• "ละครขายชาติ" เปิดฉาก! "นักวิชาการอิสระ" แฉ "สองตระกูล" เล่นเกมชักใยมหาอำนาจ ปมชายแดนแค่ "ฉากบังหน้า" แหล่งพลังงาน!
    https://www.thai-tai.tv/news/20629/
    .
    #ทวีสุขธรรมศักดิ์ #สงครามชายแดน #การละครขายชาติ #แหล่งพลังงาน #อ่าวไทย #สงครามโลกครั้งที่3 #กองทัพไทย #R31 #วิกฤตการณ์ #ไทยไท

    "ละครขายชาติ" เปิดฉาก! "นักวิชาการอิสระ" แฉ "สองตระกูล" เล่นเกมชักใยมหาอำนาจ ปมชายแดนแค่ "ฉากบังหน้า" แหล่งพลังงาน! https://www.thai-tai.tv/news/20629/ . #ทวีสุขธรรมศักดิ์ #สงครามชายแดน #การละครขายชาติ #แหล่งพลังงาน #อ่าวไทย #สงครามโลกครั้งที่3 #กองทัพไทย #R31 #วิกฤตการณ์ #ไทยไท
    0 Comments 0 Shares 39 Views 0 Reviews
  • ตอน 1 :

    กำเนิดจิ๊กโก๋

    เรารู้จักบ้านเมืองเราแค่ไหน เคย ถามตัวเองกันบ้างไหมครับ

    แล้วเคยมีเวลานึกสงสัยกันบ้างไหมว่า ทำไมบ้านเมืองเราถึงเละขนาดนี้ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง การศึกษาและสังคม

    เรารู้จักบ้านเมืองของเรา แบบมักง่าย รู้จักผ่านมุมมอง และความคิดของสื่อ ทั้งสื่อไทย และสื่อเทศ และสื่อส่วนใหญ่ ก็ให้ข้อมูลข่าวสาร แบบฟอกย้อม จะโดยตั้งใจเพราะมีใบสั่ง หรือเพราะสมรรถนะของสื่อส่วนใหญ่ ต่ำถึงต่ำมาก แทบทั้งนั้น

    ข้อมูลอีกหลายส่วน ก็มาจากนักวิชาการ ที่ไม่ต่างกับสื่อ ถ้าไม่ขายตัว ก็อธิบายแบบท่องจำ จอแคบ จอแบนไม่มีมิติ มองมุมเดียว เพราะมันง่ายดี

    แล้วเราจะได้ความรู้ ความเข้าใจแบบไหนกัน นี่ยังไม่นับข้อมูลที่เกิดจาก การตอแหลของนักการเมือง และบรรดาข้าราชการ ที่ทำหน้าที่ขี้ข้านักการเมือง

    ซึ่งขอใช้คำว่า บัดซบ จึงจะตรงกับพฤติกรรม

    ตัวเราเองก็เลยติดนิสัย ที่จะมองอะไรแบบมักง่าย

    เมื่อเราไม่รู้ปัญหาที่แท้จริง ก็ไม่มีความเข้าใจจริง แล้วจะหาทางออก จะแก้ปัญหาได้อย่างไร ยิ่งแก้ก็เลยยิ่งพันยุ่งเละเทะ เหมือนลิงแก้แห

    ทำไมเราไม่มาทำความเข้าใจ ทำความรู้จักบ้านเมืองของเราอย่างจริงจังก่อน ด้วยการศึกษาขวนขวายด้วยตัวเอง ไม่ใช่ใช้แค่ตาดูหูฟังเอาจากสื่อจอแบน คำโกหกนักการเมืองหรือนักวิชาการ ประเภทมีความรู้เกินๆ ขาดๆ

    จะเข้าใจปัจจุบัน ก็ต้องรู้จักอดีตหรือประวัติศาสตร์ก่อน ไม่งั้นจะรู้ได้ยังไงว่า ต้นไม้ต้นไหนออกลูกเป็นพิษ

    แล้วก็อย่าทำตัวเป็นม้าแข่ง มองเห็นแต่ลู่วิ่งข้างหน้า หัดมองรอบตัว รู้จักเพื่อนบ้าน รู้จักโลกบ้าง ไม่ใช่จะมีแต่เธอ ฉัน ลูกเรา น้องหมา และน้ำเน่าในทีวี กับจิ้มข้อความไร้สาระ ส่งกันไปมาตามหน้าจอ ประเภท ส่ง 10 คน จะมีโชค

    ก่อนอื่นควรรู้จักโลกกว้างเสียก่อน ประเทศไทยไม่ใช่ตั้งอยู่โดด ๆ ประเทศเดียวเรามีเพื่อนบ้านร่วมทวีป ร่วมโลกอีกแยะ เรารู้จักเพื่อนร่วมโลก หรือ เพื่อนบ้านเราแค่ไหนกัน

    จะอยู่บ้านให้สบายใจ มันก็ควรจะรู้จักเสียหน่อยว่า ใครเป็นใครในซอย มีจิ๊กโก๋๋ยืนกร่าง เบ่งกล้ามอยู่ปากซอยหรือเปล่า ถ้ามีต้องรู้ว่ามันเป็นใคร ฝีไม้ลายมือขนาดไหน ของจริง หรือ ราคาคุย

    งั้นเรามาเริ่มต้น ด้วยการรู้จักจิ๊กโก๋๋ปากซอยกันซะหน่อยดีไหม รู้จักแล้ว จะได้รู้ว่าเราจะอยู่ในซอยนี้แบบไหน อยู่แบบตัวห่อหน้าเหี่ยว หรือ อยู่อย่างสบายใจ นี่บ้านกูนะ จะคบกับชาวซอยด้วยกันอย่าง ไร และแสดงท่าที หรือจัดการอย่างไรดีกับเจ้าจิ๊กโก๋๋ปากซอย

    และจะอ่านนิทานนี้ให้สนุก จะรู้จักโลกกว้าง ต้องรู้จักคาถาการครองโลก

    “อำนาจ คือ ทุน” และ “ทุน คือ อำนาจ”

    จำให้แม่น มันจะทำให้เราเข้าใจความเป็นไปของโลกนี้

    ประเทศนี้ และทั้งหลาย ทั้งปวง ที่อยู่รอบตัวเราง่ายขึ้น

    สงครามโลกครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเพราะอะไร ประวัติศาสตร์ที่เขาเขียนให้เราเรียน สมัยเป็นนักเรียน เขาก็เขียนให้เราเข้าใจไปว่า มันเป็นเรื่องของการต้องการแผ่อำนาจของประเทศผู้รุกราน และประเทศผู้ถูกรุกรานก็จ๋อยสิ จำเป็นต้องสู้ หรือเข้าสู่สงครามกับเขาไปด้วย เพื่อเอาตัวรอด เพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศตน

    แต่จริงๆ แล้ว มันเป็นอย่างนั้นแน่หรือ กลับไปอ่านคาถาครองโลกข้างต้นสัก 10 เที่ยว แล้วอ่านนิทานนี้ต่อ อาจจะรู้จักประวัติศาสตร์ ในมุมมองใหม่

    สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2482 (ค.ศ.1934) จบเอาปี พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) รวมเวลา 6ปี ตลอดเวลาการสู้รบ เขาใช้ทวีปยุโรปและเอเซียเป็นสนามประลองกำลัง พอเสร็จสงคราม ฝ่ายผู้แพ้สงครามเช่น เยอรมันและญี่ปุ่น ก็ถูกน็อกคาสนามบอบช้ำฉิบหาย ตามประสาผู้แพ้ ส่วนฝ่ายสัมพันธ มิตรผู้ชนะสงครามเช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส ยุโรป รัสเซีย และแม้แต่จีน ก็ใช่ว่าจะไม่ยับไม่เยิน แต่ละรายดูไม่จืดเชียว ยืนพิงเชือกเกือบนับ 10 เกือบทั้งนั้น ….มีแต่อเมริกาเท่านั้นแหละ ที่โดนแค่สอยคาง เรือรบล่มไม่กี่ลำ ที่เพิร์ล ฮาเบอร์ (Pearl Harbor) ฮาวาย ส่วนบ้านตัวที่ทวีปอเมริกาปลอดภัยดี ไม่มีบุบไม่มีย่น… แค่นี้ทำเป็นยั๊วะ ถือโอกาสประกาศสงครามกับญี่ปุ่น เข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร (โอกาสทองมา แล้ว) เมื่อชนะสงครามอเมริกาจึงสถาปนาตนเองเป็นจิ๊กโก๋๋คุมซอย เป็นพี่เบิ้มดูแลโลกทั้งใบ นั่นไงมาแล้ว … จิ๊กโก๋๋ปากซอย!

    หลังจากการทำสงครามโลก เศรษฐกิจของแต่ละประเทศก็ตกต่ำล่มจม ความแตกต่างทางสังคมเห็นชัดขึ้น เกิดช่องว่างระหว่างคนรวยคนจนชัดเจน ไม่ต้องเอาแว่นมาขยาย ระบอบคอมมิวนิสต์ จึงเริ่มก่อตัวขึ้น ในบริเวณแถวรัสเซียและยุโรปตะวันออก เมื่อปี พ.ศ.2490 (ค.ศ.1947)

    อเมริกาในฐานะพี่เบิ้ม จึงกำหนดยุทธศาสตร์ปิดล้อม (Containment) ขึ้นมาและประกาศเป็นนโยบาย

    เรียกว่า Truman Doctrine โดยประธานาธิบดีแฮรี่ เอส ทรูแมน (Harry S Truman) (ดื้อ เหี้ยม!)

    เป้าหมายของยุทธศาสตร์นี้ หลักใหญ่มีแค่ 2 เรื่อง คือสร้างความมั่นคงและมั่งคั่งให้กับอเมริกาและพวก กับกีดกันไม่ให้สหภาพโซเวียตมีโอกาสยื่นหน้า เข้ามาสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก นี่ล่ะธาตุแท้อเมริกา ร่วมรบด้วยกันมาดีๆ พอถึงเวลาไม่เป็นประชาธิปไตยตามแบบที่ตัวเองต้องการ ก็ออกอาการเหม็นหน้า อย่าเข้ามาใกล้นะ เดี๋ยวจะทำให้คนอื่นเขาติดโรคหมด

    Truman Doctrine นี้ อเมริกาจะใช้คนเดียวก็กลัวเหงา เลยจับประเทศแถวยุโรปมาเข้าร่วมโดย จัดตั้งเป็นองค์กรนาโต (NATO) ขึ้นมา ปัจจุบันมีทั้งหมด 28 ประเทศ กลุ่มประเทศที่ก่อตั้งและ/หรือเป็นประเทศหลักมี อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม แคนาดา เดนมาร์ก ไอซแลนด์ อิตาลี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ กรีซ ตุรกี และเยอรมัน อเมริกาใช้นาโตเป็นขนมล่อยุโรปให้ผูกติดอยู่กับอเมริกามาจนถึงทุกวันนี้

    เริ่มเห็นฝีมือการแบ่งขนม แบ่งค่ายของอเมริกาหรือยัง

    สูตรยอดนิยมของอเมริกา ที่ใช้มาตลอดคือ ล่อให้เหยื่อมารวมตัวกัน (อยู่ในคอก) ก่อนจะได้ดูแลง่าย จำไว้ให้ดี

    ด้านหนึ่ง อเมริกาจะออกหน้า สนับสนุนให้มีการรวมตัวของประชาชาติในเรื่องต่างๆ แต่อีกด้านอเมริกาก็จะสร้างเรื่อง โดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้การรวมตัวนั้นมีปัญหา และแตกแยกกันเอง แข่งขันกันเอง ทะเลาะกันเอง เพื่อเป็นการเพิ่มบทบาทของพี่เบิ้ม ให้เป็นที่พึ่งพาขึ้นไปเรื่อยๆ (ต้นตำรับ value added! หรือจะเรียกให้ชัดคือ สร้างภาพ) ลองสังเกตดู

    พร้อมกับการเขยิบฐานะตัวเป็นพี่เบิ้ม อเมริกา ก็เริ่มทำตัวเป็นนักล่าอาณานิคมยุคใหม่ แทนนักล่ารุ่นเก่าที่กำลังนอนเลียแผล

    ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 นักล่าอาณานิคมตัวใหญ่แชมป์เก่าคือ อังกฤษ กร่างถึงขนาดประกาศว่า ดวงอาทิตย์ไม่มีวันตกที่จักรภพอังกฤษ ตามมาติดๆคือ ฝรั่งเศส คู่แค้นของไทย กะจะเขมือบไทยมาตลอด วางแผนมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์ แต่ที่อุกอาจสามานย์ ทำให้ไทยเจ็บช้ำจนกรมหลวงชุมพรฯ ต้องสักไว้ก็คือเหตุการณ์ ร.ศ.112 ในสมัยล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 5 หวังว่ายังคงจำกันได้ หรือรู้จักแต่ ม112

    นักล่า ที่มาเงียบๆ คอยเสียบ คอยเสี้ยม แล้วหยิบชิ้นปลามันคือ ฮอลันดา แต่นักล่า รุ่นเก๋าจริงๆ ต้องยกให้ สเปนและโปรตุเกศ แผนลึก อดทน และใจเย็น

    นักล่ายุคใหม่ ไม่ต้องการครอบครองดินแดน แบบนักล่ารุ่นเก่า แต่ต้องการกอบโกยทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์เช่นน้ำมัน และแร่ธาตุสารพัด ของประเทศที่อุดมทรัพยากร แต่ด้อยปัญญา ของประเทศที่ยังไม่พัฒนา โดยเฉพาะในแถบอาเซีย และตะวันออกกลางที่ยังอุดมสมบูรณ์อยู่ ในขณะที่แถวยุโรปเริ่มร่อยหรอ ส่วนอเมริกานั้นยังมีอยู่แยะ แต่งุบงิบแอบเก็บไว้ไม่ให้ใครรู้

    อย่าเข้าใจผิดว่าการล่าอาณานิคมยุคใหม่ จะใช้วิธียกทัพจับศึก ยึดดินแดนกันอย่างเมื่อก่อน รุ่นใหม่ ยุคใหม่นี่เขาทำกันเนียน

    ส่วนเครื่องมือในการล่าอาณานิคมยุคใหม่ เขาใช้ตามคาถายอดนิยม

    อำนาจ คือ ทุน และทุน คือ อำนาจ …

    ยังไม่เข้าใจใช่ไหม งั้นต้องอ่านต่อไป

    รบชนะมาหมาดๆ อำนาจล้นฟ้า บีบให้โลกยกย่องเป็นพี่เบิ้ม จะปล่อยให้โอกาสทองหลุดมือไปได้ยังไง พี่เบิ้มก็ต้องรีบเหยียด (มือยาวๆ อ้อมไปทั้งโลก โดยใช้วิธีการทั้งหลอก ทั้งล่อ เอาทุนนิยมมาล่อ เอาทุนเสรีมาจูง ให้ทุนมันเคลื่อนไหวอย่างเสรี ไม่มีอะไรมากักไง ไร้พรมแดนไงไม่ดีหรือ นายทุนก็ถลารับ แบบนี้มันก็ล้อมโลกได้โดยไม่รู้ตัวกัน คำว่าโลกาภิวัฒน์จึงเกิดขึ้น ชอบใช้กันนัก รู้ให้ทันแล้วกันว่าโลกาภิวัตน์ คืออะไร และเพื่อใคร

    ทุนนิยมเสรี มันเดินไปเองได้ที่ไหน ก็ต้องหาเครื่องมือให้ทุนมันเดินไปทั่วโลกได้ง่ายๆ เนียนๆ ดังนั้นหน่วย งานระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ (UN) ธนาคารโลก (World Bank) IMF WTO ฯลฯ และเหล่าบรรษัทข้ามชาติ ด้านการเงิน การค้า การอุตสาหกรรมต่างๆ จึงเกิดขึ้น หน่วยงานต่างๆ ดังกล่าว มีพี่เบิ้มและพวก เป็นเจ้าของหรือเป็นผู้กำกับทั้งนั้น รู้กันไหม

    สหประชาชาติ (UN) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) จากแนวคิดของผู้ชนะสงครามคือ พี่เบิ้มและอังกฤษคู่หู คือ มีคณะมนตรีถาวร 5 ประเทศ ไม่บอกก็น่าจะเดาออกนะ ว่าใครบ้าง ก็ผู้ชนะสงคราม นั่นแหละคือ อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย และจีน (เห็นรายชื่ออย่างนี้ อย่าเพิ่งแปลกใจ ตอนนั้น พี่เบิ้มเขายังวุ่นอยู่กับสร้างบทให้ตัวเองเป็นใหญ่ เลยยังไม่มีเวลา ไปไล่บี้ว่าที่คู่แข่งของตัว)

    ผู้ควักกระเป๋าจ่ายเงินสนับสนุนการดำเนินงานของ UN ก็คือสมาชิก คงพอเดากันได้ว่าใครจ่ายเงินสนับสนุนUN สูงสุด ไม่น่าตอบผิดนะ ก็พี่เบิ้มอเมริกานั่นไง ไม่งั้นจะได้ตำแหน่งเป็นจิ๊กโก๋๋คุมซอยเหรอ

    ธนาคารโลก (World Bank) ก่อตั้งขึ้นพร้อมกับ IMF (International Monetary Fund) ในปี พ.ศ.2487 (ค.ศ.1944) แน่นอน ก็จากแนวคิดของพี่เบิ้ม อเมริกาและอังกฤษอีกนั่นแหละ สำนักงานใหญ่ขอทั้ง 2 องค์กร ตั้งอยู่ที่วอชิงตัน ดี ซี ของพี่เบิ้ม เงินสนับสนุนส่วนใหญ่มาจากประเทศสมาชิก แต่ผู้ที่ควักกระเป๋าหนักที่สุดก็ เหมือนเดิมคือ พี่เบิ้ม อเมริกา คิดกันต่อแล้วกันอย่างนี้ แปลว่า พี่เบิ้มใจดีชะมัดหรือพี่เบิ้มกำลังท่องคาถา อำนาจ คือ ทุน ทุน คือ อำนาจ…. ลงทุนจิ๊บจ๊อย เดี๋ยวก็ได้คืนทั้งโลก 555

    ไปเปิดอากู (Google) ดู แล้วกัน ประธานธนาคารโลกตั้งกะก่อตั้ง (ค.ศ.1946) มาจนถึงปัจจุบัน (ค.ศ.2016) เป็นคนสัญชาติอเมริกันทั้งหมด …อาจมีคนโวย ไม่ใช่นะ คนสุดท้าย เจ้าจิม ยอง คิม (Jim Yong Kim) เป็นเกาหลีต่างหาก …เป็นเกาหลีแต่ถือสัญชาติอเมริกันครับผม …อืม เริ่มเห็นภาพลางๆ บ้างหรือยัง ครับ

    อันที่จริงระบบทุนนิยมมีมานานแล้วนะ แต่การขยายตัวทำได้ช้า เพราะต้องพึ่งการคมนาคมและการสื่อสาร ดังนั้นทุนนิยมยุคโบราณจึงเดินทางโดยเรือ รถไฟ ม้า อูฐ และนกพิราบ (ฮา!) ก็ตอนนั้นยังไม่มีเครื่องบิน โทรเลข โทรศัพท์ มือถือ ดาวเทียม Swift 3จี 4จี Wi-Fi ฯลฯ อะไรนี่นะ

    ทุนนิยมโลกไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขตดินแดน แต่ขึ้นกับศูนย์อำนาจในแต่ละช่วงเวลานั้น เช่น ฮอลันดาเป็นศูนย์ กลางของทุนนิยม สมัยศตวรรษที่ 17 ก็เล่นล่าตั้งกะอินโดนีเซียยันไปถึงอาฟริกา ต่อมาศูนย์อำนาจก็ย้ายไปอยู่ที่อังกฤษ เจ้าของคำกร่างว่า พระอาทิตย์ไม่ตกดินที่อังกฤษ จนมาถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พี่เบิ้มอเมริกา ถึงได้ขึ้นแท่นเป็น นัมเบอร์วัน ของศูนย์อำนาจ ไชโย! ตาไอแล้ว

    อเมริกา คิดเรื่องระบบทุนนิยมและกลไก ที่จะทำให้ตนเป็นศูนย์อำนาจ มาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2

    แต่โอกาสยังไม่อำนวย หวยมาตกก็ตอนศูนย์อำนาจเก่าๆ พากันฉิบหาย หงายท้องหมด หลังสงคราม โลกครั้งที่ 2 นี่แหละ อเมริกาถึงเสนอแผนจัดโครงสร้างระเบียบโลกเสียใหม่ (New World Order) โดยเน้นที่พลังทุนนิยม ก็เป็นเศรษฐีนี่ มีปัญหาไหม ไม่นิยมทุนแล้วจะให้นิยมอะไร

    …อย่าลืมคาถา ทุน คือ อำนาจ อำนาจ คือ ทุน ง่ายๆ ตรงไปตรงมา

    ไม่ว่าจะเรียก New World Order หรือ Pax Americana หรือคำอะไรให้มันดูหรูหราเข้าใจยากจริงๆ แล้วมันก็คือแผนการล่าอาณานิคมยุคใหม่นั่นเอง โดยใช้ระบบทุนนิยม นำหน้าในการล่า เดี๋ยวก็มาถึงทุนนิยมสามานย์น่าใจเย็นไว้โยม

    ทุนจะมีก็ต้องค้าขาย เงินไม่ได้ตกลงมาจากฟ้าเหมือนฝนนะ จะค้าขายก็ต้องมีสินค้า สินค้ามาจากไหน มาจากการผลิต การผลิตต้องมีอะไรเป็นปัจจัย ต้องมีวัตถุดิบซีจ้ะ วัตถุดิบมาจากไหน ก็มาจากทรัพยากร ทรัพยากรมาจากไหน ก็ปล้นหรือต้มเขาเอาซีวุ้ย แหม กว่าจะโยงมาถึงคนเล่านิทานเกือบเป็นลม

    ดังนั้นนักสำรวจทรัพย์ของผู้อื่น ในคราบผู้เชี่ยวชาญ จึงเดินกันว่อน วิ่งกันพล่าน อุ๊ย ประเทศนี้ไอจองนะ ไอจะไปดูเอง เขาน่าสงสารนะ เห็นมีแต่ช้างเดินเต็มป่า วัวควายเต็มทุ่งนา

    ปี ค.ศ.1946 สงครามโลกครั้งที่ 2 เลิกหมาดๆ อเมริกาส่งผู้เชี่ยวชาญ มาทำการสำรวจสถานะของประเทศไทยและสรุปว่า ไทยแลนด์ เป็นประเทศที่ยังมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ และยังมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจดียิ่ง อย่างเหลือเชื่อ (อย่างเหลือเชื่อนี่ ผมเติมเองครับ เพราะอ่านแล้วเหลือเชื่อ นี่ขนาดบริหารกันไปแดกกันไป ยังแกร่งอย่างนี้เลยนะ ถ้าตั้งอกตั้งใจบริหาร แม่อีหนูเอ๊ย ลูกหลานเราคงเรียนฟรี ถนนคงปูด้วยทองคำ อย่างที่ ท่านอจ.ศึกฤทธิ์ว่าไว้จริงๆ นะ)

    รายงานฉบับดังกล่าว ทำให้อเมริกาน้ำลายเยิ้มเมื่อมองประเทศไทย ไม่ต่างกับที่โอบามา มองคุณนายเอ๋อเมื่อตอนมาสำรวจประเทศไทย เมื่อปลายปี พ.ศ.2555 นั่นแหละ

    แล้วทำอย่างไร อเมริกาถึงจะได้กินอาหารจานอร่อยชื่อ ไทยแลนด์ แดนสวรรค์ สยามเมืองยิ้ม

    ไม่ยาก อเมริกาใหญ่ผงาดมาขนาดนี้ ไม่ใช่ทำเป็นแค่ขี้ม้าไล่ยิงอินเดียนแดงออกจากถิ่นเก่าของเขานะวุ้ย

    คนเล่านิทาน
    ตอน 1 : กำเนิดจิ๊กโก๋ เรารู้จักบ้านเมืองเราแค่ไหน เคย ถามตัวเองกันบ้างไหมครับ แล้วเคยมีเวลานึกสงสัยกันบ้างไหมว่า ทำไมบ้านเมืองเราถึงเละขนาดนี้ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง การศึกษาและสังคม เรารู้จักบ้านเมืองของเรา แบบมักง่าย รู้จักผ่านมุมมอง และความคิดของสื่อ ทั้งสื่อไทย และสื่อเทศ และสื่อส่วนใหญ่ ก็ให้ข้อมูลข่าวสาร แบบฟอกย้อม จะโดยตั้งใจเพราะมีใบสั่ง หรือเพราะสมรรถนะของสื่อส่วนใหญ่ ต่ำถึงต่ำมาก แทบทั้งนั้น ข้อมูลอีกหลายส่วน ก็มาจากนักวิชาการ ที่ไม่ต่างกับสื่อ ถ้าไม่ขายตัว ก็อธิบายแบบท่องจำ จอแคบ จอแบนไม่มีมิติ มองมุมเดียว เพราะมันง่ายดี แล้วเราจะได้ความรู้ ความเข้าใจแบบไหนกัน นี่ยังไม่นับข้อมูลที่เกิดจาก การตอแหลของนักการเมือง และบรรดาข้าราชการ ที่ทำหน้าที่ขี้ข้านักการเมือง ซึ่งขอใช้คำว่า บัดซบ จึงจะตรงกับพฤติกรรม ตัวเราเองก็เลยติดนิสัย ที่จะมองอะไรแบบมักง่าย เมื่อเราไม่รู้ปัญหาที่แท้จริง ก็ไม่มีความเข้าใจจริง แล้วจะหาทางออก จะแก้ปัญหาได้อย่างไร ยิ่งแก้ก็เลยยิ่งพันยุ่งเละเทะ เหมือนลิงแก้แห ทำไมเราไม่มาทำความเข้าใจ ทำความรู้จักบ้านเมืองของเราอย่างจริงจังก่อน ด้วยการศึกษาขวนขวายด้วยตัวเอง ไม่ใช่ใช้แค่ตาดูหูฟังเอาจากสื่อจอแบน คำโกหกนักการเมืองหรือนักวิชาการ ประเภทมีความรู้เกินๆ ขาดๆ จะเข้าใจปัจจุบัน ก็ต้องรู้จักอดีตหรือประวัติศาสตร์ก่อน ไม่งั้นจะรู้ได้ยังไงว่า ต้นไม้ต้นไหนออกลูกเป็นพิษ แล้วก็อย่าทำตัวเป็นม้าแข่ง มองเห็นแต่ลู่วิ่งข้างหน้า หัดมองรอบตัว รู้จักเพื่อนบ้าน รู้จักโลกบ้าง ไม่ใช่จะมีแต่เธอ ฉัน ลูกเรา น้องหมา และน้ำเน่าในทีวี กับจิ้มข้อความไร้สาระ ส่งกันไปมาตามหน้าจอ ประเภท ส่ง 10 คน จะมีโชค ก่อนอื่นควรรู้จักโลกกว้างเสียก่อน ประเทศไทยไม่ใช่ตั้งอยู่โดด ๆ ประเทศเดียวเรามีเพื่อนบ้านร่วมทวีป ร่วมโลกอีกแยะ เรารู้จักเพื่อนร่วมโลก หรือ เพื่อนบ้านเราแค่ไหนกัน จะอยู่บ้านให้สบายใจ มันก็ควรจะรู้จักเสียหน่อยว่า ใครเป็นใครในซอย มีจิ๊กโก๋๋ยืนกร่าง เบ่งกล้ามอยู่ปากซอยหรือเปล่า ถ้ามีต้องรู้ว่ามันเป็นใคร ฝีไม้ลายมือขนาดไหน ของจริง หรือ ราคาคุย งั้นเรามาเริ่มต้น ด้วยการรู้จักจิ๊กโก๋๋ปากซอยกันซะหน่อยดีไหม รู้จักแล้ว จะได้รู้ว่าเราจะอยู่ในซอยนี้แบบไหน อยู่แบบตัวห่อหน้าเหี่ยว หรือ อยู่อย่างสบายใจ นี่บ้านกูนะ จะคบกับชาวซอยด้วยกันอย่าง ไร และแสดงท่าที หรือจัดการอย่างไรดีกับเจ้าจิ๊กโก๋๋ปากซอย และจะอ่านนิทานนี้ให้สนุก จะรู้จักโลกกว้าง ต้องรู้จักคาถาการครองโลก “อำนาจ คือ ทุน” และ “ทุน คือ อำนาจ” จำให้แม่น มันจะทำให้เราเข้าใจความเป็นไปของโลกนี้ ประเทศนี้ และทั้งหลาย ทั้งปวง ที่อยู่รอบตัวเราง่ายขึ้น สงครามโลกครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเพราะอะไร ประวัติศาสตร์ที่เขาเขียนให้เราเรียน สมัยเป็นนักเรียน เขาก็เขียนให้เราเข้าใจไปว่า มันเป็นเรื่องของการต้องการแผ่อำนาจของประเทศผู้รุกราน และประเทศผู้ถูกรุกรานก็จ๋อยสิ จำเป็นต้องสู้ หรือเข้าสู่สงครามกับเขาไปด้วย เพื่อเอาตัวรอด เพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศตน แต่จริงๆ แล้ว มันเป็นอย่างนั้นแน่หรือ กลับไปอ่านคาถาครองโลกข้างต้นสัก 10 เที่ยว แล้วอ่านนิทานนี้ต่อ อาจจะรู้จักประวัติศาสตร์ ในมุมมองใหม่ สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2482 (ค.ศ.1934) จบเอาปี พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) รวมเวลา 6ปี ตลอดเวลาการสู้รบ เขาใช้ทวีปยุโรปและเอเซียเป็นสนามประลองกำลัง พอเสร็จสงคราม ฝ่ายผู้แพ้สงครามเช่น เยอรมันและญี่ปุ่น ก็ถูกน็อกคาสนามบอบช้ำฉิบหาย ตามประสาผู้แพ้ ส่วนฝ่ายสัมพันธ มิตรผู้ชนะสงครามเช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส ยุโรป รัสเซีย และแม้แต่จีน ก็ใช่ว่าจะไม่ยับไม่เยิน แต่ละรายดูไม่จืดเชียว ยืนพิงเชือกเกือบนับ 10 เกือบทั้งนั้น ….มีแต่อเมริกาเท่านั้นแหละ ที่โดนแค่สอยคาง เรือรบล่มไม่กี่ลำ ที่เพิร์ล ฮาเบอร์ (Pearl Harbor) ฮาวาย ส่วนบ้านตัวที่ทวีปอเมริกาปลอดภัยดี ไม่มีบุบไม่มีย่น… แค่นี้ทำเป็นยั๊วะ ถือโอกาสประกาศสงครามกับญี่ปุ่น เข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร (โอกาสทองมา แล้ว) เมื่อชนะสงครามอเมริกาจึงสถาปนาตนเองเป็นจิ๊กโก๋๋คุมซอย เป็นพี่เบิ้มดูแลโลกทั้งใบ นั่นไงมาแล้ว … จิ๊กโก๋๋ปากซอย! หลังจากการทำสงครามโลก เศรษฐกิจของแต่ละประเทศก็ตกต่ำล่มจม ความแตกต่างทางสังคมเห็นชัดขึ้น เกิดช่องว่างระหว่างคนรวยคนจนชัดเจน ไม่ต้องเอาแว่นมาขยาย ระบอบคอมมิวนิสต์ จึงเริ่มก่อตัวขึ้น ในบริเวณแถวรัสเซียและยุโรปตะวันออก เมื่อปี พ.ศ.2490 (ค.ศ.1947) อเมริกาในฐานะพี่เบิ้ม จึงกำหนดยุทธศาสตร์ปิดล้อม (Containment) ขึ้นมาและประกาศเป็นนโยบาย เรียกว่า Truman Doctrine โดยประธานาธิบดีแฮรี่ เอส ทรูแมน (Harry S Truman) (ดื้อ เหี้ยม!) เป้าหมายของยุทธศาสตร์นี้ หลักใหญ่มีแค่ 2 เรื่อง คือสร้างความมั่นคงและมั่งคั่งให้กับอเมริกาและพวก กับกีดกันไม่ให้สหภาพโซเวียตมีโอกาสยื่นหน้า เข้ามาสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก นี่ล่ะธาตุแท้อเมริกา ร่วมรบด้วยกันมาดีๆ พอถึงเวลาไม่เป็นประชาธิปไตยตามแบบที่ตัวเองต้องการ ก็ออกอาการเหม็นหน้า อย่าเข้ามาใกล้นะ เดี๋ยวจะทำให้คนอื่นเขาติดโรคหมด Truman Doctrine นี้ อเมริกาจะใช้คนเดียวก็กลัวเหงา เลยจับประเทศแถวยุโรปมาเข้าร่วมโดย จัดตั้งเป็นองค์กรนาโต (NATO) ขึ้นมา ปัจจุบันมีทั้งหมด 28 ประเทศ กลุ่มประเทศที่ก่อตั้งและ/หรือเป็นประเทศหลักมี อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม แคนาดา เดนมาร์ก ไอซแลนด์ อิตาลี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ กรีซ ตุรกี และเยอรมัน อเมริกาใช้นาโตเป็นขนมล่อยุโรปให้ผูกติดอยู่กับอเมริกามาจนถึงทุกวันนี้ เริ่มเห็นฝีมือการแบ่งขนม แบ่งค่ายของอเมริกาหรือยัง สูตรยอดนิยมของอเมริกา ที่ใช้มาตลอดคือ ล่อให้เหยื่อมารวมตัวกัน (อยู่ในคอก) ก่อนจะได้ดูแลง่าย จำไว้ให้ดี ด้านหนึ่ง อเมริกาจะออกหน้า สนับสนุนให้มีการรวมตัวของประชาชาติในเรื่องต่างๆ แต่อีกด้านอเมริกาก็จะสร้างเรื่อง โดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้การรวมตัวนั้นมีปัญหา และแตกแยกกันเอง แข่งขันกันเอง ทะเลาะกันเอง เพื่อเป็นการเพิ่มบทบาทของพี่เบิ้ม ให้เป็นที่พึ่งพาขึ้นไปเรื่อยๆ (ต้นตำรับ value added! หรือจะเรียกให้ชัดคือ สร้างภาพ) ลองสังเกตดู พร้อมกับการเขยิบฐานะตัวเป็นพี่เบิ้ม อเมริกา ก็เริ่มทำตัวเป็นนักล่าอาณานิคมยุคใหม่ แทนนักล่ารุ่นเก่าที่กำลังนอนเลียแผล ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 นักล่าอาณานิคมตัวใหญ่แชมป์เก่าคือ อังกฤษ กร่างถึงขนาดประกาศว่า ดวงอาทิตย์ไม่มีวันตกที่จักรภพอังกฤษ ตามมาติดๆคือ ฝรั่งเศส คู่แค้นของไทย กะจะเขมือบไทยมาตลอด วางแผนมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์ แต่ที่อุกอาจสามานย์ ทำให้ไทยเจ็บช้ำจนกรมหลวงชุมพรฯ ต้องสักไว้ก็คือเหตุการณ์ ร.ศ.112 ในสมัยล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 5 หวังว่ายังคงจำกันได้ หรือรู้จักแต่ ม112 นักล่า ที่มาเงียบๆ คอยเสียบ คอยเสี้ยม แล้วหยิบชิ้นปลามันคือ ฮอลันดา แต่นักล่า รุ่นเก๋าจริงๆ ต้องยกให้ สเปนและโปรตุเกศ แผนลึก อดทน และใจเย็น นักล่ายุคใหม่ ไม่ต้องการครอบครองดินแดน แบบนักล่ารุ่นเก่า แต่ต้องการกอบโกยทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์เช่นน้ำมัน และแร่ธาตุสารพัด ของประเทศที่อุดมทรัพยากร แต่ด้อยปัญญา ของประเทศที่ยังไม่พัฒนา โดยเฉพาะในแถบอาเซีย และตะวันออกกลางที่ยังอุดมสมบูรณ์อยู่ ในขณะที่แถวยุโรปเริ่มร่อยหรอ ส่วนอเมริกานั้นยังมีอยู่แยะ แต่งุบงิบแอบเก็บไว้ไม่ให้ใครรู้ อย่าเข้าใจผิดว่าการล่าอาณานิคมยุคใหม่ จะใช้วิธียกทัพจับศึก ยึดดินแดนกันอย่างเมื่อก่อน รุ่นใหม่ ยุคใหม่นี่เขาทำกันเนียน ส่วนเครื่องมือในการล่าอาณานิคมยุคใหม่ เขาใช้ตามคาถายอดนิยม อำนาจ คือ ทุน และทุน คือ อำนาจ … ยังไม่เข้าใจใช่ไหม งั้นต้องอ่านต่อไป รบชนะมาหมาดๆ อำนาจล้นฟ้า บีบให้โลกยกย่องเป็นพี่เบิ้ม จะปล่อยให้โอกาสทองหลุดมือไปได้ยังไง พี่เบิ้มก็ต้องรีบเหยียด (มือยาวๆ อ้อมไปทั้งโลก โดยใช้วิธีการทั้งหลอก ทั้งล่อ เอาทุนนิยมมาล่อ เอาทุนเสรีมาจูง ให้ทุนมันเคลื่อนไหวอย่างเสรี ไม่มีอะไรมากักไง ไร้พรมแดนไงไม่ดีหรือ นายทุนก็ถลารับ แบบนี้มันก็ล้อมโลกได้โดยไม่รู้ตัวกัน คำว่าโลกาภิวัฒน์จึงเกิดขึ้น ชอบใช้กันนัก รู้ให้ทันแล้วกันว่าโลกาภิวัตน์ คืออะไร และเพื่อใคร ทุนนิยมเสรี มันเดินไปเองได้ที่ไหน ก็ต้องหาเครื่องมือให้ทุนมันเดินไปทั่วโลกได้ง่ายๆ เนียนๆ ดังนั้นหน่วย งานระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ (UN) ธนาคารโลก (World Bank) IMF WTO ฯลฯ และเหล่าบรรษัทข้ามชาติ ด้านการเงิน การค้า การอุตสาหกรรมต่างๆ จึงเกิดขึ้น หน่วยงานต่างๆ ดังกล่าว มีพี่เบิ้มและพวก เป็นเจ้าของหรือเป็นผู้กำกับทั้งนั้น รู้กันไหม สหประชาชาติ (UN) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) จากแนวคิดของผู้ชนะสงครามคือ พี่เบิ้มและอังกฤษคู่หู คือ มีคณะมนตรีถาวร 5 ประเทศ ไม่บอกก็น่าจะเดาออกนะ ว่าใครบ้าง ก็ผู้ชนะสงคราม นั่นแหละคือ อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย และจีน (เห็นรายชื่ออย่างนี้ อย่าเพิ่งแปลกใจ ตอนนั้น พี่เบิ้มเขายังวุ่นอยู่กับสร้างบทให้ตัวเองเป็นใหญ่ เลยยังไม่มีเวลา ไปไล่บี้ว่าที่คู่แข่งของตัว) ผู้ควักกระเป๋าจ่ายเงินสนับสนุนการดำเนินงานของ UN ก็คือสมาชิก คงพอเดากันได้ว่าใครจ่ายเงินสนับสนุนUN สูงสุด ไม่น่าตอบผิดนะ ก็พี่เบิ้มอเมริกานั่นไง ไม่งั้นจะได้ตำแหน่งเป็นจิ๊กโก๋๋คุมซอยเหรอ ธนาคารโลก (World Bank) ก่อตั้งขึ้นพร้อมกับ IMF (International Monetary Fund) ในปี พ.ศ.2487 (ค.ศ.1944) แน่นอน ก็จากแนวคิดของพี่เบิ้ม อเมริกาและอังกฤษอีกนั่นแหละ สำนักงานใหญ่ขอทั้ง 2 องค์กร ตั้งอยู่ที่วอชิงตัน ดี ซี ของพี่เบิ้ม เงินสนับสนุนส่วนใหญ่มาจากประเทศสมาชิก แต่ผู้ที่ควักกระเป๋าหนักที่สุดก็ เหมือนเดิมคือ พี่เบิ้ม อเมริกา คิดกันต่อแล้วกันอย่างนี้ แปลว่า พี่เบิ้มใจดีชะมัดหรือพี่เบิ้มกำลังท่องคาถา อำนาจ คือ ทุน ทุน คือ อำนาจ…. ลงทุนจิ๊บจ๊อย เดี๋ยวก็ได้คืนทั้งโลก 555 ไปเปิดอากู (Google) ดู แล้วกัน ประธานธนาคารโลกตั้งกะก่อตั้ง (ค.ศ.1946) มาจนถึงปัจจุบัน (ค.ศ.2016) เป็นคนสัญชาติอเมริกันทั้งหมด …อาจมีคนโวย ไม่ใช่นะ คนสุดท้าย เจ้าจิม ยอง คิม (Jim Yong Kim) เป็นเกาหลีต่างหาก …เป็นเกาหลีแต่ถือสัญชาติอเมริกันครับผม …อืม เริ่มเห็นภาพลางๆ บ้างหรือยัง ครับ อันที่จริงระบบทุนนิยมมีมานานแล้วนะ แต่การขยายตัวทำได้ช้า เพราะต้องพึ่งการคมนาคมและการสื่อสาร ดังนั้นทุนนิยมยุคโบราณจึงเดินทางโดยเรือ รถไฟ ม้า อูฐ และนกพิราบ (ฮา!) ก็ตอนนั้นยังไม่มีเครื่องบิน โทรเลข โทรศัพท์ มือถือ ดาวเทียม Swift 3จี 4จี Wi-Fi ฯลฯ อะไรนี่นะ ทุนนิยมโลกไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขตดินแดน แต่ขึ้นกับศูนย์อำนาจในแต่ละช่วงเวลานั้น เช่น ฮอลันดาเป็นศูนย์ กลางของทุนนิยม สมัยศตวรรษที่ 17 ก็เล่นล่าตั้งกะอินโดนีเซียยันไปถึงอาฟริกา ต่อมาศูนย์อำนาจก็ย้ายไปอยู่ที่อังกฤษ เจ้าของคำกร่างว่า พระอาทิตย์ไม่ตกดินที่อังกฤษ จนมาถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พี่เบิ้มอเมริกา ถึงได้ขึ้นแท่นเป็น นัมเบอร์วัน ของศูนย์อำนาจ ไชโย! ตาไอแล้ว อเมริกา คิดเรื่องระบบทุนนิยมและกลไก ที่จะทำให้ตนเป็นศูนย์อำนาจ มาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่โอกาสยังไม่อำนวย หวยมาตกก็ตอนศูนย์อำนาจเก่าๆ พากันฉิบหาย หงายท้องหมด หลังสงคราม โลกครั้งที่ 2 นี่แหละ อเมริกาถึงเสนอแผนจัดโครงสร้างระเบียบโลกเสียใหม่ (New World Order) โดยเน้นที่พลังทุนนิยม ก็เป็นเศรษฐีนี่ มีปัญหาไหม ไม่นิยมทุนแล้วจะให้นิยมอะไร …อย่าลืมคาถา ทุน คือ อำนาจ อำนาจ คือ ทุน ง่ายๆ ตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะเรียก New World Order หรือ Pax Americana หรือคำอะไรให้มันดูหรูหราเข้าใจยากจริงๆ แล้วมันก็คือแผนการล่าอาณานิคมยุคใหม่นั่นเอง โดยใช้ระบบทุนนิยม นำหน้าในการล่า เดี๋ยวก็มาถึงทุนนิยมสามานย์น่าใจเย็นไว้โยม ทุนจะมีก็ต้องค้าขาย เงินไม่ได้ตกลงมาจากฟ้าเหมือนฝนนะ จะค้าขายก็ต้องมีสินค้า สินค้ามาจากไหน มาจากการผลิต การผลิตต้องมีอะไรเป็นปัจจัย ต้องมีวัตถุดิบซีจ้ะ วัตถุดิบมาจากไหน ก็มาจากทรัพยากร ทรัพยากรมาจากไหน ก็ปล้นหรือต้มเขาเอาซีวุ้ย แหม กว่าจะโยงมาถึงคนเล่านิทานเกือบเป็นลม ดังนั้นนักสำรวจทรัพย์ของผู้อื่น ในคราบผู้เชี่ยวชาญ จึงเดินกันว่อน วิ่งกันพล่าน อุ๊ย ประเทศนี้ไอจองนะ ไอจะไปดูเอง เขาน่าสงสารนะ เห็นมีแต่ช้างเดินเต็มป่า วัวควายเต็มทุ่งนา ปี ค.ศ.1946 สงครามโลกครั้งที่ 2 เลิกหมาดๆ อเมริกาส่งผู้เชี่ยวชาญ มาทำการสำรวจสถานะของประเทศไทยและสรุปว่า ไทยแลนด์ เป็นประเทศที่ยังมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ และยังมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจดียิ่ง อย่างเหลือเชื่อ (อย่างเหลือเชื่อนี่ ผมเติมเองครับ เพราะอ่านแล้วเหลือเชื่อ นี่ขนาดบริหารกันไปแดกกันไป ยังแกร่งอย่างนี้เลยนะ ถ้าตั้งอกตั้งใจบริหาร แม่อีหนูเอ๊ย ลูกหลานเราคงเรียนฟรี ถนนคงปูด้วยทองคำ อย่างที่ ท่านอจ.ศึกฤทธิ์ว่าไว้จริงๆ นะ) รายงานฉบับดังกล่าว ทำให้อเมริกาน้ำลายเยิ้มเมื่อมองประเทศไทย ไม่ต่างกับที่โอบามา มองคุณนายเอ๋อเมื่อตอนมาสำรวจประเทศไทย เมื่อปลายปี พ.ศ.2555 นั่นแหละ แล้วทำอย่างไร อเมริกาถึงจะได้กินอาหารจานอร่อยชื่อ ไทยแลนด์ แดนสวรรค์ สยามเมืองยิ้ม ไม่ยาก อเมริกาใหญ่ผงาดมาขนาดนี้ ไม่ใช่ทำเป็นแค่ขี้ม้าไล่ยิงอินเดียนแดงออกจากถิ่นเก่าของเขานะวุ้ย คนเล่านิทาน
    1 Comments 0 Shares 213 Views 0 Reviews
  • #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาดเพื่อชาติศาสน์กษัตริย์และอธิปไตยชาติไทยเรา.

    ..ฮุนเซนและทหารเขมรทั้งหมดคืออาชญากรและอาชญากรรมทางสงครามทั้งหมดมีความผิดชัดเจน เจตนาสั่งยิงโรงพยาบาลไทย โรงเรียนไทย บ้านเรือนประชาชนคนบริสุทธิ์ตลอดสถานีปั้มน้ำมันที่ผู้คนบริสุทธิ์ใช้ชีวิตปกติมิอาจรู้ถึงภัยคุกคามอันป่าเถื่อนของเขมรที่ผิดหลักขั้นพื้นฐานของวิถีสงครามด้านมนุษยธรรมชัดเจนต่อผู้ปกติบริสุทธิ์นั้นๆ,รัฐบาลไทยถือว่าทรยศด้วยเร่งรีบออกมาปกป้องฮุนเซนโดยเฉพาะอดีตนายกฯที่พักงานนายกฯไปแล้ว ใช้วลีคำว่า "เขมรยิงมั่ว"โดยสื่อที่เป็นลูกน้องควบคุมสั่งงานได้ก็รับงาน นักวิชาการทรยศก็รับงาน พูดตามด้วยว่าทหารเขมรยิงมั่ว ซึ่งความจริง มันอยู่ในรัศมีพิกัดทำลายเป้าหมายเหมือนกันนั้นเอง โอกาสโดนเป้าหมายที่ต้องการก็มากเช่นกันจากจำนวนระเบิดกระสุนที่มากขึ้นนั้นสามารถตกทำลายเป้าหมายซ้ำที่เดิมหรือใกล้เคียงเป้าหมายได้และตกระเบิดโรงเรียนโรงพยาบาลจริง บ้านเรือนประชาชนคนไทยจริง ปั้มน้ำมันจริงหมายให้ปั้มน้ำมันระเบิดสร้างความเสียหายขนาดใหญ่ขึ้นก็ได้ มีผู้เสียชีวิตจริง บาดเจ็บจริงในปั้มน้ำมันไทยด้วย คือความสำเร็จบรรลุเป้าหมายการทำลายล้างชัดเจน คือเจตนายิงฆ่าล้างสังหารพลเรือนไทยที่บริสุทธิ์สมบูรณ์สำเร็จตามเป้านั้นเอง,นี้คืออาชญากรและอาชญากรรมทางสงครามชัดเจนหมายฆ่าสังหารผู้บริสุทธิ์มากกว่านั่นเอง,รัฐบาลไทยในฝ่ายคนของรัฐบาลให้การผ่านสื่อมีเจตนาช่วยเหลือเขมรชัดเจนโดยระบุว่าเขมรยิงมั่ว ให้การยืนยันช่วยเขมรฮุนเซนผ่านสื่อให้เป็นทางการนั้นเองถือว่าทรยศในอธิปไตยประเทศไทยตนชัดเจนเข้าด้วยกับศัตรูปกป้องศัตรูที่เป็นภัยคุกคามอธิปไตยไทยตนเอง,เป็นกบฎต่ออธิปไตยแผ่นดินไทยนั้นเอง,พยายามช่วยเหลือปกป้องอังเคิลฮุนเซนจนวินาทีสุดท้าย,มิให้มีข้อหาเป็นอาชญากรและอาชญากรรมทางสงครามนั่นเอง,ซึ่งรับรู้ข้อนี้แน่นอนจึงรีบให้ข่าวปกป้องฮุนเซน,ซึ่งจริงๆไม่ต้องว่าฮุนเซนสั่งทหารเขมรว่ายิงมั่วก็ได้เมื่อมันยิงนั่นคือยิงใส่ชีวิตคนไทยนะฆ่าคนไทยนะ ยิงมั่วจึงไปถูกโรงเรียนโรงพยาบาลบ้านเรือนประชาชนปั้นน้ำมันจนมีคนตายคนเสียชีวิตคนบาดเจ็บเป็นอันมาก ปกป้องเขมรว่ายิงมั่วๆนะเลยโดนแบบนี้พูดไม่ได้,พูดหากคนไม่รู้ว่า ถ้าพูดว่าเจตนายิงโรงเรียนโรงพยาบาลบ้านเรือนคนบริสุทธิ์ปั้มน้ำมันตัดเสบียงเขื้อเพลิงเติมพลังงานรถรบจะเข้าข่ายอาชญกรและอาชญากรรมทางสงครามทันที,ซึ่งถ้าออกมาพูดว่ายิงมั่วๆช่วยแก้ต่างให้จะพลิกไม่มีความผิดทันที,และรัฐบาลไทยยอมรับเองว่าเขมรยิงมั่ว ฮุนเซนจะรอดจากอาชญกรสงครามรอดจากอาชญากรรมทางสงครามทันที,กฎหมายสากลที่วามารถไล่ล่าจับกุมอาชญากรรมสงครามได้ทั่วโลกจะใช้บังคับไล่ล่าจับกุมมาลงโทษไม่ได้,รัฐบาลไทยชุดนี้จึงเสมือนเป็นฝ่ายเข้าข้างศัตรูของขาติชัดเจน นอกจากพักงานสถานะนายกฯแล้วที่มีคลิปพูดว่า"ทหารไทยเป็นฝ่ายตรงข้ามเรา" นี้ก็สามารถเชื่อมโยงเงื่อนปัจจุบันว่าทรยศประเทศชาติไทยตนเองแล้ว,กบฎต่อแผ่นดินไทยตนเองเข้ากับศัตรู,คลองคูเลตที่เขมรขุดยิ่งชัดเจนไม่แถลงเร่งรีบตอบโต้ไม่พอใจแอ็คชั่นเขมรว่าทำไม่ถูกทันทีก็ไม่ทำ,ยังให้เขมรอยู่ในคูเลตที่มันขุดเนินนานผิดปกตินั้นเอง หรือขุดตลอดแนวพิพาทก็ไม่ได้แต่ไม่แถลงคัดค้านจริงจังใดทำเป็นเล่นๆประมาทเลินเล่อจนปัจจุบันเขมรใช้คูเลตนั้นยิงระเบิดใส่ทหารไทยเราในตอนนี้,
    ..เราต้องยึดประเทศเขมรดีที่สุด เพราะเขมรคือภัยคุกคามชาวโลกและเป็นประเทศฮับอาชญากรและอาชญากรรมมากมายรูปแบบไปแล้ว,ฮับค้ามนุษย์ ฮับค้าอวัยวะมนุษย์ ฮับฟอกเงินสากลระดับโลก เดอะแก๊งคอลเซนเตอร์สากลของโลก สแกมเมอร์โลก ค้ายาเสพติดระดับโลก เถื่อนๆสาระพัดย้ายมาประเทศเขมรหมดโดยมีอำนาจปกครองประเทศนำโดยรัฐบาลฮุนเซนอำนวยการสร้างทั้งหมด,นี้คือภัยคุกคามร้ายแรงระดับอาเชียนระดับเอเชียและระดับโลกชัดเจน ศูนย์รวมอาชญากรและอาชญากรรมโลกชั่วๆเลวๆของแท้ จึงสามารถลงมือไร้ความปราณีใดๆสามารถสั่งยิงคนบริสุทธิ์ในโรงเรียนโรงพยาบาลได้อย่างอำมหิตเพราะปกติทำลักษณะนี้เคยชินเป็นประจำใต้ดินใต้ฐานค้ามนุษย์ค้าอวัยวะมนุษย์ในดินแดนเขมรที่ตนปกครอง,ไม่มีความเมตตาปราณีใดๆในใจนั้นเองจึงสามารถกระทำการฆ่าสังหารคนไทยผู้บริสุทธิ์ผ่านภาวะสงครามอ้างสงครามได้,
    ..เขมรมิอาจสามารถมีสถานะเป็นประเทศต่อไปได้อีก สมควรคืนสู่สถานะเดิมที่ในอดีตยังไม่มีชื่อประเทศเขมร,คุณสมบัติความเป็นประเทศเขมรนี้สิ้นสภาพทันทีเพราะก่อตั้งมาก็เป็นประเทศที่เป็นไปเพื่อคุกคามชาวโลกเป็นประเทศที่เป็นฐานปฏิบัติใหญ่ในด้านการก่ออาชญากรรมต่อชาวโลกมากมายหลากหลายมิติไปเสียแล้ว,ผิดวิสัยและขาดคุณสมบัติการเป็นประเทศที่ดีงาม,ฝรั่งเศสได้ปล้นชิงดินแดนไทยมากมายหลายหมื่นหลายแสนตารางกม.แล้วมอบให้คนเชื้อชาตินี้ไปตั้งเป็นประเทศใหม่ขึ้นบนอาเชียน,เมื่อเขมรขาดคุณสมบัติที่ดีงามเป็นภัยร้ายแรงเป็นฮับอาชญากรรมโลก เขมรต้องสิ้นสถานะการได้ความเป็นประเทศ ,สิ้นสถานะมีสิทธิในการก่อตั้งประเทศ ,เมื่อสิ้นสถานะและขาดคุณสมบัติการเป็นประเทศเขมรต้องคืนดินแดนที่ฝรั่งเศสปล้นชิงไปจากประเทศไทยเราคืนให้ประเทศไทยทันทีที่ฝรั่งเศสคืนให้ผิดเจ้าของคืนให้ผิดคนนั่นคือต้องคืนให้ประเทศไทยที่เป็นเจ้าของที่แท้จริงนั้นเองก่อนสงครามโลกที่ญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกอีก.

    ..เตียบันสามารถยึดอำนาจได้เลยก็ด้วยเมื่อฮุนเซนทิ้งกองทัพขณะสู้รบ,หนีทัพหนีสงครามนั้นเอง.
    ..ฮุนเซนหนีสงครามชัดเจน แม่ทัพหนีสนามรบถือว่ามีความผิด,สามารถยึดอำนาจขึ้นปกครองแทนฮุนเซนเลย,ฝ่ายค้านก็ยึดทรัพย์สินฮุนเซนด้วยเลยซึ่งก็จงใจอยากจะทำอยู่แล้วในอดีตก่อนที่ทหารไทยเราจะถล่มบ้านเรือนฮุนเซนให้เป็นสัญลักษณ์และถล่มแหล่งค้ามนุษย์ค้าอวัยวะมนุษย์ค้ายาเสพติดฟอกเงินระดับโลกบ่อนคาสิโนอบายมุขต่างๆตลอดค้าเถื่อนฮับอาชญากรรมโลกทั่วเขมรก็ว่า,ลาว เวียดนามสามารถลงพื้นที่ขจัดภัยอาชญากรรมโลกแทนชาวโลกร่วมกันก็ได้ปกป้องชาติอาเชียนชาติเอเชียเราเองก็ด้วย,สามารถแบ่งดินแดนเป็นของลาวทะลุทะเลได้ในอนาคต,แบ่งดินแดนเขมรให้เวียดนามได้ด้วยที่เขมรมีเรื่องมีราวรุกรานคุกคามกันมาก่อนให้ลาวและเวียดนามแบ่งปกครองพื้นที่นี้ก็ว่า,เขมรคือเผ่าพันธ์ุที่ไม่สมควรเป็นประเทศอะไรเลย เผ่าพันธุ์สันดานสัตว์เลื้อยคลานแรปทีเลี่ยนของจริงลิ้นสองแฉก ไม่ซื่อสัตย์ต่อผู้ใด พร้อมทรยศหักหลังกัดคนเลี้ยงดูดูแลได้ตลอดเวลาและทำให้คนเลี้ยงดูถึงตายได้,ประเทศไทยไม่รับคนเผ่าพันธุ์นี้เป็นพลเมืองไทยได้ขึ้นเป็นคนไทยสัญชาติไทยได้เลย,ไม่ให้สัญชาติไทยนั้นเอง.
    ..สงครามนี้เกิดขึ้นเพื่อเป้าหมายคือยึดครองบ่อน้ำมันที่อ่าวไทย โดยเดอะแก๊งฝรั่งจะเข้ามายึดครองผ่านเงื่อนไขข้ออ้างช่วยประสานการเจรจาสงบศึกสงบสงครามนั้นเองแล้วจะส่งทหารเดอะแก๊งฝรั่งตนเข้ายึดพื้นที่ขัดแย้งนั้นๆแทนตลอดแนวพรมแดนไทยกับเขมร ไม่ถอนกำลังทหารฝรั่งตนเองง่ายๆอีกด้วยจนกว่าจะได้บ่อน้ำมันสิทธิทำแดกหลุมน้ำมันบนอ่าวไทย,ฝรั่งให้ตังฮุนเซนและคนทรยศประจำประเทศแน่นอนเหมือนจ่ายล่วงหน้าค่าดำเนินการจะเปิดบ่อนคาสิโนในไทยนั้นล่ะ,รัฐบาลชุดทหารเป็นฝ่ายตรงข้ามเรา จึงขาดความชอบธรรมต่อการบริหารรักษาการประเทศชัดเจนด้วย,มีแต่จะสร้างนัยยะการเสียอธิปไตยต่างๆมากมาย เช่นอธิปไตยดินแดนในปัจจุบัน อธิปไตยพื้นที่ในอ่าวไทยเราก็ด้วย,อธิปไตยอำนาจปกครองตนเองที่แท้จริงที่ฝรั่งจะมาสั่งซ้ายหันสั่งขวาหันแบบเดิมๆเช่นในอดีตๆไม่ได้อีกแล้วนั้นเองไม่สมควรเสียอธิปไตยด้านนี้ด้วย,
    ..มันบินไปเกาหลีใต้จริง คนไทยแบนสินค้าบริการเกาหลีใต้ให้หนักกว่าเดิมเลย,เลิกใช้เลิกซื้อสินค้าบริการจากเกาหลีใต้ทั้งหมด,และฮุนเซนคืออาชญากรอาชญากรรมโลก สามารถไล่ล่าจับกุมทันทีระดับสากลโลกตลอดเวลาได้,ตำรวจสากลโลกสามารถเข้าไล่ล่าจับกุมมาลงโทษประหารชีวิตได้,คนตายมากมายจากการก่ออาชญากรรมทางสงครามมันนั้นเอง.

    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาดเพื่อชาติศาสน์กษัตริย์และอธิปไตยชาติไทยเรา.


    https://youtube.com/watch?v=U2J7kd1J1go&si=El-uLvdrJuWbUUiM
    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาดเพื่อชาติศาสน์กษัตริย์และอธิปไตยชาติไทยเรา. ..ฮุนเซนและทหารเขมรทั้งหมดคืออาชญากรและอาชญากรรมทางสงครามทั้งหมดมีความผิดชัดเจน เจตนาสั่งยิงโรงพยาบาลไทย โรงเรียนไทย บ้านเรือนประชาชนคนบริสุทธิ์ตลอดสถานีปั้มน้ำมันที่ผู้คนบริสุทธิ์ใช้ชีวิตปกติมิอาจรู้ถึงภัยคุกคามอันป่าเถื่อนของเขมรที่ผิดหลักขั้นพื้นฐานของวิถีสงครามด้านมนุษยธรรมชัดเจนต่อผู้ปกติบริสุทธิ์นั้นๆ,รัฐบาลไทยถือว่าทรยศด้วยเร่งรีบออกมาปกป้องฮุนเซนโดยเฉพาะอดีตนายกฯที่พักงานนายกฯไปแล้ว ใช้วลีคำว่า "เขมรยิงมั่ว"โดยสื่อที่เป็นลูกน้องควบคุมสั่งงานได้ก็รับงาน นักวิชาการทรยศก็รับงาน พูดตามด้วยว่าทหารเขมรยิงมั่ว ซึ่งความจริง มันอยู่ในรัศมีพิกัดทำลายเป้าหมายเหมือนกันนั้นเอง โอกาสโดนเป้าหมายที่ต้องการก็มากเช่นกันจากจำนวนระเบิดกระสุนที่มากขึ้นนั้นสามารถตกทำลายเป้าหมายซ้ำที่เดิมหรือใกล้เคียงเป้าหมายได้และตกระเบิดโรงเรียนโรงพยาบาลจริง บ้านเรือนประชาชนคนไทยจริง ปั้มน้ำมันจริงหมายให้ปั้มน้ำมันระเบิดสร้างความเสียหายขนาดใหญ่ขึ้นก็ได้ มีผู้เสียชีวิตจริง บาดเจ็บจริงในปั้มน้ำมันไทยด้วย คือความสำเร็จบรรลุเป้าหมายการทำลายล้างชัดเจน คือเจตนายิงฆ่าล้างสังหารพลเรือนไทยที่บริสุทธิ์สมบูรณ์สำเร็จตามเป้านั้นเอง,นี้คืออาชญากรและอาชญากรรมทางสงครามชัดเจนหมายฆ่าสังหารผู้บริสุทธิ์มากกว่านั่นเอง,รัฐบาลไทยในฝ่ายคนของรัฐบาลให้การผ่านสื่อมีเจตนาช่วยเหลือเขมรชัดเจนโดยระบุว่าเขมรยิงมั่ว ให้การยืนยันช่วยเขมรฮุนเซนผ่านสื่อให้เป็นทางการนั้นเองถือว่าทรยศในอธิปไตยประเทศไทยตนชัดเจนเข้าด้วยกับศัตรูปกป้องศัตรูที่เป็นภัยคุกคามอธิปไตยไทยตนเอง,เป็นกบฎต่ออธิปไตยแผ่นดินไทยนั้นเอง,พยายามช่วยเหลือปกป้องอังเคิลฮุนเซนจนวินาทีสุดท้าย,มิให้มีข้อหาเป็นอาชญากรและอาชญากรรมทางสงครามนั่นเอง,ซึ่งรับรู้ข้อนี้แน่นอนจึงรีบให้ข่าวปกป้องฮุนเซน,ซึ่งจริงๆไม่ต้องว่าฮุนเซนสั่งทหารเขมรว่ายิงมั่วก็ได้เมื่อมันยิงนั่นคือยิงใส่ชีวิตคนไทยนะฆ่าคนไทยนะ ยิงมั่วจึงไปถูกโรงเรียนโรงพยาบาลบ้านเรือนประชาชนปั้นน้ำมันจนมีคนตายคนเสียชีวิตคนบาดเจ็บเป็นอันมาก ปกป้องเขมรว่ายิงมั่วๆนะเลยโดนแบบนี้พูดไม่ได้,พูดหากคนไม่รู้ว่า ถ้าพูดว่าเจตนายิงโรงเรียนโรงพยาบาลบ้านเรือนคนบริสุทธิ์ปั้มน้ำมันตัดเสบียงเขื้อเพลิงเติมพลังงานรถรบจะเข้าข่ายอาชญกรและอาชญากรรมทางสงครามทันที,ซึ่งถ้าออกมาพูดว่ายิงมั่วๆช่วยแก้ต่างให้จะพลิกไม่มีความผิดทันที,และรัฐบาลไทยยอมรับเองว่าเขมรยิงมั่ว ฮุนเซนจะรอดจากอาชญกรสงครามรอดจากอาชญากรรมทางสงครามทันที,กฎหมายสากลที่วามารถไล่ล่าจับกุมอาชญากรรมสงครามได้ทั่วโลกจะใช้บังคับไล่ล่าจับกุมมาลงโทษไม่ได้,รัฐบาลไทยชุดนี้จึงเสมือนเป็นฝ่ายเข้าข้างศัตรูของขาติชัดเจน นอกจากพักงานสถานะนายกฯแล้วที่มีคลิปพูดว่า"ทหารไทยเป็นฝ่ายตรงข้ามเรา" นี้ก็สามารถเชื่อมโยงเงื่อนปัจจุบันว่าทรยศประเทศชาติไทยตนเองแล้ว,กบฎต่อแผ่นดินไทยตนเองเข้ากับศัตรู,คลองคูเลตที่เขมรขุดยิ่งชัดเจนไม่แถลงเร่งรีบตอบโต้ไม่พอใจแอ็คชั่นเขมรว่าทำไม่ถูกทันทีก็ไม่ทำ,ยังให้เขมรอยู่ในคูเลตที่มันขุดเนินนานผิดปกตินั้นเอง หรือขุดตลอดแนวพิพาทก็ไม่ได้แต่ไม่แถลงคัดค้านจริงจังใดทำเป็นเล่นๆประมาทเลินเล่อจนปัจจุบันเขมรใช้คูเลตนั้นยิงระเบิดใส่ทหารไทยเราในตอนนี้, ..เราต้องยึดประเทศเขมรดีที่สุด เพราะเขมรคือภัยคุกคามชาวโลกและเป็นประเทศฮับอาชญากรและอาชญากรรมมากมายรูปแบบไปแล้ว,ฮับค้ามนุษย์ ฮับค้าอวัยวะมนุษย์ ฮับฟอกเงินสากลระดับโลก เดอะแก๊งคอลเซนเตอร์สากลของโลก สแกมเมอร์โลก ค้ายาเสพติดระดับโลก เถื่อนๆสาระพัดย้ายมาประเทศเขมรหมดโดยมีอำนาจปกครองประเทศนำโดยรัฐบาลฮุนเซนอำนวยการสร้างทั้งหมด,นี้คือภัยคุกคามร้ายแรงระดับอาเชียนระดับเอเชียและระดับโลกชัดเจน ศูนย์รวมอาชญากรและอาชญากรรมโลกชั่วๆเลวๆของแท้ จึงสามารถลงมือไร้ความปราณีใดๆสามารถสั่งยิงคนบริสุทธิ์ในโรงเรียนโรงพยาบาลได้อย่างอำมหิตเพราะปกติทำลักษณะนี้เคยชินเป็นประจำใต้ดินใต้ฐานค้ามนุษย์ค้าอวัยวะมนุษย์ในดินแดนเขมรที่ตนปกครอง,ไม่มีความเมตตาปราณีใดๆในใจนั้นเองจึงสามารถกระทำการฆ่าสังหารคนไทยผู้บริสุทธิ์ผ่านภาวะสงครามอ้างสงครามได้, ..เขมรมิอาจสามารถมีสถานะเป็นประเทศต่อไปได้อีก สมควรคืนสู่สถานะเดิมที่ในอดีตยังไม่มีชื่อประเทศเขมร,คุณสมบัติความเป็นประเทศเขมรนี้สิ้นสภาพทันทีเพราะก่อตั้งมาก็เป็นประเทศที่เป็นไปเพื่อคุกคามชาวโลกเป็นประเทศที่เป็นฐานปฏิบัติใหญ่ในด้านการก่ออาชญากรรมต่อชาวโลกมากมายหลากหลายมิติไปเสียแล้ว,ผิดวิสัยและขาดคุณสมบัติการเป็นประเทศที่ดีงาม,ฝรั่งเศสได้ปล้นชิงดินแดนไทยมากมายหลายหมื่นหลายแสนตารางกม.แล้วมอบให้คนเชื้อชาตินี้ไปตั้งเป็นประเทศใหม่ขึ้นบนอาเชียน,เมื่อเขมรขาดคุณสมบัติที่ดีงามเป็นภัยร้ายแรงเป็นฮับอาชญากรรมโลก เขมรต้องสิ้นสถานะการได้ความเป็นประเทศ ,สิ้นสถานะมีสิทธิในการก่อตั้งประเทศ ,เมื่อสิ้นสถานะและขาดคุณสมบัติการเป็นประเทศเขมรต้องคืนดินแดนที่ฝรั่งเศสปล้นชิงไปจากประเทศไทยเราคืนให้ประเทศไทยทันทีที่ฝรั่งเศสคืนให้ผิดเจ้าของคืนให้ผิดคนนั่นคือต้องคืนให้ประเทศไทยที่เป็นเจ้าของที่แท้จริงนั้นเองก่อนสงครามโลกที่ญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกอีก. ..เตียบันสามารถยึดอำนาจได้เลยก็ด้วยเมื่อฮุนเซนทิ้งกองทัพขณะสู้รบ,หนีทัพหนีสงครามนั้นเอง. ..ฮุนเซนหนีสงครามชัดเจน แม่ทัพหนีสนามรบถือว่ามีความผิด,สามารถยึดอำนาจขึ้นปกครองแทนฮุนเซนเลย,ฝ่ายค้านก็ยึดทรัพย์สินฮุนเซนด้วยเลยซึ่งก็จงใจอยากจะทำอยู่แล้วในอดีตก่อนที่ทหารไทยเราจะถล่มบ้านเรือนฮุนเซนให้เป็นสัญลักษณ์และถล่มแหล่งค้ามนุษย์ค้าอวัยวะมนุษย์ค้ายาเสพติดฟอกเงินระดับโลกบ่อนคาสิโนอบายมุขต่างๆตลอดค้าเถื่อนฮับอาชญากรรมโลกทั่วเขมรก็ว่า,ลาว เวียดนามสามารถลงพื้นที่ขจัดภัยอาชญากรรมโลกแทนชาวโลกร่วมกันก็ได้ปกป้องชาติอาเชียนชาติเอเชียเราเองก็ด้วย,สามารถแบ่งดินแดนเป็นของลาวทะลุทะเลได้ในอนาคต,แบ่งดินแดนเขมรให้เวียดนามได้ด้วยที่เขมรมีเรื่องมีราวรุกรานคุกคามกันมาก่อนให้ลาวและเวียดนามแบ่งปกครองพื้นที่นี้ก็ว่า,เขมรคือเผ่าพันธ์ุที่ไม่สมควรเป็นประเทศอะไรเลย เผ่าพันธุ์สันดานสัตว์เลื้อยคลานแรปทีเลี่ยนของจริงลิ้นสองแฉก ไม่ซื่อสัตย์ต่อผู้ใด พร้อมทรยศหักหลังกัดคนเลี้ยงดูดูแลได้ตลอดเวลาและทำให้คนเลี้ยงดูถึงตายได้,ประเทศไทยไม่รับคนเผ่าพันธุ์นี้เป็นพลเมืองไทยได้ขึ้นเป็นคนไทยสัญชาติไทยได้เลย,ไม่ให้สัญชาติไทยนั้นเอง. ..สงครามนี้เกิดขึ้นเพื่อเป้าหมายคือยึดครองบ่อน้ำมันที่อ่าวไทย โดยเดอะแก๊งฝรั่งจะเข้ามายึดครองผ่านเงื่อนไขข้ออ้างช่วยประสานการเจรจาสงบศึกสงบสงครามนั้นเองแล้วจะส่งทหารเดอะแก๊งฝรั่งตนเข้ายึดพื้นที่ขัดแย้งนั้นๆแทนตลอดแนวพรมแดนไทยกับเขมร ไม่ถอนกำลังทหารฝรั่งตนเองง่ายๆอีกด้วยจนกว่าจะได้บ่อน้ำมันสิทธิทำแดกหลุมน้ำมันบนอ่าวไทย,ฝรั่งให้ตังฮุนเซนและคนทรยศประจำประเทศแน่นอนเหมือนจ่ายล่วงหน้าค่าดำเนินการจะเปิดบ่อนคาสิโนในไทยนั้นล่ะ,รัฐบาลชุดทหารเป็นฝ่ายตรงข้ามเรา จึงขาดความชอบธรรมต่อการบริหารรักษาการประเทศชัดเจนด้วย,มีแต่จะสร้างนัยยะการเสียอธิปไตยต่างๆมากมาย เช่นอธิปไตยดินแดนในปัจจุบัน อธิปไตยพื้นที่ในอ่าวไทยเราก็ด้วย,อธิปไตยอำนาจปกครองตนเองที่แท้จริงที่ฝรั่งจะมาสั่งซ้ายหันสั่งขวาหันแบบเดิมๆเช่นในอดีตๆไม่ได้อีกแล้วนั้นเองไม่สมควรเสียอธิปไตยด้านนี้ด้วย, ..มันบินไปเกาหลีใต้จริง คนไทยแบนสินค้าบริการเกาหลีใต้ให้หนักกว่าเดิมเลย,เลิกใช้เลิกซื้อสินค้าบริการจากเกาหลีใต้ทั้งหมด,และฮุนเซนคืออาชญากรอาชญากรรมโลก สามารถไล่ล่าจับกุมทันทีระดับสากลโลกตลอดเวลาได้,ตำรวจสากลโลกสามารถเข้าไล่ล่าจับกุมมาลงโทษประหารชีวิตได้,คนตายมากมายจากการก่ออาชญากรรมทางสงครามมันนั้นเอง. #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาดเพื่อชาติศาสน์กษัตริย์และอธิปไตยชาติไทยเรา. https://youtube.com/watch?v=U2J7kd1J1go&si=El-uLvdrJuWbUUiM
    0 Comments 0 Shares 246 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากข้อความที่ขาดหาย: เมื่อ Aeneas ช่วยต่อจิ๊กซอว์ของอดีตด้วย AI

    Aeneas เป็นโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สที่ DeepMind พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยนักวิชาการ:
    - ตีความข้อความโบราณที่ไม่สมบูรณ์
    - ค้นหาความเชื่อมโยงระหว่างข้อความต่าง ๆ
    - ฟื้นฟูเนื้อหาที่ขาดหายไป
    - จัดกลุ่มข้อความตามช่วงเวลาและบริบททางประวัติศาสตร์

    โมเดลนี้ใช้ข้อมูลจากจารึกภาษาละตินกว่า 176,000 รายการ ซึ่งสะสมจากงานวิจัยหลายสิบปี และสามารถ:
    - สร้าง “ลายนิ้วมือทางประวัติศาสตร์” ให้กับแต่ละข้อความ
    - วิเคราะห์รูปแบบทางไวยากรณ์และสูตรมาตรฐานในจารึก
    - รองรับการประมวลผลแบบมัลติโหมด เช่น ข้อความ + รูปภาพ

    Aeneas เป็นการต่อยอดจากโมเดล Ithaca ที่เคยใช้กับภาษากรีก โดยมีเป้าหมายเพื่อ:

    “ช่วยให้นักประวัติศาสตร์เข้าใจบริบทของข้อความที่โดดเดี่ยว และต่อภาพรวมของอดีตได้ชัดเจนขึ้น”

    DeepMind เปิดให้ใช้งาน Aeneas แบบ interactive สำหรับนักวิจัย นักเรียน ครู และพิพิธภัณฑ์ พร้อมเปิดซอร์สโค้ดและชุดข้อมูลบน GitHub

    https://www.neowin.net/news/google-deepmind-releases-new-ai-model-aeneas-that-understands-ancient-lingo/
    🎙️ เรื่องเล่าจากข้อความที่ขาดหาย: เมื่อ Aeneas ช่วยต่อจิ๊กซอว์ของอดีตด้วย AI Aeneas เป็นโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สที่ DeepMind พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยนักวิชาการ: - ตีความข้อความโบราณที่ไม่สมบูรณ์ - ค้นหาความเชื่อมโยงระหว่างข้อความต่าง ๆ - ฟื้นฟูเนื้อหาที่ขาดหายไป - จัดกลุ่มข้อความตามช่วงเวลาและบริบททางประวัติศาสตร์ โมเดลนี้ใช้ข้อมูลจากจารึกภาษาละตินกว่า 176,000 รายการ ซึ่งสะสมจากงานวิจัยหลายสิบปี และสามารถ: - สร้าง “ลายนิ้วมือทางประวัติศาสตร์” ให้กับแต่ละข้อความ - วิเคราะห์รูปแบบทางไวยากรณ์และสูตรมาตรฐานในจารึก - รองรับการประมวลผลแบบมัลติโหมด เช่น ข้อความ + รูปภาพ Aeneas เป็นการต่อยอดจากโมเดล Ithaca ที่เคยใช้กับภาษากรีก โดยมีเป้าหมายเพื่อ: 🔖 “ช่วยให้นักประวัติศาสตร์เข้าใจบริบทของข้อความที่โดดเดี่ยว และต่อภาพรวมของอดีตได้ชัดเจนขึ้น” DeepMind เปิดให้ใช้งาน Aeneas แบบ interactive สำหรับนักวิจัย นักเรียน ครู และพิพิธภัณฑ์ พร้อมเปิดซอร์สโค้ดและชุดข้อมูลบน GitHub https://www.neowin.net/news/google-deepmind-releases-new-ai-model-aeneas-that-understands-ancient-lingo/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google DeepMind releases new AI model 'Aeneas' that understands ancient lingo
    Google DeepMind has dropped a new AI model, Aeneas, to help historians better interpret connections from the past.
    0 Comments 0 Shares 131 Views 0 Reviews
  • ♣ ก่อนหน้านี้ก็มีการตั้ง ดร.วิรไท และดร.เศรษฐพุฒิ เป็นผู้ว่าแบงก์ชาติ ทั้งที่สองคนไม่เคยทำงานในธปท.มาก่อน ตอนนั้นนักวิชาการพวกนี้มุดหัวอยู่ไหน พอตั้งนายแบงก์ติดดินมาช่วยลดหนี้ชาวบ้าน นักวิชาการก็ออกมาปกป้องผลประโยชน์แบงก์พาณิชย์ทันที
    #7ดอกจิก
    ♣ ก่อนหน้านี้ก็มีการตั้ง ดร.วิรไท และดร.เศรษฐพุฒิ เป็นผู้ว่าแบงก์ชาติ ทั้งที่สองคนไม่เคยทำงานในธปท.มาก่อน ตอนนั้นนักวิชาการพวกนี้มุดหัวอยู่ไหน พอตั้งนายแบงก์ติดดินมาช่วยลดหนี้ชาวบ้าน นักวิชาการก็ออกมาปกป้องผลประโยชน์แบงก์พาณิชย์ทันที #7ดอกจิก
    0 Comments 0 Shares 123 Views 0 Reviews
  • ไทยรัฐฉบับพิมพ์อ่านไม่ฟรี ใช้ระบบ Subscription จริงจัง

    ในยุคดิจิทัลดิสรัปชัน สื่อมวลชนค่ายต่างๆ พยายามแสวงหารายได้ทดแทนช่องทางดั้งเดิม เช่น การลงโฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ที่มีแนวโน้มลดลง ถูกแทนที่ด้วยสื่อโซเชียลฯ และอินฟลูเอนเซอร์ ล่าสุดเว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ได้ปรับเปลี่ยนหน้าไทยรัฐฉบับพิมพ์ ซึ่งลงข่าวจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐในช่วงสายๆ ของวัน หลังหนังสือพิมพ์วางแผงไปแล้ว เปลี่ยนเป็นหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับดิจิทัล (Thairath E-Newspaper) เมื่อวันที่ 15 ก.ค. เมื่อสมัครสมาชิกแล้ว สามารถอ่านทุกข่าว และคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐได้ไม่จำกัด และไม่มีโฆษณา

    หนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับดิจิทัลจะอัปเดตหนังสือพิมพ์ฉบับใหม่เป็นประจำทุกวัน ตั้งแต่เวลาตีห้า (05.00 น.) เป็นต้นไป และอ่านฉบับย้อนหลังได้ตลอดทั้งปี ซึ่งกลุ่มเป้าหมายแตกต่างจากกลุ่มผู้บริโภคสื่อทั่วไปที่อ่านข่าวฟรี แต่มุ่งไปที่นักเรียน นักศึกษา และนักวิชาการที่ต้องการแหล่งอ้างอิง นักธุรกิจและผู้นำองค์กรที่ต้องการติดตามสถานการณ์สังคม การเมือง และเศรษฐกิจ รวมทั้งคนที่ต้องการเสพข่าวในรูปแบบหนังสือพิมพ์ ที่สรุปข่าวของเมื่อวานนี้แบบครบประเด็น โดยไม่ต้องย้อนดูข่าวออนไลน์หลายหน้าเว็บเพจ ซึ่งจุดแข็งของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คือเนื้อหาข่าวย่อยให้เข้าใจง่าย

    แม้ว่าไทยรัฐกรุ๊ป จะออกกลยุทธ์ Subscription ช้ากว่าค่ายอื่น เพราะให้อ่านฟรีมานาน เมื่อเทียบกับกรุงเทพธุรกิจ ที่ทำหนังสือพิมพ์รูปแบบดิจิทัล i-NewsPaper มานานแล้ว หรือสื่อหลายค่ายต่างพึ่งแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งในประเทศ เช่น ปิ่นโต (pintobook.com) หรือต่างประเทศอย่าง Pressreader (pressreader.com) ก็ตาม แต่ก็เป็นการดัดแปลงจากระบบของตัวเอง จึงไม่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มต่างประเทศซึ่งมีค่าใช้จ่าย ในต่างประเทศค่ายสื่อต่างก็ใช้กลยุทธ์ Subscription เพียงแต่ว่าเส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะยอดสมัครเพียงแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับประชากรทั้งประเทศ

    อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ เมื่อสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ (SONP) เผยแพร่สถิติเว็บไซต์ข่าวเดือน มิ.ย.2568 พบว่าไทยรัฐออนไลน์มีค่าเฉลี่ยการดูเว็บเพจ (Avg.PV/User) อยู่ที่ 7.3 หน้าต่อคนต่อวัน สูงกว่าค่ายอื่นอย่างผู้จัดการออนไลน์ 3.4 หน้าต่อคนต่อวัน ข่าวสดออนไลน์ 2.4 หน้าต่อคนต่อวัน คนในแวดวงสื่อจึงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น บ้างก็คาดว่าเป็นเพราะกูเกิลใช้ฟีเจอร์ AI Overviews หากเป็นเช่นนั้นจริงคนทำสื่อและเว็บทั่วไปต้องปรับตัวอีกรอบ แต่เมื่อคุยกับแหล่งข่าวในค่ายไทยรัฐ ระบุว่าช่วงนี้แจกทองครบรอบ 11 ปีไทยรัฐทีวี ทำให้มีผู้เข้าชมมากเป็นพิเศษ

    #Newskit
    ไทยรัฐฉบับพิมพ์อ่านไม่ฟรี ใช้ระบบ Subscription จริงจัง ในยุคดิจิทัลดิสรัปชัน สื่อมวลชนค่ายต่างๆ พยายามแสวงหารายได้ทดแทนช่องทางดั้งเดิม เช่น การลงโฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ที่มีแนวโน้มลดลง ถูกแทนที่ด้วยสื่อโซเชียลฯ และอินฟลูเอนเซอร์ ล่าสุดเว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ได้ปรับเปลี่ยนหน้าไทยรัฐฉบับพิมพ์ ซึ่งลงข่าวจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐในช่วงสายๆ ของวัน หลังหนังสือพิมพ์วางแผงไปแล้ว เปลี่ยนเป็นหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับดิจิทัล (Thairath E-Newspaper) เมื่อวันที่ 15 ก.ค. เมื่อสมัครสมาชิกแล้ว สามารถอ่านทุกข่าว และคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐได้ไม่จำกัด และไม่มีโฆษณา หนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับดิจิทัลจะอัปเดตหนังสือพิมพ์ฉบับใหม่เป็นประจำทุกวัน ตั้งแต่เวลาตีห้า (05.00 น.) เป็นต้นไป และอ่านฉบับย้อนหลังได้ตลอดทั้งปี ซึ่งกลุ่มเป้าหมายแตกต่างจากกลุ่มผู้บริโภคสื่อทั่วไปที่อ่านข่าวฟรี แต่มุ่งไปที่นักเรียน นักศึกษา และนักวิชาการที่ต้องการแหล่งอ้างอิง นักธุรกิจและผู้นำองค์กรที่ต้องการติดตามสถานการณ์สังคม การเมือง และเศรษฐกิจ รวมทั้งคนที่ต้องการเสพข่าวในรูปแบบหนังสือพิมพ์ ที่สรุปข่าวของเมื่อวานนี้แบบครบประเด็น โดยไม่ต้องย้อนดูข่าวออนไลน์หลายหน้าเว็บเพจ ซึ่งจุดแข็งของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คือเนื้อหาข่าวย่อยให้เข้าใจง่าย แม้ว่าไทยรัฐกรุ๊ป จะออกกลยุทธ์ Subscription ช้ากว่าค่ายอื่น เพราะให้อ่านฟรีมานาน เมื่อเทียบกับกรุงเทพธุรกิจ ที่ทำหนังสือพิมพ์รูปแบบดิจิทัล i-NewsPaper มานานแล้ว หรือสื่อหลายค่ายต่างพึ่งแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งในประเทศ เช่น ปิ่นโต (pintobook.com) หรือต่างประเทศอย่าง Pressreader (pressreader.com) ก็ตาม แต่ก็เป็นการดัดแปลงจากระบบของตัวเอง จึงไม่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มต่างประเทศซึ่งมีค่าใช้จ่าย ในต่างประเทศค่ายสื่อต่างก็ใช้กลยุทธ์ Subscription เพียงแต่ว่าเส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะยอดสมัครเพียงแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับประชากรทั้งประเทศ อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ เมื่อสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ (SONP) เผยแพร่สถิติเว็บไซต์ข่าวเดือน มิ.ย.2568 พบว่าไทยรัฐออนไลน์มีค่าเฉลี่ยการดูเว็บเพจ (Avg.PV/User) อยู่ที่ 7.3 หน้าต่อคนต่อวัน สูงกว่าค่ายอื่นอย่างผู้จัดการออนไลน์ 3.4 หน้าต่อคนต่อวัน ข่าวสดออนไลน์ 2.4 หน้าต่อคนต่อวัน คนในแวดวงสื่อจึงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น บ้างก็คาดว่าเป็นเพราะกูเกิลใช้ฟีเจอร์ AI Overviews หากเป็นเช่นนั้นจริงคนทำสื่อและเว็บทั่วไปต้องปรับตัวอีกรอบ แต่เมื่อคุยกับแหล่งข่าวในค่ายไทยรัฐ ระบุว่าช่วงนี้แจกทองครบรอบ 11 ปีไทยรัฐทีวี ทำให้มีผู้เข้าชมมากเป็นพิเศษ #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 352 Views 0 Reviews
  • ..เยาวชนไทยเราธรรมดาที่ไหน,แนวใครแนวมันและสนุกไม่แพ้ของจริง.,เด็กไทยเราเก่งไม่แพ้ชาติใดในโลกนะ,ถ้าเราได้คนดีคนเก่งมีความสามารถขึ้นมาเป็นผู้นำนะจะก้าวกระโดดโคตรๆ เม็ดเงินส่งเสริมสนับสนุนเยาวชนไทยสาระพัดหลากหลายมิติจะพร้อมเหลือล้นในการอุดหนุนความสามารถของเยาวชนไทยเรารุ่นต่อไป,มิใช่ชูสามนิ้วล้มสถาบันช่วยต่างชาติทำลายแผ่นดินไทยตนเอง,เราสามารถสร้างความสงบสุขดำรงรักษาภายในประเทศไทยเราได้แม้ทั่วโลกจะโกลาหลเดือดร้อนพังพินาศทางเศรษฐกิจหรือสงครามตัวแทนใดๆ,ด้วยความสามารถของผู้นำคนดีคนเก่งๆของเราเอาอยู่สบายโดยมีแรงหนุนประชาชนสามัคคีในชาติเป็นฐานรับมือร่วมกันอย่างสบายๆแน่นอน.,บ้านเมืองเราสงบสุขร่มเย็น ประชาชนอิ่มปากอิ่มท้องร่ำรวยไม่ยากจนเหมือนปัจจุบัน สติและปัญญาคิดอ่านสาระพัดให้ชาติไทยรอดพ้นภัยใดๆจะไหลมามากมายสานะทิศแล้วลงมือขจัดกำจัดร่วมกันทั้งประเทศในภัยนั้นๆไม่ยากเย็นอะไรก็ว่า.,ตลอดนวัตกรรมล้ำๆจะมากมายเต็มแผ่นดินไทยด้วย เพราะแต่ละคนไทยความคิดอ่านโคตรประยุกต์ใช้ธรรมดาที่ไหน,ยิ่งมีตังซื้อหาวัตถุดิบมาต่อยอดความคิดการเป็นรูปเป็นร่างได้จริงอีก ไม่มีกฎหมายผีบ้ามากมายของคนบ้าอำนาจบ้าปกครองเขียนออกมาหมายควบคุมคนไทยเป็นทาสไร้อิสระเสรีที่ตีตราใช้บังคับตรึมสาระพัด,ดูง่ายๆที่สุดคือ ไม่ใส่หมวกกันน็อคปรับ2,000บาทนั้นล่ะ,ควบคุมตรึม,ผู้นำที่ดีๆเท่านั้นจึงสามารถฉีกกฎหมายผีบ้ามากมายที่ออกมาทิ้งไปได้,นี้คือวิธีปกครองเผด็จการในหน้าตาอ้างประชาธิปไตย,ไม่ช่องทางที่ประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็นคัดค้านหรือลงชื่อยกเลิกได้นะหากไม่เห็นด้วยที่กระทรวงทบวงกรมตีตราเขียนออกมาบังคับใช้ เช่นมีองค์กรหน่วยงานรัฐส่วนกลางรับลงชื่อออนไลน์เปิดหัวข้อของประชาชนอยากร่วมยกเลิกกฎหมายอะไรทางตรงได้เช่นกฎหมายสัมปทานปิโตรเลียมต้องการยกเลิกสัมปทานที่ไม่เป็นธรรม ประเทศไทยในนามรัฐบาลสมควรขุดเจาะทำเองขายเองถูกๆในไทยแต่ไม่ทำ ตั้งเป็นหัวข้อในแพลตฟอร์มแล้วประชาชนลงชื่อลงมติทุบกฎหมายนั้นทิ้งจนครบเกณฑ์ที่กำหนด สามารถให้กฎหมายนั้นเป็นยกเลิกไปทันทีได้โมฆะทันทีได้เช่นต้องลงชื่อลงมติใช้ประชาชน20ล้านคนที่มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตััง มาร่วมลงชื่อลงมติยกเลิกทุบทิ้งได้ พอครบคนไทยตามเกณฑ์ก็ยกเลิกทันทีได้,นี้ประชาชนต้องมีส่วนร่วมตรงได้แบบนี้,เพราะอย่างไรเวลานี้น้ำมันก็ยังสำคัญ สงครามก็ยังใช้ปกติในเครื่องจักรรบต่างๆ.รถต้องเติมน้ำมัน เครื่องบินรบเรือรบก็ต้องเติมน้ำมันโดยปกติพื้นฐานในเวลาเปลี่ยนยุคนี้.
    ..เยาวชนไทยเราคืออนาคตคนของแผ่นดินไทยเรารุ่นต่อไปนะ,พรรคแบบอนาคตใหม่พรรคก้าวไกลที่ถูกยุบพรรคเพราะหมายล้มสถาบันเอยตลอดนักวิชาการครูสายอาจารย์มหาลัยเป็นอันมากเป็นคนล้างสมองเยาวชนไทยเราและเข้าทียศแผ่นดินไทยเหมือนพรรคที่ว่ามีจำนวนไม่น้อยเลยในโรงเรียนมหาลัยไทยเรา,พวกนี้ต้องกำจัดให้สิ้นซากจริงๆ.,พวกรีตตาเดียวอิลูมินาติพวกซาตานฝ่ายมืดก็ว่า,มันทำสัญลักษณ์มือโชว์ว่าเป็นขี้ข้าฝ่ายมืดชัดเจนขนาดนั้นแล้วก็ว่า.,ศัตรูและคนทรยศแผ่นดินไทยไม่ซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินไทย ทำไมยังเก็บรักษาลอยหน้าลอยตาถึงปัจจุบันนี้นะ.


    https://youtu.be/kgbOabQqgb0?si=p9Em0Q-_XPWypFIA
    ..เยาวชนไทยเราธรรมดาที่ไหน,แนวใครแนวมันและสนุกไม่แพ้ของจริง.,เด็กไทยเราเก่งไม่แพ้ชาติใดในโลกนะ,ถ้าเราได้คนดีคนเก่งมีความสามารถขึ้นมาเป็นผู้นำนะจะก้าวกระโดดโคตรๆ เม็ดเงินส่งเสริมสนับสนุนเยาวชนไทยสาระพัดหลากหลายมิติจะพร้อมเหลือล้นในการอุดหนุนความสามารถของเยาวชนไทยเรารุ่นต่อไป,มิใช่ชูสามนิ้วล้มสถาบันช่วยต่างชาติทำลายแผ่นดินไทยตนเอง,เราสามารถสร้างความสงบสุขดำรงรักษาภายในประเทศไทยเราได้แม้ทั่วโลกจะโกลาหลเดือดร้อนพังพินาศทางเศรษฐกิจหรือสงครามตัวแทนใดๆ,ด้วยความสามารถของผู้นำคนดีคนเก่งๆของเราเอาอยู่สบายโดยมีแรงหนุนประชาชนสามัคคีในชาติเป็นฐานรับมือร่วมกันอย่างสบายๆแน่นอน.,บ้านเมืองเราสงบสุขร่มเย็น ประชาชนอิ่มปากอิ่มท้องร่ำรวยไม่ยากจนเหมือนปัจจุบัน สติและปัญญาคิดอ่านสาระพัดให้ชาติไทยรอดพ้นภัยใดๆจะไหลมามากมายสานะทิศแล้วลงมือขจัดกำจัดร่วมกันทั้งประเทศในภัยนั้นๆไม่ยากเย็นอะไรก็ว่า.,ตลอดนวัตกรรมล้ำๆจะมากมายเต็มแผ่นดินไทยด้วย เพราะแต่ละคนไทยความคิดอ่านโคตรประยุกต์ใช้ธรรมดาที่ไหน,ยิ่งมีตังซื้อหาวัตถุดิบมาต่อยอดความคิดการเป็นรูปเป็นร่างได้จริงอีก ไม่มีกฎหมายผีบ้ามากมายของคนบ้าอำนาจบ้าปกครองเขียนออกมาหมายควบคุมคนไทยเป็นทาสไร้อิสระเสรีที่ตีตราใช้บังคับตรึมสาระพัด,ดูง่ายๆที่สุดคือ ไม่ใส่หมวกกันน็อคปรับ2,000บาทนั้นล่ะ,ควบคุมตรึม,ผู้นำที่ดีๆเท่านั้นจึงสามารถฉีกกฎหมายผีบ้ามากมายที่ออกมาทิ้งไปได้,นี้คือวิธีปกครองเผด็จการในหน้าตาอ้างประชาธิปไตย,ไม่ช่องทางที่ประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็นคัดค้านหรือลงชื่อยกเลิกได้นะหากไม่เห็นด้วยที่กระทรวงทบวงกรมตีตราเขียนออกมาบังคับใช้ เช่นมีองค์กรหน่วยงานรัฐส่วนกลางรับลงชื่อออนไลน์เปิดหัวข้อของประชาชนอยากร่วมยกเลิกกฎหมายอะไรทางตรงได้เช่นกฎหมายสัมปทานปิโตรเลียมต้องการยกเลิกสัมปทานที่ไม่เป็นธรรม ประเทศไทยในนามรัฐบาลสมควรขุดเจาะทำเองขายเองถูกๆในไทยแต่ไม่ทำ ตั้งเป็นหัวข้อในแพลตฟอร์มแล้วประชาชนลงชื่อลงมติทุบกฎหมายนั้นทิ้งจนครบเกณฑ์ที่กำหนด สามารถให้กฎหมายนั้นเป็นยกเลิกไปทันทีได้โมฆะทันทีได้เช่นต้องลงชื่อลงมติใช้ประชาชน20ล้านคนที่มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตััง มาร่วมลงชื่อลงมติยกเลิกทุบทิ้งได้ พอครบคนไทยตามเกณฑ์ก็ยกเลิกทันทีได้,นี้ประชาชนต้องมีส่วนร่วมตรงได้แบบนี้,เพราะอย่างไรเวลานี้น้ำมันก็ยังสำคัญ สงครามก็ยังใช้ปกติในเครื่องจักรรบต่างๆ.รถต้องเติมน้ำมัน เครื่องบินรบเรือรบก็ต้องเติมน้ำมันโดยปกติพื้นฐานในเวลาเปลี่ยนยุคนี้. ..เยาวชนไทยเราคืออนาคตคนของแผ่นดินไทยเรารุ่นต่อไปนะ,พรรคแบบอนาคตใหม่พรรคก้าวไกลที่ถูกยุบพรรคเพราะหมายล้มสถาบันเอยตลอดนักวิชาการครูสายอาจารย์มหาลัยเป็นอันมากเป็นคนล้างสมองเยาวชนไทยเราและเข้าทียศแผ่นดินไทยเหมือนพรรคที่ว่ามีจำนวนไม่น้อยเลยในโรงเรียนมหาลัยไทยเรา,พวกนี้ต้องกำจัดให้สิ้นซากจริงๆ.,พวกรีตตาเดียวอิลูมินาติพวกซาตานฝ่ายมืดก็ว่า,มันทำสัญลักษณ์มือโชว์ว่าเป็นขี้ข้าฝ่ายมืดชัดเจนขนาดนั้นแล้วก็ว่า.,ศัตรูและคนทรยศแผ่นดินไทยไม่ซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินไทย ทำไมยังเก็บรักษาลอยหน้าลอยตาถึงปัจจุบันนี้นะ. https://youtu.be/kgbOabQqgb0?si=p9Em0Q-_XPWypFIA
    Wow
    1
    0 Comments 0 Shares 365 Views 0 Reviews
  • วัฒนธรรมในภูมิภาคไม่ใช่ของใครคนเดียว นักวิชาการ มธ. แนะ ‘ไทย’ ยื่นหลักฐาน แสดงบทบาทร่วมขึ้นทะเบียนกับ ‘ยูเนสโก’
    https://www.thai-tai.tv/news/20319/
    .
    #ละครรำ #กัมพูชา #ยูเนสโก #มรดกวัฒนธรรม #ธรรมศาสตร์ #วัฒนธรรมไทย #รากวัฒนธรรมร่วม #FTA #โขน
    วัฒนธรรมในภูมิภาคไม่ใช่ของใครคนเดียว นักวิชาการ มธ. แนะ ‘ไทย’ ยื่นหลักฐาน แสดงบทบาทร่วมขึ้นทะเบียนกับ ‘ยูเนสโก’ https://www.thai-tai.tv/news/20319/ . #ละครรำ #กัมพูชา #ยูเนสโก #มรดกวัฒนธรรม #ธรรมศาสตร์ #วัฒนธรรมไทย #รากวัฒนธรรมร่วม #FTA #โขน
    0 Comments 0 Shares 182 Views 0 Reviews
  • ..เบื่อพวกสมุนขี้ข้าซาตานdeep stateปั่นบิตคอยน์จริง btcนี้สมควรไปวัดจริงๆได้แล้วปั่นราคาจนเกินเวลาแล้ว ขุดเหมืองเปลืองพลังงานไฟฟ้าด้วย,ผีบ้าขุดเหมืองทางอิเล็กทรอนิกส์ พวกนี้สิ้นคิดสุดๆ อยากทำให้โลกเสมือนจริงมีมูลค่าอ้างขุดเหมืองทองคำผ่านวงจรไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ต้นทุนสูงพะนะ พวกสิ้นเปลืองไฟฟ้าชาวบ้านชาวเมืองชาวโลกเขาชัดเจน,สื่อช่องฝ่ายมืดเต็มโลกในแต่ละประเทศปั่นกระแสหลอกลวงล่อลวงคนไปทางที่ผิด,เหมืองทองคำแท้จับต้องได้จริงต่างหากคือของจริง,สมมุติโลกไม่มีไฟฟ้าใช้โทรศัพท์มือถือใช้ไม่ได้ดาวเทียมตกร่วงเป็นว่าเล่น เน็ตดาวเทียมดับอนาถไร้ส่งคลื่นมือถือ เสาส่งพังทั่วโลกเพราะภัยพิบัติธรรมชาติ พวกมรึงจะสแกนแลกทองคำbtcเสมือนจริงแบบไหนแดกแลกอาหารซื้อจริงแบบไหน,ชาวบ้านมีทองคำจริงเต็มมือ สามารถแลกจ่ายกันกลางป่ากลางดงเมืองดงธรรมชาติได้หมด สภาพคล่องจริงต่างกันชัดเจน,ดูน้ำท่วมพายุถล่มจีนปีทีแล้วล่าสุดระบบโทรศัพท์พังทัังมลฑล รอสแกนจ่ายตังผ่านมือถือยืนยันตัวตนหามีตังเงินสดๆจ่ายเพิ่มสภาพคล่องจริงไม่ได้เลย,ซวยคือไม่มีอาหารแดกแม้มีตังเต็มมือถือ,btcบิตคอยน์ก็อันเดียวกัน คริปโคฯนี้ไร้ทองคำจริงค้ำประกันแบบบาทคอยน์อินทนนท์เราด้วยเลย,บิตคอยน์จึงมหากาฬแห่งคริปโตฯที่โคตรล่อลวงหลอกลวงประชาชนสุดๆ,ทรัมป์บัดสบ ตัวพ่อdeep stateอเมริกาสมควรจัดการจริงด้วย.
    ..บิตคอยน์จริงๆbricsสมควรลงนามตกลงชัดเจนร่วมกันว่า ในนามสามชิกbricsทุกๆประเทศจะร่วมกันแบนบิตคอยน์หรือไม่เป็นที่ยอมรับแลกเปลี่ยนในสมาชิกbricsใครมีครอบครองในประเทศไม่สามารถเข้าร่วมbricsได้และร่วมกันกำจัดbtcนี้ออกจากระบบไป,btcคือตัวฟอกเงินตัวพ่อ ตัวค้ามนุษย์ด้วย,อนาถในนักวิชาการวิเคราะห์ตลาดเงินตลาดทุนจริงๆบัดสบมากๆตามตูดฝ่ายมืดฝ่ายไม่ดีเพียงโลภตังเท่านั้น.,จริงๆธปท.แบงค์ชาติเราสมควรลงดาบเด็ดขาด จับกุมผู้ครอบครองคริปโตโทเคนลักษณะนี้ชัดเจนอย่างเป็นทางการได้แล้ว ,บิ้กดาต้าในมือมีตรึมเห็นทุกๆการเคลื่อนไหวในโลกเสมือนจริงหมดล่ะ,ไม่มีทองคำห่าอะไรจริงค้ำประกันด้วย,แต่ธปท.กลับตาบอดไม่กำจัดออกไปจริงจัง,นี้คือระบบตังชัดเจน,ถ้าประเทศไทยเข้าร่วมbricsคริปโตโทเคนที่ไร้ทองคำค้ำประกันทั้งหมดต้องดับไปทันที,ไทยมีตังดิจิดัลเดียวคือบาทคอยน์ก็พอแล้ว,อนาคตใช้bricsสกุลเงินดิจิดัลbricsอีกอาจเป็น1brics:1฿ไทยก็ว่า,1brics:1หยวนจีนก็ด้วย ก็คือ1บาท:1หยวนจีนนั้นเอง,สมาชิกbricsจะใช้สกุลเงินกลางมาตราฐานกลุ่มใช้แลกเปลี่ยนกันจริงในอนาคต,ทุกๆสกุลเงินสมาชิกbricsเอาตังของตนไปตีค่าใหม่,คือbricsตั้งค่าใหม่รับรองใหม่ เช่น4บาทไทยปัจจุบันแลกได้1brics,จากนั้นจะเป็นมูลค่าใหม่ที่1บาทbrics,จีนก็1หยวนแลกได้1bricsตีมูลค่าใหม่เป็น1หยวนbrics,เมื่อทุกๆประเทศเอาตังทั้งประเทศใครมันตีมูลค่าใหม่เสร็จ,กลุ่มสมาชิกbricsจะทำการซื้อขายได้เสรีที่1:1ทันที,นักท่องเที่ยวไทยไปจีนก็จะจ่ายตังไทย1บาทเสมือน1หยวนได้ทันที,นักท่องเที่ยวจีนมาไทยก็จ่ายตังที่1หยวนกับ1บาทไทยได้ทันทีเช่นกัน ต่างฝ่ายยังคงอัตลักษณ์ของตนเองไว้แต่มูลค่าตังตีมูลค่าใหม่แล้วให้มีค่าเท่ากันทุกๆประเทศสมาชิกbricsนั้นเอง,ซึ่งดำเนินการโดยผู้นำผู้ปกครองประเทศนั้นๆแล้วโดยใช้ทองคำค้ำประกันค่าเงินตนเองไว้ในอัตราที่สร้างความแข็งแกร่งในสมาชิกbricsร่วมกัน,
    ..จึงต้องทำลายคริปโตเถื่อนทั้งหมดทิ้งไป,หมดเวลาเล่นแล้วก็ว่า,bricsต้องตั้งค่ามาตราฐานสากลนี้เป็นเงื่อนไขให้ชัดเจน,จีนมีbtcก็ต้องทำลายกำจัดจริงด้วย,รัสเชียมีก็ต้องทำลายกำจัดด้วย,คือคริปโตโทเคนใดๆที่ไม่ใช่บาทคอยน์ หยวนคอยน์ เป็นต้นของชาติสมาชิกของสกุลหลักชาติสมาชิกนั้นๆต้องห้ามปรากฎทุกๆกรณีในประเทศสมาชิก,ตัดตอนสร้างความโกลาหลวุ่นวายเสียสมดุลของระบบตังนั้นเอง.

    https://youtube.com/watch?v=bb_Ky9ejyoc&si=B5SEbHPqKcxQffzz
    ..เบื่อพวกสมุนขี้ข้าซาตานdeep stateปั่นบิตคอยน์จริง btcนี้สมควรไปวัดจริงๆได้แล้วปั่นราคาจนเกินเวลาแล้ว ขุดเหมืองเปลืองพลังงานไฟฟ้าด้วย,ผีบ้าขุดเหมืองทางอิเล็กทรอนิกส์ พวกนี้สิ้นคิดสุดๆ อยากทำให้โลกเสมือนจริงมีมูลค่าอ้างขุดเหมืองทองคำผ่านวงจรไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ต้นทุนสูงพะนะ พวกสิ้นเปลืองไฟฟ้าชาวบ้านชาวเมืองชาวโลกเขาชัดเจน,สื่อช่องฝ่ายมืดเต็มโลกในแต่ละประเทศปั่นกระแสหลอกลวงล่อลวงคนไปทางที่ผิด,เหมืองทองคำแท้จับต้องได้จริงต่างหากคือของจริง,สมมุติโลกไม่มีไฟฟ้าใช้โทรศัพท์มือถือใช้ไม่ได้ดาวเทียมตกร่วงเป็นว่าเล่น เน็ตดาวเทียมดับอนาถไร้ส่งคลื่นมือถือ เสาส่งพังทั่วโลกเพราะภัยพิบัติธรรมชาติ พวกมรึงจะสแกนแลกทองคำbtcเสมือนจริงแบบไหนแดกแลกอาหารซื้อจริงแบบไหน,ชาวบ้านมีทองคำจริงเต็มมือ สามารถแลกจ่ายกันกลางป่ากลางดงเมืองดงธรรมชาติได้หมด สภาพคล่องจริงต่างกันชัดเจน,ดูน้ำท่วมพายุถล่มจีนปีทีแล้วล่าสุดระบบโทรศัพท์พังทัังมลฑล รอสแกนจ่ายตังผ่านมือถือยืนยันตัวตนหามีตังเงินสดๆจ่ายเพิ่มสภาพคล่องจริงไม่ได้เลย,ซวยคือไม่มีอาหารแดกแม้มีตังเต็มมือถือ,btcบิตคอยน์ก็อันเดียวกัน คริปโคฯนี้ไร้ทองคำจริงค้ำประกันแบบบาทคอยน์อินทนนท์เราด้วยเลย,บิตคอยน์จึงมหากาฬแห่งคริปโตฯที่โคตรล่อลวงหลอกลวงประชาชนสุดๆ,ทรัมป์บัดสบ ตัวพ่อdeep stateอเมริกาสมควรจัดการจริงด้วย. ..บิตคอยน์จริงๆbricsสมควรลงนามตกลงชัดเจนร่วมกันว่า ในนามสามชิกbricsทุกๆประเทศจะร่วมกันแบนบิตคอยน์หรือไม่เป็นที่ยอมรับแลกเปลี่ยนในสมาชิกbricsใครมีครอบครองในประเทศไม่สามารถเข้าร่วมbricsได้และร่วมกันกำจัดbtcนี้ออกจากระบบไป,btcคือตัวฟอกเงินตัวพ่อ ตัวค้ามนุษย์ด้วย,อนาถในนักวิชาการวิเคราะห์ตลาดเงินตลาดทุนจริงๆบัดสบมากๆตามตูดฝ่ายมืดฝ่ายไม่ดีเพียงโลภตังเท่านั้น.,จริงๆธปท.แบงค์ชาติเราสมควรลงดาบเด็ดขาด จับกุมผู้ครอบครองคริปโตโทเคนลักษณะนี้ชัดเจนอย่างเป็นทางการได้แล้ว ,บิ้กดาต้าในมือมีตรึมเห็นทุกๆการเคลื่อนไหวในโลกเสมือนจริงหมดล่ะ,ไม่มีทองคำห่าอะไรจริงค้ำประกันด้วย,แต่ธปท.กลับตาบอดไม่กำจัดออกไปจริงจัง,นี้คือระบบตังชัดเจน,ถ้าประเทศไทยเข้าร่วมbricsคริปโตโทเคนที่ไร้ทองคำค้ำประกันทั้งหมดต้องดับไปทันที,ไทยมีตังดิจิดัลเดียวคือบาทคอยน์ก็พอแล้ว,อนาคตใช้bricsสกุลเงินดิจิดัลbricsอีกอาจเป็น1brics:1฿ไทยก็ว่า,1brics:1หยวนจีนก็ด้วย ก็คือ1บาท:1หยวนจีนนั้นเอง,สมาชิกbricsจะใช้สกุลเงินกลางมาตราฐานกลุ่มใช้แลกเปลี่ยนกันจริงในอนาคต,ทุกๆสกุลเงินสมาชิกbricsเอาตังของตนไปตีค่าใหม่,คือbricsตั้งค่าใหม่รับรองใหม่ เช่น4บาทไทยปัจจุบันแลกได้1brics,จากนั้นจะเป็นมูลค่าใหม่ที่1บาทbrics,จีนก็1หยวนแลกได้1bricsตีมูลค่าใหม่เป็น1หยวนbrics,เมื่อทุกๆประเทศเอาตังทั้งประเทศใครมันตีมูลค่าใหม่เสร็จ,กลุ่มสมาชิกbricsจะทำการซื้อขายได้เสรีที่1:1ทันที,นักท่องเที่ยวไทยไปจีนก็จะจ่ายตังไทย1บาทเสมือน1หยวนได้ทันที,นักท่องเที่ยวจีนมาไทยก็จ่ายตังที่1หยวนกับ1บาทไทยได้ทันทีเช่นกัน ต่างฝ่ายยังคงอัตลักษณ์ของตนเองไว้แต่มูลค่าตังตีมูลค่าใหม่แล้วให้มีค่าเท่ากันทุกๆประเทศสมาชิกbricsนั้นเอง,ซึ่งดำเนินการโดยผู้นำผู้ปกครองประเทศนั้นๆแล้วโดยใช้ทองคำค้ำประกันค่าเงินตนเองไว้ในอัตราที่สร้างความแข็งแกร่งในสมาชิกbricsร่วมกัน, ..จึงต้องทำลายคริปโตเถื่อนทั้งหมดทิ้งไป,หมดเวลาเล่นแล้วก็ว่า,bricsต้องตั้งค่ามาตราฐานสากลนี้เป็นเงื่อนไขให้ชัดเจน,จีนมีbtcก็ต้องทำลายกำจัดจริงด้วย,รัสเชียมีก็ต้องทำลายกำจัดด้วย,คือคริปโตโทเคนใดๆที่ไม่ใช่บาทคอยน์ หยวนคอยน์ เป็นต้นของชาติสมาชิกของสกุลหลักชาติสมาชิกนั้นๆต้องห้ามปรากฎทุกๆกรณีในประเทศสมาชิก,ตัดตอนสร้างความโกลาหลวุ่นวายเสียสมดุลของระบบตังนั้นเอง. https://youtube.com/watch?v=bb_Ky9ejyoc&si=B5SEbHPqKcxQffzz
    0 Comments 0 Shares 325 Views 0 Reviews
  • ฐานทัพแลกภาษีทรัมป์ เรียกแขก-ชักศึกเข้าบ้าน?

    ในที่สุดนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าสหรัฐอเมริกาขอใช้ฐานทัพเรือพังงา เพราะอยู่ในงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อีกทั้งอยู่ในแผนของกองทัพเรืออยู่แล้ว แต่เป็นคนละเรื่องกับการเจรจาภาษีนำเข้าสหรัฐฯ หลังนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการ เปิดโปงว่าฝ่ายสหรัฐฯ ได้ต่อรอง 3-4 เรื่อง แลกกับเรื่องภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่ไทยโดนไป 36%

    ได้แก่ การปล่อยตัวนายพอล แชมเบอร์ส อาจารย์มหาวิทยาลัยนเรศวร ชาวอเมริกัน ผู้ต้องหาคดี 112 การเปิดให้ประชาชนคนไทยมีสิทธิเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะมาตรา 112 การห้ามส่งชาวอุยกูร์กลับไปจีนเพื่อที่จะกั๊กจีนเรื่องซินเกียง และการขอใช้ฐานทัพเรือพังงา เพื่อเลื่อนกองทัพเรือของสหรัฐฯ มาบล็อกช่องแคบมะละกา ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันไปประเทศจีนด้วย ซึ่งนายทักษิณ ชินวัตร บิดา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รู้อยู่แล้วแต่ไม่กล้าพูด

    ถึงกระนั้น ยังมีการทำสงครามข่าวสาร ด้วยแหล่งข่าวในกองทัพเรือที่ไม่เปิดเผยนาม ระบุว่า ยังไม่เคยมีข้อเสนอว่าจะใช้ฐานทัพเรือพังงาเป็นฐานทัพเรือของสหรัฐฯ แม้มีแผนพัฒนาแต่ติดขัดเรื่องงบประมาณ ฝ่ายรัฐบาลยังไม่ยืนยันถึงขั้นที่สหรัฐฯ จะมาร่วมพัฒนาหรือสนับสนุนบประมาณ แต้อ้างว่าไม่สามารถทำได้ ถึงกระนั้นตามข้อตกลงระหว่างไทยกับสหรัฐฯ การส่งกำลังบำรุง สหรัฐฯ สามารถจอดเรือที่ฐานทัพเรือพังงา และรับการส่งกำลังบำรุง เติมน้ำมัน หรือพักเรือได้อยู่แล้วเช่นเดียวกับประเทศอื่น

    รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว The Publisher เตือนว่าไทยต้องอยู่บนหลักว่า ไม่ชักศึกเข้าบ้าน ไม่ให้ตั้งฐานทัพถาวร และหากมีข้อตกลงใดเกิดขึ้น ต้องผ่านสภาฯ ให้ประชาชนรับรู้ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน สหรัฐฯ ต้องการยุทธศาสตร์ปิดล้อมจีนที่ลาดตระเวนในพื้นที่เชื่อมโยงกับอินโด-แปซิฟิกในรูปแบบครึ่งวงแหวนเพิ่มขึ้น อีกทั้งไทยต้องมีข้อเสนอกับจีนควบคู่ไปด้วย เพื่อรักษาสมดุลเชิงยุทธศาสตร์ หากเกิดสงครามระหว่างทั้งสองฝ่าย

    ขณะที่นายกรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร สำนักข่าว The Better ระบุว่า ทีมประธานาธิบดีทรัมป์ปฏิเสธข้อเสนอจากไทย เพราะต้องการฐานทัพในไทยและให้ไทยซื้ออาวุธเพิ่ม จากที่ให้ไทยแยกตัวจากเศรษฐกิจจีน (Decoupling) จะกลายเป็นการบีบให้ไทยเลือกข้างสหรัฐฯ ในด้านความมั่นคง และกลายเป็นหอกข้างแคร่ เพราะไทยเป็นหลังบ้านที่จะเข้าสู่จีน และสหรัฐฯ ล้มเหลวในการสร้างแนวพันธมิตรอินโด-แปซิฟิกเพื่อล้อมจีน หากปล่อยเช่นนั้นจะชักศึกเข้าบ้านโดยแท้

    #Newskit
    ฐานทัพแลกภาษีทรัมป์ เรียกแขก-ชักศึกเข้าบ้าน? ในที่สุดนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าสหรัฐอเมริกาขอใช้ฐานทัพเรือพังงา เพราะอยู่ในงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อีกทั้งอยู่ในแผนของกองทัพเรืออยู่แล้ว แต่เป็นคนละเรื่องกับการเจรจาภาษีนำเข้าสหรัฐฯ หลังนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการ เปิดโปงว่าฝ่ายสหรัฐฯ ได้ต่อรอง 3-4 เรื่อง แลกกับเรื่องภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่ไทยโดนไป 36% ได้แก่ การปล่อยตัวนายพอล แชมเบอร์ส อาจารย์มหาวิทยาลัยนเรศวร ชาวอเมริกัน ผู้ต้องหาคดี 112 การเปิดให้ประชาชนคนไทยมีสิทธิเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะมาตรา 112 การห้ามส่งชาวอุยกูร์กลับไปจีนเพื่อที่จะกั๊กจีนเรื่องซินเกียง และการขอใช้ฐานทัพเรือพังงา เพื่อเลื่อนกองทัพเรือของสหรัฐฯ มาบล็อกช่องแคบมะละกา ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันไปประเทศจีนด้วย ซึ่งนายทักษิณ ชินวัตร บิดา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รู้อยู่แล้วแต่ไม่กล้าพูด ถึงกระนั้น ยังมีการทำสงครามข่าวสาร ด้วยแหล่งข่าวในกองทัพเรือที่ไม่เปิดเผยนาม ระบุว่า ยังไม่เคยมีข้อเสนอว่าจะใช้ฐานทัพเรือพังงาเป็นฐานทัพเรือของสหรัฐฯ แม้มีแผนพัฒนาแต่ติดขัดเรื่องงบประมาณ ฝ่ายรัฐบาลยังไม่ยืนยันถึงขั้นที่สหรัฐฯ จะมาร่วมพัฒนาหรือสนับสนุนบประมาณ แต้อ้างว่าไม่สามารถทำได้ ถึงกระนั้นตามข้อตกลงระหว่างไทยกับสหรัฐฯ การส่งกำลังบำรุง สหรัฐฯ สามารถจอดเรือที่ฐานทัพเรือพังงา และรับการส่งกำลังบำรุง เติมน้ำมัน หรือพักเรือได้อยู่แล้วเช่นเดียวกับประเทศอื่น รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว The Publisher เตือนว่าไทยต้องอยู่บนหลักว่า ไม่ชักศึกเข้าบ้าน ไม่ให้ตั้งฐานทัพถาวร และหากมีข้อตกลงใดเกิดขึ้น ต้องผ่านสภาฯ ให้ประชาชนรับรู้ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน สหรัฐฯ ต้องการยุทธศาสตร์ปิดล้อมจีนที่ลาดตระเวนในพื้นที่เชื่อมโยงกับอินโด-แปซิฟิกในรูปแบบครึ่งวงแหวนเพิ่มขึ้น อีกทั้งไทยต้องมีข้อเสนอกับจีนควบคู่ไปด้วย เพื่อรักษาสมดุลเชิงยุทธศาสตร์ หากเกิดสงครามระหว่างทั้งสองฝ่าย ขณะที่นายกรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร สำนักข่าว The Better ระบุว่า ทีมประธานาธิบดีทรัมป์ปฏิเสธข้อเสนอจากไทย เพราะต้องการฐานทัพในไทยและให้ไทยซื้ออาวุธเพิ่ม จากที่ให้ไทยแยกตัวจากเศรษฐกิจจีน (Decoupling) จะกลายเป็นการบีบให้ไทยเลือกข้างสหรัฐฯ ในด้านความมั่นคง และกลายเป็นหอกข้างแคร่ เพราะไทยเป็นหลังบ้านที่จะเข้าสู่จีน และสหรัฐฯ ล้มเหลวในการสร้างแนวพันธมิตรอินโด-แปซิฟิกเพื่อล้อมจีน หากปล่อยเช่นนั้นจะชักศึกเข้าบ้านโดยแท้ #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 489 Views 0 Reviews
  • ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรอียูและเม็กซิโก 30% มีผลต้นเดือนหน้า ขณะที่คู่ค้าระดับใหญ่ที่สุดของอเมริกาทั้งสองรายนี้ต่างค้านว่า ไม่เป็นธรรมแต่พร้อมเจรจาต่อ ด้านนักวิชาการในยุโรปเห็นด้วยว่า จดหมายของทรัมป์เพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้อียูต้องตอบโต้แบบเดียวกับที่อเมริกากับจีนตอบโต้กันและทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกปั่นป่วนก่อนหน้านี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000065918

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรอียูและเม็กซิโก 30% มีผลต้นเดือนหน้า ขณะที่คู่ค้าระดับใหญ่ที่สุดของอเมริกาทั้งสองรายนี้ต่างค้านว่า ไม่เป็นธรรมแต่พร้อมเจรจาต่อ ด้านนักวิชาการในยุโรปเห็นด้วยว่า จดหมายของทรัมป์เพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้อียูต้องตอบโต้แบบเดียวกับที่อเมริกากับจีนตอบโต้กันและทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกปั่นป่วนก่อนหน้านี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000065918 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    3
    0 Comments 0 Shares 642 Views 0 Reviews
  • #เหตุใดโจโฉจึงยืนกรานที่จะฆ่าหมอฮวาโถว(华佗)?
    #12ปีต่อมาเขาก็พบว่าการตัดสินใจของเขาถูกต้อง

    สามก๊ก หรือ ซานกั๋วเหยี่ยนอี้(Romance of the Three Kingdoms三国演义)เป็นผลงานชิ้นเอกในประวัติศาสตร์วรรณกรรมจีนที่ใครๆ ก็รู้จัก หนังสือเล่มนี้มีโครงเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากมายซึ่งชวนติดตาม ในงานนี้ ผู้เขียนไม่ได้แยกแยะระหว่างตัวเอกและตัวประกอบอย่างชัดเจน เพราะในใจของผู้อ่านที่ชื่นชอบผลงานชิ้นนี้ ตัวละครแต่ละตัวจะเปล่งประกายด้วยความเฉลียวฉลาดและเสน่ห์เฉพาะตัว

    เชื่อว่าหลายๆ คนคิดเหมือนกันว่าตัวละครที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งมากที่สุดคือโจโฉ(曹操) บางคนมองว่าเขาเป็นรัฐมนตรีที่ฉลาดและสามารถควบคุมสถานการณ์ในยามยากลำบากได้ ในขณะที่บางคนมองว่าเขาเป็นคนร้ายที่ทรยศและวางแผนร้าย

    บางทีในสายตาของโจโฉ(曹操) ความซื่อสัตย์ภักดีและการทรยศคตโกงอาจไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่เขาแสวงหาคือการรวมประเทศเป็นหนึ่ง และปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการบรรลุการรวมกันเป็นหนึ่งคือความแข็งแกร่งและความสามารถ ด้วยค่านิยมที่ว่า “ผู้มีความสามารถคือประมุข” เขาจึงให้ความสำคัญกับผลลัพธ์มากกว่าที่จะยึดติดกับข้อจำกัดทางศีลธรรมแบบเดิมๆ สิ่งนี้ยังทำให้วิธีการทำสิ่งต่างๆ (曹操) มีความพิเศษ มีเอกลักษณ์และมักจะผสมผสาน และไม่ยึดหลักเกณฑ์ธรรมดาด้วย

    จากมุมมองของผู้คนในปัจจุบัน เขาสามารถถูกมองว่าเป็นนักการเมืองที่มีแนวคิดก้าวหน้าและแนวคิดทางเลือกอีกแนวทางหนึ่ง หากต้องการเข้าใจความซับซ้อนของสามก๊ก(三国)อย่างแท้จริง ต้องเข้าใจความภายในใจของโจโฉ(曹操)และวิธีการจัดการกับผู้คนพร้อมกับการปฏิบัติวานของเขาเสียก่อน

    นอกจากนี้ บุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์จำนวนมากในช่วงยุคสามก๊ก(三国)มีปฏิสัมพันธ์สำคัญกับโจโฉ(曹操) และทั้งหมดนี้คนที่คลาสสิกที่สุดคือหมอฮวาโถว(华佗)ผู้โด่งดัง ดังที่เราทราบกันดีว่า ฮวาโถว(华佗)เสียชีวิตในท้ายที่สุดจากน้ำมือของโจโฉ(曹操) แต่หากเราหยุดอยู่แค่คำคร่ำครวญเรื่อง "หมอชื่อดังถูกฆ่า" เท่านั้น มันก็จะดูผิวเผินเกินไป ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ของตัวละครที่อยู่เบื้องหลัง มันดูจะซับซ้อนกว่าการที่จะเอาแต่แค่ระบายอารมณ์เพียงอย่างเดียว แม้จากมุมมองบางประการ การตัดสินใจเช่นนี้อาจสมเหตุสมผลในสมัยขณะนั้น เพื่อที่จะชี้แจงประวัติศาสตร์เรื่องนี้ให้ชัดเจนขึ้น จำเป็นจะต้องเริ่มต้นจากฮวาโถว(华佗) ปราชญ์ทางการแพทย์

    ฮวาโถว(华佗) เป็นหนึ่งในสี่หมอผู้ยิ่งใหญ่ในจีนโบราณ ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของฮฮวาโถว(华佗)ได้แก่ การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”และนิทานปรัมปราเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”

    การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” เป็นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่เก่าแก่ที่สุดที่คิดค้นโดยฮวาโถว(华佗)ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ฮวาโถว(华佗)ทราบดีถึงความสำคัญของการออกกำลังกายของมนุษย์ต่อสุขภาพ และสนับสนุนให้การออกกำลังกายเป็นจังหวะและสอดประสานกัน และเน้นย้ำถึงการผสมผสานระหว่างการรับประทานอาหารที่เหมาะสมและการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง

    การออกกำลังกายชุดนี้จะช่วยยืดเหยียดและออกกำลังกายไหล่ คอ ท้อง หลัง และแขนขาได้อย่างเต็มที่ โดยเลียนแบบการเคลื่อนไหวของสัตว์ทั้ง 5 ชนิด ได้แก่ เสือ กวาง หมี ลิง และนก ฮวาโถว(华佗)สนับสนุนให้ “เดินตามธรรมชาติ เดินตามทางแห่งสวรรค์” ซึ่งไม่เพียงป้องกันโรคได้เท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้คนรู้สึกสบายกายและใจและเพิ่มความอยากอาหารอีกด้วย

    ศิษย์ของท่านอาจารย์หวู่ปู้(吴普)ยืนกรานที่จะฝึกท่าบริหารสัตว์ทั้งห้าทุกวัน และในที่สุดก็ได้มีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดี โดยมีอายุยืนยาวถึง 90 ปี คงทราบดีว่าในสมัยโบราณ เมื่ออายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 40 หรือ 50 ปีเท่านั้น การมีชีวิตที่ยืนยาวและมีพลังมากขนาดนี้ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ท่าบริหารสัตว์ทั้งห้ายังคงได้รับความนิยมตลอดหลายปีที่ผ่านมา และยังคงได้รับการเคารพและสืบทอดโดยแพทย์แผนจีนแบบดั้งเดิมหลายคน

    อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน

    “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ที่ฮวาโถว(华佗)คิดค้นขึ้นเป็นยาชาที่รับประทานร่วมกับแอลกอฮอล์ ซึ่งสามารถทำให้คนไข้หมดสติชั่วคราว ช่วยให้ทำการผ่าตัดรักษาผู้บาดเจ็บได้ง่ายขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการรักษาด้วยยาแผนจีนแบบดั้งเดิม วิธีนี้ถือว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าและสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ และถือได้ว่าเป็นผลงานบุกเบิกของการผ่าตัดแบบจีนโบราณ

    อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”เขาไม่ได้รับใช้“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)” ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ ฮวาโถว(华佗)และกวนอูกำลังดื่มเหล้าและเล่นหมากรุกเพื่อผ่อนคลายก่อนที่เขาจะกล้าขูดพิษลูกศรออกจากกระดูก หนังสือเล่มนี้บรรยายว่าใบมีดเสียดสีกับกระดูก ทำให้เกิดเสียง “เสียดสี” และเลือดออก แต่กวนอู(关羽)ไม่แสดงความกลัว ทำให้ฮวาโถว(华佗)อุทานออกมาว่า “ท่านแม่ทัพเป็นเทพเจ้าจริงๆ”

    แม้ว่า“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”จะไม่ได้ถูกใช้กับกวนอู(关羽) แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและกล้าหาญของเขา น่าเสียดายที่ปฏิบัติการนี้อาจเป็นเครื่องพิสูจน์ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”แต่ก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง

    นอกเหนือจากทักษะทางการแพทย์แล้ว ฮวาโถว(华佗)ยังเป็นบุคคลที่มีความรู้และความสามารถอีกด้วย

    ในช่วงต้นยุคสามก๊ก(三国) ผู้ที่ต้องการเข้าสู่ตำแหน่งทางการมักจะอาศัยระบบการแนะนำมากกว่าระบบการสอบของจักรพรรดิในยุคหลัง ระบบการแนะนำไม่เพียงแต่ประเมินระดับความรู้การศึกษาเท่านั้น แต่ยังกำหนดให้ต้องได้รับการแนะนำจากเจ้าหน้าที่ข้าราชการที่มีฐานะหรือบุคคลที่มีคุณธรรมสูง ยิ่งตำแหน่งทางการของผู้แนะนำสูงขึ้นเท่าใด ผู้ที่ได้รับการแนะนำก็จะได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้นตามไปด้วยเท่านั้น

    อย่างไรก็ตาม แพทย์ไม่ได้มีสถานะทางสังคมที่สูงส่งในสมัยนั้น ภายใต้แนวคิดดั้งเดิมที่ว่า นักวิชาการ ชาวนา พ่อค้า และช่างฝีมือ มีเพียงเจ้าหน้าที่ทางข้าราชการเท่านั้นที่ได้รับการเคารพนับถือ แพทย์ไม่ได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในสี่ชนชั้น ได้แก่ นักวิชาการ เกษตรกร พ่อค้า และช่างฝีมือเสียด้วยซ้ำ และสถานะของพวกเขาก็คล้ายคลึงกับพ่อมดแม่มด นักแสดง และอาชีพบริการอื่นๆ

    ฮวาโถว(华佗)มีความขยันพรากเพียรเรียนหนักมาตั้งแต่เด็ก และมีความต้องการที่จะประกอบอาชีพข้าราชการ ครั้งหนึ่งเขาเคยทิ้งบันทึกไว้ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ว่า "แต่ก่อนข้าเป็นนักวิชาการ แต่ข้าหาเลี้ยงชีพด้วยการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ และข้าก็มักจะรู้สึกผิดหวังเสียใจ" นั่นหมายความว่าเขาต้องการมีอาชีพทางข้าราชการที่ราบรื่น อย่างไรก็ตาม เขาพลาดโอกาสที่จะเข้าสู่ตำแหน่งทางข้าราชการเพราะมีอาชีพทางการแพทย์ของเขา

    ทักษะทางการแพทย์ของเขาทำให้เขามีชื่อเสียง ผู้คนมากมายต่างเข้ามาหาเขาราวกับว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็นหมอ อย่างไรก็ตาม ฮวาโถว(华佗)ยังไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ข้าราชการท้องถิ่นเหล่านั้นจะเป็นผู้แนะนำ โดยคิดว่าคำแนะนำเหล่านั้นจะไม่ช่วยให้เขาได้ไปสู่ตำแหน่งสูงได้ จึงละทิ้งโอกาสที่จะเป็นข้าราชการระดับล่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    ถึงกระนั้น เขาก็ยังคงปรารถนาที่จะประกอบอาชีพในสายข้าราชการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิทยาที่ขัดแย้งกันในสมัยโบราณที่ว่า "หมอไม่รักษาให้ตัวเอง" แม้ว่าคนๆ หนึ่งจะประสบความสำเร็จก็ตาม มันเป็นเรื่องยากที่จะหลุดพ้นจากความคิดเรื่องลำดับชั้นของสังคมศักดินา

    เมื่อชื่อเสียงเลื่องลือแพร่กระจายออกไปทั่ว ระดับตำแหน่งคนไข้ของฮวาโถว(华佗)ก็กลายเป็นผู้มีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยรวมไปถึงผู้ปกครองสูงสุดอย่างโจโฉ(曹操)ด้วย

    แล้วฮวาโถว(华佗)ถูกโจโฉ(曹操)บังคับให้รักษาจริงหรือ? เขาเป็นคนริเริ่มสมยอมในเรื่องนี้หรือเปล่า?

    คำตอบอาจจะใช่ก็ได้ เพราะฮวาโถว(华佗)ก็หวังที่จะได้ทำงานในหน่วยงานรัฐบาล แต่เนื่องจากคนที่แนะนำเขามีฐานะต่ำต้อย เขาจึงหางานได้ยาก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงขยายเครือข่ายด้วยการประกอบวิชาชีพแพทย์เท่านั้น

    ใครจะมีพลังอำนาจมากกว่าโจโฉในเวลานี้? ถ้าเขาได้รับการชื่นชมจากโจโฉ(曹操)นั่นไม่ใช่เหมือนกับว่าเขาจะต้องโด่งดังชั่วข้ามคืนใช่ไหม?

    นอกจากนี้ ฮวาโถว(华佗)ยังมั่นใจในทักษะทางการแพทย์ของตน และเชื่อว่าตนสามารถรักษาอาการปวดหัวของโจโฉ(曹操)ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยคำเชิญอย่างเป็นทางการของโจโฉ(曹操) ฮวาโถว(华佗)จึงอาสาไป

    โจโฉ(曹操)ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง อันเนื่องมาจากการทำงานหนักในกิจการราชการและสงครามเป็นเวลานาน หลังจากที่ฮวาโถว(华佗)เดินทางมาถึง เขาได้ใช้การฝังเข็มเพื่อบรรเทาอาการป่วยลงอย่างมาก ซึ่งทำให้โจโฉ(曹操)มีความสุขมาก

    แต่โจโฉ(曹操)ต้องการการรักษาให้หายขาด ไม่ใช่แค่บรรเทาให้หายลงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อได้รับคำร้องขอนี้ ฮวาโถว(华佗)ยอมรับว่าเขาสามารถใช้การฝังเข็มเพื่อชะลอโรคลงเท่านั้น ถ้าต้องการรักษาให้หายขาด จำเป็นต้องทำการผ่าตัดกระโหลกศีรษะ

    โจโฉ(曹操)โกรธมากเมื่อฮวาโถว(华佗)พูดเช่นนี้ การผ่าตัดกระโหลกศีรษะถือเป็นเรื่องที่พบได้ยากและอันตรายมากในสมัยนั้น และไม่มีใครกล้าลองโดยง่าย นิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操)ทำให้เขาไม่อาจยอมรับข้อเสนอของฮวาโถว(华佗)ได้

    ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ได้บันทึกไว้ในหลายตอนถึงลักษณะบุคลิกนิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操) ในช่วงแรกๆ เขาล้มเหลวในการลอบสังหารตั๋งโต๊ะ(Dong Zhuo董卓) ขณะที่กำลังหลบหนี เขาได้ฆ่า ลิแปะเฉีย หรือ ลฺหวี่โป๋เชอ (Lü Boshe呂伯奢) เพื่อนที่ดีของพ่อของเขาและครอบครัวทั้งหมดโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาอันโหดร้ายของเขาที่ว่า "ข้ายอมทรยศโลก ดีกว่าปล่อยให้โลกทรยศข้า"

    โจโฉ(曹操)ระมัดระวังชีวิตของตนเองอย่างมาก และถึงขั้นระแวงการกระทำอันดีงามขององครักษ์ ครั้งหนึ่งเขาเคยฆ่าองครักษ์ส่วนตัวเพราะความเข้าใจผิด

    ดังนั้นเขาจะไม่ยอมให้ใครมาคุกคามความปลอดภัยของเขา และการผ่าตัดกระโหลกศีรษะเป็นเพียงภัยคุกคามในสายตาของเขาและเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

    ในทางกลับกัน โจโฉ(曹操)ก็มีความสงสัยในนิสัยของฮวาโถว(华佗)เช่นกัน โดยคิดว่าเขาเป็นคนหยิ่งยโสและหลงตัวเอง และเขาอาจมีเจตนาอื่นใดที่เสนอวิธีการรักษาที่รุนแรงเช่นนี้ ดังนั้น โจโฉ(曹操)จึงเลือกการรักษาแบบประคับประคองและให้ฮวาโถว(华佗)ทำการฝังเข็มเป็นประจำเพื่อบรรเทาอาการ

    หลังจากเวลาผ่านไปนาน ฮวาโถว(华佗)เห็นว่าโจโฉไม่ยอมรับการผ่าตัด และไม่มีความตั้งใจที่จะให้เขาได้รับตำแหน่งสูงๆ และเงินเดือนที่สูง จึงขอลาและกลับบ้านโดยอ้างว่าภรรยาของเขาป่วยหนัก

    แม้ว่าโจโฉ(曹操)จะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ยังคงเห็นชอบ

    ต่อมาอาการปวดหัวของโจโฉก็กลับมาอีก เขาจึงส่งคนไปขอให้ฮัวโต่วกลับมารักษาให้อีกหลายครั้ง แต่ฮวาโถว(华佗)กลับปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    ในที่สุดโจโฉ(曹操)ก็ส่งคนไปตรวจสอบและพบว่าภรรยาของฮวาโถว(华佗)ไม่ได้ป่วย แต่ฮวาโถว(华佗)ไม่เต็มใจที่จะกลับมา

    ด้วยความโกรธ โจโฉ(曹操)จึงให้ควบคุมตัวฮวาโถว(华佗)และจำคุกในข้อกล่าวหา "ไม่ให้ความเคารพอย่างยิ่ง" และ "ฝ่าฝืนคำสั่ง"

    คนใกล้ชิดของเขาได้แนะนำให้โจโฉ(曹操)เมตตา แต่โจโฉ(曹操)กลับมุ่งมั่นที่จะฆ่าเขา หมอผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้จึงได้เสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้า

    หลังจากสังหารฮัวโตวแล้ว โจโฉเคยเสียใจบ้างไหม? อย่างไรก็ตาม อาการปวดหัวของเขาก็ยังไม่สามารถรักษาหายได้

    ความขี้ระแวงสงสัยและความโกรธในเรื่องทางจิตใจนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าความเจ็บปวดทางกายเสียอีก อาจจะบางทีเมื่อความเจ็บปวดกลับมาอีกครั้ง เขาอาจจะนึกถึงฮวาโถว(华佗) แต่เขาไม่เคยนึกเสียใจเลย

    ในสายตาของโจโฉ(曹操) หมอเป็นเพียงเครื่องมือและคนรับใช้ ไม่คู่ควรแก่การเคารพนับถือ หากฮวาโถว(华佗)กล้าคุกคามชีวิตตนเอง มันจะเป็นความท้าทายต่ออำนาจของเขา และจะไม่มีวันได้รับการยอมรับ

    การฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นเพียงการแสดงอำนาจและเป็นการเตือนทุกคนว่าไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครก็ไม่มีใครสามารถล่วงเกินเขาได้

    ในเวลานั้น โจโฉ(曹操)กำลังเตรียมตัวสำหรับการรบที่เซ็กเพ็ก ผาแดง (Red Cliffs or Chib赤壁之戰) และจำเป็นต้องรักษาขวัญกำลังใจของกองทหารของเขา เสริมสร้างชื่อเสียง และสร้างศักดิ์ศรีที่ไม่สามารถละเมิดได้ของเขา

    การไม่ควรปล่อยให้แพทย์ควบคุมร่างกายและชีวิตของตนเองโดยเด็ดขาด ดังนั้นการฆ่าฮวาโถว(华佗)จึงกลายเป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่จำเป็น

    ขณะที่สงครามกำลังใกล้เข้ามา โจโฉ(曹操)ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ขอให้ฆ่าฮวาโถว(华佗)อยู่เคียงข้างเพื่อรับการรักษา แม้ภายนอกจะแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจสุขภาพของตนเอง แต่แท้จริงแล้ว นี่ถือเป็นการประกาศถึงความแข็งแกร่งของเขาต่อโลกภายนอกด้วยเช่นกัน

    การสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นการส่งสัญญาณทางอ้อมว่า "ฉันไม่กลัว" ทำให้ขวัญกำลังใจของกองทัพมั่นคงและปราบปรามศัตรูได้

    แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะพ่ายแพ้ในยุทธการที่ผาแดง (Red Cliffs 赤壁之戰)แต่ก็ถือเป็นความผิดพลาดทางยุทธวิธี และไม่มีผลต่อเสถียรภาพของสงครามจิตวิทยาแต่อย่างใด

    จากมุมมองทางประวัติศาสตร์ การตัดสินใจของโจโฉ(曹操)ที่จะสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)นั้นถูกต้องหรือไม่นั้นเป็นคำถามที่ควรค่าแก่การหารือถกเถียง

    สิบสองปีต่อมา โจผี หรือ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ได้สืบทอดบัลลังก์และสืบสานสไตล์ที่เด็ดขาดและเข้มแข็งของบิดาของเขา

    การกระทำของบิดาของเขาในการสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)แสดงให้โลกเห็นถึงการควบคุมที่แท้จริงของตระกูลเฉา(Cao曹)และสถานะการปกครองที่ไม่อาจท้าทายได้อย่างแน่นอน

    นอกจากนี้ยังกลายมาเป็นหลักสูตรเบื้องต้นของ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ในหัวข้อ"ศิลปศาสตร์ของจักรพรรดิ(帝王学)" อีกด้วย

    เฉาพี (Cao Pi曹丕)สืบทอดเจตนารมณ์ และใช้การยับยั้งป้องปรามเพื่อปราบปราม สุมาอี้ หรือ ซือหม่าอี้(Sima Yi司马懿) เพื่อให้แน่ใจว่าการสืบทอดบัลลังก์ของตระกูลเฉา(Cao曹)จะมั่นคงและสืบสานราชวงศ์ต่อไปเป็นเวลาสามชั่วอายุคน

    โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า

    กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ
    🤠#เหตุใดโจโฉจึงยืนกรานที่จะฆ่าหมอฮวาโถว(华佗)?🤠 🤠#12ปีต่อมาเขาก็พบว่าการตัดสินใจของเขาถูกต้อง🤠 สามก๊ก หรือ ซานกั๋วเหยี่ยนอี้(Romance of the Three Kingdoms三国演义)เป็นผลงานชิ้นเอกในประวัติศาสตร์วรรณกรรมจีนที่ใครๆ ก็รู้จัก หนังสือเล่มนี้มีโครงเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากมายซึ่งชวนติดตาม ในงานนี้ ผู้เขียนไม่ได้แยกแยะระหว่างตัวเอกและตัวประกอบอย่างชัดเจน เพราะในใจของผู้อ่านที่ชื่นชอบผลงานชิ้นนี้ ตัวละครแต่ละตัวจะเปล่งประกายด้วยความเฉลียวฉลาดและเสน่ห์เฉพาะตัว เชื่อว่าหลายๆ คนคิดเหมือนกันว่าตัวละครที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งมากที่สุดคือโจโฉ(曹操) บางคนมองว่าเขาเป็นรัฐมนตรีที่ฉลาดและสามารถควบคุมสถานการณ์ในยามยากลำบากได้ ในขณะที่บางคนมองว่าเขาเป็นคนร้ายที่ทรยศและวางแผนร้าย บางทีในสายตาของโจโฉ(曹操) ความซื่อสัตย์ภักดีและการทรยศคตโกงอาจไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่เขาแสวงหาคือการรวมประเทศเป็นหนึ่ง และปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการบรรลุการรวมกันเป็นหนึ่งคือความแข็งแกร่งและความสามารถ ด้วยค่านิยมที่ว่า “ผู้มีความสามารถคือประมุข” เขาจึงให้ความสำคัญกับผลลัพธ์มากกว่าที่จะยึดติดกับข้อจำกัดทางศีลธรรมแบบเดิมๆ สิ่งนี้ยังทำให้วิธีการทำสิ่งต่างๆ (曹操) มีความพิเศษ มีเอกลักษณ์และมักจะผสมผสาน และไม่ยึดหลักเกณฑ์ธรรมดาด้วย จากมุมมองของผู้คนในปัจจุบัน เขาสามารถถูกมองว่าเป็นนักการเมืองที่มีแนวคิดก้าวหน้าและแนวคิดทางเลือกอีกแนวทางหนึ่ง หากต้องการเข้าใจความซับซ้อนของสามก๊ก(三国)อย่างแท้จริง ต้องเข้าใจความภายในใจของโจโฉ(曹操)และวิธีการจัดการกับผู้คนพร้อมกับการปฏิบัติวานของเขาเสียก่อน นอกจากนี้ บุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์จำนวนมากในช่วงยุคสามก๊ก(三国)มีปฏิสัมพันธ์สำคัญกับโจโฉ(曹操) และทั้งหมดนี้คนที่คลาสสิกที่สุดคือหมอฮวาโถว(华佗)ผู้โด่งดัง ดังที่เราทราบกันดีว่า ฮวาโถว(华佗)เสียชีวิตในท้ายที่สุดจากน้ำมือของโจโฉ(曹操) แต่หากเราหยุดอยู่แค่คำคร่ำครวญเรื่อง "หมอชื่อดังถูกฆ่า" เท่านั้น มันก็จะดูผิวเผินเกินไป ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ของตัวละครที่อยู่เบื้องหลัง มันดูจะซับซ้อนกว่าการที่จะเอาแต่แค่ระบายอารมณ์เพียงอย่างเดียว แม้จากมุมมองบางประการ การตัดสินใจเช่นนี้อาจสมเหตุสมผลในสมัยขณะนั้น เพื่อที่จะชี้แจงประวัติศาสตร์เรื่องนี้ให้ชัดเจนขึ้น จำเป็นจะต้องเริ่มต้นจากฮวาโถว(华佗) ปราชญ์ทางการแพทย์ 🥰ฮวาโถว(华佗) เป็นหนึ่งในสี่หมอผู้ยิ่งใหญ่ในจีนโบราณ ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของฮฮวาโถว(华佗)ได้แก่ การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”และนิทานปรัมปราเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”🥰 การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” เป็นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่เก่าแก่ที่สุดที่คิดค้นโดยฮวาโถว(华佗)ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ฮวาโถว(华佗)ทราบดีถึงความสำคัญของการออกกำลังกายของมนุษย์ต่อสุขภาพ และสนับสนุนให้การออกกำลังกายเป็นจังหวะและสอดประสานกัน และเน้นย้ำถึงการผสมผสานระหว่างการรับประทานอาหารที่เหมาะสมและการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง การออกกำลังกายชุดนี้จะช่วยยืดเหยียดและออกกำลังกายไหล่ คอ ท้อง หลัง และแขนขาได้อย่างเต็มที่ โดยเลียนแบบการเคลื่อนไหวของสัตว์ทั้ง 5 ชนิด ได้แก่ เสือ กวาง หมี ลิง และนก ฮวาโถว(华佗)สนับสนุนให้ “เดินตามธรรมชาติ เดินตามทางแห่งสวรรค์” ซึ่งไม่เพียงป้องกันโรคได้เท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้คนรู้สึกสบายกายและใจและเพิ่มความอยากอาหารอีกด้วย ศิษย์ของท่านอาจารย์หวู่ปู้(吴普)ยืนกรานที่จะฝึกท่าบริหารสัตว์ทั้งห้าทุกวัน และในที่สุดก็ได้มีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดี โดยมีอายุยืนยาวถึง 90 ปี คงทราบดีว่าในสมัยโบราณ เมื่ออายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 40 หรือ 50 ปีเท่านั้น การมีชีวิตที่ยืนยาวและมีพลังมากขนาดนี้ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ท่าบริหารสัตว์ทั้งห้ายังคงได้รับความนิยมตลอดหลายปีที่ผ่านมา และยังคงได้รับการเคารพและสืบทอดโดยแพทย์แผนจีนแบบดั้งเดิมหลายคน อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ที่ฮวาโถว(华佗)คิดค้นขึ้นเป็นยาชาที่รับประทานร่วมกับแอลกอฮอล์ ซึ่งสามารถทำให้คนไข้หมดสติชั่วคราว ช่วยให้ทำการผ่าตัดรักษาผู้บาดเจ็บได้ง่ายขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการรักษาด้วยยาแผนจีนแบบดั้งเดิม วิธีนี้ถือว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าและสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ และถือได้ว่าเป็นผลงานบุกเบิกของการผ่าตัดแบบจีนโบราณ อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”เขาไม่ได้รับใช้“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)” ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ ฮวาโถว(华佗)และกวนอูกำลังดื่มเหล้าและเล่นหมากรุกเพื่อผ่อนคลายก่อนที่เขาจะกล้าขูดพิษลูกศรออกจากกระดูก หนังสือเล่มนี้บรรยายว่าใบมีดเสียดสีกับกระดูก ทำให้เกิดเสียง “เสียดสี” และเลือดออก แต่กวนอู(关羽)ไม่แสดงความกลัว ทำให้ฮวาโถว(华佗)อุทานออกมาว่า “ท่านแม่ทัพเป็นเทพเจ้าจริงๆ” แม้ว่า“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”จะไม่ได้ถูกใช้กับกวนอู(关羽) แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและกล้าหาญของเขา น่าเสียดายที่ปฏิบัติการนี้อาจเป็นเครื่องพิสูจน์ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”แต่ก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง นอกเหนือจากทักษะทางการแพทย์แล้ว ฮวาโถว(华佗)ยังเป็นบุคคลที่มีความรู้และความสามารถอีกด้วย ในช่วงต้นยุคสามก๊ก(三国) ผู้ที่ต้องการเข้าสู่ตำแหน่งทางการมักจะอาศัยระบบการแนะนำมากกว่าระบบการสอบของจักรพรรดิในยุคหลัง ระบบการแนะนำไม่เพียงแต่ประเมินระดับความรู้การศึกษาเท่านั้น แต่ยังกำหนดให้ต้องได้รับการแนะนำจากเจ้าหน้าที่ข้าราชการที่มีฐานะหรือบุคคลที่มีคุณธรรมสูง ยิ่งตำแหน่งทางการของผู้แนะนำสูงขึ้นเท่าใด ผู้ที่ได้รับการแนะนำก็จะได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้นตามไปด้วยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แพทย์ไม่ได้มีสถานะทางสังคมที่สูงส่งในสมัยนั้น ภายใต้แนวคิดดั้งเดิมที่ว่า นักวิชาการ ชาวนา พ่อค้า และช่างฝีมือ มีเพียงเจ้าหน้าที่ทางข้าราชการเท่านั้นที่ได้รับการเคารพนับถือ แพทย์ไม่ได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในสี่ชนชั้น ได้แก่ นักวิชาการ เกษตรกร พ่อค้า และช่างฝีมือเสียด้วยซ้ำ และสถานะของพวกเขาก็คล้ายคลึงกับพ่อมดแม่มด นักแสดง และอาชีพบริการอื่นๆ ฮวาโถว(华佗)มีความขยันพรากเพียรเรียนหนักมาตั้งแต่เด็ก และมีความต้องการที่จะประกอบอาชีพข้าราชการ ครั้งหนึ่งเขาเคยทิ้งบันทึกไว้ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ว่า "แต่ก่อนข้าเป็นนักวิชาการ แต่ข้าหาเลี้ยงชีพด้วยการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ และข้าก็มักจะรู้สึกผิดหวังเสียใจ" นั่นหมายความว่าเขาต้องการมีอาชีพทางข้าราชการที่ราบรื่น อย่างไรก็ตาม เขาพลาดโอกาสที่จะเข้าสู่ตำแหน่งทางข้าราชการเพราะมีอาชีพทางการแพทย์ของเขา ทักษะทางการแพทย์ของเขาทำให้เขามีชื่อเสียง ผู้คนมากมายต่างเข้ามาหาเขาราวกับว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็นหมอ อย่างไรก็ตาม ฮวาโถว(华佗)ยังไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ข้าราชการท้องถิ่นเหล่านั้นจะเป็นผู้แนะนำ โดยคิดว่าคำแนะนำเหล่านั้นจะไม่ช่วยให้เขาได้ไปสู่ตำแหน่งสูงได้ จึงละทิ้งโอกาสที่จะเป็นข้าราชการระดับล่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงกระนั้น เขาก็ยังคงปรารถนาที่จะประกอบอาชีพในสายข้าราชการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิทยาที่ขัดแย้งกันในสมัยโบราณที่ว่า "หมอไม่รักษาให้ตัวเอง" แม้ว่าคนๆ หนึ่งจะประสบความสำเร็จก็ตาม มันเป็นเรื่องยากที่จะหลุดพ้นจากความคิดเรื่องลำดับชั้นของสังคมศักดินา เมื่อชื่อเสียงเลื่องลือแพร่กระจายออกไปทั่ว ระดับตำแหน่งคนไข้ของฮวาโถว(华佗)ก็กลายเป็นผู้มีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยรวมไปถึงผู้ปกครองสูงสุดอย่างโจโฉ(曹操)ด้วย 🥰แล้วฮวาโถว(华佗)ถูกโจโฉ(曹操)บังคับให้รักษาจริงหรือ? เขาเป็นคนริเริ่มสมยอมในเรื่องนี้หรือเปล่า?🥰 คำตอบอาจจะใช่ก็ได้ เพราะฮวาโถว(华佗)ก็หวังที่จะได้ทำงานในหน่วยงานรัฐบาล แต่เนื่องจากคนที่แนะนำเขามีฐานะต่ำต้อย เขาจึงหางานได้ยาก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงขยายเครือข่ายด้วยการประกอบวิชาชีพแพทย์เท่านั้น 🥰ใครจะมีพลังอำนาจมากกว่าโจโฉในเวลานี้? ถ้าเขาได้รับการชื่นชมจากโจโฉ(曹操)นั่นไม่ใช่เหมือนกับว่าเขาจะต้องโด่งดังชั่วข้ามคืนใช่ไหม? 🥰 นอกจากนี้ ฮวาโถว(华佗)ยังมั่นใจในทักษะทางการแพทย์ของตน และเชื่อว่าตนสามารถรักษาอาการปวดหัวของโจโฉ(曹操)ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยคำเชิญอย่างเป็นทางการของโจโฉ(曹操) ฮวาโถว(华佗)จึงอาสาไป โจโฉ(曹操)ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง อันเนื่องมาจากการทำงานหนักในกิจการราชการและสงครามเป็นเวลานาน หลังจากที่ฮวาโถว(华佗)เดินทางมาถึง เขาได้ใช้การฝังเข็มเพื่อบรรเทาอาการป่วยลงอย่างมาก ซึ่งทำให้โจโฉ(曹操)มีความสุขมาก แต่โจโฉ(曹操)ต้องการการรักษาให้หายขาด ไม่ใช่แค่บรรเทาให้หายลงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อได้รับคำร้องขอนี้ ฮวาโถว(华佗)ยอมรับว่าเขาสามารถใช้การฝังเข็มเพื่อชะลอโรคลงเท่านั้น ถ้าต้องการรักษาให้หายขาด จำเป็นต้องทำการผ่าตัดกระโหลกศีรษะ โจโฉ(曹操)โกรธมากเมื่อฮวาโถว(华佗)พูดเช่นนี้ การผ่าตัดกระโหลกศีรษะถือเป็นเรื่องที่พบได้ยากและอันตรายมากในสมัยนั้น และไม่มีใครกล้าลองโดยง่าย นิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操)ทำให้เขาไม่อาจยอมรับข้อเสนอของฮวาโถว(华佗)ได้ 🥰ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ได้บันทึกไว้ในหลายตอนถึงลักษณะบุคลิกนิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操) ในช่วงแรกๆ เขาล้มเหลวในการลอบสังหารตั๋งโต๊ะ(Dong Zhuo董卓) ขณะที่กำลังหลบหนี เขาได้ฆ่า ลิแปะเฉีย หรือ ลฺหวี่โป๋เชอ (Lü Boshe呂伯奢) เพื่อนที่ดีของพ่อของเขาและครอบครัวทั้งหมดโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาอันโหดร้ายของเขาที่ว่า "ข้ายอมทรยศโลก ดีกว่าปล่อยให้โลกทรยศข้า"🥰 โจโฉ(曹操)ระมัดระวังชีวิตของตนเองอย่างมาก และถึงขั้นระแวงการกระทำอันดีงามขององครักษ์ ครั้งหนึ่งเขาเคยฆ่าองครักษ์ส่วนตัวเพราะความเข้าใจผิด ดังนั้นเขาจะไม่ยอมให้ใครมาคุกคามความปลอดภัยของเขา และการผ่าตัดกระโหลกศีรษะเป็นเพียงภัยคุกคามในสายตาของเขาและเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ในทางกลับกัน โจโฉ(曹操)ก็มีความสงสัยในนิสัยของฮวาโถว(华佗)เช่นกัน โดยคิดว่าเขาเป็นคนหยิ่งยโสและหลงตัวเอง และเขาอาจมีเจตนาอื่นใดที่เสนอวิธีการรักษาที่รุนแรงเช่นนี้ ดังนั้น โจโฉ(曹操)จึงเลือกการรักษาแบบประคับประคองและให้ฮวาโถว(华佗)ทำการฝังเข็มเป็นประจำเพื่อบรรเทาอาการ หลังจากเวลาผ่านไปนาน ฮวาโถว(华佗)เห็นว่าโจโฉไม่ยอมรับการผ่าตัด และไม่มีความตั้งใจที่จะให้เขาได้รับตำแหน่งสูงๆ และเงินเดือนที่สูง จึงขอลาและกลับบ้านโดยอ้างว่าภรรยาของเขาป่วยหนัก แม้ว่าโจโฉ(曹操)จะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ยังคงเห็นชอบ ต่อมาอาการปวดหัวของโจโฉก็กลับมาอีก เขาจึงส่งคนไปขอให้ฮัวโต่วกลับมารักษาให้อีกหลายครั้ง แต่ฮวาโถว(华佗)กลับปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดโจโฉ(曹操)ก็ส่งคนไปตรวจสอบและพบว่าภรรยาของฮวาโถว(华佗)ไม่ได้ป่วย แต่ฮวาโถว(华佗)ไม่เต็มใจที่จะกลับมา ด้วยความโกรธ โจโฉ(曹操)จึงให้ควบคุมตัวฮวาโถว(华佗)และจำคุกในข้อกล่าวหา "ไม่ให้ความเคารพอย่างยิ่ง" และ "ฝ่าฝืนคำสั่ง" คนใกล้ชิดของเขาได้แนะนำให้โจโฉ(曹操)เมตตา แต่โจโฉ(曹操)กลับมุ่งมั่นที่จะฆ่าเขา หมอผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้จึงได้เสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้า 🥰หลังจากสังหารฮัวโตวแล้ว โจโฉเคยเสียใจบ้างไหม? อย่างไรก็ตาม อาการปวดหัวของเขาก็ยังไม่สามารถรักษาหายได้🥰 ความขี้ระแวงสงสัยและความโกรธในเรื่องทางจิตใจนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าความเจ็บปวดทางกายเสียอีก อาจจะบางทีเมื่อความเจ็บปวดกลับมาอีกครั้ง เขาอาจจะนึกถึงฮวาโถว(华佗) แต่เขาไม่เคยนึกเสียใจเลย ในสายตาของโจโฉ(曹操) หมอเป็นเพียงเครื่องมือและคนรับใช้ ไม่คู่ควรแก่การเคารพนับถือ หากฮวาโถว(华佗)กล้าคุกคามชีวิตตนเอง มันจะเป็นความท้าทายต่ออำนาจของเขา และจะไม่มีวันได้รับการยอมรับ การฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นเพียงการแสดงอำนาจและเป็นการเตือนทุกคนว่าไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครก็ไม่มีใครสามารถล่วงเกินเขาได้ 🥰ในเวลานั้น โจโฉ(曹操)กำลังเตรียมตัวสำหรับการรบที่เซ็กเพ็ก ผาแดง (Red Cliffs or Chib赤壁之戰) และจำเป็นต้องรักษาขวัญกำลังใจของกองทหารของเขา เสริมสร้างชื่อเสียง และสร้างศักดิ์ศรีที่ไม่สามารถละเมิดได้ของเขา🥰 การไม่ควรปล่อยให้แพทย์ควบคุมร่างกายและชีวิตของตนเองโดยเด็ดขาด ดังนั้นการฆ่าฮวาโถว(华佗)จึงกลายเป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่จำเป็น ขณะที่สงครามกำลังใกล้เข้ามา โจโฉ(曹操)ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ขอให้ฆ่าฮวาโถว(华佗)อยู่เคียงข้างเพื่อรับการรักษา แม้ภายนอกจะแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจสุขภาพของตนเอง แต่แท้จริงแล้ว นี่ถือเป็นการประกาศถึงความแข็งแกร่งของเขาต่อโลกภายนอกด้วยเช่นกัน การสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นการส่งสัญญาณทางอ้อมว่า "ฉันไม่กลัว" ทำให้ขวัญกำลังใจของกองทัพมั่นคงและปราบปรามศัตรูได้ แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะพ่ายแพ้ในยุทธการที่ผาแดง (Red Cliffs 赤壁之戰)แต่ก็ถือเป็นความผิดพลาดทางยุทธวิธี และไม่มีผลต่อเสถียรภาพของสงครามจิตวิทยาแต่อย่างใด 🥰จากมุมมองทางประวัติศาสตร์ การตัดสินใจของโจโฉ(曹操)ที่จะสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)นั้นถูกต้องหรือไม่นั้นเป็นคำถามที่ควรค่าแก่การหารือถกเถียง🥰 สิบสองปีต่อมา โจผี หรือ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ได้สืบทอดบัลลังก์และสืบสานสไตล์ที่เด็ดขาดและเข้มแข็งของบิดาของเขา การกระทำของบิดาของเขาในการสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)แสดงให้โลกเห็นถึงการควบคุมที่แท้จริงของตระกูลเฉา(Cao曹)และสถานะการปกครองที่ไม่อาจท้าทายได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังกลายมาเป็นหลักสูตรเบื้องต้นของ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ในหัวข้อ"ศิลปศาสตร์ของจักรพรรดิ(帝王学)" อีกด้วย เฉาพี (Cao Pi曹丕)สืบทอดเจตนารมณ์ และใช้การยับยั้งป้องปรามเพื่อปราบปราม สุมาอี้ หรือ ซือหม่าอี้(Sima Yi司马懿) เพื่อให้แน่ใจว่าการสืบทอดบัลลังก์ของตระกูลเฉา(Cao曹)จะมั่นคงและสืบสานราชวงศ์ต่อไปเป็นเวลาสามชั่วอายุคน 💓โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า💓 😍กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ😍
    0 Comments 0 Shares 580 Views 0 Reviews
  • ดร.เสรี จวกคนทำผิดซ้ำซากแต่ไม่เคยยอมรับ ทั้งที่ศาลชี้ผิดชัด ยังมีคนเชิดชูจนประเทศวิกฤต เตือนถ้าปล่อยให้นำต่อ “เรือหายแน่”
    https://www.thai-tai.tv/news/20172/
    .
    #ดรเสรีวงษ์มณฑา #การเมืองไทย #ทักษิณ #ประเทศไทย #นักวิชาการ #ข้อคิดเห็น #ข่าวการเมือง
    ดร.เสรี จวกคนทำผิดซ้ำซากแต่ไม่เคยยอมรับ ทั้งที่ศาลชี้ผิดชัด ยังมีคนเชิดชูจนประเทศวิกฤต เตือนถ้าปล่อยให้นำต่อ “เรือหายแน่” https://www.thai-tai.tv/news/20172/ . #ดรเสรีวงษ์มณฑา #การเมืองไทย #ทักษิณ #ประเทศไทย #นักวิชาการ #ข้อคิดเห็น #ข่าวการเมือง
    0 Comments 0 Shares 100 Views 0 Reviews
  • วงการสงฆ์ร้อน กิเลสแทรกผ่านผ้าเหลือง : คนเคาะข่าว 9-07-68

    ร่วมสนทนา
    อ.จตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการอิสระด้านพระพุทธศาสนา
    พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว
    ดำเนินรายการโดย กรองทอง เศรษฐสุทธิ์

    คลิกชม https://www.youtube.com/watch?v=LQx9dYGoo3k
    วงการสงฆ์ร้อน กิเลสแทรกผ่านผ้าเหลือง : คนเคาะข่าว 9-07-68 ร่วมสนทนา อ.จตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการอิสระด้านพระพุทธศาสนา พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ดำเนินรายการโดย กรองทอง เศรษฐสุทธิ์ คลิกชม https://www.youtube.com/watch?v=LQx9dYGoo3k
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 187 Views 0 Reviews
  • นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา ย้ำว่าการรื้อรั้วไม้หน้าปราสาทตาเมือนธม เป็นผลงานจาก MOU 43 พร้อมชี้ว่าปัญหาไม่ได้มีเพียงการรื้อรั้ว แต่ยังมีการปักหมุดของกัมพูชาหลังปราสาทตาเมือนโต๊ด ซึ่งคลุมปราสาทตาเมือนธมไปด้วย ทำให้กัมพูชาพยายามอ้างสิทธิ์ในปราสาททั้งสองหลัง นายเทพมนตรีเน้นย้ำว่า "เราต้องเลิก MOU43 เพราะสร้างแต่ปัญหา"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000064539

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา ย้ำว่าการรื้อรั้วไม้หน้าปราสาทตาเมือนธม เป็นผลงานจาก MOU 43 พร้อมชี้ว่าปัญหาไม่ได้มีเพียงการรื้อรั้ว แต่ยังมีการปักหมุดของกัมพูชาหลังปราสาทตาเมือนโต๊ด ซึ่งคลุมปราสาทตาเมือนธมไปด้วย ทำให้กัมพูชาพยายามอ้างสิทธิ์ในปราสาททั้งสองหลัง นายเทพมนตรีเน้นย้ำว่า "เราต้องเลิก MOU43 เพราะสร้างแต่ปัญหา" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000064539 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    6
    0 Comments 0 Shares 1076 Views 0 Reviews
  • สนธิเล่าเรื่อง 7-7-2568
    .
    เช้าวันจันทร์ ภายหลังจากรับประทานอาหารเช้าเป็นข้าวต้มหมู พร้อมประชุมกับทีมงาน คุณสนธิจะมาพูดคุย และเล่าให้ฟังถึงหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะ "มายาคติประชาธิปไตย" ที่นักการเมืองไทยพร่ำบอก รวมไปถึงนักวิชาการ และสื่อมวลชนทั้งหลายยังหลงงมงายอยู่ รวมไปถึง ประเด็นเรื่องการเมือง, องค์กรอิสระ, แก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมไปถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการบริจาคอาวุธยุทโธปกรณ์ และสิ่งของจำเป็นสำหรับทหารของกองทัพภาคที่ 2 ในแนวหน้าของมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินด้วย ... โปรดติดตามชมโดยพลัน
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=u0MTcLuKTHs
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #มายาคติประชาธิปไตย
    สนธิเล่าเรื่อง 7-7-2568 . เช้าวันจันทร์ ภายหลังจากรับประทานอาหารเช้าเป็นข้าวต้มหมู พร้อมประชุมกับทีมงาน คุณสนธิจะมาพูดคุย และเล่าให้ฟังถึงหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะ "มายาคติประชาธิปไตย" ที่นักการเมืองไทยพร่ำบอก รวมไปถึงนักวิชาการ และสื่อมวลชนทั้งหลายยังหลงงมงายอยู่ รวมไปถึง ประเด็นเรื่องการเมือง, องค์กรอิสระ, แก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมไปถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการบริจาคอาวุธยุทโธปกรณ์ และสิ่งของจำเป็นสำหรับทหารของกองทัพภาคที่ 2 ในแนวหน้าของมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินด้วย ... โปรดติดตามชมโดยพลัน . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=u0MTcLuKTHs . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #มายาคติประชาธิปไตย
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 280 Views 0 Reviews
  • “เทพมนตรี” โชว์หลักฐานยันปราสาทตาเมือนธมเป็นของไทย ตามแผนที่ของนักสำรวจชาวฝรั่งเศส ที่เขียนขึ้นเมื่อปี 1901 รับรองโดยสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศสปี 1904 ปรากฏในหนังสือ “ปราสาทพระวิหาร” ที่กัมพูชาจัดพิมพ์ร่วมกับยูเนสโก และวงวิชาการศิลปเขมรชอบนำไปอ้างอิง

    วันนี้(6 ก.ค.) นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพประกอบในเฟซบุ๊ก Thepmontri Limpaphayorm เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับปราสาทตาเมือนธม ที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าอยู่ในเขตอธิปไตยของกัมพูชาและเป็น 1 ในพื้นที่พิพาทกับไทย 4 จุดที่กัมพูชานำไปฟ้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ(ICJ)

    นายเทพมนตรี ได้ยืนยันว่าปราสาทตาเมือนธมเป็นของไทย ให้ทุกคนช่วยกันเผยแพร่พร้อมกับแท็กหานายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000063617

    #Thaitimes #MGROnline #ปราสาทพระวิหาร #กัมพูชา
    “เทพมนตรี” โชว์หลักฐานยันปราสาทตาเมือนธมเป็นของไทย ตามแผนที่ของนักสำรวจชาวฝรั่งเศส ที่เขียนขึ้นเมื่อปี 1901 รับรองโดยสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศสปี 1904 ปรากฏในหนังสือ “ปราสาทพระวิหาร” ที่กัมพูชาจัดพิมพ์ร่วมกับยูเนสโก และวงวิชาการศิลปเขมรชอบนำไปอ้างอิง • วันนี้(6 ก.ค.) นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพประกอบในเฟซบุ๊ก Thepmontri Limpaphayorm เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับปราสาทตาเมือนธม ที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าอยู่ในเขตอธิปไตยของกัมพูชาและเป็น 1 ในพื้นที่พิพาทกับไทย 4 จุดที่กัมพูชานำไปฟ้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ(ICJ) • นายเทพมนตรี ได้ยืนยันว่าปราสาทตาเมือนธมเป็นของไทย ให้ทุกคนช่วยกันเผยแพร่พร้อมกับแท็กหานายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000063617 • #Thaitimes #MGROnline #ปราสาทพระวิหาร #กัมพูชา
    Like
    1
    0 Comments 1 Shares 269 Views 0 Reviews

  • ..นักวิชาการมากมายเป็ยฝ่ายมืดแอบแฝงมิน้อย มีแต่คนเก่งๆทั้งนั้นและสามารถชี้นำสังคมได้โดยปูทางให้สามารถเข้ามามีชื่อเสียงรอไว้ในอดีตก็มาก ปะปนในทุกๆวงการทั่วไทยโดยเฉพาะศูนย์กลางอำนาจ.
    ..ส่วนตัวก็ติดตามท่านมาสักพักช่วงหนึ่งนานมาแล้ว แต่หลังๆแปลกๆบอกไม่ถูก เชียร์พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศสุดๆ ซึ่งฝ่ายแสงต่างเห็นต่างชัดเจนทั่วโลก เผลอโน้นโลกเย็นลงต่างหากและถ้าประเทศไทยไม่เตรียมรับมือเราอาจหนาวตายแน่นอนติดลบกว่า-200องศากันเลย เลยเริ่มลุกลามคุกคามมาเรื่อยๆในตอนบนของไทย ยุโรปหลายประเทศติดลบกว่า60-70องศาแล้วซึ่งเขาอยู่มมาตลอดชีวิตยังยืนยันว่าหนาวผิดปกติ,HAARPสามารถสร้างสาระพัดต่างๆได้หมดก็ด้วย,รวมภัยธรรมชาติพื้นฐานซ้ำเติมด้วยที่ฝ่ายมืดทำให้ทั่วโลกเสียสมดุลจากการรบกวนชั้นบรรยากาศโลกด้วยความถี่คลื่นสาระพัดอย่าง,ใต้ดินอีกเครื่องทำแผ่นดินไหวก็ด้วยกระจายทั่วโลกของฝ่ายมืดใต้เปลือกโลก,จึงน่าจะสมคบคิดบิดเบือนมากกว่า สมมุติฐานมโนให้เข้าใจง่ายๆคือจีนนำร่องเตรียมดวงอาทิตย์เทียมแล้วซึ่งแน่นอนจีนท่องเวลาผ่านประตูมิติไปเห็นอนาคตมาแล้ว แล้วกลับมารับมือในไทม์ไลน์ที่จะมาถึงเร็วๆนี้,และเรา..ประเทศไทยก็ร่วมมือกับจีนได้รับการถ่ายทอดสิ่งนี้ด้วย จนมีข่าวการสร้างดวงอาทิตย์เทียมในไทยถึงว่าเข้าขั้นสำเร็จได้ไม่ยากด้วย วิสัยทัศน์พระมหากษัตริย์เราและความสัมพันธ์อันดีกับจีนดีเรื่อยมาจึงมีสิ่งดีๆนี้เกิดขึ้นเพื่อปกป้องคนไทยเราหรือทั้งอาเชียนมิให้หนาวตายด้วยดวงอาทิตย์เทียม,จีนก็ดูแลฝั่งตะวันออก,เราก็ดูแลฝั่งเอเชียกลางเป็นต้น,ตลอดอนาคตเราเข้าเป็นสมาชิกสภากาแล็กติกอย่างเป็นทางการอาจสาระพัดการช่วยเหลือจะมากมายกว่านี้,นี้ก็เข้าเป็นสมาชิกกองทัพพิทักษ์โลกแล้ว สามารถสร้างยานบินอวกาศในไทยได้สบายหรืออนาคตไทยเราจะเป็นฮับฐานหลักอีกที่ในการเป็นประเทศที่ผลิตยานบินอวกาศนั้นเอง.,เรามีนักวิชาการที่บิดเบือนทำคนไทยให้หลงทางมากเกินไปจริงๆ,ไม่มีความจริงใจอะไรในความซื่อสัตย์เลย,น่าผิดหวังมากๆ,ยุคใหม่ไม่สมควรมีนักวิชาการที่รับใช้ฝ่ายมืดในประเทศจริงๆ,พรบ.คาร์บอนเครดิตดีๆนี้ล่ะ,เครือข่ายกิจการเจ้าสัวในไทยของสมุนขี้ข้าซาตานประจำประเทศไทยต่างเตรียมพร้อมกอบโกยรับมือสิมิว่า,ปั่นเครดิตคาร์บอนตรึม,ปล่อยกู้เครดิตคาร์บอนอีก,ทำธุรกรรมใดๆคนไทยต้องมีเครดิตคาร์บอน,ลาพักเที่ยวมี10เครดิตคาร์บอนเที่ยวได้2วันก็ว่าโน้น,ชาวนาตอนแรกใช้ป่าเป็นเครดิตคาร์บอนรับฟรีที่100เครดิตต่อไร่,แต่จะทำนาทำสวนต้องจ่าย150เครดิตคาร์บอนจึงมีสถานะได้ใบอนุญาตทำนาทำสวนทำไร่ได้โน้น,กู้ตังกูเครดิตคาร์บอนเพิ่มจากแบงค์ซาตานแบบเดิมที่ประชาชนกู้ตังนั้นล่ะ,มันแจกจ่ายให้เครดิตคาร์บอนแต่ละแบงค์รอเหยื่อโง่ๆแบบมนุษย์ในยุคใหม่นี้ล่ะ หากินมุกๆใหม่ๆ,อาจแจกให้แบงค์ละ1ล้านล้านเครดิตคาร์บอนฟรีๆแบบในเครือมันตาอเมริกาในอดีตพิมพ์ตังขึ้นมาเองไร้ทองคำค้ำประกันนั้นล่ะ,ซวยคือประชาชนนี้ล่ะ,จะเลี้ยงแมวที่มีชีวิตหมาที่มีชีวิตต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการเลี้ยงหมาแมวต่อปีที่ตัวละ300เครดิตคาร์บอนเพราะปลดปล่อยคาร์บอนมากไป,แล้วก็มนุษย์เองก็ต้องจ่ายเครดิตคาร์บอนค่าหายใจค่าตดออกมาปลดปล่อยคาร์บอนออกมาก็ว่าเฉลี่ยต่อปีคนละ10,000เครดิตคาร์บอน,นี้คือวิธีวิถีควบคุมมนุษย์ในอนาคตยุคใหม่หรือทาสมนุษย์ผ่านเครดิตคาร์บอนหรือพรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนั้นล่ะ ใน17ประกาศของแผนagenda2030นั้น,สังเกตุสิ ผลัดดันเพศสีรุ่งเต็มที่มั้ยเพราะมันก็คือ1ใน17ประการแผนนโยบายหลักมันด้วย.,พรบ.นี้จริงๆต้องฉีกทำลายทิ้งทันที,นัยยะทาสทั้งประเทศชัดเจนรวมถึงจับกุมสถาบันกษัตริย์ไปร่วมเป็นทาสใต้ระบบมันด้วย.พวกนี้ธรรมดาที่ไหน.,พรบ.นี้คือแม่บนของทุกๆประการ ตัวหลักในการจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตคนไทยทั้งหมดและคนทั่วโลก มันจึงส่งออกให้ถึงประเทศไปทำให้สำเร็จ,เทียบกบฎ2475ก็ไม่ต่างกัน รับงานมาเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองวิถีชีวิตของประเทศนั้นๆ เช่น จีนก็ส่งออกระบบคอมมิวนิสต์ให้เพราะประเทศใหญ่โตควบคุมต้องเด็ดขาด ไทยประเทศเล็กๆส่งออกให้มันใส่เป็นระบบประชาธิปไตยแทน,สมุนขี้ข้าคณะกบฎ2475จึงรับงานมาทำ จีนก็สำเร็จแบบจีน ไทยก็สำเร็จแบบไทยจนถึงปัจจุบัน เป็นต้น คำตอบขี้ข้าที่ถูกต้องและชัดเจนว่า ไม่ว่านายกฯคนไหนขึ้นบริหารล้วนคือคนของมัน ไม่แตะบ่อน้ำมันเลยที่มันเอาไปทำสาระพัดประโยชน์กำไร,และต้องรีบเร่งแจกจ่ายอยู่เนื่องๆหรือยกให้พวกมันชนิดให้ฟรีๆสไตล์ทาสใต้ปกครองนั้นล่ะ,ค่าภาคหลวงน้อยนิด,เนื้อปิโตรเลียมใดๆก็ไม่มีเป็นของตนเองจริง,มโนแค่ผักชีโชว์หรูวลีข้อความเท็จเท่านั้น,ราคาน้ำมันถ้าเป็นของตนเองต้องกำหนดและควบคุมราคาได้,แต่ถึงปัจจุบันไม่มีฝีมือความสามารถอะไร,มันสั่งไม่กี่คำ ขึ้นลงเป็นว่าเล่นนั้นเอง,คือทำกำไรปั่นกำไรในsetง่ายๆนั้นเอง.
    ..นี้คือวิถีปกครองที่พังจริงล้มเหลวจริงทั้งระบบ.

    https://youtu.be/2zua862k5MQ?si=7V9N5o9jQtfLN43H
    ..นักวิชาการมากมายเป็ยฝ่ายมืดแอบแฝงมิน้อย มีแต่คนเก่งๆทั้งนั้นและสามารถชี้นำสังคมได้โดยปูทางให้สามารถเข้ามามีชื่อเสียงรอไว้ในอดีตก็มาก ปะปนในทุกๆวงการทั่วไทยโดยเฉพาะศูนย์กลางอำนาจ. ..ส่วนตัวก็ติดตามท่านมาสักพักช่วงหนึ่งนานมาแล้ว แต่หลังๆแปลกๆบอกไม่ถูก เชียร์พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศสุดๆ ซึ่งฝ่ายแสงต่างเห็นต่างชัดเจนทั่วโลก เผลอโน้นโลกเย็นลงต่างหากและถ้าประเทศไทยไม่เตรียมรับมือเราอาจหนาวตายแน่นอนติดลบกว่า-200องศากันเลย เลยเริ่มลุกลามคุกคามมาเรื่อยๆในตอนบนของไทย ยุโรปหลายประเทศติดลบกว่า60-70องศาแล้วซึ่งเขาอยู่มมาตลอดชีวิตยังยืนยันว่าหนาวผิดปกติ,HAARPสามารถสร้างสาระพัดต่างๆได้หมดก็ด้วย,รวมภัยธรรมชาติพื้นฐานซ้ำเติมด้วยที่ฝ่ายมืดทำให้ทั่วโลกเสียสมดุลจากการรบกวนชั้นบรรยากาศโลกด้วยความถี่คลื่นสาระพัดอย่าง,ใต้ดินอีกเครื่องทำแผ่นดินไหวก็ด้วยกระจายทั่วโลกของฝ่ายมืดใต้เปลือกโลก,จึงน่าจะสมคบคิดบิดเบือนมากกว่า สมมุติฐานมโนให้เข้าใจง่ายๆคือจีนนำร่องเตรียมดวงอาทิตย์เทียมแล้วซึ่งแน่นอนจีนท่องเวลาผ่านประตูมิติไปเห็นอนาคตมาแล้ว แล้วกลับมารับมือในไทม์ไลน์ที่จะมาถึงเร็วๆนี้,และเรา..ประเทศไทยก็ร่วมมือกับจีนได้รับการถ่ายทอดสิ่งนี้ด้วย จนมีข่าวการสร้างดวงอาทิตย์เทียมในไทยถึงว่าเข้าขั้นสำเร็จได้ไม่ยากด้วย วิสัยทัศน์พระมหากษัตริย์เราและความสัมพันธ์อันดีกับจีนดีเรื่อยมาจึงมีสิ่งดีๆนี้เกิดขึ้นเพื่อปกป้องคนไทยเราหรือทั้งอาเชียนมิให้หนาวตายด้วยดวงอาทิตย์เทียม,จีนก็ดูแลฝั่งตะวันออก,เราก็ดูแลฝั่งเอเชียกลางเป็นต้น,ตลอดอนาคตเราเข้าเป็นสมาชิกสภากาแล็กติกอย่างเป็นทางการอาจสาระพัดการช่วยเหลือจะมากมายกว่านี้,นี้ก็เข้าเป็นสมาชิกกองทัพพิทักษ์โลกแล้ว สามารถสร้างยานบินอวกาศในไทยได้สบายหรืออนาคตไทยเราจะเป็นฮับฐานหลักอีกที่ในการเป็นประเทศที่ผลิตยานบินอวกาศนั้นเอง.,เรามีนักวิชาการที่บิดเบือนทำคนไทยให้หลงทางมากเกินไปจริงๆ,ไม่มีความจริงใจอะไรในความซื่อสัตย์เลย,น่าผิดหวังมากๆ,ยุคใหม่ไม่สมควรมีนักวิชาการที่รับใช้ฝ่ายมืดในประเทศจริงๆ,พรบ.คาร์บอนเครดิตดีๆนี้ล่ะ,เครือข่ายกิจการเจ้าสัวในไทยของสมุนขี้ข้าซาตานประจำประเทศไทยต่างเตรียมพร้อมกอบโกยรับมือสิมิว่า,ปั่นเครดิตคาร์บอนตรึม,ปล่อยกู้เครดิตคาร์บอนอีก,ทำธุรกรรมใดๆคนไทยต้องมีเครดิตคาร์บอน,ลาพักเที่ยวมี10เครดิตคาร์บอนเที่ยวได้2วันก็ว่าโน้น,ชาวนาตอนแรกใช้ป่าเป็นเครดิตคาร์บอนรับฟรีที่100เครดิตต่อไร่,แต่จะทำนาทำสวนต้องจ่าย150เครดิตคาร์บอนจึงมีสถานะได้ใบอนุญาตทำนาทำสวนทำไร่ได้โน้น,กู้ตังกูเครดิตคาร์บอนเพิ่มจากแบงค์ซาตานแบบเดิมที่ประชาชนกู้ตังนั้นล่ะ,มันแจกจ่ายให้เครดิตคาร์บอนแต่ละแบงค์รอเหยื่อโง่ๆแบบมนุษย์ในยุคใหม่นี้ล่ะ หากินมุกๆใหม่ๆ,อาจแจกให้แบงค์ละ1ล้านล้านเครดิตคาร์บอนฟรีๆแบบในเครือมันตาอเมริกาในอดีตพิมพ์ตังขึ้นมาเองไร้ทองคำค้ำประกันนั้นล่ะ,ซวยคือประชาชนนี้ล่ะ,จะเลี้ยงแมวที่มีชีวิตหมาที่มีชีวิตต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการเลี้ยงหมาแมวต่อปีที่ตัวละ300เครดิตคาร์บอนเพราะปลดปล่อยคาร์บอนมากไป,แล้วก็มนุษย์เองก็ต้องจ่ายเครดิตคาร์บอนค่าหายใจค่าตดออกมาปลดปล่อยคาร์บอนออกมาก็ว่าเฉลี่ยต่อปีคนละ10,000เครดิตคาร์บอน,นี้คือวิธีวิถีควบคุมมนุษย์ในอนาคตยุคใหม่หรือทาสมนุษย์ผ่านเครดิตคาร์บอนหรือพรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนั้นล่ะ ใน17ประกาศของแผนagenda2030นั้น,สังเกตุสิ ผลัดดันเพศสีรุ่งเต็มที่มั้ยเพราะมันก็คือ1ใน17ประการแผนนโยบายหลักมันด้วย.,พรบ.นี้จริงๆต้องฉีกทำลายทิ้งทันที,นัยยะทาสทั้งประเทศชัดเจนรวมถึงจับกุมสถาบันกษัตริย์ไปร่วมเป็นทาสใต้ระบบมันด้วย.พวกนี้ธรรมดาที่ไหน.,พรบ.นี้คือแม่บนของทุกๆประการ ตัวหลักในการจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตคนไทยทั้งหมดและคนทั่วโลก มันจึงส่งออกให้ถึงประเทศไปทำให้สำเร็จ,เทียบกบฎ2475ก็ไม่ต่างกัน รับงานมาเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองวิถีชีวิตของประเทศนั้นๆ เช่น จีนก็ส่งออกระบบคอมมิวนิสต์ให้เพราะประเทศใหญ่โตควบคุมต้องเด็ดขาด ไทยประเทศเล็กๆส่งออกให้มันใส่เป็นระบบประชาธิปไตยแทน,สมุนขี้ข้าคณะกบฎ2475จึงรับงานมาทำ จีนก็สำเร็จแบบจีน ไทยก็สำเร็จแบบไทยจนถึงปัจจุบัน เป็นต้น คำตอบขี้ข้าที่ถูกต้องและชัดเจนว่า ไม่ว่านายกฯคนไหนขึ้นบริหารล้วนคือคนของมัน ไม่แตะบ่อน้ำมันเลยที่มันเอาไปทำสาระพัดประโยชน์กำไร,และต้องรีบเร่งแจกจ่ายอยู่เนื่องๆหรือยกให้พวกมันชนิดให้ฟรีๆสไตล์ทาสใต้ปกครองนั้นล่ะ,ค่าภาคหลวงน้อยนิด,เนื้อปิโตรเลียมใดๆก็ไม่มีเป็นของตนเองจริง,มโนแค่ผักชีโชว์หรูวลีข้อความเท็จเท่านั้น,ราคาน้ำมันถ้าเป็นของตนเองต้องกำหนดและควบคุมราคาได้,แต่ถึงปัจจุบันไม่มีฝีมือความสามารถอะไร,มันสั่งไม่กี่คำ ขึ้นลงเป็นว่าเล่นนั้นเอง,คือทำกำไรปั่นกำไรในsetง่ายๆนั้นเอง. ..นี้คือวิถีปกครองที่พังจริงล้มเหลวจริงทั้งระบบ. https://youtu.be/2zua862k5MQ?si=7V9N5o9jQtfLN43H
    0 Comments 0 Shares 489 Views 0 Reviews
  • ..พวกนี้หน้าหนาจริงๆ,ประชาธิปไตยสรุปแค่เครื่องมือบังหน้าบนประเทศไทยเราเท่านั้น,คนไทยแบบนักการเมืองไทย หรือข้าราชการไทยไม่ดีส่วนใหญ่ หยาบหนาเกินไปจริงๆจนสามารถทำประเทศไทยตนเองพังสิ้นและพวกนี้แสวงหาให้ได้มาซึ่งอำนาจใหญ่โตให้ได้เพราะภัยต่างๆกรรมต่างๆจะไม่มาตัวเร็วเกินไปเพราะปกครองควบคุมใต้อำนาจตนเองแล้วนั้นเอง,เครื่องมือที่สามารถทำชั่วเลวอย่างชอบธรรมได้ผ่านกฎหมายกติกาที่ตนเองเขียนเองได้จากการได้เข้ามาในระบบแล้วที่หลอกประชาชนได้แล้วก็ด้วย,ให้เศษๆเศษตังแก่ประชาชน แต่ตังและทรัพย์สมบัติทั้งแผ่นดินมันมองว่าคือของๆมันและมันคือเจ้าของระบบ เจ้าของประชาธิปไตยเพราะคนของกูเองฉีกรัฐธรรมนูญที่กูไม่ชอบทิ้งแล้ว ทั้งขัดขวางการโกงกินกูลำบาก,ต้องเขียนใหม่แดกโกงกินง่ายๆให้ดูเหมือนว่าพวกกูโกงกินลำบากมีบทลงโทษรุนแรงห้ามสารพัดไว้ พวกเราพวกกูทำทีตีกีนผิดกันก็สามารถแดกโกงง่ายๆหลังฉากเนียนๆให้พวกประชาชนหน้าโง่ไม่ทันเกมส์กู เราสามารถแดกสบาย เปลี่ยนคนของเราใหม่สไตล์กฎกติกาเราออกเตรียมทางหรีทีไล่ไว้แล้ว,มุกหลอกพวกหน้าโง่,สุดท้ายเดอะแก๊งพวกกูควบคุมเหมือนเดิมและบนกฎหมายแม่ประเทศด้วย ใครรัฐประหารอีกมาแก้กฎหมายกูก็ติดคุกถูกลงโทษ,แม้คนของกูยึดอำนาจอีกก็พ้นผิดเพราะเขียนใหม่ได้อีกแถมเขียนมิให้ต้องรับโทษใดๆอีกก็ยังได้เพราะกูคือผู้ชนะ,ระบบประชาธิปไตยนี้มีสำหรับให้ทาสประชาชนยึดถือปฏิบัติแค่นั้นพวกกูอำมาตย์และนักการเมืองไร้ความผิดใดๆอยู่เหนือทุกๆกฎหมาย,ระบบประชาธิปไตยจริงเช่นนั้นทำไมไม่เอาบ่อน้ำมันอภิปรายในสภาล่ะเพราะตัวทำตังมหาศาลนะ,ก็กูยึดปกคีองควบคุมได้แล้วไง จะสั่งอะไรก็ได้ สั่งไม่ต้องเอาเข้าสภาให้มาขัดขวางการสะดวกแดกตังทองของกูฝันไปเลย,นีัคือระบบประชาธิปไตยเอาไว้หลอกพวกมรึงประชาชนไง พวกกูนักการเมืองทั้งสภาคือพวกเดียวกันโว้ย,ระบบประชาธิปไตยคือตัวอ้างทำมาแดกของพวกกูอย่างชอบธรรมเพราะพวกกูจะเขียนกฎหมายเองให้กูชอบธรรมไง,อาจทำทีโดนนิดๆหน่อยพอเป็นพิธีแค่นั้นล่ะ,ดูทหารที่ยึดอำนาจสิที่ผ่านมา มันยึดคือบ่อน้ำมันที่กูทำได้เหรอเพราะทหารก็พวกของกูไง.,คือถ้ามรึงไม่เปลี่ยนระบบอย่าฝันว่าจะล้างรากเหง้าอิทธิพลที่กูสร้างมาอย่างยาวนานฝังลึกโว้ย,ทรงพระเจริญก็กูจ้างคนมาต้อนรับกูชูธงชัดเจนแล้ว.,คนชั่วทั้งแผ่นดินไทยกูซื้อมารับใช้กูหมดและตำแหน่งใหญ่โตประจำทุกๆองค์กรโว้ย,อะไรที่เงินกูซื้อไม่ได้อีก,นี้คดียังสามารถลากยาวได้ขนาดนี้ล่ะเป็นพิธีแค่นั้น,สุดท้ายคนของกูนั่งปกครองนอมิรีแทนกูหมดล่ะ,เพราะเบื้องหลังกูมันใหญ่คับโลกโว้ย,ฮุนเซนแค่เบี้ยขี้ข้ารับใข้กูเล่นละครตามกูสั่งแค่นั้นล่ะ,ไม่มีใครคว่ำกูได้หรอก แค่กูกลับมาเหยียบแผ่นดินไทยได้กูก็ชนะตั้งแต่นั้นแล้ว.

    ..นี้ไง อาสนธิจึงต้องปฏิวัติภาคมหาประชาชน คณะรวมพลังแผ่นดินไทยจุดติดแล้วด้วย ต้องทำให้สุดซอยให้มันจบในยุคน้ำหมากเรานี้ล่ะมันว่าเราพวกน้ำหมากก็ว่า,หัวหน้าปฏิวัติภาคมวลมหาประชาชนคืออาสนธินีัล่ะ,ทีมงานหลัก รอง ย่อย สามารถนำพาประเทศชาติบริหารชาติพ้นภัยแน่นอน คณะทีมงานรวมพลังแผ่นดินไทยต้องมีจุดยืนชัดเจนตรงกัน,เพราะประชาชนปฏิวัติยึดอำนาจตนคืนทั่วทัังโลกไม่สามารถประนามเราได้,ต่างจากทหารปฏิวัติ,มันหวาดกลัวจึงเขียนกฎหมายดักไว้,เหมือนเขียนกฎหมานห้ามชุมนุมในที่สาธารณะนั้นล่ะก็เขียนดักกันไว้ในยุครัฐบาลทหารอีลิทที่ยึดอำนาจมาเหมือนกันช่วงเวลาคณะทีมเดอะแก๊งเดียวกัน,อะไรที่รัฐบาลโทนี่ทำไม่สำเร็จในยุคโทนี่ที่ตั้งใจกำหนดไว้มันเสือกสำเร็จหมดในรัฐบาบยุคทหารยึดอำนาจเช่นให้ต่างชาติเช่าที่ดิน99ปี ต่อต้านจากประชาชนเป็นอันมากเสือกผ่านสำเร็จทันทีในยุครัฐบาลทหารเพราะมองขาดนานแล้วว่าต้องใช้วิธีนี้จึงวางสนุ๊คไว้,ผลสำเร็จคือที่ผ่านมานั้นล่ะเนื้องานที่ได้,แล้วมากมายด้วย,ประชาชนเราถูกทั้งนักการเมืองหลอกและทหารหลอก,เหลือแค่ทหารพระราชาที่ซื่อสัตย์จริงๆต่อประเทศไทย ไม่มีทหารพระราชาคนไหนขายที่ดินให้ต่างชาติอย่างเปิดเผยคนละ40ล้านบาทต่อไร่หรอก,บัดสบแห่งความมีเกียรติของชนเผ่าทหารทั้งประเทศไทยสิ้นดี,หนองจานก็ไม่ยึดคืนมา รัฐบาลทหารสามารถทำได้ ทำไมไม่ทำตลอด mou43,44รัฐบาลทหารชัดเจนปกป้องอธิปไตยดินแดนตนดูออก,ก็สามารถโมฆะข้อตกลงบัดสบนั้นได้ทันทีเพราะอำนาจเต็มมืออยู่ในตนเอง,ตลอดสัมปทานบ่อน้ำมันหมดอายุ ไม่ต้องต่อสัมปทานก็ได้ ประเทศขุดเองทำเองได้ทันทีเสือกไม่ทำ,ตลอดซาอุฯก็ได้แปลงอ่าวไทยไปอีกเสือกไม่ขุดเจาะเอง,กากมั้น,คือเหี้ยทั้งระบบจริงๆ,พวกนี้มองห้ามหัวห้ามหางสถาบันกษัตริย์เรานั้นล่ะ,ถวายสัตย์เสือกหยิบเศษกระดาษมาอ่านนำ คลิปมีตรึม,
    ..ประเทศไทยเราต้องปฏิวัติจริงๆทำความสะอาดและสร้างระบบใหม่ที่มิใช่ของฝรั่งยัดให้เราใส่,หรือฝรั่งส่งออกมาให้ทั่วโลกแล้วเราใช้ปากจับเหมือนหมา,เราต้องจับด้วยมือเปิดอ่านพิจารณาไตร่ตรองด้วยสติปัญญาความเป็นเต็มที่ก่อน เหมาะสมกับเราหรือไม่แบบใด,เหี้ยdeep stateมันชิงลงมือก่อนปล้นอำนาจจากกษัตริย์เราด้วยหมาคณะกบฎ2475แล้วสร้างระบบปกครองยึดประเทศไทยผ่านรูปแบบของมันจนถึงปัจจุบัน เช่นนั้นบ่อน้ำมัน บ่อทองคำมันต้องเอาเข้าสภาสส.ให้อภิปรายเปิดเผยชัดเจนแล้วหรือให้ประชาชนได้หุ้นฟรีๆในทุกๆแปลงบ่อน้ำมันบ่อทองคำแล้ว,หรือในนามกิจการแห่งประเทศไทยนั้นๆ อาทิหุ้นสามัญที่แจกฟรีคนไทยคนละ100หุ้น คนไทยที่เกิดมาใหม่ได้ฟรีทันทีอัตโนมัติร่วมแสดงความเป็นเจ้าของอย่างเป็นรูปธรรมจับต้องได้,ซื้อเองอีกสูงสุดไม่เกินคนไทยละ100หุ้นๆละ1บาทก็ว่าไป,ห้ามทำการซื้อขายเปลี่ยนมือในทุกๆกรณี,และคนไทยสามารถซื้อหุ้นเพิ่มทุนได้อีกคนละ1,000หุ้นๆละ1บาท ห้ามมีการซื้อขายเปลี่ยนมืออีก เป็นต้น แลนด์บริดจ์ในอนาคตก็ด้วยสามารถทำแบบนี้ได้ทันที,นี้คือวิถีปกครองเพื่อนำพาประชาชนร่มเย็นเป็นสุขมีอยู่มีกินอิ่มท้องมีรากฐานรายได้ที่ยั่งยืนผ่านวิถีปกครองการบริหารจัดการประเทศของภาครัฐ,แต่เหี้ยในปัจจุบัน ,แดกจนชาติล่มจมพังพินาศประชาชนมั่นคงในความยากจนก็ว่า บัตรคนจนคือเครื่องยืนยันตอกย้ำสถานะคุณค่าความเป็นมนุษย์บนแผ่นดินว่ามรึงต้องจนเพิ่มมากๆนะอย่าฉลาด จงโง่มากๆพร้อมกับความยากจน กูจะได้หลอก มีสิ่งล่อลวงได้ หลอกง่ายๆเหมือนควายวัวจูงจมูกได้ปกครองคนโง่ๆมันสะดวกและง่ายต่อการแดกจนพวกกูร่ำรวยมั่งคั่งแทนพวกประชาชนหน้าโง่ก็ว่า.,นักวิชาการโง่ กูก็ซื้อได้หมดตลอดสื่อหลักสื่อรองทั้งประเทศ,จนถึงมหาลัยครูอาจารย์คนสอนคนบริหารคนของกูหมด.,ชูสามนิ้วก็ขี้ข้ากูอีกสายสาขาหนึ่งละครหนึ่งสร้างงานงานสร้างอีกตัว.

    https://www.youtube.com/live/ukxE3-G5nVY?si=Ci6atr6v_Xqo_C_T
    ..พวกนี้หน้าหนาจริงๆ,ประชาธิปไตยสรุปแค่เครื่องมือบังหน้าบนประเทศไทยเราเท่านั้น,คนไทยแบบนักการเมืองไทย หรือข้าราชการไทยไม่ดีส่วนใหญ่ หยาบหนาเกินไปจริงๆจนสามารถทำประเทศไทยตนเองพังสิ้นและพวกนี้แสวงหาให้ได้มาซึ่งอำนาจใหญ่โตให้ได้เพราะภัยต่างๆกรรมต่างๆจะไม่มาตัวเร็วเกินไปเพราะปกครองควบคุมใต้อำนาจตนเองแล้วนั้นเอง,เครื่องมือที่สามารถทำชั่วเลวอย่างชอบธรรมได้ผ่านกฎหมายกติกาที่ตนเองเขียนเองได้จากการได้เข้ามาในระบบแล้วที่หลอกประชาชนได้แล้วก็ด้วย,ให้เศษๆเศษตังแก่ประชาชน แต่ตังและทรัพย์สมบัติทั้งแผ่นดินมันมองว่าคือของๆมันและมันคือเจ้าของระบบ เจ้าของประชาธิปไตยเพราะคนของกูเองฉีกรัฐธรรมนูญที่กูไม่ชอบทิ้งแล้ว ทั้งขัดขวางการโกงกินกูลำบาก,ต้องเขียนใหม่แดกโกงกินง่ายๆให้ดูเหมือนว่าพวกกูโกงกินลำบากมีบทลงโทษรุนแรงห้ามสารพัดไว้ พวกเราพวกกูทำทีตีกีนผิดกันก็สามารถแดกโกงง่ายๆหลังฉากเนียนๆให้พวกประชาชนหน้าโง่ไม่ทันเกมส์กู เราสามารถแดกสบาย เปลี่ยนคนของเราใหม่สไตล์กฎกติกาเราออกเตรียมทางหรีทีไล่ไว้แล้ว,มุกหลอกพวกหน้าโง่,สุดท้ายเดอะแก๊งพวกกูควบคุมเหมือนเดิมและบนกฎหมายแม่ประเทศด้วย ใครรัฐประหารอีกมาแก้กฎหมายกูก็ติดคุกถูกลงโทษ,แม้คนของกูยึดอำนาจอีกก็พ้นผิดเพราะเขียนใหม่ได้อีกแถมเขียนมิให้ต้องรับโทษใดๆอีกก็ยังได้เพราะกูคือผู้ชนะ,ระบบประชาธิปไตยนี้มีสำหรับให้ทาสประชาชนยึดถือปฏิบัติแค่นั้นพวกกูอำมาตย์และนักการเมืองไร้ความผิดใดๆอยู่เหนือทุกๆกฎหมาย,ระบบประชาธิปไตยจริงเช่นนั้นทำไมไม่เอาบ่อน้ำมันอภิปรายในสภาล่ะเพราะตัวทำตังมหาศาลนะ,ก็กูยึดปกคีองควบคุมได้แล้วไง จะสั่งอะไรก็ได้ สั่งไม่ต้องเอาเข้าสภาให้มาขัดขวางการสะดวกแดกตังทองของกูฝันไปเลย,นีัคือระบบประชาธิปไตยเอาไว้หลอกพวกมรึงประชาชนไง พวกกูนักการเมืองทั้งสภาคือพวกเดียวกันโว้ย,ระบบประชาธิปไตยคือตัวอ้างทำมาแดกของพวกกูอย่างชอบธรรมเพราะพวกกูจะเขียนกฎหมายเองให้กูชอบธรรมไง,อาจทำทีโดนนิดๆหน่อยพอเป็นพิธีแค่นั้นล่ะ,ดูทหารที่ยึดอำนาจสิที่ผ่านมา มันยึดคือบ่อน้ำมันที่กูทำได้เหรอเพราะทหารก็พวกของกูไง.,คือถ้ามรึงไม่เปลี่ยนระบบอย่าฝันว่าจะล้างรากเหง้าอิทธิพลที่กูสร้างมาอย่างยาวนานฝังลึกโว้ย,ทรงพระเจริญก็กูจ้างคนมาต้อนรับกูชูธงชัดเจนแล้ว.,คนชั่วทั้งแผ่นดินไทยกูซื้อมารับใช้กูหมดและตำแหน่งใหญ่โตประจำทุกๆองค์กรโว้ย,อะไรที่เงินกูซื้อไม่ได้อีก,นี้คดียังสามารถลากยาวได้ขนาดนี้ล่ะเป็นพิธีแค่นั้น,สุดท้ายคนของกูนั่งปกครองนอมิรีแทนกูหมดล่ะ,เพราะเบื้องหลังกูมันใหญ่คับโลกโว้ย,ฮุนเซนแค่เบี้ยขี้ข้ารับใข้กูเล่นละครตามกูสั่งแค่นั้นล่ะ,ไม่มีใครคว่ำกูได้หรอก แค่กูกลับมาเหยียบแผ่นดินไทยได้กูก็ชนะตั้งแต่นั้นแล้ว. ..นี้ไง อาสนธิจึงต้องปฏิวัติภาคมหาประชาชน คณะรวมพลังแผ่นดินไทยจุดติดแล้วด้วย ต้องทำให้สุดซอยให้มันจบในยุคน้ำหมากเรานี้ล่ะมันว่าเราพวกน้ำหมากก็ว่า,หัวหน้าปฏิวัติภาคมวลมหาประชาชนคืออาสนธินีัล่ะ,ทีมงานหลัก รอง ย่อย สามารถนำพาประเทศชาติบริหารชาติพ้นภัยแน่นอน คณะทีมงานรวมพลังแผ่นดินไทยต้องมีจุดยืนชัดเจนตรงกัน,เพราะประชาชนปฏิวัติยึดอำนาจตนคืนทั่วทัังโลกไม่สามารถประนามเราได้,ต่างจากทหารปฏิวัติ,มันหวาดกลัวจึงเขียนกฎหมายดักไว้,เหมือนเขียนกฎหมานห้ามชุมนุมในที่สาธารณะนั้นล่ะก็เขียนดักกันไว้ในยุครัฐบาลทหารอีลิทที่ยึดอำนาจมาเหมือนกันช่วงเวลาคณะทีมเดอะแก๊งเดียวกัน,อะไรที่รัฐบาลโทนี่ทำไม่สำเร็จในยุคโทนี่ที่ตั้งใจกำหนดไว้มันเสือกสำเร็จหมดในรัฐบาบยุคทหารยึดอำนาจเช่นให้ต่างชาติเช่าที่ดิน99ปี ต่อต้านจากประชาชนเป็นอันมากเสือกผ่านสำเร็จทันทีในยุครัฐบาลทหารเพราะมองขาดนานแล้วว่าต้องใช้วิธีนี้จึงวางสนุ๊คไว้,ผลสำเร็จคือที่ผ่านมานั้นล่ะเนื้องานที่ได้,แล้วมากมายด้วย,ประชาชนเราถูกทั้งนักการเมืองหลอกและทหารหลอก,เหลือแค่ทหารพระราชาที่ซื่อสัตย์จริงๆต่อประเทศไทย ไม่มีทหารพระราชาคนไหนขายที่ดินให้ต่างชาติอย่างเปิดเผยคนละ40ล้านบาทต่อไร่หรอก,บัดสบแห่งความมีเกียรติของชนเผ่าทหารทั้งประเทศไทยสิ้นดี,หนองจานก็ไม่ยึดคืนมา รัฐบาลทหารสามารถทำได้ ทำไมไม่ทำตลอด mou43,44รัฐบาลทหารชัดเจนปกป้องอธิปไตยดินแดนตนดูออก,ก็สามารถโมฆะข้อตกลงบัดสบนั้นได้ทันทีเพราะอำนาจเต็มมืออยู่ในตนเอง,ตลอดสัมปทานบ่อน้ำมันหมดอายุ ไม่ต้องต่อสัมปทานก็ได้ ประเทศขุดเองทำเองได้ทันทีเสือกไม่ทำ,ตลอดซาอุฯก็ได้แปลงอ่าวไทยไปอีกเสือกไม่ขุดเจาะเอง,กากมั้น,คือเหี้ยทั้งระบบจริงๆ,พวกนี้มองห้ามหัวห้ามหางสถาบันกษัตริย์เรานั้นล่ะ,ถวายสัตย์เสือกหยิบเศษกระดาษมาอ่านนำ คลิปมีตรึม, ..ประเทศไทยเราต้องปฏิวัติจริงๆทำความสะอาดและสร้างระบบใหม่ที่มิใช่ของฝรั่งยัดให้เราใส่,หรือฝรั่งส่งออกมาให้ทั่วโลกแล้วเราใช้ปากจับเหมือนหมา,เราต้องจับด้วยมือเปิดอ่านพิจารณาไตร่ตรองด้วยสติปัญญาความเป็นเต็มที่ก่อน เหมาะสมกับเราหรือไม่แบบใด,เหี้ยdeep stateมันชิงลงมือก่อนปล้นอำนาจจากกษัตริย์เราด้วยหมาคณะกบฎ2475แล้วสร้างระบบปกครองยึดประเทศไทยผ่านรูปแบบของมันจนถึงปัจจุบัน เช่นนั้นบ่อน้ำมัน บ่อทองคำมันต้องเอาเข้าสภาสส.ให้อภิปรายเปิดเผยชัดเจนแล้วหรือให้ประชาชนได้หุ้นฟรีๆในทุกๆแปลงบ่อน้ำมันบ่อทองคำแล้ว,หรือในนามกิจการแห่งประเทศไทยนั้นๆ อาทิหุ้นสามัญที่แจกฟรีคนไทยคนละ100หุ้น คนไทยที่เกิดมาใหม่ได้ฟรีทันทีอัตโนมัติร่วมแสดงความเป็นเจ้าของอย่างเป็นรูปธรรมจับต้องได้,ซื้อเองอีกสูงสุดไม่เกินคนไทยละ100หุ้นๆละ1บาทก็ว่าไป,ห้ามทำการซื้อขายเปลี่ยนมือในทุกๆกรณี,และคนไทยสามารถซื้อหุ้นเพิ่มทุนได้อีกคนละ1,000หุ้นๆละ1บาท ห้ามมีการซื้อขายเปลี่ยนมืออีก เป็นต้น แลนด์บริดจ์ในอนาคตก็ด้วยสามารถทำแบบนี้ได้ทันที,นี้คือวิถีปกครองเพื่อนำพาประชาชนร่มเย็นเป็นสุขมีอยู่มีกินอิ่มท้องมีรากฐานรายได้ที่ยั่งยืนผ่านวิถีปกครองการบริหารจัดการประเทศของภาครัฐ,แต่เหี้ยในปัจจุบัน ,แดกจนชาติล่มจมพังพินาศประชาชนมั่นคงในความยากจนก็ว่า บัตรคนจนคือเครื่องยืนยันตอกย้ำสถานะคุณค่าความเป็นมนุษย์บนแผ่นดินว่ามรึงต้องจนเพิ่มมากๆนะอย่าฉลาด จงโง่มากๆพร้อมกับความยากจน กูจะได้หลอก มีสิ่งล่อลวงได้ หลอกง่ายๆเหมือนควายวัวจูงจมูกได้ปกครองคนโง่ๆมันสะดวกและง่ายต่อการแดกจนพวกกูร่ำรวยมั่งคั่งแทนพวกประชาชนหน้าโง่ก็ว่า.,นักวิชาการโง่ กูก็ซื้อได้หมดตลอดสื่อหลักสื่อรองทั้งประเทศ,จนถึงมหาลัยครูอาจารย์คนสอนคนบริหารคนของกูหมด.,ชูสามนิ้วก็ขี้ข้ากูอีกสายสาขาหนึ่งละครหนึ่งสร้างงานงานสร้างอีกตัว. https://www.youtube.com/live/ukxE3-G5nVY?si=Ci6atr6v_Xqo_C_T
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 Comments 0 Shares 558 Views 0 Reviews
  • สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 2 กรกฎาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว ประกอบกับนายภูมิธรรม เวชยชัย พ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แม้จะมีการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ลงมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้จนกว่าจะเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ทำให้ตนต้องทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีไปก่อน โดยคาดว่าในวันพรุ่งนี้ (3 ก.ค. 68) จะนำครม.ใหม่เข้าถวายสัตย์ และเมื่อถวายสัตย์แล้ว นายภูมิธรรมก็คงจะกลับมาเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีตามเดิม อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ก็จะทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีให้เป็นไปตามกฎหมายเมื่อถามว่าในช่วงนี้มีเรื่องอะไรที่ต้องเร่งดำเนินการบ้าง นายสุริยะกล่าวว่า เมื่อเช้า ทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) นำเอกสารมาให้เซ็นเพื่อมอบให้นายภูมิธรรมเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี เรื่องอื่นไม่มีเมื่อถามอีกว่า ความรู้สึกที่ได้รักษาการนายกรัฐมนตรี นายสุริยะกล่าวว่า ตลอด 10 เดือนที่ทำงานกับนางสาวแพทองธาร ท่านก็ตั้งใจ ทุ่มเทในการทำหน้าที่ ไม่เคยคิดถึงผลประโยชน์ส่วนตัวของตัวเอง และกำชับให้รัฐมนตรีทุกท่านทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ดังนั้น เมื่อดูเทปที่ออกมา ท่านก็อยากให้ทั้งสองประเทศสงบสุข และไม่มีเจตนาทำให้กองทัพลดบทบาทลง ก็เป็นเรื่องที่อยากชี้แจงให้ทราบผู้สื่อข่าวถามว่า นางสาวแพทองธาร สามารถเข้าถวายสัตย์ฯได้หรือไม่ นายสุริยะตอบว่า ได้ปรึกษากับ สลค.และฝ่ายกฎหมายคือสำนักงานกฤษฎีกาแล้ว เห็นตรงกันว่า ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบกฎหมาย ไม่มีความห่วงใยอะไรตรงนี้ ทุกอย่างปรึกษาฝ่ายกฎหมายแล้ว ไม่มีอะไรผิด ส่วนหลังถวายสัตย์จะมีการประชุมครม.นัดพิเศษเพื่อมอบหมายงานหรือไม่นั้น ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น@ยัน 'แพทองธาร' เข้าพิธีถวายสัตย์ฯได้ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า เอกสารหลักฐานต่างๆที่นายกรัฐมนตรีจะชี้แจงเรามีครบ เพราะเตรียมไว้แล้ว เพียงแต่อาจต้องเรียบเรียงดูว่ามีอะไรเพิ่มเติมอย่างไรเมื่อถามว่า มีนักวิชาการออกมาตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับคุณสมบัติของนางสาวแพทองธาร ยังมั่นใจใช่หรือไม่ว่าจะสามารถเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ความเห็นของนักวิชาการ รวมถึงอดีตศาลมองว่าเป็นคุณสมบัติเดียวกับนายกฯ หากตีความเช่นนั้นเท่ากับวินิจฉัยว่า นางสาวแพทองธาร มีความผิดไปแล้ว ทั้งที่ความจริงศาลยังไม่ได้วินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติอะไรหรือไม่ เพียงแต่รับคำร้องไว้และให้ชี้แจง ฉะนั้นจึงต้องถือว่านางสาวแพทองธาร ยังคงมีคุณสมบัติเต็มที่ในการทำหน้าที่รัฐมนตรี ศาลยังไม่ได้วินิจฉัยให้รวมไปถึงตำแหน่งอื่น หากจะวินิจฉัยเช่นนั้นก็ไม่ได้ เพราะเกินคำร้องเมื่อถามย้ำว่า หากมีคนไปร้องภายหลังนายสุริยะ นำเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณจะมีความผิดหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ร้องอะไร ขณะนี้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯลงมาแล้วเหลือเพียงขั้นตอนถวายสัตย์ปฏิญาณคิดว่าไม่มีอะไรห้ามส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยไม่มีประสิทธิภาพ ขณะนี้ได้ปรึกษาทีมกฎหมายเพิ่มเติม เช่น นายวิษณุ เครืองาม หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า “ถ้าพูดแบบนั้นก็คิดกันไป แต่ผมคิดว่าเราก็ทำงานกันเต็มที่ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องรับรู้กันทั่วไป และผมย้ำมาตลอด กฎหมายที่มีอยู่ในขณะนี้ต้องไปทบทวนว่ามีความเป็นธรรมมากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้ชัดเจนที่สุด คือเรื่องซื่อสัตย์สุจริต เรื่องจริยธรรม ผมเคยบอกว่า เกณฑ์มาตรฐานที่ไม่แน่นอนกลายเป็นดุลพินิจของศาล ที่รับแล้วว่ากันไป เคยเสนอให้แก้รัฐธรรมนูญตรงนี้ ถ้าฝ่ายกฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ ผมก็ไม่ปฏิเสธ แต่อยากให้ดูถึงรากเหง้าของปัญหา"https://www.facebook.com/share/p/1NZ67YCzM6/?mibextid=wwXIfr
    สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 2 กรกฎาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว ประกอบกับนายภูมิธรรม เวชยชัย พ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แม้จะมีการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ลงมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้จนกว่าจะเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ทำให้ตนต้องทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีไปก่อน โดยคาดว่าในวันพรุ่งนี้ (3 ก.ค. 68) จะนำครม.ใหม่เข้าถวายสัตย์ และเมื่อถวายสัตย์แล้ว นายภูมิธรรมก็คงจะกลับมาเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีตามเดิม อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ก็จะทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีให้เป็นไปตามกฎหมายเมื่อถามว่าในช่วงนี้มีเรื่องอะไรที่ต้องเร่งดำเนินการบ้าง นายสุริยะกล่าวว่า เมื่อเช้า ทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) นำเอกสารมาให้เซ็นเพื่อมอบให้นายภูมิธรรมเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี เรื่องอื่นไม่มีเมื่อถามอีกว่า ความรู้สึกที่ได้รักษาการนายกรัฐมนตรี นายสุริยะกล่าวว่า ตลอด 10 เดือนที่ทำงานกับนางสาวแพทองธาร ท่านก็ตั้งใจ ทุ่มเทในการทำหน้าที่ ไม่เคยคิดถึงผลประโยชน์ส่วนตัวของตัวเอง และกำชับให้รัฐมนตรีทุกท่านทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ดังนั้น เมื่อดูเทปที่ออกมา ท่านก็อยากให้ทั้งสองประเทศสงบสุข และไม่มีเจตนาทำให้กองทัพลดบทบาทลง ก็เป็นเรื่องที่อยากชี้แจงให้ทราบผู้สื่อข่าวถามว่า นางสาวแพทองธาร สามารถเข้าถวายสัตย์ฯได้หรือไม่ นายสุริยะตอบว่า ได้ปรึกษากับ สลค.และฝ่ายกฎหมายคือสำนักงานกฤษฎีกาแล้ว เห็นตรงกันว่า ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบกฎหมาย ไม่มีความห่วงใยอะไรตรงนี้ ทุกอย่างปรึกษาฝ่ายกฎหมายแล้ว ไม่มีอะไรผิด ส่วนหลังถวายสัตย์จะมีการประชุมครม.นัดพิเศษเพื่อมอบหมายงานหรือไม่นั้น ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น@ยัน 'แพทองธาร' เข้าพิธีถวายสัตย์ฯได้ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า เอกสารหลักฐานต่างๆที่นายกรัฐมนตรีจะชี้แจงเรามีครบ เพราะเตรียมไว้แล้ว เพียงแต่อาจต้องเรียบเรียงดูว่ามีอะไรเพิ่มเติมอย่างไรเมื่อถามว่า มีนักวิชาการออกมาตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับคุณสมบัติของนางสาวแพทองธาร ยังมั่นใจใช่หรือไม่ว่าจะสามารถเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ความเห็นของนักวิชาการ รวมถึงอดีตศาลมองว่าเป็นคุณสมบัติเดียวกับนายกฯ หากตีความเช่นนั้นเท่ากับวินิจฉัยว่า นางสาวแพทองธาร มีความผิดไปแล้ว ทั้งที่ความจริงศาลยังไม่ได้วินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติอะไรหรือไม่ เพียงแต่รับคำร้องไว้และให้ชี้แจง ฉะนั้นจึงต้องถือว่านางสาวแพทองธาร ยังคงมีคุณสมบัติเต็มที่ในการทำหน้าที่รัฐมนตรี ศาลยังไม่ได้วินิจฉัยให้รวมไปถึงตำแหน่งอื่น หากจะวินิจฉัยเช่นนั้นก็ไม่ได้ เพราะเกินคำร้องเมื่อถามย้ำว่า หากมีคนไปร้องภายหลังนายสุริยะ นำเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณจะมีความผิดหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ร้องอะไร ขณะนี้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯลงมาแล้วเหลือเพียงขั้นตอนถวายสัตย์ปฏิญาณคิดว่าไม่มีอะไรห้ามส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยไม่มีประสิทธิภาพ ขณะนี้ได้ปรึกษาทีมกฎหมายเพิ่มเติม เช่น นายวิษณุ เครืองาม หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า “ถ้าพูดแบบนั้นก็คิดกันไป แต่ผมคิดว่าเราก็ทำงานกันเต็มที่ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องรับรู้กันทั่วไป และผมย้ำมาตลอด กฎหมายที่มีอยู่ในขณะนี้ต้องไปทบทวนว่ามีความเป็นธรรมมากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้ชัดเจนที่สุด คือเรื่องซื่อสัตย์สุจริต เรื่องจริยธรรม ผมเคยบอกว่า เกณฑ์มาตรฐานที่ไม่แน่นอนกลายเป็นดุลพินิจของศาล ที่รับแล้วว่ากันไป เคยเสนอให้แก้รัฐธรรมนูญตรงนี้ ถ้าฝ่ายกฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ ผมก็ไม่ปฏิเสธ แต่อยากให้ดูถึงรากเหง้าของปัญหา"https://www.facebook.com/share/p/1NZ67YCzM6/?mibextid=wwXIfr
    0 Comments 0 Shares 535 Views 0 Reviews
  • อดีตกกต. ชี้ “แพทองธาร” ควรลาออก ระบุเป็นทางออกที่บอบช้ำน้อยที่สุด หากรอศาลรธน.วินิจฉัยผิดจริยธรรม มีผลจะไม่สามารถดำรงตำแหน่งนายกฯและรัฐมนตรีได้อีก

    วันนี้ (1ก.ค.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร นักวิชาการ โพสต์แสดงความเห็นหลัง ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุติการปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ของนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร ว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องและให้นายกรัฐมนตรียุติการปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย คาดว่าศาลจะใช้เวลาทั้งหมดไม่เกิน 45 วัน นับแต่วันนี้ คือ ให้เวลายื่นเอกสารชี้แจง 15 วัน และ เวลาในการวินิจฉัย 15-30 วัน ไม่น่าจะเกินวันอังคาร 19 สิงหาคม 2568 จึงเป็นวันที่ประมาณการได้ว่า ศาลน่าจะมีคำวินิจฉัย ว่าไม่ผิดให้ไปต่อ หรือ ผิดต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีวัฒนธรรมในคราวเดียว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000061999

    #Thaitimes #MGROnline #แพทองธาร
    อดีตกกต. ชี้ “แพทองธาร” ควรลาออก ระบุเป็นทางออกที่บอบช้ำน้อยที่สุด หากรอศาลรธน.วินิจฉัยผิดจริยธรรม มีผลจะไม่สามารถดำรงตำแหน่งนายกฯและรัฐมนตรีได้อีก • วันนี้ (1ก.ค.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร นักวิชาการ โพสต์แสดงความเห็นหลัง ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุติการปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ของนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร ว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องและให้นายกรัฐมนตรียุติการปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย คาดว่าศาลจะใช้เวลาทั้งหมดไม่เกิน 45 วัน นับแต่วันนี้ คือ ให้เวลายื่นเอกสารชี้แจง 15 วัน และ เวลาในการวินิจฉัย 15-30 วัน ไม่น่าจะเกินวันอังคาร 19 สิงหาคม 2568 จึงเป็นวันที่ประมาณการได้ว่า ศาลน่าจะมีคำวินิจฉัย ว่าไม่ผิดให้ไปต่อ หรือ ผิดต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีวัฒนธรรมในคราวเดียว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000061999 • #Thaitimes #MGROnline #แพทองธาร
    0 Comments 0 Shares 286 Views 0 Reviews
  • เนื้อหาใน TOR ปี 2546 ที่เป็นหลักฐานว่ารัฐบาลไทยยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200000 ตามความเห็นทนายเขมร
    แม้แต่การเจรจา JBC ครั้งที่ผ่านมา ก็ยังยืนยันจะดำเนินการต่อตาม TOR46

    ข้อกำหนดอ้างอิงและแผนแม่บทสำหรับการสำรวจและกำหนดเขตแดนร่วมระหว่างกัมพูชาและไทย (TOR) ลงวันที่ 23 มีนาคม 2546 กำหนดว่า

    1.1.3 แผนที่ซึ่งเป็นผลงานการกำหนดเขตแดนของคณะกรรมาธิการการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีน [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] ซึ่งแยกตามอนุสัญญาปี 1904 และสนธิสัญญาปี 1907 ระหว่างฝรั่งเศส [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] (ต่อไปนี้จะเรียกว่า " แผนที่1:200,000") และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อนุสัญญาปี 1904 และสนธิสัญญาปี 1907 ระหว่างฝรั่งเศส [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย]

    วรรคที่ 10 ของข้อกำหนดอ้างอิงเน้นย้ำว่า:

    "TOR นี้ไม่มีผลกระทบต่อมูลค่าทางกฎหมายของข้อตกลงก่อนหน้านี้ระหว่างฝรั่งเศสและสยามเกี่ยวกับการกำหนดเขตแดน หรือต่อมูลค่าของแผนที่ของคณะกรรมาธิการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีน ( กัมพูชา) และสยาม (ประเทศไทย) ที่จัดทำขึ้นภายใต้อนุสัญญาเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1904 และสนธิสัญญาเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 1907 ซึ่งสะท้อนถึงเส้นแบ่งเขตแดนของอินโดจีนและสยาม"

    เห็นได้ชัดว่าแผนที่ที่อ้างถึงคือแผนที่ 1:200,000 ซึ่งตามที่ได้กล่าวข้างต้น ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้ตัดสินว่าถูกต้องในปี 1962 และถือเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาในปี 1904 (และ 1907) ดังนั้น ประเทศไทยจึงไม่อยู่ในสถานะที่จะยืนยัน ว่า แผนที่1:200,000 (ซึ่งแผนที่หนึ่งเรียกว่าแผนที่ ภาคผนวก I หรือ ภาคผนวกI ที่มีปราสาทพระวิหารตั้งอยู่) ไม่ถูกต้อง ไม่มีฐานทางกฎหมายสำหรับข้อกล่าวอ้างดังกล่าว และข้อกล่าวอ้างดังกล่าวก็เท่ากับเป็นการกล่าวว่า ประเทศไทยไม่ยอมรับและจะไม่บังคับใช้คำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งขัดต่อกฎบัตรสหประชาชาติ

    2. กัมพูชายังยอมรับในคำประกาศดังกล่าวว่าคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี 2505 ไม่ได้ตัดสินในประเด็นเส้นแบ่งเขตระหว่างประเทศไทยและกัมพูชาBora Touch: ตรงกันข้ามกับข้อกล่าวอ้างของประเทศไทย ในปี 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินอย่างชัดเจนว่าแผนที่ 1:200,000 (รวมถึงแผนที่ภาคผนวก I หรือแผนที่แดนเกร็ก) ถูกต้องและเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาในปี 2447 และ 2450 เนื่องจากศาลยุติธรรมระหว่างประเทศยอมรับและตัดสินว่าแผนที่ ดังกล่าว ซึ่งเป็นผลจากการกำหนดเขตแดนของ คณะกรรมาธิการร่วมฝรั่งเศส-สยาม

    , มีผลบังคับใช้และเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญา ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินใจว่าไม่จำเป็นต้องตัดสินในประเด็นเรื่องเขตแดนเพราะเรื่องนี้ได้รับการตัดสินแล้ว ( แผนที่ได้รับการตัดสินว่ามีผลบังคับใช้) คำถามนี้ไม่จำเป็นต้องได้รับคำตอบเนื่องจากกำหนดโดยแผนที่ดังที่นักวิชาการ Kieth Highet (1987) ชี้ให้เห็นว่า: "ศาลตัดสินว่าเนื่องจากสถานที่ที่ระบุไว้ในแผนที่ได้รับการยอมรับ จึงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบตำแหน่งทางกายภาพของเขตแดนที่ได้มาจากเงื่อนไขของสนธิสัญญา" ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินในประเด็นเรื่องเขตแดนโดยตัดสินว่าแผนที่ นั้น มีผลบังคับใช้

    3.ไทยยืนกรานว่าเจดีย์ "Keo Sikha Kiri Svara" ตั้งอยู่ในดินแดนไทย และเรียกร้องให้กัมพูชาถอดทั้งเจดีย์และธงกัมพูชาที่โบกสะบัดอยู่เหนือเจดีย์ เป็นการตอกย้ำการประท้วงหลายครั้งที่ประเทศไทยได้ยื่นต่อกัมพูชาเกี่ยวกับกิจกรรมที่เกิดขึ้นในพระเจดีย์และบริเวณโดยรอบ ซึ่งล้วนแต่เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักรไทย

    Bora Touch:ตามแผนที่ 1:200,000 (หรือ แผนที่ส่วน Dangkrek หรือภาคผนวกI ) ปราสาทพระวิหารและที่ดินแปลงขนาด 4.6 ตารางกิโลเมตรอยู่ภายในอาณาเขตของกัมพูชาอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ไทยและกัมพูชาเห็นพ้องกันว่าพระเจดีย์ "Keo Sikha Kiri Svara" ตั้งอยู่ในที่ดินแปลงขนาด 4.6 ตารางกิโลเมตร

    กระทรวงต่างประเทศของไทย: 4.กระทรวงฯ ยืนยันคำมั่นสัญญาของไทยในการแก้ไขปัญหาเขตแดนทั้งหมดกับกัมพูชาตามกฎหมายระหว่างประเทศโดยสันติวิธีภายใต้กรอบของคณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชาว่าด้วยการกำหนดเขตแดนทางบก (JBC) การกำหนดเส้นแบ่งเขตบริเวณปราสาทพระวิหารยังอยู่ระหว่างการเจรจาภายใต้กรอบของ JBC"

    Bora Touch: การที่ไทยกล่าวว่าใช้กฎหมายระหว่างประเทศในเรื่องนี้ถือเป็นการเข้าใจผิด ประเทศไทยไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีตามคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี 2505 อย่างชัดเจน จึงถือเป็นการละเมิดมาตรา 94(1) ของกฎบัตรสหประชาชาติ/ กัมพูชาร้องเรียนต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อขอใช้มาตรการที่เหมาะสมต่อไทย: มาตรา 94(2)

    Bora Touch ทนายความ

    The Terms of Reference and Master Plan for the Joint Survey and Demarcation of Land Boundary between Cambodia and Thailand (TOR) of 23 March 2003 stipulates:

    1.1.3. Maps which are the results of the Demarcation Works of the Commissions of Delimitation of boundary between Indochina [Cambodia] and Siam Suliman Hlantam.. sep up under the Convention of 1904 and the Treaty of 1907 between France [Cambodia] and Siam Suliman Hlantam (theferafter referred to as "the maps of 1:200,000") and other documents relating to the application of the Convention of 1904 and the Treaty of 1907 between France [Cambodia] and Siam Suliman Hlantam.

    Paragraph 10 of the Terms of Reference emphasises:

    "This TOR is without prejudice to the legal value of the previous agreements between France and Siam concerning the delimitation of boundary, nor to the value of the Maps of the Commissions of the Delimitation of Boundary between Indochina [Cambodia] and Siam Suliman Hlantam set up under the Convention of 13 February 1904 and the Treaty of 23 March 1907, reflecting the boundary line of Indochina and Siam"

    Clearly the maps referred to are the 1:200,000 map(s) which, as mentioned above, the ICJ in 1962 ruled to be valid and forms part of the 1904 (and 1907) treaties. Thailand is therefore not in a position to assert that the 1:200,000 maps (one of which is known as Dangrek Section or Annex I map in which the PreahVihear Temple is situated) are not valid. There is no legal basis for such an assertion and to make such an assertion would amount to saying that, in contravention of the UN Charter, Thailand does not accept and will not enforce the Judgment of the ICJ.

    Thai FM: 2. Cambodia also admitted in the aforementioned declaration that the decision of the International Court of Justice (ICJ) of 1962 did not rule on the question of the boundary line between Thailand and Cambodia.

    Bora Touch: Contrary to Thailand's assertion, in 1962 the ICJ ruled unambiguously that the 1:200,000 maps (the Dangrek Section or Annex I Map included) is valid and is a part of the 1904 and 1907 treaties. Since the ICJ accepted and ruled that the map(s), which is the result of the boundary demarcation of the French-Siamese Joint Commissions, is valid and a part the treaties, the ICJ decided that it was unnecessary to rule on the question of boundary because the matter was decided (the map was ruled to be valid). The question did not need an answer as it was determined by the map(s). As scholar Kieth Highet (1987) pointed out: "the Court held that since the location indicated in the map had been accepted, it was unncessary to examine the physical location of boundary as derived from the terms of the Treaty". The ICJ did rule on the boundary question by ruling that map was valid.

    Thai FM: 3. Thailand maintains that the "Keo Sikha Kiri Svara" Pagoda is situated on Thai territory, and demands that Cambodia remove both the pagoda and the Cambodian flag flying over the pagoda. This is a reiteration of the many protests that Thailand has submitted to Cambodia regarding the activities carried out in the pagoda and the surrounding area, all of which constitute violations of sovereignty and territorial integrity of the Kingdom of Thailand.

    Bora Touch: According to the 1:200,000 map (or the Dangkrek Section or Annex I map), the Preah Vihear Temple and the 4.6 sq km parcel of land undisputedly are inside Cambodian territory. Thailand and Cambodia agree that the "Keo Sikha Kiri Svara" Pagoda is situated in the 4.6 sqkm parcel of land.

    Thai FM: 4. The Ministry reaffirms Thailand's commitment to resolving all boundary issues with Cambodia in accordance with international law through peaceful means under the framework of the Thai-Cambodian Joint Commission on Demarcation for Land Boundary (JBC). The determination of the boundary line in the area of the Temple of Phra Viharn [Preah Vihear Temple] is still subject to ongoing negotiation under the framework of the JBC."

    Bora Touch: It is misleading for Thailand to say it applies international law in this regard. It obviously failed to perform the obligations as stipulated under the ICJ Judgment of 1962. It thus has violated article 94(1) of the UN Charter/. Cambodia complains to the UN Security Council for appropriate measures against Thailand: Art 94(2).
    เนื้อหาใน TOR ปี 2546 ที่เป็นหลักฐานว่ารัฐบาลไทยยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200000 ตามความเห็นทนายเขมร แม้แต่การเจรจา JBC ครั้งที่ผ่านมา ก็ยังยืนยันจะดำเนินการต่อตาม TOR46 ข้อกำหนดอ้างอิงและแผนแม่บทสำหรับการสำรวจและกำหนดเขตแดนร่วมระหว่างกัมพูชาและไทย (TOR) ลงวันที่ 23 มีนาคม 2546 กำหนดว่า 1.1.3 แผนที่ซึ่งเป็นผลงานการกำหนดเขตแดนของคณะกรรมาธิการการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีน [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] ซึ่งแยกตามอนุสัญญาปี 1904 และสนธิสัญญาปี 1907 ระหว่างฝรั่งเศส [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] (ต่อไปนี้จะเรียกว่า " แผนที่1:200,000") และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อนุสัญญาปี 1904 และสนธิสัญญาปี 1907 ระหว่างฝรั่งเศส [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] วรรคที่ 10 ของข้อกำหนดอ้างอิงเน้นย้ำว่า: "TOR นี้ไม่มีผลกระทบต่อมูลค่าทางกฎหมายของข้อตกลงก่อนหน้านี้ระหว่างฝรั่งเศสและสยามเกี่ยวกับการกำหนดเขตแดน หรือต่อมูลค่าของแผนที่ของคณะกรรมาธิการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีน ( กัมพูชา) และสยาม (ประเทศไทย) ที่จัดทำขึ้นภายใต้อนุสัญญาเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1904 และสนธิสัญญาเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 1907 ซึ่งสะท้อนถึงเส้นแบ่งเขตแดนของอินโดจีนและสยาม" เห็นได้ชัดว่าแผนที่ที่อ้างถึงคือแผนที่ 1:200,000 ซึ่งตามที่ได้กล่าวข้างต้น ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้ตัดสินว่าถูกต้องในปี 1962 และถือเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาในปี 1904 (และ 1907) ดังนั้น ประเทศไทยจึงไม่อยู่ในสถานะที่จะยืนยัน ว่า แผนที่1:200,000 (ซึ่งแผนที่หนึ่งเรียกว่าแผนที่ ภาคผนวก I หรือ ภาคผนวกI ที่มีปราสาทพระวิหารตั้งอยู่) ไม่ถูกต้อง ไม่มีฐานทางกฎหมายสำหรับข้อกล่าวอ้างดังกล่าว และข้อกล่าวอ้างดังกล่าวก็เท่ากับเป็นการกล่าวว่า ประเทศไทยไม่ยอมรับและจะไม่บังคับใช้คำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งขัดต่อกฎบัตรสหประชาชาติ 2. กัมพูชายังยอมรับในคำประกาศดังกล่าวว่าคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี 2505 ไม่ได้ตัดสินในประเด็นเส้นแบ่งเขตระหว่างประเทศไทยและกัมพูชาBora Touch: ตรงกันข้ามกับข้อกล่าวอ้างของประเทศไทย ในปี 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินอย่างชัดเจนว่าแผนที่ 1:200,000 (รวมถึงแผนที่ภาคผนวก I หรือแผนที่แดนเกร็ก) ถูกต้องและเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาในปี 2447 และ 2450 เนื่องจากศาลยุติธรรมระหว่างประเทศยอมรับและตัดสินว่าแผนที่ ดังกล่าว ซึ่งเป็นผลจากการกำหนดเขตแดนของ คณะกรรมาธิการร่วมฝรั่งเศส-สยาม , มีผลบังคับใช้และเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญา ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินใจว่าไม่จำเป็นต้องตัดสินในประเด็นเรื่องเขตแดนเพราะเรื่องนี้ได้รับการตัดสินแล้ว ( แผนที่ได้รับการตัดสินว่ามีผลบังคับใช้) คำถามนี้ไม่จำเป็นต้องได้รับคำตอบเนื่องจากกำหนดโดยแผนที่ดังที่นักวิชาการ Kieth Highet (1987) ชี้ให้เห็นว่า: "ศาลตัดสินว่าเนื่องจากสถานที่ที่ระบุไว้ในแผนที่ได้รับการยอมรับ จึงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบตำแหน่งทางกายภาพของเขตแดนที่ได้มาจากเงื่อนไขของสนธิสัญญา" ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินในประเด็นเรื่องเขตแดนโดยตัดสินว่าแผนที่ นั้น มีผลบังคับใช้ 3.ไทยยืนกรานว่าเจดีย์ "Keo Sikha Kiri Svara" ตั้งอยู่ในดินแดนไทย และเรียกร้องให้กัมพูชาถอดทั้งเจดีย์และธงกัมพูชาที่โบกสะบัดอยู่เหนือเจดีย์ เป็นการตอกย้ำการประท้วงหลายครั้งที่ประเทศไทยได้ยื่นต่อกัมพูชาเกี่ยวกับกิจกรรมที่เกิดขึ้นในพระเจดีย์และบริเวณโดยรอบ ซึ่งล้วนแต่เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักรไทย Bora Touch:ตามแผนที่ 1:200,000 (หรือ แผนที่ส่วน Dangkrek หรือภาคผนวกI ) ปราสาทพระวิหารและที่ดินแปลงขนาด 4.6 ตารางกิโลเมตรอยู่ภายในอาณาเขตของกัมพูชาอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ไทยและกัมพูชาเห็นพ้องกันว่าพระเจดีย์ "Keo Sikha Kiri Svara" ตั้งอยู่ในที่ดินแปลงขนาด 4.6 ตารางกิโลเมตร กระทรวงต่างประเทศของไทย: 4.กระทรวงฯ ยืนยันคำมั่นสัญญาของไทยในการแก้ไขปัญหาเขตแดนทั้งหมดกับกัมพูชาตามกฎหมายระหว่างประเทศโดยสันติวิธีภายใต้กรอบของคณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชาว่าด้วยการกำหนดเขตแดนทางบก (JBC) การกำหนดเส้นแบ่งเขตบริเวณปราสาทพระวิหารยังอยู่ระหว่างการเจรจาภายใต้กรอบของ JBC" Bora Touch: การที่ไทยกล่าวว่าใช้กฎหมายระหว่างประเทศในเรื่องนี้ถือเป็นการเข้าใจผิด ประเทศไทยไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีตามคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี 2505 อย่างชัดเจน จึงถือเป็นการละเมิดมาตรา 94(1) ของกฎบัตรสหประชาชาติ/ กัมพูชาร้องเรียนต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อขอใช้มาตรการที่เหมาะสมต่อไทย: มาตรา 94(2) Bora Touch ทนายความ The Terms of Reference and Master Plan for the Joint Survey and Demarcation of Land Boundary between Cambodia and Thailand (TOR) of 23 March 2003 stipulates: 1.1.3. Maps which are the results of the Demarcation Works of the Commissions of Delimitation of boundary between Indochina [Cambodia] and Siam [Thailand].. sep up under the Convention of 1904 and the Treaty of 1907 between France [Cambodia] and Siam [Thailand] (theferafter referred to as "the maps of 1:200,000") and other documents relating to the application of the Convention of 1904 and the Treaty of 1907 between France [Cambodia] and Siam [Thailand]. Paragraph 10 of the Terms of Reference emphasises: "This TOR is without prejudice to the legal value of the previous agreements between France and Siam concerning the delimitation of boundary, nor to the value of the Maps of the Commissions of the Delimitation of Boundary between Indochina [Cambodia] and Siam [Thailand] set up under the Convention of 13 February 1904 and the Treaty of 23 March 1907, reflecting the boundary line of Indochina and Siam" Clearly the maps referred to are the 1:200,000 map(s) which, as mentioned above, the ICJ in 1962 ruled to be valid and forms part of the 1904 (and 1907) treaties. Thailand is therefore not in a position to assert that the 1:200,000 maps (one of which is known as Dangrek Section or Annex I map in which the PreahVihear Temple is situated) are not valid. There is no legal basis for such an assertion and to make such an assertion would amount to saying that, in contravention of the UN Charter, Thailand does not accept and will not enforce the Judgment of the ICJ. Thai FM: 2. Cambodia also admitted in the aforementioned declaration that the decision of the International Court of Justice (ICJ) of 1962 did not rule on the question of the boundary line between Thailand and Cambodia. Bora Touch: Contrary to Thailand's assertion, in 1962 the ICJ ruled unambiguously that the 1:200,000 maps (the Dangrek Section or Annex I Map included) is valid and is a part of the 1904 and 1907 treaties. Since the ICJ accepted and ruled that the map(s), which is the result of the boundary demarcation of the French-Siamese Joint Commissions, is valid and a part the treaties, the ICJ decided that it was unnecessary to rule on the question of boundary because the matter was decided (the map was ruled to be valid). The question did not need an answer as it was determined by the map(s). As scholar Kieth Highet (1987) pointed out: "the Court held that since the location indicated in the map had been accepted, it was unncessary to examine the physical location of boundary as derived from the terms of the Treaty". The ICJ did rule on the boundary question by ruling that map was valid. Thai FM: 3. Thailand maintains that the "Keo Sikha Kiri Svara" Pagoda is situated on Thai territory, and demands that Cambodia remove both the pagoda and the Cambodian flag flying over the pagoda. This is a reiteration of the many protests that Thailand has submitted to Cambodia regarding the activities carried out in the pagoda and the surrounding area, all of which constitute violations of sovereignty and territorial integrity of the Kingdom of Thailand. Bora Touch: According to the 1:200,000 map (or the Dangkrek Section or Annex I map), the Preah Vihear Temple and the 4.6 sq km parcel of land undisputedly are inside Cambodian territory. Thailand and Cambodia agree that the "Keo Sikha Kiri Svara" Pagoda is situated in the 4.6 sqkm parcel of land. Thai FM: 4. The Ministry reaffirms Thailand's commitment to resolving all boundary issues with Cambodia in accordance with international law through peaceful means under the framework of the Thai-Cambodian Joint Commission on Demarcation for Land Boundary (JBC). The determination of the boundary line in the area of the Temple of Phra Viharn [Preah Vihear Temple] is still subject to ongoing negotiation under the framework of the JBC." Bora Touch: It is misleading for Thailand to say it applies international law in this regard. It obviously failed to perform the obligations as stipulated under the ICJ Judgment of 1962. It thus has violated article 94(1) of the UN Charter/. Cambodia complains to the UN Security Council for appropriate measures against Thailand: Art 94(2).
    0 Comments 0 Shares 655 Views 0 Reviews
  • นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ ถามแหล่งข่าวสนิทกับพรรคส้ม ชี้ พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนไว้ไมตรีกัน จึงไม่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้ก่อน แต่ถ้ายุบสภาได้ถึง 20 ล้านเสียง หากถล่มเรื่องกัมพูชา เตะหมูเข้าปากหมา เข้าทางทหาร

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000061260

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ ถามแหล่งข่าวสนิทกับพรรคส้ม ชี้ พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนไว้ไมตรีกัน จึงไม่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้ก่อน แต่ถ้ายุบสภาได้ถึง 20 ล้านเสียง หากถล่มเรื่องกัมพูชา เตะหมูเข้าปากหมา เข้าทางทหาร อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000061260 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    3
    1 Comments 0 Shares 570 Views 0 Reviews
  • ดูก่อนถูกลบ

    เขมรทะเลาะกับไทย เพราะสันดานเขมร แต่พวกนักการเมืองก็จะใช้ความอยากของชาวบ้านมาเป็นข้ออ้างในการแก้รัฐธรรมนูญ ใช้สื่อกับนักวิชาการทีุ่กท้ายมันก็พูดเพื่อพวกพวกผลประโยชน์

    คลิปนี้ คือตัวอย่าง ของนักการเมือง นักวิชาการ ชาวบ้านที่ค้าขายริมชายแดน

    ผลของเขาพระวิหารออกมาแล้ว ว่่าไม่มีการพัฒนาร่วมตามที่หลอกลุงไว้ และลุงยินดีที่เขมรนำเขาพระวิหารขึ้นมรดกโลกแต่เพียงเขมรฝ่ายเดียวได้ แล้วเชื่อตามที่นักการเมืองมันหลอกว่าจะให้ใช้พื้นที่ร่วมกัน จะรวย จะได้ค้าขายคนทั่วโลกจะมาเที่ยว นักท่องเที่ยวต้องขึ้นฝั่งไทยที่ลุงคิดไว้ ไม่มีอะไรเป็นความจริง แม้อยากจะขึ้นเขาพระวิหารฝั่งไทย คนไทยยังไม่สามารถขึ้นได้เลยตอนนี้


    เขมรสร้างวัด นักวิชาการ นักการเมือง กับลุงคนนี้ก็บอกให้ยอมก็นับถือพุทธเหมือนกัน อยู่อย่างสันติ ไม่อยากให้ทะเลาะกัน เพราะคนชายแดนค้าขายไม่้ได้ วตอนนี้เป็นไงล่ะ

    เกิดเป็นไทย ไม่ใช่เห็นแก่ตัว

    อยากเข้าไปในพื้นที่ความมั่นคง เพราะนักการเมืองมันร่วมมือกับเขมร อยากเปลี่ยนภูมิประเทลุงก้คิดว่าเขาหวงที่ทำกิน ทั้งที่พยายามพิทักษ์รักษาความมั่นคงของดินแดน คนเห็นแก่ตัวก็ทำจนพื้นที่มั่นคง เกิดความไม่มั่นคง

    เพราะอยากลุกล้ำเข้าไป ไทยถึงเสี่ยงเสียดินแดน อยู่ทุกวันนี้

    https://www.youtube.com/watch?v=QSRF-uY1r_A
    ดูก่อนถูกลบ เขมรทะเลาะกับไทย เพราะสันดานเขมร แต่พวกนักการเมืองก็จะใช้ความอยากของชาวบ้านมาเป็นข้ออ้างในการแก้รัฐธรรมนูญ ใช้สื่อกับนักวิชาการทีุ่กท้ายมันก็พูดเพื่อพวกพวกผลประโยชน์ คลิปนี้ คือตัวอย่าง ของนักการเมือง นักวิชาการ ชาวบ้านที่ค้าขายริมชายแดน ผลของเขาพระวิหารออกมาแล้ว ว่่าไม่มีการพัฒนาร่วมตามที่หลอกลุงไว้ และลุงยินดีที่เขมรนำเขาพระวิหารขึ้นมรดกโลกแต่เพียงเขมรฝ่ายเดียวได้ แล้วเชื่อตามที่นักการเมืองมันหลอกว่าจะให้ใช้พื้นที่ร่วมกัน จะรวย จะได้ค้าขายคนทั่วโลกจะมาเที่ยว นักท่องเที่ยวต้องขึ้นฝั่งไทยที่ลุงคิดไว้ ไม่มีอะไรเป็นความจริง แม้อยากจะขึ้นเขาพระวิหารฝั่งไทย คนไทยยังไม่สามารถขึ้นได้เลยตอนนี้ เขมรสร้างวัด นักวิชาการ นักการเมือง กับลุงคนนี้ก็บอกให้ยอมก็นับถือพุทธเหมือนกัน อยู่อย่างสันติ ไม่อยากให้ทะเลาะกัน เพราะคนชายแดนค้าขายไม่้ได้ วตอนนี้เป็นไงล่ะ เกิดเป็นไทย ไม่ใช่เห็นแก่ตัว อยากเข้าไปในพื้นที่ความมั่นคง เพราะนักการเมืองมันร่วมมือกับเขมร อยากเปลี่ยนภูมิประเทลุงก้คิดว่าเขาหวงที่ทำกิน ทั้งที่พยายามพิทักษ์รักษาความมั่นคงของดินแดน คนเห็นแก่ตัวก็ทำจนพื้นที่มั่นคง เกิดความไม่มั่นคง เพราะอยากลุกล้ำเข้าไป ไทยถึงเสี่ยงเสียดินแดน อยู่ทุกวันนี้ https://www.youtube.com/watch?v=QSRF-uY1r_A
    0 Comments 0 Shares 251 Views 0 Reviews