• "ทหารมีไว้ทำไม"
    กองทัพสหรัฐส่งทหารและเจ้าหน้าที่เข้าช่วยดับไฟป่าในแอลเอ ไม่ใช่เพียงแค่นี้ แต่ยังเข้าช่วยเหลือในภารกิจเต็มรูปแบบในการช่วยชีวิตผู้คน ฟื้นฟูความสงบเรียบร้อย และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่เป็นเศษซาก

    นาวิกโยธิน 500 นายจากค่ายเพนเดิลตันกำลังปฏิบัติหน้าที่ภาคพื้นดิน เคลียร์เส้นทาง จัดส่งเสบียง และนำการกู้ภัย

    นอกจากนี้ กองทัพเรือยังส่งเฮลิคอปเตอร์จำนวน 10 ลำพร้อมถังน้ำเข้าไปช่วย
    "ทหารมีไว้ทำไม" กองทัพสหรัฐส่งทหารและเจ้าหน้าที่เข้าช่วยดับไฟป่าในแอลเอ ไม่ใช่เพียงแค่นี้ แต่ยังเข้าช่วยเหลือในภารกิจเต็มรูปแบบในการช่วยชีวิตผู้คน ฟื้นฟูความสงบเรียบร้อย และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่เป็นเศษซาก นาวิกโยธิน 500 นายจากค่ายเพนเดิลตันกำลังปฏิบัติหน้าที่ภาคพื้นดิน เคลียร์เส้นทาง จัดส่งเสบียง และนำการกู้ภัย นอกจากนี้ กองทัพเรือยังส่งเฮลิคอปเตอร์จำนวน 10 ลำพร้อมถังน้ำเข้าไปช่วย
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 337 มุมมอง 53 0 รีวิว
  • ภาพเหตุการณ์ชายคนหนึ่งกำลังโยนถังน้ำมันเชื้อเพลิงบนถนน คล้ายกับว่าพยายามเติมเชื้อไฟให้กับไฟป่าในแคลิฟอร์เนีย
    มีผู้แสดงความคิดเห็นว่า เขาอาจกำลังทำให้ตัวเองปลอดภัย เนื่องจากกำลังจะขับมุ่งหน้าตรงไปยังตำแหน่งที่ไฟกำลังลุกไหม้
    แต่หลายรายก็ออกมาโต้แย้งว่า หากเขากลัวอันตราย เขาสามารถกลับรถไปที่ปลอดภัย เพื่อทิ้งถังเชื้อเพลิงก่อนก็ได้
    ภาพเหตุการณ์ชายคนหนึ่งกำลังโยนถังน้ำมันเชื้อเพลิงบนถนน คล้ายกับว่าพยายามเติมเชื้อไฟให้กับไฟป่าในแคลิฟอร์เนีย มีผู้แสดงความคิดเห็นว่า เขาอาจกำลังทำให้ตัวเองปลอดภัย เนื่องจากกำลังจะขับมุ่งหน้าตรงไปยังตำแหน่งที่ไฟกำลังลุกไหม้ แต่หลายรายก็ออกมาโต้แย้งว่า หากเขากลัวอันตราย เขาสามารถกลับรถไปที่ปลอดภัย เพื่อทิ้งถังเชื้อเพลิงก่อนก็ได้
    Like
    Sad
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 835 มุมมอง 62 0 รีวิว
  • 7/1/68

    "...ผู้มีวาสนาต่อกันเท่านั้น จึงจะผูกพันต่อกัน..."

    คุณเชื่อเรื่องวาสนาต่อกันไหม
    ทำไมคนบางคนจึงได้เป็นกัลยาณมิตร
    ต่อกัน ชี้ชวนแนะนำกันไปทำความดี
    ชวนได้โดยง่ายดาย..

    แต่กับอีกหลายคนชวนเท่าไรก็ไม่ไป
    สอนกล่าวตักเตือนก็ไม่ฟัง
    ดีกับเขาเขาก็ไม่มีวันดีตอบ
    กลับคิดว่าเราประสงค์ร้าย
    ไม่เห็นความหวังดีของเรา

    ไม่ต้องกังวลเดือดร้อนใจไป
    ทุกคนมีบุพกรรมของตนเอง ต้องเคยมีปัจจัยผูก
    ฝ่ายกุศลต่อกัน ก็จะเป็นกัลยาณมิตรกัน
    พระพุทธเจ้าก็มีสิ่งที่แม้พระองค์ก็ทำไม่ได้
    สามอย่างที่บันทึกไว้ในมหายาน

    สามประการที่ว่าคือ..

    1. ไม่สามารถโปรดสัตว์ที่ไม่มีวาสนาต่อพระองค์
    2. ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกรรมของสัตว์
    3. ไม่สามารถโปรดสัตว์ให้สิ้นได้
    .
    วันหนึ่งพระศากยมุนีพุทธเจ้า กำลังแสดงธรรมอยู่
    แล้วทันใดนั้นพระพุทธองค์กล่าวแก่พระอานนท์ว่า
    “อานนท์เธอเอาถังน้ำใบหนึ่ง ไปเบื้องหน้า
    ตามทางจะมีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง
    มีหญิงชรานางหนึ่งกำลังซักเสื้อผ้าอยู่
    ขอน้ำนางกลับมาถังหนึ่ง แต่จำไว้ ..
    ต้องแสดงกิริยาสุภาพกับนางด้วย”

    พระอานนท์รับคำ แล้วก็นำถังน้ำเปล่า
    เดินไปทางที่พระพุทธองค์ทรงบอก คิดในใจว่า
    เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ไม่ยากเย็นอะไร
    ก็ไปถึงหมู่บ้านแห่งนั้น เห็นสตรีชราผมขาวนางหนึ่ง
    กำลังซักผ้าอยู่จริงๆ พระอานนท์จึงกล่าวปิยวาจา
    ขอน้ำจากหญิงชรานั้นอย่างสุภาพ
    “แม่เฒ่า แม่เฒ่า ข้าอยากจะขอน้ำสักถังจะได้ไหม”

    หญิงชรานั้น เมื่อได้เห็นพระอานนท์
    เหมือนไม่รู้ไปโกรธใครมา “ไม่ได้หรอก น้ำในบ่อนี้
    ใช้ได้แต่คนที่ในหมู่บ้านนี้เท่านั้น คนอื่นห้ามตักเชียวนะ ไม่ให้ๆ” แถมยังไล่พระอานนท์อีกเสียอย่างนั้น

    พระอานนท์จะอ้อนวอนขอนางอย่างไรก็ไม่เป็นผล
    พระอานนท์สิ้นหนทาง ก็เดินถือถังเปล่ากลับไป
    เข้าเฝ้าพระพุทธองค์ แล้วแจ้งความตามที่เกิด

    พระพุทธองค์ทรงพยักหน้ารับ
    แล้วบอกให้พระอานนท์นั่งลง
    แล้วขอให้พระสารีบุตรไปทำแทน

    พระสารีบุตรก็กล่าวเช่นเดียวกัน
    “แม่เฒ่า แม่เฒ่า ข้าอยากจะขอน้ำสักถังจะได้ไหม”
    ก็น่าแปลกใจ สตรีชรานางนั้นเมื่อได้เห็นพระสารีบุตร ก็ทำหน้าเหมือนได้พบกับญาติที่ไม่ได้เจอกันเนิ่นนาน ไม่โกรธ ไม่โวยวาย แถมยังกล่าวตอบด้วยดีๆ

    “ได้ๆๆ เอาเลย ตามสบายเลยพระคุณเจ้า
    มาๆ ข้าช่วยท่านตักน้ำดีกว่า”
    ก่อนที่พระสารีบุตรจะกลับ นางก็กุลีกุจอกลับบ้าน
    รีบกลับไปเอาสิ่งของมาถวายพระสารีบุตรให้พระสารีบุตร นำกลับไปอีก เมื่อพระสารีบุตรรับน้ำมาถวายพระพุทธเจ้าแล้ว ก็บอกให้พระสารีบุตรนั่งลง

    พระอานนท์สงสัยเป็นกำลัง จึงได้ทูลถามพระพุทธเจ้า
    “ด้วยเหตุอะไร จึงเป็นเช่นนี้พระพุทธเจ้าข้า”

    "ที่นางปฏิบัติกับเจ้าทั้งสองแตกต่างกันเช่นนี้
    เพราะในชาติอันล่วงมาแล้ว สตรีชรานางนี้
    มีสภาพเป็นเดรัจฉาน เกิดเป็นหนูตัวหนึ่ง
    แล้วนางก็ตายอยู่บนถนน
    พระอานนท์ในชาตินั้นเป็นพ่อค้าผ่านทางมา
    เมื่อได้เห็นซากของหนูตัวนั้นตายอยู่
    ในใจของพระอานนท์ก็เกิดความรู้สึกสะอิดสะเอียน
    เดินเอามือปิดจมูกแล้วจากไป

    แต่ตรงกันข้ามกับพระสารีบุตร
    เมื่อพระสารีบุตรได้เห็นซากหนูตัวนั้น
    ก็ให้บังเกิดจิตเวทนาสงสาร ซ้ำยังเอาซากหนูตัวนั้น
    ไปฝังกลบอย่างดี เมื่อชาตินี้พวกเจ้าได้พบกันอีกครั้ง
    สิ่งที่นางปฏิบัติต่อเจ้าทั้งสองจึงมีความแตกต่างกันเช่นนี้"

    จิตเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เราต้องรอบคอบ
    ไม่ก้าวล่วงผู้อื่นแม้ความคิด

    จากมหาปรัชญาปารมิโตปเทศน์ มีบันทึกไว้ว่า ..
    พระพุทธเจ้าพร้อมพระอานนท์ เดินบิณฑบาต
    ในเมืองไวศาลี พระอานนท์มองเห็นสตรีนางหนึ่ง
    ยากจนข้นแค้นเป็นที่น่าสงสาร
    พระอานนท์ทูลขอให้พระพุทธองค์ไปโปรดนาง
    พระพุทธองค์ตรัสว่า “เรากับนางไม่มีเหตุปัจจัยผูกต่อกัน ดังนั้นนางก็จะไม่ศรัทธาในเรา เราก็ไม่สามารถที่จะโปรดนางได้”

    พระอานนท์รบเร้าอยู่ถึงสามครั้ง
    พระพุทธเจ้าจึงดำเนินไปหานาง เมื่อยืนต่อหน้านาง
    สตรีนางนั้นก็กลับหันหลัง ไม่สนใจพระพุทธเจ้า
    ไม่ว่าพระองค์จะเดินไปต่อหน้านางกี่ครั้ง
    นางก็จะหันหลังให้กับพระองค์ทุกครั้ง

    แม้พระพุทธองค์จะใช้ฤทธิ์ให้พระกาย
    ปรากฏขึ้นทั้งสี่ทิศพร้อมกัน สตรีนางนั้นก็ปิดตาเสีย
    ไม่มอง ไม่สนใจพระองค์

    พระอานนท์จังได้ประจักษ์แก่คำพูดของพระพุทธเจ้าที่ว่า ...
    “หากไร้วาสนา ไร้ปัจจัยผูกพันต่อกัน ไม่สามารถโปรดกันได้”

    แม้กับพระพุทธเจ้าเองก็ไม่มียกเว้น...

    Posted by Onnie 🦋
    7/1/68 "...ผู้มีวาสนาต่อกันเท่านั้น จึงจะผูกพันต่อกัน..." คุณเชื่อเรื่องวาสนาต่อกันไหม ทำไมคนบางคนจึงได้เป็นกัลยาณมิตร ต่อกัน ชี้ชวนแนะนำกันไปทำความดี ชวนได้โดยง่ายดาย.. แต่กับอีกหลายคนชวนเท่าไรก็ไม่ไป สอนกล่าวตักเตือนก็ไม่ฟัง ดีกับเขาเขาก็ไม่มีวันดีตอบ กลับคิดว่าเราประสงค์ร้าย ไม่เห็นความหวังดีของเรา ไม่ต้องกังวลเดือดร้อนใจไป ทุกคนมีบุพกรรมของตนเอง ต้องเคยมีปัจจัยผูก ฝ่ายกุศลต่อกัน ก็จะเป็นกัลยาณมิตรกัน พระพุทธเจ้าก็มีสิ่งที่แม้พระองค์ก็ทำไม่ได้ สามอย่างที่บันทึกไว้ในมหายาน สามประการที่ว่าคือ.. 1. ไม่สามารถโปรดสัตว์ที่ไม่มีวาสนาต่อพระองค์ 2. ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกรรมของสัตว์ 3. ไม่สามารถโปรดสัตว์ให้สิ้นได้ . วันหนึ่งพระศากยมุนีพุทธเจ้า กำลังแสดงธรรมอยู่ แล้วทันใดนั้นพระพุทธองค์กล่าวแก่พระอานนท์ว่า “อานนท์เธอเอาถังน้ำใบหนึ่ง ไปเบื้องหน้า ตามทางจะมีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีหญิงชรานางหนึ่งกำลังซักเสื้อผ้าอยู่ ขอน้ำนางกลับมาถังหนึ่ง แต่จำไว้ .. ต้องแสดงกิริยาสุภาพกับนางด้วย” พระอานนท์รับคำ แล้วก็นำถังน้ำเปล่า เดินไปทางที่พระพุทธองค์ทรงบอก คิดในใจว่า เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ไม่ยากเย็นอะไร ก็ไปถึงหมู่บ้านแห่งนั้น เห็นสตรีชราผมขาวนางหนึ่ง กำลังซักผ้าอยู่จริงๆ พระอานนท์จึงกล่าวปิยวาจา ขอน้ำจากหญิงชรานั้นอย่างสุภาพ “แม่เฒ่า แม่เฒ่า ข้าอยากจะขอน้ำสักถังจะได้ไหม” หญิงชรานั้น เมื่อได้เห็นพระอานนท์ เหมือนไม่รู้ไปโกรธใครมา “ไม่ได้หรอก น้ำในบ่อนี้ ใช้ได้แต่คนที่ในหมู่บ้านนี้เท่านั้น คนอื่นห้ามตักเชียวนะ ไม่ให้ๆ” แถมยังไล่พระอานนท์อีกเสียอย่างนั้น พระอานนท์จะอ้อนวอนขอนางอย่างไรก็ไม่เป็นผล พระอานนท์สิ้นหนทาง ก็เดินถือถังเปล่ากลับไป เข้าเฝ้าพระพุทธองค์ แล้วแจ้งความตามที่เกิด พระพุทธองค์ทรงพยักหน้ารับ แล้วบอกให้พระอานนท์นั่งลง แล้วขอให้พระสารีบุตรไปทำแทน พระสารีบุตรก็กล่าวเช่นเดียวกัน “แม่เฒ่า แม่เฒ่า ข้าอยากจะขอน้ำสักถังจะได้ไหม” ก็น่าแปลกใจ สตรีชรานางนั้นเมื่อได้เห็นพระสารีบุตร ก็ทำหน้าเหมือนได้พบกับญาติที่ไม่ได้เจอกันเนิ่นนาน ไม่โกรธ ไม่โวยวาย แถมยังกล่าวตอบด้วยดีๆ “ได้ๆๆ เอาเลย ตามสบายเลยพระคุณเจ้า มาๆ ข้าช่วยท่านตักน้ำดีกว่า” ก่อนที่พระสารีบุตรจะกลับ นางก็กุลีกุจอกลับบ้าน รีบกลับไปเอาสิ่งของมาถวายพระสารีบุตรให้พระสารีบุตร นำกลับไปอีก เมื่อพระสารีบุตรรับน้ำมาถวายพระพุทธเจ้าแล้ว ก็บอกให้พระสารีบุตรนั่งลง พระอานนท์สงสัยเป็นกำลัง จึงได้ทูลถามพระพุทธเจ้า “ด้วยเหตุอะไร จึงเป็นเช่นนี้พระพุทธเจ้าข้า” "ที่นางปฏิบัติกับเจ้าทั้งสองแตกต่างกันเช่นนี้ เพราะในชาติอันล่วงมาแล้ว สตรีชรานางนี้ มีสภาพเป็นเดรัจฉาน เกิดเป็นหนูตัวหนึ่ง แล้วนางก็ตายอยู่บนถนน พระอานนท์ในชาตินั้นเป็นพ่อค้าผ่านทางมา เมื่อได้เห็นซากของหนูตัวนั้นตายอยู่ ในใจของพระอานนท์ก็เกิดความรู้สึกสะอิดสะเอียน เดินเอามือปิดจมูกแล้วจากไป แต่ตรงกันข้ามกับพระสารีบุตร เมื่อพระสารีบุตรได้เห็นซากหนูตัวนั้น ก็ให้บังเกิดจิตเวทนาสงสาร ซ้ำยังเอาซากหนูตัวนั้น ไปฝังกลบอย่างดี เมื่อชาตินี้พวกเจ้าได้พบกันอีกครั้ง สิ่งที่นางปฏิบัติต่อเจ้าทั้งสองจึงมีความแตกต่างกันเช่นนี้" จิตเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เราต้องรอบคอบ ไม่ก้าวล่วงผู้อื่นแม้ความคิด จากมหาปรัชญาปารมิโตปเทศน์ มีบันทึกไว้ว่า .. พระพุทธเจ้าพร้อมพระอานนท์ เดินบิณฑบาต ในเมืองไวศาลี พระอานนท์มองเห็นสตรีนางหนึ่ง ยากจนข้นแค้นเป็นที่น่าสงสาร พระอานนท์ทูลขอให้พระพุทธองค์ไปโปรดนาง พระพุทธองค์ตรัสว่า “เรากับนางไม่มีเหตุปัจจัยผูกต่อกัน ดังนั้นนางก็จะไม่ศรัทธาในเรา เราก็ไม่สามารถที่จะโปรดนางได้” พระอานนท์รบเร้าอยู่ถึงสามครั้ง พระพุทธเจ้าจึงดำเนินไปหานาง เมื่อยืนต่อหน้านาง สตรีนางนั้นก็กลับหันหลัง ไม่สนใจพระพุทธเจ้า ไม่ว่าพระองค์จะเดินไปต่อหน้านางกี่ครั้ง นางก็จะหันหลังให้กับพระองค์ทุกครั้ง แม้พระพุทธองค์จะใช้ฤทธิ์ให้พระกาย ปรากฏขึ้นทั้งสี่ทิศพร้อมกัน สตรีนางนั้นก็ปิดตาเสีย ไม่มอง ไม่สนใจพระองค์ พระอานนท์จังได้ประจักษ์แก่คำพูดของพระพุทธเจ้าที่ว่า ... “หากไร้วาสนา ไร้ปัจจัยผูกพันต่อกัน ไม่สามารถโปรดกันได้” แม้กับพระพุทธเจ้าเองก็ไม่มียกเว้น... Posted by Onnie 🦋
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 219 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจ้าหน้าที่สอบสวนในเมืองนิวออร์ลีนส์เร่งหาแรงจูงใจที่ทำให้อดีตทหารอเมริกันขับรถบรรทุกติดธงไอเอส พุ่งเข้าใส่ฝูงชนที่กำลังฉลองปีใหม่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 15 คน และบาดเจ็บ 30 คน ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะเสียชีวิตระหว่างยิงสู้กับตำรวจ นอกจากนั้น ยังมีการตรวจสอบหาความเชื่อมโยงระหว่างเหตุการณ์นี้กับกรณีที่ไซเบอร์ทรัค รถกระบะไฟฟ้าจากค่ายเทสลาของอีลอน มัสก์ ระเบิดที่บริเวณหน้าโรงแรมของโดนัลด์ ทรัมป์ ในนครลาสเวกัส ซึ่งเกิดขึ้นในเวลาห่างกันไม่กี่ชั่วโมง
    .
    สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ระบุว่า ผู้ก่อเหตุในนิวออร์ลีนส์เมื่อวันพุธ (1 ม.ค.) มีชื่อว่า ชัมซุด-ดิน จับบาร์ วัย 42 ปี เป็นพลเมืองอเมริกันจากรัฐเทกซัส และเคยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีของกองทัพสหรัฐฯ
    .
    ขณะที่ แอนน์ เคิร์กแพทริก ผู้บัญชาการตำรวจนครนิวออร์ลีนส์ ระบุว่า จับบาร์เป็น “ผู้ก่อการร้าย” โดยที่เอฟบีไอก็เสริมว่า รถที่คนร้ายผู้นี้ใช้ก่อเหตุมีธงไอเอส (IS ย่อมาจาก Islamic State กลุ่มผู้ก่อการร้าย “รัฐอิสลาม” หรือ “ไอเอส”) ติดอยู่
    .
    ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประณามการโจมตีดังกล่าวว่า “น่ารังเกียจ” และระบุว่า ก่อนก่อเหตุไม่กี่ชั่วโมง จับบาร์โพสต์วิดีโอประกาศว่า เขาได้แรงบันดาลใจจากไอเอส
    .
    นอกจากนั้น ไบเดน เสริมว่า หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายกำลังสอบสวนว่า เหตุการณ์นี้มีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่รถกระบะไซเบอร์ทรัค ซึ่งผลิตจากค่ายเทสลา เกิดระเบิดขึ้นขณะจอดอยู่หน้าโรงแรมของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในเมืองลาสเวกัส ทำให้คนที่อยู่ภายในรถเสียชีวิต 1 คนไปหรือไม่ แต่เขาก็ตั้งข้อสังเกตว่า ในเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงใดๆ
    .
    สำหรับกรณีซึ่งเกิดขึ้นที่นิวออร์ลีนส์นั้น อเลเธีย ดันแคน เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ เผยว่า ทางเจ้าหน้าที่กำลังออกติดตามล่าหาผู้สมรู้ร่วมคิด เนื่องจากไม่เชื่อว่า จับบาร์ลงมือคนเดียว และเอฟบีไอได้ออกหมายค้นทั้งในนิวออร์ลีนส์ ซึ่งอยู่ในรัฐลุยเซียนา ตลอดจนในเขตรัฐอื่นๆ แล้ว
    .
    ทั้งนี้ ตำรวจระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในย่านเฟรนช์ควอเตอร์ อันมีชื่อเสียงของนิวออร์ลีนส์ เมื่อเวลาประมาณ 3.15 น. ของวันพุธ (1 ม.ค.) ขณะที่คนมากมายกำลังฉลองปีใหม่ โดยผู้ต้องสงสัยขับกระบะไฟฟ้าฟอร์ด เอฟ-150 สีขาวมาด้วยความเร็วสูงและไล่ชนคนก่อนหลบหนีไป แต่สุดท้ายเสียชีวิตระหว่างยิงต่อสู้กับตำรวจ โดยมีตำรวจ 2 นายได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้น ตำรวจตรวจค้นพบธงไอเอสในรถ ตลอดจนพบระเบิดทำเอง 2 ลูกอีกด้วย
    .
    เคิร์กแพทริกระบุว่า พฤติการณ์ของจับบาร์ เป็นความพยายามไล่พุ่งชนคนให้ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิต 15 คน และบาดเจ็บ 30 คน
    .
    ทางด้านกระทรวงกลาโหมเผยว่า จับบาร์เคยรับหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญในฝ่ายทรัพยากรบุคคลและผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีระหว่างปี 2007-2015 ก่อนเข้าเป็นทหารกองหนุนจนถึงปี 2020
    .
    โฆษกกองทัพเสริมว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้เคยถูกส่งไปอัฟกานิสถานระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2009 จนถึงเดือนมกราคม 2010
    .
    แม้ยังไม่พบว่า เหตุการณ์นี้กับเหตุไซเบอร์ทรัคระเบิดที่ลาสเวกัสเชื่อมโยงกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ รถทั้งสองคันต่างเป็นรถเช่าซึ่งเช่าผ่าน “ทูโร” ที่เป็นแอปคาร์แชริ่งยอดนิยม
    .
    สำหรับเหตุการณ์ที่ลาสเวกัสนั้น เควิน แมคมาฮิลล์ เจ้าหน้าที่ปกครองของกองบัญชาการตำรวจลาสเวกัส เผยว่า ไซเบอร์ทรัค คันที่เกิดเหตุได้ขับไปจอดหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล โฮเต็ล ลาส เวกัส เมื่อเวลา 8.40 น. ก่อนที่จะเกิดการระเบิดทำให้คนขับเสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 7 คน
    .
    แมคมาฮิลล์เสริมว่า เจ้าหน้าที่พบน้ำมันเบนซิน ถังน้ำมันสำรองสำหรับการตั้งแคมป์ และดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ด้านท้ายรถ
    .
    เจเรมี ชวาร์ตซ์ เจ้าหน้าที่พิเศษของเอฟบีไอที่รับผิดชอบคดีนี้ เผยว่า ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า เป็นการก่อการร้ายหรือไม่ อย่างไรก็ดี เอฟบีไอสามารถระบุตัวคนขับที่เช่ารถคันนี้มาจากโคโลราโดได้แล้ว แต่ยังไม่พร้อมเปิดเผยต่อสาธารณชน
    .
    ทางด้านอีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลา และผู้สนับสนุนสำคัญในการหาเสียงและที่ปรึกษาของทรัมป์ ซึ่งตอนแรกแสดงความสงสัยว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นการก่อการร้าย ได้กลับลำในเวลาต่อมา โดยหันมาเน้นหนักยืนยันว่า เหตุระเบิดไม่ได้เกิดจากความบกพร่องของไซเบอร์ทรัค แต่สามารถยืนยันได้ว่า เกิดจากดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ และ/หรือระเบิดที่อยู่ภายในรถดังกล่าว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000528
    ..............
    Sondhi X
    เจ้าหน้าที่สอบสวนในเมืองนิวออร์ลีนส์เร่งหาแรงจูงใจที่ทำให้อดีตทหารอเมริกันขับรถบรรทุกติดธงไอเอส พุ่งเข้าใส่ฝูงชนที่กำลังฉลองปีใหม่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 15 คน และบาดเจ็บ 30 คน ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะเสียชีวิตระหว่างยิงสู้กับตำรวจ นอกจากนั้น ยังมีการตรวจสอบหาความเชื่อมโยงระหว่างเหตุการณ์นี้กับกรณีที่ไซเบอร์ทรัค รถกระบะไฟฟ้าจากค่ายเทสลาของอีลอน มัสก์ ระเบิดที่บริเวณหน้าโรงแรมของโดนัลด์ ทรัมป์ ในนครลาสเวกัส ซึ่งเกิดขึ้นในเวลาห่างกันไม่กี่ชั่วโมง . สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ระบุว่า ผู้ก่อเหตุในนิวออร์ลีนส์เมื่อวันพุธ (1 ม.ค.) มีชื่อว่า ชัมซุด-ดิน จับบาร์ วัย 42 ปี เป็นพลเมืองอเมริกันจากรัฐเทกซัส และเคยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีของกองทัพสหรัฐฯ . ขณะที่ แอนน์ เคิร์กแพทริก ผู้บัญชาการตำรวจนครนิวออร์ลีนส์ ระบุว่า จับบาร์เป็น “ผู้ก่อการร้าย” โดยที่เอฟบีไอก็เสริมว่า รถที่คนร้ายผู้นี้ใช้ก่อเหตุมีธงไอเอส (IS ย่อมาจาก Islamic State กลุ่มผู้ก่อการร้าย “รัฐอิสลาม” หรือ “ไอเอส”) ติดอยู่ . ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประณามการโจมตีดังกล่าวว่า “น่ารังเกียจ” และระบุว่า ก่อนก่อเหตุไม่กี่ชั่วโมง จับบาร์โพสต์วิดีโอประกาศว่า เขาได้แรงบันดาลใจจากไอเอส . นอกจากนั้น ไบเดน เสริมว่า หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายกำลังสอบสวนว่า เหตุการณ์นี้มีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่รถกระบะไซเบอร์ทรัค ซึ่งผลิตจากค่ายเทสลา เกิดระเบิดขึ้นขณะจอดอยู่หน้าโรงแรมของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในเมืองลาสเวกัส ทำให้คนที่อยู่ภายในรถเสียชีวิต 1 คนไปหรือไม่ แต่เขาก็ตั้งข้อสังเกตว่า ในเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงใดๆ . สำหรับกรณีซึ่งเกิดขึ้นที่นิวออร์ลีนส์นั้น อเลเธีย ดันแคน เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ เผยว่า ทางเจ้าหน้าที่กำลังออกติดตามล่าหาผู้สมรู้ร่วมคิด เนื่องจากไม่เชื่อว่า จับบาร์ลงมือคนเดียว และเอฟบีไอได้ออกหมายค้นทั้งในนิวออร์ลีนส์ ซึ่งอยู่ในรัฐลุยเซียนา ตลอดจนในเขตรัฐอื่นๆ แล้ว . ทั้งนี้ ตำรวจระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในย่านเฟรนช์ควอเตอร์ อันมีชื่อเสียงของนิวออร์ลีนส์ เมื่อเวลาประมาณ 3.15 น. ของวันพุธ (1 ม.ค.) ขณะที่คนมากมายกำลังฉลองปีใหม่ โดยผู้ต้องสงสัยขับกระบะไฟฟ้าฟอร์ด เอฟ-150 สีขาวมาด้วยความเร็วสูงและไล่ชนคนก่อนหลบหนีไป แต่สุดท้ายเสียชีวิตระหว่างยิงต่อสู้กับตำรวจ โดยมีตำรวจ 2 นายได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้น ตำรวจตรวจค้นพบธงไอเอสในรถ ตลอดจนพบระเบิดทำเอง 2 ลูกอีกด้วย . เคิร์กแพทริกระบุว่า พฤติการณ์ของจับบาร์ เป็นความพยายามไล่พุ่งชนคนให้ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิต 15 คน และบาดเจ็บ 30 คน . ทางด้านกระทรวงกลาโหมเผยว่า จับบาร์เคยรับหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญในฝ่ายทรัพยากรบุคคลและผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีระหว่างปี 2007-2015 ก่อนเข้าเป็นทหารกองหนุนจนถึงปี 2020 . โฆษกกองทัพเสริมว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้เคยถูกส่งไปอัฟกานิสถานระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2009 จนถึงเดือนมกราคม 2010 . แม้ยังไม่พบว่า เหตุการณ์นี้กับเหตุไซเบอร์ทรัคระเบิดที่ลาสเวกัสเชื่อมโยงกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ รถทั้งสองคันต่างเป็นรถเช่าซึ่งเช่าผ่าน “ทูโร” ที่เป็นแอปคาร์แชริ่งยอดนิยม . สำหรับเหตุการณ์ที่ลาสเวกัสนั้น เควิน แมคมาฮิลล์ เจ้าหน้าที่ปกครองของกองบัญชาการตำรวจลาสเวกัส เผยว่า ไซเบอร์ทรัค คันที่เกิดเหตุได้ขับไปจอดหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล โฮเต็ล ลาส เวกัส เมื่อเวลา 8.40 น. ก่อนที่จะเกิดการระเบิดทำให้คนขับเสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 7 คน . แมคมาฮิลล์เสริมว่า เจ้าหน้าที่พบน้ำมันเบนซิน ถังน้ำมันสำรองสำหรับการตั้งแคมป์ และดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ด้านท้ายรถ . เจเรมี ชวาร์ตซ์ เจ้าหน้าที่พิเศษของเอฟบีไอที่รับผิดชอบคดีนี้ เผยว่า ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า เป็นการก่อการร้ายหรือไม่ อย่างไรก็ดี เอฟบีไอสามารถระบุตัวคนขับที่เช่ารถคันนี้มาจากโคโลราโดได้แล้ว แต่ยังไม่พร้อมเปิดเผยต่อสาธารณชน . ทางด้านอีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลา และผู้สนับสนุนสำคัญในการหาเสียงและที่ปรึกษาของทรัมป์ ซึ่งตอนแรกแสดงความสงสัยว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นการก่อการร้าย ได้กลับลำในเวลาต่อมา โดยหันมาเน้นหนักยืนยันว่า เหตุระเบิดไม่ได้เกิดจากความบกพร่องของไซเบอร์ทรัค แต่สามารถยืนยันได้ว่า เกิดจากดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ และ/หรือระเบิดที่อยู่ภายในรถดังกล่าว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000528 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1458 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/watch?v=qY3HaW5lkqs
    บทสนทนาเช่ารถยนต์
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาเช่ารถยนต์
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #เช่ารถ

    The conversations from the clip :

    Tourist: Hello, I’d like to rent a car for my trip.
    Staff: Sure! How long will you need the car for?
    Tourist: I’ll need it for three days. Do you have any compact cars available?
    Staff: Yes, we have compact cars, SUVs, and sedans. What’s your preference?
    Tourist: A compact car will be fine. Can you tell me the daily rental rate?
    Staff: The compact car costs 1,050 THB per day. Would you like full insurance coverage as well?
    Tourist: Yes, please. How much is the insurance?
    Staff: It’s 350 THB per day. So, the total would be 4,200 THB for three days with insurance.
    Tourist: That sounds good. What documents do I need to provide?
    Staff: We’ll need your driver’s license, passport, and a credit card for the deposit.
    Tourist: Here are my documents. Is there a mileage limit for the car?
    Staff: No, there’s unlimited mileage included in the rental.
    Tourist: Great! What about fuel? Should I return the car with a full tank?
    Staff: Yes, please return it with a full tank to avoid extra charges.
    Tourist: Understood. One last question: can I pick up the car now?
    Staff: Of course! Let me finish the paperwork, and the car will be ready in 10 minutes.

    นักท่องเที่ยว: สวัสดีค่ะ ฉันต้องการเช่ารถสำหรับการเดินทางค่ะ
    พนักงาน: ได้เลยครับ! คุณต้องการใช้รถนานแค่ไหนครับ?
    นักท่องเที่ยว: ฉันต้องการใช้รถ 3 วันค่ะ มีรถขนาดเล็กให้เช่าไหมคะ?
    พนักงาน: มีครับ เรามีรถขนาดเล็ก, SUV และซีดาน คุณต้องการแบบไหนครับ?
    นักท่องเที่ยว: รถขนาดเล็กก็พอค่ะ อัตราค่าเช่าต่อวันเท่าไหร่คะ?
    พนักงาน: รถขนาดเล็กราคา 1,050 บาทต่อวันครับ คุณต้องการประกันภัยแบบเต็มด้วยไหมครับ?
    นักท่องเที่ยว: ต้องการค่ะ ประกันภัยราคาเท่าไหร่คะ?
    พนักงาน: ราคา 350 บาทต่อวันครับ รวมทั้งหมดเป็น 4,200 บาทสำหรับ 3 วันพร้อมประกันภัยครับ
    นักท่องเที่ยว: ฟังดูดีค่ะ ฉันต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้างคะ?
    พนักงาน: เราต้องการใบขับขี่ หนังสือเดินทาง และบัตรเครดิตสำหรับมัดจำครับ
    นักท่องเที่ยว: นี่ค่ะเอกสารของฉัน มีการจำกัดระยะทางไหมคะ?
    พนักงาน: ไม่มีครับ รวมระยะทางไม่จำกัดในแพ็กเกจเช่ารถครับ
    นักท่องเที่ยว: ดีมากค่ะ แล้วน้ำมันล่ะคะ ฉันต้องเติมน้ำมันเต็มถังก่อนคืนรถไหม?
    พนักงาน: ใช่ครับ โปรดคืนรถพร้อมน้ำมันเต็มถังเพื่อหลีกเลี่ยงค่าบริการเพิ่มเติมครับ
    นักท่องเที่ยว: เข้าใจแล้วค่ะ ขอถามอีกคำถามนะคะ ฉันสามารถรับรถตอนนี้ได้เลยไหม?
    พนักงาน: ได้เลยครับ! ขอเวลาเตรียมเอกสารสักครู่ รถจะพร้อมใน 10 นาทีครับ

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Rent (เรนท์) v. แปลว่า เช่า
    Trip (ทริป) n. แปลว่า การเดินทาง, ทริป
    Compact car (คอม-แพค คาร์) n. แปลว่า รถยนต์ขนาดเล็ก
    SUV (เอส-ยู-วี) n. แปลว่า รถยนต์อเนกประสงค์ (Sport Utility Vehicle)
    Sedan (เซ-แดน) n. แปลว่า รถยนต์ซีดาน
    Rental rate (เรนทัล เรท) n. แปลว่า อัตราค่าเช่า
    Insurance (อิน-ชัว-แรนซ์) n. แปลว่า ประกันภัย
    Deposit (ดี-พอ-ซิท) n. แปลว่า เงินมัดจำ
    Driver’s license (ไดร์-เวอร์ส ไล-เซินส์) n. แปลว่า ใบขับขี่
    Passport (พาส-พอร์ท) n. แปลว่า หนังสือเดินทาง
    Mileage (ไม-เลจ) n. แปลว่า ระยะทางที่รถขับไป
    Unlimited (อัน-ลิม-มิท) adj. แปลว่า ไม่มีขีดจำกัด
    Fuel (ฟิว-เอล) n. แปลว่า น้ำมัน
    Full tank (ฟูล แทงค์) n. แปลว่า ถังน้ำมันเต็ม
    Paperwork (เพ-เพอร์-เวิร์ค) n. แปลว่า เอกสาร, งานเอกสาร
    https://www.youtube.com/watch?v=qY3HaW5lkqs บทสนทนาเช่ารถยนต์ (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาเช่ารถยนต์ มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #เช่ารถ The conversations from the clip : Tourist: Hello, I’d like to rent a car for my trip. Staff: Sure! How long will you need the car for? Tourist: I’ll need it for three days. Do you have any compact cars available? Staff: Yes, we have compact cars, SUVs, and sedans. What’s your preference? Tourist: A compact car will be fine. Can you tell me the daily rental rate? Staff: The compact car costs 1,050 THB per day. Would you like full insurance coverage as well? Tourist: Yes, please. How much is the insurance? Staff: It’s 350 THB per day. So, the total would be 4,200 THB for three days with insurance. Tourist: That sounds good. What documents do I need to provide? Staff: We’ll need your driver’s license, passport, and a credit card for the deposit. Tourist: Here are my documents. Is there a mileage limit for the car? Staff: No, there’s unlimited mileage included in the rental. Tourist: Great! What about fuel? Should I return the car with a full tank? Staff: Yes, please return it with a full tank to avoid extra charges. Tourist: Understood. One last question: can I pick up the car now? Staff: Of course! Let me finish the paperwork, and the car will be ready in 10 minutes. นักท่องเที่ยว: สวัสดีค่ะ ฉันต้องการเช่ารถสำหรับการเดินทางค่ะ พนักงาน: ได้เลยครับ! คุณต้องการใช้รถนานแค่ไหนครับ? นักท่องเที่ยว: ฉันต้องการใช้รถ 3 วันค่ะ มีรถขนาดเล็กให้เช่าไหมคะ? พนักงาน: มีครับ เรามีรถขนาดเล็ก, SUV และซีดาน คุณต้องการแบบไหนครับ? นักท่องเที่ยว: รถขนาดเล็กก็พอค่ะ อัตราค่าเช่าต่อวันเท่าไหร่คะ? พนักงาน: รถขนาดเล็กราคา 1,050 บาทต่อวันครับ คุณต้องการประกันภัยแบบเต็มด้วยไหมครับ? นักท่องเที่ยว: ต้องการค่ะ ประกันภัยราคาเท่าไหร่คะ? พนักงาน: ราคา 350 บาทต่อวันครับ รวมทั้งหมดเป็น 4,200 บาทสำหรับ 3 วันพร้อมประกันภัยครับ นักท่องเที่ยว: ฟังดูดีค่ะ ฉันต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้างคะ? พนักงาน: เราต้องการใบขับขี่ หนังสือเดินทาง และบัตรเครดิตสำหรับมัดจำครับ นักท่องเที่ยว: นี่ค่ะเอกสารของฉัน มีการจำกัดระยะทางไหมคะ? พนักงาน: ไม่มีครับ รวมระยะทางไม่จำกัดในแพ็กเกจเช่ารถครับ นักท่องเที่ยว: ดีมากค่ะ แล้วน้ำมันล่ะคะ ฉันต้องเติมน้ำมันเต็มถังก่อนคืนรถไหม? พนักงาน: ใช่ครับ โปรดคืนรถพร้อมน้ำมันเต็มถังเพื่อหลีกเลี่ยงค่าบริการเพิ่มเติมครับ นักท่องเที่ยว: เข้าใจแล้วค่ะ ขอถามอีกคำถามนะคะ ฉันสามารถรับรถตอนนี้ได้เลยไหม? พนักงาน: ได้เลยครับ! ขอเวลาเตรียมเอกสารสักครู่ รถจะพร้อมใน 10 นาทีครับ Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Rent (เรนท์) v. แปลว่า เช่า Trip (ทริป) n. แปลว่า การเดินทาง, ทริป Compact car (คอม-แพค คาร์) n. แปลว่า รถยนต์ขนาดเล็ก SUV (เอส-ยู-วี) n. แปลว่า รถยนต์อเนกประสงค์ (Sport Utility Vehicle) Sedan (เซ-แดน) n. แปลว่า รถยนต์ซีดาน Rental rate (เรนทัล เรท) n. แปลว่า อัตราค่าเช่า Insurance (อิน-ชัว-แรนซ์) n. แปลว่า ประกันภัย Deposit (ดี-พอ-ซิท) n. แปลว่า เงินมัดจำ Driver’s license (ไดร์-เวอร์ส ไล-เซินส์) n. แปลว่า ใบขับขี่ Passport (พาส-พอร์ท) n. แปลว่า หนังสือเดินทาง Mileage (ไม-เลจ) n. แปลว่า ระยะทางที่รถขับไป Unlimited (อัน-ลิม-มิท) adj. แปลว่า ไม่มีขีดจำกัด Fuel (ฟิว-เอล) n. แปลว่า น้ำมัน Full tank (ฟูล แทงค์) n. แปลว่า ถังน้ำมันเต็ม Paperwork (เพ-เพอร์-เวิร์ค) n. แปลว่า เอกสาร, งานเอกสาร
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 495 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประมวลภาพ : พิธีฌาปนกิจ "โสภณ องค์การณ์" สื่อมวลชนอาวุโส เผยฝากให้ช่วยกันดูแลบ้านเมือง

    บุคคลในแวดวงสื่อมวลชน นักการเมือง นักธุรกิจ และแฟนคลับแห่เข้าร่วมพิธีฌาปนกิจ ส่งดวงวิญญาณ "โสภณ องค์การณ์" เป็นครั้งสุดท้าย เผยฝากให้ช่วยกันดูแลบ้านเมือง ไม่ว่าใครจะมาใครจะไป ชี้สื่อมวลชนไม่มีวันเกษียณ สิ่งที่ต้องมีคือความน่าเชื่อถือ

    29 ตุลาคม 2567- ที่วัดโสมนัสราชวรวิหาร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ ได้มีพิธีฌาปนกิจ นายโสภณ องค์การณ์ สื่อมวลชนอาวุโส อดีตบรรณาธิการบริหาร และผู้ดำเนินรายการ สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมนิวส์วัน ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 ต.ค. ที่สถาบันประสาทวิทยา ถนนราชวิถี กรุงเทพฯ ด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตกที่ก้านสมอง รวมอายุได้ 75 ปี โดยมีบุคคลในแวดวงสื่อมวลชน นักการเมือง นักธุรกิจ เพื่อนร่วมงานทั้งในอดีตและปัจจุบัน รวมทั้งแฟนคลับที่ติดตามผลงานทั้งทางโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์ เข้าร่วมพิธีฌาปนกิจอย่างเนืองแน่น เพื่อร่วมกันส่งดวงวิญญาณของนายโสภณเป็นครั้งสุดท้าย

    ภายในงานมีพิธีทอดผ้าบังสกุล อาทิ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการ นายธะนาชัย ธีรพัฒนวงศ์ อดีตประธานกรรมการเครือเนชั่น นายเทพชัย หย่อง อดีตนายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และอดีตบรรณาธิการบริหารเครือเนชั่น นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต สว.กรุงเทพมหานคร นายเกียรติ สิทธิอมร อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต น.ส.สุดากาญจน์ กลีบบัว กรรมการบริหาร บริษัท พี.อี. คอนเทนเนอร์ ผู้ผลิตและจำหน่ายถังน้ำตราดอกบัว และนายพันเทพ ชวาลา เป็นต้น

    ที่มา
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000104288

    #Thaitimes
    ประมวลภาพ : พิธีฌาปนกิจ "โสภณ องค์การณ์" สื่อมวลชนอาวุโส เผยฝากให้ช่วยกันดูแลบ้านเมือง • บุคคลในแวดวงสื่อมวลชน นักการเมือง นักธุรกิจ และแฟนคลับแห่เข้าร่วมพิธีฌาปนกิจ ส่งดวงวิญญาณ "โสภณ องค์การณ์" เป็นครั้งสุดท้าย เผยฝากให้ช่วยกันดูแลบ้านเมือง ไม่ว่าใครจะมาใครจะไป ชี้สื่อมวลชนไม่มีวันเกษียณ สิ่งที่ต้องมีคือความน่าเชื่อถือ • 29 ตุลาคม 2567- ที่วัดโสมนัสราชวรวิหาร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ ได้มีพิธีฌาปนกิจ นายโสภณ องค์การณ์ สื่อมวลชนอาวุโส อดีตบรรณาธิการบริหาร และผู้ดำเนินรายการ สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมนิวส์วัน ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 ต.ค. ที่สถาบันประสาทวิทยา ถนนราชวิถี กรุงเทพฯ ด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตกที่ก้านสมอง รวมอายุได้ 75 ปี โดยมีบุคคลในแวดวงสื่อมวลชน นักการเมือง นักธุรกิจ เพื่อนร่วมงานทั้งในอดีตและปัจจุบัน รวมทั้งแฟนคลับที่ติดตามผลงานทั้งทางโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์ เข้าร่วมพิธีฌาปนกิจอย่างเนืองแน่น เพื่อร่วมกันส่งดวงวิญญาณของนายโสภณเป็นครั้งสุดท้าย • ภายในงานมีพิธีทอดผ้าบังสกุล อาทิ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการ นายธะนาชัย ธีรพัฒนวงศ์ อดีตประธานกรรมการเครือเนชั่น นายเทพชัย หย่อง อดีตนายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และอดีตบรรณาธิการบริหารเครือเนชั่น นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต สว.กรุงเทพมหานคร นายเกียรติ สิทธิอมร อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต น.ส.สุดากาญจน์ กลีบบัว กรรมการบริหาร บริษัท พี.อี. คอนเทนเนอร์ ผู้ผลิตและจำหน่ายถังน้ำตราดอกบัว และนายพันเทพ ชวาลา เป็นต้น • ที่มา https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000104288 #Thaitimes
    MGRONLINE.COM
    ฌาปนกิจ "โสภณ องค์การณ์" สื่อมวลชนอาวุโส เผยฝากให้ช่วยกันดูแลบ้านเมือง
    บุคคลในแวดวงสื่อมวลชน นักการเมือง นักธุรกิจ และแฟนคลับแห่เข้าร่วมพิธีฌาปนกิจ ส่งดวงวิญญาณ โสภณ องค์การณ์ เป็นครั้งสุดท้าย เผยฝากให้ช่วยกันดูแลบ้านเมือง ไม่ว่าใครจะมาใครจะไป ชี้สื่อมวลชนไม่มีวันเกษียณ สิ่งที่ต้องมีคือความน่าเชื่อ
    Sad
    Like
    Love
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1020 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประมวลภาพ : ฌาปนกิจ "โสภณ องค์การณ์" สื่อมวลชนอาวุโส เผยฝากให้ช่วยกันดูแลบ้านเมือง

    บุคคลในแวดวงสื่อมวลชน นักการเมือง นักธุรกิจ และแฟนคลับแห่เข้าร่วมพิธีฌาปนกิจ ส่งดวงวิญญาณ "โสภณ องค์การณ์" เป็นครั้งสุดท้าย เผยฝากให้ช่วยกันดูแลบ้านเมือง ไม่ว่าใครจะมาใครจะไป ชี้สื่อมวลชนไม่มีวันเกษียณ สิ่งที่ต้องมีคือความน่าเชื่อถือ

    วันนี้ (29 ต.ค.) ที่วัดโสมนัสราชวรวิหาร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ ได้มีพิธีฌาปนกิจ นายโสภณ องค์การณ์ สื่อมวลชนอาวุโส อดีตบรรณาธิการบริหาร และผู้ดำเนินรายการ สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมนิวส์วัน ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 ต.ค. ที่สถาบันประสาทวิทยา ถนนราชวิถี กรุงเทพฯ ด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตกที่ก้านสมอง รวมอายุได้ 75 ปี โดยมีบุคคลในแวดวงสื่อมวลชน นักการเมือง นักธุรกิจ เพื่อนร่วมงานทั้งในอดีตและปัจจุบัน รวมทั้งแฟนคลับที่ติดตามผลงานทั้งทางโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์ เข้าร่วมพิธีฌาปนกิจอย่างเนืองแน่น เพื่อร่วมกันส่งดวงวิญญาณของนายโสภณเป็นครั้งสุดท้าย

    ภายในงานมีพิธีทอดผ้าบังสกุล อาทิ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการ นายธะนาชัย ธีรพัฒนวงศ์ อดีตประธานกรรมการเครือเนชั่น นายเทพชัย หย่อง อดีตนายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และอดีตบรรณาธิการบริหารเครือเนชั่น นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต สว.กรุงเทพมหานคร นายเกียรติ สิทธีอมร อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต น.ส.สุดากาญจน์ กลีบบัว กรรมการบริหาร บริษัท พี.อี. คอนเทนเนอร์ ผู้ผลิตและจำหน่ายถังน้ำตราดอกบัว นายพันเทพ ชวาลา เป็นต้น

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000104288

    #MGROnline #โสภณองค์การณ์
    ประมวลภาพ : ฌาปนกิจ "โสภณ องค์การณ์" สื่อมวลชนอาวุโส เผยฝากให้ช่วยกันดูแลบ้านเมือง • บุคคลในแวดวงสื่อมวลชน นักการเมือง นักธุรกิจ และแฟนคลับแห่เข้าร่วมพิธีฌาปนกิจ ส่งดวงวิญญาณ "โสภณ องค์การณ์" เป็นครั้งสุดท้าย เผยฝากให้ช่วยกันดูแลบ้านเมือง ไม่ว่าใครจะมาใครจะไป ชี้สื่อมวลชนไม่มีวันเกษียณ สิ่งที่ต้องมีคือความน่าเชื่อถือ • วันนี้ (29 ต.ค.) ที่วัดโสมนัสราชวรวิหาร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ ได้มีพิธีฌาปนกิจ นายโสภณ องค์การณ์ สื่อมวลชนอาวุโส อดีตบรรณาธิการบริหาร และผู้ดำเนินรายการ สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมนิวส์วัน ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 ต.ค. ที่สถาบันประสาทวิทยา ถนนราชวิถี กรุงเทพฯ ด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตกที่ก้านสมอง รวมอายุได้ 75 ปี โดยมีบุคคลในแวดวงสื่อมวลชน นักการเมือง นักธุรกิจ เพื่อนร่วมงานทั้งในอดีตและปัจจุบัน รวมทั้งแฟนคลับที่ติดตามผลงานทั้งทางโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์ เข้าร่วมพิธีฌาปนกิจอย่างเนืองแน่น เพื่อร่วมกันส่งดวงวิญญาณของนายโสภณเป็นครั้งสุดท้าย • ภายในงานมีพิธีทอดผ้าบังสกุล อาทิ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการ นายธะนาชัย ธีรพัฒนวงศ์ อดีตประธานกรรมการเครือเนชั่น นายเทพชัย หย่อง อดีตนายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และอดีตบรรณาธิการบริหารเครือเนชั่น นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต สว.กรุงเทพมหานคร นายเกียรติ สิทธีอมร อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต น.ส.สุดากาญจน์ กลีบบัว กรรมการบริหาร บริษัท พี.อี. คอนเทนเนอร์ ผู้ผลิตและจำหน่ายถังน้ำตราดอกบัว นายพันเทพ ชวาลา เป็นต้น • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000104288 • #MGROnline #โสภณองค์การณ์
    Love
    Like
    Yay
    Sad
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 736 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ถังน้ำ #แทงค์น้ำ 50 ลิตร #spn
    #rotozon
    #ถังน้ำ #แทงค์น้ำ 50 ลิตร #spn #rotozon
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอแชร์บทความที่คิดว่ามีประโยชน์
    จากเพื่อนผม นพ.จรูญ ปิรยะวราภรณ์ครับ

    _“ความปลอดภัย 🧯 และธุรกิจรถโรงเรียนในสหรัฐ 🚌”
    _ คู่มือการคัดเลือกรถโดยสารประจำทางของสสส
    “ และภาคีเครือข่าย

    ความปลอดภัย 🧯
    และ ธุรกิจรถโรงเรียนในสหรัฐ 🚌

    . . .

    หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า หนึ่งในธุรกิจที่มีกำแพงการแข่งขัน (Barrier of Entry) สูงที่สุดในสหรัฐ คือธุรกิจ “รถโรงเรียน”

    ปัจจุบันมีเด็กกว่า 26 ล้านคนในสหรัฐและแคนาดา ใช้รถโรงเรียนกว่า 5 แสนคัน แต่ส่วนใหญ่ ถูกบริหารโดย 3 บริษัทแค่นั้น (Oligopoly) คือ Blue Bird, Thomas และ IC

    เงินรายได้ส่วนหนึ่ง มาจากการสนับสนุนของภาครัฐ ซึ่งทำให้รถโรงเรียน ต้องผ่านข้อบังคับที่เข้มข้นมากมาย และต้องมีการออกแบบพิเศษ ที่ "ปลอดภัยสูงกว่า" รถโดยสารปกติ เช่น

    . . .

    1/ การออกแบบ

    - ตัวถังสีเหลืองเฉพาะ "National School Bus Glossy Yellow" เพื่อให้แยกแยะได้ชัดเจน มองเห็นได้ง่าย ในทุกสภาพอากาศ

    - มีแขนหยุดและไฟกระพริบ ใช้แจ้งให้ผู้ขับขี่อื่นๆหยุดรถ เมื่อเด็กๆ กำลังเดินขึ้นหรือลง

    - มีพนักพิงสูงและการแบ่งพื้นที่ ป้องกันเด็กในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ เรียกว่า “Compartmentalization"

    - รถสมัยใหม่ มีระบบติดตาม GPS ผ่านแอปพลิเคชัน และแจ้งเตือนผู้ปกครอง เมื่อรถใกล้ถึงจุดรับส่ง

    - มีกล้อง เพื่อตรวจตราติดตามพฤติกรรม ของนักเรียนและคนขับ และช่วยสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    . . .

    2/ การป้องกันไฟไหม้ 🧯

    - ภายในใช้วัสดุกันไฟ เพื่อชะลอการแพร่กระจายของไฟ

    - มีระบบดับไฟอัตโนมัติ และระบบป้องกันการลุกไหม้ของถังน้ำมันเชื้อเพลิง

    - ติดตั้งทางออกฉุกเฉินหลายแห่ง เช่น ประตูหลัง ช่องหลังคา และหน้าต่างด้านข้าง เพื่อให้เด็ก ๆ สามารถออกจากรถได้อย่างรวดเร็วในกรณีฉุกเฉิน

    . . .

    3/ ข้อบังคับ

    - มีมาตรฐานความปลอดภัยของยานยนต์ (FMVSS) ที่เฉพาะเจาะจง เช่น การป้องกันการชน มาตรฐานการเบรก และความแข็งแรงของโครงสร้าง ซึ่งเข้มงวดกว่า และถูกตรวจสอบบ่อยครั้งกว่ารถโดยสารปกติ

    - มีการฝึกอบรมคนขับอย่างละเอียด วิธีการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน การตรวจสอบประวัติอาชญากรรม ต้องมีใบขับขี่เชิงพาณิชย์พิเศษ

    . . .

    4/ การใช้พลังงานสะอาด

    เพิ่งเริ่มสนับสนุนอย่างชัดเจนตั้งแต่ปี 2021 โดยรัฐบาลสนับสนุนงบถึง $5b ใน 5 ปี ในการทยอยเปลี่ยนรถโรงเรียนให้เป็น Zero-emission เพื่อลดการปล่อยมลพิษ ลดเสียงรบกวน และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

    ซึ่งรถโรงเรียน ที่ส่วนมาก มีเวลาและเส้นทางการวิ่งที่แน่นอน และเวลาจอดพักนานกว่าปกติ จึงเหมาะกับการใช้งานรถไฟฟ้ามาก

    . . .

    ด้วยมาตราฐานสูง และการตรวจสอบที่เข้มงวดที่สุด ในรอบเกือบ 100 ปี ธุรกิจรถโรงเรียนในสหรัฐ จึงมีเพียงผู้เล่นเพียงไม่กี่ราย ที่ผ่านคุณสมบัติ

    ซึ่งไม่ว่ารายไหน สิ่งสำคัญที่สุดอันดับหนึ่ง คือ ความปลอดภัยของเด็กนักเรียนครับ

    “For school bus business, safety is always the number one priority”

    #MoneyDisruptor
    ขอแชร์บทความที่คิดว่ามีประโยชน์ จากเพื่อนผม นพ.จรูญ ปิรยะวราภรณ์ครับ _“ความปลอดภัย 🧯 และธุรกิจรถโรงเรียนในสหรัฐ 🚌” _ คู่มือการคัดเลือกรถโดยสารประจำทางของสสส “ และภาคีเครือข่าย ความปลอดภัย 🧯 และ ธุรกิจรถโรงเรียนในสหรัฐ 🚌 . . . หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า หนึ่งในธุรกิจที่มีกำแพงการแข่งขัน (Barrier of Entry) สูงที่สุดในสหรัฐ คือธุรกิจ “รถโรงเรียน” ปัจจุบันมีเด็กกว่า 26 ล้านคนในสหรัฐและแคนาดา ใช้รถโรงเรียนกว่า 5 แสนคัน แต่ส่วนใหญ่ ถูกบริหารโดย 3 บริษัทแค่นั้น (Oligopoly) คือ Blue Bird, Thomas และ IC เงินรายได้ส่วนหนึ่ง มาจากการสนับสนุนของภาครัฐ ซึ่งทำให้รถโรงเรียน ต้องผ่านข้อบังคับที่เข้มข้นมากมาย และต้องมีการออกแบบพิเศษ ที่ "ปลอดภัยสูงกว่า" รถโดยสารปกติ เช่น . . . 1/ การออกแบบ - ตัวถังสีเหลืองเฉพาะ "National School Bus Glossy Yellow" เพื่อให้แยกแยะได้ชัดเจน มองเห็นได้ง่าย ในทุกสภาพอากาศ - มีแขนหยุดและไฟกระพริบ ใช้แจ้งให้ผู้ขับขี่อื่นๆหยุดรถ เมื่อเด็กๆ กำลังเดินขึ้นหรือลง - มีพนักพิงสูงและการแบ่งพื้นที่ ป้องกันเด็กในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ เรียกว่า “Compartmentalization" - รถสมัยใหม่ มีระบบติดตาม GPS ผ่านแอปพลิเคชัน และแจ้งเตือนผู้ปกครอง เมื่อรถใกล้ถึงจุดรับส่ง - มีกล้อง เพื่อตรวจตราติดตามพฤติกรรม ของนักเรียนและคนขับ และช่วยสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น . . . 2/ การป้องกันไฟไหม้ 🧯 - ภายในใช้วัสดุกันไฟ เพื่อชะลอการแพร่กระจายของไฟ - มีระบบดับไฟอัตโนมัติ และระบบป้องกันการลุกไหม้ของถังน้ำมันเชื้อเพลิง - ติดตั้งทางออกฉุกเฉินหลายแห่ง เช่น ประตูหลัง ช่องหลังคา และหน้าต่างด้านข้าง เพื่อให้เด็ก ๆ สามารถออกจากรถได้อย่างรวดเร็วในกรณีฉุกเฉิน . . . 3/ ข้อบังคับ - มีมาตรฐานความปลอดภัยของยานยนต์ (FMVSS) ที่เฉพาะเจาะจง เช่น การป้องกันการชน มาตรฐานการเบรก และความแข็งแรงของโครงสร้าง ซึ่งเข้มงวดกว่า และถูกตรวจสอบบ่อยครั้งกว่ารถโดยสารปกติ - มีการฝึกอบรมคนขับอย่างละเอียด วิธีการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน การตรวจสอบประวัติอาชญากรรม ต้องมีใบขับขี่เชิงพาณิชย์พิเศษ . . . 4/ การใช้พลังงานสะอาด เพิ่งเริ่มสนับสนุนอย่างชัดเจนตั้งแต่ปี 2021 โดยรัฐบาลสนับสนุนงบถึง $5b ใน 5 ปี ในการทยอยเปลี่ยนรถโรงเรียนให้เป็น Zero-emission เพื่อลดการปล่อยมลพิษ ลดเสียงรบกวน และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งรถโรงเรียน ที่ส่วนมาก มีเวลาและเส้นทางการวิ่งที่แน่นอน และเวลาจอดพักนานกว่าปกติ จึงเหมาะกับการใช้งานรถไฟฟ้ามาก . . . ด้วยมาตราฐานสูง และการตรวจสอบที่เข้มงวดที่สุด ในรอบเกือบ 100 ปี ธุรกิจรถโรงเรียนในสหรัฐ จึงมีเพียงผู้เล่นเพียงไม่กี่ราย ที่ผ่านคุณสมบัติ ซึ่งไม่ว่ารายไหน สิ่งสำคัญที่สุดอันดับหนึ่ง คือ ความปลอดภัยของเด็กนักเรียนครับ “For school bus business, safety is always the number one priority” #MoneyDisruptor
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 461 มุมมอง 0 รีวิว
  • เยเมน สอยร่วงโดรนเทพสหรัฐ เย้ยอิสราเอล ทิ้งระเบิดถังน้ำมันทิพย์
    ⏩😁 กดที่ลิ้ง/ภาพ👇👇
    https://www.blockdit.com/posts/66fa5dfe00a2f6c0ab629ea2
    เยเมน สอยร่วงโดรนเทพสหรัฐ เย้ยอิสราเอล ทิ้งระเบิดถังน้ำมันทิพย์ ⏩😁 กดที่ลิ้ง/ภาพ👇👇 https://www.blockdit.com/posts/66fa5dfe00a2f6c0ab629ea2
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • ㊗️🏮มาแล้ว จากโป๊ยเซียน
    📌“จงอ่านเนื้อเรื่องแล้วเดาว่าเป็นงานของนักเขียนจีนท่านไหนของห้องสมุด!”

    .
    เริ่ม!!!

    -------------

    .
    📌 อากาศเดือนแปดร้อนอบอ้าวตลอดทั้งวัน มีแต่ตอนกลางคืนเท่านั้นถึงจะเย็นสบายขึ้นบ้าง

    ช่วงเวลาที่เงียบสงัด จวนสกุลเฟ่ยคล้ายกับมีม่านหมอกบาง ๆ ปกคลุม รอบจวนเงียบสงัดเสียจนรู้สึกถึงความผิดปกติ
    รอบเรือนใหญ่กลับมีแสงไฟสว่างจ้า ระเบียงทางเดินนอกห้องยังมีคนรับใช้ยืนก้มหน้าก้มตาเงียบ ๆ อยู่เป็นแถวยาว ทุกคนยืนอย่างสงบนิ่ง ไม่มีการพูดคุย ไม่มีการเงยหน้าขึ้นมอง
    ความเงียบเชียบของค่ำคืนนี้ดูคล้ายกับปกติ แต่ก็เหมือนจะไม่ปกติ
    นอกห้องสงบเงียบ แต่ในห้องกลับแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง
    ห้องด้านในมืดสลัว มีสิ่งของตกเกลื่อนบนพื้นห้อง
    เครื่องกระเบื้องที่ตกอยู่บนพื้นแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ยังมีเชิงเทียน ยังมีม้านั่งที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ
    เสียงครางของสตรีผสานไปกับเสียงหายใจหนักหน่วงของบุรุษ ภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นอายราคะอบอวลไปทั่วห้อง
    ร่างของหลี่อันเปียกโชกไปด้วยเหงื่อราวกับชุบตัวอยู่บ่อน้ำ เรือนร่างที่เปลือยเปล่าคุกเข่าโน้มตัวไปด้านหน้าอยู่บนเตียง เสียงหายใจคล้ายติดขัด
    เอวเล็กขาวของเนางถูกรวบอยู่ในฝ่ามือใหญ่ที่แข็งแรงราวกับคีมเหล็ก ร่างกายท่อนล่างถูกรุกรานด้วยท่อนเนื้อขนาดใหญ่จนตัวของนางโน้มตัวไปด้านหน้าเป็นจังหวะ ทรวงอกที่เต็มอิ่มไหวไปตามแรงจนเห็นเป็นเนื้อเคลื่อนไหวเป็นระลอก
    ชายหนุ่มเร่งความเร็วไปตามอารมณ์โดยมิได้ใส่ใจกับเรื่องอื่นใด
    “ช้า ช้าหน่อย ใต้ ใต้เท้า...” เสียงของหลี่อันขาดเป็นห้วง ๆ
    นี่เป็นการสูญเสียพรหมจรรย์ครั้งแรก นางยังรับมือไม่ทันอีกทั้งเขายังไม่ให้โอกาสนางได้ปรับตัวก็ช่วงชิงความบริสุทธิ์ของนางไปแล้ว
    นางบิดตัวด้วยความรู้สึกอึดอัด หวังจะลดความคับแน่นที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่ได้กลับตรงกันข้าม ยิ่งทำให้ชายที่อยู่ด้านหลังเร่งความเร็วในการเคลื่อนตัวอยู่ร่างของนางมากขึ้น
    หลี่อันเปล่งเสียงร้องอย่างตกใจ
    ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งบีบเค้นหน้าอกที่อวบอิ่ม เนื้อหน้าอกที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าจะรวบได้เพียงแค่ฝ่ามือเดียวทะลักไหลออกมาตามง่ามนิ้ว ยอดอกที่ชูชันสัมผัสถูกฝ่ามือหยาบกระด้าง ความเจ็บปวดระคนความเสียวซ่านเหมือนเปลวไฟและน้ำแข็งที่เกิดขึ้นพร้อมกันทำให้ตัวนางบีบรัดสิ่งแปลกปลอมจนทำให้อาวุธที่อยู่ในร่างของนางเคลื่อนตัวได้ลำบาก
    หน้าผากของชายหนุ่มมีเหงื่อเม็ดใหญ่ ๆ ไหลลงมาข้างแก้ม ตกมาถึงสะโพกของหลี่อัน
    เสียงทุ้มห้าวดังคล้ายเสียงเตือน “อย่าเกร็ง”
    หลี่อันหันกลับไปมอง ดวงตาเรียวยาวที่อยู่บนใบหน้าหล่อเหลายามนี้หรี่แคบ ปลายคางและต้นคอเกร็งจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน
    สายตาของหลี่อันเลื่อนลงมาด้านล่าง เหงื่อจากต้นคอไหลลงมาเรื่อย ๆ จนถึงกล้ามเนื้อหน้าท้องที่เห็นเป็นลอนชัดเจน รวมเข้ากับเหงื่อที่อยู่บริเวณนั้นแล้วไหลลงไปรวมกันด้านล่าง
    สีหน้าที่เต็มไปด้วยความปรารถนาและความงดงามของเรือนร่าง กระตุ้นให้หว่างขาของนางชุ่มฉ่ำ หล่อลื่นให้ชายหนุ่มเคลื่อนตัวได้อีกครั้ง
    แรงกระแทกทำให้ร่างของหลี่อันเคลื่อนตัวไปด้านหน้าราวกับปลาที่คิดจะกระโดดขึ้นจากน้ำ ริมฝีปากสีสดเผยอขึ้นเพื่อช่วยให้หายใจได้ดีขึ้น
    ความร้อนระอุที่เกิดขึ้นร้อนจนนางทนไม่ไหว มีน้ำตาเอ่ออยู่ขอบตา มือซ้ายจับผ้าม่านข้างเตียงเอาไว้ แรงดึงทำให้ผ้าม่านขาดติดมือ
    เสียงผ้าขาดถูกกลบด้วยเสียงเนื้อกระทบเนื้อ
    ทั้งร้อนแรงทั้งรุนแรง
    ความรู้สึกเสียวซ่านแผ่กระจายไปทีละน้อย อารมณ์เริ่มดำดิ่งไปกับจังหวะการรุกเข้ารุกออกของคนที่อยู่ด้านหลัง
    เสียงร้องด้วยความสุขสมยามถึงจุดสุดยอดดังออกจากปากหลี่อัน ก่อนร่างของนางจะอ่อนระทวยฟุบลงอยู่บนผ้าห่ม หน้าอกนุ่มนิ่มถูกทับจนแทบจะเปลี่ยนรูป
    การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มทั้งเร็วทั้งแรง จนกระทั่งถึงจุดที่ปลดปล่อยธารร้อนออกมา
    เสียงหายใจแรงของคนทั้งสองดังประสานกัน ส่วนที่ยังประสานกันอยู่ก็ยังคงสอดประสานกันอยู่
    หลี่อันรู้สึกสมองว่างเปล่าไปชั่วขณะก่อนเริ่มรู้สึกตัว นางดีใจที่ยุติเสียที ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป นางคิดว่าตัวเองคงถูกหามออกไปเป็นแน่
    แต่นางมิได้สังเกตถึงชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลัง ว่าสายตาของเขาจับจ้องยู่ที่สะโพกกลมกลึงที่ยามนี้เป็นสีแดงเข้ม ก่อนเลื่อนสายตามองยังส่วนที่ยังประสานกันอยู่
    หลี่อันสะดุ้งเฮือก เมื่อรับรู้ได้ถึงงสิ่งที่ยังอยู่ในร่างของนางเริ่มพองตัวขึ้นอีกครั้ง
    แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว เอวบางถูกมือสองข้างรวบเอาไว้ ก่อนจับตัวนางยกสูง บริเวณอ่อนนุ่มที่เพิ่งรับศึกหนักไปเมื่อครู่ ถูกท่อนเนื้อแข็งแรงดันเข้ามาด้านในอีกครั้ง
    “ใต้ ใต้เท้า ไม่ ไม่ ข้าน้อย ไม่ไหวแล้ว...” นางพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะไร้เรี่ยวแรง อีกทั้งสั่นเครือจนแทบจะฟังไม่เป็นคำ
    แต่ชายหนุ่มมิได้ใส่ใจ ยังคงกระทำไปตามอำเภอใจ เสียงทุ้มห้าวแหบแห้งดังเพียงว่า “ไม่ไหวก็ต้องทน”
    เสียงห้าวทุ้มที่ถูกเค้นออกมานั้นเต็มไปด้วยความเย็นกระด้าง ไร้ความรู้สึกโดยสิ้นเชิง
    หลี่อันได้แต่ส่งเสียงสะอื้นไปตามจังหวะการกระแทก นางก่นด่าคนที่อยู่ด้านหลังไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ความจริงนางอยากจะด่าเขาออกเสียงด้วยซ้ำ
    แต่เมื่อคิดถึงคนที่อยู่ด้านหลังเป็นขุนนางกังฉินที่มีความโหดร้ายอำมหิต เดาความคิดไม่ได้ นางไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่านี้
    นางกลัวเพียงว่า ถ้าด่าออกไป เขาจะจับนางหักคอเสียก่อน ดังนั้นนางกัดริมฝีปากเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้ตัวเองด่าออกไป
    ผ่านไปอย่างนี้สองชั่วยามกว่า กว่าพายุจะสงบลงได้
    ขณะสะลึมสะลือ ไร้เรี่ยวแรง มีเสียงทุ้มห้าวดังขึ้นอย่างไม่ไยดีว่า “เตรียมน้ำ”
    ไม่นานหลังจากนั้นประตูห้องถูกเปิดออก ภายในห้องมืดสลัว มีสาวใช้ถือตะเกียง ยกน้ำเข้ามาในห้อง
    ตะเกียงและถังน้ำถูกวางไว้ดีแล้ว สาวใช้ทั้งหลายถอยออกไปอย่างเงียบกริบ ราวกับไม่เคยมีใครเข้ามาแต่อย่างใด
    เปลวไฟไหวไปมา หลี่อันรับรู้ได้ว่า ชายที่อยู่ด้านหลังลงจากเตียง นางเงยหน้ามองตาม เห็นแผ่นหลังกว้างเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ที่มีเหงื่อจับอยู่เป็นชั้น
    คล้ายกับรับรู้ได้ถึงสายตาที่จับจ้องทำให้ชายหนุ่มหันหลังกลับ
    ใบหน้าของเขาหล่อเหลา หากแววตาเต็มไปด้วยความเย็นกระด้างที่แฝงแววอำมหิต
    หลี่อันรับรู้ได้ถึงแรงกดดันเที่แผ่กระจายออกจากตัวของเขาได้อย่างชัดเจนทำให้นางรีบก้มหน้า หลบตา เปล่งเสียงอ่อน ๆ ขึ้นว่า “ใต้เท้า”
    ชายหนุ่มดึงสายตากลับมา เม้มริมฝีปากเดินออกไปด้านนอก
    เขาเช็ดตัวอย่างลวก ๆ สวมเสื้อผ้าแล้วค่อยออกไปจากห้อง
    ทันทีที่ประตูห้องปิดเข้าหากัน หลี่อันลอบถอนหายใจ ความหวาดหวั่นที่มีอยู่เมื่อครู่หายวับไปทันที
    นางนอนอยู่บนเตียงที่ยุ่งเหยิงอย่างเหม่อลอย ดวงตาจับจ้องอยู่บนเพดานเตียง
    กลิ่นความใคร่ยังอบอวลอยู่ในห้องจนทำให้นางรู้สึกไม่สบายตัว
    หลี่อันแทบไม่มีเรี่ยวแรง เริ่มปวดศีรษะจึงมิได้สนใจกับกลิ่นเหล่านี้ แต่นางรู้สึกอะไรบางอย่างขาดหายไป เป็นสิ่งที่สำคัญมากแต่นางก็นึกไม่ออก
    ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ประตูถูกเปิดออกอีกครั้ง ครั้งนี้มีสาวใช้เข้ามาสองคน
    สาวใช้ทั้งสองเป็นสาวใช้ที่คอยรับใช้ใกล้ชิดหลี่อัน
    สาวใช้หยุดยืนอยู่นอกผ้าม่าน เตือนเบา ๆ ว่า “อนุเก้า ควรกลับเรือนฉงอันได้แล้วเจ้าค่ะ”
    หลี่อันจับผ้าห่มคลุมตัวเอาไว้แล้วลุกขึ้นนั่งปัดผ้าม่านออกอย่างไร้เรี่ยวแรง มองสาวใช้ทั้งสองก่อนออกคำสั่งเสียงแผ่วว่า “ช่วยประคองข้าหน่อย”
    สาวใช้ทั้งสองเข้ามาประคอง เมื่อเห็นจ้ำแดง ๆ ตามเนื้อตัวของหลี่อันแล้วก็หน้าแดงก่ำ
    พวกนางไม่กล้ามองให้มากกว่านั้น สาวใช้นางหนึ่งเดินไหยิบเสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมา แต่ปรากฏว่าขาดวิ่นจนใส่ไม่ได้ รีบเอ่ยว่า “บ่าวจะกลับไปหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่มาเจ้าค่ะ”
    หลี่อันมองเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งแล้วพลันนึกไปถึงสองชั่วยามก่อนที่นางจะเข้ามาในห้อง
    เวลาก่อนยามหนึ่ง หนึ่งเค่อ พ่อบ้านมาหานางที่เรือนฉงอันอย่างรีบร้อน บอกให้นางไปรับใช้ที่เรือนใหญ่
    พ่อบ้านให้นางเตรียมตัวไม่ถึงหนึ่งเค่อ เดินนำหน้าพานางไปยังเรือนใหญ่
    เมื่อมาถึงก็ให้นางเข้าในห้องที่มืดสลัว
    เมื่อเข้ามาในห้อง นางเห็นสภาพเละเทะบนพื้นได้อย่างเลือนราง
    ไม่เพียงในห้องจะอยู่ในสภาพที่ไม่น่าดู ในความมืดมิดยังมีความรู้สึกที่อึดอัด ยังมีบรรยากาศที่ร้อนระอุแฝงอยู่
    นางเงยหน้ามองสภาพภายในห้องอย่างตั้งใจ จากความมืดมิดเห็นห้องด้านในที่มีม่านทิ้งตัวแบ่งเขตแดนอยู่หลางชั้น เห็นเงาราง ๆ นั่งอยู่ขอบเตียง
    ยังมีเสียงหายใจหนักแรงๆ ดังมาจากหลังผ้าม่านพร้อมกับมีกลิ่นอายบางอย่างที่นางบรรยายไม่ภถูก
    หลี่อันยืนอยู่หน้าผ้าม่านเนื้อบาง ลังเลไปชั่วครู่ก่อนเอ่ยเสียงแผ่วว่า “ใต้เท้า”
    คนที่อยู่ด้านในย่อมไม่อาจเป็นใครอื่นนอกจาก “สามี” ของนาง
    ขุนนางใหญ่ผู้ทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการ อีกทั้งยังเป็นผู้บัญชาการสำนักตุลาการทหาร... เสวียนเฟิง
    ชายที่นั่งอยู่หลังผ้าม่านเงยหน้าขึ้นมองหลี่อัน
    แม้จะมีผ้าม่านขวางอยู่หลายชั้นแต่หลี่อันรับรู้ได้ถึงสายตาร้อนแรงที่มองมา
    แม้สายตานั้นจะร้อนแรงแต่บรรยากาศรอบตัวของเขากลับมีแต่ความเย็นยะเยือกราวกับอยู่ท่ามกลางสายหมอกในเหมันตฤดูอีกทั้งยังมีรังสีอำมหิตแฝงอยู่
    หลี่อันตัวเกร็งด้วยความรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมาทันที
    เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ มีเสียงทุ้มต่ำดังผ่านผ้าม่าน “เข้ามา”
    หลี่อันลังเลไปเล็กน้อยสุดท้ายยังคงปัดผ้าม่านที่ขวางกั้น เข้าไปห้องด้านใน
    แม้นางจะมองเพียงแวบเดียวแต่ก็เข้าใจถึงสถานการณ์ภายในได้เป็นอย่างดี
    ห้องภายในและภายนอกแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ภายนอกมีแต่สิ่งของเกลื่อนพื้น แต่ด้านในกลับสะอาดเรียบร้อย เพียงแต่มีบรรยากาศอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก หลี่อันมิได้สบสายตากับเขา นางหลุบตาเล็กน้อย เห็นแผ่นอกแข็งแรงที่ถูกใต้เสื้อตัวในที่ถูกแหวกออกจนกว้าง …
    เขานั่งแยกขาออกจากกัน วางมือสองข้างที่เห็นเส้นเอ็นเด่นชัดอยู่บนหน้าตัก มีสิ่งหนึ่งที่น่าตระหนกชูชันอยู่เบื้องหน้า
    หลี่อันลอบกลืนน้ำลาย นางไม่กล้าสอดส่ายสายตาไปเรื่อยเปื่อย รีบก้มหน้ามองพื้น
    ทว่าชายที่นั่งอยู่กลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ กับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย
    หลี่อันยืนก้มหน้าอยู่ห่างจากชายผู้นั้นสองก้าว รับรู้ได้ถึงสายตาที่จ้องเขม็งมาที่ร่างของตน
    “เข้าจวนเมื่อใด” เขาถาม
    น้ำเสียงห้าวทุ้มดังกระทบโสตประสาท หลี่อันจำต้องตอบกลับ “เรียนใต้เท้า ข้าน้อยเข้าจวนเมื่อครึ่งปีก่อนเจ้าค่ะ”
    หลังจากตอบคำถามไปแล้ว สิ่งที่ตามมาคือความเงียบงัน
    แม้จะเป็นเวลาเพียงสั้น ๆ แต่กลับยาวนานในความรู้สึก
    หลังจากนั้นไม่นาน ข้อมือของหลี่อันถูกฝ่ามือร้อนระอุดึงเข้ามาอยู่ชิดแผงอกกว้างที่มีเหงื่อออกเต็ม
    ร้อน!
    ไม่ใช่อุณหภูมิที่คนทั่วไปควรจะมี
    แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่หมิ่นเหม่แต่หลี่อันกลับวิเคราะห์ถึงสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน
    ภายในห้องที่อยู่ในสภาพเละเทะนั้น เห็นได้ว่าเป็นฝีมือของเขาผู้นี้ ยังมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและอุณหภูมิที่สูงกว่าปกติ
    หลี่อันคาดเดาอย่างคนใจกล้าอย่างที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ว่า เขาผู้นี้คงถูกคนวางยาปลุกกำหนัดเข้าให้แล้ว
    แต่คนที่มีความระมัดระวังตัวสูงอย่างเสวียนเฟิงเหตุใดจึงตกหลุมพรางได้
    นางยังไม่ทันได้ขบคิดต่อไป เสวียนเฟิงจับข้อมือสองข้างของนางผูกเข้าด้วยกัน
    หลี่อันตกใจ คิดจะขัดขืน หากข้อมือของนางถูกจับเอาไว้แน่
    “อย่าขยับ!” เสียงตวาดดังขึ้น ฝ่ามือที่แข็งแรงข้างหนึ่งเปลี่ยนตำแหน่งมาจับต้นคอของนางแทน
    ความร้อนจากฝ่ามือแข็งแรงทำให้หลี่อันตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าขยับตัวแต่อย่างใด
    เมื่อนึกได้ว่า คนอย่างเสวียนเฟิงไม่เคยให้ใครเข้าใกล้ตัวเขาได้ อีกทั้งยังมีตำแหน่งเป็นขุนนางใหญ่ มีคนลอบสังหารอยู่ตลอดเวลา การกระทำของเขาเช่นนี้แสดงว่าไม่เชื่อใจนาง
    เรื่องที่ตามมาหลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่รู้กัน
    หลี่อันเลื่อนสายตาจากเสื้อผ้าขาดวิ่นที่สาวใช้ถืออยู่ มาดูข้อมือที่ยังรู้สึกเจ็บอยู่ พลางมองไปยังอ่างน้ำอุ่นที่ยังไม่มีใครใช้ภายในห้อง
    จากนั้นออกคำสั่งว่า “พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าจะเช็ดตัวสักหน่อย”
    ห้องนี้มิใช่ห้องนอนของใต้เท้าเสวียน สาวใช้ทั้งสองล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
    หลี่อันปรับลมหายใจอยู่หลายครั้งก่อนลงจากเตียง เดินไปหน้าที่วางอ่างน้ำอย่างเชื่องช้า หยิบผ้าแห้งที่วางอยู่ข้าง ๆ มาชุบน้ำ บิดหมาด ๆ เช็ดร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ตามเนื้อตัวอย่างเบามือ
    ขณะที่เช็ดตัวอยู่นั้น ความคิดของหลี่อันล่องลอยไปไกล
    นี่เป็นประสบการณ์บนเตียงครั้งแรก แต่เหตุใดหลังจากผ่านไปแล้ว นางจึงได้มีความเยือกเย็นได้ถึงเพียงนี้
    หลี่อันเกิดความสงสัยในตัวเองขึ้นมาไม่น้อย
    หรือเพราะก่อนนี้ที่นางอยู่ในหอฟงเยว่ได้รับการอบรมสั่งสอนเกี่ยวกับเรื่องหญิงชายมาโดยเฉพาะ จึงทำให้นางมิได้ตื่นตระหนกมากนัก
    หลี่อันมาจากหอฟงเยว่ที่เป็นสถานเริงรมย์ มีแต่ความต่ำต้อย แต่ว่านางจำอะไรไม่ได้
    สองเดือนก่อน ในงานวันเกิดของเสวียนเฟิง มีคนร้ายเข้ามาลอบสังหารเขา
    เกิดความวุ่นวายภายในงานเลี้ยง สร้างความตื่นกลัวให้กับทุกคนที่อยู่ในงาน มีเพียงเสวียนเฟิงที่นั่งดื่มสุราราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    ส่วนนางถูกใครไม่รู้ผลักจนตกบันไดระหว่างที่ชุลมุนจนศีรษะแตกมีเลือดไหลออกมา จากนั้นเมื่อนางรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งก็จำเรื่องอะไรไม่ได้แล้ว
    นางไม่ได้บอกใครเรื่องที่ตนเองสูญเสียความจำ
    หลี่อันคอยสังเกตดูเหตุการณ์ต่าง ๆ หลังจากผ่านไปอีกหลายวันก็เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้
    อดีตฮ่องเต้สวรรคต ได้แต่งตั้งผู้บัญชาการสำนักงานตุลาการทหารเสวียนเฟิงเป็นขุนนางผู้สำเร็จราชการ
    เสวียนเฟิงที่มีตำแหน่งเป็นผู้สำเร็จราชการมีความเด็ดขาดอำมหิต กุมอำนาจทางการทหารส่วนใหญ่ ดังนั้นขุนนางบุ๋นบู๊ในราชสำนักไม่มีใครไม่เกรงกลัวเขา คนที่คิดจะเอาชีวิตของเขาจึงมีมากมายนับไม่ถ้วน
    ในขณะเดียวกันคนที่คิดจะประจบเอาใจเขาก็มีไม่น้อยเช่นกัน
    คนที่คิดเอาใจเสวียนเฟิงย่อมหนีไม่พ้นการมอบเงินทองของมีค่า ไปจนถึงหญิงงาม
    หลี่อันเป็นหญิงงามที่ถูกผู้ช่วยเจ้าเมืองหวายโจวส่งมาให้เสวียนเฟิงเพื่อประจบเอาใจ ตอนนั้นภายในจวนสกุลเสวียนมีอนุแปดคนแล้ว หลี่อันเป็นคนที่เก้า
    ด้วยอุปนิสัยของเสวียนเฟิง เขาเป็นคนที่มีความระแวง ไม่เข้าใกล้หญิงสาวคนใด อย่าว่าแต่หลี่อัน แม้แต่หญิงงามแปดคนที่อยู่มาก่อนนางก็ยังไม่มีใครได้ร่วมเตียงกับเขามาก่อน
    ไม่ว่าจะเป็นหญิงงามหรือเป็นของมีค่าใด ๆ เสวียนเฟิงไม่เคยปฏิเสธ ดังนั้นคนเหล่านั้นจึงได้ส่งหญิงงาม ส่งสิ่งของให้เสวียนเฟิงด้วยความคิดที่ว่า หญิงงามที่ตนเองส่งให้นั้นเป็นที่สนใจของเขา
    หลังจากหลี่อันความจำเสื่อมจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลาสองเดือน สองเดือนที่ผ่านมา นางเคยพบเสวียนเฟิงครั้งเดียว ส่วนคืนนี้เป็นครั้งที่สอง
    ที่นางถูกเรียกตัวมาพบเขาคืนนี้คงเป็นเพราะสองเดือนก่อนในงานเลี้ยงวันเกิดของเขา ในบรรดาหญิงงามสิบคนที่อยู่ในงานเลี้ยงมีนางเพียงคนเดียวที่หกล้ม ได้รับบาดเจ็บ นางคิดว่าเสวียนเฟิงคงจำนางได้จากเรื่องนั้น
    เมื่อเช็ดตัวดีแล้ว สาวใช้นำเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้
    หลี่อันแต่งตัวเรียบร้อยค่อยออกจากห้อง
    ยามสาม แล้ว ท้องฟ้าเริ่มเห็นแสงรำไร ด้านนอกดูเหมือนจะไร้ผู้คน แต่หลี่อันรับรู้ได้ว่า มิได้มีความเงียบงันเหมือนกับที่เห็นภายนอก
    สาวใช้ประคองตัวนางเดินออกมาที่ระเบียงทางเดิน ก่อนลงบันไดหินอย่างเชื่องช้า
    ท้องฟ้ายังไม่สว่างดี ทำให้อากาศภายนอกค่อนข้างเย็น สาวใช้คนหนึ่งนำเสื้อคลุมเนื้อบางคลุมบนตัวหลี่อัน
    เมื่อออกจากเรือนใหญ่ สาวใช้ที่ชื่อว่าลวี่หลัวประคองตัวหลี่อัน ส่วนปี้อวี้เดินถือโคมไฟส่องทางอยู่ด้านหน้า
    ลวี่หลัวพ่นลมหายใจออกอย่างระมัดระวังก่อนกระซิบว่า “อนุเก้า ตอนที่บ่าวกลับไปหยิบเสื้อผ้ามาให้ท่าน ได้ให้คนเตรียมน้ำร้อนไว้แล้ว”
    หลี่อันรับคำเบา ๆ น้ำเสียงของนางเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง
    สาวใช้สองคนนี้ถูกส่งมารับใช้หลี่อันตอนที่นางเข้ามาในจวนไม่นาน ทั้งสองคนนี้คอยรับใช้นางได้ครึ่งปีแล้ว
    เดิมทีสาวใช้ทั้งสองมีความตื่นเต้นดีใจที่เจ้านายของตนได้รับใช้ใกล้ชิดใต้เท้าจริง ๆ เป็นคนแรก แต่เมื่อเห็นร่อยรองตามตัวของอนุเก้าแล้ว ความดีใจที่มีมาก่อนหน้านี้ก็หายวับไป
    พวกนางลืมไปเสียสนิทว่า ใต้เท้าเป็นคนที่ไร้ความเมตตา ไร้ความเห็นใจผู้อื่น
    ยามปกติเขาก็เป็นคนน่ากลัวอยู่แล้ว แล้วเรื่องบนเตียงจะไม่ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่หรือ!
    คิดไปคิดมา สาวใช้ทั้งสองรู้สึกเสียใจจนน้ำตาคลออยู่ขอบตา
    คืนนี้ อนุเก้าคงจะทรมานไม่น้อย
    ถ้าเกิดต่อไปใต้เท้ายังเรียกหาอนุเก้าอีก นางจะต้องรับความทรมานไปอีกเท่าไร

    ❤️ เป็นไฟล์ดิบแปลสด ยังไม่ผ่านพิสูจน์อักษรคำผิดเพียบ
    ❤️ มีการเปลี่ยนชื่อพระนาง สถานที่ ไม่ให้เดาถูก 555

    .
    ㊗️🏮มาแล้ว จากโป๊ยเซียน 📌“จงอ่านเนื้อเรื่องแล้วเดาว่าเป็นงานของนักเขียนจีนท่านไหนของห้องสมุด!” . เริ่ม!!! ------------- . 📌 อากาศเดือนแปดร้อนอบอ้าวตลอดทั้งวัน มีแต่ตอนกลางคืนเท่านั้นถึงจะเย็นสบายขึ้นบ้าง ช่วงเวลาที่เงียบสงัด จวนสกุลเฟ่ยคล้ายกับมีม่านหมอกบาง ๆ ปกคลุม รอบจวนเงียบสงัดเสียจนรู้สึกถึงความผิดปกติ รอบเรือนใหญ่กลับมีแสงไฟสว่างจ้า ระเบียงทางเดินนอกห้องยังมีคนรับใช้ยืนก้มหน้าก้มตาเงียบ ๆ อยู่เป็นแถวยาว ทุกคนยืนอย่างสงบนิ่ง ไม่มีการพูดคุย ไม่มีการเงยหน้าขึ้นมอง ความเงียบเชียบของค่ำคืนนี้ดูคล้ายกับปกติ แต่ก็เหมือนจะไม่ปกติ นอกห้องสงบเงียบ แต่ในห้องกลับแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง ห้องด้านในมืดสลัว มีสิ่งของตกเกลื่อนบนพื้นห้อง เครื่องกระเบื้องที่ตกอยู่บนพื้นแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ยังมีเชิงเทียน ยังมีม้านั่งที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ เสียงครางของสตรีผสานไปกับเสียงหายใจหนักหน่วงของบุรุษ ภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นอายราคะอบอวลไปทั่วห้อง ร่างของหลี่อันเปียกโชกไปด้วยเหงื่อราวกับชุบตัวอยู่บ่อน้ำ เรือนร่างที่เปลือยเปล่าคุกเข่าโน้มตัวไปด้านหน้าอยู่บนเตียง เสียงหายใจคล้ายติดขัด เอวเล็กขาวของเนางถูกรวบอยู่ในฝ่ามือใหญ่ที่แข็งแรงราวกับคีมเหล็ก ร่างกายท่อนล่างถูกรุกรานด้วยท่อนเนื้อขนาดใหญ่จนตัวของนางโน้มตัวไปด้านหน้าเป็นจังหวะ ทรวงอกที่เต็มอิ่มไหวไปตามแรงจนเห็นเป็นเนื้อเคลื่อนไหวเป็นระลอก ชายหนุ่มเร่งความเร็วไปตามอารมณ์โดยมิได้ใส่ใจกับเรื่องอื่นใด “ช้า ช้าหน่อย ใต้ ใต้เท้า...” เสียงของหลี่อันขาดเป็นห้วง ๆ นี่เป็นการสูญเสียพรหมจรรย์ครั้งแรก นางยังรับมือไม่ทันอีกทั้งเขายังไม่ให้โอกาสนางได้ปรับตัวก็ช่วงชิงความบริสุทธิ์ของนางไปแล้ว นางบิดตัวด้วยความรู้สึกอึดอัด หวังจะลดความคับแน่นที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่ได้กลับตรงกันข้าม ยิ่งทำให้ชายที่อยู่ด้านหลังเร่งความเร็วในการเคลื่อนตัวอยู่ร่างของนางมากขึ้น หลี่อันเปล่งเสียงร้องอย่างตกใจ ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งบีบเค้นหน้าอกที่อวบอิ่ม เนื้อหน้าอกที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าจะรวบได้เพียงแค่ฝ่ามือเดียวทะลักไหลออกมาตามง่ามนิ้ว ยอดอกที่ชูชันสัมผัสถูกฝ่ามือหยาบกระด้าง ความเจ็บปวดระคนความเสียวซ่านเหมือนเปลวไฟและน้ำแข็งที่เกิดขึ้นพร้อมกันทำให้ตัวนางบีบรัดสิ่งแปลกปลอมจนทำให้อาวุธที่อยู่ในร่างของนางเคลื่อนตัวได้ลำบาก หน้าผากของชายหนุ่มมีเหงื่อเม็ดใหญ่ ๆ ไหลลงมาข้างแก้ม ตกมาถึงสะโพกของหลี่อัน เสียงทุ้มห้าวดังคล้ายเสียงเตือน “อย่าเกร็ง” หลี่อันหันกลับไปมอง ดวงตาเรียวยาวที่อยู่บนใบหน้าหล่อเหลายามนี้หรี่แคบ ปลายคางและต้นคอเกร็งจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน สายตาของหลี่อันเลื่อนลงมาด้านล่าง เหงื่อจากต้นคอไหลลงมาเรื่อย ๆ จนถึงกล้ามเนื้อหน้าท้องที่เห็นเป็นลอนชัดเจน รวมเข้ากับเหงื่อที่อยู่บริเวณนั้นแล้วไหลลงไปรวมกันด้านล่าง สีหน้าที่เต็มไปด้วยความปรารถนาและความงดงามของเรือนร่าง กระตุ้นให้หว่างขาของนางชุ่มฉ่ำ หล่อลื่นให้ชายหนุ่มเคลื่อนตัวได้อีกครั้ง แรงกระแทกทำให้ร่างของหลี่อันเคลื่อนตัวไปด้านหน้าราวกับปลาที่คิดจะกระโดดขึ้นจากน้ำ ริมฝีปากสีสดเผยอขึ้นเพื่อช่วยให้หายใจได้ดีขึ้น ความร้อนระอุที่เกิดขึ้นร้อนจนนางทนไม่ไหว มีน้ำตาเอ่ออยู่ขอบตา มือซ้ายจับผ้าม่านข้างเตียงเอาไว้ แรงดึงทำให้ผ้าม่านขาดติดมือ เสียงผ้าขาดถูกกลบด้วยเสียงเนื้อกระทบเนื้อ ทั้งร้อนแรงทั้งรุนแรง ความรู้สึกเสียวซ่านแผ่กระจายไปทีละน้อย อารมณ์เริ่มดำดิ่งไปกับจังหวะการรุกเข้ารุกออกของคนที่อยู่ด้านหลัง เสียงร้องด้วยความสุขสมยามถึงจุดสุดยอดดังออกจากปากหลี่อัน ก่อนร่างของนางจะอ่อนระทวยฟุบลงอยู่บนผ้าห่ม หน้าอกนุ่มนิ่มถูกทับจนแทบจะเปลี่ยนรูป การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มทั้งเร็วทั้งแรง จนกระทั่งถึงจุดที่ปลดปล่อยธารร้อนออกมา เสียงหายใจแรงของคนทั้งสองดังประสานกัน ส่วนที่ยังประสานกันอยู่ก็ยังคงสอดประสานกันอยู่ หลี่อันรู้สึกสมองว่างเปล่าไปชั่วขณะก่อนเริ่มรู้สึกตัว นางดีใจที่ยุติเสียที ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป นางคิดว่าตัวเองคงถูกหามออกไปเป็นแน่ แต่นางมิได้สังเกตถึงชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลัง ว่าสายตาของเขาจับจ้องยู่ที่สะโพกกลมกลึงที่ยามนี้เป็นสีแดงเข้ม ก่อนเลื่อนสายตามองยังส่วนที่ยังประสานกันอยู่ หลี่อันสะดุ้งเฮือก เมื่อรับรู้ได้ถึงงสิ่งที่ยังอยู่ในร่างของนางเริ่มพองตัวขึ้นอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว เอวบางถูกมือสองข้างรวบเอาไว้ ก่อนจับตัวนางยกสูง บริเวณอ่อนนุ่มที่เพิ่งรับศึกหนักไปเมื่อครู่ ถูกท่อนเนื้อแข็งแรงดันเข้ามาด้านในอีกครั้ง “ใต้ ใต้เท้า ไม่ ไม่ ข้าน้อย ไม่ไหวแล้ว...” นางพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะไร้เรี่ยวแรง อีกทั้งสั่นเครือจนแทบจะฟังไม่เป็นคำ แต่ชายหนุ่มมิได้ใส่ใจ ยังคงกระทำไปตามอำเภอใจ เสียงทุ้มห้าวแหบแห้งดังเพียงว่า “ไม่ไหวก็ต้องทน” เสียงห้าวทุ้มที่ถูกเค้นออกมานั้นเต็มไปด้วยความเย็นกระด้าง ไร้ความรู้สึกโดยสิ้นเชิง หลี่อันได้แต่ส่งเสียงสะอื้นไปตามจังหวะการกระแทก นางก่นด่าคนที่อยู่ด้านหลังไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ความจริงนางอยากจะด่าเขาออกเสียงด้วยซ้ำ แต่เมื่อคิดถึงคนที่อยู่ด้านหลังเป็นขุนนางกังฉินที่มีความโหดร้ายอำมหิต เดาความคิดไม่ได้ นางไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่านี้ นางกลัวเพียงว่า ถ้าด่าออกไป เขาจะจับนางหักคอเสียก่อน ดังนั้นนางกัดริมฝีปากเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้ตัวเองด่าออกไป ผ่านไปอย่างนี้สองชั่วยามกว่า กว่าพายุจะสงบลงได้ ขณะสะลึมสะลือ ไร้เรี่ยวแรง มีเสียงทุ้มห้าวดังขึ้นอย่างไม่ไยดีว่า “เตรียมน้ำ” ไม่นานหลังจากนั้นประตูห้องถูกเปิดออก ภายในห้องมืดสลัว มีสาวใช้ถือตะเกียง ยกน้ำเข้ามาในห้อง ตะเกียงและถังน้ำถูกวางไว้ดีแล้ว สาวใช้ทั้งหลายถอยออกไปอย่างเงียบกริบ ราวกับไม่เคยมีใครเข้ามาแต่อย่างใด เปลวไฟไหวไปมา หลี่อันรับรู้ได้ว่า ชายที่อยู่ด้านหลังลงจากเตียง นางเงยหน้ามองตาม เห็นแผ่นหลังกว้างเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ที่มีเหงื่อจับอยู่เป็นชั้น คล้ายกับรับรู้ได้ถึงสายตาที่จับจ้องทำให้ชายหนุ่มหันหลังกลับ ใบหน้าของเขาหล่อเหลา หากแววตาเต็มไปด้วยความเย็นกระด้างที่แฝงแววอำมหิต หลี่อันรับรู้ได้ถึงแรงกดดันเที่แผ่กระจายออกจากตัวของเขาได้อย่างชัดเจนทำให้นางรีบก้มหน้า หลบตา เปล่งเสียงอ่อน ๆ ขึ้นว่า “ใต้เท้า” ชายหนุ่มดึงสายตากลับมา เม้มริมฝีปากเดินออกไปด้านนอก เขาเช็ดตัวอย่างลวก ๆ สวมเสื้อผ้าแล้วค่อยออกไปจากห้อง ทันทีที่ประตูห้องปิดเข้าหากัน หลี่อันลอบถอนหายใจ ความหวาดหวั่นที่มีอยู่เมื่อครู่หายวับไปทันที นางนอนอยู่บนเตียงที่ยุ่งเหยิงอย่างเหม่อลอย ดวงตาจับจ้องอยู่บนเพดานเตียง กลิ่นความใคร่ยังอบอวลอยู่ในห้องจนทำให้นางรู้สึกไม่สบายตัว หลี่อันแทบไม่มีเรี่ยวแรง เริ่มปวดศีรษะจึงมิได้สนใจกับกลิ่นเหล่านี้ แต่นางรู้สึกอะไรบางอย่างขาดหายไป เป็นสิ่งที่สำคัญมากแต่นางก็นึกไม่ออก ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ประตูถูกเปิดออกอีกครั้ง ครั้งนี้มีสาวใช้เข้ามาสองคน สาวใช้ทั้งสองเป็นสาวใช้ที่คอยรับใช้ใกล้ชิดหลี่อัน สาวใช้หยุดยืนอยู่นอกผ้าม่าน เตือนเบา ๆ ว่า “อนุเก้า ควรกลับเรือนฉงอันได้แล้วเจ้าค่ะ” หลี่อันจับผ้าห่มคลุมตัวเอาไว้แล้วลุกขึ้นนั่งปัดผ้าม่านออกอย่างไร้เรี่ยวแรง มองสาวใช้ทั้งสองก่อนออกคำสั่งเสียงแผ่วว่า “ช่วยประคองข้าหน่อย” สาวใช้ทั้งสองเข้ามาประคอง เมื่อเห็นจ้ำแดง ๆ ตามเนื้อตัวของหลี่อันแล้วก็หน้าแดงก่ำ พวกนางไม่กล้ามองให้มากกว่านั้น สาวใช้นางหนึ่งเดินไหยิบเสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมา แต่ปรากฏว่าขาดวิ่นจนใส่ไม่ได้ รีบเอ่ยว่า “บ่าวจะกลับไปหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่มาเจ้าค่ะ” หลี่อันมองเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งแล้วพลันนึกไปถึงสองชั่วยามก่อนที่นางจะเข้ามาในห้อง เวลาก่อนยามหนึ่ง หนึ่งเค่อ พ่อบ้านมาหานางที่เรือนฉงอันอย่างรีบร้อน บอกให้นางไปรับใช้ที่เรือนใหญ่ พ่อบ้านให้นางเตรียมตัวไม่ถึงหนึ่งเค่อ เดินนำหน้าพานางไปยังเรือนใหญ่ เมื่อมาถึงก็ให้นางเข้าในห้องที่มืดสลัว เมื่อเข้ามาในห้อง นางเห็นสภาพเละเทะบนพื้นได้อย่างเลือนราง ไม่เพียงในห้องจะอยู่ในสภาพที่ไม่น่าดู ในความมืดมิดยังมีความรู้สึกที่อึดอัด ยังมีบรรยากาศที่ร้อนระอุแฝงอยู่ นางเงยหน้ามองสภาพภายในห้องอย่างตั้งใจ จากความมืดมิดเห็นห้องด้านในที่มีม่านทิ้งตัวแบ่งเขตแดนอยู่หลางชั้น เห็นเงาราง ๆ นั่งอยู่ขอบเตียง ยังมีเสียงหายใจหนักแรงๆ ดังมาจากหลังผ้าม่านพร้อมกับมีกลิ่นอายบางอย่างที่นางบรรยายไม่ภถูก หลี่อันยืนอยู่หน้าผ้าม่านเนื้อบาง ลังเลไปชั่วครู่ก่อนเอ่ยเสียงแผ่วว่า “ใต้เท้า” คนที่อยู่ด้านในย่อมไม่อาจเป็นใครอื่นนอกจาก “สามี” ของนาง ขุนนางใหญ่ผู้ทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการ อีกทั้งยังเป็นผู้บัญชาการสำนักตุลาการทหาร... เสวียนเฟิง ชายที่นั่งอยู่หลังผ้าม่านเงยหน้าขึ้นมองหลี่อัน แม้จะมีผ้าม่านขวางอยู่หลายชั้นแต่หลี่อันรับรู้ได้ถึงสายตาร้อนแรงที่มองมา แม้สายตานั้นจะร้อนแรงแต่บรรยากาศรอบตัวของเขากลับมีแต่ความเย็นยะเยือกราวกับอยู่ท่ามกลางสายหมอกในเหมันตฤดูอีกทั้งยังมีรังสีอำมหิตแฝงอยู่ หลี่อันตัวเกร็งด้วยความรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมาทันที เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ มีเสียงทุ้มต่ำดังผ่านผ้าม่าน “เข้ามา” หลี่อันลังเลไปเล็กน้อยสุดท้ายยังคงปัดผ้าม่านที่ขวางกั้น เข้าไปห้องด้านใน แม้นางจะมองเพียงแวบเดียวแต่ก็เข้าใจถึงสถานการณ์ภายในได้เป็นอย่างดี ห้องภายในและภายนอกแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ภายนอกมีแต่สิ่งของเกลื่อนพื้น แต่ด้านในกลับสะอาดเรียบร้อย เพียงแต่มีบรรยากาศอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก หลี่อันมิได้สบสายตากับเขา นางหลุบตาเล็กน้อย เห็นแผ่นอกแข็งแรงที่ถูกใต้เสื้อตัวในที่ถูกแหวกออกจนกว้าง … เขานั่งแยกขาออกจากกัน วางมือสองข้างที่เห็นเส้นเอ็นเด่นชัดอยู่บนหน้าตัก มีสิ่งหนึ่งที่น่าตระหนกชูชันอยู่เบื้องหน้า หลี่อันลอบกลืนน้ำลาย นางไม่กล้าสอดส่ายสายตาไปเรื่อยเปื่อย รีบก้มหน้ามองพื้น ทว่าชายที่นั่งอยู่กลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ กับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย หลี่อันยืนก้มหน้าอยู่ห่างจากชายผู้นั้นสองก้าว รับรู้ได้ถึงสายตาที่จ้องเขม็งมาที่ร่างของตน “เข้าจวนเมื่อใด” เขาถาม น้ำเสียงห้าวทุ้มดังกระทบโสตประสาท หลี่อันจำต้องตอบกลับ “เรียนใต้เท้า ข้าน้อยเข้าจวนเมื่อครึ่งปีก่อนเจ้าค่ะ” หลังจากตอบคำถามไปแล้ว สิ่งที่ตามมาคือความเงียบงัน แม้จะเป็นเวลาเพียงสั้น ๆ แต่กลับยาวนานในความรู้สึก หลังจากนั้นไม่นาน ข้อมือของหลี่อันถูกฝ่ามือร้อนระอุดึงเข้ามาอยู่ชิดแผงอกกว้างที่มีเหงื่อออกเต็ม ร้อน! ไม่ใช่อุณหภูมิที่คนทั่วไปควรจะมี แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่หมิ่นเหม่แต่หลี่อันกลับวิเคราะห์ถึงสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน ภายในห้องที่อยู่ในสภาพเละเทะนั้น เห็นได้ว่าเป็นฝีมือของเขาผู้นี้ ยังมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและอุณหภูมิที่สูงกว่าปกติ หลี่อันคาดเดาอย่างคนใจกล้าอย่างที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ว่า เขาผู้นี้คงถูกคนวางยาปลุกกำหนัดเข้าให้แล้ว แต่คนที่มีความระมัดระวังตัวสูงอย่างเสวียนเฟิงเหตุใดจึงตกหลุมพรางได้ นางยังไม่ทันได้ขบคิดต่อไป เสวียนเฟิงจับข้อมือสองข้างของนางผูกเข้าด้วยกัน หลี่อันตกใจ คิดจะขัดขืน หากข้อมือของนางถูกจับเอาไว้แน่ “อย่าขยับ!” เสียงตวาดดังขึ้น ฝ่ามือที่แข็งแรงข้างหนึ่งเปลี่ยนตำแหน่งมาจับต้นคอของนางแทน ความร้อนจากฝ่ามือแข็งแรงทำให้หลี่อันตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าขยับตัวแต่อย่างใด เมื่อนึกได้ว่า คนอย่างเสวียนเฟิงไม่เคยให้ใครเข้าใกล้ตัวเขาได้ อีกทั้งยังมีตำแหน่งเป็นขุนนางใหญ่ มีคนลอบสังหารอยู่ตลอดเวลา การกระทำของเขาเช่นนี้แสดงว่าไม่เชื่อใจนาง เรื่องที่ตามมาหลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่รู้กัน หลี่อันเลื่อนสายตาจากเสื้อผ้าขาดวิ่นที่สาวใช้ถืออยู่ มาดูข้อมือที่ยังรู้สึกเจ็บอยู่ พลางมองไปยังอ่างน้ำอุ่นที่ยังไม่มีใครใช้ภายในห้อง จากนั้นออกคำสั่งว่า “พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าจะเช็ดตัวสักหน่อย” ห้องนี้มิใช่ห้องนอนของใต้เท้าเสวียน สาวใช้ทั้งสองล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว หลี่อันปรับลมหายใจอยู่หลายครั้งก่อนลงจากเตียง เดินไปหน้าที่วางอ่างน้ำอย่างเชื่องช้า หยิบผ้าแห้งที่วางอยู่ข้าง ๆ มาชุบน้ำ บิดหมาด ๆ เช็ดร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ตามเนื้อตัวอย่างเบามือ ขณะที่เช็ดตัวอยู่นั้น ความคิดของหลี่อันล่องลอยไปไกล นี่เป็นประสบการณ์บนเตียงครั้งแรก แต่เหตุใดหลังจากผ่านไปแล้ว นางจึงได้มีความเยือกเย็นได้ถึงเพียงนี้ หลี่อันเกิดความสงสัยในตัวเองขึ้นมาไม่น้อย หรือเพราะก่อนนี้ที่นางอยู่ในหอฟงเยว่ได้รับการอบรมสั่งสอนเกี่ยวกับเรื่องหญิงชายมาโดยเฉพาะ จึงทำให้นางมิได้ตื่นตระหนกมากนัก หลี่อันมาจากหอฟงเยว่ที่เป็นสถานเริงรมย์ มีแต่ความต่ำต้อย แต่ว่านางจำอะไรไม่ได้ สองเดือนก่อน ในงานวันเกิดของเสวียนเฟิง มีคนร้ายเข้ามาลอบสังหารเขา เกิดความวุ่นวายภายในงานเลี้ยง สร้างความตื่นกลัวให้กับทุกคนที่อยู่ในงาน มีเพียงเสวียนเฟิงที่นั่งดื่มสุราราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนนางถูกใครไม่รู้ผลักจนตกบันไดระหว่างที่ชุลมุนจนศีรษะแตกมีเลือดไหลออกมา จากนั้นเมื่อนางรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งก็จำเรื่องอะไรไม่ได้แล้ว นางไม่ได้บอกใครเรื่องที่ตนเองสูญเสียความจำ หลี่อันคอยสังเกตดูเหตุการณ์ต่าง ๆ หลังจากผ่านไปอีกหลายวันก็เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ อดีตฮ่องเต้สวรรคต ได้แต่งตั้งผู้บัญชาการสำนักงานตุลาการทหารเสวียนเฟิงเป็นขุนนางผู้สำเร็จราชการ เสวียนเฟิงที่มีตำแหน่งเป็นผู้สำเร็จราชการมีความเด็ดขาดอำมหิต กุมอำนาจทางการทหารส่วนใหญ่ ดังนั้นขุนนางบุ๋นบู๊ในราชสำนักไม่มีใครไม่เกรงกลัวเขา คนที่คิดจะเอาชีวิตของเขาจึงมีมากมายนับไม่ถ้วน ในขณะเดียวกันคนที่คิดจะประจบเอาใจเขาก็มีไม่น้อยเช่นกัน คนที่คิดเอาใจเสวียนเฟิงย่อมหนีไม่พ้นการมอบเงินทองของมีค่า ไปจนถึงหญิงงาม หลี่อันเป็นหญิงงามที่ถูกผู้ช่วยเจ้าเมืองหวายโจวส่งมาให้เสวียนเฟิงเพื่อประจบเอาใจ ตอนนั้นภายในจวนสกุลเสวียนมีอนุแปดคนแล้ว หลี่อันเป็นคนที่เก้า ด้วยอุปนิสัยของเสวียนเฟิง เขาเป็นคนที่มีความระแวง ไม่เข้าใกล้หญิงสาวคนใด อย่าว่าแต่หลี่อัน แม้แต่หญิงงามแปดคนที่อยู่มาก่อนนางก็ยังไม่มีใครได้ร่วมเตียงกับเขามาก่อน ไม่ว่าจะเป็นหญิงงามหรือเป็นของมีค่าใด ๆ เสวียนเฟิงไม่เคยปฏิเสธ ดังนั้นคนเหล่านั้นจึงได้ส่งหญิงงาม ส่งสิ่งของให้เสวียนเฟิงด้วยความคิดที่ว่า หญิงงามที่ตนเองส่งให้นั้นเป็นที่สนใจของเขา หลังจากหลี่อันความจำเสื่อมจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลาสองเดือน สองเดือนที่ผ่านมา นางเคยพบเสวียนเฟิงครั้งเดียว ส่วนคืนนี้เป็นครั้งที่สอง ที่นางถูกเรียกตัวมาพบเขาคืนนี้คงเป็นเพราะสองเดือนก่อนในงานเลี้ยงวันเกิดของเขา ในบรรดาหญิงงามสิบคนที่อยู่ในงานเลี้ยงมีนางเพียงคนเดียวที่หกล้ม ได้รับบาดเจ็บ นางคิดว่าเสวียนเฟิงคงจำนางได้จากเรื่องนั้น เมื่อเช็ดตัวดีแล้ว สาวใช้นำเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้ หลี่อันแต่งตัวเรียบร้อยค่อยออกจากห้อง ยามสาม แล้ว ท้องฟ้าเริ่มเห็นแสงรำไร ด้านนอกดูเหมือนจะไร้ผู้คน แต่หลี่อันรับรู้ได้ว่า มิได้มีความเงียบงันเหมือนกับที่เห็นภายนอก สาวใช้ประคองตัวนางเดินออกมาที่ระเบียงทางเดิน ก่อนลงบันไดหินอย่างเชื่องช้า ท้องฟ้ายังไม่สว่างดี ทำให้อากาศภายนอกค่อนข้างเย็น สาวใช้คนหนึ่งนำเสื้อคลุมเนื้อบางคลุมบนตัวหลี่อัน เมื่อออกจากเรือนใหญ่ สาวใช้ที่ชื่อว่าลวี่หลัวประคองตัวหลี่อัน ส่วนปี้อวี้เดินถือโคมไฟส่องทางอยู่ด้านหน้า ลวี่หลัวพ่นลมหายใจออกอย่างระมัดระวังก่อนกระซิบว่า “อนุเก้า ตอนที่บ่าวกลับไปหยิบเสื้อผ้ามาให้ท่าน ได้ให้คนเตรียมน้ำร้อนไว้แล้ว” หลี่อันรับคำเบา ๆ น้ำเสียงของนางเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง สาวใช้สองคนนี้ถูกส่งมารับใช้หลี่อันตอนที่นางเข้ามาในจวนไม่นาน ทั้งสองคนนี้คอยรับใช้นางได้ครึ่งปีแล้ว เดิมทีสาวใช้ทั้งสองมีความตื่นเต้นดีใจที่เจ้านายของตนได้รับใช้ใกล้ชิดใต้เท้าจริง ๆ เป็นคนแรก แต่เมื่อเห็นร่อยรองตามตัวของอนุเก้าแล้ว ความดีใจที่มีมาก่อนหน้านี้ก็หายวับไป พวกนางลืมไปเสียสนิทว่า ใต้เท้าเป็นคนที่ไร้ความเมตตา ไร้ความเห็นใจผู้อื่น ยามปกติเขาก็เป็นคนน่ากลัวอยู่แล้ว แล้วเรื่องบนเตียงจะไม่ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่หรือ! คิดไปคิดมา สาวใช้ทั้งสองรู้สึกเสียใจจนน้ำตาคลออยู่ขอบตา คืนนี้ อนุเก้าคงจะทรมานไม่น้อย ถ้าเกิดต่อไปใต้เท้ายังเรียกหาอนุเก้าอีก นางจะต้องรับความทรมานไปอีกเท่าไร ❤️ เป็นไฟล์ดิบแปลสด ยังไม่ผ่านพิสูจน์อักษรคำผิดเพียบ ❤️ มีการเปลี่ยนชื่อพระนาง สถานที่ ไม่ให้เดาถูก 555 .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 729 มุมมอง 0 รีวิว