• Bloomberg รายงานว่า ด้วยความช่วยเหลือจากรัสเซีย อิหร่านกำลังสร้างโครงการอวกาศที่ทรงพลังที่สุดแห่งหนึ่งในตะวันออกกลาง

    อิหร่านจะมีความสามารถในการปล่อยดาวเทียม จรวด และขีปนาวุธพิสัยไกลจากเขตชาบาฮาร์ ที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ และตั้งอยู่บริเวณพรมแดนของอิหร่านติดกับปากีสถาน


    ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่สำหรับจุดประสงค์ดังกล่าวได้รับการสร้างขึ้นมาเป็นเวลา 4 ปี โดยเทียบเท่ากับแหลมคานาเวอรัลของรัฐฟลอริดา
    Bloomberg รายงานว่า ด้วยความช่วยเหลือจากรัสเซีย อิหร่านกำลังสร้างโครงการอวกาศที่ทรงพลังที่สุดแห่งหนึ่งในตะวันออกกลาง อิหร่านจะมีความสามารถในการปล่อยดาวเทียม จรวด และขีปนาวุธพิสัยไกลจากเขตชาบาฮาร์ ที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ และตั้งอยู่บริเวณพรมแดนของอิหร่านติดกับปากีสถาน ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่สำหรับจุดประสงค์ดังกล่าวได้รับการสร้างขึ้นมาเป็นเวลา 4 ปี โดยเทียบเท่ากับแหลมคานาเวอรัลของรัฐฟลอริดา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • Samsung ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือเกี่ยวกับการเลื่อนกำหนดการเปิดดำเนินงานของโรงงานผลิตชิปในเมือง Taylor รัฐเท็กซัส โดยยืนยันว่าโรงงานจะเริ่มการผลิตในปี 2026 ตามแผนเดิม แม้ว่าจะมีรายงานก่อนหน้านี้ว่าโรงงานอาจเผชิญกับปัญหาด้านการผลิตและการจ้างงานที่จำกัด โรงงานแห่งนี้มีความสำคัญต่อการผลิตชิปสำหรับเทคโนโลยีรุ่นใหม่ เช่น 5G, AI และ HPC และยังมีเป้าหมายในการสร้างงานกว่า 10,000 ตำแหน่งในพื้นที่

    ✅ โรงงาน Taylor จะเริ่มการผลิตในปี 2026 ตามแผนเดิม
    - Samsung ยืนยันว่าไม่มีการเลื่อนกำหนดการเปิดดำเนินงาน
    - โรงงานนี้มีเป้าหมายในการผลิตชิปสำหรับเทคโนโลยี 5G, AI และ HPC

    ✅ โรงงาน Taylor มีความสำคัญต่อการพัฒนาเทคโนโลยีรุ่นใหม่
    - โรงงานนี้จะช่วยเพิ่มความสามารถในการผลิตชิปและเสริมสร้างเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานชิปทั่วโลก
    - การลงทุนในโรงงานนี้จะสร้างงานกว่า 10,000 ตำแหน่งในเมือง Austin และ Taylor

    ✅ Samsung เผชิญกับความท้าทายในการผลิตชิป 2nm
    - มีรายงานว่าโรงงานอาจประสบปัญหาด้านผลผลิตของชิป 2nm แต่ Samsung ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้

    ✅ โรงงาน Taylor จะทำงานร่วมกับโรงงานใน Austin เพื่อสร้างโอกาสในภูมิภาค
    - การลงทุนนี้จะช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจในพื้นที่และสร้างโอกาสให้กับชาว Central Texas

    https://wccftech.com/samsung-denies-any-delays-happening-at-its-taylor-plant-in-texas/
    Samsung ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือเกี่ยวกับการเลื่อนกำหนดการเปิดดำเนินงานของโรงงานผลิตชิปในเมือง Taylor รัฐเท็กซัส โดยยืนยันว่าโรงงานจะเริ่มการผลิตในปี 2026 ตามแผนเดิม แม้ว่าจะมีรายงานก่อนหน้านี้ว่าโรงงานอาจเผชิญกับปัญหาด้านการผลิตและการจ้างงานที่จำกัด โรงงานแห่งนี้มีความสำคัญต่อการผลิตชิปสำหรับเทคโนโลยีรุ่นใหม่ เช่น 5G, AI และ HPC และยังมีเป้าหมายในการสร้างงานกว่า 10,000 ตำแหน่งในพื้นที่ ✅ โรงงาน Taylor จะเริ่มการผลิตในปี 2026 ตามแผนเดิม - Samsung ยืนยันว่าไม่มีการเลื่อนกำหนดการเปิดดำเนินงาน - โรงงานนี้มีเป้าหมายในการผลิตชิปสำหรับเทคโนโลยี 5G, AI และ HPC ✅ โรงงาน Taylor มีความสำคัญต่อการพัฒนาเทคโนโลยีรุ่นใหม่ - โรงงานนี้จะช่วยเพิ่มความสามารถในการผลิตชิปและเสริมสร้างเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานชิปทั่วโลก - การลงทุนในโรงงานนี้จะสร้างงานกว่า 10,000 ตำแหน่งในเมือง Austin และ Taylor ✅ Samsung เผชิญกับความท้าทายในการผลิตชิป 2nm - มีรายงานว่าโรงงานอาจประสบปัญหาด้านผลผลิตของชิป 2nm แต่ Samsung ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ ✅ โรงงาน Taylor จะทำงานร่วมกับโรงงานใน Austin เพื่อสร้างโอกาสในภูมิภาค - การลงทุนนี้จะช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจในพื้นที่และสร้างโอกาสให้กับชาว Central Texas https://wccftech.com/samsung-denies-any-delays-happening-at-its-taylor-plant-in-texas/
    WCCFTECH.COM
    Samsung Had Reportedly Pushed Back The Operational Timeline Of Its Taylor Plant To 2027, But The Company Denies That Such Delays Are Happening
    A statement has been issued by Samsung, denying the previous rumors that claimed the Taylor plant’s operations has been delayed to 2027
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • Samsung ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ Galaxy XCover7 Pro ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก โดยมีจุดเด่นที่ แบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนได้ ซึ่งหาได้ยากในสมาร์ทโฟนยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติที่ทนทานและเหมาะสำหรับการใช้งานในภาคสนาม เช่น ความสามารถในการกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68 และการป้องกันการตกกระแทกตามมาตรฐาน MIL-STD-810H

    ✅ แบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนได้
    - มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4,350mAh ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้
    - เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการใช้งานต่อเนื่องในพื้นที่ที่ไม่มีแหล่งพลังงาน

    ✅ ออกแบบมาเพื่อความทนทานในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก
    - ได้รับการรับรองมาตรฐาน IP68 และ MIL-STD-810H
    - หน้าจอขนาด 6.6 นิ้ว FHD+ TFT LCD พร้อมกระจก Gorilla Glass Victus+

    ✅ ประสิทธิภาพระดับกลางที่ตอบโจทย์การใช้งานในภาคสนาม
    - ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 7s Gen 3 พร้อม RAM ขนาด 6GB และพื้นที่เก็บข้อมูล 128GB
    - รองรับการเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 6E, และ Bluetooth 5.4

    ✅ ฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในภาคสนาม
    - มีปุ่มฮาร์ดแวร์ที่ตั้งโปรแกรมได้ 2 ปุ่มสำหรับการเข้าถึงแอปพลิเคชันที่สำคัญ
    - รองรับการใช้งานร่วมกับถุงมือและการชาร์จผ่านแท่นชาร์จ POGO

    https://www.techradar.com/pro/samsungs-latest-smartphone-has-a-very-simple-feature-that-no-other-samsung-phone-offers-right-now
    Samsung ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ Galaxy XCover7 Pro ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก โดยมีจุดเด่นที่ แบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนได้ ซึ่งหาได้ยากในสมาร์ทโฟนยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติที่ทนทานและเหมาะสำหรับการใช้งานในภาคสนาม เช่น ความสามารถในการกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68 และการป้องกันการตกกระแทกตามมาตรฐาน MIL-STD-810H ✅ แบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนได้ - มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4,350mAh ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ - เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการใช้งานต่อเนื่องในพื้นที่ที่ไม่มีแหล่งพลังงาน ✅ ออกแบบมาเพื่อความทนทานในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก - ได้รับการรับรองมาตรฐาน IP68 และ MIL-STD-810H - หน้าจอขนาด 6.6 นิ้ว FHD+ TFT LCD พร้อมกระจก Gorilla Glass Victus+ ✅ ประสิทธิภาพระดับกลางที่ตอบโจทย์การใช้งานในภาคสนาม - ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 7s Gen 3 พร้อม RAM ขนาด 6GB และพื้นที่เก็บข้อมูล 128GB - รองรับการเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 6E, และ Bluetooth 5.4 ✅ ฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในภาคสนาม - มีปุ่มฮาร์ดแวร์ที่ตั้งโปรแกรมได้ 2 ปุ่มสำหรับการเข้าถึงแอปพลิเคชันที่สำคัญ - รองรับการใช้งานร่วมกับถุงมือและการชาร์จผ่านแท่นชาร์จ POGO https://www.techradar.com/pro/samsungs-latest-smartphone-has-a-very-simple-feature-that-no-other-samsung-phone-offers-right-now
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • หนังสือพิมพ์ Il Foglio ของอิตาลีได้ทดลองใช้ AI ในการเขียนบทความทั้งหมดในส่วนเสริมพิเศษ 4 หน้าเป็นเวลา 1 เดือน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในโลก โดยการทดลองนี้ช่วยเพิ่มยอดขายและได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้อ่าน แม้ว่า AI จะมีความสามารถในการเขียนบทความที่มีความลึกซึ้งและมีอารมณ์ขัน แต่บรรณาธิการยืนยันว่า AI จะไม่แทนที่นักข่าว และจะถูกใช้เพื่อเสริมสร้างคุณภาพของงานข่าว

    ✅ AI ถูกใช้ในการเขียนบทความทั้งหมดในส่วนเสริมพิเศษ
    - การทดลองนี้ช่วยเพิ่มยอดขายและได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้อ่าน
    - AI ถูกใช้ในการเขียนบทความในหัวข้อที่หนังสือพิมพ์ไม่มีผู้เชี่ยวชาญ เช่น ดาราศาสตร์

    ✅ AI มีความสามารถในการเขียนบทความที่มีอารมณ์ขันและลึกซึ้ง
    - บรรณาธิการระบุว่า AI มี ความสามารถในการเขียนบทความที่มีอารมณ์ขันอย่างเป็นธรรมชาติ
    - AI สามารถวิเคราะห์หนังสือที่มีความยาว 700 หน้าและสร้างบทวิจารณ์ที่ลึกซึ้งในเวลาเพียงไม่กี่นาที

    ✅ AI จะไม่แทนที่นักข่าว แต่จะช่วยเสริมสร้างคุณภาพของงานข่าว
    - บรรณาธิการยืนยันว่า AI จะช่วยให้นักข่าวสามารถ ค้นหาแง่มุมใหม่ๆ และสร้างสรรค์งานที่มีความลึกซึ้งมากขึ้น
    - AI จะสร้างงานสำหรับผู้ที่มีความสามารถในการตั้งคำถามและใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ

    ✅ Il Foglio วางแผนที่จะใช้ AI ในการเขียนบทความบางส่วนในอนาคต
    - หนังสือพิมพ์จะเพิ่มส่วนที่เขียนโดย AI สัปดาห์ละครั้ง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/18/italian-newspaper-gives-free-rein-to-ai-admires-its-irony
    หนังสือพิมพ์ Il Foglio ของอิตาลีได้ทดลองใช้ AI ในการเขียนบทความทั้งหมดในส่วนเสริมพิเศษ 4 หน้าเป็นเวลา 1 เดือน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในโลก โดยการทดลองนี้ช่วยเพิ่มยอดขายและได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้อ่าน แม้ว่า AI จะมีความสามารถในการเขียนบทความที่มีความลึกซึ้งและมีอารมณ์ขัน แต่บรรณาธิการยืนยันว่า AI จะไม่แทนที่นักข่าว และจะถูกใช้เพื่อเสริมสร้างคุณภาพของงานข่าว ✅ AI ถูกใช้ในการเขียนบทความทั้งหมดในส่วนเสริมพิเศษ - การทดลองนี้ช่วยเพิ่มยอดขายและได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้อ่าน - AI ถูกใช้ในการเขียนบทความในหัวข้อที่หนังสือพิมพ์ไม่มีผู้เชี่ยวชาญ เช่น ดาราศาสตร์ ✅ AI มีความสามารถในการเขียนบทความที่มีอารมณ์ขันและลึกซึ้ง - บรรณาธิการระบุว่า AI มี ความสามารถในการเขียนบทความที่มีอารมณ์ขันอย่างเป็นธรรมชาติ - AI สามารถวิเคราะห์หนังสือที่มีความยาว 700 หน้าและสร้างบทวิจารณ์ที่ลึกซึ้งในเวลาเพียงไม่กี่นาที ✅ AI จะไม่แทนที่นักข่าว แต่จะช่วยเสริมสร้างคุณภาพของงานข่าว - บรรณาธิการยืนยันว่า AI จะช่วยให้นักข่าวสามารถ ค้นหาแง่มุมใหม่ๆ และสร้างสรรค์งานที่มีความลึกซึ้งมากขึ้น - AI จะสร้างงานสำหรับผู้ที่มีความสามารถในการตั้งคำถามและใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ ✅ Il Foglio วางแผนที่จะใช้ AI ในการเขียนบทความบางส่วนในอนาคต - หนังสือพิมพ์จะเพิ่มส่วนที่เขียนโดย AI สัปดาห์ละครั้ง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/18/italian-newspaper-gives-free-rein-to-ai-admires-its-irony
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Italian newspaper gives free rein to AI, admires its irony
    ROME (Reuters) - Artificial intelligence can write a great book review and is good at irony, but it won't replace quality journalism, said the editor of an Italian newspaper at the forefront of AI experimentation.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความจาก ZDNET รายงานว่า ChatGPT สามารถวิเคราะห์ภาพถ่ายเพื่อคาดเดาสถานที่ได้ โดยไม่ต้องใช้ข้อมูล GPS หรือ EXIF ซึ่งเป็นความสามารถที่น่าสนใจ แต่ก็ก่อให้เกิดข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัว เนื่องจาก AI สามารถใช้เบาะแสในภาพ เช่น ลักษณะอาคาร, ภูมิประเทศ หรือป้ายชื่อ เพื่อระบุสถานที่ได้อย่างแม่นยำ

    ✅ ChatGPT สามารถวิเคราะห์ภาพเพื่อคาดเดาสถานที่ได้
    - ใช้เบาะแสในภาพ เช่น ลักษณะอาคาร, ต้นไม้ หรือภูมิประเทศ
    - สามารถคาดเดาสถานที่ได้แม้ในภาพที่เบลอหรือมีข้อมูลบางส่วน

    ✅ ความสามารถนี้มาจากโมเดล AI รุ่นใหม่ของ OpenAI
    - โมเดล o3 และ o4-mini สามารถวิเคราะห์ภาพได้ลึกซึ้งกว่าเดิม
    - ใช้ข้อมูลจากฐานความรู้และอินเทอร์เน็ตเพื่อช่วยในการคาดเดา

    ✅ การทดลองแสดงให้เห็นถึงความแม่นยำของ AI
    - ตัวอย่างเช่น การวิเคราะห์ภาพบ้านที่มีลักษณะเฉพาะ เช่น ต้นไม้และวัสดุของบ้าน
    - AI สามารถใช้ป้ายชื่อบางส่วนในภาพเพื่อระบุเมืองและพื้นที่ได้

    ✅ ผู้ใช้บางคนสนุกกับการใช้ ChatGPT ในการเล่นเกมทายสถานที่
    - คล้ายกับเกม GeoGuessr ที่ต้องเดาสถานที่จากภาพใน Google Street View

    https://www.zdnet.com/article/think-geoguessr-is-fun-try-using-chatgpt-to-guess-locations-in-your-photos/
    บทความจาก ZDNET รายงานว่า ChatGPT สามารถวิเคราะห์ภาพถ่ายเพื่อคาดเดาสถานที่ได้ โดยไม่ต้องใช้ข้อมูล GPS หรือ EXIF ซึ่งเป็นความสามารถที่น่าสนใจ แต่ก็ก่อให้เกิดข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัว เนื่องจาก AI สามารถใช้เบาะแสในภาพ เช่น ลักษณะอาคาร, ภูมิประเทศ หรือป้ายชื่อ เพื่อระบุสถานที่ได้อย่างแม่นยำ ✅ ChatGPT สามารถวิเคราะห์ภาพเพื่อคาดเดาสถานที่ได้ - ใช้เบาะแสในภาพ เช่น ลักษณะอาคาร, ต้นไม้ หรือภูมิประเทศ - สามารถคาดเดาสถานที่ได้แม้ในภาพที่เบลอหรือมีข้อมูลบางส่วน ✅ ความสามารถนี้มาจากโมเดล AI รุ่นใหม่ของ OpenAI - โมเดล o3 และ o4-mini สามารถวิเคราะห์ภาพได้ลึกซึ้งกว่าเดิม - ใช้ข้อมูลจากฐานความรู้และอินเทอร์เน็ตเพื่อช่วยในการคาดเดา ✅ การทดลองแสดงให้เห็นถึงความแม่นยำของ AI - ตัวอย่างเช่น การวิเคราะห์ภาพบ้านที่มีลักษณะเฉพาะ เช่น ต้นไม้และวัสดุของบ้าน - AI สามารถใช้ป้ายชื่อบางส่วนในภาพเพื่อระบุเมืองและพื้นที่ได้ ✅ ผู้ใช้บางคนสนุกกับการใช้ ChatGPT ในการเล่นเกมทายสถานที่ - คล้ายกับเกม GeoGuessr ที่ต้องเดาสถานที่จากภาพใน Google Street View https://www.zdnet.com/article/think-geoguessr-is-fun-try-using-chatgpt-to-guess-locations-in-your-photos/
    WWW.ZDNET.COM
    Think GeoGuessr is fun? Try using ChatGPT to guess locations in your photos
    ChatGPT can 'read' your photos for location clues - even without embedded GPS or EXIF data. Here's why that could be a problem.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • **เจาะลึกจิตวิญญาณและอารมณ์ของตัวละครหลัก**
    (ในนิยาย *The Seven Heirs: Bonds of the Compass*)

    ---

    ### **1. หลง เจี้ยน (จีน - ทิศเหนือ)**
    **จิตวิญญาณ :** *ผู้แบกรักเก่าในร่างนักรบ*
    - **ความเจ็บปวดซ่อนเร้น :** แผลเป็นรูปเกล็ดงูบนแก้มไม่ใช่แค่ร่องรอยคำสาป แต่เป็นสัญลักษณ์แห่ง "ความอัปยศ" ที่ปล่อยให้หยวนเยี่ยนต้องเป็นอมตะเพียงลำพัง
    - **การแสดงออก :** สื่อสารผ่านการกระทำมากกว่าคำพูด เวลาโกรธจะจัดระเบียบเข็มปักจักรวาลให้เรียงตัวเป็นรูปวงแหวน
    - **ความปรารถนาลึกๆ :** อยากใช้ชีวิตธรรมดาเป็นช่างซ่อมนาฬิกาในตรอกเล็กๆ ของปักกิ่ง โดยไม่ต้องสวมมงกุฎแห่งความรับผิดชอบ
    - **จุดแตกหักทางอารมณ์ :** การพบว่าหยวนเยี่ยนเลือกถูกสาปเพื่อให้เขาได้มีชีวิตต่อ...แทนที่จะปล่อยให้เขาตายตาม

    ---

    ### **2. ทาเคดะ ซากุระ (ญี่ปุ่น - ทิศตะวันออก)**
    **จิตวิญญาณ :** *ศิลปินผู้วาดภาพด้วยวิญญาณตนเอง*
    - **ความเปราะบาง :** รู้สึกเหมือนเป็น "ภาพวาดที่ยังไม่เสร็จ" เปรียบเทียบตัวเองกับพี่ชายที่สมบูรณ์แบบเสมอ
    - **พิธีกรรมส่วนตัว :** แอบเก็บเส้นผมของทุกคนที่วาดภาพไว้ในสมุดสีน้ำ เพื่อรู้สึกว่ายังควบคุมบางสิ่งได้
    - **ความฝันลับ :** อยากวาดภาพที่ไม่มีคำสาปซ่อนอยู่ แค่ภาพทุ่งซากุระกับพี่ชายที่ยิ้มได้อย่างอิสระ
    - **การเผชิญความจริง :** วันที่ต้องใช้พู่กันจุ่มเลือดตัวเองเพื่อวาดทางรอดให้ทุกคน

    ---

    ### **3. วีร ราชปุต (อินเดีย - ทิศตะวันตก)**
    **จิตวิญญาณ :** *มหาเศรษฐีผู้ห่อหุ้มหัวใจด้วยเงินตรา*
    - **ความกลัวที่ซ่อนอยู่ :** กลัวความเงียบ จึงใช้เสียงเพลง/การเจรจาเติมเต็มชีวิตตลอดเวลา
    - **พฤติกรรมย้ำคิด :** นับเม็ดพลอยในสร้อย 108 เม็ดทุกเช้า เพื่อยืนยันว่ายัง "เป็นปกติ"
    - **ความขัดแย้ง :** เกลียดความอ่อนแอ แต่แอบเก็บยาพิษที่อานยาทำไว้...ในกรณีที่ต้องฆ่าตัวตาย
    - **จุดเปลี่ยน :** การพบว่าแม่แท้ๆ ยังมีชีวิตอยู่ในร่างของศัตรู

    ---

    ### **4. คิม จีอู (เกาหลีใต้ - ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ)**
    **จิตวิญญาณ :** *นกในกรงทองแห่งเสียงเพลง*
    - **ความทุกข์ระทม :** ได้ยินเสียงกระซิบจากไมโครโฟนเก่าๆ ที่พี่ชายให้มา เสียงนั้นบอกให้เธอ "ร้องให้ดังกว่านี้...แม้ต้องแลกด้วยชีวิต"
    - **การต่อรองกับชะตา :** ใช้ลิปสติกสีเลือดเขียนคำสาปบนกระจกห้องน้ำทุกครั้งก่อนขึ้นเวที
    - **ความฝันที่ถูกกดทับ :** อยากร้องเพลงกล่อมเด็กในหมู่บ้านเล็กๆ โดยไม่ต้องมีเอฟเฟกต์พิเศษ
    - **ความสัมพันธ์กับแทฮยอน :** รู้สึกเหมือนเป็น "นกขมิ้นในกรงทอง" ที่พี่ชายสวยงาม แต่กรงนั้นทำจากความผิดพลาดในอดีตของเขา

    ---

    ### **5. ณัฐ ศรีสุวรรณ (ไทย - ทิศใต้)**
    **จิตวิญญาณ :** *นักรบผู้สวมหน้ากากแห่งรอยยิ้ม*
    - **ความเจ็บปวดที่ซ่อนใต้รอยสัก :** สักคำว่า "อิสระ" ซ่อนไว้ใต้ลายนาคราช แต่รู้ตัวว่าตนเองถูกพันธนาการโดยความรักที่มีต่อน้องสาว
    - **พิธีกรรม :** ทุบกระจกในห้องฝึกมวยทุกครั้งที่รู้สึกอ่อนแอ
    - **ความฝันลึกๆ :** อยากพาพิมพ์ลดาไปเที่ยวทะเล โดยไม่ต้องคิดเรื่องคำสาปหรือพิธีกรรม
    - **จุดพลิกผัน :** วันที่พิมพ์ลดาเลือกเต้นระบำหน้ากากครั้งสุดท้าย...โดยไม่บอกเขา

    ---

    ### **6. เดีย วิชายา (อินโดนีเซีย - ทิศตะวันออกเฉียงใต้)**
    **จิตวิญญาณ :** *ราชินีเครื่องเทศผู้หลงกลิ่นอดีต*
    - **ความขัดแย้ง :** เกลียดเครื่องเทศเพราะถูกพ่อฝึกจนจมูกเสื่อม แต่กลับใช้มันเป็นอาวุธ
    - **ความทรงจำสุขสุด :** กลิ่นดินหลังฝนตกในวันที่พี่ชายพาไปตั้งแคมป์โดยไม่บอกแม่
    - **ความกลัว :** กลัวการถูกทิ้ง จึงแสร้งทำตัวแข็งกร้าวตลอดเวลา
    - **สัญลักษณ์ :** แก้วกาแฟร้าวที่พี่ชายให้...เก็บไว้เป็นเครื่องเตือนใจว่า "ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ"

    ---

    ### **7. เหงียน ลาน (เวียดนาม - ทิศตะวันตกเฉียงใต้)**
    **จิตวิญญาณ :** *เชฟผู้ปรุงรสชาติแห่งความทรงจำ*
    - **ความสามารถพิเศษ :** รู้รสชาติอารมณ์คนผ่านอาหาร แต่ไม่สามารถลิ้มรสอาหารที่ตัวเองปรุงได้
    - **พิธีกรรม :** แอบชิมน้ำตาตัวเองเวลาปรุงอาหารให้คนสำคัญ
    - **ความฝันที่ถูกเก็บไว้ :** อยากเปิดร้านอาหารเล็กๆ ที่เสิร์ฟแต่เมนูแห่งความสุข โดยไม่มีสูตรลับของตระกูล
    - **ความสัมพันธ์กับล็อง :** มองว่าพี่ชายคือ "สมุดบันทึกที่มีชีวิต" ที่เธอไม่อยากให้เขียนจบ
    **เจาะลึกจิตวิญญาณและอารมณ์ของตัวละครหลัก** (ในนิยาย *The Seven Heirs: Bonds of the Compass*) --- ### **1. หลง เจี้ยน (จีน - ทิศเหนือ)** **จิตวิญญาณ :** *ผู้แบกรักเก่าในร่างนักรบ* - **ความเจ็บปวดซ่อนเร้น :** แผลเป็นรูปเกล็ดงูบนแก้มไม่ใช่แค่ร่องรอยคำสาป แต่เป็นสัญลักษณ์แห่ง "ความอัปยศ" ที่ปล่อยให้หยวนเยี่ยนต้องเป็นอมตะเพียงลำพัง - **การแสดงออก :** สื่อสารผ่านการกระทำมากกว่าคำพูด เวลาโกรธจะจัดระเบียบเข็มปักจักรวาลให้เรียงตัวเป็นรูปวงแหวน - **ความปรารถนาลึกๆ :** อยากใช้ชีวิตธรรมดาเป็นช่างซ่อมนาฬิกาในตรอกเล็กๆ ของปักกิ่ง โดยไม่ต้องสวมมงกุฎแห่งความรับผิดชอบ - **จุดแตกหักทางอารมณ์ :** การพบว่าหยวนเยี่ยนเลือกถูกสาปเพื่อให้เขาได้มีชีวิตต่อ...แทนที่จะปล่อยให้เขาตายตาม --- ### **2. ทาเคดะ ซากุระ (ญี่ปุ่น - ทิศตะวันออก)** **จิตวิญญาณ :** *ศิลปินผู้วาดภาพด้วยวิญญาณตนเอง* - **ความเปราะบาง :** รู้สึกเหมือนเป็น "ภาพวาดที่ยังไม่เสร็จ" เปรียบเทียบตัวเองกับพี่ชายที่สมบูรณ์แบบเสมอ - **พิธีกรรมส่วนตัว :** แอบเก็บเส้นผมของทุกคนที่วาดภาพไว้ในสมุดสีน้ำ เพื่อรู้สึกว่ายังควบคุมบางสิ่งได้ - **ความฝันลับ :** อยากวาดภาพที่ไม่มีคำสาปซ่อนอยู่ แค่ภาพทุ่งซากุระกับพี่ชายที่ยิ้มได้อย่างอิสระ - **การเผชิญความจริง :** วันที่ต้องใช้พู่กันจุ่มเลือดตัวเองเพื่อวาดทางรอดให้ทุกคน --- ### **3. วีร ราชปุต (อินเดีย - ทิศตะวันตก)** **จิตวิญญาณ :** *มหาเศรษฐีผู้ห่อหุ้มหัวใจด้วยเงินตรา* - **ความกลัวที่ซ่อนอยู่ :** กลัวความเงียบ จึงใช้เสียงเพลง/การเจรจาเติมเต็มชีวิตตลอดเวลา - **พฤติกรรมย้ำคิด :** นับเม็ดพลอยในสร้อย 108 เม็ดทุกเช้า เพื่อยืนยันว่ายัง "เป็นปกติ" - **ความขัดแย้ง :** เกลียดความอ่อนแอ แต่แอบเก็บยาพิษที่อานยาทำไว้...ในกรณีที่ต้องฆ่าตัวตาย - **จุดเปลี่ยน :** การพบว่าแม่แท้ๆ ยังมีชีวิตอยู่ในร่างของศัตรู --- ### **4. คิม จีอู (เกาหลีใต้ - ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ)** **จิตวิญญาณ :** *นกในกรงทองแห่งเสียงเพลง* - **ความทุกข์ระทม :** ได้ยินเสียงกระซิบจากไมโครโฟนเก่าๆ ที่พี่ชายให้มา เสียงนั้นบอกให้เธอ "ร้องให้ดังกว่านี้...แม้ต้องแลกด้วยชีวิต" - **การต่อรองกับชะตา :** ใช้ลิปสติกสีเลือดเขียนคำสาปบนกระจกห้องน้ำทุกครั้งก่อนขึ้นเวที - **ความฝันที่ถูกกดทับ :** อยากร้องเพลงกล่อมเด็กในหมู่บ้านเล็กๆ โดยไม่ต้องมีเอฟเฟกต์พิเศษ - **ความสัมพันธ์กับแทฮยอน :** รู้สึกเหมือนเป็น "นกขมิ้นในกรงทอง" ที่พี่ชายสวยงาม แต่กรงนั้นทำจากความผิดพลาดในอดีตของเขา --- ### **5. ณัฐ ศรีสุวรรณ (ไทย - ทิศใต้)** **จิตวิญญาณ :** *นักรบผู้สวมหน้ากากแห่งรอยยิ้ม* - **ความเจ็บปวดที่ซ่อนใต้รอยสัก :** สักคำว่า "อิสระ" ซ่อนไว้ใต้ลายนาคราช แต่รู้ตัวว่าตนเองถูกพันธนาการโดยความรักที่มีต่อน้องสาว - **พิธีกรรม :** ทุบกระจกในห้องฝึกมวยทุกครั้งที่รู้สึกอ่อนแอ - **ความฝันลึกๆ :** อยากพาพิมพ์ลดาไปเที่ยวทะเล โดยไม่ต้องคิดเรื่องคำสาปหรือพิธีกรรม - **จุดพลิกผัน :** วันที่พิมพ์ลดาเลือกเต้นระบำหน้ากากครั้งสุดท้าย...โดยไม่บอกเขา --- ### **6. เดีย วิชายา (อินโดนีเซีย - ทิศตะวันออกเฉียงใต้)** **จิตวิญญาณ :** *ราชินีเครื่องเทศผู้หลงกลิ่นอดีต* - **ความขัดแย้ง :** เกลียดเครื่องเทศเพราะถูกพ่อฝึกจนจมูกเสื่อม แต่กลับใช้มันเป็นอาวุธ - **ความทรงจำสุขสุด :** กลิ่นดินหลังฝนตกในวันที่พี่ชายพาไปตั้งแคมป์โดยไม่บอกแม่ - **ความกลัว :** กลัวการถูกทิ้ง จึงแสร้งทำตัวแข็งกร้าวตลอดเวลา - **สัญลักษณ์ :** แก้วกาแฟร้าวที่พี่ชายให้...เก็บไว้เป็นเครื่องเตือนใจว่า "ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ" --- ### **7. เหงียน ลาน (เวียดนาม - ทิศตะวันตกเฉียงใต้)** **จิตวิญญาณ :** *เชฟผู้ปรุงรสชาติแห่งความทรงจำ* - **ความสามารถพิเศษ :** รู้รสชาติอารมณ์คนผ่านอาหาร แต่ไม่สามารถลิ้มรสอาหารที่ตัวเองปรุงได้ - **พิธีกรรม :** แอบชิมน้ำตาตัวเองเวลาปรุงอาหารให้คนสำคัญ - **ความฝันที่ถูกเก็บไว้ :** อยากเปิดร้านอาหารเล็กๆ ที่เสิร์ฟแต่เมนูแห่งความสุข โดยไม่มีสูตรลับของตระกูล - **ความสัมพันธ์กับล็อง :** มองว่าพี่ชายคือ "สมุดบันทึกที่มีชีวิต" ที่เธอไม่อยากให้เขียนจบ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพแก่สตรี แม่เลี้ยงเดี่ยวหรือด้อยโอกาส ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี พร้อมมอบรถเข็นวีลแชร์แก่ผู้พิการด้อยโอกาส มอบจักรยานให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ชนบท และนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการประชาชนฟรี
    .
    วันนี้ (วันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก นางชุติมา ตันติศิริวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการ นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ และ นางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมลงพื้นที่จังหวัดชลบุรี มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่สตรีที่มีรายได้น้อยมีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม มีความรู้ความสามารถ แต่ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ จำนวน 6 ราย พร้อมมอบรถเข็นวีลแชร์แก่ผู้พิการด้อยโอกาส จำนวน 10 ราย และมอบจักรยาน แก่โรงเรียนชนบทที่ขาดแคลน จำนวน 2 โรงเรียน รวมจำนวน 20 คัน พร้อมกระบอกน้ำขนาด 1 ลิตร รวมมูลค่าการดำเนินการช่วยเหลือชาวชลบุรีในครั้งนี้ทั้งสิ้น 184,072 บาท (หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นแปดพันห้าร้อยยี่สิบบาทถ้วน) พร้อมกันนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้นำทีมหน่วยแพทย์ฯ ลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น ฯลฯ โดยมี นายพงศ์ธสิษฐ์ ปิจนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว นายนัธทวัฒน์ ธนโชติชัยพัชร์ ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ 36 พรรษา จังหวัดชลบุรี และนางสาวอัญชลี จงคดีกิจ (ปุ๊-อัญชลี) อาสาสมัครศิลปินมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ 36 พรรษา จังหวัดชลบุรี
    .
    นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรีและครอบครัว มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ฐานะยากจน ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ โดยเราได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 12 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ชลบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก
    .
    ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    .
    ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##
    #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพแก่สตรี แม่เลี้ยงเดี่ยวหรือด้อยโอกาส ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี พร้อมมอบรถเข็นวีลแชร์แก่ผู้พิการด้อยโอกาส มอบจักรยานให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ชนบท และนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการประชาชนฟรี . วันนี้ (วันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก นางชุติมา ตันติศิริวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการ นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ และ นางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมลงพื้นที่จังหวัดชลบุรี มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่สตรีที่มีรายได้น้อยมีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม มีความรู้ความสามารถ แต่ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ จำนวน 6 ราย พร้อมมอบรถเข็นวีลแชร์แก่ผู้พิการด้อยโอกาส จำนวน 10 ราย และมอบจักรยาน แก่โรงเรียนชนบทที่ขาดแคลน จำนวน 2 โรงเรียน รวมจำนวน 20 คัน พร้อมกระบอกน้ำขนาด 1 ลิตร รวมมูลค่าการดำเนินการช่วยเหลือชาวชลบุรีในครั้งนี้ทั้งสิ้น 184,072 บาท (หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นแปดพันห้าร้อยยี่สิบบาทถ้วน) พร้อมกันนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้นำทีมหน่วยแพทย์ฯ ลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น ฯลฯ โดยมี นายพงศ์ธสิษฐ์ ปิจนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว นายนัธทวัฒน์ ธนโชติชัยพัชร์ ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ 36 พรรษา จังหวัดชลบุรี และนางสาวอัญชลี จงคดีกิจ (ปุ๊-อัญชลี) อาสาสมัครศิลปินมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ 36 พรรษา จังหวัดชลบุรี . นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรีและครอบครัว มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ฐานะยากจน ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ โดยเราได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 12 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ชลบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก . ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” . ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ## #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาตรฐาน HBM4 (High Bandwidth Memory 4) ได้รับการรับรองโดย JEDEC ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีหน่วยความจำสำหรับ AI, การประมวลผลประสิทธิภาพสูง (HPC) และศูนย์ข้อมูลขั้นสูง

    ✅ HBM4 รองรับความเร็วในการส่งข้อมูลสูงสุดถึง 2 TB/s
    - ใช้ อินเทอร์เฟซ 2048-bit และรองรับ อัตราการส่งข้อมูลสูงสุด 8 Gb/s
    - เพิ่มจำนวน ช่องสัญญาณอิสระต่อสแต็กจาก 16 ใน HBM3 เป็น 32 ใน HBM4

    ✅ ปรับปรุงประสิทธิภาพด้านพลังงานและความเข้ากันได้
    - รองรับ แรงดันไฟฟ้า VDDQ ตั้งแต่ 0.7V ถึง 0.9V และ VDDC ตั้งแต่ 1.0V ถึง 1.05V
    - สามารถใช้งานร่วมกับ HBM3 controllers ได้

    ✅ เพิ่มความสามารถในการจัดการข้อมูลและความน่าเชื่อถือ
    - ใช้ Directed Refresh Management (DRFM) เพื่อลดปัญหา row-hammer
    - รองรับ RAS (Reliability, Availability, and Serviceability) ที่แข็งแกร่งขึ้น

    ✅ HBM4 รองรับความจุสูงสุดถึง 64GB ต่อสแต็ก
    - ใช้ DRAM die densities ขนาด 24Gb หรือ 32Gb
    - รองรับ สแต็กตั้งแต่ 4-high ถึง 16-high

    ✅ ผู้ผลิตหลัก เช่น Samsung, Micron และ SK hynix มีส่วนร่วมในการพัฒนา
    - คาดว่า Samsung จะเริ่มผลิต HBM4 ในปี 2025 เพื่อตอบสนองความต้องการของ AI chipmakers และ hyperscalers

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/jedec-finalizes-hbm4-memory-standard-with-major-bandwidth-and-efficiency-upgrades
    มาตรฐาน HBM4 (High Bandwidth Memory 4) ได้รับการรับรองโดย JEDEC ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีหน่วยความจำสำหรับ AI, การประมวลผลประสิทธิภาพสูง (HPC) และศูนย์ข้อมูลขั้นสูง ✅ HBM4 รองรับความเร็วในการส่งข้อมูลสูงสุดถึง 2 TB/s - ใช้ อินเทอร์เฟซ 2048-bit และรองรับ อัตราการส่งข้อมูลสูงสุด 8 Gb/s - เพิ่มจำนวน ช่องสัญญาณอิสระต่อสแต็กจาก 16 ใน HBM3 เป็น 32 ใน HBM4 ✅ ปรับปรุงประสิทธิภาพด้านพลังงานและความเข้ากันได้ - รองรับ แรงดันไฟฟ้า VDDQ ตั้งแต่ 0.7V ถึง 0.9V และ VDDC ตั้งแต่ 1.0V ถึง 1.05V - สามารถใช้งานร่วมกับ HBM3 controllers ได้ ✅ เพิ่มความสามารถในการจัดการข้อมูลและความน่าเชื่อถือ - ใช้ Directed Refresh Management (DRFM) เพื่อลดปัญหา row-hammer - รองรับ RAS (Reliability, Availability, and Serviceability) ที่แข็งแกร่งขึ้น ✅ HBM4 รองรับความจุสูงสุดถึง 64GB ต่อสแต็ก - ใช้ DRAM die densities ขนาด 24Gb หรือ 32Gb - รองรับ สแต็กตั้งแต่ 4-high ถึง 16-high ✅ ผู้ผลิตหลัก เช่น Samsung, Micron และ SK hynix มีส่วนร่วมในการพัฒนา - คาดว่า Samsung จะเริ่มผลิต HBM4 ในปี 2025 เพื่อตอบสนองความต้องการของ AI chipmakers และ hyperscalers https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/jedec-finalizes-hbm4-memory-standard-with-major-bandwidth-and-efficiency-upgrades
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    JEDEC finalizes HBM4 memory standard with major bandwidth and efficiency upgrades
    The latest JEDEC standard for HBM4 supports next-gen compute demands.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • 258 ปี สิ้น “ขุนหลวงขี้เรื้อน” จุดจบราชวงศ์บ้านพลูหลวง 👑 ราชบัลลังก์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยา และชะตากรรมที่โลกไม่ลืม

    เส้นทางชีวิตของพระเจ้าเอกทัศ กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยา กับบทสรุปแห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง ผู้ที่ถูกเรียกขานว่า “ขุนหลวงขี้เรื้อน” 📜

    ประวัติศาสตร์ไทยต้องจารึก การสิ้นสุดของราชวงศ์บ้านพลูหลวง ผ่านพระเจ้าเอกทัศ หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันในนาม “ขุนหลวงขี้เรื้อน” กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยา กับเรื่องราวชีวิตที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง โรคร้าย และโศกนาฏกรรมแห่งชาติ 🇹🇭📖

    🕰️ ประวัติศาสตร์ไม่เคยหลับใหล 🕰️ 258 ปี ผ่านไป นับแต่วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2310 เมื่อกรุงศรีอยุธยาแตก ครั้งที่สอง ชาติไทยได้สูญเสียสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ นั่นคือเอกราชแห่งแผ่นดิน และราชวงศ์ที่ปกครองสืบเนื่อง มายาวนานกว่า 400 ปี

    หนึ่งในผู้ที่มีบทบาทสำคัญในห้วงเวลานี้คือ “พระเจ้าเอกทัศ” หรือที่ราษฎรทั่วไปเรียกว่า “ขุนหลวงขี้เรื้อน” ชื่อที่แฝงไปด้วยความเจ็บปวด เย้ยหยัน และประวัติศาสตร์ที่แสนซับซ้อน ของกษัตริย์องค์สุดท้าย แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง ผู้สิ้นราชย์ ในห้วงยามแห่งความล่มสลายของชาติ 💔

    👑กษัตริย์ที่ราชบัลลังก์ไม่เคยพร้อมให้ครอง "พระเจ้าเอกทัศ" หรือสมเด็จพระบรมราชาที่ 3 ทรงมีพระนามหลากหลาย ทั้ง "พระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์" และ "ขุนหลวงขี้เรื้อน" ซึ่งเป็นคำเรียกขานโดยราษฎร เนื่องจากพระองค์มีอาการประชวร ด้วยโรคผิวหนัง ที่สันนิษฐานว่าอาจเป็นโรคเรื้อน หรือกลากเกลื้อนเรื้อรัง 🩺

    จุดเริ่มต้นของการขึ้นครองราชย์ หลังการสวรรคตของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ รัชทายาทที่เหมาะสมตามสายพระโลหิตคือ “เจ้าฟ้าอุทุมพร” แต่ด้วยแรงปรารถนาจะขึ้นครองราชย์อย่างแรงกล้า เจ้าฟ้าเอกทัศซึ่งเป็นเชษฐา ได้เสด็จกลับจากการผนวช และปรี่ขึ้นประทับบนพระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์ ดั่งการตีตราจองราชบัลลังก์ ไว้ด้วยพระองค์เอง 🤴

    เจ้าฟ้าอุทุมพรจึงสละราชสมบัติให้ หลังครองราชย์เพียง 10 วัน แล้วเสด็จออกผนวชเป็น “ขุนหลวงหาวัด” หวังหลีกเร้นจากวังวนอำนาจ 👣

    สาเหตุการสิ้นพระชนม์ของขุนหลวงขี้เรื้อน ☠️

    หลักฐานไทย บันทึกของฝ่ายไทยกล่าวว่า พระองค์หนีภัยสงครามไปหลบซ่อนที่บ้านจิก ใกล้วัดสังฆาวาส และสิ้นพระชนม์เพราะอดพระกระยาหารนานเกิน 10 วัน

    พงศาวดารพม่า 🐘 กล่าวว่าพระองค์ถูกยิงเสียชีวิต ขณะหลบหนีระหว่างกรุงแตก บริเวณประตูท้ายวัง

    คำให้การของฝรั่ง "แอนโทนี โกยาตัน" บันทึกว่า พระเจ้าเอกทัศถูกปลงพระชนม์โดยชาวสยาม หรืออาจทรงวางยาพิษพระองค์เอง 🧪

    พระศพและพิธีพระเพลิง นายทองสุกนำพระบรมศพ ไปฝังที่โคกพระเมรุ หน้าพระวิหารพระมงคลบพิตร ก่อนจะถูกอัญเชิญถวายพระเพลิง ในสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี

    😇 ขุนหลวงหาวัด กับขุนหลวงขี้เรื้อน 😈

    "พระเจ้าอุทุมพร" กษัตริย์ผู้สละบัลลังก์เพื่อความสงบ พระองค์ได้รับการสถาปนาเป็นรัชทายาท แต่เลือกสละราชสมบัติ เพื่อความสงบภายใน พระองค์จึงกลายเป็น "ขุนหลวงหาวัด" ผู้ปลีกวิเวกที่พระตำหนักคำหยาด จังหวัดอ่างทอง 🏯

    "พระเจ้าเอกทัศ" กษัตริย์ผู้ไม่ยอมเสียราชบัลลังก์ ตรงกันข้าม พระเจ้าเอกทัศมีความกระหายอำนาจ แม้จะมีข้อจำกัดจากพระวรกาย ทรงใช้บัลลังก์เป็นตราจองอำนาจ โดยไม่คำนึงถึงผลเสียต่อบ้านเมือง

    "ขุนหลวงขี้เรื้อน" เป็นโรคเรื้อนจริงหรือแค่คำเล่าลือ? 🧬

    หลักฐานจากตะวันตก ฝรั่งเศส "สังฆราชปีแยร์ บรีโกต์" ระบุว่า พระองค์มีอาการของโรคเรื้อน และไม่ทรงปรากฏพระวรกายต่อผู้ใด ส่วนดัตช์รายงานของ "นิโกลาส บัง" ใช้คำว่า "ลาซารัส" อันเป็นคำเปรียบเทียบถึงโรคเรื้อน

    แต่...โรคเรื้อนห้ามบวช! พระวินัยระบุว่า ผู้ที่เป็นโรคเรื้อนห้ามบวช ซึ่งขัดแย้งกับข้อมูลที่ว่า พระเจ้าเอกทัศเคยออกผนวช จึงอาจหมายถึงโรคผิวหนังอื่น ที่คล้ายคลึงกัน เช่น กลากเกลื้อน หรือโรคผิวหนังเรื้อรัง 😕

    ความขัดแย้งในแผ่นดิน การแตกความสามัคคีในยุคปลายอยุธยา ⚔️ ขุนนางฉ้อฉล ข่มเหงประชาชน พระเจ้าเอกทัศไม่แสดงพระองค์แก่ประชาชน ฝ่ายในมีอำนาจครอบงำการเมือง ราษฎรถูกรีดไถ จนหมดศรัทธา

    ถึงแม้จะมีหลักฐาน ที่กล่าวถึงคุณงามความดีของพระองค์ ในคำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม แต่ภาพรวมกลับเป็นลบ ต่อสายตาประวัติศาสตร์

    📖 คำให้การจากผู้ถูกกวาดต้อน มุมมองที่แตกต่าง ใน "คำให้การของชาวกรุงเก่า" พระเจ้าเอกทัศกลับถูกยกย่องว่า

    “...ทรงพระกรุณากับอาณาประชาราษฎร์ทั้งปวง แผ่เมตตาไปทั่วสารพัดสัตว์ทั้งปวง”

    คำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม ยังเสริมว่า พระองค์มีศีลธรรม ทศพิธราชธรรม และทำนุบำรุงบ้านเมือง พัฒนามาตราฐานตวงวัด และยกเลิกภาษี 3 ปี 🎯

    🏚️ จุดจบราชวงศ์บ้านพลูหลวง และบทเรียนจากความล่มสลาย พระเจ้าเอกทัศถูกมองว่า เป็นต้นเหตุการเสียกรุง ทั้งจากราษฎรไทยในสมัยธนบุรี ไปจนถึงกษัตริย์ยุคต่อมา เช่น รัชกาลที่ 5 ที่ทรงกลัวจะถูกกล่าวขานในแบบเดียวกัน

    ประวัติศาสตร์จึงไม่ใช่แค่การจดจำบุคคล แต่เป็นกระจกสะท้อนสังคม วัฒนธรรม และการเมืองในยุคที่ความมั่นคง พังทลายด้วยความทะยานอยากของอำนาจ ⚖️

    🕯️ กษัตริย์ผู้ถูกลืม หรือถูกจำในมุมผิด? “ขุนหลวงขี้เรื้อน” อาจเป็นเพียงนามที่ประชาชนผู้สิ้นศรัทธา ใช้เรียกผู้มีอำนาจที่ไร้ความสามารถ แต่ในอีกแง่หนึ่ง พระเจ้าเอกทัศอาจเป็นเพียงเหยื่อของช่วงเวลา แรงกดดัน และความไม่พร้อมของแผ่นดิน

    เรื่องราวของพระองค์ จึงไม่ใช่แค่ประวัติศาสตร์ของความพ่ายแพ้ แต่คือบทเรียนของการเมืองไทย ที่วนเวียนไม่รู้จบ 🌪️

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 171927 เม.ย. 2568

    📢 #ขุนหลวงขี้เรื้อน #กรุงศรีอยุธยา #ประวัติศาสตร์ไทย #พระเจ้าเอกทัศ #ราชวงศ์บ้านพลูหลวง #ขุนหลวงหาวัด #คำให้การชาวกรุงเก่า #กษัตริย์ไทย #โบราณสถาน #พระตำหนักคำหยาด
    258 ปี สิ้น “ขุนหลวงขี้เรื้อน” จุดจบราชวงศ์บ้านพลูหลวง 👑 ราชบัลลังก์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยา และชะตากรรมที่โลกไม่ลืม เส้นทางชีวิตของพระเจ้าเอกทัศ กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยา กับบทสรุปแห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง ผู้ที่ถูกเรียกขานว่า “ขุนหลวงขี้เรื้อน” 📜 ประวัติศาสตร์ไทยต้องจารึก การสิ้นสุดของราชวงศ์บ้านพลูหลวง ผ่านพระเจ้าเอกทัศ หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันในนาม “ขุนหลวงขี้เรื้อน” กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยา กับเรื่องราวชีวิตที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง โรคร้าย และโศกนาฏกรรมแห่งชาติ 🇹🇭📖 🕰️ ประวัติศาสตร์ไม่เคยหลับใหล 🕰️ 258 ปี ผ่านไป นับแต่วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2310 เมื่อกรุงศรีอยุธยาแตก ครั้งที่สอง ชาติไทยได้สูญเสียสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ นั่นคือเอกราชแห่งแผ่นดิน และราชวงศ์ที่ปกครองสืบเนื่อง มายาวนานกว่า 400 ปี หนึ่งในผู้ที่มีบทบาทสำคัญในห้วงเวลานี้คือ “พระเจ้าเอกทัศ” หรือที่ราษฎรทั่วไปเรียกว่า “ขุนหลวงขี้เรื้อน” ชื่อที่แฝงไปด้วยความเจ็บปวด เย้ยหยัน และประวัติศาสตร์ที่แสนซับซ้อน ของกษัตริย์องค์สุดท้าย แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง ผู้สิ้นราชย์ ในห้วงยามแห่งความล่มสลายของชาติ 💔 👑กษัตริย์ที่ราชบัลลังก์ไม่เคยพร้อมให้ครอง "พระเจ้าเอกทัศ" หรือสมเด็จพระบรมราชาที่ 3 ทรงมีพระนามหลากหลาย ทั้ง "พระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์" และ "ขุนหลวงขี้เรื้อน" ซึ่งเป็นคำเรียกขานโดยราษฎร เนื่องจากพระองค์มีอาการประชวร ด้วยโรคผิวหนัง ที่สันนิษฐานว่าอาจเป็นโรคเรื้อน หรือกลากเกลื้อนเรื้อรัง 🩺 จุดเริ่มต้นของการขึ้นครองราชย์ หลังการสวรรคตของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ รัชทายาทที่เหมาะสมตามสายพระโลหิตคือ “เจ้าฟ้าอุทุมพร” แต่ด้วยแรงปรารถนาจะขึ้นครองราชย์อย่างแรงกล้า เจ้าฟ้าเอกทัศซึ่งเป็นเชษฐา ได้เสด็จกลับจากการผนวช และปรี่ขึ้นประทับบนพระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์ ดั่งการตีตราจองราชบัลลังก์ ไว้ด้วยพระองค์เอง 🤴 เจ้าฟ้าอุทุมพรจึงสละราชสมบัติให้ หลังครองราชย์เพียง 10 วัน แล้วเสด็จออกผนวชเป็น “ขุนหลวงหาวัด” หวังหลีกเร้นจากวังวนอำนาจ 👣 สาเหตุการสิ้นพระชนม์ของขุนหลวงขี้เรื้อน ☠️ หลักฐานไทย บันทึกของฝ่ายไทยกล่าวว่า พระองค์หนีภัยสงครามไปหลบซ่อนที่บ้านจิก ใกล้วัดสังฆาวาส และสิ้นพระชนม์เพราะอดพระกระยาหารนานเกิน 10 วัน พงศาวดารพม่า 🐘 กล่าวว่าพระองค์ถูกยิงเสียชีวิต ขณะหลบหนีระหว่างกรุงแตก บริเวณประตูท้ายวัง คำให้การของฝรั่ง "แอนโทนี โกยาตัน" บันทึกว่า พระเจ้าเอกทัศถูกปลงพระชนม์โดยชาวสยาม หรืออาจทรงวางยาพิษพระองค์เอง 🧪 พระศพและพิธีพระเพลิง นายทองสุกนำพระบรมศพ ไปฝังที่โคกพระเมรุ หน้าพระวิหารพระมงคลบพิตร ก่อนจะถูกอัญเชิญถวายพระเพลิง ในสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี 😇 ขุนหลวงหาวัด กับขุนหลวงขี้เรื้อน 😈 "พระเจ้าอุทุมพร" กษัตริย์ผู้สละบัลลังก์เพื่อความสงบ พระองค์ได้รับการสถาปนาเป็นรัชทายาท แต่เลือกสละราชสมบัติ เพื่อความสงบภายใน พระองค์จึงกลายเป็น "ขุนหลวงหาวัด" ผู้ปลีกวิเวกที่พระตำหนักคำหยาด จังหวัดอ่างทอง 🏯 "พระเจ้าเอกทัศ" กษัตริย์ผู้ไม่ยอมเสียราชบัลลังก์ ตรงกันข้าม พระเจ้าเอกทัศมีความกระหายอำนาจ แม้จะมีข้อจำกัดจากพระวรกาย ทรงใช้บัลลังก์เป็นตราจองอำนาจ โดยไม่คำนึงถึงผลเสียต่อบ้านเมือง "ขุนหลวงขี้เรื้อน" เป็นโรคเรื้อนจริงหรือแค่คำเล่าลือ? 🧬 หลักฐานจากตะวันตก ฝรั่งเศส "สังฆราชปีแยร์ บรีโกต์" ระบุว่า พระองค์มีอาการของโรคเรื้อน และไม่ทรงปรากฏพระวรกายต่อผู้ใด ส่วนดัตช์รายงานของ "นิโกลาส บัง" ใช้คำว่า "ลาซารัส" อันเป็นคำเปรียบเทียบถึงโรคเรื้อน แต่...โรคเรื้อนห้ามบวช! พระวินัยระบุว่า ผู้ที่เป็นโรคเรื้อนห้ามบวช ซึ่งขัดแย้งกับข้อมูลที่ว่า พระเจ้าเอกทัศเคยออกผนวช จึงอาจหมายถึงโรคผิวหนังอื่น ที่คล้ายคลึงกัน เช่น กลากเกลื้อน หรือโรคผิวหนังเรื้อรัง 😕 ความขัดแย้งในแผ่นดิน การแตกความสามัคคีในยุคปลายอยุธยา ⚔️ ขุนนางฉ้อฉล ข่มเหงประชาชน พระเจ้าเอกทัศไม่แสดงพระองค์แก่ประชาชน ฝ่ายในมีอำนาจครอบงำการเมือง ราษฎรถูกรีดไถ จนหมดศรัทธา ถึงแม้จะมีหลักฐาน ที่กล่าวถึงคุณงามความดีของพระองค์ ในคำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม แต่ภาพรวมกลับเป็นลบ ต่อสายตาประวัติศาสตร์ 📖 คำให้การจากผู้ถูกกวาดต้อน มุมมองที่แตกต่าง ใน "คำให้การของชาวกรุงเก่า" พระเจ้าเอกทัศกลับถูกยกย่องว่า “...ทรงพระกรุณากับอาณาประชาราษฎร์ทั้งปวง แผ่เมตตาไปทั่วสารพัดสัตว์ทั้งปวง” คำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม ยังเสริมว่า พระองค์มีศีลธรรม ทศพิธราชธรรม และทำนุบำรุงบ้านเมือง พัฒนามาตราฐานตวงวัด และยกเลิกภาษี 3 ปี 🎯 🏚️ จุดจบราชวงศ์บ้านพลูหลวง และบทเรียนจากความล่มสลาย พระเจ้าเอกทัศถูกมองว่า เป็นต้นเหตุการเสียกรุง ทั้งจากราษฎรไทยในสมัยธนบุรี ไปจนถึงกษัตริย์ยุคต่อมา เช่น รัชกาลที่ 5 ที่ทรงกลัวจะถูกกล่าวขานในแบบเดียวกัน ประวัติศาสตร์จึงไม่ใช่แค่การจดจำบุคคล แต่เป็นกระจกสะท้อนสังคม วัฒนธรรม และการเมืองในยุคที่ความมั่นคง พังทลายด้วยความทะยานอยากของอำนาจ ⚖️ 🕯️ กษัตริย์ผู้ถูกลืม หรือถูกจำในมุมผิด? “ขุนหลวงขี้เรื้อน” อาจเป็นเพียงนามที่ประชาชนผู้สิ้นศรัทธา ใช้เรียกผู้มีอำนาจที่ไร้ความสามารถ แต่ในอีกแง่หนึ่ง พระเจ้าเอกทัศอาจเป็นเพียงเหยื่อของช่วงเวลา แรงกดดัน และความไม่พร้อมของแผ่นดิน เรื่องราวของพระองค์ จึงไม่ใช่แค่ประวัติศาสตร์ของความพ่ายแพ้ แต่คือบทเรียนของการเมืองไทย ที่วนเวียนไม่รู้จบ 🌪️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 171927 เม.ย. 2568 📢 #ขุนหลวงขี้เรื้อน #กรุงศรีอยุธยา #ประวัติศาสตร์ไทย #พระเจ้าเอกทัศ #ราชวงศ์บ้านพลูหลวง #ขุนหลวงหาวัด #คำให้การชาวกรุงเก่า #กษัตริย์ไทย #โบราณสถาน #พระตำหนักคำหยาด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 253 มุมมอง 0 รีวิว
  • เริ่มมีรายงานข่าวออกมาว่า สหรัฐเริ่มใช้ระเบิด Bunker Buster ขนาด 30,000 ปอนด์ GBU-57A/B (Massive Ordnance Penetrator) จากเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์พิสัยไกล B-2 “Spirit” จำนวน 6 ลำ ซึ่งถูกส่งไปประจำการที่ดิเอโก การ์เซียในมหาสมุทรอินเดียเมื่อเดือนที่แล้ว ในการโจมตีใส่ฐานที่มั่นของกลุ่มฮูตีในเยเมน

    ขณะที่บางแหล่งข่าวรายงานว่า สหรัฐยังไม่ได้เริ่มใช้ระเบิด GBU-57 แต่มีการใช้ระเบิดแรงสูงชนิดอื่นแทน เช่น GBU-31

    อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ สหรัฐ "จำเป็นต้องใช้" อาวุธขั้นสูงเพื่อทำลายนักรบภาคพื้นดินที่ไม่มีเทคโนโลยีเป็นของตนเอง บ่งบอกให้เห็นถึงความสามารถด้านการรบของสหรัฐมีพัฒนาการความก้าวหน้าทางด้านอาวุธช้ากว่าที่ควร

    (เป็นเพียงรูปภาพประกอบ)
    เริ่มมีรายงานข่าวออกมาว่า สหรัฐเริ่มใช้ระเบิด Bunker Buster ขนาด 30,000 ปอนด์ GBU-57A/B (Massive Ordnance Penetrator) จากเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์พิสัยไกล B-2 “Spirit” จำนวน 6 ลำ ซึ่งถูกส่งไปประจำการที่ดิเอโก การ์เซียในมหาสมุทรอินเดียเมื่อเดือนที่แล้ว ในการโจมตีใส่ฐานที่มั่นของกลุ่มฮูตีในเยเมน ขณะที่บางแหล่งข่าวรายงานว่า สหรัฐยังไม่ได้เริ่มใช้ระเบิด GBU-57 แต่มีการใช้ระเบิดแรงสูงชนิดอื่นแทน เช่น GBU-31 อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ สหรัฐ "จำเป็นต้องใช้" อาวุธขั้นสูงเพื่อทำลายนักรบภาคพื้นดินที่ไม่มีเทคโนโลยีเป็นของตนเอง บ่งบอกให้เห็นถึงความสามารถด้านการรบของสหรัฐมีพัฒนาการความก้าวหน้าทางด้านอาวุธช้ากว่าที่ควร (เป็นเพียงรูปภาพประกอบ)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 9 ทางเลือกในการลงทุนและความเสี่ยง (2)
    .
    1.ฝากเงินกับธนาคาร มีความเสี่ยงน้อยที่สุด
    2.ซื้อตราสารหนี้ ซางหมายถึงสัญญาที่ออกโดยกิจการหนึ่งเพื่อกู้เงินจากผู้อื่น ถ้ารัฐบาลเป็นผู้กู้ ตราสารหรือสัญญานี้เรียกว่าตั๋วเงินคลัง หรือพันธบัตรรัฐบาล แต่ถ้าเป็นเอกชน จะเรียกว่าตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงิน หรือหุ้นกู้ การลงทุนซื้อตราสารหนี้มีความเสี่ยงต่ำกว่า โดยเปรียบเทียบ เพราะผลตอบแทนอยู่ในรูปของดอกเบี้ยที่จ่ายให้เงินกู้ซึ่งแตกต่างจากผลตอบแทนในรูปเงินปันผลจากหุ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการประกอบการ
    .
    3.ซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวม หมายถึงการร่วมทุนกับนักลงทุนรายย่อยอื่นๆ เพื่อลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และ/หรือ ตลาดตราสารหนี้ โดยมีบริษัทจัดการกองทุนตามกฏหมายเป็นผู้รับผิดชอบเป็นการเฉพาะ เนื่องจากมีความรอบรู้เป็นพิเศษในเรื่องการลงทุนในหลักทรัพย์เหล่านี้
    .
    กองทุนแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ (1) กองทุนปิด ซึ่งมีมูลค่ากองทุน (เงินลงทุนร่วมกันครั้งแรก) แน่นอน มีอายุเวลาไถ่ถอนเมื่อครบกำหนดเวลาลงทุนชัดเจน หากผู้บริหารกองทุนมีความสามารถเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นและมีเงินปันผลดี หน่วยลงทุนนั้นก็จะมีราคาสูงกว่าตอนซื้อครั้งแรก
    .
    (2) กองทุนเปิด ไม่กำหนดระยะเวลาไถ่ถอนที่แน่นอน หากผู้ซื้อหน่วยลงทุนต้องการถอนการลงทุนเมื่อใดก็สามารถขายคืนให้บริษัทผู้จัดการกองทุนได้ โดยจะคำนวนราคาซื้อคืนตามมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนในขณะนั้น ทางการกำหนดให้บริษัทผู้จัดการกองทุนรายงานตัวเลขแสดงสินทรัพย์สุทธิของกองทุนที่เรียกว่า NAV ( Net Asset Value ) เป็นประจำทุกเดือน เพื่อรายงานว่ามูลค่าสุทธิของแต่ละหน่วยลงทุนนั้นมัมูลค่าเท่าใด เพื่อเป็นข้อมูลเปรียบเทียบกับกองทุนอื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ถือหุ้นกองทุนรวมกองหนึ่งกองใด สามารถตัดสินใจได้ว่าจะขายหรือถือไว้ต่อไป
    .
    4.ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่เรียกว่า กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF ( Retirement Mutual Fund ) เป็นกองทุนรวมชนิดพิเศษ เพื่อส่งเสริมการออมเพื่อวัยเกษียณ เงินที่ซื้อกองทุนนี้สามารถใช้เป็นค่าลดหย่อนของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยไม่เกินร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี แต่ต้องไม่เกิน 300,000 บาท ผู้ซื้อต้องซื้อติดต่อจนถึงอายุ 55 ปี หรือซื้อต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 ปี ในกรณีที่มีอายุ 55 ปี ขึ่นไปจึงจะสามารถถอนเงินที่ซื้อกองทุนรวมไว้ทั้งหมดออกไปได้โดยไม่เสียภาษี
    .
    5.ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนที่เรียกว่า LTF ( Long Term Equity Fund ) หรือกองทุนหุ้นระยะยาว ซึ่งเป็นกองทุนรวมชนิดพิเศษอีกกองทุนหนึ่ง เพื่อส่งเสริมการลงทุนตลาดหุ้นระยะยาว มีเงื่อนไขคล้ายกับ RMF กล่าวคือ ซื้อได้ไม่เกินร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี แต่ไม่เกิน 300,000 บาท เงินที่ซื้อกองทุนสามารถนำไปหักเป็นค่าลดหย่อนของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ผู้ลงทุนต้องซื้อติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี จึงจะสามารถถอนเงินที่ซื้อกองทุนรวมนี้ไว้ทั้งหมดออกไปได้โดยไม่เสียภาษี
    .
    ผู้มีรายได้สามารถใช้สิทธิทางภาษีในการลดหย่อนภาษีของทั้ง RMF และ LMF กล่าวคือ ลดหย่อนได้สูงสุดด้วยการซื้อกองทุน RMF และ LMF อย่างละร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี โดยไม่เกินกองทุนละ 300,000 บาท รวมแล้วเป็นค่าลดหย่อนสูงสุด 600,000 บาทต่อปี
    .
    อนึ่ง ยอดเงินลดหย่อนสูงสุด 300,000 บาท ของ RMF ต้องรวมเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ลูกจ้างและนายจ้างจ่ายรวมกันในแต่ละปีด้วย ผู้ซื้อกองทุน RMF สามารถเลือกกองทุนรวมประเภทซื้อหุ้นอย่างเดียว (เสี่ยงที่สุด) หรือซื้อตราสารหนี้อย่างเดียว (เสี่ยงน้อยที่สุด) หรือซื้อปนกันทั้งหั้นและตราสารหนี้ (ความเสี่ยงอยู่ระหว่างสองประเภทกองทุนข้างต้น) ก็ได้
    .
    LTF โดยทั่วไปมีความเสี่ยงสูงกว่า RMF (ยกเว้นกองทุนที่ซื้อหุ้นอย่างเดียว) เนื่องจากเป็นกองทุนที่ซื้อหุ้นอย่างเดียว การลงทุนใน RMF และ LTF น่าสนใจเพราะเงินที่ซื้อกองทุนเป็นค่าลดหย่อนภาษี และยอดเงินนี้ก็เป็นการลงทุนอย่างหนึ่งที่ผู้รู้ช่วยเลือกลงทุนให้ นอกจากนี้เมื่อครบกำหนด ก็ยังสามารถถอนออกมาได้โดยไม่เสียภาษีอีกด้วย
    .
    6.ซื้อหุ้นโดยตรง ซึงหมายถึงการเข้าร่วมลงทุนหรือร่วมเป็นเจ้าของบริษัทนั้นๆ หากบริษัทประสบผลสำเร็จก็ได้ส่วนแบ่งกำไรในรูปของเงินปันผล และมีโอกาสได้ส่วนต่างของราคาหุ้น ทั้งจากหุ้นที่ซื้อไปและหุ้นออกใหม่ที่ขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในราคาต่ำกว่าตลาด
    .
    7.ซื้อที่อยู่อาศัยไว้สำหรับเช่า ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโด อพาร์ตเมนต์ หรือหอพักที่ตั้งอยู่ในทำเลดี มีผู้เช่าแน่นอน โดยใช้เงินออมเป็นเงินดาวน์ และใช้ค่าเช่าและบางส่วนของรายได้ประจำเป็นเงินผ่อนชำระเงินกู้นั้น การให้เช่าข้ามช่วงเวลาที่ยาวจนครบกำหนดเวลากู้ ก็จะได้อสังหาริมทรัพย์มาเป็นสมบัติของครอบครัว ในอนาคตลูกก็จะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากค่าเช่าและมูลค่าของที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นได้
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 9 ทางเลือกในการลงทุนและความเสี่ยง (2) . 1.ฝากเงินกับธนาคาร มีความเสี่ยงน้อยที่สุด 2.ซื้อตราสารหนี้ ซางหมายถึงสัญญาที่ออกโดยกิจการหนึ่งเพื่อกู้เงินจากผู้อื่น ถ้ารัฐบาลเป็นผู้กู้ ตราสารหรือสัญญานี้เรียกว่าตั๋วเงินคลัง หรือพันธบัตรรัฐบาล แต่ถ้าเป็นเอกชน จะเรียกว่าตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงิน หรือหุ้นกู้ การลงทุนซื้อตราสารหนี้มีความเสี่ยงต่ำกว่า โดยเปรียบเทียบ เพราะผลตอบแทนอยู่ในรูปของดอกเบี้ยที่จ่ายให้เงินกู้ซึ่งแตกต่างจากผลตอบแทนในรูปเงินปันผลจากหุ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการประกอบการ . 3.ซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวม หมายถึงการร่วมทุนกับนักลงทุนรายย่อยอื่นๆ เพื่อลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และ/หรือ ตลาดตราสารหนี้ โดยมีบริษัทจัดการกองทุนตามกฏหมายเป็นผู้รับผิดชอบเป็นการเฉพาะ เนื่องจากมีความรอบรู้เป็นพิเศษในเรื่องการลงทุนในหลักทรัพย์เหล่านี้ . กองทุนแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ (1) กองทุนปิด ซึ่งมีมูลค่ากองทุน (เงินลงทุนร่วมกันครั้งแรก) แน่นอน มีอายุเวลาไถ่ถอนเมื่อครบกำหนดเวลาลงทุนชัดเจน หากผู้บริหารกองทุนมีความสามารถเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นและมีเงินปันผลดี หน่วยลงทุนนั้นก็จะมีราคาสูงกว่าตอนซื้อครั้งแรก . (2) กองทุนเปิด ไม่กำหนดระยะเวลาไถ่ถอนที่แน่นอน หากผู้ซื้อหน่วยลงทุนต้องการถอนการลงทุนเมื่อใดก็สามารถขายคืนให้บริษัทผู้จัดการกองทุนได้ โดยจะคำนวนราคาซื้อคืนตามมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนในขณะนั้น ทางการกำหนดให้บริษัทผู้จัดการกองทุนรายงานตัวเลขแสดงสินทรัพย์สุทธิของกองทุนที่เรียกว่า NAV ( Net Asset Value ) เป็นประจำทุกเดือน เพื่อรายงานว่ามูลค่าสุทธิของแต่ละหน่วยลงทุนนั้นมัมูลค่าเท่าใด เพื่อเป็นข้อมูลเปรียบเทียบกับกองทุนอื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ถือหุ้นกองทุนรวมกองหนึ่งกองใด สามารถตัดสินใจได้ว่าจะขายหรือถือไว้ต่อไป . 4.ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่เรียกว่า กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF ( Retirement Mutual Fund ) เป็นกองทุนรวมชนิดพิเศษ เพื่อส่งเสริมการออมเพื่อวัยเกษียณ เงินที่ซื้อกองทุนนี้สามารถใช้เป็นค่าลดหย่อนของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยไม่เกินร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี แต่ต้องไม่เกิน 300,000 บาท ผู้ซื้อต้องซื้อติดต่อจนถึงอายุ 55 ปี หรือซื้อต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 ปี ในกรณีที่มีอายุ 55 ปี ขึ่นไปจึงจะสามารถถอนเงินที่ซื้อกองทุนรวมไว้ทั้งหมดออกไปได้โดยไม่เสียภาษี . 5.ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนที่เรียกว่า LTF ( Long Term Equity Fund ) หรือกองทุนหุ้นระยะยาว ซึ่งเป็นกองทุนรวมชนิดพิเศษอีกกองทุนหนึ่ง เพื่อส่งเสริมการลงทุนตลาดหุ้นระยะยาว มีเงื่อนไขคล้ายกับ RMF กล่าวคือ ซื้อได้ไม่เกินร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี แต่ไม่เกิน 300,000 บาท เงินที่ซื้อกองทุนสามารถนำไปหักเป็นค่าลดหย่อนของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ผู้ลงทุนต้องซื้อติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี จึงจะสามารถถอนเงินที่ซื้อกองทุนรวมนี้ไว้ทั้งหมดออกไปได้โดยไม่เสียภาษี . ผู้มีรายได้สามารถใช้สิทธิทางภาษีในการลดหย่อนภาษีของทั้ง RMF และ LMF กล่าวคือ ลดหย่อนได้สูงสุดด้วยการซื้อกองทุน RMF และ LMF อย่างละร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี โดยไม่เกินกองทุนละ 300,000 บาท รวมแล้วเป็นค่าลดหย่อนสูงสุด 600,000 บาทต่อปี . อนึ่ง ยอดเงินลดหย่อนสูงสุด 300,000 บาท ของ RMF ต้องรวมเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ลูกจ้างและนายจ้างจ่ายรวมกันในแต่ละปีด้วย ผู้ซื้อกองทุน RMF สามารถเลือกกองทุนรวมประเภทซื้อหุ้นอย่างเดียว (เสี่ยงที่สุด) หรือซื้อตราสารหนี้อย่างเดียว (เสี่ยงน้อยที่สุด) หรือซื้อปนกันทั้งหั้นและตราสารหนี้ (ความเสี่ยงอยู่ระหว่างสองประเภทกองทุนข้างต้น) ก็ได้ . LTF โดยทั่วไปมีความเสี่ยงสูงกว่า RMF (ยกเว้นกองทุนที่ซื้อหุ้นอย่างเดียว) เนื่องจากเป็นกองทุนที่ซื้อหุ้นอย่างเดียว การลงทุนใน RMF และ LTF น่าสนใจเพราะเงินที่ซื้อกองทุนเป็นค่าลดหย่อนภาษี และยอดเงินนี้ก็เป็นการลงทุนอย่างหนึ่งที่ผู้รู้ช่วยเลือกลงทุนให้ นอกจากนี้เมื่อครบกำหนด ก็ยังสามารถถอนออกมาได้โดยไม่เสียภาษีอีกด้วย . 6.ซื้อหุ้นโดยตรง ซึงหมายถึงการเข้าร่วมลงทุนหรือร่วมเป็นเจ้าของบริษัทนั้นๆ หากบริษัทประสบผลสำเร็จก็ได้ส่วนแบ่งกำไรในรูปของเงินปันผล และมีโอกาสได้ส่วนต่างของราคาหุ้น ทั้งจากหุ้นที่ซื้อไปและหุ้นออกใหม่ที่ขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในราคาต่ำกว่าตลาด . 7.ซื้อที่อยู่อาศัยไว้สำหรับเช่า ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโด อพาร์ตเมนต์ หรือหอพักที่ตั้งอยู่ในทำเลดี มีผู้เช่าแน่นอน โดยใช้เงินออมเป็นเงินดาวน์ และใช้ค่าเช่าและบางส่วนของรายได้ประจำเป็นเงินผ่อนชำระเงินกู้นั้น การให้เช่าข้ามช่วงเวลาที่ยาวจนครบกำหนดเวลากู้ ก็จะได้อสังหาริมทรัพย์มาเป็นสมบัติของครอบครัว ในอนาคตลูกก็จะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากค่าเช่าและมูลค่าของที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 รีวิว
  • HighPoint Technologies ได้เปิดตัว PCIe Gen 5 และ Gen 4 x16 adapters ที่ใช้ MCIO (Mini Cool Edge IO) และ SlimSAS (Serial Attached SCSI) connectors เพื่อเพิ่มความสามารถในการเชื่อมต่อของ GPU และ NVMe SSD ในระบบที่มีข้อจำกัดด้าน PCIe lanes

    ✅ HighPoint เปิดตัว PCIe Gen 5 และ Gen 4 x16 adapters เพื่อเพิ่มความสามารถในการเชื่อมต่อ
    - อุปกรณ์เหล่านี้ช่วยให้สามารถ แบ่ง PCIe x16 slot ออกเป็นหลายช่องทางความเร็วสูง
    - รองรับ MCIO x4 และ SlimSAS x4 channels ซึ่งช่วยให้สามารถเชื่อมต่อ NVMe SSDs และ GPUs ได้หลายตัว

    ✅ Rocket 1628A และ Rocket 1528D เป็นรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานระดับสูง
    - Rocket 1628A รองรับ PCIe Gen 5 x16 และเหมาะสำหรับ AI workloads และระบบที่ใช้ GPU หนัก
    - Rocket 1528D รองรับ PCIe Gen 4 x16 และเหมาะสำหรับ ระบบที่ยังไม่ได้อัปเกรดเป็น Gen 5

    ✅ MCIO connectors เป็นมาตรฐานใหม่ที่ช่วยให้การเชื่อมต่อ PCIe มีความหนาแน่นสูงขึ้น
    - ออกแบบมาเพื่อ รองรับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลและระบบเดสก์ท็อปประสิทธิภาพสูง
    - ลดการสูญเสียสัญญาณและเพิ่มความเสถียรในการเชื่อมต่อ

    ✅ HighPoint เคยเปิดตัว SSD7540 RAID card ที่รองรับ NVMe SSDs ถึง 8 ตัว
    - อุปกรณ์นี้สามารถ ส่งข้อมูลได้เร็วถึง 56 GB/s
    - Rocket 1628A และ 1528D สืบทอดแนวคิดนี้โดยเพิ่มความยืดหยุ่นในการเชื่อมต่อ

    ✅ การเปิดตัวและแนวโน้มของตลาด
    - HighPoint จะวางจำหน่ายอุปกรณ์เหล่านี้ผ่าน ช่องทางจัดจำหน่ายของบริษัท
    - เมื่อ PCIe Gen 5 motherboard และ processors เริ่มแพร่หลาย อุปกรณ์เหล่านี้จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/new-pcie-adapters-turn-your-x16-slot-into-a-clown-car-of-gpu-and-ssd-connectivity
    HighPoint Technologies ได้เปิดตัว PCIe Gen 5 และ Gen 4 x16 adapters ที่ใช้ MCIO (Mini Cool Edge IO) และ SlimSAS (Serial Attached SCSI) connectors เพื่อเพิ่มความสามารถในการเชื่อมต่อของ GPU และ NVMe SSD ในระบบที่มีข้อจำกัดด้าน PCIe lanes ✅ HighPoint เปิดตัว PCIe Gen 5 และ Gen 4 x16 adapters เพื่อเพิ่มความสามารถในการเชื่อมต่อ - อุปกรณ์เหล่านี้ช่วยให้สามารถ แบ่ง PCIe x16 slot ออกเป็นหลายช่องทางความเร็วสูง - รองรับ MCIO x4 และ SlimSAS x4 channels ซึ่งช่วยให้สามารถเชื่อมต่อ NVMe SSDs และ GPUs ได้หลายตัว ✅ Rocket 1628A และ Rocket 1528D เป็นรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานระดับสูง - Rocket 1628A รองรับ PCIe Gen 5 x16 และเหมาะสำหรับ AI workloads และระบบที่ใช้ GPU หนัก - Rocket 1528D รองรับ PCIe Gen 4 x16 และเหมาะสำหรับ ระบบที่ยังไม่ได้อัปเกรดเป็น Gen 5 ✅ MCIO connectors เป็นมาตรฐานใหม่ที่ช่วยให้การเชื่อมต่อ PCIe มีความหนาแน่นสูงขึ้น - ออกแบบมาเพื่อ รองรับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลและระบบเดสก์ท็อปประสิทธิภาพสูง - ลดการสูญเสียสัญญาณและเพิ่มความเสถียรในการเชื่อมต่อ ✅ HighPoint เคยเปิดตัว SSD7540 RAID card ที่รองรับ NVMe SSDs ถึง 8 ตัว - อุปกรณ์นี้สามารถ ส่งข้อมูลได้เร็วถึง 56 GB/s - Rocket 1628A และ 1528D สืบทอดแนวคิดนี้โดยเพิ่มความยืดหยุ่นในการเชื่อมต่อ ✅ การเปิดตัวและแนวโน้มของตลาด - HighPoint จะวางจำหน่ายอุปกรณ์เหล่านี้ผ่าน ช่องทางจัดจำหน่ายของบริษัท - เมื่อ PCIe Gen 5 motherboard และ processors เริ่มแพร่หลาย อุปกรณ์เหล่านี้จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้น https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/new-pcie-adapters-turn-your-x16-slot-into-a-clown-car-of-gpu-and-ssd-connectivity
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    New PCIe adapters turn your x16 slot into a clown car of GPU and SSD connectivity
    High-bandwidth connectivity for enterprise and enthusiast platforms alike
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google DeepMind ได้พัฒนา CaMeL (Capabilities for Machine Learning) ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ในการป้องกัน Prompt Injection โดยใช้หลักการแบ่งแยกโมเดล AI ออกเป็นส่วนต่างๆ เพื่อจำกัดความสามารถในการดำเนินการที่ไม่ปลอดภัย

    ✅ CaMeL ใช้หลักการแบ่งแยกโมเดล AI เพื่อป้องกัน Prompt Injection
    - แทนที่จะให้ AI ตรวจสอบตัวเอง CaMeL จำกัดความสามารถของโมเดล โดยใช้หลักการด้านความปลอดภัยของซอฟต์แวร์
    - แบ่งโมเดลออกเป็น P-LLM (Privileged LLM) สำหรับการดำเนินการ และ Q-LLM (Quarantined LLM) สำหรับการอ่านข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ

    ✅ P-LLM และ Q-LLM ทำงานร่วมกันเพื่อป้องกันการโจมตี
    - P-LLM สามารถวางแผนการดำเนินการ เช่น การส่งอีเมล แต่ ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลดิบ
    - Q-LLM สามารถอ่านข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ แต่ ไม่มีสิทธิ์เข้าถึงเครื่องมือหรือหน่วยความจำ

    ✅ CaMeL ใช้ Secure Interpreter เพื่อติดตามแหล่งที่มาของข้อมูล
    - ใช้ Python เวอร์ชันพิเศษ ที่สามารถติดตามว่าข้อมูลมาจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือหรือไม่
    - หากพบว่าการดำเนินการเกี่ยวข้องกับข้อมูลที่อาจเป็นอันตราย ระบบสามารถ บล็อกหรือขอให้ผู้ใช้ยืนยันก่อนดำเนินการ

    ✅ นักวิจัยด้านความปลอดภัยยกย่อง CaMeL ว่าเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพ
    - Simon Willison ผู้ตั้งชื่อ Prompt Injection ในปี 2022 ระบุว่า CaMeL เป็น "แนวทางแรกที่น่าเชื่อถือ"
    - แนวทางนี้ช่วยแก้ปัญหาที่โมเดล AI มัก รวมคำสั่งของผู้ใช้และข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือไว้ในหน่วยความจำเดียวกัน

    https://www.techspot.com/news/107575-new-approach-deepmind-partitions-llms-mitigate-prompt-injection.html
    Google DeepMind ได้พัฒนา CaMeL (Capabilities for Machine Learning) ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ในการป้องกัน Prompt Injection โดยใช้หลักการแบ่งแยกโมเดล AI ออกเป็นส่วนต่างๆ เพื่อจำกัดความสามารถในการดำเนินการที่ไม่ปลอดภัย ✅ CaMeL ใช้หลักการแบ่งแยกโมเดล AI เพื่อป้องกัน Prompt Injection - แทนที่จะให้ AI ตรวจสอบตัวเอง CaMeL จำกัดความสามารถของโมเดล โดยใช้หลักการด้านความปลอดภัยของซอฟต์แวร์ - แบ่งโมเดลออกเป็น P-LLM (Privileged LLM) สำหรับการดำเนินการ และ Q-LLM (Quarantined LLM) สำหรับการอ่านข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ ✅ P-LLM และ Q-LLM ทำงานร่วมกันเพื่อป้องกันการโจมตี - P-LLM สามารถวางแผนการดำเนินการ เช่น การส่งอีเมล แต่ ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลดิบ - Q-LLM สามารถอ่านข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ แต่ ไม่มีสิทธิ์เข้าถึงเครื่องมือหรือหน่วยความจำ ✅ CaMeL ใช้ Secure Interpreter เพื่อติดตามแหล่งที่มาของข้อมูล - ใช้ Python เวอร์ชันพิเศษ ที่สามารถติดตามว่าข้อมูลมาจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือหรือไม่ - หากพบว่าการดำเนินการเกี่ยวข้องกับข้อมูลที่อาจเป็นอันตราย ระบบสามารถ บล็อกหรือขอให้ผู้ใช้ยืนยันก่อนดำเนินการ ✅ นักวิจัยด้านความปลอดภัยยกย่อง CaMeL ว่าเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพ - Simon Willison ผู้ตั้งชื่อ Prompt Injection ในปี 2022 ระบุว่า CaMeL เป็น "แนวทางแรกที่น่าเชื่อถือ" - แนวทางนี้ช่วยแก้ปัญหาที่โมเดล AI มัก รวมคำสั่งของผู้ใช้และข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือไว้ในหน่วยความจำเดียวกัน https://www.techspot.com/news/107575-new-approach-deepmind-partitions-llms-mitigate-prompt-injection.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    New approach from DeepMind partitions LLMs to mitigate prompt injection
    Since chatbots went mainstream in 2022, a security flaw known as prompt injection has plagued artificial intelligence developers. The problem is simple: language models like ChatGPT can't...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • OpenAI กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเข้าซื้อ Windsurf ซึ่งเป็นเครื่องมือช่วยเขียนโค้ดด้วย AI โดยมีมูลค่าประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งหากข้อตกลงนี้สำเร็จ จะเป็นการเข้าซื้อกิจการที่ใหญ่ที่สุดของ OpenAI

    ✅ OpenAI กำลังเจรจาเพื่อซื้อ Windsurf ในมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์
    - Windsurf เคยใช้ชื่อว่า Codeium และเป็นเครื่องมือช่วยเขียนโค้ดด้วย AI
    - ข้อตกลงยังไม่สิ้นสุด และอาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกได้

    ✅ Windsurf เคยได้รับเงินลงทุน 150 ล้านดอลลาร์จาก General Catalyst
    - การลงทุนครั้งล่าสุดทำให้ Windsurf มีมูลค่า 1.25 พันล้านดอลลาร์
    - ก่อนหน้านี้ Windsurf อยู่ระหว่างการเจรจากับ Kleiner Perkins และ General Catalyst เพื่อระดมทุนที่มูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์

    ✅ OpenAI มีแผนระดมทุนสูงถึง 40 พันล้านดอลลาร์
    - หากสำเร็จ จะทำให้ OpenAI มีมูลค่าประมาณ 300 พันล้านดอลลาร์
    - การลงทุนใน Windsurf อาจช่วยให้ OpenAI ขยายความสามารถด้าน AI สำหรับนักพัฒนา

    ✅ OpenAI เคยเข้าซื้อ Rockset เพื่อเสริมโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล
    - Rockset เป็นบริษัทด้าน การวิเคราะห์ฐานข้อมูลและการค้นหา
    - การเข้าซื้อกิจการช่วยให้ OpenAI มีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์ระดับองค์กร

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/17/openai-in-talks-to-buy-windsurf-for-about-3-billion-bloomberg-news-reports
    OpenAI กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเข้าซื้อ Windsurf ซึ่งเป็นเครื่องมือช่วยเขียนโค้ดด้วย AI โดยมีมูลค่าประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งหากข้อตกลงนี้สำเร็จ จะเป็นการเข้าซื้อกิจการที่ใหญ่ที่สุดของ OpenAI ✅ OpenAI กำลังเจรจาเพื่อซื้อ Windsurf ในมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ - Windsurf เคยใช้ชื่อว่า Codeium และเป็นเครื่องมือช่วยเขียนโค้ดด้วย AI - ข้อตกลงยังไม่สิ้นสุด และอาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกได้ ✅ Windsurf เคยได้รับเงินลงทุน 150 ล้านดอลลาร์จาก General Catalyst - การลงทุนครั้งล่าสุดทำให้ Windsurf มีมูลค่า 1.25 พันล้านดอลลาร์ - ก่อนหน้านี้ Windsurf อยู่ระหว่างการเจรจากับ Kleiner Perkins และ General Catalyst เพื่อระดมทุนที่มูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ ✅ OpenAI มีแผนระดมทุนสูงถึง 40 พันล้านดอลลาร์ - หากสำเร็จ จะทำให้ OpenAI มีมูลค่าประมาณ 300 พันล้านดอลลาร์ - การลงทุนใน Windsurf อาจช่วยให้ OpenAI ขยายความสามารถด้าน AI สำหรับนักพัฒนา ✅ OpenAI เคยเข้าซื้อ Rockset เพื่อเสริมโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล - Rockset เป็นบริษัทด้าน การวิเคราะห์ฐานข้อมูลและการค้นหา - การเข้าซื้อกิจการช่วยให้ OpenAI มีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์ระดับองค์กร https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/17/openai-in-talks-to-buy-windsurf-for-about-3-billion-bloomberg-news-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    OpenAI in talks to buy Windsurf for about $3 billion, Bloomberg News reports
    (Reuters) - OpenAI is in discussions to buy artificial intelligence-assisted coding tool Windsurf for about $3 billion, Bloomberg News reported on Wednesday, citing a person familiar with the matter.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว
  • OpenAI ได้เปิดตัว o3 และ o4-mini ซึ่งเป็นโมเดล AI ใหม่ที่มีความสามารถด้านการให้เหตุผลที่ล้ำหน้าที่สุด โดยสามารถเข้าถึงเครื่องมือภายนอก เช่น เว็บเบราว์เซอร์และตัวแปลภาษา Python เพื่อช่วยให้ตอบคำถามได้อย่างแม่นยำมากขึ้น

    ✅ OpenAI เปิดตัว o3 และ o4-mini พร้อมความสามารถด้านการให้เหตุผลที่ล้ำหน้า
    - โมเดลเหล่านี้สามารถ ใช้เครื่องมือภายนอก เพื่อช่วยในการตอบคำถาม
    - รองรับ การวิเคราะห์ภาพ, กราฟ และแผนภูมิ

    ✅ o3 เป็นโมเดลที่ทรงพลังที่สุดของ OpenAI
    - ทำลายสถิติบน Codeforces, SWE-bench และ MMMU
    - ลดข้อผิดพลาดลง 20% เมื่อเทียบกับ o1

    ✅ o4-mini เป็นโมเดลที่เล็กกว่า แต่มีประสิทธิภาพสูง
    - มีความสามารถใกล้เคียงกับ o3 ในด้าน คณิตศาสตร์, การเขียนโค้ด และการวิเคราะห์ภาพ
    - มีประสิทธิภาพสูงและรองรับการใช้งานในปริมาณมาก

    ✅ OpenAI ใช้การเรียนรู้แบบเสริมแรงเพื่อพัฒนาโมเดล
    - โมเดลถูกฝึกให้รู้ว่า ควรใช้เครื่องมือเมื่อใดและอย่างไร
    - มีความสามารถในการ จดจำและอ้างอิงข้อมูลจากบทสนทนาในอดีต

    ✅ การเปิดตัวและราคา
    - o3 มีราคา $10 ต่อล้านโทเค็นอินพุต และ $40 ต่อล้านโทเค็นเอาต์พุต
    - o4-mini มีราคาเท่ากับ o3-mini ที่ $1.10 ต่อล้านโทเค็นอินพุต และ $4.40 ต่อล้านโทเค็นเอาต์พุต

    https://www.neowin.net/news/openai-announces-o3-and-o4-mini-its-most-capable-models-with-state-of-the-art-reasoning/
    OpenAI ได้เปิดตัว o3 และ o4-mini ซึ่งเป็นโมเดล AI ใหม่ที่มีความสามารถด้านการให้เหตุผลที่ล้ำหน้าที่สุด โดยสามารถเข้าถึงเครื่องมือภายนอก เช่น เว็บเบราว์เซอร์และตัวแปลภาษา Python เพื่อช่วยให้ตอบคำถามได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ✅ OpenAI เปิดตัว o3 และ o4-mini พร้อมความสามารถด้านการให้เหตุผลที่ล้ำหน้า - โมเดลเหล่านี้สามารถ ใช้เครื่องมือภายนอก เพื่อช่วยในการตอบคำถาม - รองรับ การวิเคราะห์ภาพ, กราฟ และแผนภูมิ ✅ o3 เป็นโมเดลที่ทรงพลังที่สุดของ OpenAI - ทำลายสถิติบน Codeforces, SWE-bench และ MMMU - ลดข้อผิดพลาดลง 20% เมื่อเทียบกับ o1 ✅ o4-mini เป็นโมเดลที่เล็กกว่า แต่มีประสิทธิภาพสูง - มีความสามารถใกล้เคียงกับ o3 ในด้าน คณิตศาสตร์, การเขียนโค้ด และการวิเคราะห์ภาพ - มีประสิทธิภาพสูงและรองรับการใช้งานในปริมาณมาก ✅ OpenAI ใช้การเรียนรู้แบบเสริมแรงเพื่อพัฒนาโมเดล - โมเดลถูกฝึกให้รู้ว่า ควรใช้เครื่องมือเมื่อใดและอย่างไร - มีความสามารถในการ จดจำและอ้างอิงข้อมูลจากบทสนทนาในอดีต ✅ การเปิดตัวและราคา - o3 มีราคา $10 ต่อล้านโทเค็นอินพุต และ $40 ต่อล้านโทเค็นเอาต์พุต - o4-mini มีราคาเท่ากับ o3-mini ที่ $1.10 ต่อล้านโทเค็นอินพุต และ $4.40 ต่อล้านโทเค็นเอาต์พุต https://www.neowin.net/news/openai-announces-o3-and-o4-mini-its-most-capable-models-with-state-of-the-art-reasoning/
    WWW.NEOWIN.NET
    OpenAI announces o3 and o4-mini, its most capable models with state-of-the-art reasoning
    OpenAI has launched its new flagship reasoning models, o3 and o4-mini, which achieve state-of-the-art performance and support full tool access.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
  • Opera ได้เปิดตัว Aria AI บน Opera Mini สำหรับ Android ซึ่งเป็นการขยายการใช้งาน AI ไปยังผู้ใช้มือถือ โดย Aria AI สามารถช่วยในการค้นหาข้อมูล, สรุปเนื้อหาออนไลน์, สร้างภาพ และอื่นๆ ได้โดยตรงภายในเบราว์เซอร์

    ✅ Opera นำ Aria AI มาสู่ Opera Mini เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน
    - Opera Mini เป็นเบราว์เซอร์ที่เน้น การประหยัดข้อมูลและเพิ่มประสิทธิภาพ
    - Aria AI ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ค้นหาข้อมูล, สรุปเนื้อหา และสร้างภาพ ได้โดยตรง

    ✅ การทำงานของ Aria AI ใน Opera Mini
    - ใช้ Composer AI engine ซึ่งพัฒนาโดย Opera
    - ใช้เทคโนโลยีจาก OpenAI และ Google AI เพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างภาพ

    ✅ เป้าหมายของ Opera ในการนำ AI สู่ตลาดมือถือ
    - Opera ต้องการทำให้ AI เข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคที่มีราคาข้อมูลสูง
    - Opera Mini มีผู้ใช้มากกว่า 100 ล้านคนทั่วโลก

    ✅ การเปิดตัวและการใช้งาน
    - ผู้ใช้สามารถอัปเดต Opera Mini เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อใช้งาน Aria AI
    - สามารถเปิดใช้งานได้จาก หน้าเริ่มต้นของเบราว์เซอร์

    https://www.neowin.net/news/aria-ai-is-now-available-in-opera-mini-on-android/
    Opera ได้เปิดตัว Aria AI บน Opera Mini สำหรับ Android ซึ่งเป็นการขยายการใช้งาน AI ไปยังผู้ใช้มือถือ โดย Aria AI สามารถช่วยในการค้นหาข้อมูล, สรุปเนื้อหาออนไลน์, สร้างภาพ และอื่นๆ ได้โดยตรงภายในเบราว์เซอร์ ✅ Opera นำ Aria AI มาสู่ Opera Mini เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน - Opera Mini เป็นเบราว์เซอร์ที่เน้น การประหยัดข้อมูลและเพิ่มประสิทธิภาพ - Aria AI ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ค้นหาข้อมูล, สรุปเนื้อหา และสร้างภาพ ได้โดยตรง ✅ การทำงานของ Aria AI ใน Opera Mini - ใช้ Composer AI engine ซึ่งพัฒนาโดย Opera - ใช้เทคโนโลยีจาก OpenAI และ Google AI เพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างภาพ ✅ เป้าหมายของ Opera ในการนำ AI สู่ตลาดมือถือ - Opera ต้องการทำให้ AI เข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคที่มีราคาข้อมูลสูง - Opera Mini มีผู้ใช้มากกว่า 100 ล้านคนทั่วโลก ✅ การเปิดตัวและการใช้งาน - ผู้ใช้สามารถอัปเดต Opera Mini เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อใช้งาน Aria AI - สามารถเปิดใช้งานได้จาก หน้าเริ่มต้นของเบราว์เซอร์ https://www.neowin.net/news/aria-ai-is-now-available-in-opera-mini-on-android/
    WWW.NEOWIN.NET
    Aria AI is now available in Opera Mini on Android
    Opera is making its in-browser AI assistant Aria more accessible by bringing it to Opera Mini on Android.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้าง วิดีโอ AI ผ่าน Gemini chatbot และ Whisk ซึ่งเป็นเครื่องมือทดลองที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว โดยใช้โมเดล Veo 2 ที่พัฒนาโดย Google DeepMind

    ✅ Google เปิดตัวฟีเจอร์สร้างวิดีโอ AI ผ่าน Gemini และ Whisk
    - ใช้โมเดล Veo 2 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล่าสุดของ Google DeepMind
    - สามารถสร้างวิดีโอ 8 วินาที ในความละเอียด 720p (16:9 aspect ratio)

    ✅ การใช้งานผ่าน Gemini Advanced
    - ผู้ใช้สามารถเลือก Veo 2 จากเมนูโมเดลใน Gemini
    - พิมพ์คำอธิบายฉากที่ต้องการ และ AI จะสร้างวิดีโอให้

    ✅ Whisk Animate: ฟีเจอร์ใหม่สำหรับการสร้างวิดีโอจากภาพ
    - ใช้ Veo 2 ในการแปลงภาพนิ่งเป็นวิดีโอ 8 วินาที
    - เปิดให้ใช้งานสำหรับ Google One AI Premium subscribers

    ✅ การแชร์วิดีโอไปยังแพลตฟอร์มต่างๆ
    - Google มีตัวเลือกให้แชร์วิดีโอไปยัง YouTube Shorts และ TikTok ได้โดยตรง

    ✅ มาตรการป้องกันการใช้ AI ในทางที่ผิด
    - วิดีโอที่สร้างด้วย Veo 2 จะมี SynthID watermark ฝังอยู่ในทุกเฟรม เพื่อระบุว่าเป็นวิดีโอที่สร้างโดย AI

    ℹ️ ข้อจำกัดในการสร้างวิดีโอ
    - Google จำกัดจำนวนวิดีโอที่สามารถสร้างได้ต่อเดือน เพื่อป้องกันการใช้ทรัพยากร GPU มากเกินไป

    ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมวิดีโอและครีเอเตอร์
    - เทคโนโลยีนี้อาจส่งผลต่อ ผู้ผลิตวิดีโอและนักสร้างคอนเทนต์ ที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับ AI

    ℹ️ แนวโน้มของ AI ในการสร้างวิดีโอ
    - Google อาจพัฒนา Veo 3 ในอนาคตเพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างวิดีโอที่ซับซ้อนขึ้น

    https://www.neowin.net/news/you-can-now-generate-ai-videos-in-google-gemini-and-whisk/
    Google ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้าง วิดีโอ AI ผ่าน Gemini chatbot และ Whisk ซึ่งเป็นเครื่องมือทดลองที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว โดยใช้โมเดล Veo 2 ที่พัฒนาโดย Google DeepMind ✅ Google เปิดตัวฟีเจอร์สร้างวิดีโอ AI ผ่าน Gemini และ Whisk - ใช้โมเดล Veo 2 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล่าสุดของ Google DeepMind - สามารถสร้างวิดีโอ 8 วินาที ในความละเอียด 720p (16:9 aspect ratio) ✅ การใช้งานผ่าน Gemini Advanced - ผู้ใช้สามารถเลือก Veo 2 จากเมนูโมเดลใน Gemini - พิมพ์คำอธิบายฉากที่ต้องการ และ AI จะสร้างวิดีโอให้ ✅ Whisk Animate: ฟีเจอร์ใหม่สำหรับการสร้างวิดีโอจากภาพ - ใช้ Veo 2 ในการแปลงภาพนิ่งเป็นวิดีโอ 8 วินาที - เปิดให้ใช้งานสำหรับ Google One AI Premium subscribers ✅ การแชร์วิดีโอไปยังแพลตฟอร์มต่างๆ - Google มีตัวเลือกให้แชร์วิดีโอไปยัง YouTube Shorts และ TikTok ได้โดยตรง ✅ มาตรการป้องกันการใช้ AI ในทางที่ผิด - วิดีโอที่สร้างด้วย Veo 2 จะมี SynthID watermark ฝังอยู่ในทุกเฟรม เพื่อระบุว่าเป็นวิดีโอที่สร้างโดย AI ℹ️ ข้อจำกัดในการสร้างวิดีโอ - Google จำกัดจำนวนวิดีโอที่สามารถสร้างได้ต่อเดือน เพื่อป้องกันการใช้ทรัพยากร GPU มากเกินไป ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมวิดีโอและครีเอเตอร์ - เทคโนโลยีนี้อาจส่งผลต่อ ผู้ผลิตวิดีโอและนักสร้างคอนเทนต์ ที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับ AI ℹ️ แนวโน้มของ AI ในการสร้างวิดีโอ - Google อาจพัฒนา Veo 3 ในอนาคตเพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างวิดีโอที่ซับซ้อนขึ้น https://www.neowin.net/news/you-can-now-generate-ai-videos-in-google-gemini-and-whisk/
    WWW.NEOWIN.NET
    You can now generate AI videos in Google Gemini and Whisk
    Google is rolling out new video generation capabilities to the Gemini chatbot and the Labs experiment Whisk.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 รีวิว
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 8 ทางเลือกในการลงทุนและความเสี่ยง (1)
    .
    ทางเลือกในการลงทุนและความเสี่ยง ไม่ว่าจะออมเงินมากเท่าใด หากไม่นำเงินก้อนนั้นไปลงทุนอย่างเหมาะสมแล้ว ความมั่นคงด้านการเงินของครอบครัวก็เกิดขึ้นไม่ได้ การลงทุนที่ชาญฉลาดจะก่อให้เกิดรายได้ขึ้นอีกทางหนึ่งโดยไม่ต้องออกแรงควบคู่ไปกับการทำงานตามปกติ และเมื่อมี “เงินลูก” เกิดขึ้นจากการลงทุนแล้ว ก็สามารถนำมันไปลงทุนต่ออีกให้งอกเงยต่อไปเป็น “เงินหลาน” “เงินเหลน” และต่อเนื่องได้อีกยาวนาน
    .
    ตัวอย่างเช่น เมื่อได้รับผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยเงินฝาก (เงินลูก) ก็สามารถเอาดอกเบี้ยไปซื้อหุ้น ผ่อนซื้ออสังหาริมทรัพย์ให้คนเช่า และได้รับผลตอบแทน (เงินหลาน) และเมื่องอกเงยขึ้นมาอีก ก็สามารถนำไปลงทุนต่อไปได้ไม่รู้จบ ผลตอบแทนทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ล้วนมีที่มาจาก “ต้นน้ำ” คือเงินออมแต่แรกทั้งสิ้น ถ้าปราศจากเสียซึ่งความสามารถในการสร้างเงินออมของครอบครัวแล้ว ผลตอบแทนทั้งหมดที่กล่าวมานี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย
    .
    อย่างไรก็ดี การลงทุนอาจไม่ก่อให้เกิดผลตอบแทนได้สมหวัง เพราะมีสิ่งที่เรียกว่าความเสี่ยงเกี่ยวพันอยู่ด้วยเสมอในการลงทุน ความเสี่ยงแบ่งออกได้เป็นสองประเภทใหญ่ๆคือ ความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยมหภาคหรือระดับประเทศ และความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยจุลภาคหรือระดับย่อย
    .
    ความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยระดับประเทศมีผลกระทบต่อทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้ลงทุนหรือไม่ใช่ ความเสี่ยงดังกล่าว ได้แก่ ความเสี่ยงที่เกิดจากอำนาจซื้อลดลงอันเนื่องมาจากเงินเฟ้อ (เมื่อของมีราคาสูงขึ้น เงินเท่าเดิมซื้อของได้จำนวนน้อยลง) ทำให้ดอกผลจากการลงทุนมีค่าแท้จริงน้อยลง และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหรือนโยบายของรัฐบาล จนอาจทำให้การลงทุนเท่านโยบายเก่า
    .
    ความเสี่ยงอันเกิดจากความผันแปรของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจนทำให้เกิดความเสียหาย เช่น การลดค่าเงินบาท (เงินตราต่างประเทศมีราคาสูงชึ้น) ทำให้ภาระหนี้ที่กู้จากต่างประเทศในรูปเงินบาทสูงขึ้น ก็เป็นความเสี่ยงที่ต้องคำนึงถึงเช่นกัน
    .
    นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยระดับประเทศอีกแบบหนึ่งคือ ความเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อตัวผู้ลงทุนเองเท่านั้น ได้แก่ (1) ความเสี่ยงอันเกิดจากการแปรผันของอัตราดอกเบี้ยจนทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการสูงขึ้นและอาจได้รับผลตอบแทนต่ำลง (2) ความเสี่ยงอันเกิดจากความรู้สึกของผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงไปจนทำให้ราคาหุ้นตก ถึงแม้ว่าปัจจัยพื้นฐานของหลักทรัพย์มิได้เปลี่ยนแปลงเลยก็ตาม (3) ความเสี่ยงอันเกิดจากการปั่นหุ้น ซึ่งอาจมีผลกระทบทำให้หุ้นตัวอื่นมีราคาลดลง ในขณะที่หุ้นตัวที่ปั่นราคาพุ่งขึ้นอย่างน่าตกใจ จนอาจนำไปสู่การขาดศรัทธาต่อตลาดหุ้นโดยรวม และพากันล่มจมไปด้วยกันในที่สุด
    .
    สำหรับความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยระดับย่อย เป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากภายในหรือเป็นการเฉพาะสำหรับธุรกิจนั้น โดยผู้ลงทุนอาจหลีกเลี่ยงได้ หากเลือกสรรการลงทุนที่ดี ความเสี่ยงชนิดนี้ได้แก่ ความเสี่ยงที่เกิดจากบริษัทนั้นๆเอง เช่น ขาดความสามารถในการบริหารจัดการ ฐานะการเงินไม่เข้มแข็ง ผู้บริหารฉ้อโกง เป็นต้น และความเสี่ยงที่เกิดจากลักษณะของธุรกิจหรืออุตสาหกรรมนั้นๆ ซึ่งอาจเปราะบางเพราะธรรมชาติของตัวมันเอง เช่น อุตสาหกรรมที่อาศัยทรัพยากรจำกัด เมื่อวัตถุดิบหมด โอกาสทางธุรกิจห็หายไป เช่น เหมืองแร่ ป่าไม้ หรืออุตสาหกรรมที่ราคาขึ้นลงตามวงจรราคาตลาดโลก เช่นน้ำตาล เป็นต้น.
    .
    ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่มีความเสี่ยง การลงทุนทุกอย่างเสี่ยงมากเสี่ยงน้อยต่างกัน อยู่ที่ว่าผู้ลงทุนเข้าใจความเสี่ยงของการลงทุนแต่ละอย่างมากน้อยเพียงใด และยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับใด การลงทุนต่อไปนี้ให้ผลตอบแทนและความเสี่ยงในระดับที่แตกต่างกัน ไว้บทหน้าจะมาเล่าให้ฟังครับ
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 8 ทางเลือกในการลงทุนและความเสี่ยง (1) . ทางเลือกในการลงทุนและความเสี่ยง ไม่ว่าจะออมเงินมากเท่าใด หากไม่นำเงินก้อนนั้นไปลงทุนอย่างเหมาะสมแล้ว ความมั่นคงด้านการเงินของครอบครัวก็เกิดขึ้นไม่ได้ การลงทุนที่ชาญฉลาดจะก่อให้เกิดรายได้ขึ้นอีกทางหนึ่งโดยไม่ต้องออกแรงควบคู่ไปกับการทำงานตามปกติ และเมื่อมี “เงินลูก” เกิดขึ้นจากการลงทุนแล้ว ก็สามารถนำมันไปลงทุนต่ออีกให้งอกเงยต่อไปเป็น “เงินหลาน” “เงินเหลน” และต่อเนื่องได้อีกยาวนาน . ตัวอย่างเช่น เมื่อได้รับผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยเงินฝาก (เงินลูก) ก็สามารถเอาดอกเบี้ยไปซื้อหุ้น ผ่อนซื้ออสังหาริมทรัพย์ให้คนเช่า และได้รับผลตอบแทน (เงินหลาน) และเมื่องอกเงยขึ้นมาอีก ก็สามารถนำไปลงทุนต่อไปได้ไม่รู้จบ ผลตอบแทนทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ล้วนมีที่มาจาก “ต้นน้ำ” คือเงินออมแต่แรกทั้งสิ้น ถ้าปราศจากเสียซึ่งความสามารถในการสร้างเงินออมของครอบครัวแล้ว ผลตอบแทนทั้งหมดที่กล่าวมานี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย . อย่างไรก็ดี การลงทุนอาจไม่ก่อให้เกิดผลตอบแทนได้สมหวัง เพราะมีสิ่งที่เรียกว่าความเสี่ยงเกี่ยวพันอยู่ด้วยเสมอในการลงทุน ความเสี่ยงแบ่งออกได้เป็นสองประเภทใหญ่ๆคือ ความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยมหภาคหรือระดับประเทศ และความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยจุลภาคหรือระดับย่อย . ความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยระดับประเทศมีผลกระทบต่อทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้ลงทุนหรือไม่ใช่ ความเสี่ยงดังกล่าว ได้แก่ ความเสี่ยงที่เกิดจากอำนาจซื้อลดลงอันเนื่องมาจากเงินเฟ้อ (เมื่อของมีราคาสูงขึ้น เงินเท่าเดิมซื้อของได้จำนวนน้อยลง) ทำให้ดอกผลจากการลงทุนมีค่าแท้จริงน้อยลง และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหรือนโยบายของรัฐบาล จนอาจทำให้การลงทุนเท่านโยบายเก่า . ความเสี่ยงอันเกิดจากความผันแปรของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจนทำให้เกิดความเสียหาย เช่น การลดค่าเงินบาท (เงินตราต่างประเทศมีราคาสูงชึ้น) ทำให้ภาระหนี้ที่กู้จากต่างประเทศในรูปเงินบาทสูงขึ้น ก็เป็นความเสี่ยงที่ต้องคำนึงถึงเช่นกัน . นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยระดับประเทศอีกแบบหนึ่งคือ ความเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อตัวผู้ลงทุนเองเท่านั้น ได้แก่ (1) ความเสี่ยงอันเกิดจากการแปรผันของอัตราดอกเบี้ยจนทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการสูงขึ้นและอาจได้รับผลตอบแทนต่ำลง (2) ความเสี่ยงอันเกิดจากความรู้สึกของผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงไปจนทำให้ราคาหุ้นตก ถึงแม้ว่าปัจจัยพื้นฐานของหลักทรัพย์มิได้เปลี่ยนแปลงเลยก็ตาม (3) ความเสี่ยงอันเกิดจากการปั่นหุ้น ซึ่งอาจมีผลกระทบทำให้หุ้นตัวอื่นมีราคาลดลง ในขณะที่หุ้นตัวที่ปั่นราคาพุ่งขึ้นอย่างน่าตกใจ จนอาจนำไปสู่การขาดศรัทธาต่อตลาดหุ้นโดยรวม และพากันล่มจมไปด้วยกันในที่สุด . สำหรับความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยระดับย่อย เป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากภายในหรือเป็นการเฉพาะสำหรับธุรกิจนั้น โดยผู้ลงทุนอาจหลีกเลี่ยงได้ หากเลือกสรรการลงทุนที่ดี ความเสี่ยงชนิดนี้ได้แก่ ความเสี่ยงที่เกิดจากบริษัทนั้นๆเอง เช่น ขาดความสามารถในการบริหารจัดการ ฐานะการเงินไม่เข้มแข็ง ผู้บริหารฉ้อโกง เป็นต้น และความเสี่ยงที่เกิดจากลักษณะของธุรกิจหรืออุตสาหกรรมนั้นๆ ซึ่งอาจเปราะบางเพราะธรรมชาติของตัวมันเอง เช่น อุตสาหกรรมที่อาศัยทรัพยากรจำกัด เมื่อวัตถุดิบหมด โอกาสทางธุรกิจห็หายไป เช่น เหมืองแร่ ป่าไม้ หรืออุตสาหกรรมที่ราคาขึ้นลงตามวงจรราคาตลาดโลก เช่นน้ำตาล เป็นต้น. . ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่มีความเสี่ยง การลงทุนทุกอย่างเสี่ยงมากเสี่ยงน้อยต่างกัน อยู่ที่ว่าผู้ลงทุนเข้าใจความเสี่ยงของการลงทุนแต่ละอย่างมากน้อยเพียงใด และยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับใด การลงทุนต่อไปนี้ให้ผลตอบแทนและความเสี่ยงในระดับที่แตกต่างกัน ไว้บทหน้าจะมาเล่าให้ฟังครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 7 การสร้างความมั่นคงด้านการเงินแก่ครอบครัว
    .
    ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อแม่และการเป็นครอบครัวที่อบอุ่นโยงใยกับการจัดการเรื่องการเงินอย่างไม่อ่จหลีกเลี่ยงได้ การที่คนสองคนมาร่วมชีวิตกันและมีลูก คือทางเลือกของชีวิตที่ทั้งสองได้ตัดสินใจแล้ว ดังนั้นจึงต้องร่วมกันรับผิดชอบให้ครอบครัวมีความสุข มีความเป็นปึกแผ่นด้านการเงิน ซึ่งจะนำไปสู่ความมั่นคงของทุกๆคนในครอบครัว
    .
    ในเบื้องแรก สามีภรรยาต้องพูดจาตกลงกันให้ชัดเจนเกี่ยวกับการจัดการเงินทองของครอบครัว เช่น จะรวมกระเป๋าและแยกกระเป๋ากันอย่างไร ค่าใช้จ่ายของครอบครัวจะรับผิดชอบกันอย่างไร ข้อพิจารณาในเรื่องนี้มีดังนี้
    .
    การตัดสินใจทางการเงินของพ่อแม่จะต้องเป็นหน่วยเดียวกัน การซื้อสิ่งของที่มีราคาสูงและผูกมัดทางการเงินของครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการซื้อรถยนต์ ซื้อบ้าน ซื้อที่ดิน ลงทุนธุรกิจ ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ จะต้องมีการปรึกษาหารือ และตัดสินใจร่วมกันเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายทราบถึงภาระผูกพันที่จะเกิดขึ้น
    .
    การใช้จ่ายที่ต่างคนต่างทำ เช่น การใช้บัตรเครดิต การเล่นหุ้น เล่นแชร์ การร่วมลงทุนกับผู้อื่น ควรให้แต่ละฝ่ายได้รับรู้ เพราะเป็นบุคคลเดียวกันตามกฏหมาย (ในกรณีจดทะเบียนสมรส) ทั้งพ่อและแม่ต้องรับรู้ข้อมูลและรับผิดชอบสถานะการเงินของครอบครัวร่วมกัน ถ้าฝ่ายหนึ่งใช้เงินอย่างเดียวโดยไม่ยอมรับรู้เรื่องรายได้ ไม่ยอมหรือไม่ร่วมปรึกษาหารือในการวางแผนการเงินของครอบครัว ความมั่นคงทางการเงินของครอบครัวก็เกิดขึ้นไม่ได้
    .
    การวางแผนการเงินของครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญที่พ่อแม่จะต้องจัดไว้ในลำดับสำคัญสูงสุด การจดบันทึกข้อมูลการใช้จ่ายในแต่ละเดือนจะทำให้เห็นภาพรวมของการใช้จ่าย ซึ่งจะเป็นปัจจัยนำไปสู่ความสามารถในการออมของครอบครัว ในการสร้างความมั้นคงด้านการเงินให้แก่ครอบครัว ประเด็นที่พึงพิจารณามีดังต่อไปนี้
    .
    1.ความมั่งคั่งและการมีรายได้ต่อช่วงเวลานั้นแตกต่างกัน ถ้าเปรียบเงินเหมือนน้ำที่อยู่ในถัง รายได้เสมือนน้ำที่ไหลออกจากก้นถังในช่วงเวลาหนึ่ง ถ้าน้ำไหลเข้าถังมากกว่าน้ำที่ไหลออก ปริมาณน้ำในถังที่ได้สะสมมาก่อนหน้า ก็จะมากขึ้น แต่ถ้าน้ำไหลออกจากถังในช่วงเวลาหนึ่งมากกว่าน้ำไหลเข้า ดังนั้น ปริมาณน้ำในถังที่สะสมมาก่อนหน้าก็จะลดลง ความมั่งคั่งก็คือปริมาณน้ำที่อยู่ในถัง ส่วนรายได้ก็คือปริมาณน้ำที่ไหลเข้าถึงในช่วงเวลานั้น
    .
    ความมั่งคั่งวัด ณ จุดหนึ่งของเวลา ส่วนการมีรายได้เป็นการวัดต่อช่วงเวลา เช่น บ้านมีมูลค่า 3 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวามคม 2568 เป็นความมั่งคั่ง ส่วนรายได้ 5 หมื่นบาทต่อเดือนเป็นการมีรายได้
    .
    สองสิ่งนี้แตกต่างกัน ความมั่งคั่งมีนัยผูกพันกับอนาคตที่จะมีรายได้ให้ใช้ ส่วนการมีรายได้นั้นมีนัยผูกพันกับช่วงเวลาสั้นๆ บางครอบครัวอาจมีรายได้ต่อเดือนมาก แต่อาจไม่มีความมั่งคั่งก็เป็นได้ กล่าวคือ ถึงมีรายได้มากก็ใช้ไปจนหมด ไม่เหลือไว้สร้างความมั่งคั่งซึ่งจะทำให้มีรายได้เพิ่มเติมอีกเลยในอนาคต
    .
    การสร้างความมั่งคั่งของครอบครัวต้องเน้นไปที่การสะสมความมั่งคั่งในระยะยาว ในแต่ละเดือนจะต้องมีรายได้มากกว่าการใช้จ่าย ซึงหมายถึงมีเงินออมนั่นเอง จึงจะทำให้ความมั่งคั่งเพิ่มพูนขึ้นได้ และความมั่งคั่งนี้จะเป็นฐานของการหารายได้เพิ่มเติมอีกทางหนึ่งสำหรับครอบครัวนอกเหนือจากการออกแรงทำงาน
    .
    2.การใช้จ่ายเงินอย่างชาญฉลาด สอดคล้องกับเงินในกระเป๋าเป็นเรื่องสำคัญ สุภาษิต “การหาเงินเป็นเรื่องสำคัญ แต่การรู้จักใช้เงินนั้นสำคัญกว่า” เป็นจริงทุกยุคสมัย..... พ่อแม่จำนวนมากทำงานหนักหาเงินเพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่ครอบครัวโดยมีต้นทุนที่ต้องจ่าย นั่นคือมีเวลาให้ลูกน้อยลง ทำให้ความเอาใจใส่และผูกพันกับลูกลดลงน้อยลงไปด้วย
    .
    พ่อแม่เหล่านี้ มักเน้นการหารายได้แต่เพียงอย่างเดียวจนละเลยความสำคัญของการใช้จ่าย รายได้ส่วนหนึ่งมักถูกนำไปใช้จ่ายเพื่อชดเชยที่ใกล้ชิดลูกน้อยลง จนอาจทำให้เงินออมขนาดใหญ่ในแต่ละเดือนเกิดขึ้นไม่ได้ ดังนั้น การทุ่มเทหาเงินทองในกรณีนี้จึงไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ครอบครัวมากดังที่เข้าใจ หรือคาดหวัง บางครอบครัวกว่าจะรู้ตัวว่าไม่คุ้มก็ต่อเมื่อได้สูญเสียความใกล้ชิดผูกพันในครอบครัวหรือสูญเสียลูกไปแล้ว
    .
    การทำงานหนักเพื่อหาเงินและใช้จ่ายเงินเพื่อดำรงชีพและหาความสุขไม่ใช่เรื่องเสียหาย เช่นเดียวกับการมีบัตรเครดิตและการกู้ยืม ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นบริการด้านการเงินที่มีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตและช่วยให้บรรลุความต้องการในชีวิต ประเด็นสำคัญอยู่ที่ความเหมาะสมระหว่างสถานะทางการเงินของครอบครัวกับหนี้ที่ก่อขึ้น
    .
    3.จะไม่กู้เงินเพื่อสิ่งอื่นใด นอกจากที่อยู่อาศัย การศึกษา หรือเหตุฉุกเฉินด้านปัญหาสุขภาพ นี่คือความเชื่ออย่างนึงของคนในโลกตะวันตก ที่เข้าใจเรื่องการใช้เงินมายาวนานกว่าคนเอเชีย
    .
    การมีที่อยู่อาศัยของตนเอง เป็นพื้นฐานของความมั่งคงในชีวิต นักจิตวิทยาบอกว่า ลึกเข้าไปในใจของมนุษย์ทุกคน บ้านคือตัวแทนของแม่ เพราะบ้านป้องกัน แสงแดด ลมฝน และความหนาวเย็น ก่อให้เกิดความสุขสบายปลอดภัย เฉกเช่นเดียวกับครรภ์มารดา
    .
    การที่ครอบครัวจะมีบ้านเป็นของตนเองนั้นควรเป็นเป้าหมายแรกของพ่อแม่ เพราะทำให้ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน ซึ่งค่าเช่านี้อาจแปรเปลี่ยนเป็นเงินผ่อนซื้อบ้านในแต่ละเดือนได้ หากมีการกู้ยืมเพื่อผ่อนซื้อบ้านหลังเดียวกันนี้ ผู้จ่ายค่าเช่าทุกเดือนไม่มีความหวังว่าจะได้เป็นเจ้าของบ้านในวันข้างหน้า ซึ่งต่างจากผู้ซื้อบ้านที่มีโอกาสในวันข้างหน้าที่จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการอยู่อาศัยอีก เนื่องจากเป็นเจ้าของบ้านเอง นอกจากนี้ภายใต้กฏหมายไทย ไม่อาจใช้ค่าเช่าบ้านเป็นค่าลดหย่อนสำหรับการเสียถาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี แต่ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อผ่อนซื้อบ้านสามารถหักเป็นค่าลดหย่อนได้ไม่เกิน 50,000 บาท
    .
    อย่างไรก็ดี การผ่อนซื้อบ้านเป็นภาระการเงินที่หนักหน่วง เพราะไม่เพียงแต่ต้องจ่ายเงินผ่อนชำระทุกเดือนเท่านั้น ยังมีระยะเวลาผูกพันอันยาวนานเกี่ยวข้องอีกด้วย การผ่อนบ้านจึงเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญของครอบครัว ซึ่งต้องคำนึงถึงราคาบ้าน ความสามารถในการผ่อนชำระแต่ละเดือน อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันและอนาคต ความแน่นอนของรายได้ ระยะเวลาแห่งการผูกมัด ศักยภาพการเพิ่มขึ้นของมูลค่าบ้าน ตลอดจน “ความแพง” ของบ้านในภาพรวม
    .
    ยกตัวอย่าง “ความแพง” ของบ้านเพื่อประกอบการพิจารณา : ถ้ากู้เงินซื้อบ้านราคา 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ผ่อนชำระ 10 ปี ต้องชำระเดือนละ 1,322 บาท ดังนั้นต้องจ่ายเงินรวมทั้งสิ้น 158,640 บาท สำหรับบ้านราคา 100,000 บาท (ถ้าผ่อนส่ง 20 ปี ต้องจ่ายรวมทั้งสิ้น 316,080 บาท สำหรับบ้านราคา 100,000 บาท)
    .
    ถ้ากู้เงินซื้อบ้านราคา 5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ผ่อนส่ง 10 ปี ต้องชำระเดือนละ 66,100 บาท ดังนั้นต้องจ่ายรวมทั้งสิ้น 7.93 ล้านบาท และถ้าผ่อนส่ง 15 ปี ต้องชำระเดือนละ 53,750 บาท ดังนั้นต้องจ่ายรวมทั้งสิ้นประมาณ 9.68 ล้านบาท หรืออีกเกือบหนึ่งเท่าของราคาบ้าน
    .
    ถึงแม้การกู้ยืมจะทำให้บ้าน “แพง” ขึ้นมาก แต่ก็ทำให้สามารถมีบ้านอยู่อาศัยที่เป็นของตนเองในอนาคต และมูลค่าบ้านก็อาจเพิ่มขึ้นอีกด้วย ดังนั้นจึงควรใคร่ครวญทั้งในด้าน “ความแพง” อันเกิดจากดอกเบี้ย ความมีคุณค่าของบ้านในปัจจุบันและมูลค่าบ้านในอนาคตประกอบกัน
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 7 การสร้างความมั่นคงด้านการเงินแก่ครอบครัว . ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อแม่และการเป็นครอบครัวที่อบอุ่นโยงใยกับการจัดการเรื่องการเงินอย่างไม่อ่จหลีกเลี่ยงได้ การที่คนสองคนมาร่วมชีวิตกันและมีลูก คือทางเลือกของชีวิตที่ทั้งสองได้ตัดสินใจแล้ว ดังนั้นจึงต้องร่วมกันรับผิดชอบให้ครอบครัวมีความสุข มีความเป็นปึกแผ่นด้านการเงิน ซึ่งจะนำไปสู่ความมั่นคงของทุกๆคนในครอบครัว . ในเบื้องแรก สามีภรรยาต้องพูดจาตกลงกันให้ชัดเจนเกี่ยวกับการจัดการเงินทองของครอบครัว เช่น จะรวมกระเป๋าและแยกกระเป๋ากันอย่างไร ค่าใช้จ่ายของครอบครัวจะรับผิดชอบกันอย่างไร ข้อพิจารณาในเรื่องนี้มีดังนี้ . การตัดสินใจทางการเงินของพ่อแม่จะต้องเป็นหน่วยเดียวกัน การซื้อสิ่งของที่มีราคาสูงและผูกมัดทางการเงินของครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการซื้อรถยนต์ ซื้อบ้าน ซื้อที่ดิน ลงทุนธุรกิจ ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ จะต้องมีการปรึกษาหารือ และตัดสินใจร่วมกันเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายทราบถึงภาระผูกพันที่จะเกิดขึ้น . การใช้จ่ายที่ต่างคนต่างทำ เช่น การใช้บัตรเครดิต การเล่นหุ้น เล่นแชร์ การร่วมลงทุนกับผู้อื่น ควรให้แต่ละฝ่ายได้รับรู้ เพราะเป็นบุคคลเดียวกันตามกฏหมาย (ในกรณีจดทะเบียนสมรส) ทั้งพ่อและแม่ต้องรับรู้ข้อมูลและรับผิดชอบสถานะการเงินของครอบครัวร่วมกัน ถ้าฝ่ายหนึ่งใช้เงินอย่างเดียวโดยไม่ยอมรับรู้เรื่องรายได้ ไม่ยอมหรือไม่ร่วมปรึกษาหารือในการวางแผนการเงินของครอบครัว ความมั่นคงทางการเงินของครอบครัวก็เกิดขึ้นไม่ได้ . การวางแผนการเงินของครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญที่พ่อแม่จะต้องจัดไว้ในลำดับสำคัญสูงสุด การจดบันทึกข้อมูลการใช้จ่ายในแต่ละเดือนจะทำให้เห็นภาพรวมของการใช้จ่าย ซึ่งจะเป็นปัจจัยนำไปสู่ความสามารถในการออมของครอบครัว ในการสร้างความมั้นคงด้านการเงินให้แก่ครอบครัว ประเด็นที่พึงพิจารณามีดังต่อไปนี้ . 1.ความมั่งคั่งและการมีรายได้ต่อช่วงเวลานั้นแตกต่างกัน ถ้าเปรียบเงินเหมือนน้ำที่อยู่ในถัง รายได้เสมือนน้ำที่ไหลออกจากก้นถังในช่วงเวลาหนึ่ง ถ้าน้ำไหลเข้าถังมากกว่าน้ำที่ไหลออก ปริมาณน้ำในถังที่ได้สะสมมาก่อนหน้า ก็จะมากขึ้น แต่ถ้าน้ำไหลออกจากถังในช่วงเวลาหนึ่งมากกว่าน้ำไหลเข้า ดังนั้น ปริมาณน้ำในถังที่สะสมมาก่อนหน้าก็จะลดลง ความมั่งคั่งก็คือปริมาณน้ำที่อยู่ในถัง ส่วนรายได้ก็คือปริมาณน้ำที่ไหลเข้าถึงในช่วงเวลานั้น . ความมั่งคั่งวัด ณ จุดหนึ่งของเวลา ส่วนการมีรายได้เป็นการวัดต่อช่วงเวลา เช่น บ้านมีมูลค่า 3 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวามคม 2568 เป็นความมั่งคั่ง ส่วนรายได้ 5 หมื่นบาทต่อเดือนเป็นการมีรายได้ . สองสิ่งนี้แตกต่างกัน ความมั่งคั่งมีนัยผูกพันกับอนาคตที่จะมีรายได้ให้ใช้ ส่วนการมีรายได้นั้นมีนัยผูกพันกับช่วงเวลาสั้นๆ บางครอบครัวอาจมีรายได้ต่อเดือนมาก แต่อาจไม่มีความมั่งคั่งก็เป็นได้ กล่าวคือ ถึงมีรายได้มากก็ใช้ไปจนหมด ไม่เหลือไว้สร้างความมั่งคั่งซึ่งจะทำให้มีรายได้เพิ่มเติมอีกเลยในอนาคต . การสร้างความมั่งคั่งของครอบครัวต้องเน้นไปที่การสะสมความมั่งคั่งในระยะยาว ในแต่ละเดือนจะต้องมีรายได้มากกว่าการใช้จ่าย ซึงหมายถึงมีเงินออมนั่นเอง จึงจะทำให้ความมั่งคั่งเพิ่มพูนขึ้นได้ และความมั่งคั่งนี้จะเป็นฐานของการหารายได้เพิ่มเติมอีกทางหนึ่งสำหรับครอบครัวนอกเหนือจากการออกแรงทำงาน . 2.การใช้จ่ายเงินอย่างชาญฉลาด สอดคล้องกับเงินในกระเป๋าเป็นเรื่องสำคัญ สุภาษิต “การหาเงินเป็นเรื่องสำคัญ แต่การรู้จักใช้เงินนั้นสำคัญกว่า” เป็นจริงทุกยุคสมัย..... พ่อแม่จำนวนมากทำงานหนักหาเงินเพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่ครอบครัวโดยมีต้นทุนที่ต้องจ่าย นั่นคือมีเวลาให้ลูกน้อยลง ทำให้ความเอาใจใส่และผูกพันกับลูกลดลงน้อยลงไปด้วย . พ่อแม่เหล่านี้ มักเน้นการหารายได้แต่เพียงอย่างเดียวจนละเลยความสำคัญของการใช้จ่าย รายได้ส่วนหนึ่งมักถูกนำไปใช้จ่ายเพื่อชดเชยที่ใกล้ชิดลูกน้อยลง จนอาจทำให้เงินออมขนาดใหญ่ในแต่ละเดือนเกิดขึ้นไม่ได้ ดังนั้น การทุ่มเทหาเงินทองในกรณีนี้จึงไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ครอบครัวมากดังที่เข้าใจ หรือคาดหวัง บางครอบครัวกว่าจะรู้ตัวว่าไม่คุ้มก็ต่อเมื่อได้สูญเสียความใกล้ชิดผูกพันในครอบครัวหรือสูญเสียลูกไปแล้ว . การทำงานหนักเพื่อหาเงินและใช้จ่ายเงินเพื่อดำรงชีพและหาความสุขไม่ใช่เรื่องเสียหาย เช่นเดียวกับการมีบัตรเครดิตและการกู้ยืม ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นบริการด้านการเงินที่มีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตและช่วยให้บรรลุความต้องการในชีวิต ประเด็นสำคัญอยู่ที่ความเหมาะสมระหว่างสถานะทางการเงินของครอบครัวกับหนี้ที่ก่อขึ้น . 3.จะไม่กู้เงินเพื่อสิ่งอื่นใด นอกจากที่อยู่อาศัย การศึกษา หรือเหตุฉุกเฉินด้านปัญหาสุขภาพ นี่คือความเชื่ออย่างนึงของคนในโลกตะวันตก ที่เข้าใจเรื่องการใช้เงินมายาวนานกว่าคนเอเชีย . การมีที่อยู่อาศัยของตนเอง เป็นพื้นฐานของความมั่งคงในชีวิต นักจิตวิทยาบอกว่า ลึกเข้าไปในใจของมนุษย์ทุกคน บ้านคือตัวแทนของแม่ เพราะบ้านป้องกัน แสงแดด ลมฝน และความหนาวเย็น ก่อให้เกิดความสุขสบายปลอดภัย เฉกเช่นเดียวกับครรภ์มารดา . การที่ครอบครัวจะมีบ้านเป็นของตนเองนั้นควรเป็นเป้าหมายแรกของพ่อแม่ เพราะทำให้ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน ซึ่งค่าเช่านี้อาจแปรเปลี่ยนเป็นเงินผ่อนซื้อบ้านในแต่ละเดือนได้ หากมีการกู้ยืมเพื่อผ่อนซื้อบ้านหลังเดียวกันนี้ ผู้จ่ายค่าเช่าทุกเดือนไม่มีความหวังว่าจะได้เป็นเจ้าของบ้านในวันข้างหน้า ซึ่งต่างจากผู้ซื้อบ้านที่มีโอกาสในวันข้างหน้าที่จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการอยู่อาศัยอีก เนื่องจากเป็นเจ้าของบ้านเอง นอกจากนี้ภายใต้กฏหมายไทย ไม่อาจใช้ค่าเช่าบ้านเป็นค่าลดหย่อนสำหรับการเสียถาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี แต่ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อผ่อนซื้อบ้านสามารถหักเป็นค่าลดหย่อนได้ไม่เกิน 50,000 บาท . อย่างไรก็ดี การผ่อนซื้อบ้านเป็นภาระการเงินที่หนักหน่วง เพราะไม่เพียงแต่ต้องจ่ายเงินผ่อนชำระทุกเดือนเท่านั้น ยังมีระยะเวลาผูกพันอันยาวนานเกี่ยวข้องอีกด้วย การผ่อนบ้านจึงเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญของครอบครัว ซึ่งต้องคำนึงถึงราคาบ้าน ความสามารถในการผ่อนชำระแต่ละเดือน อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันและอนาคต ความแน่นอนของรายได้ ระยะเวลาแห่งการผูกมัด ศักยภาพการเพิ่มขึ้นของมูลค่าบ้าน ตลอดจน “ความแพง” ของบ้านในภาพรวม . ยกตัวอย่าง “ความแพง” ของบ้านเพื่อประกอบการพิจารณา : ถ้ากู้เงินซื้อบ้านราคา 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ผ่อนชำระ 10 ปี ต้องชำระเดือนละ 1,322 บาท ดังนั้นต้องจ่ายเงินรวมทั้งสิ้น 158,640 บาท สำหรับบ้านราคา 100,000 บาท (ถ้าผ่อนส่ง 20 ปี ต้องจ่ายรวมทั้งสิ้น 316,080 บาท สำหรับบ้านราคา 100,000 บาท) . ถ้ากู้เงินซื้อบ้านราคา 5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ผ่อนส่ง 10 ปี ต้องชำระเดือนละ 66,100 บาท ดังนั้นต้องจ่ายรวมทั้งสิ้น 7.93 ล้านบาท และถ้าผ่อนส่ง 15 ปี ต้องชำระเดือนละ 53,750 บาท ดังนั้นต้องจ่ายรวมทั้งสิ้นประมาณ 9.68 ล้านบาท หรืออีกเกือบหนึ่งเท่าของราคาบ้าน . ถึงแม้การกู้ยืมจะทำให้บ้าน “แพง” ขึ้นมาก แต่ก็ทำให้สามารถมีบ้านอยู่อาศัยที่เป็นของตนเองในอนาคต และมูลค่าบ้านก็อาจเพิ่มขึ้นอีกด้วย ดังนั้นจึงควรใคร่ครวญทั้งในด้าน “ความแพง” อันเกิดจากดอกเบี้ย ความมีคุณค่าของบ้านในปัจจุบันและมูลค่าบ้านในอนาคตประกอบกัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 284 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel กำลังพัฒนา Griffin Cove ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรม CPU รุ่นใหม่ที่ต่อยอดจาก Cougar Cove และจะถูกนำมาใช้ใน Razer Lake โดยมีแนวโน้มว่า Intel จะเปลี่ยนกลยุทธ์การออกแบบ CPU ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น

    ✅ Intel ยืนยันว่ากำลังพัฒนา Griffin Cove
    - Griffin Cove เป็นสถาปัตยกรรมที่พัฒนาต่อจาก Cougar Cove ซึ่งจะถูกใช้ใน Panther Lake
    - Intel กำลังทำงานล่วงหน้าไปถึง สามรุ่น เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน

    ✅ กลยุทธ์ใหม่ของ Intel ในการออกแบบ CPU
    - Intel เปลี่ยนไปใช้แนวทาง "Process Node Agnostic" ซึ่งช่วยให้สามารถเลือกกระบวนการผลิตที่เหมาะสมที่สุด
    - บริษัทสามารถใช้ ทั้ง IFS และ TSMC ในการผลิต CPU เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น

    ✅ ผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาด CPU
    - Intel กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจาก AMD โดยเฉพาะหลังจากเปิดตัว Zen 6
    - การเปลี่ยนกลยุทธ์อาจช่วยให้ Intel สามารถกลับมาแข่งขันได้ดีขึ้น

    ✅ แนวโน้มของ Razer Lake และอนาคตของ Intel
    - มีข่าวลือว่า Razer Lake อาจใช้ เฉพาะ P-Core ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
    - Intel กำลังพัฒนา CPU บน หลายกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ ผลกระทบต่อการผลิต CPU
    - การใช้หลายกระบวนการผลิตอาจทำให้เกิดความซับซ้อนในการจัดการซัพพลายเชน
    - ต้องติดตามว่า Intel จะสามารถรักษาคุณภาพและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ได้หรือไม่

    ℹ️ ความท้าทายในการแข่งขันกับ AMD
    - AMD กำลังพัฒนา Zen 6 บนกระบวนการ TSMC N2 ซึ่งอาจมีประสิทธิภาพสูงกว่า
    - Intel ต้องพิสูจน์ว่า Griffin Cove สามารถแข่งขันได้ในตลาด HPC และเซิร์ฟเวอร์

    ℹ️ แนวโน้มของตลาด CPU ในปี 2025-2026
    - การแข่งขันระหว่าง Intel และ AMD อาจส่งผลต่อราคาของ CPU ระดับไฮเอนด์
    - อาจมีการเปลี่ยนแปลงในกลยุทธ์ของ Intel หาก Griffin Cove ไม่สามารถทำให้บริษัทกลับมาเป็นผู้นำตลาดได้

    https://wccftech.com/intel-engineer-reveals-development-on-griffin-cove-is-already-underway/
    Intel กำลังพัฒนา Griffin Cove ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรม CPU รุ่นใหม่ที่ต่อยอดจาก Cougar Cove และจะถูกนำมาใช้ใน Razer Lake โดยมีแนวโน้มว่า Intel จะเปลี่ยนกลยุทธ์การออกแบบ CPU ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ✅ Intel ยืนยันว่ากำลังพัฒนา Griffin Cove - Griffin Cove เป็นสถาปัตยกรรมที่พัฒนาต่อจาก Cougar Cove ซึ่งจะถูกใช้ใน Panther Lake - Intel กำลังทำงานล่วงหน้าไปถึง สามรุ่น เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน ✅ กลยุทธ์ใหม่ของ Intel ในการออกแบบ CPU - Intel เปลี่ยนไปใช้แนวทาง "Process Node Agnostic" ซึ่งช่วยให้สามารถเลือกกระบวนการผลิตที่เหมาะสมที่สุด - บริษัทสามารถใช้ ทั้ง IFS และ TSMC ในการผลิต CPU เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น ✅ ผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาด CPU - Intel กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจาก AMD โดยเฉพาะหลังจากเปิดตัว Zen 6 - การเปลี่ยนกลยุทธ์อาจช่วยให้ Intel สามารถกลับมาแข่งขันได้ดีขึ้น ✅ แนวโน้มของ Razer Lake และอนาคตของ Intel - มีข่าวลือว่า Razer Lake อาจใช้ เฉพาะ P-Core ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ - Intel กำลังพัฒนา CPU บน หลายกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ผลกระทบต่อการผลิต CPU - การใช้หลายกระบวนการผลิตอาจทำให้เกิดความซับซ้อนในการจัดการซัพพลายเชน - ต้องติดตามว่า Intel จะสามารถรักษาคุณภาพและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ได้หรือไม่ ℹ️ ความท้าทายในการแข่งขันกับ AMD - AMD กำลังพัฒนา Zen 6 บนกระบวนการ TSMC N2 ซึ่งอาจมีประสิทธิภาพสูงกว่า - Intel ต้องพิสูจน์ว่า Griffin Cove สามารถแข่งขันได้ในตลาด HPC และเซิร์ฟเวอร์ ℹ️ แนวโน้มของตลาด CPU ในปี 2025-2026 - การแข่งขันระหว่าง Intel และ AMD อาจส่งผลต่อราคาของ CPU ระดับไฮเอนด์ - อาจมีการเปลี่ยนแปลงในกลยุทธ์ของ Intel หาก Griffin Cove ไม่สามารถทำให้บริษัทกลับมาเป็นผู้นำตลาดได้ https://wccftech.com/intel-engineer-reveals-development-on-griffin-cove-is-already-underway/
    WCCFTECH.COM
    Intel Engineer Reveals "Griffin Cove" Development Is Already Underway; Says Relying On Intel's Nodes Alone "Got Them Into Trouble" In The Past
    Intel's renowned engineer has revealed that Team Blue is already working on the "great-grandchild" of Lion Cove, the Griffin Cove.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
  • Grok ซึ่งเป็นแชทบอท AI ของ xAI กำลังได้รับการอัปเกรดครั้งใหญ่ โดยเพิ่มฟีเจอร์ "Personalise with Memories" ซึ่งช่วยให้สามารถจดจำบทสนทนาและอ้างอิงข้อมูลจากการพูดคุยก่อนหน้าได้

    ✅ Grok เพิ่มระบบความจำสำหรับการสนทนา
    - ระบบความจำช่วยให้ Grok สามารถ อ้างอิงบทสนทนาเก่า เช่น การวางแผนท่องเที่ยวหรือการเขียนบทภาพยนตร์
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ Grok มีความสามารถใกล้เคียงกับ ChatGPT และ Google Gemini

    ✅ การควบคุมความจำของผู้ใช้
    - ผู้ใช้สามารถ จัดการข้อมูลที่ Grok จำได้ และลบความจำเฉพาะรายการหรือทั้งหมดได้
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยในการใช้งาน

    ✅ การพัฒนาอื่นๆ ที่กำลังจะมา
    - Grok 3.5 คาดว่าจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ และ Grok 4 จะเปิดตัวช่วงปลายปี
    - มีการพัฒนา โหมดเสียง ที่สามารถวิเคราะห์ภาพจากกล้องมือถือ
    - ฟีเจอร์ แก้ไขภาพ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถอัปโหลดรูปภาพและปรับแต่งสไตล์ได้

    ✅ Grok Workspaces: ระบบไวท์บอร์ดดิจิทัล
    - ฟีเจอร์ใหม่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ทำงานร่วมกับ Grok ในโครงการขนาดใหญ่
    - ออกแบบมาเพื่อให้ Grok เป็นผู้ช่วยที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ ความท้าทายของระบบความจำ AI
    - แม้ Grok จะสามารถจดจำข้อมูลได้ แต่ต้องมีการพัฒนาเพื่อให้สามารถใช้ข้อมูลเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    - ระบบความจำต้องมีการควบคุมเพื่อป้องกันการละเมิดความเป็นส่วนตัว

    ℹ️ การแข่งขันกับ AI อื่นๆ
    - ChatGPT และ Gemini ต่างก็มีระบบความจำที่พัฒนาไปไกลแล้ว
    - ต้องติดตามว่า Grok จะสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้หรือไม่

    ℹ️ แนวโน้มของ AI ที่มีความสามารถด้านความจำ
    - AI ที่สามารถจดจำข้อมูลและบริหารจัดการความจำได้ดีขึ้น อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรม
    - อาจมีการพัฒนา AI ที่สามารถ จดจำข้อมูลข้ามแพลตฟอร์ม เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ต่อเนื่อง

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/grok-will-start-remembering-everything-you-ask-it-to-do
    Grok ซึ่งเป็นแชทบอท AI ของ xAI กำลังได้รับการอัปเกรดครั้งใหญ่ โดยเพิ่มฟีเจอร์ "Personalise with Memories" ซึ่งช่วยให้สามารถจดจำบทสนทนาและอ้างอิงข้อมูลจากการพูดคุยก่อนหน้าได้ ✅ Grok เพิ่มระบบความจำสำหรับการสนทนา - ระบบความจำช่วยให้ Grok สามารถ อ้างอิงบทสนทนาเก่า เช่น การวางแผนท่องเที่ยวหรือการเขียนบทภาพยนตร์ - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ Grok มีความสามารถใกล้เคียงกับ ChatGPT และ Google Gemini ✅ การควบคุมความจำของผู้ใช้ - ผู้ใช้สามารถ จัดการข้อมูลที่ Grok จำได้ และลบความจำเฉพาะรายการหรือทั้งหมดได้ - ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยในการใช้งาน ✅ การพัฒนาอื่นๆ ที่กำลังจะมา - Grok 3.5 คาดว่าจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ และ Grok 4 จะเปิดตัวช่วงปลายปี - มีการพัฒนา โหมดเสียง ที่สามารถวิเคราะห์ภาพจากกล้องมือถือ - ฟีเจอร์ แก้ไขภาพ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถอัปโหลดรูปภาพและปรับแต่งสไตล์ได้ ✅ Grok Workspaces: ระบบไวท์บอร์ดดิจิทัล - ฟีเจอร์ใหม่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ทำงานร่วมกับ Grok ในโครงการขนาดใหญ่ - ออกแบบมาเพื่อให้ Grok เป็นผู้ช่วยที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ความท้าทายของระบบความจำ AI - แม้ Grok จะสามารถจดจำข้อมูลได้ แต่ต้องมีการพัฒนาเพื่อให้สามารถใช้ข้อมูลเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ - ระบบความจำต้องมีการควบคุมเพื่อป้องกันการละเมิดความเป็นส่วนตัว ℹ️ การแข่งขันกับ AI อื่นๆ - ChatGPT และ Gemini ต่างก็มีระบบความจำที่พัฒนาไปไกลแล้ว - ต้องติดตามว่า Grok จะสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้หรือไม่ ℹ️ แนวโน้มของ AI ที่มีความสามารถด้านความจำ - AI ที่สามารถจดจำข้อมูลและบริหารจัดการความจำได้ดีขึ้น อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรม - อาจมีการพัฒนา AI ที่สามารถ จดจำข้อมูลข้ามแพลตฟอร์ม เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ต่อเนื่อง https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/grok-will-start-remembering-everything-you-ask-it-to-do
    WWW.TECHRADAR.COM
    Grok may start remembering everything you ask it to do, according to new reports
    xAI doesn't want ChatGPT or Gemini to be ahead on any AI feature
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ได้ขายหุ้น 51% ของธุรกิจ FPGA Altera ให้กับ Silver Lake ในมูลค่า 4.46 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการปรับโครงสร้างธุรกิจและเพิ่มความคล่องตัวทางการเงิน

    ✅ Intel ขายหุ้นส่วนใหญ่ของ Altera ให้ Silver Lake
    - การขายหุ้นครั้งนี้ทำให้ Altera กลายเป็น บริษัท FPGA อิสระที่ใหญ่ที่สุดในโลก
    - Intel ยังคงถือหุ้น 49% และจะได้รับผลประโยชน์จากการเติบโตของ Altera

    ✅ เป้าหมายของ Altera หลังแยกตัว
    - มุ่งเน้นการพัฒนา FPGA สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์, การบิน, การสื่อสาร และ AI
    - ขยายตลาดไปยัง แพลตฟอร์มคลาวด์, ระบบ Edge และเครือข่ายไร้สายยุคใหม่

    ✅ ผลกระทบต่อ Intel
    - ลดความซับซ้อนในการดำเนินงาน และมุ่งเน้นธุรกิจหลัก เช่น CPU, GPU และการผลิตชิป
    - ปรับโครงสร้างทางการเงินเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน

    ✅ การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารของ Altera
    - Raghib Hussain จะเข้ารับตำแหน่ง CEO ของ Altera ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2025
    - เขาเคยเป็นประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของ Marvell และมีประสบการณ์ในบริษัทชั้นนำ เช่น Cisco และ Cadence

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม FPGA
    - Altera อาจต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงจาก Xilinx (AMD) และ Lattice Semiconductor
    - ต้องติดตามว่า Altera จะสามารถขยายตลาดได้เร็วแค่ไหนหลังแยกตัว

    ℹ️ แนวโน้มของ Intel หลังขายหุ้น Altera
    - Intel อาจใช้เงินจากดีลนี้เพื่อ ลงทุนในธุรกิจชิปและโรงงานผลิต
    - ต้องจับตาว่า Intel จะปรับกลยุทธ์อย่างไรเพื่อแข่งขันกับ TSMC และ Samsung

    ℹ️ ความท้าทายด้านการบริหารจัดการ
    - Silver Lake ต้องวางแผนให้ Altera เติบโตอย่างมั่นคง โดยไม่กระทบต่อความสัมพันธ์กับ Intel
    - ต้องดูว่า Altera จะสามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาด FPGA ได้หรือไม่

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/intel-sells-51-percent-of-altera-fpga-business-to-silver-lake-for-usd4-46-billion
    Intel ได้ขายหุ้น 51% ของธุรกิจ FPGA Altera ให้กับ Silver Lake ในมูลค่า 4.46 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการปรับโครงสร้างธุรกิจและเพิ่มความคล่องตัวทางการเงิน ✅ Intel ขายหุ้นส่วนใหญ่ของ Altera ให้ Silver Lake - การขายหุ้นครั้งนี้ทำให้ Altera กลายเป็น บริษัท FPGA อิสระที่ใหญ่ที่สุดในโลก - Intel ยังคงถือหุ้น 49% และจะได้รับผลประโยชน์จากการเติบโตของ Altera ✅ เป้าหมายของ Altera หลังแยกตัว - มุ่งเน้นการพัฒนา FPGA สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์, การบิน, การสื่อสาร และ AI - ขยายตลาดไปยัง แพลตฟอร์มคลาวด์, ระบบ Edge และเครือข่ายไร้สายยุคใหม่ ✅ ผลกระทบต่อ Intel - ลดความซับซ้อนในการดำเนินงาน และมุ่งเน้นธุรกิจหลัก เช่น CPU, GPU และการผลิตชิป - ปรับโครงสร้างทางการเงินเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ✅ การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารของ Altera - Raghib Hussain จะเข้ารับตำแหน่ง CEO ของ Altera ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2025 - เขาเคยเป็นประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของ Marvell และมีประสบการณ์ในบริษัทชั้นนำ เช่น Cisco และ Cadence ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม FPGA - Altera อาจต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงจาก Xilinx (AMD) และ Lattice Semiconductor - ต้องติดตามว่า Altera จะสามารถขยายตลาดได้เร็วแค่ไหนหลังแยกตัว ℹ️ แนวโน้มของ Intel หลังขายหุ้น Altera - Intel อาจใช้เงินจากดีลนี้เพื่อ ลงทุนในธุรกิจชิปและโรงงานผลิต - ต้องจับตาว่า Intel จะปรับกลยุทธ์อย่างไรเพื่อแข่งขันกับ TSMC และ Samsung ℹ️ ความท้าทายด้านการบริหารจัดการ - Silver Lake ต้องวางแผนให้ Altera เติบโตอย่างมั่นคง โดยไม่กระทบต่อความสัมพันธ์กับ Intel - ต้องดูว่า Altera จะสามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาด FPGA ได้หรือไม่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/intel-sells-51-percent-of-altera-fpga-business-to-silver-lake-for-usd4-46-billion
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
  • OpenAI ได้เปิดตัว GPT-4.1 ซึ่งเป็นโมเดล AI ใหม่ที่มีการปรับปรุงด้าน การเขียนโค้ด, การทำตามคำสั่ง และการเข้าใจบริบทที่ยาวขึ้น โดยสามารถรองรับ 1 ล้านโทเค็น และมีประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่นก่อนหน้า

    🤖 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ GPT-4.1
    ✅ GPT-4.1 มีประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่นก่อนหน้า
    - มีความสามารถในการ เข้าใจบริบทที่ยาวขึ้น และรองรับ 1 ล้านโทเค็น
    - มีการปรับปรุงด้าน การเขียนโค้ด โดยมีประสิทธิภาพสูงกว่า GPT-4o ถึง 21% และ GPT-4.5 ถึง 27%

    ✅ การพัฒนาโมเดลย่อย
    - OpenAI เปิดตัว GPT-4.1 mini และ GPT-4.1 nano ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่มีขนาดเล็กลง
    - โมเดลเหล่านี้มีต้นทุนต่ำกว่า GPT-4.5 แต่ยังคงมีประสิทธิภาพสูง

    ✅ การใช้งานผ่าน API เท่านั้น
    - GPT-4.1 และรุ่นย่อยสามารถใช้งานได้ผ่าน OpenAI API
    - OpenAI จะปิดการใช้งาน GPT-4.5 preview ในเดือนกรกฎาคม เนื่องจาก GPT-4.1 มีประสิทธิภาพที่ดีกว่า

    ✅ การตอบสนองของนักพัฒนา
    - CEO Sam Altman ระบุว่าโมเดลใหม่นี้ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักพัฒนา
    - OpenAI มุ่งเน้นการพัฒนาเพื่อให้เกิดประโยชน์ในโลกจริง

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI
    - การเปิดตัว GPT-4.1 อาจส่งผลต่อการแข่งขันในตลาด AI โดยเฉพาะกับ Google Gemini และ Anthropic Claude
    - นักพัฒนาอาจต้องปรับตัวให้เข้ากับโมเดลใหม่

    ℹ️ ความท้าทายด้านต้นทุนและการเข้าถึง
    - แม้ GPT-4.1 จะมีต้นทุนต่ำกว่า GPT-4.5 แต่ยังต้องติดตามว่า ราคาการใช้งาน API จะเป็นอย่างไร
    - ผู้ใช้ทั่วไปอาจต้องรอการเปิดตัวในแพลตฟอร์มอื่น เช่น ChatGPT

    ℹ️ แนวโน้มของ AI ที่รองรับบริบทยาวขึ้น
    - การรองรับ 1 ล้านโทเค็น อาจช่วยให้ AI สามารถทำงานที่ซับซ้อนขึ้น เช่น การวิเคราะห์เอกสารขนาดใหญ่
    - อาจมีการพัฒนาโมเดลที่สามารถรองรับบริบทที่ยาวขึ้นในอนาคต

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/15/openai-launches-new-gpt-41-models-with-improved-coding-long-context-comprehension
    OpenAI ได้เปิดตัว GPT-4.1 ซึ่งเป็นโมเดล AI ใหม่ที่มีการปรับปรุงด้าน การเขียนโค้ด, การทำตามคำสั่ง และการเข้าใจบริบทที่ยาวขึ้น โดยสามารถรองรับ 1 ล้านโทเค็น และมีประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่นก่อนหน้า 🤖 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ GPT-4.1 ✅ GPT-4.1 มีประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่นก่อนหน้า - มีความสามารถในการ เข้าใจบริบทที่ยาวขึ้น และรองรับ 1 ล้านโทเค็น - มีการปรับปรุงด้าน การเขียนโค้ด โดยมีประสิทธิภาพสูงกว่า GPT-4o ถึง 21% และ GPT-4.5 ถึง 27% ✅ การพัฒนาโมเดลย่อย - OpenAI เปิดตัว GPT-4.1 mini และ GPT-4.1 nano ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่มีขนาดเล็กลง - โมเดลเหล่านี้มีต้นทุนต่ำกว่า GPT-4.5 แต่ยังคงมีประสิทธิภาพสูง ✅ การใช้งานผ่าน API เท่านั้น - GPT-4.1 และรุ่นย่อยสามารถใช้งานได้ผ่าน OpenAI API - OpenAI จะปิดการใช้งาน GPT-4.5 preview ในเดือนกรกฎาคม เนื่องจาก GPT-4.1 มีประสิทธิภาพที่ดีกว่า ✅ การตอบสนองของนักพัฒนา - CEO Sam Altman ระบุว่าโมเดลใหม่นี้ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักพัฒนา - OpenAI มุ่งเน้นการพัฒนาเพื่อให้เกิดประโยชน์ในโลกจริง ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI - การเปิดตัว GPT-4.1 อาจส่งผลต่อการแข่งขันในตลาด AI โดยเฉพาะกับ Google Gemini และ Anthropic Claude - นักพัฒนาอาจต้องปรับตัวให้เข้ากับโมเดลใหม่ ℹ️ ความท้าทายด้านต้นทุนและการเข้าถึง - แม้ GPT-4.1 จะมีต้นทุนต่ำกว่า GPT-4.5 แต่ยังต้องติดตามว่า ราคาการใช้งาน API จะเป็นอย่างไร - ผู้ใช้ทั่วไปอาจต้องรอการเปิดตัวในแพลตฟอร์มอื่น เช่น ChatGPT ℹ️ แนวโน้มของ AI ที่รองรับบริบทยาวขึ้น - การรองรับ 1 ล้านโทเค็น อาจช่วยให้ AI สามารถทำงานที่ซับซ้อนขึ้น เช่น การวิเคราะห์เอกสารขนาดใหญ่ - อาจมีการพัฒนาโมเดลที่สามารถรองรับบริบทที่ยาวขึ้นในอนาคต https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/15/openai-launches-new-gpt-41-models-with-improved-coding-long-context-comprehension
    WWW.THESTAR.COM.MY
    OpenAI launches new GPT-4.1 models with improved coding, long context comprehension
    (Reuters) - OpenAI on Monday launched its new AI model GPT-4.1, along with smaller versions GPT-4.1 mini and GPT-4.1 nano, touting major improvements in coding, instruction following, and long context comprehension.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึงความท้าทายที่ Google กำลังเผชิญในการจัดการความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับชิป AI โดยบริษัทกำลังพิจารณาเช่าชิป Nvidia Blackwell จาก CoreWeave ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่ปรับแต่งสำหรับงาน AI

    Google CFO Anat Ashkenazi เปิดเผยว่า Google มีความต้องการชิป AI มากกว่าความสามารถที่มีอยู่ในปัจจุบัน และกำลังเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับความต้องการนี้ในปี 2025 นอกจากนี้ Google ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาเบื้องต้นกับ CoreWeave เพื่อเช่าพื้นที่ในศูนย์ข้อมูลของ CoreWeave สำหรับชิป TPU ที่ Google พัฒนาขึ้นเอง

    ในขณะเดียวกัน CoreWeave ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Nvidia กำลังเผชิญกับความท้าทายทางการเงิน โดยมูลค่าหุ้นลดลงถึง 25% ในเวลาเพียง 48 ชั่วโมง เนื่องจากผลกระทบจากภาษีของรัฐบาล Trump และความไม่แน่นอนในตลาด

    ✅ ความต้องการชิป AI ของ Google
    - Google มีความต้องการชิป AI มากกว่าความสามารถที่มีอยู่ในปัจจุบัน
    - กำลังเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับความต้องการในปี 2025

    ✅ การเจรจากับ CoreWeave
    - Google พิจารณาเช่าชิป Nvidia Blackwell จาก CoreWeave
    - อยู่ในขั้นตอนการเจรจาเบื้องต้นเพื่อเช่าพื้นที่ในศูนย์ข้อมูลสำหรับชิป TPU

    ✅ สถานการณ์ของ CoreWeave
    - CoreWeave เผชิญกับความท้าทายทางการเงิน โดยมูลค่าหุ้นลดลงถึง 25%
    - ผลกระทบจากภาษีของรัฐบาล Trump และความไม่แน่นอนในตลาด

    ℹ️ ความเสี่ยงต่อการพึ่งพา CoreWeave
    - การพึ่งพา CoreWeave อาจเพิ่มความเสี่ยงในกรณีที่บริษัทเผชิญปัญหาทางการเงิน
    - ความไม่แน่นอนในตลาดอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของโครงสร้างพื้นฐาน

    ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI
    - ความต้องการชิป AI ที่เพิ่มขึ้นอาจสร้างแรงกดดันต่อผู้ผลิตชิป
    - การแข่งขันในตลาด AI อาจเข้มข้นขึ้นจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใหม่

    https://www.techradar.com/pro/google-rumored-to-be-looking-to-rent-latest-nvidia-ai-gpu-from-coreweave-because-it-doesnt-have-enough-of-them
    ข่าวนี้เล่าถึงความท้าทายที่ Google กำลังเผชิญในการจัดการความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับชิป AI โดยบริษัทกำลังพิจารณาเช่าชิป Nvidia Blackwell จาก CoreWeave ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่ปรับแต่งสำหรับงาน AI Google CFO Anat Ashkenazi เปิดเผยว่า Google มีความต้องการชิป AI มากกว่าความสามารถที่มีอยู่ในปัจจุบัน และกำลังเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับความต้องการนี้ในปี 2025 นอกจากนี้ Google ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาเบื้องต้นกับ CoreWeave เพื่อเช่าพื้นที่ในศูนย์ข้อมูลของ CoreWeave สำหรับชิป TPU ที่ Google พัฒนาขึ้นเอง ในขณะเดียวกัน CoreWeave ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Nvidia กำลังเผชิญกับความท้าทายทางการเงิน โดยมูลค่าหุ้นลดลงถึง 25% ในเวลาเพียง 48 ชั่วโมง เนื่องจากผลกระทบจากภาษีของรัฐบาล Trump และความไม่แน่นอนในตลาด ✅ ความต้องการชิป AI ของ Google - Google มีความต้องการชิป AI มากกว่าความสามารถที่มีอยู่ในปัจจุบัน - กำลังเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับความต้องการในปี 2025 ✅ การเจรจากับ CoreWeave - Google พิจารณาเช่าชิป Nvidia Blackwell จาก CoreWeave - อยู่ในขั้นตอนการเจรจาเบื้องต้นเพื่อเช่าพื้นที่ในศูนย์ข้อมูลสำหรับชิป TPU ✅ สถานการณ์ของ CoreWeave - CoreWeave เผชิญกับความท้าทายทางการเงิน โดยมูลค่าหุ้นลดลงถึง 25% - ผลกระทบจากภาษีของรัฐบาล Trump และความไม่แน่นอนในตลาด ℹ️ ความเสี่ยงต่อการพึ่งพา CoreWeave - การพึ่งพา CoreWeave อาจเพิ่มความเสี่ยงในกรณีที่บริษัทเผชิญปัญหาทางการเงิน - ความไม่แน่นอนในตลาดอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของโครงสร้างพื้นฐาน ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI - ความต้องการชิป AI ที่เพิ่มขึ้นอาจสร้างแรงกดดันต่อผู้ผลิตชิป - การแข่งขันในตลาด AI อาจเข้มข้นขึ้นจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใหม่ https://www.techradar.com/pro/google-rumored-to-be-looking-to-rent-latest-nvidia-ai-gpu-from-coreweave-because-it-doesnt-have-enough-of-them
    WWW.TECHRADAR.COM
    Google rumored to be looking to rent latest Nvidia AI GPU from CoreWeave because it doesn't have enough of them
    However Google is still expected to spend significantly less than Microsoft and OpenAI
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft Research ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับความสามารถของ AI ในการดีบักโค้ด โดยพบว่าเครื่องมือ AI เช่น GitHub Copilot สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนโค้ดได้ แต่ยังไม่สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดในโค้ดได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนมนุษย์ เนื่องจาก AI ยังขาดข้อมูลการตัดสินใจในกระบวนการดีบักที่ซับซ้อน

    เพื่อแก้ไขปัญหานี้ Microsoft ได้พัฒนาแพลตฟอร์มที่เรียกว่า debug-gym ซึ่งช่วยให้ AI สามารถดีบักโค้ดในสถานการณ์จริงได้ โดยใช้เครื่องมือที่คล้ายกับที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ใช้ ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่า AI ที่ใช้ debug-gym สามารถแก้ไขปัญหาได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงขั้นที่สามารถแทนที่มนุษย์ได้

    ✅ ผลการวิจัยเกี่ยวกับ AI และการดีบักโค้ด
    - เครื่องมือ AI เช่น GitHub Copilot ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนโค้ด
    - AI ยังไม่สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดในโค้ดได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนมนุษย์

    ✅ การพัฒนาแพลตฟอร์ม debug-gym
    - Microsoft พัฒนา debug-gym เพื่อช่วยให้ AI ดีบักโค้ดในสถานการณ์จริง
    - ผลการทดลองแสดงว่า AI สามารถแก้ไขปัญหาได้ในระดับหนึ่ง

    ✅ ข้อจำกัดของ AI ในการดีบัก
    - AI ขาดข้อมูลการตัดสินใจในกระบวนการดีบักที่ซับซ้อน
    - การแก้ไขข้อผิดพลาดในโค้ดยังต้องพึ่งพามนุษย์

    ℹ️ ความเสี่ยงจากการใช้ AI ในการดีบัก
    - การพึ่งพา AI ในการดีบักอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของซอฟต์แวร์
    - ข้อผิดพลาดในโค้ดที่ไม่ได้รับการแก้ไขอาจส่งผลกระทบต่อระบบ

    ℹ️ คำแนะนำสำหรับการพัฒนา AI
    - ควรเพิ่มข้อมูลการตัดสินใจในกระบวนการดีบักในชุดข้อมูลการฝึก AI

    https://www.techspot.com/news/107523-microsoft-research-shows-ai-coding-tools-fall-short.html
    Microsoft Research ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับความสามารถของ AI ในการดีบักโค้ด โดยพบว่าเครื่องมือ AI เช่น GitHub Copilot สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนโค้ดได้ แต่ยังไม่สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดในโค้ดได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนมนุษย์ เนื่องจาก AI ยังขาดข้อมูลการตัดสินใจในกระบวนการดีบักที่ซับซ้อน เพื่อแก้ไขปัญหานี้ Microsoft ได้พัฒนาแพลตฟอร์มที่เรียกว่า debug-gym ซึ่งช่วยให้ AI สามารถดีบักโค้ดในสถานการณ์จริงได้ โดยใช้เครื่องมือที่คล้ายกับที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ใช้ ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่า AI ที่ใช้ debug-gym สามารถแก้ไขปัญหาได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงขั้นที่สามารถแทนที่มนุษย์ได้ ✅ ผลการวิจัยเกี่ยวกับ AI และการดีบักโค้ด - เครื่องมือ AI เช่น GitHub Copilot ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนโค้ด - AI ยังไม่สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดในโค้ดได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนมนุษย์ ✅ การพัฒนาแพลตฟอร์ม debug-gym - Microsoft พัฒนา debug-gym เพื่อช่วยให้ AI ดีบักโค้ดในสถานการณ์จริง - ผลการทดลองแสดงว่า AI สามารถแก้ไขปัญหาได้ในระดับหนึ่ง ✅ ข้อจำกัดของ AI ในการดีบัก - AI ขาดข้อมูลการตัดสินใจในกระบวนการดีบักที่ซับซ้อน - การแก้ไขข้อผิดพลาดในโค้ดยังต้องพึ่งพามนุษย์ ℹ️ ความเสี่ยงจากการใช้ AI ในการดีบัก - การพึ่งพา AI ในการดีบักอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของซอฟต์แวร์ - ข้อผิดพลาดในโค้ดที่ไม่ได้รับการแก้ไขอาจส่งผลกระทบต่อระบบ ℹ️ คำแนะนำสำหรับการพัฒนา AI - ควรเพิ่มข้อมูลการตัดสินใจในกระบวนการดีบักในชุดข้อมูลการฝึก AI https://www.techspot.com/news/107523-microsoft-research-shows-ai-coding-tools-fall-short.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Microsoft research shows AI coding tools fall short in key debugging tasks
    The Microsoft Research study acknowledges that while today's AI coding tools can boost productivity by suggesting examples, they are limited in actively seeking new information or interacting...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts