• FDA รับรองเครื่องมือ AI ตัวแรกเพื่อเร่งการพัฒนายารักษาโรคตับ

    องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ได้ประกาศรับรองเครื่องมือ AI ตัวแรกที่ออกแบบมาเพื่อช่วยแพทย์ประเมินโรคตับชนิดรุนแรงในกระบวนการทดลองยา เครื่องมือนี้มีชื่อว่า AIM-NASH ซึ่งทำงานบนระบบคลาวด์และใช้การวิเคราะห์ภาพชิ้นเนื้อตับ เพื่อประเมินสัญญาณของโรค เช่น การสะสมไขมัน, การอักเสบ และการเกิดพังผืด

    ปัจจุบันการประเมินโรคตับในผู้ป่วยที่เข้าร่วมการทดลองยามักต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญหลายคนตรวจสอบชิ้นเนื้อด้วยตา ซึ่งใช้เวลานานและอาจมีความไม่สอดคล้องกัน AIM-NASH จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อ มาตรฐานการประเมินที่แม่นยำและรวดเร็วกว่า โดยผลลัพธ์จาก AI จะถูกส่งต่อให้แพทย์ตีความขั้นสุดท้าย

    โรคที่เครื่องมือนี้มุ่งเป้า คือ Metabolic dysfunction-associated steatohepatitis (MASH) ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชากรหลายล้านคนในสหรัฐฯ และอาจนำไปสู่ภาวะตับวายหรือมะเร็งตับได้ การใช้ AI ในการประเมินโรคนี้คาดว่าจะช่วยลดเวลาและต้นทุนในการพัฒนายาใหม่ลงได้ถึงครึ่งหนึ่งภายใน 3–5 ปี

    การรับรองครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญ เพราะ FDA ยืนยันว่า AIM-NASH ให้ผลลัพธ์ที่ เทียบเคียงได้กับการประเมินของผู้เชี่ยวชาญ และจะเปิดให้ใช้ในทุกโครงการพัฒนายาที่เกี่ยวข้องกับโรคตับในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เครื่องมือ AIM-NASH ได้รับการรับรองจาก FDA
    ใช้ AI วิเคราะห์ภาพชิ้นเนื้อตับเพื่อประเมินโรค
    ผลลัพธ์ถูกส่งต่อให้แพทย์ตีความขั้นสุดท้าย

    เป้าหมายการใช้งาน
    มุ่งช่วยเร่งการพัฒนายาสำหรับโรค MASH
    ลดเวลาและต้นทุนการทดลองยาลงได้มาก

    ความสำคัญของการรับรอง
    ผลลัพธ์จาก AIM-NASH เทียบเคียงได้กับผู้เชี่ยวชาญ
    เปิดให้ใช้ในทุกโครงการพัฒนายาที่เกี่ยวข้องกับโรคตับ

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    แม้ AI จะช่วยเร่งการประเมิน แต่ยังต้องอาศัยแพทย์ตีความขั้นสุดท้าย
    หากพึ่งพา AI โดยไม่มีการตรวจสอบ อาจเสี่ยงต่อการวินิจฉัยผิดพลาด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/09/us-fda-qualifies-first-ai-tool-to-help-speed-liver-disease-drug-development
    🧪 FDA รับรองเครื่องมือ AI ตัวแรกเพื่อเร่งการพัฒนายารักษาโรคตับ องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ได้ประกาศรับรองเครื่องมือ AI ตัวแรกที่ออกแบบมาเพื่อช่วยแพทย์ประเมินโรคตับชนิดรุนแรงในกระบวนการทดลองยา เครื่องมือนี้มีชื่อว่า AIM-NASH ซึ่งทำงานบนระบบคลาวด์และใช้การวิเคราะห์ภาพชิ้นเนื้อตับ เพื่อประเมินสัญญาณของโรค เช่น การสะสมไขมัน, การอักเสบ และการเกิดพังผืด ปัจจุบันการประเมินโรคตับในผู้ป่วยที่เข้าร่วมการทดลองยามักต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญหลายคนตรวจสอบชิ้นเนื้อด้วยตา ซึ่งใช้เวลานานและอาจมีความไม่สอดคล้องกัน AIM-NASH จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อ มาตรฐานการประเมินที่แม่นยำและรวดเร็วกว่า โดยผลลัพธ์จาก AI จะถูกส่งต่อให้แพทย์ตีความขั้นสุดท้าย โรคที่เครื่องมือนี้มุ่งเป้า คือ Metabolic dysfunction-associated steatohepatitis (MASH) ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชากรหลายล้านคนในสหรัฐฯ และอาจนำไปสู่ภาวะตับวายหรือมะเร็งตับได้ การใช้ AI ในการประเมินโรคนี้คาดว่าจะช่วยลดเวลาและต้นทุนในการพัฒนายาใหม่ลงได้ถึงครึ่งหนึ่งภายใน 3–5 ปี การรับรองครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญ เพราะ FDA ยืนยันว่า AIM-NASH ให้ผลลัพธ์ที่ เทียบเคียงได้กับการประเมินของผู้เชี่ยวชาญ และจะเปิดให้ใช้ในทุกโครงการพัฒนายาที่เกี่ยวข้องกับโรคตับในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เครื่องมือ AIM-NASH ได้รับการรับรองจาก FDA ➡️ ใช้ AI วิเคราะห์ภาพชิ้นเนื้อตับเพื่อประเมินโรค ➡️ ผลลัพธ์ถูกส่งต่อให้แพทย์ตีความขั้นสุดท้าย ✅ เป้าหมายการใช้งาน ➡️ มุ่งช่วยเร่งการพัฒนายาสำหรับโรค MASH ➡️ ลดเวลาและต้นทุนการทดลองยาลงได้มาก ✅ ความสำคัญของการรับรอง ➡️ ผลลัพธ์จาก AIM-NASH เทียบเคียงได้กับผู้เชี่ยวชาญ ➡️ เปิดให้ใช้ในทุกโครงการพัฒนายาที่เกี่ยวข้องกับโรคตับ ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ แม้ AI จะช่วยเร่งการประเมิน แต่ยังต้องอาศัยแพทย์ตีความขั้นสุดท้าย ⛔ หากพึ่งพา AI โดยไม่มีการตรวจสอบ อาจเสี่ยงต่อการวินิจฉัยผิดพลาด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/09/us-fda-qualifies-first-ai-tool-to-help-speed-liver-disease-drug-development
    WWW.THESTAR.COM.MY
    US FDA qualifies first AI tool to help speed liver disease drug development
    Dec 8 (Reuters) - The U.S. Food and Drug Administration has qualified the first artificial intelligence tool designed to help doctors assess a severe form of fatty liver disease in drug trials, the agency said on Monday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • แผนชั่ว ตอนที่ 1

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว”
    ตอน 1
    อเมริกา นักล่าใบตองแห้ง ทำชั่วได้ทุกอย่าง ตั้งแต่ระดับชั่วธรรมดา จนถึง ชั่วจนเหลือเชื่อ เพื่อจะได้ตามที่ตนเองต้องการ แผนชั่วของนักล่าใบตองแห้ง ซับซ้อน ซ่อนลึก แถมสร้างเรื่องกลบ จนดูแทบไม่ออกว่า เรื่องไหน เป็นเรื่องจริง เรื่องไหน เป็นเรื่องลวง
    ประมาณปี ค.ศ.2006 ขณะที่ George Clooney พระเอกหนังฮอลลีวู้ดคนดัง ความหล่อใกล้เคียงลุงนิทาน กำลังเดินทำหน้าหล่ออยู่ที่ซูดานใต้ เพื่อไปช่วยชาวซูดาน ที่กำลังหนีภัยสงครามกลางเมือง โดยมีนักข่าวซีเอนเอน เดินตามประกบพระเอกรูปหล่อทุกฝีก้าว ทำหน้าที่รายงานข่าว แบบรายนาที
    พระเอกกำลังเล่นบทดาราใจบุญ ดังแล้วไม่ลืมคนลำบาก เดินเข้าไปหาชาวซูดาน ที่กำลังนอนอยู่กลางดิน กินแต่ทราย พระเอกทำมาดนุ่ม ก้มไปอุ้มเด็ก ที่ขี้มูกกำลังไหลย้อย ต่อมา พระเอกก็ทำหน้าเครียด คุยกับหญิงชาวซูดาน ที่กำลังปัดแมงวันว่อน พระเอกบอกกำลังจะตั้งมูลนิธิเพื่อมาช่วยชาวซูดานนะ รอหน่อย อย่าเพิ่งหิวตายนะจ้ะ พระเอกยังบอกอีกว่า กำลังชวนเพื่อนดาราใจบุญอีกหลายสิบ ให้มาช่วยกันจัดคอนเสิตร์ เอาเงินมาช่วยชาวซูดานใต้ ฯลฯ สาระพัดจะมีรายงานข่าว เกี่ยวกับพระเอกรูปหล่อ กับชาวซูดานใต้ที่น่าสงสาร
    แต่ ซีเอนเอน กระป๋องใส่สีย้อมข่าวใบใหญ่ ของนักล่าใบตองแห้ง ไม่เสนอข่าวเล่าให้ชัดสักหน่อย ว่าทำไมชาวซูดานใต้ ถึงบ้านแตกสาแหรกหลุดขนาดนั้น
    ในปี ค.ศ.1994 จีนเปลี่ยนชั้นจากประเทศที่ส่งนำ้มันออก กลายเป็นประเทศ ที่ต้องสั่งน้ำมันเข้า การเปลี่ยนชั้นแบบนี้ของจีน ไม่ดีกับจีนนัก เห็นชัดว่า ความมั่นคงของจีนคงผูกติดกับเรื่องน้ำมันอย่างน่าเป็นห่วง และก็ทำให้ บรรดานักล่ารุ่นใหม่รุ่นเก่าได้ที รีบหาทางปิดกั้น ไม่ให้จีนเข้าถึงแหล่งน้ำมันในโลก ไม่ว่าแหล่งนั้นจะเกี่ยว หรือไม่เกี่ยวกับพวกนักล่าใบตองแห้ง ใบตองสด
    จีนโตไว ยิ่งกว่าไก่ได้ฮอร์โมน ประมาณว่า ในปี ค.ศ.2030 หรือเร็วกว่านั้น จีน อาจมีรถยนตร์ มากกว่าอเมริกา เสียด้วยซ้ำ จีนจึงต้องการน้ำมันมากจริงๆ แต่ใช่ว่าจีนไม่รับรู้ถึงความต้องการของตนเอง จีนเข้าใจเรื่องความต้องการใช้น้ำมันว่าเป็นเรื่องที่ “ต้องจัดการ” เป็นอันดับหนึ่งของชาติ
    ประมาณต้นปี ค.ศ.1999 ข่าวการลงทุนของจีนในซูดาน เกี่ยวกับการสำรวจแหล่งน้ำมัน ทำให้นักล่าใบตองแห้งตาโต ถล่นออกมานอกเบ้า หูผึ่งบาน แต่ยังเก็บอาการ แค่ติดตามดูผลจากดาวเทียม ที่รีบจัดการย้ายตำแหน่ง เอามาจ่อซูดานเรียงกันเป็นตับ ไม่นาน ก็มีข่าวว่า จีนค้นพบแหล่งน้ำมันแล้วที่เมืองดาฟูร์ Darfur ที่อยู่ในซูดานใต้ และมีแผนจะสร้างท่อส่งน้ำมัน ยาว 900 ไมล์ จากแหล่งน้ำมันในซูดานใต้ ไปยังท่าเรือซูดาน เพื่อไปออกทะเลแดง ไปลงถังน้ำมัน เพื่อส่งไปจีน ครบถ้วนกระบวนการ อาเฮียถอนหายใจดังเฮือก
    ข่าวนี้ ทำให้นักล่าใบตองแห้งและอังกฤษชาวเกาะใหญ่ เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย แทบจะลงดิ้นกลิ้งกับพื้นด้วยความขัดใจ มันทำได้ยังไง มันหลุดมือพวกเราไปได้อย่างไร แบบนี้แผนการสร้าง กับดักท่อ รัดคอซูดาน ต้องรีบดำเนินการด่วน
    เดือนเมษายน ค.ศ.2005 รัฐมนตรีพลังงานของซูดานประกาศ ที่คาร์ทูม Khartoum เมืองหลวงของซูดานว่า เราพบแหล่งน้ำมันใหญ่ ที่ทางใต้ของเมืองดาร์ฟู Darfur ซึ่งคาดว่าจะทำการผลิตน้ำมันได้ประมาณ 5 แสน บาเรลต่อวัน ในไม่กี่สัปดาห์นี้ นักธรณีวิทยาคาดว่า จะเป็นแหล่งน้ำมันที่ยาวจากดาร์ฟูไปถึงเพื่อนบ้านอย่างชาด Chad และแคเมอรูน Cameroon แหล่งนี้ อาจจะเป็นแหล่งน้ำมันใหญ่ที่สุด ที่พบนอกประเทศซาอุดิอารเบีย… (อ่านนิทานเรื่องนี้ จะได้รสอร่อยขึ้น ถ้าดูแผนที่ประกอบนะครับ)
    หลังจากการขุดเจอน้ำมันที่ดาร์ฟู จีนเร่งเดินสาย ผูกข้อมือกับชาวอาฟริกา อย่างจริงจัง และจริงใจ ด้วยการเสนอเงินกู้ระยะยาว แบบเงินช่วยเหลือคือไม่มีดอกเบี้ย ไม่มีเงื่อนไงผูกมัด ไม่บังคับว่าจะต้องขายสมบัติเก่า หรือแปรรูปบ้าบออะไร แค่ให้เอาเงินไปพัฒนา สร้างสาธารณูประโภค ถนน โรงพยาบาล โรงเรียน ตามอัธยาศัยของผู้กู้ ไม่มีการขู่ ไม่มีการบีบ มันเป็นหนังคนละม้วน เงื่อนไขคนละชุด กับของพวกก๊วนหน้าเลือด ใจดำ ธนาคารโลก ไอเอ็มเอฟ World Bank, IMF
    สำหรับซูดาน ตั้งแต่ปี ค.ศ.1999 ที่เจอแหล่งน้ำมัน จีนลงทุนในซูดานไปแล้ว เป็นจำนวน 1 หมื่น 5 พันล้านเหรียญ ส่วนบริษัท China National Petroleum Company (CNPC) ร่วมลงทุนในการขุดสำรวจน้ำม้นกับซูดาน เป็นจำนวน 5 พันล้านเหรียญ และจีนยังถือหุ้นอีก 50% ในโรงกลั่นน้ำมันที่ คาร์ทูมร่วมกับรัฐบาลซูดานอีกด้วย และจีนได้ทำสัญญาสั่งน้ำมันล่วงหน้าจากซูดาน เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งใจป้ำจ่ายเงินล่วงหน้าด้วย ให้เห็นว่าจีนเอาจริง ซื้อจริง รวยจริง ต่างกับค่ายอื่น ที่ดูเหมือน จะรวยแค่ลมปาก
    ทันทีที่มีข่าวนี้ออกไป กองกำลังจากไหนไม่รู้ ผุดขึ้นมาเต็มทะเลทราย ไล่ไปตั้งแต่ แนวเขตแดนของ ชาด ที่อยู่ติดกับซูดาน เป็นกองกำลังที่ติดอาวุธอย่างดี ของตะวันตก หลังจากนั้น ก็มีข่าวปล้น ฆ่า ข่มขืน ตลอดไปทั้งภูมิภาค คราวนี้ วอชิงตัน และ กระป๋องใส่สีย้อมข่าว ยี่ห้อซีเอนเอน ต่างประโคมข่าวทั้งวัน ว่าเกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ที่ดาร์ฟู Darfur Genocide ทั้งหมด ที่กระป๋องใส่สีย้อมข่าวใบใหญ่ ตีปีบโหมข่าว ก็เพื่อให้ชาวบ้านเข้าใจว่า เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องเอากองทัพนาโต้ เข้าไปอยู่เต็มซูดานใต้ เพื่อดูแลความสงบ
    จำไว้ให้ดีนะครับ “ฆ่าล้างเผ่าพันธ์” เป็นข้ออ้างของ ไอ้นักล่าใบตองแห้ง และสมุน ขี้ข้ารับใช้ทั้งหลาย ชอบเอามาใช้อ้าง เวลาเสียเปรียบ หรือเวลาจะเอาเปรียบ หรือเวลาอะไรก็ได้ เพื่อจะเอากองกำลังของตัวเองเข้าไปในบ้านของคนอื่นว่ากำลังมีเรื่องฆ่าล้างเผ่าพันธ์กัน ก็มาจากการสร้างเรื่องของพวกเอ็งทั้งนั้นแหละ แมวถูกหมาไล่กัด ก็เป็นเรื่องฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันเหมือนกันนะ
    ท่อส่งน้ำมัน ที่จีนสร้างในซูดาน ส่วนใหญ่อยู่ทางซูดานใต้ มีแหล่งสำรวจใหญ่แหล่งเดียวอยู่ ที่ทางซูดานเหนือ ทางเหนือของซูดานมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองคาร์ทูม ควบคุมโดยรัฐบาลที่เป็นอิสลาม อเมริกาพยายามสร้างสงครามกลางเมือง แบ่งซูดานเป็น 2 ส่วน ซูดานเหนือกับซูดานใต้ โดยอเมริกา เล็งยึดซูดานใต้ มาเป็นของพวกตัว และเป็นการถีบจีนออกจากแหล่งทรัพยากรใหญ่ ที่สามารถจะช่วยจีนได้แยะ (ถ้าจีนได้ไป) เรื่องนี้ นักล่าใบตองแห้งกับพวกยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้ อาเฮียชักหายใจไม่โล่ง
    พระเอกหนัง George Cloony เลยต้องไปเข้าฉาก แสดงบทดาราใจบุญ อยู่ที่ซูดานใต้ ใช้พระเอกรูปหล่อใจบุญ ทำหน้าที่ตีข่าว ประกาศให้โลกสนใจ และหลงเชื่อว่า กำลังมีการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุ เกิดขึ้นในซูดานใต้ มีคนใจร้ายกำลังฆ่าคนบริสุทธิ์ แบบนี้ได้ผลเร็วกว่า เอานักข่าวธรรมดา เดินเซไปเซมา รายงานข่าว ก็เรื่องมันด่วน รอช้าได้ที่ไหน เดี๋ยวอาเฮีย เขาเอาไปหมด
    มันเล่นแบบหนังฮอลลีวู้ด เอาดารามาแสดงได้จริงๆ แน่จริงๆ ไอ้ใบตองแห้ง

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    14 ก.ย. 2558
    แผนชั่ว ตอนที่ 1 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว” ตอน 1 อเมริกา นักล่าใบตองแห้ง ทำชั่วได้ทุกอย่าง ตั้งแต่ระดับชั่วธรรมดา จนถึง ชั่วจนเหลือเชื่อ เพื่อจะได้ตามที่ตนเองต้องการ แผนชั่วของนักล่าใบตองแห้ง ซับซ้อน ซ่อนลึก แถมสร้างเรื่องกลบ จนดูแทบไม่ออกว่า เรื่องไหน เป็นเรื่องจริง เรื่องไหน เป็นเรื่องลวง ประมาณปี ค.ศ.2006 ขณะที่ George Clooney พระเอกหนังฮอลลีวู้ดคนดัง ความหล่อใกล้เคียงลุงนิทาน กำลังเดินทำหน้าหล่ออยู่ที่ซูดานใต้ เพื่อไปช่วยชาวซูดาน ที่กำลังหนีภัยสงครามกลางเมือง โดยมีนักข่าวซีเอนเอน เดินตามประกบพระเอกรูปหล่อทุกฝีก้าว ทำหน้าที่รายงานข่าว แบบรายนาที พระเอกกำลังเล่นบทดาราใจบุญ ดังแล้วไม่ลืมคนลำบาก เดินเข้าไปหาชาวซูดาน ที่กำลังนอนอยู่กลางดิน กินแต่ทราย พระเอกทำมาดนุ่ม ก้มไปอุ้มเด็ก ที่ขี้มูกกำลังไหลย้อย ต่อมา พระเอกก็ทำหน้าเครียด คุยกับหญิงชาวซูดาน ที่กำลังปัดแมงวันว่อน พระเอกบอกกำลังจะตั้งมูลนิธิเพื่อมาช่วยชาวซูดานนะ รอหน่อย อย่าเพิ่งหิวตายนะจ้ะ พระเอกยังบอกอีกว่า กำลังชวนเพื่อนดาราใจบุญอีกหลายสิบ ให้มาช่วยกันจัดคอนเสิตร์ เอาเงินมาช่วยชาวซูดานใต้ ฯลฯ สาระพัดจะมีรายงานข่าว เกี่ยวกับพระเอกรูปหล่อ กับชาวซูดานใต้ที่น่าสงสาร แต่ ซีเอนเอน กระป๋องใส่สีย้อมข่าวใบใหญ่ ของนักล่าใบตองแห้ง ไม่เสนอข่าวเล่าให้ชัดสักหน่อย ว่าทำไมชาวซูดานใต้ ถึงบ้านแตกสาแหรกหลุดขนาดนั้น ในปี ค.ศ.1994 จีนเปลี่ยนชั้นจากประเทศที่ส่งนำ้มันออก กลายเป็นประเทศ ที่ต้องสั่งน้ำมันเข้า การเปลี่ยนชั้นแบบนี้ของจีน ไม่ดีกับจีนนัก เห็นชัดว่า ความมั่นคงของจีนคงผูกติดกับเรื่องน้ำมันอย่างน่าเป็นห่วง และก็ทำให้ บรรดานักล่ารุ่นใหม่รุ่นเก่าได้ที รีบหาทางปิดกั้น ไม่ให้จีนเข้าถึงแหล่งน้ำมันในโลก ไม่ว่าแหล่งนั้นจะเกี่ยว หรือไม่เกี่ยวกับพวกนักล่าใบตองแห้ง ใบตองสด จีนโตไว ยิ่งกว่าไก่ได้ฮอร์โมน ประมาณว่า ในปี ค.ศ.2030 หรือเร็วกว่านั้น จีน อาจมีรถยนตร์ มากกว่าอเมริกา เสียด้วยซ้ำ จีนจึงต้องการน้ำมันมากจริงๆ แต่ใช่ว่าจีนไม่รับรู้ถึงความต้องการของตนเอง จีนเข้าใจเรื่องความต้องการใช้น้ำมันว่าเป็นเรื่องที่ “ต้องจัดการ” เป็นอันดับหนึ่งของชาติ ประมาณต้นปี ค.ศ.1999 ข่าวการลงทุนของจีนในซูดาน เกี่ยวกับการสำรวจแหล่งน้ำมัน ทำให้นักล่าใบตองแห้งตาโต ถล่นออกมานอกเบ้า หูผึ่งบาน แต่ยังเก็บอาการ แค่ติดตามดูผลจากดาวเทียม ที่รีบจัดการย้ายตำแหน่ง เอามาจ่อซูดานเรียงกันเป็นตับ ไม่นาน ก็มีข่าวว่า จีนค้นพบแหล่งน้ำมันแล้วที่เมืองดาฟูร์ Darfur ที่อยู่ในซูดานใต้ และมีแผนจะสร้างท่อส่งน้ำมัน ยาว 900 ไมล์ จากแหล่งน้ำมันในซูดานใต้ ไปยังท่าเรือซูดาน เพื่อไปออกทะเลแดง ไปลงถังน้ำมัน เพื่อส่งไปจีน ครบถ้วนกระบวนการ อาเฮียถอนหายใจดังเฮือก ข่าวนี้ ทำให้นักล่าใบตองแห้งและอังกฤษชาวเกาะใหญ่ เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย แทบจะลงดิ้นกลิ้งกับพื้นด้วยความขัดใจ มันทำได้ยังไง มันหลุดมือพวกเราไปได้อย่างไร แบบนี้แผนการสร้าง กับดักท่อ รัดคอซูดาน ต้องรีบดำเนินการด่วน เดือนเมษายน ค.ศ.2005 รัฐมนตรีพลังงานของซูดานประกาศ ที่คาร์ทูม Khartoum เมืองหลวงของซูดานว่า เราพบแหล่งน้ำมันใหญ่ ที่ทางใต้ของเมืองดาร์ฟู Darfur ซึ่งคาดว่าจะทำการผลิตน้ำมันได้ประมาณ 5 แสน บาเรลต่อวัน ในไม่กี่สัปดาห์นี้ นักธรณีวิทยาคาดว่า จะเป็นแหล่งน้ำมันที่ยาวจากดาร์ฟูไปถึงเพื่อนบ้านอย่างชาด Chad และแคเมอรูน Cameroon แหล่งนี้ อาจจะเป็นแหล่งน้ำมันใหญ่ที่สุด ที่พบนอกประเทศซาอุดิอารเบีย… (อ่านนิทานเรื่องนี้ จะได้รสอร่อยขึ้น ถ้าดูแผนที่ประกอบนะครับ) หลังจากการขุดเจอน้ำมันที่ดาร์ฟู จีนเร่งเดินสาย ผูกข้อมือกับชาวอาฟริกา อย่างจริงจัง และจริงใจ ด้วยการเสนอเงินกู้ระยะยาว แบบเงินช่วยเหลือคือไม่มีดอกเบี้ย ไม่มีเงื่อนไงผูกมัด ไม่บังคับว่าจะต้องขายสมบัติเก่า หรือแปรรูปบ้าบออะไร แค่ให้เอาเงินไปพัฒนา สร้างสาธารณูประโภค ถนน โรงพยาบาล โรงเรียน ตามอัธยาศัยของผู้กู้ ไม่มีการขู่ ไม่มีการบีบ มันเป็นหนังคนละม้วน เงื่อนไขคนละชุด กับของพวกก๊วนหน้าเลือด ใจดำ ธนาคารโลก ไอเอ็มเอฟ World Bank, IMF สำหรับซูดาน ตั้งแต่ปี ค.ศ.1999 ที่เจอแหล่งน้ำมัน จีนลงทุนในซูดานไปแล้ว เป็นจำนวน 1 หมื่น 5 พันล้านเหรียญ ส่วนบริษัท China National Petroleum Company (CNPC) ร่วมลงทุนในการขุดสำรวจน้ำม้นกับซูดาน เป็นจำนวน 5 พันล้านเหรียญ และจีนยังถือหุ้นอีก 50% ในโรงกลั่นน้ำมันที่ คาร์ทูมร่วมกับรัฐบาลซูดานอีกด้วย และจีนได้ทำสัญญาสั่งน้ำมันล่วงหน้าจากซูดาน เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งใจป้ำจ่ายเงินล่วงหน้าด้วย ให้เห็นว่าจีนเอาจริง ซื้อจริง รวยจริง ต่างกับค่ายอื่น ที่ดูเหมือน จะรวยแค่ลมปาก ทันทีที่มีข่าวนี้ออกไป กองกำลังจากไหนไม่รู้ ผุดขึ้นมาเต็มทะเลทราย ไล่ไปตั้งแต่ แนวเขตแดนของ ชาด ที่อยู่ติดกับซูดาน เป็นกองกำลังที่ติดอาวุธอย่างดี ของตะวันตก หลังจากนั้น ก็มีข่าวปล้น ฆ่า ข่มขืน ตลอดไปทั้งภูมิภาค คราวนี้ วอชิงตัน และ กระป๋องใส่สีย้อมข่าว ยี่ห้อซีเอนเอน ต่างประโคมข่าวทั้งวัน ว่าเกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ที่ดาร์ฟู Darfur Genocide ทั้งหมด ที่กระป๋องใส่สีย้อมข่าวใบใหญ่ ตีปีบโหมข่าว ก็เพื่อให้ชาวบ้านเข้าใจว่า เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องเอากองทัพนาโต้ เข้าไปอยู่เต็มซูดานใต้ เพื่อดูแลความสงบ จำไว้ให้ดีนะครับ “ฆ่าล้างเผ่าพันธ์” เป็นข้ออ้างของ ไอ้นักล่าใบตองแห้ง และสมุน ขี้ข้ารับใช้ทั้งหลาย ชอบเอามาใช้อ้าง เวลาเสียเปรียบ หรือเวลาจะเอาเปรียบ หรือเวลาอะไรก็ได้ เพื่อจะเอากองกำลังของตัวเองเข้าไปในบ้านของคนอื่นว่ากำลังมีเรื่องฆ่าล้างเผ่าพันธ์กัน ก็มาจากการสร้างเรื่องของพวกเอ็งทั้งนั้นแหละ แมวถูกหมาไล่กัด ก็เป็นเรื่องฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันเหมือนกันนะ ท่อส่งน้ำมัน ที่จีนสร้างในซูดาน ส่วนใหญ่อยู่ทางซูดานใต้ มีแหล่งสำรวจใหญ่แหล่งเดียวอยู่ ที่ทางซูดานเหนือ ทางเหนือของซูดานมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองคาร์ทูม ควบคุมโดยรัฐบาลที่เป็นอิสลาม อเมริกาพยายามสร้างสงครามกลางเมือง แบ่งซูดานเป็น 2 ส่วน ซูดานเหนือกับซูดานใต้ โดยอเมริกา เล็งยึดซูดานใต้ มาเป็นของพวกตัว และเป็นการถีบจีนออกจากแหล่งทรัพยากรใหญ่ ที่สามารถจะช่วยจีนได้แยะ (ถ้าจีนได้ไป) เรื่องนี้ นักล่าใบตองแห้งกับพวกยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้ อาเฮียชักหายใจไม่โล่ง พระเอกหนัง George Cloony เลยต้องไปเข้าฉาก แสดงบทดาราใจบุญ อยู่ที่ซูดานใต้ ใช้พระเอกรูปหล่อใจบุญ ทำหน้าที่ตีข่าว ประกาศให้โลกสนใจ และหลงเชื่อว่า กำลังมีการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุ เกิดขึ้นในซูดานใต้ มีคนใจร้ายกำลังฆ่าคนบริสุทธิ์ แบบนี้ได้ผลเร็วกว่า เอานักข่าวธรรมดา เดินเซไปเซมา รายงานข่าว ก็เรื่องมันด่วน รอช้าได้ที่ไหน เดี๋ยวอาเฮีย เขาเอาไปหมด มันเล่นแบบหนังฮอลลีวู้ด เอาดารามาแสดงได้จริงๆ แน่จริงๆ ไอ้ใบตองแห้ง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 14 ก.ย. 2558
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 384 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง ยากูซ่า…ยังซ่าอยู่
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ยากูซ่า…ยังซ่าอยู่”
    ตอน 1
    เพิ่งเล่าไปหมาดๆ ในนิทานเรื่องไม่ตกสะเก็ดว่า ยากูซ่าเป็นหมอตำแยทำคลอดพรรค LPD ของญี่ปุ่น ในคุกซุกาโมช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เลิกใหม่ๆ หลังจากทำคลอด ยากูซ่าสาระพัดลาย ยังทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงนางนม ช่วยกันป้อนข้าว ป้อนน้ำอุ้มชูดูแล จนพรรค LDP โตไว กล้ามใหญ่ หน้าไหนจะกล้าขัดใจขวางทางเจ้าพ่อยากูซ่า ด้วยเหตุนี้ พรรค LDP จึงคุมการเมืองญี่ปุ่นอยู่มือ อยู่หมัด มาตลอด ตั้งแต่คลอด จนถึงเดี๋ยวนี้ 
    คณะหมอตำแย ประกอบด้วย นายโคดามะ เจ้าพ่อใหญ่ของยากูซ่า หัวหน้าสมาคมมังกรดำ นายซาซากาวา หัวหน้ายากูซ่าอีกกลุ่มที่ ที่มีความยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันเป็นมือสำคัญ มือหนึ่ง ที่อยู่ข้างหลังประเทศญี่ปุ่น และอีกหนึ่ง ที่เป็นคนประสานงานระหว่าง ฝ่ายยากูซ่า นักการเมืองญี่ปุ่นกับฝ่ายอเมริกา คือ นายคิชิ โนบูซุเกะ Kishi Nobusuke ตาของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนปัจจุบัน นายชินโซะ อาเบะ นั่นเอง ทีนี่ก็รู้กันแล้วว่า คุณอาเบะ นี่เป็นเด็กเลี้ยงของยากูซ่า อย่าไปขัดใจแกมากนัก
    น่าทึ่งนะครับ นึกถึงญี่ปุ่น อย่านึกถึงแต่ปลาดิบกับกิโมโน เดี๋ยวจะเข้าใจหลายอย่างเกี่ยวกับญี่ปุ่น…ผิดเพี้ยน...
    เมื่อประมาณสัปดาห์ที่แล้ว สื่อฝรั่งต่างพากันลงข่าวว่า ยามากูชิ – กูมิ Yamagushi – gumi ยากูซ่า แก๊งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นขณะนี้ กำลังจะฉลองครบรอบ 100 ปี ของแก๊ง ด้วยการแตกคอกัน และอาจมีการยกพวกตีกันรุนแรง เป็นข่าวหลุดมาจากการประชุมใหญ่ของแก๊ง ที่สำนักงานใหญ่เมืองโกเบ เมื่อประมาณปลายเดือนสิงหาคม เขาว่ามันเป็นการเรียกประชุมด่วน บรรดาชายในชุดสูทดำ นิ้วก้อยสั้นทั้งหลาย ต่างทำหน้าเครียด รีบมาเข้าประชุมกันพร้อมหน้า ทั้งหมดเดินทางมาด้วยรถส่วนตัวสีดำ กระจกติดฟิลม์ดำมืด รถยนต์มีแต่ยี่ห้อเมอร์ซิเดซเบนซ์ หรือโตโยต้าเล็กซัสเท่านั้น ยี่ห้ออื่นสงสัยจะไม่เข้ากับ สูทดำและนิ้วก้อยสั้น
    รายงานข่าวว่า ยามากูชิ-กูมิ กำลังร้าวจัดใกล้แตก พวกหนึ่ง ยังคงสน้บสนุนหัวหน้าใหญ่คนปัจจุบัน หนุ่มใหญ่วัย 73 นายชิโนดะ Kenichi Shinoda หรือที่รู้จักกันในนาม Shinobu Tsukasa ส่วนอีกพวก สนับสนุนคู่แข่งที่อยู่ทางตะวันตกของญี่ปุ่น ข่าวไม่บอกว่าเป็นใคร
    สาเหตุที่แตกคอ มีเรื่องอ้างสาระพัด แต่เรื่องใหญ่เขาว่า น่าจะเป็นเรื่องการค้ายาเสพติด ที่เจ้าพ่อวัย 73 บอก ตามประเพณี ตั้งแต่ตั้งแก๊งมา เราไม่ค้ายา แต่ลูกแก๊งบอก ถ้าไม่ค้ายา เรารวยไม่พอนะ ค้าคน ค้าเงิน ค้าบ่อน ค้าของเมา ค้ากำลัง ฯลฯ มันไม่พอรวย เอ ค้ากำลังอาวุธ นี่ น่าจะพอนะ หรือ ส่วนแบ่งไม่ลงตัว อันนี้ผม ไม่กล้าเดา
    บางข่าว ยังมีเพิ่มเติมว่า หรือจะเป็นการเตรียมตัวกลับมา ของหัวหน้ายากูซ่าใหญ่อีกคนชื่อ นาย โกโตะ Goto Tadamasa ซึ่งเคยใหญ่มาก แต่ตอนหลังถูกขับออกจากแก๊ง ในปี ค.ศ.2008 หลังมีข่าวว่า กระด้างกระเดื่องแยะ และไปมีข้อตกลงกับ FBI ของอเมริกา เอาความในของพวกไปบอก เพื่อแลกกับการผ่าตัดเปลี่ยนตับของเขา หลังจากหายดี นายโกโตะไม่กลับญี่ปุ่น แต่ไปปักหลัก ฝั่งตัวอยู่ ในกัมพูชา
    เรื่องยามากูชิ-กูมิ กำลังร้าวจัด จวนแตกนี่ ทำให้ตำรวจญี่ปุ่น อยู่ในภาวะเตรียมพร้อม ไม่กล้าง่วงไม่กล้าซึม เขาว่า เมื่อยากูซ่า แตกคอใหญ่ในปี ค.ศ.1984 พวกเขาตีกันไม่เลิกถึง 5 ปี มีการปาระเบิดกลางเมือง ยิงกราดกลางถนนเหมือนในหนัง ขับรถบรรทุกพุ่งใส่บ้านพังเป็นแถบๆ (บ้านเล็กน่าเอ็นดูของญี่ปุ่น ท่าทางพังง่ายอยู่แล้ว) คนตายไปหลายสิบ สมัยนั้นส่วนใหญ่ใช้ ปืนกล กับปาระเบิดใส่กันจะๆ เป้าเจาะจง ไม่ใช่เป้าหว่าน แบบวางระเบิดใกล้สี่แยกเหมือนสมัยนี้ เป้ก็ยังไม่ใช้ วิกก็ไม่ใส่กัน ตำรวจญี่ปุ่นบอก ถ้าตีกันงวดนี้ จากพัฒนาการใช้อาวุธอุปกรณ์กันครบครัน ตำรวจก็ไม่กล้าคาดเดาว่า ญี่ปุ่นจะเละขนาดไหน
    ยากูซ่าในญี่ปุ่นมีประมาณ 24 แก๊งใหญ่ จำนวนยากูซ่าทั้งหมดประมาณ 6 หมื่นกว่าคน ทั้งหมดมีรายได้รวมกันต่อปี อย่างน้อย 45 พันล้านเหรียญ คิดเป็นเงินไทยออกไหมครับ จำนวนมหึมามาก แก๊งใหญ่อันดับแรกคือ ยามากูชิ-กูมิ ซึ่งไม่ใช่แค่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เขาเป็นกลุ่มอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใหญ่กว่ามาเฟียอิตาลี และอเมริกันอีกนะครับ
    ยามากูชิ-กูมิ มีสมาชิกทางการประมาณ 2 หมื่นกว่าคน แต่ตำรวจญี่ปุ่น บอก ตัวเลขจริงน่าจะใกล้ 4 หมื่นกว่าคน มีสาขาเกือบร้อยสาขา ทั้งในญี่ปุ่น เกาหลี และอเมริกา ไทยมีหรือเปล่า ไม่แน่ใจ เอาว่าไม่มี ดีกว่านะ แก๊งเจ้าพ่อรายนี้ มีบริษัทหน้าฉาก หลายร้อยบริษัท มีบริษัทตรวจสอบบัญชีนับไม่ถ้วนอยู่ในมือ และมีพนักงานทำงานบริหารเป็นพันๆคน เจ้าพ่อเก็บข้อมูลบริษัทธุรกิจ ไว้ใช้ในการ “ทำธุรกิจ” มากมาย และมีข้อมูลส่วนบุคคล ประมาณ 3.2 ล้านคน เอาไว้ทำอะไร คงพอนึกกันออก นอกจากนี้ ยังมีบริษัทนักสืบส่วนบุคคล ไว้ติดตามบุคคล ที่น่าตาม หรือ ต้องตามอีกแยะ
    
###############
ตอน 2
     
    เรื่องยากูซ่าแตกคอกัน นี่น่าสนใจไหม ผมให้ความสนใจ แต่ ไม่ใช่เรื่องเขาจะแตกคอกันผมสนใจเรื่อง “เวลา” ของการเป็นข่าว สนใจคนเขียนข่าว และสนใจเนื้อข่าว บางตอน
     
    “เวลา” ของการเป็นข่าว น่าสนใจเพราะ นายชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น หลานตาเพื่อนรักยากูซ่า กำลังจะบีบให้สภาสูงของญี่ปุ่นผ่านกฏหมาย เพื่อให้ญี่ปุ่นสามารถนำกองกำลังของตัวเอง ร่อนไปทั่ว
    เพื่อช่วยแบกถาดบริการให้ไอ้นักล่าใบตองแห้ง คอยดักตีห้วเพื่อนบ้าน แถบเอเซียแปซิฟิกได้คล่องตัว ในขณะเดียวกัน ก็มีชาวญี่ปุ่น
    โดยเฉพาะพวกคุณแม่กำลังไม่ยอม ไม่อยากให้ลูกไปทำสงคราม ไม่อยากให้ลูกต้องมีสภาพอย่างสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงไม่ต้องการให้สภาผ่านกฏหมายนี้
    และออกมาประท้วงกันแล้ว และอาจจะออกมาประท้วงกันอีก แต่ถ้ายากูซ่ายกพวกตีกัน กลางเมือง พวกคุณแม่คุณลูก ก็คงไม่ค่อยอยากจะเสี่ยงออกมาชุมนุม
    เผลอๆ อาจถูกลากไปอยู่ข้างไหนของยากูซ่าแบบไม่สมัครใจ หรือไม่ก็เอาข่าวยากูซ่าตีกัน มากลบข่าวเอากฏหมายแบกถาดเข้าสภา เรื่องสร้างข่าวหนึ่ง มากลบอีกข่าวหนึ่งนี่ ถนัดกันนัก
    ช่างเลือกเวลาให้ยากูซ่าทะเลาะกันจริงนะ หลานตา
    เรื่องคนเขียนข่าวนี่ก็แปลก สื่อฝรั่งระดับใหญ่อย่าง the Independent, Guardian, Telegraph, Washington Post ลงข่าวกันหมด แต่ดูไปลึกๆ ข่าวมาจากตอ ต้นเดียวกันทั้งนั้น เพราะเป็นข่าวที่เริ่มมาจาก นาย Jake Adelstien
    นายเจค Jake Adelstien นี่ก็แปลกเอาเรื่องอยู่ และก็มีคนสนใจความแปลกของเขา ขนาดจะเอาเรื่องเขาไปทำหนังแล้ว หนังชื่ออะไรไม่รู้ ผมเห็นข่าวแวบๆ จำได้แต่ว่าจะให้ เจ้าหนู ที่เล่นเป็น แฮรี่ พอตเตอร์ เล่นเป็นตัวนายนักข่าวคนนี้
    นาย เจค เป็นยิวอเมริกัน จากมิสซูรี เดินทางมาญี่ปุ่น เมื่อประมาณเกือบยี่สิบปีก่อน ตอนนั้นเขาเพิ่งเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ปี 2 หลงไหลเรื่องญี่ปุ่น เลยขอย้ายมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยโตเกียว ระหว่างเรียนก็ทำงานหาเงินเป็นค่าเรียน ค่าอยู่ ค่ากิน งานหนึ่ง ที่เขาเล่าว่า เขาทำก็คือ รับจ้างนวดคุณนายญี่ปุ่นที่ร่ำรวยแต่ขี้เหงา เออ ช่างหางานจริงไอ้หนู ระหว่างนั้น ก็มั่วสุมอยู่กับพวกยากูซ่า จนเกิดความสนใจ ศึกษาติดตามชีวิตยากูซ่า เมื่อเรียนจบ พูดเขียนญี่ปุ่นได้คล่อง เนียนไปกับคนญี่ปุ่นแล้ว ก็ไปสมัครงานเป็นผู้สื่อข่าว หนังสือพิมพ์ Yomiuri Shimbun หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ ยอดจำหน่ายสุงสุดของญี่ปุ่น
    นายเจค ทำข่าวเกี่ยวกับชีวิตชาวญี่ปุ่นในอีกโลกหนี่ง เป็นชีวิตสีดำของคนกลางคืน ส่วนใหญ่เป็นข่าวอาชญากรรม วันหนึ่ง ตำรวจญี่ปุ่นคุยให้เขาฟังว่า ยากูซ่าสมัยนี้ เปลี่ยนไปแล้ว ไม่เหมือนยากูซ่าสมัยก่อน ที่เป็นสุภาพบุรุษ แม้จะสักลายพร้อยไปทั้งตัว แต่ก็ไม่ยุ่ง ไม่ทำร้ายคนนอกยากูซ่า นอกจากมีแบล๊กเมล์ หรือทรมานบ้าง แต่ไม่ทำร้ายตำรวจ มาตอนหลัง เกิดยากูซ่าสายพันธ์ใหม่ เช่น พันธุ์ประเภท นายโกโตะ Goto Tadamasa นี่แหละ ยากูซ่าก็ เริ่มเหี้ยมโหด รุนแรงขึ้น เล่นนอกเส้นไปถึงชาวบ้าน จนเดือดร้อนกันไปหมด นายเจคฟังแล้วก็สนใจ คิดจะทำรายงานข่าวพิเศษ เกี่ยวกับนาย โกโตะ เขาว่างั้น
    ก่อนการสนทนานี่ไม่กี่วัน ลูกน้องนายโกโตะที่เข้าใจว่า แปรพักตร์หักหลังเขา ถูกยิงตายที่เมืองไทยของเรานี่เอง หมอนี่ หนีเจ้าพ่อโกโตะอยู่หลายปี แต่ในที่สุดก็หนีไม่พ้น
    เรื่องการถูกยิงตายของยากูซ่าในเมืองไทยนี่เป็นข่าวอยู่ใน นสพ. เนชั่น เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ.2011 ว่าไกด์ไทยสารภาพว่า ยิงนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น ตาย 1 บาดเจ็บสาหัส อีก 1 ระหว่างพาไปปืนเขาท่องเที่ยว อยู่แถวทางเหนือของเมืองไทย จริงๆ ญี่ปุ่นทั้ง 2 คนเป็นยากูซ่า หนีตายจากการรู้เห็นการเก็บกวาด ของยากูซ่าในญี่ปุ่น แต่หนีไม่พ้น ไกด์ไทยเลยงานเข้า เป็นข่าวที่เห็นถึงความไม่เข้าท่า หลายอย่างเหลือเกิน
    
###############
ตอน 3
    เมื่อ นายเจคได้กลิ่นเรื่อง เจ้าพ่อกาโตะ เขาตามติด แล้วนำมาเขียนรายงานข่าวว่า จริงๆเรื่องมันเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่นายกาโตะกำลังดำเนินการอยู่ นาย ก ดันเข้ามาขวางทาง นายกาโตะ จึงสั่งลูกน้องหมายเลข 1 ให้ จัดการนาย ก ผลปรากฏว่า นาย ก ถูกแทงตายกลางถนนแห่งหนึ่งแถว Aoyama เมื่อปี ค.ศ.2006 ตำรวจโตเกียว ใช้เวลาอยู่ 4 ปี ในปี ค.ศ.2009 จึงจับลูกน้องหมายเลข 1 ได้ แล้วออกหมายจับลูกน้องหมายเลข 2 ด้วย หมายเลข 1 ถูกพิพากษาติดคุก 13 ปี ส่วนหมายเลข 2 หนีหาย แต่ในที่สุดปรากฏมาถูกยิงตายอยู่ที่เมืองไทยในปี ค.ศ.2011 นั่นเอง
    นายเจค คุ้ยต่อ ได้เรื่องว่า นายกาโตะ เคยได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนตับ ที่ รพ UCLA Medical Center ในอเมริกา พร้อมลูกน้องอีก 2 คน ภายใต้การจัดการออก วีซ่า และอำนวยความสดวกของ FBI แถมลัดคิวไม่ต้องคอย ตัดหน้าคนที่ลงชื่อขอเปลี่ยนตับไปร้อยกว่าคน FBI บอก เราไม่ได้อะไรมากมายจากนายกาโตะหรอก อ้าว แล้วใจดีจัดการพา ยากูซ่ามาผ่าตัดเปลี่ยนตับ ตัดหน้าคนป่วยอเมริกันร้อยกว่าคนทำไม
    จากการคุ้ยแคะเรื่องนายกาโตะ นายเจคอ้างว่า ทำให้เขาโดนขู่ และโดนทำร้าย ลูกและเมียชาวญี่ปุ่นก็โดนขู่ด้วย แต่นายเจค ก็ยังคงอยู่ในญี่ปุ่นต่อไป ต่อมาเขาลาออกจากหนังสือพิมพ์ Yomiuri มาเป็นสื่ออิสระ แต่ก็ยังตามติดเรื่องยากูซ่า การค้ามนุษย์ และการฟอกเงิน ซึ่งเป็นธุรกิจของยากูซ่าต่อ ตัวเขาเองก็ใส่สูทดำ เหมือนพวกยากูซ่าส่วนใหญ่ แถมนั่งรถเมอร์ซิเดซเบนซ์ สีดำ มีคนขับเป็นอดีตยากูซ่านิ่วก้อยซ้ายสั้นหายไป 1 ข้อ เห็นชัด มีคนบอกว่า นายเจคเอง ก็น่าจะเป็น ซีไอเอ ไม่งั้นไม่รอดมาหรอก นายเจคไม่ตอบรับ หรือ ปฏิเสธ เขายังคลุกคลีอยู่กับยากูซ่า ตอนหลังเขาแยกทางกับเมีย ตัวเขายังอยู่ญี่ปุ่นจนทุกวันนี้ ส่วนลูกเมียไปอยู่อเมริกา และมีตำรวจคอยคุ้มกัน
    แต่ นายเจค ยังไม่เลิกเล่น เขาเขียนเรื่องของนายโกโตะ กับ FBI ไปลงใน นสพ. Washington Post และ Los Angeles Times เขารายงานว่า หลังจากผ่าตัดเปลี่ยนตับเรียบร้อย นายโกโตะ ก็กลับมาญี่ปุ่น บริหารกิจการยากูซ่าต่อ และในปี ค.ศ.2008 ก็ถูกขับออกจากแก๊งยากูซ่า จากนั้น นายกาโตะก็หนีไปอยู่ที่กัมพูชาพร้อมพรรคพวก ตัวนายกาโตะ บวชเป็นพระนุ่งเหลืองห่มเหลืองในพุทธศาสนา
    นายเจคเขียนหนังสือ เกี่ยวกับชีวิตด้านมืดของโตเกียวชื่อ “Tokyo Vice” ที่น่าจะเป็นต้นเรื่องของข่าว ที่ว่าจะมีการสร้างหนัง ส่วนนายกาโตะ ก็มาแบบยากูซ่า เขาบอกว่า แม้จะเขาจะบวชเป็นพระแล้ว ก็ใช่ว่า นายเจค จะได้อยู่สบาย หลังจากนั้น มีข่าวว่า ทนายที่นายเจค จ้างเอาไว้ดูแลคดีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเขากับนายกาโตะ ไปพักผ่อนที่ฟิลิปปินส์ เช้าขึ้นมาพบว่านอนตายสนิทอยู่ในห้องพักของโรงแรม มีขวดยานอนหลับกับแก้วไวน์อยู่หัวเตียง ที่ข้อมือมีรอยเชือดยาว แต่ไม่ลึก มีกล่องใส่คัตเตอร์ขนาดต่างๆ วางอยู่ที่หัวเตียงด้วย ตำรวจฟิลิปปินส์ สรุปสำนวนว่า เป็นการฆ่าตัวตาย วิธีการ การสรุปสำนวนไม่ต่างกับตำรวจไทย
    เล่าเรื่องยากูซ่าแตกคอให้ฟังแล้ว ดูเผินๆ เหมือนเรื่องไม่น่าเป็นเรื่อง มาออกข่าวกันทำไม แถมเรื่องก็ไม่เห็นมีอะไร ลุงนิทานเอามาเขียนทำไม
    เรื่องแบบนี้แหละ ที่คนช่างสงสัยอย่างผม อดคิดมากไม่ได้ ผมไม่เชื่อเรื่องบังเอิญ!
    นายเจค สาระพัดจะทำตัวคลุกกับยากูซ่า ตีข่าวเสียน่าสนใจ ว่ายากูซ่าจะแตกกัน ตีกัน แต่ตอนเขียนถึงสาเหตุ กลับแสนเบา ไม่มีน้ำหนัก ส่วนเรื่องนายกาโตะ ก็เช่นเดียวกัน ตีข่าวเรื่องเปลี่ยนตับ กับข้อตกลงกับ FBI เหมือนเร้าใจ แต่พอถูกไล่จากแก๊ง ดันไม่เจาะลึก ว่ามาจากสาเหตุอะไร และที่แปลก จนผมต้องเขียนถึงคือ เรื่องยากูซ่า ดันหนี ไปบวชเป็นพระอยู่ในเขมร ! มีที่ให้ไปตั้งแยะ เลือกไปอยู่เขมร มันไม่สงสัยไม่ได้ แถมช่วงเวลา ที่ ยากูซ่าไปอยู่เขมร ก็น่าสนใจสำหรับผม
    ทำให้ผมนึกถึงเรื่อง สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนญี่ปุ่นจะยกพลขึ้นบก ผ่านมาทางใต้ของไทย ญี่ปุ่น ก็มาบวชเป็นพระอยู่ทางใต้ของเราอยู่นานหลายคน โดยเฉพาะตัว นายพล Tsuji Masanobu ผู้ที่จะมาบัญชาการรบในไทยก็บวช
    ทำให้ผมนึกถึงเรื่อง การยึดราชประสงค์ และการซุ่มยิงทหารที่สี่แยกคอกวัว การบุกสถานที่ราชการและโรงพยาบาล ในปี พ.ศ.2553 (ค.ศ.2010) ที่มีชายชุดดำ ซุ่มยิงทหาร วางระเบิด เผากรุงเทพฯ เสียวินาศสันตะโร ชายชุดดำมาจากไหนกัน ใครฝึก พฤติกรรมของชายชุดดำเป็นอย่างไร น่ารังเกียจ เหี้ยมโหดขนาดไหน ไม่ใช่พื้นฝอยหาตะเข็บ แต่เป็นเรื่องเจ็บแล้วต้องจำ และไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก
    ทำให้ผมนึก ไปได้อีกหลายเรื่องครับ เรื่องบังเอิญไม่มี เขมรกับไทย อยู่ไม่ไกลกัน เข้าง่ายออกง่าย มารถ มาเรือ มารถไฟได้ทั้งนั้น และญี่ปุ่นในไทยก็มากขึ้นทุกวัน ตอนนี้ก็เร่งฝึกแบกถาดให้ไอ้นักล่าใบตองแห้งอยู่ ระวังกันบ้างก็แล้วกัน ไอ้ใบตองแห้งมันวางแผนเก่ง เรื่องล่อให้หลงทางนี่ กระจอกสำหรับมัน
    
สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
7 ก.ย. 2558
    เรื่อง ยากูซ่า…ยังซ่าอยู่ นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ยากูซ่า…ยังซ่าอยู่” ตอน 1 เพิ่งเล่าไปหมาดๆ ในนิทานเรื่องไม่ตกสะเก็ดว่า ยากูซ่าเป็นหมอตำแยทำคลอดพรรค LPD ของญี่ปุ่น ในคุกซุกาโมช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เลิกใหม่ๆ หลังจากทำคลอด ยากูซ่าสาระพัดลาย ยังทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงนางนม ช่วยกันป้อนข้าว ป้อนน้ำอุ้มชูดูแล จนพรรค LDP โตไว กล้ามใหญ่ หน้าไหนจะกล้าขัดใจขวางทางเจ้าพ่อยากูซ่า ด้วยเหตุนี้ พรรค LDP จึงคุมการเมืองญี่ปุ่นอยู่มือ อยู่หมัด มาตลอด ตั้งแต่คลอด จนถึงเดี๋ยวนี้  คณะหมอตำแย ประกอบด้วย นายโคดามะ เจ้าพ่อใหญ่ของยากูซ่า หัวหน้าสมาคมมังกรดำ นายซาซากาวา หัวหน้ายากูซ่าอีกกลุ่มที่ ที่มีความยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันเป็นมือสำคัญ มือหนึ่ง ที่อยู่ข้างหลังประเทศญี่ปุ่น และอีกหนึ่ง ที่เป็นคนประสานงานระหว่าง ฝ่ายยากูซ่า นักการเมืองญี่ปุ่นกับฝ่ายอเมริกา คือ นายคิชิ โนบูซุเกะ Kishi Nobusuke ตาของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนปัจจุบัน นายชินโซะ อาเบะ นั่นเอง ทีนี่ก็รู้กันแล้วว่า คุณอาเบะ นี่เป็นเด็กเลี้ยงของยากูซ่า อย่าไปขัดใจแกมากนัก น่าทึ่งนะครับ นึกถึงญี่ปุ่น อย่านึกถึงแต่ปลาดิบกับกิโมโน เดี๋ยวจะเข้าใจหลายอย่างเกี่ยวกับญี่ปุ่น…ผิดเพี้ยน... เมื่อประมาณสัปดาห์ที่แล้ว สื่อฝรั่งต่างพากันลงข่าวว่า ยามากูชิ – กูมิ Yamagushi – gumi ยากูซ่า แก๊งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นขณะนี้ กำลังจะฉลองครบรอบ 100 ปี ของแก๊ง ด้วยการแตกคอกัน และอาจมีการยกพวกตีกันรุนแรง เป็นข่าวหลุดมาจากการประชุมใหญ่ของแก๊ง ที่สำนักงานใหญ่เมืองโกเบ เมื่อประมาณปลายเดือนสิงหาคม เขาว่ามันเป็นการเรียกประชุมด่วน บรรดาชายในชุดสูทดำ นิ้วก้อยสั้นทั้งหลาย ต่างทำหน้าเครียด รีบมาเข้าประชุมกันพร้อมหน้า ทั้งหมดเดินทางมาด้วยรถส่วนตัวสีดำ กระจกติดฟิลม์ดำมืด รถยนต์มีแต่ยี่ห้อเมอร์ซิเดซเบนซ์ หรือโตโยต้าเล็กซัสเท่านั้น ยี่ห้ออื่นสงสัยจะไม่เข้ากับ สูทดำและนิ้วก้อยสั้น รายงานข่าวว่า ยามากูชิ-กูมิ กำลังร้าวจัดใกล้แตก พวกหนึ่ง ยังคงสน้บสนุนหัวหน้าใหญ่คนปัจจุบัน หนุ่มใหญ่วัย 73 นายชิโนดะ Kenichi Shinoda หรือที่รู้จักกันในนาม Shinobu Tsukasa ส่วนอีกพวก สนับสนุนคู่แข่งที่อยู่ทางตะวันตกของญี่ปุ่น ข่าวไม่บอกว่าเป็นใคร สาเหตุที่แตกคอ มีเรื่องอ้างสาระพัด แต่เรื่องใหญ่เขาว่า น่าจะเป็นเรื่องการค้ายาเสพติด ที่เจ้าพ่อวัย 73 บอก ตามประเพณี ตั้งแต่ตั้งแก๊งมา เราไม่ค้ายา แต่ลูกแก๊งบอก ถ้าไม่ค้ายา เรารวยไม่พอนะ ค้าคน ค้าเงิน ค้าบ่อน ค้าของเมา ค้ากำลัง ฯลฯ มันไม่พอรวย เอ ค้ากำลังอาวุธ นี่ น่าจะพอนะ หรือ ส่วนแบ่งไม่ลงตัว อันนี้ผม ไม่กล้าเดา บางข่าว ยังมีเพิ่มเติมว่า หรือจะเป็นการเตรียมตัวกลับมา ของหัวหน้ายากูซ่าใหญ่อีกคนชื่อ นาย โกโตะ Goto Tadamasa ซึ่งเคยใหญ่มาก แต่ตอนหลังถูกขับออกจากแก๊ง ในปี ค.ศ.2008 หลังมีข่าวว่า กระด้างกระเดื่องแยะ และไปมีข้อตกลงกับ FBI ของอเมริกา เอาความในของพวกไปบอก เพื่อแลกกับการผ่าตัดเปลี่ยนตับของเขา หลังจากหายดี นายโกโตะไม่กลับญี่ปุ่น แต่ไปปักหลัก ฝั่งตัวอยู่ ในกัมพูชา เรื่องยามากูชิ-กูมิ กำลังร้าวจัด จวนแตกนี่ ทำให้ตำรวจญี่ปุ่น อยู่ในภาวะเตรียมพร้อม ไม่กล้าง่วงไม่กล้าซึม เขาว่า เมื่อยากูซ่า แตกคอใหญ่ในปี ค.ศ.1984 พวกเขาตีกันไม่เลิกถึง 5 ปี มีการปาระเบิดกลางเมือง ยิงกราดกลางถนนเหมือนในหนัง ขับรถบรรทุกพุ่งใส่บ้านพังเป็นแถบๆ (บ้านเล็กน่าเอ็นดูของญี่ปุ่น ท่าทางพังง่ายอยู่แล้ว) คนตายไปหลายสิบ สมัยนั้นส่วนใหญ่ใช้ ปืนกล กับปาระเบิดใส่กันจะๆ เป้าเจาะจง ไม่ใช่เป้าหว่าน แบบวางระเบิดใกล้สี่แยกเหมือนสมัยนี้ เป้ก็ยังไม่ใช้ วิกก็ไม่ใส่กัน ตำรวจญี่ปุ่นบอก ถ้าตีกันงวดนี้ จากพัฒนาการใช้อาวุธอุปกรณ์กันครบครัน ตำรวจก็ไม่กล้าคาดเดาว่า ญี่ปุ่นจะเละขนาดไหน ยากูซ่าในญี่ปุ่นมีประมาณ 24 แก๊งใหญ่ จำนวนยากูซ่าทั้งหมดประมาณ 6 หมื่นกว่าคน ทั้งหมดมีรายได้รวมกันต่อปี อย่างน้อย 45 พันล้านเหรียญ คิดเป็นเงินไทยออกไหมครับ จำนวนมหึมามาก แก๊งใหญ่อันดับแรกคือ ยามากูชิ-กูมิ ซึ่งไม่ใช่แค่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เขาเป็นกลุ่มอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใหญ่กว่ามาเฟียอิตาลี และอเมริกันอีกนะครับ ยามากูชิ-กูมิ มีสมาชิกทางการประมาณ 2 หมื่นกว่าคน แต่ตำรวจญี่ปุ่น บอก ตัวเลขจริงน่าจะใกล้ 4 หมื่นกว่าคน มีสาขาเกือบร้อยสาขา ทั้งในญี่ปุ่น เกาหลี และอเมริกา ไทยมีหรือเปล่า ไม่แน่ใจ เอาว่าไม่มี ดีกว่านะ แก๊งเจ้าพ่อรายนี้ มีบริษัทหน้าฉาก หลายร้อยบริษัท มีบริษัทตรวจสอบบัญชีนับไม่ถ้วนอยู่ในมือ และมีพนักงานทำงานบริหารเป็นพันๆคน เจ้าพ่อเก็บข้อมูลบริษัทธุรกิจ ไว้ใช้ในการ “ทำธุรกิจ” มากมาย และมีข้อมูลส่วนบุคคล ประมาณ 3.2 ล้านคน เอาไว้ทำอะไร คงพอนึกกันออก นอกจากนี้ ยังมีบริษัทนักสืบส่วนบุคคล ไว้ติดตามบุคคล ที่น่าตาม หรือ ต้องตามอีกแยะ 
###############
ตอน 2   เรื่องยากูซ่าแตกคอกัน นี่น่าสนใจไหม ผมให้ความสนใจ แต่ ไม่ใช่เรื่องเขาจะแตกคอกันผมสนใจเรื่อง “เวลา” ของการเป็นข่าว สนใจคนเขียนข่าว และสนใจเนื้อข่าว บางตอน   “เวลา” ของการเป็นข่าว น่าสนใจเพราะ นายชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น หลานตาเพื่อนรักยากูซ่า กำลังจะบีบให้สภาสูงของญี่ปุ่นผ่านกฏหมาย เพื่อให้ญี่ปุ่นสามารถนำกองกำลังของตัวเอง ร่อนไปทั่ว เพื่อช่วยแบกถาดบริการให้ไอ้นักล่าใบตองแห้ง คอยดักตีห้วเพื่อนบ้าน แถบเอเซียแปซิฟิกได้คล่องตัว ในขณะเดียวกัน ก็มีชาวญี่ปุ่น โดยเฉพาะพวกคุณแม่กำลังไม่ยอม ไม่อยากให้ลูกไปทำสงคราม ไม่อยากให้ลูกต้องมีสภาพอย่างสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงไม่ต้องการให้สภาผ่านกฏหมายนี้ และออกมาประท้วงกันแล้ว และอาจจะออกมาประท้วงกันอีก แต่ถ้ายากูซ่ายกพวกตีกัน กลางเมือง พวกคุณแม่คุณลูก ก็คงไม่ค่อยอยากจะเสี่ยงออกมาชุมนุม เผลอๆ อาจถูกลากไปอยู่ข้างไหนของยากูซ่าแบบไม่สมัครใจ หรือไม่ก็เอาข่าวยากูซ่าตีกัน มากลบข่าวเอากฏหมายแบกถาดเข้าสภา เรื่องสร้างข่าวหนึ่ง มากลบอีกข่าวหนึ่งนี่ ถนัดกันนัก ช่างเลือกเวลาให้ยากูซ่าทะเลาะกันจริงนะ หลานตา เรื่องคนเขียนข่าวนี่ก็แปลก สื่อฝรั่งระดับใหญ่อย่าง the Independent, Guardian, Telegraph, Washington Post ลงข่าวกันหมด แต่ดูไปลึกๆ ข่าวมาจากตอ ต้นเดียวกันทั้งนั้น เพราะเป็นข่าวที่เริ่มมาจาก นาย Jake Adelstien นายเจค Jake Adelstien นี่ก็แปลกเอาเรื่องอยู่ และก็มีคนสนใจความแปลกของเขา ขนาดจะเอาเรื่องเขาไปทำหนังแล้ว หนังชื่ออะไรไม่รู้ ผมเห็นข่าวแวบๆ จำได้แต่ว่าจะให้ เจ้าหนู ที่เล่นเป็น แฮรี่ พอตเตอร์ เล่นเป็นตัวนายนักข่าวคนนี้ นาย เจค เป็นยิวอเมริกัน จากมิสซูรี เดินทางมาญี่ปุ่น เมื่อประมาณเกือบยี่สิบปีก่อน ตอนนั้นเขาเพิ่งเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ปี 2 หลงไหลเรื่องญี่ปุ่น เลยขอย้ายมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยโตเกียว ระหว่างเรียนก็ทำงานหาเงินเป็นค่าเรียน ค่าอยู่ ค่ากิน งานหนึ่ง ที่เขาเล่าว่า เขาทำก็คือ รับจ้างนวดคุณนายญี่ปุ่นที่ร่ำรวยแต่ขี้เหงา เออ ช่างหางานจริงไอ้หนู ระหว่างนั้น ก็มั่วสุมอยู่กับพวกยากูซ่า จนเกิดความสนใจ ศึกษาติดตามชีวิตยากูซ่า เมื่อเรียนจบ พูดเขียนญี่ปุ่นได้คล่อง เนียนไปกับคนญี่ปุ่นแล้ว ก็ไปสมัครงานเป็นผู้สื่อข่าว หนังสือพิมพ์ Yomiuri Shimbun หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ ยอดจำหน่ายสุงสุดของญี่ปุ่น นายเจค ทำข่าวเกี่ยวกับชีวิตชาวญี่ปุ่นในอีกโลกหนี่ง เป็นชีวิตสีดำของคนกลางคืน ส่วนใหญ่เป็นข่าวอาชญากรรม วันหนึ่ง ตำรวจญี่ปุ่นคุยให้เขาฟังว่า ยากูซ่าสมัยนี้ เปลี่ยนไปแล้ว ไม่เหมือนยากูซ่าสมัยก่อน ที่เป็นสุภาพบุรุษ แม้จะสักลายพร้อยไปทั้งตัว แต่ก็ไม่ยุ่ง ไม่ทำร้ายคนนอกยากูซ่า นอกจากมีแบล๊กเมล์ หรือทรมานบ้าง แต่ไม่ทำร้ายตำรวจ มาตอนหลัง เกิดยากูซ่าสายพันธ์ใหม่ เช่น พันธุ์ประเภท นายโกโตะ Goto Tadamasa นี่แหละ ยากูซ่าก็ เริ่มเหี้ยมโหด รุนแรงขึ้น เล่นนอกเส้นไปถึงชาวบ้าน จนเดือดร้อนกันไปหมด นายเจคฟังแล้วก็สนใจ คิดจะทำรายงานข่าวพิเศษ เกี่ยวกับนาย โกโตะ เขาว่างั้น ก่อนการสนทนานี่ไม่กี่วัน ลูกน้องนายโกโตะที่เข้าใจว่า แปรพักตร์หักหลังเขา ถูกยิงตายที่เมืองไทยของเรานี่เอง หมอนี่ หนีเจ้าพ่อโกโตะอยู่หลายปี แต่ในที่สุดก็หนีไม่พ้น เรื่องการถูกยิงตายของยากูซ่าในเมืองไทยนี่เป็นข่าวอยู่ใน นสพ. เนชั่น เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ.2011 ว่าไกด์ไทยสารภาพว่า ยิงนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น ตาย 1 บาดเจ็บสาหัส อีก 1 ระหว่างพาไปปืนเขาท่องเที่ยว อยู่แถวทางเหนือของเมืองไทย จริงๆ ญี่ปุ่นทั้ง 2 คนเป็นยากูซ่า หนีตายจากการรู้เห็นการเก็บกวาด ของยากูซ่าในญี่ปุ่น แต่หนีไม่พ้น ไกด์ไทยเลยงานเข้า เป็นข่าวที่เห็นถึงความไม่เข้าท่า หลายอย่างเหลือเกิน 
###############
ตอน 3 เมื่อ นายเจคได้กลิ่นเรื่อง เจ้าพ่อกาโตะ เขาตามติด แล้วนำมาเขียนรายงานข่าวว่า จริงๆเรื่องมันเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่นายกาโตะกำลังดำเนินการอยู่ นาย ก ดันเข้ามาขวางทาง นายกาโตะ จึงสั่งลูกน้องหมายเลข 1 ให้ จัดการนาย ก ผลปรากฏว่า นาย ก ถูกแทงตายกลางถนนแห่งหนึ่งแถว Aoyama เมื่อปี ค.ศ.2006 ตำรวจโตเกียว ใช้เวลาอยู่ 4 ปี ในปี ค.ศ.2009 จึงจับลูกน้องหมายเลข 1 ได้ แล้วออกหมายจับลูกน้องหมายเลข 2 ด้วย หมายเลข 1 ถูกพิพากษาติดคุก 13 ปี ส่วนหมายเลข 2 หนีหาย แต่ในที่สุดปรากฏมาถูกยิงตายอยู่ที่เมืองไทยในปี ค.ศ.2011 นั่นเอง นายเจค คุ้ยต่อ ได้เรื่องว่า นายกาโตะ เคยได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนตับ ที่ รพ UCLA Medical Center ในอเมริกา พร้อมลูกน้องอีก 2 คน ภายใต้การจัดการออก วีซ่า และอำนวยความสดวกของ FBI แถมลัดคิวไม่ต้องคอย ตัดหน้าคนที่ลงชื่อขอเปลี่ยนตับไปร้อยกว่าคน FBI บอก เราไม่ได้อะไรมากมายจากนายกาโตะหรอก อ้าว แล้วใจดีจัดการพา ยากูซ่ามาผ่าตัดเปลี่ยนตับ ตัดหน้าคนป่วยอเมริกันร้อยกว่าคนทำไม จากการคุ้ยแคะเรื่องนายกาโตะ นายเจคอ้างว่า ทำให้เขาโดนขู่ และโดนทำร้าย ลูกและเมียชาวญี่ปุ่นก็โดนขู่ด้วย แต่นายเจค ก็ยังคงอยู่ในญี่ปุ่นต่อไป ต่อมาเขาลาออกจากหนังสือพิมพ์ Yomiuri มาเป็นสื่ออิสระ แต่ก็ยังตามติดเรื่องยากูซ่า การค้ามนุษย์ และการฟอกเงิน ซึ่งเป็นธุรกิจของยากูซ่าต่อ ตัวเขาเองก็ใส่สูทดำ เหมือนพวกยากูซ่าส่วนใหญ่ แถมนั่งรถเมอร์ซิเดซเบนซ์ สีดำ มีคนขับเป็นอดีตยากูซ่านิ่วก้อยซ้ายสั้นหายไป 1 ข้อ เห็นชัด มีคนบอกว่า นายเจคเอง ก็น่าจะเป็น ซีไอเอ ไม่งั้นไม่รอดมาหรอก นายเจคไม่ตอบรับ หรือ ปฏิเสธ เขายังคลุกคลีอยู่กับยากูซ่า ตอนหลังเขาแยกทางกับเมีย ตัวเขายังอยู่ญี่ปุ่นจนทุกวันนี้ ส่วนลูกเมียไปอยู่อเมริกา และมีตำรวจคอยคุ้มกัน แต่ นายเจค ยังไม่เลิกเล่น เขาเขียนเรื่องของนายโกโตะ กับ FBI ไปลงใน นสพ. Washington Post และ Los Angeles Times เขารายงานว่า หลังจากผ่าตัดเปลี่ยนตับเรียบร้อย นายโกโตะ ก็กลับมาญี่ปุ่น บริหารกิจการยากูซ่าต่อ และในปี ค.ศ.2008 ก็ถูกขับออกจากแก๊งยากูซ่า จากนั้น นายกาโตะก็หนีไปอยู่ที่กัมพูชาพร้อมพรรคพวก ตัวนายกาโตะ บวชเป็นพระนุ่งเหลืองห่มเหลืองในพุทธศาสนา นายเจคเขียนหนังสือ เกี่ยวกับชีวิตด้านมืดของโตเกียวชื่อ “Tokyo Vice” ที่น่าจะเป็นต้นเรื่องของข่าว ที่ว่าจะมีการสร้างหนัง ส่วนนายกาโตะ ก็มาแบบยากูซ่า เขาบอกว่า แม้จะเขาจะบวชเป็นพระแล้ว ก็ใช่ว่า นายเจค จะได้อยู่สบาย หลังจากนั้น มีข่าวว่า ทนายที่นายเจค จ้างเอาไว้ดูแลคดีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเขากับนายกาโตะ ไปพักผ่อนที่ฟิลิปปินส์ เช้าขึ้นมาพบว่านอนตายสนิทอยู่ในห้องพักของโรงแรม มีขวดยานอนหลับกับแก้วไวน์อยู่หัวเตียง ที่ข้อมือมีรอยเชือดยาว แต่ไม่ลึก มีกล่องใส่คัตเตอร์ขนาดต่างๆ วางอยู่ที่หัวเตียงด้วย ตำรวจฟิลิปปินส์ สรุปสำนวนว่า เป็นการฆ่าตัวตาย วิธีการ การสรุปสำนวนไม่ต่างกับตำรวจไทย เล่าเรื่องยากูซ่าแตกคอให้ฟังแล้ว ดูเผินๆ เหมือนเรื่องไม่น่าเป็นเรื่อง มาออกข่าวกันทำไม แถมเรื่องก็ไม่เห็นมีอะไร ลุงนิทานเอามาเขียนทำไม เรื่องแบบนี้แหละ ที่คนช่างสงสัยอย่างผม อดคิดมากไม่ได้ ผมไม่เชื่อเรื่องบังเอิญ! นายเจค สาระพัดจะทำตัวคลุกกับยากูซ่า ตีข่าวเสียน่าสนใจ ว่ายากูซ่าจะแตกกัน ตีกัน แต่ตอนเขียนถึงสาเหตุ กลับแสนเบา ไม่มีน้ำหนัก ส่วนเรื่องนายกาโตะ ก็เช่นเดียวกัน ตีข่าวเรื่องเปลี่ยนตับ กับข้อตกลงกับ FBI เหมือนเร้าใจ แต่พอถูกไล่จากแก๊ง ดันไม่เจาะลึก ว่ามาจากสาเหตุอะไร และที่แปลก จนผมต้องเขียนถึงคือ เรื่องยากูซ่า ดันหนี ไปบวชเป็นพระอยู่ในเขมร ! มีที่ให้ไปตั้งแยะ เลือกไปอยู่เขมร มันไม่สงสัยไม่ได้ แถมช่วงเวลา ที่ ยากูซ่าไปอยู่เขมร ก็น่าสนใจสำหรับผม ทำให้ผมนึกถึงเรื่อง สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนญี่ปุ่นจะยกพลขึ้นบก ผ่านมาทางใต้ของไทย ญี่ปุ่น ก็มาบวชเป็นพระอยู่ทางใต้ของเราอยู่นานหลายคน โดยเฉพาะตัว นายพล Tsuji Masanobu ผู้ที่จะมาบัญชาการรบในไทยก็บวช ทำให้ผมนึกถึงเรื่อง การยึดราชประสงค์ และการซุ่มยิงทหารที่สี่แยกคอกวัว การบุกสถานที่ราชการและโรงพยาบาล ในปี พ.ศ.2553 (ค.ศ.2010) ที่มีชายชุดดำ ซุ่มยิงทหาร วางระเบิด เผากรุงเทพฯ เสียวินาศสันตะโร ชายชุดดำมาจากไหนกัน ใครฝึก พฤติกรรมของชายชุดดำเป็นอย่างไร น่ารังเกียจ เหี้ยมโหดขนาดไหน ไม่ใช่พื้นฝอยหาตะเข็บ แต่เป็นเรื่องเจ็บแล้วต้องจำ และไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก ทำให้ผมนึก ไปได้อีกหลายเรื่องครับ เรื่องบังเอิญไม่มี เขมรกับไทย อยู่ไม่ไกลกัน เข้าง่ายออกง่าย มารถ มาเรือ มารถไฟได้ทั้งนั้น และญี่ปุ่นในไทยก็มากขึ้นทุกวัน ตอนนี้ก็เร่งฝึกแบกถาดให้ไอ้นักล่าใบตองแห้งอยู่ ระวังกันบ้างก็แล้วกัน ไอ้ใบตองแห้งมันวางแผนเก่ง เรื่องล่อให้หลงทางนี่ กระจอกสำหรับมัน 
สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
7 ก.ย. 2558
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 661 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความถี่ในการขับถ่ายบอกสุขภาพได้จริง

    การศึกษาจากสถาบัน ISB พบว่า คนที่ขับถ่ายวันละ 1–2 ครั้งอยู่ใน “Goldilocks Zone” ซึ่งเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดต่อสุขภาพลำไส้และร่างกายโดยรวม ผู้ที่ถ่ายน้อยเกินไป (ท้องผูก) หรือบ่อยเกินไป (ท้องเสีย) มักมีความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง เช่น โรคไตและโรคตับ เนื่องจากจุลินทรีย์ในลำไส้เปลี่ยนไปและสร้างสารพิษเข้าสู่กระแสเลือด

    พลังของไฟเบอร์และจุลินทรีย์ดี
    ข้อมูลเสริมจากงานวิจัยล่าสุดชี้ว่า ไฟเบอร์จากพืช เป็นตัวช่วยสำคัญในการรักษาสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ โดยไฟเบอร์ชนิดหมักได้ (เช่น อินูลิน, เพกติน) จะถูกแบคทีเรียย่อยจนเกิดกรดไขมันสายสั้น (SCFAs) ซึ่งช่วยลดการอักเสบ เสริมภูมิคุ้มกัน และป้องกันโรคหัวใจ เบาหวาน รวมถึงมะเร็งบางชนิด การรับประทานผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด และถั่ว จึงเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายสมดุล

    การออกกำลังกายกับสุขภาพลำไส้
    งานวิจัยจากเยอรมนีในปี 2025 พบว่า การออกกำลังกายแบบต้านแรง (Resistance Training) เพียง 8 สัปดาห์ สามารถเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบจุลินทรีย์ในลำไส้ได้อย่างชัดเจน ผู้ที่แข็งแรงขึ้นมีจุลินทรีย์ที่ดีต่อสุขภาพเพิ่มขึ้น และหลายคนขยับจากกลุ่มท้องผูกหรือท้องเสียเข้าสู่ช่วง “Goldilocks Zone”

    น้ำและการใช้ชีวิตประจำวัน
    นอกจากอาหารและการออกกำลังกายแล้ว การดื่มน้ำให้เพียงพอ และการพักผ่อนอย่างเหมาะสมก็มีผลต่อระบบขับถ่ายเช่นกัน คนที่มีพฤติกรรมสุขภาพดี เช่น ดื่มน้ำมากพอ รับประทานอาหารจากพืช และออกกำลังกายสม่ำเสมอ มักมีจุลินทรีย์ที่หมักไฟเบอร์ได้ดี ส่งผลให้สุขภาพลำไส้แข็งแรงและลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง

    สรุปสาระสำคัญ
    ความถี่ในการขับถ่ายสัมพันธ์กับสุขภาพ
    วันละ 1–2 ครั้งคือช่วง “Goldilocks Zone” ที่เหมาะสม
    ถ่ายน้อยหรือบ่อยเกินไปเชื่อมโยงกับโรคเรื้อรัง

    ไฟเบอร์ช่วยเสริมจุลินทรีย์ดีในลำไส้
    ไฟเบอร์หมักได้สร้าง SCFAs ลดการอักเสบและเสริมภูมิคุ้มกัน
    อาหารจากพืช เช่น ผัก ผลไม้ ถั่ว และธัญพืชเต็มเมล็ด เป็นแหล่งสำคัญ

    การออกกำลังกายมีผลต่อจุลินทรีย์
    Resistance Training 8 สัปดาห์ช่วยปรับสมดุลลำไส้
    ผู้ที่แข็งแรงขึ้นมีโอกาสเข้าสู่ช่วงสุขภาพดี

    น้ำและการใช้ชีวิตประจำวัน
    ดื่มน้ำมากพอช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดี
    พฤติกรรมสุขภาพดีส่งผลต่อสมดุลจุลินทรีย์

    ความเสี่ยงจากการขับถ่ายผิดปกติ
    ท้องผูกอาจทำให้เกิดสารพิษที่ทำลายไต
    ท้องเสียสัมพันธ์กับการทำงานของตับผิดปกติ

    https://www.sciencealert.com/your-poop-schedule-says-a-lot-about-your-overall-health-study-shows
    🧻 ความถี่ในการขับถ่ายบอกสุขภาพได้จริง การศึกษาจากสถาบัน ISB พบว่า คนที่ขับถ่ายวันละ 1–2 ครั้งอยู่ใน “Goldilocks Zone” ซึ่งเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดต่อสุขภาพลำไส้และร่างกายโดยรวม ผู้ที่ถ่ายน้อยเกินไป (ท้องผูก) หรือบ่อยเกินไป (ท้องเสีย) มักมีความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง เช่น โรคไตและโรคตับ เนื่องจากจุลินทรีย์ในลำไส้เปลี่ยนไปและสร้างสารพิษเข้าสู่กระแสเลือด 🥦 พลังของไฟเบอร์และจุลินทรีย์ดี ข้อมูลเสริมจากงานวิจัยล่าสุดชี้ว่า ไฟเบอร์จากพืช เป็นตัวช่วยสำคัญในการรักษาสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ โดยไฟเบอร์ชนิดหมักได้ (เช่น อินูลิน, เพกติน) จะถูกแบคทีเรียย่อยจนเกิดกรดไขมันสายสั้น (SCFAs) ซึ่งช่วยลดการอักเสบ เสริมภูมิคุ้มกัน และป้องกันโรคหัวใจ เบาหวาน รวมถึงมะเร็งบางชนิด การรับประทานผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด และถั่ว จึงเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายสมดุล 🏋️‍♂️ การออกกำลังกายกับสุขภาพลำไส้ งานวิจัยจากเยอรมนีในปี 2025 พบว่า การออกกำลังกายแบบต้านแรง (Resistance Training) เพียง 8 สัปดาห์ สามารถเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบจุลินทรีย์ในลำไส้ได้อย่างชัดเจน ผู้ที่แข็งแรงขึ้นมีจุลินทรีย์ที่ดีต่อสุขภาพเพิ่มขึ้น และหลายคนขยับจากกลุ่มท้องผูกหรือท้องเสียเข้าสู่ช่วง “Goldilocks Zone” 💧 น้ำและการใช้ชีวิตประจำวัน นอกจากอาหารและการออกกำลังกายแล้ว การดื่มน้ำให้เพียงพอ และการพักผ่อนอย่างเหมาะสมก็มีผลต่อระบบขับถ่ายเช่นกัน คนที่มีพฤติกรรมสุขภาพดี เช่น ดื่มน้ำมากพอ รับประทานอาหารจากพืช และออกกำลังกายสม่ำเสมอ มักมีจุลินทรีย์ที่หมักไฟเบอร์ได้ดี ส่งผลให้สุขภาพลำไส้แข็งแรงและลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ความถี่ในการขับถ่ายสัมพันธ์กับสุขภาพ ➡️ วันละ 1–2 ครั้งคือช่วง “Goldilocks Zone” ที่เหมาะสม ➡️ ถ่ายน้อยหรือบ่อยเกินไปเชื่อมโยงกับโรคเรื้อรัง ✅ ไฟเบอร์ช่วยเสริมจุลินทรีย์ดีในลำไส้ ➡️ ไฟเบอร์หมักได้สร้าง SCFAs ลดการอักเสบและเสริมภูมิคุ้มกัน ➡️ อาหารจากพืช เช่น ผัก ผลไม้ ถั่ว และธัญพืชเต็มเมล็ด เป็นแหล่งสำคัญ ✅ การออกกำลังกายมีผลต่อจุลินทรีย์ ➡️ Resistance Training 8 สัปดาห์ช่วยปรับสมดุลลำไส้ ➡️ ผู้ที่แข็งแรงขึ้นมีโอกาสเข้าสู่ช่วงสุขภาพดี ✅ น้ำและการใช้ชีวิตประจำวัน ➡️ ดื่มน้ำมากพอช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดี ➡️ พฤติกรรมสุขภาพดีส่งผลต่อสมดุลจุลินทรีย์ ‼️ ความเสี่ยงจากการขับถ่ายผิดปกติ ⛔ ท้องผูกอาจทำให้เกิดสารพิษที่ทำลายไต ⛔ ท้องเสียสัมพันธ์กับการทำงานของตับผิดปกติ https://www.sciencealert.com/your-poop-schedule-says-a-lot-about-your-overall-health-study-shows
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Your Poop Schedule Says a Lot About Your Overall Health, Study Shows
    "How often do you poop?" might sound like a very personal question, but your answer could reveal quite a lot about your overall health.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 245 มุมมอง 0 รีวิว
  • จุดเร่งความแก่ในร่างกาย

    งานวิจัยจาก Chinese Academy of Sciences วิเคราะห์โปรตีนในร่างกายมนุษย์จากผู้บริจาคอวัยวะกว่า 76 คน อายุระหว่าง 14–68 ปี พบว่า เมื่อถึงอายุประมาณ 50 ปี ร่างกายจะเข้าสู่ช่วงที่การเสื่อมของอวัยวะและเนื้อเยื่อเร่งตัวขึ้น โดยเฉพาะหลอดเลือดที่เสื่อมเร็วที่สุด ทำให้ความเสี่ยงโรคเรื้อรังเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

    อวัยวะที่เสื่อมไวที่สุด
    ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า หลอดเลือด (aorta) เป็นอวัยวะที่ไวต่อการแก่ที่สุด รองลงมาคือ ม้ามและตับอ่อน ซึ่งเกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันและการย่อยอาหาร การเปลี่ยนแปลงนี้สัมพันธ์กับโปรตีนกว่า 48 ชนิดที่เกี่ยวข้องกับโรค เช่น โรคหัวใจ, พังผืดในเนื้อเยื่อ, โรคตับไขมัน และเนื้องอกในตับ

    การทดลองในสัตว์
    นักวิจัยได้แยกโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับการแก่จากหลอดเลือดหนู และฉีดเข้าไปในหนูอายุน้อย ผลลัพธ์คือหนูเหล่านี้มีแรงจับลดลง, ความทนทานต่ำลง และแสดงสัญญาณของหลอดเลือดที่แก่ก่อนวัย ซึ่งยืนยันว่าโปรตีนบางชนิดมีบทบาทสำคัญต่อการเร่งความแก่ของร่างกาย

    ความหมายต่ออนาคต
    การค้นพบนี้ช่วยให้เข้าใจว่า ความแก่ไม่ใช่กระบวนการที่ค่อยๆ เกิดขึ้น แต่มี “จุดเร่ง” ที่ชัดเจน หากสามารถระบุและควบคุมโปรตีนเหล่านี้ได้ อาจนำไปสู่การพัฒนายาและการรักษาเพื่อชะลอความแก่ และลดความเสี่ยงโรคเรื้อรังในผู้สูงอายุ

    สรุปสาระสำคัญ
    จุดเร่งความแก่เกิดขึ้นราวอายุ 50 ปี
    การเสื่อมของอวัยวะและเนื้อเยื่อเร่งตัวขึ้น
    หลอดเลือดเป็นอวัยวะที่เสื่อมเร็วที่สุด

    อวัยวะที่ได้รับผลกระทบ
    ม้ามและตับอ่อนแสดงการเปลี่ยนแปลงชัดเจน
    โปรตีนกว่า 48 ชนิดสัมพันธ์กับโรคเรื้อรัง

    การทดลองในหนู
    โปรตีนจากหลอดเลือดแก่ทำให้หนูอายุน้อยเสื่อมเร็วขึ้น
    ยืนยันบทบาทโปรตีนต่อการเร่งความแก่

    ความหมายทางการแพทย์
    อาจนำไปสู่การพัฒนายาเพื่อชะลอความแก่
    ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ, โรคตับ และโรคเรื้อรังอื่นๆ

    ข้อควรระวัง
    งานวิจัยยังอยู่ในระดับทดลอง ต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในมนุษย์
    การแทรกแซงโปรตีนอาจมีผลข้างเคียงที่ยังไม่ทราบแน่ชัด

    https://www.sciencealert.com/scientists-reveal-turning-point-when-your-bodys-aging-accelerates
    🧬 จุดเร่งความแก่ในร่างกาย งานวิจัยจาก Chinese Academy of Sciences วิเคราะห์โปรตีนในร่างกายมนุษย์จากผู้บริจาคอวัยวะกว่า 76 คน อายุระหว่าง 14–68 ปี พบว่า เมื่อถึงอายุประมาณ 50 ปี ร่างกายจะเข้าสู่ช่วงที่การเสื่อมของอวัยวะและเนื้อเยื่อเร่งตัวขึ้น โดยเฉพาะหลอดเลือดที่เสื่อมเร็วที่สุด ทำให้ความเสี่ยงโรคเรื้อรังเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน 🫀 อวัยวะที่เสื่อมไวที่สุด ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า หลอดเลือด (aorta) เป็นอวัยวะที่ไวต่อการแก่ที่สุด รองลงมาคือ ม้ามและตับอ่อน ซึ่งเกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันและการย่อยอาหาร การเปลี่ยนแปลงนี้สัมพันธ์กับโปรตีนกว่า 48 ชนิดที่เกี่ยวข้องกับโรค เช่น โรคหัวใจ, พังผืดในเนื้อเยื่อ, โรคตับไขมัน และเนื้องอกในตับ 🧪 การทดลองในสัตว์ นักวิจัยได้แยกโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับการแก่จากหลอดเลือดหนู และฉีดเข้าไปในหนูอายุน้อย ผลลัพธ์คือหนูเหล่านี้มีแรงจับลดลง, ความทนทานต่ำลง และแสดงสัญญาณของหลอดเลือดที่แก่ก่อนวัย ซึ่งยืนยันว่าโปรตีนบางชนิดมีบทบาทสำคัญต่อการเร่งความแก่ของร่างกาย 🌍 ความหมายต่ออนาคต การค้นพบนี้ช่วยให้เข้าใจว่า ความแก่ไม่ใช่กระบวนการที่ค่อยๆ เกิดขึ้น แต่มี “จุดเร่ง” ที่ชัดเจน หากสามารถระบุและควบคุมโปรตีนเหล่านี้ได้ อาจนำไปสู่การพัฒนายาและการรักษาเพื่อชะลอความแก่ และลดความเสี่ยงโรคเรื้อรังในผู้สูงอายุ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ จุดเร่งความแก่เกิดขึ้นราวอายุ 50 ปี ➡️ การเสื่อมของอวัยวะและเนื้อเยื่อเร่งตัวขึ้น ➡️ หลอดเลือดเป็นอวัยวะที่เสื่อมเร็วที่สุด ✅ อวัยวะที่ได้รับผลกระทบ ➡️ ม้ามและตับอ่อนแสดงการเปลี่ยนแปลงชัดเจน ➡️ โปรตีนกว่า 48 ชนิดสัมพันธ์กับโรคเรื้อรัง ✅ การทดลองในหนู ➡️ โปรตีนจากหลอดเลือดแก่ทำให้หนูอายุน้อยเสื่อมเร็วขึ้น ➡️ ยืนยันบทบาทโปรตีนต่อการเร่งความแก่ ✅ ความหมายทางการแพทย์ ➡️ อาจนำไปสู่การพัฒนายาเพื่อชะลอความแก่ ➡️ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ, โรคตับ และโรคเรื้อรังอื่นๆ ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ งานวิจัยยังอยู่ในระดับทดลอง ต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในมนุษย์ ⛔ การแทรกแซงโปรตีนอาจมีผลข้างเคียงที่ยังไม่ทราบแน่ชัด https://www.sciencealert.com/scientists-reveal-turning-point-when-your-bodys-aging-accelerates
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Scientists Reveal Turning Point When Your Body's Aging Accelerates
    The passage of time may be linear, but the course of human aging is not.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Metformin ยาเบาหวานเก่าแก่ เปิดบทบาทใหม่ในสมอง”

    นักวิจัยจาก Baylor College of Medicine สหรัฐฯ พบหลักฐานว่า Metformin ซึ่งเป็นยาที่ใช้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดมานานกว่า 60 ปี มีผลโดยตรงต่อสมอง โดยเฉพาะในสมองส่วน ventromedial hypothalamus (VMH) ที่ควบคุมการเผาผลาญพลังงานทั้งร่างกาย การทดลองในหนูแสดงให้เห็นว่า Metformin สามารถเดินทางเข้าสู่ VMH และไปยับยั้งโปรตีน Rap1 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการควบคุมระดับน้ำตาล หากหนูถูกตัดโปรตีน Rap1 ออก Metformin ก็ไม่สามารถออกฤทธิ์ได้อีก

    สิ่งนี้บ่งชี้ว่า สมองมีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของ Metformin ไม่ใช่เพียงตับหรือระบบทางเดินอาหารอย่างที่เคยเข้าใจกันมาก่อน และอาจอธิบายได้ว่าทำไมยานี้ถึงมีผลดีต่อสุขภาพสมอง เช่น การชะลอความเสื่อมและการลดความเสี่ยงโรคสมองเสื่อม

    นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบว่า Metformin มีผลต่อเซลล์ประสาทชนิด SF1 neurons ใน VMH ซึ่งเมื่อถูกกระตุ้นจะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้โดยตรง การค้นพบนี้อาจนำไปสู่การพัฒนายาใหม่ที่เจาะจงต่อสมองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาเบาหวาน

    ที่น่าสนใจคือ Metformin ยังถูกจัดว่าเป็น gerotherapeutic drug หรือยาที่ช่วยชะลอความแก่ โดยมีหลักฐานว่ามันช่วยลดความเสียหายของ DNA และส่งเสริมการทำงานของยีนที่เกี่ยวข้องกับอายุยืน งานวิจัยล่าสุดยังพบว่า ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่ใช้ Metformin มีโอกาสมีชีวิตถึงอายุ 90 ปีมากกว่าผู้ที่ใช้ยากลุ่มอื่น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    บทบาทใหม่ของ Metformin
    ไม่ได้ทำงานแค่ในตับและลำไส้ แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อสมอง
    ยับยั้งโปรตีน Rap1 ในสมองส่วน VMH

    ผลต่อเซลล์ประสาท
    กระตุ้น SF1 neurons ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
    เปิดทางสู่การพัฒนายาใหม่ที่เจาะจงต่อสมอง

    คุณสมบัติชะลอวัย
    ลดความเสียหายของ DNA และส่งเสริมยีนที่เกี่ยวข้องกับอายุยืน
    ผู้หญิงที่ใช้ Metformin มีโอกาสอายุยืนถึง 90 ปีมากกว่า

    คำเตือนด้านการใช้
    ผลข้างเคียงที่พบบ่อยคือปัญหาทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้และท้องเสีย
    ผู้ที่มีปัญหาไตควรระวัง เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพ
    ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในมนุษย์เพื่อยืนยันผลการค้นพบในสมอง

    https://www.sciencealert.com/after-60-years-diabetes-drug-found-to-unexpectedly-affect-the-brain
    🧪 “Metformin ยาเบาหวานเก่าแก่ เปิดบทบาทใหม่ในสมอง” นักวิจัยจาก Baylor College of Medicine สหรัฐฯ พบหลักฐานว่า Metformin ซึ่งเป็นยาที่ใช้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดมานานกว่า 60 ปี มีผลโดยตรงต่อสมอง โดยเฉพาะในสมองส่วน ventromedial hypothalamus (VMH) ที่ควบคุมการเผาผลาญพลังงานทั้งร่างกาย การทดลองในหนูแสดงให้เห็นว่า Metformin สามารถเดินทางเข้าสู่ VMH และไปยับยั้งโปรตีน Rap1 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการควบคุมระดับน้ำตาล หากหนูถูกตัดโปรตีน Rap1 ออก Metformin ก็ไม่สามารถออกฤทธิ์ได้อีก สิ่งนี้บ่งชี้ว่า สมองมีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของ Metformin ไม่ใช่เพียงตับหรือระบบทางเดินอาหารอย่างที่เคยเข้าใจกันมาก่อน และอาจอธิบายได้ว่าทำไมยานี้ถึงมีผลดีต่อสุขภาพสมอง เช่น การชะลอความเสื่อมและการลดความเสี่ยงโรคสมองเสื่อม นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบว่า Metformin มีผลต่อเซลล์ประสาทชนิด SF1 neurons ใน VMH ซึ่งเมื่อถูกกระตุ้นจะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้โดยตรง การค้นพบนี้อาจนำไปสู่การพัฒนายาใหม่ที่เจาะจงต่อสมองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาเบาหวาน ที่น่าสนใจคือ Metformin ยังถูกจัดว่าเป็น gerotherapeutic drug หรือยาที่ช่วยชะลอความแก่ โดยมีหลักฐานว่ามันช่วยลดความเสียหายของ DNA และส่งเสริมการทำงานของยีนที่เกี่ยวข้องกับอายุยืน งานวิจัยล่าสุดยังพบว่า ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่ใช้ Metformin มีโอกาสมีชีวิตถึงอายุ 90 ปีมากกว่าผู้ที่ใช้ยากลุ่มอื่น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ บทบาทใหม่ของ Metformin ➡️ ไม่ได้ทำงานแค่ในตับและลำไส้ แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อสมอง ➡️ ยับยั้งโปรตีน Rap1 ในสมองส่วน VMH ✅ ผลต่อเซลล์ประสาท ➡️ กระตุ้น SF1 neurons ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ➡️ เปิดทางสู่การพัฒนายาใหม่ที่เจาะจงต่อสมอง ✅ คุณสมบัติชะลอวัย ➡️ ลดความเสียหายของ DNA และส่งเสริมยีนที่เกี่ยวข้องกับอายุยืน ➡️ ผู้หญิงที่ใช้ Metformin มีโอกาสอายุยืนถึง 90 ปีมากกว่า ‼️ คำเตือนด้านการใช้ ⛔ ผลข้างเคียงที่พบบ่อยคือปัญหาทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้และท้องเสีย ⛔ ผู้ที่มีปัญหาไตควรระวัง เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพ ⛔ ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในมนุษย์เพื่อยืนยันผลการค้นพบในสมอง https://www.sciencealert.com/after-60-years-diabetes-drug-found-to-unexpectedly-affect-the-brain
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    After 60 Years, Diabetes Drug Found to Unexpectedly Affect The Brain
    Metformin has been prescribed to people with type 2 diabetes to manage blood sugar for more than 60 years, but scientists haven't been exactly sure how it works.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 247 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาวบ้านแจ้งเบาะแสน่าสงสัยเป็นแก๊งคอลฯ/สแกมเมอร์-ตำรวจ ตามส่อง..เจออีกก๊วนชาวจีนเช่าบ้านกลางเชียงราย กำลังตั้งคอมพ์ต่อเน็ตเชื่อมซิมบอกซ์ พร้อมมือถืออีกเป็นตับ เบื้องต้นพบถือพาสปอร์ตติดตัวแต่พูดไทยไม่ได้กันสักคำ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000104174

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ชาวบ้านแจ้งเบาะแสน่าสงสัยเป็นแก๊งคอลฯ/สแกมเมอร์-ตำรวจ ตามส่อง..เจออีกก๊วนชาวจีนเช่าบ้านกลางเชียงราย กำลังตั้งคอมพ์ต่อเน็ตเชื่อมซิมบอกซ์ พร้อมมือถืออีกเป็นตับ เบื้องต้นพบถือพาสปอร์ตติดตัวแต่พูดไทยไม่ได้กันสักคำ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000104174 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    Sad
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 541 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง เสือกซ้ำซาก
    “เสือกซ้ำซาก”

    วันก่อน แฟนเพจท่านหนึ่งเพิ่งเขียนถามหน้าจอว่า “ลุงครับ ตาแดเนียล รัสเซล เขาจะมาหลอกล่อ ล้วงตับอะไรสมันน้อยไหม ตานี่ประวัติไม่ธรรมดา สงสัยมากดดันให้เลือกตั้งไวๆ ….”

    ผมละดีใจมาก ที่แฟนเพจนิทาน ตื่นตัว หูตากว้างไกล มองเห็นภัยของการเป็นสมันน้อยมากขึ้น ผมก็ตอบไปตามการวิเคราะห์ว่า ” เป็นจังหวะที่อเมริกาต้องมาตรวจแถว ก่อนจัดระเบียบแถวใหม่ และอื่นๆครับ อื่นๆ นี่ต้องไปถามท่านผู้นำเอง “

    ผมวิเคราะห์จากการขยับหมากตัวอื่นๆของไอ้นักล่าใบตองแห้ง ผมคิดว่ามันกำลังเตรียมแผน และตามนิสัยมัน ก่อนจะสรุปแผน ไอ้นักล่าต้องตรวจสอบทุกเรื่องก่อน และแน่นอนในการตรวจสอบ ก็คงทำการเสือกเหมือนเคย และผมก็เบื่อที่จะต้องด่าถึงความเสือกอย่างซ้ำซากของพวกมัน

    แต่วันนี้พอผมเปิดเครื่อง ผมยิ่งดีใจใหญ่ ที่มีหลายท่าน อินบ๊อกซ์เข้ามาด่าไอ้เวรทิ้งไว้ให้ผมอ่าน แสดงว่าเราไม่ได้เป็นสมันน้อยแล้ว เรารู้สึกไม่พอใจเป็นแล้ว และถ้าเราไม่พูดอะไรเสียเลย เดี๋ยวมันก็จะนึกว่าเราก็ไม่รู้ สึกรู้สา นึกว่าเราเป็นขี้ข้า อย่างเคยๆ กระดิกนิ้วเมื่อไหร่ก็มา ชี้ด่าเมื่อไหร่ก็ได้ เป็นสมันน้อยเหมือนเดิม งั้นวันนี้เราต้องฉลองการเลิกเป็นสมันน้อยของพวกเรา อย่างน้อยก็พวกเราในเพจนิทานล่ะครับ และผมเชื่อว่า มีคนไทยอีกมากมาย ที่ไม่อยากเป็นสมันน้อย และกำลังหาทางแหกคอกออกมา

    นายดาเนียล รัสเซล Daniel R Russel นี่เป็นใคร เขาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ ดูแลกิจการด้านเอเซียตะวันออกและแปซิฟิก ก่อนหน้ารับตำแหน่งนี้ เมื่อกรกฏาคม 2013 เขาเป็นที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดีโอบามา ในการวางนโยบาย ปรับกำลังมาทางแปซิฟิกมากขึ้น Pivot To Asia

    คงจำกันได้ ก่อนหน้านั้น อเมริกาวางน้ำหนักความสำคัญด้านความมั่นคงให้ทางยุโรป โดยผ่านกองกำลังนาโต้ 60% และให้น้ำหนักทางแปซิฟิก 40% แต่เมื่อเกิดอาการช๊อก ที่เห็นอาเฮียโตเร็วเกินคาดในปี 2012 อเมริกาจึงรีบปรับนโยบาย ตอนนั้นคุณนายคลินตันเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ เดินสายแถวแปซิฟิกเสียหน้าเหี่ยว และตอนนั้นอเมริกาก็คงพอใจ ที่ไทยแลนด์ แดนสมันน้อย มีรัฐบาลที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นพรมเช็ดเท้าให้อเมริกา เพราะมีหัวหน้ารัฐบาลที่แม้แต่พูดภาษาคนธรรมดายังไม่รู้เรื่อง อย่าว่าแต่พูดภาษาราชการ หรือภาษาการฑูตเลย

    แน่นอน นายเดเนียล รัสเซล ผู้มีส่วนสำคัญในการปรับนโยบายใหม่ คงยืดน่าดู เพราะได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ดูแลแปซิฟิกสมใจ

    5 กุมภาพันธ์ 2014 จากรายงานข่าวแจกของกระทรวงต่างประเทศ ที่วอชิงตัน บอกว่า อเมริกากำลังปรับดุลในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก “rebalance” โดยนายรัสเซลบอกว่า เราต้องใช้กำลังพลด้านการฑูตเพิ่มอีกมาก เพื่อให้ได้ตามวัตถุประสงค์ของ เรา rebalance นี้ จะครอบคลุมไปถึงเรื่อง เศรษฐกิจ ความมั่นคง สิ่งแวดล้อม ฯลฯ โดยจะเน้นเรื่อง Trans -Pacific Partnership (TPP) และเรื่องขัดแย้งในทะเลจีน โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่อง Air Defense Indentification Zone (ADIZ) ที่จีนประกาศใช้ในทะเลจีนตะวันออก ซึ่งอเมริกาไม่ชอบใจ
    แหม! อ่านตั้งนาน กว่าไต๋จะโผล่ นักล่าหงุดหงิดเรื่องนี้เอง แปลว่า ไอ้ที่อเมริกาเคยบินโฉบไปแอบดูอาหม่วยแถวนั้น โดยไม่แจง ไม่แจ้งน่ะ ทำไม่ได้แล้วนะ

    นายรัสเซล ยังบอกอีกว่า สหรัฐอเมริกา ในฐานะผู้ยิ่งใหญ่ของโลก และของแปซิฟิก มีสเต็กชิ้นใหญ่อยู่ในแปซิฟิก ที่จำเป็นจะต้องให้เอเซียแปซิฟิก เปิดประตูกว้างเอาไว้ เพื่อเดินเข้าไปกินสะดวก แปลว่าตอนนี้กินสเต็กไม่สะดวก เพราะจีนกำลังขวางทางเข้าไปกิน

    อ่านต่อไม่ไหวครับ ยาแก้คลื่นไส้ ไม่ช่วยเลย

    ขอเปลี่ยนไปต่อ ที่การเสนอข่าวฉบับนี้ ที่ผมว่าน่าสนใจกว่าที่ ไอ้ขี้โม้รัสเซลพูดอีก

    เป็นการเสนอข่าวของ นายกวี จงกิจถาวร ใน นสพ. The Nation เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2015 นี้เอง หัวเรื่อง ” Are Thai-US relations warming up slowly?”
    http://www.nationmultimedia.com/opinion/Are-Thai-US-relations-warming-up-slowly-30251708.html

    ก่อนไปถึงเนื้อข่าว ขอให้ข้อมูลท่านผู้อ่านเสียหน่อยว่า จากข้อมูลของวิกิลีกซ์ ที่หล่นมาให้พวกเราหูตาสว่างกัน เมื่อประมาณ 3 ปีก่อนนั้น นายกวี เป็นนักข่าว ที่มีชื่อปรากฏอยู่ในรายงานของสถานฑูตอเมริกัน ประจำราชอาณาจักรไทย เกือบทุกครั้งที่มีการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่สถานทูต หรือมีนายใหญ่จากวอชิงตันมา นายกวีจะต้องร่วมหารือและให้ความเห็นในฐานะสื่อใหญ่ของไทยเสมอ พูดง่ายๆว่า ไม่มากไม่น้อย อเมริกาก็เห็น หรือรู้จักประเทศไทย จากสายตาและความคิดของนายกวี ซึ่งก็มีข่าวว่า อเมริกายกย่องและดูแลอย่างดี

    เนื้อข่าวของนายกวี สรุปว่า นายรัสเซลมาเมืองไทยเมื่อเดือนเมษายน ปี 2014 และให้สัมภาษณ์กับ Thai PBS ว่า เขามีความหวังว่าไทยจะมีการเลือกตั้ง ผ่านระบบการเลือกตั้ง ซึ่งไทยควรมีการเลือกตั้งเช่นนั้น เพื่อที่จะสมกับการเป็นมิตรที่อเมริกาไว้วางใจ แต่หลังจากนั้น 44 วัน โดยไม่มีใครรู้ตัว (รวมทั้งนายรัสเซล และนายกวี ?!) ทหารก็ทำการยึดอำนาจ

    วอชิงตันแปลกใจมาก เพราะไม่ได้รู้ข่าวมาก่อน และนั่นเป็นสาเหตุที่นาย Kerry มีปฏิกริยารุนแรงกับไทย แล้วสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอเมริกา ก็ลงเหวอย่างรวดเร็ว โดยไม่เห็นหนทางที่จะเยียวยาให้ดีขึ้น Thai-US relations quickly went downhill without any prospect of amelioration !

    ว้าย ตาเถรหก! ผมอ่านแล้วตกใจแทบสิ้นสติ อ่านข่าวแจกของฝร้่ง ต้องกินยาแก้คลื่นไส้ แต่พอมาอ่านข่าวคนไทยเขียน ผมต้องรีบให้เด็กเอายาหอมมาให้!
    ผมไม่เคยรู้สึกเลยว่าการปฏิวัติของคุณพี่ตู่ มันน่ากลัวถึงขนาดนั้น แต่พอมาอ่านที่นายกวีเขียนว่า ถึงขนาดที่เราจะขาดมิตร ที่คบกับมากว่า 70 ปี โดย อย่างไม่เห็นหนทางเยียวยาเอาเลย นี่ ผมเลยลมรับประทาน….ด้วยความดีใจ…… ขอให้มันเป็นหยั่งงั้นเถิด เจ้าประคู้น เอ้า! แล้วนี่เสือกมาทำไมล่ะ มากรีดซ้ำเป็นการเยียวยาหรือยังไง เดี๋ยวต้องคอยตามอ่าน บทความของนายกวีเสียแล้วสินะ

    นายกวีขู่ผมต่อ …. หลังจาก 259 วันที่ปราศจากการติดต่อระดับรัฐมนตรี สัมพันธ์ที่เย็นยะเยือกของไทย-อเมริกัน ก็เริ่มปรับตัวอุ่นขึ้น ด้วยการมา (โปรด!) ของนายรัสเซล เขาบอกว่าระหว่าง 2 วัน ที่อยู่เมืองไทย เขาจะมาทำทุกอย่างที่เขาจะทำได้ให้อุ่นขึ้น เขาเน้นว่า ผู้บริหารระดับสูงของอเมริกา ยังไม่ติดต่อกับรัฐบาลไทยเลยนะ และนอกจากอเมริกาแล้ว EU ก็ยังไม่กลับมามีสัมพันธ์ปรกติกับไทยด้วย รอจนกว่าไทยจะมีการเลือกตั้งก่อน …

    กิจกรรมแรก ที่ไทยจะมีร่วมกับอเมริกาในต้นปีนี้คือ การฝึกประจำปี Cobra Gold ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกับอเมริกามา 3 ทศวรรษ สำหรับปีนี้ จะมีขึ้นในช่วงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่นครนายก แม้ว่าจะมีการเรียกร้องให้ไปจัดที่อื่น หลังจากที่ไทยมีการปฏิวัติ คราวนี้การฝึกคงเป็นระดับเล็กลง และประชาสัมพันธ์น้อยลง อืม..,

    เดี๋ยวนี้ ประเทศไทยดูเหมือนจะมีความหลากหลายในการสร้างมั่นคงของตน ถ้าใช้ตามวลีอันขึ้นชื่อของอดีตรัฐมนตรีกลาโหม นาย Donald Rumsfeld ก็ต้องบอกว่า ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนไป จากการคบคนเคยรู้กันแล้ว เป็นการคบกับคนที่ไม่เคยรู้กัน ( known-knowns เป็น known-unknowns) ที่ผ่านมาไม่กี่เดือน ประเทศไทยมีการเจรจา และมีโครงการด้านความมั่นคงกับจีน รัสเซีย เวียตนาม..

    เอาละครับ สรุปมาให้ฟัง ทั้งที่ฝรั่งแจก กับไทยเขียนแทนฝรั่ง คงเห็นกันแล้วว่า อเมริกากำลังคิดอย่างไร

    – อเมริกา หน้าแตก แหกเป็นริ้ว มานั่งคุยจ้อเรื่องเลือกตั้ง นึกว่าสั่งแล้ว เขารู้เรื่องทำตาม ที่ไหนได้ กลับบ้านไป 44 วันเขาปฏิวัติ ไม่หน้าแหกยังไง จมูก CIA เสียหมดหรือไง ถึงดมกลิ่นปฏิวัติไม่เจอเลย แถมไอ้ลูกพี่ ที่มานั่งคุยกร่าง ยังจับทางไม่ได้ นั่งอยู่กลางบ้านเขาแท้ๆ ยังงี้มันน่าปลดให้หมด แล้วไอ้คนไทยที่เลี้ยงไว้เป็นสายสืบ ก็ต้องปลดด้วย ลูกเต้าที่ส่งเสียให้เรียนมหาวิทยาลัยดัง ส่งกลับไปอยู่วัดจานบินให้หมด

    – อุตส่าห์คิดนโยบายใหม่ ไล่บี้ไอ้พวกลูกหาบ แถวเอเซียแปซิฟิกแรงๆ ให้มันไปช่วยกดดันจีน ดันบี้แรงไปหน่อย ทำท่าจะแหกคอก แตกแถว ไปอยู่ฝั่งโน้น อย่างนี้ ยิ่งกว่าหน้าแตก มันหน้าหัก หักหน้ากัน ไม่ตามมาด่าซ้ำถึงกลางบ้านได้ยังไง เด็กเลี้ยงมา 70 ปี มาทำหือ อย่างนีต้องเจอโทษหนักแน่นอน

    – แต่ที่แสดงความหมดท่า เสียที คือ อุตส่าห์คิดนโยบายใหม่ ย้ายมากดดันจีน
    ลืมระวังอีกข้าง ถูกลูกหลอกฝั่งรัสเซียจีนผลัดกันโหม่ง วิ่งรับลูกผิดทาง เจอคุณพี่ปูตินซัดเต็มเหนี่ยว เกี่ยวเอาไครเมีย กล่องดวงใจกลับไปกก อันนี้มันเป็นเรื่อง แค้นนี้ต้องชำระ

    – แล้วใครล่ะ ที่เดินจ๋อยๆ เป็นสมันน้อยน่ารัก แต่จับมือกับเขาไปทั่ว ไอ้รูปจับมือ สร้างทางรถไฟนี่ มันต้องคารวะให้ 3 จอก จังหวะดีเหลือเชื่อ
    เอาแค่ตัวอย่างที่ยกมา ผมจึงไม่แปลกใจ ที่จะมีไอ้บ้าอะไรสักตัว มานั่งพล่าม นั่งเสือกยุ่งอยู่ในบ้านคนอื่นเขา เขาจัดการเรื่องบ้านเมืองของเขา ตามที่เขาเห็นเหมาะสม มันต้องเสือกอะไรด้วย เราไม่ได้เป็นเมืองขึ้นของใคร ไม่ได้เป็นทาสของใคร อย่าไปสนใจ ตกใจกับเสียงเห่า ตามสันดานของพวกหวงรางหญ้าครับ ปล่อยให้มันบ้าไป คุณพี่ตู่ท่านทำถูกแล้วที่ไม่รับนัด จริงๆ ไม่ควรมีใครรับนัดเลย ปล่อยให้มันคุยแต่กับนังเอ๋อ รายเดียวเหมาะสมกันดีจะตาย

    สวัสดีครับ
    ลุงนิทาน
    27 มกราคม 2558

    U.S. to Intensify Rebalancing in Asia in 2014
    https://geneva.usmission.gov/2014/02/06/u-s-to-intensify-rebalancing-in-asia-in-2014/
    เรื่อง เสือกซ้ำซาก “เสือกซ้ำซาก” วันก่อน แฟนเพจท่านหนึ่งเพิ่งเขียนถามหน้าจอว่า “ลุงครับ ตาแดเนียล รัสเซล เขาจะมาหลอกล่อ ล้วงตับอะไรสมันน้อยไหม ตานี่ประวัติไม่ธรรมดา สงสัยมากดดันให้เลือกตั้งไวๆ ….” ผมละดีใจมาก ที่แฟนเพจนิทาน ตื่นตัว หูตากว้างไกล มองเห็นภัยของการเป็นสมันน้อยมากขึ้น ผมก็ตอบไปตามการวิเคราะห์ว่า ” เป็นจังหวะที่อเมริกาต้องมาตรวจแถว ก่อนจัดระเบียบแถวใหม่ และอื่นๆครับ อื่นๆ นี่ต้องไปถามท่านผู้นำเอง “ ผมวิเคราะห์จากการขยับหมากตัวอื่นๆของไอ้นักล่าใบตองแห้ง ผมคิดว่ามันกำลังเตรียมแผน และตามนิสัยมัน ก่อนจะสรุปแผน ไอ้นักล่าต้องตรวจสอบทุกเรื่องก่อน และแน่นอนในการตรวจสอบ ก็คงทำการเสือกเหมือนเคย และผมก็เบื่อที่จะต้องด่าถึงความเสือกอย่างซ้ำซากของพวกมัน แต่วันนี้พอผมเปิดเครื่อง ผมยิ่งดีใจใหญ่ ที่มีหลายท่าน อินบ๊อกซ์เข้ามาด่าไอ้เวรทิ้งไว้ให้ผมอ่าน แสดงว่าเราไม่ได้เป็นสมันน้อยแล้ว เรารู้สึกไม่พอใจเป็นแล้ว และถ้าเราไม่พูดอะไรเสียเลย เดี๋ยวมันก็จะนึกว่าเราก็ไม่รู้ สึกรู้สา นึกว่าเราเป็นขี้ข้า อย่างเคยๆ กระดิกนิ้วเมื่อไหร่ก็มา ชี้ด่าเมื่อไหร่ก็ได้ เป็นสมันน้อยเหมือนเดิม งั้นวันนี้เราต้องฉลองการเลิกเป็นสมันน้อยของพวกเรา อย่างน้อยก็พวกเราในเพจนิทานล่ะครับ และผมเชื่อว่า มีคนไทยอีกมากมาย ที่ไม่อยากเป็นสมันน้อย และกำลังหาทางแหกคอกออกมา นายดาเนียล รัสเซล Daniel R Russel นี่เป็นใคร เขาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ ดูแลกิจการด้านเอเซียตะวันออกและแปซิฟิก ก่อนหน้ารับตำแหน่งนี้ เมื่อกรกฏาคม 2013 เขาเป็นที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดีโอบามา ในการวางนโยบาย ปรับกำลังมาทางแปซิฟิกมากขึ้น Pivot To Asia คงจำกันได้ ก่อนหน้านั้น อเมริกาวางน้ำหนักความสำคัญด้านความมั่นคงให้ทางยุโรป โดยผ่านกองกำลังนาโต้ 60% และให้น้ำหนักทางแปซิฟิก 40% แต่เมื่อเกิดอาการช๊อก ที่เห็นอาเฮียโตเร็วเกินคาดในปี 2012 อเมริกาจึงรีบปรับนโยบาย ตอนนั้นคุณนายคลินตันเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ เดินสายแถวแปซิฟิกเสียหน้าเหี่ยว และตอนนั้นอเมริกาก็คงพอใจ ที่ไทยแลนด์ แดนสมันน้อย มีรัฐบาลที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นพรมเช็ดเท้าให้อเมริกา เพราะมีหัวหน้ารัฐบาลที่แม้แต่พูดภาษาคนธรรมดายังไม่รู้เรื่อง อย่าว่าแต่พูดภาษาราชการ หรือภาษาการฑูตเลย แน่นอน นายเดเนียล รัสเซล ผู้มีส่วนสำคัญในการปรับนโยบายใหม่ คงยืดน่าดู เพราะได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ดูแลแปซิฟิกสมใจ 5 กุมภาพันธ์ 2014 จากรายงานข่าวแจกของกระทรวงต่างประเทศ ที่วอชิงตัน บอกว่า อเมริกากำลังปรับดุลในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก “rebalance” โดยนายรัสเซลบอกว่า เราต้องใช้กำลังพลด้านการฑูตเพิ่มอีกมาก เพื่อให้ได้ตามวัตถุประสงค์ของ เรา rebalance นี้ จะครอบคลุมไปถึงเรื่อง เศรษฐกิจ ความมั่นคง สิ่งแวดล้อม ฯลฯ โดยจะเน้นเรื่อง Trans -Pacific Partnership (TPP) และเรื่องขัดแย้งในทะเลจีน โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่อง Air Defense Indentification Zone (ADIZ) ที่จีนประกาศใช้ในทะเลจีนตะวันออก ซึ่งอเมริกาไม่ชอบใจ แหม! อ่านตั้งนาน กว่าไต๋จะโผล่ นักล่าหงุดหงิดเรื่องนี้เอง แปลว่า ไอ้ที่อเมริกาเคยบินโฉบไปแอบดูอาหม่วยแถวนั้น โดยไม่แจง ไม่แจ้งน่ะ ทำไม่ได้แล้วนะ นายรัสเซล ยังบอกอีกว่า สหรัฐอเมริกา ในฐานะผู้ยิ่งใหญ่ของโลก และของแปซิฟิก มีสเต็กชิ้นใหญ่อยู่ในแปซิฟิก ที่จำเป็นจะต้องให้เอเซียแปซิฟิก เปิดประตูกว้างเอาไว้ เพื่อเดินเข้าไปกินสะดวก แปลว่าตอนนี้กินสเต็กไม่สะดวก เพราะจีนกำลังขวางทางเข้าไปกิน อ่านต่อไม่ไหวครับ ยาแก้คลื่นไส้ ไม่ช่วยเลย ขอเปลี่ยนไปต่อ ที่การเสนอข่าวฉบับนี้ ที่ผมว่าน่าสนใจกว่าที่ ไอ้ขี้โม้รัสเซลพูดอีก เป็นการเสนอข่าวของ นายกวี จงกิจถาวร ใน นสพ. The Nation เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2015 นี้เอง หัวเรื่อง ” Are Thai-US relations warming up slowly?” http://www.nationmultimedia.com/opinion/Are-Thai-US-relations-warming-up-slowly-30251708.html ก่อนไปถึงเนื้อข่าว ขอให้ข้อมูลท่านผู้อ่านเสียหน่อยว่า จากข้อมูลของวิกิลีกซ์ ที่หล่นมาให้พวกเราหูตาสว่างกัน เมื่อประมาณ 3 ปีก่อนนั้น นายกวี เป็นนักข่าว ที่มีชื่อปรากฏอยู่ในรายงานของสถานฑูตอเมริกัน ประจำราชอาณาจักรไทย เกือบทุกครั้งที่มีการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่สถานทูต หรือมีนายใหญ่จากวอชิงตันมา นายกวีจะต้องร่วมหารือและให้ความเห็นในฐานะสื่อใหญ่ของไทยเสมอ พูดง่ายๆว่า ไม่มากไม่น้อย อเมริกาก็เห็น หรือรู้จักประเทศไทย จากสายตาและความคิดของนายกวี ซึ่งก็มีข่าวว่า อเมริกายกย่องและดูแลอย่างดี เนื้อข่าวของนายกวี สรุปว่า นายรัสเซลมาเมืองไทยเมื่อเดือนเมษายน ปี 2014 และให้สัมภาษณ์กับ Thai PBS ว่า เขามีความหวังว่าไทยจะมีการเลือกตั้ง ผ่านระบบการเลือกตั้ง ซึ่งไทยควรมีการเลือกตั้งเช่นนั้น เพื่อที่จะสมกับการเป็นมิตรที่อเมริกาไว้วางใจ แต่หลังจากนั้น 44 วัน โดยไม่มีใครรู้ตัว (รวมทั้งนายรัสเซล และนายกวี ?!) ทหารก็ทำการยึดอำนาจ วอชิงตันแปลกใจมาก เพราะไม่ได้รู้ข่าวมาก่อน และนั่นเป็นสาเหตุที่นาย Kerry มีปฏิกริยารุนแรงกับไทย แล้วสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอเมริกา ก็ลงเหวอย่างรวดเร็ว โดยไม่เห็นหนทางที่จะเยียวยาให้ดีขึ้น Thai-US relations quickly went downhill without any prospect of amelioration ! ว้าย ตาเถรหก! ผมอ่านแล้วตกใจแทบสิ้นสติ อ่านข่าวแจกของฝร้่ง ต้องกินยาแก้คลื่นไส้ แต่พอมาอ่านข่าวคนไทยเขียน ผมต้องรีบให้เด็กเอายาหอมมาให้! ผมไม่เคยรู้สึกเลยว่าการปฏิวัติของคุณพี่ตู่ มันน่ากลัวถึงขนาดนั้น แต่พอมาอ่านที่นายกวีเขียนว่า ถึงขนาดที่เราจะขาดมิตร ที่คบกับมากว่า 70 ปี โดย อย่างไม่เห็นหนทางเยียวยาเอาเลย นี่ ผมเลยลมรับประทาน….ด้วยความดีใจ…… ขอให้มันเป็นหยั่งงั้นเถิด เจ้าประคู้น เอ้า! แล้วนี่เสือกมาทำไมล่ะ มากรีดซ้ำเป็นการเยียวยาหรือยังไง เดี๋ยวต้องคอยตามอ่าน บทความของนายกวีเสียแล้วสินะ นายกวีขู่ผมต่อ …. หลังจาก 259 วันที่ปราศจากการติดต่อระดับรัฐมนตรี สัมพันธ์ที่เย็นยะเยือกของไทย-อเมริกัน ก็เริ่มปรับตัวอุ่นขึ้น ด้วยการมา (โปรด!) ของนายรัสเซล เขาบอกว่าระหว่าง 2 วัน ที่อยู่เมืองไทย เขาจะมาทำทุกอย่างที่เขาจะทำได้ให้อุ่นขึ้น เขาเน้นว่า ผู้บริหารระดับสูงของอเมริกา ยังไม่ติดต่อกับรัฐบาลไทยเลยนะ และนอกจากอเมริกาแล้ว EU ก็ยังไม่กลับมามีสัมพันธ์ปรกติกับไทยด้วย รอจนกว่าไทยจะมีการเลือกตั้งก่อน … กิจกรรมแรก ที่ไทยจะมีร่วมกับอเมริกาในต้นปีนี้คือ การฝึกประจำปี Cobra Gold ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกับอเมริกามา 3 ทศวรรษ สำหรับปีนี้ จะมีขึ้นในช่วงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่นครนายก แม้ว่าจะมีการเรียกร้องให้ไปจัดที่อื่น หลังจากที่ไทยมีการปฏิวัติ คราวนี้การฝึกคงเป็นระดับเล็กลง และประชาสัมพันธ์น้อยลง อืม.., เดี๋ยวนี้ ประเทศไทยดูเหมือนจะมีความหลากหลายในการสร้างมั่นคงของตน ถ้าใช้ตามวลีอันขึ้นชื่อของอดีตรัฐมนตรีกลาโหม นาย Donald Rumsfeld ก็ต้องบอกว่า ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนไป จากการคบคนเคยรู้กันแล้ว เป็นการคบกับคนที่ไม่เคยรู้กัน ( known-knowns เป็น known-unknowns) ที่ผ่านมาไม่กี่เดือน ประเทศไทยมีการเจรจา และมีโครงการด้านความมั่นคงกับจีน รัสเซีย เวียตนาม.. เอาละครับ สรุปมาให้ฟัง ทั้งที่ฝรั่งแจก กับไทยเขียนแทนฝรั่ง คงเห็นกันแล้วว่า อเมริกากำลังคิดอย่างไร – อเมริกา หน้าแตก แหกเป็นริ้ว มานั่งคุยจ้อเรื่องเลือกตั้ง นึกว่าสั่งแล้ว เขารู้เรื่องทำตาม ที่ไหนได้ กลับบ้านไป 44 วันเขาปฏิวัติ ไม่หน้าแหกยังไง จมูก CIA เสียหมดหรือไง ถึงดมกลิ่นปฏิวัติไม่เจอเลย แถมไอ้ลูกพี่ ที่มานั่งคุยกร่าง ยังจับทางไม่ได้ นั่งอยู่กลางบ้านเขาแท้ๆ ยังงี้มันน่าปลดให้หมด แล้วไอ้คนไทยที่เลี้ยงไว้เป็นสายสืบ ก็ต้องปลดด้วย ลูกเต้าที่ส่งเสียให้เรียนมหาวิทยาลัยดัง ส่งกลับไปอยู่วัดจานบินให้หมด – อุตส่าห์คิดนโยบายใหม่ ไล่บี้ไอ้พวกลูกหาบ แถวเอเซียแปซิฟิกแรงๆ ให้มันไปช่วยกดดันจีน ดันบี้แรงไปหน่อย ทำท่าจะแหกคอก แตกแถว ไปอยู่ฝั่งโน้น อย่างนี้ ยิ่งกว่าหน้าแตก มันหน้าหัก หักหน้ากัน ไม่ตามมาด่าซ้ำถึงกลางบ้านได้ยังไง เด็กเลี้ยงมา 70 ปี มาทำหือ อย่างนีต้องเจอโทษหนักแน่นอน – แต่ที่แสดงความหมดท่า เสียที คือ อุตส่าห์คิดนโยบายใหม่ ย้ายมากดดันจีน ลืมระวังอีกข้าง ถูกลูกหลอกฝั่งรัสเซียจีนผลัดกันโหม่ง วิ่งรับลูกผิดทาง เจอคุณพี่ปูตินซัดเต็มเหนี่ยว เกี่ยวเอาไครเมีย กล่องดวงใจกลับไปกก อันนี้มันเป็นเรื่อง แค้นนี้ต้องชำระ – แล้วใครล่ะ ที่เดินจ๋อยๆ เป็นสมันน้อยน่ารัก แต่จับมือกับเขาไปทั่ว ไอ้รูปจับมือ สร้างทางรถไฟนี่ มันต้องคารวะให้ 3 จอก จังหวะดีเหลือเชื่อ เอาแค่ตัวอย่างที่ยกมา ผมจึงไม่แปลกใจ ที่จะมีไอ้บ้าอะไรสักตัว มานั่งพล่าม นั่งเสือกยุ่งอยู่ในบ้านคนอื่นเขา เขาจัดการเรื่องบ้านเมืองของเขา ตามที่เขาเห็นเหมาะสม มันต้องเสือกอะไรด้วย เราไม่ได้เป็นเมืองขึ้นของใคร ไม่ได้เป็นทาสของใคร อย่าไปสนใจ ตกใจกับเสียงเห่า ตามสันดานของพวกหวงรางหญ้าครับ ปล่อยให้มันบ้าไป คุณพี่ตู่ท่านทำถูกแล้วที่ไม่รับนัด จริงๆ ไม่ควรมีใครรับนัดเลย ปล่อยให้มันคุยแต่กับนังเอ๋อ รายเดียวเหมาะสมกันดีจะตาย สวัสดีครับ ลุงนิทาน 27 มกราคม 2558 U.S. to Intensify Rebalancing in Asia in 2014 https://geneva.usmission.gov/2014/02/06/u-s-to-intensify-rebalancing-in-asia-in-2014/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 850 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Microsoft ปฏิเสธข้อกล่าวหา — ศูนย์ข้อมูลในเม็กซิโกไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหาน้ำ, ไฟ และโรคระบาด” — เมื่อการขยายโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาด 1.5 กิกะวัตต์กลายเป็นประเด็นร้อนในชุมชนท้องถิ่น

    เล่าเรื่องให้ฟัง: Microsoft ถูกกล่าวหาว่าศูนย์ข้อมูลในเมืองเกเรตาโร ประเทศเม็กซิโก ซึ่งเปิดใช้งานเมื่อปี 2024 เป็นสาเหตุของปัญหาน้ำขาดแคลน, ไฟดับบ่อย และโรคระบาดในชุมชนใกล้เคียง เช่น โรคตับอักเสบและอาการป่วยในระบบทางเดินอาหาร

    รายงานจาก New York Times ระบุว่า:

    โรงเรียนในเมือง Las Cenizas ต้องปิดชั่วคราวเพราะไม่มีน้ำใช้
    คลินิกท้องถิ่นไม่สามารถรักษาผู้ป่วยได้เพราะไฟดับ
    ชาวบ้านต้องจ่ายเงินเพื่อใช้น้ำจากรถบรรทุก
    อุปกรณ์ไฟฟ้าเสียหายจากไฟกระชาก

    Microsoft ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหา โดย Bowen Wallace รองประธานฝ่ายศูนย์ข้อมูลในอเมริกา ระบุว่า “ไม่มีหลักฐานว่าศูนย์ข้อมูลของเราทำให้เกิดไฟดับหรือน้ำขาดแคลน” และยืนยันว่าจะยังคงให้ความสำคัญกับความต้องการพื้นฐานของชุมชน

    บริษัทไฟฟ้าแห่งชาติของเม็กซิโกชี้ว่าไฟดับเกิดจากฟ้าผ่าและสัตว์หลงเข้าไปในระบบไฟฟ้า ไม่เกี่ยวกับการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล

    Alejandro Sterling ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาอุตสาหกรรมของรัฐเกเรตาโรกล่าวว่า “นี่คือปัญหาที่ดี” เพราะสะท้อนถึงการเติบโตของพื้นที่ และยืนยันว่าแผนขยายศูนย์ข้อมูลในเม็กซิโกจะเพิ่มขึ้นอีกกว่า 1.5 กิกะวัตต์ใน 5 ปีข้างหน้า

    Microsoft ถูกกล่าวหาว่าศูนย์ข้อมูลในเม็กซิโกเป็นต้นเหตุของปัญหาท้องถิ่น
    เช่น น้ำขาดแคลน, ไฟดับ, และโรคตับอักเสบ

    ชาวบ้านในเมืองใกล้เคียงต้องจ่ายเงินใช้น้ำจากรถบรรทุก
    เพราะน้ำประปาไม่เพียงพอ

    Microsoft ปฏิเสธข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการ
    ระบุว่าไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงกับปัญหาที่เกิดขึ้น

    บริษัทไฟฟ้าแห่งชาติชี้ว่าไฟดับเกิดจากฟ้าผ่าและสัตว์
    ไม่เกี่ยวกับการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล

    เจ้าหน้าที่รัฐมองว่าปัญหาเหล่านี้สะท้อนการเติบโตของพื้นที่
    และสนับสนุนแผนขยายศูนย์ข้อมูลอีก 1.5 กิกะวัตต์ใน 5 ปี

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/microsoft-denies-mexico-data-center-linked-to-water-shortages-local-illnesses-and-power-outages-stomach-bugs-and-even-hepatitis-reported-in-region-as-1-5-gigawatt-ai-data-center-buildout-looms
    🏗️ “Microsoft ปฏิเสธข้อกล่าวหา — ศูนย์ข้อมูลในเม็กซิโกไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหาน้ำ, ไฟ และโรคระบาด” — เมื่อการขยายโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาด 1.5 กิกะวัตต์กลายเป็นประเด็นร้อนในชุมชนท้องถิ่น เล่าเรื่องให้ฟัง: Microsoft ถูกกล่าวหาว่าศูนย์ข้อมูลในเมืองเกเรตาโร ประเทศเม็กซิโก ซึ่งเปิดใช้งานเมื่อปี 2024 เป็นสาเหตุของปัญหาน้ำขาดแคลน, ไฟดับบ่อย และโรคระบาดในชุมชนใกล้เคียง เช่น โรคตับอักเสบและอาการป่วยในระบบทางเดินอาหาร รายงานจาก New York Times ระบุว่า: 🎗️ โรงเรียนในเมือง Las Cenizas ต้องปิดชั่วคราวเพราะไม่มีน้ำใช้ 🎗️ คลินิกท้องถิ่นไม่สามารถรักษาผู้ป่วยได้เพราะไฟดับ 🎗️ ชาวบ้านต้องจ่ายเงินเพื่อใช้น้ำจากรถบรรทุก 🎗️ อุปกรณ์ไฟฟ้าเสียหายจากไฟกระชาก Microsoft ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหา โดย Bowen Wallace รองประธานฝ่ายศูนย์ข้อมูลในอเมริกา ระบุว่า “ไม่มีหลักฐานว่าศูนย์ข้อมูลของเราทำให้เกิดไฟดับหรือน้ำขาดแคลน” และยืนยันว่าจะยังคงให้ความสำคัญกับความต้องการพื้นฐานของชุมชน บริษัทไฟฟ้าแห่งชาติของเม็กซิโกชี้ว่าไฟดับเกิดจากฟ้าผ่าและสัตว์หลงเข้าไปในระบบไฟฟ้า ไม่เกี่ยวกับการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล Alejandro Sterling ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาอุตสาหกรรมของรัฐเกเรตาโรกล่าวว่า “นี่คือปัญหาที่ดี” เพราะสะท้อนถึงการเติบโตของพื้นที่ และยืนยันว่าแผนขยายศูนย์ข้อมูลในเม็กซิโกจะเพิ่มขึ้นอีกกว่า 1.5 กิกะวัตต์ใน 5 ปีข้างหน้า ✅ Microsoft ถูกกล่าวหาว่าศูนย์ข้อมูลในเม็กซิโกเป็นต้นเหตุของปัญหาท้องถิ่น ➡️ เช่น น้ำขาดแคลน, ไฟดับ, และโรคตับอักเสบ ✅ ชาวบ้านในเมืองใกล้เคียงต้องจ่ายเงินใช้น้ำจากรถบรรทุก ➡️ เพราะน้ำประปาไม่เพียงพอ ✅ Microsoft ปฏิเสธข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการ ➡️ ระบุว่าไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงกับปัญหาที่เกิดขึ้น ✅ บริษัทไฟฟ้าแห่งชาติชี้ว่าไฟดับเกิดจากฟ้าผ่าและสัตว์ ➡️ ไม่เกี่ยวกับการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล ✅ เจ้าหน้าที่รัฐมองว่าปัญหาเหล่านี้สะท้อนการเติบโตของพื้นที่ ➡️ และสนับสนุนแผนขยายศูนย์ข้อมูลอีก 1.5 กิกะวัตต์ใน 5 ปี https://www.tomshardware.com/tech-industry/microsoft-denies-mexico-data-center-linked-to-water-shortages-local-illnesses-and-power-outages-stomach-bugs-and-even-hepatitis-reported-in-region-as-1-5-gigawatt-ai-data-center-buildout-looms
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 418 มุมมอง 0 รีวิว


  • แก๊งคอลเซ็นเตอร์สแกมเมอร์คือจุดเริ่มต้นทุกๆอาชญากรรมทั้งหมด นอกจากบ่อนคาสิโนออฟไลน์และบ่อนการพนันออนไลน์,การค้ายาเสพติด การค้าอาวุธ การค้าวัตถุโบราณ การค้าแรงงานเถื่อนจากการหลอกลวง การค้ากาม การค้ามนุษย์ หนักสุดค้าอวัยวะมนุษย์ สาระพัดเถื่อนๆชั่วๆเลวๆที่โลกทั้งใบต้องจับตามองร่วมกันเป็นเคสกรณีศึกษาของโลกคือชาติอาชญากรรมโลกแบบเขมรของจอมเผด็จการฮุนเซนเจ้าพ่อรัฐมหาโจรฮับอาชญากรและสาระพัดอาชญากรรมโลกที่ตั้งที่ดีมีรัฐบาลแห่งชาติโจรเขมรค้ำหัวค้ำประกันการประกอบกิจการดำเนินการ,ทั้งแบบเถื่อนและแบบใช้ไม่เถื่อนบังหน้าขนส่งของเถื่อนไปร่วมด้วยกับของไม่เถื่อน,เจ้าพ่อสากลชั่วระดับโลกในยุคเวลานี้ก็ว่า.

    ..ไทยจะจัดการเขมรได้ ต้องยึดอำนาจปฏิวัติรัฐประหารรัฐบาลอนุทิน4เดือนทันที ปล่อยไว้มีแต่ชาติบ้านเมืองเสียหายเพราะคนในรัฐบาลปัจจุบันไม่บริสุทธิ์ มีคนในรัฐบาลอนุทินไปเกี่ยวข้องกับเขมรรัฐโจรรัฐอาชญากรรมสงครามใส่ไทยชัดเจนด้วยและแหล่งฮับอาชญากรรมสากลระดับโลกด้วยอีก.

    ..ทหารประชาชน นำโดยบิ๊กปูพนา ผบ.ทบ.ต้องจัดการ ตลอด ผบ.สส.สูงสุดต้องเด็ดขาดยึดอำนาจที่ประชาชนมอบไปให้รัฐบาลเลือกตั้งผิดแผลกผีบ้านี้ใช้ไปทางที่ผิด ที่ไม่สมควร ไม่ใช้แผนที่ดินแดน1:50,000ด้วยในmou43,44ร่วมกันกอดmou ด้วยซึ่งนายกฯและคณะครม.ลงมติยกเลิกmou43,44ได้ทันทีแต่ไม่ทำ ผลักภาระให้ประชาชน ไม่เหมือนตนพากันสุมหัวทำกันเองตอนแรก ไม่มาบอกห่าประชาชนให้ลงมติรับรู้ร่วมห่าเหวอะไร พอมีปัญหาเสือกโยนบอกว่าให้ประชาชนยกเลิกเองนะ กูไปตกลงเองได้ แต่ตอนยกเลิกกูให้มรึงประชาชนคนไทยทั้งประเทศร่วมกันยกเลิกนะ ถ้าลำบากยากเค็ญใจพวกมรึงๆประชาชนก็จงพากันยอมรับmouนี้เสีย ไม่ต้องยุ่งยากไง ใช้ต่อก็จบตามกูไปลงนามขายชาติให้สำเร็จที่1:200,000เลย กินดินแดนยึดแผ่นดินไทยจากปกติทหารใช้1:50,000 เขมรฉลาดจึงชวนกูมาขายชาติให้มันแลกผลประโยชน์ได้ดีกับมันด้วย ได้แผ่นดินไทยถึง1:200,000จากได้แค่1:50,000เอง,กินแผ่นดินไทยมรึงถึง1:150,000โคตรคุ้มค่ามากเลยกูเขมร.
    ..ทหารไทยของประชาชน หากยังไม่เห็นชัดสิ่งนี้ จะจบเลย สิ้นเดือนนี้ เสียแผ่นดินเหมือนตอนอดีตนายกฯอภิสิทธิ์แน่นอน มามุกเดียวกันเปะเลย,
    ..สแกมเมอร์เขมร ที่รุกรามมากมายขนาดนี้ก็เพราะมีทหารไทยสายพลชั่วเลวอีกนั่นล่ะไปทำสิ่งนี้ร่วมกับมันด้วย นักการเมืองอีกที่กูรูมากมายออกมาแฉ,การยึดอำนาจจะจบเรื่องเลวชั่วทั้งหมดทันทีทั้งเรื่องภายในและภายนอกประเทศ,เราสามารถกำจัดภัยความมั่นคงภายในได้เด็ดขาดด้วย ,จากนั้นค่อยต่อยอดขยายการกำจัดออกสู่วงนอกได้อีก.
    ..รัฐบาลนี้ชัดเจนว่า ถ่วงเวลาและอืดอาดยืดยาดมาก,ไร้ฝีมือมือความสามารถอะไรเลย,สินค้าเข้าออกทางทะเลกับเขมรยังเปิดช่องโหว่ได้ ,ตัดไฟฟ้า ตัดเน็ต ตัดอะไรสาระพัดยังไม่มีความน่าเชื่อถือ ,เรา..ประชาชนจนถึงเวลานี้ไม่มีความไว้วางใจในรัฐบาลอนุทินเลย,ตั้งแต่โยนหินถามทางหมายเปิดด่านตอนแรกๆถือว่าตบหน้าเรา..ประชาชนทั้งประเทศไทยมาก หยามน้ำใจคนไทย ทหารที่เสียชีวิต ขาขาดพิการ ทำลายหัวจิตหัวใจคนไทยมาก ประชาชนผู้บริสุทธิ์เราตาย เด็กๆเราตาย ตายนอกแนวปะทะ ตายนอกแนวสงครามปะทะยิงกันกับเขมร และมันยิงระเบิดใส่เด็กๆเราตายนะ ครอบครัวคนไทยเราตายเกือบหมดครอบครัว สส.สว.ฝั่งรัฐบาลจะลองถูกระเบิดยิงตายเกือบหมดครอบครัวดูก็ได้นะถ้าไม่มีความรู้สึกด้วย,เนปาลเผาครอบครัวรมต.ตายคาบ้านแบบนั้นมั้ย.,นักการเมืองจะฝ่ายรัฐบาลไทยหรือฝ่ายค้านทั้งหมดอย่าบีบน้ำใจเรา..ประชาชนคนไทยทั้งประเทศนะตลอดคนข้าราชการไทยกระทรวงทบวงกรมหน่วยงานใดๆด้วยโดยเฉพาะกระทรวงทรยศแผ่นดินไทยระวังไว้ เขารู้ที่อยู่ท่านหมดล่ะ,เครื่องบินยึดสนามบินห้ามบินออกนอกประเทศทั้งหมด,เจ้าสัว เจ้าขุนมูลนายอำมาตย์เจ้าพระยาคิดจะหนีออกแผ่นดินไทย ทิ้งแผ่นดินไทยหนีตายไปสวายสุขอยู่ต่างประเทศแบบในอดีตอาจฝันไปเลย,เมื่อประชาชนหมดความอดทน เนปาลที่ไทยเกิดแน่นอน.,ทั้งหมดจะถูกยึดทรัพย์สินและคืนสู่สามัญแก่แผ่นดินไทยดั่งเดิมแน่นอน.
    ..ทหารไทยต้องยืนเคียงข้างประชาชนเพราะทหารก็เกณฑ์พลมาจากประชาชนนี้ล่ะ,อนาคตอาจต้องมีกองกำลังภาคประชาชนตนเองประจำทุกๆหมู่บ้านทั้ง80,000หมู่บ้านทั่วประเทศ เรา..ประเทศไทยจะสามารถปกป้องตนเองร่วมกัน สามัคคีกันเป็นเครือข่ายกันทั่วประเทศ,ภัยในสังคมเกิดขึ้น เราเด็ดหัวมันเลย รกสังคม ,รั้วลวดหนามตลอดพรมแดนไทยกับเขมรต้องสร้างจริงจังชัดเจนตลอดพรมแดน ห้ามมีเว้นวรรค รวมถึงกำแพงรั้วลวดหนามไทยกับมาเลย์ด้วย สามารถสกัดจับโจรใต้หนีเข้ามาเลย์ได้ทันทีด้วย ลำบากแน่นอนเมื่อก่อเหตุแล้วหมายจะหนีข้ามเขตแดนไทยไปมาเลย์ ปืนอัตโนมัติตลอดแนวพรมแดนพร้อมยิงทีนทีที่พบคนต้องสงสัยเข้าเขตต้องห้ามโซนห้ามผู้คนที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าพื้นที่ใกล้รั้วลวดหนามตลอดแนวพรมแดนไทยกับมาเลย์ก็ว่า,ปัญหาชายแดนภาคใต้จะดีขึ้นเรื่อยๆแน่นอนเพราะก่อตอนไหนยิงทิ้งตอนนั้นเลย.,ไทยกับเขมรก็ด้วย เดทโซนโซนปลอดผู้คนนอกจากเจ้าหน้าที่ไทยที่เกี่ยวข้อง ใครเข้าพื้นที่นี้แบบผิดปกติ แอบหมายตัดรั้วลวดหนามจะข้ามแดน ปืนบวกกล้องตรวจพบเจอผ่านดาวเทียม สามารถยิงทิ้งอัตโนมัติทันที จากนั้นรถเก็บศพตามถนนติดริมรั้วกำแพงลวดหนามค่อยวิ่งไปเก็บศพจัดการดำเนินเรื่องราวต่อไป,แก๊งคอลเซ็นเตอร์อาจตายตามริมกำแพงรั้วลวดหนามไทยระบบพิเศษอัตโนมัติเราแบบนี้แน่นอน,พวกนี้ฆ่าทรมานมนุษย์ที่มันหลอกลวงมาค้าแรงงานจริง ความตายจึงเหมาะสมแก่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งหมด,จีนสั่งประหารชีวิตทุกๆตัวนั้นถูกต้องแล้ว พวกนี้ทรมานทุบเหยื่อ ฆ่าสังหารเหยื่อจริง ไม่ใช่แค่เรียกค่าไถ่เท่านั้น บางคนค้ากามโสเภณีแบบบังคับทรมานเหยื่อสาระพัดวิธี หมดประโยชน์ชำแหละอวัยวะมนุษย์ขายตา ปอดตับ หัวใจและอวัยวะอื่นๆจริง มันค้าอวัยวะจริง ต้นเหตุก็เริ่มจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ล่ะ,ไม่ใช่ขายแรงงานเหมือนวัวเหมือนควายแค่นั้นในเหยื่อทั้งหมดที่มันหลอกลวงไปหรือลักพาตัวไป.

    ..รัฐบาลไทยสร้างบทบาทอมพระเต็มๆแบบเสือกนิ่งเฉย ไร้มาตราการเด็ดขาดห่าเหวใดๆตลอดมาแก่ชาติเขมรห่านี้ชาติอาชญากรรมระดับโลกแบบนี้ถือว่ากากมากถึงมากที่สุด.,มันยิงคนไทยเราตาย มีนก่ออาชญากรรมสงครามใส่ไทย เสือกนิ่งสงบเงียบ แอ็คชั่นไม่มีห่าอะไรจริงเลย ถึงเวลานี้น่าเศร้าใจมาก,ทรัมป์สันตีนกับมาเลย์มาเสือกอีก,ต้องไม่เข้าร่วมประชุมอาเชียนทันทีเลย ,ถือว่ามาเลย์และอเมริกาเสียมารยาทแทรกแซงความมั่นคงในอธิปไตยไทยชัดเจนในการกำจัดเขมรศัตรูภัยร้ายแรงในอธิปไตยชาติไทยและภัยอาชญากรอาชญากรรมของโลกแต่มาเลย์และอเมริกาอยากให้ไทยไปจับมือกับคนฆ่าคนไทยและฆาตกรฆ่าคนทั่วโลกที่เขมรหลอกลวงมาฆาตกรรมในเขมรมันเอง ให้ไทยไปจับมือกับฆาตกรโลก จับมือกับโจร มาเลย์มันบ้าไปกับทรัมป์ชัดเจน อาเชียนถือว่าเสียของมากหากเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้.อเมริกาทรัมป์และมาเลย์คืออาชญากรอาชญากรรมก่อการร่วมกับเขมรฮุนเซนชัดเจนด้วย สนับสนุนส่งเสริมชาติอาชญากรและอาชญากรรมด้วย จนบีบบังคับพยายามทุกๆวิถีทางให้ไทยจับมือกับรัฐโจรเขมรทั้งประเทศเขมรในปัจจุบัน พวกนี้ใช้ไม่ได้หวังแต่ประโยชน์ร่วมกับเขมรชัดเจน,จนลืมความถูกความผืดชั่วชอบดีในสมองสันตีนมัน.

    https://youtube.com/watch?v=zO-i_lsDz0E&si=bKzpVbdy24sD678s

    แก๊งคอลเซ็นเตอร์สแกมเมอร์คือจุดเริ่มต้นทุกๆอาชญากรรมทั้งหมด นอกจากบ่อนคาสิโนออฟไลน์และบ่อนการพนันออนไลน์,การค้ายาเสพติด การค้าอาวุธ การค้าวัตถุโบราณ การค้าแรงงานเถื่อนจากการหลอกลวง การค้ากาม การค้ามนุษย์ หนักสุดค้าอวัยวะมนุษย์ สาระพัดเถื่อนๆชั่วๆเลวๆที่โลกทั้งใบต้องจับตามองร่วมกันเป็นเคสกรณีศึกษาของโลกคือชาติอาชญากรรมโลกแบบเขมรของจอมเผด็จการฮุนเซนเจ้าพ่อรัฐมหาโจรฮับอาชญากรและสาระพัดอาชญากรรมโลกที่ตั้งที่ดีมีรัฐบาลแห่งชาติโจรเขมรค้ำหัวค้ำประกันการประกอบกิจการดำเนินการ,ทั้งแบบเถื่อนและแบบใช้ไม่เถื่อนบังหน้าขนส่งของเถื่อนไปร่วมด้วยกับของไม่เถื่อน,เจ้าพ่อสากลชั่วระดับโลกในยุคเวลานี้ก็ว่า. ..ไทยจะจัดการเขมรได้ ต้องยึดอำนาจปฏิวัติรัฐประหารรัฐบาลอนุทิน4เดือนทันที ปล่อยไว้มีแต่ชาติบ้านเมืองเสียหายเพราะคนในรัฐบาลปัจจุบันไม่บริสุทธิ์ มีคนในรัฐบาลอนุทินไปเกี่ยวข้องกับเขมรรัฐโจรรัฐอาชญากรรมสงครามใส่ไทยชัดเจนด้วยและแหล่งฮับอาชญากรรมสากลระดับโลกด้วยอีก. ..ทหารประชาชน นำโดยบิ๊กปูพนา ผบ.ทบ.ต้องจัดการ ตลอด ผบ.สส.สูงสุดต้องเด็ดขาดยึดอำนาจที่ประชาชนมอบไปให้รัฐบาลเลือกตั้งผิดแผลกผีบ้านี้ใช้ไปทางที่ผิด ที่ไม่สมควร ไม่ใช้แผนที่ดินแดน1:50,000ด้วยในmou43,44ร่วมกันกอดmou ด้วยซึ่งนายกฯและคณะครม.ลงมติยกเลิกmou43,44ได้ทันทีแต่ไม่ทำ ผลักภาระให้ประชาชน ไม่เหมือนตนพากันสุมหัวทำกันเองตอนแรก ไม่มาบอกห่าประชาชนให้ลงมติรับรู้ร่วมห่าเหวอะไร พอมีปัญหาเสือกโยนบอกว่าให้ประชาชนยกเลิกเองนะ กูไปตกลงเองได้ แต่ตอนยกเลิกกูให้มรึงประชาชนคนไทยทั้งประเทศร่วมกันยกเลิกนะ ถ้าลำบากยากเค็ญใจพวกมรึงๆประชาชนก็จงพากันยอมรับmouนี้เสีย ไม่ต้องยุ่งยากไง ใช้ต่อก็จบตามกูไปลงนามขายชาติให้สำเร็จที่1:200,000เลย กินดินแดนยึดแผ่นดินไทยจากปกติทหารใช้1:50,000 เขมรฉลาดจึงชวนกูมาขายชาติให้มันแลกผลประโยชน์ได้ดีกับมันด้วย ได้แผ่นดินไทยถึง1:200,000จากได้แค่1:50,000เอง,กินแผ่นดินไทยมรึงถึง1:150,000โคตรคุ้มค่ามากเลยกูเขมร. ..ทหารไทยของประชาชน หากยังไม่เห็นชัดสิ่งนี้ จะจบเลย สิ้นเดือนนี้ เสียแผ่นดินเหมือนตอนอดีตนายกฯอภิสิทธิ์แน่นอน มามุกเดียวกันเปะเลย, ..สแกมเมอร์เขมร ที่รุกรามมากมายขนาดนี้ก็เพราะมีทหารไทยสายพลชั่วเลวอีกนั่นล่ะไปทำสิ่งนี้ร่วมกับมันด้วย นักการเมืองอีกที่กูรูมากมายออกมาแฉ,การยึดอำนาจจะจบเรื่องเลวชั่วทั้งหมดทันทีทั้งเรื่องภายในและภายนอกประเทศ,เราสามารถกำจัดภัยความมั่นคงภายในได้เด็ดขาดด้วย ,จากนั้นค่อยต่อยอดขยายการกำจัดออกสู่วงนอกได้อีก. ..รัฐบาลนี้ชัดเจนว่า ถ่วงเวลาและอืดอาดยืดยาดมาก,ไร้ฝีมือมือความสามารถอะไรเลย,สินค้าเข้าออกทางทะเลกับเขมรยังเปิดช่องโหว่ได้ ,ตัดไฟฟ้า ตัดเน็ต ตัดอะไรสาระพัดยังไม่มีความน่าเชื่อถือ ,เรา..ประชาชนจนถึงเวลานี้ไม่มีความไว้วางใจในรัฐบาลอนุทินเลย,ตั้งแต่โยนหินถามทางหมายเปิดด่านตอนแรกๆถือว่าตบหน้าเรา..ประชาชนทั้งประเทศไทยมาก หยามน้ำใจคนไทย ทหารที่เสียชีวิต ขาขาดพิการ ทำลายหัวจิตหัวใจคนไทยมาก ประชาชนผู้บริสุทธิ์เราตาย เด็กๆเราตาย ตายนอกแนวปะทะ ตายนอกแนวสงครามปะทะยิงกันกับเขมร และมันยิงระเบิดใส่เด็กๆเราตายนะ ครอบครัวคนไทยเราตายเกือบหมดครอบครัว สส.สว.ฝั่งรัฐบาลจะลองถูกระเบิดยิงตายเกือบหมดครอบครัวดูก็ได้นะถ้าไม่มีความรู้สึกด้วย,เนปาลเผาครอบครัวรมต.ตายคาบ้านแบบนั้นมั้ย.,นักการเมืองจะฝ่ายรัฐบาลไทยหรือฝ่ายค้านทั้งหมดอย่าบีบน้ำใจเรา..ประชาชนคนไทยทั้งประเทศนะตลอดคนข้าราชการไทยกระทรวงทบวงกรมหน่วยงานใดๆด้วยโดยเฉพาะกระทรวงทรยศแผ่นดินไทยระวังไว้ เขารู้ที่อยู่ท่านหมดล่ะ,เครื่องบินยึดสนามบินห้ามบินออกนอกประเทศทั้งหมด,เจ้าสัว เจ้าขุนมูลนายอำมาตย์เจ้าพระยาคิดจะหนีออกแผ่นดินไทย ทิ้งแผ่นดินไทยหนีตายไปสวายสุขอยู่ต่างประเทศแบบในอดีตอาจฝันไปเลย,เมื่อประชาชนหมดความอดทน เนปาลที่ไทยเกิดแน่นอน.,ทั้งหมดจะถูกยึดทรัพย์สินและคืนสู่สามัญแก่แผ่นดินไทยดั่งเดิมแน่นอน. ..ทหารไทยต้องยืนเคียงข้างประชาชนเพราะทหารก็เกณฑ์พลมาจากประชาชนนี้ล่ะ,อนาคตอาจต้องมีกองกำลังภาคประชาชนตนเองประจำทุกๆหมู่บ้านทั้ง80,000หมู่บ้านทั่วประเทศ เรา..ประเทศไทยจะสามารถปกป้องตนเองร่วมกัน สามัคคีกันเป็นเครือข่ายกันทั่วประเทศ,ภัยในสังคมเกิดขึ้น เราเด็ดหัวมันเลย รกสังคม ,รั้วลวดหนามตลอดพรมแดนไทยกับเขมรต้องสร้างจริงจังชัดเจนตลอดพรมแดน ห้ามมีเว้นวรรค รวมถึงกำแพงรั้วลวดหนามไทยกับมาเลย์ด้วย สามารถสกัดจับโจรใต้หนีเข้ามาเลย์ได้ทันทีด้วย ลำบากแน่นอนเมื่อก่อเหตุแล้วหมายจะหนีข้ามเขตแดนไทยไปมาเลย์ ปืนอัตโนมัติตลอดแนวพรมแดนพร้อมยิงทีนทีที่พบคนต้องสงสัยเข้าเขตต้องห้ามโซนห้ามผู้คนที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าพื้นที่ใกล้รั้วลวดหนามตลอดแนวพรมแดนไทยกับมาเลย์ก็ว่า,ปัญหาชายแดนภาคใต้จะดีขึ้นเรื่อยๆแน่นอนเพราะก่อตอนไหนยิงทิ้งตอนนั้นเลย.,ไทยกับเขมรก็ด้วย เดทโซนโซนปลอดผู้คนนอกจากเจ้าหน้าที่ไทยที่เกี่ยวข้อง ใครเข้าพื้นที่นี้แบบผิดปกติ แอบหมายตัดรั้วลวดหนามจะข้ามแดน ปืนบวกกล้องตรวจพบเจอผ่านดาวเทียม สามารถยิงทิ้งอัตโนมัติทันที จากนั้นรถเก็บศพตามถนนติดริมรั้วกำแพงลวดหนามค่อยวิ่งไปเก็บศพจัดการดำเนินเรื่องราวต่อไป,แก๊งคอลเซ็นเตอร์อาจตายตามริมกำแพงรั้วลวดหนามไทยระบบพิเศษอัตโนมัติเราแบบนี้แน่นอน,พวกนี้ฆ่าทรมานมนุษย์ที่มันหลอกลวงมาค้าแรงงานจริง ความตายจึงเหมาะสมแก่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งหมด,จีนสั่งประหารชีวิตทุกๆตัวนั้นถูกต้องแล้ว พวกนี้ทรมานทุบเหยื่อ ฆ่าสังหารเหยื่อจริง ไม่ใช่แค่เรียกค่าไถ่เท่านั้น บางคนค้ากามโสเภณีแบบบังคับทรมานเหยื่อสาระพัดวิธี หมดประโยชน์ชำแหละอวัยวะมนุษย์ขายตา ปอดตับ หัวใจและอวัยวะอื่นๆจริง มันค้าอวัยวะจริง ต้นเหตุก็เริ่มจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ล่ะ,ไม่ใช่ขายแรงงานเหมือนวัวเหมือนควายแค่นั้นในเหยื่อทั้งหมดที่มันหลอกลวงไปหรือลักพาตัวไป. ..รัฐบาลไทยสร้างบทบาทอมพระเต็มๆแบบเสือกนิ่งเฉย ไร้มาตราการเด็ดขาดห่าเหวใดๆตลอดมาแก่ชาติเขมรห่านี้ชาติอาชญากรรมระดับโลกแบบนี้ถือว่ากากมากถึงมากที่สุด.,มันยิงคนไทยเราตาย มีนก่ออาชญากรรมสงครามใส่ไทย เสือกนิ่งสงบเงียบ แอ็คชั่นไม่มีห่าอะไรจริงเลย ถึงเวลานี้น่าเศร้าใจมาก,ทรัมป์สันตีนกับมาเลย์มาเสือกอีก,ต้องไม่เข้าร่วมประชุมอาเชียนทันทีเลย ,ถือว่ามาเลย์และอเมริกาเสียมารยาทแทรกแซงความมั่นคงในอธิปไตยไทยชัดเจนในการกำจัดเขมรศัตรูภัยร้ายแรงในอธิปไตยชาติไทยและภัยอาชญากรอาชญากรรมของโลกแต่มาเลย์และอเมริกาอยากให้ไทยไปจับมือกับคนฆ่าคนไทยและฆาตกรฆ่าคนทั่วโลกที่เขมรหลอกลวงมาฆาตกรรมในเขมรมันเอง ให้ไทยไปจับมือกับฆาตกรโลก จับมือกับโจร มาเลย์มันบ้าไปกับทรัมป์ชัดเจน อาเชียนถือว่าเสียของมากหากเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้.อเมริกาทรัมป์และมาเลย์คืออาชญากรอาชญากรรมก่อการร่วมกับเขมรฮุนเซนชัดเจนด้วย สนับสนุนส่งเสริมชาติอาชญากรและอาชญากรรมด้วย จนบีบบังคับพยายามทุกๆวิถีทางให้ไทยจับมือกับรัฐโจรเขมรทั้งประเทศเขมรในปัจจุบัน พวกนี้ใช้ไม่ได้หวังแต่ประโยชน์ร่วมกับเขมรชัดเจน,จนลืมความถูกความผืดชั่วชอบดีในสมองสันตีนมัน. https://youtube.com/watch?v=zO-i_lsDz0E&si=bKzpVbdy24sD678s
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1330 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลัดกันล้วง ตอนที่ 4
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ผลัดกันล้วง”
    ตอนที่ 4 (ตอนจบ)

    “สวีเดน ทำการจารกรรมข้อมูลเกี่ยวกับ รัสเซีย ให้อเมริกามานานแล้ว ”

    โทรทัศน์ สวีเดน Sveriges Television ( SVT ) ออกข่าวนี้ ตั้งแต่ปลายปี 2013 บอกว่า เรื่องนี้อยู่ในเอกสาร ที่นาย Edward Snowden เอามาปูด จนต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปน่ะและตอนนี้ นาย Snowden ก็คงกำลังนั่งซุกหัว ซุกตัว อยู่ในที่หลบภัยอุ่นๆ ตรงไหนสักแห่งหนึ่งของรัสเซีย และเล่าเรื่องที่มีรายละเอียดน่าสนใจเพิ่มเติม ให้เจ้าของที่หลบภัยฟังต่อ

    ความจริงเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ผู้สื่อข่าวสวีเดน นาย Martin Jonsson ได้พยายามขุดมา ตั้งแต่ปี 2005 เกี่ยวกับหน่วยงานข่าวกรองของสวีเดน ชื่อ Forsvarets Radioanstalt ( FRA ) แปลคร่าวๆ คือ National Defense Radio Establishment ซึ่งมีข่าวว่า ตั้งขึ้นมา เพื่อทำการจารกรรมข้อมูลจากสัญญาน ( wiretap ) ที่ผ่านไปมาอยู่แถบนั้น ให้กับ National Security Agency (NSA) ของอเมริกา โดยใช้ระบบที่รู้จักกันในชื่อ Echelon ที่โด่งดัง และประสิทธิภาพน่าขนลุก (ที่ใช้ลูกกลมเหมือนลูกปิงปองยักษ์) แต่ความเป็นจริง Echelon เป็นเพียงหนึ่งในระบบต่างๆที่ NSA ใช้ ยังมีระบบอื่นที่น่าตกใจกว่า อีกแยะ.

    นาย Jonsson บอกว่า NSA เป็นหน่วยงานข่าวกรองที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกา และเป็นศูนย์กลางของเครือข่ายการดักฟัง ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ FRA ก็เป็นส่วนหนึ่ง ของเครือข่ายนี้

    NSA มีขนาด และเครือข่ายใหญ่กว่า CIA มาก โดย NSA เน้นการหาข่าวกรองจากคลื่นสัญญานต่างๆ ที่ส่งกันทั้ง บนดิน ใต้ดิน บนเรือ ใต้น้ำ บนท้องฟ้า ในเครื่องบิน จากดาวเทียม ฯลฯ โดยมีการทำสัญญาการให้ร่วมมือกัน ระหว่าง อเมริกา อังกฤษ แคนาดา นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย เรียกว่า กลุ่ม Five Eyes ตั้งแต่ ปี 1954 เพื่อแลกเปลี่ยน ข้อมูลระหว่างกันอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในช่วงสงครามเย็น

    นาย Jonssen เล่าว่า ตอนนั้น เราเพียงรู้ว่า เครือข่ายดักฟังข้อมูล มีเพียง 5 ประเทศ ดังกล่าว ต่อมาปี 2007 มีข่าวเล็ดลอดออกมาว่า สวีเดน อาจจะเป็น ประเทศที่ 6 ที่จะได้เข้าไปร่วมกับเครือข่ายนี้ด้วย โดยจะทำสัญญาเพิ่ม ขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการเตรียมตัวให้พร้อม สวีเดนก็ดำเนินการออกกฏหมาย ที่รู้จักกันในชื่อ FRA law ให้รัฐสามารถดักฟัง เก็บข้อมูลทุกอย่าง ที่ผ่านเข้ามาในอาณาเขตของสวีเดน ไม่ว่า จะเป็นทางโทรศัพท์ หรือทางเอกสาร ฯลฯได้ ซึ่งเดิมถือว่าเป็นการผิดกฏหมาย ในเรื่องการละเมิดสิทธิ โดยทาง NSA ส่งทีมมาช่วยร่างกฏหมาย เตี๊ยมคำถามคำตอบ ที่ทางรัฐจะต้องตอบกับสภาประชาชนและสื่อ เล่นกันแบบนั้นเลย นึกว่าจะมีแต่แถวบ้านสมันน้อย

    ชาวสวีเดน ต่างออกมาประท้วงร่างกฏหมายฉบับนี้ อย่างมากมาย แต่ในที่สุด ฝ่ายรัฐก็ชนะไปอย่างเฉียดฉิว วันที่ 13 เดือนเมษายน 2007 Odenberg รัฐมนตรีกลาโหมของสวีเดน กับ Chertoff หัวหน้า Homeland Security ของอเมริกา ก็ลงนามในสัญญาที่มีผลให้ สวีเดน รับหน้าที่ ทำการดักฟังการสื่อสารระหว่างประเทศทั้งหมดของรัสเซีย และแชร์ข้อมูลที่ได้รับกับอเมริกา หลังจากนั้นไม่นาน ข่าวเกี่ยวกับสัญญาล้วงตับนี้ก็หลุดออกมาถึงสื่อ รัฐบาลสวีเดนพยายามแก้ตัวว่า มันเป็นเรื่องจำเป็น เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ เป็นเรื่องธรรมดา หลายประเทศก็ทำสัญญาเช่นนี้กับอเมริกา
    ส่วน FRA law ฝีแตกที่หลัง ชาวสวีเดนเพิ่งรู้เรื่อง ต่างไม่พอใจการกระทำของรัฐบาล สื่อ และพรรคฝ่ายค้าน พากันสอบถามรัฐบาล รัฐบาลแก้ตัวไม่หลุด แถไปเรื่อยๆ ข้อแก้ตัวอันหนึ่ง ที่ทำให้ชาวบ้านยิ่งงงหนัก คือคำตอบที่บอกว่า การล้วงตับรัสเซีย เป็นเรื่องจำเป็น สำหรับการป้องกันพวกทหารของเรา ที่ส่งไปรบที่อาฟกานิสถาน อืม เป็นการอ้างเหตุผลได้บัดซบ ไม่น้อยกว่านักการเมืองแถวบ้านสมันน้อย สวีเดนส่งกองทหารไปช่วยอเมริกาถล่มอาฟกานิสถาน และลิเบียในช่วงปี 2011 รวมทั้งส่งเครื่องบินรบ Saab Gripen ที่โด่งดัง ไปช่วยด้วย

    เป็นการดูแลความมั่นคงของสวีเดน ที่ใช้วิสัยทัศน์ ที่ยาว และระยะทางอ้อมไกลมาก

    สื่อสวีเดนไม่ยอมหยุด ช่วยกันขุดต่อ และนำมาเปิดเผยว่า ประมาณ 80% ของการใช้อินเตอร์เนทระหว่างประเทศของรัสเซีย ต้องผ่านเส้นทางสวีเดน นับว่าอเมริกามีตาแหลมคม เลือกคนล้วงตับได้เก่งจริงๆ นอกจากนี้ TeliaSonera บริษัทร่วมทุนยักษ์ใหญ่ ของสวีเดนและฟินแลนด์ ซึ่งมีเครือข่ายใยแก้ว ( fiberoptic ) ใหญ่ที่สุดของโลกบริษัทหนึ่ง และได้รับสัมปทานประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในรัสเซียรายหนึ่งนั้น ถ้าดูตามแผนที่ของบริษัท จะเห็นว่า ได้มีการวางแผน การวางเส้นทางสายใยแก้วของบริษัท ที่มีผลให้การสื่อสารของรัสเซีย ต้องทำผ่านสวีเดน การส่งเมล์ และโทรศัพท์ ไปต่างประเทศของรัสเซีย ต้องผ่านสต๊อกโฮมก่อน ไม่ว่าผู้รับจะอยูที่ใด เยี่ยมจริงๆ

    ความร่วม มือระหว่าง FRA กับ NSA ขยายตัวขึ้นอย่างมโหฬาร ตั้งแต่ 2011 NSA สามารถดักฟัง การสื่อสารในประเทศแถบบอลติกได้หมด ผ่านเคเบิลของสวีเดน

    Duncan Campbell สื่อชาวอังกฤษ ประเภทเกาะติด ตามขุดลึกอย่างไม่เลิก ตามสืบเรื่อง การล้วงตับดักฟังข้อมูลต่อ ได้ข้อมูลลึกมาเพียบ เขาบอกว่า องค์กรที่มาร่วมเป็นตาที่ 6 กับกลุ่ม Five Eyes และถือว่าเป็นหุ้นส่วนใหญ่ ที่ ไม่ได้เป็นประเทศ ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ แต่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่ง กับหน่วยงานของรัฐบาลอังกฤษ UK’s Government Communications Head Quarters (GCHQ) คือสวีเดน!

    ตกลง สวีเดนเป็นนักล้วงตัวจริง ไม่ล้วงธรรมดา ล้วงแล้ว แล้วแหกปากบอกต่อไปทั่วอีกด้วย สวีเดนทำอย่างนี้ทำไม

    โฆษก ของ FRA ยอมรับว่า NSA ของอเมริกา มี full access ผ่านได้ทุกด่าน เข้าได้ตลอดเวลาถึงศูนย์ข้อมูล ที่ฝ่ายข่าวกรองของสวีเดนได้มา เขาให้เหตุผลว่า ” เราคงไม่ทำอะไร โดยไม่ได้อะไรกลับมาหรอกนะ เมื่อเราสามารถหาข้อมูลในส่วนนี้ของโลกได้ เราก็เอาข้อมูลเหล่านี้ ไปแลกกับข้อมูลของส่วนอื่นของโลก ซึ่งยากสำหรับเราที่จะได้มา แต่มันเป็นข้อมูล ที่อาจมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด สำหรับนโยบายต่างประเทศของเรา”

    อย่างหนึ่งที่ สวีเดนได้รับมาจาก NSA ในการเป็นมิตรร่วมล้วง คือได้ โปรแกรมสุดยอดสำหรับการตามประกบเป้าหมาย ที่ต้องการจะล้วงลึกถึงสุดทางชื่อ Xkeyscore คือการตาม online ของทุกคนได้อย่างหมดจด อ้อ ไอ้เจ้านี่เอง ที่มันตาม ป่วนลุงนิทาน! โปรแกรมนี้ สามารถทำให้สวีเดน แฮ๊กเข้าไปในคอมพิวเตอร์ และสอดส่องดูกิจกรรมของประชาชน ของตนได้แบบไม่เหลือ อืม มันเลวได้เหมือนกันหมด นอกจากนี้ สวีเดนยังได้เข้าร่วม Project Quantum ที่ว่าเป็นการปฏิบัติการ hijacks ด้านคอมพิวเตอร์ที่สุดยอด
    Edward Snowden พูดถึงฤทธิ์เดช ของ Xkeyscore ไว้ว่า “ผมแค่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของ ผม ผมก็สามารถ wiretap ใครก็ได้ จากคุณ หรือบัญชีของคุณ ไปจนถึง ผู้พิพากษาศาลสูง แม้กระทั่งประธานาธิบดี เพียงมีอีเมล์ ของคนนั้นเท่านั้น

    ส่วน Quantum เขาว่า เป็นการใช้คลื่นวิทยุ กับอุปกรณ์ ที่ NSA สร้างขึ้นพิเศษ มีชื่อเรียกกันวงในว่า Cottonmouth I ก็ดูดข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ได้หมด แถมส่งต่อไปตามสถานีใหญ่ของ NSA หรือส่งไปสถานีย่อยแบบพกพา portable ได้อีก

    เรื่องการจารกรรมข้อมูลของรัสเซีย โดยสวีเดน เพื่ออเมริกาและพวก เป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ และค้านกับการที่สวีเดนประกาศตัวเสมอว่า ฉันเป็นชาติเป็นกลาง มันเป็นกลางแบบที่เราคงนึกกันไม่ถึง โลกนี้ยังมีอะไรอีกแยะที่เรายังไม่รู้ ตราบเท่าที่ยังไม่เอากระป๋องสี่เหลี่ยมที่เขาครอบหัวเราออก

    แล้วรัสเซียรู้เรื่องการล้วงตับ นี้ไหม รัสเซียคงยิ่งกว่ารู้ การเอาเครื่องบินรบ บินเฉี่ยวหัว และเอาเรือดำน้ำ โผล่ขึ้นไปตบหน้า แล้วหายตัวไป เบ็ดเสร็จประมาณ 40 ครั้ง ในรอบ 8 เดือน อย่างที่ครูอี ด่าหน้าเสาธงนั่นแหละ คงเป็นคำตอบของรัสเซียอย่างหนึ่ง ก็ไหนว่ามีมือยาวล้วงได้ล้ำลึกนัก ก็ผลัดกันล้วงบ้างแล้วกัน และเราก็ดูกันต่อไปว่า ที่สุดแล้ว ใครจะล้วงลึก หรือ ลวงลึก ได้กว่ากัน

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    22 ธค. 2557

    ————————–———————–

    บทส่งท้าย

    เขียนเรื่องเขา ผลัดกันล้วงแล้ว อดนึกถึงเรื่องของเรา สมันน้อยไม่ได้ สมันน้อยเคยถูกล้วงบ้างไหม โดยใคร แล้วยังล้วงกันอยู่หรือเปล่า เคยคิดกันบ้างไหมครับ

    ลองคิดเป็นตัวอย่างเล่นๆ ประมาณ ปี พ.ศ. 2533 แดนสมันน้อยประกาศเชิญชวนติดตั้ง โทรศัพท์ 3 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็น กทม. 2 ล้านเลขหมาย ต่างจังหวัด 1 ล้านเลขหมาย ใครประมูลได้ ส่วนไหนบ้าง ใครเป็นคนได้งานวางไฟเบอร์ออพติก ใครรับช่วงต่อ ใครเป็นหัวเรือใหญ่ดูแลต่อรองเงื่อนไข ไปลองหาอ่านกันบ้างก็ดีนะครับ จะได้รู้หนา รู้บาง รู้ข้าง รู้ฝ่าย กันบ้าง

    แล้วลองนึกถึงอีกเรื่อง เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2535 แดนสมันน้อยให้สัมปทานดาวเทียม ใครเป็นคนได้สัมปทาน ทำอยู่กี่ปีแล้วดันขายไปให้ใคร ผิดเงื่อนไขสัมปทาน ผิดกฏหมายไหม มีใครคิดดำเนินการอะไรกันบ้างหรือเปล่า

    ตอนนี้ ดาวเทียมของบริษัทที่ขายไป ก็ยังใช้ตำแหน่งวงโคจรประจำ ของสมันน้อยอยู่เหมือนเดิม แต่เจ้าของใหม่กลายเป็นลูกกระเป๋ง ของไอ้นักล่า

    ลองต่อจิ๊กซอว์ เรื่องดาวเทียม โทรศัพท์ และสายไฟเบอร์ออพติก ดูเล่นกันหน่อย เห็นภาพอะไรไหมครับ นี่ยังไม่ได้เอาเรื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่มารวมต่อเลยนะ

    ถ้าเห็นภาพแล้ว จะทำอะไรก็ให้มันมิดชิด ระวังกันหน่อยนะครับ เดี๋ยวไอ้คนแอบอ่านแอบดูแอบฟังมันกุ้งยิงกินหมด ฮาออกไหมครับ ผมฮาไม่ออกหรอก ยิ่งเคยเห็นไอ้ลูกปิงปองยักษ์แว็บๆ ยิ่งคิดมาก ใครอยากเห็น นู่นครับ แถวเชียงใหม่ ออกนอกเมืองไปไม่ถึงชั่วโมงมีลูกเบ้อเริ่ม
    ผลัดกันล้วง ตอนที่ 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ผลัดกันล้วง” ตอนที่ 4 (ตอนจบ) “สวีเดน ทำการจารกรรมข้อมูลเกี่ยวกับ รัสเซีย ให้อเมริกามานานแล้ว ” โทรทัศน์ สวีเดน Sveriges Television ( SVT ) ออกข่าวนี้ ตั้งแต่ปลายปี 2013 บอกว่า เรื่องนี้อยู่ในเอกสาร ที่นาย Edward Snowden เอามาปูด จนต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปน่ะและตอนนี้ นาย Snowden ก็คงกำลังนั่งซุกหัว ซุกตัว อยู่ในที่หลบภัยอุ่นๆ ตรงไหนสักแห่งหนึ่งของรัสเซีย และเล่าเรื่องที่มีรายละเอียดน่าสนใจเพิ่มเติม ให้เจ้าของที่หลบภัยฟังต่อ ความจริงเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ผู้สื่อข่าวสวีเดน นาย Martin Jonsson ได้พยายามขุดมา ตั้งแต่ปี 2005 เกี่ยวกับหน่วยงานข่าวกรองของสวีเดน ชื่อ Forsvarets Radioanstalt ( FRA ) แปลคร่าวๆ คือ National Defense Radio Establishment ซึ่งมีข่าวว่า ตั้งขึ้นมา เพื่อทำการจารกรรมข้อมูลจากสัญญาน ( wiretap ) ที่ผ่านไปมาอยู่แถบนั้น ให้กับ National Security Agency (NSA) ของอเมริกา โดยใช้ระบบที่รู้จักกันในชื่อ Echelon ที่โด่งดัง และประสิทธิภาพน่าขนลุก (ที่ใช้ลูกกลมเหมือนลูกปิงปองยักษ์) แต่ความเป็นจริง Echelon เป็นเพียงหนึ่งในระบบต่างๆที่ NSA ใช้ ยังมีระบบอื่นที่น่าตกใจกว่า อีกแยะ. นาย Jonsson บอกว่า NSA เป็นหน่วยงานข่าวกรองที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกา และเป็นศูนย์กลางของเครือข่ายการดักฟัง ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ FRA ก็เป็นส่วนหนึ่ง ของเครือข่ายนี้ NSA มีขนาด และเครือข่ายใหญ่กว่า CIA มาก โดย NSA เน้นการหาข่าวกรองจากคลื่นสัญญานต่างๆ ที่ส่งกันทั้ง บนดิน ใต้ดิน บนเรือ ใต้น้ำ บนท้องฟ้า ในเครื่องบิน จากดาวเทียม ฯลฯ โดยมีการทำสัญญาการให้ร่วมมือกัน ระหว่าง อเมริกา อังกฤษ แคนาดา นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย เรียกว่า กลุ่ม Five Eyes ตั้งแต่ ปี 1954 เพื่อแลกเปลี่ยน ข้อมูลระหว่างกันอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในช่วงสงครามเย็น นาย Jonssen เล่าว่า ตอนนั้น เราเพียงรู้ว่า เครือข่ายดักฟังข้อมูล มีเพียง 5 ประเทศ ดังกล่าว ต่อมาปี 2007 มีข่าวเล็ดลอดออกมาว่า สวีเดน อาจจะเป็น ประเทศที่ 6 ที่จะได้เข้าไปร่วมกับเครือข่ายนี้ด้วย โดยจะทำสัญญาเพิ่ม ขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการเตรียมตัวให้พร้อม สวีเดนก็ดำเนินการออกกฏหมาย ที่รู้จักกันในชื่อ FRA law ให้รัฐสามารถดักฟัง เก็บข้อมูลทุกอย่าง ที่ผ่านเข้ามาในอาณาเขตของสวีเดน ไม่ว่า จะเป็นทางโทรศัพท์ หรือทางเอกสาร ฯลฯได้ ซึ่งเดิมถือว่าเป็นการผิดกฏหมาย ในเรื่องการละเมิดสิทธิ โดยทาง NSA ส่งทีมมาช่วยร่างกฏหมาย เตี๊ยมคำถามคำตอบ ที่ทางรัฐจะต้องตอบกับสภาประชาชนและสื่อ เล่นกันแบบนั้นเลย นึกว่าจะมีแต่แถวบ้านสมันน้อย ชาวสวีเดน ต่างออกมาประท้วงร่างกฏหมายฉบับนี้ อย่างมากมาย แต่ในที่สุด ฝ่ายรัฐก็ชนะไปอย่างเฉียดฉิว วันที่ 13 เดือนเมษายน 2007 Odenberg รัฐมนตรีกลาโหมของสวีเดน กับ Chertoff หัวหน้า Homeland Security ของอเมริกา ก็ลงนามในสัญญาที่มีผลให้ สวีเดน รับหน้าที่ ทำการดักฟังการสื่อสารระหว่างประเทศทั้งหมดของรัสเซีย และแชร์ข้อมูลที่ได้รับกับอเมริกา หลังจากนั้นไม่นาน ข่าวเกี่ยวกับสัญญาล้วงตับนี้ก็หลุดออกมาถึงสื่อ รัฐบาลสวีเดนพยายามแก้ตัวว่า มันเป็นเรื่องจำเป็น เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ เป็นเรื่องธรรมดา หลายประเทศก็ทำสัญญาเช่นนี้กับอเมริกา ส่วน FRA law ฝีแตกที่หลัง ชาวสวีเดนเพิ่งรู้เรื่อง ต่างไม่พอใจการกระทำของรัฐบาล สื่อ และพรรคฝ่ายค้าน พากันสอบถามรัฐบาล รัฐบาลแก้ตัวไม่หลุด แถไปเรื่อยๆ ข้อแก้ตัวอันหนึ่ง ที่ทำให้ชาวบ้านยิ่งงงหนัก คือคำตอบที่บอกว่า การล้วงตับรัสเซีย เป็นเรื่องจำเป็น สำหรับการป้องกันพวกทหารของเรา ที่ส่งไปรบที่อาฟกานิสถาน อืม เป็นการอ้างเหตุผลได้บัดซบ ไม่น้อยกว่านักการเมืองแถวบ้านสมันน้อย สวีเดนส่งกองทหารไปช่วยอเมริกาถล่มอาฟกานิสถาน และลิเบียในช่วงปี 2011 รวมทั้งส่งเครื่องบินรบ Saab Gripen ที่โด่งดัง ไปช่วยด้วย เป็นการดูแลความมั่นคงของสวีเดน ที่ใช้วิสัยทัศน์ ที่ยาว และระยะทางอ้อมไกลมาก สื่อสวีเดนไม่ยอมหยุด ช่วยกันขุดต่อ และนำมาเปิดเผยว่า ประมาณ 80% ของการใช้อินเตอร์เนทระหว่างประเทศของรัสเซีย ต้องผ่านเส้นทางสวีเดน นับว่าอเมริกามีตาแหลมคม เลือกคนล้วงตับได้เก่งจริงๆ นอกจากนี้ TeliaSonera บริษัทร่วมทุนยักษ์ใหญ่ ของสวีเดนและฟินแลนด์ ซึ่งมีเครือข่ายใยแก้ว ( fiberoptic ) ใหญ่ที่สุดของโลกบริษัทหนึ่ง และได้รับสัมปทานประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในรัสเซียรายหนึ่งนั้น ถ้าดูตามแผนที่ของบริษัท จะเห็นว่า ได้มีการวางแผน การวางเส้นทางสายใยแก้วของบริษัท ที่มีผลให้การสื่อสารของรัสเซีย ต้องทำผ่านสวีเดน การส่งเมล์ และโทรศัพท์ ไปต่างประเทศของรัสเซีย ต้องผ่านสต๊อกโฮมก่อน ไม่ว่าผู้รับจะอยูที่ใด เยี่ยมจริงๆ ความร่วม มือระหว่าง FRA กับ NSA ขยายตัวขึ้นอย่างมโหฬาร ตั้งแต่ 2011 NSA สามารถดักฟัง การสื่อสารในประเทศแถบบอลติกได้หมด ผ่านเคเบิลของสวีเดน Duncan Campbell สื่อชาวอังกฤษ ประเภทเกาะติด ตามขุดลึกอย่างไม่เลิก ตามสืบเรื่อง การล้วงตับดักฟังข้อมูลต่อ ได้ข้อมูลลึกมาเพียบ เขาบอกว่า องค์กรที่มาร่วมเป็นตาที่ 6 กับกลุ่ม Five Eyes และถือว่าเป็นหุ้นส่วนใหญ่ ที่ ไม่ได้เป็นประเทศ ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ แต่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่ง กับหน่วยงานของรัฐบาลอังกฤษ UK’s Government Communications Head Quarters (GCHQ) คือสวีเดน! ตกลง สวีเดนเป็นนักล้วงตัวจริง ไม่ล้วงธรรมดา ล้วงแล้ว แล้วแหกปากบอกต่อไปทั่วอีกด้วย สวีเดนทำอย่างนี้ทำไม โฆษก ของ FRA ยอมรับว่า NSA ของอเมริกา มี full access ผ่านได้ทุกด่าน เข้าได้ตลอดเวลาถึงศูนย์ข้อมูล ที่ฝ่ายข่าวกรองของสวีเดนได้มา เขาให้เหตุผลว่า ” เราคงไม่ทำอะไร โดยไม่ได้อะไรกลับมาหรอกนะ เมื่อเราสามารถหาข้อมูลในส่วนนี้ของโลกได้ เราก็เอาข้อมูลเหล่านี้ ไปแลกกับข้อมูลของส่วนอื่นของโลก ซึ่งยากสำหรับเราที่จะได้มา แต่มันเป็นข้อมูล ที่อาจมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด สำหรับนโยบายต่างประเทศของเรา” อย่างหนึ่งที่ สวีเดนได้รับมาจาก NSA ในการเป็นมิตรร่วมล้วง คือได้ โปรแกรมสุดยอดสำหรับการตามประกบเป้าหมาย ที่ต้องการจะล้วงลึกถึงสุดทางชื่อ Xkeyscore คือการตาม online ของทุกคนได้อย่างหมดจด อ้อ ไอ้เจ้านี่เอง ที่มันตาม ป่วนลุงนิทาน! โปรแกรมนี้ สามารถทำให้สวีเดน แฮ๊กเข้าไปในคอมพิวเตอร์ และสอดส่องดูกิจกรรมของประชาชน ของตนได้แบบไม่เหลือ อืม มันเลวได้เหมือนกันหมด นอกจากนี้ สวีเดนยังได้เข้าร่วม Project Quantum ที่ว่าเป็นการปฏิบัติการ hijacks ด้านคอมพิวเตอร์ที่สุดยอด Edward Snowden พูดถึงฤทธิ์เดช ของ Xkeyscore ไว้ว่า “ผมแค่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของ ผม ผมก็สามารถ wiretap ใครก็ได้ จากคุณ หรือบัญชีของคุณ ไปจนถึง ผู้พิพากษาศาลสูง แม้กระทั่งประธานาธิบดี เพียงมีอีเมล์ ของคนนั้นเท่านั้น ส่วน Quantum เขาว่า เป็นการใช้คลื่นวิทยุ กับอุปกรณ์ ที่ NSA สร้างขึ้นพิเศษ มีชื่อเรียกกันวงในว่า Cottonmouth I ก็ดูดข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ได้หมด แถมส่งต่อไปตามสถานีใหญ่ของ NSA หรือส่งไปสถานีย่อยแบบพกพา portable ได้อีก เรื่องการจารกรรมข้อมูลของรัสเซีย โดยสวีเดน เพื่ออเมริกาและพวก เป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ และค้านกับการที่สวีเดนประกาศตัวเสมอว่า ฉันเป็นชาติเป็นกลาง มันเป็นกลางแบบที่เราคงนึกกันไม่ถึง โลกนี้ยังมีอะไรอีกแยะที่เรายังไม่รู้ ตราบเท่าที่ยังไม่เอากระป๋องสี่เหลี่ยมที่เขาครอบหัวเราออก แล้วรัสเซียรู้เรื่องการล้วงตับ นี้ไหม รัสเซียคงยิ่งกว่ารู้ การเอาเครื่องบินรบ บินเฉี่ยวหัว และเอาเรือดำน้ำ โผล่ขึ้นไปตบหน้า แล้วหายตัวไป เบ็ดเสร็จประมาณ 40 ครั้ง ในรอบ 8 เดือน อย่างที่ครูอี ด่าหน้าเสาธงนั่นแหละ คงเป็นคำตอบของรัสเซียอย่างหนึ่ง ก็ไหนว่ามีมือยาวล้วงได้ล้ำลึกนัก ก็ผลัดกันล้วงบ้างแล้วกัน และเราก็ดูกันต่อไปว่า ที่สุดแล้ว ใครจะล้วงลึก หรือ ลวงลึก ได้กว่ากัน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 22 ธค. 2557 ————————–———————– บทส่งท้าย เขียนเรื่องเขา ผลัดกันล้วงแล้ว อดนึกถึงเรื่องของเรา สมันน้อยไม่ได้ สมันน้อยเคยถูกล้วงบ้างไหม โดยใคร แล้วยังล้วงกันอยู่หรือเปล่า เคยคิดกันบ้างไหมครับ ลองคิดเป็นตัวอย่างเล่นๆ ประมาณ ปี พ.ศ. 2533 แดนสมันน้อยประกาศเชิญชวนติดตั้ง โทรศัพท์ 3 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็น กทม. 2 ล้านเลขหมาย ต่างจังหวัด 1 ล้านเลขหมาย ใครประมูลได้ ส่วนไหนบ้าง ใครเป็นคนได้งานวางไฟเบอร์ออพติก ใครรับช่วงต่อ ใครเป็นหัวเรือใหญ่ดูแลต่อรองเงื่อนไข ไปลองหาอ่านกันบ้างก็ดีนะครับ จะได้รู้หนา รู้บาง รู้ข้าง รู้ฝ่าย กันบ้าง แล้วลองนึกถึงอีกเรื่อง เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2535 แดนสมันน้อยให้สัมปทานดาวเทียม ใครเป็นคนได้สัมปทาน ทำอยู่กี่ปีแล้วดันขายไปให้ใคร ผิดเงื่อนไขสัมปทาน ผิดกฏหมายไหม มีใครคิดดำเนินการอะไรกันบ้างหรือเปล่า ตอนนี้ ดาวเทียมของบริษัทที่ขายไป ก็ยังใช้ตำแหน่งวงโคจรประจำ ของสมันน้อยอยู่เหมือนเดิม แต่เจ้าของใหม่กลายเป็นลูกกระเป๋ง ของไอ้นักล่า ลองต่อจิ๊กซอว์ เรื่องดาวเทียม โทรศัพท์ และสายไฟเบอร์ออพติก ดูเล่นกันหน่อย เห็นภาพอะไรไหมครับ นี่ยังไม่ได้เอาเรื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่มารวมต่อเลยนะ ถ้าเห็นภาพแล้ว จะทำอะไรก็ให้มันมิดชิด ระวังกันหน่อยนะครับ เดี๋ยวไอ้คนแอบอ่านแอบดูแอบฟังมันกุ้งยิงกินหมด ฮาออกไหมครับ ผมฮาไม่ออกหรอก ยิ่งเคยเห็นไอ้ลูกปิงปองยักษ์แว็บๆ ยิ่งคิดมาก ใครอยากเห็น นู่นครับ แถวเชียงใหม่ ออกนอกเมืองไปไม่ถึงชั่วโมงมีลูกเบ้อเริ่ม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 905 มุมมอง 0 รีวิว
  • “รักษามะเร็งโดยไม่ต้องผ่าตัด — เมื่อคลื่นเสียงกลายเป็นอาวุธใหม่ที่แม่นยำและไร้แผล”

    ในอดีต การรักษามะเร็งมักหมายถึงการผ่าตัด เคมีบำบัด หรือฉายรังสี ซึ่งล้วนมีผลข้างเคียงและความเสี่ยงสูง แต่วันนี้ นักวิทยาศาสตร์กำลังเปิดประตูสู่ยุคใหม่ของการรักษาแบบ “ไร้แผล” ด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า “Focused Ultrasound” หรือคลื่นเสียงความเข้มสูงแบบเจาะจง

    เทคโนโลยีนี้ใช้คลื่นเสียงที่แม่นยำในการทำลายเนื้อเยื่อมะเร็งโดยไม่ต้องเปิดผิวหนังหรือแทรกแซงอวัยวะใด ๆ คล้ายกับการใช้แว่นขยายรวมแสงอาทิตย์เพื่อเผาจุดเล็ก ๆ — แต่แทนที่จะใช้แสง ใช้คลื่นเสียงที่สามารถเจาะลึกถึงอวัยวะภายในได้อย่างปลอดภัย

    การทดลองล่าสุดในสหรัฐฯ และยุโรปแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีนี้สามารถใช้รักษามะเร็งตับ, ต่อมลูกหมาก, สมอง และแม้แต่มะเร็งเต้านมบางชนิดได้ โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้นนาน ผู้ป่วยบางรายสามารถกลับบ้านได้ภายในวันเดียว

    นอกจากการทำลายเนื้อเยื่อมะเร็งโดยตรงแล้ว คลื่นเสียงยังสามารถ “เปิดช่อง” ให้ยาเคมีบำบัดหรือภูมิคุ้มกันบำบัดเข้าสู่เนื้อเยื่อได้ดีขึ้น ซึ่งอาจเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาแบบผสม

    “Focused Ultrasound” คือการใช้คลื่นเสียงความเข้มสูงแบบเจาะจง
    ทำลายเนื้อเยื่อมะเร็งโดยไม่ต้องผ่าตัด

    คลื่นเสียงสามารถเจาะลึกถึงอวัยวะภายในโดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบข้าง
    คล้ายการใช้แว่นขยายรวมแสง แต่ปลอดภัยกว่า

    ใช้รักษามะเร็งหลายชนิด เช่น ตับ, ต่อมลูกหมาก, สมอง, เต้านม
    ผู้ป่วยบางรายกลับบ้านได้ภายในวันเดียว

    คลื่นเสียงสามารถช่วยให้ยาเข้าสู่เนื้อเยื่อได้ดีขึ้น
    เพิ่มประสิทธิภาพของเคมีบำบัดหรือภูมิคุ้มกันบำบัด

    การรักษาแบบนี้ไม่ต้องใช้มีดผ่าตัดหรือการฉายรังสี
    ลดผลข้างเคียงและความเสี่ยงจากการรักษาแบบเดิม

    มีการทดลองในหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ, อังกฤษ, เยอรมนี
    ผลลัพธ์เบื้องต้นเป็นบวกและปลอดภัย

    เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในขั้นทดลองสำหรับบางชนิดของมะเร็ง
    ยังไม่สามารถใช้แทนการรักษาแบบเดิมได้ทั้งหมด

    ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะและทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ
    ไม่สามารถใช้ได้ในโรงพยาบาลทั่วไปทุกแห่ง

    การรักษาอาจไม่เหมาะกับผู้ป่วยที่มีเนื้องอกในตำแหน่งลึกหรือใกล้โครงสร้างสำคัญ
    เช่น ใกล้เส้นเลือดใหญ่หรือเส้นประสาท

    ยังไม่มีข้อมูลระยะยาวเกี่ยวกับประสิทธิภาพและผลข้างเคียง
    ต้องติดตามผลการทดลองเพิ่มเติมในอนาคต

    https://www.bbc.com/future/article/20251007-how-ultrasound-is-ushering-a-new-era-of-surgery-free-cancer-treatment
    🩺 “รักษามะเร็งโดยไม่ต้องผ่าตัด — เมื่อคลื่นเสียงกลายเป็นอาวุธใหม่ที่แม่นยำและไร้แผล” ในอดีต การรักษามะเร็งมักหมายถึงการผ่าตัด เคมีบำบัด หรือฉายรังสี ซึ่งล้วนมีผลข้างเคียงและความเสี่ยงสูง แต่วันนี้ นักวิทยาศาสตร์กำลังเปิดประตูสู่ยุคใหม่ของการรักษาแบบ “ไร้แผล” ด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า “Focused Ultrasound” หรือคลื่นเสียงความเข้มสูงแบบเจาะจง เทคโนโลยีนี้ใช้คลื่นเสียงที่แม่นยำในการทำลายเนื้อเยื่อมะเร็งโดยไม่ต้องเปิดผิวหนังหรือแทรกแซงอวัยวะใด ๆ คล้ายกับการใช้แว่นขยายรวมแสงอาทิตย์เพื่อเผาจุดเล็ก ๆ — แต่แทนที่จะใช้แสง ใช้คลื่นเสียงที่สามารถเจาะลึกถึงอวัยวะภายในได้อย่างปลอดภัย การทดลองล่าสุดในสหรัฐฯ และยุโรปแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีนี้สามารถใช้รักษามะเร็งตับ, ต่อมลูกหมาก, สมอง และแม้แต่มะเร็งเต้านมบางชนิดได้ โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้นนาน ผู้ป่วยบางรายสามารถกลับบ้านได้ภายในวันเดียว นอกจากการทำลายเนื้อเยื่อมะเร็งโดยตรงแล้ว คลื่นเสียงยังสามารถ “เปิดช่อง” ให้ยาเคมีบำบัดหรือภูมิคุ้มกันบำบัดเข้าสู่เนื้อเยื่อได้ดีขึ้น ซึ่งอาจเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาแบบผสม ✅ “Focused Ultrasound” คือการใช้คลื่นเสียงความเข้มสูงแบบเจาะจง ➡️ ทำลายเนื้อเยื่อมะเร็งโดยไม่ต้องผ่าตัด ✅ คลื่นเสียงสามารถเจาะลึกถึงอวัยวะภายในโดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบข้าง ➡️ คล้ายการใช้แว่นขยายรวมแสง แต่ปลอดภัยกว่า ✅ ใช้รักษามะเร็งหลายชนิด เช่น ตับ, ต่อมลูกหมาก, สมอง, เต้านม ➡️ ผู้ป่วยบางรายกลับบ้านได้ภายในวันเดียว ✅ คลื่นเสียงสามารถช่วยให้ยาเข้าสู่เนื้อเยื่อได้ดีขึ้น ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพของเคมีบำบัดหรือภูมิคุ้มกันบำบัด ✅ การรักษาแบบนี้ไม่ต้องใช้มีดผ่าตัดหรือการฉายรังสี ➡️ ลดผลข้างเคียงและความเสี่ยงจากการรักษาแบบเดิม ✅ มีการทดลองในหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ, อังกฤษ, เยอรมนี ➡️ ผลลัพธ์เบื้องต้นเป็นบวกและปลอดภัย ‼️ เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในขั้นทดลองสำหรับบางชนิดของมะเร็ง ⛔ ยังไม่สามารถใช้แทนการรักษาแบบเดิมได้ทั้งหมด ‼️ ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะและทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ ⛔ ไม่สามารถใช้ได้ในโรงพยาบาลทั่วไปทุกแห่ง ‼️ การรักษาอาจไม่เหมาะกับผู้ป่วยที่มีเนื้องอกในตำแหน่งลึกหรือใกล้โครงสร้างสำคัญ ⛔ เช่น ใกล้เส้นเลือดใหญ่หรือเส้นประสาท ‼️ ยังไม่มีข้อมูลระยะยาวเกี่ยวกับประสิทธิภาพและผลข้างเคียง ⛔ ต้องติดตามผลการทดลองเพิ่มเติมในอนาคต https://www.bbc.com/future/article/20251007-how-ultrasound-is-ushering-a-new-era-of-surgery-free-cancer-treatment
    WWW.BBC.COM
    How ultrasound is ushering a new era of surgery-free cancer treatment
    Ultrasound has long been used for helping doctors see inside the body, but focused high frequency sound waves are offering new ways of targeting cancer.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 465 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

    เดือนนี้ ภายในครอบครัวจะมีเรื่องของความสุขสามัคคี หากรู้จักบริหารควบคุมเสน่ห์ได้อย่างพอเหมาะลงตัวจะได้ไม่เกิดเรื่องชู้สาวให้เป็นประเด็นชิงรักหักสวาทแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นให้วุ่นวาย ชายหนุ่มสืบเนื่องเพราะสาเหตุจากการใช้ชีวิตที่เสเพลชอบเที่ยวเตร่เร่ร่อนเป็นประจำ ขาดการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอมีโอกาสจะป่วยทางจิต จะเจ็บปวดที่ ตับ ม้าม ถุงน้ำดี หืด และหอบ ควรถนอมร่างกายใส่ใจดูแลสุขภาพจิตและสุขภาพกายเพื่อชีวิตที่แข็งแรงสมบูรณ์ ส่วนโชคลาภจะเข้าไม่แน่นอน มีดีมีร้ายเข้ามาแบบยากที่จะคาดเดา งานคิดสร้างสรรค์ งานวิชาการ งานศึกษา งานศิลปะ วิทยาการ ความสวยงาม จะมีความสำเร็จลุล่วงเจริญก้าวหน้าดี

    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    ประตูเปิดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เดือนนี้ ภายในครอบครัวจะมีเรื่องของความสุขสามัคคี หากรู้จักบริหารควบคุมเสน่ห์ได้อย่างพอเหมาะลงตัวจะได้ไม่เกิดเรื่องชู้สาวให้เป็นประเด็นชิงรักหักสวาทแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นให้วุ่นวาย ชายหนุ่มสืบเนื่องเพราะสาเหตุจากการใช้ชีวิตที่เสเพลชอบเที่ยวเตร่เร่ร่อนเป็นประจำ ขาดการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอมีโอกาสจะป่วยทางจิต จะเจ็บปวดที่ ตับ ม้าม ถุงน้ำดี หืด และหอบ ควรถนอมร่างกายใส่ใจดูแลสุขภาพจิตและสุขภาพกายเพื่อชีวิตที่แข็งแรงสมบูรณ์ ส่วนโชคลาภจะเข้าไม่แน่นอน มีดีมีร้ายเข้ามาแบบยากที่จะคาดเดา งานคิดสร้างสรรค์ งานวิชาการ งานศึกษา งานศิลปะ วิทยาการ ความสวยงาม จะมีความสำเร็จลุล่วงเจริญก้าวหน้าดี ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 394 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันตก

    เดือนนี้ ภายในบ้านที่อยู่อาศัยควรขจัดสิ่งรกร้างเพื่อป้องกันภัยจากสัตว์มีพิษงูเงี้ยวเขี้ยวขอ เพราะมีโอกาสจะต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล อีกทั้งควรใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกายที่เกี่ยวข้องกับตับ ถุงน้ำดี สะโพก ไขข้อ หอบ ลม ตลอดจนผิวหนังเป็นกรณีพิเศษ ส่วนเรื่องของการเดินทางไกลควรระมัดระวัง ภัยทางอากาศควรตรวจสภาพภูมิอากาศก่อนการเดินทาง จะมีเหตุวุ่นวายให้คิดไม่ตกหาทางออกได้ยากจนเกิดเป็นความเครียด สาเหตุเพราะเพศหญิงจะทำให้การเงินเสียหายเดือดร้อน เรื่องของความรักยังคงไม่สดใส ทั้งลูกหลานจะไม่อยู่ในโอวาทไม่ยอมรับฟังคำทักท้วงตักเตือนแต่อย่างใด ส่วนงานสร้างสรรค์ที่เคยรุ่งโรจน์จะไม่ก้าวหน้าพัฒนาเดินถดถอย ธุรกิจการงานจะมีอุปสรรคปัญหาให้ไม่ราบรื่น จะค้าจะขายทุนหายกำไรหดขาดทุนส่งผลให้เงินทองติดๆขัดๆไม่ไหลลื่นจนเกิดปรากฏการณ์เช็คปลิวว่อนเด้งติดสปริง

    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    ประตูเปิดทางทิศตะวันตก เดือนนี้ ภายในบ้านที่อยู่อาศัยควรขจัดสิ่งรกร้างเพื่อป้องกันภัยจากสัตว์มีพิษงูเงี้ยวเขี้ยวขอ เพราะมีโอกาสจะต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล อีกทั้งควรใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกายที่เกี่ยวข้องกับตับ ถุงน้ำดี สะโพก ไขข้อ หอบ ลม ตลอดจนผิวหนังเป็นกรณีพิเศษ ส่วนเรื่องของการเดินทางไกลควรระมัดระวัง ภัยทางอากาศควรตรวจสภาพภูมิอากาศก่อนการเดินทาง จะมีเหตุวุ่นวายให้คิดไม่ตกหาทางออกได้ยากจนเกิดเป็นความเครียด สาเหตุเพราะเพศหญิงจะทำให้การเงินเสียหายเดือดร้อน เรื่องของความรักยังคงไม่สดใส ทั้งลูกหลานจะไม่อยู่ในโอวาทไม่ยอมรับฟังคำทักท้วงตักเตือนแต่อย่างใด ส่วนงานสร้างสรรค์ที่เคยรุ่งโรจน์จะไม่ก้าวหน้าพัฒนาเดินถดถอย ธุรกิจการงานจะมีอุปสรรคปัญหาให้ไม่ราบรื่น จะค้าจะขายทุนหายกำไรหดขาดทุนส่งผลให้เงินทองติดๆขัดๆไม่ไหลลื่นจนเกิดปรากฏการณ์เช็คปลิวว่อนเด้งติดสปริง ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 349 มุมมอง 0 รีวิว
  • “อักเสบเรื้อรังกลายเป็นตัวทำนายโรคหัวใจที่แม่นยำกว่าคอเลสเตอรอล — ACC แนะตรวจ hs-CRP เป็นมาตรฐานใหม่”

    เป็นเวลาหลายสิบปีที่คอเลสเตอรอล โดยเฉพาะ LDL หรือ ApoB ถูกใช้เป็นตัวชี้วัดหลักในการประเมินความเสี่ยงโรคหัวใจ แต่ล่าสุด American College of Cardiology (ACC) ได้ออกคำแนะนำใหม่เมื่อปลายเดือนกันยายน 2025 ว่า “การอักเสบเรื้อรัง” โดยเฉพาะค่าที่วัดจาก hs-CRP (high-sensitivity C-reactive protein) เป็นตัวทำนายโรคหัวใจที่แม่นยำกว่า และควรตรวจเป็นมาตรฐานร่วมกับคอเลสเตอรอลในทุกคน ไม่ว่าจะมีโรคหัวใจอยู่แล้วหรือไม่

    เหตุผลคือ แม้ผู้ป่วยจะควบคุมคอเลสเตอรอลได้ดีด้วยยาสแตติน แต่ยังมีความเสี่ยงหลงเหลืออยู่จากการอักเสบที่ไม่ถูกตรวจวัด ซึ่งเรียกว่า “residual inflammatory risk” โดยเฉพาะในกลุ่มที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงแบบดั้งเดิม เช่น ไม่สูบบุหรี่ ไม่มีเบาหวาน หรือความดันสูง แต่ยังมี hs-CRP สูงเกิน 2 mg/L

    การศึกษาหลายฉบับ เช่น JUPITER, COLCOT และ LoDoCo2 พบว่า การใช้ยาสแตตินและโคลชิซีนสามารถลดความเสี่ยงได้แม้ LDL จะอยู่ในระดับปกติ ส่วนยาใหม่อย่าง canakinumab แม้ลดเหตุการณ์หัวใจได้ แต่มีราคาสูงและเพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อ

    นอกจากยาแล้ว ACC ยังเน้นการปรับพฤติกรรม เช่น การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ, การรับประทานอาหารแบบ Mediterranean หรือ DASH, การเลิกบุหรี่ และการควบคุมน้ำหนัก ซึ่งล้วนช่วยลด hs-CRP ได้อย่างมีนัยสำคัญ

    การตรวจ hs-CRP เป็นการเจาะเลือดง่าย ๆ และราคาถูก โดยค่าต่ำกว่า 1 mg/L ถือว่าดี, 1–3 mg/L คือความเสี่ยงปานกลาง และมากกว่า 3 mg/L คือความเสี่ยงสูง หากเกิน 10 mg/L อาจเกิดจากการติดเชื้อชั่วคราว ควรตรวจซ้ำใน 2–3 สัปดาห์

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ACC แนะนำให้ตรวจ hs-CRP เป็นมาตรฐานร่วมกับคอเลสเตอรอลในทุกคน
    hs-CRP เป็นตัวทำนายโรคหัวใจที่แม่นยำกว่าคอเลสเตอรอลในหลายกลุ่ม
    ความเสี่ยงหลงเหลือจากการอักเสบยังคงอยู่แม้ควบคุม LDL ได้ดี
    hs-CRP สูงกว่า 2 mg/L ในผู้ใช้สแตตินยังมีความเสี่ยงต่อเหตุการณ์หัวใจ
    ยาโคลชิซีนและสแตตินช่วยลด hs-CRP และลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
    Canakinumab ลดเหตุการณ์หัวใจได้ แต่มีราคาสูงและเพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อ
    การออกกำลังกายและอาหารแบบ Mediterranean/DASH ช่วยลด hs-CRP
    ค่าปกติของ hs-CRP คือ <1 mg/L, ความเสี่ยงปานกลาง 1–3 mg/L, ความเสี่ยงสูง >3 mg/L
    หาก hs-CRP >10 mg/L ควรตรวจซ้ำหลังจากหายจากการติดเชื้อ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    hs-CRP เป็นโปรตีนที่สร้างจากตับเมื่อเกิดการอักเสบในร่างกาย
    การอักเสบเรื้อรังเกี่ยวข้องกับการเกิดคราบไขมันในหลอดเลือดและการแตกของคราบ
    Imaging เช่น CT, MRI, PET อาจช่วยตรวจการอักเสบในหลอดเลือด แต่ยังไม่พร้อมใช้ทั่วไป
    Omega-3 (EPA + DHA) ช่วยลดการอักเสบและลดเหตุการณ์หัวใจในผู้ป่วยหัวใจล้มเหลว
    IL-6 inhibitors กำลังอยู่ระหว่างการวิจัยเพื่อใช้ลดการอักเสบในโรคหัวใจ

    คำเตือนและข้อจำกัด
    การตรวจ hs-CRP ครั้งเดียวอาจไม่แม่นยำ หากมีการติดเชื้อหรืออาการอักเสบอื่น
    ยาโคลชิซีนควรหลีกเลี่ยงในผู้ที่มีปัญหาไตหรือตับ
    Canakinumab แม้มีผลดี แต่มีราคาสูงและเพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อ
    การใช้ imaging เพื่อตรวจการอักเสบยังไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไป
    การไม่ตรวจ hs-CRP อาจทำให้พลาดการประเมินความเสี่ยงที่สำคัญ

    https://www.empirical.health/blog/inflammation-and-heart-health/
    ❤️‍🔥 “อักเสบเรื้อรังกลายเป็นตัวทำนายโรคหัวใจที่แม่นยำกว่าคอเลสเตอรอล — ACC แนะตรวจ hs-CRP เป็นมาตรฐานใหม่” เป็นเวลาหลายสิบปีที่คอเลสเตอรอล โดยเฉพาะ LDL หรือ ApoB ถูกใช้เป็นตัวชี้วัดหลักในการประเมินความเสี่ยงโรคหัวใจ แต่ล่าสุด American College of Cardiology (ACC) ได้ออกคำแนะนำใหม่เมื่อปลายเดือนกันยายน 2025 ว่า “การอักเสบเรื้อรัง” โดยเฉพาะค่าที่วัดจาก hs-CRP (high-sensitivity C-reactive protein) เป็นตัวทำนายโรคหัวใจที่แม่นยำกว่า และควรตรวจเป็นมาตรฐานร่วมกับคอเลสเตอรอลในทุกคน ไม่ว่าจะมีโรคหัวใจอยู่แล้วหรือไม่ เหตุผลคือ แม้ผู้ป่วยจะควบคุมคอเลสเตอรอลได้ดีด้วยยาสแตติน แต่ยังมีความเสี่ยงหลงเหลืออยู่จากการอักเสบที่ไม่ถูกตรวจวัด ซึ่งเรียกว่า “residual inflammatory risk” โดยเฉพาะในกลุ่มที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงแบบดั้งเดิม เช่น ไม่สูบบุหรี่ ไม่มีเบาหวาน หรือความดันสูง แต่ยังมี hs-CRP สูงเกิน 2 mg/L การศึกษาหลายฉบับ เช่น JUPITER, COLCOT และ LoDoCo2 พบว่า การใช้ยาสแตตินและโคลชิซีนสามารถลดความเสี่ยงได้แม้ LDL จะอยู่ในระดับปกติ ส่วนยาใหม่อย่าง canakinumab แม้ลดเหตุการณ์หัวใจได้ แต่มีราคาสูงและเพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อ นอกจากยาแล้ว ACC ยังเน้นการปรับพฤติกรรม เช่น การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ, การรับประทานอาหารแบบ Mediterranean หรือ DASH, การเลิกบุหรี่ และการควบคุมน้ำหนัก ซึ่งล้วนช่วยลด hs-CRP ได้อย่างมีนัยสำคัญ การตรวจ hs-CRP เป็นการเจาะเลือดง่าย ๆ และราคาถูก โดยค่าต่ำกว่า 1 mg/L ถือว่าดี, 1–3 mg/L คือความเสี่ยงปานกลาง และมากกว่า 3 mg/L คือความเสี่ยงสูง หากเกิน 10 mg/L อาจเกิดจากการติดเชื้อชั่วคราว ควรตรวจซ้ำใน 2–3 สัปดาห์ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ACC แนะนำให้ตรวจ hs-CRP เป็นมาตรฐานร่วมกับคอเลสเตอรอลในทุกคน ➡️ hs-CRP เป็นตัวทำนายโรคหัวใจที่แม่นยำกว่าคอเลสเตอรอลในหลายกลุ่ม ➡️ ความเสี่ยงหลงเหลือจากการอักเสบยังคงอยู่แม้ควบคุม LDL ได้ดี ➡️ hs-CRP สูงกว่า 2 mg/L ในผู้ใช้สแตตินยังมีความเสี่ยงต่อเหตุการณ์หัวใจ ➡️ ยาโคลชิซีนและสแตตินช่วยลด hs-CRP และลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ➡️ Canakinumab ลดเหตุการณ์หัวใจได้ แต่มีราคาสูงและเพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อ ➡️ การออกกำลังกายและอาหารแบบ Mediterranean/DASH ช่วยลด hs-CRP ➡️ ค่าปกติของ hs-CRP คือ <1 mg/L, ความเสี่ยงปานกลาง 1–3 mg/L, ความเสี่ยงสูง >3 mg/L ➡️ หาก hs-CRP >10 mg/L ควรตรวจซ้ำหลังจากหายจากการติดเชื้อ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ hs-CRP เป็นโปรตีนที่สร้างจากตับเมื่อเกิดการอักเสบในร่างกาย ➡️ การอักเสบเรื้อรังเกี่ยวข้องกับการเกิดคราบไขมันในหลอดเลือดและการแตกของคราบ ➡️ Imaging เช่น CT, MRI, PET อาจช่วยตรวจการอักเสบในหลอดเลือด แต่ยังไม่พร้อมใช้ทั่วไป ➡️ Omega-3 (EPA + DHA) ช่วยลดการอักเสบและลดเหตุการณ์หัวใจในผู้ป่วยหัวใจล้มเหลว ➡️ IL-6 inhibitors กำลังอยู่ระหว่างการวิจัยเพื่อใช้ลดการอักเสบในโรคหัวใจ ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ การตรวจ hs-CRP ครั้งเดียวอาจไม่แม่นยำ หากมีการติดเชื้อหรืออาการอักเสบอื่น ⛔ ยาโคลชิซีนควรหลีกเลี่ยงในผู้ที่มีปัญหาไตหรือตับ ⛔ Canakinumab แม้มีผลดี แต่มีราคาสูงและเพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อ ⛔ การใช้ imaging เพื่อตรวจการอักเสบยังไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไป ⛔ การไม่ตรวจ hs-CRP อาจทำให้พลาดการประเมินความเสี่ยงที่สำคัญ https://www.empirical.health/blog/inflammation-and-heart-health/
    WWW.EMPIRICAL.HEALTH
    Inflammation now predicts heart disease more strongly than cholesterol
    The American College of Cardiology now recommends everybody measure their hs-CRP.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 573 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเรื่องสุขภาพประชาชน ด้วยศาสตร์ต่างๆ ดังนี้
    1.ศาสตร์แพทย์แผนไทย (Traditional Thai Medicine)
    ยาเบญจโลกวิเชียร(ห้าราก),ยาขาว,ยาใบมะขาม,ยาตรีผลา,ยาจันทลีลา,ยาเขียวหอม,ยาแสงหมึก,ยาประสะจันทน์แดง,ยามหานิลแท่งทอง,ยาสิงฆาณิกา,ยาธาตุบรรจบ,ยาเหลืองปิดสมุทร,ยาธาตุอบเชย,ยาปราบชมพูทวีป,ยาประสะมะแว้ง,ยาอัมฤควาที,ยาบำรุงโลหิต,ยาเลือดงาม,ยาถ่าย,ยาชุมเห็ดเทศ,ยาธรณีสัณฑฆาต,ยาตรีหอม,ยาลม300จำพวก,ยาหอม,ยาดองมะกรูด,ยาประสะกะเพรา,ยาประสะกานพลู,ยาวิสัมพยาใหญ่,ยามันทธาตุ,ยามหาจักรใหญ่,ยาประสะเจตพังคี,ยามะฮอกกานี,ยาแก้ไอมะขามป้อม,ยาพญายอ,สมุนไพรถ่ายพยาธิต่างๆ เช่น เมล็ดฟักทอง,เมล็ดมะขาม,เมล็ดเล็บมือนาง,เมล็ดสแก,ผงปวกหาด(มะหาด),ผลมะเกลือ,ยาเปลือกมังคุด,รางจืด,ฟ้าทลายโจร,โกฐจุฬาลัมพา,พลูคาว,ใบหนุมานประสานกาย,กระชาย,กัญชา,ขมิ้นชัน,อ้อยดำ,ฝาง,ผักบุ้งแดง,ดอกเกลือ,สมุนไพร ลมปราณ,ปัตจัตตัง เป็นต้น
    2.ศาสตร์แพทย์แผนจีน (Traditional Chinese Medicine)
    ยกตัวอย่าง สมุนไพรฉั่งฉิก ยาเขียวธรรมดา ยาเขียวพิเศษชิงเฟ่ยซองสีส้ม ยาชะลอวัย ยาวาสคิวล่าร์
    ถ้าเกี่ยวกับลิ่มเลือดอุดตันใช้ยา 脑心通胶囊 เหน่า ซิน ทง
    ถ้าก้อนเนื้องอกกำเริบ ใช้温胆汤加减 เวิน ต่าน ทัง เจีย เจี่ยน และศาสตร์การฝังเข็ม เป็นต้น
    3.ศาสตร์โฮมิโอพาธีร์ (Homeophathy) ยาสกัดพลังธรมชาติ จาก พืช สัตว์ แร่ธาตุ ได้แก่ ตำรับโฮมิโอพาธีร์ต่างๆ ตำรับยาหมออมร ดังนี้ Isopathy ของวัคซีน AstraZeneca และ Sinopharm ตำรับ Benjalo แก้แพ้วัคซีนและลองโควิด,TotalTox ล้างพิษที่ตกค้างในอาหาร,RJHT ล้างพิษฟอร์มาลีนและสารเคมีการเกษตร,CKDMHT ขจัดพิษตกค้างจากสารเคมีปรุงรส,CBZA ช่วยล้างพิษสารเคมีกันบูดในอาหาร
    4.การครอบแก้ว,กรอกเลือด (Wet Cupping) เพื่อให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เอาเลือดที่
    คั่งค้างออก ซึ่งส่งผลทำให้ลดอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อและสามารถบรรเทาได้หลายโรค
    5.ศาสตร์ผสมผสาน (Integrative Medicine)
    การเหยียบดิน/หญ้า(Grounding),การอบตัว,อดอาหารเป็นระยะ(Intermittent Fasting),ศาสตร์ยา9เม็ดหมอเขียว,สวนล้างลำไส้(Enema),ล้างลำไส้แบบลึก(Colonics),Vitamin C Flush,เสียงบำบัด(Sound Therapy),ความถี่บำบัด(Frequency Therapy),ใช้แสงแดงFar Infrared,Reiki,แช่เท้า(Herbal Foot Bath),ล้างพิษตับ(Liver Compression,Castor Oil Pack,การใช้ทองแดง(Copper Tensor Rings),Crystals,การเขียนบันทึก (Journaling),Art Therapy,ภูษาบำบัด(Twisting Tourniquet Technique),การทำสมาธิ Pasitive Affirmations,ฝึกการหายใจ(Breathing Exercises),การตากแดด,เข้าใกล้มังสวิรัติ,คลอรีนไดออกไซด์โซลูชัน(CDS),ไฮดรอกซีคลอโรควีน(HCQ),เมทาลีนบลู(Methylene Blue),ดินภูเขาไฟเบนโทไนท์(Bentonite Clay),ซีโอไลท์(Zeolite),ซิลเวอร์คอลลอยด์(ColloidalSilver),DMSO,ไอโอดีน(Iodine),ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์(Hydrogen Peroxide),ไอเวอร์เมคติน(Ivermectin),เฟนเบนดาโซล (Fenbendazole),แอสไพลิน(Aspirin),น้ำเสริมไฮโดรเจน(hydrogen-rich water),บอแรกซ์(Borax),นัตโตะไคเนส(Nattokinase),โบรมิเลน(Bromelain),Magnesium Antisense(แมกนีเซียมแอนไทเซนส์),เพนท็อกซิฟิลลีน(Pentoxifylline),แมกนีเซียม(Magnesium),กลูตาไธโอน(Glutathione),สังกะสี(Zinc),แอสตาแซนธิน(Astaxanthin),ซิลิมาริน(Sillymarin),กรดอัลฟาไลโปอิก(Alpha Lipoic Acid),เมลาโทนิน(Melatonin),วิตามินดี(Vitamin D),NACหรือN-Acetylcysteine,CoQ10,ซิลิเนียม(Selenium),กรดฟูลวิค(Fulvic Acid),ผักชี(coriander),มะระขี้นก(Bitter gourd),สาหร่ายเกลียวทอง (Spirulina),มิลค์ทิสเซิล(Milk Thistle-Silymarin),พริกคาเยน(Chayenne Peper),ชาเขียว(Green Tea),เห็ดถั่งเช่า(Cordyceps Mushrooms),อาติโช๊ค(Artichoke),คลอเรลลา(Chlorella),สาหร่าย Dulse,Shilajit และอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆที่โลกมี เป็นต้น

    โอเพนแชท "ล้างพิษ ยาฉีด"
    https://line.me/ti/g2/wTvY1gxHGpGKCt15sQN1jMHw02XoSC1uXsjUsQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
    กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    ✅กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเรื่องสุขภาพประชาชน ด้วยศาสตร์ต่างๆ ดังนี้ 🧐1.ศาสตร์แพทย์แผนไทย (Traditional Thai Medicine) ยาเบญจโลกวิเชียร(ห้าราก),ยาขาว,ยาใบมะขาม,ยาตรีผลา,ยาจันทลีลา,ยาเขียวหอม,ยาแสงหมึก,ยาประสะจันทน์แดง,ยามหานิลแท่งทอง,ยาสิงฆาณิกา,ยาธาตุบรรจบ,ยาเหลืองปิดสมุทร,ยาธาตุอบเชย,ยาปราบชมพูทวีป,ยาประสะมะแว้ง,ยาอัมฤควาที,ยาบำรุงโลหิต,ยาเลือดงาม,ยาถ่าย,ยาชุมเห็ดเทศ,ยาธรณีสัณฑฆาต,ยาตรีหอม,ยาลม300จำพวก,ยาหอม,ยาดองมะกรูด,ยาประสะกะเพรา,ยาประสะกานพลู,ยาวิสัมพยาใหญ่,ยามันทธาตุ,ยามหาจักรใหญ่,ยาประสะเจตพังคี,ยามะฮอกกานี,ยาแก้ไอมะขามป้อม,ยาพญายอ,สมุนไพรถ่ายพยาธิต่างๆ เช่น เมล็ดฟักทอง,เมล็ดมะขาม,เมล็ดเล็บมือนาง,เมล็ดสแก,ผงปวกหาด(มะหาด),ผลมะเกลือ,ยาเปลือกมังคุด,รางจืด,ฟ้าทลายโจร,โกฐจุฬาลัมพา,พลูคาว,ใบหนุมานประสานกาย,กระชาย,กัญชา,ขมิ้นชัน,อ้อยดำ,ฝาง,ผักบุ้งแดง,ดอกเกลือ,สมุนไพร ลมปราณ,ปัตจัตตัง เป็นต้น 🧐2.ศาสตร์แพทย์แผนจีน (Traditional Chinese Medicine) ยกตัวอย่าง สมุนไพรฉั่งฉิก ยาเขียวธรรมดา ยาเขียวพิเศษชิงเฟ่ยซองสีส้ม ยาชะลอวัย ยาวาสคิวล่าร์ ถ้าเกี่ยวกับลิ่มเลือดอุดตันใช้ยา 脑心通胶囊 เหน่า ซิน ทง ถ้าก้อนเนื้องอกกำเริบ ใช้温胆汤加减 เวิน ต่าน ทัง เจีย เจี่ยน และศาสตร์การฝังเข็ม เป็นต้น 🧐3.ศาสตร์โฮมิโอพาธีร์ (Homeophathy) ยาสกัดพลังธรมชาติ จาก พืช สัตว์ แร่ธาตุ ได้แก่ ตำรับโฮมิโอพาธีร์ต่างๆ ตำรับยาหมออมร ดังนี้ Isopathy ของวัคซีน AstraZeneca และ Sinopharm ตำรับ Benjalo แก้แพ้วัคซีนและลองโควิด,TotalTox ล้างพิษที่ตกค้างในอาหาร,RJHT ล้างพิษฟอร์มาลีนและสารเคมีการเกษตร,CKDMHT ขจัดพิษตกค้างจากสารเคมีปรุงรส,CBZA ช่วยล้างพิษสารเคมีกันบูดในอาหาร 🧐4.การครอบแก้ว,กรอกเลือด (Wet Cupping) เพื่อให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เอาเลือดที่ คั่งค้างออก ซึ่งส่งผลทำให้ลดอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อและสามารถบรรเทาได้หลายโรค 🧐5.ศาสตร์ผสมผสาน (Integrative Medicine) การเหยียบดิน/หญ้า(Grounding),การอบตัว,อดอาหารเป็นระยะ(Intermittent Fasting),ศาสตร์ยา9เม็ดหมอเขียว,สวนล้างลำไส้(Enema),ล้างลำไส้แบบลึก(Colonics),Vitamin C Flush,เสียงบำบัด(Sound Therapy),ความถี่บำบัด(Frequency Therapy),ใช้แสงแดงFar Infrared,Reiki,แช่เท้า(Herbal Foot Bath),ล้างพิษตับ(Liver Compression,Castor Oil Pack,การใช้ทองแดง(Copper Tensor Rings),Crystals,การเขียนบันทึก (Journaling),Art Therapy,ภูษาบำบัด(Twisting Tourniquet Technique),การทำสมาธิ Pasitive Affirmations,ฝึกการหายใจ(Breathing Exercises),การตากแดด,เข้าใกล้มังสวิรัติ,คลอรีนไดออกไซด์โซลูชัน(CDS),ไฮดรอกซีคลอโรควีน(HCQ),เมทาลีนบลู(Methylene Blue),ดินภูเขาไฟเบนโทไนท์(Bentonite Clay),ซีโอไลท์(Zeolite),ซิลเวอร์คอลลอยด์(ColloidalSilver),DMSO,ไอโอดีน(Iodine),ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์(Hydrogen Peroxide),ไอเวอร์เมคติน(Ivermectin),เฟนเบนดาโซล (Fenbendazole),แอสไพลิน(Aspirin),น้ำเสริมไฮโดรเจน(hydrogen-rich water),บอแรกซ์(Borax),นัตโตะไคเนส(Nattokinase),โบรมิเลน(Bromelain),Magnesium Antisense(แมกนีเซียมแอนไทเซนส์),เพนท็อกซิฟิลลีน(Pentoxifylline),แมกนีเซียม(Magnesium),กลูตาไธโอน(Glutathione),สังกะสี(Zinc),แอสตาแซนธิน(Astaxanthin),ซิลิมาริน(Sillymarin),กรดอัลฟาไลโปอิก(Alpha Lipoic Acid),เมลาโทนิน(Melatonin),วิตามินดี(Vitamin D),NACหรือN-Acetylcysteine,CoQ10,ซิลิเนียม(Selenium),กรดฟูลวิค(Fulvic Acid),ผักชี(coriander),มะระขี้นก(Bitter gourd),สาหร่ายเกลียวทอง (Spirulina),มิลค์ทิสเซิล(Milk Thistle-Silymarin),พริกคาเยน(Chayenne Peper),ชาเขียว(Green Tea),เห็ดถั่งเช่า(Cordyceps Mushrooms),อาติโช๊ค(Artichoke),คลอเรลลา(Chlorella),สาหร่าย Dulse,Shilajit และอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆที่โลกมี เป็นต้น โอเพนแชท "ล้างพิษ ยาฉีด" https://line.me/ti/g2/wTvY1gxHGpGKCt15sQN1jMHw02XoSC1uXsjUsQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1254 มุมมอง 0 รีวิว
  • แหกคอก ตอนที่ 9 – สร้างคอก
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 9 : สร้างคอก
    เมื่อมีใบสั่งออกมาว่า อเมริกาจะต้องเป็นผู้ครองโลกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พี่เลี้ยงก็เริ่มเตรียมการ จะให้นักล่าครองโลก ไปแต่หัวได้อย่างไร แขนขามือเท้าก็ต้องไปด้วยกัน เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องมีการจัดเตรียมหลักสูตรการศึกษา ภายใน ประเทศเสียใหม่ เพื่อเตรียมตัว พวก technocrat และพวกชนชั้นระดับสูงในสังคม elites ให้เข้าใจให้รู้จักกันไว้ว่า ระดับประเทศเขาจะทำอะไร เมื่ออเมริกาจะควบคุม Grand Area ก็จำเป็นต้องมีการศึกษาเกี่ยวกับ area พวกนี้ไว้ ให้รู้ว่าอยู่ที่ไหน ผู้คนมีหน้าตาอย่างไร มีอะไรน่าขะโมย น่าเคี้ยวบ้าง ไม่ใช่พูดถึง area ไหน แล้วนั่งเซ่อ ยังขี่ช้างอยู่หรือเปล่า งูบ้านยูแยะไหม แบบนั้นไม่เอานะ หลักสูตรและโครงการศึกษาที่เรียกว่า Area Studies จึงเกิดขึ้น โดยการนำเอาปัญญาชน นักวิชาการ นักผู้เชี่ยวชาญจากทุกแหล่ง มาช่วยจัดสร้างหลักสูตร สำหรับ Area Studies นี้ และนาย Kenneth ตัวแสบของเรา จึงน่าจะได้รับภาระกิจให้ไปเป็นนักสำรวจรุ่นแรกๆ ที่นำข้อมูลมาร่วมในการจัดทำหลักสูตร Area Studies นี้ด้วย
    มูลนิธิ Rockefeller รับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้าง ใหญ่ ในการจับอเมริกามาแต่งตัว แต่งหน้าใหม่ (ทำ face lift !) จากอยู่ในสังคมแบบสันโดษ isolist society เปลี่ยนมาเป็นอยู่ในสังคมโลก globalist society (จริงๆ จะกำหนดสังคมโลกใหม่น่ะ แต่มันต้องค่อยๆ ทำ จากคุณลุงวัย 60 พุงห้อย กล้ามเหี่ยว เป็นหนุ่มแน่นกล้ามท้องเรียงเป็นตับ มันต้องใช้เวลาสร้างนะ)
    ขบวนการแต่งตัวใหม่ให้อเมริกา เริ่มดำเนินการโดย CFR มาตั้งแต่ ค.ศ.1921 เป็นต้นมา แต่มาเห็นเด่นชัด เมื่อมีการศึกษา War and Peace Studies ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างทีม CFR กับทีม State Department โดยมูลนิธิ Rockefeller เป็นผู้อุปถัมภ์ควักกระเป๋าจ่ายเองทั้งหมด นอกจากนี้มูลนิธิยังให้ทำการศึกษาวิจัยอีกหลายโครงการ ในช่วง ค.ศ.1930 – 1940 ในช่วงนักล่าตั้งไข่หัดเดิน เพื่อช่วยให้ผู้บริหารของรัฐบาลระดับวางนโยบายและฝ่ายวิชาการ มีความเข้าใจเกี่ยวกับสังคมโลกและเป้าหมายการครองโลกของอเมริกาในทิศทางเดียวกัน
    นอกจากนี้ระหว่างปี ค.ศ.1927-1945 มูลนิธิยังตั้ง study group เพื่อเตรียมออกสิ่งพิมพ์ ซึ่งจำเป็นต้องใช้มากในช่วงเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ การจัดทำสิ่งพิมพ์ publications นี้ ก็เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง CFR กับ State Department อีกเช่นเดียวกัน นาย William P. Bundy ถึงกับเอ่ยปากว่ายังไม่เคยมีหน่วยงานเอกชนใด ก็มีโอกาสทำงานกับฝ่ายรัฐอย่างใกล้ชิดเช่นนี้มาก่อนเลย ในประวัติศาสตร์ของอเมริกา (ตกลงใครเป็นผู้นำประเทศกันแน่ รัฐบาลหรือ CFR ?) นาย Bundy ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เด็กในคาถาที่ CFR แอบส่งมาประกบรัฐบาลตั้งแต่ต้น ต่อมาปี ค.ศ.1950 เขาได้เป็นนักวิเคราะห์สังกัดหน่วยงาน CIA และเป็นที่ปรึกษาให้ประธานาธิบดี Kennedy และเป็นผช.รมว.ใน State Department เป็นผู้ดูแลงานด้าน East Asian and Pacific Affairs ในสมัยรัฐบาล Lyndon Johnson ทำให้เขากลายเป็นที่ปรึกษาคนสำคัญของประธานาธิบดี ในการตัดสินใจในสมัยสงครามเวี ยตนาม เมื่อนาย David Rockefeller ลงมาคุม CFR เต็มตัวในตำแหน่งประธาน CFR เมื่อปี ค.ศ.1970 เขาได้ขอ (สั่ง !) ให้นาย William Bundy มาเป็นบรรณาธิการนิตยสาร Foreign Affairs ของ CFR ซึ่งเป็นนิตยสารที่ได้รับการยอมรับและมีอิทธิพลสูงมากในวง การเมืองระหว่างประเทศ นาย Bundy ทำหน้าที่นี้อยู่ตั้งแต่ปี 1972 ถึง 1984 ส่วนพี่ชายของเขา นาย McGeorge Bundy ก็มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงให้แก่ประธานาธิบดี Kennedy ประธานาธิบดี Johnson รวมทั้งรับตำแหน่งเป็นประธานมูลนิธิ Ford ด้วย ตั้งแต่ ค.ศ.1966-1979 (เอาว่าเด็กในคาถาของ CFR เข้ายึดตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลเกือบหมด)
    นอกจากจัดหลักสูตรติวเข้มให้กับสังคมระดับไข่แดงแล้ว มูลนิธิ Rockefeller ก็ได้เตรียมการสำหรับสังคมระดับไข่ขาวด้วย เพื่อให้สังคมทั่วไปรู้จักการก้าวเข้าไปสู่สังคมนานาชาติของอเมริกา โดยเขาตั้ง Foreign Policy Association (FPA) และ Institute of Pacifics Relations (IPR) ซึ่งมีหน้าที่หลักในการสร้างความเห็นของมวลชน (เริ่มรายการฟอกย้อม ความคิดคนในประเทศก่อน) โดยย้อมความคิดทางสิ่งพิมพ์หนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง ให้ตั้งแต่ระดับเด็กนักเรียนมัธยม นักศึกษาในมหาวิทยาลัย ครู โรงเรียน สหภาพ นักธุรกิจ และสมาคมสตรีทั้งหลาย และสังคมทั่วไป โครงการนี้เพื่อสนับสนุนนโยบายต่างประเทศ ยุคใหม่ของอเมริกานั่นแหละ แต่ขณะเดียวกัน ทางมูลนิธิได้ระบุไว้ในการเสนอโครงการนี้ว่า เป็นโครงการที่ไม่มีวัตถุประสงค์ในทางการเมือง (เขาเขียนกันอย่างนี้ทั้งนั้นแหละ !)
    คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 9 – สร้างคอก นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 9 : สร้างคอก เมื่อมีใบสั่งออกมาว่า อเมริกาจะต้องเป็นผู้ครองโลกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พี่เลี้ยงก็เริ่มเตรียมการ จะให้นักล่าครองโลก ไปแต่หัวได้อย่างไร แขนขามือเท้าก็ต้องไปด้วยกัน เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องมีการจัดเตรียมหลักสูตรการศึกษา ภายใน ประเทศเสียใหม่ เพื่อเตรียมตัว พวก technocrat และพวกชนชั้นระดับสูงในสังคม elites ให้เข้าใจให้รู้จักกันไว้ว่า ระดับประเทศเขาจะทำอะไร เมื่ออเมริกาจะควบคุม Grand Area ก็จำเป็นต้องมีการศึกษาเกี่ยวกับ area พวกนี้ไว้ ให้รู้ว่าอยู่ที่ไหน ผู้คนมีหน้าตาอย่างไร มีอะไรน่าขะโมย น่าเคี้ยวบ้าง ไม่ใช่พูดถึง area ไหน แล้วนั่งเซ่อ ยังขี่ช้างอยู่หรือเปล่า งูบ้านยูแยะไหม แบบนั้นไม่เอานะ หลักสูตรและโครงการศึกษาที่เรียกว่า Area Studies จึงเกิดขึ้น โดยการนำเอาปัญญาชน นักวิชาการ นักผู้เชี่ยวชาญจากทุกแหล่ง มาช่วยจัดสร้างหลักสูตร สำหรับ Area Studies นี้ และนาย Kenneth ตัวแสบของเรา จึงน่าจะได้รับภาระกิจให้ไปเป็นนักสำรวจรุ่นแรกๆ ที่นำข้อมูลมาร่วมในการจัดทำหลักสูตร Area Studies นี้ด้วย มูลนิธิ Rockefeller รับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้าง ใหญ่ ในการจับอเมริกามาแต่งตัว แต่งหน้าใหม่ (ทำ face lift !) จากอยู่ในสังคมแบบสันโดษ isolist society เปลี่ยนมาเป็นอยู่ในสังคมโลก globalist society (จริงๆ จะกำหนดสังคมโลกใหม่น่ะ แต่มันต้องค่อยๆ ทำ จากคุณลุงวัย 60 พุงห้อย กล้ามเหี่ยว เป็นหนุ่มแน่นกล้ามท้องเรียงเป็นตับ มันต้องใช้เวลาสร้างนะ) ขบวนการแต่งตัวใหม่ให้อเมริกา เริ่มดำเนินการโดย CFR มาตั้งแต่ ค.ศ.1921 เป็นต้นมา แต่มาเห็นเด่นชัด เมื่อมีการศึกษา War and Peace Studies ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างทีม CFR กับทีม State Department โดยมูลนิธิ Rockefeller เป็นผู้อุปถัมภ์ควักกระเป๋าจ่ายเองทั้งหมด นอกจากนี้มูลนิธิยังให้ทำการศึกษาวิจัยอีกหลายโครงการ ในช่วง ค.ศ.1930 – 1940 ในช่วงนักล่าตั้งไข่หัดเดิน เพื่อช่วยให้ผู้บริหารของรัฐบาลระดับวางนโยบายและฝ่ายวิชาการ มีความเข้าใจเกี่ยวกับสังคมโลกและเป้าหมายการครองโลกของอเมริกาในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ระหว่างปี ค.ศ.1927-1945 มูลนิธิยังตั้ง study group เพื่อเตรียมออกสิ่งพิมพ์ ซึ่งจำเป็นต้องใช้มากในช่วงเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ การจัดทำสิ่งพิมพ์ publications นี้ ก็เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง CFR กับ State Department อีกเช่นเดียวกัน นาย William P. Bundy ถึงกับเอ่ยปากว่ายังไม่เคยมีหน่วยงานเอกชนใด ก็มีโอกาสทำงานกับฝ่ายรัฐอย่างใกล้ชิดเช่นนี้มาก่อนเลย ในประวัติศาสตร์ของอเมริกา (ตกลงใครเป็นผู้นำประเทศกันแน่ รัฐบาลหรือ CFR ?) นาย Bundy ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เด็กในคาถาที่ CFR แอบส่งมาประกบรัฐบาลตั้งแต่ต้น ต่อมาปี ค.ศ.1950 เขาได้เป็นนักวิเคราะห์สังกัดหน่วยงาน CIA และเป็นที่ปรึกษาให้ประธานาธิบดี Kennedy และเป็นผช.รมว.ใน State Department เป็นผู้ดูแลงานด้าน East Asian and Pacific Affairs ในสมัยรัฐบาล Lyndon Johnson ทำให้เขากลายเป็นที่ปรึกษาคนสำคัญของประธานาธิบดี ในการตัดสินใจในสมัยสงครามเวี ยตนาม เมื่อนาย David Rockefeller ลงมาคุม CFR เต็มตัวในตำแหน่งประธาน CFR เมื่อปี ค.ศ.1970 เขาได้ขอ (สั่ง !) ให้นาย William Bundy มาเป็นบรรณาธิการนิตยสาร Foreign Affairs ของ CFR ซึ่งเป็นนิตยสารที่ได้รับการยอมรับและมีอิทธิพลสูงมากในวง การเมืองระหว่างประเทศ นาย Bundy ทำหน้าที่นี้อยู่ตั้งแต่ปี 1972 ถึง 1984 ส่วนพี่ชายของเขา นาย McGeorge Bundy ก็มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงให้แก่ประธานาธิบดี Kennedy ประธานาธิบดี Johnson รวมทั้งรับตำแหน่งเป็นประธานมูลนิธิ Ford ด้วย ตั้งแต่ ค.ศ.1966-1979 (เอาว่าเด็กในคาถาของ CFR เข้ายึดตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลเกือบหมด) นอกจากจัดหลักสูตรติวเข้มให้กับสังคมระดับไข่แดงแล้ว มูลนิธิ Rockefeller ก็ได้เตรียมการสำหรับสังคมระดับไข่ขาวด้วย เพื่อให้สังคมทั่วไปรู้จักการก้าวเข้าไปสู่สังคมนานาชาติของอเมริกา โดยเขาตั้ง Foreign Policy Association (FPA) และ Institute of Pacifics Relations (IPR) ซึ่งมีหน้าที่หลักในการสร้างความเห็นของมวลชน (เริ่มรายการฟอกย้อม ความคิดคนในประเทศก่อน) โดยย้อมความคิดทางสิ่งพิมพ์หนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง ให้ตั้งแต่ระดับเด็กนักเรียนมัธยม นักศึกษาในมหาวิทยาลัย ครู โรงเรียน สหภาพ นักธุรกิจ และสมาคมสตรีทั้งหลาย และสังคมทั่วไป โครงการนี้เพื่อสนับสนุนนโยบายต่างประเทศ ยุคใหม่ของอเมริกานั่นแหละ แต่ขณะเดียวกัน ทางมูลนิธิได้ระบุไว้ในการเสนอโครงการนี้ว่า เป็นโครงการที่ไม่มีวัตถุประสงค์ในทางการเมือง (เขาเขียนกันอย่างนี้ทั้งนั้นแหละ !) คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 538 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ข้อปฎิบัติเกี่ยวกับธาตุห้าและสัมมาทิฏฐิ ในอาเนญชสัปปายปฏิปทา
    สัทธรรมลำดับที่ : 745
    ชื่อบทธรรม : - ข้อปฎิบัติเกี่ยวกับธาตุห้า
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=745
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ข้อปฎิบัติเกี่ยวกับธาตุห้า
    --ราหุล ! รูป อย่างใดอย่างหนึ่ง อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของหยาบ
    มีลักษณะแข้นแข็ง อันอุปาทาน (ของคนหรือสัตว์) เข้าไปถือเอาแล้ว.
    ตัวอย่างเช่น ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ไต หัวใจ ตับ พังผืด ม้าม ปอด ลำไส้ ลำไส้สุด อาหารในกระเพาะ อุจจาระ;
    หรือจะยังมีรูปแม้อื่น อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของหยาบ
    มีลักษณะแข้นแข็ง อันอุปาทาน (ของคนหรือสัตว์) เข้าไปถือเอาแล้ว อย่างเดียวกันนี้.
    +--ราหุล ! นี้ เรียกว่า #ปฐวีธาตุ อันเป็นภายใน.
    ปฐวีธาตุอันใด อันเป็นภายในด้วย ปฐวีธาตุอันเป็นภายนอกด้วย
    นั้นก็เป็น สักว่าปฐวีธาตุ เสมอกัน.
    ใครๆ พึงเห็นปฐวีธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้ว่า
    นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ;
    http://etipitaka.com/read/pali/13/135/?keywords=เนตํ+มม+เนโสหมสฺมิ+เมโส+อตฺตาติ
    ครั้นเห็นปฐวีธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้แล้ว จิตย่อมเบื่อหน่ายต่อปฐวีธาตุ ย่อมคลายกำหนัดจากปฐวีธาตุ.
    +--ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยแผ่นดิน (ปฐวี) เถิด.
    เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยแผ่นดิน อยู่,
    ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจอันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่.
    +--ราหุล ! เปรียบเหมือนเมื่อคนเขาทิ้งของสะอาดบ้าง ไม่สะอาดบ้าง
    ทิ้งคูถบ้าง ทิ้งมูตรบ้าง ทิ้งน้ำลายบ้าง หนองบ้าง โลหิตบ้าง ลงบนแผ่นดิน
    แผ่นดินก็ไม่รู้สึกอึดอัดระอารังเกียจ ด้วยสิ่งเหล่านั้น, นี้ฉันใด;
    +--ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยแผ่นดินเถิด.
    เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยแผ่นดินอยู่,
    ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจอันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่ ฉันนั้นเหมือนกัน.

    --ราหุล ! อาโปธาตุ เป็นอย่างไรเล่า ?
    อาโปธาตุมีทั้งที่เป็นภายในและเป็นภายนอก.
    +--ราหุล ! อาโปธาตุที่เป็นภายใน เป็นอย่างไรเล่า ?
    อาโปธาตุอันใด อันเป็นภายใน เฉพาะตน
    เป็นของเหลว อันอุปาทาน (ของคนหรือของสัตว์) เข้าไปถือเอาแล้ว,
    ตัวอย่างเช่น น้ำดี เสลด หนอง โลหิต เหงื่อ มัน น้ำตา น้ำเหลือง น้ำลาย น้ำเมือก น้ำหล่อลื่นข้อ น้ำมูตร นี้ก็ดี;
    หรือจะยังมี อาโปธาตุ อันเป็นภายใน เฉพาะตน
    เป็นของเหลว อันอุปาทานเข้าไปถือเอาแล้ว ไรๆ อื่นนอกไปจากนี้ อันใดก็ดี.
    +--ราหุล ! อาโปธาตุทั้งสองประเภทนี้ เรียกว่า #อาโปธาตุ อันเป็นภายใน.
    อาโปธาตุอันเป็นภายในด้วย อาโปธาตุอันเป็นภายนอกด้วย
    นั้นก็เป็น สักว่าอาโปธาตุ เท่านั้น.
    ใครๆ พึงเห็นอาโปธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้ว่า
    นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ;
    http://etipitaka.com/read/pali/13/136/?keywords=เนตํ+มม+เนโสหมสฺมิ+เมโส+อตฺตาติ
    ครั้นเห็นอาโปธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้แล้ว
    จิตย่อมเบื่อหน่ายต่ออาโปธาตุ ย่อมคลายกำหนัดจากอาโปธาตุ.
    +--ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยน้ำ (อาโป) เถิด.
    เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยน้ำอยู่,
    ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจอันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่.
    [ข้อความต่อไปจากนี้ ตรัสถึงการที่น้ำไม่อึดอัดระอาต่อสิ่งปฎิกูลและไม่ปฎิกูลนานาชนิด
    (ดังที่กล่าวมาแล้วในตอนที่ว่าด้วยธาตุดิน) ที่เขาล้างลงไปในน้ำ,
    อันเป็นอุปมาของจิตที่อบรมแล้วเสมอด้วยน้ำ ฉันใดก็ฉันนั้น]​.

    --ราหุล ! เตโชธาตุ เป็นอย่างไรเล่า ?
    เตโชธาตุมีทั้งที่เป็นภายในและเป็นภายนอก.
    +--ราหุล ! เตโชธาตุที่เป็นภายใน เป็นอย่างไรเล่า ?
    เตโชธาตุอันใด อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของเผาผลาญ อันอุปาทานเข้าไปถือเอาแล้ว,
    ตัวอย่างเช่น ไฟที่ยังกายให้อบอุ่น ไฟที่ยังกายให้ทรุดโทรม ไฟที่ยังกายให้กระวนกระวาย และไฟที่เผาอาหารอันกินแล้ว ดื่มแล้ว เคี้ยวแล้ว ลิ้มแล้ว ให้แปรไปโดยชอบ นี้ก็ดี;
    หรือจะยังมีเตโชธาตุ อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของเผาผลาญ อันอุปาทาน เข้าไปถือเอาแล้ว ไรๆ อื่นนอกไปจากนี้ อันใดก็ดี.
    +--ราหุล ! เตโชธาตุทั้งสองประเภทนี้ เรียกว่า #เตโชธาตุ อันเป็นภายใน.
    เตโชธาตุอันเป็นภายนอกใน เตโชธาตุอันเป็นภายนอกด้วย
    นั้นก็เป็น สักว่าเตโชธาตุ เท่านั้น.
    ใครๆ พึงเห็นเตโชธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้ว่า
    นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ;
    http://etipitaka.com/read/pali/13/136/?keywords=เนตํ+มม+เนโสหมสฺมิ+เมโส+อตฺตาติ
    ครั้นเห็นเตโชธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงอย่างนี้แล้ว
    จิตย่อมเบื่อหน่ายต่อเตโชธาตุ ย่อมคลายกำหนัดจากเตโชธาตุ.
    +--ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยไฟ (เตโช) เถิด.
    เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยไฟอยู่,
    ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจ อันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่.
    [ข้อความต่อไปจากนี้ ตรัสถึงการที่ไฟไม่อึดอัดระอาต่อสิ่งปฎิกูลและไม่ปฎิกูลนานาชนิด (ดังที่กล่าวมาแล้วในตอนที่ว่าด้วยธาตุดิน) ที่เขาทิ้งลงไปให้มันไหม้,
    อันเป็นอุปมาของจิตที่อบรมแล้วเสมอด้วยไฟ ฉันใดก็ฉันนั้น]​.

    --ราหุล ! วาโยธาตุ เป็นอย่างไรเล่า ?
    วาโยธาตุมีทั้งที่เป็นภายในและเป็นภายนอก.
    +--ราหุล ! วาโยธาตุที่เป็นภายใน เป็นอย่างไรเล่า ?
    วาโยธาตุอันใด อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของพัดไปมา อันอุปาทาน เข้าไปถือเอาแล้ว,
    ตัวอย่างเช่น ลมพัดขึ้นเบื้องบน ลมพัดลงเบื้องต่ำ ลมในท้อง ลมในไส้ ลมแล่นไปตามอวัยวะน้อยใหญ่ ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก นี้ก็ดี;
    หรือจะยังมีวาโยธาตุ อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของพัดไปมา
    อันอุปาทาน เข้าไปถือเอาแล้ว ไรๆ อื่นนอกไปจากนี้ อันใดก็ดี.
    +--ราหุล ! วาโยธาตุทั้งสองประเภทนี้ เรียกว่า #วาโยธาตุ อันเป็นภายใน.
    วาโยธาตุอันเป็นภายในด้วย วาโยธาตุอันเป็นภายนอกด้วย
    นั้นก็เป็น สักว่าวาโยธาตุ เท่านั้น.
    ใครๆ พึงเห็นวาโยธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้ว่า
    นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ;
    http://etipitaka.com/read/pali/13/137/?keywords=เนตํ+มม+เนโสหมสฺมิ+เมโส+อตฺตาติ
    ครั้นเห็นวาโยธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้แล้ว
    จิตย่อมเบื่อหน่ายต่อวาโยธาตุ ย่อมคลายกำหนัดจากวาโยธาตุ.
    +--ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยลม (วาโย) เถิด
    เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยลมอยู่,
    ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจ อันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่.
    [ข้อความต่อไปจากนี้ ตรัสถึงการที่ลมไม่อึดอัดระอาต่อสิ่งปฎิกูลและไม่ปฎิกูลนานาชนิด (ดังที่กล่าวมาแล้วในตอนที่ว่าด้วยธาตุดิน) ที่ลมพัดผ่านเข้าไป,
    อันเป็นอุปมาของจิตที่อบรมแล้วเสมอด้วยลม ฉันใดก็ฉันนั้น]​.

    --ราหุล ! อากาสธาตุ เป็นอย่างไรเล่า ?
    อากาสธาตุมีทั้งที่เป็นภายในและเป็นภายนอก.
    +--ราหุล ! อากาสธาตุที่เป็นภายใน เป็นอย่างไรเล่า ?
    อากาสธาตุอันใด อันเป็นภายใน เฉพาะตน
    เป็นของแสดงลักษณะแห่งความว่าง อันอุปาทานเข้าไปถือเอาแล้ว,
    ตัวอย่างเช่น ช่องหู ช่องจมูก ช่องปาก ที่ว่าง
    ที่อาหารอันกินแล้ว ดื่มแล้ว เคี้ยวแล้ว ลิ้มแล้ว ผ่านไป
    ที่ว่างที่อาหารอันกินแล้ว ดื่มแล้ว เคี้ยวแล้ว ลิ้มแล้ว ตั้งอยู่
    ช่องที่อาหารอันกินแล้ว ดื่มแล้ว เคี้ยวแล้ว ลิ้มแล้ว ออกสู่เบื้องล่าง นี้ก็ดี ;
    หรือจะยังมีอากาสธาตุ อันเป็นภายในเฉพาะตน
    เป็นของแสดงลักษณะแห่งความว่าง ไรๆ อื่นนอกไปจากนี้
    ซึ่งไม่ตัน มีลักษณะไม่ตัน เป็นของเปิด
    มีลักษณะเปิด อันเนื้อและเลือดไม่เข้าไปบรรจุอยู่อันเป็นภายใน
    อันอุปาทาน เข้าไปถือเอาแล้ว อันใดก็ดี.
    +--ราหุล ! อากาสธาตุทั้งสองประเภทนี้ เรียกว่า #อากาสธาตุ อันเป็นภายใน.
    อากาสธาตุอันเป็นภายในด้วย อากาสธาตุอันเป็นภายนอกด้วย
    นั้นก็เป็น สักว่าอากาสธาตุ เท่านั้น.
    ใครๆ พึงเห็นอากาสธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้ว่า
    นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ;
    http://etipitaka.com/read/pali/13/138/?keywords=เนตํ+มม+เนโสหมสฺมิ+เมโส+อตฺตาติ
    ครั้นเห็นอากาสธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้แล้ว
    จิตย่อมเบื่อหน่ายต่ออากาสธาตุ ย่อมคลายกำหนัดจากอากาสธาตุ.
    +--ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยอากาสเถิด.
    เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยอากาสอยู่,
    ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจอันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่.
    +--ราหุล ! เปรียบเหมือนอากาส เป็นสิ่งมิได้ตั้งอยู่เฉพาะในที่ไรๆ, นี้ฉันใด;
    +--ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยอากาสเถิด.
    เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยอากาสอยู่,
    ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจอันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่,
    ฉันนั้นเหมือนกัน.-

    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : -
    -- ม. ม.๑๓/๑๓๕-๑๔๐/๑๓๕+๑๔๐, ๑๓๖+๑๔๑, ๑๓๗+๑๔๒, ๑๓๘+๑๔๓, ๑๓๙+๑๔๔.
    http://etipitaka.com/read/pali/13/135/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%93%E0%B9%95 ถึง
    http://etipitaka.com/read/pali/13/140/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%94%E0%B9%90

    --สัมมาทิฏฐิ ในอาเนญชสัปปายปฏิปทา
    ๑. ข้อที่หนึ่ง
    --ภิกษุ ท. ! ในข้อที่กามเป็นอันตรายแก่อริยสาวกผู้ศึกษาอยู่ในธรรมวินัยนี้นั้น
    อริยสาวกย่อมพิจารณาเห็นโดยประจักษ์ ดังนี้ว่า
    “กามและกามสัญญาอันเป็นไปในทิฏฐธรรม (ภพนี้) และเป็นไปในสัมปรายะ (ภพอื่น)
    ทั้งสองอย่างนั้นเป็นบ่วงมาร เป็นวิสัยแห่งมาร เป็นเหยื่อแห่งมาร เป็นที่เที่ยวแห่งมาร.
    ในบ่วงแห่งมารนี้ บาปอกุศลทางใจเหล่านี้
    เป็นอภิชฌาบ้าง เป็นพยาบาทบ้าง เป็นสารัมภะ (ความแข่งดี) บ้าง ย่อมเป็นไป ;
    บาปอกุศลเหล่านั้น ย่อมมีเพื่อเป็นอันตรายแก่อริยสาวกผู้ตามศึกษาอยู่ในธรรมวินัยนี้.
    ถ้าอย่างไร เราพึงมีจิตเป็นมหัคคตะอันไพบูลย์ อธิษฐานจิตครอบงำโลก อยู่เถิด ;
    เมื่อเรามีจิตเป็นมหัคคตะอันไพบูลย์ อธิษฐานจิตครอบงำโลกอยู่,
    บาปอกุศลทางใจเป็นอภิชฌาบ้าง เป็นพยาบาทบ้าง เป็นสารัมภะบ้าง
    เหล่านั้น จักไม่มี; เพราะละบาปอกุศลเหล่านั้นเสียได้
    จิตของเราก็จักเป็นจิตมีคุณไม่เล็กน้อย เป็นจิตไม่มี ประมาณเป็นจิตอันอบรมดีแล้ว”
    ดังนี้.
    +--เมื่ออริยสาวกนั้น ปฏิบัติแล้วอย่างนี้
    เป็นผู้มากด้วยการปฏิบัติอย่างนี้ อยู่, จิตย่อมเลื่อมใสในอายตนะ*--๑
    เมื่อจิตเลื่อมใสสมบูรณ์ เขาก็จะเข้าถึงเพราะข้อปฏิบัติดังกล่าวแล้วข้างต้น
    ทำให้ง่ายและสะดวกแก่การลุถึงภพประเภทนี้ จึงได้ชื่อว่า #อาเนญชสัปปายปฏิปทา.
    http://etipitaka.com/read/pali/14/75/?keywords=อาเนญฺชสปฺปายา
    +--ข้อปฏิบัติเหล่านี้เป็นฝ่ายสมถะ ซึ่งเป็นปัจจัยแก่เจโตวิมุตติโดยตรง แต่ก็เป็นปัจจัยแก่วิปัสสนาได้ด้วย ดังนั้นท่านจึงกล่าวอานิสงส์ของคำนี้ว่า เพื่อเข้าถึงอาเนญชะหรือน้อมไปเพื่อปัญญาก็ได้.
    +--อาเนญช (สมาบัติ) ในกาลนั้นหรือน้อมไปเพื่อปัญญา. ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย ฐานะที่พึงมีได้ก็คือ วิญญาณที่เป็นไป ก็จะเป็น วิญญาณที่เข้าถึงซึ่งภพในระดับอาเนญชะ.
    +--ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า เป็น #อาเนญชสัปปายปฏิปทา ข้อที่หนึ่ง.
    -----
    *--๑. คำว่า อายตนะ ในที่นี้ ไม่หมายถึงนิพพาน อันเป็นอายตนะสูงสุด ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไป แต่หมายถึงอายตนะคือภาวะแห่งอรูปฌานทั้งสี่
    คือ อากาสานัญจายตนะ ฯลฯ เนวสัญญานาสัญญายตนะ ;
    โดยเฉพาะ เพราะไม่มีรูปหรือสัญญาในรูปอันเป็นที่ตั้งแห่งความหวั่นไหว,
    แต่บางมติหมายต่ำลงมาถึงจตุตถฌานอันเป็นอาเนญชะในขั้นริเริ่ม
    ซึ่งยังไม่สมบูรณ์เพราะยังอาศัยสิ่งซึ่งมีรูปหรือรูปสัญญาอยู่.

    ๒.ข้อที่สอง
    --ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นโทษโดยประจักษ์ ดังนี้ว่า
    “กามและกามสัญญาอันเป็นไปในทิฏฐธรรมและเป็นไปในสัมปรายะ
    อันเป็นรูปอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงสักว่ารูป
    คือเป็นเพียงมหาภูตรูปสี่ และรูปอาศัยมหาภูตรูปสี่นั้นอยู่ เท่านั้น”
    ดังนี้.
    +--เมื่ออริยสาวกนั้น ปฏิบัติแล้วอย่างนี้ เป็นผู้มากด้วยการปฏิบัติอย่างนี้ อยู่,
    จิตย่อมเลื่อมใสในอายตนะ. เมื่อมีจิตเลื่อมใสสมบูรณ์ เขาก็จะเข้าถึงอาเนญช (สมาบัติ)
    ในกาลนั้น หรือน้อมไปเพื่อปัญญา ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย
    ฐานะที่พึงมีได้ก็คือ วิญญาณที่เป็นไป ก็จะเป็นวิญญาณที่เข้าถึง ซึ่งภพในระดับอาเนญชะ.
    +--ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า เป็น #อาเนญชสัปปายปฏิปทา ข้อที่สอง.
    http://etipitaka.com/read/pali/14/75/?keywords=อาเนญฺชสปฺปายา
    ๓.ข้อที่สาม
    --ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นโดยประจักษ์ ดังนี้ว่า
    “กามและกามสัญญา อันเป็นไปในทิฏฐธรรมและเป็นไปในสัมปรายะก็ดี
    รูปและรูปสัญญา อันเป็นไปในทิฎฐธรรมและเป็นไปในสัมปรายะ ก็ดี
    ทั้งสองอย่างนั้น เป็นอนิจจัง สิ่งใดเป็นอนิจจัง
    สิ่งนั้นไม่ควรเพื่อจะเพลิดเพลิน พร่ำสรรเสริญ สยบมัวเมา”
    ดังนี้.
    +--เมื่ออริยสาวกนั้น ปฏิบัติแล้วอย่างนี้ เป็นผู้มากด้วยการปฏิบัติอย่างนี้อยู่,
    จิตย่อมเลื่อมใสในอายตนะ. เมื่อมีจิตเลื่อมใสสมบูรณ์ เขาก็จะเข้าถึงอาเนญช (สมาบัติ)
    ในกาลนั้น หรือน้อมไปเพื่อปัญญา.
    ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย
    ฐานะที่พึงมีได้ก็คือ วิญญาณที่เป็นไป ก็จะเป็นวิญญาณที่เข้าถึงซึ่งภพในระดับอาเนญชะ.
    --ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่าเป็น #อาเนญชสัปปายปฏิปทา ข้อที่สาม.-
    http://etipitaka.com/read/pali/14/76/?keywords=อาเนญฺชสปฺปายา

    #สัมมาทิฏฐิ
    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. 14/57-58/82-84.
    http://etipitaka.com/read/thai/14/57/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%92 ถึง
    http://etipitaka.com/read/thai/14/58/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%94
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. ๑๔/๗๔-๗๕/๘๒-๘๔.
    http://etipitaka.com/read/pali/14/74/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%92 ถึง
    http://etipitaka.com/read/pali/14/75/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%94
    ศึกษาเพิ่มเติม..
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=745
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=56&id=745
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=56
    ลำดับสาธยายธรรม : 56 ฟังเสียงอ่าน....
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_56.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ข้อปฎิบัติเกี่ยวกับธาตุห้าและสัมมาทิฏฐิ ในอาเนญชสัปปายปฏิปทา สัทธรรมลำดับที่ : 745 ชื่อบทธรรม : - ข้อปฎิบัติเกี่ยวกับธาตุห้า https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=745 เนื้อความทั้งหมด :- --ข้อปฎิบัติเกี่ยวกับธาตุห้า --ราหุล ! รูป อย่างใดอย่างหนึ่ง อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของหยาบ มีลักษณะแข้นแข็ง อันอุปาทาน (ของคนหรือสัตว์) เข้าไปถือเอาแล้ว. ตัวอย่างเช่น ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ไต หัวใจ ตับ พังผืด ม้าม ปอด ลำไส้ ลำไส้สุด อาหารในกระเพาะ อุจจาระ; หรือจะยังมีรูปแม้อื่น อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของหยาบ มีลักษณะแข้นแข็ง อันอุปาทาน (ของคนหรือสัตว์) เข้าไปถือเอาแล้ว อย่างเดียวกันนี้. +--ราหุล ! นี้ เรียกว่า #ปฐวีธาตุ อันเป็นภายใน. ปฐวีธาตุอันใด อันเป็นภายในด้วย ปฐวีธาตุอันเป็นภายนอกด้วย นั้นก็เป็น สักว่าปฐวีธาตุ เสมอกัน. ใครๆ พึงเห็นปฐวีธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ; http://etipitaka.com/read/pali/13/135/?keywords=เนตํ+มม+เนโสหมสฺมิ+เมโส+อตฺตาติ ครั้นเห็นปฐวีธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้แล้ว จิตย่อมเบื่อหน่ายต่อปฐวีธาตุ ย่อมคลายกำหนัดจากปฐวีธาตุ. +--ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยแผ่นดิน (ปฐวี) เถิด. เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยแผ่นดิน อยู่, ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจอันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่. +--ราหุล ! เปรียบเหมือนเมื่อคนเขาทิ้งของสะอาดบ้าง ไม่สะอาดบ้าง ทิ้งคูถบ้าง ทิ้งมูตรบ้าง ทิ้งน้ำลายบ้าง หนองบ้าง โลหิตบ้าง ลงบนแผ่นดิน แผ่นดินก็ไม่รู้สึกอึดอัดระอารังเกียจ ด้วยสิ่งเหล่านั้น, นี้ฉันใด; +--ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยแผ่นดินเถิด. เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยแผ่นดินอยู่, ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจอันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่ ฉันนั้นเหมือนกัน. --ราหุล ! อาโปธาตุ เป็นอย่างไรเล่า ? อาโปธาตุมีทั้งที่เป็นภายในและเป็นภายนอก. +--ราหุล ! อาโปธาตุที่เป็นภายใน เป็นอย่างไรเล่า ? อาโปธาตุอันใด อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของเหลว อันอุปาทาน (ของคนหรือของสัตว์) เข้าไปถือเอาแล้ว, ตัวอย่างเช่น น้ำดี เสลด หนอง โลหิต เหงื่อ มัน น้ำตา น้ำเหลือง น้ำลาย น้ำเมือก น้ำหล่อลื่นข้อ น้ำมูตร นี้ก็ดี; หรือจะยังมี อาโปธาตุ อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของเหลว อันอุปาทานเข้าไปถือเอาแล้ว ไรๆ อื่นนอกไปจากนี้ อันใดก็ดี. +--ราหุล ! อาโปธาตุทั้งสองประเภทนี้ เรียกว่า #อาโปธาตุ อันเป็นภายใน. อาโปธาตุอันเป็นภายในด้วย อาโปธาตุอันเป็นภายนอกด้วย นั้นก็เป็น สักว่าอาโปธาตุ เท่านั้น. ใครๆ พึงเห็นอาโปธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ; http://etipitaka.com/read/pali/13/136/?keywords=เนตํ+มม+เนโสหมสฺมิ+เมโส+อตฺตาติ ครั้นเห็นอาโปธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้แล้ว จิตย่อมเบื่อหน่ายต่ออาโปธาตุ ย่อมคลายกำหนัดจากอาโปธาตุ. +--ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยน้ำ (อาโป) เถิด. เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยน้ำอยู่, ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจอันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่. [ข้อความต่อไปจากนี้ ตรัสถึงการที่น้ำไม่อึดอัดระอาต่อสิ่งปฎิกูลและไม่ปฎิกูลนานาชนิด (ดังที่กล่าวมาแล้วในตอนที่ว่าด้วยธาตุดิน) ที่เขาล้างลงไปในน้ำ, อันเป็นอุปมาของจิตที่อบรมแล้วเสมอด้วยน้ำ ฉันใดก็ฉันนั้น]​. --ราหุล ! เตโชธาตุ เป็นอย่างไรเล่า ? เตโชธาตุมีทั้งที่เป็นภายในและเป็นภายนอก. +--ราหุล ! เตโชธาตุที่เป็นภายใน เป็นอย่างไรเล่า ? เตโชธาตุอันใด อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของเผาผลาญ อันอุปาทานเข้าไปถือเอาแล้ว, ตัวอย่างเช่น ไฟที่ยังกายให้อบอุ่น ไฟที่ยังกายให้ทรุดโทรม ไฟที่ยังกายให้กระวนกระวาย และไฟที่เผาอาหารอันกินแล้ว ดื่มแล้ว เคี้ยวแล้ว ลิ้มแล้ว ให้แปรไปโดยชอบ นี้ก็ดี; หรือจะยังมีเตโชธาตุ อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของเผาผลาญ อันอุปาทาน เข้าไปถือเอาแล้ว ไรๆ อื่นนอกไปจากนี้ อันใดก็ดี. +--ราหุล ! เตโชธาตุทั้งสองประเภทนี้ เรียกว่า #เตโชธาตุ อันเป็นภายใน. เตโชธาตุอันเป็นภายนอกใน เตโชธาตุอันเป็นภายนอกด้วย นั้นก็เป็น สักว่าเตโชธาตุ เท่านั้น. ใครๆ พึงเห็นเตโชธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ; http://etipitaka.com/read/pali/13/136/?keywords=เนตํ+มม+เนโสหมสฺมิ+เมโส+อตฺตาติ ครั้นเห็นเตโชธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงอย่างนี้แล้ว จิตย่อมเบื่อหน่ายต่อเตโชธาตุ ย่อมคลายกำหนัดจากเตโชธาตุ. +--ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยไฟ (เตโช) เถิด. เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยไฟอยู่, ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจ อันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่. [ข้อความต่อไปจากนี้ ตรัสถึงการที่ไฟไม่อึดอัดระอาต่อสิ่งปฎิกูลและไม่ปฎิกูลนานาชนิด (ดังที่กล่าวมาแล้วในตอนที่ว่าด้วยธาตุดิน) ที่เขาทิ้งลงไปให้มันไหม้, อันเป็นอุปมาของจิตที่อบรมแล้วเสมอด้วยไฟ ฉันใดก็ฉันนั้น]​. --ราหุล ! วาโยธาตุ เป็นอย่างไรเล่า ? วาโยธาตุมีทั้งที่เป็นภายในและเป็นภายนอก. +--ราหุล ! วาโยธาตุที่เป็นภายใน เป็นอย่างไรเล่า ? วาโยธาตุอันใด อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของพัดไปมา อันอุปาทาน เข้าไปถือเอาแล้ว, ตัวอย่างเช่น ลมพัดขึ้นเบื้องบน ลมพัดลงเบื้องต่ำ ลมในท้อง ลมในไส้ ลมแล่นไปตามอวัยวะน้อยใหญ่ ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก นี้ก็ดี; หรือจะยังมีวาโยธาตุ อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของพัดไปมา อันอุปาทาน เข้าไปถือเอาแล้ว ไรๆ อื่นนอกไปจากนี้ อันใดก็ดี. +--ราหุล ! วาโยธาตุทั้งสองประเภทนี้ เรียกว่า #วาโยธาตุ อันเป็นภายใน. วาโยธาตุอันเป็นภายในด้วย วาโยธาตุอันเป็นภายนอกด้วย นั้นก็เป็น สักว่าวาโยธาตุ เท่านั้น. ใครๆ พึงเห็นวาโยธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ; http://etipitaka.com/read/pali/13/137/?keywords=เนตํ+มม+เนโสหมสฺมิ+เมโส+อตฺตาติ ครั้นเห็นวาโยธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้แล้ว จิตย่อมเบื่อหน่ายต่อวาโยธาตุ ย่อมคลายกำหนัดจากวาโยธาตุ. +--ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยลม (วาโย) เถิด เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยลมอยู่, ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจ อันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่. [ข้อความต่อไปจากนี้ ตรัสถึงการที่ลมไม่อึดอัดระอาต่อสิ่งปฎิกูลและไม่ปฎิกูลนานาชนิด (ดังที่กล่าวมาแล้วในตอนที่ว่าด้วยธาตุดิน) ที่ลมพัดผ่านเข้าไป, อันเป็นอุปมาของจิตที่อบรมแล้วเสมอด้วยลม ฉันใดก็ฉันนั้น]​. --ราหุล ! อากาสธาตุ เป็นอย่างไรเล่า ? อากาสธาตุมีทั้งที่เป็นภายในและเป็นภายนอก. +--ราหุล ! อากาสธาตุที่เป็นภายใน เป็นอย่างไรเล่า ? อากาสธาตุอันใด อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของแสดงลักษณะแห่งความว่าง อันอุปาทานเข้าไปถือเอาแล้ว, ตัวอย่างเช่น ช่องหู ช่องจมูก ช่องปาก ที่ว่าง ที่อาหารอันกินแล้ว ดื่มแล้ว เคี้ยวแล้ว ลิ้มแล้ว ผ่านไป ที่ว่างที่อาหารอันกินแล้ว ดื่มแล้ว เคี้ยวแล้ว ลิ้มแล้ว ตั้งอยู่ ช่องที่อาหารอันกินแล้ว ดื่มแล้ว เคี้ยวแล้ว ลิ้มแล้ว ออกสู่เบื้องล่าง นี้ก็ดี ; หรือจะยังมีอากาสธาตุ อันเป็นภายในเฉพาะตน เป็นของแสดงลักษณะแห่งความว่าง ไรๆ อื่นนอกไปจากนี้ ซึ่งไม่ตัน มีลักษณะไม่ตัน เป็นของเปิด มีลักษณะเปิด อันเนื้อและเลือดไม่เข้าไปบรรจุอยู่อันเป็นภายใน อันอุปาทาน เข้าไปถือเอาแล้ว อันใดก็ดี. +--ราหุล ! อากาสธาตุทั้งสองประเภทนี้ เรียกว่า #อากาสธาตุ อันเป็นภายใน. อากาสธาตุอันเป็นภายในด้วย อากาสธาตุอันเป็นภายนอกด้วย นั้นก็เป็น สักว่าอากาสธาตุ เท่านั้น. ใครๆ พึงเห็นอากาสธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ; http://etipitaka.com/read/pali/13/138/?keywords=เนตํ+มม+เนโสหมสฺมิ+เมโส+อตฺตาติ ครั้นเห็นอากาสธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้แล้ว จิตย่อมเบื่อหน่ายต่ออากาสธาตุ ย่อมคลายกำหนัดจากอากาสธาตุ. +--ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยอากาสเถิด. เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยอากาสอยู่, ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจอันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่. +--ราหุล ! เปรียบเหมือนอากาส เป็นสิ่งมิได้ตั้งอยู่เฉพาะในที่ไรๆ, นี้ฉันใด; +--ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยอากาสเถิด. เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยอากาสอยู่, ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจอันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่, ฉันนั้นเหมือนกัน.- อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - -- ม. ม.๑๓/๑๓๕-๑๔๐/๑๓๕+๑๔๐, ๑๓๖+๑๔๑, ๑๓๗+๑๔๒, ๑๓๘+๑๔๓, ๑๓๙+๑๔๔. http://etipitaka.com/read/pali/13/135/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%93%E0%B9%95 ถึง http://etipitaka.com/read/pali/13/140/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%94%E0%B9%90 --สัมมาทิฏฐิ ในอาเนญชสัปปายปฏิปทา ๑. ข้อที่หนึ่ง --ภิกษุ ท. ! ในข้อที่กามเป็นอันตรายแก่อริยสาวกผู้ศึกษาอยู่ในธรรมวินัยนี้นั้น อริยสาวกย่อมพิจารณาเห็นโดยประจักษ์ ดังนี้ว่า “กามและกามสัญญาอันเป็นไปในทิฏฐธรรม (ภพนี้) และเป็นไปในสัมปรายะ (ภพอื่น) ทั้งสองอย่างนั้นเป็นบ่วงมาร เป็นวิสัยแห่งมาร เป็นเหยื่อแห่งมาร เป็นที่เที่ยวแห่งมาร. ในบ่วงแห่งมารนี้ บาปอกุศลทางใจเหล่านี้ เป็นอภิชฌาบ้าง เป็นพยาบาทบ้าง เป็นสารัมภะ (ความแข่งดี) บ้าง ย่อมเป็นไป ; บาปอกุศลเหล่านั้น ย่อมมีเพื่อเป็นอันตรายแก่อริยสาวกผู้ตามศึกษาอยู่ในธรรมวินัยนี้. ถ้าอย่างไร เราพึงมีจิตเป็นมหัคคตะอันไพบูลย์ อธิษฐานจิตครอบงำโลก อยู่เถิด ; เมื่อเรามีจิตเป็นมหัคคตะอันไพบูลย์ อธิษฐานจิตครอบงำโลกอยู่, บาปอกุศลทางใจเป็นอภิชฌาบ้าง เป็นพยาบาทบ้าง เป็นสารัมภะบ้าง เหล่านั้น จักไม่มี; เพราะละบาปอกุศลเหล่านั้นเสียได้ จิตของเราก็จักเป็นจิตมีคุณไม่เล็กน้อย เป็นจิตไม่มี ประมาณเป็นจิตอันอบรมดีแล้ว” ดังนี้. +--เมื่ออริยสาวกนั้น ปฏิบัติแล้วอย่างนี้ เป็นผู้มากด้วยการปฏิบัติอย่างนี้ อยู่, จิตย่อมเลื่อมใสในอายตนะ*--๑ เมื่อจิตเลื่อมใสสมบูรณ์ เขาก็จะเข้าถึงเพราะข้อปฏิบัติดังกล่าวแล้วข้างต้น ทำให้ง่ายและสะดวกแก่การลุถึงภพประเภทนี้ จึงได้ชื่อว่า #อาเนญชสัปปายปฏิปทา. http://etipitaka.com/read/pali/14/75/?keywords=อาเนญฺชสปฺปายา +--ข้อปฏิบัติเหล่านี้เป็นฝ่ายสมถะ ซึ่งเป็นปัจจัยแก่เจโตวิมุตติโดยตรง แต่ก็เป็นปัจจัยแก่วิปัสสนาได้ด้วย ดังนั้นท่านจึงกล่าวอานิสงส์ของคำนี้ว่า เพื่อเข้าถึงอาเนญชะหรือน้อมไปเพื่อปัญญาก็ได้. +--อาเนญช (สมาบัติ) ในกาลนั้นหรือน้อมไปเพื่อปัญญา. ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย ฐานะที่พึงมีได้ก็คือ วิญญาณที่เป็นไป ก็จะเป็น วิญญาณที่เข้าถึงซึ่งภพในระดับอาเนญชะ. +--ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า เป็น #อาเนญชสัปปายปฏิปทา ข้อที่หนึ่ง. ----- *--๑. คำว่า อายตนะ ในที่นี้ ไม่หมายถึงนิพพาน อันเป็นอายตนะสูงสุด ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไป แต่หมายถึงอายตนะคือภาวะแห่งอรูปฌานทั้งสี่ คือ อากาสานัญจายตนะ ฯลฯ เนวสัญญานาสัญญายตนะ ; โดยเฉพาะ เพราะไม่มีรูปหรือสัญญาในรูปอันเป็นที่ตั้งแห่งความหวั่นไหว, แต่บางมติหมายต่ำลงมาถึงจตุตถฌานอันเป็นอาเนญชะในขั้นริเริ่ม ซึ่งยังไม่สมบูรณ์เพราะยังอาศัยสิ่งซึ่งมีรูปหรือรูปสัญญาอยู่. ๒.ข้อที่สอง --ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก : อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นโทษโดยประจักษ์ ดังนี้ว่า “กามและกามสัญญาอันเป็นไปในทิฏฐธรรมและเป็นไปในสัมปรายะ อันเป็นรูปอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงสักว่ารูป คือเป็นเพียงมหาภูตรูปสี่ และรูปอาศัยมหาภูตรูปสี่นั้นอยู่ เท่านั้น” ดังนี้. +--เมื่ออริยสาวกนั้น ปฏิบัติแล้วอย่างนี้ เป็นผู้มากด้วยการปฏิบัติอย่างนี้ อยู่, จิตย่อมเลื่อมใสในอายตนะ. เมื่อมีจิตเลื่อมใสสมบูรณ์ เขาก็จะเข้าถึงอาเนญช (สมาบัติ) ในกาลนั้น หรือน้อมไปเพื่อปัญญา ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย ฐานะที่พึงมีได้ก็คือ วิญญาณที่เป็นไป ก็จะเป็นวิญญาณที่เข้าถึง ซึ่งภพในระดับอาเนญชะ. +--ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า เป็น #อาเนญชสัปปายปฏิปทา ข้อที่สอง. http://etipitaka.com/read/pali/14/75/?keywords=อาเนญฺชสปฺปายา ๓.ข้อที่สาม --ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก : อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นโดยประจักษ์ ดังนี้ว่า “กามและกามสัญญา อันเป็นไปในทิฏฐธรรมและเป็นไปในสัมปรายะก็ดี รูปและรูปสัญญา อันเป็นไปในทิฎฐธรรมและเป็นไปในสัมปรายะ ก็ดี ทั้งสองอย่างนั้น เป็นอนิจจัง สิ่งใดเป็นอนิจจัง สิ่งนั้นไม่ควรเพื่อจะเพลิดเพลิน พร่ำสรรเสริญ สยบมัวเมา” ดังนี้. +--เมื่ออริยสาวกนั้น ปฏิบัติแล้วอย่างนี้ เป็นผู้มากด้วยการปฏิบัติอย่างนี้อยู่, จิตย่อมเลื่อมใสในอายตนะ. เมื่อมีจิตเลื่อมใสสมบูรณ์ เขาก็จะเข้าถึงอาเนญช (สมาบัติ) ในกาลนั้น หรือน้อมไปเพื่อปัญญา. ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย ฐานะที่พึงมีได้ก็คือ วิญญาณที่เป็นไป ก็จะเป็นวิญญาณที่เข้าถึงซึ่งภพในระดับอาเนญชะ. --ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่าเป็น #อาเนญชสัปปายปฏิปทา ข้อที่สาม.- http://etipitaka.com/read/pali/14/76/?keywords=อาเนญฺชสปฺปายา #สัมมาทิฏฐิ #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. 14/57-58/82-84. http://etipitaka.com/read/thai/14/57/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%92 ถึง http://etipitaka.com/read/thai/14/58/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%94 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. ๑๔/๗๔-๗๕/๘๒-๘๔. http://etipitaka.com/read/pali/14/74/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%92 ถึง http://etipitaka.com/read/pali/14/75/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%94 ศึกษาเพิ่มเติม.. https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=745 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=56&id=745 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=56 ลำดับสาธยายธรรม : 56 ฟังเสียงอ่าน.... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_56.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ข้อปฎิบัติเกี่ยวกับธาตุห้า
    -ข้อปฎิบัติเกี่ยวกับธาตุห้า ราหุล ! รูป อย่างใดอย่างหนึ่ง อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของหยาบ มีลักษณะแข้นแข็ง อันอุปาทาน (ของคนหรือสัตว์) เข้าไปถือเอาแล้ว. ตัวอย่างเช่น ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ไต หัวใจ ตับ พังผืด ม้าม ปอด ลำไส้ ลำไส้สุด อาหารในกระเพาะ อุจจาระ; หรือจะยังมีรูปแม้อื่น อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของหยาบ มีลักษณะแข้นแข็ง อันอุปาทาน (ของคนหรือสัตว์) เข้าไปถือเอาแล้ว อย่างเดียวกันนี้. ราหุล ! นี้ เรียกว่า ปฐวีธาตุ อันเป็นภายใน. ปฐวีธาตุอันใด อันเป็นภายในด้วย ปฐวีธาตุอันเป็นภายนอกด้วย นั้นก็เป็น สักว่าปฐวีธาตุ เสมอกัน. ใครๆ พึงเห็นปฐวีธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ; ครั้นเห็นปฐวีธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้แล้ว จิตย่อมเบื่อหน่ายต่อปฐวีธาตุ ย่อมคลายกำหนัดจากปฐวีธาตุ. ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยแผ่นดิน (ปฐวี) เถิด. เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยแผ่นดิน อยู่, ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจอันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่. ราหุล ! เปรียบเหมือนเมื่อคนเขาทิ้งของสะอาดบ้าง ไม่สะอาดบ้าง ทิ้งคูถบ้าง ทิ้งมูตรบ้าง ทิ้งน้ำลายบ้าง หนองบ้าง โลหิตบ้าง ลงบนแผ่นดิน แผ่นดินก็ไม่รู้สึกอึดอัดระอารังเกียจ ด้วยสิ่งเหล่านั้น, นี้ฉันใด; ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยแผ่นดินเถิด. เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยแผ่นดินอยู่, ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจอันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่ ฉันนั้นเหมือนกัน. ราหุล ! อาโปธาตุ เป็นอย่างไรเล่า ? อาโปธาตุมีทั้งที่เป็นภายในและเป็นภายนอก. ราหุล ! อาโปธาตุที่เป็นภายใน เป็นอย่างไรเล่า ? อาโปธาตุอันใด อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของเหลว อันอุปาทาน (ของคนหรือของสัตว์) เข้าไปถือเอาแล้ว, ตัวอย่างเช่น น้ำดี เสลด หนอง โลหิต เหงื่อ มัน น้ำตา น้ำเหลือง น้ำลาย น้ำเมือก น้ำหล่อลื่นข้อ น้ำมูตร นี้ก็ดี; หรือจะยังมี อาโปธาตุ อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของเหลว อันอุปาทานเข้าไปถือเอาแล้ว ไรๆ อื่นนอกไปจากนี้ อันใดก็ดี. ราหุล ! อาโปธาตุทั้งสองประเภทนี้ เรียกว่า อาโปธาตุ อันเป็นภายใน. อาโปธาตุอันเป็นภายในด้วย อาโปธาตุอันเป็นภายนอกด้วย นั้นก็เป็น สักว่าอาโปธาตุ เท่านั้น. ใครๆ พึงเห็นอาโปธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ; ครั้นเห็นอาโปธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้แล้ว จิตย่อมเบื่อหน่ายต่ออาโปธาตุ ย่อมคลายกำหนัดจากอาโปธาตุ. ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยน้ำ (อาโป) เถิด. เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยน้ำอยู่, ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจอันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่. [ข้อความต่อไปจากนี้ ตรัสถึงการที่น้ำไม่อึดอัดระอาต่อสิ่งปฎิกูลและไม่ปฎิกูลนานาชนิด (ดังที่กล่าวมาแล้วในตอนที่ว่าด้วยธาตุดิน) ที่เขาล้างลงไปในน้ำ, อันเป็นอุปมาของจิตที่อบรมแล้วเสมอด้วยน้ำ ฉันใดก็ฉันนั้น]. ราหุล ! เตโชธาตุ เป็นอย่างไรเล่า ? เตโชธาตุมีทั้งที่เป็นภายในและเป็นภายนอก. ราหุล ! เตโชธาตุที่เป็นภายใน เป็นอย่างไรเล่า ? เตโชธาตุอันใด อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของเผาผลาญ อันอุปาทานเข้าไปถือเอาแล้ว, ตัวอย่างเช่น ไฟที่ยังกายให้อบอุ่น ไฟที่ยังกายให้ทรุดโทรม ไฟที่ยังกายให้กระวนกระวาย และไฟที่เผาอาหารอันกินแล้ว ดื่มแล้ว เคี้ยวแล้ว ลิ้มแล้ว ให้แปรไปโดยชอบ นี้ก็ดี; หรือจะยังมีเตโชธาตุ อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของเผาผลาญ อันอุปาทาน เข้าไปถือเอาแล้ว ไรๆ อื่นนอกไปจากนี้ อันใดก็ดี. ราหุล ! เตโชธาตุทั้งสองประเภทนี้ เรียกว่า เตโชธาตุอันเป็นภายใน. เตโชธาตุอันเป็นภายนอกใน เตโชธาตุอันเป็นภายนอกด้วย นั้นก็เป็น สักว่าเตโชธาตุ เท่านั้น. ใครๆ พึงเห็นเตโชธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ; ครั้นเห็นเตโชธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงอย่างนี้แล้ว จิตย่อมเบื่อหน่ายต่อเตโชธาตุ ย่อมคลายกำหนัดจากเตโชธาตุ. ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยไฟ (เตโช) เถิด. เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยไฟอยู่, ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจ อันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่. [ข้อความต่อไปจากนี้ ตรัสถึงการที่ไฟไม่อึดอัดระอาต่อสิ่ง ปฎิกูลและไม่ปฎิกูลนานาชนิด (ดังที่กล่าวมาแล้วในตอนที่ว่าด้วยธาตุดิน) ที่เขาทิ้งลงไปให้มันไหม้, อันเป็นอุปมาของจิตที่อบรมแล้วเสมอด้วยไฟ ฉันใดก็ฉันนั้น]. ราหุล ! วาโยธาตุ เป็นอย่างไรเล่า ? วาโยธาตุมีทั้งที่เป็นภายในและเป็นภายนอก. ราหุล ! วาโยธาตุที่เป็นภายใน เป็นอย่างไรเล่า ? วาโยธาตุอันใด อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของพัดไปมา อันอุปาทาน เข้าไปถือเอาแล้ว, ตัวอย่างเช่น ลมพัดขึ้นเบื้องบน ลมพัดลงเบื้องต่ำ ลมในท้อง ลมในไส้ ลมแล่นไปตามอวัยวะน้อยใหญ่ ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก นี้ก็ดี; หรือจะยังมีวาโยธาตุ อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของพัดไปมา อันอุปาทาน เข้าไปถือเอาแล้ว ไรๆ อื่นนอกไปจากนี้ อันใดก็ดี. ราหุล ! วาโยธาตุทั้งสองประเภทนี้ เรียกว่าวาโยธาตุอันเป็นภายใน. วาโยธาตุอันเป็นภายในด้วย วาโยธาตุอันเป็นภายนอกด้วย นั้นก็เป็น สักว่าวาโยธาตุ เท่านั้น. ใครๆ พึงเห็นวาโยธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ; ครั้นเห็นวาโยธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้แล้ว จิตย่อมเบื่อหน่ายต่อวาโยธาตุ ย่อมคลายกำหนัดจากวาโยธาตุ. ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยลม (วาโย) เถิด เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยลมอยู่, ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจ อันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่. [ข้อความต่อไปจากนี้ ตรัสถึงการที่ลมไม่อึดอัดระอาต่อสิ่งปฎิกูลและไม่ปฎิกูลนานาชนิด (ดังที่กล่าวมาแล้วในตอนที่ว่าด้วยธาตุดิน) ที่ลมพัดผ่านเข้าไป, อันเป็นอุปมาของจิตที่อบรมแล้วเสมอด้วยลม ฉันใดก็ฉันนั้น]. ราหุล ! อากาสธาตุ เป็นอย่างไรเล่า ? อากาสธาตุมีทั้งที่เป็นภายในและเป็นภายนอก. ราหุล ! อากาสธาตุที่เป็นภายใน เป็นอย่างไรเล่า ? อากาสธาตุอันใด อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของแสดงลักษณะแห่งความว่าง อันอุปาทานเข้าไปถือเอาแล้ว, ตัวอย่างเช่น ช่องหู ช่องจมูก ช่องปาก ที่ว่างที่อาหารอันกินแล้ว ดื่มแล้ว เคี้ยวแล้ว ลิ้มแล้ว ผ่านไป ที่ว่างที่อาหารอันกินแล้ว ดื่มแล้ว เคี้ยวแล้ว ลิ้มแล้ว ตั้งอยู่ ช่องที่อาหารอันกินแล้ว ดื่มแล้ว เคี้ยวแล้ว ลิ้มแล้ว ออกสู่เบื้องล่าง นี้ก็ดี ; หรือจะยังมีอากาสธาตุ อันเป็นภายในเฉพาะตน เป็นของแสดงลักษณะแห่งความว่าง ไรๆ อื่นนอกไปจากนี้ ซึ่งไม่ตัน มีลักษณะไม่ตัน เป็นของเปิด มีลักษณะเปิด อันเนื้อและเลือดไม่เข้าไปบรรจุอยู่อันเป็นภายใน อันอุปาทาน เข้าไปถือเอาแล้ว อันใดก็ดี. ราหุล ! อากาสธาตุทั้งสองประเภทนี้ เรียกว่าอากาสธาตุอันเป็นภายใน. อากาสธาตุอันเป็นภายในด้วย อากาสธาตุอันเป็นภายนอกด้วย นั้นก็เป็น สักว่าอากาสธาตุ เท่านั้น. ใครๆ พึงเห็นอากาสธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ; ครั้นเห็นอากาสธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้แล้ว จิตย่อมเบื่อหน่ายต่ออากาสธาตุ ย่อมคลายกำหนัดจากอากาสธาตุ. ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยอากาสเถิด. เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยอากาสอยู่, ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจอันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่. ราหุล ! เปรียบเหมือนอากาส เป็นสิ่งมิได้ตั้งอยู่เฉพาะในที่ไรๆ, นี้ฉันใด; ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยอากาสเถิด. เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยอากาสอยู่, ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจอันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่, ฉันนั้นเหมือนกัน. ม. ม.๑๓/๑๓๕-๑๔๐/๑๓๕+๑๔๐, ๑๓๖+๑๔๑, ๑๓๗+๑๔๒, ๑๓๘+๑๔๓, ๑๓๙+๑๔๔. สัมมาทิฏฐิ ในอาเนญชสัปปายปฏิปทา ข้อที่หนึ่ง ภิกษุ ท. ! ในข้อที่กามเป็นอันตรายแก่อริยสาวกผู้ศึกษาอยู่ในธรรมวินัยนี้นั้น อริยสาวกย่อมพิจารณาเห็นโดยประจักษ์ ดังนี้ว่า “กามและกามสัญญาอันเป็นไปในทิฏฐธรรม (ภพนี้) และเป็นไปในสัมปรายะ (ภพอื่น) ทั้งสองอย่างนั้นเป็นบ่วงมาร เป็นวิสัยแห่งมาร เป็นเหยื่อแห่งมาร เป็นที่เที่ยวแห่งมาร. ในบ่วงแห่งมารนี้ บาปอกุศลทางใจเหล่านี้ เป็นอภิชฌาบ้าง เป็นพยาบาทบ้าง เป็นสารัมภะ (ความแข่งดี) บ้าง ย่อมเป็นไป ; บาปอกุศลเหล่านั้น ย่อมมีเพื่อเป็นอันตรายแก่อริยสาวกผู้ตามศึกษาอยู่ในธรรมวินัยนี้. ถ้าอย่างไร เราพึงมีจิตเป็นมหัคคตะอันไพบูลย์ อธิษฐานจิตครอบงำโลก อยู่เถิด ; เมื่อเรามีจิตเป็นมหัคคตะอันไพบูลย์ อธิษฐานจิตครอบงำโลกอยู่, บาปอกุศลทางใจเป็นอภิชฌาบ้าง เป็นพยาบาทบ้าง เป็นสารัมภะบ้าง เหล่านั้น จักไม่มี; เพราะละบาปอกุศลเหล่านั้นเสียได้ จิตของเราก็จักเป็นจิตมีคุณไม่เล็กน้อย เป็นจิตไม่มี ประมาณเป็นจิตอันอบรมดีแล้ว” ดังนี้. เมื่ออริยสาวกนั้น ปฏิบัติแล้วอย่างนี้ เป็นผู้มากด้วยการปฏิบัติอย่างนี้ อยู่, จิตย่อมเลื่อมใสในอายตนะ๑ เมื่อจิตเลื่อมใสสมบูรณ์ เขาก็จะเข้าถึง ๑. คำว่า อายตนะ ในที่นี้ ไม่หมายถึงนิพพาน อันเป็นอายตนะสูงสุด ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไป แต่หมายถึงอายตนะคือภาวะแห่งอรูปฌานทั้งสี่ คือ อากาสานัญจายตนะ ฯลฯ เนวสัญญานาสัญญายตนะ โดยเฉพาะ เพราะไม่มีรูปหรือสัญญาในรูปอันเป็นที่ตั้งแห่งความหวั่นไหว, แต่บางมติหมายต่ำลงมาถึงจตุตถฌานอันเป็นอาเนญชะในขั้นริเริ่ม ซึ่งยังไม่สมบูรณ์เพราะยังอาศัยสิ่งซึ่งมีรูปหรือรูปสัญญาอยู่. เพราะข้อปฏิบัติดังกล่าวแล้วข้างต้น ทำให้ง่ายและสะดวกแก่การลุถึงภพประเภทนี้ จึงได้ชื่อว่า อาเนญชสัปปายปฏิปทา. ข้อปฏิบัติเหล่านี้เป็นฝ่ายสมถะ ซึ่งเป็นปัจจัยแก่เจโตวิมุตติโดยตรง แต่ก็เป็นปัจจัยแก่วิปัสสนาได้ด้วย ดังนั้นท่านจึงกล่าวอานิสงส์ของคำนี้ว่า เพื่อเข้าถึงอาเนญชะหรือน้อมไปเพื่อปัญญาก็ได้. อาเนญช (สมาบัติ) ในกาลนั้นหรือน้อมไปเพื่อปัญญา. ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย ฐานะที่พึงมีได้ก็คือ วิญญาณที่เป็นไป ก็จะเป็น วิญญาณที่เข้าถึงซึ่งภพในระดับอาเนญชะ. ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า เป็น อาเนญชสัปปายปฏิปทาข้อที่หนึ่ง. ข้อที่สอง ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก : อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นโทษโดยประจักษ์ ดังนี้ว่า “กามและกามสัญญาอันเป็นไปในทิฏฐธรรมและเป็นไปในสัมปรายะ อันเป็นรูปอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงสักว่ารูป คือเป็นเพียงมหาภูตรูปสี่ และรูปอาศัยมหาภูตรูปสี่นั้นอยู่ เท่านั้น” ดังนี้. เมื่ออริยสาวกนั้น ปฏิบัติแล้วอย่างนี้ เป็นผู้มากด้วยการปฏิบัติอย่างนี้ อยู่, จิตย่อมเลื่อมใสในอายตนะ. เมื่อมีจิตเลื่อมใสสมบูรณ์ เขาก็จะเข้าถึงอาเนญช (สมาบัติ) ในกาลนั้น หรือน้อมไปเพื่อปัญญา ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย ฐานะที่พึงมีได้ก็คือ วิญญาณที่เป็นไป ก็จะเป็นวิญญาณที่เข้าถึง ซึ่งภพในระดับอาเนญชะ. ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า เป็น อาเนญชสัปปายปฏิปทาข้อที่สอง. ข้อที่สาม ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก : อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นโดยประจักษ์ ดังนี้ว่า “กามและกามสัญญา อันเป็นไปในทิฏฐธรรมและเป็นไปในสัมปรายะก็ดี รูปและรูปสัญญา อันเป็นไปในทิฎฐธรรมและเป็นไปในสัมปรายะ ก็ดี ทั้ง สองอย่างนั้น เป็นอนิจจัง สิ่งใดเป็นอนิจจัง สิ่งนั้นไม่ควรเพื่อจะเพลิดเพลิน พร่ำสรรเสริญ สยบมัวเมา” ดังนี้. เมื่ออริยสาวกนั้น ปฏิบัติแล้วอย่างนี้ เป็นผู้มากด้วยการปฏิบัติอย่างนี้อยู่, จิตย่อมเลื่อมใสในอายตนะ. เมื่อมีจิตเลื่อมใสสมบูรณ์ เขาก็จะเข้าถึงอาเนญช (สมาบัติ) ในกาลนั้น หรือน้อมไปเพื่อปัญญา. ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย ฐานะที่พึงมีได้ก็คือ วิญญาณที่เป็นไป ก็จะเป็นวิญญาณที่เข้าถึงซึ่งภพในระดับอาเนญชะ. ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่าเป็น อาเนญชสัปปายปฏิปทาข้อที่สาม.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 924 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ยาภูมิคุ้มกันบำบัด 2141-V11 ทำมะเร็งหายทั้งร่าง! ทดลองฉีดเฉพาะจุดแต่ได้ผลทั่วร่าง — ความหวังใหม่ของผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลาม”

    ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ยาภูมิคุ้มกันบำบัดกลุ่ม CD40 agonist antibodies ถูกมองว่าเป็นความหวังใหม่ในการรักษามะเร็ง เพราะสามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้โจมตีเซลล์มะเร็งได้โดยตรง แต่ในทางปฏิบัติ กลับพบว่ามีผลข้างเคียงรุนแรง เช่น ภูมิไวเกินทั่วร่าง, เกล็ดเลือดต่ำ, และพิษต่อตับ แม้จะใช้ในขนาดต่ำก็ตาม

    จนกระทั่งในปี 2018 ห้องทดลองของ Jeffrey V. Ravetch แห่งมหาวิทยาลัย Rockefeller ได้พัฒนายา CD40 รุ่นใหม่ชื่อว่า 2141-V11 โดยปรับโครงสร้างให้จับกับตัวรับ CD40 ได้แน่นขึ้น และเพิ่มการเชื่อมโยงกับ Fc receptor เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน พร้อมเปลี่ยนวิธีการให้ยา จากเดิมที่ฉีดเข้าหลอดเลือด มาเป็นการฉีดตรงเข้าเนื้อมะเร็งโดยตรง

    ผลการทดลองในมนุษย์ระยะที่ 1 ล่าสุดเผยว่า จากผู้ป่วย 12 คนที่มีมะเร็งระยะลุกลาม เช่น เมลาโนมา มะเร็งไต และมะเร็งเต้านม พบว่า 6 คนมีขนาดก้อนมะเร็งลดลง และ 2 คนหายขาด — โดยฉีดยาเพียงแค่ก้อนเดียว แต่ก้อนอื่นในร่างกายก็หายไปด้วย

    ตัวอย่างที่น่าทึ่งคือ ผู้ป่วยเมลาโนมาที่มีมะเร็งแพร่กระจายทั่วขาและเท้า แต่หลังจากฉีดแค่ก้อนที่ต้นขา ก้อนอื่นทั้งหมดก็หายไป เช่นเดียวกับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มีมะเร็งในผิวหนัง ตับ และปอด — แต่ฉีดแค่ก้อนที่ผิวหนัง ก็ทำให้ก้อนอื่นหายไปทั้งหมด

    การตรวจเนื้อเยื่อพบว่า ภายในก้อนมะเร็งมีการรวมตัวของเซลล์ภูมิคุ้มกันหลายชนิด เช่น T cells, B cells และ dendritic cells ที่จัดเรียงตัวคล้ายโครงสร้างของต่อมน้ำเหลือง (tertiary lymphoid structures) ซึ่งเป็นสัญญาณของการตอบสนองต่อภูมิคุ้มกันที่ดี

    ผลลัพธ์นี้นำไปสู่การทดลองเพิ่มเติมในมะเร็งชนิดอื่น เช่น มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ, ต่อมลูกหมาก และ glioblastoma โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 200 คน เพื่อศึกษาว่าอะไรทำให้บางคนตอบสนองดี และบางคนไม่ตอบสนองเลย — โดยพบว่าผู้ที่หายขาดมี T cells ที่มีความหลากหลายสูงตั้งแต่ก่อนเริ่มการรักษา

    ข้อมูลจากการทดลองยา 2141-V11
    เป็น CD40 agonist antibody ที่ปรับโครงสร้างให้จับกับ Fc receptor ได้ดีขึ้น
    ฉีดตรงเข้าเนื้อมะเร็งแทนการฉีดเข้าหลอดเลือด
    ลดผลข้างเคียงรุนแรง เช่น ภูมิไวเกินและพิษต่อตับ
    กระตุ้นภูมิคุ้มกันให้โจมตีเซลล์มะเร็งได้ทั่วร่าง แม้ฉีดแค่ก้อนเดียว

    ผลลัพธ์จากการทดลองระยะที่ 1
    ผู้ป่วย 6 จาก 12 คนมีขนาดก้อนมะเร็งลดลง
    2 คนหายขาดจากมะเร็งเมลาโนมาและมะเร็งเต้านม
    พบการสร้าง tertiary lymphoid structures ภายในก้อนมะเร็ง
    เซลล์ภูมิคุ้มกันเคลื่อนที่ไปยังก้อนที่ไม่ได้ฉีดและทำลายเซลล์มะเร็ง

    การทดลองเพิ่มเติม
    ขยายการทดลองไปยังมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ, ต่อมลูกหมาก และ glioblastoma
    มีผู้เข้าร่วมกว่า 200 คนในระยะที่ 1 และ 2
    ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง T cell clonality กับการตอบสนองต่อยา
    เป้าหมายคือการเปลี่ยนผู้ไม่ตอบสนองให้กลายเป็นผู้ตอบสนอง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    CD40 เป็นตัวรับบนเซลล์ภูมิคุ้มกันที่กระตุ้นการตอบสนองแบบเฉพาะเจาะจง
    การฉีดยาเฉพาะจุดช่วยลดการกระตุ้นเซลล์ที่ไม่ใช่มะเร็ง
    FcγRIIB เป็นตัวรับที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการเชื่อมโยงภูมิคุ้มกัน
    Tertiary lymphoid structures เป็นตัวชี้วัดการตอบสนองต่อภูมิคุ้มกันที่ดี

    https://www.rockefeller.edu/news/38120-immunotherapy-drug-eliminates-aggressive-cancers-in-clinical-trial/
    🧬 “ยาภูมิคุ้มกันบำบัด 2141-V11 ทำมะเร็งหายทั้งร่าง! ทดลองฉีดเฉพาะจุดแต่ได้ผลทั่วร่าง — ความหวังใหม่ของผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลาม” ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ยาภูมิคุ้มกันบำบัดกลุ่ม CD40 agonist antibodies ถูกมองว่าเป็นความหวังใหม่ในการรักษามะเร็ง เพราะสามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้โจมตีเซลล์มะเร็งได้โดยตรง แต่ในทางปฏิบัติ กลับพบว่ามีผลข้างเคียงรุนแรง เช่น ภูมิไวเกินทั่วร่าง, เกล็ดเลือดต่ำ, และพิษต่อตับ แม้จะใช้ในขนาดต่ำก็ตาม จนกระทั่งในปี 2018 ห้องทดลองของ Jeffrey V. Ravetch แห่งมหาวิทยาลัย Rockefeller ได้พัฒนายา CD40 รุ่นใหม่ชื่อว่า 2141-V11 โดยปรับโครงสร้างให้จับกับตัวรับ CD40 ได้แน่นขึ้น และเพิ่มการเชื่อมโยงกับ Fc receptor เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน พร้อมเปลี่ยนวิธีการให้ยา จากเดิมที่ฉีดเข้าหลอดเลือด มาเป็นการฉีดตรงเข้าเนื้อมะเร็งโดยตรง ผลการทดลองในมนุษย์ระยะที่ 1 ล่าสุดเผยว่า จากผู้ป่วย 12 คนที่มีมะเร็งระยะลุกลาม เช่น เมลาโนมา มะเร็งไต และมะเร็งเต้านม พบว่า 6 คนมีขนาดก้อนมะเร็งลดลง และ 2 คนหายขาด — โดยฉีดยาเพียงแค่ก้อนเดียว แต่ก้อนอื่นในร่างกายก็หายไปด้วย ตัวอย่างที่น่าทึ่งคือ ผู้ป่วยเมลาโนมาที่มีมะเร็งแพร่กระจายทั่วขาและเท้า แต่หลังจากฉีดแค่ก้อนที่ต้นขา ก้อนอื่นทั้งหมดก็หายไป เช่นเดียวกับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มีมะเร็งในผิวหนัง ตับ และปอด — แต่ฉีดแค่ก้อนที่ผิวหนัง ก็ทำให้ก้อนอื่นหายไปทั้งหมด การตรวจเนื้อเยื่อพบว่า ภายในก้อนมะเร็งมีการรวมตัวของเซลล์ภูมิคุ้มกันหลายชนิด เช่น T cells, B cells และ dendritic cells ที่จัดเรียงตัวคล้ายโครงสร้างของต่อมน้ำเหลือง (tertiary lymphoid structures) ซึ่งเป็นสัญญาณของการตอบสนองต่อภูมิคุ้มกันที่ดี ผลลัพธ์นี้นำไปสู่การทดลองเพิ่มเติมในมะเร็งชนิดอื่น เช่น มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ, ต่อมลูกหมาก และ glioblastoma โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 200 คน เพื่อศึกษาว่าอะไรทำให้บางคนตอบสนองดี และบางคนไม่ตอบสนองเลย — โดยพบว่าผู้ที่หายขาดมี T cells ที่มีความหลากหลายสูงตั้งแต่ก่อนเริ่มการรักษา ✅ ข้อมูลจากการทดลองยา 2141-V11 ➡️ เป็น CD40 agonist antibody ที่ปรับโครงสร้างให้จับกับ Fc receptor ได้ดีขึ้น ➡️ ฉีดตรงเข้าเนื้อมะเร็งแทนการฉีดเข้าหลอดเลือด ➡️ ลดผลข้างเคียงรุนแรง เช่น ภูมิไวเกินและพิษต่อตับ ➡️ กระตุ้นภูมิคุ้มกันให้โจมตีเซลล์มะเร็งได้ทั่วร่าง แม้ฉีดแค่ก้อนเดียว ✅ ผลลัพธ์จากการทดลองระยะที่ 1 ➡️ ผู้ป่วย 6 จาก 12 คนมีขนาดก้อนมะเร็งลดลง ➡️ 2 คนหายขาดจากมะเร็งเมลาโนมาและมะเร็งเต้านม ➡️ พบการสร้าง tertiary lymphoid structures ภายในก้อนมะเร็ง ➡️ เซลล์ภูมิคุ้มกันเคลื่อนที่ไปยังก้อนที่ไม่ได้ฉีดและทำลายเซลล์มะเร็ง ✅ การทดลองเพิ่มเติม ➡️ ขยายการทดลองไปยังมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ, ต่อมลูกหมาก และ glioblastoma ➡️ มีผู้เข้าร่วมกว่า 200 คนในระยะที่ 1 และ 2 ➡️ ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง T cell clonality กับการตอบสนองต่อยา ➡️ เป้าหมายคือการเปลี่ยนผู้ไม่ตอบสนองให้กลายเป็นผู้ตอบสนอง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ CD40 เป็นตัวรับบนเซลล์ภูมิคุ้มกันที่กระตุ้นการตอบสนองแบบเฉพาะเจาะจง ➡️ การฉีดยาเฉพาะจุดช่วยลดการกระตุ้นเซลล์ที่ไม่ใช่มะเร็ง ➡️ FcγRIIB เป็นตัวรับที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการเชื่อมโยงภูมิคุ้มกัน ➡️ Tertiary lymphoid structures เป็นตัวชี้วัดการตอบสนองต่อภูมิคุ้มกันที่ดี https://www.rockefeller.edu/news/38120-immunotherapy-drug-eliminates-aggressive-cancers-in-clinical-trial/
    WWW.ROCKEFELLER.EDU
    Immunotherapy drug eliminates aggressive cancers in clinical trial - News
    The researchers demonstrate that an engineered antibody improves a class of drugs that has struggled to make good on its early promise.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 355 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเรื่องสุขภาพประชาชน ด้วยศาสตร์ต่างๆ ดังนี้
    1.ศาสตร์แพทย์แผนไทย (Traditional Thai Medicine)
    ยาเบญจโลกวิเชียร(ห้าราก),ยาขาว,ยาใบมะขาม,ยาตรีผลา,ยาจันทลีลา,ยาเขียวหอม,ยาแสงหมึก,ยาประสะจันทน์แดง,ยามหานิลแท่งทอง,ยาสิงฆาณิกา,ยาธาตุบรรจบ,ยาเหลืองปิดสมุทร,ยาธาตุอบเชย,ยาปราบชมพูทวีป,ยาประสะมะแว้ง,ยาอัมฤควาที,ยาบำรุงโลหิต,ยาเลือดงาม,ยาถ่าย,ยาชุมเห็ดเทศ,ยาธรณีสัณฑฆาต,ยาตรีหอม,ยาลม300จำพวก,ยาหอม,ยาดองมะกรูด,ยาประสะกะเพรา,ยาประสะกานพลู,ยาวิสัมพยาใหญ่,ยามันทธาตุ,ยามหาจักรใหญ่,ยาประสะเจตพังคี,ยามะฮอกกานี,ยาแก้ไอมะขามป้อม,ยาพญายอ,สมุนไพรถ่ายพยาธิต่างๆ เช่น เมล็ดฟักทอง,เมล็ดมะขาม,เมล็ดเล็บมือนาง,เมล็ดสแก,ผงปวกหาด(มะหาด),ผลมะเกลือ,ยาเปลือกมังคุด,รางจืด,ฟ้าทลายโจร,โกฐจุฬาลัมพา,พลูคาว,ใบหนุมานประสานกาย,กระชาย,กัญชา,ขมิ้นชัน,อ้อยดำ,ฝาง,ผักบุ้งแดง,ดอกเกลือ,สมุนไพร ลมปราณ,ปัตจัตตัง เป็นต้น
    2.ศาสตร์แพทย์แผนจีน (Traditional Chinese Medicine)
    ยกตัวอย่าง สมุนไพรฉั่งฉิก ยาเขียวธรรมดา ยาเขียวพิเศษชิงเฟ่ยซองสีส้ม ยาชะลอวัย ยาวาสคิวล่าร์
    ถ้าเกี่ยวกับลิ่มเลือดอุดตันใช้ยา 脑心通胶囊 เหน่า ซิน ทง
    ถ้าก้อนเนื้องอกกำเริบ ใช้温胆汤加减 เวิน ต่าน ทัง เจีย เจี่ยน และศาสตร์การฝังเข็ม เป็นต้น
    3.ศาสตร์โฮมิโอพาธีร์ (Homeophathy) ยาสกัดพลังธรมชาติ จาก พืช สัตว์ แร่ธาตุ ได้แก่ ตำรับโฮมิโอพาธีร์ต่างๆ ตำรับยาหมออมร ดังนี้ Isopathy ของวัคซีน AstraZeneca และ Sinopharm ตำรับ Benjalo แก้แพ้วัคซีนและลองโควิด,TotalTox ล้างพิษที่ตกค้างในอาหาร,RJHT ล้างพิษฟอร์มาลีนและสารเคมีการเกษตร,CKDMHT ขจัดพิษตกค้างจากสารเคมีปรุงรส,CBZA ช่วยล้างพิษสารเคมีกันบูดในอาหาร
    4.การครอบแก้ว,กรอกเลือด (Wet Cupping) เพื่อให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เอาเลือดที่
    คั่งค้างออก ซึ่งส่งผลทำให้ลดอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อและสามารถบรรเทาได้หลายโรค
    5.ศาสตร์ผสมผสาน (Integrative Medicine)
    การเหยียบดิน/หญ้า(Grounding),การอบตัว,อดอาหารเป็นระยะ(Intermittent Fasting),ศาสตร์ยา9เม็ดหมอเขียว,สวนล้างลำไส้(Enema),ล้างลำไส้แบบลึก(Colonics),Vitamin C Flush,เสียงบำบัด(Sound Therapy),ความถี่บำบัด(Frequency Therapy),ใช้แสงแดงFar Infrared,Reiki,แช่เท้า(Herbal Foot Bath),ล้างพิษตับ(Liver Compression,Castor Oil Pack,การใช้ทองแดง(Copper Tensor Rings),Crystals,การเขียนบันทึก (Journaling),Art Therapy,การทำสมาธิ Pasitive Affirmations,ฝึกการหายใจ(Breathing Exercises),การตากแดด,เข้าใกล้มังสวิรัติ,คลอรีนไดออกไซด์โซลูชัน(CDS),ไฮดรอกซีคลอโรควีน(HCQ),เมทาลีนบลู(Methylene Blue),ดินภูเขาไฟเบนโทไนท์(Bentonite Clay),ซีโอไลท์(Zeolite),ซิลเวอร์คอลลอยด์(ColloidalSilver),DMSO,ไอโอดีน(Iodine),ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์(Hydrogen Peroxide),ไอเวอร์เมคติน(Ivermectin),เฟนเบนดาโซล (Fenbendazole),แอสไพลิน(Aspirin),น้ำเสริมไฮโดรเจน(hydrogen-rich water),บอแรกซ์(Borax),นัตโตะไคเนส(Nattokinase),โบรมิเลน(Bromelain),Magnesium Antisense(แมกนีเซียมแอนไทเซนส์),เพนท็อกซิฟิลลีน(Pentoxifylline),แมกนีเซียม(Magnesium),กลูตาไธโอน(Glutathione),สังกะสี(Zinc),แอสตาแซนธิน(Astaxanthin),ซิลิมาริน(Sillymarin),กรดอัลฟาไลโปอิก(Alpha Lipoic Acid),เมลาโทนิน(Melatonin),วิตามินดี(Vitamin D),NACหรือN-Acetylcysteine,CoQ10,ซิลิเนียม(Selenium),กรดฟูลวิค(Fulvic Acid),ผักชี(coriander),มะระขี้นก(Bitter gourd),สาหร่ายเกลียวทอง (Spirulina),มิลค์ทิสเซิล(Milk Thistle-Silymarin),พริกคาเยน(Chayenne Peper),ชาเขียว(Green Tea),เห็ดถั่งเช่า(Cordyceps Mushrooms),อาติโช๊ค(Artichoke),คลอเรลลา(Chlorella),สาหร่าย Dulse,Shilajit และอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆที่โลกมี เป็นต้น

    โอเพนแชท "ล้างพิษ ยาฉีด"
    https://line.me/ti/g2/wTvY1gxHGpGKCt15sQN1jMHw02XoSC1uXsjUsQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
    ✅กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเรื่องสุขภาพประชาชน ด้วยศาสตร์ต่างๆ ดังนี้ 🧐1.ศาสตร์แพทย์แผนไทย (Traditional Thai Medicine) ยาเบญจโลกวิเชียร(ห้าราก),ยาขาว,ยาใบมะขาม,ยาตรีผลา,ยาจันทลีลา,ยาเขียวหอม,ยาแสงหมึก,ยาประสะจันทน์แดง,ยามหานิลแท่งทอง,ยาสิงฆาณิกา,ยาธาตุบรรจบ,ยาเหลืองปิดสมุทร,ยาธาตุอบเชย,ยาปราบชมพูทวีป,ยาประสะมะแว้ง,ยาอัมฤควาที,ยาบำรุงโลหิต,ยาเลือดงาม,ยาถ่าย,ยาชุมเห็ดเทศ,ยาธรณีสัณฑฆาต,ยาตรีหอม,ยาลม300จำพวก,ยาหอม,ยาดองมะกรูด,ยาประสะกะเพรา,ยาประสะกานพลู,ยาวิสัมพยาใหญ่,ยามันทธาตุ,ยามหาจักรใหญ่,ยาประสะเจตพังคี,ยามะฮอกกานี,ยาแก้ไอมะขามป้อม,ยาพญายอ,สมุนไพรถ่ายพยาธิต่างๆ เช่น เมล็ดฟักทอง,เมล็ดมะขาม,เมล็ดเล็บมือนาง,เมล็ดสแก,ผงปวกหาด(มะหาด),ผลมะเกลือ,ยาเปลือกมังคุด,รางจืด,ฟ้าทลายโจร,โกฐจุฬาลัมพา,พลูคาว,ใบหนุมานประสานกาย,กระชาย,กัญชา,ขมิ้นชัน,อ้อยดำ,ฝาง,ผักบุ้งแดง,ดอกเกลือ,สมุนไพร ลมปราณ,ปัตจัตตัง เป็นต้น 🧐2.ศาสตร์แพทย์แผนจีน (Traditional Chinese Medicine) ยกตัวอย่าง สมุนไพรฉั่งฉิก ยาเขียวธรรมดา ยาเขียวพิเศษชิงเฟ่ยซองสีส้ม ยาชะลอวัย ยาวาสคิวล่าร์ ถ้าเกี่ยวกับลิ่มเลือดอุดตันใช้ยา 脑心通胶囊 เหน่า ซิน ทง ถ้าก้อนเนื้องอกกำเริบ ใช้温胆汤加减 เวิน ต่าน ทัง เจีย เจี่ยน และศาสตร์การฝังเข็ม เป็นต้น 🧐3.ศาสตร์โฮมิโอพาธีร์ (Homeophathy) ยาสกัดพลังธรมชาติ จาก พืช สัตว์ แร่ธาตุ ได้แก่ ตำรับโฮมิโอพาธีร์ต่างๆ ตำรับยาหมออมร ดังนี้ Isopathy ของวัคซีน AstraZeneca และ Sinopharm ตำรับ Benjalo แก้แพ้วัคซีนและลองโควิด,TotalTox ล้างพิษที่ตกค้างในอาหาร,RJHT ล้างพิษฟอร์มาลีนและสารเคมีการเกษตร,CKDMHT ขจัดพิษตกค้างจากสารเคมีปรุงรส,CBZA ช่วยล้างพิษสารเคมีกันบูดในอาหาร 🧐4.การครอบแก้ว,กรอกเลือด (Wet Cupping) เพื่อให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เอาเลือดที่ คั่งค้างออก ซึ่งส่งผลทำให้ลดอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อและสามารถบรรเทาได้หลายโรค 🧐5.ศาสตร์ผสมผสาน (Integrative Medicine) การเหยียบดิน/หญ้า(Grounding),การอบตัว,อดอาหารเป็นระยะ(Intermittent Fasting),ศาสตร์ยา9เม็ดหมอเขียว,สวนล้างลำไส้(Enema),ล้างลำไส้แบบลึก(Colonics),Vitamin C Flush,เสียงบำบัด(Sound Therapy),ความถี่บำบัด(Frequency Therapy),ใช้แสงแดงFar Infrared,Reiki,แช่เท้า(Herbal Foot Bath),ล้างพิษตับ(Liver Compression,Castor Oil Pack,การใช้ทองแดง(Copper Tensor Rings),Crystals,การเขียนบันทึก (Journaling),Art Therapy,การทำสมาธิ Pasitive Affirmations,ฝึกการหายใจ(Breathing Exercises),การตากแดด,เข้าใกล้มังสวิรัติ,คลอรีนไดออกไซด์โซลูชัน(CDS),ไฮดรอกซีคลอโรควีน(HCQ),เมทาลีนบลู(Methylene Blue),ดินภูเขาไฟเบนโทไนท์(Bentonite Clay),ซีโอไลท์(Zeolite),ซิลเวอร์คอลลอยด์(ColloidalSilver),DMSO,ไอโอดีน(Iodine),ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์(Hydrogen Peroxide),ไอเวอร์เมคติน(Ivermectin),เฟนเบนดาโซล (Fenbendazole),แอสไพลิน(Aspirin),น้ำเสริมไฮโดรเจน(hydrogen-rich water),บอแรกซ์(Borax),นัตโตะไคเนส(Nattokinase),โบรมิเลน(Bromelain),Magnesium Antisense(แมกนีเซียมแอนไทเซนส์),เพนท็อกซิฟิลลีน(Pentoxifylline),แมกนีเซียม(Magnesium),กลูตาไธโอน(Glutathione),สังกะสี(Zinc),แอสตาแซนธิน(Astaxanthin),ซิลิมาริน(Sillymarin),กรดอัลฟาไลโปอิก(Alpha Lipoic Acid),เมลาโทนิน(Melatonin),วิตามินดี(Vitamin D),NACหรือN-Acetylcysteine,CoQ10,ซิลิเนียม(Selenium),กรดฟูลวิค(Fulvic Acid),ผักชี(coriander),มะระขี้นก(Bitter gourd),สาหร่ายเกลียวทอง (Spirulina),มิลค์ทิสเซิล(Milk Thistle-Silymarin),พริกคาเยน(Chayenne Peper),ชาเขียว(Green Tea),เห็ดถั่งเช่า(Cordyceps Mushrooms),อาติโช๊ค(Artichoke),คลอเรลลา(Chlorella),สาหร่าย Dulse,Shilajit และอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆที่โลกมี เป็นต้น โอเพนแชท "ล้างพิษ ยาฉีด" https://line.me/ti/g2/wTvY1gxHGpGKCt15sQN1jMHw02XoSC1uXsjUsQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1247 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอน 17
    ปลายปี พ.ศ.2552/ค.ศ.2009 มีรายงานของทูตอเมริกันในไทยระบุว่า เป็นครั้งแรกที่จิ๊กโก๋๋เสียตำแหน่งThailand ‘s top export ให้แก่จีน ซึ่งเป็นตำแหน่งที่จิ๊กโก๋๋ครองมาอยู่หลายสิบปี และเป็นไปได้ว่า ปีหน้าอาเฮียก็จะได้ตำแหน่งนี้ต่อไป….หน้าแตกละซิ
    ตัวเลขส่งออกของไทยกับอาเฮีย ในปีนั้น เป็นจำนวน 1.88 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 115%
    ตัวเลขส่งออกของไทย กับสหรัฐ ในปีนั้น เป็นจำนวน 1.56 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 13%
    และมีที่ท่าว่า ตัวเลขการเพิ่มขึ้น ระหว่างจีนกับสหรัฐ จะห่างกันมากขึ้น มากขึ้น ทุกปี ที่ปวดกระดอง จิ๊กโก๋๋ หนักเข้าไปอีกคือ รมว คลัง และผู้ว่า ธปท. ของไทยสมัยนั้น ต่างก็ชื่นชมยินดีกับการค้าขายกับจีน ว่า เป็นไปด้วยสันถวไมตรีอันดียิ่ง
    นอกเหนือจากเรื่องค้าขาย (ทุน) แล้ว เรื่องอำนาจ ก็ทำท่าจะแผ่ว
    ช่วงที่เกิดรัฐประหาร ในไทยปี พ.ศ. 2549 /ค.ศ.2006 อเมริกาก็ทำโทษไทย ยกเลิก การเงินทุนสนับ สนุน ทางทหารทุกรายการ เป็นจำนวน 24 ล้านเหรียญ
    พอเห็นสมันน้อย คอตกเพราะถูกพี่เบิ้มทำโทษ อาเฮียก็ถลามาปลอบใจ ให้สินเชื่อช่วยเหลือแก่กองทัพไทย จำนวน 49 ล้านเหรียญ
    การเอาใจสมันน้อยของจีน เป็นที่ฮือฮากัน ถึงขนาดได้ยินไปถึงหูพี่เบิ้มว่า ทหารใหญ่ท่านหนึ่งของไทย (อย่าให้ผมเอ่ยชื่อเลยนะ ตอนนี้รู้สึก มีคนอยากชวนไปเที่ยวหลายคนแล้ว!) บอกว่า คุยกับจีนสบายใจกว่าอเมริกาที่เอาแต่พูดเรื่องที่ตัวสนใจเช่น เรื่องสิทธิมนุษยชน และการส่งเสริมประชาธิปไตย
    นี่ ยังไม่นับ เรื่องการซื้ออาวุธที่สมันน้อย ทำเป็นลืมสัญญา ไปจับมือกับเจ้าอื่นแทน ช่วงที่พี่เบิ้มตัดทุนสนับสนุน แหม เรื่องมัน เดิมๆ ซ้ำซาก แล้วยังงี้ จิ๊กโก๋๋จะทนทำเฉย ไหวหรือ
    รู้จักภูมิศาสตร์ของจีนก่อน นักอ่านนิทานครับ จะอ่านนิทานตอนนี้ให้ภาพชัด ต้องไปหาแผนที่มาดูประกอบ
    จีนตั้งอยู่บนเอเซียตะวันออก ฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก มีพื้นที่ดินประมาณ 9.6 ล้านตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่บนบกใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก (ใครเป็นอันดับ 1 ไปเปิดกูเกิลหาเอาเอง) มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศอื่นๆ 14 ประเทศได้แก่ เวียตนาม ลาว พม่า อินเดีย ภูฐาน เนปาล ปากีสถาน อัฟกานิสถาน ทาจิกิสถาน คีร์กิสถาน คาซัคสถาน รัสเซีย มองโกเลีย และเกาหลีเหนือ
    เอ แล้วไม่เห็นมันติดกับไทยแลนด์ตรงไหนเลยนี่ แล้วพวกจิ๊กโก๋๋จะเข้าไปล่วงตับจีนผ่านไทยได้ยังไงหว่า น่าสงสัยนะ
    ก็น่าสงสัยอยู่หรอก ถ้ามัวแต่ดูข่าวจากช่องที่ถนัดแต่ เอาละคร เรื่องคุณชาย เรื่องแม่ลำยง ลำยอง มาเล่นฯลฯ มันจะไปรู้ได้ยังไง ต้องอ่านนิทานของเรานี่แหละ ถึงจะได้เห็นโลกกว้าง ทางลึกกันบ้าง
    กลับมาดูประเทศไทย อาณาเขตติดกับประเทศอะไรบ้าง อันนี้ถ้าไม่รู้ เลิกเล่านิทานจริงๆ นะ ลองถามตัวเองดู หลังจากเห็นภูมิศาสตร์อาณาเขตประเทศจีน และประเทศไทยดูแล้ว ทำไมสหรัฐถึงจำเป็นต้องมานั่งประทับทรงอยู่ในไทยแลนด์
    ย้อนดูจีนอีกที ไอ้14 ประเทศที่ติดกับจีนน่ะ มีส่วนที่ติดกับ พวกแก๊ง BRICS คือ อินเดีย รัสเซีย และจิ๊กโก๋๋ที่ตัวเล็ก แต่พูดกันไม่รู้เรื่องคือเกาหลีเหนือ อยู่ด้วย
    เพราะฉะนั้น ไปยุ่งกับประเทศแถวนั้นเขาได้ไหม หาเรื่องใส่ตัว เอาพวกที่ที่เหลือที่ปั่นหัวง่ายไม่ ดีหรือ ก็คือ เวียตนาม ลาว พม่า ลาวนั้นอเมริกาครอบงำ ตั้งแต่สมัยสงครามเวียตนาม แล้วไม่เคยปล่อยฝาครอบอีกเลย แทรกแซงตะแบงอุ้มสารพัด จนทุกวันนี้ยังตามเรื่องลาวอพยพ หรือมั้ง ที่อเมริกามาฝากไทยดูแลไว้ ตั้งแต่หลังสงครามเวียตนาม ก็ยังไม่จบสิ้น ขณะนี้พวกม้ง อพยพนี้ ขึ้นกับใครเป็นภาระของใคร ต้องไปถาม กอ.รมน.
    ส่วนเวียตนามนั้น มันก็เหลือเชื่อ จากที่รบกันจะเป็นจะตาย ฉิบหายกระเป๋าฉีกบ้านช่องวินาศสันตะโรกันไปค่อนโลกกว่า 15 ปี ตอนนี้หันมาจูบปากค้าขายกันเรียบร้อย แล้วพวกเราไม่สงสัยกันบ้างหรือจ้ะว่ามันอะไรกัน รบจริง รักจริง
    แบบนี้พวกสมันน้อยไม่ทันเขาหร๊อก! หมดห่วงเรื่องลาวกับเวียตนาม ก็เหลือพม่า
    เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตอนที่อเมริกาเริ่มจะกลับมาภูมิภาคนี้ เพื่อมาเฝ้าระวังจีน หนทางที่จะเข้าพม่าไม่มีเลย คุณน้าอองซานได้แต่เอาดอกไม้แซมผม นั่งเอี้ยมเฟี้ยมถูกกักตัวอยู่แต่ในบ้าน แล้วจิ๊กโก๋๋จะไปคุยกับใคร
    อ้า! มาแล้ว งั้นก็ต้องคุยกับไทยแลนด์ ที่มีดินแดนติดทั้ง เขมร ลาว และพม่าไง เข้าใจหรือยัง ย้อนไปอ่านตอนต้น ที่เล่าสมัยเหตุการณ์ ร.ศ.112 ก็เหมือนกันเป๊ะ
    ไอ้จิ๊กโก๋๋รุ่นเก๋า อังกฤษ ฝรั่งเศส คิดยังไง ทำยังไง จิ๊กโก๋๋รุ่นใหม่ ก็คิดเหมือนเดิมนั่นแหละ ก็บอกแล้ว มัน3 เกลอหัวแข็ง ผลัดกันเล่น ผลัดกันตี ลืมไปแล้วหรือไร ไม่มีอะไรแปลกใหม่
    ถ้าอเมริกามาประทับทรงคุมทุกอย่างในไทยแลนด์ได้เหมือนเดิม การจะจับตามอง ส่องกล้องดูอาเฮีย ขยับแข้งรำมวยจีน มันก็ไม่น่ามีปัญหา อาเฮียก็ต้องคิดหนักนะ อย่าลืมเรื่องมณฑลยูนาน ดอยตุง ดาวเทียมไทยคม อู่ตะเภา 4 เรื่องนี่มันเกี่ยวกันนะ เล่ามากกว่านี้เดี๋ยวถูกจับ
    เมื่อปี ค.ศ.1999 สมัยรัฐบาลบุช (Bush) ตัวพ่อ อเมริกาเห็นจีนเริ่มโต ชักไม่พอใจ แต่ตัวเองกำลังกระเป๋าแฟบ เศรษฐกิจไม่ดี ก็ยังอยากต้มให้จีนมาลงทุนใช้เป็นตลาด เพราะฉะนั้น นโยบายสหรัฐกับจีน ช่วงนั้นก็ยังเป็นคบๆ ค้าๆ อะไรทำนองนั้น แต่ภาษาการทูตของเขาก็บอกเฝ้าระวัง ช่างใช้คำพูดจริง
    ผ่านไป 10 ปี อาเฮีย รัศมีเงินจับ มีพลเมืองเป็นเศรษฐีเพิ่มขึ้น จนพวกหัวทองชักอิจฉาเปลี่ยนจากตาสีฟ้าเป็นตาสีเขียว อาเฮียเริ่มสร้างบ้าน แปลงเมือง ปรับปรุงกองทัพ พัฒนาการกว้างไกล ถนนทุกสายมุ่งสู่ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้
    แล้วจิ๊กโก๋๋จะทนได้ไง แบบนี้ไอ้คบๆ ค้าๆ มันก็ต้องเปลี่ยนเป็น ค้าๆ คุมๆ ยิ่งวันก็ยิ่งหนักไปทางคุมเข้ม นโยบายสูตร containment ก็เริ่มเข้มขึ้นเพราะฉะนั้น แค่เอาพวกมาฝึกคอบบร้า โกลด์ (Cobra Gold) กับไทยแลนด์เฉยๆ น่ะ มันถ้าจะไม่พอแล้วมั้ง

    คนเล่านิทาน
    ตอน 17 ปลายปี พ.ศ.2552/ค.ศ.2009 มีรายงานของทูตอเมริกันในไทยระบุว่า เป็นครั้งแรกที่จิ๊กโก๋๋เสียตำแหน่งThailand ‘s top export ให้แก่จีน ซึ่งเป็นตำแหน่งที่จิ๊กโก๋๋ครองมาอยู่หลายสิบปี และเป็นไปได้ว่า ปีหน้าอาเฮียก็จะได้ตำแหน่งนี้ต่อไป….หน้าแตกละซิ ตัวเลขส่งออกของไทยกับอาเฮีย ในปีนั้น เป็นจำนวน 1.88 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 115% ตัวเลขส่งออกของไทย กับสหรัฐ ในปีนั้น เป็นจำนวน 1.56 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 13% และมีที่ท่าว่า ตัวเลขการเพิ่มขึ้น ระหว่างจีนกับสหรัฐ จะห่างกันมากขึ้น มากขึ้น ทุกปี ที่ปวดกระดอง จิ๊กโก๋๋ หนักเข้าไปอีกคือ รมว คลัง และผู้ว่า ธปท. ของไทยสมัยนั้น ต่างก็ชื่นชมยินดีกับการค้าขายกับจีน ว่า เป็นไปด้วยสันถวไมตรีอันดียิ่ง นอกเหนือจากเรื่องค้าขาย (ทุน) แล้ว เรื่องอำนาจ ก็ทำท่าจะแผ่ว ช่วงที่เกิดรัฐประหาร ในไทยปี พ.ศ. 2549 /ค.ศ.2006 อเมริกาก็ทำโทษไทย ยกเลิก การเงินทุนสนับ สนุน ทางทหารทุกรายการ เป็นจำนวน 24 ล้านเหรียญ พอเห็นสมันน้อย คอตกเพราะถูกพี่เบิ้มทำโทษ อาเฮียก็ถลามาปลอบใจ ให้สินเชื่อช่วยเหลือแก่กองทัพไทย จำนวน 49 ล้านเหรียญ การเอาใจสมันน้อยของจีน เป็นที่ฮือฮากัน ถึงขนาดได้ยินไปถึงหูพี่เบิ้มว่า ทหารใหญ่ท่านหนึ่งของไทย (อย่าให้ผมเอ่ยชื่อเลยนะ ตอนนี้รู้สึก มีคนอยากชวนไปเที่ยวหลายคนแล้ว!) บอกว่า คุยกับจีนสบายใจกว่าอเมริกาที่เอาแต่พูดเรื่องที่ตัวสนใจเช่น เรื่องสิทธิมนุษยชน และการส่งเสริมประชาธิปไตย นี่ ยังไม่นับ เรื่องการซื้ออาวุธที่สมันน้อย ทำเป็นลืมสัญญา ไปจับมือกับเจ้าอื่นแทน ช่วงที่พี่เบิ้มตัดทุนสนับสนุน แหม เรื่องมัน เดิมๆ ซ้ำซาก แล้วยังงี้ จิ๊กโก๋๋จะทนทำเฉย ไหวหรือ รู้จักภูมิศาสตร์ของจีนก่อน นักอ่านนิทานครับ จะอ่านนิทานตอนนี้ให้ภาพชัด ต้องไปหาแผนที่มาดูประกอบ จีนตั้งอยู่บนเอเซียตะวันออก ฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก มีพื้นที่ดินประมาณ 9.6 ล้านตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่บนบกใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก (ใครเป็นอันดับ 1 ไปเปิดกูเกิลหาเอาเอง) มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศอื่นๆ 14 ประเทศได้แก่ เวียตนาม ลาว พม่า อินเดีย ภูฐาน เนปาล ปากีสถาน อัฟกานิสถาน ทาจิกิสถาน คีร์กิสถาน คาซัคสถาน รัสเซีย มองโกเลีย และเกาหลีเหนือ เอ แล้วไม่เห็นมันติดกับไทยแลนด์ตรงไหนเลยนี่ แล้วพวกจิ๊กโก๋๋จะเข้าไปล่วงตับจีนผ่านไทยได้ยังไงหว่า น่าสงสัยนะ ก็น่าสงสัยอยู่หรอก ถ้ามัวแต่ดูข่าวจากช่องที่ถนัดแต่ เอาละคร เรื่องคุณชาย เรื่องแม่ลำยง ลำยอง มาเล่นฯลฯ มันจะไปรู้ได้ยังไง ต้องอ่านนิทานของเรานี่แหละ ถึงจะได้เห็นโลกกว้าง ทางลึกกันบ้าง กลับมาดูประเทศไทย อาณาเขตติดกับประเทศอะไรบ้าง อันนี้ถ้าไม่รู้ เลิกเล่านิทานจริงๆ นะ ลองถามตัวเองดู หลังจากเห็นภูมิศาสตร์อาณาเขตประเทศจีน และประเทศไทยดูแล้ว ทำไมสหรัฐถึงจำเป็นต้องมานั่งประทับทรงอยู่ในไทยแลนด์ ย้อนดูจีนอีกที ไอ้14 ประเทศที่ติดกับจีนน่ะ มีส่วนที่ติดกับ พวกแก๊ง BRICS คือ อินเดีย รัสเซีย และจิ๊กโก๋๋ที่ตัวเล็ก แต่พูดกันไม่รู้เรื่องคือเกาหลีเหนือ อยู่ด้วย เพราะฉะนั้น ไปยุ่งกับประเทศแถวนั้นเขาได้ไหม หาเรื่องใส่ตัว เอาพวกที่ที่เหลือที่ปั่นหัวง่ายไม่ ดีหรือ ก็คือ เวียตนาม ลาว พม่า ลาวนั้นอเมริกาครอบงำ ตั้งแต่สมัยสงครามเวียตนาม แล้วไม่เคยปล่อยฝาครอบอีกเลย แทรกแซงตะแบงอุ้มสารพัด จนทุกวันนี้ยังตามเรื่องลาวอพยพ หรือมั้ง ที่อเมริกามาฝากไทยดูแลไว้ ตั้งแต่หลังสงครามเวียตนาม ก็ยังไม่จบสิ้น ขณะนี้พวกม้ง อพยพนี้ ขึ้นกับใครเป็นภาระของใคร ต้องไปถาม กอ.รมน. ส่วนเวียตนามนั้น มันก็เหลือเชื่อ จากที่รบกันจะเป็นจะตาย ฉิบหายกระเป๋าฉีกบ้านช่องวินาศสันตะโรกันไปค่อนโลกกว่า 15 ปี ตอนนี้หันมาจูบปากค้าขายกันเรียบร้อย แล้วพวกเราไม่สงสัยกันบ้างหรือจ้ะว่ามันอะไรกัน รบจริง รักจริง แบบนี้พวกสมันน้อยไม่ทันเขาหร๊อก! หมดห่วงเรื่องลาวกับเวียตนาม ก็เหลือพม่า เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตอนที่อเมริกาเริ่มจะกลับมาภูมิภาคนี้ เพื่อมาเฝ้าระวังจีน หนทางที่จะเข้าพม่าไม่มีเลย คุณน้าอองซานได้แต่เอาดอกไม้แซมผม นั่งเอี้ยมเฟี้ยมถูกกักตัวอยู่แต่ในบ้าน แล้วจิ๊กโก๋๋จะไปคุยกับใคร อ้า! มาแล้ว งั้นก็ต้องคุยกับไทยแลนด์ ที่มีดินแดนติดทั้ง เขมร ลาว และพม่าไง เข้าใจหรือยัง ย้อนไปอ่านตอนต้น ที่เล่าสมัยเหตุการณ์ ร.ศ.112 ก็เหมือนกันเป๊ะ ไอ้จิ๊กโก๋๋รุ่นเก๋า อังกฤษ ฝรั่งเศส คิดยังไง ทำยังไง จิ๊กโก๋๋รุ่นใหม่ ก็คิดเหมือนเดิมนั่นแหละ ก็บอกแล้ว มัน3 เกลอหัวแข็ง ผลัดกันเล่น ผลัดกันตี ลืมไปแล้วหรือไร ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ถ้าอเมริกามาประทับทรงคุมทุกอย่างในไทยแลนด์ได้เหมือนเดิม การจะจับตามอง ส่องกล้องดูอาเฮีย ขยับแข้งรำมวยจีน มันก็ไม่น่ามีปัญหา อาเฮียก็ต้องคิดหนักนะ อย่าลืมเรื่องมณฑลยูนาน ดอยตุง ดาวเทียมไทยคม อู่ตะเภา 4 เรื่องนี่มันเกี่ยวกันนะ เล่ามากกว่านี้เดี๋ยวถูกจับ เมื่อปี ค.ศ.1999 สมัยรัฐบาลบุช (Bush) ตัวพ่อ อเมริกาเห็นจีนเริ่มโต ชักไม่พอใจ แต่ตัวเองกำลังกระเป๋าแฟบ เศรษฐกิจไม่ดี ก็ยังอยากต้มให้จีนมาลงทุนใช้เป็นตลาด เพราะฉะนั้น นโยบายสหรัฐกับจีน ช่วงนั้นก็ยังเป็นคบๆ ค้าๆ อะไรทำนองนั้น แต่ภาษาการทูตของเขาก็บอกเฝ้าระวัง ช่างใช้คำพูดจริง ผ่านไป 10 ปี อาเฮีย รัศมีเงินจับ มีพลเมืองเป็นเศรษฐีเพิ่มขึ้น จนพวกหัวทองชักอิจฉาเปลี่ยนจากตาสีฟ้าเป็นตาสีเขียว อาเฮียเริ่มสร้างบ้าน แปลงเมือง ปรับปรุงกองทัพ พัฒนาการกว้างไกล ถนนทุกสายมุ่งสู่ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ แล้วจิ๊กโก๋๋จะทนได้ไง แบบนี้ไอ้คบๆ ค้าๆ มันก็ต้องเปลี่ยนเป็น ค้าๆ คุมๆ ยิ่งวันก็ยิ่งหนักไปทางคุมเข้ม นโยบายสูตร containment ก็เริ่มเข้มขึ้นเพราะฉะนั้น แค่เอาพวกมาฝึกคอบบร้า โกลด์ (Cobra Gold) กับไทยแลนด์เฉยๆ น่ะ มันถ้าจะไม่พอแล้วมั้ง คนเล่านิทาน
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 687 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้อมูลที่คุณต้องรู้ ก่อนฉีดวัคซีนใดๆ
    ความเสียหายทางระบบประสาทจากวัคซีนได้รับการบันทึกมานานกว่า 200 ปี
    https://expose-news.com/2025/07/02/neurological-damage-from-vaccines/
    วัคซีนไข้หวัดใหญ่จำเป็นจริงหรือ?
    https://www.facebook.com/share/p/1BVHA1t4me/
    วัคซีนงูสวัด จำเป็นแค่ไหน?
    https://www.facebook.com/share/p/1CcF8xosgf/
    วัคซีนฝีดาษลิง จำเป็นแค่ไหน?
    https://www.facebook.com/share/p/1CSQHJ763n/
    ข้อมูลอันตรายของวัคซีนมะเร็งปากมดลูก HPV
    https://www.facebook.com/share/p/1FvDtVqa3N/
    วัคซีนป้องกันบาดทะยักอาจอันตรายถึงชีวิต
    https://expose-news.com/2025/06/02/tetanus-vaccines-can-cause-harm-even-death/
    วัคซีนป้องกันไวรัส RSV (ติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนและส่วนล่าง) ปลอดภัยจริงหรือ
    https://www.facebook.com/share/p/1HQToxr4DM/
    วัคซีนไอกรน ตรรกะวิบัติสร้างความกลัว
    https://www.tiktok.com/@adithepchawla01/video/7437361882270272775?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7359944913523705351
    https://t.me/goodthaidoctorclip/1587
    วัคซีนป้องกันมะเร็งตัวใหม่ชนิด มรณา mRNA ก็จะยังคงกระจายตัวไปตามอวัยวะต่างๆ และก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อหัวใจ
    เทเลแกรม : Mel Gibson https://t.me/RYhGQIPoxmOTk0/402
    https://www.facebook.com/61569418676886/videos/1477875523214599
    วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีปลอดภัยและจำเป็นจริงหรือ?
    https://www.facebook.com/share/p/1BBG9G8ZaS/
    เส้นเลือด ตีบ แตก หลังฉีดวัคซีนโควิด
    https://www.facebook.com/share/p/1FMv6fvTTx/
    กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหลัง​จากมีการฉีดวัคซีน​โควิด
    https://www.facebook.com/share/p/1BC2kyWTx7/
    มะเร็งเกิดขึ้นหรือถูกกระตุ้นให้กลับมาหลังฉีดวัคซีนโควิด
    https://www.facebook.com/share/p/19coWy5tEV/
    ออทิสติคส์ ความจริงที่ถูกปิดกั้น
    https://www.facebook.com/share/p/1Cwnup2WRN/
    วัคซีนเล่มสีชมพู – ดร. เชอร์รี เทนเพนนี
    https://www.rookon.com/?p=1112
    หมอคานาดา ออกมาพูดเรื่อง การเสียชีวิตของทารกน้อยในครรภ์หลังจากที่แม่ได้รับวัkซีu https://www.bitchute.com/video/wSPhikTOBEZr/
    วัคซีนทำให้แท้ง ไปสะสมที่รังไข่และสมองของแม่ และส่งผลต่อทารกในครรภ์
    https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122114049056647289/?
    เด็กและคนท้องไม่ต้องฉีดโควิด โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ของสหรัฐฯ ประกาศ 27พ.ค.2568
    https://www.facebook.com/photo/?fbid=1121646353337011&set=a.407239901444330
    งานวิจัยหลากหลายชิ้น คอนเฟิร์มว่าเด็กที่ฉีดวัคซีน จะป่วยและเป็นโรคได้มากกว่าเด็กที่ไม่ได้ฉีดเลยหลายเท่า
    https://www.facebook.com/share/p/16LRcRdzGv/
    เมื่อลูกสาวเจ้าพ่อวัคซีนไม่เคยรับวัคซีนทุกชนิด
    https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122113737374647289/?
    เด็กที่ไม่ฉีดวัคซีนต่างๆสุขภาพดีกว่า
    https://www.facebook.com/61569418676886/posts/pfbid02JmQX1hm7PR6MN6YUTTHrJ5PcZoEH3KoVVqBwtdmY9m17HAxqH4yunYDFHTevfn9Ml/?
    https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122113613522647289/?
    อย่าให้เด็กรับวัคซีนหากคุณไม่ได้ดูข้อมูลนี้
    https://www.facebook.com/share/p/1FHoBGKg3S/
    รวบรวมโดย
    ทีมแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    ✍️ข้อมูลที่คุณต้องรู้ ก่อนฉีดวัคซีนใดๆ ✅ ความเสียหายทางระบบประสาทจากวัคซีนได้รับการบันทึกมานานกว่า 200 ปี https://expose-news.com/2025/07/02/neurological-damage-from-vaccines/ ✅ วัคซีนไข้หวัดใหญ่จำเป็นจริงหรือ? https://www.facebook.com/share/p/1BVHA1t4me/ ✅ วัคซีนงูสวัด จำเป็นแค่ไหน? https://www.facebook.com/share/p/1CcF8xosgf/ ✅ วัคซีนฝีดาษลิง จำเป็นแค่ไหน? https://www.facebook.com/share/p/1CSQHJ763n/ ✅ ข้อมูลอันตรายของวัคซีนมะเร็งปากมดลูก HPV https://www.facebook.com/share/p/1FvDtVqa3N/ ✅ วัคซีนป้องกันบาดทะยักอาจอันตรายถึงชีวิต https://expose-news.com/2025/06/02/tetanus-vaccines-can-cause-harm-even-death/ ✅ วัคซีนป้องกันไวรัส RSV (ติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนและส่วนล่าง) ปลอดภัยจริงหรือ https://www.facebook.com/share/p/1HQToxr4DM/ ✅ วัคซีนไอกรน ตรรกะวิบัติสร้างความกลัว https://www.tiktok.com/@adithepchawla01/video/7437361882270272775?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7359944913523705351 https://t.me/goodthaidoctorclip/1587 ✅วัคซีนป้องกันมะเร็งตัวใหม่ชนิด มรณา mRNA ก็จะยังคงกระจายตัวไปตามอวัยวะต่างๆ และก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อหัวใจ เทเลแกรม : Mel Gibson https://t.me/RYhGQIPoxmOTk0/402 https://www.facebook.com/61569418676886/videos/1477875523214599 ✅วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีปลอดภัยและจำเป็นจริงหรือ? https://www.facebook.com/share/p/1BBG9G8ZaS/ ✅ เส้นเลือด ตีบ แตก หลังฉีดวัคซีนโควิด https://www.facebook.com/share/p/1FMv6fvTTx/ ✅ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหลัง​จากมีการฉีดวัคซีน​โควิด https://www.facebook.com/share/p/1BC2kyWTx7/ ✅ มะเร็งเกิดขึ้นหรือถูกกระตุ้นให้กลับมาหลังฉีดวัคซีนโควิด https://www.facebook.com/share/p/19coWy5tEV/ ✅ ออทิสติคส์ ความจริงที่ถูกปิดกั้น https://www.facebook.com/share/p/1Cwnup2WRN/ ✅ วัคซีนเล่มสีชมพู – ดร. เชอร์รี เทนเพนนี https://www.rookon.com/?p=1112 ✅ หมอคานาดา ออกมาพูดเรื่อง การเสียชีวิตของทารกน้อยในครรภ์หลังจากที่แม่ได้รับวัkซีu https://www.bitchute.com/video/wSPhikTOBEZr/ ✅ วัคซีนทำให้แท้ง ไปสะสมที่รังไข่และสมองของแม่ และส่งผลต่อทารกในครรภ์ https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122114049056647289/? ✅ เด็กและคนท้องไม่ต้องฉีดโควิด โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ของสหรัฐฯ ประกาศ 27พ.ค.2568 https://www.facebook.com/photo/?fbid=1121646353337011&set=a.407239901444330 ✅ งานวิจัยหลากหลายชิ้น คอนเฟิร์มว่าเด็กที่ฉีดวัคซีน จะป่วยและเป็นโรคได้มากกว่าเด็กที่ไม่ได้ฉีดเลยหลายเท่า https://www.facebook.com/share/p/16LRcRdzGv/ ✅ เมื่อลูกสาวเจ้าพ่อวัคซีนไม่เคยรับวัคซีนทุกชนิด https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122113737374647289/? ✅ เด็กที่ไม่ฉีดวัคซีนต่างๆสุขภาพดีกว่า https://www.facebook.com/61569418676886/posts/pfbid02JmQX1hm7PR6MN6YUTTHrJ5PcZoEH3KoVVqBwtdmY9m17HAxqH4yunYDFHTevfn9Ml/? https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122113613522647289/? ✅ อย่าให้เด็กรับวัคซีนหากคุณไม่ได้ดูข้อมูลนี้ https://www.facebook.com/share/p/1FHoBGKg3S/ รวบรวมโดย ทีมแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 882 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

    เดือนนี้ ผู้ใหญ่ลุแก่อำนาจ เกิดการแก่งแย่งภายใน ไม่ดีต่อคนหนุ่มหรือลูกชายคนโต มีความเจริญก้าวหน้าช้า มีการแข่งขันเป็นการใหญ่ มีเรื่องให้ไม่สบายใจต้องอดกลั้นอดทน ลูกน้องและบริวารจะสร้างแต่ปัญหา สร้าง ความปั่นป่วนให้แก่องค์กร จะได้รับเอกสารการทวงถามหนี้ มีคดีความอยู่ควรจะเจรจาพยายามรอมชอม จะได้ ไม่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลให้เกิดเป็นกังวล ระวังของรักของหวงจะสูญหาย เพราะผู้รักษาความปลอดภัยจะถูกโจร หลอกให้ร่วมมือ ผู้ใหญ่ในบ้านจะได้รับบาดเจ็บ ลื่นหกล้ม ของหล่นใส่ มือเท้าเจ็บเพราะเครื่องจักร ของมีคม จะปวดเมื่อย เส้นเอ็น เส้นประสาท โรคตับ จะประสบพบอุบัติเหตุทางรถยนต์ระหว่างการเดินทาง

    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    ประตูเปิดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เดือนนี้ ผู้ใหญ่ลุแก่อำนาจ เกิดการแก่งแย่งภายใน ไม่ดีต่อคนหนุ่มหรือลูกชายคนโต มีความเจริญก้าวหน้าช้า มีการแข่งขันเป็นการใหญ่ มีเรื่องให้ไม่สบายใจต้องอดกลั้นอดทน ลูกน้องและบริวารจะสร้างแต่ปัญหา สร้าง ความปั่นป่วนให้แก่องค์กร จะได้รับเอกสารการทวงถามหนี้ มีคดีความอยู่ควรจะเจรจาพยายามรอมชอม จะได้ ไม่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลให้เกิดเป็นกังวล ระวังของรักของหวงจะสูญหาย เพราะผู้รักษาความปลอดภัยจะถูกโจร หลอกให้ร่วมมือ ผู้ใหญ่ในบ้านจะได้รับบาดเจ็บ ลื่นหกล้ม ของหล่นใส่ มือเท้าเจ็บเพราะเครื่องจักร ของมีคม จะปวดเมื่อย เส้นเอ็น เส้นประสาท โรคตับ จะประสบพบอุบัติเหตุทางรถยนต์ระหว่างการเดินทาง ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 374 มุมมอง 0 รีวิว

  • ตอน 13
    มีคนมากระตุกแขนนิดๆ เอ! แล้ว พี่เบิ้มเขาทำไมเปลี๊ยนไป จากยุ่งกะสมันน้อยถึงขนาดเอาลงเปลเห่กล่อม แล้วช่วงนี้เขาหายไปไหนล่ะลุง ก็บอก แล้วไง พี่เบิ้มเขาเป็นจิ๊กโก๋๋ปากซอย ซอยไทยแลนด์นี้ เขาคุมเบ็ดเสร็จแล้ว วางแผนแล้วว่า ต้องมีวินมอเตอร์ไซด์ ตรงไหน คิวเป็นอย่างไร เขาไม่อยู่ใครดูแลแทน เส้นทางเป็นอย่างไร เก็บเงินอย่างไร ใครมาเบ่ง ตีหัวมันอย่างไร เจอสาวสวยนุ่งกระโปรงสั้นให้นั่งฟรีได้ไหม จัดไว้หมด ว่าแล้วก็ขยายไปดูซอยอื่น
    เวลาพี่เบิ้มเขาไปยุ่งกับภูมิภาคอื่น จะสังเกตง่าย ๆ ไปอยู่ที่ไหน ความ ฉ ห ก็เกิดขึ้นแถวนั้นแหละ เพราะอเมริกาหากินหรืออยู่ได้ด้วย 2 กรรมวิธี
    อย่างแรก ขโมยทรัพยากรชาวบ้าน (จิ๊กโก๋๋ขี้ขโมย)
    อย่างที่สอง สร้างสงครามเพื่อขายอาวุธ (จิ๊กโก๋๋ชวนตี)
    และทั้ง 2 เรื่อง มันก็โยงกัน
    ขบวนการก็ไม่ยาก หาเรื่องไปทะเลาะกับชาวบ้าน หรือหาเรื่องให้คนในบ้านทะเลาะกันเอง มีแค่นี้แหละ ดูไม่ยากหรอกเช่น กรณีสหภาพโซเวียต ก็ใช้วิธีปิดล้อมโซเวียต ยุโรปตะวันออก จนในที่สุดกำแพง เบอร์ลินทะลายในปี ค.ศ.1989
    สหภาพโซเวียตล่ม แตกกระจุย แล้วก็รบกันเอง จากเป็นสหภาพโซเวียต ท้ายสุดแตกเป็นหลายสิบประเทศ จนจำชื่อไม่ไหว เล่นเอาพี่เบิ้มผลิตอาวุธไป หัวร่อไป ขายแทบไม่ทัน
    สำหรับคุณอาแถวทะเลทราย พี่เบิ้มก็ยุแยง ทำให้แตกกัน วุ่นวายกัน ทะเลาะกันเองเพราะ พี่เบิ้มคิดจะขโมยน้ำมันเขา เลยใช้วิธีกล่าวหาว่าบ้านโน้นหักหลังบ้านนี้ บ้านนี้สะสมอาวุธ สารพัดจะโกหก
    แต่มันก็ได้ผลนะ อิหร่านรบกับอิรัก อิรักรบกับคูเวต อียิปต์ทะเลาะกับอิสราเอล อิสราเอลทะเลาะกับเลบานอน ซีเรียทะเลาะกันเอง ปาเลสไตน์ทะเลาะกับอิสราเอล ตุรกีทะเลาะกับอิหร่าน ตอนนี้อียิปต์กลับมาทะเลาะกันเองอีกฯลฯ
    เป็นไงฝีมือพี่เบิ้มไหม เข้าไปที่ไหนฉิบหายที่นั่น
    ยังไม่พอ เสือกต่อไปยุ่งแถวอเมริกาใต้ อาฟริกา วุ่นไปถึงอาฟกานิสถาน อันสุดท้ายนี้น่าสงสารมาก ประชาชนเขาจนจะตายอยู่แล้ว ยังไปทำให้เขาแตกแยก เพื่อฉวยโอกาสยึดทรัพยากรเขาอย่างหน้าด้านๆ ชั่วได้ใจจริงๆ
    ตัวอย่างที่เห็นชัดหมาดๆ คือ อิรัก หาว่าเขามีนิวเคลียร์ พี่เบิ้มยืนเท้ากระเอว ชี้นิ้วสั่งให้ UN ส่งคนไปตรวจไปดูเดี๋ยวนี้นะ CNN ก็ประโคมทำข่าวรายงานการตรวจทุกวัน แต่ผลปรากฏว่าไม่เจออะไรในก่อไผ่
    พี่เบิ้มเสียหน้า แก้เกี้ยว ยกทัพไปจับ ตั๊กกะแตนเองเลย รบไป 8 ปี อิรักฉิบหายทั้งประเทศ มีผู้ลี้ภัยหนีไปนอกประเทศ 4.7 ล้านคน (16% ของประชาชน)
    ประชาชนพลัดถิ่นในประเทศ 2.7 ล้านคน
    เด็ก 5 ล้านคน เป็นกำพร้า (35% ของประชาชน)
    เพียงเพราะจิ๊กโก๋๋อยากได้น้ำมันเขา แล้วไง ตอนยกทัพเข้าไปอ้างว่ามีอาวุธนิวเคลียร์ ผู้นำแบบซัดดัมข่มเหงประชาชน พอเก็บซัดดัมได้ ยึดเมืองเขาแล้วเจอไหม นิวเคลียร์ที่อ้างน่ะ เจอแต่บ่อน้ำมัน!
    แบบนี้มันน่าส่งพี่ตุ๊ดตู่ กะป้าธิดาไปทวงถามความเป็นธรรมให้ประชาชนอิรักซะให้เข็ด ! แล้วท่านผู้อ่านอย่าลืมไปหาเรื่องสงครามอิรักมาอ่านต่อเป็นอุทาหรณ์นะครับ  เผื่อมันจะมาเกิดแถวนี้จะได้รู้ว่าเรื่องจริงมันเป็นยังไง
    แล้วบ้านเราล่ะ พี่เบิ้มเขาใช้วิธีไหน เข้ามาเดินกร่างอยู่ในซอย!
    ขอพูดถึงอาฟกานิสถาน ต่ออีกหน่อย เพราะเป็นเหยื่อพี่เบิ้มที่นาสงสารมาก ถูกเอาประเทศเป็นสนามรบมาเกือบ 20 ปี จนบัดนี้ยังไม่เลิก ประชาชนก็จนลง จนลง อัฟกานิสถานได้ถูกระบุอยู่ในรายงานของเพนตากอน (Pentagon) ว่า เป็นประเทศที่มีแหล่งทรัพยากรแร่ธาตุสูงสุดที่ยังเหลืออยู่ในโลก (ก็ไอ้ที่มีๆ น่ะ พวกนักล่ามันเอาไปหมดแล้ว เหลือเจ้านี้หลุดตามาได้ ก็เพราะสภาพภูมิศาสตร์ของประเทศ)
    รัสเซียเข้าไปก่อน เพราะอยู่ใกล้กว่าพี่เบิ้มอเมริกา แบบนี้มันหักหน้ากันนี้หว่า จิ๊กโก๋๋จะทนได้ยังไง ว่าแล้วก็โดดเข้าไป ไอจะปกป้องยูเอง จากการคุกคามของรัสเซีย
    บทนี้คุ้นๆ ไหม แหม! คุณโดโนแวน เอ๊ย! จอห์น เวน มาเอง อีกแล้ว
    พี่เบิ้มลงทุนฝึกอาวุธให้ชาวอาฟกัน ต่อสู้กับรัสเซีย แถมส่งมือดีไปช่วย มือดีนั้นใคร ทายถูกไม่มีรางวัล .. มือดีก็คือ พี่บิน ลาเดน ไง เอ๊ะ อย่าทำเป็นงง พี่บินมาได้ไงกัน
    พี่บิน ลาเดน เป็นเศรษฐีอยู่ซาอุ มิตรรักของอเมริกาเขาไง ซี้ย่ำปึก ไอจะไปบุกที่ไหนยูไปด้วยไม๊ ไปไหนไปกัน พี่บินถึงได้รบเก่ง แถมรู้แกวรู้แนวการรบการจิ๊กโก๋๋หมด ก็จิ๊กโก๋๋ฝึกให้เขาเองนี่นะ อาวุธก็ส่งให้จะไปโทษใคร แล้วดันมาแตกคอกันเอง หักหลังกัน ซะหลังหักแต่ไม่รู้ใครหักกว่าใคร
    คงจำกันได้ ตอนพี่เบิ้มสั่งเก็บพี่บิน ภาพพี่บินหลังโดนถล่มยับที่บ้านลับ น่าขำมาก รูปถ่ายตอนตาย วางหน้ารูปถ่ายเหมือนตอนเป็นเปี๊ยบเลย เพียงแต่หน้าเยินกว่าเท่านั้น ไม่รู้มันจะหลอกใครกัน
    เล่าไป เล่ามา เกือบลืมเรื่องสำคัญ แร่ธาตุ ที่อาฟกานิสถานมีมาก คือโปแตส ยูเรเนียม และทองคำ 2 อย่างแรก เหมาะสำหรับทำอะไร เร็ว เข้าไปกดกูเกิลดู ก็รู้
    มันเหมาะสำหรับทำทุกอย่าง เป็นสารนำในการผลิตอุตสาหกรรมและที่สำคัญเหมาะสำหรับทำระเบิดครับผม
    แล้วใครล่ะ ผลิตอาวุธ ผลิตระเบิดขาย จนรวยล้น

    คนเล่านิทาน



    เป็นเอกสาร ต้ังแต่ปี 1951 เป็นรายงานการสนทนา ระหว่าง จอมพล ป สมัยเป็น
    นายกฯ กับ นาย Edwin Stanton ฑูดเอมริกา ประจำไทย ซึ่งฑูด มีไปถึงต้นสังกัด

    ดูจากเอกสาร เหมือนอเมริกามีความเป็นห่วงไทย ว่าจะมีน้ำมันไม่พอใช้
    ดูอีกที มันเป็นการมาล้วงตับเรา เพราะบอกให้ทางไทย แสดงรายละเอียดความต้องการของน้ำมัน ของหน่วยงานของเราแต่ละหน่วย แต่ความจรืงน่าจะเพราะ กลัวน้ำมันไปตกอยู่ในมือคอมมิวนิสต์มากกว่า

    สรุป น้ำมัน เป็นประเด็นใหญ่ของจิ๊กโก๋ ต้ังกะสมัยนั้น ถึงสมัยนี้ !?!
    ๑๓-๑
     ตอน 13 มีคนมากระตุกแขนนิดๆ เอ! แล้ว พี่เบิ้มเขาทำไมเปลี๊ยนไป จากยุ่งกะสมันน้อยถึงขนาดเอาลงเปลเห่กล่อม แล้วช่วงนี้เขาหายไปไหนล่ะลุง ก็บอก แล้วไง พี่เบิ้มเขาเป็นจิ๊กโก๋๋ปากซอย ซอยไทยแลนด์นี้ เขาคุมเบ็ดเสร็จแล้ว วางแผนแล้วว่า ต้องมีวินมอเตอร์ไซด์ ตรงไหน คิวเป็นอย่างไร เขาไม่อยู่ใครดูแลแทน เส้นทางเป็นอย่างไร เก็บเงินอย่างไร ใครมาเบ่ง ตีหัวมันอย่างไร เจอสาวสวยนุ่งกระโปรงสั้นให้นั่งฟรีได้ไหม จัดไว้หมด ว่าแล้วก็ขยายไปดูซอยอื่น เวลาพี่เบิ้มเขาไปยุ่งกับภูมิภาคอื่น จะสังเกตง่าย ๆ ไปอยู่ที่ไหน ความ ฉ ห ก็เกิดขึ้นแถวนั้นแหละ เพราะอเมริกาหากินหรืออยู่ได้ด้วย 2 กรรมวิธี อย่างแรก ขโมยทรัพยากรชาวบ้าน (จิ๊กโก๋๋ขี้ขโมย) อย่างที่สอง สร้างสงครามเพื่อขายอาวุธ (จิ๊กโก๋๋ชวนตี) และทั้ง 2 เรื่อง มันก็โยงกัน ขบวนการก็ไม่ยาก หาเรื่องไปทะเลาะกับชาวบ้าน หรือหาเรื่องให้คนในบ้านทะเลาะกันเอง มีแค่นี้แหละ ดูไม่ยากหรอกเช่น กรณีสหภาพโซเวียต ก็ใช้วิธีปิดล้อมโซเวียต ยุโรปตะวันออก จนในที่สุดกำแพง เบอร์ลินทะลายในปี ค.ศ.1989 สหภาพโซเวียตล่ม แตกกระจุย แล้วก็รบกันเอง จากเป็นสหภาพโซเวียต ท้ายสุดแตกเป็นหลายสิบประเทศ จนจำชื่อไม่ไหว เล่นเอาพี่เบิ้มผลิตอาวุธไป หัวร่อไป ขายแทบไม่ทัน สำหรับคุณอาแถวทะเลทราย พี่เบิ้มก็ยุแยง ทำให้แตกกัน วุ่นวายกัน ทะเลาะกันเองเพราะ พี่เบิ้มคิดจะขโมยน้ำมันเขา เลยใช้วิธีกล่าวหาว่าบ้านโน้นหักหลังบ้านนี้ บ้านนี้สะสมอาวุธ สารพัดจะโกหก แต่มันก็ได้ผลนะ อิหร่านรบกับอิรัก อิรักรบกับคูเวต อียิปต์ทะเลาะกับอิสราเอล อิสราเอลทะเลาะกับเลบานอน ซีเรียทะเลาะกันเอง ปาเลสไตน์ทะเลาะกับอิสราเอล ตุรกีทะเลาะกับอิหร่าน ตอนนี้อียิปต์กลับมาทะเลาะกันเองอีกฯลฯ เป็นไงฝีมือพี่เบิ้มไหม เข้าไปที่ไหนฉิบหายที่นั่น ยังไม่พอ เสือกต่อไปยุ่งแถวอเมริกาใต้ อาฟริกา วุ่นไปถึงอาฟกานิสถาน อันสุดท้ายนี้น่าสงสารมาก ประชาชนเขาจนจะตายอยู่แล้ว ยังไปทำให้เขาแตกแยก เพื่อฉวยโอกาสยึดทรัพยากรเขาอย่างหน้าด้านๆ ชั่วได้ใจจริงๆ ตัวอย่างที่เห็นชัดหมาดๆ คือ อิรัก หาว่าเขามีนิวเคลียร์ พี่เบิ้มยืนเท้ากระเอว ชี้นิ้วสั่งให้ UN ส่งคนไปตรวจไปดูเดี๋ยวนี้นะ CNN ก็ประโคมทำข่าวรายงานการตรวจทุกวัน แต่ผลปรากฏว่าไม่เจออะไรในก่อไผ่ พี่เบิ้มเสียหน้า แก้เกี้ยว ยกทัพไปจับ ตั๊กกะแตนเองเลย รบไป 8 ปี อิรักฉิบหายทั้งประเทศ มีผู้ลี้ภัยหนีไปนอกประเทศ 4.7 ล้านคน (16% ของประชาชน) ประชาชนพลัดถิ่นในประเทศ 2.7 ล้านคน เด็ก 5 ล้านคน เป็นกำพร้า (35% ของประชาชน) เพียงเพราะจิ๊กโก๋๋อยากได้น้ำมันเขา แล้วไง ตอนยกทัพเข้าไปอ้างว่ามีอาวุธนิวเคลียร์ ผู้นำแบบซัดดัมข่มเหงประชาชน พอเก็บซัดดัมได้ ยึดเมืองเขาแล้วเจอไหม นิวเคลียร์ที่อ้างน่ะ เจอแต่บ่อน้ำมัน! แบบนี้มันน่าส่งพี่ตุ๊ดตู่ กะป้าธิดาไปทวงถามความเป็นธรรมให้ประชาชนอิรักซะให้เข็ด ! แล้วท่านผู้อ่านอย่าลืมไปหาเรื่องสงครามอิรักมาอ่านต่อเป็นอุทาหรณ์นะครับ  เผื่อมันจะมาเกิดแถวนี้จะได้รู้ว่าเรื่องจริงมันเป็นยังไง แล้วบ้านเราล่ะ พี่เบิ้มเขาใช้วิธีไหน เข้ามาเดินกร่างอยู่ในซอย! ขอพูดถึงอาฟกานิสถาน ต่ออีกหน่อย เพราะเป็นเหยื่อพี่เบิ้มที่นาสงสารมาก ถูกเอาประเทศเป็นสนามรบมาเกือบ 20 ปี จนบัดนี้ยังไม่เลิก ประชาชนก็จนลง จนลง อัฟกานิสถานได้ถูกระบุอยู่ในรายงานของเพนตากอน (Pentagon) ว่า เป็นประเทศที่มีแหล่งทรัพยากรแร่ธาตุสูงสุดที่ยังเหลืออยู่ในโลก (ก็ไอ้ที่มีๆ น่ะ พวกนักล่ามันเอาไปหมดแล้ว เหลือเจ้านี้หลุดตามาได้ ก็เพราะสภาพภูมิศาสตร์ของประเทศ) รัสเซียเข้าไปก่อน เพราะอยู่ใกล้กว่าพี่เบิ้มอเมริกา แบบนี้มันหักหน้ากันนี้หว่า จิ๊กโก๋๋จะทนได้ยังไง ว่าแล้วก็โดดเข้าไป ไอจะปกป้องยูเอง จากการคุกคามของรัสเซีย บทนี้คุ้นๆ ไหม แหม! คุณโดโนแวน เอ๊ย! จอห์น เวน มาเอง อีกแล้ว พี่เบิ้มลงทุนฝึกอาวุธให้ชาวอาฟกัน ต่อสู้กับรัสเซีย แถมส่งมือดีไปช่วย มือดีนั้นใคร ทายถูกไม่มีรางวัล .. มือดีก็คือ พี่บิน ลาเดน ไง เอ๊ะ อย่าทำเป็นงง พี่บินมาได้ไงกัน พี่บิน ลาเดน เป็นเศรษฐีอยู่ซาอุ มิตรรักของอเมริกาเขาไง ซี้ย่ำปึก ไอจะไปบุกที่ไหนยูไปด้วยไม๊ ไปไหนไปกัน พี่บินถึงได้รบเก่ง แถมรู้แกวรู้แนวการรบการจิ๊กโก๋๋หมด ก็จิ๊กโก๋๋ฝึกให้เขาเองนี่นะ อาวุธก็ส่งให้จะไปโทษใคร แล้วดันมาแตกคอกันเอง หักหลังกัน ซะหลังหักแต่ไม่รู้ใครหักกว่าใคร คงจำกันได้ ตอนพี่เบิ้มสั่งเก็บพี่บิน ภาพพี่บินหลังโดนถล่มยับที่บ้านลับ น่าขำมาก รูปถ่ายตอนตาย วางหน้ารูปถ่ายเหมือนตอนเป็นเปี๊ยบเลย เพียงแต่หน้าเยินกว่าเท่านั้น ไม่รู้มันจะหลอกใครกัน เล่าไป เล่ามา เกือบลืมเรื่องสำคัญ แร่ธาตุ ที่อาฟกานิสถานมีมาก คือโปแตส ยูเรเนียม และทองคำ 2 อย่างแรก เหมาะสำหรับทำอะไร เร็ว เข้าไปกดกูเกิลดู ก็รู้ มันเหมาะสำหรับทำทุกอย่าง เป็นสารนำในการผลิตอุตสาหกรรมและที่สำคัญเหมาะสำหรับทำระเบิดครับผม แล้วใครล่ะ ผลิตอาวุธ ผลิตระเบิดขาย จนรวยล้น คนเล่านิทาน เป็นเอกสาร ต้ังแต่ปี 1951 เป็นรายงานการสนทนา ระหว่าง จอมพล ป สมัยเป็น นายกฯ กับ นาย Edwin Stanton ฑูดเอมริกา ประจำไทย ซึ่งฑูด มีไปถึงต้นสังกัด ดูจากเอกสาร เหมือนอเมริกามีความเป็นห่วงไทย ว่าจะมีน้ำมันไม่พอใช้ ดูอีกที มันเป็นการมาล้วงตับเรา เพราะบอกให้ทางไทย แสดงรายละเอียดความต้องการของน้ำมัน ของหน่วยงานของเราแต่ละหน่วย แต่ความจรืงน่าจะเพราะ กลัวน้ำมันไปตกอยู่ในมือคอมมิวนิสต์มากกว่า สรุป น้ำมัน เป็นประเด็นใหญ่ของจิ๊กโก๋ ต้ังกะสมัยนั้น ถึงสมัยนี้ !?! ๑๓-๑
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 649 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันออก

    เดือนนี้ การเงินดี จะมีเงินทองเก่าเก็บที่หลงลืมไปแล้วจะกลับได้คืนมาให้ดีใจ ธุรกิจค้าขาย การทำงาน จะมี การขยับขยาย ต้องแข่งขันขัดแย้งก่อนจึงจะพบประสบความสำเร็จได้ ส่งผลให้หน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า ที่ลุ้นตำแหน่งมานานจะได้ปรับเลื่อนขั้นเพิ่มเงินเดือน ส่วนนักวิชาการจะมีตำแหน่งหน้าที่ดี จะมีผู้มีบารมีช่วย เหลือให้ได้รับตำแหน่งใหม่ๆให้มีชื่อเสียง มีเรื่องมงคลงานชื่นชมสิริมงคลในบ้าน หรือลูกหลานที่ห่างหายไปนาน จะกลับมาเยี่ยมเยียน หากขอพรจากองค์พระโพธิสัตย์กวนอิมปางอุ้มเด็ก จะได้อภิชาตบุตรอยู่ในโอวาท แต่ชอบ เอาชนะ ก้าวร้าว อารมณ์ร้าย บุรุษจะปวดตาสตรีจะปวดที่ขา รู้สึกร้อนที่แขน ขา ควรใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกาย ที่ระบบประสาทและตับ

    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    ประตูเปิดทางทิศตะวันออก เดือนนี้ การเงินดี จะมีเงินทองเก่าเก็บที่หลงลืมไปแล้วจะกลับได้คืนมาให้ดีใจ ธุรกิจค้าขาย การทำงาน จะมี การขยับขยาย ต้องแข่งขันขัดแย้งก่อนจึงจะพบประสบความสำเร็จได้ ส่งผลให้หน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า ที่ลุ้นตำแหน่งมานานจะได้ปรับเลื่อนขั้นเพิ่มเงินเดือน ส่วนนักวิชาการจะมีตำแหน่งหน้าที่ดี จะมีผู้มีบารมีช่วย เหลือให้ได้รับตำแหน่งใหม่ๆให้มีชื่อเสียง มีเรื่องมงคลงานชื่นชมสิริมงคลในบ้าน หรือลูกหลานที่ห่างหายไปนาน จะกลับมาเยี่ยมเยียน หากขอพรจากองค์พระโพธิสัตย์กวนอิมปางอุ้มเด็ก จะได้อภิชาตบุตรอยู่ในโอวาท แต่ชอบ เอาชนะ ก้าวร้าว อารมณ์ร้าย บุรุษจะปวดตาสตรีจะปวดที่ขา รู้สึกร้อนที่แขน ขา ควรใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกาย ที่ระบบประสาทและตับ ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 296 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts