• นักวิชาการ ค้าน ‘รัฐบาล-คลัง’ ส่งคนคุมเสียงข้างมากบอร์ดการบินไทย ปูทาง ‘ลวรณ’ นั่งปธ.
    https://www.thai-tai.tv/news/18253/
    นักวิชาการ ค้าน ‘รัฐบาล-คลัง’ ส่งคนคุมเสียงข้างมากบอร์ดการบินไทย ปูทาง ‘ลวรณ’ นั่งปธ. https://www.thai-tai.tv/news/18253/
    0 Comments 0 Shares 27 Views 0 Reviews

  • Airstrikes สงคราม ทองคำ และคนลุ่มน้ำโขง (ตอนที่ 4)
    *****************
    เสียงเครื่องบินกระหึ่มสัญชาติรัสเซีย และจีน ทั้งรุ่น MiG-29 -Yak-130 - K-8, F-7 และเฮลิคอปเตอร์โจมตี Mi-35 Mi-17 เทคออฟขึ้นน่านฟ้าเมียนมา สร้างความหวาดวิตกกับพลเรือนในพื้นที่เสี่ยง ความถี่มิได้เป็นปกป้องอธิปไตยเหนือน่านฟ้า บางครั้งก็ถลำรุกน่านฟ้าของไทย และถูกต้อนกลับ
    เสียงอากาศยานของเมียนมาทำให้ประชาชน พลเรือนระส่ำระสาย บาดเจ็บล้มตายกัน ในพื้นที่พลเรือนและกลุ่มต่อต้าน ปี 2023-24 กระทรวงกลาโหมใช้งบประมาณเพื่อภารกิจ Aistrike กว่า 2.7 พันล้านดอลลาร์ อาวุธ ส่วนใหญ่มาจากรัสเซียและจีน
    กองทัพเผด็จการเมียนมาได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศประมาณ 30 ครั้งในรัฐฉาน รัฐกะเหรี่ยงนี และรัฐกะฉิ่นในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยทิ้งระเบิดเกือบ 100 ลูก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20 ราย ตามข้อมูลที่ Shan Herald Agency for News (SHAN) ได้รับ
    ระหว่างปลายปีที่ผ่าน ถึงวันที่ 30 มกราคม 2025 การโจมตีทางอากาศเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือนเป็นหลัก สร้างความเสียหายและการสูญเสียอย่างหนัก โดยเฉพาะเขตเมืองนองคิโอ รัฐฉาน ซึ่งระเบิดตกใส่ร้านน้ำชา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย
    มีการประเมินว่านับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อเกือบสี่ปีที่แล้ว โดยบันทึกการโจมตีทางอากาศทั้งหมด 1,767 ครั้ง ซึ่งน่าตกใจว่าร้อยละ 47 ของการโจมตีเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือน ทำให้วิกฤตด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ขัดแย้งรุนแรงขึ้น
    พื้นที่ ที่เป็นเป้าหมายคือพื้นที่ที่มีผลประโยชน์เหมืองแร่ และแร่ธาตุสูง โดยเฉพาะใน รัฐฉาน (Shan State), รัฐกะเหรี่ยงนี-คะยา (Karenni/Kayah State), รัฐกะฉิ่น (Kachin State), รัฐระแหง (Rakhine State) และพื้นที่อื่นๆ เช่น ภูมิภาคสกาย (Sagaing Region) เป็นต้น
    *****************
    USGS (United States Geological Survey) ได้ ประมาณการไว้ว่า ยังคงเหลือทองคำอยู่ใต้ดินที่ยังไม่ได้ผลิตออกมาอีกประมาณ 50,000 ตัน คาดกันว่าปริมาณทองคำที่ขุดขึ้นมา และมีการใช้ประโยชน์กันแล้วกว่า 190,000 ตัน และโดยเฉลี่ยในปัจจุบันมีการผลิตออกจากเหมืองประมาณปีละ 2,500 ถึง 3,000 ตัน มีการทำเหมืองทองคำทั่วโลกอยู่ใน 82 ประเทศ
    สแกนใต้ดินแอฟริกาใต้ มีทรัพยากรแร่ทองคำมากที่สุดในโลก และเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก จนถึงปัจจุบันราว 31,000 ตัน รองลงมา คือ รัสเซีย ประมาณ 7,000 ตัน และ จีนเป็นอันดับ 3 ที่ผลิตประมาณ 6,328 ตัน ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย แคนาดา และ เปรู
    ทว่าในปี 2564 จีนขึ้นแป้นครองแชมป์ประเทศที่ผลิตทองคำจากเหมืองทองคำในประเทศมากที่สุด คิดเป็น 11% ของการผลิต ทั่วโลก ซึ่งจากฐานข้อมูล Global Data’s mines and projects ที่ได้ติดตามการพัฒนาและปฏิบัติการของเหมืองแร่ และโครงการทั่วโลก โดยเก็บข้อมูลจากบริษัทยักษ์ใหญ่กว่า 4,000 บริษัท ได้สรุป 5 อันดับ เหมืองทองคำในจีนที่ผลิตทองคำได้มากที่สุดในปี 2563 ดังนี้
    1.Shaxi Copper Mine เป็นเหมืองใต้ดินในมณฑลอานฮุย (Anhui) ของกลุ่มบริษัท Togling Nonferrous Metal Group ซึ่งผลิตทองคำได้ประมาณ 730,000 ounces of gold ในปี 2563
    2.Jiaojia Gold Mine ของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง (Shandong) ผลิตทองคำได้ประมาณ 230,000 ounces of gold ในปี 2563 และกำลังจะปิดตัวลงในปี 2566
    3.Dayingezhuang Gold Mine เป็นเหมืองทองคำในมณฑลซานตงเช่นกัน อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท Zhaojin Mining Industry และผลิตทองคำประมาณ 228,000 ounces of gold ในปี 2563
    4.Sanshandao Gold Mine เป็นเหมืองใต้ดินของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง ผลิตทองคำได้ ประมาณ 218,000 ounces of gold ในปี 2563 และจะผลิตตามแผนงานไปจนถึงปี 2571
    5.Zaozigou Gold Mine เป็นเหมืองทองคำของบริษัท Zhaojin Mining Industy ในมณฑลกานซู (Gansu) ผลิตทองคำได้ ประมาณ 207,000 ounces of gold

    *****************
    รายงานจาก มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ และ สหภาพนักศึกษาไทใหญ่ เกี่ยวกับเหมืองแร่ทองคำขยายวงกว้างทำให้เกิดดินโคลนถล่มท่วมชุมชนทางตะวันออกท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ระบุว่าบริษัทเหมืองแร่ได้เข้ามาในพื้นที่เมื่อปี 2550 ที่บริเวณต้นน้ำแม่น้ำคำ ตอนใต้ของบ้านนาโฮหลงในตำบลเมืองเลน ในปัจจุบันเหมืองทองคำแบบเปิดได้ขยายตัวไปกว่า 10 กิโลเมตรตลอดทั่วเทือกเขาดอยค้า ตามริมฝั่งน้ำด้านตะวันตกของแม่น้ำโขง การปล่อยน้ำจาจากการทำเหมืองแร่ทองแร่ทองคำที่ขาดการควบคุม รวมทั้งน้ำที่ไหลมาจากากอำบน้ำที่เจือด้วยสารไชยาไนด์ทำให้ลำน้ำน้ำอุดตัน และมักทำให้เกิดการกัดเซาะอย่างรุนแรงที่ริมฝั่งน้ำในช่วงฤดูฝน
    การขยายตัวของเหมืองทองคำในเมืองเลน ยังทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม และในปัจจุบัน มีบริษัท 12 แห่งที่เชื่อมโยงกับนายทหารพม่าระดับสูงได้รับประทานบัตรอายุ 11 ปี เพื่อการทำเหมืองแร่ทองคำ
    ในบรรดาประทานบัตร มีการให้ประทานบัตร 13 ฉบับแก่ (8 บริษัท) เมื่อกลางปี 2563 และอีก 7 ฉบับให้แก่ (5 บริษัท) ในปี 2564 ภายหลังการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ประทานบัตรแต่ละฉบับครอบคลุมพื้นที่ 50 ไร่บริษัทส่วนใหญ่ที่ได้รับประทานบัตรจด ทะเบียนในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ยกเว้นเพียงเมย์ฟลาวเวอร์ไมนิ่ง เอนเตอร์ไพรส์(Maylower Mining Enterprises) ที่จัดตั้งขึ้นโดยนายจ่อวิน ซึ่งเป็นพันธมิตรกับกองทัพพม่า และตั้งอยู่ที่เมืองย่างกุ้ง
    การขุดทองที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในรัฐกะฉิ่น ประเทศเมียนมา ซึ่งเกิดขึ้นโดยขาดการควบคุมและก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่น
    *****************
    EarthRights.org รายงานว่า นับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2021 การขุดทองในรัฐกะฉิ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ควบคุมโดยกองทัพกะฉิ่น (Kachin Independence Army: KIA) และกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ เช่น กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) การขุดทองนี้ส่วนใหญ่เป็นการขุดแบบไม่มีการควบคุม (unregulated) และใช้สารเคมี เช่น ปรอทและไซยาไนด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดมลพิษในแม่น้ำและแหล่งน้ำ เช่น แม่น้ำอิรวดี (Irrawaddy River) และแม่น้ำชินดวิน (Chindwin River) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเกิดจากการใช้สารเคมีในการสกัดทองทำให้ดินและน้ำปนเปื้อน ส่งผลกระทบต่อการเกษตรและสุขภาพของประชาชน นอกจากนั้นคือการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อขุดทองทำให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและเพิ่มความเสี่ยงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น ดินถล่ม
    ผลกระทบต่อชุมชน ชาวบ้านในพื้นที่ เช่น ในเมืองตานาย (Tanai) และเมืองชิปวี (Chipwi) เผชิญกับการสูญเสียที่ดินทำกินและแหล่งน้ำสะอาดการขุดทองดึงดูดแรงงานจากพื้นที่อื่น ทำให้เกิดความตึงเครียดในชุมชนและเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเด็กและเยาวชนในพื้นที่ถูกดึงเข้าสู่อุตสาหกรรมการขุดทอง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับสภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัยและการละเมิดสิทธิมนุษยชน
    และพื้นที่นี้ เหมืองทองในเมืองตานายถูกโจมตีทางอากาศโดยกองทัพเมียนมาในเดือนมกราคม 2025 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย การโจมตีนี้ถูกมองว่าเป็นความพยายามของกองทัพในการขัดขวางแหล่งรายได้ของ KIA
    *****************
    ดร.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการในพื้นที่เชียงราย พื้นที่ประสบภัยพิบัติทางแม่น้ำ จากประเทศเพื่อนบ้านที่ทำเหมืองทองคำ และแร่ธาตุเผยแพรข้อเสนอในเฟสบุ๊กส่วนตัวว่า ปัญหาสารโลหะหนักปนเปื้อนในน้ำกกและสายซึ่งเป็นปัญหามลพิษข้ามพรมแดนแล้ว เป็นสถานการณ์ความซับซ้อนของปัญหามลพิษข้ามแดนที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาจากรัฐส่วนกลางที่จะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ได้คล้ายกับปัญหาฝุ่นควันข้ามแดน
    พร้อมกับอ้างอิงงานศึกษาว่าบทบาทของอาเซียนในการแก้ไขปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำระหว่างประเทศดังเช่นแม่น้ำโขง Ding (2019) ที่วิพากษ์แนวคิด traditional state-centric governance เกี่ยวกับปัญหาสารโลหะหนักที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศแม่น้ำโขงตอนล่าง อันประกอบด้วย ไทย ลาว เวียนดนาม และกัมพูชา การแก้ไขภายใต้อาเซียนและ MRC (Mekong River Commission มีข้อจำกัดในแง่ที่ 1) รายงานมิได้ครอบคลุมรายละเอียดของปัญหามลพิษ 2) รายงานมิได้สนับสนุนการสื่อสารกันระหว่างองคกรที่แตกต่างกัน เช่น สถาบันการวิจัย 3) ขาดกลไกเชิงกฎหมายระดับภูมิภาคและการบังคับใช้กฎหมายในควบคุมมลพิษในน้ำข้ามพรมแดน 4) รายงานไม่ได้รับความสนใจจากสาธารณชน
    สรุปคือกลกลไกระหว่างประเทศแบบที่ สทนช.เสนอให้ MRC ทำ น่าจะไม่สามารถแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดนในบริบทอาเซียนได้ เมื่อพิจารณาความซับซ้อนของปัญหาในต้นน้ำกกและสาย จำเป็นต้องแกะปมตั้งแต่ บริษัทจีน กองกำลังติดอาวุธ ชาติพันธ์ และประเทศจีน ชุมชนในตลอดลำน้ำกกและสาย สถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจ ปละภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้วย
    เสียงคำรามของเครื่องบินพร้อมลูกระเบิดภารกิจ Airstrikes ก่อสงครามแย่งชิงขุมทรัพย์ทองคำสีเลือด และคนลุ่มน้ำโขงกำลังเผชิญภัยวิกฤติจากสารพิษ ที่เจือปนในแม่น้ำ รวมถึงการสลายความเป็นมนุษย์ในดินแดนขุมเมืองแห่งลุ่มแม่น้ำแห่งชีวิตสายนี้
    *****************
    อ้างอิง :
    • สำนักข่าว Shan Herald Agency for News, Burma News International, Human Rights Watch, The Irrawaddy Radio Free Asia Al Jazeera, Amnesty International, Justice For Myanmar, และ Wikipedia
    • World Gold Council https://www.gold.org/
    • EarthRights International
    Airstrikes สงคราม ทองคำ และคนลุ่มน้ำโขง (ตอนที่ 4) ***************** เสียงเครื่องบินกระหึ่มสัญชาติรัสเซีย และจีน ทั้งรุ่น MiG-29 -Yak-130 - K-8, F-7 และเฮลิคอปเตอร์โจมตี Mi-35 Mi-17 เทคออฟขึ้นน่านฟ้าเมียนมา สร้างความหวาดวิตกกับพลเรือนในพื้นที่เสี่ยง ความถี่มิได้เป็นปกป้องอธิปไตยเหนือน่านฟ้า บางครั้งก็ถลำรุกน่านฟ้าของไทย และถูกต้อนกลับ เสียงอากาศยานของเมียนมาทำให้ประชาชน พลเรือนระส่ำระสาย บาดเจ็บล้มตายกัน ในพื้นที่พลเรือนและกลุ่มต่อต้าน ปี 2023-24 กระทรวงกลาโหมใช้งบประมาณเพื่อภารกิจ Aistrike กว่า 2.7 พันล้านดอลลาร์ อาวุธ ส่วนใหญ่มาจากรัสเซียและจีน กองทัพเผด็จการเมียนมาได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศประมาณ 30 ครั้งในรัฐฉาน รัฐกะเหรี่ยงนี และรัฐกะฉิ่นในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยทิ้งระเบิดเกือบ 100 ลูก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20 ราย ตามข้อมูลที่ Shan Herald Agency for News (SHAN) ได้รับ ระหว่างปลายปีที่ผ่าน ถึงวันที่ 30 มกราคม 2025 การโจมตีทางอากาศเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือนเป็นหลัก สร้างความเสียหายและการสูญเสียอย่างหนัก โดยเฉพาะเขตเมืองนองคิโอ รัฐฉาน ซึ่งระเบิดตกใส่ร้านน้ำชา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย มีการประเมินว่านับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อเกือบสี่ปีที่แล้ว โดยบันทึกการโจมตีทางอากาศทั้งหมด 1,767 ครั้ง ซึ่งน่าตกใจว่าร้อยละ 47 ของการโจมตีเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือน ทำให้วิกฤตด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ขัดแย้งรุนแรงขึ้น พื้นที่ ที่เป็นเป้าหมายคือพื้นที่ที่มีผลประโยชน์เหมืองแร่ และแร่ธาตุสูง โดยเฉพาะใน รัฐฉาน (Shan State), รัฐกะเหรี่ยงนี-คะยา (Karenni/Kayah State), รัฐกะฉิ่น (Kachin State), รัฐระแหง (Rakhine State) และพื้นที่อื่นๆ เช่น ภูมิภาคสกาย (Sagaing Region) เป็นต้น ***************** USGS (United States Geological Survey) ได้ ประมาณการไว้ว่า ยังคงเหลือทองคำอยู่ใต้ดินที่ยังไม่ได้ผลิตออกมาอีกประมาณ 50,000 ตัน คาดกันว่าปริมาณทองคำที่ขุดขึ้นมา และมีการใช้ประโยชน์กันแล้วกว่า 190,000 ตัน และโดยเฉลี่ยในปัจจุบันมีการผลิตออกจากเหมืองประมาณปีละ 2,500 ถึง 3,000 ตัน มีการทำเหมืองทองคำทั่วโลกอยู่ใน 82 ประเทศ สแกนใต้ดินแอฟริกาใต้ มีทรัพยากรแร่ทองคำมากที่สุดในโลก และเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก จนถึงปัจจุบันราว 31,000 ตัน รองลงมา คือ รัสเซีย ประมาณ 7,000 ตัน และ จีนเป็นอันดับ 3 ที่ผลิตประมาณ 6,328 ตัน ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย แคนาดา และ เปรู ทว่าในปี 2564 จีนขึ้นแป้นครองแชมป์ประเทศที่ผลิตทองคำจากเหมืองทองคำในประเทศมากที่สุด คิดเป็น 11% ของการผลิต ทั่วโลก ซึ่งจากฐานข้อมูล Global Data’s mines and projects ที่ได้ติดตามการพัฒนาและปฏิบัติการของเหมืองแร่ และโครงการทั่วโลก โดยเก็บข้อมูลจากบริษัทยักษ์ใหญ่กว่า 4,000 บริษัท ได้สรุป 5 อันดับ เหมืองทองคำในจีนที่ผลิตทองคำได้มากที่สุดในปี 2563 ดังนี้ 1.Shaxi Copper Mine เป็นเหมืองใต้ดินในมณฑลอานฮุย (Anhui) ของกลุ่มบริษัท Togling Nonferrous Metal Group ซึ่งผลิตทองคำได้ประมาณ 730,000 ounces of gold ในปี 2563 2.Jiaojia Gold Mine ของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง (Shandong) ผลิตทองคำได้ประมาณ 230,000 ounces of gold ในปี 2563 และกำลังจะปิดตัวลงในปี 2566 3.Dayingezhuang Gold Mine เป็นเหมืองทองคำในมณฑลซานตงเช่นกัน อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท Zhaojin Mining Industry และผลิตทองคำประมาณ 228,000 ounces of gold ในปี 2563 4.Sanshandao Gold Mine เป็นเหมืองใต้ดินของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง ผลิตทองคำได้ ประมาณ 218,000 ounces of gold ในปี 2563 และจะผลิตตามแผนงานไปจนถึงปี 2571 5.Zaozigou Gold Mine เป็นเหมืองทองคำของบริษัท Zhaojin Mining Industy ในมณฑลกานซู (Gansu) ผลิตทองคำได้ ประมาณ 207,000 ounces of gold ***************** รายงานจาก มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ และ สหภาพนักศึกษาไทใหญ่ เกี่ยวกับเหมืองแร่ทองคำขยายวงกว้างทำให้เกิดดินโคลนถล่มท่วมชุมชนทางตะวันออกท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ระบุว่าบริษัทเหมืองแร่ได้เข้ามาในพื้นที่เมื่อปี 2550 ที่บริเวณต้นน้ำแม่น้ำคำ ตอนใต้ของบ้านนาโฮหลงในตำบลเมืองเลน ในปัจจุบันเหมืองทองคำแบบเปิดได้ขยายตัวไปกว่า 10 กิโลเมตรตลอดทั่วเทือกเขาดอยค้า ตามริมฝั่งน้ำด้านตะวันตกของแม่น้ำโขง การปล่อยน้ำจาจากการทำเหมืองแร่ทองแร่ทองคำที่ขาดการควบคุม รวมทั้งน้ำที่ไหลมาจากากอำบน้ำที่เจือด้วยสารไชยาไนด์ทำให้ลำน้ำน้ำอุดตัน และมักทำให้เกิดการกัดเซาะอย่างรุนแรงที่ริมฝั่งน้ำในช่วงฤดูฝน การขยายตัวของเหมืองทองคำในเมืองเลน ยังทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม และในปัจจุบัน มีบริษัท 12 แห่งที่เชื่อมโยงกับนายทหารพม่าระดับสูงได้รับประทานบัตรอายุ 11 ปี เพื่อการทำเหมืองแร่ทองคำ ในบรรดาประทานบัตร มีการให้ประทานบัตร 13 ฉบับแก่ (8 บริษัท) เมื่อกลางปี 2563 และอีก 7 ฉบับให้แก่ (5 บริษัท) ในปี 2564 ภายหลังการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ประทานบัตรแต่ละฉบับครอบคลุมพื้นที่ 50 ไร่บริษัทส่วนใหญ่ที่ได้รับประทานบัตรจด ทะเบียนในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ยกเว้นเพียงเมย์ฟลาวเวอร์ไมนิ่ง เอนเตอร์ไพรส์(Maylower Mining Enterprises) ที่จัดตั้งขึ้นโดยนายจ่อวิน ซึ่งเป็นพันธมิตรกับกองทัพพม่า และตั้งอยู่ที่เมืองย่างกุ้ง การขุดทองที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในรัฐกะฉิ่น ประเทศเมียนมา ซึ่งเกิดขึ้นโดยขาดการควบคุมและก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่น ***************** EarthRights.org รายงานว่า นับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2021 การขุดทองในรัฐกะฉิ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ควบคุมโดยกองทัพกะฉิ่น (Kachin Independence Army: KIA) และกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ เช่น กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) การขุดทองนี้ส่วนใหญ่เป็นการขุดแบบไม่มีการควบคุม (unregulated) และใช้สารเคมี เช่น ปรอทและไซยาไนด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดมลพิษในแม่น้ำและแหล่งน้ำ เช่น แม่น้ำอิรวดี (Irrawaddy River) และแม่น้ำชินดวิน (Chindwin River) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเกิดจากการใช้สารเคมีในการสกัดทองทำให้ดินและน้ำปนเปื้อน ส่งผลกระทบต่อการเกษตรและสุขภาพของประชาชน นอกจากนั้นคือการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อขุดทองทำให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและเพิ่มความเสี่ยงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น ดินถล่ม ผลกระทบต่อชุมชน ชาวบ้านในพื้นที่ เช่น ในเมืองตานาย (Tanai) และเมืองชิปวี (Chipwi) เผชิญกับการสูญเสียที่ดินทำกินและแหล่งน้ำสะอาดการขุดทองดึงดูดแรงงานจากพื้นที่อื่น ทำให้เกิดความตึงเครียดในชุมชนและเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเด็กและเยาวชนในพื้นที่ถูกดึงเข้าสู่อุตสาหกรรมการขุดทอง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับสภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัยและการละเมิดสิทธิมนุษยชน และพื้นที่นี้ เหมืองทองในเมืองตานายถูกโจมตีทางอากาศโดยกองทัพเมียนมาในเดือนมกราคม 2025 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย การโจมตีนี้ถูกมองว่าเป็นความพยายามของกองทัพในการขัดขวางแหล่งรายได้ของ KIA ***************** ดร.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการในพื้นที่เชียงราย พื้นที่ประสบภัยพิบัติทางแม่น้ำ จากประเทศเพื่อนบ้านที่ทำเหมืองทองคำ และแร่ธาตุเผยแพรข้อเสนอในเฟสบุ๊กส่วนตัวว่า ปัญหาสารโลหะหนักปนเปื้อนในน้ำกกและสายซึ่งเป็นปัญหามลพิษข้ามพรมแดนแล้ว เป็นสถานการณ์ความซับซ้อนของปัญหามลพิษข้ามแดนที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาจากรัฐส่วนกลางที่จะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ได้คล้ายกับปัญหาฝุ่นควันข้ามแดน พร้อมกับอ้างอิงงานศึกษาว่าบทบาทของอาเซียนในการแก้ไขปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำระหว่างประเทศดังเช่นแม่น้ำโขง Ding (2019) ที่วิพากษ์แนวคิด traditional state-centric governance เกี่ยวกับปัญหาสารโลหะหนักที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศแม่น้ำโขงตอนล่าง อันประกอบด้วย ไทย ลาว เวียนดนาม และกัมพูชา การแก้ไขภายใต้อาเซียนและ MRC (Mekong River Commission มีข้อจำกัดในแง่ที่ 1) รายงานมิได้ครอบคลุมรายละเอียดของปัญหามลพิษ 2) รายงานมิได้สนับสนุนการสื่อสารกันระหว่างองคกรที่แตกต่างกัน เช่น สถาบันการวิจัย 3) ขาดกลไกเชิงกฎหมายระดับภูมิภาคและการบังคับใช้กฎหมายในควบคุมมลพิษในน้ำข้ามพรมแดน 4) รายงานไม่ได้รับความสนใจจากสาธารณชน สรุปคือกลกลไกระหว่างประเทศแบบที่ สทนช.เสนอให้ MRC ทำ น่าจะไม่สามารถแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดนในบริบทอาเซียนได้ เมื่อพิจารณาความซับซ้อนของปัญหาในต้นน้ำกกและสาย จำเป็นต้องแกะปมตั้งแต่ บริษัทจีน กองกำลังติดอาวุธ ชาติพันธ์ และประเทศจีน ชุมชนในตลอดลำน้ำกกและสาย สถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจ ปละภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้วย เสียงคำรามของเครื่องบินพร้อมลูกระเบิดภารกิจ Airstrikes ก่อสงครามแย่งชิงขุมทรัพย์ทองคำสีเลือด และคนลุ่มน้ำโขงกำลังเผชิญภัยวิกฤติจากสารพิษ ที่เจือปนในแม่น้ำ รวมถึงการสลายความเป็นมนุษย์ในดินแดนขุมเมืองแห่งลุ่มแม่น้ำแห่งชีวิตสายนี้ ***************** อ้างอิง : • สำนักข่าว Shan Herald Agency for News, Burma News International, Human Rights Watch, The Irrawaddy Radio Free Asia Al Jazeera, Amnesty International, Justice For Myanmar, และ Wikipedia • World Gold Council https://www.gold.org/ • EarthRights International
    0 Comments 0 Shares 471 Views 0 Reviews
  • MITRE ได้รับการขยายสัญญาจาก CISA เพื่อดำเนินโครงการ Common Vulnerabilities and Exposures (CVE) ต่อไปอีก 11 เดือน หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีความกังวลว่าโครงการอาจถูกยกเลิกเนื่องจากการตัดงบประมาณ

    ✅ CISA ขยายสัญญา MITRE เพื่อดำเนินโครงการ CVE ต่อไปอีก 11 เดือน
    - โครงการ CVE เป็นมาตรฐานสำคัญในการ ระบุช่องโหว่ด้านความปลอดภัย
    - การขยายสัญญาช่วยให้มี การเปลี่ยนผ่านที่เป็นระบบ และลดผลกระทบต่อชุมชนความปลอดภัยไซเบอร์

    ✅ ความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของโครงการ CVE
    - นักวิชาการด้านความปลอดภัยบางคนกังวลว่า สหรัฐฯ อาจไม่ใช่พันธมิตรที่เชื่อถือได้ในการสนับสนุนโครงการนี้
    - มีการเสนอให้ตั้ง CVE Foundation เพื่อให้มีแหล่งเงินทุนที่หลากหลายจากผู้สนับสนุนทั่วโลก

    ✅ MITRE อาจต้องหาทางออกอื่นหากไม่มีการต่อสัญญาเพิ่มเติม
    - มีการตั้งคำถามว่า MITRE จะสามารถดำเนินโครงการต่อไปได้ด้วยเงินทุนของตัวเองหรือไม่
    - อาจมีความเป็นไปได้ที่ สหภาพยุโรปจะเข้ามาสนับสนุนโครงการแทน

    ✅ ความสำคัญของโครงการ CVE ต่ออุตสาหกรรมความปลอดภัยไซเบอร์
    - CVE เป็น ฐานข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถจัดการช่องโหว่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    - ใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับ ผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัย เช่น Cyber Threat Intelligence และ Endpoint Detection

    https://www.zdnet.com/article/why-the-cve-database-for-tracking-security-flaws-nearly-went-dark-and-what-happens-next/
    MITRE ได้รับการขยายสัญญาจาก CISA เพื่อดำเนินโครงการ Common Vulnerabilities and Exposures (CVE) ต่อไปอีก 11 เดือน หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีความกังวลว่าโครงการอาจถูกยกเลิกเนื่องจากการตัดงบประมาณ ✅ CISA ขยายสัญญา MITRE เพื่อดำเนินโครงการ CVE ต่อไปอีก 11 เดือน - โครงการ CVE เป็นมาตรฐานสำคัญในการ ระบุช่องโหว่ด้านความปลอดภัย - การขยายสัญญาช่วยให้มี การเปลี่ยนผ่านที่เป็นระบบ และลดผลกระทบต่อชุมชนความปลอดภัยไซเบอร์ ✅ ความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของโครงการ CVE - นักวิชาการด้านความปลอดภัยบางคนกังวลว่า สหรัฐฯ อาจไม่ใช่พันธมิตรที่เชื่อถือได้ในการสนับสนุนโครงการนี้ - มีการเสนอให้ตั้ง CVE Foundation เพื่อให้มีแหล่งเงินทุนที่หลากหลายจากผู้สนับสนุนทั่วโลก ✅ MITRE อาจต้องหาทางออกอื่นหากไม่มีการต่อสัญญาเพิ่มเติม - มีการตั้งคำถามว่า MITRE จะสามารถดำเนินโครงการต่อไปได้ด้วยเงินทุนของตัวเองหรือไม่ - อาจมีความเป็นไปได้ที่ สหภาพยุโรปจะเข้ามาสนับสนุนโครงการแทน ✅ ความสำคัญของโครงการ CVE ต่ออุตสาหกรรมความปลอดภัยไซเบอร์ - CVE เป็น ฐานข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถจัดการช่องโหว่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ - ใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับ ผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัย เช่น Cyber Threat Intelligence และ Endpoint Detection https://www.zdnet.com/article/why-the-cve-database-for-tracking-security-flaws-nearly-went-dark-and-what-happens-next/
    WWW.ZDNET.COM
    Why the CVE database for tracking security flaws nearly went dark - and what happens next
    Expired US government funding nearly disrupted this global security system. How can we prevent this from happening again in 11 months?
    0 Comments 0 Shares 152 Views 0 Reviews
  • MITRE ได้รับการขยายสัญญาจาก CISA เพื่อดำเนินโครงการ Common Vulnerabilities and Exposures (CVE) ต่อไปอีก 11 เดือน หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีความกังวลว่าโครงการอาจถูกยกเลิกเนื่องจากการตัดงบประมาณ

    ✅ CISA ขยายสัญญา MITRE เพื่อดำเนินโครงการ CVE ต่อไปอีก 11 เดือน
    - โครงการ CVE เป็นมาตรฐานสำคัญในการ ระบุช่องโหว่ด้านความปลอดภัย
    - การขยายสัญญาช่วยให้มี การเปลี่ยนผ่านที่เป็นระบบ และลดผลกระทบต่อชุมชนความปลอดภัยไซเบอร์

    ✅ ความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของโครงการ CVE
    - นักวิชาการด้านความปลอดภัยบางคนกังวลว่า สหรัฐฯ อาจไม่ใช่พันธมิตรที่เชื่อถือได้ในการสนับสนุนโครงการนี้
    - มีการเสนอให้ตั้ง CVE Foundation เพื่อให้มีแหล่งเงินทุนที่หลากหลายจากผู้สนับสนุนทั่วโลก

    ✅ MITRE อาจต้องหาทางออกอื่นหากไม่มีการต่อสัญญาเพิ่มเติม
    - มีการตั้งคำถามว่า MITRE จะสามารถดำเนินโครงการต่อไปได้ด้วยเงินทุนของตัวเองหรือไม่
    - อาจมีความเป็นไปได้ที่ สหภาพยุโรปจะเข้ามาสนับสนุนโครงการแทน

    ✅ ความสำคัญของโครงการ CVE ต่ออุตสาหกรรมความปลอดภัยไซเบอร์
    - CVE เป็น ฐานข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถจัดการช่องโหว่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    - ใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับ ผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัย เช่น Cyber Threat Intelligence และ Endpoint Detection

    https://www.csoonline.com/article/3964168/mitre-funding-still-in-up-in-the-air-say-experts.html
    MITRE ได้รับการขยายสัญญาจาก CISA เพื่อดำเนินโครงการ Common Vulnerabilities and Exposures (CVE) ต่อไปอีก 11 เดือน หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีความกังวลว่าโครงการอาจถูกยกเลิกเนื่องจากการตัดงบประมาณ ✅ CISA ขยายสัญญา MITRE เพื่อดำเนินโครงการ CVE ต่อไปอีก 11 เดือน - โครงการ CVE เป็นมาตรฐานสำคัญในการ ระบุช่องโหว่ด้านความปลอดภัย - การขยายสัญญาช่วยให้มี การเปลี่ยนผ่านที่เป็นระบบ และลดผลกระทบต่อชุมชนความปลอดภัยไซเบอร์ ✅ ความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของโครงการ CVE - นักวิชาการด้านความปลอดภัยบางคนกังวลว่า สหรัฐฯ อาจไม่ใช่พันธมิตรที่เชื่อถือได้ในการสนับสนุนโครงการนี้ - มีการเสนอให้ตั้ง CVE Foundation เพื่อให้มีแหล่งเงินทุนที่หลากหลายจากผู้สนับสนุนทั่วโลก ✅ MITRE อาจต้องหาทางออกอื่นหากไม่มีการต่อสัญญาเพิ่มเติม - มีการตั้งคำถามว่า MITRE จะสามารถดำเนินโครงการต่อไปได้ด้วยเงินทุนของตัวเองหรือไม่ - อาจมีความเป็นไปได้ที่ สหภาพยุโรปจะเข้ามาสนับสนุนโครงการแทน ✅ ความสำคัญของโครงการ CVE ต่ออุตสาหกรรมความปลอดภัยไซเบอร์ - CVE เป็น ฐานข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถจัดการช่องโหว่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ - ใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับ ผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัย เช่น Cyber Threat Intelligence และ Endpoint Detection https://www.csoonline.com/article/3964168/mitre-funding-still-in-up-in-the-air-say-experts.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    MITRE funding still in up in the air, say experts
    The US is “not a reliable partner” in supporting the CVE database, says one analyst; CVE board members establish the CVE Foundation in response.
    0 Comments 0 Shares 148 Views 0 Reviews
  • ช่วงนี้ Storyฯ กลับไปดูซีรีส์เก่าๆ ค่ะ มาลงเอยที่ละครเรื่อง <ข้าก็เป็นสตรีเช่นนี้> และสะดุดกับเนื้อเรื่องตอนที่กล่าวถึงว่า พระรองพยายามจีบนางเอกด้วยการล่าสัตว์เอาสัตว์ป่ามาให้ ทำเอาพระเอกหึงจนร่ายยาวออกมาเป็นบทกวี แต่นางเอกฟังไม่เข้าใจ วันนี้มาคุยเรื่องบทกวีนี้กันค่ะ

    ความมีอยู่ว่า
    ... “กวางสิ้นใจในป่าทึบ หญ้าคาขาวห่อหุ้มตัวมันไว้ หญิงสาวความรักผลิบาน ชายหนุ่มไล่ตามพูดหยอกเย้า ป่ามีต้นอ่อนถือกำเนิด พณาร้างมีกวางหนึ่งสิ้นใจ ห่อคาขาวนี้คิดมอบให้ผู้ใด มอบให้หญิงงามดุจยอดหยก อย่าได้รีบร้อนถอดนักซิ อย่าแตะต้องผ้าคาดเอวข้า อย่าทำสุนัขเห่าหอนมา ชาตินี้ข้าติดตามท่านแน่แล้ว” ... กล่าวคือบุรุษในกลอนนี้นำผ้าขาวห่อสัตว์ที่ล่ามาได้หลอกล่อหญิงสาวที่กำลังตกหลุมรักชายผู้นั้น ...
    - ถอดบทสนทนาจาก <ข้าก็เป็นสตรีเช่นนี้> (ตามซับไทย)

    กลอนบทนี้มีชื่อว่า ‘เหยียโหย่วสื่อจวิน’ (野有死麕 แปลได้ตามซับไทยของละครว่า ‘กวางสิ้นใจในป่าทึบ’) (หมายเหตุ ‘จวิน’ เป็นกวางขนาดเล็กไม่มีเขา ไม่แน่ใจว่าใช่กระจงหรือไม่)

    บทกวีนี้มีทั้งหมดสามท่อน ท่อนละสี่วรรค เป็นหนึ่งในบทกวีที่ถูกรวบรวมไว้ใน ‘ซือจิง’ (诗经 แปลตรงตัวว่าคัมภีร์บทกวี) ซึ่งเป็นคอลเลคชั่นบทกวีจีนที่เก่าแก่ที่สุด โดยรวบรวมไว้ถึง 311 บท เป็นบทกวีตั้งแต่สมัยโจวตะวันตกตอนปลายจนถึงยุคชุนชิว (ประมาณปี1066 - 479 ก่อนคริสตกาล) จัดอยู่ในหมวด ‘กั๋วเฟิง’ ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับบทเพลงพื้นบ้าน

    ‘เหยียโหย่วสื่อจวิน’ เป็นบทกวีที่สะท้อนถึงการเกี้ยวพาราสีของชายหญิง โดยเฉพาะท่อนหลังดูจะบรรยายถึงความสัมพันธ์ที่ดูจะถึงเนื้อถึงตัว เป็นเนื้อหาที่ดูจะสะท้อนถึงอิสระของสตรีในแบบที่เราไม่ค่อยเห็นในกลอนจีนโบราณ

    แต่จริงๆ แล้วมันสะท้อนถึงสถานะสตรีในยุคสมัยนั้นได้ดี

    เราอาจคุ้นเคยว่าคติสอนหญิงของจีนโบราณคือบุรุษเป็นใหญ่ แต่จริงๆ แล้วก่อนยุคสมัยชุนชิวสถานะทางสังคมของสตรีนั้นสูงไม่เบา ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซาง (ประมาณปี 1600-1050 ก่อนคริสตกาล) จนถึงราชวงศ์ฮั่น ปรากฏสตรีมีอำนาจทางการทหาร มีที่ได้รับการอวยยศเป็นโหวหลายสิบคน และสตรีสามารถถือครองทรัพย์สินได้ ในยุคสมัยนั้นสตรีมีอิสระด้านการครองเรือนและการออกมาปรากฏกายในสาธารณะ สามารถเลือกคู่ครองเองได้ ขอหย่าได้ หย่าร้างแล้วก็สามารถแต่งงานใหม่ได้โดยไม่ถูกมองอย่างหยามเหยียด และมีตัวอย่างฮองเฮาหลายคนในประวัติศาสตร์ที่เคยมีสามีอื่นมาก่อน

    ต่อมาจึงเกิดแนวคิดแยกบทบาทให้บุรุษเน้นเรื่องนอกบ้าน สตรีเน้นเรื่องในบ้าน จนกลายเป็นแนวคิดเรื่องบุรุษเป็นใหญ่ที่แพร่หลายในสมัยฮั่นตะวันออก (ประมาณปี 25 ก่อนคริสตกาล - ค.ศ. 220) ในช่วงเวลานั้นมีนักประพันธ์และนักวิชาการหลายคนมีผลงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยที่โด่งดังมากและเป็นมรดกตกทอดไปอีกหลายพันปีคือวรรณกรรมเรื่อง ‘เตือนหญิง’ (女诫 หรือ ‘หนี่ว์เจี้ย’) ซึ่งเป็นผลงานของนักวิชาการสตรีนาม ‘ปันเจา’ ที่กลายเป็นหนึ่งในหนังสือที่สตรีต้องเล่าเรียนไปอีกหลายยุคหลายสมัย

    บทกวี ‘เหยียโหย่วสื่อจวิน’ ในบริบทของละครเป็นการเปรียบเปรยถึงการที่ผู้ชายพยายามจีบหญิง แต่พอเข้าใจถึงยุคสมัยที่เกี่ยวข้องก็ทำให้ Storyฯ อดคิดเปรียบเทียบไม่ได้ว่า วัฒนธรรมจีนโบราณแต่บรรพกาลก็คล้ายๆ วัฒนธรรมโบราณอื่นๆ ที่สตรีเคยเป็นใหญ่และมีบทบาททางสังคมไม่น้อยไปกว่าชาย

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    http://m.qulishi.com/article/202101/478420.html
    https://view.inews.qq.com/a/20200704A03V3J00
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/召南·野有死麕/19680551
    https://shijing.5000yan.com/guofeng-zhaonan/yeyousijun.html
    https://baike.baidu.com/item/女诫/3423545
    https://new.qq.com/rain/a/20200617A0R16W00
    https://www.sohu.com/a/249005081_100234890

    #ข้าก็เป็นสตรีเช่นนี้ #ซือจิง #คัมภีร์บทกวี #หนี่ว์เจี้ย #วรรณกรรมจีนเตือนหญิง #กวางสิ้นใจในป่าทึบ
    ช่วงนี้ Storyฯ กลับไปดูซีรีส์เก่าๆ ค่ะ มาลงเอยที่ละครเรื่อง <ข้าก็เป็นสตรีเช่นนี้> และสะดุดกับเนื้อเรื่องตอนที่กล่าวถึงว่า พระรองพยายามจีบนางเอกด้วยการล่าสัตว์เอาสัตว์ป่ามาให้ ทำเอาพระเอกหึงจนร่ายยาวออกมาเป็นบทกวี แต่นางเอกฟังไม่เข้าใจ วันนี้มาคุยเรื่องบทกวีนี้กันค่ะ ความมีอยู่ว่า ... “กวางสิ้นใจในป่าทึบ หญ้าคาขาวห่อหุ้มตัวมันไว้ หญิงสาวความรักผลิบาน ชายหนุ่มไล่ตามพูดหยอกเย้า ป่ามีต้นอ่อนถือกำเนิด พณาร้างมีกวางหนึ่งสิ้นใจ ห่อคาขาวนี้คิดมอบให้ผู้ใด มอบให้หญิงงามดุจยอดหยก อย่าได้รีบร้อนถอดนักซิ อย่าแตะต้องผ้าคาดเอวข้า อย่าทำสุนัขเห่าหอนมา ชาตินี้ข้าติดตามท่านแน่แล้ว” ... กล่าวคือบุรุษในกลอนนี้นำผ้าขาวห่อสัตว์ที่ล่ามาได้หลอกล่อหญิงสาวที่กำลังตกหลุมรักชายผู้นั้น ... - ถอดบทสนทนาจาก <ข้าก็เป็นสตรีเช่นนี้> (ตามซับไทย) กลอนบทนี้มีชื่อว่า ‘เหยียโหย่วสื่อจวิน’ (野有死麕 แปลได้ตามซับไทยของละครว่า ‘กวางสิ้นใจในป่าทึบ’) (หมายเหตุ ‘จวิน’ เป็นกวางขนาดเล็กไม่มีเขา ไม่แน่ใจว่าใช่กระจงหรือไม่) บทกวีนี้มีทั้งหมดสามท่อน ท่อนละสี่วรรค เป็นหนึ่งในบทกวีที่ถูกรวบรวมไว้ใน ‘ซือจิง’ (诗经 แปลตรงตัวว่าคัมภีร์บทกวี) ซึ่งเป็นคอลเลคชั่นบทกวีจีนที่เก่าแก่ที่สุด โดยรวบรวมไว้ถึง 311 บท เป็นบทกวีตั้งแต่สมัยโจวตะวันตกตอนปลายจนถึงยุคชุนชิว (ประมาณปี1066 - 479 ก่อนคริสตกาล) จัดอยู่ในหมวด ‘กั๋วเฟิง’ ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับบทเพลงพื้นบ้าน ‘เหยียโหย่วสื่อจวิน’ เป็นบทกวีที่สะท้อนถึงการเกี้ยวพาราสีของชายหญิง โดยเฉพาะท่อนหลังดูจะบรรยายถึงความสัมพันธ์ที่ดูจะถึงเนื้อถึงตัว เป็นเนื้อหาที่ดูจะสะท้อนถึงอิสระของสตรีในแบบที่เราไม่ค่อยเห็นในกลอนจีนโบราณ แต่จริงๆ แล้วมันสะท้อนถึงสถานะสตรีในยุคสมัยนั้นได้ดี เราอาจคุ้นเคยว่าคติสอนหญิงของจีนโบราณคือบุรุษเป็นใหญ่ แต่จริงๆ แล้วก่อนยุคสมัยชุนชิวสถานะทางสังคมของสตรีนั้นสูงไม่เบา ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซาง (ประมาณปี 1600-1050 ก่อนคริสตกาล) จนถึงราชวงศ์ฮั่น ปรากฏสตรีมีอำนาจทางการทหาร มีที่ได้รับการอวยยศเป็นโหวหลายสิบคน และสตรีสามารถถือครองทรัพย์สินได้ ในยุคสมัยนั้นสตรีมีอิสระด้านการครองเรือนและการออกมาปรากฏกายในสาธารณะ สามารถเลือกคู่ครองเองได้ ขอหย่าได้ หย่าร้างแล้วก็สามารถแต่งงานใหม่ได้โดยไม่ถูกมองอย่างหยามเหยียด และมีตัวอย่างฮองเฮาหลายคนในประวัติศาสตร์ที่เคยมีสามีอื่นมาก่อน ต่อมาจึงเกิดแนวคิดแยกบทบาทให้บุรุษเน้นเรื่องนอกบ้าน สตรีเน้นเรื่องในบ้าน จนกลายเป็นแนวคิดเรื่องบุรุษเป็นใหญ่ที่แพร่หลายในสมัยฮั่นตะวันออก (ประมาณปี 25 ก่อนคริสตกาล - ค.ศ. 220) ในช่วงเวลานั้นมีนักประพันธ์และนักวิชาการหลายคนมีผลงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยที่โด่งดังมากและเป็นมรดกตกทอดไปอีกหลายพันปีคือวรรณกรรมเรื่อง ‘เตือนหญิง’ (女诫 หรือ ‘หนี่ว์เจี้ย’) ซึ่งเป็นผลงานของนักวิชาการสตรีนาม ‘ปันเจา’ ที่กลายเป็นหนึ่งในหนังสือที่สตรีต้องเล่าเรียนไปอีกหลายยุคหลายสมัย บทกวี ‘เหยียโหย่วสื่อจวิน’ ในบริบทของละครเป็นการเปรียบเปรยถึงการที่ผู้ชายพยายามจีบหญิง แต่พอเข้าใจถึงยุคสมัยที่เกี่ยวข้องก็ทำให้ Storyฯ อดคิดเปรียบเทียบไม่ได้ว่า วัฒนธรรมจีนโบราณแต่บรรพกาลก็คล้ายๆ วัฒนธรรมโบราณอื่นๆ ที่สตรีเคยเป็นใหญ่และมีบทบาททางสังคมไม่น้อยไปกว่าชาย (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: http://m.qulishi.com/article/202101/478420.html https://view.inews.qq.com/a/20200704A03V3J00 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/召南·野有死麕/19680551 https://shijing.5000yan.com/guofeng-zhaonan/yeyousijun.html https://baike.baidu.com/item/女诫/3423545 https://new.qq.com/rain/a/20200617A0R16W00 https://www.sohu.com/a/249005081_100234890 #ข้าก็เป็นสตรีเช่นนี้ #ซือจิง #คัมภีร์บทกวี #หนี่ว์เจี้ย #วรรณกรรมจีนเตือนหญิง #กวางสิ้นใจในป่าทึบ
    《我就是这般女子》在哪儿可以看?一周更新几集?-趣历史网
    关晓彤和侯明昊主演的《我就是这般女子》追剧日历出炉,自1月18日正式开播到2月15日大结局,见证班婳
    1 Comments 0 Shares 380 Views 0 Reviews
  • เปิดตัวอย่างเป็นทางการหนังสือ Fail Fast, Succeed More ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด

    “เคล็ดลับสู่ความสำเร็จแบบก้าวกระโดด ด้วยการเรียนรู้จากความล้มเหลว
    เพราะความล้มเหลวคือจิ๊กซอร์หนึ่งของความสำเร็จ”

    ดร.สุวัฒน์ ทองธนากุล บรรณาธิการ Green Innovation & SD Manager Online กรรมการสถาบันป๋วย อึ๊งภากรณ์ (ท่านที่ 2 จากซ้าย) อาจารย์ทวีภูมิ วิบรรณ์ ผู้ก่อตั้ง ProActive Forum (ท่านที่ 1 จากซ้าย) พ.ต.ท. ดร.คมกริช ศิลาทอง นักวิเทศสัมพันธ์ชำนาญการ สำนักประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน (ท่านที่ 1 จากขวา) ดร.ศรินนา แก้วสีเคน กรรมการเดชฤทธิ์ กรุ๊ป, 10X Consulting และผู้ก่อตั้งกิจการเพื่อสังคมสานฝันปันใจให้น้อง (ท่านที่ 2 จากขวา) คุณจารุวรรณ เวชตระกูล บรรณาธิการบริหาร สำนักพิมพ์วิช (ท่านที่ 3 จากขวา) คุณศิริรัตน์ ไชยาริพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายจัดจำหน่าย บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) (ท่านที่ 4 จากขวา) ร่วมเป็นเกียรติในงานเปิดตัวผลงานหนังสือล่าสุดของ ศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์พรหมบุตร (ท่านที่ 3 จากซ้าย) ที่ปรึกษา โค้ช วิทยากร และนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การพัฒนาการจัดการองค์กร จากแบรนด์ 10X Consulting (www.10-xconsulting.com) ซึ่งมีผลงานการให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อพัฒนาศักยภาพทั้งในระดับบุคคล ทีม และองค์กรชั้นนำกว่า 500 องค์กร ใน 21 อุตสาหกรรม ครอบคลุมกลุ่มบริษัท บริษัทมหาชน บริษัทจำกัดในอุตสาหกรรมผลิต พลังงาน การสื่อสาร - โทรคมนาคม เทคโนโลยีดิจิทัล ค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ การบริการ/มหาวิทยาลัย/สถาบันการศึกษา/ รัฐวิสาหกิจ 10 อันดับแรกที่ส่งรายได้สูงสุด/หน่วยงานภาครัฐระดับกระทรวง และส่วนราชการในสังกัดทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น/สถาบันอิสระ/องค์กรไม่แสวงหากำไร/โครงการพระราชดำริ และเป็นที่ปรึกษา พี่เลี้ยง และโค้ชส่วนตัวแก่ผู้บริหาร และผู้นำมากกว่า 10,000 คน

    ในยุคที่สังคมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และผู้คนก็กระหายความสำเร็จ และมุ่งหวังความเจริญเติบโต การเรียนรู้จากการล้ม และการฝึกกระบวนการในการสร้างความสำเร็จจึงเป็นเรื่องจำเป็นและทั้งหมดนี้ต้องเป็นไปอย่างรวดเร็ว รอช้าไม่ได้

    ปัจจุบันนี้ องค์กร หน่วยงาน ทีมต่างๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวบุคคล ล้วนเผชิญกับความท้าทายมากมาย ทั้งการแข่งขันที่ดุเดือด เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การยึดติดกับวิธีการเดิมๆ หรือกลัวความล้มเหลว อาจทำให้ตัวคุณ ทีม หน่วยงาน และองค์กรตกขบวนได้

    หนังสือ "Fall Fast, Succeed More ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด" ได้รับแรงบันดาลใจจากการได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับ ผู้นำทีม ผู้จัดการหน่วยงาน ผู้บริหารองค์กร ผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ ผู้ก่อตั้งองค์กรทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งบุคคล ที่รัก และชื่นชอบการพัฒนาตนเอง นับหมื่นคนที่มอบโอกาสและความไว้วางใจให้มีส่วนร่วมสร้างสรรค์ผลงาน ทำให้เห็นถึงความสำคัญของการทดลองสิ่งใหม่ๆ การเรียนรู้จากความล้มเหลว และการปรับตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้เกิดการพัฒนาสร้างการเติบโตนับ 10 เท่า (10X) และการปรับปรุง - พัฒนาอย่างต่อเนื่อง

    หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้นำทีม ผู้จัดการ ผู้บริหาร เจ้าของธุรกิจ และผู้ก่อตั้ง ที่ต้องการพัฒนา ทีมงาน หน่วยงาน และองค์กร ควบคู่กับการพัฒนาตนเอง ให้เป็นผู้สร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยผู้อ่านจะได้เรียนรู้กลยุทธ์และเทคนิคในการ "ล้มให้เร็ว" และ "สำเร็จให้สุด" ภายในเล่ม ผู้อ่านจะได้พบกับ

    1. เครื่องมือและเทคนิค ที่จะช่วยให้คุณ "ล้ม" อุปสรรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความกลัวความล้มเหลว การขาดความคิดสร้างสรรค์ หรือวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่เอื้อต่อต่อการเปลี่ยนแปลง
    2. กลยุทธ์ในการ "เร่ง" สู่ความสำเร็จในแบบ 10X ด้วยการปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง และการพัฒนาศักยภาพของบุคคล ทีม หน่วยงาน และองค์กร

    ด้วยเนื้อหาที่เข้มขันแต่เข้าใจง่าย ผู้อ่านจะได้เรียนรู้วิธีคิดและวิธีปฏิบัติแบบใหม่ๆ ที่จะช่วย "ปลดล็อก" ศักยภาพที่ซ่อนอยู่ภายในตัวคุณและองค์กร ไม่ว่าคุณจะกำลังเผชิญกับความท้าทายใดในชีวิต และธุรกิจการงาน

    หากคุณพร้อมที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ และพุ่งทะยานสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ด้วยการถอดแบบความสำเร็จแบบ "Fall Fast, Succeed More ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด" ราคา 299 บาท มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน นี้เป็นต้นไป หรือสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ที่ www.wishbookmaker.com สั่งซื้อจำนวนมากติดต่อที่ 02 – 418 - 2885

    ชมบรรยากาศการเปิดตัวหนังสือได้ที่ #FailFastSucceedMore

    #ล้มให้เร็วสำเร็จให้สุด
    #เพราะความล้มเหลวคือจิ๊กซอร์หนึ่งของความสำเร็จ
    #เผยเทคนิคล้มอย่างไรให้สำเร็จได้อย่างสุดๆ
    เปิดตัวอย่างเป็นทางการหนังสือ Fail Fast, Succeed More ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด “เคล็ดลับสู่ความสำเร็จแบบก้าวกระโดด ด้วยการเรียนรู้จากความล้มเหลว เพราะความล้มเหลวคือจิ๊กซอร์หนึ่งของความสำเร็จ” ดร.สุวัฒน์ ทองธนากุล บรรณาธิการ Green Innovation & SD Manager Online กรรมการสถาบันป๋วย อึ๊งภากรณ์ (ท่านที่ 2 จากซ้าย) อาจารย์ทวีภูมิ วิบรรณ์ ผู้ก่อตั้ง ProActive Forum (ท่านที่ 1 จากซ้าย) พ.ต.ท. ดร.คมกริช ศิลาทอง นักวิเทศสัมพันธ์ชำนาญการ สำนักประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน (ท่านที่ 1 จากขวา) ดร.ศรินนา แก้วสีเคน กรรมการเดชฤทธิ์ กรุ๊ป, 10X Consulting และผู้ก่อตั้งกิจการเพื่อสังคมสานฝันปันใจให้น้อง (ท่านที่ 2 จากขวา) คุณจารุวรรณ เวชตระกูล บรรณาธิการบริหาร สำนักพิมพ์วิช (ท่านที่ 3 จากขวา) คุณศิริรัตน์ ไชยาริพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายจัดจำหน่าย บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) (ท่านที่ 4 จากขวา) ร่วมเป็นเกียรติในงานเปิดตัวผลงานหนังสือล่าสุดของ ศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์พรหมบุตร (ท่านที่ 3 จากซ้าย) ที่ปรึกษา โค้ช วิทยากร และนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การพัฒนาการจัดการองค์กร จากแบรนด์ 10X Consulting (www.10-xconsulting.com) ซึ่งมีผลงานการให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อพัฒนาศักยภาพทั้งในระดับบุคคล ทีม และองค์กรชั้นนำกว่า 500 องค์กร ใน 21 อุตสาหกรรม ครอบคลุมกลุ่มบริษัท บริษัทมหาชน บริษัทจำกัดในอุตสาหกรรมผลิต พลังงาน การสื่อสาร - โทรคมนาคม เทคโนโลยีดิจิทัล ค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ การบริการ/มหาวิทยาลัย/สถาบันการศึกษา/ รัฐวิสาหกิจ 10 อันดับแรกที่ส่งรายได้สูงสุด/หน่วยงานภาครัฐระดับกระทรวง และส่วนราชการในสังกัดทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น/สถาบันอิสระ/องค์กรไม่แสวงหากำไร/โครงการพระราชดำริ และเป็นที่ปรึกษา พี่เลี้ยง และโค้ชส่วนตัวแก่ผู้บริหาร และผู้นำมากกว่า 10,000 คน ในยุคที่สังคมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และผู้คนก็กระหายความสำเร็จ และมุ่งหวังความเจริญเติบโต การเรียนรู้จากการล้ม และการฝึกกระบวนการในการสร้างความสำเร็จจึงเป็นเรื่องจำเป็นและทั้งหมดนี้ต้องเป็นไปอย่างรวดเร็ว รอช้าไม่ได้ ปัจจุบันนี้ องค์กร หน่วยงาน ทีมต่างๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวบุคคล ล้วนเผชิญกับความท้าทายมากมาย ทั้งการแข่งขันที่ดุเดือด เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การยึดติดกับวิธีการเดิมๆ หรือกลัวความล้มเหลว อาจทำให้ตัวคุณ ทีม หน่วยงาน และองค์กรตกขบวนได้ หนังสือ "Fall Fast, Succeed More ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด" ได้รับแรงบันดาลใจจากการได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับ ผู้นำทีม ผู้จัดการหน่วยงาน ผู้บริหารองค์กร ผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ ผู้ก่อตั้งองค์กรทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งบุคคล ที่รัก และชื่นชอบการพัฒนาตนเอง นับหมื่นคนที่มอบโอกาสและความไว้วางใจให้มีส่วนร่วมสร้างสรรค์ผลงาน ทำให้เห็นถึงความสำคัญของการทดลองสิ่งใหม่ๆ การเรียนรู้จากความล้มเหลว และการปรับตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้เกิดการพัฒนาสร้างการเติบโตนับ 10 เท่า (10X) และการปรับปรุง - พัฒนาอย่างต่อเนื่อง หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้นำทีม ผู้จัดการ ผู้บริหาร เจ้าของธุรกิจ และผู้ก่อตั้ง ที่ต้องการพัฒนา ทีมงาน หน่วยงาน และองค์กร ควบคู่กับการพัฒนาตนเอง ให้เป็นผู้สร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยผู้อ่านจะได้เรียนรู้กลยุทธ์และเทคนิคในการ "ล้มให้เร็ว" และ "สำเร็จให้สุด" ภายในเล่ม ผู้อ่านจะได้พบกับ 1. เครื่องมือและเทคนิค ที่จะช่วยให้คุณ "ล้ม" อุปสรรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความกลัวความล้มเหลว การขาดความคิดสร้างสรรค์ หรือวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่เอื้อต่อต่อการเปลี่ยนแปลง 2. กลยุทธ์ในการ "เร่ง" สู่ความสำเร็จในแบบ 10X ด้วยการปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง และการพัฒนาศักยภาพของบุคคล ทีม หน่วยงาน และองค์กร ด้วยเนื้อหาที่เข้มขันแต่เข้าใจง่าย ผู้อ่านจะได้เรียนรู้วิธีคิดและวิธีปฏิบัติแบบใหม่ๆ ที่จะช่วย "ปลดล็อก" ศักยภาพที่ซ่อนอยู่ภายในตัวคุณและองค์กร ไม่ว่าคุณจะกำลังเผชิญกับความท้าทายใดในชีวิต และธุรกิจการงาน หากคุณพร้อมที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ และพุ่งทะยานสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ด้วยการถอดแบบความสำเร็จแบบ "Fall Fast, Succeed More ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด" ราคา 299 บาท มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน นี้เป็นต้นไป หรือสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ที่ www.wishbookmaker.com สั่งซื้อจำนวนมากติดต่อที่ 02 – 418 - 2885 ชมบรรยากาศการเปิดตัวหนังสือได้ที่ #FailFastSucceedMore #ล้มให้เร็วสำเร็จให้สุด #เพราะความล้มเหลวคือจิ๊กซอร์หนึ่งของความสำเร็จ #เผยเทคนิคล้มอย่างไรให้สำเร็จได้อย่างสุดๆ
    0 Comments 0 Shares 367 Views 0 Reviews
  • นายกฯ ชี้ "ทรัมป์" ชะลอรีดภาษีสินค้านำเข้า 90 วัน มีเวลาทำแผนเจรจาให้ดีขึ้น เผยสหรัฐฯ ตอบรับให้ "พิชัย" เจรจาแล้ว แต่ยังไม่ได้คิวเวลา ระบุถ้าประเทศอาเซียนจับมือแล้วมีพลังมากกว่าก็เป็นเรื่องดี

    วันนี้(10 เม.ย.) เมื่อเวลา 9.05 น.นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ชะลอการเก็บภาษีตอบโต้ทางการค้าออกไปเป็นเวลา 90 วัน ว่า ช่วงเวลา 90 วันถือว่าได้ทั้งหมดเกือบทุกประเทศ และคิดว่าเป็นเรื่องเวลาแต่ละประเทศต้องต่อคิวกันคุย เพราะมีจำนวนมาก ซึ่งแผนของเรา ที่จะทำในประเทศ ต้องเตรียมให้ดีขึ้น เรามองทุกมิติ และค่อนข้างที่จะครบอยู่แล้ว เหลือเวลาที่จะเข้าไปคุย

    ผู้สื่อข่าวถามว่านายพิชัย ชุณหวชิระ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะเดินทางไปพูดคุยวันไหน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่ายังไม่ได้กำหนดวันที่ชัดเจน ทางสหรัฐฯ ตอบรับมาแล้วแต่ยังไม่ได้คิวพูดคุย

    เมื่อถามว่าการที่แต่ละประเทศต่อคิวคุยกันคุย กับการที่ประเทศพันธมิตรในกลุ่มอาเซียนจับมือไปคุยจะมีพลังมากกว่าหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เราทำทุกรูปแบบ ทุกอย่างที่จะช่วยทั้งประเทศ เราและอาเซียน ถ้าจับกับอาเซียนแล้วมีพลังกว่าก็เป็นเรื่องดีแต่เราต้องทำ ของประเทศเราด้วยและคิดว่าทุกประเทศทำเช่นนี้

    เมื่อถามว่ากรณีที่นักวิชาการสหรัฐฯ ถูกแจ้งข้อหาในไทย จะเป็นเงื่อนไขในการเจรจาพูดคุยยากขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เราคุยด้วยความแฟร์ โดนัลด์ ทรัมป์เปิดการเจรจา ด้วยความแฟร์อยู่แล้ว เราก็ต้องคุยด้วยความแฟร์

    #MGROnline #ภาษีสินค้านำเข้า #สหรัฐอเมริกา
    นายกฯ ชี้ "ทรัมป์" ชะลอรีดภาษีสินค้านำเข้า 90 วัน มีเวลาทำแผนเจรจาให้ดีขึ้น เผยสหรัฐฯ ตอบรับให้ "พิชัย" เจรจาแล้ว แต่ยังไม่ได้คิวเวลา ระบุถ้าประเทศอาเซียนจับมือแล้วมีพลังมากกว่าก็เป็นเรื่องดี • วันนี้(10 เม.ย.) เมื่อเวลา 9.05 น.นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ชะลอการเก็บภาษีตอบโต้ทางการค้าออกไปเป็นเวลา 90 วัน ว่า ช่วงเวลา 90 วันถือว่าได้ทั้งหมดเกือบทุกประเทศ และคิดว่าเป็นเรื่องเวลาแต่ละประเทศต้องต่อคิวกันคุย เพราะมีจำนวนมาก ซึ่งแผนของเรา ที่จะทำในประเทศ ต้องเตรียมให้ดีขึ้น เรามองทุกมิติ และค่อนข้างที่จะครบอยู่แล้ว เหลือเวลาที่จะเข้าไปคุย • ผู้สื่อข่าวถามว่านายพิชัย ชุณหวชิระ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะเดินทางไปพูดคุยวันไหน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่ายังไม่ได้กำหนดวันที่ชัดเจน ทางสหรัฐฯ ตอบรับมาแล้วแต่ยังไม่ได้คิวพูดคุย • เมื่อถามว่าการที่แต่ละประเทศต่อคิวคุยกันคุย กับการที่ประเทศพันธมิตรในกลุ่มอาเซียนจับมือไปคุยจะมีพลังมากกว่าหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เราทำทุกรูปแบบ ทุกอย่างที่จะช่วยทั้งประเทศ เราและอาเซียน ถ้าจับกับอาเซียนแล้วมีพลังกว่าก็เป็นเรื่องดีแต่เราต้องทำ ของประเทศเราด้วยและคิดว่าทุกประเทศทำเช่นนี้ • เมื่อถามว่ากรณีที่นักวิชาการสหรัฐฯ ถูกแจ้งข้อหาในไทย จะเป็นเงื่อนไขในการเจรจาพูดคุยยากขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เราคุยด้วยความแฟร์ โดนัลด์ ทรัมป์เปิดการเจรจา ด้วยความแฟร์อยู่แล้ว เราก็ต้องคุยด้วยความแฟร์ • #MGROnline #ภาษีสินค้านำเข้า #สหรัฐอเมริกา
    0 Comments 0 Shares 249 Views 0 Reviews
  • 09-04-68/01 : หมี CNN / "หมีตะนอย" EP25 ตอน WORLD OF THE MATRIX ตอบทุกคำถามคาใจ อีทรัมปป์ ปูติน สีจิ้นผิง เล่นอาไยกันอยู่? การ์ตูนซิมป์สัน แจ้งไว้ว่า อีทรัมปป์ จะตายในวันที่ 12 เมษายนนี้(สงกรานต์ได้กลับบ้านเก่า) อะไรที่คนเริ่มเชื่อ มันคือการสะกดจิต จูงจมูก สิ่งเดียวที่จะกรองมรึงจากสิ่งหลอกลวง ภาพมายา นั่นคือ "สติคิด ปัญญาตามมาทันที" รอดูว่าคำทำนายอีการ์ตูนซิมป์สันจะเข้าเป้าอีกเหมือนเคยหรือไม่ ส่วนตัวมองสวน เพราะทฤษฎีนี้ มันจะเกิดขึ้นได้เพื่อเป้าหมายเดียว คือนำโลกสู่ WWIII โดยอเมริกาจะปฎิวัติตัวเองครั้งใหญ่ ลอบฆ่าผู้นำ ไม่ใช่ครั้งแรก อีทรัมปป์ถูกจัดฉากล่อเป้าสังหารมา 3 ครั้งแล้ว ตั้งแต่ทรัมปป์ 1.0 แล้วมาเกิดก่อนเลือกตั้ง 2 ครั้ง นั่นยิ่งชัด โลกคือละคร!

    ที่ว่า "สติ" คืออะไร? การ์ตูนซิมป์สัน ใครเขียน ใครแต่ง? แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นตรงกับเนื้อหาในการ์ตูน มันไม่ใช่บังเอิญ แต่เป็นการส่งสัญญานบอกให้คนในสมาคมลับทำงานต่างหาก สิ่งที่ต้องเกิดขึ้น จากใบสั่งของ DEEP STATE ยิ่งชัดเจนว่า การ์ตูนซิมป์สันเป็นของใคร? มันคือ "ขั้นตอน การล้างสมอง" ทุกฉาก กำกับโดยใครกันล่ะ? เค้าถึงเรียกไงล่ะว่า "โลกคือละคร" THE MATRIX อย่าลืมว่าใครคือเจ้าพ่อหนังฮอลีวู๊ดสิ? เหยียบดวงจันทร์ปลอมยังทำมาแล้ว ระเบิดทั้งตึก จัดฉากเครื่องบินชนตึก เอาชีวิตชาวอเมริกัน 3000 ตัวไปบูชายันต์ เพื่อแลกกับมติผ่านในสภาครองเกรซ เอางบแสนล้านไปถลุง เปิดสงครามใส่อิรักเพื่อปล้นทองคำ และยึดบ่อน้ำมันเค้าแบบหน้าด้านๆ โดยอ้างประชาธิปไตย สิ่งเหล่านี้ ควายจะมองไม่เห็น และไม่มีวันได้รู้ความจริง จนกว่ามันจะเปิดดวงตาที่3 ได้สำเร็จ เพราะบุญมันน้อย สติไม่มี ถูกซาตานครอบงำ ดังนั้น ความจริง หรือแสง จะเป็นตัวเปิดตาควายทั้งโลก เมื่อเปิดแล้ว มรึงจะรู้ทะลุภพมิติทั้งหมด ดวงตาเห็นธรรม ไอ้ที่ดิ้นรนมาทั้งชีวิต เพื่อแลกกับสิ่งที่ไม่มีตัวตน ไปเพื่อ? นั่นแหละ เค้าเรียกวังวน หรือลูปของกรรมไม่จบสิ้น อยากหลุดพ้น ง่ายนิดเดียว ลด ละ เลิก ปล่อยวาง ไม่เบียดเบียนใคร ไม่ทำร้ายใคร จงให้ด้วยสติ และจงรับด้วยปัญญา

    ทฤษฎีสมคบคิด ที่กระจายอยู่ในโซเชี่ยลตอนนี้มันมีที่มาเสมอ หากมองโลกความเป็นจริง แค่ตำแหน่ง ปธน.สหรัฐ แค่อีทรัมปป์ตัวเดียว ไม่อาจจะโคน DEEP STATE ลงทั้งโคตรได้ดอกน่ะ ไม่งั้น ป่านนี้ คงมีปธน.หลายคนทำไปนานแล้ว แล้วจะพบจุดจบแบบที่ JFK โดนไงล่ะ ไม่แปลกทีมงานทรัมปป์มีตระกูล JFK อยู่ด้วย เพราะเค้าต้องการล้างแค้นเอาคืนให้ปู่เค้าไงล่ะ เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์สหรัฐซะใหม่ ทำไมอีทรัมปป์จะไม่รู้ ลำพังแค่กู จะมีอำนาจอะไรไปสั่งบรรดาขี้ข้า DEEP STATE ที่เกาะกินแผ่นดินนี้มา ตั้งแต่ปล้นสะดมภ์แผ่นดินอินเดียนแดงเค้า ตั้งประเทศอเมริกาใหม่ ชุดแรกก็มาจากอังกฤษ ใครล่ะ ประจำสาขาอังกฤษ ก็อี FREEMASON เจ้าเก่า ขาประจำ ดังนั้น ดวงเมืองอีสหรัฐ ถึงกำหนดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า มันคือแหล่งอำนาจมืดโลก ที่ถูกควบคุมโดยเหี้ยต่างดาวที่ชื่อ "อีเรปทีเรี่ยน" เจ้านายอียิวระยำสลัดหมาอีกที เรื่องอีเรปทีเรี่ยนปล่อยให้สภาแสงเค้าจัดการไป มวยถูกคู่ ส่วนอียิวเหี้ย มวลมนุษยชาติจะจัดการกันเอง แบ่งคู่ชกกันเรียบร้อย?

    ดังนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ อีทรัมปป์จำเป็นต้องมืออาชีพ รู้งาน ใคร..ผู้มีอำนาจสูงสุด ใคร..เหนือกว่า และมีพลังมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงโลกได้จริง ล้มอีเหี้ยยิวขี้ข้า และอีเรปทีเรี่ยนไปพร้อมกัน พลังที่ว่านี้ หาได้จาก มอสโคว์ และปักกิ่ง เหมือนสภาแสง เค้าจะระบุตัวชัดเจน ว่าจะให้ใครมากู้โลกคืนจากอีเรปทีเรี่ยน หวยไปออก "ปูติน และสีจิ้นผิง" ฟังแล้วเหมือนโลกการ์ตูน มีพระเอก มีผู้ร้าย ชีวิตจริง มันก็ไม่แตกต่างจากนี้ดอก ทฤษฎีสงครามการค้าที่อีทรัมปป์ล่ออยู่ ชงอยู่ เพื่อให้สีจิ้นผิงตบ มันคือการสมยอม และต้องการหั่นแหล่งรายได้ไอ้พวกฟรีเมสัน เจ้าพ่อตลาดหุ้น ธนาคาร คลังโลก ที่ดูแลโดย CITY OF LONDON เมื่อโลกเศรษฐกิจพังยับ จะนำไปสู่สงครามใหญ่ นั่นคือสิ่งที่มนุษย์ส่วนใหญ่คิด แต่สิ่งที่อีทรัมปป์ต้องการ แล้วดึงสีจิ้นผิง ปูติน เข้าร่วมแสดงละครฉากใหญ่นี้ เพื่อลดบทบาท อิทธิพลของ DEEP STATE ในสหรัฐ และทำลายท่อน้ำเลี้ยง CITY OF LONDON ไปในตัว ถามว่าสีจิ้นผิงรู้มั้ย? ตอนนี้ ยังตอบไม่ได้ เพราะเป็นแค่ข้อสังเกตุ ทฤษฎีแผนปลดระวางเหี้ย จะรู้ได้ก็ต้องเมื่อ มีการกระทำแล้วจริงเท่านั้น ดังนั้น หมีจึงมาสรปุและชี้เป้าให้ดูว่า ต้องจับตาดูอะไร อะไรคือจริง อะไรคือเท็จ ให้ไปดูทิศทางการเงินโลก ให้ไปดูกระแสเงินโลก ให้ไปดูฐานการค้าทั้งโลก และตัวเลขจริง ว่าใครแท้จริงกำหนดทิศทางตลาดโลกได้จริง

    หากสังเกตุ ช่วงนี้มันสอดคล้องกันหลายอย่าง อยู่ดีดี วงการแฟชั่นโลกที่อีฟรีเมสันกินหัวคิวอยู่ หุ้นร่วงระนาว ยอดตก กระแสไม่คลั่งแบรนด์เนม ที่อียิว และกลุ่ม ELITE พยายามจะปั่นมายาวนานนับศตวรรษ เริ่มสั่นคลอน ไม่ได้ตามเป้า อย่าลืมว่า โรงงานผลิตจากไหน วัตถุดิบจากใคร? แรงงานใครทำ? คำตอบทั้งหมดคือ "เอเซีย" ตะวันตกที่เกิดเพราะใช้พลังงานเอเซีย ใช้แรงงานเอเซีย แอฟริกา ลาติน ใช้วัตถุดิบจากเอเซียเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นเซมิคอนดั๊กเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัย 4 ทั้งหมด นี่คือที่มาว่าทำไม อีทรัมปป์จะลากตัวเหี้ยยานแม่ลงได้จริง มรึงต้องใช้พลังจากเอเซียเท่านั้น เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ที่อยู่สูงกว่า โดยสภาแสง เค้ากำหนดคู่ต่อกรอำนาจมืดไว้ล่วงหน้ามาก่อนนับ 1000 ปีแล้ว ไม่งั้น มรึงจะเจอคนอย่างปูติน สีจิ้นผิง ที่โคตรอัจฉริยะเหนือมนุษย์ได้อย่างไร? เอเซียเนี่ยแหละจะขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลก แบบที่โลกไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้น ที่กูชี้เป้าให้มรึงเก็บบ้าน ที่ดิน คอนโด เอาไว้ เพราะต้องการจะสื่อว่า นี่คือแผ่นดินทองคำของจริง ราคาจึงไม่ใช่คำตอบ คำตอบแท้จริงคือ ใครเป็นผู้ครอบครองพื้นที่ตรงนี้ต่างหาก เพราะมันจะปลูก จะสร้าง จะทำอะไรก็เจริญงอกงามง่ายดาย ดินแดนแห่งพลังงานบวกมาเต็มตรีน คลื่นความถี่ระดับสูง หมู่เทวดา ฟ้าดิน มาจุติลง ถึงได้ชื่อ ดินแดนสุวรรณภูมิไงล่ะ เก็บสินทรัพย์ให้ดีดี มรึงรวยแน่ กูท้า? และจะรวยกันทั้งแผ่นดิน เมื่อเปลี่ยนการปกครองกลับคืนสู่ที่ที่ควรจะเป็น "พ่อปกครองลูก" สิ่งเดียวที่เป็นตัวตนของเรา

    ไม่แปลก มอ 112 ทำงานอีกแล้ว กองทัพสั่งฟ้องตรง สัญญานชัดยิ่งกว่า "ปาท่องโก๋คู่" หน้าที่กองทัพคืออะไร ใครหมิ่น บ่อนทำลาย คิดร้ายต่อราชวงศ์จักรี ใครมันจะเก็บไว้ทำพ่อง? พ่อมรึง หากไม่รักษาดูแลให้ดี มรึงยังจะเรียกตัวเองเป็นลูกมั้ย? เชื่อกูเหอะว่า หลังยุบสภา จะมีสส. สว. พาเหรดกันเดินเข้าคุกกันอีกเพี๊ยบ นักวิชาการทั้งหลาย ที่รับงานเหี้ยเค้ามา จะไม่มีใครรอด ทั้งหมด ไม่ตายในคุก ก็เผ่นออกนอกสิ้น เพราะเวลาแห่งการชำระล้างแผ่นดิน ขับไล่เสนียดจัญไรมาถึงแล้ว อะไรที่โพสกันในโซเชี่ยล มันถูกส่งต่อกันมา เพื่อบ่งบอกอะไรบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น ทุกอย่างมีตัวเบื้องหลังกำหนดทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายแสง หรือฝ่ายมืด โลกเดินหน้าเต็มกำลังแล้ว อย่าได้เสียดาย หรือหันไปมองข้างหลัง ยังยึดติดกับอดีต ภาพมายาที่มรึงลิ้มรสชาดแล้วติดใจ มันคือยาพิษ สิ่งดีดีกำลังจะเกิด ไม่ว่าจะถูกใจมรึงหรือไม่ แต่นั่นคือทางรอดของโลก ไม่มีใครได้ดั่งใจทุกอย่าง ได้มาอย่าง ก็ต้องยอมเสียอีกอย่าง แต่จงเลือกสิ่งที่ดีที่สุด สิ่งที่ต้องมี สิ่งที่ขาดไม่ได้ นั่นคือทางเลือกที่ถูกต้องที่สุด โลกสู้กับอะไร? ความอยู่รอดของโลกขึ้นอยู่กับอะไร? คำตอบเดียว "ศีล สมาธิ ปัญญา" ไม่เกี่ยวศาสนา แต่เป็น FACT ข้อเท็จจริง ที่มรึงจะได้เจอผู้สร้างมรึงนั่นเอง

    ปล.อีทรัมปป์ได้เลือกแล้ว หนทางจากนี้ จะมีแต่แรง แรงขึ้น แรงที่สุด ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด DEEP STATE เป็นแค่ชื่อเรียก แต่องค์กรลับใต้ดินทั่วโลก ที่ทำงานประสานกัน ต่างรู้ดีว่า "อีกฝ่าย(สภาแสงสว่าง)" กำลังจะมาทำการชำระล้างโลก การต่อสู้ทุก 100 ปี เกิดขึ้นเป็นปฎิทินจักรวาลเสมอ เพราะเราอยู่ในโลก THE MATRIX มีบทบาทอะไรก็เล่นกันไป หลุดพ้นเมื่อไหร่ ดวงตาที่ 3 เปิดเมื่อไหร่ มรึงจะเจอผู้มีพระคุณที่ผ่านมาทั้งหมดในภพภูมิที่สูงกว่าที่มรึงจะเข้าใจได้ เพราะสมองคนเราถูกปิดกั้นอยู่ มนุษย์เป็นสิ่งที่พระเจ้าสร้าง ดังนั้น เป็นดาบ 2 คม ใช้ถูกทางก็แจ่มจรัส ใช้ผิดทางก็นรกอเวจี เหมือนพระเจ้าได้ให้การตัดสินใจทั้งหมดไว้ที่มรึง มรึงเลือกเอง ใครเลือกอะไรก็ได้อย่างงั้น กูเลือกไว้นานแล้ว เดินหน้าลุย มรึงก็เลือกแล้ว ถึงได้มาเจอกันในภพชาตินี้ ได้มากู้ชาติ บ้านเมืองพร้อมกัน ในช่วงเวลาเดียวกัน นั่นคือ "คน 2 แผ่นดิน" นั่นเอง

    ปล.2 ในวัน 11 กันยายน 2568 ครบรอบ 9 ปีเต็ม กลุ่มโรนิน 500 กูเคยบอกแล้วว่า ปีนี้ต้องพิเศษสุดติ่งกระดิ่งหมี ของแทนใจ ที่ระลึก บอกได้ว่า "ชัดเจนทุกอณูแห่งความรัก" แน่นอน ต้องมีสัญลักษณ์ เลข 9 คนในรัชการที่ 9 พ่วงต่อรัชกาลที่ 10 ปีที่ 9 ของบ้านโรนิน แจ้งไว้ก่อน สมาชิกท่านใด ที่อยู่ต่างประเทศ ติดต่อญาติ คนรู้จัก เพื่องฝูงไว้ล่วงหน้าได้เลย การส่งพัศดุจากมือแอดมินนิดหน่อย จะส่งได้เฉพาะภายในประเทศเท่านั้น ท่านต้องให้ผู้รับที่อยู่ประเทศไทยส่งต่อให้ท่านอีกทีนึง ที่พูดล่วงหน้า เพราะบอกเลยว่า มันชัดเจนที่สุด สิ่งที่ทำมาตลอด 9 ปีเต็ม อยู่ในสิ่งที่จะมอบให้นี้ นัยยะซ่อนนัยยะ 3 ชั้น กับอีกเกลียวครึ่งรอบ มรึงจะเยอะไปไหน? หมีได้เลือกแล้ว สิ่งนี้อาจจะหายากหน่อย หากผลิตในจำนวนมาก แต่ไม่เกินความสามารถแอดมินนิดหน่อย และทีมงาน รวมทั้งสมาชิกบางท่าน ที่มีความสามารถเฉพาะด้าน ทำเท่าที่งบมี ทำด้วยใจ ไม่สนมูลค่า ดังนั้น ทุกอย่างที่ได้ส่งมอบไป คืองานที่เน้นคุณภาพ ปราณีต และใส่ใจ มันคือของขวัญแทนใจจากบ้านนี้ สู่ลูกบ้านที่มีจิตใจเดียวกันมาโดยตลอด 9 ปี มันต้องดัง มันต้องปัง ให้สมกับที่เป็นลูกพ่ออยู่หัวในรัชกาลที่ 9 คนดีศรีอโยธยา ไม่เคยทิ้งใครไว้ข้างหลัง สู้ไปด้วยกัน ตายไปด้วยกัน จะเป็นผีก็จะอยู่เฝ้าแผ่นดินพ่อกู นี่คือ "จิต" ที่มันผูกร่วมกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน ไม่รู้กี่ภพ กี่สมัย พลังจึงก่อเกิดขึ้นมาให้เห็นเด่นชัดเช่นนี้ ด้วยรักและปลาทู

    หมี CNN(หมีตะนอย จะโพสเฉพาะเรื่อง เพื่อให้เข้าใจไปในทิศทางเดียวกันว่า มันกำลังจะเกิดเหี้ยอะไรขึ้นนับจากนี้ เกมส์ไม่แรง โลกไม่เปลี่ยน เหี้ยมันแพ้ยับ ถึงได้สู้ตายถวายหัวเช่นนี้ อีทรัมปป์ไปไม่รอด หากไม่ได้ขั้วใหม่เข้ามาช่วยล้างบาง น่าจะเรียก "ทีมเฉพาะกิจ" เสร็จศึกใหญ่ แล้วค่อยมากัดกันต่อ แต่ตอนนี้ กำจัดศัตรูของมวลมนุษยชาติก่อน เชื่อว่ากูโพสปุ๊บ เดี๋ยวมีตามลบอีกเหมือนเคย เพราะเรื่องแบบนี้ จะมีใครมาเล่าให้พวกมรึงฟังกันล่ะ หากไม่บร๊า ก็เสียสติ กูถึงต้องเรียบเรียงให้เข้าใจ ว่าโลกมันคือละครอย่างไร? แต่ละคนมีบทบาทของตัวเอง เล่นให้สุด แล้วจบที่เป้าหมายเดียว)
    09 เมษายน 68
    10.22 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    09-04-68/01 : หมี CNN / "หมีตะนอย" EP25 ตอน WORLD OF THE MATRIX ตอบทุกคำถามคาใจ อีทรัมปป์ ปูติน สีจิ้นผิง เล่นอาไยกันอยู่? การ์ตูนซิมป์สัน แจ้งไว้ว่า อีทรัมปป์ จะตายในวันที่ 12 เมษายนนี้(สงกรานต์ได้กลับบ้านเก่า) อะไรที่คนเริ่มเชื่อ มันคือการสะกดจิต จูงจมูก สิ่งเดียวที่จะกรองมรึงจากสิ่งหลอกลวง ภาพมายา นั่นคือ "สติคิด ปัญญาตามมาทันที" รอดูว่าคำทำนายอีการ์ตูนซิมป์สันจะเข้าเป้าอีกเหมือนเคยหรือไม่ ส่วนตัวมองสวน เพราะทฤษฎีนี้ มันจะเกิดขึ้นได้เพื่อเป้าหมายเดียว คือนำโลกสู่ WWIII โดยอเมริกาจะปฎิวัติตัวเองครั้งใหญ่ ลอบฆ่าผู้นำ ไม่ใช่ครั้งแรก อีทรัมปป์ถูกจัดฉากล่อเป้าสังหารมา 3 ครั้งแล้ว ตั้งแต่ทรัมปป์ 1.0 แล้วมาเกิดก่อนเลือกตั้ง 2 ครั้ง นั่นยิ่งชัด โลกคือละคร! ที่ว่า "สติ" คืออะไร? การ์ตูนซิมป์สัน ใครเขียน ใครแต่ง? แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นตรงกับเนื้อหาในการ์ตูน มันไม่ใช่บังเอิญ แต่เป็นการส่งสัญญานบอกให้คนในสมาคมลับทำงานต่างหาก สิ่งที่ต้องเกิดขึ้น จากใบสั่งของ DEEP STATE ยิ่งชัดเจนว่า การ์ตูนซิมป์สันเป็นของใคร? มันคือ "ขั้นตอน การล้างสมอง" ทุกฉาก กำกับโดยใครกันล่ะ? เค้าถึงเรียกไงล่ะว่า "โลกคือละคร" THE MATRIX อย่าลืมว่าใครคือเจ้าพ่อหนังฮอลีวู๊ดสิ? เหยียบดวงจันทร์ปลอมยังทำมาแล้ว ระเบิดทั้งตึก จัดฉากเครื่องบินชนตึก เอาชีวิตชาวอเมริกัน 3000 ตัวไปบูชายันต์ เพื่อแลกกับมติผ่านในสภาครองเกรซ เอางบแสนล้านไปถลุง เปิดสงครามใส่อิรักเพื่อปล้นทองคำ และยึดบ่อน้ำมันเค้าแบบหน้าด้านๆ โดยอ้างประชาธิปไตย สิ่งเหล่านี้ ควายจะมองไม่เห็น และไม่มีวันได้รู้ความจริง จนกว่ามันจะเปิดดวงตาที่3 ได้สำเร็จ เพราะบุญมันน้อย สติไม่มี ถูกซาตานครอบงำ ดังนั้น ความจริง หรือแสง จะเป็นตัวเปิดตาควายทั้งโลก เมื่อเปิดแล้ว มรึงจะรู้ทะลุภพมิติทั้งหมด ดวงตาเห็นธรรม ไอ้ที่ดิ้นรนมาทั้งชีวิต เพื่อแลกกับสิ่งที่ไม่มีตัวตน ไปเพื่อ? นั่นแหละ เค้าเรียกวังวน หรือลูปของกรรมไม่จบสิ้น อยากหลุดพ้น ง่ายนิดเดียว ลด ละ เลิก ปล่อยวาง ไม่เบียดเบียนใคร ไม่ทำร้ายใคร จงให้ด้วยสติ และจงรับด้วยปัญญา ทฤษฎีสมคบคิด ที่กระจายอยู่ในโซเชี่ยลตอนนี้มันมีที่มาเสมอ หากมองโลกความเป็นจริง แค่ตำแหน่ง ปธน.สหรัฐ แค่อีทรัมปป์ตัวเดียว ไม่อาจจะโคน DEEP STATE ลงทั้งโคตรได้ดอกน่ะ ไม่งั้น ป่านนี้ คงมีปธน.หลายคนทำไปนานแล้ว แล้วจะพบจุดจบแบบที่ JFK โดนไงล่ะ ไม่แปลกทีมงานทรัมปป์มีตระกูล JFK อยู่ด้วย เพราะเค้าต้องการล้างแค้นเอาคืนให้ปู่เค้าไงล่ะ เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์สหรัฐซะใหม่ ทำไมอีทรัมปป์จะไม่รู้ ลำพังแค่กู จะมีอำนาจอะไรไปสั่งบรรดาขี้ข้า DEEP STATE ที่เกาะกินแผ่นดินนี้มา ตั้งแต่ปล้นสะดมภ์แผ่นดินอินเดียนแดงเค้า ตั้งประเทศอเมริกาใหม่ ชุดแรกก็มาจากอังกฤษ ใครล่ะ ประจำสาขาอังกฤษ ก็อี FREEMASON เจ้าเก่า ขาประจำ ดังนั้น ดวงเมืองอีสหรัฐ ถึงกำหนดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า มันคือแหล่งอำนาจมืดโลก ที่ถูกควบคุมโดยเหี้ยต่างดาวที่ชื่อ "อีเรปทีเรี่ยน" เจ้านายอียิวระยำสลัดหมาอีกที เรื่องอีเรปทีเรี่ยนปล่อยให้สภาแสงเค้าจัดการไป มวยถูกคู่ ส่วนอียิวเหี้ย มวลมนุษยชาติจะจัดการกันเอง แบ่งคู่ชกกันเรียบร้อย? ดังนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ อีทรัมปป์จำเป็นต้องมืออาชีพ รู้งาน ใคร..ผู้มีอำนาจสูงสุด ใคร..เหนือกว่า และมีพลังมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงโลกได้จริง ล้มอีเหี้ยยิวขี้ข้า และอีเรปทีเรี่ยนไปพร้อมกัน พลังที่ว่านี้ หาได้จาก มอสโคว์ และปักกิ่ง เหมือนสภาแสง เค้าจะระบุตัวชัดเจน ว่าจะให้ใครมากู้โลกคืนจากอีเรปทีเรี่ยน หวยไปออก "ปูติน และสีจิ้นผิง" ฟังแล้วเหมือนโลกการ์ตูน มีพระเอก มีผู้ร้าย ชีวิตจริง มันก็ไม่แตกต่างจากนี้ดอก ทฤษฎีสงครามการค้าที่อีทรัมปป์ล่ออยู่ ชงอยู่ เพื่อให้สีจิ้นผิงตบ มันคือการสมยอม และต้องการหั่นแหล่งรายได้ไอ้พวกฟรีเมสัน เจ้าพ่อตลาดหุ้น ธนาคาร คลังโลก ที่ดูแลโดย CITY OF LONDON เมื่อโลกเศรษฐกิจพังยับ จะนำไปสู่สงครามใหญ่ นั่นคือสิ่งที่มนุษย์ส่วนใหญ่คิด แต่สิ่งที่อีทรัมปป์ต้องการ แล้วดึงสีจิ้นผิง ปูติน เข้าร่วมแสดงละครฉากใหญ่นี้ เพื่อลดบทบาท อิทธิพลของ DEEP STATE ในสหรัฐ และทำลายท่อน้ำเลี้ยง CITY OF LONDON ไปในตัว ถามว่าสีจิ้นผิงรู้มั้ย? ตอนนี้ ยังตอบไม่ได้ เพราะเป็นแค่ข้อสังเกตุ ทฤษฎีแผนปลดระวางเหี้ย จะรู้ได้ก็ต้องเมื่อ มีการกระทำแล้วจริงเท่านั้น ดังนั้น หมีจึงมาสรปุและชี้เป้าให้ดูว่า ต้องจับตาดูอะไร อะไรคือจริง อะไรคือเท็จ ให้ไปดูทิศทางการเงินโลก ให้ไปดูกระแสเงินโลก ให้ไปดูฐานการค้าทั้งโลก และตัวเลขจริง ว่าใครแท้จริงกำหนดทิศทางตลาดโลกได้จริง หากสังเกตุ ช่วงนี้มันสอดคล้องกันหลายอย่าง อยู่ดีดี วงการแฟชั่นโลกที่อีฟรีเมสันกินหัวคิวอยู่ หุ้นร่วงระนาว ยอดตก กระแสไม่คลั่งแบรนด์เนม ที่อียิว และกลุ่ม ELITE พยายามจะปั่นมายาวนานนับศตวรรษ เริ่มสั่นคลอน ไม่ได้ตามเป้า อย่าลืมว่า โรงงานผลิตจากไหน วัตถุดิบจากใคร? แรงงานใครทำ? คำตอบทั้งหมดคือ "เอเซีย" ตะวันตกที่เกิดเพราะใช้พลังงานเอเซีย ใช้แรงงานเอเซีย แอฟริกา ลาติน ใช้วัตถุดิบจากเอเซียเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นเซมิคอนดั๊กเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัย 4 ทั้งหมด นี่คือที่มาว่าทำไม อีทรัมปป์จะลากตัวเหี้ยยานแม่ลงได้จริง มรึงต้องใช้พลังจากเอเซียเท่านั้น เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ที่อยู่สูงกว่า โดยสภาแสง เค้ากำหนดคู่ต่อกรอำนาจมืดไว้ล่วงหน้ามาก่อนนับ 1000 ปีแล้ว ไม่งั้น มรึงจะเจอคนอย่างปูติน สีจิ้นผิง ที่โคตรอัจฉริยะเหนือมนุษย์ได้อย่างไร? เอเซียเนี่ยแหละจะขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลก แบบที่โลกไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้น ที่กูชี้เป้าให้มรึงเก็บบ้าน ที่ดิน คอนโด เอาไว้ เพราะต้องการจะสื่อว่า นี่คือแผ่นดินทองคำของจริง ราคาจึงไม่ใช่คำตอบ คำตอบแท้จริงคือ ใครเป็นผู้ครอบครองพื้นที่ตรงนี้ต่างหาก เพราะมันจะปลูก จะสร้าง จะทำอะไรก็เจริญงอกงามง่ายดาย ดินแดนแห่งพลังงานบวกมาเต็มตรีน คลื่นความถี่ระดับสูง หมู่เทวดา ฟ้าดิน มาจุติลง ถึงได้ชื่อ ดินแดนสุวรรณภูมิไงล่ะ เก็บสินทรัพย์ให้ดีดี มรึงรวยแน่ กูท้า? และจะรวยกันทั้งแผ่นดิน เมื่อเปลี่ยนการปกครองกลับคืนสู่ที่ที่ควรจะเป็น "พ่อปกครองลูก" สิ่งเดียวที่เป็นตัวตนของเรา ไม่แปลก มอ 112 ทำงานอีกแล้ว กองทัพสั่งฟ้องตรง สัญญานชัดยิ่งกว่า "ปาท่องโก๋คู่" หน้าที่กองทัพคืออะไร ใครหมิ่น บ่อนทำลาย คิดร้ายต่อราชวงศ์จักรี ใครมันจะเก็บไว้ทำพ่อง? พ่อมรึง หากไม่รักษาดูแลให้ดี มรึงยังจะเรียกตัวเองเป็นลูกมั้ย? เชื่อกูเหอะว่า หลังยุบสภา จะมีสส. สว. พาเหรดกันเดินเข้าคุกกันอีกเพี๊ยบ นักวิชาการทั้งหลาย ที่รับงานเหี้ยเค้ามา จะไม่มีใครรอด ทั้งหมด ไม่ตายในคุก ก็เผ่นออกนอกสิ้น เพราะเวลาแห่งการชำระล้างแผ่นดิน ขับไล่เสนียดจัญไรมาถึงแล้ว อะไรที่โพสกันในโซเชี่ยล มันถูกส่งต่อกันมา เพื่อบ่งบอกอะไรบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น ทุกอย่างมีตัวเบื้องหลังกำหนดทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายแสง หรือฝ่ายมืด โลกเดินหน้าเต็มกำลังแล้ว อย่าได้เสียดาย หรือหันไปมองข้างหลัง ยังยึดติดกับอดีต ภาพมายาที่มรึงลิ้มรสชาดแล้วติดใจ มันคือยาพิษ สิ่งดีดีกำลังจะเกิด ไม่ว่าจะถูกใจมรึงหรือไม่ แต่นั่นคือทางรอดของโลก ไม่มีใครได้ดั่งใจทุกอย่าง ได้มาอย่าง ก็ต้องยอมเสียอีกอย่าง แต่จงเลือกสิ่งที่ดีที่สุด สิ่งที่ต้องมี สิ่งที่ขาดไม่ได้ นั่นคือทางเลือกที่ถูกต้องที่สุด โลกสู้กับอะไร? ความอยู่รอดของโลกขึ้นอยู่กับอะไร? คำตอบเดียว "ศีล สมาธิ ปัญญา" ไม่เกี่ยวศาสนา แต่เป็น FACT ข้อเท็จจริง ที่มรึงจะได้เจอผู้สร้างมรึงนั่นเอง ปล.อีทรัมปป์ได้เลือกแล้ว หนทางจากนี้ จะมีแต่แรง แรงขึ้น แรงที่สุด ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด DEEP STATE เป็นแค่ชื่อเรียก แต่องค์กรลับใต้ดินทั่วโลก ที่ทำงานประสานกัน ต่างรู้ดีว่า "อีกฝ่าย(สภาแสงสว่าง)" กำลังจะมาทำการชำระล้างโลก การต่อสู้ทุก 100 ปี เกิดขึ้นเป็นปฎิทินจักรวาลเสมอ เพราะเราอยู่ในโลก THE MATRIX มีบทบาทอะไรก็เล่นกันไป หลุดพ้นเมื่อไหร่ ดวงตาที่ 3 เปิดเมื่อไหร่ มรึงจะเจอผู้มีพระคุณที่ผ่านมาทั้งหมดในภพภูมิที่สูงกว่าที่มรึงจะเข้าใจได้ เพราะสมองคนเราถูกปิดกั้นอยู่ มนุษย์เป็นสิ่งที่พระเจ้าสร้าง ดังนั้น เป็นดาบ 2 คม ใช้ถูกทางก็แจ่มจรัส ใช้ผิดทางก็นรกอเวจี เหมือนพระเจ้าได้ให้การตัดสินใจทั้งหมดไว้ที่มรึง มรึงเลือกเอง ใครเลือกอะไรก็ได้อย่างงั้น กูเลือกไว้นานแล้ว เดินหน้าลุย มรึงก็เลือกแล้ว ถึงได้มาเจอกันในภพชาตินี้ ได้มากู้ชาติ บ้านเมืองพร้อมกัน ในช่วงเวลาเดียวกัน นั่นคือ "คน 2 แผ่นดิน" นั่นเอง ปล.2 ในวัน 11 กันยายน 2568 ครบรอบ 9 ปีเต็ม กลุ่มโรนิน 500 กูเคยบอกแล้วว่า ปีนี้ต้องพิเศษสุดติ่งกระดิ่งหมี ของแทนใจ ที่ระลึก บอกได้ว่า "ชัดเจนทุกอณูแห่งความรัก" แน่นอน ต้องมีสัญลักษณ์ เลข 9 คนในรัชการที่ 9 พ่วงต่อรัชกาลที่ 10 ปีที่ 9 ของบ้านโรนิน แจ้งไว้ก่อน สมาชิกท่านใด ที่อยู่ต่างประเทศ ติดต่อญาติ คนรู้จัก เพื่องฝูงไว้ล่วงหน้าได้เลย การส่งพัศดุจากมือแอดมินนิดหน่อย จะส่งได้เฉพาะภายในประเทศเท่านั้น ท่านต้องให้ผู้รับที่อยู่ประเทศไทยส่งต่อให้ท่านอีกทีนึง ที่พูดล่วงหน้า เพราะบอกเลยว่า มันชัดเจนที่สุด สิ่งที่ทำมาตลอด 9 ปีเต็ม อยู่ในสิ่งที่จะมอบให้นี้ นัยยะซ่อนนัยยะ 3 ชั้น กับอีกเกลียวครึ่งรอบ มรึงจะเยอะไปไหน? หมีได้เลือกแล้ว สิ่งนี้อาจจะหายากหน่อย หากผลิตในจำนวนมาก แต่ไม่เกินความสามารถแอดมินนิดหน่อย และทีมงาน รวมทั้งสมาชิกบางท่าน ที่มีความสามารถเฉพาะด้าน ทำเท่าที่งบมี ทำด้วยใจ ไม่สนมูลค่า ดังนั้น ทุกอย่างที่ได้ส่งมอบไป คืองานที่เน้นคุณภาพ ปราณีต และใส่ใจ มันคือของขวัญแทนใจจากบ้านนี้ สู่ลูกบ้านที่มีจิตใจเดียวกันมาโดยตลอด 9 ปี มันต้องดัง มันต้องปัง ให้สมกับที่เป็นลูกพ่ออยู่หัวในรัชกาลที่ 9 คนดีศรีอโยธยา ไม่เคยทิ้งใครไว้ข้างหลัง สู้ไปด้วยกัน ตายไปด้วยกัน จะเป็นผีก็จะอยู่เฝ้าแผ่นดินพ่อกู นี่คือ "จิต" ที่มันผูกร่วมกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน ไม่รู้กี่ภพ กี่สมัย พลังจึงก่อเกิดขึ้นมาให้เห็นเด่นชัดเช่นนี้ ด้วยรักและปลาทู หมี CNN(หมีตะนอย จะโพสเฉพาะเรื่อง เพื่อให้เข้าใจไปในทิศทางเดียวกันว่า มันกำลังจะเกิดเหี้ยอะไรขึ้นนับจากนี้ เกมส์ไม่แรง โลกไม่เปลี่ยน เหี้ยมันแพ้ยับ ถึงได้สู้ตายถวายหัวเช่นนี้ อีทรัมปป์ไปไม่รอด หากไม่ได้ขั้วใหม่เข้ามาช่วยล้างบาง น่าจะเรียก "ทีมเฉพาะกิจ" เสร็จศึกใหญ่ แล้วค่อยมากัดกันต่อ แต่ตอนนี้ กำจัดศัตรูของมวลมนุษยชาติก่อน เชื่อว่ากูโพสปุ๊บ เดี๋ยวมีตามลบอีกเหมือนเคย เพราะเรื่องแบบนี้ จะมีใครมาเล่าให้พวกมรึงฟังกันล่ะ หากไม่บร๊า ก็เสียสติ กูถึงต้องเรียบเรียงให้เข้าใจ ว่าโลกมันคือละครอย่างไร? แต่ละคนมีบทบาทของตัวเอง เล่นให้สุด แล้วจบที่เป้าหมายเดียว) 09 เมษายน 68 10.22 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    LINE.ME
    title
    description
    0 Comments 0 Shares 634 Views 0 Reviews
  • กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ อ้างถึงความเป็นพันธมิตรเก่าแก่ แสดงความกังวลต่อกรณี พอล แชมเบอร์ส นักวิชาการชาวอเมริกันและพลเมืองสหรัฐฯ ถูกจับกุมตัวในไทยตามข้อกล่าวหาหมิ่นสถาบัน ในการดำเนินคดีชาวต่างชาติรายหนึ่งๆแบบที่ไม่พบเห็นบ่อยนัก ภายใต้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่เข้มงวดที่สุดชาติหนึ่งของโลก ตามรายงานของรอยเตอร์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000033704

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ อ้างถึงความเป็นพันธมิตรเก่าแก่ แสดงความกังวลต่อกรณี พอล แชมเบอร์ส นักวิชาการชาวอเมริกันและพลเมืองสหรัฐฯ ถูกจับกุมตัวในไทยตามข้อกล่าวหาหมิ่นสถาบัน ในการดำเนินคดีชาวต่างชาติรายหนึ่งๆแบบที่ไม่พบเห็นบ่อยนัก ภายใต้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่เข้มงวดที่สุดชาติหนึ่งของโลก ตามรายงานของรอยเตอร์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000033704 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    Angry
    10
    2 Comments 0 Shares 1881 Views 0 Reviews
  • รัฐบาลถอยแต่ไม่เลิก เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

    หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 เม.ย. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ก่อนแถลงข่าวระบุว่า จะแก้ปัญหาวิกฤตประเทศจากเหตุแผ่นดินไหว และการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องเร่งด่วนก่อน ส่วนการผลักดันร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ยืนยันจะนำเรื่องเข้าสู่วาระการประชุมสภาฯ สมัยประชุมหน้า และจะทำความเข้าใจอธิบาย สื่อสารให้ชัดเจนกับประชาชน เพราะกลายเป็นว่าความตั้งใจถูกเลือกให้เป็นการเปิดกาสิโนแทน

    แม้การรวมตัวของนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะไม่ได้มืดฟ้ามัวดิน แต่ผลจากการออกแถลงการณ์หลายภาคส่วนทั้งกลุ่มนักกฎหมาย กลุ่มนักวิชาการ กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์ รวมทั้งองค์กรทางศาสนา คัดค้านร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร และการตั้งบ่อนกาสิโนชัดเจน ถือเป็นการจุดติดกับสังคมไทยและรัฐบาลเริ่มหวั่นไหว การตัดสินใจถอนวาระดังกล่าวถือเป็นการดับชนวนความขัดแย้งรอบใหม่ แมัที่ผ่านมาท่าทีของบิดานายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร ส่งสัญญาณว่าไม่กลัวใคร แม้กระทั่งมีข่าวว่าถ้าพรรคร่วมรัฐบาลไม่ลงมติเห็นชอบวาระรับหลักการ ก็จะพิจารณาให้ออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ตาม

    นางวิรังรอง ทัพพะรังสี ผู้จัดกิจกรรมดังกล่าว ระบุว่า ตั้งใจว่าจะส่งเสียงของพวกเราออกไปก่อนการประชุมสภาฯ ยืนยันว่าอะไรที่เป็นอบายมุขต่อต้านตลอด แม้จะถอนวาระดังกล่าว แต่วันหน้าถ้าพยายามเอาเข้ามาอีกก็จะทำเช่นนั้นอีก วันนี้สังคมตื่นแล้ว ด้วยหลายกลุ่มออกมา จึงไม่ได้หยุดเพียงแค่นี้ จะมีคนออกมาเรื่อยๆ เพราะประชาชนไม่มีความเชื่อมั่นในรัฐบาลว่าสิ่งที่ถอนวันนี้จะไม่ทำอย่างอื่นอีก เช่น ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ต้องจับตามองว่าจะถูกลักหลับหรือเปล่า

    "อยากส่งเสียงไปถึงรัฐบาลและในสภาฯ ทุกคน พรรคร่วมรัฐบาลด้วยว่า อย่าดูถูก อย่า Underestimate (ดูถูกดูแคลน) พลังประชาชน แม้จะออกมาน้อยนิด แต่ยังมีคนเป็นจำนวนมากที่ไม่ออกมาและไม่เห็นด้วย"

    นายทักษิณ กล่าวถึงข่าวที่ว่าถ้าพรรคร่วมรัฐบาลไม่เห็นชอบให้ออกจากรัฐบาลนั้น เป็นการพูดกันไปเรื่อย ไม่มีเรื่องข่มขู่ เป็นเพียงถามความคิดเห็นของแต่ละคนซึ่งไม่ขัดข้อง วันนี้นายกฯ บอกว่าจะพิจารณาเรื่องเร่งด่วนทางเศรษฐกิจก่อน ไม่ได้ยกเลิกเพียงแต่ขอเลื่อนการพิจารณาไปก่อน การมีพรรคร่วมฯ มากก็นานาจิตตัง ไม่สามารถชี้ให้ไปทางเดียวกันได้ ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจ แต่ก็ไม่เหนือวิสัย พร้อมวอนอย่าขี้อิจฉาริษยากัน เปรียบเทียบกับบ่อนประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้ทำแบบนั้น ถ้าทำแบบนั้นประเทศก็พัง

    #Newskit
    รัฐบาลถอยแต่ไม่เลิก เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 เม.ย. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ก่อนแถลงข่าวระบุว่า จะแก้ปัญหาวิกฤตประเทศจากเหตุแผ่นดินไหว และการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องเร่งด่วนก่อน ส่วนการผลักดันร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ยืนยันจะนำเรื่องเข้าสู่วาระการประชุมสภาฯ สมัยประชุมหน้า และจะทำความเข้าใจอธิบาย สื่อสารให้ชัดเจนกับประชาชน เพราะกลายเป็นว่าความตั้งใจถูกเลือกให้เป็นการเปิดกาสิโนแทน แม้การรวมตัวของนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะไม่ได้มืดฟ้ามัวดิน แต่ผลจากการออกแถลงการณ์หลายภาคส่วนทั้งกลุ่มนักกฎหมาย กลุ่มนักวิชาการ กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์ รวมทั้งองค์กรทางศาสนา คัดค้านร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร และการตั้งบ่อนกาสิโนชัดเจน ถือเป็นการจุดติดกับสังคมไทยและรัฐบาลเริ่มหวั่นไหว การตัดสินใจถอนวาระดังกล่าวถือเป็นการดับชนวนความขัดแย้งรอบใหม่ แมัที่ผ่านมาท่าทีของบิดานายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร ส่งสัญญาณว่าไม่กลัวใคร แม้กระทั่งมีข่าวว่าถ้าพรรคร่วมรัฐบาลไม่ลงมติเห็นชอบวาระรับหลักการ ก็จะพิจารณาให้ออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ตาม นางวิรังรอง ทัพพะรังสี ผู้จัดกิจกรรมดังกล่าว ระบุว่า ตั้งใจว่าจะส่งเสียงของพวกเราออกไปก่อนการประชุมสภาฯ ยืนยันว่าอะไรที่เป็นอบายมุขต่อต้านตลอด แม้จะถอนวาระดังกล่าว แต่วันหน้าถ้าพยายามเอาเข้ามาอีกก็จะทำเช่นนั้นอีก วันนี้สังคมตื่นแล้ว ด้วยหลายกลุ่มออกมา จึงไม่ได้หยุดเพียงแค่นี้ จะมีคนออกมาเรื่อยๆ เพราะประชาชนไม่มีความเชื่อมั่นในรัฐบาลว่าสิ่งที่ถอนวันนี้จะไม่ทำอย่างอื่นอีก เช่น ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ต้องจับตามองว่าจะถูกลักหลับหรือเปล่า "อยากส่งเสียงไปถึงรัฐบาลและในสภาฯ ทุกคน พรรคร่วมรัฐบาลด้วยว่า อย่าดูถูก อย่า Underestimate (ดูถูกดูแคลน) พลังประชาชน แม้จะออกมาน้อยนิด แต่ยังมีคนเป็นจำนวนมากที่ไม่ออกมาและไม่เห็นด้วย" นายทักษิณ กล่าวถึงข่าวที่ว่าถ้าพรรคร่วมรัฐบาลไม่เห็นชอบให้ออกจากรัฐบาลนั้น เป็นการพูดกันไปเรื่อย ไม่มีเรื่องข่มขู่ เป็นเพียงถามความคิดเห็นของแต่ละคนซึ่งไม่ขัดข้อง วันนี้นายกฯ บอกว่าจะพิจารณาเรื่องเร่งด่วนทางเศรษฐกิจก่อน ไม่ได้ยกเลิกเพียงแต่ขอเลื่อนการพิจารณาไปก่อน การมีพรรคร่วมฯ มากก็นานาจิตตัง ไม่สามารถชี้ให้ไปทางเดียวกันได้ ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจ แต่ก็ไม่เหนือวิสัย พร้อมวอนอย่าขี้อิจฉาริษยากัน เปรียบเทียบกับบ่อนประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้ทำแบบนั้น ถ้าทำแบบนั้นประเทศก็พัง #Newskit
    Love
    Sad
    2
    0 Comments 0 Shares 365 Views 0 Reviews
  • หน้าจอมือถือของข้าพเจ้าสว่างวาบกลางดึก ข่าวใหญ่จาก CNN กระแทกตาเหมือนไฟฉายส่องกลางป่ามืด – “American academic faces years in jail after being charged with insulting Thai monarchy.” ชื่อ Paul Chambers กระโดดขึ้นมาเป็นตัวหนา — นักวิชาการอเมริกัน ผู้เคยวิพากษ์กองทัพไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนนี้ถูกจับกุมข้อหา 112เพราะหมิ่นประมาทสถาบันพระมหากษัตริย์สังเกตดูดีๆนะครับเขาใช้คำว่า insuiting ที่แปลว่าการลบหลู่ดูหมิ่น ไม่ใช่คำว่าวิพากษ์วิจารณ์นะครับพาดหัวแค่บรรทัดเดียวก็เชื่อว่าทำให้หลายๆคนรู้สึกหงุดหงิดใจไม่น้อย แต่สำหรับข้าพเจ้า กลิ่นบางอย่างลอยมาตามลม — กลิ่นเงินทุนที่คุ้นจมูกข้าพเจ้าเลื่อนนิ้วลงไปจนเจอชื่อผู้เขียน Helen Regan นักข่าวประจำฮ่องกงของ CNN ชื่อนี้ไม่แปลกใหม่ แต่ประวัติที่เคยผ่านตากลับทำให้หัวคิ้วขยับ เธอเคยเป็นวิดีโอโปรดิวเซอร์ให้ TIME ก็จริง ทว่าอีกบรรทัดหนึ่งต่างหากที่น่าสนใจ — อดีตโปรดิวเซอร์ของ Democratic Voice of Burma (DVB) สื่อฐานเชียงใหม่ ผู้ถ่ายทอดเรื่องราวเมียนมาร์อย่างถึงพริกถึงขิงเธออาจไม่ทันได้นึกว่าใครจะย้อนรอยข้อมูลรอยเท้าทางอินเตอร์เน็ต แต่โลกออนไลน์ไม่เคยลบอดีต ข้าพเจ้าจึงตามรอยงบการเงินของ DVB แล้วชื่อเดิมก็โผล่ขึ้นมาจากเงามืดเหมือนเดิม: The National Endowment for Democracy – NEDนั่นเองเธอลองจินตนาการดู — เมื่อคนที่เติบโตในสื่อซึ่งขับเคลื่อนด้วยเงินทุน NED มานั่งเขียนข่าวให้ CNN เกี่ยวกับ “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” ในไทย เรื่องราวจะถูกเล่าในโทนไหน?ข่าวชิ้นนั้นดึงเอาโฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ มาพูดด้วยถ้อยคำ “กังวลอย่างยิ่ง” ประหนึ่งเสียงระฆังเตือนภัยทั่วโลก ยิ่งตอกย้ำว่าคดีนี้คือบทพิสูจน์สิทธิมนุษยชน ไม่ใช่กฎหมายภายในของรัฐอธิปไตยอย่างไทย — สูตรสำเร็จเดิมที่ใช้กดดันประเทศเป้าหมายให้ลดเพดานกฎหมายของตนเองแล้ว NED ล่ะ? มันซ่อนตัวอยู่ตรงไหนของฉากนี้ — ตรงปลายปากกาของนักข่าวหญิงผู้เคยรับค่าแรงจากสื่อที่กินงบ NED นั่นแหละ เงียบ เนียน แต่ทรงพลัง เพราะเสียงจาก CNN จะสะท้อนกลับไปทั่วโลกได้ดังยิ่งกว่าลำโพงม็อบหน้ากระทรวงข้าพเจ้าไม่ได้มาบอก เธอ ว่าใครดีใครเลว — เพียงชวนเปิดไฟฉายในมือเราเอง แล้วส่องดูเส้นด้ายที่ผูกโยงระหว่าง พาดหัวแรง – โปรไฟล์ผู้เขียน – สายเงินทุนเรื่องเล่าครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่ “นักวิชาการเสี่ยงคุก” แต่คือบทล่าสุดของสงครามข่าวสาร ที่ทุนเก่าเจ้าเดิมกำลังตีบทใหม่ให้คนอ่านเชื่อว่ากฎหมายไทยคือปัญหาใหญ่ของโลกเสรีหาก เธอ ยังตั้งคำถามต่อไป — หาก เธอ ไม่หยุดที่พาดหัว แต่ไล่กลิ่นเงินให้สุดปลายทาง เธอจะเห็นว่า NED ไม่เคยหายไปไหน มันแค่สวมหน้ากากใหม่ทุกครั้งที่ออกโรงคืนนี้ข้าพเจ้าปิดหน้าจอ ปล่อยให้ความมืดคืนสู่ห้อง แต่เรื่องราวยังคงเดินต่อในเงา สงครามข่าวไม่หลับใหล และทุนที่ชื่อ NED ที่มา : เพจเฟซบุ๊ก ปราชญ์สามสี
    หน้าจอมือถือของข้าพเจ้าสว่างวาบกลางดึก ข่าวใหญ่จาก CNN กระแทกตาเหมือนไฟฉายส่องกลางป่ามืด – “American academic faces years in jail after being charged with insulting Thai monarchy.” ชื่อ Paul Chambers กระโดดขึ้นมาเป็นตัวหนา — นักวิชาการอเมริกัน ผู้เคยวิพากษ์กองทัพไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนนี้ถูกจับกุมข้อหา 112เพราะหมิ่นประมาทสถาบันพระมหากษัตริย์สังเกตดูดีๆนะครับเขาใช้คำว่า insuiting ที่แปลว่าการลบหลู่ดูหมิ่น ไม่ใช่คำว่าวิพากษ์วิจารณ์นะครับพาดหัวแค่บรรทัดเดียวก็เชื่อว่าทำให้หลายๆคนรู้สึกหงุดหงิดใจไม่น้อย แต่สำหรับข้าพเจ้า กลิ่นบางอย่างลอยมาตามลม — กลิ่นเงินทุนที่คุ้นจมูกข้าพเจ้าเลื่อนนิ้วลงไปจนเจอชื่อผู้เขียน Helen Regan นักข่าวประจำฮ่องกงของ CNN ชื่อนี้ไม่แปลกใหม่ แต่ประวัติที่เคยผ่านตากลับทำให้หัวคิ้วขยับ เธอเคยเป็นวิดีโอโปรดิวเซอร์ให้ TIME ก็จริง ทว่าอีกบรรทัดหนึ่งต่างหากที่น่าสนใจ — อดีตโปรดิวเซอร์ของ Democratic Voice of Burma (DVB) สื่อฐานเชียงใหม่ ผู้ถ่ายทอดเรื่องราวเมียนมาร์อย่างถึงพริกถึงขิงเธออาจไม่ทันได้นึกว่าใครจะย้อนรอยข้อมูลรอยเท้าทางอินเตอร์เน็ต แต่โลกออนไลน์ไม่เคยลบอดีต ข้าพเจ้าจึงตามรอยงบการเงินของ DVB แล้วชื่อเดิมก็โผล่ขึ้นมาจากเงามืดเหมือนเดิม: The National Endowment for Democracy – NEDนั่นเองเธอลองจินตนาการดู — เมื่อคนที่เติบโตในสื่อซึ่งขับเคลื่อนด้วยเงินทุน NED มานั่งเขียนข่าวให้ CNN เกี่ยวกับ “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” ในไทย เรื่องราวจะถูกเล่าในโทนไหน?ข่าวชิ้นนั้นดึงเอาโฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ มาพูดด้วยถ้อยคำ “กังวลอย่างยิ่ง” ประหนึ่งเสียงระฆังเตือนภัยทั่วโลก ยิ่งตอกย้ำว่าคดีนี้คือบทพิสูจน์สิทธิมนุษยชน ไม่ใช่กฎหมายภายในของรัฐอธิปไตยอย่างไทย — สูตรสำเร็จเดิมที่ใช้กดดันประเทศเป้าหมายให้ลดเพดานกฎหมายของตนเองแล้ว NED ล่ะ? มันซ่อนตัวอยู่ตรงไหนของฉากนี้ — ตรงปลายปากกาของนักข่าวหญิงผู้เคยรับค่าแรงจากสื่อที่กินงบ NED นั่นแหละ เงียบ เนียน แต่ทรงพลัง เพราะเสียงจาก CNN จะสะท้อนกลับไปทั่วโลกได้ดังยิ่งกว่าลำโพงม็อบหน้ากระทรวงข้าพเจ้าไม่ได้มาบอก เธอ ว่าใครดีใครเลว — เพียงชวนเปิดไฟฉายในมือเราเอง แล้วส่องดูเส้นด้ายที่ผูกโยงระหว่าง พาดหัวแรง – โปรไฟล์ผู้เขียน – สายเงินทุนเรื่องเล่าครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่ “นักวิชาการเสี่ยงคุก” แต่คือบทล่าสุดของสงครามข่าวสาร ที่ทุนเก่าเจ้าเดิมกำลังตีบทใหม่ให้คนอ่านเชื่อว่ากฎหมายไทยคือปัญหาใหญ่ของโลกเสรีหาก เธอ ยังตั้งคำถามต่อไป — หาก เธอ ไม่หยุดที่พาดหัว แต่ไล่กลิ่นเงินให้สุดปลายทาง เธอจะเห็นว่า NED ไม่เคยหายไปไหน มันแค่สวมหน้ากากใหม่ทุกครั้งที่ออกโรงคืนนี้ข้าพเจ้าปิดหน้าจอ ปล่อยให้ความมืดคืนสู่ห้อง แต่เรื่องราวยังคงเดินต่อในเงา สงครามข่าวไม่หลับใหล และทุนที่ชื่อ NED ที่มา : เพจเฟซบุ๊ก ปราชญ์สามสี
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 377 Views 0 Reviews
  • ขออภัยที่หายไปหนึ่งอาทิตย์ค่ะ วันนี้ Storyฯ เห็นว่าเรากำลังอยู่ในบรรยากาศการเลือกคนดีคนเก่งมาบริหารบ้านเมือง เลยลองมาคุยกันเรื่องปรัชญาจีนโบราณ (แม้ว่า Storyฯ จะไม่สันทัดเรื่องปรัชญาก็ตาม)

    เพื่อนเพจที่เคยอ่านนิยายของกิมย้งหรือดูหนังเรื่อง <กระบี่เย้ยยุทธจักร> ต้องคุ้นหูกับคำว่า ‘วิญญูชนจอมปลอม’ ซึ่งในภาษาจีนเรียกว่า ‘เหว่ยจวินจื่อ’ (伪君子) โดยคำว่า ‘จวินจื่อ’ นี้ปัจจุบันมักใช้คำแปลว่า ‘สุภาพชน’ (gentleman)

    แน่นอนว่าคำว่า ‘วิญญูชน’ และ ‘สุภาพชน’ มีนัยแตกต่าง คำถามที่ตามมาก็คือ: ‘จวินจื่อ’ (君子) คืออะไร? นี่เป็นคำถามในข้อสอบยอดฮิตในสมัยจีนโบราณ

    Storyฯ ขอยกตัวอย่างมาจากละครเรื่อง <ดุจฝันบันดาลใจ> ซึ่งมีฉากที่นางเอกต้องร่วมสอบและได้ต่อว่าคนที่กลั่นแกล้งนางและดูถูกพ่อของนางไว้ว่า “วิญญูชนไม่คิดอกุศล ข้าเดินได้อย่างผึ่งผาย นั่งได้อย่างหลังตรง มิเคยต้องกังวลลมปากของผู้ใด... วิญญูชนไม่แบ่งแยกสูงต่ำด้วยชาติกำเนิด” (หมายเหตุ Storyฯ แปลเองจ้า)

    ประโยคที่ว่า ‘วิญญูชนไม่คิดอกุศล’ หรือ ‘จวินจื่อซืออู๋เสีย’ (君子思无邪) นี้ เป็นการรวมสองปรัชญาจากคัมภีร์หลุนอวี่ (论语) เข้ามาด้วยกันในประโยคเดียว

    ปรัชญาแรกว่าด้วยเรื่องของ ‘จวินจื่อ’ ซึ่งมีรากศัพท์มาจาก ‘จวิน’ ที่หมายถึงผู้เป็นประมุขหรือผู้มียศศักดิ์ และ ‘จื่อ’ ที่แปลว่าบุตรชาย ดังนั้นความหมายดั้งเดิมคือหมายถึง ‘Nobleman’ หรืออาจแปลเป็นไทยได้ว่าราชนิกุลหรือลูกหลานชนชั้นศักดินา ต่อมาหมายถึงผู้ที่มีศีลธรรมและคุณสมบัติสูงส่งอันเป็นแบบอย่างให้แก่ผู้อื่นได้ (‘A man of noble character’) เป็นส่วนประกอบสำคัญของปรัชญาขงจื๊อในการสร้างมาตรฐานสังคม โดยขงจื๊อมักใช้การเปรียบเทียบระหว่าง ‘จวินจื่อ’ กับ ‘เสี่ยวเหริน’ (小人 / ทุรชน) เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า ‘จวินจื่อ’ ควรมีคุณสมบัติอย่างไร Storyฯ สรุปมาไม่ได้หมด เลยยกตัวอย่างมาให้เห็นภาพดังนี้:

    – จวินจื่อคำนึงถึงความเที่ยงธรรม (义) แต่เสี่ยวเหรินคำนึงถึงผลประโยชน์
    – จวินจื่ออยู่ร่วมได้ด้วยความต่าง แต่เสี่ยวเหรินแม้ไม่ต่างแต่ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ --- ประเด็นนี้ Storyฯ อาจแปลได้ไม่ดี ขอขยายความว่า จวินจื่อเมื่อเรียนรู้และตระหนักถึงสิ่งที่ถูกต้อง แม้ว่าอาจมีแก่นความคิดที่แตกต่างกันไป แต่เพราะมีความเข้าใจในเนื้อแท้ของคนและเคารพยอมรับซึ่งกันและกันได้ ก็สามารถส่งเสริมเกื้อกูลหล่อหลอมเข้าด้วยกันได้ แต่ในทางกลับกัน เสี่ยวเหรินมีความเสแสร้งพยายามให้ดูกลมกลืน แต่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง สุดท้ายแม้อยู่ร่วมกันแต่ไม่สามารถหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกันได้
    – จวินจื่อเปิดเผยผึ่งผาย จึงไม่ต้องกังวลถึงความเห็นคนอื่น แต่เสี่ยวเหรินทำอะไรก็พะวงหน้าพะวงหลังกลัวคนมากลั่นแกล้ง
    – จวินจื่อพึ่งพาตนเอง แต่เสี่ยวเหรินพึ่งพาผู้อื่น
    – จวินจื่อส่งเสริมผู้อื่นในเรื่องที่ดีและไม่สนับสนุนในเรื่องที่ไม่ดี แต่เสี่ยวเหรินขัดผู้อื่นในเรื่องที่ดีและส่งเสริมในเรื่องที่ไม่ดี
    – จวินจื่อเปรียบเสมือนลม เสี่ยวเหรินเป็นเหมือนหญ้าที่ต้องเอนไหวศิโรราบให้เมื่อลมพัดผ่าน เป็นการอุปมาอุปไมยว่าคุณธรรมของจวินจื่อ สามารถเอาชนะความไม่ดีของเสี่ยวเหรินได้

    ปรัชญาที่สอง ‘ไม่คิดอกุศล’ (ซืออู๋เสีย/思无邪) โดยปรัชญานี้ขงจื๊อเคยใช้ในสองบริบท บริบทแรกในการวิจารณ์งานประพันธ์โดยหมายถึงว่า สิ่งที่นักประพันธ์สื่อผ่านตัวอักษรออกมานั้น ควรบ่งบอกจิตวิญญาณและความคิดที่แท้จริง พูดง่ายๆ คือซื่อตรงต่อตัวเอง ส่วนอีกบริบทหนึ่งนั้นคือเป็นการกล่าวถึงคุณสมบัติของคน โดยหมายถึงว่า อันความคิดที่ดี ย่อมไม่กลัวที่จะเปิดเผยให้ผู้ใดรับรู้

    คำว่า ‘จวินจื่อ’ ปรากฏอยู่บนงานประพันธ์และสำนวนจีนมากมาย และปรัชญาของขงจื๊อถูกศึกษามาหลายพันปีโดยนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญหลากหลายแขนงวิชาจำนวนนับไม่ถ้วน Storyฯ ไม่หาญกล้ามาเสวนามากมายในปรัชญาเหล่านี้ เพียงแต่เมื่อวันเลือกตั้งใกล้เข้ามา คำว่า ‘จวินจื่อ’ หรือ ‘วิญญูชน’ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ในสังคมทุกวันนี้ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นวิญญูชน และใครเป็นวิญญูชนจอมปลอม

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.sohu.com/a/467496758_120871225
    https://www.sohu.com/a/433221328_99929216
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/思无邪/5080
    https://guoxue.ifeng.com/c/7jUG4KBpiZC
    https://baike.baidu.com/item/君子/1389

    #ดุจฝันบันดาลใจ #จวินจื่อ #วิญญูชน #ขงจื๊อ
    ขออภัยที่หายไปหนึ่งอาทิตย์ค่ะ วันนี้ Storyฯ เห็นว่าเรากำลังอยู่ในบรรยากาศการเลือกคนดีคนเก่งมาบริหารบ้านเมือง เลยลองมาคุยกันเรื่องปรัชญาจีนโบราณ (แม้ว่า Storyฯ จะไม่สันทัดเรื่องปรัชญาก็ตาม) เพื่อนเพจที่เคยอ่านนิยายของกิมย้งหรือดูหนังเรื่อง <กระบี่เย้ยยุทธจักร> ต้องคุ้นหูกับคำว่า ‘วิญญูชนจอมปลอม’ ซึ่งในภาษาจีนเรียกว่า ‘เหว่ยจวินจื่อ’ (伪君子) โดยคำว่า ‘จวินจื่อ’ นี้ปัจจุบันมักใช้คำแปลว่า ‘สุภาพชน’ (gentleman) แน่นอนว่าคำว่า ‘วิญญูชน’ และ ‘สุภาพชน’ มีนัยแตกต่าง คำถามที่ตามมาก็คือ: ‘จวินจื่อ’ (君子) คืออะไร? นี่เป็นคำถามในข้อสอบยอดฮิตในสมัยจีนโบราณ Storyฯ ขอยกตัวอย่างมาจากละครเรื่อง <ดุจฝันบันดาลใจ> ซึ่งมีฉากที่นางเอกต้องร่วมสอบและได้ต่อว่าคนที่กลั่นแกล้งนางและดูถูกพ่อของนางไว้ว่า “วิญญูชนไม่คิดอกุศล ข้าเดินได้อย่างผึ่งผาย นั่งได้อย่างหลังตรง มิเคยต้องกังวลลมปากของผู้ใด... วิญญูชนไม่แบ่งแยกสูงต่ำด้วยชาติกำเนิด” (หมายเหตุ Storyฯ แปลเองจ้า) ประโยคที่ว่า ‘วิญญูชนไม่คิดอกุศล’ หรือ ‘จวินจื่อซืออู๋เสีย’ (君子思无邪) นี้ เป็นการรวมสองปรัชญาจากคัมภีร์หลุนอวี่ (论语) เข้ามาด้วยกันในประโยคเดียว ปรัชญาแรกว่าด้วยเรื่องของ ‘จวินจื่อ’ ซึ่งมีรากศัพท์มาจาก ‘จวิน’ ที่หมายถึงผู้เป็นประมุขหรือผู้มียศศักดิ์ และ ‘จื่อ’ ที่แปลว่าบุตรชาย ดังนั้นความหมายดั้งเดิมคือหมายถึง ‘Nobleman’ หรืออาจแปลเป็นไทยได้ว่าราชนิกุลหรือลูกหลานชนชั้นศักดินา ต่อมาหมายถึงผู้ที่มีศีลธรรมและคุณสมบัติสูงส่งอันเป็นแบบอย่างให้แก่ผู้อื่นได้ (‘A man of noble character’) เป็นส่วนประกอบสำคัญของปรัชญาขงจื๊อในการสร้างมาตรฐานสังคม โดยขงจื๊อมักใช้การเปรียบเทียบระหว่าง ‘จวินจื่อ’ กับ ‘เสี่ยวเหริน’ (小人 / ทุรชน) เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า ‘จวินจื่อ’ ควรมีคุณสมบัติอย่างไร Storyฯ สรุปมาไม่ได้หมด เลยยกตัวอย่างมาให้เห็นภาพดังนี้: – จวินจื่อคำนึงถึงความเที่ยงธรรม (义) แต่เสี่ยวเหรินคำนึงถึงผลประโยชน์ – จวินจื่ออยู่ร่วมได้ด้วยความต่าง แต่เสี่ยวเหรินแม้ไม่ต่างแต่ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ --- ประเด็นนี้ Storyฯ อาจแปลได้ไม่ดี ขอขยายความว่า จวินจื่อเมื่อเรียนรู้และตระหนักถึงสิ่งที่ถูกต้อง แม้ว่าอาจมีแก่นความคิดที่แตกต่างกันไป แต่เพราะมีความเข้าใจในเนื้อแท้ของคนและเคารพยอมรับซึ่งกันและกันได้ ก็สามารถส่งเสริมเกื้อกูลหล่อหลอมเข้าด้วยกันได้ แต่ในทางกลับกัน เสี่ยวเหรินมีความเสแสร้งพยายามให้ดูกลมกลืน แต่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง สุดท้ายแม้อยู่ร่วมกันแต่ไม่สามารถหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ – จวินจื่อเปิดเผยผึ่งผาย จึงไม่ต้องกังวลถึงความเห็นคนอื่น แต่เสี่ยวเหรินทำอะไรก็พะวงหน้าพะวงหลังกลัวคนมากลั่นแกล้ง – จวินจื่อพึ่งพาตนเอง แต่เสี่ยวเหรินพึ่งพาผู้อื่น – จวินจื่อส่งเสริมผู้อื่นในเรื่องที่ดีและไม่สนับสนุนในเรื่องที่ไม่ดี แต่เสี่ยวเหรินขัดผู้อื่นในเรื่องที่ดีและส่งเสริมในเรื่องที่ไม่ดี – จวินจื่อเปรียบเสมือนลม เสี่ยวเหรินเป็นเหมือนหญ้าที่ต้องเอนไหวศิโรราบให้เมื่อลมพัดผ่าน เป็นการอุปมาอุปไมยว่าคุณธรรมของจวินจื่อ สามารถเอาชนะความไม่ดีของเสี่ยวเหรินได้ ปรัชญาที่สอง ‘ไม่คิดอกุศล’ (ซืออู๋เสีย/思无邪) โดยปรัชญานี้ขงจื๊อเคยใช้ในสองบริบท บริบทแรกในการวิจารณ์งานประพันธ์โดยหมายถึงว่า สิ่งที่นักประพันธ์สื่อผ่านตัวอักษรออกมานั้น ควรบ่งบอกจิตวิญญาณและความคิดที่แท้จริง พูดง่ายๆ คือซื่อตรงต่อตัวเอง ส่วนอีกบริบทหนึ่งนั้นคือเป็นการกล่าวถึงคุณสมบัติของคน โดยหมายถึงว่า อันความคิดที่ดี ย่อมไม่กลัวที่จะเปิดเผยให้ผู้ใดรับรู้ คำว่า ‘จวินจื่อ’ ปรากฏอยู่บนงานประพันธ์และสำนวนจีนมากมาย และปรัชญาของขงจื๊อถูกศึกษามาหลายพันปีโดยนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญหลากหลายแขนงวิชาจำนวนนับไม่ถ้วน Storyฯ ไม่หาญกล้ามาเสวนามากมายในปรัชญาเหล่านี้ เพียงแต่เมื่อวันเลือกตั้งใกล้เข้ามา คำว่า ‘จวินจื่อ’ หรือ ‘วิญญูชน’ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ในสังคมทุกวันนี้ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นวิญญูชน และใครเป็นวิญญูชนจอมปลอม (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.sohu.com/a/467496758_120871225 https://www.sohu.com/a/433221328_99929216 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/思无邪/5080 https://guoxue.ifeng.com/c/7jUG4KBpiZC https://baike.baidu.com/item/君子/1389 #ดุจฝันบันดาลใจ #จวินจื่อ #วิญญูชน #ขงจื๊อ
    WWW.SOHU.COM
    《雁归西窗月》是根据小说改编的吗 《雁归西窗月》结局是什么_赵孝
    《雁归西窗月》讲述了霸道郡王赵孝谦与率真少女谢小满的乌龙甜怼恋,两人从开始的欢喜冤家到逐渐相知相守,携手历经坎坷,冲破重重阻碍,最终收获了一段浪漫的爱情故事。 这部剧是先婚后爱的戏码,女主谢小满…
    1 Comments 0 Shares 307 Views 0 Reviews
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันตก

    เดือนนี้ นักวิจารณ์ นักวิชาการ จะมีชื่อเสียง ส่งผลดีต่อเรื่องของการเรียนการศึกษาและงานสร้างสรรค์ แต่ภายในครอบครัวกลับจะเกิดการขัดแย้งแตกแยกไม่เข้าใจต่อกัน หญิงต่างวัยจะเกิดการทะเลาะเบาะแว้ง หรือแม่ สามีกับลูกสะใภ้มีปัญหาต่อกัน หรือสะใภ้มีอำนาจ หรือลูกสาวดื้อไม่เชื่อฟังแม่ เพศหญิงจะมีปัญหาในความรัก เมียหลวงถูกเมียน้อยระราน มีโอกาสจะเป็นม่าย ที่โสดอยู่ก็ยังคงจะไม่ได้แต่ง มีเรื่องให้โศกเศร้าเสียใจ หากในบ้านมีคนป่วยจะทรุดหนัก เจ็บป่วยที่อวัยวะภายใน ท้อง ม้าม กระเพาะ ถุงน้ำดี เต้านม สะโพก ระบบประสาท ระบบทางเดินหายใจ ผมร่วง หญิงมีครรภ์คลอดบุตรในบ้านจะสูญเสีย เดินทางระวังภัยอุบัติเหตุจะได้ไม่รับบาดเจ็บให้ต้องรักษาพยาบาล

    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ประตูเปิดทางทิศตะวันตก เดือนนี้ นักวิจารณ์ นักวิชาการ จะมีชื่อเสียง ส่งผลดีต่อเรื่องของการเรียนการศึกษาและงานสร้างสรรค์ แต่ภายในครอบครัวกลับจะเกิดการขัดแย้งแตกแยกไม่เข้าใจต่อกัน หญิงต่างวัยจะเกิดการทะเลาะเบาะแว้ง หรือแม่ สามีกับลูกสะใภ้มีปัญหาต่อกัน หรือสะใภ้มีอำนาจ หรือลูกสาวดื้อไม่เชื่อฟังแม่ เพศหญิงจะมีปัญหาในความรัก เมียหลวงถูกเมียน้อยระราน มีโอกาสจะเป็นม่าย ที่โสดอยู่ก็ยังคงจะไม่ได้แต่ง มีเรื่องให้โศกเศร้าเสียใจ หากในบ้านมีคนป่วยจะทรุดหนัก เจ็บป่วยที่อวัยวะภายใน ท้อง ม้าม กระเพาะ ถุงน้ำดี เต้านม สะโพก ระบบประสาท ระบบทางเดินหายใจ ผมร่วง หญิงมีครรภ์คลอดบุตรในบ้านจะสูญเสีย เดินทางระวังภัยอุบัติเหตุจะได้ไม่รับบาดเจ็บให้ต้องรักษาพยาบาล ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 Comments 0 Shares 184 Views 0 Reviews
  • เพื่อไทย 888 กาสิโนสุดซอย

    การประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดสุดท้าย ก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง ในวันที่ 9 เม.ย. ที่จะถึงนี้ วาระที่สังคมกำลังจับตามอง คือการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มีกาสิโนเป็นหลักใหญ่ใจความ หลังจากนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอเลื่อนขึ้นมาพิจารณาเป็นอันดับ 1 พร้อมกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข 4 ฉบับ เสมือนเหล้าพ่วงเบียร์ที่ต้องการบีบให้ สส. ยอมรับเพื่อแลกกับได้พิจารณาร่างกฎหมายที่ค้างในสภาฯ

    สื่อหลายค่ายรายงานว่า นายใหญ่อย่างอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร บิดา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลโดยตรง ให้ สส.ในพรรคลงมติวาระรับหลักการ ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร หากพบว่าพรรคไหนแตกแถว ไม่เห็นชอบ จะพิจารณาให้ออกจากรัฐบาลทันที ท่ามกลางเสียง สส.ในสภาฯ จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจล่าสุด 319 เสียง พบว่ามีบางพรรคลังเลใจ เช่น พรรคประชาชาติ ที่มี สส.ในสภา 8 คนเป็นชาวมุสลิมจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ยื่นหนังสือถึงประธานวิปรัฐบาล กังวลว่าอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อเยาวชนในเรื่องการละเว้นอบายมุข ตามคำสอนและหลักการของแต่ละศาสนา จึงเห็นควรให้มีบทบัญญัติที่คำนึงถึงหลักการดังกล่าวด้วย

    อย่างไรก็ตาม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์เครือเนชั่น มั่นใจว่าจะผ่านวาระรับหลักการ เตรียมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 31 คน เป็นประธานเอง คัดรายชื่อเอง เน้นคนเข้ามาทำงานจริง ตั้งตามจำนวนที่จำเป็น และให้พรรคร่วมรัฐบาลส่งคนที่มีภาพลักษณ์ดีไม่เข้ามาหาประโยชน์ คาดว่าจะเสนอพิจารณาวาระ 2-3 ในเดือน ก.ค.2568 รวมทั้งรัฐบาลตั้งเป้าผลักดันนโยบาย ตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายฯ ออกกฎหมายลูก อาจเปิดประมูลเพื่อให้เกิดการลงทุนได้ทันทีในรัฐบาลหน้า

    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ชาวเน็ตต่างแห่ตั้งฉายาพรรคเพื่อไทยว่า "เพื่อไทย 888" ตอบโต้กรณีที่พรรคเพื่อไทยชี้แจงข้อกล่าวหาในการประชุมสภาฯ ว่า กาสิโนมาก่อนแผ่นดินไหวไม่เป็นความจริง อีกด้านหนึ่ง แม้การชุมนุมของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) กลุ่ม ศปปส. และกองทัพธรรมยังไม่เป็นข่าวมากนัก แต่ก็พบว่าหลายองค์กรภาคประชาชนทั้งกลุ่มผู้นำทางศาสนา กลุ่มนักวิชาการ นักรัฐศาสตร์ ต่างออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แม้จะห้ามไม่ได้ที่ฝ่ายรัฐบาลจะผลักดันกฎหมายฉบับนี้แบบสุดซอย ไม่สนใจเสียงคัดค้านก็ตาม

    #Newskit
    เพื่อไทย 888 กาสิโนสุดซอย การประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดสุดท้าย ก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง ในวันที่ 9 เม.ย. ที่จะถึงนี้ วาระที่สังคมกำลังจับตามอง คือการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มีกาสิโนเป็นหลักใหญ่ใจความ หลังจากนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอเลื่อนขึ้นมาพิจารณาเป็นอันดับ 1 พร้อมกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข 4 ฉบับ เสมือนเหล้าพ่วงเบียร์ที่ต้องการบีบให้ สส. ยอมรับเพื่อแลกกับได้พิจารณาร่างกฎหมายที่ค้างในสภาฯ สื่อหลายค่ายรายงานว่า นายใหญ่อย่างอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร บิดา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลโดยตรง ให้ สส.ในพรรคลงมติวาระรับหลักการ ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร หากพบว่าพรรคไหนแตกแถว ไม่เห็นชอบ จะพิจารณาให้ออกจากรัฐบาลทันที ท่ามกลางเสียง สส.ในสภาฯ จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจล่าสุด 319 เสียง พบว่ามีบางพรรคลังเลใจ เช่น พรรคประชาชาติ ที่มี สส.ในสภา 8 คนเป็นชาวมุสลิมจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ยื่นหนังสือถึงประธานวิปรัฐบาล กังวลว่าอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อเยาวชนในเรื่องการละเว้นอบายมุข ตามคำสอนและหลักการของแต่ละศาสนา จึงเห็นควรให้มีบทบัญญัติที่คำนึงถึงหลักการดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์เครือเนชั่น มั่นใจว่าจะผ่านวาระรับหลักการ เตรียมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 31 คน เป็นประธานเอง คัดรายชื่อเอง เน้นคนเข้ามาทำงานจริง ตั้งตามจำนวนที่จำเป็น และให้พรรคร่วมรัฐบาลส่งคนที่มีภาพลักษณ์ดีไม่เข้ามาหาประโยชน์ คาดว่าจะเสนอพิจารณาวาระ 2-3 ในเดือน ก.ค.2568 รวมทั้งรัฐบาลตั้งเป้าผลักดันนโยบาย ตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายฯ ออกกฎหมายลูก อาจเปิดประมูลเพื่อให้เกิดการลงทุนได้ทันทีในรัฐบาลหน้า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ชาวเน็ตต่างแห่ตั้งฉายาพรรคเพื่อไทยว่า "เพื่อไทย 888" ตอบโต้กรณีที่พรรคเพื่อไทยชี้แจงข้อกล่าวหาในการประชุมสภาฯ ว่า กาสิโนมาก่อนแผ่นดินไหวไม่เป็นความจริง อีกด้านหนึ่ง แม้การชุมนุมของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) กลุ่ม ศปปส. และกองทัพธรรมยังไม่เป็นข่าวมากนัก แต่ก็พบว่าหลายองค์กรภาคประชาชนทั้งกลุ่มผู้นำทางศาสนา กลุ่มนักวิชาการ นักรัฐศาสตร์ ต่างออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แม้จะห้ามไม่ได้ที่ฝ่ายรัฐบาลจะผลักดันกฎหมายฉบับนี้แบบสุดซอย ไม่สนใจเสียงคัดค้านก็ตาม #Newskit
    Like
    Sad
    2
    0 Comments 0 Shares 460 Views 0 Reviews
  • "อ.ไชยันต์ -อ.ธงพล" สองนักวิชาการรัฐศาสตร์ จากสถาบันชื่อดัง ลงชิงเก้าอี้ตุลาการศาล รธน. ยังเปิดให้รับสมัครถึงวันที่ 9 เม.ย.

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000032892
    "อ.ไชยันต์ -อ.ธงพล" สองนักวิชาการรัฐศาสตร์ จากสถาบันชื่อดัง ลงชิงเก้าอี้ตุลาการศาล รธน. ยังเปิดให้รับสมัครถึงวันที่ 9 เม.ย. อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000032892
    Like
    Love
    11
    1 Comments 0 Shares 565 Views 0 Reviews
  • ยื่นสอบจริยธรรมนายกฯ ดันร่างกฎหมายกาสิโน ส.ว.ขยับตัวต้านแรง
    .
    เครือข่ายภาคประชาชน 100 องค์กร ร่วมยื่นหนังสือถึงสภาผู้แทนราษฎร คัดค้านร่าง พ.ร.บ. สถานบันเทิงครบวงจร หวั่นเปิดทางให้กาสิโนกระทบเศรษฐกิจและสังคม ด้านนักวิชาการเตือนไทยยังไม่พร้อม ขณะที่ ส.ว. ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย แนะรัฐบาลศึกษาผลกระทบให้รอบด้านก่อนเสนอ และทำประชามติถามประชาชนก่อนตัดสินใจ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000031696
    ยื่นสอบจริยธรรมนายกฯ ดันร่างกฎหมายกาสิโน ส.ว.ขยับตัวต้านแรง . เครือข่ายภาคประชาชน 100 องค์กร ร่วมยื่นหนังสือถึงสภาผู้แทนราษฎร คัดค้านร่าง พ.ร.บ. สถานบันเทิงครบวงจร หวั่นเปิดทางให้กาสิโนกระทบเศรษฐกิจและสังคม ด้านนักวิชาการเตือนไทยยังไม่พร้อม ขณะที่ ส.ว. ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย แนะรัฐบาลศึกษาผลกระทบให้รอบด้านก่อนเสนอ และทำประชามติถามประชาชนก่อนตัดสินใจ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000031696
    Like
    Love
    Haha
    12
    0 Comments 0 Shares 1630 Views 0 Reviews
  • นักวิชาการ-องค์กรภาคประชาชน ยื่นข้อเรียกร้องรัฐสภา คัดค้านกฎหมายกาสิโน
    https://www.thai-tai.tv/news/17994/
    นักวิชาการ-องค์กรภาคประชาชน ยื่นข้อเรียกร้องรัฐสภา คัดค้านกฎหมายกาสิโน https://www.thai-tai.tv/news/17994/
    0 Comments 0 Shares 94 Views 0 Reviews
  • เดาข้อสอบ ตอบยังไง? ให้แม่นเวอร์! ยอดผู้สมัครสอบ อปท. 438,277 คน รอบแรกบรรจุ 1 ธ.ค. 8,439 คน สถ.โกยค่าสมัครกว่า 188 ล้าน เทคนิคสอบ อปท. 2568 ที่ต้องรู้ 📚🔥

    ✨ Unlock เคล็ดลับสอบติด อปท. พร้อมเจาะลึกเทคนิคเดาข้อสอบแบบมือโปร

    📌 เจาะลึกการสอบ อปท. 2568 ตั้งแต่ขั้นตอนการสอบ รายละเอียดตำแหน่ง เทคนิคการเตรียมตัว ไปจนถึง "เดาข้อสอบ" อย่างไรให้แม่นเวอร์ พร้อมเทคนิคแบบจิตวิทยา ที่จะช่วยให้สอบผ่านได้แบบมืออาชีพ!

    อปท. 2568 ปีทองของคนอยากเป็นข้าราชการ 🎯 ปีนี้ถือเป็นโอกาสทอง ของผู้ที่มีความฝันอยากเป็น "ข้าราชการท้องถิ่น" หรือที่รู้จักกันในชื่อการสอบ อปท. ซึ่งมีผู้สมัครกว่า 438,277 คนทั่วประเทศ 😲

    โดยในรอบแรก จะมีการบรรจุเข้ารับราชการในวันที่ 1 ธันวาคม 2568 จำนวนถึง 8,439 อัตรา และที่น่าจับตาไม่แพ้กันคือ "ค่าสมัครสอบ" ที่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถรวบรวมได้กว่า 188 ล้านบาท 💸

    แต่…ด้วยจำนวนผู้สมัครมหาศาล การสอบให้ผ่านจึงไม่ใช่เรื่องง่าย! โดยเฉพาะเมื่อมี "กฎเหล็ก" อย่าง ต้องสอบผ่านวิชาภาษาอังกฤษอย่างน้อย 10 จาก 20 ข้อ ถึงจะผ่านภาค ก 😱

    🤔 อปท. ย่อมาจาก องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นการสอบแข่งขัน เพื่อบรรจุเป็น ข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ภายใต้การดูแลของ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย

    สาเหตุที่คนแห่สมัครกันเยอะ? เพราะ...
    🏢 เป็นงานราชการ มีความมั่นคง
    💰 เงินเดือนและสวัสดิการดี
    📍 ทำงานในพื้นที่บ้านเกิดได้
    ⏳ ขึ้นบัญชีได้นานถึง 2 ปี ขยายได้อีก 30 วัน

    ขั้นตอนสำคัญของการสอบ อปท. 2568 📅
    2 ก.ค. 2568 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบ
    19 ก.ค. 2568 สอบภาค ก และ ข
    1 ต.ค. 2568 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบภาค ค
    18-19 ต.ค. 2568 สอบสัมภาษณ์ ภาค ค
    31 ต.ค. 2568 ประกาศบัญชีผู้สอบแข่งขันได้
    3-7 พ.ย. 2568 รายงานตัว และเลือกสถานที่
    1 ธ.ค. 2568 บรรจุแต่งตั้งเข้ารับราชการ

    📝 อย่าลืมบันทึกวันสำคัญไว้ให้ดี!

    กลุ่มภาคที่เปิดสอบ และตำแหน่งยอดฮิต 🎯
    🗺️ กลุ่มภาค 10 โซนทั่วประเทศ
    มีตั้งแต่ ภาคเหนือ เขต 1–2, ภาคกลาง เขต 1–3, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 1–3, ไปจนถึง ภาคใต้ เขต 1–2 โดยแต่ละพื้นที่เปิดสอบในตำแหน่งต่างกัน ตามอัตราว่าง

    📋 ประเภทของตำแหน่งที่เปิดสอบ
    - ครูผู้ช่วย 👩‍🏫👨‍🏫 ป.ตรี 4 ปี เริ่มต้น 16,560 บาท ป.ตรี 5 ปี เริ่มต้น 17,380 บาท

    - ตำแหน่งประเภททั่วไป วุฒิ ปวช./ปวท./ปวส. เช่น เจ้าพนักงานธุรการ, เจ้าพนักงานการคลัง ฯลฯ เงินเดือนเริ่มต้น 10,340 – 12,730 บาท

    - ตำแหน่งประเภทวิชาการ วุฒิปริญญาตรี เช่น นักวิชาการเงิน, วิศวกรโยธา, นักทรัพยากรบุคคล ฯลฯ เงินเดือนเริ่มต้น 16,600 บาท

    💡 ตำแหน่งยอดฮิตที่มีอัตรารับมากสุดคือ “นักวิชาการตรวจสอบภายใน” ถึง 779 อัตราเลยทีเดียว!

    ✍️ การสอบแบ่งออกเป็น 3 ภาค

    🔸 ภาค ก ความรู้ทั่วไป 100 คะแนน
    - วิเคราะห์เหตุผล 30 คะแนน
    - กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 30 คะแนน
    - ภาษาไทย 20 คะแนน
    - ภาษาอังกฤษ 20 คะแนน ต้องได้อย่างน้อย 10 คะแนน

    🔸 ภาค ข ความรู้เฉพาะตำแหน่ง 100 คะแนน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่สมัคร เช่น
    - นักวิชาการศึกษา → พัฒนาหลักสูตร
    - นักพัฒนาชุมชน → กฎหมายพัฒนาชุมชน
    - นักบัญชี → การเงิน-บัญชี

    🔸 ภาค ค สัมภาษณ์ 100 คะแนน
    - บุคลิกภาพ
    - ทัศนคติ
    - ความสามารถในการสื่อสาร
    - ความเหมาะสมกับตำแหน่ง

    เทคนิคเตรียมสอบ อปท. แบบจับมือทำ 📖
    ✅ วางแผนอ่านหนังสือล่วงหน้า อย่ารอใกล้วันสอบ! ควรวางแผนเตรียมตัว ล่วงหน้าอย่างน้อย 3-4 เดือน แบ่งเวลาอ่านให้ครอบคลุมทั้งภาค ก และ ข

    ✅ อ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ระเบียบราชการท้องถิ่น พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดฯ

    ✅ ฝึกทำข้อสอบเก่า ค้นหาแนวข้อสอบ อปท. จากปีเก่า ๆ มาฝึกให้คล่อง ฝึกทำโจทย์วันละ 20–30 ข้อทุกวัน ✍️

    ✅ ภาษาอังกฤษต้องไม่พลาด เน้น Reading comprehension ศัพท์พื้นฐาน และ Grammar เบื้องต้น ฝึกโจทย์แบบ multiple choice

    🔥 เทคนิคเดาข้อสอบให้แม่นเวอร์! ไม่ต้องงม ไม่ต้องมั่ว 🤖 เมื่อเจอข้อสอบที่ “คิดไม่ออก” หรือ “ไม่มั่นใจ” ใช้เทคนิคเหล่านี้ ช่วยให้เดาอย่างมีหลักการ ได้แม่นยำขึ้น!

    🎯 เทคนิคที่ 1 ตัดตัวเลือกสุดโต่ง ระวังคำว่า “เสมอ”, “ทั้งหมด”, “ไม่มีข้อยกเว้น”, “ห้ามโดยเด็ดขาด” เพราะมักผิด ❌

    🎯 เทคนิคที่ 2 คำที่ให้ความยืดหยุ่นมักจะถูก คำว่า “มักจะ”, “อาจจะ”, “บางครั้ง” มักถูกมากกว่า ✅

    🎯 เทคนิคที่ 3 สแกนคำถาม – คำตอบที่คล้ายกัน ถ้ามีคำจากคำถามโผล่ในคำตอบ = โอกาสถูกสูง!

    🎯 เทคนิคที่ 4 เดาตามแพทเทิร์น ถ้าต้องเดาจริง ๆ → เลือก “ข” หรือ “ค” เพราะมักเป็นตำแหน่งกลางที่ผู้ออกข้อสอบนิยมใช้

    🎯 เทคนิคที่ 5 ตัวเลือกยาวมักถูก เพราะอาจารย์มักใส่รายละเอียดมาก ในคำตอบที่ถูก 📝

    ❌ ข้อห้ามเด็ดขาดในการทำข้อสอบ
    - อย่าทิ้งข้อ – ตอบดีกว่าเว้น!
    - อย่าเปลี่ยนคำตอบไปมา ถ้าไม่มีเหตุผลชัดเจน
    - อย่ามองข้ามคำว่า “ไม่ใช่” หรือ “ยกเว้น” ในคำถาม

    📚 เตรียมตัววันนี้ พรุ่งนี้สอบติด! 🌈 การสอบ อปท. 2568 คือโอกาสครั้งใหญ่ของใครหลายคน และยิ่งมีเทคนิคที่ดี + เตรียมตัวอย่างเป็นระบบ = โอกาส “สอบติด” ก็สูงขึ้นตามไปด้วย! 💪

    ไม่ว่าจะเป็น… วางแผนอ่านหนังสือ ฝึกทำข้อสอบเก่า รู้เทคนิคเดาข้อสอบแบบมีหลักการ ทั้งหมดนี้คืออาวุธสำคัญ ที่ต้องมีในการสอบครั้งนี้!

    ✨ ขอให้โชคดีในการสอบ และได้เป็นข้าราชการในฝัน! ✨

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 311115 มี.ค. 2568

    📌 #สอบอปท2568 #แนวข้อสอบราชการ #เดาข้อสอบแม่นเวอร์ #เทคนิคสอบราชการ #สอบภาคก #สอบภาคข #ภาษาอังกฤษอปท #สอบราชการ2568 #สมัครงานราชการ #สอบสัมภาษณ์อปท
    เดาข้อสอบ ตอบยังไง? ให้แม่นเวอร์! ยอดผู้สมัครสอบ อปท. 438,277 คน รอบแรกบรรจุ 1 ธ.ค. 8,439 คน สถ.โกยค่าสมัครกว่า 188 ล้าน เทคนิคสอบ อปท. 2568 ที่ต้องรู้ 📚🔥 ✨ Unlock เคล็ดลับสอบติด อปท. พร้อมเจาะลึกเทคนิคเดาข้อสอบแบบมือโปร 📌 เจาะลึกการสอบ อปท. 2568 ตั้งแต่ขั้นตอนการสอบ รายละเอียดตำแหน่ง เทคนิคการเตรียมตัว ไปจนถึง "เดาข้อสอบ" อย่างไรให้แม่นเวอร์ พร้อมเทคนิคแบบจิตวิทยา ที่จะช่วยให้สอบผ่านได้แบบมืออาชีพ! อปท. 2568 ปีทองของคนอยากเป็นข้าราชการ 🎯 ปีนี้ถือเป็นโอกาสทอง ของผู้ที่มีความฝันอยากเป็น "ข้าราชการท้องถิ่น" หรือที่รู้จักกันในชื่อการสอบ อปท. ซึ่งมีผู้สมัครกว่า 438,277 คนทั่วประเทศ 😲 โดยในรอบแรก จะมีการบรรจุเข้ารับราชการในวันที่ 1 ธันวาคม 2568 จำนวนถึง 8,439 อัตรา และที่น่าจับตาไม่แพ้กันคือ "ค่าสมัครสอบ" ที่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถรวบรวมได้กว่า 188 ล้านบาท 💸 แต่…ด้วยจำนวนผู้สมัครมหาศาล การสอบให้ผ่านจึงไม่ใช่เรื่องง่าย! โดยเฉพาะเมื่อมี "กฎเหล็ก" อย่าง ต้องสอบผ่านวิชาภาษาอังกฤษอย่างน้อย 10 จาก 20 ข้อ ถึงจะผ่านภาค ก 😱 🤔 อปท. ย่อมาจาก องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นการสอบแข่งขัน เพื่อบรรจุเป็น ข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ภายใต้การดูแลของ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย สาเหตุที่คนแห่สมัครกันเยอะ? เพราะ... 🏢 เป็นงานราชการ มีความมั่นคง 💰 เงินเดือนและสวัสดิการดี 📍 ทำงานในพื้นที่บ้านเกิดได้ ⏳ ขึ้นบัญชีได้นานถึง 2 ปี ขยายได้อีก 30 วัน ขั้นตอนสำคัญของการสอบ อปท. 2568 📅 2 ก.ค. 2568 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบ 19 ก.ค. 2568 สอบภาค ก และ ข 1 ต.ค. 2568 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบภาค ค 18-19 ต.ค. 2568 สอบสัมภาษณ์ ภาค ค 31 ต.ค. 2568 ประกาศบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ 3-7 พ.ย. 2568 รายงานตัว และเลือกสถานที่ 1 ธ.ค. 2568 บรรจุแต่งตั้งเข้ารับราชการ 📝 อย่าลืมบันทึกวันสำคัญไว้ให้ดี! กลุ่มภาคที่เปิดสอบ และตำแหน่งยอดฮิต 🎯 🗺️ กลุ่มภาค 10 โซนทั่วประเทศ มีตั้งแต่ ภาคเหนือ เขต 1–2, ภาคกลาง เขต 1–3, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 1–3, ไปจนถึง ภาคใต้ เขต 1–2 โดยแต่ละพื้นที่เปิดสอบในตำแหน่งต่างกัน ตามอัตราว่าง 📋 ประเภทของตำแหน่งที่เปิดสอบ - ครูผู้ช่วย 👩‍🏫👨‍🏫 ป.ตรี 4 ปี เริ่มต้น 16,560 บาท ป.ตรี 5 ปี เริ่มต้น 17,380 บาท - ตำแหน่งประเภททั่วไป วุฒิ ปวช./ปวท./ปวส. เช่น เจ้าพนักงานธุรการ, เจ้าพนักงานการคลัง ฯลฯ เงินเดือนเริ่มต้น 10,340 – 12,730 บาท - ตำแหน่งประเภทวิชาการ วุฒิปริญญาตรี เช่น นักวิชาการเงิน, วิศวกรโยธา, นักทรัพยากรบุคคล ฯลฯ เงินเดือนเริ่มต้น 16,600 บาท 💡 ตำแหน่งยอดฮิตที่มีอัตรารับมากสุดคือ “นักวิชาการตรวจสอบภายใน” ถึง 779 อัตราเลยทีเดียว! ✍️ การสอบแบ่งออกเป็น 3 ภาค 🔸 ภาค ก ความรู้ทั่วไป 100 คะแนน - วิเคราะห์เหตุผล 30 คะแนน - กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 30 คะแนน - ภาษาไทย 20 คะแนน - ภาษาอังกฤษ 20 คะแนน ต้องได้อย่างน้อย 10 คะแนน 🔸 ภาค ข ความรู้เฉพาะตำแหน่ง 100 คะแนน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่สมัคร เช่น - นักวิชาการศึกษา → พัฒนาหลักสูตร - นักพัฒนาชุมชน → กฎหมายพัฒนาชุมชน - นักบัญชี → การเงิน-บัญชี 🔸 ภาค ค สัมภาษณ์ 100 คะแนน - บุคลิกภาพ - ทัศนคติ - ความสามารถในการสื่อสาร - ความเหมาะสมกับตำแหน่ง เทคนิคเตรียมสอบ อปท. แบบจับมือทำ 📖 ✅ วางแผนอ่านหนังสือล่วงหน้า อย่ารอใกล้วันสอบ! ควรวางแผนเตรียมตัว ล่วงหน้าอย่างน้อย 3-4 เดือน แบ่งเวลาอ่านให้ครอบคลุมทั้งภาค ก และ ข ✅ อ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ระเบียบราชการท้องถิ่น พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดฯ ✅ ฝึกทำข้อสอบเก่า ค้นหาแนวข้อสอบ อปท. จากปีเก่า ๆ มาฝึกให้คล่อง ฝึกทำโจทย์วันละ 20–30 ข้อทุกวัน ✍️ ✅ ภาษาอังกฤษต้องไม่พลาด เน้น Reading comprehension ศัพท์พื้นฐาน และ Grammar เบื้องต้น ฝึกโจทย์แบบ multiple choice 🔥 เทคนิคเดาข้อสอบให้แม่นเวอร์! ไม่ต้องงม ไม่ต้องมั่ว 🤖 เมื่อเจอข้อสอบที่ “คิดไม่ออก” หรือ “ไม่มั่นใจ” ใช้เทคนิคเหล่านี้ ช่วยให้เดาอย่างมีหลักการ ได้แม่นยำขึ้น! 🎯 เทคนิคที่ 1 ตัดตัวเลือกสุดโต่ง ระวังคำว่า “เสมอ”, “ทั้งหมด”, “ไม่มีข้อยกเว้น”, “ห้ามโดยเด็ดขาด” เพราะมักผิด ❌ 🎯 เทคนิคที่ 2 คำที่ให้ความยืดหยุ่นมักจะถูก คำว่า “มักจะ”, “อาจจะ”, “บางครั้ง” มักถูกมากกว่า ✅ 🎯 เทคนิคที่ 3 สแกนคำถาม – คำตอบที่คล้ายกัน ถ้ามีคำจากคำถามโผล่ในคำตอบ = โอกาสถูกสูง! 🎯 เทคนิคที่ 4 เดาตามแพทเทิร์น ถ้าต้องเดาจริง ๆ → เลือก “ข” หรือ “ค” เพราะมักเป็นตำแหน่งกลางที่ผู้ออกข้อสอบนิยมใช้ 🎯 เทคนิคที่ 5 ตัวเลือกยาวมักถูก เพราะอาจารย์มักใส่รายละเอียดมาก ในคำตอบที่ถูก 📝 ❌ ข้อห้ามเด็ดขาดในการทำข้อสอบ - อย่าทิ้งข้อ – ตอบดีกว่าเว้น! - อย่าเปลี่ยนคำตอบไปมา ถ้าไม่มีเหตุผลชัดเจน - อย่ามองข้ามคำว่า “ไม่ใช่” หรือ “ยกเว้น” ในคำถาม 📚 เตรียมตัววันนี้ พรุ่งนี้สอบติด! 🌈 การสอบ อปท. 2568 คือโอกาสครั้งใหญ่ของใครหลายคน และยิ่งมีเทคนิคที่ดี + เตรียมตัวอย่างเป็นระบบ = โอกาส “สอบติด” ก็สูงขึ้นตามไปด้วย! 💪 ไม่ว่าจะเป็น… วางแผนอ่านหนังสือ ฝึกทำข้อสอบเก่า รู้เทคนิคเดาข้อสอบแบบมีหลักการ ทั้งหมดนี้คืออาวุธสำคัญ ที่ต้องมีในการสอบครั้งนี้! ✨ ขอให้โชคดีในการสอบ และได้เป็นข้าราชการในฝัน! ✨ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 311115 มี.ค. 2568 📌 #สอบอปท2568 #แนวข้อสอบราชการ #เดาข้อสอบแม่นเวอร์ #เทคนิคสอบราชการ #สอบภาคก #สอบภาคข #ภาษาอังกฤษอปท #สอบราชการ2568 #สมัครงานราชการ #สอบสัมภาษณ์อปท
    0 Comments 0 Shares 705 Views 0 Reviews
  • 27 มีนาคม 2568 - รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง “นายกสืบสันดาน นิติกรรมอำพราง หลบภาษี?” โดยมีเนื้อหาดังนี้

    ตามที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายกรัฐมนตรีนางสาวแพทองธาร ได้รับการโอนหุ้นจากแม่ พี่ชาย พี่สาว ลุง และป้า จำนวนรวมกันประมาณ 4,434 ล้านบาท ในปีพ.ศ. 2559 โดยได้ทำหนังสือสัญญาใช้เงิน (PN) ที่ไม่มีดอกเบี้ยและไม่กำหนดวันครบชำระเงิน เพื่อให้เป็นหลักฐานเสมือนการซื้อหุ้นโดยยังไม่จ่ายเงิน (เป็นหนี้ที่ไม่มีดอกเบี้ย ไม่กำหนดวันชำระคืน)

    มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าทำไม นางสาวแพทองธาร ในปี 2559 ขณะที่อายุเพียงประมาณ 30 ปีจึงอยากซื้อหุ้นจำนวนมากจากบุคคลในครอบครัวและผู้เกี่ยวดอง
    โดยที่ตนไม่มีเงินที่จะจ่าย แต่ไปออกหนังสือสัญญาใช้เงินเป็นการกู้ยืมเงินที่จะจ่ายค่าหุ้นจำนวน 4,434 ล้านบาท

    เรื่องนี้ต้องเข้าใจ พฤติกรรมของคนในตระกูลชินวัตร รู้ที่มาที่ไปของหุ้น จึงพอจะวิเคราะห์และตั้งเป็นสมมุติฐานได้ว่า

    ในปี 2544 เมื่อนายทักษิณจะขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ประสงค์จะไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินให้ครบถ้วนกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติในบางรายการ จึงได้โอนหุ้นจำนวนหนึ่งซุกไว้ในชื่อของ คนสวน คนรับใช้ คนขับรถ และคนเฝ้ายาม จนเกิดคดีซุกหุ้น ดังที่ปรากฎคดีกับนายทักษิณมาแล้ว

    เวลาต่อมา ได้โอนหุ้นจากชื่อของ “ลูกจ้าง”ในบ้านทั้งสามคน ไปให้กับ “ลูกจริง” ทั้ง 3คน แต่เนื่องจากลูกสาวคนเล็กคือแพทองธาร ขณะนั้นยังไม่บรรลุนิติภาวะยังไม่สามารถบริหารจัดการหุ้นในบริษัทต่างๆได้ จึงอาจจะโอนฝากไว้ที่ แม่ พี่ชาย พี่สาว ลุงและป้า

    ต่อมาในปี 2559 เมื่อแพทองธาร บรรลุนิติภาวะแล้ว ประสงค์ให้ญาติที่ถือหุ้นไว้โอนหุ้นมากลับมาให้ แต่ขณะนั้นมีการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรในต้นปี 2559 เพื่อให้สอดคล้องกับการเก็บภาษีมรดก ซึ่งระบุให้

    การให้สินทรัพย์ ในระหว่างพ่อ แม่ ลูก ถือเป็นรายได้ของผู้รับ หากมีมูลค่าเกิน 20ล้านบาทส่วนที่เกิน20ล้านจะต้องเสียภาษีเงินได้ 5%
    แต่ หากเป็นพี่ น้อง ลุง ป้า หากมีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาท ส่วนที่เกิน 10ล้าน บาท จะต้องเสียภาษีเงินได้ 5%

    วิธีการหลีกเลี่ยงหลบภาษี หรือบริหารภาษี ให้จ่ายน้อยหรือไม่ต้องจ่าย คือทำนิติกรรมอำพรางโดยให้ดูเสมือนเป็นการซื้อขาย

    ผู้รับโอนจึงออกตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งก็คือทำสัญญากู้ยืม แต่ที่น่าสังเกตคือไม่มีดอกเบี้ยและไม่มีการกำหนดวันชำระเงิน
    จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใด นางสาวแพทองธาร จึงออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (ที่ไม่กำหนดเวลาชำระเงินและไม่มีดอกเบี้ย) เพื่อให้ดูเป็นเรื่องการซื้อขายไม่ใช่การให้ จะได้ไม่ต้องจ่ายภาษีเงินได้ให้กับรัฐจำนวนมากกว่า 200 ล้านบาท หรือไม่

    น.ส.แพทองธาร ชี้แจงว่า การโอนหุ้นดังกล่าวเป็นการซื้อขายจริงไม่ได้มีพฤติกรรมอำพรางใดๆ ยอดหนี้ (ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน) ก็แสดงว่าชัดเจนในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. อยู่แล้ว
    “ เรื่องตั๋วพีเอ็นไม่ใช่เรื่องใหม่เป็นเรื่องที่ทำกันมาเป็นเรื่องปกติ.. การออกตั๋วสัญญาใช้เงินจะทำกับธุรกรรมที่ถูกกฎหมาย ดำเนินการเปิดเผย ฝ่ายผู้ซื้อผู้ขายรับภาระหนี้สินระหว่างกัน ไม่มีการกระทำนอกกฎหมายใดๆ เพราะการกระทำนอกกฎหมายที่ไหนออกหลักฐานเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่ระบุที่มาของเงินไม่ได้ ก็ไม่สามารถทำได้..”

    คำอธิบายของนายกรัฐมนตรีที่ว่า ได้แสดงชัดเจนในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อป.ป.ช. แล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไร

    อีกทั้งคำอธิบายว่า ตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) เป็นเรื่องที่ทำกันเป็นปกติ (ใครใครเขาก็ทำกัน ) ก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะขึ้นอยู่กับว่าเขาใช้ตั๋วสัญญาใช้เงินโดยสุจริตหรือไม่

    หลายสิ่งที่คนทั่วไปทำได้ แต่การเป็นนายกรัฐมนตรีทำไม่ได้เพราะจะต้องมีมาตรฐานของความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีมาตรฐานจริยธรรมสูงกว่าบุคคลทั่วไป ทั้งนี้เพราะจะต้องรับผิดชอบต่อสังคมและคนจำนวนมาก ใช่หรือไม่?

    ประชาชนส่วนหนึ่งตั้งคำถามว่าครอบครัวรักกันมาก ทำไมจึงใช้วิธีซื้อขายหุ้นระหว่างกันไปมา โดยเฉพาะในช่วงที่นางสาวแพทองธาร จะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้โอนหุ้นสนามกอล์ฟอัลไพน์ จำนวน 22,410,000 หุ้น ไปให้ผู้เป็นแม่ ด้วยวิธีการซื้อขายโดยออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) เพื่อให้เข้าหลักเกณฑ์การซื้อขายแทนการให้ เช่นเดียวกันใช่หรือไม่

    ถ้าจะพิจารณาจากอดีต คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคดี หมายเลขแดงที่ อม.1/2553 เรื่อง ขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน หรือคดียึดทรัพย์นายทักษิณ ชินวัตร 46,737 ล้านบาท เห็นว่า การออกตั๋วสัญญาใช้เงินชำระค่าหุ้นมีพิรุธ เป็นการอำพรางการโอนหุ้นชินคอร์ป เพราะสุดท้ายแล้ว หุ้นชินคอร์ป ที่นายทักษิณโอนให้กับบุคคลต่างๆ ดังกล่าวยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของนายทักษิณ

    ยิ่งไปกว่านั้นข้าราชการระดับสูงของกรมสรรพากรเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกสองปีโดยไม่รอลงอาญาในการปฎิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบตามมาตรา157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา กรณี ช่วยบุตรชายและบุตรสาว ของนายทักษิณ ชินวัตร หลบเลี่ยงภาษีกรณีหุ้นชินคอร์ปมาแล้ว

    หากกรมสรรพากรและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มองว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทำได้ ถูกต้องตามกฏหมายและเหมาะสมตามจริยธรรม ต่อไปการที่จะมีผู้โอนทรัพย์สินให้บุคคลในครอบครัว ก็ทำทีเป็นซื้อขายแล้วทำหนังสือสัญญาใช้เงิน ที่ไม่มีดอกเบี้ยและไม่ต้องระบุวันจ่ายเงิน (หนังสือสัญญาไม่ต้องจ่ายเงิน) ทำให้เกิดช่องโหว่ทางกฎหมายส่งผลให้ ภาษีมรดกที่กำหนดให้ผู้รับมรดกจะต้องจ่ายเป็นอันยกเลิกไปโดยปริยาย
    เท่ากับว่าฝ่ายบริหารโดยกรมสรรพากรได้ตีความให้กฎหมายที่ออกโดยฝ่ายนิติบัญญัติบังคับใช้ไม่ได้อีกต่อไป.
    27 มีนาคม 2568 - รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง “นายกสืบสันดาน นิติกรรมอำพราง หลบภาษี?” โดยมีเนื้อหาดังนี้ ตามที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายกรัฐมนตรีนางสาวแพทองธาร ได้รับการโอนหุ้นจากแม่ พี่ชาย พี่สาว ลุง และป้า จำนวนรวมกันประมาณ 4,434 ล้านบาท ในปีพ.ศ. 2559 โดยได้ทำหนังสือสัญญาใช้เงิน (PN) ที่ไม่มีดอกเบี้ยและไม่กำหนดวันครบชำระเงิน เพื่อให้เป็นหลักฐานเสมือนการซื้อหุ้นโดยยังไม่จ่ายเงิน (เป็นหนี้ที่ไม่มีดอกเบี้ย ไม่กำหนดวันชำระคืน) มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าทำไม นางสาวแพทองธาร ในปี 2559 ขณะที่อายุเพียงประมาณ 30 ปีจึงอยากซื้อหุ้นจำนวนมากจากบุคคลในครอบครัวและผู้เกี่ยวดอง โดยที่ตนไม่มีเงินที่จะจ่าย แต่ไปออกหนังสือสัญญาใช้เงินเป็นการกู้ยืมเงินที่จะจ่ายค่าหุ้นจำนวน 4,434 ล้านบาท เรื่องนี้ต้องเข้าใจ พฤติกรรมของคนในตระกูลชินวัตร รู้ที่มาที่ไปของหุ้น จึงพอจะวิเคราะห์และตั้งเป็นสมมุติฐานได้ว่า ในปี 2544 เมื่อนายทักษิณจะขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ประสงค์จะไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินให้ครบถ้วนกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติในบางรายการ จึงได้โอนหุ้นจำนวนหนึ่งซุกไว้ในชื่อของ คนสวน คนรับใช้ คนขับรถ และคนเฝ้ายาม จนเกิดคดีซุกหุ้น ดังที่ปรากฎคดีกับนายทักษิณมาแล้ว เวลาต่อมา ได้โอนหุ้นจากชื่อของ “ลูกจ้าง”ในบ้านทั้งสามคน ไปให้กับ “ลูกจริง” ทั้ง 3คน แต่เนื่องจากลูกสาวคนเล็กคือแพทองธาร ขณะนั้นยังไม่บรรลุนิติภาวะยังไม่สามารถบริหารจัดการหุ้นในบริษัทต่างๆได้ จึงอาจจะโอนฝากไว้ที่ แม่ พี่ชาย พี่สาว ลุงและป้า ต่อมาในปี 2559 เมื่อแพทองธาร บรรลุนิติภาวะแล้ว ประสงค์ให้ญาติที่ถือหุ้นไว้โอนหุ้นมากลับมาให้ แต่ขณะนั้นมีการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรในต้นปี 2559 เพื่อให้สอดคล้องกับการเก็บภาษีมรดก ซึ่งระบุให้ การให้สินทรัพย์ ในระหว่างพ่อ แม่ ลูก ถือเป็นรายได้ของผู้รับ หากมีมูลค่าเกิน 20ล้านบาทส่วนที่เกิน20ล้านจะต้องเสียภาษีเงินได้ 5% แต่ หากเป็นพี่ น้อง ลุง ป้า หากมีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาท ส่วนที่เกิน 10ล้าน บาท จะต้องเสียภาษีเงินได้ 5% วิธีการหลีกเลี่ยงหลบภาษี หรือบริหารภาษี ให้จ่ายน้อยหรือไม่ต้องจ่าย คือทำนิติกรรมอำพรางโดยให้ดูเสมือนเป็นการซื้อขาย ผู้รับโอนจึงออกตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งก็คือทำสัญญากู้ยืม แต่ที่น่าสังเกตคือไม่มีดอกเบี้ยและไม่มีการกำหนดวันชำระเงิน จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใด นางสาวแพทองธาร จึงออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (ที่ไม่กำหนดเวลาชำระเงินและไม่มีดอกเบี้ย) เพื่อให้ดูเป็นเรื่องการซื้อขายไม่ใช่การให้ จะได้ไม่ต้องจ่ายภาษีเงินได้ให้กับรัฐจำนวนมากกว่า 200 ล้านบาท หรือไม่ น.ส.แพทองธาร ชี้แจงว่า การโอนหุ้นดังกล่าวเป็นการซื้อขายจริงไม่ได้มีพฤติกรรมอำพรางใดๆ ยอดหนี้ (ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน) ก็แสดงว่าชัดเจนในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. อยู่แล้ว “ เรื่องตั๋วพีเอ็นไม่ใช่เรื่องใหม่เป็นเรื่องที่ทำกันมาเป็นเรื่องปกติ.. การออกตั๋วสัญญาใช้เงินจะทำกับธุรกรรมที่ถูกกฎหมาย ดำเนินการเปิดเผย ฝ่ายผู้ซื้อผู้ขายรับภาระหนี้สินระหว่างกัน ไม่มีการกระทำนอกกฎหมายใดๆ เพราะการกระทำนอกกฎหมายที่ไหนออกหลักฐานเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่ระบุที่มาของเงินไม่ได้ ก็ไม่สามารถทำได้..” คำอธิบายของนายกรัฐมนตรีที่ว่า ได้แสดงชัดเจนในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อป.ป.ช. แล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไร อีกทั้งคำอธิบายว่า ตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) เป็นเรื่องที่ทำกันเป็นปกติ (ใครใครเขาก็ทำกัน ) ก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะขึ้นอยู่กับว่าเขาใช้ตั๋วสัญญาใช้เงินโดยสุจริตหรือไม่ หลายสิ่งที่คนทั่วไปทำได้ แต่การเป็นนายกรัฐมนตรีทำไม่ได้เพราะจะต้องมีมาตรฐานของความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีมาตรฐานจริยธรรมสูงกว่าบุคคลทั่วไป ทั้งนี้เพราะจะต้องรับผิดชอบต่อสังคมและคนจำนวนมาก ใช่หรือไม่? ประชาชนส่วนหนึ่งตั้งคำถามว่าครอบครัวรักกันมาก ทำไมจึงใช้วิธีซื้อขายหุ้นระหว่างกันไปมา โดยเฉพาะในช่วงที่นางสาวแพทองธาร จะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้โอนหุ้นสนามกอล์ฟอัลไพน์ จำนวน 22,410,000 หุ้น ไปให้ผู้เป็นแม่ ด้วยวิธีการซื้อขายโดยออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) เพื่อให้เข้าหลักเกณฑ์การซื้อขายแทนการให้ เช่นเดียวกันใช่หรือไม่ ถ้าจะพิจารณาจากอดีต คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคดี หมายเลขแดงที่ อม.1/2553 เรื่อง ขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน หรือคดียึดทรัพย์นายทักษิณ ชินวัตร 46,737 ล้านบาท เห็นว่า การออกตั๋วสัญญาใช้เงินชำระค่าหุ้นมีพิรุธ เป็นการอำพรางการโอนหุ้นชินคอร์ป เพราะสุดท้ายแล้ว หุ้นชินคอร์ป ที่นายทักษิณโอนให้กับบุคคลต่างๆ ดังกล่าวยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของนายทักษิณ ยิ่งไปกว่านั้นข้าราชการระดับสูงของกรมสรรพากรเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกสองปีโดยไม่รอลงอาญาในการปฎิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบตามมาตรา157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา กรณี ช่วยบุตรชายและบุตรสาว ของนายทักษิณ ชินวัตร หลบเลี่ยงภาษีกรณีหุ้นชินคอร์ปมาแล้ว หากกรมสรรพากรและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มองว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทำได้ ถูกต้องตามกฏหมายและเหมาะสมตามจริยธรรม ต่อไปการที่จะมีผู้โอนทรัพย์สินให้บุคคลในครอบครัว ก็ทำทีเป็นซื้อขายแล้วทำหนังสือสัญญาใช้เงิน ที่ไม่มีดอกเบี้ยและไม่ต้องระบุวันจ่ายเงิน (หนังสือสัญญาไม่ต้องจ่ายเงิน) ทำให้เกิดช่องโหว่ทางกฎหมายส่งผลให้ ภาษีมรดกที่กำหนดให้ผู้รับมรดกจะต้องจ่ายเป็นอันยกเลิกไปโดยปริยาย เท่ากับว่าฝ่ายบริหารโดยกรมสรรพากรได้ตีความให้กฎหมายที่ออกโดยฝ่ายนิติบัญญัติบังคับใช้ไม่ได้อีกต่อไป.
    0 Comments 0 Shares 637 Views 0 Reviews
  • ช่วงนี้รู้สึกว่าได้เลิกตามอินฟลูสายเกมส์บางคน พอทำคลิปเสวนากับนักวิชาการโปรตะวันตก พอลองเข้าไปดูตัวอย่างคลิปผมรู้เลยว่า นักวิชาการคนนั้นเกลียดชังจีน มองจีนเป็นมะเร็ง ผมเลยถอนซับไม่ติดตามมันต่อแล้ว บางทีคนรอบข้างชอบเสพในสิ่งที่ผมไม่อยากเสพมัน ผมคิดว่ามัน Toxic มากที่ต้องทนฟังที่เขาเปิด และเขาก็เข้มงวดกับผมมากเกินไปจนผมคิดมาก แต่เจนเขากับเจนเราต่างกันเยอะมาก เจนเราทางเลือกหาเงินมันเยอะและเจนเขาทางเลือกมีไม่กี่อย่าง เจนเขาไม่ควรเป็นสิ่งที่ต้องเอามาชี้นำเจนเราจนรู้สึกว่าเดินไปก็มีแต่เหว อย่าว่าแต่ข้ามเขาหลายลี้เลย แต่คงต้องเจอกับดักของงานประจำอีกเยอะ บางทีสิ่งที่คนรอบข้างเสพก็ล้วนอมขี้ฟันตะวันตกมาพ่นๆๆให้ผู้บริโภคสื่อฟังจนโงหัวไม่ขึ้นทั้งนั้นทั้งสิ้น
    ช่วงนี้รู้สึกว่าได้เลิกตามอินฟลูสายเกมส์บางคน พอทำคลิปเสวนากับนักวิชาการโปรตะวันตก พอลองเข้าไปดูตัวอย่างคลิปผมรู้เลยว่า นักวิชาการคนนั้นเกลียดชังจีน มองจีนเป็นมะเร็ง ผมเลยถอนซับไม่ติดตามมันต่อแล้ว บางทีคนรอบข้างชอบเสพในสิ่งที่ผมไม่อยากเสพมัน ผมคิดว่ามัน Toxic มากที่ต้องทนฟังที่เขาเปิด และเขาก็เข้มงวดกับผมมากเกินไปจนผมคิดมาก แต่เจนเขากับเจนเราต่างกันเยอะมาก เจนเราทางเลือกหาเงินมันเยอะและเจนเขาทางเลือกมีไม่กี่อย่าง เจนเขาไม่ควรเป็นสิ่งที่ต้องเอามาชี้นำเจนเราจนรู้สึกว่าเดินไปก็มีแต่เหว อย่าว่าแต่ข้ามเขาหลายลี้เลย แต่คงต้องเจอกับดักของงานประจำอีกเยอะ บางทีสิ่งที่คนรอบข้างเสพก็ล้วนอมขี้ฟันตะวันตกมาพ่นๆๆให้ผู้บริโภคสื่อฟังจนโงหัวไม่ขึ้นทั้งนั้นทั้งสิ้น
    0 Comments 0 Shares 328 Views 0 Reviews
  • 199 ปี ทัพลาวพ่าย ถอยร่นจากโคราช ย่าโมตั้งการ์ดสู้ เจ้าอนุวงศ์เผ่นกระเจิง

    ย้อนรอยศึกสำคัญแห่งประวัติศาสตร์ไทย-ลาว กับเรื่องราววีรกรรมของท้าวสุรนารี และบทสรุปของการปะทะ ที่ยังคงถกเถียงถึงทุกวันนี้ ⚔️

    📝 ย้อนไปเมื่อ 199 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2369 เหตุการณ์ "สงครามปราบเจ้าอนุวงศ์" หรือที่รู้จักกันว่า "วีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์" นำโดย "ท้าวสุรนารี" หรือ "คุณหญิงโม" วีรสตรีแห่งเมืองโคราช ที่ถูกยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ และการเสียสละของหญิงไทย ในการปกป้องบ้านเมืองจากการรุกรานของกองทัพเวียงจันทน์ ภายใต้การนำของเจ้าอนุวงศ์ พระมหากษัตริย์นครเวียงจันทน์องค์สุดท้าย

    📜 แต่เบื้องหลังเรื่องเล่าแห่งวีรกรรมครั้งนี้ ยังมีหลายแง่มุมที่ซับซ้อน ทั้งในมิติประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และการเมือง ทั้งในสายตาของไทยและลาว

    🌾 บริบททางประวัติศาสตร์ ชนวนเหตุความขัดแย้ง สถานการณ์บ้านเมืองก่อนสงคราม ช่วงปลายรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ราชอาณาจักรสยาม กำลังเผชิญปัญหาภายในหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นความไม่สงบ ในหัวเมืองทางเหนือและอีสาน รวมถึงภัยคุกคามจากจักรวรรดิอังกฤษ ที่กำลังแผ่อิทธิพลเข้ามา ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    ในปี พ.ศ. 2367 รัชกาลที่ 2 สวรรคต กองทัพและระบบการปกครองสยาม กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจ ไปสู่รัชสมัยของรัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์ ซึ่งเคยมีความสัมพันธ์อันดี ในฐานะประเทศราช กลับรู้สึกไม่พอใจ ที่คำขอส่งตัวชาวลาวและเชลยศึก ที่ถูกกวาดต้อนในอดีตไม่เป็นผล จึงมองเห็นโอกาส ในการกอบกู้เอกราชของนครเวียงจันทน์

    เป้าหมายของเจ้าอนุวงศ์ มีพระราชปณิธานแน่วแน่ ที่จะปลดปล่อยนครเวียงจันทน์ จากการเป็นประเทศราชของสยาม โดยเชื่อว่าช่วงเปลี่ยนผ่านรัชสมัยนี้ สยามจะอ่อนแอลง นำมาสู่แผนการยกทัพมาตีเมืองนครราชสีมา และกรุงเทพมหานครในที่สุด 🚩

    ⚔️ ศึกทุ่งสัมฤทธิ์ บทบาทของท้าวสุรนารี กองทัพลาวยึดเมืองนครราชสีมา วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์ยกทัพเข้ายึดเมืองนครราชสีมาโดยง่าย เนื่องจากพระยาปลัดทองคำ ผู้รักษาเมืองไม่อยู่ ชาวเมืองถูกกวาดต้อนเป็นเชลย รวมถึงคุณหญิงโม และราชบริพาร ถูกนำไปยังเวียงจันทน์ ผ่านเส้นทางเมืองพิมาย

    แผนปลดแอกของคุณหญิงโม วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2369 ระหว่างการเดินทาง คุณหญิงโมร่วมมือกับนางสาวบุญเหลือ และชาวบ้านคิดแผนปลดแอก โดยหลอกล่อให้ทหารลาวประมาท จนในคืนวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2369 ที่ทุ่งสัมฤทธิ์ แขวงพิมาย ชาวนครราชสีมาร่วมกันลุกฮือยึดอาวุธ ทำให้กองทัพลาวแตกพ่าย

    🔥 จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้น เมื่อนางสาวบุญเหลือ จุดไฟเผากองเกวียนที่บรรทุกดินปืน ส่งผลให้เกิดระเบิดครั้งใหญ่ ทำให้เพี้ยรามพิชัยและทหารลาว เสียชีวิตจำนวนมาก สถานที่นี้จึงถูกเรียกว่า "หนองหัวลาว" จวบจนปัจจุบัน

    🏹 เจ้าอนุวงศ์ถอยทัพ ผลกระทบในระดับภูมิภาค การถอยร่นของเจ้าอนุวงศ์ เมื่อกองทัพจากกรุงเทพฯ นำโดย กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์ เดินทัพถึงนครราชสีมา เจ้าอนุวงศ์จึงตัดสินใจ ถอนกำลังกลับนครเวียงจันทน์ ในวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2369 เพราะเกรงว่าศึกนี้จะยืดเยื้อ จนไม่สามารถรับมือกับกองทัพสยาม ที่กำลังมุ่งหน้ามา

    ผลลัพธ์ของสงคราม ภายหลังการถอยทัพ เจ้าอนุวงศ์และราชวงศ์เวียงจันทน์ ไม่สามารถตั้งตัวรับมือศึกได้ กองทัพสยามตีเวียงจันทน์แตก และอัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญ อาทิ พระบาง, พระแซกคำ, พระสุก, พระใส มายังกรุงเทพฯ 🏯

    นครเวียงจันทน์สิ้นสุดความเป็นอิสระ และถูกลดฐานะ เป็นหัวเมืองประเทศราชของสยาม

    🌸 ยกย่องวีรกรรมของท้าวสุรนารี ท้าวสุรนารีได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้คุณหญิงโมเป็นท้าวสุรนารี เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2370 พร้อมพระราชทานเครื่องยศทองคำ 👑 ได้รับการยกย่องให้เป็นวีรสตรีปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน

    สร้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ในปี พ.ศ. 2477 ชาวนครราชสีมาได้ร่วมใจกันสร้าง อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ที่ประตูชุมพล พร้อมนำอัฐิประดิษฐาน ที่ฐานอนุสาวรีย์ อนุสาวรีย์นี้กลายเป็นศูนย์รวมจิตใจ ของคนโคราชจนถึงปัจจุบัน

    📚 ประเด็นข้อถกเถียงทางประวัติศาสตร์ มุมมองของนักประวัติศาสตร์ แม้ตำนานท้าวสุรนารี จะเป็นที่ยอมรับในไทย แต่เอกสารลาว กลับไม่มีบันทึกเรื่องทุ่งสัมฤทธิ์ หรือการกระทำของท้าวสุรนารี กับนางสาวบุญเหลือ ก่อนปี พ.ศ. 2475 นักวิชาการบางคนตั้งข้อสงสัยว่า วีรกรรมนี้อาจเกิดขึ้นจริง แต่ถูกขยายความ เพื่อประโยชน์ทางการเมืองในภายหลัง

    วีรกรรมหรือภาพสร้าง? หนังสือการเมืองในอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี โดย "สายพิน แก้วงามประเสริฐ" ได้ตั้งคำถาม ต่อบทบาทของท้าวสุรนารี ว่าถูกนำมาใช้เพื่อส่งเสริมอัตลักษณ์ชาติ และการเมืองในยุคสมัยหนึ่ง 🎭

    แต่ไม่ว่าอย่างไร ท้าวสุรนารีก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ และการเสียสละ

    🔮 เจ้าอนุวงศ์ในสายตาประวัติศาสตร์ลาว ในสายตาชาวลาว "เจ้าอนุวงศ์" ถือเป็นมหาวีรกษัตริย์ ผู้พยายามกอบกู้เอกราชจากสยาม แม้จะพ่ายแพ้ แต่พระองค์ยังได้รับการยกย่อง ในฐานะนักสู้เพื่อเสรีภาพของลาว 🇱🇦

    ทว่าการมองต่างมุมของทั้งสองฝ่าย แสดงถึงความซับซ้อนของประวัติศาสตร์ ที่ถูกเล่าและจดจำแตกต่างกัน

    🏛️ เหตุการณ์ในปี พ.ศ. 2369 ไม่ใช่เพียงแค่สงครามแย่งชิงอำนาจ แต่สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ของภูมิภาคอีสานและลุ่มแม่น้ำโขง ประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนนี้สอนให้เราเข้าใจว่า "ผู้ชนะ" ไม่ได้เป็นเพียงคนที่รอด แต่เป็นผู้ที่เขียนเรื่องเล่า ในประวัติศาสตร์ด้วย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231634 มี.ค. 2568

    📱 #ท้าวสุรนารี #ย่าโมโคราช #วีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์ #ประวัติศาสตร์ไทย #เจ้าอนุวงศ์ #สงครามไทยลาว #โคราชต้องรู้ #อนุสาวรีย์ย่าโม #เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ #199ปีทุ่งสัมฤทธิ์
    199 ปี ทัพลาวพ่าย ถอยร่นจากโคราช ย่าโมตั้งการ์ดสู้ เจ้าอนุวงศ์เผ่นกระเจิง ย้อนรอยศึกสำคัญแห่งประวัติศาสตร์ไทย-ลาว กับเรื่องราววีรกรรมของท้าวสุรนารี และบทสรุปของการปะทะ ที่ยังคงถกเถียงถึงทุกวันนี้ ⚔️ 📝 ย้อนไปเมื่อ 199 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2369 เหตุการณ์ "สงครามปราบเจ้าอนุวงศ์" หรือที่รู้จักกันว่า "วีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์" นำโดย "ท้าวสุรนารี" หรือ "คุณหญิงโม" วีรสตรีแห่งเมืองโคราช ที่ถูกยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ และการเสียสละของหญิงไทย ในการปกป้องบ้านเมืองจากการรุกรานของกองทัพเวียงจันทน์ ภายใต้การนำของเจ้าอนุวงศ์ พระมหากษัตริย์นครเวียงจันทน์องค์สุดท้าย 📜 แต่เบื้องหลังเรื่องเล่าแห่งวีรกรรมครั้งนี้ ยังมีหลายแง่มุมที่ซับซ้อน ทั้งในมิติประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และการเมือง ทั้งในสายตาของไทยและลาว 🌾 บริบททางประวัติศาสตร์ ชนวนเหตุความขัดแย้ง สถานการณ์บ้านเมืองก่อนสงคราม ช่วงปลายรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ราชอาณาจักรสยาม กำลังเผชิญปัญหาภายในหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นความไม่สงบ ในหัวเมืองทางเหนือและอีสาน รวมถึงภัยคุกคามจากจักรวรรดิอังกฤษ ที่กำลังแผ่อิทธิพลเข้ามา ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปี พ.ศ. 2367 รัชกาลที่ 2 สวรรคต กองทัพและระบบการปกครองสยาม กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจ ไปสู่รัชสมัยของรัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์ ซึ่งเคยมีความสัมพันธ์อันดี ในฐานะประเทศราช กลับรู้สึกไม่พอใจ ที่คำขอส่งตัวชาวลาวและเชลยศึก ที่ถูกกวาดต้อนในอดีตไม่เป็นผล จึงมองเห็นโอกาส ในการกอบกู้เอกราชของนครเวียงจันทน์ เป้าหมายของเจ้าอนุวงศ์ มีพระราชปณิธานแน่วแน่ ที่จะปลดปล่อยนครเวียงจันทน์ จากการเป็นประเทศราชของสยาม โดยเชื่อว่าช่วงเปลี่ยนผ่านรัชสมัยนี้ สยามจะอ่อนแอลง นำมาสู่แผนการยกทัพมาตีเมืองนครราชสีมา และกรุงเทพมหานครในที่สุด 🚩 ⚔️ ศึกทุ่งสัมฤทธิ์ บทบาทของท้าวสุรนารี กองทัพลาวยึดเมืองนครราชสีมา วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์ยกทัพเข้ายึดเมืองนครราชสีมาโดยง่าย เนื่องจากพระยาปลัดทองคำ ผู้รักษาเมืองไม่อยู่ ชาวเมืองถูกกวาดต้อนเป็นเชลย รวมถึงคุณหญิงโม และราชบริพาร ถูกนำไปยังเวียงจันทน์ ผ่านเส้นทางเมืองพิมาย แผนปลดแอกของคุณหญิงโม วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2369 ระหว่างการเดินทาง คุณหญิงโมร่วมมือกับนางสาวบุญเหลือ และชาวบ้านคิดแผนปลดแอก โดยหลอกล่อให้ทหารลาวประมาท จนในคืนวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2369 ที่ทุ่งสัมฤทธิ์ แขวงพิมาย ชาวนครราชสีมาร่วมกันลุกฮือยึดอาวุธ ทำให้กองทัพลาวแตกพ่าย 🔥 จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้น เมื่อนางสาวบุญเหลือ จุดไฟเผากองเกวียนที่บรรทุกดินปืน ส่งผลให้เกิดระเบิดครั้งใหญ่ ทำให้เพี้ยรามพิชัยและทหารลาว เสียชีวิตจำนวนมาก สถานที่นี้จึงถูกเรียกว่า "หนองหัวลาว" จวบจนปัจจุบัน 🏹 เจ้าอนุวงศ์ถอยทัพ ผลกระทบในระดับภูมิภาค การถอยร่นของเจ้าอนุวงศ์ เมื่อกองทัพจากกรุงเทพฯ นำโดย กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์ เดินทัพถึงนครราชสีมา เจ้าอนุวงศ์จึงตัดสินใจ ถอนกำลังกลับนครเวียงจันทน์ ในวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2369 เพราะเกรงว่าศึกนี้จะยืดเยื้อ จนไม่สามารถรับมือกับกองทัพสยาม ที่กำลังมุ่งหน้ามา ผลลัพธ์ของสงคราม ภายหลังการถอยทัพ เจ้าอนุวงศ์และราชวงศ์เวียงจันทน์ ไม่สามารถตั้งตัวรับมือศึกได้ กองทัพสยามตีเวียงจันทน์แตก และอัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญ อาทิ พระบาง, พระแซกคำ, พระสุก, พระใส มายังกรุงเทพฯ 🏯 นครเวียงจันทน์สิ้นสุดความเป็นอิสระ และถูกลดฐานะ เป็นหัวเมืองประเทศราชของสยาม 🌸 ยกย่องวีรกรรมของท้าวสุรนารี ท้าวสุรนารีได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้คุณหญิงโมเป็นท้าวสุรนารี เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2370 พร้อมพระราชทานเครื่องยศทองคำ 👑 ได้รับการยกย่องให้เป็นวีรสตรีปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน สร้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ในปี พ.ศ. 2477 ชาวนครราชสีมาได้ร่วมใจกันสร้าง อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ที่ประตูชุมพล พร้อมนำอัฐิประดิษฐาน ที่ฐานอนุสาวรีย์ อนุสาวรีย์นี้กลายเป็นศูนย์รวมจิตใจ ของคนโคราชจนถึงปัจจุบัน 📚 ประเด็นข้อถกเถียงทางประวัติศาสตร์ มุมมองของนักประวัติศาสตร์ แม้ตำนานท้าวสุรนารี จะเป็นที่ยอมรับในไทย แต่เอกสารลาว กลับไม่มีบันทึกเรื่องทุ่งสัมฤทธิ์ หรือการกระทำของท้าวสุรนารี กับนางสาวบุญเหลือ ก่อนปี พ.ศ. 2475 นักวิชาการบางคนตั้งข้อสงสัยว่า วีรกรรมนี้อาจเกิดขึ้นจริง แต่ถูกขยายความ เพื่อประโยชน์ทางการเมืองในภายหลัง วีรกรรมหรือภาพสร้าง? หนังสือการเมืองในอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี โดย "สายพิน แก้วงามประเสริฐ" ได้ตั้งคำถาม ต่อบทบาทของท้าวสุรนารี ว่าถูกนำมาใช้เพื่อส่งเสริมอัตลักษณ์ชาติ และการเมืองในยุคสมัยหนึ่ง 🎭 แต่ไม่ว่าอย่างไร ท้าวสุรนารีก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ และการเสียสละ 🔮 เจ้าอนุวงศ์ในสายตาประวัติศาสตร์ลาว ในสายตาชาวลาว "เจ้าอนุวงศ์" ถือเป็นมหาวีรกษัตริย์ ผู้พยายามกอบกู้เอกราชจากสยาม แม้จะพ่ายแพ้ แต่พระองค์ยังได้รับการยกย่อง ในฐานะนักสู้เพื่อเสรีภาพของลาว 🇱🇦 ทว่าการมองต่างมุมของทั้งสองฝ่าย แสดงถึงความซับซ้อนของประวัติศาสตร์ ที่ถูกเล่าและจดจำแตกต่างกัน 🏛️ เหตุการณ์ในปี พ.ศ. 2369 ไม่ใช่เพียงแค่สงครามแย่งชิงอำนาจ แต่สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ของภูมิภาคอีสานและลุ่มแม่น้ำโขง ประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนนี้สอนให้เราเข้าใจว่า "ผู้ชนะ" ไม่ได้เป็นเพียงคนที่รอด แต่เป็นผู้ที่เขียนเรื่องเล่า ในประวัติศาสตร์ด้วย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231634 มี.ค. 2568 📱 #ท้าวสุรนารี #ย่าโมโคราช #วีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์ #ประวัติศาสตร์ไทย #เจ้าอนุวงศ์ #สงครามไทยลาว #โคราชต้องรู้ #อนุสาวรีย์ย่าโม #เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ #199ปีทุ่งสัมฤทธิ์
    0 Comments 0 Shares 931 Views 0 Reviews
  • ขออภัยที่หายไปหนึ่งอาทิตย์ค่ะ วันนี้ Storyฯ เห็นว่าเรากำลังอยู่ในบรรยากาศการเลือกคนดีคนเก่งมาบริหารบ้านเมือง เลยลองมาคุยกันเรื่องปรัชญาจีนโบราณ (แม้ว่า Storyฯ จะไม่สันทัดเรื่องปรัชญาก็ตาม)

    เพื่อนเพจที่เคยอ่านนิยายของกิมย้งหรือดูหนังเรื่อง <กระบี่เย้ยยุทธจักร> ต้องคุ้นหูกับคำว่า ‘วิญญูชนจอมปลอม’ ซึ่งในภาษาจีนเรียกว่า ‘เหว่ยจวินจื่อ’ (伪君子) โดยคำว่า ‘จวินจื่อ’ นี้ปัจจุบันมักใช้คำแปลว่า ‘สุภาพชน’ (gentleman)

    แน่นอนว่าคำว่า ‘วิญญูชน’ และ ‘สุภาพชน’ มีนัยแตกต่าง คำถามที่ตามมาก็คือ: ‘จวินจื่อ’ (君子) คืออะไร? นี่เป็นคำถามในข้อสอบยอดฮิตในสมัยจีนโบราณ

    Storyฯ ขอยกตัวอย่างมาจากละครเรื่อง <ดุจฝันบันดาลใจ> ซึ่งมีฉากที่นางเอกต้องร่วมสอบและได้ต่อว่าคนที่กลั่นแกล้งนางและดูถูกพ่อของนางไว้ว่า “วิญญูชนไม่คิดอกุศล ข้าเดินได้อย่างผึ่งผาย นั่งได้อย่างหลังตรง มิเคยต้องกังวลลมปากของผู้ใด... วิญญูชนไม่แบ่งแยกสูงต่ำด้วยชาติกำเนิด” (หมายเหตุ Storyฯ แปลเองจ้า)

    ประโยคที่ว่า ‘วิญญูชนไม่คิดอกุศล’ หรือ ‘จวินจื่อซืออู๋เสีย’ (君子思无邪) นี้ เป็นการรวมสองปรัชญาจากคัมภีร์หลุนอวี่ (论语) เข้ามาด้วยกันในประโยคเดียว

    ปรัชญาแรกว่าด้วยเรื่องของ ‘จวินจื่อ’ ซึ่งมีรากศัพท์มาจาก ‘จวิน’ ที่หมายถึงผู้เป็นประมุขหรือผู้มียศศักดิ์ และ ‘จื่อ’ ที่แปลว่าบุตรชาย ดังนั้นความหมายดั้งเดิมคือหมายถึง ‘Nobleman’ หรืออาจแปลเป็นไทยได้ว่าราชนิกุลหรือลูกหลานชนชั้นศักดินา ต่อมาหมายถึงผู้ที่มีศีลธรรมและคุณสมบัติสูงส่งอันเป็นแบบอย่างให้แก่ผู้อื่นได้ (‘A man of noble character’) เป็นส่วนประกอบสำคัญของปรัชญาขงจื๊อในการสร้างมาตรฐานสังคม โดยขงจื๊อมักใช้การเปรียบเทียบระหว่าง ‘จวินจื่อ’ กับ ‘เสี่ยวเหริน’ (小人 / ทุรชน) เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า ‘จวินจื่อ’ ควรมีคุณสมบัติอย่างไร Storyฯ สรุปมาไม่ได้หมด เลยยกตัวอย่างมาให้เห็นภาพดังนี้:

    – จวินจื่อคำนึงถึงความเที่ยงธรรม (义) แต่เสี่ยวเหรินคำนึงถึงผลประโยชน์
    – จวินจื่ออยู่ร่วมได้ด้วยความต่าง แต่เสี่ยวเหรินแม้ไม่ต่างแต่ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ --- ประเด็นนี้ Storyฯ อาจแปลได้ไม่ดี ขอขยายความว่า จวินจื่อเมื่อเรียนรู้และตระหนักถึงสิ่งที่ถูกต้อง แม้ว่าอาจมีแก่นความคิดที่แตกต่างกันไป แต่เพราะมีความเข้าใจในเนื้อแท้ของคนและเคารพยอมรับซึ่งกันและกันได้ ก็สามารถส่งเสริมเกื้อกูลหล่อหลอมเข้าด้วยกันได้ แต่ในทางกลับกัน เสี่ยวเหรินมีความเสแสร้งพยายามให้ดูกลมกลืน แต่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง สุดท้ายแม้อยู่ร่วมกันแต่ไม่สามารถหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกันได้
    – จวินจื่อเปิดเผยผึ่งผาย จึงไม่ต้องกังวลถึงความเห็นคนอื่น แต่เสี่ยวเหรินทำอะไรก็พะวงหน้าพะวงหลังกลัวคนมากลั่นแกล้ง
    – จวินจื่อพึ่งพาตนเอง แต่เสี่ยวเหรินพึ่งพาผู้อื่น
    – จวินจื่อส่งเสริมผู้อื่นในเรื่องที่ดีและไม่สนับสนุนในเรื่องที่ไม่ดี แต่เสี่ยวเหรินขัดผู้อื่นในเรื่องที่ดีและส่งเสริมในเรื่องที่ไม่ดี
    – จวินจื่อเปรียบเสมือนลม เสี่ยวเหรินเป็นเหมือนหญ้าที่ต้องเอนไหวศิโรราบให้เมื่อลมพัดผ่าน เป็นการอุปมาอุปไมยว่าคุณธรรมของจวินจื่อ สามารถเอาชนะความไม่ดีของเสี่ยวเหรินได้

    ปรัชญาที่สอง ‘ไม่คิดอกุศล’ (ซืออู๋เสีย/思无邪) โดยปรัชญานี้ขงจื๊อเคยใช้ในสองบริบท บริบทแรกในการวิจารณ์งานประพันธ์โดยหมายถึงว่า สิ่งที่นักประพันธ์สื่อผ่านตัวอักษรออกมานั้น ควรบ่งบอกจิตวิญญาณและความคิดที่แท้จริง พูดง่ายๆ คือซื่อตรงต่อตัวเอง ส่วนอีกบริบทหนึ่งนั้นคือเป็นการกล่าวถึงคุณสมบัติของคน โดยหมายถึงว่า อันความคิดที่ดี ย่อมไม่กลัวที่จะเปิดเผยให้ผู้ใดรับรู้

    คำว่า ‘จวินจื่อ’ ปรากฏอยู่บนงานประพันธ์และสำนวนจีนมากมาย และปรัชญาของขงจื๊อถูกศึกษามาหลายพันปีโดยนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญหลากหลายแขนงวิชาจำนวนนับไม่ถ้วน Storyฯ ไม่หาญกล้ามาเสวนามากมายในปรัชญาเหล่านี้ เพียงแต่เมื่อวันเลือกตั้งใกล้เข้ามา คำว่า ‘จวินจื่อ’ หรือ ‘วิญญูชน’ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ในสังคมทุกวันนี้ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นวิญญูชน และใครเป็นวิญญูชนจอมปลอม

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.sohu.com/a/467496758_120871225
    https://www.sohu.com/a/433221328_99929216
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/思无邪/5080
    https://guoxue.ifeng.com/c/7jUG4KBpiZC
    https://baike.baidu.com/item/君子/1389

    #ดุจฝันบันดาลใจ #จวินจื่อ #วิญญูชน #ขงจื๊อ
    ขออภัยที่หายไปหนึ่งอาทิตย์ค่ะ วันนี้ Storyฯ เห็นว่าเรากำลังอยู่ในบรรยากาศการเลือกคนดีคนเก่งมาบริหารบ้านเมือง เลยลองมาคุยกันเรื่องปรัชญาจีนโบราณ (แม้ว่า Storyฯ จะไม่สันทัดเรื่องปรัชญาก็ตาม) เพื่อนเพจที่เคยอ่านนิยายของกิมย้งหรือดูหนังเรื่อง <กระบี่เย้ยยุทธจักร> ต้องคุ้นหูกับคำว่า ‘วิญญูชนจอมปลอม’ ซึ่งในภาษาจีนเรียกว่า ‘เหว่ยจวินจื่อ’ (伪君子) โดยคำว่า ‘จวินจื่อ’ นี้ปัจจุบันมักใช้คำแปลว่า ‘สุภาพชน’ (gentleman) แน่นอนว่าคำว่า ‘วิญญูชน’ และ ‘สุภาพชน’ มีนัยแตกต่าง คำถามที่ตามมาก็คือ: ‘จวินจื่อ’ (君子) คืออะไร? นี่เป็นคำถามในข้อสอบยอดฮิตในสมัยจีนโบราณ Storyฯ ขอยกตัวอย่างมาจากละครเรื่อง <ดุจฝันบันดาลใจ> ซึ่งมีฉากที่นางเอกต้องร่วมสอบและได้ต่อว่าคนที่กลั่นแกล้งนางและดูถูกพ่อของนางไว้ว่า “วิญญูชนไม่คิดอกุศล ข้าเดินได้อย่างผึ่งผาย นั่งได้อย่างหลังตรง มิเคยต้องกังวลลมปากของผู้ใด... วิญญูชนไม่แบ่งแยกสูงต่ำด้วยชาติกำเนิด” (หมายเหตุ Storyฯ แปลเองจ้า) ประโยคที่ว่า ‘วิญญูชนไม่คิดอกุศล’ หรือ ‘จวินจื่อซืออู๋เสีย’ (君子思无邪) นี้ เป็นการรวมสองปรัชญาจากคัมภีร์หลุนอวี่ (论语) เข้ามาด้วยกันในประโยคเดียว ปรัชญาแรกว่าด้วยเรื่องของ ‘จวินจื่อ’ ซึ่งมีรากศัพท์มาจาก ‘จวิน’ ที่หมายถึงผู้เป็นประมุขหรือผู้มียศศักดิ์ และ ‘จื่อ’ ที่แปลว่าบุตรชาย ดังนั้นความหมายดั้งเดิมคือหมายถึง ‘Nobleman’ หรืออาจแปลเป็นไทยได้ว่าราชนิกุลหรือลูกหลานชนชั้นศักดินา ต่อมาหมายถึงผู้ที่มีศีลธรรมและคุณสมบัติสูงส่งอันเป็นแบบอย่างให้แก่ผู้อื่นได้ (‘A man of noble character’) เป็นส่วนประกอบสำคัญของปรัชญาขงจื๊อในการสร้างมาตรฐานสังคม โดยขงจื๊อมักใช้การเปรียบเทียบระหว่าง ‘จวินจื่อ’ กับ ‘เสี่ยวเหริน’ (小人 / ทุรชน) เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า ‘จวินจื่อ’ ควรมีคุณสมบัติอย่างไร Storyฯ สรุปมาไม่ได้หมด เลยยกตัวอย่างมาให้เห็นภาพดังนี้: – จวินจื่อคำนึงถึงความเที่ยงธรรม (义) แต่เสี่ยวเหรินคำนึงถึงผลประโยชน์ – จวินจื่ออยู่ร่วมได้ด้วยความต่าง แต่เสี่ยวเหรินแม้ไม่ต่างแต่ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ --- ประเด็นนี้ Storyฯ อาจแปลได้ไม่ดี ขอขยายความว่า จวินจื่อเมื่อเรียนรู้และตระหนักถึงสิ่งที่ถูกต้อง แม้ว่าอาจมีแก่นความคิดที่แตกต่างกันไป แต่เพราะมีความเข้าใจในเนื้อแท้ของคนและเคารพยอมรับซึ่งกันและกันได้ ก็สามารถส่งเสริมเกื้อกูลหล่อหลอมเข้าด้วยกันได้ แต่ในทางกลับกัน เสี่ยวเหรินมีความเสแสร้งพยายามให้ดูกลมกลืน แต่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง สุดท้ายแม้อยู่ร่วมกันแต่ไม่สามารถหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ – จวินจื่อเปิดเผยผึ่งผาย จึงไม่ต้องกังวลถึงความเห็นคนอื่น แต่เสี่ยวเหรินทำอะไรก็พะวงหน้าพะวงหลังกลัวคนมากลั่นแกล้ง – จวินจื่อพึ่งพาตนเอง แต่เสี่ยวเหรินพึ่งพาผู้อื่น – จวินจื่อส่งเสริมผู้อื่นในเรื่องที่ดีและไม่สนับสนุนในเรื่องที่ไม่ดี แต่เสี่ยวเหรินขัดผู้อื่นในเรื่องที่ดีและส่งเสริมในเรื่องที่ไม่ดี – จวินจื่อเปรียบเสมือนลม เสี่ยวเหรินเป็นเหมือนหญ้าที่ต้องเอนไหวศิโรราบให้เมื่อลมพัดผ่าน เป็นการอุปมาอุปไมยว่าคุณธรรมของจวินจื่อ สามารถเอาชนะความไม่ดีของเสี่ยวเหรินได้ ปรัชญาที่สอง ‘ไม่คิดอกุศล’ (ซืออู๋เสีย/思无邪) โดยปรัชญานี้ขงจื๊อเคยใช้ในสองบริบท บริบทแรกในการวิจารณ์งานประพันธ์โดยหมายถึงว่า สิ่งที่นักประพันธ์สื่อผ่านตัวอักษรออกมานั้น ควรบ่งบอกจิตวิญญาณและความคิดที่แท้จริง พูดง่ายๆ คือซื่อตรงต่อตัวเอง ส่วนอีกบริบทหนึ่งนั้นคือเป็นการกล่าวถึงคุณสมบัติของคน โดยหมายถึงว่า อันความคิดที่ดี ย่อมไม่กลัวที่จะเปิดเผยให้ผู้ใดรับรู้ คำว่า ‘จวินจื่อ’ ปรากฏอยู่บนงานประพันธ์และสำนวนจีนมากมาย และปรัชญาของขงจื๊อถูกศึกษามาหลายพันปีโดยนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญหลากหลายแขนงวิชาจำนวนนับไม่ถ้วน Storyฯ ไม่หาญกล้ามาเสวนามากมายในปรัชญาเหล่านี้ เพียงแต่เมื่อวันเลือกตั้งใกล้เข้ามา คำว่า ‘จวินจื่อ’ หรือ ‘วิญญูชน’ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ในสังคมทุกวันนี้ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นวิญญูชน และใครเป็นวิญญูชนจอมปลอม (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.sohu.com/a/467496758_120871225 https://www.sohu.com/a/433221328_99929216 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/思无邪/5080 https://guoxue.ifeng.com/c/7jUG4KBpiZC https://baike.baidu.com/item/君子/1389 #ดุจฝันบันดาลใจ #จวินจื่อ #วิญญูชน #ขงจื๊อ
    WWW.SOHU.COM
    《雁归西窗月》是根据小说改编的吗 《雁归西窗月》结局是什么_赵孝
    《雁归西窗月》讲述了霸道郡王赵孝谦与率真少女谢小满的乌龙甜怼恋,两人从开始的欢喜冤家到逐渐相知相守,携手历经坎坷,冲破重重阻碍,最终收获了一段浪漫的爱情故事。 这部剧是先婚后爱的戏码,女主谢小满…
    0 Comments 0 Shares 742 Views 0 Reviews
  • 56 ปี สิ้น “อิศรา อมันตกุล” นายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก
    ตำนานนักหนังสือพิมพ์ผู้กล้า ✊ สู่ต้นแบบนักสื่อสารมวลชนไทย

    รัฐจับขัง 5 ปี ไม่มีสั่งฟ้อง! แต่หัวใจนักข่าวไม่เคยสิ้นไฟ

    📌 ถ้าพูดถึงตำนานนักข่าวไทย ชื่อ “อิศรา อมันตกุล” คงเป็นหนึ่งในบุคคล ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด เพราะคือผู้ที่ไม่เพียงแต่เป็น นายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก แต่ยังเป็นนักข่าว นักเขียน และนักต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน ตัวจริงเสียงจริง วั

    💥 ย้อนไปในอดีตเมื่อ 56 ปี ที่ผ่านมา เพื่อรำลึกถึงชายผู้พลิกโฉม วงการสื่อสารมวลชนไทย อย่างแท้จริง "อาจไม่ใช่คนดังในโลกออนไลน์ แต่ในยุคที่ปากกาคืออาวุธ อิศราคือหนึ่งในนักรบผู้ยิ่งใหญ่"

    “อิศรา อมันตกุล” นักหนังสือพิมพ์ที่ชีวิตจริงยิ่งกว่านวนิยาย
    🗓 เกิดวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2464
    🏠 เชื้อสายมุสลิมอินเดีย จากครอบครัวมูฮัมหมัดซาเลย์ อะมัน และวัน อมรทัต
    🎓 จบชั้นประถมจากโรงเรียนบำรุงวิทยา จ.นครปฐม และชั้นมัธยมจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ปี 2479 คะแนนภาษาอังกฤษอันดับ 1 ของประเทศ

    ชีวิตอิศราไม่ใช่เส้นตรง เริ่มจากครูสอนหนังสือในนครศรีธรรมราช ก่อนที่โชคชะตาจะพากลับสู่เส้นทางของ “นักข่าว”

    นายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก บทบาทที่สร้างมาตรฐานวิชาชีพสื่อไทย ในปี พ.ศ. 2499 อิศราได้รับเลือกให้เป็น นายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก และดำรงตำแหน่งต่อเนื่อง 3 สมัย (2499 - 2501)

    💡 ผลงานสำคัญ เปลี่ยนรูปแบบการจัดหน้าหนังสือพิมพ์จาก 7 คอลัมน์เป็น 8 คอลัมน์ วางรากฐานจรรยาบรรณนักข่าวไทย 🌱 ปกป้องสิทธิเสรีภาพสื่อ แม้ต้องแลกด้วยอิสรภาพของตัวเองก็ตาม "อิศราเชื่อว่า หนังสือพิมพ์คือบันทึกประวัติศาสตร์รายวัน"

    เสรีภาพกับราคาที่ต้องจ่าย เมื่อ “อิศรา” ต้องติดคุกเกือบ 6 ปี โดยไม่มีการฟ้องร้อง!
    📆 วันที่ 21 ตุลาคม 2501 หลังรัฐประหารของจอมพลสฤษดิ์ อิศราในฐานะบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ บางกอกเดลิเมล์ ถูกจับกุมข้อหาคอมมิวนิสต์
    🚫 ไม่มีการสอบสวน ไม่มีการส่งฟ้อง
    ⏳ ถูกขัง 5 ปี 10 เดือน

    แม้จะอยู่ในเรือนจำ แต่อิศรายังคงเขียนงานอย่างต่อเนื่อง ใช้นามปากกามากกว่า 10 ชื่อ เช่น
    ✨ นายอิสระ
    ✨ มะงุมมะงาหรา
    ✨ ธนุธร
    ✨ ดร.x XYZ

    🗨 "เอ็งติดตะรางเพราะทำงานหนังสือพิมพ์ มันยังโก้กว่าติดตะรางเพราะเป็นหัวไม้" เสียงแม่ที่ยังอยู่ในใจอิศราเสมอ

    ผลงานเด่นในวงการหนังสือพิมพ์ ครอบคลุมทุกแขนงข่าว จนกลายเป็นต้นแบบนักข่าว
    📰 หนังสือพิมพ์ที่อิศราเคยร่วมงาน สุภาพบุรุษ, สุวัณณภูมิ, บางกอกรายวัน, พิมพ์ไทยเบื้องหลังข่าว, เอกราช, เดลินิวส์

    📍 อิศราคือผู้ควบคุมการผลิตข่าว สารคดีเชิงข่าว เรื่องแรกของไทย คดีปล้นร้านทองเบ๊ลี่แซ นำไปสร้างเป็นละครเวที และภาพยนตร์ในเวลาต่อมา

    🎯 เทคนิคข่าวของอิศรา เน้นความถูกต้อง เที่ยงธรรม และตรวจสอบได้ "ข่าวไม่ใช่การสร้างสีสัน แต่คือการสะท้อนความจริงของสังคม"

    จุดยืนเพื่อเสรีภาพและศักดิ์ศรี ไม่เคยยอมอำนาจรัฐ ไม่รับสินบน ไม่หวั่นคำขู่ อิศราเป็นนักข่าว ที่ไม่ยอมให้นายทุน หรืออำนาจรัฐแทรกแซงสื่อ
    💼 ตรวจสอบทุกแหล่งข่าว
    🛑 ไม่ประณามผู้ต้องหาโดยไม่มีหลักฐาน
    ✍ ไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของบุคคล

    อิศราเคยกล่าวว่า "หนังสือพิมพ์อาจดูเหมือนกระดาษไร้ค่า แต่ในวันหน้า มันคือหลักฐานทางประวัติศาสตร์"

    นักเขียนนวนิยายที่ตีแผ่สังคมไทย ผลงานที่ฝังลึกในหัวใจคนไทย
    📚 นวนิยาย นักบุญ-คนบาป (2486)
    🎭 เรื่องสั้น-นวนิยายกว่า 100 เรื่อง
    🖋 ภาษาเขียนที่สวิงสวาย แตกต่างจากนักเขียนร่วมยุค

    "...ชีพจรของงานเต้นเร็วถี่ขึ้นเป็นลำดับ..."
    "...เสียงซ่าของคลื่นที่ยื่นปากจูบชายหาย..."

    จอมพลสฤษดิ์ กับการปิดปากนักข่าว คุกคือคำตอบของรัฐต่อ “ปากกา” ของอิศรา
    📅 ตุลาคม 2501 รัฐประหาร -> จับนักข่าว นักการเมือง นักวิชาการ 📌 รวมถึง กุหลาบ สายประดิษฐ์, สุวัฒน์ วรดิลก และอิศรา อมันตกุล ไม่มีการพิสูจน์ ไม่มีหลักฐาน แต่ถูกขังโดยไม่ไต่สวน

    "นักหนังสือพิมพ์ถูกจับเ พราะเขียนข่าวที่รัฐไม่พอใจ"

    แม้ไร้อิสรภาพ แต่หัวใจยังคงเสรี เขียนหนังสือแม้ในเรือนจำ ใช้หลายนามปากกาเขียนคอลัมน์ และเรื่องสั้น

    📜 แสดงความกล้าหาญในการพูดถึงสังคม
    📢 ปกป้องเสรีภาพผ่านตัวหนังสือ

    "การติดคุกเพราะทำหนังสือพิมพ์ ยังโก้กว่าเป็นหัวไม้!" แม่ของอิศรา

    วาระสุดท้ายที่ไม่สิ้นไฟ ปากกาวาง...แต่คำยังสะท้อนก้อง

    🕯 เสียชีวิต 14 มีนาคม 2512 ด้วยโรคมะเร็งลิ้น อายุ 47 ปี "ผมไม่เสียใจเลย ที่เกิดมาเป็นหนังสือพิมพ์"
    แม้เจ็บป่วยแ ต่ยังเขียนข้อความสั้นๆ ฝากถึงเพื่อนร่วมวิชาชีพ

    ✒ ปณิธานนักข่าวไม่เคยจางหาย สารจากอิศรา ถึงคนข่าวรุ่นใหม่ "ข้าพเจ้าเป็นคนสามัญคนหนึ่ง ซึ่งมั่นหมายจะเขียน เฉพาะเรื่องราวของประชาชน เพื่อถ่ายทอดความคิด ความรู้สึก ความดิ้นรน และความหวังจากประชาชนไปสู่ประชาชน เพราะประชาชนเท่านั้นที่เป็นผู้กำลังต่อสู้ และกำลังทำงานเพื่อสร้างเสรีภาพอันถูกต้อง และศตวรรษแห่งสามัญชน"

    สรุปบทเรียนจากชีวิต “อิศรา อมันตกุล”
    ✨ นักข่าวคือผู้บันทึกประวัติศาสตร์
    ✨ เสรีภาพไม่ใช่ของขวัญจากรัฐ แต่คือสิทธิที่ต้องรักษา
    ✨ จรรยาบรรณต้องมาก่อนผลประโยชน์
    ✨ ปากกาคืออาวุธ แต่ใจต้องเป็นธรรม

    🔖 คำคมจากอิศรา 🖋 "หนังสือพิมพ์คือเอกสารทางประวัติศาสตร์อย่างหนึ่ง และนักข่าวคือผู้บันทึกประวัติศาสตร์วันต่อวัน"

    “เพราะหนังสือพิมพ์ในวันนี้ คือประวัติศาสตร์ของวันหน้า”

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 141021 มี.ค. 2568

    🏷️ #อิศราอมันตกุล #นักข่าวต้นแบบ #เสรีภาพสื่อไทย #สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย #นักหนังสือพิมพ์ในตำนาน #ประวัติศาสตร์ข่าวไทย #ชีวิตอิศรา #นักข่าวสายตรง #นักเขียนเพื่อประชาชน #สื่อเสรีไทย
    56 ปี สิ้น “อิศรา อมันตกุล” นายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก ตำนานนักหนังสือพิมพ์ผู้กล้า ✊ สู่ต้นแบบนักสื่อสารมวลชนไทย รัฐจับขัง 5 ปี ไม่มีสั่งฟ้อง! แต่หัวใจนักข่าวไม่เคยสิ้นไฟ 📌 ถ้าพูดถึงตำนานนักข่าวไทย ชื่อ “อิศรา อมันตกุล” คงเป็นหนึ่งในบุคคล ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด เพราะคือผู้ที่ไม่เพียงแต่เป็น นายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก แต่ยังเป็นนักข่าว นักเขียน และนักต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน ตัวจริงเสียงจริง วั 💥 ย้อนไปในอดีตเมื่อ 56 ปี ที่ผ่านมา เพื่อรำลึกถึงชายผู้พลิกโฉม วงการสื่อสารมวลชนไทย อย่างแท้จริง "อาจไม่ใช่คนดังในโลกออนไลน์ แต่ในยุคที่ปากกาคืออาวุธ อิศราคือหนึ่งในนักรบผู้ยิ่งใหญ่" “อิศรา อมันตกุล” นักหนังสือพิมพ์ที่ชีวิตจริงยิ่งกว่านวนิยาย 🗓 เกิดวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2464 🏠 เชื้อสายมุสลิมอินเดีย จากครอบครัวมูฮัมหมัดซาเลย์ อะมัน และวัน อมรทัต 🎓 จบชั้นประถมจากโรงเรียนบำรุงวิทยา จ.นครปฐม และชั้นมัธยมจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ปี 2479 คะแนนภาษาอังกฤษอันดับ 1 ของประเทศ ชีวิตอิศราไม่ใช่เส้นตรง เริ่มจากครูสอนหนังสือในนครศรีธรรมราช ก่อนที่โชคชะตาจะพากลับสู่เส้นทางของ “นักข่าว” นายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก บทบาทที่สร้างมาตรฐานวิชาชีพสื่อไทย ในปี พ.ศ. 2499 อิศราได้รับเลือกให้เป็น นายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก และดำรงตำแหน่งต่อเนื่อง 3 สมัย (2499 - 2501) 💡 ผลงานสำคัญ เปลี่ยนรูปแบบการจัดหน้าหนังสือพิมพ์จาก 7 คอลัมน์เป็น 8 คอลัมน์ วางรากฐานจรรยาบรรณนักข่าวไทย 🌱 ปกป้องสิทธิเสรีภาพสื่อ แม้ต้องแลกด้วยอิสรภาพของตัวเองก็ตาม "อิศราเชื่อว่า หนังสือพิมพ์คือบันทึกประวัติศาสตร์รายวัน" เสรีภาพกับราคาที่ต้องจ่าย เมื่อ “อิศรา” ต้องติดคุกเกือบ 6 ปี โดยไม่มีการฟ้องร้อง! 📆 วันที่ 21 ตุลาคม 2501 หลังรัฐประหารของจอมพลสฤษดิ์ อิศราในฐานะบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ บางกอกเดลิเมล์ ถูกจับกุมข้อหาคอมมิวนิสต์ 🚫 ไม่มีการสอบสวน ไม่มีการส่งฟ้อง ⏳ ถูกขัง 5 ปี 10 เดือน แม้จะอยู่ในเรือนจำ แต่อิศรายังคงเขียนงานอย่างต่อเนื่อง ใช้นามปากกามากกว่า 10 ชื่อ เช่น ✨ นายอิสระ ✨ มะงุมมะงาหรา ✨ ธนุธร ✨ ดร.x XYZ 🗨 "เอ็งติดตะรางเพราะทำงานหนังสือพิมพ์ มันยังโก้กว่าติดตะรางเพราะเป็นหัวไม้" เสียงแม่ที่ยังอยู่ในใจอิศราเสมอ ผลงานเด่นในวงการหนังสือพิมพ์ ครอบคลุมทุกแขนงข่าว จนกลายเป็นต้นแบบนักข่าว 📰 หนังสือพิมพ์ที่อิศราเคยร่วมงาน สุภาพบุรุษ, สุวัณณภูมิ, บางกอกรายวัน, พิมพ์ไทยเบื้องหลังข่าว, เอกราช, เดลินิวส์ 📍 อิศราคือผู้ควบคุมการผลิตข่าว สารคดีเชิงข่าว เรื่องแรกของไทย คดีปล้นร้านทองเบ๊ลี่แซ นำไปสร้างเป็นละครเวที และภาพยนตร์ในเวลาต่อมา 🎯 เทคนิคข่าวของอิศรา เน้นความถูกต้อง เที่ยงธรรม และตรวจสอบได้ "ข่าวไม่ใช่การสร้างสีสัน แต่คือการสะท้อนความจริงของสังคม" จุดยืนเพื่อเสรีภาพและศักดิ์ศรี ไม่เคยยอมอำนาจรัฐ ไม่รับสินบน ไม่หวั่นคำขู่ อิศราเป็นนักข่าว ที่ไม่ยอมให้นายทุน หรืออำนาจรัฐแทรกแซงสื่อ 💼 ตรวจสอบทุกแหล่งข่าว 🛑 ไม่ประณามผู้ต้องหาโดยไม่มีหลักฐาน ✍ ไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของบุคคล อิศราเคยกล่าวว่า "หนังสือพิมพ์อาจดูเหมือนกระดาษไร้ค่า แต่ในวันหน้า มันคือหลักฐานทางประวัติศาสตร์" นักเขียนนวนิยายที่ตีแผ่สังคมไทย ผลงานที่ฝังลึกในหัวใจคนไทย 📚 นวนิยาย นักบุญ-คนบาป (2486) 🎭 เรื่องสั้น-นวนิยายกว่า 100 เรื่อง 🖋 ภาษาเขียนที่สวิงสวาย แตกต่างจากนักเขียนร่วมยุค "...ชีพจรของงานเต้นเร็วถี่ขึ้นเป็นลำดับ..." "...เสียงซ่าของคลื่นที่ยื่นปากจูบชายหาย..." จอมพลสฤษดิ์ กับการปิดปากนักข่าว คุกคือคำตอบของรัฐต่อ “ปากกา” ของอิศรา 📅 ตุลาคม 2501 รัฐประหาร -> จับนักข่าว นักการเมือง นักวิชาการ 📌 รวมถึง กุหลาบ สายประดิษฐ์, สุวัฒน์ วรดิลก และอิศรา อมันตกุล ไม่มีการพิสูจน์ ไม่มีหลักฐาน แต่ถูกขังโดยไม่ไต่สวน "นักหนังสือพิมพ์ถูกจับเ พราะเขียนข่าวที่รัฐไม่พอใจ" แม้ไร้อิสรภาพ แต่หัวใจยังคงเสรี เขียนหนังสือแม้ในเรือนจำ ใช้หลายนามปากกาเขียนคอลัมน์ และเรื่องสั้น 📜 แสดงความกล้าหาญในการพูดถึงสังคม 📢 ปกป้องเสรีภาพผ่านตัวหนังสือ "การติดคุกเพราะทำหนังสือพิมพ์ ยังโก้กว่าเป็นหัวไม้!" แม่ของอิศรา วาระสุดท้ายที่ไม่สิ้นไฟ ปากกาวาง...แต่คำยังสะท้อนก้อง 🕯 เสียชีวิต 14 มีนาคม 2512 ด้วยโรคมะเร็งลิ้น อายุ 47 ปี "ผมไม่เสียใจเลย ที่เกิดมาเป็นหนังสือพิมพ์" แม้เจ็บป่วยแ ต่ยังเขียนข้อความสั้นๆ ฝากถึงเพื่อนร่วมวิชาชีพ ✒ ปณิธานนักข่าวไม่เคยจางหาย สารจากอิศรา ถึงคนข่าวรุ่นใหม่ "ข้าพเจ้าเป็นคนสามัญคนหนึ่ง ซึ่งมั่นหมายจะเขียน เฉพาะเรื่องราวของประชาชน เพื่อถ่ายทอดความคิด ความรู้สึก ความดิ้นรน และความหวังจากประชาชนไปสู่ประชาชน เพราะประชาชนเท่านั้นที่เป็นผู้กำลังต่อสู้ และกำลังทำงานเพื่อสร้างเสรีภาพอันถูกต้อง และศตวรรษแห่งสามัญชน" สรุปบทเรียนจากชีวิต “อิศรา อมันตกุล” ✨ นักข่าวคือผู้บันทึกประวัติศาสตร์ ✨ เสรีภาพไม่ใช่ของขวัญจากรัฐ แต่คือสิทธิที่ต้องรักษา ✨ จรรยาบรรณต้องมาก่อนผลประโยชน์ ✨ ปากกาคืออาวุธ แต่ใจต้องเป็นธรรม 🔖 คำคมจากอิศรา 🖋 "หนังสือพิมพ์คือเอกสารทางประวัติศาสตร์อย่างหนึ่ง และนักข่าวคือผู้บันทึกประวัติศาสตร์วันต่อวัน" “เพราะหนังสือพิมพ์ในวันนี้ คือประวัติศาสตร์ของวันหน้า” ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 141021 มี.ค. 2568 🏷️ #อิศราอมันตกุล #นักข่าวต้นแบบ #เสรีภาพสื่อไทย #สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย #นักหนังสือพิมพ์ในตำนาน #ประวัติศาสตร์ข่าวไทย #ชีวิตอิศรา #นักข่าวสายตรง #นักเขียนเพื่อประชาชน #สื่อเสรีไทย
    0 Comments 0 Shares 1064 Views 0 Reviews
  • รวมพลังบิ๊กเนม! ‘นักวิชาการ-มวลชน’ เตรียมเปิด ‘สภาประชาชน’ ซักฟอกรัฐบาลทั้งคณะ
    https://www.thai-tai.tv/news/17566/
    รวมพลังบิ๊กเนม! ‘นักวิชาการ-มวลชน’ เตรียมเปิด ‘สภาประชาชน’ ซักฟอกรัฐบาลทั้งคณะ https://www.thai-tai.tv/news/17566/
    0 Comments 0 Shares 110 Views 0 Reviews
  • พวกผู้เชี่ยวชาญชี้ แผนการลงทุนมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์ในอเมริกาของทีเอสเอ็มซี บริษัทไต้หวันที่เป็นผู้ผลิตชิปใหญ่ที่สุดของโลก อาจส่งผลให้ “โล่ซิลิคอน” ของไทเปอ่อนแอลง เปิดทางให้ทรัมป์เข้าควบคุมการผลิตชิปของทีเอสเอ็มซี หรือในทางกลับกันอาจทำให้ไต้หวัน “ปลอดภัยขึ้น” และสร้างความไว้วางใจระหว่างไทเปกับวอชิงตัน
    .
    ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง (ทีเอสเอ็มซี) ซึ่งเวลานี้มีฐานะเป็นผู้ผลิตเทคโนโลยีสำคัญ ที่กลายเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจโลก
    .
    ในสัปดาห์นี้ การประกาศลงทุนครั้งมหึมาในสหรัฐฯ ทำให้มูลค่าการลงทุนทั้งหมดของทีเอสเอ็มซีในอเมริกาเพิ่มเป็น 165,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งบริษัทบอกว่า เป็นการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่มีมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์อเมริกัน
    .
    ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวหาไต้หวันขโมยอุตสาหกรรมชิปของอเมริกา พร้อมขู่รีดภาษี 100% และไทเปต้องรีบตอบสนองโดยให้สัญญาว่า จะลงทุนในอเมริกาเพิ่ม
    .
    เอเอฟพีเสนอรายงานที่ระบุว่า การลงทุนของทีเอสเอ็มซีครั้งนี้อาจมีนัยสำคัญสำหรับไต้หวัน ดังต่อไปนี้
    .
    โล่ซิลิคอน
    .
    ชิปเซมิคอนดักเตอร์ในปัจจุบันเป็นส่วนประกอบอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่สมาร์ทโฟนไปจนถึงทีวี รถยนต์ไฟฟ้า และขีปนาวุธ และชิปเหล่านี้กว่าครึ่งผลิตในไต้หวัน
    .
    การผลิตชิปที่กระจุกตัวอยู่ในไต้หวันถูกมองมานานแล้วว่าเป็น “โล่ซิลิคอน” ที่ปกป้องไต้หวันจากการรุกรานหรือการปิดล้อมของจีน อีกทั้งยังเป็นแรงจูงใจให้อเมริกากางปีกปกป้องไทเป
    .
    ช่วงหลายปีมานี้จีนเพิ่มความกดดันทางทหารต่อไต้หวันเพื่อผลักดันการอ้างสิทธิอธิปไตยเหนือเกาะแห่งนี้ ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่และโรงงานผลิตชิปมากมายหลายแห่งของทีเอสเอ็มซี
    .
    ความเคลื่อนไหวของจีนทำให้มีเสียงเรียกร้องให้ทีเอสเอ็มซีย้ายการผลิตออกจากไต้หวันเพื่อป้องกันการชะงักงันด้านอุปทานหากถูกจีนโจมตี
    .
    เมื่อไม่นานมานี้ ทรัมป์เตือนว่า อาจเรียกเก็บภาษีชิปที่ผลิตนอกสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 25% หรือมากกว่านั้น ซึ่งนักวิเคราะห์คนหนึ่งระบุว่า อาจทำให้อุตสาหกรรมชิปเผชิญภาวะถดถอย
    .
    แม้การลงทุนล่าสุดคราวนี้ของทีเอสเอ็มซี น่าจะสามารถหลบเลี่ยงจากการข่มขู่รีดภาษีศุลกากรเช่นว่านี้ แต่ยังมีความกังวลว่า การดำเนินการดังกล่าวอาจกระทบต่อเศรษฐกิจไต้หวันและทำให้ “โล่ซิลิคอน” ความมั่นคงของไต้หวันอ่อนแอลง
    .
    โก จูชุน สมาชิกรัฐสภาจากพรรคก๊กมินตั๋งซึ่งเป็นแกนนำฝ่ายค้าน ชี้ว่า ยิ่งทีเอสเอ็มซีออกไปผลิตในอเมริกามากเท่าไหร่ ไต้หวันยิ่งหมดความสำคัญในแง่ภูมิรัฐศาสตร์มากขึ้นเท่านั้น รวมทั้งยังลดแรงจูงใจต่ออเมริกาในการให้ความช่วยเหลือไต้หวันในอนาคต
    .
    การควบคุมทีเอสเอ็มซี
    .
    ผู้นำไต้หวันตระหนักดีถึงความเสี่ยงขณะพยายามรักษาการสนับสนุนจากวอชิงตัน ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนด้านความมั่นคงที่สำคัญที่สุด และปกป้องสถานะผู้ทรงอิทธิพลในการผลิตชิปของไต้หวัน
    .
    สำนักงานของประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ แถลงเมื่อวันอังคาร (4 มี.ค.) ว่า รัฐบาลจะตรวจสอบข้อตกลงของทีเอสเอ็มซีว่า สอดคล้องกับกฎหมายของไต้หวันหรือไม่ และทำให้แน่ใจว่า กระบวนการผลิตชิปขั้นสูงสุดจะยังคงอยู่ในไต้หวัน
    .
    ก่อนหน้านี้ ทีเอสเอ็มซีประกาศลงทุนมูลค่ากว่า 65,000 ล้านดอลลาร์ในการจัดตั้งโรงงาน 3 แห่งในรัฐแอริโซนาของอเมริกา โดยที่โรงงานแห่งแรกเริ่มต้นผลิตตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
    .
    สำหรับการลงทุน 100,000 ล้านดอลลาร์ซึ่งประกาศในสัปดาห์นี้ จะเป็นการขยายโครงการในอเมริกาด้วยการจัดตั้งโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ 3 แห่ง โรงงานบรรจุภัณฑ์ขั้นสูง 2 แห่ง และศูนย์วิจัยและพัฒนา
    .
    ริชาร์ด หู รองผู้อำนวยการของกลุ่มคลังสมอง ที่ใช้ชื่อว่า ศูนย์เพื่อการศึกษาด้านความมั่นคงของไต้หวัน ให้ความเห็นว่า ทรัมป์ต้องการป้องกันไม่ให้ทีเอสเอ็มซีตกอยู่ในมือจีน และทำให้บริษัทแห่งนี้เป็นสินทรัพย์ด้านเทคโนโลยีของอเมริกา
    .
    หูเสริมว่า เป้าหมายสูงสุดของทรัมป์คือ อเมริกาจะสามารถควบคุมการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของทีเอสเอ็มซีทั้งหมดหรืออย่างมีนัยสำคัญ และทำให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมชิปของอเมริกา
    .
    การรับประกันความมั่นคง
    .
    อย่างไรก็ตาม ซู จื๋ออวิ๋น นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงจากสถาบันเพื่อการวิจัยด้านกลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติของไทเป มองโลกในแง่ดีมากกว่า โดยบอกว่า การลงทุนในสหรัฐฯ ของทีเอสเอ็มซีน่าจะทำให้ไต้หวัน “ปลอดภัยขึ้น” และช่วยส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมชิป อีกทั้งยังสร้างความไว้วางใจระหว่างไทเปกับวอชิงตัน และลดความกังวลของทรัมป์เกี่ยวกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจของอเมริกา
    .
    ซูเสริมว่า ไต้หวันไม่ได้มีความสำคัญเพราะมีทีเอสเอ็มซีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงด้านภูมิยุทธศาสตร์ โดยตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความสำคัญของเส้นทางขนส่งสินค้าทางทะเลของโลกที่อยู่ใกล้ไต้หวัน
    .
    ทว่า เจมส์ อี้ฟาน เฉิน จากมหาวิทยาลัยตั้นเจียง เสนอมุมมองอีกด้านหนึ่งว่า ต้นทุนการผลิตในอเมริกาที่สูงกว่าอาจทำให้ราคาผลิตภัณฑ์ที่ใช้ชิปทีเอสเอ็มซีแพงขึ้น
    .
    นอกจากนั้น ยังไม่มีการรับประกันว่า การลงทุนจะทำให้ทรัมป์ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ มีความโน้มเอียงมากขึ้นจริงๆ ที่จะปกป้องไต้หวัน
    .
    เหวิน ตี้ซุง นักวิชาการจากโกลบัล ไชน่า ฮับ ของกลุ่มคลังสมองในสหรัฐฯ แอตแลนติก เคาน์ซิล บอกว่า ผลลัพธ์จากข้อตกลงนี้ในแง่ความเต็มใจของอเมริกาในการปกป้องไต้หวันนั้นต้องพูดว่ายังไม่มีความชัดเจน โดยขึ้นอยู่กับความรู้สึกของทรัมป์ ณ ขณะนั้นมากกว่า รวมทั้งขึ้นอยู่กับว่า ปักกิ่งจะพยายามยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจกว่าไต้หวันหรือไม่
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021621
    ..............
    Sondhi X
    พวกผู้เชี่ยวชาญชี้ แผนการลงทุนมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์ในอเมริกาของทีเอสเอ็มซี บริษัทไต้หวันที่เป็นผู้ผลิตชิปใหญ่ที่สุดของโลก อาจส่งผลให้ “โล่ซิลิคอน” ของไทเปอ่อนแอลง เปิดทางให้ทรัมป์เข้าควบคุมการผลิตชิปของทีเอสเอ็มซี หรือในทางกลับกันอาจทำให้ไต้หวัน “ปลอดภัยขึ้น” และสร้างความไว้วางใจระหว่างไทเปกับวอชิงตัน . ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง (ทีเอสเอ็มซี) ซึ่งเวลานี้มีฐานะเป็นผู้ผลิตเทคโนโลยีสำคัญ ที่กลายเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจโลก . ในสัปดาห์นี้ การประกาศลงทุนครั้งมหึมาในสหรัฐฯ ทำให้มูลค่าการลงทุนทั้งหมดของทีเอสเอ็มซีในอเมริกาเพิ่มเป็น 165,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งบริษัทบอกว่า เป็นการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่มีมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์อเมริกัน . ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวหาไต้หวันขโมยอุตสาหกรรมชิปของอเมริกา พร้อมขู่รีดภาษี 100% และไทเปต้องรีบตอบสนองโดยให้สัญญาว่า จะลงทุนในอเมริกาเพิ่ม . เอเอฟพีเสนอรายงานที่ระบุว่า การลงทุนของทีเอสเอ็มซีครั้งนี้อาจมีนัยสำคัญสำหรับไต้หวัน ดังต่อไปนี้ . โล่ซิลิคอน . ชิปเซมิคอนดักเตอร์ในปัจจุบันเป็นส่วนประกอบอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่สมาร์ทโฟนไปจนถึงทีวี รถยนต์ไฟฟ้า และขีปนาวุธ และชิปเหล่านี้กว่าครึ่งผลิตในไต้หวัน . การผลิตชิปที่กระจุกตัวอยู่ในไต้หวันถูกมองมานานแล้วว่าเป็น “โล่ซิลิคอน” ที่ปกป้องไต้หวันจากการรุกรานหรือการปิดล้อมของจีน อีกทั้งยังเป็นแรงจูงใจให้อเมริกากางปีกปกป้องไทเป . ช่วงหลายปีมานี้จีนเพิ่มความกดดันทางทหารต่อไต้หวันเพื่อผลักดันการอ้างสิทธิอธิปไตยเหนือเกาะแห่งนี้ ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่และโรงงานผลิตชิปมากมายหลายแห่งของทีเอสเอ็มซี . ความเคลื่อนไหวของจีนทำให้มีเสียงเรียกร้องให้ทีเอสเอ็มซีย้ายการผลิตออกจากไต้หวันเพื่อป้องกันการชะงักงันด้านอุปทานหากถูกจีนโจมตี . เมื่อไม่นานมานี้ ทรัมป์เตือนว่า อาจเรียกเก็บภาษีชิปที่ผลิตนอกสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 25% หรือมากกว่านั้น ซึ่งนักวิเคราะห์คนหนึ่งระบุว่า อาจทำให้อุตสาหกรรมชิปเผชิญภาวะถดถอย . แม้การลงทุนล่าสุดคราวนี้ของทีเอสเอ็มซี น่าจะสามารถหลบเลี่ยงจากการข่มขู่รีดภาษีศุลกากรเช่นว่านี้ แต่ยังมีความกังวลว่า การดำเนินการดังกล่าวอาจกระทบต่อเศรษฐกิจไต้หวันและทำให้ “โล่ซิลิคอน” ความมั่นคงของไต้หวันอ่อนแอลง . โก จูชุน สมาชิกรัฐสภาจากพรรคก๊กมินตั๋งซึ่งเป็นแกนนำฝ่ายค้าน ชี้ว่า ยิ่งทีเอสเอ็มซีออกไปผลิตในอเมริกามากเท่าไหร่ ไต้หวันยิ่งหมดความสำคัญในแง่ภูมิรัฐศาสตร์มากขึ้นเท่านั้น รวมทั้งยังลดแรงจูงใจต่ออเมริกาในการให้ความช่วยเหลือไต้หวันในอนาคต . การควบคุมทีเอสเอ็มซี . ผู้นำไต้หวันตระหนักดีถึงความเสี่ยงขณะพยายามรักษาการสนับสนุนจากวอชิงตัน ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนด้านความมั่นคงที่สำคัญที่สุด และปกป้องสถานะผู้ทรงอิทธิพลในการผลิตชิปของไต้หวัน . สำนักงานของประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ แถลงเมื่อวันอังคาร (4 มี.ค.) ว่า รัฐบาลจะตรวจสอบข้อตกลงของทีเอสเอ็มซีว่า สอดคล้องกับกฎหมายของไต้หวันหรือไม่ และทำให้แน่ใจว่า กระบวนการผลิตชิปขั้นสูงสุดจะยังคงอยู่ในไต้หวัน . ก่อนหน้านี้ ทีเอสเอ็มซีประกาศลงทุนมูลค่ากว่า 65,000 ล้านดอลลาร์ในการจัดตั้งโรงงาน 3 แห่งในรัฐแอริโซนาของอเมริกา โดยที่โรงงานแห่งแรกเริ่มต้นผลิตตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว . สำหรับการลงทุน 100,000 ล้านดอลลาร์ซึ่งประกาศในสัปดาห์นี้ จะเป็นการขยายโครงการในอเมริกาด้วยการจัดตั้งโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ 3 แห่ง โรงงานบรรจุภัณฑ์ขั้นสูง 2 แห่ง และศูนย์วิจัยและพัฒนา . ริชาร์ด หู รองผู้อำนวยการของกลุ่มคลังสมอง ที่ใช้ชื่อว่า ศูนย์เพื่อการศึกษาด้านความมั่นคงของไต้หวัน ให้ความเห็นว่า ทรัมป์ต้องการป้องกันไม่ให้ทีเอสเอ็มซีตกอยู่ในมือจีน และทำให้บริษัทแห่งนี้เป็นสินทรัพย์ด้านเทคโนโลยีของอเมริกา . หูเสริมว่า เป้าหมายสูงสุดของทรัมป์คือ อเมริกาจะสามารถควบคุมการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของทีเอสเอ็มซีทั้งหมดหรืออย่างมีนัยสำคัญ และทำให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมชิปของอเมริกา . การรับประกันความมั่นคง . อย่างไรก็ตาม ซู จื๋ออวิ๋น นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงจากสถาบันเพื่อการวิจัยด้านกลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติของไทเป มองโลกในแง่ดีมากกว่า โดยบอกว่า การลงทุนในสหรัฐฯ ของทีเอสเอ็มซีน่าจะทำให้ไต้หวัน “ปลอดภัยขึ้น” และช่วยส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมชิป อีกทั้งยังสร้างความไว้วางใจระหว่างไทเปกับวอชิงตัน และลดความกังวลของทรัมป์เกี่ยวกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจของอเมริกา . ซูเสริมว่า ไต้หวันไม่ได้มีความสำคัญเพราะมีทีเอสเอ็มซีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงด้านภูมิยุทธศาสตร์ โดยตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความสำคัญของเส้นทางขนส่งสินค้าทางทะเลของโลกที่อยู่ใกล้ไต้หวัน . ทว่า เจมส์ อี้ฟาน เฉิน จากมหาวิทยาลัยตั้นเจียง เสนอมุมมองอีกด้านหนึ่งว่า ต้นทุนการผลิตในอเมริกาที่สูงกว่าอาจทำให้ราคาผลิตภัณฑ์ที่ใช้ชิปทีเอสเอ็มซีแพงขึ้น . นอกจากนั้น ยังไม่มีการรับประกันว่า การลงทุนจะทำให้ทรัมป์ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ มีความโน้มเอียงมากขึ้นจริงๆ ที่จะปกป้องไต้หวัน . เหวิน ตี้ซุง นักวิชาการจากโกลบัล ไชน่า ฮับ ของกลุ่มคลังสมองในสหรัฐฯ แอตแลนติก เคาน์ซิล บอกว่า ผลลัพธ์จากข้อตกลงนี้ในแง่ความเต็มใจของอเมริกาในการปกป้องไต้หวันนั้นต้องพูดว่ายังไม่มีความชัดเจน โดยขึ้นอยู่กับความรู้สึกของทรัมป์ ณ ขณะนั้นมากกว่า รวมทั้งขึ้นอยู่กับว่า ปักกิ่งจะพยายามยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจกว่าไต้หวันหรือไม่ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021621 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    14
    0 Comments 0 Shares 2533 Views 0 Reviews
More Results