• ประตูเปิดทางทิศตะวันออกเฉียงใต้

    เดือนนี้ จะส่งผลดีในเรื่องของการเรียนการศึกษา งานสร้างสรรค์ นักวิชาการ นักวิจารณ์จะมีชื่อเสียง แต่จะมีเรื่องให้โศกเศร้าเสียใจจนเกิดการขัดแย้งแตกแยกไม่เข้าใจภายในครอบครัว หญิงต่างวัยจะเกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง หรือแม่สามีกับลูกสะใภ้มีปัญหาต่อกัน หรือสะใภ้มีอำนาจ หรือลูกสาวดื้อไม่เชื่อฟังแม่ ผู้หญิงจะมีปัญหาในความรัก เมียหลวงถูกเมียน้อยระราน มีโอกาสจะเป็นม่าย ที่โสดอยู่ก็ยังคงจะไม่ได้แต่ง หากในบ้านมีคนป่วยจะทรุดหนัก เจ็บป่วยที่อวัยวะภายในท้อง ม้าม กระเพาะ ถุงน้ำดี เต้านม สะโพก ระบบประสาท ระบบทางเดินหายใจ ผมร่วง หญิงมีครรภ์คลอดบุตรในบ้านจะสูญเสีย เดินทางระวังภัยอุบัติเหตุจะได้ไม่รับบาดเจ็บให้ต้องรักษาพยาบาล
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ประตูเปิดทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เดือนนี้ จะส่งผลดีในเรื่องของการเรียนการศึกษา งานสร้างสรรค์ นักวิชาการ นักวิจารณ์จะมีชื่อเสียง แต่จะมีเรื่องให้โศกเศร้าเสียใจจนเกิดการขัดแย้งแตกแยกไม่เข้าใจภายในครอบครัว หญิงต่างวัยจะเกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง หรือแม่สามีกับลูกสะใภ้มีปัญหาต่อกัน หรือสะใภ้มีอำนาจ หรือลูกสาวดื้อไม่เชื่อฟังแม่ ผู้หญิงจะมีปัญหาในความรัก เมียหลวงถูกเมียน้อยระราน มีโอกาสจะเป็นม่าย ที่โสดอยู่ก็ยังคงจะไม่ได้แต่ง หากในบ้านมีคนป่วยจะทรุดหนัก เจ็บป่วยที่อวัยวะภายในท้อง ม้าม กระเพาะ ถุงน้ำดี เต้านม สะโพก ระบบประสาท ระบบทางเดินหายใจ ผมร่วง หญิงมีครรภ์คลอดบุตรในบ้านจะสูญเสีย เดินทางระวังภัยอุบัติเหตุจะได้ไม่รับบาดเจ็บให้ต้องรักษาพยาบาล ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำไมกัมพูชาไม่ยอมรับกฎเกณฑ์ UNCLOS 1982 ที่ประเทศทั่วโลกยอมรับและยึดถือกว่า 160 ประเทศ เป็นกฎหมายจารีตประเพณีที่เป็นหลักในการเจรจาความเมืองใด ๆ เกี่ยวกับทะเล

    ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณได้เขียนเรื่อง “ความลับกัมพูชาที่คนไทยทุกคนควรต้องรู้ ”เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567ไว้ว่า

    “กัมพูชาเป็นเพียงประเทศเดียวในภูมิภาคแถบนี้ ที่ไม่ยอมเข้าร่วมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 หรือ United Nations Convention on the Law Of the Sea (UNCLOS) อ่านออกเสียงตัวอักษรย่อ UNCLOS ว่า "อันโคลซ" ซึ่งปัจจุบันนับได้ว่าเป็นอนุสัญญาสหประชาชาติสำคัญ เป็นที่ยอมรับในการแบ่งเขตแดนทางทะเลของแต่ละประเทศอันเป็นหลักสากล โปร่งใส และมีความเป็นธรรม สามารถช่วยแก้ไข ตลอดจนระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับการแบ่งเขตแดนทางทะเลระหว่างประเทศได้อย่างสันติ

    เหตุผลประการสำคัญที่กัมพูชาไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS เป็นเพราะทางกัมพูชาทราบดีว่าจะเสียเปรียบในการเจรจาแบ่งเขตแดนทางทะเลกับประเทศเพื่อนบ้าน โดย ดร.วันนาริธ ชเฮียง นักวิชาการชื่อดังชาวกัมพูชาเป็นผู้ยอมรับเอง ยืนยันว่ารัฐบาลกัมพูชากลัวการเข้าร่วมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล UNCLOS จะทำให้กัมพูชาเสียเปรียบในการเจรจากำหนดเขตแดนทางทะเลกับประเทศเพื่อนบ้าน ดังที่กัมพูชาพยายามอ้างสิทธิ์ตามเส้นเขตแดนที่ลากขึ้นในสมัยที่ยังเป็นรัฐอารักขาของประเทศฝรั่งเศส

    เมื่อทราบความจริงดังนี้ ประเทศไทยของเราจึงไม่ควรเจรจากับกัมพูชาเป็นอย่างยิ่งตราบใดที่กัมพูชายังไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS เพราะไทยจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบเสียเองหากยังคงยึดข้อพิพาทเดิมตามแนวทาง MOU 2544 ที่ล้าสมัยไปแล้ว ขนาดรัฐบาลกัมพูชายังไม่ยอมเสียเปรียบไทย ถ้ารัฐบาลไทยยอมเสียเปรียบกัมพูชา ยอมยกผลประโยชน์ของประเทศชาติและปวงชนชาวไทยมูลค่านับล้านล้านบาทให้กับกัมพูชา กล้าเสนอหน้าไปเจรจาโดยที่กัมพูชายังไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS จะเรียกว่า "โง่" หรือ "ขายชาติ" ดีครับ?

    ดังนั้น UNCLOS จึงเป็นหลักสำคัญในการเจรจาระหว่างไทยและกัมพูชา ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนจะจบลงทันที เพราะเส้นเขตแดนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชาภายใต้ UNCLOS เป็นสากลอยู่แล้ว สิ่งที่เหลือให้ไทยและกัมพูชายังต้องเจรจาตกลงกัน คือ หลุมน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่วางตัวอยู่ในแนวเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเลของทั้งสองประเทศ นอกจากไทยเราจะไม่เสียเกาะกูดเป็นแน่แล้ว ยังจะสามารถครองพื้นที่ส่วนใหญ่ที่เป็นข้อพิพาท รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติในท้องทะเล ทั้งน้ำมันดิบและก๊าชธรรมชาติส่วนใหญ่จะตกเป็นของไทย

    ขนาดนักวิชาการกัมพูชายังยืนยันชัดเจนว่ารัฐบาลกัมพูชาไม่เข้าร่วม UNCLOS เพราะกลัวเสียเปรียบ พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนจึงควรตระหนักรู้เกี่ยวกับ UNCLOS เพื่อให้รัฐบาลไทยยื่นข้อเสนอให้กัมพูชาเข้าร่วม UNCLOS เสียก่อนเท่านั้น แล้วจึงค่อยเปิดการเจรจาที่เป็นธรรม!

    ที่มา https://www.facebook.com/share/15FAF2zRds/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    ทำไมกัมพูชาไม่ยอมรับกฎเกณฑ์ UNCLOS 1982 ที่ประเทศทั่วโลกยอมรับและยึดถือกว่า 160 ประเทศ เป็นกฎหมายจารีตประเพณีที่เป็นหลักในการเจรจาความเมืองใด ๆ เกี่ยวกับทะเล ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณได้เขียนเรื่อง “ความลับกัมพูชาที่คนไทยทุกคนควรต้องรู้ ”เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567ไว้ว่า “กัมพูชาเป็นเพียงประเทศเดียวในภูมิภาคแถบนี้ ที่ไม่ยอมเข้าร่วมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 หรือ United Nations Convention on the Law Of the Sea (UNCLOS) อ่านออกเสียงตัวอักษรย่อ UNCLOS ว่า "อันโคลซ" ซึ่งปัจจุบันนับได้ว่าเป็นอนุสัญญาสหประชาชาติสำคัญ เป็นที่ยอมรับในการแบ่งเขตแดนทางทะเลของแต่ละประเทศอันเป็นหลักสากล โปร่งใส และมีความเป็นธรรม สามารถช่วยแก้ไข ตลอดจนระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับการแบ่งเขตแดนทางทะเลระหว่างประเทศได้อย่างสันติ เหตุผลประการสำคัญที่กัมพูชาไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS เป็นเพราะทางกัมพูชาทราบดีว่าจะเสียเปรียบในการเจรจาแบ่งเขตแดนทางทะเลกับประเทศเพื่อนบ้าน โดย ดร.วันนาริธ ชเฮียง นักวิชาการชื่อดังชาวกัมพูชาเป็นผู้ยอมรับเอง ยืนยันว่ารัฐบาลกัมพูชากลัวการเข้าร่วมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล UNCLOS จะทำให้กัมพูชาเสียเปรียบในการเจรจากำหนดเขตแดนทางทะเลกับประเทศเพื่อนบ้าน ดังที่กัมพูชาพยายามอ้างสิทธิ์ตามเส้นเขตแดนที่ลากขึ้นในสมัยที่ยังเป็นรัฐอารักขาของประเทศฝรั่งเศส เมื่อทราบความจริงดังนี้ ประเทศไทยของเราจึงไม่ควรเจรจากับกัมพูชาเป็นอย่างยิ่งตราบใดที่กัมพูชายังไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS เพราะไทยจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบเสียเองหากยังคงยึดข้อพิพาทเดิมตามแนวทาง MOU 2544 ที่ล้าสมัยไปแล้ว ขนาดรัฐบาลกัมพูชายังไม่ยอมเสียเปรียบไทย ถ้ารัฐบาลไทยยอมเสียเปรียบกัมพูชา ยอมยกผลประโยชน์ของประเทศชาติและปวงชนชาวไทยมูลค่านับล้านล้านบาทให้กับกัมพูชา กล้าเสนอหน้าไปเจรจาโดยที่กัมพูชายังไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS จะเรียกว่า "โง่" หรือ "ขายชาติ" ดีครับ? ดังนั้น UNCLOS จึงเป็นหลักสำคัญในการเจรจาระหว่างไทยและกัมพูชา ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนจะจบลงทันที เพราะเส้นเขตแดนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชาภายใต้ UNCLOS เป็นสากลอยู่แล้ว สิ่งที่เหลือให้ไทยและกัมพูชายังต้องเจรจาตกลงกัน คือ หลุมน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่วางตัวอยู่ในแนวเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเลของทั้งสองประเทศ นอกจากไทยเราจะไม่เสียเกาะกูดเป็นแน่แล้ว ยังจะสามารถครองพื้นที่ส่วนใหญ่ที่เป็นข้อพิพาท รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติในท้องทะเล ทั้งน้ำมันดิบและก๊าชธรรมชาติส่วนใหญ่จะตกเป็นของไทย ขนาดนักวิชาการกัมพูชายังยืนยันชัดเจนว่ารัฐบาลกัมพูชาไม่เข้าร่วม UNCLOS เพราะกลัวเสียเปรียบ พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนจึงควรตระหนักรู้เกี่ยวกับ UNCLOS เพื่อให้รัฐบาลไทยยื่นข้อเสนอให้กัมพูชาเข้าร่วม UNCLOS เสียก่อนเท่านั้น แล้วจึงค่อยเปิดการเจรจาที่เป็นธรรม! ที่มา https://www.facebook.com/share/15FAF2zRds/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Yay
    Angry
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากงานเปิดตัวหนังสือ "ความจริงที่ไม่ทีใครพูด กรณีสวรรคต ร.8"

    เมื่อบ่ายวันที่ 31 ตุลาคม 2567 .. ขณะที่ผม(ผู้เขียน) ดูไลฟ์สดจากเฟสบุ๊ก ก็ได้อ่านคอมเมนต์ต่าง ๆ ไปด้วย

    แล้วพบว่า อ.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เข้ามาแสดงความเห็นอยู่ 3 ครั้ง
    เป็นคอมเมนต์เย้ยหยันว่า ไม่เห็นมีอะไรใหม่

    ลักษณะเย้ยหยันเช่นนี้ ได้กลายเป็นบุคลิกของคนชื่อสมศักดิ์ เจียมฯ ไปแล้ว
    ทั้ง ๆ ที่มันมีใหม่อยู่ในเก่า แต่ตาถั่วไม่เห็นเอง
    ...

    ถนนสายหนึ่ง มันก็ยังคงเป็นเส้นทางเดิม ๆ ทุกครั้ง ซอยซ้ายและขวาก็คงเดิม ทุกคนที่เคยผ่านล้วนคิดว่ารู้จักมันดี

    รู้จักมันดีจริงหรือ ?

    แต่แท้ที่จริงแล้ว กลับไม่รู้จักในรายละเอียดของถนนเส้นนั้นเลย
    เช่น ไม่รู้ว่าต้นราชพฤกษ์มีกี่ต้น อยู่ก่อนต้นนางพญาเสือโคร่ง หรืออยู่หลังต้นนางพญาเสือโคร่ง

    เช่น ระหว่างซอยสองซอย ไม่รู้ว่าแผงขายหมูปิ้งตอนเช้า อยู่ใกล้กับแผงขายปาท่องโก้ หรือเลยไปจากร้านขายโจ๊กอีกซอยหนึ่ง

    รู้เส้นทางถนน แต่ใช่ว่าจะเข้าใจลำดับรอบ ๆ ทางของมัน
    ...

    อ.สมศักดิ์ เจียมฯ .. เข้ามาพิมพ์ว่า ไม่เห็นมีอะไรใหม่ในช่วงแรก ๆ ของการเปิดงาน / หลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่า อ.สมศักดิ์ได้ดูต่อเนื่องอีกหรือไม่ ?

    เพราะความใหม่ มันได้เกิดขึ้นหลังข้อความการด้อยค่าของ อ.สมศักดิ์

    และมันคือการ "โป๊ะแตก" อย่างจัง
    ....

    คุณวิมลพรรณ ปีตะธวัชชัย .. นักหนังสือพิมพ์และคอลัมนิสต์อาวุโส อดีตนักข่าวหญิงคนแรกของสยามรัฐ
    ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาของ นสพ. โพสต์ทูเดย์ (และเป็นผู้เขียนหนังสือ เอกกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ)

    คุณวิมลพรรณ ได้เล่าบางช่วงเวลาให้ฟังว่า

    ที่เขียนหนังสือเอกกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ เป็นเพราะบังเอิญไปอ่านหนังสือของ อ.สมศักดิ์

    อ.สมศักดิ์บอกว่า ..
    รัชกาลที่ 9 อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติของ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ (16 กย. 2500 - โค่นจอมพล ป. ซึ่งครองอำนาจสมัยที่ 2)

    โดยก่อนหน้าจอมพลสฤษดิ์ จะทำการปฏิวัติ 2 สัปดาห์ ได้มีการประชุมวางแผนกันถึง 70 คน

    ใน 70 คนนั้น มีพี่น้องปราโมช 2 คน (ม.ร.ว.เสนีย์ - ม.ร.ว.คึกฤทธิ์) และมีพระองค์เจ้าธานีนิวัติ (พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร)

    ซึ่งแสดงว่า ร.9 รู้เห็นในการปฏิวัติของจอมพลสฤษดิ์ ให้ยึดอำนาจจากจอมพล ป.

    คุณวิมลพรรณ ซึ่งรู้จักทางฝ่าย ม.ร.ว.เสนีย์ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ และพระองค์เจ้าธานีนิวัต จึงไม่เชื่อว่าจะเป็นไปตามที่อ.สมศักดิ์ บอกไว้

    แต่ในเวลานั้นผู้ใหญ่ทั้งสามท่าน ไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้วไม่รู้จะไปถามใคร ทำให้ต้องค้นหาความจริงเอง

    คุณวิมลพรรณ ได้เดินทางตามหาเอกสารตามที่อ.สมศักดิ์ อ้างไว้ ..
    ไปถึงห้องสมุดประเทศอังกฤษ , พบบันทึกฝรั่งที่เขียนใส่แฟ้มเอาไว้หลายหน้า ในบันทึกแรก ๆ ล้วนแต่บอกว่า ได้รับฟังมาจากคนอื่น ๆ ในประเทศไทย

    ฝรั่งเขียนรายงานตามที่ได้ยินมา ว่าสองพี่น้องปราโมชและพระองค์เจ้าธานีนิวัต ไปประชุมร่วมมือการปฏิวัติกับจอมพลสฤษดิ์

    พอเปิดเอกสารในแฟ้มไปเรื่อย ๆ จนพบจดหมายของทูตอังกฤษ ที่เขียนไว้ว่า ..
    .. ข้อมูลคำบอกเล่าด้านหน้าที่บันทึกไว้ มันเป็น "ข่าวลือ" ไม่มีความจริง
    ...

    ต่อมาคุณวิมลพรรณ ได้ออกหนังสือเอกกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ ทางหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ได้ลงภาพการสัมภาษณ์ โดยมีภาพเอกสารอ้างอิงต่าง ๆ เต็มไปหมด

    อ.สมศักดิ์ เห็นภาพข่าว จึงได้โทรมาหา .. แล้วบอกว่าผมอยากรู้และอยากแลกเปลี่ยนเอกสารที่คุณวิมลพรรณมีอยู่

    คุณวิมลพรรณ ตอบไปว่า .. ก็เพราะอ.สมศักดิ์นี้แหละ ที่ไปเขียนว่า ร.9 รู้เห็นกับการปฏิวัติของจอมพล สฤษดิ์. จึงทำให้ดิฉันต้องไปค้นหาเอกสารความจริงทั้งหมด

    อ.สมศักดิ์ บอกว่า
    📍 "ขอโทษครับ ผมลอกข้อมูลดังกล่าวมาจาก ณัฐพล ใจจริง"

    โป๊ะแตก ทันที
    ...

    ณัฐพล ใจจริง กลายเป็นมือปล่อยข่าวลือที่พยายามจะสร้างให้เป็นข่าวจริง

    และคือจุดด่างพร้อยของนักวิชาการ
    ....

    ✍️✍️✍️


    Padipon Apinyankul
    จากงานเปิดตัวหนังสือ "ความจริงที่ไม่ทีใครพูด กรณีสวรรคต ร.8" เมื่อบ่ายวันที่ 31 ตุลาคม 2567 .. ขณะที่ผม(ผู้เขียน) ดูไลฟ์สดจากเฟสบุ๊ก ก็ได้อ่านคอมเมนต์ต่าง ๆ ไปด้วย แล้วพบว่า อ.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เข้ามาแสดงความเห็นอยู่ 3 ครั้ง เป็นคอมเมนต์เย้ยหยันว่า ไม่เห็นมีอะไรใหม่ ลักษณะเย้ยหยันเช่นนี้ ได้กลายเป็นบุคลิกของคนชื่อสมศักดิ์ เจียมฯ ไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่มันมีใหม่อยู่ในเก่า แต่ตาถั่วไม่เห็นเอง ... ถนนสายหนึ่ง มันก็ยังคงเป็นเส้นทางเดิม ๆ ทุกครั้ง ซอยซ้ายและขวาก็คงเดิม ทุกคนที่เคยผ่านล้วนคิดว่ารู้จักมันดี รู้จักมันดีจริงหรือ ? แต่แท้ที่จริงแล้ว กลับไม่รู้จักในรายละเอียดของถนนเส้นนั้นเลย เช่น ไม่รู้ว่าต้นราชพฤกษ์มีกี่ต้น อยู่ก่อนต้นนางพญาเสือโคร่ง หรืออยู่หลังต้นนางพญาเสือโคร่ง เช่น ระหว่างซอยสองซอย ไม่รู้ว่าแผงขายหมูปิ้งตอนเช้า อยู่ใกล้กับแผงขายปาท่องโก้ หรือเลยไปจากร้านขายโจ๊กอีกซอยหนึ่ง รู้เส้นทางถนน แต่ใช่ว่าจะเข้าใจลำดับรอบ ๆ ทางของมัน ... อ.สมศักดิ์ เจียมฯ .. เข้ามาพิมพ์ว่า ไม่เห็นมีอะไรใหม่ในช่วงแรก ๆ ของการเปิดงาน / หลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่า อ.สมศักดิ์ได้ดูต่อเนื่องอีกหรือไม่ ? เพราะความใหม่ มันได้เกิดขึ้นหลังข้อความการด้อยค่าของ อ.สมศักดิ์ และมันคือการ "โป๊ะแตก" อย่างจัง .... คุณวิมลพรรณ ปีตะธวัชชัย .. นักหนังสือพิมพ์และคอลัมนิสต์อาวุโส อดีตนักข่าวหญิงคนแรกของสยามรัฐ ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาของ นสพ. โพสต์ทูเดย์ (และเป็นผู้เขียนหนังสือ เอกกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ) คุณวิมลพรรณ ได้เล่าบางช่วงเวลาให้ฟังว่า ที่เขียนหนังสือเอกกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ เป็นเพราะบังเอิญไปอ่านหนังสือของ อ.สมศักดิ์ อ.สมศักดิ์บอกว่า .. รัชกาลที่ 9 อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติของ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ (16 กย. 2500 - โค่นจอมพล ป. ซึ่งครองอำนาจสมัยที่ 2) โดยก่อนหน้าจอมพลสฤษดิ์ จะทำการปฏิวัติ 2 สัปดาห์ ได้มีการประชุมวางแผนกันถึง 70 คน ใน 70 คนนั้น มีพี่น้องปราโมช 2 คน (ม.ร.ว.เสนีย์ - ม.ร.ว.คึกฤทธิ์) และมีพระองค์เจ้าธานีนิวัติ (พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร) ซึ่งแสดงว่า ร.9 รู้เห็นในการปฏิวัติของจอมพลสฤษดิ์ ให้ยึดอำนาจจากจอมพล ป. คุณวิมลพรรณ ซึ่งรู้จักทางฝ่าย ม.ร.ว.เสนีย์ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ และพระองค์เจ้าธานีนิวัต จึงไม่เชื่อว่าจะเป็นไปตามที่อ.สมศักดิ์ บอกไว้ แต่ในเวลานั้นผู้ใหญ่ทั้งสามท่าน ไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้วไม่รู้จะไปถามใคร ทำให้ต้องค้นหาความจริงเอง คุณวิมลพรรณ ได้เดินทางตามหาเอกสารตามที่อ.สมศักดิ์ อ้างไว้ .. ไปถึงห้องสมุดประเทศอังกฤษ , พบบันทึกฝรั่งที่เขียนใส่แฟ้มเอาไว้หลายหน้า ในบันทึกแรก ๆ ล้วนแต่บอกว่า ได้รับฟังมาจากคนอื่น ๆ ในประเทศไทย ฝรั่งเขียนรายงานตามที่ได้ยินมา ว่าสองพี่น้องปราโมชและพระองค์เจ้าธานีนิวัต ไปประชุมร่วมมือการปฏิวัติกับจอมพลสฤษดิ์ พอเปิดเอกสารในแฟ้มไปเรื่อย ๆ จนพบจดหมายของทูตอังกฤษ ที่เขียนไว้ว่า .. .. ข้อมูลคำบอกเล่าด้านหน้าที่บันทึกไว้ มันเป็น "ข่าวลือ" ไม่มีความจริง ... ต่อมาคุณวิมลพรรณ ได้ออกหนังสือเอกกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ ทางหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ได้ลงภาพการสัมภาษณ์ โดยมีภาพเอกสารอ้างอิงต่าง ๆ เต็มไปหมด อ.สมศักดิ์ เห็นภาพข่าว จึงได้โทรมาหา .. แล้วบอกว่าผมอยากรู้และอยากแลกเปลี่ยนเอกสารที่คุณวิมลพรรณมีอยู่ คุณวิมลพรรณ ตอบไปว่า .. ก็เพราะอ.สมศักดิ์นี้แหละ ที่ไปเขียนว่า ร.9 รู้เห็นกับการปฏิวัติของจอมพล สฤษดิ์. จึงทำให้ดิฉันต้องไปค้นหาเอกสารความจริงทั้งหมด อ.สมศักดิ์ บอกว่า 📍 "ขอโทษครับ ผมลอกข้อมูลดังกล่าวมาจาก ณัฐพล ใจจริง" โป๊ะแตก ทันที ... ณัฐพล ใจจริง กลายเป็นมือปล่อยข่าวลือที่พยายามจะสร้างให้เป็นข่าวจริง และคือจุดด่างพร้อยของนักวิชาการ .... ✍️✍️✍️ Padipon Apinyankul
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ดร.นิว' แฉความลับกัมพูชาที่คนไทยควรรู้!

    31 ต.ค.2567 - ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “ความลับกัมพูชาที่คนไทยทุกคนควรต้องรู้” ระบุว่า กัมพูชาเป็นเพียงประเทศเดียวในภูมิภาคแทบนี้ ที่ไม่ยอมเข้าร่วมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 หรือ United Nations Convention on the Law Of the Sea (UNCLOS) อ่านออกเสียงตัวอักษรย่อ UNCLOS ว่า "อันโคลซ" ซึ่งปัจจุบันนับได้ว่าเป็นอนุสัญญาสหประชาชาติสำคัญ เป็นที่ยอมรับในการแบ่งเขตแดนทางทะเลของแต่ละประเทศอันเป็นหลักสากล โปร่งใส และมีความเป็นธรรม สามารถช่วยแก้ไข ตลอดจนระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับการแบ่งเขตแดนทางทะเลระหว่างประเทศได้อย่างสันติ

    เหตุผลประการสำคัญที่กัมพูชาไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS เป็นเพราะทางกัมพูชาทราบดีว่าจะเสียเปรียบในการเจรจาแบ่งเขตแดนทางทะเลกับประเทศเพื่อนบ้าน โดย ดร.วันนาริธ ชเฮียง นักวิชาการชื่อดังชาวกัมพูชาเป็นผู้ยอมรับเอง ยืนยันว่ารัฐบาลกัมพูชากลัวการเข้าร่วมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล UNCLOS จะทำให้กัมพูชาเสียเปรียบในการเจรจากำหนดเขตแดนทางทะเลกับประเทศเพื่อนบ้าน ดังที่กัมพูชาพยายามอ้างสิทธิ์ตามเส้นเขตแดนที่ลากขึ้นในสมัยที่ยังเป็นรัฐอารักขาของประเทศฝรั่งเศส

    เมื่อทราบความจริงดังนี้ ประเทศไทยของเราจึงไม่ควรเจรจากับกัมพูชาเป็นอย่างยิ่งตราบใดที่กัมพูชายังไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS เพราะไทยจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบเสียเองหากยังคงยึดข้อพิพาทเดิมตามแนวทาง MOU 2544 ที่ล้าสมัยไปแล้ว ขนาดรัฐบาลกัมพูชายังไม่ยอมเสียเปรียบไทย ถ้ารัฐบาลไทยยอมเสียเปรียบกัมพูชา ยอมยกผลประโยชน์ของประเทศชาติและปวงชนชาวไทยมูลค่านับล้านล้านบาทให้กับกัมพูชา กล้าเสนอหน้าไปเจรจาโดยที่กัมพูชายังไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS จะเรียกว่า "โง่" หรือ "ขายชาติ" ดีครับ?

    ดังนั้น UNCLOS จึงเป็นหลักสำคัญในการเจรจาระหว่างไทยและกัมพูชา ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนจะจบลงทันที เพราะเส้นเขตแดนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชาภายใต้ UNCLOS เป็นสากลอยู่แล้ว สิ่งที่เหลือให้ไทยและกัมพูชายังต้องเจรจาตกลงกัน คือ หลุมน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่วางตัวอยู่ในแนวเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเลของทั้งสองประเทศ นอกจากไทยเราจะไม่เสียเกาะกูดเป็นแน่แล้ว ยังจะสามารถครองพื้นที่ส่วนใหญ่ที่เป็นข้อพิพาท รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติในท้องทะเล ทั้งน้ำมันดิบและก๊าชธรรมชาติส่วนใหญ่จะตกเป็นของไทย
    ขนาดนักวิชาการกัมพูชายังยืนยันชัดเจนว่ารัฐบาลกัมพูชาไม่เข้าร่วม UNCLOS เพราะกลัวเสียเปรียบ พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนจึงควรตระหนักรู้เกี่ยวกับ UNCLOS เพื่อให้รัฐบาลไทยยื่นข้อเสนอให้กัมพูชาเข้าร่วม UNCLOS เสียก่อนเท่านั้น แล้วจึงค่อยเปิดการเจรจาที่เป็นธรรม!

    ที่มา https://www.thaipost.net/x-cite-news/682589/

    #Thaitimes
    'ดร.นิว' แฉความลับกัมพูชาที่คนไทยควรรู้! 31 ต.ค.2567 - ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “ความลับกัมพูชาที่คนไทยทุกคนควรต้องรู้” ระบุว่า กัมพูชาเป็นเพียงประเทศเดียวในภูมิภาคแทบนี้ ที่ไม่ยอมเข้าร่วมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 หรือ United Nations Convention on the Law Of the Sea (UNCLOS) อ่านออกเสียงตัวอักษรย่อ UNCLOS ว่า "อันโคลซ" ซึ่งปัจจุบันนับได้ว่าเป็นอนุสัญญาสหประชาชาติสำคัญ เป็นที่ยอมรับในการแบ่งเขตแดนทางทะเลของแต่ละประเทศอันเป็นหลักสากล โปร่งใส และมีความเป็นธรรม สามารถช่วยแก้ไข ตลอดจนระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับการแบ่งเขตแดนทางทะเลระหว่างประเทศได้อย่างสันติ เหตุผลประการสำคัญที่กัมพูชาไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS เป็นเพราะทางกัมพูชาทราบดีว่าจะเสียเปรียบในการเจรจาแบ่งเขตแดนทางทะเลกับประเทศเพื่อนบ้าน โดย ดร.วันนาริธ ชเฮียง นักวิชาการชื่อดังชาวกัมพูชาเป็นผู้ยอมรับเอง ยืนยันว่ารัฐบาลกัมพูชากลัวการเข้าร่วมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล UNCLOS จะทำให้กัมพูชาเสียเปรียบในการเจรจากำหนดเขตแดนทางทะเลกับประเทศเพื่อนบ้าน ดังที่กัมพูชาพยายามอ้างสิทธิ์ตามเส้นเขตแดนที่ลากขึ้นในสมัยที่ยังเป็นรัฐอารักขาของประเทศฝรั่งเศส เมื่อทราบความจริงดังนี้ ประเทศไทยของเราจึงไม่ควรเจรจากับกัมพูชาเป็นอย่างยิ่งตราบใดที่กัมพูชายังไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS เพราะไทยจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบเสียเองหากยังคงยึดข้อพิพาทเดิมตามแนวทาง MOU 2544 ที่ล้าสมัยไปแล้ว ขนาดรัฐบาลกัมพูชายังไม่ยอมเสียเปรียบไทย ถ้ารัฐบาลไทยยอมเสียเปรียบกัมพูชา ยอมยกผลประโยชน์ของประเทศชาติและปวงชนชาวไทยมูลค่านับล้านล้านบาทให้กับกัมพูชา กล้าเสนอหน้าไปเจรจาโดยที่กัมพูชายังไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS จะเรียกว่า "โง่" หรือ "ขายชาติ" ดีครับ? ดังนั้น UNCLOS จึงเป็นหลักสำคัญในการเจรจาระหว่างไทยและกัมพูชา ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนจะจบลงทันที เพราะเส้นเขตแดนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชาภายใต้ UNCLOS เป็นสากลอยู่แล้ว สิ่งที่เหลือให้ไทยและกัมพูชายังต้องเจรจาตกลงกัน คือ หลุมน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่วางตัวอยู่ในแนวเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเลของทั้งสองประเทศ นอกจากไทยเราจะไม่เสียเกาะกูดเป็นแน่แล้ว ยังจะสามารถครองพื้นที่ส่วนใหญ่ที่เป็นข้อพิพาท รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติในท้องทะเล ทั้งน้ำมันดิบและก๊าชธรรมชาติส่วนใหญ่จะตกเป็นของไทย ขนาดนักวิชาการกัมพูชายังยืนยันชัดเจนว่ารัฐบาลกัมพูชาไม่เข้าร่วม UNCLOS เพราะกลัวเสียเปรียบ พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนจึงควรตระหนักรู้เกี่ยวกับ UNCLOS เพื่อให้รัฐบาลไทยยื่นข้อเสนอให้กัมพูชาเข้าร่วม UNCLOS เสียก่อนเท่านั้น แล้วจึงค่อยเปิดการเจรจาที่เป็นธรรม! ที่มา https://www.thaipost.net/x-cite-news/682589/ #Thaitimes
    WWW.THAIPOST.NET
    'ดร.นิว' แฉความลับกัมพูชาที่คนไทยควรรู้!
    ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 3 การแบ่งปัน 419 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานจากเพจBioThai ระบุว่า ผอ.อัคคพล เสนาณรงค์ อดีตผู้บริหาร กรมวิชาการเกษตร เตือนนักวิชาการบางคนพลาดเพราะรู้แค่ครึ่งเดียว และยังไม่มีใครบอกรัฐมนตรีเรื่องความเข้าใจผิดในข้อเท็จจริงที่ร้ายแรง กรณีผลการตรวจ องุ่นไซน์มัสแคท

    #Thaitimes
    รายงานจากเพจBioThai ระบุว่า ผอ.อัคคพล เสนาณรงค์ อดีตผู้บริหาร กรมวิชาการเกษตร เตือนนักวิชาการบางคนพลาดเพราะรู้แค่ครึ่งเดียว และยังไม่มีใครบอกรัฐมนตรีเรื่องความเข้าใจผิดในข้อเท็จจริงที่ร้ายแรง กรณีผลการตรวจ องุ่นไซน์มัสแคท #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 332 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานเปิดตัวหนังสือ "ความจริงที่ไม่มีใครพูด กรณีสวรรคต ร.8"
    .
    งานวิชาการที่จะ "ระเบิดกะลา" ของ นักวิชาการลวงโลก (ที่สร้าง และ บิดเบือน Ref. ปลอมๆขึ้นมา) พลพรรคสีส้ม 3 นิ้วทั้งหลาย ที่พยายามจะใส่ร้าย ร.9...
    .
    ที่สำคัญมี Ref. อ้างอิง และ มีการ Cross Check ถึง 3 ชั้น
    .
    ที่ True Digital Park อาคาร West
    ห้อง Class Room 7 ตั้งแต่เวลา 13:00 น.
    .
    ลิงค์ Live สด
    .
    https://www.youtube.com/live/e5sIaKpdZeo
    งานเปิดตัวหนังสือ "ความจริงที่ไม่มีใครพูด กรณีสวรรคต ร.8" . งานวิชาการที่จะ "ระเบิดกะลา" ของ นักวิชาการลวงโลก (ที่สร้าง และ บิดเบือน Ref. ปลอมๆขึ้นมา) พลพรรคสีส้ม 3 นิ้วทั้งหลาย ที่พยายามจะใส่ร้าย ร.9... . ที่สำคัญมี Ref. อ้างอิง และ มีการ Cross Check ถึง 3 ชั้น . ที่ True Digital Park อาคาร West ห้อง Class Room 7 ตั้งแต่เวลา 13:00 น. . ลิงค์ Live สด . https://www.youtube.com/live/e5sIaKpdZeo
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๗

    มาถึงปลายปี พ.ศ.๒๕๖๗ บัดนี้ประเทศไทยเราได้เข้าสู่ยุค“คนป่าได้ปืน”เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    พวกโจรถ่อย ไร้ปัญญา หน้าซื่อใจคด ต่างพากันตั้งตัวแอบอ้างเป็นบัณฑิตผู้ทรงคุณธรรม เล่นลิ้นลมปากหลอกลวงให้ชาวบ้านคล้อยตาม เพื่อหวังแสวงสุขบนความทุกข์ของชาวบ้านไปวันๆ

    บัณฑิต,ปราชญ์,นักวิชาการผู้มีอุดมการณ์ และมีความรู้แจ้งเห็นจริงในบ้านเมืองบางส่วนเริ่มปลงตกต่างพากันเก็บตัวในซอกเหลือบ เพราะทราบดีว่าที่ต่อสูู้มาล้วนเสียเปล่าสืบเนื่องจากทวยราษฎร์ ได้ถูกมอมเมาด้วยวิธีการสื่อสารอันแยบยลของพวกโจรถ่อยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    ในอีกไม่เกิน ๕๐ ปีนับจากนี้ หากคนในชาติไม่สามารถช่วยกันฟื้นฟูสังคมที่เน่าเฟะไปถึงโครงสร้างได้ พวกเราจะกลายเป็นคนสิ้นชาติ ตามสิ่งที่กระผมได้พยากรณ์ไว้

    จึงเรียนมาเพื่อทราบ
    ทนายสิงหา น.บ.,น.บ.ท
    ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๗ มาถึงปลายปี พ.ศ.๒๕๖๗ บัดนี้ประเทศไทยเราได้เข้าสู่ยุค“คนป่าได้ปืน”เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกโจรถ่อย ไร้ปัญญา หน้าซื่อใจคด ต่างพากันตั้งตัวแอบอ้างเป็นบัณฑิตผู้ทรงคุณธรรม เล่นลิ้นลมปากหลอกลวงให้ชาวบ้านคล้อยตาม เพื่อหวังแสวงสุขบนความทุกข์ของชาวบ้านไปวันๆ บัณฑิต,ปราชญ์,นักวิชาการผู้มีอุดมการณ์ และมีความรู้แจ้งเห็นจริงในบ้านเมืองบางส่วนเริ่มปลงตกต่างพากันเก็บตัวในซอกเหลือบ เพราะทราบดีว่าที่ต่อสูู้มาล้วนเสียเปล่าสืบเนื่องจากทวยราษฎร์ ได้ถูกมอมเมาด้วยวิธีการสื่อสารอันแยบยลของพวกโจรถ่อยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในอีกไม่เกิน ๕๐ ปีนับจากนี้ หากคนในชาติไม่สามารถช่วยกันฟื้นฟูสังคมที่เน่าเฟะไปถึงโครงสร้างได้ พวกเราจะกลายเป็นคนสิ้นชาติ ตามสิ่งที่กระผมได้พยากรณ์ไว้ จึงเรียนมาเพื่อทราบ ทนายสิงหา น.บ.,น.บ.ท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..นี้คือหมากล้างสมองคนไทยคนเกษตรอีกตัว,โยนหินถามทางมานานกว่าสิบๆแล้ว จากธนาคารต้นไม้นั้นเอง ผันมาสู่คาร์บอนเครดิต กัดกินสู่การควบคุมที่ละขั้น&แบบเนียนๆโดยเอาตังมาล่อ,อนาคตจะมีธนาคารนายทุนปล่อยเงินกู้คาร์บอนเครดิตแก่ประชาชนเหมือนกับตังเราเลย เพื่อสร้างสภาพคล่องในการดำรงขีวิตและใช้ชีวิต,คนไทยเรากำลังเอาเชือกมารัดคอตัวเอง เอาโซ่มาผูกขาตนเองให้ไร้อิสระภาพจากการล้างสมองของนักวิชาการรับจ้างหรือหลงผิด พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศคือตัวพ่อจะควบคุมทัังหมดรวมถึงคาร์บอนเครดิตเป็นหนึ่งในบริบทเชื่อมตังดิจิดัลคาร์บอนเครดิตก็ได้ อีลิทเอาคาร์บอนเครดิตส่งมอบให้กันเช่นนายAตั้งธนาคารคาร์บอนเครดิตที่รับมาจากอีลิทให้เครดิตมาสัก100ล้านล้านคาร์บอนเครดิตไว้ปล่อยกู้ให้ประชาชนไปจ่ายเครดิตคาร์บอนในชีวิตประจำวัน เงินเดือนในอนาคคก็จะจ่ายเป็นคาร์บอนเครดิต,จะขายสินค้าเกษตรก็ซื้อหรือจ่ายเป็นคาร์บอนเครดิต,ขึ้นรถลงเรือเดินทางทานอาหารต้องจ่ายเป็นคาร์บอนเครดิต คนไม่มีป่ามีนามีต้นไม้ก็จะกู้หรือดิ้นรนหาคาร์บอนเครดิต,จากนั้นก็มีตลาดหุ้นคาร์บอนเครดิต บริษัทต่างที่เข้าตลาดหุ้นก็ขับเคลื่อนด้วยคาร์บอนเครดิต ปั่นราคากันสไตล์ตลาดsetนี้ล่ะ,ใครร่ำรวยและควบคุมมนุษย์ก็อีลิทนี้ล่ะ ย้ายหมากย้ายตังจากกระเป๋าซ้ายเข้ากระเป๋าขวาเหมือนเดิมแค่เปลี่ยนวิธีเล่น แล้วทั้งหมดถูกควบคุมที่คนเดียวคืออีลิทนั้นล่ะ แต่ทาสรุ่นใหม่คือคนที่ตกหลุมคาร์บอนเครดิตนี้ล่ะ,เขาฉลาดสร้างภาพทางคนเกษตรก่อน เข้าใจง่ายๆว่าจะได้ตัง มุกหาเสียงเดิมๆชวนจากเหยื่อล่อด้วยตัง เหยื่อกระโดดคาบกินอาหารมันเต็มที่ดีใจเหมือนปลาได้น้ำตอนแรก จะอนาถเมื่อนานๆไปเหมือนกบถูกต้มบนหม้อที่เร่งไฟที่ละนิดจนเมื่อรู้ว่าเดือดทนไม่ได้ก็เกือบสุกในพริบตาปิดฝาปรุงทำอาหารอย่สงเชือดนิ่มๆ,อีลิทเขาสนุก เล่นสนุกๆกับมนุษย์เฉยๆ มันไม่มีอะไรทำแค่นั้นเพราะไปเก่งที่จักรวาลอื่นไม่ได้เพราะกากกว่าเขา,เลยหนีมาหลบซ่อนบนโลกเรายึดโลกเรา ตัดแต่งdnaเราจนสนุก ของเล่นมัน,เพราะเราโง่กว่าเขามากเช่นกัน,ทางเดียวคือบรรลุจิตวิญญาณแบบไทยๆเราเป็นเช่นพ่อแม่ครูบาอาจารย์นำทางเรา กษัตริย์ผู้ทรงธรรมนำทางเรา จึงพอต่อกรกันได้และการตื่นรู้ค่าจริงด้วยบนสังคมไทยเราต้องมีก่อนเพื่อจะก่อสามัคคีทั้งประเทศได้ จึงพอเดินร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรคทั้งแผ่นดินไทยเราได้,ผู้นำที่กากๆจะมานำไม่ได้ต้องถีบออกไปเพราะศึกนีัสำคัญมาก เราไปด้วยกันหมดนั้นเองในชื่อว่าคนไทยนีัก่อน,ชาติอื่นก็เกินการควบคุมของเราแต่ประสานร่วมมือจับมือกันจริงจังทั้งโลกได้ยิ่งดี,ศัตรูคือมารอีลิทจะถูกสแกนกำจัดได้ง่ายขึ้นบนโลกเราที่พวกมันยึดครองไป,เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆมันคือชีวิตเลยล่ะ แบบฉีดวัคซีนนั้นล่ะตาย&ถูกลดประชากรทัังโลกรวมทั้งไทยด้วยอย่างชัดเจน,มันฆ่าคนไทยและชาวโลกจริงๆ,พันธมิตรอดีตเสื้อเหลืองเองยังพลาด ยังไปพากันฉีดวัคซีน ซึ่งผิดวิสัยมากว่าจะไม่รู้ได้อย่างไร,แถมชี้ชวนไปร่วมรณรงค์การฉีดอีกแม้กั๊กอยู่ในยุคนั้นแต่บริบทแจังเตือนแจ้งต่อต้านการฉีดไร้ความจริงจังอย่างชัดเจนเงียบหมด,จุดยืนว่าคนไทยคนเสื้อเหลืองเราอย่าฉีดนะไม่มีเลย,สันติอโศกเองก็ฉีดกันตรึม จึงน่าผิดหวังในการข่าวแจ้งเตือนมากในยุคๆนั้นเริ่มต้น,เพราะชื่อเสียงมากคนติดตามเยอะจะมีคนรับฟังถึงขั้นเชื่อกันระวังภัยช่วยกันได้ดี,หลังๆจึงค่อยออกมาบอกถึงพิษภัยมันแต่ก็สายเกินไปเพราะฉีดกันครบหมดแล้ว,สุดท้ายอ.ปานเทพจึงค่อยเปิดตัวแรงชัดเจนออกมา,น่าผิดหวังจริงๆหากพูดกันตรง ระดับม.รังสิตการข่าวไม่น่าพลาด ทั้งในและทางต่างประเทศที่เปิดกว้างข้อมูลการแฉพิษภัยของวัคซีน,เพราะทั้งอ.ธีระวัฒน์อ.ปานเทพโดดเด่นจากกัญชาเสรีมาแล้วคนติดตามเยอะมาก ยุคภัยโควิดยังตกใจว่าทำไมไม่ออกมาร่วมต่อต้านภัยจากวัคซีนmRNAนี้ หลังๆจึงเข้าใจว่าติดสัญญารับทุน,ถูกปิดปากสายเนียนๆก็ว่า,แต่ก็ยังดี ที่แอคชั่นในปัจจุบัน ,การผิดพลาดคือความตายของทัังประเทศ องค์ภาเราก็โดน อ.สุจริตบินตรงมาเลยก็ว่า,สายวังการข่าวกากมาก,ไม่น่าผิดพลาดได้เลยด้วยอะไรๆล้ำๆตรึมกว่าคนบ้านนอกชนบท เครื่องมือคนมีความรู้จบสูงๆภาษาต่างชาติภาษาฝรั่งเต็มภูมิเต็มวังรอบด้าน ทหารองค์รักษ์ข่าวกรอกต้องสุดยอดถึงภัยร้ายแรงระดับปกป้องชาติให้พ้นภัยได้ แต่ตกต่ำตกประเมินไร้ประสิทธิภาพมาก,องค์ภาเราเลยโดนด้วย,เพราะพระองค์ท่านกำลังขับเคลื่อนกองทุนแม่ของแผ่นดิน น่าจะไปได้ดีด้วย.ต้องหยุดชะงักเลย.
    ..พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศมันคือภัยความมั่นคงทางอิสระภาพชีวิตคนไทยมาก ไม่ต่างจากพรบ.ปิโตรเลียมเลย,ทาสทางพลังงานนั้น,แต่นี้หนักกว่าเพราะคือกลไกการปกครองประเทศทั้งหมด,อันตรายมาก นัยยะเป็นภัยรอบทิศทาง.
    ..คาร์บอนเครดิตเป็นเดอะแก๊งหนึ่งที่สมคบคิดร่วมสุมหัวกันใหญ่มาก,เอกชนหรือหน่วยงานใด รับงานมาจริงๆต้องถูกกำจัดตัดตอนทั้งหมดทันทีรวมถึงบุคคลด้วยต้องไปวัดเพราะจิตสำนึกรู้ดีรู้ชั่ว รู้ผิดรู้ถูกไม่มีในสันดานจริตจิตมันแล้ว หายนะพิบัติภัยของแผ่นดินเลยนะแต่เดอะแก๊งพวกมันนี้ตั้งใจอย่างเต็มที่ให้บรรลุผลงานตามเป้าหมายมันนั้นเอง.,ภัยต่อชาติต่อคนไทยจะเก็บไว้ทำซากอะไร.
    ..นี้คือหมากล้างสมองคนไทยคนเกษตรอีกตัว,โยนหินถามทางมานานกว่าสิบๆแล้ว จากธนาคารต้นไม้นั้นเอง ผันมาสู่คาร์บอนเครดิต กัดกินสู่การควบคุมที่ละขั้น&แบบเนียนๆโดยเอาตังมาล่อ,อนาคตจะมีธนาคารนายทุนปล่อยเงินกู้คาร์บอนเครดิตแก่ประชาชนเหมือนกับตังเราเลย เพื่อสร้างสภาพคล่องในการดำรงขีวิตและใช้ชีวิต,คนไทยเรากำลังเอาเชือกมารัดคอตัวเอง เอาโซ่มาผูกขาตนเองให้ไร้อิสระภาพจากการล้างสมองของนักวิชาการรับจ้างหรือหลงผิด พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศคือตัวพ่อจะควบคุมทัังหมดรวมถึงคาร์บอนเครดิตเป็นหนึ่งในบริบทเชื่อมตังดิจิดัลคาร์บอนเครดิตก็ได้ อีลิทเอาคาร์บอนเครดิตส่งมอบให้กันเช่นนายAตั้งธนาคารคาร์บอนเครดิตที่รับมาจากอีลิทให้เครดิตมาสัก100ล้านล้านคาร์บอนเครดิตไว้ปล่อยกู้ให้ประชาชนไปจ่ายเครดิตคาร์บอนในชีวิตประจำวัน เงินเดือนในอนาคคก็จะจ่ายเป็นคาร์บอนเครดิต,จะขายสินค้าเกษตรก็ซื้อหรือจ่ายเป็นคาร์บอนเครดิต,ขึ้นรถลงเรือเดินทางทานอาหารต้องจ่ายเป็นคาร์บอนเครดิต คนไม่มีป่ามีนามีต้นไม้ก็จะกู้หรือดิ้นรนหาคาร์บอนเครดิต,จากนั้นก็มีตลาดหุ้นคาร์บอนเครดิต บริษัทต่างที่เข้าตลาดหุ้นก็ขับเคลื่อนด้วยคาร์บอนเครดิต ปั่นราคากันสไตล์ตลาดsetนี้ล่ะ,ใครร่ำรวยและควบคุมมนุษย์ก็อีลิทนี้ล่ะ ย้ายหมากย้ายตังจากกระเป๋าซ้ายเข้ากระเป๋าขวาเหมือนเดิมแค่เปลี่ยนวิธีเล่น แล้วทั้งหมดถูกควบคุมที่คนเดียวคืออีลิทนั้นล่ะ แต่ทาสรุ่นใหม่คือคนที่ตกหลุมคาร์บอนเครดิตนี้ล่ะ,เขาฉลาดสร้างภาพทางคนเกษตรก่อน เข้าใจง่ายๆว่าจะได้ตัง มุกหาเสียงเดิมๆชวนจากเหยื่อล่อด้วยตัง เหยื่อกระโดดคาบกินอาหารมันเต็มที่ดีใจเหมือนปลาได้น้ำตอนแรก จะอนาถเมื่อนานๆไปเหมือนกบถูกต้มบนหม้อที่เร่งไฟที่ละนิดจนเมื่อรู้ว่าเดือดทนไม่ได้ก็เกือบสุกในพริบตาปิดฝาปรุงทำอาหารอย่สงเชือดนิ่มๆ,อีลิทเขาสนุก เล่นสนุกๆกับมนุษย์เฉยๆ มันไม่มีอะไรทำแค่นั้นเพราะไปเก่งที่จักรวาลอื่นไม่ได้เพราะกากกว่าเขา,เลยหนีมาหลบซ่อนบนโลกเรายึดโลกเรา ตัดแต่งdnaเราจนสนุก ของเล่นมัน,เพราะเราโง่กว่าเขามากเช่นกัน,ทางเดียวคือบรรลุจิตวิญญาณแบบไทยๆเราเป็นเช่นพ่อแม่ครูบาอาจารย์นำทางเรา กษัตริย์ผู้ทรงธรรมนำทางเรา จึงพอต่อกรกันได้และการตื่นรู้ค่าจริงด้วยบนสังคมไทยเราต้องมีก่อนเพื่อจะก่อสามัคคีทั้งประเทศได้ จึงพอเดินร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรคทั้งแผ่นดินไทยเราได้,ผู้นำที่กากๆจะมานำไม่ได้ต้องถีบออกไปเพราะศึกนีัสำคัญมาก เราไปด้วยกันหมดนั้นเองในชื่อว่าคนไทยนีัก่อน,ชาติอื่นก็เกินการควบคุมของเราแต่ประสานร่วมมือจับมือกันจริงจังทั้งโลกได้ยิ่งดี,ศัตรูคือมารอีลิทจะถูกสแกนกำจัดได้ง่ายขึ้นบนโลกเราที่พวกมันยึดครองไป,เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆมันคือชีวิตเลยล่ะ แบบฉีดวัคซีนนั้นล่ะตาย&ถูกลดประชากรทัังโลกรวมทั้งไทยด้วยอย่างชัดเจน,มันฆ่าคนไทยและชาวโลกจริงๆ,พันธมิตรอดีตเสื้อเหลืองเองยังพลาด ยังไปพากันฉีดวัคซีน ซึ่งผิดวิสัยมากว่าจะไม่รู้ได้อย่างไร,แถมชี้ชวนไปร่วมรณรงค์การฉีดอีกแม้กั๊กอยู่ในยุคนั้นแต่บริบทแจังเตือนแจ้งต่อต้านการฉีดไร้ความจริงจังอย่างชัดเจนเงียบหมด,จุดยืนว่าคนไทยคนเสื้อเหลืองเราอย่าฉีดนะไม่มีเลย,สันติอโศกเองก็ฉีดกันตรึม จึงน่าผิดหวังในการข่าวแจ้งเตือนมากในยุคๆนั้นเริ่มต้น,เพราะชื่อเสียงมากคนติดตามเยอะจะมีคนรับฟังถึงขั้นเชื่อกันระวังภัยช่วยกันได้ดี,หลังๆจึงค่อยออกมาบอกถึงพิษภัยมันแต่ก็สายเกินไปเพราะฉีดกันครบหมดแล้ว,สุดท้ายอ.ปานเทพจึงค่อยเปิดตัวแรงชัดเจนออกมา,น่าผิดหวังจริงๆหากพูดกันตรง ระดับม.รังสิตการข่าวไม่น่าพลาด ทั้งในและทางต่างประเทศที่เปิดกว้างข้อมูลการแฉพิษภัยของวัคซีน,เพราะทั้งอ.ธีระวัฒน์อ.ปานเทพโดดเด่นจากกัญชาเสรีมาแล้วคนติดตามเยอะมาก ยุคภัยโควิดยังตกใจว่าทำไมไม่ออกมาร่วมต่อต้านภัยจากวัคซีนmRNAนี้ หลังๆจึงเข้าใจว่าติดสัญญารับทุน,ถูกปิดปากสายเนียนๆก็ว่า,แต่ก็ยังดี ที่แอคชั่นในปัจจุบัน ,การผิดพลาดคือความตายของทัังประเทศ องค์ภาเราก็โดน อ.สุจริตบินตรงมาเลยก็ว่า,สายวังการข่าวกากมาก,ไม่น่าผิดพลาดได้เลยด้วยอะไรๆล้ำๆตรึมกว่าคนบ้านนอกชนบท เครื่องมือคนมีความรู้จบสูงๆภาษาต่างชาติภาษาฝรั่งเต็มภูมิเต็มวังรอบด้าน ทหารองค์รักษ์ข่าวกรอกต้องสุดยอดถึงภัยร้ายแรงระดับปกป้องชาติให้พ้นภัยได้ แต่ตกต่ำตกประเมินไร้ประสิทธิภาพมาก,องค์ภาเราเลยโดนด้วย,เพราะพระองค์ท่านกำลังขับเคลื่อนกองทุนแม่ของแผ่นดิน น่าจะไปได้ดีด้วย.ต้องหยุดชะงักเลย. ..พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศมันคือภัยความมั่นคงทางอิสระภาพชีวิตคนไทยมาก ไม่ต่างจากพรบ.ปิโตรเลียมเลย,ทาสทางพลังงานนั้น,แต่นี้หนักกว่าเพราะคือกลไกการปกครองประเทศทั้งหมด,อันตรายมาก นัยยะเป็นภัยรอบทิศทาง. ..คาร์บอนเครดิตเป็นเดอะแก๊งหนึ่งที่สมคบคิดร่วมสุมหัวกันใหญ่มาก,เอกชนหรือหน่วยงานใด รับงานมาจริงๆต้องถูกกำจัดตัดตอนทั้งหมดทันทีรวมถึงบุคคลด้วยต้องไปวัดเพราะจิตสำนึกรู้ดีรู้ชั่ว รู้ผิดรู้ถูกไม่มีในสันดานจริตจิตมันแล้ว หายนะพิบัติภัยของแผ่นดินเลยนะแต่เดอะแก๊งพวกมันนี้ตั้งใจอย่างเต็มที่ให้บรรลุผลงานตามเป้าหมายมันนั้นเอง.,ภัยต่อชาติต่อคนไทยจะเก็บไว้ทำซากอะไร.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 432 มุมมอง 250 0 รีวิว
  • เผื่อเป็นประโยชน์กับ #นักวิชาการ #นิสิตนักศึกษา #นักเรียน ที่จะทำงานเอกสารด้วย #Word
    ดาวน์โหลดคู่มือ+Template --> https://chunchuanclick.mobirisesite.com/Innovations.html
    ดูคลิปอธิบายเพิ่มเติม --> https://www.youtube.com/@chunchuanclick
    เผื่อเป็นประโยชน์กับ #นักวิชาการ #นิสิตนักศึกษา #นักเรียน ที่จะทำงานเอกสารด้วย #Word ดาวน์โหลดคู่มือ+Template --> https://chunchuanclick.mobirisesite.com/Innovations.html ดูคลิปอธิบายเพิ่มเติม --> https://www.youtube.com/@chunchuanclick
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • “พิพัฒน์ เปิดเวทีประชุมระดับชาติ สร้างความยั่งยืนกองทุนประกันสังคม ไม่ล่มสลาย แลกเปลี่ยนความเห็น รวมพรรคการเมือง นักวิชาการ ทั้งไทยและเทศ SSO SUSTAINABLE FOR ALL
    https://www.facebook.com/pradenrath/posts/1180495040215025
    “พิพัฒน์ เปิดเวทีประชุมระดับชาติ สร้างความยั่งยืนกองทุนประกันสังคม ไม่ล่มสลาย แลกเปลี่ยนความเห็น รวมพรรคการเมือง นักวิชาการ ทั้งไทยและเทศ SSO SUSTAINABLE FOR ALL https://www.facebook.com/pradenrath/posts/1180495040215025
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • 23 ตุลาคม 2567-นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการ ออกบทความเรื่องล่าสุด "ยุบพรรคเพื่อไทย??? : ความชอบธรรมและความเป็นไปได้ทางกฎหมาย" ในลักษณะถาม-ตอบ มีเนื้อหาว่า

    ถาม ทำไมจะไปยุบพรรคเพื่อไทยโดยอ้างว่าถูกทักษิณครอบงำ ก็เขาเป็นคนตั้งพรรค
    รวมผู้คนมาตั้งแต่แรก แล้วใจคอจะไม่ให้ฟังกันบ้างเลยหรืออย่างไร
    ตอบ ทักษิณถูกจำคุกตามคำพิพากษาคดีคอร์รัปชัน สิ้นสิทธิทางการเมืองเป็นคนนอกพรรคเพื่อไทยไปแล้ว เขาจะพูดจะแนะนำอะไร คณะกรรมการพรรคก็ยังรับฟังได้กฎหมายไม่ห้าม แต่ต้องไม่ถึงขั้นถูกครอบงำถึงขนาดขาดอิสระ ทักษิณชี้นกเป็นไม้ ก็ยอมหมด อย่างนี้กฎหมายรับไม่ได้

    ถาม แล้วมันผิดที่ตรงไหน ที่ไปฟังทักษิณ
    ตอบ พรรคการเมืองมีตัวตนอยู่ที่ “ความคิด” ประชาธิปไตยเสนอกันที่ความคิด เมื่อความคิดใครชนะคนนั้นต้องเป็นคนทำ รัฐธรรมนูญไทยเอาจริงถึงขั้นบังคับให้ สส.ต้องสังกัดพรรค และพรรคต้องเสนอชื่อนายกฯไว้ล่วงหน้าเลย
    เมื่อพรรคคือ “ความคิด” พรรคจึงต้องคิดเองตัดสินใจเอง จะเป็นแค่หุ่นเชิดของคนนอกพรรคไม่ได้ ถ้ายอมให้เชิดกันอย่างนี้ได้ ประชาธิปไตยในพรรคก็พลอยจะสิ้นความหมายไปด้วย

    ถาม กกต.ต้องพิสูจน์อะไรให้ศาลรัฐธรรมนูญเห็นบ้าง ว่าพรรคเพื่อไทยถูกทักษิณครอบงำ
    ตอบ อะไรที่เป็นอำนาจของคณะกรรมการพรรค ถ้าพิสูจน์ว่าทักษิณสั่งได้ ก็โดนหมดล่ะครับ ทั้งการกำหนดนโยบายทางการเมือง, การตั้งคณะกรรมการบริหาร,การคัดเลือกส่งคนลงสมัคร สส., การเข้าร่วมรัฐบาล, การเลือกผู้เหมาะสมเป็นรัฐมนตรี, การเสนอร่างกฎหมาย เหล่านี้ล้วนเกิดเป็นเรื่องกล่าวหาได้ทั้งนั้น

    ถาม แล้วชัดเจนถึงขนาดไหนล่ะครับ ถึงจะฟังได้ว่าเป็นการ “ครอบงำ” ผมเห็นคนพรรคเพื่อไทยเขาท้าทายว่า มีพยานหลักฐานชัดเจนไหมว่า เมื่อวันนั้นวันนี้ ทักษิณสั่งนายโน้นนายนี้ใหทำอย่างนั้นอย่างนี้
    ตอบ นี่ไม่ใช่คดีอาญา แต่เป็นคดีคุ้มครองประชาธิปไตยในบ้านเมือง ถ้าพรรคใดยอมตนเป็นหุ่นให้อิทธิพลทุจริต เราก็ต้องยุบพรรคนั้น ถ้าพยานหลักฐานมันแวดล้อมให้เชื่อได้เช่นนั้น ทั้งตั้งลูกสาวเป็นหัวหน้าพรรคโดยไม่มีที่มาที่ไปทางคุณสมบัติ ทั้งเรื่องที่ทักษิณโผล่หน้ามาชี้แจงนโยบายพรรคต่อคนทั้งประเทศ ทั้งเรื่องมีบทบาทคัดคนลงสมัคร นายก อบจ.หรือ สส.สั่งเปลี่ยนโผให้เป็นโน้นคนนี้ หรือแม้กระทั่งเรียกทุกพรรคมาประชุมจันทร์ส่องหล้า แล้วตกลงตั้งรัฐบาลในสูตรเดิม ทั้งหมดนี้ ถ้าคุณเป็นศาลรัฐธรรมนูญ คุณว่ามันพอหรือไม่ ที่จะตัดสินว่าพรรคเพื่อไทยอยู่ใต้บงการของคนชื่อทักษิณ

    ถาม ถ้ามองเป็นเรื่องบงการกันอย่างนี้ การที่พรรคร่วมรัฐบาลแห่ไปพบทักษิณที่บ้านจันทร์ส่องหล้าแล้วตกลงร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทยต่อไปเหมือนเดิม ก็ไม่ใช่เรื่องต้องถูกยุบพรรคใช่ไหมครับ
    ตอบ ถูกต้องครับ พรรคเหล่านี้เขาแค่ไปคุยแล้วตกลงกับทักษิณว่าเราจะรักษาสูตรรัฐบาลไว้ต่อไปเท่านั้นหรือไม่ นี่เป็นเริ่องไปเจรจาตกลง ไม่ใช่เรื่องอยู่ใต้บงการทักษิณแต่อย่างใด
    คุณต้องเข้าใจให้ชัดเจนว่า ความผิดมันไม่ใช่อยู่ที่เห็นตรงกับทักษิณ หรือไปคุยกับทักษิณ แต่มันอยู่ตรงที่ความสัมพันธ์ทางอำนาจว่ามีพรรคไหนไปอยู่ใต้บงการเขาหรือไม่ ซึ่งตรงนี้ไม่มีพรรคร่วมรัฐบาลใดนอกจากเพื่อไทยเท่านั้น ที่มีปัญหาว่าไปเป็นขี้ข้าเขาแบบนั้นหรือไม่

    ถาม แล้ว กกต. ฟ้องศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคเพื่อไทยเลยได้ไหมครับ ข้างพรรคเพื่อไทยจะเถียงอะไรก็ให้ไปว่ากันในศาล
    ตอบ งานนี้เป็นเรื่องชี้ขาดกันด้วยพยานแวดล้อม ถ้าพยานหลักฐานแต่ละเรื่องมันล้อมเข้ามาจนชัดเจน และรู้กันทั่วไป เพียงเท่านี้ กกต.ก็ฟ้องได้แล้วครับว่า แต่ละพฤติการณ์ประกอบกันเข้ามาให้เชื่อได้แล้วว่า ทักษิณคือผู้ครอบครองพรรคเพื่อไทย

    ถาม เห็น รองนายกฯภูมิธรรม เขาบอกว่าไม่น่ามาร้องเรียนอะไรกันเลย รัฐบาลลุยจนเศรษฐกิจกำลังจะฟื้นอยู่แล้ว
    ตอบ ฟื้นจริงไหม? ฟื้นเพื่อใคร? มีใครที่ครอบงำพรรคแล้วรอเสวยประโยชน์อยู่โดยทุจริตหรือไม่ ทั้งเรื่อง สัมปทานบ่อน และ เจรจาพื้นที่ทับซ้อนกับเขมร?
    ตรงนี้เป็นปัญหาความสะอาด ความเลว ความชั่ว ในระบบรัฐบาล ที่ต้องเคลียร์ให้ได้ชัดเจนจริงๆ
    เศรษฐกิจมันฟื้นจากพื้นฐานที่สกปรกไม่ได้ รู้จักมียางอายกันบ้างเถิดครับ

    https://www.thaipost.net/hi-light/677990/

    #Thaitimes
    23 ตุลาคม 2567-นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการ ออกบทความเรื่องล่าสุด "ยุบพรรคเพื่อไทย??? : ความชอบธรรมและความเป็นไปได้ทางกฎหมาย" ในลักษณะถาม-ตอบ มีเนื้อหาว่า ถาม ทำไมจะไปยุบพรรคเพื่อไทยโดยอ้างว่าถูกทักษิณครอบงำ ก็เขาเป็นคนตั้งพรรค รวมผู้คนมาตั้งแต่แรก แล้วใจคอจะไม่ให้ฟังกันบ้างเลยหรืออย่างไร ตอบ ทักษิณถูกจำคุกตามคำพิพากษาคดีคอร์รัปชัน สิ้นสิทธิทางการเมืองเป็นคนนอกพรรคเพื่อไทยไปแล้ว เขาจะพูดจะแนะนำอะไร คณะกรรมการพรรคก็ยังรับฟังได้กฎหมายไม่ห้าม แต่ต้องไม่ถึงขั้นถูกครอบงำถึงขนาดขาดอิสระ ทักษิณชี้นกเป็นไม้ ก็ยอมหมด อย่างนี้กฎหมายรับไม่ได้ ถาม แล้วมันผิดที่ตรงไหน ที่ไปฟังทักษิณ ตอบ พรรคการเมืองมีตัวตนอยู่ที่ “ความคิด” ประชาธิปไตยเสนอกันที่ความคิด เมื่อความคิดใครชนะคนนั้นต้องเป็นคนทำ รัฐธรรมนูญไทยเอาจริงถึงขั้นบังคับให้ สส.ต้องสังกัดพรรค และพรรคต้องเสนอชื่อนายกฯไว้ล่วงหน้าเลย เมื่อพรรคคือ “ความคิด” พรรคจึงต้องคิดเองตัดสินใจเอง จะเป็นแค่หุ่นเชิดของคนนอกพรรคไม่ได้ ถ้ายอมให้เชิดกันอย่างนี้ได้ ประชาธิปไตยในพรรคก็พลอยจะสิ้นความหมายไปด้วย ถาม กกต.ต้องพิสูจน์อะไรให้ศาลรัฐธรรมนูญเห็นบ้าง ว่าพรรคเพื่อไทยถูกทักษิณครอบงำ ตอบ อะไรที่เป็นอำนาจของคณะกรรมการพรรค ถ้าพิสูจน์ว่าทักษิณสั่งได้ ก็โดนหมดล่ะครับ ทั้งการกำหนดนโยบายทางการเมือง, การตั้งคณะกรรมการบริหาร,การคัดเลือกส่งคนลงสมัคร สส., การเข้าร่วมรัฐบาล, การเลือกผู้เหมาะสมเป็นรัฐมนตรี, การเสนอร่างกฎหมาย เหล่านี้ล้วนเกิดเป็นเรื่องกล่าวหาได้ทั้งนั้น ถาม แล้วชัดเจนถึงขนาดไหนล่ะครับ ถึงจะฟังได้ว่าเป็นการ “ครอบงำ” ผมเห็นคนพรรคเพื่อไทยเขาท้าทายว่า มีพยานหลักฐานชัดเจนไหมว่า เมื่อวันนั้นวันนี้ ทักษิณสั่งนายโน้นนายนี้ใหทำอย่างนั้นอย่างนี้ ตอบ นี่ไม่ใช่คดีอาญา แต่เป็นคดีคุ้มครองประชาธิปไตยในบ้านเมือง ถ้าพรรคใดยอมตนเป็นหุ่นให้อิทธิพลทุจริต เราก็ต้องยุบพรรคนั้น ถ้าพยานหลักฐานมันแวดล้อมให้เชื่อได้เช่นนั้น ทั้งตั้งลูกสาวเป็นหัวหน้าพรรคโดยไม่มีที่มาที่ไปทางคุณสมบัติ ทั้งเรื่องที่ทักษิณโผล่หน้ามาชี้แจงนโยบายพรรคต่อคนทั้งประเทศ ทั้งเรื่องมีบทบาทคัดคนลงสมัคร นายก อบจ.หรือ สส.สั่งเปลี่ยนโผให้เป็นโน้นคนนี้ หรือแม้กระทั่งเรียกทุกพรรคมาประชุมจันทร์ส่องหล้า แล้วตกลงตั้งรัฐบาลในสูตรเดิม ทั้งหมดนี้ ถ้าคุณเป็นศาลรัฐธรรมนูญ คุณว่ามันพอหรือไม่ ที่จะตัดสินว่าพรรคเพื่อไทยอยู่ใต้บงการของคนชื่อทักษิณ ถาม ถ้ามองเป็นเรื่องบงการกันอย่างนี้ การที่พรรคร่วมรัฐบาลแห่ไปพบทักษิณที่บ้านจันทร์ส่องหล้าแล้วตกลงร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทยต่อไปเหมือนเดิม ก็ไม่ใช่เรื่องต้องถูกยุบพรรคใช่ไหมครับ ตอบ ถูกต้องครับ พรรคเหล่านี้เขาแค่ไปคุยแล้วตกลงกับทักษิณว่าเราจะรักษาสูตรรัฐบาลไว้ต่อไปเท่านั้นหรือไม่ นี่เป็นเริ่องไปเจรจาตกลง ไม่ใช่เรื่องอยู่ใต้บงการทักษิณแต่อย่างใด คุณต้องเข้าใจให้ชัดเจนว่า ความผิดมันไม่ใช่อยู่ที่เห็นตรงกับทักษิณ หรือไปคุยกับทักษิณ แต่มันอยู่ตรงที่ความสัมพันธ์ทางอำนาจว่ามีพรรคไหนไปอยู่ใต้บงการเขาหรือไม่ ซึ่งตรงนี้ไม่มีพรรคร่วมรัฐบาลใดนอกจากเพื่อไทยเท่านั้น ที่มีปัญหาว่าไปเป็นขี้ข้าเขาแบบนั้นหรือไม่ ถาม แล้ว กกต. ฟ้องศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคเพื่อไทยเลยได้ไหมครับ ข้างพรรคเพื่อไทยจะเถียงอะไรก็ให้ไปว่ากันในศาล ตอบ งานนี้เป็นเรื่องชี้ขาดกันด้วยพยานแวดล้อม ถ้าพยานหลักฐานแต่ละเรื่องมันล้อมเข้ามาจนชัดเจน และรู้กันทั่วไป เพียงเท่านี้ กกต.ก็ฟ้องได้แล้วครับว่า แต่ละพฤติการณ์ประกอบกันเข้ามาให้เชื่อได้แล้วว่า ทักษิณคือผู้ครอบครองพรรคเพื่อไทย ถาม เห็น รองนายกฯภูมิธรรม เขาบอกว่าไม่น่ามาร้องเรียนอะไรกันเลย รัฐบาลลุยจนเศรษฐกิจกำลังจะฟื้นอยู่แล้ว ตอบ ฟื้นจริงไหม? ฟื้นเพื่อใคร? มีใครที่ครอบงำพรรคแล้วรอเสวยประโยชน์อยู่โดยทุจริตหรือไม่ ทั้งเรื่อง สัมปทานบ่อน และ เจรจาพื้นที่ทับซ้อนกับเขมร? ตรงนี้เป็นปัญหาความสะอาด ความเลว ความชั่ว ในระบบรัฐบาล ที่ต้องเคลียร์ให้ได้ชัดเจนจริงๆ เศรษฐกิจมันฟื้นจากพื้นฐานที่สกปรกไม่ได้ รู้จักมียางอายกันบ้างเถิดครับ https://www.thaipost.net/hi-light/677990/ #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 274 มุมมอง 0 รีวิว
  • 23 ตุลาคม วันปิยมหาราช น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5

    ////////////////////

    23 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยพระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ต่อประเทศไทยหลายด้าน และสิ่งที่โดดเด่นคือ การประกาศ เลิกทาส เป็นการหยุดวงจรการเป็นทาส เพราะเมื่อสมัยก่อนหากพ่อแม่เป็นทาส ลูกที่เกิดมาก็ต้องเป็นทาสต่อไปเรื่อยๆ ทางราชการจึงได้ประกาศให้วันที่ 23 ตุลาคมของทุกปีเป็นหนึ่งในวันระลึกถึงความสำคัญของเหตุการณ์ในชาติ โดยเรียกว่า “วันปิยมหาราช”
    พระราชประวัติ
    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) มีพระนามเดิมว่า สมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ.2396 เป็นโอรสองค์ที่ 4 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระนางเจ้าฟ้ารำเพยภมราภิรมย์ (สมเด็จพระเทพศิรินทรา พระบรมราชินี)เมื่อพระชนมายุได้ 9 พรรษา ทรงได้รับสถาปนาขึ้นเป็น กรมหมื่นพิฆเนศวรสุรลังกาศ ต่อมาเมื่อพระชนมายุได้ 13 พรรษา ทรงได้รับสถาปนาขึ้นเป็น กรมขุนพินิตประชานาถ พระองค์ได้รับการศึกษาอย่างเป็นทางการตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ศึกษาวิชาต่างๆ เช่น ชีววิทยา วิชาดาบ วิศวกรรมศาสตร์ ภาษาอังกฤษและมานุษยวิทยา และเดินทางไปต่างประเทศและศึกษายุโรป และวิทยาศาสตร์การทหาร ในช่วงครองราชย์ 42 ปี พระองค์ทรงริเริ่มขบวนการปฏิรูปการพัฒนาตนเองและความเจริญรุ่งเรือง ทำให้การเมืองและการทหารของไทยเป็นตะวันตก และบรรลุความมั่งคั่ง ความก้าวหน้า สันติภาพและความพึงพอใจของประเทศ นักวิชาการหลายคนเชื่อว่าการกระทำของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทำให้ประเทศไทยสามารถรักษาเอกราชไว้ได้

    ประราชกรณียกิจสำคัญ

    การเลิกทาส : ออกพระราชบัญญัติเลิกทาสที่แท้จริงขึ้น เรียกว่า “พระราชบัญญัติทาส ร.ศ.124” (พ.ศ.2448) เลิกเรื่องลูกทาส ในเรือนเบี้ยอย่างเด็ดขาด เด็กที่เกิดจากทาส ไม่เป็นทาสอีกต่อไป การซื้อขายทาสเป็นโทษทางอาญา ส่วนผู้ที่เป็นทาสอยู่แล้ว ให้นายเงินลดค่าตัวให้เดือนละ 4 บาท จนกว่าจะหมด

    การปฏิรูประเบียบบริหารราชการ : ได้ทรงปรับปรุงหน้าที่ของกรมต่าง ๆ ที่มีอยู่แต่เดิมให้เป็นระเบียบเรียบร้อยโดยรวมกรมต่าง ๆ ที่มีอยู่มากมายเวลานั้นเข้าเป็นกระทรวง กระทรวงหนึ่ง ๆ ก็มีหน้าที่อย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างพอเหมาะสม

    การศึกษา : ทรงโปรดให้จัดตั้งโรงเรียนหลวงขึ้นในพระบรมมหาราชวัง แล้วมีหมายประกาศชักชวนพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการให้ส่งบุตรหลานเข้า เรียน โรงเรียนภาษาไทยนี้

    การคมนาคม ได้โปรดเกล้าฯ ให้ขยายถนนบำรุงเมือง ถนนที่ทรงสร้างใหม่ คือ ถนนเยาวราช ถนนราชดำเนินกลาง ถนนราชดำเนินนอก ถนนดินสอ ถนนบูรพา ถนนอุณากรรณ เป็นต้น

    การสุขาภิบาล ได้ทรงตั้งกรรมการขึ้นคณะหนึ่ง เพื่อดูแลจัดตั้งโรงพยาบาลขึ้นหลายแห่ง เช่น ศิริราชพยาบาล โรงพยาบาลบางรัก โรงพยาบาลโรคจิต และโรงเลี้ยงเด็ก

    การวรรณคดี ทรงเป็นนักประพันธ์ ซึ่งมีความชำนาญทั้งทางร้อยแก้วและร้อยกรอง เช่น ไกลบ้าน ลิลิตนิทราชาคริต เงาะป่า พระราชพิธีสิบสองเดือน เป็นต้น

    ข้าพระพุทธเจ้า คณะผู้บริหาร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายฯ
    สำนักงาน นันท์นภัส วงศ์ใหญ่
    ขอน้อมรำลึกถึง
    พระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าและเพื่อเทิดพระเกียรติแด่พระองค์ท่านที่ทรงมีคุณูปการต่อประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง
    23 ตุลาคม วันปิยมหาราช น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 //////////////////// 23 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยพระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ต่อประเทศไทยหลายด้าน และสิ่งที่โดดเด่นคือ การประกาศ เลิกทาส เป็นการหยุดวงจรการเป็นทาส เพราะเมื่อสมัยก่อนหากพ่อแม่เป็นทาส ลูกที่เกิดมาก็ต้องเป็นทาสต่อไปเรื่อยๆ ทางราชการจึงได้ประกาศให้วันที่ 23 ตุลาคมของทุกปีเป็นหนึ่งในวันระลึกถึงความสำคัญของเหตุการณ์ในชาติ โดยเรียกว่า “วันปิยมหาราช” พระราชประวัติ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) มีพระนามเดิมว่า สมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ.2396 เป็นโอรสองค์ที่ 4 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระนางเจ้าฟ้ารำเพยภมราภิรมย์ (สมเด็จพระเทพศิรินทรา พระบรมราชินี)เมื่อพระชนมายุได้ 9 พรรษา ทรงได้รับสถาปนาขึ้นเป็น กรมหมื่นพิฆเนศวรสุรลังกาศ ต่อมาเมื่อพระชนมายุได้ 13 พรรษา ทรงได้รับสถาปนาขึ้นเป็น กรมขุนพินิตประชานาถ พระองค์ได้รับการศึกษาอย่างเป็นทางการตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ศึกษาวิชาต่างๆ เช่น ชีววิทยา วิชาดาบ วิศวกรรมศาสตร์ ภาษาอังกฤษและมานุษยวิทยา และเดินทางไปต่างประเทศและศึกษายุโรป และวิทยาศาสตร์การทหาร ในช่วงครองราชย์ 42 ปี พระองค์ทรงริเริ่มขบวนการปฏิรูปการพัฒนาตนเองและความเจริญรุ่งเรือง ทำให้การเมืองและการทหารของไทยเป็นตะวันตก และบรรลุความมั่งคั่ง ความก้าวหน้า สันติภาพและความพึงพอใจของประเทศ นักวิชาการหลายคนเชื่อว่าการกระทำของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทำให้ประเทศไทยสามารถรักษาเอกราชไว้ได้ ประราชกรณียกิจสำคัญ การเลิกทาส : ออกพระราชบัญญัติเลิกทาสที่แท้จริงขึ้น เรียกว่า “พระราชบัญญัติทาส ร.ศ.124” (พ.ศ.2448) เลิกเรื่องลูกทาส ในเรือนเบี้ยอย่างเด็ดขาด เด็กที่เกิดจากทาส ไม่เป็นทาสอีกต่อไป การซื้อขายทาสเป็นโทษทางอาญา ส่วนผู้ที่เป็นทาสอยู่แล้ว ให้นายเงินลดค่าตัวให้เดือนละ 4 บาท จนกว่าจะหมด การปฏิรูประเบียบบริหารราชการ : ได้ทรงปรับปรุงหน้าที่ของกรมต่าง ๆ ที่มีอยู่แต่เดิมให้เป็นระเบียบเรียบร้อยโดยรวมกรมต่าง ๆ ที่มีอยู่มากมายเวลานั้นเข้าเป็นกระทรวง กระทรวงหนึ่ง ๆ ก็มีหน้าที่อย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างพอเหมาะสม การศึกษา : ทรงโปรดให้จัดตั้งโรงเรียนหลวงขึ้นในพระบรมมหาราชวัง แล้วมีหมายประกาศชักชวนพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการให้ส่งบุตรหลานเข้า เรียน โรงเรียนภาษาไทยนี้ การคมนาคม ได้โปรดเกล้าฯ ให้ขยายถนนบำรุงเมือง ถนนที่ทรงสร้างใหม่ คือ ถนนเยาวราช ถนนราชดำเนินกลาง ถนนราชดำเนินนอก ถนนดินสอ ถนนบูรพา ถนนอุณากรรณ เป็นต้น การสุขาภิบาล ได้ทรงตั้งกรรมการขึ้นคณะหนึ่ง เพื่อดูแลจัดตั้งโรงพยาบาลขึ้นหลายแห่ง เช่น ศิริราชพยาบาล โรงพยาบาลบางรัก โรงพยาบาลโรคจิต และโรงเลี้ยงเด็ก การวรรณคดี ทรงเป็นนักประพันธ์ ซึ่งมีความชำนาญทั้งทางร้อยแก้วและร้อยกรอง เช่น ไกลบ้าน ลิลิตนิทราชาคริต เงาะป่า พระราชพิธีสิบสองเดือน เป็นต้น ข้าพระพุทธเจ้า คณะผู้บริหาร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายฯ สำนักงาน นันท์นภัส วงศ์ใหญ่ ขอน้อมรำลึกถึง พระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าและเพื่อเทิดพระเกียรติแด่พระองค์ท่านที่ทรงมีคุณูปการต่อประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปะการังเจ็ดสี Unseen กองหินขาว จ.สตูล

    เอ่ยถึงจังหวัดสตูล หลายคนมักจะถึงเกาะตะรุเตา เกาะหลีเป๊ะ อาดังราวี แต่รู้หรือไม่ว่า ที่จังหวัดสตูล ยังมีทะเลอีกหนึ่งจุดที่รอนักท่องเที่ยวมาสัมผัสความงามใต้ท้องทะเลลึก ณ กองหินขาว อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา

    หลายปีที่ผ่านมา ชื่อของกองหินขาว โด่งดังขึ้นมา จากโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา ซึ่งเหล่านักวิชาการ -นักอนุรักษ์มองว่าการก่อสร้างท่าเรือดังกล่าวจะส่งผลกระทบโดยตรงกับกองหินขาว และระบบนิเวศวิทยาทางทะเลที่อยู่ล้อมรอบ ดังนั้นจึงมีการนำภาพนิ่ง - วีดีโอ ต่างๆของท้องทะเลใต้กองหินขาวและบริเวณรอบๆมานำเสนอต่อประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับรู้ ได้เห็นว่าแท้จริงแล้ว ใต้ท้องทะเลแห่งนี้มีของดีล้ำค่าเพียงใด

    ผลของการออกโรงของนักวิชาการ -นักอนุรักษ์ รวมไปถึงชุมชนที่หวั่นว่าจะได้รับผลกระทบ ส่งผลให้รัฐบาลโดยกรมเจ้าท่า ได้ลงนามร่วมกับบริษัทที่ปรึกษาที่เป็นคู่สัญญายุติโครงการศึกษาทบทวนและสำรวจออกแบบรายละเอียด (EHIA) โครงการท่าเรือน้ำลึกฯ (ปากบารา) เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562

    #ปะการัง7สี
    ปะการังเจ็ดสี Unseen กองหินขาว จ.สตูล เอ่ยถึงจังหวัดสตูล หลายคนมักจะถึงเกาะตะรุเตา เกาะหลีเป๊ะ อาดังราวี แต่รู้หรือไม่ว่า ที่จังหวัดสตูล ยังมีทะเลอีกหนึ่งจุดที่รอนักท่องเที่ยวมาสัมผัสความงามใต้ท้องทะเลลึก ณ กองหินขาว อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา หลายปีที่ผ่านมา ชื่อของกองหินขาว โด่งดังขึ้นมา จากโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา ซึ่งเหล่านักวิชาการ -นักอนุรักษ์มองว่าการก่อสร้างท่าเรือดังกล่าวจะส่งผลกระทบโดยตรงกับกองหินขาว และระบบนิเวศวิทยาทางทะเลที่อยู่ล้อมรอบ ดังนั้นจึงมีการนำภาพนิ่ง - วีดีโอ ต่างๆของท้องทะเลใต้กองหินขาวและบริเวณรอบๆมานำเสนอต่อประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับรู้ ได้เห็นว่าแท้จริงแล้ว ใต้ท้องทะเลแห่งนี้มีของดีล้ำค่าเพียงใด ผลของการออกโรงของนักวิชาการ -นักอนุรักษ์ รวมไปถึงชุมชนที่หวั่นว่าจะได้รับผลกระทบ ส่งผลให้รัฐบาลโดยกรมเจ้าท่า ได้ลงนามร่วมกับบริษัทที่ปรึกษาที่เป็นคู่สัญญายุติโครงการศึกษาทบทวนและสำรวจออกแบบรายละเอียด (EHIA) โครงการท่าเรือน้ำลึกฯ (ปากบารา) เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 #ปะการัง7สี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • วารสารถูกตั้งคำถามว่ามีความเที่ยงตรงหรือไม่?

    ในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา วงการวิชาการ อาทิ แพทย์ วิทยาศาสตร์เป็นต้น จะให้ความเชื่อถือว่า บทความใดที่ตีพิมพ์ในวารสาร ที่เรียกว่า peer reviewed journal เป็นที่เชื่อถือได้
    เพราะมีคณะกรรมการที่อ่าน บทความ และพิจารณาหลักฐานที่มากระบวนการศึกษา และจะทำการให้ความเห็นว่า จะไม่รับ หรือรับ แต่มีเงื่อนไข ประเด็นต้องแก้ไขใหญ่ หรือเล็ก หรือต้องมีการทำการทดลองใหม่ในบางส่วนหรือไม่
    วารสารที่มีชื่อเหล่านี้จะถูกนำไปอ้างอิงในวงวิชาการต่างๆทำให้รับรู้กันทั่วไป

    ในการส่งบทความเพื่อ ไปตีพิมพ์ในวารสารนั้น
    ผู้วิจัยจะต้องประกาศว่ามีผลประโยชน์ใดหรือไม่อย่างไร กับ บริษัทผลิตภัณฑ์ ยา วัคซีน รวมทั้งได้ค่าตอบแทนในรูปลักษณะใด ไม่ว่าจะเป็นที่ปรึกษา รับเงิน หรือสิ่งตอบแทน รวมค่าเดินทางค่าที่พัก เวลาไปบรรยายในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นๆ และเชื่อมโยงมาถึงการใช้ผลิตภัณฑ์หรือวัคซีนเป็นต้น

    แต่กรรมการผู้พิจารณา กลับไม่ต้องมีการแจงรายละเอียดชัดเจน เหล่านี้อาจมีเพียงแต่ว่า มีประเด็นที่ขัดแย้ง กับผู้ส่งบทความหรือผู้ทำวิจัย หรือไม่ หรือทำวิจัยในเรื่องเดียวกัน ที่อาจจะเป็นการนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ส่วนตนได้

    บทความนี้ที่ตีพิมพ์ในวารสารสมาคมแพทย์อเมริกัน (journal of American Medical Association JAMA) วันที่ 10 ตุลาคม 2024 ได้รายงานถึงหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับกรรมการผู้พิจารณาบทความ (reviewers) ว่า แท้จริงแล้ว เกินครึ่งของบุคคลกรรมการเหล่านี้ ต่างได้รับเงินสนับสนุนในการศึกษาวิจัย หรือเงินสนับสนุนในด้านผลิตภัณฑ์เครื่องมือ ต่างๆ จากบริษัทที่ตรงมาเข้าบุคคลนั้น หรือที่เข้ามายังบุคคลนั้น และสถาบันที่บุคคลนั้นอยู่

    และเป็นประเด็นที่ตั้งคำถามถึง ความเที่ยงตรง integrity และ ความมีอิสระเที่ยงตรงในการตัดสิน ในการที่จะไม่รับ หรือรับตีพิมพ์บทความที่ส่งเข้ามา

    และหลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์ จากหลายสถาบัน ในต่างประเทศ รวมทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และอังกฤษ ต่างให้ข้อมูลที่ตนเองประสบและถ่ายทอดในสื่อต่างๆโดยเฉพาะที่ประสบในช่วงโควิด
    ที่เกี่ยวข้องกับการไม่ให้ลงตีพิมพ์ การใช้ยาบางตัว ที่มีการทดสอบแล้วว่าได้ผลทั้งๆที่ราคาถูก เข้าถึงได้ และจนกระทั่งถึงงานที่ตีพิมพ์ไปแล้วแต่บรรณาธิการถอดออก และ ที่สำคัญก็คือเรื่องผลกระทบของวัคซีนที่ ถึงชีวิตหรือพิการ
    วารสารที่ถูกเปิดเผยเรื่องเหล่านี้ ที่กรรมการพิจารณาบทความได้รับเงินสนับสนุน ต่างก็เป็นวารสารชั้นนำ เช่น British Medical journal Lancet New England journal เป็นต้น
    โดยมูลค่าของเงินสนับสนุนเหล่านี้มีจำนวนมากกว่า 1,000,000,000 เหรียญสหรัฐ

    สูตรสำเร็จ เช่น เมื่อมีการพูด ผลกระทบของวัคซีน จะมีกลุ่มที่ออกมาวิจารณ์ว่า ไม่ได้ลงตีพิมพ์ในวารสารชั้นดี หรือตีพิมพ์ไปแล้วแต่บรรณาธิการสั่งถอดออกแสดงว่า เชื่อถือไม่ได้

    แม้กระทั่ง บทความเรื่องโรคคล้ายวัวบ้าในมนุษย์หลังได้รับวัคซีนโควิดไปภายในช่วงสองสัปดาห์และเสียชีวิตภายในเวลาห้าเดือน จากคณะ ชองProf Luc Montagnier ซึ่งได้รับ รางวัล โนเบล จากการค้นพบไวรัสเอดส์ ถูกไม่รับพิจารณาในวารสาร จนกระทั่งตีพิมพ์ในวรสารในระดับรองลงมาและข้อมูลหลักฐานประกอบในบทความเป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่คงเลือกได้ว่าน่าตื่นเต้นและประทับใจในการค้นพบและเชื่อมโยงการเกิดโรคคล้ายวัวบ้าในมนุษย์กับวัคซีนได้อย่างชัดเจน

    https://jamanetwork.com/journals/jama/article-abstract/2824834?utm_source=substack&utm_medium=email

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต

    เชื่อถือได้หรือ? “หมอธีระวัฒน์” เผยวารสารการแพทย์ชื่อดังปล่อย กก.พิจารณาบทความรับผลประโยชน์จากบริษัทยา https://mgronline.com/qol/detail/9670000100753





    Two years ago, we discussed the lack of evidence supporting the idea that peer review improves the quality of scientific research. 
    Peer review is meant to guarantee the publication of high-quality research and enhance the quality of published manuscripts. The process should involve independent experts evaluating and assessing research for its quality and reliability.
    However, a recent JAMA publication questions the integrity and independence of peer review. The research letter addresses the Payments by Drug and Medical Device Manufacturers to US Peer Reviewers of Major Medical Journals.
    The authors identified peer reviewers for The BMJ, JAMA, The Lancet, and The New England Journal of Medicine (NEJM) using each journal’s 2022 reviewer list. They then used a US Open payments database to identify whether reviewers had received industry payments.
    What did they find?
    Between 2020 and 2022, 1155/1962 peer reviewers (59%) received at least one industry payment. More than half (54%) accepted general payments, while 32% received research payments.
    Between 2020 and 2022, reviewers received over $1.2 billion in industry payments, including $1 billion to individuals or their institutions. Over the three years, the median general payment was $7,614.  
    What does this mean?
    Journals such as the BMJ pride themselves on their competing interest policy. Readers should know the author's competing interests if they publish an article. They ask reviewers to provide a fair, honest, and unbiased assessment of the manuscript's strengths and weaknesses. But how is that possible if you're on the payroll of pharma?
    Furthermore, no one can identify who is being paid as there is no central database like the US where you can look up who is paying who. The voluntary nature of the system means companies can often conceal payments. For example, the drug industry’s self-regulatory body reprimanded  Novo Nordisk for failing to disclose approximately 500 payments worth £7.8m to over 150 recipients between 2020 and 2022.
    This latest publication further enhances the status of peer review: it is broken.
    A system that dates back over 200 years persists because no one can be bothered to address its shortcomings, and too many journals make hefty profits out of its inadequacies to affect the status quo.
    THE JAMA authors consider that ‘additional research and transparency regarding industry payments in the peer review process are needed.” We think this will be another smokescreen to permit the current system to limp on. 
    Editorial peer reviews are largely untested; their effects are uncertain and tainted by industry influence. The system needs a radical overhaul which starts with abandoning the current journal system that sucks in vast amounts of cash and distorts the research agenda.
    The main reasons for the survival of a broken system are tied to the biomedical publication industry. For editors, peer review is a Kevlar shield, a sloping shoulders device - “it ain’t me guv” cop-out clause. For academic authors who have to climb the greasy pole, it’s a system that works both ways; for industry and all those who have to sell something, it’s a cheap advert chance. You only need to read our Antivirals series to understand how the system works and how the public was sold and continues to sell dummies. Rotten decision-makers only have to point to ghost-written trials in mega journals to justify their decisions.
    You only have to look at our recent Zum Zum posts to see the devastating effects of this broken system. Or look up the Comirnaty series, which was written without data published in journals—it was regulatory data, the closest we are ever going to get to reality.
    This post was written by two old geezers who have been peer-viewed and have peer-reviewed countless times.
    Consider becoming a paid subscriber to receive new posts and support our work.

    October 10, 2024
    Payments by Drug and Medical Device Manufacturers to US Peer Reviewers of Major Medical Journals
    David-Dan Nguyen, MDCM, MPH1,2; Anju Muramaya3,4; Anna-Lisa Nguyen, BHSc5; et al
    วารสารถูกตั้งคำถามว่ามีความเที่ยงตรงหรือไม่? ในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา วงการวิชาการ อาทิ แพทย์ วิทยาศาสตร์เป็นต้น จะให้ความเชื่อถือว่า บทความใดที่ตีพิมพ์ในวารสาร ที่เรียกว่า peer reviewed journal เป็นที่เชื่อถือได้ เพราะมีคณะกรรมการที่อ่าน บทความ และพิจารณาหลักฐานที่มากระบวนการศึกษา และจะทำการให้ความเห็นว่า จะไม่รับ หรือรับ แต่มีเงื่อนไข ประเด็นต้องแก้ไขใหญ่ หรือเล็ก หรือต้องมีการทำการทดลองใหม่ในบางส่วนหรือไม่ วารสารที่มีชื่อเหล่านี้จะถูกนำไปอ้างอิงในวงวิชาการต่างๆทำให้รับรู้กันทั่วไป ในการส่งบทความเพื่อ ไปตีพิมพ์ในวารสารนั้น ผู้วิจัยจะต้องประกาศว่ามีผลประโยชน์ใดหรือไม่อย่างไร กับ บริษัทผลิตภัณฑ์ ยา วัคซีน รวมทั้งได้ค่าตอบแทนในรูปลักษณะใด ไม่ว่าจะเป็นที่ปรึกษา รับเงิน หรือสิ่งตอบแทน รวมค่าเดินทางค่าที่พัก เวลาไปบรรยายในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นๆ และเชื่อมโยงมาถึงการใช้ผลิตภัณฑ์หรือวัคซีนเป็นต้น แต่กรรมการผู้พิจารณา กลับไม่ต้องมีการแจงรายละเอียดชัดเจน เหล่านี้อาจมีเพียงแต่ว่า มีประเด็นที่ขัดแย้ง กับผู้ส่งบทความหรือผู้ทำวิจัย หรือไม่ หรือทำวิจัยในเรื่องเดียวกัน ที่อาจจะเป็นการนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ส่วนตนได้ บทความนี้ที่ตีพิมพ์ในวารสารสมาคมแพทย์อเมริกัน (journal of American Medical Association JAMA) วันที่ 10 ตุลาคม 2024 ได้รายงานถึงหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับกรรมการผู้พิจารณาบทความ (reviewers) ว่า แท้จริงแล้ว เกินครึ่งของบุคคลกรรมการเหล่านี้ ต่างได้รับเงินสนับสนุนในการศึกษาวิจัย หรือเงินสนับสนุนในด้านผลิตภัณฑ์เครื่องมือ ต่างๆ จากบริษัทที่ตรงมาเข้าบุคคลนั้น หรือที่เข้ามายังบุคคลนั้น และสถาบันที่บุคคลนั้นอยู่ และเป็นประเด็นที่ตั้งคำถามถึง ความเที่ยงตรง integrity และ ความมีอิสระเที่ยงตรงในการตัดสิน ในการที่จะไม่รับ หรือรับตีพิมพ์บทความที่ส่งเข้ามา และหลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์ จากหลายสถาบัน ในต่างประเทศ รวมทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และอังกฤษ ต่างให้ข้อมูลที่ตนเองประสบและถ่ายทอดในสื่อต่างๆโดยเฉพาะที่ประสบในช่วงโควิด ที่เกี่ยวข้องกับการไม่ให้ลงตีพิมพ์ การใช้ยาบางตัว ที่มีการทดสอบแล้วว่าได้ผลทั้งๆที่ราคาถูก เข้าถึงได้ และจนกระทั่งถึงงานที่ตีพิมพ์ไปแล้วแต่บรรณาธิการถอดออก และ ที่สำคัญก็คือเรื่องผลกระทบของวัคซีนที่ ถึงชีวิตหรือพิการ วารสารที่ถูกเปิดเผยเรื่องเหล่านี้ ที่กรรมการพิจารณาบทความได้รับเงินสนับสนุน ต่างก็เป็นวารสารชั้นนำ เช่น British Medical journal Lancet New England journal เป็นต้น โดยมูลค่าของเงินสนับสนุนเหล่านี้มีจำนวนมากกว่า 1,000,000,000 เหรียญสหรัฐ สูตรสำเร็จ เช่น เมื่อมีการพูด ผลกระทบของวัคซีน จะมีกลุ่มที่ออกมาวิจารณ์ว่า ไม่ได้ลงตีพิมพ์ในวารสารชั้นดี หรือตีพิมพ์ไปแล้วแต่บรรณาธิการสั่งถอดออกแสดงว่า เชื่อถือไม่ได้ แม้กระทั่ง บทความเรื่องโรคคล้ายวัวบ้าในมนุษย์หลังได้รับวัคซีนโควิดไปภายในช่วงสองสัปดาห์และเสียชีวิตภายในเวลาห้าเดือน จากคณะ ชองProf Luc Montagnier ซึ่งได้รับ รางวัล โนเบล จากการค้นพบไวรัสเอดส์ ถูกไม่รับพิจารณาในวารสาร จนกระทั่งตีพิมพ์ในวรสารในระดับรองลงมาและข้อมูลหลักฐานประกอบในบทความเป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่คงเลือกได้ว่าน่าตื่นเต้นและประทับใจในการค้นพบและเชื่อมโยงการเกิดโรคคล้ายวัวบ้าในมนุษย์กับวัคซีนได้อย่างชัดเจน https://jamanetwork.com/journals/jama/article-abstract/2824834?utm_source=substack&utm_medium=email ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เชื่อถือได้หรือ? “หมอธีระวัฒน์” เผยวารสารการแพทย์ชื่อดังปล่อย กก.พิจารณาบทความรับผลประโยชน์จากบริษัทยา https://mgronline.com/qol/detail/9670000100753 Two years ago, we discussed the lack of evidence supporting the idea that peer review improves the quality of scientific research.  Peer review is meant to guarantee the publication of high-quality research and enhance the quality of published manuscripts. The process should involve independent experts evaluating and assessing research for its quality and reliability. However, a recent JAMA publication questions the integrity and independence of peer review. The research letter addresses the Payments by Drug and Medical Device Manufacturers to US Peer Reviewers of Major Medical Journals. The authors identified peer reviewers for The BMJ, JAMA, The Lancet, and The New England Journal of Medicine (NEJM) using each journal’s 2022 reviewer list. They then used a US Open payments database to identify whether reviewers had received industry payments. What did they find? Between 2020 and 2022, 1155/1962 peer reviewers (59%) received at least one industry payment. More than half (54%) accepted general payments, while 32% received research payments. Between 2020 and 2022, reviewers received over $1.2 billion in industry payments, including $1 billion to individuals or their institutions. Over the three years, the median general payment was $7,614.   What does this mean? Journals such as the BMJ pride themselves on their competing interest policy. Readers should know the author's competing interests if they publish an article. They ask reviewers to provide a fair, honest, and unbiased assessment of the manuscript's strengths and weaknesses. But how is that possible if you're on the payroll of pharma? Furthermore, no one can identify who is being paid as there is no central database like the US where you can look up who is paying who. The voluntary nature of the system means companies can often conceal payments. For example, the drug industry’s self-regulatory body reprimanded  Novo Nordisk for failing to disclose approximately 500 payments worth £7.8m to over 150 recipients between 2020 and 2022. This latest publication further enhances the status of peer review: it is broken. A system that dates back over 200 years persists because no one can be bothered to address its shortcomings, and too many journals make hefty profits out of its inadequacies to affect the status quo. THE JAMA authors consider that ‘additional research and transparency regarding industry payments in the peer review process are needed.” We think this will be another smokescreen to permit the current system to limp on.  Editorial peer reviews are largely untested; their effects are uncertain and tainted by industry influence. The system needs a radical overhaul which starts with abandoning the current journal system that sucks in vast amounts of cash and distorts the research agenda. The main reasons for the survival of a broken system are tied to the biomedical publication industry. For editors, peer review is a Kevlar shield, a sloping shoulders device - “it ain’t me guv” cop-out clause. For academic authors who have to climb the greasy pole, it’s a system that works both ways; for industry and all those who have to sell something, it’s a cheap advert chance. You only need to read our Antivirals series to understand how the system works and how the public was sold and continues to sell dummies. Rotten decision-makers only have to point to ghost-written trials in mega journals to justify their decisions. You only have to look at our recent Zum Zum posts to see the devastating effects of this broken system. Or look up the Comirnaty series, which was written without data published in journals—it was regulatory data, the closest we are ever going to get to reality. This post was written by two old geezers who have been peer-viewed and have peer-reviewed countless times. Consider becoming a paid subscriber to receive new posts and support our work. October 10, 2024 Payments by Drug and Medical Device Manufacturers to US Peer Reviewers of Major Medical Journals David-Dan Nguyen, MDCM, MPH1,2; Anju Muramaya3,4; Anna-Lisa Nguyen, BHSc5; et al
    JAMANETWORK.COM
    Payments by Drug and Medical Device Manufacturers to US Peer Reviewers of Major Medical Journals
    This study characterizes payments by drug and medical device manufacturers to US peer reviewers of major medical journals.
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 381 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมไทย ได้ให้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่20ตุลาคมนี้ ให้ข้อมูลความรู้ปรากฏการณ์เมฆระเบิด กรณีอุทกภัยจากฝนตกหนักที่พื้นที่อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เนื้อหาดังต่อไปนี้

    เมฆระเบิด(Cloudburst) ทำให้เกิดฝนกระ หน่ำ(RainBomb)หนัก จะเกิดขึ้นบ่อยที่ประเทศไทยในทุกฤดูฝน

    1.กรณีที่เกิดฝนตกอย่างหนัก4ชั่วโมงริมเชิงเขา เกิดน้ำป่าไหลหลากน้ำท่วมหนักในพื้นที่อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เกิดความเสียหายมหาศาลอาจเกิดมาจากปรากฎการณ์ CloudburstและRain Bomb

    2 สภาวะการเกิดเมฆระเบิด (Cloudburst)
    ส่วนใหญ่เกิดในพื้นที่ใกล้เชิงเขาในกรณีที่อากาศบนพื้นดินและอากาศบนยอดเขามีอุณหภูมิที่แตกต่างกันค่อนข้างมากทำให้อากาศร้อนหรือมวลความกดอากาศต่ำที่อยู่ใกล้เชิงเขาจะพัดเคลื่อนที่ขึ้นในแนวดิ่งไปยังยอดเขาซึ่งมีอากาศเย็นกว่าอย่างกะ ทันหัน ทำให้สภาพภูมิอากาศใกล้พื้นโลกเย็นลงอย่างรวดเร็ว เกิดความชื้นสัมพัทธ์สูงขึ้นและความชื้นรวมตัวกันเป็นเมฆฝนมากขึ้น นอกจากนี้ลมที่พัดในแนวราบได้พัดพานำเมฆที่กระจัดกระจายมารวมกันอยู่ที่เชิงเขารวมตัวกันเป็นเมฆก้อนใหญ่ที่มีความชื้นสูง เมื่อมีมวลอากาศเย็นจากมหา สมุทรพัดหรือจากแผ่นดินใหญ่พัดเข้ามาปะทะจึงทำให้เกิดปรากฎการณ์เมฆระเบิดเกิดการกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ และกลายเป็นฝนที่ตกลงมากระหน่ำหรือRain Bombทำอาจให้เกิดน้ำท่วมอย่างกะทันหันได้

    3.จากนี้เป็นต้นไปการเกิดเมฆระเบิด และการเกิดฝนตกกระหน่ำอย่างรุนแรงในพื้น ที่ใดพื้นที่หนึ่ง จะเกิดขึ้นบ่อยมากขึ้นโดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีลักษณะภูมิประเทศต่างกันเช่น เป็นภูเขาสูงที่มีป่าไม้หนาแน่นหรือในเมืองที่มีตึกและอาคารค่อนข้างสูงจะทำ ให้อุณหภูมิระหว่างพื้นดินกับระดับความสูงขึ้นไปเกิดความแตกต่างกันมากขึ้น การเกิดปรากฎการณ์ดังกล่าวจะคาดการณ์ได้ค่อนข้างยากเนื่องจากภาวะโลกร้อนที่รุน แรงขึ้นทำให้เกิดอากาศแปรปรวนและทำ ให้น้ำในมหาสมุทรและทะเลระเหยขึ้นไปรวมกันเป็นความชื้นในอากาศมากกว่าปรก ติ นอกจากนี้ยังทำให้อุณหภูมิเกิดความแตกต่างกันมากขึ้นระหว่างระดับพื้นดินและระดับที่สูงขึ้นไป ดังนั้นการเกิดสภาวะเมฆระเบิดและฝนตกกระหน่ำจึงคาดเดาได้ยากแต่มักจะเกิดในช่วงที่มีร่องมรสุมความกดอากาศต่ำพัดผ่านและช่วงที่มวล อากาศเย็นพัดจากแผ่นดินใหญ่หรือทะเลมหาสมุทรมาปะทะ

    4. คาดว่าช่วงเดือนพฤศจิกายนมวลความกดอากาศสูงหรืออากาศเย็นจากแผ่นดินใหญ่จะพัดลงมารุนแรงมากขึ้นและร่องมร สุมจะเคลื่อนที่ลงสู่ภาคใต้ตอนล่างจะทำ ให้ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดลดน้อลง..แต่มวลอากาศเย็นที่แผ่ลงมาซึ่งเป็นความกดอากาศสูงจะกดทับอากาศบนพื้นโลกไว้ ทำให้การระบายอากาศ จากแหล่งกำเนิดมลพิษต่างๆบนพื้นโลกในแนวดิ่งจะระบายได้น้อยลง ..ฝุ่น PM2.5 จะเริ่มกลับมา..

    ที่มา https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid02PiJQCYxCAuMQ8nxg2gUkukfixV5TA7Zz4iC2SQShyvBeXdgwH5bK8JVqpUqefBQUl&id=100000260097650

    #Thaitimes
    ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมไทย ได้ให้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่20ตุลาคมนี้ ให้ข้อมูลความรู้ปรากฏการณ์เมฆระเบิด กรณีอุทกภัยจากฝนตกหนักที่พื้นที่อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เนื้อหาดังต่อไปนี้ เมฆระเบิด(Cloudburst) ทำให้เกิดฝนกระ หน่ำ(RainBomb)หนัก จะเกิดขึ้นบ่อยที่ประเทศไทยในทุกฤดูฝน 1.กรณีที่เกิดฝนตกอย่างหนัก4ชั่วโมงริมเชิงเขา เกิดน้ำป่าไหลหลากน้ำท่วมหนักในพื้นที่อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เกิดความเสียหายมหาศาลอาจเกิดมาจากปรากฎการณ์ CloudburstและRain Bomb 2 สภาวะการเกิดเมฆระเบิด (Cloudburst) ส่วนใหญ่เกิดในพื้นที่ใกล้เชิงเขาในกรณีที่อากาศบนพื้นดินและอากาศบนยอดเขามีอุณหภูมิที่แตกต่างกันค่อนข้างมากทำให้อากาศร้อนหรือมวลความกดอากาศต่ำที่อยู่ใกล้เชิงเขาจะพัดเคลื่อนที่ขึ้นในแนวดิ่งไปยังยอดเขาซึ่งมีอากาศเย็นกว่าอย่างกะ ทันหัน ทำให้สภาพภูมิอากาศใกล้พื้นโลกเย็นลงอย่างรวดเร็ว เกิดความชื้นสัมพัทธ์สูงขึ้นและความชื้นรวมตัวกันเป็นเมฆฝนมากขึ้น นอกจากนี้ลมที่พัดในแนวราบได้พัดพานำเมฆที่กระจัดกระจายมารวมกันอยู่ที่เชิงเขารวมตัวกันเป็นเมฆก้อนใหญ่ที่มีความชื้นสูง เมื่อมีมวลอากาศเย็นจากมหา สมุทรพัดหรือจากแผ่นดินใหญ่พัดเข้ามาปะทะจึงทำให้เกิดปรากฎการณ์เมฆระเบิดเกิดการกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ และกลายเป็นฝนที่ตกลงมากระหน่ำหรือRain Bombทำอาจให้เกิดน้ำท่วมอย่างกะทันหันได้ 3.จากนี้เป็นต้นไปการเกิดเมฆระเบิด และการเกิดฝนตกกระหน่ำอย่างรุนแรงในพื้น ที่ใดพื้นที่หนึ่ง จะเกิดขึ้นบ่อยมากขึ้นโดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีลักษณะภูมิประเทศต่างกันเช่น เป็นภูเขาสูงที่มีป่าไม้หนาแน่นหรือในเมืองที่มีตึกและอาคารค่อนข้างสูงจะทำ ให้อุณหภูมิระหว่างพื้นดินกับระดับความสูงขึ้นไปเกิดความแตกต่างกันมากขึ้น การเกิดปรากฎการณ์ดังกล่าวจะคาดการณ์ได้ค่อนข้างยากเนื่องจากภาวะโลกร้อนที่รุน แรงขึ้นทำให้เกิดอากาศแปรปรวนและทำ ให้น้ำในมหาสมุทรและทะเลระเหยขึ้นไปรวมกันเป็นความชื้นในอากาศมากกว่าปรก ติ นอกจากนี้ยังทำให้อุณหภูมิเกิดความแตกต่างกันมากขึ้นระหว่างระดับพื้นดินและระดับที่สูงขึ้นไป ดังนั้นการเกิดสภาวะเมฆระเบิดและฝนตกกระหน่ำจึงคาดเดาได้ยากแต่มักจะเกิดในช่วงที่มีร่องมรสุมความกดอากาศต่ำพัดผ่านและช่วงที่มวล อากาศเย็นพัดจากแผ่นดินใหญ่หรือทะเลมหาสมุทรมาปะทะ 4. คาดว่าช่วงเดือนพฤศจิกายนมวลความกดอากาศสูงหรืออากาศเย็นจากแผ่นดินใหญ่จะพัดลงมารุนแรงมากขึ้นและร่องมร สุมจะเคลื่อนที่ลงสู่ภาคใต้ตอนล่างจะทำ ให้ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดลดน้อลง..แต่มวลอากาศเย็นที่แผ่ลงมาซึ่งเป็นความกดอากาศสูงจะกดทับอากาศบนพื้นโลกไว้ ทำให้การระบายอากาศ จากแหล่งกำเนิดมลพิษต่างๆบนพื้นโลกในแนวดิ่งจะระบายได้น้อยลง ..ฝุ่น PM2.5 จะเริ่มกลับมา.. ที่มา https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid02PiJQCYxCAuMQ8nxg2gUkukfixV5TA7Zz4iC2SQShyvBeXdgwH5bK8JVqpUqefBQUl&id=100000260097650 #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 306 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปัญหาไฟไหม้รถบัส ต้นตอจากนโยบายรัฐ เอื้อประโยชน์ทุนพลังงาน
    .
    หากจะมีประเด็นให้พูดถึงอยู่บ้างสำหรับกรณีรถบัสเพลิงไหม้ที่คร่าครูและเด็กนักเรียนไปมากกว่า 20 ชีวิต นอกเหนือไปจากเรื่องคดีความแล้วนั้นน่าจะเป็นมาตรกระบวนการล้อมคอกของหน่วยงานภาครัฐ ที่เวลาดูเหมือนว่ากำลังจะใกล้เป็นปรากฎการณ์ไฟไหม้ฟางมากขึ้นไปทุกที
    .
    โดยจากที่เคยขึงขังประกาศโรดแมปจัดระเบียบรถโดยสารขับเคลื่อนพลังก๊าซของ 'สุริยะจึงรุ่งเรืองกิจ' รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ปรากฎว่าความขึงขังที่เคยมีนั้นกำลังมีแนวโน้มไปสู่การหย่อนยานมากขึ้นตามลำดับ
    .
    อย่างไรก็ตาม แก่นแท้ของปัญหานี้ไม่ได้อยู่ที่ความประมาทของเจ้าของรถบัสต้นเหตุแต่เพียงฝ่ายเดียว แต่ด้านหนึ่งต้องยอมรับว่านโยบายของภาครัฐในภาพใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนให้รถโดยสารใช้ก๊าซ ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุของปัญหาไม่ต่างกัน โดยในเรื่องนี้มีการแสดงความคิดเห็นและให้แง่มุมมาจาก หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักวิชาการและกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ
    .
    โดยนักวิชาการด้านพลังงานรายนี้ เป็นคนแรกๆที่ออกมาฉายภาพของปัญหาผ่านเฟซบุ๊กตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาว่า เนื่องจากรัฐมุ่งโปรโมตขายก๊าซ NGV ใช้ในรถขนส่งผู้โดยสาร จนชะล่าใจ วางมาตรฐานความปลอดภัยต่ำ โดยเฉพาะมาตรฐานวาล์วที่หัวถังอันตรายมาก ดังนั้นการโยนความผิดให้เอกชนฝ่ายเดียวจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ก่อนอื่นเลยเราต้องเข้าใจว่า หลายประเทศในทวีปยุโรป นั้นใช้ก๊าซในยานยนต์มานานก่อนประเทศไทย ได้มีบทเรียนและสร้างมาตรฐานยุโรป ที่เรียกว่า ECE R110 ซึ่งกำหนดว่า ยานพาหนะที่ติดก๊าซ NGV ทุกชนิด จะต้องใช้วาล์วที่ต้องปิดเปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า หรือที่เรียกว่า โซลินอยด์ วาล์ว และเมื่อเกิดเหตุก๊าซรั่ว หรือปิดเครื่องยนต์ หรือใช้น้ำมัน จะต้องปิดวาล์ทันทีแบบอัตโนมัติ ซึ่งช้าสุดต้องไม่เกิน 2 วินาที
    .
    มาตรฐานการติดตั้งก๊าซ LPG ในยานยนต์ของประเทศไทยนั้น ได้ปรากฏเป็นประกาศกรมขนส่งทางบก ลงประกาศราชกิจจานุเบกษามีมาตั้งแต่ วันที่ 17 ธันวาคม 2551 กำหนดให้รถที่ติดก๊าซ LPG ใช้ “ลิ้นปิดเปิดอัตโนมัติ” ที่หัวถัง หากก๊าซรั่วแม้แต่เพียงเล็กน้อย หากสลับใช้น้ำมัน และหากดับเครื่องยนต์ วาล์วโซลินอยด์จะปิดอัตโนมัติทันที แต่การติดก๊าซ NGV ในยานยนต์ของประเทศไทยนั้น กลับเป็นเรื่องแปลกประหลาด
    .
    เพราะได้มีการกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยต่ำกว่ายุโรป และต่ำกว่าก๊าซ LPG ด้วย คือ กำหนดให้ผู้ติดตั้งก๊าซ NGV ในยานยนต์เลือกได้ ว่าจะใช้วาล์วแบบไหนก็คือ จะเป็น “วาล์วแบบอัตโนมัติ” ก็ได้ หรือจะเป็น “วาล์วแบบใช้มือปิดเปิด” ก็ได้
    .
    "เมื่อกำหนดให้เลือกได้ว่าจะให้มีมาตรฐานความปลอดภัยปิดเปิดแก๊สอัตโนมัติตามแบบยุโรปก็ได้ หรือจะเป็นวาล์วที่ใช้มือปิดเปิดก็ได้ ผู้ติดตั้งก๊าซ NGV ในเมืองไทย ส่วนใหญ่จึงเลือก “วาล์วอัตโนมือ - ที่ใช้มือปิดเปิด” เกือบทั้งหมด เพราะ ถูกกว่า-ประหยัดกว่า และภาครัฐอนุญาตให้ทำอย่างนั้น" ประเด็นสำคัญที่หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ ชี้ให้เห็น
    .
    ไม่เพียงเท่านี้ นโยบายดังกล่าวยังได้มาซึ่งความอู้ฟู่อของปตท.อีกด้วยภายใต้แผนการขยายการใช้ NGV เพื่อเป็นทางเลือกเชื้อเพลิงในภาคขนส่งในปี 2548 ซึ่งเป็นช่วงเวลาของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ขณะนั้น โดยเป็นสารตั้งต้นที่นำมาซึ่งการส่งเสริมการใช้ก๊าซNGVครั้งใหญ่
    .
    โดยหม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ อธิบายในประเด็นนี้ว่า สามารถทำให้รัฐบาลมีมาตรการสั่งไปได้หลายกระทรวง รวมถึงมาตรการบังคับ ให้ยานยนต์ขนส่งมวลชน ให้มาติดก๊าซ NGV ให้หมด คือ แท็กซี่ในกรุงเทพ, รถให้บริการในสนามบินสุวรรณภูมิ, รถเมล์, รถบขส., รถตู้โดยสาร, รถบัส, รถเก็บขยะใน กทม., รถของหน่วยราชการ, รถของรัฐวิสากิจ ปตท. และรัฐบาลถึงขนาดประชาสัมพันธ์ว่า ก๊าซ NGV ทนความร้อนได้สูงกว่า ก๊าซลอยตัวขึ้นสูงจึงปลอดภัยกว่า ทำให้คนหลงเชื่อผิด ๆ และอยากติดก๊าซ NGV มากขึ้น
    .
    ไม่รู้เหมือนกันว่าข้อคิดเห็นของหม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ ซึ่งมีความน่าสนใจและชี้ให้เห็นถึงประเด็นปัญหานั้นจะไปถึงผู้มีอำนาจในรัฐบาลหรือไม่ในยามที่เรื่องนี้กำลังจะเลือนหายไปจากสังคม หรือบางทีอาจจะไปถึงโต๊ะของรัฐมนตรี แต่ก็ถูกโยนทิ้งเพราะมองว่าเป็นข้อเสนอจากคนของพรรคพลังประชารัฐที่เป็นคู่แข่งในทางการเมืองเท่านั้น
    ..............
    Sondhi X
    ปัญหาไฟไหม้รถบัส ต้นตอจากนโยบายรัฐ เอื้อประโยชน์ทุนพลังงาน . หากจะมีประเด็นให้พูดถึงอยู่บ้างสำหรับกรณีรถบัสเพลิงไหม้ที่คร่าครูและเด็กนักเรียนไปมากกว่า 20 ชีวิต นอกเหนือไปจากเรื่องคดีความแล้วนั้นน่าจะเป็นมาตรกระบวนการล้อมคอกของหน่วยงานภาครัฐ ที่เวลาดูเหมือนว่ากำลังจะใกล้เป็นปรากฎการณ์ไฟไหม้ฟางมากขึ้นไปทุกที . โดยจากที่เคยขึงขังประกาศโรดแมปจัดระเบียบรถโดยสารขับเคลื่อนพลังก๊าซของ 'สุริยะจึงรุ่งเรืองกิจ' รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ปรากฎว่าความขึงขังที่เคยมีนั้นกำลังมีแนวโน้มไปสู่การหย่อนยานมากขึ้นตามลำดับ . อย่างไรก็ตาม แก่นแท้ของปัญหานี้ไม่ได้อยู่ที่ความประมาทของเจ้าของรถบัสต้นเหตุแต่เพียงฝ่ายเดียว แต่ด้านหนึ่งต้องยอมรับว่านโยบายของภาครัฐในภาพใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนให้รถโดยสารใช้ก๊าซ ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุของปัญหาไม่ต่างกัน โดยในเรื่องนี้มีการแสดงความคิดเห็นและให้แง่มุมมาจาก หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักวิชาการและกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ . โดยนักวิชาการด้านพลังงานรายนี้ เป็นคนแรกๆที่ออกมาฉายภาพของปัญหาผ่านเฟซบุ๊กตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาว่า เนื่องจากรัฐมุ่งโปรโมตขายก๊าซ NGV ใช้ในรถขนส่งผู้โดยสาร จนชะล่าใจ วางมาตรฐานความปลอดภัยต่ำ โดยเฉพาะมาตรฐานวาล์วที่หัวถังอันตรายมาก ดังนั้นการโยนความผิดให้เอกชนฝ่ายเดียวจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ก่อนอื่นเลยเราต้องเข้าใจว่า หลายประเทศในทวีปยุโรป นั้นใช้ก๊าซในยานยนต์มานานก่อนประเทศไทย ได้มีบทเรียนและสร้างมาตรฐานยุโรป ที่เรียกว่า ECE R110 ซึ่งกำหนดว่า ยานพาหนะที่ติดก๊าซ NGV ทุกชนิด จะต้องใช้วาล์วที่ต้องปิดเปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า หรือที่เรียกว่า โซลินอยด์ วาล์ว และเมื่อเกิดเหตุก๊าซรั่ว หรือปิดเครื่องยนต์ หรือใช้น้ำมัน จะต้องปิดวาล์ทันทีแบบอัตโนมัติ ซึ่งช้าสุดต้องไม่เกิน 2 วินาที . มาตรฐานการติดตั้งก๊าซ LPG ในยานยนต์ของประเทศไทยนั้น ได้ปรากฏเป็นประกาศกรมขนส่งทางบก ลงประกาศราชกิจจานุเบกษามีมาตั้งแต่ วันที่ 17 ธันวาคม 2551 กำหนดให้รถที่ติดก๊าซ LPG ใช้ “ลิ้นปิดเปิดอัตโนมัติ” ที่หัวถัง หากก๊าซรั่วแม้แต่เพียงเล็กน้อย หากสลับใช้น้ำมัน และหากดับเครื่องยนต์ วาล์วโซลินอยด์จะปิดอัตโนมัติทันที แต่การติดก๊าซ NGV ในยานยนต์ของประเทศไทยนั้น กลับเป็นเรื่องแปลกประหลาด . เพราะได้มีการกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยต่ำกว่ายุโรป และต่ำกว่าก๊าซ LPG ด้วย คือ กำหนดให้ผู้ติดตั้งก๊าซ NGV ในยานยนต์เลือกได้ ว่าจะใช้วาล์วแบบไหนก็คือ จะเป็น “วาล์วแบบอัตโนมัติ” ก็ได้ หรือจะเป็น “วาล์วแบบใช้มือปิดเปิด” ก็ได้ . "เมื่อกำหนดให้เลือกได้ว่าจะให้มีมาตรฐานความปลอดภัยปิดเปิดแก๊สอัตโนมัติตามแบบยุโรปก็ได้ หรือจะเป็นวาล์วที่ใช้มือปิดเปิดก็ได้ ผู้ติดตั้งก๊าซ NGV ในเมืองไทย ส่วนใหญ่จึงเลือก “วาล์วอัตโนมือ - ที่ใช้มือปิดเปิด” เกือบทั้งหมด เพราะ ถูกกว่า-ประหยัดกว่า และภาครัฐอนุญาตให้ทำอย่างนั้น" ประเด็นสำคัญที่หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ ชี้ให้เห็น . ไม่เพียงเท่านี้ นโยบายดังกล่าวยังได้มาซึ่งความอู้ฟู่อของปตท.อีกด้วยภายใต้แผนการขยายการใช้ NGV เพื่อเป็นทางเลือกเชื้อเพลิงในภาคขนส่งในปี 2548 ซึ่งเป็นช่วงเวลาของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ขณะนั้น โดยเป็นสารตั้งต้นที่นำมาซึ่งการส่งเสริมการใช้ก๊าซNGVครั้งใหญ่ . โดยหม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ อธิบายในประเด็นนี้ว่า สามารถทำให้รัฐบาลมีมาตรการสั่งไปได้หลายกระทรวง รวมถึงมาตรการบังคับ ให้ยานยนต์ขนส่งมวลชน ให้มาติดก๊าซ NGV ให้หมด คือ แท็กซี่ในกรุงเทพ, รถให้บริการในสนามบินสุวรรณภูมิ, รถเมล์, รถบขส., รถตู้โดยสาร, รถบัส, รถเก็บขยะใน กทม., รถของหน่วยราชการ, รถของรัฐวิสากิจ ปตท. และรัฐบาลถึงขนาดประชาสัมพันธ์ว่า ก๊าซ NGV ทนความร้อนได้สูงกว่า ก๊าซลอยตัวขึ้นสูงจึงปลอดภัยกว่า ทำให้คนหลงเชื่อผิด ๆ และอยากติดก๊าซ NGV มากขึ้น . ไม่รู้เหมือนกันว่าข้อคิดเห็นของหม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ ซึ่งมีความน่าสนใจและชี้ให้เห็นถึงประเด็นปัญหานั้นจะไปถึงผู้มีอำนาจในรัฐบาลหรือไม่ในยามที่เรื่องนี้กำลังจะเลือนหายไปจากสังคม หรือบางทีอาจจะไปถึงโต๊ะของรัฐมนตรี แต่ก็ถูกโยนทิ้งเพราะมองว่าเป็นข้อเสนอจากคนของพรรคพลังประชารัฐที่เป็นคู่แข่งในทางการเมืองเท่านั้น .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 651 มุมมอง 0 รีวิว
  • จุดต้นตอรถบัสมรณะ คมนาคม-ขนส่งแก้ไม่ถูกจุด
    .
    ที่นี่จะเป็นที่แรกที่อธิบายเบื้องหน้าเบื้องหลังจริงๆว่าต้นเหตุจริงๆ มาจากไหน ? หลังจากรถบัสคันเกิดเหตุ เจ้าของชื่อ ชินบุตรทัวร์ จังหวัดสิงห์บุรี เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานไปตรวจสอบ พบว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้เพลิงลุกไหม้ เพราะว่าแก๊ส NGV รั่วไหลบริเวณส่วนหน้าของรถคันนี้ ที่ติดถังแก๊สถึง 11 ถัง เกินไปจากใบอนุญาตจากกรมการขนส่งฯ กะว่าวิ่งยาวโดยไม่ต้องเติมแก๊ส และตรงประตูฉุกเฉินท้ายรถด้านซ้ายเปิดไม่ได้ นี่คือความหละหลวมฉ้อฉลของกรมการขนส่งทางบก ที่ไม่ตรวจสอบอย่างละเอียด
    .
    เมื่อ 4 ตุลาคม ที่ผ่านมา คุณจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบกที่ได้รับต่ออายุราชการอีก 1 ปี ออกประกาศลงราชกิจจานุเบกษาว่า ให้รถขนส่งผู้โดยสารที่ติดก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือ LPG และก๊าซธรรมชาติอัดหรือ NGV เข้ารับการตรวจสภาพใหม่ให้เสร็จสิ้นภายใน 30 พฤศจิกายน 2567
    .
    ประกาศฉบับนี้ไม่เพียงพอต่อการแก้ปัญหา มันเป็นมาตรการเฉพาะหน้า เพราะต่อให้ทำตามมาตรฐานของกรมการขนส่งทางบก อุบัติเหตุก็ยังเกิดขึ้นอยู่ เพราะว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกจุด หัวขบวนอย่างคุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และอธิบดีกรมการขนส่งทางบก จะไม่รับผิดชอบอะไรเลยหรือ หรือมัวแต่หมกมุ่นกับโครงการแสนล้านอยู่ ไม่มีเวลามาดูแลเรื่องที่มันส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชน
    .
    ทำไมประเทศไทยถึงมีความถี่การเกิดไฟไหม้รถ ยานยนต์ บ่อยครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอด 16 ปีที่ผ่านมา แตกต่างจากประเทศที่รถเขาติดแก๊สกันทั่วโลกเลย ปัญหานี้คือปัญหาเส้นผมบังภูเขา ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวันนี้มันเกิดขึ้นจากภาครัฐ ระยำตำบอนมาก
    .
    หม่อมกรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักวิชาการ และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เป็นคนออกมาโพสต์ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2567 สรุปสาระสำคัญได้ว่า ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเพราะว่ารัฐมุ่งโปรโมตขายแก๊ส NGV ใช้ในรถขนส่งผู้โดยสารจนชะล่าใจ ลดมาตรฐานความปลอดภัยต่ำ โดยเฉพาะมาตรฐานวาล์วที่หัวถัง อันตรายมาก เพราะฉะนั้นแล้ว การโยนความผิดให้เอกชนฝ่ายเดียวนั้น ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้
    .
    19 ปีที่แล้ว ในปีนั้น เป็นยุครัฐบาลชุดทักษิณ ชินวัตรที่สนับสนุนบังคับยานยนต์ขนส่งมวลชนใช้ NGV ในมาตรการการลงทุนท่อแก๊ส สถานี NGV มาตรการลดภาษีอุปกรณ์ มาตรการเงินกู้ มาตรการขายราคาต่ำช่วงแรก แต่ค่าถัง อุปกรณ์ แพงกว่า LPG มากก็เลยทำให้มีการลดมาตรฐานความปลอดภัยตามประกาศกรมขนส่ง29มกราคม2551 แล้วก็มาระเบิดในยุคทักษิณ ชินวัตร อีกเช่นกัน มันช่างบังเอิญเสียเช่นนี้

    การตัดสินใจของ มาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) คือตัวการ และกรมการขนส่งทางบก กับ ปตท. เท่ากับเป็นการถอยออกจากมาตรฐานยุโรปECE R110ที่กำหนดไว้ว่า ยานพาหนะที่ติดแก๊ส NGV ทุกชนิด จะต้องใช้วาล์วที่ปิดและเปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า เขาเรียกวาล์วนี้ว่า โซลินอยด์วาล์ว (Solenoid Valve) หรือ มาตรฐาน มอก. 2333 มาเป็นการลดต้นทุนในการติดตั้งแก๊ส NGV บนมาตรฐานความไม่ปลอดภัยต่อผู้โดยสารจะเลือกวาล์วลิ้นเปิด-ปิดด้วยมือ หรือแบบอัตโนมัติก็ได้ เป็นการโปรโมตการใช้แก๊ส NGV โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของชีวิตประชาชน
    .
    หวังเพียงแต่ว่าภาคการขนส่งไม่ต้องมาแย่งแก๊ส LPG แล้วให้ไปใช้แก๊ส NGV มากขึ้น เพื่ออะไร ? เพื่อให้อุตสาหกรรมปิโตรเคมิคัลใน ปตท. จะได้รวยขึ้น ทำให้ผู้ถือหุ้นใน ปตท. ซึ่งยุคนั้นเป็นคนของทักษิณทั้งสิ้น ร่ำรวยมากขึ้น
    .
    ถ้าเรามีวาล์วปิด-เปิดอัตโนมัติ เด็กที่เสียชีวิตไปและครูคงไม่เสียชีวิตแบบนี้ พ่อแม่พี่น้อง ญาติพี่น้องของคนที่ตาย ให้รับทราบว่าลูกๆ คุณเสียชีวิตไปเพราะกรมการขนส่งทางบก มอก. และ ปตท. ยุคนั้น เห็นแก่เงิน แค่พวงหรีดไม่กี่พวงหรืออย่างไร แล้วแค่ตั้งกรรมการสอบหรืออย่างไร หรือว่าคุณสุริยะมัวแต่หมกมุ่นกับโครงการแสนล้านอยู่ ไม่มีเวลามาดูแลเรื่องที่มันส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชน แต่หลักการของการแก้ที่ถูกต้องมันไม่ทำอะไรเลย ท่านผู้ชมครับ นี่ล่ะคือ "ความจริงที่มีหนึ่งเดียว" หาได้เฉพาะที่นี่
    จุดต้นตอรถบัสมรณะ คมนาคม-ขนส่งแก้ไม่ถูกจุด . ที่นี่จะเป็นที่แรกที่อธิบายเบื้องหน้าเบื้องหลังจริงๆว่าต้นเหตุจริงๆ มาจากไหน ? หลังจากรถบัสคันเกิดเหตุ เจ้าของชื่อ ชินบุตรทัวร์ จังหวัดสิงห์บุรี เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานไปตรวจสอบ พบว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้เพลิงลุกไหม้ เพราะว่าแก๊ส NGV รั่วไหลบริเวณส่วนหน้าของรถคันนี้ ที่ติดถังแก๊สถึง 11 ถัง เกินไปจากใบอนุญาตจากกรมการขนส่งฯ กะว่าวิ่งยาวโดยไม่ต้องเติมแก๊ส และตรงประตูฉุกเฉินท้ายรถด้านซ้ายเปิดไม่ได้ นี่คือความหละหลวมฉ้อฉลของกรมการขนส่งทางบก ที่ไม่ตรวจสอบอย่างละเอียด . เมื่อ 4 ตุลาคม ที่ผ่านมา คุณจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบกที่ได้รับต่ออายุราชการอีก 1 ปี ออกประกาศลงราชกิจจานุเบกษาว่า ให้รถขนส่งผู้โดยสารที่ติดก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือ LPG และก๊าซธรรมชาติอัดหรือ NGV เข้ารับการตรวจสภาพใหม่ให้เสร็จสิ้นภายใน 30 พฤศจิกายน 2567 . ประกาศฉบับนี้ไม่เพียงพอต่อการแก้ปัญหา มันเป็นมาตรการเฉพาะหน้า เพราะต่อให้ทำตามมาตรฐานของกรมการขนส่งทางบก อุบัติเหตุก็ยังเกิดขึ้นอยู่ เพราะว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกจุด หัวขบวนอย่างคุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และอธิบดีกรมการขนส่งทางบก จะไม่รับผิดชอบอะไรเลยหรือ หรือมัวแต่หมกมุ่นกับโครงการแสนล้านอยู่ ไม่มีเวลามาดูแลเรื่องที่มันส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชน . ทำไมประเทศไทยถึงมีความถี่การเกิดไฟไหม้รถ ยานยนต์ บ่อยครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอด 16 ปีที่ผ่านมา แตกต่างจากประเทศที่รถเขาติดแก๊สกันทั่วโลกเลย ปัญหานี้คือปัญหาเส้นผมบังภูเขา ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวันนี้มันเกิดขึ้นจากภาครัฐ ระยำตำบอนมาก . หม่อมกรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักวิชาการ และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เป็นคนออกมาโพสต์ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2567 สรุปสาระสำคัญได้ว่า ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเพราะว่ารัฐมุ่งโปรโมตขายแก๊ส NGV ใช้ในรถขนส่งผู้โดยสารจนชะล่าใจ ลดมาตรฐานความปลอดภัยต่ำ โดยเฉพาะมาตรฐานวาล์วที่หัวถัง อันตรายมาก เพราะฉะนั้นแล้ว การโยนความผิดให้เอกชนฝ่ายเดียวนั้น ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ . 19 ปีที่แล้ว ในปีนั้น เป็นยุครัฐบาลชุดทักษิณ ชินวัตรที่สนับสนุนบังคับยานยนต์ขนส่งมวลชนใช้ NGV ในมาตรการการลงทุนท่อแก๊ส สถานี NGV มาตรการลดภาษีอุปกรณ์ มาตรการเงินกู้ มาตรการขายราคาต่ำช่วงแรก แต่ค่าถัง อุปกรณ์ แพงกว่า LPG มากก็เลยทำให้มีการลดมาตรฐานความปลอดภัยตามประกาศกรมขนส่ง29มกราคม2551 แล้วก็มาระเบิดในยุคทักษิณ ชินวัตร อีกเช่นกัน มันช่างบังเอิญเสียเช่นนี้ การตัดสินใจของ มาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) คือตัวการ และกรมการขนส่งทางบก กับ ปตท. เท่ากับเป็นการถอยออกจากมาตรฐานยุโรปECE R110ที่กำหนดไว้ว่า ยานพาหนะที่ติดแก๊ส NGV ทุกชนิด จะต้องใช้วาล์วที่ปิดและเปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า เขาเรียกวาล์วนี้ว่า โซลินอยด์วาล์ว (Solenoid Valve) หรือ มาตรฐาน มอก. 2333 มาเป็นการลดต้นทุนในการติดตั้งแก๊ส NGV บนมาตรฐานความไม่ปลอดภัยต่อผู้โดยสารจะเลือกวาล์วลิ้นเปิด-ปิดด้วยมือ หรือแบบอัตโนมัติก็ได้ เป็นการโปรโมตการใช้แก๊ส NGV โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของชีวิตประชาชน . หวังเพียงแต่ว่าภาคการขนส่งไม่ต้องมาแย่งแก๊ส LPG แล้วให้ไปใช้แก๊ส NGV มากขึ้น เพื่ออะไร ? เพื่อให้อุตสาหกรรมปิโตรเคมิคัลใน ปตท. จะได้รวยขึ้น ทำให้ผู้ถือหุ้นใน ปตท. ซึ่งยุคนั้นเป็นคนของทักษิณทั้งสิ้น ร่ำรวยมากขึ้น . ถ้าเรามีวาล์วปิด-เปิดอัตโนมัติ เด็กที่เสียชีวิตไปและครูคงไม่เสียชีวิตแบบนี้ พ่อแม่พี่น้อง ญาติพี่น้องของคนที่ตาย ให้รับทราบว่าลูกๆ คุณเสียชีวิตไปเพราะกรมการขนส่งทางบก มอก. และ ปตท. ยุคนั้น เห็นแก่เงิน แค่พวงหรีดไม่กี่พวงหรืออย่างไร แล้วแค่ตั้งกรรมการสอบหรืออย่างไร หรือว่าคุณสุริยะมัวแต่หมกมุ่นกับโครงการแสนล้านอยู่ ไม่มีเวลามาดูแลเรื่องที่มันส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชน แต่หลักการของการแก้ที่ถูกต้องมันไม่ทำอะไรเลย ท่านผู้ชมครับ นี่ล่ะคือ "ความจริงที่มีหนึ่งเดียว" หาได้เฉพาะที่นี่
    Like
    Angry
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 655 มุมมอง 0 รีวิว
  • อินเดียเริ่มรู้แล้วว่าชาติไหนที่สร้างกลุ่มก่อการร้ายป่วนอินเดียและบังกลาเทศ:

    ตอนนี้ รัฐบาลอินเดียเริ่มรู้แล้วว่าชาตินักล่าอาณานิคมตะวันตกตัวยงแห่งยุคสร้างกลุ่มก่อการร้ายชื่อ Hizb-ut-Tahrir เพื่อป่วนอินเดียและบังกลาเทศ สร้างเสร็จแล้ว ก็ส่งสมาชิกที่พวกตนฝึกให้เข้าไปเป็นนักศึกษา จัดตั้งเครือข่ายภายในมหาวิทยาลัยต่างๆ ของประเทศที่เป็นเป้าหมายเพื่อสร้างและปลุกระดมมวลชน ให้นักศึกษาเหล่านีจัดกิจกรรมป่วนรัฐบาลเพื่อหาทางแบ่งแยกดินแดน

    ขณะนี้ ประเทศนักล่าอาณานิคมตัวยงกำลังอยากตั้งฐานทัพที่บังกลาเทศเพื่อปิดล้อมจีนฝั่งมหาสมุทรอินเดีย

    เมืองไทยก็เช่นกันครับ ผมสันนิษฐานมานานว่ากลุ่มก่อการร้าย BRN ก็น่าจะถูกชาตินักล่าอาณานิคมนี่แหละจัดตั้ง ภายใต้การบงการของกลุ่มยิวไซออนิสต์ ไม่ใช่มุสลิมแท้ เป็นกลุ่มก่อการร้ายที่สายลับชาตินักล่าอาณานิคมจัดตั้งขึ้นมา มุสลิมที่ปักหลักอยู่ในประเทศไทยมานาน กับกลุ่มมุสลิมที่อพยพเข้ามาใหม่สาย BRN จึงมีนิสัยแตกต่างกันมาก และพวกนี้ก็มี NGOs สายตะวันตกคอยช่วยเหลือด้วย

    โดยปรกติ รัฐบาลรัสเซีย เกาหลีเหนือ อิหร่านและจีนไม่ค่อยนิยมเจรจากับกลุ่มก่อการร้าย มีแต่กวาดล้างอย่างเดียว ในขณะที่กลุ่มชาตินักล่าอาณานิคมตะวันตก เน้นเจรจากับกลุ่มก่อการร้ายเพราะพวกตนเป็นคนสร้างกลุ่มก่อการร้ายขึ้นมาเอง จึงไม่ต้องการให้รัฐบาลไหนๆ ปราบอย่างเด็ดขาด จึงต้องเขียนตำราให้ใช้วิธีเจรจาแทน เพื่อมิให้กลุ่มก่อการร้ายถูกกวาดล้างโดยง่าย เห็นได้จากกลุ่มก่อการร้ายในประเทศอาฟริกาซึ่งปราบเท่าไหร่ก็ไม่หมดสักที รัฐบาลอาฟริกาหลายประเทศต้องให้รัสเซียส่งกลุ่มวากเนอร์มาช่วยปราบจึงหมดลงได้
    ประเทศไทยในขณะนี้ ผมสงสัยว่าสถานการณ์กำลังอยู่ในลักษณะว่า

    ๑. มีกลุ่มก่อการร้ายซึ่งผมสันนิษฐานว่าชาตินักล่าอาณานิคมตัวยงสร้างขึ้น ต่อหน้าสาธารณชนเป็นกลุ่มมุสลิมเทียมแต่เบื้องหลังคือกลุ่มก่อการร้าย

    ๒.มีนักวิชาการที่ปรึกษาความมั่นคงที่จบจากตะวันตกคอยให้คำแนะนำรัฐบาล เน้นเจรจากับกลุ่มก่อการร้ายแทนการปราบปราม

    ๓.มีรัฐบาลและทหารที่โปรตะวันตกใช้ตำราปราบกลุ่มก่อการร้ายแบบตะวันตกมาแก้ปัญหา กลุ่มก่อการร้ายในภาคใต้ก็เลยไม่หมดสักที

    หรือปล่าว? ผมแค่สันนิษฐานเอาจากแง่มุมหนึ่งนะครับ


    ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์

    อินเดียเริ่มรู้แล้วว่าชาติไหนที่สร้างกลุ่มก่อการร้ายป่วนอินเดียและบังกลาเทศ: ตอนนี้ รัฐบาลอินเดียเริ่มรู้แล้วว่าชาตินักล่าอาณานิคมตะวันตกตัวยงแห่งยุคสร้างกลุ่มก่อการร้ายชื่อ Hizb-ut-Tahrir เพื่อป่วนอินเดียและบังกลาเทศ สร้างเสร็จแล้ว ก็ส่งสมาชิกที่พวกตนฝึกให้เข้าไปเป็นนักศึกษา จัดตั้งเครือข่ายภายในมหาวิทยาลัยต่างๆ ของประเทศที่เป็นเป้าหมายเพื่อสร้างและปลุกระดมมวลชน ให้นักศึกษาเหล่านีจัดกิจกรรมป่วนรัฐบาลเพื่อหาทางแบ่งแยกดินแดน ขณะนี้ ประเทศนักล่าอาณานิคมตัวยงกำลังอยากตั้งฐานทัพที่บังกลาเทศเพื่อปิดล้อมจีนฝั่งมหาสมุทรอินเดีย เมืองไทยก็เช่นกันครับ ผมสันนิษฐานมานานว่ากลุ่มก่อการร้าย BRN ก็น่าจะถูกชาตินักล่าอาณานิคมนี่แหละจัดตั้ง ภายใต้การบงการของกลุ่มยิวไซออนิสต์ ไม่ใช่มุสลิมแท้ เป็นกลุ่มก่อการร้ายที่สายลับชาตินักล่าอาณานิคมจัดตั้งขึ้นมา มุสลิมที่ปักหลักอยู่ในประเทศไทยมานาน กับกลุ่มมุสลิมที่อพยพเข้ามาใหม่สาย BRN จึงมีนิสัยแตกต่างกันมาก และพวกนี้ก็มี NGOs สายตะวันตกคอยช่วยเหลือด้วย โดยปรกติ รัฐบาลรัสเซีย เกาหลีเหนือ อิหร่านและจีนไม่ค่อยนิยมเจรจากับกลุ่มก่อการร้าย มีแต่กวาดล้างอย่างเดียว ในขณะที่กลุ่มชาตินักล่าอาณานิคมตะวันตก เน้นเจรจากับกลุ่มก่อการร้ายเพราะพวกตนเป็นคนสร้างกลุ่มก่อการร้ายขึ้นมาเอง จึงไม่ต้องการให้รัฐบาลไหนๆ ปราบอย่างเด็ดขาด จึงต้องเขียนตำราให้ใช้วิธีเจรจาแทน เพื่อมิให้กลุ่มก่อการร้ายถูกกวาดล้างโดยง่าย เห็นได้จากกลุ่มก่อการร้ายในประเทศอาฟริกาซึ่งปราบเท่าไหร่ก็ไม่หมดสักที รัฐบาลอาฟริกาหลายประเทศต้องให้รัสเซียส่งกลุ่มวากเนอร์มาช่วยปราบจึงหมดลงได้ ประเทศไทยในขณะนี้ ผมสงสัยว่าสถานการณ์กำลังอยู่ในลักษณะว่า ๑. มีกลุ่มก่อการร้ายซึ่งผมสันนิษฐานว่าชาตินักล่าอาณานิคมตัวยงสร้างขึ้น ต่อหน้าสาธารณชนเป็นกลุ่มมุสลิมเทียมแต่เบื้องหลังคือกลุ่มก่อการร้าย ๒.มีนักวิชาการที่ปรึกษาความมั่นคงที่จบจากตะวันตกคอยให้คำแนะนำรัฐบาล เน้นเจรจากับกลุ่มก่อการร้ายแทนการปราบปราม ๓.มีรัฐบาลและทหารที่โปรตะวันตกใช้ตำราปราบกลุ่มก่อการร้ายแบบตะวันตกมาแก้ปัญหา กลุ่มก่อการร้ายในภาคใต้ก็เลยไม่หมดสักที หรือปล่าว? ผมแค่สันนิษฐานเอาจากแง่มุมหนึ่งนะครับ ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
  • พิธา หารายได้ด้วยการขา.ยลู.กกินอีกคน ผลิตหนังสือชื่อ "ลูกสาวผู้แทน" แต่เนื้อหาเป็นบันทึกของตัวเอง ผู้เพ้อฝันเป็นทุกตำแหน่งอันยิ่งใหญ่ แต่ไม่ได้เป็นสักตำแหน่ง จึงต้องปั้นเรื่องที่เชื่อมโยงลู.กสาวตัวเอง ก่อนที่เมิงจะเป็นหัวหน้าพรรค เป็นแคนดิเดทนายกฯ เป็นนักวิชาการฮ็อกวอต เมิงเป็นพ่อที่ดีของลู.กให้ได้ก่อนไ.อ้ทิม
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    พิธา หารายได้ด้วยการขา.ยลู.กกินอีกคน ผลิตหนังสือชื่อ "ลูกสาวผู้แทน" แต่เนื้อหาเป็นบันทึกของตัวเอง ผู้เพ้อฝันเป็นทุกตำแหน่งอันยิ่งใหญ่ แต่ไม่ได้เป็นสักตำแหน่ง จึงต้องปั้นเรื่องที่เชื่อมโยงลู.กสาวตัวเอง ก่อนที่เมิงจะเป็นหัวหน้าพรรค เป็นแคนดิเดทนายกฯ เป็นนักวิชาการฮ็อกวอต เมิงเป็นพ่อที่ดีของลู.กให้ได้ก่อนไ.อ้ทิม #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    Like
    Yay
    Wow
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 761 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันตกเฉียงใต้

    เดือนนี้ การเงินดีจะมีเงินทองเก่าเก็บที่หลงลืมไปแล้วจะกลับได้คืนมาให้ดีใจ ธุรกิจค้าขาย การทำงานจะมีการขยับขยาย ต้องแข่งขันขัดแย้งก่อนจึงจะพบประสบความสำเร็จได้ ส่งผลให้หน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า ที่ลุ้นตำแหน่งมานานจะได้ปรับเลื่อนขั้นเพิ่มเงินเดือน ส่วนนักวิชาการจะมีตำแหน่งหน้าที่ดี จะมีผู้มีบารมีช่วยเหลือให้ได้รับตำแหน่งใหม่ๆให้มีชื่อเสียง มีเรื่องมงคลงานชื่นชมสิริมงคลในบ้าน หรือลูกหลานที่ห่างหายไปนานจะกลับมาเยี่ยมเยียน หากขอพรจากองค์พระโพธิสัตย์กวนอิมปางอุ้มเด็กจะได้อภิชาตบุตรอยู่ในโอวาทแต่จะชอบเอาชนะ ก้าวร้าว อารมณ์ร้าย บุรุษจะปวดตา สตรีจะปวดที่ขา รู้สึกร้อนที่แขน ขา ควรใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกายที่ระบบประสาทและตับ
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ประตูเปิดทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เดือนนี้ การเงินดีจะมีเงินทองเก่าเก็บที่หลงลืมไปแล้วจะกลับได้คืนมาให้ดีใจ ธุรกิจค้าขาย การทำงานจะมีการขยับขยาย ต้องแข่งขันขัดแย้งก่อนจึงจะพบประสบความสำเร็จได้ ส่งผลให้หน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า ที่ลุ้นตำแหน่งมานานจะได้ปรับเลื่อนขั้นเพิ่มเงินเดือน ส่วนนักวิชาการจะมีตำแหน่งหน้าที่ดี จะมีผู้มีบารมีช่วยเหลือให้ได้รับตำแหน่งใหม่ๆให้มีชื่อเสียง มีเรื่องมงคลงานชื่นชมสิริมงคลในบ้าน หรือลูกหลานที่ห่างหายไปนานจะกลับมาเยี่ยมเยียน หากขอพรจากองค์พระโพธิสัตย์กวนอิมปางอุ้มเด็กจะได้อภิชาตบุตรอยู่ในโอวาทแต่จะชอบเอาชนะ ก้าวร้าว อารมณ์ร้าย บุรุษจะปวดตา สตรีจะปวดที่ขา รู้สึกร้อนที่แขน ขา ควรใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกายที่ระบบประสาทและตับ ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดร.กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Kittitouch Chaiprasith ระบุว่า…

    หากเราดูการพบกันของนายกรัฐมนตรีของไทย กับ ประธานาธิบดีของอิหร่านที่เกิดขึ้นวันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา เราจะพบ “ความประหลาด”

    ตรงที่นายกฯ ไทย พยายามพูดและอ่านข้อความ “ภาษาอังกฤษ” ในแท็บเล็ตตลอดทั้งการพบปะหารือ แต่ประธานาธิบดีอิหร่านกลับ “ไม่พูดภาษาอังกฤษ” แม้แต่คำเดียว

    ทั้งนี้เวลาที่เป็นเวทีสากล มีผู้นำประเทศหลากหลายชาติเข้าร่วม เขามักจะเลือกใช้ภาษากลางๆ เช่น ภาษาอังกฤษเป็นตัวสื่อสาร เพื่อจะไม่ได้ไม่ต้องแปลข้ามกันไปมาหลายชาติ

    แต่เวลาไปเจรจาหรือพบปะ หารือระหว่าง 2 ชาติ/ทวิภาคี (bilateral) การใช้ภาษาของตนและให้มีล่ามแปล เป็นข้อควรปฏิบัติที่ควรยึดถือ

    เช่น เมื่อผู้นำไทยจะคุยกับผู้นำอิหร่าน ก็คือเรื่องของ “ไทย-อิหร่าน” ภาษาที่ใช้คือ ภาษาไทยและภาษาเปอร์เซีย ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ เช่นเดียวกับที่ผู้นำจีนกับรัสเซียสนทนากัน ก็จะใช้ภาษาของตนและมีล่ามแปลให้

    การทำเช่นนี้คือ การแสดงถึง “ความเคารพ เกียรติ และศักดิ์ศรีของสองชาติ” ที่ไม่จำเป็นต้องมีภาษาของประเทศที่สาม ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการเจรจาเข้ามา (ส่วนในช่วงส่วนตัว/หลังไมค์ เขาจะคุยกันด้วยภาษาอะไร ก็ว่ากันไป)

    ดังนั้นสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นก็คือ

    – ผู้นำไทย ใช้ภาษาไทย มีล่ามแปลอิหร่าน
    – ผู้นำอิหร่าน ใช้ภาษาอิหร่าน/เปอร์เซีย มีล่ามแปลไทย (ซึ่งฝั่งอิหร่านเขาทำแบบนี้อยู่แล้ว)

    การพยายามคุยภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษาของชาติ “ศัตรูคู่อาฆาต” ที่รบกับอิหร่านตลอดให้ผู้นำอิหร่านฟัง ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นความประทับใจอะไรให้เขาเลย กลับกันเขาน่าจะมองตรงกันข้ามเสียด้วยซ้ำ…

    #Thaitimes
    ดร.กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Kittitouch Chaiprasith ระบุว่า… หากเราดูการพบกันของนายกรัฐมนตรีของไทย กับ ประธานาธิบดีของอิหร่านที่เกิดขึ้นวันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา เราจะพบ “ความประหลาด” ตรงที่นายกฯ ไทย พยายามพูดและอ่านข้อความ “ภาษาอังกฤษ” ในแท็บเล็ตตลอดทั้งการพบปะหารือ แต่ประธานาธิบดีอิหร่านกลับ “ไม่พูดภาษาอังกฤษ” แม้แต่คำเดียว ทั้งนี้เวลาที่เป็นเวทีสากล มีผู้นำประเทศหลากหลายชาติเข้าร่วม เขามักจะเลือกใช้ภาษากลางๆ เช่น ภาษาอังกฤษเป็นตัวสื่อสาร เพื่อจะไม่ได้ไม่ต้องแปลข้ามกันไปมาหลายชาติ แต่เวลาไปเจรจาหรือพบปะ หารือระหว่าง 2 ชาติ/ทวิภาคี (bilateral) การใช้ภาษาของตนและให้มีล่ามแปล เป็นข้อควรปฏิบัติที่ควรยึดถือ เช่น เมื่อผู้นำไทยจะคุยกับผู้นำอิหร่าน ก็คือเรื่องของ “ไทย-อิหร่าน” ภาษาที่ใช้คือ ภาษาไทยและภาษาเปอร์เซีย ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ เช่นเดียวกับที่ผู้นำจีนกับรัสเซียสนทนากัน ก็จะใช้ภาษาของตนและมีล่ามแปลให้ การทำเช่นนี้คือ การแสดงถึง “ความเคารพ เกียรติ และศักดิ์ศรีของสองชาติ” ที่ไม่จำเป็นต้องมีภาษาของประเทศที่สาม ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการเจรจาเข้ามา (ส่วนในช่วงส่วนตัว/หลังไมค์ เขาจะคุยกันด้วยภาษาอะไร ก็ว่ากันไป) ดังนั้นสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นก็คือ – ผู้นำไทย ใช้ภาษาไทย มีล่ามแปลอิหร่าน – ผู้นำอิหร่าน ใช้ภาษาอิหร่าน/เปอร์เซีย มีล่ามแปลไทย (ซึ่งฝั่งอิหร่านเขาทำแบบนี้อยู่แล้ว) การพยายามคุยภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษาของชาติ “ศัตรูคู่อาฆาต” ที่รบกับอิหร่านตลอดให้ผู้นำอิหร่านฟัง ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นความประทับใจอะไรให้เขาเลย กลับกันเขาน่าจะมองตรงกันข้ามเสียด้วยซ้ำ… #Thaitimes
    Like
    Love
    10
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 504 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใครมีข้อมูล ฝั่งทาง อ.ยักษ์บ้าง สมาคมท่าน&กลุ่มท่านพากันฉีดไปกี่เข็มแล้ว ท่านเอา อ.ยักษ์มาร่วมเปิดโปงวัคซีนด้วยคงจะดี เพราะภาคการเกษตรที่เครือข่ายท่านมีมากจะได้ทะลุทะลวงความจริง ปลุกคนเกษตรได้มาก แบบปากต่อปากก็ว่า ,อ.ยักษ์ ไม่น่าพูดถึงUN เอาโลกเดือดสร้างโกลาหลร่วมกับมัน เพราะมัน คือUNนี้ล่ะตัวปั่นตัวแทรกแซงทุกๆประเทศไปทั่ว เพื่อสร้างความวุ่นวายไปทั่วโลก โดยมีตระกูลรอธไชล์ดและร็อกกี้เฟลเลอร์ดองครอบครัวเดียวกันอยู่เบื้องหลังทั้งก่อตั้งUNเองและสนับสนุนการเงินสาระพัดก่อปั่นป่วนทั่วโลกไปทั่ว เกิดสงคราม อเมริกา&ฝรั่งก็ขายอาวุธกันสบายจนร่ำรวยโคตรๆก็ว่า บาดเจ็บก็ขายยาเคมีมันได้อีก ,อ.ยักษ์น่าจะถูก อ.ปานเทพ&อ.หมอต่างๆปลุกให้ตื่นมารู้ความจริงค่าจริงได้แล้ว อย่านำพาคนเกษตรไปฉีดวัคซีนอีกก็สุดยอดแล้ว,เรามีคนรับใช้ซาตานและทรยศ&กบฎมันก็มีเพื่อชาติไทยมาก่อน จนทรยศมัน ออกมาแฉพวกมันก็ว่า,ด้วยยังรักชาติรักแผ่นดินไทยคนไทยจึงออกมาแฉเป็นกบฎฝ่ายมืดๆพวกมัน,กลับตัวกลับใจเป็นคนดีก็ว่า,นักวิชาการทั่วไทยจะในวงการไหนๆปะปนสุมหัวรับงานเพื่อมุ่งต่อแผนลดประชากรไทยพึ่งสำนึกลดละเลิกเถิด กลับมายืนข้างสิ่งที่ดีงามถูกต้อง,เพราะฝ่ายขาวเขามีบิ๊กดาต้าข้อมูลทั้งหมดแล้ว ,อนาคตถูกเก็บกวาดไม่เหลือซากแน่นอน,อย่าคิดว่ามีแค่ฝ่ายมืดล้ำๆสไตล์มืดฝ่ายเดียวเน้อ,ฝ่ายขาวนั้นล้ำกว่ามาก เด็ดชีพตอนไหนได้หมด,รอจังหวะเวลาการสำนึกหรือไม่เท่านั้น.
    ใครมีข้อมูล ฝั่งทาง อ.ยักษ์บ้าง สมาคมท่าน&กลุ่มท่านพากันฉีดไปกี่เข็มแล้ว ท่านเอา อ.ยักษ์มาร่วมเปิดโปงวัคซีนด้วยคงจะดี เพราะภาคการเกษตรที่เครือข่ายท่านมีมากจะได้ทะลุทะลวงความจริง ปลุกคนเกษตรได้มาก แบบปากต่อปากก็ว่า ,อ.ยักษ์ ไม่น่าพูดถึงUN เอาโลกเดือดสร้างโกลาหลร่วมกับมัน เพราะมัน คือUNนี้ล่ะตัวปั่นตัวแทรกแซงทุกๆประเทศไปทั่ว เพื่อสร้างความวุ่นวายไปทั่วโลก โดยมีตระกูลรอธไชล์ดและร็อกกี้เฟลเลอร์ดองครอบครัวเดียวกันอยู่เบื้องหลังทั้งก่อตั้งUNเองและสนับสนุนการเงินสาระพัดก่อปั่นป่วนทั่วโลกไปทั่ว เกิดสงคราม อเมริกา&ฝรั่งก็ขายอาวุธกันสบายจนร่ำรวยโคตรๆก็ว่า บาดเจ็บก็ขายยาเคมีมันได้อีก ,อ.ยักษ์น่าจะถูก อ.ปานเทพ&อ.หมอต่างๆปลุกให้ตื่นมารู้ความจริงค่าจริงได้แล้ว อย่านำพาคนเกษตรไปฉีดวัคซีนอีกก็สุดยอดแล้ว,เรามีคนรับใช้ซาตานและทรยศ&กบฎมันก็มีเพื่อชาติไทยมาก่อน จนทรยศมัน ออกมาแฉพวกมันก็ว่า,ด้วยยังรักชาติรักแผ่นดินไทยคนไทยจึงออกมาแฉเป็นกบฎฝ่ายมืดๆพวกมัน,กลับตัวกลับใจเป็นคนดีก็ว่า,นักวิชาการทั่วไทยจะในวงการไหนๆปะปนสุมหัวรับงานเพื่อมุ่งต่อแผนลดประชากรไทยพึ่งสำนึกลดละเลิกเถิด กลับมายืนข้างสิ่งที่ดีงามถูกต้อง,เพราะฝ่ายขาวเขามีบิ๊กดาต้าข้อมูลทั้งหมดแล้ว ,อนาคตถูกเก็บกวาดไม่เหลือซากแน่นอน,อย่าคิดว่ามีแค่ฝ่ายมืดล้ำๆสไตล์มืดฝ่ายเดียวเน้อ,ฝ่ายขาวนั้นล้ำกว่ามาก เด็ดชีพตอนไหนได้หมด,รอจังหวะเวลาการสำนึกหรือไม่เท่านั้น.
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 880 มุมมอง 214 0 รีวิว
  • วิพากษ์หนังสือ “ในนามความมั่นคงภายในฯ” (1)

    หลังจากได้อ่านหนังสือ ในนามความมั่นคงภายในฯ ซึ่งเขียนโดยอาจารย์พวงทอง ภวัครพันธุ์ แล้ว ขออนุญาตใช้เสรีภาพทางวิชาการ วิพากษ์หนังสือเล่มนี้นะครับ

    ประเด็นแรกต้องกล่าวถึงคือ แนวคิดและทฤษฎีที่นำมาใช้ในงานวิจัย จากที่อ่านนั้น อาจารย์พวงทองไม่ได้กล่าวถึงแนวคิดทฤษฎีใดเป็นรายทฤษฎีโดยเฉพาะ ต้องแกะจากเนื้อหา ส่วนที่อาจารย์พวงทองได้กล่าวถึงในการชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ นั้นได้เอ่ยถึงเพียงแค่ทฤษฎี Civil Control ในสังคมประชาธิปไตยเท่านั้น [1]

    จากที่แกะจากเนื้อหาจะเห็นร่องรอยแนวคิดหลักสำคัญแนวคิดแรก คือ แนวคิดเรื่องชุมชนจินตกรรมของเบเนดิกซ์ แอนเดอร์สัน ซึ่งส่งต่ออิทธิพลแนวคิดให้กับปัญญาชนไทยอย่าง นิธิ เอียวศรีวงศ์, ธงชัย วินิจจะกูล รวมถึง เกษียรเตชะพีระ จนก่อเกิดเป็นงานเขียนซึ่งเกษียรได้ระบุว่าประยุกต์ต่อยอดและพัฒนาแนวคิดชุมชนจินตกรรมหลายเล่ม[2] เล่มที่น่าสนใจคืองาน Siam Mapped : A History of the Geo-Body of a Nation ของธงชัย วินิจจะกูล ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยโดย อ.พวงทอง และคณะ

    แนวความคิดชุมชนจินตกรรม คือ “ความเป็นชาติ และชาตินิยมนั้นเป็นสิ่งประดิษฐ์เฉพาะทางวัตนธรรมอย่างหนึ่ง”[3] ซึ่งนักวิชาการไทยนำมาต่อยอดว่ากระบวนการสร้างชาตินั้นใช้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเป็นเครื่องมือในการสร้างชาติ

    ร่องรอยเหล่านี้ปรากฎอยู่ในวลี อุดมการณ์ราชาชาตินิยม ซึ่งปรากฎอยู่หลายต่อหลายครั้งในหนังสือ รวมทั้งประโยคที่ว่า “แม้ว่าชนชั้นนำอนุรักษ์นิยมจะเชื่อมั่นในวิธีการครอบงำเชิงอุดมการณ์ที่พวกเขาดำเนินมาเกินศตวรรษ”[4]

    ธงชัยได้เขียนไว้ในหนังสือออกนอกขนบประวัติศาสตร์ไทยว่า “...ประวัติศาตร์แบบราชาชาตินิยมที่แพร่หลายครอบงำสังคมไทย หรือเป็น ขนบ (Convention) ของความรู้ประวัติศาสตร์ของไทยในยุคปัจจุบัน มิใช่การไต่สวนค้นคว้าเพื่ออธิบายอดีตหรือปัจจุบันอย่างรอบคอบ แต่เป็นประวัติศาสตร์เพื่อปลูกฝังความเชื่อและศรัทธาชุดหนึ่งที่ไม่พึงสงสัย และตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีก [5]

    ร่องรอยอิทธิพลแนวคิดชุมชนจินตกรรมอีกประการคือ จากหนังสือชาติไทย, เมืองไทย,แบบเรียน และอนุสาวรีย์ มีประเด็นหนึ่งที่ใกล้เคียงกับแนวคิดของหนังสือ อ.พวงทองก็คือ นิธิ ได้กล่าวไว้ว่า “ชนชั้นนำทางอำนาจมีความชอบธรรมจะดำรงฐานะนั้นอยู่ได้ก็เพื่อปกป้องชาติจากศัตรู เมื่อใดที่หาศัตรูให้แก่ชาติไม่ได้ ชนชั้นนำก็หาเหตุผลที่จะดำรงสถานะนั้นไว้ได้ยากขึ้น”[6]

    ส่วน อ.พวงทอง นั้นได้กล่าวว่า “ไม่ใช่การป้องกันภัยคุกคามจากภายนอกประเทศหรอก แต่คือภารกิจการป้องกันความมั่นคงภายในประเทศต่างหากที่เป็นสารัตถะ เป็นเหตุผลของการดำรงอยู่ (raison d'être) ของกองทัพไทย” [7]

    จากอิทธิพลแนวคิดของ นิธิ ได้ทำให้ อ.พวงทองได้สรุปในตอนท้ายว่า “กอ.รมน. ถูกสร้างขึ้นเพื่อรับมือกับภัยคอมมิวนิสต์ เพื่อ พคท.พ่ายแพ้ลงแล้ว กอ.รมน. ก็ควรถูกยกเลิกไปด้วย แต่กองทัพและชนชั้นนำจารีตกลับช่วยกันสร้างสภาวะยกเว้นใหม่ๆขึ้นมา สร้างภัยคุกคามความมั่นคงของชาติตัวใหม่ขึ้นมา และผลักดันกฏหมายฉบับใหม่ที่ให้อำนาจกับ กอ.รมน.มากขึ้น”[8]

    ทฤษฎีที่สองที่พบจากหนังสือเล่มนี้ คือ ทฤษฎีวิพากษ์ (Critical Theory) ซึ่งธงชัย วินิจจะกูลได้เขียนไว้ว่า เขาได้รับอิทธิพลของทฤษฎีวิพากษ์ยุคหลังมาร์กซ์ (post-Marxist critical theories) ซึ่งเป็นกลุ่มความคิดที่ท้าทายขนบที่สุด และตนมีประสบการณ์กับความโหดร้ายของประวัติศาตร์ตามขนบราชาชาตินิยม จึงตั้งความปราถนาที่จะรื้อสร้างประวัติศาสตร์ไทยกันใหม่ [9]

    งานที่ธงชัยพยายามท้าทายรื้อประวัติศาสตร์แบบราชาชาตินิยมแบ่งเป็น 3 ประเภท อย่างแรกได้แก่ หนังสือ Siam Mapped อย่างที่สองรวมอยู่ในหนังสือ “โฉมหน้าราชาชาตินิยม” และอย่างที่สาม คือบทความที่แนะนำวิธีวิทยาและแนวคิดต่างๆที่ท้าทายประวัติศาสตร์แบบราชาชาตินิยม [10]

    จำกันได้มั้ยครับใครคือผู้แปลหนังสือเรื่อง Siam Mapped จึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมจึงมีคำว่า “ราชาชาตินิยม” ปรากฎอยู่หลายที่ในหนังสือในนามความมั่นคงฯ

    แต่ในฐานะที่งานเรื่องนี้ เป็นงานวิจัยด้านความมั่นคง เราคงไม่สามารถมองโลกด้วยแว่นชุมชนจินตกรรมและทฤษฎีวิพากษ์เท่านั้นครับ

    ทฤษฎี หรือ แนวคิดที่ควรศึกษาแต่ว่าขาดหายไป มีอยู่หลายแนวคิด เช่น

    แนวคิดความมั่นคงแบบองค์รวม (Comprehensive Security) เป็นแนวคิดที่ขยายขอบเขตมุมมองด้านความมั่นคงให้ครอบคลุมมากกว่ามิติทางการทหาร แต่ยังรวมถึงมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการเมือง [11]

    โดย Richard H. Ullman (1983) ในปี 1983 เป็นคนแรก ๆ ที่กล่าวถึงการขยายขอบเขตของความท้าทายด้านความมั่นคงออกไปจากภัยคุกคามทางทหาร ในบทความวิชาการที่ชื่อว่า “Redefining Security” [12]

    แนวคิดนี้แทบจะเป็นแนวคิดหลักในสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ดูจากวารสารมุมมองด้านความมั่นคง[13] จะพบแนวคิด Comprehensive Security เยอะมาก

    หาก อ.พวงทองศึกษาเรื่องนี้สักนิดคงไม่สรุปว่า กองทัพและชนชั้นนำจารีตช่วยกันสร้างภัยคุกคามความมั่นคงของชาติตัวใหม่ขึ้นมา เพราะแนวคิดภัยคุกคามที่ว่านี้ Richard H. Ullman เป็นคนแรกๆที่นำเสนอครับ

    นอกจากนั้นแล้วงานวิจัยชิ้นนี้ยังไม่กล่าวถึงผลกระทบจากปัจจัยภายนอกเช่นการแข่งขันกันของจีนกับสหรัฐฯที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายใน ซึ่งมีแนวคิดที่สำคัญเช่น ความโกลาหลที่ควบคุมได้ (Controlled Chaos) ซึ่งถูกพัฒนาโดยหน่วยงานวิจัยเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ เช่น RAND Corporation ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความไม่เสถียรหรือความวุ่นวายในระบบสังคมและการเมืองของประเทศเป้าหมาย แต่ยังคงมีการควบคุมผลลัพธ์เพื่อให้เกิดประโยชน์ตามที่ต้องการ ซึ่งการเข้าไปแทรกแซงประกอบด้วย การสนับสนุนองค์กรภาคประชาสังคม (NGOs) สื่อมวลชนที่เป็นอิสระ และการให้ทุนวิจัยในสาขาสังคมศาสตร์ ซึ่งการให้ทุนนี้มักมุ่งสร้างเนื้อหาที่เป็นเชิงลบต่อรัฐบาล ซึ่งสิ่งเหล่านี้เคยเกิดขึ้นในห้วงการปฏิวัติสี และที่รัสเซีย [14]

    อีกทั้งการปฏิบัติการในพื้นที่สีเทาของสหรัฐฯ ก็ยืนยันแนวคิดนี้ เนื่องจากหน่วยรบพิเศษของสหรัฐฯมีภารกิจในการค้ำยันบัลลังก์ของผู้นำประเทศที่คล้อยตามนโยบายสหรัฐฯ แต่จะโค่นบัลลังก์ของผู้นำประเทศที่ไม่สนับสนุนนโยบาย ซึ่งจากเดิมนั้นจะสนับสนุนกองโจรเป็นหลักในการเคลื่อนไหวล้มล้าง แต่หลังจากการปฏิวัติบูลโดเซอร์ สหรัฐฯได้หันมาสนับสนุนขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมแทน เนื่องจากได้ผลและเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศมากกว่า[15]

    หากศึกษาแนวคิดเหล่านี้จะเห็นภาพของการแทรกแซงจากต่างชาติเพื่อเข้ามาบ่อนทำลายความมั่นคงภายในของประเทศ การตีความข้อมูลเท่าที่มีแล้วสรุปผลว่า กองทัพและชนชั้นนำจารีตช่วยกันสร้างภัยคุกคามความมั่นคงของชาติตัวใหม่ขึ้นมา นั้นย่อมเป็นการตีความที่ไม่ได้สำรวจจากมุมมองที่หลากหลาย แต่เป็นการตีความจากมุมมองชุมชนจินตกรรมและทฤษฎีวิพากษ์เท่านั้น

    การตีความข้อมูลนั้นเป็นเสรีของนักวิจัยก็จริง แต่ก่อนจะตีความ นักวิจัยควรสำรวจข้อมูลที่มี ว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสีย ครบถ้วนรอบด้านแล้วหรือยัง

    งานวิจัยชิ้นนี้ที่เสนอยุบกอ.รมน.โดยไม่ได้ศึกษาทฤษฎีความมั่นคงอย่างรอบด้าน ก็คล้ายกับคนที่เสนอให้เลิกดื่มกาแฟ โดยฉายภาพให้เห็นเฉพาะข้อเสียของกาแฟ แต่ไม่กล่าวถึงข้อดี

    งานชิ้นนี้จึงไม่ต่างไปจากการผลิตซ้ำอุดมการณ์ของนิธิ เอียวศรีวงศ์ กับ ธงชัย วินิจจะกูลสักเท่าไหร่

    ยังมีอีกหลายประเด็นเอาไว้ว่ากันต่อในโพสหน้าครับ

    ---

    อ้างอิง

    [1] พวงทอง ภวัครพันธุ์ VS กอ.รมน. เผชิญหน้า ถกปมหนังสือ ในนามของความมั่นคงภายใน, Matichon TV, (นาทีที่ 17:50), https://youtu.be/W2fQ0NrKoqA?si=SgJpjHhEliaNz8vH (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567).

    [2] เกษียร เตชะพีระ, จินตนากรรมที่แปลกแยกจากชุมชน (2), มติชนสุดสัปดาห์, 14 ธันวาคม 2566, https://www.matichonweekly.com/column/article_730383 (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567).

    [3] Benedict Anderson, Imagined Communities, London, Verso, 1983, หน้า 13. อ้างถึงใน นิธิ เอียวศรีวงศ์, ชาติไทย, เมืองไทย, แบบเรียน และอนุสาวรีย์, พิมพ์ครั้งที่ 5 (กรุงเทพฯ: มติชน, 2564), หน้า 40.

    [4] พวงทอง ภวัครพันธุ์, ในนามความมั่นคงภายใน: การแทรกซึมสังคมของกองทัพไทย (นนทบุรี: ฟ้าเดียวกัน, 2567), หน้า 199.

    [5] ธงชัย วินิจจะกูล, ออกนอกขนบประวัติศาสตร์ไทย (นนทบุรี: ฟ้าเดียวกัน, 2562), หน้า 5.

    [6] นิธิ เอียวศรีวงศ์, ชาติไทย, เมืองไทย, แบบเรียน และอนุสาวรีย์, พิมพ์ครั้งที่ 5 (กรุงเทพฯ: มติชน, 2564), หน้า 149.

    [7] พวงทอง ภวัครพันธุ์, ในนามความมั่นคงภายใน: การแทรกซึมสังคมของกองทัพไทย, หน้า 14.

    [8] เรื่องเดียวกัน, หน้า 220.

    [9] ธงชัย วินิจจะกูล, ออกนอกขนบประวัติศาสตร์ไทย, หน้า 8.

    [10] เรื่องเดียวกัน, หน้า 10.

    [11] ดวงมน สุขสมาน, "แนวทางการสร้างความมั่นคงของไทยต่อกลุ่มประเทศ CLMV," วารสารมุมมองความมั่นคง, ฉบับที่ 14 (ตุลาคม 2566-มกราคม 2567), หน้า 30, https://www.nsc.go.th/wp-content/uploads/Journal/article-01403.pdf (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567).

    [12] จารุพล เรืองสุวรรณ, ทบทวนแนวโน้มสถานการณ์ความมั่นคงของโลก สิ่งที่ไทยควรตระหนักและเตรียมการรับมือ, สถาบันวิจัยดิเรก ชัยนาม, 2 มิถุนายน 2564, http://www.polsci.tu.ac.th/direk/view.aspx?id=505&Keyword=%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%84 (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567).

    [13] ศึกษาวารสารมุมมองความมั่นคงได้ที่ https://www.nsc.go.th/ebook-%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%84%e0%b8%87/ (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567).

    [14] A.S. Brychkov and G.A. Nikonorov, "Color Revolutions," Journal of the Academy of Military Science (Russia), แปลโดย Boris Vainer, https://www.armyupress.army.mil/Portals/7/Hot%20Spots/Documents/Russia/Color-Revolutions-Brychkov-Nikonorov.pdf (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567).

    [15] Joseph L. Votel, Charles T. Cleveland, Charles T. Connett, and Will Irwin, "Unconventional Warfare in the Gray Zone," Joint Force Quarterly, NDU Press, ฉบับที่ 80, ไตรมาสที่ 1 ปี 2016, หน้า 101-109, https://ndupress.ndu.edu/JFQ/Joint-Force-Quarterly-80/article/643108/unconventional-warfare-in-the-gray-zone/ (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567).

    ---


    ต. ตุลยากร
    วิพากษ์หนังสือ “ในนามความมั่นคงภายในฯ” (1) หลังจากได้อ่านหนังสือ ในนามความมั่นคงภายในฯ ซึ่งเขียนโดยอาจารย์พวงทอง ภวัครพันธุ์ แล้ว ขออนุญาตใช้เสรีภาพทางวิชาการ วิพากษ์หนังสือเล่มนี้นะครับ ประเด็นแรกต้องกล่าวถึงคือ แนวคิดและทฤษฎีที่นำมาใช้ในงานวิจัย จากที่อ่านนั้น อาจารย์พวงทองไม่ได้กล่าวถึงแนวคิดทฤษฎีใดเป็นรายทฤษฎีโดยเฉพาะ ต้องแกะจากเนื้อหา ส่วนที่อาจารย์พวงทองได้กล่าวถึงในการชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ นั้นได้เอ่ยถึงเพียงแค่ทฤษฎี Civil Control ในสังคมประชาธิปไตยเท่านั้น [1] จากที่แกะจากเนื้อหาจะเห็นร่องรอยแนวคิดหลักสำคัญแนวคิดแรก คือ แนวคิดเรื่องชุมชนจินตกรรมของเบเนดิกซ์ แอนเดอร์สัน ซึ่งส่งต่ออิทธิพลแนวคิดให้กับปัญญาชนไทยอย่าง นิธิ เอียวศรีวงศ์, ธงชัย วินิจจะกูล รวมถึง เกษียรเตชะพีระ จนก่อเกิดเป็นงานเขียนซึ่งเกษียรได้ระบุว่าประยุกต์ต่อยอดและพัฒนาแนวคิดชุมชนจินตกรรมหลายเล่ม[2] เล่มที่น่าสนใจคืองาน Siam Mapped : A History of the Geo-Body of a Nation ของธงชัย วินิจจะกูล ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยโดย อ.พวงทอง และคณะ แนวความคิดชุมชนจินตกรรม คือ “ความเป็นชาติ และชาตินิยมนั้นเป็นสิ่งประดิษฐ์เฉพาะทางวัตนธรรมอย่างหนึ่ง”[3] ซึ่งนักวิชาการไทยนำมาต่อยอดว่ากระบวนการสร้างชาตินั้นใช้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเป็นเครื่องมือในการสร้างชาติ ร่องรอยเหล่านี้ปรากฎอยู่ในวลี อุดมการณ์ราชาชาตินิยม ซึ่งปรากฎอยู่หลายต่อหลายครั้งในหนังสือ รวมทั้งประโยคที่ว่า “แม้ว่าชนชั้นนำอนุรักษ์นิยมจะเชื่อมั่นในวิธีการครอบงำเชิงอุดมการณ์ที่พวกเขาดำเนินมาเกินศตวรรษ”[4] ธงชัยได้เขียนไว้ในหนังสือออกนอกขนบประวัติศาสตร์ไทยว่า “...ประวัติศาตร์แบบราชาชาตินิยมที่แพร่หลายครอบงำสังคมไทย หรือเป็น ขนบ (Convention) ของความรู้ประวัติศาสตร์ของไทยในยุคปัจจุบัน มิใช่การไต่สวนค้นคว้าเพื่ออธิบายอดีตหรือปัจจุบันอย่างรอบคอบ แต่เป็นประวัติศาสตร์เพื่อปลูกฝังความเชื่อและศรัทธาชุดหนึ่งที่ไม่พึงสงสัย และตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีก [5] ร่องรอยอิทธิพลแนวคิดชุมชนจินตกรรมอีกประการคือ จากหนังสือชาติไทย, เมืองไทย,แบบเรียน และอนุสาวรีย์ มีประเด็นหนึ่งที่ใกล้เคียงกับแนวคิดของหนังสือ อ.พวงทองก็คือ นิธิ ได้กล่าวไว้ว่า “ชนชั้นนำทางอำนาจมีความชอบธรรมจะดำรงฐานะนั้นอยู่ได้ก็เพื่อปกป้องชาติจากศัตรู เมื่อใดที่หาศัตรูให้แก่ชาติไม่ได้ ชนชั้นนำก็หาเหตุผลที่จะดำรงสถานะนั้นไว้ได้ยากขึ้น”[6] ส่วน อ.พวงทอง นั้นได้กล่าวว่า “ไม่ใช่การป้องกันภัยคุกคามจากภายนอกประเทศหรอก แต่คือภารกิจการป้องกันความมั่นคงภายในประเทศต่างหากที่เป็นสารัตถะ เป็นเหตุผลของการดำรงอยู่ (raison d'être) ของกองทัพไทย” [7] จากอิทธิพลแนวคิดของ นิธิ ได้ทำให้ อ.พวงทองได้สรุปในตอนท้ายว่า “กอ.รมน. ถูกสร้างขึ้นเพื่อรับมือกับภัยคอมมิวนิสต์ เพื่อ พคท.พ่ายแพ้ลงแล้ว กอ.รมน. ก็ควรถูกยกเลิกไปด้วย แต่กองทัพและชนชั้นนำจารีตกลับช่วยกันสร้างสภาวะยกเว้นใหม่ๆขึ้นมา สร้างภัยคุกคามความมั่นคงของชาติตัวใหม่ขึ้นมา และผลักดันกฏหมายฉบับใหม่ที่ให้อำนาจกับ กอ.รมน.มากขึ้น”[8] ทฤษฎีที่สองที่พบจากหนังสือเล่มนี้ คือ ทฤษฎีวิพากษ์ (Critical Theory) ซึ่งธงชัย วินิจจะกูลได้เขียนไว้ว่า เขาได้รับอิทธิพลของทฤษฎีวิพากษ์ยุคหลังมาร์กซ์ (post-Marxist critical theories) ซึ่งเป็นกลุ่มความคิดที่ท้าทายขนบที่สุด และตนมีประสบการณ์กับความโหดร้ายของประวัติศาตร์ตามขนบราชาชาตินิยม จึงตั้งความปราถนาที่จะรื้อสร้างประวัติศาสตร์ไทยกันใหม่ [9] งานที่ธงชัยพยายามท้าทายรื้อประวัติศาสตร์แบบราชาชาตินิยมแบ่งเป็น 3 ประเภท อย่างแรกได้แก่ หนังสือ Siam Mapped อย่างที่สองรวมอยู่ในหนังสือ “โฉมหน้าราชาชาตินิยม” และอย่างที่สาม คือบทความที่แนะนำวิธีวิทยาและแนวคิดต่างๆที่ท้าทายประวัติศาสตร์แบบราชาชาตินิยม [10] จำกันได้มั้ยครับใครคือผู้แปลหนังสือเรื่อง Siam Mapped จึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมจึงมีคำว่า “ราชาชาตินิยม” ปรากฎอยู่หลายที่ในหนังสือในนามความมั่นคงฯ แต่ในฐานะที่งานเรื่องนี้ เป็นงานวิจัยด้านความมั่นคง เราคงไม่สามารถมองโลกด้วยแว่นชุมชนจินตกรรมและทฤษฎีวิพากษ์เท่านั้นครับ ทฤษฎี หรือ แนวคิดที่ควรศึกษาแต่ว่าขาดหายไป มีอยู่หลายแนวคิด เช่น แนวคิดความมั่นคงแบบองค์รวม (Comprehensive Security) เป็นแนวคิดที่ขยายขอบเขตมุมมองด้านความมั่นคงให้ครอบคลุมมากกว่ามิติทางการทหาร แต่ยังรวมถึงมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการเมือง [11] โดย Richard H. Ullman (1983) ในปี 1983 เป็นคนแรก ๆ ที่กล่าวถึงการขยายขอบเขตของความท้าทายด้านความมั่นคงออกไปจากภัยคุกคามทางทหาร ในบทความวิชาการที่ชื่อว่า “Redefining Security” [12] แนวคิดนี้แทบจะเป็นแนวคิดหลักในสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ดูจากวารสารมุมมองด้านความมั่นคง[13] จะพบแนวคิด Comprehensive Security เยอะมาก หาก อ.พวงทองศึกษาเรื่องนี้สักนิดคงไม่สรุปว่า กองทัพและชนชั้นนำจารีตช่วยกันสร้างภัยคุกคามความมั่นคงของชาติตัวใหม่ขึ้นมา เพราะแนวคิดภัยคุกคามที่ว่านี้ Richard H. Ullman เป็นคนแรกๆที่นำเสนอครับ นอกจากนั้นแล้วงานวิจัยชิ้นนี้ยังไม่กล่าวถึงผลกระทบจากปัจจัยภายนอกเช่นการแข่งขันกันของจีนกับสหรัฐฯที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายใน ซึ่งมีแนวคิดที่สำคัญเช่น ความโกลาหลที่ควบคุมได้ (Controlled Chaos) ซึ่งถูกพัฒนาโดยหน่วยงานวิจัยเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ เช่น RAND Corporation ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความไม่เสถียรหรือความวุ่นวายในระบบสังคมและการเมืองของประเทศเป้าหมาย แต่ยังคงมีการควบคุมผลลัพธ์เพื่อให้เกิดประโยชน์ตามที่ต้องการ ซึ่งการเข้าไปแทรกแซงประกอบด้วย การสนับสนุนองค์กรภาคประชาสังคม (NGOs) สื่อมวลชนที่เป็นอิสระ และการให้ทุนวิจัยในสาขาสังคมศาสตร์ ซึ่งการให้ทุนนี้มักมุ่งสร้างเนื้อหาที่เป็นเชิงลบต่อรัฐบาล ซึ่งสิ่งเหล่านี้เคยเกิดขึ้นในห้วงการปฏิวัติสี และที่รัสเซีย [14] อีกทั้งการปฏิบัติการในพื้นที่สีเทาของสหรัฐฯ ก็ยืนยันแนวคิดนี้ เนื่องจากหน่วยรบพิเศษของสหรัฐฯมีภารกิจในการค้ำยันบัลลังก์ของผู้นำประเทศที่คล้อยตามนโยบายสหรัฐฯ แต่จะโค่นบัลลังก์ของผู้นำประเทศที่ไม่สนับสนุนนโยบาย ซึ่งจากเดิมนั้นจะสนับสนุนกองโจรเป็นหลักในการเคลื่อนไหวล้มล้าง แต่หลังจากการปฏิวัติบูลโดเซอร์ สหรัฐฯได้หันมาสนับสนุนขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมแทน เนื่องจากได้ผลและเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศมากกว่า[15] หากศึกษาแนวคิดเหล่านี้จะเห็นภาพของการแทรกแซงจากต่างชาติเพื่อเข้ามาบ่อนทำลายความมั่นคงภายในของประเทศ การตีความข้อมูลเท่าที่มีแล้วสรุปผลว่า กองทัพและชนชั้นนำจารีตช่วยกันสร้างภัยคุกคามความมั่นคงของชาติตัวใหม่ขึ้นมา นั้นย่อมเป็นการตีความที่ไม่ได้สำรวจจากมุมมองที่หลากหลาย แต่เป็นการตีความจากมุมมองชุมชนจินตกรรมและทฤษฎีวิพากษ์เท่านั้น การตีความข้อมูลนั้นเป็นเสรีของนักวิจัยก็จริง แต่ก่อนจะตีความ นักวิจัยควรสำรวจข้อมูลที่มี ว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสีย ครบถ้วนรอบด้านแล้วหรือยัง งานวิจัยชิ้นนี้ที่เสนอยุบกอ.รมน.โดยไม่ได้ศึกษาทฤษฎีความมั่นคงอย่างรอบด้าน ก็คล้ายกับคนที่เสนอให้เลิกดื่มกาแฟ โดยฉายภาพให้เห็นเฉพาะข้อเสียของกาแฟ แต่ไม่กล่าวถึงข้อดี งานชิ้นนี้จึงไม่ต่างไปจากการผลิตซ้ำอุดมการณ์ของนิธิ เอียวศรีวงศ์ กับ ธงชัย วินิจจะกูลสักเท่าไหร่ ยังมีอีกหลายประเด็นเอาไว้ว่ากันต่อในโพสหน้าครับ --- อ้างอิง [1] พวงทอง ภวัครพันธุ์ VS กอ.รมน. เผชิญหน้า ถกปมหนังสือ ในนามของความมั่นคงภายใน, Matichon TV, (นาทีที่ 17:50), https://youtu.be/W2fQ0NrKoqA?si=SgJpjHhEliaNz8vH (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567). [2] เกษียร เตชะพีระ, จินตนากรรมที่แปลกแยกจากชุมชน (2), มติชนสุดสัปดาห์, 14 ธันวาคม 2566, https://www.matichonweekly.com/column/article_730383 (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567). [3] Benedict Anderson, Imagined Communities, London, Verso, 1983, หน้า 13. อ้างถึงใน นิธิ เอียวศรีวงศ์, ชาติไทย, เมืองไทย, แบบเรียน และอนุสาวรีย์, พิมพ์ครั้งที่ 5 (กรุงเทพฯ: มติชน, 2564), หน้า 40. [4] พวงทอง ภวัครพันธุ์, ในนามความมั่นคงภายใน: การแทรกซึมสังคมของกองทัพไทย (นนทบุรี: ฟ้าเดียวกัน, 2567), หน้า 199. [5] ธงชัย วินิจจะกูล, ออกนอกขนบประวัติศาสตร์ไทย (นนทบุรี: ฟ้าเดียวกัน, 2562), หน้า 5. [6] นิธิ เอียวศรีวงศ์, ชาติไทย, เมืองไทย, แบบเรียน และอนุสาวรีย์, พิมพ์ครั้งที่ 5 (กรุงเทพฯ: มติชน, 2564), หน้า 149. [7] พวงทอง ภวัครพันธุ์, ในนามความมั่นคงภายใน: การแทรกซึมสังคมของกองทัพไทย, หน้า 14. [8] เรื่องเดียวกัน, หน้า 220. [9] ธงชัย วินิจจะกูล, ออกนอกขนบประวัติศาสตร์ไทย, หน้า 8. [10] เรื่องเดียวกัน, หน้า 10. [11] ดวงมน สุขสมาน, "แนวทางการสร้างความมั่นคงของไทยต่อกลุ่มประเทศ CLMV," วารสารมุมมองความมั่นคง, ฉบับที่ 14 (ตุลาคม 2566-มกราคม 2567), หน้า 30, https://www.nsc.go.th/wp-content/uploads/Journal/article-01403.pdf (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567). [12] จารุพล เรืองสุวรรณ, ทบทวนแนวโน้มสถานการณ์ความมั่นคงของโลก สิ่งที่ไทยควรตระหนักและเตรียมการรับมือ, สถาบันวิจัยดิเรก ชัยนาม, 2 มิถุนายน 2564, http://www.polsci.tu.ac.th/direk/view.aspx?id=505&Keyword=%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%84 (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567). [13] ศึกษาวารสารมุมมองความมั่นคงได้ที่ https://www.nsc.go.th/ebook-%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%84%e0%b8%87/ (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567). [14] A.S. Brychkov and G.A. Nikonorov, "Color Revolutions," Journal of the Academy of Military Science (Russia), แปลโดย Boris Vainer, https://www.armyupress.army.mil/Portals/7/Hot%20Spots/Documents/Russia/Color-Revolutions-Brychkov-Nikonorov.pdf (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567). [15] Joseph L. Votel, Charles T. Cleveland, Charles T. Connett, and Will Irwin, "Unconventional Warfare in the Gray Zone," Joint Force Quarterly, NDU Press, ฉบับที่ 80, ไตรมาสที่ 1 ปี 2016, หน้า 101-109, https://ndupress.ndu.edu/JFQ/Joint-Force-Quarterly-80/article/643108/unconventional-warfare-in-the-gray-zone/ (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567). --- ต. ตุลยากร
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • การพบกันครั้งแรก คุณหมอ 3 ท่านผู้ตื่นรู้คู่จริยธรรม
    และ 1 นักวิชาการอิสระกับงาน

    🔥ฟังคุณหมอเล่านิทาน (เรื่องที่เล่าบนสื่อทั่วไปไม่ได้) ep1🔥
    วัคซีนทำให้ป่วยเป็นอะไร?
    แก้ไขได้อย่างไร?

    ⭐️พบกันวันที่ 24 พฤศจิกายน โรงแรมใบหยกสกาย ชั้น 17 ห้องเรนโบว์ เวลา 9:00-17:00 (เริ่มลงทะเบียน 8:30)

    ที่นั่งจำกัดเพียง 120 ที่นั่ง
    ราคา 2,222 บาท

    60 ท่านแรกได้ราคาพิเศษเพียง 1,666 บาท

    สนใจซื้อบัตรร่วมงานกดลิ้งค์ 👇
    https://www.thaipithaksith.com/awakening-ep-1

    ดำเนินรายการโดย
    นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

    และคุณอดิเทพ จาวลาห์ (ซันนี่) นักวิชาการอิสระ

    https://vt.tiktok.com/ZS2bmsJbR/

    https://vt.tiktok.com/ZS2budhA2/

    รายชื่อ Guest speaker
    ศ.นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    เชี่ยวชาญสาขาอายุรศาสตร์ และสาขาระบบสมอง และระบบภูมิคุ้มกันและติดเชื้อของสมอง
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต

    https://vt.tiktok.com/ZS2budstF/

    ดร.นพ.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านภูมิคุ้มกันผิวหนัง

    https://mgronline.com/qol/detail/9670000050851

    ⭐️สถานที่โรงแรมใบหยกสกาย ชั้น 17 ห้องเรนโบว์ เวลา 9:00-17:00 (เริ่มลงทะเบียน 8:30)
    https://maps.app.goo.gl/7SFH7CRL1xkR9XPZ7?g_st=il

    ⭐️เว๊บไซด์ “คนไทยพิทักษ์สิทธิ์”
    www.thaipithaksith.com

    ⭐️กดติดตาม twitter หรือ x ของคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ในช่อง platform นี้ขอสักประมาณ 500 ติดตาม ขอบคุณครับ
    https://x.com/Thaipithaksith?t=Tq54plOEwFL_-4ysGa3kSA&s=09
    การพบกันครั้งแรก คุณหมอ 3 ท่านผู้ตื่นรู้คู่จริยธรรม และ 1 นักวิชาการอิสระกับงาน 🔥ฟังคุณหมอเล่านิทาน (เรื่องที่เล่าบนสื่อทั่วไปไม่ได้) ep1🔥 วัคซีนทำให้ป่วยเป็นอะไร? แก้ไขได้อย่างไร? ⭐️พบกันวันที่ 24 พฤศจิกายน โรงแรมใบหยกสกาย ชั้น 17 ห้องเรนโบว์ เวลา 9:00-17:00 (เริ่มลงทะเบียน 8:30) ที่นั่งจำกัดเพียง 120 ที่นั่ง ราคา 2,222 บาท 60 ท่านแรกได้ราคาพิเศษเพียง 1,666 บาท สนใจซื้อบัตรร่วมงานกดลิ้งค์ 👇 https://www.thaipithaksith.com/awakening-ep-1 ดำเนินรายการโดย นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคุณอดิเทพ จาวลาห์ (ซันนี่) นักวิชาการอิสระ https://vt.tiktok.com/ZS2bmsJbR/ https://vt.tiktok.com/ZS2budhA2/ รายชื่อ Guest speaker ศ.นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา เชี่ยวชาญสาขาอายุรศาสตร์ และสาขาระบบสมอง และระบบภูมิคุ้มกันและติดเชื้อของสมอง ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต https://vt.tiktok.com/ZS2budstF/ ดร.นพ.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านภูมิคุ้มกันผิวหนัง https://mgronline.com/qol/detail/9670000050851 ⭐️สถานที่โรงแรมใบหยกสกาย ชั้น 17 ห้องเรนโบว์ เวลา 9:00-17:00 (เริ่มลงทะเบียน 8:30) https://maps.app.goo.gl/7SFH7CRL1xkR9XPZ7?g_st=il ⭐️เว๊บไซด์ “คนไทยพิทักษ์สิทธิ์” www.thaipithaksith.com ⭐️กดติดตาม twitter หรือ x ของคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ในช่อง platform นี้ขอสักประมาณ 500 ติดตาม ขอบคุณครับ https://x.com/Thaipithaksith?t=Tq54plOEwFL_-4ysGa3kSA&s=09
    การบาดเจ็บจากวัคซีน
    รายงานการบาดเจ็บจากวัคซีนของคุณที่นี่ และรับความช่วยเหลือจากแพทย์ของเรา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 193 มุมมอง 0 รีวิว