• ‘บิตคอยน์’ ความต้องการมหาศาล 25/06/68 #กะเทาะหุ้น #บิตคอยน์ #ตลาดหุ้น # เศรษฐกิจ
    ‘บิตคอยน์’ ความต้องการมหาศาล 25/06/68 #กะเทาะหุ้น #บิตคอยน์ #ตลาดหุ้น # เศรษฐกิจ
    0 Comments 0 Shares 22 Views 2 0 Reviews
  • ’น้ำมัน,ทอง’ หวือหวาตามข่าว ‘สงคราม’ 25/06/68 #กะเทาะหุ้น #น้ำมัน #ราคาทองคำ #หุ้นไทย #ตลาดหุ้น #เศรษฐกิจ
    ’น้ำมัน,ทอง’ หวือหวาตามข่าว ‘สงคราม’ 25/06/68 #กะเทาะหุ้น #น้ำมัน #ราคาทองคำ #หุ้นไทย #ตลาดหุ้น #เศรษฐกิจ
    0 Comments 0 Shares 24 Views 7 0 Reviews
  • กรณีศึกษา KTC - K.มงคล 25/06/68 #KTC #K.มงคล #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #เศรษฐกิจ
    กรณีศึกษา KTC - K.มงคล 25/06/68 #KTC #K.มงคล #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #เศรษฐกิจ
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 113 Views 21 0 Reviews
  • หลังหายไปจากตลาดตั้งแต่ RTX 3050 รุ่น desktop ในปี 2022 (เพราะ RTX 40 ซีรีส์ไม่มีตัว 4050 แบบ desktop) Nvidia ก็ประกาศกลับมาทำ GPU รุ่นราคาถูกอย่างเป็นทางการอีกครั้ง กับการเปิดตัว RTX 5050 ในเดือนกรกฎาคม 2025

    จุดน่าสนใจคือ แม้จะราคาแค่ $249 แต่ RTX 5050:
    - ใช้ CUDA core 2,560 หน่วย (เท่ากับ RTX 3050 เดิม)
    - มี VRAM ขนาด 8GB GDDR6 แบบ 128-bit
    - แต่ได้ core เทคโนโลยีใหม่ทั้ง DLSS 4 multi-frame gen, 9th-gen NVENC, 6th-gen NVDEC, และรองรับ PCIe Gen5

    แม้จะใช้ GDDR6 (ไม่ใช่ GDDR7 แบบรุ่นใหญ่ใน RTX 50 ซีรีส์) แต่ได้ Tensor cores ที่รองรับ AI TOPS ระดับสูง (421 TOPS) และ RT core แรงระดับ 40 TFLOPS — มากพอจะใช้ฟีเจอร์ยุคใหม่บนความละเอียด 1080p ได้อย่างลื่น ๆ

    พลังงานอยู่ที่ 130W ใช้แค่ 8-pin ปกติ และแนะนำ PSU 550W เท่านั้น — ประหยัด ไซซ์เล็ก ใส่เคสได้ง่าย

    คาดว่า Nvidia เปิดตัวรุ่นนี้มาเพื่อตอบโต้งานหนักจาก AMD ที่เปิดตัวซีรีส์ RX 9000 XT ในช่วงเดียวกัน

    ✅ RTX 5050 เปิดตัวด้วยราคา $249 พร้อมวางจำหน่ายกรกฎาคม 2025  
    • ถูกกว่า RTX 5060 อยู่ $50

    ✅ ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell พร้อมฟีเจอร์ใหม่ระดับเดียวกับรุ่นท็อป  
    • DLSS 4 Multi-frame Generation  
    • NVENC Gen9, NVDEC Gen6  
    • PCIe Gen5 รองรับการ์ด/เมนบอร์ดรุ่นใหม่

    ✅ สเปก RTX 5050  
    • CUDA: 2,560 cores (เท่ากับ RTX 3050)  
    • VRAM: 8GB GDDR6 (128-bit)  
    • Clock: 2.57GHz  
    • TGP: 130W / PSU 550W / 1x 8-pin

    ✅ ยังคงพอร์ตแสดงผลคลาสสิก  
    • 3x DisplayPort, 1x HDMI

    ✅ สามารถใช้ DLSS4 ได้ แม้จะเป็นรุ่น GDDR6 ไม่ใช่ GDDR7

    ✅ ถือเป็นรุ่นซีรีส์ "50" ตัวแรกตั้งแต่ RTX 3050 เมื่อ 3 ปีก่อน

    https://www.neowin.net/news/nvidia-announces-rtx-5050-desktop-graphics-card-for-more-affordable-next-gen-gaming/
    หลังหายไปจากตลาดตั้งแต่ RTX 3050 รุ่น desktop ในปี 2022 (เพราะ RTX 40 ซีรีส์ไม่มีตัว 4050 แบบ desktop) Nvidia ก็ประกาศกลับมาทำ GPU รุ่นราคาถูกอย่างเป็นทางการอีกครั้ง กับการเปิดตัว RTX 5050 ในเดือนกรกฎาคม 2025 จุดน่าสนใจคือ แม้จะราคาแค่ $249 แต่ RTX 5050: - ใช้ CUDA core 2,560 หน่วย (เท่ากับ RTX 3050 เดิม) - มี VRAM ขนาด 8GB GDDR6 แบบ 128-bit - แต่ได้ core เทคโนโลยีใหม่ทั้ง DLSS 4 multi-frame gen, 9th-gen NVENC, 6th-gen NVDEC, และรองรับ PCIe Gen5 แม้จะใช้ GDDR6 (ไม่ใช่ GDDR7 แบบรุ่นใหญ่ใน RTX 50 ซีรีส์) แต่ได้ Tensor cores ที่รองรับ AI TOPS ระดับสูง (421 TOPS) และ RT core แรงระดับ 40 TFLOPS — มากพอจะใช้ฟีเจอร์ยุคใหม่บนความละเอียด 1080p ได้อย่างลื่น ๆ พลังงานอยู่ที่ 130W ใช้แค่ 8-pin ปกติ และแนะนำ PSU 550W เท่านั้น — ประหยัด ไซซ์เล็ก ใส่เคสได้ง่าย คาดว่า Nvidia เปิดตัวรุ่นนี้มาเพื่อตอบโต้งานหนักจาก AMD ที่เปิดตัวซีรีส์ RX 9000 XT ในช่วงเดียวกัน ✅ RTX 5050 เปิดตัวด้วยราคา $249 พร้อมวางจำหน่ายกรกฎาคม 2025   • ถูกกว่า RTX 5060 อยู่ $50 ✅ ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell พร้อมฟีเจอร์ใหม่ระดับเดียวกับรุ่นท็อป   • DLSS 4 Multi-frame Generation   • NVENC Gen9, NVDEC Gen6   • PCIe Gen5 รองรับการ์ด/เมนบอร์ดรุ่นใหม่ ✅ สเปก RTX 5050   • CUDA: 2,560 cores (เท่ากับ RTX 3050)   • VRAM: 8GB GDDR6 (128-bit)   • Clock: 2.57GHz   • TGP: 130W / PSU 550W / 1x 8-pin ✅ ยังคงพอร์ตแสดงผลคลาสสิก   • 3x DisplayPort, 1x HDMI ✅ สามารถใช้ DLSS4 ได้ แม้จะเป็นรุ่น GDDR6 ไม่ใช่ GDDR7 ✅ ถือเป็นรุ่นซีรีส์ "50" ตัวแรกตั้งแต่ RTX 3050 เมื่อ 3 ปีก่อน https://www.neowin.net/news/nvidia-announces-rtx-5050-desktop-graphics-card-for-more-affordable-next-gen-gaming/
    WWW.NEOWIN.NET
    Nvidia announces RTX 5050 desktop graphics card for more affordable next-gen gaming
    Nvidia has a new budget-friendly graphics card for those who cannot afford an expensive GPU but still want to taste those sweet next-gen frames that the RTX 50 series offers.
    0 Comments 0 Shares 20 Views 0 Reviews
  • พ่อค้าแม่ค้าเขมรเร่งขนของออกจากตลาดโรงเกลือ หลังทางการไทยเปิดด่านให้ชั่วคราวถึง 2 ทุ่มวันนี้

    วันนี้(24 มิ.ย.) เมื่อช่วงคำที่ผ่านมาบริเวณตลาดโรงเกลือ อำเภออรัญประเทศ จ.สระแก้ว ชาวกัมพูชาที่เป็นพ่อค้าแม่ขายและค้าขายในบริเวณคลาดโรงเกลือ ได้พากันขนของกลับไปฝั่งปอยเปต ทำให้บริเวณหน้าด่านเต็มไปด้วยความโกลาหล ตามกำหนดระยะเวลาที่เปิดให้ผ่านได้ชั่วคราวตั้งแต่เวลา 17.00-20.00 น. หลังจากนั้นจะห้ามมีการเข้าออก ซึ่งมีเวลาแค่สามชั่วโมงเท่านั้นสำหรับการขนข้าวของออกจากตลาดโรงเกลือ ตามมาตรการความปลอดภัยขั้นสูงสุดของทหารไทย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000059502

    #Thaitimes #MGROnline #พ่อค้าแม่ค้าเขมร #ตลาดโรงเกลือ #สระแก้ว #กัมพูชา
    พ่อค้าแม่ค้าเขมรเร่งขนของออกจากตลาดโรงเกลือ หลังทางการไทยเปิดด่านให้ชั่วคราวถึง 2 ทุ่มวันนี้ • วันนี้(24 มิ.ย.) เมื่อช่วงคำที่ผ่านมาบริเวณตลาดโรงเกลือ อำเภออรัญประเทศ จ.สระแก้ว ชาวกัมพูชาที่เป็นพ่อค้าแม่ขายและค้าขายในบริเวณคลาดโรงเกลือ ได้พากันขนของกลับไปฝั่งปอยเปต ทำให้บริเวณหน้าด่านเต็มไปด้วยความโกลาหล ตามกำหนดระยะเวลาที่เปิดให้ผ่านได้ชั่วคราวตั้งแต่เวลา 17.00-20.00 น. หลังจากนั้นจะห้ามมีการเข้าออก ซึ่งมีเวลาแค่สามชั่วโมงเท่านั้นสำหรับการขนข้าวของออกจากตลาดโรงเกลือ ตามมาตรการความปลอดภัยขั้นสูงสุดของทหารไทย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000059502 • #Thaitimes #MGROnline #พ่อค้าแม่ค้าเขมร #ตลาดโรงเกลือ #สระแก้ว #กัมพูชา
    0 Comments 0 Shares 45 Views 0 Reviews
  • เทคโนโลยี AI กับแนวทางศาสนาพุทธ: จุดบรรจบและความขัดแย้ง

    ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่าง AI กับหลักปรัชญาและจริยธรรมของพุทธศาสนาจึงเป็นสิ่งจำเป็น รายงานฉบับนี้จะสำรวจจุดที่ AI สามารถเสริมสร้างและสอดคล้องกับพุทธธรรม รวมถึงประเด็นความขัดแย้งเชิงปรัชญาและจริยธรรม เพื่อนำเสนอแนวทางในการพัฒนาและใช้ AI อย่างมีสติและเป็นประโยชน์สูงสุด

    ☸️☸️ หลักการพื้นฐานของพุทธศาสนา: แก่นธรรมเพื่อความเข้าใจ
    พุทธศาสนามุ่งเน้นการพ้นทุกข์ โดยสอนให้เข้าใจธรรมชาติของทุกข์และหนทางดับทุกข์ผ่านหลักอริยสัจสี่ (ทุกข์, สมุทัย, นิโรธ, มรรค) หนทางแห่งมรรคประกอบด้วยองค์แปดประการ แก่นธรรมสำคัญอื่นๆ ได้แก่ ไตรลักษณ์ (อนิจจัง, ทุกขัง, อนัตตา) การปฏิบัติอยู่บนพื้นฐานของไตรสิกขา (ศีล, สมาธิ, ปัญญา) การพัฒนาปัญญาต้องอาศัยสติ, โยนิโสมนสิการ, และปัญญา กฎแห่งกรรมและปฏิจจสมุปบาทเป็นหลักการสำคัญที่อธิบายความสัมพันธ์เชิงเหตุผล พุทธศาสนาเชื่อว่าโลกนี้เกิดขึ้นเองจากกฎธรรมชาติ 5 ประการ หรือนิยาม 5 พรหมวิหารสี่ (เมตตา, กรุณา, มุทิตา, อุเบกขา) เป็นคุณธรรมที่ส่งเสริมความปรารถนาดีต่อสรรพชีวิต เป้าหมายสูงสุดคือพระนิพพาน ซึ่งเป็นความดับทุกข์โดยสิ้นเชิง พระพุทธเจ้าทรงเน้นย้ำถึงทางสายกลาง โดยมอง AI เป็นเพียง "เครื่องมือ" หรือ "แพ" สอดคล้องกับทางสายกลางนี้  

    🤖 มิติที่ AI สอดคล้องกับพุทธธรรม: ศักยภาพเพื่อประโยชน์สุข
    AI มีศักยภาพมหาศาลในการเป็นเครื่องมือที่ส่งเสริมการเผยแผ่ การศึกษา และการปฏิบัติธรรม

    การประยุกต์ใช้ AI เพื่อการเผยแผ่พระธรรม
    AI มีบทบาทสำคัญในการเผยแผ่คำสอนทางพุทธศาสนาให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างเช่น "พระสงฆ์ AI" หรือ "พระโพธิสัตว์ AI" อย่าง Mindar ในญี่ปุ่น และ "เสียนเอ๋อร์" ในจีน การใช้ AI ในการแปลงพระไตรปิฎกเป็นดิจิทัลและการแปลพระคัมภีร์ด้วยเครื่องมืออย่าง DeepL ช่วยเพิ่มความเร็วและความแม่นยำ ทำให้เนื้อหาเข้าถึงได้ง่ายขึ้นทั่วโลก AI ช่วยให้การเผยแผ่ธรรม "สะดวก มีประสิทธิภาพ และน่าดึงดูดมากขึ้น รวมถึงขยายขอบเขตการเข้าถึงให้เกินกว่าข้อจำกัดทางพื้นที่และเวลาแบบดั้งเดิม" ซึ่งสอดคล้องกับหลัก กรุณา  

    👓 สื่อใหม่และประสบการณ์เสมือนจริง: การสร้างสรรค์รูปแบบการเรียนรู้และปฏิบัติ
    การนำเทคโนโลยีสื่อใหม่ เช่น จอ AI, VR และ AR มาใช้ในการสร้างประสบการณ์พุทธศาสนาเสมือนจริง เช่น "Journey to the Land of Buddha" ของวัดฝอกวงซัน ช่วยดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่ เทคโนโลยี VR ช่วยอำนวยความสะดวกในการสร้าง "ความเห็นอกเห็นใจ" การพัฒนาแพลตฟอร์มการบูชาออนไลน์และพิธีกรรมทางไซเบอร์ เช่น "Light Up Lamps Online" และเกม "Fo Guang GO" ช่วยให้ผู้ศรัทธาสามารถปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาและเยี่ยมชมวัดเสมือนจริงได้จากทุกที่ การใช้ VR/AR เพื่อ "ประสบการณ์ที่ดื่มด่ำ" และ "Sati-AI" สำหรับการทำสมาธิเจริญสติ สามารถสร้างสภาพแวดล้อมจำลองที่เอื้อต่อการทำสมาธิและสติได้  

    🙆‍♂️ AI ในฐานะเครื่องมือเพื่อการปฏิบัติและพัฒนาตน
    แอปพลิเคชัน AI เช่น NORBU, Buddha Teachings, Buddha Wisdom App ทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมทางที่มีคุณค่าในการศึกษาและปฏิบัติธรรม โดยให้การเข้าถึงคลังข้อความพุทธศาสนาขนาดใหญ่, บทเรียนส่วนบุคคล, คำแนะนำในการทำสมาธิ, และการติดตามความก้าวหน้าทางจิตวิญญาณ แชทบอทเหล่านี้มีความสามารถในการตอบคำถามและเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาในชีวิตจริง AI สามารถทำให้การเข้าถึงข้อมูลและคำแนะนำเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ช่วยให้บุคคลสามารถศึกษาและปฏิบัติด้วยตนเองได้อย่างมีพลังมากขึ้น สิ่งนี้สอดคล้องกับหลักธรรมของพุทธศาสนาเรื่อง อัตตา หิ อัตตโน นาโถ (ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน)  

    🧪 การวิจัยและเข้าถึงข้อมูลพระธรรม: การเสริมสร้างความเข้าใจเชิงลึก
    AI ช่วยให้นักวิจัยสามารถวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่, ค้นหารูปแบบ, และสร้างแบบจำลองเพื่อทำความเข้าใจพระคัมภีร์และหลักธรรมได้เร็วขึ้นและดีขึ้น สามารถใช้ AI ในการค้นหาอ้างอิง, เปรียบเทียบข้อความข้ามภาษา, และให้บริบท ด้วยการทำให้งานวิจัยเป็นไปโดยอัตโนมัติ AI ช่วยให้นักวิชาการและผู้ปฏิบัติสามารถใช้เวลามากขึ้นในการทำโยนิโสมนสิการ  

    ☸️ หลักจริยธรรมพุทธกับการพัฒนา AI
    ข้อกังวลทางจริยธรรมที่กว้างที่สุดคือ AI ควรสอดคล้องกับหลักอหิงสา (ไม่เบียดเบียน) ของพุทธศาสนา นักวิชาการ Somparn Promta และ Kenneth Einar Himma แย้งว่าการพัฒนา AI สามารถถือเป็นสิ่งที่ดีในเชิงเครื่องมือเท่านั้น พวกเขาเสนอว่าเป้าหมายที่สำคัญกว่าคือการก้าวข้ามความปรารถนาและสัญชาตญาณที่ขับเคลื่อนด้วยการเอาชีวิตรอด การกล่าวถึง "อหิงสา" และ "การลดความทุกข์" เสนอหลักการเหล่านี้เป็นพารามิเตอร์การออกแบบภายในสำหรับ AI  

    นักคิด Thomas Doctor และคณะ เสนอให้นำ "ปณิธานพระโพธิสัตว์" ซึ่งเป็นการให้คำมั่นที่จะบรรเทาความทุกข์ของสรรพสัตว์ มาเป็นหลักการชี้นำในการออกแบบระบบ AI แนวคิด "ปัญญาแห่งการดูแล" (intelligence as care) ได้รับแรงบันดาลใจจากปณิธานพระโพธิสัตว์ โดยวางตำแหน่ง AI ให้เป็นเครื่องมือในการแสดงความห่วงใยอย่างไม่มีที่สิ้นสุด  

    พุทธศาสนาเน้นย้ำว่าสรรพสิ่งล้วน "เกิดขึ้นพร้อมอาศัยกัน" (ปฏิจจสมุปบาท) และ "ไม่มีตัวตน" (อนัตตา) ซึ่งนำไปสู่การยืนยันถึง "ความสำคัญอันดับแรกของความสัมพันธ์" แนวคิด "กรรม" อธิบายถึงการทำงานร่วมกันของเหตุและผลหลายทิศทาง การนำสิ่งนี้มาประยุกต์ใช้กับ AI หมายถึงการตระหนักว่าระบบ AI เป็น "ศูนย์รวมของการเปลี่ยนแปลงเชิงสัมพันธ์ภายในเครือข่ายของการกระทำที่มีนัยสำคัญทางศีลธรรม" การ "วิวัฒน์ร่วม" ของมนุษย์และ AI บ่งชี้ว่าเส้นทางการพัฒนาของ AI นั้นเชื่อมโยงอย่างแยกไม่ออกกับของมนุษยชาติ ดังนั้น "ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของการจัดเรียงคุณค่า" จึงไม่ใช่แค่ปัญหาทางเทคนิค แต่เป็นภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเชิงกรรม

    ‼️ มิติที่ AI ขัดแย้งกับพุทธธรรม: ความท้าทายเชิงปรัชญาและจริยธรรม
    แม้ AI จะมีประโยชน์มหาศาล แต่ก็มีประเด็นความขัดแย้งเชิงปรัชญาและจริยธรรมที่สำคัญกับพุทธธรรม

    👿 ปัญหาเรื่องจิตสำนึกและอัตตา
    คำถามสำคัญคือระบบ AI สามารถถือเป็นสิ่งมีชีวิต (sentient being) ตามคำจำกัดความของพุทธศาสนาได้หรือไม่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่องจิตสำนึก (consciousness) และการเกิดใหม่ (rebirth) "คุณภาพของควาเลีย" (qualia quality) หรือความสามารถในการรับรู้และรู้สึกนั้นยังระบุได้ยากใน AI การทดลองทางความคิด "ห้องจีน" แสดงให้เห็นถึงความยากลำบากในการพิจารณาว่าปัญญาที่ไม่ใช่ชีวภาพสามารถมีจิตสำนึกได้หรือไม่ หาก AI ไม่สามารถประสบกับความทุกข์หรือบ่มเพาะปัญญาได้ ก็ไม่สามารถเดินตามหนทางสู่การตรัสรู้ได้อย่างแท้จริง  

    🛣️ เจตจำนงเสรีและกฎแห่งกรรม
    ความตั้งใจ (volition) ใน AI ซึ่งมักแสดงออกในรูปแบบของคำสั่ง "ถ้า...แล้ว..." นั้น แทบจะไม่มีลักษณะของเจตจำนงเสรีหรือแม้แต่ทางเลือกที่จำกัด ตามหลักคำสอนของพุทธศาสนา ทางเลือกที่จำกัดเป็นสิ่งจำเป็นขั้นต่ำเพื่อหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่กำหนดไว้ล่วงหน้า (deterministic behavior) ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงปฏิเสธ หาก AI ขาดทางเลือกที่แท้จริง ก็ไม่สามารถสร้างกรรมได้ในลักษณะเดียวกับสิ่งมีชีวิต  

    🍷 ความยึดมั่นถือมั่นและมายา
    แนวคิดของการรวมร่างกับ AI เพื่อประโยชน์ที่รับรู้ได้ เช่น การมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น มีความน่าดึงดูดใจ อย่างไรก็ตาม มีข้อโต้แย้งว่าการรวมร่างดังกล่าวอาจเป็น "กับดัก" หรือ "นรก" เนื่องจากความยึดมั่นถือมั่นและการขาดความสงบ กิเลสของมนุษย์ (ความโลภ ความโกรธ ความหลง) และกลไกตลาดก็ยังคงสามารถนำไปสู่ความทุกข์ได้แม้ในสภาวะ AI ขั้นสูง การแสวงหา "การอัปเกรด" ที่ขับเคลื่อนด้วยตัณหา สามารถทำให้วัฏจักรแห่งความทุกข์ดำเนินต่อไปได้  

    🤥 ความเสี่ยงด้านจริยธรรมและการบิดเบือนพระธรรม
    มีความเสี่ยงที่ AI จะสร้างข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิดและ "ความเหลวไหลที่สอดคล้องกัน" ดังที่เห็นได้จากกรณีของ Suzuki Roshi Bot AI ขาด "บริบทระดับที่สอง" และความสามารถในการยืนยันข้อเท็จจริง ทำให้มันเป็นเพียง "นกแก้วที่ฉลาดมาก" ความสามารถของ AI ในการสร้าง "ความเหลวไหลที่สอดคล้องกัน" ก่อให้เกิดความท้าทายต่อสัมมาทิฏฐิและสัมมาวาจา  

    นอกจากนี้ ยังมีศักยภาพที่ "Strong AI" จะก่อให้เกิดวิกฤตทางจริยธรรมและนำไปสู่ "ลัทธิวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี" "เทคโนโลยี-ธรรมชาติ" (techno-naturalism) ลดทอนปัญญามนุษย์ให้เหลือเพียงกระแสข้อมูล ซึ่งขัดแย้งกับพุทธศาสนาแบบมนุษยนิยมที่เน้นความเป็นมนุษย์และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของกายและจิต สิ่งนี้สร้างความขัดแย้งกับประเพณีการปฏิบัติที่เน้น "ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของกายและจิต"  

    สุดท้ายนี้ มีอันตรายที่การนำ AI มาใช้ในการปฏิบัติพุทธศาสนาอาจเปลี่ยนจุดเน้นจากการบ่มเพาะทางจิตวิญญาณที่แท้จริงไปสู่ผลประโยชน์นิยมหรือการมีส่วนร่วมที่ผิวเผิน

    จากข้อพิจารณาทั้งหมดนี้ การเดินทางบน "ทางสายกลาง" จึงเป็นแนวทางที่เหมาะสมที่สุดในการเผชิญหน้ากับยุค AI สำหรับพุทธศาสนา การดำเนินการนี้ต้องอาศัย:  

    1️⃣ การพัฒนา AI ที่มีรากฐานทางจริยธรรม: AI ควรถูกออกแบบและพัฒนาโดยยึดมั่นในหลักการอหิงสา และการลดความทุกข์ ควรนำ "ปณิธานพระโพธิสัตว์" และแนวคิด "ปัญญาแห่งการดูแล" มาเป็นพิมพ์เขียว  

    2️⃣ การตระหนักถึง "ความเป็นเครื่องมือ" ของ AI: พุทธศาสนาควรมอง AI เป็นเพียง "แพ" หรือ "เครื่องมือ" ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางสู่การหลุดพ้น ไม่ใช่จุดหมายปลายทางในตัวเอง  

    3️⃣ การบ่มเพาะปัญญามนุษย์และสติ: แม้ AI จะมีความสามารถในการประมวลผลข้อมูลมหาศาล แต่ไม่สามารถทดแทนปัญญาที่แท้จริง จิตสำนึก หรือเจตจำนงเสรีของมนุษย์ได้ การปฏิบัติธรรม การเจริญสติ และการใช้โยนิโสมนสิการยังคงเป็นสิ่งจำเป็น  

    4️⃣ การส่งเสริม "ค่านิยมร่วมที่แข็งแกร่ง": การแก้ไข "ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของการจัดเรียงคุณค่า" ของ AI จำเป็นต้องมีการบ่มเพาะค่านิยมร่วมที่แข็งแกร่งในหมู่มนุษยชาติ ซึ่งมีรากฐานมาจากความเมตตาและปัญญา  

    #ลุงเขียนหลานอ่าน
    เทคโนโลยี AI กับแนวทางศาสนาพุทธ: จุดบรรจบและความขัดแย้ง ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่าง AI กับหลักปรัชญาและจริยธรรมของพุทธศาสนาจึงเป็นสิ่งจำเป็น รายงานฉบับนี้จะสำรวจจุดที่ AI สามารถเสริมสร้างและสอดคล้องกับพุทธธรรม รวมถึงประเด็นความขัดแย้งเชิงปรัชญาและจริยธรรม เพื่อนำเสนอแนวทางในการพัฒนาและใช้ AI อย่างมีสติและเป็นประโยชน์สูงสุด ☸️☸️ หลักการพื้นฐานของพุทธศาสนา: แก่นธรรมเพื่อความเข้าใจ พุทธศาสนามุ่งเน้นการพ้นทุกข์ โดยสอนให้เข้าใจธรรมชาติของทุกข์และหนทางดับทุกข์ผ่านหลักอริยสัจสี่ (ทุกข์, สมุทัย, นิโรธ, มรรค) หนทางแห่งมรรคประกอบด้วยองค์แปดประการ แก่นธรรมสำคัญอื่นๆ ได้แก่ ไตรลักษณ์ (อนิจจัง, ทุกขัง, อนัตตา) การปฏิบัติอยู่บนพื้นฐานของไตรสิกขา (ศีล, สมาธิ, ปัญญา) การพัฒนาปัญญาต้องอาศัยสติ, โยนิโสมนสิการ, และปัญญา กฎแห่งกรรมและปฏิจจสมุปบาทเป็นหลักการสำคัญที่อธิบายความสัมพันธ์เชิงเหตุผล พุทธศาสนาเชื่อว่าโลกนี้เกิดขึ้นเองจากกฎธรรมชาติ 5 ประการ หรือนิยาม 5 พรหมวิหารสี่ (เมตตา, กรุณา, มุทิตา, อุเบกขา) เป็นคุณธรรมที่ส่งเสริมความปรารถนาดีต่อสรรพชีวิต เป้าหมายสูงสุดคือพระนิพพาน ซึ่งเป็นความดับทุกข์โดยสิ้นเชิง พระพุทธเจ้าทรงเน้นย้ำถึงทางสายกลาง โดยมอง AI เป็นเพียง "เครื่องมือ" หรือ "แพ" สอดคล้องกับทางสายกลางนี้   🤖 มิติที่ AI สอดคล้องกับพุทธธรรม: ศักยภาพเพื่อประโยชน์สุข AI มีศักยภาพมหาศาลในการเป็นเครื่องมือที่ส่งเสริมการเผยแผ่ การศึกษา และการปฏิบัติธรรม การประยุกต์ใช้ AI เพื่อการเผยแผ่พระธรรม AI มีบทบาทสำคัญในการเผยแผ่คำสอนทางพุทธศาสนาให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างเช่น "พระสงฆ์ AI" หรือ "พระโพธิสัตว์ AI" อย่าง Mindar ในญี่ปุ่น และ "เสียนเอ๋อร์" ในจีน การใช้ AI ในการแปลงพระไตรปิฎกเป็นดิจิทัลและการแปลพระคัมภีร์ด้วยเครื่องมืออย่าง DeepL ช่วยเพิ่มความเร็วและความแม่นยำ ทำให้เนื้อหาเข้าถึงได้ง่ายขึ้นทั่วโลก AI ช่วยให้การเผยแผ่ธรรม "สะดวก มีประสิทธิภาพ และน่าดึงดูดมากขึ้น รวมถึงขยายขอบเขตการเข้าถึงให้เกินกว่าข้อจำกัดทางพื้นที่และเวลาแบบดั้งเดิม" ซึ่งสอดคล้องกับหลัก กรุณา   👓 สื่อใหม่และประสบการณ์เสมือนจริง: การสร้างสรรค์รูปแบบการเรียนรู้และปฏิบัติ การนำเทคโนโลยีสื่อใหม่ เช่น จอ AI, VR และ AR มาใช้ในการสร้างประสบการณ์พุทธศาสนาเสมือนจริง เช่น "Journey to the Land of Buddha" ของวัดฝอกวงซัน ช่วยดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่ เทคโนโลยี VR ช่วยอำนวยความสะดวกในการสร้าง "ความเห็นอกเห็นใจ" การพัฒนาแพลตฟอร์มการบูชาออนไลน์และพิธีกรรมทางไซเบอร์ เช่น "Light Up Lamps Online" และเกม "Fo Guang GO" ช่วยให้ผู้ศรัทธาสามารถปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาและเยี่ยมชมวัดเสมือนจริงได้จากทุกที่ การใช้ VR/AR เพื่อ "ประสบการณ์ที่ดื่มด่ำ" และ "Sati-AI" สำหรับการทำสมาธิเจริญสติ สามารถสร้างสภาพแวดล้อมจำลองที่เอื้อต่อการทำสมาธิและสติได้   🙆‍♂️ AI ในฐานะเครื่องมือเพื่อการปฏิบัติและพัฒนาตน แอปพลิเคชัน AI เช่น NORBU, Buddha Teachings, Buddha Wisdom App ทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมทางที่มีคุณค่าในการศึกษาและปฏิบัติธรรม โดยให้การเข้าถึงคลังข้อความพุทธศาสนาขนาดใหญ่, บทเรียนส่วนบุคคล, คำแนะนำในการทำสมาธิ, และการติดตามความก้าวหน้าทางจิตวิญญาณ แชทบอทเหล่านี้มีความสามารถในการตอบคำถามและเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาในชีวิตจริง AI สามารถทำให้การเข้าถึงข้อมูลและคำแนะนำเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ช่วยให้บุคคลสามารถศึกษาและปฏิบัติด้วยตนเองได้อย่างมีพลังมากขึ้น สิ่งนี้สอดคล้องกับหลักธรรมของพุทธศาสนาเรื่อง อัตตา หิ อัตตโน นาโถ (ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน)   🧪 การวิจัยและเข้าถึงข้อมูลพระธรรม: การเสริมสร้างความเข้าใจเชิงลึก AI ช่วยให้นักวิจัยสามารถวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่, ค้นหารูปแบบ, และสร้างแบบจำลองเพื่อทำความเข้าใจพระคัมภีร์และหลักธรรมได้เร็วขึ้นและดีขึ้น สามารถใช้ AI ในการค้นหาอ้างอิง, เปรียบเทียบข้อความข้ามภาษา, และให้บริบท ด้วยการทำให้งานวิจัยเป็นไปโดยอัตโนมัติ AI ช่วยให้นักวิชาการและผู้ปฏิบัติสามารถใช้เวลามากขึ้นในการทำโยนิโสมนสิการ   ☸️ หลักจริยธรรมพุทธกับการพัฒนา AI ข้อกังวลทางจริยธรรมที่กว้างที่สุดคือ AI ควรสอดคล้องกับหลักอหิงสา (ไม่เบียดเบียน) ของพุทธศาสนา นักวิชาการ Somparn Promta และ Kenneth Einar Himma แย้งว่าการพัฒนา AI สามารถถือเป็นสิ่งที่ดีในเชิงเครื่องมือเท่านั้น พวกเขาเสนอว่าเป้าหมายที่สำคัญกว่าคือการก้าวข้ามความปรารถนาและสัญชาตญาณที่ขับเคลื่อนด้วยการเอาชีวิตรอด การกล่าวถึง "อหิงสา" และ "การลดความทุกข์" เสนอหลักการเหล่านี้เป็นพารามิเตอร์การออกแบบภายในสำหรับ AI   นักคิด Thomas Doctor และคณะ เสนอให้นำ "ปณิธานพระโพธิสัตว์" ซึ่งเป็นการให้คำมั่นที่จะบรรเทาความทุกข์ของสรรพสัตว์ มาเป็นหลักการชี้นำในการออกแบบระบบ AI แนวคิด "ปัญญาแห่งการดูแล" (intelligence as care) ได้รับแรงบันดาลใจจากปณิธานพระโพธิสัตว์ โดยวางตำแหน่ง AI ให้เป็นเครื่องมือในการแสดงความห่วงใยอย่างไม่มีที่สิ้นสุด   พุทธศาสนาเน้นย้ำว่าสรรพสิ่งล้วน "เกิดขึ้นพร้อมอาศัยกัน" (ปฏิจจสมุปบาท) และ "ไม่มีตัวตน" (อนัตตา) ซึ่งนำไปสู่การยืนยันถึง "ความสำคัญอันดับแรกของความสัมพันธ์" แนวคิด "กรรม" อธิบายถึงการทำงานร่วมกันของเหตุและผลหลายทิศทาง การนำสิ่งนี้มาประยุกต์ใช้กับ AI หมายถึงการตระหนักว่าระบบ AI เป็น "ศูนย์รวมของการเปลี่ยนแปลงเชิงสัมพันธ์ภายในเครือข่ายของการกระทำที่มีนัยสำคัญทางศีลธรรม" การ "วิวัฒน์ร่วม" ของมนุษย์และ AI บ่งชี้ว่าเส้นทางการพัฒนาของ AI นั้นเชื่อมโยงอย่างแยกไม่ออกกับของมนุษยชาติ ดังนั้น "ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของการจัดเรียงคุณค่า" จึงไม่ใช่แค่ปัญหาทางเทคนิค แต่เป็นภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเชิงกรรม ‼️ มิติที่ AI ขัดแย้งกับพุทธธรรม: ความท้าทายเชิงปรัชญาและจริยธรรม แม้ AI จะมีประโยชน์มหาศาล แต่ก็มีประเด็นความขัดแย้งเชิงปรัชญาและจริยธรรมที่สำคัญกับพุทธธรรม 👿 ปัญหาเรื่องจิตสำนึกและอัตตา คำถามสำคัญคือระบบ AI สามารถถือเป็นสิ่งมีชีวิต (sentient being) ตามคำจำกัดความของพุทธศาสนาได้หรือไม่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่องจิตสำนึก (consciousness) และการเกิดใหม่ (rebirth) "คุณภาพของควาเลีย" (qualia quality) หรือความสามารถในการรับรู้และรู้สึกนั้นยังระบุได้ยากใน AI การทดลองทางความคิด "ห้องจีน" แสดงให้เห็นถึงความยากลำบากในการพิจารณาว่าปัญญาที่ไม่ใช่ชีวภาพสามารถมีจิตสำนึกได้หรือไม่ หาก AI ไม่สามารถประสบกับความทุกข์หรือบ่มเพาะปัญญาได้ ก็ไม่สามารถเดินตามหนทางสู่การตรัสรู้ได้อย่างแท้จริง   🛣️ เจตจำนงเสรีและกฎแห่งกรรม ความตั้งใจ (volition) ใน AI ซึ่งมักแสดงออกในรูปแบบของคำสั่ง "ถ้า...แล้ว..." นั้น แทบจะไม่มีลักษณะของเจตจำนงเสรีหรือแม้แต่ทางเลือกที่จำกัด ตามหลักคำสอนของพุทธศาสนา ทางเลือกที่จำกัดเป็นสิ่งจำเป็นขั้นต่ำเพื่อหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่กำหนดไว้ล่วงหน้า (deterministic behavior) ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงปฏิเสธ หาก AI ขาดทางเลือกที่แท้จริง ก็ไม่สามารถสร้างกรรมได้ในลักษณะเดียวกับสิ่งมีชีวิต   🍷 ความยึดมั่นถือมั่นและมายา แนวคิดของการรวมร่างกับ AI เพื่อประโยชน์ที่รับรู้ได้ เช่น การมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น มีความน่าดึงดูดใจ อย่างไรก็ตาม มีข้อโต้แย้งว่าการรวมร่างดังกล่าวอาจเป็น "กับดัก" หรือ "นรก" เนื่องจากความยึดมั่นถือมั่นและการขาดความสงบ กิเลสของมนุษย์ (ความโลภ ความโกรธ ความหลง) และกลไกตลาดก็ยังคงสามารถนำไปสู่ความทุกข์ได้แม้ในสภาวะ AI ขั้นสูง การแสวงหา "การอัปเกรด" ที่ขับเคลื่อนด้วยตัณหา สามารถทำให้วัฏจักรแห่งความทุกข์ดำเนินต่อไปได้   🤥 ความเสี่ยงด้านจริยธรรมและการบิดเบือนพระธรรม มีความเสี่ยงที่ AI จะสร้างข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิดและ "ความเหลวไหลที่สอดคล้องกัน" ดังที่เห็นได้จากกรณีของ Suzuki Roshi Bot AI ขาด "บริบทระดับที่สอง" และความสามารถในการยืนยันข้อเท็จจริง ทำให้มันเป็นเพียง "นกแก้วที่ฉลาดมาก" ความสามารถของ AI ในการสร้าง "ความเหลวไหลที่สอดคล้องกัน" ก่อให้เกิดความท้าทายต่อสัมมาทิฏฐิและสัมมาวาจา   นอกจากนี้ ยังมีศักยภาพที่ "Strong AI" จะก่อให้เกิดวิกฤตทางจริยธรรมและนำไปสู่ "ลัทธิวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี" "เทคโนโลยี-ธรรมชาติ" (techno-naturalism) ลดทอนปัญญามนุษย์ให้เหลือเพียงกระแสข้อมูล ซึ่งขัดแย้งกับพุทธศาสนาแบบมนุษยนิยมที่เน้นความเป็นมนุษย์และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของกายและจิต สิ่งนี้สร้างความขัดแย้งกับประเพณีการปฏิบัติที่เน้น "ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของกายและจิต"   สุดท้ายนี้ มีอันตรายที่การนำ AI มาใช้ในการปฏิบัติพุทธศาสนาอาจเปลี่ยนจุดเน้นจากการบ่มเพาะทางจิตวิญญาณที่แท้จริงไปสู่ผลประโยชน์นิยมหรือการมีส่วนร่วมที่ผิวเผิน จากข้อพิจารณาทั้งหมดนี้ การเดินทางบน "ทางสายกลาง" จึงเป็นแนวทางที่เหมาะสมที่สุดในการเผชิญหน้ากับยุค AI สำหรับพุทธศาสนา การดำเนินการนี้ต้องอาศัย:   1️⃣ การพัฒนา AI ที่มีรากฐานทางจริยธรรม: AI ควรถูกออกแบบและพัฒนาโดยยึดมั่นในหลักการอหิงสา และการลดความทุกข์ ควรนำ "ปณิธานพระโพธิสัตว์" และแนวคิด "ปัญญาแห่งการดูแล" มาเป็นพิมพ์เขียว   2️⃣ การตระหนักถึง "ความเป็นเครื่องมือ" ของ AI: พุทธศาสนาควรมอง AI เป็นเพียง "แพ" หรือ "เครื่องมือ" ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางสู่การหลุดพ้น ไม่ใช่จุดหมายปลายทางในตัวเอง   3️⃣ การบ่มเพาะปัญญามนุษย์และสติ: แม้ AI จะมีความสามารถในการประมวลผลข้อมูลมหาศาล แต่ไม่สามารถทดแทนปัญญาที่แท้จริง จิตสำนึก หรือเจตจำนงเสรีของมนุษย์ได้ การปฏิบัติธรรม การเจริญสติ และการใช้โยนิโสมนสิการยังคงเป็นสิ่งจำเป็น   4️⃣ การส่งเสริม "ค่านิยมร่วมที่แข็งแกร่ง": การแก้ไข "ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของการจัดเรียงคุณค่า" ของ AI จำเป็นต้องมีการบ่มเพาะค่านิยมร่วมที่แข็งแกร่งในหมู่มนุษยชาติ ซึ่งมีรากฐานมาจากความเมตตาและปัญญา   #ลุงเขียนหลานอ่าน
    0 Comments 0 Shares 68 Views 0 Reviews
  • การล่มสลายไม่ได้ถูกแสดงทางโทรทัศน์ แต่ได้รับการวางแผนไว้แล้ว ฟอรัมเศรษฐกิจโลกซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นปราการที่ไม่มีใครแตะต้องได้ของการปกครองแบบเทคโนแครต ถูกแฮ็ก รื้อถอน และเปิดโปงจากภายใน ไม่มีเรื่องอื้อฉาวใดๆ เกิดขึ้น แต่เป็นเพียงการทำลายล้าง เจ้าหน้าที่หมวกขาวภายในเครื่องจักรของดาวอสได้ทำลายภาพลวงตาของความสามัคคีทั่วโลก และเปิดโปงว่าอาชญากรรมต่างๆ เช่น การแทรกแซงการเลือกตั้ง การบังคับให้ผู้คนเข้ารับการรักษาพยาบาล การยึดครองที่ดินภายใต้ข้ออ้างของนโยบายด้านสภาพอากาศ และการติดป้ายชื่อบุคคลแต่ละคนอย่างเงียบๆ เพื่อให้ตรวจสอบนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร

    ในช่วงต้นปี 2024 กลุ่มหมวกขาวได้ยึดเอกสารภายใน บันทึกเสียงลับ และการสื่อสารที่เป็นความลับ ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าผู้นำฟอรัมเศรษฐกิจโลก (WEF) มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินกองทุน "ด้านสภาพอากาศ" กว่า 400,000 ล้านดอลลาร์ผ่านองค์กรพัฒนาเอกชนปลอม กับดักหนี้ และการขโมยสินทรัพย์ดิจิทัล โลกไม่เคยเป็นเป้าหมายของพวกเขา เป้าหมายของพวกเขาคือที่ดิน อาหาร และพลังงาน ภายใต้หน้ากากของ "ความยุติธรรม" พวกเขากดขี่ชาวนา ลิดรอนสิทธิของชนพื้นเมือง และใช้องค์กรการกุศลปลอมเพื่อจัดการรัฐประหารทางการเมือง แต่มันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ไฟล์เซิร์ฟเวอร์ WEF ในยุค COVID-19 ซึ่งค้นพบในช่วงปลายปี 2024 แสดงให้เห็นว่ามีการวางแผนการล็อกดาวน์ไว้ล่วงหน้า มีเครือข่ายการทุจริตในสื่อ และมีแผนที่จะนำไบโอเมตริกส์มาใช้ตั้งแต่ปี 2017 วัคซีนเป็นเครื่องมือ วิกฤตได้รับการวางแผน

    ในช่วงต้นปี 2025 ผู้แจ้งเบาะแสเริ่มเปิดเผยด้านมืด: การทดสอบตัวตนดิจิทัลแบบลับในแคนาดา ออสเตรเลีย และเยอรมนี โปรแกรมนำร่องเหล่านี้ผสมผสานสถานะสุขภาพ พฤติกรรมเครดิต และการติดตามโซเชียลมีเดียโดยไม่ได้ขออนุญาต ผู้คนไม่ได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นบุคคล แต่เป็นหน่วยที่ตั้งโปรแกรมได้ บันทึกการวางแผนภายในของฟอรัมเศรษฐกิจโลกเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า "คลัสเตอร์พฤติกรรม" และ "โหนดการผลิตข้อมูล" คุกอัจฉริยะของชวาบมีอยู่จริงและเกือบจะพร้อมแล้ว

    ความเย่อหยิ่งครอบงำเมืองดาวอส เสียงจากการประชุมโต๊ะกลมในเดือนมกราคม 2024 เผยให้เห็นซีอีโอพูดเล่นเกี่ยวกับการล่มสลายของตลาด "ตามต้องการ" และการขู่กรรโชกเจ้าหน้าที่เพื่อให้ผ่านกฎหมายภาษีคาร์บอน ปัจจุบัน กลุ่มหมวกขาวมีหลักฐานว่า WEF ให้ทุนสนับสนุนการจลาจล การทุจริตการเลือกตั้ง และใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อปิดปากผู้เห็นต่าง กำแพงถูกพังทลายลงในเดือนมีนาคม 2025 การ "เกษียณอายุ" ของ Schwab เป็นการออกจากตำแหน่งโดยถูกบังคับ พันธมิตรที่สำคัญเปลี่ยนฝ่าย ประเทศต่างๆ มากกว่าสิบประเทศได้เริ่มการสอบสวนทางอาญา ภาพลักษณ์ของภูมิคุ้มกันของชนชั้นนำพังทลายลง

    ผลกระทบได้เริ่มขึ้นแล้วในวันที่ 21 มิถุนายน ข้อตกลงการค้าที่เชื่อมโยงกับเป้าหมายของฟอรัมเศรษฐกิจโลกกำลังล้มเหลว การหลอกลวง ESG กำลังล้มเหลว การสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์กำลังดำเนินการอยู่ที่ Deutsche Bank, HSBC และธนาคารใหญ่ๆ อื่นๆ ที่เชื่อมโยงกับ Davos ผู้ที่รับผิดชอบกำลังลาออก ระบบระบุตัวตนดิจิทัลกำลังปิดตัวลง ศูนย์กลางการประสานงานของกลุ่มลับสูญเสียไปแล้ว และความตื่นตระหนกกำลังแพร่กระจายไปทั่วห้องโถงของอำนาจระดับโลก

    นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ข้อมูลที่ได้มาหลังจากการยุบ WEF ถูกนำมาใช้โจมตี WHO, BIS และกลุ่มมนุษยธรรมปลอมทั้งหมดที่ร่วมมือกับ Davos เพื่อแสวงหากำไร การเปิดเผยนี้จะเกิดขึ้นในฤดูร้อนนี้ ซึ่งจะครอบคลุมทั่วโลกและไม่อาจปฏิเสธได้ และจะเป็นเครื่องหมายจุดจบของระบบเก่า เมื่อครั้งหนึ่งเคยทำงานในเงามืด ตอนนี้มันกลับถูกเผาไหม้ต่อหน้าต่อตา

    WEF ล่มสลาย ภาพลวงตาถูกทำลาย และจากเถ้าถ่านของมัน ยุคฟื้นฟูที่แท้จริงได้ถือกำเนิดขึ้น ยุคฟื้นฟูที่ไม่ได้เขียนโดยผู้เผด็จการ แต่เขียนโดยประชาชนที่เป็นอิสระ
    การล่มสลายไม่ได้ถูกแสดงทางโทรทัศน์ แต่ได้รับการวางแผนไว้แล้ว ฟอรัมเศรษฐกิจโลกซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นปราการที่ไม่มีใครแตะต้องได้ของการปกครองแบบเทคโนแครต ถูกแฮ็ก รื้อถอน และเปิดโปงจากภายใน ไม่มีเรื่องอื้อฉาวใดๆ เกิดขึ้น แต่เป็นเพียงการทำลายล้าง เจ้าหน้าที่หมวกขาวภายในเครื่องจักรของดาวอสได้ทำลายภาพลวงตาของความสามัคคีทั่วโลก และเปิดโปงว่าอาชญากรรมต่างๆ เช่น การแทรกแซงการเลือกตั้ง การบังคับให้ผู้คนเข้ารับการรักษาพยาบาล การยึดครองที่ดินภายใต้ข้ออ้างของนโยบายด้านสภาพอากาศ และการติดป้ายชื่อบุคคลแต่ละคนอย่างเงียบๆ เพื่อให้ตรวจสอบนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ในช่วงต้นปี 2024 กลุ่มหมวกขาวได้ยึดเอกสารภายใน บันทึกเสียงลับ และการสื่อสารที่เป็นความลับ ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าผู้นำฟอรัมเศรษฐกิจโลก (WEF) มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินกองทุน "ด้านสภาพอากาศ" กว่า 400,000 ล้านดอลลาร์ผ่านองค์กรพัฒนาเอกชนปลอม กับดักหนี้ และการขโมยสินทรัพย์ดิจิทัล โลกไม่เคยเป็นเป้าหมายของพวกเขา เป้าหมายของพวกเขาคือที่ดิน อาหาร และพลังงาน ภายใต้หน้ากากของ "ความยุติธรรม" พวกเขากดขี่ชาวนา ลิดรอนสิทธิของชนพื้นเมือง และใช้องค์กรการกุศลปลอมเพื่อจัดการรัฐประหารทางการเมือง แต่มันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ไฟล์เซิร์ฟเวอร์ WEF ในยุค COVID-19 ซึ่งค้นพบในช่วงปลายปี 2024 แสดงให้เห็นว่ามีการวางแผนการล็อกดาวน์ไว้ล่วงหน้า มีเครือข่ายการทุจริตในสื่อ และมีแผนที่จะนำไบโอเมตริกส์มาใช้ตั้งแต่ปี 2017 วัคซีนเป็นเครื่องมือ วิกฤตได้รับการวางแผน ในช่วงต้นปี 2025 ผู้แจ้งเบาะแสเริ่มเปิดเผยด้านมืด: การทดสอบตัวตนดิจิทัลแบบลับในแคนาดา ออสเตรเลีย และเยอรมนี โปรแกรมนำร่องเหล่านี้ผสมผสานสถานะสุขภาพ พฤติกรรมเครดิต และการติดตามโซเชียลมีเดียโดยไม่ได้ขออนุญาต ผู้คนไม่ได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นบุคคล แต่เป็นหน่วยที่ตั้งโปรแกรมได้ บันทึกการวางแผนภายในของฟอรัมเศรษฐกิจโลกเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า "คลัสเตอร์พฤติกรรม" และ "โหนดการผลิตข้อมูล" คุกอัจฉริยะของชวาบมีอยู่จริงและเกือบจะพร้อมแล้ว ความเย่อหยิ่งครอบงำเมืองดาวอส เสียงจากการประชุมโต๊ะกลมในเดือนมกราคม 2024 เผยให้เห็นซีอีโอพูดเล่นเกี่ยวกับการล่มสลายของตลาด "ตามต้องการ" และการขู่กรรโชกเจ้าหน้าที่เพื่อให้ผ่านกฎหมายภาษีคาร์บอน ปัจจุบัน กลุ่มหมวกขาวมีหลักฐานว่า WEF ให้ทุนสนับสนุนการจลาจล การทุจริตการเลือกตั้ง และใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อปิดปากผู้เห็นต่าง กำแพงถูกพังทลายลงในเดือนมีนาคม 2025 การ "เกษียณอายุ" ของ Schwab เป็นการออกจากตำแหน่งโดยถูกบังคับ พันธมิตรที่สำคัญเปลี่ยนฝ่าย ประเทศต่างๆ มากกว่าสิบประเทศได้เริ่มการสอบสวนทางอาญา ภาพลักษณ์ของภูมิคุ้มกันของชนชั้นนำพังทลายลง ผลกระทบได้เริ่มขึ้นแล้วในวันที่ 21 มิถุนายน ข้อตกลงการค้าที่เชื่อมโยงกับเป้าหมายของฟอรัมเศรษฐกิจโลกกำลังล้มเหลว การหลอกลวง ESG กำลังล้มเหลว การสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์กำลังดำเนินการอยู่ที่ Deutsche Bank, HSBC และธนาคารใหญ่ๆ อื่นๆ ที่เชื่อมโยงกับ Davos ผู้ที่รับผิดชอบกำลังลาออก ระบบระบุตัวตนดิจิทัลกำลังปิดตัวลง ศูนย์กลางการประสานงานของกลุ่มลับสูญเสียไปแล้ว และความตื่นตระหนกกำลังแพร่กระจายไปทั่วห้องโถงของอำนาจระดับโลก นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ข้อมูลที่ได้มาหลังจากการยุบ WEF ถูกนำมาใช้โจมตี WHO, BIS และกลุ่มมนุษยธรรมปลอมทั้งหมดที่ร่วมมือกับ Davos เพื่อแสวงหากำไร การเปิดเผยนี้จะเกิดขึ้นในฤดูร้อนนี้ ซึ่งจะครอบคลุมทั่วโลกและไม่อาจปฏิเสธได้ และจะเป็นเครื่องหมายจุดจบของระบบเก่า เมื่อครั้งหนึ่งเคยทำงานในเงามืด ตอนนี้มันกลับถูกเผาไหม้ต่อหน้าต่อตา WEF ล่มสลาย ภาพลวงตาถูกทำลาย และจากเถ้าถ่านของมัน ยุคฟื้นฟูที่แท้จริงได้ถือกำเนิดขึ้น ยุคฟื้นฟูที่ไม่ได้เขียนโดยผู้เผด็จการ แต่เขียนโดยประชาชนที่เป็นอิสระ
    0 Comments 0 Shares 57 Views 0 Reviews
  • ECF ซิลลิ่ง 7 วัน (24/06/68) #news1 #คุยคุ้ยหุ้น #ตลาดหุ้น #หุ้นซิลลิ่ง
    ECF ซิลลิ่ง 7 วัน (24/06/68) #news1 #คุยคุ้ยหุ้น #ตลาดหุ้น #หุ้นซิลลิ่ง
    1 Comments 0 Shares 288 Views 13 0 Reviews
  • ถ้าคุณเพิ่งประกอบพีซีใหม่แล้วใส่ SSD PCIe 4.0 หรือ 5.0 ไป ก็ยังนอนหลับได้สบายอยู่ เพราะ PCIe 6.0 กำลังจะมา...แต่ยัง “ไม่ใช่ของคุณในเร็ว ๆ นี้แน่นอน”

    แม้ AMD จะประกาศว่าพร้อมเปิดใช้งาน PCIe 6.0 ตั้งแต่ปี 2026 — และชิปเซ็ตใหม่หลายรุ่นในองค์กรเตรียมรับมือไว้แล้ว — แต่ฝั่งผู้บริโภคกลับ “ไม่มีแรงผลักดัน” ให้รีบอัปเกรด เพราะ:
    - ราคายังแพงเกินไป (เมนบอร์ด, รีไทเมอร์, วัสดุพิเศษ ฯลฯ)
    - การใช้งานปัจจุบันยังใช้ PCIe 4.0 ได้แบบเหลือเฟือ
    - PCIe 6.0 ทำงานยากขึ้น เพราะยิ่งเร็ว = เส้นทางสัญญาณยิ่งสั้นลงเหลือไม่ถึง 9 ซม.

    นั่นหมายความว่า PCIe 6.0 จะยัง “จำกัดเฉพาะ” ตลาดองค์กรและ AI เท่านั้นในช่วงหลายปีข้างหน้า ส่วนพีซีทั่วไปจะได้เห็นจริง “อาจหลังปี 2030” เลยก็ได้

    ✅ AMD เตรียมเปิดตัวแพลตฟอร์มรองรับ PCIe 6.0 ในปี 2026  
    • แต่เฉพาะกลุ่มองค์กร, เซิร์ฟเวอร์ และ AI infrastructure  
    • SSD PCIe 6.0 สำหรับผู้บริโภคอาจต้องรอถึงปี 2030

    ✅ PCIe 6.0 ให้แบนด์วิธสูงถึง 32 GB/s ที่ x4 (เทียบกับ PCIe 4.0 ที่ 8 GB/s)  
    • ดีสำหรับงาน AI และการส่งข้อมูลปริมาณสูงแบบเรียลไทม์

    ✅ PC OEM ส่วนใหญ่ไม่อยากคุยเรื่อง PCIe 6.0 ด้วยซ้ำ  
    • Intel และ AMD ยังคงเลี่ยงให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการนำมาใช้ในโน้ตบุ๊ก/เดสก์ท็อป

    ✅ PCIe 4.0 และ 5.0 ยังเพียงพอสำหรับงานทั่วไป เช่น เกม, ทำงาน, ตัดต่อวิดีโอ  
    • bottleneck ปัจจุบันในระบบผู้ใช้ทั่วไปไม่ได้มาจากแบนด์วิธ

    ✅ รีไทเมอร์ที่จำเป็นในระบบ PCIe 6.0 แพงเกินกว่าจะใส่ในเครื่องผู้ใช้ทั่วไปได้  
    • ใช้เฉพาะในเซิร์ฟเวอร์ที่มีงบประมาณสูง

    ✅ สายสัญญาณ copper ที่ใช้กับ PCIe 6.0 วิ่งได้แค่ราว 3.4 นิ้วก่อนจะ signal loss  
    • ต้องใช้เมนบอร์ดที่มีเลเยอร์หนาและวัสดุคุณภาพสูงขึ้น

    https://www.techradar.com/pro/amd-will-launch-pcie-6-0-devices-next-year-but-consumers-will-have-to-wait-almost-half-a-decade-to-get-it-heres-why
    ถ้าคุณเพิ่งประกอบพีซีใหม่แล้วใส่ SSD PCIe 4.0 หรือ 5.0 ไป ก็ยังนอนหลับได้สบายอยู่ เพราะ PCIe 6.0 กำลังจะมา...แต่ยัง “ไม่ใช่ของคุณในเร็ว ๆ นี้แน่นอน” แม้ AMD จะประกาศว่าพร้อมเปิดใช้งาน PCIe 6.0 ตั้งแต่ปี 2026 — และชิปเซ็ตใหม่หลายรุ่นในองค์กรเตรียมรับมือไว้แล้ว — แต่ฝั่งผู้บริโภคกลับ “ไม่มีแรงผลักดัน” ให้รีบอัปเกรด เพราะ: - ราคายังแพงเกินไป (เมนบอร์ด, รีไทเมอร์, วัสดุพิเศษ ฯลฯ) - การใช้งานปัจจุบันยังใช้ PCIe 4.0 ได้แบบเหลือเฟือ - PCIe 6.0 ทำงานยากขึ้น เพราะยิ่งเร็ว = เส้นทางสัญญาณยิ่งสั้นลงเหลือไม่ถึง 9 ซม. นั่นหมายความว่า PCIe 6.0 จะยัง “จำกัดเฉพาะ” ตลาดองค์กรและ AI เท่านั้นในช่วงหลายปีข้างหน้า ส่วนพีซีทั่วไปจะได้เห็นจริง “อาจหลังปี 2030” เลยก็ได้ ✅ AMD เตรียมเปิดตัวแพลตฟอร์มรองรับ PCIe 6.0 ในปี 2026   • แต่เฉพาะกลุ่มองค์กร, เซิร์ฟเวอร์ และ AI infrastructure   • SSD PCIe 6.0 สำหรับผู้บริโภคอาจต้องรอถึงปี 2030 ✅ PCIe 6.0 ให้แบนด์วิธสูงถึง 32 GB/s ที่ x4 (เทียบกับ PCIe 4.0 ที่ 8 GB/s)   • ดีสำหรับงาน AI และการส่งข้อมูลปริมาณสูงแบบเรียลไทม์ ✅ PC OEM ส่วนใหญ่ไม่อยากคุยเรื่อง PCIe 6.0 ด้วยซ้ำ   • Intel และ AMD ยังคงเลี่ยงให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการนำมาใช้ในโน้ตบุ๊ก/เดสก์ท็อป ✅ PCIe 4.0 และ 5.0 ยังเพียงพอสำหรับงานทั่วไป เช่น เกม, ทำงาน, ตัดต่อวิดีโอ   • bottleneck ปัจจุบันในระบบผู้ใช้ทั่วไปไม่ได้มาจากแบนด์วิธ ✅ รีไทเมอร์ที่จำเป็นในระบบ PCIe 6.0 แพงเกินกว่าจะใส่ในเครื่องผู้ใช้ทั่วไปได้   • ใช้เฉพาะในเซิร์ฟเวอร์ที่มีงบประมาณสูง ✅ สายสัญญาณ copper ที่ใช้กับ PCIe 6.0 วิ่งได้แค่ราว 3.4 นิ้วก่อนจะ signal loss   • ต้องใช้เมนบอร์ดที่มีเลเยอร์หนาและวัสดุคุณภาพสูงขึ้น https://www.techradar.com/pro/amd-will-launch-pcie-6-0-devices-next-year-but-consumers-will-have-to-wait-almost-half-a-decade-to-get-it-heres-why
    WWW.TECHRADAR.COM
    No rush to adopt PCIe 6.0 in consumer PCs, say industry leaders
    Next-gen tech is reportedly too expensive and complex for home PCs
    0 Comments 0 Shares 40 Views 0 Reviews
  • ถ้าปีที่แล้วเราพูดถึงว่าใครครองตลาด AI วันนี้เราพูดถึงว่า…ใคร “ดูแลความเสี่ยงจาก AI” ได้ดีที่สุดแทนครับ และ Microsoft ก็ต้องการพิสูจน์ว่าเขาไม่ใช่แค่เจ้าของ Copilot หรือ Azure AI เท่านั้น — แต่ยังเป็น “ผู้นำด้านการพัฒนา AI ที่ไม่ปล่อยให้มันหลุดมือ”

    ในรายงานนี้ (ฉบับที่ 2 ต่อจากฉบับแรกในเดือนพฤษภาคม 2024) Microsoft เน้นประเด็นสำคัญ 3 ด้าน:
    1️⃣ ลงทุนในการบริหารความเสี่ยงด้าน AI ทั้งที่เป็นข้อความ ภาพ เสียง วิดีโอ และระบบ AI เชิงเอเจนต์ (agentic systems)
    2️⃣ เตรียมรับกฎใหม่ เช่น EU AI Act อย่างเป็นระบบ พร้อมจัดทำเอกสารและแนวทางให้ลูกค้านำไปใช้เพื่อให้ปฏิบัติตามได้จริง
    3️⃣ สร้างทีมและเครื่องมือ เช่น AI Frontiers Lab ที่เน้นการทดลอง ระบบ red team และการวัดความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง

    Microsoft ยังประกาศชัดว่า จะ “ลงทุนอย่างต่อเนื่องในเครื่องมือวัดความเสี่ยงแบบปฏิบัติได้จริง (risk measurement and tooling at scale)” และจะ “เปิดเผยสิ่งที่เรียนรู้ให้ชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ” ด้วย

    https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-says-responsible-ai-is-now-its-biggest-priority-but-what-does-this-look-like
    ถ้าปีที่แล้วเราพูดถึงว่าใครครองตลาด AI วันนี้เราพูดถึงว่า…ใคร “ดูแลความเสี่ยงจาก AI” ได้ดีที่สุดแทนครับ และ Microsoft ก็ต้องการพิสูจน์ว่าเขาไม่ใช่แค่เจ้าของ Copilot หรือ Azure AI เท่านั้น — แต่ยังเป็น “ผู้นำด้านการพัฒนา AI ที่ไม่ปล่อยให้มันหลุดมือ” ในรายงานนี้ (ฉบับที่ 2 ต่อจากฉบับแรกในเดือนพฤษภาคม 2024) Microsoft เน้นประเด็นสำคัญ 3 ด้าน: 1️⃣ ลงทุนในการบริหารความเสี่ยงด้าน AI ทั้งที่เป็นข้อความ ภาพ เสียง วิดีโอ และระบบ AI เชิงเอเจนต์ (agentic systems) 2️⃣ เตรียมรับกฎใหม่ เช่น EU AI Act อย่างเป็นระบบ พร้อมจัดทำเอกสารและแนวทางให้ลูกค้านำไปใช้เพื่อให้ปฏิบัติตามได้จริง 3️⃣ สร้างทีมและเครื่องมือ เช่น AI Frontiers Lab ที่เน้นการทดลอง ระบบ red team และการวัดความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง Microsoft ยังประกาศชัดว่า จะ “ลงทุนอย่างต่อเนื่องในเครื่องมือวัดความเสี่ยงแบบปฏิบัติได้จริง (risk measurement and tooling at scale)” และจะ “เปิดเผยสิ่งที่เรียนรู้ให้ชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ” ด้วย https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-says-responsible-ai-is-now-its-biggest-priority-but-what-does-this-look-like
    WWW.TECHRADAR.COM
    Microsoft says “Responsible AI” is now its biggest priority - but what does this look like?
    New Transparency Report reveals Microsoft's plans for building trustworthy models
    0 Comments 0 Shares 53 Views 0 Reviews
  • ตลาดหลักทรัพย์ฯ งัดมาตรการชั่วคราว ปรับเกณฑ์ Ceiling & Floor และ Dynamic Price Band มีผล 23-27 มิ.ย.68 ลดความผันผวนการซื้อขาย จากสถานการณ์สู้รบในตะวันออกกลาง หากตลาดผันผวนน้อยลง มีโอกาสจะปลดมาตรการก่อนครบกำหนด 27 มิ.ย.68 แนะนักลงทุน ท่ามกลางโลกป่วน ต้องกลั่นกรองข้อมูลข่าวสาร ก่อนตัดสินใจลงทุน
    ตลาดหลักทรัพย์ฯ งัดมาตรการชั่วคราว ปรับเกณฑ์ Ceiling & Floor และ Dynamic Price Band มีผล 23-27 มิ.ย.68 ลดความผันผวนการซื้อขาย จากสถานการณ์สู้รบในตะวันออกกลาง หากตลาดผันผวนน้อยลง มีโอกาสจะปลดมาตรการก่อนครบกำหนด 27 มิ.ย.68 แนะนักลงทุน ท่ามกลางโลกป่วน ต้องกลั่นกรองข้อมูลข่าวสาร ก่อนตัดสินใจลงทุน
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 292 Views 16 0 Reviews
  • จ่ายตลาด
    จ่ายตลาด
    0 Comments 0 Shares 10 Views 0 Reviews
  • SET ข่าวร้ายไม่ขาดสายแต่ยังรับไหว (23/06/68) #news1 #คุยคุ้ยหุ้น #หุ้น #ตลาดหุ้น
    SET ข่าวร้ายไม่ขาดสายแต่ยังรับไหว (23/06/68) #news1 #คุยคุ้ยหุ้น #หุ้น #ตลาดหุ้น
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 293 Views 24 0 Reviews
  • iSoftStone อาจไม่ใช่ชื่อที่คนทั่วไปเคยได้ยิน แต่มันคือหนึ่งในม้ามืดที่มาจากสายงาน B2B โดยเฉพาะด้านการศึกษา, ภาครัฐ และองค์กรขนาดกลางในจีน ซึ่งเป็นภาคที่ได้รับ เงินสนับสนุนจากรัฐบาลจีนอย่างต่อเนื่อง แม้ตลาดองค์กรขนาดใหญ่จะซบเซา

    ใน Q1 ปี 2025 พวกเขาขายพีซีไปถึง 890,000 เครื่อง — เพิ่มจาก 420,000 เครื่องในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว (โต 111% ภายในปีเดียว!) ซึ่งมากพอจะทำให้ส่วนแบ่งตลาดพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 10% แล้ว — ใกล้แซง Huawei ที่ 12% และแซง Apple กับ HP ไปแล้วเรียบร้อย

    นอกจาก B2B แล้ว iSoftStone ยังลงมาเล่นในตลาดเกมแรง ๆ ด้วย — ซึ่งเซกเมนต์นี้ในจีนยังโตปีละ 24% โดยเฉพาะฝั่งเครื่องแรงระดับสูง (High-End Gaming)

    แม้ตอนนี้ iSoftStone จะยังขายแค่ในจีน แต่มีประสบการณ์ทำโปรเจกต์ใหญ่ในต่างประเทศ เช่น ศูนย์ข้อมูลในสิงคโปร์ จึงมีความเป็นไปได้สูงว่า จะบุกตลาดโลกในไม่ช้านี้ — โดยเฉพาะเมื่อจีนต้องการดันแบรนด์ในประเทศให้แข็งแกร่งเพื่อแข่งขันกับ Lenovo, Dell, Apple และ HP

    https://www.techradar.com/pro/huge-pc-vendor-youve-never-heard-of-is-set-to-become-second-biggest-player-in-china-ahead-of-apple-hp-heres-why-it-matters
    iSoftStone อาจไม่ใช่ชื่อที่คนทั่วไปเคยได้ยิน แต่มันคือหนึ่งในม้ามืดที่มาจากสายงาน B2B โดยเฉพาะด้านการศึกษา, ภาครัฐ และองค์กรขนาดกลางในจีน ซึ่งเป็นภาคที่ได้รับ เงินสนับสนุนจากรัฐบาลจีนอย่างต่อเนื่อง แม้ตลาดองค์กรขนาดใหญ่จะซบเซา ใน Q1 ปี 2025 พวกเขาขายพีซีไปถึง 890,000 เครื่อง — เพิ่มจาก 420,000 เครื่องในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว (โต 111% ภายในปีเดียว!) ซึ่งมากพอจะทำให้ส่วนแบ่งตลาดพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 10% แล้ว — ใกล้แซง Huawei ที่ 12% และแซง Apple กับ HP ไปแล้วเรียบร้อย นอกจาก B2B แล้ว iSoftStone ยังลงมาเล่นในตลาดเกมแรง ๆ ด้วย — ซึ่งเซกเมนต์นี้ในจีนยังโตปีละ 24% โดยเฉพาะฝั่งเครื่องแรงระดับสูง (High-End Gaming) แม้ตอนนี้ iSoftStone จะยังขายแค่ในจีน แต่มีประสบการณ์ทำโปรเจกต์ใหญ่ในต่างประเทศ เช่น ศูนย์ข้อมูลในสิงคโปร์ จึงมีความเป็นไปได้สูงว่า จะบุกตลาดโลกในไม่ช้านี้ — โดยเฉพาะเมื่อจีนต้องการดันแบรนด์ในประเทศให้แข็งแกร่งเพื่อแข่งขันกับ Lenovo, Dell, Apple และ HP https://www.techradar.com/pro/huge-pc-vendor-youve-never-heard-of-is-set-to-become-second-biggest-player-in-china-ahead-of-apple-hp-heres-why-it-matters
    WWW.TECHRADAR.COM
    Unknown outside China, iSoftStone is now the country’s third-largest PC brand
    iSoftStone enjoyed a 111% increase in unit shipments in just one year
    0 Comments 0 Shares 71 Views 0 Reviews
  • ปกติเวลาพูดถึงเทคโนโลยี เรามักจะนึกถึง “พลังงาน” ที่มันใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ, สัญญาณ 5G หรือแม้แต่เน็ตบนรถไฟฟ้า แต่งานวิจัยล่าสุดจาก GSMA บอกว่า แม้ผู้ใช้งานมือถือทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 9% และมีการใช้ดาต้ามากกว่า 4 เท่า — แต่มือถือกลับปล่อยคาร์บอนน้อยลง

    สิ่งที่ช่วยให้เป็นแบบนั้นก็มีหลายปัจจัย เช่น:
    - การยกเลิกเครือข่ายเก่า (เช่น 2G/3G) ที่กินไฟมาก
    - เปลี่ยนจากเครื่องปั่นไฟดีเซล มาใช้พลังงานทดแทน (แสงอาทิตย์/แบตเตอรี่)
    - ใช้เทคโนโลยีสื่อสารใหม่ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น

    โดยเฉพาะ “จีน” ที่เป็นตลาดมือถือใหญ่ที่สุดในโลก (มีผู้ใช้ 5G กว่า 1 พันล้านราย) กลับลดคาร์บอนลง 4% ในปี 2024 ได้สำเร็จ

    แต่ทาง GSMA ก็ยังบอกว่า ยังเร็วเกินจะดีใจ เพราะเป้าหมาย Net Zero ต้องลดลงเฉลี่ย 7.5% ต่อปี — ตอนนี้ทำได้แค่ 4.5% เท่านั้นในปีล่าสุด

    เรื่องที่น่าเป็นห่วงอีกด้านคือ “รอยเท้าคาร์บอนที่แฝงอยู่” (Scope 3) เช่น:
    - การผลิตมือถือและสายส่ง
    - การจัดส่งและรีไซเคิล
    - ระบบซัพพลายเชนทั้งหมด

    จุดนี้คิดเป็น 2 ใน 3 ของคาร์บอนทั้งหมดในอุตสาหกรรมมือถือ ซึ่งยังไม่มีการควบคุมอย่างจริงจังเท่า Scope 1–2

    ข่าวดีคือ ผู้บริโภคเริ่มสนใจความยั่งยืนแล้วจริง ๆ:
    - 90% อยากให้มือถือซ่อมง่ายและใช้นาน
    - 50% พร้อมซื้อเครื่อง Refurbished ซึ่งปล่อยคาร์บอนน้อยกว่ามือถือใหม่ถึง 80–90%
    - ตลาดมือถือมือสองตอนนี้โตไวมาก คาดว่าจะมูลค่าถึง $150B ภายในปี 2027 เลยทีเดียว

    https://www.techradar.com/pro/mobile-industry-slashes-global-carbon-emissions-despite-4x-increase-in-worldwide-data-traffic-heres-why-it-matters
    ปกติเวลาพูดถึงเทคโนโลยี เรามักจะนึกถึง “พลังงาน” ที่มันใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ, สัญญาณ 5G หรือแม้แต่เน็ตบนรถไฟฟ้า แต่งานวิจัยล่าสุดจาก GSMA บอกว่า แม้ผู้ใช้งานมือถือทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 9% และมีการใช้ดาต้ามากกว่า 4 เท่า — แต่มือถือกลับปล่อยคาร์บอนน้อยลง สิ่งที่ช่วยให้เป็นแบบนั้นก็มีหลายปัจจัย เช่น: - การยกเลิกเครือข่ายเก่า (เช่น 2G/3G) ที่กินไฟมาก - เปลี่ยนจากเครื่องปั่นไฟดีเซล มาใช้พลังงานทดแทน (แสงอาทิตย์/แบตเตอรี่) - ใช้เทคโนโลยีสื่อสารใหม่ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น โดยเฉพาะ “จีน” ที่เป็นตลาดมือถือใหญ่ที่สุดในโลก (มีผู้ใช้ 5G กว่า 1 พันล้านราย) กลับลดคาร์บอนลง 4% ในปี 2024 ได้สำเร็จ แต่ทาง GSMA ก็ยังบอกว่า ยังเร็วเกินจะดีใจ เพราะเป้าหมาย Net Zero ต้องลดลงเฉลี่ย 7.5% ต่อปี — ตอนนี้ทำได้แค่ 4.5% เท่านั้นในปีล่าสุด เรื่องที่น่าเป็นห่วงอีกด้านคือ “รอยเท้าคาร์บอนที่แฝงอยู่” (Scope 3) เช่น: - การผลิตมือถือและสายส่ง - การจัดส่งและรีไซเคิล - ระบบซัพพลายเชนทั้งหมด จุดนี้คิดเป็น 2 ใน 3 ของคาร์บอนทั้งหมดในอุตสาหกรรมมือถือ ซึ่งยังไม่มีการควบคุมอย่างจริงจังเท่า Scope 1–2 ข่าวดีคือ ผู้บริโภคเริ่มสนใจความยั่งยืนแล้วจริง ๆ: - 90% อยากให้มือถือซ่อมง่ายและใช้นาน - 50% พร้อมซื้อเครื่อง Refurbished ซึ่งปล่อยคาร์บอนน้อยกว่ามือถือใหม่ถึง 80–90% - ตลาดมือถือมือสองตอนนี้โตไวมาก คาดว่าจะมูลค่าถึง $150B ภายในปี 2027 เลยทีเดียว https://www.techradar.com/pro/mobile-industry-slashes-global-carbon-emissions-despite-4x-increase-in-worldwide-data-traffic-heres-why-it-matters
    0 Comments 0 Shares 59 Views 0 Reviews
  • ปกติแล้วเมื่อชิปมีความละเอียดระดับ 10nm (หรือเทคโนโลยีที่เรียกกันว่า “1c DRAM”) ยิ่งขนาดทรานซิสเตอร์เล็กลง ก็ยิ่งทำให้ผลิตยาก ยิ่งมี defect ก็ยิ่ง “yield ต่ำ” — แต่นี่คือครั้งแรกที่ Samsung กลับมาพลิกเกมด้วย การออกแบบชิปใหม่ทั้งหมดหลังล้มเหลวตอนปลายปี 2024 แม้จะต้องเลื่อนแผนผลิตไปกว่า 1 ปีเต็มก็ตาม

    ผลลัพธ์ของการ “ยอมถอยเพื่อเดินหน้า” คือ yield rate ตอนนี้ขยับขึ้นจาก <30% → สู่ 50–70% ซึ่งถือว่า “ผ่านจุดคุ้มทุน” แล้ว ทำให้ Samsung เตรียมเร่งกำลังผลิตในสาย Pyeongtaek และ Hwaseong ทันที

    เหตุผลที่เรื่องนี้น่าสนใจคือ DRAM รุ่น 1c คือรากฐานสำคัญของชิป HBM4 (High Bandwidth Memory Gen4) — ซึ่งจำเป็นมากต่อการแข่งในตลาด AI, HPC และ GPU รุ่นใหม่ ๆ ปี 2025–2026 โดย Samsung ตั้งเป้าเริ่ม mass production HBM4 ภายในสิ้นปีนี้ โดยใช้ฐาน Pyeongtaek Line 3 เป็นหัวหอก

    ✅ Samsung ดัน yield DRAM รุ่น 1c ขึ้นมาที่ระดับ 50–70% ได้แล้ว  
    • ปีที่แล้วอยู่ต่ำกว่า 30% และต้องเลื่อน mass production ออกไป  
    • ผ่านจุดคุ้มทุนในการผลิต เกิด mass yield ได้จริง

    ✅ ออกแบบชิปรุ่นใหม่ทั้งหมดหลังแผนผลิตปลายปี 2024 ล้มเหลว  
    • เปลี่ยนดีไซน์เพื่อปรับประสิทธิภาพและลด defect  
    • ย้ายฐานการผลิตไป Pyeongtaek Line 4 (สำหรับ DRAM 1c)

    ✅ ช่วยเร่งแผนผลิต HBM4 ให้เริ่มได้ภายในปลายปี 2025  
    • ฐานการผลิต HBM4 อยู่ที่ Pyeongtaek Line 3  
    • DRAM 1c เป็นรากฐานสำคัญของ HBM4

    ✅ Samsung เดินคนละเส้นกับคู่แข่งอย่าง SK Hynix และ Micron ที่ใช้ DRAM รุ่น 1b กับ HBM4 แทน 1c  
    • มีความเสี่ยงสูงกว่า แต่โอกาสทำกำไรสูงกว่าเช่นกัน

    ✅ เริ่มขยายสายการผลิต DRAM 1c เพิ่มที่ Hwaseong และ Pyeongtaek ในปีนี้  
    • เตรียมรองรับความต้องการ DRAM/HBM ที่สูงขึ้นจากภาค AI และดาต้าเซ็นเตอร์

    https://www.techpowerup.com/338192/samsung-reportedly-achieves-70-yields-for-its-1c-dram-technology
    ปกติแล้วเมื่อชิปมีความละเอียดระดับ 10nm (หรือเทคโนโลยีที่เรียกกันว่า “1c DRAM”) ยิ่งขนาดทรานซิสเตอร์เล็กลง ก็ยิ่งทำให้ผลิตยาก ยิ่งมี defect ก็ยิ่ง “yield ต่ำ” — แต่นี่คือครั้งแรกที่ Samsung กลับมาพลิกเกมด้วย การออกแบบชิปใหม่ทั้งหมดหลังล้มเหลวตอนปลายปี 2024 แม้จะต้องเลื่อนแผนผลิตไปกว่า 1 ปีเต็มก็ตาม ผลลัพธ์ของการ “ยอมถอยเพื่อเดินหน้า” คือ yield rate ตอนนี้ขยับขึ้นจาก <30% → สู่ 50–70% ซึ่งถือว่า “ผ่านจุดคุ้มทุน” แล้ว ทำให้ Samsung เตรียมเร่งกำลังผลิตในสาย Pyeongtaek และ Hwaseong ทันที เหตุผลที่เรื่องนี้น่าสนใจคือ DRAM รุ่น 1c คือรากฐานสำคัญของชิป HBM4 (High Bandwidth Memory Gen4) — ซึ่งจำเป็นมากต่อการแข่งในตลาด AI, HPC และ GPU รุ่นใหม่ ๆ ปี 2025–2026 โดย Samsung ตั้งเป้าเริ่ม mass production HBM4 ภายในสิ้นปีนี้ โดยใช้ฐาน Pyeongtaek Line 3 เป็นหัวหอก ✅ Samsung ดัน yield DRAM รุ่น 1c ขึ้นมาที่ระดับ 50–70% ได้แล้ว   • ปีที่แล้วอยู่ต่ำกว่า 30% และต้องเลื่อน mass production ออกไป   • ผ่านจุดคุ้มทุนในการผลิต เกิด mass yield ได้จริง ✅ ออกแบบชิปรุ่นใหม่ทั้งหมดหลังแผนผลิตปลายปี 2024 ล้มเหลว   • เปลี่ยนดีไซน์เพื่อปรับประสิทธิภาพและลด defect   • ย้ายฐานการผลิตไป Pyeongtaek Line 4 (สำหรับ DRAM 1c) ✅ ช่วยเร่งแผนผลิต HBM4 ให้เริ่มได้ภายในปลายปี 2025   • ฐานการผลิต HBM4 อยู่ที่ Pyeongtaek Line 3   • DRAM 1c เป็นรากฐานสำคัญของ HBM4 ✅ Samsung เดินคนละเส้นกับคู่แข่งอย่าง SK Hynix และ Micron ที่ใช้ DRAM รุ่น 1b กับ HBM4 แทน 1c   • มีความเสี่ยงสูงกว่า แต่โอกาสทำกำไรสูงกว่าเช่นกัน ✅ เริ่มขยายสายการผลิต DRAM 1c เพิ่มที่ Hwaseong และ Pyeongtaek ในปีนี้   • เตรียมรองรับความต้องการ DRAM/HBM ที่สูงขึ้นจากภาค AI และดาต้าเซ็นเตอร์ https://www.techpowerup.com/338192/samsung-reportedly-achieves-70-yields-for-its-1c-dram-technology
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Samsung Reportedly Achieves 70% Yields for Its 1c DRAM Technology
    Samsung has achieved better production results for its advanced memory technology, according to Sedaily, as cited by TrendForce. The company's sixth-generation 10 nm DRAM, called 1c DRAM, now shows yield rates of 50-70% in testing. This represents a significant improvement from last year's results, ...
    0 Comments 0 Shares 45 Views 0 Reviews
  • หลังจากโดนคว่ำบาตรซ้ำแล้วซ้ำเล่า จีนก็เดินหน้าสร้าง “GPU ของตัวเอง” ขึ้นมา โดยบริษัท Lisuan Technology เพิ่งเปิดตัว G100 ที่ใช้สถาปัตยกรรม TrueGPU แบบ in-house พร้อมสายการผลิตจาก SMIC (โรงงานผลิตชิปในจีน) ซึ่งใช้กระบวนการระดับ 6nm

    ล่าสุดพบข้อมูล G100 บน Geekbench — ได้คะแนน 15,524 คะแนนใน OpenCL ซึ่งเทียบเท่า GTX 660 Ti อายุ 13 ปี หรือ iGPU บางตัวบนมือถือเลยทีเดียว 😅

    ถึงคะแนนจะยังไม่หวือหวา แต่ Lisuan บอกว่าชิปเพิ่งเข้าสู่ช่วง “risk production” เท่านั้น (ยังไม่ mass produce) และ driver ก็ยังอยู่ระหว่างพัฒนา — ทีมงานจึงบอกว่า อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุป

    G100 ใช้ 32 Compute Units (CU), มี VRAM แค่ 256MB, และความเร็ว 300MHz ซึ่งเชื่อว่าไม่ใช่ค่าเต็มจริง อาจเป็นเพียงค่าจากเวอร์ชันทดลอง

    สิ่งสำคัญคือ แม้ประสิทธิภาพยังตามหลัง NVIDIA/AMD หลายปี แต่...นี่คือ “GPU ผลิตในประเทศ” ที่อาจกลายเป็นหมากยุทธศาสตร์ของจีนในอนาคต — แบบเดียวกับที่จีนเคยดัน Zhaoxin ในฝั่ง CPU มาก่อน

    ✅ Lisuan G100 คือ GPU 6nm ตัวแรกของจีนแบบ in-house เต็มรูปแบบ  
    • ใช้สถาปัตยกรรม TrueGPU ที่พัฒนาเอง  
    • ผลิตโดย SMIC ที่เป็น foundry ในประเทศ

    ✅ ผลทดสอบ Geekbench ได้ 15,524 คะแนน (OpenCL)  
    • ใกล้เคียง GTX 660 Ti, Radeon R9 370, และ Exynos 2400 (มือถือ)

    ✅ สเปกจาก Geekbench ระบุมี 32 CU, VRAM 256MB, Clock 300MHz  
    • เชื่อว่าค่าจริงอาจสูงกว่านี้ แต่ driver ยังไม่สมบูรณ์

    ✅ อยู่ในขั้น “risk production” — ยังไม่ผลิตจริงจัง  
    • หากสำเร็จจะเข้าสู่ mass production ช่วงปลายปี 2025 หรือต้นปี 2026

    ✅ ทีมงานไม่ต้องการให้ตัดสินจากผลทดสอบปัจจุบัน เพราะ driver/firmware ยังไม่สมบูรณ์

    ✅ เป้าหมายของ Lisuan คือ “สู้ในตลาด mid-range” และสร้างทางเลือกแทน GPU จากตะวันตก

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/chinas-first-6nm-gaming-gpu-matches-13-year-old-gtx-660-ti-in-first-geekbench-tests-lisuan-g100-surfaces-with-32-cus-256mb-vram-and-300-mhz-clock-speed
    หลังจากโดนคว่ำบาตรซ้ำแล้วซ้ำเล่า จีนก็เดินหน้าสร้าง “GPU ของตัวเอง” ขึ้นมา โดยบริษัท Lisuan Technology เพิ่งเปิดตัว G100 ที่ใช้สถาปัตยกรรม TrueGPU แบบ in-house พร้อมสายการผลิตจาก SMIC (โรงงานผลิตชิปในจีน) ซึ่งใช้กระบวนการระดับ 6nm ล่าสุดพบข้อมูล G100 บน Geekbench — ได้คะแนน 15,524 คะแนนใน OpenCL ซึ่งเทียบเท่า GTX 660 Ti อายุ 13 ปี หรือ iGPU บางตัวบนมือถือเลยทีเดียว 😅 ถึงคะแนนจะยังไม่หวือหวา แต่ Lisuan บอกว่าชิปเพิ่งเข้าสู่ช่วง “risk production” เท่านั้น (ยังไม่ mass produce) และ driver ก็ยังอยู่ระหว่างพัฒนา — ทีมงานจึงบอกว่า อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุป G100 ใช้ 32 Compute Units (CU), มี VRAM แค่ 256MB, และความเร็ว 300MHz ซึ่งเชื่อว่าไม่ใช่ค่าเต็มจริง อาจเป็นเพียงค่าจากเวอร์ชันทดลอง สิ่งสำคัญคือ แม้ประสิทธิภาพยังตามหลัง NVIDIA/AMD หลายปี แต่...นี่คือ “GPU ผลิตในประเทศ” ที่อาจกลายเป็นหมากยุทธศาสตร์ของจีนในอนาคต — แบบเดียวกับที่จีนเคยดัน Zhaoxin ในฝั่ง CPU มาก่อน ✅ Lisuan G100 คือ GPU 6nm ตัวแรกของจีนแบบ in-house เต็มรูปแบบ   • ใช้สถาปัตยกรรม TrueGPU ที่พัฒนาเอง   • ผลิตโดย SMIC ที่เป็น foundry ในประเทศ ✅ ผลทดสอบ Geekbench ได้ 15,524 คะแนน (OpenCL)   • ใกล้เคียง GTX 660 Ti, Radeon R9 370, และ Exynos 2400 (มือถือ) ✅ สเปกจาก Geekbench ระบุมี 32 CU, VRAM 256MB, Clock 300MHz   • เชื่อว่าค่าจริงอาจสูงกว่านี้ แต่ driver ยังไม่สมบูรณ์ ✅ อยู่ในขั้น “risk production” — ยังไม่ผลิตจริงจัง   • หากสำเร็จจะเข้าสู่ mass production ช่วงปลายปี 2025 หรือต้นปี 2026 ✅ ทีมงานไม่ต้องการให้ตัดสินจากผลทดสอบปัจจุบัน เพราะ driver/firmware ยังไม่สมบูรณ์ ✅ เป้าหมายของ Lisuan คือ “สู้ในตลาด mid-range” และสร้างทางเลือกแทน GPU จากตะวันตก https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/chinas-first-6nm-gaming-gpu-matches-13-year-old-gtx-660-ti-in-first-geekbench-tests-lisuan-g100-surfaces-with-32-cus-256mb-vram-and-300-mhz-clock-speed
    0 Comments 0 Shares 67 Views 0 Reviews
  • หลังจาก Intel เจอสารพัดปัญหาตั้งแต่ยอดขายตก ความล่าช้าทางเทคโนโลยี ไปจนถึงการแข่งขันที่ดุเดือดกับ AMD, NVIDIA และ TSMC — ซีอีโอคนใหม่ก็ออกแนวทาง “ผ่าตัดโครงสร้าง” แบบไม่ไว้หน้าเดิม ๆ

    หนึ่งในมาตรการสำคัญคือ การยุบทีมการตลาดเดิมบางส่วน และเอาท์ซอร์ซงานให้กับบริษัทที่ปรึกษา Accenture โดยมี AI เป็นตัวหลักในการดำเนินงาน เช่น ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาล, ทำ personalization อัตโนมัติ, และลดงาน routine ที่เคยต้องใช้คนทำ

    ผลลัพธ์คือ Intel ประกาศว่า “จะเหลือแค่ lean team” หรือทีมการตลาดขนาดเล็กมากเท่านั้น — โดยพนักงานที่ได้รับผลกระทบจะรู้ผลภายในวันที่ 11 กรกฎาคมนี้ และบางคนอาจถูกขอให้ “ช่วยฝึกงานให้กับ Accenture” ก่อนลาออกอีกด้วย

    กลยุทธ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางการพยายาม “กู้สถานะ” ของ Intel ที่เคยเป็นเบอร์หนึ่งด้านเทคโนโลยี แต่ตอนนี้กำลังตกบัลลังก์ และต้องปรับตัวให้ทันโลกที่ “AI ทำงานแทนคน” ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ

    https://www.techspot.com/news/108402-intel-outsource-marketing-accenture-ai-cutting-house-staff.html
    หลังจาก Intel เจอสารพัดปัญหาตั้งแต่ยอดขายตก ความล่าช้าทางเทคโนโลยี ไปจนถึงการแข่งขันที่ดุเดือดกับ AMD, NVIDIA และ TSMC — ซีอีโอคนใหม่ก็ออกแนวทาง “ผ่าตัดโครงสร้าง” แบบไม่ไว้หน้าเดิม ๆ หนึ่งในมาตรการสำคัญคือ การยุบทีมการตลาดเดิมบางส่วน และเอาท์ซอร์ซงานให้กับบริษัทที่ปรึกษา Accenture โดยมี AI เป็นตัวหลักในการดำเนินงาน เช่น ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาล, ทำ personalization อัตโนมัติ, และลดงาน routine ที่เคยต้องใช้คนทำ ผลลัพธ์คือ Intel ประกาศว่า “จะเหลือแค่ lean team” หรือทีมการตลาดขนาดเล็กมากเท่านั้น — โดยพนักงานที่ได้รับผลกระทบจะรู้ผลภายในวันที่ 11 กรกฎาคมนี้ และบางคนอาจถูกขอให้ “ช่วยฝึกงานให้กับ Accenture” ก่อนลาออกอีกด้วย กลยุทธ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางการพยายาม “กู้สถานะ” ของ Intel ที่เคยเป็นเบอร์หนึ่งด้านเทคโนโลยี แต่ตอนนี้กำลังตกบัลลังก์ และต้องปรับตัวให้ทันโลกที่ “AI ทำงานแทนคน” ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ https://www.techspot.com/news/108402-intel-outsource-marketing-accenture-ai-cutting-house-staff.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Intel to outsource marketing to Accenture and AI, cutting in-house staff
    This move is expected to result in significant layoffs within Intel's marketing division, with most affected employees expected to learn their fate by July 11.
    0 Comments 0 Shares 60 Views 0 Reviews
  • David Sacks ที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีของทำเนียบขาว ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่า ช่องว่างระหว่างจีนกับสหรัฐในด้านการออกแบบชิปตอนนี้เหลือแค่ 1.5–2 ปีเท่านั้น โดยเฉพาะ Huawei ซึ่งแม้จะยังขาดกำลังผลิต GPU ขั้นสูง แต่สามารถหาทางออกด้วยการนำ ชิปเก่า 910B มาต่อรวมกันเป็น “910C” เพื่อเพิ่มพลังประมวลผลและหน่วยความจำให้ใกล้เคียง NVIDIA H100

    แม้จะไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่สด แต่ถือเป็น “ทางเลือกภายในประเทศ” ที่ใช้งานจริงได้ และ Huawei เริ่มจะ ส่งออก AI Chip ไปยังลูกค้าต่างประเทศด้วย แล้ว

    Sacks เตือนว่า หากจีนสามารถผลิตและสร้าง ecosystem ที่แข็งแรงได้จริง สหรัฐอาจเสียตำแหน่งผู้นำในตลาดเทคโนโลยี AI — โดยเฉพาะถ้า การควบคุมการส่งออกของสหรัฐเข้มเกินไปจนกลายเป็น “ผลย้อนกลับ” ทำให้จีนหาทางพึ่งพาตนเองได้เร็วขึ้น

    ตัวอย่างหนึ่งคือรัฐบาล Trump ได้ “ยกเลิก” กฎในยุค Biden ที่จำกัดการส่งออก GPU ให้กับพันธมิตรบางประเทศ เพื่อไม่ให้เสียพื้นที่ทางการค้าในระยะยาว

    ✅ Huawei พัฒนาชิป AI รุ่น 910C โดยรวมชิป 910B สองตัวเข้าด้วยกัน  
    • ให้ประสิทธิภาพใกล้เคียง NVIDIA H100  
    • ใช้ได้จริงกับตลาดในจีน และเตรียมขยายการส่งออก

    ✅ จีนกำลังลดช่องว่างด้านการออกแบบชิป เหลือห่างสหรัฐเพียง 1.5–2 ปี  
    • โดยเฉพาะบริษัทอย่าง Huawei ที่แก้เกมจากข้อจำกัดทางเทคนิคและการเมือง

    ✅ David Sacks เตือนว่า การควบคุมการส่งออกที่เข้มเกินไป อาจย้อนศร  
    • ทำให้คู่แข่งพึ่งพาตัวเองได้เร็ว และไม่ยอมรับมาตรฐานเทคโนโลยีของสหรัฐ

    ✅ Trump administration เลือกยกเลิกบางข้อจำกัดจากยุค Biden เพื่อรักษาฐานการค้าในระยะยาว

    ✅ แม้ผู้ก่อตั้ง Huawei ยอมรับว่า GPU ของตนยังล้าหลังกว่าคู่แข่ง แต่การสร้าง ecosystem และผลิตภัณฑ์ “ราคาเข้าถึงได้” อาจทำให้เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในอนาคต

    https://www.techspot.com/news/108400-us-tech-czar-warns-china-only-two-years.html
    David Sacks ที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีของทำเนียบขาว ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่า ช่องว่างระหว่างจีนกับสหรัฐในด้านการออกแบบชิปตอนนี้เหลือแค่ 1.5–2 ปีเท่านั้น โดยเฉพาะ Huawei ซึ่งแม้จะยังขาดกำลังผลิต GPU ขั้นสูง แต่สามารถหาทางออกด้วยการนำ ชิปเก่า 910B มาต่อรวมกันเป็น “910C” เพื่อเพิ่มพลังประมวลผลและหน่วยความจำให้ใกล้เคียง NVIDIA H100 แม้จะไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่สด แต่ถือเป็น “ทางเลือกภายในประเทศ” ที่ใช้งานจริงได้ และ Huawei เริ่มจะ ส่งออก AI Chip ไปยังลูกค้าต่างประเทศด้วย แล้ว Sacks เตือนว่า หากจีนสามารถผลิตและสร้าง ecosystem ที่แข็งแรงได้จริง สหรัฐอาจเสียตำแหน่งผู้นำในตลาดเทคโนโลยี AI — โดยเฉพาะถ้า การควบคุมการส่งออกของสหรัฐเข้มเกินไปจนกลายเป็น “ผลย้อนกลับ” ทำให้จีนหาทางพึ่งพาตนเองได้เร็วขึ้น ตัวอย่างหนึ่งคือรัฐบาล Trump ได้ “ยกเลิก” กฎในยุค Biden ที่จำกัดการส่งออก GPU ให้กับพันธมิตรบางประเทศ เพื่อไม่ให้เสียพื้นที่ทางการค้าในระยะยาว ✅ Huawei พัฒนาชิป AI รุ่น 910C โดยรวมชิป 910B สองตัวเข้าด้วยกัน   • ให้ประสิทธิภาพใกล้เคียง NVIDIA H100   • ใช้ได้จริงกับตลาดในจีน และเตรียมขยายการส่งออก ✅ จีนกำลังลดช่องว่างด้านการออกแบบชิป เหลือห่างสหรัฐเพียง 1.5–2 ปี   • โดยเฉพาะบริษัทอย่าง Huawei ที่แก้เกมจากข้อจำกัดทางเทคนิคและการเมือง ✅ David Sacks เตือนว่า การควบคุมการส่งออกที่เข้มเกินไป อาจย้อนศร   • ทำให้คู่แข่งพึ่งพาตัวเองได้เร็ว และไม่ยอมรับมาตรฐานเทคโนโลยีของสหรัฐ ✅ Trump administration เลือกยกเลิกบางข้อจำกัดจากยุค Biden เพื่อรักษาฐานการค้าในระยะยาว ✅ แม้ผู้ก่อตั้ง Huawei ยอมรับว่า GPU ของตนยังล้าหลังกว่าคู่แข่ง แต่การสร้าง ecosystem และผลิตภัณฑ์ “ราคาเข้าถึงได้” อาจทำให้เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในอนาคต https://www.techspot.com/news/108400-us-tech-czar-warns-china-only-two-years.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    US tech czar warns China is only two years behind in semiconductor and chip design
    According to Sacks, Huawei is making swift progress in chip design and could soon begin exporting its hardware, although the company still faces challenges in producing high-end...
    0 Comments 0 Shares 76 Views 0 Reviews
  • สหรัฐจะ"โจมตีทิพย์" หรือเปล่าเดี๋ยวก็รู้!?!
    ดูเหมือนว่าทรัมป์โจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านแบบขอไปที เพราะทนกับแรงกดดันรอบด้านไม่ไหว สังเกตได้จากการโจมตีทำในวงจำกัด และประกาศจะไม่ดำเนินการต่อ "อย่างน้อยในขณะนี้" โดยไม่ต้องการทำลายอิหร่านทั้งประเทศ ล้มระบอบของอิหร่านอย่างที่อิสราเอลต้องการ โจมตีแล้วถอยแล้วประกาศชัยชนะ แล้วบอกว่า "สันติภาพกลับมาแล้ว"
    .

    สื่ออิหร่านรายงานยืนยันสหรัฐโจมตีโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมฟอร์โดว์ของอิหร่าน (Fordow Fuel Enrichment Plant - FFEP) โดยระบุว่า "บางส่วนของโรงงาน" ถูกศัตรูโจมตี ขณะนี้ยังไม่มีคำชี้แจงใดๆ เกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ

    สื่อยังรายงานอีกว่าอิหร่านได้เคลื่อนย้ายอุปกรณ์ที่จำเป็นและคนงานออกจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้งสามแห่งไปก่อนหน้านั้นแล้วเมื่อไม่นานนี้

    แหล่งข่าวอิหร่านยืนยันว่าหลังการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ฟอร์โดว์ยังคงสภาพดี มีอาวุธเพียง 2 ลูกที่โจมตีจุดเข้าถึงผิวดิน ไม่มีการเจาะทะลุ ไม่มีการระเบิดแบบลูกโซ่ และไม่มีการทำลายเครื่องปฏิกรณ์

    โรงงานนิวเคลียร์ฟอร์โดว์ถูกสร้างขึ้นภายใต้พื้นฐานเพื่อต้านทานสงครามนิวเคลียร์ การบินผ่านเพียงครั้งเดียวของสหรัฐไม่สามารถทำลายบังเกอร์ที่แข็งซึ่งฝังอยู่ลึกกว่า 90 เมตรที่อยู่ใต้หินที่แข็งแกร่งของภูเขาได้

    สื่ออิหร่านยังกล่าวอีกว่า ดูท่าการโจมตีครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตจริง แต่อาจสำเร็จบนหน้าสื่อ ซึ่งพวกเขาคงบรรยายเหตุการณ์กันอย่างสนุกสนาน แพร่กระจายข้อมูล โดยมุ่งเป้าไปที่การตลาด ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
    สหรัฐจะ"โจมตีทิพย์" หรือเปล่าเดี๋ยวก็รู้!?! ดูเหมือนว่าทรัมป์โจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านแบบขอไปที เพราะทนกับแรงกดดันรอบด้านไม่ไหว สังเกตได้จากการโจมตีทำในวงจำกัด และประกาศจะไม่ดำเนินการต่อ "อย่างน้อยในขณะนี้" โดยไม่ต้องการทำลายอิหร่านทั้งประเทศ ล้มระบอบของอิหร่านอย่างที่อิสราเอลต้องการ โจมตีแล้วถอยแล้วประกาศชัยชนะ แล้วบอกว่า "สันติภาพกลับมาแล้ว" . สื่ออิหร่านรายงานยืนยันสหรัฐโจมตีโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมฟอร์โดว์ของอิหร่าน (Fordow Fuel Enrichment Plant - FFEP) โดยระบุว่า "บางส่วนของโรงงาน" ถูกศัตรูโจมตี ขณะนี้ยังไม่มีคำชี้แจงใดๆ เกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ สื่อยังรายงานอีกว่าอิหร่านได้เคลื่อนย้ายอุปกรณ์ที่จำเป็นและคนงานออกจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้งสามแห่งไปก่อนหน้านั้นแล้วเมื่อไม่นานนี้ แหล่งข่าวอิหร่านยืนยันว่าหลังการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ฟอร์โดว์ยังคงสภาพดี มีอาวุธเพียง 2 ลูกที่โจมตีจุดเข้าถึงผิวดิน ไม่มีการเจาะทะลุ ไม่มีการระเบิดแบบลูกโซ่ และไม่มีการทำลายเครื่องปฏิกรณ์ โรงงานนิวเคลียร์ฟอร์โดว์ถูกสร้างขึ้นภายใต้พื้นฐานเพื่อต้านทานสงครามนิวเคลียร์ การบินผ่านเพียงครั้งเดียวของสหรัฐไม่สามารถทำลายบังเกอร์ที่แข็งซึ่งฝังอยู่ลึกกว่า 90 เมตรที่อยู่ใต้หินที่แข็งแกร่งของภูเขาได้ สื่ออิหร่านยังกล่าวอีกว่า ดูท่าการโจมตีครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตจริง แต่อาจสำเร็จบนหน้าสื่อ ซึ่งพวกเขาคงบรรยายเหตุการณ์กันอย่างสนุกสนาน แพร่กระจายข้อมูล โดยมุ่งเป้าไปที่การตลาด ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 157 Views 0 Reviews
  • บริษัทต่าง ๆ ทุ่มงบกับ Cybersecurity เป็นพันล้าน แต่สุดท้ายระบบกลับถูกทะลวงด้วย “มนุษย์” ที่อยู่ด่านหน้าอย่างพนักงาน Call Center — ที่มักจะเป็นแรงงาน outsource ค่าแรงต่ำ และเข้าถึงข้อมูลลูกค้าโดยตรง

    เคสที่เด่นชัดที่สุดคือการโจมตี Call Center ที่ดูแลบัญชีลูกค้า Coinbase ซึ่งรับงานจากบริษัท TaskUs แฮกเกอร์เสนอสินบนอย่างน้อย $2,500 แลกกับการเปิดทางเข้าระบบหลังบ้าน และทำให้ข้อมูลลูกค้า มากถึง 97,000 ราย ถูกขโมยไป

    จากนั้นแฮกเกอร์ใช้ข้อมูลดังกล่าว ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ Coinbase โทรหาลูกค้า พร้อมข้อมูลจริงครบถ้วน จนเหยื่อหลงเชื่อและโอนคริปโตให้กับกระเป๋าของคนร้าย

    วิธีโจมตีไม่ได้มีแค่การติดสินบน—บางกรณีแฮกเกอร์แค่ถามพนักงานว่ารันซอฟต์แวร์อะไร แล้วไปเจอว่า มี Extension ที่มีช่องโหว่ ก็ใช้ช่องนั้น inject script เพื่อดูดข้อมูลแบบ mass

    นอกจากนั้นยังมีเคสใน UK ที่กลุ่มโจรไซเบอร์ปลอมเป็นผู้บริหารจาก M&S และ Harrods เพื่อสั่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายซัพพอร์ตเปิดทางเข้าระบบ (เทคนิคแบบเดียวกับที่ใช้โจมตี MGM Resorts ปี 2023)

    ✅ แฮกเกอร์เปลี่ยนเป้าหมายจากระบบ มาเป็น “คน” ในสายซัพพอร์ตค่าแรงต่ำ  
    • เสนอสินบนหลักพันดอลลาร์เพื่อให้เข้าถึงระบบบริษัท

    ✅ Coinbase ถูกเจาะข้อมูลผ่านพนักงาน TaskUs จนกระทั่งลูกค้าเสียหายกว่า 97,000 ราย  
    • แฮกเกอร์ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่จริง พร้อมข้อมูลละเอียด

    ✅ มีการใช้เทคนิคอื่น เช่นแอบ inject code ผ่าน Extension ที่พนักงานใช้ใน Call Center  
    • เริ่มจากการถามว่านายใช้ซอฟต์แวร์อะไร

    ✅ UK ก็มีเคสที่แฮกเกอร์ปลอมเป็นผู้บริหารโทรหาเจ้าหน้าที่ให้เปิดระบบให้  
    • เป็น “วิศวกรรมสังคม” แบบสายตรง

    ✅ บริษัทบางแห่งพบว่า แม้จะไล่พนักงานออกแล้ว คน ๆ นั้นสามารถหางานใหม่ได้ง่ายมากในตลาด outsource  
    • ทำให้การป้องกันด้านบุคคลทวีความยากขึ้น

    ✅ แม้มี Cybersecurity ขั้นสูง แต่ Human Interaction ยังคงเป็นจุดอ่อนที่สุดของระบบ  
    • กล่าวโดยผู้เชี่ยวชาญจาก ReliaQuest

    ‼️ การจ้าง outsource ที่ไม่มีระบบตรวจสอบจริยธรรมอาจเปิดทางให้คนในขายข้อมูล  
    • ความเสี่ยงไม่ได้อยู่แค่ในเทคโนโลยี แต่เป็นการจัดการแรงงาน

    ‼️ แฮกเกอร์เริ่มเก่งในการปลอมตัวและใช้ข้อมูลจริงโทรหลอกลูกค้า  
    • ต้องเพิ่มการยืนยันตัวตนหลายขั้น แม้จะดูยุ่งยาก

    ‼️ พนักงานที่ถูกไล่ออกมักหางานในบริษัท outsource อื่นได้ง่าย  
    • ขาดระบบ blacklist หรือ shared warning system ระหว่างบริษัท

    ‼️ การละเลยการอัปเดตซอฟต์แวร์ หรือใช้ Extension ที่มีช่องโหว่ในเครื่อง Call Center อาจเปิดช่องให้โดนดูดข้อมูลแบบ mass scale

    https://www.techspot.com/news/108387-low-wage-support-workers-become-new-gateway-cyberattacks.html
    บริษัทต่าง ๆ ทุ่มงบกับ Cybersecurity เป็นพันล้าน แต่สุดท้ายระบบกลับถูกทะลวงด้วย “มนุษย์” ที่อยู่ด่านหน้าอย่างพนักงาน Call Center — ที่มักจะเป็นแรงงาน outsource ค่าแรงต่ำ และเข้าถึงข้อมูลลูกค้าโดยตรง เคสที่เด่นชัดที่สุดคือการโจมตี Call Center ที่ดูแลบัญชีลูกค้า Coinbase ซึ่งรับงานจากบริษัท TaskUs แฮกเกอร์เสนอสินบนอย่างน้อย $2,500 แลกกับการเปิดทางเข้าระบบหลังบ้าน และทำให้ข้อมูลลูกค้า มากถึง 97,000 ราย ถูกขโมยไป จากนั้นแฮกเกอร์ใช้ข้อมูลดังกล่าว ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ Coinbase โทรหาลูกค้า พร้อมข้อมูลจริงครบถ้วน จนเหยื่อหลงเชื่อและโอนคริปโตให้กับกระเป๋าของคนร้าย วิธีโจมตีไม่ได้มีแค่การติดสินบน—บางกรณีแฮกเกอร์แค่ถามพนักงานว่ารันซอฟต์แวร์อะไร แล้วไปเจอว่า มี Extension ที่มีช่องโหว่ ก็ใช้ช่องนั้น inject script เพื่อดูดข้อมูลแบบ mass นอกจากนั้นยังมีเคสใน UK ที่กลุ่มโจรไซเบอร์ปลอมเป็นผู้บริหารจาก M&S และ Harrods เพื่อสั่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายซัพพอร์ตเปิดทางเข้าระบบ (เทคนิคแบบเดียวกับที่ใช้โจมตี MGM Resorts ปี 2023) ✅ แฮกเกอร์เปลี่ยนเป้าหมายจากระบบ มาเป็น “คน” ในสายซัพพอร์ตค่าแรงต่ำ   • เสนอสินบนหลักพันดอลลาร์เพื่อให้เข้าถึงระบบบริษัท ✅ Coinbase ถูกเจาะข้อมูลผ่านพนักงาน TaskUs จนกระทั่งลูกค้าเสียหายกว่า 97,000 ราย   • แฮกเกอร์ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่จริง พร้อมข้อมูลละเอียด ✅ มีการใช้เทคนิคอื่น เช่นแอบ inject code ผ่าน Extension ที่พนักงานใช้ใน Call Center   • เริ่มจากการถามว่านายใช้ซอฟต์แวร์อะไร ✅ UK ก็มีเคสที่แฮกเกอร์ปลอมเป็นผู้บริหารโทรหาเจ้าหน้าที่ให้เปิดระบบให้   • เป็น “วิศวกรรมสังคม” แบบสายตรง ✅ บริษัทบางแห่งพบว่า แม้จะไล่พนักงานออกแล้ว คน ๆ นั้นสามารถหางานใหม่ได้ง่ายมากในตลาด outsource   • ทำให้การป้องกันด้านบุคคลทวีความยากขึ้น ✅ แม้มี Cybersecurity ขั้นสูง แต่ Human Interaction ยังคงเป็นจุดอ่อนที่สุดของระบบ   • กล่าวโดยผู้เชี่ยวชาญจาก ReliaQuest ‼️ การจ้าง outsource ที่ไม่มีระบบตรวจสอบจริยธรรมอาจเปิดทางให้คนในขายข้อมูล   • ความเสี่ยงไม่ได้อยู่แค่ในเทคโนโลยี แต่เป็นการจัดการแรงงาน ‼️ แฮกเกอร์เริ่มเก่งในการปลอมตัวและใช้ข้อมูลจริงโทรหลอกลูกค้า   • ต้องเพิ่มการยืนยันตัวตนหลายขั้น แม้จะดูยุ่งยาก ‼️ พนักงานที่ถูกไล่ออกมักหางานในบริษัท outsource อื่นได้ง่าย   • ขาดระบบ blacklist หรือ shared warning system ระหว่างบริษัท ‼️ การละเลยการอัปเดตซอฟต์แวร์ หรือใช้ Extension ที่มีช่องโหว่ในเครื่อง Call Center อาจเปิดช่องให้โดนดูดข้อมูลแบบ mass scale https://www.techspot.com/news/108387-low-wage-support-workers-become-new-gateway-cyberattacks.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Low-wage tech support workers become a new gateway for cyberattacks
    Hackers are increasingly turning the very systems designed to help customers – outsourced tech support and call centers – into powerful tools for cybercrime. Recent incidents in...
    0 Comments 0 Shares 124 Views 0 Reviews
  • ..มโนเลยว่า,วัคซีนโควิดมันออกฤทธิ์แล้ว,คนไทยหลายคนทำการรักษาบำบัดแบบไม่เป็นข่าวจำนวนมากและสารพัดโรคมีมาแปลกๆด้วย คนเดียวเป็นมากกว่า1โรคหรือ2โรคซึ่งผิดปกติก่อนมีโควิดมากและก่อนคนไทยจะเริ่มรับวัคซีนโควิด,
    ..หากได้นายกฯคนใหม่แบบมาทางพิเศษฉุกเฉินหรือสุดซอยยึดอำนาจโดยประขาชนโดยมาทหารยืนเคียงข้างร่วมกัน แล้วประกาศชัดอย่างเป็นทางการว่า วัคซีนโควิดที่คนไทยรับไปคือภัยคุกคามร้ายแรงต่อสุขภาพคือภาวะสงครามชีวภาพฉุกเฉินเพื่อเยี่ยวบาดแผลและพิษร้ายของอาวุธได้ตรงจุดรับมือถูกทางด้วย.,การรักษาก็จะมารอบด้านสาระพัดทางเพื่อกำจัดโรคร่วมกันในคนไทยเราด้วยผู้นำผู้ปกครองนายกฯที่มาจากภาคประชาชนรักคนไทยจริงมิใช่รักอำนาจทางการเมืองเพื่อคตโกงทุจริตตังแผ่นดินและสัญญาข้อตกลงต่างๆให้ตนได้มาซึ่งผลประโยชน์อันมหาศาลในภาวะอำนาจตำแหน่งที่ตนถือครองเพื่อกระทำชั่วเลวทั้งแบบอ้างกฎหมายอย่างชอบธรรมเพราะกูสั่งให้เขียนกฎหมายเข้าข้างกูเองเปิดทางให้กูเอง,กฎหมายมากมายจึงต้องฉีกทิ้งด้วยอำนาจพืเศษทันทีได้เช่นกัน,หากอำนาจปกติด้วยสันดานนิสัยเดิมของสถาบันนักการเมืองฝันไปเลยมันจะแก้ไขเพราะเจ้าสัวเอย นายใหญ่มันเองในระบบราชการไทยที่ส่งคนของมันแบบมันคุมจะจัดการสมุนแบบกูแน่,นี้คือวิถีปกครองที่ล้มเหลว เช่นผู้ปกครองสั่งนำเข้าวัคซีนโควิดมาฉีดในไทยนี้ล่ะ,กัญชาเสรียังวิจัยพิษภัยถึง5ปี,เหี้ยวัคซีนไม่มีงานวิจัยว่าปลอดภัยอะไร100%เลย,ปัจจุบันความจริงมากมายแฉออกมาทั่วโลกแต่รัฐบาลไทยกลับทำตาบอดหูหนวกขององค์รูรอบรู้จากข่าวสารจริงทั่วโลก ไม่บอกกล่าวความจริงอะไรแก่ประชาชนอย่างเป็นทางการผ่านอำนาจรัฐตน,พิษวัคซีนมีคดีความที่ชนะในแต่ละประเทศมากมาย,บริษัทวัคซีนก็ยอมรับผิดจริงเป็นข่าวออกมาแล้ว,วงการแพทย์ไทยก็ปล่อยปะละเลยไม่ยอมรับต้นเหตุของสารก่อโรคจริง,ระบุแค่สภาวะโรคที่เกิดหลังคนไทยตายจริงไปแล้ว,น่าอนาถบนวิถีผู้นำผู้ปกครองที่กากในอดีตสิ้นดี,ทรยศคนไทยจริง เป็นภัยคุกคามในชีวิตคนไทยจริงด้วย คนไทยตายหมดแผ่นดินนี้ก็จะถูกยึดครองโดยคนชาติอื่นทันทีและเสียอธิปไตยแบบไม่ต้องรบเลยก็ได้ เดินมายึดเนียนก็ยังได้กว่าเขมรปะทะพรมแดนไทยในขณะนี้อีก,โรคมากมายมาจากต่าวด้าว คนไทยภูมิคุ้มกันตกต่ำก็เป็นสาระพัดโรคได้สบาย,ปัจจุบันพ่อแม่เสียชีวิตก่อนเด็กเยาวชนได้เป็นไม่น้อย เจ็บป่วยทำงานปกติลำบากพักงานลาพักตรึมสูญเสียงานสูญเสียรายได้มาจ่ายค่าอาหารค่าข้าวค่าน้ำค่าไฟฟ้า โดยเฉพาะสังคมเมืองเงินคือปัจจัยจำเป็นสำคัญสิ่งแรกนอกจากตังมารักษาตนเองจากสาระพัดโรคต่างๆ,เอดส์ มะเร็ง ฝีดาษ งูสวัด และอีก1,291โรคสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาหากกำแพงป้องกันอ่อนแอคือnkcellตนตกต่ำลง,ชาวบ้านประชาชนคือเหยื่อผู้บริสุทธิ์ในสงครามนี้,ผู้นำนายกฯที่สั่งฉีดวัคซีนยุคนั้นๆและถึงปัจจุบันต้องรับผิดชอบเพราะสมคบคิดกันชัดเจนเจตนาก้าวข้ามศพคนไทยเหยียบย่ำความเจ็บป่วยคนไทยไม่เยียวยาดูแลให้ถูกทางเพื่อกำจัดโรค,ตัดงบประมาณมากมายอีก ทำกำไรหารายได้ค้าความตายค้ายาค้าชีวิตคนด้วยการเจ็บป่วยของคนไทย,หากไม่เกิดเรื่องพรมแดน เรื่องถีบกระบวนการรักษาคนไทยที่ฟรีจะเริ่มถูกกำจัดทิ้ง คนไทยจะเริ่มเสียตังเป็นอันมากเองเพื่อรักษาตัวเอง,กำไรมหาศาลจะตกแก่กิจการบริษัทยาและโรงพยาบาลที่เป็นทั้งของรัฐและเอกชน ยิ่งเอกชนในตลาดหุ้นยิ่งยินดีมากรายได้กำไรจะทวีคูณทันที,
    ..แค่เรามีนายกฯคนใหม่จะพลิกทันที,ระบบการรักษาสามารถฟรีตลอดชีพทุกๆโรคก็ได้,อย่าลืมว่าสมุนไพรไทยมันสกัดทางยาเทียบคุณภาพทางเคมีได้สบาย,ทำให้สะดวกต่อการรักษาหลากหลายวิธี,คนไทยมีสุขภาพดี มีแรงสร้างชาติไทยร่วมกันมีแรงทำงานมีแรงค้าขายมีสมองร่างกายไม่เจ็บป่วย ลูกหลายไม่กำพร้าพ่อแม่จากการเสียชีวิต อยู่ร่วมในครบหน้าพร้อมครอบครัวอย่างมีความสุขเบิกบานร่าเริง การเรียนวิชาก็เล่าเรียนฟรีสูงสุดในระบบยุคล้ำๆได้ เด็กๆเล่าเรียนไร้ภาวะค่าเล่าเรียนค่าใช้จ่ายใดๆ,ผู้ปกครองมีทุนสัมมาอาชีพกู้ยืมไร้ดอกเบี้ยมีแหล่งตังอหล่งเงินทุนไปประกอบอาชีพได้อิสระ,ทั้งประเทศขับเคลื่อนได้หมด,มิใช่แบบปัจจุบันนี้ทั้งตายผ่อนส่งบาดเจ็บด้วยโรคภัยจากอาวุธชีวะภาพอักเสบทั้งทางร่างกายและจิตใจของตนเองและคนที่ตนรักตนห่วงหรือรักษาตน,กังวลค่ารักษาพยาบาลตังไม่มีไปหาหมอเดินทางออกจากบ้านก็ใช้ตังหมด,รถรับส่งสาธารณะฟรีๆก็ไม่มีในแต่ละชุมชนหมู่บ้านสู่ตัวเมืองตัวจังหวัดซึ่งเราประเทศต้องมีบริการแล้ว,แม้ใครจะมีรถเป็นของตนเองก็ตาม,สุดท้ายทุกๆคนมาใช้บริการฟรีๆรับส่งสาธารณะเข้าตัวจังหวัดอำเภอ เชื้อเพลิงก็ประหยัดเป็นภาพรวม.รถไฟฟ้าพลังกลจลน์ศักย์ไอน้ำไฮโดรเจนหรือแม่เหล็กมอเตอร์ลมแสงอาทิตย์ฟรีๆตรึมมีอันมาก นี้คือวิสัยทัศน์ของผู้นำผู้ปกครองมิใช่กระตุ้นการทำกำไรสร้างรายได้ให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งคณะใดคณะหนึ่งบริษัทกิจการผูกขาดใดผูกขาดหนึ่ง,ที่ผ่านมาประเทศเรามีวิถีปกครองที่ล้มเหลว,วัคซีนคือสงครามชีวภาพก็นำมาฆ่ามาทำลายคนไทยตนเองมันอำมหิตมาก.

    https://youtu.be/ddHrCkhNABY?si=zC0Gcs5TnYylt_TU
    ..มโนเลยว่า,วัคซีนโควิดมันออกฤทธิ์แล้ว,คนไทยหลายคนทำการรักษาบำบัดแบบไม่เป็นข่าวจำนวนมากและสารพัดโรคมีมาแปลกๆด้วย คนเดียวเป็นมากกว่า1โรคหรือ2โรคซึ่งผิดปกติก่อนมีโควิดมากและก่อนคนไทยจะเริ่มรับวัคซีนโควิด, ..หากได้นายกฯคนใหม่แบบมาทางพิเศษฉุกเฉินหรือสุดซอยยึดอำนาจโดยประขาชนโดยมาทหารยืนเคียงข้างร่วมกัน แล้วประกาศชัดอย่างเป็นทางการว่า วัคซีนโควิดที่คนไทยรับไปคือภัยคุกคามร้ายแรงต่อสุขภาพคือภาวะสงครามชีวภาพฉุกเฉินเพื่อเยี่ยวบาดแผลและพิษร้ายของอาวุธได้ตรงจุดรับมือถูกทางด้วย.,การรักษาก็จะมารอบด้านสาระพัดทางเพื่อกำจัดโรคร่วมกันในคนไทยเราด้วยผู้นำผู้ปกครองนายกฯที่มาจากภาคประชาชนรักคนไทยจริงมิใช่รักอำนาจทางการเมืองเพื่อคตโกงทุจริตตังแผ่นดินและสัญญาข้อตกลงต่างๆให้ตนได้มาซึ่งผลประโยชน์อันมหาศาลในภาวะอำนาจตำแหน่งที่ตนถือครองเพื่อกระทำชั่วเลวทั้งแบบอ้างกฎหมายอย่างชอบธรรมเพราะกูสั่งให้เขียนกฎหมายเข้าข้างกูเองเปิดทางให้กูเอง,กฎหมายมากมายจึงต้องฉีกทิ้งด้วยอำนาจพืเศษทันทีได้เช่นกัน,หากอำนาจปกติด้วยสันดานนิสัยเดิมของสถาบันนักการเมืองฝันไปเลยมันจะแก้ไขเพราะเจ้าสัวเอย นายใหญ่มันเองในระบบราชการไทยที่ส่งคนของมันแบบมันคุมจะจัดการสมุนแบบกูแน่,นี้คือวิถีปกครองที่ล้มเหลว เช่นผู้ปกครองสั่งนำเข้าวัคซีนโควิดมาฉีดในไทยนี้ล่ะ,กัญชาเสรียังวิจัยพิษภัยถึง5ปี,เหี้ยวัคซีนไม่มีงานวิจัยว่าปลอดภัยอะไร100%เลย,ปัจจุบันความจริงมากมายแฉออกมาทั่วโลกแต่รัฐบาลไทยกลับทำตาบอดหูหนวกขององค์รูรอบรู้จากข่าวสารจริงทั่วโลก ไม่บอกกล่าวความจริงอะไรแก่ประชาชนอย่างเป็นทางการผ่านอำนาจรัฐตน,พิษวัคซีนมีคดีความที่ชนะในแต่ละประเทศมากมาย,บริษัทวัคซีนก็ยอมรับผิดจริงเป็นข่าวออกมาแล้ว,วงการแพทย์ไทยก็ปล่อยปะละเลยไม่ยอมรับต้นเหตุของสารก่อโรคจริง,ระบุแค่สภาวะโรคที่เกิดหลังคนไทยตายจริงไปแล้ว,น่าอนาถบนวิถีผู้นำผู้ปกครองที่กากในอดีตสิ้นดี,ทรยศคนไทยจริง เป็นภัยคุกคามในชีวิตคนไทยจริงด้วย คนไทยตายหมดแผ่นดินนี้ก็จะถูกยึดครองโดยคนชาติอื่นทันทีและเสียอธิปไตยแบบไม่ต้องรบเลยก็ได้ เดินมายึดเนียนก็ยังได้กว่าเขมรปะทะพรมแดนไทยในขณะนี้อีก,โรคมากมายมาจากต่าวด้าว คนไทยภูมิคุ้มกันตกต่ำก็เป็นสาระพัดโรคได้สบาย,ปัจจุบันพ่อแม่เสียชีวิตก่อนเด็กเยาวชนได้เป็นไม่น้อย เจ็บป่วยทำงานปกติลำบากพักงานลาพักตรึมสูญเสียงานสูญเสียรายได้มาจ่ายค่าอาหารค่าข้าวค่าน้ำค่าไฟฟ้า โดยเฉพาะสังคมเมืองเงินคือปัจจัยจำเป็นสำคัญสิ่งแรกนอกจากตังมารักษาตนเองจากสาระพัดโรคต่างๆ,เอดส์ มะเร็ง ฝีดาษ งูสวัด และอีก1,291โรคสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาหากกำแพงป้องกันอ่อนแอคือnkcellตนตกต่ำลง,ชาวบ้านประชาชนคือเหยื่อผู้บริสุทธิ์ในสงครามนี้,ผู้นำนายกฯที่สั่งฉีดวัคซีนยุคนั้นๆและถึงปัจจุบันต้องรับผิดชอบเพราะสมคบคิดกันชัดเจนเจตนาก้าวข้ามศพคนไทยเหยียบย่ำความเจ็บป่วยคนไทยไม่เยียวยาดูแลให้ถูกทางเพื่อกำจัดโรค,ตัดงบประมาณมากมายอีก ทำกำไรหารายได้ค้าความตายค้ายาค้าชีวิตคนด้วยการเจ็บป่วยของคนไทย,หากไม่เกิดเรื่องพรมแดน เรื่องถีบกระบวนการรักษาคนไทยที่ฟรีจะเริ่มถูกกำจัดทิ้ง คนไทยจะเริ่มเสียตังเป็นอันมากเองเพื่อรักษาตัวเอง,กำไรมหาศาลจะตกแก่กิจการบริษัทยาและโรงพยาบาลที่เป็นทั้งของรัฐและเอกชน ยิ่งเอกชนในตลาดหุ้นยิ่งยินดีมากรายได้กำไรจะทวีคูณทันที, ..แค่เรามีนายกฯคนใหม่จะพลิกทันที,ระบบการรักษาสามารถฟรีตลอดชีพทุกๆโรคก็ได้,อย่าลืมว่าสมุนไพรไทยมันสกัดทางยาเทียบคุณภาพทางเคมีได้สบาย,ทำให้สะดวกต่อการรักษาหลากหลายวิธี,คนไทยมีสุขภาพดี มีแรงสร้างชาติไทยร่วมกันมีแรงทำงานมีแรงค้าขายมีสมองร่างกายไม่เจ็บป่วย ลูกหลายไม่กำพร้าพ่อแม่จากการเสียชีวิต อยู่ร่วมในครบหน้าพร้อมครอบครัวอย่างมีความสุขเบิกบานร่าเริง การเรียนวิชาก็เล่าเรียนฟรีสูงสุดในระบบยุคล้ำๆได้ เด็กๆเล่าเรียนไร้ภาวะค่าเล่าเรียนค่าใช้จ่ายใดๆ,ผู้ปกครองมีทุนสัมมาอาชีพกู้ยืมไร้ดอกเบี้ยมีแหล่งตังอหล่งเงินทุนไปประกอบอาชีพได้อิสระ,ทั้งประเทศขับเคลื่อนได้หมด,มิใช่แบบปัจจุบันนี้ทั้งตายผ่อนส่งบาดเจ็บด้วยโรคภัยจากอาวุธชีวะภาพอักเสบทั้งทางร่างกายและจิตใจของตนเองและคนที่ตนรักตนห่วงหรือรักษาตน,กังวลค่ารักษาพยาบาลตังไม่มีไปหาหมอเดินทางออกจากบ้านก็ใช้ตังหมด,รถรับส่งสาธารณะฟรีๆก็ไม่มีในแต่ละชุมชนหมู่บ้านสู่ตัวเมืองตัวจังหวัดซึ่งเราประเทศต้องมีบริการแล้ว,แม้ใครจะมีรถเป็นของตนเองก็ตาม,สุดท้ายทุกๆคนมาใช้บริการฟรีๆรับส่งสาธารณะเข้าตัวจังหวัดอำเภอ เชื้อเพลิงก็ประหยัดเป็นภาพรวม.รถไฟฟ้าพลังกลจลน์ศักย์ไอน้ำไฮโดรเจนหรือแม่เหล็กมอเตอร์ลมแสงอาทิตย์ฟรีๆตรึมมีอันมาก นี้คือวิสัยทัศน์ของผู้นำผู้ปกครองมิใช่กระตุ้นการทำกำไรสร้างรายได้ให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งคณะใดคณะหนึ่งบริษัทกิจการผูกขาดใดผูกขาดหนึ่ง,ที่ผ่านมาประเทศเรามีวิถีปกครองที่ล้มเหลว,วัคซีนคือสงครามชีวภาพก็นำมาฆ่ามาทำลายคนไทยตนเองมันอำมหิตมาก. https://youtu.be/ddHrCkhNABY?si=zC0Gcs5TnYylt_TU
    0 Comments 0 Shares 177 Views 0 Reviews
  • ..น่าเสียดายนะ,ทำลายคุณค่าตนเอง,ภาพที่สร้างมามากมาย.,แหกตาถึงที่สุด.จนคนสิ้นสงสัยไปเอง,อ๋อเป็นแบบนี้ล่ะพะนะ.
    ..อนาคตกองเชียร์ใดๆหมายให้เป็นนายกฯจะรุ่นพ.ศ.ไหนๆคงตกไป,อาสนธิและคณะประท้วงที่ผ่านๆมายังสามารถเชิญคนไทยทั่วประเทศที่มากมายองค์รอบรู้มาจัดตั้งทีมตั้งกองทัพพิเศษต่างๆหน่วยรบย่อยๆไม่มากมายสบายลงไปหน้างานจริงแก้ไขปัญหาจริงแก้ประชาชนทั่วถึงได้,ไม่มานั่งห้องแอร์ติดหรูโชว์ภาพดูดีหรอก,ของจริงคือหน้างาน เข้าถึงยิงตรงจุดแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านทันทีทันกู้ชีพ,ไม่มาลีลาอะไรหรอก,ขนาดแค่ตัดสินใจเรื่องอธิปไตยยังเชื่องช้าขนาดนี้,ปัญหาชาติมีมากมายจะเชื่องช้าขนาดไหน นี้โคตรสุดยอดปัญหาแล้วยังไร้ภาวะผู้นำกล้าหาญเด็ดขาดสั่งการ อะไรดีอะไรชั่ว อะไรผิดอะไรถูก อะไรสมควร ไม่สมควร โตๆกันแล้ว นี้มาเล่นการเมืองอีก,จึงไม่แปลกใจว่าผลงานที่ได้รับมอบหมายจึงไม่ให้ค่าต่อคนต้องจะสั่งมอบคือคนสั่งจะใช้งานเขาไม่เห็นในสายตา,ไม่มีฝีมือในสายตาเขานั้นล่ะ,ผลงานที่ประชาชนเห็นๆที่ผ่านๆมาจึงไม่สุดซอยอะไรเลย ครึ่งๆกลางๆปฏิบัติไม่ได้จริงมีปัญหาเมื่อลงมือทำ สร้างปัญหาให้ชาวบ้านอีกไม่ราบรื่นไม่สะดวกไม่ชัดเจน,ดูๆเอาก็แล้วกัน ในข่าวมีตรึม.
    ..สรุป ปฏิวัติยึดอำนาจคือหนทางเดียวและคือทางออก เพื่อเขียนรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์จริงๆออกมาให้ประชาชนลงมติอย่างภาคภูมิใจเสียที,อาทิ เดิมประชาชนขุดพบของมีค่าบนที่ดินตัวเอง รัฐก็เข้ามายึดไปเองเสีย,ที่ดินเขียนใหม่ห้ามต่างชาติถือครองยึดครองทุกๆกรณีหรือเช่าห้ามเกิน10ปี,นอมินีห้ามทุกๆกรณี,ปฏิรูปที่ดินใหม่เขียนกฎหมายใหม่,ห้ามคนไทยสัญชาติไทยต่อคนถือที่ดินเกิน100ไร่,ในนามกิจการบริษัทไม่เกิน200ไร่รวมกันทุกๆแปลงทั่วประเทศ,นี้จะตัดตอนการเก็งกำไรในที่ดินทันที,ทหารที่ปฏิวัติรัฐประหารต้องเด็ดขาดแบบนี้,ใครเดือดร้อนแน่นอนศักดินาเก่าเดิมทั้งหมด,นักการเมืองและเจ้าสัวทั้งหมด,ประชาชนคนธรรมดาทั่วไปไม่เดือดร้อนอะไรมากนัก,พอมีพอกินปฏิวัติปฏิรูประบบเศรษฐกิจพอเพียงแบบสไตล์ไทยเราก็ได้สบาย,ปฏิวัติปฏิรูประบบกองทุนร้านชุมชนประจำหมู่บ้านก็ได้เป็นตลาดชุมชนตำบลอำเภอจังหวัดที่แข็งแกร่งได้,ฮับอำเภอฮับจังหวัดตลาดกองทุนร้านชุมชนเป็นเครือข่าย80,000กว่าหมู่บ้านทั่วประเทศก็ได้ ประชาชนสามารถฝากขายสินค้าผ่านตลาดร้านค้ากองทุนชุมชนตนได้ทั้งแบบหน้าร้านออฟไลน์และออนไลน์ให้ตลาดหมู่บ้านอำเภอจังหวัดเป็นฮับขนส่งกระจายสินค้ารับส่งแก่ผู้ซื้อผู้ขายได้ตลอดเวลา คนก็มีช่องทางจำหน่ายมีตลาดของตนเองเพื่อไว้ค้าขายเอง,ทำอะไรค้าอะไรหาที่ขายได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศเรียลไทม์สร้างระบบเตรียมรองรับช่วยเหลือประชาชนคนไทยเต็มที่ก็จบ ตังจะหมุนเวียนจริงภายในชุมชน,รัฐมีอัดส่งเสริมสนับสนุนโครงการอะไรก็โปร่งใส่สะอาดเช่นโอนสนับสนุนทุนสัมมาอาชีพแก่ประชาชนในหมู่บ้านนั้นๆต่างๆทั่วประเทศไทยไร้ดอกเบี้ยยืมได้ที่กองทุนร้านค้าชุมชนตนโอนหมู่บ้านละ10ล้านนำร่อง,40,000หมู่บ้านงวดแรกปีแรก,ปีต่อไปอีกหมู่บ้านละ10ล้านบาทอีก40,000หมู่บ้านที่เหลือและอัดลงไปหลากหลายประเภทอีก,ตังจะหมุนเวียนจริงในชุมชนนั้นๆใครมีเหลือสร้างรายได้มีกำไรเหลือค้าขายก็ฝากที่กองทุนร้านค้าชุมชนตนลิ้งก์มารวมที่ส่วนกลางสำนักงานใหญ่อาจกว่า10ล้านล้านบาทต่อปี,สามารถบริหารสภาพคล่องเป็นแหล่งเงินทุนฟรีๆไร้ดอกเบี้ยแก่ประชาชนได้แข็งขันต่างชาติได้สบาย,ขายออฟไลน์ออนไลน์อีกอาจกว่า100ล้านล้านบาทต่อปีส่งออกทั่วโลกและภายในประเทศทั้งระดับบุคคลธรรมดาและระดับกิจการรวมกลุ่มจะมากมายขนาดไหน,ต้นทุนน้ำมันขนส่งขายถูกๆภายในอีก ขนส่งค้าขายกระจายบันเทิงทั่วไทย ลิตรละ1-2บาททั้งดีเชลเบนซินอีกจะขนาดไหน,แข่งขันต่างชาติสบายแน่นอน,นี้แค่ตลาดกองทุนร้านค้าชุมชนนะ 11/7ไม่เข้าล่ะ ซื้อเครดิตในกองทุนร้านค้าชุมชนก็ได้อีก ถูกที่หน่วยละ9บาทซึ่งปกติร้านชำทั่วไปอาจหน่วยละ10บาทก็ว่า,ซื้อที่ร้านกองทุนเราประหยัดตังได้1บาทโน้นโดยรัฐดูแลใส่ใจจริงเพื่อเราคนไทยสามารถยืนด้วยขาตนเองได้เดียวกันทุกๆคน เรา..ไม่ทิ้งใครข้างหลังไว้ ไปไหนเราไปด้วยกันหมด.,ร่ำรวยเราร่ำรวยไปด้วยกันนั่นคือชาติไทยเราร่ำรวยด้วยมั่นคงด้วยบวกกินอยู่สมถะพอเพียงอีกใช้ชีวิตเรียบง่ายสบายๆเจริญคู่ขนานด้วยจิตวิญญาณศีลธรรมคุณธรรมงามใจด้วยเลิศขนาดไหนก็ว่า.
    ..นายกฯต้องมาจากระบบพิเศสคือยึดอำนาจรัฐประหารเขียนรัฐธรรมนูญใหม่,นายกฯต้องมาจากการเลือกตั้งทางตรงของประชาชน,สส.สว.กำนันผู้ใหญ่.ผู้ว่านายอำเภอก็ด้วย,ตัดทิ้งอบต.อบจ.ทันทีเสียของค้านอำนาจอะไรไร้สาระ,สิ้นเปลืองงบประมาณชาติ,เอาเงินมาพัฒนาสัมมาอาชีพสัมมาชีวิตคนไทยดีกว่า,หน้าที่อำเภอต้องจัดกำลังพลแตกหน่วยงานพร้อมบริการประชาชน รัศมีบวกลบไม่เกิน20กม.ต่ออำเภอก็ดูแลสบายมาก,ทางถนนต้องเข้าถึงทุกๆหมู่บ้านสะดวกรวดเร็วทันกาลเมื่อมีเหตุภัย,สำนักงานผู้ใหญ่ประจำหมู่บ้านต้องมีการก่อสร้างชัดเจนมิใช่เหี้ยใช้บ้านที่อยู่อาศัยผู้ใหญ่บ้านคือสำนักงาน.,มีเจ้าหน้าที่ประจำวันประจำสำนักงานเพื่อประสานงานชุมชน,เมื่อทำให้ระบบพร้อมใช้งานมันก็รื่นไหล,นี้เหี้ยไปหมดจริงๆในปัจจุบัน แดกประเทศจนพังพินาศเข้าสันดานในชนชั้นเลือกตั้งทั้งระบบทั้งประเทศ.


    ..https://youtu.be/I_qD2Hwu1A8?si=Lwn433J95w3oiCTx
    ..น่าเสียดายนะ,ทำลายคุณค่าตนเอง,ภาพที่สร้างมามากมาย.,แหกตาถึงที่สุด.จนคนสิ้นสงสัยไปเอง,อ๋อเป็นแบบนี้ล่ะพะนะ. ..อนาคตกองเชียร์ใดๆหมายให้เป็นนายกฯจะรุ่นพ.ศ.ไหนๆคงตกไป,อาสนธิและคณะประท้วงที่ผ่านๆมายังสามารถเชิญคนไทยทั่วประเทศที่มากมายองค์รอบรู้มาจัดตั้งทีมตั้งกองทัพพิเศษต่างๆหน่วยรบย่อยๆไม่มากมายสบายลงไปหน้างานจริงแก้ไขปัญหาจริงแก้ประชาชนทั่วถึงได้,ไม่มานั่งห้องแอร์ติดหรูโชว์ภาพดูดีหรอก,ของจริงคือหน้างาน เข้าถึงยิงตรงจุดแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านทันทีทันกู้ชีพ,ไม่มาลีลาอะไรหรอก,ขนาดแค่ตัดสินใจเรื่องอธิปไตยยังเชื่องช้าขนาดนี้,ปัญหาชาติมีมากมายจะเชื่องช้าขนาดไหน นี้โคตรสุดยอดปัญหาแล้วยังไร้ภาวะผู้นำกล้าหาญเด็ดขาดสั่งการ อะไรดีอะไรชั่ว อะไรผิดอะไรถูก อะไรสมควร ไม่สมควร โตๆกันแล้ว นี้มาเล่นการเมืองอีก,จึงไม่แปลกใจว่าผลงานที่ได้รับมอบหมายจึงไม่ให้ค่าต่อคนต้องจะสั่งมอบคือคนสั่งจะใช้งานเขาไม่เห็นในสายตา,ไม่มีฝีมือในสายตาเขานั้นล่ะ,ผลงานที่ประชาชนเห็นๆที่ผ่านๆมาจึงไม่สุดซอยอะไรเลย ครึ่งๆกลางๆปฏิบัติไม่ได้จริงมีปัญหาเมื่อลงมือทำ สร้างปัญหาให้ชาวบ้านอีกไม่ราบรื่นไม่สะดวกไม่ชัดเจน,ดูๆเอาก็แล้วกัน ในข่าวมีตรึม. ..สรุป ปฏิวัติยึดอำนาจคือหนทางเดียวและคือทางออก เพื่อเขียนรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์จริงๆออกมาให้ประชาชนลงมติอย่างภาคภูมิใจเสียที,อาทิ เดิมประชาชนขุดพบของมีค่าบนที่ดินตัวเอง รัฐก็เข้ามายึดไปเองเสีย,ที่ดินเขียนใหม่ห้ามต่างชาติถือครองยึดครองทุกๆกรณีหรือเช่าห้ามเกิน10ปี,นอมินีห้ามทุกๆกรณี,ปฏิรูปที่ดินใหม่เขียนกฎหมายใหม่,ห้ามคนไทยสัญชาติไทยต่อคนถือที่ดินเกิน100ไร่,ในนามกิจการบริษัทไม่เกิน200ไร่รวมกันทุกๆแปลงทั่วประเทศ,นี้จะตัดตอนการเก็งกำไรในที่ดินทันที,ทหารที่ปฏิวัติรัฐประหารต้องเด็ดขาดแบบนี้,ใครเดือดร้อนแน่นอนศักดินาเก่าเดิมทั้งหมด,นักการเมืองและเจ้าสัวทั้งหมด,ประชาชนคนธรรมดาทั่วไปไม่เดือดร้อนอะไรมากนัก,พอมีพอกินปฏิวัติปฏิรูประบบเศรษฐกิจพอเพียงแบบสไตล์ไทยเราก็ได้สบาย,ปฏิวัติปฏิรูประบบกองทุนร้านชุมชนประจำหมู่บ้านก็ได้เป็นตลาดชุมชนตำบลอำเภอจังหวัดที่แข็งแกร่งได้,ฮับอำเภอฮับจังหวัดตลาดกองทุนร้านชุมชนเป็นเครือข่าย80,000กว่าหมู่บ้านทั่วประเทศก็ได้ ประชาชนสามารถฝากขายสินค้าผ่านตลาดร้านค้ากองทุนชุมชนตนได้ทั้งแบบหน้าร้านออฟไลน์และออนไลน์ให้ตลาดหมู่บ้านอำเภอจังหวัดเป็นฮับขนส่งกระจายสินค้ารับส่งแก่ผู้ซื้อผู้ขายได้ตลอดเวลา คนก็มีช่องทางจำหน่ายมีตลาดของตนเองเพื่อไว้ค้าขายเอง,ทำอะไรค้าอะไรหาที่ขายได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศเรียลไทม์สร้างระบบเตรียมรองรับช่วยเหลือประชาชนคนไทยเต็มที่ก็จบ ตังจะหมุนเวียนจริงภายในชุมชน,รัฐมีอัดส่งเสริมสนับสนุนโครงการอะไรก็โปร่งใส่สะอาดเช่นโอนสนับสนุนทุนสัมมาอาชีพแก่ประชาชนในหมู่บ้านนั้นๆต่างๆทั่วประเทศไทยไร้ดอกเบี้ยยืมได้ที่กองทุนร้านค้าชุมชนตนโอนหมู่บ้านละ10ล้านนำร่อง,40,000หมู่บ้านงวดแรกปีแรก,ปีต่อไปอีกหมู่บ้านละ10ล้านบาทอีก40,000หมู่บ้านที่เหลือและอัดลงไปหลากหลายประเภทอีก,ตังจะหมุนเวียนจริงในชุมชนนั้นๆใครมีเหลือสร้างรายได้มีกำไรเหลือค้าขายก็ฝากที่กองทุนร้านค้าชุมชนตนลิ้งก์มารวมที่ส่วนกลางสำนักงานใหญ่อาจกว่า10ล้านล้านบาทต่อปี,สามารถบริหารสภาพคล่องเป็นแหล่งเงินทุนฟรีๆไร้ดอกเบี้ยแก่ประชาชนได้แข็งขันต่างชาติได้สบาย,ขายออฟไลน์ออนไลน์อีกอาจกว่า100ล้านล้านบาทต่อปีส่งออกทั่วโลกและภายในประเทศทั้งระดับบุคคลธรรมดาและระดับกิจการรวมกลุ่มจะมากมายขนาดไหน,ต้นทุนน้ำมันขนส่งขายถูกๆภายในอีก ขนส่งค้าขายกระจายบันเทิงทั่วไทย ลิตรละ1-2บาททั้งดีเชลเบนซินอีกจะขนาดไหน,แข่งขันต่างชาติสบายแน่นอน,นี้แค่ตลาดกองทุนร้านค้าชุมชนนะ 11/7ไม่เข้าล่ะ ซื้อเครดิตในกองทุนร้านค้าชุมชนก็ได้อีก ถูกที่หน่วยละ9บาทซึ่งปกติร้านชำทั่วไปอาจหน่วยละ10บาทก็ว่า,ซื้อที่ร้านกองทุนเราประหยัดตังได้1บาทโน้นโดยรัฐดูแลใส่ใจจริงเพื่อเราคนไทยสามารถยืนด้วยขาตนเองได้เดียวกันทุกๆคน เรา..ไม่ทิ้งใครข้างหลังไว้ ไปไหนเราไปด้วยกันหมด.,ร่ำรวยเราร่ำรวยไปด้วยกันนั่นคือชาติไทยเราร่ำรวยด้วยมั่นคงด้วยบวกกินอยู่สมถะพอเพียงอีกใช้ชีวิตเรียบง่ายสบายๆเจริญคู่ขนานด้วยจิตวิญญาณศีลธรรมคุณธรรมงามใจด้วยเลิศขนาดไหนก็ว่า. ..นายกฯต้องมาจากระบบพิเศสคือยึดอำนาจรัฐประหารเขียนรัฐธรรมนูญใหม่,นายกฯต้องมาจากการเลือกตั้งทางตรงของประชาชน,สส.สว.กำนันผู้ใหญ่.ผู้ว่านายอำเภอก็ด้วย,ตัดทิ้งอบต.อบจ.ทันทีเสียของค้านอำนาจอะไรไร้สาระ,สิ้นเปลืองงบประมาณชาติ,เอาเงินมาพัฒนาสัมมาอาชีพสัมมาชีวิตคนไทยดีกว่า,หน้าที่อำเภอต้องจัดกำลังพลแตกหน่วยงานพร้อมบริการประชาชน รัศมีบวกลบไม่เกิน20กม.ต่ออำเภอก็ดูแลสบายมาก,ทางถนนต้องเข้าถึงทุกๆหมู่บ้านสะดวกรวดเร็วทันกาลเมื่อมีเหตุภัย,สำนักงานผู้ใหญ่ประจำหมู่บ้านต้องมีการก่อสร้างชัดเจนมิใช่เหี้ยใช้บ้านที่อยู่อาศัยผู้ใหญ่บ้านคือสำนักงาน.,มีเจ้าหน้าที่ประจำวันประจำสำนักงานเพื่อประสานงานชุมชน,เมื่อทำให้ระบบพร้อมใช้งานมันก็รื่นไหล,นี้เหี้ยไปหมดจริงๆในปัจจุบัน แดกประเทศจนพังพินาศเข้าสันดานในชนชั้นเลือกตั้งทั้งระบบทั้งประเทศ. ..https://youtu.be/I_qD2Hwu1A8?si=Lwn433J95w3oiCTx
    0 Comments 0 Shares 143 Views 0 Reviews
  • ถือเงินสด ลดความเสี่ยง 20/06/68 #กะเทาะหุ้น #เงินสด #การเมือง #รัฐบาล #ตลาดหุ้นไทย
    ถือเงินสด ลดความเสี่ยง 20/06/68 #กะเทาะหุ้น #เงินสด #การเมือง #รัฐบาล #ตลาดหุ้นไทย
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 436 Views 26 0 Reviews
  • นทท.รีวิวนั่งเรือเที่ยวตลาดน้ำชื่อดัง แทบช็อก3คน 9,500 คนขับเรือบอกปกติ
    https://www.thai-tai.tv/news/19608/
    นทท.รีวิวนั่งเรือเที่ยวตลาดน้ำชื่อดัง แทบช็อก3คน 9,500 คนขับเรือบอกปกติ https://www.thai-tai.tv/news/19608/
    0 Comments 0 Shares 30 Views 0 Reviews
More Results