• ประชาชนเดือดร้อนอย่างค่ำคืน ตำรวจภูธรท่าหินลพบุรี รีบเร่งช่วยเหลือส่งถึงบ้านอย่างปลอดภัย
    ////////////////////


    ประชาชนขับขี่รถจักรยานยนต์ รถเสียอย่างค่ำคืน รีบโทร 191 ให้ตำรวจออกมาช่วยเหลือ ดึกแค่ไหนก็ไม่หวั่นดึกแค่ไหนไปช่วยเหลือประชาชนให้ปลอดภัยรีบส่งกลับบ้านอย่างปลอดภัย

    เมื่อเวลา 21:00 น ในวันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน 2568 ทางเพจ สถานีตำรวจภูธรท่าหินลพบุรีได้เผยแพร่คลิป นายตำรวจขี่รถจักรยานยนต์สายตรวจลงไปช่วยเหลือประชาชนส่งกลับบ้านอย่างปลอดภัย
    เวลาต่อมา ได้ทราบชื่อนายตำรวจน้ำดี ที่สังกัด สถานีตำรวจภูธรท่าหินจังหวัดลพบุรี
    ส.ต.ท.วชิรวิทย์ เชื้อแขก
    ส.ต.ต.ธีรพงศ์ แย้มบู่
    ผบ.หมู่(ป.)สภ.ท่าหิน
    ขณะปฎิบัติหน้าที่พบประชาชน รถจักรยานยนต์สายพานขาด เจ้าที่ได้ทำการช่วยเหลือส่งกลับที่พักที่เรียบร้อย
    ประชาชนเดือดร้อนอย่างค่ำคืน ตำรวจภูธรท่าหินลพบุรี รีบเร่งช่วยเหลือส่งถึงบ้านอย่างปลอดภัย //////////////////// ประชาชนขับขี่รถจักรยานยนต์ รถเสียอย่างค่ำคืน รีบโทร 191 ให้ตำรวจออกมาช่วยเหลือ ดึกแค่ไหนก็ไม่หวั่นดึกแค่ไหนไปช่วยเหลือประชาชนให้ปลอดภัยรีบส่งกลับบ้านอย่างปลอดภัย เมื่อเวลา 21:00 น ในวันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน 2568 ทางเพจ สถานีตำรวจภูธรท่าหินลพบุรีได้เผยแพร่คลิป นายตำรวจขี่รถจักรยานยนต์สายตรวจลงไปช่วยเหลือประชาชนส่งกลับบ้านอย่างปลอดภัย เวลาต่อมา ได้ทราบชื่อนายตำรวจน้ำดี ที่สังกัด สถานีตำรวจภูธรท่าหินจังหวัดลพบุรี ส.ต.ท.วชิรวิทย์ เชื้อแขก ส.ต.ต.ธีรพงศ์ แย้มบู่ ผบ.หมู่(ป.)สภ.ท่าหิน ขณะปฎิบัติหน้าที่พบประชาชน รถจักรยานยนต์สายพานขาด เจ้าที่ได้ทำการช่วยเหลือส่งกลับที่พักที่เรียบร้อย
    0 Comments 0 Shares 129 Views 7 0 Reviews
  • รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ควงแขน
    นายอำเภอเมืองลพบุรี รำวง
    ทั้งสองลีลา
    ไม่ธรรมดา
    ในงานแถลงข่าว เทศกาลกระท้อนหวาน สินค้า GI และของดีเมืองลพบุรี ครั้งที่ 32
    ประจำปี 2568

    //////////////////////

    เพลงขึ้น ทนไม่ไหว ต้องลุกขึ้นมารำวง รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ควงแขนในอำเภอเมืองลพบุรี นายอำเภอเมืองหัวใจเพชร รำวงอย่างสนุกสนาน
    ในงาน แถลงข่าว เทศกาลกระท้อนหวาน สินค้า GI และของดีเมืองลพบุรี ครั้งที่ 32 ระหว่างวันที่ 21 มิถุนายน – 2 กรกฎาคมนี้
    วันที่ 11 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00 น. นายปรัชญา เปปะตัง รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วย นายรพีทัศน์ อุ่นจิตตพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ตลอดจน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกัน แถลงข่าวเทศกาลกระท้อนหวานและของดีเมืองลพบุรี ครั้งที่ 32 ณ สวนกระท้อนผู้ใหญ่อนุวัชร โตสวัสดิ์ (ผู้ใหญ่หนึ่ง) หมู่ที่ 7 ตำบลตะลุง อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี ซึ่งในงานแถลงข่าวยังได้มีการเปิดตัว การแปรรูปผลผลิตกระท้อน มากมาย รวมถึง เมนูใหม่ การทำยำกระท้อนทอดกรอบ ซึ่งมีรสชาติที่อร่อย และ สีสันชวนน่ารับประทาน ให้แก่ผู้ร่วมงานได้ลิ้มรส ด้วย
    โดยมีนายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอเมืองลพบุรี ร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย

    สำหรับการจัดงานเทศกาลกระท้อนหวานและของดีเมืองลพบุรี ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 32 กำหนดจัดงานระหว่างวันที่ ระหว่างวันที่ 21 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม 2568 ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี ภายในงานจะมีผลกระท้อนสด จากชาวสวนกระท้อน มาจำหน่าย หลากหลายสายพันธุ์ เช่น พันธุ์ปุยฝ้าย พันธุ์อีล่า พันธุ์นิ่มนวล พันธุ์ทองกำมะหยี่ พันธุ์ทับทิม ซึ่งเป็นสินค้า GI ที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดลพบุรี และยังมีกระท้อนแปรรูป ได้แก่ กระท้อนลอยแก้ว กระท้อนกวน กระท้อนทรงเครื่อง มาวางจำหน่าย เพื่อให้เลือกซื้อหาไปรับประทาน และเป็นของฝากจากลพบุรี ให้ได้เลือก ชิม ช้อป ด้วย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม “รำวงย้อนยุค” โดยชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน การแสดงของชาติพันธุ์ การแสดงดนตรี ลูกทุ่ง และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึง การแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP จังหวัดลพบุรี การจัดแสดงพันธุ์ไม้ และสินค้าของดีเมืองลพบุรี

    สำหรับ กระท้อนของลพบุรี เป็นกระท้อน ที่มีชื่อเสียงจะอยู่ใน 3 ตำบลของอำเภอเมืองลพบุรี ได้แก่ ตำบลตะลุง ตำบลโพธิ์เก้าต้น และตำบลงิ้วราย ของอำเภอเมืองลพบุรี มีลักษณะภูมิประเทศที่พิเศษไม่เหมือนที่ใด คือ เป็นพื้นที่น้ำไหลทรายมูล เพราะอยู่ใกล้แม่น้ำลพบุรี เหมาะสมกับการผลิตกระท้อนคุณภาพดี จนกระท้อนจังหวัดลพบุรี ได้รับการรับรองเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI ในชื่อ “กระท้อนตะลุง” จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา เนื่องจาก กระท้อนมีคุณภาพดี รสชาติหวาน อมเปรี้ยว อร่อย ถูกใจผู้บริโภค แตกต่างจากระท้อนที่อื่น ซึ่งจะมีผลผลิตในช่วงเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนกรกฎาคม แต่จะมีผลผลิตมากสุดในเดือนมิถุนายน

    มีเกษตรกรผู้ปลูกกระท้อนจำนวน 154 ราย ในพื้นที่ 464 ไร่เศษ ทั้งนี้ กระท้อนลพบุรีได้รับการรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI ) จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา จำนวน 66 ราย ในพื้นที่ 271 ไร่ ซึ่งปีนี้จะมีผลผลิตออกมาจำหน่ายอยู่ที่ ประมาณ 425,090 กิโลกรัม ซึ่งมากกว่าปีที่ผ่านมา สำหรับ ราคากระท้อนสดจะจำหน่าย 35-100 บาทต่อกิโลกรัม ขึ้นอยู่กับขนาดของผล โดยจะมีช่องทางการจำหน่ายผ่านตลาดออนไลน์ของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดลพบุรี สำนักงานเกษตรจังหวัดลพบุรี และชาวสวนกระท้อนเอง นอกจากนี้ยังเปิดจำหน่ายที่บริเวณที่ว่าการอำเภอเมืองลพบุรีและริมทางถนนลพบุรี-บ้านแพรก ซึ่งกระท้อนลพบุรีมีลักษณะพิเศษคือ กลมแป้น เปลือกบาง รสหวาน เนื้อปุย หวานสะดุ้ง กระท้อนตะลุงลพบุรี

    ไฮไลท์ ก่อนที่จะมีการแถลงข่าว รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ควงแขนนายอำเภอเมืองลพบุรี นายอำเภอเมืองหัวใจเพชร ลีลาไม่ธรรมดารำวง อย่างสุดสนานทำให้บรรดาผู้ร่วมแถลงข่าวต้องลุกมารำเช่นกันและจบการรำเสร็จลีลายำกระท้อนและหยิบหยิบช้อนป้อนให้
    นายอำเภอเมืองลพบุรีชิม
    นายอำเภอเมืองลพบุรีบอกว่าอร่อยจริงฝีมือขั้นเทพ
    รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ควงแขน นายอำเภอเมืองลพบุรี รำวง ทั้งสองลีลา ไม่ธรรมดา ในงานแถลงข่าว เทศกาลกระท้อนหวาน สินค้า GI และของดีเมืองลพบุรี ครั้งที่ 32 ประจำปี 2568 ////////////////////// เพลงขึ้น ทนไม่ไหว ต้องลุกขึ้นมารำวง รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ควงแขนในอำเภอเมืองลพบุรี นายอำเภอเมืองหัวใจเพชร รำวงอย่างสนุกสนาน ในงาน แถลงข่าว เทศกาลกระท้อนหวาน สินค้า GI และของดีเมืองลพบุรี ครั้งที่ 32 ระหว่างวันที่ 21 มิถุนายน – 2 กรกฎาคมนี้ วันที่ 11 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00 น. นายปรัชญา เปปะตัง รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วย นายรพีทัศน์ อุ่นจิตตพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ตลอดจน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกัน แถลงข่าวเทศกาลกระท้อนหวานและของดีเมืองลพบุรี ครั้งที่ 32 ณ สวนกระท้อนผู้ใหญ่อนุวัชร โตสวัสดิ์ (ผู้ใหญ่หนึ่ง) หมู่ที่ 7 ตำบลตะลุง อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี ซึ่งในงานแถลงข่าวยังได้มีการเปิดตัว การแปรรูปผลผลิตกระท้อน มากมาย รวมถึง เมนูใหม่ การทำยำกระท้อนทอดกรอบ ซึ่งมีรสชาติที่อร่อย และ สีสันชวนน่ารับประทาน ให้แก่ผู้ร่วมงานได้ลิ้มรส ด้วย โดยมีนายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอเมืองลพบุรี ร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย สำหรับการจัดงานเทศกาลกระท้อนหวานและของดีเมืองลพบุรี ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 32 กำหนดจัดงานระหว่างวันที่ ระหว่างวันที่ 21 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม 2568 ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี ภายในงานจะมีผลกระท้อนสด จากชาวสวนกระท้อน มาจำหน่าย หลากหลายสายพันธุ์ เช่น พันธุ์ปุยฝ้าย พันธุ์อีล่า พันธุ์นิ่มนวล พันธุ์ทองกำมะหยี่ พันธุ์ทับทิม ซึ่งเป็นสินค้า GI ที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดลพบุรี และยังมีกระท้อนแปรรูป ได้แก่ กระท้อนลอยแก้ว กระท้อนกวน กระท้อนทรงเครื่อง มาวางจำหน่าย เพื่อให้เลือกซื้อหาไปรับประทาน และเป็นของฝากจากลพบุรี ให้ได้เลือก ชิม ช้อป ด้วย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม “รำวงย้อนยุค” โดยชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน การแสดงของชาติพันธุ์ การแสดงดนตรี ลูกทุ่ง และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึง การแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP จังหวัดลพบุรี การจัดแสดงพันธุ์ไม้ และสินค้าของดีเมืองลพบุรี สำหรับ กระท้อนของลพบุรี เป็นกระท้อน ที่มีชื่อเสียงจะอยู่ใน 3 ตำบลของอำเภอเมืองลพบุรี ได้แก่ ตำบลตะลุง ตำบลโพธิ์เก้าต้น และตำบลงิ้วราย ของอำเภอเมืองลพบุรี มีลักษณะภูมิประเทศที่พิเศษไม่เหมือนที่ใด คือ เป็นพื้นที่น้ำไหลทรายมูล เพราะอยู่ใกล้แม่น้ำลพบุรี เหมาะสมกับการผลิตกระท้อนคุณภาพดี จนกระท้อนจังหวัดลพบุรี ได้รับการรับรองเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI ในชื่อ “กระท้อนตะลุง” จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา เนื่องจาก กระท้อนมีคุณภาพดี รสชาติหวาน อมเปรี้ยว อร่อย ถูกใจผู้บริโภค แตกต่างจากระท้อนที่อื่น ซึ่งจะมีผลผลิตในช่วงเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนกรกฎาคม แต่จะมีผลผลิตมากสุดในเดือนมิถุนายน มีเกษตรกรผู้ปลูกกระท้อนจำนวน 154 ราย ในพื้นที่ 464 ไร่เศษ ทั้งนี้ กระท้อนลพบุรีได้รับการรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI ) จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา จำนวน 66 ราย ในพื้นที่ 271 ไร่ ซึ่งปีนี้จะมีผลผลิตออกมาจำหน่ายอยู่ที่ ประมาณ 425,090 กิโลกรัม ซึ่งมากกว่าปีที่ผ่านมา สำหรับ ราคากระท้อนสดจะจำหน่าย 35-100 บาทต่อกิโลกรัม ขึ้นอยู่กับขนาดของผล โดยจะมีช่องทางการจำหน่ายผ่านตลาดออนไลน์ของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดลพบุรี สำนักงานเกษตรจังหวัดลพบุรี และชาวสวนกระท้อนเอง นอกจากนี้ยังเปิดจำหน่ายที่บริเวณที่ว่าการอำเภอเมืองลพบุรีและริมทางถนนลพบุรี-บ้านแพรก ซึ่งกระท้อนลพบุรีมีลักษณะพิเศษคือ กลมแป้น เปลือกบาง รสหวาน เนื้อปุย หวานสะดุ้ง กระท้อนตะลุงลพบุรี ไฮไลท์ ก่อนที่จะมีการแถลงข่าว รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ควงแขนนายอำเภอเมืองลพบุรี นายอำเภอเมืองหัวใจเพชร ลีลาไม่ธรรมดารำวง อย่างสุดสนานทำให้บรรดาผู้ร่วมแถลงข่าวต้องลุกมารำเช่นกันและจบการรำเสร็จลีลายำกระท้อนและหยิบหยิบช้อนป้อนให้ นายอำเภอเมืองลพบุรีชิม นายอำเภอเมืองลพบุรีบอกว่าอร่อยจริงฝีมือขั้นเทพ
    0 Comments 0 Shares 125 Views 0 0 Reviews
  • "ศิริชัย" หนุ่มใหญ่นักธุรกิจลพบุรี
    แสดงความ
    ยินดีเปิดร้าน
    "the winner ผับ"
    แนวเพลงยุค 90
    /////////////////////

    ศิริชัย อัมพร นักธุรกิจหนุ่มใหญ่เจ้าของร้านสกายเวย์ ขายอะไหล่รถจักรยานยนต์รายใหญ่จังหวัดลพบุรี ไปแสดงความยินดีและอวยพรเปิดร้าน
    the winner ผับ
    แนวเพลงยุค 90
    สามารถ ทองสกุล บริหารงานร้านthe winner ผับ

    เมื่อเวลา 11.00 น ในวันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม 2568 นายศิริชัย อัมพร เจ้าของร้านสกายเวย์ ร้านจำหน่ายอะไหล่รายใหญ่ในจังหวัดลพบุรี
    เดินทาง มอบของที่ระลึก แสดงความยินดีให้แก่ นายสามารถ ทองสกุล บริษัทสามารถ-ศักดิ์สิริ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด เปิดร้าน
    the winner ผับ
    แนวเพลงยุค 90
    ในโอกาสเปิดร้านใหม่ ใจกลางเมืองลพบุรี เป็นแหล่งบันเทิงแหล่งใหม่ของจังหวัดลพบุรียางค่ำคืนสไตล์เพลงยุค 90 ตกแต่งภายในร้านเรียบง่ายแต่หรูหรา
    บรรยากาศ ช่วงเพลได้มีการเลี้ยงพระ ณ ร้านthe winner ผับ ไปร้านกลางคืน แนวเพลงยุค 90 ร้านตั้งอยู่ที่ ตำบลป่าตาล อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี เส้นทางสะพาน 33 มาเส้นทางสะพาน 8 อยู่ขวามือ
    ด้าน นายสามารถ ทองสกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท
    สามารถ-ศักดิ์สิริ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด เจ้าของร้าน the winner ผับ เปิดใจกับผู้สื่อข่าวตอนหนึ่งว่า ขอเชิญคนลพบุรี ที่ชอบแนวเพลงยุค 80-90 ทาง
    the winner ลพบุรี พร้อมบริการ ด้านดนตรี
    เพลงเก่า เพลงคลาสสิค ที่หาฟังยากในยุคปัจจุบัน เชิญได้ที่ร้านthe winner ลพบุรี
    เรามีรูปการจัดร้าน และ จะไม่มีเหมือนใคร แฟนคลับแฟนเพลง
    ที่เพลงยุคเก่าๆ
    ทั้งเพลงไทยเพลงสากล เชิญที่นี่ร้าน the winner ลพบุรี ยินดีต้อนรับทุกท่านเมื่อครอบครัวของเรา
    เปิดบริการตั้งแต่ 5 โมงเช้า ภาคเช้าเราบริการขายสเต็ก และกาแฟเย็นและกาแฟร้อน ขอเชิญชวนมาชิมสเต็ก ของเรานั้นอร่อยเนื้อนุ่ม สดมาจากฟาร์ม ภาคกลางคืนมีดนตรีสด เราเล่นตั้งแต่ 20:00 น เป็นต้นไป มีดนตรีโฟล์คซอง วงทรีซันเต็มวง ทั้งเพลงไทยเพลงสากล ยุค80-90 ท่านที่ไหนไม่ได้ต้องที่ร้านthe winner ผับลพบุรี เท่านั้น
    ขอขอเชิญชวนคนลพบุรีมาสัมผัส ท่านจะคิดถึงยุคเก่าๆอย่างแน่นอน
    นายสามารถ ทองสกุล เปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่า
    ทางร้านthe winner ผับ ลพบุรี ในวันที่ 31 พฤษภาคม ศกนี้
    ฉลองเปิดร้าน The winner pub
    ศิลปินนักร้องชื่อดัง เสือ ธนพล ยุค 90 ราคาค่าโต๊ะ 2,500 บาท นั่งหน้า 4 ท่าน เสริมเก้าอี้ 500 บาท จองโต๊ะรับ
    Sing แสงโสม 1 + โอ๊ก 1 - โซดา 3 - น้ำเปล่า 1 + น้ำแข็ง 1+ 1 ถั่ว จาน สอบถามเพิ่มเติม
    081-852-7176 คุณก้อย, 083-415-8789 คุณเกษ, 095-616-0446 คุณพลอย
    "ศิริชัย" หนุ่มใหญ่นักธุรกิจลพบุรี แสดงความ ยินดีเปิดร้าน "the winner ผับ" แนวเพลงยุค 90 ///////////////////// ศิริชัย อัมพร นักธุรกิจหนุ่มใหญ่เจ้าของร้านสกายเวย์ ขายอะไหล่รถจักรยานยนต์รายใหญ่จังหวัดลพบุรี ไปแสดงความยินดีและอวยพรเปิดร้าน the winner ผับ แนวเพลงยุค 90 สามารถ ทองสกุล บริหารงานร้านthe winner ผับ เมื่อเวลา 11.00 น ในวันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม 2568 นายศิริชัย อัมพร เจ้าของร้านสกายเวย์ ร้านจำหน่ายอะไหล่รายใหญ่ในจังหวัดลพบุรี เดินทาง มอบของที่ระลึก แสดงความยินดีให้แก่ นายสามารถ ทองสกุล บริษัทสามารถ-ศักดิ์สิริ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด เปิดร้าน the winner ผับ แนวเพลงยุค 90 ในโอกาสเปิดร้านใหม่ ใจกลางเมืองลพบุรี เป็นแหล่งบันเทิงแหล่งใหม่ของจังหวัดลพบุรียางค่ำคืนสไตล์เพลงยุค 90 ตกแต่งภายในร้านเรียบง่ายแต่หรูหรา บรรยากาศ ช่วงเพลได้มีการเลี้ยงพระ ณ ร้านthe winner ผับ ไปร้านกลางคืน แนวเพลงยุค 90 ร้านตั้งอยู่ที่ ตำบลป่าตาล อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี เส้นทางสะพาน 33 มาเส้นทางสะพาน 8 อยู่ขวามือ ด้าน นายสามารถ ทองสกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท สามารถ-ศักดิ์สิริ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด เจ้าของร้าน the winner ผับ เปิดใจกับผู้สื่อข่าวตอนหนึ่งว่า ขอเชิญคนลพบุรี ที่ชอบแนวเพลงยุค 80-90 ทาง the winner ลพบุรี พร้อมบริการ ด้านดนตรี เพลงเก่า เพลงคลาสสิค ที่หาฟังยากในยุคปัจจุบัน เชิญได้ที่ร้านthe winner ลพบุรี เรามีรูปการจัดร้าน และ จะไม่มีเหมือนใคร แฟนคลับแฟนเพลง ที่เพลงยุคเก่าๆ ทั้งเพลงไทยเพลงสากล เชิญที่นี่ร้าน the winner ลพบุรี ยินดีต้อนรับทุกท่านเมื่อครอบครัวของเรา เปิดบริการตั้งแต่ 5 โมงเช้า ภาคเช้าเราบริการขายสเต็ก และกาแฟเย็นและกาแฟร้อน ขอเชิญชวนมาชิมสเต็ก ของเรานั้นอร่อยเนื้อนุ่ม สดมาจากฟาร์ม ภาคกลางคืนมีดนตรีสด เราเล่นตั้งแต่ 20:00 น เป็นต้นไป มีดนตรีโฟล์คซอง วงทรีซันเต็มวง ทั้งเพลงไทยเพลงสากล ยุค80-90 ท่านที่ไหนไม่ได้ต้องที่ร้านthe winner ผับลพบุรี เท่านั้น ขอขอเชิญชวนคนลพบุรีมาสัมผัส ท่านจะคิดถึงยุคเก่าๆอย่างแน่นอน นายสามารถ ทองสกุล เปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่า ทางร้านthe winner ผับ ลพบุรี ในวันที่ 31 พฤษภาคม ศกนี้ ฉลองเปิดร้าน The winner pub ศิลปินนักร้องชื่อดัง เสือ ธนพล ยุค 90 ราคาค่าโต๊ะ 2,500 บาท นั่งหน้า 4 ท่าน เสริมเก้าอี้ 500 บาท จองโต๊ะรับ Sing แสงโสม 1 + โอ๊ก 1 - โซดา 3 - น้ำเปล่า 1 + น้ำแข็ง 1+ 1 ถั่ว จาน สอบถามเพิ่มเติม 081-852-7176 คุณก้อย, 083-415-8789 คุณเกษ, 095-616-0446 คุณพลอย
    0 Comments 0 Shares 236 Views 2 0 Reviews
  • นันท์นภัส วงศ์ใหญ่
    แสดงความ
    ยินดีเปิดร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่
    ใจกลางเมืองลพบุรี
    //////////////

    ศิริชัย อัมพร มารศรี อัมพร เจ๊กิ่ง เจ้าของร้านสกายเวย์
    เปิดร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่
    ของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน น.ส.ศิริพร อัมพร
    ผู้บริหารร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ เป็นร้านเล็กๆแต่อบอุ่นเหมือนครอบครัวเดียวกัน

    เมื่อเวลา 09:00 น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม 2568
    นายนันท์นภัส วงศ์ใหญ่ หรือ โหน่ง ข่าวสืบสวน
    ผู้อำนวยการสำนักข่าวข่าวสืบสวน ฐานะประธานชมรมผู้สื่อข่าวออนไลน์ส่วนภูมิภาค
    มอบพระสิวลี หลวงพ่อพิเชษฐ์ วัดโคกหม้อ มอบให้เป็นสิริมงคล
    แสดงความยินดีให้แก่ นายศิริชัย อัมพร
    นางมารศรี อัมพร
    เจ๊กิ่ง เจ้าของร้านสกายเวย์ ซึ่งเป็นของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน น.ส.ศิริพร อัมพร เป็นผู้บริหารร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่
    บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง.
    ในโอกาสเปิดร้านใหม่ ใจกลางเมืองลพบุรีใจกลางแหล่งท่องเที่ยว
    ซึ่งมีความหมายของร้านว่า” เป็นบ้านที่อบอุ่นใครๆก็มาเหมือนครอบครัวเดียวกัน
    จึงมีความภูมิใจและนำมาตั้งเป็นชื่อของทางร้าน พร้อมครอบครัว
    ร้านคาเฟ่เปิดใหม่ ลองไปเช็คอินดูและลองชิมอาหารหวานอาหารคาวตลอดถึงกาแฟร้อนและเย็นเลือกมากมายลองชิมดูสั่งดูราคาบอกเลยนะไม่แพงแต่เจ้าของร้านใจดีใจดี
    ร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ ตั้งอยู่หลังร้านสกายเวย์
    65/3 ถ.รอบ ซอย วัดพระธาตุ ตำบล ท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี
    เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00 น - 19:00 น
    หยุดทุกวันจันทร์
    นันท์นภัส วงศ์ใหญ่ แสดงความ ยินดีเปิดร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ ใจกลางเมืองลพบุรี ////////////// ศิริชัย อัมพร มารศรี อัมพร เจ๊กิ่ง เจ้าของร้านสกายเวย์ เปิดร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ ของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน น.ส.ศิริพร อัมพร ผู้บริหารร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ เป็นร้านเล็กๆแต่อบอุ่นเหมือนครอบครัวเดียวกัน เมื่อเวลา 09:00 น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม 2568 นายนันท์นภัส วงศ์ใหญ่ หรือ โหน่ง ข่าวสืบสวน ผู้อำนวยการสำนักข่าวข่าวสืบสวน ฐานะประธานชมรมผู้สื่อข่าวออนไลน์ส่วนภูมิภาค มอบพระสิวลี หลวงพ่อพิเชษฐ์ วัดโคกหม้อ มอบให้เป็นสิริมงคล แสดงความยินดีให้แก่ นายศิริชัย อัมพร นางมารศรี อัมพร เจ๊กิ่ง เจ้าของร้านสกายเวย์ ซึ่งเป็นของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน น.ส.ศิริพร อัมพร เป็นผู้บริหารร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง. ในโอกาสเปิดร้านใหม่ ใจกลางเมืองลพบุรีใจกลางแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งมีความหมายของร้านว่า” เป็นบ้านที่อบอุ่นใครๆก็มาเหมือนครอบครัวเดียวกัน จึงมีความภูมิใจและนำมาตั้งเป็นชื่อของทางร้าน พร้อมครอบครัว ร้านคาเฟ่เปิดใหม่ ลองไปเช็คอินดูและลองชิมอาหารหวานอาหารคาวตลอดถึงกาแฟร้อนและเย็นเลือกมากมายลองชิมดูสั่งดูราคาบอกเลยนะไม่แพงแต่เจ้าของร้านใจดีใจดี ร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ ตั้งอยู่หลังร้านสกายเวย์ 65/3 ถ.รอบ ซอย วัดพระธาตุ ตำบล ท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00 น - 19:00 น หยุดทุกวันจันทร์
    0 Comments 0 Shares 215 Views 0 Reviews
  • นายอำเภอเมืองลพบุรี เยี่ยมร้านที่จำหน่ายกระท้อน แปรรูป
    เตรียมความพร้อมรับนักท่องเที่ยว เทศกาลงานกระท้อน ประจำปี 68 ปีนี้จัดยิ่งใหญ่กว่าทุกปี

    ////////////////////

    นายอำเภอเมืองลพบุรีเป็นห่วงแม่ค้า ลุยเยี่ยม
    แม่ค้าขายกระท้อน ในบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองลพบุรี
    เป็นสถานที่จัดงานกระท้อนหวาน
    ประจำปี 68 ระหว่าง 21 มิย.-2 กค.68

    เมื่อเวลา 08.00 น
    ในวันพุธที่ 28 พฤษภาคม 2568
    นายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอเมืองลพบุรี
    เยี่ยมแม่ค้าขายกระท้อนที่เป็นผลและแปรรูปแล้ว เพื่อให้เกิดขวัญกำลังใจและเป็นแนวทางในการประชาสัมพันธ์เทศกาลงานกระท้อนหวาน ประจำปี 68 ระหว่าง 21 มิย.-2 กค.68
    ณ สนามหน้า
    ที่ว่าการอำเภอเมืองลพบุรี

    นายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอเมืองลพบุรี ได้ไปเยี่ยมร้านที่จำหน่ายกระท้อน มีชาวสวนนำมาจำหน่าย พร้อมทั้งมอบธงให้เป็นสัญลักษณ์ว่าเป็นอาหารปลอดภัยและเป็นกระท้อนที่มาจากสวนโดยตรง
    สำหรับการจัดงานเทศกาลกระท้อนหวานและของดีเมืองลพบุรีในครั้งนี้ ภายในงานมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย

    นอกจากนี้ มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กระท้อนหวานเมืองลพบุรี การแปรรูปกระท้อน การแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP จังหวัดลพบุรี การจัดแสดงพันธุ์ไม้ และสินค้าของดีเมืองลพบุรีอีกมากมายมาจำหน่ายให้แก่ประชาชนเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดลพบุรี อีกด้วย

    โดยนายอำเภอเมืองลพบุรี
    กล่าวว่า “กระท้อนตะลุง” อำเภอเมืองลพบุรี เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียง ได้รับความนิยมจากตลาดมากขึ้นทุกปี ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น มีความเป็นอยู่ที่ดี สิ่งสำคัญมาจากการจัดงานเพื่อเผยแพร่ และประชาสัมพันธ์ผลผลิตของกระท้อน ทำให้กระท้อนลพบุรีเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปอย่างแพร่หลาย สามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมงาน และจับจ่ายซื้อหาสินค้าต่างๆ ภายในงานได้อย่างครบครัน สิ่งสำคัญที่อยากจะฝากและขอความร่วมมือ พี่น้องเกษตรกรคือ เรื่องคุณภาพกระท้อน ความปลอดภัยของผู้บริโภค และไม่เอารัดเอาเปรียบผู้ซื้อ ให้คิดเสมอว่า ผู้ผลิตอยู่รอด ผู้บริโภคปลอดภัยจากการบริโภค ผลผลิตไร้สารเคมีต่างๆ และส่งเสริมการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าให้มากขึ้น

    รวมถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ดูโดดเด่น น่าซื้อหา เป็นการเพิ่มมูลค่าอีกทางหนึ่งด้วย ที่สำคัญ “กระท้อนตะลุง” ถือได้ว่าเป็นพืชเศรษฐกิจท้องถิ่นของจังหวัดลพบุรี ซึ่งจังหวัดลพบุรี ได้ยื่นขอขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ของประเทศไทย โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ขึ้นทะเบียนกระท้อนตะลุง เป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือสินค้า GI แล้ว เพื่อเป็นการคุ้มครองและรักษาชื่อเสียงให้กระท้อนตะลุง ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อกระท้อนตะลุงที่มีคุณภาพได้ง่าย และมั่นใจยิ่งขึ้นอีกด้วย
    นายอำเภอเมืองลพบุรี เยี่ยมร้านที่จำหน่ายกระท้อน แปรรูป เตรียมความพร้อมรับนักท่องเที่ยว เทศกาลงานกระท้อน ประจำปี 68 ปีนี้จัดยิ่งใหญ่กว่าทุกปี //////////////////// นายอำเภอเมืองลพบุรีเป็นห่วงแม่ค้า ลุยเยี่ยม แม่ค้าขายกระท้อน ในบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองลพบุรี เป็นสถานที่จัดงานกระท้อนหวาน ประจำปี 68 ระหว่าง 21 มิย.-2 กค.68 เมื่อเวลา 08.00 น ในวันพุธที่ 28 พฤษภาคม 2568 นายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอเมืองลพบุรี เยี่ยมแม่ค้าขายกระท้อนที่เป็นผลและแปรรูปแล้ว เพื่อให้เกิดขวัญกำลังใจและเป็นแนวทางในการประชาสัมพันธ์เทศกาลงานกระท้อนหวาน ประจำปี 68 ระหว่าง 21 มิย.-2 กค.68 ณ สนามหน้า ที่ว่าการอำเภอเมืองลพบุรี นายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอเมืองลพบุรี ได้ไปเยี่ยมร้านที่จำหน่ายกระท้อน มีชาวสวนนำมาจำหน่าย พร้อมทั้งมอบธงให้เป็นสัญลักษณ์ว่าเป็นอาหารปลอดภัยและเป็นกระท้อนที่มาจากสวนโดยตรง สำหรับการจัดงานเทศกาลกระท้อนหวานและของดีเมืองลพบุรีในครั้งนี้ ภายในงานมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย นอกจากนี้ มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กระท้อนหวานเมืองลพบุรี การแปรรูปกระท้อน การแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP จังหวัดลพบุรี การจัดแสดงพันธุ์ไม้ และสินค้าของดีเมืองลพบุรีอีกมากมายมาจำหน่ายให้แก่ประชาชนเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดลพบุรี อีกด้วย โดยนายอำเภอเมืองลพบุรี กล่าวว่า “กระท้อนตะลุง” อำเภอเมืองลพบุรี เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียง ได้รับความนิยมจากตลาดมากขึ้นทุกปี ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น มีความเป็นอยู่ที่ดี สิ่งสำคัญมาจากการจัดงานเพื่อเผยแพร่ และประชาสัมพันธ์ผลผลิตของกระท้อน ทำให้กระท้อนลพบุรีเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปอย่างแพร่หลาย สามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมงาน และจับจ่ายซื้อหาสินค้าต่างๆ ภายในงานได้อย่างครบครัน สิ่งสำคัญที่อยากจะฝากและขอความร่วมมือ พี่น้องเกษตรกรคือ เรื่องคุณภาพกระท้อน ความปลอดภัยของผู้บริโภค และไม่เอารัดเอาเปรียบผู้ซื้อ ให้คิดเสมอว่า ผู้ผลิตอยู่รอด ผู้บริโภคปลอดภัยจากการบริโภค ผลผลิตไร้สารเคมีต่างๆ และส่งเสริมการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าให้มากขึ้น รวมถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ดูโดดเด่น น่าซื้อหา เป็นการเพิ่มมูลค่าอีกทางหนึ่งด้วย ที่สำคัญ “กระท้อนตะลุง” ถือได้ว่าเป็นพืชเศรษฐกิจท้องถิ่นของจังหวัดลพบุรี ซึ่งจังหวัดลพบุรี ได้ยื่นขอขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ของประเทศไทย โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ขึ้นทะเบียนกระท้อนตะลุง เป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือสินค้า GI แล้ว เพื่อเป็นการคุ้มครองและรักษาชื่อเสียงให้กระท้อนตะลุง ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อกระท้อนตะลุงที่มีคุณภาพได้ง่าย และมั่นใจยิ่งขึ้นอีกด้วย
    0 Comments 0 Shares 281 Views 10 0 Reviews
  • สายฝนพรำๆ ลุงภพ หัวใจนักสู้
    ตั้งแผงเล่ขายทุเรียน และผลไม้ตามฤดูกาลนานาชนิด
    หัวใจไม่หวั่น
    ////////////////


    ปรับตัวแล้วทำให้เดินต่อได้
    พ่อค้าขายทุเรียนและผลไม้ตามฤดูกาล ตามตลาดนัด พบเส้นทางทำการค้าฝ่าวิกฤติยุคเศรษฐกิจ ไม่ดี
    เมื่อเวลา 10.00 นาฬิกา ในวันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม 2568
    ทีมข่าวได้พูดคุยกับ
    นายเอกภพ พุ่มม่วง
    อายุ 52 ปี หรือ ลุงภพ
    อยู่บ้านเลขที่10 หมู่ที่.3 ตำบลหัวสำโร อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี พ่อค้าขายทุเรียนตามตลาดนัดและตั้งแผงลอย
    ในบริเวณริมถนนลพบุรีสิงห์บุรี
    ต้นตือใหญ่ ต.พรหมมาศ อ.เมือง จ.ลพบุรี
    ลุงภพ เปิดใจตอนหนึ่งว่า
    ขายผลไม้ตามฤดูกาล ผมขายมาหลายปีแล้วครับ
    บ้านผมอยู่ท่าวุ้งครับเป็นคนลพบุรีโดยกำเนิด

    ลุงภพ เปิดใจอีกว่า ค้าขายผลไม้และทุเรียน ในช่วงนี้ขายไปเรื่อยๆ
    ตอนนี้ไม่ค่อยดีนักเศรษฐกิจมันแย่
    ทางร้านเรา ขายราคาไม่แพงก็ออกได้ตามปกติอย่าเอาแพงมากเพราะยุคเศรษฐกิจไม่ดีต้องราคาถูกลูกค้าจับต้องได้ราคาแพงประชาชนไม่มีแรง ซื้อมัน ขายไม่ออกขายไม่ได้เลย
    ไม่มีหนี้สินก็ ก็อยู่ได้สบายไม่ต้องไปเครียด คิดอย่างเดียวเอาผลไม้ที่มีคุณภาพและทุเรียนที่มีคุณภาพมาขายให้ลูกค้าขายกับพี่น้องประชาชนชาวลพบุรีได้กินของอร่อยได้กินของคุณภาพก็พอใจแล้วราคาไม่แพงจับต้องได้ราคาถูกคนลพบุรีก็ซื้อได้ราคาแพงมากไปบางครอบครัวเงินไม่ถึงเงินไม่มีพอก็ซื้อไม่ได้เช่นกัน
    ร้านลุงภพ มี ผลไม้ตามฤดูกาลมาขายอีกด้วยยกตัวอย่างเช่นเงาะโรงเรียน
    กิโลละ 35 บาท 3 กิโล 100 บาท ราคานี้ไม่แพงจับต้องได้ลองไปอุดหนุนกันเยอะๆนะครับ

    ลุงภพ เปิดใจอีกว่า ที่ร้านมี ทุเรียนหมอนทองจันทบุรี หวานหอม อร่อย มีทุกเนื้อให้เลือกทาน หรือซื้อยกลูกกิโลละ 150 บาทต่อกิโล
    และแบบแพ็คราคาเริ่มต้น 150 บาทขึ้นไปหรือราคา 350 บาท ตามคุณภาพ

    ร้านลุงภพผลไม้
    เป็นแผงลอยตั้งอยู่ริม
    ถนนลพบุรี-สิงห์บุรี (ทางหลวงหมายเลข 311) บริเวณข้ามสะพานแม่น้ำลพบุรี หรือ คนลพบุรีเรียกว่าสะพาน 2
    วัดมณีชลขัณฑ์
    ตำบล พรหมมาสตร์ อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี
    เลยป้อมตำรวจ จะเห็นร้านเลย
    มาอุดหนุนลุงกันเยอะๆ นะครับ มีผลไม้ให้เลือกมากมายพระเอกก็คือทุเรียนราคาไม่แพงลองมาซื้อกันของลุงสดๆใหม่ๆมาจัดสวนเลยนะ
    สายฝนพรำๆ ลุงภพ หัวใจนักสู้ ตั้งแผงเล่ขายทุเรียน และผลไม้ตามฤดูกาลนานาชนิด หัวใจไม่หวั่น //////////////// ปรับตัวแล้วทำให้เดินต่อได้ พ่อค้าขายทุเรียนและผลไม้ตามฤดูกาล ตามตลาดนัด พบเส้นทางทำการค้าฝ่าวิกฤติยุคเศรษฐกิจ ไม่ดี เมื่อเวลา 10.00 นาฬิกา ในวันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม 2568 ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายเอกภพ พุ่มม่วง อายุ 52 ปี หรือ ลุงภพ อยู่บ้านเลขที่10 หมู่ที่.3 ตำบลหัวสำโร อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี พ่อค้าขายทุเรียนตามตลาดนัดและตั้งแผงลอย ในบริเวณริมถนนลพบุรีสิงห์บุรี ต้นตือใหญ่ ต.พรหมมาศ อ.เมือง จ.ลพบุรี ลุงภพ เปิดใจตอนหนึ่งว่า ขายผลไม้ตามฤดูกาล ผมขายมาหลายปีแล้วครับ บ้านผมอยู่ท่าวุ้งครับเป็นคนลพบุรีโดยกำเนิด ลุงภพ เปิดใจอีกว่า ค้าขายผลไม้และทุเรียน ในช่วงนี้ขายไปเรื่อยๆ ตอนนี้ไม่ค่อยดีนักเศรษฐกิจมันแย่ ทางร้านเรา ขายราคาไม่แพงก็ออกได้ตามปกติอย่าเอาแพงมากเพราะยุคเศรษฐกิจไม่ดีต้องราคาถูกลูกค้าจับต้องได้ราคาแพงประชาชนไม่มีแรง ซื้อมัน ขายไม่ออกขายไม่ได้เลย ไม่มีหนี้สินก็ ก็อยู่ได้สบายไม่ต้องไปเครียด คิดอย่างเดียวเอาผลไม้ที่มีคุณภาพและทุเรียนที่มีคุณภาพมาขายให้ลูกค้าขายกับพี่น้องประชาชนชาวลพบุรีได้กินของอร่อยได้กินของคุณภาพก็พอใจแล้วราคาไม่แพงจับต้องได้ราคาถูกคนลพบุรีก็ซื้อได้ราคาแพงมากไปบางครอบครัวเงินไม่ถึงเงินไม่มีพอก็ซื้อไม่ได้เช่นกัน ร้านลุงภพ มี ผลไม้ตามฤดูกาลมาขายอีกด้วยยกตัวอย่างเช่นเงาะโรงเรียน กิโลละ 35 บาท 3 กิโล 100 บาท ราคานี้ไม่แพงจับต้องได้ลองไปอุดหนุนกันเยอะๆนะครับ ลุงภพ เปิดใจอีกว่า ที่ร้านมี ทุเรียนหมอนทองจันทบุรี หวานหอม อร่อย มีทุกเนื้อให้เลือกทาน หรือซื้อยกลูกกิโลละ 150 บาทต่อกิโล และแบบแพ็คราคาเริ่มต้น 150 บาทขึ้นไปหรือราคา 350 บาท ตามคุณภาพ ร้านลุงภพผลไม้ เป็นแผงลอยตั้งอยู่ริม ถนนลพบุรี-สิงห์บุรี (ทางหลวงหมายเลข 311) บริเวณข้ามสะพานแม่น้ำลพบุรี หรือ คนลพบุรีเรียกว่าสะพาน 2 วัดมณีชลขัณฑ์ ตำบล พรหมมาสตร์ อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี เลยป้อมตำรวจ จะเห็นร้านเลย มาอุดหนุนลุงกันเยอะๆ นะครับ มีผลไม้ให้เลือกมากมายพระเอกก็คือทุเรียนราคาไม่แพงลองมาซื้อกันของลุงสดๆใหม่ๆมาจัดสวนเลยนะ
    0 Comments 0 Shares 289 Views 0 0 Reviews
  • พายุฝนกระหน่ำลพบุรี
    //////////////////

    พายุกระหน่ำลพบุรี ฝนตกลงมาหนักอย่างนานกว่า 1 ชั่วโมง

    เมื่อเวลา 16.00 นาฬิกา ในวันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม 2568
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
    แรกเกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดลพบุรี ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังรอการระบายหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ในเขตเทศบาลเมืองลพบุรี พี่มีฝนตกลงมาอย่างหนักนาน 1 ชั่วโมงทำให้ถนนหลายสายในเขตเทศบาลเกิดปัญหาน้ำท่วมขังเช่นในตลาดโต้รุ่ง ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี
    อย่างเช่นถนนบริเวณ
    ต.ทะเลชุบศร อ.เมือง จ.ลพบุรี ที่เกิดปัญหาน้ำท่วมขังอย่างหนัก ระดับน้ำสูงราว 20-30 ซม. เนื่องจากถนนบางจุดมีสภาพเป็นแอ่งกระทะ และมวลน้ำฝนที่ตกลงมาสะสมเป็นเวลานานไหลระบายลงท่อระบายน้ำไม่ทัน ส่วนถนนนารายณ์มหาราช ใน เขตเทศบาลเมืองลพบุรี
    ก็เกิดปัญหาน้ำท่วมขังเช่นกัน จนรถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ประมาณ 2 ชั่วโมงน้ำก็ลดลงตามปกติตามสภาพเดิม
    พายุฝนกระหน่ำลพบุรี ////////////////// พายุกระหน่ำลพบุรี ฝนตกลงมาหนักอย่างนานกว่า 1 ชั่วโมง เมื่อเวลา 16.00 นาฬิกา ในวันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แรกเกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดลพบุรี ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังรอการระบายหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ในเขตเทศบาลเมืองลพบุรี พี่มีฝนตกลงมาอย่างหนักนาน 1 ชั่วโมงทำให้ถนนหลายสายในเขตเทศบาลเกิดปัญหาน้ำท่วมขังเช่นในตลาดโต้รุ่ง ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี อย่างเช่นถนนบริเวณ ต.ทะเลชุบศร อ.เมือง จ.ลพบุรี ที่เกิดปัญหาน้ำท่วมขังอย่างหนัก ระดับน้ำสูงราว 20-30 ซม. เนื่องจากถนนบางจุดมีสภาพเป็นแอ่งกระทะ และมวลน้ำฝนที่ตกลงมาสะสมเป็นเวลานานไหลระบายลงท่อระบายน้ำไม่ทัน ส่วนถนนนารายณ์มหาราช ใน เขตเทศบาลเมืองลพบุรี ก็เกิดปัญหาน้ำท่วมขังเช่นกัน จนรถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ประมาณ 2 ชั่วโมงน้ำก็ลดลงตามปกติตามสภาพเดิม
    0 Comments 0 Shares 183 Views 0 0 Reviews
  • พายุฝนกระหน่ำลพบุรี
    //////////////////

    พายุกระหน่ำลพบุรี ฝนตกลงมาหนักอย่างนานกว่า 1 ชั่วโมง

    เมื่อเวลา 16.00 นาฬิกา ในวันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม 2568
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
    แรกเกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดลพบุรี ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังรอการระบายหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ในเขตเทศบาลเมืองลพบุรี พี่มีฝนตกลงมาอย่างหนักนาน 1 ชั่วโมงทำให้ถนนหลายสายในเขตเทศบาลเกิดปัญหาน้ำท่วมขังเช่นในตลาดโต้รุ่ง ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี
    อย่างเช่นถนนบริเวณ
    ต.ทะเลชุบศร อ.เมือง จ.ลพบุรี ที่เกิดปัญหาน้ำท่วมขังอย่างหนัก ระดับน้ำสูงราว 20-30 ซม. เนื่องจากถนนบางจุดมีสภาพเป็นแอ่งกระทะ และมวลน้ำฝนที่ตกลงมาสะสมเป็นเวลานานไหลระบายลงท่อระบายน้ำไม่ทัน ส่วนถนนนารายณ์มหาราช ใน เขตเทศบาลเมืองลพบุรี
    ก็เกิดปัญหาน้ำท่วมขังเช่นกัน จนรถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ประมาณ 2 ชั่วโมงน้ำก็ลดลงตามปกติตามสภาพเดิม
    พายุฝนกระหน่ำลพบุรี ////////////////// พายุกระหน่ำลพบุรี ฝนตกลงมาหนักอย่างนานกว่า 1 ชั่วโมง เมื่อเวลา 16.00 นาฬิกา ในวันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แรกเกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดลพบุรี ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังรอการระบายหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ในเขตเทศบาลเมืองลพบุรี พี่มีฝนตกลงมาอย่างหนักนาน 1 ชั่วโมงทำให้ถนนหลายสายในเขตเทศบาลเกิดปัญหาน้ำท่วมขังเช่นในตลาดโต้รุ่ง ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี อย่างเช่นถนนบริเวณ ต.ทะเลชุบศร อ.เมือง จ.ลพบุรี ที่เกิดปัญหาน้ำท่วมขังอย่างหนัก ระดับน้ำสูงราว 20-30 ซม. เนื่องจากถนนบางจุดมีสภาพเป็นแอ่งกระทะ และมวลน้ำฝนที่ตกลงมาสะสมเป็นเวลานานไหลระบายลงท่อระบายน้ำไม่ทัน ส่วนถนนนารายณ์มหาราช ใน เขตเทศบาลเมืองลพบุรี ก็เกิดปัญหาน้ำท่วมขังเช่นกัน จนรถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ประมาณ 2 ชั่วโมงน้ำก็ลดลงตามปกติตามสภาพเดิม
    0 Comments 0 Shares 149 Views 0 Reviews
  • เปิดวาร์ป"น้องศิริพร"สาวหล่อ !! เจ้าของร้านกาแฟสุดหล่อ
    “ดีกรีเป็นถึงเป็นเชฟจากต่างประเทศ"
    สาวหล่อสุดแซ่บแห่งยุค
    /////////////////////


    อื้อหือ เปิดวาร์ป!! เจ้าของร้านกาแฟสาวหล่อสุดหล่อแห่งยุคนี้ใครๆก็รู้จักร้านกาแฟนี้ บ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ ร้านกาแฟน้องใหม่
    อบอุ่นเหมือนครอบครัว
    แต่มาแรงในยุคนี้ใครไม่มาตกยุค ใครๆก็มาร้านนี้เพราะดังบนโลกโซเชียล

    เมื่อวันพุธที่ 21 พฤษภาคม 2568
    ปัจจุบันหากจะเอ่ยถึงร้านกาแฟเก๋ๆฮิปๆซึ่งเป็นสถานที่โดนใจวัยรุ่นและครอบครัว โดยเหมาะสำหรับการไปนั่งรับประทานอาหาร ถ่ายรูป พร้อมเช็คอิน กดไลฟ์ กดแชร์ รัวๆเป็นธรรมเนียมที่นิยมทำกันของเหล่าหนุ่ม-สาว วัยรุ่นยุค4.0 แล้วโพสต์ลงทางโซเชี่ยลมีเดียตามช่องทางสื่อต่างๆเพื่ออวดเพื่อนอวดแฟนกันตามสไตล์ ก็จะมีหลากหลายร้านที่นิยมเดินทางกันไปสัมผัสเพื่อเสพบรรยากาศและพักผ่อนรีเเลคซ์ในช่วงวันหยุดหรือผ่อนคลายความเครียดจากการทำงาน

    ซึ่งวันนี้ทางทีมงาน
    ขอแนะนำ ร้านกาแฟสุดฮิต
    ร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ ร้านนี้อบอุ่นเมืองครอบครัว
    เป็นร้านกาแฟสุดฮิตของสาวหล่อ แห่งยุค เป็นถึงลูกสาวเจ้าของธุรกิจขายอะไหล่รถจักรยานยนต์รายใหญ่ของจังหวัดลพบุรี
    (นายศิริชัย อัมพร
    นางมารศรี อัมพร
    เจ๊กิ่ง เจ้าของร้านสกายเวย์ )
    ซึ่งตั้้งอยู่ที่
    หลังร้านสกายเวย์
    65/3 ถ.รอบ ซอย วัดพระธาตุ ตำบล ท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี

    สาวหล่อ หรือ น้องศิริพร ได้พูดคุยกับทีมงานพร้อมกล่าวแนะนำร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่
    ซึ่งมีความหมายของร้านว่า” เป็นบ้านที่อบอุ่นใครๆก็มาเหมือนครอบครัวเดียวกัน
    จึงมีความภูมิใจและนำมาตั้งเป็นชื่อของทางร้าน พร้อมครอบครัว
    เพราะตนเอง เคยไปทำงานที่ต่างประเทศเป็นเชฟหรือผู้ช่วยเชฟช่างเองมีประสบการณ์การทำอาหารและการทำกาแฟมานานกว่า 20 ปี ไปอยู่นั้นตั้งแต่เล็กๆ
    เพราะถือว่าเป็นธุรกิจของทางครอบครัวและร้านกาแฟแห่งนี้เพิ่งเปิดมาได้ไม่นาน โดยทางร้านจะมีเมนูอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายชนิดไว้คอยบริการตามสไตล์สากล-ไทย และมีอาหารเป็นชุดบ้านๆน่ารับประทาน อาทิแกงส้มแกงป่ากุ้งปกไข่ สปาเก็ตตี้
    ผัดกระเพราไข่ดาว มีทั้งหมูและเนื้อให้เลือก ข้าวผัดน้ำพริก
    ขนมเค้ก น้ำสตอเบอรี่ปั่น และน้ำผลไม้ปั่นสุดเด็ดของทางร้านบอกเลยว่าอร่อยจริงจึงมาบอก
    กาแฟร้อนหอมกรุ่นพร้อมมีเครื่องดื่มให้เลือกหลากหลายอย่างจุใจวัยรุ่นและวัยทำงาน ที่มากันเป็นครอบครัวหรือหมู่คณะอย่างแน่นอน โดยทางร้านมีบรรยากาศที่มีต้นไม้ขึ้นปกคลุมเยอะ ร่มรื่นสบายๆชิลๆพร้อมมี(WIFI)ไวไฟฟรีไว้ให้ด้วย

    สาวหล่อ ทะลุเลน ใครเห็นก็ชมว่าหล่อจริงใครอยากเจอตัวจริงอยากให้เขาทำอาหารให้ทาน ชงกาแฟได้ชิมบอกได้เลยว่าอร่อยจริงเข้มข้นจริงเรื่องกาแฟรอให้เขาทำดูสิใครอยากให้เขาทำไปที่ ร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ บอกได้เลยว่าร้านนี้อร่อยจริงร้านนี้ร้านอบอุ่นเป็นร้านเล็กๆแต่มิตรภาพดีเยี่ยมพูดจาไพเราะใครได้พูดคุยก็หลงรัก หลงรักการทำอาหารหลงรักการชงกาแฟให้เราได้ทานใครอยากรอก็ไปดูนะปิดทุกวันจันทร์ เปิดทุกวันอังคารถึงอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9.00 น - 19:00 น
    มาอุดหนุนกันเยอะๆนะครับ
    ไปถ่ายรูปคู่สาวหล่อท่านนี้กันสาวๆขั้นไหนชอบก็ลองไปดูใครไม่ไปไม่ถึงลพบุรีนะจะบอกให้
    ให้เป็นตัวเลือกอีกหนึ่งร้านกาแฟที่มีบรรยากาศดีร่มรื่น อาหารอร่อย ในย่านถ.รอบ ซอย วัดพระธาตุ ตำบล ท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี
    วันเวลาที่แจ้งไปข้างต้นแล้วรีบมากันรีบมาซื้อกาแฟกันเยอะๆเดี๋ยวไปคุยกับใครไม่รู้เรื่องนะ
    เปิดวาร์ป"น้องศิริพร"สาวหล่อ !! เจ้าของร้านกาแฟสุดหล่อ “ดีกรีเป็นถึงเป็นเชฟจากต่างประเทศ" สาวหล่อสุดแซ่บแห่งยุค ///////////////////// อื้อหือ เปิดวาร์ป!! เจ้าของร้านกาแฟสาวหล่อสุดหล่อแห่งยุคนี้ใครๆก็รู้จักร้านกาแฟนี้ บ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ ร้านกาแฟน้องใหม่ อบอุ่นเหมือนครอบครัว แต่มาแรงในยุคนี้ใครไม่มาตกยุค ใครๆก็มาร้านนี้เพราะดังบนโลกโซเชียล เมื่อวันพุธที่ 21 พฤษภาคม 2568 ปัจจุบันหากจะเอ่ยถึงร้านกาแฟเก๋ๆฮิปๆซึ่งเป็นสถานที่โดนใจวัยรุ่นและครอบครัว โดยเหมาะสำหรับการไปนั่งรับประทานอาหาร ถ่ายรูป พร้อมเช็คอิน กดไลฟ์ กดแชร์ รัวๆเป็นธรรมเนียมที่นิยมทำกันของเหล่าหนุ่ม-สาว วัยรุ่นยุค4.0 แล้วโพสต์ลงทางโซเชี่ยลมีเดียตามช่องทางสื่อต่างๆเพื่ออวดเพื่อนอวดแฟนกันตามสไตล์ ก็จะมีหลากหลายร้านที่นิยมเดินทางกันไปสัมผัสเพื่อเสพบรรยากาศและพักผ่อนรีเเลคซ์ในช่วงวันหยุดหรือผ่อนคลายความเครียดจากการทำงาน ซึ่งวันนี้ทางทีมงาน ขอแนะนำ ร้านกาแฟสุดฮิต ร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ ร้านนี้อบอุ่นเมืองครอบครัว เป็นร้านกาแฟสุดฮิตของสาวหล่อ แห่งยุค เป็นถึงลูกสาวเจ้าของธุรกิจขายอะไหล่รถจักรยานยนต์รายใหญ่ของจังหวัดลพบุรี (นายศิริชัย อัมพร นางมารศรี อัมพร เจ๊กิ่ง เจ้าของร้านสกายเวย์ ) ซึ่งตั้้งอยู่ที่ หลังร้านสกายเวย์ 65/3 ถ.รอบ ซอย วัดพระธาตุ ตำบล ท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี สาวหล่อ หรือ น้องศิริพร ได้พูดคุยกับทีมงานพร้อมกล่าวแนะนำร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ ซึ่งมีความหมายของร้านว่า” เป็นบ้านที่อบอุ่นใครๆก็มาเหมือนครอบครัวเดียวกัน จึงมีความภูมิใจและนำมาตั้งเป็นชื่อของทางร้าน พร้อมครอบครัว เพราะตนเอง เคยไปทำงานที่ต่างประเทศเป็นเชฟหรือผู้ช่วยเชฟช่างเองมีประสบการณ์การทำอาหารและการทำกาแฟมานานกว่า 20 ปี ไปอยู่นั้นตั้งแต่เล็กๆ เพราะถือว่าเป็นธุรกิจของทางครอบครัวและร้านกาแฟแห่งนี้เพิ่งเปิดมาได้ไม่นาน โดยทางร้านจะมีเมนูอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายชนิดไว้คอยบริการตามสไตล์สากล-ไทย และมีอาหารเป็นชุดบ้านๆน่ารับประทาน อาทิแกงส้มแกงป่ากุ้งปกไข่ สปาเก็ตตี้ ผัดกระเพราไข่ดาว มีทั้งหมูและเนื้อให้เลือก ข้าวผัดน้ำพริก ขนมเค้ก น้ำสตอเบอรี่ปั่น และน้ำผลไม้ปั่นสุดเด็ดของทางร้านบอกเลยว่าอร่อยจริงจึงมาบอก กาแฟร้อนหอมกรุ่นพร้อมมีเครื่องดื่มให้เลือกหลากหลายอย่างจุใจวัยรุ่นและวัยทำงาน ที่มากันเป็นครอบครัวหรือหมู่คณะอย่างแน่นอน โดยทางร้านมีบรรยากาศที่มีต้นไม้ขึ้นปกคลุมเยอะ ร่มรื่นสบายๆชิลๆพร้อมมี(WIFI)ไวไฟฟรีไว้ให้ด้วย สาวหล่อ ทะลุเลน ใครเห็นก็ชมว่าหล่อจริงใครอยากเจอตัวจริงอยากให้เขาทำอาหารให้ทาน ชงกาแฟได้ชิมบอกได้เลยว่าอร่อยจริงเข้มข้นจริงเรื่องกาแฟรอให้เขาทำดูสิใครอยากให้เขาทำไปที่ ร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ บอกได้เลยว่าร้านนี้อร่อยจริงร้านนี้ร้านอบอุ่นเป็นร้านเล็กๆแต่มิตรภาพดีเยี่ยมพูดจาไพเราะใครได้พูดคุยก็หลงรัก หลงรักการทำอาหารหลงรักการชงกาแฟให้เราได้ทานใครอยากรอก็ไปดูนะปิดทุกวันจันทร์ เปิดทุกวันอังคารถึงอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9.00 น - 19:00 น มาอุดหนุนกันเยอะๆนะครับ ไปถ่ายรูปคู่สาวหล่อท่านนี้กันสาวๆขั้นไหนชอบก็ลองไปดูใครไม่ไปไม่ถึงลพบุรีนะจะบอกให้ ให้เป็นตัวเลือกอีกหนึ่งร้านกาแฟที่มีบรรยากาศดีร่มรื่น อาหารอร่อย ในย่านถ.รอบ ซอย วัดพระธาตุ ตำบล ท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี วันเวลาที่แจ้งไปข้างต้นแล้วรีบมากันรีบมาซื้อกาแฟกันเยอะๆเดี๋ยวไปคุยกับใครไม่รู้เรื่องนะ
    0 Comments 0 Shares 252 Views 0 Reviews
  • จังหวัดลพบุรี จัดพิธีบวงสรวงวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” เพื่อสนับสนุนการสร้างสะพานเคลื่อนย้ายผู้ป่วยระหว่าง โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรีกับโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช

    วันที่ 19 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.30 น. ที่วงเวียนเทพสตรี พระบรมราชานุเสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช จังหวัดลพบุรี พระภาวนาวชิรมงคล วิ. เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมโสภณ รองเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีบวงสรวงวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” ด้านหน้าเหรียญองค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ด้านหลังเหรียญเจ้าพ่อพระกาฬ โดยมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 และ เขต 3 พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ศิษยานุศิษย์ ส่วนราชการ เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในการนี้ นายณรงค์ศักดิ์ คูกิตติรัตน์ หรืออาจารย์แห้ว ฉายาหมอดูเทวดาตาทิพย์ เจ้าสำนักศาลเจ้าพ่อนาคราช ได้ประกอบพิธีบวงสรวงในครั้งนี้ด้วย

    สำหรับวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” ด้านหน้าเหรียญองค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ด้านหลังเหรียญเจ้าพ่อพระกาฬ จัดสร้างวัตถุมงคล โดยพระภาวนาวชิรมงคล วิ. เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมโสภณ มีแนวคิดจัดสร้างขึ้นเพื่อให้พุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญโดยรายได้ทั้งหมดจะมอบให้โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี ในการจัดสร้างสะพานเคลื่อนย้ายผู้ป่วยระหว่าง โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรีกับโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ 2 ฟากฝั่งของถนนทางหลวงจำนวน 6 ช่องทางจราจร ทำให้การข้าม สัญจรไป-มา ของบุคลากรทางการแพทย์รวมไปถึงผู้เข้ารับบริการ ของทั้ง 2 โรงพยาบาลมีความไม่ปลอดภัย จากการ สัญจรข้ามทางหลวง ในสภาวะที่มียานพาหนะบนท้องถนนที่หนาแน่น ส่งผลให้บุคลากรทางการแพทย์และผู้เข้ารับบริการไม่ได้รับความสะดวกและความปลอดภัยบนท้องถนน อีกทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้บริการของโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง อำนวยความสะดวกให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องรักษาผู้ป่วยระหว่าง 2 โรงพยาบาล ให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วในการผ่าตัดหรือรักษาผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงทีสามารถรองรับการสัญจรให้กับประชาชนทั่วไปที่มาใช้บริการ เป็นการอำนวยความสะดวกสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และผู้เข้ารับบริการ ข้ามทางหลวงที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเพราะสามารถขจัดความขัดแย้งระหว่างคนเดินข้ามถนนกับยานพาหนะได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้รายได้ส่วนหนึ่งยังนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ และช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลผู้ยากไร้อีกด้วย

    สำหรับผูัสนใจสั่งจองเหรียญที่ระลึกสร้างบารมี สามารถสอบถามได้ที่ โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี 036 422 515 หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 06 5159 5654
    จังหวัดลพบุรี จัดพิธีบวงสรวงวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” เพื่อสนับสนุนการสร้างสะพานเคลื่อนย้ายผู้ป่วยระหว่าง โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรีกับโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช วันที่ 19 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.30 น. ที่วงเวียนเทพสตรี พระบรมราชานุเสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช จังหวัดลพบุรี พระภาวนาวชิรมงคล วิ. เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมโสภณ รองเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีบวงสรวงวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” ด้านหน้าเหรียญองค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ด้านหลังเหรียญเจ้าพ่อพระกาฬ โดยมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 และ เขต 3 พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ศิษยานุศิษย์ ส่วนราชการ เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในการนี้ นายณรงค์ศักดิ์ คูกิตติรัตน์ หรืออาจารย์แห้ว ฉายาหมอดูเทวดาตาทิพย์ เจ้าสำนักศาลเจ้าพ่อนาคราช ได้ประกอบพิธีบวงสรวงในครั้งนี้ด้วย สำหรับวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” ด้านหน้าเหรียญองค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ด้านหลังเหรียญเจ้าพ่อพระกาฬ จัดสร้างวัตถุมงคล โดยพระภาวนาวชิรมงคล วิ. เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมโสภณ มีแนวคิดจัดสร้างขึ้นเพื่อให้พุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญโดยรายได้ทั้งหมดจะมอบให้โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี ในการจัดสร้างสะพานเคลื่อนย้ายผู้ป่วยระหว่าง โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรีกับโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ 2 ฟากฝั่งของถนนทางหลวงจำนวน 6 ช่องทางจราจร ทำให้การข้าม สัญจรไป-มา ของบุคลากรทางการแพทย์รวมไปถึงผู้เข้ารับบริการ ของทั้ง 2 โรงพยาบาลมีความไม่ปลอดภัย จากการ สัญจรข้ามทางหลวง ในสภาวะที่มียานพาหนะบนท้องถนนที่หนาแน่น ส่งผลให้บุคลากรทางการแพทย์และผู้เข้ารับบริการไม่ได้รับความสะดวกและความปลอดภัยบนท้องถนน อีกทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้บริการของโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง อำนวยความสะดวกให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องรักษาผู้ป่วยระหว่าง 2 โรงพยาบาล ให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วในการผ่าตัดหรือรักษาผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงทีสามารถรองรับการสัญจรให้กับประชาชนทั่วไปที่มาใช้บริการ เป็นการอำนวยความสะดวกสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และผู้เข้ารับบริการ ข้ามทางหลวงที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเพราะสามารถขจัดความขัดแย้งระหว่างคนเดินข้ามถนนกับยานพาหนะได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้รายได้ส่วนหนึ่งยังนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ และช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลผู้ยากไร้อีกด้วย สำหรับผูัสนใจสั่งจองเหรียญที่ระลึกสร้างบารมี สามารถสอบถามได้ที่ โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี 036 422 515 หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 06 5159 5654
    0 Comments 0 Shares 273 Views 0 Reviews
  • จังหวัดลพบุรี จัดพิธีบวงสรวงวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” เพื่อสนับสนุนการสร้างสะพานเคลื่อนย้ายผู้ป่วยระหว่าง โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรีกับโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช

    วันที่ 19 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.30 น. ที่วงเวียนเทพสตรี พระบรมราชานุเสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช จังหวัดลพบุรี พระภาวนาวชิรมงคล วิ. เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมโสภณ รองเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีบวงสรวงวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” ด้านหน้าเหรียญองค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ด้านหลังเหรียญเจ้าพ่อพระกาฬ โดยมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 และ เขต 3 พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ศิษยานุศิษย์ ส่วนราชการ เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในการนี้ นายณรงค์ศักดิ์ คูกิตติรัตน์ หรืออาจารย์แห้ว ฉายาหมอดูเทวดาตาทิพย์ เจ้าสำนักศาลเจ้าพ่อนาคราช ได้ประกอบพิธีบวงสรวงในครั้งนี้ด้วย

    สำหรับวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” ด้านหน้าเหรียญองค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ด้านหลังเหรียญเจ้าพ่อพระกาฬ จัดสร้างวัตถุมงคล โดยพระภาวนาวชิรมงคล วิ. เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมโสภณ มีแนวคิดจัดสร้างขึ้นเพื่อให้พุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญโดยรายได้ทั้งหมดจะมอบให้โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี ในการจัดสร้างสะพานเคลื่อนย้ายผู้ป่วยระหว่าง โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรีกับโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ 2 ฟากฝั่งของถนนทางหลวงจำนวน 6 ช่องทางจราจร ทำให้การข้าม สัญจรไป-มา ของบุคลากรทางการแพทย์รวมไปถึงผู้เข้ารับบริการ ของทั้ง 2 โรงพยาบาลมีความไม่ปลอดภัย จากการ สัญจรข้ามทางหลวง ในสภาวะที่มียานพาหนะบนท้องถนนที่หนาแน่น ส่งผลให้บุคลากรทางการแพทย์และผู้เข้ารับบริการไม่ได้รับความสะดวกและความปลอดภัยบนท้องถนน อีกทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้บริการของโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง อำนวยความสะดวกให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องรักษาผู้ป่วยระหว่าง 2 โรงพยาบาล ให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วในการผ่าตัดหรือรักษาผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงทีสามารถรองรับการสัญจรให้กับประชาชนทั่วไปที่มาใช้บริการ เป็นการอำนวยความสะดวกสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และผู้เข้ารับบริการ ข้ามทางหลวงที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเพราะสามารถขจัดความขัดแย้งระหว่างคนเดินข้ามถนนกับยานพาหนะได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้รายได้ส่วนหนึ่งยังนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ และช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลผู้ยากไร้อีกด้วย

    สำหรับผูัสนใจสั่งจองเหรียญที่ระลึกสร้างบารมี สามารถสอบถามได้ที่ โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี 036 422 515 หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 06 5159 5654
    จังหวัดลพบุรี จัดพิธีบวงสรวงวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” เพื่อสนับสนุนการสร้างสะพานเคลื่อนย้ายผู้ป่วยระหว่าง โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรีกับโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช วันที่ 19 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.30 น. ที่วงเวียนเทพสตรี พระบรมราชานุเสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช จังหวัดลพบุรี พระภาวนาวชิรมงคล วิ. เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมโสภณ รองเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีบวงสรวงวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” ด้านหน้าเหรียญองค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ด้านหลังเหรียญเจ้าพ่อพระกาฬ โดยมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 และ เขต 3 พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ศิษยานุศิษย์ ส่วนราชการ เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในการนี้ นายณรงค์ศักดิ์ คูกิตติรัตน์ หรืออาจารย์แห้ว ฉายาหมอดูเทวดาตาทิพย์ เจ้าสำนักศาลเจ้าพ่อนาคราช ได้ประกอบพิธีบวงสรวงในครั้งนี้ด้วย สำหรับวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” ด้านหน้าเหรียญองค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ด้านหลังเหรียญเจ้าพ่อพระกาฬ จัดสร้างวัตถุมงคล โดยพระภาวนาวชิรมงคล วิ. เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมโสภณ มีแนวคิดจัดสร้างขึ้นเพื่อให้พุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญโดยรายได้ทั้งหมดจะมอบให้โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี ในการจัดสร้างสะพานเคลื่อนย้ายผู้ป่วยระหว่าง โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรีกับโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ 2 ฟากฝั่งของถนนทางหลวงจำนวน 6 ช่องทางจราจร ทำให้การข้าม สัญจรไป-มา ของบุคลากรทางการแพทย์รวมไปถึงผู้เข้ารับบริการ ของทั้ง 2 โรงพยาบาลมีความไม่ปลอดภัย จากการ สัญจรข้ามทางหลวง ในสภาวะที่มียานพาหนะบนท้องถนนที่หนาแน่น ส่งผลให้บุคลากรทางการแพทย์และผู้เข้ารับบริการไม่ได้รับความสะดวกและความปลอดภัยบนท้องถนน อีกทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้บริการของโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง อำนวยความสะดวกให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องรักษาผู้ป่วยระหว่าง 2 โรงพยาบาล ให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วในการผ่าตัดหรือรักษาผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงทีสามารถรองรับการสัญจรให้กับประชาชนทั่วไปที่มาใช้บริการ เป็นการอำนวยความสะดวกสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และผู้เข้ารับบริการ ข้ามทางหลวงที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเพราะสามารถขจัดความขัดแย้งระหว่างคนเดินข้ามถนนกับยานพาหนะได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้รายได้ส่วนหนึ่งยังนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ และช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลผู้ยากไร้อีกด้วย สำหรับผูัสนใจสั่งจองเหรียญที่ระลึกสร้างบารมี สามารถสอบถามได้ที่ โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี 036 422 515 หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 06 5159 5654
    0 Comments 0 Shares 312 Views 0 0 Reviews
  • 🙏✨พระ #หลวงพ่อผาด #กรุวัดดงตาล จังหวัดลพบุรี พิมพ์ขี่สิงห์ ปีพุทธศักราช 2478 พุทธคุณเด่น
    เด่นทางแคล้วคลาดคงกระพันด้วยหลวงพ่อผาด ท่านเป็นศิษย์ของ #หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค พระที่ท่านสร้างจึงคล้ายกับหลวงพ่อปานโดยอุดผงที่ด้านบนเหมือนกันแต่พระของหลวงพ่อผาดจะทำเป็นพิมพ์ขี่เสือและสิงห์ เพื่อไม่ให้ซ้ำกับของพระอาจารย์ของท่านนั่นเอง
    🙏✨พระ #หลวงพ่อผาด #กรุวัดดงตาล จังหวัดลพบุรี พิมพ์ขี่สิงห์ ปีพุทธศักราช 2478 พุทธคุณเด่น เด่นทางแคล้วคลาดคงกระพันด้วยหลวงพ่อผาด ท่านเป็นศิษย์ของ #หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค พระที่ท่านสร้างจึงคล้ายกับหลวงพ่อปานโดยอุดผงที่ด้านบนเหมือนกันแต่พระของหลวงพ่อผาดจะทำเป็นพิมพ์ขี่เสือและสิงห์ เพื่อไม่ให้ซ้ำกับของพระอาจารย์ของท่านนั่นเอง
    0 Comments 0 Shares 227 Views 2 0 Reviews
  • ขอรีวิวร้านกาแฟ แกะกล่องใจกลางเมืองลพบุรี อยู่ข้างๆสถานีรถไฟจังหวัดลพบุรี อยู่ข้างหลังร้านสกายเวย์ พลอยพบกับมิติใหม่ขอกาแฟเร็วๆนี้เจอกันบริหารโดยลูกสาวคนเล็ก ของเฮียศิริชัย อัมพร คอกาแฟอย่าพลาด ที่นี่แว่วมาว่าการชงเข้มข้น หวานมัน ต้องที่นี่ที่เดียวเร็วๆนี้ที่เมืองลพบุรีเท่านั้น ที่นี่มีของอร่อยมากมาย
    ขอรีวิวร้านกาแฟ แกะกล่องใจกลางเมืองลพบุรี อยู่ข้างๆสถานีรถไฟจังหวัดลพบุรี อยู่ข้างหลังร้านสกายเวย์ พลอยพบกับมิติใหม่ขอกาแฟเร็วๆนี้เจอกันบริหารโดยลูกสาวคนเล็ก ของเฮียศิริชัย อัมพร คอกาแฟอย่าพลาด ที่นี่แว่วมาว่าการชงเข้มข้น หวานมัน ต้องที่นี่ที่เดียวเร็วๆนี้ที่เมืองลพบุรีเท่านั้น ที่นี่มีของอร่อยมากมาย
    0 Comments 0 Shares 354 Views 0 0 Reviews
  • ล้างบาง ‘โกงยา’ โรงพยาบาลทหารผ่านศึกที่มีขบวนการทำมาอย่างยาวนานนับ 7 ปีตั้งแต่ แพทย์ ทหาร พันเองหญิง คนไข้ทิพย์ ที่ยอมกิน หวาน มัน เค็ม เพื่อให้ค่าเลือดผิด พบเส้นเงินกว่า 80 ล้าน กินเงินภาษีคนไทยทั้งประเทศมานานปี จนถึงวันที่เครื่อข่ายล้มสลาย ตอนโดนจับ แขนขาอ่อนแรงเดินเองไม่ได้ มีความเป็นมาอย่างไร NBT CONNEXT จะเล่าให้ฟัง🛑 ขบวนการนี้เป็นเครือข่ายจากลพบุรี มีทั้งแพทย์ ทหาร พยาบาล ครู เกี่ยวข้องกันทั้งหมดมี แพทย์ทหารหญิงยศพันเอกเป็นตัวบงการใหญ่ เริ่มแรกมีการเปิดโปงเรื่องนี้คือ นางสาวพัชนีย์ พูนสุข หรือ “ก้อย” ผู้ และนายธนเดช เพ็งสุข ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน และรองประธาน กมธ.ทหารฯ ที่ทนเห็นพฤติกรรมของกลุ่มคนพวกนี้ไม่ได้ รวบรวมเก็บหลักฐานมานานปี มอบให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หลังจากนั้นเพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเอง เธอต้องมาใช้ชีวิตที่กองปราบนานนับเดือน เธอบอกว่าตอนนี้กองปราบเหมือนเป็นบ้านของเธอไปแล้ว🛑 ทีมนี้ แบ่งออกเป็น 6 ทีม แต่ละทีมมีแม่ทีม และชาวบ้านลูกทีมหลายสิบคน โดยการเตี๊ยมเนื้อหากับลูกทีม ว่าให้ไปพูดกับหมอยังไงตอนหมอนัดตรวจ บางคนก็ถูกบอกว่าให้กินอาหาร หวาน เค็ม มัน ให้ความดันสูง น้ำตาลสูง ไขมันสูง เพื่อให้ผลเลือดแย่ หมอจะได้จ่ายยาให้เยอะๆ เน้นเอายานอกบัญชีที่ราคาสูง โดยแต่ละคนได้ค่าตอบแทนครั้งละ 2-3 พันบาท พอได้ยามา ก็เอาไปให้แม่ทีม เอาไปขายต่อ อย่างไรก็ตาม มีการดำเนินการแบบนี้มาตลอดไม่เคยถูกจับได้ เพราะฐานข้อมูลไม่เชื่อมโยงกัน🛑 หลังจากเรื่องแดงขึ้น พล.อ.เดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผ.อ.องค์การทหารผ่านศึก ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เมื่อเดือน ก.พ.2568 หลังพบว่ามีขบวนการนำยาออกจากโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และพบพฤติการณ์ผิดปกติว่ามีการจัดหาเครือข่ายบุคคลจาก จ.ลพบุรี เข้ามารับยาจากโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และนำยาทั้งหมดที่ได้ให้กับแม่ทีมเครือข่ายเพื่อแลกกับค่าจ้างร้อยละ 10 ของค่ายา ซึ่งแม่ทีมเครือข่ายจะได้ค่าจ้างรายหัวอีกรายละ 1,500 บาท🛑 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปปป. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. ได้วางแนวทางการสืบสวนพบมีการทำเป็นขบวนการมี พ.อ.หญิง เป็นผู้วางแผนให้แม่ขายจัดหาบุคคลมาพบแพทย์ ทำทีตรวจรักษากับแพทย์หญิง และสั่งจ่ายยาให้กับผู้ป่วยทิพย์ เพื่อสั่งจ่ายยาที่เกินจากโรคที่เป็นอยู่จริง ก่อนจะรวบรวมยาไปเก็บเพื่อรอจำหน่าย กระจายไปยังจุดต่าง ๆ🛑 เมื่อได้หลักฐานเรียบร้อยแล้ว เช้าวันนี้จึงเริ่มมีปฏิบัติการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.1 บก.ปปป. นำกำลังร่วมกับ ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. ลุยตรวจค้นเป้าหมาย 17 จุดในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร ลพบุรี และปราจีนบุรี ชลบุรี เพื่อจับกุมผู้ต้องหาขบวนการทุจริตเบิกจ่ายยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึกก่อนนำไปขายต่อให้กับบุคคลภายนอก ได้ตัวการสำคัญ พันเอกหญิง อายุ 59 ปี ข้าราชการบำนาญ ในย่านเกียกกาย เป็นถึงหัวหน้าขบวนการ ทำหน้าที่จัดหาเครือข่ายบุคคลจากจังหวัดลพบุรี เข้ามารับยาจากโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และนำยาทั้งหมดที่ได้ให้กับแม่ทีมเครือข่ายเพื่อแลกกับค่าจ้างร้อยละ 10 ของค่ายา โดยแม่ทีมเครือข่ายจะได้ค่าจ้างรายหัวอีกรายละ 1,500 บาท🛑 แพทย์หญิง อายุ 48 ปี ผู้ชำนาญการโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ตั้งอยู่ในพื้นที่ย่านลาดพร้าว 71 โดยตัวแพทย์หญิงบรินดา ถือเป็นอีกหนึ่งผู้ต้องหาคนสำคัญของขบวนการ เนื่องจากเป็นคนทำหน้าที่สั่งจ่ายยา ด้วยการวินิจฉัยโรคให้เกินจากโรคที่เป็นอยู่จริงกับผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นผู้ป่วยที่เข้ามารับยาในขบวนการนี้🛑 นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. ยืนยันว่า ผลการตรวจสอบเส้นทางธุรกรรมทางการเงินไม่พบว่ามีผู้อยู่เบื้องหลัง และไม่มี mastermind แต่เส้นเงินดังกล่าวไปสิ้นสุดที่ 2 ผู้ต้องหาและเครือข่ายเท่านั้น จากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังพบว่า ขบวนการดังกล่าวมีการทุจริตตั้งปี 2561-2564 และยังพบข้อมูลอีกว่าในช่วงปี 2561-2568 มีเงินถูกโอนเข้าบัญชีรวมกว่า 40 ล้านบาท และมีการประเมินความเสียหายจากการทุจริตอยู่ที่มูลค่ากว่า 80 ล้านบาท🛑 คดีดังกล่าวขณะนี้มีผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับแล้ว 8 ราย และตามข้อกฎหมาย ให้สันนิษฐานว่า ผู้ถูกจับกุมยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาจนถึงที่สุดให้ให้ถือว่า ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ที่มา : nbtconnext
    ล้างบาง ‘โกงยา’ โรงพยาบาลทหารผ่านศึกที่มีขบวนการทำมาอย่างยาวนานนับ 7 ปีตั้งแต่ แพทย์ ทหาร พันเองหญิง คนไข้ทิพย์ ที่ยอมกิน หวาน มัน เค็ม เพื่อให้ค่าเลือดผิด พบเส้นเงินกว่า 80 ล้าน กินเงินภาษีคนไทยทั้งประเทศมานานปี จนถึงวันที่เครื่อข่ายล้มสลาย ตอนโดนจับ แขนขาอ่อนแรงเดินเองไม่ได้ มีความเป็นมาอย่างไร NBT CONNEXT จะเล่าให้ฟัง🛑 ขบวนการนี้เป็นเครือข่ายจากลพบุรี มีทั้งแพทย์ ทหาร พยาบาล ครู เกี่ยวข้องกันทั้งหมดมี แพทย์ทหารหญิงยศพันเอกเป็นตัวบงการใหญ่ เริ่มแรกมีการเปิดโปงเรื่องนี้คือ นางสาวพัชนีย์ พูนสุข หรือ “ก้อย” ผู้ และนายธนเดช เพ็งสุข ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน และรองประธาน กมธ.ทหารฯ ที่ทนเห็นพฤติกรรมของกลุ่มคนพวกนี้ไม่ได้ รวบรวมเก็บหลักฐานมานานปี มอบให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หลังจากนั้นเพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเอง เธอต้องมาใช้ชีวิตที่กองปราบนานนับเดือน เธอบอกว่าตอนนี้กองปราบเหมือนเป็นบ้านของเธอไปแล้ว🛑 ทีมนี้ แบ่งออกเป็น 6 ทีม แต่ละทีมมีแม่ทีม และชาวบ้านลูกทีมหลายสิบคน โดยการเตี๊ยมเนื้อหากับลูกทีม ว่าให้ไปพูดกับหมอยังไงตอนหมอนัดตรวจ บางคนก็ถูกบอกว่าให้กินอาหาร หวาน เค็ม มัน ให้ความดันสูง น้ำตาลสูง ไขมันสูง เพื่อให้ผลเลือดแย่ หมอจะได้จ่ายยาให้เยอะๆ เน้นเอายานอกบัญชีที่ราคาสูง โดยแต่ละคนได้ค่าตอบแทนครั้งละ 2-3 พันบาท พอได้ยามา ก็เอาไปให้แม่ทีม เอาไปขายต่อ อย่างไรก็ตาม มีการดำเนินการแบบนี้มาตลอดไม่เคยถูกจับได้ เพราะฐานข้อมูลไม่เชื่อมโยงกัน🛑 หลังจากเรื่องแดงขึ้น พล.อ.เดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผ.อ.องค์การทหารผ่านศึก ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เมื่อเดือน ก.พ.2568 หลังพบว่ามีขบวนการนำยาออกจากโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และพบพฤติการณ์ผิดปกติว่ามีการจัดหาเครือข่ายบุคคลจาก จ.ลพบุรี เข้ามารับยาจากโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และนำยาทั้งหมดที่ได้ให้กับแม่ทีมเครือข่ายเพื่อแลกกับค่าจ้างร้อยละ 10 ของค่ายา ซึ่งแม่ทีมเครือข่ายจะได้ค่าจ้างรายหัวอีกรายละ 1,500 บาท🛑 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปปป. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. ได้วางแนวทางการสืบสวนพบมีการทำเป็นขบวนการมี พ.อ.หญิง เป็นผู้วางแผนให้แม่ขายจัดหาบุคคลมาพบแพทย์ ทำทีตรวจรักษากับแพทย์หญิง และสั่งจ่ายยาให้กับผู้ป่วยทิพย์ เพื่อสั่งจ่ายยาที่เกินจากโรคที่เป็นอยู่จริง ก่อนจะรวบรวมยาไปเก็บเพื่อรอจำหน่าย กระจายไปยังจุดต่าง ๆ🛑 เมื่อได้หลักฐานเรียบร้อยแล้ว เช้าวันนี้จึงเริ่มมีปฏิบัติการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.1 บก.ปปป. นำกำลังร่วมกับ ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. ลุยตรวจค้นเป้าหมาย 17 จุดในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร ลพบุรี และปราจีนบุรี ชลบุรี เพื่อจับกุมผู้ต้องหาขบวนการทุจริตเบิกจ่ายยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึกก่อนนำไปขายต่อให้กับบุคคลภายนอก ได้ตัวการสำคัญ พันเอกหญิง อายุ 59 ปี ข้าราชการบำนาญ ในย่านเกียกกาย เป็นถึงหัวหน้าขบวนการ ทำหน้าที่จัดหาเครือข่ายบุคคลจากจังหวัดลพบุรี เข้ามารับยาจากโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และนำยาทั้งหมดที่ได้ให้กับแม่ทีมเครือข่ายเพื่อแลกกับค่าจ้างร้อยละ 10 ของค่ายา โดยแม่ทีมเครือข่ายจะได้ค่าจ้างรายหัวอีกรายละ 1,500 บาท🛑 แพทย์หญิง อายุ 48 ปี ผู้ชำนาญการโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ตั้งอยู่ในพื้นที่ย่านลาดพร้าว 71 โดยตัวแพทย์หญิงบรินดา ถือเป็นอีกหนึ่งผู้ต้องหาคนสำคัญของขบวนการ เนื่องจากเป็นคนทำหน้าที่สั่งจ่ายยา ด้วยการวินิจฉัยโรคให้เกินจากโรคที่เป็นอยู่จริงกับผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นผู้ป่วยที่เข้ามารับยาในขบวนการนี้🛑 นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. ยืนยันว่า ผลการตรวจสอบเส้นทางธุรกรรมทางการเงินไม่พบว่ามีผู้อยู่เบื้องหลัง และไม่มี mastermind แต่เส้นเงินดังกล่าวไปสิ้นสุดที่ 2 ผู้ต้องหาและเครือข่ายเท่านั้น จากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังพบว่า ขบวนการดังกล่าวมีการทุจริตตั้งปี 2561-2564 และยังพบข้อมูลอีกว่าในช่วงปี 2561-2568 มีเงินถูกโอนเข้าบัญชีรวมกว่า 40 ล้านบาท และมีการประเมินความเสียหายจากการทุจริตอยู่ที่มูลค่ากว่า 80 ล้านบาท🛑 คดีดังกล่าวขณะนี้มีผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับแล้ว 8 ราย และตามข้อกฎหมาย ให้สันนิษฐานว่า ผู้ถูกจับกุมยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาจนถึงที่สุดให้ให้ถือว่า ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ที่มา : nbtconnext
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 983 Views 0 Reviews
  • ทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก พบขบวนการสั่งตาย เตรียมขยายผลเพิ่มเติม
    .
    ภายหลังผลการตรวจสอบการทุจริตซื้อขายยาของโรงพยาบาลทหารผ่านศึกออกมาแล้ว โดยพบว่างานนี้มีการทำกันเป็นขบวนการ เริ่มตั้งแต่มีบุคลากรในโรงพยาบาลลักลอบนำยาออกไปจำหน่ายโดยมิชอบ และมีเครือข่ายทั้งหมด 6 ทีม ในเรื่องนี้พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมพนักงานสอบสวน ป.ป.ป. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท., ป.ป.ช.และองค์กรสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ส่วนกลาง ร่วมกันสอบปากคำคนไข้ ตามรายชื่อในเวชระเบียนโรงพยาบาลทหารผ่านศึกในพื้นที่จังหวัดลพบุรีกว่า 50 คน
    .
    ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการทุจริตยาเวชภัณฑ์ โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ในช่วงปี 2560 ถึงปัจจุบัน มีทั้งคนไข้ที่มีโรคประจำตัวจริงและกลุ่มคนไข้ที่เข้ารับการรักษาพร้อมรับยาและเวชภัณฑ์แต่ไม่ได้ป่วยจริง รวมกว่า 50 คน
    .
    พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียก เข้ามาให้ปากคำรวมกว่า 80 คน แต่เบื้องต้น ติดต่อขอมาให้ข้อมูลกับตำรวจประมาณ 50-60 คน การสอบปากคำมีการแบ่งออกเป็น 6-7 กลุ่ม ซึ่งจะพยายามสอบให้แล้วเสร็จภายใน 2-3 วันนี้
    .
    สำหรับการสอบปากคำกลุ่มแรกเป็นกลุ่มเริ่มต้น ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วย ที่เป็นทั้งอดีตทหารผ่านศึก และบุคคลในครอบครัว ขาดความรู้ และมีฐานะยากจน หลังสอบปากคำ 6-7 กลุ่มเสร็จสิ้นลง จะนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เพื่อขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องในระดับหัวหน้าและสั่งการ จากข้อมูลที่ได้ จากการสืบสวนสอบสวนคดีนี้อาจจะเข้าข่ายความผิดฐานค้ามนุษย์ด้วย เพราะการที่บอกให้คนไข้ เป็นโรคความดัน รับประทานอาหารที่มีไขมันสูงหรือคนที่เป็นโรคเบาหวานกินน้ำหวานก่อนเข้าตรวจ ลักษณะเป็นการสั่งตาย มีความตายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย พร้อมเตรียมขยายผลไปยังโรงพยาบาลอื่น ๆ หลังพบว่าขบวนการดังกล่าว กระทำผิดในโรงพยาบาลรัฐอื่นๆในสังกัดทหารและโรงพยาบาล ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข
    .
    "จากการได้นั่งคุยกับหลายคนรู้สึกเวทนา ด้วยปัญหาความยากจน เเละด้อยความรู้ จึงกระทำการโดยรู้หรือไม่รู้ เเละจะมีการสรุปออกมาเป็นรูปธรรม จะค้นหาในทุกมิติว่าใครที่เป็นตัวการ เเละเป็นเหยื่อ" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว
    ............
    Sondhi X
    ทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก พบขบวนการสั่งตาย เตรียมขยายผลเพิ่มเติม . ภายหลังผลการตรวจสอบการทุจริตซื้อขายยาของโรงพยาบาลทหารผ่านศึกออกมาแล้ว โดยพบว่างานนี้มีการทำกันเป็นขบวนการ เริ่มตั้งแต่มีบุคลากรในโรงพยาบาลลักลอบนำยาออกไปจำหน่ายโดยมิชอบ และมีเครือข่ายทั้งหมด 6 ทีม ในเรื่องนี้พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมพนักงานสอบสวน ป.ป.ป. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท., ป.ป.ช.และองค์กรสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ส่วนกลาง ร่วมกันสอบปากคำคนไข้ ตามรายชื่อในเวชระเบียนโรงพยาบาลทหารผ่านศึกในพื้นที่จังหวัดลพบุรีกว่า 50 คน . ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการทุจริตยาเวชภัณฑ์ โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ในช่วงปี 2560 ถึงปัจจุบัน มีทั้งคนไข้ที่มีโรคประจำตัวจริงและกลุ่มคนไข้ที่เข้ารับการรักษาพร้อมรับยาและเวชภัณฑ์แต่ไม่ได้ป่วยจริง รวมกว่า 50 คน . พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียก เข้ามาให้ปากคำรวมกว่า 80 คน แต่เบื้องต้น ติดต่อขอมาให้ข้อมูลกับตำรวจประมาณ 50-60 คน การสอบปากคำมีการแบ่งออกเป็น 6-7 กลุ่ม ซึ่งจะพยายามสอบให้แล้วเสร็จภายใน 2-3 วันนี้ . สำหรับการสอบปากคำกลุ่มแรกเป็นกลุ่มเริ่มต้น ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วย ที่เป็นทั้งอดีตทหารผ่านศึก และบุคคลในครอบครัว ขาดความรู้ และมีฐานะยากจน หลังสอบปากคำ 6-7 กลุ่มเสร็จสิ้นลง จะนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เพื่อขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องในระดับหัวหน้าและสั่งการ จากข้อมูลที่ได้ จากการสืบสวนสอบสวนคดีนี้อาจจะเข้าข่ายความผิดฐานค้ามนุษย์ด้วย เพราะการที่บอกให้คนไข้ เป็นโรคความดัน รับประทานอาหารที่มีไขมันสูงหรือคนที่เป็นโรคเบาหวานกินน้ำหวานก่อนเข้าตรวจ ลักษณะเป็นการสั่งตาย มีความตายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย พร้อมเตรียมขยายผลไปยังโรงพยาบาลอื่น ๆ หลังพบว่าขบวนการดังกล่าว กระทำผิดในโรงพยาบาลรัฐอื่นๆในสังกัดทหารและโรงพยาบาล ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข . "จากการได้นั่งคุยกับหลายคนรู้สึกเวทนา ด้วยปัญหาความยากจน เเละด้อยความรู้ จึงกระทำการโดยรู้หรือไม่รู้ เเละจะมีการสรุปออกมาเป็นรูปธรรม จะค้นหาในทุกมิติว่าใครที่เป็นตัวการ เเละเป็นเหยื่อ" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว ............ Sondhi X
    Like
    Sad
    Love
    Haha
    Angry
    30
    0 Comments 0 Shares 2530 Views 0 Reviews
  • ผมไม่เคยลืม“ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ”คนทำชั่วลอบยิงผมแล้วหนีไปอยู่เขมร ผมรอ15ปีเต็มๆ .เป็นเรื่องที่ผมไม่เคยลืม ให้ผมตายไป ผมก็ยังจะไม่ลืม แม้ว่าเวลาจะผ่านไป 15 ปีแล้วก็ตาม อีกเดือนกว่าๆ จะครบรอบ16ปีวันที่ 17 เมษายน 2552 ของการลอบสังหารผมบริเวณใกล้ๆ สี่แยกบางขุนพรหม ระหว่างเดินทางไปจัดรายการ Good Morning Thailand ทางสถานีโทรทัศน์ ASTV ที่ถนนพระอาทิตย์แล้ว แม้เวลาจะผ่านไป 15 ปีกว่าแล้ว แต่เหตุการณ์ยังเหมือนเกิดขึ้นเมื่อวานนี้อยู่เลย.ผู้ต้องหาลอบยิงผมนั้นมีอยู่ 3 คน จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา อดีตทหารหน่วยรบพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ ตอนนี้เสียชีวิตแล้วตั้งแต่ปี 2556 และ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ หรือนายอรรถพล ปาทาน เจ้าหน้าที่ศูนย์ข่าว กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติดซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการดักฟังโทรศัพท์อย่างมาก อดีตเคยเป็นคนขับรถของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ครั้งเป็นผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด และ ส.อ.สมชาย บุญนาค สังกัดกองร้อย กองบังคับการกรมรบพิเศษ ค่ายเอราวัณ จังหวัดลพบุรี.ล่าสุด มีความคืบหน้าเรื่องหนึ่งในผู้ต้องหาที่ยิงผม คือ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ หรือชื่อ นายอรรถพล ปาทาน จากแหล่งข่าวที่ผมมีอยู่ในประเทศกัมพูชา เขาบอกว่าเขาเพิ่งเจอมือปืนที่ยิงผมเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ทำงานอยู่ที่ประเทศกัมพูชา เขาระบุว่า ส.ต.ท.วรวุฒิ ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศกัมพูชาเป็นสิบปีแล้ว เปลี่ยนชื่อตัวเองว่า "ฉัตร" มีบัตรประชาชนเป็นพลเมืองกัมพูชาไปแล้ว มีครอบครัว มีภรรยาเป็นชาวกัมพูชา มีลูกด้วยกันแต่เลิกรากันไปแล้ว และส่งเสียเงินมาเลี้ยงดูลูกเมียที่อยู่ฝั่งไทย ฐานะการเงินของ ส.ต.ท.วรวุฒิ ในปัจจุบันถือว่าใช้ได้ เพราะทำงานในบริษัทรับเหมาก่อสร้างอยู่ประเทศกัมพูชา มีรถราใช้ เป็นรถยนต์อีซูซุ รุ่น MUX ตอนนี้เห็นว่ารับงานก่อสร้างต่อเติมอยู่ที่กาสิโนฝั่งปอยเปต ของคุณวัฒนา อัศวเหม ที่โดนไฟไหม้ใหญ่ไปเมื่อปลายปี 2565 สายสืบผมเก็บข้อมูลเชิงลึกเห็นว่า มีนายทุนที่เป็นคนไทย มีแบ็กคอยดูแลอยู่ ชื่อ เสี่ยพัฒน์ เป็นเจ้าของโรงงานผลิตน้ำตาลในไทย คอยให้ความช่วยเหลือ เมื่อมกราคม 2568 ปีใหม่ที่ผ่านมา ส.ต.ท.วรวุฒิ บ่นอิจฉาเพื่อนๆว่าได้กลับบ้านเกิด ส่วนตัวคุณไม่มีปัญญาที่จะกลับบ้านเหมือนคนอื่นเขา เบอร์โทรศัพท์ที่ลงด้วยเลขหมาย 197 เป็นของคุณใช่ไหม ตอบผมหน่อย รอรับสายผมนะ ผมรอคุณมา 15 ปีเต็มๆ ผมอยากจะทราบว่านายคุณให้ค่าหัวผมเท่าไรวะ คุณถึงรับงานมายิงผม .ผมเคยพูดไปหลายครั้งแล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่ผมจะต้องร้องขอความเป็นธรรมกับรัฐบาลทุกๆ รัฐบาล คือเรื่องความเป็นธรรมของการดำเนินคดีกับคนที่ลอบฆ่าผม ซึ่งผมรู้ว่าใครเป็นคนลงมือและใครเป็นคนสั่ง ผมก็จะทำเรื่องร้องเรียนไปยังท่านนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร. ว่าบุคคลที่อยู่ภายใต้หมายจับนี้เป็นคนที่ยิงผม และผมมีหลักฐานชัดเจนว่าหลบอยู่ที่กัมพูชา ไม่ทราบว่าท่านนายกรัฐมนตรีท่านจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไรต่อไป.คนๆนี้มีหมายจับอยู่แล้ว เวรกรรมตามทันจริงๆ จากนี้ไปเขาคงไม่มีความสุขถ้ายังมีชีวิตอยู่ เพราะว่าผมรู้ตัวตน รู้แหล่งที่อยู่เขาเรียบร้อยแล้ว เชื่อผมสิ คนทำชั่วหนีไม่พ้นหรอก ในที่สุดจะต้องโดนเวรกรรมลงโทษ ช้าหรือเร็วเท่านั้น "สวัสดีคุณฉัตร" คุณฉัตรครับ ผมยังไม่ลืมคุณ.เผอิญมีตำรวจที่ให้สัมภาษณ์เรื่องผมโดนยิงกับ หนุ่ม คงกระพัน ทำเป็นรู้เรื่องดี คุยโวโอ้อวดแล้วบอกว่าเป็นคนทำคดีนี้เอง รู้ทุกอย่างนั้น ก็เป็นคนที่ติดตามคดีการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทริดา ตำรวจคนนี้ชื่อเล่นว่า "ยาว" พล.ต.ต.วีระศักดิ์ มีนะวาณิชย์ อดีตเคยเป็นสืบนครบาล ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 8 แต่ชอบมีคนอวยว่าเป็นเชอร์ล็อกโฮล์มของเมืองไทย ส่วนตัวเองก็อวดอ้างว่าไม่มีคดีไหนที่จับไม่ได้ และเผอิญว่าลูกเขยของ พล.ต.ต.วีระศักดิ์ ชื่ออะไร รู้ไหมท่านผู้ชม ? ชื่อว่า นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือ นายปอ หนึ่งในจำเลยคดีการเสียชีวิตของน้องแตงโมนั่นเอง เผอิญเห็นคุยนักคุยหนาว่าคุณทำคดีที่ลอบยิงผม รู้ทุกเรื่อง แล้วก็เคยบอกว่าไม่มีคดีไหนที่จับไม่ได้ น่าเสียดายที่คุณเกษียณอายุไปนานแล้ว 13-14 ปี ไม่อย่างนั้นผมก็อยากให้ไปตามเรื่องให้ผมหน่อย เพราะเป็นเรื่องที่ผมไม่มีวันจะลืม
    ผมไม่เคยลืม“ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ”คนทำชั่วลอบยิงผมแล้วหนีไปอยู่เขมร ผมรอ15ปีเต็มๆ .เป็นเรื่องที่ผมไม่เคยลืม ให้ผมตายไป ผมก็ยังจะไม่ลืม แม้ว่าเวลาจะผ่านไป 15 ปีแล้วก็ตาม อีกเดือนกว่าๆ จะครบรอบ16ปีวันที่ 17 เมษายน 2552 ของการลอบสังหารผมบริเวณใกล้ๆ สี่แยกบางขุนพรหม ระหว่างเดินทางไปจัดรายการ Good Morning Thailand ทางสถานีโทรทัศน์ ASTV ที่ถนนพระอาทิตย์แล้ว แม้เวลาจะผ่านไป 15 ปีกว่าแล้ว แต่เหตุการณ์ยังเหมือนเกิดขึ้นเมื่อวานนี้อยู่เลย.ผู้ต้องหาลอบยิงผมนั้นมีอยู่ 3 คน จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา อดีตทหารหน่วยรบพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ ตอนนี้เสียชีวิตแล้วตั้งแต่ปี 2556 และ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ หรือนายอรรถพล ปาทาน เจ้าหน้าที่ศูนย์ข่าว กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติดซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการดักฟังโทรศัพท์อย่างมาก อดีตเคยเป็นคนขับรถของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ครั้งเป็นผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด และ ส.อ.สมชาย บุญนาค สังกัดกองร้อย กองบังคับการกรมรบพิเศษ ค่ายเอราวัณ จังหวัดลพบุรี.ล่าสุด มีความคืบหน้าเรื่องหนึ่งในผู้ต้องหาที่ยิงผม คือ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ หรือชื่อ นายอรรถพล ปาทาน จากแหล่งข่าวที่ผมมีอยู่ในประเทศกัมพูชา เขาบอกว่าเขาเพิ่งเจอมือปืนที่ยิงผมเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ทำงานอยู่ที่ประเทศกัมพูชา เขาระบุว่า ส.ต.ท.วรวุฒิ ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศกัมพูชาเป็นสิบปีแล้ว เปลี่ยนชื่อตัวเองว่า "ฉัตร" มีบัตรประชาชนเป็นพลเมืองกัมพูชาไปแล้ว มีครอบครัว มีภรรยาเป็นชาวกัมพูชา มีลูกด้วยกันแต่เลิกรากันไปแล้ว และส่งเสียเงินมาเลี้ยงดูลูกเมียที่อยู่ฝั่งไทย ฐานะการเงินของ ส.ต.ท.วรวุฒิ ในปัจจุบันถือว่าใช้ได้ เพราะทำงานในบริษัทรับเหมาก่อสร้างอยู่ประเทศกัมพูชา มีรถราใช้ เป็นรถยนต์อีซูซุ รุ่น MUX ตอนนี้เห็นว่ารับงานก่อสร้างต่อเติมอยู่ที่กาสิโนฝั่งปอยเปต ของคุณวัฒนา อัศวเหม ที่โดนไฟไหม้ใหญ่ไปเมื่อปลายปี 2565 สายสืบผมเก็บข้อมูลเชิงลึกเห็นว่า มีนายทุนที่เป็นคนไทย มีแบ็กคอยดูแลอยู่ ชื่อ เสี่ยพัฒน์ เป็นเจ้าของโรงงานผลิตน้ำตาลในไทย คอยให้ความช่วยเหลือ เมื่อมกราคม 2568 ปีใหม่ที่ผ่านมา ส.ต.ท.วรวุฒิ บ่นอิจฉาเพื่อนๆว่าได้กลับบ้านเกิด ส่วนตัวคุณไม่มีปัญญาที่จะกลับบ้านเหมือนคนอื่นเขา เบอร์โทรศัพท์ที่ลงด้วยเลขหมาย 197 เป็นของคุณใช่ไหม ตอบผมหน่อย รอรับสายผมนะ ผมรอคุณมา 15 ปีเต็มๆ ผมอยากจะทราบว่านายคุณให้ค่าหัวผมเท่าไรวะ คุณถึงรับงานมายิงผม .ผมเคยพูดไปหลายครั้งแล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่ผมจะต้องร้องขอความเป็นธรรมกับรัฐบาลทุกๆ รัฐบาล คือเรื่องความเป็นธรรมของการดำเนินคดีกับคนที่ลอบฆ่าผม ซึ่งผมรู้ว่าใครเป็นคนลงมือและใครเป็นคนสั่ง ผมก็จะทำเรื่องร้องเรียนไปยังท่านนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร. ว่าบุคคลที่อยู่ภายใต้หมายจับนี้เป็นคนที่ยิงผม และผมมีหลักฐานชัดเจนว่าหลบอยู่ที่กัมพูชา ไม่ทราบว่าท่านนายกรัฐมนตรีท่านจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไรต่อไป.คนๆนี้มีหมายจับอยู่แล้ว เวรกรรมตามทันจริงๆ จากนี้ไปเขาคงไม่มีความสุขถ้ายังมีชีวิตอยู่ เพราะว่าผมรู้ตัวตน รู้แหล่งที่อยู่เขาเรียบร้อยแล้ว เชื่อผมสิ คนทำชั่วหนีไม่พ้นหรอก ในที่สุดจะต้องโดนเวรกรรมลงโทษ ช้าหรือเร็วเท่านั้น "สวัสดีคุณฉัตร" คุณฉัตรครับ ผมยังไม่ลืมคุณ.เผอิญมีตำรวจที่ให้สัมภาษณ์เรื่องผมโดนยิงกับ หนุ่ม คงกระพัน ทำเป็นรู้เรื่องดี คุยโวโอ้อวดแล้วบอกว่าเป็นคนทำคดีนี้เอง รู้ทุกอย่างนั้น ก็เป็นคนที่ติดตามคดีการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทริดา ตำรวจคนนี้ชื่อเล่นว่า "ยาว" พล.ต.ต.วีระศักดิ์ มีนะวาณิชย์ อดีตเคยเป็นสืบนครบาล ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 8 แต่ชอบมีคนอวยว่าเป็นเชอร์ล็อกโฮล์มของเมืองไทย ส่วนตัวเองก็อวดอ้างว่าไม่มีคดีไหนที่จับไม่ได้ และเผอิญว่าลูกเขยของ พล.ต.ต.วีระศักดิ์ ชื่ออะไร รู้ไหมท่านผู้ชม ? ชื่อว่า นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือ นายปอ หนึ่งในจำเลยคดีการเสียชีวิตของน้องแตงโมนั่นเอง เผอิญเห็นคุยนักคุยหนาว่าคุณทำคดีที่ลอบยิงผม รู้ทุกเรื่อง แล้วก็เคยบอกว่าไม่มีคดีไหนที่จับไม่ได้ น่าเสียดายที่คุณเกษียณอายุไปนานแล้ว 13-14 ปี ไม่อย่างนั้นผมก็อยากให้ไปตามเรื่องให้ผมหน่อย เพราะเป็นเรื่องที่ผมไม่มีวันจะลืม
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 1165 Views 0 Reviews
  • รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจราชการและเยี่ยมชมผลการดำเนินงานในพื้นที่อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี

    วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 14.00 น. ณ อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะฯ ลงพื้นที่ตรวจราชการ ในพื้นที่อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี โดยมี นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วยนายสิทธิชัย หล่อประสงค์สุข สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี คณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ผู้นำท้องถิ่น คณะกรรมการเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินระดับจังหวัดและอำเภอ คณะทำงานขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดลพบุรี คณะกรรมการพัฒนาสตรีอำเภอ กลุ่มชาติพันธุ์ลาวเวียง กลุ่มชาติพันธุ์ไทยพวน ประชาชนในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดและอำเภอ ร่วมให้การต้อนรับ
    นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะฯ มีแผนลงพื้นที่ตรวจราชการและเยี่ยมชมผลการดำเนินงาน ทั้งหมด 4 จุด ประกอบด้วย จุดแรก ตรวจราชการ ผลการดำเนินงาน OTOP ผลิตภัณฑ์ผ้าย้อมแปรง ณ ศูนย์อนุรักษ์ชาติพันธุ์ลาวเวียง ตำบลป่าตาล อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี พร้อมรับชมชุดการแสดงชาติพันธุ์ลาวเวียง, รับชมการสาธิตการทำขนมต้องบ้อง (ขนมวง), สาธิตการทำขนมข้าวเม่าทอด, สาธิตการทำผ้าย้อมแปรง และสาธิตการทอผ้า
    จุดที่สอง ตรวจราชการ ผลการดำเนินงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ณ ศาลา SML วัดถนนแค ตำบลถนนใหญ่ อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการ การสาธิตการทำดินสอพอง, สาธิตการทำไข่เค็มดินสอพอง, สาธิตการทำผัดไทไข่เค็ม, และสาธิตการทำข้าวจี่
    จุดที่สาม ตรวจราชการ ผลการขับเคลื่อนการดำเนินงานกองทุนแม่ของแผ่นดิน ณ โรงเรียนวัดตองปุ หมู่ที่ 1 ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี พบปะ ให้คำแนะนำ แนวทางการดำเนินงานฯ พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการ พบปะเยาวชนนักกีฬาสตรีทฟุตบอล ตลอดจนเยาวชนที่ผ่านการบำบัด และกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา (สกร.) และจุดสุดท้าย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานอนุบาลสัตว์ เทศบาลเมืองลพบุรี ตำบลโพธิ์เก้าต้น เพื่อรับทราบข้อมูลการดำเนินงานภายในสถานอนุบาลลิงโดยนำข้อมูลที่ได้ไปสนับสนุนคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในการผลักดันขับเคลื่อนโครงการต่างๆต่อรัฐบาลต่อไป
    รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจราชการและเยี่ยมชมผลการดำเนินงานในพื้นที่อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 14.00 น. ณ อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะฯ ลงพื้นที่ตรวจราชการ ในพื้นที่อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี โดยมี นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วยนายสิทธิชัย หล่อประสงค์สุข สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี คณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ผู้นำท้องถิ่น คณะกรรมการเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินระดับจังหวัดและอำเภอ คณะทำงานขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดลพบุรี คณะกรรมการพัฒนาสตรีอำเภอ กลุ่มชาติพันธุ์ลาวเวียง กลุ่มชาติพันธุ์ไทยพวน ประชาชนในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดและอำเภอ ร่วมให้การต้อนรับ นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะฯ มีแผนลงพื้นที่ตรวจราชการและเยี่ยมชมผลการดำเนินงาน ทั้งหมด 4 จุด ประกอบด้วย จุดแรก ตรวจราชการ ผลการดำเนินงาน OTOP ผลิตภัณฑ์ผ้าย้อมแปรง ณ ศูนย์อนุรักษ์ชาติพันธุ์ลาวเวียง ตำบลป่าตาล อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี พร้อมรับชมชุดการแสดงชาติพันธุ์ลาวเวียง, รับชมการสาธิตการทำขนมต้องบ้อง (ขนมวง), สาธิตการทำขนมข้าวเม่าทอด, สาธิตการทำผ้าย้อมแปรง และสาธิตการทอผ้า จุดที่สอง ตรวจราชการ ผลการดำเนินงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ณ ศาลา SML วัดถนนแค ตำบลถนนใหญ่ อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการ การสาธิตการทำดินสอพอง, สาธิตการทำไข่เค็มดินสอพอง, สาธิตการทำผัดไทไข่เค็ม, และสาธิตการทำข้าวจี่ จุดที่สาม ตรวจราชการ ผลการขับเคลื่อนการดำเนินงานกองทุนแม่ของแผ่นดิน ณ โรงเรียนวัดตองปุ หมู่ที่ 1 ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี พบปะ ให้คำแนะนำ แนวทางการดำเนินงานฯ พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการ พบปะเยาวชนนักกีฬาสตรีทฟุตบอล ตลอดจนเยาวชนที่ผ่านการบำบัด และกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา (สกร.) และจุดสุดท้าย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานอนุบาลสัตว์ เทศบาลเมืองลพบุรี ตำบลโพธิ์เก้าต้น เพื่อรับทราบข้อมูลการดำเนินงานภายในสถานอนุบาลลิงโดยนำข้อมูลที่ได้ไปสนับสนุนคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในการผลักดันขับเคลื่อนโครงการต่างๆต่อรัฐบาลต่อไป
    0 Comments 0 Shares 659 Views 0 Reviews
  • 54 ปี ลอบสังหาร “ครูโกมล คีมทอง” คอมมิวนิสต์เข้าใจผิด! คิดว่าเป็น… สายลับรัฐบาลไทย

    ย้อนรอยโศกนาฏกรรม ครูหนุ่มผู้มุ่งมั่นเพื่อการศึกษาในชนบท แต่ต้องจบชีวิตอย่างน่าเศร้า ท่ามกลางความเข้าใจผิด ในยุคสมัย ที่ความขัดแย้งทางอุดมการณ์ ร้อนระอุ

    📌 เหตุการณ์สะเทือนขวัญ ที่ยังเป็นปริศนา ย้อนไปเมื่อ 54 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2514 เสียงปืนดังขึ้นที่บ้านเหนือคลอง หมู่ที่ 4 ตำบลสินเจริญ กิ่งอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทำให้ครูหนุ่มวัยเพียง 24 ปี ต้องจบชีวิตลงอย่างโหดร้าย

    "โกมล คีมทอง ครูหนุ่มที่มีอุดมการณ์แรงกล้า มุ่งมั่นที่จะพัฒนาเยาวชน ในพื้นที่ห่างไกล ผ่านระบบการศึกษา ที่เหมาะสมกับชุมชน ทว่า… ด้วยความเข้าใจผิด ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ทำให้ถูกตราหน้าว่า เป็นสายลับของรัฐบาลไทย และนำไปสู่การสังหารอันน่าเศร้า

    เรื่องราวของครูโกมล เต็มไปด้วยความซับซ้อน เป็นเหยื่อของสงครามอุดมการณ์ ที่ทั้งฝ่ายรัฐ และฝ่ายคอมมิวนิสต์ ต่างก็เพ่งเล็งและไม่ไว้ใจ จนกระทั่งความเข้าใจผิดครั้งใหญ่ ได้คร่าชีวิตพร้อมเพื่อนร่วมอุดมการณ์ อีกสองคน

    📖 ครูโกมล คีมทอง จากเด็กหนุ่มหัวใจนักสู้ สู่ครูผู้เสียสละ
    👦🏻 "ครูโกมล คีมทอง" เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2489 ที่ จังหวัดสุโขทัย เติบโตขึ้นมาในครอบครัว ที่ให้ความสำคัญ กับการศึกษา

    จบชั้นประถมศึกษา จากโรงเรียนบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยม จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กรุงเทพฯ และเข้าศึกษาต่อ ที่คณะคุรุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นครู

    🎓 เส้นทางสู่อาชีพครู และอุดมการณ์ที่แรงกล้า
    ระหว่างเรียนมหาวิทยาลัย โกมลเป็นนิสิตที่กระตือรือร้น เข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสา และค่ายพัฒนาชนบทเป็นประจำ ทำให้เห็นถึงความลำบากของเด็ก ในพื้นที่ห่างไกล และตัดสินใจแน่วแน่ว่า "ชีวิตนี้จะอุทิศให้กับการศึกษาในชนบท"

    ในปีสุดท้ายของการเรียน ครูโกมลได้รับโอกาสเข้าร่วม “ค่ายพัฒนากำลังคน เหมืองห้วยในเขา” ซึ่งจัดขึ้นที่เหมืองแร่แห่งหนึ่ง ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่นี่เอง ที่โกมลได้เห็นปัญหาการศึกษาของเด็กๆ ในพื้นที่ห่างไกล และตัดสินใจที่จะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือ "สร้างโรงเรียนชุมชน"

    🏫 โรงเรียนชุมชนที่เหมืองห้วยในเขา อุดมการณ์ที่เป็นภัย
    🎯 จุดมุ่งหมายของครูโกมล โรงเรียนที่ครูโกมลตั้งใจสร้าง ไม่ใช่แค่สถานศึกษาแบบทั่วไป แต่เป็นโรงเรียนที่ออกแบบมา ให้เหมาะกับวิถีชีวิตของชาวบ้าน

    ✔️ หลักสูตรพิเศษ เน้นวิชาที่สอดคล้องกับการดำรงชีวิต เช่น การเกษตร ปศุสัตว์ และงานช่าง
    ✔️ วัฒนธรรมท้องถิ่น ส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรม เช่น หนังตะลุง มโนราห์ และนิทานพื้นบ้าน
    ✔️ ชุมชนเป็นศูนย์กลาง โรงเรียนได้รับการสนับสนุนจากชาวบ้าน ไม่ใช่รัฐ

    แนวคิดเช่นนี้ ทำให้ทั้งรัฐบาล และพรรคคอมมิวนิสต์จับตามอง ด้วยความสงสัยว่า "แท้จริงแล้ว ครูโกมลทำงานให้ฝ่ายใด?"

    🔥 สงครามอุดมการณ์ จุดเริ่มต้นของความหวาดระแวง
    🏴 ฝ่ายรัฐบาลมองว่า ครูโกมลเป็น "แนวร่วมคอมมิวนิสต์"
    รัฐบาลไทยในขณะนั้น มีนโยบายต่อต้านคอมมิวนิสต์ อย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่รัฐบางคนเห็นว่า แนวคิดของครูโกมล อาจสนับสนุนอุดมการณ์ ของพรรคคอมมิวนิสต์ โรงเรียนของครูโกมล ไม่ได้ใช้หลักสูตร จากกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า อาจเป็นศูนย์กลาง ของขบวนการล้มล้างอำนาจรัฐ

    🚩 ฝ่ายคอมมิวนิสต์มองว่า "สายลับรัฐบาล"
    ขณะนั้น พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) กำลังทำสงครามกองโจร กับรัฐบาลไทย การที่ครูโกมล เดินทางไปพบปะชาวบ้าน ถ่ายภาพ และรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวัฒนธรรม ทำให้พคท.เข้าใจว่ากำลังสอดแนม อีกทั้งการที่ครูโกมล ได้รับเงินสนับสนุนจาก "มูลนิธิเอเชีย" ซึ่งเป็นองค์กรต่างชาติ ยิ่งทำให้พคท.เชื่อว่า กำลังทำงานให้รัฐบาลไทย สุดท้าย... ความเข้าใจผิดนี้ นำไปสู่โศกนาฏกรรม ที่ไม่มีวันย้อนคืน

    ☠️ โศกนาฏกรรม คืนสังหารที่ไม่มีวันลืม
    22 กุมภาพันธ์ 2514 📍 บ้านเหนือคลอง อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี
    ครูโกมล คีมทอง, รัตนา สกุลไทย บัณฑิตอักษรศาสตร์ จุฬาฯ และเสรี ปรีชา หมอเร่ขายยา ถูกกลุ่มกองกำลัง พรรคคอมมิวนิสต จับตัวไป และถูกยิงเสียชีวิตในที่สุด

    หลังจากเหตุการณ์นี้ รัฐบาลไทยได้โปรยใบปลิวปฏิเสธว่า "ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหาร" ขณะที่ พคท. ออกมายอมรับในเวลาต่อมาว่า "เป็นผู้ลงมือสังหาร เนื่องจากเข้าใจผิดคิดว่า ครูโกมลเป็นสายลับรัฐบาลไทย"

    🏛️ แม้ว่า "ครูโกมล คีมทอง" จะจากไป แต่สิ่งที่ได้ทำไว้ ยังคงเป็นที่จดจำ
    ✔️ การเสียสละทำให้เกิด “มูลนิธิโกมล คีมทอง” ในปี พ.ศ. 2514
    ✔️ สร้างแรงบันดาลใจ ให้คนรุ่นหลังอุทิศตน เพื่อพัฒนาสังคม
    ✔️ หลักสูตรการศึกษา ที่เน้นชุมชนเป็นศูนย์กลาง ยังคงเป็นแนวคิด ที่นำมาใช้ในการศึกษายุคใหม่

    🎭 ครูโกมลถูกฆ่าโดยใคร?
    👉 ฝ่ายรัฐบาล หรือ พรรคคอมมิวนิสต์?
    👉 เป็นเพียงครูธรรมดา หรือมีบทบาทที่ลึกซึ้งกว่านั้น?
    👉 ถ้าไม่มีการสังหารในวันนั้น ครูโกมลจะสามารถเปลี่ยนแปลงการศึกษาไทย ได้มากแค่ไหน?

    แม้ข้อเท็จจริง จะได้รับการเปิดเผยไปแล้ว แต่คำถามเหล่านี้ ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันมา จนถึงทุกวันนี้...

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 221245 ก.พ. 2568

    #️⃣ #ครูโกมลคีมทอง #54ปีลอบสังหาร #โกมลคีมทอง #ประวัติศาสตร์ไทย #คอมมิวนิสต์ไทย #การศึกษาชนบท #ความขัดแย้งทางอุดมการณ์ #มูลนิธิโกมลคีมทอง #ครูผู้เสียสละ #ประวัติศาสตร์ต้องรู้
    54 ปี ลอบสังหาร “ครูโกมล คีมทอง” คอมมิวนิสต์เข้าใจผิด! คิดว่าเป็น… สายลับรัฐบาลไทย ย้อนรอยโศกนาฏกรรม ครูหนุ่มผู้มุ่งมั่นเพื่อการศึกษาในชนบท แต่ต้องจบชีวิตอย่างน่าเศร้า ท่ามกลางความเข้าใจผิด ในยุคสมัย ที่ความขัดแย้งทางอุดมการณ์ ร้อนระอุ 📌 เหตุการณ์สะเทือนขวัญ ที่ยังเป็นปริศนา ย้อนไปเมื่อ 54 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2514 เสียงปืนดังขึ้นที่บ้านเหนือคลอง หมู่ที่ 4 ตำบลสินเจริญ กิ่งอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทำให้ครูหนุ่มวัยเพียง 24 ปี ต้องจบชีวิตลงอย่างโหดร้าย "โกมล คีมทอง ครูหนุ่มที่มีอุดมการณ์แรงกล้า มุ่งมั่นที่จะพัฒนาเยาวชน ในพื้นที่ห่างไกล ผ่านระบบการศึกษา ที่เหมาะสมกับชุมชน ทว่า… ด้วยความเข้าใจผิด ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ทำให้ถูกตราหน้าว่า เป็นสายลับของรัฐบาลไทย และนำไปสู่การสังหารอันน่าเศร้า เรื่องราวของครูโกมล เต็มไปด้วยความซับซ้อน เป็นเหยื่อของสงครามอุดมการณ์ ที่ทั้งฝ่ายรัฐ และฝ่ายคอมมิวนิสต์ ต่างก็เพ่งเล็งและไม่ไว้ใจ จนกระทั่งความเข้าใจผิดครั้งใหญ่ ได้คร่าชีวิตพร้อมเพื่อนร่วมอุดมการณ์ อีกสองคน 📖 ครูโกมล คีมทอง จากเด็กหนุ่มหัวใจนักสู้ สู่ครูผู้เสียสละ 👦🏻 "ครูโกมล คีมทอง" เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2489 ที่ จังหวัดสุโขทัย เติบโตขึ้นมาในครอบครัว ที่ให้ความสำคัญ กับการศึกษา จบชั้นประถมศึกษา จากโรงเรียนบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยม จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กรุงเทพฯ และเข้าศึกษาต่อ ที่คณะคุรุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นครู 🎓 เส้นทางสู่อาชีพครู และอุดมการณ์ที่แรงกล้า ระหว่างเรียนมหาวิทยาลัย โกมลเป็นนิสิตที่กระตือรือร้น เข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสา และค่ายพัฒนาชนบทเป็นประจำ ทำให้เห็นถึงความลำบากของเด็ก ในพื้นที่ห่างไกล และตัดสินใจแน่วแน่ว่า "ชีวิตนี้จะอุทิศให้กับการศึกษาในชนบท" ในปีสุดท้ายของการเรียน ครูโกมลได้รับโอกาสเข้าร่วม “ค่ายพัฒนากำลังคน เหมืองห้วยในเขา” ซึ่งจัดขึ้นที่เหมืองแร่แห่งหนึ่ง ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่นี่เอง ที่โกมลได้เห็นปัญหาการศึกษาของเด็กๆ ในพื้นที่ห่างไกล และตัดสินใจที่จะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือ "สร้างโรงเรียนชุมชน" 🏫 โรงเรียนชุมชนที่เหมืองห้วยในเขา อุดมการณ์ที่เป็นภัย 🎯 จุดมุ่งหมายของครูโกมล โรงเรียนที่ครูโกมลตั้งใจสร้าง ไม่ใช่แค่สถานศึกษาแบบทั่วไป แต่เป็นโรงเรียนที่ออกแบบมา ให้เหมาะกับวิถีชีวิตของชาวบ้าน ✔️ หลักสูตรพิเศษ เน้นวิชาที่สอดคล้องกับการดำรงชีวิต เช่น การเกษตร ปศุสัตว์ และงานช่าง ✔️ วัฒนธรรมท้องถิ่น ส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรม เช่น หนังตะลุง มโนราห์ และนิทานพื้นบ้าน ✔️ ชุมชนเป็นศูนย์กลาง โรงเรียนได้รับการสนับสนุนจากชาวบ้าน ไม่ใช่รัฐ แนวคิดเช่นนี้ ทำให้ทั้งรัฐบาล และพรรคคอมมิวนิสต์จับตามอง ด้วยความสงสัยว่า "แท้จริงแล้ว ครูโกมลทำงานให้ฝ่ายใด?" 🔥 สงครามอุดมการณ์ จุดเริ่มต้นของความหวาดระแวง 🏴 ฝ่ายรัฐบาลมองว่า ครูโกมลเป็น "แนวร่วมคอมมิวนิสต์" รัฐบาลไทยในขณะนั้น มีนโยบายต่อต้านคอมมิวนิสต์ อย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่รัฐบางคนเห็นว่า แนวคิดของครูโกมล อาจสนับสนุนอุดมการณ์ ของพรรคคอมมิวนิสต์ โรงเรียนของครูโกมล ไม่ได้ใช้หลักสูตร จากกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า อาจเป็นศูนย์กลาง ของขบวนการล้มล้างอำนาจรัฐ 🚩 ฝ่ายคอมมิวนิสต์มองว่า "สายลับรัฐบาล" ขณะนั้น พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) กำลังทำสงครามกองโจร กับรัฐบาลไทย การที่ครูโกมล เดินทางไปพบปะชาวบ้าน ถ่ายภาพ และรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวัฒนธรรม ทำให้พคท.เข้าใจว่ากำลังสอดแนม อีกทั้งการที่ครูโกมล ได้รับเงินสนับสนุนจาก "มูลนิธิเอเชีย" ซึ่งเป็นองค์กรต่างชาติ ยิ่งทำให้พคท.เชื่อว่า กำลังทำงานให้รัฐบาลไทย สุดท้าย... ความเข้าใจผิดนี้ นำไปสู่โศกนาฏกรรม ที่ไม่มีวันย้อนคืน ☠️ โศกนาฏกรรม คืนสังหารที่ไม่มีวันลืม 22 กุมภาพันธ์ 2514 📍 บ้านเหนือคลอง อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ครูโกมล คีมทอง, รัตนา สกุลไทย บัณฑิตอักษรศาสตร์ จุฬาฯ และเสรี ปรีชา หมอเร่ขายยา ถูกกลุ่มกองกำลัง พรรคคอมมิวนิสต จับตัวไป และถูกยิงเสียชีวิตในที่สุด หลังจากเหตุการณ์นี้ รัฐบาลไทยได้โปรยใบปลิวปฏิเสธว่า "ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหาร" ขณะที่ พคท. ออกมายอมรับในเวลาต่อมาว่า "เป็นผู้ลงมือสังหาร เนื่องจากเข้าใจผิดคิดว่า ครูโกมลเป็นสายลับรัฐบาลไทย" 🏛️ แม้ว่า "ครูโกมล คีมทอง" จะจากไป แต่สิ่งที่ได้ทำไว้ ยังคงเป็นที่จดจำ ✔️ การเสียสละทำให้เกิด “มูลนิธิโกมล คีมทอง” ในปี พ.ศ. 2514 ✔️ สร้างแรงบันดาลใจ ให้คนรุ่นหลังอุทิศตน เพื่อพัฒนาสังคม ✔️ หลักสูตรการศึกษา ที่เน้นชุมชนเป็นศูนย์กลาง ยังคงเป็นแนวคิด ที่นำมาใช้ในการศึกษายุคใหม่ 🎭 ครูโกมลถูกฆ่าโดยใคร? 👉 ฝ่ายรัฐบาล หรือ พรรคคอมมิวนิสต์? 👉 เป็นเพียงครูธรรมดา หรือมีบทบาทที่ลึกซึ้งกว่านั้น? 👉 ถ้าไม่มีการสังหารในวันนั้น ครูโกมลจะสามารถเปลี่ยนแปลงการศึกษาไทย ได้มากแค่ไหน? แม้ข้อเท็จจริง จะได้รับการเปิดเผยไปแล้ว แต่คำถามเหล่านี้ ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันมา จนถึงทุกวันนี้... ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 221245 ก.พ. 2568 #️⃣ #ครูโกมลคีมทอง #54ปีลอบสังหาร #โกมลคีมทอง #ประวัติศาสตร์ไทย #คอมมิวนิสต์ไทย #การศึกษาชนบท #ความขัดแย้งทางอุดมการณ์ #มูลนิธิโกมลคีมทอง #ครูผู้เสียสละ #ประวัติศาสตร์ต้องรู้
    0 Comments 0 Shares 1680 Views 0 Reviews
  • จังหวัดลพบุรี ขอเชิญทุกท่าน
    เที่ยวงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ครั้งที่ 37
    ประจำปี 2568 ระหว่างวันที่ 14-23 กุมภาพันธ์ 2568
    "นุ่งโจงห่มสไบ แต่งไทยทั้งเมือง"
    ในงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จังหวัดลพบุรี

    #งานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
    #ลพบุรี #เมืองลิง #เที่ยวลพบุรี
    #shwsherryduck #ชอว์เชอร์รี่ดั๊ก #ถามสาวเมืองลิง
    จังหวัดลพบุรี ขอเชิญทุกท่าน เที่ยวงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ครั้งที่ 37 ประจำปี 2568 ระหว่างวันที่ 14-23 กุมภาพันธ์ 2568 "นุ่งโจงห่มสไบ แต่งไทยทั้งเมือง" ในงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จังหวัดลพบุรี #งานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช #ลพบุรี #เมืองลิง #เที่ยวลพบุรี #shwsherryduck #ชอว์เชอร์รี่ดั๊ก #ถามสาวเมืองลิง
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 825 Views 11 0 Reviews
  • 7 ปี สิ้นเชลยศึกชาวไทย “พันเอกชัยชาญ หาญนาวี” วีรบุรุษทหารรบพิเศษไทย ในสงครามเวียดนาม ที่อเมริกายกย่องเชิดชู

    📅 ย้อนไปเมื่อ 7 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 ถือเป็นวันที่ประเทศไทย สูญเสียบุคคลสำคัญคนหนึ่ง ที่มีประวัติอันน่าจดจำ และเป็นที่เคารพในหมู่ทหารอเมริกัน ผู้ชายคนนั้นคือ “พันเอกชัยชาญ หาญนาวี” ทหารรบพิเศษไทย ที่ถูกจับเป็นเชลยศึกในสงครามเวียดนาม นานถึง 9 ปี 4 เดือน 8 วัน และได้รับการเชิดชูเกียรติ จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ด้วยเหรียญกล้าหาญ Silver Star และ Legion of Merit 🏅

    แม้ว่าหลายคนในไทย อาจไม่คุ้นชื่อของพันเอกชัยชาญ แต่สำหรับทหารอเมริกันในยุคนั้น ชัยชาญคือวีรบุรุษที่ช่วยชีวิตเชลยศึกสหรัฐฯ มากมาย แม้ต้องเผชิญกับการทรมาน อันโหดร้ายในเรือนจำ "ฮานอยฮิลตัน" (Hỏa Lò Prison) ในกรุงฮานอย ประเทศเวียดนามเหนือ 🇹🇭🇺🇸

    👦 จากชาวอยุธยา สู่ทหารรบพิเศษไทย 🔴
    พันเอกชัยชาญ หาญนาวี เกิดที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเข้ารับราชการทหาร ในหน่วยกองรบพิเศษที่ 1 ค่ายวชิราลงกรณ์ จังหวัดลพบุรี ซึ่งเป็นหน่วยที่ฝึกอบรมทหารไทย ให้สามารถปฏิบัติภารกิจพิเศษ ร่วมกับกองทัพสหรัฐฯ

    ด้วยทักษะที่โดดเด่น ชัยชาญถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจ ที่ประเทศลาว ในช่วงสงครามเวียดนาม ทำหน้าที่เป็นพลวิทยุ ให้กับหน่วยรบพิเศษไทย-อเมริกัน

    ✈️ ภารกิจที่ผิดพลาด นำไปสู่การเป็นเชลยศึก
    📅 วันที่ 21 พฤษภาคม 2508 เป็นวันหยุด ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของพันเอกชัยชาญ ไปตลอดกาล เมื่อถูกชวนขึ้นเครื่องบินของ Air America (สายการบินลับของ CIA) เพื่อไปทำหน้าที่เป็น Spotter หรือผู้ระบุตำแหน่งข้าศึก

    ขณะที่เครื่องบินกำลังบินจากเชียงลม แขวงไชยะบุรี ประเทศลาว เพื่อส่งเสบียงให้ฐานปฏิบัติการ เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เครื่องถูกยิงตกกลางป่า ทหารอมริกันเสียชีวิตทั้งหมดทันที พันเอกชัยชาญและนักบินรอดชีวิต และพยายามหลบหนี แต่สุดท้ายถูกจับกุม โดยกองทัพเวียดนามเหนือ

    ชัยชาญถูกส่งไปยังค่ายเชลย ที่มีชื่อเสียงจากภาพยนตร์เรื่อง "แหกค่ายนรกเดียนเบียนฟู" ที่ซึ่งการทรมานนักโทษ ถือเป็นเรื่องปกติ...

    🏚️ จากเดียนเบียนฟู สู่ฮานอยฮิลตัน ⚠️
    หลังจากถูกขังอยู่ที่เดียนเบียนฟู นานเกือบ 3 ปี ชัยชาญถูกย้ายไปยังเรือนจำ "ฮานอยฮิลตัน" (Hỏa Lò Prison) ซึ่งเป็นคุกที่เลื่องชื่อ ในหมู่เชลยศึกอเมริกัน

    📌 ที่นี่ชัยชาญถูกขังเดี่ยว 5 ปี ถูกซ้อมทรมานเป็นประจำ ถูกมัดติดขื่อไม้ และต้องนอนเกลือกกลั้ว อยู่กับอุจจาระ และปัสสาวะของตัวเอง ได้รับอนุญาตให้อาบน้ำ เพียงเดือนละครั้ง 😞

    🔥 แต่ถึงจะถูกทรมานแค่ไหน ชัยชาญก็ยังไม่ละทิ้งศักดิ์ศรี ของทหารไทย

    🔑 Tap Code สื่อสารลับช่วยเชลยศึกอเมริกัน
    หนึ่งในวีรกรรมสำคัญ ของพันเอกชัยชาญคือ การใช้รหัสเคาะกำแพง (Tap Code) เพื่อส่งข้อมูลให้เชลยศึกอเมริกัน 🛑🔨

    🔹 Tap Code คืออะไร?
    เป็นรหัสลับที่เชลยศึกอเมริกัน พัฒนาเพื่อใช้สื่อสารกัน โดยการเคาะกำแพง ตามจังหวะที่กำหนด เพื่อแทนตัวอักษร คล้ายกับรหัสมอร์ส หรือรหัสแตะ สามารถส่งได้หลายวิธี และในสภาพแวดล้อม ที่ยากลำบาก

    รหัสเคาะเป็นวิธีง่ายๆ ในการเข้ารหัสข้อความ ข้อความจะถูกส่ง โดยการแปลตัวอักษรเป็นเสียงเคาะ ซึ่งนักโทษในเวียดนามใช้รหัสนี้ และบางครั้งเรียกว่ารหัสเคาะหรือรหัสสมิทตี้ รหัสนี้ใช้สี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาด 5x5 เพื่อกำหนดตัวเลขสองตัว (แถวและคอลัมน์) ให้กับตัวอักษรแต่ละตัว จากนั้นผู้ส่งจะเคาะหลายครั้งตามจำนวนตัวเลขแต่ละตัว และหยุดชั่วคราวระหว่างตัวเลข

    🔹 ชัยชาญใช้รหัสเคาะอย่างไร?
    ชัยชาญเรียนรู้รหัสนี้ จากเชลยเวียดนามใต้ และใช้ส่งข้อความให้ทหารอเมริกัน แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับแผนการทรมาน และให้กำลังใจเพื่อนเชลย

    ☠️ ถ้าถูกจับได้ อาจต้องจบชีวิตทันที แต่ชัยชาญยอมเสี่ยง เพื่อช่วยเหลือเพื่อนเชลย

    หนึ่งในเชลยศึก ที่ได้รับความช่วยเหลือจากชัยชาญคือ "จอห์น แมกเคน" (John McCain) นักบินรบของกองทัพเรือสหรัฐฯ และผู้สมัครชิงตำแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐอมเริกา ในเวลาต่อมา 🇺🇸

    🏅 เกียรติยศสูงสุด จากกองทัพสหรัฐฯ
    📅 หลังจากถูกกักขัง ยาวนานกว่า 9 ปี พันเอกชัยชาญได้รับการปล่อยตัว ในปี 2517 จากการเจรจาระหว่างไทย-สหรัฐฯ และเวียดนามเหนือ

    💔 แต่เมื่อกลับมาถึงมาตุภูมิ ชัยชาญพบว่า ภรรยาแต่งงานใหม่ไปแล้ว ซึ่งตอนกลับมาได้รับพระราชทาน ยศชั้นนายพันแล้ว เพราะกองทัพไทยคิดว่า คงหายสาบสูญไป ในสงครามแล้ว แต่เมื่อยังมีชีวิตอยู่ ก็ได้กลับมารับราชการเหมือนเดิม ไม่มีใครกล้าถอดยศพระราชทาน

    แม้ว่าชีวิตส่วนตัวจะพังพินาศ แต่เกียรติยศของชัยชาญ กลับได้รับการยกย่อง จากกองทัพสหรัฐฯ สหรัฐอเมริกามอบเหรียญกล้าหาญ "Silver Star" และ "Legion of Merit" ให้ชาญชัย พร้อมจัดพิธีเชิดชูเกียรติที่ Pentagon

    🔹 Hall of Heroes ที่ Pentagon
    พันเอกชัยชาญเป็น "ทหารต่างชาติเพียงคนเดียว" ที่ได้รับเกียรติให้มีรูปถ่าย แขวนอยู่ใน Hall of Heroes ณ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ

    ✈️ นอกจากนี้ชัยชาญ ยังได้รับเชิญให้ไปศึกษาต่อ ที่ฐานทัพ Lackland Air Force Base และ Fort Bragg ศูนย์สงครามพิเศษของสหรัฐฯ

    🕊️ วันสุดท้ายของวีรบุรุษไทย
    📅 วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 พันเอกชัยชาญ เสียชีวิตอย่างสงบในวัย 87 ปี เนื่องจากเส้นเลือดสมองอุดตัน

    🇹🇭 แม้พันเอกชัยชาญ จะเป็นที่รู้จักในวงแคบของคนไทย แต่สำหรับอเมริกา ชัยชาญคือหนึ่งในบุคคล ที่มีเกียรติสูงสุด ในหมู่เชลยศึก

    ✨ วีรกรรมของชัยชาญ จะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ ตลอดไป ✨
    ✅ พันเอกชัยชาญ หาญนาวี คือหนึ่งในเชลยศึก ที่ถูกคุมขังนานที่สุด ในสงครามเวียดนาม
    ✅ มีบทบาทสำคัญ ในการช่วยเหลือเชลยศึกอเมริกัน
    ✅ ได้รับเหรียญกล้าหาญ จากรัฐบาลสหรัฐฯ
    ✅ เป็นคนไทยเพียงคนเดียว ที่ได้รับเกียรติใน Hall of Heroes

    แม้กายจะลับไป แต่ชื่อของ "ชัยชาญ หาญนาวี" จะคงอยู่ในประวัติศาสตร์ไทย และโลกตลอดไป 🙏🇹🇭

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 041344 ก.พ. 2568

    📢 #พันเอกชัยชาญหาญนาวี #เชลยศึกเวียดนาม #วีรบุรุษไทย #สงครามเวียดนาม #HanoiHilton #TapCode #JohnMcCain #ThaiMilitary #SilverStar #LegionOfMerit
    7 ปี สิ้นเชลยศึกชาวไทย “พันเอกชัยชาญ หาญนาวี” วีรบุรุษทหารรบพิเศษไทย ในสงครามเวียดนาม ที่อเมริกายกย่องเชิดชู 📅 ย้อนไปเมื่อ 7 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 ถือเป็นวันที่ประเทศไทย สูญเสียบุคคลสำคัญคนหนึ่ง ที่มีประวัติอันน่าจดจำ และเป็นที่เคารพในหมู่ทหารอเมริกัน ผู้ชายคนนั้นคือ “พันเอกชัยชาญ หาญนาวี” ทหารรบพิเศษไทย ที่ถูกจับเป็นเชลยศึกในสงครามเวียดนาม นานถึง 9 ปี 4 เดือน 8 วัน และได้รับการเชิดชูเกียรติ จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ด้วยเหรียญกล้าหาญ Silver Star และ Legion of Merit 🏅 แม้ว่าหลายคนในไทย อาจไม่คุ้นชื่อของพันเอกชัยชาญ แต่สำหรับทหารอเมริกันในยุคนั้น ชัยชาญคือวีรบุรุษที่ช่วยชีวิตเชลยศึกสหรัฐฯ มากมาย แม้ต้องเผชิญกับการทรมาน อันโหดร้ายในเรือนจำ "ฮานอยฮิลตัน" (Hỏa Lò Prison) ในกรุงฮานอย ประเทศเวียดนามเหนือ 🇹🇭🇺🇸 👦 จากชาวอยุธยา สู่ทหารรบพิเศษไทย 🔴 พันเอกชัยชาญ หาญนาวี เกิดที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเข้ารับราชการทหาร ในหน่วยกองรบพิเศษที่ 1 ค่ายวชิราลงกรณ์ จังหวัดลพบุรี ซึ่งเป็นหน่วยที่ฝึกอบรมทหารไทย ให้สามารถปฏิบัติภารกิจพิเศษ ร่วมกับกองทัพสหรัฐฯ ด้วยทักษะที่โดดเด่น ชัยชาญถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจ ที่ประเทศลาว ในช่วงสงครามเวียดนาม ทำหน้าที่เป็นพลวิทยุ ให้กับหน่วยรบพิเศษไทย-อเมริกัน ✈️ ภารกิจที่ผิดพลาด นำไปสู่การเป็นเชลยศึก 📅 วันที่ 21 พฤษภาคม 2508 เป็นวันหยุด ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของพันเอกชัยชาญ ไปตลอดกาล เมื่อถูกชวนขึ้นเครื่องบินของ Air America (สายการบินลับของ CIA) เพื่อไปทำหน้าที่เป็น Spotter หรือผู้ระบุตำแหน่งข้าศึก ขณะที่เครื่องบินกำลังบินจากเชียงลม แขวงไชยะบุรี ประเทศลาว เพื่อส่งเสบียงให้ฐานปฏิบัติการ เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เครื่องถูกยิงตกกลางป่า ทหารอมริกันเสียชีวิตทั้งหมดทันที พันเอกชัยชาญและนักบินรอดชีวิต และพยายามหลบหนี แต่สุดท้ายถูกจับกุม โดยกองทัพเวียดนามเหนือ ชัยชาญถูกส่งไปยังค่ายเชลย ที่มีชื่อเสียงจากภาพยนตร์เรื่อง "แหกค่ายนรกเดียนเบียนฟู" ที่ซึ่งการทรมานนักโทษ ถือเป็นเรื่องปกติ... 🏚️ จากเดียนเบียนฟู สู่ฮานอยฮิลตัน ⚠️ หลังจากถูกขังอยู่ที่เดียนเบียนฟู นานเกือบ 3 ปี ชัยชาญถูกย้ายไปยังเรือนจำ "ฮานอยฮิลตัน" (Hỏa Lò Prison) ซึ่งเป็นคุกที่เลื่องชื่อ ในหมู่เชลยศึกอเมริกัน 📌 ที่นี่ชัยชาญถูกขังเดี่ยว 5 ปี ถูกซ้อมทรมานเป็นประจำ ถูกมัดติดขื่อไม้ และต้องนอนเกลือกกลั้ว อยู่กับอุจจาระ และปัสสาวะของตัวเอง ได้รับอนุญาตให้อาบน้ำ เพียงเดือนละครั้ง 😞 🔥 แต่ถึงจะถูกทรมานแค่ไหน ชัยชาญก็ยังไม่ละทิ้งศักดิ์ศรี ของทหารไทย 🔑 Tap Code สื่อสารลับช่วยเชลยศึกอเมริกัน หนึ่งในวีรกรรมสำคัญ ของพันเอกชัยชาญคือ การใช้รหัสเคาะกำแพง (Tap Code) เพื่อส่งข้อมูลให้เชลยศึกอเมริกัน 🛑🔨 🔹 Tap Code คืออะไร? เป็นรหัสลับที่เชลยศึกอเมริกัน พัฒนาเพื่อใช้สื่อสารกัน โดยการเคาะกำแพง ตามจังหวะที่กำหนด เพื่อแทนตัวอักษร คล้ายกับรหัสมอร์ส หรือรหัสแตะ สามารถส่งได้หลายวิธี และในสภาพแวดล้อม ที่ยากลำบาก รหัสเคาะเป็นวิธีง่ายๆ ในการเข้ารหัสข้อความ ข้อความจะถูกส่ง โดยการแปลตัวอักษรเป็นเสียงเคาะ ซึ่งนักโทษในเวียดนามใช้รหัสนี้ และบางครั้งเรียกว่ารหัสเคาะหรือรหัสสมิทตี้ รหัสนี้ใช้สี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาด 5x5 เพื่อกำหนดตัวเลขสองตัว (แถวและคอลัมน์) ให้กับตัวอักษรแต่ละตัว จากนั้นผู้ส่งจะเคาะหลายครั้งตามจำนวนตัวเลขแต่ละตัว และหยุดชั่วคราวระหว่างตัวเลข 🔹 ชัยชาญใช้รหัสเคาะอย่างไร? ชัยชาญเรียนรู้รหัสนี้ จากเชลยเวียดนามใต้ และใช้ส่งข้อความให้ทหารอเมริกัน แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับแผนการทรมาน และให้กำลังใจเพื่อนเชลย ☠️ ถ้าถูกจับได้ อาจต้องจบชีวิตทันที แต่ชัยชาญยอมเสี่ยง เพื่อช่วยเหลือเพื่อนเชลย หนึ่งในเชลยศึก ที่ได้รับความช่วยเหลือจากชัยชาญคือ "จอห์น แมกเคน" (John McCain) นักบินรบของกองทัพเรือสหรัฐฯ และผู้สมัครชิงตำแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐอมเริกา ในเวลาต่อมา 🇺🇸 🏅 เกียรติยศสูงสุด จากกองทัพสหรัฐฯ 📅 หลังจากถูกกักขัง ยาวนานกว่า 9 ปี พันเอกชัยชาญได้รับการปล่อยตัว ในปี 2517 จากการเจรจาระหว่างไทย-สหรัฐฯ และเวียดนามเหนือ 💔 แต่เมื่อกลับมาถึงมาตุภูมิ ชัยชาญพบว่า ภรรยาแต่งงานใหม่ไปแล้ว ซึ่งตอนกลับมาได้รับพระราชทาน ยศชั้นนายพันแล้ว เพราะกองทัพไทยคิดว่า คงหายสาบสูญไป ในสงครามแล้ว แต่เมื่อยังมีชีวิตอยู่ ก็ได้กลับมารับราชการเหมือนเดิม ไม่มีใครกล้าถอดยศพระราชทาน แม้ว่าชีวิตส่วนตัวจะพังพินาศ แต่เกียรติยศของชัยชาญ กลับได้รับการยกย่อง จากกองทัพสหรัฐฯ สหรัฐอเมริกามอบเหรียญกล้าหาญ "Silver Star" และ "Legion of Merit" ให้ชาญชัย พร้อมจัดพิธีเชิดชูเกียรติที่ Pentagon 🔹 Hall of Heroes ที่ Pentagon พันเอกชัยชาญเป็น "ทหารต่างชาติเพียงคนเดียว" ที่ได้รับเกียรติให้มีรูปถ่าย แขวนอยู่ใน Hall of Heroes ณ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ✈️ นอกจากนี้ชัยชาญ ยังได้รับเชิญให้ไปศึกษาต่อ ที่ฐานทัพ Lackland Air Force Base และ Fort Bragg ศูนย์สงครามพิเศษของสหรัฐฯ 🕊️ วันสุดท้ายของวีรบุรุษไทย 📅 วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 พันเอกชัยชาญ เสียชีวิตอย่างสงบในวัย 87 ปี เนื่องจากเส้นเลือดสมองอุดตัน 🇹🇭 แม้พันเอกชัยชาญ จะเป็นที่รู้จักในวงแคบของคนไทย แต่สำหรับอเมริกา ชัยชาญคือหนึ่งในบุคคล ที่มีเกียรติสูงสุด ในหมู่เชลยศึก ✨ วีรกรรมของชัยชาญ จะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ ตลอดไป ✨ ✅ พันเอกชัยชาญ หาญนาวี คือหนึ่งในเชลยศึก ที่ถูกคุมขังนานที่สุด ในสงครามเวียดนาม ✅ มีบทบาทสำคัญ ในการช่วยเหลือเชลยศึกอเมริกัน ✅ ได้รับเหรียญกล้าหาญ จากรัฐบาลสหรัฐฯ ✅ เป็นคนไทยเพียงคนเดียว ที่ได้รับเกียรติใน Hall of Heroes แม้กายจะลับไป แต่ชื่อของ "ชัยชาญ หาญนาวี" จะคงอยู่ในประวัติศาสตร์ไทย และโลกตลอดไป 🙏🇹🇭 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 041344 ก.พ. 2568 📢 #พันเอกชัยชาญหาญนาวี #เชลยศึกเวียดนาม #วีรบุรุษไทย #สงครามเวียดนาม #HanoiHilton #TapCode #JohnMcCain #ThaiMilitary #SilverStar #LegionOfMerit
    0 Comments 0 Shares 1572 Views 0 Reviews
  • นายอำเภอเมืองลพบุรี ตรวจเข้มไร่อ้อย
    ป้องกันการเผา
    เกิดปัญหามลพิษทางฝุ่น Pm 2.5
    เขตอำเภอเมืองลพบุรี
    //////////////////////


    จังหวัดลพบุรี โดยอำเภอเมืองลพบุรี รณรงค์ให้เกษตรกรผู้ปลูกอ้อย ใช้รถตัดอ้อยสด เพื่อลดการเผาอ้อยก่อนตัด เป็นบ่อเกิดปัญหามลพิษทางฝุ่น Pm 2.5

    เมื่อเวลา 14.30 น ในวันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม 2568
    นายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอเมืองลพบุรี
    ภายใต้การอำนวยการของ นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี
    พร้อมด้วยนางสาวพรนิภา จิกแหล่ม ลงพื้นที่ที่ปลูกอ้อย ตำบลโคกตูม อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี ซึ่งมีเกษตรกรปลูกอ้อย 305 ราย พื้นที่ 5,394 ไร่ ได้ดำเนินการดังนี้
    1 นายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอเมืองลพบุรี ได้สอบถามนางมาลี แก้วเกิด ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 13 ตำบลโคกตูม ถึงสถานการณ์การตัดอ้อยในพื้นที่ ปรากฏว่าเกษตรกรในพื้นที่ตำบลโคกตูม ส่วนใหญ่ใช้วิธีการตัดอ้อยสดเพื่อส่งโรงงาน 100% โดยใช้รถคัดอ้อยในการเก็บเกี่ยว ซึ่งมีรถตัดอ้อยในพื้นที่กว่า 10 คัน
    2. นางสาวพรนิภา จิกแหล่ม เกษตรอำเภอเมืองลพบุรี นางสาวปรียารัฐ ภูสุวรรณ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ และนางสาวนิชาภา ธัมมัญจศิริ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฎิบัติการ ให้ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการแปลงอ้อยหลังการเก็บเกี่ยว โดยการอัดใบอ้อยเพื่อส่งโรงไฟฟ้าชีวมวล เป็นรายได้อีกทางหนึ่ง
    นายอำเภอเมืองลพบุรี ตรวจเข้มไร่อ้อย ป้องกันการเผา เกิดปัญหามลพิษทางฝุ่น Pm 2.5 เขตอำเภอเมืองลพบุรี ////////////////////// จังหวัดลพบุรี โดยอำเภอเมืองลพบุรี รณรงค์ให้เกษตรกรผู้ปลูกอ้อย ใช้รถตัดอ้อยสด เพื่อลดการเผาอ้อยก่อนตัด เป็นบ่อเกิดปัญหามลพิษทางฝุ่น Pm 2.5 เมื่อเวลา 14.30 น ในวันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม 2568 นายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอเมืองลพบุรี ภายใต้การอำนวยการของ นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วยนางสาวพรนิภา จิกแหล่ม ลงพื้นที่ที่ปลูกอ้อย ตำบลโคกตูม อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี ซึ่งมีเกษตรกรปลูกอ้อย 305 ราย พื้นที่ 5,394 ไร่ ได้ดำเนินการดังนี้ 1 นายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอเมืองลพบุรี ได้สอบถามนางมาลี แก้วเกิด ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 13 ตำบลโคกตูม ถึงสถานการณ์การตัดอ้อยในพื้นที่ ปรากฏว่าเกษตรกรในพื้นที่ตำบลโคกตูม ส่วนใหญ่ใช้วิธีการตัดอ้อยสดเพื่อส่งโรงงาน 100% โดยใช้รถคัดอ้อยในการเก็บเกี่ยว ซึ่งมีรถตัดอ้อยในพื้นที่กว่า 10 คัน 2. นางสาวพรนิภา จิกแหล่ม เกษตรอำเภอเมืองลพบุรี นางสาวปรียารัฐ ภูสุวรรณ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ และนางสาวนิชาภา ธัมมัญจศิริ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฎิบัติการ ให้ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการแปลงอ้อยหลังการเก็บเกี่ยว โดยการอัดใบอ้อยเพื่อส่งโรงไฟฟ้าชีวมวล เป็นรายได้อีกทางหนึ่ง
    0 Comments 0 Shares 513 Views 0 Reviews


  • 7 พฤศจิกายน 2567- รายงานสำนักข่าวอิศราระบุว่า คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวานนี้ (6 พ.ย. 2567) คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ดำเนินการเข้าตรวจตู้นิรภัยจำนวน 21 ตู้ของธนาคารพาณิชย์ในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ซึ่งเกี่ยวข้องกับกลุ่มนายทุนที่เชื่อมโยงกับธุรกิจพนันออนไลน์ในเครือข่าย “แม่มนต์” คดีพิเศษที่ 76/2566 และ 89/2567 โดยมีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา จำนวน 38 ราย ในข้อหาที่รวมถึงการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ การจัดให้มีการพนันที่ไม่ได้รับอนุญาต และการฟอกเงิน อ้างอิงตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตามหมายจับแล้วรวม 20 ราย ภายหลังจากการขยายผล พบว่ามีการกระทำความผิดเพิ่มเติม โดยกลุ่มบุคคลทำหน้าที่โยกย้ายเงินที่ได้จากเว็บพนันไปยังบัญชีธนาคารอื่น ซึ่งเกี่ยวข้องกับนายทุนใหญ่ 5 ราย โดยการกระทำดังกล่าวมีลักษณะการฟอกเงินและละเมิดพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงได้อนุมัติให้ทำการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมเป็นคดีพิเศษที่ 89/2567

    จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มนายทุนได้เช่าตู้นิรภัยไว้ที่ธนาคารในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ทางคณะพนักงานสอบสวนจึงขออนุมัติศาลจังหวัดลพบุรีเพื่อทำการเปิดตู้นิรภัยทั้ง 21 ตู้ พบทรัพย์สิน มูลค่าประเมินกว่า 200 ล้านบาท อาทิ ทรัพย์สินที่มีลักษณะสีคล้ายทองคำ เช่น สร้อยคอ กำไล ต่างหู แหวน สร้อยข้อมือ กำไลคอ เข็มขัด โลหะแท่ง ปิ่นโต แก้ว ชาม จาน ช้อนส้อม กระเป๋าถือ สร้อยคล้ายเพชร โฉนดที่ดิน เงินสดกว่า 15 ล้านบาท และพระเครื่อง รวมทั้งสิ้นประมาณ 300 ล้านบาท

    ที่มา : สำนักข่าวอิศรา
    https://www.isranews.org/article/isranews/133189-government-10.html?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR0iJiORYEJns_S4fqAey0WQrVPeUAKT6HXQDwBcfhOTlmnBEIltKzAKMs8_aem_6sVgMMuvJg2RKvO0rDqBcA

    #Thaitimes
    7 พฤศจิกายน 2567- รายงานสำนักข่าวอิศราระบุว่า คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวานนี้ (6 พ.ย. 2567) คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ดำเนินการเข้าตรวจตู้นิรภัยจำนวน 21 ตู้ของธนาคารพาณิชย์ในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ซึ่งเกี่ยวข้องกับกลุ่มนายทุนที่เชื่อมโยงกับธุรกิจพนันออนไลน์ในเครือข่าย “แม่มนต์” คดีพิเศษที่ 76/2566 และ 89/2567 โดยมีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา จำนวน 38 ราย ในข้อหาที่รวมถึงการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ การจัดให้มีการพนันที่ไม่ได้รับอนุญาต และการฟอกเงิน อ้างอิงตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตามหมายจับแล้วรวม 20 ราย ภายหลังจากการขยายผล พบว่ามีการกระทำความผิดเพิ่มเติม โดยกลุ่มบุคคลทำหน้าที่โยกย้ายเงินที่ได้จากเว็บพนันไปยังบัญชีธนาคารอื่น ซึ่งเกี่ยวข้องกับนายทุนใหญ่ 5 ราย โดยการกระทำดังกล่าวมีลักษณะการฟอกเงินและละเมิดพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงได้อนุมัติให้ทำการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมเป็นคดีพิเศษที่ 89/2567 จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มนายทุนได้เช่าตู้นิรภัยไว้ที่ธนาคารในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ทางคณะพนักงานสอบสวนจึงขออนุมัติศาลจังหวัดลพบุรีเพื่อทำการเปิดตู้นิรภัยทั้ง 21 ตู้ พบทรัพย์สิน มูลค่าประเมินกว่า 200 ล้านบาท อาทิ ทรัพย์สินที่มีลักษณะสีคล้ายทองคำ เช่น สร้อยคอ กำไล ต่างหู แหวน สร้อยข้อมือ กำไลคอ เข็มขัด โลหะแท่ง ปิ่นโต แก้ว ชาม จาน ช้อนส้อม กระเป๋าถือ สร้อยคล้ายเพชร โฉนดที่ดิน เงินสดกว่า 15 ล้านบาท และพระเครื่อง รวมทั้งสิ้นประมาณ 300 ล้านบาท ที่มา : สำนักข่าวอิศรา https://www.isranews.org/article/isranews/133189-government-10.html?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR0iJiORYEJns_S4fqAey0WQrVPeUAKT6HXQDwBcfhOTlmnBEIltKzAKMs8_aem_6sVgMMuvJg2RKvO0rDqBcA #Thaitimes
    WWW.ISRANEWS.ORG
    ‘ดีเอสไอ’ ค้นตู้นิรภัย 21 ตู้ ขยายผลพนันอนนไลน์ ‘แม่มนต์’ พบทรัพย์สินกว่า 300 ล้าน
    ‘ดีเอสไอ’ ขยายผลเครือข่ายพนันออนไลน์ ‘แม่มนต์’ เปิดตู้นิรภัย 21 ตู้ที่ฝากไว้กับธนาคาร พบทรัพย์สินมูลค่ารวม 300 ล้านบาท
    Like
    Wow
    3
    0 Comments 0 Shares 1367 Views 0 Reviews
  • อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ร่วมกับมูลนิธิหลวงปู่บุญตา ประชาร่วมใจและโรงพยาบาลโคกสำโรงจัดการแข่งขันสิงห์คูยาง running 3 วิ่งเพื่อโรงพยาบาลโคกสำโรง จัดหารายได้สร้างศูนย์ฟอกไต
    https://www.facebook.com/share/v/oi8hQ44N2QSvmzYD/
    อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ร่วมกับมูลนิธิหลวงปู่บุญตา ประชาร่วมใจและโรงพยาบาลโคกสำโรงจัดการแข่งขันสิงห์คูยาง running 3 วิ่งเพื่อโรงพยาบาลโคกสำโรง จัดหารายได้สร้างศูนย์ฟอกไต https://www.facebook.com/share/v/oi8hQ44N2QSvmzYD/
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 622 Views 21 0 Reviews
  • ●รีวิวการเดินทางฉบับไม่มีรถส่วนตัว●
    ☆คนเดียวก็ไปพิชิตเขาวงพระจันทร์ได้☆
    กราบนมัสการรอยพระพุทธบาท
    พิชิตยอดเขาวงพระจันทร์ 3,790 ขั้น
    จังหวัดลพบุรี
    ●วัดเขาวงพระจันทร์
    ☆เพจ
    》》
    https://www.facebook.c...​
    ●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●
    ขาไป
    》》ขบวน 201 รถไฟธรรมดา
    กรุงเทพ(หัวลำโพง) - ลพบุรี
    เวลา 9:30​ น. ถึง 12:39​ น.
    ราคา 28 บาท
    》》the camp khaowong
    ☆เพจ
    》》
    https://www.facebook.c...​
    《《
    ราคา 550 บาท ห้องแอร์ ห้องน้ำรวม
    เบอร์โทร 098-329-6515
    ค่ารถรับ+ส่ง รอบละ 500 บาท
    ☆ค่ารถจากที่พัก
    ไป+กลับ เขาวงพระจันทร์
    60 บาท

    ขากลับ
    》》
    ขบวน 202 รถธรรมดา
    ลพบุรี-กรุงเทพ(หัวลำโพง)
    เวลา 10:56​ น. ถึง 14:05​ น.
    ราคา 28 บาท

    ค่าใช้จ่ายทริปไปคนเดียว
    ☆รถไฟ ไป+กลับ 56 บาท
    ☆ค่าห้องพัก 550 บาท
    ☆ค่ารถรับ+ส่งสถานีรถไฟ - ที่พัก
    1,000 บาท
    ☆ค่ารถรับ+ส่งไปกลับวัดเขาวงพระจันทร์
    60 บาท
    》》รวม 1,666 บาท《《
    ■■■■■■■■■■■■
    ☆ชมวีดีโอรีวิว
    https://youtu.be/Ylp97MG6sww?si=n4akOLrDRSxz_Fh2
    ■■■■■■■■■■■■
    #มะนาวก้าวเดิน#รีวิวการเดินทางฉบับไม่มีรถส่วนตัวพิชิตเขาวงพระจันทร์
    #คนเดียวก็ไปพิชิตเขาวงพระจันทร์ได้
    #กราบนมัสการรอยพระพุทธบาท
    #พิชิตยอดเขาวงพระจันทร์3790ขั้น
    #จังหวัดลพบุรี#คนเดียวก็เที่ยวได้#เขาวงพระจันทร์#thecampkhaowong#รถไฟ#thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    ●รีวิวการเดินทางฉบับไม่มีรถส่วนตัว● ☆คนเดียวก็ไปพิชิตเขาวงพระจันทร์ได้☆ กราบนมัสการรอยพระพุทธบาท พิชิตยอดเขาวงพระจันทร์ 3,790 ขั้น จังหวัดลพบุรี ●วัดเขาวงพระจันทร์ ☆เพจ 》》 https://www.facebook.c...​ ●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●● ขาไป 》》ขบวน 201 รถไฟธรรมดา กรุงเทพ(หัวลำโพง) - ลพบุรี เวลา 9:30​ น. ถึง 12:39​ น. ราคา 28 บาท 》》the camp khaowong ☆เพจ 》》 https://www.facebook.c...​ 《《 ราคา 550 บาท ห้องแอร์ ห้องน้ำรวม เบอร์โทร 098-329-6515 ค่ารถรับ+ส่ง รอบละ 500 บาท ☆ค่ารถจากที่พัก ไป+กลับ เขาวงพระจันทร์ 60 บาท ขากลับ 》》 ขบวน 202 รถธรรมดา ลพบุรี-กรุงเทพ(หัวลำโพง) เวลา 10:56​ น. ถึง 14:05​ น. ราคา 28 บาท ค่าใช้จ่ายทริปไปคนเดียว ☆รถไฟ ไป+กลับ 56 บาท ☆ค่าห้องพัก 550 บาท ☆ค่ารถรับ+ส่งสถานีรถไฟ - ที่พัก 1,000 บาท ☆ค่ารถรับ+ส่งไปกลับวัดเขาวงพระจันทร์ 60 บาท 》》รวม 1,666 บาท《《 ■■■■■■■■■■■■ ☆ชมวีดีโอรีวิว https://youtu.be/Ylp97MG6sww?si=n4akOLrDRSxz_Fh2 ■■■■■■■■■■■■ #มะนาวก้าวเดิน​ #รีวิวการเดินทางฉบับไม่มีรถส่วนตัวพิชิตเขาวงพระจันทร์​ #คนเดียวก็ไปพิชิตเขาวงพระจันทร์ได้​ #กราบนมัสการรอยพระพุทธบาท​ #พิชิตยอดเขาวงพระจันทร์3790ขั้น​ #จังหวัดลพบุรี​ #คนเดียวก็เที่ยวได้​ #เขาวงพระจันทร์​ #thecampkhaowong​ #รถไฟ​ #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 1980 Views 943 0 Reviews
  • งานฤดูหนาวลพบุรี ณ โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย อำเภอเมืองฯ จังหวัดลพบุรี ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2567
    งานฤดูหนาวลพบุรี ณ โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย อำเภอเมืองฯ จังหวัดลพบุรี ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2567
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 414 Views 0 Reviews
More Results