• วิทยุสื่อสาร Walker-Talkie ระเบิดสังหารที่มีแบรนด์บริษัทญี่ปุ่นIcom ซึ่งปฏิเสธเพราะไม่ได้ผลิตอุปกรณ์และแบตเตอรี่รุ่นนี้มา 10 ปีแล้ว และ Icomเคยได้รับสัญญาจัดหาเครื่องรับส่งสัญญาณให้กับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในช่วงทศวรรษ 1990

    19 กันยายน 2567-รายงานข่าวจากTIMEระบุว่า บริษัท Icom.Inc ผู้ผลิตและส่งออกวิทยุสื่อสารที่มีสำนักงานใหญ่ที่โอซากา ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดีนี้ว่า Walkie-Talkie รุ่น IC-V82 ที่ปรากฏเป็นข่าวนั้นเคยผลิตและส่งออกไปยังภูมิภาคต่างๆ รวมถึงตะวันออกกลาง จนถึงเดือนตุลาคม 2014 ได้หยุดผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ดังกล่าว นอกจากนี้ บริษัทยังยุติการผลิตแบตเตอรี่ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของตัวเครื่องหลักอีกด้วย โดยก่อนหน้านี้ บริษัทได้เตือนลูกค้าว่าวิทยุสื่อสารรุ่น IC-V82 เกือบทั้งหมดในตลาดเป็นของปลอม

    เหตุระเบิดสังหารจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายพันเครื่อง รวมถึงเพจเจอร์และวอล์กี้ทอล์กกี้ ระเบิดขึ้นในช่วงสองวันที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 26 ราย และบาดเจ็บกว่า 3,000 ราย และกลุ่มติดอาวุธฮิซบอลเลาะห์กล่าวหารัฐบาลอิสราเอลว่าอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีครั้งนี้ ส่งผลให้ความตึงเครียดในภูมิภาคทวีความรุนแรงมากขึ้น ขณะที่อิสราเอลปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น

    คำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบคือมีการฝังวัตถุระเบิดในอุปกรณ์เหล่านี้อย่างไร ? หากวิทยุสื่อสารของ Icom เป็นของแท้และผลิตขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เป็นไปได้ว่าอุปกรณ์เหล่านี้ได้รับการดัดแปลงหลังจากขายให้กับลูกค้าเดิมไปแล้ว บริษัทไม่สามารถระบุได้ว่าวิทยุสื่อสารเหล่านี้เป็นของบริษัทหรือไม่ แต่ระบุว่าอุปกรณ์ที่ระเบิดดูเหมือนจะไม่มีฉลากโฮโลแกรมที่ติดอยู่กับผลิตภัณฑ์

    บริษัทกล่าวว่าวิทยุสื่อสารทั้งหมดของบริษัทผลิตขึ้นที่โรงงานในจังหวัดวากายามะทางตะวันตกของญี่ปุ่น บริษัทปฏิบัติตามขั้นตอนความปลอดภัยที่กำหนดโดยกฎระเบียบของรัฐบาล และไม่ได้ว่าจ้างให้บริษัทภายนอกผลิตในต่างประเทศ

    โยชิกิ เอโนโมโตะ กรรมการของ Icom กล่าวในรายงานของ Kyodo ว่าแบตเตอรี่อาจได้รับการดัดแปลงด้วยวัตถุระเบิด เนื่องจากภาพถ่ายของอุปกรณ์แสดงให้เห็นความเสียหายร้ายแรงบริเวณช่องใส่แบตเตอรี่ ขณะที่หุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้น 2.6% ท่ามกลางการพุ่งสูงขึ้นของหุ้นญี่ปุ่น

    การระเบิดสังหารที่ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในชีวิตประจำวันอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการก่อการร้ายรูปแบบใหม่ ตามที่มิตสึรุ ฟูกูดะ ศาสตราจารย์ด้านการจัดการความเสี่ยงที่มหาวิทยาลัยนิฮอนกล่าว “สิ่งนี้อาจเพิ่มแรงกดดันให้บริษัทต่างๆ ขยายขอบเขตการกำกับดูแลความเสี่ยงของห่วงโซ่อุปทานของตน” ให้ครอบคลุมถึงการจัดจำหน่ายและการจัดส่ง เขากล่าว

    รัฐบาลญี่ปุ่นยังคงกำลังรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย โยชิมาสะ ฮายาชิ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีกล่าวว่า Icom ได้รับสัญญาจัดหาเครื่องรับส่งสัญญาณให้กับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในช่วงทศวรรษ 1990

    https://time.com/7022598/lebanon-walkie-talkies-explosion-japan-icom/

    #Thaitimes
    วิทยุสื่อสาร Walker-Talkie ระเบิดสังหารที่มีแบรนด์บริษัทญี่ปุ่นIcom ซึ่งปฏิเสธเพราะไม่ได้ผลิตอุปกรณ์และแบตเตอรี่รุ่นนี้มา 10 ปีแล้ว และ Icomเคยได้รับสัญญาจัดหาเครื่องรับส่งสัญญาณให้กับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในช่วงทศวรรษ 1990 19 กันยายน 2567-รายงานข่าวจากTIMEระบุว่า บริษัท Icom.Inc ผู้ผลิตและส่งออกวิทยุสื่อสารที่มีสำนักงานใหญ่ที่โอซากา ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดีนี้ว่า Walkie-Talkie รุ่น IC-V82 ที่ปรากฏเป็นข่าวนั้นเคยผลิตและส่งออกไปยังภูมิภาคต่างๆ รวมถึงตะวันออกกลาง จนถึงเดือนตุลาคม 2014 ได้หยุดผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ดังกล่าว นอกจากนี้ บริษัทยังยุติการผลิตแบตเตอรี่ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของตัวเครื่องหลักอีกด้วย โดยก่อนหน้านี้ บริษัทได้เตือนลูกค้าว่าวิทยุสื่อสารรุ่น IC-V82 เกือบทั้งหมดในตลาดเป็นของปลอม เหตุระเบิดสังหารจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายพันเครื่อง รวมถึงเพจเจอร์และวอล์กี้ทอล์กกี้ ระเบิดขึ้นในช่วงสองวันที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 26 ราย และบาดเจ็บกว่า 3,000 ราย และกลุ่มติดอาวุธฮิซบอลเลาะห์กล่าวหารัฐบาลอิสราเอลว่าอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีครั้งนี้ ส่งผลให้ความตึงเครียดในภูมิภาคทวีความรุนแรงมากขึ้น ขณะที่อิสราเอลปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น คำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบคือมีการฝังวัตถุระเบิดในอุปกรณ์เหล่านี้อย่างไร ? หากวิทยุสื่อสารของ Icom เป็นของแท้และผลิตขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เป็นไปได้ว่าอุปกรณ์เหล่านี้ได้รับการดัดแปลงหลังจากขายให้กับลูกค้าเดิมไปแล้ว บริษัทไม่สามารถระบุได้ว่าวิทยุสื่อสารเหล่านี้เป็นของบริษัทหรือไม่ แต่ระบุว่าอุปกรณ์ที่ระเบิดดูเหมือนจะไม่มีฉลากโฮโลแกรมที่ติดอยู่กับผลิตภัณฑ์ บริษัทกล่าวว่าวิทยุสื่อสารทั้งหมดของบริษัทผลิตขึ้นที่โรงงานในจังหวัดวากายามะทางตะวันตกของญี่ปุ่น บริษัทปฏิบัติตามขั้นตอนความปลอดภัยที่กำหนดโดยกฎระเบียบของรัฐบาล และไม่ได้ว่าจ้างให้บริษัทภายนอกผลิตในต่างประเทศ โยชิกิ เอโนโมโตะ กรรมการของ Icom กล่าวในรายงานของ Kyodo ว่าแบตเตอรี่อาจได้รับการดัดแปลงด้วยวัตถุระเบิด เนื่องจากภาพถ่ายของอุปกรณ์แสดงให้เห็นความเสียหายร้ายแรงบริเวณช่องใส่แบตเตอรี่ ขณะที่หุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้น 2.6% ท่ามกลางการพุ่งสูงขึ้นของหุ้นญี่ปุ่น การระเบิดสังหารที่ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในชีวิตประจำวันอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการก่อการร้ายรูปแบบใหม่ ตามที่มิตสึรุ ฟูกูดะ ศาสตราจารย์ด้านการจัดการความเสี่ยงที่มหาวิทยาลัยนิฮอนกล่าว “สิ่งนี้อาจเพิ่มแรงกดดันให้บริษัทต่างๆ ขยายขอบเขตการกำกับดูแลความเสี่ยงของห่วงโซ่อุปทานของตน” ให้ครอบคลุมถึงการจัดจำหน่ายและการจัดส่ง เขากล่าว รัฐบาลญี่ปุ่นยังคงกำลังรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย โยชิมาสะ ฮายาชิ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีกล่าวว่า Icom ได้รับสัญญาจัดหาเครื่องรับส่งสัญญาณให้กับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในช่วงทศวรรษ 1990 https://time.com/7022598/lebanon-walkie-talkies-explosion-japan-icom/ #Thaitimes
    TIME.COM
    Japanese Company Investigates Exploding Walkie-Talkies in Lebanon
    Icom Inc., whose brand appears on devices that exploded in Lebanon, said it halted production a decade ago of the model allegedly used in the attacks.
    0 Comments 0 Shares 98 Views 0 Reviews
  • ขอเล่าเรื่องนี้ก่อนเลย
    ....
    ธุรกิจของเราเริ่มต้นจากการที่เรามีโอกาสได้ทำกิจกรรมร่วมกับทางโรงเรียนบ่อย ๆ มันทำให้เห็นว่าศักยภาพของเราน่าจะทำประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมได้มากกว่านี้ โดยเริ่มจากโรงเรียนในเครือข่ายของเรานี่แหละ
    ....
    เล่าที่มาที่ไปของการเริ่มธุรกิจให้ที่ปรึกษาท่านหนึ่งฟัง ท่านก็ถามย้อนกลับมา
    "แล้วทำไมต้องเอาโรงเรียนมาร่วม ?"
    ....
    ณ เวลานั้นเราก็ตอบได้เพียงว่า
    "เพราะเรามีเครือข่ายโรงเรียนและเราเห็นโอกาสตรงนั้น"
    แต่พอที่ปรึกษาให้การบ้านกลับมาทำ เราจึงศึกษาเพิ่มเติม และมันทำให้เรากลับมาเข้าใจตัวเองมากขึ้น เมื่อเราได้ศึกษาเรื่องราวของแบรนด์ "ดอยคำ"
    ....
    ความจริงแล้วความคิดและประสบการณ์ของเรานั้นมันคือแนวทางเริ่มต้นของ "ธุรกิจเพื่อสังคม" เราจึงรู้แล้วว่าธุรกิจของเราจะไปในทิศทางไหน
    #ขอบพระคุณคำถามจากที่ปรึกษาท่านนั้น และขอขอบคุณแบรนด์ดอยคำที่แชร์ประสบการณ์ไว้มากมายให้ได้เรียนรู้
    ขอเล่าเรื่องนี้ก่อนเลย .... ธุรกิจของเราเริ่มต้นจากการที่เรามีโอกาสได้ทำกิจกรรมร่วมกับทางโรงเรียนบ่อย ๆ มันทำให้เห็นว่าศักยภาพของเราน่าจะทำประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมได้มากกว่านี้ โดยเริ่มจากโรงเรียนในเครือข่ายของเรานี่แหละ .... เล่าที่มาที่ไปของการเริ่มธุรกิจให้ที่ปรึกษาท่านหนึ่งฟัง ท่านก็ถามย้อนกลับมา "แล้วทำไมต้องเอาโรงเรียนมาร่วม ?" .... ณ เวลานั้นเราก็ตอบได้เพียงว่า "เพราะเรามีเครือข่ายโรงเรียนและเราเห็นโอกาสตรงนั้น" แต่พอที่ปรึกษาให้การบ้านกลับมาทำ เราจึงศึกษาเพิ่มเติม และมันทำให้เรากลับมาเข้าใจตัวเองมากขึ้น เมื่อเราได้ศึกษาเรื่องราวของแบรนด์ "ดอยคำ" .... ความจริงแล้วความคิดและประสบการณ์ของเรานั้นมันคือแนวทางเริ่มต้นของ "ธุรกิจเพื่อสังคม" เราจึงรู้แล้วว่าธุรกิจของเราจะไปในทิศทางไหน #ขอบพระคุณคำถามจากที่ปรึกษาท่านนั้น และขอขอบคุณแบรนด์ดอยคำที่แชร์ประสบการณ์ไว้มากมายให้ได้เรียนรู้
    0 Comments 0 Shares 47 Views 0 Reviews
  • ☣ถอดรหัสชีวิต คิดผิดนิดเดียวก็หาทางเลี้ยวกลับไม่เจอ

    จำกันได้ไหมกับเหตุการณ์ความรุนแรงอันน่าสะเทือนใจเมื่อหลายปีก่อน กับชายคนหนึ่งถืออาวุธร้ายแรงเดินไล่ยิ่งประชาชนทั่วไปที่พบเจอในห้างใหญ่แห่งหนึ่ง ท่านได้อะไรจากเหตุการณ์ที่โคราช ที่จะมาเป็นข้อสังวรในการดำเนินชีวิตของตนในสังคมบ้าง

    ต่อไปนี้คือสิ่งที่ข้าพเจ้ารู้สึก

    ตั้งแต่แรกที่ได้ยินข่าวเมื่อช่วงเย็นย่ำใกล้ค่ำ สิ่งที่ผุดขึ้นในใจ คือสงสารคนก่อเหตุ จริงๆไม่ดัดจริต และคุณไม่ได้อ่านผิด ข้าพเจ้าก็ไม่ได้พิมพ์ผิด มีสติสัมปชัญญะดี

    หลายคนคงนึกด่า ไม่ก็เกิดคำถามในใจ สำหรับใครที่นึกด่า หรือด่าแล้ว ไม่เป็นไรหรอกครับ ข้าพเจ้าไม่ถือสาเลยและเข้าใจด้วย ส่วนคนที่เกิดคำถามขึ้น

    คงสงสัยว่าทำไมต้องไปสงสารคนอย่างนั้น คือคนที่ฆ่าคนตายมากมาย แล้วยังไม่หยุด ตั้งหน้าตั้งตาไล่ฆ่าคนรายต่อไปเรื่อยๆ แล้วคนที่ถูกยิงโดยไม่เกี่ยวข้องล่ะ ญาติของคนที่โดนยิงล่ะ ไม่สงสารหรือ

    สงสารครับ แต่ระดับความลึกมันต่างกัน

    แน่นอน ประชาชนเหล่านั้น ไม่ควรต้องมาประสบชะตากรรม เขาคือเหยื่อของคนร้าย

    แต่ข้าพเจ้ากลับนึกสงสารเห็นใจในตัวคนร้ายยิ่งกว่า เพราะอะไร?

    นายคนที่ก่อเหตุนั้น เขาเองก็เป็นเหยื่อเช่นกัน และเขาคือตัวแปรสำคัญ เหตุการณ์จะไม่เป็นไปเช่นนี้ ถ้าเขาเองไม่ได้เป็นฝ่ายถูกกระทำ

    ถามว่าถูกกระทำจากใคร ?

    ตอบแบบกำปั้นทุบดินคือ เขาถูกกระทำจากน้ำมือของตัวเอง ไม่มีใครเอาปืนจ่อหัวบังคับให้เขาไปไล่ยิงคน ทุกการ กระทำเขาคิดและตัดสินใจแล้วลงมือเองทั้งหมดคนเดียว

    แต่ ...

    แท้จริงเขาก็เหมือนหุ่นเชิด ที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง ถูกอำนาจที่มองไม่เห็นเล่นงาน บงการให้เป็นไปดังที่ปรากฏ อำนาจที่ว่ามาจากไหน ภูติผีปีศาจหรือ ถูกคาถามนต์ดำหรือ ไม่ใช่เลย อำนาจมืดที่มีอิทธิพลต่อจิตใจของเขาคือ โทสะและโมหะ แน่นอนว่าทุกคนล้วนเคยถูกอำนาจนี้เล่นงานมาบ้างไม่มากก็น้อย แต่ที่ยังไม่เป็นอะไร ไม่ถูกบงการให้ทำอะไรร้ายแรงลงไป ก็เพราะยังมีสติเป็นตัวคอยดึงรั้งไว้

    เราจะรู้ได้อย่างไรว่า วันหนึ่ง เราจะกลายเป็นแบบเขา ที่ควบคุมตนเองไม่ได้ แล้วไล่ฆ่าคนด้วยความไม่สนใจอะไรอื่นแล้วในชีวิตนี้หรือไม่

    เพราะสังคมที่เราใช้ชีวิตอยู่ทุกวันนี้ เต็มไปด้วยคนอย่างเราท่านทั้งหลาย ที่เมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายใดๆขึ้นแต่ละหน ก็จะ

    เชียร์ให้ฆ่า เอาให้ตาย อย่าปล่อยมันไว้ ยิงตายง่ายไป ต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนี้ น่าจะให้ไปยิงคนนั้นก่อน ไปยิงคนนี้ก่อน ไปจัดการญาติหรือคนในครอบครัวเขา ด่าชนิดที่คิดว่าไม่น่าเป็นคำที่ออกมาจากปากมนุษย์ ทั้งหญิงชายไม่ดีไปกว่ากัน

    กับอีกกลุ่มที่จะสะใจ ยกคนร้ายกลายเป็นผู้กล้า ชื่นชม เชียร์ ให้ไปต่อให้สุดทาง ทำอย่างนั้นสิ ทำอย่างนี้สิ ตั้งตนเองเป็นสาวกแล้วเชิดชูคนทำผิดเป็นปูชนียบุรุษไปซะอย่างนั้น

    ในขณะที่สื่อสารมวลชนก็เมามันกับการปลุกปล้ำ สร้างกระแส ให้ข่าวโหมกระพือไม่มีหยุด ไฟที่กำลังไหม้แทนที่จะช่วยกันดับ กลับไปช่วยพัดโบก ใส่ฟืน เติมออกซิเจน ให้ลุกแรงลุกนาน จนสะเก็ดลูกไฟกระเด็น ปลิวไปตกบริเวณที่ยังไม่ไหม้ แล้วกระจายแผ่วงกว้างออกไปจนเจ้าหน้าที่ดับได้ยาก ใครเข้าใกล้ก็บาดเจ็บถูกลวกเป็นแผลผุพอง เสี่ยงตายมากกว่าเก่า

    เราอยู่กับสังคมที่คนรอบข้าง เพื่อนบ้าน เพื่อนร่วมงาน คนรัก คนในครอบครัว ญาติพี่น้อง ลูกศิษย์ครูอาจารย์ ผู้ใหญ่ที่เคารพ ลูกจ้างนายจ้าง ลูกน้องเจ้านาย ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา แม้แต่คนไม่รู้จัก ล้วนบ้าคลั่งอยู่ในกระแสลมพายุที่ถล่มเข้าใส่ไม่หยุดทุกคืนวัน ผ่านโลกเทียมที่ร่วมกันสร้างขึ้น นามว่า สังคมอินเตอร์เน็ต

    เราอยู่ท่ามกลางพายุที่หมุนรุนแรงมาก แต่เราก็ไม่สำนึกตัวมัวแต่ไปก่นด่าโทษว่าอย่างอื่น สิ่งอื่น คนอื่น หาว่าคือต้นเหตุที่ทำให้ชีวิตของตนยุ่งเหยิง แท้จริงไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งเพียงเท่านั้น แต่เราทุกคนที่อยู่ในสังคมอินเตอร์เน็ต มีส่วนในการสร้างพายุขึ้นมาทั้งสิ้น แล้วเราเองก็ยินดียอมรับที่จะกระโจนเข้ามาในพายุลูกนี้เอง จะมีใครบังคับก็หาไม่

    เราไม่เคยสนใจ ไม่เคยสำรวจตัวเอง ในแต่ละวัน แต่ละชั่วโมงที่ผ่านไป เราเอาแต่สำรวจที่อื่นไปทั่ว เที่ยวถือตะเกียงไปส่องหาว่าที่ไหนบ้างเกิดพายุ แล้วก็เอาตะเกียงในมือตนที่คิดว่าสว่างหนักหนา ไปยื่นส่องหน้าใครต่อใคร ที่ไม่เคยแม้กระทั่งเห็นหน้าพูดจากันสักครั้งเดียว แล้วก็ชี้นิ้วสั่งสอนเขาเหล่านั้นว่าเขาไม่ดี อย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งที่ตนเองไม่รู้อะไรเลย

    ยิ่งมีคนที่เดินถือตะเกียงส่องตามหลังมา แล้วชอบอกชอบใจไปกับเราด้วย กลายเป็นทำให้เรายิ่งหลงลำพอง นึกว่าสิ่งที่ตนพูดนั้นถูกต้อง คนจำนวนมากอยู่ข้างเรา ดังนั้นสมควรจะไล่ต้อนหาตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้ ให้หายแค้นที่มันบังอาจก่อพายุขึ้นมาทำร้ายคนอื่น

    แล้วก็รวมพลังกัน มือหนึ่งถือตะเกียงแห่งแสงของผู้ปลดปล่อย อีกมือถือศาตราวุธคู่กายของผู้กล้า เพื่อใช้ฟาดฟันทำลายต่อกรมารร้ายทั่วโลก จะสำนึกสักนิดว่าตนเองนั้นใกล้กลายร่างเป็นปีศาจเสียเองอยู่รอมร่อก็หาไม่

    คนประเภทนี้จึงน่าสงสารที่สุด ดังนั้นโปรดระมัดระวังใจของเราให้ดีเถิด ดราม่าครั้งถัดไปไม่ว่าเรื่องอะไร จะเป็นใคร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร ทำไมก็แล้วแต่ ขออย่าได้ตกหลุมพรางของอำนาจความชั่ว จนพาตัวโดดเข้าสู่ใจกลางของวงพายุ ไปเป็นลูกข่างหมุนอยู่มิรู้แล้ว

    อย่าบ้าไปตามคนอื่นที่มันบ้าอยู่ก่อน ใครมันจะบ้าก็ปล่อยให้มันบ้าไป ขอให้เราไม่บ้าไปกับเขาสักคน

    พยายามเข้านะ..

    #ข้อคิด
    #แง่คิด
    #ข่าวดราม่า
    #สื่อเสี้ยม
    #ส่อสันดาน
    #คนไทย
    #สิ่งเสพติด
    #ความรุนแรง
    #บทความ
    #thaitimes
    #โคราช

    ☣ถอดรหัสชีวิต คิดผิดนิดเดียวก็หาทางเลี้ยวกลับไม่เจอ จำกันได้ไหมกับเหตุการณ์ความรุนแรงอันน่าสะเทือนใจเมื่อหลายปีก่อน กับชายคนหนึ่งถืออาวุธร้ายแรงเดินไล่ยิ่งประชาชนทั่วไปที่พบเจอในห้างใหญ่แห่งหนึ่ง ท่านได้อะไรจากเหตุการณ์ที่โคราช ที่จะมาเป็นข้อสังวรในการดำเนินชีวิตของตนในสังคมบ้าง ต่อไปนี้คือสิ่งที่ข้าพเจ้ารู้สึก ตั้งแต่แรกที่ได้ยินข่าวเมื่อช่วงเย็นย่ำใกล้ค่ำ สิ่งที่ผุดขึ้นในใจ คือสงสารคนก่อเหตุ จริงๆไม่ดัดจริต และคุณไม่ได้อ่านผิด ข้าพเจ้าก็ไม่ได้พิมพ์ผิด มีสติสัมปชัญญะดี หลายคนคงนึกด่า ไม่ก็เกิดคำถามในใจ สำหรับใครที่นึกด่า หรือด่าแล้ว ไม่เป็นไรหรอกครับ ข้าพเจ้าไม่ถือสาเลยและเข้าใจด้วย ส่วนคนที่เกิดคำถามขึ้น คงสงสัยว่าทำไมต้องไปสงสารคนอย่างนั้น คือคนที่ฆ่าคนตายมากมาย แล้วยังไม่หยุด ตั้งหน้าตั้งตาไล่ฆ่าคนรายต่อไปเรื่อยๆ แล้วคนที่ถูกยิงโดยไม่เกี่ยวข้องล่ะ ญาติของคนที่โดนยิงล่ะ ไม่สงสารหรือ สงสารครับ แต่ระดับความลึกมันต่างกัน แน่นอน ประชาชนเหล่านั้น ไม่ควรต้องมาประสบชะตากรรม เขาคือเหยื่อของคนร้าย แต่ข้าพเจ้ากลับนึกสงสารเห็นใจในตัวคนร้ายยิ่งกว่า เพราะอะไร? นายคนที่ก่อเหตุนั้น เขาเองก็เป็นเหยื่อเช่นกัน และเขาคือตัวแปรสำคัญ เหตุการณ์จะไม่เป็นไปเช่นนี้ ถ้าเขาเองไม่ได้เป็นฝ่ายถูกกระทำ ถามว่าถูกกระทำจากใคร ? ตอบแบบกำปั้นทุบดินคือ เขาถูกกระทำจากน้ำมือของตัวเอง ไม่มีใครเอาปืนจ่อหัวบังคับให้เขาไปไล่ยิงคน ทุกการ กระทำเขาคิดและตัดสินใจแล้วลงมือเองทั้งหมดคนเดียว แต่ ... แท้จริงเขาก็เหมือนหุ่นเชิด ที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง ถูกอำนาจที่มองไม่เห็นเล่นงาน บงการให้เป็นไปดังที่ปรากฏ อำนาจที่ว่ามาจากไหน ภูติผีปีศาจหรือ ถูกคาถามนต์ดำหรือ ไม่ใช่เลย อำนาจมืดที่มีอิทธิพลต่อจิตใจของเขาคือ โทสะและโมหะ แน่นอนว่าทุกคนล้วนเคยถูกอำนาจนี้เล่นงานมาบ้างไม่มากก็น้อย แต่ที่ยังไม่เป็นอะไร ไม่ถูกบงการให้ทำอะไรร้ายแรงลงไป ก็เพราะยังมีสติเป็นตัวคอยดึงรั้งไว้ เราจะรู้ได้อย่างไรว่า วันหนึ่ง เราจะกลายเป็นแบบเขา ที่ควบคุมตนเองไม่ได้ แล้วไล่ฆ่าคนด้วยความไม่สนใจอะไรอื่นแล้วในชีวิตนี้หรือไม่ เพราะสังคมที่เราใช้ชีวิตอยู่ทุกวันนี้ เต็มไปด้วยคนอย่างเราท่านทั้งหลาย ที่เมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายใดๆขึ้นแต่ละหน ก็จะ เชียร์ให้ฆ่า เอาให้ตาย อย่าปล่อยมันไว้ ยิงตายง่ายไป ต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนี้ น่าจะให้ไปยิงคนนั้นก่อน ไปยิงคนนี้ก่อน ไปจัดการญาติหรือคนในครอบครัวเขา ด่าชนิดที่คิดว่าไม่น่าเป็นคำที่ออกมาจากปากมนุษย์ ทั้งหญิงชายไม่ดีไปกว่ากัน กับอีกกลุ่มที่จะสะใจ ยกคนร้ายกลายเป็นผู้กล้า ชื่นชม เชียร์ ให้ไปต่อให้สุดทาง ทำอย่างนั้นสิ ทำอย่างนี้สิ ตั้งตนเองเป็นสาวกแล้วเชิดชูคนทำผิดเป็นปูชนียบุรุษไปซะอย่างนั้น ในขณะที่สื่อสารมวลชนก็เมามันกับการปลุกปล้ำ สร้างกระแส ให้ข่าวโหมกระพือไม่มีหยุด ไฟที่กำลังไหม้แทนที่จะช่วยกันดับ กลับไปช่วยพัดโบก ใส่ฟืน เติมออกซิเจน ให้ลุกแรงลุกนาน จนสะเก็ดลูกไฟกระเด็น ปลิวไปตกบริเวณที่ยังไม่ไหม้ แล้วกระจายแผ่วงกว้างออกไปจนเจ้าหน้าที่ดับได้ยาก ใครเข้าใกล้ก็บาดเจ็บถูกลวกเป็นแผลผุพอง เสี่ยงตายมากกว่าเก่า เราอยู่กับสังคมที่คนรอบข้าง เพื่อนบ้าน เพื่อนร่วมงาน คนรัก คนในครอบครัว ญาติพี่น้อง ลูกศิษย์ครูอาจารย์ ผู้ใหญ่ที่เคารพ ลูกจ้างนายจ้าง ลูกน้องเจ้านาย ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา แม้แต่คนไม่รู้จัก ล้วนบ้าคลั่งอยู่ในกระแสลมพายุที่ถล่มเข้าใส่ไม่หยุดทุกคืนวัน ผ่านโลกเทียมที่ร่วมกันสร้างขึ้น นามว่า สังคมอินเตอร์เน็ต เราอยู่ท่ามกลางพายุที่หมุนรุนแรงมาก แต่เราก็ไม่สำนึกตัวมัวแต่ไปก่นด่าโทษว่าอย่างอื่น สิ่งอื่น คนอื่น หาว่าคือต้นเหตุที่ทำให้ชีวิตของตนยุ่งเหยิง แท้จริงไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งเพียงเท่านั้น แต่เราทุกคนที่อยู่ในสังคมอินเตอร์เน็ต มีส่วนในการสร้างพายุขึ้นมาทั้งสิ้น แล้วเราเองก็ยินดียอมรับที่จะกระโจนเข้ามาในพายุลูกนี้เอง จะมีใครบังคับก็หาไม่ เราไม่เคยสนใจ ไม่เคยสำรวจตัวเอง ในแต่ละวัน แต่ละชั่วโมงที่ผ่านไป เราเอาแต่สำรวจที่อื่นไปทั่ว เที่ยวถือตะเกียงไปส่องหาว่าที่ไหนบ้างเกิดพายุ แล้วก็เอาตะเกียงในมือตนที่คิดว่าสว่างหนักหนา ไปยื่นส่องหน้าใครต่อใคร ที่ไม่เคยแม้กระทั่งเห็นหน้าพูดจากันสักครั้งเดียว แล้วก็ชี้นิ้วสั่งสอนเขาเหล่านั้นว่าเขาไม่ดี อย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งที่ตนเองไม่รู้อะไรเลย ยิ่งมีคนที่เดินถือตะเกียงส่องตามหลังมา แล้วชอบอกชอบใจไปกับเราด้วย กลายเป็นทำให้เรายิ่งหลงลำพอง นึกว่าสิ่งที่ตนพูดนั้นถูกต้อง คนจำนวนมากอยู่ข้างเรา ดังนั้นสมควรจะไล่ต้อนหาตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้ ให้หายแค้นที่มันบังอาจก่อพายุขึ้นมาทำร้ายคนอื่น แล้วก็รวมพลังกัน มือหนึ่งถือตะเกียงแห่งแสงของผู้ปลดปล่อย อีกมือถือศาตราวุธคู่กายของผู้กล้า เพื่อใช้ฟาดฟันทำลายต่อกรมารร้ายทั่วโลก จะสำนึกสักนิดว่าตนเองนั้นใกล้กลายร่างเป็นปีศาจเสียเองอยู่รอมร่อก็หาไม่ คนประเภทนี้จึงน่าสงสารที่สุด ดังนั้นโปรดระมัดระวังใจของเราให้ดีเถิด ดราม่าครั้งถัดไปไม่ว่าเรื่องอะไร จะเป็นใคร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร ทำไมก็แล้วแต่ ขออย่าได้ตกหลุมพรางของอำนาจความชั่ว จนพาตัวโดดเข้าสู่ใจกลางของวงพายุ ไปเป็นลูกข่างหมุนอยู่มิรู้แล้ว อย่าบ้าไปตามคนอื่นที่มันบ้าอยู่ก่อน ใครมันจะบ้าก็ปล่อยให้มันบ้าไป ขอให้เราไม่บ้าไปกับเขาสักคน พยายามเข้านะ.. #ข้อคิด #แง่คิด #ข่าวดราม่า #สื่อเสี้ยม #ส่อสันดาน #คนไทย #สิ่งเสพติด #ความรุนแรง #บทความ #thaitimes #โคราช
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 617 Views 0 Reviews
  • Ray Dalio ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ผู้ทรงอิทธิพลของโลก หวั่นเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเสี่ยงเจอวิกฤตหนัก 5 ประการ ปัญหาหนี้ที่เพิ่มขึ้นรุมเร้าและการเมืองภายในแตกแยก ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีนทวีความรุนแรงเป็นสงครามการค้าตั้งกำแพงภาษี ท่ามกลางภัยธรรมชาติรุนแรงสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินยิ่งกว่าสงคราม

    ในการประชุมสุดยอดเอเชียของ Milken Institute ที่สิงคโปร์ เรย์ ดาลิโอ ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ระดับมหาเศรษฐี ได้ระบุถึงแรงขับเคลื่อนสำคัญ 5 ประการที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน โดยระบุถึงลักษณะเป็นวัฏจักรและเชื่อมโยงกัน ตามรายงานของลี อิง ชาน นักข่าว CNBC

    ในการพูดก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่ทุกคนรอคอยมานาน ดาลิโอได้เน้นย้ำถึงความกังวลเกี่ยวกับวิธีการที่สหรัฐฯ จะจัดการหนี้ที่เพิ่มขึ้น โดยที่อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ทศวรรษ ปัจจุบันรัฐบาลสหรัฐฯ ใช้จ่ายเงิน 1.049 ล้านล้านดอลลาร์ในการชำระหนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบเป็นรายปี ดาลิโอตั้งคำถามว่าหนี้ที่เพิ่มขึ้นนี้จะส่งผลกระทบต่อมูลค่าทรัพย์สินของสหรัฐฯ และบทบาทของสินทรัพย์ของสหรัฐฯ ในฐานะแหล่งเก็บความมั่งคั่งที่เชื่อถือได้อย่างไร

    ตามรายงานของ CNBC ดาลิโอยังได้ดึงความสนใจไปที่สิ่งที่เขาเรียกว่า "ความไม่สงบภายใน" ในสหรัฐฯ โดยเฉพาะความแตกแยกทางการเมืองที่ขยายตัวก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2024 เขาเตือนว่าความแตกต่างที่ไม่อาจปรองดองได้ระหว่างฝ่ายขวาและฝ่ายซ้ายทางการเมือง ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นจากความไม่เท่าเทียมกันของความมั่งคั่ง อาจขัดขวางการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ แม้ว่ารองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสจะถูกมองว่าเป็นผู้นำ แต่ดาลิโอแนะนำว่าความไม่มั่นคงทางการเมืองอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจของประเทศมากกว่านโยบายของผู้สมัครคนใด ๆ

    บนเวทีระหว่างประเทศ ดาลิโออ้างถึงความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และจีนว่าเป็นแหล่งความกังวลที่สำคัญ ดาลิโอกล่าวว่าปัญหาเช่นสถานะทางการเมืองของไต้หวันและภาษีศุลกากรทางเศรษฐกิจได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างมหาอำนาจทั้งสองตึงเครียด ในขณะที่ดาลิโอตั้งข้อสังเกตว่าความกลัวต่อการทำลายล้างซึ่งกันและกันอาจป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งโดยตรง เขากล่าวว่าความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์เหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความวุ่นวายทั่วโลก

    ดาลิโอเน้นย้ำถึงผลกระทบที่เพิ่มมากขึ้นของปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยระบุว่า "ภัยธรรมชาติ" เช่น ภัยแล้ง น้ำท่วม และโรคระบาด มักก่อให้เกิดการหยุดชะงักทางสังคมมากกว่าสงคราม CNBC เน้นย้ำถึงคำเตือนของเขาว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจสร้างต้นทุนทางเศรษฐกิจที่สูงกว่าในไม่ช้านี้ โดยคาดว่า GDP ทั่วโลกจะหดตัวลง 12% ต่ออุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 1 องศาเซลเซียส

    สุดท้าย Dalio เน้นย้ำถึงพลังการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เขาแนะนำว่าผู้ที่สามารถใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพจะได้รับประโยชน์อย่างมาก ในขณะเดียวกันก็เตือนด้วยว่าเทคโนโลยีอาจทำให้ความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจรุนแรงขึ้น การประเมินโดยรวมของ Dalio นั้นระมัดระวัง โดยคำพูดสุดท้ายของเขาบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจโลกเผชิญกับความเสี่ยงด้านลบมากกว่าโอกาสด้านบวก

    ที่มา : https://www.cryptoglobe.com/latest/2024/09/billionaire-ray-dalio-warns-of-soaring-u-s-debt-geopolitical-tensions-and-tech-wars-between-nations/

    #Thaitimes
    Ray Dalio ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ผู้ทรงอิทธิพลของโลก หวั่นเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเสี่ยงเจอวิกฤตหนัก 5 ประการ ปัญหาหนี้ที่เพิ่มขึ้นรุมเร้าและการเมืองภายในแตกแยก ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีนทวีความรุนแรงเป็นสงครามการค้าตั้งกำแพงภาษี ท่ามกลางภัยธรรมชาติรุนแรงสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินยิ่งกว่าสงคราม ในการประชุมสุดยอดเอเชียของ Milken Institute ที่สิงคโปร์ เรย์ ดาลิโอ ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ระดับมหาเศรษฐี ได้ระบุถึงแรงขับเคลื่อนสำคัญ 5 ประการที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน โดยระบุถึงลักษณะเป็นวัฏจักรและเชื่อมโยงกัน ตามรายงานของลี อิง ชาน นักข่าว CNBC ในการพูดก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่ทุกคนรอคอยมานาน ดาลิโอได้เน้นย้ำถึงความกังวลเกี่ยวกับวิธีการที่สหรัฐฯ จะจัดการหนี้ที่เพิ่มขึ้น โดยที่อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ทศวรรษ ปัจจุบันรัฐบาลสหรัฐฯ ใช้จ่ายเงิน 1.049 ล้านล้านดอลลาร์ในการชำระหนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบเป็นรายปี ดาลิโอตั้งคำถามว่าหนี้ที่เพิ่มขึ้นนี้จะส่งผลกระทบต่อมูลค่าทรัพย์สินของสหรัฐฯ และบทบาทของสินทรัพย์ของสหรัฐฯ ในฐานะแหล่งเก็บความมั่งคั่งที่เชื่อถือได้อย่างไร ตามรายงานของ CNBC ดาลิโอยังได้ดึงความสนใจไปที่สิ่งที่เขาเรียกว่า "ความไม่สงบภายใน" ในสหรัฐฯ โดยเฉพาะความแตกแยกทางการเมืองที่ขยายตัวก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2024 เขาเตือนว่าความแตกต่างที่ไม่อาจปรองดองได้ระหว่างฝ่ายขวาและฝ่ายซ้ายทางการเมือง ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นจากความไม่เท่าเทียมกันของความมั่งคั่ง อาจขัดขวางการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ แม้ว่ารองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสจะถูกมองว่าเป็นผู้นำ แต่ดาลิโอแนะนำว่าความไม่มั่นคงทางการเมืองอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจของประเทศมากกว่านโยบายของผู้สมัครคนใด ๆ บนเวทีระหว่างประเทศ ดาลิโออ้างถึงความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และจีนว่าเป็นแหล่งความกังวลที่สำคัญ ดาลิโอกล่าวว่าปัญหาเช่นสถานะทางการเมืองของไต้หวันและภาษีศุลกากรทางเศรษฐกิจได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างมหาอำนาจทั้งสองตึงเครียด ในขณะที่ดาลิโอตั้งข้อสังเกตว่าความกลัวต่อการทำลายล้างซึ่งกันและกันอาจป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งโดยตรง เขากล่าวว่าความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์เหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความวุ่นวายทั่วโลก ดาลิโอเน้นย้ำถึงผลกระทบที่เพิ่มมากขึ้นของปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยระบุว่า "ภัยธรรมชาติ" เช่น ภัยแล้ง น้ำท่วม และโรคระบาด มักก่อให้เกิดการหยุดชะงักทางสังคมมากกว่าสงคราม CNBC เน้นย้ำถึงคำเตือนของเขาว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจสร้างต้นทุนทางเศรษฐกิจที่สูงกว่าในไม่ช้านี้ โดยคาดว่า GDP ทั่วโลกจะหดตัวลง 12% ต่ออุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 1 องศาเซลเซียส สุดท้าย Dalio เน้นย้ำถึงพลังการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เขาแนะนำว่าผู้ที่สามารถใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพจะได้รับประโยชน์อย่างมาก ในขณะเดียวกันก็เตือนด้วยว่าเทคโนโลยีอาจทำให้ความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจรุนแรงขึ้น การประเมินโดยรวมของ Dalio นั้นระมัดระวัง โดยคำพูดสุดท้ายของเขาบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจโลกเผชิญกับความเสี่ยงด้านลบมากกว่าโอกาสด้านบวก ที่มา : https://www.cryptoglobe.com/latest/2024/09/billionaire-ray-dalio-warns-of-soaring-u-s-debt-geopolitical-tensions-and-tech-wars-between-nations/ #Thaitimes
    WWW.CRYPTOGLOBE.COM
    Ray Dalio Reveals the Top Five Forces Influencing the Global Economy
    Ray Dalio foresees a dangerous convergence of forces that could reshape the global order.
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 678 Views 0 Reviews

  • ในระหว่างที่นั่งจิบชาช่วงบ่ายระหว่างทำงาน work from home ได้มีโอกาสครุ่นคิดถึงศาสนาในประเทศไทยซึ่งประชากรกว่า 90% จดทะเบียนว่าเป็นศาสนาพุทธ แต่ความจริงนั้นอาจยากที่จะตอบได้ว่า คนเหล่านี้เป็นพุทธศาสนิกชนที่แท้จริงหรือไม่

    จากประสบการณ์ที่อยู่ในสังคมคนทำงานรุ่น Gen X, Y, และ Z มานานเกือบทศวรรษ ทำให้เข้าใจว่าในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่มักไม่มีศาสนาแบบชัดเจน แต่ก็ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็น Atheist (คนไม่เชื่อในพระเจ้า) หรือ Agnostic (คนที่ไม่เชื่อหรือปฏิเสธการมีอยู่ของสิ่งเหนือธรรมชาติ)ได้เช่นกัน

    เพราะแม้ว่าจะไม่ได้เชื่อในชีวิตหลังความตาย หรือนรกสวรรค์ แต่ผู้คนยังคงหันไปขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อ "โชคลาภ" หรือทำบุญบริจาคเมื่อ "รู้สึกดวงตก" นั่นแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างความเชื่อกับการปฏิบัติในชีวิตประจำวันของคนในปัจจุบัน

    ระหว่างที่กลืนขนมสโคนกับจิบชาเปปเปอร์มิ้นท์ คำถามที่ฉงนใจผุดขึ้นว่า "หากคนที่ไม่เชื่อในศาสนาต้องเผชิญสถานการณ์คับขัน เช่น อยู่บนเครื่องบินที่กำลังจะตกและเหลือเวลาไม่กี่นาทีก่อนจะขิต"พวกเขาเหล่านี้จะหันไปภาวนาหรือสวดกับอะไร?

    ถ้าไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะสวดหาไอดอลหรือ Life coach ที่ตามอยู่?
    อ้อนวอนขอชีวิตกับยมบาล?
    หรือพวกเขาจะจมอยู่ในความรู้สึกกลัวตายจนไม่มีเวลาคิดถึงอะไรเลย?

    มันไม่ผิดหรอกที่ใครบางคนจะไม่เชื่อในศาสนา แต่คำถามที่น่าสงสัยคือ ณ วินาทีที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย เราจะยึดเหนี่ยวสิ่งใด? มนุษย์เมื่อเผชิญความไม่แน่นอนและความตาย มักจะโหยหาสิ่งที่ให้ความหวังเพื่อความสงบใจแห่งจิตใจ

    ไม่ต่างอะไรจากเถาวัลย์โน้มหาต้นไม้ใหญ่หาที่พึ่ง ไม่ว่าจะเป็นศาสนา ความเชื่อทางจิตวิญญาณ หรือแม้กระทั่งความหวังที่เกิดจากการนึกถึงคนที่เรารักและศรัทธา มนุษย์ทุกคนย่อมต้องการ "หลัก" ยึดเหนี่ยว ในการใช้ชีวิต ไปจนถึงช่วงเวลาลมหายใจสุดท้าย #ศาสนาสำคัญไฉน

    While sipping afternoon tea during a work-from-home break, I found myself reflecting on religion in Thailand, where more than 90% of the population is registered as Buddhist. However, it’s difficult to say for certain whether these individuals are truly practicing Buddhists.

    From my experience in the working society of Gen X, Y, and Z for nearly a decade, it’s become clear that many people today don’t strictly follow a particular religion. Yet, we can’t exactly call them Atheists (those who don’t believe in a god) or Agnostics (those who neither believe nor deny the existence of the supernatural) either.

    Even though they may not believe in an afterlife or heaven and hell, people still turn to sacred entities to pray for "luck" or make merit donations when they "feel unlucky." This shows the complex relationship between belief and daily practices in today’s world.

    While I was munching on a scone and sipping my peppermint tea, a curious question popped into my mind: "If someone who doesn’t believe in religion were in a dire situation, like being on a plane about to crash with only a few minutes left to live," who or what would they turn to in prayer?

    If not a sacred being, would they pray to their idol or the life coach they follow? Would they plead for their life with the Grim Reaper? Or would they be so consumed by the fear of death that they wouldn’t have time to think of anything at all?

    It’s not wrong for someone not to believe in religion, but the intriguing question is, in the moment when life hangs by a thread, what would we cling to? When humans face uncertainty and death, they often yearn for something that gives them hope and peace of mind.

    Just like vines reaching out to a large tree for support, whether it’s religion, spiritual beliefs, or even the hope that comes from thinking of the ones we love and cherish, every human seeks a “pillar” to hold onto—both in life and in their final moments. #WhyIsReligionImportant
    ในระหว่างที่นั่งจิบชาช่วงบ่ายระหว่างทำงาน work from home ได้มีโอกาสครุ่นคิดถึงศาสนาในประเทศไทยซึ่งประชากรกว่า 90% จดทะเบียนว่าเป็นศาสนาพุทธ แต่ความจริงนั้นอาจยากที่จะตอบได้ว่า คนเหล่านี้เป็นพุทธศาสนิกชนที่แท้จริงหรือไม่🧐 จากประสบการณ์ที่อยู่ในสังคมคนทำงานรุ่น Gen X, Y, และ Z มานานเกือบทศวรรษ ทำให้เข้าใจว่าในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่มักไม่มีศาสนาแบบชัดเจน แต่ก็ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็น Atheist (คนไม่เชื่อในพระเจ้า) หรือ Agnostic (คนที่ไม่เชื่อหรือปฏิเสธการมีอยู่ของสิ่งเหนือธรรมชาติ)ได้เช่นกัน เพราะแม้ว่าจะไม่ได้เชื่อในชีวิตหลังความตาย หรือนรกสวรรค์ แต่ผู้คนยังคงหันไปขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อ "โชคลาภ" หรือทำบุญบริจาคเมื่อ "รู้สึกดวงตก" นั่นแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างความเชื่อกับการปฏิบัติในชีวิตประจำวันของคนในปัจจุบัน😯 ระหว่างที่กลืนขนมสโคนกับจิบชาเปปเปอร์มิ้นท์ คำถามที่ฉงนใจผุดขึ้นว่า "หากคนที่ไม่เชื่อในศาสนาต้องเผชิญสถานการณ์คับขัน เช่น อยู่บนเครื่องบินที่กำลังจะตกและเหลือเวลาไม่กี่นาทีก่อนจะขิต"พวกเขาเหล่านี้จะหันไปภาวนาหรือสวดกับอะไร? ☠️ ถ้าไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะสวดหาไอดอลหรือ Life coach ที่ตามอยู่? อ้อนวอนขอชีวิตกับยมบาล? หรือพวกเขาจะจมอยู่ในความรู้สึกกลัวตายจนไม่มีเวลาคิดถึงอะไรเลย?👿 มันไม่ผิดหรอกที่ใครบางคนจะไม่เชื่อในศาสนา แต่คำถามที่น่าสงสัยคือ ณ วินาทีที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย เราจะยึดเหนี่ยวสิ่งใด? มนุษย์เมื่อเผชิญความไม่แน่นอนและความตาย มักจะโหยหาสิ่งที่ให้ความหวังเพื่อความสงบใจแห่งจิตใจ🤍 ไม่ต่างอะไรจากเถาวัลย์โน้มหาต้นไม้ใหญ่หาที่พึ่ง ไม่ว่าจะเป็นศาสนา ความเชื่อทางจิตวิญญาณ หรือแม้กระทั่งความหวังที่เกิดจากการนึกถึงคนที่เรารักและศรัทธา มนุษย์ทุกคนย่อมต้องการ "หลัก" ยึดเหนี่ยว ในการใช้ชีวิต ไปจนถึงช่วงเวลาลมหายใจสุดท้าย #ศาสนาสำคัญไฉน While sipping afternoon tea during a work-from-home break, I found myself reflecting on religion in Thailand, where more than 90% of the population is registered as Buddhist. However, it’s difficult to say for certain whether these individuals are truly practicing Buddhists. 🧐 From my experience in the working society of Gen X, Y, and Z for nearly a decade, it’s become clear that many people today don’t strictly follow a particular religion. Yet, we can’t exactly call them Atheists (those who don’t believe in a god) or Agnostics (those who neither believe nor deny the existence of the supernatural) either. Even though they may not believe in an afterlife or heaven and hell, people still turn to sacred entities to pray for "luck" or make merit donations when they "feel unlucky." This shows the complex relationship between belief and daily practices in today’s world. 😯 While I was munching on a scone and sipping my peppermint tea, a curious question popped into my mind: "If someone who doesn’t believe in religion were in a dire situation, like being on a plane about to crash with only a few minutes left to live," who or what would they turn to in prayer? ☠️ If not a sacred being, would they pray to their idol or the life coach they follow? Would they plead for their life with the Grim Reaper? Or would they be so consumed by the fear of death that they wouldn’t have time to think of anything at all? 👿 It’s not wrong for someone not to believe in religion, but the intriguing question is, in the moment when life hangs by a thread, what would we cling to? When humans face uncertainty and death, they often yearn for something that gives them hope and peace of mind. 🤍 Just like vines reaching out to a large tree for support, whether it’s religion, spiritual beliefs, or even the hope that comes from thinking of the ones we love and cherish, every human seeks a “pillar” to hold onto—both in life and in their final moments. #WhyIsReligionImportant
    0 Comments 0 Shares 161 Views 0 Reviews
  • อยากเป็นช่างซ่อมมือถือ + Software อยากเขียนโค้ดได้ อยากทำแอพๆ นึงขึ้นมา ความสามารถมันไปถึงได้ แต่ไม่มีใครส่งเรียน เสียดายความสามารถตัวเอง วันๆ ได้แค่แปะข่าว & ตอบคำถามเขาเรื่อง #iOS 🫠
    อยากเป็นช่างซ่อมมือถือ + Software อยากเขียนโค้ดได้ อยากทำแอพๆ นึงขึ้นมา ความสามารถมันไปถึงได้ แต่ไม่มีใครส่งเรียน เสียดายความสามารถตัวเอง วันๆ ได้แค่แปะข่าว & ตอบคำถามเขาเรื่อง #iOS 🫠
    0 Comments 0 Shares 38 Views 0 Reviews
  • ตระกูลธนาคาร Rothschild ใช้ความมั่งคั่งมหาศาลของตนเพื่อมีอิทธิพลต่อเหตุการณ์ต่างๆของโลกและควบคุมรัฐบาลได้อย่างไร (ตอนที่ ๑)

    บริษัทธนาคาร Rothschild & Co ที่ไม่ค่อยสนใจสื่อได้ปรากฏตัวขึ้นในข่าวเมื่อไม่นานนี้ เมื่อมีการเปิดเผยว่าบริษัทมีบทบาทสำคัญในการปรับโครงสร้างหนี้ของยูเครนกว่า ๒ หมื่นล้านดอลลาร์ รวมถึงการจัดการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่เคียฟและกองทุนแร้ง เช่น Black Rock และ Amundi ตระกูล Rothschild เป็นที่รู้จักในการแบ่งทรัพย์สินของยูเครนตั้งแต่ปี ๒๐๑๔ เป็นต้นมา และเหตุการณ์รัฐประหารที่ยูโรไมดาน

    ตระกูลธนาคาร Rothschild เป็นที่รู้จักในเรื่องอะไร?

    ตระกูล Rothschild ถือกำเนิดขึ้นในยุครุ่งเรืองของอาณาจักรอาณานิคมในยุโรป, โดยใช้ประโยชน์จากความมั่งคั่งมหาศาลที่ไหลเข้าสู่ทวีปนี้เพื่อสร้างธนาคารเพื่อการพาณิชย์และธนาคารส่วนตัว, การจัดการสินทรัพย์, การลงทุนเสี่ยง, การประกันภัย, สื่อ, และธุรกิจพลังงาน

    สร้างความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับราชวงศ์อังกฤษ, เมเยอร์ โรธส์ไชลด์ และลูกชายของเขาได้ให้เงินทุนสนับสนุนโครงการขนาดใหญ่ของอาณานิคม, ตั้งแต่เส้นทางการค้าคลองสุเอซไปจนถึงบริษัทอินเดียตะวันออก

    ตระกูลนี้มีบทบาทอย่างมากในแวดวงการเมืองระหว่างประเทศในศตวรรษที่ ๑๙ และ ๒๐, โดยเดิมพันระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสในช่วงสงครามนโปเลียน โดยให้เงินทุนสนับสนุนทหารรับจ้างชาวเฮสเซียนและให้เงินกู้แก่ราชวงศ์, และใช้ข้อมูลวงในจากการพิจารณาของรัฐบาล

    ตระกูลโรธส์ไชลด์ร่ำรวยแค่ไหน?

    เครื่องหมายคำถามใหญ่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินสุทธิของพวกเขา, โดยมีข้อมูลที่เปิดเผยตั้งแต่ ๑ พันล้านดอลลาร์ไปจนถึง ๑.๒ ล้านล้านดอลลาร์ – ซึ่งจะทำให้ตระกูลนี้อยู่เหนือรายชื่อ "เศรษฐีที่สุดในโลก" ที่สื่อกระแสหลักเผยแพร่อยู่บ่อยครั้ง

    การขาดตัวเลขที่ชัดเจนนั้นมาจากความลับอันเหลือเชื่อของครอบครัว, และธรรมชาติที่ไม่ชัดเจนของเงินทุนทางการเงิน ตระกูล Rothschild 'มืดมนลง' ในช่วงต้นศตวรรษที่ ๒๐, เมื่อมีการนำโครงการภาษีแห่งชาติมาใช้ทั่วทั้งยุโรป ทำให้ธนาคารของครอบครัวต้องแยกตัวอย่างเป็นทางการเพื่อสร้างสถาบันการเงินที่ 'เป็นอิสระ'

    ตัวอย่างเช่น, ในขณะที่การรายงานเกี่ยวกับอาณาจักรธุรกิจที่เผยแพร่สู่สาธารณะของตระกูลมักเน้นที่ Rothschild & Co ซึ่งมีฐานอยู่ในปารีส, ลอนดอน และสิงคโปร์, แผนกอื่นๆ, เช่น Edmond de Rothschild Group ซึ่งมีฐานอยู่ในเจนีวา กลับไม่ค่อยได้รับการกล่าวถึงมากนัก
    .
    How Rothschild banking clan uses its vast wealth to influence world events and control governments (Part 1)

    Media-shy banking firm Rothschild & Co popped up in the news recently when it was revealed that it played a key role in restructuring over $20 bln in Ukrainian debt, including by arranging meetings between Kiev officials and vulture funds like Black Rock and Amundi. The Rothschilds are known to carve up Ukraine’s wealth since at least 2014 and the Euromaidan coup.

    What is the Rothschild banking clan known for?

    Emerging in the heyday of European colonial empires, the Rothschilds cashed in on the vast wealth flowing to the continent to create merchant and private banking, asset management, venture capital, insurance, media, and energy enterprises.

    Establishing close ties to the British Crown, Mayer Rothschild and his sons financed colonial megaprojects, from the Suez Canal trade artery to the East India Company.

    The family proved highly active in the international politics of the 19th and 20th centuries, betting on Britain against France during the Napoleonic Wars by financing Hessian mercenary soldiers and loaning money to the Crown, and using insider knowledge of government deliberations.

    How rich are the Rothschilds?

    A big question mark revolves around their net worth, with open data varying from $1 billion to $1.2 trillion – which would put the family well above the oft-published pop financial media lists of the “world’s richest.”

    Lack of precise figure stems from the family’s incredible secrecy, and the murky nature of finance capital. The Rothschilds ‘went dark’ in the early 20th century, when the introduction of national taxation schemes across Europe led family banks to formally split to create ‘independent’ financial institutions.

    For instance, while reporting on the family’s public-facing business empire is often focused on the Paris, London and Singapore-based Rothschild & Co, other divisions, like the Geneva-based Edmond de Rothschild Group are less often mentioned.
    .
    8:18 PM · Sep 15, 2024 · 105.5K Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1835307291182092534
    ตระกูลธนาคาร Rothschild ใช้ความมั่งคั่งมหาศาลของตนเพื่อมีอิทธิพลต่อเหตุการณ์ต่างๆของโลกและควบคุมรัฐบาลได้อย่างไร (ตอนที่ ๑) บริษัทธนาคาร Rothschild & Co ที่ไม่ค่อยสนใจสื่อได้ปรากฏตัวขึ้นในข่าวเมื่อไม่นานนี้ เมื่อมีการเปิดเผยว่าบริษัทมีบทบาทสำคัญในการปรับโครงสร้างหนี้ของยูเครนกว่า ๒ หมื่นล้านดอลลาร์ รวมถึงการจัดการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่เคียฟและกองทุนแร้ง เช่น Black Rock และ Amundi ตระกูล Rothschild เป็นที่รู้จักในการแบ่งทรัพย์สินของยูเครนตั้งแต่ปี ๒๐๑๔ เป็นต้นมา และเหตุการณ์รัฐประหารที่ยูโรไมดาน ตระกูลธนาคาร Rothschild เป็นที่รู้จักในเรื่องอะไร? 🌏 ตระกูล Rothschild ถือกำเนิดขึ้นในยุครุ่งเรืองของอาณาจักรอาณานิคมในยุโรป, โดยใช้ประโยชน์จากความมั่งคั่งมหาศาลที่ไหลเข้าสู่ทวีปนี้เพื่อสร้างธนาคารเพื่อการพาณิชย์และธนาคารส่วนตัว, การจัดการสินทรัพย์, การลงทุนเสี่ยง, การประกันภัย, สื่อ, และธุรกิจพลังงาน 🌏 สร้างความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับราชวงศ์อังกฤษ, เมเยอร์ โรธส์ไชลด์ และลูกชายของเขาได้ให้เงินทุนสนับสนุนโครงการขนาดใหญ่ของอาณานิคม, ตั้งแต่เส้นทางการค้าคลองสุเอซไปจนถึงบริษัทอินเดียตะวันออก 🌏 ตระกูลนี้มีบทบาทอย่างมากในแวดวงการเมืองระหว่างประเทศในศตวรรษที่ ๑๙ และ ๒๐, โดยเดิมพันระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสในช่วงสงครามนโปเลียน โดยให้เงินทุนสนับสนุนทหารรับจ้างชาวเฮสเซียนและให้เงินกู้แก่ราชวงศ์, และใช้ข้อมูลวงในจากการพิจารณาของรัฐบาล ตระกูลโรธส์ไชลด์ร่ำรวยแค่ไหน? 🔶 เครื่องหมายคำถามใหญ่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินสุทธิของพวกเขา, โดยมีข้อมูลที่เปิดเผยตั้งแต่ ๑ พันล้านดอลลาร์ไปจนถึง ๑.๒ ล้านล้านดอลลาร์ – ซึ่งจะทำให้ตระกูลนี้อยู่เหนือรายชื่อ "เศรษฐีที่สุดในโลก" ที่สื่อกระแสหลักเผยแพร่อยู่บ่อยครั้ง 🔶 การขาดตัวเลขที่ชัดเจนนั้นมาจากความลับอันเหลือเชื่อของครอบครัว, และธรรมชาติที่ไม่ชัดเจนของเงินทุนทางการเงิน ตระกูล Rothschild 'มืดมนลง' ในช่วงต้นศตวรรษที่ ๒๐, เมื่อมีการนำโครงการภาษีแห่งชาติมาใช้ทั่วทั้งยุโรป ทำให้ธนาคารของครอบครัวต้องแยกตัวอย่างเป็นทางการเพื่อสร้างสถาบันการเงินที่ 'เป็นอิสระ' 🔶 ตัวอย่างเช่น, ในขณะที่การรายงานเกี่ยวกับอาณาจักรธุรกิจที่เผยแพร่สู่สาธารณะของตระกูลมักเน้นที่ Rothschild & Co ซึ่งมีฐานอยู่ในปารีส, ลอนดอน และสิงคโปร์, แผนกอื่นๆ, เช่น Edmond de Rothschild Group ซึ่งมีฐานอยู่ในเจนีวา กลับไม่ค่อยได้รับการกล่าวถึงมากนัก . How Rothschild banking clan uses its vast wealth to influence world events and control governments (Part 1) Media-shy banking firm Rothschild & Co popped up in the news recently when it was revealed that it played a key role in restructuring over $20 bln in Ukrainian debt, including by arranging meetings between Kiev officials and vulture funds like Black Rock and Amundi. The Rothschilds are known to carve up Ukraine’s wealth since at least 2014 and the Euromaidan coup. What is the Rothschild banking clan known for? 🌏Emerging in the heyday of European colonial empires, the Rothschilds cashed in on the vast wealth flowing to the continent to create merchant and private banking, asset management, venture capital, insurance, media, and energy enterprises. 🌏Establishing close ties to the British Crown, Mayer Rothschild and his sons financed colonial megaprojects, from the Suez Canal trade artery to the East India Company. 🌏The family proved highly active in the international politics of the 19th and 20th centuries, betting on Britain against France during the Napoleonic Wars by financing Hessian mercenary soldiers and loaning money to the Crown, and using insider knowledge of government deliberations. How rich are the Rothschilds? 🔶A big question mark revolves around their net worth, with open data varying from $1 billion to $1.2 trillion – which would put the family well above the oft-published pop financial media lists of the “world’s richest.” 🔶Lack of precise figure stems from the family’s incredible secrecy, and the murky nature of finance capital. The Rothschilds ‘went dark’ in the early 20th century, when the introduction of national taxation schemes across Europe led family banks to formally split to create ‘independent’ financial institutions. 🔶For instance, while reporting on the family’s public-facing business empire is often focused on the Paris, London and Singapore-based Rothschild & Co, other divisions, like the Geneva-based Edmond de Rothschild Group are less often mentioned. . 8:18 PM · Sep 15, 2024 · 105.5K Views https://x.com/SputnikInt/status/1835307291182092534
    Like
    Wow
    3
    2 Comments 0 Shares 329 Views 0 Reviews
  • #สารสำคัญกับคนตื่นรู้สู่การขอโทษน้องแน๊กชาลี
    วันนี้พี่คิงส์ดีใจ ที่มีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ตื่นรู้
    นำข้อมูลอีกด้านไปสู่การพินิจพิจารณา โดยใช้เหตุใช้ผล
    และสุดท้าย กลับมาสู่อ้อมกอดคนไทยด้วยกัน
    โดยโพสนี้ มีข้อความดังนี้ ที่อยากจะสื่อสารให้ถึงน้องแน๊กชาลี
    "ต้องขอโทษชาลีจริงยอมรับคราม่ากี่ครั้งก็คอยเอาแต่ปกป้องนาง
    นายพูดอะไรมาทำให้เกิดดราม่าก็เอาแต่ด่-าท-อ
    -เพราะเมื่อก่อนแค่รู้สึกสงสารผู้หญิงตัวเล็กๆคน1 เมื่อก่อนเราเอียงไปทาง ผญ หนักมากถึงกับป้องป้องนางตลอด
    -ถึงกับต้องเถียงแทนปกป้องแทน
    -พอมา 3 วันอตร. เราก็ด่-า-น-า-ย ด่-า-แ-ร-งมากโดยที่ไม่รับฟังนายรึ
    คนเห็นต่างที่โต้แย้งเลย
    -แต่กาลเวลาผ่านมามันมีความรู้สึกที่แปลกก็เลยลองถอยออกมา2ก้าว ฟังข้อมูลหลายๆฝ่าย และเอามาเทียบกันจริงๆที่พูดมามัเหตุผลไหม มีเหตุผลแค่ไหน
    -แต่พอมาได้ยิน ชาลีพูดว่า
    (ผมทำไม่ได้ห-ล-อ-กที่ต้องมาแสดงรีเสแสร้งว่ารักกัน รีอะไรก็ตาม)
    มันทำให้ผมฉุดคิดได้เลยว่า หูย!!
    สรุป Wเราโดนห-ล-อ-ก" จริงๆใช่ไหม? เราเป็น "ควาย"
    แบบที่ fc ชาลี ด่-าผ-มต-อ-น-ที่ปกป้องนางจริงๆใช่ไหม
    -เราโลกสวยเกินไปใช่ไหม คิดแต่ในแง่ดี
    เกินไปเลยไม่เอะใจสักอย่างผมมันคนนอกไม่รู้เรื่องราวของ2คน
    หากจะต้องทำตัวให้เป็นกลางมันทำไม่ได้หรอก
    -แค่ตั้งคำถามแต่ก็ โดนfcนางถ-ล่-ม มันเป็นคำถามที่เราสงสัย ก็โดนถ-ล่-มทำให้เข้าใจเลยว่าเราควรจะเข้าใจใครมากกว่ากัน
    -ALL 2 ถึงจะเปยแค่ "หลักหมื่น"
    แต่นั้นกะคือเงินที่ให้ด้วยความรักความชอบ อยาก
    ซัพพอร์ต แม้มันจะเป็นจำนวนเงินที่น้อย แต่มันคือจำนวนความรัก
    ที่จริงใจกับนางจริงๆ
    #ขอไม่อยู่ตรงกลางนะครับ
    #ขออยู่ฝั่งคนที่เราเคยด่-า
    #เคยเข้าใจนายผิด เราขออยู่กับนายนะ
    #ขอโทษที่เคยใช้คำพูดที่รุนแรงกับนาย人人人人"
    ซึ่งเชื่อว่ามีหลายๆคนที่เคยอยู่ในกลุ่มที่โจกล่อมทุกวัน
    เมื่อได้เห็นข้อมูลอีกด้าน ต่างก็เอ๊ะ
    แล้วพอเริ่มตั้งคำถาม ก็จะกระทำในแบบเดียวกันนี้
    นั่นก็เพราะเค้ามีก-อ-ง-กำ-ลั-ง ในการวางแผนแบบฟูลทาร์ม
    เพื่อให้โจ คิดวางเกมส์ต่างๆ เพื่อผลประโยชน์ตัวเอง
    โดยเป้าหมายสำคัญคือ "การเล่นงานแน๊กชาลี"
    หากต้องการข้อมูลที่ลึกกว่านี้ จะแปะไว้ใต้โพส
    ยาวนะ ถ้ารับได้ ไปอ่านแล้วจะตาสว่างวาบครับ
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #สารสำคัญกับคนตื่นรู้สู่การขอโทษน้องแน๊กชาลี วันนี้พี่คิงส์ดีใจ ที่มีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ตื่นรู้ นำข้อมูลอีกด้านไปสู่การพินิจพิจารณา โดยใช้เหตุใช้ผล และสุดท้าย กลับมาสู่อ้อมกอดคนไทยด้วยกัน โดยโพสนี้ มีข้อความดังนี้ ที่อยากจะสื่อสารให้ถึงน้องแน๊กชาลี "ต้องขอโทษชาลีจริงยอมรับคราม่ากี่ครั้งก็คอยเอาแต่ปกป้องนาง นายพูดอะไรมาทำให้เกิดดราม่าก็เอาแต่ด่-าท-อ -เพราะเมื่อก่อนแค่รู้สึกสงสารผู้หญิงตัวเล็กๆคน1 เมื่อก่อนเราเอียงไปทาง ผญ หนักมากถึงกับป้องป้องนางตลอด -ถึงกับต้องเถียงแทนปกป้องแทน -พอมา 3 วันอตร. เราก็ด่-า-น-า-ย ด่-า-แ-ร-งมากโดยที่ไม่รับฟังนายรึ คนเห็นต่างที่โต้แย้งเลย -แต่กาลเวลาผ่านมามันมีความรู้สึกที่แปลกก็เลยลองถอยออกมา2ก้าว ฟังข้อมูลหลายๆฝ่าย และเอามาเทียบกันจริงๆที่พูดมามัเหตุผลไหม มีเหตุผลแค่ไหน -แต่พอมาได้ยิน ชาลีพูดว่า (ผมทำไม่ได้ห-ล-อ-กที่ต้องมาแสดงรีเสแสร้งว่ารักกัน รีอะไรก็ตาม) มันทำให้ผมฉุดคิดได้เลยว่า หูย!! สรุป Wเราโดนห-ล-อ-ก" จริงๆใช่ไหม? เราเป็น "ควาย" แบบที่ fc ชาลี ด่-าผ-มต-อ-น-ที่ปกป้องนางจริงๆใช่ไหม -เราโลกสวยเกินไปใช่ไหม คิดแต่ในแง่ดี เกินไปเลยไม่เอะใจสักอย่างผมมันคนนอกไม่รู้เรื่องราวของ2คน หากจะต้องทำตัวให้เป็นกลางมันทำไม่ได้หรอก -แค่ตั้งคำถามแต่ก็ โดนfcนางถ-ล่-ม มันเป็นคำถามที่เราสงสัย ก็โดนถ-ล่-มทำให้เข้าใจเลยว่าเราควรจะเข้าใจใครมากกว่ากัน -ALL 2 ถึงจะเปยแค่ "หลักหมื่น" แต่นั้นกะคือเงินที่ให้ด้วยความรักความชอบ อยาก ซัพพอร์ต แม้มันจะเป็นจำนวนเงินที่น้อย แต่มันคือจำนวนความรัก ที่จริงใจกับนางจริงๆ #ขอไม่อยู่ตรงกลางนะครับ #ขออยู่ฝั่งคนที่เราเคยด่-า #เคยเข้าใจนายผิด เราขออยู่กับนายนะ #ขอโทษที่เคยใช้คำพูดที่รุนแรงกับนาย人人人人" ซึ่งเชื่อว่ามีหลายๆคนที่เคยอยู่ในกลุ่มที่โจกล่อมทุกวัน เมื่อได้เห็นข้อมูลอีกด้าน ต่างก็เอ๊ะ แล้วพอเริ่มตั้งคำถาม ก็จะกระทำในแบบเดียวกันนี้ นั่นก็เพราะเค้ามีก-อ-ง-กำ-ลั-ง ในการวางแผนแบบฟูลทาร์ม เพื่อให้โจ คิดวางเกมส์ต่างๆ เพื่อผลประโยชน์ตัวเอง โดยเป้าหมายสำคัญคือ "การเล่นงานแน๊กชาลี" หากต้องการข้อมูลที่ลึกกว่านี้ จะแปะไว้ใต้โพส ยาวนะ ถ้ารับได้ ไปอ่านแล้วจะตาสว่างวาบครับ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    5
    0 Comments 0 Shares 686 Views 0 Reviews
  • ฉันมักจะฉงน ฉงาย และตั้งคำถามกลับว่า ถามทำไม
    คำถามย้อนเวลาน่ะ
    ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะบอกตัวเองว่าอะไร หรืออยากแก้ไขอะไรไหม หรือจะไม่ทำอะไรไหม ถ้ามีโอกาสให้ย้อนเวลาได้ จะกลับไปทำอะไร
    ที่ฉันสงสัย จะย้อนไปทำไม ที่ผ่านไปแล้ว ก็จบลงตรงนั้นแล้ว หากเจ็บปวดตอนนี้ก็ทุเลา หรือหายดีแล้วนี่ จะย้อนไปเริ่มเจ็บอีกทำไม หากมีความสุข ก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันสุขอย่างนั้นไม่ได้นานหรอก
    ทุกอย่างผ่านไปแล้ว มันมีข้อเสีย แต่ก็ข้อดีอยู่
    หากย้อนได้ ฉันในเวลานั้น อายุแค่นั้น ประสบการณ์ชีวิตแค่นั้น สิ่งแวดล้อมแบบนั้น เชื่อว่าตัวเองก็ต้องทำแบเดิมอีกอยู่ดี ตัดสินใจผิด ขี้ขลาด ไม่มั่นใจ กลัว แล้วความเจ็บปวด ความผิดหวังก็ถาโถมมาใส่ฉันอีกครั่ง ฉันจะกลับไปเริ่มความรู้สึกเจ็บปวดในตอนนั้นอีกครั้งทำไม
    เป็นแบบนี้แหละ เป็นฉันแบบนี้ในปัจจุบันนี้แหละ แม้จะไม่ดีทุกอย่าง แต่มีบางอย่างที่ฉันได้เรียนรู้แล้ว
    ๑๖ ก.ย. ๖๗
    ฉันมักจะฉงน ฉงาย และตั้งคำถามกลับว่า ถามทำไม คำถามย้อนเวลาน่ะ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะบอกตัวเองว่าอะไร หรืออยากแก้ไขอะไรไหม หรือจะไม่ทำอะไรไหม ถ้ามีโอกาสให้ย้อนเวลาได้ จะกลับไปทำอะไร ที่ฉันสงสัย จะย้อนไปทำไม ที่ผ่านไปแล้ว ก็จบลงตรงนั้นแล้ว หากเจ็บปวดตอนนี้ก็ทุเลา หรือหายดีแล้วนี่ จะย้อนไปเริ่มเจ็บอีกทำไม หากมีความสุข ก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันสุขอย่างนั้นไม่ได้นานหรอก ทุกอย่างผ่านไปแล้ว มันมีข้อเสีย แต่ก็ข้อดีอยู่ หากย้อนได้ ฉันในเวลานั้น อายุแค่นั้น ประสบการณ์ชีวิตแค่นั้น สิ่งแวดล้อมแบบนั้น เชื่อว่าตัวเองก็ต้องทำแบเดิมอีกอยู่ดี ตัดสินใจผิด ขี้ขลาด ไม่มั่นใจ กลัว แล้วความเจ็บปวด ความผิดหวังก็ถาโถมมาใส่ฉันอีกครั่ง ฉันจะกลับไปเริ่มความรู้สึกเจ็บปวดในตอนนั้นอีกครั้งทำไม เป็นแบบนี้แหละ เป็นฉันแบบนี้ในปัจจุบันนี้แหละ แม้จะไม่ดีทุกอย่าง แต่มีบางอย่างที่ฉันได้เรียนรู้แล้ว ๑๖ ก.ย. ๖๗
    0 Comments 0 Shares 63 Views 0 Reviews
  • พากันจูงมือเข้าอ่านริ้วววว………พี่ปูเขากำลังจะรุ่งในสายการเมืองแล้ววว………!!!!

    ตอนห้า…..เมื่อราศีจับ……อะไรๆก็ฉุดไม่อยู่……!!!

    เท่ากับว่า ตอนนี้ปูตินมีสองร่างในบุคคลคนเดียวกัน เขาได้มาเป็นที่ปรึกษาให้กับอนาโตลี แต่ยังคงนั่งทำงานประจำที่มหาวิทยาลัย
    ส่วนที่สำนักงาน KGB. เขาจะแวะเข้าไปเป็นครั้งเป็นคราว
    จนวันหนึ่งในช่วงปลายปี 1990 ที่มีคณาจารย์จาก Saint Petersburg University จาก Florida, USA ได้เข้ามาเยี่ยมเยียนมหาวิทยาลัย
    ในเลนินกราด ในโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และแบบแผนการศึกษา
    ตัวผู้ก่อตั้งซึ่งเป็นอธิการบดี Dr. Carl M. Kuttler jr. ได้เดินทางมาด้วย
    ผู้ที่ทำหน้าที่ต้อนรับ คือ วลาดิเมียร์ ปูติน ที่เป็นผู้ประสานงานทุกอย่าง
    ตั้งแต่ชมมหาวิทยาลัย ไปเที่ยวนอกเมือง ซึ่งตอนนั้นเป็นภาวะที่น้ำมันขาดแคลนในโซเวียต
    รถลีมูซีนของท่านอธิการบดี เกิดน้ำมันหมด……ปูตินสามารถสั่งการให้เจ้าหน้าที่รัฐนำน้ำมันมาเติมให้ถึงที่ได้ด้วย
    คาร์ลจึงแปลกใจมาก……เขาแทบไม่เชื่อว่าคณบดีธรรมดาๆ คนนี้ สามารถตอบคำถามได้หมด ตั้งแต่เรื่องการเมือง เศรษฐกิจ และการต่างประเทศ
    ซ้ำยังเรียกหน่วยงานมาจัดการเรื่องเส้นทางและน้ำมันให้ได้อีก
    ทุกอย่างได้เป็นไปอย่างเรียบร้อย ตลอดทั้งสิบวัน……

    ในคืนเกือบสุดท้ายที่คณะจากอเมริกาจะจากไป มีการจัดเลี้ยงอำลา
    ปูตินจึงนำอนาโตลีไปแนะนำให้รู้จักในฐานะเจ้านาย และ ในฐานะของนายกเทศมนตรีของเมือง
    ระหว่างการสนทนา คาร์ลได้เชื้อเชิญให้อนาโตลีไปเยี่ยมเยียนที่อเมริกาบ้าง
    แต่อนาโตลี คือชาวรัสเชี่ยนแท้ๆ ที่ปากกับใจตรงกัน ได้ตอบกลับไปว่า
    “พวกเราไม่มีทุนรอนขนาดนั้น มันไกลเกินฝัน…”
    คาร์ลก็เป็นอเมริกันสายป๋า……เขาตอบทันทีว่า
    “งั้นผมจะลองไปจัดการหาสปอนเซอร์ให้เอง……โปรดอย่าเป็นกังวล”

    ในที่สุด อนาโตลีและคณะก็ได้ไปเยือนอเมริกาสมใจ ด้วยทุนของ Procter & Gamble และได้เข้าพบกับประธานาธิบดี George H.W. Bush
    เขาได้ดูงานเทศบาลของเมือง Saint Petersburg, Florida **ที่มีนโยบายเข้มโดยไม่มีการอนุญาตให้ตัดต้นไม้ใดๆได้ จนกว่าจะได้รับการอนุมัติจากทางการ
    เมื่ออนาโตลีกลับมาถึงโซเวียต สิ่งแรกที่เขาทำคือ ทำการบรรจุปูตินในทีมงานอย่างเป็นทางการ จากความดีความชอบที่สามารถเชื่อมโยงจนได้ไปอเมริกา
    การทำงานกับอนาโตลี……ปูตินเริ่มมองเห็นอะไรอีกด้านหนึ่งที่เขาไม่ได้มองมาก่อน เช่น เรื่องความเสมอภาค ที่อนาโตลีมักพูดเสมอว่า
    “เราคุ้นเคยกับความรุนแรงมาตั้งแต่เกิด จนเห็นเป็นเรื่องปรกติ เราต้องอยู่อย่างหวาดกลัว ระแวง กับการที่จะมีคนมาคอยจ้องจับ นั่นมันไม่ใช่วิสัยการเป็นอยู่ของมนุษยชน”
    หรือ “ เราไม่จำเป็นต้องไปฆ่าฟันผู้คนกลุ่มหนึ่งให้ตาย
    เพื่อสนองตัญหาของคนอีกกลุ่มหนึ่ง……”

    เขาทั้งสองคนมีความแตกต่างกันอย่างสุดโต่ง อายุต่างกัน (12 ปี)
    นิสัยต่างกัน คนหนึ่งรื่นเริง หัวเราะง่าย อารมณ์ดี
    อีกคนหนึ่ง หน้าเครียด ยิ้มยาก ระวังตัวตลอดเวลา
    แต่อนาโตลี……พยายามผลักดันปูตินให้เข้ามาในวงจรของความคิดใหม่
    ปูตินแยกแยะเรื่องงานได้ดี เขาไม่เคยเออออห่อหมกกับทัศนคติของอนาโตลีที่มีต่อโซเวียต เพราะเขายังเป็น KGB ที่ยังต้องซื่อสัตย์กับงาน
    และเขาได้เห็นว่า งานเทศมนตรีที่อนาโตลีทำอยู่นั้น เป็นการเล่นการเมืองเสียส่วนใหญ่ งานด้านทำนุบำรุงประชาชนในส่วนสาธารณูปโภคมีน้อยมาก……

    ในปีนั้น ปี 1991 เศรษฐกิจของโซเวียตฝืดเคือง ข้าวของทุกอย่างหายไปตลาด ชั้นขายของว่างเปล่า อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน การประท้วงได้เกิดขึ้นตามชายขอบของประเทศ กอร์บาเชฟสั่งให้หน่วยทหารและ KGB เตรียมกำลังให้พร้อม เพื่อที่จะไปปราบม็อบ ผลจากการปะทะ ผู้ต่อต้านเสียชีวิตไป 14 คน
    ลิธัวเนีย…ประกาศท้าทายโซเวียตด้วยการจัดการลงคะแนนเสียงเพื่อขอเป็นอิสระ กอร์บาเชฟไม่ยอมรับมติของการลงคะแนน โดยอ้างว่าผิดกฎหมาย
    แต่กระแสเรียกร้อง เรียกหาความเป็นธรรมเริ่มหนาหูขึ้น

    เดือนเมยายน โซเวียต ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภา ที่มีทั้งฝ่ายคอมมิวนิสต์
    และฝ่ายสังคมนิยม ที่จะต้องชิงที่นั่งกัน ผลที่ได้คือ Boris Yelzin ได้ตำแหน่งประธานสภา อันเป็นที่ไม่พอใจกอร์บาเชฟเป็นอย่างยิ่ง
    เพราะคนละวิสัยทัศน์ และ เขาไม่เข้าใจเลยว่า คนที่ดื่มสุราจัด พูดไม่เป็นภาษามนุษย์ จะมาทำงานใหญ่ได้อย่างไร…
    แต่กระแสนิยมในตัวเยลซินกลับเพิ่มขึ้นทุกวัน จนบดบังรัศมี
    ของกอร์บาเชฟจนหมดสิ้น
    คอมมิวนิสต์อยู่ในกระแสขาลง ……ประชาชนฝ่ายใฝ่สังคมนิยมผสมประชาธิปไตยในสายงานของอนาโตลีทำการเรียกร้องให้เปลี่ยนชื่อเมือง
    จากเลนินกราด……ให้กลับไปเป็นเหมือนก่อนเก่า คือ St. Petersburg ซึ่งได้รับเสียงตอบรับในสภาเกินครึ่ง
    ปูติน……วางตัวเงียบสงบ ตั้งแต่เขาได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในฐานะนักการเมือง เขาได้ลาออกจากการเป็นคณบดีที่มหาวิทยาลัย คอยเฝ้าดูสถานะการณ์ของพรรคการเมืองต่างๆที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด เขาเป็นที่ไว้วางใจของอนาโตลี ถึงขนาดที่เซ็นลงในกระดาษเปล่าให้ปูตินเอาไว้เขียนสั่งงานแทน

    วันที่ 17 สิงหาคม 1991 ปูตินได้พาครอบครัวไปเที่ยววันหยุด
    ที่ฝั่งทะเลบอลติค อนาโตลีไปพักผ่อนที่กึ่งประชุมงานที่ลิธัวเนีย
    ไม่มีใครรู้ว่า วันต่อมา คือวันที่ 18 เป็นวันที่ Gorbachev, Yeltzin และผู้นำจาก Kazakhstan มีการประชุมลับกันในการที่จะปรับเปลี่ยนทอนอำนาจในเครมลิน
    แต่ความลับรั่ว……เพราะการประชุมไม่ได้เกิดขึ้น กอร์บาเชฟได้ถูกควบคุมตัวไปขังในบ้านพักตากอากาศของเขาเอง (house arrest) แบบปฏิวัติเงียบจากกลุ่มต่อต้านภายใน หนึ่งในทีมหัวหน้าปฏิบัติการ คือ Vladimir Kryuchkov ผู้อำนวยการใหญ่ KGB
    และจากนั้น……ทั้งประเทศตกอยู่ในการคุมเข้มของกฏอัยการศึก
    ปูตินทราบข่าวจากการประกาศฉุกเฉินทางโทรทัศน์
    อนาโตลี ทราบข่าวจากโทรศัพท์ที่ปลุกกลางดึก ทำให้เขาต้องรีบบินกลับพร้อมกับผู้ติดตามหนึ่งคน ซึ่งทางคณะประกอบการได้ส่งการ์ดพร้อมอาวุธไปเตรียมควบคุมตัวเขาถึงสามคน
    แต่เมื่อถึงสนามบิน การ์ดสามคนนั่น ไม่ได้ทำตามคำสั่ง แถมยังช่วยดูแลความปลอดภัยให้กับอนาโตลีจนบินกลับถึงมอสโคว์ได้อย่างปลอดภัย

    ปูตินรีบกลับมา เพื่ออยู่ในทีมงานของอนาโตลี เพราะเขารู้สึกเอียนกับการยึดอำนาจแบบนี้ เพราะตลอดชีวิตของเขาก็เจอแต่เหตุการณ์แบบนี้ แล้วผลมันเป็นอย่างไรก็เห็นๆกันอยู่ว่าประเทศได้ย่ำเท้าถอยหลัง ทรุดโทรมลงไปทุกวัน
    เขาตัดสินใจเขียนใบลาออกจาก KGB หลังจากที่ 16 ปีที่ใช้ชีวิตในเส้นทางนั้น พอกันที…
    เป็นไปตามคาด……การปฏิวัติโดยฝ่ายทหารและ KGB ในครั้งนี้ ไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาด เพราะประชาชนไม่ยอมรับ

    เพียงแค่สองวัน กอร์บาเขฟก็ได้รับอิสรภาพออกมาจากบ้านพัก Boris Yeltzin ได้รับความนิยม
    อนาโตลีก็เช่นกัน เขากลายเป็นตัวแทนของความเป็นประชาธิปไตยในเลนินกราด ปูตินก็ถือเป็นโชคที่เข้าข้าง เพราะเขาตัดสินในเลือกถูกฝั่ง……เพราะถ้าเขายังอยู่ในราชการ แน่นอนว่า……เขาคงจบชีวิตราชการที่ศาลทหารอย่างเดียวกับ Vladimir Kryuchkov

    เขาควรจะดีใจ……แต่ตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่สุด ที่เห็นองค์กร KGB ที่เหมือนจิตวิญญาณศักดิศรีของลูกผู้ชายนั้นได้ล่มสลายไปต่อหน้าต่อตา……

    ตามคาดคือ Yeltzin ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีของรัสเซีย (ใหม่) เขาได้ทำการยุบกลุ่มพรรคที่นิยมคอมมิวนิสต์
    อนาโตลี ก็ก้าวขึ้นมาเป็นบุคคลสำคัญแห่งเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก และก็ได้ทำการอย่างเดียวกับเยลซิน คือ ไล่บี้กลุ่มคอมมิวนิสต์ เขาได้แต่งตั้งให้ปูตินเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจและการต่างประเทศ โดยมีที่ทำการใหม่ที่หรูหราสมฐานะ
    ภาพของเลนินได้ถูกปลดออกจากทุกห้อง โดยนำภาพของพระเจ้าปีเตอร์มหาราชขึ้นไปแขวนแทน
    ธงแดงที่มีตราฆ้อนเคียว ถูกปลดลงหมด แต่ยังหาธงอื่นแทนไม่ได้ (ผลิตใหม่ยังไม่ทัน เสร็จพร้อมเมื่อ 1 พฤศจิกายน) ปูตินได้สั่งให้ถอนเสาธงออกไปเลย……

    ตอนนั้นเป็นยุคที่ต้องมีสื่อทีวีเพื่อการโปรประกันดา อนาโตลี
    ให้สัมภาษณ์จนแทบไม่มีเวลาหายใจ เขาจึงมอบหมาย
    ให้ปูตินรับช่วงต่อไปแทน ที่เป็นการสัมภาษณ์แบบสด ไม่มีสคริปต์ ที่เขาทำให้ทุกคนทึ่งในความสามารถ เพราะปูตินสามารถตอบทุกอย่างได้แบบมือโปร ด้วยท่าทางที่มั่นใจ และเต็มไปด้วยพลังของการทำงาน
    แต่ในสุดท้ายของการสัมภาษณ์ สื่อได้ถามวนเวียนถึงเรื่องการเป็นสายลับของเขา……
    ปูตินเริ่มรำคาญ ……”ดูคุณจะหาคำอธิบายให้ได้ใช่ไหม?”
    สื่อ “ ก็แน่ละซิ เพราะการที่ได้พบกับอดีต KGB ที่ไม่ได้ปกปิดตัวตนนั้น มันง่ายซะที่ไหน..”
    ปูติน……”คุณไม่มีทางรู้เลยว่า คุณอาจได้พบพวกเขาบ่อยๆแล้วโดยที่คุณไม่รู้ตัว………แต่เขาจะรู้เสมอว่าคุณเป็นใคร…แล้วคุณลองดูในอเมริกา นายจอร์จ บุช ก็คืออดีตซีไอเอ…แล้วไง?”
    สื่อ……”#%&฿$€€”

    หลังจากหมัดเด็ดในการสัมภาษณ์นั้นได้ออกทีวีไป
    อาคันตุกะคนแรกที่เข้ามาพบกับปูตินถึงที่ทำงาน ใน Smolny Institute
    คือ Igor Sechin ***เป็นเพื่อนรุ่นน้องในมหาวิทยาลัย และเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในภาษาโปรตุเกส, ฝรั่งเศส และ อังกฤษ เคยเป็นล่ามให้กับกองทัพ
    และ…..เป็นอดีต KGB เช่นกัน……
    แทบไม่ต้องเดา……อิกอร์ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในทีมทำงานเป็นหูเป็นตาให้กับปูติน
    จากนั้น……พรรคพวกเดิมๆที่มีความสามารถอย่างอิกอร์ก็ตบเข้าเข้ามาเสริมกำลัง จนในที่สุด ทั้งออฟฟิศของอนาโตลี
    มีแต่เจ้าหน้าที่ที่เป็นอดีต KGB เป็นส่วนใหญ่

    ปูตินพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส โดยใช้ความสามารถที่มีทั้งหมดตั้งแต่เป็นสายลับ นักกฎหมาย ภาษาเยอรมัน การเมืองและเศรษฐศาสตร์ในการทำงาน เขาเชื่อเสมอว่า รัสเซียสามารถเป็นประเทศที่มีหลักการในการปกครองระบบสังคมนิยมผสมประชาธิปไตยได้ หากประชาชนอยู่ดีกินดี
    เพื่อนที่ใกล้ชิด ที่รู้นิสัยกันดี เขาเอามาทำงานด้วยหมด และทุกคนต่างได้รับผลตอบแทนเข้าขั้นอภิมหาเศรษฐีด้วยกันแทบทั้งนั้น
    แต่.……นั่นหมายความว่า รัฐบาลต้องมีหุ้นอยู่ด้วย.……พร้อมเข้าตรวจสอบได้
    การพัฒนาในเรื่องอุตสาหกรรมพลังงานจะต้องมาเป็นอันดับแรกที่ต้องพัฒนาให้ล้ำที่สุด
    ซึ่งเป็นความคิดที่สอดคล้องกับอนาโตลี ที่ตอนนั้นมีบารมีพอๆกันกับเยลซิน……
    ปูตินกลายเป็นกลไกสำคัญของเหล่าอาคันตุกะที่มาเยี่ยมเยือน และสร้างสัมพันธไมตรีต่างประเทศ ตั้งแต่ รมต. ต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา James Baker,ไปอังกฤษเพื่อพบปะกับ John Major นายกรัฐมนตรี, ไปเยอรมันเพื่อพบกับนายกรัฐมนตรี Helmut Kohl (และทำหน้าที่เป็นล่ำเป็นสัน)
    หรือเมื่อ Henry Kissinger ได้บินมาที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก
    ปูตินไปรับที่สนามบิน และนำไปสู่ที่พัก ในการสนทนากัน
    คิสซิงเจอร์ได้บอกกับปูตินว่า
    “คนที่ทำงานเก่งๆเนี่ย เริ่มต้นมาจากหน่วยราชการลับกันทั้งนั้น”

    ปูตินยิ้มนิดๆ ตอบไปว่า “อย่างผมนี่ไง……..!!”

    **ที่ Florida, USA. มีเมืองที่ชื่อว่า Saint Petersburg เช่นกัน

    ***จำชื่อนี้ไว้นะคะ Igor Sechin เพราะต่อมาเขาคือกลไกสำคัญในการเป็นแขนขาในการทำงาน เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี เมื่อปูตินเป็นนายกฯ
    อิกอร์ดูแลควบคุมการอุตสาหกรรมแร่ รวมไปถึงพลังงานและเป็น CEO บริษัท Rosneft ก๊าสและน้ำมัน ที่ใหญ่อันดับสามของรัสเซีย
    ตัวเขาเองที่เปรียบเสมือนมือขวาของปูตินจนถึงบัดนี้
    และตะวันตก……ได้ให้สถานะเขาว่า เป็นผู้มีอำนาจที่สองรองลงไปจากปูติน

    หรือแม้แต่ Alexey Miller CEO ของ Gazprom บริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซียก็เป็นเด็กในคาถาของปูติน
    เพราะปั้นมากับมือตั้งแต่เขาเริ่มเลือกเส้นทางสายการเมือง

    Wiwanda W. Vichit
    พากันจูงมือเข้าอ่านริ้วววว………พี่ปูเขากำลังจะรุ่งในสายการเมืองแล้ววว………!!!! ตอนห้า…..เมื่อราศีจับ……อะไรๆก็ฉุดไม่อยู่……!!! เท่ากับว่า ตอนนี้ปูตินมีสองร่างในบุคคลคนเดียวกัน เขาได้มาเป็นที่ปรึกษาให้กับอนาโตลี แต่ยังคงนั่งทำงานประจำที่มหาวิทยาลัย ส่วนที่สำนักงาน KGB. เขาจะแวะเข้าไปเป็นครั้งเป็นคราว จนวันหนึ่งในช่วงปลายปี 1990 ที่มีคณาจารย์จาก Saint Petersburg University จาก Florida, USA ได้เข้ามาเยี่ยมเยียนมหาวิทยาลัย ในเลนินกราด ในโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และแบบแผนการศึกษา ตัวผู้ก่อตั้งซึ่งเป็นอธิการบดี Dr. Carl M. Kuttler jr. ได้เดินทางมาด้วย ผู้ที่ทำหน้าที่ต้อนรับ คือ วลาดิเมียร์ ปูติน ที่เป็นผู้ประสานงานทุกอย่าง ตั้งแต่ชมมหาวิทยาลัย ไปเที่ยวนอกเมือง ซึ่งตอนนั้นเป็นภาวะที่น้ำมันขาดแคลนในโซเวียต รถลีมูซีนของท่านอธิการบดี เกิดน้ำมันหมด……ปูตินสามารถสั่งการให้เจ้าหน้าที่รัฐนำน้ำมันมาเติมให้ถึงที่ได้ด้วย คาร์ลจึงแปลกใจมาก……เขาแทบไม่เชื่อว่าคณบดีธรรมดาๆ คนนี้ สามารถตอบคำถามได้หมด ตั้งแต่เรื่องการเมือง เศรษฐกิจ และการต่างประเทศ ซ้ำยังเรียกหน่วยงานมาจัดการเรื่องเส้นทางและน้ำมันให้ได้อีก ทุกอย่างได้เป็นไปอย่างเรียบร้อย ตลอดทั้งสิบวัน…… ในคืนเกือบสุดท้ายที่คณะจากอเมริกาจะจากไป มีการจัดเลี้ยงอำลา ปูตินจึงนำอนาโตลีไปแนะนำให้รู้จักในฐานะเจ้านาย และ ในฐานะของนายกเทศมนตรีของเมือง ระหว่างการสนทนา คาร์ลได้เชื้อเชิญให้อนาโตลีไปเยี่ยมเยียนที่อเมริกาบ้าง แต่อนาโตลี คือชาวรัสเชี่ยนแท้ๆ ที่ปากกับใจตรงกัน ได้ตอบกลับไปว่า “พวกเราไม่มีทุนรอนขนาดนั้น มันไกลเกินฝัน…” คาร์ลก็เป็นอเมริกันสายป๋า……เขาตอบทันทีว่า “งั้นผมจะลองไปจัดการหาสปอนเซอร์ให้เอง……โปรดอย่าเป็นกังวล” ในที่สุด อนาโตลีและคณะก็ได้ไปเยือนอเมริกาสมใจ ด้วยทุนของ Procter & Gamble และได้เข้าพบกับประธานาธิบดี George H.W. Bush เขาได้ดูงานเทศบาลของเมือง Saint Petersburg, Florida **ที่มีนโยบายเข้มโดยไม่มีการอนุญาตให้ตัดต้นไม้ใดๆได้ จนกว่าจะได้รับการอนุมัติจากทางการ เมื่ออนาโตลีกลับมาถึงโซเวียต สิ่งแรกที่เขาทำคือ ทำการบรรจุปูตินในทีมงานอย่างเป็นทางการ จากความดีความชอบที่สามารถเชื่อมโยงจนได้ไปอเมริกา การทำงานกับอนาโตลี……ปูตินเริ่มมองเห็นอะไรอีกด้านหนึ่งที่เขาไม่ได้มองมาก่อน เช่น เรื่องความเสมอภาค ที่อนาโตลีมักพูดเสมอว่า “เราคุ้นเคยกับความรุนแรงมาตั้งแต่เกิด จนเห็นเป็นเรื่องปรกติ เราต้องอยู่อย่างหวาดกลัว ระแวง กับการที่จะมีคนมาคอยจ้องจับ นั่นมันไม่ใช่วิสัยการเป็นอยู่ของมนุษยชน” หรือ “ เราไม่จำเป็นต้องไปฆ่าฟันผู้คนกลุ่มหนึ่งให้ตาย เพื่อสนองตัญหาของคนอีกกลุ่มหนึ่ง……” เขาทั้งสองคนมีความแตกต่างกันอย่างสุดโต่ง อายุต่างกัน (12 ปี) นิสัยต่างกัน คนหนึ่งรื่นเริง หัวเราะง่าย อารมณ์ดี อีกคนหนึ่ง หน้าเครียด ยิ้มยาก ระวังตัวตลอดเวลา แต่อนาโตลี……พยายามผลักดันปูตินให้เข้ามาในวงจรของความคิดใหม่ ปูตินแยกแยะเรื่องงานได้ดี เขาไม่เคยเออออห่อหมกกับทัศนคติของอนาโตลีที่มีต่อโซเวียต เพราะเขายังเป็น KGB ที่ยังต้องซื่อสัตย์กับงาน และเขาได้เห็นว่า งานเทศมนตรีที่อนาโตลีทำอยู่นั้น เป็นการเล่นการเมืองเสียส่วนใหญ่ งานด้านทำนุบำรุงประชาชนในส่วนสาธารณูปโภคมีน้อยมาก…… ในปีนั้น ปี 1991 เศรษฐกิจของโซเวียตฝืดเคือง ข้าวของทุกอย่างหายไปตลาด ชั้นขายของว่างเปล่า อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน การประท้วงได้เกิดขึ้นตามชายขอบของประเทศ กอร์บาเชฟสั่งให้หน่วยทหารและ KGB เตรียมกำลังให้พร้อม เพื่อที่จะไปปราบม็อบ ผลจากการปะทะ ผู้ต่อต้านเสียชีวิตไป 14 คน ลิธัวเนีย…ประกาศท้าทายโซเวียตด้วยการจัดการลงคะแนนเสียงเพื่อขอเป็นอิสระ กอร์บาเชฟไม่ยอมรับมติของการลงคะแนน โดยอ้างว่าผิดกฎหมาย แต่กระแสเรียกร้อง เรียกหาความเป็นธรรมเริ่มหนาหูขึ้น เดือนเมยายน โซเวียต ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภา ที่มีทั้งฝ่ายคอมมิวนิสต์ และฝ่ายสังคมนิยม ที่จะต้องชิงที่นั่งกัน ผลที่ได้คือ Boris Yelzin ได้ตำแหน่งประธานสภา อันเป็นที่ไม่พอใจกอร์บาเชฟเป็นอย่างยิ่ง เพราะคนละวิสัยทัศน์ และ เขาไม่เข้าใจเลยว่า คนที่ดื่มสุราจัด พูดไม่เป็นภาษามนุษย์ จะมาทำงานใหญ่ได้อย่างไร… แต่กระแสนิยมในตัวเยลซินกลับเพิ่มขึ้นทุกวัน จนบดบังรัศมี ของกอร์บาเชฟจนหมดสิ้น คอมมิวนิสต์อยู่ในกระแสขาลง ……ประชาชนฝ่ายใฝ่สังคมนิยมผสมประชาธิปไตยในสายงานของอนาโตลีทำการเรียกร้องให้เปลี่ยนชื่อเมือง จากเลนินกราด……ให้กลับไปเป็นเหมือนก่อนเก่า คือ St. Petersburg ซึ่งได้รับเสียงตอบรับในสภาเกินครึ่ง ปูติน……วางตัวเงียบสงบ ตั้งแต่เขาได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในฐานะนักการเมือง เขาได้ลาออกจากการเป็นคณบดีที่มหาวิทยาลัย คอยเฝ้าดูสถานะการณ์ของพรรคการเมืองต่างๆที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด เขาเป็นที่ไว้วางใจของอนาโตลี ถึงขนาดที่เซ็นลงในกระดาษเปล่าให้ปูตินเอาไว้เขียนสั่งงานแทน วันที่ 17 สิงหาคม 1991 ปูตินได้พาครอบครัวไปเที่ยววันหยุด ที่ฝั่งทะเลบอลติค อนาโตลีไปพักผ่อนที่กึ่งประชุมงานที่ลิธัวเนีย ไม่มีใครรู้ว่า วันต่อมา คือวันที่ 18 เป็นวันที่ Gorbachev, Yeltzin และผู้นำจาก Kazakhstan มีการประชุมลับกันในการที่จะปรับเปลี่ยนทอนอำนาจในเครมลิน แต่ความลับรั่ว……เพราะการประชุมไม่ได้เกิดขึ้น กอร์บาเชฟได้ถูกควบคุมตัวไปขังในบ้านพักตากอากาศของเขาเอง (house arrest) แบบปฏิวัติเงียบจากกลุ่มต่อต้านภายใน หนึ่งในทีมหัวหน้าปฏิบัติการ คือ Vladimir Kryuchkov ผู้อำนวยการใหญ่ KGB และจากนั้น……ทั้งประเทศตกอยู่ในการคุมเข้มของกฏอัยการศึก ปูตินทราบข่าวจากการประกาศฉุกเฉินทางโทรทัศน์ อนาโตลี ทราบข่าวจากโทรศัพท์ที่ปลุกกลางดึก ทำให้เขาต้องรีบบินกลับพร้อมกับผู้ติดตามหนึ่งคน ซึ่งทางคณะประกอบการได้ส่งการ์ดพร้อมอาวุธไปเตรียมควบคุมตัวเขาถึงสามคน แต่เมื่อถึงสนามบิน การ์ดสามคนนั่น ไม่ได้ทำตามคำสั่ง แถมยังช่วยดูแลความปลอดภัยให้กับอนาโตลีจนบินกลับถึงมอสโคว์ได้อย่างปลอดภัย ปูตินรีบกลับมา เพื่ออยู่ในทีมงานของอนาโตลี เพราะเขารู้สึกเอียนกับการยึดอำนาจแบบนี้ เพราะตลอดชีวิตของเขาก็เจอแต่เหตุการณ์แบบนี้ แล้วผลมันเป็นอย่างไรก็เห็นๆกันอยู่ว่าประเทศได้ย่ำเท้าถอยหลัง ทรุดโทรมลงไปทุกวัน เขาตัดสินใจเขียนใบลาออกจาก KGB หลังจากที่ 16 ปีที่ใช้ชีวิตในเส้นทางนั้น พอกันที… เป็นไปตามคาด……การปฏิวัติโดยฝ่ายทหารและ KGB ในครั้งนี้ ไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาด เพราะประชาชนไม่ยอมรับ เพียงแค่สองวัน กอร์บาเขฟก็ได้รับอิสรภาพออกมาจากบ้านพัก Boris Yeltzin ได้รับความนิยม อนาโตลีก็เช่นกัน เขากลายเป็นตัวแทนของความเป็นประชาธิปไตยในเลนินกราด ปูตินก็ถือเป็นโชคที่เข้าข้าง เพราะเขาตัดสินในเลือกถูกฝั่ง……เพราะถ้าเขายังอยู่ในราชการ แน่นอนว่า……เขาคงจบชีวิตราชการที่ศาลทหารอย่างเดียวกับ Vladimir Kryuchkov เขาควรจะดีใจ……แต่ตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่สุด ที่เห็นองค์กร KGB ที่เหมือนจิตวิญญาณศักดิศรีของลูกผู้ชายนั้นได้ล่มสลายไปต่อหน้าต่อตา…… ตามคาดคือ Yeltzin ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีของรัสเซีย (ใหม่) เขาได้ทำการยุบกลุ่มพรรคที่นิยมคอมมิวนิสต์ อนาโตลี ก็ก้าวขึ้นมาเป็นบุคคลสำคัญแห่งเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก และก็ได้ทำการอย่างเดียวกับเยลซิน คือ ไล่บี้กลุ่มคอมมิวนิสต์ เขาได้แต่งตั้งให้ปูตินเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจและการต่างประเทศ โดยมีที่ทำการใหม่ที่หรูหราสมฐานะ ภาพของเลนินได้ถูกปลดออกจากทุกห้อง โดยนำภาพของพระเจ้าปีเตอร์มหาราชขึ้นไปแขวนแทน ธงแดงที่มีตราฆ้อนเคียว ถูกปลดลงหมด แต่ยังหาธงอื่นแทนไม่ได้ (ผลิตใหม่ยังไม่ทัน เสร็จพร้อมเมื่อ 1 พฤศจิกายน) ปูตินได้สั่งให้ถอนเสาธงออกไปเลย…… ตอนนั้นเป็นยุคที่ต้องมีสื่อทีวีเพื่อการโปรประกันดา อนาโตลี ให้สัมภาษณ์จนแทบไม่มีเวลาหายใจ เขาจึงมอบหมาย ให้ปูตินรับช่วงต่อไปแทน ที่เป็นการสัมภาษณ์แบบสด ไม่มีสคริปต์ ที่เขาทำให้ทุกคนทึ่งในความสามารถ เพราะปูตินสามารถตอบทุกอย่างได้แบบมือโปร ด้วยท่าทางที่มั่นใจ และเต็มไปด้วยพลังของการทำงาน แต่ในสุดท้ายของการสัมภาษณ์ สื่อได้ถามวนเวียนถึงเรื่องการเป็นสายลับของเขา…… ปูตินเริ่มรำคาญ ……”ดูคุณจะหาคำอธิบายให้ได้ใช่ไหม?” สื่อ “ ก็แน่ละซิ เพราะการที่ได้พบกับอดีต KGB ที่ไม่ได้ปกปิดตัวตนนั้น มันง่ายซะที่ไหน..” ปูติน……”คุณไม่มีทางรู้เลยว่า คุณอาจได้พบพวกเขาบ่อยๆแล้วโดยที่คุณไม่รู้ตัว………แต่เขาจะรู้เสมอว่าคุณเป็นใคร…แล้วคุณลองดูในอเมริกา นายจอร์จ บุช ก็คืออดีตซีไอเอ…แล้วไง?” สื่อ……”#%&฿$€€” หลังจากหมัดเด็ดในการสัมภาษณ์นั้นได้ออกทีวีไป อาคันตุกะคนแรกที่เข้ามาพบกับปูตินถึงที่ทำงาน ใน Smolny Institute คือ Igor Sechin ***เป็นเพื่อนรุ่นน้องในมหาวิทยาลัย และเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในภาษาโปรตุเกส, ฝรั่งเศส และ อังกฤษ เคยเป็นล่ามให้กับกองทัพ และ…..เป็นอดีต KGB เช่นกัน…… แทบไม่ต้องเดา……อิกอร์ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในทีมทำงานเป็นหูเป็นตาให้กับปูติน จากนั้น……พรรคพวกเดิมๆที่มีความสามารถอย่างอิกอร์ก็ตบเข้าเข้ามาเสริมกำลัง จนในที่สุด ทั้งออฟฟิศของอนาโตลี มีแต่เจ้าหน้าที่ที่เป็นอดีต KGB เป็นส่วนใหญ่ ปูตินพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส โดยใช้ความสามารถที่มีทั้งหมดตั้งแต่เป็นสายลับ นักกฎหมาย ภาษาเยอรมัน การเมืองและเศรษฐศาสตร์ในการทำงาน เขาเชื่อเสมอว่า รัสเซียสามารถเป็นประเทศที่มีหลักการในการปกครองระบบสังคมนิยมผสมประชาธิปไตยได้ หากประชาชนอยู่ดีกินดี เพื่อนที่ใกล้ชิด ที่รู้นิสัยกันดี เขาเอามาทำงานด้วยหมด และทุกคนต่างได้รับผลตอบแทนเข้าขั้นอภิมหาเศรษฐีด้วยกันแทบทั้งนั้น แต่.……นั่นหมายความว่า รัฐบาลต้องมีหุ้นอยู่ด้วย.……พร้อมเข้าตรวจสอบได้ การพัฒนาในเรื่องอุตสาหกรรมพลังงานจะต้องมาเป็นอันดับแรกที่ต้องพัฒนาให้ล้ำที่สุด ซึ่งเป็นความคิดที่สอดคล้องกับอนาโตลี ที่ตอนนั้นมีบารมีพอๆกันกับเยลซิน…… ปูตินกลายเป็นกลไกสำคัญของเหล่าอาคันตุกะที่มาเยี่ยมเยือน และสร้างสัมพันธไมตรีต่างประเทศ ตั้งแต่ รมต. ต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา James Baker,ไปอังกฤษเพื่อพบปะกับ John Major นายกรัฐมนตรี, ไปเยอรมันเพื่อพบกับนายกรัฐมนตรี Helmut Kohl (และทำหน้าที่เป็นล่ำเป็นสัน) หรือเมื่อ Henry Kissinger ได้บินมาที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ปูตินไปรับที่สนามบิน และนำไปสู่ที่พัก ในการสนทนากัน คิสซิงเจอร์ได้บอกกับปูตินว่า “คนที่ทำงานเก่งๆเนี่ย เริ่มต้นมาจากหน่วยราชการลับกันทั้งนั้น” ปูตินยิ้มนิดๆ ตอบไปว่า “อย่างผมนี่ไง……..!!” **ที่ Florida, USA. มีเมืองที่ชื่อว่า Saint Petersburg เช่นกัน ***จำชื่อนี้ไว้นะคะ Igor Sechin เพราะต่อมาเขาคือกลไกสำคัญในการเป็นแขนขาในการทำงาน เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี เมื่อปูตินเป็นนายกฯ อิกอร์ดูแลควบคุมการอุตสาหกรรมแร่ รวมไปถึงพลังงานและเป็น CEO บริษัท Rosneft ก๊าสและน้ำมัน ที่ใหญ่อันดับสามของรัสเซีย ตัวเขาเองที่เปรียบเสมือนมือขวาของปูตินจนถึงบัดนี้ และตะวันตก……ได้ให้สถานะเขาว่า เป็นผู้มีอำนาจที่สองรองลงไปจากปูติน หรือแม้แต่ Alexey Miller CEO ของ Gazprom บริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซียก็เป็นเด็กในคาถาของปูติน เพราะปั้นมากับมือตั้งแต่เขาเริ่มเลือกเส้นทางสายการเมือง Wiwanda W. Vichit
    0 Comments 0 Shares 291 Views 0 Reviews
  • #ยอมรับแล้วหนึ่งพร้อมเปิดใจเฉลย
    #MPVตัวจริงมาเอง
    #ชอบความเป็นแฟนเพจของคิงส์โพธิ์แดง
    เทพเล่าหมด
    พบคำถามว่า เขาทำยังไง พูดยังไงให้คนเปย์จนหมดตัว
    มาอ่านคำตอบไปด้วยกันครับ
    "คุณเคยหลง..ไหมครับ? หลง หลง หลงๆๆๆอ่ะ ผมเป็น 1 ในจำนวนล้านที่หลงไปกับพล็อท..เรื่องที่นางปล่อยมาเป็นระยะ.
    เช่น 1.Liveทั้งวันเพื่อหาเงินเรียน ป.โท-บ้านไม่มีตังค์-แม่ป่วย-พ่อจะผ่าตัดฟันไม่มีตังค์
    2.นางนั่งกินอาหารคนจนเช่น ซีเรี่ยลผสมนม-กินบะหมี่-กินอะไรๆที่ไม่แพงอ่ะ getไหม?ที่จะให้ใจและหลงเดินตาม>>
    3.สายตาที่คุยกับพ่อพระเอกของเราทุกLIVE..
    3.1 เอาปากกาเขียนรูปหัวใจที่นิ้วให้พ่อพระเอกดู>>>บอกรักพระเอกในบางซีน>>>ฯลฯหลังจากนี้ ท่านผู้ชมว่า มันจะหลงมากยิ่งขึ้นไหม? จนบัดNOW I FOUND LIGHT>>>ENDครับ"
    ก็ตามนั้น ขอบคุณสำหรับการเปิดใจ
    ว่าแต่ใคร เคยเป็นเทพ DC มาก่อน ยอมรับมาซะดีๆ
    ฮ่าๆๆๆ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    #ยอมรับแล้วหนึ่งพร้อมเปิดใจเฉลย #MPVตัวจริงมาเอง #ชอบความเป็นแฟนเพจของคิงส์โพธิ์แดง เทพเล่าหมด พบคำถามว่า เขาทำยังไง พูดยังไงให้คนเปย์จนหมดตัว มาอ่านคำตอบไปด้วยกันครับ "คุณเคยหลง..ไหมครับ? หลง หลง หลงๆๆๆอ่ะ ผมเป็น 1 ในจำนวนล้านที่หลงไปกับพล็อท..เรื่องที่นางปล่อยมาเป็นระยะ. เช่น 1.Liveทั้งวันเพื่อหาเงินเรียน ป.โท-บ้านไม่มีตังค์-แม่ป่วย-พ่อจะผ่าตัดฟันไม่มีตังค์ 2.นางนั่งกินอาหารคนจนเช่น ซีเรี่ยลผสมนม-กินบะหมี่-กินอะไรๆที่ไม่แพงอ่ะ getไหม?ที่จะให้ใจและหลงเดินตาม>> 3.สายตาที่คุยกับพ่อพระเอกของเราทุกLIVE.. 3.1 เอาปากกาเขียนรูปหัวใจที่นิ้วให้พ่อพระเอกดู>>>บอกรักพระเอกในบางซีน>>>ฯลฯหลังจากนี้ ท่านผู้ชมว่า มันจะหลงมากยิ่งขึ้นไหม? จนบัดNOW I FOUND LIGHT>>>ENDครับ" ก็ตามนั้น ขอบคุณสำหรับการเปิดใจ ว่าแต่ใคร เคยเป็นเทพ DC มาก่อน ยอมรับมาซะดีๆ ฮ่าๆๆๆ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2 #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 439 Views 0 Reviews
  • #พร้อมไปกันต่อหรือยังแฟนเพจคิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #สตอรี่ที่เอเจนซี่สร้างขึ้นเพื่ออิเหวิงดูน่าฉงฉานฉัดๆ
    มาตาสว่างและสว่างคาตาไปด้วยกัน ลุ๊ย!!
    นี่คือปฐมบทที่ทำให้คนไทยรู้จักอิเหวิงในแบบที่ยังมีทุยกลุ่มหนึ่งยังคงเวิ่นเว๊อ
    โดยมีล่ามแพร เป็นผู้แปลความหมายเป็นการไลฟ์สดในช่อง ตต.
    โดยล่างแพรได้แปลมาแบบนี้ อ่านยาวหน่อยเบื่ออิป้าโจตกขาวหาว่าตัดต่อบ้างแหละไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์บ้างแหละ
    มาเริ่มกัน
    “เขาอยากจะเล่าให้ทุกคนฟังว่าเขาเกิดมาข้างๆทางหมายถึงว่าเป็นคนที่เกิดข้างถนน
    จังหวัดนัมวอนอยู่ที่ภาคชอลลันัมโดเป็นภาคใต้ของประเทศเกาหลีนะคะ
    เขาบอกว่าเขาไม่ได้เกิดที่โรงพยาบาลเพราะว่าวันนึงอ่ะตอนนั้น
    แม่เขาท้องแก่มากๆแล้วแม่พ่อกับแม่เขาก็ออกไปเดินเล่นกันข้างถนน
    เพราะว่าคุณแม่เขาเจ็บท้องมากๆนะคะ แล้วพอเดินเล่นอยู่ดีๆ
    แล้วคุณแม่เขาก็เลยเหมือนกับว่าคลอดคุณกามินออกมาแบบข้างถนนเลย
    จนกระทั่งอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมากๆคุณแม่ของคุณกามิน
    ก็อันตรายคุณกามินเด็กที่ออกมาจากท้องก็อันตรายแล้ว
    ตอนที่คุณกามินคลอดออกมาข้างถนนคุณพ่อก็เหมือน
    เอามือมารองรับเด็กทารกไว้อยู่ในมือโดยที่ยังไม่สามารถตัดรกได้
    เพราะว่ามันเป็นจังหวัดที่แบบว่าเขาใช้คําว่าค่อนข้างที่จะอยู่บ้านนอกรับเบบี๋เด็กทารกอยู่ในมือ
    โดยที่ยังไม่สามารถตัดรกได้เพราะว่ามันเป็นจังหวัดที่แบบว่า
    ค่อนข้างเขาใช้คําว่าค่อนข้างที่จะแบบอยู่บ้านนอกนิดนึงอะไรอย่างนี้ค่ะ
    แท็กซี่จับไม่ได้เลยคุณกามินเด็กทารกที่เกิดออกมา
    ก็คืออยู่ในมือคุณพ่อเกือบ1 ชั่วโมงกว่าจะเรียกแท็กซี่ไโรงพยาบาลได้นะคะ
    นะคะบอกในสถานการณ์ที่อันตรายมากแต่สุดท้ายความล็อคที่ความโชคดีก็
    ทําให้เขาเกิดออกมาเป็นคนที่ปลอดภัยมาได้นะคะอ่ะ”
    #ไอ่ฉัดนี่มันพอตซีรี่เกาหลีดั้งเดิมชัดๆ มา! ไปกันต่อ
    “เค้าก็เลยบอกว่าเค้ามีความฝันที่อยากจะมีชีวิตที่กรุงโซล
    เป็นสาวบ้านนอกแต่มาใช้ชีวิตที่กรุงโซลเหมือนคนอื่นๆ
    จนกระทั่งเค้ามาเจอคุณชาลี คุณชาลีเคยบอกเค้าว่าเพลงที่คุณชาลีชอบมากที่สุดก็คือเพลงลักกี้
    อ่อหัวข้อเพลงชื่อว่าลักกี้อ่ะค่ะ แพรไม่แน่ใจว่าเพลงอะไร เค้าก็เลยรู้สึกว่ามันมีอะไรที่เหมือนกับมันสื่อกัน มันเชื่อมกัน เพราะว่าเค้าชอบคำว่าลักกี้ ชอบคำว่าโชคดี ชอบคำศัพท์นี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
    เค้าบอกว่าบ้านเค้าเลี้ยงหมา2ตัวตัวแรกชื่อว่า เฮ็งบ๊กแปลว่าความสุข ตัวที่สองชื่อว่า เฮ็งงุน แปลว่าความโชคดี
    นางบอกว่านางอยากเรียนภาษาไทยด้วยตัวเอง ไม่อยากให้ใครมาสอน ถึงแม้จะใช้เวลานาน แต่ก็อยากจะใช้เวลาในการฝึกฝน”
    กามิน ได้ไลฟ์สด และกล่าวความในใจทั้งน้ำตา หลังจากได้ขึ้นเป็นอันดับ 1 ของติ๊กต๊อกเกอร์ชาวเกาหลีว่า "ชาลีเหมือนของขวัญจากคุณย่า พ่อแม่ของกามินป่วย แต่ตอนนี้สบายดีแล้ว ขอบคุณมากๆที่ทำให้เป็นลูกกตัญญู ในช่วงเวลาที่พ่อแม่ยังมีชิวิตอยู่" ชาลีทำให้กามินได้รับความรักมากมาย และหาเงินได้จากการไลฟ์สดในติ๊กต๊อก จนสามารถไปรักษาพ่อแม่ที่ป่วยได้
    นี่คือสตอรี่ที่ต้มคนไทยได้ทั้งประเทศ
    แต่หลังจากชาลีเชิญกลับกิมจิ๊
    อิเหวิงกลับพูดมีใจความสำคัญดังนี้
    - ดังด้วยตัวเอง
    - ทุกคนอย่าอิจฉา อยากเป็นเหมือนฉันก็ไปทำช่องเอง
    -แบบฉันที่ดังเองโดยไม่ต้องมีใครมาซัพพอต
    ซึ่งในไลฟ์นี้ไม่มีชื่อชาลีปรากฏเลย ล่างเตียแปลไปคนละโยช
    สังเกตได้ ไม่มีเกาหลีที่ฟังเกาหลีออก ออกมาป้องซักคน
    มีแต่พวกทุยไทยที่ไม่รู้ภาษเกาหลี เชื่อเตียและปลื้มปลิ่ม
    ล่ามเตียนี่นะ แน็กเป็นคนหามาด้วยแท้ๆ แต่สุดท้ายไปเข้าฝั่งอิป้าโจตกขาวซะงั้น
    คำแปลก็จะแปลกประหลาด จนคนเกาหลีที่มีภรรยาคนไทย
    ต้องออกมาบอกว่า “เช็ด ไม่ใช่นะไอ่ที่ล่ามคนนั้นแปล”
    และในไลฟ์ครั้งนี้ อิเหวิงยังบอกอีกว่า
    “อันนี้คนเกาหลีแท้แปลนะ”
    “ฉันไปประเทศไทยเพราะฉันรักชาลี เพราะฉันอยู่เกาหลี ฉันมีงาน มีรายได้ที่ดีอยู่แล้ว” ซึ่งมีคนเคยถามว่าเท่าไหร่ อิเหวิงบอกประมาณ แปดหมื่น
    คำถามคือ งานอะไร ก็มีแต่ไลฟ์ตต.ทั้งวันทั้งคืน และรอคนส่งติ๊กเกอร์ให้
    ก็เลยมาโป๊ะ ที่ชาลีก็รู้ว่า อินี่บอกว่า ตัวเองมีเอเจนซี่ดูแลก่อนมาไทย
    และเอเจนซี่ก็เป็นคนแต่งบทละครสร้างสตอรี่
    เพื่อเรียกความสงสารจากคนไทยให้มากที่สุด
    แล้วก็พาคนไทยด้อมแท้ เข้าไปอยู่ในแพลตฟอร์มหนึ่งของเกาหลีที่ผูกกับตต.
    ต้องเปย์นางทุกเดือน เหมือนค่าสมาชิก เพียงเพื่อ รออิเหวิงไปไลฟ์ส่วนตัวให้พวกมันคุย
    ทุยมั๊ยหละ
    ดังนั้น งานอิเหวิง เริ่มต้นก่อนมาไทย ก่อนเจอแน๊ก
    คือต้มเกาหลี แสดงให้เกาหลีดู และได้สติ๊กเกอร์ของขวัญเป็นการตอบแทน แบ่งรายได้กับเอเจนซี่
    แต่พอแน๊กคนไทยที่ขี้สงสารที่มีฐานแฟนคลับเป็นล้านมา ก็เลยต้องมีบทเพิ่ม
    ไม่งั้น อิเหวิงมันไม่หลุดออกมาแบบนี้หรอก ว่ามันไม่ได้เดือดร้อนเลย มาไทยเพราะชาลีขอมันมันมา
    แถมบอกว่า ยอมเสี่ยงมาไทย ประมาณว่าประเทศนี้ไม่ได้ป-ล-อ-ด-ภั-ย-เลย
    ดังนั้น เอเจนซี่มีจริง อิเหวิงทำงานด้วยการแสดงไลฟ์สดในตต.จริง
    มีการแบ่งรายได้กับเอเจนซี่จริง ซึ่งก็คงจะทำกันไม่น้อยที่เกาหลี
    เพียงแต่ น้องแน๊ก และคนไทย ดันติดกับ หลงไปกับบทซีรี่นี้ที่พวกมันสร้างขึ้น
    เสียดายแค่อย่างเดียว ว่านอกจากอิเหวิงกาฝาก และเอเจนซี่ ที่ได้ประโยชน์
    ก็ยังมีคนไทยกลุ่มหนึ่งระดับหัวๆ ที่ได้ส่วนแบ่งจากห้องพิเศษที่ว่า
    เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว แล้วมาเล่นงานคนไทยด้วยกัน
    ใส่ความสารพัด ว่าจิตไม่ปกติ ทำให้เค้าเสียชื่อ
    และรวมกลุ่มกับคนที่เสียผลประโยชน์จากการที่ชาลีไม่เอาอิเหวิงแล้ว
    สุมหัวกันทุกวัน เพียงเพื่อให้มีด้อมฝั่งตัวเอง
    ยังคงเปย์มีส่วนแบ่งผลประโยชน์ให้ตัวเองแค่นั้นพอ
    ดังนั้นการที่เพจคิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    วางข่าวอื่นเพื่อทำเรื่องนี้ คือการออกมาบอกความจริง
    ให้คนไทยได้รับรู้ ว่ามันมีแบบนี้นะ วงจรนี้
    และปกป้องชาลี ที่ไม่ต้องมองว่าเค้าเป็นดารา
    แค่เป็นคนไทยหนึ่งคนที่ต้องอดทนเสียใจกับวงจรกามิจ
    ยังต้องมาเจอคนไทยด้วยกันซึ่งส่วนใหญ่ก็ได้รับผลประโยชน์
    ทั้งทางตรงทางอ้อมจากชาลีทั้งนั้น
    เพียงแค่ชาลีเลือกปกป้องคนไทย แต่พวกมันเสียประโยชน์
    มันก็หาทางกระหน่ำซ้ำน้องมันขนาดนี้
    พี่คิงส์คงยอมไม่ได้อย่างแน่นอน
    อิป้าโจวตกขาว เมิงให้สมุนส่งข้อความผ่านแชทมาอะ
    อย่าช้า ให้รีบ กรรรูรอ
    อิฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    #พร้อมไปกันต่อหรือยังแฟนเพจคิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #สตอรี่ที่เอเจนซี่สร้างขึ้นเพื่ออิเหวิงดูน่าฉงฉานฉัดๆ มาตาสว่างและสว่างคาตาไปด้วยกัน ลุ๊ย!! นี่คือปฐมบทที่ทำให้คนไทยรู้จักอิเหวิงในแบบที่ยังมีทุยกลุ่มหนึ่งยังคงเวิ่นเว๊อ โดยมีล่ามแพร เป็นผู้แปลความหมายเป็นการไลฟ์สดในช่อง ตต. โดยล่างแพรได้แปลมาแบบนี้ อ่านยาวหน่อยเบื่ออิป้าโจตกขาวหาว่าตัดต่อบ้างแหละไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์บ้างแหละ มาเริ่มกัน “เขาอยากจะเล่าให้ทุกคนฟังว่าเขาเกิดมาข้างๆทางหมายถึงว่าเป็นคนที่เกิดข้างถนน จังหวัดนัมวอนอยู่ที่ภาคชอลลันัมโดเป็นภาคใต้ของประเทศเกาหลีนะคะ เขาบอกว่าเขาไม่ได้เกิดที่โรงพยาบาลเพราะว่าวันนึงอ่ะตอนนั้น แม่เขาท้องแก่มากๆแล้วแม่พ่อกับแม่เขาก็ออกไปเดินเล่นกันข้างถนน เพราะว่าคุณแม่เขาเจ็บท้องมากๆนะคะ แล้วพอเดินเล่นอยู่ดีๆ แล้วคุณแม่เขาก็เลยเหมือนกับว่าคลอดคุณกามินออกมาแบบข้างถนนเลย จนกระทั่งอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมากๆคุณแม่ของคุณกามิน ก็อันตรายคุณกามินเด็กที่ออกมาจากท้องก็อันตรายแล้ว ตอนที่คุณกามินคลอดออกมาข้างถนนคุณพ่อก็เหมือน เอามือมารองรับเด็กทารกไว้อยู่ในมือโดยที่ยังไม่สามารถตัดรกได้ เพราะว่ามันเป็นจังหวัดที่แบบว่าเขาใช้คําว่าค่อนข้างที่จะอยู่บ้านนอกรับเบบี๋เด็กทารกอยู่ในมือ โดยที่ยังไม่สามารถตัดรกได้เพราะว่ามันเป็นจังหวัดที่แบบว่า ค่อนข้างเขาใช้คําว่าค่อนข้างที่จะแบบอยู่บ้านนอกนิดนึงอะไรอย่างนี้ค่ะ แท็กซี่จับไม่ได้เลยคุณกามินเด็กทารกที่เกิดออกมา ก็คืออยู่ในมือคุณพ่อเกือบ1 ชั่วโมงกว่าจะเรียกแท็กซี่ไโรงพยาบาลได้นะคะ นะคะบอกในสถานการณ์ที่อันตรายมากแต่สุดท้ายความล็อคที่ความโชคดีก็ ทําให้เขาเกิดออกมาเป็นคนที่ปลอดภัยมาได้นะคะอ่ะ” #ไอ่ฉัดนี่มันพอตซีรี่เกาหลีดั้งเดิมชัดๆ มา! ไปกันต่อ “เค้าก็เลยบอกว่าเค้ามีความฝันที่อยากจะมีชีวิตที่กรุงโซล เป็นสาวบ้านนอกแต่มาใช้ชีวิตที่กรุงโซลเหมือนคนอื่นๆ จนกระทั่งเค้ามาเจอคุณชาลี คุณชาลีเคยบอกเค้าว่าเพลงที่คุณชาลีชอบมากที่สุดก็คือเพลงลักกี้ อ่อหัวข้อเพลงชื่อว่าลักกี้อ่ะค่ะ แพรไม่แน่ใจว่าเพลงอะไร เค้าก็เลยรู้สึกว่ามันมีอะไรที่เหมือนกับมันสื่อกัน มันเชื่อมกัน เพราะว่าเค้าชอบคำว่าลักกี้ ชอบคำว่าโชคดี ชอบคำศัพท์นี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เค้าบอกว่าบ้านเค้าเลี้ยงหมา2ตัวตัวแรกชื่อว่า เฮ็งบ๊กแปลว่าความสุข ตัวที่สองชื่อว่า เฮ็งงุน แปลว่าความโชคดี นางบอกว่านางอยากเรียนภาษาไทยด้วยตัวเอง ไม่อยากให้ใครมาสอน ถึงแม้จะใช้เวลานาน แต่ก็อยากจะใช้เวลาในการฝึกฝน” กามิน ได้ไลฟ์สด และกล่าวความในใจทั้งน้ำตา หลังจากได้ขึ้นเป็นอันดับ 1 ของติ๊กต๊อกเกอร์ชาวเกาหลีว่า "ชาลีเหมือนของขวัญจากคุณย่า พ่อแม่ของกามินป่วย แต่ตอนนี้สบายดีแล้ว ขอบคุณมากๆที่ทำให้เป็นลูกกตัญญู ในช่วงเวลาที่พ่อแม่ยังมีชิวิตอยู่" ชาลีทำให้กามินได้รับความรักมากมาย และหาเงินได้จากการไลฟ์สดในติ๊กต๊อก จนสามารถไปรักษาพ่อแม่ที่ป่วยได้ นี่คือสตอรี่ที่ต้มคนไทยได้ทั้งประเทศ แต่หลังจากชาลีเชิญกลับกิมจิ๊ อิเหวิงกลับพูดมีใจความสำคัญดังนี้ - ดังด้วยตัวเอง - ทุกคนอย่าอิจฉา อยากเป็นเหมือนฉันก็ไปทำช่องเอง -แบบฉันที่ดังเองโดยไม่ต้องมีใครมาซัพพอต ซึ่งในไลฟ์นี้ไม่มีชื่อชาลีปรากฏเลย ล่างเตียแปลไปคนละโยช สังเกตได้ ไม่มีเกาหลีที่ฟังเกาหลีออก ออกมาป้องซักคน มีแต่พวกทุยไทยที่ไม่รู้ภาษเกาหลี เชื่อเตียและปลื้มปลิ่ม ล่ามเตียนี่นะ แน็กเป็นคนหามาด้วยแท้ๆ แต่สุดท้ายไปเข้าฝั่งอิป้าโจตกขาวซะงั้น คำแปลก็จะแปลกประหลาด จนคนเกาหลีที่มีภรรยาคนไทย ต้องออกมาบอกว่า “เช็ด ไม่ใช่นะไอ่ที่ล่ามคนนั้นแปล” และในไลฟ์ครั้งนี้ อิเหวิงยังบอกอีกว่า “อันนี้คนเกาหลีแท้แปลนะ” “ฉันไปประเทศไทยเพราะฉันรักชาลี เพราะฉันอยู่เกาหลี ฉันมีงาน มีรายได้ที่ดีอยู่แล้ว” ซึ่งมีคนเคยถามว่าเท่าไหร่ อิเหวิงบอกประมาณ แปดหมื่น คำถามคือ งานอะไร ก็มีแต่ไลฟ์ตต.ทั้งวันทั้งคืน และรอคนส่งติ๊กเกอร์ให้ ก็เลยมาโป๊ะ ที่ชาลีก็รู้ว่า อินี่บอกว่า ตัวเองมีเอเจนซี่ดูแลก่อนมาไทย และเอเจนซี่ก็เป็นคนแต่งบทละครสร้างสตอรี่ เพื่อเรียกความสงสารจากคนไทยให้มากที่สุด แล้วก็พาคนไทยด้อมแท้ เข้าไปอยู่ในแพลตฟอร์มหนึ่งของเกาหลีที่ผูกกับตต. ต้องเปย์นางทุกเดือน เหมือนค่าสมาชิก เพียงเพื่อ รออิเหวิงไปไลฟ์ส่วนตัวให้พวกมันคุย ทุยมั๊ยหละ ดังนั้น งานอิเหวิง เริ่มต้นก่อนมาไทย ก่อนเจอแน๊ก คือต้มเกาหลี แสดงให้เกาหลีดู และได้สติ๊กเกอร์ของขวัญเป็นการตอบแทน แบ่งรายได้กับเอเจนซี่ แต่พอแน๊กคนไทยที่ขี้สงสารที่มีฐานแฟนคลับเป็นล้านมา ก็เลยต้องมีบทเพิ่ม ไม่งั้น อิเหวิงมันไม่หลุดออกมาแบบนี้หรอก ว่ามันไม่ได้เดือดร้อนเลย มาไทยเพราะชาลีขอมันมันมา แถมบอกว่า ยอมเสี่ยงมาไทย ประมาณว่าประเทศนี้ไม่ได้ป-ล-อ-ด-ภั-ย-เลย ดังนั้น เอเจนซี่มีจริง อิเหวิงทำงานด้วยการแสดงไลฟ์สดในตต.จริง มีการแบ่งรายได้กับเอเจนซี่จริง ซึ่งก็คงจะทำกันไม่น้อยที่เกาหลี เพียงแต่ น้องแน๊ก และคนไทย ดันติดกับ หลงไปกับบทซีรี่นี้ที่พวกมันสร้างขึ้น เสียดายแค่อย่างเดียว ว่านอกจากอิเหวิงกาฝาก และเอเจนซี่ ที่ได้ประโยชน์ ก็ยังมีคนไทยกลุ่มหนึ่งระดับหัวๆ ที่ได้ส่วนแบ่งจากห้องพิเศษที่ว่า เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว แล้วมาเล่นงานคนไทยด้วยกัน ใส่ความสารพัด ว่าจิตไม่ปกติ ทำให้เค้าเสียชื่อ และรวมกลุ่มกับคนที่เสียผลประโยชน์จากการที่ชาลีไม่เอาอิเหวิงแล้ว สุมหัวกันทุกวัน เพียงเพื่อให้มีด้อมฝั่งตัวเอง ยังคงเปย์มีส่วนแบ่งผลประโยชน์ให้ตัวเองแค่นั้นพอ ดังนั้นการที่เพจคิงส์โพธิ์แดง-สำรอง วางข่าวอื่นเพื่อทำเรื่องนี้ คือการออกมาบอกความจริง ให้คนไทยได้รับรู้ ว่ามันมีแบบนี้นะ วงจรนี้ และปกป้องชาลี ที่ไม่ต้องมองว่าเค้าเป็นดารา แค่เป็นคนไทยหนึ่งคนที่ต้องอดทนเสียใจกับวงจรกามิจ ยังต้องมาเจอคนไทยด้วยกันซึ่งส่วนใหญ่ก็ได้รับผลประโยชน์ ทั้งทางตรงทางอ้อมจากชาลีทั้งนั้น เพียงแค่ชาลีเลือกปกป้องคนไทย แต่พวกมันเสียประโยชน์ มันก็หาทางกระหน่ำซ้ำน้องมันขนาดนี้ พี่คิงส์คงยอมไม่ได้อย่างแน่นอน อิป้าโจวตกขาว เมิงให้สมุนส่งข้อความผ่านแชทมาอะ อย่าช้า ให้รีบ กรรรูรอ อิฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2 #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 671 Views 0 Reviews
  • กลยุทธ์ของนาโต้ในการส่งอาวุธให้ยูเครนล้มเหลว – ซาห์รา วาเกนเน็คท์

    ในการตอบคำถามเชิงรุกของนักข่าวในการสัมภาษณ์กับ Spiegel เกี่ยวกับการประนีประนอมกับรัสเซีย, ซาห์รา วาเกนเน็คท์, ผู้นำกลุ่มพันธมิตรซาห์รา วาเกนเน็คท์, ถามผู้สัมภาษณ์ว่า, "คุณมีวิธีแก้ปัญหาเพื่อหยุดยั้งการเสียชีวิตอย่างไร? เราจะต้องยึดมั่นในศีลธรรมอันสูงส่งต่อไปหรือไม่? ที่นาโต้แทรกแซงโดยตรงในสงครามและทำลายยุโรปทั้งหมดลงเอยด้วยซากปรักหักพังหรือไม่?"

    "กลยุทธ์ในการจัดหาอาวุธให้ยูเครนเพื่อเอาชนะสงครามนั้นได้ล้มเหลว," เธอกล่าวตอบโต้ข้อโต้แย้งของนักข่าวที่ว่านาโต้ไม่ควรเจรจากับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เพียงเพราะกองทัพรัสเซียกำลังรุกคืบ

    ผู้นำพรรคฝ่ายซ้ายเสนอให้ "หยุดส่งมอบอาวุธ หากตกลงหยุดยิงทันทีในแนวหน้าปัจจุบัน" ในการเจรจาสันติภาพที่อาจเกิดขึ้นกับรัสเซีย
    .
    NATO STRATEGY OF ARMING UKRAINE HAS FAILED – SAHRA WAGENKNECHT

    Replying to a journalist's aggressive question in an interview with Spiegel about compromise with Russia, Sahra Wagenknecht, leader the Sahra Wagenknecht Alliance, asked the interviewer, "What is your solution to stop the deaths? That we continue to uphold noble morals? That NATO intervenes directly in the war and ends up with all of Europe in ruins?"

    "The strategy of supplying Ukraine with weapons so that it can win the war has failed," she stated in response to the journalist’s argument that NATO should not negotiate with President Vladimir Putin just because the Russian army is advancing.

    The left-wing party leader instead proposed "a halt to arms deliveries if they agreed to an immediate ceasefire on the current front line" in possible peace talks with Russia.
    .
    6:58 PM · Sep 14, 2024 · 1,587 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1834924720518537582
    กลยุทธ์ของนาโต้ในการส่งอาวุธให้ยูเครนล้มเหลว – ซาห์รา วาเกนเน็คท์ ในการตอบคำถามเชิงรุกของนักข่าวในการสัมภาษณ์กับ Spiegel เกี่ยวกับการประนีประนอมกับรัสเซีย, ซาห์รา วาเกนเน็คท์, ผู้นำกลุ่มพันธมิตรซาห์รา วาเกนเน็คท์, ถามผู้สัมภาษณ์ว่า, "คุณมีวิธีแก้ปัญหาเพื่อหยุดยั้งการเสียชีวิตอย่างไร? เราจะต้องยึดมั่นในศีลธรรมอันสูงส่งต่อไปหรือไม่? ที่นาโต้แทรกแซงโดยตรงในสงครามและทำลายยุโรปทั้งหมดลงเอยด้วยซากปรักหักพังหรือไม่?" 💬 "กลยุทธ์ในการจัดหาอาวุธให้ยูเครนเพื่อเอาชนะสงครามนั้นได้ล้มเหลว," เธอกล่าวตอบโต้ข้อโต้แย้งของนักข่าวที่ว่านาโต้ไม่ควรเจรจากับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เพียงเพราะกองทัพรัสเซียกำลังรุกคืบ ผู้นำพรรคฝ่ายซ้ายเสนอให้ "หยุดส่งมอบอาวุธ หากตกลงหยุดยิงทันทีในแนวหน้าปัจจุบัน" ในการเจรจาสันติภาพที่อาจเกิดขึ้นกับรัสเซีย . NATO STRATEGY OF ARMING UKRAINE HAS FAILED – SAHRA WAGENKNECHT Replying to a journalist's aggressive question in an interview with Spiegel about compromise with Russia, Sahra Wagenknecht, leader the Sahra Wagenknecht Alliance, asked the interviewer, "What is your solution to stop the deaths? That we continue to uphold noble morals? That NATO intervenes directly in the war and ends up with all of Europe in ruins?" 💬 "The strategy of supplying Ukraine with weapons so that it can win the war has failed," she stated in response to the journalist’s argument that NATO should not negotiate with President Vladimir Putin just because the Russian army is advancing. The left-wing party leader instead proposed "a halt to arms deliveries if they agreed to an immediate ceasefire on the current front line" in possible peace talks with Russia. . 6:58 PM · Sep 14, 2024 · 1,587 Views https://x.com/SputnikInt/status/1834924720518537582
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 227 Views 0 Reviews
  • Sep. 13, 2024

    วันนี้เห็นคลิปทหารทุกหมู่เหล่า หน่วยกู้ภัย มูลนิธิต่างๆ และจิตอาสา ต่างระดมกำลังกัน ช่วยชาวบ้านออกจากพื้นที่อันตราย ส่งข้าว ส่งน้ำ และของประทังชีวิตให้ถึงมือทั้งทางเรือ และทางอากาศ
    https://youtu.be/-jaZXpfHsgo?si=YFcFCL5e6vndU-XQ

    มันช่างต่างกับคลิปบ่ายเบี่ยงของนายกคนลูก และออกไปสร้างภาพช่วยผู้ประสบภัยอีกครั้ง หลังจากนายกคนพ่อไปถ่ายรูปสร้างภาพที่สุโขทัยตอนน้ำสูงเท่าพื้นรองเท้า และจัดฉากให้คนนั่งในเรือยกมือไหว้มันซะด้วย ล่อลวงด้วยนโยบายแจกเงินสกุล digital หมื่นนึง ซึ่งบัดนี้กลายเป็นแจกเงินสดที่เลื่อนวันจ่ายออกไปเรื่อยๆ...มันช่างน่าทุเรศใจเหลือเกิน

    คิดย้อนไปถึงตอนก่อนเราจะกลับจาก New York ช่วงพฤศจิกายน 2022 ตอนนั้น Powerball Lotto คือ lottery game ของรัฐที่เข้าร่วมทั้งหมด 45 รัฐ รางวัลที่ฮือฮามากเมื่อก่อน covid คือเกือบ $700 ล้านเหรียญ ถ้าไม่มีใครถูก รางวัลก็จะทบไปเรื่อยๆ จน Jackpot แตกไปเมื่อวันที่ 7 พย. 2022 คือ $2040 ล้านเหรียญ ใหญ่ที่สุดตั้งแต่เคยมีมา และที่สำคัญ Jackpot winner มีคนเดียวด้วย

    ติ๊ต่างว่าเราคือคนๆนั้นนะ และเราเลือกที่จะไม่รับเบี้ยหัวแตก 30 ปี แต่เราเลือกเอาก้อนเดียวเลย เงินรางวัลเราก็จะได้ครึ่งเดียว คือเหลือ $1020 ล้านเหรียญ จากนั้นก่อนจะอุ้มเงินหนีกลับบ้าน คุณจะโดนหัก state & federal tax อีก 37% ก็จะเหลือกลมๆประมาณ $640 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็นเงินไทยที่ตอนนั้น ฿35/$1 ก็คือ ฿22,400 ล้านบาทไทย...ก็เอาละวะ

    ตอนกลับมาไทย เราชอบชวน taxi และคนในพื้นที่ที่ภูเก็ตคุย เราก็จะเล่าเรื่องหวยฝรั่งรางวัลใหญ่ให้พี่ๆ taxi และหลายๆคนฟัง แล้วเราก็นึกสนุกขึ้นมา จึงตั้งคำถามกับ taxi และคนที่ภูเก็ตอีกหลายต่อหลายคนว่า...

    "ถ้าหนูมีเงิน $640 ล้านเหรียญ และในเมืองไทยมีคนอยู่ในประเทศ 70 ล้านคนนะ อ้ะๆ ให้ 80 ล้านคนเลย (เผื่อพม่า ลาว เขมรจะวิ่งเข้ามาด้วย) หนูแจกตังให้ฟรีๆคนละ $1 ล้านเหรียญ (เป็นเงินไทยคือคนละ ฿35 ล้านบาท) หนูก็จะเหลือตังอีก $560 ล้านเหรียญ (เป็นเงินไทยก็เหลืออีกตั้ง ฿19,600 ล้านบาทไทย) แจกแบบนับจำนวนหัว ไม่ดูอายุกันเลยนะ คุณยายจะตายพรุ่งนี้ก็แจก เด็กเกิดใหม่อายุ 1 วันก็ได้นะ แต่หนูไม่แจกคนที่ติดคุกอยู่ และพระสงฆ์ค่ะ...พี่ว่ามันจะดีมั้ยคะ คิดดีๆก่อนตอบนะ ไม่ต้องรีบ ถามคำถามก่อนตอบก็ได้นะ"

    80% เป็นการตอบแบบไม่หยุดคิดก่อนเลยซักวินาทีเดียว
    "ดีสิครับ" "ดีเด่ะพี่" "โห ผมให้เลขบัญชีคนทั้งครอบครัวพี่เดี๋ยวนี้เลย"
    15% มีการยิงคำถามบ้าง แล้วก็ตอบว่า "ดีครับ ควรแจกครับ"
    มีแค่ 5% ที่คิด-ถาม-คิดอีกที จึงตอบว่า
    "ประเทศเละแน่ๆครับ" "ผมว่าพี่อาจจะโดนยิงตายภายใน 3 วัน" "ผมว่าน่าจะมีหลายคนที่ไม่เคยมี และเขาสามารถทำให้เงินหมดได้ภายในเวลาแป๊บเดียวนะ"

    คราวนี้ตาเราถามพวก 80% แรกกลับบ้าง
    "คำถามแรก ทุกคนมีหนี้นอกระบบพะรุงพะรังถูกมั้ยคะ มีใครคิดจะใช้หนี้ให้หมดก่อนมั้ย หรือคิดว่า ก็เจ้าหนี้ ก็ได้ ฿35 ล้านบาทแล้วไง งั้นก็ไม่ต้องใช้คืนก็ได้
    แล้วหนูบอกว่าหนูแจกทุกคนเลยนะ นักโทษฆ่าข่มขืนเพิ่งพ้นโทษออกจากคุกมาหนูก็แจกนะ คนค้ายาค้ามนุษย์ คนบ้าข้างถนน หนูก็แจกนะคะ ถ้าผัวเมียชาวนามีลูก 8 คน ครอบครัวนั้นจะได้เงิน ฿350 ล้านบาทนะคะ
    คำถามต่อไปคือ พี่ว่าชาวนาจะยังปลูกข้าวอยู่มั้ย พี่ว่าพระจะสึกออกมารับเงินกันกี่รูป พี่ว่าคุณลุงคุณป้าที่ทำร้านอาหารอยู่ แล้วอีกวันเขามีเงินรวมกัน ฿70 ล้านบาท เขาจะเปิดร้านต่อมั้ย พี่เข้าไปร้าน 7-11 แล้วจะมีใครทำงานมั้ย พี่ว่าข้าราชการ ครู ตำรวจ ทหาร จะยังอยากรับใช้ประชาชนแบบเช้าชามเย็นชามเพื่อรอเงินบำนาญอยู่มั้ย พี่ว่ารปภ. คนส่ง Grab คนรับจ้างตัดหญ้า คนรับจ้างกรีดยาง คณะละครร้องรำตามงานวัด จะยังอยากทำงานต่อมั้ย งานวัดจะมีอีกมั้ยเพราะคนทำชิงช้าสวรรค์ ขายสายไหม ซุ้มปาเป้า อาจจะไปเที่ยวยุโรปกันหมดแล้ว ไม่มีใครทำงานแล้ว คนต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวไทย จะยังได้รับรอยยิ้มสยาม และการต้อนรับอย่างดีอยู่อีกมั้ย ทำไมต้องมานั่งนวดฝรั่งริมหาดร้อนๆด้วยเนอะ ชาวประมงใส่นาฬิกา 3 ล้านบาทได้เหมือนนักการเมืองแล้วนะ แถมเหลือตังอีกตั้งแยะ เขาจะยังออกไปจับปลามาขายมั้ย...ที่แย่ที่สุดคือ พี่ว่าคนในครอบครัวจะฆ่ากันเองเพราะโลภอยากได้เงินพี่น้องพ่อแม่หรือผัวเมียตัวเองมั้ย
    ...ตกลงพี่ว่าหนูยังควรแจกตังอยู่มั้ยคะ"
    นี่คือความคิดโง่ๆทุเรศๆของเราเล่นๆ แต่มีคนสนับสนุนความคิดบ้องตื้นของเราถึง 80% เพียงเพราะอยากได้เงินก้อนโต

    เวลาผ่านไป 2 ปี มีนักการเมืองเอาความคิดคล้ายๆกัน แต่จะไปกู้เงินมาหยิบยื่นให้ประชาชน แต่ให้แบบเอาไปทำอะไรก็ไม่ได้ ทุกคนเป็นหนี้ท่วมหัวชั่วลูกชั่วหลานหนักกว่าเดิม แต่คนส่วนนึงก็ยังสนับสนุนความคิดนี้อย่างแข็งขัน เพราะอยากได้เงินแค่หมื่นเดียว

    ตอนนี้ผู้ประสบภัยพิบัติมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีนักการเมืองแวะมาดูๆ ถ่ายรูปตอนมอบถุงยังชีพ 2-3 แชะ แล้วหนูน้อยก็บอกว่า "ตอนนี้น้ำแรงมาก เรือท้องแบนเข้าไปไม่ได้ เมื่อน้ำลดลง พวกเราพร้อมจะเข้าช่วยทันที" อ๋ออออ เรือท้องท้องแบนเข้าไปสู้กับน้ำเชี่ยวๆได้แหละเนอะ น้ำไม่ค่อยแรงหรอก ไว้เรือท้องแบนเข้าได้ แล้วค่อยไปก็ได้ คนไทยอดข้าวอดน้ำ 4-5 วันได้ อึฉี่บนหลังคาบ้านก็ได้ เก่งจะตาย ไม่รีบๆ
    https://x.com/Kawaaii13/status/1834174006418964973?t=Qgom67KE-O0gYasaeateSA&s=19

    ลองเข้าไปดู tiktok ของ @tiktok.thailand89 นะคะ ยอดเยี่ยมมากๆเลยค่ะ ขับ jet ski เก่งมากๆทุกคนเลยค่ะ
    https://www.tiktok.com/@tiktok.thailand89?_t=8pghh09pg0q&_r=1

    นายกหนูน้อยคะ นี่ไงคะ แพร่ลดแล้ว สุโขทัยลดแล้ว เมืองพังเละเทะ ที่ว่าพร้อมจะเข้าช่วยทันที ว้า..แย่จัง ตอนนี้ต้องไปช่วยเชียงรายก่อน ไหนจะต้องแอบเร่งทำเรื่องคาสิโนให้ผ่าน ช่วงที่กำลังอลหม่านเรื่องน้ำท่วมนี่แหละ แถมทีม IO ก็ค่อยๆทยอยลงคลิปเสียงคนโน้นคนนี้ ปล่อยข่าวดาราไทยที่โดนดาราชาติอื่นๆหลอก ฯลฯ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้คนด่านายกหนูน้อยเยอะ มุขมันเก่าไปแล้วค่ะ รายการเจาะลึกทั่วไทย เอาคลิปลุงมาสร้างกระแส เอาจริงๆ ลุงหยุมแกก็อยากเป็นใหญ่ ใครๆก็รู้มาตั้งนานแล้วป่ะ คุณมดดำ ก็สร้างกระแส acting ทำเป็นโกรธดาราเกาหลีมากมาย ได้ตังกันไปเท่าไหร่จ๊ะ

    สังเกตุมั้ย ครอบครัวนี้ขึ้นมามีอำนาจทีไร น้ำท่วมใหญ่ทุกที โดนทั้งอา ทั้งหลานเลย มันคือสัญญาณอะไรเอ่ย คล้ายกับธรรมชาติไม่พอใจพฤติกรรมของมนุษย์ จึงส่งภัยพิบัติมาช่วยเบิกเนตรให้คนตาสว่าง งั้นเราขอถามคำถามตอนนี้ว่า

    ติ๊ต่างนะคะ ว่าตอนนี้มีเงินหมื่นบาทลอยเข้า app เป๋าตังเรียบร้อยแล้ว...แต่ไปซื้อของก็ไม่ได้ เพราะน้ำท่วมร้านค้ามิดหลังคาเลย ได้ข้าวสารมา แต่ไม่มีไฟฟ้าให้หุงข้าว จะหุงด้วยฟืน ฟืนก็เปียกน้ำหมด เหลือแต่ตัวกับเงินหมื่นบาทใน app

    ก็น่าจะเป็นที่ประจักษ์ ของวิญญูชนชัดเจนแล้วว่า การเอาเงินมาแจกให้คน ไม่ว่าจะมากหรือน้อย มันไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้องค่ะ หากแต่การให้ความรู้แก่ผู้ใฝ่รู้ที่มีความพยายาม ความอดทน และความมุ่งมั่นต่างหาก ที่จะเป็นทางออกที่แท้จริงให้กับประชาชนและประเทศชาติ

    มีชายท่านนึง ท่านเคยศึกษา และทดลองทำอะไร หลายสิ่งหลายอย่าง มีโครงการมากมายที่ได้ผลสำเร็จ และนำเอาความรู้เหล่านั้นมาเผยแพร่ให้ฟรีๆ และยังเป็นศาสตร์ความรู้ที่นำมาใช้ต่อไปได้ไม่จำกัดกาล แต่คนส่วนใหญ่ กลับเลือกที่จะไม่ใส่ใจ เพราะคิดว่าต้องใช้เวลากว่าจะเห็นผลมันนานเกินไป จนภัยมาถึงตัวในวันนี้

    และนี่อาจจะเป็นเหตุผลนึง ที่ทำให้คนที่มีเงินเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน ยังเก็บเงินไว้กับตัว เพราะเขาอาจจะต้องการให้สังคมยังมีความเหลื่อมล้ำมากอยู่ตลอดไป ไม่งั้นจะไปหาคนรองมือรองตีนได้ที่ไหนล่ะ ไม่งั้นจะหาลูกหนี้ได้ที่ไหนล่ะ ไม่งั้นจะไปหาเหยื่อที่เห็นเงินตาโตแล้วร้อยไว้ใช้ได้ที่ไหนกันล่ะ

    ปล.
    ภูเก็ตก็หนักอยู่ เตรียมรับอีกลูกวันที่ 17 จ้ะ
    ขอให้ทุกคนปลอดภัยนะคะ
    https://www.facebook.com/share/v/YGS8GsJ3YXbtrxjK/?mibextid=D5vuiz
    Sep. 13, 2024 วันนี้เห็นคลิปทหารทุกหมู่เหล่า หน่วยกู้ภัย มูลนิธิต่างๆ และจิตอาสา ต่างระดมกำลังกัน ช่วยชาวบ้านออกจากพื้นที่อันตราย ส่งข้าว ส่งน้ำ และของประทังชีวิตให้ถึงมือทั้งทางเรือ และทางอากาศ https://youtu.be/-jaZXpfHsgo?si=YFcFCL5e6vndU-XQ มันช่างต่างกับคลิปบ่ายเบี่ยงของนายกคนลูก และออกไปสร้างภาพช่วยผู้ประสบภัยอีกครั้ง หลังจากนายกคนพ่อไปถ่ายรูปสร้างภาพที่สุโขทัยตอนน้ำสูงเท่าพื้นรองเท้า และจัดฉากให้คนนั่งในเรือยกมือไหว้มันซะด้วย ล่อลวงด้วยนโยบายแจกเงินสกุล digital หมื่นนึง ซึ่งบัดนี้กลายเป็นแจกเงินสดที่เลื่อนวันจ่ายออกไปเรื่อยๆ...มันช่างน่าทุเรศใจเหลือเกิน คิดย้อนไปถึงตอนก่อนเราจะกลับจาก New York ช่วงพฤศจิกายน 2022 ตอนนั้น Powerball Lotto คือ lottery game ของรัฐที่เข้าร่วมทั้งหมด 45 รัฐ รางวัลที่ฮือฮามากเมื่อก่อน covid คือเกือบ $700 ล้านเหรียญ ถ้าไม่มีใครถูก รางวัลก็จะทบไปเรื่อยๆ จน Jackpot แตกไปเมื่อวันที่ 7 พย. 2022 คือ $2040 ล้านเหรียญ ใหญ่ที่สุดตั้งแต่เคยมีมา และที่สำคัญ Jackpot winner มีคนเดียวด้วย ติ๊ต่างว่าเราคือคนๆนั้นนะ และเราเลือกที่จะไม่รับเบี้ยหัวแตก 30 ปี แต่เราเลือกเอาก้อนเดียวเลย เงินรางวัลเราก็จะได้ครึ่งเดียว คือเหลือ $1020 ล้านเหรียญ จากนั้นก่อนจะอุ้มเงินหนีกลับบ้าน คุณจะโดนหัก state & federal tax อีก 37% ก็จะเหลือกลมๆประมาณ $640 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็นเงินไทยที่ตอนนั้น ฿35/$1 ก็คือ ฿22,400 ล้านบาทไทย...ก็เอาละวะ ตอนกลับมาไทย เราชอบชวน taxi และคนในพื้นที่ที่ภูเก็ตคุย เราก็จะเล่าเรื่องหวยฝรั่งรางวัลใหญ่ให้พี่ๆ taxi และหลายๆคนฟัง แล้วเราก็นึกสนุกขึ้นมา จึงตั้งคำถามกับ taxi และคนที่ภูเก็ตอีกหลายต่อหลายคนว่า... "ถ้าหนูมีเงิน $640 ล้านเหรียญ และในเมืองไทยมีคนอยู่ในประเทศ 70 ล้านคนนะ อ้ะๆ ให้ 80 ล้านคนเลย (เผื่อพม่า ลาว เขมรจะวิ่งเข้ามาด้วย) หนูแจกตังให้ฟรีๆคนละ $1 ล้านเหรียญ (เป็นเงินไทยคือคนละ ฿35 ล้านบาท) หนูก็จะเหลือตังอีก $560 ล้านเหรียญ (เป็นเงินไทยก็เหลืออีกตั้ง ฿19,600 ล้านบาทไทย) แจกแบบนับจำนวนหัว ไม่ดูอายุกันเลยนะ คุณยายจะตายพรุ่งนี้ก็แจก เด็กเกิดใหม่อายุ 1 วันก็ได้นะ แต่หนูไม่แจกคนที่ติดคุกอยู่ และพระสงฆ์ค่ะ...พี่ว่ามันจะดีมั้ยคะ คิดดีๆก่อนตอบนะ ไม่ต้องรีบ ถามคำถามก่อนตอบก็ได้นะ" 80% เป็นการตอบแบบไม่หยุดคิดก่อนเลยซักวินาทีเดียว "ดีสิครับ" "ดีเด่ะพี่" "โห ผมให้เลขบัญชีคนทั้งครอบครัวพี่เดี๋ยวนี้เลย" 15% มีการยิงคำถามบ้าง แล้วก็ตอบว่า "ดีครับ ควรแจกครับ" มีแค่ 5% ที่คิด-ถาม-คิดอีกที จึงตอบว่า "ประเทศเละแน่ๆครับ" "ผมว่าพี่อาจจะโดนยิงตายภายใน 3 วัน" "ผมว่าน่าจะมีหลายคนที่ไม่เคยมี และเขาสามารถทำให้เงินหมดได้ภายในเวลาแป๊บเดียวนะ" คราวนี้ตาเราถามพวก 80% แรกกลับบ้าง "คำถามแรก ทุกคนมีหนี้นอกระบบพะรุงพะรังถูกมั้ยคะ มีใครคิดจะใช้หนี้ให้หมดก่อนมั้ย หรือคิดว่า ก็เจ้าหนี้ ก็ได้ ฿35 ล้านบาทแล้วไง งั้นก็ไม่ต้องใช้คืนก็ได้ แล้วหนูบอกว่าหนูแจกทุกคนเลยนะ นักโทษฆ่าข่มขืนเพิ่งพ้นโทษออกจากคุกมาหนูก็แจกนะ คนค้ายาค้ามนุษย์ คนบ้าข้างถนน หนูก็แจกนะคะ ถ้าผัวเมียชาวนามีลูก 8 คน ครอบครัวนั้นจะได้เงิน ฿350 ล้านบาทนะคะ คำถามต่อไปคือ พี่ว่าชาวนาจะยังปลูกข้าวอยู่มั้ย พี่ว่าพระจะสึกออกมารับเงินกันกี่รูป พี่ว่าคุณลุงคุณป้าที่ทำร้านอาหารอยู่ แล้วอีกวันเขามีเงินรวมกัน ฿70 ล้านบาท เขาจะเปิดร้านต่อมั้ย พี่เข้าไปร้าน 7-11 แล้วจะมีใครทำงานมั้ย พี่ว่าข้าราชการ ครู ตำรวจ ทหาร จะยังอยากรับใช้ประชาชนแบบเช้าชามเย็นชามเพื่อรอเงินบำนาญอยู่มั้ย พี่ว่ารปภ. คนส่ง Grab คนรับจ้างตัดหญ้า คนรับจ้างกรีดยาง คณะละครร้องรำตามงานวัด จะยังอยากทำงานต่อมั้ย งานวัดจะมีอีกมั้ยเพราะคนทำชิงช้าสวรรค์ ขายสายไหม ซุ้มปาเป้า อาจจะไปเที่ยวยุโรปกันหมดแล้ว ไม่มีใครทำงานแล้ว คนต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวไทย จะยังได้รับรอยยิ้มสยาม และการต้อนรับอย่างดีอยู่อีกมั้ย ทำไมต้องมานั่งนวดฝรั่งริมหาดร้อนๆด้วยเนอะ ชาวประมงใส่นาฬิกา 3 ล้านบาทได้เหมือนนักการเมืองแล้วนะ แถมเหลือตังอีกตั้งแยะ เขาจะยังออกไปจับปลามาขายมั้ย...ที่แย่ที่สุดคือ พี่ว่าคนในครอบครัวจะฆ่ากันเองเพราะโลภอยากได้เงินพี่น้องพ่อแม่หรือผัวเมียตัวเองมั้ย ...ตกลงพี่ว่าหนูยังควรแจกตังอยู่มั้ยคะ" นี่คือความคิดโง่ๆทุเรศๆของเราเล่นๆ แต่มีคนสนับสนุนความคิดบ้องตื้นของเราถึง 80% เพียงเพราะอยากได้เงินก้อนโต เวลาผ่านไป 2 ปี มีนักการเมืองเอาความคิดคล้ายๆกัน แต่จะไปกู้เงินมาหยิบยื่นให้ประชาชน แต่ให้แบบเอาไปทำอะไรก็ไม่ได้ ทุกคนเป็นหนี้ท่วมหัวชั่วลูกชั่วหลานหนักกว่าเดิม แต่คนส่วนนึงก็ยังสนับสนุนความคิดนี้อย่างแข็งขัน เพราะอยากได้เงินแค่หมื่นเดียว ตอนนี้ผู้ประสบภัยพิบัติมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีนักการเมืองแวะมาดูๆ ถ่ายรูปตอนมอบถุงยังชีพ 2-3 แชะ แล้วหนูน้อยก็บอกว่า "ตอนนี้น้ำแรงมาก เรือท้องแบนเข้าไปไม่ได้ เมื่อน้ำลดลง พวกเราพร้อมจะเข้าช่วยทันที" อ๋ออออ เรือท้องท้องแบนเข้าไปสู้กับน้ำเชี่ยวๆได้แหละเนอะ น้ำไม่ค่อยแรงหรอก ไว้เรือท้องแบนเข้าได้ แล้วค่อยไปก็ได้ คนไทยอดข้าวอดน้ำ 4-5 วันได้ อึฉี่บนหลังคาบ้านก็ได้ เก่งจะตาย ไม่รีบๆ https://x.com/Kawaaii13/status/1834174006418964973?t=Qgom67KE-O0gYasaeateSA&s=19 ลองเข้าไปดู tiktok ของ @tiktok.thailand89 นะคะ ยอดเยี่ยมมากๆเลยค่ะ ขับ jet ski เก่งมากๆทุกคนเลยค่ะ https://www.tiktok.com/@tiktok.thailand89?_t=8pghh09pg0q&_r=1 นายกหนูน้อยคะ นี่ไงคะ แพร่ลดแล้ว สุโขทัยลดแล้ว เมืองพังเละเทะ ที่ว่าพร้อมจะเข้าช่วยทันที ว้า..แย่จัง ตอนนี้ต้องไปช่วยเชียงรายก่อน ไหนจะต้องแอบเร่งทำเรื่องคาสิโนให้ผ่าน ช่วงที่กำลังอลหม่านเรื่องน้ำท่วมนี่แหละ แถมทีม IO ก็ค่อยๆทยอยลงคลิปเสียงคนโน้นคนนี้ ปล่อยข่าวดาราไทยที่โดนดาราชาติอื่นๆหลอก ฯลฯ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้คนด่านายกหนูน้อยเยอะ มุขมันเก่าไปแล้วค่ะ รายการเจาะลึกทั่วไทย เอาคลิปลุงมาสร้างกระแส เอาจริงๆ ลุงหยุมแกก็อยากเป็นใหญ่ ใครๆก็รู้มาตั้งนานแล้วป่ะ คุณมดดำ ก็สร้างกระแส acting ทำเป็นโกรธดาราเกาหลีมากมาย ได้ตังกันไปเท่าไหร่จ๊ะ สังเกตุมั้ย ครอบครัวนี้ขึ้นมามีอำนาจทีไร น้ำท่วมใหญ่ทุกที โดนทั้งอา ทั้งหลานเลย มันคือสัญญาณอะไรเอ่ย คล้ายกับธรรมชาติไม่พอใจพฤติกรรมของมนุษย์ จึงส่งภัยพิบัติมาช่วยเบิกเนตรให้คนตาสว่าง งั้นเราขอถามคำถามตอนนี้ว่า ติ๊ต่างนะคะ ว่าตอนนี้มีเงินหมื่นบาทลอยเข้า app เป๋าตังเรียบร้อยแล้ว...แต่ไปซื้อของก็ไม่ได้ เพราะน้ำท่วมร้านค้ามิดหลังคาเลย ได้ข้าวสารมา แต่ไม่มีไฟฟ้าให้หุงข้าว จะหุงด้วยฟืน ฟืนก็เปียกน้ำหมด เหลือแต่ตัวกับเงินหมื่นบาทใน app ก็น่าจะเป็นที่ประจักษ์ ของวิญญูชนชัดเจนแล้วว่า การเอาเงินมาแจกให้คน ไม่ว่าจะมากหรือน้อย มันไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้องค่ะ หากแต่การให้ความรู้แก่ผู้ใฝ่รู้ที่มีความพยายาม ความอดทน และความมุ่งมั่นต่างหาก ที่จะเป็นทางออกที่แท้จริงให้กับประชาชนและประเทศชาติ มีชายท่านนึง ท่านเคยศึกษา และทดลองทำอะไร หลายสิ่งหลายอย่าง มีโครงการมากมายที่ได้ผลสำเร็จ และนำเอาความรู้เหล่านั้นมาเผยแพร่ให้ฟรีๆ และยังเป็นศาสตร์ความรู้ที่นำมาใช้ต่อไปได้ไม่จำกัดกาล แต่คนส่วนใหญ่ กลับเลือกที่จะไม่ใส่ใจ เพราะคิดว่าต้องใช้เวลากว่าจะเห็นผลมันนานเกินไป จนภัยมาถึงตัวในวันนี้ และนี่อาจจะเป็นเหตุผลนึง ที่ทำให้คนที่มีเงินเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน ยังเก็บเงินไว้กับตัว เพราะเขาอาจจะต้องการให้สังคมยังมีความเหลื่อมล้ำมากอยู่ตลอดไป ไม่งั้นจะไปหาคนรองมือรองตีนได้ที่ไหนล่ะ ไม่งั้นจะหาลูกหนี้ได้ที่ไหนล่ะ ไม่งั้นจะไปหาเหยื่อที่เห็นเงินตาโตแล้วร้อยไว้ใช้ได้ที่ไหนกันล่ะ ปล. ภูเก็ตก็หนักอยู่ เตรียมรับอีกลูกวันที่ 17 จ้ะ ขอให้ทุกคนปลอดภัยนะคะ https://www.facebook.com/share/v/YGS8GsJ3YXbtrxjK/?mibextid=D5vuiz
    0 Comments 0 Shares 329 Views 0 Reviews
  • คำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ "แท้ไหมครับ ไม่รู้ ไม่เป็น พอทักไปถามราคาแม่นเชียว
    "มุขไร้เดียงสา" หลบเลี่ยงการลงขายตรงๆเพราะไม่มีบัตรกลุ่ม หรือ ไม่มีเครดิต คนคิดว่า หมู ของหลุด ก็แห่กันไป.
    คำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ "แท้ไหมครับ ไม่รู้ ไม่เป็น พอทักไปถามราคาแม่นเชียว🤣 "มุขไร้เดียงสา" หลบเลี่ยงการลงขายตรงๆเพราะไม่มีบัตรกลุ่ม หรือ ไม่มีเครดิต คนคิดว่า หมู ของหลุด ก็แห่กันไป.
    Haha
    1
    1 Comments 0 Shares 44 Views 0 Reviews
  • ฉีดวัคซีนฝีดาษลิงดีหรือไม่ ในยุคไวรัสฝีมือมนุษย์? / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    “ไข้ทรพิษ” หรือฝีดาษเป็นโรคติดต่อร้ายแรง มีลักษณะเฉพาะคือมีผื่นขึ้นตามตัว ไข้สูง ปวดศีรษะ ชัก และอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน มีอัตราการเสียชีวิต 30% เกิดจากเชื้อไวรัส แบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ

    1.ไข้ทรพิษชนิดร้ายแรง เกิดจากเชื้อ “วาริโอลา เมเจอร์” (Variola major or classical smallpox)

    2.ไข้ทรพิษชนิดอ่อน ซึ่งมีความรุนแรงน้อยกว่าชนิดแรก เกิดจากเชื้อ “วาริโอลา ไมเนอร์”  (Variola minor or alastrim)[1]

    เว็บไซต์กรมควบคุมโรค สหรัฐอเมริกา ได้รายงานหลักฐานแรกสุดของโรคนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตศักราชในอียิปต์[2] และเมื่อเวลาผ่านไปก็ทยอยลุกลามไปทั่วโลก

    ทั้งนี้เชื้อไวรัสฝีดาษ (Variolar) นี้สามารถแพร่กระจายไปในอากาศ จากละอองสิ่งคัดหลั่งจากคนที่เป็นโรค เช่น น้ำมูก, น้ำลาย หรือจากการสัมผัสกับผิวหนังที่มีแผลฝีดาษ เชื้อนี้มีความคงทนต่อสภาพอากาศ สามารถแพร่ได้ไม่ว่าจะอากาศร้อนหรือหนาว และสามารถติดต่อจากคนไปสู่คนได้โดยง่าย

    อย่างไรก็ตาม การรณรงค์ฉีดวัคซีนกวาดล้างโรคฝีดาษ ตลอดศตวรรษที่ 19-20 โดยการประสานงานขององค์การอนามัยโลก เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510-2518 ทำให้ผู้ป่วยฝีดาษทั่วโลกลดลงอย่างมาก ตามรายงานขององค์การอนามัยโลกแจ้งว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคฝีดาษรายสุดท้าย เกิดขึ้นที่ ประเทศโซมาเลีย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2520

    ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศว่า ฝีดาษถูกกวาดล้าง (eradicate) หมดไปจากโลกในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2523[2]

    จึงถือว่าเป็นโรคระบาดที่มนุษย์สามารถเอาชนะได้หลังจากใช้เวลานานกว่า 3,000 ปี

    อย่างไรก็ตามแม้ว่าโรคจะถูกกวาดล้างไปแล้ว แต่เชื้อไวรัสฝีดาษยังถูกเก็บไว้ในห้องปฏิบัติการและอยู่ในความดูแลอย่างเข้มงวดที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติ (CDC) เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกาและที่ State Research Centre of Virology and Biotechnology สหพันธ์สาธารณรัฐ รัสเซีย ซึ่งหน่วยงานทั้ง 2 แห่งในประเทศนี้ได้รับอนุญาตจาก WHA ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2542 ให้เป็นที่เก็บไวรัส Variola ที่มีชีวิตเพื่อนำมาใช้ในการศึกษาวิจัยในกรณีที่อาจมีโรคฝีดาษอุบัติใหม่ขึ้นมา[3],[4]

    ซึ่งแปลว่าคนในโลกนี้ควรจะปลอดจากเชื้อฝีดาษไปตลอดกาลแล้ว นับตั้งแต่ปี พ.ศ.​2523 หากไม่มีการรั่วไหล หรือมีวาระซ่อนเร้นในการทำธุรกิจกับชีวิตของมนุษยชาติ จริงหรือไม่?

    อย่างไรก็ตาม ได้มีเหตุการณ์พบขวดทดลองที่มีลักษณะแห้งและแช่แข็งบรรจุเชื้อไข้ทรพิษจำนวน 6 ขวด เก็บอยู่ในกล่องในห้องเก็บของที่มีการควบคุมอุณหภูมิไว้ที่ 5 องศาเซลเซียส ของสถาบันเพื่อสุขภาพแห่งชาติอเมริกา (National Institutes of Health: NIH) ในสังกัดองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ในเบเธสดา รัฐแมรีแลนด์ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ที่ผ่านมา[3]

    เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความตระหนกแก่ประชาชนที่ทราบข่าว เนื่องจากความกลัวว่าจะมีการนำเชื้อไข้ทรพิษเป็นอาวุธชีวภาพ ทำให้มีการกำหนดมาตรฐานการเก็บรักษาเชื้อไวรัสไข้ทรพิษหรือฝีดาษ ว่าจะต้องถูกเก็บรักษาไว้ใน BSL-4 หรือแล็บความปลอดภัยด้านชีวภาพระดับ 4[3]

    แต่ห้องเก็บของที่พบกล่องบรรจุขวดเชื้อไวรัสฝีดาษไม่เข้ามาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูง ทำให้มีการสอบสวนที่มาที่ไปของขวดตัวอย่างที่พบและนำเข้าสู่ระบบการทำลายเชื้อ เพื่อให้เกิดความแน่ใจว่าจะไม่มีการนำไปใช้ในทางที่ผิด อันเนื่องมาจากความรุนแรงของโรคที่เคยปรากฏในอดีตที่ผ่านมา[3]

    คำถามที่ตามมามีอยู่ว่าในเมื่อเชื้อฝีดาษหายไปจากโลกกว่า 40 ปี และเชื้อตัวอย่างยังคงหลงเหลืออยู่เพียงแค่ห้องปฏิบัติการ 2 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา กับ รัสเซีย หากฝีดาษจะมีการกลับมาระบาดอีกครั้งในโลก ย่อมต้องถูกตั้งข้อสงสัยว่ามาจากสหรัฐอเมริกา หรือ รัสเซียกันแน่

    ปรากฏในรายงานผลการสอบสวนของกรรมาธิการของวุฒิสภาในสหรัฐอเมริกาฉบับเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2567[5] พบว่าฝีดาษลิงที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ อาจเป็นปัญหาที่ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่เป็นการประดิษฐ์ขึ้นโดยมนุษย์

    เรื่องดังกล่าวนี้ทำให้ศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567[6] นำรายงานผลการสอบสวนดังกล่าว และโพสต์ข้อความว่า

    “ไวรัสฝีดาษตัวใหม่ที่่ทั่วโลกกำลังตื่นตระหนก จากการประกาศขององค์การอนามัยโลกประสานกับองค์กรของสหรัฐฯ และพยายามจะให้มีการสะสมวัคซีนตลอดจนให้มีการใช้ทั่วโลก เป็นการเกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือมีการประดิษฐ์มีการตรวจสอบโดยกรรมาธิการเฉพาะของวุฒิสภาสหรัฐฯ โดยกรรมาธิการดังกล่าวออกรายงาน 73 หน้า ในวันที่ 11 มิถุนายน 2024 เป็นการสอบสวนการทำวิจัยไวรัสฝีดาษลิง ที่มีความเสี่ยงสูงโดยทำให้มีความรุนแรงมากขึ้นและติดต่อได้ง่ายขึ้นระหว่างคนสู่คน

    ขั้นตอนติดต่อส่วนของไวรัสในกลุ่มที่สอง ไปยังกลุ่มที่หนึ่งปรากฏว่าความรุนแรงลดลง

    ดังนั้นเลยมีกระบวนการที่ทำโดยเอาส่วนที่หนึ่งเสียบไปยังกลุ่มที่สองจนได้ผลสำเร็จ มีความรุนแรงมากขึ้นและแพร่ได้เร็ว เกิดการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    สืบจนพบว่าเป็นการอนุมัติทุนในองค์กร NIH NIAID ของสหรัฐฯ ในปี 2015 และรายงานความสำเร็จในปี 2022 ซึ่งในขณะนั้นเอง ก่อให้เกิดความวิตกกังวลของนักวิทยาศาสตร์ทั่วไปถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น

    และนำไปสู่การสืบสวนจนกระทั่งถึงผู้อนุมัติสนับสนุนงานสร้างไวรัสใหม่ คือ ดร.เฟาซี (ดร.แอนโทนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อระดับแนวหน้าของสหรัฐฯ และหัวหน้าทีมที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขของประธานาธิบดี โจ ไบเดน)

    และเหตุการณ์ที่คล้องจอง คือการฝึกซ้อมรับมือผู้ก่อการร้าย โดยสมมุติว่ามีการใช้อาวุธชีวภาพ คือไวรัสฝีดาษลิงที่ตัดต่อพันธุกรรม ชื่อ Akhmeta ทั้งในปี 2021 และในปี 2022 โดยสร้างฉากทัศน์ เริ่มจากการปล่อยไวรัสจนกระทั่งมีการระบาดทั่วโลกและล้มตายไปหลายร้อยล้านคนและในขณะเดียวกันมีการตระเตรียมยาและวัคซีน

    เหตุการณ์ที่เกิดในปัจจุบันที่มีการติดเชื้อฝีดาษลิงในมนุษย์ที่ง่ายขึ้น เริ่มเกิดขึ้นในปี 2021 และ 2022 และทยอยแพร่ไปทั่วโลก

    จนองค์การอนามัยโลกประกาศเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินและผลักดันให้มีการฉีดวัคซีนทั่วโลก[6]

    ส่วนประเทศไทยได้ปรากฏข้อมูลที่รวมรวมโดยเว็บไซต์ Hfocus รายงานว่าการเกิดโรคฝีดาษในไทยพบหลักฐานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ดังปรากฎในพระราชพงศาวดารสมัยกรุงศรีอยุธยาว่า

    ถึงขนาดว่ามีพระมหากษัตริย์ไทยสวรรคตด้วยฝีดาษ 2 พระองค์  ได้แก่ สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 หน่อพุทธางกูร พระมหากษัตริย์ ลำดับที่ 11 ของกรุงศรีอยุธยา ทรงพระประชวรด้วยโรคไข้ทรพิษ และเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2076 หรือประมาณ 491 ปีที่แล้ว

    อีก 72 ปีต่อมา สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้ประชวรที่เมืองหาง (เมืองห้างหลวง ในรัฐฉาน) เป็นฝีละลอกขึ้นที่พระพักตร์ กลายเป็นพิษ และสวรรคต เมื่อ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 ซึ่งตรงกับช่วงศตวรรษที่ 16 มีการระบาดครั้งใหญ่ทั่วโลก และยังมีการระบาดในพ.ศ. 2292 สมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ที่ทำให้มีคนตายมาก[3]

    โรคฝีดาษ หรือ ไข้ทรพิษ ในอดีตนั้นมีความร้ายแรง เพราะยังถึงขั้นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาเสด็จสวรรคตถึง 2 พระองค์ได้ จึงมีความแตกต่างจากโรคระบาดชนิดอื่นๆ

    ดังนั้นในเวลาต่อๆมา โรคฝีดาษ หรือ ไข้ทรพิษ จึงเป็นโรคระบาดที่สำคัญที่ต้องมีการพัฒนาอย่างเร่งด่วน ทั้งการป้องกันการเกิดโรคระบาด จนถึงขั้นการรักษาโรค

    ในสมัยรัตนโกสินทร์ มีการระบาดของฝีดาษเช่นกัน จากบันทึกของหมอบรัดเลย์ ที่ระบุว่าในสมัยรัชกาลที่ 3 มีการระบาดของฝีดาษอย่างหนัก ทำให้หมอบรัดเลย์ริเริ่มการปลูกฝีบำบัดโรคฝีดาษเป็นครั้งแรกในไทยในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2379 โดยใช้เชื้อหนองฝีโคที่นำเข้ามาจากอเมริกา และได้เขียนตำราชื่อ “ตำราปลูกฝีให้กันโรคธระพิศม์ไม่ให้ขึ้นได้” ปรากฏมาจนถึงทุกวันนี้[3]

    ในระยะ พ.ศ. 2460 – 2504 ยังมีการระบาดของฝีดาษเกิดขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2488 – 2489 ช่วงการเกิดสงครามมีการระบาดของฝีดาษครั้งใหญ่สุดเริ่มต้นจากเชลยพม่าที่ทหารญี่ปุ่นจับมาสร้างทางรถไฟสายมรณะข้ามแม่นํ้าแควป่วยเป็นไข้ทรพิษและแพร่ไปยังกลุ่มกรรมกรไทยจากภาคต่างๆที่มารับจ้างทํางานในแถบนั้น เมื่อแยกย้ายกันกลับบ้าน ได้นําโรคกลับไปแพร่ระบาดใหญ่ทั่วประเทศ มีผู้ป่วยมากถึง 62,837 คน และเสียชีวิต 15,621 คน[3]

    การระบาดเกิดขึ้นอีกครั้งในปี พ.ศ. 2502 ทำให้มีผู้ป่วย 1,548 คน ตาย 272 คน และการระบาดครั้งสุดท้ายมีการบันทึกไว้ว่าเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2504 ที่อําเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย มีผู้ป่วย 34 ราย ตาย 5 ราย โดยรับเชื้อมาจากรัฐเชียงตุงของพม่า ทำให้กระทรวงสาธารณสุขเริ่มโครงการกวาดล้างไข้ทรพิษหรือฝีดาษในประเทศไทย รณรงค์ปลูกฝีป้องกันโรค จนปีพ.ศ. 2523 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศว่าฝีดาษได้ถูกกวาดล้างแล้วจึงหยุดการปลูกฝีป้องกันโรค   และนับแต่นั้นมาไม่เคยปรากฏว่ามีฝีดาษเกิดขึ้นในประเทศไทย[3]

    นี่คือเหตุผลว่าประเทศไทยได้ทำการปลูกฝี เพื่อป้องกันโรคฝีดาษ หรือไข้ทรพิษในปี พ.ศ. 2532 เป็นปีสุดท้าย หรือเมื่อประมาณ 44 ปีที่แล้ว ดังนั้นประชาชนไทยที่อายุมากกว่า 44 ปีขึ้นไป ก็น่าจะได้รับการปลูกฝีไปเกือบทั้งหมดแล้ว

    แต่เมื่อฝีดาษลิงกลับมาระบาดอีกครั้ง ก็ทำให้เกิดคำถามว่าประเทศไทยจะรับมืออย่างไร และเราควรจะฉีดวัคซีนหรือไม่? และคนที่มีอายุเกิน 44 ปี (ซึ่งส่วนใหญ่ได้ปลูกฝีไข้ทรพิษมาแล้ว)จะมีคนติดเชื้อโรคฝีดาษลิงหรือไม่

    โดยวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2567 เว็บไซต์ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานสถานการณ์ฝีดาษวานร (ฝีดาษลิง)จนถึงปัจจุบันว่า มีผู้ป่วยฝีดาษลิงในประเทศไทย จำนวน 835 ราย เป็นเพศชายเกือบทั้งหมดมากถึง 814 ราย คิดเป็นร้อยละ 97.49 ในขณะที่เป็นเพศหญิง 21 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.51 เท่านั้น[7]

    ซึ่งถือว่าโอกาสติดเชื้อฝีดาษลิงในผู้หญิงน้อยมาก

    แต่ที่น่าสนใจคือ กลุ่มคนวัยหนุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เอชไอวี อย่างไรก็ตามกลุ่มคนที่เคยปลูกฝีไข้ทรพิษแล้วยังสามารถติดเชื้อฝีดาษลิงได้อยู่ดีแต่น้อยกว่าคนที่ไม่ได้ปลูกฝี ดังนี้

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 0-14 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 2 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.36 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมด

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 15-19 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 3 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.24 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 20-24 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 81 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.70 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 25-29 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 172 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.59 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 30-39 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 347 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 41.56 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 40-49 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 174 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.83 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ในกลุ่มนี้หากพิจารณาแยกแยะผู้ที่มีอายุ 40-44 ปี ซึ่งไม่เคยได้รับการปลูกฝีมาก่อนมีจำนวน 130 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 15.65 ในขณะที่ผู้ที่มีอายุมากกว่า 45-49 ที่เชื่อว่าน่าจะได้รับการปลูกฝีแล้วติดเชื้อฝีดาษลิงแล้ว 44 ราย คิดเป็นเพียงร้อยละ 5.27 เท่านั้น

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 50-59 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 29 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.47 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ติดเชื้อฝีดาษลิง 8 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.95 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย[7]

    จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ในประเทศไทยผู้ที่มีอายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไปซึ่งน่าจะมีการปลูกฝีไข้ทรพิษไปแล้วก็ยังมีโอกาสติดเชื้อฝีดาษลิงได้ เพียงแต่มีสัดส่วนน้อยกว่าประชากรที่ยังไม่เคยได้รับการปลูกฝี คือ ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 44 ปีลงมา มีผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงจำนวน 754 รายคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 90.30 ในขณะที่ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้น (ซึ่งส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดได้รับการปลูกฝีไปแล้ว)มีผู้ป่วยติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งสิ้น 81 รายคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.70 ราย

    อย่างไรก็ตามในภาวะดังกล่าว มีคำแถลงจากนายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ความเห็นเอาไว้เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567 ความว่า

    “โดยจริงๆ วัคซีนไม่จำเป็นต้องฉีดทุกคน ไม่มีการระบาดทั่วไป เพราะอัตราการระบาดต่ำ แต่จะพบในผู้ป่วยเฉพาะ เช่น ผู้ขายบริการทางเพศ และชายรักชาย อีกทั้ง ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากผู้ป่วยเอชไอวี และไม่ทานยาทั้งหมด 13 รายที่ผ่านมา (เชื้อเคลด2)”[8]

    นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยังได้

    “คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาเห็นว่า เพื่อเป็นการควบคุมโรค แต่เนื่องจากวัคซีนป้องกันฝีดาษวานรยังไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนในประเทศไทย ทางกรมควบคุมโรคจึงใช้ มาตรา 13(5) เพื่อการควบคุมโรค ตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510  จะมีการใช้งบประมาณ กรมควบคุมโรค วงเงิน 21 ล้านบาท เพื่อการจัดซื้อวัคซีนดังกล่าว รวม 3,000 โดส  เพื่อฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยง  3 กลุ่ม ประกอบด้วย  

    1. บุคลากรทางการแพทย์ที่เสี่ยงต่อการติดโรค อาทิ ไปสัมผัสเสี่ยงสูง คือ สัมผัสคนติดเชื้อ

    2. กลุ่มไปสัมผัสโรค เสี่ยงว่าจะติดเชื้อ ก็จะฉีดภายใน 4 วัน

    และ3. มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดคนติดเชื้อ เช่น คนในครอบครัวที่ติดเชื้อ ซึ่ง 3 กลุ่มเสี่ยงนี้ กรมควบคุมโรคจะดูแลโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย“[8]

    เรื่องดังกล่าวนี้ทำให้ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิตให้ความเห็น เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2567 ในเรื่องความพยายามกระพือข่าวให้กลัวเพื่อให้เกิดการระดมฉีดวัคซีน ความว่า

    “กรมควบคุมโรคประกาศแล้ว ฝีดาษลิงอัตราการระบาดต่ำ ทั้งประเทศมีประมาณ 800 ราย และที่เสียชีวิตนั้น เพราะมีติดเชื้อไวรัสเอดส์ และโรคทางเพศสัมพันธ์อื่น การติดตามของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ผู้ติดเชื้อปลอดภัยดี

    วัคซีนขณะนี้ “ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน” และกระทรวงสาธารณสุข จะจัดการให้ฉีดฟรีใน “กลุ่มเสี่ยง” เท่านั้น ได้แก่

    1. บุคลากรทางการแพทย์ที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อ
    2. คนที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อโดยต้องฉีดภายใน 4 วัน

    ทั้งสองกลุ่มนี้ฟรี
    ส่วนกลุ่มที่ต้องเดินทางในพื้นที่เสี่ยงนั้น การฉีดนั้นต้องจ่ายเงิน

    “กลุ่มที่กระพือข่าวให้น่ากลัว โดยไม่ยึดความจริง และอาจทำให้นำไปสู่การค้าวัคซีน ควรต้องจับตามองอย่างเข้มข้น””[9]

    อย่างไรก็ตามแม้ว่าฝีดาษลิงจะเป็นเชื้อที่ยังติดได้ยาก ส่วนใหญ่พบในผู้ป่วยเฉพาะคือ ขายบริการทางเพศ และชายรักชาย อีกทั้งผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากผู้ป่วยเอชไอวีที่ไม่ทานยาทั้งหมด ส่วนการติดนั้นต้องอาศัยการสัมผัสผิวใกล้ชิด อัตราการเสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำ คนส่วนใหญ่จึงยังไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนแต่ประการใด

    อย่างไรก็ตามเนื่องจากโรคฝีดาษที่กลับมาระบาดอีกครั้งในรอบ 44 ปี ทำให้ความรู้ในการรักษาผู้ป่วยขาดตอนไป คงเหลือแต่การค้นคว้ากรรมวิธีการรักษาในประวัติศาสตร์ของคนไทยว่าใช้วิธีการรักษาอย่างไร

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า “โรคฝีดาษ” เป็นโรคที่มีความจำเพาะ ถึงขนาดทำให้พระมหากษัตริย์สมัยอยุธยาเสด็จสวรรคตถึง 2 พระองค์

    จึงปรากฏเรื่องของตำรับยาและสมุนไพรที่เกี่ยวกับการรักษา “โรคฝีดาษ” แยกออกมาต่างหากจากโรคระบาดอื่นๆ บันทึกปรากฏอยู่ในแผ่นศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 2 ของจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร[10]-[12] และอยู่ในแผ่นศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 3 ในแผ่นศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม[10],[13]-[15]

    นอกจากนั้น โรคฝีดาษไม่ใช่เป็นโรคระบาดอื่นๆที่ใช้ “ยาขาว”ที่ใช้กับโรคระบาดหลายชนิดในตำรับยาเดียว ที่ปรากฏในศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 3 ในแผ่นศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามอีกด้วย[16]

    หลักฐานที่ว่า “โรคฝีดาษ” ไม่ใช่โรคระบาดทั่วไปนั้น จะเห็นได้จากพระคัมภีร์ตักกะศิลาที่บันทึกภูมิปัญญามาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 และบันทึกมาโดยเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ที่ตกทอดมาถึงตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 หรือตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ไม่พบการกล่าวถึงคำว่า “ฝีดาษ” แต่ประการใด

    แต่ในที่สุดก็ได้พบตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ระบุคัมภีร์ชื่อ “พระตำหรับแผนฝีดาษ” บันทึกในสมุดไทย มีรายละเอียดจำนวนมากเกี่ยวกับโรคฝีดาษเป็นการเฉพาะ และมีจำนวนมากถึง 3 เล่ม จนไม่สามารถที่จะถ่ายทอดมาให้อ่านในหมดในบทความนี้

    โดย “พระตำหรับแผนฝีดาษ” ในสมัยรัชกาลที่ 5 นั้น มีการกล่าวถึงลักษณะของฝีแต่ละชนิด และจุดที่เกิดฝีว่าบริเวณใดเป็นแล้วไม่เสียชีวิต รวมถึงบริเวณใดจะทำให้เสียชีวิตภายในกี่วัน จึงได้มีการแบ่งแยกวิธีการรักษาอย่างละเอียดยิบ

    อย่างไรก็ตามก็มีวาง “หลักการ“ ถึงวิธีการรักษาโรคฝีดาษปรากฏอยู่ใน ”พระตำหรับแผนฝีดาษ เล่ม 2“ ที่ระบุความตอนหนึ่งว่า

    ”๏ สิทธิการิยะ พระตำราประสะฝีดาษทั้งปวง ถ้าแพทย์ผู้ใดจะรักษาฝีดาษ ถ้าเห็นศีศะรู้ว่าเปนฝีดาษแน่แล้ว ให้กินยาล้อมตับดับพิศม์และให้กินยารุเสีย แลกินยาแปรภายใน พ่นยาแปรภายนอกแลกินยากะทุ้ง…“[17]

    หลังจากนั้นพอวันเวลาเปลี่ยนไปก็มีตำรับยาเฉพาะที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆจนรักษาฝีดาษจนหายในที่สุด

    ซึ่งในโอกาสอันสมควรก็น่าจะมีการรื้อฟื้น ศึกษา พระตำหรับแผนฝีดาษ สมัยรัชกาลที่ 5 แล้วทำการวิจัย พัฒนา เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับโรคฝีดาษในยุคปัจจุบันต่อไป

    ด้วยความปรารถนาดี
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    12 กันยายน 2567

    อ้างอิง
    [1] Ryan KJ, Ray CG, บ.ก. (2004). Sherris Medical Microbiology (4th ed.). McGraw Hill. pp. 525–28. ISBN 978-0-8385-8529-0.

    [2] CDC, History of Smallpox, 25 July 2017
    https://www.cdc.gov/smallpox/history/history.html

    [3] Hfocus, โรคระบาดร้ายแรงในอดีต ตอนที่ 3 โรคไข้ทรพิษ (ฝีดาษ), วันที่ 26 สิงหาคม 2558
    https://www.hfocus.org/content/2014/08/7977

    [4] World Health Organization, Small Pox, Media Center
    https://web.archive.org/web/20070921235036/http://www.who.int/mediacentre/factsheets/smallpox/en/

    [5] U.S. House of Representatives, Interim Staff Report on Investigation into Risky MPXV Experiment at the National Institute of Allergy and Infectious Diseases, June 14 2024
    https://d1dth6e84htgma.cloudfront.net/Mpox_Memo_Rpt_correction_18e95e3204.pdf?utm_source=substack&utm_medium=email&fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTAAAR0YlqstCXKzOUttRicgqQ6lG00dtMnZ_9pFf4FqtlBbSAyw5uR-tGR6QIM_aem_ZXPXy1XgTiGCTixSJJ-aFg

    [6] ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา, “หมอธีระวัฒน์” เปิดผลสอบสวน “ฝีดาษลิง” ธรรมชาติสร้างหรือมนุษย์ประดิษฐ์, ผู้จัดการออนไลน์, 6 กันยายน 2567
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000082903

    [7] กรมควบคุมโรค, รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อฝีดาษวานร (Mpox), 12 กันยายน 2567
    https://ddc.moph.go.th/monkeypox/dashboard.php

    [8] Hfocus, กรมควบคุมโรค ทุ่มงบ 21 ล้านบาท จัดหา “วัคซีนฝีดาษวานร” 3 พันโดสให้เฉพาะ 3 กลุ่มเสี่ยง, 6 กันยายน 2567
    https://www.hfocus.org/content/2024/09/31577

    [9] ผู้จัดการออนไลน์, “หมอธีระวัฒน์” แนะจับตาพวกกระพือข่าวให้ตื่นกลัวฝีดาษลิง หวังค้าวัคซีน หลังกรมควบคุมโรคยืนยันแล้วอัตราระบาดต่ำ, 7 กันยายน 2567
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000083178

    [10] ผู้จัดการออนไลน์, “ปานเทพ” เผยตำรับยาแก้ “ฝีดาษ” ในศิลาจารึก แนะวิจัยสมุนไพรไทยต่อยอดไว้สู้ “ฝีดาษลิง”, เผยแพร่: 5 กันยายน 2567
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000082615

    [11] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 18 ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2557( อัพเดทเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2567)
    https://db.sac.or.th/inscript.../inscribe/image_detail/14798

    [12] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 46 (ยาผายเลือด) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อ โพสต์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558
    https://db.sac.or.th/inscript.../inscribe/image_detail/16335

    [13] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(ว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวง แผ่นที่ 22 ยาแก้จักษุโรคคือต้อ(5), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2560
    https://db.sac.or.th/.../file/22-chaksurok-to5-tr2.pdf

    [14] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 7 ท้าวยายม่อม ข่าใหญ่ ข่าลิง กระทือ ไพล กระชาย หอม และกระเทียม) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564
    https://db.sac.or.th/.../7-thaoyaimom-khayai-khaling-tr1.pdf

    [15] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 แตงหนู ชิงชี่ บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี บอระเพ็ดพุงช้าง ผักปอดตัวเมีย ผักปอดตัวผู้ และพลูแก), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567
    https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/detail/17723

    [16] โรงเรียนแพทย์แผนโบราณ วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์), ตำรายา ศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) พระนคร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จารึกไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ ฉบับสมบูรณ์ ฉบับ พ.ศ.​๒๕๑๖ หน้า ๖๒ - ๖๔

    [17] คณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒, ตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒

    ฉีดวัคซีนฝีดาษลิงดีหรือไม่ ในยุคไวรัสฝีมือมนุษย์? / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ “ไข้ทรพิษ” หรือฝีดาษเป็นโรคติดต่อร้ายแรง มีลักษณะเฉพาะคือมีผื่นขึ้นตามตัว ไข้สูง ปวดศีรษะ ชัก และอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน มีอัตราการเสียชีวิต 30% เกิดจากเชื้อไวรัส แบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ 1.ไข้ทรพิษชนิดร้ายแรง เกิดจากเชื้อ “วาริโอลา เมเจอร์” (Variola major or classical smallpox) 2.ไข้ทรพิษชนิดอ่อน ซึ่งมีความรุนแรงน้อยกว่าชนิดแรก เกิดจากเชื้อ “วาริโอลา ไมเนอร์”  (Variola minor or alastrim)[1] เว็บไซต์กรมควบคุมโรค สหรัฐอเมริกา ได้รายงานหลักฐานแรกสุดของโรคนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตศักราชในอียิปต์[2] และเมื่อเวลาผ่านไปก็ทยอยลุกลามไปทั่วโลก ทั้งนี้เชื้อไวรัสฝีดาษ (Variolar) นี้สามารถแพร่กระจายไปในอากาศ จากละอองสิ่งคัดหลั่งจากคนที่เป็นโรค เช่น น้ำมูก, น้ำลาย หรือจากการสัมผัสกับผิวหนังที่มีแผลฝีดาษ เชื้อนี้มีความคงทนต่อสภาพอากาศ สามารถแพร่ได้ไม่ว่าจะอากาศร้อนหรือหนาว และสามารถติดต่อจากคนไปสู่คนได้โดยง่าย อย่างไรก็ตาม การรณรงค์ฉีดวัคซีนกวาดล้างโรคฝีดาษ ตลอดศตวรรษที่ 19-20 โดยการประสานงานขององค์การอนามัยโลก เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510-2518 ทำให้ผู้ป่วยฝีดาษทั่วโลกลดลงอย่างมาก ตามรายงานขององค์การอนามัยโลกแจ้งว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคฝีดาษรายสุดท้าย เกิดขึ้นที่ ประเทศโซมาเลีย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2520 ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศว่า ฝีดาษถูกกวาดล้าง (eradicate) หมดไปจากโลกในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2523[2] จึงถือว่าเป็นโรคระบาดที่มนุษย์สามารถเอาชนะได้หลังจากใช้เวลานานกว่า 3,000 ปี อย่างไรก็ตามแม้ว่าโรคจะถูกกวาดล้างไปแล้ว แต่เชื้อไวรัสฝีดาษยังถูกเก็บไว้ในห้องปฏิบัติการและอยู่ในความดูแลอย่างเข้มงวดที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติ (CDC) เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกาและที่ State Research Centre of Virology and Biotechnology สหพันธ์สาธารณรัฐ รัสเซีย ซึ่งหน่วยงานทั้ง 2 แห่งในประเทศนี้ได้รับอนุญาตจาก WHA ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2542 ให้เป็นที่เก็บไวรัส Variola ที่มีชีวิตเพื่อนำมาใช้ในการศึกษาวิจัยในกรณีที่อาจมีโรคฝีดาษอุบัติใหม่ขึ้นมา[3],[4] ซึ่งแปลว่าคนในโลกนี้ควรจะปลอดจากเชื้อฝีดาษไปตลอดกาลแล้ว นับตั้งแต่ปี พ.ศ.​2523 หากไม่มีการรั่วไหล หรือมีวาระซ่อนเร้นในการทำธุรกิจกับชีวิตของมนุษยชาติ จริงหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ได้มีเหตุการณ์พบขวดทดลองที่มีลักษณะแห้งและแช่แข็งบรรจุเชื้อไข้ทรพิษจำนวน 6 ขวด เก็บอยู่ในกล่องในห้องเก็บของที่มีการควบคุมอุณหภูมิไว้ที่ 5 องศาเซลเซียส ของสถาบันเพื่อสุขภาพแห่งชาติอเมริกา (National Institutes of Health: NIH) ในสังกัดองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ในเบเธสดา รัฐแมรีแลนด์ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ที่ผ่านมา[3] เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความตระหนกแก่ประชาชนที่ทราบข่าว เนื่องจากความกลัวว่าจะมีการนำเชื้อไข้ทรพิษเป็นอาวุธชีวภาพ ทำให้มีการกำหนดมาตรฐานการเก็บรักษาเชื้อไวรัสไข้ทรพิษหรือฝีดาษ ว่าจะต้องถูกเก็บรักษาไว้ใน BSL-4 หรือแล็บความปลอดภัยด้านชีวภาพระดับ 4[3] แต่ห้องเก็บของที่พบกล่องบรรจุขวดเชื้อไวรัสฝีดาษไม่เข้ามาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูง ทำให้มีการสอบสวนที่มาที่ไปของขวดตัวอย่างที่พบและนำเข้าสู่ระบบการทำลายเชื้อ เพื่อให้เกิดความแน่ใจว่าจะไม่มีการนำไปใช้ในทางที่ผิด อันเนื่องมาจากความรุนแรงของโรคที่เคยปรากฏในอดีตที่ผ่านมา[3] คำถามที่ตามมามีอยู่ว่าในเมื่อเชื้อฝีดาษหายไปจากโลกกว่า 40 ปี และเชื้อตัวอย่างยังคงหลงเหลืออยู่เพียงแค่ห้องปฏิบัติการ 2 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา กับ รัสเซีย หากฝีดาษจะมีการกลับมาระบาดอีกครั้งในโลก ย่อมต้องถูกตั้งข้อสงสัยว่ามาจากสหรัฐอเมริกา หรือ รัสเซียกันแน่ ปรากฏในรายงานผลการสอบสวนของกรรมาธิการของวุฒิสภาในสหรัฐอเมริกาฉบับเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2567[5] พบว่าฝีดาษลิงที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ อาจเป็นปัญหาที่ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่เป็นการประดิษฐ์ขึ้นโดยมนุษย์ เรื่องดังกล่าวนี้ทำให้ศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567[6] นำรายงานผลการสอบสวนดังกล่าว และโพสต์ข้อความว่า “ไวรัสฝีดาษตัวใหม่ที่่ทั่วโลกกำลังตื่นตระหนก จากการประกาศขององค์การอนามัยโลกประสานกับองค์กรของสหรัฐฯ และพยายามจะให้มีการสะสมวัคซีนตลอดจนให้มีการใช้ทั่วโลก เป็นการเกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือมีการประดิษฐ์มีการตรวจสอบโดยกรรมาธิการเฉพาะของวุฒิสภาสหรัฐฯ โดยกรรมาธิการดังกล่าวออกรายงาน 73 หน้า ในวันที่ 11 มิถุนายน 2024 เป็นการสอบสวนการทำวิจัยไวรัสฝีดาษลิง ที่มีความเสี่ยงสูงโดยทำให้มีความรุนแรงมากขึ้นและติดต่อได้ง่ายขึ้นระหว่างคนสู่คน ขั้นตอนติดต่อส่วนของไวรัสในกลุ่มที่สอง ไปยังกลุ่มที่หนึ่งปรากฏว่าความรุนแรงลดลง ดังนั้นเลยมีกระบวนการที่ทำโดยเอาส่วนที่หนึ่งเสียบไปยังกลุ่มที่สองจนได้ผลสำเร็จ มีความรุนแรงมากขึ้นและแพร่ได้เร็ว เกิดการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สืบจนพบว่าเป็นการอนุมัติทุนในองค์กร NIH NIAID ของสหรัฐฯ ในปี 2015 และรายงานความสำเร็จในปี 2022 ซึ่งในขณะนั้นเอง ก่อให้เกิดความวิตกกังวลของนักวิทยาศาสตร์ทั่วไปถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น และนำไปสู่การสืบสวนจนกระทั่งถึงผู้อนุมัติสนับสนุนงานสร้างไวรัสใหม่ คือ ดร.เฟาซี (ดร.แอนโทนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อระดับแนวหน้าของสหรัฐฯ และหัวหน้าทีมที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขของประธานาธิบดี โจ ไบเดน) และเหตุการณ์ที่คล้องจอง คือการฝึกซ้อมรับมือผู้ก่อการร้าย โดยสมมุติว่ามีการใช้อาวุธชีวภาพ คือไวรัสฝีดาษลิงที่ตัดต่อพันธุกรรม ชื่อ Akhmeta ทั้งในปี 2021 และในปี 2022 โดยสร้างฉากทัศน์ เริ่มจากการปล่อยไวรัสจนกระทั่งมีการระบาดทั่วโลกและล้มตายไปหลายร้อยล้านคนและในขณะเดียวกันมีการตระเตรียมยาและวัคซีน เหตุการณ์ที่เกิดในปัจจุบันที่มีการติดเชื้อฝีดาษลิงในมนุษย์ที่ง่ายขึ้น เริ่มเกิดขึ้นในปี 2021 และ 2022 และทยอยแพร่ไปทั่วโลก จนองค์การอนามัยโลกประกาศเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินและผลักดันให้มีการฉีดวัคซีนทั่วโลก[6] ส่วนประเทศไทยได้ปรากฏข้อมูลที่รวมรวมโดยเว็บไซต์ Hfocus รายงานว่าการเกิดโรคฝีดาษในไทยพบหลักฐานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ดังปรากฎในพระราชพงศาวดารสมัยกรุงศรีอยุธยาว่า ถึงขนาดว่ามีพระมหากษัตริย์ไทยสวรรคตด้วยฝีดาษ 2 พระองค์  ได้แก่ สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 หน่อพุทธางกูร พระมหากษัตริย์ ลำดับที่ 11 ของกรุงศรีอยุธยา ทรงพระประชวรด้วยโรคไข้ทรพิษ และเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2076 หรือประมาณ 491 ปีที่แล้ว อีก 72 ปีต่อมา สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้ประชวรที่เมืองหาง (เมืองห้างหลวง ในรัฐฉาน) เป็นฝีละลอกขึ้นที่พระพักตร์ กลายเป็นพิษ และสวรรคต เมื่อ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 ซึ่งตรงกับช่วงศตวรรษที่ 16 มีการระบาดครั้งใหญ่ทั่วโลก และยังมีการระบาดในพ.ศ. 2292 สมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ที่ทำให้มีคนตายมาก[3] โรคฝีดาษ หรือ ไข้ทรพิษ ในอดีตนั้นมีความร้ายแรง เพราะยังถึงขั้นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาเสด็จสวรรคตถึง 2 พระองค์ได้ จึงมีความแตกต่างจากโรคระบาดชนิดอื่นๆ ดังนั้นในเวลาต่อๆมา โรคฝีดาษ หรือ ไข้ทรพิษ จึงเป็นโรคระบาดที่สำคัญที่ต้องมีการพัฒนาอย่างเร่งด่วน ทั้งการป้องกันการเกิดโรคระบาด จนถึงขั้นการรักษาโรค ในสมัยรัตนโกสินทร์ มีการระบาดของฝีดาษเช่นกัน จากบันทึกของหมอบรัดเลย์ ที่ระบุว่าในสมัยรัชกาลที่ 3 มีการระบาดของฝีดาษอย่างหนัก ทำให้หมอบรัดเลย์ริเริ่มการปลูกฝีบำบัดโรคฝีดาษเป็นครั้งแรกในไทยในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2379 โดยใช้เชื้อหนองฝีโคที่นำเข้ามาจากอเมริกา และได้เขียนตำราชื่อ “ตำราปลูกฝีให้กันโรคธระพิศม์ไม่ให้ขึ้นได้” ปรากฏมาจนถึงทุกวันนี้[3] ในระยะ พ.ศ. 2460 – 2504 ยังมีการระบาดของฝีดาษเกิดขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2488 – 2489 ช่วงการเกิดสงครามมีการระบาดของฝีดาษครั้งใหญ่สุดเริ่มต้นจากเชลยพม่าที่ทหารญี่ปุ่นจับมาสร้างทางรถไฟสายมรณะข้ามแม่นํ้าแควป่วยเป็นไข้ทรพิษและแพร่ไปยังกลุ่มกรรมกรไทยจากภาคต่างๆที่มารับจ้างทํางานในแถบนั้น เมื่อแยกย้ายกันกลับบ้าน ได้นําโรคกลับไปแพร่ระบาดใหญ่ทั่วประเทศ มีผู้ป่วยมากถึง 62,837 คน และเสียชีวิต 15,621 คน[3] การระบาดเกิดขึ้นอีกครั้งในปี พ.ศ. 2502 ทำให้มีผู้ป่วย 1,548 คน ตาย 272 คน และการระบาดครั้งสุดท้ายมีการบันทึกไว้ว่าเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2504 ที่อําเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย มีผู้ป่วย 34 ราย ตาย 5 ราย โดยรับเชื้อมาจากรัฐเชียงตุงของพม่า ทำให้กระทรวงสาธารณสุขเริ่มโครงการกวาดล้างไข้ทรพิษหรือฝีดาษในประเทศไทย รณรงค์ปลูกฝีป้องกันโรค จนปีพ.ศ. 2523 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศว่าฝีดาษได้ถูกกวาดล้างแล้วจึงหยุดการปลูกฝีป้องกันโรค   และนับแต่นั้นมาไม่เคยปรากฏว่ามีฝีดาษเกิดขึ้นในประเทศไทย[3] นี่คือเหตุผลว่าประเทศไทยได้ทำการปลูกฝี เพื่อป้องกันโรคฝีดาษ หรือไข้ทรพิษในปี พ.ศ. 2532 เป็นปีสุดท้าย หรือเมื่อประมาณ 44 ปีที่แล้ว ดังนั้นประชาชนไทยที่อายุมากกว่า 44 ปีขึ้นไป ก็น่าจะได้รับการปลูกฝีไปเกือบทั้งหมดแล้ว แต่เมื่อฝีดาษลิงกลับมาระบาดอีกครั้ง ก็ทำให้เกิดคำถามว่าประเทศไทยจะรับมืออย่างไร และเราควรจะฉีดวัคซีนหรือไม่? และคนที่มีอายุเกิน 44 ปี (ซึ่งส่วนใหญ่ได้ปลูกฝีไข้ทรพิษมาแล้ว)จะมีคนติดเชื้อโรคฝีดาษลิงหรือไม่ โดยวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2567 เว็บไซต์ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานสถานการณ์ฝีดาษวานร (ฝีดาษลิง)จนถึงปัจจุบันว่า มีผู้ป่วยฝีดาษลิงในประเทศไทย จำนวน 835 ราย เป็นเพศชายเกือบทั้งหมดมากถึง 814 ราย คิดเป็นร้อยละ 97.49 ในขณะที่เป็นเพศหญิง 21 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.51 เท่านั้น[7] ซึ่งถือว่าโอกาสติดเชื้อฝีดาษลิงในผู้หญิงน้อยมาก แต่ที่น่าสนใจคือ กลุ่มคนวัยหนุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เอชไอวี อย่างไรก็ตามกลุ่มคนที่เคยปลูกฝีไข้ทรพิษแล้วยังสามารถติดเชื้อฝีดาษลิงได้อยู่ดีแต่น้อยกว่าคนที่ไม่ได้ปลูกฝี ดังนี้ ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 0-14 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 2 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.36 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมด ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 15-19 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 3 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.24 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 20-24 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 81 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.70 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 25-29 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 172 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.59 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 30-39 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 347 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 41.56 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 40-49 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 174 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.83 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ในกลุ่มนี้หากพิจารณาแยกแยะผู้ที่มีอายุ 40-44 ปี ซึ่งไม่เคยได้รับการปลูกฝีมาก่อนมีจำนวน 130 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 15.65 ในขณะที่ผู้ที่มีอายุมากกว่า 45-49 ที่เชื่อว่าน่าจะได้รับการปลูกฝีแล้วติดเชื้อฝีดาษลิงแล้ว 44 ราย คิดเป็นเพียงร้อยละ 5.27 เท่านั้น ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 50-59 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 29 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.47 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ติดเชื้อฝีดาษลิง 8 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.95 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย[7] จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ในประเทศไทยผู้ที่มีอายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไปซึ่งน่าจะมีการปลูกฝีไข้ทรพิษไปแล้วก็ยังมีโอกาสติดเชื้อฝีดาษลิงได้ เพียงแต่มีสัดส่วนน้อยกว่าประชากรที่ยังไม่เคยได้รับการปลูกฝี คือ ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 44 ปีลงมา มีผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงจำนวน 754 รายคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 90.30 ในขณะที่ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้น (ซึ่งส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดได้รับการปลูกฝีไปแล้ว)มีผู้ป่วยติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งสิ้น 81 รายคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.70 ราย อย่างไรก็ตามในภาวะดังกล่าว มีคำแถลงจากนายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ความเห็นเอาไว้เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567 ความว่า “โดยจริงๆ วัคซีนไม่จำเป็นต้องฉีดทุกคน ไม่มีการระบาดทั่วไป เพราะอัตราการระบาดต่ำ แต่จะพบในผู้ป่วยเฉพาะ เช่น ผู้ขายบริการทางเพศ และชายรักชาย อีกทั้ง ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากผู้ป่วยเอชไอวี และไม่ทานยาทั้งหมด 13 รายที่ผ่านมา (เชื้อเคลด2)”[8] นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยังได้ “คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาเห็นว่า เพื่อเป็นการควบคุมโรค แต่เนื่องจากวัคซีนป้องกันฝีดาษวานรยังไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนในประเทศไทย ทางกรมควบคุมโรคจึงใช้ มาตรา 13(5) เพื่อการควบคุมโรค ตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510  จะมีการใช้งบประมาณ กรมควบคุมโรค วงเงิน 21 ล้านบาท เพื่อการจัดซื้อวัคซีนดังกล่าว รวม 3,000 โดส  เพื่อฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยง  3 กลุ่ม ประกอบด้วย   1. บุคลากรทางการแพทย์ที่เสี่ยงต่อการติดโรค อาทิ ไปสัมผัสเสี่ยงสูง คือ สัมผัสคนติดเชื้อ 2. กลุ่มไปสัมผัสโรค เสี่ยงว่าจะติดเชื้อ ก็จะฉีดภายใน 4 วัน และ3. มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดคนติดเชื้อ เช่น คนในครอบครัวที่ติดเชื้อ ซึ่ง 3 กลุ่มเสี่ยงนี้ กรมควบคุมโรคจะดูแลโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย“[8] เรื่องดังกล่าวนี้ทำให้ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิตให้ความเห็น เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2567 ในเรื่องความพยายามกระพือข่าวให้กลัวเพื่อให้เกิดการระดมฉีดวัคซีน ความว่า “กรมควบคุมโรคประกาศแล้ว ฝีดาษลิงอัตราการระบาดต่ำ ทั้งประเทศมีประมาณ 800 ราย และที่เสียชีวิตนั้น เพราะมีติดเชื้อไวรัสเอดส์ และโรคทางเพศสัมพันธ์อื่น การติดตามของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ผู้ติดเชื้อปลอดภัยดี วัคซีนขณะนี้ “ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน” และกระทรวงสาธารณสุข จะจัดการให้ฉีดฟรีใน “กลุ่มเสี่ยง” เท่านั้น ได้แก่ 1. บุคลากรทางการแพทย์ที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อ 2. คนที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อโดยต้องฉีดภายใน 4 วัน ทั้งสองกลุ่มนี้ฟรี ส่วนกลุ่มที่ต้องเดินทางในพื้นที่เสี่ยงนั้น การฉีดนั้นต้องจ่ายเงิน “กลุ่มที่กระพือข่าวให้น่ากลัว โดยไม่ยึดความจริง และอาจทำให้นำไปสู่การค้าวัคซีน ควรต้องจับตามองอย่างเข้มข้น””[9] อย่างไรก็ตามแม้ว่าฝีดาษลิงจะเป็นเชื้อที่ยังติดได้ยาก ส่วนใหญ่พบในผู้ป่วยเฉพาะคือ ขายบริการทางเพศ และชายรักชาย อีกทั้งผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากผู้ป่วยเอชไอวีที่ไม่ทานยาทั้งหมด ส่วนการติดนั้นต้องอาศัยการสัมผัสผิวใกล้ชิด อัตราการเสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำ คนส่วนใหญ่จึงยังไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนแต่ประการใด อย่างไรก็ตามเนื่องจากโรคฝีดาษที่กลับมาระบาดอีกครั้งในรอบ 44 ปี ทำให้ความรู้ในการรักษาผู้ป่วยขาดตอนไป คงเหลือแต่การค้นคว้ากรรมวิธีการรักษาในประวัติศาสตร์ของคนไทยว่าใช้วิธีการรักษาอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า “โรคฝีดาษ” เป็นโรคที่มีความจำเพาะ ถึงขนาดทำให้พระมหากษัตริย์สมัยอยุธยาเสด็จสวรรคตถึง 2 พระองค์ จึงปรากฏเรื่องของตำรับยาและสมุนไพรที่เกี่ยวกับการรักษา “โรคฝีดาษ” แยกออกมาต่างหากจากโรคระบาดอื่นๆ บันทึกปรากฏอยู่ในแผ่นศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 2 ของจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร[10]-[12] และอยู่ในแผ่นศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 3 ในแผ่นศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม[10],[13]-[15] นอกจากนั้น โรคฝีดาษไม่ใช่เป็นโรคระบาดอื่นๆที่ใช้ “ยาขาว”ที่ใช้กับโรคระบาดหลายชนิดในตำรับยาเดียว ที่ปรากฏในศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 3 ในแผ่นศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามอีกด้วย[16] หลักฐานที่ว่า “โรคฝีดาษ” ไม่ใช่โรคระบาดทั่วไปนั้น จะเห็นได้จากพระคัมภีร์ตักกะศิลาที่บันทึกภูมิปัญญามาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 และบันทึกมาโดยเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ที่ตกทอดมาถึงตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 หรือตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ไม่พบการกล่าวถึงคำว่า “ฝีดาษ” แต่ประการใด แต่ในที่สุดก็ได้พบตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ระบุคัมภีร์ชื่อ “พระตำหรับแผนฝีดาษ” บันทึกในสมุดไทย มีรายละเอียดจำนวนมากเกี่ยวกับโรคฝีดาษเป็นการเฉพาะ และมีจำนวนมากถึง 3 เล่ม จนไม่สามารถที่จะถ่ายทอดมาให้อ่านในหมดในบทความนี้ โดย “พระตำหรับแผนฝีดาษ” ในสมัยรัชกาลที่ 5 นั้น มีการกล่าวถึงลักษณะของฝีแต่ละชนิด และจุดที่เกิดฝีว่าบริเวณใดเป็นแล้วไม่เสียชีวิต รวมถึงบริเวณใดจะทำให้เสียชีวิตภายในกี่วัน จึงได้มีการแบ่งแยกวิธีการรักษาอย่างละเอียดยิบ อย่างไรก็ตามก็มีวาง “หลักการ“ ถึงวิธีการรักษาโรคฝีดาษปรากฏอยู่ใน ”พระตำหรับแผนฝีดาษ เล่ม 2“ ที่ระบุความตอนหนึ่งว่า ”๏ สิทธิการิยะ พระตำราประสะฝีดาษทั้งปวง ถ้าแพทย์ผู้ใดจะรักษาฝีดาษ ถ้าเห็นศีศะรู้ว่าเปนฝีดาษแน่แล้ว ให้กินยาล้อมตับดับพิศม์และให้กินยารุเสีย แลกินยาแปรภายใน พ่นยาแปรภายนอกแลกินยากะทุ้ง…“[17] หลังจากนั้นพอวันเวลาเปลี่ยนไปก็มีตำรับยาเฉพาะที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆจนรักษาฝีดาษจนหายในที่สุด ซึ่งในโอกาสอันสมควรก็น่าจะมีการรื้อฟื้น ศึกษา พระตำหรับแผนฝีดาษ สมัยรัชกาลที่ 5 แล้วทำการวิจัย พัฒนา เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับโรคฝีดาษในยุคปัจจุบันต่อไป ด้วยความปรารถนาดี ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 12 กันยายน 2567 อ้างอิง [1] Ryan KJ, Ray CG, บ.ก. (2004). Sherris Medical Microbiology (4th ed.). McGraw Hill. pp. 525–28. ISBN 978-0-8385-8529-0. [2] CDC, History of Smallpox, 25 July 2017 https://www.cdc.gov/smallpox/history/history.html [3] Hfocus, โรคระบาดร้ายแรงในอดีต ตอนที่ 3 โรคไข้ทรพิษ (ฝีดาษ), วันที่ 26 สิงหาคม 2558 https://www.hfocus.org/content/2014/08/7977 [4] World Health Organization, Small Pox, Media Center https://web.archive.org/web/20070921235036/http://www.who.int/mediacentre/factsheets/smallpox/en/ [5] U.S. House of Representatives, Interim Staff Report on Investigation into Risky MPXV Experiment at the National Institute of Allergy and Infectious Diseases, June 14 2024 https://d1dth6e84htgma.cloudfront.net/Mpox_Memo_Rpt_correction_18e95e3204.pdf?utm_source=substack&utm_medium=email&fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTAAAR0YlqstCXKzOUttRicgqQ6lG00dtMnZ_9pFf4FqtlBbSAyw5uR-tGR6QIM_aem_ZXPXy1XgTiGCTixSJJ-aFg [6] ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา, “หมอธีระวัฒน์” เปิดผลสอบสวน “ฝีดาษลิง” ธรรมชาติสร้างหรือมนุษย์ประดิษฐ์, ผู้จัดการออนไลน์, 6 กันยายน 2567 https://mgronline.com/qol/detail/9670000082903 [7] กรมควบคุมโรค, รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อฝีดาษวานร (Mpox), 12 กันยายน 2567 https://ddc.moph.go.th/monkeypox/dashboard.php [8] Hfocus, กรมควบคุมโรค ทุ่มงบ 21 ล้านบาท จัดหา “วัคซีนฝีดาษวานร” 3 พันโดสให้เฉพาะ 3 กลุ่มเสี่ยง, 6 กันยายน 2567 https://www.hfocus.org/content/2024/09/31577 [9] ผู้จัดการออนไลน์, “หมอธีระวัฒน์” แนะจับตาพวกกระพือข่าวให้ตื่นกลัวฝีดาษลิง หวังค้าวัคซีน หลังกรมควบคุมโรคยืนยันแล้วอัตราระบาดต่ำ, 7 กันยายน 2567 https://mgronline.com/qol/detail/9670000083178 [10] ผู้จัดการออนไลน์, “ปานเทพ” เผยตำรับยาแก้ “ฝีดาษ” ในศิลาจารึก แนะวิจัยสมุนไพรไทยต่อยอดไว้สู้ “ฝีดาษลิง”, เผยแพร่: 5 กันยายน 2567 https://mgronline.com/qol/detail/9670000082615 [11] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 18 ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2557( อัพเดทเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2567) https://db.sac.or.th/inscript.../inscribe/image_detail/14798 [12] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 46 (ยาผายเลือด) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อ โพสต์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558 https://db.sac.or.th/inscript.../inscribe/image_detail/16335 [13] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(ว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวง แผ่นที่ 22 ยาแก้จักษุโรคคือต้อ(5), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2560 https://db.sac.or.th/.../file/22-chaksurok-to5-tr2.pdf [14] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 7 ท้าวยายม่อม ข่าใหญ่ ข่าลิง กระทือ ไพล กระชาย หอม และกระเทียม) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 https://db.sac.or.th/.../7-thaoyaimom-khayai-khaling-tr1.pdf [15] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 แตงหนู ชิงชี่ บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี บอระเพ็ดพุงช้าง ผักปอดตัวเมีย ผักปอดตัวผู้ และพลูแก), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/detail/17723 [16] โรงเรียนแพทย์แผนโบราณ วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์), ตำรายา ศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) พระนคร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จารึกไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ ฉบับสมบูรณ์ ฉบับ พ.ศ.​๒๕๑๖ หน้า ๖๒ - ๖๔ [17] คณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒, ตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒
    Like
    Love
    46
    3 Comments 2 Shares 1384 Views 0 Reviews
  • Thaitimes Help Center เป็นศูนย์ช่วยเหลือสำหรับผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม Thaitimes โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้คำแนะนำ ตอบคำถาม และให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับการใช้งานต่างๆ ของ Thaitimes ทั้งในด้านการตั้งค่าบัญชีผู้ใช้ การแก้ปัญหาที่พบบ่อย รับเรื่องการแจ้งปัญหา ทีมงานพร้อมให้บริการและให้คำแนะนำที่ดีที่สุดเพื่อประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานแพลตฟอร์ม Thaitimes

    ใน Thaitimes Help Center คุณสามารถค้นหาคำแนะนำและบทความช่วยเหลือต่างๆ ที่ครอบคลุมการใช้งานทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่าบัญชีผู้ใช้ การเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนตัว การจัดการหน้าเพจ และการใช้ฟีเจอร์ที่หลากหลายของ Thaitimes นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำเกี่ยวกับการโพสต์ การแชร์เนื้อหา การจัดการความคิดเห็น การเชื่อมต่อกับเพื่อนและเครือข่ายสังคม ที่จะทำให้คุณสามารถใช้งาน Thaitimes ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมคำแนะนำและการช่วยเหลือจากทีมงานที่พร้อมจะดูแลคุณ

    #thaitimes #ThaitimesHelpCenter
    Thaitimes Help Center เป็นศูนย์ช่วยเหลือสำหรับผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม Thaitimes โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้คำแนะนำ ตอบคำถาม และให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับการใช้งานต่างๆ ของ Thaitimes ทั้งในด้านการตั้งค่าบัญชีผู้ใช้ การแก้ปัญหาที่พบบ่อย รับเรื่องการแจ้งปัญหา ทีมงานพร้อมให้บริการและให้คำแนะนำที่ดีที่สุดเพื่อประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานแพลตฟอร์ม Thaitimes ใน Thaitimes Help Center คุณสามารถค้นหาคำแนะนำและบทความช่วยเหลือต่างๆ ที่ครอบคลุมการใช้งานทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่าบัญชีผู้ใช้ การเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนตัว การจัดการหน้าเพจ และการใช้ฟีเจอร์ที่หลากหลายของ Thaitimes นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำเกี่ยวกับการโพสต์ การแชร์เนื้อหา การจัดการความคิดเห็น การเชื่อมต่อกับเพื่อนและเครือข่ายสังคม ที่จะทำให้คุณสามารถใช้งาน Thaitimes ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมคำแนะนำและการช่วยเหลือจากทีมงานที่พร้อมจะดูแลคุณ #thaitimes #ThaitimesHelpCenter
    Like
    Love
    15
    11 Comments 2 Shares 1056 Views 2 Reviews
  • #เรื่องป้าโจยิ่งล้วงยิ่งลึกยิ่งชวนอึ้ง
    #เปิดข้อมูลที่นี่ที่แรกลึกสุด
    หลังจากที่เพจคิงส์โพธิ์แดงได้ทำการเปิดข้อมูลและสื่อมวลชนหลายสำนักได้กรุณานำไปเผยแพร่เพื่อเป็นข้อมูลอีกด้าน เพื่อปกป้องไม่ให้พี่น้องชาวไทยตกเป็น เ-ห-ยื่-อ มิจกิมจิไปแล้วนั้น
    พี่คิงส์เปิดต่อเลยว่านี่ไม่ใช่แค่กามิจหวังติ๊กเกอร์ แต่มันคือข-บ-ว-น-ก-า-ร
    -โดยปัจจุบันมีคนไทยเข้าไปได้รับผลประโยชน์ และกำลังเสียประโยชน์จากการที่คนไทยได้ตื่นรู้
    คำถาม ป้าโจ ทำไมต้องออกหน้าออกตา presert face ป้องอิเหวิงกาฝากอย่างไม่เกรงกลัว ถึงขนาดกล้าท้าทายไร้มารยาทกับสื่อตำนานระดับคุณสนธิ ลิ้มทองกุล
    -ถ้าแฟนเพจคิงส์รับรู้เนื้อหาจากนี้ จะร้องอ๋ออย่างไม่ได้นัดหมาย
    -ก่อนอื่น ต้องเปิดที่มาขอรายรับหลักที่คนนอกน้อยคนที่จะรู้
    ซึ่งส่วนนี้เปรียบเสมือนเครือข่ายหลักของอิเหวิงกาฝากเป็นศูนย์บัญชาการใหญ่ของอิเหวิง และปัจจุบันนี้ห้องคลับนี้ก็เป็นที่รวมคนคลั่งรักกามิน เปรียบเสมือนลัทธิเชื่อมจิตไปแล้วจริงๆ
    -กลุ่มลั-บนี้ เป็นจุดรวมพลfcของกามินที่เต็มไปด้วยความภักดี เป็นชายไทย 99% ซึ่งมันชื่อเป็นห้องแชท ลักษณะเหมือนกรุ๊ปไลน์ห้องใหญ่ บรรจุจำนวนคนที่อยู่ห้องแชทนี่ประมาณ 1,200 กว่าคน มีชื่อว่าห้อง Discord
    .......
    -ห้องแชทนี้มันฟังก์ชั่นที่ผูกติดกับแอพ tiktok เกาหลีได้จัดทำขึ้น ซึ่งคนที่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปอยู่ในห้องนี้ได้ ต้องชำระเงินรายเดือนๆละประมาณ 250บาท รวมเบ็ดเสร็จโดยรวมๆนางกามินจะได้รายรับจากห้องนี้เดือนละ 250×1,200=300,000 บาท อันนี้คือยืนพื้นเลย ฮ่าๆ
    -ขบวนการนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่?-
    ก็ตั้งแต่ที่อิเหวิงเป็นที่รู้จักแรกๆจากแค่เป็น tiktoker ที่ชาลีกำลังจีบในช่วงแรกๆ ย้อนไปเมื่อประมาณ 8 เดือนที่แล้ว
    -อิกาฝากก็เริ่มมาประกาศในกลุ่มfcชาลีว่าถ้าอยากจะได้คุยส่วนตัวแบบ vip และอาจจะได้รับข่าวความเคลื่อนไหวพิเศษๆ ก็ให้สมัครเข้ามาอยู่ในห้องนี้ เป็นไงหละ ฉ่ำมั๊ย “ฉันมาเพราะฉันรักชาลี” ถถถถถ
    -ฉะนั้นfcของชาลีที่เป็นผู้ชายกลุ่มแรกๆก็สมัครเข้าไปเพราะจะเข้าไปดูอิเหวิง เพราะแสดงเก่งมากจะมีล่อหลอกว่ามีการพูดถึงความรู้สึกที่อิกาฝากที่มีต่อชาลีว่าอย่างไรบ้าง นี่แหละมันถึงดึงเช็งไม่ยอมบอกว่าเป็นแฟนชาลี เวลาสื่อถาม เช็ดดดด
    นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการกล่อมจาก fcชาลีให้กลายเป็นfcอิเหวิงจนถึงทุกวันนี้
    -ตอนเริ่มแรกมีแค่200 กว่าๆ จนเพิ่มจำนวนพีคสุดถึง 5,000 คน
    แต่เผอิญไปเจอดราม่าที่นางกลับเกาหลีแล้วขาดการติดต่อไปรอบแรก โดนทัวร์ลงคนเลยออกจากห้องไปเหลือแค่ประมาณ 1,500 คน
    -ห้องนี้คือห้องโปรยสเน่ห์ของกามิจของแทร่ มารอบนี้วางแผนมาดีไอ่ที่เงียบๆไปชาลีทักก็ไม่ตอบนี่แหละ กลับมาปุ๊บเริ่มระดม MVP ที่เป็นfc กระเป๋าหนักเข้ามาสื่อสารกันในกลุ่มนี้นี้
    ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาชาลีเคยฟาดและตำหนิห้องแชทนี้บ่อยๆ เพราะชาลีไม่เห็นด้วยกับการแบ่งแยกกลุ่ม fcด้วยการเสียเงิน และมันเหมือนหาผลประโยชน์กับfcมากไป
    แต่ชาลีไม่สามารถหยุดเรื่องนี้ได้ ก็ได้แต่ขอร้องว่าห้ามมาโฆษณาให้หาสมาชิกเพิ่มด้วยการเอาโมเม้นท์จิ้นมาขายในนี้
    -นั่นจึงเป็นที่มาว่าเริ่มมีfcใน discord เริ่มไม่ชอบชาลีเพราะรู้สึกว่าถึงการขัดขาของชาลีมีผลกระทบต่อรายได้ของกามิจและคนในขบวนการ
    และเมื่อเวลาผ่านไป fcใน discord ก็เริ่มชัดเจนขึ้นว่าพวกเค้าเป็น fcกามิจแค่คนเดียว 100% เพราะสร้างอคติในกลุ่มให้ชังชาลีหนักมาก
    นั่นจึงเป็นที่มาว่าเวลาที่ชาลีทำอะไรกระทบถึงกามิน วันต่อมาชาลีจะโดนทัวร์มาตลอดก็เพราะอิกลุ่มนี้นี่แหละ
    - และอิเหวิงเองก็จะให้ความพิเศษว่า fc จากdiscord คือคนพิเศษของเธอ วีรกรรมเด็ดๆคือ เคยมีครั้งนึงที่นางอยู่ที่คู้บอนแล้วไปฟ้อง fcว่ายุงกัด วันต่อมาชาลีก็จะโดนไดเรคส่วนตัวด่าทันที สุดมั๊ยล่ะ
    -Discord เป็นแหล่งรวมพลที่ใช้กล่อมให้เกิดอุปทานหมู่ fcอิเหวิงที่แข็งแกร่งมาก ถึงขั้นเคยมีคนในห้องแชทแทบจะลงแดงถ้าอิเหวิงกามิจไม่ได้เข้าไปทักแชทในนั่นเกิน1วัน นี่จึงเป็นที่มาว่าทำไมยังมีfc ที่ไม่ยอมรับฟังและรับรู้ความถูกผิดที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน fcในdiscord
    จะมีแนวคิดว่า “อิเหวิงคือเทวดาของทุกคนในนั้นจริงๆ”
    ที่ผ่านมาจึงมีปัญหากับชาลีมาตลอดเพราะชาลีพยายามจะเตือนว่า อย่าสปอยล์จนเหมือนใครๆก็ตำหนิไม่ได้ และที่นี่เปรียบเสมือนทหารของกามินที่เวลามีแข่ง tiktok PK แมทซ์ใหญ่ๆ กามินก็จะมาตามเทพและ fcทุกคนให้ไปเปย์อิเหวิงด้วยคำว่า.. "ชั้นเกรงใจทุกคนมากๆ แต่แต่แมทซ์นี้ ชั้นต้องการชนะนะ" เท่านั้นหละติ๊กเกอร์ลอยมาเพียบบบบ
    -ปัจจุบันจากกระแสลบๆที่อิเหวิงทำมา ล่าสุดจำนวนfcในdiscordเหลือเพียง 1,200 กว่าคน แต่ก็ยังถือว่านางมีผู้สนับสนุนแบบภักดี ชนิดที่บางคนเคยออกมาประกาศว่าจะยอมตุยเพื่ออิห่านจิกเลย อันนี้แหละที่น่ากลัวมากๆ และในช่วงที่ผ่านมาในตอนที่ชาลีประกาศแยกทางกับกามิน ชาลีพยายามอย่างหนักที่จะสื่อสารกับfcทุกกลุ่มและทุกฝ่ายถึงการเลิกรา เพื่อที่จะถนอมใจfcไม่ให้ตกใจและเกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายและตีกัน
    ชาลีใช้เวลาเป็นอาทิตย์ที่พยายามเรียก หัวหน้ากลุ่มfcแต่ละกลุ่มเข้าพบที่บ้านคู้บอน เพื่อสร้างความเข้าใจและให้เลิกรากันด้วยดี และพยายามหยุดวงจรการสนับสนุนการส่งสติกเกอร์ให้กามินแบบบ้-า-ค-ลั่-ง เพราะที่ผ่านมามีfcบางรายสูญเสียเงินจากตรงนี้เป็นล้าน และบางคนต้องเป็นหนี้เป็นสินจากการที่กามินเล่น PK
    -ชาลีพยายามหยุดกามินให้เพลาๆเรื่องการหากินกับการ PK เพราะมันคือการดูดเงินจากfcชาวไทย ด้วยการใช้ความรักเข้าแลก แต่กามินไม่มีทีท่าจะหยุด และยังแพลนที่จะสำนักงานธุรกิจนี้ในประเทศไทยด้วย และนี่ก็เป็นส่วนอีกส่วนนึงที่ทำให้ชาลีเลือกที่จะขอเลิก ทั้งๆที่ก็ยังรัก ชาลีรู้สึกถึงละโมบที่ไม่มีวันเพียงพอที่จะเข้ามกอบโกยเงินไทยของกามินแบบไม่สิ้นสุด
    ..
    -สุดท้ายวินาทีนี้ความมั่นใจของกามินยังไม่ได้สลดหรือรู้สึกผิดใดๆเลยค่ะ นางใช้จุดรวมพลใน discord เอาไว้บัญชาการปั่นให้fcตามไป-ด่-า-ชาลีทุกช่องทาง สร้างข่าวลือหาว่าชาลีป่-ว-ย-ท-า-ง-จิ-ต และเริ่มปลุกระดมจะฟ้องร้องชาลีด้วยการประสานงานจากหัวหน้า FCและเทพทุนหนาคนไทย
    ..
    -จนล่าสุดวันนี้ที่ชาลีออกมาไลฟ์ประมาณ5นาที ที่มีเนื้อหาพยายามสื่อสารบอกทางกามินให้หยุดการยุยงให้ fc ตีกัน แต่ฝ่ายเชียร์อิเหวิงก็แถว่าชาลีสื่อถึงเพจคิงส์โพธิ์แดง ไอ่ฉัดคนละเรื่องเลยอิเวง
    และบอกให้ทาง discord ให้รู้จักคิดได้แล้วเพราะแต่ละคนที่กำลังวางแผนเรื่องแบบนี้อยู่ ก็อายุอาวุโสกันทั้งนั้นแต่ก็ยังโดนผู้หญิงเกาหลีคนเดียวปั่นหัว ชาลีบอกถ้าไม่หยุด เค้าจะไม่เซฟกามินแล้ว เพราะที่ผ่านมาชาลียังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของความชั่วร้ายที่กามินทำเอาไว้หมดเลย เพราะเห็นแก่ยังอยากให้นางยังมีที่ยืนบ้าง แต่ถ้าไม่หยุดและยังคอยปั่นให้fcไทยตีกันอีก ชาลีจะไม่ทน
    ..
    -ชาลีต้องพยายามหยุดอิเหวิงให้ได้เพราะอินางนี่ใช้วิธีแบบ Romance scammed คือการล่อหลอกรายได้ด้วยความสเน่หาจาก fcชาวไทย จนหลายคนหมดตัวและมีหนี้สินเยอะมาก
    ชื่อคนที่อยู่เบื้องหลังการปลุกระดมในกลุ่มของกามิน และได้รับเงินจ้างจาก MPVสายเปย์ของกามิน
    คือ โจ มนฑานี
    อ๋อยัง อิป้าโจ อิเหวิงอิกามิจ
    อิฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #เรื่องป้าโจยิ่งล้วงยิ่งลึกยิ่งชวนอึ้ง #เปิดข้อมูลที่นี่ที่แรกลึกสุด หลังจากที่เพจคิงส์โพธิ์แดงได้ทำการเปิดข้อมูลและสื่อมวลชนหลายสำนักได้กรุณานำไปเผยแพร่เพื่อเป็นข้อมูลอีกด้าน เพื่อปกป้องไม่ให้พี่น้องชาวไทยตกเป็น เ-ห-ยื่-อ มิจกิมจิไปแล้วนั้น พี่คิงส์เปิดต่อเลยว่านี่ไม่ใช่แค่กามิจหวังติ๊กเกอร์ แต่มันคือข-บ-ว-น-ก-า-ร -โดยปัจจุบันมีคนไทยเข้าไปได้รับผลประโยชน์ และกำลังเสียประโยชน์จากการที่คนไทยได้ตื่นรู้ คำถาม ป้าโจ ทำไมต้องออกหน้าออกตา presert face ป้องอิเหวิงกาฝากอย่างไม่เกรงกลัว ถึงขนาดกล้าท้าทายไร้มารยาทกับสื่อตำนานระดับคุณสนธิ ลิ้มทองกุล -ถ้าแฟนเพจคิงส์รับรู้เนื้อหาจากนี้ จะร้องอ๋ออย่างไม่ได้นัดหมาย -ก่อนอื่น ต้องเปิดที่มาขอรายรับหลักที่คนนอกน้อยคนที่จะรู้ ซึ่งส่วนนี้เปรียบเสมือนเครือข่ายหลักของอิเหวิงกาฝากเป็นศูนย์บัญชาการใหญ่ของอิเหวิง และปัจจุบันนี้ห้องคลับนี้ก็เป็นที่รวมคนคลั่งรักกามิน เปรียบเสมือนลัทธิเชื่อมจิตไปแล้วจริงๆ -กลุ่มลั-บนี้ เป็นจุดรวมพลfcของกามินที่เต็มไปด้วยความภักดี เป็นชายไทย 99% ซึ่งมันชื่อเป็นห้องแชท ลักษณะเหมือนกรุ๊ปไลน์ห้องใหญ่ บรรจุจำนวนคนที่อยู่ห้องแชทนี่ประมาณ 1,200 กว่าคน มีชื่อว่าห้อง Discord ....... -ห้องแชทนี้มันฟังก์ชั่นที่ผูกติดกับแอพ tiktok เกาหลีได้จัดทำขึ้น ซึ่งคนที่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปอยู่ในห้องนี้ได้ ต้องชำระเงินรายเดือนๆละประมาณ 250บาท รวมเบ็ดเสร็จโดยรวมๆนางกามินจะได้รายรับจากห้องนี้เดือนละ 250×1,200=300,000 บาท อันนี้คือยืนพื้นเลย ฮ่าๆ -ขบวนการนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่?- ก็ตั้งแต่ที่อิเหวิงเป็นที่รู้จักแรกๆจากแค่เป็น tiktoker ที่ชาลีกำลังจีบในช่วงแรกๆ ย้อนไปเมื่อประมาณ 8 เดือนที่แล้ว -อิกาฝากก็เริ่มมาประกาศในกลุ่มfcชาลีว่าถ้าอยากจะได้คุยส่วนตัวแบบ vip และอาจจะได้รับข่าวความเคลื่อนไหวพิเศษๆ ก็ให้สมัครเข้ามาอยู่ในห้องนี้ เป็นไงหละ ฉ่ำมั๊ย “ฉันมาเพราะฉันรักชาลี” ถถถถถ -ฉะนั้นfcของชาลีที่เป็นผู้ชายกลุ่มแรกๆก็สมัครเข้าไปเพราะจะเข้าไปดูอิเหวิง เพราะแสดงเก่งมากจะมีล่อหลอกว่ามีการพูดถึงความรู้สึกที่อิกาฝากที่มีต่อชาลีว่าอย่างไรบ้าง นี่แหละมันถึงดึงเช็งไม่ยอมบอกว่าเป็นแฟนชาลี เวลาสื่อถาม เช็ดดดด นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการกล่อมจาก fcชาลีให้กลายเป็นfcอิเหวิงจนถึงทุกวันนี้ -ตอนเริ่มแรกมีแค่200 กว่าๆ จนเพิ่มจำนวนพีคสุดถึง 5,000 คน แต่เผอิญไปเจอดราม่าที่นางกลับเกาหลีแล้วขาดการติดต่อไปรอบแรก โดนทัวร์ลงคนเลยออกจากห้องไปเหลือแค่ประมาณ 1,500 คน -ห้องนี้คือห้องโปรยสเน่ห์ของกามิจของแทร่ มารอบนี้วางแผนมาดีไอ่ที่เงียบๆไปชาลีทักก็ไม่ตอบนี่แหละ กลับมาปุ๊บเริ่มระดม MVP ที่เป็นfc กระเป๋าหนักเข้ามาสื่อสารกันในกลุ่มนี้นี้ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาชาลีเคยฟาดและตำหนิห้องแชทนี้บ่อยๆ เพราะชาลีไม่เห็นด้วยกับการแบ่งแยกกลุ่ม fcด้วยการเสียเงิน และมันเหมือนหาผลประโยชน์กับfcมากไป แต่ชาลีไม่สามารถหยุดเรื่องนี้ได้ ก็ได้แต่ขอร้องว่าห้ามมาโฆษณาให้หาสมาชิกเพิ่มด้วยการเอาโมเม้นท์จิ้นมาขายในนี้ -นั่นจึงเป็นที่มาว่าเริ่มมีfcใน discord เริ่มไม่ชอบชาลีเพราะรู้สึกว่าถึงการขัดขาของชาลีมีผลกระทบต่อรายได้ของกามิจและคนในขบวนการ และเมื่อเวลาผ่านไป fcใน discord ก็เริ่มชัดเจนขึ้นว่าพวกเค้าเป็น fcกามิจแค่คนเดียว 100% เพราะสร้างอคติในกลุ่มให้ชังชาลีหนักมาก นั่นจึงเป็นที่มาว่าเวลาที่ชาลีทำอะไรกระทบถึงกามิน วันต่อมาชาลีจะโดนทัวร์มาตลอดก็เพราะอิกลุ่มนี้นี่แหละ - และอิเหวิงเองก็จะให้ความพิเศษว่า fc จากdiscord คือคนพิเศษของเธอ วีรกรรมเด็ดๆคือ เคยมีครั้งนึงที่นางอยู่ที่คู้บอนแล้วไปฟ้อง fcว่ายุงกัด วันต่อมาชาลีก็จะโดนไดเรคส่วนตัวด่าทันที สุดมั๊ยล่ะ -Discord เป็นแหล่งรวมพลที่ใช้กล่อมให้เกิดอุปทานหมู่ fcอิเหวิงที่แข็งแกร่งมาก ถึงขั้นเคยมีคนในห้องแชทแทบจะลงแดงถ้าอิเหวิงกามิจไม่ได้เข้าไปทักแชทในนั่นเกิน1วัน นี่จึงเป็นที่มาว่าทำไมยังมีfc ที่ไม่ยอมรับฟังและรับรู้ความถูกผิดที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน fcในdiscord จะมีแนวคิดว่า “อิเหวิงคือเทวดาของทุกคนในนั้นจริงๆ” ที่ผ่านมาจึงมีปัญหากับชาลีมาตลอดเพราะชาลีพยายามจะเตือนว่า อย่าสปอยล์จนเหมือนใครๆก็ตำหนิไม่ได้ และที่นี่เปรียบเสมือนทหารของกามินที่เวลามีแข่ง tiktok PK แมทซ์ใหญ่ๆ กามินก็จะมาตามเทพและ fcทุกคนให้ไปเปย์อิเหวิงด้วยคำว่า.. "ชั้นเกรงใจทุกคนมากๆ แต่แต่แมทซ์นี้ ชั้นต้องการชนะนะ" เท่านั้นหละติ๊กเกอร์ลอยมาเพียบบบบ -ปัจจุบันจากกระแสลบๆที่อิเหวิงทำมา ล่าสุดจำนวนfcในdiscordเหลือเพียง 1,200 กว่าคน แต่ก็ยังถือว่านางมีผู้สนับสนุนแบบภักดี ชนิดที่บางคนเคยออกมาประกาศว่าจะยอมตุยเพื่ออิห่านจิกเลย อันนี้แหละที่น่ากลัวมากๆ และในช่วงที่ผ่านมาในตอนที่ชาลีประกาศแยกทางกับกามิน ชาลีพยายามอย่างหนักที่จะสื่อสารกับfcทุกกลุ่มและทุกฝ่ายถึงการเลิกรา เพื่อที่จะถนอมใจfcไม่ให้ตกใจและเกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายและตีกัน ชาลีใช้เวลาเป็นอาทิตย์ที่พยายามเรียก หัวหน้ากลุ่มfcแต่ละกลุ่มเข้าพบที่บ้านคู้บอน เพื่อสร้างความเข้าใจและให้เลิกรากันด้วยดี และพยายามหยุดวงจรการสนับสนุนการส่งสติกเกอร์ให้กามินแบบบ้-า-ค-ลั่-ง เพราะที่ผ่านมามีfcบางรายสูญเสียเงินจากตรงนี้เป็นล้าน และบางคนต้องเป็นหนี้เป็นสินจากการที่กามินเล่น PK -ชาลีพยายามหยุดกามินให้เพลาๆเรื่องการหากินกับการ PK เพราะมันคือการดูดเงินจากfcชาวไทย ด้วยการใช้ความรักเข้าแลก แต่กามินไม่มีทีท่าจะหยุด และยังแพลนที่จะสำนักงานธุรกิจนี้ในประเทศไทยด้วย และนี่ก็เป็นส่วนอีกส่วนนึงที่ทำให้ชาลีเลือกที่จะขอเลิก ทั้งๆที่ก็ยังรัก ชาลีรู้สึกถึงละโมบที่ไม่มีวันเพียงพอที่จะเข้ามกอบโกยเงินไทยของกามินแบบไม่สิ้นสุด .. -สุดท้ายวินาทีนี้ความมั่นใจของกามินยังไม่ได้สลดหรือรู้สึกผิดใดๆเลยค่ะ นางใช้จุดรวมพลใน discord เอาไว้บัญชาการปั่นให้fcตามไป-ด่-า-ชาลีทุกช่องทาง สร้างข่าวลือหาว่าชาลีป่-ว-ย-ท-า-ง-จิ-ต และเริ่มปลุกระดมจะฟ้องร้องชาลีด้วยการประสานงานจากหัวหน้า FCและเทพทุนหนาคนไทย .. -จนล่าสุดวันนี้ที่ชาลีออกมาไลฟ์ประมาณ5นาที ที่มีเนื้อหาพยายามสื่อสารบอกทางกามินให้หยุดการยุยงให้ fc ตีกัน แต่ฝ่ายเชียร์อิเหวิงก็แถว่าชาลีสื่อถึงเพจคิงส์โพธิ์แดง ไอ่ฉัดคนละเรื่องเลยอิเวง และบอกให้ทาง discord ให้รู้จักคิดได้แล้วเพราะแต่ละคนที่กำลังวางแผนเรื่องแบบนี้อยู่ ก็อายุอาวุโสกันทั้งนั้นแต่ก็ยังโดนผู้หญิงเกาหลีคนเดียวปั่นหัว ชาลีบอกถ้าไม่หยุด เค้าจะไม่เซฟกามินแล้ว เพราะที่ผ่านมาชาลียังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของความชั่วร้ายที่กามินทำเอาไว้หมดเลย เพราะเห็นแก่ยังอยากให้นางยังมีที่ยืนบ้าง แต่ถ้าไม่หยุดและยังคอยปั่นให้fcไทยตีกันอีก ชาลีจะไม่ทน .. -ชาลีต้องพยายามหยุดอิเหวิงให้ได้เพราะอินางนี่ใช้วิธีแบบ Romance scammed คือการล่อหลอกรายได้ด้วยความสเน่หาจาก fcชาวไทย จนหลายคนหมดตัวและมีหนี้สินเยอะมาก ชื่อคนที่อยู่เบื้องหลังการปลุกระดมในกลุ่มของกามิน และได้รับเงินจ้างจาก MPVสายเปย์ของกามิน คือ โจ มนฑานี อ๋อยัง อิป้าโจ อิเหวิงอิกามิจ อิฉัด #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    5
    0 Comments 0 Shares 1202 Views 0 Reviews
  • มีข้อมูลมาบอกว่าทำไมตะวันถึงกลับมาป่วน
    ก็ตามภาพข่าวตะวันถูกร้องถอนประกัน
    เพราะอิพ่อมันเคยบอกศาลว่าขอประกัน
    จะไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองและไม่ให้มาป่วนชาติอีก
    จะเอาไปเรียนหนังสือบลาๆๆๆ
    ทั้งๆที่ผิดกรณีฝ่าฝืนคำสั่งศาล
    พรรคส้มก็โหนว่าเป็นเรื่อง 112
    แต่ศาลท่านก็เมตตาหวังให้มันกลับเนื้อกลับตัว
    คำถามคือ ตะวันทะลุวังออกมาป่วนแบบนี้
    มันไม่รู้เหรอว่าต้องถูกถอนประกัน
    ตอบคือรู้แต่กรูจะทำ เพราะพรรคส้มเริ่มแผนใหม่
    ไฟเขียวให้ตะวันเป็นตัวอย่าง
    เนื่องจากธนาธรมั่นใจในการจับมือกับโทนี่
    ให้นิรโทษ 112 ทั้งธร ทั้งแม๊ว และบริวารของธร
    รวมถึงกลุ่มทะลุวัง ถือว่าเป็นเคสตัวอย่าง
    ว่าตะวันยังกล้า เพราะที่ผ่านมาหลังอิบุ้งช้างลากตุย
    ก็ไม่มีกลุ่มไหนกล้าห้าวมาแบบยาวๆแม้แต่วันยุบพรรค
    ก็ไม่สามารถเรียกใครมาได้เลย
    รอบนี้ พ่อตะวันได้ไปหลาย อัดฉีดกับเต็มที่
    ก็งบผ่านฑูตอเมกาเช่นเคย คาดว่าไม่น้อยกว่าเพนกวิ้น
    ที่รวยจุก
    ก็ต้องรอดูต่อไปว่า กลุ่มป่วนเมืองจะทะยอยออกมาอีกมากแค่ไหน
    อาจทำให้รำคาญตารำคาญใจกันบ้าง
    เพราะโทนี่ต้องพึ่งพาพวกนี้ให้ตัวเองพ้นผิดจริงๆ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    มีข้อมูลมาบอกว่าทำไมตะวันถึงกลับมาป่วน ก็ตามภาพข่าวตะวันถูกร้องถอนประกัน เพราะอิพ่อมันเคยบอกศาลว่าขอประกัน จะไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองและไม่ให้มาป่วนชาติอีก จะเอาไปเรียนหนังสือบลาๆๆๆ ทั้งๆที่ผิดกรณีฝ่าฝืนคำสั่งศาล พรรคส้มก็โหนว่าเป็นเรื่อง 112 แต่ศาลท่านก็เมตตาหวังให้มันกลับเนื้อกลับตัว คำถามคือ ตะวันทะลุวังออกมาป่วนแบบนี้ มันไม่รู้เหรอว่าต้องถูกถอนประกัน ตอบคือรู้แต่กรูจะทำ เพราะพรรคส้มเริ่มแผนใหม่ ไฟเขียวให้ตะวันเป็นตัวอย่าง เนื่องจากธนาธรมั่นใจในการจับมือกับโทนี่ ให้นิรโทษ 112 ทั้งธร ทั้งแม๊ว และบริวารของธร รวมถึงกลุ่มทะลุวัง ถือว่าเป็นเคสตัวอย่าง ว่าตะวันยังกล้า เพราะที่ผ่านมาหลังอิบุ้งช้างลากตุย ก็ไม่มีกลุ่มไหนกล้าห้าวมาแบบยาวๆแม้แต่วันยุบพรรค ก็ไม่สามารถเรียกใครมาได้เลย รอบนี้ พ่อตะวันได้ไปหลาย อัดฉีดกับเต็มที่ ก็งบผ่านฑูตอเมกาเช่นเคย คาดว่าไม่น้อยกว่าเพนกวิ้น ที่รวยจุก ก็ต้องรอดูต่อไปว่า กลุ่มป่วนเมืองจะทะยอยออกมาอีกมากแค่ไหน อาจทำให้รำคาญตารำคาญใจกันบ้าง เพราะโทนี่ต้องพึ่งพาพวกนี้ให้ตัวเองพ้นผิดจริงๆ #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 291 Views 0 Reviews
  • 3 แสนล้านบาท/ปี
    คือตัวเลขเม็ดเงิน นอกจีดีพี หรือนอกเศรษฐกิจไทย
    ที่ประชาชน ชาวบ้าน ห้างร้าน ธุรกิจ การค้า บริษัทต่างๆ
    ต้องจ่ายใต้โต๊ะ ติดสินบน เดินเรื่องเพื่ออำนวยความสะดวกต่างๆ
    วิ่งเต้นตำแหน่ง ให้กับข้าราชการประจำ

    คำถามคือ แล้วข้าราชการการเมือง ตัวเลขเม็ดเงินนอกจีดีพี
    จะขนาดไหน?
    ที่มา : องค์การต่อต้านคอรัปชั่น(แห่งประเทศไทย)

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #คอร์รัปชัน #thaitimes
    🔥🔥3 แสนล้านบาท/ปี คือตัวเลขเม็ดเงิน นอกจีดีพี หรือนอกเศรษฐกิจไทย ที่ประชาชน ชาวบ้าน ห้างร้าน ธุรกิจ การค้า บริษัทต่างๆ ต้องจ่ายใต้โต๊ะ ติดสินบน เดินเรื่องเพื่ออำนวยความสะดวกต่างๆ วิ่งเต้นตำแหน่ง ให้กับข้าราชการประจำ 🔥คำถามคือ แล้วข้าราชการการเมือง ตัวเลขเม็ดเงินนอกจีดีพี จะขนาดไหน? ที่มา : องค์การต่อต้านคอรัปชั่น(แห่งประเทศไทย) #หุ้นติดดอย #การลงทุน #คอร์รัปชัน #thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 528 Views 0 Reviews
  • เทคโนโลยีอวกาศของอเมริกาตามหลังรัสเซีย:

    เป็นข่าวมาหลายอาทิตย์แล้ว นักบินอวกาศ ๒ คนของอเมริกาซึ่งมีกำหนดจะกลับมายังโลกเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า เกิดเครื่องยนต์ขัดข้อง อาหารกินก็หมดลง เดิมทีกำลังจะอดอาหารตายบนอวกาศเพราะรัฐบาลอเมริกาไม่มีปัญญาจะนำความช่วยเหลือไปให้บนอวกาศได้ มีแต่รัฐบาลรัสเซียเท่านั้นที่มีศักยภาพจะช่วยได้

    ตอนหลังมีข่าวว่ารัฐบาลอเมริกาแอบไปขอให้รัสเซียช่วย รัสเซียก็ใจกว้างเหลือเกิน ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ส่งอาหารไปให้นักบิน ๒ คนรวมน้ำหนักทั้งหมด ๓ ตันเผื่อขาดเผื่อเหลือจนได้

    ตอนนี้ แคปซูล Boeing Starliner ซึ่งจะนำนักบิน ๒ คนกลับบ้าน ได้กลับมายังโลกก่อนแล้ว ทิ้งให้นักบินอยู่กับยานอวกาศบนอวกาศต่อไป

    คำถามคืออเมริกาจะช่วยนักบิน ๒ คนให้กลับมายังโลกโดยปลอดภัยยังไง? มีทางเลือกแค่ ๓ ทางเท่านั้น

    ๑.ปล่อยให้นักบินตายบนอวกาศ ๒.ขอให้รัสเซียช่วยเหมือนเดิม ๓.นักบินเลือกหนีอเมริกาไปอยู่รัสเซีย ขอให้รัสเซียช่วยเองโดยตรง

    ความจริงก็คือเทคโนโลยีไปอวกาศของอเมริกาตามหลังรัสเซีย แต่คุยโม้เก่งกว่าเท่านั้น



    ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    เทคโนโลยีอวกาศของอเมริกาตามหลังรัสเซีย: เป็นข่าวมาหลายอาทิตย์แล้ว นักบินอวกาศ ๒ คนของอเมริกาซึ่งมีกำหนดจะกลับมายังโลกเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า เกิดเครื่องยนต์ขัดข้อง อาหารกินก็หมดลง เดิมทีกำลังจะอดอาหารตายบนอวกาศเพราะรัฐบาลอเมริกาไม่มีปัญญาจะนำความช่วยเหลือไปให้บนอวกาศได้ มีแต่รัฐบาลรัสเซียเท่านั้นที่มีศักยภาพจะช่วยได้ ตอนหลังมีข่าวว่ารัฐบาลอเมริกาแอบไปขอให้รัสเซียช่วย รัสเซียก็ใจกว้างเหลือเกิน ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ส่งอาหารไปให้นักบิน ๒ คนรวมน้ำหนักทั้งหมด ๓ ตันเผื่อขาดเผื่อเหลือจนได้ ตอนนี้ แคปซูล Boeing Starliner ซึ่งจะนำนักบิน ๒ คนกลับบ้าน ได้กลับมายังโลกก่อนแล้ว ทิ้งให้นักบินอยู่กับยานอวกาศบนอวกาศต่อไป คำถามคืออเมริกาจะช่วยนักบิน ๒ คนให้กลับมายังโลกโดยปลอดภัยยังไง? มีทางเลือกแค่ ๓ ทางเท่านั้น ๑.ปล่อยให้นักบินตายบนอวกาศ ๒.ขอให้รัสเซียช่วยเหมือนเดิม ๓.นักบินเลือกหนีอเมริกาไปอยู่รัสเซีย ขอให้รัสเซียช่วยเองโดยตรง ความจริงก็คือเทคโนโลยีไปอวกาศของอเมริกาตามหลังรัสเซีย แต่คุยโม้เก่งกว่าเท่านั้น ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    0 Comments 0 Shares 187 Views 0 Reviews
  • การไฟฟ้าฯ จะตัดไฟ อำลาตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี

    จากกระแสไวรัลบนโซเชียลฯ ถึงความเงียบเหงาของศูนย์การค้าฝั่งธนบุรี ท่ามกลางคำถามที่ว่าอนาคตจะไปทางไหน ในที่้สุดห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี ถนนสิรินธร ย่านบางพลัด แจ้งกับร้านค้าเป็นการภายในเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (6 ก.ย.) ว่าจำเป็นต้องปิดทำการห้างฯ อาคาร 12 ชั้น ซึ่งมีผลกระทบในพื้นที่ขายทั้งหมด เพราะได้รับหนังสือแจ้งจากการไฟฟ้านครหลวง ขอยุติการจ่ายกระแสไฟฟ้าในวันอังคารที่ 10 ก.ย. 2567 เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป

    "ทางบริษัทฯ อยู่ในระหว่างดำเนินการแก้ไขและเจรจากับผู้ร่วมทุนใหม่ยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งหากดำเนินการแล้วเสร็จ ทางห้างฯ จะเร่งกลับมาเปิดบริการในเร็วๆ นี้ และขออภัยในความไม่สะดวกกับเหตุการณ์ครั้งนี้" ประกาศฉบับดังกล่าว ระบุ

    บรรดาร้านค้าที่ทราบข่าวเตรียมทยอยขนของออกจากห้างฯ โดยเฉพาะร้านขายโทรศัพท์มือถือ ที่ไม่ทราบเรื่องดังกล่าวมาก่อน กระทั่งได้รับจดหมายแจ้งว่าจะตัดไฟในวันอังคาร ต้องเก็บของย้ายออกจากห้างฯ มีผลกระทบมาก ส่วนร้านหมาล่าสายพาน "ฟุ่ยโหยว หมาล่า" ที่เปิดไม่ถึงครึ่งปี ต้องปรับเป็นบุฟเฟ่ต์แบบขาดทุน ก่อนปิดแบบไม่มีกำหนด กระแสโซเชียลฯ ต่างให้กำลังใจทางร้านและอุดหนุน ทำบางเมนูหมดลงไปแล้ว

    ปริศนาคลี่คลายเมื่อมีชาวเน็ตต่างเผยแพร่ข้อมูลว่า บริษัท สรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง จำกัด ถูกธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ฟ้องต่อศาลแพ่งตลิ่งชัน คดีหมายเลขแดงที่ ผบ.7325/2562 แล้วกรมบังคับคดีได้ประกาศขายทรัพย์รวม 27 แปลง ราคาประเมิน 1,365,690,450 บาท โดยพบว่ามีบุคคลภายนอก (คาดว่ามาจากกลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์) ประมูลมาได้ แต่ต่ำกว่าราคาประเมิน ส่วนห้างตั้งฮั่วเส็ง สาขาบางลำภู ก็ขายทอดตลาดไปแล้วเช่นกัน

    ห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง ก่อตั้งขึ้นในปี 2505 ที่ย่านบางลำพู เดิมเป็นร้านจำหน่ายสินค้าอุปกรณ์เย็บปักถักร้อย เครื่องสำอาง ผ้าแฟชั่น และอุปกรณ์ตัดเย็บต่างๆ ก่อนจะเปิดห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง บางลำพู ภายใต้การบริหารของนายวิโรจน์ จุนประทีปทอง กระทั่งปี 2534 เปิดห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี อาคารสูง 10 ชั้น ที่จอดรถมากกว่า 800 คัน ต่อมาในปี 2554 รีโนเวตโดยเปลี่ยนชื่อเป็น T-SQUARE

    ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่าบริษัทฯ ขาดทุนทุกปี ส่งงบการเงินปีสุดท้าย 2564 มีรายได้รวม 409,744,106.37 บาท ขาดทุนสุทธิ 43,784,884.68 บาท ขณะที่ นายวิโรจน์ จุนประทีปทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ เสียชีวิตไปนานแล้ว เหลือแต่นายมนัส รณกรกิจอนันต์ ลูกพี่ลูกน้องบริหารร่วมกับครอบครัวจุนประทีปทอง

    #Newskit #ตั้งฮั่วเส็ง #ปิดกิจการ
    การไฟฟ้าฯ จะตัดไฟ อำลาตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี จากกระแสไวรัลบนโซเชียลฯ ถึงความเงียบเหงาของศูนย์การค้าฝั่งธนบุรี ท่ามกลางคำถามที่ว่าอนาคตจะไปทางไหน ในที่้สุดห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี ถนนสิรินธร ย่านบางพลัด แจ้งกับร้านค้าเป็นการภายในเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (6 ก.ย.) ว่าจำเป็นต้องปิดทำการห้างฯ อาคาร 12 ชั้น ซึ่งมีผลกระทบในพื้นที่ขายทั้งหมด เพราะได้รับหนังสือแจ้งจากการไฟฟ้านครหลวง ขอยุติการจ่ายกระแสไฟฟ้าในวันอังคารที่ 10 ก.ย. 2567 เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป "ทางบริษัทฯ อยู่ในระหว่างดำเนินการแก้ไขและเจรจากับผู้ร่วมทุนใหม่ยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งหากดำเนินการแล้วเสร็จ ทางห้างฯ จะเร่งกลับมาเปิดบริการในเร็วๆ นี้ และขออภัยในความไม่สะดวกกับเหตุการณ์ครั้งนี้" ประกาศฉบับดังกล่าว ระบุ บรรดาร้านค้าที่ทราบข่าวเตรียมทยอยขนของออกจากห้างฯ โดยเฉพาะร้านขายโทรศัพท์มือถือ ที่ไม่ทราบเรื่องดังกล่าวมาก่อน กระทั่งได้รับจดหมายแจ้งว่าจะตัดไฟในวันอังคาร ต้องเก็บของย้ายออกจากห้างฯ มีผลกระทบมาก ส่วนร้านหมาล่าสายพาน "ฟุ่ยโหยว หมาล่า" ที่เปิดไม่ถึงครึ่งปี ต้องปรับเป็นบุฟเฟ่ต์แบบขาดทุน ก่อนปิดแบบไม่มีกำหนด กระแสโซเชียลฯ ต่างให้กำลังใจทางร้านและอุดหนุน ทำบางเมนูหมดลงไปแล้ว ปริศนาคลี่คลายเมื่อมีชาวเน็ตต่างเผยแพร่ข้อมูลว่า บริษัท สรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง จำกัด ถูกธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ฟ้องต่อศาลแพ่งตลิ่งชัน คดีหมายเลขแดงที่ ผบ.7325/2562 แล้วกรมบังคับคดีได้ประกาศขายทรัพย์รวม 27 แปลง ราคาประเมิน 1,365,690,450 บาท โดยพบว่ามีบุคคลภายนอก (คาดว่ามาจากกลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์) ประมูลมาได้ แต่ต่ำกว่าราคาประเมิน ส่วนห้างตั้งฮั่วเส็ง สาขาบางลำภู ก็ขายทอดตลาดไปแล้วเช่นกัน ห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง ก่อตั้งขึ้นในปี 2505 ที่ย่านบางลำพู เดิมเป็นร้านจำหน่ายสินค้าอุปกรณ์เย็บปักถักร้อย เครื่องสำอาง ผ้าแฟชั่น และอุปกรณ์ตัดเย็บต่างๆ ก่อนจะเปิดห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง บางลำพู ภายใต้การบริหารของนายวิโรจน์ จุนประทีปทอง กระทั่งปี 2534 เปิดห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี อาคารสูง 10 ชั้น ที่จอดรถมากกว่า 800 คัน ต่อมาในปี 2554 รีโนเวตโดยเปลี่ยนชื่อเป็น T-SQUARE ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่าบริษัทฯ ขาดทุนทุกปี ส่งงบการเงินปีสุดท้าย 2564 มีรายได้รวม 409,744,106.37 บาท ขาดทุนสุทธิ 43,784,884.68 บาท ขณะที่ นายวิโรจน์ จุนประทีปทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ เสียชีวิตไปนานแล้ว เหลือแต่นายมนัส รณกรกิจอนันต์ ลูกพี่ลูกน้องบริหารร่วมกับครอบครัวจุนประทีปทอง #Newskit #ตั้งฮั่วเส็ง #ปิดกิจการ
    Sad
    Like
    5
    0 Comments 2 Shares 448 Views 0 Reviews
  • ท่ามกลางสงครามโลกครั่งที่ 3 ซึ่งเริ่มต้นมาแต่โควิท 19 ก่อนจะจบลงด้วยการพ่ายแพ้ของขั้วอำนาจเดิม ประเทศไทยก็ตกอยู่ในเกมส์ยื้อแย้งระหว่างอำนาจทั้งสองขั้ว คนไทยจึงต้องระมัดระวังให้ดี อย่านอนใจกับรัฐบาล ในขณะที่ต้องเตรียมรับมือกับการอบพยบหนีภัยสงครามเข้ามาอาศัยแผ่นดินไทยมากขึ้น ๆๆ #คำถาม เราจะรับมือกับสถานการณ์สงครามอย่างไรดี ???
    ท่ามกลางสงครามโลกครั่งที่ 3 ซึ่งเริ่มต้นมาแต่โควิท 19 ก่อนจะจบลงด้วยการพ่ายแพ้ของขั้วอำนาจเดิม ประเทศไทยก็ตกอยู่ในเกมส์ยื้อแย้งระหว่างอำนาจทั้งสองขั้ว คนไทยจึงต้องระมัดระวังให้ดี อย่านอนใจกับรัฐบาล ในขณะที่ต้องเตรียมรับมือกับการอบพยบหนีภัยสงครามเข้ามาอาศัยแผ่นดินไทยมากขึ้น ๆๆ #คำถาม เราจะรับมือกับสถานการณ์สงครามอย่างไรดี ???
    Like
    2
    0 Comments 1 Shares 192 Views 72 0 Reviews
  • คำถามว่า ในใจคิดอะไรอยู่
    ใครอยากรู้ เรื่องคนอื่น มันน่าขำ
    ใจตนเอง คิดอะไร นั้นสำคัญ
    ความคิดนั้น ก็คือกรรมของตนเอง

    ควรมีสติ ตามรู้ลม ตัดความคิด
    เพียรทำจิต ให้เริงร่า กระฉับกระเฉง
    ใหัตั้งมั่น ให้ปล่อยอยู่ ดูใจเอง
    อย่าก่อเวร ไปสอดรู้ ดูใจคน
    คำถามว่า ในใจคิดอะไรอยู่ ใครอยากรู้ เรื่องคนอื่น มันน่าขำ ใจตนเอง คิดอะไร นั้นสำคัญ ความคิดนั้น ก็คือกรรมของตนเอง ควรมีสติ ตามรู้ลม ตัดความคิด เพียรทำจิต ให้เริงร่า กระฉับกระเฉง ใหัตั้งมั่น ให้ปล่อยอยู่ ดูใจเอง อย่าก่อเวร ไปสอดรู้ ดูใจคน
    0 Comments 1 Shares 99 Views 0 Reviews
  • Green tea with turmeric and cinnamon

    I drink the turmeric everyday, doing this many years, I think over 28 years, turmeric is very strong antioxidant and very strong anti-inflammatory

    The cinnamon, this is famous for lowering insulin resistance and keeping the blood sugar low oh, very important for fighting any cold or flu

    600 clinical studies with turmeric, very effective anti-inflammatory and no side effects

    If​ you should consume black pepper with turmeric , to help it work effectively.

    คำถาม-What is work for anti inflammatory for Covid case ?

    คำตอบ-Turmeric spice, over 600 clinical studies show Turmeric is very effective anti-inflammatory treatment, with no side effects, very healthy.

    Half teaspoon fresh turmeric powder in hot water or hot tea is the best way to take turmeric. Turmeric quality is determined by soil conditions, the element yttrium is essential for growing high quality turmeric, India and Sri Lanka are producing some of the best turmeric for medicinal qualities. The soil in these countries is rich in yttrium.

    In some case, if mouth is swelling add some coconut milk to the tea, maybe not so much turmeric... I know people with arthritis and inflammation, and they hate turmeric taste, I suggest put the turmeric in capsules, and they do this, one month later most arthritis pain is gone.

    Green tea with turmeric and cinnamon😊😁 I drink the turmeric everyday, doing this many years, I think over 28 years, turmeric is very strong antioxidant and very strong anti-inflammatory The cinnamon, this is famous for lowering insulin resistance and keeping the blood sugar low oh, very important for fighting any cold or flu😊 600 clinical studies with turmeric, very effective anti-inflammatory and no side effects 😊 If​ you should consume black pepper with turmeric , to help it work effectively. คำถาม-What is work for anti inflammatory for Covid case ? คำตอบ-Turmeric spice, over 600 clinical studies show Turmeric is very effective anti-inflammatory treatment, with no side effects, very healthy. Half teaspoon fresh turmeric powder in hot water or hot tea is the best way to take turmeric. Turmeric quality is determined by soil conditions, the element yttrium is essential for growing high quality turmeric, India and Sri Lanka are producing some of the best turmeric for medicinal qualities. The soil in these countries is rich in yttrium. In some case, if mouth is swelling add some coconut milk to the tea, maybe not so much turmeric... I know people with arthritis and inflammation, and they hate turmeric taste, I suggest put the turmeric in capsules, and they do this, one month later most arthritis pain is gone.
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
  • เลือกตั้งปี 2024อาจเป็นครี้งสุดท้ายของสหรัฐ
    มาร์ติน อาร์มสตรองแห่ง armstrongeconomics.com คาดการณ์ว่าการเลือกตั้งในปี 2024ของสหรัฐอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะว่าฝ่ายสนับสนุนทั้งโดนัลด์ ทรัมป์ และกมลา แฮร์ริสจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ซึ่งจะนำไปสู้การฟ้องร้องในศาลทำให้ไม่สามารถรับรองผลการเลือกตั้งได้ และในที่สุดอาจจะนำไปสู่สงครามกลางเมือง
    อาร์มสตรอง บอกว่า ทรัมป์กับแฮร์ริสกำลังกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ทางกฎหมายที่ดุเดือดและน่ารังเกียจ ซึ่งจะทำให้ประเทศสหรัฐแตกแยกอย่างแน่นอน โดยเสริมว่าสื่อกระแสหลักจะทรยศต่อประเทศและทุกสิ่งที่รัฐธรรมนูญอเมริกันเคยยืนหยัด และพวกเขาจะสนับสนุนคนหลบเข้าเมืองที่ผิดกฎหมายและแฮร์รีสทั้งหมดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
    เขาบอกว่าการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นมุ่งหน้าสู่ปี 2032 ซึ่งจะทำลายสังคมตะวันตกในแง่ของการเป็นเมืองหลวงทางการเงินที่มีอิทธิพลต่อระบบการเงินโลก
    “พวกนีโอคอน (Neocon) กำลังทำลายสังคมตะวันตกเพราะความเกลียดชังรัสเซียและจีน ซึ่งส่งผลให้เกิดเมืองหลวงทางการเงินของโลกที่สหรัฐอเมริกายึดครองจากลอนดอนในปี 1918 เนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 1 เราจะสูญเสียสถานภาพนี้ 112 ปีต่อมา เพราะสงครามโลกครั้งที่ 3 และสื่อมวลชนก็ให้กำลังเชียร์ให้เกิด (ครึ่งรอบ 224 ปีของการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง)
    พรรคเดโมแครตได้ส่งข้อความนี้ออกไปบรรดาผู้สนับสนุน:

    “… เรากำลังเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับโครงการคุ้มครองผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพื่อปกป้องทรัมป์และพันธมิตรของเขาที่โจมตีสิทธิในการลงคะแนนเสียงของเรา นั่นเป็นสาเหตุที่เราลงทุนหกหลักในโครงการ Democrats Abroad เพื่อลงทะเบียนและรับคะแนนโหวตจากชาวอเมริกันเกือบ 9 ล้านคนที่อาศัยและรับใช้ในต่างประเทศ และนั่นคือเหตุผลที่เราขยายความพยายามในการจัดงานเสมือนจริงที่ประสบความสำเร็จเพื่อมีส่วนร่วมและระดมอาสาสมัครให้ได้มากที่สุด เพื่อให้คุณสามารถมีส่วนร่วมได้ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม”
    อาร์มสตรอง กล่าวต่อไปว่า จอร์เจียได้นำกฎใหม่สำหรับคณะกรรมการการเลือกตั้งของรัฐมาใช้ โดยอนุญาตให้สมาชิกชะลอการรับรองการเลือกตั้ง ถ้าหากมีการสอบถามเกี่ยวกับความคลาดเคลื่อนของบัตรลงคะแนน ในรัฐแอริโซนา มิชิแกน และเนวาดา ฝ่ายรีพับรีกันได้ผลักดันให้มีการกำจัดรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่ใช่พลเมือง พรรครีพับลิกันในเนวาดายื่นฟ้องเพื่อป้องกันไม่ให้มีการนับบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์หากได้รับหลังวันเลือกตั้ง ถึงกระนั้นพรรคเดโมแครตก็กำลังต่อสู้กับสิ่งนั้นเช่นกัน
    ในรัฐที่ฐานเสียงแกว่งไปมาอย่างจอร์เจีย แอริโซนา มิชิแกน เนวาดา และเพนซิลเวเนีย ผลของการลงคะแนนเสียงที่มีการโต้แย้งอาจจบลงที่ศาลฎีกา มีการปล่อยให้ผู้อพยพเข้าไปในยุโรปและสหรัฐอเมริกาอย่างผิดกฎหมายโดยที่ส่วนใหญ่ไม่ได้ให้อะไรเลยแก่สังคม เพื่อเป้าหมายของลัทธิเผด็จการที่จะควบคุมประชาชน โดยวางแผนที่จะให้พวกอพยพหลบเข้าเมืองลงคะแนนเสียงให้พรรคเดโมแครต
    ผลของการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีการโต้แย้งอย่างเผ็ดร้อนจนอาจจะจบลงที่ศาล จากนั้น หากพรรคเดโมแครตหรือพรรครีพับลิกันแต่งตั้งผู้พิพากษาเป็นผู้ตัดสิน ผู้แพ้ก็จะโต้แย้งว่าการตัดสินดังกล่าวเป็นเรื่องทางการเมือง ไม่มีทางหนีพ้นวิกฤตนี้ไปได้ เพราะฝ่ายซ้ายรู้ว่าตนกำลังพ่ายแพ้ และแทนที่จะตั้งคำถามกับปรัชญาแนวทางของตน กลับตั้งใจที่จะชนะทุกวิถีทางที่เป็นไปได้
    ที่การประชุมประชาธิปไตย ไบเดนราดน้ำมันลงบนกองไฟ ซึ่งหากทรัมป์ชนะ นั่นก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย เขากล่าวว่า “นี่จะเป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม” ไบเดนบอกกับฝูงชนในสุนทรพจน์ของเขาว่าเมื่อวันที่ 6 มกราคม “เราเกือบจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวตนของเราในฐานะประเทศไป และภัยคุกคามนั้น—นี่ไม่ใช่คำพูดเกินจริง—ภัยคุกคามนั้นยังดำรงอยู่”

    IMCT News

    ที่มา https://www.armstrongeconomics.com/international-news/politics/us-2024-may-be-our-last/
    เลือกตั้งปี 2024อาจเป็นครี้งสุดท้ายของสหรัฐ มาร์ติน อาร์มสตรองแห่ง armstrongeconomics.com คาดการณ์ว่าการเลือกตั้งในปี 2024ของสหรัฐอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะว่าฝ่ายสนับสนุนทั้งโดนัลด์ ทรัมป์ และกมลา แฮร์ริสจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ซึ่งจะนำไปสู้การฟ้องร้องในศาลทำให้ไม่สามารถรับรองผลการเลือกตั้งได้ และในที่สุดอาจจะนำไปสู่สงครามกลางเมือง อาร์มสตรอง บอกว่า ทรัมป์กับแฮร์ริสกำลังกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ทางกฎหมายที่ดุเดือดและน่ารังเกียจ ซึ่งจะทำให้ประเทศสหรัฐแตกแยกอย่างแน่นอน โดยเสริมว่าสื่อกระแสหลักจะทรยศต่อประเทศและทุกสิ่งที่รัฐธรรมนูญอเมริกันเคยยืนหยัด และพวกเขาจะสนับสนุนคนหลบเข้าเมืองที่ผิดกฎหมายและแฮร์รีสทั้งหมดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เขาบอกว่าการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นมุ่งหน้าสู่ปี 2032 ซึ่งจะทำลายสังคมตะวันตกในแง่ของการเป็นเมืองหลวงทางการเงินที่มีอิทธิพลต่อระบบการเงินโลก “พวกนีโอคอน (Neocon) กำลังทำลายสังคมตะวันตกเพราะความเกลียดชังรัสเซียและจีน ซึ่งส่งผลให้เกิดเมืองหลวงทางการเงินของโลกที่สหรัฐอเมริกายึดครองจากลอนดอนในปี 1918 เนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 1 เราจะสูญเสียสถานภาพนี้ 112 ปีต่อมา เพราะสงครามโลกครั้งที่ 3 และสื่อมวลชนก็ให้กำลังเชียร์ให้เกิด (ครึ่งรอบ 224 ปีของการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง) พรรคเดโมแครตได้ส่งข้อความนี้ออกไปบรรดาผู้สนับสนุน: “… เรากำลังเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับโครงการคุ้มครองผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพื่อปกป้องทรัมป์และพันธมิตรของเขาที่โจมตีสิทธิในการลงคะแนนเสียงของเรา นั่นเป็นสาเหตุที่เราลงทุนหกหลักในโครงการ Democrats Abroad เพื่อลงทะเบียนและรับคะแนนโหวตจากชาวอเมริกันเกือบ 9 ล้านคนที่อาศัยและรับใช้ในต่างประเทศ และนั่นคือเหตุผลที่เราขยายความพยายามในการจัดงานเสมือนจริงที่ประสบความสำเร็จเพื่อมีส่วนร่วมและระดมอาสาสมัครให้ได้มากที่สุด เพื่อให้คุณสามารถมีส่วนร่วมได้ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม” อาร์มสตรอง กล่าวต่อไปว่า จอร์เจียได้นำกฎใหม่สำหรับคณะกรรมการการเลือกตั้งของรัฐมาใช้ โดยอนุญาตให้สมาชิกชะลอการรับรองการเลือกตั้ง ถ้าหากมีการสอบถามเกี่ยวกับความคลาดเคลื่อนของบัตรลงคะแนน ในรัฐแอริโซนา มิชิแกน และเนวาดา ฝ่ายรีพับรีกันได้ผลักดันให้มีการกำจัดรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่ใช่พลเมือง พรรครีพับลิกันในเนวาดายื่นฟ้องเพื่อป้องกันไม่ให้มีการนับบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์หากได้รับหลังวันเลือกตั้ง ถึงกระนั้นพรรคเดโมแครตก็กำลังต่อสู้กับสิ่งนั้นเช่นกัน ในรัฐที่ฐานเสียงแกว่งไปมาอย่างจอร์เจีย แอริโซนา มิชิแกน เนวาดา และเพนซิลเวเนีย ผลของการลงคะแนนเสียงที่มีการโต้แย้งอาจจบลงที่ศาลฎีกา มีการปล่อยให้ผู้อพยพเข้าไปในยุโรปและสหรัฐอเมริกาอย่างผิดกฎหมายโดยที่ส่วนใหญ่ไม่ได้ให้อะไรเลยแก่สังคม เพื่อเป้าหมายของลัทธิเผด็จการที่จะควบคุมประชาชน โดยวางแผนที่จะให้พวกอพยพหลบเข้าเมืองลงคะแนนเสียงให้พรรคเดโมแครต ผลของการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีการโต้แย้งอย่างเผ็ดร้อนจนอาจจะจบลงที่ศาล จากนั้น หากพรรคเดโมแครตหรือพรรครีพับลิกันแต่งตั้งผู้พิพากษาเป็นผู้ตัดสิน ผู้แพ้ก็จะโต้แย้งว่าการตัดสินดังกล่าวเป็นเรื่องทางการเมือง ไม่มีทางหนีพ้นวิกฤตนี้ไปได้ เพราะฝ่ายซ้ายรู้ว่าตนกำลังพ่ายแพ้ และแทนที่จะตั้งคำถามกับปรัชญาแนวทางของตน กลับตั้งใจที่จะชนะทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ ที่การประชุมประชาธิปไตย ไบเดนราดน้ำมันลงบนกองไฟ ซึ่งหากทรัมป์ชนะ นั่นก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย เขากล่าวว่า “นี่จะเป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม” ไบเดนบอกกับฝูงชนในสุนทรพจน์ของเขาว่าเมื่อวันที่ 6 มกราคม “เราเกือบจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวตนของเราในฐานะประเทศไป และภัยคุกคามนั้น—นี่ไม่ใช่คำพูดเกินจริง—ภัยคุกคามนั้นยังดำรงอยู่” IMCT News ที่มา https://www.armstrongeconomics.com/international-news/politics/us-2024-may-be-our-last/
    WWW.ARMSTRONGECONOMICS.COM
    US 2024 May be Our Last
    This year's election is shaping up to be decided in court rather than the ballot box. Both Donald Trump and Kamala Harris are preparing for what will become a
    Like
    Love
    Wow
    Sad
    36
    1 Comments 1 Shares 1063 Views 0 Reviews
  • สำหรับวันนี้ นายTechTips ก็มีข่าวสารวงการไอทีมานำเสนออีกเเล้วครับ
    วันนี้อาจจะเป็นข่าวแปลกๆเกี่ยวกับการลงทุนใหม่ของมหาเศรษฐีไอทีบื่อดังที่สุดของโลกนี้ คุณ Bill Gates นั่นเอง

    Bill Gates ลงทุนในสตาร์ตอัปพัฒนาอาหารวัวเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจาก ‘เรอวัว’
    บิลล์ เกตส์ (Bill Gates) มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง Microsoft ลงทุนใน Rumin8 สตาร์ตอัปสัญชาติออสเตรเลียที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซมีเทนจากการเรอของวัว

    Rumin8 ตั้งอยู่ในเมืองเพิร์ท เน้นการพัฒนาอาหารวัวทำจากสาหร่ายแดง ที่จะช่วยลดก๊าซมีเทน โดยได้เงินระดมทุนไปกว่า 12 ล้านเหรียญ (ราว 393 ล้านบาท) จาก Breakthrough Energy Ventures กลุ่มองค์กรด้านพลังงานสะอาดที่เกตส์ก่อตั้งขึ้นในปี 2015

    ก๊าซมีเทนเป็นก๊าซเรือนกระจก โดยสัตว์อย่างวัว แพะ และกวาง จะปล่อยมีเทนเวลาที่กระเพาะกำลังย่อยใยอาหารจากพืช ในรูปแบบของการเรอหรือผายลม ซึ่งนักวิจัยจากหลายมหาวิทยาลัยพบว่าการให้วัวกินสาหร่ายจะช่วยลดการปล่อยก๊าซมีเทนได้อย่างมาก

    กว่าครึ่งของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในโลกนั้นมาจากการทำเกษตรกรรม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นก๊าซมีเทน มีการพบว่าโมเลกุลของมีเทนมีศักยภาพในการเพิ่มอุณหภูมิของสภาพบรรยากาศโลกมากกว่าโมเลกุลของคาร์บอนไดออกไซด์

    นักวิทยาศาสตร์พบว่าในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา มีเทนเพิ่มอุณหภูมิโลกมากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ระหว่าง 28 ถึง 34 เท่าเลยทีเดียว

    นี่คงเป็นตัวอย่างของคำว่าการเเก้ปัญหาแบบนอกกรอบเเต่ได้ผลจริงๆเลยทีเดียว
    หากใครมีคำถามฝากถามผ่าน นายTechTips มาได้เลยนะครับ
    #TechTips
    สำหรับวันนี้ นายTechTips ก็มีข่าวสารวงการไอทีมานำเสนออีกเเล้วครับ วันนี้อาจจะเป็นข่าวแปลกๆเกี่ยวกับการลงทุนใหม่ของมหาเศรษฐีไอทีบื่อดังที่สุดของโลกนี้ คุณ Bill Gates นั่นเอง Bill Gates ลงทุนในสตาร์ตอัปพัฒนาอาหารวัวเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจาก ‘เรอวัว’ บิลล์ เกตส์ (Bill Gates) มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง Microsoft ลงทุนใน Rumin8 สตาร์ตอัปสัญชาติออสเตรเลียที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซมีเทนจากการเรอของวัว Rumin8 ตั้งอยู่ในเมืองเพิร์ท เน้นการพัฒนาอาหารวัวทำจากสาหร่ายแดง ที่จะช่วยลดก๊าซมีเทน โดยได้เงินระดมทุนไปกว่า 12 ล้านเหรียญ (ราว 393 ล้านบาท) จาก Breakthrough Energy Ventures กลุ่มองค์กรด้านพลังงานสะอาดที่เกตส์ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 ก๊าซมีเทนเป็นก๊าซเรือนกระจก โดยสัตว์อย่างวัว แพะ และกวาง จะปล่อยมีเทนเวลาที่กระเพาะกำลังย่อยใยอาหารจากพืช ในรูปแบบของการเรอหรือผายลม ซึ่งนักวิจัยจากหลายมหาวิทยาลัยพบว่าการให้วัวกินสาหร่ายจะช่วยลดการปล่อยก๊าซมีเทนได้อย่างมาก กว่าครึ่งของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในโลกนั้นมาจากการทำเกษตรกรรม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นก๊าซมีเทน มีการพบว่าโมเลกุลของมีเทนมีศักยภาพในการเพิ่มอุณหภูมิของสภาพบรรยากาศโลกมากกว่าโมเลกุลของคาร์บอนไดออกไซด์ นักวิทยาศาสตร์พบว่าในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา มีเทนเพิ่มอุณหภูมิโลกมากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ระหว่าง 28 ถึง 34 เท่าเลยทีเดียว นี่คงเป็นตัวอย่างของคำว่าการเเก้ปัญหาแบบนอกกรอบเเต่ได้ผลจริงๆเลยทีเดียว หากใครมีคำถามฝากถามผ่าน นายTechTips มาได้เลยนะครับ #TechTips
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 335 Views 0 Reviews
  • ทุกวันนี้ มือถือ หรือบางคนจะเรียกว่า Smart Phone เป็นอีกอุปกรณ์ที่ติดยิ่งกว่า สามี ภรรยากันอีก แต่มันมีเทคนิคหนึ่งที่ช่วยให้คุณสามารถใช้มือถือเครื่องปัจจุบันให้ใช้งานได้ยาวนาน เพราะถ้าไม่ดูแลมันก็จะพังได้ง่ายแต่จะมีวิธีอะไรบ้าง
    นายTechTips มี 10 วิธีมาฝากกันครับ

    ติดฟิล์มใส่เคส
    เรื่องแรกหลายคนซื้อมือถือมาแล้วก็มักจะซื้อเคส และ ติดฟิล์มกันรอยเพื่อให้เกิดความสวยงามและป้องกันกันความเสียหายจากการตกได้ ถือว่าเป็นวิธีพื้นฐานสำหรับคนที่อยากดูแลรักษาเครื่องให้อยู่ได้นานๆ

    หมั่นทำความสะอาดเครื่อง และพอร์ตเชื่อมต่อ
    อย่าลืมนะครับถ้าใส่อุปกรณ์กันไปแล้วไม่ได้หมายถึงสามารถป้องกันความสกปรกได้ ดังนั้นเราควรเอามือถือมาทำความสะอาดให้ถูกทุกซอกมุมได้บ้างไม่ว่าจะใช้น้ำยาทำความสะอาด เพื่อให้มือถือเกิดความสะอาดเสมอ ส่วนพอร์ตเราสามารถใช้คอตตอนบัด เช็ดเบาๆ ได้เช่นเดียวกัน

    หลีกเลี่ยงการวางมือถือในที่ชื้น / ความร้อนสูง
    สิ่งหนึ่งที่มือถือมถูกเลยคือความชื้นและความร้อน ต่อให้บางรุ่นกันน้ำแล้วก็ตาม ดังนั้นการเก็บมือถือใกล้กับที่ชื้นก็อาจจะทำให้พังได้ ดังนั้นถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็ดี และอีกเรื่องหลายคนเผลอคือการเก็บมือถือในรถ อันนี้ถ้าเครื่องเกิดความร้อนอาจจะทำให้เครื่องเกิดความเสียหายได้ และส่งผลต่อแบตเตอรี่ได้ครับ

    หลีกเลี่ยงการเก็บมือถือที่เจอสิ่งขีดข่วน
    แม้ว่าเราจะติดเคสและฟิล์มกันรอยอย่างดี แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราเก็บเครื่องไม่ให้เกิดรอยได้ง่ายๆ เช่น พวกเหรียญ, ชองชิ้นเล็กของผู้หญิง ที่อาจจะทำให้เครื่องเป็นรอยหรือสีติดได้

    ควรเคลียร์พื้นที่จำบ้าง
    นอกจากเรื่องตัวเครื่องที่ต้องดูแลให้สวยงามแล้ว การจัดการภายในก็จำเป็น เพราะมันก็ส่งผลกับการทำงานของเครื่องได้ สิ่งแรกที่จะมีผลสุดคือ พื้นที่ความจำ เราควรจะดูแล เช่นลบไฟล์ภาพ ที่ถ่ายเสีย หรือ โอนเก็บไปที่พื้นที่ความจำภายนอก เช่น Flash Drive, SSD หรือระบบ Cloud เช่น One Drive, Google Drive, iCloud เป็นต้น

    Reset เครื่องบ้างหากทำได้
    หากเคลียร์ความจำแล้วยังไม่เร็วขึ้น บางทีก็ไม่รู้จะไปลบตั้งค่าหรือไฟล์ดาวน์โหลดอะไร การกด Reset ก็เป็นทางเลือกที่ดี โดยการกดลบนั้นมีให้เลือกหลากหลายแบบ ตั้งแต่การเปลี่ยนการตั้งค่า, การลบแค่ภายใน App และการลบทั้งหมด ก็สามารถทำได้ครับ

    หลีกเลี่ยงการดาวน์โหลด Apps นอก Store ที่มีในเครื่อง
    เดี๋ยวนี้ Apps มีหลากหลายที่ไม่ว่าจะเป็น App Store, Galaxy Store, HUAWEI AppGallery, Google Play Store มักจะได้รับความไว้วางใจจากนักพัฒนา และผู้ผลิตเครื่อง การที่ดาวน์โหลดที่อยู่ข้างนอกที่ไม่ผ่านการตรวจสอบ ก็อาจจะทำให้คุณอาจจะตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้ด้วยครับ ดังนั้น ไม่ควรดาวน์โหลด AppStore นอก Store นะครับ

    อัปเดต Software บ้าง
    อย่าลืมว่า Smart Phone ที่คุณใช้งาน มันทำงานบนระบบปฏิบัติการที่มักจะมีอะไรอัปเดตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และ ปิดช่องโหว่ความปลอดภัยมากขึ้น ดังนั้นอย่าลืมหมั่นเช็ค Software ของเครื่องไว้บ้างก็ดี

    อะไรพังแล้วก็ซ่อมได้
    สุดท้ายหากคุณใช้งานแล้วเกิดความเสียหายจริงๆ การซ่อมมือถือก็เป็นอีกทางเลือกที่สามารถช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าคุณได้ เช่นเดี๋ยวนี้การซ่อมหน้าจออาจจะมีราคาไม่ถึง 1 ใน 3 ของเครื่องแล้วใครที่อยากใช้เครื่องเดิม ไม่อยากย้ายข้อมูลสำคัญบ่อยๆ การเลือกที่จะซ่อมก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ

    แต่อย่าลืมว่าการถนอมมือถือพวกนี้เป็นการยืดอายุการใช้งานมือถือให้ใช้งานยาวนานเท่านั้น หากคุณใช้งานสักพักยังไงก็ต้องถึงเวลาเปลี่ยนอยู่ดี แค่ทำให้คุณมีเวลาอยู่กับมือถือที่คุณตั้งใจเลือกมากขึ้นครับ

    มีคำถามอะไรเกี่ยวกับเทคโนโลยีถาม นายTechTips ได้เลยจ้า
    #TechTips
    ทุกวันนี้ มือถือ หรือบางคนจะเรียกว่า Smart Phone เป็นอีกอุปกรณ์ที่ติดยิ่งกว่า สามี ภรรยากันอีก แต่มันมีเทคนิคหนึ่งที่ช่วยให้คุณสามารถใช้มือถือเครื่องปัจจุบันให้ใช้งานได้ยาวนาน เพราะถ้าไม่ดูแลมันก็จะพังได้ง่ายแต่จะมีวิธีอะไรบ้าง นายTechTips มี 10 วิธีมาฝากกันครับ ติดฟิล์มใส่เคส เรื่องแรกหลายคนซื้อมือถือมาแล้วก็มักจะซื้อเคส และ ติดฟิล์มกันรอยเพื่อให้เกิดความสวยงามและป้องกันกันความเสียหายจากการตกได้ ถือว่าเป็นวิธีพื้นฐานสำหรับคนที่อยากดูแลรักษาเครื่องให้อยู่ได้นานๆ หมั่นทำความสะอาดเครื่อง และพอร์ตเชื่อมต่อ อย่าลืมนะครับถ้าใส่อุปกรณ์กันไปแล้วไม่ได้หมายถึงสามารถป้องกันความสกปรกได้ ดังนั้นเราควรเอามือถือมาทำความสะอาดให้ถูกทุกซอกมุมได้บ้างไม่ว่าจะใช้น้ำยาทำความสะอาด เพื่อให้มือถือเกิดความสะอาดเสมอ ส่วนพอร์ตเราสามารถใช้คอตตอนบัด เช็ดเบาๆ ได้เช่นเดียวกัน หลีกเลี่ยงการวางมือถือในที่ชื้น / ความร้อนสูง สิ่งหนึ่งที่มือถือมถูกเลยคือความชื้นและความร้อน ต่อให้บางรุ่นกันน้ำแล้วก็ตาม ดังนั้นการเก็บมือถือใกล้กับที่ชื้นก็อาจจะทำให้พังได้ ดังนั้นถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็ดี และอีกเรื่องหลายคนเผลอคือการเก็บมือถือในรถ อันนี้ถ้าเครื่องเกิดความร้อนอาจจะทำให้เครื่องเกิดความเสียหายได้ และส่งผลต่อแบตเตอรี่ได้ครับ หลีกเลี่ยงการเก็บมือถือที่เจอสิ่งขีดข่วน แม้ว่าเราจะติดเคสและฟิล์มกันรอยอย่างดี แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราเก็บเครื่องไม่ให้เกิดรอยได้ง่ายๆ เช่น พวกเหรียญ, ชองชิ้นเล็กของผู้หญิง ที่อาจจะทำให้เครื่องเป็นรอยหรือสีติดได้ ควรเคลียร์พื้นที่จำบ้าง นอกจากเรื่องตัวเครื่องที่ต้องดูแลให้สวยงามแล้ว การจัดการภายในก็จำเป็น เพราะมันก็ส่งผลกับการทำงานของเครื่องได้ สิ่งแรกที่จะมีผลสุดคือ พื้นที่ความจำ เราควรจะดูแล เช่นลบไฟล์ภาพ ที่ถ่ายเสีย หรือ โอนเก็บไปที่พื้นที่ความจำภายนอก เช่น Flash Drive, SSD หรือระบบ Cloud เช่น One Drive, Google Drive, iCloud เป็นต้น Reset เครื่องบ้างหากทำได้ หากเคลียร์ความจำแล้วยังไม่เร็วขึ้น บางทีก็ไม่รู้จะไปลบตั้งค่าหรือไฟล์ดาวน์โหลดอะไร การกด Reset ก็เป็นทางเลือกที่ดี โดยการกดลบนั้นมีให้เลือกหลากหลายแบบ ตั้งแต่การเปลี่ยนการตั้งค่า, การลบแค่ภายใน App และการลบทั้งหมด ก็สามารถทำได้ครับ หลีกเลี่ยงการดาวน์โหลด Apps นอก Store ที่มีในเครื่อง เดี๋ยวนี้ Apps มีหลากหลายที่ไม่ว่าจะเป็น App Store, Galaxy Store, HUAWEI AppGallery, Google Play Store มักจะได้รับความไว้วางใจจากนักพัฒนา และผู้ผลิตเครื่อง การที่ดาวน์โหลดที่อยู่ข้างนอกที่ไม่ผ่านการตรวจสอบ ก็อาจจะทำให้คุณอาจจะตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้ด้วยครับ ดังนั้น ไม่ควรดาวน์โหลด AppStore นอก Store นะครับ อัปเดต Software บ้าง อย่าลืมว่า Smart Phone ที่คุณใช้งาน มันทำงานบนระบบปฏิบัติการที่มักจะมีอะไรอัปเดตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และ ปิดช่องโหว่ความปลอดภัยมากขึ้น ดังนั้นอย่าลืมหมั่นเช็ค Software ของเครื่องไว้บ้างก็ดี อะไรพังแล้วก็ซ่อมได้ สุดท้ายหากคุณใช้งานแล้วเกิดความเสียหายจริงๆ การซ่อมมือถือก็เป็นอีกทางเลือกที่สามารถช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าคุณได้ เช่นเดี๋ยวนี้การซ่อมหน้าจออาจจะมีราคาไม่ถึง 1 ใน 3 ของเครื่องแล้วใครที่อยากใช้เครื่องเดิม ไม่อยากย้ายข้อมูลสำคัญบ่อยๆ การเลือกที่จะซ่อมก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ แต่อย่าลืมว่าการถนอมมือถือพวกนี้เป็นการยืดอายุการใช้งานมือถือให้ใช้งานยาวนานเท่านั้น หากคุณใช้งานสักพักยังไงก็ต้องถึงเวลาเปลี่ยนอยู่ดี แค่ทำให้คุณมีเวลาอยู่กับมือถือที่คุณตั้งใจเลือกมากขึ้นครับ มีคำถามอะไรเกี่ยวกับเทคโนโลยีถาม นายTechTips ได้เลยจ้า #TechTips
    0 Comments 0 Shares 270 Views 0 Reviews
  • วันนี้คุณมีความสุขไหม?

    ตัวแอดมินเคยสงสัยคำถามนี้มาเนิ่นนาน

    จนกระทั่งได้มาลองสังเกตุตัวเอง
    ตอนช่วงเวลาที่มีความสุขดู
    ว่าฉันรู้สึกอย่างไรบ้างนะ...

    -รู้สึกสงบ
    -รู้สึกมั่นคงในตัวเอง
    -รู้สึกหัวใจได้รับการเติมเต็ม
    -รู้สึกเบาจากการไม่แบกอะไรที่หนักโดยไม่จำเป็น

    แล้วความสุขเกิดขึ้นตอนไหนได้บ้างกันนะ?

    -ตอนที่ตื่นมาแล้วพบว่าวันนี้ตื่นไม่สาย
    -ตอนที่ได้กินข้าวมื้อเช้าตรงเวลา
    -ตอนที่ได้ดื่มน้ำเย็นๆและสะอาด
    -ตอนที่อากาศตอนเช้าไม่ร้อน
    -ตอนที่ข้าวมื้อกลางวันอร่อย
    -ตอนที่ได้พูดคุยกับผู้คนด้วยคำพูดที่ดี
    -ตอนที่ได้เล่นกับน้องแมวน่ารักๆ

    บางทีความสุขก็เกิดจากอะไรที่เรียบง่าย
    ไม่ต้องมีขั้นตอนอะไรมากมาย


    แล้ววันนี้...คุณมีความสุขบ้างหรือยังคะ

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #ความสุข
    #หนังสือน่าอ่าน #Thaitimes
    วันนี้คุณมีความสุขไหม? 😊 ตัวแอดมินเคยสงสัยคำถามนี้มาเนิ่นนาน จนกระทั่งได้มาลองสังเกตุตัวเอง ตอนช่วงเวลาที่มีความสุขดู ว่าฉันรู้สึกอย่างไรบ้างนะ... -รู้สึกสงบ -รู้สึกมั่นคงในตัวเอง -รู้สึกหัวใจได้รับการเติมเต็ม -รู้สึกเบาจากการไม่แบกอะไรที่หนักโดยไม่จำเป็น แล้วความสุขเกิดขึ้นตอนไหนได้บ้างกันนะ? -ตอนที่ตื่นมาแล้วพบว่าวันนี้ตื่นไม่สาย -ตอนที่ได้กินข้าวมื้อเช้าตรงเวลา -ตอนที่ได้ดื่มน้ำเย็นๆและสะอาด -ตอนที่อากาศตอนเช้าไม่ร้อน -ตอนที่ข้าวมื้อกลางวันอร่อย -ตอนที่ได้พูดคุยกับผู้คนด้วยคำพูดที่ดี -ตอนที่ได้เล่นกับน้องแมวน่ารักๆ บางทีความสุขก็เกิดจากอะไรที่เรียบง่าย ไม่ต้องมีขั้นตอนอะไรมากมาย แล้ววันนี้...คุณมีความสุขบ้างหรือยังคะ😊 #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #ความสุข #หนังสือน่าอ่าน #Thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 491 Views 0 Reviews
  • ณเวลานี้ท่ามกลางเรื่องร้องเรียนอิ๊งมากกว่า9เรื่อง
    และจะตามมาอีกหลายสิบเรื่อง
    ล่าสุด อิ๊งให้สัมภาษณ์นักข่าว ว่าอิ๊งไม่ซี
    หมายถึงไม่ซีเรียสสำหรับกลุ่มคนที่ร้องเรียน
    กรณีคุณสมบัตินายกและเรื่องอื่นๆ
    รวมถึงเรื่องเสรีพิสูทธิ์ อิ๊งยิ่งแสดงอาการไม่ให้ค่า
    ก็เกิดคำถามมากมาย ว่าเพราะอะไร
    อิ๊ง ถึงมีความมั่นอกมั่นใจแบบนี้
    พี่คิงส์โพธิ์แดงขอนำวงในมาเปิดให้เข้าใจตรงกัน
    สิ่งที่จะคว่ำอิ๊งสะเทือนถึงโทนี่ได้
    จะมีสองลักษณะ
    1. ทางนิติรัฐ คือการบังคับใช้กฏหมาย
    2. มวลชนลงถนนไปถึงการปฏิวัติ
    ซึ่งเวลานี้ ทางนิติรัฐที่จะเอาผิดต่อการกระทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
    วงในบอกว่า โทนี่ได้แก้เกมส์ไว้ครบแล้ว
    นอกจากนั้น จะมีสายฝั่งตรงข้าม ฝังตัวรายงานสถานการณ์และความเคลื่อนไหวโดยตลอด
    โดยเฉพาะการขยับตัวของลุงป้อม แทบจะไม่มีอะไรเป็นความลับเลย
    แม้แต่ ใครเข้าพบบ้าง คุยกันเรื่องอะไร โทนี่มอนิเตอร์ตลอด
    ตั้งเป็นวอร์รูม รวมถึงระดมนักกฏหมายพิจารณาความเป็นไปได้
    รวมถึงค่าความเสี่ยงใดๆที่อาจจะเกิดขึ้น โดยผ่านการคำนวนทางสถิติ
    รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลประชากรในลักษณะที่เป็นบิ๊กดาต้า
    ทำให้การวางแผนทางการเมือง และการแก้เกมส์ฝ่ายตรงข้าม
    มีความแม่นยำเหมือนจับวาง ทำให้โทนี่และอุ๊งอิ๊งมีความมั่นอกมั่นใจ
    แต่พี่คิงส์ก็อยากจะบอกไว้นะครับ
    เหนือฟ้า ยังมีฟ้า รอชมและติดตามให้ดี หลังถวายสัตย์
    ได้ชมอะไรดีๆแน่นอน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #อิ๊งไม่ซี
    ณเวลานี้ท่ามกลางเรื่องร้องเรียนอิ๊งมากกว่า9เรื่อง และจะตามมาอีกหลายสิบเรื่อง ล่าสุด อิ๊งให้สัมภาษณ์นักข่าว ว่าอิ๊งไม่ซี หมายถึงไม่ซีเรียสสำหรับกลุ่มคนที่ร้องเรียน กรณีคุณสมบัตินายกและเรื่องอื่นๆ รวมถึงเรื่องเสรีพิสูทธิ์ อิ๊งยิ่งแสดงอาการไม่ให้ค่า ก็เกิดคำถามมากมาย ว่าเพราะอะไร อิ๊ง ถึงมีความมั่นอกมั่นใจแบบนี้ พี่คิงส์โพธิ์แดงขอนำวงในมาเปิดให้เข้าใจตรงกัน สิ่งที่จะคว่ำอิ๊งสะเทือนถึงโทนี่ได้ จะมีสองลักษณะ 1. ทางนิติรัฐ คือการบังคับใช้กฏหมาย 2. มวลชนลงถนนไปถึงการปฏิวัติ ซึ่งเวลานี้ ทางนิติรัฐที่จะเอาผิดต่อการกระทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง วงในบอกว่า โทนี่ได้แก้เกมส์ไว้ครบแล้ว นอกจากนั้น จะมีสายฝั่งตรงข้าม ฝังตัวรายงานสถานการณ์และความเคลื่อนไหวโดยตลอด โดยเฉพาะการขยับตัวของลุงป้อม แทบจะไม่มีอะไรเป็นความลับเลย แม้แต่ ใครเข้าพบบ้าง คุยกันเรื่องอะไร โทนี่มอนิเตอร์ตลอด ตั้งเป็นวอร์รูม รวมถึงระดมนักกฏหมายพิจารณาความเป็นไปได้ รวมถึงค่าความเสี่ยงใดๆที่อาจจะเกิดขึ้น โดยผ่านการคำนวนทางสถิติ รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลประชากรในลักษณะที่เป็นบิ๊กดาต้า ทำให้การวางแผนทางการเมือง และการแก้เกมส์ฝ่ายตรงข้าม มีความแม่นยำเหมือนจับวาง ทำให้โทนี่และอุ๊งอิ๊งมีความมั่นอกมั่นใจ แต่พี่คิงส์ก็อยากจะบอกไว้นะครับ เหนือฟ้า ยังมีฟ้า รอชมและติดตามให้ดี หลังถวายสัตย์ ได้ชมอะไรดีๆแน่นอน #คิงส์โพธิ์แดง #อิ๊งไม่ซี
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 368 Views 0 Reviews
  • ธาตุรู้

    องค์หลวงพ่อสุชาติเทศน์ไว้อย่างชัดเจนในหลายวาระ "ธาตุรู้คือใจ ไม่มีวันแตกดับหรือเสื่อมสลายและตัวเราที่แท้นี่คือธาตุรู้"

    "ธาตุรู้ ส่งกระแสไปเชื่อมกับธาตุ ๕ คือ ร่างกายของคนและสัตว์ เพื่อจะรับรู้กระแสโลกผ่านทางตาหูจมูกลิ้นและกายสัมผัส”

    "ธาตุรู้” มีอวิชชา จึงกลับเข้าใจผิดว่าตนเองคือร่างกาย จึงเกิดความทุกข์เมื่อร่างกายเกิดความแปรปรวน

    สัจธรรมเกี่ยวกับ "ธาตุรู้" นี้ เป็นสัมมาทิฏฐิ คือความเข้าใจที่ถูกต้องอันสำคัญยิ่งสำหรับผู้ปฏิบัติ จึงนำมาสู่การรวบรวมคำสอนอันเข้มข้นที่เกี่ยวข้องกับ "แก่นแท้" อันสำคัญยิ่งนี้ ตลอดจนข้อถามตอบที่องค์ท่านเมตตาตอบทุกคำถามจนกระจ่างแก่ใจลูกศิษย์ผู้ยังใช้ตรรกะทางวิทยาศาสตร์ว่า

    "ธาตุรู้” ความจริงแห่งธรรมชาติที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบ” นี้ เป็นวิทยาการขั้นสูงสุด ที่แม้แต่ความรู้ระดับควอนตัมในปัจจุบันยังไม่มีทางตามทัน

    ขอกราบนอบน้อมด้วยเศียรเกล้าแด่องค์พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์พระอรหันตสาวกทุกๆ พระองค์ และองค์หลวงพ่อสุชาติ อภิชาโต

    ผู้รู้ แจ้งแห่งธรรมชาติทั้งปวง
    ผู้ตื่น จากมายาแห่งคลื่นความคิด
    ผู้เบิกบาน ด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์แห่งธาตุรู้

    <<ศิษยานุศิษย์>>

    (ขอขอบคุณศิษยานุศิษย์ หลวงพ่อสุชาติ อภิชาโต)

    อ่าน E-book หนังสือธาตุรู้ https://online.anyflip.com/kybms/qjpn/mobile/
    ธาตุรู้ องค์หลวงพ่อสุชาติเทศน์ไว้อย่างชัดเจนในหลายวาระ "ธาตุรู้คือใจ ไม่มีวันแตกดับหรือเสื่อมสลายและตัวเราที่แท้นี่คือธาตุรู้" "ธาตุรู้ ส่งกระแสไปเชื่อมกับธาตุ ๕ คือ ร่างกายของคนและสัตว์ เพื่อจะรับรู้กระแสโลกผ่านทางตาหูจมูกลิ้นและกายสัมผัส” "ธาตุรู้” มีอวิชชา จึงกลับเข้าใจผิดว่าตนเองคือร่างกาย จึงเกิดความทุกข์เมื่อร่างกายเกิดความแปรปรวน สัจธรรมเกี่ยวกับ "ธาตุรู้" นี้ เป็นสัมมาทิฏฐิ คือความเข้าใจที่ถูกต้องอันสำคัญยิ่งสำหรับผู้ปฏิบัติ จึงนำมาสู่การรวบรวมคำสอนอันเข้มข้นที่เกี่ยวข้องกับ "แก่นแท้" อันสำคัญยิ่งนี้ ตลอดจนข้อถามตอบที่องค์ท่านเมตตาตอบทุกคำถามจนกระจ่างแก่ใจลูกศิษย์ผู้ยังใช้ตรรกะทางวิทยาศาสตร์ว่า "ธาตุรู้” ความจริงแห่งธรรมชาติที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบ” นี้ เป็นวิทยาการขั้นสูงสุด ที่แม้แต่ความรู้ระดับควอนตัมในปัจจุบันยังไม่มีทางตามทัน ขอกราบนอบน้อมด้วยเศียรเกล้าแด่องค์พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์พระอรหันตสาวกทุกๆ พระองค์ และองค์หลวงพ่อสุชาติ อภิชาโต ผู้รู้ แจ้งแห่งธรรมชาติทั้งปวง ผู้ตื่น จากมายาแห่งคลื่นความคิด ผู้เบิกบาน ด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์แห่งธาตุรู้ <<ศิษยานุศิษย์>> (ขอขอบคุณศิษยานุศิษย์ หลวงพ่อสุชาติ อภิชาโต) อ่าน E-book หนังสือธาตุรู้ https://online.anyflip.com/kybms/qjpn/mobile/
    0 Comments 0 Shares 194 Views 0 Reviews
  • Cathay Pacific Airways สายการบินแห่งชาติของฮ่องกง ต้องยกเลิกเที่ยวบิน 48 เที่ยวบินหลังจากตรวจพบว่าชิ้นส่วนเครื่องยนต์ของเครื่องบินแอร์บัสรุ่น A350 ขัดข้อง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เกิดกรณีเช่นนี้กับเครื่องบินรุ่นดังกล่าวทั่วโลก ส่งผลให้ราคาหุ้น Rolls-Royce ผู้ผลิตเครื่องยนต์สัญชาติอังกฤษร่วงลงอย่างรวดเร็ว

    2 กันยายน 2567-รายงานข่าวSouth China Morning Post ระบุว่า เมื่อเช้าวันนี้ สายการบินคาเธ่ย์แถลงว่าได้ตรวจพบปัญหาชิ้นส่วนเครื่องยนต์ในเครื่องบินรุ่น A350 หลังจากที่เครื่องบินคาเธ่ย์แปซิฟิค CX383 ถูกบังคับให้บินกลับฮ่องกงระหว่างเดินทางไปเมืองซูริกในช่วงเช้าของวันเดียวกัน

    สายการบินCathay ไม่ได้อธิบายชิ้นส่วนเครื่องยนต์อย่างละเอียด แต่ระบุว่าเป็นเครื่องบินประเภทเดียวกันลำแรกที่ประสบปัญหาขัดข้องเช่นนี้ในเครื่องบิน A350 ทั่วโลก

    “จนถึงขณะนี้ เราพบชิ้นส่วนเครื่องยนต์เดียวกันหลายชิ้นที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแล้ว เราได้จัดหาชิ้นส่วนอะไหล่แล้ว และงานซ่อมแซมกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ” Cathay กล่าว

    ตามข้อมูลของ Flightradar24 เครื่องบินที่เปลี่ยนเส้นทางคือ A350-1000 ซึ่งเป็นเครื่องบินรุ่นใหญ่กว่าจากสองรุ่นของ A350 สองเครื่องยนต์ โดยเครื่องบินเหล่านี้ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เจ็ท XWB-97 ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เจ็ทที่ใหญ่ที่สุดของ Rolls

    ตามข้อมูลเดียวกันระบุว่าเครื่องบินลำดังกล่าวได้รับการส่งมอบในเดือนมกราคม 2019

    ยังไม่ชัดเจนในทันทีว่าเครื่องยนต์ Rolls-Royce XWB-97 ที่ได้รับผลกระทบถูกติดตั้งบนเครื่องบินลำดังกล่าวเมื่อใด ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าสายการบินและผู้ผลิตเครื่องยนต์มักจะสลับเครื่องยนต์กันเพื่อให้ตรงกับตารางการซ่อมบำรุง

    สายการบินดังกล่าวกล่าวว่ากำลังประสานงานกับกรมการบินพลเรือนฮ่องกงและผู้ผลิตเครื่องบินเจ็ทและเครื่องยนต์

    Cathay ให้บริการเครื่องบินแบบผสมระหว่าง Boeing (BA.N) และ Airbus (AIR.PA) และมีเครื่องบินที่สั่งซื้ออยู่ประมาณ 100 ลำในปัจจุบัน รวมถึงเครื่องบินขนส่งสินค้า เครื่องบินลำตัวแคบ และเครื่องบินลำตัวกว้าง โดยมีสิทธิ์ในการซื้ออีก 80 ลำ

    โฆษกของแอร์บัสได้ส่งคำถามไปยังสายการบินและบริษัทผลิตเครื่องยนต์ Rolls-Royce (RR.L) ซึ่งยังไม่ได้คำตอบหรือแสดงความคิดเห็นในทันที

    สำหรับหุ้นของบริษัทโรลรอยซ์ในอังกฤษ ซึ่งเป็นผู้จัดหาเครื่องยนต์รายเดียวให้กับเครื่องบินเจ็ตระยะไกล A350 ร่วงลงมากถึง 8.8% หลังจากที่ Cathay รายงานว่าชิ้นส่วนเครื่องยนต์ขัดข้อง

    ที่มา :
    https://www.scmp.com/news/hong-kong/transport/article/3276914/hong-kongs-cathay-axes-48-flights-after-engine-component-failure-a350-aircraft?share=KSrpe0%2BwhkX%2FkLzmGSDqLCjs9%2B5Myrw7GDrN8zbywoq5tv%2FU2nx9XF7eCV0mOfb79ou9qXLTnxOebaa%2FihAStP0r5VUXu%2FwXzBSthYHvBeI%3D&utm_campaign=social_share

    #Thaitimes
    Cathay Pacific Airways สายการบินแห่งชาติของฮ่องกง ต้องยกเลิกเที่ยวบิน 48 เที่ยวบินหลังจากตรวจพบว่าชิ้นส่วนเครื่องยนต์ของเครื่องบินแอร์บัสรุ่น A350 ขัดข้อง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เกิดกรณีเช่นนี้กับเครื่องบินรุ่นดังกล่าวทั่วโลก ส่งผลให้ราคาหุ้น Rolls-Royce ผู้ผลิตเครื่องยนต์สัญชาติอังกฤษร่วงลงอย่างรวดเร็ว 2 กันยายน 2567-รายงานข่าวSouth China Morning Post ระบุว่า เมื่อเช้าวันนี้ สายการบินคาเธ่ย์แถลงว่าได้ตรวจพบปัญหาชิ้นส่วนเครื่องยนต์ในเครื่องบินรุ่น A350 หลังจากที่เครื่องบินคาเธ่ย์แปซิฟิค CX383 ถูกบังคับให้บินกลับฮ่องกงระหว่างเดินทางไปเมืองซูริกในช่วงเช้าของวันเดียวกัน สายการบินCathay ไม่ได้อธิบายชิ้นส่วนเครื่องยนต์อย่างละเอียด แต่ระบุว่าเป็นเครื่องบินประเภทเดียวกันลำแรกที่ประสบปัญหาขัดข้องเช่นนี้ในเครื่องบิน A350 ทั่วโลก “จนถึงขณะนี้ เราพบชิ้นส่วนเครื่องยนต์เดียวกันหลายชิ้นที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแล้ว เราได้จัดหาชิ้นส่วนอะไหล่แล้ว และงานซ่อมแซมกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ” Cathay กล่าว ตามข้อมูลของ Flightradar24 เครื่องบินที่เปลี่ยนเส้นทางคือ A350-1000 ซึ่งเป็นเครื่องบินรุ่นใหญ่กว่าจากสองรุ่นของ A350 สองเครื่องยนต์ โดยเครื่องบินเหล่านี้ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เจ็ท XWB-97 ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เจ็ทที่ใหญ่ที่สุดของ Rolls ตามข้อมูลเดียวกันระบุว่าเครื่องบินลำดังกล่าวได้รับการส่งมอบในเดือนมกราคม 2019 ยังไม่ชัดเจนในทันทีว่าเครื่องยนต์ Rolls-Royce XWB-97 ที่ได้รับผลกระทบถูกติดตั้งบนเครื่องบินลำดังกล่าวเมื่อใด ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าสายการบินและผู้ผลิตเครื่องยนต์มักจะสลับเครื่องยนต์กันเพื่อให้ตรงกับตารางการซ่อมบำรุง สายการบินดังกล่าวกล่าวว่ากำลังประสานงานกับกรมการบินพลเรือนฮ่องกงและผู้ผลิตเครื่องบินเจ็ทและเครื่องยนต์ Cathay ให้บริการเครื่องบินแบบผสมระหว่าง Boeing (BA.N) และ Airbus (AIR.PA) และมีเครื่องบินที่สั่งซื้ออยู่ประมาณ 100 ลำในปัจจุบัน รวมถึงเครื่องบินขนส่งสินค้า เครื่องบินลำตัวแคบ และเครื่องบินลำตัวกว้าง โดยมีสิทธิ์ในการซื้ออีก 80 ลำ โฆษกของแอร์บัสได้ส่งคำถามไปยังสายการบินและบริษัทผลิตเครื่องยนต์ Rolls-Royce (RR.L) ซึ่งยังไม่ได้คำตอบหรือแสดงความคิดเห็นในทันที สำหรับหุ้นของบริษัทโรลรอยซ์ในอังกฤษ ซึ่งเป็นผู้จัดหาเครื่องยนต์รายเดียวให้กับเครื่องบินเจ็ตระยะไกล A350 ร่วงลงมากถึง 8.8% หลังจากที่ Cathay รายงานว่าชิ้นส่วนเครื่องยนต์ขัดข้อง ที่มา : https://www.scmp.com/news/hong-kong/transport/article/3276914/hong-kongs-cathay-axes-48-flights-after-engine-component-failure-a350-aircraft?share=KSrpe0%2BwhkX%2FkLzmGSDqLCjs9%2B5Myrw7GDrN8zbywoq5tv%2FU2nx9XF7eCV0mOfb79ou9qXLTnxOebaa%2FihAStP0r5VUXu%2FwXzBSthYHvBeI%3D&utm_campaign=social_share #Thaitimes
    WWW.SCMP.COM
    Hong Kong’s Cathay axes 48 flights, grounds A350 fleet due to engine problem
    ‘This component was the first of its type to suffer such failure on any A350 aircraft worldwide,’ it says.
    Like
    Wow
    3
    0 Comments 0 Shares 472 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่อง “Château Christophe”
    ตอนที่ 6 (ตอนจบ)
    ฝ่ายที่จู่โจมสถานกงสุลอเมริกันที่ Benghazi คาดเดากันว่าน่าจะเป็นพวกทหารอิสลาม แต่มันไม่น่าเชื่อว่า พวกเขาจะไม่รู้ว่า “ใคร” ที่อยู่ในบริเวณที่พวกเขาจัดการเผาจนเรียบวุธขนาดนั้น ถ้า Chris Stevens เป็นเป้าหมาย มันน่าจะง่ายกว่า ถ้าจะโจมตีขบวนรถเขาหรือชิงตัวเขาขณะออกไปวิ่งตอนเช้า หรือชิงตัวจากที่นัดพบและที่สำคัญ ฑูตอเมริกันที่มีชีวิตย่อมเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากกว่าฑูตที่ตายแล้ว
    แต่เพราะ Chris Stevens ถูกฆ่าตาย 56 วันก่อนมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี การตายเขาจึงกลายเป็นส่วนประกอบของฉากการเมือง ที่ทุกฝ่ายอยากเอาไปประกอบให้มีคะแนนเพิ่มขึ้น หรือเอาไปลดคะแนนคู่ต่อสู้
    รัฐบาล Obama ถูกวิจารณ์อย่างหนัก เมื่ออ้างในตอนแรกอย่างไม่มีน้ำหนักว่าการโจมตีสถานกงสุลเกิดขึ้นเพราะการประท้วงเรื่อง วีดีโอ แต่หลังจากนั้นประมาณเดือนตุลาคม เมื่อ New York Times รายงานว่า ชาวพื้นเมืองบอกว่าพวกที่บุกรุกเข้าไปในสถานกงสุลเป็นพวกอิสลามที่แค้นเรื่อง วีดีโอ มันก็เลยทำให้ข้อแก้ตัวของรัฐบาลพอฟังขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ทำให้หลายๆ ฝ่ายหายสงสัย
    นอกจากนี้ภาพของฑูต Stevens ที่แพร่ทางสื่อต่าง ๆ มีความแตกต่างกัน มีหลายสื่อที่ออกข่าวว่า ฑูต Stevens ถูกทารุณและถูกชำเราทางทวารหนัก โดยมีภาพกึ่งเปลือยของเขาถูกชาวเมืองกำลังแบกอยู่ ในขณะที่สื่อฝั่งตะวันตก แพร่ภาพของฑูต Stevens นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลและบอกเพียงว่า Stevens เสียชีวิตเพราะสำลักควัน ไม่ได้ถูกทำร้ายทารุณ เขามีบาดแผลเพียงเล็กน้อยที่หน้าผากเท่านั้น
    ข่าวนี้ออกมาใกล้เคียงกับการที่สภาสูง ของอเมริกาได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนสาเหตุการตายของ Stevens และตรวจสอบประเด็นเรื่องการรักษาความปลอดภัยด้วย ผลของการตรวจสอบ ยังไม่สามารถให้ความกระจ่างได้ ข้อมูลที่ออกมาสับสนและขัดแย้งกันเอง (จนถึงทุกวันนี้) ยากแก่การลงความเห็นว่าฑูต Stevens เสียชีวิตจากการสำลักควัน โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ และกำลังเสริมที่อยู่ห่างไปเพียง 1.2 ไมล์ ซึ่งมาถึงช้าอย่าผิดปกติ จนบริเวณกงสุลไหม้ไปเกือบหมดแล้ว
    ขณะเดียวกันก็เริ่มมีข่าวแพร่ออกมาว่า CIA มีส่วนเกี่ยวพันกับการเสียชีวิตของฑูต Stevens ข่าวรายงานว่า จุดยืนอย่างเป็นทางการของอเมริกา คือ ไม่มีการส่งอาวุธไปช่วยพวกกบฏในซีเรีย แต่ก็มีหลักฐานโผล่ขึ้นมาเรื่อย ๆ ว่าตัวแทนของอเมริกาโดยเฉพาะ ฑูต Stevens ที่เพิ่งถูกฆาตกรรมไปนั่นแหละ อย่างน้อยมีส่วนรู้เห็นกับการขนย้ายอาวุธจากลิเบียไปให้พวกกบฎ Jihadist ของซีเรีย
    เดือนมีนาคม ค.ศ. 2011 นาย Stevens ได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการของอเมริกา เพื่อประสานงานกับ al-Qaeda-linked ซึ่งเป็นกลุ่มต่อต้านรัฐบาลลิเบีย โดยติดต่อโดยตรงกับ Abdelhakim Belhadj ของ Libyan Islamic Fighting Group ซึ่งกลุ่มนี้ต่อมายกเลิกไป หลังจากมีรายงานว่ามีส่วนร่วมในการโจมตีกงสุลอเมริกันและทำให้นาย Stevens เสียชีวิต !
    เดือนกันยายน ค.ศ. 2011 หนังสือพิมพ์ Time of London รายงานว่าเรือสัญชาติ Libya ขนสินค้าจำนวนมากเป็นอาวุธไปให้ซีเรีย โดยเทียบท่าที่ตุรกี รายงานข่าวว่าสินค้าหนักถึง 400 ตันนั้น มีจรวดประเภท SA-7 surface-to air anti-craft และ rocket-propelled grenade (ขีปนาวุธ ประเภทขับเคลื่อน) จำนวนมาก อาวุธทั้งหมดน่าจะมาจากส่วนที่ เก็บอยู่ในกองทัพของ Qaddafi ซึ่งมีประมาณ 20,000 ชิ้น สื่อ Reuters รายงานว่าฝ่ายกบฎซีเรีย ใช้อาวุธเหล่านี้ ยิงเครื่องเฮลิคอปเตอร์ และเครื่องบินรบของฝ่ายรัฐบาลซีเรีย
    เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2011 หนังสือพิมพ์ Telegraph รายงานว่า Belhadj ในฐานะหัวหน้า Tripoli Military Council ได้พบกับบรรดาหัวหน้าของ Free Serian Army (FSA) ที่ Istanbul และแถบชายแดนของตุรกี โดยเป็นความพยายามของรัฐบาลใหม่ของลิเบียที่จะให้ความสนับสนุนทางด้านเงินและอาวุธแก่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ซึ่งกำลังเริ่มเกิดขึ้น
    นี่หมายความว่า ฑูต Stevens มีบุคคลเดียว คือ Belhadj ที่โยงระหว่างเขากับคน Benghazi ที่ขนอาวุธให้กบฎซีเรีย และถ้ารัฐบาลใหม่ของลิเบีย ส่งอาวุธให้กับกบฎซีเรีย ผ่านทางท่าเรือของตุรกี โดยมี Stevens เป็นตัวกลางให้กับพวกกบฎลิเบีย รัฐบาลตุรกีและรัฐบาลอเมริกันก็น่าจะรู้เห็นเรื่องนี้ด้วย
    และอย่าลืมว่า มีหน่วยงานที่ขึ้นกับ CIA ประจำอยู่ที่เมือง Benghazi ซึ่งห่างจากสถานกงสุลแค่ 1.2 ไมล์ หน่วยงานนี้ทำหน้าที่เก็บข้อมูลของการกระจายอาวุธที่ยึดมาจากรัฐบาลลิเบีย และปฏิบัติภาระกิจอะไรอีกบ้าง ยังไม่มีการเปิดเผยออกมา แต่เป็นที่รู้กันว่า การรักษาความปลอดภัยของหน่วยงานนี้ หนาแน่นมั่นคงและมีอาวุธที่ก้าวหน้าว่าที่สถานกงสุลมากนัก
    มาถึงจุดนี้มันค่อนข้างชัดเจนว่า อเมริกาต้องมีอะไรซ่อนอยู่ที่ Benghazi มันถึงทำให้รายงาน ต่าง ๆ สับสน และเมื่อถูกสอบถาม คุณนาย Clinton ถึงกับลมจับใบ้รับประทาน
    อย่าลืมว่านัดสุดท้ายของฑูต Stevens เมื่อวันที่ 11 กันยายน คือ การพบกับกงสุลตุรกี ชื่อ General Ali Sait Akin ซึ่ง Fox News บอกว่าเพื่อเป็นการเจรจาเกี่ยว กับการส่งมอบ ขีปนาวุธ SA-7 Business Insider รายงานเพิ่มว่า Stevens และลูกน้องเขา ทำหน้าที่เป็น “diplomatic cover” ให้แก่ CIA จากจำนวน 30 คน ที่อพยพมาจาก Benghazi มีเพียง 7 คน เท่านั้นที่ทำงานให้กับกระทรวงต่างประเทศและถ้า Stevens รู้ว่าอาวุธที่ส่งให้กบฎซีเรียมาจากไหน จะเป็นไปได้หรือที่ CIA จะไม่รู้ ไม่เห็นด้วย มันคงจะเป็นเรื่องที่ทำให้วอชิงตันลำบากใจอย่างยิ่ง ในการตอบคำถามที่เกี่ยวข้อง
    ไม่ว่าจะมีข่าวออกไปทางใด การตายของนาย Stevens คงจะเป็นปริศนาค้างคาอยู่กันต่อไป แต่จากเรื่องที่สื่อต่างชาติเขียนมานี้ น่าจะทำให้เราเห็นอะไรหลายอย่างว่า อเมริกาแท้จริงเป็นอย่างไร
    ในการสร้างสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ละประเทศต่างก็ส่งคนของตนไปทั่วโลก เพื่อหาข้อมูลและเพื่อดูแลผลประโยชน์ของประเทศตน และแน่นอนที่สุด เพื่อสร้างมิตร สร้างสัมพันธ์ไมตรีที่ดีต่อกัน การที่อเมริกันเข้าไปในบ้านเมืองอื่นๆ ด้วยวิธีการอย่างที่อเมริกาเข้าไปในลิเบีย หรือส่งของขวัญพิเศษให้กับกบฎซีเรีย หรือที่กำลังทำอยู่ในหลายๆประเทศ และรวมทั้งที่กำลังทำอยู่กับราช อาณาจักรไทยด้วยนั้น การฑูตผ่านรั้วสูง กำแพงเหล็ก โกหก จุ้นจ้าน จาบจ้วง ทวงบุญคุณ และการส่ง “ของขวัญ” แบบพิเศษนี้ ฯลฯ คงจะสร้าง หรือรักษา “มิตร” ได้ยาก
    คนเล่านิทาน
    7 มิย. 57
    นิทานเรื่อง “Château Christophe” ตอนที่ 6 (ตอนจบ) ฝ่ายที่จู่โจมสถานกงสุลอเมริกันที่ Benghazi คาดเดากันว่าน่าจะเป็นพวกทหารอิสลาม แต่มันไม่น่าเชื่อว่า พวกเขาจะไม่รู้ว่า “ใคร” ที่อยู่ในบริเวณที่พวกเขาจัดการเผาจนเรียบวุธขนาดนั้น ถ้า Chris Stevens เป็นเป้าหมาย มันน่าจะง่ายกว่า ถ้าจะโจมตีขบวนรถเขาหรือชิงตัวเขาขณะออกไปวิ่งตอนเช้า หรือชิงตัวจากที่นัดพบและที่สำคัญ ฑูตอเมริกันที่มีชีวิตย่อมเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากกว่าฑูตที่ตายแล้ว แต่เพราะ Chris Stevens ถูกฆ่าตาย 56 วันก่อนมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี การตายเขาจึงกลายเป็นส่วนประกอบของฉากการเมือง ที่ทุกฝ่ายอยากเอาไปประกอบให้มีคะแนนเพิ่มขึ้น หรือเอาไปลดคะแนนคู่ต่อสู้ รัฐบาล Obama ถูกวิจารณ์อย่างหนัก เมื่ออ้างในตอนแรกอย่างไม่มีน้ำหนักว่าการโจมตีสถานกงสุลเกิดขึ้นเพราะการประท้วงเรื่อง วีดีโอ แต่หลังจากนั้นประมาณเดือนตุลาคม เมื่อ New York Times รายงานว่า ชาวพื้นเมืองบอกว่าพวกที่บุกรุกเข้าไปในสถานกงสุลเป็นพวกอิสลามที่แค้นเรื่อง วีดีโอ มันก็เลยทำให้ข้อแก้ตัวของรัฐบาลพอฟังขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ทำให้หลายๆ ฝ่ายหายสงสัย นอกจากนี้ภาพของฑูต Stevens ที่แพร่ทางสื่อต่าง ๆ มีความแตกต่างกัน มีหลายสื่อที่ออกข่าวว่า ฑูต Stevens ถูกทารุณและถูกชำเราทางทวารหนัก โดยมีภาพกึ่งเปลือยของเขาถูกชาวเมืองกำลังแบกอยู่ ในขณะที่สื่อฝั่งตะวันตก แพร่ภาพของฑูต Stevens นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลและบอกเพียงว่า Stevens เสียชีวิตเพราะสำลักควัน ไม่ได้ถูกทำร้ายทารุณ เขามีบาดแผลเพียงเล็กน้อยที่หน้าผากเท่านั้น ข่าวนี้ออกมาใกล้เคียงกับการที่สภาสูง ของอเมริกาได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนสาเหตุการตายของ Stevens และตรวจสอบประเด็นเรื่องการรักษาความปลอดภัยด้วย ผลของการตรวจสอบ ยังไม่สามารถให้ความกระจ่างได้ ข้อมูลที่ออกมาสับสนและขัดแย้งกันเอง (จนถึงทุกวันนี้) ยากแก่การลงความเห็นว่าฑูต Stevens เสียชีวิตจากการสำลักควัน โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ และกำลังเสริมที่อยู่ห่างไปเพียง 1.2 ไมล์ ซึ่งมาถึงช้าอย่าผิดปกติ จนบริเวณกงสุลไหม้ไปเกือบหมดแล้ว ขณะเดียวกันก็เริ่มมีข่าวแพร่ออกมาว่า CIA มีส่วนเกี่ยวพันกับการเสียชีวิตของฑูต Stevens ข่าวรายงานว่า จุดยืนอย่างเป็นทางการของอเมริกา คือ ไม่มีการส่งอาวุธไปช่วยพวกกบฏในซีเรีย แต่ก็มีหลักฐานโผล่ขึ้นมาเรื่อย ๆ ว่าตัวแทนของอเมริกาโดยเฉพาะ ฑูต Stevens ที่เพิ่งถูกฆาตกรรมไปนั่นแหละ อย่างน้อยมีส่วนรู้เห็นกับการขนย้ายอาวุธจากลิเบียไปให้พวกกบฎ Jihadist ของซีเรีย เดือนมีนาคม ค.ศ. 2011 นาย Stevens ได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการของอเมริกา เพื่อประสานงานกับ al-Qaeda-linked ซึ่งเป็นกลุ่มต่อต้านรัฐบาลลิเบีย โดยติดต่อโดยตรงกับ Abdelhakim Belhadj ของ Libyan Islamic Fighting Group ซึ่งกลุ่มนี้ต่อมายกเลิกไป หลังจากมีรายงานว่ามีส่วนร่วมในการโจมตีกงสุลอเมริกันและทำให้นาย Stevens เสียชีวิต ! เดือนกันยายน ค.ศ. 2011 หนังสือพิมพ์ Time of London รายงานว่าเรือสัญชาติ Libya ขนสินค้าจำนวนมากเป็นอาวุธไปให้ซีเรีย โดยเทียบท่าที่ตุรกี รายงานข่าวว่าสินค้าหนักถึง 400 ตันนั้น มีจรวดประเภท SA-7 surface-to air anti-craft และ rocket-propelled grenade (ขีปนาวุธ ประเภทขับเคลื่อน) จำนวนมาก อาวุธทั้งหมดน่าจะมาจากส่วนที่ เก็บอยู่ในกองทัพของ Qaddafi ซึ่งมีประมาณ 20,000 ชิ้น สื่อ Reuters รายงานว่าฝ่ายกบฎซีเรีย ใช้อาวุธเหล่านี้ ยิงเครื่องเฮลิคอปเตอร์ และเครื่องบินรบของฝ่ายรัฐบาลซีเรีย เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2011 หนังสือพิมพ์ Telegraph รายงานว่า Belhadj ในฐานะหัวหน้า Tripoli Military Council ได้พบกับบรรดาหัวหน้าของ Free Serian Army (FSA) ที่ Istanbul และแถบชายแดนของตุรกี โดยเป็นความพยายามของรัฐบาลใหม่ของลิเบียที่จะให้ความสนับสนุนทางด้านเงินและอาวุธแก่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ซึ่งกำลังเริ่มเกิดขึ้น นี่หมายความว่า ฑูต Stevens มีบุคคลเดียว คือ Belhadj ที่โยงระหว่างเขากับคน Benghazi ที่ขนอาวุธให้กบฎซีเรีย และถ้ารัฐบาลใหม่ของลิเบีย ส่งอาวุธให้กับกบฎซีเรีย ผ่านทางท่าเรือของตุรกี โดยมี Stevens เป็นตัวกลางให้กับพวกกบฎลิเบีย รัฐบาลตุรกีและรัฐบาลอเมริกันก็น่าจะรู้เห็นเรื่องนี้ด้วย และอย่าลืมว่า มีหน่วยงานที่ขึ้นกับ CIA ประจำอยู่ที่เมือง Benghazi ซึ่งห่างจากสถานกงสุลแค่ 1.2 ไมล์ หน่วยงานนี้ทำหน้าที่เก็บข้อมูลของการกระจายอาวุธที่ยึดมาจากรัฐบาลลิเบีย และปฏิบัติภาระกิจอะไรอีกบ้าง ยังไม่มีการเปิดเผยออกมา แต่เป็นที่รู้กันว่า การรักษาความปลอดภัยของหน่วยงานนี้ หนาแน่นมั่นคงและมีอาวุธที่ก้าวหน้าว่าที่สถานกงสุลมากนัก มาถึงจุดนี้มันค่อนข้างชัดเจนว่า อเมริกาต้องมีอะไรซ่อนอยู่ที่ Benghazi มันถึงทำให้รายงาน ต่าง ๆ สับสน และเมื่อถูกสอบถาม คุณนาย Clinton ถึงกับลมจับใบ้รับประทาน อย่าลืมว่านัดสุดท้ายของฑูต Stevens เมื่อวันที่ 11 กันยายน คือ การพบกับกงสุลตุรกี ชื่อ General Ali Sait Akin ซึ่ง Fox News บอกว่าเพื่อเป็นการเจรจาเกี่ยว กับการส่งมอบ ขีปนาวุธ SA-7 Business Insider รายงานเพิ่มว่า Stevens และลูกน้องเขา ทำหน้าที่เป็น “diplomatic cover” ให้แก่ CIA จากจำนวน 30 คน ที่อพยพมาจาก Benghazi มีเพียง 7 คน เท่านั้นที่ทำงานให้กับกระทรวงต่างประเทศและถ้า Stevens รู้ว่าอาวุธที่ส่งให้กบฎซีเรียมาจากไหน จะเป็นไปได้หรือที่ CIA จะไม่รู้ ไม่เห็นด้วย มันคงจะเป็นเรื่องที่ทำให้วอชิงตันลำบากใจอย่างยิ่ง ในการตอบคำถามที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะมีข่าวออกไปทางใด การตายของนาย Stevens คงจะเป็นปริศนาค้างคาอยู่กันต่อไป แต่จากเรื่องที่สื่อต่างชาติเขียนมานี้ น่าจะทำให้เราเห็นอะไรหลายอย่างว่า อเมริกาแท้จริงเป็นอย่างไร ในการสร้างสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ละประเทศต่างก็ส่งคนของตนไปทั่วโลก เพื่อหาข้อมูลและเพื่อดูแลผลประโยชน์ของประเทศตน และแน่นอนที่สุด เพื่อสร้างมิตร สร้างสัมพันธ์ไมตรีที่ดีต่อกัน การที่อเมริกันเข้าไปในบ้านเมืองอื่นๆ ด้วยวิธีการอย่างที่อเมริกาเข้าไปในลิเบีย หรือส่งของขวัญพิเศษให้กับกบฎซีเรีย หรือที่กำลังทำอยู่ในหลายๆประเทศ และรวมทั้งที่กำลังทำอยู่กับราช อาณาจักรไทยด้วยนั้น การฑูตผ่านรั้วสูง กำแพงเหล็ก โกหก จุ้นจ้าน จาบจ้วง ทวงบุญคุณ และการส่ง “ของขวัญ” แบบพิเศษนี้ ฯลฯ คงจะสร้าง หรือรักษา “มิตร” ได้ยาก คนเล่านิทาน 7 มิย. 57
    0 Comments 0 Shares 339 Views 0 Reviews
  • สวัสดีครับวันนี้มาพบกับนายTechTips กันอีกเเล้ว จะมีเรื่องสนุกๆอะไรมาเล่าให้ฟังลองอ่านกันดูได้เลยครับ
    บ่อยครั้งที่ความเชื่อต่างๆ มักมาจากคำแนะนำต่างๆ ที่ “คนอื่นบอกต่อกันมา” ตัวอย่างเช่น คอมพิวเตอร์ MacBook จะไม่มีวันติดไวรัส หรือแม้กระทั่งเสียบสายชาร์ตทิ้งไว้ทำให้แบตเตอรี่พัง ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นเช่นนั้นหรือไม่ มาดูกัน

    1. เชื่อกันว่า “Mac ไม่มีวันติดไวรัส” แต่กูรูเทคโนโลยีต่างประเทศได้เผยว่า ในปัจจุบันแม้แต่คอมจากบริษัท Apple อย่างเจ้า Mac ทั้งหลายก็สามารถติดไวรัสและอาจปะทะเข้ากับมัลแวร์ได้เช่นกัน ซึ่งครั้งหนึ่ง Mac เคยโฆษณาว่า “คอมของเราต้านไวรัสได้” แต่ในปี 2012 พวกเขาได้ถอดคำโฆษณานั้นออกจากระบบ หลังจากที่ถูกโทรจันบุกอย่างหนัก

    2. เสียบสายชาร์จมือถือทิ้งไว้ทำให้แบตเตอรี่เสื่อม
    กลายเป็นความเชื่อที่ระบาดไปทั่วโลกว่า การเสียบสายชาร์จทิ้งไว้จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อม แต่กูรูเทคโนโลยีเผยว่า นี่เป็นความเชื่อที่ยังไม่มีหลักฐานใดรองรับอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้แบตเตอรี่ในปัจจุบันยังเป็นแบบ “Lithium-ion” ที่มีศักยภาพในการหยุดชาร์ตอัตโนมัติเมื่อเต็มแล้ว

    3. ยิ่งพิกเซลมาก กล้องนั้นยิ่งเทพ
    จริงอยู่ว่าจำนวนพิกเซลมีผลต่อคุณภาพของภาพ แต่ผู้เชี่ยวชาญตั้งคำถามได้อย่างน่าสนใจว่า “คุณคิดว่ากล้องที่มีความละเอียด 8 Megapixel กับ 12 Megapixel ต่างกันมากไหม” และเขาได้เฉลยคำตอบว่าคุณภาพของภาพแทบไม่ต่างกัน อย่างที่หลายคนคาดคิด เพราะแท้จริงแล้วคุณภาพของภาพวัดกันที่ “แสง” และตัว “เซนเซอร์” จับภาพมากกว่า ฉะนั้นหากกล้องไหนที่สามารถรับแสงได้มาก และมีเซ็นเซอร์ที่มีคุณภาพชั้นดี ก็จะย่อมทำให้เราได้ภาพที่ดีกว่า

    4. อย่าชาร์จแบตเตอรี่เด็ดขาด จนกว่ามันใกล้จะหมด
    เป็นอีกความเชื่อที่กระจายทั่วโลก ซึ่งหลายๆคนมักบอกกันว่า “รอให้แบตเตอรี่ใกล้หมดก่อน แล้วค่อยชาร์จ ไม่งั้นมันจะเสื่อม” แต่ที่จริงช่วงจังหวะที่ชาร์ตไม่เคยทำให้คุณภาพของแบตเตอรี่เสื่อมแม้แต่น้อย แต่สาเหตุหลักที่เสื่อมก็เพราะแบตเตอรี่มีวงรอบอายุของมัน และการชาร์จเมื่อแบตเตอรี่หมดหรือใกล้หมด คือการทำให้แบตเตอรี่ใช้วงรอบอายุของมันให้หมดไปเร็วยิ่งขึ้น

    5. การเลือก Display Resolution สูงๆ บนสมาร์ทโฟนจะทำให้ภาพคมชัด
    ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า Display Resolution สูงไม่ได้หมายถึงคุณภาพระดับพระเจ้าเสมอไป และนั่นก็เป็นสาเหตุว่าทำไมทาง Apple จึงมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาให้มือถือแต่ละรุ่นมีความโดดเด่นในเรื่องแสง (Brightness) มากกว่า Display Resolution ที่ไม่ได้ทำให้คุณภาพแตกต่างจากเดิมเท่าใดนัก

    6. ที่ชาร์ตของ iPad ไม่ควรเอามาใช้กับ iPhone
    ยังเป็นข้อสงสัยที่หลายคนรู้สึกคลุมเคลือว่ามีผลหรือไม่ เพราะแม้ทาง Apple เองก็ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ตัวชาร์จขนาด 12 วัตต์ของ iPad สามารถใช้ชาร์จได้ทั้ง iPhone และ iPad แต่ทางบริษัท AEi Systems ได้ออกมาเผยว่าการใช้ที่ชาร์จร่วมกันเช่นนั้นจะอาจมีผลกระทบกับ iPhone เช่นกัน หากทำบ่อยและมันอาจใช้เวลายาวนานนับปี ถึงจะเห็นว่าแบตเตอรี่ได้เสื่อมไปแล้ว

    7. อย่าชัทดาวน์คอมพิวเตอร์ทุกวัน
    การชัทดาวน์เครื่องนั้นถือเป็นสิ่งที่ดีต่อคอมพิวเตอร์มาก และดียิ่งกว่าโหมด “Sleep” เสียอีก เพราะการชัทดาวน์จะทำให้เครื่องกินไฟน้อยกว่าเดิม และยังช่วยรักษาสภาพอะไหล่ฮาร์ดแวร์ให้มีอายุยาวนานขึ้นด้วย

    เป็นไงครับไหนใครเคยเชื่ออะไรตามหัวข้อนี้บ้าง ก็อ่านไว้เป็นความรู้สนุกๆกันนะครับ
    ถ้าใครมีคำถามอะไรส่งมาได้เลยนะครับ นายTechTipsจะไปหาคำตอบมาให้เเน่นอนครับ
    #TechTips

    สวัสดีครับวันนี้มาพบกับนายTechTips กันอีกเเล้ว จะมีเรื่องสนุกๆอะไรมาเล่าให้ฟังลองอ่านกันดูได้เลยครับ บ่อยครั้งที่ความเชื่อต่างๆ มักมาจากคำแนะนำต่างๆ ที่ “คนอื่นบอกต่อกันมา” ตัวอย่างเช่น คอมพิวเตอร์ MacBook จะไม่มีวันติดไวรัส หรือแม้กระทั่งเสียบสายชาร์ตทิ้งไว้ทำให้แบตเตอรี่พัง ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นเช่นนั้นหรือไม่ มาดูกัน 1. เชื่อกันว่า “Mac ไม่มีวันติดไวรัส” แต่กูรูเทคโนโลยีต่างประเทศได้เผยว่า ในปัจจุบันแม้แต่คอมจากบริษัท Apple อย่างเจ้า Mac ทั้งหลายก็สามารถติดไวรัสและอาจปะทะเข้ากับมัลแวร์ได้เช่นกัน ซึ่งครั้งหนึ่ง Mac เคยโฆษณาว่า “คอมของเราต้านไวรัสได้” แต่ในปี 2012 พวกเขาได้ถอดคำโฆษณานั้นออกจากระบบ หลังจากที่ถูกโทรจันบุกอย่างหนัก 2. เสียบสายชาร์จมือถือทิ้งไว้ทำให้แบตเตอรี่เสื่อม กลายเป็นความเชื่อที่ระบาดไปทั่วโลกว่า การเสียบสายชาร์จทิ้งไว้จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อม แต่กูรูเทคโนโลยีเผยว่า นี่เป็นความเชื่อที่ยังไม่มีหลักฐานใดรองรับอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้แบตเตอรี่ในปัจจุบันยังเป็นแบบ “Lithium-ion” ที่มีศักยภาพในการหยุดชาร์ตอัตโนมัติเมื่อเต็มแล้ว 3. ยิ่งพิกเซลมาก กล้องนั้นยิ่งเทพ จริงอยู่ว่าจำนวนพิกเซลมีผลต่อคุณภาพของภาพ แต่ผู้เชี่ยวชาญตั้งคำถามได้อย่างน่าสนใจว่า “คุณคิดว่ากล้องที่มีความละเอียด 8 Megapixel กับ 12 Megapixel ต่างกันมากไหม” และเขาได้เฉลยคำตอบว่าคุณภาพของภาพแทบไม่ต่างกัน อย่างที่หลายคนคาดคิด เพราะแท้จริงแล้วคุณภาพของภาพวัดกันที่ “แสง” และตัว “เซนเซอร์” จับภาพมากกว่า ฉะนั้นหากกล้องไหนที่สามารถรับแสงได้มาก และมีเซ็นเซอร์ที่มีคุณภาพชั้นดี ก็จะย่อมทำให้เราได้ภาพที่ดีกว่า 4. อย่าชาร์จแบตเตอรี่เด็ดขาด จนกว่ามันใกล้จะหมด เป็นอีกความเชื่อที่กระจายทั่วโลก ซึ่งหลายๆคนมักบอกกันว่า “รอให้แบตเตอรี่ใกล้หมดก่อน แล้วค่อยชาร์จ ไม่งั้นมันจะเสื่อม” แต่ที่จริงช่วงจังหวะที่ชาร์ตไม่เคยทำให้คุณภาพของแบตเตอรี่เสื่อมแม้แต่น้อย แต่สาเหตุหลักที่เสื่อมก็เพราะแบตเตอรี่มีวงรอบอายุของมัน และการชาร์จเมื่อแบตเตอรี่หมดหรือใกล้หมด คือการทำให้แบตเตอรี่ใช้วงรอบอายุของมันให้หมดไปเร็วยิ่งขึ้น 5. การเลือก Display Resolution สูงๆ บนสมาร์ทโฟนจะทำให้ภาพคมชัด ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า Display Resolution สูงไม่ได้หมายถึงคุณภาพระดับพระเจ้าเสมอไป และนั่นก็เป็นสาเหตุว่าทำไมทาง Apple จึงมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาให้มือถือแต่ละรุ่นมีความโดดเด่นในเรื่องแสง (Brightness) มากกว่า Display Resolution ที่ไม่ได้ทำให้คุณภาพแตกต่างจากเดิมเท่าใดนัก 6. ที่ชาร์ตของ iPad ไม่ควรเอามาใช้กับ iPhone ยังเป็นข้อสงสัยที่หลายคนรู้สึกคลุมเคลือว่ามีผลหรือไม่ เพราะแม้ทาง Apple เองก็ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ตัวชาร์จขนาด 12 วัตต์ของ iPad สามารถใช้ชาร์จได้ทั้ง iPhone และ iPad แต่ทางบริษัท AEi Systems ได้ออกมาเผยว่าการใช้ที่ชาร์จร่วมกันเช่นนั้นจะอาจมีผลกระทบกับ iPhone เช่นกัน หากทำบ่อยและมันอาจใช้เวลายาวนานนับปี ถึงจะเห็นว่าแบตเตอรี่ได้เสื่อมไปแล้ว 7. อย่าชัทดาวน์คอมพิวเตอร์ทุกวัน การชัทดาวน์เครื่องนั้นถือเป็นสิ่งที่ดีต่อคอมพิวเตอร์มาก และดียิ่งกว่าโหมด “Sleep” เสียอีก เพราะการชัทดาวน์จะทำให้เครื่องกินไฟน้อยกว่าเดิม และยังช่วยรักษาสภาพอะไหล่ฮาร์ดแวร์ให้มีอายุยาวนานขึ้นด้วย เป็นไงครับไหนใครเคยเชื่ออะไรตามหัวข้อนี้บ้าง ก็อ่านไว้เป็นความรู้สนุกๆกันนะครับ ถ้าใครมีคำถามอะไรส่งมาได้เลยนะครับ นายTechTipsจะไปหาคำตอบมาให้เเน่นอนครับ #TechTips
    0 Comments 0 Shares 258 Views 0 Reviews
  • #อยากเบิกเนตรให้คนอีกจำนวนไม่น้อย
    ที่ยังสะละมึนกับละครฉายซ้ำ
    ยังนั่งเชียร์เย้วๆว่า นี่แหละวีระบุรุษนาแกคือคนที่จำคว่ำโทนี่ได้
    คนกลุ่มนี้คือคนที่ไม่เคยติดตามข่าวสารการเมืองจริงจัง
    โดยรอบนี้พี่คิงส์จะไม่เอาข้อมูลเก่าที่เคยนำเสนอไปแล้ว
    มาเล่าซ้ำ เอาบทสัมภาษณ์สดๆร้อนๆเมื่อห้าโมงเย็นที่ผ่านมานี่แหละ
    อ่านแล้ววิเคราะห์เอาเอง ตาจะได้สว่าง
    พี่คิงส์โพธิ์แดงย้ำว่า อาเจนด้าของเพจนี้คือการยืนอยู่บนความถูกต้อง
    เปิดเผยความจริงในด้านที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้
    และปกป้องสถาบันที่เรารักไม่ให้ถูกบิดเบือน ให้ร้าย
    ดังนั้น เพจนี้จึงไม่ได้ต้องเชียร์พรรคใดพรรคหนึ่ง
    และก็ไม่ได้ต้องโจม ตี พรรคใดพรรคหนึ่ง
    ว่ากันเป็นเรื่องๆ ยกเว้นพรรคส้มเน่า มันมีแกนแนวคิด
    ที่ล้มล้างการปกครอง จึงไม่มีความดีใดๆให้สรรเสริญ
    พี่คิงส์ฯเชื่อว่า หลายคนงงๆ และยังไม่ชินเพราะปกติ เพจต้องสร้างมาเพื่อเชียร์ฝั่งนึง และเล่นงานอีกฝั่งนึง พอพี่คิงส์เอาความจริงที่ฝั่งตัวเองเชียร์ทำไม่ดีมาเปิด ก็จะผลักพี่คิงส์ไปอีกฝั่งทันที ทรวยเหอะ เรื่องของเมิง ไอ่พวกนี้ไม่ให้ราคา เพราะพี่คิงส์เชื่อว่าคนที่คอเดียวกันมีเยอะ
    ว่ากันต่อเรื่องบทสัมภาษณ์
    นักข่าวได้ซักถาม กรณีที่แถลงข่าวไปเมื่อวาน คำถามเช่น
    ไปคุยอะไรชั้น 14
    หลักฐานที่มีคว่ำโทนี่ได้เลยมั๊ย
    รอบนี้สู้จริงหรือเปล่า
    แต่คำตอบที่ได้ที่พี่คิงส์จะจับประเด็นให้เข้าใจง่ายๆคือ
    1. โทนี่พูดเสมอว่า "ผมเป็นหนี้บุญคุณพี่เสรีเยอะมาก" และโทนี่โทรไปให้ช่วยโหวตอิ๊งเป็นนายก แต่พอคุยกับภูมิธรรม ว่าตัวเองอยากได้รองนายกและคุมความมั่นคงคุมตำรวจทั่วปรปะเทศ เพราะคุณสมบัติของตัวเองเหมาะสมที่สุด แต่โทนี่จะตั้งอิ๊งคุมความมั่นคง โดยตัวเองนี่แหละจะดูเอง
    2. ประเด็นที่สองคือ เมื่อรู้ว่าตัวเองขอแล้วไม่ได้ ก็เลยทำเอกสารขู่ยื่นโนติสว่าพรรคตัวเองที่มีสส.คนเดียว จะถอนตัวนะ และเริ่มให้ข่าวกับสื่อว่า จะแถลงแต่แล้วโทนี่ก็ไม่โทรมาง้อ
    3. ที่แถลงข่าว แต่แถลงครึ่งๆกลางๆ อ้างว่าบอกนักข่าวได้แค่บางส่วน นักข่าวถามว่ามีข่าวว่า เพื่อไทยติดต่อมาจะให้ตำแหน่งที่ต้องการ ก็ตอบด้วยความน้อยใจว่า ยัง ยังไม่มี
    4. ยกตัวเองว่า เสรีนี่แหละคือตำรวจที่ดีและเหมาะสมที่สุด คุณสมบัติของเสรี เป็นนายกยังเก่งว่าโทนี่ด้วยซ้ำ ถ้าเอาตัวเองไปคุมตำรวจ ก็จะทำให้คนไทยทั้งประเทศเจริญ เป็นผลงานของพรรคเพื่อไทย
    5. ตำรวจทั่วประเทศต้องปฏิรูป ตร.ชั้นประทวนจบม.หกมาเป็น ได้ยังไง กระจอก ชั้นสัญญาบัตรจบแค่ป.ตรี เป็นได้ไง
    6. เสรี มีบุญคุณกับเพื่อไทยมากมาย นอกเหนือจากที่โทนี่นัดไปคุยชั้น 14 ขอให้ถอนเรื่องร้องเรียน นายกนิดเรื่องแต่งตั้งผบตร. ก็ยังทำให้เพื่อไทยได้ส.ส.เป็นสิบที่นั่ง โดยแจงละเอียดว่า สส.เพื่อไทยคนไหนมาให้ช่วย ตัวเองก็จะหาช่องทางกฏหมายเล่นงาน จนต้องถอนตัวบ้าง บางคนยังมีค-ดีถึงวันนี้ไม่จบไม่สิ้น หนึ่งในนั้นคือสหายแสง บางคนเป็นผู้ลงสมัครสส.เพื่อไทย แต่ทำผิด ตัวเองก็ดึงเวลาให้หมดอายุความ นี่ก็บุญคุณขนาดไหน
    7. เสรีโยนความผิดว่า อิ๊งน่าจะได้รับสารที่ตัวเองส่งไป ที่ไปโนติสว่าไม่ให้ตำแหน่งจะไปเป็นฝ่ายค้านนั้น ก็เพื่อไทย ให้เด็กเป็นผู้นำ เลยไม่ได้เรื่อง เรื่องสำคัญขนาดเรื่องของเสรี จะต้องจัดการยังไง ไม่ใช่เงียบแบบนี้
    สรุปว่า ณ นาทีนี้ วีรบุรุษหน้าแก่ ก็ยังคงรอสัญญาณมือถือจากโทนี่
    ยังมีความหวังว่าจะได้คุมความมั่นคงและตำรวจทั่วประเทศจนได้
    และทิ้งท้ายก็ยังปล่อยหมัดเด็ดอีกว่า
    ถ้าเปิดหลักฐาน ราชทันฑ์ รพ.มีเข้าตารางแน่นอน
    อ่านบทสัมภาษณ์มาทั้งหมดแล้ว คงเข้าใจและเบิกเนตรใครได้อีกหลายคน
    เข้าใจซักทีว่าทำไม เพจคิงส์โพธิ์แดงถึงไม่เคยเชื่อใจ
    ไอ่เฒ่านี้เลย นี่ไม่ได้เล่าความเดิมตอนที่แล้วเลยแม้แต่น้อย
    เอาของปัจจุบันวันนี้นี่แหละ คนที่มีสติปัญญา สว่างวาบทันที
    ดังนั้น...ตั้งสติกันหน่อย ไม่ใช่เห็นใครแสดงขึงขัง แ-ฉ เพื่อชาติ
    แล้วจะเฮโลไปเชียร์ เจอไอ่ตั้ม สุรเชษฐ์ แล้วเป็นไงกันหละ
    ทัวร์เลี้ยวกลับกันแทบไม่ทัน ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #อยากเบิกเนตรให้คนอีกจำนวนไม่น้อย ที่ยังสะละมึนกับละครฉายซ้ำ ยังนั่งเชียร์เย้วๆว่า นี่แหละวีระบุรุษนาแกคือคนที่จำคว่ำโทนี่ได้ คนกลุ่มนี้คือคนที่ไม่เคยติดตามข่าวสารการเมืองจริงจัง โดยรอบนี้พี่คิงส์จะไม่เอาข้อมูลเก่าที่เคยนำเสนอไปแล้ว มาเล่าซ้ำ เอาบทสัมภาษณ์สดๆร้อนๆเมื่อห้าโมงเย็นที่ผ่านมานี่แหละ อ่านแล้ววิเคราะห์เอาเอง ตาจะได้สว่าง พี่คิงส์โพธิ์แดงย้ำว่า อาเจนด้าของเพจนี้คือการยืนอยู่บนความถูกต้อง เปิดเผยความจริงในด้านที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ และปกป้องสถาบันที่เรารักไม่ให้ถูกบิดเบือน ให้ร้าย ดังนั้น เพจนี้จึงไม่ได้ต้องเชียร์พรรคใดพรรคหนึ่ง และก็ไม่ได้ต้องโจม ตี พรรคใดพรรคหนึ่ง ว่ากันเป็นเรื่องๆ ยกเว้นพรรคส้มเน่า มันมีแกนแนวคิด ที่ล้มล้างการปกครอง จึงไม่มีความดีใดๆให้สรรเสริญ พี่คิงส์ฯเชื่อว่า หลายคนงงๆ และยังไม่ชินเพราะปกติ เพจต้องสร้างมาเพื่อเชียร์ฝั่งนึง และเล่นงานอีกฝั่งนึง พอพี่คิงส์เอาความจริงที่ฝั่งตัวเองเชียร์ทำไม่ดีมาเปิด ก็จะผลักพี่คิงส์ไปอีกฝั่งทันที ทรวยเหอะ เรื่องของเมิง ไอ่พวกนี้ไม่ให้ราคา เพราะพี่คิงส์เชื่อว่าคนที่คอเดียวกันมีเยอะ ว่ากันต่อเรื่องบทสัมภาษณ์ นักข่าวได้ซักถาม กรณีที่แถลงข่าวไปเมื่อวาน คำถามเช่น ไปคุยอะไรชั้น 14 หลักฐานที่มีคว่ำโทนี่ได้เลยมั๊ย รอบนี้สู้จริงหรือเปล่า แต่คำตอบที่ได้ที่พี่คิงส์จะจับประเด็นให้เข้าใจง่ายๆคือ 1. โทนี่พูดเสมอว่า "ผมเป็นหนี้บุญคุณพี่เสรีเยอะมาก" และโทนี่โทรไปให้ช่วยโหวตอิ๊งเป็นนายก แต่พอคุยกับภูมิธรรม ว่าตัวเองอยากได้รองนายกและคุมความมั่นคงคุมตำรวจทั่วปรปะเทศ เพราะคุณสมบัติของตัวเองเหมาะสมที่สุด แต่โทนี่จะตั้งอิ๊งคุมความมั่นคง โดยตัวเองนี่แหละจะดูเอง 2. ประเด็นที่สองคือ เมื่อรู้ว่าตัวเองขอแล้วไม่ได้ ก็เลยทำเอกสารขู่ยื่นโนติสว่าพรรคตัวเองที่มีสส.คนเดียว จะถอนตัวนะ และเริ่มให้ข่าวกับสื่อว่า จะแถลงแต่แล้วโทนี่ก็ไม่โทรมาง้อ 3. ที่แถลงข่าว แต่แถลงครึ่งๆกลางๆ อ้างว่าบอกนักข่าวได้แค่บางส่วน นักข่าวถามว่ามีข่าวว่า เพื่อไทยติดต่อมาจะให้ตำแหน่งที่ต้องการ ก็ตอบด้วยความน้อยใจว่า ยัง ยังไม่มี 4. ยกตัวเองว่า เสรีนี่แหละคือตำรวจที่ดีและเหมาะสมที่สุด คุณสมบัติของเสรี เป็นนายกยังเก่งว่าโทนี่ด้วยซ้ำ ถ้าเอาตัวเองไปคุมตำรวจ ก็จะทำให้คนไทยทั้งประเทศเจริญ เป็นผลงานของพรรคเพื่อไทย 5. ตำรวจทั่วประเทศต้องปฏิรูป ตร.ชั้นประทวนจบม.หกมาเป็น ได้ยังไง กระจอก ชั้นสัญญาบัตรจบแค่ป.ตรี เป็นได้ไง 6. เสรี มีบุญคุณกับเพื่อไทยมากมาย นอกเหนือจากที่โทนี่นัดไปคุยชั้น 14 ขอให้ถอนเรื่องร้องเรียน นายกนิดเรื่องแต่งตั้งผบตร. ก็ยังทำให้เพื่อไทยได้ส.ส.เป็นสิบที่นั่ง โดยแจงละเอียดว่า สส.เพื่อไทยคนไหนมาให้ช่วย ตัวเองก็จะหาช่องทางกฏหมายเล่นงาน จนต้องถอนตัวบ้าง บางคนยังมีค-ดีถึงวันนี้ไม่จบไม่สิ้น หนึ่งในนั้นคือสหายแสง บางคนเป็นผู้ลงสมัครสส.เพื่อไทย แต่ทำผิด ตัวเองก็ดึงเวลาให้หมดอายุความ นี่ก็บุญคุณขนาดไหน 7. เสรีโยนความผิดว่า อิ๊งน่าจะได้รับสารที่ตัวเองส่งไป ที่ไปโนติสว่าไม่ให้ตำแหน่งจะไปเป็นฝ่ายค้านนั้น ก็เพื่อไทย ให้เด็กเป็นผู้นำ เลยไม่ได้เรื่อง เรื่องสำคัญขนาดเรื่องของเสรี จะต้องจัดการยังไง ไม่ใช่เงียบแบบนี้ สรุปว่า ณ นาทีนี้ วีรบุรุษหน้าแก่ ก็ยังคงรอสัญญาณมือถือจากโทนี่ ยังมีความหวังว่าจะได้คุมความมั่นคงและตำรวจทั่วประเทศจนได้ และทิ้งท้ายก็ยังปล่อยหมัดเด็ดอีกว่า ถ้าเปิดหลักฐาน ราชทันฑ์ รพ.มีเข้าตารางแน่นอน อ่านบทสัมภาษณ์มาทั้งหมดแล้ว คงเข้าใจและเบิกเนตรใครได้อีกหลายคน เข้าใจซักทีว่าทำไม เพจคิงส์โพธิ์แดงถึงไม่เคยเชื่อใจ ไอ่เฒ่านี้เลย นี่ไม่ได้เล่าความเดิมตอนที่แล้วเลยแม้แต่น้อย เอาของปัจจุบันวันนี้นี่แหละ คนที่มีสติปัญญา สว่างวาบทันที ดังนั้น...ตั้งสติกันหน่อย ไม่ใช่เห็นใครแสดงขึงขัง แ-ฉ เพื่อชาติ แล้วจะเฮโลไปเชียร์ เจอไอ่ตั้ม สุรเชษฐ์ แล้วเป็นไงกันหละ ทัวร์เลี้ยวกลับกันแทบไม่ทัน ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง
    0 Comments 0 Shares 497 Views 0 Reviews
  • รายการ ของสหรัฐ มีมากมายที่เป็นคำถาม ถึงวัคซีนโควิดที่จะออกมาใช้อีก ใน ปี 2024 ถึง 2025 กับ โอไมครอน
    ทั้งๆที่ ความรุนแรงของไวรัสไม่มากเลย และในขณะเดียวกัน วัคซีนรุ่นที่เคยใช้มาตลอด ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่กันติด กันแพร่ และ ประสิทธิภาพคลุมเครือว่ากันอาการหนักได้หรือไม่ ทั้งนี้รวมถึงผลกระทบข้างเคียง ไม่ใช่เกิดจากโปรตีนหนาม ที่วัคซีนบังคับให้สร้างอย่างเดียว แต่ยัง เกี่ยวข้องกับอนุภาคไขมันนาโน และ กลไกการสร้างพันธุกรรมในวัคซีนให้เสถียรขึ้น จนกระทั่งค้างอยู่ในตัวคนได้นานแสนนาน แม้กระทั่งการอ่านพันธุกรรมผิดพลาดจนเกิดการสร้างโปรตีนใหม่

    https://youtu.be/IlJuyhSTSqE?si=1jju5ImFSZ5kfiQU

    รายงานล่าสุดพบว่าผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีน มีการสร้างภูมิคุ้มกันในน้ำเหลืองที่ทำลายระบบประสาทของตัวของตัวเองแล้ว

    https://www.frontiersin.org/journals/immunology/articles/10.3389/fimmu.2024.1404800/full

    วัคซีน “ไม่กันติด ไม่กันแพร่” และการตายสูงขึ้นอย่างผิดปกติ

    เคยคิดกันว่าเราฉีดแล้วเผื่อจะได้ไม่แพร่ไปญาติผู้ใหญ่ในบ้าน
    ร้านต่างๆติดป้ายพนักงานทุกคนฉีดวัคซีน
    สรุปใช้ไม่ได้ผล วิเคราะห์ตั้งแต่ เดลต้า มาจนถึงโอไมครอน
    รายงาน 5 มิถุนายน 2024

    https://bmcmedicine.biomedcentral.com/articles/10.1186/s12916-024-03444-6

    ทั้งๆที่ฉีดวัคซีน ที่ป้องกันการตาย แต่ทำไมยังมีการตายส่วนเกินทั้งในช่วงโควิดรุนแรงและยังสูงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งโควิดซาลง

    ผลการวิเคราะห์ข้อมูลการเสียชีวิตในประเทศตะวันตก 47 ชาติ นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Vrije ของเนเธอร์แลนด์ พบว่าการตายส่วนเกินยังคงอยู่ในระดับสูงมาตั้งแต่ปี 2020 แม้มีการแจกจ่ายวัคซีนโควิดในวงกว้าง และมีมาตรการควบคุมต่างๆ

    นักวิจัยบอกว่าแนวโน้มดังกล่าว "ก่อความกังวลใหญ่หลวง" และเรียกร้องให้ผู้นำรัฐบาลต่างๆ และสมาชิกรัฐสภาทั้งหลายสืบสวนอย่างละเอียดถึงสาเหตุพื้นฐานของตัวเลขการตายส่วนเกินที่คงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง อ้างอิงรายงานการศึกษาที่เผยแพร่ในวารสาร BMJ Public Health

    https://bmjpublichealth.bmj.com/content/2/1/e000282
    รายการ ของสหรัฐ มีมากมายที่เป็นคำถาม ถึงวัคซีนโควิดที่จะออกมาใช้อีก ใน ปี 2024 ถึง 2025 กับ โอไมครอน ทั้งๆที่ ความรุนแรงของไวรัสไม่มากเลย และในขณะเดียวกัน วัคซีนรุ่นที่เคยใช้มาตลอด ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่กันติด กันแพร่ และ ประสิทธิภาพคลุมเครือว่ากันอาการหนักได้หรือไม่ ทั้งนี้รวมถึงผลกระทบข้างเคียง ไม่ใช่เกิดจากโปรตีนหนาม ที่วัคซีนบังคับให้สร้างอย่างเดียว แต่ยัง เกี่ยวข้องกับอนุภาคไขมันนาโน และ กลไกการสร้างพันธุกรรมในวัคซีนให้เสถียรขึ้น จนกระทั่งค้างอยู่ในตัวคนได้นานแสนนาน แม้กระทั่งการอ่านพันธุกรรมผิดพลาดจนเกิดการสร้างโปรตีนใหม่ https://youtu.be/IlJuyhSTSqE?si=1jju5ImFSZ5kfiQU รายงานล่าสุดพบว่าผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีน มีการสร้างภูมิคุ้มกันในน้ำเหลืองที่ทำลายระบบประสาทของตัวของตัวเองแล้ว https://www.frontiersin.org/journals/immunology/articles/10.3389/fimmu.2024.1404800/full วัคซีน “ไม่กันติด ไม่กันแพร่” และการตายสูงขึ้นอย่างผิดปกติ เคยคิดกันว่าเราฉีดแล้วเผื่อจะได้ไม่แพร่ไปญาติผู้ใหญ่ในบ้าน ร้านต่างๆติดป้ายพนักงานทุกคนฉีดวัคซีน สรุปใช้ไม่ได้ผล วิเคราะห์ตั้งแต่ เดลต้า มาจนถึงโอไมครอน รายงาน 5 มิถุนายน 2024 https://bmcmedicine.biomedcentral.com/articles/10.1186/s12916-024-03444-6 ทั้งๆที่ฉีดวัคซีน ที่ป้องกันการตาย แต่ทำไมยังมีการตายส่วนเกินทั้งในช่วงโควิดรุนแรงและยังสูงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งโควิดซาลง ผลการวิเคราะห์ข้อมูลการเสียชีวิตในประเทศตะวันตก 47 ชาติ นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Vrije ของเนเธอร์แลนด์ พบว่าการตายส่วนเกินยังคงอยู่ในระดับสูงมาตั้งแต่ปี 2020 แม้มีการแจกจ่ายวัคซีนโควิดในวงกว้าง และมีมาตรการควบคุมต่างๆ นักวิจัยบอกว่าแนวโน้มดังกล่าว "ก่อความกังวลใหญ่หลวง" และเรียกร้องให้ผู้นำรัฐบาลต่างๆ และสมาชิกรัฐสภาทั้งหลายสืบสวนอย่างละเอียดถึงสาเหตุพื้นฐานของตัวเลขการตายส่วนเกินที่คงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง อ้างอิงรายงานการศึกษาที่เผยแพร่ในวารสาร BMJ Public Health https://bmjpublichealth.bmj.com/content/2/1/e000282
    Like
    Sad
    2
    0 Comments 1 Shares 402 Views 0 Reviews
  • การตรวจสอบ HHS (human health and services) NIH NIAID และ Collins รวม Fauci ตลอดจนถึงผู้บริหารชุดปัจจุบัน เรื่อง monkeypox ฝีดาษลิงสร้างใหม่ให้ติดเก่ง และรุนแรงกว่าเก่า (gain of function)
    เกิดหลังจากที่นักวิทยาศาสตร์ Moss ของ NIAID ของ Fauci ตื่นเต้น กับความสำเร็จ เลยเผลอรายงานวิธีการ สร้างไวรัสฝีดาษลิงใหม่ให้แพร่ได้ง่ายและอัตราเสียชีวิตพอประมาณคือ 25%ใน วารสาร science ปี 2022 เดือน กันยายน และให้สัมภาษณ์ ทำให้เกิดความตระหนกของนักวิทยาศาสตร์อื่นๆและตั้งคำถามในวารสารเดียวกันในเวลาต่อมาไม่นาน
    จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีการสืบสวนสอบสวน ของกรรมาธิการ 30 ตุลาคม 2022 ทำไมถึงให้ทุนทำในลักษณะเช่นนี้
    และ NIH NIAID ไม่ได้ให้ความร่วมมือ รวมทั้ง ปฏิเสธว่าไม่ได้ให้ทุน

    จนถึง วันที่ 19-20 มีนาคม 2024 ที่ NIAID ยอมรับว่าอนุมัติ โครงการและให้ทุนสร้างไวรัส ฝีดาษลิงตัวใหม่

    จนมิถุนายน 2024 ที่ UK US WHO เริ่มประกาศ โรคระบาดใหม่ pandemic และเตรียมวัคซีน

    วัคซีนฝีดาษลิงที่ประกาศโฆษณาให้ไปฉีดแบบเสียสตางค์ มีการขึ้นทะเบียน จาก อย และ ผ่านการตรวจสอบจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้วหรือไม่
    และผลข้างเคียงที่เกี่ยวข้องกับหัวใจอักเสบของวัคซีนนี้มีจริง และมีการแจ้งกับผู้รับการฉีดหรือไม่และจะมีการติดตามผลข้างเคียงทั้งหมดทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอย่างไร?

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    การตรวจสอบ HHS (human health and services) NIH NIAID และ Collins รวม Fauci ตลอดจนถึงผู้บริหารชุดปัจจุบัน เรื่อง monkeypox ฝีดาษลิงสร้างใหม่ให้ติดเก่ง และรุนแรงกว่าเก่า (gain of function) เกิดหลังจากที่นักวิทยาศาสตร์ Moss ของ NIAID ของ Fauci ตื่นเต้น กับความสำเร็จ เลยเผลอรายงานวิธีการ สร้างไวรัสฝีดาษลิงใหม่ให้แพร่ได้ง่ายและอัตราเสียชีวิตพอประมาณคือ 25%ใน วารสาร science ปี 2022 เดือน กันยายน และให้สัมภาษณ์ ทำให้เกิดความตระหนกของนักวิทยาศาสตร์อื่นๆและตั้งคำถามในวารสารเดียวกันในเวลาต่อมาไม่นาน จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีการสืบสวนสอบสวน ของกรรมาธิการ 30 ตุลาคม 2022 ทำไมถึงให้ทุนทำในลักษณะเช่นนี้ และ NIH NIAID ไม่ได้ให้ความร่วมมือ รวมทั้ง ปฏิเสธว่าไม่ได้ให้ทุน จนถึง วันที่ 19-20 มีนาคม 2024 ที่ NIAID ยอมรับว่าอนุมัติ โครงการและให้ทุนสร้างไวรัส ฝีดาษลิงตัวใหม่ จนมิถุนายน 2024 ที่ UK US WHO เริ่มประกาศ โรคระบาดใหม่ pandemic และเตรียมวัคซีน วัคซีนฝีดาษลิงที่ประกาศโฆษณาให้ไปฉีดแบบเสียสตางค์ มีการขึ้นทะเบียน จาก อย และ ผ่านการตรวจสอบจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้วหรือไม่ และผลข้างเคียงที่เกี่ยวข้องกับหัวใจอักเสบของวัคซีนนี้มีจริง และมีการแจ้งกับผู้รับการฉีดหรือไม่และจะมีการติดตามผลข้างเคียงทั้งหมดทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอย่างไร? ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 304 Views 0 Reviews
  • โพสนี้ขอดราม่านิด ๆ เพราะความไม่เข้าใจว่าสิ่งนี้ควรหรือไม่ ?
    ....
    บ่ายนี้ lit nit พาอาไปเที่ยววัดแห่งหนึ่ง วัดแห่งนี้กำลังสร้างโบสถ์ ซึ่งก็เสร็จมาได้มากโขอยู่ และผู้คนก็เริ่มหลั่งไหลมาเที่ยว ชุมชนแถวนั้นได้ขายของมีรายได้ แต่ lit nit กลับหมองเศร้าในใจ
    ....
    อุโบสถแห่งนี้( หรือที่เราเรียกว่าโบสถ์) สร้างได้สวยงามมาก ๆ ตั้งแต่พื้นจรดหลังคา นั่นคือเหตุทำให้ผู้คนแห่มาเที่ยวกันมากมาย มากมายเสียจน lit nit เห็นว่านี่มันไม่ใช่เขตสังฆกรรมของสงฆ์แล้วล่ะ มันกลายเป็นแลนด์มาร์กไปเสียแล้ว
    ....
    คำถามมากมายเกิดขึ้นในหัว
    - เราไม่มีวิธีอื่นที่จะดึงผู้คนเข้ามาวัดหรือเข้ามาศึกษาพุทธศาสนาแล้วหรือ ?
    - ถ้าวัดจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคม เราจะเว้นโบสถ์ไว้สักที่หนึ่งไม่ได้หรือ ให้โบสถ์ยังคงเป็นที่ ๆ รักษาความเป็นพุทธ เป็นพื้นที่ที่พระสงฆ์ใช้ในการทำหน้าที่ที่พึงกระทำ ให้เป็นที่ที่ชาวพุทธได้ศึกษาประวัติ คำสอน และศึกษาความเป็นศาสนาพุทธ
    - เดี๋ยวนี้วัดส่วนใหญ่เริ่มชูการท่องเที่ยวมากกว่าการปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหาทางใจให้กับมนุษย์โลกแล้วใช่ไหม
    ....
    มีคำถามอีกมากมายที่ทำให้เอะใจว่าสรุปสิ่งนี้
    ควรหรือไม่ควร คิดมากใจก็เศร้าหมอง หน้าตาก็เลยหม่น ๆ ไม่สดชื่น กลับมาถึงบ้าน lit nit ก็เลยสอยมะพร้าวมาล้างหน้า เพราะโบราณว่า
    #น้ำมะพร้าวล้างหน้าแล้วจะจำอะไรไม่ได้555
    โพสนี้ขอดราม่านิด ๆ เพราะความไม่เข้าใจว่าสิ่งนี้ควรหรือไม่ ? .... บ่ายนี้ lit nit พาอาไปเที่ยววัดแห่งหนึ่ง วัดแห่งนี้กำลังสร้างโบสถ์ ซึ่งก็เสร็จมาได้มากโขอยู่ และผู้คนก็เริ่มหลั่งไหลมาเที่ยว ชุมชนแถวนั้นได้ขายของมีรายได้ แต่ lit nit กลับหมองเศร้าในใจ .... อุโบสถแห่งนี้( หรือที่เราเรียกว่าโบสถ์) สร้างได้สวยงามมาก ๆ ตั้งแต่พื้นจรดหลังคา นั่นคือเหตุทำให้ผู้คนแห่มาเที่ยวกันมากมาย มากมายเสียจน lit nit เห็นว่านี่มันไม่ใช่เขตสังฆกรรมของสงฆ์แล้วล่ะ มันกลายเป็นแลนด์มาร์กไปเสียแล้ว .... คำถามมากมายเกิดขึ้นในหัว - เราไม่มีวิธีอื่นที่จะดึงผู้คนเข้ามาวัดหรือเข้ามาศึกษาพุทธศาสนาแล้วหรือ ? - ถ้าวัดจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคม เราจะเว้นโบสถ์ไว้สักที่หนึ่งไม่ได้หรือ ให้โบสถ์ยังคงเป็นที่ ๆ รักษาความเป็นพุทธ เป็นพื้นที่ที่พระสงฆ์ใช้ในการทำหน้าที่ที่พึงกระทำ ให้เป็นที่ที่ชาวพุทธได้ศึกษาประวัติ คำสอน และศึกษาความเป็นศาสนาพุทธ - เดี๋ยวนี้วัดส่วนใหญ่เริ่มชูการท่องเที่ยวมากกว่าการปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหาทางใจให้กับมนุษย์โลกแล้วใช่ไหม .... มีคำถามอีกมากมายที่ทำให้เอะใจว่าสรุปสิ่งนี้ ควรหรือไม่ควร คิดมากใจก็เศร้าหมอง หน้าตาก็เลยหม่น ๆ ไม่สดชื่น กลับมาถึงบ้าน lit nit ก็เลยสอยมะพร้าวมาล้างหน้า เพราะโบราณว่า #น้ำมะพร้าวล้างหน้าแล้วจะจำอะไรไม่ได้555
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 268 Views 0 Reviews
  • สวัสดีครับวันนี้ นายTechTips ก็จะมาเตือนภัยไซเบอร์กันตามเคย
    ทุกคนก็คงอยากมีวันพักผ่อนที่เเสนสบาย ได้พักโรงเเรมดีๆ ในสถานที่เจ๋งๆกันใช่มั้ยล่ะครับ
    วันนี้เราก็จะมาเตือนกันเรื่องภัยจากการจองที่พักปลอม! จะเป็นอย่างไรนั้นมาอ่านกันเลยครับ

    กลโกง

    คนร้าย เปิดเพจปลอม และโฆษณาใน Facebook
    เหยื่อทักแชทติดต่อขอจองที่พัก คนร้ายให้โอนเงินค่าที่พัก
    เมื่อถึงวันเข้าพักไม่ได้ ติดต่อคนร้ายก็ไม่ได้
    จุดสังเกต

    ตรวจสอบว่า Facebook เป็นบัญชีทางการและมีเครื่องหมายถูกหรือไม่
    เพจปลอมมักมีอิโมชั่นแสดงอารมณ์ด้านลบ (โกรธ)
    เพจปลอมมักสร้างเพจมาไม่นาน /เปลี่ยนชื่อบ่อย / คนดูแลมักอยู่ต่างประเทศ
    วิธีป้องกัน

    ตรวจสอบความโปร่งใสของเพจ
    ตรวจสอบประวัติก่อนโอนเงินที่ www.Blacklistseller.com
    หากไม่มั่นใจ โทรปรึกษาที่สายด่วนศูนย์ AOC 1441

    ขอบคุณข้อมูลดีๆจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วยครับ!!

    เห็นมั้ยละครับหากเรารู้เท่าทันกลโกลเเละคนโกงแล้วล่ะก็เราก็จะไม่ต้องมานั่งอารมณ์เสียหรทอเสียใจที่โดนหลอกอีกเลย
    สำหรับวันนี้ นายTechTips ก็ขอลาไปก่อน ใครไม่คำถามอะไรฝากเอาไว้ได้เลยนะครับ ผมจะหาคำตอบมาให้อย่างเเน่นอน!!

    #TechTips
    สวัสดีครับวันนี้ นายTechTips ก็จะมาเตือนภัยไซเบอร์กันตามเคย ทุกคนก็คงอยากมีวันพักผ่อนที่เเสนสบาย ได้พักโรงเเรมดีๆ ในสถานที่เจ๋งๆกันใช่มั้ยล่ะครับ วันนี้เราก็จะมาเตือนกันเรื่องภัยจากการจองที่พักปลอม! จะเป็นอย่างไรนั้นมาอ่านกันเลยครับ กลโกง คนร้าย เปิดเพจปลอม และโฆษณาใน Facebook เหยื่อทักแชทติดต่อขอจองที่พัก คนร้ายให้โอนเงินค่าที่พัก เมื่อถึงวันเข้าพักไม่ได้ ติดต่อคนร้ายก็ไม่ได้ จุดสังเกต ตรวจสอบว่า Facebook เป็นบัญชีทางการและมีเครื่องหมายถูกหรือไม่ เพจปลอมมักมีอิโมชั่นแสดงอารมณ์ด้านลบ (โกรธ) เพจปลอมมักสร้างเพจมาไม่นาน /เปลี่ยนชื่อบ่อย / คนดูแลมักอยู่ต่างประเทศ วิธีป้องกัน ตรวจสอบความโปร่งใสของเพจ ตรวจสอบประวัติก่อนโอนเงินที่ www.Blacklistseller.com หากไม่มั่นใจ โทรปรึกษาที่สายด่วนศูนย์ AOC 1441 ขอบคุณข้อมูลดีๆจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วยครับ!! เห็นมั้ยละครับหากเรารู้เท่าทันกลโกลเเละคนโกงแล้วล่ะก็เราก็จะไม่ต้องมานั่งอารมณ์เสียหรทอเสียใจที่โดนหลอกอีกเลย สำหรับวันนี้ นายTechTips ก็ขอลาไปก่อน ใครไม่คำถามอะไรฝากเอาไว้ได้เลยนะครับ ผมจะหาคำตอบมาให้อย่างเเน่นอน!! #TechTips
    0 Comments 0 Shares 245 Views 0 Reviews
  • วันนี้นาย TechTips จะมาตอบคำถามปัญหาโลกแตกอีกข้อหนึ่งที่มักจะถูกถามกันบ่อยๆนั่นก็คือ
    จัดเสป็คคอมฯใหม่เลือกอุปกรณ์ชิ้นไหนดี?
    วันนี้กระผมจะขอมาสรุปและจัดลำดับคร่าวๆแบบเข้าใจง่ายๆเอาไว้ให้ยึดเป็นหลักในการซื้อกันครับผม
    ก่อนจะอ่านต่อไปขอให้ทุกท่านทราบเอาไว้ว่านี่เป็นบทความที่เขียนขึ้นในปี 2567 ขออนุญาตใช้มาตรฐานในปี พศ. นี้นะครับผม

    1 งบประมาณต้องมาก่อน
    หากเราจะซื้อของอะไรซักอย่างเราก้ต้องมองเงินในกระเป๋าก่อนใช่มั้ยครับ แต่ถ้าหากมีงบประมาณไม่จำกัด ให้วัดจากสิ่งที่เราจะกับเครื่องคอมฯเครื่องใหม่นี้ครับ เช่นเล่นเกม ทำงาน ตัดต่อ ดราฟฟิค ดูหุ้น ขุดเหรียญ ก็เลเ้วเเต่ท่านจะชอบ เมื่อเรารู้หน้าที่ของมันเเล้ว ให้เอาไปเสริจหาราคาคร่าวๆได้ครับว่าจะต้องใช้เงินประมาณเท่าไหร่

    2 เลือกอุปกรณ์ชิ้นเเรกจากจุดประสงค์หลัก
    หมายความว่า ถ้าเราต้องการเล่นเกมโดยเฉพาะ ให้เลือกการ์ดจอก่อน ถ้าใช้คำนวนโปรเเกรมที่มีความซับซ้อนมากๆให้เลือกจาก ซีพียูก่อนครับ เเล้วจึงไปเลือกชิ้นอื่นๆตาม ตัวอย่างเช่น
    ต้องการประกอบคอมพ์เล่นเกมซัก1เครื่องลำดับก็จะตามนี้ครับ

    การ์ดจอ >> ซีพียู >> เมนบอร์ด >> แรม >> พาวเวอร์ซัพพลาย >> เคส >> อุปกรณ์เสริมต่างๆ

    สาเหตุที่เเนะนำให้ซื้อ พาวเวอร์ซัพพลายเป็นอย่างท้ายๆมีเหตุผลว่า เมื่อเราได้อุปกรณ์ส่วนใหญ่ครบหมดเเล้ว เราจะ สามารถคำนวน การใช้ไฟโดยรวมของเครื่องได้ เเล้วเราจะสามารถเลือกตัวจ่ายไฟที่เหมาะสมกับการใช้งานได้นั่นเองครับ

    3 พยายามทำให้ราคารวมทั้งหมดอยู่ในงบเอาไว้ก่อน
    ปัจจุบันนี้การซื้อขายชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์มีหลายแบบมากครับ ทั้ง จากดีลเลอร์ จากร้านปลีก ออนไลน์ หรือซื้อมือสองจากคนที่ต้องการขาย เพราะฉะนั้น ถ้าเรามีความรู้เยอะๆด้วยการดูรีวิวดูผลเทส เเล้วก็ขยันหาของในราคาที่เราต้องการก็จะช่วยให้เราประหยัดเงิน มากขึ้น และได้ เสป็คความเเรงที่เราต้องการตามไปด้วยครับผม

    เอาละครับสำหรับหารเลือกซื้อคร่าวๆ ก็จะมีประมาณนี้ ส่วนเรื่องดีเทลเสป็คหรือ รหัสโค้ดสินค้าต่างๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาความรู้ เพิ่มเติมในการเลือกซื้อครับ

    ขอให้สนุกกับการเลือกซื้อเเละประกอบคอมนะครับ
    ด้วยความหวังดีจาก นายTechTips

    #TechTips

    วันนี้นาย TechTips จะมาตอบคำถามปัญหาโลกแตกอีกข้อหนึ่งที่มักจะถูกถามกันบ่อยๆนั่นก็คือ จัดเสป็คคอมฯใหม่เลือกอุปกรณ์ชิ้นไหนดี? วันนี้กระผมจะขอมาสรุปและจัดลำดับคร่าวๆแบบเข้าใจง่ายๆเอาไว้ให้ยึดเป็นหลักในการซื้อกันครับผม ก่อนจะอ่านต่อไปขอให้ทุกท่านทราบเอาไว้ว่านี่เป็นบทความที่เขียนขึ้นในปี 2567 ขออนุญาตใช้มาตรฐานในปี พศ. นี้นะครับผม 1 งบประมาณต้องมาก่อน หากเราจะซื้อของอะไรซักอย่างเราก้ต้องมองเงินในกระเป๋าก่อนใช่มั้ยครับ แต่ถ้าหากมีงบประมาณไม่จำกัด ให้วัดจากสิ่งที่เราจะกับเครื่องคอมฯเครื่องใหม่นี้ครับ เช่นเล่นเกม ทำงาน ตัดต่อ ดราฟฟิค ดูหุ้น ขุดเหรียญ ก็เลเ้วเเต่ท่านจะชอบ เมื่อเรารู้หน้าที่ของมันเเล้ว ให้เอาไปเสริจหาราคาคร่าวๆได้ครับว่าจะต้องใช้เงินประมาณเท่าไหร่ 2 เลือกอุปกรณ์ชิ้นเเรกจากจุดประสงค์หลัก หมายความว่า ถ้าเราต้องการเล่นเกมโดยเฉพาะ ให้เลือกการ์ดจอก่อน ถ้าใช้คำนวนโปรเเกรมที่มีความซับซ้อนมากๆให้เลือกจาก ซีพียูก่อนครับ เเล้วจึงไปเลือกชิ้นอื่นๆตาม ตัวอย่างเช่น ต้องการประกอบคอมพ์เล่นเกมซัก1เครื่องลำดับก็จะตามนี้ครับ การ์ดจอ >> ซีพียู >> เมนบอร์ด >> แรม >> พาวเวอร์ซัพพลาย >> เคส >> อุปกรณ์เสริมต่างๆ สาเหตุที่เเนะนำให้ซื้อ พาวเวอร์ซัพพลายเป็นอย่างท้ายๆมีเหตุผลว่า เมื่อเราได้อุปกรณ์ส่วนใหญ่ครบหมดเเล้ว เราจะ สามารถคำนวน การใช้ไฟโดยรวมของเครื่องได้ เเล้วเราจะสามารถเลือกตัวจ่ายไฟที่เหมาะสมกับการใช้งานได้นั่นเองครับ 3 พยายามทำให้ราคารวมทั้งหมดอยู่ในงบเอาไว้ก่อน ปัจจุบันนี้การซื้อขายชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์มีหลายแบบมากครับ ทั้ง จากดีลเลอร์ จากร้านปลีก ออนไลน์ หรือซื้อมือสองจากคนที่ต้องการขาย เพราะฉะนั้น ถ้าเรามีความรู้เยอะๆด้วยการดูรีวิวดูผลเทส เเล้วก็ขยันหาของในราคาที่เราต้องการก็จะช่วยให้เราประหยัดเงิน มากขึ้น และได้ เสป็คความเเรงที่เราต้องการตามไปด้วยครับผม เอาละครับสำหรับหารเลือกซื้อคร่าวๆ ก็จะมีประมาณนี้ ส่วนเรื่องดีเทลเสป็คหรือ รหัสโค้ดสินค้าต่างๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาความรู้ เพิ่มเติมในการเลือกซื้อครับ ขอให้สนุกกับการเลือกซื้อเเละประกอบคอมนะครับ ด้วยความหวังดีจาก นายTechTips #TechTips
    0 Comments 0 Shares 243 Views 0 Reviews
  • มีใครรู้จักคำนี้บ้างครับ
    defragement
    การ defragement คืออะไรวันนี้ นาย TechTips จะมาเล่าให้ฟังครับ
    defragement ก็คือการจัดรียงข้อมูลให้เข้าที่เข้าทาง เมื่อไฟล์ในเครื่องถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบแล้วละก็
    จะมีผลให้เครื่องคอมพ์เเสนรักของเรา ทำงานเป็นปกติและยังคงความเร็วอยู่นั่นเอง
    รวมถึงหลีกเลี่ยงปัญหา เออเรอร์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิดอีกด้วย
    ข้อดีเยอะขนาดนี้ไม่ทำไม่ได้แล้วใช่มั้ยล่ะครับ
    วิธีทำก็ง่ายๆครับ กดปุ่ม วิโดว์คีย์ เเล้ว ก๊อปคำนี้ไปวางได้เลยครับ defragement
    จากนั้นก็เลือก drive ที่เราต้องการทำ โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็น drive C นั่นเอง ซึ่งเป็นที่อยู่หลักๆของ ตัว os window ครับ
    เพียงเทท่านี้คอมพ์เเสนรักก็จะมีสุขภาพดีและอยู่กับเราได้นานขึ้น รวมถึงเวลาใช้งานก็จะไม่หงุดหงิดด้วยครับ
    แล้วเราจะต้องทำสิ่งนี้บ่อยเเค่ไหนกันหรือ ตามปกติเเล้วเดือนละครั้งก็เพียงพอครับ ไม่จำเป้นต้องทำบ่อย
    ยิ่งวินโดว์เวอร์ชั่นใหม่ๆอย่าง 10/11 ในปัจจุบ้นหากเราเปิดเครื่องทิ้งไว้นานๆ ตัววินโดว์เองก็จะทำการตั้งเวลาในการทำโดยอัตโนมัติอีกด้วยครับ

    สำหรับวันนี้นาย TechTips ขอลาไปก่อน
    หากใครมีคำถามก็เชิญคอมเม้นกันมาได้เลยครับ
    กระผมจะหาคำตอบมาให้ท่านทราบอย่างเเน่นอน
    แล้วเจอกันใหม่คร้าบ
    #TechTips
    มีใครรู้จักคำนี้บ้างครับ defragement การ defragement คืออะไรวันนี้ นาย TechTips จะมาเล่าให้ฟังครับ defragement ก็คือการจัดรียงข้อมูลให้เข้าที่เข้าทาง เมื่อไฟล์ในเครื่องถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบแล้วละก็ จะมีผลให้เครื่องคอมพ์เเสนรักของเรา ทำงานเป็นปกติและยังคงความเร็วอยู่นั่นเอง รวมถึงหลีกเลี่ยงปัญหา เออเรอร์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิดอีกด้วย ข้อดีเยอะขนาดนี้ไม่ทำไม่ได้แล้วใช่มั้ยล่ะครับ วิธีทำก็ง่ายๆครับ กดปุ่ม วิโดว์คีย์ เเล้ว ก๊อปคำนี้ไปวางได้เลยครับ defragement จากนั้นก็เลือก drive ที่เราต้องการทำ โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็น drive C นั่นเอง ซึ่งเป็นที่อยู่หลักๆของ ตัว os window ครับ เพียงเทท่านี้คอมพ์เเสนรักก็จะมีสุขภาพดีและอยู่กับเราได้นานขึ้น รวมถึงเวลาใช้งานก็จะไม่หงุดหงิดด้วยครับ แล้วเราจะต้องทำสิ่งนี้บ่อยเเค่ไหนกันหรือ ตามปกติเเล้วเดือนละครั้งก็เพียงพอครับ ไม่จำเป้นต้องทำบ่อย ยิ่งวินโดว์เวอร์ชั่นใหม่ๆอย่าง 10/11 ในปัจจุบ้นหากเราเปิดเครื่องทิ้งไว้นานๆ ตัววินโดว์เองก็จะทำการตั้งเวลาในการทำโดยอัตโนมัติอีกด้วยครับ สำหรับวันนี้นาย TechTips ขอลาไปก่อน หากใครมีคำถามก็เชิญคอมเม้นกันมาได้เลยครับ กระผมจะหาคำตอบมาให้ท่านทราบอย่างเเน่นอน แล้วเจอกันใหม่คร้าบ #TechTips
    0 Comments 0 Shares 213 Views 0 Reviews
  • อมรบตอบคำถามผ่านหลักสูตรทั้ง7หลักสูตร ได้คิวอาร์รับรองผลการผ่านอบรมและตอบบททดสอบเรียบร้อยครับ ชั่วโมงเศษๆ ห้ามลักไก่มีคำถามทดสอบกลางหลักสูตรอบรมแต่ละครั้งด้วย สนุกดีครับ ไม่ยากขอแค่มีเวลา,สมาธิ,สติ ในการรับฟังและ ตอบคำถามทดสอบเก็บคะแนน
    - บัตรประชาชนของผู้ต่อใบขับขี่

    - ใบขับขี่เดิม

    - ใบรับรองแพทย์

    - ผลการอบรมใบขับขี่ออนไลน์.
    #Test operating system
    อมรบตอบคำถามผ่านหลักสูตรทั้ง7หลักสูตร ได้คิวอาร์รับรองผลการผ่านอบรมและตอบบททดสอบเรียบร้อยครับ ชั่วโมงเศษๆ ห้ามลักไก่มีคำถามทดสอบกลางหลักสูตรอบรมแต่ละครั้งด้วย สนุกดีครับ ไม่ยากขอแค่มีเวลา,สมาธิ,สติ ในการรับฟังและ ตอบคำถามทดสอบเก็บคะแนน - บัตรประชาชนของผู้ต่อใบขับขี่ - ใบขับขี่เดิม - ใบรับรองแพทย์ - ผลการอบรมใบขับขี่ออนไลน์. #Test operating system
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 139 Views 0 Reviews
  • ♣ วันนี้ สื่อตามตัวกันให้วุ่น เพื่อยิงคำถามว่า ท่านได้กรอกประวัติรัฐมนตรีหรือยัง มีบางคนหนีหน้าสื่อ เพราะแม้แต่เอกสารการกรอกก็ไม่ได้รับ
    #7ดอกจิก
    #คำถามยอดฮิต
    ♣ วันนี้ สื่อตามตัวกันให้วุ่น เพื่อยิงคำถามว่า ท่านได้กรอกประวัติรัฐมนตรีหรือยัง มีบางคนหนีหน้าสื่อ เพราะแม้แต่เอกสารการกรอกก็ไม่ได้รับ #7ดอกจิก #คำถามยอดฮิต
    0 Comments 0 Shares 254 Views 0 Reviews
  • ขออนุญาตบอกบุญ ด้วยการเปิดรับ "พยากรณ์ดวงชะตาด้วยไพ่พรหมญาณ ทำนายชะตาอนาคตใน 1-3 เดือน และตอบคำถามแบบไม่จำกัด" ใช้เวลาประมาณ 60 นาที รับจำนวน 5 ท่าน
    .
    เพื่อนำเงินค่าน้อมบูชาครู ของท่านทัั้งหมด ถวายร่วมบุญเพื่อ สร้างที่พักสงฆ์ศรีสุวรรณโคมคำ จ.พิษณุโลก (สามารถตรวจสอบได้ครับ) รายละเอียดสำหรับท่านที่สนใจ ดังนี้
    .
    1. ค่าน้อมบูชาครูเพื่อร่วมถวายสร้างที่พักสงฆ์ 200 บาท/ท่าน (ถวายทางวัดทั้งหมด)
    2. ใช้เวลาในการตรวจดวงชะตาด้วย ไพ่พรหมญาณเปิดไพ่ 12 ใบ และเจาะเน้นคำถามไม่จำกัด ประมาณ 60 นาที
    3. ไม่จำกัดคำถาม แต่ต้องไม่ผิดศีลธรรม จรรยาบรรณหมอดู และความตาย
    4. รับจำนวน 5 ท่าน ถ้าหากสนใจ เลือกจองเวลาได้ ดังนี้
    - วันจันทร์ที่ 26 ส.ค. 2567 (21.00 น.) - คุณพล
    - วันพฤหัสบดีที่ 29 ส.ค. 2567 (21.00 น.)
    - วันศุกร์ที่ 30 ส.ค. 2567 (21.00 น.) - รอคอนเฟิร์ม
    - วันอังคารที่ 3 ก.ย. 2567 (21.00 น.) - คุณเหมียว
    - วันพฤหัสบดีที่ 5 ก.ย. 2567 (21.00 น.)
    .
    ท่านใดสนใจร่วมบุญด้วยการดูดวง เพื่อสร้างที่พักสงฆ์ในครั้งนี้ ลงข้อความและเลือกเวลา เพื่อทางผมได้ติดต่อกลับครับ
    .
    ขอขอบคุณและอนุโมทนาบุญครับ
    #ใดใดในโลกล้วนสายมู #พรหมอ่านไพ่ #ไพ่พรหมญาณ
    ขออนุญาตบอกบุญ ด้วยการเปิดรับ "พยากรณ์ดวงชะตาด้วยไพ่พรหมญาณ ทำนายชะตาอนาคตใน 1-3 เดือน และตอบคำถามแบบไม่จำกัด" ใช้เวลาประมาณ 60 นาที รับจำนวน 5 ท่าน . เพื่อนำเงินค่าน้อมบูชาครู ของท่านทัั้งหมด ถวายร่วมบุญเพื่อ สร้างที่พักสงฆ์ศรีสุวรรณโคมคำ จ.พิษณุโลก (สามารถตรวจสอบได้ครับ) รายละเอียดสำหรับท่านที่สนใจ ดังนี้ . 1. ค่าน้อมบูชาครูเพื่อร่วมถวายสร้างที่พักสงฆ์ 200 บาท/ท่าน (ถวายทางวัดทั้งหมด) 2. ใช้เวลาในการตรวจดวงชะตาด้วย ไพ่พรหมญาณเปิดไพ่ 12 ใบ และเจาะเน้นคำถามไม่จำกัด ประมาณ 60 นาที 3. ไม่จำกัดคำถาม แต่ต้องไม่ผิดศีลธรรม จรรยาบรรณหมอดู และความตาย 4. รับจำนวน 5 ท่าน ถ้าหากสนใจ เลือกจองเวลาได้ ดังนี้ - วันจันทร์ที่ 26 ส.ค. 2567 (21.00 น.) - คุณพล ✅ - วันพฤหัสบดีที่ 29 ส.ค. 2567 (21.00 น.) - วันศุกร์ที่ 30 ส.ค. 2567 (21.00 น.) - รอคอนเฟิร์ม - วันอังคารที่ 3 ก.ย. 2567 (21.00 น.) - คุณเหมียว ✅ - วันพฤหัสบดีที่ 5 ก.ย. 2567 (21.00 น.) . ท่านใดสนใจร่วมบุญด้วยการดูดวง เพื่อสร้างที่พักสงฆ์ในครั้งนี้ ลงข้อความและเลือกเวลา เพื่อทางผมได้ติดต่อกลับครับ . ขอขอบคุณและอนุโมทนาบุญครับ #ใดใดในโลกล้วนสายมู #พรหมอ่านไพ่ #ไพ่พรหมญาณ
    0 Comments 0 Shares 181 Views 0 Reviews
  • สวัสดีครับ สำหรับ post เเรก ของเพจ ขออณุญาต back to basic
    หลายๆท่านอาจจะทราบดีอยู่เเล้วเกี๋ยวกับ ทิปส์ที่เราจะเสนอต่อไปนี้
    แต่ทุกท่านรู้มั้ยครับว่า คอมพิวเอตร์ที่ทุกๆท่านใช้ทำงานหรือใช้เพื่อผ่อนคลายอยู่ทุกๆวัน
    มีสิ่งที่ตัวเครื่องชอบเเละไม่ชอบ สิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อ สุขภาพและอายุการใช้งานของตัวเครื่องโดยตรงเลยทีเดียว ผมจะเเนะนำให้ฟังครับ

    1 สาเหตุหลักที่ทำให้คอมพิวเตอร์มีปัญหานอกจากการใช้งานเเล้วก็คงเป้นเจ้าฝุ่นตัวร้ายนี่เหละครับที่จะให้สำสมจนเกิดความร้อนเเละส่งผลให้อายุการทำงานสั่นลงอย่างเหลือเชื่อเลยทีเดียว ดังนั้นเเล้วหมั่นดูแลทำความสะอาดไว้ก่อนดีเสมอครับ

    2 ความร้อนเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ คอมพิวเตอร์ไม่ชอบมากๆเลยครับ นอกจากจะทำให้การทำงานช้าลงเเล้วยังทำให้อายุชิ้นส่วนสั้นลงเป็นสาเหตุหลักเลยทีเดียวเชียว ตั้งเครื่องให้อยู่ในพื้นที่ อากาศถ่ายแท และดูแลระบบระบายความ้อนของเครื่องให้อยู่ในสภาวะปกติ เพียงเท่านี้ คอมพิวเตอร์เเสนรักของคุณก็จะทำงานเต็มประสิทธิภาพและไม่งอแงอย่างเเน่นอนครับ

    3 หลีกเลี่ยงการเข้าสู่เว็บอันตรายหรือ ลงโปรเเกรมที่เราไม่ทราบแหล่งที่มาก็จะให้คอมพิวอตร์ของคุณปลอดภัยไร้ไวรัสใดๆอย่างเเน่นอนครับ ไม่ว่าจะเป็นการดาวโหลดไฟล์ที่ไม่รู้จักหรือ เสียบเเฟลชไดร์ฟ ที่ไม่เคยเเสกนไวรัสมาก่อน ล้วนเป็นสาเหตุที่คอมพิวเอติร์สุดรักของเราเสี่ยงที่จะมีปะญหาได้ท้งนั้นครับ อย่าลืมนะครับความปลอดภัยวำคัญที่สุด

    เอาละครับ ถ้าท่านใดได้รับประโยชน์จากบทความนี้ ก็จะเป็นที่ยินดีของเรามากๆเลยครับ
    ถ้าใครมีคำถาม หรือ มีความสงสัยใดๆ สามารถสอบถามเข้ามาได้เลยครับ
    กระผมนาย TechTips จะหาคำตอบมาให้ท่านได้หายสงสัยเเน่นอน

    สติคือเข็มทิศและเกราะป้องกันจากปัญหาทุกชนิดครับ
    #TechTips
    สวัสดีครับ สำหรับ post เเรก ของเพจ ขออณุญาต back to basic หลายๆท่านอาจจะทราบดีอยู่เเล้วเกี๋ยวกับ ทิปส์ที่เราจะเสนอต่อไปนี้ แต่ทุกท่านรู้มั้ยครับว่า คอมพิวเอตร์ที่ทุกๆท่านใช้ทำงานหรือใช้เพื่อผ่อนคลายอยู่ทุกๆวัน มีสิ่งที่ตัวเครื่องชอบเเละไม่ชอบ สิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อ สุขภาพและอายุการใช้งานของตัวเครื่องโดยตรงเลยทีเดียว ผมจะเเนะนำให้ฟังครับ 1 สาเหตุหลักที่ทำให้คอมพิวเตอร์มีปัญหานอกจากการใช้งานเเล้วก็คงเป้นเจ้าฝุ่นตัวร้ายนี่เหละครับที่จะให้สำสมจนเกิดความร้อนเเละส่งผลให้อายุการทำงานสั่นลงอย่างเหลือเชื่อเลยทีเดียว ดังนั้นเเล้วหมั่นดูแลทำความสะอาดไว้ก่อนดีเสมอครับ 2 ความร้อนเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ คอมพิวเตอร์ไม่ชอบมากๆเลยครับ นอกจากจะทำให้การทำงานช้าลงเเล้วยังทำให้อายุชิ้นส่วนสั้นลงเป็นสาเหตุหลักเลยทีเดียวเชียว ตั้งเครื่องให้อยู่ในพื้นที่ อากาศถ่ายแท และดูแลระบบระบายความ้อนของเครื่องให้อยู่ในสภาวะปกติ เพียงเท่านี้ คอมพิวเตอร์เเสนรักของคุณก็จะทำงานเต็มประสิทธิภาพและไม่งอแงอย่างเเน่นอนครับ 3 หลีกเลี่ยงการเข้าสู่เว็บอันตรายหรือ ลงโปรเเกรมที่เราไม่ทราบแหล่งที่มาก็จะให้คอมพิวอตร์ของคุณปลอดภัยไร้ไวรัสใดๆอย่างเเน่นอนครับ ไม่ว่าจะเป็นการดาวโหลดไฟล์ที่ไม่รู้จักหรือ เสียบเเฟลชไดร์ฟ ที่ไม่เคยเเสกนไวรัสมาก่อน ล้วนเป็นสาเหตุที่คอมพิวเอติร์สุดรักของเราเสี่ยงที่จะมีปะญหาได้ท้งนั้นครับ อย่าลืมนะครับความปลอดภัยวำคัญที่สุด เอาละครับ ถ้าท่านใดได้รับประโยชน์จากบทความนี้ ก็จะเป็นที่ยินดีของเรามากๆเลยครับ ถ้าใครมีคำถาม หรือ มีความสงสัยใดๆ สามารถสอบถามเข้ามาได้เลยครับ กระผมนาย TechTips จะหาคำตอบมาให้ท่านได้หายสงสัยเเน่นอน สติคือเข็มทิศและเกราะป้องกันจากปัญหาทุกชนิดครับ #TechTips
    0 Comments 0 Shares 270 Views 0 Reviews
  • #ชื่นชมในสไตล์
    เจี๊ยบอมเกียร์โปรโมทใหญ่ เท้งลงพื้นที่ ถถถถ
    เห็นแล้วชื่นใจ
    เท้งทำให้นึกถึงว่าวผู้วายชน
    อำนาจสั่งการ...หมั๋ยมี
    งบประมาณ...หมั๋ยมี
    ถุงยังชีพ ครัวสนาม...หมั๋ยมี
    ไปออกแรงช่วยชาวบ้านเป็นรูปธรรม ...หมั๋ยมี
    คำถามตามมาว่า แล้วเมิงไปทำห่านอะไร
    ตอบ ถ่ายรูปเท่ห์ๆให้ด้อมได้กรี๊ด จน water walk
    และได้ชื่อว่า ไปแล้ว นึกถึงว่าว เอาโพเดี้ยมไปวางในน้ำ 5555
    อยากขิงอุ๊งอิ๊งอะดิ ชอบจริงๆ
    หล่อแบบไม่ต้องลงทุน ซู๊ดหยอด
    เกะกะคนทำงานช่วยเหลือประชาชนจริงๆ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ชื่นชมในสไตล์ เจี๊ยบอมเกียร์โปรโมทใหญ่ เท้งลงพื้นที่ ถถถถ เห็นแล้วชื่นใจ เท้งทำให้นึกถึงว่าวผู้วายชน อำนาจสั่งการ...หมั๋ยมี งบประมาณ...หมั๋ยมี ถุงยังชีพ ครัวสนาม...หมั๋ยมี ไปออกแรงช่วยชาวบ้านเป็นรูปธรรม ...หมั๋ยมี คำถามตามมาว่า แล้วเมิงไปทำห่านอะไร ตอบ ถ่ายรูปเท่ห์ๆให้ด้อมได้กรี๊ด จน water walk และได้ชื่อว่า ไปแล้ว นึกถึงว่าว เอาโพเดี้ยมไปวางในน้ำ 5555 อยากขิงอุ๊งอิ๊งอะดิ ชอบจริงๆ หล่อแบบไม่ต้องลงทุน ซู๊ดหยอด เกะกะคนทำงานช่วยเหลือประชาชนจริงๆ #คิงส์โพธิ์แดง
    0 Comments 0 Shares 198 Views 0 Reviews
  • วันนี้ 20 สิงหา เป็นวันคล้ายวันเกิดของพระสำคัญยิ่งรูปหนึ่งของเมืองไทย หลายท่านอาจยังไม่รู้ lit nit เองก็ไม่รู้ เพียงแต่เมื่อคืนบังเอิญหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านก่อนนอน จึงทำให้ได้รู้และนำมาเล่าสู่กันฟัง
    ....
    หนังสือเล่มนี้เป็นประวัติของพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร พระบ้าน ๆ ที่ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติและศาสนาอย่างมหาศาล สถาบันพระมหากษัตริย์ให้ความเคารพนับถืออย่างยิ่ง เมื่อท่านจากไปในหลวง ร.9 ทรงไปรดน้ำศพ (ตามประเพณีแล้วเมื่อพระราชารดน้ำศพผู้ใดก็จะไม่มีการให้ใครคนอื่นมารดน้ำศพต่อ แต่วันนั้นในหลวงทรงงดประเพณีนี้เพื่อให้ลูกศิษย์และประชาชนได้มีโอกาสทำความเคารพและขอขมาหลวงปู่) พระพันปีหลวงที่ขณะนั้นเป็นราชินีและเชื้อพระวงศ์ได้ทรงจัดดอกไม้หน้าศพด้วยพระองค์เอง หรือแม้แต่หนังสือในรูปซึ่งพิมพ์แจกในในงานพระทานเพลิงศพ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ ก็โปรดเกล้าพระราชทานพระราชนิพนธ์โคลงด้นวิวิธมาลี "อาจาราศิรวาท" แด่หนังสือเล่มนี้ด้วย
    ....
    หนังสือเล่มนี้ทำให้ lit nit ได้คำตอบที่เด็ก ๆ เขียนคำถามมาว่า
    "ทำไมเรียกพระพุทธเจ้าว่าพระพุทธเจ้า ?"
    #เริ่มต้นวันใหม่ด้วยความดีงามของพระอาจารย์
    วันนี้ 20 สิงหา เป็นวันคล้ายวันเกิดของพระสำคัญยิ่งรูปหนึ่งของเมืองไทย หลายท่านอาจยังไม่รู้ lit nit เองก็ไม่รู้ เพียงแต่เมื่อคืนบังเอิญหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านก่อนนอน จึงทำให้ได้รู้และนำมาเล่าสู่กันฟัง .... หนังสือเล่มนี้เป็นประวัติของพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร พระบ้าน ๆ ที่ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติและศาสนาอย่างมหาศาล สถาบันพระมหากษัตริย์ให้ความเคารพนับถืออย่างยิ่ง เมื่อท่านจากไปในหลวง ร.9 ทรงไปรดน้ำศพ (ตามประเพณีแล้วเมื่อพระราชารดน้ำศพผู้ใดก็จะไม่มีการให้ใครคนอื่นมารดน้ำศพต่อ แต่วันนั้นในหลวงทรงงดประเพณีนี้เพื่อให้ลูกศิษย์และประชาชนได้มีโอกาสทำความเคารพและขอขมาหลวงปู่) พระพันปีหลวงที่ขณะนั้นเป็นราชินีและเชื้อพระวงศ์ได้ทรงจัดดอกไม้หน้าศพด้วยพระองค์เอง หรือแม้แต่หนังสือในรูปซึ่งพิมพ์แจกในในงานพระทานเพลิงศพ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ ก็โปรดเกล้าพระราชทานพระราชนิพนธ์โคลงด้นวิวิธมาลี "อาจาราศิรวาท" แด่หนังสือเล่มนี้ด้วย .... หนังสือเล่มนี้ทำให้ lit nit ได้คำตอบที่เด็ก ๆ เขียนคำถามมาว่า "ทำไมเรียกพระพุทธเจ้าว่าพระพุทธเจ้า ?" #เริ่มต้นวันใหม่ด้วยความดีงามของพระอาจารย์
    0 Comments 0 Shares 246 Views 0 Reviews
  • ก่อนอื่น เพจคิงส์โพธิ์แดงต้องขออภัยลุงป้อม
    ที่แอบแซวแรง กรณีหยุมหัวนักข่าว
    ทำไมคิงส์ฯถึงต้องขออภัย อ่านนะ
    คิงส์ไม่ได้หายไปไหน ที่หายไปหลายชม.
    เพื่อไปเช็คข่าว ว่าที่มาที่ไป เป็นแบบไหนอย่างไร
    ถ้าทุกคนพร้อมจะรับรู้ เราไปทำความเข้าใจไปพร้อมกัน
    เรื่องของเรื่อง คา-สิ-โน ตัวต้นเหตุสำคัญ
    ต้องออกตัวก่อนว่า สิ่งที่ลุงป้อมทำ เป็นความรุนแรงเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง
    แต่ก็ต้องไม่ปฏิเสธว่า นักข่าวที่ตั้งคำถาม จงใจยั่วยุ เพราะนักข่าวรู้ดีว่าอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น แต่ประชาชนไม่รู้ แต่แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงจะได้รู้
    ถ้าจำได้ ก่อนหน้าวันที่พรรคร่วมจะยกมือสนับสนุนให้อิ๊งเป็นนายก
    เสี่ยหนู ได้ออกแถลงด่วนว่า ไม่เห็นด้วยกับ คา-สิ-โน เมื่อได้อ่านร่างที่จะยืนมขอมติคณะ ครม.
    ทุกอย่างล้วนมีที่มาที่ไป
    คิงส์ขอซ่อนเนื้อหาสำคัญไว้ในโพสนี้ ที่จะไม่มีใครกล้าเปิดเผยมาก่อน
    ตอนนี้ มีเจ้าของพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ได้ดิลกับนายทุนจีน และนายทุนต่างประเทศ สำเร็จเรียบร้อย ท่านรู้หรือไม่ ถ้าพรบ คา-สิ-โน นี้ผ่านเมื่อไหร่ ประเทศไทยจะไม่สามารถย้อนกลับมาแก้ไขอะไรได้อีกเลย
    และก่อนหน้าเสี่ยหนูจะออกมาแถลงจุดยืนไม่รับกฎหมายฉบับนี้
    ลุงป้อมคือตัวหลักที่ทุบโต๊ะ ไม่ยอมให้เกิดขึ้น ตอนแรก คิงส์ฯเองก็ไม่อยากจะเชื่อ เพราะด้วยภาพลักษณ์ที่เป็นข่าว ดูแกไม่รู้ประสา โบ๊งเบ๊งไปวันๆ แต่สุดท้าย ในยามน่าสิ่วหน้าขวาน ลุงป้อมกลับไม่ยอมให้พรบนี้ผ่าน
    หัวหน้าพรรคที่ดิลกับต่างประเทศ ข้อมูลที่แน่ชัดคือ
    จะมีการเปิด คา-สิ-โน ทั่วประเทศถึง 8 จุด ที่ปิดดิลไปแล้ว
    จุดละ 1 หมื่นล้านซึ่งไม่ใช่งบลงทุนนะ เป็นค่ากินเปล่าให้ฟรี
    และอย่างน้อยสามราย จ่ายครบจบแล้ว
    การที่มีเจ้าของพรรคการเมือง 1 พรรค ที่มีสาย ป่านหลัก 8 หมื่นล้าน มันคือการสร้างความยั่งยืนให้กับพรรคนั้น ชนิด สถาพร
    แต่ผลกระทบที่จะตามมาคือ ประเทศไทยก็จะเหมือนมาเก๊า เวกัส ซึ่งคิงส์จะลงดีเทลในโพสถัดๆไป แต่ย่อๆคือ ประเทศเราจะเต็มไปด้วย อา-ช-ญ-า-กรรม ต่างชาติจะซ่าในประเทศเรา ในแบบที่ผู้รักษากฏหมายไม่สามารถจัดการอะไรได้อีกเลย เราต้องใช้ชีวิตร่วมกับ ม-า-เ-ฟี-ย จีน และประเทศอื่นๆ
    เหนือ 2 จุด อีสาน 2-3 จุด ใต้ 2 จังหวัด ที่เหลือภาคกลาง
    ขอให้พี่น้องชาวไทย โปรดจับตา อย่าให้พรบนี้ผ่านเด็ดขาด
    ส่วนลุงป้อมคงต้องรอดูว่าพรรคร่วมอื่น สนับสนุนอิ๊งเป็นนายกเพราะความจำเป็น ไม่บางอย่าง แต่หลายอย่าง จะสนับสนุน พรบ คา-สิ-โน นี้ด้วยการให้ผ่านหรือไม่ วัดไปเลยใครของจริงกันแน่
    และนี่คือสาเหตุสำคัญที่ทำใ้หโทนี่ถึงขนาดจะไม่ให้มีพลปชรในพรรคร่วมรัฐบาล หรือจะมีก็แค่แป้ง ธรรมนัส เพราะดันจะไปขัดลาบชิ้นใหญ่ที่สุดในชีวิตของเจ้าของพรรคการเมืองคนนั้น นั่นเอง
    ส่วนสามกีบ พรรคกางเกงในส้ม เรื่องนี้ไม่ติดเลย เพราะเรื่องการสร้างความเสื่อมทางศีลธรรม ถือว่านโยบายนี้ไม่ติด เผลอๆ จะช่วยยกมือสนับสนุนด้วย รอจับตา
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ก่อนอื่น เพจคิงส์โพธิ์แดงต้องขออภัยลุงป้อม ที่แอบแซวแรง กรณีหยุมหัวนักข่าว ทำไมคิงส์ฯถึงต้องขออภัย อ่านนะ คิงส์ไม่ได้หายไปไหน ที่หายไปหลายชม. เพื่อไปเช็คข่าว ว่าที่มาที่ไป เป็นแบบไหนอย่างไร ถ้าทุกคนพร้อมจะรับรู้ เราไปทำความเข้าใจไปพร้อมกัน เรื่องของเรื่อง คา-สิ-โน ตัวต้นเหตุสำคัญ ต้องออกตัวก่อนว่า สิ่งที่ลุงป้อมทำ เป็นความรุนแรงเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง แต่ก็ต้องไม่ปฏิเสธว่า นักข่าวที่ตั้งคำถาม จงใจยั่วยุ เพราะนักข่าวรู้ดีว่าอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น แต่ประชาชนไม่รู้ แต่แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงจะได้รู้ ถ้าจำได้ ก่อนหน้าวันที่พรรคร่วมจะยกมือสนับสนุนให้อิ๊งเป็นนายก เสี่ยหนู ได้ออกแถลงด่วนว่า ไม่เห็นด้วยกับ คา-สิ-โน เมื่อได้อ่านร่างที่จะยืนมขอมติคณะ ครม. ทุกอย่างล้วนมีที่มาที่ไป คิงส์ขอซ่อนเนื้อหาสำคัญไว้ในโพสนี้ ที่จะไม่มีใครกล้าเปิดเผยมาก่อน ตอนนี้ มีเจ้าของพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ได้ดิลกับนายทุนจีน และนายทุนต่างประเทศ สำเร็จเรียบร้อย ท่านรู้หรือไม่ ถ้าพรบ คา-สิ-โน นี้ผ่านเมื่อไหร่ ประเทศไทยจะไม่สามารถย้อนกลับมาแก้ไขอะไรได้อีกเลย และก่อนหน้าเสี่ยหนูจะออกมาแถลงจุดยืนไม่รับกฎหมายฉบับนี้ ลุงป้อมคือตัวหลักที่ทุบโต๊ะ ไม่ยอมให้เกิดขึ้น ตอนแรก คิงส์ฯเองก็ไม่อยากจะเชื่อ เพราะด้วยภาพลักษณ์ที่เป็นข่าว ดูแกไม่รู้ประสา โบ๊งเบ๊งไปวันๆ แต่สุดท้าย ในยามน่าสิ่วหน้าขวาน ลุงป้อมกลับไม่ยอมให้พรบนี้ผ่าน หัวหน้าพรรคที่ดิลกับต่างประเทศ ข้อมูลที่แน่ชัดคือ จะมีการเปิด คา-สิ-โน ทั่วประเทศถึง 8 จุด ที่ปิดดิลไปแล้ว จุดละ 1 หมื่นล้านซึ่งไม่ใช่งบลงทุนนะ เป็นค่ากินเปล่าให้ฟรี และอย่างน้อยสามราย จ่ายครบจบแล้ว การที่มีเจ้าของพรรคการเมือง 1 พรรค ที่มีสาย ป่านหลัก 8 หมื่นล้าน มันคือการสร้างความยั่งยืนให้กับพรรคนั้น ชนิด สถาพร แต่ผลกระทบที่จะตามมาคือ ประเทศไทยก็จะเหมือนมาเก๊า เวกัส ซึ่งคิงส์จะลงดีเทลในโพสถัดๆไป แต่ย่อๆคือ ประเทศเราจะเต็มไปด้วย อา-ช-ญ-า-กรรม ต่างชาติจะซ่าในประเทศเรา ในแบบที่ผู้รักษากฏหมายไม่สามารถจัดการอะไรได้อีกเลย เราต้องใช้ชีวิตร่วมกับ ม-า-เ-ฟี-ย จีน และประเทศอื่นๆ เหนือ 2 จุด อีสาน 2-3 จุด ใต้ 2 จังหวัด ที่เหลือภาคกลาง ขอให้พี่น้องชาวไทย โปรดจับตา อย่าให้พรบนี้ผ่านเด็ดขาด ส่วนลุงป้อมคงต้องรอดูว่าพรรคร่วมอื่น สนับสนุนอิ๊งเป็นนายกเพราะความจำเป็น ไม่บางอย่าง แต่หลายอย่าง จะสนับสนุน พรบ คา-สิ-โน นี้ด้วยการให้ผ่านหรือไม่ วัดไปเลยใครของจริงกันแน่ และนี่คือสาเหตุสำคัญที่ทำใ้หโทนี่ถึงขนาดจะไม่ให้มีพลปชรในพรรคร่วมรัฐบาล หรือจะมีก็แค่แป้ง ธรรมนัส เพราะดันจะไปขัดลาบชิ้นใหญ่ที่สุดในชีวิตของเจ้าของพรรคการเมืองคนนั้น นั่นเอง ส่วนสามกีบ พรรคกางเกงในส้ม เรื่องนี้ไม่ติดเลย เพราะเรื่องการสร้างความเสื่อมทางศีลธรรม ถือว่านโยบายนี้ไม่ติด เผลอๆ จะช่วยยกมือสนับสนุนด้วย รอจับตา #คิงส์โพธิ์แดง
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 342 Views 0 Reviews
  • บิ๊กป้อมวุฒิภาวะต่ำ โปรดรับผิดชอบด้วย

    เหตุการณ์ไม่คาดคิดระหว่างสื่อมวลชนกำลังสัมภาษณ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ปรากฎว่า พล.อ.ประวิตร ใช้มือตบศีรษะ ดวงทิพย์ เยี่ยมภพ ผู้สื่อข่าวสายทหาร สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส พร้อมกล่าวว่า "ถามไร...ถามไร" ก่อนขึ้นรถยนต์

    พล.อ.ประวิตร ย้ำว่า "ถามอะไรก็ไม่ได้ยิน แล้วยังจะถามอีก" และเมื่อถามถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้รับโหวตเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ตอบว่า "วู้...ถามอะไรวะ" ก่อนที่รถจะเคลื่อนออกไป เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่สำนักงานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย (บ้านอัมพวัน) เมื่อช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 ส.ค.)

    ทันทีที่วีดีโอคลิปจากผู้สื่อข่าวภาคสนามเป็นไวรัล บรรดาเพื่อนสื่อมวลชนต่างแสดงความไม่พอใจถึงวุฒิภาวะของ พล.อ.ประวิตร หรือ บิ๊กป้อม อดีตนายทหารและนักการเมืองวัย 79 ปีผู้นี้ พร้อมตั้งคำถามถึงการกระทำดังกล่าวว่า มีสิทธิ์อะไรมาตีผู้สื่อข่าวแบบนี้ ทั้งที่สิ่งที่นักข่าวถามไม่ได้ล่วงเกิน หรือรุนแรงอะไร

    ทันใดนั้น สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลพฤติกรรมคุกคามสื่อ เรียกร้องให้เกียรติผู้ปฏิบัติหน้าที่ โดยเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่าย ข่มขู่ คุกคามสิทธิเสรีภาพในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน จึงขอให้ พล.อ.ประวิตร แสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว

    "ขณะเดียวกัน ขอเตือนไปยังบุคคลใดก็ตามพึงระมัดระวังการใช้อารมณ์รุนแรงชั่ววูบอันอาจก่อให้เกิดผลเสียตามมาได้ และขอให้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมคุกคามเหล่านี้ สิ่งสำคัญควรให้เกียรติผู้ปฏิบัติงานในแต่ละวิชาชีพ รวมถึงเคารพการทำหน้าที่ซึ่งกันและกันด้วย" แถลงการณ์สมาคมนักข่าวฯ ระบุ

    ด้านองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือไทยพีบีเอส ออกแถลงการณ์ระบุว่า ในฐานะหน่วยงานต้นสังกัด เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการคุกคามการทำหน้าที่ผู้สื่อข่าว

    "การตั้งคำถามด้วยถ้อยคำ และท่าทีสุภาพในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผู้ถูกสัมภาษณ์ ดังปรากฎในคลิปวีดีโอ ที่ถูกเผยแพร่เป็นที่ประจักษ์นั้น ชัดเจนว่า เป็นการทำหน้าที่ผู้สื่อข่าวโดยสุจริต การถูกกระทำทางกายจากแหล่งข่าวเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ และถือเป็นพฤติกรรมที่ย่อมส่งผลกระทบต่อจิตใจและความรู้สึกปลอดภัยของผู้สื่อข่าว-ช่างภาพ ที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์เดียวกันด้วย" แถลงการณ์ไทยพีบีเอส ระบุ

    ไทยพีบีเอส เรียกร้องให้ พล.อ.ประวิตร แสดงความรับผิดชอบต่อการคุกคามผู้สื่อข่าวครั้งนี้ และขอให้องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนต่างๆ ร่วมหามาตรการดำเนินการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสื่อมวลชนต่อไป

    มีรายงานว่า พล.อ.ประวิตร ได้ให้นายทหารคนสนิท อย่าง พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม โทรศัพท์สายตรงมาถึงผู้สื่อข่าว อ้างว่าเรื่องดังกล่าวไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนั้นได้ส่งสายโทรศัพท์ให้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้มีเจตนาอะไรเลย เพราะปกติแล้วตนเองก็ได้พูดล้อเล่น และแหย่เล่นกับผู้สื่อข่าวที่คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นประจำอยู่แล้ว

    แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งความโกรธแค้นของคนที่รับรู้เรื่องราว ต่างเรียกร้องให้ พล.อ.ประวิตร แสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด

    #Newskit #ประวิตร #คุกคามสื่อ
    บิ๊กป้อมวุฒิภาวะต่ำ โปรดรับผิดชอบด้วย เหตุการณ์ไม่คาดคิดระหว่างสื่อมวลชนกำลังสัมภาษณ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ปรากฎว่า พล.อ.ประวิตร ใช้มือตบศีรษะ ดวงทิพย์ เยี่ยมภพ ผู้สื่อข่าวสายทหาร สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส พร้อมกล่าวว่า "ถามไร...ถามไร" ก่อนขึ้นรถยนต์ พล.อ.ประวิตร ย้ำว่า "ถามอะไรก็ไม่ได้ยิน แล้วยังจะถามอีก" และเมื่อถามถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้รับโหวตเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ตอบว่า "วู้...ถามอะไรวะ" ก่อนที่รถจะเคลื่อนออกไป เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่สำนักงานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย (บ้านอัมพวัน) เมื่อช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 ส.ค.) ทันทีที่วีดีโอคลิปจากผู้สื่อข่าวภาคสนามเป็นไวรัล บรรดาเพื่อนสื่อมวลชนต่างแสดงความไม่พอใจถึงวุฒิภาวะของ พล.อ.ประวิตร หรือ บิ๊กป้อม อดีตนายทหารและนักการเมืองวัย 79 ปีผู้นี้ พร้อมตั้งคำถามถึงการกระทำดังกล่าวว่า มีสิทธิ์อะไรมาตีผู้สื่อข่าวแบบนี้ ทั้งที่สิ่งที่นักข่าวถามไม่ได้ล่วงเกิน หรือรุนแรงอะไร ทันใดนั้น สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลพฤติกรรมคุกคามสื่อ เรียกร้องให้เกียรติผู้ปฏิบัติหน้าที่ โดยเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่าย ข่มขู่ คุกคามสิทธิเสรีภาพในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน จึงขอให้ พล.อ.ประวิตร แสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว "ขณะเดียวกัน ขอเตือนไปยังบุคคลใดก็ตามพึงระมัดระวังการใช้อารมณ์รุนแรงชั่ววูบอันอาจก่อให้เกิดผลเสียตามมาได้ และขอให้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมคุกคามเหล่านี้ สิ่งสำคัญควรให้เกียรติผู้ปฏิบัติงานในแต่ละวิชาชีพ รวมถึงเคารพการทำหน้าที่ซึ่งกันและกันด้วย" แถลงการณ์สมาคมนักข่าวฯ ระบุ ด้านองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือไทยพีบีเอส ออกแถลงการณ์ระบุว่า ในฐานะหน่วยงานต้นสังกัด เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการคุกคามการทำหน้าที่ผู้สื่อข่าว "การตั้งคำถามด้วยถ้อยคำ และท่าทีสุภาพในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผู้ถูกสัมภาษณ์ ดังปรากฎในคลิปวีดีโอ ที่ถูกเผยแพร่เป็นที่ประจักษ์นั้น ชัดเจนว่า เป็นการทำหน้าที่ผู้สื่อข่าวโดยสุจริต การถูกกระทำทางกายจากแหล่งข่าวเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ และถือเป็นพฤติกรรมที่ย่อมส่งผลกระทบต่อจิตใจและความรู้สึกปลอดภัยของผู้สื่อข่าว-ช่างภาพ ที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์เดียวกันด้วย" แถลงการณ์ไทยพีบีเอส ระบุ ไทยพีบีเอส เรียกร้องให้ พล.อ.ประวิตร แสดงความรับผิดชอบต่อการคุกคามผู้สื่อข่าวครั้งนี้ และขอให้องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนต่างๆ ร่วมหามาตรการดำเนินการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสื่อมวลชนต่อไป มีรายงานว่า พล.อ.ประวิตร ได้ให้นายทหารคนสนิท อย่าง พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม โทรศัพท์สายตรงมาถึงผู้สื่อข่าว อ้างว่าเรื่องดังกล่าวไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนั้นได้ส่งสายโทรศัพท์ให้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้มีเจตนาอะไรเลย เพราะปกติแล้วตนเองก็ได้พูดล้อเล่น และแหย่เล่นกับผู้สื่อข่าวที่คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งความโกรธแค้นของคนที่รับรู้เรื่องราว ต่างเรียกร้องให้ พล.อ.ประวิตร แสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด #Newskit #ประวิตร #คุกคามสื่อ
    Sad
    Angry
    2
    0 Comments 0 Shares 558 Views 0 Reviews
  • โฆษก กต.จีน ให้ความเห็นกรณี "อุ๊งอิ๊ง" ได้รับเลือกเป็นนายกไทยคนใหม่
    .
    วันนี้ (16 ส.ค.) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ตอบคำถามนักข่าวกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ คนที่ 31 ของไทย โดยระบุว่า ฝ่ายจีนขอแสดงความยินดีกับ น.ส.แพทองธารที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย และเชื่อว่าประชาชนชาวไทยจะบรรลุผลสำเร็จใหม่ ๆ ที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น บนเส้นทางการพัฒนาที่สอดคล้องกับเงื่อนไขของประเทศ
    .
    อ่าน >> https://mgronline.com/china/detail/9670000075600
    โฆษก กต.จีน ให้ความเห็นกรณี "อุ๊งอิ๊ง" ได้รับเลือกเป็นนายกไทยคนใหม่ . วันนี้ (16 ส.ค.) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ตอบคำถามนักข่าวกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ คนที่ 31 ของไทย โดยระบุว่า ฝ่ายจีนขอแสดงความยินดีกับ น.ส.แพทองธารที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย และเชื่อว่าประชาชนชาวไทยจะบรรลุผลสำเร็จใหม่ ๆ ที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น บนเส้นทางการพัฒนาที่สอดคล้องกับเงื่อนไขของประเทศ . อ่าน >> https://mgronline.com/china/detail/9670000075600
    MGRONLINE.COM
    โฆษก กต.จีน ให้ความเห็นกรณี "อุ๊งอิ๊ง" ได้รับเลือกเป็นนายกไทยคนใหม่
    โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนตอบคำถามนักข่าว แสดงความยินดี แพทองธาร ชินวัตร ได้รับเลือกเป็นผู้นำคนใหม่ของไทย เชื่อสัมพันธ์สองชาติจะเข้มแข็งและลึกซึ้งมากขึ้นต่อเนื่อง
    Like
    7
    0 Comments 0 Shares 476 Views 0 Reviews
More Results