• Apple ได้ประกาศเปิดตัว iPhone 16e รุ่นใหม่ที่เน้นความคุ้มค่า โดยมีราคาเริ่มต้นที่ $599 ซึ่งมาพร้อมกับชิป A18 ที่พัฒนาขึ้นใหม่ และโมเด็ม C1 ที่เป็นชิ้นส่วน 5G ที่พัฒนาโดย Apple เอง ต่างจาก iPhone รุ่นก่อนหน้าที่ใช้โมเด็ม 5G ของ Qualcomm

    สำหรับการผลิตชิป A18 และ C1 นั้น Apple ได้ทำสัญญากับ TSMC ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่ในไต้หวัน ชิป A18 ผลิตด้วยกระบวนการ 3 nm (TSMC N3E) ส่วนการออกแบบฐานของโมเด็ม C1 ใช้กระบวนการ 4 nm และตัวรับสัญญาณใช้กระบวนการ 7 nm

    จากรายงานของ Commercial Times Taiwan คาดว่า TSMC จะเป็นผู้ได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการทำสัญญานี้กับ Apple โดยนักวิเคราะห์อุตสาหกรรมประเมินว่ายอดส่งมอบประจำปีของ iPhone 16e จะอยู่ที่ประมาณ 22 ล้านเครื่องต่อปี นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงว่าโมเด็ม C1 อาจจะถูกนำไปใช้ในอุปกรณ์อื่น ๆ ของ Apple เช่น Apple Watch และ iPad ในอนาคต และยังมีการอัปเกรดไปยังผลิตภัณฑ์ Mac อีกด้วย

    นอกจากนี้ยังมีข่าวลือเกี่ยวกับโปรเจกต์ "Ganymede" ที่มีการออกแบบโมเด็ม 5G รุ่น "C2" ที่อาจใช้กระบวนการ 3 nm ของ TSMC และโปรเจกต์ "Prometheus" ที่อาจเป็นรุ่นโมเด็ม "C3" ในอนาคต

    สิ่งที่น่าสนใจคือ การทำสัญญานี้ไม่เพียงแต่เพิ่มยอดขายของ TSMC แต่ยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งในตลาด 5G และการผลิตชิปที่ทันสมัย ซึ่งอาจทำให้ TSMC ได้รับความสนใจมากขึ้นจากลูกค้ารายใหม่ ๆ ในอนาคต

    https://www.techpowerup.com/332924/tsmc-set-to-benefit-from-estimated-22-million-apple-iphone-16e-unit-sales
    Apple ได้ประกาศเปิดตัว iPhone 16e รุ่นใหม่ที่เน้นความคุ้มค่า โดยมีราคาเริ่มต้นที่ $599 ซึ่งมาพร้อมกับชิป A18 ที่พัฒนาขึ้นใหม่ และโมเด็ม C1 ที่เป็นชิ้นส่วน 5G ที่พัฒนาโดย Apple เอง ต่างจาก iPhone รุ่นก่อนหน้าที่ใช้โมเด็ม 5G ของ Qualcomm สำหรับการผลิตชิป A18 และ C1 นั้น Apple ได้ทำสัญญากับ TSMC ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่ในไต้หวัน ชิป A18 ผลิตด้วยกระบวนการ 3 nm (TSMC N3E) ส่วนการออกแบบฐานของโมเด็ม C1 ใช้กระบวนการ 4 nm และตัวรับสัญญาณใช้กระบวนการ 7 nm จากรายงานของ Commercial Times Taiwan คาดว่า TSMC จะเป็นผู้ได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการทำสัญญานี้กับ Apple โดยนักวิเคราะห์อุตสาหกรรมประเมินว่ายอดส่งมอบประจำปีของ iPhone 16e จะอยู่ที่ประมาณ 22 ล้านเครื่องต่อปี นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงว่าโมเด็ม C1 อาจจะถูกนำไปใช้ในอุปกรณ์อื่น ๆ ของ Apple เช่น Apple Watch และ iPad ในอนาคต และยังมีการอัปเกรดไปยังผลิตภัณฑ์ Mac อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีข่าวลือเกี่ยวกับโปรเจกต์ "Ganymede" ที่มีการออกแบบโมเด็ม 5G รุ่น "C2" ที่อาจใช้กระบวนการ 3 nm ของ TSMC และโปรเจกต์ "Prometheus" ที่อาจเป็นรุ่นโมเด็ม "C3" ในอนาคต สิ่งที่น่าสนใจคือ การทำสัญญานี้ไม่เพียงแต่เพิ่มยอดขายของ TSMC แต่ยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งในตลาด 5G และการผลิตชิปที่ทันสมัย ซึ่งอาจทำให้ TSMC ได้รับความสนใจมากขึ้นจากลูกค้ารายใหม่ ๆ ในอนาคต https://www.techpowerup.com/332924/tsmc-set-to-benefit-from-estimated-22-million-apple-iphone-16e-unit-sales
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    TSMC Set to Benefit from Estimated 22 Million Apple iPhone 16e Unit Sales
    On Wednesday (February 19), Apple announced the upcoming launch of its "budget-friendly" iPhone 16e smartphone model. The Cupertino, California-based company has refreshed its entry level product tier—starting at $599—with modernized internals. Apple's new design houses an A18 chipset, as well as th...
    Yay
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทองคำมีบทบาทสำคัญในระบบการเงินโลกมาอย่างยาวนาน และยังคงมีความสำคัญในปัจจุบัน ต่อไปนี้เป็นประเด็นสำคัญเกี่ยวกับทองคำกับการเงินโลก:

    ### 1. **ประวัติศาสตร์ของทองคำ**
    - **มาตรฐานทองคำ (Gold Standard)**: ในอดีต หลายประเทศใช้มาตรฐานทองคำ ซึ่งหมายความว่าค่าเงินของประเทศนั้นๆ ผูกติดกับปริมาณทองคำที่ประเทศนั้นถือครอง ระบบนี้ช่วยรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนและควบคุมอัตราเงินเฟ้อ
    - **การยกเลิกมาตรฐานทองคำ**: ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 หลายประเทศเริ่มยกเลิกมาตรฐานทองคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 สหรัฐอเมริกายกเลิกมาตรฐานทองคำอย่างสมบูรณ์ในปี 1971 ภายใต้การนำของประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน

    ### 2. **บทบาทของทองคำในระบบการเงินสมัยใหม่**
    - **ทุนสำรองระหว่างประเทศ**: ทองคำยังคงเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองระหว่างประเทศของหลายประเทศ ทองคำช่วยเพิ่มความมั่นใจในเสถียรภาพทางการเงินของประเทศและสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ
    - **การลงทุน**: ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe-Haven Asset) ที่นักลงทุนมักจะหันไปลงทุนในช่วงเวลาที่ตลาดการเงินมีความไม่แน่นอน เช่น ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
    - **เครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ**: ทองคำมักถูกมองว่าเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ เนื่องจากมูลค่าของทองคำมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่อค่าของเงินกระดาษลดลง

    ### 3. **ตลาดทองคำ**
    - **ตลาดฟิสิคัล**: ตลาดทองคำฟิสิคัลมีการซื้อขายทองคำในรูปแบบของแท่งทองคำ เหรียญทองคำ และเครื่องประดับ ตลาดสำคัญได้แก่ อินเดีย จีน และตะวันออกกลาง
    - **ตลาดอนุพันธ์**: ตลาดอนุพันธ์เช่น สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) และตัวเลือก (Options) ช่วยให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรหรือป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำ

    ### 4. **ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำ**
    - **ภาวะเศรษฐกิจโลก**: ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น
    - **อัตราดอกเบี้ย**: อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุนการถือครองทองคำลดลง
    - **ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ**: ราคาทองคำมักจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากทองคำถูกซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์
    - **ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์**: ความขัดแย้งหรือความตึงเครียดทางการเมืองมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย

    ### 5. **อนาคตของทองคำในระบบการเงินโลก**
    - **การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี**: การเกิดขึ้นของสกุลเงินดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชนอาจส่งผลต่อบทบาทของทองคำในระบบการเงินโลก
    - **ความยั่งยืน**: การทำเหมืองทองคำและการผลิตทองคำมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจส่งผลต่อความต้องการทองคำในอนาคต

    ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความสำคัญในระบบการเงินโลก ทั้งในแง่ของการลงทุน การป้องกันความเสี่ยง และการเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ การเข้าใจบทบาทและปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำจะช่วยให้นักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    ทองคำมีบทบาทสำคัญในระบบการเงินโลกมาอย่างยาวนาน และยังคงมีความสำคัญในปัจจุบัน ต่อไปนี้เป็นประเด็นสำคัญเกี่ยวกับทองคำกับการเงินโลก: ### 1. **ประวัติศาสตร์ของทองคำ** - **มาตรฐานทองคำ (Gold Standard)**: ในอดีต หลายประเทศใช้มาตรฐานทองคำ ซึ่งหมายความว่าค่าเงินของประเทศนั้นๆ ผูกติดกับปริมาณทองคำที่ประเทศนั้นถือครอง ระบบนี้ช่วยรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนและควบคุมอัตราเงินเฟ้อ - **การยกเลิกมาตรฐานทองคำ**: ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 หลายประเทศเริ่มยกเลิกมาตรฐานทองคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 สหรัฐอเมริกายกเลิกมาตรฐานทองคำอย่างสมบูรณ์ในปี 1971 ภายใต้การนำของประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ### 2. **บทบาทของทองคำในระบบการเงินสมัยใหม่** - **ทุนสำรองระหว่างประเทศ**: ทองคำยังคงเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองระหว่างประเทศของหลายประเทศ ทองคำช่วยเพิ่มความมั่นใจในเสถียรภาพทางการเงินของประเทศและสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ - **การลงทุน**: ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe-Haven Asset) ที่นักลงทุนมักจะหันไปลงทุนในช่วงเวลาที่ตลาดการเงินมีความไม่แน่นอน เช่น ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ - **เครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ**: ทองคำมักถูกมองว่าเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ เนื่องจากมูลค่าของทองคำมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่อค่าของเงินกระดาษลดลง ### 3. **ตลาดทองคำ** - **ตลาดฟิสิคัล**: ตลาดทองคำฟิสิคัลมีการซื้อขายทองคำในรูปแบบของแท่งทองคำ เหรียญทองคำ และเครื่องประดับ ตลาดสำคัญได้แก่ อินเดีย จีน และตะวันออกกลาง - **ตลาดอนุพันธ์**: ตลาดอนุพันธ์เช่น สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) และตัวเลือก (Options) ช่วยให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรหรือป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำ ### 4. **ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำ** - **ภาวะเศรษฐกิจโลก**: ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น - **อัตราดอกเบี้ย**: อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุนการถือครองทองคำลดลง - **ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ**: ราคาทองคำมักจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากทองคำถูกซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์ - **ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์**: ความขัดแย้งหรือความตึงเครียดทางการเมืองมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย ### 5. **อนาคตของทองคำในระบบการเงินโลก** - **การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี**: การเกิดขึ้นของสกุลเงินดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชนอาจส่งผลต่อบทบาทของทองคำในระบบการเงินโลก - **ความยั่งยืน**: การทำเหมืองทองคำและการผลิตทองคำมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจส่งผลต่อความต้องการทองคำในอนาคต ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความสำคัญในระบบการเงินโลก ทั้งในแง่ของการลงทุน การป้องกันความเสี่ยง และการเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ การเข้าใจบทบาทและปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำจะช่วยให้นักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยออกแถลงการณ์เตือนนักท่องเที่ยวอิสราเอลให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบและเคารพวัฒนธรรมท้องถิ่น หลังจากเกิดเหตุการณ์หลายครั้งที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมไม่เหมาะสมของนักท่องเที่ยวบางกลุ่ม ซึ่งนำไปสู่ความไม่พอใจของชาวไทยในโซเชียลมีเดีย

    สำหรับข้อความจากประกาศของสถานทูตอิสราเอล ระบุว่า:

    ชาวอิสราเอลที่รัก,
    ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์หลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวอิสราเอล ซึ่งนำไปสู่ความไม่พอใจของชาวไทยในบางสถานที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ เหตุการณ์เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวอิสราเอล และทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดีต่อชาวอิสราเอลในประเทศไทย
    เราเรียกร้องให้คุณ เคารพกฎเกณฑ์และพฤติกรรมของคนท้องถิ่น เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างชุมชนอิสราเอลและชุมชนไทย

    และเราขอให้ทำสิ่งต่อไปนี้:

    ✅รักษาความเงียบและหลีกเลี่ยงการส่งเสียงดังหรือพูดเสียงดังบนท้องถนน โรงแรม และในที่สาธารณะ

    ✅เคารพพื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่สาธารณะ หลีกเลี่ยงการรบกวนผู้อื่นหรือบุกรุกพื้นที่ของผู้อื่น

    ✅ปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศไทยอย่างเคร่งครัด หลีกเลี่ยงการก่อปัญหาหรือพฤติกรรมที่ผิดกฎหมาย

    ✅ให้ความสำคัญกับการแต่งกายที่เหมาะสมและสุภาพในที่สาธารณะ

    ✅ปฏิบัติตามกฎของสถานที่ต่างๆ เช่น วัด ตลาด และพื้นที่สาธารณะ

    ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลจำนวนมากถูกเนรเทศออกจากประเทศไทย เนื่องจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและการละเมิดกฎระเบียบ

    คนไทยให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวอิสราเอลอย่างดีเสมอ กรุณาอย่าทำให้เกิดเหตุการณ์ที่อาจทำลายความสัมพันธ์ที่ดีนี้ การกระทำของแต่ละคนสามารถส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของชาวอิสราเอลทั้งหมด

    จงทำตัวให้เหมาะสม ปฏิบัติตามกฎระเบียบ และให้เกียรติคนในท้องถิ่น
    ด้วยความเคารพ,

    ทีมสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย
    .
    https://www.facebook.com/share/p/14pjcQkEoP/
    สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยออกแถลงการณ์เตือนนักท่องเที่ยวอิสราเอลให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบและเคารพวัฒนธรรมท้องถิ่น หลังจากเกิดเหตุการณ์หลายครั้งที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมไม่เหมาะสมของนักท่องเที่ยวบางกลุ่ม ซึ่งนำไปสู่ความไม่พอใจของชาวไทยในโซเชียลมีเดีย สำหรับข้อความจากประกาศของสถานทูตอิสราเอล ระบุว่า: ชาวอิสราเอลที่รัก, ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์หลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวอิสราเอล ซึ่งนำไปสู่ความไม่พอใจของชาวไทยในบางสถานที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ เหตุการณ์เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวอิสราเอล และทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดีต่อชาวอิสราเอลในประเทศไทย เราเรียกร้องให้คุณ เคารพกฎเกณฑ์และพฤติกรรมของคนท้องถิ่น เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างชุมชนอิสราเอลและชุมชนไทย และเราขอให้ทำสิ่งต่อไปนี้: ✅รักษาความเงียบและหลีกเลี่ยงการส่งเสียงดังหรือพูดเสียงดังบนท้องถนน โรงแรม และในที่สาธารณะ ✅เคารพพื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่สาธารณะ หลีกเลี่ยงการรบกวนผู้อื่นหรือบุกรุกพื้นที่ของผู้อื่น ✅ปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศไทยอย่างเคร่งครัด หลีกเลี่ยงการก่อปัญหาหรือพฤติกรรมที่ผิดกฎหมาย ✅ให้ความสำคัญกับการแต่งกายที่เหมาะสมและสุภาพในที่สาธารณะ ✅ปฏิบัติตามกฎของสถานที่ต่างๆ เช่น วัด ตลาด และพื้นที่สาธารณะ ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลจำนวนมากถูกเนรเทศออกจากประเทศไทย เนื่องจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและการละเมิดกฎระเบียบ คนไทยให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวอิสราเอลอย่างดีเสมอ กรุณาอย่าทำให้เกิดเหตุการณ์ที่อาจทำลายความสัมพันธ์ที่ดีนี้ การกระทำของแต่ละคนสามารถส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของชาวอิสราเอลทั้งหมด จงทำตัวให้เหมาะสม ปฏิบัติตามกฎระเบียบ และให้เกียรติคนในท้องถิ่น ด้วยความเคารพ, ทีมสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย . https://www.facebook.com/share/p/14pjcQkEoP/
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • แน่นอน! นโยบายเศรษฐกิจที่ไทยยังบกพร่องและควรได้รับการปรับปรุงมีหลายด้าน เช่น

    1. นโยบายลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ

    ปัญหา: ไทยมีช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนสูงมาก กลุ่มคนมีรายได้สูงถือครองทรัพยากรส่วนใหญ่ ขณะที่ประชาชนทั่วไปมีรายได้ไม่เพียงพอกับค่าครองชีพ

    แนวทางแก้ไข: ปฏิรูประบบภาษีให้เป็นธรรมขึ้น เช่น ภาษีที่ดินและทรัพย์สินที่มีอัตราก้าวหน้า ลดช่องโหว่ของกฎหมายภาษีเพื่อป้องกันการเลี่ยงภาษีจากกลุ่มทุน


    2. นโยบายส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และสตาร์ทอัพ

    ปัญหา: SMEs ไทยเผชิญข้อจำกัดด้านเงินทุน การแข่งขันกับธุรกิจรายใหญ่ และการเข้าถึงตลาดต่างประเทศ

    แนวทางแก้ไข: ปรับกฎระเบียบให้เอื้อต่อการเริ่มต้นธุรกิจ ลดขั้นตอนการขอสินเชื่อ เพิ่มการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและการตลาด


    3. นโยบายแรงงานและทักษะในอนาคต

    ปัญหา: ระบบการศึกษาไทยยังผลิตแรงงานที่ไม่ตรงกับความต้องการของตลาด โดยเฉพาะทักษะด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล

    แนวทางแก้ไข: ปรับหลักสูตรให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมที่เติบโตเร็ว เช่น AI, Data Science และพลังงานสะอาด พร้อมสนับสนุนการพัฒนาทักษะตลอดชีวิต


    4. นโยบายดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI)

    ปัญหา: ไทยกำลังเสียเปรียบเวียดนามและอินโดนีเซียในการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ เนื่องจากกฎระเบียบที่ยุ่งยากและต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้น

    แนวทางแก้ไข: ปรับปรุงกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ ลดขั้นตอนการอนุมัติและเพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย


    5. นโยบายพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวและพลังงานสะอาด

    ปัญหา: ไทยยังพึ่งพาพลังงานฟอสซิลเป็นหลัก และมีนโยบายสนับสนุนพลังงานหมุนเวียนที่ยังไม่ชัดเจน

    แนวทางแก้ไข: ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนในการลดก๊าซเรือนกระจก เพิ่มแรงจูงใจทางภาษีให้กับบริษัทที่ลงทุนในพลังงานสะอาด


    แน่นอน! นโยบายเศรษฐกิจที่ไทยยังบกพร่องและควรได้รับการปรับปรุงมีหลายด้าน เช่น 1. นโยบายลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ปัญหา: ไทยมีช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนสูงมาก กลุ่มคนมีรายได้สูงถือครองทรัพยากรส่วนใหญ่ ขณะที่ประชาชนทั่วไปมีรายได้ไม่เพียงพอกับค่าครองชีพ แนวทางแก้ไข: ปฏิรูประบบภาษีให้เป็นธรรมขึ้น เช่น ภาษีที่ดินและทรัพย์สินที่มีอัตราก้าวหน้า ลดช่องโหว่ของกฎหมายภาษีเพื่อป้องกันการเลี่ยงภาษีจากกลุ่มทุน 2. นโยบายส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และสตาร์ทอัพ ปัญหา: SMEs ไทยเผชิญข้อจำกัดด้านเงินทุน การแข่งขันกับธุรกิจรายใหญ่ และการเข้าถึงตลาดต่างประเทศ แนวทางแก้ไข: ปรับกฎระเบียบให้เอื้อต่อการเริ่มต้นธุรกิจ ลดขั้นตอนการขอสินเชื่อ เพิ่มการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและการตลาด 3. นโยบายแรงงานและทักษะในอนาคต ปัญหา: ระบบการศึกษาไทยยังผลิตแรงงานที่ไม่ตรงกับความต้องการของตลาด โดยเฉพาะทักษะด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล แนวทางแก้ไข: ปรับหลักสูตรให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมที่เติบโตเร็ว เช่น AI, Data Science และพลังงานสะอาด พร้อมสนับสนุนการพัฒนาทักษะตลอดชีวิต 4. นโยบายดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ปัญหา: ไทยกำลังเสียเปรียบเวียดนามและอินโดนีเซียในการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ เนื่องจากกฎระเบียบที่ยุ่งยากและต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้น แนวทางแก้ไข: ปรับปรุงกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ ลดขั้นตอนการอนุมัติและเพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย 5. นโยบายพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวและพลังงานสะอาด ปัญหา: ไทยยังพึ่งพาพลังงานฟอสซิลเป็นหลัก และมีนโยบายสนับสนุนพลังงานหมุนเวียนที่ยังไม่ชัดเจน แนวทางแก้ไข: ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนในการลดก๊าซเรือนกระจก เพิ่มแรงจูงใจทางภาษีให้กับบริษัทที่ลงทุนในพลังงานสะอาด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • 21/2/68

    วันนี้ช่วงเวลา 11 โมงไปถึงวัดตลาดศาลเจ้า ปทุมธานี ไปทานก๋วยเตี๋ยวหมูถูกมากชามละ 25& 30฿

    ได้ซื้อขนมหลายๆอย่าง รวมถึงห่อหมกตาเรศ

    ก่อนกลับแวะไปกราบอากงเซียนแปะโรงสี
    ได้เป็นผลไม้ที่ไหว้อากงมา 1 ถุง
    เอาบุญมาฝากกัลยามิตรทุกท่าน ให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว ร่ำรวยเงินทอง&ความดีงามกันทั่วทุกๆท่านนะคะ
    สาธุ สาธุ สาธุค่ะ
    21/2/68 วันนี้ช่วงเวลา 11 โมงไปถึงวัดตลาดศาลเจ้า ปทุมธานี ไปทานก๋วยเตี๋ยวหมูถูกมากชามละ 25& 30฿ ได้ซื้อขนมหลายๆอย่าง รวมถึงห่อหมกตาเรศ ก่อนกลับแวะไปกราบอากงเซียนแปะโรงสี ได้เป็นผลไม้ที่ไหว้อากงมา 1 ถุง เอาบุญมาฝากกัลยามิตรทุกท่าน ให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว ร่ำรวยเงินทอง&ความดีงามกันทั่วทุกๆท่านนะคะ สาธุ สาธุ สาธุค่ะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว
  • นโยบายพรรคการเมือง: การปฏิรูปการศึกษาเพื่ออนาคต ด้วยเทคโนโลยีและ STEM

    วิสัยทัศน์

    สร้างระบบการศึกษาที่ทันสมัย เปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนเข้าถึงองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม พัฒนาเยาวชนให้เป็นนักคิด นักแก้ปัญหา และนักนวัตกรรมที่พร้อมแข่งขันในเวทีโลก


    ---

    1. การพัฒนา STEM Education ให้เป็นรากฐานของระบบการศึกษา

    ✅ ปรับหลักสูตรการเรียนการสอน ให้สอดคล้องกับแนวทาง STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา
    ✅ ส่งเสริมโครงการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ (Project-Based Learning) ให้นักเรียนได้ทดลอง คิดวิเคราะห์ และพัฒนาทักษะผ่านโครงงานจริง
    ✅ เพิ่มวิชาหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเขียนโค้ด (Coding) เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรมาตรฐาน
    ✅ สนับสนุนการแข่งขันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น โอลิมปิกวิชาการ การแข่งขันหุ่นยนต์ และแฮ็กกาธอน


    ---

    2. การนำเทคโนโลยีมาปรับปรุงการเรียนการสอน

    ✅ จัดหาอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้โรงเรียนทั่วประเทศ เช่น อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียน
    ✅ พัฒนาระบบการเรียนการสอนออนไลน์ (E-Learning & Hybrid Learning) เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา
    ✅ ใช้ AI และ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ เพื่อออกแบบการสอนที่เหมาะกับนักเรียนแต่ละคน
    ✅ พัฒนาคลังสื่อดิจิทัล (Open Educational Resources - OER) รวมถึงแพลตฟอร์มบทเรียนออนไลน์ฟรีสำหรับทุกคน


    ---

    3. การพัฒนาครูให้พร้อมสำหรับยุคดิจิทัล

    ✅ อบรมและพัฒนาครูด้านเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้สามารถถ่ายทอดความรู้และพัฒนาทักษะของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    ✅ สร้างเครือข่ายครูและนักวิชาการด้านเทคโนโลยี เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และพัฒนาแนวทางการสอนที่ทันสมัย
    ✅ เพิ่มแรงจูงใจให้ครูพัฒนาทักษะดิจิทัล เช่น การให้ทุนอบรมหรือการเลื่อนขั้นสำหรับครูที่ผ่านการรับรองทักษะเทคโนโลยี


    ---

    4. สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนและอุตสาหกรรม

    ✅ เปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้การเรียนการสอนสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน
    ✅ ส่งเสริมการฝึกงานและโครงการนักศึกษาฝึกงานในสายงานเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้นักเรียนได้ประสบการณ์จริงก่อนจบการศึกษา
    ✅ จัดตั้งกองทุนส่งเสริมนวัตกรรมทางการศึกษา สนับสนุนสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีการศึกษา (EdTech)


    ---

    5. ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา

    ✅ ให้ทุนการศึกษาและอุปกรณ์เรียนฟรีสำหรับนักเรียนที่ขาดแคลน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทและห่างไกล
    ✅ สร้างโรงเรียนต้นแบบด้านเทคโนโลยีในทุกภูมิภาค เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ STEM ในแต่ละพื้นที่
    ✅ พัฒนาระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมและอินเทอร์เน็ต เพื่อให้นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงการศึกษาเท่าเทียมกับเมืองใหญ่


    ---

    ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

    ✅ นักเรียนไทยมีทักษะด้านเทคโนโลยีและ STEM ที่แข็งแกร่ง พร้อมแข่งขันในระดับนานาชาติ
    ✅ ครูมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน
    ✅ ระบบการศึกษาของไทยสามารถตอบโจทย์ตลาดแรงงานและเศรษฐกิจดิจิทัล
    ✅ ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ให้โอกาสเด็กทุกคนเข้าถึงการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ


    ---

    "การศึกษาไทยก้าวไกล เทคโนโลยีล้ำหน้า STEM นำอนาคต"
    #พรรคเพื่อการศึกษายุคใหม่

    นโยบายพรรคการเมือง: การปฏิรูปการศึกษาเพื่ออนาคต ด้วยเทคโนโลยีและ STEM วิสัยทัศน์ สร้างระบบการศึกษาที่ทันสมัย เปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนเข้าถึงองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม พัฒนาเยาวชนให้เป็นนักคิด นักแก้ปัญหา และนักนวัตกรรมที่พร้อมแข่งขันในเวทีโลก --- 1. การพัฒนา STEM Education ให้เป็นรากฐานของระบบการศึกษา ✅ ปรับหลักสูตรการเรียนการสอน ให้สอดคล้องกับแนวทาง STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา ✅ ส่งเสริมโครงการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ (Project-Based Learning) ให้นักเรียนได้ทดลอง คิดวิเคราะห์ และพัฒนาทักษะผ่านโครงงานจริง ✅ เพิ่มวิชาหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเขียนโค้ด (Coding) เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรมาตรฐาน ✅ สนับสนุนการแข่งขันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น โอลิมปิกวิชาการ การแข่งขันหุ่นยนต์ และแฮ็กกาธอน --- 2. การนำเทคโนโลยีมาปรับปรุงการเรียนการสอน ✅ จัดหาอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้โรงเรียนทั่วประเทศ เช่น อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียน ✅ พัฒนาระบบการเรียนการสอนออนไลน์ (E-Learning & Hybrid Learning) เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา ✅ ใช้ AI และ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ เพื่อออกแบบการสอนที่เหมาะกับนักเรียนแต่ละคน ✅ พัฒนาคลังสื่อดิจิทัล (Open Educational Resources - OER) รวมถึงแพลตฟอร์มบทเรียนออนไลน์ฟรีสำหรับทุกคน --- 3. การพัฒนาครูให้พร้อมสำหรับยุคดิจิทัล ✅ อบรมและพัฒนาครูด้านเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้สามารถถ่ายทอดความรู้และพัฒนาทักษะของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ สร้างเครือข่ายครูและนักวิชาการด้านเทคโนโลยี เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และพัฒนาแนวทางการสอนที่ทันสมัย ✅ เพิ่มแรงจูงใจให้ครูพัฒนาทักษะดิจิทัล เช่น การให้ทุนอบรมหรือการเลื่อนขั้นสำหรับครูที่ผ่านการรับรองทักษะเทคโนโลยี --- 4. สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนและอุตสาหกรรม ✅ เปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้การเรียนการสอนสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ✅ ส่งเสริมการฝึกงานและโครงการนักศึกษาฝึกงานในสายงานเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้นักเรียนได้ประสบการณ์จริงก่อนจบการศึกษา ✅ จัดตั้งกองทุนส่งเสริมนวัตกรรมทางการศึกษา สนับสนุนสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีการศึกษา (EdTech) --- 5. ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ✅ ให้ทุนการศึกษาและอุปกรณ์เรียนฟรีสำหรับนักเรียนที่ขาดแคลน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทและห่างไกล ✅ สร้างโรงเรียนต้นแบบด้านเทคโนโลยีในทุกภูมิภาค เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ STEM ในแต่ละพื้นที่ ✅ พัฒนาระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมและอินเทอร์เน็ต เพื่อให้นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงการศึกษาเท่าเทียมกับเมืองใหญ่ --- ผลลัพธ์ที่คาดหวัง ✅ นักเรียนไทยมีทักษะด้านเทคโนโลยีและ STEM ที่แข็งแกร่ง พร้อมแข่งขันในระดับนานาชาติ ✅ ครูมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน ✅ ระบบการศึกษาของไทยสามารถตอบโจทย์ตลาดแรงงานและเศรษฐกิจดิจิทัล ✅ ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ให้โอกาสเด็กทุกคนเข้าถึงการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ --- "การศึกษาไทยก้าวไกล เทคโนโลยีล้ำหน้า STEM นำอนาคต" #พรรคเพื่อการศึกษายุคใหม่
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 รีวิว
  • นโยบายพรรคการเมือง: การปฏิรูปการศึกษาเพื่ออนาคต ด้วยเทคโนโลยีและ STEM

    วิสัยทัศน์

    สร้างระบบการศึกษาที่ทันสมัย เปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนเข้าถึงองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม พัฒนาเยาวชนให้เป็นนักคิด นักแก้ปัญหา และนักนวัตกรรมที่พร้อมแข่งขันในเวทีโลก


    ---

    1. การพัฒนา STEM Education ให้เป็นรากฐานของระบบการศึกษา

    ✅ ปรับหลักสูตรการเรียนการสอน ให้สอดคล้องกับแนวทาง STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา
    ✅ ส่งเสริมโครงการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ (Project-Based Learning) ให้นักเรียนได้ทดลอง คิดวิเคราะห์ และพัฒนาทักษะผ่านโครงงานจริง
    ✅ เพิ่มวิชาหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเขียนโค้ด (Coding) เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรมาตรฐาน
    ✅ สนับสนุนการแข่งขันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น โอลิมปิกวิชาการ การแข่งขันหุ่นยนต์ และแฮ็กกาธอน


    ---

    2. การนำเทคโนโลยีมาปรับปรุงการเรียนการสอน

    ✅ จัดหาอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้โรงเรียนทั่วประเทศ เช่น อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียน
    ✅ พัฒนาระบบการเรียนการสอนออนไลน์ (E-Learning & Hybrid Learning) เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา
    ✅ ใช้ AI และ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ เพื่อออกแบบการสอนที่เหมาะกับนักเรียนแต่ละคน
    ✅ พัฒนาคลังสื่อดิจิทัล (Open Educational Resources - OER) รวมถึงแพลตฟอร์มบทเรียนออนไลน์ฟรีสำหรับทุกคน


    ---

    3. การพัฒนาครูให้พร้อมสำหรับยุคดิจิทัล

    ✅ อบรมและพัฒนาครูด้านเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้สามารถถ่ายทอดความรู้และพัฒนาทักษะของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    ✅ สร้างเครือข่ายครูและนักวิชาการด้านเทคโนโลยี เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และพัฒนาแนวทางการสอนที่ทันสมัย
    ✅ เพิ่มแรงจูงใจให้ครูพัฒนาทักษะดิจิทัล เช่น การให้ทุนอบรมหรือการเลื่อนขั้นสำหรับครูที่ผ่านการรับรองทักษะเทคโนโลยี


    ---

    4. สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนและอุตสาหกรรม

    ✅ เปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้การเรียนการสอนสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน
    ✅ ส่งเสริมการฝึกงานและโครงการนักศึกษาฝึกงานในสายงานเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้นักเรียนได้ประสบการณ์จริงก่อนจบการศึกษา
    ✅ จัดตั้งกองทุนส่งเสริมนวัตกรรมทางการศึกษา สนับสนุนสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีการศึกษา (EdTech)


    ---

    5. ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา

    ✅ ให้ทุนการศึกษาและอุปกรณ์เรียนฟรีสำหรับนักเรียนที่ขาดแคลน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทและห่างไกล
    ✅ สร้างโรงเรียนต้นแบบด้านเทคโนโลยีในทุกภูมิภาค เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ STEM ในแต่ละพื้นที่
    ✅ พัฒนาระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมและอินเทอร์เน็ต เพื่อให้นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงการศึกษาเท่าเทียมกับเมืองใหญ่


    ---

    ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

    ✅ นักเรียนไทยมีทักษะด้านเทคโนโลยีและ STEM ที่แข็งแกร่ง พร้อมแข่งขันในระดับนานาชาติ
    ✅ ครูมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน
    ✅ ระบบการศึกษาของไทยสามารถตอบโจทย์ตลาดแรงงานและเศรษฐกิจดิจิทัล
    ✅ ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ให้โอกาสเด็กทุกคนเข้าถึงการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ


    ---

    "การศึกษาไทยก้าวไกล เทคโนโลยีล้ำหน้า STEM นำอนาคต"
    #พรรคเพื่อการศึกษายุคใหม่

    นโยบายพรรคการเมือง: การปฏิรูปการศึกษาเพื่ออนาคต ด้วยเทคโนโลยีและ STEM วิสัยทัศน์ สร้างระบบการศึกษาที่ทันสมัย เปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนเข้าถึงองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม พัฒนาเยาวชนให้เป็นนักคิด นักแก้ปัญหา และนักนวัตกรรมที่พร้อมแข่งขันในเวทีโลก --- 1. การพัฒนา STEM Education ให้เป็นรากฐานของระบบการศึกษา ✅ ปรับหลักสูตรการเรียนการสอน ให้สอดคล้องกับแนวทาง STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา ✅ ส่งเสริมโครงการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ (Project-Based Learning) ให้นักเรียนได้ทดลอง คิดวิเคราะห์ และพัฒนาทักษะผ่านโครงงานจริง ✅ เพิ่มวิชาหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเขียนโค้ด (Coding) เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรมาตรฐาน ✅ สนับสนุนการแข่งขันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น โอลิมปิกวิชาการ การแข่งขันหุ่นยนต์ และแฮ็กกาธอน --- 2. การนำเทคโนโลยีมาปรับปรุงการเรียนการสอน ✅ จัดหาอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้โรงเรียนทั่วประเทศ เช่น อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียน ✅ พัฒนาระบบการเรียนการสอนออนไลน์ (E-Learning & Hybrid Learning) เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา ✅ ใช้ AI และ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ เพื่อออกแบบการสอนที่เหมาะกับนักเรียนแต่ละคน ✅ พัฒนาคลังสื่อดิจิทัล (Open Educational Resources - OER) รวมถึงแพลตฟอร์มบทเรียนออนไลน์ฟรีสำหรับทุกคน --- 3. การพัฒนาครูให้พร้อมสำหรับยุคดิจิทัล ✅ อบรมและพัฒนาครูด้านเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้สามารถถ่ายทอดความรู้และพัฒนาทักษะของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ สร้างเครือข่ายครูและนักวิชาการด้านเทคโนโลยี เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และพัฒนาแนวทางการสอนที่ทันสมัย ✅ เพิ่มแรงจูงใจให้ครูพัฒนาทักษะดิจิทัล เช่น การให้ทุนอบรมหรือการเลื่อนขั้นสำหรับครูที่ผ่านการรับรองทักษะเทคโนโลยี --- 4. สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนและอุตสาหกรรม ✅ เปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้การเรียนการสอนสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ✅ ส่งเสริมการฝึกงานและโครงการนักศึกษาฝึกงานในสายงานเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้นักเรียนได้ประสบการณ์จริงก่อนจบการศึกษา ✅ จัดตั้งกองทุนส่งเสริมนวัตกรรมทางการศึกษา สนับสนุนสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีการศึกษา (EdTech) --- 5. ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ✅ ให้ทุนการศึกษาและอุปกรณ์เรียนฟรีสำหรับนักเรียนที่ขาดแคลน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทและห่างไกล ✅ สร้างโรงเรียนต้นแบบด้านเทคโนโลยีในทุกภูมิภาค เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ STEM ในแต่ละพื้นที่ ✅ พัฒนาระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมและอินเทอร์เน็ต เพื่อให้นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงการศึกษาเท่าเทียมกับเมืองใหญ่ --- ผลลัพธ์ที่คาดหวัง ✅ นักเรียนไทยมีทักษะด้านเทคโนโลยีและ STEM ที่แข็งแกร่ง พร้อมแข่งขันในระดับนานาชาติ ✅ ครูมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน ✅ ระบบการศึกษาของไทยสามารถตอบโจทย์ตลาดแรงงานและเศรษฐกิจดิจิทัล ✅ ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ให้โอกาสเด็กทุกคนเข้าถึงการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ --- "การศึกษาไทยก้าวไกล เทคโนโลยีล้ำหน้า STEM นำอนาคต" #พรรคเพื่อการศึกษายุคใหม่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว
  • นโยบายพรรคการเมือง: การปฏิรูปแรงงานและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

    วิสัยทัศน์

    "สร้างแรงงานคุณภาพ ยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ"

    เป้าหมายหลัก

    1. พัฒนาทักษะแรงงานให้ทันยุคดิจิทัล


    2. ลดความเหลื่อมล้ำด้านโอกาสในการทำงาน


    3. ปรับปรุงสวัสดิการแรงงานให้เหมาะสมกับสังคมยุคใหม่


    4. สร้างระบบแรงงานที่ยืดหยุ่นและเป็นธรรม




    ---

    มาตรการหลัก

    1. การพัฒนาทักษะแรงงาน (Upskilling & Reskilling)

    ตั้งกองทุนพัฒนาทักษะดิจิทัลและ AI สำหรับแรงงานทุกช่วงวัย

    ให้สิทธิ์แรงงานเรียนคอร์สพัฒนาทักษะฟรีปีละ 2 หลักสูตร

    สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับเอกชนและมหาวิทยาลัยในการฝึกอบรม


    2. ส่งเสริมการจ้างงานที่เป็นธรรม

    ปรับโครงสร้างค่าจ้างขั้นต่ำให้สะท้อนค่าครองชีพและเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ

    ส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุและคนพิการ โดยให้สิทธิประโยชน์แก่บริษัทที่จ้างงานกลุ่มเปราะบาง

    ออกกฎหมายป้องกันการเลือกปฏิบัติทางเพศและอายุในที่ทำงาน


    3. ปรับปรุงสวัสดิการแรงงาน

    ขยายวันลาคลอดเป็น 180 วัน และให้สิทธิ์ลาคู่สมรสเพิ่มขึ้น

    ปรับประกันสังคมให้ครอบคลุมแรงงานฟรีแลนซ์และแพลตฟอร์ม

    จัดสรรที่พักอาศัยราคาถูกสำหรับแรงงานในเมืองใหญ่


    4. แรงงานยุคใหม่กับรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น

    ออกนโยบายสนับสนุน Work from Home และ Hybrid Work

    กำหนดมาตรฐานค่าตอบแทนและสวัสดิการสำหรับ gig workers

    ปรับแก้กฎหมายแรงงานให้รองรับการทำงานแบบพาร์ทไทม์



    ---

    ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

    ✅ แรงงานไทยมีทักษะสูงขึ้น แข่งขันในตลาดโลกได้
    ✅ รายได้และคุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น
    ✅ แรงงานทุกกลุ่มมีโอกาสทำงานที่เหมาะสมกับศักยภาพ
    ✅ เศรษฐกิจเติบโตจากการมีแรงงานที่มีประสิทธิภาพ


    ---

    "แรงงานมีคุณภาพ ประเทศก้าวไกล ประชาชนอยู่ดีมีสุข"

    นโยบายพรรคการเมือง: การปฏิรูปแรงงานและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ วิสัยทัศน์ "สร้างแรงงานคุณภาพ ยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ" เป้าหมายหลัก 1. พัฒนาทักษะแรงงานให้ทันยุคดิจิทัล 2. ลดความเหลื่อมล้ำด้านโอกาสในการทำงาน 3. ปรับปรุงสวัสดิการแรงงานให้เหมาะสมกับสังคมยุคใหม่ 4. สร้างระบบแรงงานที่ยืดหยุ่นและเป็นธรรม --- มาตรการหลัก 1. การพัฒนาทักษะแรงงาน (Upskilling & Reskilling) ตั้งกองทุนพัฒนาทักษะดิจิทัลและ AI สำหรับแรงงานทุกช่วงวัย ให้สิทธิ์แรงงานเรียนคอร์สพัฒนาทักษะฟรีปีละ 2 หลักสูตร สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับเอกชนและมหาวิทยาลัยในการฝึกอบรม 2. ส่งเสริมการจ้างงานที่เป็นธรรม ปรับโครงสร้างค่าจ้างขั้นต่ำให้สะท้อนค่าครองชีพและเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ ส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุและคนพิการ โดยให้สิทธิประโยชน์แก่บริษัทที่จ้างงานกลุ่มเปราะบาง ออกกฎหมายป้องกันการเลือกปฏิบัติทางเพศและอายุในที่ทำงาน 3. ปรับปรุงสวัสดิการแรงงาน ขยายวันลาคลอดเป็น 180 วัน และให้สิทธิ์ลาคู่สมรสเพิ่มขึ้น ปรับประกันสังคมให้ครอบคลุมแรงงานฟรีแลนซ์และแพลตฟอร์ม จัดสรรที่พักอาศัยราคาถูกสำหรับแรงงานในเมืองใหญ่ 4. แรงงานยุคใหม่กับรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น ออกนโยบายสนับสนุน Work from Home และ Hybrid Work กำหนดมาตรฐานค่าตอบแทนและสวัสดิการสำหรับ gig workers ปรับแก้กฎหมายแรงงานให้รองรับการทำงานแบบพาร์ทไทม์ --- ผลลัพธ์ที่คาดหวัง ✅ แรงงานไทยมีทักษะสูงขึ้น แข่งขันในตลาดโลกได้ ✅ รายได้และคุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น ✅ แรงงานทุกกลุ่มมีโอกาสทำงานที่เหมาะสมกับศักยภาพ ✅ เศรษฐกิจเติบโตจากการมีแรงงานที่มีประสิทธิภาพ --- "แรงงานมีคุณภาพ ประเทศก้าวไกล ประชาชนอยู่ดีมีสุข"
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • Jim Keller, ผู้เชี่ยวชาญด้านชิปและอดีตวิศวกรของ Intel ได้ออกมากล่าวว่า Intel ที่ยอดเยี่ยมควรมีมูลค่าประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์ โดยที่การแยกส่วนธุรกิจออกไปนั้นเป็นเหมือนการขายสินค้าที่มีราคาถูกเกินไป เขาเชื่อว่ามูลค่าที่แท้จริงของ Intel ควรสูงกว่านี้เนื่องจากบริษัทมีความทะเยอทะยานสูง

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีการพูดคุยเกี่ยวกับการเข้าซื้อกิจการของ Qualcomm แต่ตอนนี้บริษัทอย่าง TSMC และ Broadcom ได้เข้ามาแข่งขันเพื่อซื้อธุรกิจบางส่วนของ Intel โดยเฉพาะส่วนการผลิตและโรงงาน ซึ่งการแยกส่วนนี้อาจช่วยเพิ่มมูลค่าของผู้ถือหุ้น แต่จะไม่ส่งผลดีกับตลาดเซมิคอนดักเตอร์

    Jim Keller กล่าวว่า การแยกส่วนธุรกิจนี้ไม่ใช่การ "ปลดล็อคมูลค่าผู้ถือหุ้น" แต่เป็นเหมือนการขายสินค้าราคาถูกที่ต่ำกว่าราคาตลาดมาก

    ที่น่าสนใจคือ การที่ TSMC และ Broadcom สนใจซื้อกิจการส่วนนี้อาจทำให้การผลิตของ Intel ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งต่าง ๆ ยังไม่แน่นอน และการบริหารใหม่ในสหรัฐอเมริกานั้นอาจจะไม่อนุญาตให้การซื้อขายนี้ดำเนินไปได้ เนื่องจากมีการกล่าวว่า Trump อาจจะตั้งภาษีสูงถึง 100% บนชิปจากไต้หวัน

    สิ่งที่แน่ชัดคือ ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐอเมริกาจะมีอนาคตที่สดใสมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบริษัทอย่าง TSMC พยายามที่จะหลีกเลี่ยงภาษีของ Trump โดยความร่วมมือกับการบริหารงานในทุกรูปแบบที่เป็นไปได้

    เห็นได้ชัดว่าอนาคตของ Intel นั้นยังไม่แน่นอน แต่การที่หุ้นของ Intel เพิ่มขึ้นถึง 18% ในช่วงห้าวันที่ผ่านมา ก็เป็นสัญญาณที่ดีว่าตลาดมีความหวังในทางที่ดีสำหรับบริษัทนี้

    https://wccftech.com/a-great-intel-should-be-worth-1-trillion-claims-chip-expert-jim-keller/
    Jim Keller, ผู้เชี่ยวชาญด้านชิปและอดีตวิศวกรของ Intel ได้ออกมากล่าวว่า Intel ที่ยอดเยี่ยมควรมีมูลค่าประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์ โดยที่การแยกส่วนธุรกิจออกไปนั้นเป็นเหมือนการขายสินค้าที่มีราคาถูกเกินไป เขาเชื่อว่ามูลค่าที่แท้จริงของ Intel ควรสูงกว่านี้เนื่องจากบริษัทมีความทะเยอทะยานสูง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีการพูดคุยเกี่ยวกับการเข้าซื้อกิจการของ Qualcomm แต่ตอนนี้บริษัทอย่าง TSMC และ Broadcom ได้เข้ามาแข่งขันเพื่อซื้อธุรกิจบางส่วนของ Intel โดยเฉพาะส่วนการผลิตและโรงงาน ซึ่งการแยกส่วนนี้อาจช่วยเพิ่มมูลค่าของผู้ถือหุ้น แต่จะไม่ส่งผลดีกับตลาดเซมิคอนดักเตอร์ Jim Keller กล่าวว่า การแยกส่วนธุรกิจนี้ไม่ใช่การ "ปลดล็อคมูลค่าผู้ถือหุ้น" แต่เป็นเหมือนการขายสินค้าราคาถูกที่ต่ำกว่าราคาตลาดมาก ที่น่าสนใจคือ การที่ TSMC และ Broadcom สนใจซื้อกิจการส่วนนี้อาจทำให้การผลิตของ Intel ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งต่าง ๆ ยังไม่แน่นอน และการบริหารใหม่ในสหรัฐอเมริกานั้นอาจจะไม่อนุญาตให้การซื้อขายนี้ดำเนินไปได้ เนื่องจากมีการกล่าวว่า Trump อาจจะตั้งภาษีสูงถึง 100% บนชิปจากไต้หวัน สิ่งที่แน่ชัดคือ ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐอเมริกาจะมีอนาคตที่สดใสมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบริษัทอย่าง TSMC พยายามที่จะหลีกเลี่ยงภาษีของ Trump โดยความร่วมมือกับการบริหารงานในทุกรูปแบบที่เป็นไปได้ เห็นได้ชัดว่าอนาคตของ Intel นั้นยังไม่แน่นอน แต่การที่หุ้นของ Intel เพิ่มขึ้นถึง 18% ในช่วงห้าวันที่ผ่านมา ก็เป็นสัญญาณที่ดีว่าตลาดมีความหวังในทางที่ดีสำหรับบริษัทนี้ https://wccftech.com/a-great-intel-should-be-worth-1-trillion-claims-chip-expert-jim-keller/
    WCCFTECH.COM
    A "Great" Intel Should Be Worth $1 Trillion; Claims Chip Expert Jim Keller, Calling Business Split-Off A "Fire Sale"
    A "great" Intel should be worth around $1 trillion, claims the renowned chip expert and ex-Intel engineer Jim Keller.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Moore Threads ได้เปิดตัวไดร์เวอร์เวอร์ชัน 290.100 สำหรับกราฟิกการ์ดรุ่น MTT S Series โดยการอัปเดตนี้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสบการณ์การเล่นเกมในหลายเกมสมัยใหม่ จากการทดสอบภายในก่อนการปล่อยออกสู่สาธารณะ ผลลัพธ์ชี้ให้เห็นว่าในเกม Infinity Nikki ซึ่งรองรับเฉพาะ DirectX 12 เฟรมเรทเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมากกว่า 40% และในเกม Death Stranding เฟรมเรทเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% ที่น่าทึ่งที่สุดคือในเกม A Plague Tale: Requiem เฟรมเรทเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมากกว่า 120%

    กราฟิกการ์ด MTT S80 ของ Moore Threads ถึงแม้ว่าจะมาพร้อมกับ PCI Express Gen 5 และมี MUSA cores 4096 หน่วย แต่ก็ยังไม่สามารถเทียบกับคู่แข่งหลักในตลาดได้ในหลายสถานการณ์

    การอัปเดตนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Moore Threads ประกาศเมื่อเดือนกันยายน 2023 ว่าไดร์เวอร์เวอร์ชัน 230.40.0.1 นั้นสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมได้ถึง 40% สำหรับการ์ด MTT S80 และ S70 นอกจากนี้ Moore Threads ยังมีแนวโน้มที่จะเป็นผู้มีผลงานสูงในด้านการประมวลผลเชิงลึกด้วย DeepSeek's R1 Distill-Qwen-7B distilled model

    https://www.techpowerup.com/332866/moore-threads-claims-120-gaming-performance-improvement-for-mtt-s-series-gpus
    บริษัท Moore Threads ได้เปิดตัวไดร์เวอร์เวอร์ชัน 290.100 สำหรับกราฟิกการ์ดรุ่น MTT S Series โดยการอัปเดตนี้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสบการณ์การเล่นเกมในหลายเกมสมัยใหม่ จากการทดสอบภายในก่อนการปล่อยออกสู่สาธารณะ ผลลัพธ์ชี้ให้เห็นว่าในเกม Infinity Nikki ซึ่งรองรับเฉพาะ DirectX 12 เฟรมเรทเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมากกว่า 40% และในเกม Death Stranding เฟรมเรทเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% ที่น่าทึ่งที่สุดคือในเกม A Plague Tale: Requiem เฟรมเรทเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมากกว่า 120% กราฟิกการ์ด MTT S80 ของ Moore Threads ถึงแม้ว่าจะมาพร้อมกับ PCI Express Gen 5 และมี MUSA cores 4096 หน่วย แต่ก็ยังไม่สามารถเทียบกับคู่แข่งหลักในตลาดได้ในหลายสถานการณ์ การอัปเดตนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Moore Threads ประกาศเมื่อเดือนกันยายน 2023 ว่าไดร์เวอร์เวอร์ชัน 230.40.0.1 นั้นสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมได้ถึง 40% สำหรับการ์ด MTT S80 และ S70 นอกจากนี้ Moore Threads ยังมีแนวโน้มที่จะเป็นผู้มีผลงานสูงในด้านการประมวลผลเชิงลึกด้วย DeepSeek's R1 Distill-Qwen-7B distilled model https://www.techpowerup.com/332866/moore-threads-claims-120-gaming-performance-improvement-for-mtt-s-series-gpus
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Moore Threads Claims 120% Gaming Performance Improvement for MTT S Series GPUs
    Moore Threads has released version 290.100 of its MTT S Series Windows desktop driver; today's freshly published patch notes describe "performance and experience optimizations" for multiple modern games titles. Press coverage of the Chinese graphics card manufacturer's hardware portfolio has concent...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ทิ้งบอมบ์รอบใหม่ ขู่รีดภาษีศุลกากรรถนำเข้า 25% และจัดเก็บในระดับเดียวกันหรือสูงกว่าสำหรับผลิตภัณฑ์ยาและเซมิคอนดักเตอร์ ด้านจีนประณามมาตรการภาษีและการข่มขู่ของทรัมป์ระหว่างการประชุมองค์การการค้าโลกว่า เป็นการคุกคามระบบการค้าและทำให้เศรษฐกิจโลกถดถอย
    .
    นับจากเข้ารับตำแหน่งปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้สั่งเพิ่มอัตราภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าของพวกประเทศคู่ค้าใหญ่ที่สุดบางแห่งโดยอ้างว่า เพื่อตอบโต้กับแนวทางปฏิบัติทางการค้าที่เอาเปรียบและไม่เป็นธรรมกับสหรัฐฯ นอกจากนั้น ในหลายกรณีก็ระบุเหตุผลว่าเพื่อผลักดันนโยบายสำคัญของอเมริกา อย่างเช่นการปราบปรามการอพยพเข้าสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย
    .
    ก่อนหน้านี้เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศรีดภาษีศุลกากรจากสินค้านำเข้าทุกรายการจากจีนเพิ่มขึ้นอีก 10% และปักกิ่งได้ตอบโต้ด้วยมาตรการทำนองเดียวกันในขนาดขอบเขตที่แคบกว่า จากนั้นทรัมป์ยังสั่งขึ้นภาษีที่เก็บจากเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมนำเข้าจากทุกประเทศในอัตรา 25%
    .
    ล่าสุดในวันอังคาร (18 ก.พ.) ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า จะขึ้นภาษีศุลกากรที่จะเรียกเก็บจากอุตสาหกรรมรถยนต์ในอัตราประมาณ 25% โดยจะบังคับใช้ในราววันที่ 2 เมษายน
    .
    สำหรับสินค้าพวกยาและเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งทรัมป์เคยบอกไว้ว่าจะพิจารณาเพิ่มภาษีในช่วงเวลาเดียวกับรถยนต์นั้น ทรัมป์ขยายความในคราวนี้ว่า จะเก็บสูงขึ้นในอัตรา 25% หรือสูงกว่านั้น แล้วจากนั้นจะเพิ่มขึ้นสูงมากภายใน 1 ปี แต่เขายังไม่ระบุว่าจะเริ่มเมื่อใด
    .
    เขายังบอกว่า ต้องการให้เวลาพวกบริษัทที่ได้รับผลกระทบ เพื่อจะได้กลับลำมาทำธุรกิจในอเมริกา และเสริมด้วยว่า ประเทศคู่ค้าของวอชิงตันก็สามารถหลีกเลี่ยงการถูกเก็บภาษีเพิ่มได้ด้วยการเข้าไปลงทุนตั้งโรงงานในอเมริกา
    .
    อย่างไรก็ตาม พวกผู้เชี่ยวชาญย้ำคำเตือนที่ได้ให้ไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ที่ว่ามาตรการเพิ่มภาษีศุลกาการจากสินค้านำเข้านั้น คนอเมริกันเองมีแนวโน้มต้องแบกรับมากกว่าพวกผู้ส่งออกต่างชาติ เนื่องจากคนที่ต้องควักเงินจ่ายภาษีจริงๆ ก็คือผู้นำเข้าในอเมริกา และพวกเขาก็มักแบ่งเบาภาระนี้ด้วยการขึ้นราคาสินค้าที่จำหน่ายในสหรัฐฯ
    .
    เฉพาะรถยนต์นั้น ปัจจุบันรถยนต์ราว 50% ที่ขายในอเมริกาเป็นรถที่ผลิตภายในประเทศ ขณะที่รถนำเข้าประมาณครึ่งหนึ่งเป็นรถจากเม็กซิโกและแคนาดา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกแบรนด์ระดับอินเตอร์ไปตั้งโรงงานประกอบกันที่นั่น นอกจากนั้นยังมีญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเยอรมนีที่เป็นซัปพลายเออร์รายสำคัญ
    .
    เอเชียจับตามาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์อย่างระมัดระวังมาก เนื่องจากมีซัปพลายเออร์หลักบางแห่งของอุตสาหกรรมรถยนต์ของอเมริกาตั้งอยู่
    .
    โยชิมาสะ ฮายาชิ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ให้สัมภาษณ์เมื่อวันพุธว่า ญี่ปุ่นได้หยิบยกประเด็นภาษีศุลกากรรถยนต์หารือกับอเมริกาแล้ว และรัฐบาลจะดำเนินมาตรการที่เหมาะสมควบคู่กับการตรวจสอบรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจงของมาตรการภาษีดังกล่าว
    .
    ทางด้านไต้หวันที่เป็นฮับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของโลกและถูกทรัมป์กล่าวหาว่า ปล้นอุตสาหกรรมชิปไปจากอเมริกานั้น ก็แสดงท่าทีตื่นตัวเฝ้าระวัง ถึงแม้กระทรวงเศรษฐกิจแถลงว่า ขอบเขตผลิตภัณฑ์ที่จะถูกเรียกเก็บภาษียังไม่มีความชัดเจน และรัฐบาลจะติดตามทิศทางนโยบายของอเมริกาต่อไป รวมทั้งจะให้ความช่วยเหลือแก่อุตสาหกรรมท้องถิ่นที่ได้รับความเดือดร้อน
    .
    ก่อนหน้านี้ไทเปประกาศแล้วว่า จะเพิ่มการลงทุนในอเมริกาเพื่อหาทางหลีกเลี่ยงมาตรการภาษีของทรัมป์
    .
    ผู้นำอเมริกายังแสดงความยินดีที่สหภาพยุโรป ลดภาษีศุลกากรรถยนต์จาก 10% เหลือ 2.5% เท่ากับอเมริกา และบอกว่า ถ้าทุกประเทศทำแบบนี้ การค้าทั่วโลกจะแข่งขันกันอย่างเป็นธรรม
    .
    ในอีกด้านหนึ่ง หลี่ เฉิงกัง เอกอัครราชทูตจีนประจำองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ได้ประณามมาตรการภาษีศุลกากรและการข่มขู่ของทรัมป์ ในระหว่างการประชุมคณะมนตรีใหญ่ดับเบิลยูทีโอในวันอังคารโดยระบุว่า การขึ้นภาษีอย่างแรงและการดำเนินการฝ่ายเดียวของทรัมป์เช่นนี้ ส่งผลกระทบหนักหน่วงต่อระบบการค้าโลก ทำให้เศรษฐกิจไร้ความแน่นอนมากขึ้น การค้าโลกสะดุด เสี่ยงเกิดภาวะเฟ้อในอเมริกา บิดเบือนตลาด หรือแม้กระทั่งทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย
    .
    ทว่า เดวิด บิสบี นักการทูตของอเมริกาตอบโต้ว่า เศรษฐกิจจีนเป็นระบบเศรษฐกิจนักล่าที่ไม่ได้อิงกับตลาด และเสริมว่า ตลอดระยะเวลากว่า 2 ทศวรรษที่เข้าเป็นสมาชิก จีนละเมิด เพิกเฉย และหลบเลี่ยงกฎของดับเบิลยูทีโอมาหลายครั้ง
    .
    ทั้งนี้ ความขัดแย้งระหว่างสองชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในดับเบิลยูทีโอเกิดขึ้นมานานแล้ว โดยปักกิ่งกล่าวหาวอชิงตันละเมิดกฎ ขณะที่วอชิงตันระบุว่า ปักกิ่งไม่สมควรได้รับสถานะประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งได้รับการปฏิบัติพิเศษภายใต้กฎของดับเบิลยูทีโอ
    .
    นอกจากนั้น การที่คณะบริหารของทรัมป์ประกาศแผนถอนตัวจากองค์กรระดับโลกหลายแห่ง ยังเท่ากับว่า ดับเบิลยูทีโอไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่ทำเนียบขาวคำนึงถึงมากนัก
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016777
    ..............
    Sondhi X
    ทรัมป์ทิ้งบอมบ์รอบใหม่ ขู่รีดภาษีศุลกากรรถนำเข้า 25% และจัดเก็บในระดับเดียวกันหรือสูงกว่าสำหรับผลิตภัณฑ์ยาและเซมิคอนดักเตอร์ ด้านจีนประณามมาตรการภาษีและการข่มขู่ของทรัมป์ระหว่างการประชุมองค์การการค้าโลกว่า เป็นการคุกคามระบบการค้าและทำให้เศรษฐกิจโลกถดถอย . นับจากเข้ารับตำแหน่งปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้สั่งเพิ่มอัตราภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าของพวกประเทศคู่ค้าใหญ่ที่สุดบางแห่งโดยอ้างว่า เพื่อตอบโต้กับแนวทางปฏิบัติทางการค้าที่เอาเปรียบและไม่เป็นธรรมกับสหรัฐฯ นอกจากนั้น ในหลายกรณีก็ระบุเหตุผลว่าเพื่อผลักดันนโยบายสำคัญของอเมริกา อย่างเช่นการปราบปรามการอพยพเข้าสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย . ก่อนหน้านี้เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศรีดภาษีศุลกากรจากสินค้านำเข้าทุกรายการจากจีนเพิ่มขึ้นอีก 10% และปักกิ่งได้ตอบโต้ด้วยมาตรการทำนองเดียวกันในขนาดขอบเขตที่แคบกว่า จากนั้นทรัมป์ยังสั่งขึ้นภาษีที่เก็บจากเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมนำเข้าจากทุกประเทศในอัตรา 25% . ล่าสุดในวันอังคาร (18 ก.พ.) ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า จะขึ้นภาษีศุลกากรที่จะเรียกเก็บจากอุตสาหกรรมรถยนต์ในอัตราประมาณ 25% โดยจะบังคับใช้ในราววันที่ 2 เมษายน . สำหรับสินค้าพวกยาและเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งทรัมป์เคยบอกไว้ว่าจะพิจารณาเพิ่มภาษีในช่วงเวลาเดียวกับรถยนต์นั้น ทรัมป์ขยายความในคราวนี้ว่า จะเก็บสูงขึ้นในอัตรา 25% หรือสูงกว่านั้น แล้วจากนั้นจะเพิ่มขึ้นสูงมากภายใน 1 ปี แต่เขายังไม่ระบุว่าจะเริ่มเมื่อใด . เขายังบอกว่า ต้องการให้เวลาพวกบริษัทที่ได้รับผลกระทบ เพื่อจะได้กลับลำมาทำธุรกิจในอเมริกา และเสริมด้วยว่า ประเทศคู่ค้าของวอชิงตันก็สามารถหลีกเลี่ยงการถูกเก็บภาษีเพิ่มได้ด้วยการเข้าไปลงทุนตั้งโรงงานในอเมริกา . อย่างไรก็ตาม พวกผู้เชี่ยวชาญย้ำคำเตือนที่ได้ให้ไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ที่ว่ามาตรการเพิ่มภาษีศุลกาการจากสินค้านำเข้านั้น คนอเมริกันเองมีแนวโน้มต้องแบกรับมากกว่าพวกผู้ส่งออกต่างชาติ เนื่องจากคนที่ต้องควักเงินจ่ายภาษีจริงๆ ก็คือผู้นำเข้าในอเมริกา และพวกเขาก็มักแบ่งเบาภาระนี้ด้วยการขึ้นราคาสินค้าที่จำหน่ายในสหรัฐฯ . เฉพาะรถยนต์นั้น ปัจจุบันรถยนต์ราว 50% ที่ขายในอเมริกาเป็นรถที่ผลิตภายในประเทศ ขณะที่รถนำเข้าประมาณครึ่งหนึ่งเป็นรถจากเม็กซิโกและแคนาดา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกแบรนด์ระดับอินเตอร์ไปตั้งโรงงานประกอบกันที่นั่น นอกจากนั้นยังมีญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเยอรมนีที่เป็นซัปพลายเออร์รายสำคัญ . เอเชียจับตามาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์อย่างระมัดระวังมาก เนื่องจากมีซัปพลายเออร์หลักบางแห่งของอุตสาหกรรมรถยนต์ของอเมริกาตั้งอยู่ . โยชิมาสะ ฮายาชิ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ให้สัมภาษณ์เมื่อวันพุธว่า ญี่ปุ่นได้หยิบยกประเด็นภาษีศุลกากรรถยนต์หารือกับอเมริกาแล้ว และรัฐบาลจะดำเนินมาตรการที่เหมาะสมควบคู่กับการตรวจสอบรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจงของมาตรการภาษีดังกล่าว . ทางด้านไต้หวันที่เป็นฮับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของโลกและถูกทรัมป์กล่าวหาว่า ปล้นอุตสาหกรรมชิปไปจากอเมริกานั้น ก็แสดงท่าทีตื่นตัวเฝ้าระวัง ถึงแม้กระทรวงเศรษฐกิจแถลงว่า ขอบเขตผลิตภัณฑ์ที่จะถูกเรียกเก็บภาษียังไม่มีความชัดเจน และรัฐบาลจะติดตามทิศทางนโยบายของอเมริกาต่อไป รวมทั้งจะให้ความช่วยเหลือแก่อุตสาหกรรมท้องถิ่นที่ได้รับความเดือดร้อน . ก่อนหน้านี้ไทเปประกาศแล้วว่า จะเพิ่มการลงทุนในอเมริกาเพื่อหาทางหลีกเลี่ยงมาตรการภาษีของทรัมป์ . ผู้นำอเมริกายังแสดงความยินดีที่สหภาพยุโรป ลดภาษีศุลกากรรถยนต์จาก 10% เหลือ 2.5% เท่ากับอเมริกา และบอกว่า ถ้าทุกประเทศทำแบบนี้ การค้าทั่วโลกจะแข่งขันกันอย่างเป็นธรรม . ในอีกด้านหนึ่ง หลี่ เฉิงกัง เอกอัครราชทูตจีนประจำองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ได้ประณามมาตรการภาษีศุลกากรและการข่มขู่ของทรัมป์ ในระหว่างการประชุมคณะมนตรีใหญ่ดับเบิลยูทีโอในวันอังคารโดยระบุว่า การขึ้นภาษีอย่างแรงและการดำเนินการฝ่ายเดียวของทรัมป์เช่นนี้ ส่งผลกระทบหนักหน่วงต่อระบบการค้าโลก ทำให้เศรษฐกิจไร้ความแน่นอนมากขึ้น การค้าโลกสะดุด เสี่ยงเกิดภาวะเฟ้อในอเมริกา บิดเบือนตลาด หรือแม้กระทั่งทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย . ทว่า เดวิด บิสบี นักการทูตของอเมริกาตอบโต้ว่า เศรษฐกิจจีนเป็นระบบเศรษฐกิจนักล่าที่ไม่ได้อิงกับตลาด และเสริมว่า ตลอดระยะเวลากว่า 2 ทศวรรษที่เข้าเป็นสมาชิก จีนละเมิด เพิกเฉย และหลบเลี่ยงกฎของดับเบิลยูทีโอมาหลายครั้ง . ทั้งนี้ ความขัดแย้งระหว่างสองชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในดับเบิลยูทีโอเกิดขึ้นมานานแล้ว โดยปักกิ่งกล่าวหาวอชิงตันละเมิดกฎ ขณะที่วอชิงตันระบุว่า ปักกิ่งไม่สมควรได้รับสถานะประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งได้รับการปฏิบัติพิเศษภายใต้กฎของดับเบิลยูทีโอ . นอกจากนั้น การที่คณะบริหารของทรัมป์ประกาศแผนถอนตัวจากองค์กรระดับโลกหลายแห่ง ยังเท่ากับว่า ดับเบิลยูทีโอไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่ทำเนียบขาวคำนึงถึงมากนัก . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016777 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1498 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้พูดถึงการเปิดตัวหน่วยประมวลผลใหม่ของ Loongson รุ่น 3B6600 ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปจากประเทศจีนครับ Loongson อ้างว่า 3B6600 มีประสิทธิภาพที่สามารถเทียบเคียงกับ Intel Core i5 และ i7 รุ่น Alder Lake และ Raptor Lake แม้ว่าชิปรุ่นนี้จะออกมาในช่วงปลายปี 2024 และยังมีความล้าหลังเมื่อเทียบกับชิปรุ่นใหม่จาก TSMC, AMD และ Intel แต่ก็นับเป็นก้าวสำคัญของบริษัท

    3B6600 มี 8 คอร์ และมี GPU ในตัว ซึ่งคาดว่าจะทำงานที่ความถี่ 2.5GHz แต่มี Turbo Boost ที่ทำให้ความถี่ขึ้นได้สูงสุดถึง 3GHz นอกจากนี้ยังรองรับหน่วยความจำ DDR5, PCIe 4.0 และการแสดงผล HDMI 2.1

    แม้ว่า Loongson จะพยายามพัฒนาชิปรุ่นใหม่เพื่อแข่งขันกับชิปจากบริษัทในตะวันตก แต่ก็ยังพบกับอุปสรรคมากมาย รวมถึงความไม่แน่นอนในการนำไปใช้งานในตลาด แม้รัฐบาลจีนจะผลักดันให้ใช้ชิปที่ผลิตภายในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาจากบริษัทต่างชาติ

    ความน่าสนใจในข่าวนี้คือการที่บริษัทผลิตชิปในจีนกำลังพยายามปิดช่องว่างระหว่างตนเองกับบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมโดยการพัฒนาชิปใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง แม้จะยังต้องใช้เวลาในการปรับปรุงและพัฒนาให้ทันกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความพยายามและความก้าวหน้าในด้านนี้ครับ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/chinese-chipmaker-claims-new-loongson-3b6600-cpu-could-hit-13th-gen-intel-performance
    ข่าวนี้พูดถึงการเปิดตัวหน่วยประมวลผลใหม่ของ Loongson รุ่น 3B6600 ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปจากประเทศจีนครับ Loongson อ้างว่า 3B6600 มีประสิทธิภาพที่สามารถเทียบเคียงกับ Intel Core i5 และ i7 รุ่น Alder Lake และ Raptor Lake แม้ว่าชิปรุ่นนี้จะออกมาในช่วงปลายปี 2024 และยังมีความล้าหลังเมื่อเทียบกับชิปรุ่นใหม่จาก TSMC, AMD และ Intel แต่ก็นับเป็นก้าวสำคัญของบริษัท 3B6600 มี 8 คอร์ และมี GPU ในตัว ซึ่งคาดว่าจะทำงานที่ความถี่ 2.5GHz แต่มี Turbo Boost ที่ทำให้ความถี่ขึ้นได้สูงสุดถึง 3GHz นอกจากนี้ยังรองรับหน่วยความจำ DDR5, PCIe 4.0 และการแสดงผล HDMI 2.1 แม้ว่า Loongson จะพยายามพัฒนาชิปรุ่นใหม่เพื่อแข่งขันกับชิปจากบริษัทในตะวันตก แต่ก็ยังพบกับอุปสรรคมากมาย รวมถึงความไม่แน่นอนในการนำไปใช้งานในตลาด แม้รัฐบาลจีนจะผลักดันให้ใช้ชิปที่ผลิตภายในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาจากบริษัทต่างชาติ ความน่าสนใจในข่าวนี้คือการที่บริษัทผลิตชิปในจีนกำลังพยายามปิดช่องว่างระหว่างตนเองกับบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมโดยการพัฒนาชิปใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง แม้จะยังต้องใช้เวลาในการปรับปรุงและพัฒนาให้ทันกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความพยายามและความก้าวหน้าในด้านนี้ครับ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/chinese-chipmaker-claims-new-loongson-3b6600-cpu-could-hit-13th-gen-intel-performance
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุมาตรการรีดภาษีของสหรัฐฯ ที่เรียกเก็บกับรถยนต์นำเข้าจะอยู่ที่ราว 25% ความเคลื่อนไหวที่เป็นการมอบข้อมูลใหม่ในด้านภาษี ที่คาดหมายว่าเขาจะมีการเปิดตัวราววันที่ 2 เมษายน
    .
    "มันจะอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับ 25%" ทรัมป์บอกกับพวกผู้สื่อข่าวที่รีสอร์ตมาร์อาลาโก พร้อมกับเน้นว่ามาตรการรีดภาษีอย่างเจาะจงนี้จะมีการเปิดตัวในเดือนเมษายน
    .
    เมื่อถูกถามว่าเขามีความคิดรีดภาษีภาคอื่นอย่างเช่นยา ด้วยหรือไม่ ทรัมป์ตอบว่า "มันจะอยู่ที่ 25% หรือสูงกว่านั้น และมันจะอยู่ในระดับสูงมากๆ ตลอดทั้งปี" อย่างไรก็ตามทรัมป์บอกว่าเขาต้องการให้เวลาบริษัทต่างๆ ในการหวนคืนสู่ตลาดสหรัฐฯ
    .
    ในวันอังคาร (18 ก.พ.) ทรัมป์เผยว่าเขาได้รับการติดต่อจากบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง ที่ต้องการกลับเข้าสู่สหรัฐฯ สืบเนื่องจากท่าทีของวอชิงตันในด้านการรีดภาษีและมาตรการจูงใจทางภาษี
    .
    ทรัมป์ แถลงมาตรการทางภาษีต่างๆ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม ขู่เล่นงานทั้งมิตรและศัตรูไม่ต่างกัน
    .
    เขาไม่ได้ให้รายละเอียดมากมายนักเกี่ยวกับแผนรีดภาษียานยนต์ หรือภาคอื่นๆ ที่อาจถูกเล่นงานด้วย อย่างเช่นเซมิคอนดักเตอร์และยา
    .
    พวกผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าบ่อยครั้งที่กลายเป็นชาวอเมริกันเองที่ต้องเป็นคนชดใช้มาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐฯ แทนที่จะเป็นผู้ส่งออกต่างชาติ
    .
    ทั้งนี้ ราว 50% ของรถยนต์ที่จำหน่ายในสหรัฐฯ เป็นรถยนต์ที่ผลิตภายในประเทศ นอกเหนือจากนั้นเป็นการนำเข้า โดยราวครึ่งหนึ่งของรถยนต์นำเข้ามาจากเม็กซิโกและแคนาดา ส่วนที่เหลือมาจากชาติผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่เจ้าอื่นๆ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016368
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุมาตรการรีดภาษีของสหรัฐฯ ที่เรียกเก็บกับรถยนต์นำเข้าจะอยู่ที่ราว 25% ความเคลื่อนไหวที่เป็นการมอบข้อมูลใหม่ในด้านภาษี ที่คาดหมายว่าเขาจะมีการเปิดตัวราววันที่ 2 เมษายน . "มันจะอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับ 25%" ทรัมป์บอกกับพวกผู้สื่อข่าวที่รีสอร์ตมาร์อาลาโก พร้อมกับเน้นว่ามาตรการรีดภาษีอย่างเจาะจงนี้จะมีการเปิดตัวในเดือนเมษายน . เมื่อถูกถามว่าเขามีความคิดรีดภาษีภาคอื่นอย่างเช่นยา ด้วยหรือไม่ ทรัมป์ตอบว่า "มันจะอยู่ที่ 25% หรือสูงกว่านั้น และมันจะอยู่ในระดับสูงมากๆ ตลอดทั้งปี" อย่างไรก็ตามทรัมป์บอกว่าเขาต้องการให้เวลาบริษัทต่างๆ ในการหวนคืนสู่ตลาดสหรัฐฯ . ในวันอังคาร (18 ก.พ.) ทรัมป์เผยว่าเขาได้รับการติดต่อจากบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง ที่ต้องการกลับเข้าสู่สหรัฐฯ สืบเนื่องจากท่าทีของวอชิงตันในด้านการรีดภาษีและมาตรการจูงใจทางภาษี . ทรัมป์ แถลงมาตรการทางภาษีต่างๆ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม ขู่เล่นงานทั้งมิตรและศัตรูไม่ต่างกัน . เขาไม่ได้ให้รายละเอียดมากมายนักเกี่ยวกับแผนรีดภาษียานยนต์ หรือภาคอื่นๆ ที่อาจถูกเล่นงานด้วย อย่างเช่นเซมิคอนดักเตอร์และยา . พวกผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าบ่อยครั้งที่กลายเป็นชาวอเมริกันเองที่ต้องเป็นคนชดใช้มาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐฯ แทนที่จะเป็นผู้ส่งออกต่างชาติ . ทั้งนี้ ราว 50% ของรถยนต์ที่จำหน่ายในสหรัฐฯ เป็นรถยนต์ที่ผลิตภายในประเทศ นอกเหนือจากนั้นเป็นการนำเข้า โดยราวครึ่งหนึ่งของรถยนต์นำเข้ามาจากเม็กซิโกและแคนาดา ส่วนที่เหลือมาจากชาติผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่เจ้าอื่นๆ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016368 .............. Sondhi X
    Haha
    Like
    Love
    7
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1539 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในเดือนตุลาคม 2024 Vultr ได้ประกาศความร่วมมือกับ AMD โดยซื้อหน่วยประมวลผลกราฟิก AI รุ่น Instinct MI300X เพื่อขยายความสามารถในการประมวลผลกราฟิกในศูนย์ข้อมูลของพวกเขา แต่ตอนนี้ Vultr ได้พัฒนาไปอีกขั้น โดยนำหน่วยประมวลผลกราฟิก AMD Instinct MI325X มาใช้ ซึ่งมีหน่วยความจำ HBM3E ขนาด 256GB และแบนด์วิดท์สูงถึง 6TB/s พร้อมความเร็วในการประมวลผลสูงถึง 1.3 PFLOPS สำหรับ FP16 และ 2.6 PFLOPS สำหรับ FP8

    หน่วยประมวลผลกราฟิกรุ่นนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับมาตรฐานใหม่ในวงการ AI โดยเฉพาะการฝึกและทดสอบแบบจำลอง AI ซึ่งช่วยให้ลูกค้าของ Vultr สามารถใช้งาน GPU ที่ทันสมัยที่สุดเพื่อพัฒนาและขยายการใช้งาน AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นาย J.J. Kardwell ซีอีโอของ Vultr กล่าวว่า การนำ AMD Instinct MI325X มาใช้จะเปิดโอกาสใหม่ๆ ในการสร้างนวัตกรรม AI และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน GPU ในระบบคลาวด์ทั่วโลก

    นอกจากนี้ หน่วยประมวลผลกราฟิกรุ่นนี้ยังถูกนำไปใช้ในศูนย์ข้อมูลของ Vultr ในชิคาโก ซึ่งมีลูกค้าใช้งานอยู่ทั่วโลกมากกว่า 185 ประเทศ การเพิ่มหน่วยประมวลผลกราฟิกรุ่นใหม่จะช่วยให้ Vultr สามารถมอบบริการที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นแก่ลูกค้าและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันในตลาดคลาวด์

    https://www.techradar.com/pro/yay-you-can-now-use-amds-fastest-ever-gpu-amds-instinct-mi325x-ai-accelerator-has-256gb-memory-and-can-run-crysis-sort-of
    ในเดือนตุลาคม 2024 Vultr ได้ประกาศความร่วมมือกับ AMD โดยซื้อหน่วยประมวลผลกราฟิก AI รุ่น Instinct MI300X เพื่อขยายความสามารถในการประมวลผลกราฟิกในศูนย์ข้อมูลของพวกเขา แต่ตอนนี้ Vultr ได้พัฒนาไปอีกขั้น โดยนำหน่วยประมวลผลกราฟิก AMD Instinct MI325X มาใช้ ซึ่งมีหน่วยความจำ HBM3E ขนาด 256GB และแบนด์วิดท์สูงถึง 6TB/s พร้อมความเร็วในการประมวลผลสูงถึง 1.3 PFLOPS สำหรับ FP16 และ 2.6 PFLOPS สำหรับ FP8 หน่วยประมวลผลกราฟิกรุ่นนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับมาตรฐานใหม่ในวงการ AI โดยเฉพาะการฝึกและทดสอบแบบจำลอง AI ซึ่งช่วยให้ลูกค้าของ Vultr สามารถใช้งาน GPU ที่ทันสมัยที่สุดเพื่อพัฒนาและขยายการใช้งาน AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นาย J.J. Kardwell ซีอีโอของ Vultr กล่าวว่า การนำ AMD Instinct MI325X มาใช้จะเปิดโอกาสใหม่ๆ ในการสร้างนวัตกรรม AI และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน GPU ในระบบคลาวด์ทั่วโลก นอกจากนี้ หน่วยประมวลผลกราฟิกรุ่นนี้ยังถูกนำไปใช้ในศูนย์ข้อมูลของ Vultr ในชิคาโก ซึ่งมีลูกค้าใช้งานอยู่ทั่วโลกมากกว่า 185 ประเทศ การเพิ่มหน่วยประมวลผลกราฟิกรุ่นใหม่จะช่วยให้ Vultr สามารถมอบบริการที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นแก่ลูกค้าและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันในตลาดคลาวด์ https://www.techradar.com/pro/yay-you-can-now-use-amds-fastest-ever-gpu-amds-instinct-mi325x-ai-accelerator-has-256gb-memory-and-can-run-crysis-sort-of
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ผลิต DRAM ชั้นนำอย่าง Micron, Samsung และ SK Hynix อาจหยุดผลิตหน่วยความจำ DDR3 และ DDR4 ภายในสิ้นปี 2025 เนื่องจากราคาถูกลงมากและความต้องการลดลง สาเหตุหลักมาจากผู้ผลิต DRAM ในจีน เช่น Changxin Memory Technology (CXMT) และ Fujian Jinhua ที่เพิ่มการผลิตและลดราคาขายลงอย่างมาก ปัจจุบันชิป DRAM DDR4 จากจีนราคาต่ำกว่าผลิตภัณฑ์จากเกาหลีใต้ถึงครึ่งหนึ่ง และบางครั้งถูกกว่า DRAM ที่ทำการรีเฟอร์บิชเสียอีก

    ปัญหานี้ทำให้ผู้ผลิต DRAM ชั้นนำไม่สามารถทำกำไรจากการขาย DDR4 ได้ จึงมีแผนที่จะเปลี่ยนไปมุ่งเน้นการผลิตหน่วยความจำ DDR5 และ HBM ซึ่งมีความสามารถและประสิทธิภาพสูงกว่า แต่ตลาดยังมีความต้องการหน่วยความจำ DDR4 อยู่ และผู้ผลิตจีนอาจไม่สามารถตอบสนองความต้องการนี้ได้อย่างเพียงพอ นั่นหมายความว่าอาจเกิดการขาดแคลนหน่วยความจำ DDR4 หลังจากกลางปี 2025

    การที่หน่วยความจำ DDR4 อาจลดน้อยลงอาจส่งผลกระทบต่อตลาดคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งยังคงใช้หน่วยความจำชนิดนี้อยู่ แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าผู้ผลิตในไต้หวัน เช่น Nanya Technology และ Winbond Electronics อาจเข้ามาช่วยเพิ่มปริมาณการผลิตเพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ของพวกเขามักจะเป็นหน่วยความจำเฉพาะทางที่มีปริมาณการผลิตไม่มากนักและราคาสูง

    นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตลาดหน่วยความจำ DRAM จะต่ำสุดในต้นปี 2025 และจะเริ่มฟื้นตัวในไตรมาสที่สอง โดยมีแรงขับเคลื่อนจากความต้องการทางด้านการประมวลผลคลาวด์ที่เกี่ยวข้องกับ AI และการจัดการสินค้าคงคลังที่ดีขึ้น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/leading-dram-makers-may-stop-producing-ddr4-and-ddr3-by-late-2025
    ผู้ผลิต DRAM ชั้นนำอย่าง Micron, Samsung และ SK Hynix อาจหยุดผลิตหน่วยความจำ DDR3 และ DDR4 ภายในสิ้นปี 2025 เนื่องจากราคาถูกลงมากและความต้องการลดลง สาเหตุหลักมาจากผู้ผลิต DRAM ในจีน เช่น Changxin Memory Technology (CXMT) และ Fujian Jinhua ที่เพิ่มการผลิตและลดราคาขายลงอย่างมาก ปัจจุบันชิป DRAM DDR4 จากจีนราคาต่ำกว่าผลิตภัณฑ์จากเกาหลีใต้ถึงครึ่งหนึ่ง และบางครั้งถูกกว่า DRAM ที่ทำการรีเฟอร์บิชเสียอีก ปัญหานี้ทำให้ผู้ผลิต DRAM ชั้นนำไม่สามารถทำกำไรจากการขาย DDR4 ได้ จึงมีแผนที่จะเปลี่ยนไปมุ่งเน้นการผลิตหน่วยความจำ DDR5 และ HBM ซึ่งมีความสามารถและประสิทธิภาพสูงกว่า แต่ตลาดยังมีความต้องการหน่วยความจำ DDR4 อยู่ และผู้ผลิตจีนอาจไม่สามารถตอบสนองความต้องการนี้ได้อย่างเพียงพอ นั่นหมายความว่าอาจเกิดการขาดแคลนหน่วยความจำ DDR4 หลังจากกลางปี 2025 การที่หน่วยความจำ DDR4 อาจลดน้อยลงอาจส่งผลกระทบต่อตลาดคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งยังคงใช้หน่วยความจำชนิดนี้อยู่ แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าผู้ผลิตในไต้หวัน เช่น Nanya Technology และ Winbond Electronics อาจเข้ามาช่วยเพิ่มปริมาณการผลิตเพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ของพวกเขามักจะเป็นหน่วยความจำเฉพาะทางที่มีปริมาณการผลิตไม่มากนักและราคาสูง นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตลาดหน่วยความจำ DRAM จะต่ำสุดในต้นปี 2025 และจะเริ่มฟื้นตัวในไตรมาสที่สอง โดยมีแรงขับเคลื่อนจากความต้องการทางด้านการประมวลผลคลาวด์ที่เกี่ยวข้องกับ AI และการจัดการสินค้าคงคลังที่ดีขึ้น https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/leading-dram-makers-may-stop-producing-ddr4-and-ddr3-by-late-2025
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Leading DRAM makers may stop producing DDR4 and DDR3 by late 2025 — China memory makers flood the market with half-price memory
    Chinese DRAM manufacturers CXMT and Fujian Jinhua have usurped Micron, Samsung, and SK Hynix by undercutting prices.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • การศึกษาของคนรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเมื่อเทียบกับอดีต เนื่องจากเทคโนโลยีและสภาพสังคมที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว นี่คือประเด็นสำคัญบางประการเกี่ยวกับการศึกษาของคนรุ่นใหม่:

    ### 1. **เทคโนโลยีและการเรียนรู้ดิจิทัล**
    - **การเข้าถึงข้อมูล**: คนรุ่นใหม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายผ่านอินเทอร์เน็ต ทำให้การเรียนรู้ไม่จำกัดอยู่เพียงในห้องเรียน
    - **การเรียนรู้แบบออนไลน์**: คอร์สออนไลน์และแพลตฟอร์มการเรียนรู้เช่น Coursera, Udemy, Khan Academy ทำให้คนรุ่นใหม่สามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา
    - **การใช้ AI และเครื่องมือดิจิทัล**: คนรุ่นใหม่ใช้เครื่องมือเช่น ChatGPT, Google Scholar และแอปพลิเคชันอื่นๆ เพื่อช่วยในการศึกษาและการวิจัย

    ### 2. **การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning)**
    - คนรุ่นใหม่ตระหนักถึงความสำคัญของการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดงานและเทคโนโลยี
    - การเรียนไม่จำกัดเฉพาะในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย แต่รวมถึงการฝึกอบรม การเรียนรู้นอกระบบ และการพัฒนาทักษะใหม่ๆ

    ### 3. **ทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21**
    - **ทักษะดิจิทัล**: การใช้เทคโนโลยีเป็นทักษะพื้นฐานที่จำเป็น
    - **ทักษะการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา**: คนรุ่นใหม่ต้องสามารถวิเคราะห์ข้อมูลและแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    - **ทักษะการสื่อสารและทำงานเป็นทีม**: การทำงานร่วมกับผู้อื่นและการสื่อสารที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ
    - **ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม**: การคิดนอกกรอบและการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เป็นทักษะที่ถูกต้องการในยุคนี้

    ### 4. **การปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลง**
    - คนรุ่นใหม่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งในด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และสังคม ดังนั้นการปรับตัวและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญ
    - การศึกษาต้องไม่เพียงแต่ให้ความรู้ แต่ต้องสอนให้รู้จักคิด วิเคราะห์ และปรับตัวได้

    ### 5. **ความท้าทาย**
    - **ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา**: การเข้าถึงเทคโนโลยีและทรัพยากรทางการศึกษายังไม่เท่าเทียมกันในทุกพื้นที่
    - **การแข่งขันสูง**: คนรุ่นใหม่ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงทั้งในด้านการศึกษาและการทำงาน
    - **สุขภาพจิต**: ความกดดันจากการเรียนและการทำงานอาจส่งผลต่อสุขภาพจิตของคนรุ่นใหม่

    ### 6. **แนวโน้มในอนาคต**
    - **การเรียนรู้แบบ personalized**: การศึกษาจะปรับให้เหมาะกับความต้องการและความสนใจของแต่ละคนมากขึ้น
    - **การเรียนรู้นอกระบบ**: การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริงและการทำงานจะมีความสำคัญมากขึ้น
    - **การศึกษาแบบบูรณาการ**: การเรียนจะไม่แยกส่วนระหว่างวิชาการและทักษะชีวิต แต่จะรวมเข้าด้วยกันเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับชีวิตจริง

    การศึกษาของคนรุ่นใหม่จึงไม่เพียงแต่เป็นการเรียนในห้องเรียน แต่เป็นการเรียนรู้เพื่อชีวิตและการทำงานในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
    การศึกษาของคนรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเมื่อเทียบกับอดีต เนื่องจากเทคโนโลยีและสภาพสังคมที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว นี่คือประเด็นสำคัญบางประการเกี่ยวกับการศึกษาของคนรุ่นใหม่: ### 1. **เทคโนโลยีและการเรียนรู้ดิจิทัล** - **การเข้าถึงข้อมูล**: คนรุ่นใหม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายผ่านอินเทอร์เน็ต ทำให้การเรียนรู้ไม่จำกัดอยู่เพียงในห้องเรียน - **การเรียนรู้แบบออนไลน์**: คอร์สออนไลน์และแพลตฟอร์มการเรียนรู้เช่น Coursera, Udemy, Khan Academy ทำให้คนรุ่นใหม่สามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา - **การใช้ AI และเครื่องมือดิจิทัล**: คนรุ่นใหม่ใช้เครื่องมือเช่น ChatGPT, Google Scholar และแอปพลิเคชันอื่นๆ เพื่อช่วยในการศึกษาและการวิจัย ### 2. **การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning)** - คนรุ่นใหม่ตระหนักถึงความสำคัญของการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดงานและเทคโนโลยี - การเรียนไม่จำกัดเฉพาะในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย แต่รวมถึงการฝึกอบรม การเรียนรู้นอกระบบ และการพัฒนาทักษะใหม่ๆ ### 3. **ทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21** - **ทักษะดิจิทัล**: การใช้เทคโนโลยีเป็นทักษะพื้นฐานที่จำเป็น - **ทักษะการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา**: คนรุ่นใหม่ต้องสามารถวิเคราะห์ข้อมูลและแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ - **ทักษะการสื่อสารและทำงานเป็นทีม**: การทำงานร่วมกับผู้อื่นและการสื่อสารที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ - **ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม**: การคิดนอกกรอบและการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เป็นทักษะที่ถูกต้องการในยุคนี้ ### 4. **การปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลง** - คนรุ่นใหม่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งในด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และสังคม ดังนั้นการปรับตัวและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญ - การศึกษาต้องไม่เพียงแต่ให้ความรู้ แต่ต้องสอนให้รู้จักคิด วิเคราะห์ และปรับตัวได้ ### 5. **ความท้าทาย** - **ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา**: การเข้าถึงเทคโนโลยีและทรัพยากรทางการศึกษายังไม่เท่าเทียมกันในทุกพื้นที่ - **การแข่งขันสูง**: คนรุ่นใหม่ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงทั้งในด้านการศึกษาและการทำงาน - **สุขภาพจิต**: ความกดดันจากการเรียนและการทำงานอาจส่งผลต่อสุขภาพจิตของคนรุ่นใหม่ ### 6. **แนวโน้มในอนาคต** - **การเรียนรู้แบบ personalized**: การศึกษาจะปรับให้เหมาะกับความต้องการและความสนใจของแต่ละคนมากขึ้น - **การเรียนรู้นอกระบบ**: การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริงและการทำงานจะมีความสำคัญมากขึ้น - **การศึกษาแบบบูรณาการ**: การเรียนจะไม่แยกส่วนระหว่างวิชาการและทักษะชีวิต แต่จะรวมเข้าด้วยกันเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับชีวิตจริง การศึกษาของคนรุ่นใหม่จึงไม่เพียงแต่เป็นการเรียนในห้องเรียน แต่เป็นการเรียนรู้เพื่อชีวิตและการทำงานในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใครอยากได้ยกมือขึ้น !!!

    บริษัท Comino เพิ่งเปิดตัวเครื่องคอมพิวเตอร์แบบเวิร์คสเตชันที่มีการติดตั้งการ์ดจอ Nvidia RTX 5090 จำนวน 8 ใบ ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนที่เยอะมากและมีประสิทธิภาพสูงสำหรับการทำงานในระดับมืออาชีพ

    เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่น Bizon ZX5500 ของ Comino นี้มีการใช้การ์ดจอ Nvidia RTX 5090 ขนาด 32GB ที่มีการระบายความร้อนด้วยน้ำ จำนวน 7 ใบ ซึ่งถือเป็นการ์ดจอที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในตลาดในขณะนี้ การซื้อผ่านผู้สร้างระบบแบบนี้จะช่วยหลีกเลี่ยงการรอคอยที่ยาวนานหลายเดือน

    ราคาของ ZX5500 นี้อยู่ที่ประมาณ 102,000 ดอลลาร์ ซึ่งมากกว่ารุ่นอื่น ๆ เช่น MIFCOM’s Big Boss ที่มีการ์ดจอ RTX 4090 จำนวน 7 ใบ การติดตั้งเครื่องนี้ยังต้องการพาวเวอร์ซัพพลายที่มีกำลังไฟฟ้าสูงถึง 6Kw ซึ่งเพิ่มราคาอีกประมาณ 85,000 ดอลลาร์

    การ์ดจอ RTX 5090 นี้มีราคาขายปลีกที่แนะนำอยู่ที่ประมาณ 2,000 ดอลลาร์ แต่การ์ดจอรุ่นนี้มีจำนวนจำกัดและผู้ขายเครื่องคอมพิวเตอร์แบบเวิร์คสเตชันยังคงต้องรอการส่งมอบ

    การ์ดจอ RTX 5090 ถูกเรียกว่าเป็น "ซูเปอร์คาร์" ของการ์ดจอกราฟิก เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูงมาก แต่ก็กินพลังงานเยอะเช่นกัน จึงถือว่าเป็นการ์ดจอที่เกินความจำเป็นสำหรับการเล่นเกมทั่ว ๆ ไป และหน้าจอที่สามารถรองรับภาพจากการ์ดจอนี้ได้เต็มประสิทธิภาพอาจยังไม่พัฒนาไปถึงขั้นนั้น

    เรื่องที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือการพิจารณาเลือกเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นนี้ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องราคา แต่ยังเกี่ยวกับความสามารถในการตอบสนองต่อความต้องการของงานในระดับมืออาชีพ เช่น การเรนเดอร์ภาพ การวิเคราะห์ AI และการทำงานอื่น ๆ ที่ต้องใช้การประมวลผลกราฟิกที่หนักหน่วง

    นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงการที่บริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Dell, Lenovo และ HP ยังไม่ได้ปล่อยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้การ์ดจอ RTX 5090

    https://www.techradar.com/pro/comino-has-workstation-pcs-with-8-yes-8-nvidia-rtx-5090-gpus-for-less-than-usd60-000-but-thats-not-the-best-news
    ใครอยากได้ยกมือขึ้น !!! บริษัท Comino เพิ่งเปิดตัวเครื่องคอมพิวเตอร์แบบเวิร์คสเตชันที่มีการติดตั้งการ์ดจอ Nvidia RTX 5090 จำนวน 8 ใบ ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนที่เยอะมากและมีประสิทธิภาพสูงสำหรับการทำงานในระดับมืออาชีพ เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่น Bizon ZX5500 ของ Comino นี้มีการใช้การ์ดจอ Nvidia RTX 5090 ขนาด 32GB ที่มีการระบายความร้อนด้วยน้ำ จำนวน 7 ใบ ซึ่งถือเป็นการ์ดจอที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในตลาดในขณะนี้ การซื้อผ่านผู้สร้างระบบแบบนี้จะช่วยหลีกเลี่ยงการรอคอยที่ยาวนานหลายเดือน ราคาของ ZX5500 นี้อยู่ที่ประมาณ 102,000 ดอลลาร์ ซึ่งมากกว่ารุ่นอื่น ๆ เช่น MIFCOM’s Big Boss ที่มีการ์ดจอ RTX 4090 จำนวน 7 ใบ การติดตั้งเครื่องนี้ยังต้องการพาวเวอร์ซัพพลายที่มีกำลังไฟฟ้าสูงถึง 6Kw ซึ่งเพิ่มราคาอีกประมาณ 85,000 ดอลลาร์ การ์ดจอ RTX 5090 นี้มีราคาขายปลีกที่แนะนำอยู่ที่ประมาณ 2,000 ดอลลาร์ แต่การ์ดจอรุ่นนี้มีจำนวนจำกัดและผู้ขายเครื่องคอมพิวเตอร์แบบเวิร์คสเตชันยังคงต้องรอการส่งมอบ การ์ดจอ RTX 5090 ถูกเรียกว่าเป็น "ซูเปอร์คาร์" ของการ์ดจอกราฟิก เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูงมาก แต่ก็กินพลังงานเยอะเช่นกัน จึงถือว่าเป็นการ์ดจอที่เกินความจำเป็นสำหรับการเล่นเกมทั่ว ๆ ไป และหน้าจอที่สามารถรองรับภาพจากการ์ดจอนี้ได้เต็มประสิทธิภาพอาจยังไม่พัฒนาไปถึงขั้นนั้น เรื่องที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือการพิจารณาเลือกเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นนี้ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องราคา แต่ยังเกี่ยวกับความสามารถในการตอบสนองต่อความต้องการของงานในระดับมืออาชีพ เช่น การเรนเดอร์ภาพ การวิเคราะห์ AI และการทำงานอื่น ๆ ที่ต้องใช้การประมวลผลกราฟิกที่หนักหน่วง นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงการที่บริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Dell, Lenovo และ HP ยังไม่ได้ปล่อยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้การ์ดจอ RTX 5090 https://www.techradar.com/pro/comino-has-workstation-pcs-with-8-yes-8-nvidia-rtx-5090-gpus-for-less-than-usd60-000-but-thats-not-the-best-news
    WWW.TECHRADAR.COM
    Who wants one RTX 5090 GPU when you can have 8 of them in a watercooled system for less than $60,000
    This workstation has eight of Nvidia's fastest GPUs ever launched and yes, you can absolutely buy it
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีการคาดการณ์ว่า Intel อาจกำลังพิจารณาการควบรวมกับ GlobalFoundries (GloFo) ซึ่งเป็นโรงงานผลิตชิปที่เคยแยกออกจาก AMD เมื่อ 16 ปีก่อน เพื่อที่จะเอาชีวิตรอดในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่มีการแข่งขันสูง

    GloFo ก่อตั้งขึ้นในปี 2009 และได้กลายเป็นผู้เล่นหลักในธุรกิจโรงงานผลิตชิป โดยมีฐานการผลิตทั่วโลกทั้งในสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย ภายใต้การนำของ Thomas Caulfield ซึ่งเป็นซีอีโอ ตั้งแต่ปี 2018 GloFo ได้มุ่งเน้นไปที่การผลิตชิปเฉพาะทาง และทำให้เป็นบริษัทโรงงานผลิตชิปที่มีรายได้สูงเป็นอันดับสามของโลก และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2021

    อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีข่าวลือว่า Caulfield อาจจะเตรียมรับตำแหน่งผู้นำที่ Intel ซึ่งขณะนี้ไม่มีซีอีโอถาวรตั้งแต่การลาออกของ Pat Gelsinger ในเดือนธันวาคม 2024 การเปลี่ยนแปลงผู้นำนี้ทำให้มีการคาดการณ์ว่า Caulfield อาจจะเข้ามาดูแลการควบรวมระหว่าง Intel และ GloFo โดยที่ Caulfield อาจจะกลายเป็นประธานของบริษัทที่รวมกัน

    การควบรวมครั้งนี้อาจช่วย Intel ที่กำลังประสบปัญหา โดยการเพิ่มศักยภาพในการผลิตชิป และขยายขีดความสามารถในการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม การควบรวมดังกล่าวจะต้องผ่านอุปสรรคทางกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด

    การเจรจานี้ยังนำไปสู่การคาดการณ์ว่าตลาดเซมิคอนดักเตอร์จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หากการควบรวมประสบความสำเร็จ จะทำให้บริษัทใหม่สามารถให้บริการการผลิตชิปได้หลากหลายและกว้างขวางยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมในระยะยาว

    ลุงว่ามหากาพย์นี้ยังอีกยาวไกล เป็นข่าวที่น่าติดตามจริงๆ ครับ!

    https://www.techradar.com/pro/hell-freezes-pigs-fly-rumor-has-it-that-intel-could-merge-with-amds-former-foundry-in-potential-multi-billion-deal
    มีการคาดการณ์ว่า Intel อาจกำลังพิจารณาการควบรวมกับ GlobalFoundries (GloFo) ซึ่งเป็นโรงงานผลิตชิปที่เคยแยกออกจาก AMD เมื่อ 16 ปีก่อน เพื่อที่จะเอาชีวิตรอดในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่มีการแข่งขันสูง GloFo ก่อตั้งขึ้นในปี 2009 และได้กลายเป็นผู้เล่นหลักในธุรกิจโรงงานผลิตชิป โดยมีฐานการผลิตทั่วโลกทั้งในสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย ภายใต้การนำของ Thomas Caulfield ซึ่งเป็นซีอีโอ ตั้งแต่ปี 2018 GloFo ได้มุ่งเน้นไปที่การผลิตชิปเฉพาะทาง และทำให้เป็นบริษัทโรงงานผลิตชิปที่มีรายได้สูงเป็นอันดับสามของโลก และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2021 อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีข่าวลือว่า Caulfield อาจจะเตรียมรับตำแหน่งผู้นำที่ Intel ซึ่งขณะนี้ไม่มีซีอีโอถาวรตั้งแต่การลาออกของ Pat Gelsinger ในเดือนธันวาคม 2024 การเปลี่ยนแปลงผู้นำนี้ทำให้มีการคาดการณ์ว่า Caulfield อาจจะเข้ามาดูแลการควบรวมระหว่าง Intel และ GloFo โดยที่ Caulfield อาจจะกลายเป็นประธานของบริษัทที่รวมกัน การควบรวมครั้งนี้อาจช่วย Intel ที่กำลังประสบปัญหา โดยการเพิ่มศักยภาพในการผลิตชิป และขยายขีดความสามารถในการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม การควบรวมดังกล่าวจะต้องผ่านอุปสรรคทางกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด การเจรจานี้ยังนำไปสู่การคาดการณ์ว่าตลาดเซมิคอนดักเตอร์จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หากการควบรวมประสบความสำเร็จ จะทำให้บริษัทใหม่สามารถให้บริการการผลิตชิปได้หลากหลายและกว้างขวางยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมในระยะยาว ลุงว่ามหากาพย์นี้ยังอีกยาวไกล เป็นข่าวที่น่าติดตามจริงๆ ครับ! https://www.techradar.com/pro/hell-freezes-pigs-fly-rumor-has-it-that-intel-could-merge-with-amds-former-foundry-in-potential-multi-billion-deal
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Arm ที่กำลังเตรียมตัวเพื่อสร้างชิปประมวลผลของตัวเอง ซึ่งเป็นข่าวที่น่าสนใจและสำคัญในวงการเทคโนโลยี Arm เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในการออกแบบสถาปัตยกรรมไมโครโปรเซสเซอร์ เช่น ARMv9 และได้รับการอนุญาตให้ใช้ IP จากบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Apple, Qualcomm, Samsung, Nvidia, AMD, และ AWS แต่ที่ผ่านมายังไม่ได้ผลิตและขายชิปของตัวเอง

    ล่าสุดมีรายงานว่า Arm กำลังวางแผนที่จะเข้าสู่การผลิตชิปประมวลผลเองโดยอาจมีการซื้อ Ampere Computing ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปเซิร์ฟเวอร์เดียวที่ยังคงมีอิสระอยู่ การซื้อกิจการนี้มีมูลค่าสูงถึง 6.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะช่วยขยายส่วนแบ่งตลาดของ Arm ในอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์และ AI

    อย่างไรก็ตาม การก้าวเข้าสู่การผลิตชิปนี้อาจทำให้ Arm กลายเป็นคู่แข่งของลูกค้าบางรายที่ใช้งาน IP ของ Arm อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งอาจส่งผลให้ลูกค้าตัดสินใจที่จะไม่ร่วมมือกับ Arm ต่อไป นอกจากนี้ Arm ยังมีแผนที่จะดึงตัวพนักงานจากบริษัทลูกค้าของตัวเองเพื่อเข้าร่วมโครงการพัฒนาชิปใหม่นี้ด้วย

    สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การที่ Arm จะทำชิปที่เน้นไปที่การใช้งานในดาต้าเซ็นเตอร์และ AI ซึ่งจะเพิ่มการแข่งขันในวงการนี้ให้รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะกับบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Nvidia

    ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Arm ได้สร้างความสำเร็จจากการที่ลูกค้ามองว่าบริษัทเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางในอุตสาหกรรม แต่การก้าวสู่การผลิตชิปเองอาจทำให้ภาพลักษณ์นี้เปลี่ยนไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในอนาคต

    https://www.techradar.com/pro/the-only-way-is-stack-arm-wants-to-build-its-own-cpu-server-for-hyperscalers-reports-say-and-amd-wont-be-happy
    บริษัท Arm ที่กำลังเตรียมตัวเพื่อสร้างชิปประมวลผลของตัวเอง ซึ่งเป็นข่าวที่น่าสนใจและสำคัญในวงการเทคโนโลยี Arm เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในการออกแบบสถาปัตยกรรมไมโครโปรเซสเซอร์ เช่น ARMv9 และได้รับการอนุญาตให้ใช้ IP จากบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Apple, Qualcomm, Samsung, Nvidia, AMD, และ AWS แต่ที่ผ่านมายังไม่ได้ผลิตและขายชิปของตัวเอง ล่าสุดมีรายงานว่า Arm กำลังวางแผนที่จะเข้าสู่การผลิตชิปประมวลผลเองโดยอาจมีการซื้อ Ampere Computing ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปเซิร์ฟเวอร์เดียวที่ยังคงมีอิสระอยู่ การซื้อกิจการนี้มีมูลค่าสูงถึง 6.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะช่วยขยายส่วนแบ่งตลาดของ Arm ในอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์และ AI อย่างไรก็ตาม การก้าวเข้าสู่การผลิตชิปนี้อาจทำให้ Arm กลายเป็นคู่แข่งของลูกค้าบางรายที่ใช้งาน IP ของ Arm อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งอาจส่งผลให้ลูกค้าตัดสินใจที่จะไม่ร่วมมือกับ Arm ต่อไป นอกจากนี้ Arm ยังมีแผนที่จะดึงตัวพนักงานจากบริษัทลูกค้าของตัวเองเพื่อเข้าร่วมโครงการพัฒนาชิปใหม่นี้ด้วย สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การที่ Arm จะทำชิปที่เน้นไปที่การใช้งานในดาต้าเซ็นเตอร์และ AI ซึ่งจะเพิ่มการแข่งขันในวงการนี้ให้รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะกับบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Nvidia ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Arm ได้สร้างความสำเร็จจากการที่ลูกค้ามองว่าบริษัทเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางในอุตสาหกรรม แต่การก้าวสู่การผลิตชิปเองอาจทำให้ภาพลักษณ์นี้เปลี่ยนไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในอนาคต https://www.techradar.com/pro/the-only-way-is-stack-arm-wants-to-build-its-own-cpu-server-for-hyperscalers-reports-say-and-amd-wont-be-happy
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Samsung Electronics ประกาศเสนอชื่อผู้บริหารฝ่ายธุรกิจชิป Jun Young-hyun และ Chief Technology Officer Song Jai-hyuk เข้าร่วมคณะกรรมการบริหารของบริษัท โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ที่กำลังประสบปัญหา นอกจากนี้ยังเสนอชื่อ ศาสตราจารย์ Lee Hyuk-jae จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซลเป็นกรรมการบริหารภายนอก ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านชิปและเป็นหัวหน้าศูนย์วิจัยเซมิคอนดักเตอร์ของมหาวิทยาลัย

    การเปลี่ยนแปลงนี้มีจุดประสงค์เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ของ Samsung ที่พยายามกลับมาเป็นผู้นำตลาดอีกครั้ง หลังจากที่เสียตำแหน่งให้กับคู่แข่งภายในประเทศอย่าง SK Hynix ในด้านชิป HBM ที่ใช้ในหน่วยประมวลผลกราฟิก AI ของ Nvidia การเสนอชื่อผู้บริหารใหม่จะต้องผ่านการอนุมัติในที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่จะมีขึ้นในวันที่ 19 มีนาคม

    เรื่องที่น่าสนใจคือการที่ Samsung พยายามกลับมาเป็นผู้นำในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเซมิคอนดักเตอร์เป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีหลายๆ อย่างในยุคปัจจุบัน ตั้งแต่สมาร์ทโฟนไปจนถึงรถยนต์อัจฉริยะ ความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจนี้จึงมีผลกระทบอย่างมากต่อทั้งบริษัทและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั้งหมด

    ในขณะนี้ Samsung กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่เข้มข้นจากคู่แข่งหลายราย ไม่ว่าจะเป็นในประเทศอย่าง SK Hynix หรือบริษัทระดับโลกอย่าง Intel และ TSMC การเสริมความแข็งแกร่งในการบริหารธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์จึงเป็นเรื่องที่สำคัญเพื่อความอยู่รอดและความสำเร็จในอนาคตของบริษัท.

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/18/samsung-electronics-nominates-chip-execs-as-new-board-members
    บริษัท Samsung Electronics ประกาศเสนอชื่อผู้บริหารฝ่ายธุรกิจชิป Jun Young-hyun และ Chief Technology Officer Song Jai-hyuk เข้าร่วมคณะกรรมการบริหารของบริษัท โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ที่กำลังประสบปัญหา นอกจากนี้ยังเสนอชื่อ ศาสตราจารย์ Lee Hyuk-jae จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซลเป็นกรรมการบริหารภายนอก ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านชิปและเป็นหัวหน้าศูนย์วิจัยเซมิคอนดักเตอร์ของมหาวิทยาลัย การเปลี่ยนแปลงนี้มีจุดประสงค์เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ของ Samsung ที่พยายามกลับมาเป็นผู้นำตลาดอีกครั้ง หลังจากที่เสียตำแหน่งให้กับคู่แข่งภายในประเทศอย่าง SK Hynix ในด้านชิป HBM ที่ใช้ในหน่วยประมวลผลกราฟิก AI ของ Nvidia การเสนอชื่อผู้บริหารใหม่จะต้องผ่านการอนุมัติในที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่จะมีขึ้นในวันที่ 19 มีนาคม เรื่องที่น่าสนใจคือการที่ Samsung พยายามกลับมาเป็นผู้นำในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเซมิคอนดักเตอร์เป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีหลายๆ อย่างในยุคปัจจุบัน ตั้งแต่สมาร์ทโฟนไปจนถึงรถยนต์อัจฉริยะ ความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจนี้จึงมีผลกระทบอย่างมากต่อทั้งบริษัทและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั้งหมด ในขณะนี้ Samsung กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่เข้มข้นจากคู่แข่งหลายราย ไม่ว่าจะเป็นในประเทศอย่าง SK Hynix หรือบริษัทระดับโลกอย่าง Intel และ TSMC การเสริมความแข็งแกร่งในการบริหารธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์จึงเป็นเรื่องที่สำคัญเพื่อความอยู่รอดและความสำเร็จในอนาคตของบริษัท. https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/18/samsung-electronics-nominates-chip-execs-as-new-board-members
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Samsung Electronics nominates chip execs as new board members
    SEOUL (Reuters) - Samsung Electronics on Tuesday nominated its chip business chief Jun Young-hyun and Chief Technology Officer Song Jai-hyuk to join its board, as the tech giant looks to boost competitiveness in its struggling semiconductor business.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลวงปู่ทวด วัดลำใหม่ รุ่นย้อนยุค ปี2536
    เนื้อว่านหลวงปู่ทวด รุ่นแรก วัดลำใหม่ รุ่นย้อนยุค2497 ปี2536 //พระดีพิธีใหญ๋ ( ใช้ว่านสูตรเดียวที่สร้าง พระหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ รุ่นแรก ปี พศ.2497 ) สร้างน้อย หายาก แทบจะไม่มีหมุนเวียนในตลาดเลยครับ นานๆจะพบเจอสักองค์ // เป็นรุ่นประสบการณ์มีปฏิหาริย์หลวงปู่ทวด เครื่องบินตกรอดตายทั้งลำเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ.2537 //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณครบเครื่อง "แคล้วคาด" เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก. เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย >>

    ** พระดี พิธีใหญ่ ปลุกเสกโดยพระเกจิสายหลวงพ่อทวด - สายเขาอ้อ ร่วมปลุกเสกหลายท่าน หลวงพ่อกี่ เจ้าอาวาสวัดลำใหม่ เป็นผู้จัดสร้าง พิธีปลุกเสก หลวงพ่อกี่ วัดลำใหม่ หลวงพ่อทอง วัดสำเภาเชย และปลุกเสก ..คณาจารย์สายใต้ร่วมปลุกเสกหลายรูป อาทิ-ท่านอาจารย์นอง วัดทรายขาว-ท่านอาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย-พ่อท่านแดง วัดศรีมหาโพธิ์-พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ-พ่อท่านฉิ้น วัดเมือง จ.ยะลา-พ่อท่านเนียร สำนักสงฆ์ต้นเลียบ-พ่อท่านพล วัดนาประดู่ ฯลฯ.


    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    หลวงปู่ทวด วัดลำใหม่ รุ่นย้อนยุค ปี2536 เนื้อว่านหลวงปู่ทวด รุ่นแรก วัดลำใหม่ รุ่นย้อนยุค2497 ปี2536 //พระดีพิธีใหญ๋ ( ใช้ว่านสูตรเดียวที่สร้าง พระหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ รุ่นแรก ปี พศ.2497 ) สร้างน้อย หายาก แทบจะไม่มีหมุนเวียนในตลาดเลยครับ นานๆจะพบเจอสักองค์ // เป็นรุ่นประสบการณ์มีปฏิหาริย์หลวงปู่ทวด เครื่องบินตกรอดตายทั้งลำเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ.2537 //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณครบเครื่อง "แคล้วคาด" เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก. เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย >> ** พระดี พิธีใหญ่ ปลุกเสกโดยพระเกจิสายหลวงพ่อทวด - สายเขาอ้อ ร่วมปลุกเสกหลายท่าน หลวงพ่อกี่ เจ้าอาวาสวัดลำใหม่ เป็นผู้จัดสร้าง พิธีปลุกเสก หลวงพ่อกี่ วัดลำใหม่ หลวงพ่อทอง วัดสำเภาเชย และปลุกเสก ..คณาจารย์สายใต้ร่วมปลุกเสกหลายรูป อาทิ-ท่านอาจารย์นอง วัดทรายขาว-ท่านอาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย-พ่อท่านแดง วัดศรีมหาโพธิ์-พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ-พ่อท่านฉิ้น วัดเมือง จ.ยะลา-พ่อท่านเนียร สำนักสงฆ์ต้นเลียบ-พ่อท่านพล วัดนาประดู่ ฯลฯ. ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • เอกลาภ ยิ้มวิไล คุก 5 ปี คดี Zipmex ฉ้อโกงพันล้าน

    ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 17 ก.พ.2568 จำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา นายเอกลาภ ยิ้มวิไล ผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นอดีตกรรมการและผู้บริหารบริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด (Zipmex) ผู้ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัล โดยไม่รอลงอาญา และลงโทษปรับบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ เป็นเงิน 100,000 บาท ในคดีที่ผู้เสียหายรายหนึ่งยื่นฟ้องฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 แม้นายเอกลาภยื่นขอประกันตนเองในชั้นอุทธรณ์ โดยยื่นหลักทรัพย์ 15 ล้านบาท แต่ทำเรื่องไม่ทัน จึงต้องไปคุมขังในเรือนจำ

    ถือเป็นคดีที่สั่นสะเทือนวงการคริปโตเคอเรนซี่ เพราะซิปเม็กซ์เป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลชื่อดัง ที่มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับสองของไทย รองจากบิทคับ (Bitkub) ของนายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อวันที่ 20 ก.ค.2565 ซิปเม็กซ์ประกาศระงับการเพิกถอนเงินบาทและสินทรัพย์ดิจิทัลทุกกรณีเป็นการชั่วคราว ก่อนที่นายเอกลาภจะยอมรับว่าเกิดปัญหากับบริการ Zip-up ที่ลูกค้าในประเทศไทยฝากไปที่ Zipmex Global ในในสิงคโปร์ โดยคู่ค้าคือ Bebel Finance และ Celsius ประสบปัญหาสภาพคล่อง ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลที่มีอยู่ใน Zip-up ทั้ง Bitcoin Etherium USDT และ USDC มีปัญหา

    แต่กลุ่มผู้เสียหายจากการลงทุนในซิปเม็กซ์พบว่า มีการโอนเหรียญไปที่ Celsius ตั้งแต่ปี 2564 แต่เพิ่งมีการออก Term & Condition ให้ผู้ใช้งานกดยอมรับเมื่อเดือน เม.ย.2565 ซึ่งอาจไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ ก.ล.ต. แม้รับทราบว่า Babel Finance และ Celsius มีปัญหาขาดสภาพคล่อง แต่ยังโฆษณาชักชวนให้ไปลงทุน ในที่สุด ก.ล.ต.ได้มีคำสั่งเปรียบเทียบปรับนายเอกลาภ 7 ข้อหา และบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ 6 ข้อหา ตาม พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล รวมเป็นเงิน 10.97 ล้านบาท ไม่นับรวมกลุ่มผู้เสียหายแจ้งความเอาผิดในข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งตำรวจได้ให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษไปแล้ว

    ซิปเม็กซ์ถูกเพิกถอนการอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค.2567 ขณะที่กลุ่มผู้เสียหายในนาม “กลุ่มร่วมสู้ Zipmex” ประกอบด้วยสมาชิก 741 คน มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 2,667.29 ล้านบาท ได้ดำเนินคดีแบบกลุ่ม (Class Action) ต่อบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ นายเอกลาภ และผู้เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศรวม 23 ราย เรียกค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท ซึ่งคดีล่าสุดที่นายเอกลาภติดคุก ถือเป็นการจุดความหวังให้ผู้เสียหายฟ้องคดีเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลคดีแรกของประเทศไทย

    #Newskit
    เอกลาภ ยิ้มวิไล คุก 5 ปี คดี Zipmex ฉ้อโกงพันล้าน ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 17 ก.พ.2568 จำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา นายเอกลาภ ยิ้มวิไล ผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นอดีตกรรมการและผู้บริหารบริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด (Zipmex) ผู้ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัล โดยไม่รอลงอาญา และลงโทษปรับบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ เป็นเงิน 100,000 บาท ในคดีที่ผู้เสียหายรายหนึ่งยื่นฟ้องฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 แม้นายเอกลาภยื่นขอประกันตนเองในชั้นอุทธรณ์ โดยยื่นหลักทรัพย์ 15 ล้านบาท แต่ทำเรื่องไม่ทัน จึงต้องไปคุมขังในเรือนจำ ถือเป็นคดีที่สั่นสะเทือนวงการคริปโตเคอเรนซี่ เพราะซิปเม็กซ์เป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลชื่อดัง ที่มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับสองของไทย รองจากบิทคับ (Bitkub) ของนายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อวันที่ 20 ก.ค.2565 ซิปเม็กซ์ประกาศระงับการเพิกถอนเงินบาทและสินทรัพย์ดิจิทัลทุกกรณีเป็นการชั่วคราว ก่อนที่นายเอกลาภจะยอมรับว่าเกิดปัญหากับบริการ Zip-up ที่ลูกค้าในประเทศไทยฝากไปที่ Zipmex Global ในในสิงคโปร์ โดยคู่ค้าคือ Bebel Finance และ Celsius ประสบปัญหาสภาพคล่อง ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลที่มีอยู่ใน Zip-up ทั้ง Bitcoin Etherium USDT และ USDC มีปัญหา แต่กลุ่มผู้เสียหายจากการลงทุนในซิปเม็กซ์พบว่า มีการโอนเหรียญไปที่ Celsius ตั้งแต่ปี 2564 แต่เพิ่งมีการออก Term & Condition ให้ผู้ใช้งานกดยอมรับเมื่อเดือน เม.ย.2565 ซึ่งอาจไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ ก.ล.ต. แม้รับทราบว่า Babel Finance และ Celsius มีปัญหาขาดสภาพคล่อง แต่ยังโฆษณาชักชวนให้ไปลงทุน ในที่สุด ก.ล.ต.ได้มีคำสั่งเปรียบเทียบปรับนายเอกลาภ 7 ข้อหา และบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ 6 ข้อหา ตาม พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล รวมเป็นเงิน 10.97 ล้านบาท ไม่นับรวมกลุ่มผู้เสียหายแจ้งความเอาผิดในข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งตำรวจได้ให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษไปแล้ว ซิปเม็กซ์ถูกเพิกถอนการอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค.2567 ขณะที่กลุ่มผู้เสียหายในนาม “กลุ่มร่วมสู้ Zipmex” ประกอบด้วยสมาชิก 741 คน มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 2,667.29 ล้านบาท ได้ดำเนินคดีแบบกลุ่ม (Class Action) ต่อบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ นายเอกลาภ และผู้เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศรวม 23 ราย เรียกค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท ซึ่งคดีล่าสุดที่นายเอกลาภติดคุก ถือเป็นการจุดความหวังให้ผู้เสียหายฟ้องคดีเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลคดีแรกของประเทศไทย #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • วีซ่าและมาสเตอร์การ์ด กำลังจะกลับมาให้บริการในรัสเซียอีกครั้งเร็วๆนี้ อนาโตลี อักซาคอฟ หัวหน้าคณะกรรมาธิการด้านการตลาดและการเงินของสภาดูมา (สภาผู้แทนราษฎร) กล่าว

    แต่การกลับมาของระบบการชำระเงินทั้งสองในครั้งนี้ อาจจะเป็นเรื่องยากลำบากของพวกเขา เพราะชาวรัสเซียเริ่มคุ้นเคยกับระบบการชำระเงินที่มีอยู่ในประเทศไปแล้ว
    วีซ่าและมาสเตอร์การ์ด กำลังจะกลับมาให้บริการในรัสเซียอีกครั้งเร็วๆนี้ อนาโตลี อักซาคอฟ หัวหน้าคณะกรรมาธิการด้านการตลาดและการเงินของสภาดูมา (สภาผู้แทนราษฎร) กล่าว แต่การกลับมาของระบบการชำระเงินทั้งสองในครั้งนี้ อาจจะเป็นเรื่องยากลำบากของพวกเขา เพราะชาวรัสเซียเริ่มคุ้นเคยกับระบบการชำระเงินที่มีอยู่ในประเทศไปแล้ว
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้พูดถึงการพัฒนาหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่ใช้พลังงานจาก AI โดย Meta ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อช่วยในการทำงานบ้าน เช่น การพับผ้าและการล้างจาน โดย Meta ได้ก่อตั้งแผนกใหม่ใน Reality Labs เพื่อมุ่งเน้นการใช้โมเดล AI ของ Meta ในการปฏิบัติงานเหล่านี้

    Meta จะพัฒนาเซ็นเซอร์ ซอฟต์แวร์ และ AI สำหรับหุ่นยนต์ ซึ่งจะถูกส่งมอบให้กับบริษัทต่าง ๆ เพื่อผลิตหุ่นยนต์เหล่านี้ ในขั้นแรก หุ่นยนต์จะไม่ถูกทำการตลาดในชื่อของ Meta โดยบริษัทได้มีการหารือกับบริษัทหุ่นยนต์อื่น ๆ เช่น Unitree Robotics และ Figure AI สำหรับโครงการนี้

    Andrew Bosworth, ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Meta ได้กล่าวว่า Meta ได้ลงทุนใน Reality Labs และ AI อย่างมากเพื่อพัฒนาหุ่นยนต์ นอกจากนี้ Meta ยังได้จ้าง Marc Whitten อดีต CEO ของ Cruise มาเป็นรองประธานฝ่ายหุ่นยนต์ ซึ่งมีประสบการณ์กับ Microsoft, Unity, และ Amazon

    สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ Meta ไม่ใช่บริษัทเดียวที่กำลังพิจารณาการพัฒนาหุ่นยนต์สำหรับบ้าน Apple เองก็มีแผนที่จะเพิ่มหุ่นยนต์เข้ามาในผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮม และ Google ก็มีความก้าวหน้าในการวิจัยและพัฒนาหุ่นยนต์เช่นกัน

    การพัฒนาหุ่นยนต์ที่ใช้พลังงานจาก AI นี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่แนวคิด แต่กำลังกลายเป็นความจริง โดยเป็นการนำแนวคิดจาก Rosey Robot ในการ์ตูน The Jetsons มาใช้ในชีวิตประจำวัน

    https://wccftech.com/meta-is-developing-ai-powered-humanoid-robots-set-to-transform-household-chores-bringing-jetsons-rosey-to-life/
    ข่าวนี้พูดถึงการพัฒนาหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่ใช้พลังงานจาก AI โดย Meta ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อช่วยในการทำงานบ้าน เช่น การพับผ้าและการล้างจาน โดย Meta ได้ก่อตั้งแผนกใหม่ใน Reality Labs เพื่อมุ่งเน้นการใช้โมเดล AI ของ Meta ในการปฏิบัติงานเหล่านี้ Meta จะพัฒนาเซ็นเซอร์ ซอฟต์แวร์ และ AI สำหรับหุ่นยนต์ ซึ่งจะถูกส่งมอบให้กับบริษัทต่าง ๆ เพื่อผลิตหุ่นยนต์เหล่านี้ ในขั้นแรก หุ่นยนต์จะไม่ถูกทำการตลาดในชื่อของ Meta โดยบริษัทได้มีการหารือกับบริษัทหุ่นยนต์อื่น ๆ เช่น Unitree Robotics และ Figure AI สำหรับโครงการนี้ Andrew Bosworth, ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Meta ได้กล่าวว่า Meta ได้ลงทุนใน Reality Labs และ AI อย่างมากเพื่อพัฒนาหุ่นยนต์ นอกจากนี้ Meta ยังได้จ้าง Marc Whitten อดีต CEO ของ Cruise มาเป็นรองประธานฝ่ายหุ่นยนต์ ซึ่งมีประสบการณ์กับ Microsoft, Unity, และ Amazon สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ Meta ไม่ใช่บริษัทเดียวที่กำลังพิจารณาการพัฒนาหุ่นยนต์สำหรับบ้าน Apple เองก็มีแผนที่จะเพิ่มหุ่นยนต์เข้ามาในผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮม และ Google ก็มีความก้าวหน้าในการวิจัยและพัฒนาหุ่นยนต์เช่นกัน การพัฒนาหุ่นยนต์ที่ใช้พลังงานจาก AI นี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่แนวคิด แต่กำลังกลายเป็นความจริง โดยเป็นการนำแนวคิดจาก Rosey Robot ในการ์ตูน The Jetsons มาใช้ในชีวิตประจำวัน https://wccftech.com/meta-is-developing-ai-powered-humanoid-robots-set-to-transform-household-chores-bringing-jetsons-rosey-to-life/
    WCCFTECH.COM
    Meta Is Developing AI-Powered Humanoid Robots Set To Transform Household Chores, Bringing Rosey From The Jetsons To Life
    Meta is reportedly working on humanoid robots driven by AI and augmented reality to handle household chores and aimed at the consumers.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel กำลังพัฒนา GPU แบบ discrete รุ่นใหม่ที่มีชื่อว่า "Celestial" ซึ่งคาดว่าจะมีการใช้สถาปัตยกรรม Xe3P และอาจจะผลิตโดย Intel Foundry Services (IFS) แทนที่จะเป็น TSMC นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในทิศทางการพัฒนา GPU ของ Intel

    การเปิดตัว GPU Celestial นี้คาดว่าจะมีประสิทธิภาพสูงกว่า GPU รุ่นก่อนหน้าที่ชื่อว่า Battlemage โดยมีการปรับปรุงในด้านความสามารถในการประมวลผลและประสิทธิภาพสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงว่า Celestial จะใช้เซมิคอนดักเตอร์ที่พัฒนาโดย Intel เอง ซึ่งหมายความว่า Intel ได้เปลี่ยนใจจากการใช้บริการของ TSMC มาผลิต GPU ของตนเอง

    นอกจากนั้น มีรายงานว่า Intel มีความตั้งใจที่จะยังคงแข่งขันในตลาด GPU แบบ discrete และจะมีการอัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับ GPU Celestial ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า คาดว่า Celestial จะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2025 หรือช่วงต้นปี 2026

    เทคโนโลยี Xe3P ที่จะถูกใช้ใน GPU Celestial นี้มีการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลที่สูงขึ้น และทำให้ GPU ของ Intel สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การเปลี่ยนมาใช้ Intel Foundry Services ในการผลิตชิปยังเป็นการบ่งบอกถึงความพยายามของ Intel ในการลดการพึ่งพาบริษัทภายนอกและเพิ่มการควบคุมการผลิตได้ดีขึ้น

    การพัฒนา GPU รุ่น Celestial นี้อาจจะช่วยให้ Intel มีโอกาสกลับมามีส่วนแบ่งตลาดในตลาด GPU ที่เดิมเคยสูญเสียไปให้กับคู่แข่งอย่าง NVIDIA และ AMD

    https://wccftech.com/intel-celestial-dgpus-are-expected-to-feature-the-xe3p-architecture/
    Intel กำลังพัฒนา GPU แบบ discrete รุ่นใหม่ที่มีชื่อว่า "Celestial" ซึ่งคาดว่าจะมีการใช้สถาปัตยกรรม Xe3P และอาจจะผลิตโดย Intel Foundry Services (IFS) แทนที่จะเป็น TSMC นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในทิศทางการพัฒนา GPU ของ Intel การเปิดตัว GPU Celestial นี้คาดว่าจะมีประสิทธิภาพสูงกว่า GPU รุ่นก่อนหน้าที่ชื่อว่า Battlemage โดยมีการปรับปรุงในด้านความสามารถในการประมวลผลและประสิทธิภาพสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงว่า Celestial จะใช้เซมิคอนดักเตอร์ที่พัฒนาโดย Intel เอง ซึ่งหมายความว่า Intel ได้เปลี่ยนใจจากการใช้บริการของ TSMC มาผลิต GPU ของตนเอง นอกจากนั้น มีรายงานว่า Intel มีความตั้งใจที่จะยังคงแข่งขันในตลาด GPU แบบ discrete และจะมีการอัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับ GPU Celestial ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า คาดว่า Celestial จะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2025 หรือช่วงต้นปี 2026 เทคโนโลยี Xe3P ที่จะถูกใช้ใน GPU Celestial นี้มีการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลที่สูงขึ้น และทำให้ GPU ของ Intel สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การเปลี่ยนมาใช้ Intel Foundry Services ในการผลิตชิปยังเป็นการบ่งบอกถึงความพยายามของ Intel ในการลดการพึ่งพาบริษัทภายนอกและเพิ่มการควบคุมการผลิตได้ดีขึ้น การพัฒนา GPU รุ่น Celestial นี้อาจจะช่วยให้ Intel มีโอกาสกลับมามีส่วนแบ่งตลาดในตลาด GPU ที่เดิมเคยสูญเสียไปให้กับคู่แข่งอย่าง NVIDIA และ AMD https://wccftech.com/intel-celestial-dgpus-are-expected-to-feature-the-xe3p-architecture/
    WCCFTECH.COM
    Intel's Celestial dGPUs Are Expected To Feature The Xe3P Architecture, Will Likely Use Intel Foundry Instead of TSMC
    Intel's next-gen Celestial discrete GPUs are expected to feature the Xe3P architecture and could potentially be developed by the IFS.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts