• ครบ 2 เดือน ตึกสตง.ถล่ม
    ผู้ว่าฯมณเฑียรสบายดีมั้ย
    รองฯสุทธิพงษ์นอนตาหลับมั้ย
    คนใต้ตึกคิดถึงน้าาาาา
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ตึกสตง
    ครบ 2 เดือน ตึกสตง.ถล่ม ผู้ว่าฯมณเฑียรสบายดีมั้ย รองฯสุทธิพงษ์นอนตาหลับมั้ย คนใต้ตึกคิดถึงน้าาาาา #คิงส์โพธิ์แดง #ตึกสตง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ รดชาดการแพ้แบบผู้ชนะ แพ้แล้วรวยมันดีจริงๆ รู้งี้แกล้งแพ้มาตั้งนานแล้ว คิดจะแพ้คิดถึงเดชา
    #7ดอกจิก
    #ทนายเดชา
    #สิ่งที่เดชาต้องการ
    #ความพ่ายแพ้ที่หอมหวาน
    #คดีแตงโม
    ♣ รดชาดการแพ้แบบผู้ชนะ แพ้แล้วรวยมันดีจริงๆ รู้งี้แกล้งแพ้มาตั้งนานแล้ว คิดจะแพ้คิดถึงเดชา #7ดอกจิก #ทนายเดชา #สิ่งที่เดชาต้องการ #ความพ่ายแพ้ที่หอมหวาน #คดีแตงโม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปลี่ยนไปอยู่เมืองฟ้า
    ทิ้งบ้านนาแล้วรือคนเก่ง
    ลืมหนังลุงไอ้เท่ง
    บอกว่าเซ็งหมดสมัย
    ปล่อยฉานอยู่แต่สวน
    หาได้ชวนฉานไปกันไม่
    ใจโอ้ใจนวลไย
    เธอจากไปลืมบอกลา
    ทุกวันฉานคอยเธอกลับ
    นอนไม่หลับคิดถึงนักหนา
    ทนร้อนรุมอุรา
    เห็นภาพหน้าเธอลอยเวียนวน
    อยากไปอยู่เมืองฟ้า
    ทิ้งบ้านนาไปตามหน้ามล
    ทนโอ้ใจจำทน
    ฉานมันจนหาม่ายเฮินตาม
    เปลี่ยนไปอยู่เมืองฟ้า ทิ้งบ้านนาแล้วรือคนเก่ง ลืมหนังลุงไอ้เท่ง บอกว่าเซ็งหมดสมัย ปล่อยฉานอยู่แต่สวน หาได้ชวนฉานไปกันไม่ ใจโอ้ใจนวลไย เธอจากไปลืมบอกลา ทุกวันฉานคอยเธอกลับ นอนไม่หลับคิดถึงนักหนา ทนร้อนรุมอุรา เห็นภาพหน้าเธอลอยเวียนวน อยากไปอยู่เมืองฟ้า ทิ้งบ้านนาไปตามหน้ามล ทนโอ้ใจจำทน ฉานมันจนหาม่ายเฮินตาม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝากความคิดถึง ตราตรึงอยู่ในใจ #P_Aphiwatrungruengtiktok #คิดถึง #คีรีบูน #เพลงเพราะ #ว่างว่างก็แวะมา
    ฝากความคิดถึง ตราตรึงอยู่ในใจ #P_Aphiwatrungruengtiktok #คิดถึง #คีรีบูน #เพลงเพราะ #ว่างว่างก็แวะมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • จองที่นั่งสำหรับอาทิตย์ที่25/05/2568 ไม่ทันค่ะ พยายามทุกวิถีทาง ไม่ได้ไม่ทัน ท่านใดสามารถช่วยได้โปรดติดต่อ ปัทมา 083 088 2803 ขอซื้อต่อ 2ใบค่ะ ราคารวม600บาท ซื้อไม่ทันเพราะตอนที่สนธิประกาศแจ้ง ดิฉันติดเชื้อในกระแสเลือดนอนรพ 8วัน พอหายดี จองไม่ทัน บัตรหมด ขอเจ้าหน้าที่ว่า ขอเข้าไปนั่งตรงบันไดในหอประชุมก็ได้ แต่จะจ่ายค่าบัตร ก็ไม่สามารถค่ะ คิดถึงพี่น้องเอ๊ยมากๆค่ะ จากปัทมา พธม.ปากลัด
    จองที่นั่งสำหรับอาทิตย์ที่25/05/2568 ไม่ทันค่ะ พยายามทุกวิถีทาง ไม่ได้ไม่ทัน ท่านใดสามารถช่วยได้โปรดติดต่อ ปัทมา 083 088 2803 ขอซื้อต่อ 2ใบค่ะ ราคารวม600บาท ซื้อไม่ทันเพราะตอนที่สนธิประกาศแจ้ง ดิฉันติดเชื้อในกระแสเลือดนอนรพ 8วัน พอหายดี จองไม่ทัน บัตรหมด ขอเจ้าหน้าที่ว่า ขอเข้าไปนั่งตรงบันไดในหอประชุมก็ได้ แต่จะจ่ายค่าบัตร ก็ไม่สามารถค่ะ คิดถึงพี่น้องเอ๊ยมากๆค่ะ จากปัทมา พธม.ปากลัด
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • **เพลงฉู่รอบด้าน**

    สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันเกี่ยวกับเกร็ดเล็กๆ จากเรื่อง <จิ่วฉงจื่อ บุปผาเหนือลิขิต> ซึ่งในช่วงต้นมีฉากที่พระนางใส่หน้ากากร่วมทายคำปริศนาในเทศกาลโคมไฟ หนึ่งในปริศนานั้นมีคำใบ้จาก ‘เพลงฉู่’ โดยในซีรีส์แปลไว้ว่า “ฟังเพลงฉู่ปวดใจหนักหนา คิดถึงบ้านแล้วน้ำตาร่วงหล่น ยุทธการที่ไกเซี่ย เพลงฉู่กังวานรอบทิศ กองทัพฉู่คะนึงหาบ้านเกิด” และนางเอกต่อคำว่า “คิดถึงบ้านเกิดย่อมต้องกลับบ้าน” ก่อนจะเฉลยคำตอบว่าคือสมุนไพรจีนตังกุย

    เชื่อว่าต้องมีเพื่อนเพจไม่น้อยที่งงกับคำเฉลยนี้

    ที่มาของคำเฉลยนี้เป็นการเล่นคำ โดย ‘ตังกุย’ ประกอบด้วยสองอักษร ... อักษรแรก ‘ตัง’ แปลว่าแน่นอนหรือย่อมต้องทำ และอักษรที่สอง ‘กุย’ แปลว่ากลับหรือหวนคืน ซึ่งโดยปกติใช้กับการกลับบ้าน

    ที่มาของชื่อสมุนไพรตังกุยนี้ก็หลากหลาย แต่มันไม่ได้เกี่ยวกับเพลงฉู่แต่อย่างใด สรุปที่มาของชื่อตังกุยคือ ก) ในตำรายาโบราณบอกว่ามันช่วยทำให้เลือดไหลเวียนกลับคืนสู่จุดเดิม ข) ชาวบ้านพูดถึงกันทั่วไปว่ายานี้มีสรรพคุณบำรุงเลือดสำหรับสตรี เป็นยาสำคัญสำหรับภรรยา เปรียบได้กับสามีที่เดินทางไปไกลแล้วได้กลับมาบ้านให้ภรรยาได้ชุ่มชื่นหัวใจ โดยแนวคิดนี้ถูกสะท้อนออกมาในบทกวีสมัยถัง และ ค) มันเป็นสมุนไพรท้องถิ่นของพื้นที่ตังโจวในสมัยถัง และชื่อนี้มีมาแต่สมัยถังโดยก่อนหน้านี้มีชื่อเรียกว่า ‘ฉี’

    แล้ว ‘เพลงฉู่’ ล่ะ?

    เพื่อนเพจอาจเคยได้ยินถึง ‘เพลงฉู่’ จากสุภาษิตจีน ‘เพลงฉู่รอบด้าน’ (四面楚歌 / ซื่อเมี่ยนฉู่เกอ แปลตรงตัวว่า เพลงฉู่สี่ด้าน) จากเหตุการณ์ตอนที่กองทัพฉู่ของเซี่ยงอวี่ถูกทหารฮั่นของหลิวปังล้อมไว้ในหุบเขาไกเซี่ย โดยฝ่ายฮั่นใช้อุบายให้ทหารฮั่นร้องเพลงฉู่ เมื่อได้ยินเพลงจากบ้านเกิดก็ทำให้ทหารฉู่เกิดความรู้สึกคิดถึงบ้านและครอบครัวที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาเป็นเวลานาน ความฮึกเหิมถดถอย บ้างก็เข้าใจว่าฝั่งตรงข้ามมีเชลยศึกจำนวนมากจนมองไม่เห็นหนทางชนะและยอมแพ้ จนสุดท้ายเซี่ยงอวี่พาชายาและทหารที่เหลืออยู่น้อยนิดตีฝ่าวงล้อมออกไปแต่ก็ต้องจบชีวิตลงในที่สุด

    ฉาก ‘เพลงฉู่รอบด้าน’ นี้ถูกจารึกไว้โดยนักประวัติศาสตร์สมัยฮั่นนามว่าซือหม่าเชียนในบันทึกประวัติศาสตร์ฉบับชีวประวัติเซี่ยงอวี่ (项羽本纪) เพียงแต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นอุบายของกุนซือท่านใดฝ่ายฮั่น

    แล้ว ‘เพลงฉู่’ ที่ว่านี้คือเพลงอะไร? เรื่องนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันเพราะไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัด บ้างว่าเป็นเพลงใดเพลงหนึ่ง บ้างว่ามันเป็นการเรียกรวมเพลงพื้นบ้านจากชาวฉู่ ซึ่งในสมัยนั้นเพลงพื้นบ้านเหล่านี้มีเนื้อร้องลักษณะคล้ายบทกลอนสั้นไม่กี่วรรค อาจเป็นวรรคสี่อักษรหรือเจ็ดอักษร ออกเสียงเหมือนร้องเพลง ทวนซ้ำไปมา ง่ายต่อการจำและร้องติดปาก โดยเพลงฉู่มีเอกลักษณ์คือจะใช้คำว่า ‘ซี’ (兮) เป็นคำลงท้ายก่อนเว้นวรรคหรือคำเชื่อม แต่เป็นคำที่ไม่มีความหมายเฉพาะ ก็คล้ายกับ ‘นะ’ ‘แล่ะ’ ฯลฯ ทั้งนี้ เพลงฉู่โดยตัวมันเองไม่ได้ระบุเฉพาะเจาะจงว่าเป็นเพลงคิดถึงบ้าน เพียงแต่ส่วนใหญ่เป็นเพลงที่มีกลิ่นอายของอารมณ์เศร้าและถูกนำมาให้ในเหตุการณ์วงล้อมหุบเขาไกเซี่ยข้างต้นเพื่อกระตุ้นให้ทหารคิดถึงบ้านเกิด

    และสุภาษิตจีน ‘เพลงฉู่รอบด้าน’ ได้กลายมาเป็นวลีที่สะท้อนว่ากำลังถูกรายล้อมด้วยศัตรูหรือปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ หมายถึงสถานการณ์อันคับขันมากจนยากจะเอาตัวรอดได้นั่นเอง

    หมายเหตุ มีการแก้ไขบทความเพิ่มเติมให้ถูกต้อง ณ วันที่ 23/5/2025 เวลา 10.30น.

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก: http://yayusw.com/Article.asp?id=3224
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.cas.cn/kxcb/kpwz/201002/t20100209_2760500.shtml
    https://www.guwendianji.com/wenyanwen/17281.html
    https://baike.baidu.com/item/三国演义/5782
    https://baike.baidu.com/item/项羽本纪 /2115064
    https://www.sohu.com/a/620378890_121448078

    #จิ่วฉงจื่อ #สามก๊ก #เพลงฉู่ #เซี่ยงอวี่ #สาระจีน
    **เพลงฉู่รอบด้าน** สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันเกี่ยวกับเกร็ดเล็กๆ จากเรื่อง <จิ่วฉงจื่อ บุปผาเหนือลิขิต> ซึ่งในช่วงต้นมีฉากที่พระนางใส่หน้ากากร่วมทายคำปริศนาในเทศกาลโคมไฟ หนึ่งในปริศนานั้นมีคำใบ้จาก ‘เพลงฉู่’ โดยในซีรีส์แปลไว้ว่า “ฟังเพลงฉู่ปวดใจหนักหนา คิดถึงบ้านแล้วน้ำตาร่วงหล่น ยุทธการที่ไกเซี่ย เพลงฉู่กังวานรอบทิศ กองทัพฉู่คะนึงหาบ้านเกิด” และนางเอกต่อคำว่า “คิดถึงบ้านเกิดย่อมต้องกลับบ้าน” ก่อนจะเฉลยคำตอบว่าคือสมุนไพรจีนตังกุย เชื่อว่าต้องมีเพื่อนเพจไม่น้อยที่งงกับคำเฉลยนี้ ที่มาของคำเฉลยนี้เป็นการเล่นคำ โดย ‘ตังกุย’ ประกอบด้วยสองอักษร ... อักษรแรก ‘ตัง’ แปลว่าแน่นอนหรือย่อมต้องทำ และอักษรที่สอง ‘กุย’ แปลว่ากลับหรือหวนคืน ซึ่งโดยปกติใช้กับการกลับบ้าน ที่มาของชื่อสมุนไพรตังกุยนี้ก็หลากหลาย แต่มันไม่ได้เกี่ยวกับเพลงฉู่แต่อย่างใด สรุปที่มาของชื่อตังกุยคือ ก) ในตำรายาโบราณบอกว่ามันช่วยทำให้เลือดไหลเวียนกลับคืนสู่จุดเดิม ข) ชาวบ้านพูดถึงกันทั่วไปว่ายานี้มีสรรพคุณบำรุงเลือดสำหรับสตรี เป็นยาสำคัญสำหรับภรรยา เปรียบได้กับสามีที่เดินทางไปไกลแล้วได้กลับมาบ้านให้ภรรยาได้ชุ่มชื่นหัวใจ โดยแนวคิดนี้ถูกสะท้อนออกมาในบทกวีสมัยถัง และ ค) มันเป็นสมุนไพรท้องถิ่นของพื้นที่ตังโจวในสมัยถัง และชื่อนี้มีมาแต่สมัยถังโดยก่อนหน้านี้มีชื่อเรียกว่า ‘ฉี’ แล้ว ‘เพลงฉู่’ ล่ะ? เพื่อนเพจอาจเคยได้ยินถึง ‘เพลงฉู่’ จากสุภาษิตจีน ‘เพลงฉู่รอบด้าน’ (四面楚歌 / ซื่อเมี่ยนฉู่เกอ แปลตรงตัวว่า เพลงฉู่สี่ด้าน) จากเหตุการณ์ตอนที่กองทัพฉู่ของเซี่ยงอวี่ถูกทหารฮั่นของหลิวปังล้อมไว้ในหุบเขาไกเซี่ย โดยฝ่ายฮั่นใช้อุบายให้ทหารฮั่นร้องเพลงฉู่ เมื่อได้ยินเพลงจากบ้านเกิดก็ทำให้ทหารฉู่เกิดความรู้สึกคิดถึงบ้านและครอบครัวที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาเป็นเวลานาน ความฮึกเหิมถดถอย บ้างก็เข้าใจว่าฝั่งตรงข้ามมีเชลยศึกจำนวนมากจนมองไม่เห็นหนทางชนะและยอมแพ้ จนสุดท้ายเซี่ยงอวี่พาชายาและทหารที่เหลืออยู่น้อยนิดตีฝ่าวงล้อมออกไปแต่ก็ต้องจบชีวิตลงในที่สุด ฉาก ‘เพลงฉู่รอบด้าน’ นี้ถูกจารึกไว้โดยนักประวัติศาสตร์สมัยฮั่นนามว่าซือหม่าเชียนในบันทึกประวัติศาสตร์ฉบับชีวประวัติเซี่ยงอวี่ (项羽本纪) เพียงแต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นอุบายของกุนซือท่านใดฝ่ายฮั่น แล้ว ‘เพลงฉู่’ ที่ว่านี้คือเพลงอะไร? เรื่องนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันเพราะไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัด บ้างว่าเป็นเพลงใดเพลงหนึ่ง บ้างว่ามันเป็นการเรียกรวมเพลงพื้นบ้านจากชาวฉู่ ซึ่งในสมัยนั้นเพลงพื้นบ้านเหล่านี้มีเนื้อร้องลักษณะคล้ายบทกลอนสั้นไม่กี่วรรค อาจเป็นวรรคสี่อักษรหรือเจ็ดอักษร ออกเสียงเหมือนร้องเพลง ทวนซ้ำไปมา ง่ายต่อการจำและร้องติดปาก โดยเพลงฉู่มีเอกลักษณ์คือจะใช้คำว่า ‘ซี’ (兮) เป็นคำลงท้ายก่อนเว้นวรรคหรือคำเชื่อม แต่เป็นคำที่ไม่มีความหมายเฉพาะ ก็คล้ายกับ ‘นะ’ ‘แล่ะ’ ฯลฯ ทั้งนี้ เพลงฉู่โดยตัวมันเองไม่ได้ระบุเฉพาะเจาะจงว่าเป็นเพลงคิดถึงบ้าน เพียงแต่ส่วนใหญ่เป็นเพลงที่มีกลิ่นอายของอารมณ์เศร้าและถูกนำมาให้ในเหตุการณ์วงล้อมหุบเขาไกเซี่ยข้างต้นเพื่อกระตุ้นให้ทหารคิดถึงบ้านเกิด และสุภาษิตจีน ‘เพลงฉู่รอบด้าน’ ได้กลายมาเป็นวลีที่สะท้อนว่ากำลังถูกรายล้อมด้วยศัตรูหรือปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ หมายถึงสถานการณ์อันคับขันมากจนยากจะเอาตัวรอดได้นั่นเอง หมายเหตุ มีการแก้ไขบทความเพิ่มเติมให้ถูกต้อง ณ วันที่ 23/5/2025 เวลา 10.30น. (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: http://yayusw.com/Article.asp?id=3224 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.cas.cn/kxcb/kpwz/201002/t20100209_2760500.shtml https://www.guwendianji.com/wenyanwen/17281.html https://baike.baidu.com/item/三国演义/5782 https://baike.baidu.com/item/项羽本纪 /2115064 https://www.sohu.com/a/620378890_121448078 #จิ่วฉงจื่อ #สามก๊ก #เพลงฉู่ #เซี่ยงอวี่ #สาระจีน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 366 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา สรุปสาระสำคัญของศาสตราจารย์เจฟฟรี่ แซคส์ จากการสืบสวนรวบรวม 4.5 ปี และได้ความจริงที่ต้องเปิดเผยจากพระราชบัญญัติความโปร่งใสของข้อมูล • ไวรัสโควิดสร้างโดยมนุษย์ • หลักฐานต่างๆให้เห็นว่าโรคระบาดเกิดจากการหลุดรั่ว 99% • ไวรัสสร้างจาก นักวิทยาศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยnorth Carolina • ทุนจากกระทรวงกลาโหม DARPA ต้นตอคือ เฟาซี • โครงการ DEFUSE ต้องการสร้างไวรัสที่ร้ายแรงที่สุดและไปพ่นใส่ค้างคาวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อให้ติดเชื้อเสมือนกลายเป็นวัคซีนจะได้ทำให้ค้างคาวไม่เกิดติดเชื้อนี้ต่อ!!! • ทดสอบในสหรัฐเองพบว่าไวรัสที่สร้างขึ้น ติดค้างคาวในสหรัฐได้ แต่จุดประสงค์คือการนำไปใช้ในค้างคาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ • ส่งไวรัสนี้ ไปที่สถาบันวิจัยไวรัสอู๋ฮั่นทางเมล์!!!!! • เพื่อให้ไปทดสอบกับค้างคาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ • พบว่าค้างคาวเอเชีย"ไม่ติดเชื้อนี้" • แต่ในที่สุดไวรัสหลุดออกและระบาดไปทั่วโลก คนตายตามบันทึกอย่างน้อย 8,000,000 คนแต่อาจถึง 20,000,000 คน • ไวรัสสร้างขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ที่ปราดเปรื่อง • เมื่อเกิดเรื่อง มีการปกปิดทันที จากเฟาซี และ นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำที่มีส่วนได้ส่วนเสียการได้รับทุน และออกบทความในวารสารวิทยาศาสตร์ชั้นนำว่าเกิดจากธรรมชาติ และป้ายสีข้อมูลอื่นว่าเป็นทฤษฎีสมคบคิด และ พ่วงด้วยกันเซ็นเซอร์ข้อมูล • โศกนาฏกรรมนี้สอนให้รู้ว่า ยังไม่มีระบบควบคุมการกระทำของนักวิทยาศาสตร์ และเป็นไปได้อย่างไรที่หน่วยงาน องค์กรวิทยาศาสตร์ชั้นนำมีความคิดเช่นนี้ปล่อยให้เกิดการกระทำ ให้ทุนมหาศาลและไม่คิดถึงความเสี่ยงอันตรายที่เกิดขึ้นในทุกขั้นตอนความเลวร้าย จากนักวิทยาศาสตร์ปราดเปรื่องวิปริต สร้างไวรัสโควิดhttps://youtu.be/afK0mGXDF4o
    ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา สรุปสาระสำคัญของศาสตราจารย์เจฟฟรี่ แซคส์ จากการสืบสวนรวบรวม 4.5 ปี และได้ความจริงที่ต้องเปิดเผยจากพระราชบัญญัติความโปร่งใสของข้อมูล • ไวรัสโควิดสร้างโดยมนุษย์ • หลักฐานต่างๆให้เห็นว่าโรคระบาดเกิดจากการหลุดรั่ว 99% • ไวรัสสร้างจาก นักวิทยาศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยnorth Carolina • ทุนจากกระทรวงกลาโหม DARPA ต้นตอคือ เฟาซี • โครงการ DEFUSE ต้องการสร้างไวรัสที่ร้ายแรงที่สุดและไปพ่นใส่ค้างคาวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อให้ติดเชื้อเสมือนกลายเป็นวัคซีนจะได้ทำให้ค้างคาวไม่เกิดติดเชื้อนี้ต่อ!!! • ทดสอบในสหรัฐเองพบว่าไวรัสที่สร้างขึ้น ติดค้างคาวในสหรัฐได้ แต่จุดประสงค์คือการนำไปใช้ในค้างคาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ • ส่งไวรัสนี้ ไปที่สถาบันวิจัยไวรัสอู๋ฮั่นทางเมล์!!!!! • เพื่อให้ไปทดสอบกับค้างคาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ • พบว่าค้างคาวเอเชีย"ไม่ติดเชื้อนี้" • แต่ในที่สุดไวรัสหลุดออกและระบาดไปทั่วโลก คนตายตามบันทึกอย่างน้อย 8,000,000 คนแต่อาจถึง 20,000,000 คน • ไวรัสสร้างขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ที่ปราดเปรื่อง • เมื่อเกิดเรื่อง มีการปกปิดทันที จากเฟาซี และ นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำที่มีส่วนได้ส่วนเสียการได้รับทุน และออกบทความในวารสารวิทยาศาสตร์ชั้นนำว่าเกิดจากธรรมชาติ และป้ายสีข้อมูลอื่นว่าเป็นทฤษฎีสมคบคิด และ พ่วงด้วยกันเซ็นเซอร์ข้อมูล • โศกนาฏกรรมนี้สอนให้รู้ว่า ยังไม่มีระบบควบคุมการกระทำของนักวิทยาศาสตร์ และเป็นไปได้อย่างไรที่หน่วยงาน องค์กรวิทยาศาสตร์ชั้นนำมีความคิดเช่นนี้ปล่อยให้เกิดการกระทำ ให้ทุนมหาศาลและไม่คิดถึงความเสี่ยงอันตรายที่เกิดขึ้นในทุกขั้นตอนความเลวร้าย จากนักวิทยาศาสตร์ปราดเปรื่องวิปริต สร้างไวรัสโควิดhttps://youtu.be/afK0mGXDF4o
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 295 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส่วนตัวผมวันนี้ตื่นเกือบเที่ยง แต่ต้องนอนอีกเพราะฝนตกหนัก ตื่นอีกทีก็บ่ายครึ่งแหละ ว่าจะเก็บกาแฟไว้ใส่ดินเสริมฮอร์โมนพืชผักหน้าบ้านดีกว่า กินเป็นกาแฟดำเดี๋ยวแฮงค์และน็อก สุดท้ายก็ต้องหยุดกาแฟไปอีกยาวเลย สั่งไข่เยี่ยวม้าทอดกะเพราะหมูกรอบได้ ไข่เค็มทอดกะเพราหมูกรอบ ไม่เป็นไร กินเข้าไป ที่ไหนได้ ไข่เค็ม คิดถึงไชยาจริงๆ กุ้งก็อร่อย ไข่เค็มก็นัว กุ้งโตๆซอสไข่เค็มคือหรอยจังฮู้ ช่วงนี้ก็ทำอะไรให้เต็มที่เลย ทำเลยไม่ต้องลังเล ที่ผ่านมาก็ลังเลเยอะ เรื่องมาก สุดท้ายอยู่ที่เราคิดว่าจะทำอะไร ลองค้นพบตัวเอง แต่การที่ถูกคนในครอบครัวล้วงลูก บังคับบงการทุกอย่าง ยิ่งผมรู้สึกอึดอัด เพราะการค้นพบตัวเองเป็นสิ่งที่ผมชอบ ผิดเองที่รอให้คนอื่นมายัดเยียด ฉวยโอกาสบงการทั้งๆที่ผมสมควรจะลงมือทำ สร้างตัวตน เพื่อนหลายคนทำงานประจำ ส่วนผมก็ได้ทำงานประจำ แต่เป็นลูกจ้างชั่วคราว เงินเดือนหมื่นต้นๆ ไม่ใช่ 35000 นี่แหละชีวิตที่ยอมให้คนอื่นบงการ พยายามบงการสุดท้ายผมก็ลำบากใจครับ
    ส่วนตัวผมวันนี้ตื่นเกือบเที่ยง แต่ต้องนอนอีกเพราะฝนตกหนัก ตื่นอีกทีก็บ่ายครึ่งแหละ ว่าจะเก็บกาแฟไว้ใส่ดินเสริมฮอร์โมนพืชผักหน้าบ้านดีกว่า กินเป็นกาแฟดำเดี๋ยวแฮงค์และน็อก สุดท้ายก็ต้องหยุดกาแฟไปอีกยาวเลย สั่งไข่เยี่ยวม้าทอดกะเพราะหมูกรอบได้ ไข่เค็มทอดกะเพราหมูกรอบ ไม่เป็นไร กินเข้าไป ที่ไหนได้ ไข่เค็ม คิดถึงไชยาจริงๆ กุ้งก็อร่อย ไข่เค็มก็นัว กุ้งโตๆซอสไข่เค็มคือหรอยจังฮู้ ช่วงนี้ก็ทำอะไรให้เต็มที่เลย ทำเลยไม่ต้องลังเล ที่ผ่านมาก็ลังเลเยอะ เรื่องมาก สุดท้ายอยู่ที่เราคิดว่าจะทำอะไร ลองค้นพบตัวเอง แต่การที่ถูกคนในครอบครัวล้วงลูก บังคับบงการทุกอย่าง ยิ่งผมรู้สึกอึดอัด เพราะการค้นพบตัวเองเป็นสิ่งที่ผมชอบ ผิดเองที่รอให้คนอื่นมายัดเยียด ฉวยโอกาสบงการทั้งๆที่ผมสมควรจะลงมือทำ สร้างตัวตน เพื่อนหลายคนทำงานประจำ ส่วนผมก็ได้ทำงานประจำ แต่เป็นลูกจ้างชั่วคราว เงินเดือนหมื่นต้นๆ ไม่ใช่ 35000 นี่แหละชีวิตที่ยอมให้คนอื่นบงการ พยายามบงการสุดท้ายผมก็ลำบากใจครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 139 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภรรยาฟ้องหย่าหลัง ChatGPT ทำนายว่าสามีมีชู้จากกากกาแฟ

    เรื่องราวสุดแปลกนี้เกิดขึ้นในกรีซ เมื่อหญิงคนหนึ่ง ใช้ ChatGPT วิเคราะห์กากกาแฟของสามี และได้รับคำทำนายว่าเขากำลัง คิดจะมีความสัมพันธ์กับหญิงสาวที่มีชื่อขึ้นต้นด้วยตัว E และต่อมา AI ยังทำนายว่า เขาได้เริ่มต้นความสัมพันธ์นี้แล้ว ทำให้เธอตัดสินใจ ฟ้องหย่าโดยไม่บอกสามีล่วงหน้า

    ✅ หญิงชาวกรีซใช้ ChatGPT วิเคราะห์กากกาแฟของสามี
    - เป็นการทดลอง AI tasseography ซึ่งเป็นศาสตร์พยากรณ์ที่ใช้กากกาแฟหรือใบชา

    ✅ ChatGPT ทำนายว่าสามีกำลังคิดถึงหญิงสาวที่มีชื่อขึ้นต้นด้วย E
    - ต่อมา AI ระบุว่าเขาได้เริ่มต้นความสัมพันธ์แล้ว

    ✅ ภรรยาตัดสินใจฟ้องหย่าโดยไม่บอกสามีล่วงหน้า
    - เธอแจ้งลูก ๆ และส่งเรื่องให้ทนายความทันที

    ✅ สามีปฏิเสธข้อกล่าวหาและพยายามอธิบายว่าเป็นเรื่องไร้สาระ
    - เขาให้สัมภาษณ์ว่า ภรรยามักเชื่อเรื่องพยากรณ์และเคยไปพบหมอดูมาก่อน

    ✅ ทนายของสามีโต้แย้งว่า AI ไม่มีสถานะทางกฎหมายในการให้คำพยากรณ์
    - ชี้ว่า คำทำนายจาก AI ไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานในศาลได้

    https://www.techspot.com/news/107925-woman-divorces-husband-after-chatgpt-reads-coffee-grounds.html
    ภรรยาฟ้องหย่าหลัง ChatGPT ทำนายว่าสามีมีชู้จากกากกาแฟ เรื่องราวสุดแปลกนี้เกิดขึ้นในกรีซ เมื่อหญิงคนหนึ่ง ใช้ ChatGPT วิเคราะห์กากกาแฟของสามี และได้รับคำทำนายว่าเขากำลัง คิดจะมีความสัมพันธ์กับหญิงสาวที่มีชื่อขึ้นต้นด้วยตัว E และต่อมา AI ยังทำนายว่า เขาได้เริ่มต้นความสัมพันธ์นี้แล้ว ทำให้เธอตัดสินใจ ฟ้องหย่าโดยไม่บอกสามีล่วงหน้า ✅ หญิงชาวกรีซใช้ ChatGPT วิเคราะห์กากกาแฟของสามี - เป็นการทดลอง AI tasseography ซึ่งเป็นศาสตร์พยากรณ์ที่ใช้กากกาแฟหรือใบชา ✅ ChatGPT ทำนายว่าสามีกำลังคิดถึงหญิงสาวที่มีชื่อขึ้นต้นด้วย E - ต่อมา AI ระบุว่าเขาได้เริ่มต้นความสัมพันธ์แล้ว ✅ ภรรยาตัดสินใจฟ้องหย่าโดยไม่บอกสามีล่วงหน้า - เธอแจ้งลูก ๆ และส่งเรื่องให้ทนายความทันที ✅ สามีปฏิเสธข้อกล่าวหาและพยายามอธิบายว่าเป็นเรื่องไร้สาระ - เขาให้สัมภาษณ์ว่า ภรรยามักเชื่อเรื่องพยากรณ์และเคยไปพบหมอดูมาก่อน ✅ ทนายของสามีโต้แย้งว่า AI ไม่มีสถานะทางกฎหมายในการให้คำพยากรณ์ - ชี้ว่า คำทำนายจาก AI ไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานในศาลได้ https://www.techspot.com/news/107925-woman-divorces-husband-after-chatgpt-reads-coffee-grounds.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Woman divorces husband after ChatGPT reads his coffee grounds and predicts affair
    Rather than using ChatGPT's image skills to create Studio Ghibli-style pictures, a Greek woman decided to experiment with the trend of AI tasseography – a form of...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • สัปดาห์นี้มาโพสต์เร็วกว่าปกติ วันนี้เราคุยกันเบาๆ ว่าด้วยวลีจีนคลาสสิกอีกประโยคหนึ่ง

    ความมีอยู่ว่า
    ... ตี้จวิน: “แต่ข้าต้องออกไปนานนัก”
    เฟิ่งจิ่ว: “นานนัก คือนานเท่าใด? สองสามเดือน?”
    ตี้จวินส่ายศีรษะ
    เฟิ่งจิ่ว: “สองสามปี?”
    ตี้จวินส่ายศีรษะอีกแล้วเอ่ย: “อย่างไรก็ต้องมีหลายวัน”
    เฟิ่งจิ่ว: “ไม่กี่วัน? ท่านพูดราวกับว่านานนัก”
    ตี้จวิน: “หนึ่งวันมิเห็นหน้า ดุจห่างกันสามสารทฤดู”...
    - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <สามชาติสามภพ ลิขิตเหนือเขนย> (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า)

    ‘หนึ่งวันมิเห็นหน้า ดุจห่างกันสามสารทฤดู’ (一日不见,如隔三秋) นี้เป็นหนึ่งวลีคลาสสิกที่ใช้กันบ่อยในละครหรือนิยายจีนเวลาที่พระนางเขาต้องห่างกันไป ความหมายคือคิดถึงนัก แม้จากกันประเดี๋ยวเดียวก็เหมือนนานมาก

    เชื่อว่าเพื่อนเพจไม่น้อย (รวมถึงนักแปลมืออาชีพหลายคน) คงเข้าใจว่า ‘สามสารทฤดู’ นี้แปลว่าสามปี แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ค่ะ

    วลีนี้ยกมาจากบทกวีที่ชื่อว่า ‘หวางเฟิง-ฉ่ายเก๋อ’ (王风·采葛) เป็นหนึ่งในบทกวีที่ปรากฏอยู่ในบันทึกบทกวีจีนโบราณ ‘ซือจิง’ (诗经) เป็นบทกวีจากยุคสมัยราชวงศ์โจว (1046-256 ปีก่อนคริสตกาล) ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง แต่เป็นคำบรรยายถึงความโหยหาคิดถึง โดยมีฉากหลังเป็นฤดูเก็บเกี่ยวซึ่งโดยปกติคือ ‘ชิว’ หรือสารทฤดู มีทั้งหมดสามวรรคแปลใจความได้ดังนี้
    นางผู้เก็บต้นเก๋อนั้น ไม่เห็นหนึ่งวัน ดุจสามเดือน
    นางผู้เก็บต้นเซียวนั้น ไม่เห็นหนึ่งวัน ดุจสามสารทฤดู
    นางผู้เก็บต้นอ๋ายนั้น ไม่เห็นหนึ่งวัน ดุจสามปี

    ในบริบทของบทกวี ‘หวางเฟิง-ฉ่ายเก๋อ’ ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ จะเห็นว่ามี ‘เดือน’ ‘สารทฤดู’ และ ‘ปี’ ดังนั้น เมื่อเรียงประโยคตามนี้ผู้อ่านคงตีความได้ไม่ยากแล้วว่า ‘สามสารทฤดู’ นี้จริงๆ แล้วหมายถึงช่วงเวลาสามฤดูกาล หรือประมาณ 9 เดือนนั่นเอง

    หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ต่อเพื่อนเพจที่แต่งนิยายหรือแปลนิยายจีนนะคะ

    (หมายเหตุ ‘ต้นเก๋อ’ คือต้นมันชนิดหนึ่ง เรียกว่ามันเท้ายายม่อม ใช้ประโยชน์ได้หลายส่วนของต้น; ‘ต้นเซียว’ เป็นไม้พุ่มเตี้ยชนิดหนึ่ง ใบมีสรรพคุณเป็นยา ภาษาอังกฤษเรียกว่า Wormwood; ‘ต้นอ๋าย’ หรืออ๋ายเถียวเป็นสมุนไพรจีนชนิดหนึ่งนิยมนำมาใช้เป็นโกฐรมยา)

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://mydramalist.com/photos/eVR3n
    https://www.sohu.com/a/474755225_419393
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.gushiji.cc/gushi/170.html
    https://baike.baidu.com/item/王风·采葛
    https://www.sohu.com/a/462824147_120340030
    https://kknews.cc/zh-hk/culture/yjyjpxk.html

    #สารทฤดู #วลีจีน #ลิขิตเหนือเขนย #บทกวีจีนโบราณ
    สัปดาห์นี้มาโพสต์เร็วกว่าปกติ วันนี้เราคุยกันเบาๆ ว่าด้วยวลีจีนคลาสสิกอีกประโยคหนึ่ง ความมีอยู่ว่า ... ตี้จวิน: “แต่ข้าต้องออกไปนานนัก” เฟิ่งจิ่ว: “นานนัก คือนานเท่าใด? สองสามเดือน?” ตี้จวินส่ายศีรษะ เฟิ่งจิ่ว: “สองสามปี?” ตี้จวินส่ายศีรษะอีกแล้วเอ่ย: “อย่างไรก็ต้องมีหลายวัน” เฟิ่งจิ่ว: “ไม่กี่วัน? ท่านพูดราวกับว่านานนัก” ตี้จวิน: “หนึ่งวันมิเห็นหน้า ดุจห่างกันสามสารทฤดู”... - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <สามชาติสามภพ ลิขิตเหนือเขนย> (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า) ‘หนึ่งวันมิเห็นหน้า ดุจห่างกันสามสารทฤดู’ (一日不见,如隔三秋) นี้เป็นหนึ่งวลีคลาสสิกที่ใช้กันบ่อยในละครหรือนิยายจีนเวลาที่พระนางเขาต้องห่างกันไป ความหมายคือคิดถึงนัก แม้จากกันประเดี๋ยวเดียวก็เหมือนนานมาก เชื่อว่าเพื่อนเพจไม่น้อย (รวมถึงนักแปลมืออาชีพหลายคน) คงเข้าใจว่า ‘สามสารทฤดู’ นี้แปลว่าสามปี แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ค่ะ วลีนี้ยกมาจากบทกวีที่ชื่อว่า ‘หวางเฟิง-ฉ่ายเก๋อ’ (王风·采葛) เป็นหนึ่งในบทกวีที่ปรากฏอยู่ในบันทึกบทกวีจีนโบราณ ‘ซือจิง’ (诗经) เป็นบทกวีจากยุคสมัยราชวงศ์โจว (1046-256 ปีก่อนคริสตกาล) ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง แต่เป็นคำบรรยายถึงความโหยหาคิดถึง โดยมีฉากหลังเป็นฤดูเก็บเกี่ยวซึ่งโดยปกติคือ ‘ชิว’ หรือสารทฤดู มีทั้งหมดสามวรรคแปลใจความได้ดังนี้ นางผู้เก็บต้นเก๋อนั้น ไม่เห็นหนึ่งวัน ดุจสามเดือน นางผู้เก็บต้นเซียวนั้น ไม่เห็นหนึ่งวัน ดุจสามสารทฤดู นางผู้เก็บต้นอ๋ายนั้น ไม่เห็นหนึ่งวัน ดุจสามปี ในบริบทของบทกวี ‘หวางเฟิง-ฉ่ายเก๋อ’ ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ จะเห็นว่ามี ‘เดือน’ ‘สารทฤดู’ และ ‘ปี’ ดังนั้น เมื่อเรียงประโยคตามนี้ผู้อ่านคงตีความได้ไม่ยากแล้วว่า ‘สามสารทฤดู’ นี้จริงๆ แล้วหมายถึงช่วงเวลาสามฤดูกาล หรือประมาณ 9 เดือนนั่นเอง หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ต่อเพื่อนเพจที่แต่งนิยายหรือแปลนิยายจีนนะคะ (หมายเหตุ ‘ต้นเก๋อ’ คือต้นมันชนิดหนึ่ง เรียกว่ามันเท้ายายม่อม ใช้ประโยชน์ได้หลายส่วนของต้น; ‘ต้นเซียว’ เป็นไม้พุ่มเตี้ยชนิดหนึ่ง ใบมีสรรพคุณเป็นยา ภาษาอังกฤษเรียกว่า Wormwood; ‘ต้นอ๋าย’ หรืออ๋ายเถียวเป็นสมุนไพรจีนชนิดหนึ่งนิยมนำมาใช้เป็นโกฐรมยา) (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://mydramalist.com/photos/eVR3n https://www.sohu.com/a/474755225_419393 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.gushiji.cc/gushi/170.html https://baike.baidu.com/item/王风·采葛 https://www.sohu.com/a/462824147_120340030 https://kknews.cc/zh-hk/culture/yjyjpxk.html #สารทฤดู #วลีจีน #ลิขิตเหนือเขนย #บทกวีจีนโบราณ
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 366 มุมมอง 0 รีวิว
  • Evolution
    พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
    9 พ.ค. 2567
    =====================
    .
    ประเด็นหนึ่งที่ผมมักพูดให้นักเรียนผมฟัง หลายชั้นเรียน หลายคาบวิชา หลายกิจกรรม ต่างกรรมต่างวาระ ในห้วงเวลากว่ายี่สิบปีที่ผ่านมา คือประเด็นที่ว่าด้วยกระบวนการส่งผ่านความรู้
    .
    โลกที่เจริญก้าวหน้ามาได้ทุกวันนี้ เป็นเพราะกระบวนการส่งต่อความรู้นี่แหละ ผ่านรุ่นต่อรุ่นมาหลายพันปี ตั้งแต่ยังไม่มีตัวหนังสือให้ใช้ขีดเขียนบันทึก
    .
    บรรพบุรุษของมนุษย์เซเปี้ยนส์รุ่นแรกๆ ที่อพยพจากแอฟริกาเมื่อราวแสนกว่าปีก่อน นักวิชาการเชื่อกันว่าพวกเขามีภาษาพูดของตนเองแล้ว ก่อนจะอพยพไปยังดินแดนส่วนอื่นๆ ในโลก ที่จุดนั้น กระบวนการเรียนรู้อย่างเป็นระบบก็เริ่มต้นขึ้น ลองถอยไปคิดถึงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญก่อนหน้านั้นที่ทำให้มนุษย์โบราณรอดจากการสูญพันธุ์มาได้ นั่นคือเมื่อพวกเขาค้นพบการจุดไฟเป็นครั้งแรก จะด้วยวิธีการปั่นให้เสียดสีกันของไม้ หรือการใช้หินกระเทาะกันก็ตาม สิ่งเหล่านี้ต้องสอนกันเพื่อให้ทำได้ถูกต้อง ปฐมบทของเทคโนโลยีได้บังเกิดขึ้น เพื่อให้อยู่รอด ลูกหลานพวกเขาจะต้องเรียนรู้วิธีการพวกนี้
    .
    เครื่องมือมากมายเริ่มถูกคิดค้นเรื่อยมา นับแต่ขวานหิน หลาวไม้ ฯลฯ เมื่อถึงยุคที่เซเปี้ยนส์พ่อคนฉลาดปรากฏขึ้นบนโลก พวกเขามีเครื่องนุ่งห่มป้องกันความหนาว รู้จักว่าอะไรเป็นยา อะไรเป็นพิษ สังเกตุธรรมชาติและฤดูกาล สังเกตุพฤติกรรมสัตว์และวงจรของมัน จนแม้กระทั่งก้าวหน้าจนสามารถหลอมโลหะ..
    .
    แน่นอนว่าในบรรดาความรู้ทั้งหลายที่ค้นพบ ภาษาคือสิ่งที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุด มันคือเครื่องมือสื่อสารที่ทำให้มนุษย์ทำงานเป็นทีมได้ หากไม่มีภาษามนุษย์จะไม่สามารถล่าสัตว์ใหญ่อย่างแมมมอธได้ เพราะการล่าสัตว์ใหญ่ขนาดนี้ต้องมีการประสานงานสั่งการในการเข้าโจมตีเป็นทีม ผลพวงก็อย่างที่เราได้รู้ พวกมันถูกล่าจนสูญพันธ์ไปหมด เห็นได้ว่าการทำงานเป็นทีมของมนุษย์โบราณพวกนี้มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง เมื่อมีภาษา การเรียนการสอนในโลกครั้งแรกก็เริ่มขึ้น เมื่อมีความรู้ จากนี้พวกเขาจะพร้อมไปพิชิตโลก
    .
    ทั้งสิ้นทั้งปวง นับแต่เทคโนโลยีแรกเกิดขึ้น การจุดไฟ การทำเครื่องมือ แทกติคในการล่า ข้อมูลเกี่ยวกับพืช สัตว์ อาหาร ฤดูกาล อันตรายต่างๆ ฯลฯ จะถูกถ่ายทอดจากคนรุ่นก่อนไปสู่คนรุ่นใหม่ ทักษะต่างๆ ในชีวิต การแก้ปัญหาและการเอาตัวรอดในสถานะการณ์ต่างๆ จะถูกถ่ายทอดอย่างใกล้ชิดจากคนรุ่นก่อนที่มีประสบการณ์โชกโชนมาแล้ว เช่น จากพ่อ จากปู่ ไปสู่ลูก สู่หลาน ไม่ใช่แค่การบอกเล่าสั่งสอน พวกเขาจะคอยเฝ้าดูให้คนหนุ่มสาวเหล่านั้นได้ฝึกฝนปฏิบัติสิ่งต่างๆ ตามคำแนะนำ เฝ้าประกบตั้งแต่การล่าสัตว์ตัวแรก ไปถึงการมีส่วนร่วมในกิจกรรมหรือพิธีกรรมต่างๆ จนกระทั่งมีความพร้อมที่จะทำสิ่งเหล่านั้นได้โดยลำพังและสอนต่อแก่ผู้อื่น พัฒนาจนมีทักษะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการล่า หรือความเข้าใจในเรื่องอื่นๆ ที่สำคัญ อันจะนำพาให้ชีวิตรอดและเติบโตก้าวหน้าต่อไป จากปฐมบทนี้ มนุษย์สั่งสมความรู้แล้วส่งต่อมาเรื่อย แตกแขนงเป็นสรรพวิชาความรู้ต่างๆ มากมายเหลือคณานับ
    .
    ถ้าเราลองมาพิจารณาดูสักมุมมองหนึ่ง เช่นด้านศิลปะ ที่จุดแรกของการสร้างสรรค์ นึกภาพว่าเมื่อครูคนแรกได้ค้นพบว่า ดินบางชนิดมีคุณสมบัติที่จะนำมาใช้เป็นสีในการวาดภาพได้ ครูคนหนึ่งค้นพบเทคนิคแรกของ stencil ด้วยการเอาดินพวกนั้นผสมน้ำอมเข้าไว้ในปากแล้วพ่นใส่ผ่านมือทำให้เกิดเป็นภาพรอยมือปรากฏบนผนังถ้ำ บางคนใช้นิ้วมือจิ้มดินสีเขียนเป็นภาพคนและสัตว์ แน่นอนว่ามีการสอนต่อกัน เราได้เห็นภาพเขียนโบราณที่ใช้เทคนิคเดียวกันนี้ในหลายแห่งทั่วโลก จุดเริ่มต้นนี้ หากไม่เกิดขึ้น จะไม่มีการประดิษฐ์พู่กัน หมึก และสีมากมายหลายชนิดขึ้นในโลก ซึ่งในที่สุดนำไปสู่การสร้างสรรค์เครื่องมือ วิธีการอันน่าทึ่งต่างๆ และแนวคิดในการสร้างสรรค์อันน่าอัศจรรย์ของศิลปะในโลก
    .
    กระบวนการเรียนรู้และส่งต่อนั้น มันมีลำดับขั้นที่เป็นผลต่อเนื่อง เราไม่อาจปฏิเสธข้อเท็จจริงของปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เกิดการพัฒนาเหล่านั้นได้ เมื่อครูศิลปะคนแรกของโลกเรียนรู้ สมมุติเล่นๆ ให้เห็นภาพ ลองยกตัวอย่างการค้นพบดินสอว่าเป็นเครื่องมือศิลปะอันแรกอย่างหนึ่ง ครูคนแรกผู้นี้อาจใช้เวลาทั้งชีวิตของเขาในการค้นหาวัสดุหลายอย่างที่จะนำมาขีดเขียนให้เป็นเส้นสายสีดำเช่นนั้นได้ เขาจะต้องทดลองถ่านหลายชนิด รวมทั้งจะต้องแก้ปัญหาว่าถ่านชนิดที่เอามาใช้ จะทำอย่างไรไม่ให้เลอะมือ ไม่เปราะและหักง่ายเกินไป ลองคิดจินตนาการว่า เมื่อแรกเริ่มมีดินสอนั้น ผู้ที่คิดค้นมันขึ้นมาน่าจะต้องผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะได้ดินสอหนึ่งแท่ง คนยุคหลังที่เกิดขึ้นมาก็มีดินสอรออยู่ในมือแล้ว ย่อมไม่รู้ว่าคนที่คิดค้นมันต้องผ่านอุปสรรคอะไรมา
    .
    นี่แค่พูดถึงเครื่องมือ แต่เมื่อพูดถึงว่าครูศิลปะคนแรกที่นำดินสอมาเขียนรูป เขายังจะต้องฝึกฝนทักษะในการที่จะควบคุมดินสอนั้นให้เกิดเส้นสายลวดลายต่างๆ ต้องเข้าใจผลที่เกิดจากดินสอที่ถูกเหลาจนคม ผลจากการที่ดินสอทู่ลง ผลจากการตะแคงดินสอใช้ด้านข้างถูให้เกิดแถบที่อ่อนนุ่มกว่า.. กระบวนการทั้งหลายในการพัฒนาทักษะของการใช้ดินสอเช่นนี้ เมื่อผ่านห้วงเวลาทั้งชีวิตของครูศิลปะผู้นี้ อาจหลอมรวมเวลาหลายปี เมื่อครูผู้นี้เริ่มสอน เขาอาจใช้ชีวิตในการวาดรูปด้วยดินสอมาเป็นเวลายี่สิบปี เนื่องจากเขาคือครูคนแรกอย่างที่เราสมมุติ ทั้งโลกและตัวเขาไม่มีต้นทุนมาก่อน ยี่สิบปีของเขาคือเวลาที่เริ่มต้นสั่งสมของมนุษยชาติ แต่เมื่อเขาเริ่มสอนให้แก่ศิษย์คนแรก ประสบการณ์ ความรู้ และทักษะที่สั่งสมมาของเขาตลอดยี่สิบปี สามารถถ่ายทอดให้แก่ศิษย์ในเวลาไม่กี่ปี ถ้าเปรียบเทียบกับมหาวิทยาลัยทุกวันนี้ ก็จะเห็นว่าอาจารย์ไม่ว่าจะมีวัยวุฒิคุณวุฒิเท่าใด มีหน้าที่ที่จะถ่ายทอดสิ่งที่เขารู้ให้แก่ศิษย์ภายในเวลาสั้นๆ เพียงแค่สี่ห้าปี
    .
    กระบวนการส่งต่อจึงสำคัญเช่นนี้ อย่างที่สมมุติตัวอย่าง ศิษย์ใช้เวลาสี่ปีในการเรียนรู้ทักษะความรู้ยี่สิบปีของครูคนก่อน เขาไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูก ครูคั้นเอาแก่นที่บ่มเพาะมาแล้วมาสอนให้ จากนั้น.. ถ้าไม่ใช่ศิษย์ที่ล้มเหลว เขาก็คงจะใช้ช่วงเวลาในชีวิตของเขาต่อไปในการหาความรู้เพิ่มเติมต่อยอดจากความรู้ยี่สิบปีของครูคนก่อนที่ส่งผ่านมาให้เขา เมื่อถึงจุดที่เขาเริ่มเป็นครูให้กับคนรุ่นต่อจากเขาบ้าง เขาอาจมีประสบการณ์ความรู้และทักษะของเขาเพิ่มเติมมาอีกยี่สิบปี รวมกับความรู้ที่รับมาจากครูคนแรกยี่สิบปี เท่ากับสี่สิบปี ดังนั้นศิษย์ที่มาเรียนกับเขา จะใช้เวลาแค่สี่ปีในการเรียนความรู้ที่สั่งสมมาสี่สิบปี เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ในแต่ละรุ่นก็จะทบทวีเช่นนี้เป็นอัตราทวีคูณ เร็วขึ้นจนแต่ละครั้งเป็นก้าวกระโดด จนกระทั่งมนุษย์ไปอวกาศ..
    .
    ลองคิดดูว่า หากปราศจากการส่งต่อความรู้เช่นนี้ ถ้าคนรุ่นใหม่แต่ละรุ่น ต้องไปค้นหาเรียนรู้นับจากศูนย์ด้วยตัวเอง มนุษย์คงไม่พัฒนามาจนถึงจุดที่ยืนอยู่ในทุกวันนี้ ซึ่งยืนหยัดอย่างมั่นคงอยู่บนฐานความรู้ที่สั่งสมและส่งผ่านมานับพันปี ไม่ใช่ว่าแต่ละคนจะเกิดขึ้นมาแล้วรู้ทุกอย่างได้เองโดยไม่ต้องเรียน หรือความรู้จะผุดโผล่ออกมาเองได้จากอากาศธาตุ
    .
    ด้วยกระบวนการส่งต่อความรู้เช่นนี้นี่เอง จากวันที่มนุษย์มีภาษาและประสานงานกันล่าแมมมอธ มาถึงวันนี้มนุษย์สามารถประดิษฐ์ควอนตัมคอมพิวเตอร์ได้ ด้วยสรรพความรู้ที่สั่งสมสั่งสอนกันมาเรื่อยๆ นับพันปี โลกจึงก่อเกิดเป็นศาสตร์วิทยาการมากมายนับไม่ถ้วน ดังนั้นผมจึงพูดบ่อยๆ กับนักเรียนของผมว่า การสอน การถ่ายทอดความรู้ ที่จริงไม่ใช่คุณธรรมอันยิ่งใหญ่อันใด แต่เป็นหน้าที่ของมนุษย์อย่างหนึ่งที่จะต้องกระทำด้วยความใส่ใจยิ่ง แม้ท่านมิได้มีอาชีพเป็นครูโดยตรง ท่านก็ควรจะมีคุณสมบัติอันมีประโยชน์บางอย่างที่สั่งสมมาพอจะสอนได้ อย่างน้อยก็คือการอบรมบุตรหลานให้เป็นมนุษย์ที่มีคุณภาพแก่โลก ภาระนี้จะทำให้มนุษย์ยังคงก้าวหน้าพัฒนาต่อไป ทั้งด้านความรู้ สติปัญญา และระดับของจิตใจ
    .
    จริงอยู่ที่ความแก่ ความเก่า เป็นสภาวะทางสังขารอันไม่เที่ยงแท้
    แต่คนฉลาดอย่างเช่นไอน์สไตน์ แม้เมื่อชราลงจนอาจไม่มีแรงก้าวเดิน
    เขาก็จะเสียชีวิตลงในขณะที่ความเฉลียวฉลาดของเขายังคงอยู่กับเขาจนวินาทีสุดท้าย
    คนแก่ ไม่ได้แปลว่า คนโง่ เช่นเดียวกับ คนหนุ่ม ไม่ได้แปลว่า ฉลาด
    โบราณว่า ขิงแก่ย่อมเผ็ดร้อน ฉันใดฉันนั้น
    .
    บรรดาวิทยาการสมัยใหม่ที่พวกท่านได้เสพได้ใช้ได้ปรนเปรอในวันนี้
    ปฏิเสธไม่ได้ว่าสร้างมาจากการถากถางค้นพบของคนรุ่นก่อนท่านทั้งนั้น
    ลองนึกดูว่า หากท่านไปเกิดอยู่บนเกาะร้างสักแห่งที่ไม่มีใครให้ความรู้
    ท่านจะเติบโตพัฒนาขึ้นมาจนกลายเป็นศิลปินหรือผู้มีชื่อเสียงได้หรือไม่
    ตัวท่านเองนอกจากต้องสำนึกแล้ว ก็จะต้องถามตัวเองด้วยว่า
    ท่านจะพึงกระทำหน้าที่ของมนุษย์ในการจะส่งความรู้ให้รุ่นต่อไปหรือไม่
    และได้ทำคุณประโยชน์ใดให้แก่มนุษย์รุ่นต่อจากท่านบ้าง
    ท่านได้ต่อยอดความรู้นับพันปีที่ได้งอกเงยอยู่ในตัวท่านอย่างไร
    เพื่อที่ว่าวันนึงเมื่อท่านกลายเป็น คนแก่อีกคนหนึ่ง
    คนรุ่นใหม่จะได้รำลึกถึงท่านในคุณูปการที่ท่านได้ฝากไว้แก่โลกนี้
    .
    .
    Evolution พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา 9 พ.ค. 2567 ===================== . ประเด็นหนึ่งที่ผมมักพูดให้นักเรียนผมฟัง หลายชั้นเรียน หลายคาบวิชา หลายกิจกรรม ต่างกรรมต่างวาระ ในห้วงเวลากว่ายี่สิบปีที่ผ่านมา คือประเด็นที่ว่าด้วยกระบวนการส่งผ่านความรู้ . โลกที่เจริญก้าวหน้ามาได้ทุกวันนี้ เป็นเพราะกระบวนการส่งต่อความรู้นี่แหละ ผ่านรุ่นต่อรุ่นมาหลายพันปี ตั้งแต่ยังไม่มีตัวหนังสือให้ใช้ขีดเขียนบันทึก . บรรพบุรุษของมนุษย์เซเปี้ยนส์รุ่นแรกๆ ที่อพยพจากแอฟริกาเมื่อราวแสนกว่าปีก่อน นักวิชาการเชื่อกันว่าพวกเขามีภาษาพูดของตนเองแล้ว ก่อนจะอพยพไปยังดินแดนส่วนอื่นๆ ในโลก ที่จุดนั้น กระบวนการเรียนรู้อย่างเป็นระบบก็เริ่มต้นขึ้น ลองถอยไปคิดถึงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญก่อนหน้านั้นที่ทำให้มนุษย์โบราณรอดจากการสูญพันธุ์มาได้ นั่นคือเมื่อพวกเขาค้นพบการจุดไฟเป็นครั้งแรก จะด้วยวิธีการปั่นให้เสียดสีกันของไม้ หรือการใช้หินกระเทาะกันก็ตาม สิ่งเหล่านี้ต้องสอนกันเพื่อให้ทำได้ถูกต้อง ปฐมบทของเทคโนโลยีได้บังเกิดขึ้น เพื่อให้อยู่รอด ลูกหลานพวกเขาจะต้องเรียนรู้วิธีการพวกนี้ . เครื่องมือมากมายเริ่มถูกคิดค้นเรื่อยมา นับแต่ขวานหิน หลาวไม้ ฯลฯ เมื่อถึงยุคที่เซเปี้ยนส์พ่อคนฉลาดปรากฏขึ้นบนโลก พวกเขามีเครื่องนุ่งห่มป้องกันความหนาว รู้จักว่าอะไรเป็นยา อะไรเป็นพิษ สังเกตุธรรมชาติและฤดูกาล สังเกตุพฤติกรรมสัตว์และวงจรของมัน จนแม้กระทั่งก้าวหน้าจนสามารถหลอมโลหะ.. . แน่นอนว่าในบรรดาความรู้ทั้งหลายที่ค้นพบ ภาษาคือสิ่งที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุด มันคือเครื่องมือสื่อสารที่ทำให้มนุษย์ทำงานเป็นทีมได้ หากไม่มีภาษามนุษย์จะไม่สามารถล่าสัตว์ใหญ่อย่างแมมมอธได้ เพราะการล่าสัตว์ใหญ่ขนาดนี้ต้องมีการประสานงานสั่งการในการเข้าโจมตีเป็นทีม ผลพวงก็อย่างที่เราได้รู้ พวกมันถูกล่าจนสูญพันธ์ไปหมด เห็นได้ว่าการทำงานเป็นทีมของมนุษย์โบราณพวกนี้มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง เมื่อมีภาษา การเรียนการสอนในโลกครั้งแรกก็เริ่มขึ้น เมื่อมีความรู้ จากนี้พวกเขาจะพร้อมไปพิชิตโลก . ทั้งสิ้นทั้งปวง นับแต่เทคโนโลยีแรกเกิดขึ้น การจุดไฟ การทำเครื่องมือ แทกติคในการล่า ข้อมูลเกี่ยวกับพืช สัตว์ อาหาร ฤดูกาล อันตรายต่างๆ ฯลฯ จะถูกถ่ายทอดจากคนรุ่นก่อนไปสู่คนรุ่นใหม่ ทักษะต่างๆ ในชีวิต การแก้ปัญหาและการเอาตัวรอดในสถานะการณ์ต่างๆ จะถูกถ่ายทอดอย่างใกล้ชิดจากคนรุ่นก่อนที่มีประสบการณ์โชกโชนมาแล้ว เช่น จากพ่อ จากปู่ ไปสู่ลูก สู่หลาน ไม่ใช่แค่การบอกเล่าสั่งสอน พวกเขาจะคอยเฝ้าดูให้คนหนุ่มสาวเหล่านั้นได้ฝึกฝนปฏิบัติสิ่งต่างๆ ตามคำแนะนำ เฝ้าประกบตั้งแต่การล่าสัตว์ตัวแรก ไปถึงการมีส่วนร่วมในกิจกรรมหรือพิธีกรรมต่างๆ จนกระทั่งมีความพร้อมที่จะทำสิ่งเหล่านั้นได้โดยลำพังและสอนต่อแก่ผู้อื่น พัฒนาจนมีทักษะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการล่า หรือความเข้าใจในเรื่องอื่นๆ ที่สำคัญ อันจะนำพาให้ชีวิตรอดและเติบโตก้าวหน้าต่อไป จากปฐมบทนี้ มนุษย์สั่งสมความรู้แล้วส่งต่อมาเรื่อย แตกแขนงเป็นสรรพวิชาความรู้ต่างๆ มากมายเหลือคณานับ . ถ้าเราลองมาพิจารณาดูสักมุมมองหนึ่ง เช่นด้านศิลปะ ที่จุดแรกของการสร้างสรรค์ นึกภาพว่าเมื่อครูคนแรกได้ค้นพบว่า ดินบางชนิดมีคุณสมบัติที่จะนำมาใช้เป็นสีในการวาดภาพได้ ครูคนหนึ่งค้นพบเทคนิคแรกของ stencil ด้วยการเอาดินพวกนั้นผสมน้ำอมเข้าไว้ในปากแล้วพ่นใส่ผ่านมือทำให้เกิดเป็นภาพรอยมือปรากฏบนผนังถ้ำ บางคนใช้นิ้วมือจิ้มดินสีเขียนเป็นภาพคนและสัตว์ แน่นอนว่ามีการสอนต่อกัน เราได้เห็นภาพเขียนโบราณที่ใช้เทคนิคเดียวกันนี้ในหลายแห่งทั่วโลก จุดเริ่มต้นนี้ หากไม่เกิดขึ้น จะไม่มีการประดิษฐ์พู่กัน หมึก และสีมากมายหลายชนิดขึ้นในโลก ซึ่งในที่สุดนำไปสู่การสร้างสรรค์เครื่องมือ วิธีการอันน่าทึ่งต่างๆ และแนวคิดในการสร้างสรรค์อันน่าอัศจรรย์ของศิลปะในโลก . กระบวนการเรียนรู้และส่งต่อนั้น มันมีลำดับขั้นที่เป็นผลต่อเนื่อง เราไม่อาจปฏิเสธข้อเท็จจริงของปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เกิดการพัฒนาเหล่านั้นได้ เมื่อครูศิลปะคนแรกของโลกเรียนรู้ สมมุติเล่นๆ ให้เห็นภาพ ลองยกตัวอย่างการค้นพบดินสอว่าเป็นเครื่องมือศิลปะอันแรกอย่างหนึ่ง ครูคนแรกผู้นี้อาจใช้เวลาทั้งชีวิตของเขาในการค้นหาวัสดุหลายอย่างที่จะนำมาขีดเขียนให้เป็นเส้นสายสีดำเช่นนั้นได้ เขาจะต้องทดลองถ่านหลายชนิด รวมทั้งจะต้องแก้ปัญหาว่าถ่านชนิดที่เอามาใช้ จะทำอย่างไรไม่ให้เลอะมือ ไม่เปราะและหักง่ายเกินไป ลองคิดจินตนาการว่า เมื่อแรกเริ่มมีดินสอนั้น ผู้ที่คิดค้นมันขึ้นมาน่าจะต้องผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะได้ดินสอหนึ่งแท่ง คนยุคหลังที่เกิดขึ้นมาก็มีดินสอรออยู่ในมือแล้ว ย่อมไม่รู้ว่าคนที่คิดค้นมันต้องผ่านอุปสรรคอะไรมา . นี่แค่พูดถึงเครื่องมือ แต่เมื่อพูดถึงว่าครูศิลปะคนแรกที่นำดินสอมาเขียนรูป เขายังจะต้องฝึกฝนทักษะในการที่จะควบคุมดินสอนั้นให้เกิดเส้นสายลวดลายต่างๆ ต้องเข้าใจผลที่เกิดจากดินสอที่ถูกเหลาจนคม ผลจากการที่ดินสอทู่ลง ผลจากการตะแคงดินสอใช้ด้านข้างถูให้เกิดแถบที่อ่อนนุ่มกว่า.. กระบวนการทั้งหลายในการพัฒนาทักษะของการใช้ดินสอเช่นนี้ เมื่อผ่านห้วงเวลาทั้งชีวิตของครูศิลปะผู้นี้ อาจหลอมรวมเวลาหลายปี เมื่อครูผู้นี้เริ่มสอน เขาอาจใช้ชีวิตในการวาดรูปด้วยดินสอมาเป็นเวลายี่สิบปี เนื่องจากเขาคือครูคนแรกอย่างที่เราสมมุติ ทั้งโลกและตัวเขาไม่มีต้นทุนมาก่อน ยี่สิบปีของเขาคือเวลาที่เริ่มต้นสั่งสมของมนุษยชาติ แต่เมื่อเขาเริ่มสอนให้แก่ศิษย์คนแรก ประสบการณ์ ความรู้ และทักษะที่สั่งสมมาของเขาตลอดยี่สิบปี สามารถถ่ายทอดให้แก่ศิษย์ในเวลาไม่กี่ปี ถ้าเปรียบเทียบกับมหาวิทยาลัยทุกวันนี้ ก็จะเห็นว่าอาจารย์ไม่ว่าจะมีวัยวุฒิคุณวุฒิเท่าใด มีหน้าที่ที่จะถ่ายทอดสิ่งที่เขารู้ให้แก่ศิษย์ภายในเวลาสั้นๆ เพียงแค่สี่ห้าปี . กระบวนการส่งต่อจึงสำคัญเช่นนี้ อย่างที่สมมุติตัวอย่าง ศิษย์ใช้เวลาสี่ปีในการเรียนรู้ทักษะความรู้ยี่สิบปีของครูคนก่อน เขาไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูก ครูคั้นเอาแก่นที่บ่มเพาะมาแล้วมาสอนให้ จากนั้น.. ถ้าไม่ใช่ศิษย์ที่ล้มเหลว เขาก็คงจะใช้ช่วงเวลาในชีวิตของเขาต่อไปในการหาความรู้เพิ่มเติมต่อยอดจากความรู้ยี่สิบปีของครูคนก่อนที่ส่งผ่านมาให้เขา เมื่อถึงจุดที่เขาเริ่มเป็นครูให้กับคนรุ่นต่อจากเขาบ้าง เขาอาจมีประสบการณ์ความรู้และทักษะของเขาเพิ่มเติมมาอีกยี่สิบปี รวมกับความรู้ที่รับมาจากครูคนแรกยี่สิบปี เท่ากับสี่สิบปี ดังนั้นศิษย์ที่มาเรียนกับเขา จะใช้เวลาแค่สี่ปีในการเรียนความรู้ที่สั่งสมมาสี่สิบปี เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ในแต่ละรุ่นก็จะทบทวีเช่นนี้เป็นอัตราทวีคูณ เร็วขึ้นจนแต่ละครั้งเป็นก้าวกระโดด จนกระทั่งมนุษย์ไปอวกาศ.. . ลองคิดดูว่า หากปราศจากการส่งต่อความรู้เช่นนี้ ถ้าคนรุ่นใหม่แต่ละรุ่น ต้องไปค้นหาเรียนรู้นับจากศูนย์ด้วยตัวเอง มนุษย์คงไม่พัฒนามาจนถึงจุดที่ยืนอยู่ในทุกวันนี้ ซึ่งยืนหยัดอย่างมั่นคงอยู่บนฐานความรู้ที่สั่งสมและส่งผ่านมานับพันปี ไม่ใช่ว่าแต่ละคนจะเกิดขึ้นมาแล้วรู้ทุกอย่างได้เองโดยไม่ต้องเรียน หรือความรู้จะผุดโผล่ออกมาเองได้จากอากาศธาตุ . ด้วยกระบวนการส่งต่อความรู้เช่นนี้นี่เอง จากวันที่มนุษย์มีภาษาและประสานงานกันล่าแมมมอธ มาถึงวันนี้มนุษย์สามารถประดิษฐ์ควอนตัมคอมพิวเตอร์ได้ ด้วยสรรพความรู้ที่สั่งสมสั่งสอนกันมาเรื่อยๆ นับพันปี โลกจึงก่อเกิดเป็นศาสตร์วิทยาการมากมายนับไม่ถ้วน ดังนั้นผมจึงพูดบ่อยๆ กับนักเรียนของผมว่า การสอน การถ่ายทอดความรู้ ที่จริงไม่ใช่คุณธรรมอันยิ่งใหญ่อันใด แต่เป็นหน้าที่ของมนุษย์อย่างหนึ่งที่จะต้องกระทำด้วยความใส่ใจยิ่ง แม้ท่านมิได้มีอาชีพเป็นครูโดยตรง ท่านก็ควรจะมีคุณสมบัติอันมีประโยชน์บางอย่างที่สั่งสมมาพอจะสอนได้ อย่างน้อยก็คือการอบรมบุตรหลานให้เป็นมนุษย์ที่มีคุณภาพแก่โลก ภาระนี้จะทำให้มนุษย์ยังคงก้าวหน้าพัฒนาต่อไป ทั้งด้านความรู้ สติปัญญา และระดับของจิตใจ . จริงอยู่ที่ความแก่ ความเก่า เป็นสภาวะทางสังขารอันไม่เที่ยงแท้ แต่คนฉลาดอย่างเช่นไอน์สไตน์ แม้เมื่อชราลงจนอาจไม่มีแรงก้าวเดิน เขาก็จะเสียชีวิตลงในขณะที่ความเฉลียวฉลาดของเขายังคงอยู่กับเขาจนวินาทีสุดท้าย คนแก่ ไม่ได้แปลว่า คนโง่ เช่นเดียวกับ คนหนุ่ม ไม่ได้แปลว่า ฉลาด โบราณว่า ขิงแก่ย่อมเผ็ดร้อน ฉันใดฉันนั้น . บรรดาวิทยาการสมัยใหม่ที่พวกท่านได้เสพได้ใช้ได้ปรนเปรอในวันนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าสร้างมาจากการถากถางค้นพบของคนรุ่นก่อนท่านทั้งนั้น ลองนึกดูว่า หากท่านไปเกิดอยู่บนเกาะร้างสักแห่งที่ไม่มีใครให้ความรู้ ท่านจะเติบโตพัฒนาขึ้นมาจนกลายเป็นศิลปินหรือผู้มีชื่อเสียงได้หรือไม่ ตัวท่านเองนอกจากต้องสำนึกแล้ว ก็จะต้องถามตัวเองด้วยว่า ท่านจะพึงกระทำหน้าที่ของมนุษย์ในการจะส่งความรู้ให้รุ่นต่อไปหรือไม่ และได้ทำคุณประโยชน์ใดให้แก่มนุษย์รุ่นต่อจากท่านบ้าง ท่านได้ต่อยอดความรู้นับพันปีที่ได้งอกเงยอยู่ในตัวท่านอย่างไร เพื่อที่ว่าวันนึงเมื่อท่านกลายเป็น คนแก่อีกคนหนึ่ง คนรุ่นใหม่จะได้รำลึกถึงท่านในคุณูปการที่ท่านได้ฝากไว้แก่โลกนี้ . .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 451 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันที่สมองซีกซ้ายกับซีกขวาคืนดีกัน

    ชีวิตของ "อ๋อง" เคยเหมือนเรือลำเล็กที่ลอยเคว้งคว้างอยู่กลางทะเลหมอกหนาทึบ เขามักจมอยู่กับ "อดีต" (Past) วนเวียนคิดถึงแต่ "สาเหตุ" (Cause) ของความผิดพลาด ความล้มเหลวต่างๆ ที่ฝังใจ จนกลายเป็น "อาการ" (Symptoms) ของความท้อแท้ ไม่มั่นใจ และมองไม่เห็นทางไปต่อในปัจจุบัน สมองซีกซ้ายที่เต็มไปด้วยเหตุผลและคำตำหนิ กับสมองซีกขวาที่โหยหาความฝันและความสุข ดูเหมือนจะทำงานขัดแย้งกันอยู่ตลอดเวลา
    วันหนึ่ง อ๋องได้รู้จักกับแนวคิด NLP Coaching ผ่านเว็บไซต์หนึ่ง เหมือนมีแสงสว่างเล็กๆ ส่องเข้ามาในม่านหมอก เขาลองเปิดใจศึกษา ค่อยๆ เรียนรู้วิธีสำรวจความคิด ความเชื่อที่จำกัดตัวเอง และทำความเข้าใจว่าสิ่งที่คอยฉุดรั้งเขาไว้นั้นมาจากไหน

    กระบวนการโค้ชชิ่งพาอ๋องกลับมาโฟกัสที่ "ปัจจุบัน" (Now) สอนให้เขาใช้ "พลังสร้างสรรค์ปัจจุบัน" ที่มีอยู่ในตัว ดึงเอาศักยภาพที่ซ่อนอยู่ออกมา เขาเริ่มฝึกตั้ง "เป้าหมาย" (Outcome) ที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น "เป้าหมายในอีก 10 สัปดาห์ข้างหน้า" หรือการใช้หลักการ "10.10.10" เพื่อมองภาพความสำเร็จในระยะสั้น กลาง ยาว รวมถึงการจัดลำดับความสำคัญด้วย "Rule of 5" หรือ 5 สิ่งที่สำคัญที่สุดในแต่ละวัน

    อ๋องเริ่มฝึกมอง "ผลลัพธ์" ที่ต้องการ และจินตนาการถึง "ผลกระทบ" (Impact) ที่จะเกิดขึ้นเมื่อเขาทำสำเร็จ ภาพความสำเร็จที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นแรงผลักดันมหาศาล แม้ในช่วงแรกจะมีบางวันที่เขาท้อแท้ หรือเผลอกลับไปคิดถึงเรื่องเก่าๆ แต่เขาก็ถูกสอนให้ใช้มุมมองที่ว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นมันดีเสมอ" เพื่อเป็นบทเรียนและก้าวต่อไป

    จากคนที่เคยมองโลกในแง่ลบ อ๋องค่อยๆ เปลี่ยนไป เขามีพลังมากขึ้น มีความหวัง มองเห็นเส้นทางข้างหน้าชัดเจนขึ้น เขารู้สึกเหมือนได้ปลดล็อกตัวเอง (Breakthrough Success) และก้าวข้ามกำแพงที่มองไม่เห็นซึ่งเคยขวางกั้นเขาไว้มานาน ชีวิตของเขากำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล...

    หลายปีผ่านไป...
    ชายคนหนึ่งกำลังวาด Mind Map แผ่นนั้นอย่างตั้งใจ บนกระดาษปรากฏภาพสมองซีกซ้าย-ขวา ก้อนเมฆแห่งความคิด และลูกศรที่ชี้จากอดีตสู่อนาคต เขาวาดมันขึ้นมาเพื่อเตรียมใช้สอนและโค้ชชิ่งให้กับลูกศิษย์คนใหม่ ที่กำลังเผชิญกับปัญหาคล้ายๆ กับที่เขาเคยเจอ

    เขามอง Mind Map แผ่นนั้นด้วยรอยยิ้มบางๆ นึกถึงการเดินทางของตัวเอง จาก "อ๋อง" เด็กหนุ่มที่เคยหลงทาง สู่ "อ.หม่อม" หรือ ศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์ พรหมบุตร ผู้ก่อตั้งแบรนด์ “Life Alignmentor” (www.lifealignmentor.com) ในวันนี้

    ใช่แล้ว... เรื่องราวทั้งหมดคือประสบการณ์ตรงของเขาเอง วันที่สมองซีกซ้ายกับซีกขวาของเขาได้เรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกันอย่างทรงพลัง และเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล เพื่อส่งต่อพลังนั้นให้กับคนอื่นๆ ต่อไป

    www.lifealignmentor.com
    วันที่สมองซีกซ้ายกับซีกขวาคืนดีกัน ชีวิตของ "อ๋อง" เคยเหมือนเรือลำเล็กที่ลอยเคว้งคว้างอยู่กลางทะเลหมอกหนาทึบ เขามักจมอยู่กับ "อดีต" (Past) วนเวียนคิดถึงแต่ "สาเหตุ" (Cause) ของความผิดพลาด ความล้มเหลวต่างๆ ที่ฝังใจ จนกลายเป็น "อาการ" (Symptoms) ของความท้อแท้ ไม่มั่นใจ และมองไม่เห็นทางไปต่อในปัจจุบัน สมองซีกซ้ายที่เต็มไปด้วยเหตุผลและคำตำหนิ กับสมองซีกขวาที่โหยหาความฝันและความสุข ดูเหมือนจะทำงานขัดแย้งกันอยู่ตลอดเวลา วันหนึ่ง อ๋องได้รู้จักกับแนวคิด NLP Coaching ผ่านเว็บไซต์หนึ่ง เหมือนมีแสงสว่างเล็กๆ ส่องเข้ามาในม่านหมอก เขาลองเปิดใจศึกษา ค่อยๆ เรียนรู้วิธีสำรวจความคิด ความเชื่อที่จำกัดตัวเอง และทำความเข้าใจว่าสิ่งที่คอยฉุดรั้งเขาไว้นั้นมาจากไหน กระบวนการโค้ชชิ่งพาอ๋องกลับมาโฟกัสที่ "ปัจจุบัน" (Now) สอนให้เขาใช้ "พลังสร้างสรรค์ปัจจุบัน" ที่มีอยู่ในตัว ดึงเอาศักยภาพที่ซ่อนอยู่ออกมา เขาเริ่มฝึกตั้ง "เป้าหมาย" (Outcome) ที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น "เป้าหมายในอีก 10 สัปดาห์ข้างหน้า" หรือการใช้หลักการ "10.10.10" เพื่อมองภาพความสำเร็จในระยะสั้น กลาง ยาว รวมถึงการจัดลำดับความสำคัญด้วย "Rule of 5" หรือ 5 สิ่งที่สำคัญที่สุดในแต่ละวัน อ๋องเริ่มฝึกมอง "ผลลัพธ์" ที่ต้องการ และจินตนาการถึง "ผลกระทบ" (Impact) ที่จะเกิดขึ้นเมื่อเขาทำสำเร็จ ภาพความสำเร็จที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นแรงผลักดันมหาศาล แม้ในช่วงแรกจะมีบางวันที่เขาท้อแท้ หรือเผลอกลับไปคิดถึงเรื่องเก่าๆ แต่เขาก็ถูกสอนให้ใช้มุมมองที่ว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นมันดีเสมอ" เพื่อเป็นบทเรียนและก้าวต่อไป จากคนที่เคยมองโลกในแง่ลบ อ๋องค่อยๆ เปลี่ยนไป เขามีพลังมากขึ้น มีความหวัง มองเห็นเส้นทางข้างหน้าชัดเจนขึ้น เขารู้สึกเหมือนได้ปลดล็อกตัวเอง (Breakthrough Success) และก้าวข้ามกำแพงที่มองไม่เห็นซึ่งเคยขวางกั้นเขาไว้มานาน ชีวิตของเขากำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล... หลายปีผ่านไป... ชายคนหนึ่งกำลังวาด Mind Map แผ่นนั้นอย่างตั้งใจ บนกระดาษปรากฏภาพสมองซีกซ้าย-ขวา ก้อนเมฆแห่งความคิด และลูกศรที่ชี้จากอดีตสู่อนาคต เขาวาดมันขึ้นมาเพื่อเตรียมใช้สอนและโค้ชชิ่งให้กับลูกศิษย์คนใหม่ ที่กำลังเผชิญกับปัญหาคล้ายๆ กับที่เขาเคยเจอ เขามอง Mind Map แผ่นนั้นด้วยรอยยิ้มบางๆ นึกถึงการเดินทางของตัวเอง จาก "อ๋อง" เด็กหนุ่มที่เคยหลงทาง สู่ "อ.หม่อม" หรือ ศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์ พรหมบุตร ผู้ก่อตั้งแบรนด์ “Life Alignmentor” (www.lifealignmentor.com) ในวันนี้ ใช่แล้ว... เรื่องราวทั้งหมดคือประสบการณ์ตรงของเขาเอง วันที่สมองซีกซ้ายกับซีกขวาของเขาได้เรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกันอย่างทรงพลัง และเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล เพื่อส่งต่อพลังนั้นให้กับคนอื่นๆ ต่อไป www.lifealignmentor.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 390 มุมมอง 0 รีวิว
  • 03-05-68/01 : หมี CNN / "FRIDAY JASON" ศุกร์ สยิวกิ้ว! EP17

    วันศุกร์เสือกไปโพส 3 แยกปากหมาก่อน วันอาทิตย์เลยต้องสลับ FRIDAY JASON มาแทน จะได้ลงตัว เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง?

    E-DOK มรึงยังมีหน้าเรียกตัวเองว่า "แพทย์ศาลา" อีกเหรอ คนทั้งแผ่นดินรู้ว่าสตอรี่ชั้น 14 มันคือเรืองโกหกตอแหล ควายยังไม่กล้าแถขนาดนี้เลย? เพิ่งจะมาฟันเหี้ยอะไรตอนนี้ เชือดเหี้ยให้เหี้ยดูแค่ 2 ตัว คิดว่าจะรอดเหรอ? สังคมเค้าลงดาบมรึงไปเรียบร้อยโรงเรียนหมาวัดนานแล้ว หมอสมัยนี้ อย่าได้ถามจรรยาบรรณ ไม่ใช่ทั้งหมดจะเหี้ย แต่ส่วนใหญ่หาแดร๊กทั้งนั้น ไม่ต่างอะไรกับโรงเชือด ตั้งแต่อีโรงพยาบาลทุนนิยมเหี้ยสามานย์เข้ามา มันให้คอมมิชั่น เอ๊ะอะ อะไร ก็จับเอ๊กซ์เรย์ ฟันนำร่องก่อนเสมอ ไม่ใช่ทุกคนจะมีตังค์น่ะมรึง 30 บาท ประกันสังคม ยังต้องรอคิวยาวเป็นหางว่าว แค่เปรดนรกตัวเดียว มรึงกล้าเอาแพทย์ศาลามาเสี่ยง มันคุ้มเหรอ ที่จะอุ้มเหี้ยไม่กี่ตัว? รับงาน รับเงินใครเค้ามา หรือว่าแม้แต่เก้าอี้ผู้นำศาลามรึง เค้าก็ให้มรึงมาสิน่ะ? คอรัปชั่นตัวเดียว ฉิบหายทั้งแผ่นดิน! จีนถึงได้กวาดล้าง และได้ขอมายังวังไทยด้วยเช่นกัน ถึงเวลาทำความสะอาดบ้านแล้วท่าน!

    อเมริกันแพ้ยับแล้ว เยเมนประกาศชัยชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทะเลแดง บินรบ โดรนพันล้าน ร่วงนับ 100 ลำ เรือบรรทุกเครื่องบินพังยับเข้าอู่ซ่อม 5 ลำ ลำที่ 6 เพิ่งจะมา ยังโดนสอย ถามจริง แล้วไอ้ที่มรึงขนกันมาทั้งยุโรป จะบุกแปซิฟิคเนี่ย มรึงรู้จัก "ตงเฟิง" ดีแค่ไหน ลูกเดียว จมเรือบรรทุกเครื่องบินทั้งลำสบายตรีน $6000 ล้านเหรียญ แลกกับ $350000 คุ้มมั้ยล่ะ? ยังไม่นับชีวิตลูกเรือบนเรืออีกนับพันตัว อีทรัมปป์เริ่มกังวลหนัก หมดงบประมาณทางทหารไปเยอะ แล้วกูจะหาเงินที่ไหนมาเติมกันล่ะ? ความโง่ไม่เคยปราณีใคร? หากไม่ยุ่ง ไม่แตะสงคราม มรึงยังจะเหลือเงินเอาไปอุ้มปากท้องประชาชนได้มากกว่านี้ แต่ที่ไม่ทำ เพราะมรึงต้องการให้มันลงถนนไงล่ะ? แต่แผนจะล่มก่อนน่ะสิ เพราะตอนนี้ อีพรรคลามันรุกมรึงหนักเหลือเกิน ทั้งเอาสภามาขู่ ทั้งเอากฎหมายมาอ้าง พ่วงม็อบเติมเงินลงถนนขับไล่อีทรัมปป์ทั้งแผ่นดิน อ้าว..ไหง อ้างปชต. แต่เสือกจะรัฐประหารซะเอง นี่ไง ธาตุแท้ ตัวจริงมรึง?

    F-16 รุ่นคุณปู่ เก่าเก็บ อีทรัมปป์ยกให้อีเสี้ยนยา นี่ไง เหตุผลที่ปูตินไม่เชื่อแผนสันติภาพเหี้ยมาตั้งแต่ต้น ใครเชื่อก็โง่ยิ่งกว่าควาย แค่ยื้อเวลา หยุดเลือดไหล แข่งอะไรก็แข่งได้ แต่แข่งบุญ วาสนา อย่าริมาเทียบ ยูเครนมันตายห่าไปนานแล้ว แต่ที่รัสเซียยังสนุปเล่นอยู่ ก็เพื่อสิ่งนี้แหละ ให้พวกมรึงถมอาวุธ เงิน กำลังพล มาตายห่าฟรี เพื่อที่มรึงจะได้ไม่มีเหลือ ยามที่กูบุกไปตีท้ายครัว เจาะไข่แดงมรึงถึงเมืองหลวงไงล่ะ? อียูเครน มันหมูในอวยอยู่แล้ว คามือปูตินนานแล้ว ส่งมาอีก กูก็เผาเรียบวุธอีก บางสื่ออ้าง ผลาญอาวุธเก่าเพื่อหาซื้อของใหม่ ถามกลับ มรึงผลิตทันเหรอ แค่วันนี้ ขั้วใหม่บุกยุโรป อเมริกา มรึงจะเอาเหี้ยอะไรไปต้านเค้า นุ๊กมรึงทั้งเก่า ทั้งช้า แถมมีจำกัด ติดบ่วงสงครามซะเอง จนโง่หัวไม่ขึ้น ส่งผลอะไรรู้มั้ย? ดอลล่าร์ตาย อาวุธขายไม่ออก เรือสินค้าเดินไม่ได้ นี่มันโลจิสติค เส้นเลือดใหญ่มรึงน่ะเนี่ย?

    กยศ.เละเทะ หาแดร๊กกับเยาวชนไทย การศึกษาที่ลูกหลานไทยควรได้โอกาส ไม่ใช่กู้มาเพื่อล่มจม อนาคตชาติยังต้องจ่ายเยอะ มรึงคิดว่าต่อไปเด็กจะเริ่มตั้งต้นได้ยังไง? เริ่มจากหนี้หัวบานตะไท ลุงสนธิ อัดยับ ไอ้อีผู้ใหญ่ที่บ่อนทำลายอนาคตชาติตัวเอง หลายกระทรวงที่ทำลายรากฐานเยาวชนไทย เพราะเหี้ยมันชุม ทั้งหมด ต่างเห็นเต็มตา แต่ยังไม่มีใครเข้าไปล้างบางทั้งระบบได้ ถึงได้บอกว่า งานนี้ มันต้องล้างป่าช้า ยกโคตรระบบหาแดร๊กทั้งหมด คนเดียวที่ทำได้คือวัง และสิ่งเดียวที่มันจะทำให้เกิดขึ้นจริงได้คือ "มวลมหาประชาชน นั่นเอง" เหี้ยผู้ใหญ่บ้านเมืองนี้ ที่มาจากลากตั้ง มันคิดแต่จะหาแดร๊กกับเด็ก เพราะไร้ปัญญาจะต่อกร ให้แดร๊กนมบูดก็แดร๊กไปสิ ให้ใช้แทปเล็ตเสื่อม ก็ใช้ไปตามภาษาสิจ๊ะ อย่าเรียกร้อง ให้ในสิ่งที่ไม่ได้ขอ ยัดเหยียดในสิ่งที่กูไม่อยากได้ (ใจเด็กมันด่าไงล่ะ) ทุนเรียน อาหาร สำคัญกว่าเยอะ ทำไม ไม่ให้ฟรี ดีออก? เพราะมันแดร๊กได้น้อยสิน่ะ?

    กระสันอยากจะขายชาติแดร๊กกันจังน่ะมรึง? บทกลียุค เขาชงให้เหี้ยสุดซอย อีภูมิเหี้ย จะสั่งถอยกองกำลังออกจากปราสาทตาเมืองธม แต่ทหารไม่ฟังจ๊ะ แผ่นดินพ่อกู ใครสั่งให้มรึงบุกรุก มีเหรอ ผู้รุกรานจะย่ำยีอธิปไตยไทย แต่เราเสือกถอย อ้างกลัวมีปัญหา ต้องให้เค้าเข้ายึดก่อนรึไง? เรื่องนี้ไม่ต้องหัวร้อน บอกไปแล้วไงล่ะว่า ทหารเค้าไม่ได้ฟังไอ้อีฝ่ายการเมืองต็อกต๋อยดอกน่ะ เค้าปฎิบัติหน้าที่กันเอง ตามสัญชาตญานนักรบ มีหน้าที่เฝ้าแผ่นดิน ก็ต้องเฝ้าอยู่อย่างงั้น จะให้กูไปไหนกันล่ะ? ทหารอีขะแมร์แค่ขี้ตรีน ที่มันกร่างขนาดนี้ เพราะอีเหลี่ยมไปชงให้อีฮุนเซนเหี้ย เข้ามาตีกินพื้นที่แนวกันชนไทย ทหารเค้ารู้หมด หน่วยข่าวกรองเค้าถึงกันหมด แต่ขอโทษน่ะ หากไทยจะเอาจริง แค่วันเดียว บุกถล่มถึงพนมเปญยังได้ ฉะนั้น ไอ้เรื่องเสียดินแดนอย่าได้หวัง แม้แต่ปราสาทเขาพระวิหารที่อ้างว่าเสียดินแดนไปให้แล้วน่ะ ถึงเวลาจริง ไทยผนวกอีขะแมร์เข้ามาเป็นส่วนนึงของสยามประเทศ มรึงยังจะคิดถึงปราสาทเขาวิหารอีกมั้ยล่ะ? ไม่ใช่แค่ไม่เสีย แต่กำลังจะได้แดร๊ก ได้กลืนแม่งทั้งประเทศ รอดูต่อไป คิวอีฮุนเซนมาถึงแล้ว จีนไม่เก็บไว้แล้วจ๊ะ อสรพิษ ไม่เลี้ยง!

    ต้องเหี้ยให้สุด ต้องระยำได้ใจ ถึงจะเรียกส้นตรีนทั้งโลกได้ เหี้ยยิวมันสั่งมา หลังอีเนรคุณทันยา สั่งถล่มเรือบรรเทาทุกข์ที่เข้ามาเพื่อช่วยเขตฉนวนกาซ่าตามมติมนุษยชนของสหประชาชาติ จมเรือช่วยเหลือนอกชายฝั่งยุโรป เพื่อให้โลกหันส้นตรีนมากระตืบมันไงล่ะ แล้วมันก็จะเรียกขี้ข้าเข้ามาสู้ตายแทน WWIII จุดไม่ติด เพราะสถานการณ์มันยังเดือดไม่สุด ไม่ถล่มด้วยนุ๊กก่อน อย่าหวังไฟจะติด ทั้งหมด แค่ละครเรียกเรตติ้ง หลังอียิวโดนเคราะห์กรรมหนัก ทั้งไฟป่า โดรนถล่ม ระเบิดกระจาย หัวเมืองมหญ่พินาศสิ้น อียิวทะยอยหนีไปอาเซียนกันหมดแล้ว ยุโรปก็เตรียมถูกเผา อเมริกาก็เต็มไปด้วยโจร เหลือแค่เอเซียที่มั่นคง ปลอดภัย เข้ามาเยอะ ก็มีตัวประกันเยอะ อย่าได้กลัว ไอ้อีหน้าไหนที่อยู่ในแผ่นดินทอง เข้าง่าย แต่ออกยาก หากถูกกาหัวจ๊ะ เพราะศรีธนญชัย จะเก็บเอาไว้ต่อรองไงล่ะ ส่งตัวดีมั้ย ส่งเชลยกลับไปให้คู่กรณียังได้ อยู่ที่เจ้าบ้าน ก็ใครให้มรึงหนีมาสยามเมืองยิ้มกันล่ะ? กับดักโลกดีดีนี่เอง ใครอยากได้ตัวการ ใครอยากได้เหี้ยหนีคดี มรึงไม่ต้องไปตามหาที่ไหน มันมาอยู่รวมกันที่นี่แล้ว เหยื่ออันโอชะ!

    ปล.อียิวเละเป็นโจ๊ก คาร์บอม-กราดยิง-ไฟป่า-พายุทราย ไหนจะโดนฮามาสตามล่อรายตัว ขยี้รายวัน ทำไมมันช่างตรงกันข้ามกับสื่อขี้ข้ายิวรายงานจังฟ่ะ? ทหารอิสราเอลตายห่าไปเยอะ ไม่เหลือกองกำลังไปรับมือไฟป่า แล้วยังเสี้ยนก่อสงครามต่อ มันสมควรโดนล้างเผ่าพันธุ์มั้ยล่ะ? ฟ้าดินยังสะอิดสะเอียด อียิวพันธุ์สัดนรก อะไรน่ะ อยู่ปายเหรอ? ไม่รอดดอกจ๊ะ ไอ้ที่เดินไปมารอบตัวมรึง ก็สายอิหร่านทั้งนั้น เค้าเตรียมล่อมรึงอยู่ อีมอดสาด อย่าคิดว่าหน่วยข่าวกรองเค้าไม่รู้ ว่ามรึงหนีเข้ามาไทยทำไม? เค้าตั้งใจปล่อยให้มรึงเดินแผนเพื่อที่จะรู้สิ่งที่มรึงกำลังจะทำไงล่ะ? ขับไล่ออกไปไม่ยากดอก กฎหมายไทยมันค้ำหัวอยู่ หมายศาลออก ไม่หนีก็คุกไงจ๊ะ? ระวัง โรคมาตรา 157 กำลังจะมาระบาดหนัก ในหมู่เหี้ยจัญไรแผ่นดินอีกครั้ง งวดนี้ ไม่สำคัญว่าใครโดน แต่ให้ระวัง เพราะคนเชือด รับคำสั่งตรงจากเบื้องบนมา ให้พิสูจน์จนเป็นที่ประจักษ์ชัด อะไรถูกว่าไปตามถูก อะไรผิดจริง ว่ากันไปตามจริง ใครอุ้ม ซวยยกแผง ใครขวาง ตายยกคอก? มรึงดู DSI ก็พอ ไปแดร๊กเหี้ยอะไรมา? 100 วัน 1000 ปี มีเหรอ จะกล้าท้าชนปทุมวันซึ่งหน้า ยามขาลง วาสนาก็เบาบาง ยิ่งทำแต่เหี้ย จะเหลือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรคุ้มครองมรึงได้อีกล่ะ แสงเข้ามาแล้ว ซาตานก็ต้องเผ่นไปตามระเบียบ หนีไม่ทันก็คุก หัวไม่ไวก็ตาย ก็มีเพียงเท่านี้แหละ! อย่าไปโฟกัสที่อีเหลี่ยมมาก มันแค่หางแถว ระดับโลก ให้ดูปูติน สีจิ้นผิง ว่าจะเดินเกมส์โลกต่อยังไง นั่นแหละ อนาคตใหม่โลก เกมส์โลกไม่จบ อาเซียนก็ไม่มีวันจบ มันคือคีย์เดียวกัน ฮับอาเซียนไม่ใช่ใครจะเป็นก็ได้ อีฮุนเซนชะตาขาด เพราะคิดเทียบบารมีวังไทย คำสาปแช่งอยู่เต็มแผ่นดินอีขะแมร์ กว่าจะมีวันนี้ได้ มรึงฆ่าชาวขะแมร์ไปกี่ล้านศพแล้ว เวรกรรมมันมีจริง มรึงมองไม่เห็นดอก เพราะกรรมมันบังตามรึงอยู่ไง?

    หมี CNN(อีแขก อีปากี ล่อกันซะที อย่ามัวแต่วิ่งอ้อมภูเขา 3 ลูก งานนี้ อีปากี หากไม่ปล่อยตัวอิมราน ข่าน จีนจะไม่ยุ่ง รอดูศพกระจายจ๊ะ อีแขก อยากจะเขมือบหอกข้างแคร่ในใจมาช้านานแล้ว แต่อย่าบีบจนหมาจนตรอก แขก็คือแขก มันมีวิธีเอาตัวรอดเสมอ จบสวย ไม่สวย คนละเรื่อง แต่เวลาแขกทะเลาะกัน คุยซะมากกว่าทำจริง ไม่เหมือนอิหร่าน ซีเรีย อิรัก เลบานอน เยเมน ทำก่อนแล้วค่อยพูด ความแตกต่างที่ดูเหมือนใกล้เคียง แต่ใจมันผิดกันเยอะ อีแขก กับอาหรับ เปอร์เซีย ลูกหลานซาลาดิน จ้าวแห่งทะเลทราย หัวใจนับรบมีมานานนับ 1000 ปี ไม่ใช่ดีแต่เห่า จีนรออยู่ ใครบอบช้ำมา เดี๋ยวจีนช่วยยกระดับให้กลายเป็นเมืองขึ้นใหม่ดีมั้ย? อีแขก ยังไม่ใช่คู่แข่งจีนตอนนี้ หากมรึงยังไม่สามารถรวมใจคนทั้งชาติได้ อย่าหวังคิดเป็นเบอร์ 1 โลก ตีกันให้จบก่อน คุมกันให้อยู่ก่อน ค่อยมาเห่าน่ะจ๊ะ)
    03 พฤษภาคม 68
    19.05 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    03-05-68/01 : หมี CNN / "FRIDAY JASON" ศุกร์ สยิวกิ้ว! EP17 วันศุกร์เสือกไปโพส 3 แยกปากหมาก่อน วันอาทิตย์เลยต้องสลับ FRIDAY JASON มาแทน จะได้ลงตัว เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง? E-DOK มรึงยังมีหน้าเรียกตัวเองว่า "แพทย์ศาลา" อีกเหรอ คนทั้งแผ่นดินรู้ว่าสตอรี่ชั้น 14 มันคือเรืองโกหกตอแหล ควายยังไม่กล้าแถขนาดนี้เลย? เพิ่งจะมาฟันเหี้ยอะไรตอนนี้ เชือดเหี้ยให้เหี้ยดูแค่ 2 ตัว คิดว่าจะรอดเหรอ? สังคมเค้าลงดาบมรึงไปเรียบร้อยโรงเรียนหมาวัดนานแล้ว หมอสมัยนี้ อย่าได้ถามจรรยาบรรณ ไม่ใช่ทั้งหมดจะเหี้ย แต่ส่วนใหญ่หาแดร๊กทั้งนั้น ไม่ต่างอะไรกับโรงเชือด ตั้งแต่อีโรงพยาบาลทุนนิยมเหี้ยสามานย์เข้ามา มันให้คอมมิชั่น เอ๊ะอะ อะไร ก็จับเอ๊กซ์เรย์ ฟันนำร่องก่อนเสมอ ไม่ใช่ทุกคนจะมีตังค์น่ะมรึง 30 บาท ประกันสังคม ยังต้องรอคิวยาวเป็นหางว่าว แค่เปรดนรกตัวเดียว มรึงกล้าเอาแพทย์ศาลามาเสี่ยง มันคุ้มเหรอ ที่จะอุ้มเหี้ยไม่กี่ตัว? รับงาน รับเงินใครเค้ามา หรือว่าแม้แต่เก้าอี้ผู้นำศาลามรึง เค้าก็ให้มรึงมาสิน่ะ? คอรัปชั่นตัวเดียว ฉิบหายทั้งแผ่นดิน! จีนถึงได้กวาดล้าง และได้ขอมายังวังไทยด้วยเช่นกัน ถึงเวลาทำความสะอาดบ้านแล้วท่าน! อเมริกันแพ้ยับแล้ว เยเมนประกาศชัยชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทะเลแดง บินรบ โดรนพันล้าน ร่วงนับ 100 ลำ เรือบรรทุกเครื่องบินพังยับเข้าอู่ซ่อม 5 ลำ ลำที่ 6 เพิ่งจะมา ยังโดนสอย ถามจริง แล้วไอ้ที่มรึงขนกันมาทั้งยุโรป จะบุกแปซิฟิคเนี่ย มรึงรู้จัก "ตงเฟิง" ดีแค่ไหน ลูกเดียว จมเรือบรรทุกเครื่องบินทั้งลำสบายตรีน $6000 ล้านเหรียญ แลกกับ $350000 คุ้มมั้ยล่ะ? ยังไม่นับชีวิตลูกเรือบนเรืออีกนับพันตัว อีทรัมปป์เริ่มกังวลหนัก หมดงบประมาณทางทหารไปเยอะ แล้วกูจะหาเงินที่ไหนมาเติมกันล่ะ? ความโง่ไม่เคยปราณีใคร? หากไม่ยุ่ง ไม่แตะสงคราม มรึงยังจะเหลือเงินเอาไปอุ้มปากท้องประชาชนได้มากกว่านี้ แต่ที่ไม่ทำ เพราะมรึงต้องการให้มันลงถนนไงล่ะ? แต่แผนจะล่มก่อนน่ะสิ เพราะตอนนี้ อีพรรคลามันรุกมรึงหนักเหลือเกิน ทั้งเอาสภามาขู่ ทั้งเอากฎหมายมาอ้าง พ่วงม็อบเติมเงินลงถนนขับไล่อีทรัมปป์ทั้งแผ่นดิน อ้าว..ไหง อ้างปชต. แต่เสือกจะรัฐประหารซะเอง นี่ไง ธาตุแท้ ตัวจริงมรึง? F-16 รุ่นคุณปู่ เก่าเก็บ อีทรัมปป์ยกให้อีเสี้ยนยา นี่ไง เหตุผลที่ปูตินไม่เชื่อแผนสันติภาพเหี้ยมาตั้งแต่ต้น ใครเชื่อก็โง่ยิ่งกว่าควาย แค่ยื้อเวลา หยุดเลือดไหล แข่งอะไรก็แข่งได้ แต่แข่งบุญ วาสนา อย่าริมาเทียบ ยูเครนมันตายห่าไปนานแล้ว แต่ที่รัสเซียยังสนุปเล่นอยู่ ก็เพื่อสิ่งนี้แหละ ให้พวกมรึงถมอาวุธ เงิน กำลังพล มาตายห่าฟรี เพื่อที่มรึงจะได้ไม่มีเหลือ ยามที่กูบุกไปตีท้ายครัว เจาะไข่แดงมรึงถึงเมืองหลวงไงล่ะ? อียูเครน มันหมูในอวยอยู่แล้ว คามือปูตินนานแล้ว ส่งมาอีก กูก็เผาเรียบวุธอีก บางสื่ออ้าง ผลาญอาวุธเก่าเพื่อหาซื้อของใหม่ ถามกลับ มรึงผลิตทันเหรอ แค่วันนี้ ขั้วใหม่บุกยุโรป อเมริกา มรึงจะเอาเหี้ยอะไรไปต้านเค้า นุ๊กมรึงทั้งเก่า ทั้งช้า แถมมีจำกัด ติดบ่วงสงครามซะเอง จนโง่หัวไม่ขึ้น ส่งผลอะไรรู้มั้ย? ดอลล่าร์ตาย อาวุธขายไม่ออก เรือสินค้าเดินไม่ได้ นี่มันโลจิสติค เส้นเลือดใหญ่มรึงน่ะเนี่ย? กยศ.เละเทะ หาแดร๊กกับเยาวชนไทย การศึกษาที่ลูกหลานไทยควรได้โอกาส ไม่ใช่กู้มาเพื่อล่มจม อนาคตชาติยังต้องจ่ายเยอะ มรึงคิดว่าต่อไปเด็กจะเริ่มตั้งต้นได้ยังไง? เริ่มจากหนี้หัวบานตะไท ลุงสนธิ อัดยับ ไอ้อีผู้ใหญ่ที่บ่อนทำลายอนาคตชาติตัวเอง หลายกระทรวงที่ทำลายรากฐานเยาวชนไทย เพราะเหี้ยมันชุม ทั้งหมด ต่างเห็นเต็มตา แต่ยังไม่มีใครเข้าไปล้างบางทั้งระบบได้ ถึงได้บอกว่า งานนี้ มันต้องล้างป่าช้า ยกโคตรระบบหาแดร๊กทั้งหมด คนเดียวที่ทำได้คือวัง และสิ่งเดียวที่มันจะทำให้เกิดขึ้นจริงได้คือ "มวลมหาประชาชน นั่นเอง" เหี้ยผู้ใหญ่บ้านเมืองนี้ ที่มาจากลากตั้ง มันคิดแต่จะหาแดร๊กกับเด็ก เพราะไร้ปัญญาจะต่อกร ให้แดร๊กนมบูดก็แดร๊กไปสิ ให้ใช้แทปเล็ตเสื่อม ก็ใช้ไปตามภาษาสิจ๊ะ อย่าเรียกร้อง ให้ในสิ่งที่ไม่ได้ขอ ยัดเหยียดในสิ่งที่กูไม่อยากได้ (ใจเด็กมันด่าไงล่ะ) ทุนเรียน อาหาร สำคัญกว่าเยอะ ทำไม ไม่ให้ฟรี ดีออก? เพราะมันแดร๊กได้น้อยสิน่ะ? กระสันอยากจะขายชาติแดร๊กกันจังน่ะมรึง? บทกลียุค เขาชงให้เหี้ยสุดซอย อีภูมิเหี้ย จะสั่งถอยกองกำลังออกจากปราสาทตาเมืองธม แต่ทหารไม่ฟังจ๊ะ แผ่นดินพ่อกู ใครสั่งให้มรึงบุกรุก มีเหรอ ผู้รุกรานจะย่ำยีอธิปไตยไทย แต่เราเสือกถอย อ้างกลัวมีปัญหา ต้องให้เค้าเข้ายึดก่อนรึไง? เรื่องนี้ไม่ต้องหัวร้อน บอกไปแล้วไงล่ะว่า ทหารเค้าไม่ได้ฟังไอ้อีฝ่ายการเมืองต็อกต๋อยดอกน่ะ เค้าปฎิบัติหน้าที่กันเอง ตามสัญชาตญานนักรบ มีหน้าที่เฝ้าแผ่นดิน ก็ต้องเฝ้าอยู่อย่างงั้น จะให้กูไปไหนกันล่ะ? ทหารอีขะแมร์แค่ขี้ตรีน ที่มันกร่างขนาดนี้ เพราะอีเหลี่ยมไปชงให้อีฮุนเซนเหี้ย เข้ามาตีกินพื้นที่แนวกันชนไทย ทหารเค้ารู้หมด หน่วยข่าวกรองเค้าถึงกันหมด แต่ขอโทษน่ะ หากไทยจะเอาจริง แค่วันเดียว บุกถล่มถึงพนมเปญยังได้ ฉะนั้น ไอ้เรื่องเสียดินแดนอย่าได้หวัง แม้แต่ปราสาทเขาพระวิหารที่อ้างว่าเสียดินแดนไปให้แล้วน่ะ ถึงเวลาจริง ไทยผนวกอีขะแมร์เข้ามาเป็นส่วนนึงของสยามประเทศ มรึงยังจะคิดถึงปราสาทเขาวิหารอีกมั้ยล่ะ? ไม่ใช่แค่ไม่เสีย แต่กำลังจะได้แดร๊ก ได้กลืนแม่งทั้งประเทศ รอดูต่อไป คิวอีฮุนเซนมาถึงแล้ว จีนไม่เก็บไว้แล้วจ๊ะ อสรพิษ ไม่เลี้ยง! ต้องเหี้ยให้สุด ต้องระยำได้ใจ ถึงจะเรียกส้นตรีนทั้งโลกได้ เหี้ยยิวมันสั่งมา หลังอีเนรคุณทันยา สั่งถล่มเรือบรรเทาทุกข์ที่เข้ามาเพื่อช่วยเขตฉนวนกาซ่าตามมติมนุษยชนของสหประชาชาติ จมเรือช่วยเหลือนอกชายฝั่งยุโรป เพื่อให้โลกหันส้นตรีนมากระตืบมันไงล่ะ แล้วมันก็จะเรียกขี้ข้าเข้ามาสู้ตายแทน WWIII จุดไม่ติด เพราะสถานการณ์มันยังเดือดไม่สุด ไม่ถล่มด้วยนุ๊กก่อน อย่าหวังไฟจะติด ทั้งหมด แค่ละครเรียกเรตติ้ง หลังอียิวโดนเคราะห์กรรมหนัก ทั้งไฟป่า โดรนถล่ม ระเบิดกระจาย หัวเมืองมหญ่พินาศสิ้น อียิวทะยอยหนีไปอาเซียนกันหมดแล้ว ยุโรปก็เตรียมถูกเผา อเมริกาก็เต็มไปด้วยโจร เหลือแค่เอเซียที่มั่นคง ปลอดภัย เข้ามาเยอะ ก็มีตัวประกันเยอะ อย่าได้กลัว ไอ้อีหน้าไหนที่อยู่ในแผ่นดินทอง เข้าง่าย แต่ออกยาก หากถูกกาหัวจ๊ะ เพราะศรีธนญชัย จะเก็บเอาไว้ต่อรองไงล่ะ ส่งตัวดีมั้ย ส่งเชลยกลับไปให้คู่กรณียังได้ อยู่ที่เจ้าบ้าน ก็ใครให้มรึงหนีมาสยามเมืองยิ้มกันล่ะ? กับดักโลกดีดีนี่เอง ใครอยากได้ตัวการ ใครอยากได้เหี้ยหนีคดี มรึงไม่ต้องไปตามหาที่ไหน มันมาอยู่รวมกันที่นี่แล้ว เหยื่ออันโอชะ! ปล.อียิวเละเป็นโจ๊ก คาร์บอม-กราดยิง-ไฟป่า-พายุทราย ไหนจะโดนฮามาสตามล่อรายตัว ขยี้รายวัน ทำไมมันช่างตรงกันข้ามกับสื่อขี้ข้ายิวรายงานจังฟ่ะ? ทหารอิสราเอลตายห่าไปเยอะ ไม่เหลือกองกำลังไปรับมือไฟป่า แล้วยังเสี้ยนก่อสงครามต่อ มันสมควรโดนล้างเผ่าพันธุ์มั้ยล่ะ? ฟ้าดินยังสะอิดสะเอียด อียิวพันธุ์สัดนรก อะไรน่ะ อยู่ปายเหรอ? ไม่รอดดอกจ๊ะ ไอ้ที่เดินไปมารอบตัวมรึง ก็สายอิหร่านทั้งนั้น เค้าเตรียมล่อมรึงอยู่ อีมอดสาด อย่าคิดว่าหน่วยข่าวกรองเค้าไม่รู้ ว่ามรึงหนีเข้ามาไทยทำไม? เค้าตั้งใจปล่อยให้มรึงเดินแผนเพื่อที่จะรู้สิ่งที่มรึงกำลังจะทำไงล่ะ? ขับไล่ออกไปไม่ยากดอก กฎหมายไทยมันค้ำหัวอยู่ หมายศาลออก ไม่หนีก็คุกไงจ๊ะ? ระวัง โรคมาตรา 157 กำลังจะมาระบาดหนัก ในหมู่เหี้ยจัญไรแผ่นดินอีกครั้ง งวดนี้ ไม่สำคัญว่าใครโดน แต่ให้ระวัง เพราะคนเชือด รับคำสั่งตรงจากเบื้องบนมา ให้พิสูจน์จนเป็นที่ประจักษ์ชัด อะไรถูกว่าไปตามถูก อะไรผิดจริง ว่ากันไปตามจริง ใครอุ้ม ซวยยกแผง ใครขวาง ตายยกคอก? มรึงดู DSI ก็พอ ไปแดร๊กเหี้ยอะไรมา? 100 วัน 1000 ปี มีเหรอ จะกล้าท้าชนปทุมวันซึ่งหน้า ยามขาลง วาสนาก็เบาบาง ยิ่งทำแต่เหี้ย จะเหลือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรคุ้มครองมรึงได้อีกล่ะ แสงเข้ามาแล้ว ซาตานก็ต้องเผ่นไปตามระเบียบ หนีไม่ทันก็คุก หัวไม่ไวก็ตาย ก็มีเพียงเท่านี้แหละ! อย่าไปโฟกัสที่อีเหลี่ยมมาก มันแค่หางแถว ระดับโลก ให้ดูปูติน สีจิ้นผิง ว่าจะเดินเกมส์โลกต่อยังไง นั่นแหละ อนาคตใหม่โลก เกมส์โลกไม่จบ อาเซียนก็ไม่มีวันจบ มันคือคีย์เดียวกัน ฮับอาเซียนไม่ใช่ใครจะเป็นก็ได้ อีฮุนเซนชะตาขาด เพราะคิดเทียบบารมีวังไทย คำสาปแช่งอยู่เต็มแผ่นดินอีขะแมร์ กว่าจะมีวันนี้ได้ มรึงฆ่าชาวขะแมร์ไปกี่ล้านศพแล้ว เวรกรรมมันมีจริง มรึงมองไม่เห็นดอก เพราะกรรมมันบังตามรึงอยู่ไง? หมี CNN(อีแขก อีปากี ล่อกันซะที อย่ามัวแต่วิ่งอ้อมภูเขา 3 ลูก งานนี้ อีปากี หากไม่ปล่อยตัวอิมราน ข่าน จีนจะไม่ยุ่ง รอดูศพกระจายจ๊ะ อีแขก อยากจะเขมือบหอกข้างแคร่ในใจมาช้านานแล้ว แต่อย่าบีบจนหมาจนตรอก แขก็คือแขก มันมีวิธีเอาตัวรอดเสมอ จบสวย ไม่สวย คนละเรื่อง แต่เวลาแขกทะเลาะกัน คุยซะมากกว่าทำจริง ไม่เหมือนอิหร่าน ซีเรีย อิรัก เลบานอน เยเมน ทำก่อนแล้วค่อยพูด ความแตกต่างที่ดูเหมือนใกล้เคียง แต่ใจมันผิดกันเยอะ อีแขก กับอาหรับ เปอร์เซีย ลูกหลานซาลาดิน จ้าวแห่งทะเลทราย หัวใจนับรบมีมานานนับ 1000 ปี ไม่ใช่ดีแต่เห่า จีนรออยู่ ใครบอบช้ำมา เดี๋ยวจีนช่วยยกระดับให้กลายเป็นเมืองขึ้นใหม่ดีมั้ย? อีแขก ยังไม่ใช่คู่แข่งจีนตอนนี้ หากมรึงยังไม่สามารถรวมใจคนทั้งชาติได้ อย่าหวังคิดเป็นเบอร์ 1 โลก ตีกันให้จบก่อน คุมกันให้อยู่ก่อน ค่อยมาเห่าน่ะจ๊ะ) 03 พฤษภาคม 68 19.05 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    LINE.ME
    title
    description
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 771 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ท่านปู่ชีวกโกมารภัจจ์”
    • ความจริงเรื่องของท่านไม่หาย แต่ไม่มีใครเขียนต่อ เมื่อเขาเผาศพพระพุทธเจ้าเสร็จ ท่านโกมารภัจจ์ท่านก็เสียใจ ความจริงท่านโกมารภัจจ์ท่านเป็นพระโสดาบันนะ ใช่ไหม เกิดทันใช่ไหม เกิดพร้อมกัน (หัวเราะ) ต่อนะ ท่านโกมารภัจจ์ในเมื่อเขาเผาพระพุทธเจ้าเสร็จ ท่านก็ไม่เข้าบ้าน บอกเราคิดว่าเราจะตายก่อนพระพุทธเจ้า ทีนี้พระพุทธเจ้ามานิพพานก่อนเราเราก็หมดที่พึ่งไม่มีใครสอน ทุกสิ่งทุกอย่างในเมื่อพระพุทธเจ้านิพพานเสียก่อนแล้ว ก็เหมือนกับเราคนไม่มีอะไรเลย ท่านคิดว่าอย่างนั้นนะ ก็เลยไม่คิดถึงบ้าน ไม่คิดถึงลูก ไม่คิดถึงเมีย ไม่คิดถึงทรัพย์สิน ไม่คิดถึงชีวิต เข้าไปนอนในถ้ำเข้าป่าไปเลย เข้าป่าไปท่านบอกว่าเข้าป่าหวังจะให้มันตายไปเลย ยังมีคนตามไปขอยาอีก ใช่ไหม หมอซะอย่าง ในเมื่อมีคนตามมาขอยา ท่านก็รำคาญ เราเป็นคนไม่มีอะไรแล้วไม่ต้องการทำอะไรทั้งหมด เข้าป่าลึก
    • พอเข้าป่าลึกไปนอนในถ้ำ นอนอย่างเดียวเราจะไม่ลุกจากที่นี้ จะเป็นไงก็ช่างมัน หมายความว่าจะตายก็ตายไปเสียนะ พอตัดสินใจว่ามันจะตายก็ตายตรงนี้ เราจะไม่ลุกไปอีกแล้ว ก็มีเสียงเหมือนแสงฟ้าแลบ แลบแป๊บเดียวก็มีเสียงเหมือนคล้ายฟ้าผ่าเปรี้ยง แล้วก็มีเสียงบอก โกมารภัจจ์ เธอเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช่ไหม ท่านก็บอกว่าใช่แล้วก็นอน เดี๋ยวมาเป็นแบบนั้นอยู่สามครั้ง พอครั้งที่สามท่านหลับ ท่านบอกก็เลยหลับสนิทไปเลย ไม่ตื่นต่อไปอีก
    • “อาการตัดสินใจแบบนั้นไม่อาลัยในชีวิตนะ เป็นอารมณ์อรหันต์ นั่นท่านเป็นพระโสดาบันอยู่แล้วนะ ก็เลยเป็นพระอรหันต์นิพพานทันที” แต่ว่าหนังสือแบบเรียนเราไม่มีนะ ต้องหาที่อื่น นี่พูดเรื่องท่านโกมารภัจจ์ให้ฟัง ว่าเรื่องมันหายไปนะ ความจริงท่านไม่หาย ท่านโกมารภัจจ์ทำให้เรามีประโยชน์มากให้รู้ว่าพระพุทธเจ้าเป็นใคร และตระกูลพระพุทธเจ้าเราจะสังเกตได้ว่าชาวกรุงกบิลพัสดุ์นี่รังเกียจคนเผ่าอื่น คือไม่ยอมแต่งงานกับคนเมืองอื่นเลย จะต้องแต่งงานเฉพาะชาวกรุงกบิลพัสดุ์เท่านั้นนะ เราก็อ่านหนังสือแล้วเราคิดว่าคนพวกนี้มีมานะถือตัวมาก แต่ความจริงไม่ใช่หรอก นั่นแขกด้วยกัน แต่ความจริงพระพุทธเจ้าท่านไม่ใช่แขก ท่านเป็นคนไทย เป็นลูกชาวไทยอาหม ไทยในแขกมีอยู่สองไทย คือ หนึ่ง ไทยอาหม สอง ไทยมะลิวัลย์
    • ไทยอาหมนั่นเขามาถึงอินเดียก่อนไทยมะลิวัลย์ ๑๐๐ ปี ในเมื่อไทยกับแขกมันกินข้าวด้วยกันไม่ไหวแล้ว ไหวไหม ไม่ไหวนะ ทีนี้มาตอนหนึ่งท่านโกมารภัจจ์ท่านลาพระพุทธเจ้ามาที่ทวาราวดี ลามาเที่ยว ๒ ปี แต่ว่าฎีกาจารย์ล่อสิบสองปี นี่มันจะมากไปหน่อย ตอนนั้นก็มาทางเรือนะ อินเดียมาประเทศไทยก็ไม่ไกลนักใช่ไหม เวลากลับไปก็ไปกราบเรียนพระพุทธเจ้าให้ทราบว่าชาวทวาราวดีใช้ภาษาโดด และพูดเพราะมาก คำว่าโดดหมายถึงเดี่ยว
    • อย่างเรากิน เราเรียกว่า ‘กิน’ นะ ของเขา ‘ภุญชะติ’ เรา ‘ไป’ เขา ‘คันตะวา’ นะ ของเราโดดกว่านะ นี่เทียบให้ฟังนะ พระพุทธเจ้าเลยถามว่าชาวทวาราวดีเขาพูดยังไง ลองพูดให้ฟังสักคำสิ พอท่านโกมารกัจจ์พูดให้ฟัง พระพุทธเจ้าก็พูดภาษาทวาราวดี คุยกันสนุกสนาน ก็คุยไปคุยมาคุยสนุกสนาน ต่อมาระหว่างที่คุยท่านโกมารภัจจ์ท่านนึกขึ้นมาว่าพระพุทธเจ้าเป็นพระพุทธเจ้าย่อมรู้ภาษาทุกภาษา หรือว่าท่านรู้มาจากไหน เลยถามพระพุทธเจ้าว่าการที่พระองค์รู้ภาษาทวาราวดี อาศัยปฏิสัมภิทาญาณหรือรู้มาจากไหน พระพุทธเจ้าบอกว่า ชาวกรุงกบิลพัสดุ์ทั้งหมดใช้ภาษานี้เป็นภาษาพื้นเมือง ใช่ไหม ก็แสดงว่าพระพุทธเจ้าเป็นลูกคนไทย ไทยอาหม

    ================

    จากหนังสือ : ธรรมปฏิบัติ เล่ม ๕๕ หน้า ๖๐-๖๒
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (พระมหาวีระ ถาวโร)
    ภาพถ่ายสถานที่ : วัดจันทาราม (ท่าซุง)
    “ท่านปู่ชีวกโกมารภัจจ์” • ความจริงเรื่องของท่านไม่หาย แต่ไม่มีใครเขียนต่อ เมื่อเขาเผาศพพระพุทธเจ้าเสร็จ ท่านโกมารภัจจ์ท่านก็เสียใจ ความจริงท่านโกมารภัจจ์ท่านเป็นพระโสดาบันนะ ใช่ไหม เกิดทันใช่ไหม เกิดพร้อมกัน (หัวเราะ) ต่อนะ ท่านโกมารภัจจ์ในเมื่อเขาเผาพระพุทธเจ้าเสร็จ ท่านก็ไม่เข้าบ้าน บอกเราคิดว่าเราจะตายก่อนพระพุทธเจ้า ทีนี้พระพุทธเจ้ามานิพพานก่อนเราเราก็หมดที่พึ่งไม่มีใครสอน ทุกสิ่งทุกอย่างในเมื่อพระพุทธเจ้านิพพานเสียก่อนแล้ว ก็เหมือนกับเราคนไม่มีอะไรเลย ท่านคิดว่าอย่างนั้นนะ ก็เลยไม่คิดถึงบ้าน ไม่คิดถึงลูก ไม่คิดถึงเมีย ไม่คิดถึงทรัพย์สิน ไม่คิดถึงชีวิต เข้าไปนอนในถ้ำเข้าป่าไปเลย เข้าป่าไปท่านบอกว่าเข้าป่าหวังจะให้มันตายไปเลย ยังมีคนตามไปขอยาอีก ใช่ไหม หมอซะอย่าง ในเมื่อมีคนตามมาขอยา ท่านก็รำคาญ เราเป็นคนไม่มีอะไรแล้วไม่ต้องการทำอะไรทั้งหมด เข้าป่าลึก • พอเข้าป่าลึกไปนอนในถ้ำ นอนอย่างเดียวเราจะไม่ลุกจากที่นี้ จะเป็นไงก็ช่างมัน หมายความว่าจะตายก็ตายไปเสียนะ พอตัดสินใจว่ามันจะตายก็ตายตรงนี้ เราจะไม่ลุกไปอีกแล้ว ก็มีเสียงเหมือนแสงฟ้าแลบ แลบแป๊บเดียวก็มีเสียงเหมือนคล้ายฟ้าผ่าเปรี้ยง แล้วก็มีเสียงบอก โกมารภัจจ์ เธอเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช่ไหม ท่านก็บอกว่าใช่แล้วก็นอน เดี๋ยวมาเป็นแบบนั้นอยู่สามครั้ง พอครั้งที่สามท่านหลับ ท่านบอกก็เลยหลับสนิทไปเลย ไม่ตื่นต่อไปอีก • “อาการตัดสินใจแบบนั้นไม่อาลัยในชีวิตนะ เป็นอารมณ์อรหันต์ นั่นท่านเป็นพระโสดาบันอยู่แล้วนะ ก็เลยเป็นพระอรหันต์นิพพานทันที” แต่ว่าหนังสือแบบเรียนเราไม่มีนะ ต้องหาที่อื่น นี่พูดเรื่องท่านโกมารภัจจ์ให้ฟัง ว่าเรื่องมันหายไปนะ ความจริงท่านไม่หาย ท่านโกมารภัจจ์ทำให้เรามีประโยชน์มากให้รู้ว่าพระพุทธเจ้าเป็นใคร และตระกูลพระพุทธเจ้าเราจะสังเกตได้ว่าชาวกรุงกบิลพัสดุ์นี่รังเกียจคนเผ่าอื่น คือไม่ยอมแต่งงานกับคนเมืองอื่นเลย จะต้องแต่งงานเฉพาะชาวกรุงกบิลพัสดุ์เท่านั้นนะ เราก็อ่านหนังสือแล้วเราคิดว่าคนพวกนี้มีมานะถือตัวมาก แต่ความจริงไม่ใช่หรอก นั่นแขกด้วยกัน แต่ความจริงพระพุทธเจ้าท่านไม่ใช่แขก ท่านเป็นคนไทย เป็นลูกชาวไทยอาหม ไทยในแขกมีอยู่สองไทย คือ หนึ่ง ไทยอาหม สอง ไทยมะลิวัลย์ • ไทยอาหมนั่นเขามาถึงอินเดียก่อนไทยมะลิวัลย์ ๑๐๐ ปี ในเมื่อไทยกับแขกมันกินข้าวด้วยกันไม่ไหวแล้ว ไหวไหม ไม่ไหวนะ ทีนี้มาตอนหนึ่งท่านโกมารภัจจ์ท่านลาพระพุทธเจ้ามาที่ทวาราวดี ลามาเที่ยว ๒ ปี แต่ว่าฎีกาจารย์ล่อสิบสองปี นี่มันจะมากไปหน่อย ตอนนั้นก็มาทางเรือนะ อินเดียมาประเทศไทยก็ไม่ไกลนักใช่ไหม เวลากลับไปก็ไปกราบเรียนพระพุทธเจ้าให้ทราบว่าชาวทวาราวดีใช้ภาษาโดด และพูดเพราะมาก คำว่าโดดหมายถึงเดี่ยว • อย่างเรากิน เราเรียกว่า ‘กิน’ นะ ของเขา ‘ภุญชะติ’ เรา ‘ไป’ เขา ‘คันตะวา’ นะ ของเราโดดกว่านะ นี่เทียบให้ฟังนะ พระพุทธเจ้าเลยถามว่าชาวทวาราวดีเขาพูดยังไง ลองพูดให้ฟังสักคำสิ พอท่านโกมารกัจจ์พูดให้ฟัง พระพุทธเจ้าก็พูดภาษาทวาราวดี คุยกันสนุกสนาน ก็คุยไปคุยมาคุยสนุกสนาน ต่อมาระหว่างที่คุยท่านโกมารภัจจ์ท่านนึกขึ้นมาว่าพระพุทธเจ้าเป็นพระพุทธเจ้าย่อมรู้ภาษาทุกภาษา หรือว่าท่านรู้มาจากไหน เลยถามพระพุทธเจ้าว่าการที่พระองค์รู้ภาษาทวาราวดี อาศัยปฏิสัมภิทาญาณหรือรู้มาจากไหน พระพุทธเจ้าบอกว่า ชาวกรุงกบิลพัสดุ์ทั้งหมดใช้ภาษานี้เป็นภาษาพื้นเมือง ใช่ไหม ก็แสดงว่าพระพุทธเจ้าเป็นลูกคนไทย ไทยอาหม ================ จากหนังสือ : ธรรมปฏิบัติ เล่ม ๕๕ หน้า ๖๐-๖๒ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (พระมหาวีระ ถาวโร) ภาพถ่ายสถานที่ : วัดจันทาราม (ท่าซุง)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 333 มุมมอง 0 รีวิว
  • อย่ายอมแพ้แค่เพราะมันยาก แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ในวันที่โลกทั้งใบไม่เข้าข้างคุณ ชีวิตมันไม่ง่าย...แต่ก็คุ้มค่าที่จะ "ไม่ยอมแพ้"

    🔍 แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ไม่หยุด = ชนะ สำหรับคนที่เจอวิกฤต ชีวิตมันยาก...แต่คุณ "ต้องรอด ✨

    📌 บทความนี้ถูกเขียนขึ้นเพื่อคุณ...ผู้ที่กำลังเผชิญช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในชีวิต ชีวิตอาจไม่ง่าย แต่คุณยังมีพลังเงียบในตัวเองเสมอ ขอแค่คุณไม่หยุดเดิน ก็ถือว่าคุณ "ชนะ" แล้ว

    💪 ชีวิตไม่ได้ง่ายสำหรับใครเลย...แต่คุณก็ยังไปต่อได้เสมอ ทุกคนล้วนมี "วันที่เหนื่อยแทบล้มทั้งยืน" วันที่เหมือนถูกทั้งโลก ผลักให้จมดิ่งลงไปเรื่อยๆ วันที่ไม่เหลือแม้แต่ "คำปลอบใจ" จากใครสักคน...

    แต่รู้ไหม? คุณไม่ได้อ่อนแอที่รู้สึกท้อ และคุณไม่ได้อยู่คนเดียวในความรู้สึกแบบนี้... บทความนี้...เขียนเพื่อคุณ เพื่อบอกคุณว่า "แค่ไม่ยอมแพ้...ก็ถือว่าชนะแล้ว"

    🌟 แรงบันดาลใจ ไม่ใช่พลังวิเศษ ไม่ใช่พลังมหาศาลแบบในหนังฮีโร่ แต่มันคือ “พลังเงียบ” ที่ช่วยให้เรา "ลุกจากเตียง" ในวันที่ไม่อยากตื่นเลยด้วยซ้ำ...

    แรงบันดาลใจ... ไม่ต้องใหญ่ ไม่ต้องเว่อร์ แค่คิดถึง "คนที่เรารัก" ก็เป็นพลัง หรือบางทีแค่ "ประโยคหนึ่ง" จากบทความนี้
    ก็อาจเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิตของคุณได้

    🎯 ทำไมเราต้องมีแรงบันดาลใจ? เพราะในวันที่ไม่มีอะไรเป็นไปตามแผน แรงบันดาลใจจะคอย "เตือนใจ" เราว่า ชีวิตยังมีความหมายอยู่...แม้มันจะยังไม่ง่ายก็ตาม

    🧩 เมื่อทุกอย่างพังทลาย...อะไรคือสิ่งที่ยังเหลืออยู่ ชีวิตบางครั้งเหมือนห้องที่ถูกพายุถล่ม จนเละไม่มีชิ้นดี บ้านอาจพอซ่อมได้...แต่ “ใจ” ที่พังนี่แหละ ซ่อมยากที่สุด 🧱

    ในวันที่คุณรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจ ไม่มีแสง ไม่มีทางเริ่มต้นใหม่ ลองมองดูให้ดี... คุณยังมี “ตัวเอง” ยังมี หัวใจ ที่ยังเต้น แปลว่าคุณยัง "มีโอกาส" ยังมี สมอง ที่จะเปลี่ยนความคิดทุกอย่างได้ และที่สำคัญ...ยัง เลือกได้ เสมอว่าจะ “ลุก” หรือ “นอนจม” ต่อไป

    ❤️ อย่าลืมว่า...ต่อให้โลกจะไม่เข้าใจ แต่คุณยัง "เข้าใจตัวเอง" ได้เสมอ ❤️

    🎁 บทเรียนจากวิกฤต ทุกปัญหาคือของขวัญ ในรูปแบบที่เราไม่คาดคิด หลายคนค้นพบ "ตัวเอง" ในช่วงที่ยากที่สุดของชีวิต เพราะชีวิตไม่ได้ส่งวิกฤตมาเพื่อ "ทำร้ายเรา" แต่มันส่งมาเพื่อ "ทำให้เราเติบโต"

    คนที่เคยกลัวความล้มเหลว กลายเป็นคนที่ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว

    คนที่เคยอ่อนแอ กลายเป็นคนที่เข้มแข็งจนคนรอบข้างทึ่ง

    ทุกปัญหา…มีของขวัญซ่อนอยู่ ถ้าคุณ “กล้าพอ” ที่จะเปิดมันออกมาดู

    🤝 อย่ายอมแพ้…แม้ในวันที่ไม่มีใครอยู่ข้างคุณ ในวันที่คุณไม่มีใคร คุณยังมี “ตัวเอง” และคุณต้องเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ของตัวเองให้ได้ พูดกับตัวเองในกระจกว่า “เก่งมากแล้วนะ ที่ยังยืนอยู่ได้” ให้กำลังใจตัวเอง แบบที่คุณอยากได้จากคนอื่น

    และจงจำไว้เสมอว่า คุณคือคนเดียวที่อยู่กับตัวเอง ไปจนวันสุดท้าย อย่าให้ความโดดเดี่ยวทำให้คุณยอมแพ้ เพราะคุณไม่จำเป็นต้องมีทุกคนเข้าใจ แค่คุณ “เข้าใจตัวเอง” ก็เพียงพอแล้ว

    ✨ ความหวัง & ความเชื่อ พลังเล็กๆ ที่เปลี่ยนโลกทั้งใบได้ ความหวัง คือ "แสง" ที่ปลายอุโมงค์ มันอาจจะไกล...แต่มัน "มีอยู่จริง" 💡 คนที่เชื่อว่า "ชีวิตจะดีขึ้น" มักมีโอกาส “เจอสิ่งดีๆ” มากกว่าคนที่หมดหวัง

    ความเชื่อ คือ “พลังล่องหน” ที่สามารถขับเคลื่อนเรา แม้ในวันที่ดูเหมือนไม่เหลืออะไรเลย ความหวังไม่ใช่คำปลอบใจ
    แต่มันคือเครื่องมือในการ “เอาตัวรอด” อย่างแท้จริง

    🛠️ กลยุทธ์ฟื้นตัวในวันที่ชีวิตพัง ทำอย่างไรให้กลับมายืนได้อีกครั้ง

    ตั้งสติ ไม่โทษตัวเอง ความผิดพลาดไม่ใช่สิ่งที่ต้อง “ลงโทษตัวเอง” แต่เป็นสิ่งที่ต้อง “เรียนรู้”

    พัก แต่ไม่ถอย เหนื่อยได้ ร้องไห้ได้ แต่ขอแค่ “อย่าถอยกลับไปที่เดิม”

    มองหาความสุขเล็กๆ อย่ามองหาแต่เป้าหมายใหญ่ จนลืมว่ารอยยิ้มจากกาแฟแก้วหนึ่ง...ก็เป็นพลังได้เหมือนกัน ☕

    เขียนไดอารี่ บันทึกความรู้สึก เพราะเมื่อคุณย้อนกลับมาอ่าน มันจะเตือนว่าคุณ "ผ่านอะไรมาได้มากแค่ไหนแล้ว"

    หาคนฟังที่ไม่ตัดสิน บางครั้งเราต้องการแค่คนที่ “ฟังเรา” โดยไม่พยายามแก้ไขอะไรเลย แค่รับฟัง

    🏁 ไม่หยุด = ชนะแล้ว คุณไม่ต้อง "ชนะทุกอย่าง" แค่คุณ “ไม่ยอมแพ้” ก็ถือว่า “คุณชนะแล้ว” ล้มได้ แต่ลุกอีกครั้ง เดินช้าได้ แต่ขอแค่อย่าหยุด เหนื่อยได้ แต่จงจำไว้ว่า "พัก" ไม่ใช่ "ถอย"

    อย่าลืมว่า… คนที่ผ่านช่วงมืดที่สุดมาได้ คือคนที่จะ "สว่างกว่าใคร" เมื่อถึงเวลา

    💬 คำคมสร้างพลังใจ
    "ถ้าคุณยังหายใจอยู่ แปลว่าคุณยังเปลี่ยนทุกอย่างได้เสมอ"

    "ชีวิตมันไม่ง่าย...แต่มัน ‘คุ้มค่า’ ที่จะใช้"

    "ล้มได้ ไม่เป็นไร ขอแค่ ‘อย่าล้มเลิก’"

    ถ้ารู้สึกท้อทุกวัน ควรเริ่มจากการดูแลตัวเองทีละนิด พักผ่อนให้เพียงพอ หาแรงบันดาลใจจากสิ่งเล็กๆ และอย่าลืมหาคนที่พร้อมจะฟังคุณอย่างแท้จริง

    หากแรงบันดาลใจหายไป ให้กลับไปหา "จุดเริ่มต้น" ที่ทำให้คุณเริ่มฝัน ลองนึกถึงคนที่คุณอยากภูมิใจในตัวคุณ แล้วเริ่มใหม่จากตรงนั้น

    หากรู้สึกไม่มีค่าเลย เพราะคุณกำลังใช้มาตรฐานของคนอื่น ตัดสินตัวเอง ลองกลับมาโฟกัสที่สิ่งที่คุณทำได้ดี แม้จะเล็กน้อย ก็ยังมีคุณค่า

    ถ้าคุณยังยืนอยู่ได้หลังจากที่เจ็บมา นั่นแปลว่าคุณ “ผ่านวิกฤตมาแล้วครึ่งหนึ่ง”

    เขียนจดหมายถึงตัวเองในอนาคต เดินเล่นคนเดียว ไปเที่ยวธรรมชาติ หรือฟังเพลงที่ให้พลังบวก เพื่อฟืเนพลังใจ

    ไม่มีใครเก่งพอจะไม่ล้ม แต่ทุกคนเก่งพอที่จะ “ลุก” ได้เสมอ

    🔑 สาระสำคัญที่ควรจดจำ ชีวิตไม่ได้ต้องการให้เราชนะทุกวัน แค่คุณ “ไม่ยอมแพ้” ก็คือ “คุณเก่งมากแล้ว”

    จงเลือกที่จะเดินต่อ...แม้จะช้าก็ตาม เพราะความหวังอยู่ที่ปลายทางเสมอ พร้อมหรือยังที่จะ "ไม่ยอมแพ้"...? 💥
    คุณไปต่อได้แน่นอน ✨

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 222210 เม.ย. 2568

    📱 #แรงบันดาลใจ #ชีวิตไม่ง่ายแต่ต้องรอด #อย่ายอมแพ้ #กำลังใจดีๆ #สู้ชีวิต #พลังใจ #ความหวังยังมีเสมอ #คำคมชีวิต #เอาชนะใจตัวเอง #ชีวิตคือการเดินทาง
    อย่ายอมแพ้แค่เพราะมันยาก แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ในวันที่โลกทั้งใบไม่เข้าข้างคุณ ชีวิตมันไม่ง่าย...แต่ก็คุ้มค่าที่จะ "ไม่ยอมแพ้" 🔍 แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ไม่หยุด = ชนะ สำหรับคนที่เจอวิกฤต ชีวิตมันยาก...แต่คุณ "ต้องรอด ✨ 📌 บทความนี้ถูกเขียนขึ้นเพื่อคุณ...ผู้ที่กำลังเผชิญช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในชีวิต ชีวิตอาจไม่ง่าย แต่คุณยังมีพลังเงียบในตัวเองเสมอ ขอแค่คุณไม่หยุดเดิน ก็ถือว่าคุณ "ชนะ" แล้ว 💪 ชีวิตไม่ได้ง่ายสำหรับใครเลย...แต่คุณก็ยังไปต่อได้เสมอ ทุกคนล้วนมี "วันที่เหนื่อยแทบล้มทั้งยืน" วันที่เหมือนถูกทั้งโลก ผลักให้จมดิ่งลงไปเรื่อยๆ วันที่ไม่เหลือแม้แต่ "คำปลอบใจ" จากใครสักคน... แต่รู้ไหม? คุณไม่ได้อ่อนแอที่รู้สึกท้อ และคุณไม่ได้อยู่คนเดียวในความรู้สึกแบบนี้... บทความนี้...เขียนเพื่อคุณ เพื่อบอกคุณว่า "แค่ไม่ยอมแพ้...ก็ถือว่าชนะแล้ว" 🌟 แรงบันดาลใจ ไม่ใช่พลังวิเศษ ไม่ใช่พลังมหาศาลแบบในหนังฮีโร่ แต่มันคือ “พลังเงียบ” ที่ช่วยให้เรา "ลุกจากเตียง" ในวันที่ไม่อยากตื่นเลยด้วยซ้ำ... แรงบันดาลใจ... ไม่ต้องใหญ่ ไม่ต้องเว่อร์ แค่คิดถึง "คนที่เรารัก" ก็เป็นพลัง หรือบางทีแค่ "ประโยคหนึ่ง" จากบทความนี้ ก็อาจเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิตของคุณได้ 🎯 ทำไมเราต้องมีแรงบันดาลใจ? เพราะในวันที่ไม่มีอะไรเป็นไปตามแผน แรงบันดาลใจจะคอย "เตือนใจ" เราว่า ชีวิตยังมีความหมายอยู่...แม้มันจะยังไม่ง่ายก็ตาม 🧩 เมื่อทุกอย่างพังทลาย...อะไรคือสิ่งที่ยังเหลืออยู่ ชีวิตบางครั้งเหมือนห้องที่ถูกพายุถล่ม จนเละไม่มีชิ้นดี บ้านอาจพอซ่อมได้...แต่ “ใจ” ที่พังนี่แหละ ซ่อมยากที่สุด 🧱 ในวันที่คุณรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจ ไม่มีแสง ไม่มีทางเริ่มต้นใหม่ ลองมองดูให้ดี... คุณยังมี “ตัวเอง” ยังมี หัวใจ ที่ยังเต้น แปลว่าคุณยัง "มีโอกาส" ยังมี สมอง ที่จะเปลี่ยนความคิดทุกอย่างได้ และที่สำคัญ...ยัง เลือกได้ เสมอว่าจะ “ลุก” หรือ “นอนจม” ต่อไป ❤️ อย่าลืมว่า...ต่อให้โลกจะไม่เข้าใจ แต่คุณยัง "เข้าใจตัวเอง" ได้เสมอ ❤️ 🎁 บทเรียนจากวิกฤต ทุกปัญหาคือของขวัญ ในรูปแบบที่เราไม่คาดคิด หลายคนค้นพบ "ตัวเอง" ในช่วงที่ยากที่สุดของชีวิต เพราะชีวิตไม่ได้ส่งวิกฤตมาเพื่อ "ทำร้ายเรา" แต่มันส่งมาเพื่อ "ทำให้เราเติบโต" คนที่เคยกลัวความล้มเหลว กลายเป็นคนที่ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว คนที่เคยอ่อนแอ กลายเป็นคนที่เข้มแข็งจนคนรอบข้างทึ่ง ทุกปัญหา…มีของขวัญซ่อนอยู่ ถ้าคุณ “กล้าพอ” ที่จะเปิดมันออกมาดู 🤝 อย่ายอมแพ้…แม้ในวันที่ไม่มีใครอยู่ข้างคุณ ในวันที่คุณไม่มีใคร คุณยังมี “ตัวเอง” และคุณต้องเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ของตัวเองให้ได้ พูดกับตัวเองในกระจกว่า “เก่งมากแล้วนะ ที่ยังยืนอยู่ได้” ให้กำลังใจตัวเอง แบบที่คุณอยากได้จากคนอื่น และจงจำไว้เสมอว่า คุณคือคนเดียวที่อยู่กับตัวเอง ไปจนวันสุดท้าย อย่าให้ความโดดเดี่ยวทำให้คุณยอมแพ้ เพราะคุณไม่จำเป็นต้องมีทุกคนเข้าใจ แค่คุณ “เข้าใจตัวเอง” ก็เพียงพอแล้ว ✨ ความหวัง & ความเชื่อ พลังเล็กๆ ที่เปลี่ยนโลกทั้งใบได้ ความหวัง คือ "แสง" ที่ปลายอุโมงค์ มันอาจจะไกล...แต่มัน "มีอยู่จริง" 💡 คนที่เชื่อว่า "ชีวิตจะดีขึ้น" มักมีโอกาส “เจอสิ่งดีๆ” มากกว่าคนที่หมดหวัง ความเชื่อ คือ “พลังล่องหน” ที่สามารถขับเคลื่อนเรา แม้ในวันที่ดูเหมือนไม่เหลืออะไรเลย ความหวังไม่ใช่คำปลอบใจ แต่มันคือเครื่องมือในการ “เอาตัวรอด” อย่างแท้จริง 🛠️ กลยุทธ์ฟื้นตัวในวันที่ชีวิตพัง ทำอย่างไรให้กลับมายืนได้อีกครั้ง ตั้งสติ ไม่โทษตัวเอง ความผิดพลาดไม่ใช่สิ่งที่ต้อง “ลงโทษตัวเอง” แต่เป็นสิ่งที่ต้อง “เรียนรู้” พัก แต่ไม่ถอย เหนื่อยได้ ร้องไห้ได้ แต่ขอแค่ “อย่าถอยกลับไปที่เดิม” มองหาความสุขเล็กๆ อย่ามองหาแต่เป้าหมายใหญ่ จนลืมว่ารอยยิ้มจากกาแฟแก้วหนึ่ง...ก็เป็นพลังได้เหมือนกัน ☕ เขียนไดอารี่ บันทึกความรู้สึก เพราะเมื่อคุณย้อนกลับมาอ่าน มันจะเตือนว่าคุณ "ผ่านอะไรมาได้มากแค่ไหนแล้ว" หาคนฟังที่ไม่ตัดสิน บางครั้งเราต้องการแค่คนที่ “ฟังเรา” โดยไม่พยายามแก้ไขอะไรเลย แค่รับฟัง 🏁 ไม่หยุด = ชนะแล้ว คุณไม่ต้อง "ชนะทุกอย่าง" แค่คุณ “ไม่ยอมแพ้” ก็ถือว่า “คุณชนะแล้ว” ล้มได้ แต่ลุกอีกครั้ง เดินช้าได้ แต่ขอแค่อย่าหยุด เหนื่อยได้ แต่จงจำไว้ว่า "พัก" ไม่ใช่ "ถอย" อย่าลืมว่า… คนที่ผ่านช่วงมืดที่สุดมาได้ คือคนที่จะ "สว่างกว่าใคร" เมื่อถึงเวลา 💬 คำคมสร้างพลังใจ "ถ้าคุณยังหายใจอยู่ แปลว่าคุณยังเปลี่ยนทุกอย่างได้เสมอ" "ชีวิตมันไม่ง่าย...แต่มัน ‘คุ้มค่า’ ที่จะใช้" "ล้มได้ ไม่เป็นไร ขอแค่ ‘อย่าล้มเลิก’" ถ้ารู้สึกท้อทุกวัน ควรเริ่มจากการดูแลตัวเองทีละนิด พักผ่อนให้เพียงพอ หาแรงบันดาลใจจากสิ่งเล็กๆ และอย่าลืมหาคนที่พร้อมจะฟังคุณอย่างแท้จริง หากแรงบันดาลใจหายไป ให้กลับไปหา "จุดเริ่มต้น" ที่ทำให้คุณเริ่มฝัน ลองนึกถึงคนที่คุณอยากภูมิใจในตัวคุณ แล้วเริ่มใหม่จากตรงนั้น หากรู้สึกไม่มีค่าเลย เพราะคุณกำลังใช้มาตรฐานของคนอื่น ตัดสินตัวเอง ลองกลับมาโฟกัสที่สิ่งที่คุณทำได้ดี แม้จะเล็กน้อย ก็ยังมีคุณค่า ถ้าคุณยังยืนอยู่ได้หลังจากที่เจ็บมา นั่นแปลว่าคุณ “ผ่านวิกฤตมาแล้วครึ่งหนึ่ง” เขียนจดหมายถึงตัวเองในอนาคต เดินเล่นคนเดียว ไปเที่ยวธรรมชาติ หรือฟังเพลงที่ให้พลังบวก เพื่อฟืเนพลังใจ ไม่มีใครเก่งพอจะไม่ล้ม แต่ทุกคนเก่งพอที่จะ “ลุก” ได้เสมอ 🔑 สาระสำคัญที่ควรจดจำ ชีวิตไม่ได้ต้องการให้เราชนะทุกวัน แค่คุณ “ไม่ยอมแพ้” ก็คือ “คุณเก่งมากแล้ว” จงเลือกที่จะเดินต่อ...แม้จะช้าก็ตาม เพราะความหวังอยู่ที่ปลายทางเสมอ พร้อมหรือยังที่จะ "ไม่ยอมแพ้"...? 💥 คุณไปต่อได้แน่นอน ✨ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 222210 เม.ย. 2568 📱 #แรงบันดาลใจ #ชีวิตไม่ง่ายแต่ต้องรอด #อย่ายอมแพ้ #กำลังใจดีๆ #สู้ชีวิต #พลังใจ #ความหวังยังมีเสมอ #คำคมชีวิต #เอาชนะใจตัวเอง #ชีวิตคือการเดินทาง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 557 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทุกการพบคือ... การเตรียมจากลา ใช้ช่วงเวลานี้ ให้ดีที่สุด! คุ้มค่าจริงหรือ? ที่จะเก็บความโกรธไว้ จนไม่ได้เจอกันอีกเลย

    เมื่อวันพรุ่งนี้อาจไม่มีอีกแล้ว... รักให้มากที่สุด ก่อนที่จะสายเกินไป อย่าปล่อยให้ความโกรธพรากคนที่คุณรัก ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด เพราะทุกการพบคือการเตรียมจากลา

    จะพาทบทวนความสัมพันธ์ ความเปราะบางของชีวิต และเหตุผลที่เราควรใช้ช่วงเวลาทุกวินาทีให้คุ้มค่า เพราะเราไม่มีวันรู้เลยว่า วันพรุ่งนี้จะมีให้กับทุกคนอีกหรือไม่

    🌿 ชีวิตคือ “ของขวัญชั่วคราว” ที่ไม่มีใครบอกได้ว่า วันหมดอายุคือเมื่อไหร่ เคยไหม... อยู่กับใครสักคนทุกวัน จนหลงลืมว่า เขาอาจไม่อยู่กับเราตลอดไป?

    เราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วย “ความไม่แน่นอน” และ “การสูญเสีย” แม้จะรู้ดีว่าความตาย เป็นปลายทางของทุกชีวิต แต่หลายคนก็ยังใช้ชีวิตราวกับว่า มีเวลามากมายไม่รู้จบ ทั้งที่จริง... เราไม่มีใครรู้เลยว่า “วันนี้” อาจเป็น “วันสุดท้าย” ที่เราจะได้เห็นรอยยิ้มของใครบางคน

    การเข้าใจความไม่แน่นอนของชีวิต ไม่ได้ทำให้เราต้องใช้ชีวิตอย่างเศร้าสร้อย แต่กลับเป็นแรงผลักดันให้เรา “เห็นคุณค่า” ของแต่ละวินาทีที่ยังมีอยู่ ใช้โอกาสนี้ให้ดีที่สุดก่อนที่จะ “สายเกินไป”

    ความหมายของคำว่า “ทุกการพบคือการเตรียมจากลา” คำพูดที่ดูเรียบง่ายนี้ กลับเต็มไปด้วยความจริงที่ลึกซึ้ง

    เราเกิดมาเพื่อ “พบเจอ” และ “จากลา” เป็นวัฏจักรของชีวิต ที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ แม้เราจะหลีกเลี่ยงการพูดถึงมัน แต่ความตายก็ยังอยู่ตรงนั้น รอวันเวลาที่มาถึง

    📌 “เราต่างพบกันชั่วคราว เพื่อจากกันตลอดกาลเท่านั้นเอง”

    ประโยคนี้อาจทำให้ใครหลายคนรู้สึกใจหาย แต่มันคือ “ความจริง” ที่ควรเตือนใจเราทุกวัน ว่า... อย่าประมาทกับเวลา อย่าผัดวันประกันพรุ่งในการรัก การให้อภัย หรือการดูแลกัน และอย่าปล่อยให้ความโกรธ กลายเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราทิ้งไว้ให้กัน

    เพราะ “ความตาย” ไม่รอใคร... 🖤 บางคนเพิ่งกอดกันเมื่อวาน วันนี้อาจเหลือแค่ความว่างเปล่า...

    มนุษย์เรามีแนวโน้ม จะมองข้ามความเปราะบางของชีวิต เราใช้ชีวิตเหมือนมีพรุ่งนี้เสมอ ทั้งที่พรุ่งนี้อาจไม่มีจริง สำหรับบางคน

    ลองคิดดูสิ... ถ้าคืนนี้เป็นคืนสุดท้าย คุณจะยังโกรธใครอยู่ไหม? ถ้าคนที่คุณรักกำลังจะจากไป คุณจะยังเลือกความเงียบมากกว่าการสื่อสารไหม? ถ้าพรุ่งนี้เขาไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว คุณจะเสียใจแค่ไหน ที่ไม่ได้บอกรักเขาอีกสักครั้ง?

    💡 “การตาย” อาจเกิดขึ้นทันที โดยไม่ให้เวลาเตรียมใจแม้แต่นาทีเดียว

    คุ้มค่าจริงหรือ? ที่จะเก็บความโกรธไว้... จนไม่ได้เจอกันอีกเลย โกรธ... คืออารมณ์ที่มนุษย์ทุกคนมี แต่การเก็บความโกรธไว้นาน ๆ โดยไม่หาทางปลดปล่อยมัน อาจกลายเป็นบาดแผลในความสัมพันธ์ ที่ไม่มีวันรักษาได้

    🔥 คนเราทะเลาะกันได้ ผิดใจกันได้ แต่ควรรีบเคลียร์ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่า “โอกาสหน้า” จะยังมีอยู่หรือเปล่า

    “ความโกรธไม่ใช่ปัญหา... แต่การไม่จัดการความโกรธต่างหาก ที่เป็นปัญหา” ทุกความโกรธ ทุกความเข้าใจผิด ควรถูกแก้ไขในวันที่ยังมีโอกาส ไม่ใช่ในวันงานศพ ที่ไม่สามารถพูดอะไรได้อีกแล้ว

    ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด รักให้มากที่สุด เท่าที่เวลาจะมีให้ ⏳ เวลาคือทรัพยากรที่ใช้แล้ว ไม่สามารถเรียกคืนได้ แทนที่จะมัวเสียเวลาไปกับความคาดหวัง การเปรียบเทียบ หรือความขุ่นเคืองใจ ลองหันกลับมาใช้ “เวลาที่เหลืออยู่” เพื่อทำสิ่งเหล่านี้...

    บอกรักให้บ่อยขึ้น กอดกันให้แน่นขึ้น ให้อภัยเร็วขึ้น ฟังกันมากขึ้น ใส่ใจกันมากกว่าก่อน เพราะสุดท้ายแล้ว... ไม่มีใครเสียใจที่รักมากเกินไป แต่ทุกคนเสียใจที่ “ไม่ได้รักให้มากพอ”

    เมื่อวันพรุ่งนี้ไม่มีอีกแล้ว... 🎗️ โลกนี้ไม่เคยเตรียมเราให้พร้อมกับการจากลา ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ คนรัก เพื่อนสนิท หรือแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง ทุกคนล้วนมีวันจากไป บางคนอาจจากกันด้วยเหตุผล บางคนจากกันด้วยความตาย และบางคนจากไป... โดยไม่มีแม้แต่คำลา

    และเมื่อวันนั้นมาถึง... ไม่มีเวลาแก้ตัว ไม่มีเวลาอธิบาย ไม่มีเวลาขอโทษ ไม่มีเวลาเริ่มต้นใหม่ จะดีกว่าไหม ถ้าทำทุกวันให้ดีที่สุด... เหมือนมันคือวันสุดท้าย

    อย่าทำร้ายกันด้วยความเงียบ 💬 การไม่พูด การไม่อธิบาย การไม่บอกความรู้สึก คือสิ่งที่ทำร้ายจิตใจ ได้มากกว่าคำพูดรุนแรงเสียอีก

    ในช่วงเวลาที่มีจำกัด คำพูดง่าย ๆ อย่าง “ขอโทษ” “คิดถึง” หรือ “รักนะ” อาจเป็นสิ่งที่เปลี่ยนใจใครบางคนได้ และอาจเป็นคำสุดท้ายที่เขาได้ยินจากเรา

    ถ้าเป็นวันนี้... คุณยังอยากโกรธอยู่ไหม? ลองถามตัวเอง... ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของเรา... เรายังอยากถือโทษใครอยู่ไหม? ถ้าคำตอบคือ “ไม่” แปลว่า... ความโกรธนั้น ไม่สำคัญพอจะเก็บมันไว้ตั้งแต่แรก

    ชีวิตสั้นเกินกว่าจะเก็บความรู้สึกดี ๆ ไว้ 🌼 ทุกการพบคือการเตรียมจากลา ใช้ช่วงเวลาที่มีให้คุ้มค่า ใช้ใจในการรัก ใช้เวลาในการฟัง ใช้โอกาสในการให้อภัย ใช้คำพูดในการสร้างความเข้าใจ

    โลกใบนี้ไม่แน่นอน แต่การกระทำของเราวันนี้สามารถ “เปลี่ยนแปลงความทรงจำของใครสักคนตลอดไป”

    ทุกลมหายใจ คือของขวัญ 🕊️ อย่ารอให้สายเกินไป ก่อนจะพูดว่า... "ฉันรักเธอ"

    เราควรให้อภัยคนที่ทำร้ายเรา? เพราะการให้อภัย คือการปลดปล่อยตัวเอง ไม่ใช่เพื่อตัวเขา แต่เพื่อตัวเรา ที่จะได้ก้าวต่อไปอย่างสงบ

    หากคุณยังรู้สึกผิด หรือยังคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แปลว่า... ยังไม่สายเกินไปที่จะพูดคำขอโท

    คำว่า “ชั่วคราว” มีพลังมาก เพราะมันเตือนให้เรารู้ว่า ไม่มีสิ่งใดยั่งยืน ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วก็ผ่านไป

    เราจะหยุดโกรธคนที่เรารัก หากนึกถึงช่วงเวลาที่ดี นึกถึงวันหนึ่งที่เขาอาจไม่อยู่ แล้วคุณจะรู้ว่าความโกรธไม่คุ้มค่า

    ความรักจะช่วยเยียวยาความเสียใจได้ เพราะความรักคือการเข้าใจ ให้อภัย และเป็นพลังงานที่อยู่เหนือความเศร้า

    เริ่มใช้ชีวิตให้คุ้มค่าจากวันนี้ ลองโทรหาคนที่คุณคิดถึง พูดในสิ่งที่อยากพูด ทำในสิ่งที่อยากทำ ก่อนจะไม่มีโอกาสอีก

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 222155 เม.ย. 2568

    #ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด #อย่าปล่อยให้สายเกินไป #รักให้เต็มที่ #คำขอโทษสุดท้าย #ความตายคือปลายทาง #ความรักและการให้อภัย #ความทรงจำดีๆ #ชีวิตสั้นนัก #พบเพื่อจาก #เราต่างพบกันชั่วคราว
    ทุกการพบคือ... การเตรียมจากลา ใช้ช่วงเวลานี้ ให้ดีที่สุด! คุ้มค่าจริงหรือ? ที่จะเก็บความโกรธไว้ จนไม่ได้เจอกันอีกเลย เมื่อวันพรุ่งนี้อาจไม่มีอีกแล้ว... รักให้มากที่สุด ก่อนที่จะสายเกินไป อย่าปล่อยให้ความโกรธพรากคนที่คุณรัก ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด เพราะทุกการพบคือการเตรียมจากลา จะพาทบทวนความสัมพันธ์ ความเปราะบางของชีวิต และเหตุผลที่เราควรใช้ช่วงเวลาทุกวินาทีให้คุ้มค่า เพราะเราไม่มีวันรู้เลยว่า วันพรุ่งนี้จะมีให้กับทุกคนอีกหรือไม่ 🌿 ชีวิตคือ “ของขวัญชั่วคราว” ที่ไม่มีใครบอกได้ว่า วันหมดอายุคือเมื่อไหร่ เคยไหม... อยู่กับใครสักคนทุกวัน จนหลงลืมว่า เขาอาจไม่อยู่กับเราตลอดไป? เราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วย “ความไม่แน่นอน” และ “การสูญเสีย” แม้จะรู้ดีว่าความตาย เป็นปลายทางของทุกชีวิต แต่หลายคนก็ยังใช้ชีวิตราวกับว่า มีเวลามากมายไม่รู้จบ ทั้งที่จริง... เราไม่มีใครรู้เลยว่า “วันนี้” อาจเป็น “วันสุดท้าย” ที่เราจะได้เห็นรอยยิ้มของใครบางคน การเข้าใจความไม่แน่นอนของชีวิต ไม่ได้ทำให้เราต้องใช้ชีวิตอย่างเศร้าสร้อย แต่กลับเป็นแรงผลักดันให้เรา “เห็นคุณค่า” ของแต่ละวินาทีที่ยังมีอยู่ ใช้โอกาสนี้ให้ดีที่สุดก่อนที่จะ “สายเกินไป” ความหมายของคำว่า “ทุกการพบคือการเตรียมจากลา” คำพูดที่ดูเรียบง่ายนี้ กลับเต็มไปด้วยความจริงที่ลึกซึ้ง เราเกิดมาเพื่อ “พบเจอ” และ “จากลา” เป็นวัฏจักรของชีวิต ที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ แม้เราจะหลีกเลี่ยงการพูดถึงมัน แต่ความตายก็ยังอยู่ตรงนั้น รอวันเวลาที่มาถึง 📌 “เราต่างพบกันชั่วคราว เพื่อจากกันตลอดกาลเท่านั้นเอง” ประโยคนี้อาจทำให้ใครหลายคนรู้สึกใจหาย แต่มันคือ “ความจริง” ที่ควรเตือนใจเราทุกวัน ว่า... อย่าประมาทกับเวลา อย่าผัดวันประกันพรุ่งในการรัก การให้อภัย หรือการดูแลกัน และอย่าปล่อยให้ความโกรธ กลายเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราทิ้งไว้ให้กัน เพราะ “ความตาย” ไม่รอใคร... 🖤 บางคนเพิ่งกอดกันเมื่อวาน วันนี้อาจเหลือแค่ความว่างเปล่า... มนุษย์เรามีแนวโน้ม จะมองข้ามความเปราะบางของชีวิต เราใช้ชีวิตเหมือนมีพรุ่งนี้เสมอ ทั้งที่พรุ่งนี้อาจไม่มีจริง สำหรับบางคน ลองคิดดูสิ... ถ้าคืนนี้เป็นคืนสุดท้าย คุณจะยังโกรธใครอยู่ไหม? ถ้าคนที่คุณรักกำลังจะจากไป คุณจะยังเลือกความเงียบมากกว่าการสื่อสารไหม? ถ้าพรุ่งนี้เขาไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว คุณจะเสียใจแค่ไหน ที่ไม่ได้บอกรักเขาอีกสักครั้ง? 💡 “การตาย” อาจเกิดขึ้นทันที โดยไม่ให้เวลาเตรียมใจแม้แต่นาทีเดียว คุ้มค่าจริงหรือ? ที่จะเก็บความโกรธไว้... จนไม่ได้เจอกันอีกเลย โกรธ... คืออารมณ์ที่มนุษย์ทุกคนมี แต่การเก็บความโกรธไว้นาน ๆ โดยไม่หาทางปลดปล่อยมัน อาจกลายเป็นบาดแผลในความสัมพันธ์ ที่ไม่มีวันรักษาได้ 🔥 คนเราทะเลาะกันได้ ผิดใจกันได้ แต่ควรรีบเคลียร์ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่า “โอกาสหน้า” จะยังมีอยู่หรือเปล่า “ความโกรธไม่ใช่ปัญหา... แต่การไม่จัดการความโกรธต่างหาก ที่เป็นปัญหา” ทุกความโกรธ ทุกความเข้าใจผิด ควรถูกแก้ไขในวันที่ยังมีโอกาส ไม่ใช่ในวันงานศพ ที่ไม่สามารถพูดอะไรได้อีกแล้ว ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด รักให้มากที่สุด เท่าที่เวลาจะมีให้ ⏳ เวลาคือทรัพยากรที่ใช้แล้ว ไม่สามารถเรียกคืนได้ แทนที่จะมัวเสียเวลาไปกับความคาดหวัง การเปรียบเทียบ หรือความขุ่นเคืองใจ ลองหันกลับมาใช้ “เวลาที่เหลืออยู่” เพื่อทำสิ่งเหล่านี้... บอกรักให้บ่อยขึ้น กอดกันให้แน่นขึ้น ให้อภัยเร็วขึ้น ฟังกันมากขึ้น ใส่ใจกันมากกว่าก่อน เพราะสุดท้ายแล้ว... ไม่มีใครเสียใจที่รักมากเกินไป แต่ทุกคนเสียใจที่ “ไม่ได้รักให้มากพอ” เมื่อวันพรุ่งนี้ไม่มีอีกแล้ว... 🎗️ โลกนี้ไม่เคยเตรียมเราให้พร้อมกับการจากลา ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ คนรัก เพื่อนสนิท หรือแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง ทุกคนล้วนมีวันจากไป บางคนอาจจากกันด้วยเหตุผล บางคนจากกันด้วยความตาย และบางคนจากไป... โดยไม่มีแม้แต่คำลา และเมื่อวันนั้นมาถึง... ไม่มีเวลาแก้ตัว ไม่มีเวลาอธิบาย ไม่มีเวลาขอโทษ ไม่มีเวลาเริ่มต้นใหม่ จะดีกว่าไหม ถ้าทำทุกวันให้ดีที่สุด... เหมือนมันคือวันสุดท้าย อย่าทำร้ายกันด้วยความเงียบ 💬 การไม่พูด การไม่อธิบาย การไม่บอกความรู้สึก คือสิ่งที่ทำร้ายจิตใจ ได้มากกว่าคำพูดรุนแรงเสียอีก ในช่วงเวลาที่มีจำกัด คำพูดง่าย ๆ อย่าง “ขอโทษ” “คิดถึง” หรือ “รักนะ” อาจเป็นสิ่งที่เปลี่ยนใจใครบางคนได้ และอาจเป็นคำสุดท้ายที่เขาได้ยินจากเรา ถ้าเป็นวันนี้... คุณยังอยากโกรธอยู่ไหม? ลองถามตัวเอง... ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของเรา... เรายังอยากถือโทษใครอยู่ไหม? ถ้าคำตอบคือ “ไม่” แปลว่า... ความโกรธนั้น ไม่สำคัญพอจะเก็บมันไว้ตั้งแต่แรก ชีวิตสั้นเกินกว่าจะเก็บความรู้สึกดี ๆ ไว้ 🌼 ทุกการพบคือการเตรียมจากลา ใช้ช่วงเวลาที่มีให้คุ้มค่า ใช้ใจในการรัก ใช้เวลาในการฟัง ใช้โอกาสในการให้อภัย ใช้คำพูดในการสร้างความเข้าใจ โลกใบนี้ไม่แน่นอน แต่การกระทำของเราวันนี้สามารถ “เปลี่ยนแปลงความทรงจำของใครสักคนตลอดไป” ทุกลมหายใจ คือของขวัญ 🕊️ อย่ารอให้สายเกินไป ก่อนจะพูดว่า... "ฉันรักเธอ" เราควรให้อภัยคนที่ทำร้ายเรา? เพราะการให้อภัย คือการปลดปล่อยตัวเอง ไม่ใช่เพื่อตัวเขา แต่เพื่อตัวเรา ที่จะได้ก้าวต่อไปอย่างสงบ หากคุณยังรู้สึกผิด หรือยังคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แปลว่า... ยังไม่สายเกินไปที่จะพูดคำขอโท คำว่า “ชั่วคราว” มีพลังมาก เพราะมันเตือนให้เรารู้ว่า ไม่มีสิ่งใดยั่งยืน ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วก็ผ่านไป เราจะหยุดโกรธคนที่เรารัก หากนึกถึงช่วงเวลาที่ดี นึกถึงวันหนึ่งที่เขาอาจไม่อยู่ แล้วคุณจะรู้ว่าความโกรธไม่คุ้มค่า ความรักจะช่วยเยียวยาความเสียใจได้ เพราะความรักคือการเข้าใจ ให้อภัย และเป็นพลังงานที่อยู่เหนือความเศร้า เริ่มใช้ชีวิตให้คุ้มค่าจากวันนี้ ลองโทรหาคนที่คุณคิดถึง พูดในสิ่งที่อยากพูด ทำในสิ่งที่อยากทำ ก่อนจะไม่มีโอกาสอีก ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 222155 เม.ย. 2568 #ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด #อย่าปล่อยให้สายเกินไป #รักให้เต็มที่ #คำขอโทษสุดท้าย #ความตายคือปลายทาง #ความรักและการให้อภัย #ความทรงจำดีๆ #ชีวิตสั้นนัก #พบเพื่อจาก #เราต่างพบกันชั่วคราว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 513 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้มีเกร็ดเล็กๆ จากละคร <สามบุปผาลิขิตฝัน> มาคุยให้ฟัง (ก่อนที่ Storyฯ จะมูฟออนไปดูละครเรื่องอื่น)

    เพื่อนเพจที่ได้เคยดูละครเรื่องนี้จะคุ้นตากับหลายฉากที่หนึ่งในตัวละครเอก ซ่งอิ่นจาง บรรเลงผีผาจนผู้คนเคลิบเคลิ้ม และจะมีอยู่เพลงหนึ่งที่ทุกคนพูดถึงราวกับว่ามันเป็นเพลงที่ทุกคนรู้จักดีและบรรเลงยากยิ่งนัก ในละครเรียกว่า ‘เพลงหมิงเฟย’ หรือ ‘หมิงเฟยฉวี่’ (明妃曲)

    ในละครมีลูกค้าของโรงน้ำชาคนหนึ่งบรรยายไว้เกี่ยวกับสไตล์การบรรเลงเพลงนี้ไว้ดังนี้
    “ในทีแรกหมิงเฟยถูกส่งตัวไปชายแดน นั่นก็เพื่อประเทศชาติ จะสื่อถึงจิตใจของผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเดียวได้อย่างไร ชั้นที่หนึ่งเสียงสูงต่ำต่อเนื่องกัน ชั้นที่สองเป็นความทุกข์ที่ประสบในชีวิต ชั้นที่สามเป็นความคิดถึงบ้านเกิด ส่วนชั้นที่สี่กลับมีความเป็นดนตรีชั้นสูง ตื่นเต้นฮึกเหิมไพเราะโดดเด่น เล่าถึงปณิธานอันยิ่งใหญ่ของหมิงเฟยในการต่อสู่เพื่อราชวงศ์ฮั่นที่ชายแดน” (หมายเหตุ ถอดความจากซับไทยของละคร)

    หมิงเฟยฉวี่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ แต่... ชื่อเรียกว่า ‘เพลง’ ทว่าจริงแล้วหมิงเฟยฉวี่เป็นบทกวีค่ะ

    บทกวีหมิงเฟยฉวี่มีทั้งหมดสองบท (ดูรูปสอง) รวม 32 วรรค ‘หมิงเฟย’ ที่กล่าวถึงก็คือหวางเจาจวินนั่นเอง บทแรกบรรยายถึงช่วงเวลาที่หวางเจาจวินต้องจากลาราชสำนักฮั่นเพื่อแต่งงานไปเผ่าซงหนูทางเหนือ จากบทกวีนี้เองที่เราทราบถึงตำนานที่ว่าช่างวาดภาพหลวงรับสินบนจากนางในแต่ไม่เคยได้จากหวางเจาจวิน จึงวาดภาพของนางออกมาขี้เหร่ องค์หยวนตี้ (ราชวงศ์ฮั่น) ทรงเห็นโฉมหน้านางครั้งแรกก็วันที่นางมาทูลลาเพื่อออกเดินทาง ทรงรู้สึกเสียดายนางมากและสั่งประหารช่างวาดภาพนี้ด้วยความโกรธ บทกวียังบรรยายถึงความโศกเศร้าที่นางต้องจากบ้านเกิดเมืองนอน ต้องทนอยู่กับความเหงาความคิดถึงบ้านเกิดด้วยการบรรเลงผีผา ทำทุกอย่างเพื่อความสงบของสองเมือง สุดท้ายต้องตายอยู่ต่างแดน เป็นบทกวีที่ยกย่องว่าเพราะนาง ฮั่น-ซงหนู จึงไม่ทำสงครามต่อกันยาวนานเป็นร้อยปี

    หมิงเฟยฉวี่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นบทกวีที่ยกย่องหวางเจาจวินที่ดีที่สุด เป็นบทประพันธ์ของ ‘หวางอานสือ’ (ค.ศ. 1021-1086 รูปวาดเหมือนขวาสุดของภาพแรก)

    หวางอานสือเป็นขุนนางในรัชสมัยขององค์ซ่งเหรินจงแห่งราชวงศ์ซ่งเหนือ ผ่านมาหลายตำแหน่งและสูงสุดเป็นถึงอัครเสนาบดี ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในแปดกวีเอกของสมัยถัง-ซ่ง เขาผู้นี้ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ในการพยายามผลักดันให้เกิดการปฏิรูประบอบการปกครองและเศรษฐกิจผ่านบทกฏหมายหลายฉบับ เช่น ด้านการเงินการคลัง การให้สวัสดิการรัฐ การยกเลิกการผูกขาดทางการค้า ระบบราชการแบบเครือญาติ การจัดการที่ดินและภาษี เป็นต้น แต่สุดท้ายต้านทานแรงต้านจะขุนนางอื่นที่คัดค้านแนวคิดใหม่เหล่านี้ไม่ไหว ต้องลาออกจากราชการไปในปีค.ศ. 1076

    บทเพลงที่เกี่ยวกับหวางเจาจวินมีหลายเพลงที่โด่งดัง Storyฯ ลองหาดูว่ามีบทเพลงที่มีชื่อว่าหมิงเฟยฉวี่ด้วยหรือไม่ แต่หาไม่พบ ได้ยินมาว่าเวอร์ชั่นที่บรรเลงในละครเรื่องสามบุปผาฯ ดัดแปลงจากทำนองเพลงตอนท้ายเรื่อง แต่ Storyฯ ก็ไม่ได้ไปฟังเปรียบเทียบเพิ่มเติม เพื่อนเพจท่านใดลองเปรียบเทียบดูแล้วมาเล่าสู่กันฟังได้ก็ดีนะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://ent.ifeng.com/c/8H7x6pkC0rk#p=1
    https://adlovejyxg.exblog.jp/18806203/
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/234876433
    https://www.baike.com/wiki/%E7%8E%8B%E5%AE%89%E7%9F%B3?view_id=2rfylzysqee000
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/王安石/127359
    https://baike.baidu.com/item/明妃曲二首/2941120
    https://m.thepaper.cn/rss_newsDetail_14968634?from=
    https://www.163.com/dy/article/E8B57R4D05372TL1.html

    #สามบุปผา #เพลงหมิงเฟย #หมิงเฟยฉวี่ #หวางเจาจวิน #หมิงเฟย #หวางอานสือ
    วันนี้มีเกร็ดเล็กๆ จากละคร <สามบุปผาลิขิตฝัน> มาคุยให้ฟัง (ก่อนที่ Storyฯ จะมูฟออนไปดูละครเรื่องอื่น) เพื่อนเพจที่ได้เคยดูละครเรื่องนี้จะคุ้นตากับหลายฉากที่หนึ่งในตัวละครเอก ซ่งอิ่นจาง บรรเลงผีผาจนผู้คนเคลิบเคลิ้ม และจะมีอยู่เพลงหนึ่งที่ทุกคนพูดถึงราวกับว่ามันเป็นเพลงที่ทุกคนรู้จักดีและบรรเลงยากยิ่งนัก ในละครเรียกว่า ‘เพลงหมิงเฟย’ หรือ ‘หมิงเฟยฉวี่’ (明妃曲) ในละครมีลูกค้าของโรงน้ำชาคนหนึ่งบรรยายไว้เกี่ยวกับสไตล์การบรรเลงเพลงนี้ไว้ดังนี้ “ในทีแรกหมิงเฟยถูกส่งตัวไปชายแดน นั่นก็เพื่อประเทศชาติ จะสื่อถึงจิตใจของผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเดียวได้อย่างไร ชั้นที่หนึ่งเสียงสูงต่ำต่อเนื่องกัน ชั้นที่สองเป็นความทุกข์ที่ประสบในชีวิต ชั้นที่สามเป็นความคิดถึงบ้านเกิด ส่วนชั้นที่สี่กลับมีความเป็นดนตรีชั้นสูง ตื่นเต้นฮึกเหิมไพเราะโดดเด่น เล่าถึงปณิธานอันยิ่งใหญ่ของหมิงเฟยในการต่อสู่เพื่อราชวงศ์ฮั่นที่ชายแดน” (หมายเหตุ ถอดความจากซับไทยของละคร) หมิงเฟยฉวี่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ แต่... ชื่อเรียกว่า ‘เพลง’ ทว่าจริงแล้วหมิงเฟยฉวี่เป็นบทกวีค่ะ บทกวีหมิงเฟยฉวี่มีทั้งหมดสองบท (ดูรูปสอง) รวม 32 วรรค ‘หมิงเฟย’ ที่กล่าวถึงก็คือหวางเจาจวินนั่นเอง บทแรกบรรยายถึงช่วงเวลาที่หวางเจาจวินต้องจากลาราชสำนักฮั่นเพื่อแต่งงานไปเผ่าซงหนูทางเหนือ จากบทกวีนี้เองที่เราทราบถึงตำนานที่ว่าช่างวาดภาพหลวงรับสินบนจากนางในแต่ไม่เคยได้จากหวางเจาจวิน จึงวาดภาพของนางออกมาขี้เหร่ องค์หยวนตี้ (ราชวงศ์ฮั่น) ทรงเห็นโฉมหน้านางครั้งแรกก็วันที่นางมาทูลลาเพื่อออกเดินทาง ทรงรู้สึกเสียดายนางมากและสั่งประหารช่างวาดภาพนี้ด้วยความโกรธ บทกวียังบรรยายถึงความโศกเศร้าที่นางต้องจากบ้านเกิดเมืองนอน ต้องทนอยู่กับความเหงาความคิดถึงบ้านเกิดด้วยการบรรเลงผีผา ทำทุกอย่างเพื่อความสงบของสองเมือง สุดท้ายต้องตายอยู่ต่างแดน เป็นบทกวีที่ยกย่องว่าเพราะนาง ฮั่น-ซงหนู จึงไม่ทำสงครามต่อกันยาวนานเป็นร้อยปี หมิงเฟยฉวี่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นบทกวีที่ยกย่องหวางเจาจวินที่ดีที่สุด เป็นบทประพันธ์ของ ‘หวางอานสือ’ (ค.ศ. 1021-1086 รูปวาดเหมือนขวาสุดของภาพแรก) หวางอานสือเป็นขุนนางในรัชสมัยขององค์ซ่งเหรินจงแห่งราชวงศ์ซ่งเหนือ ผ่านมาหลายตำแหน่งและสูงสุดเป็นถึงอัครเสนาบดี ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในแปดกวีเอกของสมัยถัง-ซ่ง เขาผู้นี้ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ในการพยายามผลักดันให้เกิดการปฏิรูประบอบการปกครองและเศรษฐกิจผ่านบทกฏหมายหลายฉบับ เช่น ด้านการเงินการคลัง การให้สวัสดิการรัฐ การยกเลิกการผูกขาดทางการค้า ระบบราชการแบบเครือญาติ การจัดการที่ดินและภาษี เป็นต้น แต่สุดท้ายต้านทานแรงต้านจะขุนนางอื่นที่คัดค้านแนวคิดใหม่เหล่านี้ไม่ไหว ต้องลาออกจากราชการไปในปีค.ศ. 1076 บทเพลงที่เกี่ยวกับหวางเจาจวินมีหลายเพลงที่โด่งดัง Storyฯ ลองหาดูว่ามีบทเพลงที่มีชื่อว่าหมิงเฟยฉวี่ด้วยหรือไม่ แต่หาไม่พบ ได้ยินมาว่าเวอร์ชั่นที่บรรเลงในละครเรื่องสามบุปผาฯ ดัดแปลงจากทำนองเพลงตอนท้ายเรื่อง แต่ Storyฯ ก็ไม่ได้ไปฟังเปรียบเทียบเพิ่มเติม เพื่อนเพจท่านใดลองเปรียบเทียบดูแล้วมาเล่าสู่กันฟังได้ก็ดีนะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://ent.ifeng.com/c/8H7x6pkC0rk#p=1 https://adlovejyxg.exblog.jp/18806203/ https://zhuanlan.zhihu.com/p/234876433 https://www.baike.com/wiki/%E7%8E%8B%E5%AE%89%E7%9F%B3?view_id=2rfylzysqee000 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/王安石/127359 https://baike.baidu.com/item/明妃曲二首/2941120 https://m.thepaper.cn/rss_newsDetail_14968634?from= https://www.163.com/dy/article/E8B57R4D05372TL1.html #สามบุปผา #เพลงหมิงเฟย #หมิงเฟยฉวี่ #หวางเจาจวิน #หมิงเฟย #หวางอานสือ
    ENT.IFENG.COM
    林允晒《梦华录》宋引章造型 低头抚琴温婉可人
    林允晒《梦华录》宋引章造型 低头抚琴温婉可人
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 597 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เนย วรัฐฐา” รีวิวชีวิตรัก “ฤทธิ์ กาไชย” 9 ปี ขี้เกียจแต่งงานแล้ว เพราะใช้ชีวิตด้วยกัน จดทะเบียนสมรสกันแล้ว ตอนนี้กำลังทำลูก รับแม่บ่นอยากให้ลูกสาวมีงานวิวาห์ เลยบอกแม่ไปว่าบอกช่างมันเถอะ บางคนแต่งงานแล้วเขาก็เลิกกัน เก็บเงินไปทำอย่างอื่นเถอะ ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดี

    คบหาดูใจกันมา 9 ปีแล้วถึงขั้นเคยแพลนงานวิวาห์ไว้เรียบร้อย แต่มาเจอโควิดจึงต้องพับโครงการแต่งงานไปสำหรับคู่ของ “เนย วรัฐฐา อิมราพร” และนักบินหนุ่ม “ฤทธิ์ กาไชย” ซึ่งเนยเล่าว่าขี้เกียจแต่งงานแล้ว เพราะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันและจดทะเบียนสมรสกันไปแล้ว

    “ก็ดีค่ะ ดีแบบที่ไม่มีเรื่องทะเลาะกัน เราก็คบกันมาเกือบ 10 ปีแล้ว ประมาณ 9 ปี ทุกอย่างเหมือนเดิมแบบปกติดี เราไม่หวือหวาเพราะเป็นคนขี้เกียจ ไม่ค่อยอยากจะเซอร์ไพรส์หรือทำอะไรให้มันน่าตื่นเต้น ความหวานของเราคือการที่เราไม่ได้เจอกันทุกวันด้วย พี่ฤทธิ์ เขาเป็นนักบิน เขาบินตลอด บางเดือนเจอกันน้อยมากๆ เดือนนี้เจอกัน 7 วันได้ แต่เพราะความห่างมันทำให้เราคิดถึงกันไง มันเลยเป็นอะไรที่ลงตัว มันเพอร์เฟกต์สำหรับเนย เพราะเนยเป็นคนขี้เบื่อขี้รำคาญ เบื่อแฟน ไม่ชอบให้แฟนอยู่ด้วยตลอดเวลา พอเขาทำอาชีพนี้มันเลยแฮปปี้มาก”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000037329

    #MGROnline #เนยวรัฐฐา #ฤทธิ์กาไชย
    “เนย วรัฐฐา” รีวิวชีวิตรัก “ฤทธิ์ กาไชย” 9 ปี ขี้เกียจแต่งงานแล้ว เพราะใช้ชีวิตด้วยกัน จดทะเบียนสมรสกันแล้ว ตอนนี้กำลังทำลูก รับแม่บ่นอยากให้ลูกสาวมีงานวิวาห์ เลยบอกแม่ไปว่าบอกช่างมันเถอะ บางคนแต่งงานแล้วเขาก็เลิกกัน เก็บเงินไปทำอย่างอื่นเถอะ ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดี • คบหาดูใจกันมา 9 ปีแล้วถึงขั้นเคยแพลนงานวิวาห์ไว้เรียบร้อย แต่มาเจอโควิดจึงต้องพับโครงการแต่งงานไปสำหรับคู่ของ “เนย วรัฐฐา อิมราพร” และนักบินหนุ่ม “ฤทธิ์ กาไชย” ซึ่งเนยเล่าว่าขี้เกียจแต่งงานแล้ว เพราะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันและจดทะเบียนสมรสกันไปแล้ว • “ก็ดีค่ะ ดีแบบที่ไม่มีเรื่องทะเลาะกัน เราก็คบกันมาเกือบ 10 ปีแล้ว ประมาณ 9 ปี ทุกอย่างเหมือนเดิมแบบปกติดี เราไม่หวือหวาเพราะเป็นคนขี้เกียจ ไม่ค่อยอยากจะเซอร์ไพรส์หรือทำอะไรให้มันน่าตื่นเต้น ความหวานของเราคือการที่เราไม่ได้เจอกันทุกวันด้วย พี่ฤทธิ์ เขาเป็นนักบิน เขาบินตลอด บางเดือนเจอกันน้อยมากๆ เดือนนี้เจอกัน 7 วันได้ แต่เพราะความห่างมันทำให้เราคิดถึงกันไง มันเลยเป็นอะไรที่ลงตัว มันเพอร์เฟกต์สำหรับเนย เพราะเนยเป็นคนขี้เบื่อขี้รำคาญ เบื่อแฟน ไม่ชอบให้แฟนอยู่ด้วยตลอดเวลา พอเขาทำอาชีพนี้มันเลยแฮปปี้มาก” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000037329 • #MGROnline #เนยวรัฐฐา #ฤทธิ์กาไชย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 248 มุมมอง 0 รีวิว
  • จาก “ทุกวัน” กลายเป็นแค่คนเคยรู้จัก: ความสัมพันธ์ที่จบลงโดยไม่มีคำลา 💔 แม้ไม่มีใครพูดลา…แต่ใจเรารู้ดีว่า มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

    เมื่อความสัมพันธ์ค่อย ๆ เลือนหายไป โดยไม่มีคำลา บางครั้งเราไม่ได้หายไป... แค่เปลี่ยนไปตามธรรมชาติของชีวิต

    บางคนเคยอยู่ในทุกวันของเรา แต่ตอนนี้กลายเป็นเพียงความทรงจำเงียบ ๆ ในใจ สำรวจความสัมพันธ์ที่จบลง โดยไม่มีคำลา... และทำไมมันถึงเจ็บกว่าที่คิด

    ความเงียบที่ดังที่สุด คือการหายไปของใครบางคน... ในทุกปี... เราอาจได้เจอใครบางคน ที่กลายมาเป็น "คนสำคัญ" ในชีวิต แต่ในขณะเดียวกัน... เราก็อาจเสียใครบางคนไป ไม่ใช่ด้วยการทะเลาะ ไม่ใช่ด้วยความผิดพลาด แต่เป็นการ “ค่อย ๆ หายไป” แบบไม่มีแม้แต่คำลา 🕊️

    เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของความรัก แต่คือทุกความสัมพันธ์ในชีวิต เพื่อนสนิท ครอบครัว คนเคยใกล้ชิด หรือแม้แต่คนที่เคยอยู่ในทุกช่วงเวลาสำคัญ...

    วันนี้ เราจะมาคุยกันถึง "การจากลาในความเงียบ" ทำไมมันถึงเกิดขึ้น และเราจะเข้าใจมันได้อย่างไร?

    🌒 ความเงียบไม่ใช่จุดจบ แต่คือสัญญาณของความเปลี่ยนแปลง ในหลายความสัมพันธ์ จุดจบไม่ได้มาพร้อมคำพูด
    ไม่มีคำบอกลาชัดเจน ไม่มีน้ำตา ไม่มีการโต้แย้ง แต่กลับเป็นเพียง “การเงียบ” ที่ค่อย ๆ สร้างระยะห่าง

    📱 ข้อความที่ค่อย ๆ หายไป บทสนทนาที่สั้นลง และหัวใจที่ไม่เต้นพร้อมกันอีกต่อไป

    บางครั้ง... เราเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า มันเริ่มห่างกันตั้งแต่เมื่อไร แต่รู้ตัวอีกที เขาหรือเธอก็กลายเป็น “คนเคยรู้จัก” ไปแล้ว...

    ทำไมเราถึงหายไปจากกัน…แม้ไม่ได้ตั้งใจ?

    เราทุกคนมีชีวิตที่ยุ่งขึ้นทุกวัน ชีวิตผู้ใหญ่เต็มไปด้วยความรับผิดชอบ งาน การเงิน สุขภาพ ครอบครัว ความฝัน ทั้งหมดนี้ดึงพลังใจของเรา ไปจากความสัมพันธ์เดิม ๆ จนบางครั้ง... เรา “ลืม” ว่าเคยมีใครอีกคนรอคุยกับเราอยู่

    🌀 มันไม่ได้เกิดจากการเบื่อกัน แต่เกิดจาก “ชีวิตที่พาให้เราหายไป”

    ความเหนื่อยล้าในใจที่บอกไม่ออก บางคนไม่ได้อยากหายไป แต่แค่ "เหนื่อยเกินไป" ที่จะเป็นคนเดิม เหนื่อยที่จะยิ้ม เหนื่อยที่จะคุย เหนื่อยที่จะพยายามรักษาความสัมพันธ์นั้นไว้

    และเมื่อเราปล่อยให้ความเงียบเกิดขึ้น... มันก็กลายเป็น “กำแพง” ที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ 🧱

    เราเติบโตในเส้นทางที่ต่างกัน การเติบโตทำให้มุมมองเปลี่ยน ความฝันเปลี่ยน สิ่งที่เคยชอบเหมือนกัน กลับไม่ตรงกันอีกต่อไป แม้จะไม่มีใครผิด… แต่เมื่อเราเดินไปคนละเส้นทาง "ระยะห่าง" ก็เกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ 🚶‍♂️🚶‍♀️

    ความสัมพันธ์ที่จางหายไป… ไม่ได้หมายความว่าไร้ค่า ถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่ในชีวิตกันแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า “วันเวลาที่เคยมีร่วมกัน” ไร้ความหมาย

    ❤️ ความทรงจำดี ๆ ยังคงอยู่ในใจ

    🌿 ความห่วงใยยังแทรกอยู่ในความเงียบ

    💬 บางบทสนทนายังคงอยู่ในความคิดเสมอ

    และบางครั้ง... เพียงแค่ได้คิดถึงใครคนนั้น ในความทรงจำ ก็เพียงพอแล้ว... ที่จะทำให้ใจอบอุ่นขึ้นในวันเหงา ๆ

    บางคนเคยเป็น "ทุกวัน" ของเรา… แต่กลายเป็นเพียงคนในความทรงจำ ลองย้อนกลับไปนึกถึงใครบางคนที่...

    📌 เคยโทรหากันทุกคืน
    📌 เคยเล่าเรื่องให้ฟังทุกเช้า
    📌 เคยไปทุกที่ด้วยกัน
    📌 เคยรู้ใจโดยไม่ต้องพูดอะไร

    แล้ววันนี้... เราอาจจะไม่ได้คุยกันเลย ไม่ได้พบกันอีกเลย แต่สิ่งหนึ่งที่ยังอยู่คือ... ความทรงจำ

    “ไม่มีใครผิดที่เปลี่ยนไป” ประโยคที่เข้าใจได้ เมื่อเรารักตัวเองมากพอ การเติบโตคือการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลง คือสิ่งที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้

    👤 คนบางคนสอนให้เรารู้จักรัก
    👤 บางคนสอนให้เรารู้จักเจ็บ
    👤 และบางคน… สอนให้เรารู้จักปล่อยวาง

    ถึงสุดท้ายเราจะไม่ได้อยู่ในชีวิตกันอีก แต่เรายังอยู่ใน "บทเรียนชีวิต" ของกันและกันเสมอ

    แล้วเราจะเยียวยาหัวใจ หลังความสัมพันธ์ที่จบลงในความเงียบ ได้อย่างไร?

    ยอมรับว่าความเปลี่ยนแปลง คือเรื่องธรรมดา การหายไปไม่ได้แปลว่าใครไม่รัก แต่เป็นเพราะเส้นทางของเรา มาถึงจุดที่ต้องแยกกันเดิน

    ให้อภัยตัวเอง และให้อภัยอีกฝ่าย แม้จะไม่มีคำขอโทษ หรือคำอธิบาย แต่เราสามารถเลือก “ให้อภัยในใจ” เพื่อปลดปล่อยตัวเองจากความเจ็บ

    เก็บความทรงจำดี ๆ ไว้… แต่ไม่ต้องยึดติด ความทรงจำดี ๆ ไม่ต้องลบทิ้ง แต่เราไม่จำเป็นต้องใช้มัน มาฉุดรั้งเราไว้จากการเติบโต

    แม้จะจางหายไป…แต่ยังคงมีอยู่ในใจเสมอ 🕊️

    เราไม่สามารถห้ามใครหายไปจากชีวิตเราได้ และเราเองก็ไม่สามารถอยู่ในชีวิตทุกคน ได้ตลอดไป

    แต่สิ่งที่เราทำได้ คือการ...

    🫶 รักษาความทรงจำดี ๆ
    📌 เรียนรู้จากความสัมพันธ์ที่ผ่านมา
    🌱 และใช้มันเป็นพลังในการเติบโตต่อไป

    เพราะสุดท้าย... สิ่งสำคัญ ไม่ใช่การอยู่กับใครไปตลอดชีวิต แต่คือ ในวันที่ยังอยู่ด้วยกัน เราได้สร้างความทรงจำ ที่งดงามพอหรือยัง? 💫

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 192315 เม.ย. 2568

    📱 #ความสัมพันธ์ #คนเคยรู้จัก #จากลาที่ไม่มีคำลา #คิดถึงเสมอ #คนในความทรงจำ
    #เติบโตด้วยกัน #บทเรียนชีวิต #ความเงียบที่เจ็บปวด #ความเปลี่ยนแปลง #รักในความทรงจำ
    จาก “ทุกวัน” กลายเป็นแค่คนเคยรู้จัก: ความสัมพันธ์ที่จบลงโดยไม่มีคำลา 💔 แม้ไม่มีใครพูดลา…แต่ใจเรารู้ดีว่า มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เมื่อความสัมพันธ์ค่อย ๆ เลือนหายไป โดยไม่มีคำลา บางครั้งเราไม่ได้หายไป... แค่เปลี่ยนไปตามธรรมชาติของชีวิต บางคนเคยอยู่ในทุกวันของเรา แต่ตอนนี้กลายเป็นเพียงความทรงจำเงียบ ๆ ในใจ สำรวจความสัมพันธ์ที่จบลง โดยไม่มีคำลา... และทำไมมันถึงเจ็บกว่าที่คิด ความเงียบที่ดังที่สุด คือการหายไปของใครบางคน... ในทุกปี... เราอาจได้เจอใครบางคน ที่กลายมาเป็น "คนสำคัญ" ในชีวิต แต่ในขณะเดียวกัน... เราก็อาจเสียใครบางคนไป ไม่ใช่ด้วยการทะเลาะ ไม่ใช่ด้วยความผิดพลาด แต่เป็นการ “ค่อย ๆ หายไป” แบบไม่มีแม้แต่คำลา 🕊️ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของความรัก แต่คือทุกความสัมพันธ์ในชีวิต เพื่อนสนิท ครอบครัว คนเคยใกล้ชิด หรือแม้แต่คนที่เคยอยู่ในทุกช่วงเวลาสำคัญ... วันนี้ เราจะมาคุยกันถึง "การจากลาในความเงียบ" ทำไมมันถึงเกิดขึ้น และเราจะเข้าใจมันได้อย่างไร? 🌒 ความเงียบไม่ใช่จุดจบ แต่คือสัญญาณของความเปลี่ยนแปลง ในหลายความสัมพันธ์ จุดจบไม่ได้มาพร้อมคำพูด ไม่มีคำบอกลาชัดเจน ไม่มีน้ำตา ไม่มีการโต้แย้ง แต่กลับเป็นเพียง “การเงียบ” ที่ค่อย ๆ สร้างระยะห่าง 📱 ข้อความที่ค่อย ๆ หายไป บทสนทนาที่สั้นลง และหัวใจที่ไม่เต้นพร้อมกันอีกต่อไป บางครั้ง... เราเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า มันเริ่มห่างกันตั้งแต่เมื่อไร แต่รู้ตัวอีกที เขาหรือเธอก็กลายเป็น “คนเคยรู้จัก” ไปแล้ว... ทำไมเราถึงหายไปจากกัน…แม้ไม่ได้ตั้งใจ? เราทุกคนมีชีวิตที่ยุ่งขึ้นทุกวัน ชีวิตผู้ใหญ่เต็มไปด้วยความรับผิดชอบ งาน การเงิน สุขภาพ ครอบครัว ความฝัน ทั้งหมดนี้ดึงพลังใจของเรา ไปจากความสัมพันธ์เดิม ๆ จนบางครั้ง... เรา “ลืม” ว่าเคยมีใครอีกคนรอคุยกับเราอยู่ 🌀 มันไม่ได้เกิดจากการเบื่อกัน แต่เกิดจาก “ชีวิตที่พาให้เราหายไป” ความเหนื่อยล้าในใจที่บอกไม่ออก บางคนไม่ได้อยากหายไป แต่แค่ "เหนื่อยเกินไป" ที่จะเป็นคนเดิม เหนื่อยที่จะยิ้ม เหนื่อยที่จะคุย เหนื่อยที่จะพยายามรักษาความสัมพันธ์นั้นไว้ และเมื่อเราปล่อยให้ความเงียบเกิดขึ้น... มันก็กลายเป็น “กำแพง” ที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ 🧱 เราเติบโตในเส้นทางที่ต่างกัน การเติบโตทำให้มุมมองเปลี่ยน ความฝันเปลี่ยน สิ่งที่เคยชอบเหมือนกัน กลับไม่ตรงกันอีกต่อไป แม้จะไม่มีใครผิด… แต่เมื่อเราเดินไปคนละเส้นทาง "ระยะห่าง" ก็เกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ 🚶‍♂️🚶‍♀️ ความสัมพันธ์ที่จางหายไป… ไม่ได้หมายความว่าไร้ค่า ถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่ในชีวิตกันแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า “วันเวลาที่เคยมีร่วมกัน” ไร้ความหมาย ❤️ ความทรงจำดี ๆ ยังคงอยู่ในใจ 🌿 ความห่วงใยยังแทรกอยู่ในความเงียบ 💬 บางบทสนทนายังคงอยู่ในความคิดเสมอ และบางครั้ง... เพียงแค่ได้คิดถึงใครคนนั้น ในความทรงจำ ก็เพียงพอแล้ว... ที่จะทำให้ใจอบอุ่นขึ้นในวันเหงา ๆ บางคนเคยเป็น "ทุกวัน" ของเรา… แต่กลายเป็นเพียงคนในความทรงจำ ลองย้อนกลับไปนึกถึงใครบางคนที่... 📌 เคยโทรหากันทุกคืน 📌 เคยเล่าเรื่องให้ฟังทุกเช้า 📌 เคยไปทุกที่ด้วยกัน 📌 เคยรู้ใจโดยไม่ต้องพูดอะไร แล้ววันนี้... เราอาจจะไม่ได้คุยกันเลย ไม่ได้พบกันอีกเลย แต่สิ่งหนึ่งที่ยังอยู่คือ... ความทรงจำ “ไม่มีใครผิดที่เปลี่ยนไป” ประโยคที่เข้าใจได้ เมื่อเรารักตัวเองมากพอ การเติบโตคือการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลง คือสิ่งที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ 👤 คนบางคนสอนให้เรารู้จักรัก 👤 บางคนสอนให้เรารู้จักเจ็บ 👤 และบางคน… สอนให้เรารู้จักปล่อยวาง ถึงสุดท้ายเราจะไม่ได้อยู่ในชีวิตกันอีก แต่เรายังอยู่ใน "บทเรียนชีวิต" ของกันและกันเสมอ แล้วเราจะเยียวยาหัวใจ หลังความสัมพันธ์ที่จบลงในความเงียบ ได้อย่างไร? ยอมรับว่าความเปลี่ยนแปลง คือเรื่องธรรมดา การหายไปไม่ได้แปลว่าใครไม่รัก แต่เป็นเพราะเส้นทางของเรา มาถึงจุดที่ต้องแยกกันเดิน ให้อภัยตัวเอง และให้อภัยอีกฝ่าย แม้จะไม่มีคำขอโทษ หรือคำอธิบาย แต่เราสามารถเลือก “ให้อภัยในใจ” เพื่อปลดปล่อยตัวเองจากความเจ็บ เก็บความทรงจำดี ๆ ไว้… แต่ไม่ต้องยึดติด ความทรงจำดี ๆ ไม่ต้องลบทิ้ง แต่เราไม่จำเป็นต้องใช้มัน มาฉุดรั้งเราไว้จากการเติบโต แม้จะจางหายไป…แต่ยังคงมีอยู่ในใจเสมอ 🕊️ เราไม่สามารถห้ามใครหายไปจากชีวิตเราได้ และเราเองก็ไม่สามารถอยู่ในชีวิตทุกคน ได้ตลอดไป แต่สิ่งที่เราทำได้ คือการ... 🫶 รักษาความทรงจำดี ๆ 📌 เรียนรู้จากความสัมพันธ์ที่ผ่านมา 🌱 และใช้มันเป็นพลังในการเติบโตต่อไป เพราะสุดท้าย... สิ่งสำคัญ ไม่ใช่การอยู่กับใครไปตลอดชีวิต แต่คือ ในวันที่ยังอยู่ด้วยกัน เราได้สร้างความทรงจำ ที่งดงามพอหรือยัง? 💫 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 192315 เม.ย. 2568 📱 #ความสัมพันธ์ #คนเคยรู้จัก #จากลาที่ไม่มีคำลา #คิดถึงเสมอ #คนในความทรงจำ #เติบโตด้วยกัน #บทเรียนชีวิต #ความเงียบที่เจ็บปวด #ความเปลี่ยนแปลง #รักในความทรงจำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 534 มุมมอง 0 รีวิว
  • แก๊ง ช.มาเฟียหัวพวงขนเพชร ที่มี นพขำ เด็กในคาถา เจ๊แดง ให้ท้าย นี่เอง ส่วนตัวผมคิดถึงสมัยธีรวัฒน์ หลีนวรัตน์ที่เคยเป็นประธานสุขาภิบาลธัญบุรี ตลอดจนเทศบาลตำบลธัญบุรี (อนาคตอาจกลายเป็นเทศบาลนครธัญบุรี) แต่มาพ่ายให้น้องชายและครอบครัวของไอ้น้อยชายอย่างไอ้นายเบียว และส่งต่อเจนมาเฟียนักเลงให้บรรดาลูกๆอีก ไอ้ ฟ.เคยก่อเหตุตีหัวประชาชน และไอ้ พ.ล่าสุดก็ควบบีเอ็มดับเบิ้ลยู(เครน)ปาดสองตายาย ถ้าผมเป็นไอ้ พ. ผมขอแสดงความรับผิดชอบด้วยการน้อมรับความผิด ลาออกจากผู้สมัคร ส.ท. พร้อมทั้งชดใช้ค่าซ่อมรถกระบะค่ารักษาสองตายายตั้งแต่ปาดแล้ว
    แก๊ง ช.มาเฟียหัวพวงขนเพชร ที่มี นพขำ เด็กในคาถา เจ๊แดง ให้ท้าย นี่เอง ส่วนตัวผมคิดถึงสมัยธีรวัฒน์ หลีนวรัตน์ที่เคยเป็นประธานสุขาภิบาลธัญบุรี ตลอดจนเทศบาลตำบลธัญบุรี (อนาคตอาจกลายเป็นเทศบาลนครธัญบุรี) แต่มาพ่ายให้น้องชายและครอบครัวของไอ้น้อยชายอย่างไอ้นายเบียว และส่งต่อเจนมาเฟียนักเลงให้บรรดาลูกๆอีก ไอ้ ฟ.เคยก่อเหตุตีหัวประชาชน และไอ้ พ.ล่าสุดก็ควบบีเอ็มดับเบิ้ลยู(เครน)ปาดสองตายาย ถ้าผมเป็นไอ้ พ. ผมขอแสดงความรับผิดชอบด้วยการน้อมรับความผิด ลาออกจากผู้สมัคร ส.ท. พร้อมทั้งชดใช้ค่าซ่อมรถกระบะค่ารักษาสองตายายตั้งแต่ปาดแล้ว
    ตำรวจทางหลวงรุดสอบ "ลุง-ป้า" เหยื่อ BMW หัวร้อนแล้ว เร่งรวบรวมหลักฐานประสาน สภ.ลำลูกกา เอาผิดอาญา ยืนยันทำคดีตรงไปตรงมา เพื่อให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษทางกฎหมาย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000036284

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 317 มุมมอง 0 รีวิว
  • #คนต้องการพระนิพพานจะมีความรู้สึกอย่างไร

    องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวว่า

    "ต้องใช้อากิญจัญญายตนะฌาณเป็นประจำใจ"

    คำว่า #อากิญจัญญายตนะฌาณ ฟังแล้วหนักใจ แต่ความจริงถ้าคนฉลาดก็ไม่หนัก ถ้าคนโง่ก็หนัก
    เพราะอากิญจัญญายตนะฌาน เป็นอารมณ์ของคนฉลาด คือ
    มีความรู้สึกตามความเป็นจริงว่า
    โลกนี้ไม่มีอะไรเหลือ คนเกิดมากี่คนตายหมดเท่านั้น สัตว์เกิดมาเท่าไหร่ตายหมดเท่านั้น
    สภาพของวัตถุทั้งหลายไม่มีการทรงตัว เสื่อมไปแล้วพังหมดเท่านั้น วันนี้ไม่พังวันหน้ามันก็พัง
    คนวันนี้ไม่ตายวันหน้าก็ตาย สัตว์วันนี้ไม่ตายวันหน้าก็ตาย
    ฉะนั้นโลกทั้งหลายไม่เป็นที่น่าอยู่สำหรับเรา เราไม่ต้องการ

    ถ้าบุคคลทั้งหลาย ใช้อารมณ์
    ของอากิญจัญญายตนะฌาณเป็นปกติ
    บุคคลประเภทนี้จะเป็นคนที่มีจิตสบาย คือ
    จิตยอมรับความเป็นจริงว่า
    ร่างกายของเราสักวันหนึ่งมันต้องตาย
    กฏแน่นอนของมันก็คือเดินเข้าไปหาความตายทุกวัน
    เรื่องความตายนี่ไม่ต้องไปคำนึง
    ไม่ต้องคิดถึงว่ามันจะตายเมื่อไหร่ก็เชิญฉันพร้อมแล้ว
    คำว่า พร้อม ก็คือ ยึดเอาพระธรรม คำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วไปปฏิบัติ ได้แก่
    สักกายทิฏฐิ มีความรู้สึกว่าชีวิตนี่มันต้องตาย จะตายเมื่อไรก็เชิญฉันมีความดีพร้อม

    ความดีของเราคือ ยอมรับนับถือพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ และทรงกำลังใจไว้ไม่เสื่อมคลาย
    ยึดมั่นในศีล จะเป็นจะตายอย่างไรก็ตามไม่ยอมละเมิดศีล 5 สำหรับฆราวาสอารมณ์ของพระโสดาบัน
    ถ้าคนที่เขาทรงอารมณ์ของศีล 8 เป็นอารมณ์ของพระอนาคามี พระเณรก็เช่นเดียวกัน ต้องรักษาศีลของตน
    นี่แหละบรรดาท่านพุทธศาสนิกชน การเดินเข้ามาหานิพพานเป็นของไม่ยาก

    หลังจากนั้นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้พิจารณาว่า โลกมันไม่ดี มนุษยโลกก็ไม่ดี เทวโลกก็ไม่ดี พรหมโลกก็ไม่ดี เทวโลกกับพรหมโลกนั้นดีเหมือนกัน แต่ดีชั่วคราว ถ้าหมดบุญวาสนาบารมีก็ต้องหล่นมาใหม่ หล่นมาค้างที่บนไม่เป็นไร ส่วนใหญ่ลงมาจากเทวโลกและพรหมโลกก็พุ่งลงนรกไป เพราะบาปเก่ายังไม่ชำระหนี้เขา

    ถ้ามีกำลังใจทรงอารมณ์พระโสดาบันไว้มันก็ไม่ไป อย่างเลวที่สุดมันก็มาค้างที่มนุษย์ แต่ก็ไม่ดีกลับมาค้างในดินแดนที่เราต้องมีทุกข์จะดีอะไร เราก็เป็นคนโง่ถ้าจะเป็นเทวดาหรือพรหม นานเท่าไรมันก็เป็นไม่ได้ หมดบุญวาสนาต้องมา กำลังใจที่ดีที่สุดก็ตัดสินใจว่า

    "ถ้าชีวิตร่างกายมันพังเมื่อไหร่ ขึ้นชื่อว่าความเป็นคนก็ดี เป็นเทวดาก็ดี เป็นพรหมก็ดี จะไม่มีสำหรับเรา เราต้องการจุดเดียว คือ นิพพาน"

    อันนี้พูดกันสำหรับคนที่เจริญทางด้านสุกขวิปัสสโก

    ===================
    จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๑๗๓ เดือนสิงหาคม ๒๕๓๘ หน้า ๓๗-๓๘
    #คนต้องการพระนิพพานจะมีความรู้สึกอย่างไร องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวว่า "ต้องใช้อากิญจัญญายตนะฌาณเป็นประจำใจ" คำว่า #อากิญจัญญายตนะฌาณ ฟังแล้วหนักใจ แต่ความจริงถ้าคนฉลาดก็ไม่หนัก ถ้าคนโง่ก็หนัก เพราะอากิญจัญญายตนะฌาน เป็นอารมณ์ของคนฉลาด คือ มีความรู้สึกตามความเป็นจริงว่า โลกนี้ไม่มีอะไรเหลือ คนเกิดมากี่คนตายหมดเท่านั้น สัตว์เกิดมาเท่าไหร่ตายหมดเท่านั้น สภาพของวัตถุทั้งหลายไม่มีการทรงตัว เสื่อมไปแล้วพังหมดเท่านั้น วันนี้ไม่พังวันหน้ามันก็พัง คนวันนี้ไม่ตายวันหน้าก็ตาย สัตว์วันนี้ไม่ตายวันหน้าก็ตาย ฉะนั้นโลกทั้งหลายไม่เป็นที่น่าอยู่สำหรับเรา เราไม่ต้องการ ถ้าบุคคลทั้งหลาย ใช้อารมณ์ ของอากิญจัญญายตนะฌาณเป็นปกติ บุคคลประเภทนี้จะเป็นคนที่มีจิตสบาย คือ จิตยอมรับความเป็นจริงว่า ร่างกายของเราสักวันหนึ่งมันต้องตาย กฏแน่นอนของมันก็คือเดินเข้าไปหาความตายทุกวัน เรื่องความตายนี่ไม่ต้องไปคำนึง ไม่ต้องคิดถึงว่ามันจะตายเมื่อไหร่ก็เชิญฉันพร้อมแล้ว คำว่า พร้อม ก็คือ ยึดเอาพระธรรม คำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วไปปฏิบัติ ได้แก่ สักกายทิฏฐิ มีความรู้สึกว่าชีวิตนี่มันต้องตาย จะตายเมื่อไรก็เชิญฉันมีความดีพร้อม ความดีของเราคือ ยอมรับนับถือพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ และทรงกำลังใจไว้ไม่เสื่อมคลาย ยึดมั่นในศีล จะเป็นจะตายอย่างไรก็ตามไม่ยอมละเมิดศีล 5 สำหรับฆราวาสอารมณ์ของพระโสดาบัน ถ้าคนที่เขาทรงอารมณ์ของศีล 8 เป็นอารมณ์ของพระอนาคามี พระเณรก็เช่นเดียวกัน ต้องรักษาศีลของตน นี่แหละบรรดาท่านพุทธศาสนิกชน การเดินเข้ามาหานิพพานเป็นของไม่ยาก หลังจากนั้นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้พิจารณาว่า โลกมันไม่ดี มนุษยโลกก็ไม่ดี เทวโลกก็ไม่ดี พรหมโลกก็ไม่ดี เทวโลกกับพรหมโลกนั้นดีเหมือนกัน แต่ดีชั่วคราว ถ้าหมดบุญวาสนาบารมีก็ต้องหล่นมาใหม่ หล่นมาค้างที่บนไม่เป็นไร ส่วนใหญ่ลงมาจากเทวโลกและพรหมโลกก็พุ่งลงนรกไป เพราะบาปเก่ายังไม่ชำระหนี้เขา ถ้ามีกำลังใจทรงอารมณ์พระโสดาบันไว้มันก็ไม่ไป อย่างเลวที่สุดมันก็มาค้างที่มนุษย์ แต่ก็ไม่ดีกลับมาค้างในดินแดนที่เราต้องมีทุกข์จะดีอะไร เราก็เป็นคนโง่ถ้าจะเป็นเทวดาหรือพรหม นานเท่าไรมันก็เป็นไม่ได้ หมดบุญวาสนาต้องมา กำลังใจที่ดีที่สุดก็ตัดสินใจว่า "ถ้าชีวิตร่างกายมันพังเมื่อไหร่ ขึ้นชื่อว่าความเป็นคนก็ดี เป็นเทวดาก็ดี เป็นพรหมก็ดี จะไม่มีสำหรับเรา เราต้องการจุดเดียว คือ นิพพาน" อันนี้พูดกันสำหรับคนที่เจริญทางด้านสุกขวิปัสสโก =================== จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๑๗๓ เดือนสิงหาคม ๒๕๓๘ หน้า ๓๗-๓๘
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 372 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพียงแค่คำคิดถึง
    ก็ซาบซึ้งซ่านใจมิได้หาย
    เห็นภาพงามตามหลอนมิคลอนคลาย
    ให้วุ่นวายหวิวหัวอกคิดวกวน
    โอ้อาวรณ์อ่อนไหวนอนไม่หลับ
    คำนึงนึกคะเนนับให้สับสน
    ภาพวงหน้านวลเนียนมาเวียนวน
    นฤมลมีบ่วงคล้องดวงใจ
    เสียงคนธรรพ์บรรเลงบทเพลงแว่ว
    ท่วงทำนองร้องแผ่วเสียงแว่วไหว
    ยิ่งตอกย้ำคำลาโอ้อาลัย
    รุ่มฤทัยร่าวร่าวอยู่รอนรอน
    พี่พร่ำเพ้อคนดีพี่พร่ำเพ้อ
    คิดถึงเธอเธอจ๋าให้ล้าอ่อน
    แม้ดึกดื่นคืนล่วงไม่ง่วงนอน
    คนึงหาบังอรจนอ่อนใจ
    เพียงแค่คำคิดถึง ก็ซาบซึ้งซ่านใจมิได้หาย เห็นภาพงามตามหลอนมิคลอนคลาย ให้วุ่นวายหวิวหัวอกคิดวกวน โอ้อาวรณ์อ่อนไหวนอนไม่หลับ คำนึงนึกคะเนนับให้สับสน ภาพวงหน้านวลเนียนมาเวียนวน นฤมลมีบ่วงคล้องดวงใจ เสียงคนธรรพ์บรรเลงบทเพลงแว่ว ท่วงทำนองร้องแผ่วเสียงแว่วไหว ยิ่งตอกย้ำคำลาโอ้อาลัย รุ่มฤทัยร่าวร่าวอยู่รอนรอน พี่พร่ำเพ้อคนดีพี่พร่ำเพ้อ คิดถึงเธอเธอจ๋าให้ล้าอ่อน แม้ดึกดื่นคืนล่วงไม่ง่วงนอน คนึงหาบังอรจนอ่อนใจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 287 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังทำแฟนๆ พากันช็อกรับสงกรานต์ เหตุพระเอกมาดดี “โตโน่ ภาคิน คำวิสัยศักดิ์” เจอแฉแอบนอกใจแฟนสาว “ณิชา ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์” โดยแฟนหนุ่มของผู้หญิงที่มีข่าวกับโตโน่จับได้คาหนังคาเขาคาคอนโด มีคลิปเสียงในรถเป็นการยืนยัน ด้านโตโน่ประกาศจะไม่มีการตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงเรื่องนี้

    ล่าสุดโลกออนไลน์ได้ขุดคลิปคำพูดเก่าๆ ครั้งที่โตโน่เผยถึงเรื่องแต่งงานและมีลูกกับณิชา เผยว่าไม่คิดแต่งงานมีลูกกับหวานใจ ถ้าประเทศไทยยังมีฝุ่น PM 2.5 และติด Top 10 ประเทศที่ทิ้งขยะพลาสติกลงทะเลมากที่สุดในโลก

    “ก็บอกกับณิชาครับ เคยพูดกันเล่นๆ ว่าถ้าเกิดเรายังมี PM2.5 อยู่ และถ้าประเทศของเรายังติด 1 ใน 10 ของประเทศที่ทิ้งขยะพลาสติกลงทะเลมากที่สุดในโลกอยู่ เราอย่าเพิ่งมีครอบครัว อย่าเพิ่งมีลูกเลยเพราะเราไม่อยากให้ลูกต้องสูดอากาศนั้นเข้าไป ก็อยากให้ทุกคนสนใจสิ่งแวดล้อมครับ เพื่อที่เราจะได้วางแผนครอบครัวในรูปแบบใหม่ ซึ่งณิชาก็เห็นด้วยนะ เขาบอกว่าก็จริงนะ และจริงๆ แล้วผมว่าน้องกำลังมีไฟในการทำงาน ตัวเราเองก็กำลังมีพลังมากๆ เลย ถ้าเกิดว่ามันมีเรื่องอยากให้โฟกัสในสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ ยังไม่อยากให้มาคิดถึงเรื่องของเรามากนักครับ

    จริงๆ แล้วเรื่องแต่งยังไม่ได้กำหนดว่าจะตอนไหน ทุกวันนี้ก็มีความสุขในทุกวันอยู่แล้ว ผมก็โชคดีมากๆ อยู่แล้วที่มีณิชาในชีวิตครับ แต่แผนการแต่งงานยังไม่ได้คุยกันเลยครับ แต่เรื่องลูกคุยกันจริงๆ ว่าถ้าเกิดแต่งงานแล้วมีลูก ถ้าเกิดว่าอากาศมลภาวะมันยังเป็นแบบนี้ ก็ยังไม่อยากมี เราอยากทำให้เต็มที่ก่อนแต่ถ้าเกิดว่าเราทำเต็มที่แล้ว เราแก้ไม่ได้ เราสู้ไม่ไหว ค่อยมาตัดสินใจตอนนั้นก็ไม่ได้ยากอะไรครับ เรื่องการแต่งงานเป็นเรื่องเล็ก จะแต่งตอนไหน พวกเราจะได้มาร่วมงานแต่งไหม ผมว่าเป็นเรื่องเล็ก เรื่องที่สำคัญคือการที่เราจะทำยังไงให้กรุงเทพฯ ไม่ติด 1 ใน 10 ของ PM2.50 เชียงใหม่ไม่ติด ทะเลบ้านเราสะอาด ไม่ฟอกขาว ผมว่าอันนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า ส่วนเรื่องแต่งงานค่อยว่ากัน”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000035049

    #MGROnline #โตโน่ภาคิน #ณิชา
    หลังทำแฟนๆ พากันช็อกรับสงกรานต์ เหตุพระเอกมาดดี “โตโน่ ภาคิน คำวิสัยศักดิ์” เจอแฉแอบนอกใจแฟนสาว “ณิชา ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์” โดยแฟนหนุ่มของผู้หญิงที่มีข่าวกับโตโน่จับได้คาหนังคาเขาคาคอนโด มีคลิปเสียงในรถเป็นการยืนยัน ด้านโตโน่ประกาศจะไม่มีการตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงเรื่องนี้ • ล่าสุดโลกออนไลน์ได้ขุดคลิปคำพูดเก่าๆ ครั้งที่โตโน่เผยถึงเรื่องแต่งงานและมีลูกกับณิชา เผยว่าไม่คิดแต่งงานมีลูกกับหวานใจ ถ้าประเทศไทยยังมีฝุ่น PM 2.5 และติด Top 10 ประเทศที่ทิ้งขยะพลาสติกลงทะเลมากที่สุดในโลก • “ก็บอกกับณิชาครับ เคยพูดกันเล่นๆ ว่าถ้าเกิดเรายังมี PM2.5 อยู่ และถ้าประเทศของเรายังติด 1 ใน 10 ของประเทศที่ทิ้งขยะพลาสติกลงทะเลมากที่สุดในโลกอยู่ เราอย่าเพิ่งมีครอบครัว อย่าเพิ่งมีลูกเลยเพราะเราไม่อยากให้ลูกต้องสูดอากาศนั้นเข้าไป ก็อยากให้ทุกคนสนใจสิ่งแวดล้อมครับ เพื่อที่เราจะได้วางแผนครอบครัวในรูปแบบใหม่ ซึ่งณิชาก็เห็นด้วยนะ เขาบอกว่าก็จริงนะ และจริงๆ แล้วผมว่าน้องกำลังมีไฟในการทำงาน ตัวเราเองก็กำลังมีพลังมากๆ เลย ถ้าเกิดว่ามันมีเรื่องอยากให้โฟกัสในสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ ยังไม่อยากให้มาคิดถึงเรื่องของเรามากนักครับ • จริงๆ แล้วเรื่องแต่งยังไม่ได้กำหนดว่าจะตอนไหน ทุกวันนี้ก็มีความสุขในทุกวันอยู่แล้ว ผมก็โชคดีมากๆ อยู่แล้วที่มีณิชาในชีวิตครับ แต่แผนการแต่งงานยังไม่ได้คุยกันเลยครับ แต่เรื่องลูกคุยกันจริงๆ ว่าถ้าเกิดแต่งงานแล้วมีลูก ถ้าเกิดว่าอากาศมลภาวะมันยังเป็นแบบนี้ ก็ยังไม่อยากมี เราอยากทำให้เต็มที่ก่อนแต่ถ้าเกิดว่าเราทำเต็มที่แล้ว เราแก้ไม่ได้ เราสู้ไม่ไหว ค่อยมาตัดสินใจตอนนั้นก็ไม่ได้ยากอะไรครับ เรื่องการแต่งงานเป็นเรื่องเล็ก จะแต่งตอนไหน พวกเราจะได้มาร่วมงานแต่งไหม ผมว่าเป็นเรื่องเล็ก เรื่องที่สำคัญคือการที่เราจะทำยังไงให้กรุงเทพฯ ไม่ติด 1 ใน 10 ของ PM2.50 เชียงใหม่ไม่ติด ทะเลบ้านเราสะอาด ไม่ฟอกขาว ผมว่าอันนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า ส่วนเรื่องแต่งงานค่อยว่ากัน” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000035049 • #MGROnline #โตโน่ภาคิน #ณิชา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 470 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดูห่างเหินเกินไปแล้วใจเอ๋ย
    เหมือนไม่เคยรู้จักไม่ทักถาม
    จะมีสุขมีเศร้าไม่เล่าความ
    เห็นเอาตามแต่ใจเหมือนไม่แคร์
    หากห่างเหินเกินไปนะใจนะ
    อีกใจจะเศร้าสร้อยจะพลอยแย่
    ใจจะจ๋อยน้อยใจไหววอแว
    และงอแงเหงาหงอยเหนื่อยนอยด์ใจ
    อย่าห่างเหินเกินนักเลยรักเอ๋ย
    ยิ่งผ่านเลยหลายวันยิ่งหวั่นไหว
    คิดถึงนักหนักหน่วงเหนื่อยทรวงใน
    แจ้งข่าวใจหน่อยจ้าเจ้าข้าเอย
    ดูห่างเหินเกินไปแล้วใจเอ๋ย เหมือนไม่เคยรู้จักไม่ทักถาม จะมีสุขมีเศร้าไม่เล่าความ เห็นเอาตามแต่ใจเหมือนไม่แคร์ หากห่างเหินเกินไปนะใจนะ อีกใจจะเศร้าสร้อยจะพลอยแย่ ใจจะจ๋อยน้อยใจไหววอแว และงอแงเหงาหงอยเหนื่อยนอยด์ใจ อย่าห่างเหินเกินนักเลยรักเอ๋ย ยิ่งผ่านเลยหลายวันยิ่งหวั่นไหว คิดถึงนักหนักหน่วงเหนื่อยทรวงใน แจ้งข่าวใจหน่อยจ้าเจ้าข้าเอย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • รักนี้คืออะไรทำไมจึงรัก
    ทำไมหักห้ามใจไม่ไหวเลยน้า
    ทำไมคิดถึงเขาตลอดเวลา
    ทำไมจึงอยากเห็นหน้าทุกนาที
    รักน่ะถ้าไม่รักจะได้ไหม
    จะหักห้ามหัวใจอย่างไรดี
    อยากห้ามความคิดถึงถามหน่อยซี
    บอกวิธีหน่อยได้ไหมทำอย่างไรกัน
    หลงรักเขาเข้าให้มิใช่น้อย
    คิดถึงเขาบ่อยจนเพ้อละเมอฝัน
    แม้นว่ารู้ทั้งรู้มิใช่คู่กัน
    แต่ใจมันบังอาจอนาถใจ
    รักนี้คืออะไรทำไมจึงรัก ทำไมหักห้ามใจไม่ไหวเลยน้า ทำไมคิดถึงเขาตลอดเวลา ทำไมจึงอยากเห็นหน้าทุกนาที รักน่ะถ้าไม่รักจะได้ไหม จะหักห้ามหัวใจอย่างไรดี อยากห้ามความคิดถึงถามหน่อยซี บอกวิธีหน่อยได้ไหมทำอย่างไรกัน หลงรักเขาเข้าให้มิใช่น้อย คิดถึงเขาบ่อยจนเพ้อละเมอฝัน แม้นว่ารู้ทั้งรู้มิใช่คู่กัน แต่ใจมันบังอาจอนาถใจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts