• Newsstory : สนธิฟาด "ด้อมโจ๊ก" จุกถึงเส้นจี๊ด...

    #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล
    #ด้อมโจ๊ก #ต่อศักดิ์
    Newsstory : สนธิฟาด "ด้อมโจ๊ก" จุกถึงเส้นจี๊ด... #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #ด้อมโจ๊ก #ต่อศักดิ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เกษียณแล้วยังไม่พ้นแรงสะเทือน “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีตผบ.ตร. ถูก ก.ร.ตร. ชี้มูลความผิดทางวินัย พร้อมตำรวจอีกกว่า 200 นาย ปมรับส่วยเว็บพนันออนไลน์ สังคมจับตากระบวนการสอบสวน วัดใจองค์กรสีกากี โปร่งใสหรือปกป้องกันเอง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000102079

    #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #SondhiX #สนธิเล่าเรื่อง #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    เกษียณแล้วยังไม่พ้นแรงสะเทือน “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีตผบ.ตร. ถูก ก.ร.ตร. ชี้มูลความผิดทางวินัย พร้อมตำรวจอีกกว่า 200 นาย ปมรับส่วยเว็บพนันออนไลน์ สังคมจับตากระบวนการสอบสวน วัดใจองค์กรสีกากี โปร่งใสหรือปกป้องกันเอง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000102079 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #SondhiX #สนธิเล่าเรื่อง #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 302 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก.ร.ตร. ชี้มูล “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” อดีต ผบ.ตร. พร้อมพวกกว่า 200 นาย มีมูลผิดวินัย ปมรับส่วยเว็บพนันออนไลน์ หลัง “ทนายตั้ม” ยื่นร้อง ใช้เวลาสอบนานกว่า 7 เดือน เตรียมเปิดให้ชี้แจงก่อนพิจารณาโทษขั้นต่อไป
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000101507

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ก.ร.ตร. ชี้มูล “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” อดีต ผบ.ตร. พร้อมพวกกว่า 200 นาย มีมูลผิดวินัย ปมรับส่วยเว็บพนันออนไลน์ หลัง “ทนายตั้ม” ยื่นร้อง ใช้เวลาสอบนานกว่า 7 เดือน เตรียมเปิดให้ชี้แจงก่อนพิจารณาโทษขั้นต่อไป . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000101507 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 343 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก.ร.ตร. ชี้มูล “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” อดีต ผบ.ตร. พร้อมพวกกว่า 200 นาย มีมูลผิดวินัย ปมรับส่วยเว็บพนันออนไลน์ หลัง “ทนายตั้ม” ยื่นร้อง ใช้เวลาสอบนานกว่า 7 เดือน เตรียมเปิดให้ชี้แจงก่อนพิจารณาโทษขั้นต่อไป

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000101505

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    ก.ร.ตร. ชี้มูล “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” อดีต ผบ.ตร. พร้อมพวกกว่า 200 นาย มีมูลผิดวินัย ปมรับส่วยเว็บพนันออนไลน์ หลัง “ทนายตั้ม” ยื่นร้อง ใช้เวลาสอบนานกว่า 7 เดือน เตรียมเปิดให้ชี้แจงก่อนพิจารณาโทษขั้นต่อไป อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000101505 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 277 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปมร้อน ข่าวลึก : ปลุก “พลังเงียบ” เลือก ก.อ.หักโพย “ขาใหญ่อัยการ” คุมกำเนิด “ทายาทอสูร”
    .
    งวดเข้ามาทุกขณะ อีเวนท์ใหญ่ปีนี้ของ สำนักงานอัยการสูงสุด ที่จะมีการเลือกตั้ง ประธาน และคณะกรรมการอัยการ หรือ “ก.อ.” ชุดใหม่ โดยเริ่มจากการเลือกตั้ง “ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ” ที่กำลังจะหมดวาระดำรงตำแหน่ง 2 ปีตามกฎหมายกำหนด
    .
    โดยในส่วนของการเลือกตั้ง “ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ” นั้นได้เริ่มดำเนินการเปิดรับสมัคร และทาบทามมาแล้วตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 กระทั่งได้ผู้สมัครรวม 26 ราย ที่จะช่วงชิง 8 เก้าอี้ ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมกับประธาน ก.อ. 1 คน ที่กำหนดว่า ปัจจุบันไม่ใช่ข้าราชการอัยการและมีคุณสมบัติตามกฎหมายมาจากการเลือกตั้งของพนักงานอัยการทั่วประเทศ และอัยการสูงสุดเป็นรองประธาน ก.อ.โดยตำแหน่ง ทั้งให้รวมรองอัยการสูงสุดตั้งแต่อาวุโสอันดับ 1-5 เป็น ก.อ.โดยตำแหน่งเช่นเดียวกัน รวมเป็น 15 คน ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการฉบับปัจจุบัน
    .
    สำหรับการลงคะแนนเลือกตั้ง 8 ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒินั้น จะเป็นการเลือกของอัยการทั่วประเทศ แบ่งเป็นกลุ่มอัยการชั้น 5 ขึ้นไป จำนวน 4 คนที่ได้คะแนนสูงสุด ซึ่งครั้งนี้มีผู้สมัคร 13 คน, กลุ่มอัยการที่เกษียณอายุราชการ จำนวน 2 คน ที่ได้คะแนนสูงสุดจากผู้สมัคร 9 คน และกลุ่มผู้ที่ไม่เป็นหรือเคยเป็นอัยการมาก่อน และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการงบประมาณ การพัฒนาองค์กร หรือการบริหารจัดการ จำนวน 2 คนที่ได้คะแนนสูงสุดจากผู้สมัคร 4 คน
    .
    โดยขณะนี้มีการทยอยลงคะแนน ก่อนจะมีการปิดผนึกลงคะแนนกันเพื่อส่งเข้าส่วนกลางในวันจันทร์ที่ 10 มีนาคม 2568 และกำหนดนับคะแนนในวันรุ่งขึ้น อังคารที่ 12 มีนาคม 2568
    .
    สำหรับ 8 ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิที่เปิดให้อัยการทั่วประเทศมีส่วนร่วมในการลงคะแนนถือเป็นจุดชี้ขาดความเป็นไปขององค์การอัยการ ด้วยที่ผ่านมาหลังใช้ระบบนี้ ก็มักถูก “ขาใหญ่อัยการ” ทั้งอดีต-ปัจจุบัน วางเส้นสายไลน์อำนาจผ่านการเลือกตั้ง ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อสืบทอดอำนาจ สร้างอิทธิพลของตัวเองและพวกพ้อง ส่งคนของตัวเองเข้ามาเสนอตัวเป็นแคนดิเดต
    .
    ตลอดจนมีปฏิบัติการล็อบบี้ในทางลับให้อัยการผู้น้อยทั่วประเทศลงคะแนนให้ลงคะแนนเลือกผู้สมัครตาม “โพย” โดยไม่ได้คำนึงถึงความรู้ความสามารถ หรือคุณงามความดีใดๆ เพียงแค่ต้องตรงสเปก “กดปุ่ม” สั่งการได้เท่านั้น
    .
    โดยทำกันในรูปแบบขบวนการที่หวังเข้าฮุบอำนาจของที่ประชุม ก.อ. ซึ่งมี “พระเดช-พระคุณ” กับข้าราชการอัยการทุกระดับ ทั้งการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ, การพิจารณาดำเนินการทางวินัย และการสั่งลงโทษทางวินัยข้าราชการอัยการที่กระทำผิดระเบียบ รวมทั้งการพิจารณาออกระเบียบบริหารงานบุคคลอัตรากำลังข้าราชการฝ่ายอัยการ
    .
    โดยเฉพาะอำนาจในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งข้าราชการอัยการ ที่รวมไปถึงตำแหน่ง “อัยการสูงสุด” ที่ต้องผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุม ก.อ. ก่อนส่งให้ วุฒิสภา ให้ความเห็นชอบอีกครั้ง และนำความขึ้นกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งในลำดับถัดไปด้วย
    .
    ครั้งนี้ก็เช่นกันในจำนวนอัยการชั้น 5 ขึ้นไปที่สมัครเข้ามา 13 รายนั้น คนในวงการก็มองออกว่า ใครเป็นใคร ใครเด็กใคร และใครเป็นตัวเต็งที่ “ขาใหญ่” ส่งเข้าประกวด
    .
    ตรงนี้เองที่ต้องถามใจอัยการทั่วประเทศที่เป็น “โหวตเตอร์” ว่ายังจะยอมตกเป็นเครื่องมือปั้น “ทายาทอสูร” เหมือนที่ผ่านๆมาอีกหรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมว่า การปล่อยให้มีการสืบทอดอำนาจผ่านที่ประชุม ก.อ.เช่นนี้ นับวันจะทำให้ ”อัยการ“ ถลำเข้าสู่ “วงจรอุบาทว์” จนมีส่วนสำคัญในการฉุดภาพลักษณ์องค์กรทนายแผ่นดินให้ตกต่ำอย่างเช่นในปัจจุบัน
    .
    การเลือก ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสดีที่อัยการผู้รักในองค์กรจะร่วมกันปลุก “พลังเงียบ” ยกระดับมาตรฐานการเลือกบุคคล ขึ้นมางัดง้างกับ “ขาใหญ่” ตัดตอนคุมกำเนิด “ทายาทอสูร” ผ่านการลงคะแนนเลือก ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ โดยคำนึงถึงความรู้ความสามารถ วิสัยทัศน์ ผลงาน หรือคุณธรรมความดี ของแคนดิเดตเป็นสำคัญ
    .
    โดยขณะนี้ในหมู่พลังเงียบก็มีการกล่าวขวัญถึงแคนดิเดต ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ดูจะมีความเหมาะสม และเป็นความหวังในการเข้าไปต่อกรโค่นล้มวงจร “ขั้วอำนาจเก่า”
    .
    โดยในกลุ่มที่เป็นข้าราชการอัยการตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไป 4 คน คือ ชัยนันท์ งามขจรกุลกิจ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ, ณรงค์ ศรีระสันต์ รองอธิบดีอัยการภาค 9, ต่อศักดิ์ บูรณะเรืองโรจน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคณะกรรมการอัยการ และ น้ำแท้ มีบุญสล้าง เลขานุการรองอัยการสูงสุด
    .
    รวมกับ 2 แคนดิเดตจากกลุ่มอัยการที่เกษียณอายุราชการ ได้แก่ ชนิญญา ชัยสุวรรณ อดีตอธิบดีอัยการคดียาเสพติด และ อภิชาต อาสภวิริยะ อดีตอธิบดีอัยการคดีศาลสูง
    .
    และอีก 2 แคนดิเดตจากกลุ่มผู้ที่ไม่เป็นหรือเคยเป็นอัยการมาก่อน และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการงบประมาณ การพัฒนาองค์กร หรือการบริหารจัดการ คือ พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และ รศ.ดร.เจษฏ์ โทณะวณิก ประธานคณะนิติศาสตร์วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย
    .
    ซึ่งหาก “พลังเงียบ” สามัคคียึดโยงผลประโยชน์องค์กรกันอย่างเข้มแข็ง ก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการกอบกู้ศรัทธาองค์กรอัยการให้กลับมาเป็นที่ยอมรับน่าเชื่อถือได้อีกครั้ง.
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://news1live.com/detail/9680000021277
    .
    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes

    ปมร้อน ข่าวลึก : ปลุก “พลังเงียบ” เลือก ก.อ.หักโพย “ขาใหญ่อัยการ” คุมกำเนิด “ทายาทอสูร” . งวดเข้ามาทุกขณะ อีเวนท์ใหญ่ปีนี้ของ สำนักงานอัยการสูงสุด ที่จะมีการเลือกตั้ง ประธาน และคณะกรรมการอัยการ หรือ “ก.อ.” ชุดใหม่ โดยเริ่มจากการเลือกตั้ง “ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ” ที่กำลังจะหมดวาระดำรงตำแหน่ง 2 ปีตามกฎหมายกำหนด . โดยในส่วนของการเลือกตั้ง “ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ” นั้นได้เริ่มดำเนินการเปิดรับสมัคร และทาบทามมาแล้วตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 กระทั่งได้ผู้สมัครรวม 26 ราย ที่จะช่วงชิง 8 เก้าอี้ ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมกับประธาน ก.อ. 1 คน ที่กำหนดว่า ปัจจุบันไม่ใช่ข้าราชการอัยการและมีคุณสมบัติตามกฎหมายมาจากการเลือกตั้งของพนักงานอัยการทั่วประเทศ และอัยการสูงสุดเป็นรองประธาน ก.อ.โดยตำแหน่ง ทั้งให้รวมรองอัยการสูงสุดตั้งแต่อาวุโสอันดับ 1-5 เป็น ก.อ.โดยตำแหน่งเช่นเดียวกัน รวมเป็น 15 คน ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการฉบับปัจจุบัน . สำหรับการลงคะแนนเลือกตั้ง 8 ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒินั้น จะเป็นการเลือกของอัยการทั่วประเทศ แบ่งเป็นกลุ่มอัยการชั้น 5 ขึ้นไป จำนวน 4 คนที่ได้คะแนนสูงสุด ซึ่งครั้งนี้มีผู้สมัคร 13 คน, กลุ่มอัยการที่เกษียณอายุราชการ จำนวน 2 คน ที่ได้คะแนนสูงสุดจากผู้สมัคร 9 คน และกลุ่มผู้ที่ไม่เป็นหรือเคยเป็นอัยการมาก่อน และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการงบประมาณ การพัฒนาองค์กร หรือการบริหารจัดการ จำนวน 2 คนที่ได้คะแนนสูงสุดจากผู้สมัคร 4 คน . โดยขณะนี้มีการทยอยลงคะแนน ก่อนจะมีการปิดผนึกลงคะแนนกันเพื่อส่งเข้าส่วนกลางในวันจันทร์ที่ 10 มีนาคม 2568 และกำหนดนับคะแนนในวันรุ่งขึ้น อังคารที่ 12 มีนาคม 2568 . สำหรับ 8 ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิที่เปิดให้อัยการทั่วประเทศมีส่วนร่วมในการลงคะแนนถือเป็นจุดชี้ขาดความเป็นไปขององค์การอัยการ ด้วยที่ผ่านมาหลังใช้ระบบนี้ ก็มักถูก “ขาใหญ่อัยการ” ทั้งอดีต-ปัจจุบัน วางเส้นสายไลน์อำนาจผ่านการเลือกตั้ง ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อสืบทอดอำนาจ สร้างอิทธิพลของตัวเองและพวกพ้อง ส่งคนของตัวเองเข้ามาเสนอตัวเป็นแคนดิเดต . ตลอดจนมีปฏิบัติการล็อบบี้ในทางลับให้อัยการผู้น้อยทั่วประเทศลงคะแนนให้ลงคะแนนเลือกผู้สมัครตาม “โพย” โดยไม่ได้คำนึงถึงความรู้ความสามารถ หรือคุณงามความดีใดๆ เพียงแค่ต้องตรงสเปก “กดปุ่ม” สั่งการได้เท่านั้น . โดยทำกันในรูปแบบขบวนการที่หวังเข้าฮุบอำนาจของที่ประชุม ก.อ. ซึ่งมี “พระเดช-พระคุณ” กับข้าราชการอัยการทุกระดับ ทั้งการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ, การพิจารณาดำเนินการทางวินัย และการสั่งลงโทษทางวินัยข้าราชการอัยการที่กระทำผิดระเบียบ รวมทั้งการพิจารณาออกระเบียบบริหารงานบุคคลอัตรากำลังข้าราชการฝ่ายอัยการ . โดยเฉพาะอำนาจในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งข้าราชการอัยการ ที่รวมไปถึงตำแหน่ง “อัยการสูงสุด” ที่ต้องผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุม ก.อ. ก่อนส่งให้ วุฒิสภา ให้ความเห็นชอบอีกครั้ง และนำความขึ้นกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งในลำดับถัดไปด้วย . ครั้งนี้ก็เช่นกันในจำนวนอัยการชั้น 5 ขึ้นไปที่สมัครเข้ามา 13 รายนั้น คนในวงการก็มองออกว่า ใครเป็นใคร ใครเด็กใคร และใครเป็นตัวเต็งที่ “ขาใหญ่” ส่งเข้าประกวด . ตรงนี้เองที่ต้องถามใจอัยการทั่วประเทศที่เป็น “โหวตเตอร์” ว่ายังจะยอมตกเป็นเครื่องมือปั้น “ทายาทอสูร” เหมือนที่ผ่านๆมาอีกหรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมว่า การปล่อยให้มีการสืบทอดอำนาจผ่านที่ประชุม ก.อ.เช่นนี้ นับวันจะทำให้ ”อัยการ“ ถลำเข้าสู่ “วงจรอุบาทว์” จนมีส่วนสำคัญในการฉุดภาพลักษณ์องค์กรทนายแผ่นดินให้ตกต่ำอย่างเช่นในปัจจุบัน . การเลือก ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสดีที่อัยการผู้รักในองค์กรจะร่วมกันปลุก “พลังเงียบ” ยกระดับมาตรฐานการเลือกบุคคล ขึ้นมางัดง้างกับ “ขาใหญ่” ตัดตอนคุมกำเนิด “ทายาทอสูร” ผ่านการลงคะแนนเลือก ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ โดยคำนึงถึงความรู้ความสามารถ วิสัยทัศน์ ผลงาน หรือคุณธรรมความดี ของแคนดิเดตเป็นสำคัญ . โดยขณะนี้ในหมู่พลังเงียบก็มีการกล่าวขวัญถึงแคนดิเดต ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ดูจะมีความเหมาะสม และเป็นความหวังในการเข้าไปต่อกรโค่นล้มวงจร “ขั้วอำนาจเก่า” . โดยในกลุ่มที่เป็นข้าราชการอัยการตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไป 4 คน คือ ชัยนันท์ งามขจรกุลกิจ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ, ณรงค์ ศรีระสันต์ รองอธิบดีอัยการภาค 9, ต่อศักดิ์ บูรณะเรืองโรจน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคณะกรรมการอัยการ และ น้ำแท้ มีบุญสล้าง เลขานุการรองอัยการสูงสุด . รวมกับ 2 แคนดิเดตจากกลุ่มอัยการที่เกษียณอายุราชการ ได้แก่ ชนิญญา ชัยสุวรรณ อดีตอธิบดีอัยการคดียาเสพติด และ อภิชาต อาสภวิริยะ อดีตอธิบดีอัยการคดีศาลสูง . และอีก 2 แคนดิเดตจากกลุ่มผู้ที่ไม่เป็นหรือเคยเป็นอัยการมาก่อน และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการงบประมาณ การพัฒนาองค์กร หรือการบริหารจัดการ คือ พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และ รศ.ดร.เจษฏ์ โทณะวณิก ประธานคณะนิติศาสตร์วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย . ซึ่งหาก “พลังเงียบ” สามัคคียึดโยงผลประโยชน์องค์กรกันอย่างเข้มแข็ง ก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการกอบกู้ศรัทธาองค์กรอัยการให้กลับมาเป็นที่ยอมรับน่าเชื่อถือได้อีกครั้ง. . อ่านเพิ่มเติม..https://news1live.com/detail/9680000021277 . #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1681 มุมมอง 0 รีวิว
  • ”อัจฉริยะ“ ยื่นร้อง ผบ.ตร.ตรวจสอบการถอนอายัดทรัพย์สินเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์กว่า 700 ล้านบาท โดยมีผบก.สังกัดบช.ไซเบอร์ ลงนามเซ็นคำสั่ง เชื่อมีการใช้อำนาจช่วยเหลือกลุ่มผู้ต้องหา

    วันนี้ (6 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพๆงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ให้ตรวจสอบกรณีการถอนอายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาเครือข่ายเ็บพนันออนไลน์ โดยเมื่อปี 2565 ครั้งนั้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็นผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล เป็นรอง ผบ.ตร.ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมเครือข่ายดังกล่าว ซึ่งได้อายัดทรัพย์สินผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้รวมกว่า 700 ล้านบาท แต่ต่อมามีการดำเนินคดีกับหัวหน้าแก๊งที่เป็นชาวจีนในข้อหาปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชนเพียงข้อหาเดียว แต่ไม่ดำเนินคดีหัวหน้าแก๊งและเครือข่ายที่เปิดเว็บพนันออนไลน์ อีกทั้งเครือข่ายนี้ยังมีความเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขบวนการฟอกเงิน รวมไปถึงกลุ่มทุนจีนสีเทา แต่ทำไมตำรวจถึงยังถอนอายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหา

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000001400

    #MGROnline #อัจฉริยะ #ถอนอายัดทรัพย์สิน #เครือข่ายเว็บพนันออนไลน์
    ”อัจฉริยะ“ ยื่นร้อง ผบ.ตร.ตรวจสอบการถอนอายัดทรัพย์สินเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์กว่า 700 ล้านบาท โดยมีผบก.สังกัดบช.ไซเบอร์ ลงนามเซ็นคำสั่ง เชื่อมีการใช้อำนาจช่วยเหลือกลุ่มผู้ต้องหา • วันนี้ (6 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพๆงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ให้ตรวจสอบกรณีการถอนอายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาเครือข่ายเ็บพนันออนไลน์ โดยเมื่อปี 2565 ครั้งนั้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็นผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล เป็นรอง ผบ.ตร.ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมเครือข่ายดังกล่าว ซึ่งได้อายัดทรัพย์สินผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้รวมกว่า 700 ล้านบาท แต่ต่อมามีการดำเนินคดีกับหัวหน้าแก๊งที่เป็นชาวจีนในข้อหาปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชนเพียงข้อหาเดียว แต่ไม่ดำเนินคดีหัวหน้าแก๊งและเครือข่ายที่เปิดเว็บพนันออนไลน์ อีกทั้งเครือข่ายนี้ยังมีความเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขบวนการฟอกเงิน รวมไปถึงกลุ่มทุนจีนสีเทา แต่ทำไมตำรวจถึงยังถอนอายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหา • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000001400 • #MGROnline #อัจฉริยะ #ถอนอายัดทรัพย์สิน #เครือข่ายเว็บพนันออนไลน์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1093 มุมมอง 0 รีวิว

  • แฉเหลี่ยมกลับลำ ตั้มเดินหมากถอย จะได้ไม่ติดคุกยาว
    .
    แม้กำลังจะจนตรอก ไม่เหลือหนทางสู้แล้ว แต่หมากล่าสุดที่ก๊วนทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ขยับเดิน นับว่าเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเหมือนเดิม
    .
    เป็นความเคลื่อนไหวแบบ 2 ประสาน ลงมือพร้อมๆ กัน
    .
    สายหนึ่งคือ ทนายปาเกียว นายสายหยุด เพ็งบุญชู จัดการต่อสายถึงทนายความของพี่อ้อย จตุพร อุบลเลิศ เพื่อเปิดเจรจา จะขอคืนเงินทั้งหมดให้พี่อ้อย
    .
    จากเดิมที่ทนายตั้ม เคยโวยใส่ทนายความของพี่อ้อย “กล้าดียังไงมาแจ้งจับผม” ทั้งขู่จะแจ้งความกลับพี่อ้อย โวยว่าทำให้ชื่อเสียงแบรนด์เนมเสียหาย
    .
    ตอนนี้ ทนายตั้มกลับลำ จะขอคืนเงินที่โกงมาทุกบาททุกสตางค์ จนถูกแซวเจ็บๆ “กล้าดียังไงจะคืนเงิน”
    .
    พอพี่อ้อยรับสารจากทนายปาเกียว ก็แจ้งกลับเบื้องต้นไปว่า งานนี้แล้วแต่ “สนธิ ลิ้มทองกุล” จะตัดสินใจ
    .
    ถือว่าพี่อ้อยฝากชีวิต และเชื่อมั่นในสื่ออาวุโส ว่าจะตัดสินใจได้ดีที่สุด
    .
    ถามว่าพี่อ้อย อยากได้เงินกว่า 100 ล้านบาท ที่ถูกทนายตั้มโกงไปหรือไม่? ใครก็คาดเดาได้ว่า ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะนั่นมันแค่เศษเงินของจำนวนทั้งหมดที่พี่อ้อยมี
    .
    อีกทั้งกระบวนการทางคดี ก็เดินหน้ามาไกล จนเกินกว่าจะหันหลังกลับได้แล้ว
    .
    ท่ามกลางเสียงเชียร์กระหึ่มโลกโซเชียล พี่อ้อยอย่าไปใจอ่อนให้กับคนเนรคุณเด็ดขาด จัดหนัก “สุดซอย” เท่านั้น
    .
    เพราะต่างแน่ใจ คนอย่างทนายตั้ม เป็นภัยสังคมร้ายแรง ขืนปล่อยออกจากคุก ก็เหมือนปล่อยเสือเข้าป่า จะมีคนต้องตกเป็นเหยื่อของทนายตั้ม อีกไม่รู้เท่าไร
    .
    นอกจากนี้ ทรัพย์สินเงินในธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์ ที่ ป.ป.ง. อายัดไว้เรียบร้อยแล้วนับร้อยล้านบาทนั้น เมื่อคดีถึงที่สุด ก็ต้องตกเป็นของพี่อ้อยอยู่ดี พี่อ้อยไม่จำเป็นต้องไปรับการชดใช้ใดๆ จากทนายตั้ม
    .
    ในแง่ของจังหวะเวลา ก็ถือว่าสายเกินไป พอรู้ว่าตัวเองจะแพ้แน่นอน จึงจะยอมขอคืนเงิน การแสดงออกแบบนี้ มันไม่น่าสงสาร
    กมลสันดานของโจรที่มาเป็นทนาย ก็คงไม่รู้สึกสำนึกผิดใดๆ การจะขอคืนเงินจึงแค่เป็นหมาก เพื่อหวังดิ้นให้หลุดจากการ “ติดคุกยาว” ก็เท่านั้น
    .
    อีกสายของทนายตั้ม ที่เคลื่อนไหวอย่างสอดประสานกัน คือการปรากฏตัวออกสื่อของพี่ชายคนสนิทที่ชื่อ “โอ๋” คนสมุทรสาครบ้านเดียวกัน ที่ย้ายไปตั้งรกรากที่ จ.เชียงราย
    ก่อนหน้านี้ สนธิ ลิ้มทองกุล ประกาศให้ช่วยกันติดตามค้นหาที่ซ่อนสมบัติของทนายตั้ม ที่ถูกยักย้ายถ่ายเทไป จนตู้เซฟยักษ์เหลือแต่ความว่างเปล่า
    .
    หนึ่งในรายชื่อที่สนธิชี้เป้า ก็คือ นายโอ๋ คนนี้เอง
    .
    โอ๋เหมือนเตรียมตัวมาอย่างดี ในการพูดกับสื่อ ยอมรับว่าสนิทกันจริงกับทนายตั้ม แต่ไม่รู้เรื่องทรัพย์สินใดๆ
    .
    แล้วก็พยายามเคลียร์ให้ทนายตั้ม ดูชั่วช้าสารเลวน้อยลง เช่น อ้างว่าทนายตั้ม ไม่ใช่ลูกน้องของบิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล แค่มาร่วมงานกันเท่านั้น
    .
    แต่เมื่อมองย้อนพฤติกรรมของทนายตั้ม ไม่ว่าจะสร้างเรื่องใส่ร้ายบิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา สมัยเป็น ผบ.ตร. เรื่องจัดซื้อไบโอเมตริกซ์
    .
    โผล่มาอาละวาดกับบิ๊กต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล หรือไปตอแยยียวนใส่บิ๊กเต่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ระหว่างทำคดีบิ๊กโจ๊กฟอกเงิน
    .
    แต่ละบิ๊กที่ถูกทนายตั้มตามราวี ล้วนแต่เป็นคู่ปรับของบิ๊กโจ๊กทั้งสิ้น และคนที่ได้ประโยชน์เต็มๆ จากลีลาของทนายตั้ม ก็มีแต่บิ๊กโจ๊กคนเดียว
    .
    พฤติกรรมที่ผ่านมามันชัดเจน ไม่มีอะไรต้องสงสัย ทนายตั้มเป็นแค่ “ม้าใช้” ของบิ๊กโจ๊ก
    พี่โอ๋ของน้องตั้ม ยังพยายามเคลียร์ใจสนธิ ลิ้มทองกุล แทนให้ด้วย ถึงขนาดร่ำไห้แบบไม่มีน้ำตาออกมา
    .
    ชาวเนตได้เห็นได้ฟังทุกสิ่งที่โอ๋พร่ำพูดออกมา ก็มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ ว่าคนๆ นี้ เชื่อถือไม่ได้
    .
    หลายคนวิเคราะห์ว่า โอ๋น่าจะกลัวโดนกองปราบฯ ขุดไปถึงตัวเขาทางใดทางหนึ่ง เพราะเขาเองก็ดูร่ำรวย มีทรงของคนไม่ขาวปลอดสักเท่าไร
    .
    ตรรกะง่ายๆ ใครที่จะสนิทสนมซี้ปึ้กกับทนายตั้ม ก็ต้องมีศีลเสมอกัน มิฉะนั้น คงคบกันไม่ได้ยาวนานขนาดนี้
    .
    อย่างพี่อ้อย ไปสนิทกับทนายตั้ม ความสัมพันธ์ก็พังครืนในเวลาแค่ปีเดียวเท่านั้น เพราะทนายตั้มไม่ได้นับพี่อ้อยเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นผู้มีพระคุณใดๆ
    .
    แต่มองพี่อ้อยเป็นเหยื่อโอชะ วางแผนที่จะฮุบทรัพย์สินมหาศาลของพี่อ้อย อย่างเป็นระบบ
    ...........
    Sondhi X
    แฉเหลี่ยมกลับลำ ตั้มเดินหมากถอย จะได้ไม่ติดคุกยาว . แม้กำลังจะจนตรอก ไม่เหลือหนทางสู้แล้ว แต่หมากล่าสุดที่ก๊วนทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ขยับเดิน นับว่าเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเหมือนเดิม . เป็นความเคลื่อนไหวแบบ 2 ประสาน ลงมือพร้อมๆ กัน . สายหนึ่งคือ ทนายปาเกียว นายสายหยุด เพ็งบุญชู จัดการต่อสายถึงทนายความของพี่อ้อย จตุพร อุบลเลิศ เพื่อเปิดเจรจา จะขอคืนเงินทั้งหมดให้พี่อ้อย . จากเดิมที่ทนายตั้ม เคยโวยใส่ทนายความของพี่อ้อย “กล้าดียังไงมาแจ้งจับผม” ทั้งขู่จะแจ้งความกลับพี่อ้อย โวยว่าทำให้ชื่อเสียงแบรนด์เนมเสียหาย . ตอนนี้ ทนายตั้มกลับลำ จะขอคืนเงินที่โกงมาทุกบาททุกสตางค์ จนถูกแซวเจ็บๆ “กล้าดียังไงจะคืนเงิน” . พอพี่อ้อยรับสารจากทนายปาเกียว ก็แจ้งกลับเบื้องต้นไปว่า งานนี้แล้วแต่ “สนธิ ลิ้มทองกุล” จะตัดสินใจ . ถือว่าพี่อ้อยฝากชีวิต และเชื่อมั่นในสื่ออาวุโส ว่าจะตัดสินใจได้ดีที่สุด . ถามว่าพี่อ้อย อยากได้เงินกว่า 100 ล้านบาท ที่ถูกทนายตั้มโกงไปหรือไม่? ใครก็คาดเดาได้ว่า ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะนั่นมันแค่เศษเงินของจำนวนทั้งหมดที่พี่อ้อยมี . อีกทั้งกระบวนการทางคดี ก็เดินหน้ามาไกล จนเกินกว่าจะหันหลังกลับได้แล้ว . ท่ามกลางเสียงเชียร์กระหึ่มโลกโซเชียล พี่อ้อยอย่าไปใจอ่อนให้กับคนเนรคุณเด็ดขาด จัดหนัก “สุดซอย” เท่านั้น . เพราะต่างแน่ใจ คนอย่างทนายตั้ม เป็นภัยสังคมร้ายแรง ขืนปล่อยออกจากคุก ก็เหมือนปล่อยเสือเข้าป่า จะมีคนต้องตกเป็นเหยื่อของทนายตั้ม อีกไม่รู้เท่าไร . นอกจากนี้ ทรัพย์สินเงินในธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์ ที่ ป.ป.ง. อายัดไว้เรียบร้อยแล้วนับร้อยล้านบาทนั้น เมื่อคดีถึงที่สุด ก็ต้องตกเป็นของพี่อ้อยอยู่ดี พี่อ้อยไม่จำเป็นต้องไปรับการชดใช้ใดๆ จากทนายตั้ม . ในแง่ของจังหวะเวลา ก็ถือว่าสายเกินไป พอรู้ว่าตัวเองจะแพ้แน่นอน จึงจะยอมขอคืนเงิน การแสดงออกแบบนี้ มันไม่น่าสงสาร กมลสันดานของโจรที่มาเป็นทนาย ก็คงไม่รู้สึกสำนึกผิดใดๆ การจะขอคืนเงินจึงแค่เป็นหมาก เพื่อหวังดิ้นให้หลุดจากการ “ติดคุกยาว” ก็เท่านั้น . อีกสายของทนายตั้ม ที่เคลื่อนไหวอย่างสอดประสานกัน คือการปรากฏตัวออกสื่อของพี่ชายคนสนิทที่ชื่อ “โอ๋” คนสมุทรสาครบ้านเดียวกัน ที่ย้ายไปตั้งรกรากที่ จ.เชียงราย ก่อนหน้านี้ สนธิ ลิ้มทองกุล ประกาศให้ช่วยกันติดตามค้นหาที่ซ่อนสมบัติของทนายตั้ม ที่ถูกยักย้ายถ่ายเทไป จนตู้เซฟยักษ์เหลือแต่ความว่างเปล่า . หนึ่งในรายชื่อที่สนธิชี้เป้า ก็คือ นายโอ๋ คนนี้เอง . โอ๋เหมือนเตรียมตัวมาอย่างดี ในการพูดกับสื่อ ยอมรับว่าสนิทกันจริงกับทนายตั้ม แต่ไม่รู้เรื่องทรัพย์สินใดๆ . แล้วก็พยายามเคลียร์ให้ทนายตั้ม ดูชั่วช้าสารเลวน้อยลง เช่น อ้างว่าทนายตั้ม ไม่ใช่ลูกน้องของบิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล แค่มาร่วมงานกันเท่านั้น . แต่เมื่อมองย้อนพฤติกรรมของทนายตั้ม ไม่ว่าจะสร้างเรื่องใส่ร้ายบิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา สมัยเป็น ผบ.ตร. เรื่องจัดซื้อไบโอเมตริกซ์ . โผล่มาอาละวาดกับบิ๊กต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล หรือไปตอแยยียวนใส่บิ๊กเต่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ระหว่างทำคดีบิ๊กโจ๊กฟอกเงิน . แต่ละบิ๊กที่ถูกทนายตั้มตามราวี ล้วนแต่เป็นคู่ปรับของบิ๊กโจ๊กทั้งสิ้น และคนที่ได้ประโยชน์เต็มๆ จากลีลาของทนายตั้ม ก็มีแต่บิ๊กโจ๊กคนเดียว . พฤติกรรมที่ผ่านมามันชัดเจน ไม่มีอะไรต้องสงสัย ทนายตั้มเป็นแค่ “ม้าใช้” ของบิ๊กโจ๊ก พี่โอ๋ของน้องตั้ม ยังพยายามเคลียร์ใจสนธิ ลิ้มทองกุล แทนให้ด้วย ถึงขนาดร่ำไห้แบบไม่มีน้ำตาออกมา . ชาวเนตได้เห็นได้ฟังทุกสิ่งที่โอ๋พร่ำพูดออกมา ก็มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ ว่าคนๆ นี้ เชื่อถือไม่ได้ . หลายคนวิเคราะห์ว่า โอ๋น่าจะกลัวโดนกองปราบฯ ขุดไปถึงตัวเขาทางใดทางหนึ่ง เพราะเขาเองก็ดูร่ำรวย มีทรงของคนไม่ขาวปลอดสักเท่าไร . ตรรกะง่ายๆ ใครที่จะสนิทสนมซี้ปึ้กกับทนายตั้ม ก็ต้องมีศีลเสมอกัน มิฉะนั้น คงคบกันไม่ได้ยาวนานขนาดนี้ . อย่างพี่อ้อย ไปสนิทกับทนายตั้ม ความสัมพันธ์ก็พังครืนในเวลาแค่ปีเดียวเท่านั้น เพราะทนายตั้มไม่ได้นับพี่อ้อยเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นผู้มีพระคุณใดๆ . แต่มองพี่อ้อยเป็นเหยื่อโอชะ วางแผนที่จะฮุบทรัพย์สินมหาศาลของพี่อ้อย อย่างเป็นระบบ ........... Sondhi X
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2423 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดคนอื่นไม่ทั่ว ไม่เคยดูความซั่วของตัวเอง
    ก่อนจะข้ามรุ่นมาเล่นกับ สนธิ ลิ่มทองกุล ทนายเดชา จุ๊กกรู๊ ก็มีคู่ปรับระดับเดียวกันอยู่ก่อนแล้ว มีคดีคาโรงคาสานกันอยู่ในเวลานี้ ก็คือ อาจารย์อ๊อด แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ซึ่งเป็นอินฟลูฯ โด่งดังคนหนึ่ง จากการจับเท็จ โกหกตอแหลของทนายจุกกู้ ศึกระหว่างอาจารย์อ๊อดและทนายเดชาเกิดขึ้นเมื่อปี 2565
    เมื่อทนายเดชารับเป็นทนายความให้นายสุธี หรือเสี่ยเปี๊ยก เสี่ยพันล้านเมืองเพชรฟ้องอาจารย์อ๊อดเรียกค่าเสียหาย150 ล้าน กล่าวหาว่าหลอกร่วมลงทุน แต่คดีนี้กลับไม่ได้สู้กันเฉพาะคดีความในศาล ทนายเดชาใช้อาวุธของตัวคือวาทกรรมไลฟ์สดแบบไม่ออกชื่อ กล่าวหาฝ่ายตรงข้ามว่าโกงๆ
    แม้อาจารย์อ๊อดรู้สึกว่าเสียหายจากวาทกรรมเหล่านั้น แต่ก็ไม่สามารถฟ้องเอาผิดทนายเดชาได้ เพราะไม่สามารถพิสูจน์ในศาลได้ว่าเป็นตัวเองที่ถูกใส่ร้าย แต่อาจารย์อ๊อดปักหลักสู้ไม่ถอย จึงไปร้องเรียนกรรมการมรรยาททนายความของสภาทนายความแห่งประเทศไทย ทนายเดชาเลยฟ้องอาจารย์อ๊อด กล่าวหาว่าอาจารย์อ๊อดแจ้งความเท็จหลายคดีแต่คราวนี้อาจารย์อ๊อดเป็นฝ่ายชนะรวดหลายคดีถึงที่สุดเรียบร้อย อาจารย์อ๊อดเลยเอาคืนบ้างเป็นฝ่ายยื่นฟ้องทนายเดชาข้อหาฟ้องเท็จ คดียังอยู่ในการพิจารณาในชั้นศาลและเพราะต้องตั้งรับสู้คดีกับทนายเดชาและเครือข่ายมาอย่างโชกโชน อาจารย์อ๊อดเลยมีความรู้ด้านกฎหมายงอกเงยขึ้นมา จากเดิมที่รู้แต่วิชาเคมีไหนไหนก็ไหนไหนอาจารย์อ๊อดเลยตั้งสํานักงานกฎหมายขึ้นมามีทนายความประจําสํานักงาน ของตัวเองให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
    ถึงตอนนี้อาจารย์อ๊อดเคลียร์ใจกับเสี่ยเปี๊ยกร่ําไห้กอดกันถอนคดีไปเรียบร้อยแล้วแต่คู่กัดคนสําคัญกลับเป็นอดีตทนายความของเสี่ยเปี๊ยกแทน โดยอาจารย์อ๊อดประกาศชัด ต้องเอาทนายเดชาถึงติดคุกให้ได้ สิ่งหนึ่งที่ยังคาใจอาจารย์อ๊อด
    ก็คือ สภาทนายความที่ไม่เคยขานรับเรื่องร้องเรียนใดๆโดยในการร้องเรียนทนายเดชาต่อกรรมการมารยาททนายความ อาจารย์อ๊อดระบุว่าการประพฤติตนของทนายความรายนี้ฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดีหรือเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความ ตามข้อบังคับสภาทนายความ จึงขอให้สภาทนายความเพิกถอนใบอนุญาตว่าความของทนายเดชาเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงต่อทนายความที่จะไม่รักษาข้อบังคับสภาทนายความ
    ขณะที่สภาทนายความที่รับร้องเรียนจากอาจารย์อ๊อดไปตั้งแต่ปีมะโว้จนบัดนี้ก็ยังแบะๆๆก็ไม่น่าแปลกใจที่สังคมจะตั้งคําถามอื้ออึงสภาทนายมีไว้ทําอะไร ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    เปิดคนอื่นไม่ทั่ว ไม่เคยดูความซั่วของตัวเอง ก่อนจะข้ามรุ่นมาเล่นกับ สนธิ ลิ่มทองกุล ทนายเดชา จุ๊กกรู๊ ก็มีคู่ปรับระดับเดียวกันอยู่ก่อนแล้ว มีคดีคาโรงคาสานกันอยู่ในเวลานี้ ก็คือ อาจารย์อ๊อด แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ซึ่งเป็นอินฟลูฯ โด่งดังคนหนึ่ง จากการจับเท็จ โกหกตอแหลของทนายจุกกู้ ศึกระหว่างอาจารย์อ๊อดและทนายเดชาเกิดขึ้นเมื่อปี 2565 เมื่อทนายเดชารับเป็นทนายความให้นายสุธี หรือเสี่ยเปี๊ยก เสี่ยพันล้านเมืองเพชรฟ้องอาจารย์อ๊อดเรียกค่าเสียหาย150 ล้าน กล่าวหาว่าหลอกร่วมลงทุน แต่คดีนี้กลับไม่ได้สู้กันเฉพาะคดีความในศาล ทนายเดชาใช้อาวุธของตัวคือวาทกรรมไลฟ์สดแบบไม่ออกชื่อ กล่าวหาฝ่ายตรงข้ามว่าโกงๆ แม้อาจารย์อ๊อดรู้สึกว่าเสียหายจากวาทกรรมเหล่านั้น แต่ก็ไม่สามารถฟ้องเอาผิดทนายเดชาได้ เพราะไม่สามารถพิสูจน์ในศาลได้ว่าเป็นตัวเองที่ถูกใส่ร้าย แต่อาจารย์อ๊อดปักหลักสู้ไม่ถอย จึงไปร้องเรียนกรรมการมรรยาททนายความของสภาทนายความแห่งประเทศไทย ทนายเดชาเลยฟ้องอาจารย์อ๊อด กล่าวหาว่าอาจารย์อ๊อดแจ้งความเท็จหลายคดีแต่คราวนี้อาจารย์อ๊อดเป็นฝ่ายชนะรวดหลายคดีถึงที่สุดเรียบร้อย อาจารย์อ๊อดเลยเอาคืนบ้างเป็นฝ่ายยื่นฟ้องทนายเดชาข้อหาฟ้องเท็จ คดียังอยู่ในการพิจารณาในชั้นศาลและเพราะต้องตั้งรับสู้คดีกับทนายเดชาและเครือข่ายมาอย่างโชกโชน อาจารย์อ๊อดเลยมีความรู้ด้านกฎหมายงอกเงยขึ้นมา จากเดิมที่รู้แต่วิชาเคมีไหนไหนก็ไหนไหนอาจารย์อ๊อดเลยตั้งสํานักงานกฎหมายขึ้นมามีทนายความประจําสํานักงาน ของตัวเองให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ถึงตอนนี้อาจารย์อ๊อดเคลียร์ใจกับเสี่ยเปี๊ยกร่ําไห้กอดกันถอนคดีไปเรียบร้อยแล้วแต่คู่กัดคนสําคัญกลับเป็นอดีตทนายความของเสี่ยเปี๊ยกแทน โดยอาจารย์อ๊อดประกาศชัด ต้องเอาทนายเดชาถึงติดคุกให้ได้ สิ่งหนึ่งที่ยังคาใจอาจารย์อ๊อด ก็คือ สภาทนายความที่ไม่เคยขานรับเรื่องร้องเรียนใดๆโดยในการร้องเรียนทนายเดชาต่อกรรมการมารยาททนายความ อาจารย์อ๊อดระบุว่าการประพฤติตนของทนายความรายนี้ฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดีหรือเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความ ตามข้อบังคับสภาทนายความ จึงขอให้สภาทนายความเพิกถอนใบอนุญาตว่าความของทนายเดชาเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงต่อทนายความที่จะไม่รักษาข้อบังคับสภาทนายความ ขณะที่สภาทนายความที่รับร้องเรียนจากอาจารย์อ๊อดไปตั้งแต่ปีมะโว้จนบัดนี้ก็ยังแบะๆๆก็ไม่น่าแปลกใจที่สังคมจะตั้งคําถามอื้ออึงสภาทนายมีไว้ทําอะไร ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 947 มุมมอง 0 รีวิว
  • ที่ประชุม ก.ตร. มีมติเอกฉันท์ เลือก "พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์" เป็น ผบ.ตร.คนที่ 15
    .
    วันนี้ (7 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) วาระพิเศษพิจารณาแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)
    .
    โดยมีการเสนอชื่อ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) อาวุโสลำดับ 1 ขึ้นเป็น ผบ.ตร. จากผู้ที่มีชื่อเข้าข่ายได้รับการแต่งตั้ง 3 คน ได้แก่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. อาวุโส ลำดับ 1 ,พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ อาวุโสลำดับ 2 และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. อาวุโสลำดับ 3
    .
    ขั้นตอนการเสนอชื่อคัดเลือกผู้เข้ามาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ปี 2565 มาตรา 78 ระบุว่าให้นายกรัฐมนตรีคัดเลือกรายชื่อเสนอ ก.ตร. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยก่อนการพิจารณาวาระ เสนอชื่อ ผบ.ตร. จะมีการแสดงผลงานของ รองผบ.ตร. ทุกท่านที่อยู่ในหลักเกณฑ์ได้รับการเสนอชื่อเป็น ผบ.ตร.
    .
    ก่อนเชิญ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ,พล.ต.อ.ไกรบุญ และ พล.ต.อ.ธนา ออกจากห้องประชุม เนื่องจากถือว่ามีส่วนได้เสีย องค์ประชุมมีเพียง 1.น.ส.แพทองธาร ประธาน 2.น.ส.อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการ ก.พ.ร. 3.นายปิยะวัฒน์ ศิวะรักษ์ เลขาธิการ ก.พ. ในฐานะก.ตร. โดยตำแหน่ง 4.พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก 5.พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ 6. พล.ต.อ.วินัย ทองสอง 7. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ 8.รองศาสตราจารย์ประทิต สันติประภพ 9.ศาสตราจารย์ศุภชัย ยาวะประภาษ และ10. พล.ต ท ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร รรท.รอง ผบ.ตร
    เวลาประมาณ 15.30 น. ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์เห็นชอบให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ เป็น ผบ.ตร. คนที่ 15
    .
    พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ชื่อเล่น "ต่าย" เกิดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2508 จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จ.ราชบุรี เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 25 รุ่นเดียวกับร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 41 รุ่นเดียวกับ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.
    .
    พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เริ่มต้นรับราชการตำรวจ ในตำแหน่ง รองสารวัตรสอบสวน สภ.อ.เมืองระยอง และค่อยๆ เติบโตในหน้าที่การงาน โดยดำรงตำแหน่งสำคัญ อาทิ ผู้กำกับการ 6และ8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ผู้กำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจน้ำ ผู้กำกับการ 3 ตำรวจท่องเที่ยว ก่อนขยับเป็นรองผู้บังคับการตำรวจทางหลวง รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ก้าวติดยศ พล.ต.ต.ในตำแหน่งเลขานุการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนโยกเป็นผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 1 ขยับขึ้นรองจเรตำรวจ (สบ7) ก่อนโยกเป็น รองผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล จากนั้นขยับติดยศ พล.ต.ท.ในตำแหน่ง ผบช.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. ก่อนโยกเป็น ผบช.ภ.8 จากนั้นขยับขึ้นผู้ช่วย ผบ.ตร. และขยับติดยศพล.ต.อ.ครั้งแรก ในตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบงานบริหาร ควบตำแหน่งหัวหน้าศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
    .
    ปัจจุบัน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ควบตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปทส.ตร.) และศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.)
    .
    นอกจากนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เคยเป็นนายเวร พล.ต.อ.ธวัชชัย ภัยลี้ สมัยดำรงตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร. และเป็นหัวหน้าสำนักงานของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข สมัยดำรงตำแหน่งผบ.ตร. นอกจากนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยังขึ้นมารักษาราชการแทนตำแหน่ง ผบ.ตร. ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี หลังพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ถูกย้ายไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 ล่าสุดน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงนามคำสั่งให้พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. หลังจากพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เกษียณอายุราชการ โดยให้มีผล 1 ต.ค.นี้
    .
    พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เป็นคนอัธยาศัยดี เป็นที่รักของเพื่อนร่วมรุ่นและผู้ใต้บังคับบัญชา เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นหลังก้าวขึ้นมารักษาราชการแทนผบ.ตร. สามารถทำงานตอบสนองนโยบายรัฐบาลด้านต่างๆ ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะด้านการปราบปรามยาเสพติด พนันออนไลน์ รวมทั้งปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการฉ้อโกงออนไลน์ จนได้รับคำชมจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น
    ..............
    Sondhi X
    ที่ประชุม ก.ตร. มีมติเอกฉันท์ เลือก "พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์" เป็น ผบ.ตร.คนที่ 15 . วันนี้ (7 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) วาระพิเศษพิจารณาแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) . โดยมีการเสนอชื่อ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) อาวุโสลำดับ 1 ขึ้นเป็น ผบ.ตร. จากผู้ที่มีชื่อเข้าข่ายได้รับการแต่งตั้ง 3 คน ได้แก่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. อาวุโส ลำดับ 1 ,พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ อาวุโสลำดับ 2 และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. อาวุโสลำดับ 3 . ขั้นตอนการเสนอชื่อคัดเลือกผู้เข้ามาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ปี 2565 มาตรา 78 ระบุว่าให้นายกรัฐมนตรีคัดเลือกรายชื่อเสนอ ก.ตร. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยก่อนการพิจารณาวาระ เสนอชื่อ ผบ.ตร. จะมีการแสดงผลงานของ รองผบ.ตร. ทุกท่านที่อยู่ในหลักเกณฑ์ได้รับการเสนอชื่อเป็น ผบ.ตร. . ก่อนเชิญ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ,พล.ต.อ.ไกรบุญ และ พล.ต.อ.ธนา ออกจากห้องประชุม เนื่องจากถือว่ามีส่วนได้เสีย องค์ประชุมมีเพียง 1.น.ส.แพทองธาร ประธาน 2.น.ส.อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการ ก.พ.ร. 3.นายปิยะวัฒน์ ศิวะรักษ์ เลขาธิการ ก.พ. ในฐานะก.ตร. โดยตำแหน่ง 4.พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก 5.พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ 6. พล.ต.อ.วินัย ทองสอง 7. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ 8.รองศาสตราจารย์ประทิต สันติประภพ 9.ศาสตราจารย์ศุภชัย ยาวะประภาษ และ10. พล.ต ท ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร รรท.รอง ผบ.ตร เวลาประมาณ 15.30 น. ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์เห็นชอบให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ เป็น ผบ.ตร. คนที่ 15 . พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ชื่อเล่น "ต่าย" เกิดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2508 จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จ.ราชบุรี เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 25 รุ่นเดียวกับร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 41 รุ่นเดียวกับ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. . พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เริ่มต้นรับราชการตำรวจ ในตำแหน่ง รองสารวัตรสอบสวน สภ.อ.เมืองระยอง และค่อยๆ เติบโตในหน้าที่การงาน โดยดำรงตำแหน่งสำคัญ อาทิ ผู้กำกับการ 6และ8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ผู้กำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจน้ำ ผู้กำกับการ 3 ตำรวจท่องเที่ยว ก่อนขยับเป็นรองผู้บังคับการตำรวจทางหลวง รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ก้าวติดยศ พล.ต.ต.ในตำแหน่งเลขานุการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนโยกเป็นผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 1 ขยับขึ้นรองจเรตำรวจ (สบ7) ก่อนโยกเป็น รองผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล จากนั้นขยับติดยศ พล.ต.ท.ในตำแหน่ง ผบช.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. ก่อนโยกเป็น ผบช.ภ.8 จากนั้นขยับขึ้นผู้ช่วย ผบ.ตร. และขยับติดยศพล.ต.อ.ครั้งแรก ในตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบงานบริหาร ควบตำแหน่งหัวหน้าศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ . ปัจจุบัน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ควบตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปทส.ตร.) และศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.) . นอกจากนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เคยเป็นนายเวร พล.ต.อ.ธวัชชัย ภัยลี้ สมัยดำรงตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร. และเป็นหัวหน้าสำนักงานของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข สมัยดำรงตำแหน่งผบ.ตร. นอกจากนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยังขึ้นมารักษาราชการแทนตำแหน่ง ผบ.ตร. ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี หลังพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ถูกย้ายไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 ล่าสุดน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงนามคำสั่งให้พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. หลังจากพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เกษียณอายุราชการ โดยให้มีผล 1 ต.ค.นี้ . พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เป็นคนอัธยาศัยดี เป็นที่รักของเพื่อนร่วมรุ่นและผู้ใต้บังคับบัญชา เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นหลังก้าวขึ้นมารักษาราชการแทนผบ.ตร. สามารถทำงานตอบสนองนโยบายรัฐบาลด้านต่างๆ ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะด้านการปราบปรามยาเสพติด พนันออนไลน์ รวมทั้งปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการฉ้อโกงออนไลน์ จนได้รับคำชมจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น .............. Sondhi X
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1686 มุมมอง 0 รีวิว
  • 27 กันยายน 2567-รายงานข่าวผู้จัดการออนไลน์ระบุว่า ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล (ผบช.สกพ.) มีหนังสือบันทึกข้อความ ที่ 0009.232/8033 ลงวันที่ 27 ก.ย.2567 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจรักษาราชการแทน ถึง รอง ผบ.ตร. และ จตช. ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ รอง จตช. ผบช. และ จตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่า ผบก. ในสังกัด สง.ผบ.ตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่า

    ใจความว่า ด้วย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. จะพ้นจากราชการเพราะเกษียณอายุ วันที่ 1 ต.ค.67 นายกรัฐมนตรี จึงมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 335/2567 ลงวันที่ 26 ก.ย.67 ให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. เป็นผู้รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผบ.ตร. ทั้งนี้ ตั้งแต่ 1 ต.ค.67 เป็นต้นไป จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

    สำหรับ พล.ต.อ.กิตติรัฐ ปัจจุบันเป็นรอง ผบ.ตร.อาวุโสอันดับหนึ่ง รับผิดชอบงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ควบตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปทส.ตร.) และศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.) นอกจากนี้ยังเป็นตัวเต็งที่จะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงผบ.ตร.คนต่อไป

    ที่มา : https://news1live.com/detail/9670000091175?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR2o5jsvWfMPmbl6GALqD_Iab8HDowGjBXAH-FJ7VXJgFEGoIWr0i3iCPDo_aem_oMDeDXkLH6WHFJm7J80MTg

    #Thaitimes
    27 กันยายน 2567-รายงานข่าวผู้จัดการออนไลน์ระบุว่า ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล (ผบช.สกพ.) มีหนังสือบันทึกข้อความ ที่ 0009.232/8033 ลงวันที่ 27 ก.ย.2567 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจรักษาราชการแทน ถึง รอง ผบ.ตร. และ จตช. ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ รอง จตช. ผบช. และ จตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่า ผบก. ในสังกัด สง.ผบ.ตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่า ใจความว่า ด้วย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. จะพ้นจากราชการเพราะเกษียณอายุ วันที่ 1 ต.ค.67 นายกรัฐมนตรี จึงมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 335/2567 ลงวันที่ 26 ก.ย.67 ให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. เป็นผู้รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผบ.ตร. ทั้งนี้ ตั้งแต่ 1 ต.ค.67 เป็นต้นไป จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ สำหรับ พล.ต.อ.กิตติรัฐ ปัจจุบันเป็นรอง ผบ.ตร.อาวุโสอันดับหนึ่ง รับผิดชอบงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ควบตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปทส.ตร.) และศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.) นอกจากนี้ยังเป็นตัวเต็งที่จะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงผบ.ตร.คนต่อไป ที่มา : https://news1live.com/detail/9670000091175?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR2o5jsvWfMPmbl6GALqD_Iab8HDowGjBXAH-FJ7VXJgFEGoIWr0i3iCPDo_aem_oMDeDXkLH6WHFJm7J80MTg #Thaitimes
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1451 มุมมอง 1 รีวิว
  • นางนิภาพรรณ สุขวิมล ภรรยาของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.เดินทางเข้าพบ ก.ร.ตร.ให้ปากคำกรณีเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องเว็บพนัน และส่วย 18 ธุรกิจสีเทา

    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000090521

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    นางนิภาพรรณ สุขวิมล ภรรยาของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.เดินทางเข้าพบ ก.ร.ตร.ให้ปากคำกรณีเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องเว็บพนัน และส่วย 18 ธุรกิจสีเทา อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000090521 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Yay
    Wow
    Sad
    Love
    Angry
    46
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 4743 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนง.ตำรวจแห่งชาติพิจารณาเลื่อนชั้นยศ ส.ต.ท.กุลวุฒิ วิทิตศานต์ที่สร้างชื่อเสียงประเทศไทย เป็นนักกีฬาแบตมินตันเหรียญเงินโอลิมปิก ปารีส 2024

    6 สิงหาคม 2567- สืบเนื่องจาก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ได้มอบหมายสำนักงานกำลังพล ตรวจสอบการดูแลสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้กับ ส.ต.ท.กุลวุฒิ วิทิตศานต์ และนักกีฬาตำรวจทุกคนที่เป็นตัวแทนทีมชาติไทยเข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในครั้งนี้ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย และสร้างความสุขให้กับคนไทยทุกคน

    พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้พิจารณาเลื่อนยศ ส.ต.ท.กุลวุฒิ วิทิตศานต์ ตำแหน่ง ผบ.หมู่ ฝอ.บก.ป. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีหลักเกณฑ์การพิจารณาเลื่อนชั้นยศสำหรับนักกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ ซึ่งตามหลักเกณฑ์จะแบ่งเป็นเหรียญทอง เหรียญเงิน และเหรียญทองแดง ว่าได้สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังพิจารณาอยู่ และคาด 1-2 วันนี้จะทราบผล

    สำหรับ ส.ต.ท.กุลวุฒิ วิทิตศานต์ ยังร่วมโครงการหนุมานแบดมินตันของตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ซึ่งทางผู้บัญชาการได้มอบหมายให้ทำหน้าที่สอนและฝึกซ้อมร่วมกับบุตรหลานของข้าราชการตำรวจในสังกัด เพื่อให้เด็กๆ ได้ออกกำลังกาย และสนับสนุนผลักดันให้เข้าร่วมรายการแข่งขันแบดมินตันในประเทศด้วย

    ด้าน พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ผู้บังคับบัญชา เปิดเผยว่า ในเมื่อวิวเป็นนักกีฬาแบดมินตัน ฝีมือดี และตัวเขาเองก็ชื่นชอบในการเล่นกีฬาแบดมินตันอย่างมาก เราเลยใช้ความสามารถในสิ่งที่เขาถนัด มาช่วยสนับสนุนการออกกำลังกายทั้งของข้าราชการตำรวจและบุตรหลานตำรวจในสังกัดสอบสวนกลาง ผ่านโครงการ Hanuman sport club ซึ่งจะเปิดโอกาสให้บุตรหลานของตำรวจสอบสวนกลาง CIB ได้เล่นกีฬาตามที่ถนัด และวิวเองก็ได้ร่วมเป็นโค้ช คอยฝึกสอน บอกเทคนิคให้กับเด็กๆ บุตรหลานของตำรวจในสังกัดด้วย

    ภาพเก่าเมื่อปีที่แล้ว ส.ต.ท.กุลวุฒิ ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ผู้บังคับบัญชา หลังจากเป็น แชมป์แบดมินตันชายเดี่ยวในการแข่งขันแบดมินตัน รายการ ชิงแชมป์โลก 2023 "TotalEnergies BWF World Championships 2023" ที่ประเทศเดนมาร์ก เมื่อวันที่ 27 ส.ค.2566

    #Thaitimes
    สนง.ตำรวจแห่งชาติพิจารณาเลื่อนชั้นยศ ส.ต.ท.กุลวุฒิ วิทิตศานต์ที่สร้างชื่อเสียงประเทศไทย เป็นนักกีฬาแบตมินตันเหรียญเงินโอลิมปิก ปารีส 2024 6 สิงหาคม 2567- สืบเนื่องจาก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ได้มอบหมายสำนักงานกำลังพล ตรวจสอบการดูแลสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้กับ ส.ต.ท.กุลวุฒิ วิทิตศานต์ และนักกีฬาตำรวจทุกคนที่เป็นตัวแทนทีมชาติไทยเข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในครั้งนี้ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย และสร้างความสุขให้กับคนไทยทุกคน พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้พิจารณาเลื่อนยศ ส.ต.ท.กุลวุฒิ วิทิตศานต์ ตำแหน่ง ผบ.หมู่ ฝอ.บก.ป. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีหลักเกณฑ์การพิจารณาเลื่อนชั้นยศสำหรับนักกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ ซึ่งตามหลักเกณฑ์จะแบ่งเป็นเหรียญทอง เหรียญเงิน และเหรียญทองแดง ว่าได้สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังพิจารณาอยู่ และคาด 1-2 วันนี้จะทราบผล สำหรับ ส.ต.ท.กุลวุฒิ วิทิตศานต์ ยังร่วมโครงการหนุมานแบดมินตันของตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ซึ่งทางผู้บัญชาการได้มอบหมายให้ทำหน้าที่สอนและฝึกซ้อมร่วมกับบุตรหลานของข้าราชการตำรวจในสังกัด เพื่อให้เด็กๆ ได้ออกกำลังกาย และสนับสนุนผลักดันให้เข้าร่วมรายการแข่งขันแบดมินตันในประเทศด้วย ด้าน พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ผู้บังคับบัญชา เปิดเผยว่า ในเมื่อวิวเป็นนักกีฬาแบดมินตัน ฝีมือดี และตัวเขาเองก็ชื่นชอบในการเล่นกีฬาแบดมินตันอย่างมาก เราเลยใช้ความสามารถในสิ่งที่เขาถนัด มาช่วยสนับสนุนการออกกำลังกายทั้งของข้าราชการตำรวจและบุตรหลานตำรวจในสังกัดสอบสวนกลาง ผ่านโครงการ Hanuman sport club ซึ่งจะเปิดโอกาสให้บุตรหลานของตำรวจสอบสวนกลาง CIB ได้เล่นกีฬาตามที่ถนัด และวิวเองก็ได้ร่วมเป็นโค้ช คอยฝึกสอน บอกเทคนิคให้กับเด็กๆ บุตรหลานของตำรวจในสังกัดด้วย ภาพเก่าเมื่อปีที่แล้ว ส.ต.ท.กุลวุฒิ ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ผู้บังคับบัญชา หลังจากเป็น แชมป์แบดมินตันชายเดี่ยวในการแข่งขันแบดมินตัน รายการ ชิงแชมป์โลก 2023 "TotalEnergies BWF World Championships 2023" ที่ประเทศเดนมาร์ก เมื่อวันที่ 27 ส.ค.2566 #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 945 มุมมอง 0 รีวิว