• 7พฤศจิกายน2567-ภารกิจ คปท. ติดตามกรณี MOU44 / นักโทษชั้น14 / เลือกบอร์ดแบงก์ชาติ : คนเคาะข่าว 07-11-67
    : พิชิต ชัยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.)
    : กิตติชัย ไพโรจน์ไชยกุล ดำเนินรายการ

    https://youtu.be/SCEB9pIUElw?si=oiToNRkJTCXpFXWX

    #Thaitimes
    7พฤศจิกายน2567-ภารกิจ คปท. ติดตามกรณี MOU44 / นักโทษชั้น14 / เลือกบอร์ดแบงก์ชาติ : คนเคาะข่าว 07-11-67 : พิชิต ชัยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) : กิตติชัย ไพโรจน์ไชยกุล ดำเนินรายการ https://youtu.be/SCEB9pIUElw?si=oiToNRkJTCXpFXWX #Thaitimes
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 493 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภารกิจ คปท. ติดตามกรณี MOU44 / นักโทษชั้น14 / เลือกบอร์ดแบงก์ชาติ : คนเคาะข่าว 07-11-67
    : พิชิต ชัยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.)
    : กิตติชัย ไพโรจน์ไชยกุล ดำเนินรายการ
    ภารกิจ คปท. ติดตามกรณี MOU44 / นักโทษชั้น14 / เลือกบอร์ดแบงก์ชาติ : คนเคาะข่าว 07-11-67 : พิชิต ชัยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) : กิตติชัย ไพโรจน์ไชยกุล ดำเนินรายการ
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 87 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/watch?v=HAmrFCl2Bgw
    บทสนทนานักท่องเที่ยวถามเส้นทาง BTS
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนานักท่องเที่ยวถามเส้นทาง BTS ไป ICONSIAM
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #conversations #listeningtest #iconsiam

    The conversations from the clip :

    Tourist: Excuse me, can you help me? I’m trying to get to ICONSIAM.
    Student: Sure! You can take the BTS from here. We’re at Siam Station, right?
    Tourist: Yes, I’m at Siam Station. Which line should I take?
    Student: You need to take the Silom Line towards Bang Wa.
    Tourist: Got it! Do I need to change trains?
    Student: No, you don’t need to change. Just stay on the Silom Line.
    Tourist: How many stations is it from here?
    Student: It’s four stops from Siam. You’ll get off at Saphan Taksin Station.
    Tourist: And from Saphan Taksin, how do I get to ICONSIAM?
    Student: Once you get off, follow the signs for the free shuttle boat. It will take you straight to ICONSIAM.
    Tourist: Oh, that sounds easy! How often does the shuttle boat run?
    Student: It runs every 10-15 minutes, so you won’t have to wait long.
    Tourist: Thank you so much for the directions!
    Student: No problem! Enjoy your time at ICONSIAM!
    Tourist: I will! Thanks again! Have a great day!
    Student: You too! Stay safe!

    นักท่องเที่ยว: ขอโทษครับ คุณช่วยบอกทางหน่อยได้ไหม? ฉันพยายามจะไปไอคอนสยาม
    นักศึกษา: ได้เลยค่ะ! คุณสามารถขึ้นรถไฟฟ้า BTS จากตรงนี้ได้ ตอนนี้เราอยู่ที่สถานีสยามใช่ไหมค่ะ?
    นักท่องเที่ยว: ใช่ ฉันอยู่ที่สถานีสยาม แล้วฉันควรขึ้นสายไหน?
    นักศึกษา: คุณต้องขึ้นสายสีลม ไปทางบางหว้า
    นักท่องเที่ยว: เข้าใจแล้ว! ฉันต้องเปลี่ยนรถไฟไหม?
    นักศึกษา: ไม่ต้องเปลี่ยนค่ะ แค่อยู่บนสายสีลมไปเรื่อยๆ
    นักท่องเที่ยว: จากที่นี่มีทั้งหมดกี่สถานี?
    นักศึกษา: มี 4 สถานีจากสยาม คุณจะลงที่สถานีสะพานตากสิน
    นักท่องเที่ยว: แล้วจากสะพานตากสิน ฉันจะไปไอคอนสยามได้ยังไง?
    นักศึกษา: เมื่อคุณลงแล้ว ให้ตามป้ายที่บอกทางไปเรือรับส่งฟรี มันจะพาคุณไปถึงไอคอนสยามเลย
    นักท่องเที่ยว: ฟังดูง่ายจัง! เรือรับส่งออกบ่อยแค่ไหน?
    นักศึกษา: เรือออกทุกๆ 10-15 นาที คุณไม่ต้องรอนานหรอกค่ะ
    นักท่องเที่ยว: ขอบคุณมากๆ สำหรับการบอกทาง!
    นักศึกษา: ไม่เป็นไรค่ะ ขอให้สนุกที่ไอคอนสยามนะ!
    นักท่องเที่ยว: ฉันจะสนุกแน่นอน ขอบคุณอีกครั้ง! ขอให้คุณมีวันที่ดี!
    นักศึกษา: คุณก็เช่นกัน! เดินทางปลอดภัยนะ!

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Station (สเตชั่น) noun. แปลว่า สถานี
    Line (ไลน์) noun. แปลว่า สาย (รถไฟฟ้า)
    Shuttle (ชัทเทิล) noun. แปลว่า บริการรับส่ง
    Stop (สต็อป) noun. แปลว่า ป้ายหยุดหรือสถานี
    Direction (ไดเรคชั่น) noun. แปลว่า ทิศทาง
    Sign (ไซน์) noun. แปลว่า ป้ายบอกทาง
    Free (ฟรี) adjective. แปลว่า ฟรี, ไม่คิดเงิน
    Boat (โบ้ท) noun. แปลว่า เรือ
    Change (เชนจ์) verb. แปลว่า เปลี่ยน (รถไฟ, สาย)
    Run (รัน) verb. แปลว่า เดินรถ, ให้บริการ
    Every (เอฟเวอรี่) adverb. แปลว่า ทุก ๆ
    Follow (ฟอลโลว) verb. แปลว่า ตาม
    Wait (เวท) verb. แปลว่า รอ
    Off (ออฟ) adverb. แปลว่า ออกจาก (รถ)
    Enjoy (เอนจอย) verb. แปลว่า สนุกกับ, เพลิดเพลินกับ
    https://www.youtube.com/watch?v=HAmrFCl2Bgw บทสนทนานักท่องเที่ยวถามเส้นทาง BTS (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนานักท่องเที่ยวถามเส้นทาง BTS ไป ICONSIAM มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #conversations #listeningtest #iconsiam The conversations from the clip : Tourist: Excuse me, can you help me? I’m trying to get to ICONSIAM. Student: Sure! You can take the BTS from here. We’re at Siam Station, right? Tourist: Yes, I’m at Siam Station. Which line should I take? Student: You need to take the Silom Line towards Bang Wa. Tourist: Got it! Do I need to change trains? Student: No, you don’t need to change. Just stay on the Silom Line. Tourist: How many stations is it from here? Student: It’s four stops from Siam. You’ll get off at Saphan Taksin Station. Tourist: And from Saphan Taksin, how do I get to ICONSIAM? Student: Once you get off, follow the signs for the free shuttle boat. It will take you straight to ICONSIAM. Tourist: Oh, that sounds easy! How often does the shuttle boat run? Student: It runs every 10-15 minutes, so you won’t have to wait long. Tourist: Thank you so much for the directions! Student: No problem! Enjoy your time at ICONSIAM! Tourist: I will! Thanks again! Have a great day! Student: You too! Stay safe! นักท่องเที่ยว: ขอโทษครับ คุณช่วยบอกทางหน่อยได้ไหม? ฉันพยายามจะไปไอคอนสยาม นักศึกษา: ได้เลยค่ะ! คุณสามารถขึ้นรถไฟฟ้า BTS จากตรงนี้ได้ ตอนนี้เราอยู่ที่สถานีสยามใช่ไหมค่ะ? นักท่องเที่ยว: ใช่ ฉันอยู่ที่สถานีสยาม แล้วฉันควรขึ้นสายไหน? นักศึกษา: คุณต้องขึ้นสายสีลม ไปทางบางหว้า นักท่องเที่ยว: เข้าใจแล้ว! ฉันต้องเปลี่ยนรถไฟไหม? นักศึกษา: ไม่ต้องเปลี่ยนค่ะ แค่อยู่บนสายสีลมไปเรื่อยๆ นักท่องเที่ยว: จากที่นี่มีทั้งหมดกี่สถานี? นักศึกษา: มี 4 สถานีจากสยาม คุณจะลงที่สถานีสะพานตากสิน นักท่องเที่ยว: แล้วจากสะพานตากสิน ฉันจะไปไอคอนสยามได้ยังไง? นักศึกษา: เมื่อคุณลงแล้ว ให้ตามป้ายที่บอกทางไปเรือรับส่งฟรี มันจะพาคุณไปถึงไอคอนสยามเลย นักท่องเที่ยว: ฟังดูง่ายจัง! เรือรับส่งออกบ่อยแค่ไหน? นักศึกษา: เรือออกทุกๆ 10-15 นาที คุณไม่ต้องรอนานหรอกค่ะ นักท่องเที่ยว: ขอบคุณมากๆ สำหรับการบอกทาง! นักศึกษา: ไม่เป็นไรค่ะ ขอให้สนุกที่ไอคอนสยามนะ! นักท่องเที่ยว: ฉันจะสนุกแน่นอน ขอบคุณอีกครั้ง! ขอให้คุณมีวันที่ดี! นักศึกษา: คุณก็เช่นกัน! เดินทางปลอดภัยนะ! Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Station (สเตชั่น) noun. แปลว่า สถานี Line (ไลน์) noun. แปลว่า สาย (รถไฟฟ้า) Shuttle (ชัทเทิล) noun. แปลว่า บริการรับส่ง Stop (สต็อป) noun. แปลว่า ป้ายหยุดหรือสถานี Direction (ไดเรคชั่น) noun. แปลว่า ทิศทาง Sign (ไซน์) noun. แปลว่า ป้ายบอกทาง Free (ฟรี) adjective. แปลว่า ฟรี, ไม่คิดเงิน Boat (โบ้ท) noun. แปลว่า เรือ Change (เชนจ์) verb. แปลว่า เปลี่ยน (รถไฟ, สาย) Run (รัน) verb. แปลว่า เดินรถ, ให้บริการ Every (เอฟเวอรี่) adverb. แปลว่า ทุก ๆ Follow (ฟอลโลว) verb. แปลว่า ตาม Wait (เวท) verb. แปลว่า รอ Off (ออฟ) adverb. แปลว่า ออกจาก (รถ) Enjoy (เอนจอย) verb. แปลว่า สนุกกับ, เพลิดเพลินกับ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • เผื่อเป็นประโยชน์กับ #นักวิชาการ #นิสิตนักศึกษา #นักเรียน ที่จะทำงานเอกสารด้วย #Word
    ดาวน์โหลดคู่มือ+Template --> https://chunchuanclick.mobirisesite.com/Innovations.html
    ดูคลิปอธิบายเพิ่มเติม --> https://www.youtube.com/@chunchuanclick
    เผื่อเป็นประโยชน์กับ #นักวิชาการ #นิสิตนักศึกษา #นักเรียน ที่จะทำงานเอกสารด้วย #Word ดาวน์โหลดคู่มือ+Template --> https://chunchuanclick.mobirisesite.com/Innovations.html ดูคลิปอธิบายเพิ่มเติม --> https://www.youtube.com/@chunchuanclick
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • 😭🙏🏻กราบลาพี่โสด้วยความเคารพรัก ขอบคุณที่ทำหน้าที่สื่อมวลชนผู้ให้ปัญญามาตลอด ขอให้พี่โสสู่สุคติในสัมปรายภพค่ะ “คิดถึงพี่โสภณ ตั้งใจทำงานมากๆ”

    สำหรับประวัติพี่โสภณ องค์การณ์ เกิด 7 ตุลาคม พ.ศ. 2492 ที่ตำบลแม่ข้าวต้ม อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย จบชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนสามัคคี วิทยาคม รุ่นปี 2508 จากนั้นศึกษาต่อที่โรงเรียนบพิตรพิมุข แผนกภาษาต่างประเทศ จบปีการศึกษา 2511 เริ่มทำงานเป็นล่ามในปี 2512 ให้นักศึกษาชาวอเมริกันทำวิจัยที่จังหวัดลำปางและเชียงรายเป็นเวลา 1 ปี เพื่อทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกที่เอ็มไอที

    ประวัติทำงานสื่อสารมวลชน เป็นอดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดอะ เนชั่น ภาษาอังกฤษและสื่อเครือเนชั่น เป็นเวลากว่า30ปี หลังจากยุคทักษิณปี2548 ที่คุกคามปิดปากสื่อผู้จัดการที่วิพากษ์วิจารณ์และขับไล่รัฐบาลโดยสนธิ ลิ้มทองกุล พี่โสได้เข้ามาร่วมอุดมการณ์ทำหน้าทีสื่อมวลชนที่ให้ปัญญาคนไทยในสื่อเครือผู้จัดการ เอเอสทีวีและNews1 เป็นบรรณาธิการอาวุโสและAnchorที่มีแฟนคลับติดตามจำนวนมาก จากเสน่ห์คมความคิดและฝีปากแหลมคมในรายการวิเคราะห์ข่าวสาระเชิงบันเทิงที่โหด มัน ฮา รายการชวนคิดชวนคุย ,เคาะไข่ใส่ข่าว, NewsHour และNewsHour Weekend ที่สถานีช่อง ASTV หรือช่อง News 1 นอกจากนี้ช่วงเช้าตรู่ ยังจัดรายการวิทยุ "พูดนอกสภา" ที่ FM 90.5 เวลา 6.00-7.00 น. ทุกวัน

    ส่วนผลงานเขียน เคยมีคอลัมน์ประจำในนิตยสารเนชั่น สุดสัปดาห์ ,คมชัดลึก พี่โสภณ องค์การณ์ทำงานกับเครือเนชั่นนานกว่า30ปี โดยเริ่มต้นงานกับ นสพ.เดอะเนชั่น ภาษาอังกฤษในตำแหน่งพนักงานพิสูจน์อักษร proof reader และด้วยความสามารถ ได้รับเลื่อนตำแหน่งเป็นนักข่าว นักเขียน และเป็นบรรณาธิการที่มีศักยภาพและทักษะ ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ ต่อมาจึงได้เป็นผู้ดำเนินรายการ Face The Nation เป็นรายการสัมภาษณ์แหล่งข่าวบุคคลสำคัญเป็นภาษาอังกฤษ ออกอากาศทางช่อง 9 และรับผิดชอบเป็นผู้บริหารข่าวแผนกโทรทัศน์ของเครือเนชั่น ก่อนจะได้รับทุน Nieman Fellowship ไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด บอสตัน สหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นจึงลาออกมาทำงานกับสนธิ ลิ้มทองกุล ที่สถานีทีวีช่อง ASTV หรือช่อง News 1 ในปัจจุบัน เป็นผู้ดำเนินรายการวิเคราะห์ข่าวการเมืองและต่างประเทศในรายการสภาท่าพระอาทิตย์ คุยมันส์ทันข่าว ,ชวนคิดชวนคุย, WorldTalk, NewsHourweekend และเป็นตัวหลักในรายการ NewsHour หลังจากสิ้นเติมศักดิ์ จารุปราณ และยังมีบทความวิเคราะห์ที่น่าติดตามในนิตยสารผู้จัดการรายสัปดาห์ ชื่อคอลัมน์ "ป้อมพระอาทิตย์"

    นอกจากนี้เคยเป็นพิธีกรรายการ "คุยข่าวบ่ายสองโมง" ทางช่องไททีวี ทีวีดิจิตอล ช่อง 17 จนกระทั่งปิดสถานี

    พี่โสภณ องค์การณ์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2567 ที่สถาบันประสาทวิทยา หลังจากพี่โสภณ ได้รับการผ่าตัดสมองที่ รพ.วิภารามด้วยอาการเส้นโลหิตในสมองแตก สิริอายุ 75 ปี

    #Thaitimes
    😭🙏🏻กราบลาพี่โสด้วยความเคารพรัก ขอบคุณที่ทำหน้าที่สื่อมวลชนผู้ให้ปัญญามาตลอด ขอให้พี่โสสู่สุคติในสัมปรายภพค่ะ “คิดถึงพี่โสภณ ตั้งใจทำงานมากๆ” สำหรับประวัติพี่โสภณ องค์การณ์ เกิด 7 ตุลาคม พ.ศ. 2492 ที่ตำบลแม่ข้าวต้ม อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย จบชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนสามัคคี วิทยาคม รุ่นปี 2508 จากนั้นศึกษาต่อที่โรงเรียนบพิตรพิมุข แผนกภาษาต่างประเทศ จบปีการศึกษา 2511 เริ่มทำงานเป็นล่ามในปี 2512 ให้นักศึกษาชาวอเมริกันทำวิจัยที่จังหวัดลำปางและเชียงรายเป็นเวลา 1 ปี เพื่อทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกที่เอ็มไอที ประวัติทำงานสื่อสารมวลชน เป็นอดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดอะ เนชั่น ภาษาอังกฤษและสื่อเครือเนชั่น เป็นเวลากว่า30ปี หลังจากยุคทักษิณปี2548 ที่คุกคามปิดปากสื่อผู้จัดการที่วิพากษ์วิจารณ์และขับไล่รัฐบาลโดยสนธิ ลิ้มทองกุล พี่โสได้เข้ามาร่วมอุดมการณ์ทำหน้าทีสื่อมวลชนที่ให้ปัญญาคนไทยในสื่อเครือผู้จัดการ เอเอสทีวีและNews1 เป็นบรรณาธิการอาวุโสและAnchorที่มีแฟนคลับติดตามจำนวนมาก จากเสน่ห์คมความคิดและฝีปากแหลมคมในรายการวิเคราะห์ข่าวสาระเชิงบันเทิงที่โหด มัน ฮา รายการชวนคิดชวนคุย ,เคาะไข่ใส่ข่าว, NewsHour และNewsHour Weekend ที่สถานีช่อง ASTV หรือช่อง News 1 นอกจากนี้ช่วงเช้าตรู่ ยังจัดรายการวิทยุ "พูดนอกสภา" ที่ FM 90.5 เวลา 6.00-7.00 น. ทุกวัน ส่วนผลงานเขียน เคยมีคอลัมน์ประจำในนิตยสารเนชั่น สุดสัปดาห์ ,คมชัดลึก พี่โสภณ องค์การณ์ทำงานกับเครือเนชั่นนานกว่า30ปี โดยเริ่มต้นงานกับ นสพ.เดอะเนชั่น ภาษาอังกฤษในตำแหน่งพนักงานพิสูจน์อักษร proof reader และด้วยความสามารถ ได้รับเลื่อนตำแหน่งเป็นนักข่าว นักเขียน และเป็นบรรณาธิการที่มีศักยภาพและทักษะ ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ ต่อมาจึงได้เป็นผู้ดำเนินรายการ Face The Nation เป็นรายการสัมภาษณ์แหล่งข่าวบุคคลสำคัญเป็นภาษาอังกฤษ ออกอากาศทางช่อง 9 และรับผิดชอบเป็นผู้บริหารข่าวแผนกโทรทัศน์ของเครือเนชั่น ก่อนจะได้รับทุน Nieman Fellowship ไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด บอสตัน สหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นจึงลาออกมาทำงานกับสนธิ ลิ้มทองกุล ที่สถานีทีวีช่อง ASTV หรือช่อง News 1 ในปัจจุบัน เป็นผู้ดำเนินรายการวิเคราะห์ข่าวการเมืองและต่างประเทศในรายการสภาท่าพระอาทิตย์ คุยมันส์ทันข่าว ,ชวนคิดชวนคุย, WorldTalk, NewsHourweekend และเป็นตัวหลักในรายการ NewsHour หลังจากสิ้นเติมศักดิ์ จารุปราณ และยังมีบทความวิเคราะห์ที่น่าติดตามในนิตยสารผู้จัดการรายสัปดาห์ ชื่อคอลัมน์ "ป้อมพระอาทิตย์" นอกจากนี้เคยเป็นพิธีกรรายการ "คุยข่าวบ่ายสองโมง" ทางช่องไททีวี ทีวีดิจิตอล ช่อง 17 จนกระทั่งปิดสถานี พี่โสภณ องค์การณ์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2567 ที่สถาบันประสาทวิทยา หลังจากพี่โสภณ ได้รับการผ่าตัดสมองที่ รพ.วิภารามด้วยอาการเส้นโลหิตในสมองแตก สิริอายุ 75 ปี #Thaitimes
    Sad
    Love
    17
    7 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1524 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/watch?v=HG47r_FVIw8
    บทสนทนานักท่องเที่ยวถามทางไปหาหมูเด้ง
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนานักท่องเที่ยวถามทางไปหาหมูเด้ง
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #conversations #listeningtest #หมูเด้ง

    The conversations from the clip :

    Tourist: Hi there! Can you help me, please?
    Student: Sure! What do you need help with?
    Tourist: I want to visit Khao Kheow Open Zoo to see Moo Deng, the superstar hippo.
    Student: That sounds exciting! You can take a train to Chonburi.
    Tourist: Great! Which train station should I go to?
    Student: You should go to Hua Lamphong Station in Bangkok.
    Tourist: How do I get to Hua Lamphong Station from here?
    Student: You can take the MRT subway directly to Hua Lamphong.
    Tourist: How often do the trains run to Chonburi?
    Student: Trains to Chonburi run regularly, about every hour.
    Tourist: How long does the train ride take?
    Student: It usually takes around 2 to 2.5 hours to reach Chonburi.
    Tourist: What do I do after I arrive in Chonburi?
    Student: Once you get to Chonburi, you can take a taxi or a local bus to the zoo.
    Tourist: How long does it take to get from Chonburi to the zoo?
    Student: It takes about 30 minutes by taxi or bus.
    Tourist: Is it easy to find transportation from the train station?
    Student: Yes, there are always taxis available at the station.
    Tourist: Do I need to book my train ticket in advance?
    Student: It's a good idea, especially on weekends, but you can usually buy tickets on the day.
    Tourist: Thank you for all the helpful information!
    Student: You’re welcome! Enjoy your trip to see Moo Deng!

    นักท่องเที่ยว: สวัสดีครับ! ช่วยหน่อยได้ไหมครับ?
    นักศึกษา: ได้เลย! ต้องการความช่วยเหลือเรื่องอะไรคะ?
    นักท่องเที่ยว: ฉันอยากไปเที่ยวสวนสัตว์เปิดเขาเขียวเพื่อดู "หมูเด้ง" ฮิปโปซุปเปอร์สตาร์ครับ
    นักศึกษา: ฟังดูน่าตื่นเต้นมากเลย! คุณสามารถนั่งรถไฟไปชลบุรีได้นะคะ
    นักท่องเที่ยว: ดีมากเลย! ฉันควรไปที่สถานีรถไฟไหนครับ?
    นักศึกษา: คุณควรไปที่สถานีหัวลำโพงในกรุงเทพฯ ค่ะ
    นักท่องเที่ยว: แล้วฉันจะไปสถานีหัวลำโพงจากตรงนี้ได้อย่างไรครับ?
    นักศึกษา: คุณสามารถนั่งรถไฟใต้ดิน MRT ตรงไปยังหัวลำโพงได้เลยค่ะ
    นักท่องเที่ยว: รถไฟไปชลบุรีออกบ่อยแค่ไหนครับ?
    นักศึกษา: รถไฟไปชลบุรีมีบ่อยค่ะ ประมาณทุกชั่วโมง
    นักท่องเที่ยว: นั่งรถไฟใช้เวลานานแค่ไหนครับ?
    นักศึกษา: ปกติใช้เวลาประมาณ 2 ถึง 2.5 ชั่วโมงเพื่อถึงชลบุรีค่ะ
    นักท่องเที่ยว: แล้วหลังจากถึงชลบุรี ฉันควรทำอย่างไรต่อครับ?
    นักศึกษา: เมื่อถึงชลบุรีแล้ว คุณสามารถนั่งแท็กซี่หรือนั่งรถบัสท้องถิ่นไปสวนสัตว์ได้ค่ะ
    นักท่องเที่ยว: จากชลบุรีไปสวนสัตว์ใช้เวลานานแค่ไหนครับ?
    นักศึกษา: ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีโดยแท็กซี่หรือรถบัสค่ะ
    นักท่องเที่ยว: หารถจากสถานีรถไฟไปสวนสัตว์ง่ายไหมครับ?
    นักศึกษา: หาง่ายค่ะ มีแท็กซี่รออยู่ที่สถานีเสมอ
    นักท่องเที่ยว: ฉันต้องจองตั๋วรถไฟล่วงหน้าไหมครับ?
    นักศึกษา: การจองล่วงหน้าเป็นความคิดที่ดีค่ะ โดยเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่คุณก็สามารถซื้อตั๋วในวันเดินทางได้เช่นกัน
    นักท่องเที่ยว: ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่มีประโยชน์มาก ๆ ครับ!
    นักศึกษา: ยินดีค่ะ! ขอให้สนุกกับการเที่ยวชม "หมูแดง" นะคะ!

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Zoo (ซู) noun. แปลว่า สวนสัตว์
    Train (เทรน) noun. แปลว่า รถไฟ
    Superstar (ซูเปอร์สตาร์) noun. แปลว่า ดาราดัง
    Hippo (ฮิปโป) noun. แปลว่า ฮิปโป
    Station (สเตชัน) noun. แปลว่า สถานี
    Taxi (แท็กซี่) noun. แปลว่า รถแท็กซี่
    Subway (ซับเวย์) noun. แปลว่า รถไฟใต้ดิน
    Ticket (ทิคเก็ต) noun. แปลว่า ตั๋ว
    Hour (อาวเออร์) noun. แปลว่า ชั่วโมง
    Transportation (ทรานสปอร์เทชัน) noun. แปลว่า การขนส่ง
    Tourist (ทัวริสต์) noun. แปลว่า นักท่องเที่ยว
    Exciting (เอ็กไซติง) adjective. แปลว่า น่าตื่นเต้น
    Advance (แอดวานซ์) noun. แปลว่า ล่วงหน้า
    Chonburi (ชลบุรี) noun. แปลว่า ชลบุรี
    https://www.youtube.com/watch?v=HG47r_FVIw8 บทสนทนานักท่องเที่ยวถามทางไปหาหมูเด้ง (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนานักท่องเที่ยวถามทางไปหาหมูเด้ง มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #conversations #listeningtest #หมูเด้ง The conversations from the clip : Tourist: Hi there! Can you help me, please? Student: Sure! What do you need help with? Tourist: I want to visit Khao Kheow Open Zoo to see Moo Deng, the superstar hippo. Student: That sounds exciting! You can take a train to Chonburi. Tourist: Great! Which train station should I go to? Student: You should go to Hua Lamphong Station in Bangkok. Tourist: How do I get to Hua Lamphong Station from here? Student: You can take the MRT subway directly to Hua Lamphong. Tourist: How often do the trains run to Chonburi? Student: Trains to Chonburi run regularly, about every hour. Tourist: How long does the train ride take? Student: It usually takes around 2 to 2.5 hours to reach Chonburi. Tourist: What do I do after I arrive in Chonburi? Student: Once you get to Chonburi, you can take a taxi or a local bus to the zoo. Tourist: How long does it take to get from Chonburi to the zoo? Student: It takes about 30 minutes by taxi or bus. Tourist: Is it easy to find transportation from the train station? Student: Yes, there are always taxis available at the station. Tourist: Do I need to book my train ticket in advance? Student: It's a good idea, especially on weekends, but you can usually buy tickets on the day. Tourist: Thank you for all the helpful information! Student: You’re welcome! Enjoy your trip to see Moo Deng! นักท่องเที่ยว: สวัสดีครับ! ช่วยหน่อยได้ไหมครับ? นักศึกษา: ได้เลย! ต้องการความช่วยเหลือเรื่องอะไรคะ? นักท่องเที่ยว: ฉันอยากไปเที่ยวสวนสัตว์เปิดเขาเขียวเพื่อดู "หมูเด้ง" ฮิปโปซุปเปอร์สตาร์ครับ นักศึกษา: ฟังดูน่าตื่นเต้นมากเลย! คุณสามารถนั่งรถไฟไปชลบุรีได้นะคะ นักท่องเที่ยว: ดีมากเลย! ฉันควรไปที่สถานีรถไฟไหนครับ? นักศึกษา: คุณควรไปที่สถานีหัวลำโพงในกรุงเทพฯ ค่ะ นักท่องเที่ยว: แล้วฉันจะไปสถานีหัวลำโพงจากตรงนี้ได้อย่างไรครับ? นักศึกษา: คุณสามารถนั่งรถไฟใต้ดิน MRT ตรงไปยังหัวลำโพงได้เลยค่ะ นักท่องเที่ยว: รถไฟไปชลบุรีออกบ่อยแค่ไหนครับ? นักศึกษา: รถไฟไปชลบุรีมีบ่อยค่ะ ประมาณทุกชั่วโมง นักท่องเที่ยว: นั่งรถไฟใช้เวลานานแค่ไหนครับ? นักศึกษา: ปกติใช้เวลาประมาณ 2 ถึง 2.5 ชั่วโมงเพื่อถึงชลบุรีค่ะ นักท่องเที่ยว: แล้วหลังจากถึงชลบุรี ฉันควรทำอย่างไรต่อครับ? นักศึกษา: เมื่อถึงชลบุรีแล้ว คุณสามารถนั่งแท็กซี่หรือนั่งรถบัสท้องถิ่นไปสวนสัตว์ได้ค่ะ นักท่องเที่ยว: จากชลบุรีไปสวนสัตว์ใช้เวลานานแค่ไหนครับ? นักศึกษา: ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีโดยแท็กซี่หรือรถบัสค่ะ นักท่องเที่ยว: หารถจากสถานีรถไฟไปสวนสัตว์ง่ายไหมครับ? นักศึกษา: หาง่ายค่ะ มีแท็กซี่รออยู่ที่สถานีเสมอ นักท่องเที่ยว: ฉันต้องจองตั๋วรถไฟล่วงหน้าไหมครับ? นักศึกษา: การจองล่วงหน้าเป็นความคิดที่ดีค่ะ โดยเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่คุณก็สามารถซื้อตั๋วในวันเดินทางได้เช่นกัน นักท่องเที่ยว: ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่มีประโยชน์มาก ๆ ครับ! นักศึกษา: ยินดีค่ะ! ขอให้สนุกกับการเที่ยวชม "หมูแดง" นะคะ! Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Zoo (ซู) noun. แปลว่า สวนสัตว์ Train (เทรน) noun. แปลว่า รถไฟ Superstar (ซูเปอร์สตาร์) noun. แปลว่า ดาราดัง Hippo (ฮิปโป) noun. แปลว่า ฮิปโป Station (สเตชัน) noun. แปลว่า สถานี Taxi (แท็กซี่) noun. แปลว่า รถแท็กซี่ Subway (ซับเวย์) noun. แปลว่า รถไฟใต้ดิน Ticket (ทิคเก็ต) noun. แปลว่า ตั๋ว Hour (อาวเออร์) noun. แปลว่า ชั่วโมง Transportation (ทรานสปอร์เทชัน) noun. แปลว่า การขนส่ง Tourist (ทัวริสต์) noun. แปลว่า นักท่องเที่ยว Exciting (เอ็กไซติง) adjective. แปลว่า น่าตื่นเต้น Advance (แอดวานซ์) noun. แปลว่า ล่วงหน้า Chonburi (ชลบุรี) noun. แปลว่า ชลบุรี
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/watch?v=dk018KPRm1Y
    บทสนทนานักท่องเที่ยวถามทางในกรุงเทพ
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนานักท่องเที่ยวถามทางในกรุงเทพ
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #conversations #listeningtest #basiclistening

    The conversations from the clip :
    Tourist: Excuse me, could you help me? I’m trying to find the Grand Palace.
    Student: Sure! You’re not far from it. Are you walking or taking a taxi?
    Tourist: I’m walking. Is it close by?
    Student: Yes, it’s about a 20-minute walk from here. You need to head straight down this road.
    Tourist: Oh, great! Do I just keep going straight?
    Student: Yes, but after about 10 minutes, you’ll see a big intersection. Turn left there.
    Tourist: Turn left at the intersection, got it. Is there a landmark to look out for?
    Student: Yes, there’s a 7-Eleven on the corner. You can’t miss it.
    Tourist: Perfect, thanks! And from there?
    Student: After you turn left, just follow the road. The entrance to the Grand Palace will be on your right.
    Tourist: That sounds easy enough! How long do you think it will take?
    Student: About 20 minutes if you walk at a normal pace.
    Tourist: Thank you so much for the help!
    Student: No problem! Enjoy your visit to the Grand Palace!
    Tourist: I will! Thanks again. Have a great day!
    Student: You too! Stay safe!

    นักท่องเที่ยว: ขอโทษครับ คุณช่วยผม ผมกำลังหาทางไปพระบรมมหาราชวังครับ
    นักศึกษา: ได้เลยค่ะ คุณอยู่ไม่ไกลจากที่นั่นมากนะค่ะ คุณเดินหรือจะนั่งแท็กซี่ไปค่ะ?
    นักท่องเที่ยว: ผมเดินครับ มันใกล้ไหมครับ?
    นักศึกษา: ใกล้อยู่ค่ะ ประมาณ 20 นาทีเดินจากตรงนี้ค่ะ คุณต้องเดินตรงไปตามถนนเส้นนี้เลยค่ะ
    นักท่องเที่ยว: โอ้ ดีเลยครับ แค่เดินตรงไปอย่างเดียวใช่ไหมครับ?
    นักศึกษา: ใช่ค่ะ แต่พอเดินไปประมาณ 10 นาที คุณจะเจอแยกใหญ่ ให้เลี้ยวซ้ายตรงนั้นค่ะ
    นักท่องเที่ยว: เลี้ยวซ้ายตรงแยกใหญ่ เข้าใจแล้วครับ มีจุดสังเกตอะไรไหมครับ?
    นักศึกษา: มีค่ะ ตรงหัวมุมจะมีร้าน 7-Eleven ค่ะ คุณจะเห็นแน่นอน
    นักท่องเที่ยว: สมบูรณ์แบบ ขอบคุณมากครับ แล้วจากตรงนั้นล่ะครับ?
    นักศึกษา: หลังจากเลี้ยวซ้ายแล้ว ก็เดินตามถนนไปเลยค่ะ ทางเข้าไปพระบรมมหาราชวังจะอยู่ทางขวามือค่ะ
    นักท่องเที่ยว: ฟังดูไม่ยากเลยครับ คิดว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนครับ?
    นักศึกษา: ประมาณ 20 นาที ถ้าเดินตามปกติค่ะ
    นักท่องเที่ยว: ขอบคุณมากนะครับสำหรับความช่วยเหลือ!
    นักศึกษา: ไม่เป็นไรค่ะ ขอให้เที่ยวพระบรมมหาราชวังอย่างสนุกนะค่ะ!
    นักท่องเที่ยว: ผมจะทำตามนั้นครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ ขอให้คุณมีวันที่ดีนะครับ!
    นักศึกษา: คุณก็เช่นกันค่ะ เดินทางปลอดภัยนะค่ะ!

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Palace (พาเลซ) noun. แปลว่า พระราชวัง
    Intersection (อินเทอร์เซคชัน) noun. แปลว่า สี่แยก
    Landmark (แลนด์มาร์ค) noun. แปลว่า จุดสังเกต
    Road (โรด) noun. แปลว่า ถนน
    Entrance (เอนทรานซ์) noun. แปลว่า ทางเข้า
    Corner (คอร์เนอร์) noun. แปลว่า มุมถนน
    Taxi (แท็กซี่) noun. แปลว่า รถแท็กซี่
    Walk (วอล์ค) verb. แปลว่า เดิน
    Turn (เทิร์น) verb. แปลว่า เลี้ยว
    Straight (สเตรท) adverb. แปลว่า ตรง
    Left (เลฟท์) adjective. แปลว่า ซ้าย
    Right (ไรท์) adjective. แปลว่า ขวา
    Head (เฮด) verb. แปลว่า มุ่งหน้า
    Minute (มินิท) noun. แปลว่า นาที
    Safe (เซฟ) adjective. แปลว่า ปลอดภัย
    https://www.youtube.com/watch?v=dk018KPRm1Y บทสนทนานักท่องเที่ยวถามทางในกรุงเทพ (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนานักท่องเที่ยวถามทางในกรุงเทพ มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #conversations #listeningtest #basiclistening The conversations from the clip : Tourist: Excuse me, could you help me? I’m trying to find the Grand Palace. Student: Sure! You’re not far from it. Are you walking or taking a taxi? Tourist: I’m walking. Is it close by? Student: Yes, it’s about a 20-minute walk from here. You need to head straight down this road. Tourist: Oh, great! Do I just keep going straight? Student: Yes, but after about 10 minutes, you’ll see a big intersection. Turn left there. Tourist: Turn left at the intersection, got it. Is there a landmark to look out for? Student: Yes, there’s a 7-Eleven on the corner. You can’t miss it. Tourist: Perfect, thanks! And from there? Student: After you turn left, just follow the road. The entrance to the Grand Palace will be on your right. Tourist: That sounds easy enough! How long do you think it will take? Student: About 20 minutes if you walk at a normal pace. Tourist: Thank you so much for the help! Student: No problem! Enjoy your visit to the Grand Palace! Tourist: I will! Thanks again. Have a great day! Student: You too! Stay safe! นักท่องเที่ยว: ขอโทษครับ คุณช่วยผม ผมกำลังหาทางไปพระบรมมหาราชวังครับ นักศึกษา: ได้เลยค่ะ คุณอยู่ไม่ไกลจากที่นั่นมากนะค่ะ คุณเดินหรือจะนั่งแท็กซี่ไปค่ะ? นักท่องเที่ยว: ผมเดินครับ มันใกล้ไหมครับ? นักศึกษา: ใกล้อยู่ค่ะ ประมาณ 20 นาทีเดินจากตรงนี้ค่ะ คุณต้องเดินตรงไปตามถนนเส้นนี้เลยค่ะ นักท่องเที่ยว: โอ้ ดีเลยครับ แค่เดินตรงไปอย่างเดียวใช่ไหมครับ? นักศึกษา: ใช่ค่ะ แต่พอเดินไปประมาณ 10 นาที คุณจะเจอแยกใหญ่ ให้เลี้ยวซ้ายตรงนั้นค่ะ นักท่องเที่ยว: เลี้ยวซ้ายตรงแยกใหญ่ เข้าใจแล้วครับ มีจุดสังเกตอะไรไหมครับ? นักศึกษา: มีค่ะ ตรงหัวมุมจะมีร้าน 7-Eleven ค่ะ คุณจะเห็นแน่นอน นักท่องเที่ยว: สมบูรณ์แบบ ขอบคุณมากครับ แล้วจากตรงนั้นล่ะครับ? นักศึกษา: หลังจากเลี้ยวซ้ายแล้ว ก็เดินตามถนนไปเลยค่ะ ทางเข้าไปพระบรมมหาราชวังจะอยู่ทางขวามือค่ะ นักท่องเที่ยว: ฟังดูไม่ยากเลยครับ คิดว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนครับ? นักศึกษา: ประมาณ 20 นาที ถ้าเดินตามปกติค่ะ นักท่องเที่ยว: ขอบคุณมากนะครับสำหรับความช่วยเหลือ! นักศึกษา: ไม่เป็นไรค่ะ ขอให้เที่ยวพระบรมมหาราชวังอย่างสนุกนะค่ะ! นักท่องเที่ยว: ผมจะทำตามนั้นครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ ขอให้คุณมีวันที่ดีนะครับ! นักศึกษา: คุณก็เช่นกันค่ะ เดินทางปลอดภัยนะค่ะ! Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Palace (พาเลซ) noun. แปลว่า พระราชวัง Intersection (อินเทอร์เซคชัน) noun. แปลว่า สี่แยก Landmark (แลนด์มาร์ค) noun. แปลว่า จุดสังเกต Road (โรด) noun. แปลว่า ถนน Entrance (เอนทรานซ์) noun. แปลว่า ทางเข้า Corner (คอร์เนอร์) noun. แปลว่า มุมถนน Taxi (แท็กซี่) noun. แปลว่า รถแท็กซี่ Walk (วอล์ค) verb. แปลว่า เดิน Turn (เทิร์น) verb. แปลว่า เลี้ยว Straight (สเตรท) adverb. แปลว่า ตรง Left (เลฟท์) adjective. แปลว่า ซ้าย Right (ไรท์) adjective. แปลว่า ขวา Head (เฮด) verb. แปลว่า มุ่งหน้า Minute (มินิท) noun. แปลว่า นาที Safe (เซฟ) adjective. แปลว่า ปลอดภัย
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • อนาคตสถานีลพบุรี

    โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ระยะทาง 145 กิโลเมตร มูลค่าโครงการ 21,467 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างตั้งแต่กลางปี 2561 ในที่สุดสัญญาที่ 1 ช่วงบ้านกลับ-โคกกะเทียม (ทางรถไฟยกระดับ) ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อเดือน ก.ย. 2567 ส่วนสัญญาที่ 2 ท่าแค-ปากน้ำโพ คืบหน้า 98.26% คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน พ.ย. 2567 และสัญญาที่ 3 งานระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม (ST8) คืบหน้า 49.59% คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ก.ค. 2568

    สำหรับไฮไลต์ของโครงการอยู่ที่สัญญาที่ 1 เป็นการก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ใหม่ ระยะทาง 29 กิโลเมตร เพื่อป้องกันผลกระทบต่อโบราณสถานอย่างพระปรางค์สามยอด มีจุดเริ่มต้นทางทิศใต้ของสถานีบ้านกลับ เบี่ยงออกทางด้านทิศตะวันตกของเมืองลพบุรี และยกระดับบนแนวเกาะกลางถนนของทางหลวงหมายเลข 366 (ถนนเลี่ยงเมืองลพบุรี) ระยะทาง 19 กิโลเมตร ก่อนลดระดับลง บรรจบแนวเส้นทางรถไฟเดิม ระหว่างสถานีท่าแค และสถานีโคกกะเทียม

    พร้อมปรับปรุงสถานีรถไฟบ้านกลับ โดยอนุรักษ์อาคารเดิมไว้ และก่อสร้างสถานีรถไฟลพบุรี 2 บริเวณถนนเลี่ยงเมืองลพบุรี ก่อนถึงแยกสนามไชย ต.โพลาดแก้ว อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี เป็นโครงสร้างขนาดใหญ่ 3 ชั้น ประกอบด้วยชั้น 1 ที่จอดรถ ชั้น 2 พื้นที่จำหน่ายตั๋วและรองรับผู้โดยสาร ชั้น 3 ชานชาลา

    อย่างไรก็ตาม เนื่องจากที่ตั้งสถานีรถไฟลพบุรี 2 อยู่ห่างจากสถานีรถไฟลพบุรี ต.ท่าหิน อ.เมืองฯ จ.ลพบุรี ประมาณ 9 กิโลเมตร ตามแผนของกระทรวงคมนาคม จะให้รถไฟชานเมือง กรุงเทพ (หัวลำโพง)-ลพบุรี และรถไฟท้องถิ่น พิษณุโลก-ลพบุรี ทั้งไปและกลับ จอดที่สถานีเดิม นอกนั้นทั้งรถไฟธรรมดา รถเร็ว รถด่วน รถด่วนพิเศษ ย้ายไปให้บริการที่สถานีลพบุรี 2 แห่งใหม่

    แน่นอนว่าย่อมมีผู้ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปที่ต้องอาศัยรถไฟธรรมดา สายพิษณุโลก สายตะพานหิน สายนครสวรรค์ และสายบ้านตาคลี มายังสถานีลพบุรี ไม่นับรวมกรณีรถไฟทางไกลสายเหนือ ต้องไปใช้บริการที่สถานีลพบุรี 2 มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงพอหรือไม่ มีรถรับส่งผู้โดยสารไปยังตัวเมืองลพบุรีหรือไม่ บริการฟรีหรือเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ภาระตกอยู่กับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น

    ขณะนี้สถานีรถไฟลพบุรี ได้ทำทำแบบสำรวจเพื่อประกอบการจัดทำแผนในการเดินขบวนรถไฟโดยสาร ที่ให้บริการระหว่างสถานีลพบุรี (เดิม) และสถานีลพบุรี 2 เพื่อรับทราบถึงความคิดเห็น ความต้องการ ข้อดีข้อเสีย และผลกระทบที่ได้รับ สามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่ Google Form https://forms.gle/8HG7zhG7gheZBaSW6 หรือที่ช่องจำหน่ายตั๋วโดยสาร สถานีรถไฟลพบุรี

    #Newskit #สถานีลพบุรี #รถไฟทางคู่
    อนาคตสถานีลพบุรี โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ระยะทาง 145 กิโลเมตร มูลค่าโครงการ 21,467 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างตั้งแต่กลางปี 2561 ในที่สุดสัญญาที่ 1 ช่วงบ้านกลับ-โคกกะเทียม (ทางรถไฟยกระดับ) ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อเดือน ก.ย. 2567 ส่วนสัญญาที่ 2 ท่าแค-ปากน้ำโพ คืบหน้า 98.26% คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน พ.ย. 2567 และสัญญาที่ 3 งานระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม (ST8) คืบหน้า 49.59% คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ก.ค. 2568 สำหรับไฮไลต์ของโครงการอยู่ที่สัญญาที่ 1 เป็นการก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ใหม่ ระยะทาง 29 กิโลเมตร เพื่อป้องกันผลกระทบต่อโบราณสถานอย่างพระปรางค์สามยอด มีจุดเริ่มต้นทางทิศใต้ของสถานีบ้านกลับ เบี่ยงออกทางด้านทิศตะวันตกของเมืองลพบุรี และยกระดับบนแนวเกาะกลางถนนของทางหลวงหมายเลข 366 (ถนนเลี่ยงเมืองลพบุรี) ระยะทาง 19 กิโลเมตร ก่อนลดระดับลง บรรจบแนวเส้นทางรถไฟเดิม ระหว่างสถานีท่าแค และสถานีโคกกะเทียม พร้อมปรับปรุงสถานีรถไฟบ้านกลับ โดยอนุรักษ์อาคารเดิมไว้ และก่อสร้างสถานีรถไฟลพบุรี 2 บริเวณถนนเลี่ยงเมืองลพบุรี ก่อนถึงแยกสนามไชย ต.โพลาดแก้ว อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี เป็นโครงสร้างขนาดใหญ่ 3 ชั้น ประกอบด้วยชั้น 1 ที่จอดรถ ชั้น 2 พื้นที่จำหน่ายตั๋วและรองรับผู้โดยสาร ชั้น 3 ชานชาลา อย่างไรก็ตาม เนื่องจากที่ตั้งสถานีรถไฟลพบุรี 2 อยู่ห่างจากสถานีรถไฟลพบุรี ต.ท่าหิน อ.เมืองฯ จ.ลพบุรี ประมาณ 9 กิโลเมตร ตามแผนของกระทรวงคมนาคม จะให้รถไฟชานเมือง กรุงเทพ (หัวลำโพง)-ลพบุรี และรถไฟท้องถิ่น พิษณุโลก-ลพบุรี ทั้งไปและกลับ จอดที่สถานีเดิม นอกนั้นทั้งรถไฟธรรมดา รถเร็ว รถด่วน รถด่วนพิเศษ ย้ายไปให้บริการที่สถานีลพบุรี 2 แห่งใหม่ แน่นอนว่าย่อมมีผู้ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปที่ต้องอาศัยรถไฟธรรมดา สายพิษณุโลก สายตะพานหิน สายนครสวรรค์ และสายบ้านตาคลี มายังสถานีลพบุรี ไม่นับรวมกรณีรถไฟทางไกลสายเหนือ ต้องไปใช้บริการที่สถานีลพบุรี 2 มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงพอหรือไม่ มีรถรับส่งผู้โดยสารไปยังตัวเมืองลพบุรีหรือไม่ บริการฟรีหรือเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ภาระตกอยู่กับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น ขณะนี้สถานีรถไฟลพบุรี ได้ทำทำแบบสำรวจเพื่อประกอบการจัดทำแผนในการเดินขบวนรถไฟโดยสาร ที่ให้บริการระหว่างสถานีลพบุรี (เดิม) และสถานีลพบุรี 2 เพื่อรับทราบถึงความคิดเห็น ความต้องการ ข้อดีข้อเสีย และผลกระทบที่ได้รับ สามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่ Google Form https://forms.gle/8HG7zhG7gheZBaSW6 หรือที่ช่องจำหน่ายตั๋วโดยสาร สถานีรถไฟลพบุรี #Newskit #สถานีลพบุรี #รถไฟทางคู่
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..แปลกนะ,ถ้ากรณีซื้อกินซื้อใช้เบื้องต้นแบบนี้,เครือข่ายขายตรงมีมากมายเลยล่ะ,คนไปสมัครสมาชิกเสียตังหลักร้อยหลักพันหลักหมื่นหรือหลักแสนหลักล้านเนียนๆเลยล่ะ,อาทิขายตรงที่เห็นชัดจากฝรั่งตะวันตกโซนท่านลอร์ดเหมือนกันก็แอมเวย์นี้ล่ะตรึม,นักศึกษา&ชาวบ้านเสียตังเสียเงินเสียทองเสียเวลากันมากมาย,สิ้นอายุสมาชิกก็ตัดออกจากระบบแล้ว,หัวได้เต็มๆแน่ๆไม่ได้ต่างจากพวกนี้หรอก,mlmควรไม่มีในประเทศไทยจริงๆ ขายฝันบวกรักษายอดในตัวแบบสไตล์ทาสกิจการพื้นๆอยู่แล้ว ไม่ทำงาน หยุดก็หลุดออกจากระบบ,คนมาก่อนได้เต็มยึดทั้งทางตรงทางอ้อม ติดสายบ้าง ต่อตรงระดับบนบ้าง พวกเหี้ยนี้ออกแบบระบบโง่ๆที่ไหน เนียนๆแบบอ้างกฎหมายว่าถูกกฎหมายโน้น,ถ้ายึดอำนาจแล้วเขียนกฎหมายใหม่ว่า ขายตรงยกเลิกในประเทศไทยทุกๆกิจการเครือข่ายจะเป็นแบบไหนนะ,ท่านลอร์ดคงไม่ปลื้มด้วยแน่ๆ,ในไทยมีกิจการขายตรงเยอะจริงๆ.ไม่รวมสไตล์เงินบุญด้วยนะ.,ขัดแข้งขัดขาธุรกิจท่านลอร์ดก็สามารถไปวัดได้เหมือนกันนะ.ร่ำรวยมืด ร่ำรวยใต้ดินไม่เป็นข่าว ร่ำรวยแปลก หลอกสายตรงหน้าบ้านก็กิจการเครือข่ายขายตรงนี้ล่ะ,มีทั้งอ้างตนว่าจดทะเบียนถูกกฎหมายก็เพราะไปเปิดช่องให้มันนั้นล่ะ,ส่วนไม่ถูกกฎหมายยิ่งอนาถก็ยังสามารถหลอกลวงได้เสรีปกติ,ตังแบงค์ชาติสามารถเห็นกระแสการเคลื่อนไหวผิดปกติเข้าบัญชีใครถึงคนไหนบ้าง ดูได้หมดล่ะ,ประเทศไทยเราส่วนมากจะเขียนกฎหมายให้โจรมาปล้นอย่างสนุกสนานแบบชอบธรรม&ถูกกฎหมายได้ด้วยโน้น บทพิสูจน์ว่ามีจริงชัดเจนคือกฎหมายพรบ.ปิโตรเลียมบ่อน้ำมันไทยเรานี้ล่ะ,เขียนโคตรชั่วและสุดยอดของความสาระเลวในบรรดานักกฎหมายที่โคตรเหง้าวงศ์ตระกูลที่เลวทรยศแผ่นดินไทยช่วงสมัยเขียนกฎหมายปิโตรเลียนปฐมบทนั้น,ยกบ่อน้ำมันบนแผ่นดินไทยตนแท้ๆให้ต่างชาติทำแดกเต็มที่โดยเฉพาะฝรั่งตะวันตกชัดเจนและของจริง ย่อชัดๆคือยิวอเมริกาท่านลอร์ดมัน,ยึดบ่อน้ำมันไทยไปหมดสิ้น คนไทยใช้น้ำมันราคาโคตรแพงไง ส่งผลกระทบค่าครองชีพเสาหลักทั้งแผ่นดินหรือแพงทัังประเทศนั้นเอง,อิหร่านขายลิตรละ1-2บาทแบบเพียวๆไม่เติมเอทานอลอะไร,จะดีเชลหรือจะเบนชินลิตรละ1-2บาทแค่นั้นในปัจจุบัน ไทย4ลิตร100 ยุคเหี้ยๆ2ลิตร100กันเลยแถวบ้านนอก,ราคาอ้างอิงสิงคโปร์โคตรพ่อมัน,ขี้ข้าสิงคโปร์ตามท่านลอร์ดสั่งอีก,ภาคใต้คงเร็วๆนี้จะยึดเอาละมั้ง พม่า&โรฮิงญาตรึม แขกมุสลิมcia&unจัดตั้งอีกเพรียบจะยึดภาคใต้เราก็ว่าทั้งทองคำทั้งบ่อน้ำมันทัังแลนด์บริดจ์ท่านลอร์ดจะยึดครองเองเบ็ดเสร็จจริงจังในยุคสมัยนี้พะนะ,unรับรองเองอนุมัติให้ประเทศไทยต้องเลี้ยงดูคนพม่าโน้น,แทรกแซงคดียุบพรรคก้าวไกลแบบออกหน้าออกตาอีก,สมควรที่จีนบวกรัสเชียบวกอาหรับบวกเกาหลีเหนือถล่มฝรั่งตะวันตกจริงๆโลกไม่มียักษ์ฝรั่งเหล่านี้ก็อยู่กันได้สบาย,ไปแทรกแซงปั่นป่วนทุกๆชาติ&แย่งชิงทรัพยากรชาติคนอื่นไปทั่ว,สันดานและนิสัยเลวลงถึงdnaจริง,การกำจัดสายพันธุ์หนักโลกนี้ผสมแรปทีเลี่ยนไฮบริดจ์อีกอนาถจริงๆฝรั่งพวกสาระเลวนี้.
    ..สรุปเครือข่ายขายตรงทั้งหมดที่มีบนแผ่นดินไทยสมควรยุบพรบ.ขายตรงเสีย,ให้พวกมันขายคืนทรัพย์สินแล้วจ่ายชดเชยสมาชิกมันในคนไทยทั้งหมดไปแล้วถีบออกจากแผ่นดินไทยเสีย,เราอยู่แบบพอเพียงตามพ่อร.9ได้สบาย,ถ้าเกิดสงครามโลกที่3จริงเร็วๆนี้ยอดขายจะทำไม่ได้ต่อเดือนหรือต่อปี ความซวยที่ไร้ยอดขายคือดาวน์ไลน์ตัวเล็กที่สมัครเข้าไปฝหม่เหยื่อตัวใหม่ช่วงทดลองงานมันหรือคนไทยเก่าๆก็เถอะไร้ยอดขายช่วงสงครามจบแน่ หลุดจากเป็นคนเครือข่ายมัน ตังเงินพวกมันก็ยึดครองเข้าระบบมันอีกเพราะดาวน์ไลน์พวกนี้ทำได้ไม่ตามเงื่อนไข อ้างข้อกฎหมายและกฎกติกาในกิจการมันเขียนเองนั้นล่ะ,สินค้าซื้อมาตุนหรือรอขาย ขายไม่ออกเพราะทุกๆคนเก็บตังไว้ใช้ในความจำเป็นช่วงภัยพิบัติโลก,หัวสายขายโปร แม่สายพ่อสายมันหอบตังหอบเงินร่ำรวยไปอย่างสบายล่ะ,เนียนๆไม่เถื่อนๆแบบพวกนี้หรอก,มีกฎหมายรองรับโว้ย,ดังนั้นยุบ&ฉีกพรบ.ขายตรง แล้วให้ทุกๆกิจการขายตรงในไทยคืนตังแก่สมาชิกมันไปทั้งหมด,กอบโกยกำไรร่ำรวยมหาศาลหลายสิบปีแล้วในไทยเรานี้,ฉีกรัฐธรรมนูญยังฉีกยังกับเศษกระดาษ ปี57ล่าสุดฉีกให้เห็นชัดเจนแล้ว,ไม่ฉีกพรบ.ปิโตรเลียมกฎหมายลูกด้วยเลยตัวทาสชัดๆ,ฉีกตอนนั้นแผ่นดินไทยจะสุดยอดแห่งความเป็นไทและได้อิสระภาพอธิปไตยด้านความมั่นคงทางพลังงานกลับมาด้วยโน้น,ยึดอำนาจเสียของมากๆ.
    ..แปลกนะ,ถ้ากรณีซื้อกินซื้อใช้เบื้องต้นแบบนี้,เครือข่ายขายตรงมีมากมายเลยล่ะ,คนไปสมัครสมาชิกเสียตังหลักร้อยหลักพันหลักหมื่นหรือหลักแสนหลักล้านเนียนๆเลยล่ะ,อาทิขายตรงที่เห็นชัดจากฝรั่งตะวันตกโซนท่านลอร์ดเหมือนกันก็แอมเวย์นี้ล่ะตรึม,นักศึกษา&ชาวบ้านเสียตังเสียเงินเสียทองเสียเวลากันมากมาย,สิ้นอายุสมาชิกก็ตัดออกจากระบบแล้ว,หัวได้เต็มๆแน่ๆไม่ได้ต่างจากพวกนี้หรอก,mlmควรไม่มีในประเทศไทยจริงๆ ขายฝันบวกรักษายอดในตัวแบบสไตล์ทาสกิจการพื้นๆอยู่แล้ว ไม่ทำงาน หยุดก็หลุดออกจากระบบ,คนมาก่อนได้เต็มยึดทั้งทางตรงทางอ้อม ติดสายบ้าง ต่อตรงระดับบนบ้าง พวกเหี้ยนี้ออกแบบระบบโง่ๆที่ไหน เนียนๆแบบอ้างกฎหมายว่าถูกกฎหมายโน้น,ถ้ายึดอำนาจแล้วเขียนกฎหมายใหม่ว่า ขายตรงยกเลิกในประเทศไทยทุกๆกิจการเครือข่ายจะเป็นแบบไหนนะ,ท่านลอร์ดคงไม่ปลื้มด้วยแน่ๆ,ในไทยมีกิจการขายตรงเยอะจริงๆ.ไม่รวมสไตล์เงินบุญด้วยนะ.,ขัดแข้งขัดขาธุรกิจท่านลอร์ดก็สามารถไปวัดได้เหมือนกันนะ.ร่ำรวยมืด ร่ำรวยใต้ดินไม่เป็นข่าว ร่ำรวยแปลก หลอกสายตรงหน้าบ้านก็กิจการเครือข่ายขายตรงนี้ล่ะ,มีทั้งอ้างตนว่าจดทะเบียนถูกกฎหมายก็เพราะไปเปิดช่องให้มันนั้นล่ะ,ส่วนไม่ถูกกฎหมายยิ่งอนาถก็ยังสามารถหลอกลวงได้เสรีปกติ,ตังแบงค์ชาติสามารถเห็นกระแสการเคลื่อนไหวผิดปกติเข้าบัญชีใครถึงคนไหนบ้าง ดูได้หมดล่ะ,ประเทศไทยเราส่วนมากจะเขียนกฎหมายให้โจรมาปล้นอย่างสนุกสนานแบบชอบธรรม&ถูกกฎหมายได้ด้วยโน้น บทพิสูจน์ว่ามีจริงชัดเจนคือกฎหมายพรบ.ปิโตรเลียมบ่อน้ำมันไทยเรานี้ล่ะ,เขียนโคตรชั่วและสุดยอดของความสาระเลวในบรรดานักกฎหมายที่โคตรเหง้าวงศ์ตระกูลที่เลวทรยศแผ่นดินไทยช่วงสมัยเขียนกฎหมายปิโตรเลียนปฐมบทนั้น,ยกบ่อน้ำมันบนแผ่นดินไทยตนแท้ๆให้ต่างชาติทำแดกเต็มที่โดยเฉพาะฝรั่งตะวันตกชัดเจนและของจริง ย่อชัดๆคือยิวอเมริกาท่านลอร์ดมัน,ยึดบ่อน้ำมันไทยไปหมดสิ้น คนไทยใช้น้ำมันราคาโคตรแพงไง ส่งผลกระทบค่าครองชีพเสาหลักทั้งแผ่นดินหรือแพงทัังประเทศนั้นเอง,อิหร่านขายลิตรละ1-2บาทแบบเพียวๆไม่เติมเอทานอลอะไร,จะดีเชลหรือจะเบนชินลิตรละ1-2บาทแค่นั้นในปัจจุบัน ไทย4ลิตร100 ยุคเหี้ยๆ2ลิตร100กันเลยแถวบ้านนอก,ราคาอ้างอิงสิงคโปร์โคตรพ่อมัน,ขี้ข้าสิงคโปร์ตามท่านลอร์ดสั่งอีก,ภาคใต้คงเร็วๆนี้จะยึดเอาละมั้ง พม่า&โรฮิงญาตรึม แขกมุสลิมcia&unจัดตั้งอีกเพรียบจะยึดภาคใต้เราก็ว่าทั้งทองคำทั้งบ่อน้ำมันทัังแลนด์บริดจ์ท่านลอร์ดจะยึดครองเองเบ็ดเสร็จจริงจังในยุคสมัยนี้พะนะ,unรับรองเองอนุมัติให้ประเทศไทยต้องเลี้ยงดูคนพม่าโน้น,แทรกแซงคดียุบพรรคก้าวไกลแบบออกหน้าออกตาอีก,สมควรที่จีนบวกรัสเชียบวกอาหรับบวกเกาหลีเหนือถล่มฝรั่งตะวันตกจริงๆโลกไม่มียักษ์ฝรั่งเหล่านี้ก็อยู่กันได้สบาย,ไปแทรกแซงปั่นป่วนทุกๆชาติ&แย่งชิงทรัพยากรชาติคนอื่นไปทั่ว,สันดานและนิสัยเลวลงถึงdnaจริง,การกำจัดสายพันธุ์หนักโลกนี้ผสมแรปทีเลี่ยนไฮบริดจ์อีกอนาถจริงๆฝรั่งพวกสาระเลวนี้. ..สรุปเครือข่ายขายตรงทั้งหมดที่มีบนแผ่นดินไทยสมควรยุบพรบ.ขายตรงเสีย,ให้พวกมันขายคืนทรัพย์สินแล้วจ่ายชดเชยสมาชิกมันในคนไทยทั้งหมดไปแล้วถีบออกจากแผ่นดินไทยเสีย,เราอยู่แบบพอเพียงตามพ่อร.9ได้สบาย,ถ้าเกิดสงครามโลกที่3จริงเร็วๆนี้ยอดขายจะทำไม่ได้ต่อเดือนหรือต่อปี ความซวยที่ไร้ยอดขายคือดาวน์ไลน์ตัวเล็กที่สมัครเข้าไปฝหม่เหยื่อตัวใหม่ช่วงทดลองงานมันหรือคนไทยเก่าๆก็เถอะไร้ยอดขายช่วงสงครามจบแน่ หลุดจากเป็นคนเครือข่ายมัน ตังเงินพวกมันก็ยึดครองเข้าระบบมันอีกเพราะดาวน์ไลน์พวกนี้ทำได้ไม่ตามเงื่อนไข อ้างข้อกฎหมายและกฎกติกาในกิจการมันเขียนเองนั้นล่ะ,สินค้าซื้อมาตุนหรือรอขาย ขายไม่ออกเพราะทุกๆคนเก็บตังไว้ใช้ในความจำเป็นช่วงภัยพิบัติโลก,หัวสายขายโปร แม่สายพ่อสายมันหอบตังหอบเงินร่ำรวยไปอย่างสบายล่ะ,เนียนๆไม่เถื่อนๆแบบพวกนี้หรอก,มีกฎหมายรองรับโว้ย,ดังนั้นยุบ&ฉีกพรบ.ขายตรง แล้วให้ทุกๆกิจการขายตรงในไทยคืนตังแก่สมาชิกมันไปทั้งหมด,กอบโกยกำไรร่ำรวยมหาศาลหลายสิบปีแล้วในไทยเรานี้,ฉีกรัฐธรรมนูญยังฉีกยังกับเศษกระดาษ ปี57ล่าสุดฉีกให้เห็นชัดเจนแล้ว,ไม่ฉีกพรบ.ปิโตรเลียมกฎหมายลูกด้วยเลยตัวทาสชัดๆ,ฉีกตอนนั้นแผ่นดินไทยจะสุดยอดแห่งความเป็นไทและได้อิสระภาพอธิปไตยด้านความมั่นคงทางพลังงานกลับมาด้วยโน้น,ยึดอำนาจเสียของมากๆ.
    อวสานดิไอคอนกรุ๊ป

    การจับกุมผู้ต้องหา 18 ราย ที่มีส่วนพัวพันกับ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด นำโดย นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล รวมทั้งดารานักแสดงอย่าง นายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือบอสแซม น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี หรือบอสมิน และนายกันต์ กันตถาวร หรือบอสกัน ตามหมายจับของศาลอาญา ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ แม้จะยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาแชร์ลูกโซ่ ตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ปี 2527 แต่เมื่อมีผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก ตำรวจจึงเตรียมคัดค้านการประกันตัวในชั้นศาล

    ก่อนหน้านี้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ประกาศอายัดทรัพย์สินของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล นายณิชพน ทองมี น.ส.ฐิตตญา หงษ์อุปถุมภ์ไชย และนายกันต์ กันตถาวร ได้แก่ เงินในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ (พอร์ตหุ้น) บัญชีกระแสรายวัน บัญชีออมทรัพย์ และบัญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและสินทรัพย์ดิจิทัล 11 รายการ รวม 125.54 ล้านบาท ล่าสุดกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าอายัดที่ดิน 63 ไร่ ริมถนนเลียบมอเตอร์เวย์กาญจนาภิเษก ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ที่จะก่อสร้างดิไอคอนซิตี้ หอประชุม บ้านของผู้บริหาร และอาคารศูนย์การเรียนรู้ออนไลน์

    การจับกุมผู้บริหาร รวมทั้งการอายัดทรัพย์สินเบื้องต้นเหล่านี้ แม้กระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยเป็นระบบกล่าวหา และตามหลักกฎหมายทุกคนที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญา จะต้องได้รับการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริสุทธิ์จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าผิดจริง แต่ชื่อเสียงของดิไอคอนกรุ๊ป ล่มสลายมาตั้งแต่วันที่สื่อมวลชนอย่างนายกรรชัย กำเนิดพลอย เปิดประเด็น ซึ่งพบว่ามีผู้เสียหายเกิดขึ้นจริง เพราะหลงเชื่อวิธีการของแม่ทีมที่ใช้การสอนการตลาดออนไลน์บังหน้า แต่เบื้องหลังชักชวนให้เปิดบิล ตั้งแต่หลักพันถึงหลักล้านบาท ทำให้สิ้นเนื้อประดาตัว บางคนต้องจบชีวิตตัวเองไปเลยก็มี

    ในวันนี้บิลบอร์ดดิไอคอนกรุ๊ปที่ทุ่มซื้อโฆษณากว่า 500 ล้านบาท ทั้งอาคารสูง ป้ายโฆษณาทั่วประเทศ และโฆษณาบนรถเมล์กรุงเทพฯ ถูกถอดออกหมดแล้ว เหลือแม่ข่ายและลูกข่ายรวมแล้วกว่า 368,257 คน ตั้งแต่ระดับดิสทริบิวเตอร์ 285,833 คน ซึ่งเน้นซื้อกินซื้อใช้ ซูเปอร์ไวเซอร์ 43,976 คน มินิดีลเลอร์ 6,476 คน ที่เปิดบิลประมาณ 50,000 บาท และดีลเลอร์ที่เปิดบิล 250,000 บาท จำนวน 31,972 คน เหลือไว้เพียงแค่สินค้าที่ยังเหลืออยู่ และอนาคตบรรดาแม่ข่ายที่อาจต้องแยกย้ายกันไป ปิดตำนานความยิ่งใหญ่ที่ขายฝันคนไทยมานานถึง 7 ปี

    #Newskit #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheIconGroup
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯมีความกังวลต่อรายงานข่าวที่ว่าทหารเกาหลีเหนือกำลังสู้รบเคียงข้างรัสเซียในยูเครน จากความเห็นของโฆษกทำเนียบขาวรายหนึ่งในวันอังคาร(15ต.ค.) ขณะเดียวกันสื่อมวลชนแห่งรัฐของเปียงยาง คุยโวว่ามีคนหนุ่มสาวมากกว่า 1.4 ล้านคนที่เข้าร่วมหรือกลับสู่กองทัพในสัปดาห์นี้ พร้อมความมุ่งมั่นทำลายอริศัตรู

    ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในสัปดาห์นี้ กล่าวหาเกาหลีเหนือ โอนถ่ายบุคลากรไปยังกองทัพรัสเซีย อ้างบรรดาหน่วยข่าวกรองบรรยายสรุปกับเขา เกี่ยวกับความเกี่ยวข้องที่แท้จริงของเกาหลีเหนือในสงครามในยูเครน

    เครมลิน ออกมาปฏิเสธคำกล่าวอ้างดังกล่าว โดยบอกว่ามันเป็น "ข่าวปลอม"

    ฌอน ซาเวตต์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลงว่า ความเกี่ยวข้องของทหารเกาหลีเหนือในยูเครน ถ้าเป็นจริง มันจะบ่งชี้ว่าเกาหลีเหนือและรัสเซียได้ยกระดับความสัมพันธ์ทางกลาโหมขึ้นอย่างมาก"

    "และความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะบ่งชี้เช่นกันถึงระดับความสิ้นหวังครั้งใหม่ของรัสเซีย ในขณะที่พวกเขาเผชิญกับความสูญเสียอย่างมากอย่างต่อเนื่อง ในสมรภูมิรบในสงครามป่าเถื่อนของพวกเขากับยูเครน" โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ

    วอชิงตันเคยกล่าวอ้างว่าเกาหลีเหนือจัดหาขีปนาวุธและกระสุนแก่รัสเซีย กระตุ้นให้ทางมอสโกและเปียงยางออกมาปฏิเสธ แต่ทั้ง 2 ชาติประกาศยกระดับความสัมพันธ์ทางทหาร ในนั้นรวมถึงความเป็นไปได้ที่จะจัดการซ้อมรบร่วม

    ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดที่ร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ สื่อมวลชนแห่งรัฐของเกาหลีเหนือรายงานในวันพุธ(16ต.ค.) ว่ามีคนหนุ่มสาวมากกว่า 1.4 ล้านคน ในนั้นรวมถึงพวกนักศึกษาและเจ้าหน้าที่จากองค์กรเยาวชน ที่เข้าร่วมหรือกลับสู่กองทัพในสัปดาห์นี้

    เคซีเอ็นเอรายงานว่าคนหนุ่มสาวเหล่านี้มีความมุ่งมั่นในการ "ทำสงครามศักดิ์สิทธิ์ ทำลายล้างศัตรูด้วยอาวุธแห่งการปฏิวัติ"

    รอยเตอร์ระบุว่า เกาหลีเหนือมักกล่าวอ้างมีคนหนุ่มสาวมากกว่า 1 ล้านคน เข้าร่วมในกองทัพสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ราวๆ 1 หรือ 2 วัน ในแทบทุกๆครั้งที่ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีพุ่งสูง

    เมื่อปีที่แล้ว สื่อมวลชนเกาหลีเหนือรายงานคำกล่าวอ้างแบบเดียวกัน ว่ามีพลเมืองเข้าร่วมกองทัพ เพื่อสู้รบกับสหรัฐฯ

    เกาหลีเหนือได้ระเบิดทำลายถนนและทางรถไฟเชื่อมต่อสองเกาหลีในฝั่งของตนเอง ตามแนวชายแดนที่มีการคุ้มกันอย่างหนาแน่นระหว่าง 2 ชาติเกาหลีในวันอังคาร(15ต.ค.) กระตุ้นให้กองทัพเกาหลีใต้ต้องทำการยิงเตือน

    กองทัพประชาชนเกาหลีเหนือแถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่ามาตรการนี้จะช่วยแยกดินแดนเกาหลีเหนือจากเกาหลีใต้โดยสิ้นเชิง

    ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นจากความเดือดดาล โดยเกาหลีเหนือกล่าวหาเกาหลีใต้ ส่งโดรนบินเข้าไปมายังกรุงเปียงบาง ขณะที่ 2 ชาติเกาหลี มีปัญหากระทบกระทั่งกันเกี่ยวกับการปล่อยบอลลูนขยะของเกาหลีเหนือมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เปียงยางบอกว่าปฏิบัติการดังกล่าวเป็นการตอบโต้บอลลูนแพร่กระจายใบปลิวต่อต้านระบอบคิม จองอึน ที่ปล่อยออกมาโดยเกาหลีใต้

    "ถ้าสงครามปะทุขึ้น เกาหลีใต้จะถูกกำจัดออกจากแผนที่ ถ้าพวกเขาต้องการสงคราม เราจะทำให้ความมีอยู่ของพวกเขาถึงจุดจบ" เคซีเอ็นเอรายงาน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000099601
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯมีความกังวลต่อรายงานข่าวที่ว่าทหารเกาหลีเหนือกำลังสู้รบเคียงข้างรัสเซียในยูเครน จากความเห็นของโฆษกทำเนียบขาวรายหนึ่งในวันอังคาร(15ต.ค.) ขณะเดียวกันสื่อมวลชนแห่งรัฐของเปียงยาง คุยโวว่ามีคนหนุ่มสาวมากกว่า 1.4 ล้านคนที่เข้าร่วมหรือกลับสู่กองทัพในสัปดาห์นี้ พร้อมความมุ่งมั่นทำลายอริศัตรู ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในสัปดาห์นี้ กล่าวหาเกาหลีเหนือ โอนถ่ายบุคลากรไปยังกองทัพรัสเซีย อ้างบรรดาหน่วยข่าวกรองบรรยายสรุปกับเขา เกี่ยวกับความเกี่ยวข้องที่แท้จริงของเกาหลีเหนือในสงครามในยูเครน เครมลิน ออกมาปฏิเสธคำกล่าวอ้างดังกล่าว โดยบอกว่ามันเป็น "ข่าวปลอม" ฌอน ซาเวตต์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลงว่า ความเกี่ยวข้องของทหารเกาหลีเหนือในยูเครน ถ้าเป็นจริง มันจะบ่งชี้ว่าเกาหลีเหนือและรัสเซียได้ยกระดับความสัมพันธ์ทางกลาโหมขึ้นอย่างมาก" "และความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะบ่งชี้เช่นกันถึงระดับความสิ้นหวังครั้งใหม่ของรัสเซีย ในขณะที่พวกเขาเผชิญกับความสูญเสียอย่างมากอย่างต่อเนื่อง ในสมรภูมิรบในสงครามป่าเถื่อนของพวกเขากับยูเครน" โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ วอชิงตันเคยกล่าวอ้างว่าเกาหลีเหนือจัดหาขีปนาวุธและกระสุนแก่รัสเซีย กระตุ้นให้ทางมอสโกและเปียงยางออกมาปฏิเสธ แต่ทั้ง 2 ชาติประกาศยกระดับความสัมพันธ์ทางทหาร ในนั้นรวมถึงความเป็นไปได้ที่จะจัดการซ้อมรบร่วม ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดที่ร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ สื่อมวลชนแห่งรัฐของเกาหลีเหนือรายงานในวันพุธ(16ต.ค.) ว่ามีคนหนุ่มสาวมากกว่า 1.4 ล้านคน ในนั้นรวมถึงพวกนักศึกษาและเจ้าหน้าที่จากองค์กรเยาวชน ที่เข้าร่วมหรือกลับสู่กองทัพในสัปดาห์นี้ เคซีเอ็นเอรายงานว่าคนหนุ่มสาวเหล่านี้มีความมุ่งมั่นในการ "ทำสงครามศักดิ์สิทธิ์ ทำลายล้างศัตรูด้วยอาวุธแห่งการปฏิวัติ" รอยเตอร์ระบุว่า เกาหลีเหนือมักกล่าวอ้างมีคนหนุ่มสาวมากกว่า 1 ล้านคน เข้าร่วมในกองทัพสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ราวๆ 1 หรือ 2 วัน ในแทบทุกๆครั้งที่ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีพุ่งสูง เมื่อปีที่แล้ว สื่อมวลชนเกาหลีเหนือรายงานคำกล่าวอ้างแบบเดียวกัน ว่ามีพลเมืองเข้าร่วมกองทัพ เพื่อสู้รบกับสหรัฐฯ เกาหลีเหนือได้ระเบิดทำลายถนนและทางรถไฟเชื่อมต่อสองเกาหลีในฝั่งของตนเอง ตามแนวชายแดนที่มีการคุ้มกันอย่างหนาแน่นระหว่าง 2 ชาติเกาหลีในวันอังคาร(15ต.ค.) กระตุ้นให้กองทัพเกาหลีใต้ต้องทำการยิงเตือน กองทัพประชาชนเกาหลีเหนือแถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่ามาตรการนี้จะช่วยแยกดินแดนเกาหลีเหนือจากเกาหลีใต้โดยสิ้นเชิง ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นจากความเดือดดาล โดยเกาหลีเหนือกล่าวหาเกาหลีใต้ ส่งโดรนบินเข้าไปมายังกรุงเปียงบาง ขณะที่ 2 ชาติเกาหลี มีปัญหากระทบกระทั่งกันเกี่ยวกับการปล่อยบอลลูนขยะของเกาหลีเหนือมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เปียงยางบอกว่าปฏิบัติการดังกล่าวเป็นการตอบโต้บอลลูนแพร่กระจายใบปลิวต่อต้านระบอบคิม จองอึน ที่ปล่อยออกมาโดยเกาหลีใต้ "ถ้าสงครามปะทุขึ้น เกาหลีใต้จะถูกกำจัดออกจากแผนที่ ถ้าพวกเขาต้องการสงคราม เราจะทำให้ความมีอยู่ของพวกเขาถึงจุดจบ" เคซีเอ็นเอรายงาน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000099601 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1024 มุมมอง 0 รีวิว
  • อินเดียเริ่มรู้แล้วว่าชาติไหนที่สร้างกลุ่มก่อการร้ายป่วนอินเดียและบังกลาเทศ:

    ตอนนี้ รัฐบาลอินเดียเริ่มรู้แล้วว่าชาตินักล่าอาณานิคมตะวันตกตัวยงแห่งยุคสร้างกลุ่มก่อการร้ายชื่อ Hizb-ut-Tahrir เพื่อป่วนอินเดียและบังกลาเทศ สร้างเสร็จแล้ว ก็ส่งสมาชิกที่พวกตนฝึกให้เข้าไปเป็นนักศึกษา จัดตั้งเครือข่ายภายในมหาวิทยาลัยต่างๆ ของประเทศที่เป็นเป้าหมายเพื่อสร้างและปลุกระดมมวลชน ให้นักศึกษาเหล่านีจัดกิจกรรมป่วนรัฐบาลเพื่อหาทางแบ่งแยกดินแดน

    ขณะนี้ ประเทศนักล่าอาณานิคมตัวยงกำลังอยากตั้งฐานทัพที่บังกลาเทศเพื่อปิดล้อมจีนฝั่งมหาสมุทรอินเดีย

    เมืองไทยก็เช่นกันครับ ผมสันนิษฐานมานานว่ากลุ่มก่อการร้าย BRN ก็น่าจะถูกชาตินักล่าอาณานิคมนี่แหละจัดตั้ง ภายใต้การบงการของกลุ่มยิวไซออนิสต์ ไม่ใช่มุสลิมแท้ เป็นกลุ่มก่อการร้ายที่สายลับชาตินักล่าอาณานิคมจัดตั้งขึ้นมา มุสลิมที่ปักหลักอยู่ในประเทศไทยมานาน กับกลุ่มมุสลิมที่อพยพเข้ามาใหม่สาย BRN จึงมีนิสัยแตกต่างกันมาก และพวกนี้ก็มี NGOs สายตะวันตกคอยช่วยเหลือด้วย

    โดยปรกติ รัฐบาลรัสเซีย เกาหลีเหนือ อิหร่านและจีนไม่ค่อยนิยมเจรจากับกลุ่มก่อการร้าย มีแต่กวาดล้างอย่างเดียว ในขณะที่กลุ่มชาตินักล่าอาณานิคมตะวันตก เน้นเจรจากับกลุ่มก่อการร้ายเพราะพวกตนเป็นคนสร้างกลุ่มก่อการร้ายขึ้นมาเอง จึงไม่ต้องการให้รัฐบาลไหนๆ ปราบอย่างเด็ดขาด จึงต้องเขียนตำราให้ใช้วิธีเจรจาแทน เพื่อมิให้กลุ่มก่อการร้ายถูกกวาดล้างโดยง่าย เห็นได้จากกลุ่มก่อการร้ายในประเทศอาฟริกาซึ่งปราบเท่าไหร่ก็ไม่หมดสักที รัฐบาลอาฟริกาหลายประเทศต้องให้รัสเซียส่งกลุ่มวากเนอร์มาช่วยปราบจึงหมดลงได้
    ประเทศไทยในขณะนี้ ผมสงสัยว่าสถานการณ์กำลังอยู่ในลักษณะว่า

    ๑. มีกลุ่มก่อการร้ายซึ่งผมสันนิษฐานว่าชาตินักล่าอาณานิคมตัวยงสร้างขึ้น ต่อหน้าสาธารณชนเป็นกลุ่มมุสลิมเทียมแต่เบื้องหลังคือกลุ่มก่อการร้าย

    ๒.มีนักวิชาการที่ปรึกษาความมั่นคงที่จบจากตะวันตกคอยให้คำแนะนำรัฐบาล เน้นเจรจากับกลุ่มก่อการร้ายแทนการปราบปราม

    ๓.มีรัฐบาลและทหารที่โปรตะวันตกใช้ตำราปราบกลุ่มก่อการร้ายแบบตะวันตกมาแก้ปัญหา กลุ่มก่อการร้ายในภาคใต้ก็เลยไม่หมดสักที

    หรือปล่าว? ผมแค่สันนิษฐานเอาจากแง่มุมหนึ่งนะครับ


    ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์

    อินเดียเริ่มรู้แล้วว่าชาติไหนที่สร้างกลุ่มก่อการร้ายป่วนอินเดียและบังกลาเทศ: ตอนนี้ รัฐบาลอินเดียเริ่มรู้แล้วว่าชาตินักล่าอาณานิคมตะวันตกตัวยงแห่งยุคสร้างกลุ่มก่อการร้ายชื่อ Hizb-ut-Tahrir เพื่อป่วนอินเดียและบังกลาเทศ สร้างเสร็จแล้ว ก็ส่งสมาชิกที่พวกตนฝึกให้เข้าไปเป็นนักศึกษา จัดตั้งเครือข่ายภายในมหาวิทยาลัยต่างๆ ของประเทศที่เป็นเป้าหมายเพื่อสร้างและปลุกระดมมวลชน ให้นักศึกษาเหล่านีจัดกิจกรรมป่วนรัฐบาลเพื่อหาทางแบ่งแยกดินแดน ขณะนี้ ประเทศนักล่าอาณานิคมตัวยงกำลังอยากตั้งฐานทัพที่บังกลาเทศเพื่อปิดล้อมจีนฝั่งมหาสมุทรอินเดีย เมืองไทยก็เช่นกันครับ ผมสันนิษฐานมานานว่ากลุ่มก่อการร้าย BRN ก็น่าจะถูกชาตินักล่าอาณานิคมนี่แหละจัดตั้ง ภายใต้การบงการของกลุ่มยิวไซออนิสต์ ไม่ใช่มุสลิมแท้ เป็นกลุ่มก่อการร้ายที่สายลับชาตินักล่าอาณานิคมจัดตั้งขึ้นมา มุสลิมที่ปักหลักอยู่ในประเทศไทยมานาน กับกลุ่มมุสลิมที่อพยพเข้ามาใหม่สาย BRN จึงมีนิสัยแตกต่างกันมาก และพวกนี้ก็มี NGOs สายตะวันตกคอยช่วยเหลือด้วย โดยปรกติ รัฐบาลรัสเซีย เกาหลีเหนือ อิหร่านและจีนไม่ค่อยนิยมเจรจากับกลุ่มก่อการร้าย มีแต่กวาดล้างอย่างเดียว ในขณะที่กลุ่มชาตินักล่าอาณานิคมตะวันตก เน้นเจรจากับกลุ่มก่อการร้ายเพราะพวกตนเป็นคนสร้างกลุ่มก่อการร้ายขึ้นมาเอง จึงไม่ต้องการให้รัฐบาลไหนๆ ปราบอย่างเด็ดขาด จึงต้องเขียนตำราให้ใช้วิธีเจรจาแทน เพื่อมิให้กลุ่มก่อการร้ายถูกกวาดล้างโดยง่าย เห็นได้จากกลุ่มก่อการร้ายในประเทศอาฟริกาซึ่งปราบเท่าไหร่ก็ไม่หมดสักที รัฐบาลอาฟริกาหลายประเทศต้องให้รัสเซียส่งกลุ่มวากเนอร์มาช่วยปราบจึงหมดลงได้ ประเทศไทยในขณะนี้ ผมสงสัยว่าสถานการณ์กำลังอยู่ในลักษณะว่า ๑. มีกลุ่มก่อการร้ายซึ่งผมสันนิษฐานว่าชาตินักล่าอาณานิคมตัวยงสร้างขึ้น ต่อหน้าสาธารณชนเป็นกลุ่มมุสลิมเทียมแต่เบื้องหลังคือกลุ่มก่อการร้าย ๒.มีนักวิชาการที่ปรึกษาความมั่นคงที่จบจากตะวันตกคอยให้คำแนะนำรัฐบาล เน้นเจรจากับกลุ่มก่อการร้ายแทนการปราบปราม ๓.มีรัฐบาลและทหารที่โปรตะวันตกใช้ตำราปราบกลุ่มก่อการร้ายแบบตะวันตกมาแก้ปัญหา กลุ่มก่อการร้ายในภาคใต้ก็เลยไม่หมดสักที หรือปล่าว? ผมแค่สันนิษฐานเอาจากแง่มุมหนึ่งนะครับ ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว
  • เธอเราใช่ใครอื่น!! นักศึกษาจีน..เรียนรู้ชุมชนจีนปักษ์ใต้!! 11/10/67 #นักศึกษาจีน #ชุมชนจีนปักษ์ใต้ #นักเรียนแลกเปลี่ยน
    เธอเราใช่ใครอื่น!! นักศึกษาจีน..เรียนรู้ชุมชนจีนปักษ์ใต้!! 11/10/67 #นักศึกษาจีน #ชุมชนจีนปักษ์ใต้ #นักเรียนแลกเปลี่ยน
    Like
    15
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1354 มุมมอง 565 0 รีวิว
  • ผลสำรวจในหลายประเทศแสดงให้เห็นว่าคนจ้างงานส่วนใหญ่ ไม่อยากรับคนวัย Gen Z เข้าทำงาน หรือหากรับเข้าทำงานแล้วก็ถูกไล่ออกหลังจากทำงานได้แค่ไม่กี่เดือน โดยให้เหตุผลว่า Gen Z ทำงานไม่เป็น ไม่มีความเป็นมืออาชีพ ไม่ตั้งใจทำงาน คิดอะไรเองไม่เป็น มีปัญหาด้านการสื่อสาร และไร้มารยาทในที่ทำงาน

    บริษัทในสหรัฐฯ 1 ใน 7 เปิดเผยว่าอาจจะต้องหยุดรับนักศึกษาจบใหม่เข้าทำงานตั้งแต่ปีหน้า ขณะที่บางบริษัทบอกว่านักศึกษาจบใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำงานควรเข้าคอร์สอบรมเรื่องมารยาทในออฟฟิศและการพูดคุยกับผู้อื่นก่อนที่จะเริ่มงาน

    New York Post ลงบทความเรื่อง Gen Z can’t cope with life or hold down a job ซึ่งแปลว่า Gen Z รับมือกับชีวิตหรือทำงานที่ไหนก็ไม่ได้ เผยสาเหตุหลักที่ทำให้ คน Gen Z ทั่วโลกกลายเป็นแบบนี้ เป็นเพราะสภาพสังคมและการเลี้ยงดูที่แตกต่างจากคนยุคก่อน เราจะเห็นว่าพ่อแม่ยุคใหม่เลี้ยงดูลูกแบบประคบประหงม ไม่เคยสอนลูกให้รู้จักความลำบาก หรือความรับผิดชอบใดๆ ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ เด็กไม่เคยถูกสอนให้รับมือกับความผิดหวัง เราจะเห็นว่าการแข่งขันกีฬา หรือการแข่งขันดนตรีสำหรับเด็กๆ สมัยนี้ จะต้องมีรางวัลให้เด็กทุกคนที่เข้าร่วม เพื่อไม่ให้เด็กที่แพ้การแข่งขันต้องเสียใจ แต่การทำแบบนี้ ทำให้เด็กไม่ได้เรียนรู้เรื่องแพ้ชนะ และไม่เคยเรียนรู้เรื่องความผิดหวัง และนั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกของความเป็นจริง ที่ซึ่งบางครั้งเราก็เป็นผู้ชนะ บางครั้งเราก็เป็นผู้แพ้ เด็กทุกคนควรจะเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ชนะที่ดีและเป็นผู้แพ้ที่ดี ซึ่งเรื่องพวกนี้ต้องค่อยๆ เรียนรู้ตั้งแต่ยังเล็ก หากไม่เคยเรียนรู้เรื่องพวกนี้มาก่อน พอโตมาเป็นผู้ใหญ่แล้ว เจอกับความผิดหวัง ก็จะรับมือทางอารมณ์ไม่ทัน

    การที่ Gen Z เติบโตมากับโลกดิจิทัลและโซเชียลมีเดีย ที่ติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นผ่านหน้าจอด้วยการส่งข้อความตลอดเวลา ทำให้คนรุ่นนี้ไม่มีทักษะการพูดคุยกับคนที่อยู่ตรงหน้า หลายคนไม่กล้าหรืออึดอัดที่จะต้องพูดคุยกับคนอื่น เลือกคำพูดไม่ถูก จับใจความไม่ได้ ใช้คำพูดห้วนๆ สีหน้านิ่งเฉย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องไร้มารยาทในการพูดคุยกับผู้อื่น เรื่องนี้ทำให่คน Gen Z จำนวนมาก มีปัญหาในการทำงานร่วมกับคนอื่นในที่ทำงาน

    ตอกย้ำด้วยค่านิยมของ Gen Z ที่ให้ความสำคัญกับความสบายใจของตัวเองเป็นอันดับแรก ถ้าหากพวกเขาเจอกับหัวหน้า เพื่อนร่วมงานที่ไม่ชอบ ไม่ถูกใจ พวกเขาก็จะไม่ทนทำงานต่อ หรือหากเจอกับคำพูดที่ฟังแล้วไม่สบายใจเพียงนิดเดียว ก็จะปิดหูไม่ทนฟังอีกต่อไป ตรงนี้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาตัวเอง และทำให้คน Gen Z ทำงานที่ไหนก็ไม่ได้

    ตรงนี้ ก็ไม่ใช่เพราะคน Gen Z เป็นคนอุปนิสัยแบบนี้โดยสายเลือด แต่เป็นเพราะสภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดูของพ่อแม่ที่ไม่ได้เตรียมความพร้อมให้เด็กรุ่นใหม่ได้เจอกับโลกของการทำงาน ไม่เคยสอนให้เด็กรู้จักเรื่องความผิดหวัง ความรับผิดชอบ และความไม่แน่นอนของชีวิต ในบางครั้งเราต้องย้ำเตือนให้เด็กรุ่นใหม่เรียนรู้คุณค่าของความพยายาม การทำงานหนัก และชีวิตนั้นเต็มไปด้วยอุปสรรคและความผิดหวังที่ทุกคนต้องฟันฝ่าเพื่อไปให้ถึงจุดหมายที่เราตั้งเอาไว้
    —————
    TNNWorldNews
    ผลสำรวจในหลายประเทศแสดงให้เห็นว่าคนจ้างงานส่วนใหญ่ ไม่อยากรับคนวัย Gen Z เข้าทำงาน หรือหากรับเข้าทำงานแล้วก็ถูกไล่ออกหลังจากทำงานได้แค่ไม่กี่เดือน โดยให้เหตุผลว่า Gen Z ทำงานไม่เป็น ไม่มีความเป็นมืออาชีพ ไม่ตั้งใจทำงาน คิดอะไรเองไม่เป็น มีปัญหาด้านการสื่อสาร และไร้มารยาทในที่ทำงาน บริษัทในสหรัฐฯ 1 ใน 7 เปิดเผยว่าอาจจะต้องหยุดรับนักศึกษาจบใหม่เข้าทำงานตั้งแต่ปีหน้า ขณะที่บางบริษัทบอกว่านักศึกษาจบใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำงานควรเข้าคอร์สอบรมเรื่องมารยาทในออฟฟิศและการพูดคุยกับผู้อื่นก่อนที่จะเริ่มงาน New York Post ลงบทความเรื่อง Gen Z can’t cope with life or hold down a job ซึ่งแปลว่า Gen Z รับมือกับชีวิตหรือทำงานที่ไหนก็ไม่ได้ เผยสาเหตุหลักที่ทำให้ คน Gen Z ทั่วโลกกลายเป็นแบบนี้ เป็นเพราะสภาพสังคมและการเลี้ยงดูที่แตกต่างจากคนยุคก่อน เราจะเห็นว่าพ่อแม่ยุคใหม่เลี้ยงดูลูกแบบประคบประหงม ไม่เคยสอนลูกให้รู้จักความลำบาก หรือความรับผิดชอบใดๆ ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ เด็กไม่เคยถูกสอนให้รับมือกับความผิดหวัง เราจะเห็นว่าการแข่งขันกีฬา หรือการแข่งขันดนตรีสำหรับเด็กๆ สมัยนี้ จะต้องมีรางวัลให้เด็กทุกคนที่เข้าร่วม เพื่อไม่ให้เด็กที่แพ้การแข่งขันต้องเสียใจ แต่การทำแบบนี้ ทำให้เด็กไม่ได้เรียนรู้เรื่องแพ้ชนะ และไม่เคยเรียนรู้เรื่องความผิดหวัง และนั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกของความเป็นจริง ที่ซึ่งบางครั้งเราก็เป็นผู้ชนะ บางครั้งเราก็เป็นผู้แพ้ เด็กทุกคนควรจะเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ชนะที่ดีและเป็นผู้แพ้ที่ดี ซึ่งเรื่องพวกนี้ต้องค่อยๆ เรียนรู้ตั้งแต่ยังเล็ก หากไม่เคยเรียนรู้เรื่องพวกนี้มาก่อน พอโตมาเป็นผู้ใหญ่แล้ว เจอกับความผิดหวัง ก็จะรับมือทางอารมณ์ไม่ทัน การที่ Gen Z เติบโตมากับโลกดิจิทัลและโซเชียลมีเดีย ที่ติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นผ่านหน้าจอด้วยการส่งข้อความตลอดเวลา ทำให้คนรุ่นนี้ไม่มีทักษะการพูดคุยกับคนที่อยู่ตรงหน้า หลายคนไม่กล้าหรืออึดอัดที่จะต้องพูดคุยกับคนอื่น เลือกคำพูดไม่ถูก จับใจความไม่ได้ ใช้คำพูดห้วนๆ สีหน้านิ่งเฉย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องไร้มารยาทในการพูดคุยกับผู้อื่น เรื่องนี้ทำให่คน Gen Z จำนวนมาก มีปัญหาในการทำงานร่วมกับคนอื่นในที่ทำงาน ตอกย้ำด้วยค่านิยมของ Gen Z ที่ให้ความสำคัญกับความสบายใจของตัวเองเป็นอันดับแรก ถ้าหากพวกเขาเจอกับหัวหน้า เพื่อนร่วมงานที่ไม่ชอบ ไม่ถูกใจ พวกเขาก็จะไม่ทนทำงานต่อ หรือหากเจอกับคำพูดที่ฟังแล้วไม่สบายใจเพียงนิดเดียว ก็จะปิดหูไม่ทนฟังอีกต่อไป ตรงนี้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาตัวเอง และทำให้คน Gen Z ทำงานที่ไหนก็ไม่ได้ ตรงนี้ ก็ไม่ใช่เพราะคน Gen Z เป็นคนอุปนิสัยแบบนี้โดยสายเลือด แต่เป็นเพราะสภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดูของพ่อแม่ที่ไม่ได้เตรียมความพร้อมให้เด็กรุ่นใหม่ได้เจอกับโลกของการทำงาน ไม่เคยสอนให้เด็กรู้จักเรื่องความผิดหวัง ความรับผิดชอบ และความไม่แน่นอนของชีวิต ในบางครั้งเราต้องย้ำเตือนให้เด็กรุ่นใหม่เรียนรู้คุณค่าของความพยายาม การทำงานหนัก และชีวิตนั้นเต็มไปด้วยอุปสรรคและความผิดหวังที่ทุกคนต้องฟันฝ่าเพื่อไปให้ถึงจุดหมายที่เราตั้งเอาไว้ ————— TNNWorldNews
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ต้นอ้อเป็นหนึ่งรีเทิร์น
    จากวีรสตรี สู่การเป็นกาลกิณี ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง จากอดีตตัวตึงพรรคสีส้ม สู่ลุคจิตอาสา
    เกาะหนุ่มกรรชัย จนเป็นที่รู้จักทั่วประเทศ กับภารกิจล้มลัตติ๊เชี่อมจิตเชื่อมใจ
    แต่กลับพบวีรกรรมสุดแสบ ทั้งการใช้วุฒิการศึกษาที่ไม่มีอยู่จริง ปริญญาตึกแถว แถมอ้างว่าดีกรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง
    อย่างไม่มีความละอาย โดยวีรกรรมนี้ได้รับการยืนยันจากปลดกระทรวงศึกษาธิการ ชัดเจน ฟันธง
    และยังต่ออีกยาวๆด้วยการทำอาชีพที่แสนซับซ้อน ทั้งจำหน่ายวุฒิ ที่ปัจจุบันก็ยังอยู่ในกระบวนการทางกฏหมาย เป็นคดีอาญา ทั้งเรื่องฉ้อโกง แต่ก็ต้องยอมรับในความเป็นนักขาย ทั้งตำแหน่ง แม้กระทั่งที่จอดรถ ในสภา ขอให้บอก ต้นอ้อจัดการได้หมด ถ้าเงินถึงอ้อก็พึ่งได้
    -แต่ความไม่ธรรมดา ทั้งที่คดียังอยู่คาศาล ต้นอ้อกลับได้รับเชิญ จากมหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร ไปเป็นวิทยากรบรรยาย เรื่อง “จะสร้างจิตอาสาได้อย่างไร” โอ้ว มาย ก๊อดดด เป็นที่กังขา ถึงการพิจารณาจากสภามหาวิทยาลัยของรัฐ ที่ใช้มาตรฐานใดในการพิจารณา คัดคนเข้าไปให้ความรู้กับนักศึกษา เป็นภาพที่ปรากฏต่อสายตาประชาชน ชาวไทย ที่ต้องอึ้งกันไปทั้งแผ่นดิน
    และนี่ ไม่ใช่ครั้งแรก ที่โลกมีความบิดเบี้ยว อาจมองภาพเพียงฉาบฉวย แค่หน้าตาที่ผ่านการใช้แอพ จากเหี่ยวๆเป็นเปรี้ยวปริ๊ดปร๊าด ก็ไม่เป็นที่แปลกใจ ขนาด นช.กลับมาถึงแผ่นดินไทย ลงจากตึกรพ.ตร.ชั้น 14 บินไปเชียงใหม่ ยังมีทั้งนักการเมือง ข้าราชการ ไปร่วมต้อนรับ ทั้งๆที่ในเวลานั้น ยังคงมีสถานการณ์เป็น นช.เต็มตัว
    หน้าตา ชื่อเสียง อำนาจ กลายเป็นสิ่งหอมหวนของกลุ่มคนที่ไร้ศักดิ์ศรี จนบางคนถึงขั้นคลานเข่าเข้ากราบนักโทษก็ยังมีให้เห็น
    นับประสาอะไร กับคนอย่างต้นอ้อ ที่มีวีรกรรม มีผู้เสียหายจำนวนมากที่ยังต้องรอรับความยุติธรรมจากระบบตุลาการ แต่กลับได้รับเชิญให้ไปบรรยายในมหาวิทยาลัยของรัฐ ที่เรียกว่าราชภัฏสถาบันที่ผลิตครู บ่มเพาะเยาวชนของชาติสู่การพัฒนาประเทศในรุ่นต่อๆไป บัลลัยไส้จริงๆ
    #คิงส์โพธิ์ดำ รายงาน
    #ต้นอ้อเป็นหนึ่งรีเทิร์น จากวีรสตรี สู่การเป็นกาลกิณี ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง จากอดีตตัวตึงพรรคสีส้ม สู่ลุคจิตอาสา เกาะหนุ่มกรรชัย จนเป็นที่รู้จักทั่วประเทศ กับภารกิจล้มลัตติ๊เชี่อมจิตเชื่อมใจ แต่กลับพบวีรกรรมสุดแสบ ทั้งการใช้วุฒิการศึกษาที่ไม่มีอยู่จริง ปริญญาตึกแถว แถมอ้างว่าดีกรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง อย่างไม่มีความละอาย โดยวีรกรรมนี้ได้รับการยืนยันจากปลดกระทรวงศึกษาธิการ ชัดเจน ฟันธง และยังต่ออีกยาวๆด้วยการทำอาชีพที่แสนซับซ้อน ทั้งจำหน่ายวุฒิ ที่ปัจจุบันก็ยังอยู่ในกระบวนการทางกฏหมาย เป็นคดีอาญา ทั้งเรื่องฉ้อโกง แต่ก็ต้องยอมรับในความเป็นนักขาย ทั้งตำแหน่ง แม้กระทั่งที่จอดรถ ในสภา ขอให้บอก ต้นอ้อจัดการได้หมด ถ้าเงินถึงอ้อก็พึ่งได้ -แต่ความไม่ธรรมดา ทั้งที่คดียังอยู่คาศาล ต้นอ้อกลับได้รับเชิญ จากมหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร ไปเป็นวิทยากรบรรยาย เรื่อง “จะสร้างจิตอาสาได้อย่างไร” โอ้ว มาย ก๊อดดด เป็นที่กังขา ถึงการพิจารณาจากสภามหาวิทยาลัยของรัฐ ที่ใช้มาตรฐานใดในการพิจารณา คัดคนเข้าไปให้ความรู้กับนักศึกษา เป็นภาพที่ปรากฏต่อสายตาประชาชน ชาวไทย ที่ต้องอึ้งกันไปทั้งแผ่นดิน และนี่ ไม่ใช่ครั้งแรก ที่โลกมีความบิดเบี้ยว อาจมองภาพเพียงฉาบฉวย แค่หน้าตาที่ผ่านการใช้แอพ จากเหี่ยวๆเป็นเปรี้ยวปริ๊ดปร๊าด ก็ไม่เป็นที่แปลกใจ ขนาด นช.กลับมาถึงแผ่นดินไทย ลงจากตึกรพ.ตร.ชั้น 14 บินไปเชียงใหม่ ยังมีทั้งนักการเมือง ข้าราชการ ไปร่วมต้อนรับ ทั้งๆที่ในเวลานั้น ยังคงมีสถานการณ์เป็น นช.เต็มตัว หน้าตา ชื่อเสียง อำนาจ กลายเป็นสิ่งหอมหวนของกลุ่มคนที่ไร้ศักดิ์ศรี จนบางคนถึงขั้นคลานเข่าเข้ากราบนักโทษก็ยังมีให้เห็น นับประสาอะไร กับคนอย่างต้นอ้อ ที่มีวีรกรรม มีผู้เสียหายจำนวนมากที่ยังต้องรอรับความยุติธรรมจากระบบตุลาการ แต่กลับได้รับเชิญให้ไปบรรยายในมหาวิทยาลัยของรัฐ ที่เรียกว่าราชภัฏสถาบันที่ผลิตครู บ่มเพาะเยาวชนของชาติสู่การพัฒนาประเทศในรุ่นต่อๆไป บัลลัยไส้จริงๆ #คิงส์โพธิ์ดำ รายงาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📸ขอเชิญน้องๆ นักเรียน นักศึกษา ระดับมัธยมศึกษา และอุดมศึกษา ร่วมส่งผลงานการประกวดภาพถ่ายสุดสร้างสรรค์🫶🏻

    🖼️ในหัวข้อ ”รส รำลึก : รสสัมผัสของความคิดถึง ผู้คน บรรยากาศ สถานที่” 📝เพื่อบันทึกภาพความทรงจำและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองโคราช สะท้อนให้เห็นบรรยากาศเก่าๆและรสชาติที่ที่คนโคราชเราคุ้นเคย จนอยากชวนเพื่อนๆ มาลองลิ้มชิมรสแบบคนโคราช🍲🥘🥗🧇🥙🍛

    💰ชิงเงินรางวัล รวมมูลค่ากว่า 50,000 บาท✨พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร จากนายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา🫶🏻

    📍รับสมัคร และกำหนดส่งผลงานได้ตั้งแต่วันที่ 7 – 27 ตุลาคม 2567 ในรูปแบบไฟล์ โดยการอัพโหลดไฟล์บนเว็บไซต์ฝากไฟล์ Google Drive และส่งLink สำหรับดาวน์โหลดผ่านทาง Email : tk.square.korat@gmail.com หรือส่งในรูปแบบ USB Drive ที่อุทยานการเรียนรู้นครราชสีมา (TK Square Korat) เลขที่ 310 ถนนชุมพล ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา

    💁‍♀️สามารถดาวโหลดใบสมัครและหลักเกณฑ์การประกวดได้ที่ลิ้งนี้นะคะ👇
    👉🏻ใบสมัคร https://drive.google.com/file/d/10_LoBqSLmWr7c6hqMAT2jvHmO2RKV6VM/view?usp=sharing

    👉🏻หลักเกณฑ์การประกวด https://drive.google.com/file/d/1e52lPxa1Gg83irt_fWwqjt_Ib06DZ_Mq/view?usp=sharing

    ☎️สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
    📞โทร 083-6659144
    📸ขอเชิญน้องๆ นักเรียน นักศึกษา ระดับมัธยมศึกษา และอุดมศึกษา ร่วมส่งผลงานการประกวดภาพถ่ายสุดสร้างสรรค์🫶🏻 🖼️ในหัวข้อ ”รส รำลึก : รสสัมผัสของความคิดถึง ผู้คน บรรยากาศ สถานที่” 📝เพื่อบันทึกภาพความทรงจำและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองโคราช สะท้อนให้เห็นบรรยากาศเก่าๆและรสชาติที่ที่คนโคราชเราคุ้นเคย จนอยากชวนเพื่อนๆ มาลองลิ้มชิมรสแบบคนโคราช🍲🥘🥗🧇🥙🍛 💰ชิงเงินรางวัล รวมมูลค่ากว่า 50,000 บาท✨พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร จากนายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา🫶🏻 📍รับสมัคร และกำหนดส่งผลงานได้ตั้งแต่วันที่ 7 – 27 ตุลาคม 2567 ในรูปแบบไฟล์ โดยการอัพโหลดไฟล์บนเว็บไซต์ฝากไฟล์ Google Drive และส่งLink สำหรับดาวน์โหลดผ่านทาง Email : tk.square.korat@gmail.com หรือส่งในรูปแบบ USB Drive ที่อุทยานการเรียนรู้นครราชสีมา (TK Square Korat) เลขที่ 310 ถนนชุมพล ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา 💁‍♀️สามารถดาวโหลดใบสมัครและหลักเกณฑ์การประกวดได้ที่ลิ้งนี้นะคะ👇 👉🏻ใบสมัคร https://drive.google.com/file/d/10_LoBqSLmWr7c6hqMAT2jvHmO2RKV6VM/view?usp=sharing 👉🏻หลักเกณฑ์การประกวด https://drive.google.com/file/d/1e52lPxa1Gg83irt_fWwqjt_Ib06DZ_Mq/view?usp=sharing ☎️สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม 📞โทร 083-6659144
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลสำรวจในหลายประเทศแสดงให้เห็นว่าคนจ้างงานส่วนใหญ่ ไม่อยากรับคนวัย Gen Z เข้าทำงาน หรือหากรับเข้าทำงานแล้วก็ถูกไล่ออกหลังจากทำงานได้แค่ไม่กี่เดือน โดยให้เหตุผลว่า Gen Z ทำงานไม่เป็น ไม่มีความเป็นมืออาชีพ ไม่ตั้งใจทำงาน คิดอะไรเองไม่เป็น มีปัญหาด้านการสื่อสาร และไร้มารยาทในที่ทำงาน

    บริษัทในสหรัฐฯ 1 ใน 7 เปิดเผยว่าอาจจะต้องหยุดรับนักศึกษาจบใหม่เข้าทำงานตั้งแต่ปีหน้า ขณะที่บางบริษัทบอกว่านักศึกษาจบใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำงานควรเข้าคอร์สอบรมเรื่องมารยาทในออฟฟิศและการพูดคุยกับผู้อื่นก่อนที่จะเริ่มงาน

    New York Post ลงบทความเรื่อง Gen Z can’t cope with life or hold down a job ซึ่งแปลว่า Gen Z รับมือกับชีวิตหรือทำงานที่ไหนก็ไม่ได้ เผยสาเหตุหลักที่ทำให้ คน Gen Z ทั่วโลกกลายเป็นแบบนี้ เป็นเพราะสภาพสังคมและการเลี้ยงดูที่แตกต่างจากคนยุคก่อน เราจะเห็นว่าพ่อแม่ยุคใหม่เลี้ยงดูลูกแบบประคบประหงม ไม่เคยสอนลูกให้รู้จักความลำบาก หรือความรับผิดชอบใดๆ ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ เด็กไม่เคยถูกสอนให้รับมือกับความผิดหวัง เราจะเห็นว่าการแข่งขันกีฬา หรือการแข่งขันดนตรีสำหรับเด็กๆ สมัยนี้ จะต้องมีรางวัลให้เด็กทุกคนที่เข้าร่วม เพื่อไม่ให้เด็กที่แพ้การแข่งขันต้องเสียใจ แต่การทำแบบนี้ ทำให้เด็กไม่ได้เรียนรู้เรื่องแพ้ชนะ และไม่เคยเรียนรู้เรื่องความผิดหวัง และนั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกของความเป็นจริง ที่ซึ่งบางครั้งเราก็เป็นผู้ชนะ บางครั้งเราก็เป็นผู้แพ้ เด็กทุกคนควรจะเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ชนะที่ดีและเป็นผู้แพ้ที่ดี ซึ่งเรื่องพวกนี้ต้องค่อยๆ เรียนรู้ตั้งแต่ยังเล็ก หากไม่เคยเรียนรู้เรื่องพวกนี้มาก่อน พอโตมาเป็นผู้ใหญ่แล้ว เจอกับความผิดหวัง ก็จะรับมือทางอารมณ์ไม่ทัน

    การที่ Gen Z เติบโตมากับโลกดิจิทัลและโซเชียลมีเดีย ที่ติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นผ่านหน้าจอด้วยการส่งข้อความตลอดเวลา ทำให้คนรุ่นนี้ไม่มีทักษะการพูดคุยกับคนที่อยู่ตรงหน้า หลายคนไม่กล้าหรืออึดอัดที่จะต้องพูดคุยกับคนอื่น เลือกคำพูดไม่ถูก จับใจความไม่ได้ ใช้คำพูดห้วนๆ สีหน้านิ่งเฉย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องไร้มารยาทในการพูดคุยกับผู้อื่น เรื่องนี้ทำให่คน Gen Z จำนวนมาก มีปัญหาในการทำงานร่วมกับคนอื่นในที่ทำงาน

    ตอกย้ำด้วยค่านิยมของ Gen Z ที่ให้ความสำคัญกับความสบายใจของตัวเองเป็นอันดับแรก ถ้าหากพวกเขาเจอกับหัวหน้า เพื่อนร่วมงานที่ไม่ชอบ ไม่ถูกใจ พวกเขาก็จะไม่ทนทำงานต่อ หรือหากเจอกับคำพูดที่ฟังแล้วไม่สบายใจเพียงนิดเดียว ก็จะปิดหูไม่ทนฟังอีกต่อไป ตรงนี้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาตัวเอง และทำให้คน Gen Z ทำงานที่ไหนก็ไม่ได้

    ตรงนี้ ก็ไม่ใช่เพราะคน Gen Z เป็นคนอุปนิสัยแบบนี้โดยสายเลือด แต่เป็นเพราะสภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดูของพ่อแม่ที่ไม่ได้เตรียมความพร้อมให้เด็กรุ่นใหม่ได้เจอกับโลกของการทำงาน ไม่เคยสอนให้เด็กรู้จักเรื่องความผิดหวัง ความรับผิดชอบ และความไม่แน่นอนของชีวิต ในบางครั้งเราต้องย้ำเตือนให้เด็กรุ่นใหม่เรียนรู้คุณค่าของความพยายาม การทำงานหนัก และชีวิตนั้นเต็มไปด้วยอุปสรรคและความผิดหวังที่ทุกคนต้องฟันฝ่าเพื่อไปให้ถึงจุดหมายที่เราตั้งเอาไว้
    —————
    ภาพ: Reuters
    TNNWorldNews
    ผลสำรวจในหลายประเทศแสดงให้เห็นว่าคนจ้างงานส่วนใหญ่ ไม่อยากรับคนวัย Gen Z เข้าทำงาน หรือหากรับเข้าทำงานแล้วก็ถูกไล่ออกหลังจากทำงานได้แค่ไม่กี่เดือน โดยให้เหตุผลว่า Gen Z ทำงานไม่เป็น ไม่มีความเป็นมืออาชีพ ไม่ตั้งใจทำงาน คิดอะไรเองไม่เป็น มีปัญหาด้านการสื่อสาร และไร้มารยาทในที่ทำงาน บริษัทในสหรัฐฯ 1 ใน 7 เปิดเผยว่าอาจจะต้องหยุดรับนักศึกษาจบใหม่เข้าทำงานตั้งแต่ปีหน้า ขณะที่บางบริษัทบอกว่านักศึกษาจบใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำงานควรเข้าคอร์สอบรมเรื่องมารยาทในออฟฟิศและการพูดคุยกับผู้อื่นก่อนที่จะเริ่มงาน New York Post ลงบทความเรื่อง Gen Z can’t cope with life or hold down a job ซึ่งแปลว่า Gen Z รับมือกับชีวิตหรือทำงานที่ไหนก็ไม่ได้ เผยสาเหตุหลักที่ทำให้ คน Gen Z ทั่วโลกกลายเป็นแบบนี้ เป็นเพราะสภาพสังคมและการเลี้ยงดูที่แตกต่างจากคนยุคก่อน เราจะเห็นว่าพ่อแม่ยุคใหม่เลี้ยงดูลูกแบบประคบประหงม ไม่เคยสอนลูกให้รู้จักความลำบาก หรือความรับผิดชอบใดๆ ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ เด็กไม่เคยถูกสอนให้รับมือกับความผิดหวัง เราจะเห็นว่าการแข่งขันกีฬา หรือการแข่งขันดนตรีสำหรับเด็กๆ สมัยนี้ จะต้องมีรางวัลให้เด็กทุกคนที่เข้าร่วม เพื่อไม่ให้เด็กที่แพ้การแข่งขันต้องเสียใจ แต่การทำแบบนี้ ทำให้เด็กไม่ได้เรียนรู้เรื่องแพ้ชนะ และไม่เคยเรียนรู้เรื่องความผิดหวัง และนั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกของความเป็นจริง ที่ซึ่งบางครั้งเราก็เป็นผู้ชนะ บางครั้งเราก็เป็นผู้แพ้ เด็กทุกคนควรจะเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ชนะที่ดีและเป็นผู้แพ้ที่ดี ซึ่งเรื่องพวกนี้ต้องค่อยๆ เรียนรู้ตั้งแต่ยังเล็ก หากไม่เคยเรียนรู้เรื่องพวกนี้มาก่อน พอโตมาเป็นผู้ใหญ่แล้ว เจอกับความผิดหวัง ก็จะรับมือทางอารมณ์ไม่ทัน การที่ Gen Z เติบโตมากับโลกดิจิทัลและโซเชียลมีเดีย ที่ติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นผ่านหน้าจอด้วยการส่งข้อความตลอดเวลา ทำให้คนรุ่นนี้ไม่มีทักษะการพูดคุยกับคนที่อยู่ตรงหน้า หลายคนไม่กล้าหรืออึดอัดที่จะต้องพูดคุยกับคนอื่น เลือกคำพูดไม่ถูก จับใจความไม่ได้ ใช้คำพูดห้วนๆ สีหน้านิ่งเฉย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องไร้มารยาทในการพูดคุยกับผู้อื่น เรื่องนี้ทำให่คน Gen Z จำนวนมาก มีปัญหาในการทำงานร่วมกับคนอื่นในที่ทำงาน ตอกย้ำด้วยค่านิยมของ Gen Z ที่ให้ความสำคัญกับความสบายใจของตัวเองเป็นอันดับแรก ถ้าหากพวกเขาเจอกับหัวหน้า เพื่อนร่วมงานที่ไม่ชอบ ไม่ถูกใจ พวกเขาก็จะไม่ทนทำงานต่อ หรือหากเจอกับคำพูดที่ฟังแล้วไม่สบายใจเพียงนิดเดียว ก็จะปิดหูไม่ทนฟังอีกต่อไป ตรงนี้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาตัวเอง และทำให้คน Gen Z ทำงานที่ไหนก็ไม่ได้ ตรงนี้ ก็ไม่ใช่เพราะคน Gen Z เป็นคนอุปนิสัยแบบนี้โดยสายเลือด แต่เป็นเพราะสภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดูของพ่อแม่ที่ไม่ได้เตรียมความพร้อมให้เด็กรุ่นใหม่ได้เจอกับโลกของการทำงาน ไม่เคยสอนให้เด็กรู้จักเรื่องความผิดหวัง ความรับผิดชอบ และความไม่แน่นอนของชีวิต ในบางครั้งเราต้องย้ำเตือนให้เด็กรุ่นใหม่เรียนรู้คุณค่าของความพยายาม การทำงานหนัก และชีวิตนั้นเต็มไปด้วยอุปสรรคและความผิดหวังที่ทุกคนต้องฟันฝ่าเพื่อไปให้ถึงจุดหมายที่เราตั้งเอาไว้ ————— ภาพ: Reuters TNNWorldNews
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • เลือดย่อมเข้มกว่าน้ำ

    หลังจากที่สหรัฐฯ ไม่อนุญาตให้นักเรียนชาวจีนไปเรียนที่สหรัฐอเมริกาอีกต่อไป และไม่อนุญาตให้ชาวจีนไปเรียนในสถาบันวิจัยสำคัญๆ ในสหรัฐฯ อีกต่อไป สหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นประเทศไฮเทคของโลกอย่างสหราชอาณาจักร ก็ตัดสินใจไม่อนุญาตอีกต่อไป ภาษาจีนเพื่อศึกษาความรู้ไฮเทคในสถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยของอังกฤษ

    ขณะนี้มีนักเรียนเกือบ 1,000 คนเข้ามาเรียนในสหราชอาณาจักรแล้ว และถูกจำกัดให้ออกจาก สหราชอาณาจักรภายในหนึ่งเดือน และกล่าวว่าเมื่อถูกไล่ออกจากโรงเรียนโดยรัฐบาลสหรัฐฯ สหราชอาณาจักรจะจำกัดไม่ให้นักเรียนเหล่านี้เข้าสหราชอาณาจักร

    บังเอิญญี่ปุ่นได้ประกาศข้อจำกัดที่เข้มงวดสำหรับนักเรียนชาวจีนจากการลงทะเบียนในวิชาที่มีเทคโนโลยีสูงของญี่ปุ่น ขับไล่นักเรียนชาวจีน 1,500 คนในโรงเรียน และนักเรียนชาวจีนที่มีประวัติการปฏิเสธวีซ่าจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นยังได้ติดตามและปฏิเสธที่จะให้วีซ่าเข้าประเทศแก่บุคคลเหล่านี้

    ในเวลาเดียวกัน กระทรวงศึกษาธิการของแคนาดาได้ประกาศขับไล่นักศึกษาชาวจีน 900 คน

    ออสเตรเลียขับไล่นักศึกษาชาวจีน 2,200 คน; นิวซีแลนด์ขับไล่นักเรียนชาวจีน 1,300 คน

    กระทรวงศึกษาธิการของฝรั่งเศสและเยอรมนีประกาศว่า การสมัครนักเรียนจีนเพื่อศึกษาต่อต่างประเทศจะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติการทบทวนอย่างเข้มงวดของสหรัฐอเมริกา

    จนถึงตอนนี้ มากกว่า 80% ของนักเรียนจีน 600,000 คนที่ต้องการสมัครเรียนต่อต่างประเทศจะถูกปฏิเสธวีซ่า นี่เป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวมากที่เกี่ยวข้องกับแผนพัฒนาในอนาคตของจีน

    ไบเดนสาบานที่จะป้องกันไม่ให้จีนมีอำนาจมากกว่าสหรัฐฯ

    เวลานี้เป็นช่วงของกระแสนักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าหัวกะทิหลั่งไหลกลับสู่มาตุภูมิบ้านเกิด

    1. มหาเศรษฐี หลี่ ไค ฟู่ (李开复) เป็นคนนำหน้า ทิ้งกรีนการ์ดกลับสู่ประเทศจีน ทำให้สหรัฐฯเสียหายถึง 1 แสน 3 หมื่น ล้านเหรียญ พร้อมทั้งประกาศว่าจะออกจากตลาดสหรัฐฯตลอดไป โดยบริษัทใหญ่ที่ทำการวิจัยถอนตัวออกจากหุบเขาซิลิคอน (ซิลิคอนแวลลีย์ 硅谷)ของสหรัฐฯ นำเงินทุนของบริษัท 95 % พร้อมทั้งเทคโนโลยีทั้งหมดกลับสู่ประเทศจีน การกระทำเช่นนี้ยังเป็นการชักจูงแบบโดมิโนให้คนเชื้อชาติจีนชั้นนำทยอยกลับประเทศมากขึ้นเรื่อยๆพร้อมทั้งนำเงินทุนกลับประเทศ มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    2. หยิ่น จื้อ หย๋าว (尹志尧) เทพแห่ง ซิลิคอนแวลลี่ย์ แม้ว่าทางสหรัฐฯจะเสนอเงินทองเงื่อนไขที่ดีเลิศเพียงใดก็มิอาจยับยั้งให้เขาที่มีความตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะกลับสู่ประเทศจีนได้ เขาถูกขนานนามว่า เป็นหนึ่งในคนเชื้อชาติจีนที่มีความสามารถอย่างยอดเยี่ยมคนหนึ่ง เป็นคนจีนที่ทางสหรัฐฯไม่อยากให้จากไปอย่างยิ่ง เขาไม่เพียงแค่นำพานักวิทยาศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมทางด้านไมโครชิพ 30 กว่าคน กลับไปด้วย เมื่อกลับถึงประเทศจีนแล้วเขายังเป็นผู้นำกลุ่มเอาชนะการผูกขาดทางเทคโนโลยี โดยสามารถสร้าง 5 nm Etching machine ได้สำเร็จ เปิดตำนานไมโครชิพขึ้นมาใหม่

    3. เสิ่น เซี่ยง หยาง ( 沈向洋 ) ทำงานทางด้าน microsoft ผ่านไป 23 ปี ก็กลับสู่มาตุภูมิ เขาเป็นคนจีนที่อยู่ในระดับชั้นสูงสุดของงานทางด้านนี้ผู้นำทางด้าน AI Microsoft การกลับประเทศของเขาถึงกลับทำให้ประเทศหรัฐฯสั่นคลอนแม้แต่ Bill Gates ยังรู้สึกเสียดาย ปัจจุบันเขาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย ต้าชิง สร้างบุคลากรทางด้าน AI ให้กับประเทศจีน

    4. เซี่ย เสี่ยว เกา ( 谢小高 ) ศึกษาและทำงานที่ต่างประเทศ 30 กว่าปี สุดท้ายยอมสละทิ้งตำแหน่งอาจารย์ของมหาวิทยาลัย Harvard มาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง เขาเป็นคนจีนที่ใด้รับรางวัลโนเบลคนหนึ่ง เป็นบุคคลผู้นำระหว่างประเทศทางด้านชีววิทยา ฟิสิกส์ เคมี การวิจัยพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ สหรัฐฯใช้เงินรางวัลถึง 40 ล้านเหรียญก็ไม่สามารถรั้งเข้าไว้ได้ หลังกลับประเทศเขาก็เริ่มเสนอการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเกี่ยวการวิจัยหลายรายการ นำพานักเรียนสู่การวิจัยที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง นักวิทยาศาสตร์จีนที่เก่งๆจำนวนมากทะยอยกลับประเทศจีนไม่ขาดสาย จะเป็นผลดีต่อประเทศเร็วขึ้น

    Cr: Boonchu Chung (羅文娟)
    จีนปฏิรูปการศึกษาต่อทันทีหลังคุมโควิด19ได้เบ็ดเสร็จแล้ว

    - ห้ามการสอบข้อเขียนในเด็กเล็ก, ลดการสอบต่างๆ, ลดการบ้าน, ให้บริษัทกวดวิชาเอกชนเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร, เลิกการมีห้องเรียนพิเศษสำหรับเด็กอัจฉริยะ, ลดเวลาการเล่มเกมของเด็ก, ปรับให้ครูไปรับตำแหน่งในร.ร. อื่นๆทุก 6 ปีป้องกันครูที่มีความรู้ความสามารถกระจุกตัวอยู่ในร.ร.บางแห่ง
    การปฏิรูปการศึกษาที่จีน

    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดิฉันทึ่งกับการแก้ปัญหาเรื่องการศึกษาของเด็กและเยาวชนในประเทศจีนเป็นอย่างมาก หลังจากติดตามข่าวคราวมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนมีมาตรการทางด้านการศึกษามาโดยตลอด เพียงแต่มาสะดุดช่วงเกิดโรคระบาดโควิด-19 ที่ทำให้ต้องไปแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

    เมื่อโรคระบาดโควิด-19 ในจีนได้รับการบริหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในเวลาอันรวดเร็ว สถานการณ์ดีขึ้น รัฐบาลจีนก็เดินหน้าปฏิรูปการศึกษาต่อทันที

    ล่าสุดกระทรวงศึกษาธิการของจีนประกาศห้ามการสอบข้อเขียนสำหรับเด็กที่มีอายุ 6-7 ปี เพราะการสอบที่มากเกินไปส่งผลให้นักเรียนต้องรับภาระหนักและอยู่ภายใต้ความกดดัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตใจและร่างกายอย่างมาก

    กฎระเบียบใหม่ยังจำกัดการสอบในชั้นปีอื่น ๆ ของการศึกษาภาคบังคับ ไม่ให้เกินภาคการศึกษาละ 1 ครั้ง และห้ามท้องถิ่นจัดสอบระดับภูมิภาค หรือระหว่างโรงเรียน สำหรับชั้นประถมศึกษาทั้งหมด

    ส่วนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่ยังไม่จบการศึกษา ห้ามโรงเรียนจัดสอบย่อยรายสัปดาห์ สอบย่อยรายวิชา รวมถึงสอบรายเดือน และห้ามเลี่ยงไปเปิดการสอบในชื่ออื่น ๆ ด้วย

    ถือเป็นการเดินหน้าแผนปฏิรูปการศึกษาเพื่อลดความกดดันต่อนักเรียน และพ่อแม่ในระบบโรงเรียนที่มีการแข่งขันสูง

    ที่ผ่านมาระบบการศึกษาของจีนมุ่งเน้นที่ผลสอบ กำหนดให้นักเรียนต้องเข้าสอบตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนตั้งแต่ปีแรก ไปจนถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัยสำหรับนักเรียนอายุ 18 ปี ที่เรียกกันในภาษาจีนว่า “เกาเข่า” ทำให้เกิดการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ประมาณว่าถ้าพลาดไปเพียงคะแนนเดียว ก็สามารถชี้ขาดอนาคตได้ ทำให้เกิดการแข่งขันกันอย่างหนัก และแย่งกันกวดวิชาสุดฤทธิ์

    และนั่นหมายความว่าเมื่อกระทรวงศึกษาของจีนประกาศปฏิรูปการศึกษาในทุกระดับ ก็ต้องรวมถึงแนวทางการจัดการโรงเรียนกวดวิชาด้วย โดยเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จีนได้สั่งให้บรรดาบริษัทกวดวิชาของเอกชนทั้งหมดแปลงเป็นองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร โดยให้สถาบันติวเตอร์เหล่านี้สอนบทเรียนได้เฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์วันละ 1 ชั่วโมง และห้ามสอนวิชาหลัก

    นี่ยังไม่นับรวมถึงนโยบายเรื่องครูในสถานศึกษา ที่ต้องให้สลับปรับเปลี่ยนกันไปรับตำแหน่งในโรงเรียนต่าง ๆ ทุก 6 ปี เพื่อป้องกันไม่ให้ครูที่มีความรู้ความสามารถกระจุกอยู่ในโรงเรียนระดับหัวกะทิบางแห่งเท่านั้น

    ที่สำคัญกว่านั้น ยังได้ออกตำเตือนไม่ให้โรงเรียนต่าง ๆ สร้างห้องเรียนพิเศษสำหรับเด็กที่มีพรสวรรค์ ประเภทห้องกิ๊ฟ(อัจฉริยะ) หรือห้องพิเศษใด ๆ

    และถ้าจำกันได้ เมื่อต้นปีกระทรวงศึกษาธิการบ้านเขาก็สั่งห้ามครูให้การบ้านแบบข้อเขียนสำหรับนักเรียนเกรด 1-2 รวมทั้งจำกัดการให้การบ้านนักเรียนมัธยมต้น ไม่ให้เกินวันละ 1.5 ชั่วโมง

    งานนี้เรียกว่าจีน “ยกเครื่อง” ปฏิรูปการศึกษาใหม่กันเลยทีเดียว โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาให้ได้

    เลิกการสอบข้อเขียนในเด็กเล็ก

    ลดการบ้านเด็ก

    ละ ไม่ให้มีห้องเรียนพิเศษ

    คุมร.ร.กวดวิชาไม่ให้แสวงผลกำไร

    ห้ามร.ร.จัดอันดับคะแนนสอบ

    ปรับครูทุก 6 ปี

    ล่าสุดทางการเมืองเซี่ยงไฮ้ประกาศยกเลิกการสอบปลายภาควิชาภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา เพื่อลดภาระของนักเรียนและผู้ปกครอง ตามเสียงเรียกร้องเพื่อลดการให้ความสำคัญกับการเรียนภาษาอังกฤษในโรงเรียนรัฐบาล หลังจากนี้นักเรียนประถมจะสอบปลายภาคเฉพาะวิชาภาษาจีนและคณิตศาสตร์ ส่วนวิชาอื่นรวมทั้งภาษาอังกฤษจะวัดผลจากการประเมินของครูผู้สอน โดยไม่มีคะแนนสอบ

    นี่ยังไม่นับเรื่องที่จีนออกกฎหมายบังคับให้เด็กและเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี เล่นเกมได้ไม่เกิน 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แค่ระหว่างเวลา 20.00-21.00 น. เฉพาะวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ในช่วงเปิดภาคเรียนเท่านั้น ส่วนช่วงปิดเทอม เด็กจะได้รับอนุญาตให้เล่นเกมออนไลน์ได้นานขึ้น แต่ยังจำกัดวันละ 60 นาที เป็นกฎใหม่ที่มีความพยายามเพื่อควบคุมพฤติกรรมเด็กติดเกมของจีน ที่ส่งผลต่อการศึกษาและชีวิตประจำวันของเด็กอย่างมาก

    ที่รวบรวมเรื่อง “ทึ่ง” เหล่านี้ขึ้นมา ก็เพราะ “อึ้ง” กับประเด็นปัญหาที่เหมือนในบ้านเราที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งยังไม่ได้รับการชำระสะสาง แม้จะผ่านการปฏิรูปการศึกษาครั้งแรกตั้งแต่ปี 2542 และปัญหาเหล่านี้ก็ยังดำรงอยู่

    ภาพที่สะท้อนชัดในบ้านเขาก็คือ การจัดการที่เด็ดขาด ลงมือทำทันที และแก้ปัญหาที่มีลักษณะโดมิโน่และส่งผลสัมพันธ์กันในเวลาที่ไล่เลี่ยแบบสอดรับกัน แม้จะยังไม่เห็นผล แต่สิ่งเหล่านี้คือข้อเรียกร้องที่เกิดขึ้นในบ้านเรามาตลอด

    และถ้าเรายังแก้ปัญหาทีละอย่าง เงื้อง่าทีละเรื่อง สุดท้ายก็แก้ปัญหาไม่ได้ซะที

    เล่าสู่กันฟังเฉย ๆ ไม่ได้คิดไม่ได้ฝันว่าจะเกิดขึ้นในบ้านเรา
    #ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน
    เลือดย่อมเข้มกว่าน้ำ หลังจากที่สหรัฐฯ ไม่อนุญาตให้นักเรียนชาวจีนไปเรียนที่สหรัฐอเมริกาอีกต่อไป และไม่อนุญาตให้ชาวจีนไปเรียนในสถาบันวิจัยสำคัญๆ ในสหรัฐฯ อีกต่อไป สหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นประเทศไฮเทคของโลกอย่างสหราชอาณาจักร ก็ตัดสินใจไม่อนุญาตอีกต่อไป ภาษาจีนเพื่อศึกษาความรู้ไฮเทคในสถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยของอังกฤษ ขณะนี้มีนักเรียนเกือบ 1,000 คนเข้ามาเรียนในสหราชอาณาจักรแล้ว และถูกจำกัดให้ออกจาก สหราชอาณาจักรภายในหนึ่งเดือน และกล่าวว่าเมื่อถูกไล่ออกจากโรงเรียนโดยรัฐบาลสหรัฐฯ สหราชอาณาจักรจะจำกัดไม่ให้นักเรียนเหล่านี้เข้าสหราชอาณาจักร บังเอิญญี่ปุ่นได้ประกาศข้อจำกัดที่เข้มงวดสำหรับนักเรียนชาวจีนจากการลงทะเบียนในวิชาที่มีเทคโนโลยีสูงของญี่ปุ่น ขับไล่นักเรียนชาวจีน 1,500 คนในโรงเรียน และนักเรียนชาวจีนที่มีประวัติการปฏิเสธวีซ่าจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นยังได้ติดตามและปฏิเสธที่จะให้วีซ่าเข้าประเทศแก่บุคคลเหล่านี้ ในเวลาเดียวกัน กระทรวงศึกษาธิการของแคนาดาได้ประกาศขับไล่นักศึกษาชาวจีน 900 คน ออสเตรเลียขับไล่นักศึกษาชาวจีน 2,200 คน; นิวซีแลนด์ขับไล่นักเรียนชาวจีน 1,300 คน กระทรวงศึกษาธิการของฝรั่งเศสและเยอรมนีประกาศว่า การสมัครนักเรียนจีนเพื่อศึกษาต่อต่างประเทศจะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติการทบทวนอย่างเข้มงวดของสหรัฐอเมริกา จนถึงตอนนี้ มากกว่า 80% ของนักเรียนจีน 600,000 คนที่ต้องการสมัครเรียนต่อต่างประเทศจะถูกปฏิเสธวีซ่า นี่เป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวมากที่เกี่ยวข้องกับแผนพัฒนาในอนาคตของจีน ไบเดนสาบานที่จะป้องกันไม่ให้จีนมีอำนาจมากกว่าสหรัฐฯ เวลานี้เป็นช่วงของกระแสนักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าหัวกะทิหลั่งไหลกลับสู่มาตุภูมิบ้านเกิด 1. มหาเศรษฐี หลี่ ไค ฟู่ (李开复) เป็นคนนำหน้า ทิ้งกรีนการ์ดกลับสู่ประเทศจีน ทำให้สหรัฐฯเสียหายถึง 1 แสน 3 หมื่น ล้านเหรียญ พร้อมทั้งประกาศว่าจะออกจากตลาดสหรัฐฯตลอดไป โดยบริษัทใหญ่ที่ทำการวิจัยถอนตัวออกจากหุบเขาซิลิคอน (ซิลิคอนแวลลีย์ 硅谷)ของสหรัฐฯ นำเงินทุนของบริษัท 95 % พร้อมทั้งเทคโนโลยีทั้งหมดกลับสู่ประเทศจีน การกระทำเช่นนี้ยังเป็นการชักจูงแบบโดมิโนให้คนเชื้อชาติจีนชั้นนำทยอยกลับประเทศมากขึ้นเรื่อยๆพร้อมทั้งนำเงินทุนกลับประเทศ มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง 2. หยิ่น จื้อ หย๋าว (尹志尧) เทพแห่ง ซิลิคอนแวลลี่ย์ แม้ว่าทางสหรัฐฯจะเสนอเงินทองเงื่อนไขที่ดีเลิศเพียงใดก็มิอาจยับยั้งให้เขาที่มีความตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะกลับสู่ประเทศจีนได้ เขาถูกขนานนามว่า เป็นหนึ่งในคนเชื้อชาติจีนที่มีความสามารถอย่างยอดเยี่ยมคนหนึ่ง เป็นคนจีนที่ทางสหรัฐฯไม่อยากให้จากไปอย่างยิ่ง เขาไม่เพียงแค่นำพานักวิทยาศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมทางด้านไมโครชิพ 30 กว่าคน กลับไปด้วย เมื่อกลับถึงประเทศจีนแล้วเขายังเป็นผู้นำกลุ่มเอาชนะการผูกขาดทางเทคโนโลยี โดยสามารถสร้าง 5 nm Etching machine ได้สำเร็จ เปิดตำนานไมโครชิพขึ้นมาใหม่ 3. เสิ่น เซี่ยง หยาง ( 沈向洋 ) ทำงานทางด้าน microsoft ผ่านไป 23 ปี ก็กลับสู่มาตุภูมิ เขาเป็นคนจีนที่อยู่ในระดับชั้นสูงสุดของงานทางด้านนี้ผู้นำทางด้าน AI Microsoft การกลับประเทศของเขาถึงกลับทำให้ประเทศหรัฐฯสั่นคลอนแม้แต่ Bill Gates ยังรู้สึกเสียดาย ปัจจุบันเขาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย ต้าชิง สร้างบุคลากรทางด้าน AI ให้กับประเทศจีน 4. เซี่ย เสี่ยว เกา ( 谢小高 ) ศึกษาและทำงานที่ต่างประเทศ 30 กว่าปี สุดท้ายยอมสละทิ้งตำแหน่งอาจารย์ของมหาวิทยาลัย Harvard มาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง เขาเป็นคนจีนที่ใด้รับรางวัลโนเบลคนหนึ่ง เป็นบุคคลผู้นำระหว่างประเทศทางด้านชีววิทยา ฟิสิกส์ เคมี การวิจัยพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ สหรัฐฯใช้เงินรางวัลถึง 40 ล้านเหรียญก็ไม่สามารถรั้งเข้าไว้ได้ หลังกลับประเทศเขาก็เริ่มเสนอการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเกี่ยวการวิจัยหลายรายการ นำพานักเรียนสู่การวิจัยที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง นักวิทยาศาสตร์จีนที่เก่งๆจำนวนมากทะยอยกลับประเทศจีนไม่ขาดสาย จะเป็นผลดีต่อประเทศเร็วขึ้น Cr: Boonchu Chung (羅文娟) จีนปฏิรูปการศึกษาต่อทันทีหลังคุมโควิด19ได้เบ็ดเสร็จแล้ว - ห้ามการสอบข้อเขียนในเด็กเล็ก, ลดการสอบต่างๆ, ลดการบ้าน, ให้บริษัทกวดวิชาเอกชนเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร, เลิกการมีห้องเรียนพิเศษสำหรับเด็กอัจฉริยะ, ลดเวลาการเล่มเกมของเด็ก, ปรับให้ครูไปรับตำแหน่งในร.ร. อื่นๆทุก 6 ปีป้องกันครูที่มีความรู้ความสามารถกระจุกตัวอยู่ในร.ร.บางแห่ง การปฏิรูปการศึกษาที่จีน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดิฉันทึ่งกับการแก้ปัญหาเรื่องการศึกษาของเด็กและเยาวชนในประเทศจีนเป็นอย่างมาก หลังจากติดตามข่าวคราวมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนมีมาตรการทางด้านการศึกษามาโดยตลอด เพียงแต่มาสะดุดช่วงเกิดโรคระบาดโควิด-19 ที่ทำให้ต้องไปแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เมื่อโรคระบาดโควิด-19 ในจีนได้รับการบริหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในเวลาอันรวดเร็ว สถานการณ์ดีขึ้น รัฐบาลจีนก็เดินหน้าปฏิรูปการศึกษาต่อทันที ล่าสุดกระทรวงศึกษาธิการของจีนประกาศห้ามการสอบข้อเขียนสำหรับเด็กที่มีอายุ 6-7 ปี เพราะการสอบที่มากเกินไปส่งผลให้นักเรียนต้องรับภาระหนักและอยู่ภายใต้ความกดดัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตใจและร่างกายอย่างมาก กฎระเบียบใหม่ยังจำกัดการสอบในชั้นปีอื่น ๆ ของการศึกษาภาคบังคับ ไม่ให้เกินภาคการศึกษาละ 1 ครั้ง และห้ามท้องถิ่นจัดสอบระดับภูมิภาค หรือระหว่างโรงเรียน สำหรับชั้นประถมศึกษาทั้งหมด ส่วนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่ยังไม่จบการศึกษา ห้ามโรงเรียนจัดสอบย่อยรายสัปดาห์ สอบย่อยรายวิชา รวมถึงสอบรายเดือน และห้ามเลี่ยงไปเปิดการสอบในชื่ออื่น ๆ ด้วย ถือเป็นการเดินหน้าแผนปฏิรูปการศึกษาเพื่อลดความกดดันต่อนักเรียน และพ่อแม่ในระบบโรงเรียนที่มีการแข่งขันสูง ที่ผ่านมาระบบการศึกษาของจีนมุ่งเน้นที่ผลสอบ กำหนดให้นักเรียนต้องเข้าสอบตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนตั้งแต่ปีแรก ไปจนถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัยสำหรับนักเรียนอายุ 18 ปี ที่เรียกกันในภาษาจีนว่า “เกาเข่า” ทำให้เกิดการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ประมาณว่าถ้าพลาดไปเพียงคะแนนเดียว ก็สามารถชี้ขาดอนาคตได้ ทำให้เกิดการแข่งขันกันอย่างหนัก และแย่งกันกวดวิชาสุดฤทธิ์ และนั่นหมายความว่าเมื่อกระทรวงศึกษาของจีนประกาศปฏิรูปการศึกษาในทุกระดับ ก็ต้องรวมถึงแนวทางการจัดการโรงเรียนกวดวิชาด้วย โดยเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จีนได้สั่งให้บรรดาบริษัทกวดวิชาของเอกชนทั้งหมดแปลงเป็นองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร โดยให้สถาบันติวเตอร์เหล่านี้สอนบทเรียนได้เฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์วันละ 1 ชั่วโมง และห้ามสอนวิชาหลัก นี่ยังไม่นับรวมถึงนโยบายเรื่องครูในสถานศึกษา ที่ต้องให้สลับปรับเปลี่ยนกันไปรับตำแหน่งในโรงเรียนต่าง ๆ ทุก 6 ปี เพื่อป้องกันไม่ให้ครูที่มีความรู้ความสามารถกระจุกอยู่ในโรงเรียนระดับหัวกะทิบางแห่งเท่านั้น ที่สำคัญกว่านั้น ยังได้ออกตำเตือนไม่ให้โรงเรียนต่าง ๆ สร้างห้องเรียนพิเศษสำหรับเด็กที่มีพรสวรรค์ ประเภทห้องกิ๊ฟ(อัจฉริยะ) หรือห้องพิเศษใด ๆ และถ้าจำกันได้ เมื่อต้นปีกระทรวงศึกษาธิการบ้านเขาก็สั่งห้ามครูให้การบ้านแบบข้อเขียนสำหรับนักเรียนเกรด 1-2 รวมทั้งจำกัดการให้การบ้านนักเรียนมัธยมต้น ไม่ให้เกินวันละ 1.5 ชั่วโมง งานนี้เรียกว่าจีน “ยกเครื่อง” ปฏิรูปการศึกษาใหม่กันเลยทีเดียว โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาให้ได้ เลิกการสอบข้อเขียนในเด็กเล็ก ลดการบ้านเด็ก ละ ไม่ให้มีห้องเรียนพิเศษ คุมร.ร.กวดวิชาไม่ให้แสวงผลกำไร ห้ามร.ร.จัดอันดับคะแนนสอบ ปรับครูทุก 6 ปี ล่าสุดทางการเมืองเซี่ยงไฮ้ประกาศยกเลิกการสอบปลายภาควิชาภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา เพื่อลดภาระของนักเรียนและผู้ปกครอง ตามเสียงเรียกร้องเพื่อลดการให้ความสำคัญกับการเรียนภาษาอังกฤษในโรงเรียนรัฐบาล หลังจากนี้นักเรียนประถมจะสอบปลายภาคเฉพาะวิชาภาษาจีนและคณิตศาสตร์ ส่วนวิชาอื่นรวมทั้งภาษาอังกฤษจะวัดผลจากการประเมินของครูผู้สอน โดยไม่มีคะแนนสอบ นี่ยังไม่นับเรื่องที่จีนออกกฎหมายบังคับให้เด็กและเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี เล่นเกมได้ไม่เกิน 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แค่ระหว่างเวลา 20.00-21.00 น. เฉพาะวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ในช่วงเปิดภาคเรียนเท่านั้น ส่วนช่วงปิดเทอม เด็กจะได้รับอนุญาตให้เล่นเกมออนไลน์ได้นานขึ้น แต่ยังจำกัดวันละ 60 นาที เป็นกฎใหม่ที่มีความพยายามเพื่อควบคุมพฤติกรรมเด็กติดเกมของจีน ที่ส่งผลต่อการศึกษาและชีวิตประจำวันของเด็กอย่างมาก ที่รวบรวมเรื่อง “ทึ่ง” เหล่านี้ขึ้นมา ก็เพราะ “อึ้ง” กับประเด็นปัญหาที่เหมือนในบ้านเราที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งยังไม่ได้รับการชำระสะสาง แม้จะผ่านการปฏิรูปการศึกษาครั้งแรกตั้งแต่ปี 2542 และปัญหาเหล่านี้ก็ยังดำรงอยู่ ภาพที่สะท้อนชัดในบ้านเขาก็คือ การจัดการที่เด็ดขาด ลงมือทำทันที และแก้ปัญหาที่มีลักษณะโดมิโน่และส่งผลสัมพันธ์กันในเวลาที่ไล่เลี่ยแบบสอดรับกัน แม้จะยังไม่เห็นผล แต่สิ่งเหล่านี้คือข้อเรียกร้องที่เกิดขึ้นในบ้านเรามาตลอด และถ้าเรายังแก้ปัญหาทีละอย่าง เงื้อง่าทีละเรื่อง สุดท้ายก็แก้ปัญหาไม่ได้ซะที เล่าสู่กันฟังเฉย ๆ ไม่ได้คิดไม่ได้ฝันว่าจะเกิดขึ้นในบ้านเรา #ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณติ่งๆคะ………ที่พวกเราผ่านพบเห็นกันมาในเมืองไทย พี่ปูเขาก็ผ่านเส้นทางนี้มาเหมือนกันค่าาาา………!!!

    ตอนยี่สิบ……คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ………แคร์ที่ไหน..?!!!

    ในช่วงที่เมดเวเดฟเป็นประธานาธิบดีนั้น เขาเข้าขากันได้ดีกับบารัค โอบามา ที่มีการลงนามในสัญญาค้าขายต่อกัน เปิดโปรแกรมรับนักลงทุนต่างชาติใหม่ (ที่ปูตินปิดไปเมื่อ 2009)
    ในการประชุม World Trade Organization ที่ Davos ปลายปี 2010 เมดเวเดฟที่เตรียมคำตอบไว้มากมายเกี่ยวกับการตลาดที่จะตอบนักข่าว….
    แต่…เขาโดนถามในสิ่งที่เขาไม่มีความรู้ที่จะตอบให้ นั่นคือ
    ทางรัสเซียมีนโยบายอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องการลุกฮือของกลุ่มชาติอาหรับ (Arab Spring) ที่ต่อต้าน Qaddafi (ลิเบีย) และHosni Mubarak (อียิบต์)
    เขาตอบไปอย่างที่นักประชาธิปไตย ควรจะตอบ นั่นคือ เพราะ
    การที่รัฐบาลไม่ตอบสนองกับความต้องการของประชาชน…!!!

    ซึ่งนั่นคือการผิดพลาดมหันต์……ในฐานะผู้นำรัสเซียที่รัฐบาลเคยผ่านการปราบม๊อบมาสารพัดชนิด และแต่ละรายก็ไม่พ้นการเข้าทุบตี และ จับเข้าคุกไปทุกครั้ง
    คราวนี้จะมาทำโลกสวย….
    เล่นเอา……ปูตินที่กำลังวุ่นอยู่ที่ Sochi ถึงกับกุมขมับ……

    แถม……ข้อความของเมดเวเดฟ……รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (ในเวลานั้น) คือ Joe Biden โดดรับลูกทันที……เขาเอาคำพูดของเมดเวเดฟไปใช้ในอภิปรายที่ Moscow State University ในเดือนมีนาคม 2011 โดยว่า…
    “ประชาชนชาวรัสเซียส่วนใหญ่ย่อมต้องการสิทธิในการเลือกผู้นำเหมือนอย่างชาติอื่นๆ เขาต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ในประเทศที่มีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออก และต้องการสื่อที่เป็นกระบอกเสียงในการที่จะต่อสู้กับการคอรัปชั่น…เพราะนั่นคือ การเป็นกิ่งใบของต้นประชาธิปไตย ผมใคร่วิงวอนนักศึกษาในวันนี้อย่ารับความเป็นประชาธิปไตยแบบครึ่งๆกลางๆ อย่าเชื่อในสัญญามาร..(Faustian bargain) …”

    ~~~คงไม่ต้องสงสัยเลยนะคะ ว่า ทำไมปูตินถึงได้แค้นฝังหุ่นกับโจ ไบเดน…และ อเมริกา…

    แต่เบื้องหลังฉาก การมาของโจ ไบเดน คือการหนีบเมดเวเดฟ
    เข้าไปเป็นพวกในสนธิสัญญาร่วมรบ กับกลุ่มนาโต้ เพื่อที่จะส่งทหารไปช่วยในลิเบีย และร่วมในการปิดน่านฟ้า เพื่อขจัด
    กัดดาฟี
    เมดเวเดฟ……ตกบันไดพลอยโจน เพราะคำพูดของตัวเองที่ค้ำคออยู่ จึงตกลงตามนั้น

    ปูตินได้มองเห็นแล้วว่าเมดเวเดฟกำลังตกหลุมพรางของกลุ่มตะวันตก เพราะเขายังอ่อนประสบการณ์ ไม่เคยเป็น KGB เป็นคนโลกสวย และ ชื่นชอบแสงสีวัฒนธรรมตะวันตกอย่าง ฝรั่งเศส อิตาลี และพอมีโอบามาเป็นเกลอเข้าหน่อย เลยเป็นปลื้ม……
    เขาจึงเรียกมาดุแกมเตือนว่า……เรื่องการลุกฮือโดยการปั่นของอเมริกา จะไม่หยุดลงแค่นี้แน่นอน เพราะมันได้กลายเป็นนโนบายหลักของพญาอินทรีย์ที่จะต้องสร้างความแตกแยกในตะวันออกกลาง
    เขาได้บอกกับเมดเวเดฟต่อ……ว่า…
    “ย้อนกลับไปดูอดีตนะ ถ้ามีเวลาค้นคว้า……ว่า กลุ่มชาวอิหร่าน
    ที่ก่อกบฎขึ้นมา ด้วยการนำของโคไมนี่ (Khomeini) แล้วไอ้โคไมนี่คนนี้….เค้าอยู่ที่ไหน…จะบอกให้……เค้านอนเล่นเดินสบายอยู่ที่ฝรั่งเศส
    รอรับนโยบายจากพวกตะวันตกเอามาปั่นยุแยง……แล้วไงล่ะ
    ดาบนั้นคืนสนอง ตอนนี้อิหร่านมีนิวเคลียร์เป็นของตัวเอง…สมน้ำหน้า…และสิ่งที่ตะวันตกทำนั้น ไม่ใช่ว่าจะเรียกร้องประชาธิปไตยให้กับประชาชนเสียเมื่อไหร่ ถ้าดูในประวัติศาสตร์ในยุคกลาง…เขาทำมาแล้ว ในเรื่องชักชวนพวกเพื่อนบ้านออกไปรวมกันแล้วไปตีบ้านอื่น……ในยุคนั้นเขาเรียกว่า Crusade….ตอนนี้ก็เหมือนเดิม เขาเรียกว่า “กองทัพนาโต้”
    ที่มีวัตถุประสงค์ทำเพื่อให้กัดดาฟี่หัวแข็งลงจากอำนาจ
    เพื่อที่จะเอากลุ่มที่ตัวเองสนับสนุนขึ้นมาแทน……มันคือการปล้นประเทศโดยการเปลี่ยนผู้นำเท่านั้น
    แต่…ประชาธิปไตยไม่ได้คืบหน้าไปไหน ประชาชนก็ทำมาหากินแบบอดๆอยากๆเหมือนเดิม ……”

    (~~~ข้อความตรงนี้”โดนใจ” มากค่ะ อธิบายได้หมดถึงความเป็นอเมริกาในทุกวันนี้…)

    ในขณะเดียวกันปูตินก็เริ่มได้กลิ่นไอว่า…สิ่งที่เกิดขึ้นในกลุ่มตะวันออกกลาง……น่าจะเกิดขึ้นในรัสเซียไม่ช้าก็เร็ว…!!!

    แต่เพราะเหตุการณ์ไม่สงบที่เกิดขึ้นเรียงเป็นไข่ปลานี้ สภาได้พิจารณาแล้ว เห็นพ้องกันว่า จะขยายอายุเวลาของประธานาธิบดีไปเป็นหกปี เริ่มจากสมัยหน้าของการเลือกตั้ง
    เพราะรัสเซียเป็นประเทศใหญ่ มีพื้นที่ที่ยังต้องพัฒนาอีกมาก

    ในเดือนพฤษภาคม 2011 เป็นสามปีที่เมดเวเดฟได้อยู่ในตำแหน่ง ผลงานเด่นของเขาคือ ศูนย์เทคโนโลยี Skolkovo ที่สร้างเพื่อให้เท่าเทียมหรือเกินหน้า Silicon Valley ที่ California
    และได้ก่อตั้งกลุ่มการเมืองเป็นของตัวเอง ชื่อ All Russia People’s Front แบบรวบรวมคนรุ่นใหม่ หัวทันสมัย ใฝ่ความเจริญทางประชาธิปไตยและเศรษฐกิจขึ้นมา พุ่งเป้าที่กลุ่มคนเพิ่มเริ่มทำงาน
    เพียงแค่ประกาศ…สมาชิกหลั่งไหลเข้ามาสมัครกันอย่างหนาแน่น ทั้งส่วนตัวและองค์กรต่างๆ
    แต่เมื่อเขาถูกสัมภาษณ์ในนิตยสาร The Financial Times
    ที่ถูกถามว่า….เขาลงสมัครรับเลือกตั้งในสมัยที่สองหรือไม่?
    เขาตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ว่า………มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ “คณะ” แต่โดยทั่วไป.……ประธานาธิบดีย่อมต้องการที่จะลงสนามต่อในครั้งต่อไป…”
    คำตอบกำกวมแบบนั้น ได้ชี้ชัดว่า….เมดเวเดฟ……ไม่ใช่ของจริง…!!

    ส่วน”ของจริง” นั้น ไม่ค่อยออกงาน หรือให้สัมภาษณ์บ่อยๆ แต่ยังคงความนิยมชื่นชอบอย่างไม่เคยจาง เพราะเป็นคนที่ถึงลูกถึงคน ยังไปลั้ลลากิจกรรมกับกลุ่มยุวชน Nashi….ไปสวดมนต์
    ในโบสถ์ ……ไปดำน้ำลึกหาวัตถุโบราณ …
    ยังเรียกเสียงกรี๊ดสลบได้ในทุกความเคลื่อนไหว…

    เมื่อตอนหาเสียงการเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่มี เมดเวเดฟ, ปูติน ,พรรคคอมมิวนิสต์ และ พรรค Liberal Democrats
    ที่คราวนี้ออกจะดุเดือดเลือดพล่าน เพราะ……กลุ่มใต้ดิน และ บนดินที่ต่อต้านการกลับมาของปูตินได้ผนึกกำลังกันอย่างแข็งขัน แบ่งกันเป็นก๊กเล็กก๊กน้อย
    หัวหน้านำคือ Boris Nemtsov นักฟิสิกส์หัวรุนแรง เคยเป็นนักการเมืองในยุคของเยลซินจนมาสู่ผู้แทนในสภาดูมา, Sergei Mironov หัวหน้าพรรค A Just Russia และ Aleksei Navalny ทนายความนักเคลื่อนไหว ต่อต้านคอร์รัปชั่น
    และทั้งหมด……ต่อต้านปูติน

    การต่อต้านได้เริ่มขยายตัวขึ้น และกล้าขึ้น ถึงขนาดกล้าโห่ไล่ปูตินในงานเปิดกีฬาชกมวยในสเตเดี้ยมที่มอสโคว์
    เรื่องการต่อต้านนั้น ปูตินเจอมาเยอะ แต่คราวนี้ฝ่ายตรงข้ามถึงขั้นทำรายการวิทยุที่ใช้ชื่อรายการว่า “หมดยุคของปูตินได้แล้ว” ดำเนินรายการโดย Alexei Navalny (หรือ AN ที่จะใช้ต่อไป)
    และมีการจัดตั้งการชุมนุม พากันเดินขบวนไปที่นั่นที่นี่
    ตำรวจได้เข้าทำการจับกุม AN ในฐานะสร้างความวุ่นวาย จำคุกไปสิบห้าวัน
    แต่เมื่อออกมา เขาได้จัดขบวนใหญ่กว่าเดิม ระดมคนรุ่นใหม่ นักศึกษาที่มากันมากมาย

    ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2012 สิบกว่าวันก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง
    ที่โบสถ์ออโธดอกซ์ Cathedral of Christ the Savoir
    มีผู้หญิงสาวห้าคน ที่ขึ้นไปปีนป่ายบนเสาสลัก ถอดเสื้อโค้ท
    ออก ข้างในแต่งกายสไตล์พั้งค์ แต่สวมหน้ากากหลากสี ……ต่างตะโกนพร้อมกับชูกำปั้นกันไปมา
    เสียงที่ตะโกนดังก้องด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย
    หนึ่งในนั้น คือ Yekaterina Samutsevich (นักดนตรี) กำลังจะเอากีตาร์ขึ้นมาดีด แต่การ์ดได้ดึงตัวเธอออกมาก่อน
    ทั้งหมด……ยังไม่หยุดตะโกน……ปูตินออกไป……ปูตินออกไป……!!
    เป็นเรื่องใหญ่ในข่าวภาคค่ำในคืนนั้น ……ที่สาวไปว่า ต้นตอเหตุมากจากกลุ่มเกย์และเลสเบี้ยนที่ต้องการความเท่าเทียม
    และได้มี กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “***** Riot” (ไปแปลกันเองนะคะ แต่ดิฉันจะเรียกว่า PR)

    กลุ่มนี้มีประมาณสิบกว่าคน ที่ไม่เปิดเผยตัวเอง แต่พร้อมที่จะก่อความวุ่นวายต่อต้านปูตินในวันที่เขาจะประกาศตัวลงชิงประธานาธิบดี แนวการต้านคือ การวาดอวัยวะเพศในที่ต่างๆในกรุงเซนต์ และ มอสโคว์ และ การร่วมเพศ เป็นสัญญลักษณ์
    เช่นออกคลิปการร่วมเพศในที่สำคัญๆอย่างโจ่งแจ้ง

    ปูตินแก้เกมด้วยการ…ไม่พูดถึงเรื่องต่อต้าน แต่เขาประชุมผู้นำของทุกศาสนา เช่น ออโธดอกซ์,ยิว, พุทธ, อิสลาม และ คาธอลิก แม้แต่ Seventhday Adventists ให้มาร่วมรับฟังความเห็นที่ Danilov Monastery โดยมีพระอธิการ Kirill เป็นองค์ประธาน
    ที่ทั้งหมดได้แสดงความเสียใจกับการต่อต้านที่หยาบคาย ลบหลู่สถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และ เป็นสิ่งที่รับไม่ได้…
    ปูตินไม่ต้องทำอะไร……เพียงแต่ช่วยทำข่าวให้กระจายออกไป
    กลุ่มต่อต้านได้รับคำตำหนิและรังเกียจเดียดฉันท์จากประชาชนกลับไปอย่างมากมาย

    จากนั้น ปูตินยังใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหวด้วยการที่จัดกิจกรรมรักชาติ ขึ้นที่โน่นที่นี่
    จนถึงวันที่ 4 มีนาคม วันเลือกตั้ง เขาได้ประกาศชัยชนะด้วยการรับคะแนนเสียงถึง 63%
    นั่นคือ การกลับมาอย่างสง่าผ่าเผยของปูติน ……
    ที่ฝ่ายก่อกวนเจ้าเก่า AN ที่นำผู้ชุมนุมกว่าสองพันคนข้างนอกนั้น ถึงกับหัวเสียด้วยความผิดหวัง
    ส่วน Sergei Udaltsov หัวหอกการต่อต้าน……ไม่ยอมแพ้ เขาสั่งให้ทุกคนเตรียมตัวตั้งเต้นท์นอนบนถนน (ตามแบบการประท้วงที่เคียฟ, ยูเครนในปี 2004)
    ข่าวทางรัฐบาลได้ออกมาอย่างน่ารัก น่าเอ็นดู ……ว่า
    “ผู้ชุมนุมก็เปรียบเสมือนลูกๆที่มีนิสัยเสีย ไม่ได้อะไรดังใจก็ฟาดหัวฟาดหาง เราก็เปรียบเสมือนพ่อแม่ที่ไม่ตามใจ
    เราไม่รีบไปซื้อของเล่นให้ …แต่จะสอนให้ไปสนใจเล่นอย่างอื่นที่มีประโยชน์แทน……”

    ของเล่นที่มีประโยชน์ที่พวกชุมชุมได้รับตอนที่ตั้งเต้นท์ไม่ทันเสร็จ……คือ ตำรวจพร้อมกระบองได้เข้าบุกแบบถึงพริกถึงขิง จับเข้าคุกนับร้อย บาดเจ็บหลายสิบ
    ถนนในมอสโคว์….โล่งสะอาดในวันต่อมา….!!!!


    Wiwanda W. Vichit
    คุณติ่งๆคะ………ที่พวกเราผ่านพบเห็นกันมาในเมืองไทย พี่ปูเขาก็ผ่านเส้นทางนี้มาเหมือนกันค่าาาา………!!! ตอนยี่สิบ……คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ………แคร์ที่ไหน..?!!! ในช่วงที่เมดเวเดฟเป็นประธานาธิบดีนั้น เขาเข้าขากันได้ดีกับบารัค โอบามา ที่มีการลงนามในสัญญาค้าขายต่อกัน เปิดโปรแกรมรับนักลงทุนต่างชาติใหม่ (ที่ปูตินปิดไปเมื่อ 2009) ในการประชุม World Trade Organization ที่ Davos ปลายปี 2010 เมดเวเดฟที่เตรียมคำตอบไว้มากมายเกี่ยวกับการตลาดที่จะตอบนักข่าว…. แต่…เขาโดนถามในสิ่งที่เขาไม่มีความรู้ที่จะตอบให้ นั่นคือ ทางรัสเซียมีนโยบายอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องการลุกฮือของกลุ่มชาติอาหรับ (Arab Spring) ที่ต่อต้าน Qaddafi (ลิเบีย) และHosni Mubarak (อียิบต์) เขาตอบไปอย่างที่นักประชาธิปไตย ควรจะตอบ นั่นคือ เพราะ การที่รัฐบาลไม่ตอบสนองกับความต้องการของประชาชน…!!! ซึ่งนั่นคือการผิดพลาดมหันต์……ในฐานะผู้นำรัสเซียที่รัฐบาลเคยผ่านการปราบม๊อบมาสารพัดชนิด และแต่ละรายก็ไม่พ้นการเข้าทุบตี และ จับเข้าคุกไปทุกครั้ง คราวนี้จะมาทำโลกสวย…. เล่นเอา……ปูตินที่กำลังวุ่นอยู่ที่ Sochi ถึงกับกุมขมับ…… แถม……ข้อความของเมดเวเดฟ……รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (ในเวลานั้น) คือ Joe Biden โดดรับลูกทันที……เขาเอาคำพูดของเมดเวเดฟไปใช้ในอภิปรายที่ Moscow State University ในเดือนมีนาคม 2011 โดยว่า… “ประชาชนชาวรัสเซียส่วนใหญ่ย่อมต้องการสิทธิในการเลือกผู้นำเหมือนอย่างชาติอื่นๆ เขาต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ในประเทศที่มีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออก และต้องการสื่อที่เป็นกระบอกเสียงในการที่จะต่อสู้กับการคอรัปชั่น…เพราะนั่นคือ การเป็นกิ่งใบของต้นประชาธิปไตย ผมใคร่วิงวอนนักศึกษาในวันนี้อย่ารับความเป็นประชาธิปไตยแบบครึ่งๆกลางๆ อย่าเชื่อในสัญญามาร..(Faustian bargain) …” ~~~คงไม่ต้องสงสัยเลยนะคะ ว่า ทำไมปูตินถึงได้แค้นฝังหุ่นกับโจ ไบเดน…และ อเมริกา… แต่เบื้องหลังฉาก การมาของโจ ไบเดน คือการหนีบเมดเวเดฟ เข้าไปเป็นพวกในสนธิสัญญาร่วมรบ กับกลุ่มนาโต้ เพื่อที่จะส่งทหารไปช่วยในลิเบีย และร่วมในการปิดน่านฟ้า เพื่อขจัด กัดดาฟี เมดเวเดฟ……ตกบันไดพลอยโจน เพราะคำพูดของตัวเองที่ค้ำคออยู่ จึงตกลงตามนั้น ปูตินได้มองเห็นแล้วว่าเมดเวเดฟกำลังตกหลุมพรางของกลุ่มตะวันตก เพราะเขายังอ่อนประสบการณ์ ไม่เคยเป็น KGB เป็นคนโลกสวย และ ชื่นชอบแสงสีวัฒนธรรมตะวันตกอย่าง ฝรั่งเศส อิตาลี และพอมีโอบามาเป็นเกลอเข้าหน่อย เลยเป็นปลื้ม…… เขาจึงเรียกมาดุแกมเตือนว่า……เรื่องการลุกฮือโดยการปั่นของอเมริกา จะไม่หยุดลงแค่นี้แน่นอน เพราะมันได้กลายเป็นนโนบายหลักของพญาอินทรีย์ที่จะต้องสร้างความแตกแยกในตะวันออกกลาง เขาได้บอกกับเมดเวเดฟต่อ……ว่า… “ย้อนกลับไปดูอดีตนะ ถ้ามีเวลาค้นคว้า……ว่า กลุ่มชาวอิหร่าน ที่ก่อกบฎขึ้นมา ด้วยการนำของโคไมนี่ (Khomeini) แล้วไอ้โคไมนี่คนนี้….เค้าอยู่ที่ไหน…จะบอกให้……เค้านอนเล่นเดินสบายอยู่ที่ฝรั่งเศส รอรับนโยบายจากพวกตะวันตกเอามาปั่นยุแยง……แล้วไงล่ะ ดาบนั้นคืนสนอง ตอนนี้อิหร่านมีนิวเคลียร์เป็นของตัวเอง…สมน้ำหน้า…และสิ่งที่ตะวันตกทำนั้น ไม่ใช่ว่าจะเรียกร้องประชาธิปไตยให้กับประชาชนเสียเมื่อไหร่ ถ้าดูในประวัติศาสตร์ในยุคกลาง…เขาทำมาแล้ว ในเรื่องชักชวนพวกเพื่อนบ้านออกไปรวมกันแล้วไปตีบ้านอื่น……ในยุคนั้นเขาเรียกว่า Crusade….ตอนนี้ก็เหมือนเดิม เขาเรียกว่า “กองทัพนาโต้” ที่มีวัตถุประสงค์ทำเพื่อให้กัดดาฟี่หัวแข็งลงจากอำนาจ เพื่อที่จะเอากลุ่มที่ตัวเองสนับสนุนขึ้นมาแทน……มันคือการปล้นประเทศโดยการเปลี่ยนผู้นำเท่านั้น แต่…ประชาธิปไตยไม่ได้คืบหน้าไปไหน ประชาชนก็ทำมาหากินแบบอดๆอยากๆเหมือนเดิม ……” (~~~ข้อความตรงนี้”โดนใจ” มากค่ะ อธิบายได้หมดถึงความเป็นอเมริกาในทุกวันนี้…) ในขณะเดียวกันปูตินก็เริ่มได้กลิ่นไอว่า…สิ่งที่เกิดขึ้นในกลุ่มตะวันออกกลาง……น่าจะเกิดขึ้นในรัสเซียไม่ช้าก็เร็ว…!!! แต่เพราะเหตุการณ์ไม่สงบที่เกิดขึ้นเรียงเป็นไข่ปลานี้ สภาได้พิจารณาแล้ว เห็นพ้องกันว่า จะขยายอายุเวลาของประธานาธิบดีไปเป็นหกปี เริ่มจากสมัยหน้าของการเลือกตั้ง เพราะรัสเซียเป็นประเทศใหญ่ มีพื้นที่ที่ยังต้องพัฒนาอีกมาก ในเดือนพฤษภาคม 2011 เป็นสามปีที่เมดเวเดฟได้อยู่ในตำแหน่ง ผลงานเด่นของเขาคือ ศูนย์เทคโนโลยี Skolkovo ที่สร้างเพื่อให้เท่าเทียมหรือเกินหน้า Silicon Valley ที่ California และได้ก่อตั้งกลุ่มการเมืองเป็นของตัวเอง ชื่อ All Russia People’s Front แบบรวบรวมคนรุ่นใหม่ หัวทันสมัย ใฝ่ความเจริญทางประชาธิปไตยและเศรษฐกิจขึ้นมา พุ่งเป้าที่กลุ่มคนเพิ่มเริ่มทำงาน เพียงแค่ประกาศ…สมาชิกหลั่งไหลเข้ามาสมัครกันอย่างหนาแน่น ทั้งส่วนตัวและองค์กรต่างๆ แต่เมื่อเขาถูกสัมภาษณ์ในนิตยสาร The Financial Times ที่ถูกถามว่า….เขาลงสมัครรับเลือกตั้งในสมัยที่สองหรือไม่? เขาตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ว่า………มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ “คณะ” แต่โดยทั่วไป.……ประธานาธิบดีย่อมต้องการที่จะลงสนามต่อในครั้งต่อไป…” คำตอบกำกวมแบบนั้น ได้ชี้ชัดว่า….เมดเวเดฟ……ไม่ใช่ของจริง…!! ส่วน”ของจริง” นั้น ไม่ค่อยออกงาน หรือให้สัมภาษณ์บ่อยๆ แต่ยังคงความนิยมชื่นชอบอย่างไม่เคยจาง เพราะเป็นคนที่ถึงลูกถึงคน ยังไปลั้ลลากิจกรรมกับกลุ่มยุวชน Nashi….ไปสวดมนต์ ในโบสถ์ ……ไปดำน้ำลึกหาวัตถุโบราณ … ยังเรียกเสียงกรี๊ดสลบได้ในทุกความเคลื่อนไหว… เมื่อตอนหาเสียงการเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่มี เมดเวเดฟ, ปูติน ,พรรคคอมมิวนิสต์ และ พรรค Liberal Democrats ที่คราวนี้ออกจะดุเดือดเลือดพล่าน เพราะ……กลุ่มใต้ดิน และ บนดินที่ต่อต้านการกลับมาของปูตินได้ผนึกกำลังกันอย่างแข็งขัน แบ่งกันเป็นก๊กเล็กก๊กน้อย หัวหน้านำคือ Boris Nemtsov นักฟิสิกส์หัวรุนแรง เคยเป็นนักการเมืองในยุคของเยลซินจนมาสู่ผู้แทนในสภาดูมา, Sergei Mironov หัวหน้าพรรค A Just Russia และ Aleksei Navalny ทนายความนักเคลื่อนไหว ต่อต้านคอร์รัปชั่น และทั้งหมด……ต่อต้านปูติน การต่อต้านได้เริ่มขยายตัวขึ้น และกล้าขึ้น ถึงขนาดกล้าโห่ไล่ปูตินในงานเปิดกีฬาชกมวยในสเตเดี้ยมที่มอสโคว์ เรื่องการต่อต้านนั้น ปูตินเจอมาเยอะ แต่คราวนี้ฝ่ายตรงข้ามถึงขั้นทำรายการวิทยุที่ใช้ชื่อรายการว่า “หมดยุคของปูตินได้แล้ว” ดำเนินรายการโดย Alexei Navalny (หรือ AN ที่จะใช้ต่อไป) และมีการจัดตั้งการชุมนุม พากันเดินขบวนไปที่นั่นที่นี่ ตำรวจได้เข้าทำการจับกุม AN ในฐานะสร้างความวุ่นวาย จำคุกไปสิบห้าวัน แต่เมื่อออกมา เขาได้จัดขบวนใหญ่กว่าเดิม ระดมคนรุ่นใหม่ นักศึกษาที่มากันมากมาย ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2012 สิบกว่าวันก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ที่โบสถ์ออโธดอกซ์ Cathedral of Christ the Savoir มีผู้หญิงสาวห้าคน ที่ขึ้นไปปีนป่ายบนเสาสลัก ถอดเสื้อโค้ท ออก ข้างในแต่งกายสไตล์พั้งค์ แต่สวมหน้ากากหลากสี ……ต่างตะโกนพร้อมกับชูกำปั้นกันไปมา เสียงที่ตะโกนดังก้องด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย หนึ่งในนั้น คือ Yekaterina Samutsevich (นักดนตรี) กำลังจะเอากีตาร์ขึ้นมาดีด แต่การ์ดได้ดึงตัวเธอออกมาก่อน ทั้งหมด……ยังไม่หยุดตะโกน……ปูตินออกไป……ปูตินออกไป……!! เป็นเรื่องใหญ่ในข่าวภาคค่ำในคืนนั้น ……ที่สาวไปว่า ต้นตอเหตุมากจากกลุ่มเกย์และเลสเบี้ยนที่ต้องการความเท่าเทียม และได้มี กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “Pussy Riot” (ไปแปลกันเองนะคะ แต่ดิฉันจะเรียกว่า PR) กลุ่มนี้มีประมาณสิบกว่าคน ที่ไม่เปิดเผยตัวเอง แต่พร้อมที่จะก่อความวุ่นวายต่อต้านปูตินในวันที่เขาจะประกาศตัวลงชิงประธานาธิบดี แนวการต้านคือ การวาดอวัยวะเพศในที่ต่างๆในกรุงเซนต์ และ มอสโคว์ และ การร่วมเพศ เป็นสัญญลักษณ์ เช่นออกคลิปการร่วมเพศในที่สำคัญๆอย่างโจ่งแจ้ง ปูตินแก้เกมด้วยการ…ไม่พูดถึงเรื่องต่อต้าน แต่เขาประชุมผู้นำของทุกศาสนา เช่น ออโธดอกซ์,ยิว, พุทธ, อิสลาม และ คาธอลิก แม้แต่ Seventhday Adventists ให้มาร่วมรับฟังความเห็นที่ Danilov Monastery โดยมีพระอธิการ Kirill เป็นองค์ประธาน ที่ทั้งหมดได้แสดงความเสียใจกับการต่อต้านที่หยาบคาย ลบหลู่สถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และ เป็นสิ่งที่รับไม่ได้… ปูตินไม่ต้องทำอะไร……เพียงแต่ช่วยทำข่าวให้กระจายออกไป กลุ่มต่อต้านได้รับคำตำหนิและรังเกียจเดียดฉันท์จากประชาชนกลับไปอย่างมากมาย จากนั้น ปูตินยังใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหวด้วยการที่จัดกิจกรรมรักชาติ ขึ้นที่โน่นที่นี่ จนถึงวันที่ 4 มีนาคม วันเลือกตั้ง เขาได้ประกาศชัยชนะด้วยการรับคะแนนเสียงถึง 63% นั่นคือ การกลับมาอย่างสง่าผ่าเผยของปูติน …… ที่ฝ่ายก่อกวนเจ้าเก่า AN ที่นำผู้ชุมนุมกว่าสองพันคนข้างนอกนั้น ถึงกับหัวเสียด้วยความผิดหวัง ส่วน Sergei Udaltsov หัวหอกการต่อต้าน……ไม่ยอมแพ้ เขาสั่งให้ทุกคนเตรียมตัวตั้งเต้นท์นอนบนถนน (ตามแบบการประท้วงที่เคียฟ, ยูเครนในปี 2004) ข่าวทางรัฐบาลได้ออกมาอย่างน่ารัก น่าเอ็นดู ……ว่า “ผู้ชุมนุมก็เปรียบเสมือนลูกๆที่มีนิสัยเสีย ไม่ได้อะไรดังใจก็ฟาดหัวฟาดหาง เราก็เปรียบเสมือนพ่อแม่ที่ไม่ตามใจ เราไม่รีบไปซื้อของเล่นให้ …แต่จะสอนให้ไปสนใจเล่นอย่างอื่นที่มีประโยชน์แทน……” ของเล่นที่มีประโยชน์ที่พวกชุมชุมได้รับตอนที่ตั้งเต้นท์ไม่ทันเสร็จ……คือ ตำรวจพร้อมกระบองได้เข้าบุกแบบถึงพริกถึงขิง จับเข้าคุกนับร้อย บาดเจ็บหลายสิบ ถนนในมอสโคว์….โล่งสะอาดในวันต่อมา….!!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 426 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันอังคาร ที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก นายกสภามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เสด็จไปมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ทรงเป็นประธานในงานวันคล้ายวันสถาปนามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ปีที่ ๑๓๑ และพิธีทอดผ้าป่าเพื่อนำปัจจัยโดยเสด็จพระกุศลสมทบทุนการศึกษาสมเด็จพระสังฆราชเจ้า (วาสนมหาเถร) ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ตามที่เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ทรงตั้งไว้ในมหาวิทยาลัย สำหรับประทานแก่พระภิกษุสามเณรนักศึกษา

    การนี้ โปรดประทานรางวัลแก่ผู้มีอุปการคุณต่อมหาวิทยาลัย แก่บุคลากรดีเด่น ทุนการศึกษาแก่พระภิกษุสามเณร และของที่ระลึกแก่ผู้ร่วมโดยเสด็จพระกุศล

    โอกาสนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระสัมโมทนียกถา ความตอนหนึ่งว่า

    “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนามหามกุฏราชวิทยาลัยขึ้น เพื่อสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมชนกนาถ โดยมีเจ้าพระคุณ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงเป็นปฐมบูรพาจารย์ ด้วยทุก ๆ พระองค์ล้วนทรงมุ่งหมายให้พระพุทธศาสนา สถาพรอยู่คู่โลกนี้ และเป็นหลักชัยของบ้านเมืองไทยอยู่ตราบกาลนาน

    การที่พระพุทธศาสนาจะดำรงคงมั่น จำเป็นต้องสร้างสรรค์พุทธบริษัทให้รู้ลึกและรู้รอบในวิชชา ตามกระบวนการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมที่ถูกต้อง หากการศึกษาพระปริยัติธรรมอ่อนแอผิดพลาดคลาดเคลื่อน หรือรวนเรไปตามอัตโนมติแล้ว ย่อมปฏิบัติผิดและสอนผิด ทำให้ไม่อาจเข้าถึงปฏิบัติธรรม และปฏิเวธธรรมได้

    ปริยัติธรรมอันควรศึกษาโดยรอบ ย่อมหมายถึง พระพุทธพจน์ หรือพระไตรปิฎก รวมทั้งอรรถกถา ฎีกา อนุฎีกา และคำอธิบายต่าง ๆ เพื่อให้เข้าใจในหลักคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย

    การศึกษาปริยัติธรรมอาจจำแนกได้เป็น ๓ ระดับ กล่าวคือ

    ๑. อลคัททูปริยัติ การศึกษาแบบจับงูพิษที่หางคือ ศึกษาเพื่อลาภสักการะ เพื่อคำสรรเสริญหรือเพื่อยกตนข่มผู้อื่นย่อมเป็นโทษ เหมือนการจับงูพิษที่หาง งูย่อมแว้งขบกัดเอาได้

    ๒. นิสสรณัตถปริยัติ การศึกษาเพื่อประโยชน์แก่การออกไปจากทุกข์ คือ เพื่ออบรมปัญญาเป็นการศึกษาของผู้ที่เห็นโทษภัยในวัฏสงสาร

    และ ๓. ภัณฑาคาริกปริยัติ การศึกษาแบบขุนคลัง คือเพื่อทรงพระศาสนาไว้ไม่ให้เสื่อมสูญเป็นการศึกษาของผู้จบกิจในการอบรมปัญญา เพื่อละกิเลสแล้วแต่ยังมีฉันทะในการศึกษา เพื่อถ่ายทอดพระธรรมคำสอนให้แก่ชนรุ่นหลัง

    ณ โอกาสอันเป็นมงคลนี้ จึงขอเตือนใจให้ทุกท่านอย่าได้คิดศึกษาแบบอลคัททูปริยัติ แต่ขอเป็นกำลังใจสนับสนุนให้ท่านจงเป็นผู้องอาจ และเข้มแข็งในอันที่จะศึกษาพระปริยัติธรรม เพื่อความออกจากทุกข์ และเพื่อรักษาพระสัทธรรม ไว้ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์สมตามเจตนารมณ์ของบูรพาจารย์ ขออย่าให้อคติทั้ง ๔ เข้ามาบดบัง และบิดเบือน จนกลายเป็นมิจฉาทิฐิไปได้เป็นอันขาด

    อาตมภาพขออนุโมทนากุศลจริยาที่ทุกท่านช่วยกันสนับสนุนกิจการของมหาวิทยาลัย และขอแสดงมุทิตาจิตต่อผู้ได้รับตำแหน่ง ทุน และรางวัลต่าง ๆ กับทั้งขออำนวยพรให้ทุกท่าน จงเจริญรุ่งเรืองในพระบวรพุทธศาสนา ยิ่ง ๆ ขึ้นสืบไปเทอญ“

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/x6nCcePgoJRmbCxT/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    วันอังคาร ที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก นายกสภามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เสด็จไปมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ทรงเป็นประธานในงานวันคล้ายวันสถาปนามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ปีที่ ๑๓๑ และพิธีทอดผ้าป่าเพื่อนำปัจจัยโดยเสด็จพระกุศลสมทบทุนการศึกษาสมเด็จพระสังฆราชเจ้า (วาสนมหาเถร) ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ตามที่เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ทรงตั้งไว้ในมหาวิทยาลัย สำหรับประทานแก่พระภิกษุสามเณรนักศึกษา การนี้ โปรดประทานรางวัลแก่ผู้มีอุปการคุณต่อมหาวิทยาลัย แก่บุคลากรดีเด่น ทุนการศึกษาแก่พระภิกษุสามเณร และของที่ระลึกแก่ผู้ร่วมโดยเสด็จพระกุศล โอกาสนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระสัมโมทนียกถา ความตอนหนึ่งว่า “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนามหามกุฏราชวิทยาลัยขึ้น เพื่อสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมชนกนาถ โดยมีเจ้าพระคุณ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงเป็นปฐมบูรพาจารย์ ด้วยทุก ๆ พระองค์ล้วนทรงมุ่งหมายให้พระพุทธศาสนา สถาพรอยู่คู่โลกนี้ และเป็นหลักชัยของบ้านเมืองไทยอยู่ตราบกาลนาน การที่พระพุทธศาสนาจะดำรงคงมั่น จำเป็นต้องสร้างสรรค์พุทธบริษัทให้รู้ลึกและรู้รอบในวิชชา ตามกระบวนการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมที่ถูกต้อง หากการศึกษาพระปริยัติธรรมอ่อนแอผิดพลาดคลาดเคลื่อน หรือรวนเรไปตามอัตโนมติแล้ว ย่อมปฏิบัติผิดและสอนผิด ทำให้ไม่อาจเข้าถึงปฏิบัติธรรม และปฏิเวธธรรมได้ ปริยัติธรรมอันควรศึกษาโดยรอบ ย่อมหมายถึง พระพุทธพจน์ หรือพระไตรปิฎก รวมทั้งอรรถกถา ฎีกา อนุฎีกา และคำอธิบายต่าง ๆ เพื่อให้เข้าใจในหลักคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย การศึกษาปริยัติธรรมอาจจำแนกได้เป็น ๓ ระดับ กล่าวคือ ๑. อลคัททูปริยัติ การศึกษาแบบจับงูพิษที่หางคือ ศึกษาเพื่อลาภสักการะ เพื่อคำสรรเสริญหรือเพื่อยกตนข่มผู้อื่นย่อมเป็นโทษ เหมือนการจับงูพิษที่หาง งูย่อมแว้งขบกัดเอาได้ ๒. นิสสรณัตถปริยัติ การศึกษาเพื่อประโยชน์แก่การออกไปจากทุกข์ คือ เพื่ออบรมปัญญาเป็นการศึกษาของผู้ที่เห็นโทษภัยในวัฏสงสาร และ ๓. ภัณฑาคาริกปริยัติ การศึกษาแบบขุนคลัง คือเพื่อทรงพระศาสนาไว้ไม่ให้เสื่อมสูญเป็นการศึกษาของผู้จบกิจในการอบรมปัญญา เพื่อละกิเลสแล้วแต่ยังมีฉันทะในการศึกษา เพื่อถ่ายทอดพระธรรมคำสอนให้แก่ชนรุ่นหลัง ณ โอกาสอันเป็นมงคลนี้ จึงขอเตือนใจให้ทุกท่านอย่าได้คิดศึกษาแบบอลคัททูปริยัติ แต่ขอเป็นกำลังใจสนับสนุนให้ท่านจงเป็นผู้องอาจ และเข้มแข็งในอันที่จะศึกษาพระปริยัติธรรม เพื่อความออกจากทุกข์ และเพื่อรักษาพระสัทธรรม ไว้ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์สมตามเจตนารมณ์ของบูรพาจารย์ ขออย่าให้อคติทั้ง ๔ เข้ามาบดบัง และบิดเบือน จนกลายเป็นมิจฉาทิฐิไปได้เป็นอันขาด อาตมภาพขออนุโมทนากุศลจริยาที่ทุกท่านช่วยกันสนับสนุนกิจการของมหาวิทยาลัย และขอแสดงมุทิตาจิตต่อผู้ได้รับตำแหน่ง ทุน และรางวัลต่าง ๆ กับทั้งขออำนวยพรให้ทุกท่าน จงเจริญรุ่งเรืองในพระบวรพุทธศาสนา ยิ่ง ๆ ขึ้นสืบไปเทอญ“ ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/x6nCcePgoJRmbCxT/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Love
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 577 มุมมอง 0 รีวิว
  • เติ้ง จื่อ ฉี Tang Tsz-kei (鄧紫棋)

    นักร้อง-นักแต่งเพลง ในชื่อ G.E.M. ( Get Everybody Moving)
    เกิด: 16 สิงหาคม 2534 (อายุ 31 ปี), เซี่ยงไฮ, จีน
    ความสูง: 1.57 ม.
    ค่ายเพลง: Sony Music Entertainment (SME)
    พี่น้อง: อีเลน แทง

    เธอ เป็น นักร้องนักแต่งเพลงชาวฮ่องกง
    ที่ อพยพมาจากเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน
    เธอ..เดบิวต์ในวงการเพลงฮ่องกง ในปี 2008
    หลังจากออกอัลบั้ม 3 อัลบั้มในฮ่องกง
    และการปรากฏตัวของเธอ(ชัดเจน)ในรายการแข่งขันร้องเพลงจีน I Am a Singer รุ่นปี 2014

    ดิฉัน..สะดุด เทหัวใจ(หมดทั้งหัวใจ) ให้เธอ ไปแล้ว...
    เพราะเธอมี DNA ของนักร้องในดวงใจทั้งสาม คือ Christina Aguilera, Beyoncé, และ Mariah Carey

    ตัวอย่าง ในเพลง hei fun nei 《喜欢你》
    https://www.youtube.com/watch?v=IQ1g8ShGaVU



    ----------------------------------------------
    รวมเพลงจีน-กวางตุ้ง
    1. เพลงจีนกวางตุ้ง 光辉岁月 อ่านว่า Gwong Fai Seui Yut
    แปลว่า "วันแห่งความรุ่งโรจน์" เป็นเพลงของวง Beyond ในยุค '90
    ที่มีความหมายดีๆ.. นำมาขับร้องใหม่ ไฉไล..,มันส์ มากกว่า-เดิม ค่ะ
    https://www.youtube.com/watch?v=Y98BJoztFwM
    เพลงแนว Canto-Pop 光辉岁月 Gwong Fai Seui Yuet
    ของ วง Beyond ต้นฉบับ(เดิม) พร้อมอักษรจีน-กวางตุ้ง
    ค่อยๆอ่าน+ร้องตาม สักวันหนึ่งที่มี "วันแห่งความรุ่งโรจน์"
    https://www.youtube.com/watch?v=PrGsAMbgUh4
    เพลง Glorious Years (光辉岁月)
    https://www.youtube.com/watch?v=4Sjqt37ipcU

    2. เพลงจีนกวางตุ้ง(ยอดนิยม) ของ ศิลปิน BEYOND
    ขับร้องโดย สุดยอดนักร้องยอดนิยมของฮ่องกง
    ในเพลง 不再猶豫 อ่านว่า Bat joi yau yu แปลว่า ไม่ลังเล
    https://www.youtube.com/watch?v=RvDjCTqoLuw
    3. เพลงภาษาจีนกวางตุ้ง 一生中最爱 อ่านว่า (Yi Sheng Zhong Zui Ai)
    เปิดตัวครั้งแรกในปี 1991 และใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง
    "A Tale of Two Cities" ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของ
    เพื่อนรักสองคนที่ตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งในเวลาเดียวกัน
    แต่ให้กันและกันด้วยความเป็นพี่น้อง และทั้งสามคนต้องพบกับ
    บททดสอบมิตรภาพและความรัก เพลงนี้เลยดูเหมือนร้อง
    เกี่ยวกับระยะห่างระหว่างเพื่อนกับคนรัก
    https://www.youtube.com/watch?v=KbZLN2X_lFU
    สุดยอด..เพลงจีนกวางตุ้ง(ชาย) ต้องยกให้ ALAN TAM
    ในบทเพลง一生中最愛. Yat Saang Jung Jeui Ngoi
    คือ เพลงที่ดีที่สุด ครองตำแหน่งมาตั้งแต่ 1991- ปัจจุบัน
    https://www.youtube.com/watch?v=62ejBUq1J5o

    4. เพลงจีนกวางตุ้ง 明日話今天 หมายถึง คุยกันวันนี้..ไม่ต้องรอในวันพรุ่งนี้
    และเพลงที่ 2 奮鬥 หมายความถึง การต่อสู้
    ขับร้องโดย Jenny Tseng และ CoCo Lee จำกันได้ไหม..ล่ะ?
    https://www.youtube.com/watch?v=ZXAguTHqYnc

    5. 7 เพลงจีนกวางตุ้ง(ยอดนิยม) ของ 容祖兒 - Joey Yung
    นำเสนอในแบบ Medley รวดเดียวในเพลง
    อ่านออกเสียงสำเนียงกวางตุ้ง 粤拼 ➔ jyut6ping3 ได้ว่า.....
    mat6jau5 / syun2jau5 / sam1gam1ming6dai2 / zou2jau5jyu6mau4 / zeoi6fui1 / ze3gwo3 / ngo5jaa5bat1
    密友 / 損友 / 心甘命抵 / 早有預謀 / 罪魁 / 借過 / 我也不想這樣
    https://www.youtube.com/watch?v=NpC07u2NMj0
    6. เพลงรัก..ภาษากวางตุ้ง ทั้ง 20 เพลง
    สรุปเป็นการขับร้องแนวเศร้าๆของหนุ่มมองเครื่องบิน
    ที่ไม่สามารถเด็ดดอกฟ้าลงมาเชยชมได้
    ถ้าได้..จะร้องแนวมันส์ๆ สนุกสนาน กระดี๊ กระด๊า รื่นเริง หลุดโลก..
    ช่าย หมาย..ล่ะ
    https://www.youtube.com/watch?v=x1z6as3uwMY
    7. ชาวกวางตุ้ง..เป็นชาวจีนที่อาศัยอยู่ติดทะเลทางตอนใต้ของจีน
    ตื่นเช้าขึ้นมา..จะพบกับ "ท้องฟ้า และ ทะเล"
    มักจะแหกปากขับร้องเพลง Hoi fut tin hung ของ Beyond
    海闊天空 ให้ดัง..ไกล ถึง ดาวพระอังคาร..ไปเลย
    ช่วยกัน "แหกปาก" ร้องดังๆ..นะ คะ
    https://www.youtube.com/watch?v=wk9TMnbx7fQ
    8. เพลงอมตะ..นิรันดร์กาล และ อยู่ในใจของชาวจีนกวางตุ้ง
    คือ เพลง Naan Dak Yau Ching Yan ( 难得有情人 )
    แปลเป็นภาษาอังกฤษ Happy Are Those in Love
    ขับร้องโดย Shirley Kwan (關淑怡)
    ฉันมีความสุขมากที่ได้ฟัง และร้องคลอเคลียตามไปด้วย
    ชาวกวางตุ้ง..ทุกคนสัมผัสความสุขนี้ได้ นะคะ
    https://www.youtube.com/watch?v=lhB9uMNveXI
    9. หนึ่งใน..เพลงที่ดีที่สุดของ Joey Yung 容祖兒
    มีหลายประเทศนำไปเลียนแบบใส่เนื้อร้องใหม่
    ในเพลง 習慣失戀 แปลไทย ว่า " อกหักจนเคยชิน"
    ไพเราะ..มาก ค่ะ " Always Heartbroken "
    https://www.youtube.com/watch?v=aQmieaqmLmU
    10. เพลง..ล้านคิวเพลง《千千阙歌》ในภาษาจีนกวางตุ้ง
    ที่ทำให้ 陈慧娴 Priscilla Chan ที่กำลังจะเกษียณอำลาวงการ
    กลับทำให้เธอ..ดังระเบิดแรงกว่า..ระเบิดปรมาณู ในปี 1983
    11. 朋友 ผั่งเหย่า..ภาษาจีน(กวางตุ้ง) แปลว่า เพื่อน
    เป็นเพลงที่ใช้ภาษาพูด ฟังได้ใจความอย่างง่ายๆ
    คิดถึงความสุข..สมัยที่ได้เรียนที่นี่ในวัยเด็ก

    12. เติ้ง จื่อ ฉี Tang Tsz-kei (鄧紫棋)
    นักร้อง-นักแต่งเพลง ในชื่อ G.E.M. ( Get Everybody Moving)
    เกิด: 16 สิงหาคม 2534 (อายุ 31 ปี), เซี่ยงไฮ, จีน
    ความสูง: 1.57 ม.
    ค่ายเพลง: Sony Music Entertainment (SME)
    พี่น้อง: อีเลน แทง
    เธอ เป็น นักร้องนักแต่งเพลงชาวฮ่องกง
    ที่ อพยพมาจากเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน
    เธอ..เดบิวต์ในวงการเพลงฮ่องกง ในปี 2008
    หลังจากออกอัลบั้ม 3 อัลบั้มในฮ่องกง
    และการปรากฏตัวของเธอ(ชัดเจน)ในรายการแข่งขันร้องเพลงจีน I Am a Singer รุ่นปี 2014
    ดิฉัน..สะดุด เทหัวใจ(หมดทั้งหัวใจ) ให้เธอ ไปแล้ว...
    เพราะเธอมี DNA ของนักร้องในดวงใจทั้งสาม คือ Christina Aguilera, Beyoncé, และ Mariah Carey
    ตัวอย่าง ในเพลง hei fun nei 《喜欢你》
    https://www.youtube.com/watch?v=IQ1g8ShGaVU
    13. สุดยอดมหากาพย์ของเพลงจีนกวางตุ้ง..ต้องเพลงนี้
    《千千阙歌》หรือ แปลว่า "เพลงล้านคิว"
    "Song of a Thousand Thousand Que"
    ต้นฉบับของเพลงนี้คือ "Yuyakiけの歌" แต่งโดย Makaiye Yasuji
    โดยนักร้องชาวญี่ปุ่นMasahiko Kondo ในปี 1988
    หลังจากที่ Priscilla Chan ประกาศว่าจะเกษียณจากวงการเพลง
    PolyGram ได้ผลิตเพลง "อำลา" เพลงนี้แหละที่ประพันธ์เพลง
    ในภาษาจีนกวางตุ้ง โดย Lin Zhenqiang
    กลับทำให้ Priscilla Chan ยิ่งโด่งดังมากยิ่งขึ้น ด้วยฝีมือของ
    Anita Mui, Blue Jeans, Polygram, Huaxing Records,
    CBS/SonyและWingo Creative
    ด้วยเพลงนี้ พริสซิลลา ชาน ได้รับรางวัล
    " My Favorite Song Award in the Music World "
    ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 2,715 เสียง
    ใน พิธีมอบรางวัล Top Music Pop Awards ในปี 1989
    https://www.youtube.com/watch?v=P9kcwRnGk5w

    14. อัลบั๊มรวมเพลงจากสวรรค์ ของ 4 ราชาเพลงดังแห่งฮ่องกง
    ♛ Andy Lau ♛Jacky Cheung ♛Li Mingi ♛Aaron Kwok
    https://www.youtube.com/watch?v=a55w198tsLo

    15. Album รวม-เพลงกวางตุ้งที่ดีที่สุด ของ Alan Tam
    https://www.youtube.com/watch?v=w5QIjqHiSp4

    16. เธอ คือ 伍珂玥 หรือ Karrie Ng เป็นชาวเมืองไท่ซาน มณฑลกวางตุ้ง. เป็นนักร้องเพลงป๊อปชาวจีน
    เป็นนักศึกษาปี 2021 ของ Jinzhong Conservatory of Music of Shenzhen University
    และเป็นแชมป์รวมของ " The Voice of China 2021 "
    เธอ คือ สุดยอด..ความภาคภูมิใจ ของ ชาวกวางตุ้งทั่วโลก
    นี่คือ อัลบั๊ม เพลงอันแสนไพเราะ จากน้ำเสียงระดับโลกของเธอ
    https://www.youtube.com/watch?v=usKqLgvf6pI

    17. เพลงจีนกวางตุ้ง ชื่อเพลง《最爱》แปลว่า.. " รักที่ซู๊ดด ด.. "
    เรียบเรียงจากบทกวี เปรียบ ท้องฟ้า สายลม ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์
    น้ำขึ้น-น้ำลง เงา สายน้ำ จินตนาการกับความรักในฝัน.
    https://www.youtube.com/watch?v=IEwzbPWB3zg

    18. ชื่อภาษาจีน(ต้วย่อ) 刘德华 คนไทย รู้จักในชื่อ “หลิว เต๋อ หัว”
    สาวๆชาวจีนกวางตุ้ง...กรี๊ด สนั่น ในนาม “เหล่า ตั๊ก หวา” (Andy Lau)
    นี่แหละจักรพรรดิแห่ง..ดาราฮ่องกง เจ้าของผลงานภาพยนตร์ฮ่องกงแนวบู๊ ตีรันฟันแทง มากกว่าครึ่ง
    สูง ยาว หล่อ ล่ำ+เสียงดี ร้องเพลงยอดนิยมเพลงเดียว นานถึง 30 ปี คือ เพลง Yat Hei Jau Gwoh Dik Yat Ji
    《一起走过的日子》แปลเป็นอังกฤษ ว่าThe Days We Spent Together
    สาวกวางตุ้ง ต้องแหกปาก ร้องคลอ..ตามไปได้(ทุกคน)
    โดยเฉพาะท่อนแรก (ร้องดังๆ..นะ)
    如何面对 曾一起走过的日子
    jyu4 ho4 min6 deoi3 cang4 jat1 hei2 zau2 gwo3 dik1 jat6 zi2
    现在剩下我独行
    jin6 zoi6 sing6 haa6 ngo5 duk6 hang4
    如何用心声一一讲你知
    jyu4 ho4 jung6 sam1 sing1/seng1 jat1 jat1 gong2 nei5 zi1
    从来没人明白我
    cung4 loi4 mut6 jan4 ming4 baak6 ngo5
    唯一你给我好日子
    wai4 jat1 nei5 kap1 ngo5 hou2 jat6 zi2
    有你有我有情有生有死有义
    jau5 nei5 jau5 ngo5 jau5 cing4 jau5 sang1/saang1 jau5 sei2 jau5 ji6
    https://www.youtube.com/watch?v=VUZ4w2NN5fQ
    19. เพลงจีนกวางตุ้งคลาสสิก ขับร้องโดย : 張學友 / Jacky Cheung
    ชื่อเพลง : 『我留著你在身邊心仍然很遠』
    แปลไทย ได้ว่า "ฉันคอยเธอเคียงข้างใจยังห่างไกล"
    หรือ แปลเป็นอังกฤษ = Let me stay by your side
    https://www.youtube.com/watch?v=WHTfF5kIz80

    20. เพลงจีนกวางตุ้ง(ยอดนิยม) Yue Ban Xiao Ye Qu
    คืนพระจันทร์เสี้ยว《月半小夜曲》
    ฝาหรั่งเรียกว่า "Half Moon Serenade"
    นักร้อง : Li Keqin, Wu Keyue และ He San
    นำมาขับร้อง แบบ Trio ในปลายปี 2021 ได้ไพเราะจับใจ(มาก)
    ความหมายของเพลง บรรยายถึง ความในใจทุกจุดของ..ชายหนุ่มที่นอนไม่หลับมองท้องฟ้าในค่ำคืนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว รำพันถึงสาวในฝัน ที่น่าจะเป็นดวงดาวที่อยู่ไกลๆ เค้าเผชิญกับความจริงที่ยอมรับไม่ได้ ความรักของเค้าจะไม่เปลี่ยนไปตามลำดับ แต่ยิ่งกระตือรือร้น ยิ่งห่วงใยกันตลอดไป…”
    https://www.youtube.com/watch?v=MfDa59mTHes

    21. เพลงจีนกวางตุ้ง เศร้าๆ.. ขับร้องโดย 容祖兒 - Joey Yung
    ชื่อเพลง : 天窗 แปลว่า แสงจากท้องฟ้า
    ความหมายของเพลง : หญิง-ชาย ดื่มน้ำชา หลังจากอาหารมื่อหนึ่ง
    ซึ่ง ทั้งคู่นัดกันมาพบกันเพื่อบอกเลิกกัน
    ทั้งคู่ไม่ยอมเปิดเผยความจริง
    หรือ ไม่ยอม..เปิดแสงจากฟ้าให้เข้าใจกัน นั่นเอง.
    https://www.youtube.com/watch?v=YnW545U1KgU

    22. เพลงเก่า..ยอดนิยม ประมาณ 30 ปี
    ภาษาจีนกวางตุ้ง ของ Jacky Cheung (張學友 / Cheung Hok-yau)
    ชื่อเพลง : 只想一生跟你走 (Ji seung yat sang gan nie jau)
    แปลว่า : ชีวิตนี้ฉันต้องการไปกับเธอ
    ความหมายของเพลง....พระเอกของเราได้พบกับคนที่หลงรัก
    และค้นพบว่าไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากเธอคนนั้น
    สองคนนี้เลิกกัน โดยฝ่ายหญิงสะบัดกันหนีไป
    ปล่อยให้พระเอกของเรา นั่งร้องไห้เศร้าเสียใจ
    มโนว่า เธอคนนั้น..ไม่ได้จากไป
    และทุกอย่างเหมือนอยู่ในความฝัน
    (ยังเสือกถามว่า ฝ่ายหญิงทำไมไม่ฝันถึงเค้าบ้าง)
    ร้องไหัและขอให้เธออย่าลืมรักเก่าๆเงียบๆ
    เพียงลำพัง คิดว่าในชีวิตนี้ ไม่สามารถอยู่ได้
    โดยปราศจากเธอ
    ตรงกับชื่อเพลง
    "ชีวิตนี้ฉันต้องการไปกับเธอ 只想一生跟你走
    Only Want to Go with You in this Life
    https://www.youtube.com/watch?v=Ou3NHHS6f4c
    23. เพลงแนว Soft-Rock
    อมตะนิรันด์กาล ของ Beyond
    บทเพลงภาษาจีนกวางตุ้ง Hoi Fut Tin Hung - 海闊天空
    https://www.youtube.com/watch?v=wk9TMnbx7fQ
    24. เพลงในแนวศิลปินคู่ Duo ชาย-หญิง
    บนเวที่ Voice of China เพลงในภาษากวางตุ้ง
    ได้รับการยอมรับ จากชาวจีนทั่วทั้งประเทศ
    เพลง : คืนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว
    Yue Ban Xiao Ye Qu (月半小夜曲)
    ศิลปิน : 李克勤 และ 周深
    ความหมายของเพลง บรรยายถึง ความในใจทุกจุดของ..ชายหนุ่มที่นอนไม่หลับมองท้องฟ้าในค่ำคืนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว รำพันถึงสาวในฝัน ที่น่าจะเป็นดวงดาวที่อยู่ไกลๆ เค้าเผชิญกับความจริงที่ยอมรับไม่ได้ ความรักของเค้าจะไม่เปลี่ยนไปตามลำดับ แต่ยิ่งกระตือรือร้น ยิ่งห่วงใยกันตลอดไป…”

    25. เพลงเศร้าๆ..ภาษากวางตุ้ง ชื่อเพลง 天窗 แปลว่า แสงปลายอุโมงค์
    เป็นการเล่าเรื่องราวของหนุ่มน้อยอกหัก นั่งในห้องมืดๆเพียงลำพัง
    โดยมีลำแสงเล็กๆลอดช่องหน้าต่างลงมาที่เขานั่ง คิดปลงตัวเอง
    รำพึง รำพัน อย่างน่าฉงฉาน..จุงเบย
    https://www.youtube.com/watch?v=YnW545U1KgU

    26. เติ้ง จื่อ ฉี Tang Tsz-kei (鄧紫棋)
    นักร้อง-นักแต่งเพลง ในชื่อ G.E.M. ( Get Everybody Moving)
    https://www.facebook.com/photo/?fbid=1121627308556329&set=a.108283646557372

    -《暗裡著迷》
    - Cantonese LOVE Song "Yat Saang Jung Jeui Ngoi" 一生中最愛 [Love Of A Lifetime] - Alan Tam 譚詠麟
    - เมโลดี้..หวานๆ ในเพลง 光輝歲月 -Gwong Fai Seui Yuet
    ของวง Beyond แน่นอน
    https://www.youtube.com/watch?v=SVBC35ByZUY
    - เมโลดี้..อันแสนไพเราะ ในเพลงจีนกวางตุ้ง(อมตะ)
    天若有情. tin yeuk yau ching ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ
    - เพลงจีนกวางตุ้งยอดนิยม(ตลอดกาล)ของ Beyond ทั้ง 2 เพลง
    1) "วันแห่งความรุ่งโรจน์" [ Gwong Fai Seui Yuet ] 光輝歲月
    2) "ทะเลและท้องฟ้า" [ Hoi Fut Tin Hung ] 海闊天空
    - เพลงสำหรับเทศกาลปีใหม่ Auld Lang Syne
    ใส่เนื้อร้องเป็นภาษาจีนกวางตุ้ง
    กลายเป็นเพลง (เหย่ายี่หมานโส๋ย) 友誼萬歲 = มิตรภาพที่ยืนยาว
    ขับร้องโดย "หลีหลี่รุ่ย" 李麗蕊 Sara Lee
    ฟังง่าย -ชัดถ้อย-ชัดคำ(มาก) ค่ะ
    - ศิลป และ เทคนิคในการเขียนอักษรจีน โดยใช้ "แกนร่วม"
    เขียนว่า 身体健康 แปลว่า -ร่างกาย-สุขภาพดี
    ต้องหัดเขียน เพื่อนำไปอวยพรญาติผู้ใหญ่
    (ซึ่ง..เหลือน้อย แล้ว)
    https://www.youtube.com/shorts/th4bgNYZrsI
    - เพลงภาษาจีนกวางตุ้ง ประมาณว่า อกหัก..รักคุด
    ของ Joey Yuong 容祖兒
    แสนรันทดใจ ฟัง..ไป ร้องไห้..ไป
    สังเกตไหม คะ ว่า..คล้ายกับเพลงในละคอนไทย "สามีตีลังกา"
    ไม่ทราบว่า จีนลอกไทย หรือ ไทยลอกจีน
    - เพลงจีนกวางตุ้ง สำเนียง..ซ๊าม-ยับ-หวา
    แสนไพเราะ..เย็นๆ จาก #ฮัคเคน_ลี (李克勤) Hacken Lee
    เค้า..เป็นนักร้อง พิธีกรรายการโทรทัศน์ และนักแสดงชาวฮ่องกง มีผลงานตั้งแต่ปี 1980 จนถึงปี 2013 เพลง "House of Cards" ของ Lee กวาดหลายรางวัลในงานประกาศรางวัลของฮ่องกง รวมถึง "เพลงที่ดีที่สุดในโลก" และ "Broadcasting Index"
    ใน Metro's Awards ในปี 2013 เขาได้รับรางวัล "Outstanding Pop Singer Award" ในงาน "Top Ten Chinese Gold Songs Awards" ของ RTHK ถึง 14 ครั้ง และสร้างสถานะที่ไม่สามารถถูกแทนที่ได้ในอุตสาหกรรมเพลงของฮ่องกงและเอเชีย.
    https://www.youtube.com/watch?v=RMH8Xv2siYM
    - สุดยอด..การประกวด 中国好声音 (Voice of China)
    เพลง(จีนกวางตุ้ง)Manjusaka= 蔓珠莎華 ของ Wu Keyue
    ไม่เพียงรักษาจิตวิญญาณแห่งการครอบงำของ Anita Mui
    แต่...ยังมีเสียงตอนจบที่คล้ายกับ Priscilla Chan มาก
    เติ้ง จื่อ ฉี Tang Tsz-kei (鄧紫棋) นักร้อง-นักแต่งเพลง ในชื่อ G.E.M. ( Get Everybody Moving) เกิด: 16 สิงหาคม 2534 (อายุ 31 ปี), เซี่ยงไฮ, จีน ความสูง: 1.57 ม. ค่ายเพลง: Sony Music Entertainment (SME) พี่น้อง: อีเลน แทง เธอ เป็น นักร้องนักแต่งเพลงชาวฮ่องกง ที่ อพยพมาจากเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เธอ..เดบิวต์ในวงการเพลงฮ่องกง ในปี 2008 หลังจากออกอัลบั้ม 3 อัลบั้มในฮ่องกง และการปรากฏตัวของเธอ(ชัดเจน)ในรายการแข่งขันร้องเพลงจีน I Am a Singer รุ่นปี 2014 ดิฉัน..สะดุด เทหัวใจ(หมดทั้งหัวใจ) ให้เธอ ไปแล้ว... เพราะเธอมี DNA ของนักร้องในดวงใจทั้งสาม คือ Christina Aguilera, Beyoncé, และ Mariah Carey ตัวอย่าง ในเพลง hei fun nei 《喜欢你》 https://www.youtube.com/watch?v=IQ1g8ShGaVU ---------------------------------------------- รวมเพลงจีน-กวางตุ้ง 1. เพลงจีนกวางตุ้ง 光辉岁月 อ่านว่า Gwong Fai Seui Yut แปลว่า "วันแห่งความรุ่งโรจน์" เป็นเพลงของวง Beyond ในยุค '90 ที่มีความหมายดีๆ.. นำมาขับร้องใหม่ ไฉไล..,มันส์ มากกว่า-เดิม ค่ะ https://www.youtube.com/watch?v=Y98BJoztFwM เพลงแนว Canto-Pop 光辉岁月 Gwong Fai Seui Yuet ของ วง Beyond ต้นฉบับ(เดิม) พร้อมอักษรจีน-กวางตุ้ง ค่อยๆอ่าน+ร้องตาม สักวันหนึ่งที่มี "วันแห่งความรุ่งโรจน์" https://www.youtube.com/watch?v=PrGsAMbgUh4 เพลง Glorious Years (光辉岁月) https://www.youtube.com/watch?v=4Sjqt37ipcU 2. เพลงจีนกวางตุ้ง(ยอดนิยม) ของ ศิลปิน BEYOND ขับร้องโดย สุดยอดนักร้องยอดนิยมของฮ่องกง ในเพลง 不再猶豫 อ่านว่า Bat joi yau yu แปลว่า ไม่ลังเล https://www.youtube.com/watch?v=RvDjCTqoLuw 3. เพลงภาษาจีนกวางตุ้ง 一生中最爱 อ่านว่า (Yi Sheng Zhong Zui Ai) เปิดตัวครั้งแรกในปี 1991 และใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง "A Tale of Two Cities" ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของ เพื่อนรักสองคนที่ตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งในเวลาเดียวกัน แต่ให้กันและกันด้วยความเป็นพี่น้อง และทั้งสามคนต้องพบกับ บททดสอบมิตรภาพและความรัก เพลงนี้เลยดูเหมือนร้อง เกี่ยวกับระยะห่างระหว่างเพื่อนกับคนรัก https://www.youtube.com/watch?v=KbZLN2X_lFU สุดยอด..เพลงจีนกวางตุ้ง(ชาย) ต้องยกให้ ALAN TAM ในบทเพลง一生中最愛. Yat Saang Jung Jeui Ngoi คือ เพลงที่ดีที่สุด ครองตำแหน่งมาตั้งแต่ 1991- ปัจจุบัน https://www.youtube.com/watch?v=62ejBUq1J5o 4. เพลงจีนกวางตุ้ง 明日話今天 หมายถึง คุยกันวันนี้..ไม่ต้องรอในวันพรุ่งนี้ และเพลงที่ 2 奮鬥 หมายความถึง การต่อสู้ ขับร้องโดย Jenny Tseng และ CoCo Lee จำกันได้ไหม..ล่ะ? https://www.youtube.com/watch?v=ZXAguTHqYnc 5. 7 เพลงจีนกวางตุ้ง(ยอดนิยม) ของ 容祖兒 - Joey Yung นำเสนอในแบบ Medley รวดเดียวในเพลง อ่านออกเสียงสำเนียงกวางตุ้ง 粤拼 ➔ jyut6ping3 ได้ว่า..... mat6jau5 / syun2jau5 / sam1gam1ming6dai2 / zou2jau5jyu6mau4 / zeoi6fui1 / ze3gwo3 / ngo5jaa5bat1 密友 / 損友 / 心甘命抵 / 早有預謀 / 罪魁 / 借過 / 我也不想這樣 https://www.youtube.com/watch?v=NpC07u2NMj0 6. เพลงรัก..ภาษากวางตุ้ง ทั้ง 20 เพลง สรุปเป็นการขับร้องแนวเศร้าๆของหนุ่มมองเครื่องบิน ที่ไม่สามารถเด็ดดอกฟ้าลงมาเชยชมได้ ถ้าได้..จะร้องแนวมันส์ๆ สนุกสนาน กระดี๊ กระด๊า รื่นเริง หลุดโลก.. ช่าย หมาย..ล่ะ https://www.youtube.com/watch?v=x1z6as3uwMY 7. ชาวกวางตุ้ง..เป็นชาวจีนที่อาศัยอยู่ติดทะเลทางตอนใต้ของจีน ตื่นเช้าขึ้นมา..จะพบกับ "ท้องฟ้า และ ทะเล" มักจะแหกปากขับร้องเพลง Hoi fut tin hung ของ Beyond 海闊天空 ให้ดัง..ไกล ถึง ดาวพระอังคาร..ไปเลย ช่วยกัน "แหกปาก" ร้องดังๆ..นะ คะ https://www.youtube.com/watch?v=wk9TMnbx7fQ 8. เพลงอมตะ..นิรันดร์กาล และ อยู่ในใจของชาวจีนกวางตุ้ง คือ เพลง Naan Dak Yau Ching Yan ( 难得有情人 ) แปลเป็นภาษาอังกฤษ Happy Are Those in Love ขับร้องโดย Shirley Kwan (關淑怡) ฉันมีความสุขมากที่ได้ฟัง และร้องคลอเคลียตามไปด้วย ชาวกวางตุ้ง..ทุกคนสัมผัสความสุขนี้ได้ นะคะ https://www.youtube.com/watch?v=lhB9uMNveXI 9. หนึ่งใน..เพลงที่ดีที่สุดของ Joey Yung 容祖兒 มีหลายประเทศนำไปเลียนแบบใส่เนื้อร้องใหม่ ในเพลง 習慣失戀 แปลไทย ว่า " อกหักจนเคยชิน" ไพเราะ..มาก ค่ะ " Always Heartbroken " https://www.youtube.com/watch?v=aQmieaqmLmU 10. เพลง..ล้านคิวเพลง《千千阙歌》ในภาษาจีนกวางตุ้ง ที่ทำให้ 陈慧娴 Priscilla Chan ที่กำลังจะเกษียณอำลาวงการ กลับทำให้เธอ..ดังระเบิดแรงกว่า..ระเบิดปรมาณู ในปี 1983 11. 朋友 ผั่งเหย่า..ภาษาจีน(กวางตุ้ง) แปลว่า เพื่อน เป็นเพลงที่ใช้ภาษาพูด ฟังได้ใจความอย่างง่ายๆ คิดถึงความสุข..สมัยที่ได้เรียนที่นี่ในวัยเด็ก 12. เติ้ง จื่อ ฉี Tang Tsz-kei (鄧紫棋) นักร้อง-นักแต่งเพลง ในชื่อ G.E.M. ( Get Everybody Moving) เกิด: 16 สิงหาคม 2534 (อายุ 31 ปี), เซี่ยงไฮ, จีน ความสูง: 1.57 ม. ค่ายเพลง: Sony Music Entertainment (SME) พี่น้อง: อีเลน แทง เธอ เป็น นักร้องนักแต่งเพลงชาวฮ่องกง ที่ อพยพมาจากเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เธอ..เดบิวต์ในวงการเพลงฮ่องกง ในปี 2008 หลังจากออกอัลบั้ม 3 อัลบั้มในฮ่องกง และการปรากฏตัวของเธอ(ชัดเจน)ในรายการแข่งขันร้องเพลงจีน I Am a Singer รุ่นปี 2014 ดิฉัน..สะดุด เทหัวใจ(หมดทั้งหัวใจ) ให้เธอ ไปแล้ว... เพราะเธอมี DNA ของนักร้องในดวงใจทั้งสาม คือ Christina Aguilera, Beyoncé, และ Mariah Carey ตัวอย่าง ในเพลง hei fun nei 《喜欢你》 https://www.youtube.com/watch?v=IQ1g8ShGaVU 13. สุดยอดมหากาพย์ของเพลงจีนกวางตุ้ง..ต้องเพลงนี้ 《千千阙歌》หรือ แปลว่า "เพลงล้านคิว" "Song of a Thousand Thousand Que" ต้นฉบับของเพลงนี้คือ "Yuyakiけの歌" แต่งโดย Makaiye Yasuji โดยนักร้องชาวญี่ปุ่นMasahiko Kondo ในปี 1988 หลังจากที่ Priscilla Chan ประกาศว่าจะเกษียณจากวงการเพลง PolyGram ได้ผลิตเพลง "อำลา" เพลงนี้แหละที่ประพันธ์เพลง ในภาษาจีนกวางตุ้ง โดย Lin Zhenqiang กลับทำให้ Priscilla Chan ยิ่งโด่งดังมากยิ่งขึ้น ด้วยฝีมือของ Anita Mui, Blue Jeans, Polygram, Huaxing Records, CBS/SonyและWingo Creative ด้วยเพลงนี้ พริสซิลลา ชาน ได้รับรางวัล " My Favorite Song Award in the Music World " ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 2,715 เสียง ใน พิธีมอบรางวัล Top Music Pop Awards ในปี 1989 https://www.youtube.com/watch?v=P9kcwRnGk5w 14. อัลบั๊มรวมเพลงจากสวรรค์ ของ 4 ราชาเพลงดังแห่งฮ่องกง ♛ Andy Lau ♛Jacky Cheung ♛Li Mingi ♛Aaron Kwok https://www.youtube.com/watch?v=a55w198tsLo 15. Album รวม-เพลงกวางตุ้งที่ดีที่สุด ของ Alan Tam https://www.youtube.com/watch?v=w5QIjqHiSp4 16. เธอ คือ 伍珂玥 หรือ Karrie Ng เป็นชาวเมืองไท่ซาน มณฑลกวางตุ้ง. เป็นนักร้องเพลงป๊อปชาวจีน เป็นนักศึกษาปี 2021 ของ Jinzhong Conservatory of Music of Shenzhen University และเป็นแชมป์รวมของ " The Voice of China 2021 " เธอ คือ สุดยอด..ความภาคภูมิใจ ของ ชาวกวางตุ้งทั่วโลก นี่คือ อัลบั๊ม เพลงอันแสนไพเราะ จากน้ำเสียงระดับโลกของเธอ https://www.youtube.com/watch?v=usKqLgvf6pI 17. เพลงจีนกวางตุ้ง ชื่อเพลง《最爱》แปลว่า.. " รักที่ซู๊ดด ด.. " เรียบเรียงจากบทกวี เปรียบ ท้องฟ้า สายลม ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ น้ำขึ้น-น้ำลง เงา สายน้ำ จินตนาการกับความรักในฝัน. https://www.youtube.com/watch?v=IEwzbPWB3zg 18. ชื่อภาษาจีน(ต้วย่อ) 刘德华 คนไทย รู้จักในชื่อ “หลิว เต๋อ หัว” สาวๆชาวจีนกวางตุ้ง...กรี๊ด สนั่น ในนาม “เหล่า ตั๊ก หวา” (Andy Lau) นี่แหละจักรพรรดิแห่ง..ดาราฮ่องกง เจ้าของผลงานภาพยนตร์ฮ่องกงแนวบู๊ ตีรันฟันแทง มากกว่าครึ่ง สูง ยาว หล่อ ล่ำ+เสียงดี ร้องเพลงยอดนิยมเพลงเดียว นานถึง 30 ปี คือ เพลง Yat Hei Jau Gwoh Dik Yat Ji 《一起走过的日子》แปลเป็นอังกฤษ ว่าThe Days We Spent Together สาวกวางตุ้ง ต้องแหกปาก ร้องคลอ..ตามไปได้(ทุกคน) โดยเฉพาะท่อนแรก (ร้องดังๆ..นะ) 如何面对 曾一起走过的日子 jyu4 ho4 min6 deoi3 cang4 jat1 hei2 zau2 gwo3 dik1 jat6 zi2 现在剩下我独行 jin6 zoi6 sing6 haa6 ngo5 duk6 hang4 如何用心声一一讲你知 jyu4 ho4 jung6 sam1 sing1/seng1 jat1 jat1 gong2 nei5 zi1 从来没人明白我 cung4 loi4 mut6 jan4 ming4 baak6 ngo5 唯一你给我好日子 wai4 jat1 nei5 kap1 ngo5 hou2 jat6 zi2 有你有我有情有生有死有义 jau5 nei5 jau5 ngo5 jau5 cing4 jau5 sang1/saang1 jau5 sei2 jau5 ji6 https://www.youtube.com/watch?v=VUZ4w2NN5fQ 19. เพลงจีนกวางตุ้งคลาสสิก ขับร้องโดย : 張學友 / Jacky Cheung ชื่อเพลง : 『我留著你在身邊心仍然很遠』 แปลไทย ได้ว่า "ฉันคอยเธอเคียงข้างใจยังห่างไกล" หรือ แปลเป็นอังกฤษ = Let me stay by your side https://www.youtube.com/watch?v=WHTfF5kIz80 20. เพลงจีนกวางตุ้ง(ยอดนิยม) Yue Ban Xiao Ye Qu คืนพระจันทร์เสี้ยว《月半小夜曲》 ฝาหรั่งเรียกว่า "Half Moon Serenade" นักร้อง : Li Keqin, Wu Keyue และ He San นำมาขับร้อง แบบ Trio ในปลายปี 2021 ได้ไพเราะจับใจ(มาก) ความหมายของเพลง บรรยายถึง ความในใจทุกจุดของ..ชายหนุ่มที่นอนไม่หลับมองท้องฟ้าในค่ำคืนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว รำพันถึงสาวในฝัน ที่น่าจะเป็นดวงดาวที่อยู่ไกลๆ เค้าเผชิญกับความจริงที่ยอมรับไม่ได้ ความรักของเค้าจะไม่เปลี่ยนไปตามลำดับ แต่ยิ่งกระตือรือร้น ยิ่งห่วงใยกันตลอดไป…” https://www.youtube.com/watch?v=MfDa59mTHes 21. เพลงจีนกวางตุ้ง เศร้าๆ.. ขับร้องโดย 容祖兒 - Joey Yung ชื่อเพลง : 天窗 แปลว่า แสงจากท้องฟ้า ความหมายของเพลง : หญิง-ชาย ดื่มน้ำชา หลังจากอาหารมื่อหนึ่ง ซึ่ง ทั้งคู่นัดกันมาพบกันเพื่อบอกเลิกกัน ทั้งคู่ไม่ยอมเปิดเผยความจริง หรือ ไม่ยอม..เปิดแสงจากฟ้าให้เข้าใจกัน นั่นเอง. https://www.youtube.com/watch?v=YnW545U1KgU 22. เพลงเก่า..ยอดนิยม ประมาณ 30 ปี ภาษาจีนกวางตุ้ง ของ Jacky Cheung (張學友 / Cheung Hok-yau) ชื่อเพลง : 只想一生跟你走 (Ji seung yat sang gan nie jau) แปลว่า : ชีวิตนี้ฉันต้องการไปกับเธอ ความหมายของเพลง....พระเอกของเราได้พบกับคนที่หลงรัก และค้นพบว่าไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากเธอคนนั้น สองคนนี้เลิกกัน โดยฝ่ายหญิงสะบัดกันหนีไป ปล่อยให้พระเอกของเรา นั่งร้องไห้เศร้าเสียใจ มโนว่า เธอคนนั้น..ไม่ได้จากไป และทุกอย่างเหมือนอยู่ในความฝัน (ยังเสือกถามว่า ฝ่ายหญิงทำไมไม่ฝันถึงเค้าบ้าง) ร้องไหัและขอให้เธออย่าลืมรักเก่าๆเงียบๆ เพียงลำพัง คิดว่าในชีวิตนี้ ไม่สามารถอยู่ได้ โดยปราศจากเธอ ตรงกับชื่อเพลง "ชีวิตนี้ฉันต้องการไปกับเธอ 只想一生跟你走 Only Want to Go with You in this Life https://www.youtube.com/watch?v=Ou3NHHS6f4c 23. เพลงแนว Soft-Rock อมตะนิรันด์กาล ของ Beyond บทเพลงภาษาจีนกวางตุ้ง Hoi Fut Tin Hung - 海闊天空 https://www.youtube.com/watch?v=wk9TMnbx7fQ 24. เพลงในแนวศิลปินคู่ Duo ชาย-หญิง บนเวที่ Voice of China เพลงในภาษากวางตุ้ง ได้รับการยอมรับ จากชาวจีนทั่วทั้งประเทศ เพลง : คืนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว Yue Ban Xiao Ye Qu (月半小夜曲) ศิลปิน : 李克勤 และ 周深 ความหมายของเพลง บรรยายถึง ความในใจทุกจุดของ..ชายหนุ่มที่นอนไม่หลับมองท้องฟ้าในค่ำคืนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว รำพันถึงสาวในฝัน ที่น่าจะเป็นดวงดาวที่อยู่ไกลๆ เค้าเผชิญกับความจริงที่ยอมรับไม่ได้ ความรักของเค้าจะไม่เปลี่ยนไปตามลำดับ แต่ยิ่งกระตือรือร้น ยิ่งห่วงใยกันตลอดไป…” 25. เพลงเศร้าๆ..ภาษากวางตุ้ง ชื่อเพลง 天窗 แปลว่า แสงปลายอุโมงค์ เป็นการเล่าเรื่องราวของหนุ่มน้อยอกหัก นั่งในห้องมืดๆเพียงลำพัง โดยมีลำแสงเล็กๆลอดช่องหน้าต่างลงมาที่เขานั่ง คิดปลงตัวเอง รำพึง รำพัน อย่างน่าฉงฉาน..จุงเบย https://www.youtube.com/watch?v=YnW545U1KgU 26. เติ้ง จื่อ ฉี Tang Tsz-kei (鄧紫棋) นักร้อง-นักแต่งเพลง ในชื่อ G.E.M. ( Get Everybody Moving) https://www.facebook.com/photo/?fbid=1121627308556329&set=a.108283646557372 -《暗裡著迷》 - Cantonese LOVE Song "Yat Saang Jung Jeui Ngoi" 一生中最愛 [Love Of A Lifetime] - Alan Tam 譚詠麟 - เมโลดี้..หวานๆ ในเพลง 光輝歲月 -Gwong Fai Seui Yuet ของวง Beyond แน่นอน https://www.youtube.com/watch?v=SVBC35ByZUY - เมโลดี้..อันแสนไพเราะ ในเพลงจีนกวางตุ้ง(อมตะ) 天若有情. tin yeuk yau ching ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ - เพลงจีนกวางตุ้งยอดนิยม(ตลอดกาล)ของ Beyond ทั้ง 2 เพลง 1) "วันแห่งความรุ่งโรจน์" [ Gwong Fai Seui Yuet ] 光輝歲月 2) "ทะเลและท้องฟ้า" [ Hoi Fut Tin Hung ] 海闊天空 - เพลงสำหรับเทศกาลปีใหม่ Auld Lang Syne ใส่เนื้อร้องเป็นภาษาจีนกวางตุ้ง กลายเป็นเพลง (เหย่ายี่หมานโส๋ย) 友誼萬歲 = มิตรภาพที่ยืนยาว ขับร้องโดย "หลีหลี่รุ่ย" 李麗蕊 Sara Lee ฟังง่าย -ชัดถ้อย-ชัดคำ(มาก) ค่ะ - ศิลป และ เทคนิคในการเขียนอักษรจีน โดยใช้ "แกนร่วม" เขียนว่า 身体健康 แปลว่า -ร่างกาย-สุขภาพดี ต้องหัดเขียน เพื่อนำไปอวยพรญาติผู้ใหญ่ (ซึ่ง..เหลือน้อย แล้ว) https://www.youtube.com/shorts/th4bgNYZrsI - เพลงภาษาจีนกวางตุ้ง ประมาณว่า อกหัก..รักคุด ของ Joey Yuong 容祖兒 แสนรันทดใจ ฟัง..ไป ร้องไห้..ไป สังเกตไหม คะ ว่า..คล้ายกับเพลงในละคอนไทย "สามีตีลังกา" ไม่ทราบว่า จีนลอกไทย หรือ ไทยลอกจีน - เพลงจีนกวางตุ้ง สำเนียง..ซ๊าม-ยับ-หวา แสนไพเราะ..เย็นๆ จาก #ฮัคเคน_ลี (李克勤) Hacken Lee เค้า..เป็นนักร้อง พิธีกรรายการโทรทัศน์ และนักแสดงชาวฮ่องกง มีผลงานตั้งแต่ปี 1980 จนถึงปี 2013 เพลง "House of Cards" ของ Lee กวาดหลายรางวัลในงานประกาศรางวัลของฮ่องกง รวมถึง "เพลงที่ดีที่สุดในโลก" และ "Broadcasting Index" ใน Metro's Awards ในปี 2013 เขาได้รับรางวัล "Outstanding Pop Singer Award" ในงาน "Top Ten Chinese Gold Songs Awards" ของ RTHK ถึง 14 ครั้ง และสร้างสถานะที่ไม่สามารถถูกแทนที่ได้ในอุตสาหกรรมเพลงของฮ่องกงและเอเชีย. https://www.youtube.com/watch?v=RMH8Xv2siYM - สุดยอด..การประกวด 中国好声音 (Voice of China) เพลง(จีนกวางตุ้ง)Manjusaka= 蔓珠莎華 ของ Wu Keyue ไม่เพียงรักษาจิตวิญญาณแห่งการครอบงำของ Anita Mui แต่...ยังมีเสียงตอนจบที่คล้ายกับ Priscilla Chan มาก
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องจริงที่น่าสมเพช
    ⭕️⭕️⭕️⭕️⭕️
    คนไทยทุกคน
    ควรอ่าน
    ************
    เดิมที ลิเบียถูกอิตาลียึดครอง ต่อมาอิตาลีแพ้สงครามโลก อังกฤษและฝรั่งเศสเข้ามาปกครองลิเบียโดยแย่งไปจากอิตาลี และได้ขุดน้ำมัน บริษัทของอังกฤษและฝรั่งเศสได้สัมปทานกอบโกยน้ำมันไปจนร่ำรวย ส่วนคนลิเบียแทบไม่ได้อะไรเลย แม้ภายหลังลิเบียได้เอกราช แต่สัมปทานน้ำมันแบบเกือบฟรี ก็ยังอยู่ในมือบริษัทอังกฤษและฝรั่งเศส

    ต่อมา กัดดาฟีเห็นว่าไม่เป็นธรรมจึงทำการปฏิวัติ และยึดสัมปทานน้ำมันคืนมา กัดดาฟีปกครอง ให้ประชาชนทุกอย่าง สวัสดิการดีที่สุดในบรรดาประเทศที่รวยน้ำมัน อาจจะเรียกได้ว่า ดีที่สุดในโลก ประชาชนอยู่ดี กินดี มีความสุขสบายทุกอย่าง ยกเว้นอย่างเดียวคือ ไม่มีประชาธิปไตยแบบตะวันตก ไม่มีการเลือกผู้แทน ไม่มีการเลือกรัฐบาล และผู้นำ

    กลุ่มนักศึกษา ที่นึกฝันว่า ถ้าประเทศลิเบียมีประชาธิปไตยแบบอเมริกา น่าจะทำให้ประชาชนได้สวัสดิการมากกว่าที่กัดดาฟี มีความสุขมากกว่าที่เป็นอยู่ มีความคับข้องใจ แต่ทำอะไรไม่ได้

    จนกัดดาฟี อึดอัดกับคำสั่งอเมริกาและซาอุ ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ในโอเปค (ตอนนั้นยังไม่ใช่โอเปคพลัสอย่างทุกวันนี้) ที่ให้ทุกประเทศในโอเปคต้องขายน้ำมันผูกขาดด้วย petrodollar เท่านั้น กัดดาฟีประกาศจะไม่ทำตาม จะขายน้ำมันด้วยเงินดีนาร์ทองคำ หรือแลกด้วยทองคำ ซึ่งจะเป็นการเริ่มต้นทำลาย petrodollar อเมริกาจึงวางแผนกำจัดกัดดาฟี

    อเมริกาจึงไปยุยงวางแผนให้นักศึกษาก่อการจลาจล ลิเบียสปริง มีอเมริกาโดย CIA ดำเนินการให้ทั้งเงิน อาวุธ และสนับสนุนด้านอื่นๆ กัดดาฟีปราบปรามนักศึกษาที่ก่อการจลาจล สื่อตะวันตกก็พร้อมใจกันประโคมว่า กัดดาฟีเป็นผู้นำเผด็จการเข่นฆ่าประชาชนและนักศึกษา อย่างต่อเนื่อง ใหญ่โต และเป็นระบบ

    พอโหมประโคมโฆษณาชวนเชื่อจนล้างสมองคนทั้งโลกได้ อเมริกาและอังกฤษ ก็ส่งกองกำลังเข้าไปจับกัดดาฟีฆ่า ปล้นเอาทองคำในคลังหลวงของลิเบียไปหมด ยึดสัมปทานน้ำมันให้บริษัทตะวันตกไปร่ำรวยต่อ สวัสดิการทุกอย่างหายไปหมดสิ้น

    อังกฤษ อเมริกา และฝรั่งเศส จัดตั้งคนที่ตนสั่งได้ขึ้นมาแทนกัดดาฟี แต่กองกำลังอื่นๆ ไม่ยอมรับและเริ่มมีการต่อสู้แย่งอำนาจกันรุนแรงขึ้นเรื่อย จนบ้านเมืองพินาศวอดวาย อเมริกา หลังจากฆ่ากัดดาฟีได้ ก็ถอยไปให้อังกฤษกับฝรั่งเศสเจ้านายเดิมเข้ามาจัดการ แต่อังกฤษและฝรั่งเศส ก็ไม่อยากลงทุนส่งทหารไปตายในลิเบีย เพราะสงครามแย่งชิงอำนาจของกองกำลังต่างๆ รบกันรุนแรงมาก ถ้าอังกฤษ ฝรั่งเศส ส่งทหารไป จะต้องใช้เงินจำนวนมาก ทหารจะตายเยอะ และดูว่าไม่น่าจะสำเร็จจึงถอยมาปล่อยให้กองกำลังลิเบียฆ่ากันเองต่อไป จนโอบาม่าออกปากว่า อเมริกาฆ่ากัดดาฟีให้แล้ว พรรคพวกในยุโรปจัดการแย่มากจนลิเบียเละตุ้มเป๊ะไปหมด

    คนลิเบียฆ่ากันตายมากมาย บ้านเมืองพังพินาศ ความยากจนขาดแคลน เกิดทั่วประเทศ คนลิเบียหลายล้านคน ราวหนึ่งในสามต้องหนีตายจากสงครามและความอดอยาก ต้องอพยพเป็นมนุษย์เรือลี้ภัยออกจากลิเบียไปยุโรป เรือล่มจมน้ำตายมากมาย ที่เหลือต้องไปอยู่เป็นพลเมืองชั้นสาม สี่ ห้า อยู่อย่างลำบากยากแค้น ถูกกดขี่ และเกลียดชัง เพราะเป็นคนอิสลามผิวสี ไปอยู่ในหมู่ชาวคริสตผิวขาว เป็นผู้ลี้ภัยที่เจ้าของบ้าน ไม่อยากต้อนรับ

    จนเดี๋ยวนี้ ลิเบียยังรบกันอยู่

    จากเมืองที่เคยเป็นเหมือนสวรรค์ อเมริกาทำให้กลับกลายเป็นนรกได้ ตอนนี้พวกนักศึกษาที่ก่อการจลาจล ลี้ภัย ตกนรกกันอยู่ที่ไหนบ้าง

    แต่อเมริกาทำไม่ได้ ถ้านักศึกษาของลิเบีย (ที่กัดดาฟีใช้เงินจากการขายน้ำมันส่งให้เรียนฟรีทั้งในและต่างประเทศ) ไม่หลงลมและร่วมมือกับ CIA ของอเมริกาก่อการจลาจล

    นักศึกษาที่ออกมาประท้วงก่อการจลาจล ป่านนี้คงรู้สำนึกแล้วว่าไม่น่าทำลายบ้านเมืองตัวเอง ถูกหลอกใช้เป็นเบี้ยในกระดาน พอใช้เสร็จก็ถูกทิ้ง แต่รู้สำนึกตอนนี้ก็สายไปแล้ว ลิเบียกลายเป็นนรกไปทุกหย่อมหญ้าแล้ว

    กบเลือกนายจนทำให้บ้านเมืองฉิบหายวายวอดละครับ
    วันชัย รุจนวงศ์
    20/4/23

    ***************************

    # บทความของ ชัย ราชวัตร เตือนคนไทย

    อุทาหรณ์!! เสรีภาพที่มาพร้อมกับความโง่เขลา"
    ....ชัย ราชวัตร ยกบทความ นศ.ลิเบียถูกอเมริกาชักใยก่อม็อบร่วมโค่นผู้นำจนทำให้ต้องประเทศพัง!!
    .....นายสมชัย กตัญญุตานันท์ หรือ ชัย ราชวัตร การ์ตูนนิสต์ชื่อดังได้โพสต์บทความลงในเฟซบุ๊กโดยเป็นการหยิบเอาบทความเกี่ยวกับเรื่องลิเบีย และเสรีภาพ นำมาให้สังคมการเคลื่อนไหวในประเทศไทยได้เห็นเป็นตัวอย่างว่า..ประชาธิปไตยที่บางคนโหยหา…. ตัวอย่างที่น่าคิด…….
    .....ประเทศลิเบีย เสรีภาพที่มาพร้อมกับความโง่เขลา….ลิเบีย เป็นประเทศหลายชนเผ่า เป็นประเทศล้าหลัง ยากจน ถึงจะมีน้ำมันเยอะ แต่ชาติตะวันตกก็เป็นเจ้าของสัมปทาน ได้ประโยชน์ส่วนใหญ่ไป เหลือทิ้งไว้ให้คนในลิเบียนิดเดียว
    .....กัดดาฟี่ทำการรัฐประหาร แล้วทำการยึดสัมปทานน้ำมันจากชาติตะวันตก เอาน้ำมันเข้ารัฐ ส่งผลให้ลิเบียร่ำรวยมากขึ้น กัดดาฟี่ จึงนำเอาเงินที่ได้มาให้สวัสดิการประชาชนอย่างเต็มที่ทุกคนเรียนฟรี รักษาฟรี มีเงินสนับสนุนให้ ไม่ว่าจะแต่งงานหรือมีลูกและสวัสดิการอื่นๆอีกมากมาย รัฐมีเงินให้ จะสร้างบ้าน จะส่งลูกไปเรียนเมืองนอก รัฐให้ฟรีหมด …..
    .....เกษตรกรไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำ แม้จะเป็นทะเลทราย แต่กัดดาฟี่จัดหาน้ำ และทำท่อส่งน้ำใต้ดินถึงที่ดินทุกแปลงจนประชากรลิเบียมีมาตรฐานคุณภาพชีวิตที่ดีมาก และสูงขึ้นเป็นอันดับต้นๆของโลก… กลุ่มชนเผ่าในประเทศก็เลิกตีกัน เพราะกัดดาฟี ได้จัดการแบ่งผลประโยชน์จากน้ำมันให้อย่างทั่วถึง ….มีความเป็นอยู่อย่างดีมาตลอดหลายสิบปี…..
    .....ถึงประชาชนจะสุขสบาย แต่ก็เริ่มเบื่อกับการปกครองของกัดดาฟี่ มหาอำนาจตะวันตก สหรัฐ กับอังกฤษ เห็นว่าคนลิเบียเริ่มเบื่อกับการปกครองของกัดดาฟี่ จึงได้โอกาสจัดอาหรับสปริง
    .....โดยจัดให้นักศึกษาชาวลิเบียที่ไปเรียนต่างประเทศมา…. มาเป็นแกนนำในการเรียกร้องเสรีภาพ โดยมีอเมริกาและอังกฤษเป็นอีแอบสนับสนุนอยู่ข้างหลัง เกิดม๊อบเกิดจลาจลทั่วประเทศ….. กลุ่มทหารกลุ่มหนึ่งฉวยโอกาสหักหลังกัดดาฟี่ เป็นกบฏต่อรัฐบาล สู้รบกับรัฐบาล ผลสุดท้ายฝ่ายทหารกบฏกับกลุ่มประชาชน นักศึกษาที่เรียกร้องเสรีภาพชนะฝ่ายกัดดาฟี่ ….กัดดาฟี่ตาย
    .....มีข่าวว่านางฮิลลารี่ คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ถึงกับบินไปดูศพของกัดดาฟี่ด้วยตัวเอง พร้อมกับพูดด้วยความสะใจว่า…. ฉันมา ฉันรู้ ฉันเห็นมันตาย …..
    .....กัดดาฟี่ตาย ไม่มีผู้นำที่เป็นคนยึดเหนี่ยวกลุ่มชนไว้ด้วยกัน… กลุ่มชนเผ่าในประเทศแต่ละฝ่ายก็ตั้งตัวเป็นใหญ่ แย่งชิงอำนาจกัน ….เกิดสงครามรบพุ่งกันภายในประเทศตลอดเวลา ….ทีนี้ประชาชนก็อยู่ไม่ได้ ต่างอพยพหนีภัยสงครามกันจ้าละหวั่น ….
    .....ประชากรเกือบหนึ่งในสามของประเทศ ต้องอพยพหนีภัยสงครามไปต่างประเทศ ส่วนคนที่เหลือในประเทศ ก็ต้องประสบชะตากรรม บ้านแตกสาแหรกขาด อดอยาก หิวโหย วันๆ หลบแต่กระสุนและลูกระเบิด…. ผู้ชายถูกเกณฑ์ไปรบ ผู้หญิงถูกบังคับให้บริการทางเพศ ….มีข่าวว่าถูกจับไปขายเป็นทาสทั้งหญิงและชายอย่างลับๆในประเทศเพื่อนบ้าน
    .....ลิเบียจากประเทศที่สงบสุข ประชาชนร่ำรวย มีความสุข ปานอยู่สวรรค์ เพียงพริบตาเดียวที่กัดดาฟีตาย ……ก็กลายเป็นเหมือนตกนรกทั้งเป็น จะโทษใครเล่า ก็ต้องโทษความโง่เขลาเบาปัญญาของตัวเองที่หลงกลชาติมหาอำนาจ
    .....ผ่านมาจะสิบปีแล้ว นรกในลิเบียก็ยังดำเนินต่อไป และไม่มีท่าว่าจะสิ้นสุด แถมดูแล้ว ประเทศลิเบียก็คงจะไม่มีต่อไป คงสิ้นชาติ สิ้นแผ่นดินเป็นแน่แท้
    .....โอ้อนิจจา…เสรีภาพที่มาพร้อมกับความโง่เขลา ประชาชนถูกปั่นหัวว่า…มันหอมหวนแสนหวานปานน้ำผึ้งนั้นมีเฉพาะในฝัน ….แต่บางครั้งมันคือน้ำกรดที่รดลงทำลายประเทศจนสิ้นทรากในพริบตา..มันคือความเป็นจริง
    .....ขออย่าให้ประเทศไทยต้องเป็นอย่างประเทศลิเบียเลย..ถ้าท่านเห็นว่าบทความนี้ควรจะเผยแพร่ไปยังผู้ที่กำลังคิดจะทำให้ประเทศไทยเป็นอย่างประเทศลิเบีย..ขอโปรดแชร์บทความนี้ต่อไปยังเพื่อนของท่านด้วย…
    #เรารักประเทศไทย
    Cr : ชัย ราชวัตร
    เรื่องจริงที่น่าสมเพช ⭕️⭕️⭕️⭕️⭕️ คนไทยทุกคน ควรอ่าน ************ เดิมที ลิเบียถูกอิตาลียึดครอง ต่อมาอิตาลีแพ้สงครามโลก อังกฤษและฝรั่งเศสเข้ามาปกครองลิเบียโดยแย่งไปจากอิตาลี และได้ขุดน้ำมัน บริษัทของอังกฤษและฝรั่งเศสได้สัมปทานกอบโกยน้ำมันไปจนร่ำรวย ส่วนคนลิเบียแทบไม่ได้อะไรเลย แม้ภายหลังลิเบียได้เอกราช แต่สัมปทานน้ำมันแบบเกือบฟรี ก็ยังอยู่ในมือบริษัทอังกฤษและฝรั่งเศส ต่อมา กัดดาฟีเห็นว่าไม่เป็นธรรมจึงทำการปฏิวัติ และยึดสัมปทานน้ำมันคืนมา กัดดาฟีปกครอง ให้ประชาชนทุกอย่าง สวัสดิการดีที่สุดในบรรดาประเทศที่รวยน้ำมัน อาจจะเรียกได้ว่า ดีที่สุดในโลก ประชาชนอยู่ดี กินดี มีความสุขสบายทุกอย่าง ยกเว้นอย่างเดียวคือ ไม่มีประชาธิปไตยแบบตะวันตก ไม่มีการเลือกผู้แทน ไม่มีการเลือกรัฐบาล และผู้นำ กลุ่มนักศึกษา ที่นึกฝันว่า ถ้าประเทศลิเบียมีประชาธิปไตยแบบอเมริกา น่าจะทำให้ประชาชนได้สวัสดิการมากกว่าที่กัดดาฟี มีความสุขมากกว่าที่เป็นอยู่ มีความคับข้องใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ จนกัดดาฟี อึดอัดกับคำสั่งอเมริกาและซาอุ ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ในโอเปค (ตอนนั้นยังไม่ใช่โอเปคพลัสอย่างทุกวันนี้) ที่ให้ทุกประเทศในโอเปคต้องขายน้ำมันผูกขาดด้วย petrodollar เท่านั้น กัดดาฟีประกาศจะไม่ทำตาม จะขายน้ำมันด้วยเงินดีนาร์ทองคำ หรือแลกด้วยทองคำ ซึ่งจะเป็นการเริ่มต้นทำลาย petrodollar อเมริกาจึงวางแผนกำจัดกัดดาฟี อเมริกาจึงไปยุยงวางแผนให้นักศึกษาก่อการจลาจล ลิเบียสปริง มีอเมริกาโดย CIA ดำเนินการให้ทั้งเงิน อาวุธ และสนับสนุนด้านอื่นๆ กัดดาฟีปราบปรามนักศึกษาที่ก่อการจลาจล สื่อตะวันตกก็พร้อมใจกันประโคมว่า กัดดาฟีเป็นผู้นำเผด็จการเข่นฆ่าประชาชนและนักศึกษา อย่างต่อเนื่อง ใหญ่โต และเป็นระบบ พอโหมประโคมโฆษณาชวนเชื่อจนล้างสมองคนทั้งโลกได้ อเมริกาและอังกฤษ ก็ส่งกองกำลังเข้าไปจับกัดดาฟีฆ่า ปล้นเอาทองคำในคลังหลวงของลิเบียไปหมด ยึดสัมปทานน้ำมันให้บริษัทตะวันตกไปร่ำรวยต่อ สวัสดิการทุกอย่างหายไปหมดสิ้น อังกฤษ อเมริกา และฝรั่งเศส จัดตั้งคนที่ตนสั่งได้ขึ้นมาแทนกัดดาฟี แต่กองกำลังอื่นๆ ไม่ยอมรับและเริ่มมีการต่อสู้แย่งอำนาจกันรุนแรงขึ้นเรื่อย จนบ้านเมืองพินาศวอดวาย อเมริกา หลังจากฆ่ากัดดาฟีได้ ก็ถอยไปให้อังกฤษกับฝรั่งเศสเจ้านายเดิมเข้ามาจัดการ แต่อังกฤษและฝรั่งเศส ก็ไม่อยากลงทุนส่งทหารไปตายในลิเบีย เพราะสงครามแย่งชิงอำนาจของกองกำลังต่างๆ รบกันรุนแรงมาก ถ้าอังกฤษ ฝรั่งเศส ส่งทหารไป จะต้องใช้เงินจำนวนมาก ทหารจะตายเยอะ และดูว่าไม่น่าจะสำเร็จจึงถอยมาปล่อยให้กองกำลังลิเบียฆ่ากันเองต่อไป จนโอบาม่าออกปากว่า อเมริกาฆ่ากัดดาฟีให้แล้ว พรรคพวกในยุโรปจัดการแย่มากจนลิเบียเละตุ้มเป๊ะไปหมด คนลิเบียฆ่ากันตายมากมาย บ้านเมืองพังพินาศ ความยากจนขาดแคลน เกิดทั่วประเทศ คนลิเบียหลายล้านคน ราวหนึ่งในสามต้องหนีตายจากสงครามและความอดอยาก ต้องอพยพเป็นมนุษย์เรือลี้ภัยออกจากลิเบียไปยุโรป เรือล่มจมน้ำตายมากมาย ที่เหลือต้องไปอยู่เป็นพลเมืองชั้นสาม สี่ ห้า อยู่อย่างลำบากยากแค้น ถูกกดขี่ และเกลียดชัง เพราะเป็นคนอิสลามผิวสี ไปอยู่ในหมู่ชาวคริสตผิวขาว เป็นผู้ลี้ภัยที่เจ้าของบ้าน ไม่อยากต้อนรับ จนเดี๋ยวนี้ ลิเบียยังรบกันอยู่ จากเมืองที่เคยเป็นเหมือนสวรรค์ อเมริกาทำให้กลับกลายเป็นนรกได้ ตอนนี้พวกนักศึกษาที่ก่อการจลาจล ลี้ภัย ตกนรกกันอยู่ที่ไหนบ้าง แต่อเมริกาทำไม่ได้ ถ้านักศึกษาของลิเบีย (ที่กัดดาฟีใช้เงินจากการขายน้ำมันส่งให้เรียนฟรีทั้งในและต่างประเทศ) ไม่หลงลมและร่วมมือกับ CIA ของอเมริกาก่อการจลาจล นักศึกษาที่ออกมาประท้วงก่อการจลาจล ป่านนี้คงรู้สำนึกแล้วว่าไม่น่าทำลายบ้านเมืองตัวเอง ถูกหลอกใช้เป็นเบี้ยในกระดาน พอใช้เสร็จก็ถูกทิ้ง แต่รู้สำนึกตอนนี้ก็สายไปแล้ว ลิเบียกลายเป็นนรกไปทุกหย่อมหญ้าแล้ว กบเลือกนายจนทำให้บ้านเมืองฉิบหายวายวอดละครับ วันชัย รุจนวงศ์ 20/4/23 *************************** # บทความของ ชัย ราชวัตร เตือนคนไทย อุทาหรณ์!! เสรีภาพที่มาพร้อมกับความโง่เขลา" ....ชัย ราชวัตร ยกบทความ นศ.ลิเบียถูกอเมริกาชักใยก่อม็อบร่วมโค่นผู้นำจนทำให้ต้องประเทศพัง!! .....นายสมชัย กตัญญุตานันท์ หรือ ชัย ราชวัตร การ์ตูนนิสต์ชื่อดังได้โพสต์บทความลงในเฟซบุ๊กโดยเป็นการหยิบเอาบทความเกี่ยวกับเรื่องลิเบีย และเสรีภาพ นำมาให้สังคมการเคลื่อนไหวในประเทศไทยได้เห็นเป็นตัวอย่างว่า..ประชาธิปไตยที่บางคนโหยหา…. ตัวอย่างที่น่าคิด……. .....ประเทศลิเบีย เสรีภาพที่มาพร้อมกับความโง่เขลา….ลิเบีย เป็นประเทศหลายชนเผ่า เป็นประเทศล้าหลัง ยากจน ถึงจะมีน้ำมันเยอะ แต่ชาติตะวันตกก็เป็นเจ้าของสัมปทาน ได้ประโยชน์ส่วนใหญ่ไป เหลือทิ้งไว้ให้คนในลิเบียนิดเดียว .....กัดดาฟี่ทำการรัฐประหาร แล้วทำการยึดสัมปทานน้ำมันจากชาติตะวันตก เอาน้ำมันเข้ารัฐ ส่งผลให้ลิเบียร่ำรวยมากขึ้น กัดดาฟี่ จึงนำเอาเงินที่ได้มาให้สวัสดิการประชาชนอย่างเต็มที่ทุกคนเรียนฟรี รักษาฟรี มีเงินสนับสนุนให้ ไม่ว่าจะแต่งงานหรือมีลูกและสวัสดิการอื่นๆอีกมากมาย รัฐมีเงินให้ จะสร้างบ้าน จะส่งลูกไปเรียนเมืองนอก รัฐให้ฟรีหมด ….. .....เกษตรกรไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำ แม้จะเป็นทะเลทราย แต่กัดดาฟี่จัดหาน้ำ และทำท่อส่งน้ำใต้ดินถึงที่ดินทุกแปลงจนประชากรลิเบียมีมาตรฐานคุณภาพชีวิตที่ดีมาก และสูงขึ้นเป็นอันดับต้นๆของโลก… กลุ่มชนเผ่าในประเทศก็เลิกตีกัน เพราะกัดดาฟี ได้จัดการแบ่งผลประโยชน์จากน้ำมันให้อย่างทั่วถึง ….มีความเป็นอยู่อย่างดีมาตลอดหลายสิบปี….. .....ถึงประชาชนจะสุขสบาย แต่ก็เริ่มเบื่อกับการปกครองของกัดดาฟี่ มหาอำนาจตะวันตก สหรัฐ กับอังกฤษ เห็นว่าคนลิเบียเริ่มเบื่อกับการปกครองของกัดดาฟี่ จึงได้โอกาสจัดอาหรับสปริง .....โดยจัดให้นักศึกษาชาวลิเบียที่ไปเรียนต่างประเทศมา…. มาเป็นแกนนำในการเรียกร้องเสรีภาพ โดยมีอเมริกาและอังกฤษเป็นอีแอบสนับสนุนอยู่ข้างหลัง เกิดม๊อบเกิดจลาจลทั่วประเทศ….. กลุ่มทหารกลุ่มหนึ่งฉวยโอกาสหักหลังกัดดาฟี่ เป็นกบฏต่อรัฐบาล สู้รบกับรัฐบาล ผลสุดท้ายฝ่ายทหารกบฏกับกลุ่มประชาชน นักศึกษาที่เรียกร้องเสรีภาพชนะฝ่ายกัดดาฟี่ ….กัดดาฟี่ตาย .....มีข่าวว่านางฮิลลารี่ คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ถึงกับบินไปดูศพของกัดดาฟี่ด้วยตัวเอง พร้อมกับพูดด้วยความสะใจว่า…. ฉันมา ฉันรู้ ฉันเห็นมันตาย ….. .....กัดดาฟี่ตาย ไม่มีผู้นำที่เป็นคนยึดเหนี่ยวกลุ่มชนไว้ด้วยกัน… กลุ่มชนเผ่าในประเทศแต่ละฝ่ายก็ตั้งตัวเป็นใหญ่ แย่งชิงอำนาจกัน ….เกิดสงครามรบพุ่งกันภายในประเทศตลอดเวลา ….ทีนี้ประชาชนก็อยู่ไม่ได้ ต่างอพยพหนีภัยสงครามกันจ้าละหวั่น …. .....ประชากรเกือบหนึ่งในสามของประเทศ ต้องอพยพหนีภัยสงครามไปต่างประเทศ ส่วนคนที่เหลือในประเทศ ก็ต้องประสบชะตากรรม บ้านแตกสาแหรกขาด อดอยาก หิวโหย วันๆ หลบแต่กระสุนและลูกระเบิด…. ผู้ชายถูกเกณฑ์ไปรบ ผู้หญิงถูกบังคับให้บริการทางเพศ ….มีข่าวว่าถูกจับไปขายเป็นทาสทั้งหญิงและชายอย่างลับๆในประเทศเพื่อนบ้าน .....ลิเบียจากประเทศที่สงบสุข ประชาชนร่ำรวย มีความสุข ปานอยู่สวรรค์ เพียงพริบตาเดียวที่กัดดาฟีตาย ……ก็กลายเป็นเหมือนตกนรกทั้งเป็น จะโทษใครเล่า ก็ต้องโทษความโง่เขลาเบาปัญญาของตัวเองที่หลงกลชาติมหาอำนาจ .....ผ่านมาจะสิบปีแล้ว นรกในลิเบียก็ยังดำเนินต่อไป และไม่มีท่าว่าจะสิ้นสุด แถมดูแล้ว ประเทศลิเบียก็คงจะไม่มีต่อไป คงสิ้นชาติ สิ้นแผ่นดินเป็นแน่แท้ .....โอ้อนิจจา…เสรีภาพที่มาพร้อมกับความโง่เขลา ประชาชนถูกปั่นหัวว่า…มันหอมหวนแสนหวานปานน้ำผึ้งนั้นมีเฉพาะในฝัน ….แต่บางครั้งมันคือน้ำกรดที่รดลงทำลายประเทศจนสิ้นทรากในพริบตา..มันคือความเป็นจริง .....ขออย่าให้ประเทศไทยต้องเป็นอย่างประเทศลิเบียเลย..ถ้าท่านเห็นว่าบทความนี้ควรจะเผยแพร่ไปยังผู้ที่กำลังคิดจะทำให้ประเทศไทยเป็นอย่างประเทศลิเบีย..ขอโปรดแชร์บทความนี้ต่อไปยังเพื่อนของท่านด้วย… #เรารักประเทศไทย Cr : ชัย ราชวัตร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิเคราะห์หนังสือในมือ

    เล่มล่าสุดที่เพิ่งอ่านจบครับ เป็นหนังสือที่เพิ่งเห็นในห้องสมุดไม่นานนี้ ก่อนหน้าได้เคยอ่านบ้านวิกลคนประหลาดเล่มแรกไปเมื่อหลายเดือนก่อน รู้สึกว่าผลงานนักเขียนคนนี้จะค่อนข้างมีกระแสแรงทั้งสองด้าน คนที่ชอบก็จะชอบมาก ส่วนคนที่ไม่ชอบก็ไม่ชอบมากถึงขั้นเกลียดก็มี ที่จะอยู่ตรงกลางไม่ค่อยเห็น ผมสนใจอ่านผลงานของเขาด้วยเหตุผล 2 ประการ

    1. อยากอ่านจริง ๆ เพราะมีเนื้อหาที่น่าสนใจอีกทั้งการนำเสนอที่มีอะไรให้เล่นสนุกได้นอกเหนือไปจากตัวอักษรล้วน ปกติชอบหนังสือประเภทมีภาพประกอบให้ได้ใช้ความคิดวิเคราะห์อยู่แล้ว

    2 อยากทราบว่าทำไมผลงานของเขาถึงก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมในวงการนักอ่านได้อย่างรุนแรงชนิดที่เป็นขั้วตรงข้ามขนาดนั้น

    อ่านแล้วได้ข้อสรุปกับตัวเองคือ ผมชอบนะ แต่ไม่ได้ถึงขนาดชอบมาก ชอบในการสร้างสรรค์งานเขียนที่สร้างจุดแปลกให้แตกต่าง อาจจะไม่ได้เป็นครั้งแรก คนแรก ที่ใช้กลวิธีนำเสนอภาพกับเนื้อหาให้สอดคล้องกันไปกับเรื่องที่ต้องการเล่า ในขณะเดียวกันก็กระตุ้นให้คนเขียนได้ออกกำลังทางความคิด ไปจนถึงความขัดแย้งทางความเห็นได้มากกว่างานเขียนอื่นที่ปรากฏสู่สายตานักอ่านในช่วงเดียวกันในเมืองไทย

    ไม่ว่าอ่านแล้ว จะมีทั้งคนชอบหรือคนไม่ชอบ ไปจนถึงรักหรือเกลียดในผลงาน หรืออาจพาไปถึงเกลียดคนเขียนด้วยหรือไม่นั้น ผมถือว่าเขาทำสำเร็จแล้วในแง่ของนักเขียนผู้สร้างปรากฏการณ์ที่เขย่าวงการ อย่างน้อยที่สุดการที่ได้มีการโต้แย้งทางความเห็นที่ไม่ไหลไปในทางเดียวกันทั้งหมด คือมีทั้งคนที่ชี้ข้อดี และข้อเสีย ก็น่าเป็นผลดีที่ทำให้เกิดความตื่นตัวต่อแวดวงคนอ่าน จะได้ไม่ซบเซาเหงาหงอยเกินไป

    ส่วนความเห็น ไม่ว่าจะฝั่งไหน ก็ไม่ได้ลดทอนคุณค่าหรือสาระที่มีอยู่ในหนังสือเล่มใดให้มากขึ้น หรือลดลง เนื่องจากความเห็นยังไม่เที่ยงแท้และไม่ใช่ความจริง ด้วยขึ้นกับปัจจัยแวดล้อมมากมายในแต่ละบุคคล ไม่ได้หมายความว่าความเห็นของคนที่ชอบจะต้องถูก หรือความเห็นของคนที่ไม่ชอบจะต้องผิด

    แม้แต่ความเห็นของเราเองยังเชื่อใจไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ว่าจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ไม่แน่ว่ากาลเวลาล่วงเลยไปถึงระยะหนึ่งในวันข้างหน้า ที่เราเติบโตขึ้นต่างไปจากความรู้สึกในปัจจุบัน มุมมองความเห็นเราอาจกลายเป็นตรงข้ามกับตัวเองในตอนนี้ก็ยังได้ นั่นต่างหากคือความจริง

    #ภาพวาดปริศนากับการตามหาฆาตกร
    สนพ.Prism
    ฉบับพิมพ์ครั้ง4 ม.ค.2567
    อุเก็ตสึ เขียน
    ฉัตรขวัญ อดิศัย แปล
    335 บาท 274 หน้า

    เนื้อหาอย่างคร่าว

    เริ่มต้นบทนำด้วยหญิงคนหนึ่งที่เป็นผู้ศึกษามาทางด้านจิตวิเคราะห์ นำภาพวาดของเด็กหญิงวัย 11 ปี ที่เคยเป็นคนในความดูแลของตนช่วงเวลาหนึ่งมาฉายให้นักศึกษาที่เข้าฟังบรรยายชม และบอกว่าเด็กหญิงฆ่าแม่ตัวเองตาย เธออธิบายความหมายเบื้องหลังภาพนั้น ก่อนจะลงท้ายว่าเด็กหญิงเคยถูกแม่ทารุณกรรม แต่มีแนวโน้มพอจะเยียวยาได้ ปัจจุบันมีข่าวว่าเธอเป็นแม่คนแล้ว

    บทที่1ภาพวาดผู้หญิงยืนกลางสายลม

    เข้าสู่เรื่องราวของความแปลกด้วยการที่ นักศีกษาชมรมเรื่องลี้ลับชายคนหนึ่ง ได้รับการกระตุ้นให้เกิดสนใจในการเข้าไปอ่านในบล็อก ที่ผู้เขียนไม่เปิดเผยตัวตน แต่พิมพ์เล่าเรื่องราวในชีวิตตนเองคล้ายไดอารีให้คนที่เข้ามาอ่านทราบความเป็นไปของเขา ซึ่งมีอะไรที่ชวนฉงน อีกทั้งเจ้าของบล็อกลงรูปภาพหลายภาพ ที่ชวนให้รู้สึกว่าเรื่องราวที่เขาเล่ามีอะไรที่ไม่ปกติซ่อนเร้นอยู่ ยิ่งสุดท้ายมีการระบุว่าเกิดเหตุร้ายแรงขึ้นกับคนในครอบครัว และจะไม่อัปบล็อกอีกต่อไป เนื้อหาเหล่านั้นจึงค้างคาในใจของรุ่นน้อง แล้วพลอยส่งต่อความรู้สึกมายังรุ่นพี่ให้อยากรู้ตาม จนนอนไม่หลับ ใคร่จะไขปริศนาให้จงได้ จบตอน

    บทที่2 ภาพวาดหมอกปกคลุมห้อง

    กล่าวถึงหญิงคนหนึ่งที่ถูกเรียกหาว่า หม่าม้า จากลูกชายวัย 6 ขวบ ทั้งคู่อาศัยอยู่ด้วยกันตามลำพังในแมนชั่นแห่งหนึ่ง แม่ทำงานเป็นพนักงานในซูเปอร์มาร์เก็ต ลูกชายนั้นเรียนที่โรงเรียนใกล้ที่พัก ระยะนี้คนเป็นแม่รู้สึกได้ว่าถูกใครสักคนลอบดูและแอบติดตามขณะเธอและลูกออกนอกแมนชั่น โดยเฉพาะช่วงเวลากลับจากรับลูกที่โรงเรียน จนมีความเครียดและกังวล ในขณะคุณครูที่ดูแลเด็กนักเรียนห้องที่ลูกชายของเธอเรียนอยู่นั้น ก็มีเรื่องที่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับภาพวาดของเขามาหารือ เป็นภาพที่มีหัวข้อเกี่ยวกับแม่ แต่มีอะไรบางอย่างในภาพนั้นที่รบกวนใจของครูอย่างแปลกประหลาด จนภายหลังเมื่อค้นพบข้อมูลเพิ่มเติมจากการวิเคราะห์คำพูดของเพื่อนครูคนอื่น รวมถึงคำบอกเล่าของเด็กหญิงที่เป็นเพื่อนสนิทกันของเด็กชาย ดูเหมือนจะมีความลับที่น่าตกใจซ่อนอยู่ เกี่ยวกับแม่ลูกคู่นี้

    บทที่3 ภาพวาดในวาระสุดท้ายของครูสอนศิลปะ

    ครูหนุ่มใหญ่ซึ่งสอนในชมรมศิลปะของโรงเรียนแห่งหนึ่ง เป็นคนค่อนข้างตรง และอุปนิสัยแข็งกร้าว เขามีน้ำใจชอบช่วยลูกศิษย์ และกับเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกันในอดีต ชื่นชอบการวาดรูปกับปีนเขา เรื่องเกิดขึ้นในวันหนึ่งที่เขาขึ้นไปวาดรูปบนยอดเขาแล้วถูกพบเป็นศพในวันต่อมา สภาพศพน่าอเนจอนาถ คดีนี้มีผู้ได้รับการสอบถามจากนักข่าว 4 รายคือพนักงานที่คอยดูแลตรวจตราสภาพของภูเขา ,เมียผู้ตาย ซึ่งมีลูกชายวัยประถม ,เพื่อนสมัยเป็นนักศึกษาที่ปัจจุบันทำงานพิเศษเป็นครูอยู่โรงเรียนเดียวกับผู้ตาย และนักเรียนชมรมศิลปะที่ผู้ตายสอน แต่ตำรวจไม่สามารถจับคนร้าย ต่อมาหนุ่มนักศึกษาที่เคยเป็นลูกศิษย์ของผู้ตาย ที่หลังจบม.ปลายได้เข้าทำงานกับบริษัทหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น เขารักครูผู้ตายที่เคยช่วยเหลือตนสมัยเรียน จึงอยากสืบหาความจริง จากเบาะแสภาพวาดที่ทิ้งไว้ก่อนเสียชีวิต ทว่าเรื่องราวช่างซับซ้อนซ่อนกล และแฝงไว้ซึ่งความจริงอันน่าตื่นตระหนก

    บทที่4 ภาพวาดต้นไม้ปกป้องนกกระจอกชวา

    บทสุดท้ายที่จะขมวดทุกเหตุการณ์ตั้งแต่จุดเริ่มต้นเข้าสู่เรื่องยาวของชีวิต ๆ หนึ่ง ที่ย้อนกลับสู่บทนำในภาพแรกที่นักจิตวิเคราะห์ได้นำเสนอ โดยเล่าถึงชีวิตที่น่าสงสารและเห็นใจของเด็กหญิงที่บอกเล่าที่มาซึ่งทำให้เธอกลายเป็นฆาตกรฆ่าแม่ และเรื่องราวหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง ที่จะไปเชื่อมต่อกับเนื้อหาในบทที่ 1 2 3 ตามลำดับ เพื่อจะได้ทราบความจริงที่ถูกซ้อนทับด้วยคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในอดีตหลายคดีด้วยกัน ทั้งหมดล้วนมีต้อตอมาจากคนคนเดียว

    เป็นใคร และทำไม ไปตามต่อได้ในเล่มครับ

    🖋หลังอ่านจบ

    ชอบในความอ่านง่าย ยิ่งมีภาพประกอบสลับเป็นช่วง ทำให้ได้พักสายตา จะขอไม่กล่าวถึงในแง่ต่าง ๆ ที่ทั้งคนชอบและไม่ชอบต่างวิจารณ์กันไปเยอะแล้ว แต่อยากพูดถึงในแง่ว่า ผู้เขียนฉลาดนักในการตัดสินใจเล่าอย่างตรงไปตรงมา ไม่อธิบายบรรยายฉากหรือเรื่องที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์อย่างละเอียดมาก บางฉากถึงกับใช้วิธีที่ง่าย สั้น และตรง ๆ ทื่อ ๆ เลยด้วยซ้ำ

    ซึ่งมันกลับได้ผล ทรงพลัง เมื่อเราได้จินตนาการไปตามตัวอักษรเหล่านั้น เช่น

    ปั้กกก

    แล้วก็
    ปั้กกกปั้กกกปั้กกกปั้กกกปั้กกกปั้กกกปั้กกกปั้กกกปั้กกก...

    แค่ตอนที่อ่านถึงตรงบรรทัดนี้ ความรู้สึกเวลาหลับตานึกถึงกิริยาที่ก่อให้เกิดเสียง กับอาการที่เกิดขึ้นอันเป็นผลลัพธ์ ก็ทำเอาใจคอไม่เป็นปกติแล้ว

    เสียงชนิดเดียวที่ดังต่อเนื่องซ้ำแล้วซ้ำอีกชั่วระยะเวลาที่แม้นไม่นานนัก แต่น่าจะยาวนานที่สุดในชีวิตสำหรับความรู้สึกของผู้อยู่ในเหตุการณ์

    เพียงแค่ฉากนี้ฉากเดียว สามารถสื่อถึงความวิปริตผิดปกติของจิตใจคนคนนั้นได้อย่างชัดเจน เพราะแสดงให้เห็นถึงสภาพคนที่มีความเก็บกด อดกลั้น ย้ำคิดย้ำทำ กังวลและเครียด ไม่สามารถจะควบคุมหรือยับยั้งความคิดหรืออารมณ์ที่ผุดพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พอปล่อยให้มันแสดงออกตามสบาย จึงล้นทะลักราวทำนบทลาย

    ซึ่งสังเกตได้ว่าไม่ได้ปรากฏขึ้นแค่เฉพาะฉากนี้เท่านั้น

    นี่คือความน่ากลัว และน่าขนลุกอย่างแท้จริง

    อ่านแล้วอดไม่ได้ที่จะนึกถึงสังคมไทยในปัจจุบัน เด็กหญิงชายจำนวนมากมาย ที่เติบโตขึ้นมาอย่างผู้ถูกกระทำจากคนใกล้ชิดในครอบครัว แม้บางส่วนถูกช่วยเหลือออกมาได้ และเข้าสู่ขั้นตอนช่วยเหลือเยียวยา

    ทว่า..เราจะมั่นใจได้อย่างไร ว่าสิ่งที่ฝังแน่นอยู่ในจิตใจของเด็ก ๆ ได้รับการสะสางชำระล้างไปจนหมดสิ้น แล้วจะไม่กลายร่างเป็นดังเช่นคนร้ายที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้

    เด็กทั้งหลาย เขาได้เติบโตขึ้นมาและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนทั่วไปในสังคม โดยที่เหมือนมีระเบิดเวลาซุกซ่อนอยู่ในตัว รอวันที่จะถูกสิ่งใดมากระตุ้นโดนจุดอ่อนนั้นให้เกิดเป็นเรื่องราวบทใหม่หรือไม่

    เป็นไปได้ว่าสักวันเหยื่อเหมือนในหนังสือเล่มนี้ อาจเป็นใครบางคนที่เรารักหรือรักเรา แม้กระทั่งตัวเราเองก็เป็นได้ ใครจะรู้?!

    #บทความ
    #บทวิจารณ์
    #หนังสือน่าอ่าน
    #ฆาตกรรม
    #จิตวิทยา
    #หนังสือแปล
    #นิยายแปล
    #ความรุนแรงในครอบครีว
    #พ่อแม่รังแกฉัน
    #ปริศนา
    #ภาพวาด
    #thaitimes
    #อุเก็ตสึ
    วิเคราะห์หนังสือในมือ เล่มล่าสุดที่เพิ่งอ่านจบครับ เป็นหนังสือที่เพิ่งเห็นในห้องสมุดไม่นานนี้ ก่อนหน้าได้เคยอ่านบ้านวิกลคนประหลาดเล่มแรกไปเมื่อหลายเดือนก่อน รู้สึกว่าผลงานนักเขียนคนนี้จะค่อนข้างมีกระแสแรงทั้งสองด้าน คนที่ชอบก็จะชอบมาก ส่วนคนที่ไม่ชอบก็ไม่ชอบมากถึงขั้นเกลียดก็มี ที่จะอยู่ตรงกลางไม่ค่อยเห็น ผมสนใจอ่านผลงานของเขาด้วยเหตุผล 2 ประการ 1. อยากอ่านจริง ๆ เพราะมีเนื้อหาที่น่าสนใจอีกทั้งการนำเสนอที่มีอะไรให้เล่นสนุกได้นอกเหนือไปจากตัวอักษรล้วน ปกติชอบหนังสือประเภทมีภาพประกอบให้ได้ใช้ความคิดวิเคราะห์อยู่แล้ว 2 อยากทราบว่าทำไมผลงานของเขาถึงก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมในวงการนักอ่านได้อย่างรุนแรงชนิดที่เป็นขั้วตรงข้ามขนาดนั้น อ่านแล้วได้ข้อสรุปกับตัวเองคือ ผมชอบนะ แต่ไม่ได้ถึงขนาดชอบมาก ชอบในการสร้างสรรค์งานเขียนที่สร้างจุดแปลกให้แตกต่าง อาจจะไม่ได้เป็นครั้งแรก คนแรก ที่ใช้กลวิธีนำเสนอภาพกับเนื้อหาให้สอดคล้องกันไปกับเรื่องที่ต้องการเล่า ในขณะเดียวกันก็กระตุ้นให้คนเขียนได้ออกกำลังทางความคิด ไปจนถึงความขัดแย้งทางความเห็นได้มากกว่างานเขียนอื่นที่ปรากฏสู่สายตานักอ่านในช่วงเดียวกันในเมืองไทย ไม่ว่าอ่านแล้ว จะมีทั้งคนชอบหรือคนไม่ชอบ ไปจนถึงรักหรือเกลียดในผลงาน หรืออาจพาไปถึงเกลียดคนเขียนด้วยหรือไม่นั้น ผมถือว่าเขาทำสำเร็จแล้วในแง่ของนักเขียนผู้สร้างปรากฏการณ์ที่เขย่าวงการ อย่างน้อยที่สุดการที่ได้มีการโต้แย้งทางความเห็นที่ไม่ไหลไปในทางเดียวกันทั้งหมด คือมีทั้งคนที่ชี้ข้อดี และข้อเสีย ก็น่าเป็นผลดีที่ทำให้เกิดความตื่นตัวต่อแวดวงคนอ่าน จะได้ไม่ซบเซาเหงาหงอยเกินไป ส่วนความเห็น ไม่ว่าจะฝั่งไหน ก็ไม่ได้ลดทอนคุณค่าหรือสาระที่มีอยู่ในหนังสือเล่มใดให้มากขึ้น หรือลดลง เนื่องจากความเห็นยังไม่เที่ยงแท้และไม่ใช่ความจริง ด้วยขึ้นกับปัจจัยแวดล้อมมากมายในแต่ละบุคคล ไม่ได้หมายความว่าความเห็นของคนที่ชอบจะต้องถูก หรือความเห็นของคนที่ไม่ชอบจะต้องผิด แม้แต่ความเห็นของเราเองยังเชื่อใจไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ว่าจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ไม่แน่ว่ากาลเวลาล่วงเลยไปถึงระยะหนึ่งในวันข้างหน้า ที่เราเติบโตขึ้นต่างไปจากความรู้สึกในปัจจุบัน มุมมองความเห็นเราอาจกลายเป็นตรงข้ามกับตัวเองในตอนนี้ก็ยังได้ นั่นต่างหากคือความจริง #ภาพวาดปริศนากับการตามหาฆาตกร สนพ.Prism ฉบับพิมพ์ครั้ง4 ม.ค.2567 อุเก็ตสึ เขียน ฉัตรขวัญ อดิศัย แปล 335 บาท 274 หน้า เนื้อหาอย่างคร่าว เริ่มต้นบทนำด้วยหญิงคนหนึ่งที่เป็นผู้ศึกษามาทางด้านจิตวิเคราะห์ นำภาพวาดของเด็กหญิงวัย 11 ปี ที่เคยเป็นคนในความดูแลของตนช่วงเวลาหนึ่งมาฉายให้นักศึกษาที่เข้าฟังบรรยายชม และบอกว่าเด็กหญิงฆ่าแม่ตัวเองตาย เธออธิบายความหมายเบื้องหลังภาพนั้น ก่อนจะลงท้ายว่าเด็กหญิงเคยถูกแม่ทารุณกรรม แต่มีแนวโน้มพอจะเยียวยาได้ ปัจจุบันมีข่าวว่าเธอเป็นแม่คนแล้ว บทที่1ภาพวาดผู้หญิงยืนกลางสายลม เข้าสู่เรื่องราวของความแปลกด้วยการที่ นักศีกษาชมรมเรื่องลี้ลับชายคนหนึ่ง ได้รับการกระตุ้นให้เกิดสนใจในการเข้าไปอ่านในบล็อก ที่ผู้เขียนไม่เปิดเผยตัวตน แต่พิมพ์เล่าเรื่องราวในชีวิตตนเองคล้ายไดอารีให้คนที่เข้ามาอ่านทราบความเป็นไปของเขา ซึ่งมีอะไรที่ชวนฉงน อีกทั้งเจ้าของบล็อกลงรูปภาพหลายภาพ ที่ชวนให้รู้สึกว่าเรื่องราวที่เขาเล่ามีอะไรที่ไม่ปกติซ่อนเร้นอยู่ ยิ่งสุดท้ายมีการระบุว่าเกิดเหตุร้ายแรงขึ้นกับคนในครอบครัว และจะไม่อัปบล็อกอีกต่อไป เนื้อหาเหล่านั้นจึงค้างคาในใจของรุ่นน้อง แล้วพลอยส่งต่อความรู้สึกมายังรุ่นพี่ให้อยากรู้ตาม จนนอนไม่หลับ ใคร่จะไขปริศนาให้จงได้ จบตอน บทที่2 ภาพวาดหมอกปกคลุมห้อง กล่าวถึงหญิงคนหนึ่งที่ถูกเรียกหาว่า หม่าม้า จากลูกชายวัย 6 ขวบ ทั้งคู่อาศัยอยู่ด้วยกันตามลำพังในแมนชั่นแห่งหนึ่ง แม่ทำงานเป็นพนักงานในซูเปอร์มาร์เก็ต ลูกชายนั้นเรียนที่โรงเรียนใกล้ที่พัก ระยะนี้คนเป็นแม่รู้สึกได้ว่าถูกใครสักคนลอบดูและแอบติดตามขณะเธอและลูกออกนอกแมนชั่น โดยเฉพาะช่วงเวลากลับจากรับลูกที่โรงเรียน จนมีความเครียดและกังวล ในขณะคุณครูที่ดูแลเด็กนักเรียนห้องที่ลูกชายของเธอเรียนอยู่นั้น ก็มีเรื่องที่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับภาพวาดของเขามาหารือ เป็นภาพที่มีหัวข้อเกี่ยวกับแม่ แต่มีอะไรบางอย่างในภาพนั้นที่รบกวนใจของครูอย่างแปลกประหลาด จนภายหลังเมื่อค้นพบข้อมูลเพิ่มเติมจากการวิเคราะห์คำพูดของเพื่อนครูคนอื่น รวมถึงคำบอกเล่าของเด็กหญิงที่เป็นเพื่อนสนิทกันของเด็กชาย ดูเหมือนจะมีความลับที่น่าตกใจซ่อนอยู่ เกี่ยวกับแม่ลูกคู่นี้ บทที่3 ภาพวาดในวาระสุดท้ายของครูสอนศิลปะ ครูหนุ่มใหญ่ซึ่งสอนในชมรมศิลปะของโรงเรียนแห่งหนึ่ง เป็นคนค่อนข้างตรง และอุปนิสัยแข็งกร้าว เขามีน้ำใจชอบช่วยลูกศิษย์ และกับเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกันในอดีต ชื่นชอบการวาดรูปกับปีนเขา เรื่องเกิดขึ้นในวันหนึ่งที่เขาขึ้นไปวาดรูปบนยอดเขาแล้วถูกพบเป็นศพในวันต่อมา สภาพศพน่าอเนจอนาถ คดีนี้มีผู้ได้รับการสอบถามจากนักข่าว 4 รายคือพนักงานที่คอยดูแลตรวจตราสภาพของภูเขา ,เมียผู้ตาย ซึ่งมีลูกชายวัยประถม ,เพื่อนสมัยเป็นนักศึกษาที่ปัจจุบันทำงานพิเศษเป็นครูอยู่โรงเรียนเดียวกับผู้ตาย และนักเรียนชมรมศิลปะที่ผู้ตายสอน แต่ตำรวจไม่สามารถจับคนร้าย ต่อมาหนุ่มนักศึกษาที่เคยเป็นลูกศิษย์ของผู้ตาย ที่หลังจบม.ปลายได้เข้าทำงานกับบริษัทหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น เขารักครูผู้ตายที่เคยช่วยเหลือตนสมัยเรียน จึงอยากสืบหาความจริง จากเบาะแสภาพวาดที่ทิ้งไว้ก่อนเสียชีวิต ทว่าเรื่องราวช่างซับซ้อนซ่อนกล และแฝงไว้ซึ่งความจริงอันน่าตื่นตระหนก บทที่4 ภาพวาดต้นไม้ปกป้องนกกระจอกชวา บทสุดท้ายที่จะขมวดทุกเหตุการณ์ตั้งแต่จุดเริ่มต้นเข้าสู่เรื่องยาวของชีวิต ๆ หนึ่ง ที่ย้อนกลับสู่บทนำในภาพแรกที่นักจิตวิเคราะห์ได้นำเสนอ โดยเล่าถึงชีวิตที่น่าสงสารและเห็นใจของเด็กหญิงที่บอกเล่าที่มาซึ่งทำให้เธอกลายเป็นฆาตกรฆ่าแม่ และเรื่องราวหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง ที่จะไปเชื่อมต่อกับเนื้อหาในบทที่ 1 2 3 ตามลำดับ เพื่อจะได้ทราบความจริงที่ถูกซ้อนทับด้วยคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในอดีตหลายคดีด้วยกัน ทั้งหมดล้วนมีต้อตอมาจากคนคนเดียว เป็นใคร และทำไม ไปตามต่อได้ในเล่มครับ 🖋หลังอ่านจบ ชอบในความอ่านง่าย ยิ่งมีภาพประกอบสลับเป็นช่วง ทำให้ได้พักสายตา จะขอไม่กล่าวถึงในแง่ต่าง ๆ ที่ทั้งคนชอบและไม่ชอบต่างวิจารณ์กันไปเยอะแล้ว แต่อยากพูดถึงในแง่ว่า ผู้เขียนฉลาดนักในการตัดสินใจเล่าอย่างตรงไปตรงมา ไม่อธิบายบรรยายฉากหรือเรื่องที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์อย่างละเอียดมาก บางฉากถึงกับใช้วิธีที่ง่าย สั้น และตรง ๆ ทื่อ ๆ เลยด้วยซ้ำ ซึ่งมันกลับได้ผล ทรงพลัง เมื่อเราได้จินตนาการไปตามตัวอักษรเหล่านั้น เช่น ปั้กกก แล้วก็ ปั้กกกปั้กกกปั้กกกปั้กกกปั้กกกปั้กกกปั้กกกปั้กกกปั้กกก... แค่ตอนที่อ่านถึงตรงบรรทัดนี้ ความรู้สึกเวลาหลับตานึกถึงกิริยาที่ก่อให้เกิดเสียง กับอาการที่เกิดขึ้นอันเป็นผลลัพธ์ ก็ทำเอาใจคอไม่เป็นปกติแล้ว เสียงชนิดเดียวที่ดังต่อเนื่องซ้ำแล้วซ้ำอีกชั่วระยะเวลาที่แม้นไม่นานนัก แต่น่าจะยาวนานที่สุดในชีวิตสำหรับความรู้สึกของผู้อยู่ในเหตุการณ์ เพียงแค่ฉากนี้ฉากเดียว สามารถสื่อถึงความวิปริตผิดปกติของจิตใจคนคนนั้นได้อย่างชัดเจน เพราะแสดงให้เห็นถึงสภาพคนที่มีความเก็บกด อดกลั้น ย้ำคิดย้ำทำ กังวลและเครียด ไม่สามารถจะควบคุมหรือยับยั้งความคิดหรืออารมณ์ที่ผุดพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พอปล่อยให้มันแสดงออกตามสบาย จึงล้นทะลักราวทำนบทลาย ซึ่งสังเกตได้ว่าไม่ได้ปรากฏขึ้นแค่เฉพาะฉากนี้เท่านั้น นี่คือความน่ากลัว และน่าขนลุกอย่างแท้จริง อ่านแล้วอดไม่ได้ที่จะนึกถึงสังคมไทยในปัจจุบัน เด็กหญิงชายจำนวนมากมาย ที่เติบโตขึ้นมาอย่างผู้ถูกกระทำจากคนใกล้ชิดในครอบครัว แม้บางส่วนถูกช่วยเหลือออกมาได้ และเข้าสู่ขั้นตอนช่วยเหลือเยียวยา ทว่า..เราจะมั่นใจได้อย่างไร ว่าสิ่งที่ฝังแน่นอยู่ในจิตใจของเด็ก ๆ ได้รับการสะสางชำระล้างไปจนหมดสิ้น แล้วจะไม่กลายร่างเป็นดังเช่นคนร้ายที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้ เด็กทั้งหลาย เขาได้เติบโตขึ้นมาและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนทั่วไปในสังคม โดยที่เหมือนมีระเบิดเวลาซุกซ่อนอยู่ในตัว รอวันที่จะถูกสิ่งใดมากระตุ้นโดนจุดอ่อนนั้นให้เกิดเป็นเรื่องราวบทใหม่หรือไม่ เป็นไปได้ว่าสักวันเหยื่อเหมือนในหนังสือเล่มนี้ อาจเป็นใครบางคนที่เรารักหรือรักเรา แม้กระทั่งตัวเราเองก็เป็นได้ ใครจะรู้?! #บทความ #บทวิจารณ์ #หนังสือน่าอ่าน #ฆาตกรรม #จิตวิทยา #หนังสือแปล #นิยายแปล #ความรุนแรงในครอบครีว #พ่อแม่รังแกฉัน #ปริศนา #ภาพวาด #thaitimes #อุเก็ตสึ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1259 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีโพสต์เรื่องอื้อฉาวโสมมของDiddyเจ้าพ่อบันเทิงคนดังของอเมริกา
    “ปรากฏการณ์ดิ๊ดดี้ (Diddy) สะเทือนสังคมอเมริกันอย่างรุนแรง เพราะมีเซเลบริตี้เข้าไปข้องเกี่ยวมากมาย

    ก่อนจะเกิดเรื่องฉาว ดิ๊ดดี้ มีความสัมพันธ์ดีๆ กับ นักกีฬาระดับโลกหลายคน แต่ในวันนี้ทุกคนตัดความสัมพันธ์ทิ้งหมดแล้ว

    เลอบรอน เจมส์ นักบาสเกตบอลผู้โด่งดัง สนิทสนมกับดิ๊ดดี้ เป็นการส่วนตัว ลูกชายคนเล็กของเขาชื่อ บรีซ เคยไปเที่ยวกับ เจสซี่ และ ดีลีล่า ลูกสาวแฝดของดิ๊ดดี้ และเคยถ่ายคลิปเต้นด้วยกันอีกต่างหาก

    เลอบรอน เคยพูดอินสตาแกรมไลฟ์ ว่า "ทุกคนรู้ว่า ไม่มีปาร์ตี้ไหน จะเหมือนปาร์ตี้ของดิ๊ดดี้" กลายเป็นประโยคไวรัล ที่จะถูกใช้ไปอีกนานต่อจากนี้

    แต่จากความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ล่าสุดเลอบรอน อันฟอลโลว์ดิ๊ดดี้ไปแล้วเรียบร้อย ตัดขาดกันไปเลย ไม่อยากข้องเกี่ยวใดๆ ด้วย

    แพทริก มาโฮมส์ ควอเตอร์แบ็กจากแคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ เจ้าของแชมป์ซูเปอร์โบวล์ 3 สมัย ไล่ลบทวีต ที่เคยแฮปปี้เบิร์ธเดย์ ดิ๊ดดี้ พยายามไม่ให้เหลือหลักฐานว่าเคยสนิทกัน (แต่โดนคนแคปเก็บไว้แล้ว)

    เช่นเดียวกับ สเตฟเฟ่น เคอร์รี่ และ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ ก็อันฟอลโลว์ดิ๊ดดี้ ในโซเชียลมีเดียไปแล้วทั้งหมด

    เรื่องราวของดิ๊ดดี้เป็นอย่างไร ทำไมนักกีฬาต้องเลิกติดตามเขา เราจะไปลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่แรก อย่างเข้าใจง่ายนะครับ

    ดิ๊ดดี้ มีชื่อจริงว่า ฌอน คอมบ์ส เขาเป็นคนนิวยอร์ก และเข้าสู่วงการดนตรีตั้งแต่วัยรุ่น และอยู่ในอุตสาหกรรมนี้มา 3 ทศวรรษ ถือเป็นหนึ่งในเลเจนด์ของวงการเพลงแร็พ

    ฌอน คอมบ์ส มีชื่อในวงการหลายชื่อ เช่น Diddy, P.Diddy, Puff Daddy เป็นต้น

    ดิ๊ดดี้ ได้รางวัลใหญ่ๆ ในด้านดนตรีมาแล้ว แทบทุกสถาบัน เช่นแกรมมี่ อวอร์ดส และ MTV Music Awards

    เขามีซิงเกิ้ลขึ้นอันดับ 1 บิลบอร์ด ถึง 3 เพลง โดยหนึ่งในเพลงคลาสสิคที่สุด ที่ทุกคนน่าจะเคยได้ยินแน่นอน คือเพลงชื่อ I'll be missing you แค่อินโทรดังขึ้นมา ก็ติดหูแล้ว (แต่จริงๆ ไปเอาทำนองมาจากเพลงชื่อ Every Breath You Take ของ Police)

    ในปี 1993 ดิ๊ดดี้ เปิดค่ายเพลงชื่อ แบด บอย เรคคอร์ดส และเป็นโปรดิวเซอร์ให้สตาร์ของวงการมาแล้วหลายคน เช่น The Notorious B.I.G. ที่เสียชีวิตไปแล้ว ส่วนในยุคปัจจุบันก็มี MGK ศิลปินที่ทำเพลงร้อยล้านวิวเป็นว่าเล่น

    ดิ๊ดดี้ ไม่ใช่แค่ทำเพลงเก่งอย่างเดียว แต่ยังมีหัวธุรกิจในระดับสุดยอดอีกด้วย พอมีชื่อเสียงจากฮิปฮอป เขาต่อยอดไปทำแบรนด์เสื้อผ้าชื่อ ฌอน จอห์น ตามด้วยเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ให้กับว็อดก้ายี่ห้อซิร็อค ได้รับส่วนแบ่งยอดขายต่อขวด

    นอกจากนั้น เขายังก่อตั้งสถานีโทรทัศน์ชื่อ Revolt TV เพื่อนำเสนอวัฒนธรรมและดนตรี ของกลุ่มแอฟริกัน อเมริกัน โดยเฉพาะ

    และในที่สุด ปี 2022 ดิ๊ดดี้ ก็มีสินทรัพย์ทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์ (32,000 ล้านบาท) กลายเป็นศิลปินฮิปฮอปแค่ไม่กี่คนบนโลก ที่มีรายได้มหาศาลในเลเวลนี้

    ไม่ใช่แค่ความรวย แต่ดิ๊ดดี้ ยังสร้างอาณาจักรของตัวเองขึ้นมา รวมถึงสร้างเครือข่ายของกลุ่มเซเลบริตี้ ที่คอยซัพพอร์ทช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ทำให้ดิ๊ดดี้ ถูกสื่อมวลชน ใช้คำว่า Mogul (ผู้มีอำนาจ, เจ้าพ่อ) ในวงการดนตรี

    ดิ๊ดดี้นั้น ขึ้นชื่อมาก เรื่องการจัดงานปาร์ตี้ ในช่วงปี 1998-2009 เขาจัดงานชื่อ "ไวท์ปาร์ตี้" สังสรรค์เฉพาะกลุ่มคนรวย คนดัง ใส่เสื้อขาวทั้งงาน เป็นปาร์ตี้ที่พวกเซเล็บอยากไปร่วมกันมากๆ

    ชีวิตของเขาก็ดูราบรื่นดี อย่างในปี 2022 เขาจัดงานปาร์ตี้ ฉลองวันเกิดอายุ 53 ปี ที่เบเวอร์ลี่ฮิลส์ คนดังๆ ทั้ง เจย์ซี, ทราวิส สกอตต์, แมรี่ เจ ไบล์ และ คริส บราวน์ ก็มาร่วมงานด้วย ดูแล้ว ชีวิตก็สบายๆ ไม่มีปัญหาอะไร

    ส่วนเรื่องพฤติกรรมส่วนตัวนั้น ในอดีต เขาโดนคดีต่างๆ มาบ้าง เช่น พกพาอาวุธปืน หรือ ทำร้ายร่างกายคนอื่น แต่ก็รอดมาได้ตลอด ไม่เคยต้องติดคุกสักครั้ง

    อย่างไรก็ตาม ชีวิตของดิ๊ดดี้ ต้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นับจากวันที่ 16 พฤศจิกายน 2023 เมื่อคาซานดร้า เวนทูร่า หรือ แคสซี่ อดีตแฟนสาวของของเขา ที่เลิกรากันไปแล้ว ไปแจ้งความที่นิวยอร์ก

    แคสซี่ ระบายความในใจทั้งหมดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าช่วงเวลาที่เธอคบหากับดิ๊ดดี้ มีแต่ความทรมาน และโดนทำร้ายร่างกายเป็นว่าเล่น

    เธอบอกว่าเคยโดนดิ๊ดดี้ ทั้งเตะ ทั้งต่อย จนตาเขียวช้ำ เลือดออก และมีแผลทั่วร่างกาย ครั้งหนึ่งเคยโดนต่อยท้องต่อหน้าเพื่อนๆ ของดิ๊ดดี้ด้วย

    นอกจากนั้น ยังใช้อำนาจในการบังคับ และล่อลวง ให้เธอมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่น โดยที่ดิ๊ดดี้จะนั่งดูอย่างสนุกสนาน เหมือนกิจกรรมบันเทิง

    ตลอดช่วงที่คบกัน แคสซี่ โดนกระทำมากมาย เช่นบีบคอ ผลักรุนแรงจนกระแทกกำแพง เคยโดนปาไข่ใส่หน้ามาแล้ว เวลาทำอะไรไม่ถูกใจ

    ไม่ใช่แค่ทำร้ายร่างกาย หรือ บังคับเรื่องเพศ แต่ดิ๊ดดี้ ยังมีส่วนพัวพันกับอาชญากรรมหลายอย่าง หนึ่งในนั้น คือการจ้างคนไปเผารถยนต์ ของแรพเปอร์ชื่อ คิด คูดี้ ที่มีข่าวว่าปลื้มแคสซี่

    แล้วไม่ใช่แค่เรื่องที่ตัวเธอโดน แต่แคสซี่ แฉมากกว่านั้น บอกว่า มีปาร์ตี้พิสดาร ที่ดิ๊ดดี้เป็นเจ้าภาพ มีชื่อว่า "freak offs" (ปาร์ตี้หลุดโลก) โดยในงานมีเหล้า มียา สารผิดกฎหมาย และมีการจ้างเด็กเอ็น ทั้งชายและหญิง มามีเซ็กส์กันแบบมั่วสุดๆ และยังมีการถ่ายคลิปเก็บไว้ด้วย โดยไม่สนใจว่า คนในงานจะเต็มใจหรือไม่

    เมื่อโดนแจ้งความใส่ยับแบบนี้ ดิ๊ดดี้ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เขาว่าจ้างทนายให้มาสู้คดีกับแคสซี่บนศาล คุณมีหลักฐานอะไรก็งัดกันออกมาดู

    หลังจากที่แคสซี่ ทำการแฉดิ๊ดดี้นั้น ในจังหวะใกล้ๆ กัน มีคนออกมาแจ้งความใส่ดิ๊ดดี้รัวๆ แบบต่างกรรมต่างวาระ เช่น

    - จอย ดิกเกอร์สัน-นีล เธออ้างว่า ในสมัยเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย เธอโดนดิ๊ดดี้ ถ่ายคลิประหว่างใช้กำลังมีเซ็กส์กับเธอ จ่ายนั้นเอาไปส่งต่อให้คนอื่น โดยที่เธอไม่ได้ยินยอม

    - ลิซ่า การ์ดเนอร์ บอกว่าเธอกับเพื่อนถูกชวนไปปาร์ตี้ตอนอายุ 16 และโดนดิ๊ดดี้ กับ เพื่อน ล่อลวงให้มีเซ็กส์ด้วย ทั้งๆ ที่เธอยังเป็นผู้เยาว์

    - ผู้หญิงอีกคนที่ไม่เอ่ยนาม บอกว่าเธอโดนดิ๊ดดี้ กับ ประธานบริษัทแบดบอย เรคคอร์ด ชื่อ ฮาร์ฟ ปิแอร์ และผู้ชายอีกคนหนึ่ง ทำการลงแขก ตอนเธออายุ 17 ปี โดยหลอกล่อว่าจะให้โอกาสทางหน้าที่การงาน

    - ร็อดนีย์ โจนส์ โปรดิวเซอร์ผู้ชาย ที่เคยร่วมงานกับดิ๊ดดี้ บอกว่า โดนกดดันให้ไปมีเซ็กส์กับผู้ชายอีกคนหนึ่งในงานปาร์ตี้ โดยอ้างว่า 'นี่เป็นเรื่องปกติในอุตสาหกรรมดนตรี'

    คดีแล้ว คดีเล่า ที่ค่อยๆ แดงออกมาเรื่อยๆ แต่ดิ๊ดดี้ ไม่ยอมจำนน เขาตั้งใจจะสู้ทุกคดี เพราะแค่พูด ใครก็พูดได้ ไว้มีหลักฐานจะจะ ค่อยคิดจะมาโค่นเขา

    วันที่ 17 พฤษภาคม 2024 สถานี CNN ก็ได้หลักฐานเด็ดในคดี แคสซี่-ดิ๊ดดี้ นั่นคือกล้องวงจรปิด จากโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนทัล ในลอสแองเจลิส

    เป็นจังหวะที่แคสซี่ เดินออกจากห้องพัก เพื่อลงลิฟต์เตรียมจะกลับบ้าน แต่ดิ๊ดดี้ ตื่นขึ้นมาพอดี และเห็นแคสซี่ไม่อยู่ จึงวิ่งใส่ผ้าเช็ดตัว ออกมาตามทางเดินแล้วมาเจอเธอที่ลิฟต์

    เขาต่อยเธอด้วยหมัดขวา ถีบไปอีก 2 ที แล้วเอาแจกันแก้วที่โรงแรมวางประดับเอาไว้ ขว้างใส่ ก่อนจะลากคอกลับเข้าห้องนอน

    เมื่อมีหลักฐานจะแจ้งขนาดนี้ แสดงให้เห็นว่าการใช้กำลังเกิดขึ้นจริง ทำให้ดิ๊ดดี้ก็ต้องออกมายอมรับ และกล่าวคำขอโทษต่อมวลชน

    และจากจุดนั้นเอง ทำให้เซเล็บหลายๆ คน เริ่มอันฟอลโลว์เขา ไม่มีใครอยากจะสนิทชิดเชื้อกับคนที่ใช้ความรุนแรงแบบนี้ คือภาพที่ออกไป มันแย่มาก

    และจากจุดนั้น ก็มีคดีใหม่ๆ ที่ถูกเปิดเผยเรื่อยๆ ประเดประดังเข้ามาใส่ดิ๊ดดี้ จนตั้งตัวไม่ทัน

    - คริสตัล แม็คเคนนีย์ นางแบบสาว อ้างว่าโดนดิ๊ดดี้ ใช้กำลังลากเธอเข้าไปในห้องนำแล้วบังคับให้ทำออรัลเซ็กส์ให้ ในสตูดิโอที่ใช้อัดเพลงในนิวยอร์ก

    - เอพริล แลมพรอส นักศึกษาสถาบันแฟชั่น บอกว่าเธอโดนดิ๊ดดี้บังคับให้ทำการเซ็กส์หมู่

    - อาเดรีย อิงลิช นักแสดงหนังโป๊ บอกว่าเธอโดนล่อหลอกให้แสดงกิจกรรมทางเพศ ระหว่างงานปาร์ตี้ โจมตีดิ๊ดดี้ว่าทำการค้ามนุษย์

    - ดอว์น ริชาร์ดส นักร้องจากวงดานิตี้ เคน ที่เคยร่วมงานกับดิ๊ดดี้ บอกว่า โดนดิ๊ดดี้แอบจับหน้าอก และจับก้นหลายครั้ง ทำแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไร เหมือนเป็นเรื่องปกติ คุณพ่อของดอว์น ริชาร์ดส ขับรถจากบัลติมอร์ มานิวยอร์กเพื่อมาคุยกับดิ๊ดดี้ แต่โดนขู่ว่า "คิดถึงครอบครัวของแกให้ดีเถอะ"

    เมื่อคดียาวเป็นหางว่าวแบบนี้ ทำให้วันที่ 16 กันยายน 2024 ดิ๊ดดี้ โดนตำรวจจับกุมตัว ที่โรงแรมพาร์กไฮแอต ในนิวยอร์ก

    โดยคดีที่ตำรวจให้ความสนใจคือ การจัดปาร์ตี้เบื้องหน้า แต่เบื้องหลังคือขบวนการค้ากาม ค้ามนุษย์ รวมถึงพรากผู้เยาว์ รวมถึงการทำร้ายร่างกาย ที่มีคลิปหลักฐานชัดเจน

    สิ่งที่รัฐบาลสหรัฐฯ มองอยู่ คือดิ๊ดดี้ อาจทำเรื่องผิดกฎหมายที่ร้ายแรงกว่านั้นอีก เช่น การสร้างองค์กรอาชญากรรมของตัวเองขึ้นมา แล้วมีส่วนในการลักลอบวางเพลิง, การลักพาตัว, การใช้แรงงานทาส, การค้าสารเสพติด และ การติดสินบนเจ้าพนักงาน

    เขาอาจจะไม่ใช่แค่เจ้าพ่อเพลงฮิปฮอปเฉยๆ แต่อาจเป็นผู้มีอิทธิพลของจริงเลยก็ได้

    หลังจากดิ๊ดดี้โดนจับ มีข้อมูลน่าสนใจ ที่ตำรวจค้นพบ ระหว่างการค้นบ้านของดิ๊ดดี้ ที่ลอสแองเจลิส กับ ไมอามี่ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานปาร์ตี้ freak offs

    ตำรวจพบว่า มีขวดเบบี้ออยล์ มากถึง 1,000 ขวด อยู่ในบ้าน

    แน่นอน คนก็เชื่อมโยงว่า คุณจะซื้อเบบี้ออยล์มาเยอะขนาดนั้นทำไม เหตุผลน่าจะมีอย่างเดียวคือ คงเอาไปใช้ในกิจกรรมทางเพศอย่างบ้าคลั่ง เช่นงาน ปาร์ตี้เซ็กส์ เป็นต้น

    นับจนถึงเมื่อวานนี้ (24 กันยายน) มีคนแจ้งความดิ๊ดดี้ ทั้งหมด 11 คน และมีแนวโน้มที่จะมากขึ้นอีกเรื่อยๆ

    รวมถึงบางคดี ที่น่าสนใจเหมือนกัน เช่น จากัวร์ ไรท์ นักร้องสาวชาวอเมริกัน อ้างว่า ดิ๊ดดี้ ถ่ายคลิปของเซเลบริตี้หลายคนเอาไว้ แล้วไปปล่อยในดาร์กเว็บ ได้เงินมา 500 ล้านดอลลาร์

    นอกจากนั้น ยังมีข่าวลืออีกสารพัด ว่าเขาเคยล่วงละเมิด ศิลปินทั้งชาย และ หญิง มาแล้วหลายคน ซึ่งในจำนวนนั้นก็มีคนที่เป็นซูเปอร์สตาร์ในปัจจุบันด้วย

    สถานการณ์ล่าสุด ดิ๊ดดี้ต้องไปอยู่ในห้องขัง โดยเขายื่นข้อเสนอประกันตัว 50 ล้านดอลลาร์ พร้อมทั้งติด GPS เพื่อการันตีว่าจะไม่หลบหนี แต่ศาลไม่อนุมัติ ทำให้ตอนนี้ดิ๊ดดี้ต้องอยู่ในเรือนจำที่บรู๊คลิน จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

    สเต็ปต่อไปทนายของดิ๊ดดี้ กำลังเตรียมสู้คดีอย่างเต็มที่ คือมีบางเคสที่ดิ๊ดดี้โดนแน่ๆ เช่นทำร้ายร่างกายแคสซี่ เพราะมีกล้องวงจรปิดชัดเจน

    แต่กับคดีอื่นๆ ที่เขาโดนกล่าวหาว่ากระทำ ก็ต้องมาพิสูจน์กันต่อไป ว่าทำจริงหรือไม่

    สำหรับในวงการกีฬานั้น เรื่องนี้ก็สั่นสะเทือนเช่นกัน เพราะศิลปินฮิปฮ็อป กับนักกีฬาอีลีท มักจะสนิทสนมกัน เช่น เคนดริค ลามาร์ กับ เดมาร์ เดโรซาน สนิทกันถึงขั้นเดโรซานไปเล่นในเอ็มวีให้

    หรือตอนรัสเซลล์ เวสต์บรู๊ก นำทริปเปิ้ลดับเบิ้ลในตำนาน (20 แต้ม, 20 รีบาวด์, 20 แอสซิสต์) เขาอุทิศผลงานนี้ ให้กับแรพเปอร์ ชื่อ นิปซีย์ ผู้ล่วงลับ

    โดยดิ๊ดดี้ อยู่ในวงการมาเกิน 30 ปี รู้จักคนมากมาย และสนิทสนมกับนักกีฬาหลายคน ไปร่วมกิจกรรมกับ NBA ก็บ่อย แต่ถึงตรงนี้ ก็คงไม่มีใครที่พร้อมจะอยู่ซัพพอร์ทเขา เพราะไม่อยากติดร่างแหไปด้วย

    มีคนย้อนไปดูคลิปงานปาร์ตี้ freak offs ที่เผยแพร่ออกมา พบว่า มีนักกีฬาบางคนไปร่วมงานด้วย เช่น เลียวนาร์ด โฟร์เนตต์ รันนิ่งแบ็กชุดแชมป์ NFL ของแทมป้าเบย์ บัคคาเนียร์ ซึ่งโฟร์เนตต์ก็โดนสังคมจับจ้องทันทีว่า ไปมั่วยา มั่วเซ็กส์ หรือทำอะไรผิดกฎหมายหรือเปล่า

    ดังนั้นสิ่งที่นักกีฬาทำตอนนี้คือ เอาตัวออกห่างจากดิ๊ดดี้ให้ไกลที่สุด ไม่ให้เชื่อมโยงกันได้ อะไรที่เคยโพสต์ถึงก็ไล่ลบจนเกลี้ยงทั้งหมด

    สิ่งที่เราเห็นจากเรื่องนี้ คือในวันที่ยิ่งใหญ่ ทำอะไรก็ราบรื่น ผู้คนล้อมหน้าล้อมหลัง แต่ในวันนี้ ที่ความผิดเริ่มแดงออกมาเรื่อยๆ ดิ๊ดดี้ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีใครอยากจะร่วม "ปาร์ตี้" ของเขาอีกแล้ว

    และแน่นอน ถ้าพิสูจน์ได้ว่าทำผิดจริง ก็ต้องรับโทษทางกฎหมายกันไป

    บางคนบอกว่า ถ้าทีมทนายไม่เก่งระดับเทพล่ะก็ อิสรภาพวันสุดท้ายของดิ๊ดดี้ อาจจะหมดลงแล้ว และอาจติดคุกในช่วงที่เหลืออยู่ของชีวิต แม้จะมีเงินในบัญชีถึง 1 พันล้านดอลลาร์ก็ตามที”

    ที่มา : เพจวิเคราะห์บอลจริงจัง https://www.facebook.com/share/5f8x3Zx1WzpUs8b5/?mibextid=CTbP7E
    ภาพ

    #Thaitimes
    รีโพสต์เรื่องอื้อฉาวโสมมของDiddyเจ้าพ่อบันเทิงคนดังของอเมริกา “ปรากฏการณ์ดิ๊ดดี้ (Diddy) สะเทือนสังคมอเมริกันอย่างรุนแรง เพราะมีเซเลบริตี้เข้าไปข้องเกี่ยวมากมาย ก่อนจะเกิดเรื่องฉาว ดิ๊ดดี้ มีความสัมพันธ์ดีๆ กับ นักกีฬาระดับโลกหลายคน แต่ในวันนี้ทุกคนตัดความสัมพันธ์ทิ้งหมดแล้ว เลอบรอน เจมส์ นักบาสเกตบอลผู้โด่งดัง สนิทสนมกับดิ๊ดดี้ เป็นการส่วนตัว ลูกชายคนเล็กของเขาชื่อ บรีซ เคยไปเที่ยวกับ เจสซี่ และ ดีลีล่า ลูกสาวแฝดของดิ๊ดดี้ และเคยถ่ายคลิปเต้นด้วยกันอีกต่างหาก เลอบรอน เคยพูดอินสตาแกรมไลฟ์ ว่า "ทุกคนรู้ว่า ไม่มีปาร์ตี้ไหน จะเหมือนปาร์ตี้ของดิ๊ดดี้" กลายเป็นประโยคไวรัล ที่จะถูกใช้ไปอีกนานต่อจากนี้ แต่จากความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ล่าสุดเลอบรอน อันฟอลโลว์ดิ๊ดดี้ไปแล้วเรียบร้อย ตัดขาดกันไปเลย ไม่อยากข้องเกี่ยวใดๆ ด้วย แพทริก มาโฮมส์ ควอเตอร์แบ็กจากแคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ เจ้าของแชมป์ซูเปอร์โบวล์ 3 สมัย ไล่ลบทวีต ที่เคยแฮปปี้เบิร์ธเดย์ ดิ๊ดดี้ พยายามไม่ให้เหลือหลักฐานว่าเคยสนิทกัน (แต่โดนคนแคปเก็บไว้แล้ว) เช่นเดียวกับ สเตฟเฟ่น เคอร์รี่ และ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ ก็อันฟอลโลว์ดิ๊ดดี้ ในโซเชียลมีเดียไปแล้วทั้งหมด เรื่องราวของดิ๊ดดี้เป็นอย่างไร ทำไมนักกีฬาต้องเลิกติดตามเขา เราจะไปลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่แรก อย่างเข้าใจง่ายนะครับ ดิ๊ดดี้ มีชื่อจริงว่า ฌอน คอมบ์ส เขาเป็นคนนิวยอร์ก และเข้าสู่วงการดนตรีตั้งแต่วัยรุ่น และอยู่ในอุตสาหกรรมนี้มา 3 ทศวรรษ ถือเป็นหนึ่งในเลเจนด์ของวงการเพลงแร็พ ฌอน คอมบ์ส มีชื่อในวงการหลายชื่อ เช่น Diddy, P.Diddy, Puff Daddy เป็นต้น ดิ๊ดดี้ ได้รางวัลใหญ่ๆ ในด้านดนตรีมาแล้ว แทบทุกสถาบัน เช่นแกรมมี่ อวอร์ดส และ MTV Music Awards เขามีซิงเกิ้ลขึ้นอันดับ 1 บิลบอร์ด ถึง 3 เพลง โดยหนึ่งในเพลงคลาสสิคที่สุด ที่ทุกคนน่าจะเคยได้ยินแน่นอน คือเพลงชื่อ I'll be missing you แค่อินโทรดังขึ้นมา ก็ติดหูแล้ว (แต่จริงๆ ไปเอาทำนองมาจากเพลงชื่อ Every Breath You Take ของ Police) ในปี 1993 ดิ๊ดดี้ เปิดค่ายเพลงชื่อ แบด บอย เรคคอร์ดส และเป็นโปรดิวเซอร์ให้สตาร์ของวงการมาแล้วหลายคน เช่น The Notorious B.I.G. ที่เสียชีวิตไปแล้ว ส่วนในยุคปัจจุบันก็มี MGK ศิลปินที่ทำเพลงร้อยล้านวิวเป็นว่าเล่น ดิ๊ดดี้ ไม่ใช่แค่ทำเพลงเก่งอย่างเดียว แต่ยังมีหัวธุรกิจในระดับสุดยอดอีกด้วย พอมีชื่อเสียงจากฮิปฮอป เขาต่อยอดไปทำแบรนด์เสื้อผ้าชื่อ ฌอน จอห์น ตามด้วยเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ให้กับว็อดก้ายี่ห้อซิร็อค ได้รับส่วนแบ่งยอดขายต่อขวด นอกจากนั้น เขายังก่อตั้งสถานีโทรทัศน์ชื่อ Revolt TV เพื่อนำเสนอวัฒนธรรมและดนตรี ของกลุ่มแอฟริกัน อเมริกัน โดยเฉพาะ และในที่สุด ปี 2022 ดิ๊ดดี้ ก็มีสินทรัพย์ทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์ (32,000 ล้านบาท) กลายเป็นศิลปินฮิปฮอปแค่ไม่กี่คนบนโลก ที่มีรายได้มหาศาลในเลเวลนี้ ไม่ใช่แค่ความรวย แต่ดิ๊ดดี้ ยังสร้างอาณาจักรของตัวเองขึ้นมา รวมถึงสร้างเครือข่ายของกลุ่มเซเลบริตี้ ที่คอยซัพพอร์ทช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ทำให้ดิ๊ดดี้ ถูกสื่อมวลชน ใช้คำว่า Mogul (ผู้มีอำนาจ, เจ้าพ่อ) ในวงการดนตรี ดิ๊ดดี้นั้น ขึ้นชื่อมาก เรื่องการจัดงานปาร์ตี้ ในช่วงปี 1998-2009 เขาจัดงานชื่อ "ไวท์ปาร์ตี้" สังสรรค์เฉพาะกลุ่มคนรวย คนดัง ใส่เสื้อขาวทั้งงาน เป็นปาร์ตี้ที่พวกเซเล็บอยากไปร่วมกันมากๆ ชีวิตของเขาก็ดูราบรื่นดี อย่างในปี 2022 เขาจัดงานปาร์ตี้ ฉลองวันเกิดอายุ 53 ปี ที่เบเวอร์ลี่ฮิลส์ คนดังๆ ทั้ง เจย์ซี, ทราวิส สกอตต์, แมรี่ เจ ไบล์ และ คริส บราวน์ ก็มาร่วมงานด้วย ดูแล้ว ชีวิตก็สบายๆ ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนเรื่องพฤติกรรมส่วนตัวนั้น ในอดีต เขาโดนคดีต่างๆ มาบ้าง เช่น พกพาอาวุธปืน หรือ ทำร้ายร่างกายคนอื่น แต่ก็รอดมาได้ตลอด ไม่เคยต้องติดคุกสักครั้ง อย่างไรก็ตาม ชีวิตของดิ๊ดดี้ ต้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นับจากวันที่ 16 พฤศจิกายน 2023 เมื่อคาซานดร้า เวนทูร่า หรือ แคสซี่ อดีตแฟนสาวของของเขา ที่เลิกรากันไปแล้ว ไปแจ้งความที่นิวยอร์ก แคสซี่ ระบายความในใจทั้งหมดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าช่วงเวลาที่เธอคบหากับดิ๊ดดี้ มีแต่ความทรมาน และโดนทำร้ายร่างกายเป็นว่าเล่น เธอบอกว่าเคยโดนดิ๊ดดี้ ทั้งเตะ ทั้งต่อย จนตาเขียวช้ำ เลือดออก และมีแผลทั่วร่างกาย ครั้งหนึ่งเคยโดนต่อยท้องต่อหน้าเพื่อนๆ ของดิ๊ดดี้ด้วย นอกจากนั้น ยังใช้อำนาจในการบังคับ และล่อลวง ให้เธอมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่น โดยที่ดิ๊ดดี้จะนั่งดูอย่างสนุกสนาน เหมือนกิจกรรมบันเทิง ตลอดช่วงที่คบกัน แคสซี่ โดนกระทำมากมาย เช่นบีบคอ ผลักรุนแรงจนกระแทกกำแพง เคยโดนปาไข่ใส่หน้ามาแล้ว เวลาทำอะไรไม่ถูกใจ ไม่ใช่แค่ทำร้ายร่างกาย หรือ บังคับเรื่องเพศ แต่ดิ๊ดดี้ ยังมีส่วนพัวพันกับอาชญากรรมหลายอย่าง หนึ่งในนั้น คือการจ้างคนไปเผารถยนต์ ของแรพเปอร์ชื่อ คิด คูดี้ ที่มีข่าวว่าปลื้มแคสซี่ แล้วไม่ใช่แค่เรื่องที่ตัวเธอโดน แต่แคสซี่ แฉมากกว่านั้น บอกว่า มีปาร์ตี้พิสดาร ที่ดิ๊ดดี้เป็นเจ้าภาพ มีชื่อว่า "freak offs" (ปาร์ตี้หลุดโลก) โดยในงานมีเหล้า มียา สารผิดกฎหมาย และมีการจ้างเด็กเอ็น ทั้งชายและหญิง มามีเซ็กส์กันแบบมั่วสุดๆ และยังมีการถ่ายคลิปเก็บไว้ด้วย โดยไม่สนใจว่า คนในงานจะเต็มใจหรือไม่ เมื่อโดนแจ้งความใส่ยับแบบนี้ ดิ๊ดดี้ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เขาว่าจ้างทนายให้มาสู้คดีกับแคสซี่บนศาล คุณมีหลักฐานอะไรก็งัดกันออกมาดู หลังจากที่แคสซี่ ทำการแฉดิ๊ดดี้นั้น ในจังหวะใกล้ๆ กัน มีคนออกมาแจ้งความใส่ดิ๊ดดี้รัวๆ แบบต่างกรรมต่างวาระ เช่น - จอย ดิกเกอร์สัน-นีล เธออ้างว่า ในสมัยเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย เธอโดนดิ๊ดดี้ ถ่ายคลิประหว่างใช้กำลังมีเซ็กส์กับเธอ จ่ายนั้นเอาไปส่งต่อให้คนอื่น โดยที่เธอไม่ได้ยินยอม - ลิซ่า การ์ดเนอร์ บอกว่าเธอกับเพื่อนถูกชวนไปปาร์ตี้ตอนอายุ 16 และโดนดิ๊ดดี้ กับ เพื่อน ล่อลวงให้มีเซ็กส์ด้วย ทั้งๆ ที่เธอยังเป็นผู้เยาว์ - ผู้หญิงอีกคนที่ไม่เอ่ยนาม บอกว่าเธอโดนดิ๊ดดี้ กับ ประธานบริษัทแบดบอย เรคคอร์ด ชื่อ ฮาร์ฟ ปิแอร์ และผู้ชายอีกคนหนึ่ง ทำการลงแขก ตอนเธออายุ 17 ปี โดยหลอกล่อว่าจะให้โอกาสทางหน้าที่การงาน - ร็อดนีย์ โจนส์ โปรดิวเซอร์ผู้ชาย ที่เคยร่วมงานกับดิ๊ดดี้ บอกว่า โดนกดดันให้ไปมีเซ็กส์กับผู้ชายอีกคนหนึ่งในงานปาร์ตี้ โดยอ้างว่า 'นี่เป็นเรื่องปกติในอุตสาหกรรมดนตรี' คดีแล้ว คดีเล่า ที่ค่อยๆ แดงออกมาเรื่อยๆ แต่ดิ๊ดดี้ ไม่ยอมจำนน เขาตั้งใจจะสู้ทุกคดี เพราะแค่พูด ใครก็พูดได้ ไว้มีหลักฐานจะจะ ค่อยคิดจะมาโค่นเขา วันที่ 17 พฤษภาคม 2024 สถานี CNN ก็ได้หลักฐานเด็ดในคดี แคสซี่-ดิ๊ดดี้ นั่นคือกล้องวงจรปิด จากโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนทัล ในลอสแองเจลิส เป็นจังหวะที่แคสซี่ เดินออกจากห้องพัก เพื่อลงลิฟต์เตรียมจะกลับบ้าน แต่ดิ๊ดดี้ ตื่นขึ้นมาพอดี และเห็นแคสซี่ไม่อยู่ จึงวิ่งใส่ผ้าเช็ดตัว ออกมาตามทางเดินแล้วมาเจอเธอที่ลิฟต์ เขาต่อยเธอด้วยหมัดขวา ถีบไปอีก 2 ที แล้วเอาแจกันแก้วที่โรงแรมวางประดับเอาไว้ ขว้างใส่ ก่อนจะลากคอกลับเข้าห้องนอน เมื่อมีหลักฐานจะแจ้งขนาดนี้ แสดงให้เห็นว่าการใช้กำลังเกิดขึ้นจริง ทำให้ดิ๊ดดี้ก็ต้องออกมายอมรับ และกล่าวคำขอโทษต่อมวลชน และจากจุดนั้นเอง ทำให้เซเล็บหลายๆ คน เริ่มอันฟอลโลว์เขา ไม่มีใครอยากจะสนิทชิดเชื้อกับคนที่ใช้ความรุนแรงแบบนี้ คือภาพที่ออกไป มันแย่มาก และจากจุดนั้น ก็มีคดีใหม่ๆ ที่ถูกเปิดเผยเรื่อยๆ ประเดประดังเข้ามาใส่ดิ๊ดดี้ จนตั้งตัวไม่ทัน - คริสตัล แม็คเคนนีย์ นางแบบสาว อ้างว่าโดนดิ๊ดดี้ ใช้กำลังลากเธอเข้าไปในห้องนำแล้วบังคับให้ทำออรัลเซ็กส์ให้ ในสตูดิโอที่ใช้อัดเพลงในนิวยอร์ก - เอพริล แลมพรอส นักศึกษาสถาบันแฟชั่น บอกว่าเธอโดนดิ๊ดดี้บังคับให้ทำการเซ็กส์หมู่ - อาเดรีย อิงลิช นักแสดงหนังโป๊ บอกว่าเธอโดนล่อหลอกให้แสดงกิจกรรมทางเพศ ระหว่างงานปาร์ตี้ โจมตีดิ๊ดดี้ว่าทำการค้ามนุษย์ - ดอว์น ริชาร์ดส นักร้องจากวงดานิตี้ เคน ที่เคยร่วมงานกับดิ๊ดดี้ บอกว่า โดนดิ๊ดดี้แอบจับหน้าอก และจับก้นหลายครั้ง ทำแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไร เหมือนเป็นเรื่องปกติ คุณพ่อของดอว์น ริชาร์ดส ขับรถจากบัลติมอร์ มานิวยอร์กเพื่อมาคุยกับดิ๊ดดี้ แต่โดนขู่ว่า "คิดถึงครอบครัวของแกให้ดีเถอะ" เมื่อคดียาวเป็นหางว่าวแบบนี้ ทำให้วันที่ 16 กันยายน 2024 ดิ๊ดดี้ โดนตำรวจจับกุมตัว ที่โรงแรมพาร์กไฮแอต ในนิวยอร์ก โดยคดีที่ตำรวจให้ความสนใจคือ การจัดปาร์ตี้เบื้องหน้า แต่เบื้องหลังคือขบวนการค้ากาม ค้ามนุษย์ รวมถึงพรากผู้เยาว์ รวมถึงการทำร้ายร่างกาย ที่มีคลิปหลักฐานชัดเจน สิ่งที่รัฐบาลสหรัฐฯ มองอยู่ คือดิ๊ดดี้ อาจทำเรื่องผิดกฎหมายที่ร้ายแรงกว่านั้นอีก เช่น การสร้างองค์กรอาชญากรรมของตัวเองขึ้นมา แล้วมีส่วนในการลักลอบวางเพลิง, การลักพาตัว, การใช้แรงงานทาส, การค้าสารเสพติด และ การติดสินบนเจ้าพนักงาน เขาอาจจะไม่ใช่แค่เจ้าพ่อเพลงฮิปฮอปเฉยๆ แต่อาจเป็นผู้มีอิทธิพลของจริงเลยก็ได้ หลังจากดิ๊ดดี้โดนจับ มีข้อมูลน่าสนใจ ที่ตำรวจค้นพบ ระหว่างการค้นบ้านของดิ๊ดดี้ ที่ลอสแองเจลิส กับ ไมอามี่ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานปาร์ตี้ freak offs ตำรวจพบว่า มีขวดเบบี้ออยล์ มากถึง 1,000 ขวด อยู่ในบ้าน แน่นอน คนก็เชื่อมโยงว่า คุณจะซื้อเบบี้ออยล์มาเยอะขนาดนั้นทำไม เหตุผลน่าจะมีอย่างเดียวคือ คงเอาไปใช้ในกิจกรรมทางเพศอย่างบ้าคลั่ง เช่นงาน ปาร์ตี้เซ็กส์ เป็นต้น นับจนถึงเมื่อวานนี้ (24 กันยายน) มีคนแจ้งความดิ๊ดดี้ ทั้งหมด 11 คน และมีแนวโน้มที่จะมากขึ้นอีกเรื่อยๆ รวมถึงบางคดี ที่น่าสนใจเหมือนกัน เช่น จากัวร์ ไรท์ นักร้องสาวชาวอเมริกัน อ้างว่า ดิ๊ดดี้ ถ่ายคลิปของเซเลบริตี้หลายคนเอาไว้ แล้วไปปล่อยในดาร์กเว็บ ได้เงินมา 500 ล้านดอลลาร์ นอกจากนั้น ยังมีข่าวลืออีกสารพัด ว่าเขาเคยล่วงละเมิด ศิลปินทั้งชาย และ หญิง มาแล้วหลายคน ซึ่งในจำนวนนั้นก็มีคนที่เป็นซูเปอร์สตาร์ในปัจจุบันด้วย สถานการณ์ล่าสุด ดิ๊ดดี้ต้องไปอยู่ในห้องขัง โดยเขายื่นข้อเสนอประกันตัว 50 ล้านดอลลาร์ พร้อมทั้งติด GPS เพื่อการันตีว่าจะไม่หลบหนี แต่ศาลไม่อนุมัติ ทำให้ตอนนี้ดิ๊ดดี้ต้องอยู่ในเรือนจำที่บรู๊คลิน จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง สเต็ปต่อไปทนายของดิ๊ดดี้ กำลังเตรียมสู้คดีอย่างเต็มที่ คือมีบางเคสที่ดิ๊ดดี้โดนแน่ๆ เช่นทำร้ายร่างกายแคสซี่ เพราะมีกล้องวงจรปิดชัดเจน แต่กับคดีอื่นๆ ที่เขาโดนกล่าวหาว่ากระทำ ก็ต้องมาพิสูจน์กันต่อไป ว่าทำจริงหรือไม่ สำหรับในวงการกีฬานั้น เรื่องนี้ก็สั่นสะเทือนเช่นกัน เพราะศิลปินฮิปฮ็อป กับนักกีฬาอีลีท มักจะสนิทสนมกัน เช่น เคนดริค ลามาร์ กับ เดมาร์ เดโรซาน สนิทกันถึงขั้นเดโรซานไปเล่นในเอ็มวีให้ หรือตอนรัสเซลล์ เวสต์บรู๊ก นำทริปเปิ้ลดับเบิ้ลในตำนาน (20 แต้ม, 20 รีบาวด์, 20 แอสซิสต์) เขาอุทิศผลงานนี้ ให้กับแรพเปอร์ ชื่อ นิปซีย์ ผู้ล่วงลับ โดยดิ๊ดดี้ อยู่ในวงการมาเกิน 30 ปี รู้จักคนมากมาย และสนิทสนมกับนักกีฬาหลายคน ไปร่วมกิจกรรมกับ NBA ก็บ่อย แต่ถึงตรงนี้ ก็คงไม่มีใครที่พร้อมจะอยู่ซัพพอร์ทเขา เพราะไม่อยากติดร่างแหไปด้วย มีคนย้อนไปดูคลิปงานปาร์ตี้ freak offs ที่เผยแพร่ออกมา พบว่า มีนักกีฬาบางคนไปร่วมงานด้วย เช่น เลียวนาร์ด โฟร์เนตต์ รันนิ่งแบ็กชุดแชมป์ NFL ของแทมป้าเบย์ บัคคาเนียร์ ซึ่งโฟร์เนตต์ก็โดนสังคมจับจ้องทันทีว่า ไปมั่วยา มั่วเซ็กส์ หรือทำอะไรผิดกฎหมายหรือเปล่า ดังนั้นสิ่งที่นักกีฬาทำตอนนี้คือ เอาตัวออกห่างจากดิ๊ดดี้ให้ไกลที่สุด ไม่ให้เชื่อมโยงกันได้ อะไรที่เคยโพสต์ถึงก็ไล่ลบจนเกลี้ยงทั้งหมด สิ่งที่เราเห็นจากเรื่องนี้ คือในวันที่ยิ่งใหญ่ ทำอะไรก็ราบรื่น ผู้คนล้อมหน้าล้อมหลัง แต่ในวันนี้ ที่ความผิดเริ่มแดงออกมาเรื่อยๆ ดิ๊ดดี้ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีใครอยากจะร่วม "ปาร์ตี้" ของเขาอีกแล้ว และแน่นอน ถ้าพิสูจน์ได้ว่าทำผิดจริง ก็ต้องรับโทษทางกฎหมายกันไป บางคนบอกว่า ถ้าทีมทนายไม่เก่งระดับเทพล่ะก็ อิสรภาพวันสุดท้ายของดิ๊ดดี้ อาจจะหมดลงแล้ว และอาจติดคุกในช่วงที่เหลืออยู่ของชีวิต แม้จะมีเงินในบัญชีถึง 1 พันล้านดอลลาร์ก็ตามที” ที่มา : เพจวิเคราะห์บอลจริงจัง https://www.facebook.com/share/5f8x3Zx1WzpUs8b5/?mibextid=CTbP7E ภาพ #Thaitimes
    Like
    1
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 966 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีโพสต์เพจเฟซบุ๊กของ ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    “สิ่งที่ถูกที่ควร
    ต้องหยุดการให้ ประชาชนฉีด วัคซีนด้วยเทคโนโลยี mRNA ซึ่งขณะนี้ยังมีการบริการ และให้ทหารเข้าใหม่และนักศึกษามีการฉีดวัคซีน

    ซึ่งถ้าประชาชนเป็นอะไรประชาชนต้องรับทราบว่าสามารถฟ้องร้องได้และเรียกค่ารักษาพยาบาลและทุพพลภาพได้

    ประการสำคัญก็คือถ้าหน่วยงานนั้นต้องให้ฉีดวัคซีนประชาชนควรจะยืนยันว่าต้องมีบันทึกให้คนที่ได้รับวัคซีนเก็บไว้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นทางหน่วยงาน ที่บังคับหรือส่งเสริมให้ฉีด โดยถ้าไม่ฉีดจะไม่ได้เรียนหรือไม่ได้เข้างาน “ต้องชดใช้ค่าเสียหาย”

    ต้องหยุดเทคโนโลยีนี้จนกว่าจะปรับปรุงแก้ไขให้ปลอดภัยเพราะวัคซีนมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันโรคช่วยชีวิตมนุษย์ไม่ใช่ตายเสียเอง

    อย่ามุ่งหวังแต่จะเอาทุนจะเอาชื่อเสียงจากชีวิตมนุษย์
    ในเมื่อมนุษย์กลายเป็นหนูทดลองทั่วโลกไปแล้วและทราบผลกันไปแล้ว ว่าตาย เจ็บ ป่วยมากมาย
    ทำไมไม่พัฒนาให้ประสิทธิภาพดีจริงๆ และ ปลอดภัยจริงๆ”

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/xVokYHJEXktx9s2W/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    รีโพสต์เพจเฟซบุ๊กของ ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา “สิ่งที่ถูกที่ควร ต้องหยุดการให้ ประชาชนฉีด วัคซีนด้วยเทคโนโลยี mRNA ซึ่งขณะนี้ยังมีการบริการ และให้ทหารเข้าใหม่และนักศึกษามีการฉีดวัคซีน ซึ่งถ้าประชาชนเป็นอะไรประชาชนต้องรับทราบว่าสามารถฟ้องร้องได้และเรียกค่ารักษาพยาบาลและทุพพลภาพได้ ประการสำคัญก็คือถ้าหน่วยงานนั้นต้องให้ฉีดวัคซีนประชาชนควรจะยืนยันว่าต้องมีบันทึกให้คนที่ได้รับวัคซีนเก็บไว้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นทางหน่วยงาน ที่บังคับหรือส่งเสริมให้ฉีด โดยถ้าไม่ฉีดจะไม่ได้เรียนหรือไม่ได้เข้างาน “ต้องชดใช้ค่าเสียหาย” ต้องหยุดเทคโนโลยีนี้จนกว่าจะปรับปรุงแก้ไขให้ปลอดภัยเพราะวัคซีนมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันโรคช่วยชีวิตมนุษย์ไม่ใช่ตายเสียเอง อย่ามุ่งหวังแต่จะเอาทุนจะเอาชื่อเสียงจากชีวิตมนุษย์ ในเมื่อมนุษย์กลายเป็นหนูทดลองทั่วโลกไปแล้วและทราบผลกันไปแล้ว ว่าตาย เจ็บ ป่วยมากมาย ทำไมไม่พัฒนาให้ประสิทธิภาพดีจริงๆ และ ปลอดภัยจริงๆ” ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/xVokYHJEXktx9s2W/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 735 มุมมอง 0 รีวิว
  • อนุรา กุมาร ดิสสานายาเก สส.จากพรรคมาร์กซิสต์ ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีศรีลังกา สามารถโค่น นายนรานิล วิกรมสิงห์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบันออกไปได้

    22 กันยายน 2567-รายงานข่าวเอพีระบุว่า นายดิสซานายาเกรณรงค์หาเสียงสนับสนุนจากชนชั้นแรงงานและต่อต้านชนชั้นนำทางการเมือง ทำให้เขาเป็นที่นิยมในหมู่คนรุ่นหนุ่มสาว เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงร้อยละ 39 ตามมาด้วยนายสาจิธ เปรมทาสา ผู้นำฝ่ายค้านได้คะแนนร้อยละ 34 ตามผลการนับคะแนนที่เผยแพร่โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง

    การเลือกตั้งจัดขึ้นในวันเสาร์ที่21 กันยายนมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากประเทศกำลังพยายามฟื้นตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์และ ความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นตามมาโดยมีผู้สมัคร 38 คนลงแข่งขัน แต่โดยส่วนใหญ่จะเน้นที่ผู้สมัครสามคนคือ Dissanayake, Wickremesinghe และPremadasa

    สำหรับนาย ดิสสานายาเก วัย 55 ปี เป็นผู้นำของกลุ่มแนวร่วมฝ่ายซ้ายที่เรียกว่า National People's Power ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรที่ประกอบด้วยกลุ่มประชาสังคม นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญ พระสงฆ์ และนักศึกษาหัวก้าวหน้า

    เมื่อปี 2562 นาย ดิสซานายาเกะ ลงสมัครการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งก่อนเคะแนได้เสียงเพียง 3% ผิดกับวันนี้ที่ได้คะแนนเสียงถึง 39%ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง17ล้านคน ถือเป็นผลงานที่แข็งแกร่ง และบ่งชี้ว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งเริ่มเบื่อหน่ายกับนโยบายเดิม ซึ่งถูกกล่าวหาว่าผลักให้เศรษฐกิจไม่มั่นคง

    วิกฤตเศรษฐกิจของศรีลังกาเกิดจากการกู้ยืมเงินมากเกินไปสำหรับโครงการที่ไม่สร้างรายได้ ผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 และความดื้อรั้นของรัฐบาลในการใช้เงินสำรองต่างประเทศที่มีอยู่อย่างจำกัดเพื่อพยุงสกุลเงินรูปี ส่งผลให้เศรษฐกิจตกต่ำอย่างหนัก

    ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำส่งผลให้ขาดแคลนสิ่งจำเป็น เช่น ยาอาหาร แก๊สหุงต้ม และเชื้อเพลิงอย่างรุนแรง ทำให้ประชาชนต้องยืนรอคิวเป็นเวลานานหลายวันเพื่อซื้อสิ่งของเหล่านี้ ส่งผลให้เกิดการจลาจล ผู้ประท้วงบุกยึดอาคารสำคัญๆ รวมถึงบ้านของประธานาธิบดี สำนักงานของเขา และสำนักงานของนายกรัฐมนตรี จนทำให้โกตาบายา ราชปักษา ประธานาธิบดีในขณะนั้นต้องหลบหนีออกนอกประเทศและลาออก

    วิกรมสิงห์ได้รับเลือกโดยการลงคะแนนเสียงของรัฐสภาในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2565 เพื่อดำรงตำแหน่งแทนราชปักษาในช่วงเวลาที่เหลือ

    รัฐบาลวิกรมสิงห์ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีว่าได้ผ่านอุปสรรคสุดท้ายในการปรับโครงสร้างหนี้แล้วด้วยการบรรลุข้อตกลงในหลักการกับผู้ถือพันธบัตรเอกชน

    ศรีลังกาผิดนัดชำระหนี้ ทั้งหนี้ในประเทศและต่างประเทศมียอดรวม 83,000 ล้านดอลลาร์ รัฐบาลระบุว่าขณะนี้ได้ปรับโครงสร้างหนี้แล้วมากกว่า 17,000 ล้านดอลลาร์

    หากรัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของ Dissanayake ที่กล่าวว่าเขาจะเจรจาข้อตกลงกับ IMF ใหม่เพื่อให้มาตรการรัดเข็มขัดมีความเหมาะสมมากขึ้น แต่รัฐบาลวิกรมสิงห์เตือนว่าการเคลื่อนไหวใดๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงพื้นฐานของข้อตกลงอาจทำให้การอนุมัติเงินงวดที่ 4 มูลค่าเกือบ 3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมีความสำคัญต่อการรักษาเสถียรภาพล่าช้าออกไป

    #Thaitimes
    อนุรา กุมาร ดิสสานายาเก สส.จากพรรคมาร์กซิสต์ ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีศรีลังกา สามารถโค่น นายนรานิล วิกรมสิงห์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบันออกไปได้ 22 กันยายน 2567-รายงานข่าวเอพีระบุว่า นายดิสซานายาเกรณรงค์หาเสียงสนับสนุนจากชนชั้นแรงงานและต่อต้านชนชั้นนำทางการเมือง ทำให้เขาเป็นที่นิยมในหมู่คนรุ่นหนุ่มสาว เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงร้อยละ 39 ตามมาด้วยนายสาจิธ เปรมทาสา ผู้นำฝ่ายค้านได้คะแนนร้อยละ 34 ตามผลการนับคะแนนที่เผยแพร่โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง การเลือกตั้งจัดขึ้นในวันเสาร์ที่21 กันยายนมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากประเทศกำลังพยายามฟื้นตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์และ ความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นตามมาโดยมีผู้สมัคร 38 คนลงแข่งขัน แต่โดยส่วนใหญ่จะเน้นที่ผู้สมัครสามคนคือ Dissanayake, Wickremesinghe และPremadasa สำหรับนาย ดิสสานายาเก วัย 55 ปี เป็นผู้นำของกลุ่มแนวร่วมฝ่ายซ้ายที่เรียกว่า National People's Power ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรที่ประกอบด้วยกลุ่มประชาสังคม นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญ พระสงฆ์ และนักศึกษาหัวก้าวหน้า เมื่อปี 2562 นาย ดิสซานายาเกะ ลงสมัครการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งก่อนเคะแนได้เสียงเพียง 3% ผิดกับวันนี้ที่ได้คะแนนเสียงถึง 39%ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง17ล้านคน ถือเป็นผลงานที่แข็งแกร่ง และบ่งชี้ว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งเริ่มเบื่อหน่ายกับนโยบายเดิม ซึ่งถูกกล่าวหาว่าผลักให้เศรษฐกิจไม่มั่นคง วิกฤตเศรษฐกิจของศรีลังกาเกิดจากการกู้ยืมเงินมากเกินไปสำหรับโครงการที่ไม่สร้างรายได้ ผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 และความดื้อรั้นของรัฐบาลในการใช้เงินสำรองต่างประเทศที่มีอยู่อย่างจำกัดเพื่อพยุงสกุลเงินรูปี ส่งผลให้เศรษฐกิจตกต่ำอย่างหนัก ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำส่งผลให้ขาดแคลนสิ่งจำเป็น เช่น ยาอาหาร แก๊สหุงต้ม และเชื้อเพลิงอย่างรุนแรง ทำให้ประชาชนต้องยืนรอคิวเป็นเวลานานหลายวันเพื่อซื้อสิ่งของเหล่านี้ ส่งผลให้เกิดการจลาจล ผู้ประท้วงบุกยึดอาคารสำคัญๆ รวมถึงบ้านของประธานาธิบดี สำนักงานของเขา และสำนักงานของนายกรัฐมนตรี จนทำให้โกตาบายา ราชปักษา ประธานาธิบดีในขณะนั้นต้องหลบหนีออกนอกประเทศและลาออก วิกรมสิงห์ได้รับเลือกโดยการลงคะแนนเสียงของรัฐสภาในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2565 เพื่อดำรงตำแหน่งแทนราชปักษาในช่วงเวลาที่เหลือ รัฐบาลวิกรมสิงห์ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีว่าได้ผ่านอุปสรรคสุดท้ายในการปรับโครงสร้างหนี้แล้วด้วยการบรรลุข้อตกลงในหลักการกับผู้ถือพันธบัตรเอกชน ศรีลังกาผิดนัดชำระหนี้ ทั้งหนี้ในประเทศและต่างประเทศมียอดรวม 83,000 ล้านดอลลาร์ รัฐบาลระบุว่าขณะนี้ได้ปรับโครงสร้างหนี้แล้วมากกว่า 17,000 ล้านดอลลาร์ หากรัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของ Dissanayake ที่กล่าวว่าเขาจะเจรจาข้อตกลงกับ IMF ใหม่เพื่อให้มาตรการรัดเข็มขัดมีความเหมาะสมมากขึ้น แต่รัฐบาลวิกรมสิงห์เตือนว่าการเคลื่อนไหวใดๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงพื้นฐานของข้อตกลงอาจทำให้การอนุมัติเงินงวดที่ 4 มูลค่าเกือบ 3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมีความสำคัญต่อการรักษาเสถียรภาพล่าช้าออกไป #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 851 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts