• รูปหล่อหลวงปู่ทวด รุ่นสร้างโบสถ์ วัดช้างให้ จ.ปัตตานี
    รูปหล่อหลวงปู่ทวด อุดกริ่ง รุ่นสร้างโบสถ์ วัดช้างให้ อำเภอโคกโพธิ์ จ.ปัตตานี //พระดีพิธีใหญ๋ พระสวยมาก // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิมๆ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณเกี่ยวกับการแคล้วคลาดจากภยันตราย..เจริญรุ่งเรือง..มีชัย เมตตามหานิยม ผู้คนรักใคร่ ใช้ป้องกันอาเพศ คุณไสยและสิ่งอัปมงคลทั้งหลาย ไม่ให้เข้ามากล้ำกราย อำนวยโชคลาภ ความมั่งคั่งทรัพย์สินเงินทอง อุดมด้วย ลาภ ยศ ความเจริญรุ่งเรืองดีนักแล” ทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาด ป้องกันภัย มหาเสน่ห์ มหาอุด รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้ >>

    ** ยอดอมตะเถระแห่งสยาม “หลวงปู่ทวด” วัดช้างให้ หากมีใครกล่าวถึงเชื่อว่าคนไทยทั่วประเทศคงไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะท่านคือพระผู้มีอภิญญาอันแก่กล้า “หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด”...ได้ชื่อว่าเป็นพระอริยสงฆ์เก่าแก่ ผู้เชี่ยวชาญทั้งไสยเวท... พุทธศาสตร์แห่งกรุงศรีฯเป็นที่ศรัทธาและเคารพบูชามากที่สุดรูปหนึ่งของประเทศไทย >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิมๆ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    รูปหล่อหลวงปู่ทวด รุ่นสร้างโบสถ์ วัดช้างให้ จ.ปัตตานี รูปหล่อหลวงปู่ทวด อุดกริ่ง รุ่นสร้างโบสถ์ วัดช้างให้ อำเภอโคกโพธิ์ จ.ปัตตานี //พระดีพิธีใหญ๋ พระสวยมาก // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิมๆ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณเกี่ยวกับการแคล้วคลาดจากภยันตราย..เจริญรุ่งเรือง..มีชัย เมตตามหานิยม ผู้คนรักใคร่ ใช้ป้องกันอาเพศ คุณไสยและสิ่งอัปมงคลทั้งหลาย ไม่ให้เข้ามากล้ำกราย อำนวยโชคลาภ ความมั่งคั่งทรัพย์สินเงินทอง อุดมด้วย ลาภ ยศ ความเจริญรุ่งเรืองดีนักแล” ทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาด ป้องกันภัย มหาเสน่ห์ มหาอุด รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้ >> ** ยอดอมตะเถระแห่งสยาม “หลวงปู่ทวด” วัดช้างให้ หากมีใครกล่าวถึงเชื่อว่าคนไทยทั่วประเทศคงไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะท่านคือพระผู้มีอภิญญาอันแก่กล้า “หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด”...ได้ชื่อว่าเป็นพระอริยสงฆ์เก่าแก่ ผู้เชี่ยวชาญทั้งไสยเวท... พุทธศาสตร์แห่งกรุงศรีฯเป็นที่ศรัทธาและเคารพบูชามากที่สุดรูปหนึ่งของประเทศไทย >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิมๆ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 38 Views 0 Reviews
  • 🍊 Exciting News! Telvada is thrilled to announce our exclusive partnership with OleOilO, Calabria's finest citrus essential oil producer!

    Since 1954, this family-owned estate in the south of Italy has masterfully cultivated the world's most exquisite Bergamot, lemon, and mandarin orchards. Now, their legendary citrus essential oils are available in Thailand exclusively through Telvada.

    Experience the Mediterranean in every drop - from the sun-kissed groves of Calabria to your home. Discover why OleOilO's Bergamot is considered the finest in the world.

    ✨ Pure, authentic Italian craftsmanship
    🌿 Family traditions since 1954
    🍋 Premium citrus essential oils
    🤝 Exclusive Thai distribution

    Ready to explore these extraordinary Italian essential oils? Contact us to learn more!

    ✨ การแจ้งเตือนความร่วมมืออันทรงเกียรติ ✨

    นำน้ำมันหอมระเหยส้มชั้นดีจากอิตาลีมาสู่ประเทศไทย! เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวของ @OleOilO แหล่งปลูกส้มในตำนานของแคว้นคาลาเบรียในประเทศอิตาลี

    🍊 ความเชี่ยวชาญในครอบครัวกว่า 70 ปี
    🌿 เบอร์กาม็อตบริสุทธิ์จากแคว้นคาลาเบรีย
    🍋 น้ำมันหอมระเหยส้มคุณภาพเยี่ยม
    🇮🇹 มรดกทางวัฒนธรรมอิตาลีแท้ๆ

    สัมผัสกับแก่นแท้ของความเป็นเลิศของอิตาลี - มีจำหน่ายแล้วที่ Telvada Thailand

    #น้ำมันหอมระเหย #ซิตรัสอิตาลี #น้ำมันเบอร์กาม็อต #น้ำมันหอมระเหยระดับพรีเมียม #TelvadaThailand #น้ำมันซิตรัส #ความเป็นเลิศของอิตาลี #ซิตรัสคาลาเบรีย #น้ำมันหอมระเหยสุดหรู #ความงามออร์แกนิก #telvada #น้ำมันหอมระเหย #น้ำมันหอมระเหยเทลวาดา

    #ItalianEssentials #PremiumCitrus #BergamotOil #TelvadaThailand"
    #telvada #telvadaessentialoils
    🍊 Exciting News! Telvada is thrilled to announce our exclusive partnership with OleOilO, Calabria's finest citrus essential oil producer! Since 1954, this family-owned estate in the south of Italy has masterfully cultivated the world's most exquisite Bergamot, lemon, and mandarin orchards. Now, their legendary citrus essential oils are available in Thailand exclusively through Telvada. Experience the Mediterranean in every drop - from the sun-kissed groves of Calabria to your home. Discover why OleOilO's Bergamot is considered the finest in the world. ✨ Pure, authentic Italian craftsmanship 🌿 Family traditions since 1954 🍋 Premium citrus essential oils 🤝 Exclusive Thai distribution Ready to explore these extraordinary Italian essential oils? Contact us to learn more! ✨ การแจ้งเตือนความร่วมมืออันทรงเกียรติ ✨ นำน้ำมันหอมระเหยส้มชั้นดีจากอิตาลีมาสู่ประเทศไทย! เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวของ @OleOilO แหล่งปลูกส้มในตำนานของแคว้นคาลาเบรียในประเทศอิตาลี 🍊 ความเชี่ยวชาญในครอบครัวกว่า 70 ปี 🌿 เบอร์กาม็อตบริสุทธิ์จากแคว้นคาลาเบรีย 🍋 น้ำมันหอมระเหยส้มคุณภาพเยี่ยม 🇮🇹 มรดกทางวัฒนธรรมอิตาลีแท้ๆ สัมผัสกับแก่นแท้ของความเป็นเลิศของอิตาลี - มีจำหน่ายแล้วที่ Telvada Thailand #น้ำมันหอมระเหย #ซิตรัสอิตาลี #น้ำมันเบอร์กาม็อต #น้ำมันหอมระเหยระดับพรีเมียม #TelvadaThailand #น้ำมันซิตรัส #ความเป็นเลิศของอิตาลี #ซิตรัสคาลาเบรีย #น้ำมันหอมระเหยสุดหรู #ความงามออร์แกนิก #telvada #น้ำมันหอมระเหย #น้ำมันหอมระเหยเทลวาดา #ItalianEssentials #PremiumCitrus #BergamotOil #TelvadaThailand" #telvada #telvadaessentialoils
    0 Comments 0 Shares 128 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้น่าสนใจมากครับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่กรุงปักกิ่งเตรียมนำหลักสูตรเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้สำหรับนักเรียนในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในปีนี้ ซึ่งแสดงถึงความพยายามของจีนในการเร่งพัฒนาศักยภาพด้าน AI และสร้างบุคลากรที่เชี่ยวชาญในสาขานี้

    เรื่องเริ่มจากที่ทุกโรงเรียนในปักกิ่งจะจัดการเรียนการสอนเกี่ยวกับ AI อย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อปี โดยเริ่มในเดือนกันยายนนี้ หลักสูตรดังกล่าวอาจเป็นวิชาหลักหรือบูรณาการร่วมกับวิชาอื่น เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศหรือวิทยาศาสตร์ พร้อมทั้งนำเทคนิคการสอนแบบใหม่มาใช้ เช่น การใช้ AI เป็นผู้ช่วยวิจัยและเครื่องมือเรียนรู้ผ่านการสนทนากับคอมพิวเตอร์

    นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและโรงเรียนมัธยม เพื่อช่วยปั้นนักเรียนให้เป็น "คนเก่งด้านนวัตกรรมตั้งแต่วัยเยาว์" และยังสอดคล้องกับทิศทางของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี AI อย่างจริงจัง

    ในมุมของเทคโนโลยีเอง จีนยังคงพัฒนารูปแบบ AI ใหม่ๆ เช่น Manus ซึ่งมีความสามารถเหนือกว่าแชทบอททั่วไป ขณะเดียวกัน บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba ก็ได้เปิดตัวโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยใช้งบประมาณและข้อมูลน้อยลง เมื่อเปรียบเทียบกับการแข่งขันระดับโลก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/14/beijing-to-roll-out-ai-lessons-for-primary-secondary-students
    ข่าวนี้น่าสนใจมากครับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่กรุงปักกิ่งเตรียมนำหลักสูตรเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้สำหรับนักเรียนในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในปีนี้ ซึ่งแสดงถึงความพยายามของจีนในการเร่งพัฒนาศักยภาพด้าน AI และสร้างบุคลากรที่เชี่ยวชาญในสาขานี้ เรื่องเริ่มจากที่ทุกโรงเรียนในปักกิ่งจะจัดการเรียนการสอนเกี่ยวกับ AI อย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อปี โดยเริ่มในเดือนกันยายนนี้ หลักสูตรดังกล่าวอาจเป็นวิชาหลักหรือบูรณาการร่วมกับวิชาอื่น เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศหรือวิทยาศาสตร์ พร้อมทั้งนำเทคนิคการสอนแบบใหม่มาใช้ เช่น การใช้ AI เป็นผู้ช่วยวิจัยและเครื่องมือเรียนรู้ผ่านการสนทนากับคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและโรงเรียนมัธยม เพื่อช่วยปั้นนักเรียนให้เป็น "คนเก่งด้านนวัตกรรมตั้งแต่วัยเยาว์" และยังสอดคล้องกับทิศทางของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี AI อย่างจริงจัง ในมุมของเทคโนโลยีเอง จีนยังคงพัฒนารูปแบบ AI ใหม่ๆ เช่น Manus ซึ่งมีความสามารถเหนือกว่าแชทบอททั่วไป ขณะเดียวกัน บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba ก็ได้เปิดตัวโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยใช้งบประมาณและข้อมูลน้อยลง เมื่อเปรียบเทียบกับการแข่งขันระดับโลก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/14/beijing-to-roll-out-ai-lessons-for-primary-secondary-students
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Beijing to roll out AI lessons for primary, secondary students
    China's AI industry has gained international attention this year after DeepSeek released a new version of its AI chatbot in January, sending shockwaves across global markets.
    0 Comments 0 Shares 77 Views 0 Reviews
  • การเมืองฟิลิปปินส์แรง ผู้นำไฟเขียวส่งอดีตปธน.ดูเตอร์เต้ขึ้นศาลICC : คนเคาะข่าว 13-03-68

    : อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ

    ดำเนินรายการโดย อุษณีย์ เอกอุษณีย์

    #คนเคาะข่าว #การเมืองฟิลิปปินส์ #ดูเตอร์เต #ICC #ศาลอาญาระหว่างประเทศ #ข่าวต่างประเทศ #ฟิลิปปินส์ #สิทธิมนุษยชน #ความยุติธรรม #Geopolitics #สุดาทิพย์จารุจินดา #อุษณีย์เอกอุษณีย์ #ThaiTimes #วิเคราะห์การเมือง
    การเมืองฟิลิปปินส์แรง ผู้นำไฟเขียวส่งอดีตปธน.ดูเตอร์เต้ขึ้นศาลICC : คนเคาะข่าว 13-03-68 : อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ ดำเนินรายการโดย อุษณีย์ เอกอุษณีย์ #คนเคาะข่าว #การเมืองฟิลิปปินส์ #ดูเตอร์เต #ICC #ศาลอาญาระหว่างประเทศ #ข่าวต่างประเทศ #ฟิลิปปินส์ #สิทธิมนุษยชน #ความยุติธรรม #Geopolitics #สุดาทิพย์จารุจินดา #อุษณีย์เอกอุษณีย์ #ThaiTimes #วิเคราะห์การเมือง
    Like
    Love
    4
    0 Comments 0 Shares 369 Views 0 0 Reviews
  • Intel แต่งตั้ง Lip-Bu Tan ผู้เชี่ยวชาญที่เคารพนับถือในวงการเซมิคอนดักเตอร์ เป็น CEO คนใหม่ของ Intel โดยเขาจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 18 มีนาคม หลังจากที่บริษัทเผชิญกับช่วงเวลาท้าทายที่สุดในประวัติศาสตร์

    Intel เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในผู้ผลิตชิปที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทต้องเผชิญกับการแข่งขันอย่างดุเดือดจากคู่แข่ง เช่น AMD และการก้าวขึ้นมาของผู้เล่นในตลาดอย่าง Nvidia ทำให้เกิดแรงกดดันในการฟื้นฟูความสามารถในการแข่งขัน Lip-Bu Tan ซึ่งเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์สูงในอุตสาหกรรมนี้ ถูกมองว่าเหมาะสมที่จะเป็นผู้พลิกฟื้นสถานการณ์

    Lip-Bu Tan เคยเป็นสมาชิกบอร์ดบริหารของ Intel และเป็นผู้ก่อตั้ง Walden International บริษัททุนที่มีชื่อเสียงด้านการลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูง ประสบการณ์และความเข้าใจของเขาทั้งในด้านการผลิตและการจัดการบริษัทด้านเซมิคอนดักเตอร์ ทำให้เขาเป็นตัวเลือกสำคัญที่ Intel หวังว่าจะพาบริษัทออกจากช่วงเวลาที่ท้าทายได้

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/13/who-is-new-intel-ceo-lip-bu-tan
    Intel แต่งตั้ง Lip-Bu Tan ผู้เชี่ยวชาญที่เคารพนับถือในวงการเซมิคอนดักเตอร์ เป็น CEO คนใหม่ของ Intel โดยเขาจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 18 มีนาคม หลังจากที่บริษัทเผชิญกับช่วงเวลาท้าทายที่สุดในประวัติศาสตร์ Intel เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในผู้ผลิตชิปที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทต้องเผชิญกับการแข่งขันอย่างดุเดือดจากคู่แข่ง เช่น AMD และการก้าวขึ้นมาของผู้เล่นในตลาดอย่าง Nvidia ทำให้เกิดแรงกดดันในการฟื้นฟูความสามารถในการแข่งขัน Lip-Bu Tan ซึ่งเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์สูงในอุตสาหกรรมนี้ ถูกมองว่าเหมาะสมที่จะเป็นผู้พลิกฟื้นสถานการณ์ Lip-Bu Tan เคยเป็นสมาชิกบอร์ดบริหารของ Intel และเป็นผู้ก่อตั้ง Walden International บริษัททุนที่มีชื่อเสียงด้านการลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูง ประสบการณ์และความเข้าใจของเขาทั้งในด้านการผลิตและการจัดการบริษัทด้านเซมิคอนดักเตอร์ ทำให้เขาเป็นตัวเลือกสำคัญที่ Intel หวังว่าจะพาบริษัทออกจากช่วงเวลาที่ท้าทายได้ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/13/who-is-new-intel-ceo-lip-bu-tan
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Who is new Intel CEO Lip-Bu Tan?
    (Reuters) - Intel tapped former board member Lip-Bu Tan as its CEO on Wednesday, as the struggling American chipmaking icon attempts to emerge from one of its bleakest periods.
    0 Comments 0 Shares 81 Views 0 Reviews
  • ก.ยุติธรรม มีคำสั่งให้ "ชาญ วชิรเดช" รองอธิบดี ปฏิบัติหน้าที่ ผบ.เรือนจำกลางคลองเปรม - "เผด็จ หริ่งรอด" กลับทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ให้สังคมเชื่อมั่นกรณีตรวจสอบคดี "ผกก.โจ้"

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000023952
    ก.ยุติธรรม มีคำสั่งให้ "ชาญ วชิรเดช" รองอธิบดี ปฏิบัติหน้าที่ ผบ.เรือนจำกลางคลองเปรม - "เผด็จ หริ่งรอด" กลับทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ให้สังคมเชื่อมั่นกรณีตรวจสอบคดี "ผกก.โจ้" อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000023952
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 667 Views 0 Reviews
  • "ทวี" เผยคณะพนักงานสอบสวนคดีฟอกเงิน ที่มาจากฮั้ว สว. ร่วมทำงานหลายหน่วยงาน แย้มมี สว.กว่า 140 คน จ่อถูกเรียกสอบ วางกรอบ 3 เดือนแล้วเสร็จ

    วันนี้ (12 มี.ค.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ในคดีฟอกเงิน ที่มาจากคดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ว่า หลังจากรับเป็นคดีพิเศษแล้ว พนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการต้องมีการประชุมร่วมกัน และเสนอแผนการสอบสวน ซึ่งทราบว่า อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะทำหนังสือไปถึงอัยการสูงสุด ในการประสานงาน และสำนักงานอัยการสูงสุด ก็จะตั้งเป็นคณะทำงาน เพราะคดีนี้ มีพยานที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก โดยหลังจากนี้จะเป็นเรื่องของพยานหลักฐาน ส่วนกรอบระยะเวลาจะให้เสร็จโดยเร็ว ตนก็คาดว่าน่าจะใช้เวลา 3 เดือน หากมีคนผิดก็จะแจ้งข้อกล่าวหา และหากจะสรุปสำนวนส่งฟ้องอัยการ ก็อาจจะใช้เวลามากกว่านั้นนิดหน่อย

    พ.ต.อ.ทวี ยืนยันว่า การตั้งคณะพนักงานสอบสวน 41 คน ที่เป็นเจ้าหน้าที่จากดีเอสไอ ไม่ใช่มีบุคลากรหน่วยงานเดียว แต่จะมีเจ้าหน้าที่จากอัยการ และหลังจากนี้จะใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรี ตั้งบุคคลภายนอก เช่น ตำรวจ และผู้เชี่ยวชาญต่างๆ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000023920

    #MGROnline #พนักงานสอบสวนคดีฟอกเงิน
    "ทวี" เผยคณะพนักงานสอบสวนคดีฟอกเงิน ที่มาจากฮั้ว สว. ร่วมทำงานหลายหน่วยงาน แย้มมี สว.กว่า 140 คน จ่อถูกเรียกสอบ วางกรอบ 3 เดือนแล้วเสร็จ • วันนี้ (12 มี.ค.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ในคดีฟอกเงิน ที่มาจากคดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ว่า หลังจากรับเป็นคดีพิเศษแล้ว พนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการต้องมีการประชุมร่วมกัน และเสนอแผนการสอบสวน ซึ่งทราบว่า อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะทำหนังสือไปถึงอัยการสูงสุด ในการประสานงาน และสำนักงานอัยการสูงสุด ก็จะตั้งเป็นคณะทำงาน เพราะคดีนี้ มีพยานที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก โดยหลังจากนี้จะเป็นเรื่องของพยานหลักฐาน ส่วนกรอบระยะเวลาจะให้เสร็จโดยเร็ว ตนก็คาดว่าน่าจะใช้เวลา 3 เดือน หากมีคนผิดก็จะแจ้งข้อกล่าวหา และหากจะสรุปสำนวนส่งฟ้องอัยการ ก็อาจจะใช้เวลามากกว่านั้นนิดหน่อย • พ.ต.อ.ทวี ยืนยันว่า การตั้งคณะพนักงานสอบสวน 41 คน ที่เป็นเจ้าหน้าที่จากดีเอสไอ ไม่ใช่มีบุคลากรหน่วยงานเดียว แต่จะมีเจ้าหน้าที่จากอัยการ และหลังจากนี้จะใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรี ตั้งบุคคลภายนอก เช่น ตำรวจ และผู้เชี่ยวชาญต่างๆ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000023920 • #MGROnline #พนักงานสอบสวนคดีฟอกเงิน
    0 Comments 0 Shares 164 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับกราฟิกการ์ดรุ่นใหม่จาก AMD อย่าง RX 9070 XT และ RX 9070 ซึ่งกำลังได้รับความสนใจในวงการเกมและเทคโนโลยี ด้วยความสามารถที่โดดเด่นในการแข่งขันกับคู่แข่งรุ่นใหญ่ของ Nvidia อย่าง RTX 5080 และการปรับแต่งที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้มากกว่าค่ามาตรฐาน

    จุดเด่นสำคัญ:
    1) การ์ด RX 9070 XT สามารถเอาชนะ RTX 5080 ได้ในด้านการประสิทธิภาพเฟรมเรต (FPS) โดยเฉพาะในเกม Cyberpunk 2077 เมื่อปรับลดแรงดันไฟฟ้า (Undervolting) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 10% โดยไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนความเร็วของ GPU โดยตรง

    2) มีการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านการโอเวอร์คล็อก (Overclocking) อย่าง Der8auer และ Alva Jonathan ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการ์ด AMD ในการเพิ่มเฟรมเรตได้อย่างน่าประทับใจ โดยใช้เทคนิคปรับแรงดันไฟฟ้าลดลง ทำให้ GPU ทำงานได้ที่ความเร็ว 3.36 GHz โดยใช้พลังงานต่ำลง

    เทคโนโลยีและผลลัพธ์:
    - AMD Radeon Software ช่วยให้การปรับแรงดันไฟฟ้าทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งส่งผลให้ตัวการ์ดสามารถทำงานได้อย่างเสถียร แม้ภายใต้การเพิ่มพลังงานถึง 110% จากปกติ

    - อย่างไรก็ตาม การ์ดเหล่านี้ถูกตั้งราคาขายเกินกว่ามาตรฐาน MSRP ในตลาด เช่น รุ่น RX 9070 XT PowerColor Red Devil ที่เริ่มต้นที่ $799 สูงกว่าราคามาตรฐานถึง $200

    แม้ว่าความสามารถด้านการเพิ่มประสิทธิภาพจะโดดเด่น แต่ยังมีประเด็นที่อาจทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจยาก เช่น การจัดจำหน่ายที่จำกัดและราคาที่สูง นอกจากนี้ การปรับแต่งในบางกรณี เช่น การเพิ่มความเร็ว VRAM อาจไม่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่กลับทำให้เกมทำงานช้าลงเนื่องจากการแก้ไขข้อผิดพลาดของ VRAM ที่ซับซ้อนขึ้น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/undervolted-rx-9070-xt-beats-rtx-5080-rx-9070-and-9070-xt-models-with-heavy-coolers-have-massive-oc-headroom
    ข่าวนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับกราฟิกการ์ดรุ่นใหม่จาก AMD อย่าง RX 9070 XT และ RX 9070 ซึ่งกำลังได้รับความสนใจในวงการเกมและเทคโนโลยี ด้วยความสามารถที่โดดเด่นในการแข่งขันกับคู่แข่งรุ่นใหญ่ของ Nvidia อย่าง RTX 5080 และการปรับแต่งที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้มากกว่าค่ามาตรฐาน จุดเด่นสำคัญ: 1) การ์ด RX 9070 XT สามารถเอาชนะ RTX 5080 ได้ในด้านการประสิทธิภาพเฟรมเรต (FPS) โดยเฉพาะในเกม Cyberpunk 2077 เมื่อปรับลดแรงดันไฟฟ้า (Undervolting) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 10% โดยไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนความเร็วของ GPU โดยตรง 2) มีการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านการโอเวอร์คล็อก (Overclocking) อย่าง Der8auer และ Alva Jonathan ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการ์ด AMD ในการเพิ่มเฟรมเรตได้อย่างน่าประทับใจ โดยใช้เทคนิคปรับแรงดันไฟฟ้าลดลง ทำให้ GPU ทำงานได้ที่ความเร็ว 3.36 GHz โดยใช้พลังงานต่ำลง เทคโนโลยีและผลลัพธ์: - AMD Radeon Software ช่วยให้การปรับแรงดันไฟฟ้าทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งส่งผลให้ตัวการ์ดสามารถทำงานได้อย่างเสถียร แม้ภายใต้การเพิ่มพลังงานถึง 110% จากปกติ - อย่างไรก็ตาม การ์ดเหล่านี้ถูกตั้งราคาขายเกินกว่ามาตรฐาน MSRP ในตลาด เช่น รุ่น RX 9070 XT PowerColor Red Devil ที่เริ่มต้นที่ $799 สูงกว่าราคามาตรฐานถึง $200 แม้ว่าความสามารถด้านการเพิ่มประสิทธิภาพจะโดดเด่น แต่ยังมีประเด็นที่อาจทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจยาก เช่น การจัดจำหน่ายที่จำกัดและราคาที่สูง นอกจากนี้ การปรับแต่งในบางกรณี เช่น การเพิ่มความเร็ว VRAM อาจไม่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่กลับทำให้เกมทำงานช้าลงเนื่องจากการแก้ไขข้อผิดพลาดของ VRAM ที่ซับซ้อนขึ้น https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/undervolted-rx-9070-xt-beats-rtx-5080-rx-9070-and-9070-xt-models-with-heavy-coolers-have-massive-oc-headroom
    0 Comments 0 Shares 115 Views 0 Reviews
  • ข่าวแนวโน้มล่าสุดในตลาดสมาร์ทวอทช์ที่ได้พบกับการชะลอตัวเป็นครั้งแรกในปี 2024 โดยมีการจัดส่งลดลงถึง 7% ซึ่งสะท้อนถึงความท้าทายสำหรับผู้ผลิตสมาร์ทวอทช์ทั่วโลก รวมถึง Apple ที่ยังคงครองตำแหน่งผู้นำในตลาด แต่ยอดขายลดลงถึง 19% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

    หนึ่งในสาเหตุสำคัญของการลดลงนี้ คือการอัปเดตฟีเจอร์ที่มีน้อยในรุ่น Apple Watch Series 10 และการไม่มีรุ่น Ultra 3 ในตลาด รวมถึงการขาดรุ่น SE ใหม่ตั้งแต่ปี 2022 ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่าอาจเป็นเพราะความกังวลเรื่องต้นทุน ในขณะที่ Apple คาดว่าจะออก Apple Watch SE รุ่นใหม่ในปีนี้

    ด้านการกระจายตลาด สมาร์ทวอทช์หนึ่งในสี่ของการจัดส่งในปีที่ผ่านมาอยู่ในประเทศจีน โดยแซงหน้าอินเดียและอเมริกาเหนือที่ตามมาเล็กน้อย นอกจากนี้ ตลาดสมาร์ทวอทช์สำหรับเด็กที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัย เช่น ติดตามตำแหน่งของลูกหลาน ยังเป็นเซกเมนต์เดียวที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในปีนี้ บริษัทอย่าง Imoo ได้รับความนิยมในกลุ่มนี้ และกระตุ้นให้แบรนด์อื่น ๆ เช่น Fitbit และ Noise เริ่มขยายไลน์สินค้าสำหรับเด็กมากขึ้น

    https://www.techspot.com/news/107100-global-smartwatch-shipments-dipped-7-2024-marking-first.html
    ข่าวแนวโน้มล่าสุดในตลาดสมาร์ทวอทช์ที่ได้พบกับการชะลอตัวเป็นครั้งแรกในปี 2024 โดยมีการจัดส่งลดลงถึง 7% ซึ่งสะท้อนถึงความท้าทายสำหรับผู้ผลิตสมาร์ทวอทช์ทั่วโลก รวมถึง Apple ที่ยังคงครองตำแหน่งผู้นำในตลาด แต่ยอดขายลดลงถึง 19% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า หนึ่งในสาเหตุสำคัญของการลดลงนี้ คือการอัปเดตฟีเจอร์ที่มีน้อยในรุ่น Apple Watch Series 10 และการไม่มีรุ่น Ultra 3 ในตลาด รวมถึงการขาดรุ่น SE ใหม่ตั้งแต่ปี 2022 ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่าอาจเป็นเพราะความกังวลเรื่องต้นทุน ในขณะที่ Apple คาดว่าจะออก Apple Watch SE รุ่นใหม่ในปีนี้ ด้านการกระจายตลาด สมาร์ทวอทช์หนึ่งในสี่ของการจัดส่งในปีที่ผ่านมาอยู่ในประเทศจีน โดยแซงหน้าอินเดียและอเมริกาเหนือที่ตามมาเล็กน้อย นอกจากนี้ ตลาดสมาร์ทวอทช์สำหรับเด็กที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัย เช่น ติดตามตำแหน่งของลูกหลาน ยังเป็นเซกเมนต์เดียวที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในปีนี้ บริษัทอย่าง Imoo ได้รับความนิยมในกลุ่มนี้ และกระตุ้นให้แบรนด์อื่น ๆ เช่น Fitbit และ Noise เริ่มขยายไลน์สินค้าสำหรับเด็กมากขึ้น https://www.techspot.com/news/107100-global-smartwatch-shipments-dipped-7-2024-marking-first.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Apple Watch faces first major decline as smartwatch shipments drop 7%
    According to Counterpoint senior research analyst Anshika Jain, Apple Watch experienced a decline in its 10th year on the market thanks in part to minimal feature upgrades...
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 113 Views 0 Reviews
  • X-37B ยานอวกาศลับของกองทัพอวกาศสหรัฐฯ เพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจครั้งที่ 7 หลังจากลอยอยู่ในวงโคจรยาวนานถึง 434 วัน ยานลำนี้มีขนาดเล็กกว่ายานกระสวยอวกาศทั่วไปและใช้พลังงานจากแผงเซลล์แสงอาทิตย์ชนิดพิเศษที่ช่วยให้สามารถอยู่ในอวกาศได้นานเป็นร้อยวัน โดยภารกิจนี้มุ่งเน้นไปที่การทดสอบและทดลองเทคโนโลยีหลากหลาย รวมถึงการศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบของรังสีในอวกาศ และการเพิ่มประสิทธิภาพของการเปลี่ยนวงโคจรโดยใช้ "aerobraking" ซึ่งใช้แรงเสียดทานของชั้นบรรยากาศเพื่อลดการใช้พลังงาน

    แม้ว่ารายละเอียดของการทดลองและภารกิจของ X-37B จะยังคงเป็นความลับ แต่ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่ายานลำนี้อาจมีบทบาทสำคัญในด้านการเฝ้าระวัง การทดสอบเทคโนโลยีทางทหาร หรือแม้กระทั่งการพัฒนาความพร้อมในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันประเทศในอวกาศ

    น่าสนใจที่ยานอวกาศลำนี้ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในยุคที่อวกาศกลายเป็นพื้นที่ที่มีการแข่งขันสูง การวิจัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้าน "space domain awareness" หรือการเฝ้าระวังอวกาศได้ถูกชี้ว่าเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินการในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยดาวเทียมและเศษซากต่าง ๆ ซึ่งสิ่งนี้อาจส่งผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการดำรงความปลอดภัยในอวกาศในอนาคต

    การลงจอดของ X-37B ที่ฐานทัพในแคลิฟอร์เนียเมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา ถือเป็นอีกก้าวที่ช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถของกองทัพอวกาศสหรัฐฯ สำหรับภารกิจครั้งต่อไป OTV-8 แม้ยังไม่มีรายละเอียด แต่ดูเหมือนจะเป็นอีกบทพิสูจน์ความสามารถของมนุษย์ในการก้าวเข้าสู่อนาคตที่เกี่ยวข้องกับอวกาศอย่างยั่งยืน

    https://www.techspot.com/news/107098-mysterious-x-37b-spaceplane-lands-following-434-day.html
    X-37B ยานอวกาศลับของกองทัพอวกาศสหรัฐฯ เพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจครั้งที่ 7 หลังจากลอยอยู่ในวงโคจรยาวนานถึง 434 วัน ยานลำนี้มีขนาดเล็กกว่ายานกระสวยอวกาศทั่วไปและใช้พลังงานจากแผงเซลล์แสงอาทิตย์ชนิดพิเศษที่ช่วยให้สามารถอยู่ในอวกาศได้นานเป็นร้อยวัน โดยภารกิจนี้มุ่งเน้นไปที่การทดสอบและทดลองเทคโนโลยีหลากหลาย รวมถึงการศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบของรังสีในอวกาศ และการเพิ่มประสิทธิภาพของการเปลี่ยนวงโคจรโดยใช้ "aerobraking" ซึ่งใช้แรงเสียดทานของชั้นบรรยากาศเพื่อลดการใช้พลังงาน แม้ว่ารายละเอียดของการทดลองและภารกิจของ X-37B จะยังคงเป็นความลับ แต่ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่ายานลำนี้อาจมีบทบาทสำคัญในด้านการเฝ้าระวัง การทดสอบเทคโนโลยีทางทหาร หรือแม้กระทั่งการพัฒนาความพร้อมในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันประเทศในอวกาศ น่าสนใจที่ยานอวกาศลำนี้ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในยุคที่อวกาศกลายเป็นพื้นที่ที่มีการแข่งขันสูง การวิจัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้าน "space domain awareness" หรือการเฝ้าระวังอวกาศได้ถูกชี้ว่าเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินการในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยดาวเทียมและเศษซากต่าง ๆ ซึ่งสิ่งนี้อาจส่งผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการดำรงความปลอดภัยในอวกาศในอนาคต การลงจอดของ X-37B ที่ฐานทัพในแคลิฟอร์เนียเมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา ถือเป็นอีกก้าวที่ช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถของกองทัพอวกาศสหรัฐฯ สำหรับภารกิจครั้งต่อไป OTV-8 แม้ยังไม่มีรายละเอียด แต่ดูเหมือนจะเป็นอีกบทพิสูจน์ความสามารถของมนุษย์ในการก้าวเข้าสู่อนาคตที่เกี่ยวข้องกับอวกาศอย่างยั่งยืน https://www.techspot.com/news/107098-mysterious-x-37b-spaceplane-lands-following-434-day.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    US Space Force's secretive X-37B returns to Earth after 434 days
    Mission seven launched aboard a SpaceX Falcon Heavy on December 28, 2023, taking off from Launch Complex 39A at NASA's Kennedy Space Center in Florida. The spaceplane...
    0 Comments 0 Shares 142 Views 0 Reviews
  • 12 มีนาคม 2568-เพจวิเคราะห์บอลจริงจังเขียนบทความน่าสนใจว่ามาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ มารับงานตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 สิ่งแรกที่เธอต้องเจอคือ "หนี้สิน" ที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ทิ้งไว้ให้เงินในบัญชีของสมาคม ณ วันนั้น มีทั้งหมด 27.7 ล้านบาท ส่วนหนี้สินมี 132.6 ล้านบาท แปลว่า ยุคของมาดามแป้งต้องเริ่มแบบติดลบ 105 ล้านบาทย้อนกลับไปดูวันสุดท้าย ของพล.ต.อ.สมยศ ในฐานะนายกสมาคม เขาบอกว่า "อิจฉาคนที่จะเข้ามาเป็นนายกฯ คนใหม่ ที่เข้ามาแล้วมีพร้อมทุกอย่าง ตอนที่ผมเข้ามามีแค่กุญแจดอกเดียวใช้เปิดเข้าสมาคม คนเรามันวาสนาไม่เท่ากันจริงๆ" โอเค... พล.ต.อ.สมยศ อาจเริ่มต้นด้วยกุญแจดอกเดียว ไขเข้าไปในห้องแล้วเจอแต่ความว่างเปล่าแต่กับเคสของมาดามแป้ง เธอเอากุญแจดอกนั้นไขเข้าไป แล้วเจอ "กองหนี้สินมหาศาล" ที่เธอไม่ได้ก่อ แต่ต้องเป็นคนชดใช้ในวันนี้ (11 มีนาคม) มาดามแป้งแถลงผลงาน ครบ 1 ปีที่เข้ามาเป็นนายกสมาคม แต่สาเหตุที่สื่อมวลชนมหาศาลมาทำข่าววันนี้ ไม่ใช่เรื่องผลงานดังกล่าว ทุกคนอยากรู้แค่ว่า "มาดามแป้ง จะจัดการปัญหาหนี้สิน 360 ล้านบาทกับสยามสปอร์ตอย่างไร?" ผมขอสรุป 2 คดีของสมาคมกับสยามสปอร์ตนิดเดียวครับ ---------------คดีที่ 1 สยามสปอร์ต ฟ้อง สมาคมฟุตบอล 1,401 ล้านบาท โทษฐานฉีกสัญญาผู้ถือสิทธิประโยชน์ไทยลีก โดยไม่ได้รับความเห็นชอบศาลชั้นต้น : สมาคมต้องจ่ายค่าเสียหาย 50 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยศาลอุทธรณ์ : สมาคมต้องจ่ายค่าเสียหาย 450 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยศาลฎีกา : สมาคมต้องจ่ายค่าเสียหาย 360 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยสมาคมแพ้คดีทุกศาล เพราะต่อให้คุณจะไม่ชอบสัญญาขนาดไหน คุณก็ไปฉีกสัญญาที่เซ็นกันแล้วอย่างถูกต้องไม่ได้ มาดามแป้งบอกว่า หนี้สินไม่ได้มีแค่เงินต้น 360 ล้าน แต่ดอกเบี้ยก็มหาศาลมาก เกิน 200 ล้านบาทแน่นอน---------------คดีที่ 2 สมาคมฟุตบอล ฟ้อง สยามสปอร์ต ขอเอาทรัพย์สินคืน 1,139 ล้านบาท เนื่องจากมองว่าสยามสปอร์ต ทำเงินจากการเป็นผู้ถือสิทธิประโยชน์ แต่ไม่ยอมส่งมอบเงินให้สมาคมศาลชั้นต้น : สยามสปอร์ต ต้องจ่ายค่าเสียหาย 99 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยศาลอุทธรณ์ : ยกฟ้อง ศาลฎีกา : ไม่รับฎีกาคดีที่สมาคมฟ้องสยามสปอร์ต จบแล้วเช่นกัน ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ไม่มีหลักฐานเพียงพอว่าสยามสปอร์ตกั๊กเงินเอาไว้เอง ทำให้บทสรุปของคดีนี้ สยามสปอร์ตชนะอีกคดี ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายแม้แต่บาทเดียว---------------ในการปะทะกันบนศาลครั้งนี้ สยามสปอร์ตเป็นฝ่ายชนะโดยสมบูรณ์ไปแล้ว ทั้ง 2 คดี และสมาคมต้องหาเงินมหาศาลเอามาชำระหนี้แปลว่า มาดามแป้ง มารับตำแหน่งนายกสมาคม 1 ปี เธอมีหนี้สิ้นเริ่มต้น 105 ล้านบาท ตามด้วยหนี้ก้อนที่สองของสยามสปอร์ต (เงินต้น + ดอกเบี้ย) อีก 560 ล้านบาท รวมแล้วกลมๆ สมาคมมีหนี้สิ้นทั้งหมด 665 ล้านบาท ที่ต้องชดใช้ในทางกฎหมายนั้น คนที่ฉีกสัญญาของสยามสปอร์ตคือ "นิติบุคคล" ไม่ใช่ตัว "สมยศ" แปลว่า ภาระหนี้สิ้นเหล่านี้ มาดามแป้งในฐานะนายกสมาคมคนปัจจุบัน ต้องเป็นคนหาเงินมาชำระให้เจ้าหนี้ถ้าเธอหาเงินไม่ได้ สมาคมอาจจะถูกยึดทรัพย์ สำนักงานที่ทำการสมาคมก็จะโดนยึดเอาไปจ่ายหนี้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นจุดอ่อนไหวของมาดามแป้งอย่างมาก เพราะถ้าสมาคมที่ก่อตั้งมา 110 ปี ต้องล่มสลาย โดนยึดทุกอย่างในยุคของเธอ มันจะเป็นตราบาปที่ติดในใจเธอไปตลอดเมื่อพูดถึงตรงนี้ มาดามแป้งร้องไห้ เธอบอกว่า "แป้งมาด้วยเจตนาดี ทุกคนคงจะเห็นใจแป้งบ้าง สิ่งที่แป้งเจอเนี่ย แป้งทำเต็มที่ ในฐานะผู้หญิงคนแรกที่เป็นนายกสมาคมฟุตบอลคนแรกของทวีปเอเชีย เข้ามาไม่มีอะไรเลย มีแต่หนี้ แป้งไม่เคยดราม่า แต่ว่าแป้งคิดว่า แป้งทำงานมาได้ถึงขนาดนี้ แป้งเต็มที่แล้ว ""แป้งแค่ขอความเห็นใจ และขอกำลังใจ จากแฟนบอลและสื่อมวลชน เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ต้องถูกแก้ด้วยแป้งและสภากรรมการ แต่เรื่องหนี้สินมันไม่ได้เกิดขึ้นในยุคแป้ง แต่แป้งต้องมารับทุกสิ่งทุกอย่าง แป้งเป็นคน และเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจเหมือนกัน"ถ้าเราพูดกันแบบตรงๆ เลย ตลอด 1 ปีของมาดามแป้ง เธอก็มีผลงานไม่เลวหลายอย่าง เช่น พาทีมชาติไทยมีอันดับโลกต่ำกว่าร้อย ครั้งแรกในรอบ 16 ปี, หาเงินมาจ่ายให้สโมสรไทยลีกได้สำเร็จ รวมถึง จัดงานฟีฟ่า คองเกรสได้เยี่ยมจนได้รับคำชมแน่นอน มาดามแป้งไม่ได้เพอร์เฟ็กต์ ทุกคนทราบดี เรื่องโปรแกรมเลื่อนไทยลีกจนชุลมุน เธอก็ยังจัดการไม่ดีนัก แต่อย่างน้อย การต่อสู้ในสภาพที่สมาคมเจอหนี้มหาศาลขนาดนี้ ถือว่าโอเคแล้วสำหรับเรื่องการใช้หนี้ เมื่อศาลมีฎีกามาแล้ว ยังไงก็ต้องหาเงินมาชดใช้ โชคดีที่ทางมาดามแป้ง กับ ระวิ โหลทอง เจ้าของสยามสปอร์ต สนิทสนมกันดี ก็อาจจะพอประนีประนอม ยืดเวลาจ่ายกันได้อยู่จริงอยู่ แม้ศาลจะระบุว่า คนที่ต้องใช้หนี้ คือสมาคมฟุตบอลซึ่งเป็นนิติบุคคล แต่มาดามแป้งรู้สึกว่าการกระทำที่สร้างความเสียหายขนาดนี้ ไม่แฟร์เลยที่ พล.ต.อ.สมยศ จะรอดไปดื้อๆ โดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไรดังนั้นเธอจึงศึกษาข้อมูล และค้นพบว่ามีประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76 ที่ระบุว่า "นิติบุคคลที่ต้องชดใช้ความเสียหาย สามารถไล่เบี้ย ฟ้องร้องคืนจากคนที่ก่อความเสียหายได้" มาดามแป้ง จึงเตรียมฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ และ สภากรรมการชุดก่อน ในมาตรา 76 นี้ โทษฐานฉีกสัญญากับสยามสปอร์ตโดยพลการ จนสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับสมาคม เรื่องนี้จะขึ้นสู่ศาลแน่นอน ก็ต้องมาดูกันว่า สมาคมฟุตบอลจะสามารถทวงเงินคืนสักก้อน จากพล.ต.อ.สมยศ และสภากรรมการชุดเก่าได้หรือไม่ ---------------ในงานแถลงข่าวครั้งนี้ ไฮไลท์ของจริง ที่มาดามแป้งอยากเล่า ไม่ใช่คดีของสยามสปอร์ต แต่เป็นการแฉพล.ต.อ.สมยศ แบบ "เละ" อัดทุกอย่างจนกระจุยไปหมด ในวันแรกที่มาดามแป้งมารับงานเป็นนายกสมาคมคนใหม่ เมื่อเจอหนี้สินร้อยล้านกว่าบาท ทำให้เธอตั้งคำถามว่า แล้วเงินก้อนต่างๆ ที่สมาคมได้รับมาก่อนหน้านี้ หายไปไหนหมด?ทำให้เธอตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจชื่อ "คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน" นำโดย นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย จากจังหวัดเลย ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องคดีฟอกเงิน มาไล่เช็กรายรับ-รายจ่าย ของสมาคมยุคก่อนว่า เงินมันไปอยู่ไหนบ้างสิ่งที่ค้นเจอจากการตรวจสอบมีหลายอย่าง ที่แปลก [ เรื่องแปลกอย่างที่ 1 ] คดีที่สมาคม ฟ้อง สยามสปอร์ต 1,139 ล้านบาท สมาคมของพล.ต.อ.สมยศ ได้ติดต่อทนายความเอาไว้ และมีการตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายการว่าความแล้วเรียบร้อยศาลชั้นต้น 750,000 บาท, ศาลอุทธรณ์ 300,000 บาท และ ศาลฎีกา 300,000 บาท เป็นค่าวิชาชีพของทีมทนายความในศาลชั้นต้น กับ ศาลอุทธรณ์ก็จ่ายกันไป ตามราคา แต่พอถึงศาลฎีกา (ที่ศาลไม่รับฟ้องด้วย) จากตัวเลขที่ตกลงกัน 3 แสนบาท อยู่ๆ ทางสมาคมไปจ่ายให้ทนายความ เป็นจำนวน 30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมาดื้อๆ 100 เท่าโดยการจ่ายเงิน 30 ล้านบาท เกิดขึ้นก่อน พล.ต.อ.สมยศ จะหมดวาระไม่ถึง 1 เดือนเท่านั้น ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า เป็นไปได้หรือ ที่จะว่าความด้วยราคา 30 ล้านบาท? แล้วทำไมถึงจ่ายแพงกว่าร้อยเท่าจากเดิมที่ตกลงกัน นี่คือการ "ทิ้งทวน" เอาเงินก้อนสุดท้าย ก่อนจะอำลาตำแหน่งหรือเปล่า ก็ไม่สามารถตอบได้[ เรื่องแปลกอย่างที่ 2 ] ทุกๆ ปี ฟีฟ่าจะจ่ายเงินสนับสนุนให้สมาคมฟุตบอลทั่วโลกปีละ 1,250,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่พอมาดามแป้งเข้ามาทำงานในปีแรก ฟีฟ่ากลับจ่ายให้แค่ 750,000 ดอลลาร์เท่านั้น หายไป 5 แสนเหรียญทีมงานของมาดามแป้งจึงไปค้นข้อมูล ปรากฏว่า สมาคมยุคพล.ต.อ.สมยศ ไปขอกู้เงินจากฟีฟ่า ในวันที่ 9 ตุลาคม 2563 เป็นจำนวน 5 ล้านดอลลาร์ (155 ล้านบาท)ฟีฟ่าจ่ายให้ 5 ล้านดอลลาร์ตามคำขอ โดยแจ้งสมาคมให้ชดใช้คืน ด้วยการผ่อนจ่าย 10 ปี (2564-2573) ปีละ 5 แสนดอลลาร์ ซึ่งทางฟีฟ่าจะหักเอาเลย จากเงินสนับสนุนที่จะให้สมาคมเป็นรายปีนั่นคือเหตุผลที่สมาคมยุคมาดามแป้ง จะเงินหายไป 5 แสนเหรียญ (16.8 ล้านบาท) ทุกปี จนถึงปี 2573นี่เป็นเรื่องที่มาดามแป้งเฮิร์ทมาก เพราะเธอหมดวาระนายกสมาคม ในปี 2571 เท่ากับว่าเธอต้องจ่าย 5 แสนเหรียญที่ พล.ต.อ.สมยศก่อขึ้นมาไปเรื่อยๆ จนจบวาระของเธอเลยด้วยซ้ำขณะที่ 5 ล้านดอลลาร์ที่ได้มาจากฟีฟ่าตอนแรกสุด ก็ไม่รู้อยู่ไหนแล้ว จับมือใครดมไม่ได้ มีข่าวว่าเอามาใช้จ่ายในช่วงโควิด ที่ไม่มีรายได้ แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าใช้จ่ายไปกับอะไรบ้าง[ เรื่องแปลกอย่างที่ 3 ]พล.ต.อ.สมยศ ตัดสินใจขาย Data Analytics และ Gaming Right ของ ฟุตบอลไทยลีก และ ทีมชาติไทย ให้กับบริษัท Perform จากมาเลเซียทั้งสองอย่างคือ สิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดของฟุตบอลไทย เช่น เปอร์เซ็นต์การครองบอล, จำนวนใบเหลือง-ใบเหลือง, จำนวนนาทีที่ลงสนาม, ระยะทางการวิ่งของผู้เล่นแต่ละคน ข้อมูลเหล่านี้ สามารถเอาไปใช้ในอะไรก็ได้ เช่น เอาไปสร้างเกมแฟนตาซี, เอาไปใช้เป็นข้อมูลสำหรับโต๊ะพนัน หรือถ้าคิด worst case คือเอาสถิติเหล่านี้มาศึกษาทั้งไทยลีก หรือทีมชาติก็ได้ เพื่อที่ชาติเพื่อนบ้านจะได้แซงหน้าเราไปได้ในอนาคต พล.ต.อ.สมยศ ขายสิทธิ์ Data Analytics และ Gaming Right ยาวไปจนถึงปี 2571 ซึ่งมาดามแป้ง พยายามขอซื้อคืน เพราะไม่อยากให้ข้อมูลบอลไทยรั่วไหล แต่บริษัท Perform ไม่ขาย เงินที่ได้จากการขายลิขสิทธิ์ก้อนนี้ "ไม่รู้อยู่ไหน" แต่ปัญหาไม่ใช่แค่เรื่องเงินเท่านั้น มันเป็นข้อมูลภายในของฟุตบอลไทย ที่ไม่รู้ว่าประเทศอื่นจะเอาไปใช้ทำอะไรก็ไม่รู้ เป็นเรื่องที่น่ากังวลเหมือนกัน[ เรื่องแปลกอย่างที่ 4 ]ในวงการฟุตบอลไทยนั้น เป็นธรรมเนียม ที่นายกสมาคมจะไม่รับเงินเดือนกัน คือผมไม่ได้บอกว่า ดีหรือเปล่า แต่ธรรมเนียมปฏิบัติเขาทำกันมาแบบนี้ คนที่ลงสมัครนายกสมาคมจะรู้แต่แรกโดยธรรมชาติอย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สมยศ เป็นคนแรกที่รับเงินเดือนในฐานะนายกสมาคม โดยตั้งเงินเดือนให้ตัวเอง เป็นจำนวน 5 แสนบาท ไม่เพียงแค่นั้น ยังรับเงินอีกทาง ในฐานะผู้บริหารของบริษัท ไทยลีก อีกจำนวน 5 แสนบาท รวมแล้วเป็นเงินทั้งสิ้นเดือนละ 1 ล้านบาทเคยมีคนไปสอบถามในเรื่องนี้ แต่พล.ต.อ.สมยศ ก็อธิบายว่า รับเงินเดือนมาก็จริง แต่ก็มีการบริจาคกลับคืนให้สมาคม เป็นจำนวน 32 ล้านบาท ไม่ได้เอาไปทั้งหมดขนาดนั้นปัญหาในเรื่องนี้คือ ทีมตรวจสอบของมาดามแป้งไปหาเงิน 32 ล้านที่ว่านี้ และ "ยังไม่พบ" จนถึงตอนนี้ ก็ไม่รู้ว่าเงินก้อนนี้อยู่ไหน ไม่รู้ว่ามีการบริจาคจริงตามที่พูดหรือเปล่า---------------มาดามแป้งใช้เวลาแถลงข่าวทั้งหมด 64 นาที เล่าทุกอย่าง แบบตรงไปตรงมา เธอยืนยันว่า "ไม่ได้มีปัญหาส่วนตัว กับ พล.ต.อ.สมยศ แต่จำเป็นต้องทำ เพื่อทวงเงินที่เป็นของสมาคมกลับคืนมา เพราะสมาคมฟุตบอลต้องเดินหน้าต่อไปให้ได้" ทีนี้ เมื่อฝั่งสมาคมโจมตีใส่อย่างหนักหน่วงแล้ว ก็ถึงคิวของ พล.ต.อ.สมยศ ต้องออกมาอธิบายตัวเอง ว่าข้อสงสัยต่างๆ ที่มาดามแป้งพูดถึงนั้น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ค่าทนาย 30 ล้าน มันก็แปลกจริงๆ นั่นแหละน่าคิดนะ ว่าเงินก้อนโตที่เข้าออกสมาคม จำนวนมากกว่าร้อยล้าน สุดท้ายมันหายไปไหนหมด ทำไมเหลือแต่หนี้สินทิ้งเอาไว้สำหรับประเด็นที่เราต้องติดตาม มีหลายอย่าง เช่น ในปี 2571 ที่จะหมดสัญญากับผู้ถือสิทธิประโยชน์รายปัจจุบัน (แพลนบี) และ เจ้าของลิขสิทธิ์เสื้อแข่งทีมชาติ (วอร์ริกซ์) สมาคมจะเดินหมากอย่างไรต่อ จะเซ็นกัน 8 ปีแบบเดิมอีกไหม รวมถึง การเจรจาหาทางชำระหนี้สยามสปอร์ตจะทำอย่างไร เมื่อไม่มีเงินในบัญชีเลย จะเล่นแร่แปรธาตุ หาเงินจากไหนได้บ้าง? นี่คือช่วงเวลาที่มาดามแป้งต้องใช้กลยุทธ์ธุรกิจทุกอย่าง รวมถึงคอนเน็กชั่นทั้งหมดที่เธอมี ในการประคองให้สมาคมรอดพ้นวิกฤติไปให้ได้หลังจบงานแถลงข่าว มาดามแป้งเดินมาขอบคุณสื่อมวลชน และพอเธอเดินมาถึง ผมถามเธอว่า "เจอแบบนี้ ภาระหนี้สินหลายร้อยล้านที่ตัวเองไม่ได้ก่อ เคยคิดจะลาออกไหมครับ?" มาดามแป้ง หยุดคิด แล้วตอบผมว่า "เคยคิดนะคะ" "แต่เราได้กำลังใจจากคนมากมาย นายกสมาคมประเทศอื่นในเอเชีย ก็บอกว่าอยู่ต่อเถอะ เพราะเราทำงานได้ดีแล้ว มันก็เลยมีพลังที่จะสู้ต่อ""และที่สำคัญ ถ้าเราไม่ทำ ถ้าเราไม่แก้ปัญหานี้ แล้วจะปล่อยให้ใครจะมาแก้ ดังนั้นก็ต้องสู้ค่ะ"ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวการแถลงข่าว ที่เดือดดาลที่สุดของสมาคมฟุตบอล มาดามแป้งเริ่มด้วยเสียงหัวเราะ รอยยิ้มในการแถลงผลงาน ตามด้วยอารมณ์โมโห ก่อนจะปิดท้ายด้วยน้ำตาเข้าใจเธอครับ ถ้าอยู่ๆ ต้องมารับภาระหนี้สินร้อยล้านแบบไม่ทันตั้งตัวขนาดนี้ คงทั้งแค้น ทั้งเศร้าเป็นธรรมดาการเป็นผู้นำองค์กร ที่ต้องแบกรับความคาดหวังทุกอย่าง มันไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ วันนี้มาดามแป้งทำให้เห็นว่า เธอก็คือมนุษย์คนหนึ่งที่มีความอ่อนไหว เสียใจได้ ร้องไห้เป็น แต่แม้จะเสียใจแค่ไหน ก็ต้องปาดน้ำตาแล้วแก้ปัญหากันต่อปิดท้ายในเรื่องนี้ สิ่งที่น่าจับตาที่สุดคือ ความโปร่งใสของอดีตนายกฯ สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่เข้ามารับตำแหน่ง กับสโลแกนว่า "มาจับโจร" แต่ตอนนี้กลับโดนข้อครหามากมาย เหมือนว่าเขาเป็นโจรเสียเองสมมุติว่า เขาไม่ได้ทำอะไรผิด บริหารงานด้วยความบริสุทธิ์ใจมาตลอด ก็ไม่เห็นต้องกลัวการตรวจสอบ คนซื่อสัตย์ย่อมต้องหาคำอธิบายทุกอย่างได้อยู่แล้ว แต่ในทางตรงข้าม ถ้ามีจิตใจคิดทุจริต หวังใช้สมาคมฟุตบอลในการกอบโกยผลประโยชน์ล่ะก็ รับรองได้ว่าเรื่องนี้ จะไม่จบง่ายๆ อย่างแน่นอนเพราะถ้าหากคนเป็นผู้นำ ยังไม่ตรงไปตรงมา มีนอกมีในอยู่ตลอด แล้วอนาคตของวงการฟุตบอลไทยจะเป็นอย่างไร ... แค่คิดก็สิ้นหวังแล้ว
    12 มีนาคม 2568-เพจวิเคราะห์บอลจริงจังเขียนบทความน่าสนใจว่ามาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ มารับงานตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 สิ่งแรกที่เธอต้องเจอคือ "หนี้สิน" ที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ทิ้งไว้ให้เงินในบัญชีของสมาคม ณ วันนั้น มีทั้งหมด 27.7 ล้านบาท ส่วนหนี้สินมี 132.6 ล้านบาท แปลว่า ยุคของมาดามแป้งต้องเริ่มแบบติดลบ 105 ล้านบาทย้อนกลับไปดูวันสุดท้าย ของพล.ต.อ.สมยศ ในฐานะนายกสมาคม เขาบอกว่า "อิจฉาคนที่จะเข้ามาเป็นนายกฯ คนใหม่ ที่เข้ามาแล้วมีพร้อมทุกอย่าง ตอนที่ผมเข้ามามีแค่กุญแจดอกเดียวใช้เปิดเข้าสมาคม คนเรามันวาสนาไม่เท่ากันจริงๆ" โอเค... พล.ต.อ.สมยศ อาจเริ่มต้นด้วยกุญแจดอกเดียว ไขเข้าไปในห้องแล้วเจอแต่ความว่างเปล่าแต่กับเคสของมาดามแป้ง เธอเอากุญแจดอกนั้นไขเข้าไป แล้วเจอ "กองหนี้สินมหาศาล" ที่เธอไม่ได้ก่อ แต่ต้องเป็นคนชดใช้ในวันนี้ (11 มีนาคม) มาดามแป้งแถลงผลงาน ครบ 1 ปีที่เข้ามาเป็นนายกสมาคม แต่สาเหตุที่สื่อมวลชนมหาศาลมาทำข่าววันนี้ ไม่ใช่เรื่องผลงานดังกล่าว ทุกคนอยากรู้แค่ว่า "มาดามแป้ง จะจัดการปัญหาหนี้สิน 360 ล้านบาทกับสยามสปอร์ตอย่างไร?" ผมขอสรุป 2 คดีของสมาคมกับสยามสปอร์ตนิดเดียวครับ ---------------คดีที่ 1 สยามสปอร์ต ฟ้อง สมาคมฟุตบอล 1,401 ล้านบาท โทษฐานฉีกสัญญาผู้ถือสิทธิประโยชน์ไทยลีก โดยไม่ได้รับความเห็นชอบศาลชั้นต้น : สมาคมต้องจ่ายค่าเสียหาย 50 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยศาลอุทธรณ์ : สมาคมต้องจ่ายค่าเสียหาย 450 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยศาลฎีกา : สมาคมต้องจ่ายค่าเสียหาย 360 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยสมาคมแพ้คดีทุกศาล เพราะต่อให้คุณจะไม่ชอบสัญญาขนาดไหน คุณก็ไปฉีกสัญญาที่เซ็นกันแล้วอย่างถูกต้องไม่ได้ มาดามแป้งบอกว่า หนี้สินไม่ได้มีแค่เงินต้น 360 ล้าน แต่ดอกเบี้ยก็มหาศาลมาก เกิน 200 ล้านบาทแน่นอน---------------คดีที่ 2 สมาคมฟุตบอล ฟ้อง สยามสปอร์ต ขอเอาทรัพย์สินคืน 1,139 ล้านบาท เนื่องจากมองว่าสยามสปอร์ต ทำเงินจากการเป็นผู้ถือสิทธิประโยชน์ แต่ไม่ยอมส่งมอบเงินให้สมาคมศาลชั้นต้น : สยามสปอร์ต ต้องจ่ายค่าเสียหาย 99 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยศาลอุทธรณ์ : ยกฟ้อง ศาลฎีกา : ไม่รับฎีกาคดีที่สมาคมฟ้องสยามสปอร์ต จบแล้วเช่นกัน ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ไม่มีหลักฐานเพียงพอว่าสยามสปอร์ตกั๊กเงินเอาไว้เอง ทำให้บทสรุปของคดีนี้ สยามสปอร์ตชนะอีกคดี ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายแม้แต่บาทเดียว---------------ในการปะทะกันบนศาลครั้งนี้ สยามสปอร์ตเป็นฝ่ายชนะโดยสมบูรณ์ไปแล้ว ทั้ง 2 คดี และสมาคมต้องหาเงินมหาศาลเอามาชำระหนี้แปลว่า มาดามแป้ง มารับตำแหน่งนายกสมาคม 1 ปี เธอมีหนี้สิ้นเริ่มต้น 105 ล้านบาท ตามด้วยหนี้ก้อนที่สองของสยามสปอร์ต (เงินต้น + ดอกเบี้ย) อีก 560 ล้านบาท รวมแล้วกลมๆ สมาคมมีหนี้สิ้นทั้งหมด 665 ล้านบาท ที่ต้องชดใช้ในทางกฎหมายนั้น คนที่ฉีกสัญญาของสยามสปอร์ตคือ "นิติบุคคล" ไม่ใช่ตัว "สมยศ" แปลว่า ภาระหนี้สิ้นเหล่านี้ มาดามแป้งในฐานะนายกสมาคมคนปัจจุบัน ต้องเป็นคนหาเงินมาชำระให้เจ้าหนี้ถ้าเธอหาเงินไม่ได้ สมาคมอาจจะถูกยึดทรัพย์ สำนักงานที่ทำการสมาคมก็จะโดนยึดเอาไปจ่ายหนี้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นจุดอ่อนไหวของมาดามแป้งอย่างมาก เพราะถ้าสมาคมที่ก่อตั้งมา 110 ปี ต้องล่มสลาย โดนยึดทุกอย่างในยุคของเธอ มันจะเป็นตราบาปที่ติดในใจเธอไปตลอดเมื่อพูดถึงตรงนี้ มาดามแป้งร้องไห้ เธอบอกว่า "แป้งมาด้วยเจตนาดี ทุกคนคงจะเห็นใจแป้งบ้าง สิ่งที่แป้งเจอเนี่ย แป้งทำเต็มที่ ในฐานะผู้หญิงคนแรกที่เป็นนายกสมาคมฟุตบอลคนแรกของทวีปเอเชีย เข้ามาไม่มีอะไรเลย มีแต่หนี้ แป้งไม่เคยดราม่า แต่ว่าแป้งคิดว่า แป้งทำงานมาได้ถึงขนาดนี้ แป้งเต็มที่แล้ว ""แป้งแค่ขอความเห็นใจ และขอกำลังใจ จากแฟนบอลและสื่อมวลชน เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ต้องถูกแก้ด้วยแป้งและสภากรรมการ แต่เรื่องหนี้สินมันไม่ได้เกิดขึ้นในยุคแป้ง แต่แป้งต้องมารับทุกสิ่งทุกอย่าง แป้งเป็นคน และเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจเหมือนกัน"ถ้าเราพูดกันแบบตรงๆ เลย ตลอด 1 ปีของมาดามแป้ง เธอก็มีผลงานไม่เลวหลายอย่าง เช่น พาทีมชาติไทยมีอันดับโลกต่ำกว่าร้อย ครั้งแรกในรอบ 16 ปี, หาเงินมาจ่ายให้สโมสรไทยลีกได้สำเร็จ รวมถึง จัดงานฟีฟ่า คองเกรสได้เยี่ยมจนได้รับคำชมแน่นอน มาดามแป้งไม่ได้เพอร์เฟ็กต์ ทุกคนทราบดี เรื่องโปรแกรมเลื่อนไทยลีกจนชุลมุน เธอก็ยังจัดการไม่ดีนัก แต่อย่างน้อย การต่อสู้ในสภาพที่สมาคมเจอหนี้มหาศาลขนาดนี้ ถือว่าโอเคแล้วสำหรับเรื่องการใช้หนี้ เมื่อศาลมีฎีกามาแล้ว ยังไงก็ต้องหาเงินมาชดใช้ โชคดีที่ทางมาดามแป้ง กับ ระวิ โหลทอง เจ้าของสยามสปอร์ต สนิทสนมกันดี ก็อาจจะพอประนีประนอม ยืดเวลาจ่ายกันได้อยู่จริงอยู่ แม้ศาลจะระบุว่า คนที่ต้องใช้หนี้ คือสมาคมฟุตบอลซึ่งเป็นนิติบุคคล แต่มาดามแป้งรู้สึกว่าการกระทำที่สร้างความเสียหายขนาดนี้ ไม่แฟร์เลยที่ พล.ต.อ.สมยศ จะรอดไปดื้อๆ โดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไรดังนั้นเธอจึงศึกษาข้อมูล และค้นพบว่ามีประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76 ที่ระบุว่า "นิติบุคคลที่ต้องชดใช้ความเสียหาย สามารถไล่เบี้ย ฟ้องร้องคืนจากคนที่ก่อความเสียหายได้" มาดามแป้ง จึงเตรียมฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ และ สภากรรมการชุดก่อน ในมาตรา 76 นี้ โทษฐานฉีกสัญญากับสยามสปอร์ตโดยพลการ จนสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับสมาคม เรื่องนี้จะขึ้นสู่ศาลแน่นอน ก็ต้องมาดูกันว่า สมาคมฟุตบอลจะสามารถทวงเงินคืนสักก้อน จากพล.ต.อ.สมยศ และสภากรรมการชุดเก่าได้หรือไม่ ---------------ในงานแถลงข่าวครั้งนี้ ไฮไลท์ของจริง ที่มาดามแป้งอยากเล่า ไม่ใช่คดีของสยามสปอร์ต แต่เป็นการแฉพล.ต.อ.สมยศ แบบ "เละ" อัดทุกอย่างจนกระจุยไปหมด ในวันแรกที่มาดามแป้งมารับงานเป็นนายกสมาคมคนใหม่ เมื่อเจอหนี้สินร้อยล้านกว่าบาท ทำให้เธอตั้งคำถามว่า แล้วเงินก้อนต่างๆ ที่สมาคมได้รับมาก่อนหน้านี้ หายไปไหนหมด?ทำให้เธอตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจชื่อ "คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน" นำโดย นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย จากจังหวัดเลย ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องคดีฟอกเงิน มาไล่เช็กรายรับ-รายจ่าย ของสมาคมยุคก่อนว่า เงินมันไปอยู่ไหนบ้างสิ่งที่ค้นเจอจากการตรวจสอบมีหลายอย่าง ที่แปลก [ เรื่องแปลกอย่างที่ 1 ] คดีที่สมาคม ฟ้อง สยามสปอร์ต 1,139 ล้านบาท สมาคมของพล.ต.อ.สมยศ ได้ติดต่อทนายความเอาไว้ และมีการตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายการว่าความแล้วเรียบร้อยศาลชั้นต้น 750,000 บาท, ศาลอุทธรณ์ 300,000 บาท และ ศาลฎีกา 300,000 บาท เป็นค่าวิชาชีพของทีมทนายความในศาลชั้นต้น กับ ศาลอุทธรณ์ก็จ่ายกันไป ตามราคา แต่พอถึงศาลฎีกา (ที่ศาลไม่รับฟ้องด้วย) จากตัวเลขที่ตกลงกัน 3 แสนบาท อยู่ๆ ทางสมาคมไปจ่ายให้ทนายความ เป็นจำนวน 30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมาดื้อๆ 100 เท่าโดยการจ่ายเงิน 30 ล้านบาท เกิดขึ้นก่อน พล.ต.อ.สมยศ จะหมดวาระไม่ถึง 1 เดือนเท่านั้น ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า เป็นไปได้หรือ ที่จะว่าความด้วยราคา 30 ล้านบาท? แล้วทำไมถึงจ่ายแพงกว่าร้อยเท่าจากเดิมที่ตกลงกัน นี่คือการ "ทิ้งทวน" เอาเงินก้อนสุดท้าย ก่อนจะอำลาตำแหน่งหรือเปล่า ก็ไม่สามารถตอบได้[ เรื่องแปลกอย่างที่ 2 ] ทุกๆ ปี ฟีฟ่าจะจ่ายเงินสนับสนุนให้สมาคมฟุตบอลทั่วโลกปีละ 1,250,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่พอมาดามแป้งเข้ามาทำงานในปีแรก ฟีฟ่ากลับจ่ายให้แค่ 750,000 ดอลลาร์เท่านั้น หายไป 5 แสนเหรียญทีมงานของมาดามแป้งจึงไปค้นข้อมูล ปรากฏว่า สมาคมยุคพล.ต.อ.สมยศ ไปขอกู้เงินจากฟีฟ่า ในวันที่ 9 ตุลาคม 2563 เป็นจำนวน 5 ล้านดอลลาร์ (155 ล้านบาท)ฟีฟ่าจ่ายให้ 5 ล้านดอลลาร์ตามคำขอ โดยแจ้งสมาคมให้ชดใช้คืน ด้วยการผ่อนจ่าย 10 ปี (2564-2573) ปีละ 5 แสนดอลลาร์ ซึ่งทางฟีฟ่าจะหักเอาเลย จากเงินสนับสนุนที่จะให้สมาคมเป็นรายปีนั่นคือเหตุผลที่สมาคมยุคมาดามแป้ง จะเงินหายไป 5 แสนเหรียญ (16.8 ล้านบาท) ทุกปี จนถึงปี 2573นี่เป็นเรื่องที่มาดามแป้งเฮิร์ทมาก เพราะเธอหมดวาระนายกสมาคม ในปี 2571 เท่ากับว่าเธอต้องจ่าย 5 แสนเหรียญที่ พล.ต.อ.สมยศก่อขึ้นมาไปเรื่อยๆ จนจบวาระของเธอเลยด้วยซ้ำขณะที่ 5 ล้านดอลลาร์ที่ได้มาจากฟีฟ่าตอนแรกสุด ก็ไม่รู้อยู่ไหนแล้ว จับมือใครดมไม่ได้ มีข่าวว่าเอามาใช้จ่ายในช่วงโควิด ที่ไม่มีรายได้ แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าใช้จ่ายไปกับอะไรบ้าง[ เรื่องแปลกอย่างที่ 3 ]พล.ต.อ.สมยศ ตัดสินใจขาย Data Analytics และ Gaming Right ของ ฟุตบอลไทยลีก และ ทีมชาติไทย ให้กับบริษัท Perform จากมาเลเซียทั้งสองอย่างคือ สิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดของฟุตบอลไทย เช่น เปอร์เซ็นต์การครองบอล, จำนวนใบเหลือง-ใบเหลือง, จำนวนนาทีที่ลงสนาม, ระยะทางการวิ่งของผู้เล่นแต่ละคน ข้อมูลเหล่านี้ สามารถเอาไปใช้ในอะไรก็ได้ เช่น เอาไปสร้างเกมแฟนตาซี, เอาไปใช้เป็นข้อมูลสำหรับโต๊ะพนัน หรือถ้าคิด worst case คือเอาสถิติเหล่านี้มาศึกษาทั้งไทยลีก หรือทีมชาติก็ได้ เพื่อที่ชาติเพื่อนบ้านจะได้แซงหน้าเราไปได้ในอนาคต พล.ต.อ.สมยศ ขายสิทธิ์ Data Analytics และ Gaming Right ยาวไปจนถึงปี 2571 ซึ่งมาดามแป้ง พยายามขอซื้อคืน เพราะไม่อยากให้ข้อมูลบอลไทยรั่วไหล แต่บริษัท Perform ไม่ขาย เงินที่ได้จากการขายลิขสิทธิ์ก้อนนี้ "ไม่รู้อยู่ไหน" แต่ปัญหาไม่ใช่แค่เรื่องเงินเท่านั้น มันเป็นข้อมูลภายในของฟุตบอลไทย ที่ไม่รู้ว่าประเทศอื่นจะเอาไปใช้ทำอะไรก็ไม่รู้ เป็นเรื่องที่น่ากังวลเหมือนกัน[ เรื่องแปลกอย่างที่ 4 ]ในวงการฟุตบอลไทยนั้น เป็นธรรมเนียม ที่นายกสมาคมจะไม่รับเงินเดือนกัน คือผมไม่ได้บอกว่า ดีหรือเปล่า แต่ธรรมเนียมปฏิบัติเขาทำกันมาแบบนี้ คนที่ลงสมัครนายกสมาคมจะรู้แต่แรกโดยธรรมชาติอย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สมยศ เป็นคนแรกที่รับเงินเดือนในฐานะนายกสมาคม โดยตั้งเงินเดือนให้ตัวเอง เป็นจำนวน 5 แสนบาท ไม่เพียงแค่นั้น ยังรับเงินอีกทาง ในฐานะผู้บริหารของบริษัท ไทยลีก อีกจำนวน 5 แสนบาท รวมแล้วเป็นเงินทั้งสิ้นเดือนละ 1 ล้านบาทเคยมีคนไปสอบถามในเรื่องนี้ แต่พล.ต.อ.สมยศ ก็อธิบายว่า รับเงินเดือนมาก็จริง แต่ก็มีการบริจาคกลับคืนให้สมาคม เป็นจำนวน 32 ล้านบาท ไม่ได้เอาไปทั้งหมดขนาดนั้นปัญหาในเรื่องนี้คือ ทีมตรวจสอบของมาดามแป้งไปหาเงิน 32 ล้านที่ว่านี้ และ "ยังไม่พบ" จนถึงตอนนี้ ก็ไม่รู้ว่าเงินก้อนนี้อยู่ไหน ไม่รู้ว่ามีการบริจาคจริงตามที่พูดหรือเปล่า---------------มาดามแป้งใช้เวลาแถลงข่าวทั้งหมด 64 นาที เล่าทุกอย่าง แบบตรงไปตรงมา เธอยืนยันว่า "ไม่ได้มีปัญหาส่วนตัว กับ พล.ต.อ.สมยศ แต่จำเป็นต้องทำ เพื่อทวงเงินที่เป็นของสมาคมกลับคืนมา เพราะสมาคมฟุตบอลต้องเดินหน้าต่อไปให้ได้" ทีนี้ เมื่อฝั่งสมาคมโจมตีใส่อย่างหนักหน่วงแล้ว ก็ถึงคิวของ พล.ต.อ.สมยศ ต้องออกมาอธิบายตัวเอง ว่าข้อสงสัยต่างๆ ที่มาดามแป้งพูดถึงนั้น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ค่าทนาย 30 ล้าน มันก็แปลกจริงๆ นั่นแหละน่าคิดนะ ว่าเงินก้อนโตที่เข้าออกสมาคม จำนวนมากกว่าร้อยล้าน สุดท้ายมันหายไปไหนหมด ทำไมเหลือแต่หนี้สินทิ้งเอาไว้สำหรับประเด็นที่เราต้องติดตาม มีหลายอย่าง เช่น ในปี 2571 ที่จะหมดสัญญากับผู้ถือสิทธิประโยชน์รายปัจจุบัน (แพลนบี) และ เจ้าของลิขสิทธิ์เสื้อแข่งทีมชาติ (วอร์ริกซ์) สมาคมจะเดินหมากอย่างไรต่อ จะเซ็นกัน 8 ปีแบบเดิมอีกไหม รวมถึง การเจรจาหาทางชำระหนี้สยามสปอร์ตจะทำอย่างไร เมื่อไม่มีเงินในบัญชีเลย จะเล่นแร่แปรธาตุ หาเงินจากไหนได้บ้าง? นี่คือช่วงเวลาที่มาดามแป้งต้องใช้กลยุทธ์ธุรกิจทุกอย่าง รวมถึงคอนเน็กชั่นทั้งหมดที่เธอมี ในการประคองให้สมาคมรอดพ้นวิกฤติไปให้ได้หลังจบงานแถลงข่าว มาดามแป้งเดินมาขอบคุณสื่อมวลชน และพอเธอเดินมาถึง ผมถามเธอว่า "เจอแบบนี้ ภาระหนี้สินหลายร้อยล้านที่ตัวเองไม่ได้ก่อ เคยคิดจะลาออกไหมครับ?" มาดามแป้ง หยุดคิด แล้วตอบผมว่า "เคยคิดนะคะ" "แต่เราได้กำลังใจจากคนมากมาย นายกสมาคมประเทศอื่นในเอเชีย ก็บอกว่าอยู่ต่อเถอะ เพราะเราทำงานได้ดีแล้ว มันก็เลยมีพลังที่จะสู้ต่อ""และที่สำคัญ ถ้าเราไม่ทำ ถ้าเราไม่แก้ปัญหานี้ แล้วจะปล่อยให้ใครจะมาแก้ ดังนั้นก็ต้องสู้ค่ะ"ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวการแถลงข่าว ที่เดือดดาลที่สุดของสมาคมฟุตบอล มาดามแป้งเริ่มด้วยเสียงหัวเราะ รอยยิ้มในการแถลงผลงาน ตามด้วยอารมณ์โมโห ก่อนจะปิดท้ายด้วยน้ำตาเข้าใจเธอครับ ถ้าอยู่ๆ ต้องมารับภาระหนี้สินร้อยล้านแบบไม่ทันตั้งตัวขนาดนี้ คงทั้งแค้น ทั้งเศร้าเป็นธรรมดาการเป็นผู้นำองค์กร ที่ต้องแบกรับความคาดหวังทุกอย่าง มันไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ วันนี้มาดามแป้งทำให้เห็นว่า เธอก็คือมนุษย์คนหนึ่งที่มีความอ่อนไหว เสียใจได้ ร้องไห้เป็น แต่แม้จะเสียใจแค่ไหน ก็ต้องปาดน้ำตาแล้วแก้ปัญหากันต่อปิดท้ายในเรื่องนี้ สิ่งที่น่าจับตาที่สุดคือ ความโปร่งใสของอดีตนายกฯ สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่เข้ามารับตำแหน่ง กับสโลแกนว่า "มาจับโจร" แต่ตอนนี้กลับโดนข้อครหามากมาย เหมือนว่าเขาเป็นโจรเสียเองสมมุติว่า เขาไม่ได้ทำอะไรผิด บริหารงานด้วยความบริสุทธิ์ใจมาตลอด ก็ไม่เห็นต้องกลัวการตรวจสอบ คนซื่อสัตย์ย่อมต้องหาคำอธิบายทุกอย่างได้อยู่แล้ว แต่ในทางตรงข้าม ถ้ามีจิตใจคิดทุจริต หวังใช้สมาคมฟุตบอลในการกอบโกยผลประโยชน์ล่ะก็ รับรองได้ว่าเรื่องนี้ จะไม่จบง่ายๆ อย่างแน่นอนเพราะถ้าหากคนเป็นผู้นำ ยังไม่ตรงไปตรงมา มีนอกมีในอยู่ตลอด แล้วอนาคตของวงการฟุตบอลไทยจะเป็นอย่างไร ... แค่คิดก็สิ้นหวังแล้ว
    0 Comments 0 Shares 283 Views 0 Reviews
  • Empirical Health เปิดบริการใหม่ซึ่งเป็นการผสมผสานข้อมูลด้านสุขภาพจากสมาร์ทวอทช์และผลตรวจเลือด เพื่อสร้าง "คะแนนสุขภาพ" ที่ครอบคลุมและลึกซึ้งยิ่งขึ้น

    Empirical Health Radar สามารถรวบรวมข้อมูลชีวภาพ (biomarkers) มากกว่า 40 ชนิดจากสมาร์ทวอทช์ เช่น Apple Watch หรืออุปกรณ์ Wear OS แล้วนำข้อมูลเหล่านี้มาประมวลผลร่วมกับผลการตรวจเลือด เพื่อวิเคราะห์สุขภาพใน 6 ด้านสำคัญ ได้แก่ หัวใจ การนอนหลับ การออกกำลังกาย สุขภาพจิต ปอด และไต/ตับ โดยแอปพลิเคชันนี้มีเป้าหมายที่จะเสริมความสามารถของสมาร์ทวอทช์ในการติดตามสุขภาพ ให้ครอบคลุมในจุดที่อุปกรณ์เหล่านี้ยังไม่สามารถทำได้

    ที่สำคัญคือ ระบบนี้ออกแบบมาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เช่น Dr. Raquel Rodriguez โดยยึดมาตรฐานจากองค์กรทางการแพทย์ชั้นนำอย่าง American Heart Association และ American College of Cardiology เพื่อความแม่นยำและน่าเชื่อถือ

    นอกจากการวัดค่าทั่วไปอย่างอัตราการเต้นของหัวใจหรือความดันโลหิต ระบบยังมีฟีเจอร์ให้ผู้ใช้สามารถอัพโหลดผลตรวจเลือดที่มีอยู่แล้ว หรือจองการตรวจเลือดใหม่ผ่านแอปในราคา $97 รวมถึงสามารถใช้ได้แม้ไม่มีผลตรวจเลือดล่าสุด แต่จะได้คะแนนสุขภาพแบบบางส่วน

    https://www.techradar.com/health-fitness/this-new-health-protocol-combines-40-smartwatch-biomarkers-and-blood-tests-to-give-you-a-health-score
    Empirical Health เปิดบริการใหม่ซึ่งเป็นการผสมผสานข้อมูลด้านสุขภาพจากสมาร์ทวอทช์และผลตรวจเลือด เพื่อสร้าง "คะแนนสุขภาพ" ที่ครอบคลุมและลึกซึ้งยิ่งขึ้น Empirical Health Radar สามารถรวบรวมข้อมูลชีวภาพ (biomarkers) มากกว่า 40 ชนิดจากสมาร์ทวอทช์ เช่น Apple Watch หรืออุปกรณ์ Wear OS แล้วนำข้อมูลเหล่านี้มาประมวลผลร่วมกับผลการตรวจเลือด เพื่อวิเคราะห์สุขภาพใน 6 ด้านสำคัญ ได้แก่ หัวใจ การนอนหลับ การออกกำลังกาย สุขภาพจิต ปอด และไต/ตับ โดยแอปพลิเคชันนี้มีเป้าหมายที่จะเสริมความสามารถของสมาร์ทวอทช์ในการติดตามสุขภาพ ให้ครอบคลุมในจุดที่อุปกรณ์เหล่านี้ยังไม่สามารถทำได้ ที่สำคัญคือ ระบบนี้ออกแบบมาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เช่น Dr. Raquel Rodriguez โดยยึดมาตรฐานจากองค์กรทางการแพทย์ชั้นนำอย่าง American Heart Association และ American College of Cardiology เพื่อความแม่นยำและน่าเชื่อถือ นอกจากการวัดค่าทั่วไปอย่างอัตราการเต้นของหัวใจหรือความดันโลหิต ระบบยังมีฟีเจอร์ให้ผู้ใช้สามารถอัพโหลดผลตรวจเลือดที่มีอยู่แล้ว หรือจองการตรวจเลือดใหม่ผ่านแอปในราคา $97 รวมถึงสามารถใช้ได้แม้ไม่มีผลตรวจเลือดล่าสุด แต่จะได้คะแนนสุขภาพแบบบางส่วน https://www.techradar.com/health-fitness/this-new-health-protocol-combines-40-smartwatch-biomarkers-and-blood-tests-to-give-you-a-health-score
    0 Comments 0 Shares 121 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้นำเสนอเกี่ยวกับการเจาะระบบความปลอดภัยของ LastPass ผู้ให้บริการจัดการรหัสผ่านชื่อดัง ที่เชื่อมโยงกับการโจรกรรมคริปโทเคอร์เรนซีมูลค่าสูงถึง 150 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมีเป้าหมายไปที่ Chris Larsen ผู้ร่วมก่อตั้ง Ripple และบุคคลอื่น ๆ อีกมากมายในวงการคริปโท

    เหตุการณ์นี้เริ่มต้นจากการที่ข้อมูลสำคัญถูกขโมยจาก LastPass ในปี 2022 ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ถูกจัดเก็บไว้ในส่วน "Secure Notes" ซึ่งรวมถึง seed phrases ที่ใช้ในการเข้าถึงกระเป๋าเงินคริปโท โดยผู้เสียหายส่วนใหญ่ไม่ได้รับการแจ้งเตือนที่ชัดเจนจาก LastPass เกี่ยวกับความเสี่ยงนี้ ทำให้การขโมยเงินคริปโทเกิดขึ้นซ้ำ ๆ อย่างต่อเนื่อง

    จุดที่น่าสนใจคือ แฮกเกอร์ไม่ได้ใช้วิธีการโจมตีที่เราคุ้นเคย เช่น การโจมตีอีเมล หรือการปลอมแปลงเบอร์โทรศัพท์ แต่พวกเขาอาศัยข้อมูลที่ได้จาก LastPass โดยตรงเพื่อเข้าถึงบัญชีผู้ใช้ นอกจากนี้ ยังมีการเคลื่อนย้ายเงินคริปโทไปยังกระเป๋าเงินหลายแห่งเพื่อปกปิดเส้นทางเงิน

    บทเรียนจากเหตุการณ์นี้คือ การใช้รหัสผ่านที่ซับซ้อนและการจัดเก็บ seed phrases ในที่ปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรเก็บข้อมูลสำคัญเหล่านี้ในอุปกรณ์ที่ไม่ได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (ออฟไลน์) เช่น ฮาร์ดแวร์วอลเล็ต

    https://www.techspot.com/news/107092-federal-agents-confirm-lastpass-hack-connection-high-profile.html
    ข่าวนี้นำเสนอเกี่ยวกับการเจาะระบบความปลอดภัยของ LastPass ผู้ให้บริการจัดการรหัสผ่านชื่อดัง ที่เชื่อมโยงกับการโจรกรรมคริปโทเคอร์เรนซีมูลค่าสูงถึง 150 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมีเป้าหมายไปที่ Chris Larsen ผู้ร่วมก่อตั้ง Ripple และบุคคลอื่น ๆ อีกมากมายในวงการคริปโท เหตุการณ์นี้เริ่มต้นจากการที่ข้อมูลสำคัญถูกขโมยจาก LastPass ในปี 2022 ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ถูกจัดเก็บไว้ในส่วน "Secure Notes" ซึ่งรวมถึง seed phrases ที่ใช้ในการเข้าถึงกระเป๋าเงินคริปโท โดยผู้เสียหายส่วนใหญ่ไม่ได้รับการแจ้งเตือนที่ชัดเจนจาก LastPass เกี่ยวกับความเสี่ยงนี้ ทำให้การขโมยเงินคริปโทเกิดขึ้นซ้ำ ๆ อย่างต่อเนื่อง จุดที่น่าสนใจคือ แฮกเกอร์ไม่ได้ใช้วิธีการโจมตีที่เราคุ้นเคย เช่น การโจมตีอีเมล หรือการปลอมแปลงเบอร์โทรศัพท์ แต่พวกเขาอาศัยข้อมูลที่ได้จาก LastPass โดยตรงเพื่อเข้าถึงบัญชีผู้ใช้ นอกจากนี้ ยังมีการเคลื่อนย้ายเงินคริปโทไปยังกระเป๋าเงินหลายแห่งเพื่อปกปิดเส้นทางเงิน บทเรียนจากเหตุการณ์นี้คือ การใช้รหัสผ่านที่ซับซ้อนและการจัดเก็บ seed phrases ในที่ปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรเก็บข้อมูลสำคัญเหล่านี้ในอุปกรณ์ที่ไม่ได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (ออฟไลน์) เช่น ฮาร์ดแวร์วอลเล็ต https://www.techspot.com/news/107092-federal-agents-confirm-lastpass-hack-connection-high-profile.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Federal agents confirm LastPass breach linked to massive cryptocurrency heists
    The $150 million heist, which occurred on January 30, 2024, is believed to have targeted Chris Larsen, co-founder of the cryptocurrency platform Ripple, according to blockchain security...
    0 Comments 0 Shares 97 Views 0 Reviews
  • บทความนี้พูดถึงการก้าวเข้าสู่ยุคของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งเต็มไปด้วยโอกาสสำหรับทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและผู้ที่มีความเข้าใจในธุรกิจ โดยมีสองเส้นทางหลักที่ผู้คนสามารถเลือกเดินได้ ได้แก่ การสร้าง AI หรือการนำ AI มาช่วยสร้างธุรกิจของตัวเอง

    ในแง่ของการทำงานด้านเทคนิค ผู้เชี่ยวชาญด้าน IT สามารถใช้เครื่องมืออย่าง GitHub Copilot หรือ DALL-E เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และควรพัฒนาทักษะในการกำหนดคำสั่ง (prompt engineering) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพสูงสุดจาก AI ในขณะที่สำหรับผู้ที่อยู่ในสายงานธุรกิจ จำเป็นต้องเข้าใจการทำงานของ AI และวิธีการปรับใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการของอุตสาหกรรม เพื่อเสริมสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ

    ที่น่าสนใจคือการผสมผสานระหว่างความรู้ด้านเทคโนโลยีกับความเข้าใจในธุรกิจ ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในปัจจุบัน องค์กรต่าง ๆ กำลังมองหาคนที่มีความสามารถทั้งสองด้านเพื่อช่วยให้ธุรกิจเติบโต

    มีข้อแนะนำสำหรับผู้เชี่ยวชาญในสองสายงานดังนี้:
    1) สำหรับสายเทคนิค: เรียนรู้พื้นฐานของ AI ฝึกฝนทักษะการเขียนคำสั่ง และทดลองใช้เครื่องมือใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
    2) สำหรับสายธุรกิจ: ศึกษาการประยุกต์ใช้ AI ในอุตสาหกรรมของตัวเอง เข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้งาน และเรียนรู้วิธีการทำให้ผลิตภัณฑ์ของตัวเองโดดเด่นในตลาด

    เป็นที่ชัดเจนว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือที่สร้างความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยปลดล็อกศักยภาพทางอาชีพและธุรกิจในยุคใหม่ที่กำลังมาถึง

    https://www.zdnet.com/article/want-to-win-in-the-age-of-ai-you-can-either-build-it-or-build-your-business-with-it/
    บทความนี้พูดถึงการก้าวเข้าสู่ยุคของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งเต็มไปด้วยโอกาสสำหรับทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและผู้ที่มีความเข้าใจในธุรกิจ โดยมีสองเส้นทางหลักที่ผู้คนสามารถเลือกเดินได้ ได้แก่ การสร้าง AI หรือการนำ AI มาช่วยสร้างธุรกิจของตัวเอง ในแง่ของการทำงานด้านเทคนิค ผู้เชี่ยวชาญด้าน IT สามารถใช้เครื่องมืออย่าง GitHub Copilot หรือ DALL-E เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และควรพัฒนาทักษะในการกำหนดคำสั่ง (prompt engineering) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพสูงสุดจาก AI ในขณะที่สำหรับผู้ที่อยู่ในสายงานธุรกิจ จำเป็นต้องเข้าใจการทำงานของ AI และวิธีการปรับใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการของอุตสาหกรรม เพื่อเสริมสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ ที่น่าสนใจคือการผสมผสานระหว่างความรู้ด้านเทคโนโลยีกับความเข้าใจในธุรกิจ ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในปัจจุบัน องค์กรต่าง ๆ กำลังมองหาคนที่มีความสามารถทั้งสองด้านเพื่อช่วยให้ธุรกิจเติบโต มีข้อแนะนำสำหรับผู้เชี่ยวชาญในสองสายงานดังนี้: 1) สำหรับสายเทคนิค: เรียนรู้พื้นฐานของ AI ฝึกฝนทักษะการเขียนคำสั่ง และทดลองใช้เครื่องมือใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง 2) สำหรับสายธุรกิจ: ศึกษาการประยุกต์ใช้ AI ในอุตสาหกรรมของตัวเอง เข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้งาน และเรียนรู้วิธีการทำให้ผลิตภัณฑ์ของตัวเองโดดเด่นในตลาด เป็นที่ชัดเจนว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือที่สร้างความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยปลดล็อกศักยภาพทางอาชีพและธุรกิจในยุคใหม่ที่กำลังมาถึง https://www.zdnet.com/article/want-to-win-in-the-age-of-ai-you-can-either-build-it-or-build-your-business-with-it/
    WWW.ZDNET.COM
    Want to win in the age of AI? You can either build it or build your business with it
    In-depth knowledge of generative AI is in high demand - and the need for technical chops and business savvy is converging
    0 Comments 0 Shares 118 Views 0 Reviews
  • การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในโลกการทำงานที่เกิดจากการใช้ AI ในรูปแบบของตัวแทน (AI agents) ซึ่งไม่ใช่แค่ผู้ช่วยธรรมดาอีกต่อไป แต่เป็นระบบที่สามารถดำเนินการด้วยการวิเคราะห์และตัดสินใจด้วยตัวเอง โดยที่ไม่จำเป็นต้องได้รับคำสั่งอย่างละเอียดจากมนุษย์ในทุกขั้นตอน

    ตัวอย่างที่ชัดเจนของความแตกต่างระหว่างผู้ช่วย AI และตัวแทน AI คือ หากเราขอให้ AI ผู้ช่วยช่วยจองร้านอาหาร มันอาจจองร้านอาหารให้และส่งคำเชิญให้กับแขกได้ แต่ตัวแทน AI จะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ตรวจสอบตารางเวลาของคุณ ประเมินเวลาที่ใช้ในการเดินทาง และจองร้านอาหารที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ แม้ร้านแรกจะไม่ว่างก็ตาม

    ประโยชน์ที่สำคัญของการใช้ AI agents ในธุรกิจคือการช่วยลดภาระงานที่ต้องทำซ้ำซาก เช่น งานเอกสารหรือการดำเนินการภายในองค์กร ทำให้พนักงานสามารถใช้เวลาไปกับงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์หรือการแก้ไขปัญหาได้มากขึ้น และนอกจากนี้ AI agents ยังช่วยเชื่อมโยงเครื่องมือต่าง ๆ ภายในองค์กรให้ทำงานสอดประสานกันอย่างราบรื่น

    อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการใช้งาน AI agents โดยเฉพาะในเรื่องของผลกระทบต่อการจ้างงาน การเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญ และความเสี่ยงที่จะเกิดความลำเอียงของ AI แต่ปัจจัยสำคัญอยู่ที่การกำหนดบทบาทของ AI อย่างเหมาะสม เช่น ให้มันเป็นเครื่องมือช่วยสนับสนุน มากกว่าจะตัดสินใจแทนมนุษย์

    สิ่งที่ธุรกิจควรทำตอนนี้คือการเริ่มต้นเรียนรู้และปรับตัว เพราะ AI กำลังเปลี่ยนแปลงการทำงานอย่างรวดเร็ว การเพิ่มพูนทักษะและการใช้ AI อย่างชาญฉลาดจะเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในยุคใหม่นี้

    https://www.zdnet.com/article/ai-agents-arent-just-assistants-how-theyre-changing-the-future-of-work-today/
    การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในโลกการทำงานที่เกิดจากการใช้ AI ในรูปแบบของตัวแทน (AI agents) ซึ่งไม่ใช่แค่ผู้ช่วยธรรมดาอีกต่อไป แต่เป็นระบบที่สามารถดำเนินการด้วยการวิเคราะห์และตัดสินใจด้วยตัวเอง โดยที่ไม่จำเป็นต้องได้รับคำสั่งอย่างละเอียดจากมนุษย์ในทุกขั้นตอน ตัวอย่างที่ชัดเจนของความแตกต่างระหว่างผู้ช่วย AI และตัวแทน AI คือ หากเราขอให้ AI ผู้ช่วยช่วยจองร้านอาหาร มันอาจจองร้านอาหารให้และส่งคำเชิญให้กับแขกได้ แต่ตัวแทน AI จะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ตรวจสอบตารางเวลาของคุณ ประเมินเวลาที่ใช้ในการเดินทาง และจองร้านอาหารที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ แม้ร้านแรกจะไม่ว่างก็ตาม ประโยชน์ที่สำคัญของการใช้ AI agents ในธุรกิจคือการช่วยลดภาระงานที่ต้องทำซ้ำซาก เช่น งานเอกสารหรือการดำเนินการภายในองค์กร ทำให้พนักงานสามารถใช้เวลาไปกับงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์หรือการแก้ไขปัญหาได้มากขึ้น และนอกจากนี้ AI agents ยังช่วยเชื่อมโยงเครื่องมือต่าง ๆ ภายในองค์กรให้ทำงานสอดประสานกันอย่างราบรื่น อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการใช้งาน AI agents โดยเฉพาะในเรื่องของผลกระทบต่อการจ้างงาน การเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญ และความเสี่ยงที่จะเกิดความลำเอียงของ AI แต่ปัจจัยสำคัญอยู่ที่การกำหนดบทบาทของ AI อย่างเหมาะสม เช่น ให้มันเป็นเครื่องมือช่วยสนับสนุน มากกว่าจะตัดสินใจแทนมนุษย์ สิ่งที่ธุรกิจควรทำตอนนี้คือการเริ่มต้นเรียนรู้และปรับตัว เพราะ AI กำลังเปลี่ยนแปลงการทำงานอย่างรวดเร็ว การเพิ่มพูนทักษะและการใช้ AI อย่างชาญฉลาดจะเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในยุคใหม่นี้ https://www.zdnet.com/article/ai-agents-arent-just-assistants-how-theyre-changing-the-future-of-work-today/
    WWW.ZDNET.COM
    AI agents aren't just assistants: How they're changing the future of work today
    We're officially in the era of AI agents. Here's how they're different from assistants, and how they're affecting workplace dynamics.
    0 Comments 0 Shares 113 Views 0 Reviews
  • ทรัมป์ต้องการใช้คริปโตล้างหนี้สหรัฐ พร้อมปฏิวัติระบบการเงินโลก : คนเคาะข่าว 11-03-68
    : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์

    #ทรัมป์ #คริปโต #ล้างหนี้สหรัฐ #ปฏิวัติการเงินโลก #Bitcoin #CBDC #ดอลลาร์ดิจิทัล #เศรษฐกิจโลก #คนเคาะข่าว #ข่าวต่างประเทศ #Geopolitics #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #ทนงขันทอง #คริปโตเคอเรนซี #Blockchain #การเงินโลก #ThaiTimes
    ทรัมป์ต้องการใช้คริปโตล้างหนี้สหรัฐ พร้อมปฏิวัติระบบการเงินโลก : คนเคาะข่าว 11-03-68 : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์ #ทรัมป์ #คริปโต #ล้างหนี้สหรัฐ #ปฏิวัติการเงินโลก #Bitcoin #CBDC #ดอลลาร์ดิจิทัล #เศรษฐกิจโลก #คนเคาะข่าว #ข่าวต่างประเทศ #Geopolitics #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #ทนงขันทอง #คริปโตเคอเรนซี #Blockchain #การเงินโลก #ThaiTimes
    Yay
    1
    0 Comments 0 Shares 344 Views 7 0 Reviews
  • พระบูชาหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ปี2532
    พระบูชาหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ต.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ปี2532 //พระเก่า พศ.ลึก !! ขนาดหน้าตัก 4 นิ้ว (นิยม) ..สภาพหิ้งๆครับ เหมาะในบ้านเรือน,ห้องทำงาน,กิจการร้านค้า. // พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย แท้ล้าน%. สถาพผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณเกี่ยวกับการแคล้วคลาดจากภยันตราย..เจริญรุ่งเรือง..มีชัย เมตตามหานิยม ผู้คนรักใคร่ ใช้ป้องกันอาเพศ คุณไสยและสิ่งอัปมงคลทั้งหลาย ไม่ให้เข้ามากล้ำกราย อำนวยโชคลาภ ความมั่งคั่งทรัพย์สินเงินทอง อุดมด้วย ลาภ ยศ ความเจริญรุ่งเรืองดีนักแล” ทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาด ป้องกันภัย มหาเสน่ห์ มหาอุด รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้ >>

    ** ยอดอมตะเถระแห่งสยาม “หลวงปู่ทวด” วัดช้างให้ หากมีใครกล่าวถึงเชื่อว่าคนไทยทั่วประเทศคงไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะท่านคือพระผู้มีอภิญญาอันแก่กล้า “หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด”...ได้ชื่อว่าเป็นพระอริยสงฆ์เก่าแก่ ผู้เชี่ยวชาญทั้งไสยเวท... พุทธศาสตร์แห่งกรุงศรีฯเป็นที่ศรัทธาและเคารพบูชามากที่สุดรูปหนึ่งของประเทศไทย >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย แท้ล้าน%. สถาพผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    พระบูชาหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ปี2532 พระบูชาหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ต.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ปี2532 //พระเก่า พศ.ลึก !! ขนาดหน้าตัก 4 นิ้ว (นิยม) ..สภาพหิ้งๆครับ เหมาะในบ้านเรือน,ห้องทำงาน,กิจการร้านค้า. // พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย แท้ล้าน%. สถาพผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณเกี่ยวกับการแคล้วคลาดจากภยันตราย..เจริญรุ่งเรือง..มีชัย เมตตามหานิยม ผู้คนรักใคร่ ใช้ป้องกันอาเพศ คุณไสยและสิ่งอัปมงคลทั้งหลาย ไม่ให้เข้ามากล้ำกราย อำนวยโชคลาภ ความมั่งคั่งทรัพย์สินเงินทอง อุดมด้วย ลาภ ยศ ความเจริญรุ่งเรืองดีนักแล” ทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาด ป้องกันภัย มหาเสน่ห์ มหาอุด รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้ >> ** ยอดอมตะเถระแห่งสยาม “หลวงปู่ทวด” วัดช้างให้ หากมีใครกล่าวถึงเชื่อว่าคนไทยทั่วประเทศคงไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะท่านคือพระผู้มีอภิญญาอันแก่กล้า “หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด”...ได้ชื่อว่าเป็นพระอริยสงฆ์เก่าแก่ ผู้เชี่ยวชาญทั้งไสยเวท... พุทธศาสตร์แห่งกรุงศรีฯเป็นที่ศรัทธาและเคารพบูชามากที่สุดรูปหนึ่งของประเทศไทย >> ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย แท้ล้าน%. สถาพผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 113 Views 0 Reviews
  • เซเลนสกีพบกับมกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน (MBS)

    ซึ่งเขากล่าวชื่นชม MBS ที่มีมุมมองอันชาญฉลาดเกี่ยวกับกิจการระดับโลกและการสนับสนุนยูเครน ซึ่งมุ่ลเน้นไปที่ขั้นตอนและเงื่อนไขที่จำเป็นในการยุติสงครามและรักษาสันติภาพ

    นอกจากนี้ เซเลนสกียังหารือกับซาอุดีอาระเบียในการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและลงทุนในยูเครน รวมไปถึงภาคส่วนสำคัญสำหรับการลงทุน โดยเริ่มจากความมั่นคงด้านพลังงาน และโครงสร้างพื้นฐาน
    เซเลนสกีพบกับมกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน (MBS) ซึ่งเขากล่าวชื่นชม MBS ที่มีมุมมองอันชาญฉลาดเกี่ยวกับกิจการระดับโลกและการสนับสนุนยูเครน ซึ่งมุ่ลเน้นไปที่ขั้นตอนและเงื่อนไขที่จำเป็นในการยุติสงครามและรักษาสันติภาพ นอกจากนี้ เซเลนสกียังหารือกับซาอุดีอาระเบียในการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและลงทุนในยูเครน รวมไปถึงภาคส่วนสำคัญสำหรับการลงทุน โดยเริ่มจากความมั่นคงด้านพลังงาน และโครงสร้างพื้นฐาน
    0 Comments 0 Shares 169 Views 25 0 Reviews
  • พวกผู้เชี่ยวชาญและเหล่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรของเยอรมนี มีความกังวลเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับความเป็นไปไดที่สหรัฐฯจะตัดขาดจากระยะไกล การใช้งานเครื่องบินขับไล่ F-35 ที่วอชิงตันส่งมอบให้แก่เบอร์ลิน ในกรณีที่เกิดวิกฤตการณ์หนึ่งใด หลังจากเมื่อเร็วๆนี้อเมริกาเพิ่งหยุดสนับสนุนทางทหารและระงับป้อนข้อมูลข่าวกรองแก่ยูเครน ตามรายงานของหนังสือพิมพ์บิลด์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์
    .
    กองทัพอากาศเยอรมนี เตรียมได้รับการส่งมอบเครื่องบินขับไล่ F-35A Lightning II ที่ผลิตโดยอเมริกา จำนวน 35 ลำ ในปี 2026 ส่วนหนึ่งในข้อตกลงมูลค่า 8,300 ล้านยูโร อย่างไรก็ตามสมาชิกรัฐสภาเยอรมนีบางส่วนกังวลว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งขัดแย้งกับอียูในหลายๆประเด็น อาจใช้ตัวตัดการเชื่อมต่อ "kill switch" ทำให้เครื่องบินเหล่านั้นขึ้นบินไม่ได้ หากว่าวอชิงตันกับชาติต่างๆในยุโรป เห็นต่างกันในแนวทางที่ใช้รับมือกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดความขัดแย้งกับรัสเซีย
    .
    "kill switch ไม่มีอะไรมากไปกว่าข่าวลือ" โจอาชิม ชรานโชเฟอร์ หัวหน้าฝ่ายสื่อสารมวลชน Hensoldt บริษัทกลาโหมของเยอรมนี บอกกับหนังสือพิมพ์บิลด์ "แต่มันคงดีกว่า ถ้าวางแผนภารกิจอย่างเป็นระบบ ให้เครื่องบินยังอยู่บนภาคพื้น"
    .
    โวล์ฟกัง อิสชินเดกอร์ อดีตประธานมูลนิธิ Munich Security Conference ตั้งคำถามเกี่ยวกับชะตากรรมของสัญญาจัดซื้อดังกล่าว "ถ้าเราหวั่นเกรงว่าสหรัฐฯจะทำกับฝูงบิน F-35 ในอนาคตของเยอรมนี แบบเดียวกับที่ทำกับยูเครนในปัจจุบัน เราอาจยกเลิกสัญญา" เขาบอกกับหนังสือพิมพ์บิลด์
    .
    ความกังวลเกี่ยวกับ kill switch บนเครื่องบินรบที่ผลิตโดยสหรัฐฯ ยังสะท้อนได้จากความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ส หนึ่งในนั้นรวมถึง ริชาร์ด อาบัวลาเฟีย นักวิเคราะห์ด้านกลาโหม ที่บอกว่าแม้ยังไม่เคยมีคำยืนยันเกี่ยวกับ "kill switch" แต่ "ลองสมมุติดู มันอาจมีอยู่จริง ถ้าคุณมีบางอย่างที่สามารถทำอะไรเล็กๆน้อยๆกับรหัสซอฟต์แวร์ "
    .
    ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆชี้ว่า โดยพื้นฐานแล้ว kill switch เป็นสิ่งที่เกินความจำเป็น สืบเนื่องจากความล้ำสมัยของเครื่องบินขับไล่สมัยใหม่และมันพึ่งพาอาศัยผู้ขายมากจนเกินไป "กองทัพยุโรปเกือบทั้งหมดพึ่งพาสหรัฐฯเป็นอย่างมาก สำหรับการสนับสนุนด้านติดต่อสื่อสาร สำหรับสนับสนุนการสงครามอิเล็กทรอนิก และสำหรับเติมเสบียงกระสุนในความขัดแย้งร้ายแรงใดๆ" จัสติน บรอนค์ นักวิจัยจากสถาบัน Royal United Services บอกกับไฟแนนเชียลไทม์ส
    .
    ความกังวลเกี่ยวกับเครื่องบิน F-35 ปรากฏขึ้นมา หลังจากสหรัฐฯระงับความช่วยเหลือทางทหารและข้อมูลข่าวกรองที่มอบแก่ยูเครน ตามหลังศึกวิวาทะระหว่าง ทรัมป์ กับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน โดยระหว่างนั้นผู้นำสหรัฐฯกล่าวหาผู้นำยูเครนว่าไม่ต้องการมีสันติภาพกับรัสเซีย
    .
    โครงการ F-35 ถูกให้คำนิยามว่าเป็นโครงการทางทหารแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ ต้นทุนรวมของโครงการนี้ทะลุ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ตลอดช่วงอายุของโครงการ อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ F-35 ทำการบินในเที่ยวบินปฐมฤกษ์เมื่อปี 2006 โครงการนี้ก็ถูกห้อมล้อมด้วยปัญหาต้นทุนบานปลาย ล่าช้าและประเด็นความน่าเชื่อถือ จนถึงตอนนี้เครื่องบินรุ่นนี้ถูกผลิตออกมาแล้วกว่า 1,100 ลำ จำนวนมากเป็นการป้อนสู่บรรดาพันธมิตรของอเมริกา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000023273
    ..............
    Sondhi X
    พวกผู้เชี่ยวชาญและเหล่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรของเยอรมนี มีความกังวลเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับความเป็นไปไดที่สหรัฐฯจะตัดขาดจากระยะไกล การใช้งานเครื่องบินขับไล่ F-35 ที่วอชิงตันส่งมอบให้แก่เบอร์ลิน ในกรณีที่เกิดวิกฤตการณ์หนึ่งใด หลังจากเมื่อเร็วๆนี้อเมริกาเพิ่งหยุดสนับสนุนทางทหารและระงับป้อนข้อมูลข่าวกรองแก่ยูเครน ตามรายงานของหนังสือพิมพ์บิลด์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ . กองทัพอากาศเยอรมนี เตรียมได้รับการส่งมอบเครื่องบินขับไล่ F-35A Lightning II ที่ผลิตโดยอเมริกา จำนวน 35 ลำ ในปี 2026 ส่วนหนึ่งในข้อตกลงมูลค่า 8,300 ล้านยูโร อย่างไรก็ตามสมาชิกรัฐสภาเยอรมนีบางส่วนกังวลว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งขัดแย้งกับอียูในหลายๆประเด็น อาจใช้ตัวตัดการเชื่อมต่อ "kill switch" ทำให้เครื่องบินเหล่านั้นขึ้นบินไม่ได้ หากว่าวอชิงตันกับชาติต่างๆในยุโรป เห็นต่างกันในแนวทางที่ใช้รับมือกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดความขัดแย้งกับรัสเซีย . "kill switch ไม่มีอะไรมากไปกว่าข่าวลือ" โจอาชิม ชรานโชเฟอร์ หัวหน้าฝ่ายสื่อสารมวลชน Hensoldt บริษัทกลาโหมของเยอรมนี บอกกับหนังสือพิมพ์บิลด์ "แต่มันคงดีกว่า ถ้าวางแผนภารกิจอย่างเป็นระบบ ให้เครื่องบินยังอยู่บนภาคพื้น" . โวล์ฟกัง อิสชินเดกอร์ อดีตประธานมูลนิธิ Munich Security Conference ตั้งคำถามเกี่ยวกับชะตากรรมของสัญญาจัดซื้อดังกล่าว "ถ้าเราหวั่นเกรงว่าสหรัฐฯจะทำกับฝูงบิน F-35 ในอนาคตของเยอรมนี แบบเดียวกับที่ทำกับยูเครนในปัจจุบัน เราอาจยกเลิกสัญญา" เขาบอกกับหนังสือพิมพ์บิลด์ . ความกังวลเกี่ยวกับ kill switch บนเครื่องบินรบที่ผลิตโดยสหรัฐฯ ยังสะท้อนได้จากความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ส หนึ่งในนั้นรวมถึง ริชาร์ด อาบัวลาเฟีย นักวิเคราะห์ด้านกลาโหม ที่บอกว่าแม้ยังไม่เคยมีคำยืนยันเกี่ยวกับ "kill switch" แต่ "ลองสมมุติดู มันอาจมีอยู่จริง ถ้าคุณมีบางอย่างที่สามารถทำอะไรเล็กๆน้อยๆกับรหัสซอฟต์แวร์ " . ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆชี้ว่า โดยพื้นฐานแล้ว kill switch เป็นสิ่งที่เกินความจำเป็น สืบเนื่องจากความล้ำสมัยของเครื่องบินขับไล่สมัยใหม่และมันพึ่งพาอาศัยผู้ขายมากจนเกินไป "กองทัพยุโรปเกือบทั้งหมดพึ่งพาสหรัฐฯเป็นอย่างมาก สำหรับการสนับสนุนด้านติดต่อสื่อสาร สำหรับสนับสนุนการสงครามอิเล็กทรอนิก และสำหรับเติมเสบียงกระสุนในความขัดแย้งร้ายแรงใดๆ" จัสติน บรอนค์ นักวิจัยจากสถาบัน Royal United Services บอกกับไฟแนนเชียลไทม์ส . ความกังวลเกี่ยวกับเครื่องบิน F-35 ปรากฏขึ้นมา หลังจากสหรัฐฯระงับความช่วยเหลือทางทหารและข้อมูลข่าวกรองที่มอบแก่ยูเครน ตามหลังศึกวิวาทะระหว่าง ทรัมป์ กับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน โดยระหว่างนั้นผู้นำสหรัฐฯกล่าวหาผู้นำยูเครนว่าไม่ต้องการมีสันติภาพกับรัสเซีย . โครงการ F-35 ถูกให้คำนิยามว่าเป็นโครงการทางทหารแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ ต้นทุนรวมของโครงการนี้ทะลุ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ตลอดช่วงอายุของโครงการ อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ F-35 ทำการบินในเที่ยวบินปฐมฤกษ์เมื่อปี 2006 โครงการนี้ก็ถูกห้อมล้อมด้วยปัญหาต้นทุนบานปลาย ล่าช้าและประเด็นความน่าเชื่อถือ จนถึงตอนนี้เครื่องบินรุ่นนี้ถูกผลิตออกมาแล้วกว่า 1,100 ลำ จำนวนมากเป็นการป้อนสู่บรรดาพันธมิตรของอเมริกา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000023273 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    10
    0 Comments 0 Shares 1475 Views 0 Reviews
  • 11/3/68

    ภัยเงียบจาก "อาหารยอดฮิต" แค่ 1 ชิ้น อายุสั้นลง 36 นาที คนไทยกินแทบทุกวัน

    { กินอาหารไม่เป็น อายุลดลง }

    ผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐฯ เตือน "อาหารยอดฮิต" กินแค่ 1 ชิ้น อายุขัยสั้นลง 36 นาที เป็นเมนูโปรดคนไทยที่กินแทบทุกวัน

    การเลือกอาหารของคุณไม่เพียงแค่มีผลต่อสุขภาพปัจจุบันของคุณ แต่ยังมีผลต่ออายุขัยในอนาคตด้วย ดังนั้น ควรพิจารณาอย่างรอบคอบเมื่อกินอาหาร 6 อย่างนี้

    เป็นคำกล่าวที่ถูกต้องว่า "โรคมาจากปาก" เพราะการเลือกอาหารของแต่ละคนไม่เพียงแค่ตอบสนองต่อรสชาติและให้พลังงานเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพและอายุขัยของคุณด้วย อาหารที่ดีและการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยให้คุณมีสุขภาพดีและมีอายุยืนยาว ในขณะที่การมีนิสัยการกินที่ไม่ดีจะมีผลในทางตรงกันข้าม

    การวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนและมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก พบว่าอาหารบางประเภท "กิน" ชีวิตคุณได้อย่างรวดเร็ว แต่เป็นอาหารที่หลายคนชื่นชอบ ดร. โอลิเวียร์ โจลิเยต์ หัวหน้าผู้วิจัยกล่าวว่าอาหารที่อยู่ในอันดับต้นๆ ได้แก่ อาหารแปรรูปขั้นสูง (UFOs) ซึ่งเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือดและมะเร็ง 34 ชนิด รวมถึงปัญหาสุขภาพอื่นๆ

    1.ไส้กรอก: กิน 1 ชิ้นเท่ากับการตัดเวลาในชีวิตออกไป 36 นาที ไส้กรอกอยู่ในอันดับต้นๆ ของอาหารที่ทำให้ชีวิตสั้นลง ดร. ดาริน เดตไวเลอร์ (มหาวิทยาลัยมิชิแกน) อธิบายว่าเป็นเพราะเนื้อสัตว์แปรรูปประเภทนี้มีไขมัน ไนไตรต์และไนเตรตจำนวนมาก พร้อมทั้งอาจมีสารแต่งรสและสารกันบูด เมื่อกินมากขึ้น ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคอ้วน โรคหัวใจ และเบาหวาน การแปรรูปมักใช้ไขมันและน้ำมันจำนวนมาก โดยการใช้ความร้อนสูงอาจทำให้เกิดสารก่อมะเร็งบางประเภท

    2.แซนด์วิชเช้า: ลดอายุขัย 13 นาทีต่อมื้อ แซนด์วิชเช้าพร้อมทานอาจสะดวก แต่ถ้ากินเป็นประจำไม่ดีต่อสุขภาพ ขนมปังขาวเป็นแป้งที่ผ่านการขัดสี - ขนมปังที่ผลิตในปริมาณมากซึ่งมีแคลอรีที่ว่างเปล่าและสารเติมแต่งที่ไม่ดี สำหรับไข่, เนื้อสัตว์แปรรูป, ชีส และเนยในแซนด์วิชก็ทำให้ได้รับไขมันอิ่มตัวมากเกินไป

    3.น้ำอัดลม: ลดอายุขัย 12 นาทีต่อกระป๋อง ดร. โอลิเวียร์ โจลิเยต์เตือนว่าน้ำตาลที่เติมลงไปในเครื่องดื่มเป็น "ศัตรูที่ซ่อนอยู่" ในหลายๆ เครื่องดื่ม เช่น น้ำอัดลมหรือแม้แต่น้ำผลไม้บรรจุกระป๋อง/ขวด การดื่มน้ำอัดลม 355 มล. จะทำให้คุณสูญเสียเวลาไป 24 นาทีจากชีวิต แต่ถ้าคุณดื่มมันเป็นประจำตั้งแต่อายุยังน้อย ก็อาจทำให้ชีวิตสั้นลงเกือบปีภายในอายุ 55 ปี น้ำตาลไม่ได้ทำให้เกิดโรคอ้วนเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ และมะเร็ง

    4.ขนมปังชีส: กิน 1 ชิ้นเท่ากับการตัดเวลาในชีวิต 9 นาที ขนมปังชีสโดยเฉพาะแบบที่ผลิตจำนวนมากและบรรจุหีบห่อไว้จะทำให้คุณสูญเสียเวลาไป 9 นาทีจากชีวิตทุกคำที่กัด ขนมปังชิ้นเล็กๆ หนักแค่ 150 กรัม หากขนมปังนั้นมีเนื้อหรือไส้กรอกและเสิร์ฟพร้อมชีส ก็จะยิ่งเพิ่มผลกระทบต่อสุขภาพและอายุขัย

    5.เบคอน: ลดเวลา 6 นาทีต่อการเสิร์ฟ ดร. ดาริน เดตไวเลอร์กล่าวว่าเบคอนมีเกลือและสารกันบูดมาก การบริโภคเบคอนเป็นประจำจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และมะเร็งลำไส้ใหญ่ การศึกษานี้พบว่าแค่การกินเบคอน 1 เสิร์ฟ (ประมาณ 15-20 กรัม) ก็สามารถทำให้ลดอายุขัยลง 26 นาที
    cr:sanook.com
    https://www.sanook.com/news/9672670/
    #ฐิติพรก้อนแก้วข้อมูลพลิกชีวิต
    #ฐิติพรก้อนแก้วกินอาหารเป็นไม่ต้องกินยา
    20 ธันวาคม 2567
    #เพจสุขภาพและความงามโดยเยาว์
    11/3/68 ภัยเงียบจาก "อาหารยอดฮิต" แค่ 1 ชิ้น อายุสั้นลง 36 นาที คนไทยกินแทบทุกวัน { กินอาหารไม่เป็น อายุลดลง } ผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐฯ เตือน "อาหารยอดฮิต" กินแค่ 1 ชิ้น อายุขัยสั้นลง 36 นาที เป็นเมนูโปรดคนไทยที่กินแทบทุกวัน การเลือกอาหารของคุณไม่เพียงแค่มีผลต่อสุขภาพปัจจุบันของคุณ แต่ยังมีผลต่ออายุขัยในอนาคตด้วย ดังนั้น ควรพิจารณาอย่างรอบคอบเมื่อกินอาหาร 6 อย่างนี้ เป็นคำกล่าวที่ถูกต้องว่า "โรคมาจากปาก" เพราะการเลือกอาหารของแต่ละคนไม่เพียงแค่ตอบสนองต่อรสชาติและให้พลังงานเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพและอายุขัยของคุณด้วย อาหารที่ดีและการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยให้คุณมีสุขภาพดีและมีอายุยืนยาว ในขณะที่การมีนิสัยการกินที่ไม่ดีจะมีผลในทางตรงกันข้าม การวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนและมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก พบว่าอาหารบางประเภท "กิน" ชีวิตคุณได้อย่างรวดเร็ว แต่เป็นอาหารที่หลายคนชื่นชอบ ดร. โอลิเวียร์ โจลิเยต์ หัวหน้าผู้วิจัยกล่าวว่าอาหารที่อยู่ในอันดับต้นๆ ได้แก่ อาหารแปรรูปขั้นสูง (UFOs) ซึ่งเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือดและมะเร็ง 34 ชนิด รวมถึงปัญหาสุขภาพอื่นๆ 1.ไส้กรอก: กิน 1 ชิ้นเท่ากับการตัดเวลาในชีวิตออกไป 36 นาที ไส้กรอกอยู่ในอันดับต้นๆ ของอาหารที่ทำให้ชีวิตสั้นลง ดร. ดาริน เดตไวเลอร์ (มหาวิทยาลัยมิชิแกน) อธิบายว่าเป็นเพราะเนื้อสัตว์แปรรูปประเภทนี้มีไขมัน ไนไตรต์และไนเตรตจำนวนมาก พร้อมทั้งอาจมีสารแต่งรสและสารกันบูด เมื่อกินมากขึ้น ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคอ้วน โรคหัวใจ และเบาหวาน การแปรรูปมักใช้ไขมันและน้ำมันจำนวนมาก โดยการใช้ความร้อนสูงอาจทำให้เกิดสารก่อมะเร็งบางประเภท 2.แซนด์วิชเช้า: ลดอายุขัย 13 นาทีต่อมื้อ แซนด์วิชเช้าพร้อมทานอาจสะดวก แต่ถ้ากินเป็นประจำไม่ดีต่อสุขภาพ ขนมปังขาวเป็นแป้งที่ผ่านการขัดสี - ขนมปังที่ผลิตในปริมาณมากซึ่งมีแคลอรีที่ว่างเปล่าและสารเติมแต่งที่ไม่ดี สำหรับไข่, เนื้อสัตว์แปรรูป, ชีส และเนยในแซนด์วิชก็ทำให้ได้รับไขมันอิ่มตัวมากเกินไป 3.น้ำอัดลม: ลดอายุขัย 12 นาทีต่อกระป๋อง ดร. โอลิเวียร์ โจลิเยต์เตือนว่าน้ำตาลที่เติมลงไปในเครื่องดื่มเป็น "ศัตรูที่ซ่อนอยู่" ในหลายๆ เครื่องดื่ม เช่น น้ำอัดลมหรือแม้แต่น้ำผลไม้บรรจุกระป๋อง/ขวด การดื่มน้ำอัดลม 355 มล. จะทำให้คุณสูญเสียเวลาไป 24 นาทีจากชีวิต แต่ถ้าคุณดื่มมันเป็นประจำตั้งแต่อายุยังน้อย ก็อาจทำให้ชีวิตสั้นลงเกือบปีภายในอายุ 55 ปี น้ำตาลไม่ได้ทำให้เกิดโรคอ้วนเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ และมะเร็ง 4.ขนมปังชีส: กิน 1 ชิ้นเท่ากับการตัดเวลาในชีวิต 9 นาที ขนมปังชีสโดยเฉพาะแบบที่ผลิตจำนวนมากและบรรจุหีบห่อไว้จะทำให้คุณสูญเสียเวลาไป 9 นาทีจากชีวิตทุกคำที่กัด ขนมปังชิ้นเล็กๆ หนักแค่ 150 กรัม หากขนมปังนั้นมีเนื้อหรือไส้กรอกและเสิร์ฟพร้อมชีส ก็จะยิ่งเพิ่มผลกระทบต่อสุขภาพและอายุขัย 5.เบคอน: ลดเวลา 6 นาทีต่อการเสิร์ฟ ดร. ดาริน เดตไวเลอร์กล่าวว่าเบคอนมีเกลือและสารกันบูดมาก การบริโภคเบคอนเป็นประจำจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และมะเร็งลำไส้ใหญ่ การศึกษานี้พบว่าแค่การกินเบคอน 1 เสิร์ฟ (ประมาณ 15-20 กรัม) ก็สามารถทำให้ลดอายุขัยลง 26 นาที cr:sanook.com https://www.sanook.com/news/9672670/ #ฐิติพรก้อนแก้วข้อมูลพลิกชีวิต #ฐิติพรก้อนแก้วกินอาหารเป็นไม่ต้องกินยา 20 ธันวาคม 2567 #เพจสุขภาพและความงามโดยเยาว์
    WWW.SANOOK.COM
    ภัยเงียบจาก "อาหารยอดฮิต" แค่ 1 ชิ้น อายุสั้นลง 36 นาที คนไทยกินแทบทุกวัน
    ผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐฯ เตือน "อาหารยอดฮิต" กินแค่ 1 ชิ้น อายุขัยสั้นลง 36 นาที เป็นเมนูโปรดคนไทยที่กินแทบทุกวัน
    0 Comments 0 Shares 161 Views 0 Reviews
  • เมื่อสองวันก่อน อยู่ดีๆ ยูทูปก็โผล่คลิปสั้นจากเรื่อง <หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์> มาให้ดูจน Storyฯ น้ำตาร่วงเผาะ วันนี้เลยเอามาแบ่งปันเผื่อว่าเพื่อนเพจจะ ‘อิน’ ตามไปด้วย

    เป็นฉากที่หรูอี้เอ่ยกับเฉียนหลงฮ่องเต้ว่า “ทรงทราบถึงวลี ‘หลันอินซวี่กั่ว’ หรือไม่เพคะ? วลีนี้... ตอนหม่อมฉันเรียนเมื่อยังเด็กได้แต่รู้สึกเสียใจเสียดาย แต่วันนี้หม่อมฉันเข้าใจแล้ว... บุปผาผลิบานแล้วโรยร่วงตามเวลาของมัน...” (หมายเหตุ ถอดบทสนทนามาจากในละคร แต่ Storyฯ แปลเองจ้า) เป็นประโยคที่สร้างความเจ็บปวดให้กับเฉียนหลงในภายหลังไม่น้อย

    ทั้ง ‘หลันอินซวี่กั่ว’ และ “บุปผาผลิบานแล้วโรยร่วงตามเวลาของมัน” ล้วนเป็นประโยคเด็ดที่มีมาแต่วรรณกรรมโบราณ และมีเรื่องราวให้เล่าถึง แต่อาจต้องแบ่งคุยเป็นสองตอน

    วันนี้คุยกันเรื่องวลี ‘หลันอินซวี่กั่ว’ (兰因絮果) ซึ่งเป็นสุภาษิตจีน บางทีสลับตำแหน่งเป็น ‘ซวี่กั่วหลันอิน’ ก็ได้ ความหมายของมันเป็นดังที่ในละครมีอธิบายไว้ว่า หมายถึงชีวิตคู่ที่เริ่มต้นสวยงามแต่จบลงอย่างขมขื่น เป็นวลีที่แปลยาก เพราะ ‘หลัน’ อาจแปลว่าดอกกล้วยไม้ (หลันฮวา) หรือดอกแม็กโนเลีย (อวี้หลันหรือมู่หลัน) และ ‘ซวี่’ แปลว่าปุยฝ้ายหรือดอกของต้นหลิ่วเรียกว่า ‘หลิ่วซวี่’ ส่วน ‘อิน’ นั้นแปลว่าต้นตอหรือสาเหตุ และ ‘กั่ว’ คือผล ดังนั้น วลีนี้แปลตรงตัวไม่ได้เพราะมันเป็นวลีเชิงอุปมาอุปไมย เลยขอเล่าความเป็นมาของมันก่อน เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น

    ที่มาของการเรียกชีวิตคู่ที่หวานชื่นว่า ‘หลันอิน’ นั้น เป็นเรื่องราวในยุคสมัยชุนชิวของเจิ้งเหวินกง เจ้าผู้ปกครองแคว้นเจิ้งและอนุภรรยานามว่าเยี่ยนจี๋ นางผู้นี้มาจากเมืองเล็กๆ และเป็นอนุภรรยาที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเจิ้งเหวินกง แต่ต่อมานางฝันว่ามีเทพธิดานำดอกหลันฮวามามอบให้และบอกว่าดอกไม้นี้จะทำให้นางได้รับความรักจากเจิ้งเหวินกงและจะได้บุตรที่โดดเด่นมาเป็นผู้สืบทอดแผ่นดินต่อไป ครั้นวันถัดไปนางได้พบกับเจิ้งเหวินกงโดยบังเอิญก็ได้เล่าเรื่องนี้ให้เจิ้งเหวินกงฟัง ก่อเกิดเป็นความสนใจในตัวนาง จนต่อมานางได้เป็นที่โปรดปรานมากมายของเจิ้งเหวินกง และภายหลังคลอดบุตรชายนามว่า ‘หลัน’ เรื่องนี้จึงเป็นการเล่าขานกันต่อในแง่ที่ว่าเป็นความรักที่งอกงามอันมีสาเหตุมาจากดอกหลันฮวาหรือเรียกสั้นๆ ว่า ‘หลันอิน’ นั่นเอง และ ‘หลันอิน’ ถูกนำมาใช้ในบทประพันธ์ไม่น้อยเพื่อเรียกการครองคู่ที่เกิดขึ้นจากความรักอันสุกงอม

    มีเรื่องเล่าต่อมาว่า เจิ้งเหวินกงมีอนุภรรยามากมาย ความโปรดปรานในตัวเยี่ยนจี๋ลดเลือนไปตามกาลเวลา อีกทั้งเขาเป็นคนอำมหิต เพื่อรักษาอำนาจของตัวเองถึงกับฆ่าลูกชายไปสองคน ส่วนเจิ้งหลันนั้นถูกขับออกจากแคว้น แต่ต่อมาได้กลับมาครองแคว้นเจิ้งในที่สุด เป็นที่รู้จักกันในนามเจิ้งมู่กง ภายใต้การปกครองของเจิ้งมู่กงและลูกชายของเขา แคว้นเจิ้งกลายเป็นหนึ่งในแคว้นที่เข้มแข็งที่สุดของยุคสมัยนั้น

    ส่วนคำว่า ‘ซวี่’ นั้น ว่ากันว่าแรกเริ่มมาจากบทกวีของหลานสาวของเซี่ยไท่ฟู่ (ไท่ฟู่คือตำแหน่งราชครู) ในสมัยราชวงศ์จิ้น ผู้ซึ่งถูกยกย่องว่าเป็นสตรีที่เชี่ยวชาญด้านอักษร นางเปรียบเปรยหิมะขาวที่โปรยปรายด้วยวลีที่ว่า ‘ดุจดอกหลิ่วเริงระบำในสายลม’ (未若柳絮因风起) (ขอเรียกว่าดอก แต่จริงๆ เป็นเมล็ดของต้นหลิ่ว)

    ต่อมา ‘ซวี่กั่ว’ และ ‘หลันอินซวี่กั่ว’ ปรากฏขึ้นในบทประพันธ์ยุคสมัยชิง เป็นส่วนหนึ่งของวลีที่ว่า ‘หลันอินซวี่กั่ว เซี่ยนเยี่ยสุยเซิน’ (兰因絮果, 现业谁深) Storyฯ ขอแปลและเรียบเรียงประโยคนี้ว่า ‘รักแรกผลิบานงดงามดุจหลันฮวา สุดท้ายมลายหายดุจดอกหลิ่วพลิ้วสลาย ผู้ใดเล่าจะกล่าวได้ว่า สลักลึกลงบนใจผู้ใดมากกว่ากัน’

    ‘หลันอินซวี่กั่ว’ ในเรื่อง <หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์> จึงเป็นการสรุปเรื่องราวความรักของเฉียนหลงและหรูอี้ได้อย่างชัดเจนด้วยอักษรเพียงสี่ตัว

    เพื่อให้อินกับประโยคนี้ ขอเชิญเพื่อนเพจหลับตาและนึกภาพดอกไม้ผลิบานพร้อมกับรอยยิ้มสุขสดชื่นให้แก่กันของหรูอี้และเฉียนหลงในละคร แล้วตัดมาเป็นภาพปุยสีขาวๆ ที่ถูกสายลมพัดแตกไปพร้อมๆ กับภาพของหรูอี้ที่สิ้นลมอย่างสงบข้างๆ กระถางต้นเหมยที่แห้งกรอบ...

    “คัท!” อาทิตย์หน้ามาคุยกันต่อกับประโยคถัดไปที่ว่า ‘บุปผาผลิบานแล้วโรยร่วงตามเวลาของมัน’ ค่ะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://okapi.books.com.tw/article/11422
    https://ent.tom.com/201807/1011240093.html
    https://www.sohu.com/a/230867588_100149137
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.xiumu.cn/ts/2018/0824/4278239.html
    https://www.163.com/dy/article/G0GD3GUH0537ML11.html
    https://baike.baidu.com/item/未若柳絮因风起/8776864

    #หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์ #หลันอินซวี่กั่ว #เจิ้งเหวินกง #เยี่ยนจี๋
    เมื่อสองวันก่อน อยู่ดีๆ ยูทูปก็โผล่คลิปสั้นจากเรื่อง <หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์> มาให้ดูจน Storyฯ น้ำตาร่วงเผาะ วันนี้เลยเอามาแบ่งปันเผื่อว่าเพื่อนเพจจะ ‘อิน’ ตามไปด้วย เป็นฉากที่หรูอี้เอ่ยกับเฉียนหลงฮ่องเต้ว่า “ทรงทราบถึงวลี ‘หลันอินซวี่กั่ว’ หรือไม่เพคะ? วลีนี้... ตอนหม่อมฉันเรียนเมื่อยังเด็กได้แต่รู้สึกเสียใจเสียดาย แต่วันนี้หม่อมฉันเข้าใจแล้ว... บุปผาผลิบานแล้วโรยร่วงตามเวลาของมัน...” (หมายเหตุ ถอดบทสนทนามาจากในละคร แต่ Storyฯ แปลเองจ้า) เป็นประโยคที่สร้างความเจ็บปวดให้กับเฉียนหลงในภายหลังไม่น้อย ทั้ง ‘หลันอินซวี่กั่ว’ และ “บุปผาผลิบานแล้วโรยร่วงตามเวลาของมัน” ล้วนเป็นประโยคเด็ดที่มีมาแต่วรรณกรรมโบราณ และมีเรื่องราวให้เล่าถึง แต่อาจต้องแบ่งคุยเป็นสองตอน วันนี้คุยกันเรื่องวลี ‘หลันอินซวี่กั่ว’ (兰因絮果) ซึ่งเป็นสุภาษิตจีน บางทีสลับตำแหน่งเป็น ‘ซวี่กั่วหลันอิน’ ก็ได้ ความหมายของมันเป็นดังที่ในละครมีอธิบายไว้ว่า หมายถึงชีวิตคู่ที่เริ่มต้นสวยงามแต่จบลงอย่างขมขื่น เป็นวลีที่แปลยาก เพราะ ‘หลัน’ อาจแปลว่าดอกกล้วยไม้ (หลันฮวา) หรือดอกแม็กโนเลีย (อวี้หลันหรือมู่หลัน) และ ‘ซวี่’ แปลว่าปุยฝ้ายหรือดอกของต้นหลิ่วเรียกว่า ‘หลิ่วซวี่’ ส่วน ‘อิน’ นั้นแปลว่าต้นตอหรือสาเหตุ และ ‘กั่ว’ คือผล ดังนั้น วลีนี้แปลตรงตัวไม่ได้เพราะมันเป็นวลีเชิงอุปมาอุปไมย เลยขอเล่าความเป็นมาของมันก่อน เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ที่มาของการเรียกชีวิตคู่ที่หวานชื่นว่า ‘หลันอิน’ นั้น เป็นเรื่องราวในยุคสมัยชุนชิวของเจิ้งเหวินกง เจ้าผู้ปกครองแคว้นเจิ้งและอนุภรรยานามว่าเยี่ยนจี๋ นางผู้นี้มาจากเมืองเล็กๆ และเป็นอนุภรรยาที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเจิ้งเหวินกง แต่ต่อมานางฝันว่ามีเทพธิดานำดอกหลันฮวามามอบให้และบอกว่าดอกไม้นี้จะทำให้นางได้รับความรักจากเจิ้งเหวินกงและจะได้บุตรที่โดดเด่นมาเป็นผู้สืบทอดแผ่นดินต่อไป ครั้นวันถัดไปนางได้พบกับเจิ้งเหวินกงโดยบังเอิญก็ได้เล่าเรื่องนี้ให้เจิ้งเหวินกงฟัง ก่อเกิดเป็นความสนใจในตัวนาง จนต่อมานางได้เป็นที่โปรดปรานมากมายของเจิ้งเหวินกง และภายหลังคลอดบุตรชายนามว่า ‘หลัน’ เรื่องนี้จึงเป็นการเล่าขานกันต่อในแง่ที่ว่าเป็นความรักที่งอกงามอันมีสาเหตุมาจากดอกหลันฮวาหรือเรียกสั้นๆ ว่า ‘หลันอิน’ นั่นเอง และ ‘หลันอิน’ ถูกนำมาใช้ในบทประพันธ์ไม่น้อยเพื่อเรียกการครองคู่ที่เกิดขึ้นจากความรักอันสุกงอม มีเรื่องเล่าต่อมาว่า เจิ้งเหวินกงมีอนุภรรยามากมาย ความโปรดปรานในตัวเยี่ยนจี๋ลดเลือนไปตามกาลเวลา อีกทั้งเขาเป็นคนอำมหิต เพื่อรักษาอำนาจของตัวเองถึงกับฆ่าลูกชายไปสองคน ส่วนเจิ้งหลันนั้นถูกขับออกจากแคว้น แต่ต่อมาได้กลับมาครองแคว้นเจิ้งในที่สุด เป็นที่รู้จักกันในนามเจิ้งมู่กง ภายใต้การปกครองของเจิ้งมู่กงและลูกชายของเขา แคว้นเจิ้งกลายเป็นหนึ่งในแคว้นที่เข้มแข็งที่สุดของยุคสมัยนั้น ส่วนคำว่า ‘ซวี่’ นั้น ว่ากันว่าแรกเริ่มมาจากบทกวีของหลานสาวของเซี่ยไท่ฟู่ (ไท่ฟู่คือตำแหน่งราชครู) ในสมัยราชวงศ์จิ้น ผู้ซึ่งถูกยกย่องว่าเป็นสตรีที่เชี่ยวชาญด้านอักษร นางเปรียบเปรยหิมะขาวที่โปรยปรายด้วยวลีที่ว่า ‘ดุจดอกหลิ่วเริงระบำในสายลม’ (未若柳絮因风起) (ขอเรียกว่าดอก แต่จริงๆ เป็นเมล็ดของต้นหลิ่ว) ต่อมา ‘ซวี่กั่ว’ และ ‘หลันอินซวี่กั่ว’ ปรากฏขึ้นในบทประพันธ์ยุคสมัยชิง เป็นส่วนหนึ่งของวลีที่ว่า ‘หลันอินซวี่กั่ว เซี่ยนเยี่ยสุยเซิน’ (兰因絮果, 现业谁深) Storyฯ ขอแปลและเรียบเรียงประโยคนี้ว่า ‘รักแรกผลิบานงดงามดุจหลันฮวา สุดท้ายมลายหายดุจดอกหลิ่วพลิ้วสลาย ผู้ใดเล่าจะกล่าวได้ว่า สลักลึกลงบนใจผู้ใดมากกว่ากัน’ ‘หลันอินซวี่กั่ว’ ในเรื่อง <หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์> จึงเป็นการสรุปเรื่องราวความรักของเฉียนหลงและหรูอี้ได้อย่างชัดเจนด้วยอักษรเพียงสี่ตัว เพื่อให้อินกับประโยคนี้ ขอเชิญเพื่อนเพจหลับตาและนึกภาพดอกไม้ผลิบานพร้อมกับรอยยิ้มสุขสดชื่นให้แก่กันของหรูอี้และเฉียนหลงในละคร แล้วตัดมาเป็นภาพปุยสีขาวๆ ที่ถูกสายลมพัดแตกไปพร้อมๆ กับภาพของหรูอี้ที่สิ้นลมอย่างสงบข้างๆ กระถางต้นเหมยที่แห้งกรอบ... “คัท!” อาทิตย์หน้ามาคุยกันต่อกับประโยคถัดไปที่ว่า ‘บุปผาผลิบานแล้วโรยร่วงตามเวลาของมัน’ ค่ะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://okapi.books.com.tw/article/11422 https://ent.tom.com/201807/1011240093.html https://www.sohu.com/a/230867588_100149137 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.xiumu.cn/ts/2018/0824/4278239.html https://www.163.com/dy/article/G0GD3GUH0537ML11.html https://baike.baidu.com/item/未若柳絮因风起/8776864 #หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์ #หลันอินซวี่กั่ว #เจิ้งเหวินกง #เยี่ยนจี๋
    OKAPI.BOOKS.COM.TW
    個人意見:演出深情演得最好也最落力的,往往都是渣男──《如懿傳》教會我的事
    《如懿傳》講的就是婚姻。該宮鬥的情節雖一樣不少,但心機只是這部小說的點綴,真正著力的...
    0 Comments 0 Shares 143 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้มีสาระสำคัญเกี่ยวกับข้อตกลงล่าสุดที่ Samsung Electronics ทำกับ Yangtze Memory Technologies Co. (YMTC) บริษัทจีนที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี NAND flash memory โดย Samsung ได้สิทธิ์ใช้เทคโนโลยี hybrid bonding ของ YMTC เพื่อผลิต NAND memory รุ่น 400-layer ซึ่งเป็นนวัตกรรมสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมการเก็บข้อมูล

    เหตุผลและผลกระทบของข้อตกลง
    - ป้องกันการละเมิดสิทธิบัตร: YMTC ได้จดสิทธิบัตรเทคโนโลยี hybrid bonding ซึ่งสำคัญต่อการพัฒนาชิป NAND flash รุ่นใหม่ ข้อตกลงนี้ช่วยลดความเสี่ยงด้านกฎหมายในกรณีพิพาทสิทธิบัตร
    - การแข่งขันเทคโนโลยีที่รุนแรง: แม้ YMTC จะมีส่วนแบ่งตลาดน้อยกว่า Samsung และ SK Hynix บริษัทเกาหลีใต้อื่น ๆ แต่เทคโนโลยีของ YMTC กำลังพัฒนาใกล้เคียงคู่แข่งและได้เริ่มผลิต NAND memory แบบ 294-layer แล้ว
    - ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์: ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนอาจส่งผลให้ YMTC พบอุปสรรคในการขายสินค้านอกประเทศจีน การทำข้อตกลงจึงอาจเป็นการร่วมมือเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

    เทคโนโลยี hybrid bonding ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความหนาแน่นในการจัดเก็บข้อมูลใน NAND flash ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำคัญในยุคที่ความต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่มสูงขึ้น เช่น สมาร์ทโฟน ดาต้าเซ็นเตอร์ และ SSD

    https://www.techradar.com/pro/well-thats-unexpected-samsung-will-team-with-its-fiercest-chinese-rival-to-produce-next-gen-nand-flash
    ข่าวนี้มีสาระสำคัญเกี่ยวกับข้อตกลงล่าสุดที่ Samsung Electronics ทำกับ Yangtze Memory Technologies Co. (YMTC) บริษัทจีนที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี NAND flash memory โดย Samsung ได้สิทธิ์ใช้เทคโนโลยี hybrid bonding ของ YMTC เพื่อผลิต NAND memory รุ่น 400-layer ซึ่งเป็นนวัตกรรมสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมการเก็บข้อมูล เหตุผลและผลกระทบของข้อตกลง - ป้องกันการละเมิดสิทธิบัตร: YMTC ได้จดสิทธิบัตรเทคโนโลยี hybrid bonding ซึ่งสำคัญต่อการพัฒนาชิป NAND flash รุ่นใหม่ ข้อตกลงนี้ช่วยลดความเสี่ยงด้านกฎหมายในกรณีพิพาทสิทธิบัตร - การแข่งขันเทคโนโลยีที่รุนแรง: แม้ YMTC จะมีส่วนแบ่งตลาดน้อยกว่า Samsung และ SK Hynix บริษัทเกาหลีใต้อื่น ๆ แต่เทคโนโลยีของ YMTC กำลังพัฒนาใกล้เคียงคู่แข่งและได้เริ่มผลิต NAND memory แบบ 294-layer แล้ว - ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์: ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนอาจส่งผลให้ YMTC พบอุปสรรคในการขายสินค้านอกประเทศจีน การทำข้อตกลงจึงอาจเป็นการร่วมมือเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เทคโนโลยี hybrid bonding ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความหนาแน่นในการจัดเก็บข้อมูลใน NAND flash ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำคัญในยุคที่ความต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่มสูงขึ้น เช่น สมาร์ทโฟน ดาต้าเซ็นเตอร์ และ SSD https://www.techradar.com/pro/well-thats-unexpected-samsung-will-team-with-its-fiercest-chinese-rival-to-produce-next-gen-nand-flash
    0 Comments 0 Shares 99 Views 0 Reviews
  • การ์ดจอ NVIDIA RTX 5090 ที่เพิ่งเปิดตัวกำลังเผชิญปัญหาเกี่ยวกับความร้อนในขั้วต่อไฟฟ้า 16-pin อย่างรุนแรง Andreas Schilling ผู้เชี่ยวชาญด้านฮาร์ดแวร์จากเว็บไซต์ Hardware Luxx ได้รายงานผ่านภาพถ่ายจากกล้องถ่ายความร้อนว่า ขั้วต่อไฟฟ้าของ RTX 5090 สามารถร้อนสูงถึง 150 องศาเซลเซียส

    == สาเหตุและผลกระทบ ==
    - ความเสียหายจากความร้อน: แม้ว่าขั้วต่อไฟฟ้าจะไม่ถึงจุดหลอมเหลวของวัสดุที่ใช้ (Nylon 66 และ LCP) ซึ่งอยู่ที่ 255-335 องศาเซลเซียส แต่นี่เป็นจุดอ่อนสำคัญที่อาจส่งผลต่อความปลอดภัยและอายุการใช้งานของอุปกรณ์
    - การเชื่อมต่อที่ไม่ทนทาน: Corsair ผู้ผลิตชิ้นส่วน PC ระบุว่าขั้วต่อ 16-pin มีวงจรการเชื่อมต่อ/ถอดที่รองรับได้เพียง 30 ครั้ง แต่ในกรณีนี้ ขั้วต่อถูกใช้งานเกินหลายร้อยครั้งแล้ว ทำให้เกิดความไม่เสถียร
    - ความไม่ไว้วางใจในตัวเลือกนี้: Schilling แสดงความคิดเห็นอย่างหนักแน่นว่า การออกแบบขั้วต่อ 12V-2x6 "จะเป็นจุดอ่อนสำคัญตลอดการใช้งานของการ์ดจอรุ่นนี้"

    การ์ดจอที่ทดสอบคือ Inno3D RTX 5090 Frostbite ซึ่งใช้น้ำเป็นตัวระบายความร้อน และแหล่งจ่ายไฟคือ be quiet! Dark Power 13 ที่รองรับพลังงาน 600W ในระหว่างการทดสอบ แม้ตัว GPU จะเย็นแต่ขั้วต่อไฟฟ้ากลับมีอุณหภูมิสูงจนกังวล

    แนวทางที่ควรคำนึง
    - การปรับปรุงการออกแบบขั้วต่อไฟฟ้า: NVIDIA อาจต้องหาวิธีแก้ปัญหาขั้วต่อไฟฟ้าในรุ่นนี้หรือในรุ่นต่อไป เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความเชื่อมั่นของผู้ใช้งาน
    - คำแนะนำแก่ผู้ใช้: ผู้ใช้งาน RTX 5090 ควรตรวจสอบความร้อนของขั้วต่อไฟฟ้า และหลีกเลี่ยงการใช้งานที่มีโหลดสูงในระยะเวลานาน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/power-supplies/nvidia-rtx-5090s-16-pin-power-connector-hits-150c-in-reviewers-thermal-camera-shots
    การ์ดจอ NVIDIA RTX 5090 ที่เพิ่งเปิดตัวกำลังเผชิญปัญหาเกี่ยวกับความร้อนในขั้วต่อไฟฟ้า 16-pin อย่างรุนแรง Andreas Schilling ผู้เชี่ยวชาญด้านฮาร์ดแวร์จากเว็บไซต์ Hardware Luxx ได้รายงานผ่านภาพถ่ายจากกล้องถ่ายความร้อนว่า ขั้วต่อไฟฟ้าของ RTX 5090 สามารถร้อนสูงถึง 150 องศาเซลเซียส == สาเหตุและผลกระทบ == - ความเสียหายจากความร้อน: แม้ว่าขั้วต่อไฟฟ้าจะไม่ถึงจุดหลอมเหลวของวัสดุที่ใช้ (Nylon 66 และ LCP) ซึ่งอยู่ที่ 255-335 องศาเซลเซียส แต่นี่เป็นจุดอ่อนสำคัญที่อาจส่งผลต่อความปลอดภัยและอายุการใช้งานของอุปกรณ์ - การเชื่อมต่อที่ไม่ทนทาน: Corsair ผู้ผลิตชิ้นส่วน PC ระบุว่าขั้วต่อ 16-pin มีวงจรการเชื่อมต่อ/ถอดที่รองรับได้เพียง 30 ครั้ง แต่ในกรณีนี้ ขั้วต่อถูกใช้งานเกินหลายร้อยครั้งแล้ว ทำให้เกิดความไม่เสถียร - ความไม่ไว้วางใจในตัวเลือกนี้: Schilling แสดงความคิดเห็นอย่างหนักแน่นว่า การออกแบบขั้วต่อ 12V-2x6 "จะเป็นจุดอ่อนสำคัญตลอดการใช้งานของการ์ดจอรุ่นนี้" การ์ดจอที่ทดสอบคือ Inno3D RTX 5090 Frostbite ซึ่งใช้น้ำเป็นตัวระบายความร้อน และแหล่งจ่ายไฟคือ be quiet! Dark Power 13 ที่รองรับพลังงาน 600W ในระหว่างการทดสอบ แม้ตัว GPU จะเย็นแต่ขั้วต่อไฟฟ้ากลับมีอุณหภูมิสูงจนกังวล แนวทางที่ควรคำนึง - การปรับปรุงการออกแบบขั้วต่อไฟฟ้า: NVIDIA อาจต้องหาวิธีแก้ปัญหาขั้วต่อไฟฟ้าในรุ่นนี้หรือในรุ่นต่อไป เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความเชื่อมั่นของผู้ใช้งาน - คำแนะนำแก่ผู้ใช้: ผู้ใช้งาน RTX 5090 ควรตรวจสอบความร้อนของขั้วต่อไฟฟ้า และหลีกเลี่ยงการใช้งานที่มีโหลดสูงในระยะเวลานาน https://www.tomshardware.com/pc-components/power-supplies/nvidia-rtx-5090s-16-pin-power-connector-hits-150c-in-reviewers-thermal-camera-shots
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Nvidia RTX 5090's 16-pin power connector hits 150C in reviewer's thermal camera shots
    Andreas Schilling of Germany's Hardware Luxx says the power connector issue will 'forever remain a weak point of this generation.'
    0 Comments 0 Shares 177 Views 0 Reviews
  • แถลงข่าวล่าสุดจากสำนักงานนายอำเภอ แพทย์พิศูจน์หลักฐานและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคระบาด ของแขวงซานตา เฟ่ รัฐนิว เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา ถึงผลการเสียชีวิตของดาราดังฮอลลีวูด ยีน แฮคแมน และภรรยา เบสซี่ อราคะวะ แฮคแมน อดีตนักเปียโนดนตรีคลาสสิค ที่คฤหาสถ์ส่วนตัวในเมืองซานตา เฟ่ พร้อมกับสุนัขหนึ่งตัวชื่อซินน่า
    แถลงข่าวล่าสุดจากสำนักงานนายอำเภอ แพทย์พิศูจน์หลักฐานและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคระบาด ของแขวงซานตา เฟ่ รัฐนิว เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา ถึงผลการเสียชีวิตของดาราดังฮอลลีวูด ยีน แฮคแมน และภรรยา เบสซี่ อราคะวะ แฮคแมน อดีตนักเปียโนดนตรีคลาสสิค ที่คฤหาสถ์ส่วนตัวในเมืองซานตา เฟ่ พร้อมกับสุนัขหนึ่งตัวชื่อซินน่า
    0 Comments 0 Shares 208 Views 0 0 Reviews
  • MicroTik บริษัทจากลัตเวียที่เชี่ยวชาญในด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เครือข่าย ได้เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ใหม่ที่ชื่อว่า ROSE Data Server RDS2216 ซึ่งเป็นการรวมโซลูชั่นด้านการจัดเก็บข้อมูล, การเชื่อมต่อเครือข่าย, และการประมวลผลเข้าไว้ในอุปกรณ์เดียว โดยเซิร์ฟเวอร์รุ่นนี้ทำงานบน AWS Graviton 1 Arm CPU ที่พัฒนาโดย Annapurna Labs ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Amazon

    คุณสมบัติเด่นของ ROSE Data Server RDS2216
    - สถาปัตยกรรมและหน่วยประมวลผล: RDS2216 ใช้ CPU ARMv8 แบบ 16 คอร์ ความเร็ว 2GHz พร้อมด้วย RAM 32GB และ NAND storage ขนาด 128MB ซึ่งรองรับการทำงานของเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง
    - การเชื่อมต่อที่หลากหลาย: มีพอร์ตเชื่อมต่อทั้งหมด 16 พอร์ต รวมถึงสองพอร์ต 100G QSFP28, สี่พอร์ต 25G SFP28, สี่พอร์ต 10G SFP+, และสองพอร์ต 10G Ethernet นอกจากนี้ยังมีช่องสำหรับเก็บข้อมูล U.2 NVMe สูงสุดถึง 20 ช่อง
    - ความยืดหยุ่นและการขยายตัว: รองรับการใช้งาน MinIO, Nextcloud, และการเข้ารหัสข้อมูล โดยไม่มีการเก็บค่าสมาชิกหรือการเรียกเก็บเงินเพิ่มเติม
    - การใช้งานหลากหลาย: RDS2216 สามารถใช้ในงานต่าง ๆ เช่น การเก็บข้อมูลแบบ self-hosted, การโฮสต์คลาวด์ในองค์กร, การสำรองข้อมูลความเร็วสูง, และการขยายการจัดเก็บข้อมูลสาขาย่อย

    AWS Graviton 1 เป็น CPU ที่พัฒนาโดย Annapurna Labs ภายใต้ Amazon และถูกนำมาใช้ในเซิร์ฟเวอร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลและการจัดเก็บข้อมูล CPU นี้มีความสามารถในการเร่งการเข้ารหัส (IPsec hardware acceleration) เพื่อให้การเชื่อมต่อข้อมูลเป็นไปอย่างปลอดภัยและไม่มีการขัดข้อง

    การเปิดตัว ROSE Data Server RDS2216 ของ MicroTik แสดงถึงความร่วมมือที่น่าสนใจระหว่าง MicroTik และ Amazon ซึ่งเปิดทางเลือกใหม่ในการจัดการข้อมูลและการเชื่อมต่อเครือข่ายในองค์กร โดยเทคโนโลยีจาก AWS Graviton 1 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการประมวลผลข้อมูล นอกจากนี้ยังมีความยืดหยุ่นในการใช้งานที่หลากหลาย ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานในองค์กรต่าง ๆ

    https://www.techradar.com/pro/this-is-amazons-first-foray-in-servers-and-certainly-not-the-last-microtik-franken-router-is-powered-by-the-aws-graviton-1-arm-cpu
    MicroTik บริษัทจากลัตเวียที่เชี่ยวชาญในด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เครือข่าย ได้เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ใหม่ที่ชื่อว่า ROSE Data Server RDS2216 ซึ่งเป็นการรวมโซลูชั่นด้านการจัดเก็บข้อมูล, การเชื่อมต่อเครือข่าย, และการประมวลผลเข้าไว้ในอุปกรณ์เดียว โดยเซิร์ฟเวอร์รุ่นนี้ทำงานบน AWS Graviton 1 Arm CPU ที่พัฒนาโดย Annapurna Labs ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Amazon คุณสมบัติเด่นของ ROSE Data Server RDS2216 - สถาปัตยกรรมและหน่วยประมวลผล: RDS2216 ใช้ CPU ARMv8 แบบ 16 คอร์ ความเร็ว 2GHz พร้อมด้วย RAM 32GB และ NAND storage ขนาด 128MB ซึ่งรองรับการทำงานของเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง - การเชื่อมต่อที่หลากหลาย: มีพอร์ตเชื่อมต่อทั้งหมด 16 พอร์ต รวมถึงสองพอร์ต 100G QSFP28, สี่พอร์ต 25G SFP28, สี่พอร์ต 10G SFP+, และสองพอร์ต 10G Ethernet นอกจากนี้ยังมีช่องสำหรับเก็บข้อมูล U.2 NVMe สูงสุดถึง 20 ช่อง - ความยืดหยุ่นและการขยายตัว: รองรับการใช้งาน MinIO, Nextcloud, และการเข้ารหัสข้อมูล โดยไม่มีการเก็บค่าสมาชิกหรือการเรียกเก็บเงินเพิ่มเติม - การใช้งานหลากหลาย: RDS2216 สามารถใช้ในงานต่าง ๆ เช่น การเก็บข้อมูลแบบ self-hosted, การโฮสต์คลาวด์ในองค์กร, การสำรองข้อมูลความเร็วสูง, และการขยายการจัดเก็บข้อมูลสาขาย่อย AWS Graviton 1 เป็น CPU ที่พัฒนาโดย Annapurna Labs ภายใต้ Amazon และถูกนำมาใช้ในเซิร์ฟเวอร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลและการจัดเก็บข้อมูล CPU นี้มีความสามารถในการเร่งการเข้ารหัส (IPsec hardware acceleration) เพื่อให้การเชื่อมต่อข้อมูลเป็นไปอย่างปลอดภัยและไม่มีการขัดข้อง การเปิดตัว ROSE Data Server RDS2216 ของ MicroTik แสดงถึงความร่วมมือที่น่าสนใจระหว่าง MicroTik และ Amazon ซึ่งเปิดทางเลือกใหม่ในการจัดการข้อมูลและการเชื่อมต่อเครือข่ายในองค์กร โดยเทคโนโลยีจาก AWS Graviton 1 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการประมวลผลข้อมูล นอกจากนี้ยังมีความยืดหยุ่นในการใช้งานที่หลากหลาย ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานในองค์กรต่าง ๆ https://www.techradar.com/pro/this-is-amazons-first-foray-in-servers-and-certainly-not-the-last-microtik-franken-router-is-powered-by-the-aws-graviton-1-arm-cpu
    0 Comments 0 Shares 177 Views 0 Reviews
More Results