• ผู้เชี่ยวชาญจากหลายประเทศ ระบุทุ่นระเบิดที่พบมีสภาพ “ใหม่เกินกว่าจะมาจากสงครามเก่า” พลาสติกยังยืดหยุ่น ยางยังมันวาว และไม่มีร่องรอยรากไม้หรือพืชปกคลุม แต่กัมพูชาอ้าง ดินและน้ำท่วม ทำให้ของเก่าดูเหมือนของใหม่
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ผู้เชี่ยวชาญจากหลายประเทศ ระบุทุ่นระเบิดที่พบมีสภาพ “ใหม่เกินกว่าจะมาจากสงครามเก่า” พลาสติกยังยืดหยุ่น ยางยังมันวาว และไม่มีร่องรอยรากไม้หรือพืชปกคลุม แต่กัมพูชาอ้าง ดินและน้ำท่วม ทำให้ของเก่าดูเหมือนของใหม่ #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักข่าวรอยเตอร์เผยแพร่มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอิสระซึ่งยืนยันว่า ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 ที่พบบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นของใหม่ที่เพิ่งถูกเอามาวาง แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นฝีมือฝ่ายไหน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000098843

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    สำนักข่าวรอยเตอร์เผยแพร่มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอิสระซึ่งยืนยันว่า ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 ที่พบบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นของใหม่ที่เพิ่งถูกเอามาวาง แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นฝีมือฝ่ายไหน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000098843 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 341/2568 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยที่การกระทำความผิดทางเทคโนโลยีซับซ้อน มีรูปแบบหลากหลาย เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมทั้งการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับเงินที่ได้จากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะการฟอกเงิน การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เกิดความเสียหายต่อประชาชน ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ เพื่อให้การป้องกันปราบปรามมีประสิทธิภาพ ทันต่อสถานการณ์ โดยนายกฯ เป็นประธานกรรมการ มีองค์ประกอบคณะกรรมการจากหน่วยงานต่างๆ อาทิ รมว.คลัง รมว.การต่างประเทศ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

    -29 มี.ค. เหมาะเลือกตั้ง
    -หวังท่องเที่ยวดึงเศรษฐกิจ
    -งบเหลื่อมปีทุบสถิติ 3 แสนล้าน
    -ร้องรื้อคดีตากใบ
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 341/2568 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยที่การกระทำความผิดทางเทคโนโลยีซับซ้อน มีรูปแบบหลากหลาย เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมทั้งการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับเงินที่ได้จากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะการฟอกเงิน การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เกิดความเสียหายต่อประชาชน ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ เพื่อให้การป้องกันปราบปรามมีประสิทธิภาพ ทันต่อสถานการณ์ โดยนายกฯ เป็นประธานกรรมการ มีองค์ประกอบคณะกรรมการจากหน่วยงานต่างๆ อาทิ รมว.คลัง รมว.การต่างประเทศ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย -29 มี.ค. เหมาะเลือกตั้ง -หวังท่องเที่ยวดึงเศรษฐกิจ -งบเหลื่อมปีทุบสถิติ 3 แสนล้าน -ร้องรื้อคดีตากใบ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “BlackRock, Microsoft, NVIDIA และ xAI ร่วมซื้อกิจการ Aligned Data Centers มูลค่า $40B” — ขยายศักยภาพศูนย์ข้อมูล AI สู่ 5GW ทั่วสหรัฐฯ

    กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีและการเงินระดับโลก ได้แก่ BlackRock, Microsoft, NVIDIA และ xAI ของ Elon Musk ได้ร่วมมือกันเข้าซื้อกิจการ Aligned Data Centers ด้วยมูลค่ารวมกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อเสริมกำลังโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และการประมวลผลขั้นสูง

    Aligned เป็นผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลที่มีความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบแบบ modular และระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูง โดยมีศูนย์ข้อมูลที่เปิดใช้งานแล้วและอยู่ระหว่างการพัฒนา รวมกันกว่า 5 กิกะวัตต์ (GW) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ

    ดีลนี้สะท้อนถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของศูนย์ข้อมูลที่รองรับ GPU และระบบ AI ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะจากบริษัทที่กำลังพัฒนาโมเดลภาษาและระบบปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูง เช่น xAI และ Microsoft Azure

    การลงทุนครั้งนี้ยังช่วยให้ Aligned สามารถขยายศูนย์ข้อมูลไปยังพื้นที่ใหม่ ๆ เช่น Chicago, Dallas, Salt Lake City และ Phoenix โดยเน้นการใช้พลังงานหมุนเวียนและระบบระบายความร้อนแบบ liquid-cooling เพื่อรองรับ GPU ที่มี TDP สูง

    BlackRock ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นหลักในดีลนี้ มองว่าการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI เป็น “สินทรัพย์ระยะยาว” ที่จะสร้างผลตอบแทนอย่างมั่นคงในยุคที่ข้อมูลกลายเป็นเชื้อเพลิงของเศรษฐกิจ

    ข้อมูลในข่าว
    BlackRock, Microsoft, NVIDIA และ xAI ร่วมซื้อกิจการ Aligned Data Centers มูลค่า $40B
    Aligned มีศูนย์ข้อมูลรวมกว่า 5GW ทั้งที่เปิดใช้งานและอยู่ระหว่างการพัฒนา
    ศูนย์ข้อมูลรองรับ GPU และระบบ AI ขนาดใหญ่
    Aligned ใช้ระบบ modular และ liquid-cooling เพื่อรองรับ TDP สูง
    มีแผนขยายไปยังเมืองใหม่ เช่น Chicago, Dallas, Salt Lake City และ Phoenix
    เน้นการใช้พลังงานหมุนเวียนและระบบระบายความร้อนประสิทธิภาพสูง
    BlackRock มองว่าโครงสร้างพื้นฐาน AI เป็นสินทรัพย์ระยะยาว
    ดีลนี้สะท้อนความต้องการศูนย์ข้อมูลที่รองรับ AI ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/groups-including-blackrock-microsoft-nvidia-and-xai-join-forces-to-acquire-aligned-data-centers-usd40b-deal-delivers-5gw-of-operational-and-planned-data-center-capacity
    🏢 “BlackRock, Microsoft, NVIDIA และ xAI ร่วมซื้อกิจการ Aligned Data Centers มูลค่า $40B” — ขยายศักยภาพศูนย์ข้อมูล AI สู่ 5GW ทั่วสหรัฐฯ กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีและการเงินระดับโลก ได้แก่ BlackRock, Microsoft, NVIDIA และ xAI ของ Elon Musk ได้ร่วมมือกันเข้าซื้อกิจการ Aligned Data Centers ด้วยมูลค่ารวมกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อเสริมกำลังโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และการประมวลผลขั้นสูง Aligned เป็นผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลที่มีความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบแบบ modular และระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูง โดยมีศูนย์ข้อมูลที่เปิดใช้งานแล้วและอยู่ระหว่างการพัฒนา รวมกันกว่า 5 กิกะวัตต์ (GW) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ดีลนี้สะท้อนถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของศูนย์ข้อมูลที่รองรับ GPU และระบบ AI ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะจากบริษัทที่กำลังพัฒนาโมเดลภาษาและระบบปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูง เช่น xAI และ Microsoft Azure การลงทุนครั้งนี้ยังช่วยให้ Aligned สามารถขยายศูนย์ข้อมูลไปยังพื้นที่ใหม่ ๆ เช่น Chicago, Dallas, Salt Lake City และ Phoenix โดยเน้นการใช้พลังงานหมุนเวียนและระบบระบายความร้อนแบบ liquid-cooling เพื่อรองรับ GPU ที่มี TDP สูง BlackRock ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นหลักในดีลนี้ มองว่าการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI เป็น “สินทรัพย์ระยะยาว” ที่จะสร้างผลตอบแทนอย่างมั่นคงในยุคที่ข้อมูลกลายเป็นเชื้อเพลิงของเศรษฐกิจ ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ BlackRock, Microsoft, NVIDIA และ xAI ร่วมซื้อกิจการ Aligned Data Centers มูลค่า $40B ➡️ Aligned มีศูนย์ข้อมูลรวมกว่า 5GW ทั้งที่เปิดใช้งานและอยู่ระหว่างการพัฒนา ➡️ ศูนย์ข้อมูลรองรับ GPU และระบบ AI ขนาดใหญ่ ➡️ Aligned ใช้ระบบ modular และ liquid-cooling เพื่อรองรับ TDP สูง ➡️ มีแผนขยายไปยังเมืองใหม่ เช่น Chicago, Dallas, Salt Lake City และ Phoenix ➡️ เน้นการใช้พลังงานหมุนเวียนและระบบระบายความร้อนประสิทธิภาพสูง ➡️ BlackRock มองว่าโครงสร้างพื้นฐาน AI เป็นสินทรัพย์ระยะยาว ➡️ ดีลนี้สะท้อนความต้องการศูนย์ข้อมูลที่รองรับ AI ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/groups-including-blackrock-microsoft-nvidia-and-xai-join-forces-to-acquire-aligned-data-centers-usd40b-deal-delivers-5gw-of-operational-and-planned-data-center-capacity
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Silicon Box ส่งมอบชิปครบ 100 ล้านชิ้น” — ยืนยันความพร้อมของเทคโนโลยี Panel-Level Packaging สำหรับยุค AI และ HPC

    Silicon Box บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการบรรจุภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์แบบขั้นสูง ประกาศความสำเร็จในการผลิตและส่งมอบชิปครบ 100 ล้านชิ้นจากโรงงานหลักในสิงคโปร์ ซึ่งใช้เทคโนโลยี Panel-Level Packaging (PLP) ที่ล้ำสมัยที่สุดในโลก

    PLP เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถรวมชิปหลายตัว (chiplets) เข้าด้วยกันบนแผงขนาดใหญ่ (panel) แทนที่จะใช้เวเฟอร์แบบดั้งเดิม ช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และรองรับการผลิตในปริมาณมาก เหมาะอย่างยิ่งกับความต้องการของอุตสาหกรรม AI, การประมวลผลสมรรถนะสูง (HPC), ยานยนต์ และหุ่นยนต์

    โรงงานของ Silicon Box ในสิงคโปร์เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในปลายปี 2023 และสามารถทำลายสถิติเดิมของบริษัทในด้านอัตราผลิตสำเร็จ (yield) ที่เคยอยู่ที่ 99.7% ในระดับเวเฟอร์ โดยตอนนี้สามารถรักษาระดับ yield ที่สูงมากแม้ในระดับ panel ซึ่งใหญ่และซับซ้อนกว่า

    บริษัทกำลังขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนสร้างโรงงานแห่งที่สองในเมืองโนวารา ประเทศอิตาลี ซึ่งจะเริ่มผลิตในปี 2028 และมีขนาดใหญ่กว่าสิงคโปร์ พร้อมระบบทดสอบภายในประเทศยุโรป

    Silicon Box ยังได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001, 14001 และ 45001 ซึ่งครอบคลุมคุณภาพ ความยั่งยืน และความปลอดภัยของพนักงาน

    ข้อมูลในข่าว
    Silicon Box ส่งมอบชิปครบ 100 ล้านชิ้นจากโรงงานในสิงคโปร์
    ใช้เทคโนโลยี Panel-Level Packaging (PLP) สำหรับการรวม chiplets
    PLP ช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และรองรับการผลิตจำนวนมาก
    โรงงานในสิงคโปร์เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ปลายปี 2023
    อัตราผลิตสำเร็จ (yield) สูงกว่า 99.7% แม้ในระดับ panel
    ได้รับการรับรอง ISO 9001, 14001 และ 45001
    แผนสร้างโรงงานแห่งที่สองในอิตาลี เริ่มผลิตปี 2028
    โรงงานใหม่จะมีระบบทดสอบภายในยุโรป และรองรับอุตสาหกรรม AI, HPC, ยานยนต์, หุ่นยนต์
    เป็นบริษัทอิสระรายเดียวที่สามารถผลิต chiplet ที่ระดับ panel ได้ในปริมาณมาก

    https://www.techpowerup.com/341914/silicon-box-ships-100m-units-proves-advanced-panel-level-packaging-ready-for-ai-hpc-era
    📦 “Silicon Box ส่งมอบชิปครบ 100 ล้านชิ้น” — ยืนยันความพร้อมของเทคโนโลยี Panel-Level Packaging สำหรับยุค AI และ HPC Silicon Box บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการบรรจุภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์แบบขั้นสูง ประกาศความสำเร็จในการผลิตและส่งมอบชิปครบ 100 ล้านชิ้นจากโรงงานหลักในสิงคโปร์ ซึ่งใช้เทคโนโลยี Panel-Level Packaging (PLP) ที่ล้ำสมัยที่สุดในโลก PLP เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถรวมชิปหลายตัว (chiplets) เข้าด้วยกันบนแผงขนาดใหญ่ (panel) แทนที่จะใช้เวเฟอร์แบบดั้งเดิม ช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และรองรับการผลิตในปริมาณมาก เหมาะอย่างยิ่งกับความต้องการของอุตสาหกรรม AI, การประมวลผลสมรรถนะสูง (HPC), ยานยนต์ และหุ่นยนต์ โรงงานของ Silicon Box ในสิงคโปร์เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในปลายปี 2023 และสามารถทำลายสถิติเดิมของบริษัทในด้านอัตราผลิตสำเร็จ (yield) ที่เคยอยู่ที่ 99.7% ในระดับเวเฟอร์ โดยตอนนี้สามารถรักษาระดับ yield ที่สูงมากแม้ในระดับ panel ซึ่งใหญ่และซับซ้อนกว่า บริษัทกำลังขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนสร้างโรงงานแห่งที่สองในเมืองโนวารา ประเทศอิตาลี ซึ่งจะเริ่มผลิตในปี 2028 และมีขนาดใหญ่กว่าสิงคโปร์ พร้อมระบบทดสอบภายในประเทศยุโรป Silicon Box ยังได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001, 14001 และ 45001 ซึ่งครอบคลุมคุณภาพ ความยั่งยืน และความปลอดภัยของพนักงาน ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ Silicon Box ส่งมอบชิปครบ 100 ล้านชิ้นจากโรงงานในสิงคโปร์ ➡️ ใช้เทคโนโลยี Panel-Level Packaging (PLP) สำหรับการรวม chiplets ➡️ PLP ช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และรองรับการผลิตจำนวนมาก ➡️ โรงงานในสิงคโปร์เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ปลายปี 2023 ➡️ อัตราผลิตสำเร็จ (yield) สูงกว่า 99.7% แม้ในระดับ panel ➡️ ได้รับการรับรอง ISO 9001, 14001 และ 45001 ➡️ แผนสร้างโรงงานแห่งที่สองในอิตาลี เริ่มผลิตปี 2028 ➡️ โรงงานใหม่จะมีระบบทดสอบภายในยุโรป และรองรับอุตสาหกรรม AI, HPC, ยานยนต์, หุ่นยนต์ ➡️ เป็นบริษัทอิสระรายเดียวที่สามารถผลิต chiplet ที่ระดับ panel ได้ในปริมาณมาก https://www.techpowerup.com/341914/silicon-box-ships-100m-units-proves-advanced-panel-level-packaging-ready-for-ai-hpc-era
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Silicon Box Ships 100M Units, Proves Advanced Panel-Level Packaging Ready for AI, HPC era
    Silicon Box, a global leader in chiplet integration and advanced semiconductor packaging, announced it has shipped 100-million-units from its flagship factory in Singapore's Tampines Wafer Park. The state-of-the-art facility, which began mass production in late 2023, produces advanced panel-level pa...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 341/2568 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยที่การกระทำความผิดทางเทคโนโลยีซับซ้อน มีรูปแบบหลากหลาย เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมทั้งการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับเงินที่ได้จากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะการฟอกเงิน การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เกิดความเสียหายต่อประชาชน ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ เพื่อให้การป้องกันปราบปรามมีประสิทธิภาพ ทันต่อสถานการณ์ โดยนายกฯ เป็นประธานกรรมการ มีองค์ประกอบคณะกรรมการจากหน่วยงานต่างๆ อาทิ รมว.คลัง รมว.การต่างประเทศ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

    -29 มี.ค. เหมาะเลือกตั้ง
    -หวังท่องเที่ยวดึงเศรษฐกิจ
    -งบเหลื่อมปีทุบสถิติ 3 แสนล้าน
    -ร้องรื้อคดีตากใบ
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 341/2568 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยที่การกระทำความผิดทางเทคโนโลยีซับซ้อน มีรูปแบบหลากหลาย เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมทั้งการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับเงินที่ได้จากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะการฟอกเงิน การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เกิดความเสียหายต่อประชาชน ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ เพื่อให้การป้องกันปราบปรามมีประสิทธิภาพ ทันต่อสถานการณ์ โดยนายกฯ เป็นประธานกรรมการ มีองค์ประกอบคณะกรรมการจากหน่วยงานต่างๆ อาทิ รมว.คลัง รมว.การต่างประเทศ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย -29 มี.ค. เหมาะเลือกตั้ง -หวังท่องเที่ยวดึงเศรษฐกิจ -งบเหลื่อมปีทุบสถิติ 3 แสนล้าน -ร้องรื้อคดีตากใบ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “F5 ถูกเจาะระบบโดยกลุ่มแฮกเกอร์ระดับรัฐ” — ซอร์สโค้ดและข้อมูลช่องโหว่หลุด เสี่ยงต่อการโจมตีในอนาคต

    บริษัท F5 ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโซลูชันด้านเครือข่ายและความปลอดภัย เช่น BIG-IP ถูกเจาะระบบโดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่เชื่อว่าได้รับการสนับสนุนจากรัฐ (nation-state actor) โดยการโจมตีเกิดขึ้นในช่วงก่อนเดือนสิงหาคม 2025 และเพิ่งถูกเปิดเผยในเดือนตุลาคม

    แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงระบบภายในของ F5 ได้เป็นเวลานาน และขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น ส่วนหนึ่งของซอร์สโค้ด BIG-IP, งานวิจัยเกี่ยวกับช่องโหว่ และข้อมูลการตั้งค่าของลูกค้าบางราย แม้ว่า F5 จะยืนยันว่าไม่มีการแก้ไขระบบ build หรือกลไกการอัปเดตซอฟต์แวร์ แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าข้อมูลที่หลุดอาจถูกนำไปใช้ในการพัฒนาเครื่องมือเจาะระบบในอนาคต

    หน่วยงานด้านความมั่นคงของสหราชอาณาจักร (NCSC) ยืนยันว่าการโจมตีครั้งนี้มีลักษณะเป็นการแทรกซึมแบบต่อเนื่อง (APT) และมีเป้าหมายเพื่อศึกษาการทำงานของผลิตภัณฑ์ F5 อย่างลึกซึ้ง ซึ่งอาจนำไปสู่การโจมตีแบบ supply chain หรือการเจาะระบบของลูกค้าระดับองค์กรและรัฐบาล

    ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยแนะนำให้ผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์ของ F5 ตรวจสอบการตั้งค่าการเข้าถึง และติดตั้งแพตช์ล่าสุดโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันการถูกโจมตีจากข้อมูลที่หลุด

    ข้อมูลในข่าว
    F5 ถูกเจาะระบบโดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่เชื่อว่าได้รับการสนับสนุนจากรัฐ
    ข้อมูลที่ถูกขโมยรวมถึงซอร์สโค้ด BIG-IP และงานวิจัยช่องโหว่
    มีการเข้าถึงระบบภายในเป็นเวลานานก่อนถูกตรวจพบ
    ไม่มีหลักฐานว่าระบบ build หรือกลไกอัปเดตถูกแก้ไข
    หน่วยงาน NCSC ยืนยันว่าเป็นการโจมตีแบบ APT
    เป้าหมายคือการศึกษาการทำงานของผลิตภัณฑ์ F5 อย่างลึกซึ้ง
    ผู้ใช้งานควรติดตั้งแพตช์ล่าสุดและตรวจสอบการตั้งค่าการเข้าถึง
    การโจมตีอาจนำไปสู่การเจาะระบบของลูกค้าผ่าน supply chain

    คำเตือนจากข้อมูลข่าว
    ข้อมูลซอร์สโค้ดและช่องโหว่ที่หลุดอาจถูกใช้ในการพัฒนาเครื่องมือเจาะระบบ
    การแทรกซึมแบบต่อเนื่องทำให้การตรวจจับยากและอาจเกิดความเสียหายระยะยาว
    ลูกค้าของ F5 อาจตกเป็นเป้าหมายจากข้อมูลที่หลุด
    การไม่อัปเดตแพตช์ล่าสุดอาจเปิดช่องให้ถูกโจมตีจากช่องโหว่ที่ถูกเปิดเผย
    การโจมตีแบบ nation-state มักมีเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์และยากต่อการป้องกัน

    https://hackread.com/f5-breach-source-code-vulnerability-data-stolen/
    🛡️ “F5 ถูกเจาะระบบโดยกลุ่มแฮกเกอร์ระดับรัฐ” — ซอร์สโค้ดและข้อมูลช่องโหว่หลุด เสี่ยงต่อการโจมตีในอนาคต บริษัท F5 ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโซลูชันด้านเครือข่ายและความปลอดภัย เช่น BIG-IP ถูกเจาะระบบโดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่เชื่อว่าได้รับการสนับสนุนจากรัฐ (nation-state actor) โดยการโจมตีเกิดขึ้นในช่วงก่อนเดือนสิงหาคม 2025 และเพิ่งถูกเปิดเผยในเดือนตุลาคม แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงระบบภายในของ F5 ได้เป็นเวลานาน และขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น ส่วนหนึ่งของซอร์สโค้ด BIG-IP, งานวิจัยเกี่ยวกับช่องโหว่ และข้อมูลการตั้งค่าของลูกค้าบางราย แม้ว่า F5 จะยืนยันว่าไม่มีการแก้ไขระบบ build หรือกลไกการอัปเดตซอฟต์แวร์ แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าข้อมูลที่หลุดอาจถูกนำไปใช้ในการพัฒนาเครื่องมือเจาะระบบในอนาคต หน่วยงานด้านความมั่นคงของสหราชอาณาจักร (NCSC) ยืนยันว่าการโจมตีครั้งนี้มีลักษณะเป็นการแทรกซึมแบบต่อเนื่อง (APT) และมีเป้าหมายเพื่อศึกษาการทำงานของผลิตภัณฑ์ F5 อย่างลึกซึ้ง ซึ่งอาจนำไปสู่การโจมตีแบบ supply chain หรือการเจาะระบบของลูกค้าระดับองค์กรและรัฐบาล ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยแนะนำให้ผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์ของ F5 ตรวจสอบการตั้งค่าการเข้าถึง และติดตั้งแพตช์ล่าสุดโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันการถูกโจมตีจากข้อมูลที่หลุด ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ F5 ถูกเจาะระบบโดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่เชื่อว่าได้รับการสนับสนุนจากรัฐ ➡️ ข้อมูลที่ถูกขโมยรวมถึงซอร์สโค้ด BIG-IP และงานวิจัยช่องโหว่ ➡️ มีการเข้าถึงระบบภายในเป็นเวลานานก่อนถูกตรวจพบ ➡️ ไม่มีหลักฐานว่าระบบ build หรือกลไกอัปเดตถูกแก้ไข ➡️ หน่วยงาน NCSC ยืนยันว่าเป็นการโจมตีแบบ APT ➡️ เป้าหมายคือการศึกษาการทำงานของผลิตภัณฑ์ F5 อย่างลึกซึ้ง ➡️ ผู้ใช้งานควรติดตั้งแพตช์ล่าสุดและตรวจสอบการตั้งค่าการเข้าถึง ➡️ การโจมตีอาจนำไปสู่การเจาะระบบของลูกค้าผ่าน supply chain ‼️ คำเตือนจากข้อมูลข่าว ⛔ ข้อมูลซอร์สโค้ดและช่องโหว่ที่หลุดอาจถูกใช้ในการพัฒนาเครื่องมือเจาะระบบ ⛔ การแทรกซึมแบบต่อเนื่องทำให้การตรวจจับยากและอาจเกิดความเสียหายระยะยาว ⛔ ลูกค้าของ F5 อาจตกเป็นเป้าหมายจากข้อมูลที่หลุด ⛔ การไม่อัปเดตแพตช์ล่าสุดอาจเปิดช่องให้ถูกโจมตีจากช่องโหว่ที่ถูกเปิดเผย ⛔ การโจมตีแบบ nation-state มักมีเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์และยากต่อการป้องกัน https://hackread.com/f5-breach-source-code-vulnerability-data-stolen/
    HACKREAD.COM
    F5 Confirms Nation-State Breach, Source Code and Vulnerability Data Stolen
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ทำไมเจ้านายคุณไม่กลัว AI” — ความเข้าใจผิดที่อันตรายระหว่างซอฟต์แวร์ทั่วไปกับระบบปัญญาประดิษฐ์

    บทความนี้ชวนเรามองลึกถึงช่องว่างความเข้าใจระหว่างผู้เชี่ยวชาญด้าน AI กับคนทั่วไป โดยเฉพาะในองค์กรที่ผู้บริหารอาจมองว่า “AI ก็เหมือนซอฟต์แวร์ทั่วไป” ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดที่อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่เสี่ยง

    ผู้เขียนอธิบายว่า คนทั่วไปเข้าใจดีว่า “บั๊กในซอฟต์แวร์” อาจสร้างความเสียหายได้ แต่ก็เชื่อว่ามันสามารถแก้ไขได้เหมือนการหาจุดผิดในโค้ด แล้วแก้ให้ถูกต้อง ซึ่งใช้ได้กับซอฟต์แวร์ทั่วไป แต่ใช้ไม่ได้กับ AI

    AI ไม่ได้ทำงานจากโค้ดที่เขียนทีละบรรทัด แต่เกิดจากการฝึกด้วยข้อมูลมหาศาล ซึ่งไม่มีใครรู้ครบว่ามีอะไรอยู่ในนั้น เช่น ชุดข้อมูล FineWeb ที่ใช้ฝึกโมเดลมีคำกว่า 11.25 ล้านล้านคำ — ถ้าคนอ่านวันละ 250 คำ จะใช้เวลาถึง 85,000 ปี!

    เมื่อ AI ทำพฤติกรรมผิดปกติ เราไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเกิดจากข้อมูลไหน ต่างจากซอฟต์แวร์ทั่วไปที่สามารถไล่โค้ดย้อนกลับได้อย่างแม่นยำ นักวิจัยจึงใช้วิธี “ฝึกใหม่ด้วยข้อมูลเพิ่ม” แทนการแก้จุดเดียว

    นอกจากนี้ AI ยังมีพฤติกรรมที่ไม่เสถียร เช่น การตอบต่างกันแม้เปลี่ยนคำถามเพียงเล็กน้อย และไม่สามารถควบคุมให้ทำตามสเปกได้เหมือนซอฟต์แวร์ทั่วไป แม้จะตั้งเป้าหมายไว้ว่า “ห้ามตอบคำถามผิดกฎหมาย” ก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่า AI จะไม่หลุดพฤติกรรมในบางสถานการณ์

    ผู้เขียนเสนอว่า สิ่งสำคัญคือการสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างผู้เชี่ยวชาญและคนทั่วไป โดยเฉพาะในองค์กรที่ต้องตัดสินใจเกี่ยวกับการนำ AI มาใช้ เพราะความเข้าใจผิดอาจนำไปสู่การประเมินความเสี่ยงต่ำเกินจริง

    ข้อมูลในข่าว
    คนทั่วไปเข้าใจว่บั๊กในซอฟต์แวร์สามารถแก้ได้ แต่ใช้ไม่ได้กับ AI
    AI ทำงานจากการฝึกด้วยข้อมูลมหาศาล ไม่ใช่โค้ดที่เขียนทีละบรรทัด
    ไม่มีใครรู้ครบว่าข้อมูลฝึก AI มีอะไรบ้าง เช่น FineWeb มีคำกว่า 11.25 ล้านล้านคำ
    พฤติกรรมผิดปกติใน AI ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเกิดจากข้อมูลไหน
    นักวิจัยใช้วิธีฝึกใหม่ด้วยข้อมูลเพิ่ม แทนการแก้จุดเดียว
    AI ตอบต่างกันแม้เปลี่ยนคำถามเพียงเล็กน้อย เช่น เพิ่มเครื่องหมายคำถาม
    ไม่สามารถควบคุมให้ AI ทำตามสเปกได้เหมือนซอฟต์แวร์ทั่วไป
    ความสามารถบางอย่างของ AI ถูกค้นพบโดยผู้ใช้ทั่วไปหลังเปิดตัว
    ไม่มีใครรับประกันได้ว่า AI จะไม่แสดงพฤติกรรมอันตรายในอนาคต
    ช่องว่างความเข้าใจระหว่างผู้เชี่ยวชาญกับคนทั่วไปเป็นปัญหาสำคัญ

    คำเตือนจากข้อมูลข่าว
    การเข้าใจว่า AI เป็นแค่ซอฟต์แวร์ทั่วไปอาจนำไปสู่การประเมินความเสี่ยงผิดพลาด
    การคิดว่า “แก้บั๊กแล้วจบ” ใช้ไม่ได้กับระบบที่เรียนรู้จากข้อมูล
    การใช้ AI โดยไม่เข้าใจโครงสร้างการฝึก อาจเปิดช่องให้เกิดพฤติกรรมไม่คาดคิด
    การเปลี่ยนคำถามเล็กน้อยอาจทำให้ AI ตอบต่างกันอย่างสิ้นเชิง
    การตั้งสเปกให้ AI “ห้ามทำสิ่งผิด” ไม่สามารถรับประกันผลลัพธ์ได้
    ความสามารถที่ซ่อนอยู่ใน AI อาจเป็นอันตราย หากถูกค้นพบโดยผู้ไม่หวังดี
    การสื่อสารที่ไม่ชัดเจนระหว่างฝ่ายเทคนิคกับผู้บริหารอาจทำให้การตัดสินใจผิดพลาด

    https://boydkane.com/essays/boss
    🧠 “ทำไมเจ้านายคุณไม่กลัว AI” — ความเข้าใจผิดที่อันตรายระหว่างซอฟต์แวร์ทั่วไปกับระบบปัญญาประดิษฐ์ บทความนี้ชวนเรามองลึกถึงช่องว่างความเข้าใจระหว่างผู้เชี่ยวชาญด้าน AI กับคนทั่วไป โดยเฉพาะในองค์กรที่ผู้บริหารอาจมองว่า “AI ก็เหมือนซอฟต์แวร์ทั่วไป” ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดที่อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่เสี่ยง ผู้เขียนอธิบายว่า คนทั่วไปเข้าใจดีว่า “บั๊กในซอฟต์แวร์” อาจสร้างความเสียหายได้ แต่ก็เชื่อว่ามันสามารถแก้ไขได้เหมือนการหาจุดผิดในโค้ด แล้วแก้ให้ถูกต้อง ซึ่งใช้ได้กับซอฟต์แวร์ทั่วไป แต่ใช้ไม่ได้กับ AI AI ไม่ได้ทำงานจากโค้ดที่เขียนทีละบรรทัด แต่เกิดจากการฝึกด้วยข้อมูลมหาศาล ซึ่งไม่มีใครรู้ครบว่ามีอะไรอยู่ในนั้น เช่น ชุดข้อมูล FineWeb ที่ใช้ฝึกโมเดลมีคำกว่า 11.25 ล้านล้านคำ — ถ้าคนอ่านวันละ 250 คำ จะใช้เวลาถึง 85,000 ปี! เมื่อ AI ทำพฤติกรรมผิดปกติ เราไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเกิดจากข้อมูลไหน ต่างจากซอฟต์แวร์ทั่วไปที่สามารถไล่โค้ดย้อนกลับได้อย่างแม่นยำ นักวิจัยจึงใช้วิธี “ฝึกใหม่ด้วยข้อมูลเพิ่ม” แทนการแก้จุดเดียว นอกจากนี้ AI ยังมีพฤติกรรมที่ไม่เสถียร เช่น การตอบต่างกันแม้เปลี่ยนคำถามเพียงเล็กน้อย และไม่สามารถควบคุมให้ทำตามสเปกได้เหมือนซอฟต์แวร์ทั่วไป แม้จะตั้งเป้าหมายไว้ว่า “ห้ามตอบคำถามผิดกฎหมาย” ก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่า AI จะไม่หลุดพฤติกรรมในบางสถานการณ์ ผู้เขียนเสนอว่า สิ่งสำคัญคือการสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างผู้เชี่ยวชาญและคนทั่วไป โดยเฉพาะในองค์กรที่ต้องตัดสินใจเกี่ยวกับการนำ AI มาใช้ เพราะความเข้าใจผิดอาจนำไปสู่การประเมินความเสี่ยงต่ำเกินจริง ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ คนทั่วไปเข้าใจว่บั๊กในซอฟต์แวร์สามารถแก้ได้ แต่ใช้ไม่ได้กับ AI ➡️ AI ทำงานจากการฝึกด้วยข้อมูลมหาศาล ไม่ใช่โค้ดที่เขียนทีละบรรทัด ➡️ ไม่มีใครรู้ครบว่าข้อมูลฝึก AI มีอะไรบ้าง เช่น FineWeb มีคำกว่า 11.25 ล้านล้านคำ ➡️ พฤติกรรมผิดปกติใน AI ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเกิดจากข้อมูลไหน ➡️ นักวิจัยใช้วิธีฝึกใหม่ด้วยข้อมูลเพิ่ม แทนการแก้จุดเดียว ➡️ AI ตอบต่างกันแม้เปลี่ยนคำถามเพียงเล็กน้อย เช่น เพิ่มเครื่องหมายคำถาม ➡️ ไม่สามารถควบคุมให้ AI ทำตามสเปกได้เหมือนซอฟต์แวร์ทั่วไป ➡️ ความสามารถบางอย่างของ AI ถูกค้นพบโดยผู้ใช้ทั่วไปหลังเปิดตัว ➡️ ไม่มีใครรับประกันได้ว่า AI จะไม่แสดงพฤติกรรมอันตรายในอนาคต ➡️ ช่องว่างความเข้าใจระหว่างผู้เชี่ยวชาญกับคนทั่วไปเป็นปัญหาสำคัญ ‼️ คำเตือนจากข้อมูลข่าว ⛔ การเข้าใจว่า AI เป็นแค่ซอฟต์แวร์ทั่วไปอาจนำไปสู่การประเมินความเสี่ยงผิดพลาด ⛔ การคิดว่า “แก้บั๊กแล้วจบ” ใช้ไม่ได้กับระบบที่เรียนรู้จากข้อมูล ⛔ การใช้ AI โดยไม่เข้าใจโครงสร้างการฝึก อาจเปิดช่องให้เกิดพฤติกรรมไม่คาดคิด ⛔ การเปลี่ยนคำถามเล็กน้อยอาจทำให้ AI ตอบต่างกันอย่างสิ้นเชิง ⛔ การตั้งสเปกให้ AI “ห้ามทำสิ่งผิด” ไม่สามารถรับประกันผลลัพธ์ได้ ⛔ ความสามารถที่ซ่อนอยู่ใน AI อาจเป็นอันตราย หากถูกค้นพบโดยผู้ไม่หวังดี ⛔ การสื่อสารที่ไม่ชัดเจนระหว่างฝ่ายเทคนิคกับผู้บริหารอาจทำให้การตัดสินใจผิดพลาด https://boydkane.com/essays/boss
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปัญหาหนี้สินครูยังเป็นเรื่องเรื้อรัง กระทบคุณภาพชีวิต ล่าสุด นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ ประชุมคณะกรรมการ สกสค. ตั้งเป้าจัดตั้งสหกรณ์กลางบริหารจัดการหนี้ มุ่งเน้นความโปร่งใส ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน พร้อมสรรหาผู้เชี่ยวชาญปรับโครงสร้างหนี้และเตรียมความพร้อมด้านหนังสือเรียนปีการศึกษาหน้า
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000098741

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ปัญหาหนี้สินครูยังเป็นเรื่องเรื้อรัง กระทบคุณภาพชีวิต ล่าสุด นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ ประชุมคณะกรรมการ สกสค. ตั้งเป้าจัดตั้งสหกรณ์กลางบริหารจัดการหนี้ มุ่งเน้นความโปร่งใส ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน พร้อมสรรหาผู้เชี่ยวชาญปรับโครงสร้างหนี้และเตรียมความพร้อมด้านหนังสือเรียนปีการศึกษาหน้า . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000098741 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฉะนายกฯโยนปัญหา ปราบแก๊งคอล-สแกมเมอร์ : [THE MESSAGE]

    นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน เผยถึงการติดตามการแก้ปัญหาของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในการปราบปรามแก้ปัญหาสแกมเมอร์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นปัญหาที่นานาชาติให้ความสำคัญ สหรัฐฯ เกาหลีใต้ หรือสหราชอาณาจักร ก็เริ่มดำเนินการอย่างจริงจังในการปราบปรามเครือข่ายสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์บริเวณชายแดนของไทย ในฐานะที่ไทยมีชายแดนติดกับเพื่อนบ้าน ควรมีบทบาทหลักในการแก้ไขปัญหานี้ที่กระทบต่อชาวโลกทุกประเทศ การแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ก็มีกลไกทวิภาคี นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการได้อย่างจริงจังและรวดเร็ว มอง ปัญหาชายแดนและคอลเซ็นเตอร์ นายกรัฐมนตรีแสดงความรับผิดรับชอบในฐานะผู้บริหารน้อยเกินไป และมักโยนให้เป็นความรับผิดชอบของหน่วยงานด้านความมั่นคง
    ฉะนายกฯโยนปัญหา ปราบแก๊งคอล-สแกมเมอร์ : [THE MESSAGE] นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน เผยถึงการติดตามการแก้ปัญหาของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในการปราบปรามแก้ปัญหาสแกมเมอร์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นปัญหาที่นานาชาติให้ความสำคัญ สหรัฐฯ เกาหลีใต้ หรือสหราชอาณาจักร ก็เริ่มดำเนินการอย่างจริงจังในการปราบปรามเครือข่ายสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์บริเวณชายแดนของไทย ในฐานะที่ไทยมีชายแดนติดกับเพื่อนบ้าน ควรมีบทบาทหลักในการแก้ไขปัญหานี้ที่กระทบต่อชาวโลกทุกประเทศ การแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ก็มีกลไกทวิภาคี นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการได้อย่างจริงจังและรวดเร็ว มอง ปัญหาชายแดนและคอลเซ็นเตอร์ นายกรัฐมนตรีแสดงความรับผิดรับชอบในฐานะผู้บริหารน้อยเกินไป และมักโยนให้เป็นความรับผิดชอบของหน่วยงานด้านความมั่นคง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “รักษามะเร็งโดยไม่ต้องผ่าตัด — เมื่อคลื่นเสียงกลายเป็นอาวุธใหม่ที่แม่นยำและไร้แผล”

    ในอดีต การรักษามะเร็งมักหมายถึงการผ่าตัด เคมีบำบัด หรือฉายรังสี ซึ่งล้วนมีผลข้างเคียงและความเสี่ยงสูง แต่วันนี้ นักวิทยาศาสตร์กำลังเปิดประตูสู่ยุคใหม่ของการรักษาแบบ “ไร้แผล” ด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า “Focused Ultrasound” หรือคลื่นเสียงความเข้มสูงแบบเจาะจง

    เทคโนโลยีนี้ใช้คลื่นเสียงที่แม่นยำในการทำลายเนื้อเยื่อมะเร็งโดยไม่ต้องเปิดผิวหนังหรือแทรกแซงอวัยวะใด ๆ คล้ายกับการใช้แว่นขยายรวมแสงอาทิตย์เพื่อเผาจุดเล็ก ๆ — แต่แทนที่จะใช้แสง ใช้คลื่นเสียงที่สามารถเจาะลึกถึงอวัยวะภายในได้อย่างปลอดภัย

    การทดลองล่าสุดในสหรัฐฯ และยุโรปแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีนี้สามารถใช้รักษามะเร็งตับ, ต่อมลูกหมาก, สมอง และแม้แต่มะเร็งเต้านมบางชนิดได้ โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้นนาน ผู้ป่วยบางรายสามารถกลับบ้านได้ภายในวันเดียว

    นอกจากการทำลายเนื้อเยื่อมะเร็งโดยตรงแล้ว คลื่นเสียงยังสามารถ “เปิดช่อง” ให้ยาเคมีบำบัดหรือภูมิคุ้มกันบำบัดเข้าสู่เนื้อเยื่อได้ดีขึ้น ซึ่งอาจเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาแบบผสม

    “Focused Ultrasound” คือการใช้คลื่นเสียงความเข้มสูงแบบเจาะจง
    ทำลายเนื้อเยื่อมะเร็งโดยไม่ต้องผ่าตัด

    คลื่นเสียงสามารถเจาะลึกถึงอวัยวะภายในโดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบข้าง
    คล้ายการใช้แว่นขยายรวมแสง แต่ปลอดภัยกว่า

    ใช้รักษามะเร็งหลายชนิด เช่น ตับ, ต่อมลูกหมาก, สมอง, เต้านม
    ผู้ป่วยบางรายกลับบ้านได้ภายในวันเดียว

    คลื่นเสียงสามารถช่วยให้ยาเข้าสู่เนื้อเยื่อได้ดีขึ้น
    เพิ่มประสิทธิภาพของเคมีบำบัดหรือภูมิคุ้มกันบำบัด

    การรักษาแบบนี้ไม่ต้องใช้มีดผ่าตัดหรือการฉายรังสี
    ลดผลข้างเคียงและความเสี่ยงจากการรักษาแบบเดิม

    มีการทดลองในหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ, อังกฤษ, เยอรมนี
    ผลลัพธ์เบื้องต้นเป็นบวกและปลอดภัย

    เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในขั้นทดลองสำหรับบางชนิดของมะเร็ง
    ยังไม่สามารถใช้แทนการรักษาแบบเดิมได้ทั้งหมด

    ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะและทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ
    ไม่สามารถใช้ได้ในโรงพยาบาลทั่วไปทุกแห่ง

    การรักษาอาจไม่เหมาะกับผู้ป่วยที่มีเนื้องอกในตำแหน่งลึกหรือใกล้โครงสร้างสำคัญ
    เช่น ใกล้เส้นเลือดใหญ่หรือเส้นประสาท

    ยังไม่มีข้อมูลระยะยาวเกี่ยวกับประสิทธิภาพและผลข้างเคียง
    ต้องติดตามผลการทดลองเพิ่มเติมในอนาคต

    https://www.bbc.com/future/article/20251007-how-ultrasound-is-ushering-a-new-era-of-surgery-free-cancer-treatment
    🩺 “รักษามะเร็งโดยไม่ต้องผ่าตัด — เมื่อคลื่นเสียงกลายเป็นอาวุธใหม่ที่แม่นยำและไร้แผล” ในอดีต การรักษามะเร็งมักหมายถึงการผ่าตัด เคมีบำบัด หรือฉายรังสี ซึ่งล้วนมีผลข้างเคียงและความเสี่ยงสูง แต่วันนี้ นักวิทยาศาสตร์กำลังเปิดประตูสู่ยุคใหม่ของการรักษาแบบ “ไร้แผล” ด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า “Focused Ultrasound” หรือคลื่นเสียงความเข้มสูงแบบเจาะจง เทคโนโลยีนี้ใช้คลื่นเสียงที่แม่นยำในการทำลายเนื้อเยื่อมะเร็งโดยไม่ต้องเปิดผิวหนังหรือแทรกแซงอวัยวะใด ๆ คล้ายกับการใช้แว่นขยายรวมแสงอาทิตย์เพื่อเผาจุดเล็ก ๆ — แต่แทนที่จะใช้แสง ใช้คลื่นเสียงที่สามารถเจาะลึกถึงอวัยวะภายในได้อย่างปลอดภัย การทดลองล่าสุดในสหรัฐฯ และยุโรปแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีนี้สามารถใช้รักษามะเร็งตับ, ต่อมลูกหมาก, สมอง และแม้แต่มะเร็งเต้านมบางชนิดได้ โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้นนาน ผู้ป่วยบางรายสามารถกลับบ้านได้ภายในวันเดียว นอกจากการทำลายเนื้อเยื่อมะเร็งโดยตรงแล้ว คลื่นเสียงยังสามารถ “เปิดช่อง” ให้ยาเคมีบำบัดหรือภูมิคุ้มกันบำบัดเข้าสู่เนื้อเยื่อได้ดีขึ้น ซึ่งอาจเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาแบบผสม ✅ “Focused Ultrasound” คือการใช้คลื่นเสียงความเข้มสูงแบบเจาะจง ➡️ ทำลายเนื้อเยื่อมะเร็งโดยไม่ต้องผ่าตัด ✅ คลื่นเสียงสามารถเจาะลึกถึงอวัยวะภายในโดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบข้าง ➡️ คล้ายการใช้แว่นขยายรวมแสง แต่ปลอดภัยกว่า ✅ ใช้รักษามะเร็งหลายชนิด เช่น ตับ, ต่อมลูกหมาก, สมอง, เต้านม ➡️ ผู้ป่วยบางรายกลับบ้านได้ภายในวันเดียว ✅ คลื่นเสียงสามารถช่วยให้ยาเข้าสู่เนื้อเยื่อได้ดีขึ้น ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพของเคมีบำบัดหรือภูมิคุ้มกันบำบัด ✅ การรักษาแบบนี้ไม่ต้องใช้มีดผ่าตัดหรือการฉายรังสี ➡️ ลดผลข้างเคียงและความเสี่ยงจากการรักษาแบบเดิม ✅ มีการทดลองในหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ, อังกฤษ, เยอรมนี ➡️ ผลลัพธ์เบื้องต้นเป็นบวกและปลอดภัย ‼️ เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในขั้นทดลองสำหรับบางชนิดของมะเร็ง ⛔ ยังไม่สามารถใช้แทนการรักษาแบบเดิมได้ทั้งหมด ‼️ ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะและทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ ⛔ ไม่สามารถใช้ได้ในโรงพยาบาลทั่วไปทุกแห่ง ‼️ การรักษาอาจไม่เหมาะกับผู้ป่วยที่มีเนื้องอกในตำแหน่งลึกหรือใกล้โครงสร้างสำคัญ ⛔ เช่น ใกล้เส้นเลือดใหญ่หรือเส้นประสาท ‼️ ยังไม่มีข้อมูลระยะยาวเกี่ยวกับประสิทธิภาพและผลข้างเคียง ⛔ ต้องติดตามผลการทดลองเพิ่มเติมในอนาคต https://www.bbc.com/future/article/20251007-how-ultrasound-is-ushering-a-new-era-of-surgery-free-cancer-treatment
    WWW.BBC.COM
    How ultrasound is ushering a new era of surgery-free cancer treatment
    Ultrasound has long been used for helping doctors see inside the body, but focused high frequency sound waves are offering new ways of targeting cancer.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจรจารักษาอธิปไตย กังวลหลายเรื่องสำคัญ : [NEWS UPDATE]
    นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ เผยถึงความคืบหน้าการเดินทางไปหารือกับประเทศมาเลเซีย ต่อการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งต่อไป ยังมีอีก 2 ประเด็นที่จะไปพูดคุยเพิ่ม คาดว่าจะเดินทางไปกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย วันที่ 17 ต.ค. นี้ ไม่กังวล
    กัมพูชาจะไปร้องศาลโลก กรณีไทยฉายภาพยนตร์ เปิดเสียงหลอนในพื้นที่บ้านหนองจาน แต่กังวลใน 4-5 เรื่อง ที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ระบุว่าเป็นเรื่องสําคัญ ถ้าเราจะเดินหน้าความสัมพันธ์ ตอนนี้การเจรจากําลังเดินหน้าเรื่องอธิปไตย เราต้องมุ่งมั่นรักษา


    ขอคนไทยมั่นใจแม่ทัพใหม่

    เข็นเศรษฐกิจแข่งเวลา 4 เดือน

    งบประมาณปี 2570 ส่อล่าช้า

    สอบชุดปฏิบัติการพิเศษดีอี
    เจรจารักษาอธิปไตย กังวลหลายเรื่องสำคัญ : [NEWS UPDATE] นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ เผยถึงความคืบหน้าการเดินทางไปหารือกับประเทศมาเลเซีย ต่อการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งต่อไป ยังมีอีก 2 ประเด็นที่จะไปพูดคุยเพิ่ม คาดว่าจะเดินทางไปกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย วันที่ 17 ต.ค. นี้ ไม่กังวล กัมพูชาจะไปร้องศาลโลก กรณีไทยฉายภาพยนตร์ เปิดเสียงหลอนในพื้นที่บ้านหนองจาน แต่กังวลใน 4-5 เรื่อง ที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ระบุว่าเป็นเรื่องสําคัญ ถ้าเราจะเดินหน้าความสัมพันธ์ ตอนนี้การเจรจากําลังเดินหน้าเรื่องอธิปไตย เราต้องมุ่งมั่นรักษา ขอคนไทยมั่นใจแม่ทัพใหม่ เข็นเศรษฐกิจแข่งเวลา 4 เดือน งบประมาณปี 2570 ส่อล่าช้า สอบชุดปฏิบัติการพิเศษดีอี
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เมินเสียงผีละเมิดสิทธิ ยิงจรวดใส่ไทยหนักกว่า : [NEWS UPDATE]
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เผยกรณีกองทัพภาคที่ 1 ใช้เครื่องจักรกลรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ชาวกัมพูชารุกล้ำพื้นที่ไทยบริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว กองทัพมีอำนาจตัดสินใจเต็มที่ในพื้นที่ที่เป็นปัญหา ส่วนกรณีโฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชามองว่าการเปิดเสียงรบกวนจากฝั่งไทย ละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นรุนแรง นายกรัฐมนตรีของไทยมองว่า ระเบิดและจรวดที่ยิงเข้ามาในเขตไทยจากฝั่งกัมพูชาก็ทำอันตรายกับประชาชนไทย โดรนที่บินเข้ามาในเขตไทยก็ละเมิดอธิปไตยประเทศไทย ให้กำลังใจแม่ทัพภาคที่ 2 ทหาร เจ้าหน้าที่ และข้าราชการฝ่ายปกครองในพื้นที่พิพาท สนับสนุนทุกอย่างให้สามารถทำงานได้ เพื่อนำชัยชนะ ปกป้องประชาชน และปกป้องอธิปไตยของประเทศ



    ต้องยกเลิก MOU 43-44 ทันที

    มองโลกตามความจริง

    รธน.2560ทำไทยสบวิกฤต

    ยกเลิกกฎหมายขวางทำกิน
    เมินเสียงผีละเมิดสิทธิ ยิงจรวดใส่ไทยหนักกว่า : [NEWS UPDATE] นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เผยกรณีกองทัพภาคที่ 1 ใช้เครื่องจักรกลรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ชาวกัมพูชารุกล้ำพื้นที่ไทยบริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว กองทัพมีอำนาจตัดสินใจเต็มที่ในพื้นที่ที่เป็นปัญหา ส่วนกรณีโฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชามองว่าการเปิดเสียงรบกวนจากฝั่งไทย ละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นรุนแรง นายกรัฐมนตรีของไทยมองว่า ระเบิดและจรวดที่ยิงเข้ามาในเขตไทยจากฝั่งกัมพูชาก็ทำอันตรายกับประชาชนไทย โดรนที่บินเข้ามาในเขตไทยก็ละเมิดอธิปไตยประเทศไทย ให้กำลังใจแม่ทัพภาคที่ 2 ทหาร เจ้าหน้าที่ และข้าราชการฝ่ายปกครองในพื้นที่พิพาท สนับสนุนทุกอย่างให้สามารถทำงานได้ เพื่อนำชัยชนะ ปกป้องประชาชน และปกป้องอธิปไตยของประเทศ ต้องยกเลิก MOU 43-44 ทันที มองโลกตามความจริง รธน.2560ทำไทยสบวิกฤต ยกเลิกกฎหมายขวางทำกิน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 253 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ยื่นหนังสือถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เพื่อให้ยกเลิก MOU 2543 และ 2544 ทันที โดยไม่ต้องทำประชามติ และไม่ต้องให้คณะกรรมาธิการศึกษารายละเอียด พร้อมขอให้สั่งระงับการประชุม RBC, GBC และ JBC ไว้ก่อน จนกว่า ครม. จะมีมติยกเลิก MOU 2543 เนื่องจากประเทศกัมพูชามีพฤติการณ์ละเมิดร้ายแรง ตามมาตรา 60 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. 1969 รวมถึงข้อตกลงชั่วคราวที่ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง ขณะที่ นายกรัฐมนตรี รับเรื่องด้วยตนเอง และกล่าวว่า ต้องไปอ่านก่อน จากนั้นจึงเดินขึ้นลิฟต์เพื่อเข้าประชุม ครม.
    นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ยื่นหนังสือถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เพื่อให้ยกเลิก MOU 2543 และ 2544 ทันที โดยไม่ต้องทำประชามติ และไม่ต้องให้คณะกรรมาธิการศึกษารายละเอียด พร้อมขอให้สั่งระงับการประชุม RBC, GBC และ JBC ไว้ก่อน จนกว่า ครม. จะมีมติยกเลิก MOU 2543 เนื่องจากประเทศกัมพูชามีพฤติการณ์ละเมิดร้ายแรง ตามมาตรา 60 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. 1969 รวมถึงข้อตกลงชั่วคราวที่ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง ขณะที่ นายกรัฐมนตรี รับเรื่องด้วยตนเอง และกล่าวว่า ต้องไปอ่านก่อน จากนั้นจึงเดินขึ้นลิฟต์เพื่อเข้าประชุม ครม.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 217 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “เริ่มต้นอาชีพสาย Cybersecurity ด้วย TryHackMe – ฝึกจริง เข้าใจจริง พร้อมใบรับรอง”

    ในยุคที่ภัยไซเบอร์กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้นทุกวัน องค์กรทั่วโลกต่างต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างเร่งด่วน แต่ปัญหาคือ…จะเริ่มต้นยังไงดี?

    TryHackMe คือแพลตฟอร์มฝึกอบรมด้าน cybersecurity ที่ออกแบบมาเพื่อทุกคน ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น หรือเป็นมือโปรที่ต้องการอัปสกิลเพิ่มเติม จุดเด่นของ TryHackMe คือการฝึกแบบ “ลงมือทำจริง” ผ่านระบบจำลองที่เรียกว่า “rooms” ซึ่งมีมากกว่า 900 ห้อง ครอบคลุมทุกระดับความรู้

    คุณสามารถเรียนรู้ตั้งแต่พื้นฐาน เช่น การตั้งค่าความปลอดภัย ไปจนถึงการเจาะระบบ (ethical hacking) และการวิเคราะห์มัลแวร์ โดยไม่ต้องมีพื้นฐานมาก่อน และที่สำคัญคือมีใบรับรองที่ได้รับการยอมรับจากองค์กรใหญ่ เช่น Google, CompTIA และ KPMG

    ในรายงานของ World Economic Forum ระบุว่า “Information Security Analyst” จะเป็นหนึ่งในอาชีพที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกจนถึงปี 2030 และ TryHackMe กำลังช่วยให้คนทั่วไปเข้าถึงโอกาสนี้ได้ง่ายขึ้น ด้วยค่าบริการเริ่มต้นเพียง £9 ต่อเดือน

    จุดเด่นของ TryHackMe
    มีมากกว่า 900 ห้องฝึกอบรมแบบลงมือทำจริง
    ครอบคลุมตั้งแต่ระดับเริ่มต้นจนถึงระดับมืออาชีพ
    มีใบรับรองที่ได้รับการยอมรับจากองค์กรระดับโลก
    เรียนได้ทุกที่ทุกเวลาแบบ on-demand

    ความต้องการในตลาดแรงงาน
    องค์กรทั่วโลกขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญด้าน cybersecurity
    4 ใน 10 ธุรกิจ และ 3 ใน 10 องค์กรไม่แสวงกำไรใน UK ถูกโจมตีทางไซเบอร์ในปีที่ผ่านมา
    อาชีพด้านความปลอดภัยไซเบอร์ติดอันดับ Top 15 ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก

    ความคุ้มค่าและความยืดหยุ่น
    เริ่มต้นเพียง £9 ต่อเดือน
    เหมาะสำหรับคนที่ทำงานประจำและต้องการเปลี่ยนอาชีพ
    มีเส้นทางการเรียนรู้ที่ชัดเจน เช่น Red Team, Blue Team, SOC Analyst

    คำเตือนสำหรับผู้เริ่มต้น
    Cybersecurity ไม่ใช่อาชีพที่เรียนรู้แค่ทฤษฎีแล้วทำงานได้ทันที
    ต้องมีทักษะจริงและความเข้าใจในการใช้งานเครื่องมือ
    การเลือกแพลตฟอร์มฝึกอบรมที่ไม่มีใบรับรอง อาจทำให้เสียเวลาโดยไม่เกิดผลลัพธ์
    การเรียนรู้แบบไม่ต่อเนื่องอาจทำให้ทักษะไม่พัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ

    https://www.techradar.com/security/kickstart-your-path-towards-a-career-in-cyber-security-with-tryhackme
    🛡️ “เริ่มต้นอาชีพสาย Cybersecurity ด้วย TryHackMe – ฝึกจริง เข้าใจจริง พร้อมใบรับรอง” ในยุคที่ภัยไซเบอร์กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้นทุกวัน องค์กรทั่วโลกต่างต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างเร่งด่วน แต่ปัญหาคือ…จะเริ่มต้นยังไงดี? TryHackMe คือแพลตฟอร์มฝึกอบรมด้าน cybersecurity ที่ออกแบบมาเพื่อทุกคน ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น หรือเป็นมือโปรที่ต้องการอัปสกิลเพิ่มเติม จุดเด่นของ TryHackMe คือการฝึกแบบ “ลงมือทำจริง” ผ่านระบบจำลองที่เรียกว่า “rooms” ซึ่งมีมากกว่า 900 ห้อง ครอบคลุมทุกระดับความรู้ คุณสามารถเรียนรู้ตั้งแต่พื้นฐาน เช่น การตั้งค่าความปลอดภัย ไปจนถึงการเจาะระบบ (ethical hacking) และการวิเคราะห์มัลแวร์ โดยไม่ต้องมีพื้นฐานมาก่อน และที่สำคัญคือมีใบรับรองที่ได้รับการยอมรับจากองค์กรใหญ่ เช่น Google, CompTIA และ KPMG ในรายงานของ World Economic Forum ระบุว่า “Information Security Analyst” จะเป็นหนึ่งในอาชีพที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกจนถึงปี 2030 และ TryHackMe กำลังช่วยให้คนทั่วไปเข้าถึงโอกาสนี้ได้ง่ายขึ้น ด้วยค่าบริการเริ่มต้นเพียง £9 ต่อเดือน ✅ จุดเด่นของ TryHackMe ➡️ มีมากกว่า 900 ห้องฝึกอบรมแบบลงมือทำจริง ➡️ ครอบคลุมตั้งแต่ระดับเริ่มต้นจนถึงระดับมืออาชีพ ➡️ มีใบรับรองที่ได้รับการยอมรับจากองค์กรระดับโลก ➡️ เรียนได้ทุกที่ทุกเวลาแบบ on-demand ✅ ความต้องการในตลาดแรงงาน ➡️ องค์กรทั่วโลกขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญด้าน cybersecurity ➡️ 4 ใน 10 ธุรกิจ และ 3 ใน 10 องค์กรไม่แสวงกำไรใน UK ถูกโจมตีทางไซเบอร์ในปีที่ผ่านมา ➡️ อาชีพด้านความปลอดภัยไซเบอร์ติดอันดับ Top 15 ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ✅ ความคุ้มค่าและความยืดหยุ่น ➡️ เริ่มต้นเพียง £9 ต่อเดือน ➡️ เหมาะสำหรับคนที่ทำงานประจำและต้องการเปลี่ยนอาชีพ ➡️ มีเส้นทางการเรียนรู้ที่ชัดเจน เช่น Red Team, Blue Team, SOC Analyst ‼️ คำเตือนสำหรับผู้เริ่มต้น ⛔ Cybersecurity ไม่ใช่อาชีพที่เรียนรู้แค่ทฤษฎีแล้วทำงานได้ทันที ⛔ ต้องมีทักษะจริงและความเข้าใจในการใช้งานเครื่องมือ ⛔ การเลือกแพลตฟอร์มฝึกอบรมที่ไม่มีใบรับรอง อาจทำให้เสียเวลาโดยไม่เกิดผลลัพธ์ ⛔ การเรียนรู้แบบไม่ต่อเนื่องอาจทำให้ทักษะไม่พัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ https://www.techradar.com/security/kickstart-your-path-towards-a-career-in-cyber-security-with-tryhackme
    WWW.TECHRADAR.COM
    Kickstart your path towards a career in cyber security with TryHackMe
    Professional cyber security and training for just £9 per month
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • “OpenAI จับมือ Broadcom สร้างชิป AI 10GW – ก้าวใหม่สู่ยุคฮาร์ดแวร์เฉพาะทาง”

    ในโลกที่ AI กำลังกลายเป็นหัวใจของทุกอุตสาหกรรม OpenAI ไม่หยุดอยู่แค่การพัฒนาโมเดลอัจฉริยะ แต่กำลังเดินหน้าสู่การสร้าง “ฮาร์ดแวร์เฉพาะทาง” ด้วยตัวเอง โดยล่าสุดได้ประกาศความร่วมมือกับ Broadcom ในการพัฒนาและติดตั้งระบบเร่งการประมวลผล (accelerators) สำหรับงาน AI ขนาดมหึมา รวมถึงระบบแร็คเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับพลังงานรวมถึง 10 กิกะวัตต์

    ข้อตกลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ระยะยาวของ OpenAI ที่ต้องการลดการพึ่งพา GPU จาก Nvidia และหันมาใช้ชิปที่ออกแบบเอง โดยอาศัยความเชี่ยวชาญด้านเครือข่ายและ IP ฮาร์ดแวร์จาก Broadcom ซึ่งเคยผลิตชิป AI ให้กับ Google TPU มาก่อน

    ระบบใหม่จะใช้โครงสร้างเครือข่ายแบบ Ethernet เพื่อให้สามารถขยายได้ง่าย และไม่ผูกติดกับผู้ผลิตรายใดรายหนึ่ง โดยการติดตั้งจะเริ่มในครึ่งหลังของปี 2026 และคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2029

    นอกจากนี้ OpenAI ยังมีดีลกับ AMD และ Nvidia รวมถึง CoreWeave ซึ่งรวมแล้วมีการลงทุนในฮาร์ดแวร์มากกว่า 26 กิกะวัตต์ทั่วโลก ถือเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการฝึกและใช้งานโมเดล AI ขนาดใหญ่ในอนาคต

    ข้อตกลงระหว่าง OpenAI และ Broadcom
    ร่วมกันพัฒนาและติดตั้งระบบเร่งการประมวลผล AI ขนาด 10GW
    OpenAI ออกแบบตัวเร่งและระบบ ส่วน Broadcom รับผิดชอบการผลิตและติดตั้ง
    เริ่มใช้งานจริงในครึ่งหลังของปี 2026 และเสร็จสิ้นภายในปี 2029

    เป้าหมายของ OpenAI
    ลดการพึ่งพา GPU จาก Nvidia
    สร้างฮาร์ดแวร์เฉพาะทางที่เหมาะกับงานฝึกและใช้งานโมเดล AI
    ใช้โครงสร้าง Ethernet เพื่อความยืดหยุ่นและขยายง่าย

    ความร่วมมือเพิ่มเติม
    มีดีลกับ Nvidia, AMD และ CoreWeave รวมถึง 26GW ของฮาร์ดแวร์
    Broadcom เคยผลิตชิป AI ให้ Google TPU และมีความเชี่ยวชาญด้าน IP
    OpenAI ได้เปรียบจาก supply chain ที่มั่นคงและทีมออกแบบ ASIC ระดับโลก

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    บริษัทใหญ่หลายราย เช่น Amazon, Google, Meta และ Microsoft กำลังพัฒนาชิป AI เอง
    ตลาดกำลังเปลี่ยนจาก GPU-centric ไปสู่ระบบเร่งแบบเฉพาะทาง
    ความสามารถในการผลิตและออกแบบชิปจะเป็นตัวชี้วัดความได้เปรียบในยุค AI

    ความท้าทายและข้อควรระวัง
    ยังไม่มีการเปิดเผยผู้ผลิตชิป (foundry), การบรรจุ (packaging) หรือชนิดหน่วยความจำ
    การออกแบบและผลิตชิปใช้เวลานานและต้องการความแม่นยำสูง
    ความสำเร็จของระบบใหม่ยังต้องพิสูจน์ในระดับการใช้งานจริง
    Ecosystem ของ Broadcom ยังไม่เทียบเท่ากับ CUDA ของ Nvidia ในด้านซอฟต์แวร์และเครื่องมือ

    https://www.tomshardware.com/openai-broadcom-to-co-develop-10gw-of-custom-ai-chips
    🤖 “OpenAI จับมือ Broadcom สร้างชิป AI 10GW – ก้าวใหม่สู่ยุคฮาร์ดแวร์เฉพาะทาง” ในโลกที่ AI กำลังกลายเป็นหัวใจของทุกอุตสาหกรรม OpenAI ไม่หยุดอยู่แค่การพัฒนาโมเดลอัจฉริยะ แต่กำลังเดินหน้าสู่การสร้าง “ฮาร์ดแวร์เฉพาะทาง” ด้วยตัวเอง โดยล่าสุดได้ประกาศความร่วมมือกับ Broadcom ในการพัฒนาและติดตั้งระบบเร่งการประมวลผล (accelerators) สำหรับงาน AI ขนาดมหึมา รวมถึงระบบแร็คเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับพลังงานรวมถึง 10 กิกะวัตต์ ข้อตกลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ระยะยาวของ OpenAI ที่ต้องการลดการพึ่งพา GPU จาก Nvidia และหันมาใช้ชิปที่ออกแบบเอง โดยอาศัยความเชี่ยวชาญด้านเครือข่ายและ IP ฮาร์ดแวร์จาก Broadcom ซึ่งเคยผลิตชิป AI ให้กับ Google TPU มาก่อน ระบบใหม่จะใช้โครงสร้างเครือข่ายแบบ Ethernet เพื่อให้สามารถขยายได้ง่าย และไม่ผูกติดกับผู้ผลิตรายใดรายหนึ่ง โดยการติดตั้งจะเริ่มในครึ่งหลังของปี 2026 และคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2029 นอกจากนี้ OpenAI ยังมีดีลกับ AMD และ Nvidia รวมถึง CoreWeave ซึ่งรวมแล้วมีการลงทุนในฮาร์ดแวร์มากกว่า 26 กิกะวัตต์ทั่วโลก ถือเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการฝึกและใช้งานโมเดล AI ขนาดใหญ่ในอนาคต ✅ ข้อตกลงระหว่าง OpenAI และ Broadcom ➡️ ร่วมกันพัฒนาและติดตั้งระบบเร่งการประมวลผล AI ขนาด 10GW ➡️ OpenAI ออกแบบตัวเร่งและระบบ ส่วน Broadcom รับผิดชอบการผลิตและติดตั้ง ➡️ เริ่มใช้งานจริงในครึ่งหลังของปี 2026 และเสร็จสิ้นภายในปี 2029 ✅ เป้าหมายของ OpenAI ➡️ ลดการพึ่งพา GPU จาก Nvidia ➡️ สร้างฮาร์ดแวร์เฉพาะทางที่เหมาะกับงานฝึกและใช้งานโมเดล AI ➡️ ใช้โครงสร้าง Ethernet เพื่อความยืดหยุ่นและขยายง่าย ✅ ความร่วมมือเพิ่มเติม ➡️ มีดีลกับ Nvidia, AMD และ CoreWeave รวมถึง 26GW ของฮาร์ดแวร์ ➡️ Broadcom เคยผลิตชิป AI ให้ Google TPU และมีความเชี่ยวชาญด้าน IP ➡️ OpenAI ได้เปรียบจาก supply chain ที่มั่นคงและทีมออกแบบ ASIC ระดับโลก ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม ➡️ บริษัทใหญ่หลายราย เช่น Amazon, Google, Meta และ Microsoft กำลังพัฒนาชิป AI เอง ➡️ ตลาดกำลังเปลี่ยนจาก GPU-centric ไปสู่ระบบเร่งแบบเฉพาะทาง ➡️ ความสามารถในการผลิตและออกแบบชิปจะเป็นตัวชี้วัดความได้เปรียบในยุค AI ‼️ ความท้าทายและข้อควรระวัง ⛔ ยังไม่มีการเปิดเผยผู้ผลิตชิป (foundry), การบรรจุ (packaging) หรือชนิดหน่วยความจำ ⛔ การออกแบบและผลิตชิปใช้เวลานานและต้องการความแม่นยำสูง ⛔ ความสำเร็จของระบบใหม่ยังต้องพิสูจน์ในระดับการใช้งานจริง ⛔ Ecosystem ของ Broadcom ยังไม่เทียบเท่ากับ CUDA ของ Nvidia ในด้านซอฟต์แวร์และเครื่องมือ https://www.tomshardware.com/openai-broadcom-to-co-develop-10gw-of-custom-ai-chips
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    OpenAI and Broadcom to co-develop 10GW of custom AI chips in yet another blockbuster AI partnership — deployments start in 2026
    The AI firm’s latest hardware deal locks in another 10 gigawatts of capacity as it moves to design its own accelerators.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เมื่อ AI สร้างพอดแคสต์ได้เป็นพันรายการ – อุตสาหกรรมเสียงกำลังสั่นคลอน”

    ลองจินตนาการว่าโลกของพอดแคสต์ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงจริงจากคนจริง กำลังถูกแทนที่ด้วยเสียงสังเคราะห์จาก AI ที่สามารถผลิตรายการได้เป็นร้อยเป็นพันในเวลาไม่กี่นาที

    นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในปี 2025 เมื่อ Google เปิดตัว “Audio Overview” ระบบสร้างพอดแคสต์จากเอกสารและข้อมูลต่าง ๆ โดยไม่ต้องใช้มนุษย์เลยแม้แต่นิดเดียว และตามมาด้วยคลื่นของสตาร์ทอัพอย่าง ElevenLabs และ Wondercraft ที่กระโดดเข้ามาในตลาดนี้อย่างรวดเร็ว

    ผลลัพธ์คือการผลิตพอดแคสต์แบบ “mass-produced” ที่มีโฮสต์เสมือนจริง พูดได้หลายภาษา ปรับอารมณ์เสียงได้ และสามารถสร้างเนื้อหาตามความต้องการของผู้ฟังได้ทันที

    แต่ในขณะที่เทคโนโลยีนี้ดูน่าตื่นเต้น มันกลับสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับอุตสาหกรรมพอดแคสต์อิสระ ที่ยังคงพึ่งพาการสนับสนุนจากผู้ฟังและโฆษณาแบบดั้งเดิม หลายรายการกำลังดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด เพราะไม่สามารถแข่งขันกับความเร็วและต้นทุนต่ำของ AI ได้

    ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า แม้รสนิยมของผู้ฟังอาจไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่การหลั่งไหลของพอดแคสต์จาก AI จะส่งผลกระทบต่อ “ศิลปะของการเล่าเรื่อง” และความสัมพันธ์ระหว่างผู้สร้างกับผู้ฟังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    ในมุมที่กว้างขึ้น นี่คือภาพสะท้อนของการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมสื่อทั่วโลก ที่กำลังเผชิญกับคำถามว่า “อะไรคือความจริง” และ “ใครคือผู้เล่าเรื่องที่แท้จริง”

    การเกิดขึ้นของพอดแคสต์จาก AI
    Google เปิดตัว Audio Overview สร้างพอดแคสต์จากเอกสารโดยไม่ใช้มนุษย์
    สตาร์ทอัพอย่าง ElevenLabs และ Wondercraft เข้าร่วมตลาดอย่างรวดเร็ว
    พอดแคสต์สามารถผลิตได้จำนวนมากในเวลาสั้น ด้วยต้นทุนต่ำ

    ความสามารถของพอดแคสต์ AI
    ใช้โฮสต์เสมือนจริงที่ปรับอารมณ์เสียงได้
    รองรับหลายภาษาและสามารถปรับเนื้อหาให้เหมาะกับผู้ฟัง
    สร้างเนื้อหาแบบออนดีมานด์จากข้อมูลที่มีอยู่

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมพอดแคสต์อิสระ
    รายการอิสระที่พึ่งพาผู้ฟังและโฆษณากำลังถูกแย่งพื้นที่
    ความสัมพันธ์ระหว่างผู้สร้างกับผู้ฟังอาจลดลง
    ความหลากหลายของเนื้อหาอาจถูกแทนที่ด้วยสูตรสำเร็จจาก AI

    มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ
    การผลิตจำนวนมากอาจทำลาย “ศิลปะของการเล่าเรื่อง”
    ความจริงและความเป็นมนุษย์ในเนื้อหาอาจถูกลดทอน
    อุตสาหกรรมสื่อกำลังเผชิญกับคำถามเรื่องความน่าเชื่อถือ

    คำเตือนต่ออนาคตของพอดแคสต์
    พอดแคสต์จาก AI อาจทำให้ผู้ฟังไม่สามารถแยกแยะเนื้อหาที่มีความจริงจากเนื้อหาสังเคราะห์
    ผู้สร้างเนื้อหาจริงอาจถูกลดบทบาทหรือหายไปจากตลาด
    ความหลากหลายทางวัฒนธรรมและมุมมองอาจถูกกลืนด้วยอัลกอริธึม
    การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจทำให้เนื้อหาขาดความลึกและความรู้สึก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/13/mass-produced-ai-podcasts-disrupt-a-fragile-industry
    🎙️ “เมื่อ AI สร้างพอดแคสต์ได้เป็นพันรายการ – อุตสาหกรรมเสียงกำลังสั่นคลอน” ลองจินตนาการว่าโลกของพอดแคสต์ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงจริงจากคนจริง กำลังถูกแทนที่ด้วยเสียงสังเคราะห์จาก AI ที่สามารถผลิตรายการได้เป็นร้อยเป็นพันในเวลาไม่กี่นาที นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในปี 2025 เมื่อ Google เปิดตัว “Audio Overview” ระบบสร้างพอดแคสต์จากเอกสารและข้อมูลต่าง ๆ โดยไม่ต้องใช้มนุษย์เลยแม้แต่นิดเดียว และตามมาด้วยคลื่นของสตาร์ทอัพอย่าง ElevenLabs และ Wondercraft ที่กระโดดเข้ามาในตลาดนี้อย่างรวดเร็ว ผลลัพธ์คือการผลิตพอดแคสต์แบบ “mass-produced” ที่มีโฮสต์เสมือนจริง พูดได้หลายภาษา ปรับอารมณ์เสียงได้ และสามารถสร้างเนื้อหาตามความต้องการของผู้ฟังได้ทันที แต่ในขณะที่เทคโนโลยีนี้ดูน่าตื่นเต้น มันกลับสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับอุตสาหกรรมพอดแคสต์อิสระ ที่ยังคงพึ่งพาการสนับสนุนจากผู้ฟังและโฆษณาแบบดั้งเดิม หลายรายการกำลังดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด เพราะไม่สามารถแข่งขันกับความเร็วและต้นทุนต่ำของ AI ได้ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า แม้รสนิยมของผู้ฟังอาจไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่การหลั่งไหลของพอดแคสต์จาก AI จะส่งผลกระทบต่อ “ศิลปะของการเล่าเรื่อง” และความสัมพันธ์ระหว่างผู้สร้างกับผู้ฟังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในมุมที่กว้างขึ้น นี่คือภาพสะท้อนของการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมสื่อทั่วโลก ที่กำลังเผชิญกับคำถามว่า “อะไรคือความจริง” และ “ใครคือผู้เล่าเรื่องที่แท้จริง” ✅ การเกิดขึ้นของพอดแคสต์จาก AI ➡️ Google เปิดตัว Audio Overview สร้างพอดแคสต์จากเอกสารโดยไม่ใช้มนุษย์ ➡️ สตาร์ทอัพอย่าง ElevenLabs และ Wondercraft เข้าร่วมตลาดอย่างรวดเร็ว ➡️ พอดแคสต์สามารถผลิตได้จำนวนมากในเวลาสั้น ด้วยต้นทุนต่ำ ✅ ความสามารถของพอดแคสต์ AI ➡️ ใช้โฮสต์เสมือนจริงที่ปรับอารมณ์เสียงได้ ➡️ รองรับหลายภาษาและสามารถปรับเนื้อหาให้เหมาะกับผู้ฟัง ➡️ สร้างเนื้อหาแบบออนดีมานด์จากข้อมูลที่มีอยู่ ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมพอดแคสต์อิสระ ➡️ รายการอิสระที่พึ่งพาผู้ฟังและโฆษณากำลังถูกแย่งพื้นที่ ➡️ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้สร้างกับผู้ฟังอาจลดลง ➡️ ความหลากหลายของเนื้อหาอาจถูกแทนที่ด้วยสูตรสำเร็จจาก AI ✅ มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ การผลิตจำนวนมากอาจทำลาย “ศิลปะของการเล่าเรื่อง” ➡️ ความจริงและความเป็นมนุษย์ในเนื้อหาอาจถูกลดทอน ➡️ อุตสาหกรรมสื่อกำลังเผชิญกับคำถามเรื่องความน่าเชื่อถือ ‼️ คำเตือนต่ออนาคตของพอดแคสต์ ⛔ พอดแคสต์จาก AI อาจทำให้ผู้ฟังไม่สามารถแยกแยะเนื้อหาที่มีความจริงจากเนื้อหาสังเคราะห์ ⛔ ผู้สร้างเนื้อหาจริงอาจถูกลดบทบาทหรือหายไปจากตลาด ⛔ ความหลากหลายทางวัฒนธรรมและมุมมองอาจถูกกลืนด้วยอัลกอริธึม ⛔ การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจทำให้เนื้อหาขาดความลึกและความรู้สึก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/13/mass-produced-ai-podcasts-disrupt-a-fragile-industry
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Mass-produced AI podcasts disrupt a fragile industry
    Artificial intelligence now makes it possible to mass-produce podcasts with completely virtual hosts, a development that is disrupting an industry still finding its footing and operating on a fragile business model.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เมื่อ AI ป้องกันตัวเองไม่ได้ – ช่องโหว่ Guardrails ของ OpenAI ถูกเจาะด้วยคำสั่งหลอก”

    ลองจินตนาการว่าเราสร้างระบบรักษาความปลอดภัยให้บ้าน แล้วใช้คนออกแบบบ้านเป็นคนตรวจสอบความปลอดภัยเอง… นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับระบบ Guardrails ของ OpenAI ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน

    Guardrails เป็นระบบที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้ AI ทำสิ่งที่เป็นอันตราย เช่น การเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว หรือการตอบสนองต่อคำสั่งที่พยายาม “หลอก” ให้ AI ละเมิดกฎของตัวเอง ซึ่งเรียกว่า “Prompt Injection” หรือ “Jailbreak”

    แต่สิ่งที่นักวิจัยจากบริษัท HiddenLayer พบคือ ระบบนี้สามารถถูกหลอกได้ง่ายอย่างน่าตกใจ โดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า “Same Model, Different Hat” คือใช้โมเดลเดียวกันทั้งในการตอบคำถามและในการตรวจสอบความปลอดภัย ซึ่งทำให้สามารถหลอกได้ทั้งสองส่วนพร้อมกัน

    พวกเขาสามารถทำให้ระบบตอบสนองต่อคำสั่งที่ควรถูกบล็อก และยังสามารถหลอกให้ระบบเชื่อว่าคำสั่งนั้นปลอดภัย ทั้งที่จริงแล้วเป็นการเจาะระบบอย่างแนบเนียน

    ระบบ Guardrails ของ OpenAI
    เป็นเครื่องมือใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการละเมิดกฎโดย AI
    ใช้โมเดล AI เป็น “ผู้พิพากษา” เพื่อตรวจสอบคำสั่งที่เข้ามา
    มีเป้าหมายเพื่อป้องกันการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวและการตอบสนองต่อคำสั่งอันตราย

    ช่องโหว่ที่ถูกค้นพบ
    นักวิจัยสามารถหลอกระบบให้ตอบสนองต่อคำสั่งที่ควรถูกบล็อก
    เทคนิค “Same Model, Different Hat” ทำให้ระบบตรวจสอบและตอบคำสั่งถูกหลอกพร้อมกัน
    มีการเจาะผ่าน “Indirect Prompt Injection” ที่ซ่อนอยู่ในคำสั่งหรือการเรียกใช้เครื่องมือ

    ผลกระทบต่อความปลอดภัย
    ระบบให้ความมั่นใจผิด ๆ ว่าปลอดภัย
    องค์กรที่ใช้ AI อาจเสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูลหรือการถูกโจมตี

    คำเตือนสำหรับผู้พัฒนาและผู้ใช้งาน AI
    ไม่ควรใช้โมเดลเดียวกันในการตรวจสอบและตอบสนองคำสั่ง
    ต้องมีระบบตรวจสอบภายนอกที่เป็นอิสระจากตัวโมเดลหลัก
    ควรทดสอบระบบอย่างต่อเนื่องโดยผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย

    ความเสี่ยงในอนาคต
    หากไม่แก้ไข ช่องโหว่เหล่านี้อาจถูกใช้ในการโจมตีจริง
    การพึ่งพา AI โดยไม่มีระบบป้องกันที่แข็งแรง อาจนำไปสู่ความเสียหายระดับองค์กร

    https://hackread.com/openai-guardrails-bypass-prompt-injection-attack/
    📰 “เมื่อ AI ป้องกันตัวเองไม่ได้ – ช่องโหว่ Guardrails ของ OpenAI ถูกเจาะด้วยคำสั่งหลอก” ลองจินตนาการว่าเราสร้างระบบรักษาความปลอดภัยให้บ้าน แล้วใช้คนออกแบบบ้านเป็นคนตรวจสอบความปลอดภัยเอง… นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับระบบ Guardrails ของ OpenAI ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน Guardrails เป็นระบบที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้ AI ทำสิ่งที่เป็นอันตราย เช่น การเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว หรือการตอบสนองต่อคำสั่งที่พยายาม “หลอก” ให้ AI ละเมิดกฎของตัวเอง ซึ่งเรียกว่า “Prompt Injection” หรือ “Jailbreak” แต่สิ่งที่นักวิจัยจากบริษัท HiddenLayer พบคือ ระบบนี้สามารถถูกหลอกได้ง่ายอย่างน่าตกใจ โดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า “Same Model, Different Hat” คือใช้โมเดลเดียวกันทั้งในการตอบคำถามและในการตรวจสอบความปลอดภัย ซึ่งทำให้สามารถหลอกได้ทั้งสองส่วนพร้อมกัน พวกเขาสามารถทำให้ระบบตอบสนองต่อคำสั่งที่ควรถูกบล็อก และยังสามารถหลอกให้ระบบเชื่อว่าคำสั่งนั้นปลอดภัย ทั้งที่จริงแล้วเป็นการเจาะระบบอย่างแนบเนียน ✅ ระบบ Guardrails ของ OpenAI ➡️ เป็นเครื่องมือใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการละเมิดกฎโดย AI ➡️ ใช้โมเดล AI เป็น “ผู้พิพากษา” เพื่อตรวจสอบคำสั่งที่เข้ามา ➡️ มีเป้าหมายเพื่อป้องกันการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวและการตอบสนองต่อคำสั่งอันตราย ✅ ช่องโหว่ที่ถูกค้นพบ ➡️ นักวิจัยสามารถหลอกระบบให้ตอบสนองต่อคำสั่งที่ควรถูกบล็อก ➡️ เทคนิค “Same Model, Different Hat” ทำให้ระบบตรวจสอบและตอบคำสั่งถูกหลอกพร้อมกัน ➡️ มีการเจาะผ่าน “Indirect Prompt Injection” ที่ซ่อนอยู่ในคำสั่งหรือการเรียกใช้เครื่องมือ ✅ ผลกระทบต่อความปลอดภัย ➡️ ระบบให้ความมั่นใจผิด ๆ ว่าปลอดภัย ➡️ องค์กรที่ใช้ AI อาจเสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูลหรือการถูกโจมตี ‼️ คำเตือนสำหรับผู้พัฒนาและผู้ใช้งาน AI ⛔ ไม่ควรใช้โมเดลเดียวกันในการตรวจสอบและตอบสนองคำสั่ง ⛔ ต้องมีระบบตรวจสอบภายนอกที่เป็นอิสระจากตัวโมเดลหลัก ⛔ ควรทดสอบระบบอย่างต่อเนื่องโดยผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย ‼️ ความเสี่ยงในอนาคต ⛔ หากไม่แก้ไข ช่องโหว่เหล่านี้อาจถูกใช้ในการโจมตีจริง ⛔ การพึ่งพา AI โดยไม่มีระบบป้องกันที่แข็งแรง อาจนำไปสู่ความเสียหายระดับองค์กร https://hackread.com/openai-guardrails-bypass-prompt-injection-attack/
    HACKREAD.COM
    OpenAI’s Guardrails Can Be Bypassed by Simple Prompt Injection Attack
    Follow us on Blue Sky, Mastodon Twitter, Facebook and LinkedIn @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • “วิธีทำความสะอาดหลอดไฟอย่างปลอดภัย — เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญที่คุณอาจมองข้าม”

    แม้หลอดไฟจะดูเหมือนไม่ใช่จุดที่สกปรกนัก แต่ความจริงแล้วมันเป็นหนึ่งในจุดที่ฝุ่นชอบเกาะมากที่สุดในบ้าน เพราะกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านหลอดไฟสามารถดึงดูดฝุ่นได้เหมือนแม่เหล็ก และเนื่องจากเราไม่ค่อยสังเกตหลอดไฟจนกว่ามันจะเสีย จึงทำให้ฝุ่นสะสมโดยไม่รู้ตัว

    การทำความสะอาดหลอดไฟอย่างถูกวิธีไม่เพียงช่วยให้แสงสว่างชัดเจนขึ้น แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานและลดความเสี่ยงจากความร้อนสะสมอีกด้วย

    วิธีทำความสะอาดหลอดไฟ
    เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม
    ผ้าไมโครไฟเบอร์แห้ง, ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ, บันได (ถ้าหลอดอยู่สูง)

    ปิดไฟและถอดปลั๊กก่อนเสมอ
    หากถอดปลั๊กไม่ได้ ให้ปิดเบรกเกอร์

    ถอดหลอดไฟออกจากโคมก่อนทำความสะอาด
    รอให้หลอดเย็นก่อนจับ

    เช็ดด้วยผ้าแห้งก่อน
    หากฝุ่นบาง ๆ จะหลุดออกง่าย

    หากยังสกปรก ให้ใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดเบา ๆ
    หลีกเลี่ยงไม่ให้โดนส่วนโลหะของหลอด

    รอให้หลอดแห้งสนิทก่อนใส่กลับ
    เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร

    หากไม่สามารถถอดหลอดได้
    ใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดขณะอยู่กับที่ โดยต้องแน่ใจว่าไฟถูกตัดแล้ว

    กรณีหลอดไฟ LED
    ทำความสะอาดภายนอกเหมือนหลอดแก้ว
    ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์แห้งเช็ดเบา ๆ

    หากฝุ่นเข้าไปด้านใน
    ถอดฝาครอบออก (ถ้าเป็นไปได้) แล้วเช็ดภายใน

    หลีกเลี่ยงไม่ให้วงจรภายในเปียก
    หากเปียกอาจทำให้วงจรเสียหายถาวร

    หากฝาครอบปิดถาวรและมีฝุ่นภายใน
    อาจต้องพิจารณาเปลี่ยนหลอดใหม่

    https://www.slashgear.com/1992170/how-to-clean-light-bulb/
    “วิธีทำความสะอาดหลอดไฟอย่างปลอดภัย — เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญที่คุณอาจมองข้าม” แม้หลอดไฟจะดูเหมือนไม่ใช่จุดที่สกปรกนัก แต่ความจริงแล้วมันเป็นหนึ่งในจุดที่ฝุ่นชอบเกาะมากที่สุดในบ้าน เพราะกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านหลอดไฟสามารถดึงดูดฝุ่นได้เหมือนแม่เหล็ก และเนื่องจากเราไม่ค่อยสังเกตหลอดไฟจนกว่ามันจะเสีย จึงทำให้ฝุ่นสะสมโดยไม่รู้ตัว การทำความสะอาดหลอดไฟอย่างถูกวิธีไม่เพียงช่วยให้แสงสว่างชัดเจนขึ้น แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานและลดความเสี่ยงจากความร้อนสะสมอีกด้วย 💡 วิธีทำความสะอาดหลอดไฟ ✅ เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม ➡️ ผ้าไมโครไฟเบอร์แห้ง, ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ, บันได (ถ้าหลอดอยู่สูง) ✅ ปิดไฟและถอดปลั๊กก่อนเสมอ ➡️ หากถอดปลั๊กไม่ได้ ให้ปิดเบรกเกอร์ ✅ ถอดหลอดไฟออกจากโคมก่อนทำความสะอาด ➡️ รอให้หลอดเย็นก่อนจับ ✅ เช็ดด้วยผ้าแห้งก่อน ➡️ หากฝุ่นบาง ๆ จะหลุดออกง่าย ✅ หากยังสกปรก ให้ใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดเบา ๆ ➡️ หลีกเลี่ยงไม่ให้โดนส่วนโลหะของหลอด ✅ รอให้หลอดแห้งสนิทก่อนใส่กลับ ➡️ เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร ✅ หากไม่สามารถถอดหลอดได้ ➡️ ใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดขณะอยู่กับที่ โดยต้องแน่ใจว่าไฟถูกตัดแล้ว 💡 กรณีหลอดไฟ LED ✅ ทำความสะอาดภายนอกเหมือนหลอดแก้ว ➡️ ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์แห้งเช็ดเบา ๆ ✅ หากฝุ่นเข้าไปด้านใน ➡️ ถอดฝาครอบออก (ถ้าเป็นไปได้) แล้วเช็ดภายใน ✅ หลีกเลี่ยงไม่ให้วงจรภายในเปียก ➡️ หากเปียกอาจทำให้วงจรเสียหายถาวร ✅ หากฝาครอบปิดถาวรและมีฝุ่นภายใน ➡️ อาจต้องพิจารณาเปลี่ยนหลอดใหม่ https://www.slashgear.com/1992170/how-to-clean-light-bulb/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    How To Clean A Light Bulb, According To The Experts - SlashGear
    Sometimes even lightbulbs need a good cleaning. Here's everything you need to know about cleaning both filament bulbs and LED bulbs around your home.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Scattered LAPSUS$ Hunters อ้างขโมยข้อมูล 1 พันล้านเรคคอร์ดจาก Salesforce — เปิดฉากเรียกค่าไถ่ระดับโลก”

    กลุ่มแฮ็กเกอร์พันธมิตรใหม่ในชื่อ “Scattered LAPSUS$ Hunters” หรือ SLSH ซึ่งเป็นการรวมตัวของกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ชื่อดังอย่าง LAPSUS$, Scattered Spider (Muddled Libra) และ ShinyHunters (Bling Libra) ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบในการเจาะระบบของลูกค้า Salesforce กว่า 39 รายทั่วโลก และขโมยข้อมูลลูกค้ารวมกว่า 1 พันล้านเรคคอร์ด

    จากรายงานของ Unit 42 (Palo Alto Networks) กลุ่มนี้ไม่ได้ใช้วิธี ransomware แบบเดิมที่เข้ารหัสไฟล์ แต่ใช้โมเดล “Extortion-as-a-Service” (EaaS) ที่เน้นการขโมยข้อมูลและข่มขู่เรียกค่าไถ่โดยไม่ทิ้งร่องรอยของมัลแวร์ ซึ่งทำให้ยากต่อการตรวจจับและหลีกเลี่ยงการถูกบล็อกโดยระบบรักษาความปลอดภัย

    กลุ่ม SLSH ยังเปิดเผยรายชื่อเหยื่อและตั้งเส้นตายให้จ่ายค่าไถ่ภายในวันที่ 10 ตุลาคม 2025 พร้อมขู่ว่าจะเปิดเผยข้อมูลหากไม่ปฏิบัติตาม พวกเขายังเปิดรับสมัครแฮ็กเกอร์เพิ่มเติมผ่าน Telegram เพื่อช่วยส่งจดหมายข่มขู่ไปยังผู้บริหารขององค์กรเป้าหมาย

    Salesforce ออกแถลงการณ์ปฏิเสธการเจรจาและยืนยันว่าจะไม่จ่ายค่าไถ่ใด ๆ ขณะที่ FBI ได้เข้ายึดโดเมนของ BreachForums ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่กลุ่มใช้เผยแพร่ข้อมูลที่ขโมยมา

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    กลุ่ม Scattered LAPSUS$ Hunters (SLSH) อ้างขโมยข้อมูลจากลูกค้า Salesforce
    ข้อมูลที่ถูกขโมยรวมกว่า 1 พันล้านเรคคอร์ดจาก 39 องค์กร
    ใช้โมเดล EaaS (Extortion-as-a-Service) แทน ransomware
    ไม่ใช้มัลแวร์เข้ารหัส แต่เน้นข่มขู่ด้วยข้อมูลที่ขโมยมา
    ตั้งเส้นตายเรียกค่าไถ่ภายใน 10 ตุลาคม 2025
    รับสมัครแฮ็กเกอร์ผ่าน Telegram เพื่อช่วยส่งจดหมายข่มขู่
    Salesforce ปฏิเสธการเจรจาและไม่จ่ายค่าไถ่
    FBI ยึดโดเมนของ BreachForums ที่ใช้เผยแพร่ข้อมูล

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    LAPSUS$ เคยโจมตี Microsoft, NVIDIA และ Uber ในอดีต
    Scattered Spider มีความเชี่ยวชาญด้าน social engineering
    ShinyHunters เคยขายข้อมูลผู้ใช้จากหลายแพลตฟอร์มใหญ่
    EaaS กำลังเป็นแนวโน้มใหม่ในโลกไซเบอร์ เพราะหลีกเลี่ยงการตรวจจับได้ง่าย
    การยึดโดเมนของ BreachForums เป็นความพยายามของ FBI ในการตัดช่องทางเผยแพร่

    https://securityonline.info/hacker-alliance-demands-ransom-scattered-lapsus-hunters-claim-1-billion-records-stolen-from-salesforce/
    🕵️‍♂️ “Scattered LAPSUS$ Hunters อ้างขโมยข้อมูล 1 พันล้านเรคคอร์ดจาก Salesforce — เปิดฉากเรียกค่าไถ่ระดับโลก” กลุ่มแฮ็กเกอร์พันธมิตรใหม่ในชื่อ “Scattered LAPSUS$ Hunters” หรือ SLSH ซึ่งเป็นการรวมตัวของกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ชื่อดังอย่าง LAPSUS$, Scattered Spider (Muddled Libra) และ ShinyHunters (Bling Libra) ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบในการเจาะระบบของลูกค้า Salesforce กว่า 39 รายทั่วโลก และขโมยข้อมูลลูกค้ารวมกว่า 1 พันล้านเรคคอร์ด จากรายงานของ Unit 42 (Palo Alto Networks) กลุ่มนี้ไม่ได้ใช้วิธี ransomware แบบเดิมที่เข้ารหัสไฟล์ แต่ใช้โมเดล “Extortion-as-a-Service” (EaaS) ที่เน้นการขโมยข้อมูลและข่มขู่เรียกค่าไถ่โดยไม่ทิ้งร่องรอยของมัลแวร์ ซึ่งทำให้ยากต่อการตรวจจับและหลีกเลี่ยงการถูกบล็อกโดยระบบรักษาความปลอดภัย กลุ่ม SLSH ยังเปิดเผยรายชื่อเหยื่อและตั้งเส้นตายให้จ่ายค่าไถ่ภายในวันที่ 10 ตุลาคม 2025 พร้อมขู่ว่าจะเปิดเผยข้อมูลหากไม่ปฏิบัติตาม พวกเขายังเปิดรับสมัครแฮ็กเกอร์เพิ่มเติมผ่าน Telegram เพื่อช่วยส่งจดหมายข่มขู่ไปยังผู้บริหารขององค์กรเป้าหมาย Salesforce ออกแถลงการณ์ปฏิเสธการเจรจาและยืนยันว่าจะไม่จ่ายค่าไถ่ใด ๆ ขณะที่ FBI ได้เข้ายึดโดเมนของ BreachForums ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่กลุ่มใช้เผยแพร่ข้อมูลที่ขโมยมา ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ กลุ่ม Scattered LAPSUS$ Hunters (SLSH) อ้างขโมยข้อมูลจากลูกค้า Salesforce ➡️ ข้อมูลที่ถูกขโมยรวมกว่า 1 พันล้านเรคคอร์ดจาก 39 องค์กร ➡️ ใช้โมเดล EaaS (Extortion-as-a-Service) แทน ransomware ➡️ ไม่ใช้มัลแวร์เข้ารหัส แต่เน้นข่มขู่ด้วยข้อมูลที่ขโมยมา ➡️ ตั้งเส้นตายเรียกค่าไถ่ภายใน 10 ตุลาคม 2025 ➡️ รับสมัครแฮ็กเกอร์ผ่าน Telegram เพื่อช่วยส่งจดหมายข่มขู่ ➡️ Salesforce ปฏิเสธการเจรจาและไม่จ่ายค่าไถ่ ➡️ FBI ยึดโดเมนของ BreachForums ที่ใช้เผยแพร่ข้อมูล ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ LAPSUS$ เคยโจมตี Microsoft, NVIDIA และ Uber ในอดีต ➡️ Scattered Spider มีความเชี่ยวชาญด้าน social engineering ➡️ ShinyHunters เคยขายข้อมูลผู้ใช้จากหลายแพลตฟอร์มใหญ่ ➡️ EaaS กำลังเป็นแนวโน้มใหม่ในโลกไซเบอร์ เพราะหลีกเลี่ยงการตรวจจับได้ง่าย ➡️ การยึดโดเมนของ BreachForums เป็นความพยายามของ FBI ในการตัดช่องทางเผยแพร่ https://securityonline.info/hacker-alliance-demands-ransom-scattered-lapsus-hunters-claim-1-billion-records-stolen-from-salesforce/
    SECURITYONLINE.INFO
    Hacker Alliance Demands Ransom: Scattered LAPSUS$ Hunters Claim 1 Billion Records Stolen from Salesforce
    A consortium of LAPSUS$/ShinyHunters hackers launched an EaaS campaign, claiming 1 billion records stolen from 39 Salesforce customers, and demanded a ransom before an October 10 deadline.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทยเดินหน้าไม่ได้ หากไม่มีอธิปไตย : คนเคาะข่าว 13-10-68

    : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ
    เทปบันทึกงานความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 4/2568 วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน 2568 ณ หอประชุมเล็ก ม.ธรรมศาสตร์

    https://www.youtube.com/watch?v=DfPdeCDvpCo
    ไทยเดินหน้าไม่ได้ หากไม่มีอธิปไตย : คนเคาะข่าว 13-10-68 • : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ เทปบันทึกงานความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 4/2568 วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน 2568 ณ หอประชุมเล็ก ม.ธรรมศาสตร์ • https://www.youtube.com/watch?v=DfPdeCDvpCo
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • “จีนขึ้นบัญชีดำ TechInsights — บริษัทแคนาดาที่เปิดโปง Huawei ใช้เทคโนโลยี TSMC ฝ่าฝืนมาตรการสหรัฐฯ”

    รัฐบาลจีนประกาศขึ้นบัญชีดำบริษัท TechInsights จากแคนาดา โดยระบุว่าเป็น “หน่วยงานที่ไม่น่าเชื่อถือ” หลังจากบริษัทดังกล่าวเปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีจาก TSMC และผู้ผลิตชิปต่างประเทศในผลิตภัณฑ์ของ Huawei แม้จะอยู่ภายใต้ข้อจำกัดการส่งออกจากสหรัฐฯ

    TechInsights เป็นบริษัทวิจัยด้านเซมิคอนดักเตอร์ที่เชี่ยวชาญในการ “แยกชิ้นส่วน” อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อวิเคราะห์โครงสร้างภายใน โดยรายงานล่าสุดของบริษัทพบว่า Huawei ยังคงใช้ชิ้นส่วนจาก TSMC, Samsung และ SK Hynix ในชิป AI รุ่น Ascend 910C ซึ่งขัดกับมาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ ที่พยายามจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน

    กระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า TechInsights และบริษัทในเครือทั่วโลกจะถูกห้ามไม่ให้ทำธุรกรรมหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกับองค์กรหรือบุคคลในจีน โดยให้เหตุผลว่า TechInsightsมีส่วนร่วมใน “ความร่วมมือทางเทคนิคทางทหารกับไต้หวัน” และ “ให้ข้อมูลที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของจีน”

    การขึ้นบัญชีดำครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจาก TechInsights เผยแพร่รายงานที่แสดงให้เห็นว่า Huawei ยังพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ แม้จะพยายามสร้างห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศเองก็ตาม

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    จีนขึ้นบัญชีดำ TechInsights โดยระบุว่าเป็น “หน่วยงานที่ไม่น่าเชื่อถือ”
    TechInsights เปิดเผยว่า Huawei ใช้ชิ้นส่วนจาก TSMC, Samsung และ SK Hynix
    ชิ้นส่วนเหล่านี้ปรากฏในชิป AI รุ่น Ascend 910C ของ Huawei
    การเปิดเผยขัดกับมาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ
    กระทรวงพาณิชย์จีนห้าม TechInsights ทำธุรกรรมหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกับองค์กรในจีน
    เหตุผลที่จีนให้คือความร่วมมือทางเทคนิคกับไต้หวันและการให้ข้อมูลที่เป็นภัยต่อจีน
    TechInsights เป็นบริษัทวิจัยที่เชี่ยวชาญด้านการแยกชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Huawei ถูกขึ้นบัญชีดำโดยสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2019
    TSMC และ Samsung อยู่ภายใต้ข้อจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงไปยังจีน
    Ascend 910C เป็นชิป AI ระดับสูงที่ใช้ในงานประมวลผลแบบ deep learning
    การแยกชิ้นส่วน (teardown) เป็นวิธีการวิเคราะห์ที่ใช้ตรวจสอบแหล่งที่มาของชิ้นส่วน
    การควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ มุ่งลดความสามารถของจีนในการพัฒนาเทคโนโลยีทางทหาร

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-bans-research-company-that-helped-unearth-huaweis-use-of-tsmc-tech-despite-u-s-bans-techinsights-added-to-unreliable-entity-list-by-state-authorities
    🚫 “จีนขึ้นบัญชีดำ TechInsights — บริษัทแคนาดาที่เปิดโปง Huawei ใช้เทคโนโลยี TSMC ฝ่าฝืนมาตรการสหรัฐฯ” รัฐบาลจีนประกาศขึ้นบัญชีดำบริษัท TechInsights จากแคนาดา โดยระบุว่าเป็น “หน่วยงานที่ไม่น่าเชื่อถือ” หลังจากบริษัทดังกล่าวเปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีจาก TSMC และผู้ผลิตชิปต่างประเทศในผลิตภัณฑ์ของ Huawei แม้จะอยู่ภายใต้ข้อจำกัดการส่งออกจากสหรัฐฯ TechInsights เป็นบริษัทวิจัยด้านเซมิคอนดักเตอร์ที่เชี่ยวชาญในการ “แยกชิ้นส่วน” อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อวิเคราะห์โครงสร้างภายใน โดยรายงานล่าสุดของบริษัทพบว่า Huawei ยังคงใช้ชิ้นส่วนจาก TSMC, Samsung และ SK Hynix ในชิป AI รุ่น Ascend 910C ซึ่งขัดกับมาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ ที่พยายามจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน กระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า TechInsights และบริษัทในเครือทั่วโลกจะถูกห้ามไม่ให้ทำธุรกรรมหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกับองค์กรหรือบุคคลในจีน โดยให้เหตุผลว่า TechInsightsมีส่วนร่วมใน “ความร่วมมือทางเทคนิคทางทหารกับไต้หวัน” และ “ให้ข้อมูลที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของจีน” การขึ้นบัญชีดำครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจาก TechInsights เผยแพร่รายงานที่แสดงให้เห็นว่า Huawei ยังพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ แม้จะพยายามสร้างห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศเองก็ตาม ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ จีนขึ้นบัญชีดำ TechInsights โดยระบุว่าเป็น “หน่วยงานที่ไม่น่าเชื่อถือ” ➡️ TechInsights เปิดเผยว่า Huawei ใช้ชิ้นส่วนจาก TSMC, Samsung และ SK Hynix ➡️ ชิ้นส่วนเหล่านี้ปรากฏในชิป AI รุ่น Ascend 910C ของ Huawei ➡️ การเปิดเผยขัดกับมาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ ➡️ กระทรวงพาณิชย์จีนห้าม TechInsights ทำธุรกรรมหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกับองค์กรในจีน ➡️ เหตุผลที่จีนให้คือความร่วมมือทางเทคนิคกับไต้หวันและการให้ข้อมูลที่เป็นภัยต่อจีน ➡️ TechInsights เป็นบริษัทวิจัยที่เชี่ยวชาญด้านการแยกชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Huawei ถูกขึ้นบัญชีดำโดยสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2019 ➡️ TSMC และ Samsung อยู่ภายใต้ข้อจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงไปยังจีน ➡️ Ascend 910C เป็นชิป AI ระดับสูงที่ใช้ในงานประมวลผลแบบ deep learning ➡️ การแยกชิ้นส่วน (teardown) เป็นวิธีการวิเคราะห์ที่ใช้ตรวจสอบแหล่งที่มาของชิ้นส่วน ➡️ การควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ มุ่งลดความสามารถของจีนในการพัฒนาเทคโนโลยีทางทหาร https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-bans-research-company-that-helped-unearth-huaweis-use-of-tsmc-tech-despite-u-s-bans-techinsights-added-to-unreliable-entity-list-by-state-authorities
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • “iPhone พับได้อาจถูกกว่าที่คิด — Foxconn ลดต้นทุนบานพับเหลือ $70 พร้อมเปิดทางสู่ยุคใหม่ของ Apple”

    Apple กำลังเตรียมเปิดตัว iPhone พับได้ในปี 2026 โดยมีจุดเด่นสำคัญคือการลดต้นทุนของ “บานพับ” ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่มีความซับซ้อนและมีผลต่อราคาของอุปกรณ์อย่างมาก จากรายงานล่าสุดพบว่า Foxconn และ Shin Zu Shing (SZS) ได้ร่วมมือกันพัฒนาและผลิตบานพับสำหรับ iPhone พับได้ โดยสามารถลดราคาต่อหน่วยลงเหลือเพียง $70–$80 จากเดิมที่เคยประเมินไว้ที่ $100–$120

    การลดต้นทุนนี้ไม่ได้เกิดจากการใช้วัสดุราคาถูก แต่เป็นผลจากการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย Foxconn ใช้กำลังการผลิตขนาดใหญ่และเทคนิคการประกอบที่แม่นยำ ทำให้สามารถรักษาคุณภาพและความทนทานของบานพับได้ในขณะที่ลดต้นทุนลง

    Apple ยังวางแผนใช้โครงสร้างตัวเครื่องแบบไฮบริดระหว่างอะลูมิเนียมและไทเทเนียม เพื่อให้มีความแข็งแรงแต่ยังคงน้ำหนักเบา พร้อมหน้าจอภายในขนาด 7.8 นิ้ว และหน้าจอภายนอกขนาด 5.5 นิ้ว โดยมีการออกแบบบานพับให้ลดรอยพับ (crease) ให้เหลือน้อยที่สุด

    นอกจากนี้ Apple ยังควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด โดยให้ Foxconn และ SZS รับผิดชอบการผลิตบานพับกว่า 65% ของทั้งหมด ส่วนที่เหลืออีก 35% เป็นของ Amphenol และอาจมี Luxshare-ICT เข้ามาเสริมในปี 2027 ซึ่งจะช่วยเพิ่มการแข่งขันและลดราคาลงอีกในอนาคต

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    บานพับของ iPhone พับได้มีราคาลดลงเหลือ $70–$80 ต่อหน่วย
    เดิมเคยประเมินไว้ที่ $100–$120
    Foxconn และ SZS ร่วมกันผลิตบานพับ โดย Foxconn ถือหุ้นมากกว่า
    Apple ควบคุมคุณภาพผ่านการเลือกซัพพลายเออร์หลัก
    Amphenol รับผิดชอบอีก 35% ของคำสั่งผลิตบานพับ
    Luxshare-ICT อาจเข้าร่วมเป็นซัพพลายเออร์ในปี 2027
    iPhone พับได้จะมีหน้าจอ 7.8 นิ้วภายใน และ 5.5 นิ้วภายนอก
    ใช้โครงสร้างอะลูมิเนียม-ไทเทเนียมแบบไฮบริด
    บานพับถูกออกแบบให้ลดรอยพับให้เหลือน้อยที่สุด

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    บานพับเป็นหนึ่งในชิ้นส่วนที่แพงและซับซ้อนที่สุดในอุปกรณ์พับได้
    Foxconn เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการประกอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
    SZS มีความเชี่ยวชาญด้านชิ้นส่วนกลไก แต่อาจมีบทบาทน้อยกว่าหาก Foxconn ควบคุมการผลิต
    การใช้วัสดุไฮบริดช่วยให้ตัวเครื่องแข็งแรงแต่ยังคงน้ำหนักเบา
    การลดต้นทุนโดยไม่ลดคุณภาพเป็นกลยุทธ์สำคัญของ Apple ในการเข้าสู่ตลาดใหม่

    https://wccftech.com/foldable-iphone-hinge-cost-drop-foxconn-supplier-strategy/
    📱 “iPhone พับได้อาจถูกกว่าที่คิด — Foxconn ลดต้นทุนบานพับเหลือ $70 พร้อมเปิดทางสู่ยุคใหม่ของ Apple” Apple กำลังเตรียมเปิดตัว iPhone พับได้ในปี 2026 โดยมีจุดเด่นสำคัญคือการลดต้นทุนของ “บานพับ” ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่มีความซับซ้อนและมีผลต่อราคาของอุปกรณ์อย่างมาก จากรายงานล่าสุดพบว่า Foxconn และ Shin Zu Shing (SZS) ได้ร่วมมือกันพัฒนาและผลิตบานพับสำหรับ iPhone พับได้ โดยสามารถลดราคาต่อหน่วยลงเหลือเพียง $70–$80 จากเดิมที่เคยประเมินไว้ที่ $100–$120 การลดต้นทุนนี้ไม่ได้เกิดจากการใช้วัสดุราคาถูก แต่เป็นผลจากการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย Foxconn ใช้กำลังการผลิตขนาดใหญ่และเทคนิคการประกอบที่แม่นยำ ทำให้สามารถรักษาคุณภาพและความทนทานของบานพับได้ในขณะที่ลดต้นทุนลง Apple ยังวางแผนใช้โครงสร้างตัวเครื่องแบบไฮบริดระหว่างอะลูมิเนียมและไทเทเนียม เพื่อให้มีความแข็งแรงแต่ยังคงน้ำหนักเบา พร้อมหน้าจอภายในขนาด 7.8 นิ้ว และหน้าจอภายนอกขนาด 5.5 นิ้ว โดยมีการออกแบบบานพับให้ลดรอยพับ (crease) ให้เหลือน้อยที่สุด นอกจากนี้ Apple ยังควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด โดยให้ Foxconn และ SZS รับผิดชอบการผลิตบานพับกว่า 65% ของทั้งหมด ส่วนที่เหลืออีก 35% เป็นของ Amphenol และอาจมี Luxshare-ICT เข้ามาเสริมในปี 2027 ซึ่งจะช่วยเพิ่มการแข่งขันและลดราคาลงอีกในอนาคต ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ บานพับของ iPhone พับได้มีราคาลดลงเหลือ $70–$80 ต่อหน่วย ➡️ เดิมเคยประเมินไว้ที่ $100–$120 ➡️ Foxconn และ SZS ร่วมกันผลิตบานพับ โดย Foxconn ถือหุ้นมากกว่า ➡️ Apple ควบคุมคุณภาพผ่านการเลือกซัพพลายเออร์หลัก ➡️ Amphenol รับผิดชอบอีก 35% ของคำสั่งผลิตบานพับ ➡️ Luxshare-ICT อาจเข้าร่วมเป็นซัพพลายเออร์ในปี 2027 ➡️ iPhone พับได้จะมีหน้าจอ 7.8 นิ้วภายใน และ 5.5 นิ้วภายนอก ➡️ ใช้โครงสร้างอะลูมิเนียม-ไทเทเนียมแบบไฮบริด ➡️ บานพับถูกออกแบบให้ลดรอยพับให้เหลือน้อยที่สุด ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ บานพับเป็นหนึ่งในชิ้นส่วนที่แพงและซับซ้อนที่สุดในอุปกรณ์พับได้ ➡️ Foxconn เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการประกอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ➡️ SZS มีความเชี่ยวชาญด้านชิ้นส่วนกลไก แต่อาจมีบทบาทน้อยกว่าหาก Foxconn ควบคุมการผลิต ➡️ การใช้วัสดุไฮบริดช่วยให้ตัวเครื่องแข็งแรงแต่ยังคงน้ำหนักเบา ➡️ การลดต้นทุนโดยไม่ลดคุณภาพเป็นกลยุทธ์สำคัญของ Apple ในการเข้าสู่ตลาดใหม่ https://wccftech.com/foldable-iphone-hinge-cost-drop-foxconn-supplier-strategy/
    WCCFTECH.COM
    Apple’s Foldable iPhone Gets a Major Cost Advantage With a Cheaper Hinge
    Apple’s foldable iPhone could debut in 2026 with a lower hinge cost, hybrid frame, and improved durability through smarter production.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Claude Sonnet 4.5 จาก Anthropic เขียนโค้ดต่อเนื่อง 30 ชั่วโมง — ก้าวใหม่ของ AI ด้านการพัฒนาโปรแกรม”

    Anthropic บริษัท AI คู่แข่งของ OpenAI ได้ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญในการพัฒนาโมเดล AI สำหรับงานเขียนโปรแกรม โดย Claude Sonnet 4.5 สามารถทำงานเขียนโค้ดได้ต่อเนื่องถึง 30 ชั่วโมงโดยไม่สะดุด ซึ่งถือเป็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจากเวอร์ชันก่อนหน้าที่ทำงานได้เพียง 7 ชั่วโมง

    Sean Ward ซีอีโอของ Anthropic ระบุว่า “Claude Sonnet 4.5 ได้เปลี่ยนความคาดหวังของเรา — มันช่วยให้วิศวกรสามารถจัดการงานโครงสร้างซับซ้อนที่กินเวลาหลายเดือนให้เสร็จได้ในเวลาอันสั้น พร้อมรักษาความสอดคล้องของโค้ดขนาดใหญ่ได้อย่างดีเยี่ยม”

    นอกจากความสามารถในการเขียนโค้ดต่อเนื่องแล้ว Claude Sonnet 4.5 ยังมีจุดเด่นด้านการตรวจจับช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์ และถูกนำไปใช้จริงในการพัฒนาซอฟต์แวร์ภายในของบริษัท

    การพัฒนา AI ด้านการเขียนโปรแกรมกำลังกลายเป็นสนามแข่งขันใหม่ของบริษัทเทคโนโลยี โดย OpenAI เองก็เปิดตัว Codex สำหรับนักพัฒนาไปก่อนหน้านี้ และ Claude Sonnet 4.5 ถือเป็นการตอบโต้ที่ทรงพลังจากฝั่ง Anthropic

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Claude Sonnet 4.5 เขียนโค้ดต่อเนื่องได้ถึง 30 ชั่วโมง
    เวอร์ชันก่อนหน้าทำงานได้เพียง 7 ชั่วโมง
    ช่วยวิศวกรลดเวลาในการจัดการโครงสร้างซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่
    ตรวจจับช่องโหว่ในโค้ดที่อาจถูกใช้โจมตีทางไซเบอร์
    ถูกนำไปใช้จริงในการพัฒนาซอฟต์แวร์ของ Anthropic
    เป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Codex จาก OpenAI

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Claude Sonnet 4.5 ใช้เทคนิค reasoning agent และ memory optimization เพื่อรักษาความต่อเนื่อง
    การเขียนโค้ดต่อเนื่องช่วยลด context switching ของนักพัฒนา
    การตรวจจับช่องโหว่ด้วย AI ช่วยลดภาระของทีม security
    Claude Sonnet 4.5 รองรับการเขียนหลายภาษา เช่น Python, JavaScript, Go และ Rust
    โมเดลนี้สามารถทำงานร่วมกับ IDE ผ่าน API ได้โดยตรง

    คำเตือนและข้อจำกัด
    Claude Sonnet 4.5 ยังอยู่ในช่วงทดลอง อาจมีข้อผิดพลาดในการวิเคราะห์โค้ด
    การพึ่งพา AI ในการเขียนโค้ดทั้งหมดอาจทำให้เกิด blind spot ด้านความปลอดภัย
    การตรวจจับช่องโหว่ด้วย AI ยังไม่สามารถแทนที่การตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญได้
    การใช้งานต่อเนื่อง 30 ชั่วโมงอาจต้องการทรัพยากรระบบสูง
    การนำไปใช้ในองค์กรต้องมีการปรับแต่งและควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงอย่างรัดกุม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/12/anthropic039s-new-ai-model-can-write-code-for-30-hours-straight
    💻 “Claude Sonnet 4.5 จาก Anthropic เขียนโค้ดต่อเนื่อง 30 ชั่วโมง — ก้าวใหม่ของ AI ด้านการพัฒนาโปรแกรม” Anthropic บริษัท AI คู่แข่งของ OpenAI ได้ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญในการพัฒนาโมเดล AI สำหรับงานเขียนโปรแกรม โดย Claude Sonnet 4.5 สามารถทำงานเขียนโค้ดได้ต่อเนื่องถึง 30 ชั่วโมงโดยไม่สะดุด ซึ่งถือเป็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจากเวอร์ชันก่อนหน้าที่ทำงานได้เพียง 7 ชั่วโมง Sean Ward ซีอีโอของ Anthropic ระบุว่า “Claude Sonnet 4.5 ได้เปลี่ยนความคาดหวังของเรา — มันช่วยให้วิศวกรสามารถจัดการงานโครงสร้างซับซ้อนที่กินเวลาหลายเดือนให้เสร็จได้ในเวลาอันสั้น พร้อมรักษาความสอดคล้องของโค้ดขนาดใหญ่ได้อย่างดีเยี่ยม” นอกจากความสามารถในการเขียนโค้ดต่อเนื่องแล้ว Claude Sonnet 4.5 ยังมีจุดเด่นด้านการตรวจจับช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์ และถูกนำไปใช้จริงในการพัฒนาซอฟต์แวร์ภายในของบริษัท การพัฒนา AI ด้านการเขียนโปรแกรมกำลังกลายเป็นสนามแข่งขันใหม่ของบริษัทเทคโนโลยี โดย OpenAI เองก็เปิดตัว Codex สำหรับนักพัฒนาไปก่อนหน้านี้ และ Claude Sonnet 4.5 ถือเป็นการตอบโต้ที่ทรงพลังจากฝั่ง Anthropic ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Claude Sonnet 4.5 เขียนโค้ดต่อเนื่องได้ถึง 30 ชั่วโมง ➡️ เวอร์ชันก่อนหน้าทำงานได้เพียง 7 ชั่วโมง ➡️ ช่วยวิศวกรลดเวลาในการจัดการโครงสร้างซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่ ➡️ ตรวจจับช่องโหว่ในโค้ดที่อาจถูกใช้โจมตีทางไซเบอร์ ➡️ ถูกนำไปใช้จริงในการพัฒนาซอฟต์แวร์ของ Anthropic ➡️ เป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Codex จาก OpenAI ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Claude Sonnet 4.5 ใช้เทคนิค reasoning agent และ memory optimization เพื่อรักษาความต่อเนื่อง ➡️ การเขียนโค้ดต่อเนื่องช่วยลด context switching ของนักพัฒนา ➡️ การตรวจจับช่องโหว่ด้วย AI ช่วยลดภาระของทีม security ➡️ Claude Sonnet 4.5 รองรับการเขียนหลายภาษา เช่น Python, JavaScript, Go และ Rust ➡️ โมเดลนี้สามารถทำงานร่วมกับ IDE ผ่าน API ได้โดยตรง ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ Claude Sonnet 4.5 ยังอยู่ในช่วงทดลอง อาจมีข้อผิดพลาดในการวิเคราะห์โค้ด ⛔ การพึ่งพา AI ในการเขียนโค้ดทั้งหมดอาจทำให้เกิด blind spot ด้านความปลอดภัย ⛔ การตรวจจับช่องโหว่ด้วย AI ยังไม่สามารถแทนที่การตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญได้ ⛔ การใช้งานต่อเนื่อง 30 ชั่วโมงอาจต้องการทรัพยากรระบบสูง ⛔ การนำไปใช้ในองค์กรต้องมีการปรับแต่งและควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงอย่างรัดกุม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/12/anthropic039s-new-ai-model-can-write-code-for-30-hours-straight
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Anthropic's new AI model can write code for 30 hours straight
    Anthropic – an AI company competing with the likes of ChatGPT maker OpenAI – has reached a milestone in using its software for programming.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • “5 สิ่งที่ไม่ควรใช้ AI — เพราะอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่อันตรายและผิดจริยธรรม”

    แม้ AI จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การสร้างเพลง การสมัครงาน ไปจนถึงการควบคุมเครื่องบินรบ แต่ก็มีบางกรณีที่การใช้ AI อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่อันตราย ผิดจริยธรรม หรือส่งผลเสียต่อสังคมโดยรวม บทความจาก SlashGear ได้รวบรวม 5 กรณีที่ไม่ควรใช้ AI โดยเด็ดขาด พร้อมเหตุผลที่ควรหลีกเลี่ยง

    1. การสร้าง Deepfake ของผู้อื่น
    98% ของ deepfake ถูกใช้เพื่อสร้างสื่อโป๊โดยไม่ได้รับความยินยอม
    มีกรณีใช้ภาพนักเรียนและผู้หญิงทั่วไปเพื่อสร้างภาพลามก
    ถูกใช้เพื่อกลั่นแกล้งนักข่าวและทำลายชื่อเสียงคนดัง

    คำเตือน
    แม้ไม่ได้เผยแพร่ก็ถือว่าผิดจริยธรรม
    เทคโนโลยี deepfake ยังถูกใช้เพื่อหลอกลวงและปลอมแปลงข้อมูลทางการเมือง

    2. ขอคำแนะนำด้านสุขภาพจาก AI
    ผู้คนใช้ AI เพื่อวางแผนมื้ออาหาร ออกกำลังกาย และตรวจสอบข้อมูลสุขภาพ
    AI มีแนวโน้ม “หลอน” หรือให้ข้อมูลผิดพลาด
    AI ไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้

    คำเตือน
    การทำตามคำแนะนำด้านสุขภาพจาก AI อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย
    ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์แทน

    3. ใช้ AI ทำการบ้านหรือเรียนแทน
    นักเรียนใช้ AI เขียนเรียงความและแก้โจทย์
    สถาบันการศึกษาบางแห่งเริ่มปรับนิยามการโกงใหม่
    การใช้ AI ทำให้ขาดทักษะการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา

    คำเตือน
    อาจส่งผลต่อคุณภาพของผู้เชี่ยวชาญในอนาคต เช่น แพทย์หรือวิศวกร
    การเรียนรู้ที่ขาดกระบวนการอาจนำไปสู่ความผิดพลาดร้ายแรง

    4. ขอคำแนะนำชีวิตหรือใช้ AI เป็นนักบำบัด
    ผู้คนใช้ AI เป็นเพื่อนคุยหรือที่ปรึกษา
    มีกรณีที่ AI ไม่สามารถช่วยผู้มีแนวโน้มฆ่าตัวตายได้
    บางคนได้รับคำแนะนำที่เป็นอันตรายจาก AI

    คำเตือน
    AI ไม่ใช่นักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต
    อย่าใช้ AI เป็นที่พึ่งหลักในการตัดสินใจชีวิต

    5. Vibe Coding — เขียนโค้ดด้วย AI โดยไม่ตรวจสอบ
    ผู้ใช้บางคนให้ AI เขียนโค้ดทั้งหมดโดยไม่ตรวจสอบ
    ทำให้ขาดทักษะการเขียนโปรแกรมและแก้ไขข้อผิดพลาด
    มีกรณีแอปที่ใช้ vibe coding แล้วเกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัย

    คำเตือน
    โค้ดที่ไม่ได้ตรวจสอบอาจทำให้ข้อมูลผู้ใช้รั่วไหล
    ควรตรวจสอบและทดสอบโค้ดทุกครั้งก่อนนำไปใช้งานจริง

    AI เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง แต่ก็เหมือนมีด — ใช้ถูกวิธีคือประโยชน์ ใช้ผิดคืออันตราย การรู้ขอบเขตของการใช้งานจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการอยู่ร่วมกับเทคโนโลยีนี้อย่างปลอดภัยและมีจริยธรรม

    https://www.slashgear.com/1989154/things-should-never-use-ai-for/
    🤖 “5 สิ่งที่ไม่ควรใช้ AI — เพราะอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่อันตรายและผิดจริยธรรม” แม้ AI จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การสร้างเพลง การสมัครงาน ไปจนถึงการควบคุมเครื่องบินรบ แต่ก็มีบางกรณีที่การใช้ AI อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่อันตราย ผิดจริยธรรม หรือส่งผลเสียต่อสังคมโดยรวม บทความจาก SlashGear ได้รวบรวม 5 กรณีที่ไม่ควรใช้ AI โดยเด็ดขาด พร้อมเหตุผลที่ควรหลีกเลี่ยง ✅ 1. การสร้าง Deepfake ของผู้อื่น ➡️ 98% ของ deepfake ถูกใช้เพื่อสร้างสื่อโป๊โดยไม่ได้รับความยินยอม ➡️ มีกรณีใช้ภาพนักเรียนและผู้หญิงทั่วไปเพื่อสร้างภาพลามก ➡️ ถูกใช้เพื่อกลั่นแกล้งนักข่าวและทำลายชื่อเสียงคนดัง ‼️ คำเตือน ⛔ แม้ไม่ได้เผยแพร่ก็ถือว่าผิดจริยธรรม ⛔ เทคโนโลยี deepfake ยังถูกใช้เพื่อหลอกลวงและปลอมแปลงข้อมูลทางการเมือง ✅ 2. ขอคำแนะนำด้านสุขภาพจาก AI ➡️ ผู้คนใช้ AI เพื่อวางแผนมื้ออาหาร ออกกำลังกาย และตรวจสอบข้อมูลสุขภาพ ➡️ AI มีแนวโน้ม “หลอน” หรือให้ข้อมูลผิดพลาด ➡️ AI ไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้ ‼️ คำเตือน ⛔ การทำตามคำแนะนำด้านสุขภาพจาก AI อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย ⛔ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์แทน ✅ 3. ใช้ AI ทำการบ้านหรือเรียนแทน ➡️ นักเรียนใช้ AI เขียนเรียงความและแก้โจทย์ ➡️ สถาบันการศึกษาบางแห่งเริ่มปรับนิยามการโกงใหม่ ➡️ การใช้ AI ทำให้ขาดทักษะการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา ‼️ คำเตือน ⛔ อาจส่งผลต่อคุณภาพของผู้เชี่ยวชาญในอนาคต เช่น แพทย์หรือวิศวกร ⛔ การเรียนรู้ที่ขาดกระบวนการอาจนำไปสู่ความผิดพลาดร้ายแรง ✅ 4. ขอคำแนะนำชีวิตหรือใช้ AI เป็นนักบำบัด ➡️ ผู้คนใช้ AI เป็นเพื่อนคุยหรือที่ปรึกษา ➡️ มีกรณีที่ AI ไม่สามารถช่วยผู้มีแนวโน้มฆ่าตัวตายได้ ➡️ บางคนได้รับคำแนะนำที่เป็นอันตรายจาก AI ‼️ คำเตือน ⛔ AI ไม่ใช่นักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต ⛔ อย่าใช้ AI เป็นที่พึ่งหลักในการตัดสินใจชีวิต ✅ 5. Vibe Coding — เขียนโค้ดด้วย AI โดยไม่ตรวจสอบ ➡️ ผู้ใช้บางคนให้ AI เขียนโค้ดทั้งหมดโดยไม่ตรวจสอบ ➡️ ทำให้ขาดทักษะการเขียนโปรแกรมและแก้ไขข้อผิดพลาด ➡️ มีกรณีแอปที่ใช้ vibe coding แล้วเกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ‼️ คำเตือน ⛔ โค้ดที่ไม่ได้ตรวจสอบอาจทำให้ข้อมูลผู้ใช้รั่วไหล ⛔ ควรตรวจสอบและทดสอบโค้ดทุกครั้งก่อนนำไปใช้งานจริง AI เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง แต่ก็เหมือนมีด — ใช้ถูกวิธีคือประโยชน์ ใช้ผิดคืออันตราย การรู้ขอบเขตของการใช้งานจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการอยู่ร่วมกับเทคโนโลยีนี้อย่างปลอดภัยและมีจริยธรรม https://www.slashgear.com/1989154/things-should-never-use-ai-for/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Things You Should Never Use AI For - SlashGear
    AI can make life easier, but some uses cross a line. Here’s why relying on it for health, education, coding, or advice can do more harm than good.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts