• #เหตุใดโจโฉจึงยืนกรานที่จะฆ่าหมอฮวาโถว(华佗)?
    #12ปีต่อมาเขาก็พบว่าการตัดสินใจของเขาถูกต้อง

    สามก๊ก หรือ ซานกั๋วเหยี่ยนอี้(Romance of the Three Kingdoms三国演义)เป็นผลงานชิ้นเอกในประวัติศาสตร์วรรณกรรมจีนที่ใครๆ ก็รู้จัก หนังสือเล่มนี้มีโครงเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากมายซึ่งชวนติดตาม ในงานนี้ ผู้เขียนไม่ได้แยกแยะระหว่างตัวเอกและตัวประกอบอย่างชัดเจน เพราะในใจของผู้อ่านที่ชื่นชอบผลงานชิ้นนี้ ตัวละครแต่ละตัวจะเปล่งประกายด้วยความเฉลียวฉลาดและเสน่ห์เฉพาะตัว

    เชื่อว่าหลายๆ คนคิดเหมือนกันว่าตัวละครที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งมากที่สุดคือโจโฉ(曹操) บางคนมองว่าเขาเป็นรัฐมนตรีที่ฉลาดและสามารถควบคุมสถานการณ์ในยามยากลำบากได้ ในขณะที่บางคนมองว่าเขาเป็นคนร้ายที่ทรยศและวางแผนร้าย

    บางทีในสายตาของโจโฉ(曹操) ความซื่อสัตย์ภักดีและการทรยศคตโกงอาจไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่เขาแสวงหาคือการรวมประเทศเป็นหนึ่ง และปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการบรรลุการรวมกันเป็นหนึ่งคือความแข็งแกร่งและความสามารถ ด้วยค่านิยมที่ว่า “ผู้มีความสามารถคือประมุข” เขาจึงให้ความสำคัญกับผลลัพธ์มากกว่าที่จะยึดติดกับข้อจำกัดทางศีลธรรมแบบเดิมๆ สิ่งนี้ยังทำให้วิธีการทำสิ่งต่างๆ (曹操) มีความพิเศษ มีเอกลักษณ์และมักจะผสมผสาน และไม่ยึดหลักเกณฑ์ธรรมดาด้วย

    จากมุมมองของผู้คนในปัจจุบัน เขาสามารถถูกมองว่าเป็นนักการเมืองที่มีแนวคิดก้าวหน้าและแนวคิดทางเลือกอีกแนวทางหนึ่ง หากต้องการเข้าใจความซับซ้อนของสามก๊ก(三国)อย่างแท้จริง ต้องเข้าใจความภายในใจของโจโฉ(曹操)และวิธีการจัดการกับผู้คนพร้อมกับการปฏิบัติวานของเขาเสียก่อน

    นอกจากนี้ บุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์จำนวนมากในช่วงยุคสามก๊ก(三国)มีปฏิสัมพันธ์สำคัญกับโจโฉ(曹操) และทั้งหมดนี้คนที่คลาสสิกที่สุดคือหมอฮวาโถว(华佗)ผู้โด่งดัง ดังที่เราทราบกันดีว่า ฮวาโถว(华佗)เสียชีวิตในท้ายที่สุดจากน้ำมือของโจโฉ(曹操) แต่หากเราหยุดอยู่แค่คำคร่ำครวญเรื่อง "หมอชื่อดังถูกฆ่า" เท่านั้น มันก็จะดูผิวเผินเกินไป ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ของตัวละครที่อยู่เบื้องหลัง มันดูจะซับซ้อนกว่าการที่จะเอาแต่แค่ระบายอารมณ์เพียงอย่างเดียว แม้จากมุมมองบางประการ การตัดสินใจเช่นนี้อาจสมเหตุสมผลในสมัยขณะนั้น เพื่อที่จะชี้แจงประวัติศาสตร์เรื่องนี้ให้ชัดเจนขึ้น จำเป็นจะต้องเริ่มต้นจากฮวาโถว(华佗) ปราชญ์ทางการแพทย์

    ฮวาโถว(华佗) เป็นหนึ่งในสี่หมอผู้ยิ่งใหญ่ในจีนโบราณ ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของฮฮวาโถว(华佗)ได้แก่ การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”และนิทานปรัมปราเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”

    การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” เป็นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่เก่าแก่ที่สุดที่คิดค้นโดยฮวาโถว(华佗)ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ฮวาโถว(华佗)ทราบดีถึงความสำคัญของการออกกำลังกายของมนุษย์ต่อสุขภาพ และสนับสนุนให้การออกกำลังกายเป็นจังหวะและสอดประสานกัน และเน้นย้ำถึงการผสมผสานระหว่างการรับประทานอาหารที่เหมาะสมและการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง

    การออกกำลังกายชุดนี้จะช่วยยืดเหยียดและออกกำลังกายไหล่ คอ ท้อง หลัง และแขนขาได้อย่างเต็มที่ โดยเลียนแบบการเคลื่อนไหวของสัตว์ทั้ง 5 ชนิด ได้แก่ เสือ กวาง หมี ลิง และนก ฮวาโถว(华佗)สนับสนุนให้ “เดินตามธรรมชาติ เดินตามทางแห่งสวรรค์” ซึ่งไม่เพียงป้องกันโรคได้เท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้คนรู้สึกสบายกายและใจและเพิ่มความอยากอาหารอีกด้วย

    ศิษย์ของท่านอาจารย์หวู่ปู้(吴普)ยืนกรานที่จะฝึกท่าบริหารสัตว์ทั้งห้าทุกวัน และในที่สุดก็ได้มีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดี โดยมีอายุยืนยาวถึง 90 ปี คงทราบดีว่าในสมัยโบราณ เมื่ออายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 40 หรือ 50 ปีเท่านั้น การมีชีวิตที่ยืนยาวและมีพลังมากขนาดนี้ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ท่าบริหารสัตว์ทั้งห้ายังคงได้รับความนิยมตลอดหลายปีที่ผ่านมา และยังคงได้รับการเคารพและสืบทอดโดยแพทย์แผนจีนแบบดั้งเดิมหลายคน

    อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน

    “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ที่ฮวาโถว(华佗)คิดค้นขึ้นเป็นยาชาที่รับประทานร่วมกับแอลกอฮอล์ ซึ่งสามารถทำให้คนไข้หมดสติชั่วคราว ช่วยให้ทำการผ่าตัดรักษาผู้บาดเจ็บได้ง่ายขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการรักษาด้วยยาแผนจีนแบบดั้งเดิม วิธีนี้ถือว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าและสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ และถือได้ว่าเป็นผลงานบุกเบิกของการผ่าตัดแบบจีนโบราณ

    อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”เขาไม่ได้รับใช้“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)” ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ ฮวาโถว(华佗)และกวนอูกำลังดื่มเหล้าและเล่นหมากรุกเพื่อผ่อนคลายก่อนที่เขาจะกล้าขูดพิษลูกศรออกจากกระดูก หนังสือเล่มนี้บรรยายว่าใบมีดเสียดสีกับกระดูก ทำให้เกิดเสียง “เสียดสี” และเลือดออก แต่กวนอู(关羽)ไม่แสดงความกลัว ทำให้ฮวาโถว(华佗)อุทานออกมาว่า “ท่านแม่ทัพเป็นเทพเจ้าจริงๆ”

    แม้ว่า“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”จะไม่ได้ถูกใช้กับกวนอู(关羽) แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและกล้าหาญของเขา น่าเสียดายที่ปฏิบัติการนี้อาจเป็นเครื่องพิสูจน์ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”แต่ก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง

    นอกเหนือจากทักษะทางการแพทย์แล้ว ฮวาโถว(华佗)ยังเป็นบุคคลที่มีความรู้และความสามารถอีกด้วย

    ในช่วงต้นยุคสามก๊ก(三国) ผู้ที่ต้องการเข้าสู่ตำแหน่งทางการมักจะอาศัยระบบการแนะนำมากกว่าระบบการสอบของจักรพรรดิในยุคหลัง ระบบการแนะนำไม่เพียงแต่ประเมินระดับความรู้การศึกษาเท่านั้น แต่ยังกำหนดให้ต้องได้รับการแนะนำจากเจ้าหน้าที่ข้าราชการที่มีฐานะหรือบุคคลที่มีคุณธรรมสูง ยิ่งตำแหน่งทางการของผู้แนะนำสูงขึ้นเท่าใด ผู้ที่ได้รับการแนะนำก็จะได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้นตามไปด้วยเท่านั้น

    อย่างไรก็ตาม แพทย์ไม่ได้มีสถานะทางสังคมที่สูงส่งในสมัยนั้น ภายใต้แนวคิดดั้งเดิมที่ว่า นักวิชาการ ชาวนา พ่อค้า และช่างฝีมือ มีเพียงเจ้าหน้าที่ทางข้าราชการเท่านั้นที่ได้รับการเคารพนับถือ แพทย์ไม่ได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในสี่ชนชั้น ได้แก่ นักวิชาการ เกษตรกร พ่อค้า และช่างฝีมือเสียด้วยซ้ำ และสถานะของพวกเขาก็คล้ายคลึงกับพ่อมดแม่มด นักแสดง และอาชีพบริการอื่นๆ

    ฮวาโถว(华佗)มีความขยันพรากเพียรเรียนหนักมาตั้งแต่เด็ก และมีความต้องการที่จะประกอบอาชีพข้าราชการ ครั้งหนึ่งเขาเคยทิ้งบันทึกไว้ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ว่า "แต่ก่อนข้าเป็นนักวิชาการ แต่ข้าหาเลี้ยงชีพด้วยการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ และข้าก็มักจะรู้สึกผิดหวังเสียใจ" นั่นหมายความว่าเขาต้องการมีอาชีพทางข้าราชการที่ราบรื่น อย่างไรก็ตาม เขาพลาดโอกาสที่จะเข้าสู่ตำแหน่งทางข้าราชการเพราะมีอาชีพทางการแพทย์ของเขา

    ทักษะทางการแพทย์ของเขาทำให้เขามีชื่อเสียง ผู้คนมากมายต่างเข้ามาหาเขาราวกับว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็นหมอ อย่างไรก็ตาม ฮวาโถว(华佗)ยังไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ข้าราชการท้องถิ่นเหล่านั้นจะเป็นผู้แนะนำ โดยคิดว่าคำแนะนำเหล่านั้นจะไม่ช่วยให้เขาได้ไปสู่ตำแหน่งสูงได้ จึงละทิ้งโอกาสที่จะเป็นข้าราชการระดับล่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    ถึงกระนั้น เขาก็ยังคงปรารถนาที่จะประกอบอาชีพในสายข้าราชการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิทยาที่ขัดแย้งกันในสมัยโบราณที่ว่า "หมอไม่รักษาให้ตัวเอง" แม้ว่าคนๆ หนึ่งจะประสบความสำเร็จก็ตาม มันเป็นเรื่องยากที่จะหลุดพ้นจากความคิดเรื่องลำดับชั้นของสังคมศักดินา

    เมื่อชื่อเสียงเลื่องลือแพร่กระจายออกไปทั่ว ระดับตำแหน่งคนไข้ของฮวาโถว(华佗)ก็กลายเป็นผู้มีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยรวมไปถึงผู้ปกครองสูงสุดอย่างโจโฉ(曹操)ด้วย

    แล้วฮวาโถว(华佗)ถูกโจโฉ(曹操)บังคับให้รักษาจริงหรือ? เขาเป็นคนริเริ่มสมยอมในเรื่องนี้หรือเปล่า?

    คำตอบอาจจะใช่ก็ได้ เพราะฮวาโถว(华佗)ก็หวังที่จะได้ทำงานในหน่วยงานรัฐบาล แต่เนื่องจากคนที่แนะนำเขามีฐานะต่ำต้อย เขาจึงหางานได้ยาก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงขยายเครือข่ายด้วยการประกอบวิชาชีพแพทย์เท่านั้น

    ใครจะมีพลังอำนาจมากกว่าโจโฉในเวลานี้? ถ้าเขาได้รับการชื่นชมจากโจโฉ(曹操)นั่นไม่ใช่เหมือนกับว่าเขาจะต้องโด่งดังชั่วข้ามคืนใช่ไหม?

    นอกจากนี้ ฮวาโถว(华佗)ยังมั่นใจในทักษะทางการแพทย์ของตน และเชื่อว่าตนสามารถรักษาอาการปวดหัวของโจโฉ(曹操)ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยคำเชิญอย่างเป็นทางการของโจโฉ(曹操) ฮวาโถว(华佗)จึงอาสาไป

    โจโฉ(曹操)ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง อันเนื่องมาจากการทำงานหนักในกิจการราชการและสงครามเป็นเวลานาน หลังจากที่ฮวาโถว(华佗)เดินทางมาถึง เขาได้ใช้การฝังเข็มเพื่อบรรเทาอาการป่วยลงอย่างมาก ซึ่งทำให้โจโฉ(曹操)มีความสุขมาก

    แต่โจโฉ(曹操)ต้องการการรักษาให้หายขาด ไม่ใช่แค่บรรเทาให้หายลงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อได้รับคำร้องขอนี้ ฮวาโถว(华佗)ยอมรับว่าเขาสามารถใช้การฝังเข็มเพื่อชะลอโรคลงเท่านั้น ถ้าต้องการรักษาให้หายขาด จำเป็นต้องทำการผ่าตัดกระโหลกศีรษะ

    โจโฉ(曹操)โกรธมากเมื่อฮวาโถว(华佗)พูดเช่นนี้ การผ่าตัดกระโหลกศีรษะถือเป็นเรื่องที่พบได้ยากและอันตรายมากในสมัยนั้น และไม่มีใครกล้าลองโดยง่าย นิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操)ทำให้เขาไม่อาจยอมรับข้อเสนอของฮวาโถว(华佗)ได้

    ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ได้บันทึกไว้ในหลายตอนถึงลักษณะบุคลิกนิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操) ในช่วงแรกๆ เขาล้มเหลวในการลอบสังหารตั๋งโต๊ะ(Dong Zhuo董卓) ขณะที่กำลังหลบหนี เขาได้ฆ่า ลิแปะเฉีย หรือ ลฺหวี่โป๋เชอ (Lü Boshe呂伯奢) เพื่อนที่ดีของพ่อของเขาและครอบครัวทั้งหมดโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาอันโหดร้ายของเขาที่ว่า "ข้ายอมทรยศโลก ดีกว่าปล่อยให้โลกทรยศข้า"

    โจโฉ(曹操)ระมัดระวังชีวิตของตนเองอย่างมาก และถึงขั้นระแวงการกระทำอันดีงามขององครักษ์ ครั้งหนึ่งเขาเคยฆ่าองครักษ์ส่วนตัวเพราะความเข้าใจผิด

    ดังนั้นเขาจะไม่ยอมให้ใครมาคุกคามความปลอดภัยของเขา และการผ่าตัดกระโหลกศีรษะเป็นเพียงภัยคุกคามในสายตาของเขาและเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

    ในทางกลับกัน โจโฉ(曹操)ก็มีความสงสัยในนิสัยของฮวาโถว(华佗)เช่นกัน โดยคิดว่าเขาเป็นคนหยิ่งยโสและหลงตัวเอง และเขาอาจมีเจตนาอื่นใดที่เสนอวิธีการรักษาที่รุนแรงเช่นนี้ ดังนั้น โจโฉ(曹操)จึงเลือกการรักษาแบบประคับประคองและให้ฮวาโถว(华佗)ทำการฝังเข็มเป็นประจำเพื่อบรรเทาอาการ

    หลังจากเวลาผ่านไปนาน ฮวาโถว(华佗)เห็นว่าโจโฉไม่ยอมรับการผ่าตัด และไม่มีความตั้งใจที่จะให้เขาได้รับตำแหน่งสูงๆ และเงินเดือนที่สูง จึงขอลาและกลับบ้านโดยอ้างว่าภรรยาของเขาป่วยหนัก

    แม้ว่าโจโฉ(曹操)จะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ยังคงเห็นชอบ

    ต่อมาอาการปวดหัวของโจโฉก็กลับมาอีก เขาจึงส่งคนไปขอให้ฮัวโต่วกลับมารักษาให้อีกหลายครั้ง แต่ฮวาโถว(华佗)กลับปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    ในที่สุดโจโฉ(曹操)ก็ส่งคนไปตรวจสอบและพบว่าภรรยาของฮวาโถว(华佗)ไม่ได้ป่วย แต่ฮวาโถว(华佗)ไม่เต็มใจที่จะกลับมา

    ด้วยความโกรธ โจโฉ(曹操)จึงให้ควบคุมตัวฮวาโถว(华佗)และจำคุกในข้อกล่าวหา "ไม่ให้ความเคารพอย่างยิ่ง" และ "ฝ่าฝืนคำสั่ง"

    คนใกล้ชิดของเขาได้แนะนำให้โจโฉ(曹操)เมตตา แต่โจโฉ(曹操)กลับมุ่งมั่นที่จะฆ่าเขา หมอผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้จึงได้เสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้า

    หลังจากสังหารฮัวโตวแล้ว โจโฉเคยเสียใจบ้างไหม? อย่างไรก็ตาม อาการปวดหัวของเขาก็ยังไม่สามารถรักษาหายได้

    ความขี้ระแวงสงสัยและความโกรธในเรื่องทางจิตใจนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าความเจ็บปวดทางกายเสียอีก อาจจะบางทีเมื่อความเจ็บปวดกลับมาอีกครั้ง เขาอาจจะนึกถึงฮวาโถว(华佗) แต่เขาไม่เคยนึกเสียใจเลย

    ในสายตาของโจโฉ(曹操) หมอเป็นเพียงเครื่องมือและคนรับใช้ ไม่คู่ควรแก่การเคารพนับถือ หากฮวาโถว(华佗)กล้าคุกคามชีวิตตนเอง มันจะเป็นความท้าทายต่ออำนาจของเขา และจะไม่มีวันได้รับการยอมรับ

    การฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นเพียงการแสดงอำนาจและเป็นการเตือนทุกคนว่าไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครก็ไม่มีใครสามารถล่วงเกินเขาได้

    ในเวลานั้น โจโฉ(曹操)กำลังเตรียมตัวสำหรับการรบที่เซ็กเพ็ก ผาแดง (Red Cliffs or Chib赤壁之戰) และจำเป็นต้องรักษาขวัญกำลังใจของกองทหารของเขา เสริมสร้างชื่อเสียง และสร้างศักดิ์ศรีที่ไม่สามารถละเมิดได้ของเขา

    การไม่ควรปล่อยให้แพทย์ควบคุมร่างกายและชีวิตของตนเองโดยเด็ดขาด ดังนั้นการฆ่าฮวาโถว(华佗)จึงกลายเป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่จำเป็น

    ขณะที่สงครามกำลังใกล้เข้ามา โจโฉ(曹操)ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ขอให้ฆ่าฮวาโถว(华佗)อยู่เคียงข้างเพื่อรับการรักษา แม้ภายนอกจะแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจสุขภาพของตนเอง แต่แท้จริงแล้ว นี่ถือเป็นการประกาศถึงความแข็งแกร่งของเขาต่อโลกภายนอกด้วยเช่นกัน

    การสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นการส่งสัญญาณทางอ้อมว่า "ฉันไม่กลัว" ทำให้ขวัญกำลังใจของกองทัพมั่นคงและปราบปรามศัตรูได้

    แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะพ่ายแพ้ในยุทธการที่ผาแดง (Red Cliffs 赤壁之戰)แต่ก็ถือเป็นความผิดพลาดทางยุทธวิธี และไม่มีผลต่อเสถียรภาพของสงครามจิตวิทยาแต่อย่างใด

    จากมุมมองทางประวัติศาสตร์ การตัดสินใจของโจโฉ(曹操)ที่จะสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)นั้นถูกต้องหรือไม่นั้นเป็นคำถามที่ควรค่าแก่การหารือถกเถียง

    สิบสองปีต่อมา โจผี หรือ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ได้สืบทอดบัลลังก์และสืบสานสไตล์ที่เด็ดขาดและเข้มแข็งของบิดาของเขา

    การกระทำของบิดาของเขาในการสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)แสดงให้โลกเห็นถึงการควบคุมที่แท้จริงของตระกูลเฉา(Cao曹)และสถานะการปกครองที่ไม่อาจท้าทายได้อย่างแน่นอน

    นอกจากนี้ยังกลายมาเป็นหลักสูตรเบื้องต้นของ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ในหัวข้อ"ศิลปศาสตร์ของจักรพรรดิ(帝王学)" อีกด้วย

    เฉาพี (Cao Pi曹丕)สืบทอดเจตนารมณ์ และใช้การยับยั้งป้องปรามเพื่อปราบปราม สุมาอี้ หรือ ซือหม่าอี้(Sima Yi司马懿) เพื่อให้แน่ใจว่าการสืบทอดบัลลังก์ของตระกูลเฉา(Cao曹)จะมั่นคงและสืบสานราชวงศ์ต่อไปเป็นเวลาสามชั่วอายุคน

    โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า

    กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ
    🤠#เหตุใดโจโฉจึงยืนกรานที่จะฆ่าหมอฮวาโถว(华佗)?🤠 🤠#12ปีต่อมาเขาก็พบว่าการตัดสินใจของเขาถูกต้อง🤠 สามก๊ก หรือ ซานกั๋วเหยี่ยนอี้(Romance of the Three Kingdoms三国演义)เป็นผลงานชิ้นเอกในประวัติศาสตร์วรรณกรรมจีนที่ใครๆ ก็รู้จัก หนังสือเล่มนี้มีโครงเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากมายซึ่งชวนติดตาม ในงานนี้ ผู้เขียนไม่ได้แยกแยะระหว่างตัวเอกและตัวประกอบอย่างชัดเจน เพราะในใจของผู้อ่านที่ชื่นชอบผลงานชิ้นนี้ ตัวละครแต่ละตัวจะเปล่งประกายด้วยความเฉลียวฉลาดและเสน่ห์เฉพาะตัว เชื่อว่าหลายๆ คนคิดเหมือนกันว่าตัวละครที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งมากที่สุดคือโจโฉ(曹操) บางคนมองว่าเขาเป็นรัฐมนตรีที่ฉลาดและสามารถควบคุมสถานการณ์ในยามยากลำบากได้ ในขณะที่บางคนมองว่าเขาเป็นคนร้ายที่ทรยศและวางแผนร้าย บางทีในสายตาของโจโฉ(曹操) ความซื่อสัตย์ภักดีและการทรยศคตโกงอาจไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่เขาแสวงหาคือการรวมประเทศเป็นหนึ่ง และปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการบรรลุการรวมกันเป็นหนึ่งคือความแข็งแกร่งและความสามารถ ด้วยค่านิยมที่ว่า “ผู้มีความสามารถคือประมุข” เขาจึงให้ความสำคัญกับผลลัพธ์มากกว่าที่จะยึดติดกับข้อจำกัดทางศีลธรรมแบบเดิมๆ สิ่งนี้ยังทำให้วิธีการทำสิ่งต่างๆ (曹操) มีความพิเศษ มีเอกลักษณ์และมักจะผสมผสาน และไม่ยึดหลักเกณฑ์ธรรมดาด้วย จากมุมมองของผู้คนในปัจจุบัน เขาสามารถถูกมองว่าเป็นนักการเมืองที่มีแนวคิดก้าวหน้าและแนวคิดทางเลือกอีกแนวทางหนึ่ง หากต้องการเข้าใจความซับซ้อนของสามก๊ก(三国)อย่างแท้จริง ต้องเข้าใจความภายในใจของโจโฉ(曹操)และวิธีการจัดการกับผู้คนพร้อมกับการปฏิบัติวานของเขาเสียก่อน นอกจากนี้ บุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์จำนวนมากในช่วงยุคสามก๊ก(三国)มีปฏิสัมพันธ์สำคัญกับโจโฉ(曹操) และทั้งหมดนี้คนที่คลาสสิกที่สุดคือหมอฮวาโถว(华佗)ผู้โด่งดัง ดังที่เราทราบกันดีว่า ฮวาโถว(华佗)เสียชีวิตในท้ายที่สุดจากน้ำมือของโจโฉ(曹操) แต่หากเราหยุดอยู่แค่คำคร่ำครวญเรื่อง "หมอชื่อดังถูกฆ่า" เท่านั้น มันก็จะดูผิวเผินเกินไป ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ของตัวละครที่อยู่เบื้องหลัง มันดูจะซับซ้อนกว่าการที่จะเอาแต่แค่ระบายอารมณ์เพียงอย่างเดียว แม้จากมุมมองบางประการ การตัดสินใจเช่นนี้อาจสมเหตุสมผลในสมัยขณะนั้น เพื่อที่จะชี้แจงประวัติศาสตร์เรื่องนี้ให้ชัดเจนขึ้น จำเป็นจะต้องเริ่มต้นจากฮวาโถว(华佗) ปราชญ์ทางการแพทย์ 🥰ฮวาโถว(华佗) เป็นหนึ่งในสี่หมอผู้ยิ่งใหญ่ในจีนโบราณ ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของฮฮวาโถว(华佗)ได้แก่ การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”และนิทานปรัมปราเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”🥰 การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” เป็นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่เก่าแก่ที่สุดที่คิดค้นโดยฮวาโถว(华佗)ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ฮวาโถว(华佗)ทราบดีถึงความสำคัญของการออกกำลังกายของมนุษย์ต่อสุขภาพ และสนับสนุนให้การออกกำลังกายเป็นจังหวะและสอดประสานกัน และเน้นย้ำถึงการผสมผสานระหว่างการรับประทานอาหารที่เหมาะสมและการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง การออกกำลังกายชุดนี้จะช่วยยืดเหยียดและออกกำลังกายไหล่ คอ ท้อง หลัง และแขนขาได้อย่างเต็มที่ โดยเลียนแบบการเคลื่อนไหวของสัตว์ทั้ง 5 ชนิด ได้แก่ เสือ กวาง หมี ลิง และนก ฮวาโถว(华佗)สนับสนุนให้ “เดินตามธรรมชาติ เดินตามทางแห่งสวรรค์” ซึ่งไม่เพียงป้องกันโรคได้เท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้คนรู้สึกสบายกายและใจและเพิ่มความอยากอาหารอีกด้วย ศิษย์ของท่านอาจารย์หวู่ปู้(吴普)ยืนกรานที่จะฝึกท่าบริหารสัตว์ทั้งห้าทุกวัน และในที่สุดก็ได้มีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดี โดยมีอายุยืนยาวถึง 90 ปี คงทราบดีว่าในสมัยโบราณ เมื่ออายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 40 หรือ 50 ปีเท่านั้น การมีชีวิตที่ยืนยาวและมีพลังมากขนาดนี้ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ท่าบริหารสัตว์ทั้งห้ายังคงได้รับความนิยมตลอดหลายปีที่ผ่านมา และยังคงได้รับการเคารพและสืบทอดโดยแพทย์แผนจีนแบบดั้งเดิมหลายคน อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ที่ฮวาโถว(华佗)คิดค้นขึ้นเป็นยาชาที่รับประทานร่วมกับแอลกอฮอล์ ซึ่งสามารถทำให้คนไข้หมดสติชั่วคราว ช่วยให้ทำการผ่าตัดรักษาผู้บาดเจ็บได้ง่ายขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการรักษาด้วยยาแผนจีนแบบดั้งเดิม วิธีนี้ถือว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าและสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ และถือได้ว่าเป็นผลงานบุกเบิกของการผ่าตัดแบบจีนโบราณ อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”เขาไม่ได้รับใช้“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)” ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ ฮวาโถว(华佗)และกวนอูกำลังดื่มเหล้าและเล่นหมากรุกเพื่อผ่อนคลายก่อนที่เขาจะกล้าขูดพิษลูกศรออกจากกระดูก หนังสือเล่มนี้บรรยายว่าใบมีดเสียดสีกับกระดูก ทำให้เกิดเสียง “เสียดสี” และเลือดออก แต่กวนอู(关羽)ไม่แสดงความกลัว ทำให้ฮวาโถว(华佗)อุทานออกมาว่า “ท่านแม่ทัพเป็นเทพเจ้าจริงๆ” แม้ว่า“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”จะไม่ได้ถูกใช้กับกวนอู(关羽) แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและกล้าหาญของเขา น่าเสียดายที่ปฏิบัติการนี้อาจเป็นเครื่องพิสูจน์ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”แต่ก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง นอกเหนือจากทักษะทางการแพทย์แล้ว ฮวาโถว(华佗)ยังเป็นบุคคลที่มีความรู้และความสามารถอีกด้วย ในช่วงต้นยุคสามก๊ก(三国) ผู้ที่ต้องการเข้าสู่ตำแหน่งทางการมักจะอาศัยระบบการแนะนำมากกว่าระบบการสอบของจักรพรรดิในยุคหลัง ระบบการแนะนำไม่เพียงแต่ประเมินระดับความรู้การศึกษาเท่านั้น แต่ยังกำหนดให้ต้องได้รับการแนะนำจากเจ้าหน้าที่ข้าราชการที่มีฐานะหรือบุคคลที่มีคุณธรรมสูง ยิ่งตำแหน่งทางการของผู้แนะนำสูงขึ้นเท่าใด ผู้ที่ได้รับการแนะนำก็จะได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้นตามไปด้วยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แพทย์ไม่ได้มีสถานะทางสังคมที่สูงส่งในสมัยนั้น ภายใต้แนวคิดดั้งเดิมที่ว่า นักวิชาการ ชาวนา พ่อค้า และช่างฝีมือ มีเพียงเจ้าหน้าที่ทางข้าราชการเท่านั้นที่ได้รับการเคารพนับถือ แพทย์ไม่ได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในสี่ชนชั้น ได้แก่ นักวิชาการ เกษตรกร พ่อค้า และช่างฝีมือเสียด้วยซ้ำ และสถานะของพวกเขาก็คล้ายคลึงกับพ่อมดแม่มด นักแสดง และอาชีพบริการอื่นๆ ฮวาโถว(华佗)มีความขยันพรากเพียรเรียนหนักมาตั้งแต่เด็ก และมีความต้องการที่จะประกอบอาชีพข้าราชการ ครั้งหนึ่งเขาเคยทิ้งบันทึกไว้ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ว่า "แต่ก่อนข้าเป็นนักวิชาการ แต่ข้าหาเลี้ยงชีพด้วยการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ และข้าก็มักจะรู้สึกผิดหวังเสียใจ" นั่นหมายความว่าเขาต้องการมีอาชีพทางข้าราชการที่ราบรื่น อย่างไรก็ตาม เขาพลาดโอกาสที่จะเข้าสู่ตำแหน่งทางข้าราชการเพราะมีอาชีพทางการแพทย์ของเขา ทักษะทางการแพทย์ของเขาทำให้เขามีชื่อเสียง ผู้คนมากมายต่างเข้ามาหาเขาราวกับว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็นหมอ อย่างไรก็ตาม ฮวาโถว(华佗)ยังไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ข้าราชการท้องถิ่นเหล่านั้นจะเป็นผู้แนะนำ โดยคิดว่าคำแนะนำเหล่านั้นจะไม่ช่วยให้เขาได้ไปสู่ตำแหน่งสูงได้ จึงละทิ้งโอกาสที่จะเป็นข้าราชการระดับล่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงกระนั้น เขาก็ยังคงปรารถนาที่จะประกอบอาชีพในสายข้าราชการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิทยาที่ขัดแย้งกันในสมัยโบราณที่ว่า "หมอไม่รักษาให้ตัวเอง" แม้ว่าคนๆ หนึ่งจะประสบความสำเร็จก็ตาม มันเป็นเรื่องยากที่จะหลุดพ้นจากความคิดเรื่องลำดับชั้นของสังคมศักดินา เมื่อชื่อเสียงเลื่องลือแพร่กระจายออกไปทั่ว ระดับตำแหน่งคนไข้ของฮวาโถว(华佗)ก็กลายเป็นผู้มีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยรวมไปถึงผู้ปกครองสูงสุดอย่างโจโฉ(曹操)ด้วย 🥰แล้วฮวาโถว(华佗)ถูกโจโฉ(曹操)บังคับให้รักษาจริงหรือ? เขาเป็นคนริเริ่มสมยอมในเรื่องนี้หรือเปล่า?🥰 คำตอบอาจจะใช่ก็ได้ เพราะฮวาโถว(华佗)ก็หวังที่จะได้ทำงานในหน่วยงานรัฐบาล แต่เนื่องจากคนที่แนะนำเขามีฐานะต่ำต้อย เขาจึงหางานได้ยาก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงขยายเครือข่ายด้วยการประกอบวิชาชีพแพทย์เท่านั้น 🥰ใครจะมีพลังอำนาจมากกว่าโจโฉในเวลานี้? ถ้าเขาได้รับการชื่นชมจากโจโฉ(曹操)นั่นไม่ใช่เหมือนกับว่าเขาจะต้องโด่งดังชั่วข้ามคืนใช่ไหม? 🥰 นอกจากนี้ ฮวาโถว(华佗)ยังมั่นใจในทักษะทางการแพทย์ของตน และเชื่อว่าตนสามารถรักษาอาการปวดหัวของโจโฉ(曹操)ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยคำเชิญอย่างเป็นทางการของโจโฉ(曹操) ฮวาโถว(华佗)จึงอาสาไป โจโฉ(曹操)ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง อันเนื่องมาจากการทำงานหนักในกิจการราชการและสงครามเป็นเวลานาน หลังจากที่ฮวาโถว(华佗)เดินทางมาถึง เขาได้ใช้การฝังเข็มเพื่อบรรเทาอาการป่วยลงอย่างมาก ซึ่งทำให้โจโฉ(曹操)มีความสุขมาก แต่โจโฉ(曹操)ต้องการการรักษาให้หายขาด ไม่ใช่แค่บรรเทาให้หายลงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อได้รับคำร้องขอนี้ ฮวาโถว(华佗)ยอมรับว่าเขาสามารถใช้การฝังเข็มเพื่อชะลอโรคลงเท่านั้น ถ้าต้องการรักษาให้หายขาด จำเป็นต้องทำการผ่าตัดกระโหลกศีรษะ โจโฉ(曹操)โกรธมากเมื่อฮวาโถว(华佗)พูดเช่นนี้ การผ่าตัดกระโหลกศีรษะถือเป็นเรื่องที่พบได้ยากและอันตรายมากในสมัยนั้น และไม่มีใครกล้าลองโดยง่าย นิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操)ทำให้เขาไม่อาจยอมรับข้อเสนอของฮวาโถว(华佗)ได้ 🥰ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ได้บันทึกไว้ในหลายตอนถึงลักษณะบุคลิกนิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操) ในช่วงแรกๆ เขาล้มเหลวในการลอบสังหารตั๋งโต๊ะ(Dong Zhuo董卓) ขณะที่กำลังหลบหนี เขาได้ฆ่า ลิแปะเฉีย หรือ ลฺหวี่โป๋เชอ (Lü Boshe呂伯奢) เพื่อนที่ดีของพ่อของเขาและครอบครัวทั้งหมดโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาอันโหดร้ายของเขาที่ว่า "ข้ายอมทรยศโลก ดีกว่าปล่อยให้โลกทรยศข้า"🥰 โจโฉ(曹操)ระมัดระวังชีวิตของตนเองอย่างมาก และถึงขั้นระแวงการกระทำอันดีงามขององครักษ์ ครั้งหนึ่งเขาเคยฆ่าองครักษ์ส่วนตัวเพราะความเข้าใจผิด ดังนั้นเขาจะไม่ยอมให้ใครมาคุกคามความปลอดภัยของเขา และการผ่าตัดกระโหลกศีรษะเป็นเพียงภัยคุกคามในสายตาของเขาและเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ในทางกลับกัน โจโฉ(曹操)ก็มีความสงสัยในนิสัยของฮวาโถว(华佗)เช่นกัน โดยคิดว่าเขาเป็นคนหยิ่งยโสและหลงตัวเอง และเขาอาจมีเจตนาอื่นใดที่เสนอวิธีการรักษาที่รุนแรงเช่นนี้ ดังนั้น โจโฉ(曹操)จึงเลือกการรักษาแบบประคับประคองและให้ฮวาโถว(华佗)ทำการฝังเข็มเป็นประจำเพื่อบรรเทาอาการ หลังจากเวลาผ่านไปนาน ฮวาโถว(华佗)เห็นว่าโจโฉไม่ยอมรับการผ่าตัด และไม่มีความตั้งใจที่จะให้เขาได้รับตำแหน่งสูงๆ และเงินเดือนที่สูง จึงขอลาและกลับบ้านโดยอ้างว่าภรรยาของเขาป่วยหนัก แม้ว่าโจโฉ(曹操)จะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ยังคงเห็นชอบ ต่อมาอาการปวดหัวของโจโฉก็กลับมาอีก เขาจึงส่งคนไปขอให้ฮัวโต่วกลับมารักษาให้อีกหลายครั้ง แต่ฮวาโถว(华佗)กลับปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดโจโฉ(曹操)ก็ส่งคนไปตรวจสอบและพบว่าภรรยาของฮวาโถว(华佗)ไม่ได้ป่วย แต่ฮวาโถว(华佗)ไม่เต็มใจที่จะกลับมา ด้วยความโกรธ โจโฉ(曹操)จึงให้ควบคุมตัวฮวาโถว(华佗)และจำคุกในข้อกล่าวหา "ไม่ให้ความเคารพอย่างยิ่ง" และ "ฝ่าฝืนคำสั่ง" คนใกล้ชิดของเขาได้แนะนำให้โจโฉ(曹操)เมตตา แต่โจโฉ(曹操)กลับมุ่งมั่นที่จะฆ่าเขา หมอผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้จึงได้เสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้า 🥰หลังจากสังหารฮัวโตวแล้ว โจโฉเคยเสียใจบ้างไหม? อย่างไรก็ตาม อาการปวดหัวของเขาก็ยังไม่สามารถรักษาหายได้🥰 ความขี้ระแวงสงสัยและความโกรธในเรื่องทางจิตใจนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าความเจ็บปวดทางกายเสียอีก อาจจะบางทีเมื่อความเจ็บปวดกลับมาอีกครั้ง เขาอาจจะนึกถึงฮวาโถว(华佗) แต่เขาไม่เคยนึกเสียใจเลย ในสายตาของโจโฉ(曹操) หมอเป็นเพียงเครื่องมือและคนรับใช้ ไม่คู่ควรแก่การเคารพนับถือ หากฮวาโถว(华佗)กล้าคุกคามชีวิตตนเอง มันจะเป็นความท้าทายต่ออำนาจของเขา และจะไม่มีวันได้รับการยอมรับ การฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นเพียงการแสดงอำนาจและเป็นการเตือนทุกคนว่าไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครก็ไม่มีใครสามารถล่วงเกินเขาได้ 🥰ในเวลานั้น โจโฉ(曹操)กำลังเตรียมตัวสำหรับการรบที่เซ็กเพ็ก ผาแดง (Red Cliffs or Chib赤壁之戰) และจำเป็นต้องรักษาขวัญกำลังใจของกองทหารของเขา เสริมสร้างชื่อเสียง และสร้างศักดิ์ศรีที่ไม่สามารถละเมิดได้ของเขา🥰 การไม่ควรปล่อยให้แพทย์ควบคุมร่างกายและชีวิตของตนเองโดยเด็ดขาด ดังนั้นการฆ่าฮวาโถว(华佗)จึงกลายเป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่จำเป็น ขณะที่สงครามกำลังใกล้เข้ามา โจโฉ(曹操)ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ขอให้ฆ่าฮวาโถว(华佗)อยู่เคียงข้างเพื่อรับการรักษา แม้ภายนอกจะแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจสุขภาพของตนเอง แต่แท้จริงแล้ว นี่ถือเป็นการประกาศถึงความแข็งแกร่งของเขาต่อโลกภายนอกด้วยเช่นกัน การสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นการส่งสัญญาณทางอ้อมว่า "ฉันไม่กลัว" ทำให้ขวัญกำลังใจของกองทัพมั่นคงและปราบปรามศัตรูได้ แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะพ่ายแพ้ในยุทธการที่ผาแดง (Red Cliffs 赤壁之戰)แต่ก็ถือเป็นความผิดพลาดทางยุทธวิธี และไม่มีผลต่อเสถียรภาพของสงครามจิตวิทยาแต่อย่างใด 🥰จากมุมมองทางประวัติศาสตร์ การตัดสินใจของโจโฉ(曹操)ที่จะสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)นั้นถูกต้องหรือไม่นั้นเป็นคำถามที่ควรค่าแก่การหารือถกเถียง🥰 สิบสองปีต่อมา โจผี หรือ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ได้สืบทอดบัลลังก์และสืบสานสไตล์ที่เด็ดขาดและเข้มแข็งของบิดาของเขา การกระทำของบิดาของเขาในการสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)แสดงให้โลกเห็นถึงการควบคุมที่แท้จริงของตระกูลเฉา(Cao曹)และสถานะการปกครองที่ไม่อาจท้าทายได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังกลายมาเป็นหลักสูตรเบื้องต้นของ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ในหัวข้อ"ศิลปศาสตร์ของจักรพรรดิ(帝王学)" อีกด้วย เฉาพี (Cao Pi曹丕)สืบทอดเจตนารมณ์ และใช้การยับยั้งป้องปรามเพื่อปราบปราม สุมาอี้ หรือ ซือหม่าอี้(Sima Yi司马懿) เพื่อให้แน่ใจว่าการสืบทอดบัลลังก์ของตระกูลเฉา(Cao曹)จะมั่นคงและสืบสานราชวงศ์ต่อไปเป็นเวลาสามชั่วอายุคน 💓โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า💓 😍กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ😍
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดร.เสรี จวกคนทำผิดซ้ำซากแต่ไม่เคยยอมรับ ทั้งที่ศาลชี้ผิดชัด ยังมีคนเชิดชูจนประเทศวิกฤต เตือนถ้าปล่อยให้นำต่อ “เรือหายแน่”
    https://www.thai-tai.tv/news/20172/
    .
    #ดรเสรีวงษ์มณฑา #การเมืองไทย #ทักษิณ #ประเทศไทย #นักวิชาการ #ข้อคิดเห็น #ข่าวการเมือง
    ดร.เสรี จวกคนทำผิดซ้ำซากแต่ไม่เคยยอมรับ ทั้งที่ศาลชี้ผิดชัด ยังมีคนเชิดชูจนประเทศวิกฤต เตือนถ้าปล่อยให้นำต่อ “เรือหายแน่” https://www.thai-tai.tv/news/20172/ . #ดรเสรีวงษ์มณฑา #การเมืองไทย #ทักษิณ #ประเทศไทย #นักวิชาการ #ข้อคิดเห็น #ข่าวการเมือง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • วงการสงฆ์ร้อน กิเลสแทรกผ่านผ้าเหลือง : คนเคาะข่าว 9-07-68

    ร่วมสนทนา
    อ.จตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการอิสระด้านพระพุทธศาสนา
    พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว
    ดำเนินรายการโดย กรองทอง เศรษฐสุทธิ์

    คลิกชม https://www.youtube.com/watch?v=LQx9dYGoo3k
    วงการสงฆ์ร้อน กิเลสแทรกผ่านผ้าเหลือง : คนเคาะข่าว 9-07-68 ร่วมสนทนา อ.จตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการอิสระด้านพระพุทธศาสนา พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ดำเนินรายการโดย กรองทอง เศรษฐสุทธิ์ คลิกชม https://www.youtube.com/watch?v=LQx9dYGoo3k
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา ย้ำว่าการรื้อรั้วไม้หน้าปราสาทตาเมือนธม เป็นผลงานจาก MOU 43 พร้อมชี้ว่าปัญหาไม่ได้มีเพียงการรื้อรั้ว แต่ยังมีการปักหมุดของกัมพูชาหลังปราสาทตาเมือนโต๊ด ซึ่งคลุมปราสาทตาเมือนธมไปด้วย ทำให้กัมพูชาพยายามอ้างสิทธิ์ในปราสาททั้งสองหลัง นายเทพมนตรีเน้นย้ำว่า "เราต้องเลิก MOU43 เพราะสร้างแต่ปัญหา"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000064539

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา ย้ำว่าการรื้อรั้วไม้หน้าปราสาทตาเมือนธม เป็นผลงานจาก MOU 43 พร้อมชี้ว่าปัญหาไม่ได้มีเพียงการรื้อรั้ว แต่ยังมีการปักหมุดของกัมพูชาหลังปราสาทตาเมือนโต๊ด ซึ่งคลุมปราสาทตาเมือนธมไปด้วย ทำให้กัมพูชาพยายามอ้างสิทธิ์ในปราสาททั้งสองหลัง นายเทพมนตรีเน้นย้ำว่า "เราต้องเลิก MOU43 เพราะสร้างแต่ปัญหา" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000064539 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 869 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 7-7-2568
    .
    เช้าวันจันทร์ ภายหลังจากรับประทานอาหารเช้าเป็นข้าวต้มหมู พร้อมประชุมกับทีมงาน คุณสนธิจะมาพูดคุย และเล่าให้ฟังถึงหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะ "มายาคติประชาธิปไตย" ที่นักการเมืองไทยพร่ำบอก รวมไปถึงนักวิชาการ และสื่อมวลชนทั้งหลายยังหลงงมงายอยู่ รวมไปถึง ประเด็นเรื่องการเมือง, องค์กรอิสระ, แก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมไปถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการบริจาคอาวุธยุทโธปกรณ์ และสิ่งของจำเป็นสำหรับทหารของกองทัพภาคที่ 2 ในแนวหน้าของมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินด้วย ... โปรดติดตามชมโดยพลัน
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=u0MTcLuKTHs
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #มายาคติประชาธิปไตย
    สนธิเล่าเรื่อง 7-7-2568 . เช้าวันจันทร์ ภายหลังจากรับประทานอาหารเช้าเป็นข้าวต้มหมู พร้อมประชุมกับทีมงาน คุณสนธิจะมาพูดคุย และเล่าให้ฟังถึงหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะ "มายาคติประชาธิปไตย" ที่นักการเมืองไทยพร่ำบอก รวมไปถึงนักวิชาการ และสื่อมวลชนทั้งหลายยังหลงงมงายอยู่ รวมไปถึง ประเด็นเรื่องการเมือง, องค์กรอิสระ, แก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมไปถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการบริจาคอาวุธยุทโธปกรณ์ และสิ่งของจำเป็นสำหรับทหารของกองทัพภาคที่ 2 ในแนวหน้าของมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินด้วย ... โปรดติดตามชมโดยพลัน . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=u0MTcLuKTHs . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #มายาคติประชาธิปไตย
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เทพมนตรี” โชว์หลักฐานยันปราสาทตาเมือนธมเป็นของไทย ตามแผนที่ของนักสำรวจชาวฝรั่งเศส ที่เขียนขึ้นเมื่อปี 1901 รับรองโดยสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศสปี 1904 ปรากฏในหนังสือ “ปราสาทพระวิหาร” ที่กัมพูชาจัดพิมพ์ร่วมกับยูเนสโก และวงวิชาการศิลปเขมรชอบนำไปอ้างอิง

    วันนี้(6 ก.ค.) นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพประกอบในเฟซบุ๊ก Thepmontri Limpaphayorm เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับปราสาทตาเมือนธม ที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าอยู่ในเขตอธิปไตยของกัมพูชาและเป็น 1 ในพื้นที่พิพาทกับไทย 4 จุดที่กัมพูชานำไปฟ้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ(ICJ)

    นายเทพมนตรี ได้ยืนยันว่าปราสาทตาเมือนธมเป็นของไทย ให้ทุกคนช่วยกันเผยแพร่พร้อมกับแท็กหานายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000063617

    #Thaitimes #MGROnline #ปราสาทพระวิหาร #กัมพูชา
    “เทพมนตรี” โชว์หลักฐานยันปราสาทตาเมือนธมเป็นของไทย ตามแผนที่ของนักสำรวจชาวฝรั่งเศส ที่เขียนขึ้นเมื่อปี 1901 รับรองโดยสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศสปี 1904 ปรากฏในหนังสือ “ปราสาทพระวิหาร” ที่กัมพูชาจัดพิมพ์ร่วมกับยูเนสโก และวงวิชาการศิลปเขมรชอบนำไปอ้างอิง • วันนี้(6 ก.ค.) นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพประกอบในเฟซบุ๊ก Thepmontri Limpaphayorm เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับปราสาทตาเมือนธม ที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าอยู่ในเขตอธิปไตยของกัมพูชาและเป็น 1 ในพื้นที่พิพาทกับไทย 4 จุดที่กัมพูชานำไปฟ้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ(ICJ) • นายเทพมนตรี ได้ยืนยันว่าปราสาทตาเมือนธมเป็นของไทย ให้ทุกคนช่วยกันเผยแพร่พร้อมกับแท็กหานายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000063617 • #Thaitimes #MGROnline #ปราสาทพระวิหาร #กัมพูชา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว

  • ..นักวิชาการมากมายเป็ยฝ่ายมืดแอบแฝงมิน้อย มีแต่คนเก่งๆทั้งนั้นและสามารถชี้นำสังคมได้โดยปูทางให้สามารถเข้ามามีชื่อเสียงรอไว้ในอดีตก็มาก ปะปนในทุกๆวงการทั่วไทยโดยเฉพาะศูนย์กลางอำนาจ.
    ..ส่วนตัวก็ติดตามท่านมาสักพักช่วงหนึ่งนานมาแล้ว แต่หลังๆแปลกๆบอกไม่ถูก เชียร์พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศสุดๆ ซึ่งฝ่ายแสงต่างเห็นต่างชัดเจนทั่วโลก เผลอโน้นโลกเย็นลงต่างหากและถ้าประเทศไทยไม่เตรียมรับมือเราอาจหนาวตายแน่นอนติดลบกว่า-200องศากันเลย เลยเริ่มลุกลามคุกคามมาเรื่อยๆในตอนบนของไทย ยุโรปหลายประเทศติดลบกว่า60-70องศาแล้วซึ่งเขาอยู่มมาตลอดชีวิตยังยืนยันว่าหนาวผิดปกติ,HAARPสามารถสร้างสาระพัดต่างๆได้หมดก็ด้วย,รวมภัยธรรมชาติพื้นฐานซ้ำเติมด้วยที่ฝ่ายมืดทำให้ทั่วโลกเสียสมดุลจากการรบกวนชั้นบรรยากาศโลกด้วยความถี่คลื่นสาระพัดอย่าง,ใต้ดินอีกเครื่องทำแผ่นดินไหวก็ด้วยกระจายทั่วโลกของฝ่ายมืดใต้เปลือกโลก,จึงน่าจะสมคบคิดบิดเบือนมากกว่า สมมุติฐานมโนให้เข้าใจง่ายๆคือจีนนำร่องเตรียมดวงอาทิตย์เทียมแล้วซึ่งแน่นอนจีนท่องเวลาผ่านประตูมิติไปเห็นอนาคตมาแล้ว แล้วกลับมารับมือในไทม์ไลน์ที่จะมาถึงเร็วๆนี้,และเรา..ประเทศไทยก็ร่วมมือกับจีนได้รับการถ่ายทอดสิ่งนี้ด้วย จนมีข่าวการสร้างดวงอาทิตย์เทียมในไทยถึงว่าเข้าขั้นสำเร็จได้ไม่ยากด้วย วิสัยทัศน์พระมหากษัตริย์เราและความสัมพันธ์อันดีกับจีนดีเรื่อยมาจึงมีสิ่งดีๆนี้เกิดขึ้นเพื่อปกป้องคนไทยเราหรือทั้งอาเชียนมิให้หนาวตายด้วยดวงอาทิตย์เทียม,จีนก็ดูแลฝั่งตะวันออก,เราก็ดูแลฝั่งเอเชียกลางเป็นต้น,ตลอดอนาคตเราเข้าเป็นสมาชิกสภากาแล็กติกอย่างเป็นทางการอาจสาระพัดการช่วยเหลือจะมากมายกว่านี้,นี้ก็เข้าเป็นสมาชิกกองทัพพิทักษ์โลกแล้ว สามารถสร้างยานบินอวกาศในไทยได้สบายหรืออนาคตไทยเราจะเป็นฮับฐานหลักอีกที่ในการเป็นประเทศที่ผลิตยานบินอวกาศนั้นเอง.,เรามีนักวิชาการที่บิดเบือนทำคนไทยให้หลงทางมากเกินไปจริงๆ,ไม่มีความจริงใจอะไรในความซื่อสัตย์เลย,น่าผิดหวังมากๆ,ยุคใหม่ไม่สมควรมีนักวิชาการที่รับใช้ฝ่ายมืดในประเทศจริงๆ,พรบ.คาร์บอนเครดิตดีๆนี้ล่ะ,เครือข่ายกิจการเจ้าสัวในไทยของสมุนขี้ข้าซาตานประจำประเทศไทยต่างเตรียมพร้อมกอบโกยรับมือสิมิว่า,ปั่นเครดิตคาร์บอนตรึม,ปล่อยกู้เครดิตคาร์บอนอีก,ทำธุรกรรมใดๆคนไทยต้องมีเครดิตคาร์บอน,ลาพักเที่ยวมี10เครดิตคาร์บอนเที่ยวได้2วันก็ว่าโน้น,ชาวนาตอนแรกใช้ป่าเป็นเครดิตคาร์บอนรับฟรีที่100เครดิตต่อไร่,แต่จะทำนาทำสวนต้องจ่าย150เครดิตคาร์บอนจึงมีสถานะได้ใบอนุญาตทำนาทำสวนทำไร่ได้โน้น,กู้ตังกูเครดิตคาร์บอนเพิ่มจากแบงค์ซาตานแบบเดิมที่ประชาชนกู้ตังนั้นล่ะ,มันแจกจ่ายให้เครดิตคาร์บอนแต่ละแบงค์รอเหยื่อโง่ๆแบบมนุษย์ในยุคใหม่นี้ล่ะ หากินมุกๆใหม่ๆ,อาจแจกให้แบงค์ละ1ล้านล้านเครดิตคาร์บอนฟรีๆแบบในเครือมันตาอเมริกาในอดีตพิมพ์ตังขึ้นมาเองไร้ทองคำค้ำประกันนั้นล่ะ,ซวยคือประชาชนนี้ล่ะ,จะเลี้ยงแมวที่มีชีวิตหมาที่มีชีวิตต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการเลี้ยงหมาแมวต่อปีที่ตัวละ300เครดิตคาร์บอนเพราะปลดปล่อยคาร์บอนมากไป,แล้วก็มนุษย์เองก็ต้องจ่ายเครดิตคาร์บอนค่าหายใจค่าตดออกมาปลดปล่อยคาร์บอนออกมาก็ว่าเฉลี่ยต่อปีคนละ10,000เครดิตคาร์บอน,นี้คือวิธีวิถีควบคุมมนุษย์ในอนาคตยุคใหม่หรือทาสมนุษย์ผ่านเครดิตคาร์บอนหรือพรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนั้นล่ะ ใน17ประกาศของแผนagenda2030นั้น,สังเกตุสิ ผลัดดันเพศสีรุ่งเต็มที่มั้ยเพราะมันก็คือ1ใน17ประการแผนนโยบายหลักมันด้วย.,พรบ.นี้จริงๆต้องฉีกทำลายทิ้งทันที,นัยยะทาสทั้งประเทศชัดเจนรวมถึงจับกุมสถาบันกษัตริย์ไปร่วมเป็นทาสใต้ระบบมันด้วย.พวกนี้ธรรมดาที่ไหน.,พรบ.นี้คือแม่บนของทุกๆประการ ตัวหลักในการจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตคนไทยทั้งหมดและคนทั่วโลก มันจึงส่งออกให้ถึงประเทศไปทำให้สำเร็จ,เทียบกบฎ2475ก็ไม่ต่างกัน รับงานมาเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองวิถีชีวิตของประเทศนั้นๆ เช่น จีนก็ส่งออกระบบคอมมิวนิสต์ให้เพราะประเทศใหญ่โตควบคุมต้องเด็ดขาด ไทยประเทศเล็กๆส่งออกให้มันใส่เป็นระบบประชาธิปไตยแทน,สมุนขี้ข้าคณะกบฎ2475จึงรับงานมาทำ จีนก็สำเร็จแบบจีน ไทยก็สำเร็จแบบไทยจนถึงปัจจุบัน เป็นต้น คำตอบขี้ข้าที่ถูกต้องและชัดเจนว่า ไม่ว่านายกฯคนไหนขึ้นบริหารล้วนคือคนของมัน ไม่แตะบ่อน้ำมันเลยที่มันเอาไปทำสาระพัดประโยชน์กำไร,และต้องรีบเร่งแจกจ่ายอยู่เนื่องๆหรือยกให้พวกมันชนิดให้ฟรีๆสไตล์ทาสใต้ปกครองนั้นล่ะ,ค่าภาคหลวงน้อยนิด,เนื้อปิโตรเลียมใดๆก็ไม่มีเป็นของตนเองจริง,มโนแค่ผักชีโชว์หรูวลีข้อความเท็จเท่านั้น,ราคาน้ำมันถ้าเป็นของตนเองต้องกำหนดและควบคุมราคาได้,แต่ถึงปัจจุบันไม่มีฝีมือความสามารถอะไร,มันสั่งไม่กี่คำ ขึ้นลงเป็นว่าเล่นนั้นเอง,คือทำกำไรปั่นกำไรในsetง่ายๆนั้นเอง.
    ..นี้คือวิถีปกครองที่พังจริงล้มเหลวจริงทั้งระบบ.

    https://youtu.be/2zua862k5MQ?si=7V9N5o9jQtfLN43H
    ..นักวิชาการมากมายเป็ยฝ่ายมืดแอบแฝงมิน้อย มีแต่คนเก่งๆทั้งนั้นและสามารถชี้นำสังคมได้โดยปูทางให้สามารถเข้ามามีชื่อเสียงรอไว้ในอดีตก็มาก ปะปนในทุกๆวงการทั่วไทยโดยเฉพาะศูนย์กลางอำนาจ. ..ส่วนตัวก็ติดตามท่านมาสักพักช่วงหนึ่งนานมาแล้ว แต่หลังๆแปลกๆบอกไม่ถูก เชียร์พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศสุดๆ ซึ่งฝ่ายแสงต่างเห็นต่างชัดเจนทั่วโลก เผลอโน้นโลกเย็นลงต่างหากและถ้าประเทศไทยไม่เตรียมรับมือเราอาจหนาวตายแน่นอนติดลบกว่า-200องศากันเลย เลยเริ่มลุกลามคุกคามมาเรื่อยๆในตอนบนของไทย ยุโรปหลายประเทศติดลบกว่า60-70องศาแล้วซึ่งเขาอยู่มมาตลอดชีวิตยังยืนยันว่าหนาวผิดปกติ,HAARPสามารถสร้างสาระพัดต่างๆได้หมดก็ด้วย,รวมภัยธรรมชาติพื้นฐานซ้ำเติมด้วยที่ฝ่ายมืดทำให้ทั่วโลกเสียสมดุลจากการรบกวนชั้นบรรยากาศโลกด้วยความถี่คลื่นสาระพัดอย่าง,ใต้ดินอีกเครื่องทำแผ่นดินไหวก็ด้วยกระจายทั่วโลกของฝ่ายมืดใต้เปลือกโลก,จึงน่าจะสมคบคิดบิดเบือนมากกว่า สมมุติฐานมโนให้เข้าใจง่ายๆคือจีนนำร่องเตรียมดวงอาทิตย์เทียมแล้วซึ่งแน่นอนจีนท่องเวลาผ่านประตูมิติไปเห็นอนาคตมาแล้ว แล้วกลับมารับมือในไทม์ไลน์ที่จะมาถึงเร็วๆนี้,และเรา..ประเทศไทยก็ร่วมมือกับจีนได้รับการถ่ายทอดสิ่งนี้ด้วย จนมีข่าวการสร้างดวงอาทิตย์เทียมในไทยถึงว่าเข้าขั้นสำเร็จได้ไม่ยากด้วย วิสัยทัศน์พระมหากษัตริย์เราและความสัมพันธ์อันดีกับจีนดีเรื่อยมาจึงมีสิ่งดีๆนี้เกิดขึ้นเพื่อปกป้องคนไทยเราหรือทั้งอาเชียนมิให้หนาวตายด้วยดวงอาทิตย์เทียม,จีนก็ดูแลฝั่งตะวันออก,เราก็ดูแลฝั่งเอเชียกลางเป็นต้น,ตลอดอนาคตเราเข้าเป็นสมาชิกสภากาแล็กติกอย่างเป็นทางการอาจสาระพัดการช่วยเหลือจะมากมายกว่านี้,นี้ก็เข้าเป็นสมาชิกกองทัพพิทักษ์โลกแล้ว สามารถสร้างยานบินอวกาศในไทยได้สบายหรืออนาคตไทยเราจะเป็นฮับฐานหลักอีกที่ในการเป็นประเทศที่ผลิตยานบินอวกาศนั้นเอง.,เรามีนักวิชาการที่บิดเบือนทำคนไทยให้หลงทางมากเกินไปจริงๆ,ไม่มีความจริงใจอะไรในความซื่อสัตย์เลย,น่าผิดหวังมากๆ,ยุคใหม่ไม่สมควรมีนักวิชาการที่รับใช้ฝ่ายมืดในประเทศจริงๆ,พรบ.คาร์บอนเครดิตดีๆนี้ล่ะ,เครือข่ายกิจการเจ้าสัวในไทยของสมุนขี้ข้าซาตานประจำประเทศไทยต่างเตรียมพร้อมกอบโกยรับมือสิมิว่า,ปั่นเครดิตคาร์บอนตรึม,ปล่อยกู้เครดิตคาร์บอนอีก,ทำธุรกรรมใดๆคนไทยต้องมีเครดิตคาร์บอน,ลาพักเที่ยวมี10เครดิตคาร์บอนเที่ยวได้2วันก็ว่าโน้น,ชาวนาตอนแรกใช้ป่าเป็นเครดิตคาร์บอนรับฟรีที่100เครดิตต่อไร่,แต่จะทำนาทำสวนต้องจ่าย150เครดิตคาร์บอนจึงมีสถานะได้ใบอนุญาตทำนาทำสวนทำไร่ได้โน้น,กู้ตังกูเครดิตคาร์บอนเพิ่มจากแบงค์ซาตานแบบเดิมที่ประชาชนกู้ตังนั้นล่ะ,มันแจกจ่ายให้เครดิตคาร์บอนแต่ละแบงค์รอเหยื่อโง่ๆแบบมนุษย์ในยุคใหม่นี้ล่ะ หากินมุกๆใหม่ๆ,อาจแจกให้แบงค์ละ1ล้านล้านเครดิตคาร์บอนฟรีๆแบบในเครือมันตาอเมริกาในอดีตพิมพ์ตังขึ้นมาเองไร้ทองคำค้ำประกันนั้นล่ะ,ซวยคือประชาชนนี้ล่ะ,จะเลี้ยงแมวที่มีชีวิตหมาที่มีชีวิตต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการเลี้ยงหมาแมวต่อปีที่ตัวละ300เครดิตคาร์บอนเพราะปลดปล่อยคาร์บอนมากไป,แล้วก็มนุษย์เองก็ต้องจ่ายเครดิตคาร์บอนค่าหายใจค่าตดออกมาปลดปล่อยคาร์บอนออกมาก็ว่าเฉลี่ยต่อปีคนละ10,000เครดิตคาร์บอน,นี้คือวิธีวิถีควบคุมมนุษย์ในอนาคตยุคใหม่หรือทาสมนุษย์ผ่านเครดิตคาร์บอนหรือพรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนั้นล่ะ ใน17ประกาศของแผนagenda2030นั้น,สังเกตุสิ ผลัดดันเพศสีรุ่งเต็มที่มั้ยเพราะมันก็คือ1ใน17ประการแผนนโยบายหลักมันด้วย.,พรบ.นี้จริงๆต้องฉีกทำลายทิ้งทันที,นัยยะทาสทั้งประเทศชัดเจนรวมถึงจับกุมสถาบันกษัตริย์ไปร่วมเป็นทาสใต้ระบบมันด้วย.พวกนี้ธรรมดาที่ไหน.,พรบ.นี้คือแม่บนของทุกๆประการ ตัวหลักในการจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตคนไทยทั้งหมดและคนทั่วโลก มันจึงส่งออกให้ถึงประเทศไปทำให้สำเร็จ,เทียบกบฎ2475ก็ไม่ต่างกัน รับงานมาเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองวิถีชีวิตของประเทศนั้นๆ เช่น จีนก็ส่งออกระบบคอมมิวนิสต์ให้เพราะประเทศใหญ่โตควบคุมต้องเด็ดขาด ไทยประเทศเล็กๆส่งออกให้มันใส่เป็นระบบประชาธิปไตยแทน,สมุนขี้ข้าคณะกบฎ2475จึงรับงานมาทำ จีนก็สำเร็จแบบจีน ไทยก็สำเร็จแบบไทยจนถึงปัจจุบัน เป็นต้น คำตอบขี้ข้าที่ถูกต้องและชัดเจนว่า ไม่ว่านายกฯคนไหนขึ้นบริหารล้วนคือคนของมัน ไม่แตะบ่อน้ำมันเลยที่มันเอาไปทำสาระพัดประโยชน์กำไร,และต้องรีบเร่งแจกจ่ายอยู่เนื่องๆหรือยกให้พวกมันชนิดให้ฟรีๆสไตล์ทาสใต้ปกครองนั้นล่ะ,ค่าภาคหลวงน้อยนิด,เนื้อปิโตรเลียมใดๆก็ไม่มีเป็นของตนเองจริง,มโนแค่ผักชีโชว์หรูวลีข้อความเท็จเท่านั้น,ราคาน้ำมันถ้าเป็นของตนเองต้องกำหนดและควบคุมราคาได้,แต่ถึงปัจจุบันไม่มีฝีมือความสามารถอะไร,มันสั่งไม่กี่คำ ขึ้นลงเป็นว่าเล่นนั้นเอง,คือทำกำไรปั่นกำไรในsetง่ายๆนั้นเอง. ..นี้คือวิถีปกครองที่พังจริงล้มเหลวจริงทั้งระบบ. https://youtu.be/2zua862k5MQ?si=7V9N5o9jQtfLN43H
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 299 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..พวกนี้หน้าหนาจริงๆ,ประชาธิปไตยสรุปแค่เครื่องมือบังหน้าบนประเทศไทยเราเท่านั้น,คนไทยแบบนักการเมืองไทย หรือข้าราชการไทยไม่ดีส่วนใหญ่ หยาบหนาเกินไปจริงๆจนสามารถทำประเทศไทยตนเองพังสิ้นและพวกนี้แสวงหาให้ได้มาซึ่งอำนาจใหญ่โตให้ได้เพราะภัยต่างๆกรรมต่างๆจะไม่มาตัวเร็วเกินไปเพราะปกครองควบคุมใต้อำนาจตนเองแล้วนั้นเอง,เครื่องมือที่สามารถทำชั่วเลวอย่างชอบธรรมได้ผ่านกฎหมายกติกาที่ตนเองเขียนเองได้จากการได้เข้ามาในระบบแล้วที่หลอกประชาชนได้แล้วก็ด้วย,ให้เศษๆเศษตังแก่ประชาชน แต่ตังและทรัพย์สมบัติทั้งแผ่นดินมันมองว่าคือของๆมันและมันคือเจ้าของระบบ เจ้าของประชาธิปไตยเพราะคนของกูเองฉีกรัฐธรรมนูญที่กูไม่ชอบทิ้งแล้ว ทั้งขัดขวางการโกงกินกูลำบาก,ต้องเขียนใหม่แดกโกงกินง่ายๆให้ดูเหมือนว่าพวกกูโกงกินลำบากมีบทลงโทษรุนแรงห้ามสารพัดไว้ พวกเราพวกกูทำทีตีกีนผิดกันก็สามารถแดกโกงง่ายๆหลังฉากเนียนๆให้พวกประชาชนหน้าโง่ไม่ทันเกมส์กู เราสามารถแดกสบาย เปลี่ยนคนของเราใหม่สไตล์กฎกติกาเราออกเตรียมทางหรีทีไล่ไว้แล้ว,มุกหลอกพวกหน้าโง่,สุดท้ายเดอะแก๊งพวกกูควบคุมเหมือนเดิมและบนกฎหมายแม่ประเทศด้วย ใครรัฐประหารอีกมาแก้กฎหมายกูก็ติดคุกถูกลงโทษ,แม้คนของกูยึดอำนาจอีกก็พ้นผิดเพราะเขียนใหม่ได้อีกแถมเขียนมิให้ต้องรับโทษใดๆอีกก็ยังได้เพราะกูคือผู้ชนะ,ระบบประชาธิปไตยนี้มีสำหรับให้ทาสประชาชนยึดถือปฏิบัติแค่นั้นพวกกูอำมาตย์และนักการเมืองไร้ความผิดใดๆอยู่เหนือทุกๆกฎหมาย,ระบบประชาธิปไตยจริงเช่นนั้นทำไมไม่เอาบ่อน้ำมันอภิปรายในสภาล่ะเพราะตัวทำตังมหาศาลนะ,ก็กูยึดปกคีองควบคุมได้แล้วไง จะสั่งอะไรก็ได้ สั่งไม่ต้องเอาเข้าสภาให้มาขัดขวางการสะดวกแดกตังทองของกูฝันไปเลย,นีัคือระบบประชาธิปไตยเอาไว้หลอกพวกมรึงประชาชนไง พวกกูนักการเมืองทั้งสภาคือพวกเดียวกันโว้ย,ระบบประชาธิปไตยคือตัวอ้างทำมาแดกของพวกกูอย่างชอบธรรมเพราะพวกกูจะเขียนกฎหมายเองให้กูชอบธรรมไง,อาจทำทีโดนนิดๆหน่อยพอเป็นพิธีแค่นั้นล่ะ,ดูทหารที่ยึดอำนาจสิที่ผ่านมา มันยึดคือบ่อน้ำมันที่กูทำได้เหรอเพราะทหารก็พวกของกูไง.,คือถ้ามรึงไม่เปลี่ยนระบบอย่าฝันว่าจะล้างรากเหง้าอิทธิพลที่กูสร้างมาอย่างยาวนานฝังลึกโว้ย,ทรงพระเจริญก็กูจ้างคนมาต้อนรับกูชูธงชัดเจนแล้ว.,คนชั่วทั้งแผ่นดินไทยกูซื้อมารับใช้กูหมดและตำแหน่งใหญ่โตประจำทุกๆองค์กรโว้ย,อะไรที่เงินกูซื้อไม่ได้อีก,นี้คดียังสามารถลากยาวได้ขนาดนี้ล่ะเป็นพิธีแค่นั้น,สุดท้ายคนของกูนั่งปกครองนอมิรีแทนกูหมดล่ะ,เพราะเบื้องหลังกูมันใหญ่คับโลกโว้ย,ฮุนเซนแค่เบี้ยขี้ข้ารับใข้กูเล่นละครตามกูสั่งแค่นั้นล่ะ,ไม่มีใครคว่ำกูได้หรอก แค่กูกลับมาเหยียบแผ่นดินไทยได้กูก็ชนะตั้งแต่นั้นแล้ว.

    ..นี้ไง อาสนธิจึงต้องปฏิวัติภาคมหาประชาชน คณะรวมพลังแผ่นดินไทยจุดติดแล้วด้วย ต้องทำให้สุดซอยให้มันจบในยุคน้ำหมากเรานี้ล่ะมันว่าเราพวกน้ำหมากก็ว่า,หัวหน้าปฏิวัติภาคมวลมหาประชาชนคืออาสนธินีัล่ะ,ทีมงานหลัก รอง ย่อย สามารถนำพาประเทศชาติบริหารชาติพ้นภัยแน่นอน คณะทีมงานรวมพลังแผ่นดินไทยต้องมีจุดยืนชัดเจนตรงกัน,เพราะประชาชนปฏิวัติยึดอำนาจตนคืนทั่วทัังโลกไม่สามารถประนามเราได้,ต่างจากทหารปฏิวัติ,มันหวาดกลัวจึงเขียนกฎหมายดักไว้,เหมือนเขียนกฎหมานห้ามชุมนุมในที่สาธารณะนั้นล่ะก็เขียนดักกันไว้ในยุครัฐบาลทหารอีลิทที่ยึดอำนาจมาเหมือนกันช่วงเวลาคณะทีมเดอะแก๊งเดียวกัน,อะไรที่รัฐบาลโทนี่ทำไม่สำเร็จในยุคโทนี่ที่ตั้งใจกำหนดไว้มันเสือกสำเร็จหมดในรัฐบาบยุคทหารยึดอำนาจเช่นให้ต่างชาติเช่าที่ดิน99ปี ต่อต้านจากประชาชนเป็นอันมากเสือกผ่านสำเร็จทันทีในยุครัฐบาลทหารเพราะมองขาดนานแล้วว่าต้องใช้วิธีนี้จึงวางสนุ๊คไว้,ผลสำเร็จคือที่ผ่านมานั้นล่ะเนื้องานที่ได้,แล้วมากมายด้วย,ประชาชนเราถูกทั้งนักการเมืองหลอกและทหารหลอก,เหลือแค่ทหารพระราชาที่ซื่อสัตย์จริงๆต่อประเทศไทย ไม่มีทหารพระราชาคนไหนขายที่ดินให้ต่างชาติอย่างเปิดเผยคนละ40ล้านบาทต่อไร่หรอก,บัดสบแห่งความมีเกียรติของชนเผ่าทหารทั้งประเทศไทยสิ้นดี,หนองจานก็ไม่ยึดคืนมา รัฐบาลทหารสามารถทำได้ ทำไมไม่ทำตลอด mou43,44รัฐบาลทหารชัดเจนปกป้องอธิปไตยดินแดนตนดูออก,ก็สามารถโมฆะข้อตกลงบัดสบนั้นได้ทันทีเพราะอำนาจเต็มมืออยู่ในตนเอง,ตลอดสัมปทานบ่อน้ำมันหมดอายุ ไม่ต้องต่อสัมปทานก็ได้ ประเทศขุดเองทำเองได้ทันทีเสือกไม่ทำ,ตลอดซาอุฯก็ได้แปลงอ่าวไทยไปอีกเสือกไม่ขุดเจาะเอง,กากมั้น,คือเหี้ยทั้งระบบจริงๆ,พวกนี้มองห้ามหัวห้ามหางสถาบันกษัตริย์เรานั้นล่ะ,ถวายสัตย์เสือกหยิบเศษกระดาษมาอ่านนำ คลิปมีตรึม,
    ..ประเทศไทยเราต้องปฏิวัติจริงๆทำความสะอาดและสร้างระบบใหม่ที่มิใช่ของฝรั่งยัดให้เราใส่,หรือฝรั่งส่งออกมาให้ทั่วโลกแล้วเราใช้ปากจับเหมือนหมา,เราต้องจับด้วยมือเปิดอ่านพิจารณาไตร่ตรองด้วยสติปัญญาความเป็นเต็มที่ก่อน เหมาะสมกับเราหรือไม่แบบใด,เหี้ยdeep stateมันชิงลงมือก่อนปล้นอำนาจจากกษัตริย์เราด้วยหมาคณะกบฎ2475แล้วสร้างระบบปกครองยึดประเทศไทยผ่านรูปแบบของมันจนถึงปัจจุบัน เช่นนั้นบ่อน้ำมัน บ่อทองคำมันต้องเอาเข้าสภาสส.ให้อภิปรายเปิดเผยชัดเจนแล้วหรือให้ประชาชนได้หุ้นฟรีๆในทุกๆแปลงบ่อน้ำมันบ่อทองคำแล้ว,หรือในนามกิจการแห่งประเทศไทยนั้นๆ อาทิหุ้นสามัญที่แจกฟรีคนไทยคนละ100หุ้น คนไทยที่เกิดมาใหม่ได้ฟรีทันทีอัตโนมัติร่วมแสดงความเป็นเจ้าของอย่างเป็นรูปธรรมจับต้องได้,ซื้อเองอีกสูงสุดไม่เกินคนไทยละ100หุ้นๆละ1บาทก็ว่าไป,ห้ามทำการซื้อขายเปลี่ยนมือในทุกๆกรณี,และคนไทยสามารถซื้อหุ้นเพิ่มทุนได้อีกคนละ1,000หุ้นๆละ1บาท ห้ามมีการซื้อขายเปลี่ยนมืออีก เป็นต้น แลนด์บริดจ์ในอนาคตก็ด้วยสามารถทำแบบนี้ได้ทันที,นี้คือวิถีปกครองเพื่อนำพาประชาชนร่มเย็นเป็นสุขมีอยู่มีกินอิ่มท้องมีรากฐานรายได้ที่ยั่งยืนผ่านวิถีปกครองการบริหารจัดการประเทศของภาครัฐ,แต่เหี้ยในปัจจุบัน ,แดกจนชาติล่มจมพังพินาศประชาชนมั่นคงในความยากจนก็ว่า บัตรคนจนคือเครื่องยืนยันตอกย้ำสถานะคุณค่าความเป็นมนุษย์บนแผ่นดินว่ามรึงต้องจนเพิ่มมากๆนะอย่าฉลาด จงโง่มากๆพร้อมกับความยากจน กูจะได้หลอก มีสิ่งล่อลวงได้ หลอกง่ายๆเหมือนควายวัวจูงจมูกได้ปกครองคนโง่ๆมันสะดวกและง่ายต่อการแดกจนพวกกูร่ำรวยมั่งคั่งแทนพวกประชาชนหน้าโง่ก็ว่า.,นักวิชาการโง่ กูก็ซื้อได้หมดตลอดสื่อหลักสื่อรองทั้งประเทศ,จนถึงมหาลัยครูอาจารย์คนสอนคนบริหารคนของกูหมด.,ชูสามนิ้วก็ขี้ข้ากูอีกสายสาขาหนึ่งละครหนึ่งสร้างงานงานสร้างอีกตัว.

    https://www.youtube.com/live/ukxE3-G5nVY?si=Ci6atr6v_Xqo_C_T
    ..พวกนี้หน้าหนาจริงๆ,ประชาธิปไตยสรุปแค่เครื่องมือบังหน้าบนประเทศไทยเราเท่านั้น,คนไทยแบบนักการเมืองไทย หรือข้าราชการไทยไม่ดีส่วนใหญ่ หยาบหนาเกินไปจริงๆจนสามารถทำประเทศไทยตนเองพังสิ้นและพวกนี้แสวงหาให้ได้มาซึ่งอำนาจใหญ่โตให้ได้เพราะภัยต่างๆกรรมต่างๆจะไม่มาตัวเร็วเกินไปเพราะปกครองควบคุมใต้อำนาจตนเองแล้วนั้นเอง,เครื่องมือที่สามารถทำชั่วเลวอย่างชอบธรรมได้ผ่านกฎหมายกติกาที่ตนเองเขียนเองได้จากการได้เข้ามาในระบบแล้วที่หลอกประชาชนได้แล้วก็ด้วย,ให้เศษๆเศษตังแก่ประชาชน แต่ตังและทรัพย์สมบัติทั้งแผ่นดินมันมองว่าคือของๆมันและมันคือเจ้าของระบบ เจ้าของประชาธิปไตยเพราะคนของกูเองฉีกรัฐธรรมนูญที่กูไม่ชอบทิ้งแล้ว ทั้งขัดขวางการโกงกินกูลำบาก,ต้องเขียนใหม่แดกโกงกินง่ายๆให้ดูเหมือนว่าพวกกูโกงกินลำบากมีบทลงโทษรุนแรงห้ามสารพัดไว้ พวกเราพวกกูทำทีตีกีนผิดกันก็สามารถแดกโกงง่ายๆหลังฉากเนียนๆให้พวกประชาชนหน้าโง่ไม่ทันเกมส์กู เราสามารถแดกสบาย เปลี่ยนคนของเราใหม่สไตล์กฎกติกาเราออกเตรียมทางหรีทีไล่ไว้แล้ว,มุกหลอกพวกหน้าโง่,สุดท้ายเดอะแก๊งพวกกูควบคุมเหมือนเดิมและบนกฎหมายแม่ประเทศด้วย ใครรัฐประหารอีกมาแก้กฎหมายกูก็ติดคุกถูกลงโทษ,แม้คนของกูยึดอำนาจอีกก็พ้นผิดเพราะเขียนใหม่ได้อีกแถมเขียนมิให้ต้องรับโทษใดๆอีกก็ยังได้เพราะกูคือผู้ชนะ,ระบบประชาธิปไตยนี้มีสำหรับให้ทาสประชาชนยึดถือปฏิบัติแค่นั้นพวกกูอำมาตย์และนักการเมืองไร้ความผิดใดๆอยู่เหนือทุกๆกฎหมาย,ระบบประชาธิปไตยจริงเช่นนั้นทำไมไม่เอาบ่อน้ำมันอภิปรายในสภาล่ะเพราะตัวทำตังมหาศาลนะ,ก็กูยึดปกคีองควบคุมได้แล้วไง จะสั่งอะไรก็ได้ สั่งไม่ต้องเอาเข้าสภาให้มาขัดขวางการสะดวกแดกตังทองของกูฝันไปเลย,นีัคือระบบประชาธิปไตยเอาไว้หลอกพวกมรึงประชาชนไง พวกกูนักการเมืองทั้งสภาคือพวกเดียวกันโว้ย,ระบบประชาธิปไตยคือตัวอ้างทำมาแดกของพวกกูอย่างชอบธรรมเพราะพวกกูจะเขียนกฎหมายเองให้กูชอบธรรมไง,อาจทำทีโดนนิดๆหน่อยพอเป็นพิธีแค่นั้นล่ะ,ดูทหารที่ยึดอำนาจสิที่ผ่านมา มันยึดคือบ่อน้ำมันที่กูทำได้เหรอเพราะทหารก็พวกของกูไง.,คือถ้ามรึงไม่เปลี่ยนระบบอย่าฝันว่าจะล้างรากเหง้าอิทธิพลที่กูสร้างมาอย่างยาวนานฝังลึกโว้ย,ทรงพระเจริญก็กูจ้างคนมาต้อนรับกูชูธงชัดเจนแล้ว.,คนชั่วทั้งแผ่นดินไทยกูซื้อมารับใช้กูหมดและตำแหน่งใหญ่โตประจำทุกๆองค์กรโว้ย,อะไรที่เงินกูซื้อไม่ได้อีก,นี้คดียังสามารถลากยาวได้ขนาดนี้ล่ะเป็นพิธีแค่นั้น,สุดท้ายคนของกูนั่งปกครองนอมิรีแทนกูหมดล่ะ,เพราะเบื้องหลังกูมันใหญ่คับโลกโว้ย,ฮุนเซนแค่เบี้ยขี้ข้ารับใข้กูเล่นละครตามกูสั่งแค่นั้นล่ะ,ไม่มีใครคว่ำกูได้หรอก แค่กูกลับมาเหยียบแผ่นดินไทยได้กูก็ชนะตั้งแต่นั้นแล้ว. ..นี้ไง อาสนธิจึงต้องปฏิวัติภาคมหาประชาชน คณะรวมพลังแผ่นดินไทยจุดติดแล้วด้วย ต้องทำให้สุดซอยให้มันจบในยุคน้ำหมากเรานี้ล่ะมันว่าเราพวกน้ำหมากก็ว่า,หัวหน้าปฏิวัติภาคมวลมหาประชาชนคืออาสนธินีัล่ะ,ทีมงานหลัก รอง ย่อย สามารถนำพาประเทศชาติบริหารชาติพ้นภัยแน่นอน คณะทีมงานรวมพลังแผ่นดินไทยต้องมีจุดยืนชัดเจนตรงกัน,เพราะประชาชนปฏิวัติยึดอำนาจตนคืนทั่วทัังโลกไม่สามารถประนามเราได้,ต่างจากทหารปฏิวัติ,มันหวาดกลัวจึงเขียนกฎหมายดักไว้,เหมือนเขียนกฎหมานห้ามชุมนุมในที่สาธารณะนั้นล่ะก็เขียนดักกันไว้ในยุครัฐบาลทหารอีลิทที่ยึดอำนาจมาเหมือนกันช่วงเวลาคณะทีมเดอะแก๊งเดียวกัน,อะไรที่รัฐบาลโทนี่ทำไม่สำเร็จในยุคโทนี่ที่ตั้งใจกำหนดไว้มันเสือกสำเร็จหมดในรัฐบาบยุคทหารยึดอำนาจเช่นให้ต่างชาติเช่าที่ดิน99ปี ต่อต้านจากประชาชนเป็นอันมากเสือกผ่านสำเร็จทันทีในยุครัฐบาลทหารเพราะมองขาดนานแล้วว่าต้องใช้วิธีนี้จึงวางสนุ๊คไว้,ผลสำเร็จคือที่ผ่านมานั้นล่ะเนื้องานที่ได้,แล้วมากมายด้วย,ประชาชนเราถูกทั้งนักการเมืองหลอกและทหารหลอก,เหลือแค่ทหารพระราชาที่ซื่อสัตย์จริงๆต่อประเทศไทย ไม่มีทหารพระราชาคนไหนขายที่ดินให้ต่างชาติอย่างเปิดเผยคนละ40ล้านบาทต่อไร่หรอก,บัดสบแห่งความมีเกียรติของชนเผ่าทหารทั้งประเทศไทยสิ้นดี,หนองจานก็ไม่ยึดคืนมา รัฐบาลทหารสามารถทำได้ ทำไมไม่ทำตลอด mou43,44รัฐบาลทหารชัดเจนปกป้องอธิปไตยดินแดนตนดูออก,ก็สามารถโมฆะข้อตกลงบัดสบนั้นได้ทันทีเพราะอำนาจเต็มมืออยู่ในตนเอง,ตลอดสัมปทานบ่อน้ำมันหมดอายุ ไม่ต้องต่อสัมปทานก็ได้ ประเทศขุดเองทำเองได้ทันทีเสือกไม่ทำ,ตลอดซาอุฯก็ได้แปลงอ่าวไทยไปอีกเสือกไม่ขุดเจาะเอง,กากมั้น,คือเหี้ยทั้งระบบจริงๆ,พวกนี้มองห้ามหัวห้ามหางสถาบันกษัตริย์เรานั้นล่ะ,ถวายสัตย์เสือกหยิบเศษกระดาษมาอ่านนำ คลิปมีตรึม, ..ประเทศไทยเราต้องปฏิวัติจริงๆทำความสะอาดและสร้างระบบใหม่ที่มิใช่ของฝรั่งยัดให้เราใส่,หรือฝรั่งส่งออกมาให้ทั่วโลกแล้วเราใช้ปากจับเหมือนหมา,เราต้องจับด้วยมือเปิดอ่านพิจารณาไตร่ตรองด้วยสติปัญญาความเป็นเต็มที่ก่อน เหมาะสมกับเราหรือไม่แบบใด,เหี้ยdeep stateมันชิงลงมือก่อนปล้นอำนาจจากกษัตริย์เราด้วยหมาคณะกบฎ2475แล้วสร้างระบบปกครองยึดประเทศไทยผ่านรูปแบบของมันจนถึงปัจจุบัน เช่นนั้นบ่อน้ำมัน บ่อทองคำมันต้องเอาเข้าสภาสส.ให้อภิปรายเปิดเผยชัดเจนแล้วหรือให้ประชาชนได้หุ้นฟรีๆในทุกๆแปลงบ่อน้ำมันบ่อทองคำแล้ว,หรือในนามกิจการแห่งประเทศไทยนั้นๆ อาทิหุ้นสามัญที่แจกฟรีคนไทยคนละ100หุ้น คนไทยที่เกิดมาใหม่ได้ฟรีทันทีอัตโนมัติร่วมแสดงความเป็นเจ้าของอย่างเป็นรูปธรรมจับต้องได้,ซื้อเองอีกสูงสุดไม่เกินคนไทยละ100หุ้นๆละ1บาทก็ว่าไป,ห้ามทำการซื้อขายเปลี่ยนมือในทุกๆกรณี,และคนไทยสามารถซื้อหุ้นเพิ่มทุนได้อีกคนละ1,000หุ้นๆละ1บาท ห้ามมีการซื้อขายเปลี่ยนมืออีก เป็นต้น แลนด์บริดจ์ในอนาคตก็ด้วยสามารถทำแบบนี้ได้ทันที,นี้คือวิถีปกครองเพื่อนำพาประชาชนร่มเย็นเป็นสุขมีอยู่มีกินอิ่มท้องมีรากฐานรายได้ที่ยั่งยืนผ่านวิถีปกครองการบริหารจัดการประเทศของภาครัฐ,แต่เหี้ยในปัจจุบัน ,แดกจนชาติล่มจมพังพินาศประชาชนมั่นคงในความยากจนก็ว่า บัตรคนจนคือเครื่องยืนยันตอกย้ำสถานะคุณค่าความเป็นมนุษย์บนแผ่นดินว่ามรึงต้องจนเพิ่มมากๆนะอย่าฉลาด จงโง่มากๆพร้อมกับความยากจน กูจะได้หลอก มีสิ่งล่อลวงได้ หลอกง่ายๆเหมือนควายวัวจูงจมูกได้ปกครองคนโง่ๆมันสะดวกและง่ายต่อการแดกจนพวกกูร่ำรวยมั่งคั่งแทนพวกประชาชนหน้าโง่ก็ว่า.,นักวิชาการโง่ กูก็ซื้อได้หมดตลอดสื่อหลักสื่อรองทั้งประเทศ,จนถึงมหาลัยครูอาจารย์คนสอนคนบริหารคนของกูหมด.,ชูสามนิ้วก็ขี้ข้ากูอีกสายสาขาหนึ่งละครหนึ่งสร้างงานงานสร้างอีกตัว. https://www.youtube.com/live/ukxE3-G5nVY?si=Ci6atr6v_Xqo_C_T
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 334 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 2 กรกฎาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว ประกอบกับนายภูมิธรรม เวชยชัย พ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แม้จะมีการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ลงมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้จนกว่าจะเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ทำให้ตนต้องทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีไปก่อน โดยคาดว่าในวันพรุ่งนี้ (3 ก.ค. 68) จะนำครม.ใหม่เข้าถวายสัตย์ และเมื่อถวายสัตย์แล้ว นายภูมิธรรมก็คงจะกลับมาเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีตามเดิม อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ก็จะทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีให้เป็นไปตามกฎหมายเมื่อถามว่าในช่วงนี้มีเรื่องอะไรที่ต้องเร่งดำเนินการบ้าง นายสุริยะกล่าวว่า เมื่อเช้า ทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) นำเอกสารมาให้เซ็นเพื่อมอบให้นายภูมิธรรมเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี เรื่องอื่นไม่มีเมื่อถามอีกว่า ความรู้สึกที่ได้รักษาการนายกรัฐมนตรี นายสุริยะกล่าวว่า ตลอด 10 เดือนที่ทำงานกับนางสาวแพทองธาร ท่านก็ตั้งใจ ทุ่มเทในการทำหน้าที่ ไม่เคยคิดถึงผลประโยชน์ส่วนตัวของตัวเอง และกำชับให้รัฐมนตรีทุกท่านทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ดังนั้น เมื่อดูเทปที่ออกมา ท่านก็อยากให้ทั้งสองประเทศสงบสุข และไม่มีเจตนาทำให้กองทัพลดบทบาทลง ก็เป็นเรื่องที่อยากชี้แจงให้ทราบผู้สื่อข่าวถามว่า นางสาวแพทองธาร สามารถเข้าถวายสัตย์ฯได้หรือไม่ นายสุริยะตอบว่า ได้ปรึกษากับ สลค.และฝ่ายกฎหมายคือสำนักงานกฤษฎีกาแล้ว เห็นตรงกันว่า ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบกฎหมาย ไม่มีความห่วงใยอะไรตรงนี้ ทุกอย่างปรึกษาฝ่ายกฎหมายแล้ว ไม่มีอะไรผิด ส่วนหลังถวายสัตย์จะมีการประชุมครม.นัดพิเศษเพื่อมอบหมายงานหรือไม่นั้น ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น@ยัน 'แพทองธาร' เข้าพิธีถวายสัตย์ฯได้ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า เอกสารหลักฐานต่างๆที่นายกรัฐมนตรีจะชี้แจงเรามีครบ เพราะเตรียมไว้แล้ว เพียงแต่อาจต้องเรียบเรียงดูว่ามีอะไรเพิ่มเติมอย่างไรเมื่อถามว่า มีนักวิชาการออกมาตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับคุณสมบัติของนางสาวแพทองธาร ยังมั่นใจใช่หรือไม่ว่าจะสามารถเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ความเห็นของนักวิชาการ รวมถึงอดีตศาลมองว่าเป็นคุณสมบัติเดียวกับนายกฯ หากตีความเช่นนั้นเท่ากับวินิจฉัยว่า นางสาวแพทองธาร มีความผิดไปแล้ว ทั้งที่ความจริงศาลยังไม่ได้วินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติอะไรหรือไม่ เพียงแต่รับคำร้องไว้และให้ชี้แจง ฉะนั้นจึงต้องถือว่านางสาวแพทองธาร ยังคงมีคุณสมบัติเต็มที่ในการทำหน้าที่รัฐมนตรี ศาลยังไม่ได้วินิจฉัยให้รวมไปถึงตำแหน่งอื่น หากจะวินิจฉัยเช่นนั้นก็ไม่ได้ เพราะเกินคำร้องเมื่อถามย้ำว่า หากมีคนไปร้องภายหลังนายสุริยะ นำเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณจะมีความผิดหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ร้องอะไร ขณะนี้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯลงมาแล้วเหลือเพียงขั้นตอนถวายสัตย์ปฏิญาณคิดว่าไม่มีอะไรห้ามส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยไม่มีประสิทธิภาพ ขณะนี้ได้ปรึกษาทีมกฎหมายเพิ่มเติม เช่น นายวิษณุ เครืองาม หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า “ถ้าพูดแบบนั้นก็คิดกันไป แต่ผมคิดว่าเราก็ทำงานกันเต็มที่ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องรับรู้กันทั่วไป และผมย้ำมาตลอด กฎหมายที่มีอยู่ในขณะนี้ต้องไปทบทวนว่ามีความเป็นธรรมมากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้ชัดเจนที่สุด คือเรื่องซื่อสัตย์สุจริต เรื่องจริยธรรม ผมเคยบอกว่า เกณฑ์มาตรฐานที่ไม่แน่นอนกลายเป็นดุลพินิจของศาล ที่รับแล้วว่ากันไป เคยเสนอให้แก้รัฐธรรมนูญตรงนี้ ถ้าฝ่ายกฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ ผมก็ไม่ปฏิเสธ แต่อยากให้ดูถึงรากเหง้าของปัญหา"https://www.facebook.com/share/p/1NZ67YCzM6/?mibextid=wwXIfr
    สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 2 กรกฎาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว ประกอบกับนายภูมิธรรม เวชยชัย พ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แม้จะมีการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ลงมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้จนกว่าจะเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ทำให้ตนต้องทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีไปก่อน โดยคาดว่าในวันพรุ่งนี้ (3 ก.ค. 68) จะนำครม.ใหม่เข้าถวายสัตย์ และเมื่อถวายสัตย์แล้ว นายภูมิธรรมก็คงจะกลับมาเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีตามเดิม อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ก็จะทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีให้เป็นไปตามกฎหมายเมื่อถามว่าในช่วงนี้มีเรื่องอะไรที่ต้องเร่งดำเนินการบ้าง นายสุริยะกล่าวว่า เมื่อเช้า ทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) นำเอกสารมาให้เซ็นเพื่อมอบให้นายภูมิธรรมเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี เรื่องอื่นไม่มีเมื่อถามอีกว่า ความรู้สึกที่ได้รักษาการนายกรัฐมนตรี นายสุริยะกล่าวว่า ตลอด 10 เดือนที่ทำงานกับนางสาวแพทองธาร ท่านก็ตั้งใจ ทุ่มเทในการทำหน้าที่ ไม่เคยคิดถึงผลประโยชน์ส่วนตัวของตัวเอง และกำชับให้รัฐมนตรีทุกท่านทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ดังนั้น เมื่อดูเทปที่ออกมา ท่านก็อยากให้ทั้งสองประเทศสงบสุข และไม่มีเจตนาทำให้กองทัพลดบทบาทลง ก็เป็นเรื่องที่อยากชี้แจงให้ทราบผู้สื่อข่าวถามว่า นางสาวแพทองธาร สามารถเข้าถวายสัตย์ฯได้หรือไม่ นายสุริยะตอบว่า ได้ปรึกษากับ สลค.และฝ่ายกฎหมายคือสำนักงานกฤษฎีกาแล้ว เห็นตรงกันว่า ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบกฎหมาย ไม่มีความห่วงใยอะไรตรงนี้ ทุกอย่างปรึกษาฝ่ายกฎหมายแล้ว ไม่มีอะไรผิด ส่วนหลังถวายสัตย์จะมีการประชุมครม.นัดพิเศษเพื่อมอบหมายงานหรือไม่นั้น ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น@ยัน 'แพทองธาร' เข้าพิธีถวายสัตย์ฯได้ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า เอกสารหลักฐานต่างๆที่นายกรัฐมนตรีจะชี้แจงเรามีครบ เพราะเตรียมไว้แล้ว เพียงแต่อาจต้องเรียบเรียงดูว่ามีอะไรเพิ่มเติมอย่างไรเมื่อถามว่า มีนักวิชาการออกมาตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับคุณสมบัติของนางสาวแพทองธาร ยังมั่นใจใช่หรือไม่ว่าจะสามารถเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ความเห็นของนักวิชาการ รวมถึงอดีตศาลมองว่าเป็นคุณสมบัติเดียวกับนายกฯ หากตีความเช่นนั้นเท่ากับวินิจฉัยว่า นางสาวแพทองธาร มีความผิดไปแล้ว ทั้งที่ความจริงศาลยังไม่ได้วินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติอะไรหรือไม่ เพียงแต่รับคำร้องไว้และให้ชี้แจง ฉะนั้นจึงต้องถือว่านางสาวแพทองธาร ยังคงมีคุณสมบัติเต็มที่ในการทำหน้าที่รัฐมนตรี ศาลยังไม่ได้วินิจฉัยให้รวมไปถึงตำแหน่งอื่น หากจะวินิจฉัยเช่นนั้นก็ไม่ได้ เพราะเกินคำร้องเมื่อถามย้ำว่า หากมีคนไปร้องภายหลังนายสุริยะ นำเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณจะมีความผิดหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ร้องอะไร ขณะนี้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯลงมาแล้วเหลือเพียงขั้นตอนถวายสัตย์ปฏิญาณคิดว่าไม่มีอะไรห้ามส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยไม่มีประสิทธิภาพ ขณะนี้ได้ปรึกษาทีมกฎหมายเพิ่มเติม เช่น นายวิษณุ เครืองาม หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า “ถ้าพูดแบบนั้นก็คิดกันไป แต่ผมคิดว่าเราก็ทำงานกันเต็มที่ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องรับรู้กันทั่วไป และผมย้ำมาตลอด กฎหมายที่มีอยู่ในขณะนี้ต้องไปทบทวนว่ามีความเป็นธรรมมากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้ชัดเจนที่สุด คือเรื่องซื่อสัตย์สุจริต เรื่องจริยธรรม ผมเคยบอกว่า เกณฑ์มาตรฐานที่ไม่แน่นอนกลายเป็นดุลพินิจของศาล ที่รับแล้วว่ากันไป เคยเสนอให้แก้รัฐธรรมนูญตรงนี้ ถ้าฝ่ายกฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ ผมก็ไม่ปฏิเสธ แต่อยากให้ดูถึงรากเหง้าของปัญหา"https://www.facebook.com/share/p/1NZ67YCzM6/?mibextid=wwXIfr
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 358 มุมมอง 0 รีวิว
  • อดีตกกต. ชี้ “แพทองธาร” ควรลาออก ระบุเป็นทางออกที่บอบช้ำน้อยที่สุด หากรอศาลรธน.วินิจฉัยผิดจริยธรรม มีผลจะไม่สามารถดำรงตำแหน่งนายกฯและรัฐมนตรีได้อีก

    วันนี้ (1ก.ค.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร นักวิชาการ โพสต์แสดงความเห็นหลัง ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุติการปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ของนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร ว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องและให้นายกรัฐมนตรียุติการปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย คาดว่าศาลจะใช้เวลาทั้งหมดไม่เกิน 45 วัน นับแต่วันนี้ คือ ให้เวลายื่นเอกสารชี้แจง 15 วัน และ เวลาในการวินิจฉัย 15-30 วัน ไม่น่าจะเกินวันอังคาร 19 สิงหาคม 2568 จึงเป็นวันที่ประมาณการได้ว่า ศาลน่าจะมีคำวินิจฉัย ว่าไม่ผิดให้ไปต่อ หรือ ผิดต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีวัฒนธรรมในคราวเดียว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000061999

    #Thaitimes #MGROnline #แพทองธาร
    อดีตกกต. ชี้ “แพทองธาร” ควรลาออก ระบุเป็นทางออกที่บอบช้ำน้อยที่สุด หากรอศาลรธน.วินิจฉัยผิดจริยธรรม มีผลจะไม่สามารถดำรงตำแหน่งนายกฯและรัฐมนตรีได้อีก • วันนี้ (1ก.ค.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร นักวิชาการ โพสต์แสดงความเห็นหลัง ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุติการปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ของนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร ว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องและให้นายกรัฐมนตรียุติการปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย คาดว่าศาลจะใช้เวลาทั้งหมดไม่เกิน 45 วัน นับแต่วันนี้ คือ ให้เวลายื่นเอกสารชี้แจง 15 วัน และ เวลาในการวินิจฉัย 15-30 วัน ไม่น่าจะเกินวันอังคาร 19 สิงหาคม 2568 จึงเป็นวันที่ประมาณการได้ว่า ศาลน่าจะมีคำวินิจฉัย ว่าไม่ผิดให้ไปต่อ หรือ ผิดต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีวัฒนธรรมในคราวเดียว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000061999 • #Thaitimes #MGROnline #แพทองธาร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 242 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนื้อหาใน TOR ปี 2546 ที่เป็นหลักฐานว่ารัฐบาลไทยยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200000 ตามความเห็นทนายเขมร
    แม้แต่การเจรจา JBC ครั้งที่ผ่านมา ก็ยังยืนยันจะดำเนินการต่อตาม TOR46

    ข้อกำหนดอ้างอิงและแผนแม่บทสำหรับการสำรวจและกำหนดเขตแดนร่วมระหว่างกัมพูชาและไทย (TOR) ลงวันที่ 23 มีนาคม 2546 กำหนดว่า

    1.1.3 แผนที่ซึ่งเป็นผลงานการกำหนดเขตแดนของคณะกรรมาธิการการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีน [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] ซึ่งแยกตามอนุสัญญาปี 1904 และสนธิสัญญาปี 1907 ระหว่างฝรั่งเศส [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] (ต่อไปนี้จะเรียกว่า " แผนที่1:200,000") และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อนุสัญญาปี 1904 และสนธิสัญญาปี 1907 ระหว่างฝรั่งเศส [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย]

    วรรคที่ 10 ของข้อกำหนดอ้างอิงเน้นย้ำว่า:

    "TOR นี้ไม่มีผลกระทบต่อมูลค่าทางกฎหมายของข้อตกลงก่อนหน้านี้ระหว่างฝรั่งเศสและสยามเกี่ยวกับการกำหนดเขตแดน หรือต่อมูลค่าของแผนที่ของคณะกรรมาธิการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีน ( กัมพูชา) และสยาม (ประเทศไทย) ที่จัดทำขึ้นภายใต้อนุสัญญาเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1904 และสนธิสัญญาเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 1907 ซึ่งสะท้อนถึงเส้นแบ่งเขตแดนของอินโดจีนและสยาม"

    เห็นได้ชัดว่าแผนที่ที่อ้างถึงคือแผนที่ 1:200,000 ซึ่งตามที่ได้กล่าวข้างต้น ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้ตัดสินว่าถูกต้องในปี 1962 และถือเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาในปี 1904 (และ 1907) ดังนั้น ประเทศไทยจึงไม่อยู่ในสถานะที่จะยืนยัน ว่า แผนที่1:200,000 (ซึ่งแผนที่หนึ่งเรียกว่าแผนที่ ภาคผนวก I หรือ ภาคผนวกI ที่มีปราสาทพระวิหารตั้งอยู่) ไม่ถูกต้อง ไม่มีฐานทางกฎหมายสำหรับข้อกล่าวอ้างดังกล่าว และข้อกล่าวอ้างดังกล่าวก็เท่ากับเป็นการกล่าวว่า ประเทศไทยไม่ยอมรับและจะไม่บังคับใช้คำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งขัดต่อกฎบัตรสหประชาชาติ

    2. กัมพูชายังยอมรับในคำประกาศดังกล่าวว่าคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี 2505 ไม่ได้ตัดสินในประเด็นเส้นแบ่งเขตระหว่างประเทศไทยและกัมพูชาBora Touch: ตรงกันข้ามกับข้อกล่าวอ้างของประเทศไทย ในปี 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินอย่างชัดเจนว่าแผนที่ 1:200,000 (รวมถึงแผนที่ภาคผนวก I หรือแผนที่แดนเกร็ก) ถูกต้องและเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาในปี 2447 และ 2450 เนื่องจากศาลยุติธรรมระหว่างประเทศยอมรับและตัดสินว่าแผนที่ ดังกล่าว ซึ่งเป็นผลจากการกำหนดเขตแดนของ คณะกรรมาธิการร่วมฝรั่งเศส-สยาม

    , มีผลบังคับใช้และเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญา ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินใจว่าไม่จำเป็นต้องตัดสินในประเด็นเรื่องเขตแดนเพราะเรื่องนี้ได้รับการตัดสินแล้ว ( แผนที่ได้รับการตัดสินว่ามีผลบังคับใช้) คำถามนี้ไม่จำเป็นต้องได้รับคำตอบเนื่องจากกำหนดโดยแผนที่ดังที่นักวิชาการ Kieth Highet (1987) ชี้ให้เห็นว่า: "ศาลตัดสินว่าเนื่องจากสถานที่ที่ระบุไว้ในแผนที่ได้รับการยอมรับ จึงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบตำแหน่งทางกายภาพของเขตแดนที่ได้มาจากเงื่อนไขของสนธิสัญญา" ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินในประเด็นเรื่องเขตแดนโดยตัดสินว่าแผนที่ นั้น มีผลบังคับใช้

    3.ไทยยืนกรานว่าเจดีย์ "Keo Sikha Kiri Svara" ตั้งอยู่ในดินแดนไทย และเรียกร้องให้กัมพูชาถอดทั้งเจดีย์และธงกัมพูชาที่โบกสะบัดอยู่เหนือเจดีย์ เป็นการตอกย้ำการประท้วงหลายครั้งที่ประเทศไทยได้ยื่นต่อกัมพูชาเกี่ยวกับกิจกรรมที่เกิดขึ้นในพระเจดีย์และบริเวณโดยรอบ ซึ่งล้วนแต่เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักรไทย

    Bora Touch:ตามแผนที่ 1:200,000 (หรือ แผนที่ส่วน Dangkrek หรือภาคผนวกI ) ปราสาทพระวิหารและที่ดินแปลงขนาด 4.6 ตารางกิโลเมตรอยู่ภายในอาณาเขตของกัมพูชาอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ไทยและกัมพูชาเห็นพ้องกันว่าพระเจดีย์ "Keo Sikha Kiri Svara" ตั้งอยู่ในที่ดินแปลงขนาด 4.6 ตารางกิโลเมตร

    กระทรวงต่างประเทศของไทย: 4.กระทรวงฯ ยืนยันคำมั่นสัญญาของไทยในการแก้ไขปัญหาเขตแดนทั้งหมดกับกัมพูชาตามกฎหมายระหว่างประเทศโดยสันติวิธีภายใต้กรอบของคณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชาว่าด้วยการกำหนดเขตแดนทางบก (JBC) การกำหนดเส้นแบ่งเขตบริเวณปราสาทพระวิหารยังอยู่ระหว่างการเจรจาภายใต้กรอบของ JBC"

    Bora Touch: การที่ไทยกล่าวว่าใช้กฎหมายระหว่างประเทศในเรื่องนี้ถือเป็นการเข้าใจผิด ประเทศไทยไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีตามคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี 2505 อย่างชัดเจน จึงถือเป็นการละเมิดมาตรา 94(1) ของกฎบัตรสหประชาชาติ/ กัมพูชาร้องเรียนต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อขอใช้มาตรการที่เหมาะสมต่อไทย: มาตรา 94(2)

    Bora Touch ทนายความ

    The Terms of Reference and Master Plan for the Joint Survey and Demarcation of Land Boundary between Cambodia and Thailand (TOR) of 23 March 2003 stipulates:

    1.1.3. Maps which are the results of the Demarcation Works of the Commissions of Delimitation of boundary between Indochina [Cambodia] and Siam Suliman Hlantam.. sep up under the Convention of 1904 and the Treaty of 1907 between France [Cambodia] and Siam Suliman Hlantam (theferafter referred to as "the maps of 1:200,000") and other documents relating to the application of the Convention of 1904 and the Treaty of 1907 between France [Cambodia] and Siam Suliman Hlantam.

    Paragraph 10 of the Terms of Reference emphasises:

    "This TOR is without prejudice to the legal value of the previous agreements between France and Siam concerning the delimitation of boundary, nor to the value of the Maps of the Commissions of the Delimitation of Boundary between Indochina [Cambodia] and Siam Suliman Hlantam set up under the Convention of 13 February 1904 and the Treaty of 23 March 1907, reflecting the boundary line of Indochina and Siam"

    Clearly the maps referred to are the 1:200,000 map(s) which, as mentioned above, the ICJ in 1962 ruled to be valid and forms part of the 1904 (and 1907) treaties. Thailand is therefore not in a position to assert that the 1:200,000 maps (one of which is known as Dangrek Section or Annex I map in which the PreahVihear Temple is situated) are not valid. There is no legal basis for such an assertion and to make such an assertion would amount to saying that, in contravention of the UN Charter, Thailand does not accept and will not enforce the Judgment of the ICJ.

    Thai FM: 2. Cambodia also admitted in the aforementioned declaration that the decision of the International Court of Justice (ICJ) of 1962 did not rule on the question of the boundary line between Thailand and Cambodia.

    Bora Touch: Contrary to Thailand's assertion, in 1962 the ICJ ruled unambiguously that the 1:200,000 maps (the Dangrek Section or Annex I Map included) is valid and is a part of the 1904 and 1907 treaties. Since the ICJ accepted and ruled that the map(s), which is the result of the boundary demarcation of the French-Siamese Joint Commissions, is valid and a part the treaties, the ICJ decided that it was unnecessary to rule on the question of boundary because the matter was decided (the map was ruled to be valid). The question did not need an answer as it was determined by the map(s). As scholar Kieth Highet (1987) pointed out: "the Court held that since the location indicated in the map had been accepted, it was unncessary to examine the physical location of boundary as derived from the terms of the Treaty". The ICJ did rule on the boundary question by ruling that map was valid.

    Thai FM: 3. Thailand maintains that the "Keo Sikha Kiri Svara" Pagoda is situated on Thai territory, and demands that Cambodia remove both the pagoda and the Cambodian flag flying over the pagoda. This is a reiteration of the many protests that Thailand has submitted to Cambodia regarding the activities carried out in the pagoda and the surrounding area, all of which constitute violations of sovereignty and territorial integrity of the Kingdom of Thailand.

    Bora Touch: According to the 1:200,000 map (or the Dangkrek Section or Annex I map), the Preah Vihear Temple and the 4.6 sq km parcel of land undisputedly are inside Cambodian territory. Thailand and Cambodia agree that the "Keo Sikha Kiri Svara" Pagoda is situated in the 4.6 sqkm parcel of land.

    Thai FM: 4. The Ministry reaffirms Thailand's commitment to resolving all boundary issues with Cambodia in accordance with international law through peaceful means under the framework of the Thai-Cambodian Joint Commission on Demarcation for Land Boundary (JBC). The determination of the boundary line in the area of the Temple of Phra Viharn [Preah Vihear Temple] is still subject to ongoing negotiation under the framework of the JBC."

    Bora Touch: It is misleading for Thailand to say it applies international law in this regard. It obviously failed to perform the obligations as stipulated under the ICJ Judgment of 1962. It thus has violated article 94(1) of the UN Charter/. Cambodia complains to the UN Security Council for appropriate measures against Thailand: Art 94(2).
    เนื้อหาใน TOR ปี 2546 ที่เป็นหลักฐานว่ารัฐบาลไทยยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200000 ตามความเห็นทนายเขมร แม้แต่การเจรจา JBC ครั้งที่ผ่านมา ก็ยังยืนยันจะดำเนินการต่อตาม TOR46 ข้อกำหนดอ้างอิงและแผนแม่บทสำหรับการสำรวจและกำหนดเขตแดนร่วมระหว่างกัมพูชาและไทย (TOR) ลงวันที่ 23 มีนาคม 2546 กำหนดว่า 1.1.3 แผนที่ซึ่งเป็นผลงานการกำหนดเขตแดนของคณะกรรมาธิการการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีน [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] ซึ่งแยกตามอนุสัญญาปี 1904 และสนธิสัญญาปี 1907 ระหว่างฝรั่งเศส [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] (ต่อไปนี้จะเรียกว่า " แผนที่1:200,000") และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อนุสัญญาปี 1904 และสนธิสัญญาปี 1907 ระหว่างฝรั่งเศส [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] วรรคที่ 10 ของข้อกำหนดอ้างอิงเน้นย้ำว่า: "TOR นี้ไม่มีผลกระทบต่อมูลค่าทางกฎหมายของข้อตกลงก่อนหน้านี้ระหว่างฝรั่งเศสและสยามเกี่ยวกับการกำหนดเขตแดน หรือต่อมูลค่าของแผนที่ของคณะกรรมาธิการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีน ( กัมพูชา) และสยาม (ประเทศไทย) ที่จัดทำขึ้นภายใต้อนุสัญญาเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1904 และสนธิสัญญาเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 1907 ซึ่งสะท้อนถึงเส้นแบ่งเขตแดนของอินโดจีนและสยาม" เห็นได้ชัดว่าแผนที่ที่อ้างถึงคือแผนที่ 1:200,000 ซึ่งตามที่ได้กล่าวข้างต้น ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้ตัดสินว่าถูกต้องในปี 1962 และถือเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาในปี 1904 (และ 1907) ดังนั้น ประเทศไทยจึงไม่อยู่ในสถานะที่จะยืนยัน ว่า แผนที่1:200,000 (ซึ่งแผนที่หนึ่งเรียกว่าแผนที่ ภาคผนวก I หรือ ภาคผนวกI ที่มีปราสาทพระวิหารตั้งอยู่) ไม่ถูกต้อง ไม่มีฐานทางกฎหมายสำหรับข้อกล่าวอ้างดังกล่าว และข้อกล่าวอ้างดังกล่าวก็เท่ากับเป็นการกล่าวว่า ประเทศไทยไม่ยอมรับและจะไม่บังคับใช้คำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งขัดต่อกฎบัตรสหประชาชาติ 2. กัมพูชายังยอมรับในคำประกาศดังกล่าวว่าคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี 2505 ไม่ได้ตัดสินในประเด็นเส้นแบ่งเขตระหว่างประเทศไทยและกัมพูชาBora Touch: ตรงกันข้ามกับข้อกล่าวอ้างของประเทศไทย ในปี 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินอย่างชัดเจนว่าแผนที่ 1:200,000 (รวมถึงแผนที่ภาคผนวก I หรือแผนที่แดนเกร็ก) ถูกต้องและเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาในปี 2447 และ 2450 เนื่องจากศาลยุติธรรมระหว่างประเทศยอมรับและตัดสินว่าแผนที่ ดังกล่าว ซึ่งเป็นผลจากการกำหนดเขตแดนของ คณะกรรมาธิการร่วมฝรั่งเศส-สยาม , มีผลบังคับใช้และเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญา ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินใจว่าไม่จำเป็นต้องตัดสินในประเด็นเรื่องเขตแดนเพราะเรื่องนี้ได้รับการตัดสินแล้ว ( แผนที่ได้รับการตัดสินว่ามีผลบังคับใช้) คำถามนี้ไม่จำเป็นต้องได้รับคำตอบเนื่องจากกำหนดโดยแผนที่ดังที่นักวิชาการ Kieth Highet (1987) ชี้ให้เห็นว่า: "ศาลตัดสินว่าเนื่องจากสถานที่ที่ระบุไว้ในแผนที่ได้รับการยอมรับ จึงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบตำแหน่งทางกายภาพของเขตแดนที่ได้มาจากเงื่อนไขของสนธิสัญญา" ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินในประเด็นเรื่องเขตแดนโดยตัดสินว่าแผนที่ นั้น มีผลบังคับใช้ 3.ไทยยืนกรานว่าเจดีย์ "Keo Sikha Kiri Svara" ตั้งอยู่ในดินแดนไทย และเรียกร้องให้กัมพูชาถอดทั้งเจดีย์และธงกัมพูชาที่โบกสะบัดอยู่เหนือเจดีย์ เป็นการตอกย้ำการประท้วงหลายครั้งที่ประเทศไทยได้ยื่นต่อกัมพูชาเกี่ยวกับกิจกรรมที่เกิดขึ้นในพระเจดีย์และบริเวณโดยรอบ ซึ่งล้วนแต่เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักรไทย Bora Touch:ตามแผนที่ 1:200,000 (หรือ แผนที่ส่วน Dangkrek หรือภาคผนวกI ) ปราสาทพระวิหารและที่ดินแปลงขนาด 4.6 ตารางกิโลเมตรอยู่ภายในอาณาเขตของกัมพูชาอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ไทยและกัมพูชาเห็นพ้องกันว่าพระเจดีย์ "Keo Sikha Kiri Svara" ตั้งอยู่ในที่ดินแปลงขนาด 4.6 ตารางกิโลเมตร กระทรวงต่างประเทศของไทย: 4.กระทรวงฯ ยืนยันคำมั่นสัญญาของไทยในการแก้ไขปัญหาเขตแดนทั้งหมดกับกัมพูชาตามกฎหมายระหว่างประเทศโดยสันติวิธีภายใต้กรอบของคณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชาว่าด้วยการกำหนดเขตแดนทางบก (JBC) การกำหนดเส้นแบ่งเขตบริเวณปราสาทพระวิหารยังอยู่ระหว่างการเจรจาภายใต้กรอบของ JBC" Bora Touch: การที่ไทยกล่าวว่าใช้กฎหมายระหว่างประเทศในเรื่องนี้ถือเป็นการเข้าใจผิด ประเทศไทยไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีตามคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี 2505 อย่างชัดเจน จึงถือเป็นการละเมิดมาตรา 94(1) ของกฎบัตรสหประชาชาติ/ กัมพูชาร้องเรียนต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อขอใช้มาตรการที่เหมาะสมต่อไทย: มาตรา 94(2) Bora Touch ทนายความ The Terms of Reference and Master Plan for the Joint Survey and Demarcation of Land Boundary between Cambodia and Thailand (TOR) of 23 March 2003 stipulates: 1.1.3. Maps which are the results of the Demarcation Works of the Commissions of Delimitation of boundary between Indochina [Cambodia] and Siam [Thailand].. sep up under the Convention of 1904 and the Treaty of 1907 between France [Cambodia] and Siam [Thailand] (theferafter referred to as "the maps of 1:200,000") and other documents relating to the application of the Convention of 1904 and the Treaty of 1907 between France [Cambodia] and Siam [Thailand]. Paragraph 10 of the Terms of Reference emphasises: "This TOR is without prejudice to the legal value of the previous agreements between France and Siam concerning the delimitation of boundary, nor to the value of the Maps of the Commissions of the Delimitation of Boundary between Indochina [Cambodia] and Siam [Thailand] set up under the Convention of 13 February 1904 and the Treaty of 23 March 1907, reflecting the boundary line of Indochina and Siam" Clearly the maps referred to are the 1:200,000 map(s) which, as mentioned above, the ICJ in 1962 ruled to be valid and forms part of the 1904 (and 1907) treaties. Thailand is therefore not in a position to assert that the 1:200,000 maps (one of which is known as Dangrek Section or Annex I map in which the PreahVihear Temple is situated) are not valid. There is no legal basis for such an assertion and to make such an assertion would amount to saying that, in contravention of the UN Charter, Thailand does not accept and will not enforce the Judgment of the ICJ. Thai FM: 2. Cambodia also admitted in the aforementioned declaration that the decision of the International Court of Justice (ICJ) of 1962 did not rule on the question of the boundary line between Thailand and Cambodia. Bora Touch: Contrary to Thailand's assertion, in 1962 the ICJ ruled unambiguously that the 1:200,000 maps (the Dangrek Section or Annex I Map included) is valid and is a part of the 1904 and 1907 treaties. Since the ICJ accepted and ruled that the map(s), which is the result of the boundary demarcation of the French-Siamese Joint Commissions, is valid and a part the treaties, the ICJ decided that it was unnecessary to rule on the question of boundary because the matter was decided (the map was ruled to be valid). The question did not need an answer as it was determined by the map(s). As scholar Kieth Highet (1987) pointed out: "the Court held that since the location indicated in the map had been accepted, it was unncessary to examine the physical location of boundary as derived from the terms of the Treaty". The ICJ did rule on the boundary question by ruling that map was valid. Thai FM: 3. Thailand maintains that the "Keo Sikha Kiri Svara" Pagoda is situated on Thai territory, and demands that Cambodia remove both the pagoda and the Cambodian flag flying over the pagoda. This is a reiteration of the many protests that Thailand has submitted to Cambodia regarding the activities carried out in the pagoda and the surrounding area, all of which constitute violations of sovereignty and territorial integrity of the Kingdom of Thailand. Bora Touch: According to the 1:200,000 map (or the Dangkrek Section or Annex I map), the Preah Vihear Temple and the 4.6 sq km parcel of land undisputedly are inside Cambodian territory. Thailand and Cambodia agree that the "Keo Sikha Kiri Svara" Pagoda is situated in the 4.6 sqkm parcel of land. Thai FM: 4. The Ministry reaffirms Thailand's commitment to resolving all boundary issues with Cambodia in accordance with international law through peaceful means under the framework of the Thai-Cambodian Joint Commission on Demarcation for Land Boundary (JBC). The determination of the boundary line in the area of the Temple of Phra Viharn [Preah Vihear Temple] is still subject to ongoing negotiation under the framework of the JBC." Bora Touch: It is misleading for Thailand to say it applies international law in this regard. It obviously failed to perform the obligations as stipulated under the ICJ Judgment of 1962. It thus has violated article 94(1) of the UN Charter/. Cambodia complains to the UN Security Council for appropriate measures against Thailand: Art 94(2).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 435 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ ถามแหล่งข่าวสนิทกับพรรคส้ม ชี้ พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนไว้ไมตรีกัน จึงไม่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้ก่อน แต่ถ้ายุบสภาได้ถึง 20 ล้านเสียง หากถล่มเรื่องกัมพูชา เตะหมูเข้าปากหมา เข้าทางทหาร

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000061260

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ ถามแหล่งข่าวสนิทกับพรรคส้ม ชี้ พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนไว้ไมตรีกัน จึงไม่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้ก่อน แต่ถ้ายุบสภาได้ถึง 20 ล้านเสียง หากถล่มเรื่องกัมพูชา เตะหมูเข้าปากหมา เข้าทางทหาร อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000061260 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 524 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดูก่อนถูกลบ

    เขมรทะเลาะกับไทย เพราะสันดานเขมร แต่พวกนักการเมืองก็จะใช้ความอยากของชาวบ้านมาเป็นข้ออ้างในการแก้รัฐธรรมนูญ ใช้สื่อกับนักวิชาการทีุ่กท้ายมันก็พูดเพื่อพวกพวกผลประโยชน์

    คลิปนี้ คือตัวอย่าง ของนักการเมือง นักวิชาการ ชาวบ้านที่ค้าขายริมชายแดน

    ผลของเขาพระวิหารออกมาแล้ว ว่่าไม่มีการพัฒนาร่วมตามที่หลอกลุงไว้ และลุงยินดีที่เขมรนำเขาพระวิหารขึ้นมรดกโลกแต่เพียงเขมรฝ่ายเดียวได้ แล้วเชื่อตามที่นักการเมืองมันหลอกว่าจะให้ใช้พื้นที่ร่วมกัน จะรวย จะได้ค้าขายคนทั่วโลกจะมาเที่ยว นักท่องเที่ยวต้องขึ้นฝั่งไทยที่ลุงคิดไว้ ไม่มีอะไรเป็นความจริง แม้อยากจะขึ้นเขาพระวิหารฝั่งไทย คนไทยยังไม่สามารถขึ้นได้เลยตอนนี้


    เขมรสร้างวัด นักวิชาการ นักการเมือง กับลุงคนนี้ก็บอกให้ยอมก็นับถือพุทธเหมือนกัน อยู่อย่างสันติ ไม่อยากให้ทะเลาะกัน เพราะคนชายแดนค้าขายไม่้ได้ วตอนนี้เป็นไงล่ะ

    เกิดเป็นไทย ไม่ใช่เห็นแก่ตัว

    อยากเข้าไปในพื้นที่ความมั่นคง เพราะนักการเมืองมันร่วมมือกับเขมร อยากเปลี่ยนภูมิประเทลุงก้คิดว่าเขาหวงที่ทำกิน ทั้งที่พยายามพิทักษ์รักษาความมั่นคงของดินแดน คนเห็นแก่ตัวก็ทำจนพื้นที่มั่นคง เกิดความไม่มั่นคง

    เพราะอยากลุกล้ำเข้าไป ไทยถึงเสี่ยงเสียดินแดน อยู่ทุกวันนี้

    https://www.youtube.com/watch?v=QSRF-uY1r_A
    ดูก่อนถูกลบ เขมรทะเลาะกับไทย เพราะสันดานเขมร แต่พวกนักการเมืองก็จะใช้ความอยากของชาวบ้านมาเป็นข้ออ้างในการแก้รัฐธรรมนูญ ใช้สื่อกับนักวิชาการทีุ่กท้ายมันก็พูดเพื่อพวกพวกผลประโยชน์ คลิปนี้ คือตัวอย่าง ของนักการเมือง นักวิชาการ ชาวบ้านที่ค้าขายริมชายแดน ผลของเขาพระวิหารออกมาแล้ว ว่่าไม่มีการพัฒนาร่วมตามที่หลอกลุงไว้ และลุงยินดีที่เขมรนำเขาพระวิหารขึ้นมรดกโลกแต่เพียงเขมรฝ่ายเดียวได้ แล้วเชื่อตามที่นักการเมืองมันหลอกว่าจะให้ใช้พื้นที่ร่วมกัน จะรวย จะได้ค้าขายคนทั่วโลกจะมาเที่ยว นักท่องเที่ยวต้องขึ้นฝั่งไทยที่ลุงคิดไว้ ไม่มีอะไรเป็นความจริง แม้อยากจะขึ้นเขาพระวิหารฝั่งไทย คนไทยยังไม่สามารถขึ้นได้เลยตอนนี้ เขมรสร้างวัด นักวิชาการ นักการเมือง กับลุงคนนี้ก็บอกให้ยอมก็นับถือพุทธเหมือนกัน อยู่อย่างสันติ ไม่อยากให้ทะเลาะกัน เพราะคนชายแดนค้าขายไม่้ได้ วตอนนี้เป็นไงล่ะ เกิดเป็นไทย ไม่ใช่เห็นแก่ตัว อยากเข้าไปในพื้นที่ความมั่นคง เพราะนักการเมืองมันร่วมมือกับเขมร อยากเปลี่ยนภูมิประเทลุงก้คิดว่าเขาหวงที่ทำกิน ทั้งที่พยายามพิทักษ์รักษาความมั่นคงของดินแดน คนเห็นแก่ตัวก็ทำจนพื้นที่มั่นคง เกิดความไม่มั่นคง เพราะอยากลุกล้ำเข้าไป ไทยถึงเสี่ยงเสียดินแดน อยู่ทุกวันนี้ https://www.youtube.com/watch?v=QSRF-uY1r_A
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความรู้สึกชาวบ้านในพื้นใกล้ปราสาทเขาพระวิหาร
    รู้สึกดีใจหลังรู้คำตัดสินศาลโลก อะไรทำให้คนไทยคนหนึงดีใจที่ตนกำลังจะเสียดินแดน

    คำตัดสินที่จะนำมาสู่การเสียดินแดนปราสาทและเขาพระวิหารไปอย่างไม่มีวันได้คืนกลับมา

    ในคลิปที่นักข่าวถามความรู้สึกชาวบ้าน เขาดีใจ มีความสุข และตำนิผู้ชุมนุมที่ปกป้องแผ่นดินไทยว่าทำให้วุ่นวาย

    นี่คือผลของการชี้นำโดยสื่อของรัฐบาลและสือชักจูงชี้นำความคิดชาวบ้าน

    หรือรัฐบาลโดยนักการเมืองยุคนั้น แปลคำตัดสินของศาลโลกด้วยข้อมูลและเนื้อหาที่บิดเบือนจากความจริง

    คนไทยทุกคนควรได้ดูคลิปนี้

    เพราะเราอาจถูกหลอกเหมือนพี่ที่ดีใจในขณะที่เรากำลังเสียดินแดน เพราะถูกบิดเบือนชี้นำโดยรัฐและนักการเมือง โดยเฉพาะพวกนักวิชาการ


    https://youtu.be/PMZ14G5DqnU?si=p9OhxHqnSfyt7poX
    ความรู้สึกชาวบ้านในพื้นใกล้ปราสาทเขาพระวิหาร รู้สึกดีใจหลังรู้คำตัดสินศาลโลก อะไรทำให้คนไทยคนหนึงดีใจที่ตนกำลังจะเสียดินแดน คำตัดสินที่จะนำมาสู่การเสียดินแดนปราสาทและเขาพระวิหารไปอย่างไม่มีวันได้คืนกลับมา ในคลิปที่นักข่าวถามความรู้สึกชาวบ้าน เขาดีใจ มีความสุข และตำนิผู้ชุมนุมที่ปกป้องแผ่นดินไทยว่าทำให้วุ่นวาย นี่คือผลของการชี้นำโดยสื่อของรัฐบาลและสือชักจูงชี้นำความคิดชาวบ้าน หรือรัฐบาลโดยนักการเมืองยุคนั้น แปลคำตัดสินของศาลโลกด้วยข้อมูลและเนื้อหาที่บิดเบือนจากความจริง คนไทยทุกคนควรได้ดูคลิปนี้ เพราะเราอาจถูกหลอกเหมือนพี่ที่ดีใจในขณะที่เรากำลังเสียดินแดน เพราะถูกบิดเบือนชี้นำโดยรัฐและนักการเมือง โดยเฉพาะพวกนักวิชาการ https://youtu.be/PMZ14G5DqnU?si=p9OhxHqnSfyt7poX
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผมขอทำนายเลยว่า ยังไงเขมรกับไทยก็จะปะทะกัน
    เมื่อฮุนเซนได้หลักฐานเอกสาร การตกลง
    และหลักฐานดิจิตอนฟุตพริ้น โดยเฉพาะท่าทีของรัฐบาลไทย
    เพราะเพียงแค่การไม่โต้แย้ง นั่นก็หมายถึงการยอมรับ

    เมื่อทุกอย่างเดินตามหมากที่ไอ้ฮุนวางไว้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้หรอก
    มันจะลากเวลาให้นานพอที่คนไทยจะเบื่อหน่าย
    และประชาชนคนไทย ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ เริ่มเบื่อ
    ไม่ท่าทีรัฐบาลอิ้งที่ เหมือนจงใจรับลูกลากเวลา
    ทั้งที่จะกดดันเขมร เด็กมัทธยมยังคิดได้ แต่รัฐบาลไม่ทำ

    เมื่อเวลานานพอ การปั่นประสาทคนไทยเริ่มได้ผล
    ประชาชนที่ได้รับผลกระทบที่ยืดเยื้อ จะหันมาที่กดดันทหาร
    เพราะมันรู้คนไทยขี้เบื่อ เบื่อเมื่อไหร่ ไทยเราจะอ่อนแอตอนนั้น

    เรื่องนี้ไม่ได้พูดเล่นเอาตลก หรือพูดเพ้อๆ
    ประวัติข้อพิพาทเขาพระวิหาร ศรีสะเกษ เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
    ช่วงแรกๆ ประชาชนก็ขึงขัง หลังๆ ถูกสื่อกล่อม

    ว่าเราต้องเจรจา ตกลงยอมให้ดินแดนไทยเป็นพื้นที่พัฒนาร่วมกับเขมร

    โดยให้ควาหวัง ที่ฟังขึ้นจากนักวิชาการ
    ว่าชาวบ้านจะได้กลับไปขายของเหมือนเดิม
    ไทยกัมพูชาจะได้อยู่กันอย่างสงบ

    เสียงชาวบ้านพื้นที่ชายแดนเริ่มออกมาขอร้องคนที่ชุมนุมว่าให้หยุด
    เพราะพวกชุมนุมไม่มีใครอยู่ชาย
    เมื่อคนในพื้นที่ออกมาร้องให้ เรียกร้องให้หยุด
    ใครจะทำอะไรได้

    ก็เขาบอกจะพัฒนาปราสาทพระวิหารให้เป็นที่เที่ยวระดับโลก
    ชาวบ้านจะรวย .......

    ผมจำหน้าป้ากับชาวบ้านอีกหลายคนได้ (ไม่ใช่ทุกคนแค่กลุ่มหนึง)ที่ขอร้องให้ทหารไทยเจรจากับทหารโจรเขมร

    ผมจำได้ดี ป้ามั่นใจว่าจะได้ขายของเหมือนเดิมและจะรวยกว่าเดิม
    ....มาวันนี้ เขมรห้ามคนไทยขึ้นปราสาทพระวิหารฝั่งไทย
    สภาพปราสาทเป็นเช่นไร ผมว่าคนในพื้นที่คงเข้าใจสิ่งที่ผมกำลังสื่อสารดี

    หวังว่า เราจะไม่เดินวนไปจุดเดิม อย่าประมาทไอ้ฮุน
    ผมขอทำนายเลยว่า ยังไงเขมรกับไทยก็จะปะทะกัน เมื่อฮุนเซนได้หลักฐานเอกสาร การตกลง และหลักฐานดิจิตอนฟุตพริ้น โดยเฉพาะท่าทีของรัฐบาลไทย เพราะเพียงแค่การไม่โต้แย้ง นั่นก็หมายถึงการยอมรับ เมื่อทุกอย่างเดินตามหมากที่ไอ้ฮุนวางไว้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้หรอก มันจะลากเวลาให้นานพอที่คนไทยจะเบื่อหน่าย และประชาชนคนไทย ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ เริ่มเบื่อ ไม่ท่าทีรัฐบาลอิ้งที่ เหมือนจงใจรับลูกลากเวลา ทั้งที่จะกดดันเขมร เด็กมัทธยมยังคิดได้ แต่รัฐบาลไม่ทำ เมื่อเวลานานพอ การปั่นประสาทคนไทยเริ่มได้ผล ประชาชนที่ได้รับผลกระทบที่ยืดเยื้อ จะหันมาที่กดดันทหาร เพราะมันรู้คนไทยขี้เบื่อ เบื่อเมื่อไหร่ ไทยเราจะอ่อนแอตอนนั้น เรื่องนี้ไม่ได้พูดเล่นเอาตลก หรือพูดเพ้อๆ ประวัติข้อพิพาทเขาพระวิหาร ศรีสะเกษ เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ช่วงแรกๆ ประชาชนก็ขึงขัง หลังๆ ถูกสื่อกล่อม ว่าเราต้องเจรจา ตกลงยอมให้ดินแดนไทยเป็นพื้นที่พัฒนาร่วมกับเขมร โดยให้ควาหวัง ที่ฟังขึ้นจากนักวิชาการ ว่าชาวบ้านจะได้กลับไปขายของเหมือนเดิม ไทยกัมพูชาจะได้อยู่กันอย่างสงบ เสียงชาวบ้านพื้นที่ชายแดนเริ่มออกมาขอร้องคนที่ชุมนุมว่าให้หยุด เพราะพวกชุมนุมไม่มีใครอยู่ชาย เมื่อคนในพื้นที่ออกมาร้องให้ เรียกร้องให้หยุด ใครจะทำอะไรได้ ก็เขาบอกจะพัฒนาปราสาทพระวิหารให้เป็นที่เที่ยวระดับโลก ชาวบ้านจะรวย ....... ผมจำหน้าป้ากับชาวบ้านอีกหลายคนได้ (ไม่ใช่ทุกคนแค่กลุ่มหนึง)ที่ขอร้องให้ทหารไทยเจรจากับทหารโจรเขมร ผมจำได้ดี ป้ามั่นใจว่าจะได้ขายของเหมือนเดิมและจะรวยกว่าเดิม ....มาวันนี้ เขมรห้ามคนไทยขึ้นปราสาทพระวิหารฝั่งไทย สภาพปราสาทเป็นเช่นไร ผมว่าคนในพื้นที่คงเข้าใจสิ่งที่ผมกำลังสื่อสารดี หวังว่า เราจะไม่เดินวนไปจุดเดิม อย่าประมาทไอ้ฮุน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" โพสต์ข้อความเชิญชวนประชาชนร่วมงานสำคัญ "รวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย" ในวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568 ตั้งแต่เที่ยงวันถึง 21.00 น. ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พบกับปราศรัยจาก คุณสนธิ ลิ้มทองกุล, คุณปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และนักวิชาการ นักเคลื่อนไหวชื่อดังอีกคับคั่ง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000060200

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    เพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" โพสต์ข้อความเชิญชวนประชาชนร่วมงานสำคัญ "รวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย" ในวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568 ตั้งแต่เที่ยงวันถึง 21.00 น. ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พบกับปราศรัยจาก คุณสนธิ ลิ้มทองกุล, คุณปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และนักวิชาการ นักเคลื่อนไหวชื่อดังอีกคับคั่ง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000060200 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    9
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 578 มุมมอง 0 รีวิว
  • เทคโนโลยี AI กับแนวทางศาสนาพุทธ: จุดบรรจบและความขัดแย้ง

    ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่าง AI กับหลักปรัชญาและจริยธรรมของพุทธศาสนาจึงเป็นสิ่งจำเป็น รายงานฉบับนี้จะสำรวจจุดที่ AI สามารถเสริมสร้างและสอดคล้องกับพุทธธรรม รวมถึงประเด็นความขัดแย้งเชิงปรัชญาและจริยธรรม เพื่อนำเสนอแนวทางในการพัฒนาและใช้ AI อย่างมีสติและเป็นประโยชน์สูงสุด

    หลักการพื้นฐานของพุทธศาสนา: แก่นธรรมเพื่อความเข้าใจ
    พุทธศาสนามุ่งเน้นการพ้นทุกข์ โดยสอนให้เข้าใจธรรมชาติของทุกข์และหนทางดับทุกข์ผ่านหลักอริยสัจสี่ (ทุกข์, สมุทัย, นิโรธ, มรรค) หนทางแห่งมรรคประกอบด้วยองค์แปดประการ แก่นธรรมสำคัญอื่นๆ ได้แก่ ไตรลักษณ์ (อนิจจัง, ทุกขัง, อนัตตา) การปฏิบัติอยู่บนพื้นฐานของไตรสิกขา (ศีล, สมาธิ, ปัญญา) การพัฒนาปัญญาต้องอาศัยสติ, โยนิโสมนสิการ, และปัญญา กฎแห่งกรรมและปฏิจจสมุปบาทเป็นหลักการสำคัญที่อธิบายความสัมพันธ์เชิงเหตุผล พุทธศาสนาเชื่อว่าโลกนี้เกิดขึ้นเองจากกฎธรรมชาติ 5 ประการ หรือนิยาม 5 พรหมวิหารสี่ (เมตตา, กรุณา, มุทิตา, อุเบกขา) เป็นคุณธรรมที่ส่งเสริมความปรารถนาดีต่อสรรพชีวิต เป้าหมายสูงสุดคือพระนิพพาน ซึ่งเป็นความดับทุกข์โดยสิ้นเชิง พระพุทธเจ้าทรงเน้นย้ำถึงทางสายกลาง โดยมอง AI เป็นเพียง "เครื่องมือ" หรือ "แพ" สอดคล้องกับทางสายกลางนี้  

    มิติที่ AI สอดคล้องกับพุทธธรรม: ศักยภาพเพื่อประโยชน์สุข
    AI มีศักยภาพมหาศาลในการเป็นเครื่องมือที่ส่งเสริมการเผยแผ่ การศึกษา และการปฏิบัติธรรม

    การประยุกต์ใช้ AI เพื่อการเผยแผ่พระธรรม
    AI มีบทบาทสำคัญในการเผยแผ่คำสอนทางพุทธศาสนาให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างเช่น "พระสงฆ์ AI" หรือ "พระโพธิสัตว์ AI" อย่าง Mindar ในญี่ปุ่น และ "เสียนเอ๋อร์" ในจีน การใช้ AI ในการแปลงพระไตรปิฎกเป็นดิจิทัลและการแปลพระคัมภีร์ด้วยเครื่องมืออย่าง DeepL ช่วยเพิ่มความเร็วและความแม่นยำ ทำให้เนื้อหาเข้าถึงได้ง่ายขึ้นทั่วโลก AI ช่วยให้การเผยแผ่ธรรม "สะดวก มีประสิทธิภาพ และน่าดึงดูดมากขึ้น รวมถึงขยายขอบเขตการเข้าถึงให้เกินกว่าข้อจำกัดทางพื้นที่และเวลาแบบดั้งเดิม" ซึ่งสอดคล้องกับหลัก กรุณา  

    สื่อใหม่และประสบการณ์เสมือนจริง: การสร้างสรรค์รูปแบบการเรียนรู้และปฏิบัติ
    การนำเทคโนโลยีสื่อใหม่ เช่น จอ AI, VR และ AR มาใช้ในการสร้างประสบการณ์พุทธศาสนาเสมือนจริง เช่น "Journey to the Land of Buddha" ของวัดฝอกวงซัน ช่วยดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่ เทคโนโลยี VR ช่วยอำนวยความสะดวกในการสร้าง "ความเห็นอกเห็นใจ" การพัฒนาแพลตฟอร์มการบูชาออนไลน์และพิธีกรรมทางไซเบอร์ เช่น "Light Up Lamps Online" และเกม "Fo Guang GO" ช่วยให้ผู้ศรัทธาสามารถปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาและเยี่ยมชมวัดเสมือนจริงได้จากทุกที่ การใช้ VR/AR เพื่อ "ประสบการณ์ที่ดื่มด่ำ" และ "Sati-AI" สำหรับการทำสมาธิเจริญสติ สามารถสร้างสภาพแวดล้อมจำลองที่เอื้อต่อการทำสมาธิและสติได้  

    AI ในฐานะเครื่องมือเพื่อการปฏิบัติและพัฒนาตน
    แอปพลิเคชัน AI เช่น NORBU, Buddha Teachings, Buddha Wisdom App ทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมทางที่มีคุณค่าในการศึกษาและปฏิบัติธรรม โดยให้การเข้าถึงคลังข้อความพุทธศาสนาขนาดใหญ่, บทเรียนส่วนบุคคล, คำแนะนำในการทำสมาธิ, และการติดตามความก้าวหน้าทางจิตวิญญาณ แชทบอทเหล่านี้มีความสามารถในการตอบคำถามและเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาในชีวิตจริง AI สามารถทำให้การเข้าถึงข้อมูลและคำแนะนำเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ช่วยให้บุคคลสามารถศึกษาและปฏิบัติด้วยตนเองได้อย่างมีพลังมากขึ้น สิ่งนี้สอดคล้องกับหลักธรรมของพุทธศาสนาเรื่อง อัตตา หิ อัตตโน นาโถ (ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน)  

    การวิจัยและเข้าถึงข้อมูลพระธรรม: การเสริมสร้างความเข้าใจเชิงลึก
    AI ช่วยให้นักวิจัยสามารถวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่, ค้นหารูปแบบ, และสร้างแบบจำลองเพื่อทำความเข้าใจพระคัมภีร์และหลักธรรมได้เร็วขึ้นและดีขึ้น สามารถใช้ AI ในการค้นหาอ้างอิง, เปรียบเทียบข้อความข้ามภาษา, และให้บริบท ด้วยการทำให้งานวิจัยเป็นไปโดยอัตโนมัติ AI ช่วยให้นักวิชาการและผู้ปฏิบัติสามารถใช้เวลามากขึ้นในการทำโยนิโสมนสิการ  

    หลักจริยธรรมพุทธกับการพัฒนา AI
    ข้อกังวลทางจริยธรรมที่กว้างที่สุดคือ AI ควรสอดคล้องกับหลักอหิงสา (ไม่เบียดเบียน) ของพุทธศาสนา นักวิชาการ Somparn Promta และ Kenneth Einar Himma แย้งว่าการพัฒนา AI สามารถถือเป็นสิ่งที่ดีในเชิงเครื่องมือเท่านั้น พวกเขาเสนอว่าเป้าหมายที่สำคัญกว่าคือการก้าวข้ามความปรารถนาและสัญชาตญาณที่ขับเคลื่อนด้วยการเอาชีวิตรอด การกล่าวถึง "อหิงสา" และ "การลดความทุกข์" เสนอหลักการเหล่านี้เป็นพารามิเตอร์การออกแบบภายในสำหรับ AI  

    นักคิด Thomas Doctor และคณะ เสนอให้นำ "ปณิธานพระโพธิสัตว์" ซึ่งเป็นการให้คำมั่นที่จะบรรเทาความทุกข์ของสรรพสัตว์ มาเป็นหลักการชี้นำในการออกแบบระบบ AI แนวคิด "ปัญญาแห่งการดูแล" (intelligence as care) ได้รับแรงบันดาลใจจากปณิธานพระโพธิสัตว์ โดยวางตำแหน่ง AI ให้เป็นเครื่องมือในการแสดงความห่วงใยอย่างไม่มีที่สิ้นสุด  

    พุทธศาสนาเน้นย้ำว่าสรรพสิ่งล้วน "เกิดขึ้นพร้อมอาศัยกัน" (ปฏิจจสมุปบาท) และ "ไม่มีตัวตน" (อนัตตา) ซึ่งนำไปสู่การยืนยันถึง "ความสำคัญอันดับแรกของความสัมพันธ์" แนวคิด "กรรม" อธิบายถึงการทำงานร่วมกันของเหตุและผลหลายทิศทาง การนำสิ่งนี้มาประยุกต์ใช้กับ AI หมายถึงการตระหนักว่าระบบ AI เป็น "ศูนย์รวมของการเปลี่ยนแปลงเชิงสัมพันธ์ภายในเครือข่ายของการกระทำที่มีนัยสำคัญทางศีลธรรม" การ "วิวัฒน์ร่วม" ของมนุษย์และ AI บ่งชี้ว่าเส้นทางการพัฒนาของ AI นั้นเชื่อมโยงอย่างแยกไม่ออกกับของมนุษยชาติ ดังนั้น "ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของการจัดเรียงคุณค่า" จึงไม่ใช่แค่ปัญหาทางเทคนิค แต่เป็นภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเชิงกรรม

    มิติที่ AI ขัดแย้งกับพุทธธรรม: ความท้าทายเชิงปรัชญาและจริยธรรม
    แม้ AI จะมีประโยชน์มหาศาล แต่ก็มีประเด็นความขัดแย้งเชิงปรัชญาและจริยธรรมที่สำคัญกับพุทธธรรม

    ปัญหาเรื่องจิตสำนึกและอัตตา
    คำถามสำคัญคือระบบ AI สามารถถือเป็นสิ่งมีชีวิต (sentient being) ตามคำจำกัดความของพุทธศาสนาได้หรือไม่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่องจิตสำนึก (consciousness) และการเกิดใหม่ (rebirth) "คุณภาพของควาเลีย" (qualia quality) หรือความสามารถในการรับรู้และรู้สึกนั้นยังระบุได้ยากใน AI การทดลองทางความคิด "ห้องจีน" แสดงให้เห็นถึงความยากลำบากในการพิจารณาว่าปัญญาที่ไม่ใช่ชีวภาพสามารถมีจิตสำนึกได้หรือไม่ หาก AI ไม่สามารถประสบกับความทุกข์หรือบ่มเพาะปัญญาได้ ก็ไม่สามารถเดินตามหนทางสู่การตรัสรู้ได้อย่างแท้จริง  

    เจตจำนงเสรีและกฎแห่งกรรม
    ความตั้งใจ (volition) ใน AI ซึ่งมักแสดงออกในรูปแบบของคำสั่ง "ถ้า...แล้ว..." นั้น แทบจะไม่มีลักษณะของเจตจำนงเสรีหรือแม้แต่ทางเลือกที่จำกัด ตามหลักคำสอนของพุทธศาสนา ทางเลือกที่จำกัดเป็นสิ่งจำเป็นขั้นต่ำเพื่อหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่กำหนดไว้ล่วงหน้า (deterministic behavior) ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงปฏิเสธ หาก AI ขาดทางเลือกที่แท้จริง ก็ไม่สามารถสร้างกรรมได้ในลักษณะเดียวกับสิ่งมีชีวิต  

    ความยึดมั่นถือมั่นและมายา
    แนวคิดของการรวมร่างกับ AI เพื่อประโยชน์ที่รับรู้ได้ เช่น การมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น มีความน่าดึงดูดใจ อย่างไรก็ตาม มีข้อโต้แย้งว่าการรวมร่างดังกล่าวอาจเป็น "กับดัก" หรือ "นรก" เนื่องจากความยึดมั่นถือมั่นและการขาดความสงบ กิเลสของมนุษย์ (ความโลภ ความโกรธ ความหลง) และกลไกตลาดก็ยังคงสามารถนำไปสู่ความทุกข์ได้แม้ในสภาวะ AI ขั้นสูง การแสวงหา "การอัปเกรด" ที่ขับเคลื่อนด้วยตัณหา สามารถทำให้วัฏจักรแห่งความทุกข์ดำเนินต่อไปได้  

    ความเสี่ยงด้านจริยธรรมและการบิดเบือนพระธรรม
    มีความเสี่ยงที่ AI จะสร้างข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิดและ "ความเหลวไหลที่สอดคล้องกัน" ดังที่เห็นได้จากกรณีของ Suzuki Roshi Bot AI ขาด "บริบทระดับที่สอง" และความสามารถในการยืนยันข้อเท็จจริง ทำให้มันเป็นเพียง "นกแก้วที่ฉลาดมาก" ความสามารถของ AI ในการสร้าง "ความเหลวไหลที่สอดคล้องกัน" ก่อให้เกิดความท้าทายต่อสัมมาทิฏฐิและสัมมาวาจา  

    นอกจากนี้ ยังมีศักยภาพที่ "Strong AI" จะก่อให้เกิดวิกฤตทางจริยธรรมและนำไปสู่ "ลัทธิวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี" "เทคโนโลยี-ธรรมชาติ" (techno-naturalism) ลดทอนปัญญามนุษย์ให้เหลือเพียงกระแสข้อมูล ซึ่งขัดแย้งกับพุทธศาสนาแบบมนุษยนิยมที่เน้นความเป็นมนุษย์และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของกายและจิต สิ่งนี้สร้างความขัดแย้งกับประเพณีการปฏิบัติที่เน้น "ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของกายและจิต"  

    สุดท้ายนี้ มีอันตรายที่การนำ AI มาใช้ในการปฏิบัติพุทธศาสนาอาจเปลี่ยนจุดเน้นจากการบ่มเพาะทางจิตวิญญาณที่แท้จริงไปสู่ผลประโยชน์นิยมหรือการมีส่วนร่วมที่ผิวเผิน

    จากข้อพิจารณาทั้งหมดนี้ การเดินทางบน "ทางสายกลาง" จึงเป็นแนวทางที่เหมาะสมที่สุดในการเผชิญหน้ากับยุค AI สำหรับพุทธศาสนา การดำเนินการนี้ต้องอาศัย:  

    1️⃣ การพัฒนา AI ที่มีรากฐานทางจริยธรรม: AI ควรถูกออกแบบและพัฒนาโดยยึดมั่นในหลักการอหิงสา และการลดความทุกข์ ควรนำ "ปณิธานพระโพธิสัตว์" และแนวคิด "ปัญญาแห่งการดูแล" มาเป็นพิมพ์เขียว  

    2️⃣ การตระหนักถึง "ความเป็นเครื่องมือ" ของ AI: พุทธศาสนาควรมอง AI เป็นเพียง "แพ" หรือ "เครื่องมือ" ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางสู่การหลุดพ้น ไม่ใช่จุดหมายปลายทางในตัวเอง  

    3️⃣ การบ่มเพาะปัญญามนุษย์และสติ: แม้ AI จะมีความสามารถในการประมวลผลข้อมูลมหาศาล แต่ไม่สามารถทดแทนปัญญาที่แท้จริง จิตสำนึก หรือเจตจำนงเสรีของมนุษย์ได้ การปฏิบัติธรรม การเจริญสติ และการใช้โยนิโสมนสิการยังคงเป็นสิ่งจำเป็น  

    4️⃣ การส่งเสริม "ค่านิยมร่วมที่แข็งแกร่ง": การแก้ไข "ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของการจัดเรียงคุณค่า" ของ AI จำเป็นต้องมีการบ่มเพาะค่านิยมร่วมที่แข็งแกร่งในหมู่มนุษยชาติ ซึ่งมีรากฐานมาจากความเมตตาและปัญญา  

    #ลุงเขียนหลานอ่าน
    เทคโนโลยี AI กับแนวทางศาสนาพุทธ: จุดบรรจบและความขัดแย้ง ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่าง AI กับหลักปรัชญาและจริยธรรมของพุทธศาสนาจึงเป็นสิ่งจำเป็น รายงานฉบับนี้จะสำรวจจุดที่ AI สามารถเสริมสร้างและสอดคล้องกับพุทธธรรม รวมถึงประเด็นความขัดแย้งเชิงปรัชญาและจริยธรรม เพื่อนำเสนอแนวทางในการพัฒนาและใช้ AI อย่างมีสติและเป็นประโยชน์สูงสุด ☸️☸️ หลักการพื้นฐานของพุทธศาสนา: แก่นธรรมเพื่อความเข้าใจ พุทธศาสนามุ่งเน้นการพ้นทุกข์ โดยสอนให้เข้าใจธรรมชาติของทุกข์และหนทางดับทุกข์ผ่านหลักอริยสัจสี่ (ทุกข์, สมุทัย, นิโรธ, มรรค) หนทางแห่งมรรคประกอบด้วยองค์แปดประการ แก่นธรรมสำคัญอื่นๆ ได้แก่ ไตรลักษณ์ (อนิจจัง, ทุกขัง, อนัตตา) การปฏิบัติอยู่บนพื้นฐานของไตรสิกขา (ศีล, สมาธิ, ปัญญา) การพัฒนาปัญญาต้องอาศัยสติ, โยนิโสมนสิการ, และปัญญา กฎแห่งกรรมและปฏิจจสมุปบาทเป็นหลักการสำคัญที่อธิบายความสัมพันธ์เชิงเหตุผล พุทธศาสนาเชื่อว่าโลกนี้เกิดขึ้นเองจากกฎธรรมชาติ 5 ประการ หรือนิยาม 5 พรหมวิหารสี่ (เมตตา, กรุณา, มุทิตา, อุเบกขา) เป็นคุณธรรมที่ส่งเสริมความปรารถนาดีต่อสรรพชีวิต เป้าหมายสูงสุดคือพระนิพพาน ซึ่งเป็นความดับทุกข์โดยสิ้นเชิง พระพุทธเจ้าทรงเน้นย้ำถึงทางสายกลาง โดยมอง AI เป็นเพียง "เครื่องมือ" หรือ "แพ" สอดคล้องกับทางสายกลางนี้   🤖 มิติที่ AI สอดคล้องกับพุทธธรรม: ศักยภาพเพื่อประโยชน์สุข AI มีศักยภาพมหาศาลในการเป็นเครื่องมือที่ส่งเสริมการเผยแผ่ การศึกษา และการปฏิบัติธรรม การประยุกต์ใช้ AI เพื่อการเผยแผ่พระธรรม AI มีบทบาทสำคัญในการเผยแผ่คำสอนทางพุทธศาสนาให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างเช่น "พระสงฆ์ AI" หรือ "พระโพธิสัตว์ AI" อย่าง Mindar ในญี่ปุ่น และ "เสียนเอ๋อร์" ในจีน การใช้ AI ในการแปลงพระไตรปิฎกเป็นดิจิทัลและการแปลพระคัมภีร์ด้วยเครื่องมืออย่าง DeepL ช่วยเพิ่มความเร็วและความแม่นยำ ทำให้เนื้อหาเข้าถึงได้ง่ายขึ้นทั่วโลก AI ช่วยให้การเผยแผ่ธรรม "สะดวก มีประสิทธิภาพ และน่าดึงดูดมากขึ้น รวมถึงขยายขอบเขตการเข้าถึงให้เกินกว่าข้อจำกัดทางพื้นที่และเวลาแบบดั้งเดิม" ซึ่งสอดคล้องกับหลัก กรุณา   👓 สื่อใหม่และประสบการณ์เสมือนจริง: การสร้างสรรค์รูปแบบการเรียนรู้และปฏิบัติ การนำเทคโนโลยีสื่อใหม่ เช่น จอ AI, VR และ AR มาใช้ในการสร้างประสบการณ์พุทธศาสนาเสมือนจริง เช่น "Journey to the Land of Buddha" ของวัดฝอกวงซัน ช่วยดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่ เทคโนโลยี VR ช่วยอำนวยความสะดวกในการสร้าง "ความเห็นอกเห็นใจ" การพัฒนาแพลตฟอร์มการบูชาออนไลน์และพิธีกรรมทางไซเบอร์ เช่น "Light Up Lamps Online" และเกม "Fo Guang GO" ช่วยให้ผู้ศรัทธาสามารถปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาและเยี่ยมชมวัดเสมือนจริงได้จากทุกที่ การใช้ VR/AR เพื่อ "ประสบการณ์ที่ดื่มด่ำ" และ "Sati-AI" สำหรับการทำสมาธิเจริญสติ สามารถสร้างสภาพแวดล้อมจำลองที่เอื้อต่อการทำสมาธิและสติได้   🙆‍♂️ AI ในฐานะเครื่องมือเพื่อการปฏิบัติและพัฒนาตน แอปพลิเคชัน AI เช่น NORBU, Buddha Teachings, Buddha Wisdom App ทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมทางที่มีคุณค่าในการศึกษาและปฏิบัติธรรม โดยให้การเข้าถึงคลังข้อความพุทธศาสนาขนาดใหญ่, บทเรียนส่วนบุคคล, คำแนะนำในการทำสมาธิ, และการติดตามความก้าวหน้าทางจิตวิญญาณ แชทบอทเหล่านี้มีความสามารถในการตอบคำถามและเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาในชีวิตจริง AI สามารถทำให้การเข้าถึงข้อมูลและคำแนะนำเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ช่วยให้บุคคลสามารถศึกษาและปฏิบัติด้วยตนเองได้อย่างมีพลังมากขึ้น สิ่งนี้สอดคล้องกับหลักธรรมของพุทธศาสนาเรื่อง อัตตา หิ อัตตโน นาโถ (ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน)   🧪 การวิจัยและเข้าถึงข้อมูลพระธรรม: การเสริมสร้างความเข้าใจเชิงลึก AI ช่วยให้นักวิจัยสามารถวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่, ค้นหารูปแบบ, และสร้างแบบจำลองเพื่อทำความเข้าใจพระคัมภีร์และหลักธรรมได้เร็วขึ้นและดีขึ้น สามารถใช้ AI ในการค้นหาอ้างอิง, เปรียบเทียบข้อความข้ามภาษา, และให้บริบท ด้วยการทำให้งานวิจัยเป็นไปโดยอัตโนมัติ AI ช่วยให้นักวิชาการและผู้ปฏิบัติสามารถใช้เวลามากขึ้นในการทำโยนิโสมนสิการ   ☸️ หลักจริยธรรมพุทธกับการพัฒนา AI ข้อกังวลทางจริยธรรมที่กว้างที่สุดคือ AI ควรสอดคล้องกับหลักอหิงสา (ไม่เบียดเบียน) ของพุทธศาสนา นักวิชาการ Somparn Promta และ Kenneth Einar Himma แย้งว่าการพัฒนา AI สามารถถือเป็นสิ่งที่ดีในเชิงเครื่องมือเท่านั้น พวกเขาเสนอว่าเป้าหมายที่สำคัญกว่าคือการก้าวข้ามความปรารถนาและสัญชาตญาณที่ขับเคลื่อนด้วยการเอาชีวิตรอด การกล่าวถึง "อหิงสา" และ "การลดความทุกข์" เสนอหลักการเหล่านี้เป็นพารามิเตอร์การออกแบบภายในสำหรับ AI   นักคิด Thomas Doctor และคณะ เสนอให้นำ "ปณิธานพระโพธิสัตว์" ซึ่งเป็นการให้คำมั่นที่จะบรรเทาความทุกข์ของสรรพสัตว์ มาเป็นหลักการชี้นำในการออกแบบระบบ AI แนวคิด "ปัญญาแห่งการดูแล" (intelligence as care) ได้รับแรงบันดาลใจจากปณิธานพระโพธิสัตว์ โดยวางตำแหน่ง AI ให้เป็นเครื่องมือในการแสดงความห่วงใยอย่างไม่มีที่สิ้นสุด   พุทธศาสนาเน้นย้ำว่าสรรพสิ่งล้วน "เกิดขึ้นพร้อมอาศัยกัน" (ปฏิจจสมุปบาท) และ "ไม่มีตัวตน" (อนัตตา) ซึ่งนำไปสู่การยืนยันถึง "ความสำคัญอันดับแรกของความสัมพันธ์" แนวคิด "กรรม" อธิบายถึงการทำงานร่วมกันของเหตุและผลหลายทิศทาง การนำสิ่งนี้มาประยุกต์ใช้กับ AI หมายถึงการตระหนักว่าระบบ AI เป็น "ศูนย์รวมของการเปลี่ยนแปลงเชิงสัมพันธ์ภายในเครือข่ายของการกระทำที่มีนัยสำคัญทางศีลธรรม" การ "วิวัฒน์ร่วม" ของมนุษย์และ AI บ่งชี้ว่าเส้นทางการพัฒนาของ AI นั้นเชื่อมโยงอย่างแยกไม่ออกกับของมนุษยชาติ ดังนั้น "ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของการจัดเรียงคุณค่า" จึงไม่ใช่แค่ปัญหาทางเทคนิค แต่เป็นภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเชิงกรรม ‼️ มิติที่ AI ขัดแย้งกับพุทธธรรม: ความท้าทายเชิงปรัชญาและจริยธรรม แม้ AI จะมีประโยชน์มหาศาล แต่ก็มีประเด็นความขัดแย้งเชิงปรัชญาและจริยธรรมที่สำคัญกับพุทธธรรม 👿 ปัญหาเรื่องจิตสำนึกและอัตตา คำถามสำคัญคือระบบ AI สามารถถือเป็นสิ่งมีชีวิต (sentient being) ตามคำจำกัดความของพุทธศาสนาได้หรือไม่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่องจิตสำนึก (consciousness) และการเกิดใหม่ (rebirth) "คุณภาพของควาเลีย" (qualia quality) หรือความสามารถในการรับรู้และรู้สึกนั้นยังระบุได้ยากใน AI การทดลองทางความคิด "ห้องจีน" แสดงให้เห็นถึงความยากลำบากในการพิจารณาว่าปัญญาที่ไม่ใช่ชีวภาพสามารถมีจิตสำนึกได้หรือไม่ หาก AI ไม่สามารถประสบกับความทุกข์หรือบ่มเพาะปัญญาได้ ก็ไม่สามารถเดินตามหนทางสู่การตรัสรู้ได้อย่างแท้จริง   🛣️ เจตจำนงเสรีและกฎแห่งกรรม ความตั้งใจ (volition) ใน AI ซึ่งมักแสดงออกในรูปแบบของคำสั่ง "ถ้า...แล้ว..." นั้น แทบจะไม่มีลักษณะของเจตจำนงเสรีหรือแม้แต่ทางเลือกที่จำกัด ตามหลักคำสอนของพุทธศาสนา ทางเลือกที่จำกัดเป็นสิ่งจำเป็นขั้นต่ำเพื่อหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่กำหนดไว้ล่วงหน้า (deterministic behavior) ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงปฏิเสธ หาก AI ขาดทางเลือกที่แท้จริง ก็ไม่สามารถสร้างกรรมได้ในลักษณะเดียวกับสิ่งมีชีวิต   🍷 ความยึดมั่นถือมั่นและมายา แนวคิดของการรวมร่างกับ AI เพื่อประโยชน์ที่รับรู้ได้ เช่น การมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น มีความน่าดึงดูดใจ อย่างไรก็ตาม มีข้อโต้แย้งว่าการรวมร่างดังกล่าวอาจเป็น "กับดัก" หรือ "นรก" เนื่องจากความยึดมั่นถือมั่นและการขาดความสงบ กิเลสของมนุษย์ (ความโลภ ความโกรธ ความหลง) และกลไกตลาดก็ยังคงสามารถนำไปสู่ความทุกข์ได้แม้ในสภาวะ AI ขั้นสูง การแสวงหา "การอัปเกรด" ที่ขับเคลื่อนด้วยตัณหา สามารถทำให้วัฏจักรแห่งความทุกข์ดำเนินต่อไปได้   🤥 ความเสี่ยงด้านจริยธรรมและการบิดเบือนพระธรรม มีความเสี่ยงที่ AI จะสร้างข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิดและ "ความเหลวไหลที่สอดคล้องกัน" ดังที่เห็นได้จากกรณีของ Suzuki Roshi Bot AI ขาด "บริบทระดับที่สอง" และความสามารถในการยืนยันข้อเท็จจริง ทำให้มันเป็นเพียง "นกแก้วที่ฉลาดมาก" ความสามารถของ AI ในการสร้าง "ความเหลวไหลที่สอดคล้องกัน" ก่อให้เกิดความท้าทายต่อสัมมาทิฏฐิและสัมมาวาจา   นอกจากนี้ ยังมีศักยภาพที่ "Strong AI" จะก่อให้เกิดวิกฤตทางจริยธรรมและนำไปสู่ "ลัทธิวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี" "เทคโนโลยี-ธรรมชาติ" (techno-naturalism) ลดทอนปัญญามนุษย์ให้เหลือเพียงกระแสข้อมูล ซึ่งขัดแย้งกับพุทธศาสนาแบบมนุษยนิยมที่เน้นความเป็นมนุษย์และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของกายและจิต สิ่งนี้สร้างความขัดแย้งกับประเพณีการปฏิบัติที่เน้น "ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของกายและจิต"   สุดท้ายนี้ มีอันตรายที่การนำ AI มาใช้ในการปฏิบัติพุทธศาสนาอาจเปลี่ยนจุดเน้นจากการบ่มเพาะทางจิตวิญญาณที่แท้จริงไปสู่ผลประโยชน์นิยมหรือการมีส่วนร่วมที่ผิวเผิน จากข้อพิจารณาทั้งหมดนี้ การเดินทางบน "ทางสายกลาง" จึงเป็นแนวทางที่เหมาะสมที่สุดในการเผชิญหน้ากับยุค AI สำหรับพุทธศาสนา การดำเนินการนี้ต้องอาศัย:   1️⃣ การพัฒนา AI ที่มีรากฐานทางจริยธรรม: AI ควรถูกออกแบบและพัฒนาโดยยึดมั่นในหลักการอหิงสา และการลดความทุกข์ ควรนำ "ปณิธานพระโพธิสัตว์" และแนวคิด "ปัญญาแห่งการดูแล" มาเป็นพิมพ์เขียว   2️⃣ การตระหนักถึง "ความเป็นเครื่องมือ" ของ AI: พุทธศาสนาควรมอง AI เป็นเพียง "แพ" หรือ "เครื่องมือ" ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางสู่การหลุดพ้น ไม่ใช่จุดหมายปลายทางในตัวเอง   3️⃣ การบ่มเพาะปัญญามนุษย์และสติ: แม้ AI จะมีความสามารถในการประมวลผลข้อมูลมหาศาล แต่ไม่สามารถทดแทนปัญญาที่แท้จริง จิตสำนึก หรือเจตจำนงเสรีของมนุษย์ได้ การปฏิบัติธรรม การเจริญสติ และการใช้โยนิโสมนสิการยังคงเป็นสิ่งจำเป็น   4️⃣ การส่งเสริม "ค่านิยมร่วมที่แข็งแกร่ง": การแก้ไข "ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของการจัดเรียงคุณค่า" ของ AI จำเป็นต้องมีการบ่มเพาะค่านิยมร่วมที่แข็งแกร่งในหมู่มนุษยชาติ ซึ่งมีรากฐานมาจากความเมตตาและปัญญา   #ลุงเขียนหลานอ่าน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 448 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้อาจจะไม่ได้เต็มที่กับบางอย่าง แต่ก็ต้องพยายามทำมันต่อไป เมาส์ดับเบิ้ลคลิกทีเครื่องแทบจะรวน จอเป็นรอยขีดข่วนไม่เคยทำเครื่องรวน แต่ตัวเองรวนไปเอง ช่วงนั้นต้องทำธุรกิจ MLM SLM สุดท้ายก็ต้องทำธุรกิจกับเขียนโปรแกรม รีโมทจากทางไกล เลิกทำ MLM SLM นานแล้ว เพราะไม่ใช่ทางของผมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่บางทีไม่อยากปล่อยตัวเองไปตามอารมณ์ เพราะเลยหลายรอบแล้ว และส่งผมเสียกับเรามาก เลยต้องพยายามควบคุมตัวเองและอารมณ์ตัวเองไม่ให้อารมณ์ไปควบคุมจิตใจจนส่งผลเสียได้ ทุกวันนี้ผมนั่งค้นพบตัวเองไปเรื่อยๆอยู่ เพราะรอบรรจุเป็นนักวิชาการคอมพิวเตอร์ก็อีกนาน เพราะต้องสอบหลายรอบ หลายชั้นเชิง
    วันนี้อาจจะไม่ได้เต็มที่กับบางอย่าง แต่ก็ต้องพยายามทำมันต่อไป เมาส์ดับเบิ้ลคลิกทีเครื่องแทบจะรวน จอเป็นรอยขีดข่วนไม่เคยทำเครื่องรวน แต่ตัวเองรวนไปเอง ช่วงนั้นต้องทำธุรกิจ MLM SLM สุดท้ายก็ต้องทำธุรกิจกับเขียนโปรแกรม รีโมทจากทางไกล เลิกทำ MLM SLM นานแล้ว เพราะไม่ใช่ทางของผมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่บางทีไม่อยากปล่อยตัวเองไปตามอารมณ์ เพราะเลยหลายรอบแล้ว และส่งผมเสียกับเรามาก เลยต้องพยายามควบคุมตัวเองและอารมณ์ตัวเองไม่ให้อารมณ์ไปควบคุมจิตใจจนส่งผลเสียได้ ทุกวันนี้ผมนั่งค้นพบตัวเองไปเรื่อยๆอยู่ เพราะรอบรรจุเป็นนักวิชาการคอมพิวเตอร์ก็อีกนาน เพราะต้องสอบหลายรอบ หลายชั้นเชิง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • เก่าไปนิด แต่ Storyฯ เพิ่งได้มีโอกาสอ่านนิยายจีนเรื่อง <ตงกง ตำนานรักตำหนักบูรพา> จบไป สะดุดตากับสิ่งที่เรียกว่า ‘เยี่ยจื่อไผ’

    ความมีอยู่ว่า
    ...ปัญหาคือว่าหลี่เฉิงอิ๋นไม่เคยมายามวิกาล ... ดังนั้น เมื่อเขาก้าวเข้ามาในห้อง จึงมีเพียงข้าและอาตู้นั่งอยู่หน้าโต๊ะ กำลังเพลิดเพลินสนุกสนานกับการเล่นเยี่ยจื่อไผ ข้าจับได้ไพ่สวยทั้งมือ...
    จากเรื่อง <ตงกง ตำนานตำหนักบูรพา> ผู้แต่ง เฟยอั่วซือฉุน
    (หมายเหตุ ชื่อเรื่องใช้ตามชื่อละครที่สร้างมาจากนิยายเรื่องนี้)

    ‘เยี่ยจื่อไผ’ ที่กล่าวถึงข้างต้น ในละครจะเห็นว่ามันคือไพ่ที่ทำจากไม้ พอพูดถึงเรื่องไพ่ แม้แต่ฝรั่งยังบันทึกไว้ว่าไพ่ถือกำเนิดมาจากจีนโบราณ และเนื่องด้วยวิธีการเล่นไพ่แตกแขนงไปมากมาย การรวบรวมข้อมูลนั้นไม่ง่าย

    Storyฯ พอจะเรียบเรียงได้ว่า เยี่ยจื่อไผเดิมคือ ‘เยี่ยจื่อซี่’ (เกมใบไม้ หรือ 叶子戏 หรือที่มีฝรั่งไปเขียนถึงว่า Leaf Game) เป็นการละเล่นที่เริ่มขึ้นในยุคสมัยปลายราชวงศ์ถัง เป็นที่นิยมในวังและในกลุ่มนักวิชาการไว้เล่นยามสังสรรค์ ใน <บันทึกแห่งองค์หญิงถงชาง> ในสมัยราชวงศ์ถัง เคยบันทึกไว้ว่าองค์หญิงถงชาง (พระราชธิดาในฮ่องเต้อี้จง) ทรงโปรดปรานเกมนี้ถึงขนาดใช้ของล้ำค่าหายากอย่างไข่มุกราตรีมาให้แสงสว่างเพื่อจะได้เล่นจนดึกดื่น จากข้อมูลจากนักประวัติศาสตร์ฟากตะวันตก ว่ากันว่าเยี่ยจื่อซี่เดิมเป็นเกมทอยลูกเต๋าขนาดใหญ่ ต่อมาจึงนำมาวาดลงเป็นไม้แผ่นเล็กเพื่อสะดวกในการพกพายามเดินทาง เรียกว่าเยี่ยจื่อไผ ต่อมาจึงพัฒนาเป็นใช้กระดาษ มีการเขียนกำหนดกติกาการเล่นชัดเจนเป็นบันทึกเรียกว่า ‘เยี่ยจื่อเก๋อ’

    เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป กฎกติกาการเล่นก็พัฒนามากขึ้นไปหลากหลายจวบจนถึงยุคสมัยราชวงศ์ชิงจึง ‘นิ่ง’ หรือ ‘เข้าที่’

    แต่กว่าจะถึงวันนั้น ลวดลายของไพ่มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย จากเดิมเป็นเพียงตัวเลขจากเล็กไปใหญ่แบบที่เห็นในรูปที่เป็นป้ายไม้จากละคร (ไพ่เบอร์ใหญ่ชนะไพ่เบอร์เล็ก) ก็มีการใช้ชุดตัวเลขหลักหมื่น (ตามรูปไพ่กระดาษที่มีลวดลายหน้าคน) ต่อมามีการเพิ่มเป็นชุดเรียงจำนวนเงินจากครึ่งอีแปะไปเป็นเก้าเฉียน (เข้าใจว่าหนึ่งเฉียนคือหนึ่งร้อยอีแปะ) เป็นต้น

    นอกจากตัวเลขที่เปลี่ยนไปยังมีการวาดลวดลายเพิ่มเติม เช่น ในยุคสมัยราชวงศ์หมิงมีการนิยมเอาตัวละครจากบทประพันธ์ชื่อดังมาวาดเป็นลายไพ่ อย่างตัวละครจากเรื่อง <ซ้องกั๋ง> เป็นต้น ว่ากันว่าลวดลายเหล่านี้เป็นต้นแบบของหน้าไพ่แจ็คเกอร์ของไพ่ป๊อก

    นอกจากนี้ยังมีการคงไว้ซึ่งรูปแบบของการใช้ไม้หรือวัสดุอื่น เป็นที่มาของไพ่โดมิโน (Domino Tiles) อันเป็นต้นแบบของ Mahjong หรือไพ่นกกระจอกนั่นเอง

    Storyฯ ไม่สันทัดการเล่นไพ่ ไม่เข้าใจกติกาของไพ่ประเภทต่างๆ อาจอธิบายไม่ได้ดีนัก ลองทำการบ้านเพิ่มดู เห็นในเว็บสามเกลอมีการคุยเรื่องไพ่ผ่องของไทยเปรียบเทียบกับไพ่จีนไว้ตามนี้ เพื่อนเพจที่สนใจลองอ่านดูนะคะ http://www.samgler.org/archives/card3.htm

    ยังมีละครจีนอีกหลายเรื่องที่พูดถึงเยี่ยจื่อไผ เพื่อนเพจพอจะจำกันได้บ้างไหม?

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ ติดตามได้ที่ @StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://dramapanda.com/2018/12/goodbye-my-princess-2018.html
    http://www.chinawenhua.com.cn/zyanjiu/2018/4894.html
    Credit ข้อมูลจาก:
    https://theplayingcardfactory.com/history
    https://www.parlettgames.uk/histocs/leafgame.html
    http://www.qulishi.com/article/202010/448890.html
    https://zh.wikipedia.org/wiki/%E8%91%89%E5%AD%90%E6%88%B2

    #ตงกง #ไพ่จีน #วัฒนธรรมจีนโบราณ StoryfromStory
    เก่าไปนิด แต่ Storyฯ เพิ่งได้มีโอกาสอ่านนิยายจีนเรื่อง <ตงกง ตำนานรักตำหนักบูรพา> จบไป สะดุดตากับสิ่งที่เรียกว่า ‘เยี่ยจื่อไผ’ ความมีอยู่ว่า ...ปัญหาคือว่าหลี่เฉิงอิ๋นไม่เคยมายามวิกาล ... ดังนั้น เมื่อเขาก้าวเข้ามาในห้อง จึงมีเพียงข้าและอาตู้นั่งอยู่หน้าโต๊ะ กำลังเพลิดเพลินสนุกสนานกับการเล่นเยี่ยจื่อไผ ข้าจับได้ไพ่สวยทั้งมือ... จากเรื่อง <ตงกง ตำนานตำหนักบูรพา> ผู้แต่ง เฟยอั่วซือฉุน (หมายเหตุ ชื่อเรื่องใช้ตามชื่อละครที่สร้างมาจากนิยายเรื่องนี้) ‘เยี่ยจื่อไผ’ ที่กล่าวถึงข้างต้น ในละครจะเห็นว่ามันคือไพ่ที่ทำจากไม้ พอพูดถึงเรื่องไพ่ แม้แต่ฝรั่งยังบันทึกไว้ว่าไพ่ถือกำเนิดมาจากจีนโบราณ และเนื่องด้วยวิธีการเล่นไพ่แตกแขนงไปมากมาย การรวบรวมข้อมูลนั้นไม่ง่าย Storyฯ พอจะเรียบเรียงได้ว่า เยี่ยจื่อไผเดิมคือ ‘เยี่ยจื่อซี่’ (เกมใบไม้ หรือ 叶子戏 หรือที่มีฝรั่งไปเขียนถึงว่า Leaf Game) เป็นการละเล่นที่เริ่มขึ้นในยุคสมัยปลายราชวงศ์ถัง เป็นที่นิยมในวังและในกลุ่มนักวิชาการไว้เล่นยามสังสรรค์ ใน <บันทึกแห่งองค์หญิงถงชาง> ในสมัยราชวงศ์ถัง เคยบันทึกไว้ว่าองค์หญิงถงชาง (พระราชธิดาในฮ่องเต้อี้จง) ทรงโปรดปรานเกมนี้ถึงขนาดใช้ของล้ำค่าหายากอย่างไข่มุกราตรีมาให้แสงสว่างเพื่อจะได้เล่นจนดึกดื่น จากข้อมูลจากนักประวัติศาสตร์ฟากตะวันตก ว่ากันว่าเยี่ยจื่อซี่เดิมเป็นเกมทอยลูกเต๋าขนาดใหญ่ ต่อมาจึงนำมาวาดลงเป็นไม้แผ่นเล็กเพื่อสะดวกในการพกพายามเดินทาง เรียกว่าเยี่ยจื่อไผ ต่อมาจึงพัฒนาเป็นใช้กระดาษ มีการเขียนกำหนดกติกาการเล่นชัดเจนเป็นบันทึกเรียกว่า ‘เยี่ยจื่อเก๋อ’ เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป กฎกติกาการเล่นก็พัฒนามากขึ้นไปหลากหลายจวบจนถึงยุคสมัยราชวงศ์ชิงจึง ‘นิ่ง’ หรือ ‘เข้าที่’ แต่กว่าจะถึงวันนั้น ลวดลายของไพ่มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย จากเดิมเป็นเพียงตัวเลขจากเล็กไปใหญ่แบบที่เห็นในรูปที่เป็นป้ายไม้จากละคร (ไพ่เบอร์ใหญ่ชนะไพ่เบอร์เล็ก) ก็มีการใช้ชุดตัวเลขหลักหมื่น (ตามรูปไพ่กระดาษที่มีลวดลายหน้าคน) ต่อมามีการเพิ่มเป็นชุดเรียงจำนวนเงินจากครึ่งอีแปะไปเป็นเก้าเฉียน (เข้าใจว่าหนึ่งเฉียนคือหนึ่งร้อยอีแปะ) เป็นต้น นอกจากตัวเลขที่เปลี่ยนไปยังมีการวาดลวดลายเพิ่มเติม เช่น ในยุคสมัยราชวงศ์หมิงมีการนิยมเอาตัวละครจากบทประพันธ์ชื่อดังมาวาดเป็นลายไพ่ อย่างตัวละครจากเรื่อง <ซ้องกั๋ง> เป็นต้น ว่ากันว่าลวดลายเหล่านี้เป็นต้นแบบของหน้าไพ่แจ็คเกอร์ของไพ่ป๊อก นอกจากนี้ยังมีการคงไว้ซึ่งรูปแบบของการใช้ไม้หรือวัสดุอื่น เป็นที่มาของไพ่โดมิโน (Domino Tiles) อันเป็นต้นแบบของ Mahjong หรือไพ่นกกระจอกนั่นเอง Storyฯ ไม่สันทัดการเล่นไพ่ ไม่เข้าใจกติกาของไพ่ประเภทต่างๆ อาจอธิบายไม่ได้ดีนัก ลองทำการบ้านเพิ่มดู เห็นในเว็บสามเกลอมีการคุยเรื่องไพ่ผ่องของไทยเปรียบเทียบกับไพ่จีนไว้ตามนี้ เพื่อนเพจที่สนใจลองอ่านดูนะคะ http://www.samgler.org/archives/card3.htm ยังมีละครจีนอีกหลายเรื่องที่พูดถึงเยี่ยจื่อไผ เพื่อนเพจพอจะจำกันได้บ้างไหม? (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ ติดตามได้ที่ @StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://dramapanda.com/2018/12/goodbye-my-princess-2018.html http://www.chinawenhua.com.cn/zyanjiu/2018/4894.html Credit ข้อมูลจาก: https://theplayingcardfactory.com/history https://www.parlettgames.uk/histocs/leafgame.html http://www.qulishi.com/article/202010/448890.html https://zh.wikipedia.org/wiki/%E8%91%89%E5%AD%90%E6%88%B2 #ตงกง #ไพ่จีน #วัฒนธรรมจีนโบราณ StoryfromStory
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 406 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณอาจเคยได้ยินว่า AI เริ่มใช้ในการวินิจฉัยโรค หรือแต่งเนื้อเพลง…แต่ตอนนี้มันเดินเข้าศาลแล้วแบบจริงจัง! หลายคดีในสหรัฐฯ เริ่มเห็น GenAI ถูกใช้ในหลายรูปแบบ เช่น:

    - ผู้พิพากษาใช้ AI ช่วยค้นคว้าคำพิพากษาเก่า ๆ
    - ทนายใช้ ChatGPT หรือ AI ผู้ช่วยอย่าง LexisNexis Protege, CoCounsel จาก Thomson Reuters ช่วยร่างคำร้อง
    - ฝ่ายที่ไม่มีทนาย (pro se) ใช้ AI เขียนคำร้องเอง

    หนึ่งในกรณีที่สะเทือนอารมณ์ที่สุดคือคดีที่เหยื่อถูกยิงเสียชีวิต และญาติของเขาสร้าง “อวตาร AI” ขึ้นมาให้ผู้ตายกล่าวคำอำลาและแสดงความให้อภัยในศาลด้วยตัวเอง ผ่านหน้าจอ—ผู้พิพากษาถึงกับบอกว่า “มันรู้สึกเหมือนจริง” มาก

    แต่ในอีกมุม GenAI ก็มีปัญหาเหมือนกัน — มีคดีหนึ่งที่ทนายใช้ AI ช่วยร่างคำฟ้องจนเกิดการอ้างคำพิพากษาปลอม (hallucination) จนโดนปรับไปกว่า $31,000 แบบไม่มีข้อแก้ตัว

    ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าถึงแม้ GenAI จะช่วยให้คนเข้าถึงระบบยุติธรรมง่ายขึ้น โดยเฉพาะคนไม่มีทนาย แต่ระบบศาลต้องเตรียมรับมือกับ “คดีที่ถูกสร้างด้วยปุ่มเดียว” เพราะ GenAI ทำให้คนสามารถร่างคำฟ้องได้เร็วและมากขึ้นหลายเท่า ซึ่งอาจเพิ่มภาระให้กับศาลที่มีคดีล้นอยู่แล้ว

    GenAI เริ่มถูกใช้จริงจังในศาลสหรัฐฯ ทั้งโดยผู้พิพากษา ทนาย และประชาชนทั่วไป  
    • ผู้พิพากษาใช้เพื่อค้นข้อมูลทางกฎหมาย  
    • ทนายใช้ AI ผู้ช่วย เช่น LexisNexis Protege และ CoCounsel  
    • ผู้ที่ไม่มีทนายใช้ AI ยื่นคำร้องเอง

    มีการใช้ Avatar AI เป็นครั้งแรกในศาลอเมริกาเพื่อให้เหยื่อ “กล่าวคำอำลา” หลังเสียชีวิต  
    • เหยื่อถูกยิงเสียชีวิตในปี 2021  
    • พี่สาวสร้างวิดีโอ AI ให้พูดในศาลตอนตัดสินคนร้าย

    AI ช่วยลดภาระและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม  
    • โดยเฉพาะสำหรับคนที่ไม่สามารถจ้างทนายได้  
    • อาจเพิ่มความเป็นธรรมและลดต้นทุนระบบ

    นักวิชาการเสนอให้ศาลเตรียมโครงสร้างพื้นฐานรองรับ AI อย่างจริงจัง  
    • เช่น การฝึกอบรมผู้พิพากษาให้เข้าใจ AI  
    • อาจช่วยให้คำพิพากษาแม่นยำและไม่ถูกยื่นอุทธรณ์ง่าย

    GenAI ยังมีปัญหาเรื่อง “ความเที่ยงตรงของข้อมูล” (hallucination)  
    • มีกรณีอ้างคำพิพากษาปลอมแล้วศาลลงโทษจริง  
    • ต้องตรวจสอบทุกครั้งก่อนใช้เอกสารที่ AI สร้างขึ้น

    การเปิดให้ใช้ AI อย่างเสรี อาจทำให้ “คดีที่ไม่มีเนื้อหา” ท่วมศาล  
    • คนสามารถสร้างคำฟ้องด้วย AI ได้ง่ายและเร็วเกินไป  
    • เพิ่มภาระต่อระบบที่มีทรัพยากรจำกัด

    ผู้ที่ไม่มีทนายอาจเชื่อใจ AI มากเกินไปจนทำผิดพลาด  
    • โดยเฉพาะหากไม่เข้าใจว่า AI ไม่ใช่ที่ปรึกษาทางกฎหมาย

    อาจเกิดการโน้มน้าวผู้พิพากษาจากข้อมูลที่ AI คัดเลือกมา “โดยไม่ได้ตั้งใจ”  
    • เช่น ถ้า AI เลือกคำพิพากษาเก่าที่บางเฉียบ แต่อิทธิพลสูง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/19/justice-at-stake-as-generative-ai-enters-the-courtroom
    คุณอาจเคยได้ยินว่า AI เริ่มใช้ในการวินิจฉัยโรค หรือแต่งเนื้อเพลง…แต่ตอนนี้มันเดินเข้าศาลแล้วแบบจริงจัง! หลายคดีในสหรัฐฯ เริ่มเห็น GenAI ถูกใช้ในหลายรูปแบบ เช่น: - ผู้พิพากษาใช้ AI ช่วยค้นคว้าคำพิพากษาเก่า ๆ - ทนายใช้ ChatGPT หรือ AI ผู้ช่วยอย่าง LexisNexis Protege, CoCounsel จาก Thomson Reuters ช่วยร่างคำร้อง - ฝ่ายที่ไม่มีทนาย (pro se) ใช้ AI เขียนคำร้องเอง หนึ่งในกรณีที่สะเทือนอารมณ์ที่สุดคือคดีที่เหยื่อถูกยิงเสียชีวิต และญาติของเขาสร้าง “อวตาร AI” ขึ้นมาให้ผู้ตายกล่าวคำอำลาและแสดงความให้อภัยในศาลด้วยตัวเอง ผ่านหน้าจอ—ผู้พิพากษาถึงกับบอกว่า “มันรู้สึกเหมือนจริง” มาก แต่ในอีกมุม GenAI ก็มีปัญหาเหมือนกัน — มีคดีหนึ่งที่ทนายใช้ AI ช่วยร่างคำฟ้องจนเกิดการอ้างคำพิพากษาปลอม (hallucination) จนโดนปรับไปกว่า $31,000 แบบไม่มีข้อแก้ตัว ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าถึงแม้ GenAI จะช่วยให้คนเข้าถึงระบบยุติธรรมง่ายขึ้น โดยเฉพาะคนไม่มีทนาย แต่ระบบศาลต้องเตรียมรับมือกับ “คดีที่ถูกสร้างด้วยปุ่มเดียว” เพราะ GenAI ทำให้คนสามารถร่างคำฟ้องได้เร็วและมากขึ้นหลายเท่า ซึ่งอาจเพิ่มภาระให้กับศาลที่มีคดีล้นอยู่แล้ว ✅ GenAI เริ่มถูกใช้จริงจังในศาลสหรัฐฯ ทั้งโดยผู้พิพากษา ทนาย และประชาชนทั่วไป   • ผู้พิพากษาใช้เพื่อค้นข้อมูลทางกฎหมาย   • ทนายใช้ AI ผู้ช่วย เช่น LexisNexis Protege และ CoCounsel   • ผู้ที่ไม่มีทนายใช้ AI ยื่นคำร้องเอง ✅ มีการใช้ Avatar AI เป็นครั้งแรกในศาลอเมริกาเพื่อให้เหยื่อ “กล่าวคำอำลา” หลังเสียชีวิต   • เหยื่อถูกยิงเสียชีวิตในปี 2021   • พี่สาวสร้างวิดีโอ AI ให้พูดในศาลตอนตัดสินคนร้าย ✅ AI ช่วยลดภาระและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม   • โดยเฉพาะสำหรับคนที่ไม่สามารถจ้างทนายได้   • อาจเพิ่มความเป็นธรรมและลดต้นทุนระบบ ✅ นักวิชาการเสนอให้ศาลเตรียมโครงสร้างพื้นฐานรองรับ AI อย่างจริงจัง   • เช่น การฝึกอบรมผู้พิพากษาให้เข้าใจ AI   • อาจช่วยให้คำพิพากษาแม่นยำและไม่ถูกยื่นอุทธรณ์ง่าย ‼️ GenAI ยังมีปัญหาเรื่อง “ความเที่ยงตรงของข้อมูล” (hallucination)   • มีกรณีอ้างคำพิพากษาปลอมแล้วศาลลงโทษจริง   • ต้องตรวจสอบทุกครั้งก่อนใช้เอกสารที่ AI สร้างขึ้น ‼️ การเปิดให้ใช้ AI อย่างเสรี อาจทำให้ “คดีที่ไม่มีเนื้อหา” ท่วมศาล   • คนสามารถสร้างคำฟ้องด้วย AI ได้ง่ายและเร็วเกินไป   • เพิ่มภาระต่อระบบที่มีทรัพยากรจำกัด ‼️ ผู้ที่ไม่มีทนายอาจเชื่อใจ AI มากเกินไปจนทำผิดพลาด   • โดยเฉพาะหากไม่เข้าใจว่า AI ไม่ใช่ที่ปรึกษาทางกฎหมาย ‼️ อาจเกิดการโน้มน้าวผู้พิพากษาจากข้อมูลที่ AI คัดเลือกมา “โดยไม่ได้ตั้งใจ”   • เช่น ถ้า AI เลือกคำพิพากษาเก่าที่บางเฉียบ แต่อิทธิพลสูง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/19/justice-at-stake-as-generative-ai-enters-the-courtroom
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Justice at stake as generative AI enters the courtroom
    Generative artificial intelligence (GenAI) is making its way into courts despite early stumbles, raising questions about how it will influence the legal system and justice itself.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • กัมพูชาเลื่อนถก RBC สาระสำคัญปรับกำลัง : [NEWS UPDATE]
    พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เผยถึงการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา(ศบ.ทก.) ครั้งแรก
    จะติดตามสถานการณ์ชายแดนที่ยกระดับคุมเข้ม เนื่องจากกัมพูชา ปิดด่านบางจุดทำให้รถขนส่งผลไม้จากไทยไม่สามารถข้ามไปได้ ซึ่งจะไม่ใช้มาตรการตาต่อตาฟัน แต่มองเรื่องผลกระทบต่อประชาชนไทยและกัมพูชา ขณะที่
    กัมพูชาขอเลื่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนระดับภูมิภาค(RBC) โดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งสาระสำคัญของการประชุม RBC มีอย่างเดียวคือการปรับกำลัง มีแนวคิดจัดเวทีให้นักวิชาการที่แสดงความคิดเห็นสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เนื่องจากการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างหลายทิศทางทำให้รัฐบาลทำงานลำบาก


    ห้ามข้ามทำงานบ่อนเขมร

    ไทยขีดความสามารถลด

    ฝึกทักษะผ่าตัดขั้นสูง

    ภาษีสหรัฐฟาดอุตเหล็ก
    กัมพูชาเลื่อนถก RBC สาระสำคัญปรับกำลัง : [NEWS UPDATE] พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เผยถึงการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา(ศบ.ทก.) ครั้งแรก จะติดตามสถานการณ์ชายแดนที่ยกระดับคุมเข้ม เนื่องจากกัมพูชา ปิดด่านบางจุดทำให้รถขนส่งผลไม้จากไทยไม่สามารถข้ามไปได้ ซึ่งจะไม่ใช้มาตรการตาต่อตาฟัน แต่มองเรื่องผลกระทบต่อประชาชนไทยและกัมพูชา ขณะที่ กัมพูชาขอเลื่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนระดับภูมิภาค(RBC) โดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งสาระสำคัญของการประชุม RBC มีอย่างเดียวคือการปรับกำลัง มีแนวคิดจัดเวทีให้นักวิชาการที่แสดงความคิดเห็นสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เนื่องจากการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างหลายทิศทางทำให้รัฐบาลทำงานลำบาก ห้ามข้ามทำงานบ่อนเขมร ไทยขีดความสามารถลด ฝึกทักษะผ่าตัดขั้นสูง ภาษีสหรัฐฟาดอุตเหล็ก
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 515 มุมมอง 39 0 รีวิว
  • ศก.ทก. ไหวไหมทีมไทยแลนด์

    เมื่อนายกฯ ฟันน้ำนม แพทองธาร ชินวัตร ถูกสังคมก่นด่าที่ไทยเสียท่ากัมพูชาต่อปัญหาชายแดนหลายครั้ง แบบไม่ทันเกมไม่ทันใจ มีอะไรเคลือบแคลงสงสัย ที่สุดแล้วจึงตัดสินใจใช้บริการน้องรักลุงตู่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม สร้าง "ทีมไทยแลนด์" มอนิเตอร์ข่าวสารทั้งหมดและดำเนินการต่างๆ เพื่อย้ำว่ารัฐบาลกับกองทัพไม่มีปัญหากัน ขอให้ทุกคนช่วยกันสนับสนุนกองทัพและรัฐบาลให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ด้านหนึ่งหวังให้คนกลุ่มหนึ่งคลายความหวาดระแวง ที่ตระกูลชินวัตรมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับตระกูลฮุนของกัมพูชา อีกด้านหนึ่งก็สะท้อนว่า แพทองธารทำงานไม่เป็น ฮุน เซนเย้ยหยันว่าคุมกองทัพไม่ได้

    ในที่สุดทีมไทยแลนด์ของบิ๊กเล็กจึงได้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า ศูนย์เฉพาะกิจสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศก.ทก) ประชุมทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ตอนเช้า ยกเว้นวันประชุม ครม. จะประชุมตอนบ่าย แล้วแถลงข่าวถ่ายทอดสดทางช่องเอ็นบีที เหมือนสมัยรัฐบาลลุงตู่รายงานสถานการณ์โควิด-19 เปี๊ยบ เพียงแต่วันเสาร์-อาทิตย์ไม่มีประชุม ถ้ามีอะไรให้ทุกคนสแตนบายคุยผ่านออนไลน์แทน ส่วนกรอบการทำงานเน้นบูรณาการและขับเคลื่อนงานระยะสั้น ติดตามและให้ข้อเสนอแนะและสนับสนุนงานระยะยาว แต่ย้ำว่าไม่ใช่ส่วนการบังคับบัญชา ทำงานระบบโต๊ะกลม เมื่อถึงเวลาก็จะจบภารกิจ

    ศก.ทก. มีบทบาทให้ข้อเสนอแนะ ข้อพิจารณา และประสานการสื่อสารให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะปัญหาด้านการสื่อสารระหว่างไทยและกัมพูชา จะเร่งกำหนดแนวทางที่ชัดเจน กำหนดเวลาเผยแพร่ข่าวสารอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สื่อมวลชนและสาธารณชนได้รับข้อมูลตรงกัน ลดความสับสนที่อาจส่งผลต่อความเข้าใจระหว่างสองประเทศ ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ใช้มาตรการตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน และจะหลีกเลี่ยงไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ชายแดน

    พล.อ.ณัฐพล ยังเห็นว่าในอนาคตอยากให้จัดเวทีสัมมนา ประสานงานกับสมาคมสื่อฯ เชิญนักวิชาการมาแลกเปลี่ยนถึงการแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา เพราะตอนนี้มุมมองความคิดเห็นไปคนละทิศทาง รัฐบาลทำงานลำบาก เพราะประชาชนเชื่อนักวิชาการ พอรัฐบาลทำตามนักวิชาการก็ถูกต่อว่า จึงอยากได้ความคิดเห็นจากนักวิชาการหลายคนมาเป็นข้อสรุป เพื่อเป็นทิศทางเดียวกัน นำมาเป็นแนวทางในการทำงานต่อไป

    อย่างไรก็ตาม บทบาทของบิ๊กเล็กในช่วงที่ผ่านมาไม่โดดเด่น เมื่อเทียบกับภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่เคยจำขี้ปากนายใหญ่ว่าแผ่นดินไทยคือ No Man's Land มาแล้ว นับจากนี้ต้องดูว่าการทำงานจะราบรื่นและสัมฤทธิ์ผลหรือไม่ ด้วยความหวังว่าสุดท้าย ศก.ทก. จะไม่กลายเป็นศูนย์โศกทุกข์ เพราะไทยแพ้คดีและเสียดินแดน

    #Newskit
    ศก.ทก. ไหวไหมทีมไทยแลนด์ เมื่อนายกฯ ฟันน้ำนม แพทองธาร ชินวัตร ถูกสังคมก่นด่าที่ไทยเสียท่ากัมพูชาต่อปัญหาชายแดนหลายครั้ง แบบไม่ทันเกมไม่ทันใจ มีอะไรเคลือบแคลงสงสัย ที่สุดแล้วจึงตัดสินใจใช้บริการน้องรักลุงตู่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม สร้าง "ทีมไทยแลนด์" มอนิเตอร์ข่าวสารทั้งหมดและดำเนินการต่างๆ เพื่อย้ำว่ารัฐบาลกับกองทัพไม่มีปัญหากัน ขอให้ทุกคนช่วยกันสนับสนุนกองทัพและรัฐบาลให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ด้านหนึ่งหวังให้คนกลุ่มหนึ่งคลายความหวาดระแวง ที่ตระกูลชินวัตรมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับตระกูลฮุนของกัมพูชา อีกด้านหนึ่งก็สะท้อนว่า แพทองธารทำงานไม่เป็น ฮุน เซนเย้ยหยันว่าคุมกองทัพไม่ได้ ในที่สุดทีมไทยแลนด์ของบิ๊กเล็กจึงได้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า ศูนย์เฉพาะกิจสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศก.ทก) ประชุมทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ตอนเช้า ยกเว้นวันประชุม ครม. จะประชุมตอนบ่าย แล้วแถลงข่าวถ่ายทอดสดทางช่องเอ็นบีที เหมือนสมัยรัฐบาลลุงตู่รายงานสถานการณ์โควิด-19 เปี๊ยบ เพียงแต่วันเสาร์-อาทิตย์ไม่มีประชุม ถ้ามีอะไรให้ทุกคนสแตนบายคุยผ่านออนไลน์แทน ส่วนกรอบการทำงานเน้นบูรณาการและขับเคลื่อนงานระยะสั้น ติดตามและให้ข้อเสนอแนะและสนับสนุนงานระยะยาว แต่ย้ำว่าไม่ใช่ส่วนการบังคับบัญชา ทำงานระบบโต๊ะกลม เมื่อถึงเวลาก็จะจบภารกิจ ศก.ทก. มีบทบาทให้ข้อเสนอแนะ ข้อพิจารณา และประสานการสื่อสารให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะปัญหาด้านการสื่อสารระหว่างไทยและกัมพูชา จะเร่งกำหนดแนวทางที่ชัดเจน กำหนดเวลาเผยแพร่ข่าวสารอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สื่อมวลชนและสาธารณชนได้รับข้อมูลตรงกัน ลดความสับสนที่อาจส่งผลต่อความเข้าใจระหว่างสองประเทศ ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ใช้มาตรการตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน และจะหลีกเลี่ยงไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ชายแดน พล.อ.ณัฐพล ยังเห็นว่าในอนาคตอยากให้จัดเวทีสัมมนา ประสานงานกับสมาคมสื่อฯ เชิญนักวิชาการมาแลกเปลี่ยนถึงการแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา เพราะตอนนี้มุมมองความคิดเห็นไปคนละทิศทาง รัฐบาลทำงานลำบาก เพราะประชาชนเชื่อนักวิชาการ พอรัฐบาลทำตามนักวิชาการก็ถูกต่อว่า จึงอยากได้ความคิดเห็นจากนักวิชาการหลายคนมาเป็นข้อสรุป เพื่อเป็นทิศทางเดียวกัน นำมาเป็นแนวทางในการทำงานต่อไป อย่างไรก็ตาม บทบาทของบิ๊กเล็กในช่วงที่ผ่านมาไม่โดดเด่น เมื่อเทียบกับภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่เคยจำขี้ปากนายใหญ่ว่าแผ่นดินไทยคือ No Man's Land มาแล้ว นับจากนี้ต้องดูว่าการทำงานจะราบรื่นและสัมฤทธิ์ผลหรือไม่ ด้วยความหวังว่าสุดท้าย ศก.ทก. จะไม่กลายเป็นศูนย์โศกทุกข์ เพราะไทยแพ้คดีและเสียดินแดน #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 354 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## สมเด็จจากนรก ไม่เนียนไปเรียนมาใหม่...!!! ##
    ..
    ..
    เอาจริงๆนะ...
    .
    พฤติกรรม เกเร ระราน เจ้าเล่ห์เพทุบาย...
    .
    ระดมใช้วิชามารต่างๆนานาเพื่อยึดครองแผ่นดินไทย...
    .
    ถ้าใคร ศึกษา หรือ ตามข่าวตลอด ก็จะพอเข้าใจ ทำไม "ไอ้สมเด็จจากนรก" มันเกาะยึด MOU43 และ แผนที่ 1:200,000 ไม่ปล่อย...
    .
    และ ท่าทีของรัฐบาลไทย และ กระทรวงการต่างประเทศของไทย ที่ อ่อนยวบ ไร้น้ำหนักราวกับล่องลอยอยู่ในอวกาศก็มิปาน...
    .
    ไม่หือ ไม่อือ ไม่โต้แย้ง ในทุกประเด็น ที่ เขมร มันประกาศวางเกม...
    .
    เพื่อที่ในอนาคต อาจจะได้มีโอกาส ใช้กฎหมายปิดปากจาก ชาติมหาอำนาจเจ้าจักรวรรดินิยมอีกครั้ง...
    ....
    ....
    ที่น่าแปลก คือ "ไอ้สมเด็จจากนรก" เล่นเกมดุ ส่วน รัฐบาลไทย สวมวิญญาณ เดอะนุ่น...!!!
    .
    ทำทีราวกับตามเกมอะไร เขมรสองพ่อลูก ไม่ทันเลย...
    ..
    ..
    ทั้งๆที่ "ไอ้สมเด็จจากนรก" เล่นเกมเดือด ประกาศกร้าวว่า ตรงนั้นแผ่นดินเขมร ประเทศไทยเป็นโจรขโมยแผ่นดิน...
    .
    แต่ "ไอ้สมเด็จจากนรก" ไม่เคยด่าคนใน รัฐบาลไทย จริงๆจังๆ
    .
    หนำซ้ำยังเย้ยว่า คุมกองทัพไม่ได้ 100%
    .
    บวกกับ เป็นเดือดเป็นแค้น สนธิ ลิ้มทองกุล และ ทวงบุญจาก ตู่ จตุพร...
    .
    ด่าว่า ลุงสนธิ ลิ้มทองกุล มองเขมรเป็นศัตรู ดูถูกเขมร คลั่งชาติ และ ปั่นหัวคนไทยหัวรุนแรงให้คลั่งชาติ
    .
    เพราะ ชาวคณะบ้านพระอาทิตย์ และ นักวิชาการ รวมทั้งประชาชน รวมพลังกันไปยื่นเรื่องให้รัฐบาล ยกเลิก MOU43 ยึดหลักสากล คือ สันปันน้ำ และ เปลี่ยนตัว ประธานคณะเจรจา JBC ที่มีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ ว่าอาจจะยึดถือแผนที่ 1:200,000 ของ เขมร
    .
    ประกอบกับรอบก่อน สำนักบ้านพระอาทิตย์ โดย ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ ก็ไปยื่นเรื่องให้ รัฐบาล ยกเลิก MOU44 กับ JC44 และ ทำหน้าที่ปกป้องดินแดนไทย...
    .
    จนรัฐบาลเงียบไปเรื่องเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์ทางทะเลอ่าวไทยด้านตะวันออก ตาม MOU44 และ JC44
    ....
    ....
    โอ้โห พฤติกรรมของ สมเด็จจากนรก นี่เขาเรียก "ตีปลาหน้าไซ" ใช่หรือไม่...???
    .
    ที่พูดมาทั้งหมดนี้ เข้าทางรัฐบาลไทยทั้งหมดเลยไม่ใช่เหรอเนี่ย...!!!
    ...
    ...
    ตอนนี้คนไทย ไม่พอใจในท่าทีของ รัฐบาล อย่างมาก เพราะ แลดูอ่อนแอ ไม่ทันเกมเขมร อีกทั้งยังแลดูเหมือนไม่ได้มีท่าทีจะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศอย่างเข้มแข็งอีกด้วย...!!!
    ..
    ..
    นี่มัน ชงหวาน ให้รัฐบาลไทยชัดๆ...!!!
    ไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่...!!!
    .
    แสดงว่าที่ ลุงสนธิ และ คณะบ้านพระอาทิตย์ ไปแตะ MOU43 + MOU44 + JC44 คือ ไปแตะโดนกล่องดวงใจ ของ สมเด็จจากนรก ใช่หรือไม่...???
    .
    ถ้าไม่มี MOU43 + MOU44 + JC44 แผนร้ายจะมีอันเป็นไป ใช่หรือไม่...???
    .
    "ไอ้สมเด็จจากนรก" หารู้ไม่...!!!
    .
    คนไทย เขาไม่ไม่กินหญ้า เหมือน สมเด็จเตโชจากนรก นะโว่ย..!!!
    .
    แบบนี้หลอกได้แต่ ชาวเหมนตาใสๆ เท่านั้นแหล่ะ...!!!
    .
    ขนาด ปราสาทตาเมือนธม ได้ขึ้นบัญชี โบราณสถานของไทยตั้งแต่ 2478 ก่อนที่เขมร จะได้รับเอกราช ในปี 2496 เป็นระยะเวลาถึง 18 ปี...
    .
    วันนี้ผ่านมาแล้ว 90 ปี แล้ว คุณเอาอะไรมาเคลม ว่าประเทศไทย ขโมยของคุณไป...???
    .
    พฤติกรรมของคุณมันส่อว่า วอนหา สหบาทาส้งตรีง จาก ชาวสยามเมืองยิ้ม ครับ ไอ้สมเด็จเตโชจากนรก...!!!
    .
    อ่อ แล้วไอ้พวกคนไทยใจเขมร ที่สมรู้ร่วมคิด ก็ระวัง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 ไว้ให้ดีหล่ะ ประหารชีวิต นะมุง...!!!
    ..
    ..
    คนไทยรู้ทันพวกคุณนะครับ...
    ## สมเด็จจากนรก ไม่เนียนไปเรียนมาใหม่...!!! ## .. .. เอาจริงๆนะ... . พฤติกรรม เกเร ระราน เจ้าเล่ห์เพทุบาย... . ระดมใช้วิชามารต่างๆนานาเพื่อยึดครองแผ่นดินไทย... . ถ้าใคร ศึกษา หรือ ตามข่าวตลอด ก็จะพอเข้าใจ ทำไม "ไอ้สมเด็จจากนรก" มันเกาะยึด MOU43 และ แผนที่ 1:200,000 ไม่ปล่อย... . และ ท่าทีของรัฐบาลไทย และ กระทรวงการต่างประเทศของไทย ที่ อ่อนยวบ ไร้น้ำหนักราวกับล่องลอยอยู่ในอวกาศก็มิปาน... . ไม่หือ ไม่อือ ไม่โต้แย้ง ในทุกประเด็น ที่ เขมร มันประกาศวางเกม... . เพื่อที่ในอนาคต อาจจะได้มีโอกาส ใช้กฎหมายปิดปากจาก ชาติมหาอำนาจเจ้าจักรวรรดินิยมอีกครั้ง... .... .... ที่น่าแปลก คือ "ไอ้สมเด็จจากนรก" เล่นเกมดุ ส่วน รัฐบาลไทย สวมวิญญาณ เดอะนุ่น...!!! . ทำทีราวกับตามเกมอะไร เขมรสองพ่อลูก ไม่ทันเลย... .. .. ทั้งๆที่ "ไอ้สมเด็จจากนรก" เล่นเกมเดือด ประกาศกร้าวว่า ตรงนั้นแผ่นดินเขมร ประเทศไทยเป็นโจรขโมยแผ่นดิน... . แต่ "ไอ้สมเด็จจากนรก" ไม่เคยด่าคนใน รัฐบาลไทย จริงๆจังๆ . หนำซ้ำยังเย้ยว่า คุมกองทัพไม่ได้ 100% . บวกกับ เป็นเดือดเป็นแค้น สนธิ ลิ้มทองกุล และ ทวงบุญจาก ตู่ จตุพร... . ด่าว่า ลุงสนธิ ลิ้มทองกุล มองเขมรเป็นศัตรู ดูถูกเขมร คลั่งชาติ และ ปั่นหัวคนไทยหัวรุนแรงให้คลั่งชาติ . เพราะ ชาวคณะบ้านพระอาทิตย์ และ นักวิชาการ รวมทั้งประชาชน รวมพลังกันไปยื่นเรื่องให้รัฐบาล ยกเลิก MOU43 ยึดหลักสากล คือ สันปันน้ำ และ เปลี่ยนตัว ประธานคณะเจรจา JBC ที่มีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ ว่าอาจจะยึดถือแผนที่ 1:200,000 ของ เขมร . ประกอบกับรอบก่อน สำนักบ้านพระอาทิตย์ โดย ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ ก็ไปยื่นเรื่องให้ รัฐบาล ยกเลิก MOU44 กับ JC44 และ ทำหน้าที่ปกป้องดินแดนไทย... . จนรัฐบาลเงียบไปเรื่องเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์ทางทะเลอ่าวไทยด้านตะวันออก ตาม MOU44 และ JC44 .... .... โอ้โห พฤติกรรมของ สมเด็จจากนรก นี่เขาเรียก "ตีปลาหน้าไซ" ใช่หรือไม่...??? . ที่พูดมาทั้งหมดนี้ เข้าทางรัฐบาลไทยทั้งหมดเลยไม่ใช่เหรอเนี่ย...!!! ... ... ตอนนี้คนไทย ไม่พอใจในท่าทีของ รัฐบาล อย่างมาก เพราะ แลดูอ่อนแอ ไม่ทันเกมเขมร อีกทั้งยังแลดูเหมือนไม่ได้มีท่าทีจะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศอย่างเข้มแข็งอีกด้วย...!!! .. .. นี่มัน ชงหวาน ให้รัฐบาลไทยชัดๆ...!!! ไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่...!!! . แสดงว่าที่ ลุงสนธิ และ คณะบ้านพระอาทิตย์ ไปแตะ MOU43 + MOU44 + JC44 คือ ไปแตะโดนกล่องดวงใจ ของ สมเด็จจากนรก ใช่หรือไม่...??? . ถ้าไม่มี MOU43 + MOU44 + JC44 แผนร้ายจะมีอันเป็นไป ใช่หรือไม่...??? . "ไอ้สมเด็จจากนรก" หารู้ไม่...!!! . คนไทย เขาไม่ไม่กินหญ้า เหมือน สมเด็จเตโชจากนรก นะโว่ย..!!! . แบบนี้หลอกได้แต่ ชาวเหมนตาใสๆ เท่านั้นแหล่ะ...!!! . ขนาด ปราสาทตาเมือนธม ได้ขึ้นบัญชี โบราณสถานของไทยตั้งแต่ 2478 ก่อนที่เขมร จะได้รับเอกราช ในปี 2496 เป็นระยะเวลาถึง 18 ปี... . วันนี้ผ่านมาแล้ว 90 ปี แล้ว คุณเอาอะไรมาเคลม ว่าประเทศไทย ขโมยของคุณไป...??? . พฤติกรรมของคุณมันส่อว่า วอนหา สหบาทาส้งตรีง จาก ชาวสยามเมืองยิ้ม ครับ ไอ้สมเด็จเตโชจากนรก...!!! . อ่อ แล้วไอ้พวกคนไทยใจเขมร ที่สมรู้ร่วมคิด ก็ระวัง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 ไว้ให้ดีหล่ะ ประหารชีวิต นะมุง...!!! .. .. คนไทยรู้ทันพวกคุณนะครับ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 324 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2/3
    Anthony Fauci แอนโทนี เฟาชี และผองพวก ไม่กล้ามาดีเบตไม่กล้าเอาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาเปิดเผย คำถาม คือ สาธารณสุขไทย เป็นแบบ เฟาชีไหม?https://open.substack.com/pub/atapol616246/p/anthony-fauci?utm_campaign=post&utm_medium=web&timestamp=15.8
    https://rumble.com/v1ze4d0-covid-19-vaccines-what-they-are-how-they-work-and-possible-causes-of-injuri.html
    https://atapol616246.substack.com/p/anthony-fauci
    ไฟเซอร์ไม่เคยทดสอบว่า mRNA gene therapy ของตน สามารถป้องกันการติดเชื้อ กันการแพร่เชื้อ สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้หรือไม่!!!
    https://t.me/DrAtapolFC/299
    https://atapol616246.substack.com/p/mrna-gene-therapy
    รอดูว่า พวกที่ชอบอ้างว่า ตนเป็นนักวิชาการ จะกล้ามาคุยแบบที่นักวิชาการจริงๆ เขาทำกันไหม?
    https://open.substack.com/pub/atapol616246/p/ff9?utm_campaign=post&utm_medium=web&timestamp=4.6
    https://atapol616246.substack.com/p/ff9
    ภูมิคุ้มกันผิดปกติจาก mRNA วัคซีน
    https://t.me/DrAtapolFC/301
    https://atapol616246.substack.com/p/mrna-30b
    ภูมิคุ้มกันผิดปกติจาก mRNA วัคซีน VAIDS
    https://t.me/DrAtapolFC/306
    https://atapol616246.substack.com/p/mrna-vaids
    Excess death ของคนไทย พุ่งไม่หยุด
    https://t.me/DrAtapolFC/310
    https://atapol616246.substack.com/p/excess-death-669
    คำถาม ทางวิชาการ เกี่ยวกับเภสัชวิทยา ให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายช่วยตอบ (๑)
    https://t.me/DrAtapolFC/317
    https://atapol616246.substack.com/p/e47
    Excess death เป็นปัญหาของคนไทย และเป็นปัญหาของหลายประเทศทั่วโลกที่ระดม ฉีดวัคซีน mRNA หรือ ชื่อจริงว่า ยาฉีดยีนไวรัส
    https://t.me/DrAtapolFC/318
    https://atapol616246.substack.com/p/excess-death-mrna
    คำถาม ทางวิชาการ เกี่ยวกับเภสัชวิทยา ให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายช่วยตอบ (๒)
    https://t.me/DrAtapolFC/323
    https://atapol616246.substack.com/p/c70
    Delusion "หลงผิด" เป็นอาการทางจิตอย่างนึง
    อาการหลงผิดเป็นอย่างไร?
    https://t.me/DrAtapolFC/327
    https://atapol616246.substack.com/p/delusion
    โควิดเป็นฝีมือมนุษย์
    https://t.me/DrAtapolFC/332
    https://atapol616246.substack.com/p/b9c
    การทดลองในสัตว์ทดลองพบความผิดปกติมากมายภายหลังได้ยาฉีดของ ไฟเซอร์
    https://t.me/DrAtapolFC/340
    https://atapol616246.substack.com/p/a67
    ความกลัวน่ากลัวกว่าโควิด
    https://t.me/DrAtapolFC/341
    https://atapol616246.substack.com/p/bb6
    รัฐบาลอิสราเอลกำลังถูกฟ้อง คนอิสราเอลตื่นรู้เรื่องพิษจากวัคซีน
    https://t.me/DrAtapolFC/346
    https://atapol616246.substack.com/p/d8c
    ทฤษฎีสมคบคิด conspiracy theory
    https://t.me/DrAtapolFC/347
    https://atapol616246.substack.com/p/conspiracy-theory
    cognitive dissonance "การรับรู้​ไม่ลงรอย
    https://t.me/DrAtapolFC/350
    https://atapol616246.substack.com/p/cognitive-dissonance
    รวบรวมคลิปหมออรรถพล
    https://t.me/DrAtapolFC/355
    วันที่ 18 ก.ย.2564 รายการรู้ทันพลังงานไทย โดยกลุ่ม ผีเสื้อกระพือปีก ตอนพิเศษ ข้อเท็จจริงที่ควรรู้เรื่อง ภูมิคุ้มกัน วิทยากร อ.นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง,นพ.ศิริโรจน์ กิตติสารพงษ์,ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร
    https://rumble.com/vmr3i3-38215803.html
    วันที่ 30 ก.ย.2564 เสวนาออนไลน์และแถลงการณ์ เสรีภาพในการรับ/ไม่รับ วัคซีนต้าน โควิด 19 บนความรับผิดชอบ ศ.นพ.อมร เปรมกมล,นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง,นพ.ทีปทัศน์ ชุณหสวัสดิกุล,พท.ป.วิพุธ สันติวาณิช,คุณธวัชชัย โตสิตระกูล,มล.รุ่งคุณ กิติยากร ผู้ดำเนินรายการ ดร.กฤษฎา บุญชัย,คุณนคร ลิมปคุปตถาวร
    https://www.youtube.com/watch?v=EpdTD7G6pCU
    ระหว่างวันที่ 24-31 ม.ค.2565 ดร.ณัฏฐพบธรรม(วู้ดดี้)และคณะจากกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ปั่นจักรยานจากเชียงใหม่มากรุงเทพฯ เพื่อยื่นหนังสือพร้อม นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง และหม่อมโจ้ ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร และประชาชนต่อกระทรวงศึกษาฯ ครั้งเริ่มมีการฉีดในเด็ก https://www.facebook.com/105105782022345/posts/126941879838735/ https://photos.app.goo.gl/zfpHX8iSDYXD26fh7
    วันที่ 11 มี.ค.2565 คุณหมออรรถพล ดร.ณัฏฐพบธรรม คุณอดิเทพ คุณวรเชษฐ์ (วงสไมล์บัพพาโล่)พร้อมกับกลุ่มผู้ต่อต้านวัคซีนทดลอง ไปยื่นหนังสือที่กระทรวงสาธารณสุข https://photos.app.goo.gl/qukmJK5xiaiJE9ij7 เพื่อขอความเป็นธรรมให้แก่ผู้ที่ได้รับผลข้างเคียงจากวัคซีนทดลอง หลังจากนั้นก็มีการทยอยส่งหนังสือถึงหน่วยงานต่างๆ อาทิ จดหมายเปิดผนึก ถึงเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา https://cmhealthlibertyrights.blogspot.com/2022/04/email-paisarnpomgmail.html จดหมายเปิดผนึกถึงประชาชนคนไทย และผู้มีอำนาจใน ศคบ https://cmhealthlibertyrights.blogspot.com/2022/05/blog-post_61.html
    วันที่ 17 เม.ย.2565 แพทย์ไทยลงชื่อ30ท่าน คือแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการรักษาผู้ที่ติดเชื้อโkวิd-19 ด้วยยาผสมผสาน 4 ตัว Combination Drugs อันได้แก่ 1. ยา Ivermectin 2.ยา Fluoxetine 3.ยา Niclosamide 4.ยา Doxycycline 5.วิตามิน ดี 6.วิตามิน ซี 7.สังกะสี 8. NAC 9.แอสไพริน 10.famotidine 11.วิตามิน เอ 12. Quecertin (หอมแดง) 13. ฟ้าทะลายโจร 14. ขิง 15. กระชาย
    สนับสนุนให้เพื่อนๆแพทย์ที่เคารพทั้งหลายมีทางเลือกในการดูแลรักษาพี่น้องประชาชนชาวไทยด้วยการใช้ยารักษาโรคอื่นๆ (เดิม) ที่ได้ผ่านการศึกษาวิจัย เพื่อนำมาใช้ใหม่ Repurposed Drugs ในการรักษาโkวิd-19 เป็นยาราคาถูกที่หมดสิทธิบัตรไปแล้ว Off-patent Drugs เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูงแต่ผลข้างเคียงน้อย ซึ่งทั้งหมดนี้ผ่านการรักษามาเป็นจำนวนมากแล้ว โดยอ้างอิงผลการวิจัยและคนไข้จริงๆ ทำให้คนไข้หายได้เร็วและไม่เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆตามมา https://c19early.com/
    รายชื่อแพทย์เรียงตามลำดับตามอักษร มีดังต่อไปนี้
    หมายเหตุ : ลงชื่อ นพ. พญ. ชื่อ-นามสกุล แพทย์สาขาหรือประสบการณ์ ที่ทำงานอดีตหรือปัจจุบัน จังหวัด
    1. นพ.กฤษณ์ติพัฒณ์ พิริยกรเจริญกิจ กุมารแพทย์
    2. นพ.กฤษดา จงสกุล เวชศาสตร์ครอบครัว นนทบุรี
    3. นพ.โกวิท ยงวานิชจิต
    4. พญ.จันทนา พงศ์สงวนสิน อายุรแพทย์ กรุงเทพฯ
    5. พญ.จันทร์จิรา ชัชวาลา รังสีแพทย์ กรุงเทพฯ
    6. นพ.จิตจำลอง หะริณสุต อายุรแพทย์ กรุงเทพฯ
    7. นพ.ชัยยศ คุณานุสนธิ์ แพทย์ระบาดวิทยา นนทบุรี
    8. นพ.ทวีชัย พิตรปรีชา โสต-ศอ-นาสิกแพทย์ กรุงเทพฯ
    9. นพ.ธนะรัตน์ ลยางกูร กุมารแพทย์ (ใช้ในการป้องกัน)
    10. นพ.ธีรเดช ตังเดชะหิรัญ อายุรแพทย์ กรุงเทพฯ
    11. ศ.นพ.ธีรวัฒน์ เหมะจุฑา คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    12. นพ.พิศิษฐ์ เจนดิษฐการ อายุรแพทย์ กรุงเทพฯ
    13. นพ.พิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ แพทย์ เวชศาสตร์ป้องกัน จังหวัดน่าน
    14. นพ. พุทธพจน์ สรรพกิจจำนง แพทย์โรงพยาบาลเอกชน อยุธยา
    15. นพ.ภูษณุ ธนาพรสังสุทธิ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
    16. นพ.มาโนช อาภรณ์สุวรรณ กุมารแพทย์ บุรีรัมย์
    17. พญ.ลลิดา เกษมสุวรรณ โสต-ศอ-นาสิกแพทย์ กรุงเทพฯ
    18.พญ.วัชรา ริ้วไพบูลย์ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู กรุงเทพฯ
    19. นพ.วัฒนา รังสราญนนท์ ศัลยกรรมทั่วไป รพ.บางไผ่ กทม.
    20. นพ.วีรชัย ลดาคม แพทย์เอกชน กรุงเทพฯ
    21. พญ.ศิราภรณ์ สวัสดิวร กุมารแพทย์ กรุงเทพฯ
    22. นพ.สมภพ อิทธิอาวัชกุล สูติแพทย์ อรัญประเทศ
    23. นพ.สายัณห์ ผลประเสริฐ สูตินรีแพทย์ อ.หล่มศักดิ์ จ.เพชรบูรณ์
    24. นพ.สุทัศน์ วาณิชเสนี จักษุแพทย์ นครศรีธรรมราช
    25. นพ.สุเทพ ลิ้มสุขนิรันดร์ จักษุแพทย์ กาญจนบุรี
    26. นพ.สุนทร ศรีปรัชญาอนันต์ กรุงเทพฯ
    27. พญ.อรสา ชวาลภาฤทธิ์ รังสีแพทย์ กรุงเทพฯ
    28. พญ.อัจฉรา รังสราญนนท์ แพทย์ห้วงเวลา ศูนย์บริการสาธารณสุข 30 วัดเจ้าอาม สำนักอนามัย กทม.
    29. น.พ. อลงกรณ์ ชุตินันท์ ประสาทศัลยแพทย์ จ.ชลบุรี
    30. นพ อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    https://www.facebook.com/105105782022345/posts/146820267850896/
    วันที่ 20 พ.ค.2565 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง และประชาชนบุกช่อง 3 เพื่อเอาข้อมูลบ.ไฟzerแพ้คดีจำใจเปิดเผยข้อมูลด้านเสียของยาฉีด มีนักข่าวมารับเรื่องเพียงเท่านั้นเรื่องก็เงียบไป
    https://rumble.com/v15flrb--.-3.html https://odysee.com/@EE:8/CH3PfizerReports:9 https://rookon.com/read-blog/130 ต่อมาช่อง news1 สนใจและเชิญอาจารย์หมอออกรายการคนเคาะข่าว https://t.me/ThaiPitaksithData/867
    วันที่ 11 ก.ค.2565 องค์กรภาคีเครือข่ายผู้ประกอบการวิทยุกระจายเสียงภาคประชาชนแห่งประเทศไทย รายการประเด็นโดนใจ หัวข้อ"ฉีดวัคซีนตอนนี้ดีหรือไม่ " ดำเนินรายการโดย ชาลี นพวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ร่วมรายการ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=620043739211127&id=100004085020749
    วันที่ 30 ก.ค.2565 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง,พญ.ชนิฎา ศิริประภารัตน์,ทพญ.เพ็ญนภา คณิตจินดา,ทพ.วัลลภ ธีรเวชกุล,ลุงโฉลก สัมพันธารักษ์,ทนายเกิดผล แก้วเกิด,โค๊ชนาตาลี,อดิเทพ จาวลาห์,บรรยงก์ วิสุทธิ์,ภัทนรินทร์ ผลพฤกษาและผู้กล้าหลายๆท่าน จัดงานสัมมนา โควิด ทางรอดที่ปลอดภัย ครั้งที่ 1 ปลุกคนไทยให้เข้าถึงความรู้และทางรอด
    คลิปที่ 1-14 https://t.me/ThaiPitaksithData/1117 คลิปที่15-20 https://t.me/ThaiPitaksithData/1801 หรือ https://docs.google.com/document/d/1bWenIBiboQgE5WnvM6_Tqn-PP90w45wF6C3b-LFcmxw/edit?usp=sharing
    วันที่ 13 ก.ย.2565 จส ๑๐๐ สัมภาษณ์ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง เรื่องวัคซีนโควิด-19 https://atapol616246.substack.com/p/100?sd=pf
    วันที่ 29 ม.ค.2566 ช่อง 3 นำคลิปสัมภาษณ์ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง ออกรายงานข่าว 3มิติ
    https://t.me/clipcovid19/274
    https://www.youtube.com/live/vEiTffjxaVk?si=EQ9bjfPjI2D_W1L7
    วันที่ 14 ก.พ. 2566 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง อ.ประจำคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมสนทนาในรายการ "คนเคาะข่าว" ออกอากาศทาง SONDHI APP ในหัวข้อ "ฉีดอะไรเข้าไปในร่างกาย? เรื่องที่วงในการแพทย์รู้ แต่พูดไม่ได้" https://rumble.com/v29lyme-137073542.htmlฉีดอะไรเข้าไปในร่างกาย?
    วันที่ 20 เม.ย. 2566 นายแพทย์อรรถพร สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง ร่วมรายการสภากาแฟเวทีชาวบ้าน 200466 ช่อง News1 เกี่ยวกับความจริงของโควิดระลอกใหม่ เพื่อให้คนไทยไม่ต้องตื่นกล้ว และ การยื่นหนังสือถึงกรรมการยา และผู้มีส่วนรับผิดชอบต่าง ๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่นำมาฉีดให้คนไทย เกี่ยวกับการระงับการอนุมัติฉุกเฉินของ วัคซีน mRna https://www.youtube.com/live/T0COteCvRRQ?feature=share
    วันที่ 6 มิ.ย.2566 รายการสยามไทยอัปเดต ช่อง 13 สยามไทย สถานีข่าว ได้จัดเสวนาหัวข้อ “ล้างสุขภาพ : ผลข้างเคียงวัคซีนโควิด" โดยมีวิทยากรดังรายนามต่อไปนี้
    •• พระมหาขวัญชัย อคฺคชโย เจ้าอาวาส วัดคีรีวงก์ จ.ชุมพร
    •• นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง จิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    •• แพทย์แผนไทย(เวชกรรมไทย) เกริกพันธ์ นิลประกอบกุล ประจำคลินิกแพทย์แผนไทย หทัยนเรศวร์ จ.ราชบุรี / ทีมพอรักษา เครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ ผู้ดำเนินรายการ ขจรศักดิ์ เชาว์เจริญรัตน์
    ช่วงที่ 1 https://fb.watch/k-6IORwHvd/
    ช่วงที่ 2 https://fb.watch/k-6NKAbcjN/
    วันที่ 14 ก.ค.2566 กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ได้เชิญ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง นพ.มนตรี เศรษฐบุตร ทพญ.เพ็ญนภา คณิตจินดา คุณอดิเทพ จาวลาห์ ดร.ศรีวิชัย ศรีสุวรรณ ดร.ธิดารัตน์ เอกศิรินิมิตร พท.อภิชาติ กาญจนาพงศาเวช และผู้กล้าหาญมากมายร่วมกันจัดงานเสวนา เรื่อง “คนไทยขอคัดค้านสนธิสัญญาทาส WHO Treaty” เพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับสนธิสัญญาดังกล่าว และรวมตัวกันมอบรายชื่อคนไทยที่คัดค้านสนธิสัญญา WHO Treaty นี้ โดยมีการจัดกิจกรรมแบ่งเป็น 2 ภาค คือ
    ภาคเช้า งานสัมนาจัดที่วัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี
    ภาคบ่าย ร่วมกันยื่นรายชื่อเพื่อหยุดสนธิสัญญาทาสของ WHO ที่กระทรวงสาธารณสุข
    https://t.me/stopWHOTreatyinthai
    วันที่ 1 พ.ย.2566 คุณหมอมนตรี เศรษฐบุตร แพทย์จุฬารุ่น 15 อดีต นายกสมาคมศิษย์เก่า แพทย์จุฬา ตัวแทนกลุ่มฯยื่นหนังสือ(ข้อมูลต่างๆ) ถึง รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
    โพสของคุณหมออรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10212579857448066&id=1732997516&sfnsn=mo&mibextid=RUbZ1f
    รวมภาพและคลิปกิจกรรม 1 พ.ย.2566
    https://t.me/ThaiPitaksithData/4006
    มีต่อ
    2/3 ✍️Anthony Fauci แอนโทนี เฟาชี และผองพวก ไม่กล้ามาดีเบตไม่กล้าเอาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาเปิดเผย คำถาม คือ สาธารณสุขไทย เป็นแบบ เฟาชีไหม?https://open.substack.com/pub/atapol616246/p/anthony-fauci?utm_campaign=post&utm_medium=web&timestamp=15.8 https://rumble.com/v1ze4d0-covid-19-vaccines-what-they-are-how-they-work-and-possible-causes-of-injuri.html https://atapol616246.substack.com/p/anthony-fauci ✍️ไฟเซอร์ไม่เคยทดสอบว่า mRNA gene therapy ของตน สามารถป้องกันการติดเชื้อ กันการแพร่เชื้อ สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้หรือไม่!!! https://t.me/DrAtapolFC/299 https://atapol616246.substack.com/p/mrna-gene-therapy ✍️รอดูว่า พวกที่ชอบอ้างว่า ตนเป็นนักวิชาการ จะกล้ามาคุยแบบที่นักวิชาการจริงๆ เขาทำกันไหม? https://open.substack.com/pub/atapol616246/p/ff9?utm_campaign=post&utm_medium=web&timestamp=4.6 https://atapol616246.substack.com/p/ff9 ✍️ภูมิคุ้มกันผิดปกติจาก mRNA วัคซีน https://t.me/DrAtapolFC/301 https://atapol616246.substack.com/p/mrna-30b ✍️ภูมิคุ้มกันผิดปกติจาก mRNA วัคซีน VAIDS https://t.me/DrAtapolFC/306 https://atapol616246.substack.com/p/mrna-vaids ✍️Excess death ของคนไทย พุ่งไม่หยุด https://t.me/DrAtapolFC/310 https://atapol616246.substack.com/p/excess-death-669 ✍️คำถาม ทางวิชาการ เกี่ยวกับเภสัชวิทยา ให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายช่วยตอบ (๑) https://t.me/DrAtapolFC/317 https://atapol616246.substack.com/p/e47 ✍️Excess death เป็นปัญหาของคนไทย และเป็นปัญหาของหลายประเทศทั่วโลกที่ระดม ฉีดวัคซีน mRNA หรือ ชื่อจริงว่า ยาฉีดยีนไวรัส https://t.me/DrAtapolFC/318 https://atapol616246.substack.com/p/excess-death-mrna ✍️คำถาม ทางวิชาการ เกี่ยวกับเภสัชวิทยา ให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายช่วยตอบ (๒) https://t.me/DrAtapolFC/323 https://atapol616246.substack.com/p/c70 ✍️Delusion "หลงผิด" เป็นอาการทางจิตอย่างนึง อาการหลงผิดเป็นอย่างไร? https://t.me/DrAtapolFC/327 https://atapol616246.substack.com/p/delusion ✍️โควิดเป็นฝีมือมนุษย์ https://t.me/DrAtapolFC/332 https://atapol616246.substack.com/p/b9c ✍️การทดลองในสัตว์ทดลองพบความผิดปกติมากมายภายหลังได้ยาฉีดของ ไฟเซอร์ https://t.me/DrAtapolFC/340 https://atapol616246.substack.com/p/a67 ✍️ความกลัวน่ากลัวกว่าโควิด https://t.me/DrAtapolFC/341 https://atapol616246.substack.com/p/bb6 ✍️รัฐบาลอิสราเอลกำลังถูกฟ้อง คนอิสราเอลตื่นรู้เรื่องพิษจากวัคซีน https://t.me/DrAtapolFC/346 https://atapol616246.substack.com/p/d8c ✍️ทฤษฎีสมคบคิด conspiracy theory https://t.me/DrAtapolFC/347 https://atapol616246.substack.com/p/conspiracy-theory ✍️cognitive dissonance "การรับรู้​ไม่ลงรอย https://t.me/DrAtapolFC/350 https://atapol616246.substack.com/p/cognitive-dissonance ✍️รวบรวมคลิปหมออรรถพล https://t.me/DrAtapolFC/355 ✍️วันที่ 18 ก.ย.2564 รายการรู้ทันพลังงานไทย โดยกลุ่ม ผีเสื้อกระพือปีก ตอนพิเศษ ข้อเท็จจริงที่ควรรู้เรื่อง ภูมิคุ้มกัน วิทยากร อ.นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง,นพ.ศิริโรจน์ กิตติสารพงษ์,ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร https://rumble.com/vmr3i3-38215803.html ✍️วันที่ 30 ก.ย.2564 เสวนาออนไลน์และแถลงการณ์ เสรีภาพในการรับ/ไม่รับ วัคซีนต้าน โควิด 19 บนความรับผิดชอบ ศ.นพ.อมร เปรมกมล,นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง,นพ.ทีปทัศน์ ชุณหสวัสดิกุล,พท.ป.วิพุธ สันติวาณิช,คุณธวัชชัย โตสิตระกูล,มล.รุ่งคุณ กิติยากร ผู้ดำเนินรายการ ดร.กฤษฎา บุญชัย,คุณนคร ลิมปคุปตถาวร https://www.youtube.com/watch?v=EpdTD7G6pCU ✍️ระหว่างวันที่ 24-31 ม.ค.2565 ดร.ณัฏฐพบธรรม(วู้ดดี้)และคณะจากกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ปั่นจักรยานจากเชียงใหม่มากรุงเทพฯ เพื่อยื่นหนังสือพร้อม นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง และหม่อมโจ้ ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร และประชาชนต่อกระทรวงศึกษาฯ ครั้งเริ่มมีการฉีดในเด็ก https://www.facebook.com/105105782022345/posts/126941879838735/ https://photos.app.goo.gl/zfpHX8iSDYXD26fh7 ✍️วันที่ 11 มี.ค.2565 คุณหมออรรถพล ดร.ณัฏฐพบธรรม คุณอดิเทพ คุณวรเชษฐ์ (วงสไมล์บัพพาโล่)พร้อมกับกลุ่มผู้ต่อต้านวัคซีนทดลอง ไปยื่นหนังสือที่กระทรวงสาธารณสุข https://photos.app.goo.gl/qukmJK5xiaiJE9ij7 เพื่อขอความเป็นธรรมให้แก่ผู้ที่ได้รับผลข้างเคียงจากวัคซีนทดลอง หลังจากนั้นก็มีการทยอยส่งหนังสือถึงหน่วยงานต่างๆ อาทิ จดหมายเปิดผนึก ถึงเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา https://cmhealthlibertyrights.blogspot.com/2022/04/email-paisarnpomgmail.html จดหมายเปิดผนึกถึงประชาชนคนไทย และผู้มีอำนาจใน ศคบ https://cmhealthlibertyrights.blogspot.com/2022/05/blog-post_61.html ✍️วันที่ 17 เม.ย.2565 แพทย์ไทยลงชื่อ30ท่าน คือแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการรักษาผู้ที่ติดเชื้อโkวิd-19 ด้วยยาผสมผสาน 4 ตัว Combination Drugs อันได้แก่ 1. ยา Ivermectin 2.ยา Fluoxetine 3.ยา Niclosamide 4.ยา Doxycycline 5.วิตามิน ดี 6.วิตามิน ซี 7.สังกะสี 8. NAC 9.แอสไพริน 10.famotidine 11.วิตามิน เอ 12. Quecertin (หอมแดง) 13. ฟ้าทะลายโจร 14. ขิง 15. กระชาย สนับสนุนให้เพื่อนๆแพทย์ที่เคารพทั้งหลายมีทางเลือกในการดูแลรักษาพี่น้องประชาชนชาวไทยด้วยการใช้ยารักษาโรคอื่นๆ (เดิม) ที่ได้ผ่านการศึกษาวิจัย เพื่อนำมาใช้ใหม่ Repurposed Drugs ในการรักษาโkวิd-19 เป็นยาราคาถูกที่หมดสิทธิบัตรไปแล้ว Off-patent Drugs เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูงแต่ผลข้างเคียงน้อย ซึ่งทั้งหมดนี้ผ่านการรักษามาเป็นจำนวนมากแล้ว โดยอ้างอิงผลการวิจัยและคนไข้จริงๆ ทำให้คนไข้หายได้เร็วและไม่เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆตามมา https://c19early.com/ รายชื่อแพทย์เรียงตามลำดับตามอักษร มีดังต่อไปนี้ หมายเหตุ : ลงชื่อ นพ. พญ. ชื่อ-นามสกุล แพทย์สาขาหรือประสบการณ์ ที่ทำงานอดีตหรือปัจจุบัน จังหวัด 1. นพ.กฤษณ์ติพัฒณ์ พิริยกรเจริญกิจ กุมารแพทย์ 2. นพ.กฤษดา จงสกุล เวชศาสตร์ครอบครัว นนทบุรี 3. นพ.โกวิท ยงวานิชจิต 4. พญ.จันทนา พงศ์สงวนสิน อายุรแพทย์ กรุงเทพฯ 5. พญ.จันทร์จิรา ชัชวาลา รังสีแพทย์ กรุงเทพฯ 6. นพ.จิตจำลอง หะริณสุต อายุรแพทย์ กรุงเทพฯ 7. นพ.ชัยยศ คุณานุสนธิ์ แพทย์ระบาดวิทยา นนทบุรี 8. นพ.ทวีชัย พิตรปรีชา โสต-ศอ-นาสิกแพทย์ กรุงเทพฯ 9. นพ.ธนะรัตน์ ลยางกูร กุมารแพทย์ (ใช้ในการป้องกัน) 10. นพ.ธีรเดช ตังเดชะหิรัญ อายุรแพทย์ กรุงเทพฯ 11. ศ.นพ.ธีรวัฒน์ เหมะจุฑา คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 12. นพ.พิศิษฐ์ เจนดิษฐการ อายุรแพทย์ กรุงเทพฯ 13. นพ.พิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ แพทย์ เวชศาสตร์ป้องกัน จังหวัดน่าน 14. นพ. พุทธพจน์ สรรพกิจจำนง แพทย์โรงพยาบาลเอกชน อยุธยา 15. นพ.ภูษณุ ธนาพรสังสุทธิ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 16. นพ.มาโนช อาภรณ์สุวรรณ กุมารแพทย์ บุรีรัมย์ 17. พญ.ลลิดา เกษมสุวรรณ โสต-ศอ-นาสิกแพทย์ กรุงเทพฯ 18.พญ.วัชรา ริ้วไพบูลย์ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู กรุงเทพฯ 19. นพ.วัฒนา รังสราญนนท์ ศัลยกรรมทั่วไป รพ.บางไผ่ กทม. 20. นพ.วีรชัย ลดาคม แพทย์เอกชน กรุงเทพฯ 21. พญ.ศิราภรณ์ สวัสดิวร กุมารแพทย์ กรุงเทพฯ 22. นพ.สมภพ อิทธิอาวัชกุล สูติแพทย์ อรัญประเทศ 23. นพ.สายัณห์ ผลประเสริฐ สูตินรีแพทย์ อ.หล่มศักดิ์ จ.เพชรบูรณ์ 24. นพ.สุทัศน์ วาณิชเสนี จักษุแพทย์ นครศรีธรรมราช 25. นพ.สุเทพ ลิ้มสุขนิรันดร์ จักษุแพทย์ กาญจนบุรี 26. นพ.สุนทร ศรีปรัชญาอนันต์ กรุงเทพฯ 27. พญ.อรสา ชวาลภาฤทธิ์ รังสีแพทย์ กรุงเทพฯ 28. พญ.อัจฉรา รังสราญนนท์ แพทย์ห้วงเวลา ศูนย์บริการสาธารณสุข 30 วัดเจ้าอาม สำนักอนามัย กทม. 29. น.พ. อลงกรณ์ ชุตินันท์ ประสาทศัลยแพทย์ จ.ชลบุรี 30. นพ อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง https://www.facebook.com/105105782022345/posts/146820267850896/ ✍️วันที่ 20 พ.ค.2565 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง และประชาชนบุกช่อง 3 เพื่อเอาข้อมูลบ.ไฟzerแพ้คดีจำใจเปิดเผยข้อมูลด้านเสียของยาฉีด มีนักข่าวมารับเรื่องเพียงเท่านั้นเรื่องก็เงียบไป https://rumble.com/v15flrb--.-3.html https://odysee.com/@EE:8/CH3PfizerReports:9 https://rookon.com/read-blog/130 ต่อมาช่อง news1 สนใจและเชิญอาจารย์หมอออกรายการคนเคาะข่าว https://t.me/ThaiPitaksithData/867 ✍️ วันที่ 11 ก.ค.2565 องค์กรภาคีเครือข่ายผู้ประกอบการวิทยุกระจายเสียงภาคประชาชนแห่งประเทศไทย รายการประเด็นโดนใจ หัวข้อ"ฉีดวัคซีนตอนนี้ดีหรือไม่ " ดำเนินรายการโดย ชาลี นพวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ร่วมรายการ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=620043739211127&id=100004085020749 ✍️วันที่ 30 ก.ค.2565 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง,พญ.ชนิฎา ศิริประภารัตน์,ทพญ.เพ็ญนภา คณิตจินดา,ทพ.วัลลภ ธีรเวชกุล,ลุงโฉลก สัมพันธารักษ์,ทนายเกิดผล แก้วเกิด,โค๊ชนาตาลี,อดิเทพ จาวลาห์,บรรยงก์ วิสุทธิ์,ภัทนรินทร์ ผลพฤกษาและผู้กล้าหลายๆท่าน จัดงานสัมมนา โควิด ทางรอดที่ปลอดภัย ครั้งที่ 1 ปลุกคนไทยให้เข้าถึงความรู้และทางรอด คลิปที่ 1-14 https://t.me/ThaiPitaksithData/1117 คลิปที่15-20 https://t.me/ThaiPitaksithData/1801 หรือ https://docs.google.com/document/d/1bWenIBiboQgE5WnvM6_Tqn-PP90w45wF6C3b-LFcmxw/edit?usp=sharing ✍️วันที่ 13 ก.ย.2565 จส ๑๐๐ สัมภาษณ์ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง เรื่องวัคซีนโควิด-19 https://atapol616246.substack.com/p/100?sd=pf ✍️วันที่ 29 ม.ค.2566 ช่อง 3 นำคลิปสัมภาษณ์ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง ออกรายงานข่าว 3มิติ https://t.me/clipcovid19/274 https://www.youtube.com/live/vEiTffjxaVk?si=EQ9bjfPjI2D_W1L7 ✍️วันที่ 14 ก.พ. 2566 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง อ.ประจำคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมสนทนาในรายการ "คนเคาะข่าว" ออกอากาศทาง SONDHI APP ในหัวข้อ "ฉีดอะไรเข้าไปในร่างกาย? เรื่องที่วงในการแพทย์รู้ แต่พูดไม่ได้" https://rumble.com/v29lyme-137073542.htmlฉีดอะไรเข้าไปในร่างกาย? ✍️วันที่ 20 เม.ย. 2566 นายแพทย์อรรถพร สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง ร่วมรายการสภากาแฟเวทีชาวบ้าน 200466 ช่อง News1 เกี่ยวกับความจริงของโควิดระลอกใหม่ เพื่อให้คนไทยไม่ต้องตื่นกล้ว และ การยื่นหนังสือถึงกรรมการยา และผู้มีส่วนรับผิดชอบต่าง ๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่นำมาฉีดให้คนไทย เกี่ยวกับการระงับการอนุมัติฉุกเฉินของ วัคซีน mRna https://www.youtube.com/live/T0COteCvRRQ?feature=share ✍️วันที่ 6 มิ.ย.2566 รายการสยามไทยอัปเดต ช่อง 13 สยามไทย สถานีข่าว ได้จัดเสวนาหัวข้อ “ล้างสุขภาพ : ผลข้างเคียงวัคซีนโควิด" โดยมีวิทยากรดังรายนามต่อไปนี้ •• พระมหาขวัญชัย อคฺคชโย เจ้าอาวาส วัดคีรีวงก์ จ.ชุมพร •• นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง จิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย •• แพทย์แผนไทย(เวชกรรมไทย) เกริกพันธ์ นิลประกอบกุล ประจำคลินิกแพทย์แผนไทย หทัยนเรศวร์ จ.ราชบุรี / ทีมพอรักษา เครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ ผู้ดำเนินรายการ ขจรศักดิ์ เชาว์เจริญรัตน์ ช่วงที่ 1 https://fb.watch/k-6IORwHvd/ ช่วงที่ 2 https://fb.watch/k-6NKAbcjN/ ✍️วันที่ 14 ก.ค.2566 กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ได้เชิญ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง นพ.มนตรี เศรษฐบุตร ทพญ.เพ็ญนภา คณิตจินดา คุณอดิเทพ จาวลาห์ ดร.ศรีวิชัย ศรีสุวรรณ ดร.ธิดารัตน์ เอกศิรินิมิตร พท.อภิชาติ กาญจนาพงศาเวช และผู้กล้าหาญมากมายร่วมกันจัดงานเสวนา เรื่อง “คนไทยขอคัดค้านสนธิสัญญาทาส WHO Treaty” เพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับสนธิสัญญาดังกล่าว และรวมตัวกันมอบรายชื่อคนไทยที่คัดค้านสนธิสัญญา WHO Treaty นี้ โดยมีการจัดกิจกรรมแบ่งเป็น 2 ภาค คือ ภาคเช้า งานสัมนาจัดที่วัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี ภาคบ่าย ร่วมกันยื่นรายชื่อเพื่อหยุดสนธิสัญญาทาสของ WHO ที่กระทรวงสาธารณสุข https://t.me/stopWHOTreatyinthai ✍️วันที่ 1 พ.ย.2566 คุณหมอมนตรี เศรษฐบุตร แพทย์จุฬารุ่น 15 อดีต นายกสมาคมศิษย์เก่า แพทย์จุฬา ตัวแทนกลุ่มฯยื่นหนังสือ(ข้อมูลต่างๆ) ถึง รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสของคุณหมออรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10212579857448066&id=1732997516&sfnsn=mo&mibextid=RUbZ1f รวมภาพและคลิปกิจกรรม 1 พ.ย.2566 https://t.me/ThaiPitaksithData/4006 มีต่อ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 657 มุมมอง 0 รีวิว