบจากบุคคลที่สาม และควรเปิดใช้งาน Two-Factor Authentication (2FA) รวมถึงหลีกเลี่ยงการแชร์ข้อมูลส่วนตัวเกินความจำเป็น 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ เหตุการณ์รั่วไหลของแอป MAGA Messaging App ➡️ ข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ผู้ใช้ทั้งหมดถูกเปิดเผย ➡️ เกิดจากการตั้งค่าฐานข้อมูลที่ไม่ปลอดภัย ‼️ ผลกระทบต่อผู้ใช้ ⛔ เสี่ยงต่อการถูกโทรก่อกวนและสแปม ⛔ เสี่ยงต่อการโจมตีแบบฟิชชิ่งและการขโมยข้อมูลส่วนตัว ‼️ บทเรียนด้านความปลอดภัย ⛔ แอปที่โฆษณาว่าปลอดภัยอาจไม่จริง หากไม่มีการตรวจสอบระบบ ⛔ ผู้ใช้ควรเปิดใช้งาน 2FA และระมัดระวังในการแชร์ข้อมูลส่วนตัว https://ericdaigle.ca/posts/super-secure-maga-messaging-app-leaks-everyones-phone-number/
    ERICDAIGLE.CA
    "Super secure" MAGA-themed messaging app leaks everyone's phone number
    You can be, do, and have whatever you want, except for not spilling user information
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 รีวิว
  • Claude AI ทำงานผิดพลาดจนลบ Home Directory

    นักพัฒนารายหนึ่งเล่าว่าขณะใช้ Claude CLI เพื่อจัดการแพ็กเกจใน repository เก่า คำสั่งที่ถูกสร้างขึ้นกลับมีการขยายสัญลักษณ์ ~ อย่างผิดพลาด ทำให้คำสั่ง rm -rf tests/ patches/ plan/ ~/ ลบไฟล์ทั้งหมดใน Home Directory ของ macOS รวมถึง Desktop, Documents, Downloads และ Library ที่เก็บ Keychains และ Credential Store ของ Claude เอง

    ผลกระทบที่เกิดขึ้น
    การลบครั้งนี้ทำให้ข้อมูลสำคัญสูญหาย เช่น credential, application data และไฟล์ผู้ใช้ทั้งหมดใน /Users/ ซึ่งแทบจะไม่สามารถกู้คืนได้ การสูญเสียนี้ไม่เพียงกระทบต่อการทำงานของนักพัฒนา แต่ยังสร้างความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เนื่องจากข้อมูลการยืนยันตัวตนอาจถูกทำลายหรือสูญหายไป

    แนวทางแก้ไขที่ถูกเสนอ
    วิธีแก้ไขที่นักพัฒนาหลายคนแนะนำคือการรัน Claude CLI ภายใน Docker container เพื่อจำกัดสิทธิ์และพื้นที่ทำงานของ AI ไม่ให้เข้าถึงระบบหลักโดยตรง หากเกิดความผิดพลาด คำสั่งที่เป็นอันตรายก็จะถูกจำกัดอยู่ใน container โดยไม่กระทบไฟล์จริงบนเครื่อง

    มุมมองจากวงการเทคโนโลยี
    เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการใช้ AI ที่มีสิทธิ์เข้าถึงระบบโดยตรง หากไม่มีการจำกัดสิทธิ์หรือ sandbox ที่เหมาะสม AI อาจทำงานผิดพลาดและสร้างความเสียหายใหญ่หลวงได้ จึงเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับนักพัฒนาและองค์กรที่นำ AI มาใช้ใน workflow

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
    Claude CLI รันคำสั่งผิดพลาด rm -rf ~/
    ลบข้อมูลทั้ง Home Directory รวมถึง Desktop, Documents และ Keychains

    ผลกระทบ
    สูญเสีย credential และ application data
    ข้อมูลผู้ใช้ใน /Users/ หายไปทั้งหมด

    แนวทางแก้ไข
    ใช้ Docker container เพื่อจำกัดสิทธิ์ AI
    ลดความเสี่ยงจากคำสั่งที่ผิดพลาด

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    การให้ AI เข้าถึงระบบโดยตรงเสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูล
    หากไม่มี sandbox หรือ isolation อาจเกิดความเสียหายใหญ่หลวง

    https://securityonline.info/data-disaster-claude-ai-executes-rm-rf-and-wipes-developers-mac-home-directory/
    💻 Claude AI ทำงานผิดพลาดจนลบ Home Directory นักพัฒนารายหนึ่งเล่าว่าขณะใช้ Claude CLI เพื่อจัดการแพ็กเกจใน repository เก่า คำสั่งที่ถูกสร้างขึ้นกลับมีการขยายสัญลักษณ์ ~ อย่างผิดพลาด ทำให้คำสั่ง rm -rf tests/ patches/ plan/ ~/ ลบไฟล์ทั้งหมดใน Home Directory ของ macOS รวมถึง Desktop, Documents, Downloads และ Library ที่เก็บ Keychains และ Credential Store ของ Claude เอง ⚠️ ผลกระทบที่เกิดขึ้น การลบครั้งนี้ทำให้ข้อมูลสำคัญสูญหาย เช่น credential, application data และไฟล์ผู้ใช้ทั้งหมดใน /Users/ ซึ่งแทบจะไม่สามารถกู้คืนได้ การสูญเสียนี้ไม่เพียงกระทบต่อการทำงานของนักพัฒนา แต่ยังสร้างความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เนื่องจากข้อมูลการยืนยันตัวตนอาจถูกทำลายหรือสูญหายไป 🛡️ แนวทางแก้ไขที่ถูกเสนอ วิธีแก้ไขที่นักพัฒนาหลายคนแนะนำคือการรัน Claude CLI ภายใน Docker container เพื่อจำกัดสิทธิ์และพื้นที่ทำงานของ AI ไม่ให้เข้าถึงระบบหลักโดยตรง หากเกิดความผิดพลาด คำสั่งที่เป็นอันตรายก็จะถูกจำกัดอยู่ใน container โดยไม่กระทบไฟล์จริงบนเครื่อง 🌐 มุมมองจากวงการเทคโนโลยี เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการใช้ AI ที่มีสิทธิ์เข้าถึงระบบโดยตรง หากไม่มีการจำกัดสิทธิ์หรือ sandbox ที่เหมาะสม AI อาจทำงานผิดพลาดและสร้างความเสียหายใหญ่หลวงได้ จึงเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับนักพัฒนาและองค์กรที่นำ AI มาใช้ใน workflow 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ➡️ Claude CLI รันคำสั่งผิดพลาด rm -rf ~/ ➡️ ลบข้อมูลทั้ง Home Directory รวมถึง Desktop, Documents และ Keychains ✅ ผลกระทบ ➡️ สูญเสีย credential และ application data ➡️ ข้อมูลผู้ใช้ใน /Users/ หายไปทั้งหมด ✅ แนวทางแก้ไข ➡️ ใช้ Docker container เพื่อจำกัดสิทธิ์ AI ➡️ ลดความเสี่ยงจากคำสั่งที่ผิดพลาด ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ การให้ AI เข้าถึงระบบโดยตรงเสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูล ⛔ หากไม่มี sandbox หรือ isolation อาจเกิดความเสียหายใหญ่หลวง https://securityonline.info/data-disaster-claude-ai-executes-rm-rf-and-wipes-developers-mac-home-directory/
    SECURITYONLINE.INFO
    Data Disaster: Claude AI Executes rm -rf ~/ and Wipes Developer's Mac Home Directory
    A developer's Mac home directory was wiped after Claude AI executed an unconstrained rm -rf ~/ command. Experts urge using Docker to contain AI coding tools for safety.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 235 มุมมอง 0 รีวิว
  • “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นำคณะลงพื้นที่หาดใหญ่ เยี่ยมประชาชน โรงเรียน และภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยหนัก ชี้สถานการณ์ “สุญญากาศทางการเมือง” อาจเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟู หากการตัดสินใจล่าช้า
    อดีตนายกฯ เสนอให้รัฐบาลและ กกต. เร่งกระบวนการเพิ่มกำลังซื้อ โดยเฉพาะแนวคิด “คนละครึ่งพลัส” เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคใต้ พร้อมเรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งฟื้นฟูโรงเรียน ดูแลสภาพจิตใจเด็ก และสนับสนุนอุปกรณ์การเรียนที่เสียหายจากน้ำท่วม
    นอกจากนี้ ยังเสนอให้ตั้งคณะกรรมการอิสระด้านวิชาการ ถอดบทเรียนรับมือน้ำท่วมในอนาคต ไม่ใช่เพื่อเอาผิดใคร แต่เพื่อปรับปรุงโครงสร้างเมือง ระบบเตือนภัย และการบูรณาการทำงาน ลดความเสียหายในระยะยาว
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000120582
    .
    #News1live #News1 #อภิสิทธิ์เวชชาชีวะ #หาดใหญ่ #ฟื้นฟูเศรษฐกิจ #น้ำท่วมภาคใต้ #คนละครึ่ง #สุญญากาศการเมือง
    “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นำคณะลงพื้นที่หาดใหญ่ เยี่ยมประชาชน โรงเรียน และภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยหนัก ชี้สถานการณ์ “สุญญากาศทางการเมือง” อาจเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟู หากการตัดสินใจล่าช้า อดีตนายกฯ เสนอให้รัฐบาลและ กกต. เร่งกระบวนการเพิ่มกำลังซื้อ โดยเฉพาะแนวคิด “คนละครึ่งพลัส” เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคใต้ พร้อมเรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งฟื้นฟูโรงเรียน ดูแลสภาพจิตใจเด็ก และสนับสนุนอุปกรณ์การเรียนที่เสียหายจากน้ำท่วม นอกจากนี้ ยังเสนอให้ตั้งคณะกรรมการอิสระด้านวิชาการ ถอดบทเรียนรับมือน้ำท่วมในอนาคต ไม่ใช่เพื่อเอาผิดใคร แต่เพื่อปรับปรุงโครงสร้างเมือง ระบบเตือนภัย และการบูรณาการทำงาน ลดความเสียหายในระยะยาว . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000120582 . #News1live #News1 #อภิสิทธิ์เวชชาชีวะ #หาดใหญ่ #ฟื้นฟูเศรษฐกิจ #น้ำท่วมภาคใต้ #คนละครึ่ง #สุญญากาศการเมือง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 344 มุมมอง 0 รีวิว
  • แนวทางใหม่ในการสร้าง HTML Tools

    Simon Willison ใช้คำว่า HTML tools เรียกแอปพลิเคชันที่เขาสร้างขึ้นกว่า 150 ตัวในช่วงสองปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เขียนขึ้นด้วยความช่วยเหลือจาก LLMs จุดเด่นคือ รวมทุกอย่างไว้ในไฟล์เดียว ทำให้สามารถ copy-paste ไปใช้งานหรือโฮสต์บน GitHub Pages ได้ทันที โดยไม่ต้องใช้ React หรือ build step ที่ซับซ้อน

    เทคนิคสำคัญในการพัฒนา
    เขาแนะนำให้ โหลด dependencies จาก CDN เพื่อลดความยุ่งยาก และใช้ copy-paste เป็นกลไกหลัก เช่น การสร้างปุ่ม “Copy to clipboard” เพื่อให้ผู้ใช้สามารถนำข้อมูลไปใช้ต่อได้สะดวก นอกจากนี้ยังมีการใช้ localStorage สำหรับเก็บ state หรือ API keys และการเก็บข้อมูลใน URL เพื่อแชร์หรือ bookmark ได้ง่าย

    การต่อยอดด้วย Pyodide และ WebAssembly
    หนึ่งในแนวทางที่น่าสนใจคือการใช้ Pyodide เพื่อรัน Python ในเบราว์เซอร์ และการใช้ WebAssembly เพื่อเปิดโอกาสให้ซอฟต์แวร์จากภาษาอื่น ๆ ทำงานบน HTML tools ได้ เช่น OCR หรือการบีบอัดภาพ สิ่งเหล่านี้ทำให้ HTML tools สามารถทำงานซับซ้อนโดยไม่ต้องพึ่ง server

    บทเรียนและแรงบันดาลใจ
    Simon ย้ำว่า การสร้าง HTML tools เป็นวิธีที่สนุกและทรงพลังในการเรียนรู้ความสามารถของ LLMs และยังช่วยให้เข้าใจศักยภาพของ Web APIs ได้ลึกขึ้น เขาแนะนำให้ทุกคนลองสร้างคอลเลกชันของตัวเอง โดยเริ่มจาก GitHub Pages และไฟล์ HTML ง่าย ๆ

    สรุปเป็นหัวข้อ
    แนวคิด HTML Tools
    แอปพลิเคชันเล็ก ๆ รวม HTML, CSS, JS ในไฟล์เดียว
    ไม่ต้องใช้ React หรือ build step

    เทคนิคการพัฒนา
    โหลด dependencies จาก CDN
    ใช้ copy-paste และปุ่ม clipboard
    เก็บข้อมูลใน URL และ localStorage

    การต่อยอดด้วยเทคโนโลยี
    Pyodide สำหรับรัน Python ในเบราว์เซอร์
    WebAssembly สำหรับ OCR และ image compression

    คำเตือนในการใช้งาน
    การฝัง API key ใน HTML อาจเสี่ยงถูกขโมย
    การพึ่งพา CDN ต้องตรวจสอบเวอร์ชันและความปลอดภัย
    การใช้ localStorage เก็บข้อมูลสำคัญอาจเสี่ยงต่อการรั่วไหล

    https://simonwillison.net/2025/Dec/10/html-tools/
    🛠️ แนวทางใหม่ในการสร้าง HTML Tools Simon Willison ใช้คำว่า HTML tools เรียกแอปพลิเคชันที่เขาสร้างขึ้นกว่า 150 ตัวในช่วงสองปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เขียนขึ้นด้วยความช่วยเหลือจาก LLMs จุดเด่นคือ รวมทุกอย่างไว้ในไฟล์เดียว ทำให้สามารถ copy-paste ไปใช้งานหรือโฮสต์บน GitHub Pages ได้ทันที โดยไม่ต้องใช้ React หรือ build step ที่ซับซ้อน 🌐 เทคนิคสำคัญในการพัฒนา เขาแนะนำให้ โหลด dependencies จาก CDN เพื่อลดความยุ่งยาก และใช้ copy-paste เป็นกลไกหลัก เช่น การสร้างปุ่ม “Copy to clipboard” เพื่อให้ผู้ใช้สามารถนำข้อมูลไปใช้ต่อได้สะดวก นอกจากนี้ยังมีการใช้ localStorage สำหรับเก็บ state หรือ API keys และการเก็บข้อมูลใน URL เพื่อแชร์หรือ bookmark ได้ง่าย ⚡ การต่อยอดด้วย Pyodide และ WebAssembly หนึ่งในแนวทางที่น่าสนใจคือการใช้ Pyodide เพื่อรัน Python ในเบราว์เซอร์ และการใช้ WebAssembly เพื่อเปิดโอกาสให้ซอฟต์แวร์จากภาษาอื่น ๆ ทำงานบน HTML tools ได้ เช่น OCR หรือการบีบอัดภาพ สิ่งเหล่านี้ทำให้ HTML tools สามารถทำงานซับซ้อนโดยไม่ต้องพึ่ง server 🚀 บทเรียนและแรงบันดาลใจ Simon ย้ำว่า การสร้าง HTML tools เป็นวิธีที่สนุกและทรงพลังในการเรียนรู้ความสามารถของ LLMs และยังช่วยให้เข้าใจศักยภาพของ Web APIs ได้ลึกขึ้น เขาแนะนำให้ทุกคนลองสร้างคอลเลกชันของตัวเอง โดยเริ่มจาก GitHub Pages และไฟล์ HTML ง่าย ๆ 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ แนวคิด HTML Tools ➡️ แอปพลิเคชันเล็ก ๆ รวม HTML, CSS, JS ในไฟล์เดียว ➡️ ไม่ต้องใช้ React หรือ build step ✅ เทคนิคการพัฒนา ➡️ โหลด dependencies จาก CDN ➡️ ใช้ copy-paste และปุ่ม clipboard ➡️ เก็บข้อมูลใน URL และ localStorage ✅ การต่อยอดด้วยเทคโนโลยี ➡️ Pyodide สำหรับรัน Python ในเบราว์เซอร์ ➡️ WebAssembly สำหรับ OCR และ image compression ‼️ คำเตือนในการใช้งาน ⛔ การฝัง API key ใน HTML อาจเสี่ยงถูกขโมย ⛔ การพึ่งพา CDN ต้องตรวจสอบเวอร์ชันและความปลอดภัย ⛔ การใช้ localStorage เก็บข้อมูลสำคัญอาจเสี่ยงต่อการรั่วไหล https://simonwillison.net/2025/Dec/10/html-tools/
    SIMONWILLISON.NET
    Useful patterns for building HTML tools
    I’ve started using the term HTML tools to refer to HTML applications that I’ve been building which combine HTML, JavaScript, and CSS in a single file and use them to …
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • Gleam กลายเป็นดาวเด่นใน Advent of Code 2025

    Advent of Code ปีนี้จัดเพียง 12 วัน แต่ความเข้มข้นไม่ลดลง ผู้เขียนเลือก Gleam เป็นภาษาหลัก และพบว่า compiler ของ Gleam ให้ error message ที่ชัดเจนระดับ Rust ทำให้การเรียนรู้และแก้โจทย์เป็นไปอย่างราบรื่น การใช้ pipeline และ functional style ทำให้การแก้โจทย์ที่ซับซ้อน เช่น parsing และการแปลงข้อมูล มีความชัดเจนและกระชับมากขึ้น

    จุดแข็งที่ทำให้ Gleam น่าสนใจ
    หนึ่งในฟีเจอร์ที่โดดเด่นคือ echo ซึ่งช่วย inspect ค่าได้ทันทีโดยไม่ต้อง format string อีกทั้ง Gleam มีฟังก์ชัน list ที่ครบครัน เช่น list.transpose ที่ช่วยแก้โจทย์ day 6 ได้อย่างง่ายดาย และ list.combination_pairs ที่ทำให้การหาคู่ข้อมูลเป็นเรื่องง่าย นอกจากนี้ฟังก์ชัน fold_until ยังช่วยให้การหยุด loop ทำได้อย่างชัดเจนและตรงตามเจตนา

    ความท้าทายและข้อจำกัด
    แม้ Gleam จะมีจุดแข็ง แต่ก็มีข้อจำกัด เช่น ไม่มี file I/O ใน standard library, ต้องใช้ dependency เสริมสำหรับ regex, และ pattern matching บน list ยังไม่ยืดหยุ่นเท่าที่ควร อีกทั้งเมื่อ target ไปที่ JavaScript ต้องระวังเรื่อง big integers ที่ไม่รองรับ arbitrary precision เหมือนบน Erlang VM

    บทเรียนและแรงบันดาลใจ
    ผู้เขียนสรุปว่า Gleam เป็นภาษาที่เหมาะกับการเรียนรู้ผ่าน AoC เพราะทำให้การแก้โจทย์ซับซ้อนชัดเจนขึ้น และยังสร้างแรงบันดาลใจให้นำ Gleam ไปใช้ในโปรเจกต์จริง เช่นการเขียน webserver ในอนาคต การทดลองครั้งนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการแก้โจทย์ แต่ยังเป็นการค้นพบเครื่องมือใหม่ที่ทรงพลังสำหรับงานจริง

    สรุปเป็นหัวข้อ
    จุดแข็งของ Gleam
    Syntax สะอาด และ error message ระดับ Rust
    ฟังก์ชัน list เช่น transpose และ combination_pairs ช่วยแก้โจทย์ได้ง่าย
    echo ทำให้ inspect ค่าได้สะดวก
    fold_until ช่วยหยุด loop ได้ตรงตามเจตนา

    ประสบการณ์ Advent of Code 2025
    ปีนี้มีเพียง 12 วัน แต่โจทย์เข้มข้น
    Gleam ทำให้การเรียนรู้ functional programming สนุกและชัดเจน

    ข้อจำกัดของ Gleam
    ไม่มี file I/O ใน standard library
    ต้องใช้ dependency เสริมสำหรับ regex
    Pattern matching บน list ยังไม่ยืดหยุ่น
    Big integers บน JavaScript มีข้อจำกัด ไม่เหมือน Erlang VM

    แรงบันดาลใจต่อยอด
    ผู้เขียนตั้งใจจะลองใช้ Gleam เขียน webserver จริง
    AoC ช่วยให้ค้นพบศักยภาพของ Gleam ในงานจริง

    https://blog.tymscar.com/posts/gleamaoc2025/
    💻 Gleam กลายเป็นดาวเด่นใน Advent of Code 2025 Advent of Code ปีนี้จัดเพียง 12 วัน แต่ความเข้มข้นไม่ลดลง ผู้เขียนเลือก Gleam เป็นภาษาหลัก และพบว่า compiler ของ Gleam ให้ error message ที่ชัดเจนระดับ Rust ทำให้การเรียนรู้และแก้โจทย์เป็นไปอย่างราบรื่น การใช้ pipeline และ functional style ทำให้การแก้โจทย์ที่ซับซ้อน เช่น parsing และการแปลงข้อมูล มีความชัดเจนและกระชับมากขึ้น 🔧 จุดแข็งที่ทำให้ Gleam น่าสนใจ หนึ่งในฟีเจอร์ที่โดดเด่นคือ echo ซึ่งช่วย inspect ค่าได้ทันทีโดยไม่ต้อง format string อีกทั้ง Gleam มีฟังก์ชัน list ที่ครบครัน เช่น list.transpose ที่ช่วยแก้โจทย์ day 6 ได้อย่างง่ายดาย และ list.combination_pairs ที่ทำให้การหาคู่ข้อมูลเป็นเรื่องง่าย นอกจากนี้ฟังก์ชัน fold_until ยังช่วยให้การหยุด loop ทำได้อย่างชัดเจนและตรงตามเจตนา ⚡ ความท้าทายและข้อจำกัด แม้ Gleam จะมีจุดแข็ง แต่ก็มีข้อจำกัด เช่น ไม่มี file I/O ใน standard library, ต้องใช้ dependency เสริมสำหรับ regex, และ pattern matching บน list ยังไม่ยืดหยุ่นเท่าที่ควร อีกทั้งเมื่อ target ไปที่ JavaScript ต้องระวังเรื่อง big integers ที่ไม่รองรับ arbitrary precision เหมือนบน Erlang VM 🚀 บทเรียนและแรงบันดาลใจ ผู้เขียนสรุปว่า Gleam เป็นภาษาที่เหมาะกับการเรียนรู้ผ่าน AoC เพราะทำให้การแก้โจทย์ซับซ้อนชัดเจนขึ้น และยังสร้างแรงบันดาลใจให้นำ Gleam ไปใช้ในโปรเจกต์จริง เช่นการเขียน webserver ในอนาคต การทดลองครั้งนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการแก้โจทย์ แต่ยังเป็นการค้นพบเครื่องมือใหม่ที่ทรงพลังสำหรับงานจริง 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ จุดแข็งของ Gleam ➡️ Syntax สะอาด และ error message ระดับ Rust ➡️ ฟังก์ชัน list เช่น transpose และ combination_pairs ช่วยแก้โจทย์ได้ง่าย ➡️ echo ทำให้ inspect ค่าได้สะดวก ➡️ fold_until ช่วยหยุด loop ได้ตรงตามเจตนา ✅ ประสบการณ์ Advent of Code 2025 ➡️ ปีนี้มีเพียง 12 วัน แต่โจทย์เข้มข้น ➡️ Gleam ทำให้การเรียนรู้ functional programming สนุกและชัดเจน ‼️ ข้อจำกัดของ Gleam ⛔ ไม่มี file I/O ใน standard library ⛔ ต้องใช้ dependency เสริมสำหรับ regex ⛔ Pattern matching บน list ยังไม่ยืดหยุ่น ⛔ Big integers บน JavaScript มีข้อจำกัด ไม่เหมือน Erlang VM ✅ แรงบันดาลใจต่อยอด ➡️ ผู้เขียนตั้งใจจะลองใช้ Gleam เขียน webserver จริง ➡️ AoC ช่วยให้ค้นพบศักยภาพของ Gleam ในงานจริง https://blog.tymscar.com/posts/gleamaoc2025/
    BLOG.TYMSCAR.COM
    I Tried Gleam for Advent of Code, and I Get the Hype
    A 12 day Advent of Code year convinced me Gleam is the real deal, thanks to Rust-like errors, great pipes, and surprisingly ergonomic FP.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 175 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าว: VPN หลายเจ้าโฆษณาเกินจริง ตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ไม่ตรงกับความจริง

    การศึกษาล่าสุดจาก IPinfo วิเคราะห์ VPN 20 ราย พบว่า 17 รายมีการ mismatch ระหว่างประเทศที่โฆษณากับประเทศที่ทราฟฟิกออกจริง โดยบางเจ้าอ้างว่ามีเซิร์ฟเวอร์กว่า 100 ประเทศ แต่แท้จริงแล้วใช้เพียงไม่กี่ศูนย์ข้อมูลในสหรัฐฯ และยุโรป การตรวจสอบกว่า 150,000 IP พบว่ามีถึง 38 ประเทศที่เป็น “virtual-only” คือมีชื่ออยู่ในรายการ แต่ไม่เคยมีการเชื่อมต่อจริงเลย

    Virtual Location: ภาพลวงตาของการเชื่อมต่อ
    ตัวอย่างเช่น VPN ที่ให้ผู้ใช้เลือก “Bahamas” หรือ “Somalia” แต่การวัด latency และ routing แสดงว่าทราฟฟิกจริงออกจากสหรัฐฯ หรือยุโรป การตั้งค่าเช่นนี้ทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่าตัวเองอยู่ในประเทศที่เลือก ทั้งที่จริงแล้วไม่ใช่ การพึ่งพาเพียงข้อมูล self-declared ของผู้ให้บริการยิ่งทำให้ฐานข้อมูล IP อื่น ๆ ติดตามผิดพลาดไปด้วย

    ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยจาก VPN
    นอกจากปัญหาการโฆษณาเกินจริงแล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเตือนว่า VPN ยังมีช่องโหว่หลายประการ เช่น การโจมตีแบบ Man-in-the-Middle หากเซิร์ฟเวอร์ถูกเจาะ, การรั่วไหลของข้อมูล (IP/DNS leaks), การใช้โปรโตคอลเข้ารหัสที่อ่อนแอ, หรือแม้แต่การเจอผู้ให้บริการ VPN ที่แฝงมัลแวร์และขายข้อมูลผู้ใช้ต่อไป ความเสี่ยงเหล่านี้ทำให้การเลือก VPN ที่น่าเชื่อถือเป็นเรื่องสำคัญมาก

    บทเรียนสำหรับผู้ใช้
    รายงานนี้ไม่ใช่การบอกว่า VPN ทั้งหมด “ไม่ดี” แต่ชี้ให้เห็นว่า ผู้ใช้ควรตรวจสอบความโปร่งใสของผู้ให้บริการ เช่น การระบุว่าเซิร์ฟเวอร์ใดเป็น virtual, มีการทดสอบ latency จริงหรือไม่ และมีนโยบายไม่เก็บ log ที่ชัดเจนหรือเปล่า การใช้ VPN ที่มีมาตรฐานเข้ารหัสแข็งแรงและมีชื่อเสียงด้านความโปร่งใส จะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นใจในการใช้งาน

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ผลการศึกษา VPN
    17 จาก 20 ผู้ให้บริการมีตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ไม่ตรงกับที่โฆษณา
    พบ 38 ประเทศที่เป็น “virtual-only” ไม่มีเซิร์ฟเวอร์จริง

    ตัวอย่าง Virtual Location
    Bahamas ที่แท้จริงเชื่อมต่อจากสหรัฐฯ
    Somalia ที่แท้จริงเชื่อมต่อจากฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักร

    ผู้ให้บริการที่ตรวจสอบแล้วตรงจริง
    Mullvad, IVPN และ Windscribe ไม่มี mismatch

    ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
    Man-in-the-Middle Attack หากเซิร์ฟเวอร์ถูกเจาะ
    การรั่วไหลของข้อมูล (IP/DNS leaks)
    VPN ปลอมที่แฝงมัลแวร์และขายข้อมูลผู้ใช้
    โปรโตคอลเข้ารหัสที่อ่อนแอ ทำให้ถูกเจาะได้ง่าย

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    อย่าเลือก VPN เพียงเพราะจำนวนประเทศที่โฆษณา
    ตรวจสอบนโยบายความโปร่งใสและการไม่เก็บ log ก่อนใช้งาน

    https://ipinfo.io/blog/vpn-location-mismatch-report
    🌐 ข่าว: VPN หลายเจ้าโฆษณาเกินจริง ตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ไม่ตรงกับความจริง การศึกษาล่าสุดจาก IPinfo วิเคราะห์ VPN 20 ราย พบว่า 17 รายมีการ mismatch ระหว่างประเทศที่โฆษณากับประเทศที่ทราฟฟิกออกจริง โดยบางเจ้าอ้างว่ามีเซิร์ฟเวอร์กว่า 100 ประเทศ แต่แท้จริงแล้วใช้เพียงไม่กี่ศูนย์ข้อมูลในสหรัฐฯ และยุโรป การตรวจสอบกว่า 150,000 IP พบว่ามีถึง 38 ประเทศที่เป็น “virtual-only” คือมีชื่ออยู่ในรายการ แต่ไม่เคยมีการเชื่อมต่อจริงเลย 🔍 Virtual Location: ภาพลวงตาของการเชื่อมต่อ ตัวอย่างเช่น VPN ที่ให้ผู้ใช้เลือก “Bahamas” หรือ “Somalia” แต่การวัด latency และ routing แสดงว่าทราฟฟิกจริงออกจากสหรัฐฯ หรือยุโรป การตั้งค่าเช่นนี้ทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่าตัวเองอยู่ในประเทศที่เลือก ทั้งที่จริงแล้วไม่ใช่ การพึ่งพาเพียงข้อมูล self-declared ของผู้ให้บริการยิ่งทำให้ฐานข้อมูล IP อื่น ๆ ติดตามผิดพลาดไปด้วย ⚠️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยจาก VPN นอกจากปัญหาการโฆษณาเกินจริงแล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเตือนว่า VPN ยังมีช่องโหว่หลายประการ เช่น การโจมตีแบบ Man-in-the-Middle หากเซิร์ฟเวอร์ถูกเจาะ, การรั่วไหลของข้อมูล (IP/DNS leaks), การใช้โปรโตคอลเข้ารหัสที่อ่อนแอ, หรือแม้แต่การเจอผู้ให้บริการ VPN ที่แฝงมัลแวร์และขายข้อมูลผู้ใช้ต่อไป ความเสี่ยงเหล่านี้ทำให้การเลือก VPN ที่น่าเชื่อถือเป็นเรื่องสำคัญมาก 🛡️ บทเรียนสำหรับผู้ใช้ รายงานนี้ไม่ใช่การบอกว่า VPN ทั้งหมด “ไม่ดี” แต่ชี้ให้เห็นว่า ผู้ใช้ควรตรวจสอบความโปร่งใสของผู้ให้บริการ เช่น การระบุว่าเซิร์ฟเวอร์ใดเป็น virtual, มีการทดสอบ latency จริงหรือไม่ และมีนโยบายไม่เก็บ log ที่ชัดเจนหรือเปล่า การใช้ VPN ที่มีมาตรฐานเข้ารหัสแข็งแรงและมีชื่อเสียงด้านความโปร่งใส จะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นใจในการใช้งาน 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ผลการศึกษา VPN ➡️ 17 จาก 20 ผู้ให้บริการมีตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ไม่ตรงกับที่โฆษณา ➡️ พบ 38 ประเทศที่เป็น “virtual-only” ไม่มีเซิร์ฟเวอร์จริง ✅ ตัวอย่าง Virtual Location ➡️ Bahamas ที่แท้จริงเชื่อมต่อจากสหรัฐฯ ➡️ Somalia ที่แท้จริงเชื่อมต่อจากฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักร ✅ ผู้ให้บริการที่ตรวจสอบแล้วตรงจริง ➡️ Mullvad, IVPN และ Windscribe ไม่มี mismatch ‼️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ⛔ Man-in-the-Middle Attack หากเซิร์ฟเวอร์ถูกเจาะ ⛔ การรั่วไหลของข้อมูล (IP/DNS leaks) ⛔ VPN ปลอมที่แฝงมัลแวร์และขายข้อมูลผู้ใช้ ⛔ โปรโตคอลเข้ารหัสที่อ่อนแอ ทำให้ถูกเจาะได้ง่าย ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ อย่าเลือก VPN เพียงเพราะจำนวนประเทศที่โฆษณา ⛔ ตรวจสอบนโยบายความโปร่งใสและการไม่เก็บ log ก่อนใช้งาน https://ipinfo.io/blog/vpn-location-mismatch-report
    IPINFO.IO
    Should You Trust Your VPN Location?
    17 out of 20 popular VPNs exit traffic from different countries than they claim. Dig into what that means and why it matters in our VPN report.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microservices ไม่ใช่คำตอบเสมอไป

    บทความนี้จาก Twilio พูดถึงการเปลี่ยนแปลงแนวคิดจาก Microservices ไปสู่สถาปัตยกรรมที่เรียบง่ายขึ้น เน้นการลดความซับซ้อนและการจัดการที่ง่ายกว่า โดยชี้ให้เห็นว่าการใช้ microservices ไม่ได้เหมาะสมกับทุกกรณี และบางครั้งอาจสร้างภาระมากกว่าประโยชน์

    บทความอธิบายว่าแม้ microservices จะได้รับความนิยมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่การนำไปใช้โดยไม่พิจารณาให้เหมาะสมกับบริบท อาจทำให้ระบบซับซ้อนเกินไป ทั้งในด้านการจัดการ การสื่อสารระหว่างบริการ และการบำรุงรักษา ทีมพัฒนาหลายแห่งพบว่าการแยกบริการออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ทำให้ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากในการดูแล

    ปัญหาที่เกิดจาก Microservices
    หนึ่งในปัญหาหลักคือการ overhead ของการสื่อสารระหว่างบริการ ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพลดลง นอกจากนี้ยังมีความท้าทายในการทำ observability และ debugging เนื่องจากระบบถูกแยกออกเป็นหลายส่วน การ deploy และการจัดการเวอร์ชันก็ซับซ้อนขึ้น ทำให้ทีมต้องใช้เวลาและเครื่องมือมากขึ้นในการควบคุม

    ทางเลือกใหม่: Monolith ที่ปรับปรุงแล้ว
    บทความเสนอว่าในหลายกรณี การใช้ monolith ที่ออกแบบดี อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะช่วยลดความซับซ้อนในการจัดการและการ deploy ระบบ การรวมโค้ดไว้ในที่เดียวทำให้การตรวจสอบและการแก้ไขง่ายขึ้น อีกทั้งยังลดค่าใช้จ่ายในการดูแลโครงสร้างพื้นฐานที่ซับซ้อนเกินจำเป็น

    บทเรียนสำหรับนักพัฒนา
    สิ่งสำคัญคือการเลือกสถาปัตยกรรมให้เหมาะสมกับขนาดทีมและความต้องการของระบบ ไม่ใช่การตามกระแสเทคโนโลยี Microservices อาจเหมาะกับองค์กรใหญ่ที่มีทีมแยกชัดเจน แต่สำหรับทีมเล็กหรือโปรเจกต์ที่ไม่ซับซ้อน การใช้ monolith ที่ปรับปรุงแล้วอาจเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพมากกว่า

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Microservices ไม่ได้เหมาะกับทุกระบบ
    อาจสร้างความซับซ้อนในการจัดการและบำรุงรักษา
    มี overhead ในการสื่อสารระหว่างบริการ

    ปัญหาที่พบจากการใช้ Microservices
    Observability และ debugging ยากขึ้น
    การ deploy และจัดการเวอร์ชันซับซ้อน

    ทางเลือกใหม่
    Monolith ที่ออกแบบดีสามารถลดความซับซ้อน
    ง่ายต่อการตรวจสอบและแก้ไข

    คำเตือนสำหรับนักพัฒนา
    อย่าเลือกสถาปัตยกรรมเพียงเพราะเป็นกระแส
    หากทีมเล็กหรือระบบไม่ซับซ้อน Microservices อาจเป็นภาระมากกว่าประโยชน์

    https://www.twilio.com/en-us/blog/developers/best-practices/goodbye-microservices
    🏗️ Microservices ไม่ใช่คำตอบเสมอไป บทความนี้จาก Twilio พูดถึงการเปลี่ยนแปลงแนวคิดจาก Microservices ไปสู่สถาปัตยกรรมที่เรียบง่ายขึ้น เน้นการลดความซับซ้อนและการจัดการที่ง่ายกว่า โดยชี้ให้เห็นว่าการใช้ microservices ไม่ได้เหมาะสมกับทุกกรณี และบางครั้งอาจสร้างภาระมากกว่าประโยชน์ บทความอธิบายว่าแม้ microservices จะได้รับความนิยมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่การนำไปใช้โดยไม่พิจารณาให้เหมาะสมกับบริบท อาจทำให้ระบบซับซ้อนเกินไป ทั้งในด้านการจัดการ การสื่อสารระหว่างบริการ และการบำรุงรักษา ทีมพัฒนาหลายแห่งพบว่าการแยกบริการออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ทำให้ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากในการดูแล ⚙️ ปัญหาที่เกิดจาก Microservices หนึ่งในปัญหาหลักคือการ overhead ของการสื่อสารระหว่างบริการ ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพลดลง นอกจากนี้ยังมีความท้าทายในการทำ observability และ debugging เนื่องจากระบบถูกแยกออกเป็นหลายส่วน การ deploy และการจัดการเวอร์ชันก็ซับซ้อนขึ้น ทำให้ทีมต้องใช้เวลาและเครื่องมือมากขึ้นในการควบคุม 🌐 ทางเลือกใหม่: Monolith ที่ปรับปรุงแล้ว บทความเสนอว่าในหลายกรณี การใช้ monolith ที่ออกแบบดี อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะช่วยลดความซับซ้อนในการจัดการและการ deploy ระบบ การรวมโค้ดไว้ในที่เดียวทำให้การตรวจสอบและการแก้ไขง่ายขึ้น อีกทั้งยังลดค่าใช้จ่ายในการดูแลโครงสร้างพื้นฐานที่ซับซ้อนเกินจำเป็น 🔮 บทเรียนสำหรับนักพัฒนา สิ่งสำคัญคือการเลือกสถาปัตยกรรมให้เหมาะสมกับขนาดทีมและความต้องการของระบบ ไม่ใช่การตามกระแสเทคโนโลยี Microservices อาจเหมาะกับองค์กรใหญ่ที่มีทีมแยกชัดเจน แต่สำหรับทีมเล็กหรือโปรเจกต์ที่ไม่ซับซ้อน การใช้ monolith ที่ปรับปรุงแล้วอาจเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพมากกว่า 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Microservices ไม่ได้เหมาะกับทุกระบบ ➡️ อาจสร้างความซับซ้อนในการจัดการและบำรุงรักษา ➡️ มี overhead ในการสื่อสารระหว่างบริการ ✅ ปัญหาที่พบจากการใช้ Microservices ➡️ Observability และ debugging ยากขึ้น ➡️ การ deploy และจัดการเวอร์ชันซับซ้อน ✅ ทางเลือกใหม่ ➡️ Monolith ที่ออกแบบดีสามารถลดความซับซ้อน ➡️ ง่ายต่อการตรวจสอบและแก้ไข ‼️ คำเตือนสำหรับนักพัฒนา ⛔ อย่าเลือกสถาปัตยกรรมเพียงเพราะเป็นกระแส ⛔ หากทีมเล็กหรือระบบไม่ซับซ้อน Microservices อาจเป็นภาระมากกว่าประโยชน์ https://www.twilio.com/en-us/blog/developers/best-practices/goodbye-microservices
    WWW.TWILIO.COM
    Goodbye Microservices
    Discover Twilio’s shift to a single powerful service! Learn cloud communication trends, customer success stories, and how to build scalable apps. Join now!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • คดี Do Kwon ฉ้อโกงคริปโตครั้งใหญ่

    Do Kwon ผู้นำโครงการ Terra และเหรียญ UST Stablecoin ถูกศาลสหรัฐฯ ตัดสินจำคุก 15 ปี หลังจากการล่มสลายของ UST ในปี 2022 ที่สร้างความเสียหายมหาศาลต่อผู้ลงทุนทั่วโลก คดีนี้ถือเป็นหนึ่งใน การฉ้อโกงคริปโตครั้งใหญ่ที่สุด โดยมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 40–60 พันล้านดอลลาร์

    กลไกที่ล้มเหลว
    UST ถูกออกแบบให้มีค่าเท่ากับ 1 ดอลลาร์สหรัฐ โดยใช้ระบบ “burn-mint” ระหว่างเหรียญ UST และ LUNA แต่เมื่อเกิดแรงขายจำนวนมาก กลไกนี้กลับสร้าง LUNA อย่างมหาศาลจนมูลค่าลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ UST สูญเสียการตรึงค่า (depeg) และเข้าสู่ death spiral ที่ไม่สามารถหยุดได้

    การหลอกลวงนักลงทุน
    ศาลพบว่า Do Kwon บิดเบือนข้อมูล โดยอ้างว่า Terra Protocol จะสามารถรักษาเสถียรภาพของ UST ได้ แต่แท้จริงแล้วเขาใช้บริษัทเทรดความถี่สูง (HFT) ซื้อ UST จำนวนมากเพื่อพยุงราคาอย่างไม่โปร่งใส อีกทั้งแพลตฟอร์ม Anchor ที่เกี่ยวข้องยังสัญญาผลตอบแทนสูงถึง 20% APY ซึ่งเป็นการสร้างแรงจูงใจที่ไม่ยั่งยืน

    ผลกระทบต่อวงการคริปโต
    การล่มสลายของ Terra และการตัดสินจำคุกครั้งนี้สะท้อนถึง ความเสี่ยงของการลงทุนในคริปโตที่ขาดการกำกับดูแล และเป็นบทเรียนสำคัญให้ทั้งนักลงทุนและหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกต้องเข้มงวดมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การตัดสินจำคุก Do Kwon
    โทษจำคุก 15 ปี จากคดีฉ้อโกงและฟอกเงิน

    กลไก UST ที่ล้มเหลว
    ระบบ burn-mint ทำให้เกิดการสร้าง LUNA มหาศาลและมูลค่าลดลง

    การบิดเบือนข้อมูล
    Terra Protocol ถูกอ้างว่าจะรักษาเสถียรภาพ แต่แท้จริงใช้การซื้อขายเพื่อพยุงราคา

    ผลกระทบต่อวงการคริปโต
    เป็นบทเรียนสำคัญต่อการกำกับดูแลและการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล

    ความเสี่ยงของ Stablecoin
    หากไม่มีสินทรัพย์รองรับจริง อาจเกิดการล่มสลายแบบ UST

    การลงทุนที่ขาดการตรวจสอบ
    ผลตอบแทนสูงผิดปกติ เช่น 20% APY อาจเป็นสัญญาณเตือนของการฉ้อโกง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/usd40-billion-plus-crypto-fraud-scheme-results-in-15-year-prison-sentence-for-its-creator-nine-criminal-counts-include-wire-fraud-and-money-laundering
    ⚖️ คดี Do Kwon ฉ้อโกงคริปโตครั้งใหญ่ Do Kwon ผู้นำโครงการ Terra และเหรียญ UST Stablecoin ถูกศาลสหรัฐฯ ตัดสินจำคุก 15 ปี หลังจากการล่มสลายของ UST ในปี 2022 ที่สร้างความเสียหายมหาศาลต่อผู้ลงทุนทั่วโลก คดีนี้ถือเป็นหนึ่งใน การฉ้อโกงคริปโตครั้งใหญ่ที่สุด โดยมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 40–60 พันล้านดอลลาร์ 💰 กลไกที่ล้มเหลว UST ถูกออกแบบให้มีค่าเท่ากับ 1 ดอลลาร์สหรัฐ โดยใช้ระบบ “burn-mint” ระหว่างเหรียญ UST และ LUNA แต่เมื่อเกิดแรงขายจำนวนมาก กลไกนี้กลับสร้าง LUNA อย่างมหาศาลจนมูลค่าลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ UST สูญเสียการตรึงค่า (depeg) และเข้าสู่ death spiral ที่ไม่สามารถหยุดได้ 🏦 การหลอกลวงนักลงทุน ศาลพบว่า Do Kwon บิดเบือนข้อมูล โดยอ้างว่า Terra Protocol จะสามารถรักษาเสถียรภาพของ UST ได้ แต่แท้จริงแล้วเขาใช้บริษัทเทรดความถี่สูง (HFT) ซื้อ UST จำนวนมากเพื่อพยุงราคาอย่างไม่โปร่งใส อีกทั้งแพลตฟอร์ม Anchor ที่เกี่ยวข้องยังสัญญาผลตอบแทนสูงถึง 20% APY ซึ่งเป็นการสร้างแรงจูงใจที่ไม่ยั่งยืน 🌍 ผลกระทบต่อวงการคริปโต การล่มสลายของ Terra และการตัดสินจำคุกครั้งนี้สะท้อนถึง ความเสี่ยงของการลงทุนในคริปโตที่ขาดการกำกับดูแล และเป็นบทเรียนสำคัญให้ทั้งนักลงทุนและหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกต้องเข้มงวดมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การตัดสินจำคุก Do Kwon ➡️ โทษจำคุก 15 ปี จากคดีฉ้อโกงและฟอกเงิน ✅ กลไก UST ที่ล้มเหลว ➡️ ระบบ burn-mint ทำให้เกิดการสร้าง LUNA มหาศาลและมูลค่าลดลง ✅ การบิดเบือนข้อมูล ➡️ Terra Protocol ถูกอ้างว่าจะรักษาเสถียรภาพ แต่แท้จริงใช้การซื้อขายเพื่อพยุงราคา ✅ ผลกระทบต่อวงการคริปโต ➡️ เป็นบทเรียนสำคัญต่อการกำกับดูแลและการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ‼️ ความเสี่ยงของ Stablecoin ⛔ หากไม่มีสินทรัพย์รองรับจริง อาจเกิดการล่มสลายแบบ UST ‼️ การลงทุนที่ขาดการตรวจสอบ ⛔ ผลตอบแทนสูงผิดปกติ เช่น 20% APY อาจเป็นสัญญาณเตือนของการฉ้อโกง https://www.tomshardware.com/tech-industry/usd40-billion-plus-crypto-fraud-scheme-results-in-15-year-prison-sentence-for-its-creator-nine-criminal-counts-include-wire-fraud-and-money-laundering
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 313 มุมมอง 0 รีวิว
  • การโจมตีไซเบอร์ที่โยงถึง GRU

    รัฐบาลเยอรมนีประกาศว่ามีหลักฐานชัดเจนเชื่อมโยง APT28 หรือ Fancy Bear ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่ถูกกล่าวหาว่าอยู่ภายใต้ GRU กับการโจมตีระบบ Deutsche Flugsicherung บริษัทควบคุมการบินพลเรือนของเยอรมนีในปี 2024 แม้การบินไม่หยุดชะงัก แต่ระบบภายในและการสื่อสารได้รับผลกระทบอย่างหนัก

    การแทรกแซงการเลือกตั้ง
    อีกกรณีคือปฏิบัติการชื่อ Storm-1516 ที่พยายามแทรกแซงการเลือกตั้งสหพันธรัฐเยอรมนีในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 โดยใช้ ดีปเฟกเสียงและวิดีโอ รวมถึงเว็บไซต์ที่ดูเหมือนเป็นกลาง แต่ภายหลังถูกใช้เผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนและสร้างความสับสนในสังคม

    ปฏิกิริยาทางการทูตและมาตรการตอบโต้
    เยอรมนีจึงเรียกเอกอัครราชทูตรัสเซียเข้าพบ พร้อมประกาศว่าจะมี มาตรการคว่ำบาตรและการตอบโต้ร่วมกับพันธมิตรยุโรป เช่น การอายัดทรัพย์บุคคลที่เกี่ยวข้อง การห้ามเดินทาง และการเพิ่มมาตรการป้องกันโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ

    บทเรียนด้านความมั่นคงไซเบอร์
    เหตุการณ์นี้สะท้อนว่า สงครามสมัยใหม่ไม่ได้จำกัดอยู่ในสนามรบ แต่ขยายไปสู่โลกไซเบอร์ การโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น การบินและการเลือกตั้ง สามารถสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมมหาศาล จึงเป็นสัญญาณเตือนให้ทุกประเทศต้องลงทุนด้านความมั่นคงไซเบอร์มากขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การโจมตีระบบการบินเยอรมนี
    APT28 หรือ Fancy Bear ถูกเชื่อมโยงกับ GRU ในการโจมตี Deutsche Flugsicherung

    การแทรกแซงการเลือกตั้ง
    ปฏิบัติการ Storm-1516 ใช้ดีปเฟกและเว็บไซต์บิดเบือนข้อมูล

    มาตรการตอบโต้ของเยอรมนี
    เรียกทูตรัสเซียเข้าพบ และเตรียมคว่ำบาตรร่วมกับพันธมิตรยุโรป

    บทเรียนด้านความมั่นคงไซเบอร์
    การโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญเป็นภัยคุกคามระดับชาติ

    ความเสี่ยงต่อโครงสร้างพื้นฐาน
    ระบบควบคุมการบินและการเลือกตั้งอาจถูกโจมตีซ้ำหากไม่เสริมความปลอดภัย

    การใช้เทคโนโลยีบิดเบือนข้อมูล
    ดีปเฟกและเว็บไซต์ปลอมสามารถสร้างความแตกแยกในสังคมและบ่อนทำลายประชาธิปไตย

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/germany-summons-russian-ambassador-over-gru-linked-cyberattacks-on-atc-and-elections
    ⚔️ การโจมตีไซเบอร์ที่โยงถึง GRU รัฐบาลเยอรมนีประกาศว่ามีหลักฐานชัดเจนเชื่อมโยง APT28 หรือ Fancy Bear ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่ถูกกล่าวหาว่าอยู่ภายใต้ GRU กับการโจมตีระบบ Deutsche Flugsicherung บริษัทควบคุมการบินพลเรือนของเยอรมนีในปี 2024 แม้การบินไม่หยุดชะงัก แต่ระบบภายในและการสื่อสารได้รับผลกระทบอย่างหนัก 🗳️ การแทรกแซงการเลือกตั้ง อีกกรณีคือปฏิบัติการชื่อ Storm-1516 ที่พยายามแทรกแซงการเลือกตั้งสหพันธรัฐเยอรมนีในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 โดยใช้ ดีปเฟกเสียงและวิดีโอ รวมถึงเว็บไซต์ที่ดูเหมือนเป็นกลาง แต่ภายหลังถูกใช้เผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนและสร้างความสับสนในสังคม 🌍 ปฏิกิริยาทางการทูตและมาตรการตอบโต้ เยอรมนีจึงเรียกเอกอัครราชทูตรัสเซียเข้าพบ พร้อมประกาศว่าจะมี มาตรการคว่ำบาตรและการตอบโต้ร่วมกับพันธมิตรยุโรป เช่น การอายัดทรัพย์บุคคลที่เกี่ยวข้อง การห้ามเดินทาง และการเพิ่มมาตรการป้องกันโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ 🔐 บทเรียนด้านความมั่นคงไซเบอร์ เหตุการณ์นี้สะท้อนว่า สงครามสมัยใหม่ไม่ได้จำกัดอยู่ในสนามรบ แต่ขยายไปสู่โลกไซเบอร์ การโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น การบินและการเลือกตั้ง สามารถสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมมหาศาล จึงเป็นสัญญาณเตือนให้ทุกประเทศต้องลงทุนด้านความมั่นคงไซเบอร์มากขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การโจมตีระบบการบินเยอรมนี ➡️ APT28 หรือ Fancy Bear ถูกเชื่อมโยงกับ GRU ในการโจมตี Deutsche Flugsicherung ✅ การแทรกแซงการเลือกตั้ง ➡️ ปฏิบัติการ Storm-1516 ใช้ดีปเฟกและเว็บไซต์บิดเบือนข้อมูล ✅ มาตรการตอบโต้ของเยอรมนี ➡️ เรียกทูตรัสเซียเข้าพบ และเตรียมคว่ำบาตรร่วมกับพันธมิตรยุโรป ✅ บทเรียนด้านความมั่นคงไซเบอร์ ➡️ การโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญเป็นภัยคุกคามระดับชาติ ‼️ ความเสี่ยงต่อโครงสร้างพื้นฐาน ⛔ ระบบควบคุมการบินและการเลือกตั้งอาจถูกโจมตีซ้ำหากไม่เสริมความปลอดภัย ‼️ การใช้เทคโนโลยีบิดเบือนข้อมูล ⛔ ดีปเฟกและเว็บไซต์ปลอมสามารถสร้างความแตกแยกในสังคมและบ่อนทำลายประชาธิปไตย https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/germany-summons-russian-ambassador-over-gru-linked-cyberattacks-on-atc-and-elections
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Germany summons Russian ambassador over GRU-linked cyberattacks — air traffic control and elections systems targeted
    Berlin says it has clear evidence tying Russia’s military intelligence agency to a 2024 attack on aviation IT systems 2025 election interference.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 373 มุมมอง 0 รีวิว
  • คดีฟ้องร้องยักษ์ใหญ่ชิปสหรัฐฯ

    เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการฟ้องร้องบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ในรัฐเท็กซัส ได้แก่ AMD, Intel และ Texas Instruments โดยกลุ่มพลเรือนยูเครน กล่าวหาว่าบริษัทเหล่านี้ละเลยการควบคุมการส่งออก ทำให้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของพวกเขาถูกนำไปใช้ใน โดรนและขีปนาวุธรัสเซีย ที่โจมตีพลเรือนระหว่างปี 2023–2025 การฟ้องร้องใช้ถ้อยคำรุนแรง เช่น “merchants of death” หรือ “พ่อค้าแห่งความตาย” เพื่อชี้ถึงความรับผิดชอบทางศีลธรรมของบริษัทเหล่านี้

    ช่องโหว่การคว่ำบาตรและการเล็ดรอดของเทคโนโลยี
    แม้สหรัฐฯ และพันธมิตรจะออกมาตรการคว่ำบาตรตั้งแต่ปี 2022 แต่รัสเซียยังคงหาช่องทางนำเข้าชิ้นส่วนสำคัญผ่าน ตลาดสีเทาและบริษัทตัวกลางในต่างประเทศ เช่น จีน ตุรกี และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทำให้ชิปที่ควรใช้ในอุปกรณ์พลเรือนกลับถูกนำไปใช้ในระบบนำทางและควบคุมของอาวุธร้ายแรง การสอบสวนพบว่า กว่า 95% ของขีปนาวุธและโดรนรัสเซียมีชิ้นส่วนตะวันตก

    ผลกระทบต่อพลเรือนยูเครน
    หนึ่งในเหตุการณ์สะเทือนใจคือการโจมตีโรงพยาบาลเด็ก Okhmatdyt ในกรุงเคียฟ ปี 2024 ที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยพบว่าขีปนาวุธที่ใช้มีชิ้นส่วนจากบริษัทสหรัฐฯ นี่เป็นตัวอย่างชัดเจนว่าชิ้นส่วนที่ถูกละเลยการควบคุมสามารถสร้างผลลัพธ์ร้ายแรงต่อชีวิตผู้บริสุทธิ์

    บทเรียนและความรับผิดชอบระดับโลก
    คดีนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความล้มเหลวของการคว่ำบาตร แต่ยังตั้งคำถามถึง ความรับผิดชอบของบริษัทเทคโนโลยีในสงครามสมัยใหม่ หากศาลตัดสินให้บริษัทเหล่านี้มีความผิด อาจเป็นบรรทัดฐานใหม่ที่บังคับให้ผู้ผลิตเทคโนโลยีทั่วโลกต้องเข้มงวดกับการตรวจสอบเส้นทางการส่งออกมากขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การฟ้องร้องบริษัทชิปสหรัฐฯ
    AMD, Intel และ Texas Instruments ถูกกล่าวหาว่าชิ้นส่วนของพวกเขาถูกใช้ในอาวุธรัสเซีย

    ช่องโหว่การคว่ำบาตร
    รัสเซียใช้บริษัทตัวกลางในต่างประเทศเพื่อเลี่ยงมาตรการและนำเข้าชิ้นส่วนสำคัญ

    ผลกระทบต่อพลเรือน
    เหตุโจมตีโรงพยาบาลเด็กในเคียฟปี 2024 เป็นตัวอย่างการใช้ชิ้นส่วนตะวันตกในอาวุธ

    ความรับผิดชอบของบริษัทเทคโนโลยี
    หากคดีนี้ชนะ อาจสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการควบคุมการส่งออกทั่วโลก

    ความล้มเหลวของมาตรการคว่ำบาตร
    กว่า 95% ของอาวุธรัสเซียยังคงมีชิ้นส่วนตะวันตก แม้มีข้อห้ามแล้ว

    ความเสี่ยงต่อพลเรือน
    การละเลยการตรวจสอบเส้นทางชิ้นส่วนทำให้พลเรือนยูเครนยังคงตกเป็นเป้าการโจมตี

    https://www.tomshardware.com/pc-components/amd-intel-and-ti-are-merchants-of-death-says-lawyer-representing-ukrainian-civilians-five-new-suits-complain-that-russian-drones-and-missiles-continue-to-use-high-tech-components-from-these-brands
    ⚖️ คดีฟ้องร้องยักษ์ใหญ่ชิปสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการฟ้องร้องบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ในรัฐเท็กซัส ได้แก่ AMD, Intel และ Texas Instruments โดยกลุ่มพลเรือนยูเครน กล่าวหาว่าบริษัทเหล่านี้ละเลยการควบคุมการส่งออก ทำให้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของพวกเขาถูกนำไปใช้ใน โดรนและขีปนาวุธรัสเซีย ที่โจมตีพลเรือนระหว่างปี 2023–2025 การฟ้องร้องใช้ถ้อยคำรุนแรง เช่น “merchants of death” หรือ “พ่อค้าแห่งความตาย” เพื่อชี้ถึงความรับผิดชอบทางศีลธรรมของบริษัทเหล่านี้ 🚀 ช่องโหว่การคว่ำบาตรและการเล็ดรอดของเทคโนโลยี แม้สหรัฐฯ และพันธมิตรจะออกมาตรการคว่ำบาตรตั้งแต่ปี 2022 แต่รัสเซียยังคงหาช่องทางนำเข้าชิ้นส่วนสำคัญผ่าน ตลาดสีเทาและบริษัทตัวกลางในต่างประเทศ เช่น จีน ตุรกี และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทำให้ชิปที่ควรใช้ในอุปกรณ์พลเรือนกลับถูกนำไปใช้ในระบบนำทางและควบคุมของอาวุธร้ายแรง การสอบสวนพบว่า กว่า 95% ของขีปนาวุธและโดรนรัสเซียมีชิ้นส่วนตะวันตก 🏥 ผลกระทบต่อพลเรือนยูเครน หนึ่งในเหตุการณ์สะเทือนใจคือการโจมตีโรงพยาบาลเด็ก Okhmatdyt ในกรุงเคียฟ ปี 2024 ที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยพบว่าขีปนาวุธที่ใช้มีชิ้นส่วนจากบริษัทสหรัฐฯ นี่เป็นตัวอย่างชัดเจนว่าชิ้นส่วนที่ถูกละเลยการควบคุมสามารถสร้างผลลัพธ์ร้ายแรงต่อชีวิตผู้บริสุทธิ์ 🌐 บทเรียนและความรับผิดชอบระดับโลก คดีนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความล้มเหลวของการคว่ำบาตร แต่ยังตั้งคำถามถึง ความรับผิดชอบของบริษัทเทคโนโลยีในสงครามสมัยใหม่ หากศาลตัดสินให้บริษัทเหล่านี้มีความผิด อาจเป็นบรรทัดฐานใหม่ที่บังคับให้ผู้ผลิตเทคโนโลยีทั่วโลกต้องเข้มงวดกับการตรวจสอบเส้นทางการส่งออกมากขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การฟ้องร้องบริษัทชิปสหรัฐฯ ➡️ AMD, Intel และ Texas Instruments ถูกกล่าวหาว่าชิ้นส่วนของพวกเขาถูกใช้ในอาวุธรัสเซีย ✅ ช่องโหว่การคว่ำบาตร ➡️ รัสเซียใช้บริษัทตัวกลางในต่างประเทศเพื่อเลี่ยงมาตรการและนำเข้าชิ้นส่วนสำคัญ ✅ ผลกระทบต่อพลเรือน ➡️ เหตุโจมตีโรงพยาบาลเด็กในเคียฟปี 2024 เป็นตัวอย่างการใช้ชิ้นส่วนตะวันตกในอาวุธ ✅ ความรับผิดชอบของบริษัทเทคโนโลยี ➡️ หากคดีนี้ชนะ อาจสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการควบคุมการส่งออกทั่วโลก ‼️ ความล้มเหลวของมาตรการคว่ำบาตร ⛔ กว่า 95% ของอาวุธรัสเซียยังคงมีชิ้นส่วนตะวันตก แม้มีข้อห้ามแล้ว ‼️ ความเสี่ยงต่อพลเรือน ⛔ การละเลยการตรวจสอบเส้นทางชิ้นส่วนทำให้พลเรือนยูเครนยังคงตกเป็นเป้าการโจมตี https://www.tomshardware.com/pc-components/amd-intel-and-ti-are-merchants-of-death-says-lawyer-representing-ukrainian-civilians-five-new-suits-complain-that-russian-drones-and-missiles-continue-to-use-high-tech-components-from-these-brands
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 336 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251213 #TechRadar

    นักลงทุนไต้หวันยังคงทุ่มกับ AI แม้มีเสียงเตือนเรื่อง “ฟองสบู่”
    เรื่องราวนี้เล่าถึงบรรยากาศการลงทุนในไต้หวันที่ยังคงคึกคัก แม้หลายฝ่ายกังวลว่า AI อาจกำลังสร้างฟองสบู่ทางเศรษฐกิจ แต่ตลาดหุ้นไต้หวันกลับพุ่งขึ้นต่อเนื่อง โดยดัชนี TWII มีแนวโน้มแตะ 30,000 จุดในปี 2026 ขณะที่หุ้น TSMC ก็ยังเติบโตแข็งแรงกว่า 39% ในปีนี้ จุดสำคัญคือไต้หวันถือไพ่เหนือกว่า เพราะเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนหลักของสถาปัตยกรรม AI ไม่ว่าจะเป็นชิปจาก Nvidia, Google หรือเจ้าอื่น ๆ ทำให้ไม่ว่าตลาดจะเอนเอียงไปทางไหน ไต้หวันก็ยังได้ประโยชน์ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่าพอร์ตลงทุนในเอเชียยังพึ่งพา AI มากเกินไป หากเกิดการแกว่งตัวแรงก็อาจกระทบหนักได้
    https://www.techradar.com/pro/investors-still-doubling-down-on-ai-in-taiwan-despite-bubble-fears

    “สถาปนิกแห่ง AI” ได้รับเลือกเป็นบุคคลแห่งปีของ Time
    ปีนี้นิตยสาร Time ไม่ได้เลือกผู้นำประเทศหรือดารา แต่ยกตำแหน่งบุคคลแห่งปีให้กับกลุ่มผู้สร้าง AI ที่เปลี่ยนโลก ทั้ง Sam Altman จาก OpenAI, Jensen Huang จาก Nvidia และทีมงานจาก Google, Meta, Anthropic พวกเขาไม่เพียงสร้างเทคโนโลยี แต่ยังทำให้มันเข้าถึงได้และกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ ChatGPT ที่มีผู้ใช้กว่า 800 ล้านคนต่อสัปดาห์ ไปจนถึง Copilot ของ Microsoft และ Gemini ของ Google ผลงานเหล่านี้ไม่ใช่แค่ธุรกิจ แต่ยังกลายเป็นอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองระดับโลก เพราะชิปและโมเดล AI ถูกมองเป็นทรัพยากรเชิงยุทธศาสตร์ที่ประเทศต่าง ๆ ต้องแข่งขันกัน
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/the-architects-of-ai-are-times-person-of-the-year-heres-why

    สภาขุนนางอังกฤษเสนอห้ามเด็กใช้ VPN
    ในสหราชอาณาจักร กลุ่มสมาชิกสภาขุนนางได้เสนอแก้ไขกฎหมาย Children’s Wellbeing and Schools Bill โดยต้องการห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีใช้ VPN หากผ่านการพิจารณา ผู้ให้บริการ VPN จะต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้ด้วยวิธีที่ “มีประสิทธิภาพสูง” เช่น การยืนยันด้วยบัตรประชาชนหรือการสแกนใบหน้า ซึ่งแน่นอนว่าก่อให้เกิดข้อถกเถียง เพราะ VPN ถูกออกแบบมาเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว การบังคับตรวจสอบเช่นนี้อาจทำลายหลักการพื้นฐานของมันได้
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/uk-lords-propose-ban-on-vpns-for-children

    อินเดียสั่ง VPN บล็อกเว็บไซต์ที่เปิดเผยข้อมูลประชาชน
    รัฐบาลอินเดีย โดยกระทรวงอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีสารสนเทศ (MeitY) ได้ออกคำสั่งให้ผู้ให้บริการ VPN ต้องบล็อกเว็บไซต์ที่เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของประชาชน เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร และอีเมล โดยอ้างว่าเป็นภัยต่อความปลอดภัยของผู้ใช้ แม้เจตนาจะเพื่อปกป้องข้อมูล แต่ก็ขัดกับหลักการของ VPN ที่ไม่เก็บบันทึกการใช้งานและเน้นความเป็นส่วนตัว หลายบริษัท VPN เคยถอนเซิร์ฟเวอร์ออกจากอินเดียมาแล้วตั้งแต่ปี 2022 เพราะไม่เห็นด้วยกับข้อกำหนดให้เก็บข้อมูลผู้ใช้ การสั่งการครั้งนี้จึงอาจทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างการคุ้มครองข้อมูลกับสิทธิความเป็นส่วนตัวอีกครั้ง
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/india-orders-vpns-to-block-access-to-websites-that-unlawfully-expose-citizens-data

    หลอกลวงงานออนไลน์ “Task Scam” ทำเหยื่อสูญเงินนับล้าน
    งานวิจัยใหม่เผยว่ามีการหลอกลวงรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “Task Scam” หรือ “Gamified Job Scam” เพิ่มขึ้นถึง 485% ในปี 2025 วิธีการคือหลอกให้ผู้หางานทำกิจกรรมง่าย ๆ เช่น กดไลก์หรือรีวิวสินค้า แล้วจ่ายเงินเล็กน้อยเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ จากนั้นจะชักชวนให้โอนเงินหรือฝากคริปโตเพื่อทำงานต่อ แต่สุดท้ายไม่สามารถถอนเงินได้ เหยื่อถูกหลอกให้ฝากเพิ่มเรื่อย ๆ จนสูญเงินรวมกว่า 6.8 ล้านดอลลาร์ในปีเดียว ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าหากงานใดขอให้คุณจ่ายเงินเพื่อเข้าถึงรายได้ นั่นคือสัญญาณอันตรายที่ควรหยุดทันที
    https://www.techradar.com/pro/security/task-scams-are-tricking-thousands-costing-jobseekers-millions

    Pentagon เปิดตัวแพลตฟอร์ม AI ใหม่
    สหรัฐฯ กำลังนำเทคโนโลยี AI ขั้นสูงเข้ามาใช้ในกองทัพ โดยเปิดตัวแพลตฟอร์มชื่อ GenAI.mil ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่กว่า 3 ล้านคนทั้งทหารและพลเรือนสามารถเข้าถึงโมเดล Gemini ที่ถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับรัฐบาลได้ จุดประสงค์คือเพื่อให้ทุกคนมีเครื่องมือ AI ที่ทรงพลังไว้ใช้งาน แต่ก็มีเสียงกังวลจากผู้เชี่ยวชาญว่าระบบอาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีด้วยเทคนิค prompt injection ซึ่งอาจนำไปสู่การจารกรรมข้อมูล ขณะเดียวกันพนักงาน Google ก็ยังคงเงียบ แม้ในอดีตเคยออกมาประท้วงการใช้เทคโนโลยีของบริษัทในงานด้านการทหารมาแล้วหลายครั้ง เรื่องนี้จึงเป็นทั้งความก้าวหน้าและความท้าทายที่ต้องจับตา
    https://www.techradar.com/pro/security/pentagon-launches-new-gemini-based-ai-platform

    กลุ่มแฮ็กเกอร์รัสเซีย CyberVolk กลับมาอีกครั้ง
    กลุ่ม CyberVolk ที่เคยหายไปจากวงการไซเบอร์ช่วงหนึ่ง ได้กลับมาเปิดบริการ ransomware-as-a-service ให้กับผู้สนใจผ่าน Telegram แต่การกลับมาครั้งนี้กลับไม่สมบูรณ์นัก เพราะเครื่องมือเข้ารหัสที่ใช้มีช่องโหว่ใหญ่ คือคีย์เข้ารหัสถูกฝังไว้ตายตัว ทำให้เหยื่อสามารถถอดรหัสไฟล์ได้ฟรีโดยไม่ต้องจ่ายค่าไถ่ นักวิจัยเชื่อว่านี่อาจเป็นความผิดพลาดของผู้พัฒนาเอง จึงทำให้การกลับมาครั้งนี้ดูไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไร แม้กลุ่มยังคงพยายามผสมผสานการโจมตีแบบ hacktivism กับการหาเงินจาก ransomware ก็ตาม
    https://www.techradar.com/pro/security/notorious-russian-cybercriminals-return-with-new-ransomware

    วิกฤต Flash Memory ที่ยืดเยื้อ
    ตลาดแฟลชเมมโมรีกำลังเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่ ราคาพุ่งสูงและขาดแคลนอย่างต่อเนื่อง ต่างจากฮาร์ดดิสก์ที่สามารถเพิ่มกำลังผลิตได้ง่ายกว่า เพราะแฟลชต้องใช้โรงงานเซมิคอนดักเตอร์ที่ลงทุนสูงและใช้เวลาสร้างหลายปี ทำให้ไม่สามารถปรับตัวได้เร็ว แม้ดอกเบี้ยต่ำจะช่วยเรื่องเงินลงทุน แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาในระยะสั้นได้ นักวิเคราะห์มองว่านี่ไม่ใช่แค่รอบขึ้นลงตามปกติ แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่อาจทำให้ราคาสูงต่อเนื่องไปอีกหลายปี
    https://www.techradar.com/pro/why-the-flash-crisis-will-last-much-longer-this-time

    รัสเซียขู่บล็อกบริการ Google ทั้งหมด
    รัฐบาลรัสเซียกำลังพิจารณาบล็อกบริการของ Google แบบเต็มรูปแบบ โดยให้เหตุผลว่าการเก็บข้อมูลผู้ใช้ไว้นอกประเทศเป็นภัยต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจ การเคลื่อนไหวนี้เป็นส่วนหนึ่งของการ “บีบอ่อน” เพื่อผลักเทคโนโลยีสหรัฐออกจากรัสเซีย ก่อนหน้านี้ก็มีการบล็อกแพลตฟอร์มตะวันตกหลายแห่ง เช่น Roblox, FaceTime และ Snapchat รวมถึงการกดดันให้ใช้ VPN ยากขึ้นด้วย แนวทางนี้กำลังสร้างสิ่งที่หลายคนเรียกว่า “ม่านเหล็กดิจิทัล” ที่แยกรัสเซียออกจากโลกออนไลน์เสรี
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/russia-threatens-to-block-all-google-services-in-a-soft-squeeze-of-us-tech

    Microsoft แจกธีมฟรีสำหรับ Windows 11
    ใครที่เบื่อหน้าจอ Windows 11 ตอนนี้ Microsoft ได้เปิดโซนใหม่ใน Microsoft Store ที่รวมธีมกว่า 400 แบบมาให้เลือก ทั้งธีมเกมดัง ธรรมชาติ ไปจนถึงงานศิลป์ โดยมีธีมใหม่เพิ่มเข้ามาอีก 35 แบบ จุดประสงค์คือทำให้ผู้ใช้ปรับแต่งเครื่องได้ง่ายและสนุกขึ้น เพียงคลิกเดียวก็เปลี่ยนบรรยากาศหน้าจอได้ทันที ถือเป็นการจัดระเบียบครั้งใหญ่ เพราะก่อนหน้านี้การหาธีมใน Store ค่อนข้างยุ่งยาก การอัปเดตนี้จึงช่วยให้การปรับแต่งเครื่องเป็นเรื่องง่ายและน่าสนใจมากขึ้น
    https://www.techradar.com/computing/windows/bored-with-your-windows-11-desktop-microsoft-is-offering-a-free-upgrade-of-handpicked-themes-from-its-store

    Intel, AMD และ Texas Instruments ถูกกล่าวหาว่า “เมินเฉยโดยเจตนา” ปล่อยชิปไปถึงรัสเซีย
    เรื่องนี้เริ่มจากกลุ่มพลเรือนชาวยูเครนที่ยื่นฟ้องบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ อย่าง Intel, AMD และ Texas Instruments โดยกล่าวหาว่าชิปที่บริษัทเหล่านี้ผลิตถูกนำไปใช้ในอาวุธของรัสเซียผ่านตัวแทนจำหน่ายรายอื่น ซึ่งนำไปสู่การโจมตีที่คร่าชีวิตพลเรือนหลายสิบคน ฝ่ายโจทก์มองว่าบริษัทเหล่านี้เลือกที่จะ “หลับตา” ไม่สนใจเส้นทางการขายต่อ ขณะที่บริษัททั้งหมดออกมาปฏิเสธ โดยยืนยันว่าหยุดการขายให้รัสเซียตั้งแต่สงครามเริ่ม และปฏิบัติตามกฎหมายการส่งออกอย่างเคร่งครัด เรื่องนี้จึงกลายเป็นคดีใหญ่ที่ต้องพิสูจน์กันในศาลว่าใครควรรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง
    https://www.techradar.com/pro/security/intel-amd-accused-of-willful-ignorance-in-allowing-chips-to-get-to-russia

    Workbooks เพิ่ม AI ในระบบ CRM เพื่อเสริมพลังทีมขาย
    แพลตฟอร์ม CRM ชื่อ Workbooks ได้ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ AI เข้าไปในระบบ โดยมีทั้งเครื่องมือถอดเสียงการประชุมอัตโนมัติ (Scribe), ระบบโค้ชการขาย (Sales Coach), ระบบทำความสะอาดข้อมูล (Sales Hygiene) และตัวช่วยวิจัยลูกค้า (Research Agent) จุดประสงค์คือช่วยลดงานซ้ำซาก เพิ่มความแม่นยำของข้อมูล และทำให้ทีมขายมีเวลาสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้ามากขึ้น แม้ปัจจุบันมีเพียง 16% ของบริษัทในสหราชอาณาจักรที่ใช้ AI ใน CRM แต่คาดว่าปี 2026 จะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งใครที่เริ่มก่อนก็จะได้เปรียบในการแข่งขันทันที
    https://www.techradar.com/pro/software-services/workbooks-integrates-ai-promises-empowered-sales-teams

    EU ถูกวิจารณ์ว่ามองข้ามความเสี่ยงในการอนุมัติ Broadcom ซื้อ VMware
    สมาคมผู้ให้บริการคลาวด์ CISPE ได้ยื่นร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการยุโรป หลังจากที่ EU อนุมัติการเข้าซื้อกิจการ VMware โดย Broadcom พวกเขามองว่าการตัดสินใจครั้งนี้ละเลยสัญญาณเตือนที่ชัดเจน เช่น การขึ้นราคาที่รุนแรง การบังคับซื้อแบบแพ็กเกจ และการผูกขาดลูกค้า ซึ่งตอนนี้ผลกระทบก็เริ่มปรากฏแล้ว ทั้งราคาที่สูงขึ้นและสัญญาระยะยาวที่บังคับใช้กับหลายองค์กรในยุโรป หากศาลตัดสินให้เพิกถอนการอนุมัติ EU จะต้องกลับมาทบทวนดีลนี้ใหม่ภายใต้สภาพตลาดปัจจุบัน
    https://www.techradar.com/pro/eu-accused-of-ignoring-warning-signs-in-broadcoms-vmware-acquisition

    Salesforce ชี้โมเดลคิดค่าบริการ AI แบบ “ต่อผู้ใช้” จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่
    Marc Benioff ซีอีโอของ Salesforce อธิบายว่าบริษัทกำลังกลับไปใช้การคิดค่าบริการแบบ “ต่อที่นั่ง” สำหรับ AI หลังจากเคยทดลองโมเดลคิดตามการใช้งานหรือจำนวนบทสนทนา เหตุผลคือ ลูกค้าต้องการความแน่นอนและความยืดหยุ่นในการคำนวณค่าใช้จ่าย Salesforce เชื่อว่าบริการ AI สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากถึง 3–10 เท่า จึงสามารถปรับราคาสูงขึ้นได้โดยยังสมเหตุสมผล แม้บางบริษัทจะใช้ AI เพื่อเสริมกำลังคนแทนที่จะลดจำนวนพนักงาน ทำให้การคิดค่าบริการต่อผู้ใช้ยังคงเป็นแนวทางที่เหมาะสมในสายตาของ Salesforce
    https://www.techradar.com/pro/salesforce-says-per-user-pricing-will-be-new-ai-norm

    พบมัลแวร์ใหม่บน MacOS ใช้ AI และเครื่องมือค้นหาเป็นช่องทางแพร่กระจาย
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Huntress เปิดเผยว่าแฮกเกอร์ที่อยู่เบื้องหลังมัลแวร์ AMOS ใช้เทคนิคใหม่ โดยสร้างบทสนทนาใน ChatGPT และ Grok ที่แฝงคำสั่งปลอมเกี่ยวกับการเคลียร์พื้นที่ดิสก์บน MacOS จากนั้นซื้อโฆษณาบน Google เพื่อดันบทสนทนาเหล่านี้ขึ้นมาเป็นผลการค้นหา เมื่อผู้ใช้ทำตามคำแนะนำก็จะติดตั้งมัลแวร์โดยไม่รู้ตัว AMOS สามารถขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่านและกระเป๋าเงินคริปโต ทำให้การโจมตีครั้งนี้อันตรายยิ่งขึ้นเพราะอาศัยความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์มที่ผู้ใช้ไว้วางใจ
    https://www.techradar.com/pro/security/new-macos-malware-exploits-trusted-ai-and-search-tools

    iOS 26.2 อัปเดตใหม่กับ 7 ฟีเจอร์สำคัญ
    Apple ปล่อย iOS 26.2 ให้ผู้ใช้ iPhone ได้อัปเดตกันแล้ว รอบนี้แม้จะเป็นการปรับปรุงเล็ก ๆ แต่หลายอย่างช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น เช่น การตั้ง Reminder ที่มาพร้อมเสียงปลุกกันลืม, AirDrop ที่แชร์กับคนไม่อยู่ในรายชื่อได้สะดวกขึ้นผ่านโค้ด, ปรับแต่ง Liquid Glass ให้หน้าจอดูโปร่งใสตามใจ, Podcasts ที่สร้าง chapter ให้อัตโนมัติ, Sleep Score ที่ปรับเกณฑ์ใหม่ให้ตรงกับความรู้สึกจริง ๆ, Freeform ที่เพิ่มการทำตาราง และ Apple News ที่มี shortcut เข้าส่วนต่าง ๆ ได้เร็วขึ้น ทั้งหมดนี้ยังมาพร้อมการแก้บั๊กและปรับปรุงความปลอดภัยด้วย
    https://www.techradar.com/phones/ios/ios-26-2-has-landed-here-are-the-7-biggest-new-features-for-your-iphone

    AI Regulation: บทเรียนจากยุคอินเทอร์เน็ต
    บทความนี้เล่าย้อนกลับไปถึงยุคแรกของอินเทอร์เน็ตที่แทบไม่มีการควบคุม จนกฎหมาย Telecom Act ปี 1996 เข้ามาจัดระเบียบ แต่ก็ยังไม่แตะเนื้อหาบนเว็บจริง ๆ ปัจจุบัน AI กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และสหรัฐฯ กำลังถกเถียงกันว่าจะควบคุมอย่างไร ระหว่างรัฐบาลกลางที่อยากให้เบา ๆ เพื่อแข่งขันกับจีน กับรัฐต่าง ๆ ที่อยากปกป้องประชาชนจากอคติและข้อมูลผิด ๆ บทความชี้ว่าหากไม่หาทางออกที่สมดุล อนาคต AI อาจอันตรายไม่ต่างจากพลังงานนิวเคลียร์ที่ไร้การควบคุม
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/everyone-is-wrong-about-ai-regulation-and-the-history-of-the-internet-proves-it

    YouTube TV ได้อัปเดตใหม่กับ 5 ฟีเจอร์ที่รอคอย
    Google ปรับปรุงหน้าจอการดูวิดีโอบน YouTube สำหรับทีวีให้ใช้งานง่ายขึ้น ควบคุมต่าง ๆ ถูกจัดใหม่เป็นสามส่วนชัดเจน มีปุ่ม Description ให้ดูข้อมูลวิดีโอแทนการกดชื่อเรื่อง, ปุ่ม Subscribe ที่เห็นชัดตลอดเวลา, การย้ายตำแหน่งชื่อวิดีโอไปด้านบนซ้าย และเพิ่มฟีเจอร์ใหม่สำหรับการดู Live Sports อย่าง Multiview รวมถึง Display Mode สำหรับผู้ใช้ Music และ Premium ทั้งหมดนี้ทำให้ประสบการณ์ดู YouTube บนทีวีใกล้เคียงกับมือถือมากขึ้น
    https://www.techradar.com/televisions/youtube-finally-gets-the-tv-update-weve-been-waiting-for-and-there-are-5-handy-upgrades

    Intel เร่งซื้อ SambaNova สู้ศึกชิป AI ในโลกชิป AI ที่ AMD และ Nvidia ครองตลาด
    Intel กำลังพิจารณาซื้อ SambaNova Systems เพื่อเร่งตามให้ทัน โดย SambaNova เพิ่งโชว์ศักยภาพด้วยการรันโมเดล DeepSeek-R1 ได้เร็วและใช้ทรัพยากรน้อยกว่าปกติ การเข้าซื้อครั้งนี้อาจช่วยให้ Intel มีทางเลือกใหม่ในการแข่งขัน แต่ดีลยังอยู่ในขั้นต้นและไม่ผูกมัด ขณะเดียวกันก็มีข่าวว่าผู้เล่นรายอื่นสนใจเช่นกัน ทำให้การแย่งชิงครั้งนี้น่าจับตามอง
    https://www.techradar.com/pro/intel-set-to-buy-ai-chip-specialist-as-it-scrambles-to-catch-up-with-amd-nvidia

    แฮกเกอร์ปลอมเป็นตำรวจ หลอก Big Tech ขอข้อมูลผู้ใช้
    มีรายงานว่าอาชญากรไซเบอร์ใช้วิธีปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่งคำขอข้อมูลไปยังบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ อย่าง Apple หรือ Google โดยใช้เทคนิค typosquatting สร้างอีเมลที่คล้ายของจริง หรือเจาะเข้าบัญชีอีเมลของเจ้าหน้าที่จริงเพื่อส่งคำขอ ทำให้บริษัทบางแห่งหลงเชื่อและส่งข้อมูลผู้ใช้ไปโดยไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทใหญ่เริ่มใช้ระบบตรวจสอบคำขอเข้มงวดขึ้นเพื่อลดความเสี่ยง
    https://www.techradar.com/pro/security/hackers-posing-as-law-enforcement-are-tricking-big-tech-to-get-access-to-private-data

    AMD เปิดตัว Radeon AI PRO R9700S การ์ดจอเงียบทรงพลังสำหรับงาน AI หนัก
    AMD กำลังสร้างความฮือฮาในวงการด้วยการ์ดจอรุ่นใหม่ Radeon AI PRO R9700S ที่มาพร้อมหน่วยความจำ 32GB GDDR6 และระบบระบายความร้อนแบบ passive cooling ทำให้สามารถทำงานได้อย่างเงียบในสภาพแวดล้อมที่มีการ์ดหลายตัวติดตั้งอยู่ใน rack แน่น ๆ จุดเด่นคือพลังการประมวลผลสูงถึง 47.8 TFLOPS และรองรับ PCIe 5.0 x16 เพื่อการสื่อสารข้อมูลที่รวดเร็ว เหมาะสำหรับงาน AI ขนาดใหญ่ เช่นการฝึกโมเดลภาษาหรือการประมวลผลเชิงสร้างสรรค์ จุดที่น่าสนใจคือแม้จะไม่มีพัดลม แต่ยังคงใช้พลังงานสูงถึง 300W ซึ่งองค์กรที่นำไปใช้ต้องวางแผนการจัดการความร้อนอย่างจริงจัง
    https://www.techradar.com/pro/did-amd-just-launch-the-fastest-silent-video-cards-ever-passively-cooled-32gb-ddr6-radeon-ai-pro-r9700s-debuts-with-ginormous-300w-tdp

    Zotac เปิดตัว Mini PC เล็กแต่แรง บรรจุ RTX 5060 Ti เต็มตัว
    Zotac สร้างความประหลาดใจด้วยการเปิดตัว ZBOX MAGNUS EN275060TC ที่สามารถบรรจุการ์ดจอระดับ desktop อย่าง RTX 5060 Ti ขนาด 16GB ลงไปในเครื่องเล็กเพียง 2.65 ลิตรได้สำเร็จ โดยใช้เทคนิคการส่งพลังงานผ่าน PCIe แบบ hybrid ทำให้ไม่ต้องใช้สายต่อพลังงานภายนอก ผลการทดสอบชี้ว่าประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ RTX 5070 Ti รุ่น laptop และยังคุ้มค่าด้านราคาเมื่อเทียบกับพลังที่ได้ แม้จะมีข้อกังวลเรื่องความร้อน แต่ถือเป็นการยกระดับ mini PC ให้สามารถแข่งขันกับเครื่องใหญ่ได้อย่างน่าทึ่ง
    https://www.techradar.com/pro/this-zotac-mini-pc-has-the-most-powerful-gpu-ever-bundled-in-a-pc-of-this-size-16gb-geforce-rtx-5060-ti-is-competitive-with-5070-ti-laptop-edition

    อดีตพนักงาน Accenture ถูก DoJ ตั้งข้อหาฉ้อโกงด้านความปลอดภัยระบบคลาวด์
    ข่าวใหญ่ในสายความปลอดภัยไซเบอร์ เมื่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ตั้งข้อหาอดีตผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของ Accenture ที่ถูกกล่าวหาว่าให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับมาตรการความปลอดภัยของระบบคลาวด์เพื่อให้ได้สัญญากับรัฐบาล ทั้งที่จริงแล้วแพลตฟอร์มไม่ได้ผ่านมาตรฐาน FedRAMP ตามที่กำหนด การกระทำนี้ถูกตีความว่าเป็นการหลอกลวงและมีการส่งเอกสารปลอมเพื่อรักษาสัญญา หากถูกตัดสินว่ามีความผิด เขาอาจต้องโทษจำคุกสูงสุดถึง 20 ปีในข้อหาฉ้อโกงและการขัดขวางการตรวจสอบ
    https://www.techradar.com/pro/security/former-accenture-employee-charged-by-doj-for-cloud-security-fraud

    สหรัฐฯ ยกเลิกการแบน Nvidia H200 หลัง Huawei Ascend 910C แรงจนท้าทายอำนาจโลก AI
    รัฐบาลสหรัฐฯ ตัดสินใจอนุญาตให้ส่งออกชิป Nvidia H200 ไปยังจีน โดยมีการเก็บค่าธรรมเนียม 25% ต่อการส่งออก หลังจากพบว่า Huawei กำลังพัฒนา Ascend 910C ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก โดยระบบ CloudMatrix 384 ของ Huawei สามารถทำงานได้ถึง 300 petaflops และมีหน่วยความจำรวมมากกว่า Nvidia GB200 NVL72 แม้จะใช้พลังงานมากกว่า แต่ก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่อาจท้าทายความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ การตัดสินใจครั้งนี้จึงถูกมองว่าเป็นการรักษาสมดุลระหว่างความมั่นคงและเศรษฐกิจ
    https://www.techradar.com/pro/is-the-us-afraid-of-huawei-reports-hint-at-the-ascend-910c-accelerator-performance-to-justify-the-surprising-reversal-of-nvidias-h200-ai-gpu-ban-on-china

    ChatGPT เตรียมเปิดโหมดผู้ใหญ่ แต่ไม่ใช่อย่างที่คิด
    OpenAI ประกาศว่าจะเปิดตัว “adult mode” สำหรับ ChatGPT ในปี 2026 โดยจะใช้ AI ตรวจจับอายุผู้ใช้จากพฤติกรรมการสนทนาเพื่อให้เข้าถึงเนื้อหาที่เป็นผู้ใหญ่ได้ จุดสำคัญคือไม่ได้หมายถึงการเปิดให้เข้าถึงเนื้อหาโจ่งแจ้งเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการพูดคุยในหัวข้อที่ปัจจุบันถูกจำกัด เช่นเรื่องความสัมพันธ์ สุขภาพจิต หรือประเด็นที่ไม่เหมาะสำหรับเด็ก การพัฒนานี้ถูกมองว่าเป็นการสร้างความยืดหยุ่นและตอบสนองผู้ใช้ที่ต้องการประสบการณ์ AI ที่สมจริงและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แต่ก็ยังต้องรอการทดสอบระบบทำนายอายุให้แม่นยำก่อน
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-adult-mode-is-coming-and-it-might-not-be-what-you-think-it-is

    AI Chatbots ก้าวสู่ชีวิตประจำวัน
    รายงานล่าสุดจาก Microsoft เผยให้เห็นว่า Copilot และ AI chatbot ไม่ได้ถูกใช้แค่ในงานเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คนแล้ว พวกเขาวิเคราะห์จากการสนทนากว่า 37.5 ล้านครั้ง พบว่าการใช้งานบนเดสก์ท็อปมักจะเกี่ยวข้องกับงานระหว่าง 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น ส่วนการใช้งานบนมือถือกลับเน้นเรื่องส่วนตัว เช่น สุขภาพและการใช้ชีวิต และเกิดขึ้นตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ยังมีรูปแบบการใช้งานที่น่าสนใจ เช่น การเขียนโปรแกรมที่พุ่งสูงในวันทำงาน การเล่นเกมที่มากขึ้นในวันหยุด และคำถามเชิงปรัชญาที่มักจะเกิดขึ้นในช่วงกลางคืน สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือทำงาน แต่ยังถูกใช้เพื่อช่วยให้ผู้คนเข้าใจและจัดการกับชีวิตประจำวันของตนเองด้วย
    https://www.techradar.com/pro/ai-chatbots-are-now-integrated-into-the-full-texture-of-human-life-microsoft-study-claims

    ChatGPT 5.2 ถูกวิจารณ์ว่า “ถอยหลัง”
    OpenAI เปิดตัว ChatGPT 5.2 โดยประกาศว่าเป็นโมเดลที่ฉลาดที่สุดที่เปิดให้ใช้งานทั่วไป แต่เสียงตอบรับจากผู้ใช้กลับไม่ค่อยดีนัก หลายคนใน Reddit บอกว่ามัน “น่าเบื่อ” และ “เป็นทางการเกินไป” จนรู้สึกเหมือนหุ่นยนต์ที่ไม่มีชีวิตชีวา บางคนถึงกับบอกว่ามันแย่กว่าเวอร์ชัน 5.1 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสิน เพราะผู้ใช้ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ลองใช้งานอย่างจริงจัง และอาจเป็นเพียงเสียงจากกลุ่มเล็กที่ไม่พอใจ การเปิดตัวครั้งนี้ยังสะท้อนการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่าง OpenAI และ Google Gemini ซึ่งทำให้หลายคนสงสัยว่า OpenAI รีบปล่อยเวอร์ชันใหม่ออกมาเร็วเกินไปหรือไม่
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai/chatgpt-5-2-branded-a-step-backwards-by-disappointed-early-users-heres-why
    📌📡🟣 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟣📡📌 #รวมข่าวIT #20251213 #TechRadar 📰 นักลงทุนไต้หวันยังคงทุ่มกับ AI แม้มีเสียงเตือนเรื่อง “ฟองสบู่” เรื่องราวนี้เล่าถึงบรรยากาศการลงทุนในไต้หวันที่ยังคงคึกคัก แม้หลายฝ่ายกังวลว่า AI อาจกำลังสร้างฟองสบู่ทางเศรษฐกิจ แต่ตลาดหุ้นไต้หวันกลับพุ่งขึ้นต่อเนื่อง โดยดัชนี TWII มีแนวโน้มแตะ 30,000 จุดในปี 2026 ขณะที่หุ้น TSMC ก็ยังเติบโตแข็งแรงกว่า 39% ในปีนี้ จุดสำคัญคือไต้หวันถือไพ่เหนือกว่า เพราะเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนหลักของสถาปัตยกรรม AI ไม่ว่าจะเป็นชิปจาก Nvidia, Google หรือเจ้าอื่น ๆ ทำให้ไม่ว่าตลาดจะเอนเอียงไปทางไหน ไต้หวันก็ยังได้ประโยชน์ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่าพอร์ตลงทุนในเอเชียยังพึ่งพา AI มากเกินไป หากเกิดการแกว่งตัวแรงก็อาจกระทบหนักได้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/investors-still-doubling-down-on-ai-in-taiwan-despite-bubble-fears 👥 “สถาปนิกแห่ง AI” ได้รับเลือกเป็นบุคคลแห่งปีของ Time ปีนี้นิตยสาร Time ไม่ได้เลือกผู้นำประเทศหรือดารา แต่ยกตำแหน่งบุคคลแห่งปีให้กับกลุ่มผู้สร้าง AI ที่เปลี่ยนโลก ทั้ง Sam Altman จาก OpenAI, Jensen Huang จาก Nvidia และทีมงานจาก Google, Meta, Anthropic พวกเขาไม่เพียงสร้างเทคโนโลยี แต่ยังทำให้มันเข้าถึงได้และกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ ChatGPT ที่มีผู้ใช้กว่า 800 ล้านคนต่อสัปดาห์ ไปจนถึง Copilot ของ Microsoft และ Gemini ของ Google ผลงานเหล่านี้ไม่ใช่แค่ธุรกิจ แต่ยังกลายเป็นอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองระดับโลก เพราะชิปและโมเดล AI ถูกมองเป็นทรัพยากรเชิงยุทธศาสตร์ที่ประเทศต่าง ๆ ต้องแข่งขันกัน 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/the-architects-of-ai-are-times-person-of-the-year-heres-why 🔒 สภาขุนนางอังกฤษเสนอห้ามเด็กใช้ VPN ในสหราชอาณาจักร กลุ่มสมาชิกสภาขุนนางได้เสนอแก้ไขกฎหมาย Children’s Wellbeing and Schools Bill โดยต้องการห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีใช้ VPN หากผ่านการพิจารณา ผู้ให้บริการ VPN จะต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้ด้วยวิธีที่ “มีประสิทธิภาพสูง” เช่น การยืนยันด้วยบัตรประชาชนหรือการสแกนใบหน้า ซึ่งแน่นอนว่าก่อให้เกิดข้อถกเถียง เพราะ VPN ถูกออกแบบมาเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว การบังคับตรวจสอบเช่นนี้อาจทำลายหลักการพื้นฐานของมันได้ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/uk-lords-propose-ban-on-vpns-for-children 🇮🇳 อินเดียสั่ง VPN บล็อกเว็บไซต์ที่เปิดเผยข้อมูลประชาชน รัฐบาลอินเดีย โดยกระทรวงอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีสารสนเทศ (MeitY) ได้ออกคำสั่งให้ผู้ให้บริการ VPN ต้องบล็อกเว็บไซต์ที่เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของประชาชน เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร และอีเมล โดยอ้างว่าเป็นภัยต่อความปลอดภัยของผู้ใช้ แม้เจตนาจะเพื่อปกป้องข้อมูล แต่ก็ขัดกับหลักการของ VPN ที่ไม่เก็บบันทึกการใช้งานและเน้นความเป็นส่วนตัว หลายบริษัท VPN เคยถอนเซิร์ฟเวอร์ออกจากอินเดียมาแล้วตั้งแต่ปี 2022 เพราะไม่เห็นด้วยกับข้อกำหนดให้เก็บข้อมูลผู้ใช้ การสั่งการครั้งนี้จึงอาจทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างการคุ้มครองข้อมูลกับสิทธิความเป็นส่วนตัวอีกครั้ง 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/india-orders-vpns-to-block-access-to-websites-that-unlawfully-expose-citizens-data ⚠️ หลอกลวงงานออนไลน์ “Task Scam” ทำเหยื่อสูญเงินนับล้าน งานวิจัยใหม่เผยว่ามีการหลอกลวงรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “Task Scam” หรือ “Gamified Job Scam” เพิ่มขึ้นถึง 485% ในปี 2025 วิธีการคือหลอกให้ผู้หางานทำกิจกรรมง่าย ๆ เช่น กดไลก์หรือรีวิวสินค้า แล้วจ่ายเงินเล็กน้อยเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ จากนั้นจะชักชวนให้โอนเงินหรือฝากคริปโตเพื่อทำงานต่อ แต่สุดท้ายไม่สามารถถอนเงินได้ เหยื่อถูกหลอกให้ฝากเพิ่มเรื่อย ๆ จนสูญเงินรวมกว่า 6.8 ล้านดอลลาร์ในปีเดียว ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าหากงานใดขอให้คุณจ่ายเงินเพื่อเข้าถึงรายได้ นั่นคือสัญญาณอันตรายที่ควรหยุดทันที 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/task-scams-are-tricking-thousands-costing-jobseekers-millions 🛡️ Pentagon เปิดตัวแพลตฟอร์ม AI ใหม่ สหรัฐฯ กำลังนำเทคโนโลยี AI ขั้นสูงเข้ามาใช้ในกองทัพ โดยเปิดตัวแพลตฟอร์มชื่อ GenAI.mil ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่กว่า 3 ล้านคนทั้งทหารและพลเรือนสามารถเข้าถึงโมเดล Gemini ที่ถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับรัฐบาลได้ จุดประสงค์คือเพื่อให้ทุกคนมีเครื่องมือ AI ที่ทรงพลังไว้ใช้งาน แต่ก็มีเสียงกังวลจากผู้เชี่ยวชาญว่าระบบอาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีด้วยเทคนิค prompt injection ซึ่งอาจนำไปสู่การจารกรรมข้อมูล ขณะเดียวกันพนักงาน Google ก็ยังคงเงียบ แม้ในอดีตเคยออกมาประท้วงการใช้เทคโนโลยีของบริษัทในงานด้านการทหารมาแล้วหลายครั้ง เรื่องนี้จึงเป็นทั้งความก้าวหน้าและความท้าทายที่ต้องจับตา 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/pentagon-launches-new-gemini-based-ai-platform 💻 กลุ่มแฮ็กเกอร์รัสเซีย CyberVolk กลับมาอีกครั้ง กลุ่ม CyberVolk ที่เคยหายไปจากวงการไซเบอร์ช่วงหนึ่ง ได้กลับมาเปิดบริการ ransomware-as-a-service ให้กับผู้สนใจผ่าน Telegram แต่การกลับมาครั้งนี้กลับไม่สมบูรณ์นัก เพราะเครื่องมือเข้ารหัสที่ใช้มีช่องโหว่ใหญ่ คือคีย์เข้ารหัสถูกฝังไว้ตายตัว ทำให้เหยื่อสามารถถอดรหัสไฟล์ได้ฟรีโดยไม่ต้องจ่ายค่าไถ่ นักวิจัยเชื่อว่านี่อาจเป็นความผิดพลาดของผู้พัฒนาเอง จึงทำให้การกลับมาครั้งนี้ดูไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไร แม้กลุ่มยังคงพยายามผสมผสานการโจมตีแบบ hacktivism กับการหาเงินจาก ransomware ก็ตาม 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/notorious-russian-cybercriminals-return-with-new-ransomware 💾 วิกฤต Flash Memory ที่ยืดเยื้อ ตลาดแฟลชเมมโมรีกำลังเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่ ราคาพุ่งสูงและขาดแคลนอย่างต่อเนื่อง ต่างจากฮาร์ดดิสก์ที่สามารถเพิ่มกำลังผลิตได้ง่ายกว่า เพราะแฟลชต้องใช้โรงงานเซมิคอนดักเตอร์ที่ลงทุนสูงและใช้เวลาสร้างหลายปี ทำให้ไม่สามารถปรับตัวได้เร็ว แม้ดอกเบี้ยต่ำจะช่วยเรื่องเงินลงทุน แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาในระยะสั้นได้ นักวิเคราะห์มองว่านี่ไม่ใช่แค่รอบขึ้นลงตามปกติ แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่อาจทำให้ราคาสูงต่อเนื่องไปอีกหลายปี 🔗 https://www.techradar.com/pro/why-the-flash-crisis-will-last-much-longer-this-time 🌐 รัสเซียขู่บล็อกบริการ Google ทั้งหมด รัฐบาลรัสเซียกำลังพิจารณาบล็อกบริการของ Google แบบเต็มรูปแบบ โดยให้เหตุผลว่าการเก็บข้อมูลผู้ใช้ไว้นอกประเทศเป็นภัยต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจ การเคลื่อนไหวนี้เป็นส่วนหนึ่งของการ “บีบอ่อน” เพื่อผลักเทคโนโลยีสหรัฐออกจากรัสเซีย ก่อนหน้านี้ก็มีการบล็อกแพลตฟอร์มตะวันตกหลายแห่ง เช่น Roblox, FaceTime และ Snapchat รวมถึงการกดดันให้ใช้ VPN ยากขึ้นด้วย แนวทางนี้กำลังสร้างสิ่งที่หลายคนเรียกว่า “ม่านเหล็กดิจิทัล” ที่แยกรัสเซียออกจากโลกออนไลน์เสรี 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/russia-threatens-to-block-all-google-services-in-a-soft-squeeze-of-us-tech 🎨 Microsoft แจกธีมฟรีสำหรับ Windows 11 ใครที่เบื่อหน้าจอ Windows 11 ตอนนี้ Microsoft ได้เปิดโซนใหม่ใน Microsoft Store ที่รวมธีมกว่า 400 แบบมาให้เลือก ทั้งธีมเกมดัง ธรรมชาติ ไปจนถึงงานศิลป์ โดยมีธีมใหม่เพิ่มเข้ามาอีก 35 แบบ จุดประสงค์คือทำให้ผู้ใช้ปรับแต่งเครื่องได้ง่ายและสนุกขึ้น เพียงคลิกเดียวก็เปลี่ยนบรรยากาศหน้าจอได้ทันที ถือเป็นการจัดระเบียบครั้งใหญ่ เพราะก่อนหน้านี้การหาธีมใน Store ค่อนข้างยุ่งยาก การอัปเดตนี้จึงช่วยให้การปรับแต่งเครื่องเป็นเรื่องง่ายและน่าสนใจมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/bored-with-your-windows-11-desktop-microsoft-is-offering-a-free-upgrade-of-handpicked-themes-from-its-store 📰 Intel, AMD และ Texas Instruments ถูกกล่าวหาว่า “เมินเฉยโดยเจตนา” ปล่อยชิปไปถึงรัสเซีย เรื่องนี้เริ่มจากกลุ่มพลเรือนชาวยูเครนที่ยื่นฟ้องบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ อย่าง Intel, AMD และ Texas Instruments โดยกล่าวหาว่าชิปที่บริษัทเหล่านี้ผลิตถูกนำไปใช้ในอาวุธของรัสเซียผ่านตัวแทนจำหน่ายรายอื่น ซึ่งนำไปสู่การโจมตีที่คร่าชีวิตพลเรือนหลายสิบคน ฝ่ายโจทก์มองว่าบริษัทเหล่านี้เลือกที่จะ “หลับตา” ไม่สนใจเส้นทางการขายต่อ ขณะที่บริษัททั้งหมดออกมาปฏิเสธ โดยยืนยันว่าหยุดการขายให้รัสเซียตั้งแต่สงครามเริ่ม และปฏิบัติตามกฎหมายการส่งออกอย่างเคร่งครัด เรื่องนี้จึงกลายเป็นคดีใหญ่ที่ต้องพิสูจน์กันในศาลว่าใครควรรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/intel-amd-accused-of-willful-ignorance-in-allowing-chips-to-get-to-russia 🤖 Workbooks เพิ่ม AI ในระบบ CRM เพื่อเสริมพลังทีมขาย แพลตฟอร์ม CRM ชื่อ Workbooks ได้ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ AI เข้าไปในระบบ โดยมีทั้งเครื่องมือถอดเสียงการประชุมอัตโนมัติ (Scribe), ระบบโค้ชการขาย (Sales Coach), ระบบทำความสะอาดข้อมูล (Sales Hygiene) และตัวช่วยวิจัยลูกค้า (Research Agent) จุดประสงค์คือช่วยลดงานซ้ำซาก เพิ่มความแม่นยำของข้อมูล และทำให้ทีมขายมีเวลาสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้ามากขึ้น แม้ปัจจุบันมีเพียง 16% ของบริษัทในสหราชอาณาจักรที่ใช้ AI ใน CRM แต่คาดว่าปี 2026 จะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งใครที่เริ่มก่อนก็จะได้เปรียบในการแข่งขันทันที 🔗 https://www.techradar.com/pro/software-services/workbooks-integrates-ai-promises-empowered-sales-teams ⚖️ EU ถูกวิจารณ์ว่ามองข้ามความเสี่ยงในการอนุมัติ Broadcom ซื้อ VMware สมาคมผู้ให้บริการคลาวด์ CISPE ได้ยื่นร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการยุโรป หลังจากที่ EU อนุมัติการเข้าซื้อกิจการ VMware โดย Broadcom พวกเขามองว่าการตัดสินใจครั้งนี้ละเลยสัญญาณเตือนที่ชัดเจน เช่น การขึ้นราคาที่รุนแรง การบังคับซื้อแบบแพ็กเกจ และการผูกขาดลูกค้า ซึ่งตอนนี้ผลกระทบก็เริ่มปรากฏแล้ว ทั้งราคาที่สูงขึ้นและสัญญาระยะยาวที่บังคับใช้กับหลายองค์กรในยุโรป หากศาลตัดสินให้เพิกถอนการอนุมัติ EU จะต้องกลับมาทบทวนดีลนี้ใหม่ภายใต้สภาพตลาดปัจจุบัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/eu-accused-of-ignoring-warning-signs-in-broadcoms-vmware-acquisition 💵 Salesforce ชี้โมเดลคิดค่าบริการ AI แบบ “ต่อผู้ใช้” จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ Marc Benioff ซีอีโอของ Salesforce อธิบายว่าบริษัทกำลังกลับไปใช้การคิดค่าบริการแบบ “ต่อที่นั่ง” สำหรับ AI หลังจากเคยทดลองโมเดลคิดตามการใช้งานหรือจำนวนบทสนทนา เหตุผลคือ ลูกค้าต้องการความแน่นอนและความยืดหยุ่นในการคำนวณค่าใช้จ่าย Salesforce เชื่อว่าบริการ AI สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากถึง 3–10 เท่า จึงสามารถปรับราคาสูงขึ้นได้โดยยังสมเหตุสมผล แม้บางบริษัทจะใช้ AI เพื่อเสริมกำลังคนแทนที่จะลดจำนวนพนักงาน ทำให้การคิดค่าบริการต่อผู้ใช้ยังคงเป็นแนวทางที่เหมาะสมในสายตาของ Salesforce 🔗 https://www.techradar.com/pro/salesforce-says-per-user-pricing-will-be-new-ai-norm 🛡️ พบมัลแวร์ใหม่บน MacOS ใช้ AI และเครื่องมือค้นหาเป็นช่องทางแพร่กระจาย นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Huntress เปิดเผยว่าแฮกเกอร์ที่อยู่เบื้องหลังมัลแวร์ AMOS ใช้เทคนิคใหม่ โดยสร้างบทสนทนาใน ChatGPT และ Grok ที่แฝงคำสั่งปลอมเกี่ยวกับการเคลียร์พื้นที่ดิสก์บน MacOS จากนั้นซื้อโฆษณาบน Google เพื่อดันบทสนทนาเหล่านี้ขึ้นมาเป็นผลการค้นหา เมื่อผู้ใช้ทำตามคำแนะนำก็จะติดตั้งมัลแวร์โดยไม่รู้ตัว AMOS สามารถขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่านและกระเป๋าเงินคริปโต ทำให้การโจมตีครั้งนี้อันตรายยิ่งขึ้นเพราะอาศัยความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์มที่ผู้ใช้ไว้วางใจ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/new-macos-malware-exploits-trusted-ai-and-search-tools 📱 iOS 26.2 อัปเดตใหม่กับ 7 ฟีเจอร์สำคัญ Apple ปล่อย iOS 26.2 ให้ผู้ใช้ iPhone ได้อัปเดตกันแล้ว รอบนี้แม้จะเป็นการปรับปรุงเล็ก ๆ แต่หลายอย่างช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น เช่น การตั้ง Reminder ที่มาพร้อมเสียงปลุกกันลืม, AirDrop ที่แชร์กับคนไม่อยู่ในรายชื่อได้สะดวกขึ้นผ่านโค้ด, ปรับแต่ง Liquid Glass ให้หน้าจอดูโปร่งใสตามใจ, Podcasts ที่สร้าง chapter ให้อัตโนมัติ, Sleep Score ที่ปรับเกณฑ์ใหม่ให้ตรงกับความรู้สึกจริง ๆ, Freeform ที่เพิ่มการทำตาราง และ Apple News ที่มี shortcut เข้าส่วนต่าง ๆ ได้เร็วขึ้น ทั้งหมดนี้ยังมาพร้อมการแก้บั๊กและปรับปรุงความปลอดภัยด้วย 🔗 https://www.techradar.com/phones/ios/ios-26-2-has-landed-here-are-the-7-biggest-new-features-for-your-iphone 🤖 AI Regulation: บทเรียนจากยุคอินเทอร์เน็ต บทความนี้เล่าย้อนกลับไปถึงยุคแรกของอินเทอร์เน็ตที่แทบไม่มีการควบคุม จนกฎหมาย Telecom Act ปี 1996 เข้ามาจัดระเบียบ แต่ก็ยังไม่แตะเนื้อหาบนเว็บจริง ๆ ปัจจุบัน AI กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และสหรัฐฯ กำลังถกเถียงกันว่าจะควบคุมอย่างไร ระหว่างรัฐบาลกลางที่อยากให้เบา ๆ เพื่อแข่งขันกับจีน กับรัฐต่าง ๆ ที่อยากปกป้องประชาชนจากอคติและข้อมูลผิด ๆ บทความชี้ว่าหากไม่หาทางออกที่สมดุล อนาคต AI อาจอันตรายไม่ต่างจากพลังงานนิวเคลียร์ที่ไร้การควบคุม 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/everyone-is-wrong-about-ai-regulation-and-the-history-of-the-internet-proves-it 📺 YouTube TV ได้อัปเดตใหม่กับ 5 ฟีเจอร์ที่รอคอย Google ปรับปรุงหน้าจอการดูวิดีโอบน YouTube สำหรับทีวีให้ใช้งานง่ายขึ้น ควบคุมต่าง ๆ ถูกจัดใหม่เป็นสามส่วนชัดเจน มีปุ่ม Description ให้ดูข้อมูลวิดีโอแทนการกดชื่อเรื่อง, ปุ่ม Subscribe ที่เห็นชัดตลอดเวลา, การย้ายตำแหน่งชื่อวิดีโอไปด้านบนซ้าย และเพิ่มฟีเจอร์ใหม่สำหรับการดู Live Sports อย่าง Multiview รวมถึง Display Mode สำหรับผู้ใช้ Music และ Premium ทั้งหมดนี้ทำให้ประสบการณ์ดู YouTube บนทีวีใกล้เคียงกับมือถือมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/televisions/youtube-finally-gets-the-tv-update-weve-been-waiting-for-and-there-are-5-handy-upgrades 💻 Intel เร่งซื้อ SambaNova สู้ศึกชิป AI ในโลกชิป AI ที่ AMD และ Nvidia ครองตลาด Intel กำลังพิจารณาซื้อ SambaNova Systems เพื่อเร่งตามให้ทัน โดย SambaNova เพิ่งโชว์ศักยภาพด้วยการรันโมเดล DeepSeek-R1 ได้เร็วและใช้ทรัพยากรน้อยกว่าปกติ การเข้าซื้อครั้งนี้อาจช่วยให้ Intel มีทางเลือกใหม่ในการแข่งขัน แต่ดีลยังอยู่ในขั้นต้นและไม่ผูกมัด ขณะเดียวกันก็มีข่าวว่าผู้เล่นรายอื่นสนใจเช่นกัน ทำให้การแย่งชิงครั้งนี้น่าจับตามอง 🔗 https://www.techradar.com/pro/intel-set-to-buy-ai-chip-specialist-as-it-scrambles-to-catch-up-with-amd-nvidia 🛡️ แฮกเกอร์ปลอมเป็นตำรวจ หลอก Big Tech ขอข้อมูลผู้ใช้ มีรายงานว่าอาชญากรไซเบอร์ใช้วิธีปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่งคำขอข้อมูลไปยังบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ อย่าง Apple หรือ Google โดยใช้เทคนิค typosquatting สร้างอีเมลที่คล้ายของจริง หรือเจาะเข้าบัญชีอีเมลของเจ้าหน้าที่จริงเพื่อส่งคำขอ ทำให้บริษัทบางแห่งหลงเชื่อและส่งข้อมูลผู้ใช้ไปโดยไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทใหญ่เริ่มใช้ระบบตรวจสอบคำขอเข้มงวดขึ้นเพื่อลดความเสี่ยง 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/hackers-posing-as-law-enforcement-are-tricking-big-tech-to-get-access-to-private-data 🖥️ AMD เปิดตัว Radeon AI PRO R9700S การ์ดจอเงียบทรงพลังสำหรับงาน AI หนัก AMD กำลังสร้างความฮือฮาในวงการด้วยการ์ดจอรุ่นใหม่ Radeon AI PRO R9700S ที่มาพร้อมหน่วยความจำ 32GB GDDR6 และระบบระบายความร้อนแบบ passive cooling ทำให้สามารถทำงานได้อย่างเงียบในสภาพแวดล้อมที่มีการ์ดหลายตัวติดตั้งอยู่ใน rack แน่น ๆ จุดเด่นคือพลังการประมวลผลสูงถึง 47.8 TFLOPS และรองรับ PCIe 5.0 x16 เพื่อการสื่อสารข้อมูลที่รวดเร็ว เหมาะสำหรับงาน AI ขนาดใหญ่ เช่นการฝึกโมเดลภาษาหรือการประมวลผลเชิงสร้างสรรค์ จุดที่น่าสนใจคือแม้จะไม่มีพัดลม แต่ยังคงใช้พลังงานสูงถึง 300W ซึ่งองค์กรที่นำไปใช้ต้องวางแผนการจัดการความร้อนอย่างจริงจัง 🔗 https://www.techradar.com/pro/did-amd-just-launch-the-fastest-silent-video-cards-ever-passively-cooled-32gb-ddr6-radeon-ai-pro-r9700s-debuts-with-ginormous-300w-tdp 💻 Zotac เปิดตัว Mini PC เล็กแต่แรง บรรจุ RTX 5060 Ti เต็มตัว Zotac สร้างความประหลาดใจด้วยการเปิดตัว ZBOX MAGNUS EN275060TC ที่สามารถบรรจุการ์ดจอระดับ desktop อย่าง RTX 5060 Ti ขนาด 16GB ลงไปในเครื่องเล็กเพียง 2.65 ลิตรได้สำเร็จ โดยใช้เทคนิคการส่งพลังงานผ่าน PCIe แบบ hybrid ทำให้ไม่ต้องใช้สายต่อพลังงานภายนอก ผลการทดสอบชี้ว่าประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ RTX 5070 Ti รุ่น laptop และยังคุ้มค่าด้านราคาเมื่อเทียบกับพลังที่ได้ แม้จะมีข้อกังวลเรื่องความร้อน แต่ถือเป็นการยกระดับ mini PC ให้สามารถแข่งขันกับเครื่องใหญ่ได้อย่างน่าทึ่ง 🔗 https://www.techradar.com/pro/this-zotac-mini-pc-has-the-most-powerful-gpu-ever-bundled-in-a-pc-of-this-size-16gb-geforce-rtx-5060-ti-is-competitive-with-5070-ti-laptop-edition ⚖️ อดีตพนักงาน Accenture ถูก DoJ ตั้งข้อหาฉ้อโกงด้านความปลอดภัยระบบคลาวด์ ข่าวใหญ่ในสายความปลอดภัยไซเบอร์ เมื่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ตั้งข้อหาอดีตผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของ Accenture ที่ถูกกล่าวหาว่าให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับมาตรการความปลอดภัยของระบบคลาวด์เพื่อให้ได้สัญญากับรัฐบาล ทั้งที่จริงแล้วแพลตฟอร์มไม่ได้ผ่านมาตรฐาน FedRAMP ตามที่กำหนด การกระทำนี้ถูกตีความว่าเป็นการหลอกลวงและมีการส่งเอกสารปลอมเพื่อรักษาสัญญา หากถูกตัดสินว่ามีความผิด เขาอาจต้องโทษจำคุกสูงสุดถึง 20 ปีในข้อหาฉ้อโกงและการขัดขวางการตรวจสอบ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/former-accenture-employee-charged-by-doj-for-cloud-security-fraud 🌐 สหรัฐฯ ยกเลิกการแบน Nvidia H200 หลัง Huawei Ascend 910C แรงจนท้าทายอำนาจโลก AI รัฐบาลสหรัฐฯ ตัดสินใจอนุญาตให้ส่งออกชิป Nvidia H200 ไปยังจีน โดยมีการเก็บค่าธรรมเนียม 25% ต่อการส่งออก หลังจากพบว่า Huawei กำลังพัฒนา Ascend 910C ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก โดยระบบ CloudMatrix 384 ของ Huawei สามารถทำงานได้ถึง 300 petaflops และมีหน่วยความจำรวมมากกว่า Nvidia GB200 NVL72 แม้จะใช้พลังงานมากกว่า แต่ก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่อาจท้าทายความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ การตัดสินใจครั้งนี้จึงถูกมองว่าเป็นการรักษาสมดุลระหว่างความมั่นคงและเศรษฐกิจ 🔗 https://www.techradar.com/pro/is-the-us-afraid-of-huawei-reports-hint-at-the-ascend-910c-accelerator-performance-to-justify-the-surprising-reversal-of-nvidias-h200-ai-gpu-ban-on-china 🤖 ChatGPT เตรียมเปิดโหมดผู้ใหญ่ แต่ไม่ใช่อย่างที่คิด OpenAI ประกาศว่าจะเปิดตัว “adult mode” สำหรับ ChatGPT ในปี 2026 โดยจะใช้ AI ตรวจจับอายุผู้ใช้จากพฤติกรรมการสนทนาเพื่อให้เข้าถึงเนื้อหาที่เป็นผู้ใหญ่ได้ จุดสำคัญคือไม่ได้หมายถึงการเปิดให้เข้าถึงเนื้อหาโจ่งแจ้งเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการพูดคุยในหัวข้อที่ปัจจุบันถูกจำกัด เช่นเรื่องความสัมพันธ์ สุขภาพจิต หรือประเด็นที่ไม่เหมาะสำหรับเด็ก การพัฒนานี้ถูกมองว่าเป็นการสร้างความยืดหยุ่นและตอบสนองผู้ใช้ที่ต้องการประสบการณ์ AI ที่สมจริงและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แต่ก็ยังต้องรอการทดสอบระบบทำนายอายุให้แม่นยำก่อน 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-adult-mode-is-coming-and-it-might-not-be-what-you-think-it-is 🧑‍💻 AI Chatbots ก้าวสู่ชีวิตประจำวัน รายงานล่าสุดจาก Microsoft เผยให้เห็นว่า Copilot และ AI chatbot ไม่ได้ถูกใช้แค่ในงานเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คนแล้ว พวกเขาวิเคราะห์จากการสนทนากว่า 37.5 ล้านครั้ง พบว่าการใช้งานบนเดสก์ท็อปมักจะเกี่ยวข้องกับงานระหว่าง 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น ส่วนการใช้งานบนมือถือกลับเน้นเรื่องส่วนตัว เช่น สุขภาพและการใช้ชีวิต และเกิดขึ้นตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ยังมีรูปแบบการใช้งานที่น่าสนใจ เช่น การเขียนโปรแกรมที่พุ่งสูงในวันทำงาน การเล่นเกมที่มากขึ้นในวันหยุด และคำถามเชิงปรัชญาที่มักจะเกิดขึ้นในช่วงกลางคืน สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือทำงาน แต่ยังถูกใช้เพื่อช่วยให้ผู้คนเข้าใจและจัดการกับชีวิตประจำวันของตนเองด้วย 🔗 https://www.techradar.com/pro/ai-chatbots-are-now-integrated-into-the-full-texture-of-human-life-microsoft-study-claims 🤖 ChatGPT 5.2 ถูกวิจารณ์ว่า “ถอยหลัง” OpenAI เปิดตัว ChatGPT 5.2 โดยประกาศว่าเป็นโมเดลที่ฉลาดที่สุดที่เปิดให้ใช้งานทั่วไป แต่เสียงตอบรับจากผู้ใช้กลับไม่ค่อยดีนัก หลายคนใน Reddit บอกว่ามัน “น่าเบื่อ” และ “เป็นทางการเกินไป” จนรู้สึกเหมือนหุ่นยนต์ที่ไม่มีชีวิตชีวา บางคนถึงกับบอกว่ามันแย่กว่าเวอร์ชัน 5.1 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสิน เพราะผู้ใช้ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ลองใช้งานอย่างจริงจัง และอาจเป็นเพียงเสียงจากกลุ่มเล็กที่ไม่พอใจ การเปิดตัวครั้งนี้ยังสะท้อนการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่าง OpenAI และ Google Gemini ซึ่งทำให้หลายคนสงสัยว่า OpenAI รีบปล่อยเวอร์ชันใหม่ออกมาเร็วเกินไปหรือไม่ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai/chatgpt-5-2-branded-a-step-backwards-by-disappointed-early-users-heres-why
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1141 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251212 #securityonline


    ช่องโหว่ร้ายแรงในธีม Soledad ของ WordPress
    มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในธีม Soledad ที่ได้รับความนิยมสูงสุดบน WordPress โดยมีคะแนนความรุนแรง CVSS 9.8 ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ระดับต่ำอย่าง “Subscriber” สามารถยกระดับสิทธิ์และเข้ายึดครองเว็บไซต์ได้เต็มรูปแบบ ปัญหานี้เกิดจากฟังก์ชัน penci_update_option ที่เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงการตั้งค่าไซต์สำคัญโดยไม่มีการตรวจสอบสิทธิ์อย่างเข้มงวด ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถเปลี่ยนค่า เช่น เปิดให้ใครก็สมัครสมาชิกได้ และตั้งค่าให้ผู้ใช้ใหม่เป็น “Administrator” ได้ทันที นักพัฒนาของธีมได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 8.6.9.1 โดยเพิ่มการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้ที่เข้าถึงฟังก์ชันดังกล่าว ผู้ดูแลเว็บไซต์ที่ใช้ธีมนี้จึงควรอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการถูกยึดครอง
    https://securityonline.info/cve-2025-64188-cvss-9-8-critical-soledad-theme-flaw-lets-subscribers-take-over-wordpress-sites

    แคมเปญฟิชชิ่ง Okta SSO ปลอมตัวเป็นการแจ้งผลเงินเดือน
    ในช่วงที่พนักงานกำลังรอการประเมินผลงานสิ้นปี มีการโจมตีฟิชชิ่งที่ซับซ้อนเกิดขึ้น โดยใช้การหลอกลวงผ่านอีเมลที่ปลอมเป็นฝ่าย HR หรือระบบเงินเดือน เช่น ADP หรือ Salesforce หัวข้ออีเมลมักจะเป็น “Review Your 2026 Salary & Bonus” เพื่อกระตุ้นให้เหยื่อรีบเปิด เมื่อเหยื่อเข้าสู่หน้าเว็บปลอม ระบบฟิชชิ่งนี้จะทำงานเหมือนจริงโดยใช้ proxy เชื่อมต่อกับ Okta ขององค์กร ทำให้หน้าล็อกอินดูสมจริงยิ่งขึ้น จากนั้นสคริปต์ inject.js จะดักจับรหัสผ่านและคุกกี้ session สำคัญเพื่อยึดครองบัญชี ผู้โจมตียังใช้เทคนิคซ่อนเว็บไซต์ผ่าน Cloudflare เพื่อเลี่ยงการตรวจจับ ถือเป็นการโจมตีที่อันตรายและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
    https://securityonline.info/sophisticated-okta-sso-phishing-bypasses-defenses-to-steal-session-tokens-with-salary-review-lures

    ValleyRAT หลุดสู่สาธารณะ กลายเป็นอาวุธไซเบอร์ในมืออาชญากร
    ValleyRAT ซึ่งเคยเป็นเครื่องมือสอดแนมระดับสูง ตอนนี้กลายเป็นภัยคุกคามสาธารณะหลังตัวสร้าง (builder) ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ ทำให้ใครก็สามารถสร้างและปรับแต่งมัลแวร์นี้ได้เอง รายงานจาก Check Point Research ระบุว่ามีการตรวจพบการใช้งานเพิ่มขึ้นกว่า 85% ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา จุดเด่นของ ValleyRAT คือปลั๊กอิน Driver ที่ทำงานในระดับ kernel สามารถหลบเลี่ยงการป้องกันของ Windows 11 ได้ และยังลบไดรเวอร์ป้องกันของระบบรักษาความปลอดภัยออกไปได้ด้วย เดิมที ValleyRAT เชื่อมโยงกับกลุ่ม Silver Fox แต่เมื่อโค้ดถูกปล่อยสู่สาธารณะ การระบุแหล่งที่มาแทบเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป
    https://securityonline.info/military-grade-valleyrat-goes-rogue-kernel-rootkit-builder-leak-triggers-massive-global-surge

    ช่องโหว่ GeoServer XXE ถูกโจมตีจริง เสี่ยงขโมยข้อมูลและสแกนระบบภายใน

    CISA ได้เพิ่มช่องโหว่ CVE-2025-58360 ของ GeoServer เข้าสู่รายการ Known Exploited Vulnerabilities เนื่องจากพบการโจมตีจริง ช่องโหว่นี้เกิดจากการประมวลผล XML ที่ไม่ถูกกรองอย่างเหมาะสม ทำให้ผู้โจมตีสามารถสร้างคำสั่ง XML ที่อ้างอิงภายนอกเพื่ออ่านไฟล์ลับในเซิร์ฟเวอร์ หรือใช้เป็น SSRF เพื่อเข้าถึงระบบภายในที่ถูกไฟร์วอลล์ป้องกันอยู่ นอกจากนี้ยังสามารถทำให้ระบบล่มด้วยการโจมตีแบบ DoS ได้อีกด้วย CISA กำหนดให้หน่วยงานรัฐบาลต้องอัปเดตเป็นเวอร์ชันใหม่ภายในวันที่ 1 มกราคม 2026 เพื่อป้องกันการโจมตี
    https://securityonline.info/cisa-kev-alert-geoserver-xxe-flaw-under-active-attack-risks-data-theft-internal-network-scanning

    Ransomware 01flip โจมตีโครงสร้างพื้นฐานใน APAC ด้วย Rust และ Sliver
    มีการค้นพบแรนซัมแวร์ใหม่ชื่อ “01flip” ที่ถูกเขียนด้วยภาษา Rust ทำให้สามารถโจมตีได้ทั้ง Windows และ Linux โดยมุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานสำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เช่น ฟิลิปปินส์และไต้หวัน กลุ่มผู้โจมตีใช้วิธีเจาะระบบด้วยช่องโหว่เก่าอย่าง CVE-2019-11580 และติดตั้ง Sliver ซึ่งเป็นเครื่องมือโอเพนซอร์สสำหรับควบคุมระบบจากระยะไกล น่าสนใจว่ามีโค้ดบางส่วนที่หลีกเลี่ยงการเข้ารหัสไฟล์ที่มีนามสกุล “lockbit” ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าอาจเชื่อมโยงกับกลุ่ม LockBit หรือเป็นการสร้างหลักฐานปลอม แม้จำนวนเหยื่อยังไม่มาก แต่มีการยืนยันว่ามีข้อมูลรั่วไหลไปขายในดาร์กเว็บแล้ว
    https://securityonline.info/new-01flip-ransomware-hits-apac-critical-infra-cross-platform-rust-weapon-uses-sliver-c2

    ช่องโหว่ Apache Struts 2 เสี่ยงทำเซิร์ฟเวอร์ล่ม
    มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Struts 2 ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์กยอดนิยมสำหรับพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันด้วย Java ช่องโหว่นี้ชื่อว่า CVE-2025-66675 เกิดจากการจัดการไฟล์อัปโหลดที่ผิดพลาด ทำให้ไฟล์ชั่วคราวไม่ถูกลบออก ส่งผลให้พื้นที่ดิสก์เต็มอย่างรวดเร็ว หากถูกโจมตีซ้ำ ๆ เซิร์ฟเวอร์อาจหยุดทำงานทันที นักวิจัยแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชัน Struts 6.8.0 หรือ 7.1.1 และหากยังไม่สามารถอัปเดตได้ ควรตั้งโฟลเดอร์ชั่วคราวแยกไว้ หรือปิดการใช้งานฟีเจอร์อัปโหลดไฟล์เพื่อป้องกันการโจมตี
    https://securityonline.info/apache-struts-2-dos-flaw-cve-2025-66775-risks-server-crash-via-file-leak-in-multipart-request-processing

    EU ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 90% ภายในปี 2040
    สหภาพยุโรปประกาศข้อตกลงครั้งใหญ่ โดยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงถึง 90% เมื่อเทียบกับปี 1990 ภายในปี 2040 ถือเป็นเป้าหมายที่สูงกว่าหลายประเทศมหาอำนาจ เช่น จีน การเจรจาครั้งนี้มีทั้งเสียงคัดค้านจากบางประเทศที่กังวลเรื่องต้นทุนอุตสาหกรรม และเสียงสนับสนุนจากประเทศที่เร่งผลักดันการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ ข้อตกลงนี้ยังมีการผ่อนปรน เช่น เลื่อนการเก็บภาษีคาร์บอนเชื้อเพลิงไปปี 2028 และอนุญาตให้ใช้เครดิตคาร์บอนระหว่างประเทศบางส่วน แต่โดยรวมถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ยุโรปเดินหน้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050
    https://securityonline.info/eus-green-mandate-parliament-pledges-90-emissions-cut-by-2040

    Instagram เปิดฟีเจอร์ใหม่ “Your Algorithm” ให้ผู้ใช้ควบคุมฟีดได้เอง
    Instagram เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อ “Your Algorithm” ที่ให้ผู้ใช้เห็นและปรับแต่งหัวข้อที่ระบบแนะนำในหน้า Reels ได้โดยตรง ผู้ใช้สามารถเลือกดูหัวข้อที่สนใจมากขึ้นหรือน้อยลง รวมถึงแชร์หัวข้อที่ตนสนใจไปยัง Stories ได้ ฟีเจอร์นี้ใช้ AI เป็นหลักในการปรับแต่ง และถือเป็นครั้งแรกที่ Instagram เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ควบคุมการทำงานของอัลกอริทึมอย่างชัดเจน แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่า Meta ใช้ AI สร้างเนื้อหาที่เกินจริง แต่การเปิดฟีเจอร์นี้ก็เป็นการเพิ่มความโปร่งใสและความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้
    https://securityonline.info/youre-in-control-instagram-launches-your-algorithm-feature-for-reels

    Qualcomm เข้าซื้อ Ventana เสริมทัพพัฒนา CPU RISC-V
    Qualcomm ประกาศเข้าซื้อกิจการ Ventana Micro Systems เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการพัฒนา CPU โดยเฉพาะสถาปัตยกรรม RISC-V ที่กำลังได้รับความนิยม การเข้าซื้อครั้งนี้จะช่วยให้ Qualcomm สามารถผสานความเชี่ยวชาญของ Ventana เข้ากับการพัฒนา CPU Oryon ของตนเอง เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงและรองรับ AI มากขึ้น นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงความตั้งใจของ Qualcomm ที่ต้องการลดการพึ่งพา Arm และสร้างอิสระทางเทคโนโลยีในระยะยาว
    https://securityonline.info/qualcomm-buys-ventana-to-double-down-on-risc-v-and-custom-oryon-cpu

    Intel แพ้คดีต่อต้านการผูกขาด ต้องจ่ายค่าปรับ 237 ล้านยูโร
    หลังจากต่อสู้คดีต่อต้านการผูกขาดกับสหภาพยุโรปยาวนานถึง 16 ปี Intel ก็แพ้การอุทธรณ์ครั้งล่าสุด ศาลตัดสินให้ต้องจ่ายค่าปรับ 237 ล้านยูโร จากเดิมที่เคยถูกปรับ 376 ล้านยูโร คดีนี้เริ่มตั้งแต่ปี 2009 โดย Intel ถูกกล่าวหาว่าใช้วิธีให้เงินสนับสนุนผู้ผลิตคอมพิวเตอร์อย่าง HP, Acer และ Lenovo เพื่อชะลอหรือหยุดการใช้ชิป AMD ถือเป็นการจำกัดการแข่งขันโดยตรง แม้ Intel เคยชนะบางส่วนของคดี แต่สุดท้ายก็ยังต้องจ่ายค่าปรับก้อนใหญ่ ซึ่งนับเป็นบทเรียนสำคัญในประวัติศาสตร์วงการเทคโนโลยี
    https://securityonline.info/16-year-battle-ends-intel-loses-appeal-must-pay-e237-million-eu-fine

    องค์กรเร่งปรับงบสู่การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติจริง
    ในโลกที่ AI กำลังเปลี่ยนแปลงงานอย่างรวดเร็ว หลายองค์กรเจอปัญหาช่องว่างทักษะที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การฝึกอบรมแบบเดิมที่เน้นแค่การสอบใบรับรองไม่เพียงพออีกต่อไป ตอนนี้บริษัทต่าง ๆ โดยเฉพาะในสายงานไซเบอร์ คลาวด์ และ IT operations กำลังหันมาใช้การเรียนรู้แบบลงมือทำจริง เช่น ห้องแล็บจำลอง สถานการณ์เสมือนจริง และการฝึกที่วัดผลได้ทันที เพราะสิ่งเหล่านี้ช่วยให้ทีมงานพร้อมรับมือกับภัยคุกคามและงานจริงได้ตั้งแต่วันแรก ข้อมูลยังชี้ว่าการเรียนรู้เชิงปฏิบัติช่วยให้พนักงานจดจำได้มากกว่า 70% และลดเวลาเรียนรู้ลงเกือบครึ่งหนึ่ง จึงไม่แปลกที่งบประมาณปลายปีถูกเทไปในแนวทางนี้ เพื่อเตรียมทีมให้พร้อมสำหรับปี 2026
    https://securityonline.info/ine-highlights-enterprise-shift-toward-hands-on-training-amid-widening-skills-gaps

    Ledger จับมือ 1inch ยกระดับความปลอดภัยการจัดการทรัพย์สินดิจิทัล
    Ledger ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยสินทรัพย์ดิจิทัล ได้เปิดตัวระบบ Multisig ที่เน้นความปลอดภัยสูง โดยเลือก 1inch เป็นผู้ให้บริการ swap แบบเอกสิทธิ์ จุดเด่นคือการตัดปัญหา blind signing ที่เคยเป็นจุดอ่อนของการจัดการคลังสินทรัพย์บนบล็อกเชน ตอนนี้ทุกการทำธุรกรรมสามารถตรวจสอบได้ชัดเจนในรูปแบบที่มนุษย์อ่านเข้าใจ ทำให้การย้ายหรือปรับสมดุลทรัพย์สินมีความมั่นใจมากขึ้น ทั้งสองบริษัทตั้งใจสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการจัดการ treasury ขององค์กรในโลก DeFi ที่ปลอดภัยและใช้ง่ายกว่าเดิม
    https://securityonline.info/1inch-named-exclusive-swap-provider-at-launch-for-ledger-multisig

    แฮกเกอร์ GOLD BLADE โจมตีบริษัทแคนาดาด้วยเรซูเม่ปลอม
    กลุ่มแฮกเกอร์ GOLD BLADE หรือที่รู้จักในชื่อ RedCurl/RedWolf ได้หันเป้าหมายไปยังองค์กรในแคนาดา โดยใช้วิธีใหม่ที่แยบยลคือส่งเรซูเม่ปลอมผ่านแพลตฟอร์มสมัครงานที่เชื่อถือได้ เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ก็จะถูกติดตั้งมัลแวร์ RedLoader และตามมาด้วยการโจมตีขั้นสูง เช่น การใช้ไดรเวอร์ที่มีช่องโหว่เพื่อปิดระบบรักษาความปลอดภัย จากเดิมที่กลุ่มนี้เน้นขโมยข้อมูลเชิงธุรกิจ ตอนนี้พวกเขาเพิ่มการปล่อย ransomware เพื่อทำเงินโดยตรง ถือเป็นการผสมผสานทั้งการสอดแนมและการรีดไถในรูปแบบใหม่ที่น่ากังวล
    https://securityonline.info/gold-blade-apt-hits-canadian-firms-with-byovd-edr-killer-and-ransomware-delivered-via-fake-resumes

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Zoom Rooms เสี่ยงถูกยกระดับสิทธิ์
    Zoom ได้ออกแพตช์แก้ไขด่วนสำหรับ Zoom Rooms หลังพบช่องโหว่ที่อาจทำให้ผู้โจมตีสามารถยกระดับสิทธิ์หรือเข้าถึงข้อมูลที่ควรเป็นความลับได้ โดยเฉพาะในเวอร์ชัน Windows ที่มีช่องโหว่ CVE-2025-67460 ซึ่งเกิดจากการป้องกันการ downgrade ที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้ระบบอาจถูกบังคับให้กลับไปใช้เวอร์ชันที่ไม่ปลอดภัย ส่วนใน macOS ก็มีช่องโหว่ CVE-2025-67461 ที่เสี่ยงต่อการเปิดเผยข้อมูลผ่านการจัดการไฟล์ผิดพลาด Zoom ได้ปล่อยเวอร์ชัน 6.6.0 เพื่อแก้ไขทั้งหมด และแนะนำให้องค์กรรีบอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี
    https://securityonline.info/high-severity-zoom-rooms-flaw-risks-privilege-escalation-via-downgrade-protection-bypass

    องค์กรเร่งปรับงบสู่การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติจริง
    ในโลกที่ AI กำลังเปลี่ยนแปลงงานอย่างรวดเร็ว หลายองค์กรเจอปัญหาช่องว่างทักษะที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การฝึกอบรมแบบเดิมที่เน้นแค่การสอบใบรับรองไม่เพียงพออีกต่อไป ตอนนี้บริษัทต่าง ๆ โดยเฉพาะในสายงานไซเบอร์ คลาวด์ และ IT operations กำลังหันมาใช้การเรียนรู้แบบลงมือทำจริง เช่น ห้องแล็บจำลอง สถานการณ์เสมือนจริง และการฝึกที่วัดผลได้ทันที เพราะสิ่งเหล่านี้ช่วยให้ทีมงานพร้อมรับมือกับภัยคุกคามและงานจริงได้ตั้งแต่วันแรก ข้อมูลยังชี้ว่าการเรียนรู้เชิงปฏิบัติช่วยให้พนักงานจดจำได้มากกว่า 70% และลดเวลาเรียนรู้ลงเกือบครึ่งหนึ่ง จึงไม่แปลกที่งบประมาณปลายปีถูกเทไปในแนวทางนี้ เพื่อเตรียมทีมให้พร้อมสำหรับปี 2026
    https://securityonline.info/ine-highlights-enterprise-shift-toward-hands-on-training-amid-widening-skills-gaps

    Ledger จับมือ 1inch ยกระดับความปลอดภัยการจัดการทรัพย์สินดิจิทัล
    Ledger ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยสินทรัพย์ดิจิทัล ได้เปิดตัวระบบ Multisig ที่เน้นความปลอดภัยสูง โดยเลือก 1inch เป็นผู้ให้บริการ swap แบบเอกสิทธิ์ จุดเด่นคือการตัดปัญหา blind signing ที่เคยเป็นจุดอ่อนของการจัดการคลังสินทรัพย์บนบล็อกเชน ตอนนี้ทุกการทำธุรกรรมสามารถตรวจสอบได้ชัดเจนในรูปแบบที่มนุษย์อ่านเข้าใจ ทำให้การย้ายหรือปรับสมดุลทรัพย์สินมีความมั่นใจมากขึ้น ทั้งสองบริษัทตั้งใจสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการจัดการ treasury ขององค์กรในโลก DeFi ที่ปลอดภัยและใช้ง่ายกว่าเดิม
    https://securityonline.info/1inch-named-exclusive-swap-provider-at-launch-for-ledger-multisig

    แฮกเกอร์ GOLD BLADE โจมตีบริษัทแคนาดาด้วยเรซูเม่ปลอม
    กลุ่มแฮกเกอร์ GOLD BLADE หรือที่รู้จักในชื่อ RedCurl/RedWolf ได้หันเป้าหมายไปยังองค์กรในแคนาดา โดยใช้วิธีใหม่ที่แยบยลคือส่งเรซูเม่ปลอมผ่านแพลตฟอร์มสมัครงานที่เชื่อถือได้ เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ก็จะถูกติดตั้งมัลแวร์ RedLoader และตามมาด้วยการโจมตีขั้นสูง เช่น การใช้ไดรเวอร์ที่มีช่องโหว่เพื่อปิดระบบรักษาความปลอดภัย จากเดิมที่กลุ่มนี้เน้นขโมยข้อมูลเชิงธุรกิจ ตอนนี้พวกเขาเพิ่มการปล่อย ransomware เพื่อทำเงินโดยตรง ถือเป็นการผสมผสานทั้งการสอดแนมและการรีดไถในรูปแบบใหม่ที่น่ากังวล
    https://securityonline.info/gold-blade-apt-hits-canadian-firms-with-byovd-edr-killer-and-ransomware-delivered-via-fake-resumes


    📌🔐🔵 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🔵🔐📌 #รวมข่าวIT #20251212 #securityonline 🛡️ ช่องโหว่ร้ายแรงในธีม Soledad ของ WordPress มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในธีม Soledad ที่ได้รับความนิยมสูงสุดบน WordPress โดยมีคะแนนความรุนแรง CVSS 9.8 ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ระดับต่ำอย่าง “Subscriber” สามารถยกระดับสิทธิ์และเข้ายึดครองเว็บไซต์ได้เต็มรูปแบบ ปัญหานี้เกิดจากฟังก์ชัน penci_update_option ที่เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงการตั้งค่าไซต์สำคัญโดยไม่มีการตรวจสอบสิทธิ์อย่างเข้มงวด ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถเปลี่ยนค่า เช่น เปิดให้ใครก็สมัครสมาชิกได้ และตั้งค่าให้ผู้ใช้ใหม่เป็น “Administrator” ได้ทันที นักพัฒนาของธีมได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 8.6.9.1 โดยเพิ่มการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้ที่เข้าถึงฟังก์ชันดังกล่าว ผู้ดูแลเว็บไซต์ที่ใช้ธีมนี้จึงควรอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการถูกยึดครอง 🔗 https://securityonline.info/cve-2025-64188-cvss-9-8-critical-soledad-theme-flaw-lets-subscribers-take-over-wordpress-sites 🎣 แคมเปญฟิชชิ่ง Okta SSO ปลอมตัวเป็นการแจ้งผลเงินเดือน ในช่วงที่พนักงานกำลังรอการประเมินผลงานสิ้นปี มีการโจมตีฟิชชิ่งที่ซับซ้อนเกิดขึ้น โดยใช้การหลอกลวงผ่านอีเมลที่ปลอมเป็นฝ่าย HR หรือระบบเงินเดือน เช่น ADP หรือ Salesforce หัวข้ออีเมลมักจะเป็น “Review Your 2026 Salary & Bonus” เพื่อกระตุ้นให้เหยื่อรีบเปิด เมื่อเหยื่อเข้าสู่หน้าเว็บปลอม ระบบฟิชชิ่งนี้จะทำงานเหมือนจริงโดยใช้ proxy เชื่อมต่อกับ Okta ขององค์กร ทำให้หน้าล็อกอินดูสมจริงยิ่งขึ้น จากนั้นสคริปต์ inject.js จะดักจับรหัสผ่านและคุกกี้ session สำคัญเพื่อยึดครองบัญชี ผู้โจมตียังใช้เทคนิคซ่อนเว็บไซต์ผ่าน Cloudflare เพื่อเลี่ยงการตรวจจับ ถือเป็นการโจมตีที่อันตรายและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 🔗 https://securityonline.info/sophisticated-okta-sso-phishing-bypasses-defenses-to-steal-session-tokens-with-salary-review-lures 💻 ValleyRAT หลุดสู่สาธารณะ กลายเป็นอาวุธไซเบอร์ในมืออาชญากร ValleyRAT ซึ่งเคยเป็นเครื่องมือสอดแนมระดับสูง ตอนนี้กลายเป็นภัยคุกคามสาธารณะหลังตัวสร้าง (builder) ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ ทำให้ใครก็สามารถสร้างและปรับแต่งมัลแวร์นี้ได้เอง รายงานจาก Check Point Research ระบุว่ามีการตรวจพบการใช้งานเพิ่มขึ้นกว่า 85% ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา จุดเด่นของ ValleyRAT คือปลั๊กอิน Driver ที่ทำงานในระดับ kernel สามารถหลบเลี่ยงการป้องกันของ Windows 11 ได้ และยังลบไดรเวอร์ป้องกันของระบบรักษาความปลอดภัยออกไปได้ด้วย เดิมที ValleyRAT เชื่อมโยงกับกลุ่ม Silver Fox แต่เมื่อโค้ดถูกปล่อยสู่สาธารณะ การระบุแหล่งที่มาแทบเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป 🔗 https://securityonline.info/military-grade-valleyrat-goes-rogue-kernel-rootkit-builder-leak-triggers-massive-global-surge 🌐 ช่องโหว่ GeoServer XXE ถูกโจมตีจริง เสี่ยงขโมยข้อมูลและสแกนระบบภายใน CISA ได้เพิ่มช่องโหว่ CVE-2025-58360 ของ GeoServer เข้าสู่รายการ Known Exploited Vulnerabilities เนื่องจากพบการโจมตีจริง ช่องโหว่นี้เกิดจากการประมวลผล XML ที่ไม่ถูกกรองอย่างเหมาะสม ทำให้ผู้โจมตีสามารถสร้างคำสั่ง XML ที่อ้างอิงภายนอกเพื่ออ่านไฟล์ลับในเซิร์ฟเวอร์ หรือใช้เป็น SSRF เพื่อเข้าถึงระบบภายในที่ถูกไฟร์วอลล์ป้องกันอยู่ นอกจากนี้ยังสามารถทำให้ระบบล่มด้วยการโจมตีแบบ DoS ได้อีกด้วย CISA กำหนดให้หน่วยงานรัฐบาลต้องอัปเดตเป็นเวอร์ชันใหม่ภายในวันที่ 1 มกราคม 2026 เพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://securityonline.info/cisa-kev-alert-geoserver-xxe-flaw-under-active-attack-risks-data-theft-internal-network-scanning 💥 Ransomware 01flip โจมตีโครงสร้างพื้นฐานใน APAC ด้วย Rust และ Sliver มีการค้นพบแรนซัมแวร์ใหม่ชื่อ “01flip” ที่ถูกเขียนด้วยภาษา Rust ทำให้สามารถโจมตีได้ทั้ง Windows และ Linux โดยมุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานสำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เช่น ฟิลิปปินส์และไต้หวัน กลุ่มผู้โจมตีใช้วิธีเจาะระบบด้วยช่องโหว่เก่าอย่าง CVE-2019-11580 และติดตั้ง Sliver ซึ่งเป็นเครื่องมือโอเพนซอร์สสำหรับควบคุมระบบจากระยะไกล น่าสนใจว่ามีโค้ดบางส่วนที่หลีกเลี่ยงการเข้ารหัสไฟล์ที่มีนามสกุล “lockbit” ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าอาจเชื่อมโยงกับกลุ่ม LockBit หรือเป็นการสร้างหลักฐานปลอม แม้จำนวนเหยื่อยังไม่มาก แต่มีการยืนยันว่ามีข้อมูลรั่วไหลไปขายในดาร์กเว็บแล้ว 🔗 https://securityonline.info/new-01flip-ransomware-hits-apac-critical-infra-cross-platform-rust-weapon-uses-sliver-c2 🛡️ ช่องโหว่ Apache Struts 2 เสี่ยงทำเซิร์ฟเวอร์ล่ม มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Struts 2 ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์กยอดนิยมสำหรับพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันด้วย Java ช่องโหว่นี้ชื่อว่า CVE-2025-66675 เกิดจากการจัดการไฟล์อัปโหลดที่ผิดพลาด ทำให้ไฟล์ชั่วคราวไม่ถูกลบออก ส่งผลให้พื้นที่ดิสก์เต็มอย่างรวดเร็ว หากถูกโจมตีซ้ำ ๆ เซิร์ฟเวอร์อาจหยุดทำงานทันที นักวิจัยแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชัน Struts 6.8.0 หรือ 7.1.1 และหากยังไม่สามารถอัปเดตได้ ควรตั้งโฟลเดอร์ชั่วคราวแยกไว้ หรือปิดการใช้งานฟีเจอร์อัปโหลดไฟล์เพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://securityonline.info/apache-struts-2-dos-flaw-cve-2025-66775-risks-server-crash-via-file-leak-in-multipart-request-processing 🌍 EU ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 90% ภายในปี 2040 สหภาพยุโรปประกาศข้อตกลงครั้งใหญ่ โดยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงถึง 90% เมื่อเทียบกับปี 1990 ภายในปี 2040 ถือเป็นเป้าหมายที่สูงกว่าหลายประเทศมหาอำนาจ เช่น จีน การเจรจาครั้งนี้มีทั้งเสียงคัดค้านจากบางประเทศที่กังวลเรื่องต้นทุนอุตสาหกรรม และเสียงสนับสนุนจากประเทศที่เร่งผลักดันการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ ข้อตกลงนี้ยังมีการผ่อนปรน เช่น เลื่อนการเก็บภาษีคาร์บอนเชื้อเพลิงไปปี 2028 และอนุญาตให้ใช้เครดิตคาร์บอนระหว่างประเทศบางส่วน แต่โดยรวมถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ยุโรปเดินหน้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 🔗 https://securityonline.info/eus-green-mandate-parliament-pledges-90-emissions-cut-by-2040 📱 Instagram เปิดฟีเจอร์ใหม่ “Your Algorithm” ให้ผู้ใช้ควบคุมฟีดได้เอง Instagram เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อ “Your Algorithm” ที่ให้ผู้ใช้เห็นและปรับแต่งหัวข้อที่ระบบแนะนำในหน้า Reels ได้โดยตรง ผู้ใช้สามารถเลือกดูหัวข้อที่สนใจมากขึ้นหรือน้อยลง รวมถึงแชร์หัวข้อที่ตนสนใจไปยัง Stories ได้ ฟีเจอร์นี้ใช้ AI เป็นหลักในการปรับแต่ง และถือเป็นครั้งแรกที่ Instagram เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ควบคุมการทำงานของอัลกอริทึมอย่างชัดเจน แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่า Meta ใช้ AI สร้างเนื้อหาที่เกินจริง แต่การเปิดฟีเจอร์นี้ก็เป็นการเพิ่มความโปร่งใสและความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้ 🔗 https://securityonline.info/youre-in-control-instagram-launches-your-algorithm-feature-for-reels 💻 Qualcomm เข้าซื้อ Ventana เสริมทัพพัฒนา CPU RISC-V Qualcomm ประกาศเข้าซื้อกิจการ Ventana Micro Systems เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการพัฒนา CPU โดยเฉพาะสถาปัตยกรรม RISC-V ที่กำลังได้รับความนิยม การเข้าซื้อครั้งนี้จะช่วยให้ Qualcomm สามารถผสานความเชี่ยวชาญของ Ventana เข้ากับการพัฒนา CPU Oryon ของตนเอง เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงและรองรับ AI มากขึ้น นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงความตั้งใจของ Qualcomm ที่ต้องการลดการพึ่งพา Arm และสร้างอิสระทางเทคโนโลยีในระยะยาว 🔗 https://securityonline.info/qualcomm-buys-ventana-to-double-down-on-risc-v-and-custom-oryon-cpu ⚖️ Intel แพ้คดีต่อต้านการผูกขาด ต้องจ่ายค่าปรับ 237 ล้านยูโร หลังจากต่อสู้คดีต่อต้านการผูกขาดกับสหภาพยุโรปยาวนานถึง 16 ปี Intel ก็แพ้การอุทธรณ์ครั้งล่าสุด ศาลตัดสินให้ต้องจ่ายค่าปรับ 237 ล้านยูโร จากเดิมที่เคยถูกปรับ 376 ล้านยูโร คดีนี้เริ่มตั้งแต่ปี 2009 โดย Intel ถูกกล่าวหาว่าใช้วิธีให้เงินสนับสนุนผู้ผลิตคอมพิวเตอร์อย่าง HP, Acer และ Lenovo เพื่อชะลอหรือหยุดการใช้ชิป AMD ถือเป็นการจำกัดการแข่งขันโดยตรง แม้ Intel เคยชนะบางส่วนของคดี แต่สุดท้ายก็ยังต้องจ่ายค่าปรับก้อนใหญ่ ซึ่งนับเป็นบทเรียนสำคัญในประวัติศาสตร์วงการเทคโนโลยี 🔗 https://securityonline.info/16-year-battle-ends-intel-loses-appeal-must-pay-e237-million-eu-fine 🧑‍💻 องค์กรเร่งปรับงบสู่การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติจริง ในโลกที่ AI กำลังเปลี่ยนแปลงงานอย่างรวดเร็ว หลายองค์กรเจอปัญหาช่องว่างทักษะที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การฝึกอบรมแบบเดิมที่เน้นแค่การสอบใบรับรองไม่เพียงพออีกต่อไป ตอนนี้บริษัทต่าง ๆ โดยเฉพาะในสายงานไซเบอร์ คลาวด์ และ IT operations กำลังหันมาใช้การเรียนรู้แบบลงมือทำจริง เช่น ห้องแล็บจำลอง สถานการณ์เสมือนจริง และการฝึกที่วัดผลได้ทันที เพราะสิ่งเหล่านี้ช่วยให้ทีมงานพร้อมรับมือกับภัยคุกคามและงานจริงได้ตั้งแต่วันแรก ข้อมูลยังชี้ว่าการเรียนรู้เชิงปฏิบัติช่วยให้พนักงานจดจำได้มากกว่า 70% และลดเวลาเรียนรู้ลงเกือบครึ่งหนึ่ง จึงไม่แปลกที่งบประมาณปลายปีถูกเทไปในแนวทางนี้ เพื่อเตรียมทีมให้พร้อมสำหรับปี 2026 🔗 https://securityonline.info/ine-highlights-enterprise-shift-toward-hands-on-training-amid-widening-skills-gaps 🔐 Ledger จับมือ 1inch ยกระดับความปลอดภัยการจัดการทรัพย์สินดิจิทัล Ledger ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยสินทรัพย์ดิจิทัล ได้เปิดตัวระบบ Multisig ที่เน้นความปลอดภัยสูง โดยเลือก 1inch เป็นผู้ให้บริการ swap แบบเอกสิทธิ์ จุดเด่นคือการตัดปัญหา blind signing ที่เคยเป็นจุดอ่อนของการจัดการคลังสินทรัพย์บนบล็อกเชน ตอนนี้ทุกการทำธุรกรรมสามารถตรวจสอบได้ชัดเจนในรูปแบบที่มนุษย์อ่านเข้าใจ ทำให้การย้ายหรือปรับสมดุลทรัพย์สินมีความมั่นใจมากขึ้น ทั้งสองบริษัทตั้งใจสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการจัดการ treasury ขององค์กรในโลก DeFi ที่ปลอดภัยและใช้ง่ายกว่าเดิม 🔗 https://securityonline.info/1inch-named-exclusive-swap-provider-at-launch-for-ledger-multisig 🕵️‍♂️ แฮกเกอร์ GOLD BLADE โจมตีบริษัทแคนาดาด้วยเรซูเม่ปลอม กลุ่มแฮกเกอร์ GOLD BLADE หรือที่รู้จักในชื่อ RedCurl/RedWolf ได้หันเป้าหมายไปยังองค์กรในแคนาดา โดยใช้วิธีใหม่ที่แยบยลคือส่งเรซูเม่ปลอมผ่านแพลตฟอร์มสมัครงานที่เชื่อถือได้ เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ก็จะถูกติดตั้งมัลแวร์ RedLoader และตามมาด้วยการโจมตีขั้นสูง เช่น การใช้ไดรเวอร์ที่มีช่องโหว่เพื่อปิดระบบรักษาความปลอดภัย จากเดิมที่กลุ่มนี้เน้นขโมยข้อมูลเชิงธุรกิจ ตอนนี้พวกเขาเพิ่มการปล่อย ransomware เพื่อทำเงินโดยตรง ถือเป็นการผสมผสานทั้งการสอดแนมและการรีดไถในรูปแบบใหม่ที่น่ากังวล 🔗 https://securityonline.info/gold-blade-apt-hits-canadian-firms-with-byovd-edr-killer-and-ransomware-delivered-via-fake-resumes 📹 ช่องโหว่ร้ายแรงใน Zoom Rooms เสี่ยงถูกยกระดับสิทธิ์ Zoom ได้ออกแพตช์แก้ไขด่วนสำหรับ Zoom Rooms หลังพบช่องโหว่ที่อาจทำให้ผู้โจมตีสามารถยกระดับสิทธิ์หรือเข้าถึงข้อมูลที่ควรเป็นความลับได้ โดยเฉพาะในเวอร์ชัน Windows ที่มีช่องโหว่ CVE-2025-67460 ซึ่งเกิดจากการป้องกันการ downgrade ที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้ระบบอาจถูกบังคับให้กลับไปใช้เวอร์ชันที่ไม่ปลอดภัย ส่วนใน macOS ก็มีช่องโหว่ CVE-2025-67461 ที่เสี่ยงต่อการเปิดเผยข้อมูลผ่านการจัดการไฟล์ผิดพลาด Zoom ได้ปล่อยเวอร์ชัน 6.6.0 เพื่อแก้ไขทั้งหมด และแนะนำให้องค์กรรีบอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://securityonline.info/high-severity-zoom-rooms-flaw-risks-privilege-escalation-via-downgrade-protection-bypass 🧑‍💻 องค์กรเร่งปรับงบสู่การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติจริง ในโลกที่ AI กำลังเปลี่ยนแปลงงานอย่างรวดเร็ว หลายองค์กรเจอปัญหาช่องว่างทักษะที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การฝึกอบรมแบบเดิมที่เน้นแค่การสอบใบรับรองไม่เพียงพออีกต่อไป ตอนนี้บริษัทต่าง ๆ โดยเฉพาะในสายงานไซเบอร์ คลาวด์ และ IT operations กำลังหันมาใช้การเรียนรู้แบบลงมือทำจริง เช่น ห้องแล็บจำลอง สถานการณ์เสมือนจริง และการฝึกที่วัดผลได้ทันที เพราะสิ่งเหล่านี้ช่วยให้ทีมงานพร้อมรับมือกับภัยคุกคามและงานจริงได้ตั้งแต่วันแรก ข้อมูลยังชี้ว่าการเรียนรู้เชิงปฏิบัติช่วยให้พนักงานจดจำได้มากกว่า 70% และลดเวลาเรียนรู้ลงเกือบครึ่งหนึ่ง จึงไม่แปลกที่งบประมาณปลายปีถูกเทไปในแนวทางนี้ เพื่อเตรียมทีมให้พร้อมสำหรับปี 2026 🔗 https://securityonline.info/ine-highlights-enterprise-shift-toward-hands-on-training-amid-widening-skills-gaps 🔐 Ledger จับมือ 1inch ยกระดับความปลอดภัยการจัดการทรัพย์สินดิจิทัล Ledger ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยสินทรัพย์ดิจิทัล ได้เปิดตัวระบบ Multisig ที่เน้นความปลอดภัยสูง โดยเลือก 1inch เป็นผู้ให้บริการ swap แบบเอกสิทธิ์ จุดเด่นคือการตัดปัญหา blind signing ที่เคยเป็นจุดอ่อนของการจัดการคลังสินทรัพย์บนบล็อกเชน ตอนนี้ทุกการทำธุรกรรมสามารถตรวจสอบได้ชัดเจนในรูปแบบที่มนุษย์อ่านเข้าใจ ทำให้การย้ายหรือปรับสมดุลทรัพย์สินมีความมั่นใจมากขึ้น ทั้งสองบริษัทตั้งใจสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการจัดการ treasury ขององค์กรในโลก DeFi ที่ปลอดภัยและใช้ง่ายกว่าเดิม 🔗 https://securityonline.info/1inch-named-exclusive-swap-provider-at-launch-for-ledger-multisig 🕵️‍♂️ แฮกเกอร์ GOLD BLADE โจมตีบริษัทแคนาดาด้วยเรซูเม่ปลอม กลุ่มแฮกเกอร์ GOLD BLADE หรือที่รู้จักในชื่อ RedCurl/RedWolf ได้หันเป้าหมายไปยังองค์กรในแคนาดา โดยใช้วิธีใหม่ที่แยบยลคือส่งเรซูเม่ปลอมผ่านแพลตฟอร์มสมัครงานที่เชื่อถือได้ เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ก็จะถูกติดตั้งมัลแวร์ RedLoader และตามมาด้วยการโจมตีขั้นสูง เช่น การใช้ไดรเวอร์ที่มีช่องโหว่เพื่อปิดระบบรักษาความปลอดภัย จากเดิมที่กลุ่มนี้เน้นขโมยข้อมูลเชิงธุรกิจ ตอนนี้พวกเขาเพิ่มการปล่อย ransomware เพื่อทำเงินโดยตรง ถือเป็นการผสมผสานทั้งการสอดแนมและการรีดไถในรูปแบบใหม่ที่น่ากังวล 🔗 https://securityonline.info/gold-blade-apt-hits-canadian-firms-with-byovd-edr-killer-and-ransomware-delivered-via-fake-resumes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 675 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทยกำลังเข้าสู่ฤดูการเลือกตั้งอีกครั้ง ขอให้ดู "เซเลนสกี" นักการเมืองมือใหม่หน้าใหม่ ไว้เป็นบทเรียน

    เซเลนสกีตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ โดยมีจุดเริ่มต้นจากซีรีส์ “Servant of the People” ที่เขารับบทเป็นครูธรรมดาซึ่งก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีผู้มุ่งมั่นปราบคอร์รัปชัน ซีรีส์ได้รับความนิยมไปทั่วยูเครน เพราะสะท้อนความรู้สึกของคนรุ่นใหม่ที่เอือมระอาการเมืองแบบเก่า ๆ ที่เต็มไปด้วยการโกงกินและผลประโยชน์ทับซ้อน

    ต่อมาในช่วงปี 2017–2018 ทีมผู้สร้างซีรีส์ได้นำชื่อดังกล่าวมาตั้งเป็นพรรคการเมืองจริง เพื่อสร้างฐานทางการเมืองรองรับกระแสความนิยมของเซเลนสกี และปูทางให้เขาลงสมัครประธานาธิบดีในปี 2019 ผลคือเขาชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย พรรค Servant of the People กลายเป็นพรรคแกนนำในสภา และเป็นเครื่องมือรวบอำนาจทางการเมืองของเขาอย่างเต็มรูปแบบในเวลาต่อมา

    นิยามของ "เซเลนสกี"
    “มือใหม่ในสนามใหญ่”
    "เซเลนสกี" นักการเมืองมือใหม่ ที่มีภูมิหลังเป็นเพียงคนธรรมดา ไร้ประสบการณ์ทางการเมือง ทั้งในเวทีภายในประเทศ และระดับนานาชาติ ไม่เคยผ่านงานบริหารใดๆในองค์กรใหญ่ที่ซับซ้อนหรือแม้แต่องค์กรของรัฐ ถูกคาดหวังว่าจะเป็นตัวแทนของความเปลี่ยนแปลง แต่เมื่อเข้าสู่ความซับซ้อนของการบริหารประเทศจริง ความเป็น “คนนอกระบบ” กลับกลายเป็นภาระมากกว่าข้อได้เปรียบ

    “ปราบโกงไม่สำเร็จ”
    เซเลนสกี เคยประกาศว่าจะเปลี่ยนแปลงการเมืองยูเครน ปราบคอร์รัปชัน และสลายอำนาจเก่าที่ฝังรากลึก แต่เวลาผ่านไป ความตั้งใจนั้นพิสูจน์แล้วว่าเป็นเพียงอุดมคติ ขายฝัน หลายองค์กรต้านคอร์รัปชันถูกลดบทบาทหรือหยุดชะงักกลางทาง จนคำสัญญาในวันหาเสียงกลายเป็นเพียงวาทกรรม ล่าสุดยูเครนต้องเผชิญ ข้อกล่าวหาเรื่องทุจริตในภาคพลังงาน ผู้ถูกกล่าวหาล้วนเป็นบุคคลใกล้ชิดเซเลนสกี ขณะที่ก่อนหน้านั้นยังมีรายงานจากทั้งสื่ออเมริกันและยุโรปเกี่ยวกับ ข้อสงสัยการยักยอก หรือใช้เงินช่วยเหลือจากสหรัฐฯ และชาติตะวันตกอย่างไม่โปร่งใส จนก่อแรงกดดันให้วอชิงตันต้องเข้มงวดวิธีตรวจสอบมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ “ผู้นำผู้ปราบโกง” ของเซเลนสกียิ่งถูกตั้งคำถามหนักขึ้นกว่าเดิม

    “วังวนผลประโยชน์”
    แทนที่จะกวาดล้างความไม่โปร่งใส ภาพลักษณ์ของเซเลนสกีกลับถูกบดบังด้วยข้อกล่าวหาเรื่องการแต่งตั้งคนสนิท การรวมศูนย์อำนาจ และความเชื่อมโยงด้านผลประโยชน์ในหลายโครงการ ทำให้ตัวเขาเองกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบที่เคยวิจารณ์ ความไว้วางใจจากประชาชนจึงลดลงอย่างต่อเนื่อง

    “ฝักใฝ่ตะวันตก นิยมให้โลกมาล้อม”
    บทบาทในเวทีระหว่างประเทศของเซเลนสกี ถูกจดจำจากภาพของผู้นำที่เอ่ยปากขอความช่วยเหลือเป็นกิจวัตร ทุกย่างก้าวในการตัดสินใจ จะเรียกร้องหาพี่ๆในยุโรป หรือพ่อที่อยู่ไกลข้ามทวีป ขณะเดียวกันก็แสดงความกระสันอยากเข้าร่วมสหภาพยุโรป (EU) และนาโต้ (NATO) อย่างถอนตัวไม่ขึ้น แต่ผลลัพธ์คือการทูตที่ควรสร้างสมดุลกลับกลายเป็นการผลักประเทศไปสู่ เส้นทางเผชิญหน้าทางทหารเต็มรูปแบบ ด้วยการวางเดิมพันอนาคตประเทศที่มีทรัพยากรล้ำค่าซึ่งหลายประเทศเคยอิจฉา กลับนำไปสู่ความสูญเสีย เศรษฐกิจที่สั่นคลอน และสภาพรัฐที่เสื่อมถอยลงเรื่อย ๆ จนกลายเป็นคำถามคาใจว่า การยึดติดฝั่งตะวันตกโดยไร้ทางเลือกอื่นนั้น เป็นวิสัยทัศน์เพื่อประชาชน หรือเป็นเพียงการเดินตามภาพฝันทางการเมืองของผู้นำมือใหม่ไร้ประสบการณ์

    “ความหวังที่กลายเป็นภาระ”
    ถึงวันนี้ประชาชนรู้ซึ้งแล้วว่าเซเลนสกีไม่ใช่ผู้นำในแบบที่เขาเคยโฆษณาไว้ หากแต่เป็นเพียงชายธรรมดาที่เหมือนถูกลอตเตอรี่การเมือง ได้ก้าวขึ้นสู่อำนาจทั้งที่ ไร้ประสบการณ์การเมือง และไร้ประสบการณ์บริหาร ส่งผลให้การตัดสินใจครั้งสำคัญหลายครั้งเต็มไปด้วยความผิดพลาดจาก การขาดทักษะผู้นำโดยตรง ภาพความหวังที่ประชาชนเคยฝากไว้ในการปฏิรูปประเทศจึงค่อย ๆ พังทลาย เขาไม่สามารถปราบคอร์รัปชันตามที่ประกาศไว้ และกลับถูกโยงเข้ากับข้อสงสัยความไม่โปร่งใสเสียเอง

    สิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นคือ ภาระที่ตามมาไม่ได้ตกอยู่ที่เขาคนเดียว แต่กลับถูกผลักให้เป็นภาระของ ประชาชนผู้เสียภาษีชาวยูเครน ที่ต้องแบกรับเศรษฐกิจที่พังทลาย ภาระของชาติตะวันตกในยุโรปที่ต้องรับบทผู้สนับสนุนต่อไปอีกหลายปี และภาระของสหรัฐอเมริกาที่ต้องอัดฉีดงบประมาณมหาศาลเพื่อประคองรัฐบาลที่ยังหาทางออกไม่ได้ชัดเจน ความหวังที่เคยถูกขายกลายเป็นต้นทุนมหาศาลของหลายประเทศอย่างสมบูรณ์แบบ
    ไทยกำลังเข้าสู่ฤดูการเลือกตั้งอีกครั้ง ขอให้ดู "เซเลนสกี" นักการเมืองมือใหม่หน้าใหม่ ไว้เป็นบทเรียน เซเลนสกีตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ โดยมีจุดเริ่มต้นจากซีรีส์ “Servant of the People” ที่เขารับบทเป็นครูธรรมดาซึ่งก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีผู้มุ่งมั่นปราบคอร์รัปชัน ซีรีส์ได้รับความนิยมไปทั่วยูเครน เพราะสะท้อนความรู้สึกของคนรุ่นใหม่ที่เอือมระอาการเมืองแบบเก่า ๆ ที่เต็มไปด้วยการโกงกินและผลประโยชน์ทับซ้อน ต่อมาในช่วงปี 2017–2018 ทีมผู้สร้างซีรีส์ได้นำชื่อดังกล่าวมาตั้งเป็นพรรคการเมืองจริง เพื่อสร้างฐานทางการเมืองรองรับกระแสความนิยมของเซเลนสกี และปูทางให้เขาลงสมัครประธานาธิบดีในปี 2019 ผลคือเขาชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย พรรค Servant of the People กลายเป็นพรรคแกนนำในสภา และเป็นเครื่องมือรวบอำนาจทางการเมืองของเขาอย่างเต็มรูปแบบในเวลาต่อมา นิยามของ "เซเลนสกี" 👉“มือใหม่ในสนามใหญ่” "เซเลนสกี" นักการเมืองมือใหม่ ที่มีภูมิหลังเป็นเพียงคนธรรมดา ไร้ประสบการณ์ทางการเมือง ทั้งในเวทีภายในประเทศ และระดับนานาชาติ ไม่เคยผ่านงานบริหารใดๆในองค์กรใหญ่ที่ซับซ้อนหรือแม้แต่องค์กรของรัฐ ถูกคาดหวังว่าจะเป็นตัวแทนของความเปลี่ยนแปลง แต่เมื่อเข้าสู่ความซับซ้อนของการบริหารประเทศจริง ความเป็น “คนนอกระบบ” กลับกลายเป็นภาระมากกว่าข้อได้เปรียบ 👉“ปราบโกงไม่สำเร็จ” เซเลนสกี เคยประกาศว่าจะเปลี่ยนแปลงการเมืองยูเครน ปราบคอร์รัปชัน และสลายอำนาจเก่าที่ฝังรากลึก แต่เวลาผ่านไป ความตั้งใจนั้นพิสูจน์แล้วว่าเป็นเพียงอุดมคติ ขายฝัน หลายองค์กรต้านคอร์รัปชันถูกลดบทบาทหรือหยุดชะงักกลางทาง จนคำสัญญาในวันหาเสียงกลายเป็นเพียงวาทกรรม ล่าสุดยูเครนต้องเผชิญ ข้อกล่าวหาเรื่องทุจริตในภาคพลังงาน ผู้ถูกกล่าวหาล้วนเป็นบุคคลใกล้ชิดเซเลนสกี ขณะที่ก่อนหน้านั้นยังมีรายงานจากทั้งสื่ออเมริกันและยุโรปเกี่ยวกับ ข้อสงสัยการยักยอก หรือใช้เงินช่วยเหลือจากสหรัฐฯ และชาติตะวันตกอย่างไม่โปร่งใส จนก่อแรงกดดันให้วอชิงตันต้องเข้มงวดวิธีตรวจสอบมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ “ผู้นำผู้ปราบโกง” ของเซเลนสกียิ่งถูกตั้งคำถามหนักขึ้นกว่าเดิม 👉“วังวนผลประโยชน์” แทนที่จะกวาดล้างความไม่โปร่งใส ภาพลักษณ์ของเซเลนสกีกลับถูกบดบังด้วยข้อกล่าวหาเรื่องการแต่งตั้งคนสนิท การรวมศูนย์อำนาจ และความเชื่อมโยงด้านผลประโยชน์ในหลายโครงการ ทำให้ตัวเขาเองกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบที่เคยวิจารณ์ ความไว้วางใจจากประชาชนจึงลดลงอย่างต่อเนื่อง 👉“ฝักใฝ่ตะวันตก นิยมให้โลกมาล้อม” บทบาทในเวทีระหว่างประเทศของเซเลนสกี ถูกจดจำจากภาพของผู้นำที่เอ่ยปากขอความช่วยเหลือเป็นกิจวัตร ทุกย่างก้าวในการตัดสินใจ จะเรียกร้องหาพี่ๆในยุโรป หรือพ่อที่อยู่ไกลข้ามทวีป ขณะเดียวกันก็แสดงความกระสันอยากเข้าร่วมสหภาพยุโรป (EU) และนาโต้ (NATO) อย่างถอนตัวไม่ขึ้น แต่ผลลัพธ์คือการทูตที่ควรสร้างสมดุลกลับกลายเป็นการผลักประเทศไปสู่ เส้นทางเผชิญหน้าทางทหารเต็มรูปแบบ ด้วยการวางเดิมพันอนาคตประเทศที่มีทรัพยากรล้ำค่าซึ่งหลายประเทศเคยอิจฉา กลับนำไปสู่ความสูญเสีย เศรษฐกิจที่สั่นคลอน และสภาพรัฐที่เสื่อมถอยลงเรื่อย ๆ จนกลายเป็นคำถามคาใจว่า การยึดติดฝั่งตะวันตกโดยไร้ทางเลือกอื่นนั้น เป็นวิสัยทัศน์เพื่อประชาชน หรือเป็นเพียงการเดินตามภาพฝันทางการเมืองของผู้นำมือใหม่ไร้ประสบการณ์ 👉“ความหวังที่กลายเป็นภาระ” ถึงวันนี้ประชาชนรู้ซึ้งแล้วว่าเซเลนสกีไม่ใช่ผู้นำในแบบที่เขาเคยโฆษณาไว้ หากแต่เป็นเพียงชายธรรมดาที่เหมือนถูกลอตเตอรี่การเมือง ได้ก้าวขึ้นสู่อำนาจทั้งที่ ไร้ประสบการณ์การเมือง และไร้ประสบการณ์บริหาร ส่งผลให้การตัดสินใจครั้งสำคัญหลายครั้งเต็มไปด้วยความผิดพลาดจาก การขาดทักษะผู้นำโดยตรง ภาพความหวังที่ประชาชนเคยฝากไว้ในการปฏิรูปประเทศจึงค่อย ๆ พังทลาย เขาไม่สามารถปราบคอร์รัปชันตามที่ประกาศไว้ และกลับถูกโยงเข้ากับข้อสงสัยความไม่โปร่งใสเสียเอง สิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นคือ ภาระที่ตามมาไม่ได้ตกอยู่ที่เขาคนเดียว แต่กลับถูกผลักให้เป็นภาระของ ประชาชนผู้เสียภาษีชาวยูเครน ที่ต้องแบกรับเศรษฐกิจที่พังทลาย ภาระของชาติตะวันตกในยุโรปที่ต้องรับบทผู้สนับสนุนต่อไปอีกหลายปี และภาระของสหรัฐอเมริกาที่ต้องอัดฉีดงบประมาณมหาศาลเพื่อประคองรัฐบาลที่ยังหาทางออกไม่ได้ชัดเจน ความหวังที่เคยถูกขายกลายเป็นต้นทุนมหาศาลของหลายประเทศอย่างสมบูรณ์แบบ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 574 มุมมอง 0 รีวิว
  • การใช้ AI วิเคราะห์ย้อนหลัง Hacker News

    Andrej Karpathy ได้ทดลองสร้างโปรเจกต์ที่ชื่อว่า HN Time Capsule โดยใช้โมเดล GPT 5.1 Thinking เพื่อวิเคราะห์กระทู้และคอมเมนต์บน Hacker News เมื่อ 10 ปีก่อน (ปี 2015) แล้วให้คะแนนความ “แม่นยำ” ของการคาดการณ์ในอดีตเมื่อเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน แนวคิดนี้เกิดขึ้นจากการที่เขาเห็นโพสต์ที่ Gemini 3 สร้างหน้าแรกของ HN แบบ “หลอนอนาคต” และทำให้เขาสนใจลองวิเคราะห์อดีตด้วยวิธีที่เป็นระบบ

    การสร้าง Time Capsule ของบทสนทนาออนไลน์
    Karpathy ได้ดึงข้อมูลหน้าแรกของ Hacker News ตลอดเดือนธันวาคม 2015 (รวมกว่า 930 บทความและคอมเมนต์) แล้วส่งให้ GPT วิเคราะห์ใน 6 มิติ เช่น สรุปบทความ, สิ่งที่เกิดขึ้นจริง, มอบรางวัล “คอมเมนต์แม่นที่สุด” และ “ผิดที่สุด”, รวมถึงให้คะแนนความน่าสนใจของบทสนทนาในอดีต ผลลัพธ์ถูกนำเสนอในรูปแบบเว็บเพจที่อ่านง่าย พร้อม “Hall of Fame” สำหรับผู้แสดงความเห็นที่แม่นยำที่สุด

    AI กับการย้อนมองพฤติกรรมมนุษย์
    สิ่งที่น่าสนใจคือแนวคิดที่ว่า “อนาคต AI กำลังเฝ้ามองเรา” เพราะเมื่อการประมวลผลราคาถูกลง การวิเคราะห์ย้อนหลังพฤติกรรมมนุษย์ในโลกออนไลน์จะกลายเป็นเรื่องง่ายและฟรี นั่นหมายความว่าความเห็นหรือการกระทำที่เราทำวันนี้อาจถูกตรวจสอบอย่างละเอียดในอนาคต การทดลองนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องสนุก แต่ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงสังคมและจริยธรรมที่ AI นำมา

    บริบทเพิ่มเติมจากวงการ AI และสังคม
    แนวคิด “grading hindsight” ยังเชื่อมโยงกับการใช้ AI ในการศึกษาประวัติศาสตร์ดิจิทัล เช่น การวิเคราะห์ทวิตเตอร์ช่วงเหตุการณ์สำคัญ หรือการตรวจสอบข่าวปลอมในอดีตเพื่อทำความเข้าใจการแพร่กระจายข้อมูลผิด ๆ สิ่งเหล่านี้ช่วยให้เรามีบทเรียนสำหรับอนาคต และอาจกลายเป็นเครื่องมือใหม่ในการวิจัยสังคมศาสตร์ดิจิทัล

    สรุปสาระสำคัญ
    โปรเจกต์ HN Time Capsule ของ Karpathy
    ใช้ GPT 5.1 Thinking วิเคราะห์กระทู้ Hacker News ปี 2015

    การวิเคราะห์ย้อนหลัง 930 บทความ
    ให้คะแนนคอมเมนต์แม่นที่สุดและผิดที่สุด

    ผลลัพธ์ถูกนำเสนอเป็นเว็บเพจ
    มี Hall of Fame สำหรับผู้แสดงความเห็นแม่นยำ

    ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวในอนาคต
    AI อาจทำให้การตรวจสอบพฤติกรรมมนุษย์ย้อนหลังเป็นเรื่องง่าย

    ผลกระทบเชิงสังคมและจริยธรรม
    ความเห็นที่เคยโพสต์อาจถูกนำมาวิเคราะห์และตีความใหม่ในอนาคต

    https://karpathy.bearblog.dev/auto-grade-hn/
    📰 การใช้ AI วิเคราะห์ย้อนหลัง Hacker News Andrej Karpathy ได้ทดลองสร้างโปรเจกต์ที่ชื่อว่า HN Time Capsule โดยใช้โมเดล GPT 5.1 Thinking เพื่อวิเคราะห์กระทู้และคอมเมนต์บน Hacker News เมื่อ 10 ปีก่อน (ปี 2015) แล้วให้คะแนนความ “แม่นยำ” ของการคาดการณ์ในอดีตเมื่อเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน แนวคิดนี้เกิดขึ้นจากการที่เขาเห็นโพสต์ที่ Gemini 3 สร้างหน้าแรกของ HN แบบ “หลอนอนาคต” และทำให้เขาสนใจลองวิเคราะห์อดีตด้วยวิธีที่เป็นระบบ ⏳ การสร้าง Time Capsule ของบทสนทนาออนไลน์ Karpathy ได้ดึงข้อมูลหน้าแรกของ Hacker News ตลอดเดือนธันวาคม 2015 (รวมกว่า 930 บทความและคอมเมนต์) แล้วส่งให้ GPT วิเคราะห์ใน 6 มิติ เช่น สรุปบทความ, สิ่งที่เกิดขึ้นจริง, มอบรางวัล “คอมเมนต์แม่นที่สุด” และ “ผิดที่สุด”, รวมถึงให้คะแนนความน่าสนใจของบทสนทนาในอดีต ผลลัพธ์ถูกนำเสนอในรูปแบบเว็บเพจที่อ่านง่าย พร้อม “Hall of Fame” สำหรับผู้แสดงความเห็นที่แม่นยำที่สุด 🤖 AI กับการย้อนมองพฤติกรรมมนุษย์ สิ่งที่น่าสนใจคือแนวคิดที่ว่า “อนาคต AI กำลังเฝ้ามองเรา” เพราะเมื่อการประมวลผลราคาถูกลง การวิเคราะห์ย้อนหลังพฤติกรรมมนุษย์ในโลกออนไลน์จะกลายเป็นเรื่องง่ายและฟรี นั่นหมายความว่าความเห็นหรือการกระทำที่เราทำวันนี้อาจถูกตรวจสอบอย่างละเอียดในอนาคต การทดลองนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องสนุก แต่ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงสังคมและจริยธรรมที่ AI นำมา 🌐 บริบทเพิ่มเติมจากวงการ AI และสังคม แนวคิด “grading hindsight” ยังเชื่อมโยงกับการใช้ AI ในการศึกษาประวัติศาสตร์ดิจิทัล เช่น การวิเคราะห์ทวิตเตอร์ช่วงเหตุการณ์สำคัญ หรือการตรวจสอบข่าวปลอมในอดีตเพื่อทำความเข้าใจการแพร่กระจายข้อมูลผิด ๆ สิ่งเหล่านี้ช่วยให้เรามีบทเรียนสำหรับอนาคต และอาจกลายเป็นเครื่องมือใหม่ในการวิจัยสังคมศาสตร์ดิจิทัล 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ โปรเจกต์ HN Time Capsule ของ Karpathy ➡️ ใช้ GPT 5.1 Thinking วิเคราะห์กระทู้ Hacker News ปี 2015 ✅ การวิเคราะห์ย้อนหลัง 930 บทความ ➡️ ให้คะแนนคอมเมนต์แม่นที่สุดและผิดที่สุด ✅ ผลลัพธ์ถูกนำเสนอเป็นเว็บเพจ ➡️ มี Hall of Fame สำหรับผู้แสดงความเห็นแม่นยำ ‼️ ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวในอนาคต ⛔ AI อาจทำให้การตรวจสอบพฤติกรรมมนุษย์ย้อนหลังเป็นเรื่องง่าย ‼️ ผลกระทบเชิงสังคมและจริยธรรม ⛔ ความเห็นที่เคยโพสต์อาจถูกนำมาวิเคราะห์และตีความใหม่ในอนาคต https://karpathy.bearblog.dev/auto-grade-hn/
    KARPATHY.BEARBLOG.DEV
    Auto-grading decade-old Hacker News discussions with hindsight
    A vibe coding thought exercise on what it might look like for LLMs to scour human historical data at scale and in retrospect.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 247 มุมมอง 0 รีวิว
  • Vibe Coding: เมื่อ AI เขียนโค้ดแทนมนุษย์

    บทความ “If You’re Going to Vibe Code, Why Not Do It in C?” โดย Stephen Ramsay พูดถึงการเปลี่ยนแปลงของการเขียนโปรแกรมในยุคที่ AI สามารถสร้างโค้ดได้เอง ผู้เขียนตั้งคำถามว่า หาก “vibe coding” คืออนาคต ทำไมเรายังต้องใช้ภาษาโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อมนุษย์อ่าน ทั้งที่ AI ไม่จำเป็นต้องมีความสะดวกเชิงมนุษย์

    Stephen Ramsay เล่าว่าตนรักการเขียนโปรแกรมมาตั้งแต่ยุค 90 และมองว่าการเขียนโค้ดคือการแก้ปริศนาที่สนุก แต่การใช้ AI เพื่อ “vibe coding” ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกพรากความสุขไป เพราะไม่เข้าใจโค้ดที่ AI สร้างขึ้น อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่า AI สามารถสร้างระบบที่ซับซ้อนและทำงานได้จริง แม้จะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็มีประสิทธิภาพเกินกว่าที่เขาคิดไว้

    บทเรียนจาก SICP และความหมายของภาษาโปรแกรม
    ผู้เขียนอ้างถึงหนังสือ Structure and Interpretation of Computer Programs ที่สอนว่า ภาษาโปรแกรมคือสื่อสำหรับมนุษย์ในการแสดงแนวคิด ไม่ใช่แค่เครื่องมือให้คอมพิวเตอร์ทำงาน ดังนั้น Rust, Python, หรือ Haskell ล้วนถูกออกแบบเพื่อให้มนุษย์เข้าใจง่าย แต่สำหรับ AI ที่ทำ vibe coding สิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็น เพราะ AI ไม่ต้องการ “ความสะดวกในการอ่าน” แบบมนุษย์

    ทำไมไม่ใช้ C หรือ Assembly
    Ramsay ตั้งคำถามว่า หาก AI เขียนโค้ดได้เอง ทำไมไม่ใช้ภาษาอย่าง C หรือ Assembly ที่ตรงไปตรงมาและเหมาะกับเครื่องจักรมากกว่า เขาชี้ว่า AI ไม่ค่อยผิดพลาดเรื่อง memory leak หรือ off-by-one error และเก่งกว่ามนุษย์ในการจัดการรายละเอียดเชิงเทคนิค ดังนั้นการใช้ภาษาโปรแกรมที่ “เป็นมิตรกับมนุษย์” อาจไม่จำเป็นอีกต่อไป

    แนวคิด VOPL: Vibe-Oriented Programming Language
    ท้ายที่สุด เขาเสนอแนวคิด VOPL (Vibe-Oriented Programming Language) ซึ่งอาจเป็นภาษาที่ออกแบบมาเพื่อ AI โดยเฉพาะ ไม่ใช่เพื่อมนุษย์ อาจอยู่ในรูป pseudocode ที่ AI แปลงเป็น assembly หรือเป็นภาษาที่ใกล้เคียงกับภาษามนุษย์ แต่มี idiom เฉพาะที่ช่วยให้ AI เข้าใจและสร้างโค้ดได้เร็วขึ้น นี่อาจเป็นวิวัฒนาการใหม่ของการเขียนโปรแกรมในอนาคต

    สรุปสาระสำคัญ
    Vibe coding คือการใช้ AI เขียนโค้ดแทนมนุษย์
    AI สามารถสร้างระบบที่ซับซ้อนและทำงานได้จริง

    ภาษาโปรแกรมถูกออกแบบเพื่อมนุษย์อ่าน
    แต่ AI ไม่ต้องการความสะดวกเชิงมนุษย์

    AI จัดการรายละเอียดเชิงเทคนิคได้ดีกว่ามนุษย์
    เช่น memory management และ off-by-one error

    แนวคิด VOPL เสนอให้มีภาษาใหม่เพื่อ AI โดยเฉพาะ
    อาจเป็น pseudocode หรือภาษาที่ใกล้เคียงภาษามนุษย์

    การพึ่งพา AI อาจทำให้มนุษย์สูญเสียความเข้าใจโค้ด
    เสี่ยงต่อการลดทักษะการเขียนโปรแกรมเชิงลึก

    หากไม่มีกรอบกำกับ อาจเกิดการพัฒนาโค้ดที่มนุษย์ตรวจสอบไม่ได้
    ส่งผลต่อความปลอดภัยและความโปร่งใสของระบบ

    https://stephenramsay.net/posts/vibe-coding.html
    💻 Vibe Coding: เมื่อ AI เขียนโค้ดแทนมนุษย์ บทความ “If You’re Going to Vibe Code, Why Not Do It in C?” โดย Stephen Ramsay พูดถึงการเปลี่ยนแปลงของการเขียนโปรแกรมในยุคที่ AI สามารถสร้างโค้ดได้เอง ผู้เขียนตั้งคำถามว่า หาก “vibe coding” คืออนาคต ทำไมเรายังต้องใช้ภาษาโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อมนุษย์อ่าน ทั้งที่ AI ไม่จำเป็นต้องมีความสะดวกเชิงมนุษย์ Stephen Ramsay เล่าว่าตนรักการเขียนโปรแกรมมาตั้งแต่ยุค 90 และมองว่าการเขียนโค้ดคือการแก้ปริศนาที่สนุก แต่การใช้ AI เพื่อ “vibe coding” ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกพรากความสุขไป เพราะไม่เข้าใจโค้ดที่ AI สร้างขึ้น อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่า AI สามารถสร้างระบบที่ซับซ้อนและทำงานได้จริง แม้จะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็มีประสิทธิภาพเกินกว่าที่เขาคิดไว้ 📖 บทเรียนจาก SICP และความหมายของภาษาโปรแกรม ผู้เขียนอ้างถึงหนังสือ Structure and Interpretation of Computer Programs ที่สอนว่า ภาษาโปรแกรมคือสื่อสำหรับมนุษย์ในการแสดงแนวคิด ไม่ใช่แค่เครื่องมือให้คอมพิวเตอร์ทำงาน ดังนั้น Rust, Python, หรือ Haskell ล้วนถูกออกแบบเพื่อให้มนุษย์เข้าใจง่าย แต่สำหรับ AI ที่ทำ vibe coding สิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็น เพราะ AI ไม่ต้องการ “ความสะดวกในการอ่าน” แบบมนุษย์ ⚙️ ทำไมไม่ใช้ C หรือ Assembly Ramsay ตั้งคำถามว่า หาก AI เขียนโค้ดได้เอง ทำไมไม่ใช้ภาษาอย่าง C หรือ Assembly ที่ตรงไปตรงมาและเหมาะกับเครื่องจักรมากกว่า เขาชี้ว่า AI ไม่ค่อยผิดพลาดเรื่อง memory leak หรือ off-by-one error และเก่งกว่ามนุษย์ในการจัดการรายละเอียดเชิงเทคนิค ดังนั้นการใช้ภาษาโปรแกรมที่ “เป็นมิตรกับมนุษย์” อาจไม่จำเป็นอีกต่อไป 🌐 แนวคิด VOPL: Vibe-Oriented Programming Language ท้ายที่สุด เขาเสนอแนวคิด VOPL (Vibe-Oriented Programming Language) ซึ่งอาจเป็นภาษาที่ออกแบบมาเพื่อ AI โดยเฉพาะ ไม่ใช่เพื่อมนุษย์ อาจอยู่ในรูป pseudocode ที่ AI แปลงเป็น assembly หรือเป็นภาษาที่ใกล้เคียงกับภาษามนุษย์ แต่มี idiom เฉพาะที่ช่วยให้ AI เข้าใจและสร้างโค้ดได้เร็วขึ้น นี่อาจเป็นวิวัฒนาการใหม่ของการเขียนโปรแกรมในอนาคต 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Vibe coding คือการใช้ AI เขียนโค้ดแทนมนุษย์ ➡️ AI สามารถสร้างระบบที่ซับซ้อนและทำงานได้จริง ✅ ภาษาโปรแกรมถูกออกแบบเพื่อมนุษย์อ่าน ➡️ แต่ AI ไม่ต้องการความสะดวกเชิงมนุษย์ ✅ AI จัดการรายละเอียดเชิงเทคนิคได้ดีกว่ามนุษย์ ➡️ เช่น memory management และ off-by-one error ✅ แนวคิด VOPL เสนอให้มีภาษาใหม่เพื่อ AI โดยเฉพาะ ➡️ อาจเป็น pseudocode หรือภาษาที่ใกล้เคียงภาษามนุษย์ ‼️ การพึ่งพา AI อาจทำให้มนุษย์สูญเสียความเข้าใจโค้ด ⛔ เสี่ยงต่อการลดทักษะการเขียนโปรแกรมเชิงลึก ‼️ หากไม่มีกรอบกำกับ อาจเกิดการพัฒนาโค้ดที่มนุษย์ตรวจสอบไม่ได้ ⛔ ส่งผลต่อความปลอดภัยและความโปร่งใสของระบบ https://stephenramsay.net/posts/vibe-coding.html
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 205 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากม้าสู่เครื่องยนต์: การเปลี่ยนแปลงที่ฉับพลัน เปรียบกับมนุษย์สู่ AI

    บทความ Horses โดย Andy L. Jones ใช้การเปรียบเทียบ “ม้า” กับการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อชี้ให้เห็นว่า ความก้าวหน้าของ AI อาจทำให้มนุษย์ถูกแทนที่อย่างรวดเร็วเหมือนที่ม้าเคยถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์.

    บทความเริ่มต้นด้วยการเล่าถึงการพัฒนาเครื่องยนต์ตั้งแต่ปี 1700 ที่ค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ในช่วงแรก ม้าแทบไม่ได้รับผลกระทบ จนกระทั่งปี 1930–1950 ม้าในสหรัฐฯ หายไปกว่า 90% เพราะเครื่องยนต์ได้เข้ามาแทนที่อย่างสมบูรณ์. จุดนี้สะท้อนว่า ความก้าวหน้าที่ดูเหมือนค่อยเป็นค่อยไป อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แบบฉับพลัน.

    จากหมากรุกสู่ AI: ความเหนือกว่าที่เกิดขึ้นเร็ว
    ผู้เขียนเปรียบเทียบกับวงการหมากรุกคอมพิวเตอร์ ที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1985 โดยเพิ่มระดับ Elo เฉลี่ย 50 คะแนนต่อปี ในปี 2000 มนุษย์ยังชนะคอมพิวเตอร์ได้ถึง 90% แต่เพียงสิบปีต่อมา มนุษย์กลับแพ้คอมพิวเตอร์ถึง 90% แสดงให้เห็นว่า ความเท่าเทียมระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรสามารถพลิกกลับได้ในเวลาไม่นาน.

    AI และการแทนที่มนุษย์
    ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ตรงจากการทำงานที่ Anthropic โดยในปี 2024 เขายังต้องตอบคำถามใหม่ ๆ ของทีมงานกว่า 4,000 คำถามต่อเดือน แต่เพียงหกเดือนหลังจาก Claude (AI ของ Anthropic) พัฒนาขึ้นมา AI สามารถตอบได้ถึง 30,000 คำถามต่อเดือน และแทนที่งานของเขาไปถึง 80%. สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกว่า AI กำลังแทนที่มนุษย์เร็วกว่าที่ม้าเคยถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์.

    บทเรียนจากม้า: อนาคตของมนุษย์กับ AI
    บทสรุปของบทความคือ การเปรียบเทียบกับม้าในปี 1920 ที่มีถึง 25 ล้านตัวในสหรัฐฯ แต่เพียงไม่กี่ทศวรรษต่อมา 93% ของม้าได้หายไป ผู้เขียนหวังว่ามนุษย์จะมีเวลาเตรียมตัวอย่างน้อยสองทศวรรษเหมือนม้า แต่จากความเร็วของ AI ในปัจจุบัน เขากังวลว่า เราอาจมีเวลาน้อยกว่านั้นมาก.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    บทเรียนจากม้าและเครื่องยนต์
    การพัฒนาเครื่องยนต์ใช้เวลานาน แต่การแทนที่ม้าเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
    ม้าในสหรัฐฯ หายไปกว่า 90% ระหว่างปี 1930–1950

    บทเรียนจากหมากรุกคอมพิวเตอร์
    ปี 2000 มนุษย์ยังชนะคอมพิวเตอร์ได้ 90%
    ปี 2010 มนุษย์กลับแพ้คอมพิวเตอร์ถึง 90%

    ประสบการณ์ตรงจาก AI (Claude)
    ปี 2024 มนุษย์ตอบคำถามใหม่ ๆ ได้ 4,000 คำถามต่อเดือน
    เพียงหกเดือนต่อมา Claude ตอบได้ 30,000 คำถามต่อเดือน
    งานของมนุษย์ถูกแทนที่ไปถึง 80%

    คำเตือนจากบทความ
    AI อาจแทนที่มนุษย์เร็วกว่าที่ม้าเคยถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์
    เราอาจมีเวลาน้อยกว่าสองทศวรรษในการปรับตัว
    การไม่เตรียมรับมืออาจทำให้มนุษย์เสียเปรียบอย่างรุนแรง

    https://andyljones.com/posts/horses.html
    🐎 จากม้าสู่เครื่องยนต์: การเปลี่ยนแปลงที่ฉับพลัน เปรียบกับมนุษย์สู่ AI บทความ Horses โดย Andy L. Jones ใช้การเปรียบเทียบ “ม้า” กับการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อชี้ให้เห็นว่า ความก้าวหน้าของ AI อาจทำให้มนุษย์ถูกแทนที่อย่างรวดเร็วเหมือนที่ม้าเคยถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์. บทความเริ่มต้นด้วยการเล่าถึงการพัฒนาเครื่องยนต์ตั้งแต่ปี 1700 ที่ค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ในช่วงแรก ม้าแทบไม่ได้รับผลกระทบ จนกระทั่งปี 1930–1950 ม้าในสหรัฐฯ หายไปกว่า 90% เพราะเครื่องยนต์ได้เข้ามาแทนที่อย่างสมบูรณ์. จุดนี้สะท้อนว่า ความก้าวหน้าที่ดูเหมือนค่อยเป็นค่อยไป อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แบบฉับพลัน. ♟️ จากหมากรุกสู่ AI: ความเหนือกว่าที่เกิดขึ้นเร็ว ผู้เขียนเปรียบเทียบกับวงการหมากรุกคอมพิวเตอร์ ที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1985 โดยเพิ่มระดับ Elo เฉลี่ย 50 คะแนนต่อปี ในปี 2000 มนุษย์ยังชนะคอมพิวเตอร์ได้ถึง 90% แต่เพียงสิบปีต่อมา มนุษย์กลับแพ้คอมพิวเตอร์ถึง 90% แสดงให้เห็นว่า ความเท่าเทียมระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรสามารถพลิกกลับได้ในเวลาไม่นาน. 🤖 AI และการแทนที่มนุษย์ ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ตรงจากการทำงานที่ Anthropic โดยในปี 2024 เขายังต้องตอบคำถามใหม่ ๆ ของทีมงานกว่า 4,000 คำถามต่อเดือน แต่เพียงหกเดือนหลังจาก Claude (AI ของ Anthropic) พัฒนาขึ้นมา AI สามารถตอบได้ถึง 30,000 คำถามต่อเดือน และแทนที่งานของเขาไปถึง 80%. สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกว่า AI กำลังแทนที่มนุษย์เร็วกว่าที่ม้าเคยถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์. 🕰️ บทเรียนจากม้า: อนาคตของมนุษย์กับ AI บทสรุปของบทความคือ การเปรียบเทียบกับม้าในปี 1920 ที่มีถึง 25 ล้านตัวในสหรัฐฯ แต่เพียงไม่กี่ทศวรรษต่อมา 93% ของม้าได้หายไป ผู้เขียนหวังว่ามนุษย์จะมีเวลาเตรียมตัวอย่างน้อยสองทศวรรษเหมือนม้า แต่จากความเร็วของ AI ในปัจจุบัน เขากังวลว่า เราอาจมีเวลาน้อยกว่านั้นมาก. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ บทเรียนจากม้าและเครื่องยนต์ ➡️ การพัฒนาเครื่องยนต์ใช้เวลานาน แต่การแทนที่ม้าเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ➡️ ม้าในสหรัฐฯ หายไปกว่า 90% ระหว่างปี 1930–1950 ✅ บทเรียนจากหมากรุกคอมพิวเตอร์ ➡️ ปี 2000 มนุษย์ยังชนะคอมพิวเตอร์ได้ 90% ➡️ ปี 2010 มนุษย์กลับแพ้คอมพิวเตอร์ถึง 90% ✅ ประสบการณ์ตรงจาก AI (Claude) ➡️ ปี 2024 มนุษย์ตอบคำถามใหม่ ๆ ได้ 4,000 คำถามต่อเดือน ➡️ เพียงหกเดือนต่อมา Claude ตอบได้ 30,000 คำถามต่อเดือน ➡️ งานของมนุษย์ถูกแทนที่ไปถึง 80% ‼️ คำเตือนจากบทความ ⛔ AI อาจแทนที่มนุษย์เร็วกว่าที่ม้าเคยถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ ⛔ เราอาจมีเวลาน้อยกว่าสองทศวรรษในการปรับตัว ⛔ การไม่เตรียมรับมืออาจทำให้มนุษย์เสียเปรียบอย่างรุนแรง https://andyljones.com/posts/horses.html
    ANDYLJONES.COM
    Horses
    AI progress is steady. Human equivalence is sudden.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว
  • สตาร์ทอัพสหรัฐฯ ยื่นขอคืนสิทธิ์เครื่องหมายการค้า Twitter

    สตาร์ทอัพชื่อ Operation Bluebird จากรัฐเวอร์จิเนีย ได้ยื่นคำร้องต่อสำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าสหรัฐฯ (USPTO) เพื่อขอยกเลิกสิทธิ์เครื่องหมายการค้า “Twitter” และ “tweet” โดยอ้างว่า X Corp ของ Elon Musk ได้ละทิ้งสิทธิ์เหล่านี้ไปแล้ว หลังจากรีแบรนด์ Twitter เป็น X ตั้งแต่ปี 2023

    บริษัท Operation Bluebird มีแผนจะใช้ชื่อ “twitter.new” สำหรับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียใหม่ และได้ยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า “Twitter” ด้วยตนเองเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2025 การเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นการท้าทายครั้งใหญ่ต่อ Musk และ X Corp เพราะหาก USPTO เห็นด้วย อาจทำให้ชื่อ Twitter ถูกนำกลับมาใช้งานโดยบริษัทอื่น

    กรณีนี้สะท้อนถึงความซับซ้อนของการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ในโลกเทคโนโลยี การละทิ้งชื่อที่มีมูลค่าทางแบรนด์มหาศาลอย่าง Twitter อาจเปิดช่องให้คู่แข่งเข้ามายึดครองสิทธิ์ทางกฎหมาย และสร้างแพลตฟอร์มใหม่ที่อาศัยชื่อเสียงเดิมในการดึงดูดผู้ใช้ ขณะเดียวกันก็เป็นบทเรียนสำหรับบริษัทเทคโนโลยีที่ต้องระวังผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงแบรนด์ในระดับโลก

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเคลื่อนไหวของ Operation Bluebird
    ยื่นคำร้องต่อ USPTO เพื่อยกเลิกสิทธิ์เครื่องหมายการค้า Twitter และ tweet
    มีแผนเปิดแพลตฟอร์มใหม่ชื่อ “twitter.new”

    สถานการณ์ของ X Corp
    หลังรีแบรนด์ Twitter เป็น X ตั้งแต่ปี 2023 สิทธิ์เครื่องหมายการค้าอาจถูกมองว่าละทิ้ง
    หากคำร้องสำเร็จ อาจสูญเสียสิทธิ์ในชื่อ Twitter อย่างถาวร

    ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
    เปิดช่องให้คู่แข่งใช้ชื่อ Twitter เพื่อสร้างแพลตฟอร์มใหม่
    เป็นบทเรียนด้านการจัดการแบรนด์และทรัพย์สินทางปัญญา

    คำเตือนและความเสี่ยง
    หาก Musk สูญเสียสิทธิ์ Twitter อาจกระทบต่อภาพลักษณ์และมูลค่าของ X Corp
    การใช้ชื่อ Twitter โดยบริษัทอื่นอาจสร้างความสับสนให้ผู้ใช้ทั่วโลก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/09/us-startup-seeks-to-reclaim-twitter-trademarks-039abandoned039-by-musks-x-
    ⚖️ สตาร์ทอัพสหรัฐฯ ยื่นขอคืนสิทธิ์เครื่องหมายการค้า Twitter สตาร์ทอัพชื่อ Operation Bluebird จากรัฐเวอร์จิเนีย ได้ยื่นคำร้องต่อสำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าสหรัฐฯ (USPTO) เพื่อขอยกเลิกสิทธิ์เครื่องหมายการค้า “Twitter” และ “tweet” โดยอ้างว่า X Corp ของ Elon Musk ได้ละทิ้งสิทธิ์เหล่านี้ไปแล้ว หลังจากรีแบรนด์ Twitter เป็น X ตั้งแต่ปี 2023 บริษัท Operation Bluebird มีแผนจะใช้ชื่อ “twitter.new” สำหรับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียใหม่ และได้ยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า “Twitter” ด้วยตนเองเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2025 การเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นการท้าทายครั้งใหญ่ต่อ Musk และ X Corp เพราะหาก USPTO เห็นด้วย อาจทำให้ชื่อ Twitter ถูกนำกลับมาใช้งานโดยบริษัทอื่น กรณีนี้สะท้อนถึงความซับซ้อนของการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ในโลกเทคโนโลยี การละทิ้งชื่อที่มีมูลค่าทางแบรนด์มหาศาลอย่าง Twitter อาจเปิดช่องให้คู่แข่งเข้ามายึดครองสิทธิ์ทางกฎหมาย และสร้างแพลตฟอร์มใหม่ที่อาศัยชื่อเสียงเดิมในการดึงดูดผู้ใช้ ขณะเดียวกันก็เป็นบทเรียนสำหรับบริษัทเทคโนโลยีที่ต้องระวังผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงแบรนด์ในระดับโลก 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเคลื่อนไหวของ Operation Bluebird ➡️ ยื่นคำร้องต่อ USPTO เพื่อยกเลิกสิทธิ์เครื่องหมายการค้า Twitter และ tweet ➡️ มีแผนเปิดแพลตฟอร์มใหม่ชื่อ “twitter.new” ✅ สถานการณ์ของ X Corp ➡️ หลังรีแบรนด์ Twitter เป็น X ตั้งแต่ปี 2023 สิทธิ์เครื่องหมายการค้าอาจถูกมองว่าละทิ้ง ➡️ หากคำร้องสำเร็จ อาจสูญเสียสิทธิ์ในชื่อ Twitter อย่างถาวร ✅ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ➡️ เปิดช่องให้คู่แข่งใช้ชื่อ Twitter เพื่อสร้างแพลตฟอร์มใหม่ ➡️ เป็นบทเรียนด้านการจัดการแบรนด์และทรัพย์สินทางปัญญา ‼️ คำเตือนและความเสี่ยง ⛔ หาก Musk สูญเสียสิทธิ์ Twitter อาจกระทบต่อภาพลักษณ์และมูลค่าของ X Corp ⛔ การใช้ชื่อ Twitter โดยบริษัทอื่นอาจสร้างความสับสนให้ผู้ใช้ทั่วโลก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/09/us-startup-seeks-to-reclaim-twitter-trademarks-039abandoned039-by-musks-x-
    WWW.THESTAR.COM.MY
    US startup seeks to reclaim Twitter trademarks 'abandoned' by Musk’s X
    WASHINGTON, Dec 8 (Reuters) - A fledgling social media platform has asked the U.S. Patent and Trademark Office to cancel trademarks for Twitter so it can take them for itself, contending that billionaire Elon Musk's X Corp has abandoned them.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 178 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เสียเวลาชีวิตไป 8 ปีกับ Crypto”

    โพสต์บน X โดยผู้ใช้ Ken Changh สะท้อนความผิดหวังหลังจากใช้เวลานานถึง 8 ปีในวงการคริปโต โดยเจ้าตัวเล่าว่าประสบการณ์ที่ผ่านมานั้นเต็มไปด้วยความคาดหวังสูง แต่ผลลัพธ์กลับไม่คุ้มค่า ทั้งในแง่การเงินและชีวิตส่วนตัว ทำให้เขามองว่าการลงทุนในคริปโตเป็นการเสียเวลาและพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์

    เนื้อหานี้สะท้อนถึงความจริงที่หลายคนในวงการคริปโตเคยเจอ — ความผันผวนสูง, การขาดความแน่นอน, และการถูกกระแส hype ครอบงำ จนทำให้ผู้ลงทุนจำนวนมากสูญเสียทั้งเงินและเวลาไปกับการไล่ตามโอกาสที่ไม่มั่นคง ความผิดหวังของ Ken จึงเป็นเสียงเตือนที่ชัดเจนต่อผู้ที่ยังคงมองคริปโตเป็นเส้นทางแห่งความมั่งคั่งรวดเร็ว

    ในอีกมุมหนึ่ง เรื่องนี้ยังสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงของวงการคริปโตที่เริ่มถูกตั้งคำถามมากขึ้น ไม่ใช่เพียงเรื่องการลงทุน แต่รวมถึงความยั่งยืนของเทคโนโลยีและโครงสร้างเศรษฐกิจที่มันพยายามสร้างขึ้นมา หลายคนเริ่มหันไปมองว่า blockchain และ crypto อาจไม่ได้เป็น “อนาคตของการเงิน” อย่างที่เคยถูกโฆษณาไว้

    ท้ายที่สุด เรื่องราวนี้ไม่เพียงแต่เป็นการระบายความผิดหวังส่วนตัว แต่ยังเป็นบทเรียนสำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาเข้าสู่วงการคริปโต ว่าควรตระหนักถึงความเสี่ยงและไม่ควรฝากอนาคตทั้งหมดไว้กับสิ่งที่ยังไม่มั่นคง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ประสบการณ์ของ Ken Changh
    ใช้เวลา 8 ปีในวงการคริปโตแต่รู้สึกเสียเวลาและพลังงาน
    ผลลัพธ์ไม่คุ้มค่า ทั้งด้านการเงินและชีวิตส่วนตัว

    ภาพสะท้อนของวงการคริปโต
    ความผันผวนสูงและการถูก hype ครอบงำ
    นักลงทุนจำนวนมากสูญเสียเงินและเวลา

    มุมมองต่ออนาคตคริปโต
    เริ่มถูกตั้งคำถามเรื่องความยั่งยืนและบทบาทในเศรษฐกิจ
    Blockchain และ crypto อาจไม่ใช่อนาคตการเงินอย่างที่เคยถูกโฆษณา

    คำเตือนจากเรื่องนี้
    การลงทุนในคริปโตมีความเสี่ยงสูงและไม่มั่นคง
    ไม่ควรฝากอนาคตทั้งหมดไว้กับตลาดที่ยังไม่พิสูจน์ความยั่งยืน

    https://x.com/kenchangh/status/1994854381267947640
    💸 “เสียเวลาชีวิตไป 8 ปีกับ Crypto” โพสต์บน X โดยผู้ใช้ Ken Changh สะท้อนความผิดหวังหลังจากใช้เวลานานถึง 8 ปีในวงการคริปโต โดยเจ้าตัวเล่าว่าประสบการณ์ที่ผ่านมานั้นเต็มไปด้วยความคาดหวังสูง แต่ผลลัพธ์กลับไม่คุ้มค่า ทั้งในแง่การเงินและชีวิตส่วนตัว ทำให้เขามองว่าการลงทุนในคริปโตเป็นการเสียเวลาและพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์ เนื้อหานี้สะท้อนถึงความจริงที่หลายคนในวงการคริปโตเคยเจอ — ความผันผวนสูง, การขาดความแน่นอน, และการถูกกระแส hype ครอบงำ จนทำให้ผู้ลงทุนจำนวนมากสูญเสียทั้งเงินและเวลาไปกับการไล่ตามโอกาสที่ไม่มั่นคง ความผิดหวังของ Ken จึงเป็นเสียงเตือนที่ชัดเจนต่อผู้ที่ยังคงมองคริปโตเป็นเส้นทางแห่งความมั่งคั่งรวดเร็ว ในอีกมุมหนึ่ง เรื่องนี้ยังสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงของวงการคริปโตที่เริ่มถูกตั้งคำถามมากขึ้น ไม่ใช่เพียงเรื่องการลงทุน แต่รวมถึงความยั่งยืนของเทคโนโลยีและโครงสร้างเศรษฐกิจที่มันพยายามสร้างขึ้นมา หลายคนเริ่มหันไปมองว่า blockchain และ crypto อาจไม่ได้เป็น “อนาคตของการเงิน” อย่างที่เคยถูกโฆษณาไว้ ท้ายที่สุด เรื่องราวนี้ไม่เพียงแต่เป็นการระบายความผิดหวังส่วนตัว แต่ยังเป็นบทเรียนสำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาเข้าสู่วงการคริปโต ว่าควรตระหนักถึงความเสี่ยงและไม่ควรฝากอนาคตทั้งหมดไว้กับสิ่งที่ยังไม่มั่นคง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ประสบการณ์ของ Ken Changh ➡️ ใช้เวลา 8 ปีในวงการคริปโตแต่รู้สึกเสียเวลาและพลังงาน ➡️ ผลลัพธ์ไม่คุ้มค่า ทั้งด้านการเงินและชีวิตส่วนตัว ✅ ภาพสะท้อนของวงการคริปโต ➡️ ความผันผวนสูงและการถูก hype ครอบงำ ➡️ นักลงทุนจำนวนมากสูญเสียเงินและเวลา ✅ มุมมองต่ออนาคตคริปโต ➡️ เริ่มถูกตั้งคำถามเรื่องความยั่งยืนและบทบาทในเศรษฐกิจ ➡️ Blockchain และ crypto อาจไม่ใช่อนาคตการเงินอย่างที่เคยถูกโฆษณา ‼️ คำเตือนจากเรื่องนี้ ⛔ การลงทุนในคริปโตมีความเสี่ยงสูงและไม่มั่นคง ⛔ ไม่ควรฝากอนาคตทั้งหมดไว้กับตลาดที่ยังไม่พิสูจน์ความยั่งยืน https://x.com/kenchangh/status/1994854381267947640
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts