• Newsstory : เปิดความคิดเห็นของคนที่รักชาติบ้านเมือง เขาคิดกันแบบนี้...ดูไว้

    #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล
    #ความคิดเห็น #คนรักชาติ
    Newsstory : เปิดความคิดเห็นของคนที่รักชาติบ้านเมือง เขาคิดกันแบบนี้...ดูไว้ #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #ความคิดเห็น #คนรักชาติ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ขอบคุณ Item ชุดตกแต่งร้าน จาก Grab นะ
    สั่งออนไลน์ ลิงค์อยู่ในช่องแสดงความคิดเห็น
    ขอบคุณ Item ชุดตกแต่งร้าน จาก Grab นะ สั่งออนไลน์ ลิงค์อยู่ในช่องแสดงความคิดเห็น
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • Excel เปลี่ยนโฉม – เมื่อ AI เข้าไปอยู่ในทุกเซลล์ด้วยฟังก์ชัน =COPILOT()

    ลองจินตนาการว่าแทนที่จะต้องเขียนสูตรยาว ๆ หรือใช้ฟังก์ชันซับซ้อนใน Excel คุณสามารถพิมพ์ประโยคธรรมดา เช่น “สรุปความคิดเห็นของลูกค้าในเซลล์ A2” แล้ว Excel จะจัดการให้คุณทันที นั่นคือสิ่งที่ Microsoft กำลังทำกับฟังก์ชันใหม่ชื่อว่า =COPILOT()

    ฟังก์ชันนี้ฝังอยู่ในเซลล์ Excel โดยตรง ไม่ใช่แค่แถบด้านข้างหรือปลั๊กอินอีกต่อไป ผู้ใช้สามารถพิมพ์คำสั่งเป็นภาษาธรรมชาติ พร้อมระบุช่วงเซลล์ที่ต้องการให้ AI วิเคราะห์ แล้วผลลัพธ์จะเปลี่ยนตามข้อมูลต้นทางแบบเรียลไทม์

    ตัวอย่างการใช้งานมีตั้งแต่การสรุปความคิดเห็นของลูกค้า การจัดหมวดหมู่ข้อมูล การสร้างตาราง ไปจนถึงการแสดงอีโมจิประกอบความรู้สึก ฟังก์ชันนี้ยังสามารถทำงานร่วมกับสูตร Excel เดิม เช่น IF, SWITCH, LAMBDA และ WRAPROWS ได้อย่างลื่นไหล

    แม้จะยังอยู่ในช่วงเบต้า และจำกัดเฉพาะผู้ใช้ Microsoft 365 Copilot บน Windows และ Mac แต่ Microsoft มีแผนจะขยายไปยัง Excel เวอร์ชันเว็บในเร็ว ๆ นี้

    ข้อมูลในข่าว
    Microsoft เปิดตัวฟังก์ชันใหม่ใน Excel ชื่อว่า =COPILOT()
    ผู้ใช้สามารถพิมพ์คำสั่งเป็นภาษาธรรมชาติในเซลล์ Excel ได้โดยตรง
    ฟังก์ชันสามารถสรุปข้อมูล จัดหมวดหมู่ และสร้างตารางจากข้อมูลในชีต
    ทำงานร่วมกับสูตร Excel เดิม เช่น IF, SWITCH, LAMBDA และ WRAPROWS
    ผลลัพธ์เปลี่ยนตามข้อมูลต้นทางแบบอัตโนมัติ
    ใช้ได้กับ Excel บน Windows (เวอร์ชัน 2509+) และ Mac (เวอร์ชัน 16.101+)
    รองรับสูงสุด 100 ครั้งต่อ 10 นาที และ 300 ครั้งต่อชั่วโมง
    ข้อมูลที่ใช้ในฟังก์ชันจะไม่ถูกนำไปฝึกโมเดล AI
    ฟังก์ชันนี้มาแทน LABS.GENERATIVEAI ที่เคยทดลองในปี 2023

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    GPT-4.1-mini เป็นโมเดลที่ใช้ใน Excel Copilot เพื่อความเร็วและความแม่นยำ
    การฝัง AI ในเซลล์ Excel เป็นการเปลี่ยนแนวคิดจาก “ผู้ช่วย” เป็น “ผู้ร่วมงาน”
    ฟังก์ชันนี้ช่วยลดภาระการเขียนสูตรซับซ้อนสำหรับผู้ใช้ทั่วไป
    สามารถใช้ในการวิเคราะห์ความรู้สึกของข้อความ เช่น รีวิวสินค้า
    การใช้ AI ใน Excel ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่
    Microsoft มีแผนจะเพิ่มการเชื่อมต่อกับข้อมูลภายนอก เช่น เว็บหรือฐานข้อมูลองค์กรในอนาคต

    https://www.techradar.com/pro/no-escape-from-ai-now-microsoft-is-shoving-copilot-into-every-excel-cell
    🧠 Excel เปลี่ยนโฉม – เมื่อ AI เข้าไปอยู่ในทุกเซลล์ด้วยฟังก์ชัน =COPILOT() ลองจินตนาการว่าแทนที่จะต้องเขียนสูตรยาว ๆ หรือใช้ฟังก์ชันซับซ้อนใน Excel คุณสามารถพิมพ์ประโยคธรรมดา เช่น “สรุปความคิดเห็นของลูกค้าในเซลล์ A2” แล้ว Excel จะจัดการให้คุณทันที นั่นคือสิ่งที่ Microsoft กำลังทำกับฟังก์ชันใหม่ชื่อว่า =COPILOT() ฟังก์ชันนี้ฝังอยู่ในเซลล์ Excel โดยตรง ไม่ใช่แค่แถบด้านข้างหรือปลั๊กอินอีกต่อไป ผู้ใช้สามารถพิมพ์คำสั่งเป็นภาษาธรรมชาติ พร้อมระบุช่วงเซลล์ที่ต้องการให้ AI วิเคราะห์ แล้วผลลัพธ์จะเปลี่ยนตามข้อมูลต้นทางแบบเรียลไทม์ ตัวอย่างการใช้งานมีตั้งแต่การสรุปความคิดเห็นของลูกค้า การจัดหมวดหมู่ข้อมูล การสร้างตาราง ไปจนถึงการแสดงอีโมจิประกอบความรู้สึก ฟังก์ชันนี้ยังสามารถทำงานร่วมกับสูตร Excel เดิม เช่น IF, SWITCH, LAMBDA และ WRAPROWS ได้อย่างลื่นไหล แม้จะยังอยู่ในช่วงเบต้า และจำกัดเฉพาะผู้ใช้ Microsoft 365 Copilot บน Windows และ Mac แต่ Microsoft มีแผนจะขยายไปยัง Excel เวอร์ชันเว็บในเร็ว ๆ นี้ ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ Microsoft เปิดตัวฟังก์ชันใหม่ใน Excel ชื่อว่า =COPILOT() ➡️ ผู้ใช้สามารถพิมพ์คำสั่งเป็นภาษาธรรมชาติในเซลล์ Excel ได้โดยตรง ➡️ ฟังก์ชันสามารถสรุปข้อมูล จัดหมวดหมู่ และสร้างตารางจากข้อมูลในชีต ➡️ ทำงานร่วมกับสูตร Excel เดิม เช่น IF, SWITCH, LAMBDA และ WRAPROWS ➡️ ผลลัพธ์เปลี่ยนตามข้อมูลต้นทางแบบอัตโนมัติ ➡️ ใช้ได้กับ Excel บน Windows (เวอร์ชัน 2509+) และ Mac (เวอร์ชัน 16.101+) ➡️ รองรับสูงสุด 100 ครั้งต่อ 10 นาที และ 300 ครั้งต่อชั่วโมง ➡️ ข้อมูลที่ใช้ในฟังก์ชันจะไม่ถูกนำไปฝึกโมเดล AI ➡️ ฟังก์ชันนี้มาแทน LABS.GENERATIVEAI ที่เคยทดลองในปี 2023 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ GPT-4.1-mini เป็นโมเดลที่ใช้ใน Excel Copilot เพื่อความเร็วและความแม่นยำ ➡️ การฝัง AI ในเซลล์ Excel เป็นการเปลี่ยนแนวคิดจาก “ผู้ช่วย” เป็น “ผู้ร่วมงาน” ➡️ ฟังก์ชันนี้ช่วยลดภาระการเขียนสูตรซับซ้อนสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ➡️ สามารถใช้ในการวิเคราะห์ความรู้สึกของข้อความ เช่น รีวิวสินค้า ➡️ การใช้ AI ใน Excel ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ ➡️ Microsoft มีแผนจะเพิ่มการเชื่อมต่อกับข้อมูลภายนอก เช่น เว็บหรือฐานข้อมูลองค์กรในอนาคต https://www.techradar.com/pro/no-escape-from-ai-now-microsoft-is-shoving-copilot-into-every-excel-cell
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นความเสี่ยง: NIST กับกรอบความปลอดภัยใหม่สำหรับยุคปัญญาประดิษฐ์

    ในปี 2025 สถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ NIST ได้เปิดตัวเอกสารแนวคิดใหม่ที่ชื่อว่า “Cyber AI Profile” ซึ่งเป็นความพยายามในการสร้างกรอบควบคุมความปลอดภัยเฉพาะสำหรับระบบ AI โดยอิงจากกรอบเดิมที่ใช้กันแพร่หลายอย่าง NIST SP 800-53 และ Cybersecurity Framework (CSF)

    แนวคิดหลักคือการสร้าง “control overlay” หรือชุดควบคุมที่ปรับแต่งให้เหมาะกับเทคโนโลยี AI แต่ละประเภท เช่น generative AI, predictive AI และ agentic AI โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องความลับ ความถูกต้อง และความพร้อมใช้งานของข้อมูลในแต่ละกรณี

    NIST ยังเปิดช่องทางให้ผู้เชี่ยวชาญและประชาชนทั่วไปร่วมให้ความเห็นผ่าน Slack และเวิร์กช็อปต่าง ๆ เพื่อพัฒนาแนวทางนี้ให้ครอบคลุมและใช้งานได้จริง โดยเฉพาะในองค์กรที่ต้องรับมือกับ AI ทั้งในฐานะผู้ใช้และผู้พัฒนา

    อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคน เช่น Melissa Ruzzi จาก AppOmni ได้แสดงความกังวลว่าเอกสารนี้ยังขาดรายละเอียดที่จำเป็น เช่น ความแตกต่างระหว่าง AI แบบ supervised กับ unsupervised และการควบคุมตามระดับความอ่อนไหวของข้อมูล เช่น ข้อมูลสุขภาพหรือข้อมูลส่วนบุคคล

    นอกจากนี้ ยังมีเสียงเรียกร้องจากผู้บริหารด้านความปลอดภัย (CISO) ว่าอย่า “สร้างวงล้อใหม่” เพราะองค์กรต่าง ๆ กำลังเผชิญกับภาระด้านความปลอดภัยมากพออยู่แล้ว การเพิ่มกรอบใหม่ควรเชื่อมโยงกับสิ่งที่มีอยู่ ไม่ใช่สร้างสิ่งใหม่ที่ต้องเรียนรู้ทั้งหมดอีกครั้ง

    แนวคิดใหม่จาก NIST: Cyber AI Profile
    สร้างกรอบควบคุมความปลอดภัยเฉพาะสำหรับระบบ AI
    อิงจาก NIST SP 800-53 และ Cybersecurity Framework (CSF)
    ใช้ “control overlay” เพื่อปรับแต่งการควบคุมให้เหมาะกับเทคโนโลยี AI แต่ละประเภท

    ประเภทของ AI ที่อยู่ในแนวทาง
    generative AI: สร้างเนื้อหาใหม่ เช่น ChatGPT
    predictive AI: วิเคราะห์แนวโน้ม เช่น การคาดการณ์ยอดขาย
    agentic AI: ระบบที่ตัดสินใจเอง เช่น หุ่นยนต์อัตโนมัติ

    ความร่วมมือและการเปิดรับความคิดเห็น
    เปิด Slack channel ให้ผู้เชี่ยวชาญร่วมแสดงความเห็น
    จัดเวิร์กช็อปเพื่อรับฟังจาก CISO และนักพัฒนา
    เตรียมเผยแพร่ร่างแรกเพื่อรับความคิดเห็นสาธารณะ

    ความเชื่อมโยงกับกรอบเดิม
    ใช้ taxonomy เดิมของ CSF เพื่อไม่ให้เกิดภาระใหม่
    เชื่อมโยงกับ AI Risk Management Framework เพื่อครอบคลุมความเสี่ยงด้านอื่น ๆ

    https://hackread.com/nist-concept-paper-ai-specific-cybersecurity-framework/
    🧠 เมื่อ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นความเสี่ยง: NIST กับกรอบความปลอดภัยใหม่สำหรับยุคปัญญาประดิษฐ์ ในปี 2025 สถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ NIST ได้เปิดตัวเอกสารแนวคิดใหม่ที่ชื่อว่า “Cyber AI Profile” ซึ่งเป็นความพยายามในการสร้างกรอบควบคุมความปลอดภัยเฉพาะสำหรับระบบ AI โดยอิงจากกรอบเดิมที่ใช้กันแพร่หลายอย่าง NIST SP 800-53 และ Cybersecurity Framework (CSF) แนวคิดหลักคือการสร้าง “control overlay” หรือชุดควบคุมที่ปรับแต่งให้เหมาะกับเทคโนโลยี AI แต่ละประเภท เช่น generative AI, predictive AI และ agentic AI โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องความลับ ความถูกต้อง และความพร้อมใช้งานของข้อมูลในแต่ละกรณี NIST ยังเปิดช่องทางให้ผู้เชี่ยวชาญและประชาชนทั่วไปร่วมให้ความเห็นผ่าน Slack และเวิร์กช็อปต่าง ๆ เพื่อพัฒนาแนวทางนี้ให้ครอบคลุมและใช้งานได้จริง โดยเฉพาะในองค์กรที่ต้องรับมือกับ AI ทั้งในฐานะผู้ใช้และผู้พัฒนา อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคน เช่น Melissa Ruzzi จาก AppOmni ได้แสดงความกังวลว่าเอกสารนี้ยังขาดรายละเอียดที่จำเป็น เช่น ความแตกต่างระหว่าง AI แบบ supervised กับ unsupervised และการควบคุมตามระดับความอ่อนไหวของข้อมูล เช่น ข้อมูลสุขภาพหรือข้อมูลส่วนบุคคล นอกจากนี้ ยังมีเสียงเรียกร้องจากผู้บริหารด้านความปลอดภัย (CISO) ว่าอย่า “สร้างวงล้อใหม่” เพราะองค์กรต่าง ๆ กำลังเผชิญกับภาระด้านความปลอดภัยมากพออยู่แล้ว การเพิ่มกรอบใหม่ควรเชื่อมโยงกับสิ่งที่มีอยู่ ไม่ใช่สร้างสิ่งใหม่ที่ต้องเรียนรู้ทั้งหมดอีกครั้ง ✅ แนวคิดใหม่จาก NIST: Cyber AI Profile ➡️ สร้างกรอบควบคุมความปลอดภัยเฉพาะสำหรับระบบ AI ➡️ อิงจาก NIST SP 800-53 และ Cybersecurity Framework (CSF) ➡️ ใช้ “control overlay” เพื่อปรับแต่งการควบคุมให้เหมาะกับเทคโนโลยี AI แต่ละประเภท ✅ ประเภทของ AI ที่อยู่ในแนวทาง ➡️ generative AI: สร้างเนื้อหาใหม่ เช่น ChatGPT ➡️ predictive AI: วิเคราะห์แนวโน้ม เช่น การคาดการณ์ยอดขาย ➡️ agentic AI: ระบบที่ตัดสินใจเอง เช่น หุ่นยนต์อัตโนมัติ ✅ ความร่วมมือและการเปิดรับความคิดเห็น ➡️ เปิด Slack channel ให้ผู้เชี่ยวชาญร่วมแสดงความเห็น ➡️ จัดเวิร์กช็อปเพื่อรับฟังจาก CISO และนักพัฒนา ➡️ เตรียมเผยแพร่ร่างแรกเพื่อรับความคิดเห็นสาธารณะ ✅ ความเชื่อมโยงกับกรอบเดิม ➡️ ใช้ taxonomy เดิมของ CSF เพื่อไม่ให้เกิดภาระใหม่ ➡️ เชื่อมโยงกับ AI Risk Management Framework เพื่อครอบคลุมความเสี่ยงด้านอื่น ๆ https://hackread.com/nist-concept-paper-ai-specific-cybersecurity-framework/
    HACKREAD.COM
    New NIST Concept Paper Outlines AI-Specific Cybersecurity Framework
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • รถตู้ตรวจจับใบหน้า — เทคโนโลยีล้ำยุคเพื่อความปลอดภัย หรือจุดเริ่มต้นของรัฐเฝ้าระวัง?

    รัฐบาลอังกฤษประกาศแผนขยายการใช้เทคโนโลยี Live Facial Recognition (LFR) โดยจะส่งรถตู้ตรวจจับใบหน้า 10 คันไปยัง 7 กองกำลังตำรวจทั่วประเทศ เช่น Greater Manchester, West Yorkshire และ Thames Valley เพื่อช่วยตามหาผู้ต้องสงสัยในคดีร้ายแรง เช่น ข่มขืน ทำร้ายร่างกาย และฆาตกรรม

    เทคโนโลยีนี้เคยถูกทดลองใช้ในลอนดอนและเซาธ์เวลส์ และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้กว่า 580 รายในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยระบบจะเปรียบเทียบใบหน้าของผู้คนกับ “watchlist” ที่จัดทำเฉพาะสำหรับแต่ละภารกิจ และมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบผลลัพธ์ทุกครั้ง

    แม้รัฐบาลจะยืนยันว่ามีการทดสอบความแม่นยำและไม่มีอคติทางเชื้อชาติหรือเพศ แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชน เช่น Amnesty International และ Big Brother Watch กลับเตือนว่าเทคโนโลยีนี้ “อันตรายและเลือกปฏิบัติ” โดยเฉพาะกับคนผิวสี และอาจนำไปสู่การจับผิดคนโดยไม่ตั้งใจ

    รัฐบาลจึงเตรียมเปิดให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นผ่านการปรึกษาสาธารณะ เพื่อจัดทำกรอบกฎหมายใหม่ที่ชัดเจน ก่อนจะขยายการใช้งานในวงกว้าง

    รัฐบาลอังกฤษเตรียมส่งรถตู้ตรวจจับใบหน้า 10 คันไปยัง 7 กองกำลังตำรวจ
    ใช้เพื่อจับผู้ต้องสงสัยในคดีร้ายแรง เช่น ข่มขืนและฆาตกรรม

    เทคโนโลยี LFR เคยถูกทดลองใช้ในลอนดอนและเซาธ์เวลส์
    นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา 580 รายใน 12 เดือน

    การใช้งานจะอิงจาก “watchlist” ที่จัดทำเฉพาะสำหรับแต่ละภารกิจ
    ตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรม

    รัฐบาลจะเปิดการปรึกษาสาธารณะเพื่อจัดทำกรอบกฎหมายใหม่
    เพื่อกำหนดวิธีใช้และมาตรการคุ้มครองความเป็นส่วนตัว

    การทดสอบโดย National Physical Laboratory พบว่าไม่มีอคติทางเชื้อชาติหรือเพศ
    สนับสนุนความแม่นยำของระบบ LFR

    กลุ่ม Liberty สนับสนุนการจัดทำกรอบกฎหมายก่อนขยายการใช้งาน
    เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมและได้รับการคุ้มครอง

    เทคโนโลยี LFR ใช้การวัดระยะระหว่างจุดบนใบหน้าเพื่อเปรียบเทียบกับฐานข้อมูล
    เช่น ระยะระหว่างตา ความยาวกราม

    LFR ถูกใช้ในงานใหญ่ เช่น คอนเสิร์ต Beyoncé และการแข่งขันฟุตบอล
    เพื่อป้องกันอาชญากรรมและรักษาความปลอดภัย

    การใช้งานใน South Wales มีการลบข้อมูลของผู้ที่ไม่ตรงกับ watchlist ทันที
    เป็นมาตรการป้องกันการละเมิดความเป็นส่วนตัว

    มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ประจำชุมชนทั่วประเทศเพื่อรับเรื่องร้องเรียน
    เป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูตำรวจท้องถิ่น

    https://news.sky.com/story/facial-recognition-vans-to-be-rolled-out-across-police-forces-in-england-13410613
    🚐🧠 รถตู้ตรวจจับใบหน้า — เทคโนโลยีล้ำยุคเพื่อความปลอดภัย หรือจุดเริ่มต้นของรัฐเฝ้าระวัง? รัฐบาลอังกฤษประกาศแผนขยายการใช้เทคโนโลยี Live Facial Recognition (LFR) โดยจะส่งรถตู้ตรวจจับใบหน้า 10 คันไปยัง 7 กองกำลังตำรวจทั่วประเทศ เช่น Greater Manchester, West Yorkshire และ Thames Valley เพื่อช่วยตามหาผู้ต้องสงสัยในคดีร้ายแรง เช่น ข่มขืน ทำร้ายร่างกาย และฆาตกรรม เทคโนโลยีนี้เคยถูกทดลองใช้ในลอนดอนและเซาธ์เวลส์ และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้กว่า 580 รายในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยระบบจะเปรียบเทียบใบหน้าของผู้คนกับ “watchlist” ที่จัดทำเฉพาะสำหรับแต่ละภารกิจ และมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบผลลัพธ์ทุกครั้ง แม้รัฐบาลจะยืนยันว่ามีการทดสอบความแม่นยำและไม่มีอคติทางเชื้อชาติหรือเพศ แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชน เช่น Amnesty International และ Big Brother Watch กลับเตือนว่าเทคโนโลยีนี้ “อันตรายและเลือกปฏิบัติ” โดยเฉพาะกับคนผิวสี และอาจนำไปสู่การจับผิดคนโดยไม่ตั้งใจ รัฐบาลจึงเตรียมเปิดให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นผ่านการปรึกษาสาธารณะ เพื่อจัดทำกรอบกฎหมายใหม่ที่ชัดเจน ก่อนจะขยายการใช้งานในวงกว้าง ✅ รัฐบาลอังกฤษเตรียมส่งรถตู้ตรวจจับใบหน้า 10 คันไปยัง 7 กองกำลังตำรวจ ➡️ ใช้เพื่อจับผู้ต้องสงสัยในคดีร้ายแรง เช่น ข่มขืนและฆาตกรรม ✅ เทคโนโลยี LFR เคยถูกทดลองใช้ในลอนดอนและเซาธ์เวลส์ ➡️ นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา 580 รายใน 12 เดือน ✅ การใช้งานจะอิงจาก “watchlist” ที่จัดทำเฉพาะสำหรับแต่ละภารกิจ ➡️ ตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรม ✅ รัฐบาลจะเปิดการปรึกษาสาธารณะเพื่อจัดทำกรอบกฎหมายใหม่ ➡️ เพื่อกำหนดวิธีใช้และมาตรการคุ้มครองความเป็นส่วนตัว ✅ การทดสอบโดย National Physical Laboratory พบว่าไม่มีอคติทางเชื้อชาติหรือเพศ ➡️ สนับสนุนความแม่นยำของระบบ LFR ✅ กลุ่ม Liberty สนับสนุนการจัดทำกรอบกฎหมายก่อนขยายการใช้งาน ➡️ เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมและได้รับการคุ้มครอง ✅ เทคโนโลยี LFR ใช้การวัดระยะระหว่างจุดบนใบหน้าเพื่อเปรียบเทียบกับฐานข้อมูล ➡️ เช่น ระยะระหว่างตา ความยาวกราม ✅ LFR ถูกใช้ในงานใหญ่ เช่น คอนเสิร์ต Beyoncé และการแข่งขันฟุตบอล ➡️ เพื่อป้องกันอาชญากรรมและรักษาความปลอดภัย ✅ การใช้งานใน South Wales มีการลบข้อมูลของผู้ที่ไม่ตรงกับ watchlist ทันที ➡️ เป็นมาตรการป้องกันการละเมิดความเป็นส่วนตัว ✅ มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ประจำชุมชนทั่วประเทศเพื่อรับเรื่องร้องเรียน ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูตำรวจท้องถิ่น https://news.sky.com/story/facial-recognition-vans-to-be-rolled-out-across-police-forces-in-england-13410613
    NEWS.SKY.COM
    Facial recognition vans to be rolled out across police forces in England
    Ten live facial recognition vans will be deployed - but human rights groups argue the tech is "dangerous and discriminatory".
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว

  • อ่านนิทานกันมาแล้ว 18 ตอน คนเล่านิทาน ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่าน ที่มีความอุตสาหะ อดทน ติดตามอ่าน และให้กำลังใจ รวมทั้ง ห่วงใยสวัสดิภาพคนเล่านิทาน
    แต่ที่สำคัญสำหรับคนเล่านิทาน รวมทั้งท่านผู่อ่านทั้งหลาย คือ ท่านที่ส่งความคิดเห็น (comment) มาถึงคนเล่านิทาน และแลกเปลี่ยนข้อมูล ความเห็นระหว่างผู้อ่านนิทานด้วยกันเอง ทำให้นิทานน่าติดตามมากขึ้นและวงกว้างขี้น
    จิ๊กโก๋๋จะเลือกประทับทรงใคร จะใช้วิธี ตรงไปตรงมา ตะบิดตะแบงไป กลบไปฝังมาหรือใช้ ” วิธีการอื่น” อย่างที่นายคิสซิงเจอร์ คุยกับนายลีกวนยู เมื่อก่อนเหตุการณ์ 14 ตุลา พ.ศ.2516  เชื่อว่า ท่านผู้อ่านนิทาน คงพอมองออก ตามทันสันดานจิ๊กโก๋๋กันแล้ว
    ดังนั้นโปรดถามตัวเอง เราจำเป็นต้องมีจิ๊กโก๋๋คุมซอยไหม
    หากทุกบ้านในซอย รู้จักดูแลตัวเอง เริ่มด้วยการหัดศึกษา หน้าตา เล่ห์เหลี่ยม วิธีคิด วิธีต้มตุ๋นของจิ๊กโก๋๋ ว่า จะมาไม้ไหน แล้วถ้าทุกบ้านในซอย รู้จักสามัคคีกัน ช่วยเหลือเจือจุนกัน ร่วมแรงร่วมใจกัน  ไม่ใช่บ้านใครบ้านมัน เอาเปรียบกัน เอาแต่ทะเลาะกัน  ถ้าเราอยู่อย่างมี สติ ใช้ปัญญา จิ๊กโก๋๋หน้าไหน ไม่ว่าผมทอง ผมดำ อาเฮียกระเป๋าหนัก หรือ ไอ้พวกเลียนแบบจิ๊กโก๋๋ หรือขี้ข้าพันธุ์ไทย พันทางของ จิ๊กโก๋๋ ก็จะมาเบ่งกล้ามใส่เราไม่ได้ง่าย
    ที่สำคัญ อย่าติดนิสัยอ่อนแอ ถนัดแต่แบมือขอ หรือรออัศวินขี่ม้าขาว เดี๋ยวก็ได้อัศวินควายดำมาอีกตัวหรอก นิสัยคนไทยใจดีมีอัธยาศัย ไม่ขี้เกียจ ไม่ขี้โกง ไม่โง่ และกล้าสู้ แบบบรรพบุรุษเราน่ะ เอากลับมาใช้กันบ้าง
    แล้วอย่าลืม ต้องมีความอดทน มีความเพียร พระมหาชนกท่านสอนอะไรเราไว้บ้าง จำมาใช้กันด้วย
    แบบนี้ก็ไม่น่ามีจิ๊กโก๋๋หน้าไหน มายึดซอยของเรา ไปเป็นซอยของมัน ซอยของเรา เราอยากอยู่แบบไหนก็เรื่องของ เรา เราคุยกันเอง กำหนดกันเองได้ ไม่ใช่ให้จิ๊กโก๋๋มันมากำหนด ใครมาทำกร่าง ไม่ว่าหัวซอย กลางซอย ท้ายซอย ถ้าเราทุกบ้านพร้อมใจกันถือมีดถือไม้ ออกไปสู้กับมันพร้อมๆกัน
    ถามหน่อยเถอะ จิ๊กโก๋๋หน้าไหนจะกล้าแหยม ?!?
    สวัสดีครับ
    หมายเหตุ : โพสต์ลงเพจนิทานเรื่องจริงฯ เมื่อวันที่ 17 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2556
    อ่านนิทานกันมาแล้ว 18 ตอน คนเล่านิทาน ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่าน ที่มีความอุตสาหะ อดทน ติดตามอ่าน และให้กำลังใจ รวมทั้ง ห่วงใยสวัสดิภาพคนเล่านิทาน แต่ที่สำคัญสำหรับคนเล่านิทาน รวมทั้งท่านผู่อ่านทั้งหลาย คือ ท่านที่ส่งความคิดเห็น (comment) มาถึงคนเล่านิทาน และแลกเปลี่ยนข้อมูล ความเห็นระหว่างผู้อ่านนิทานด้วยกันเอง ทำให้นิทานน่าติดตามมากขึ้นและวงกว้างขี้น จิ๊กโก๋๋จะเลือกประทับทรงใคร จะใช้วิธี ตรงไปตรงมา ตะบิดตะแบงไป กลบไปฝังมาหรือใช้ ” วิธีการอื่น” อย่างที่นายคิสซิงเจอร์ คุยกับนายลีกวนยู เมื่อก่อนเหตุการณ์ 14 ตุลา พ.ศ.2516  เชื่อว่า ท่านผู้อ่านนิทาน คงพอมองออก ตามทันสันดานจิ๊กโก๋๋กันแล้ว ดังนั้นโปรดถามตัวเอง เราจำเป็นต้องมีจิ๊กโก๋๋คุมซอยไหม หากทุกบ้านในซอย รู้จักดูแลตัวเอง เริ่มด้วยการหัดศึกษา หน้าตา เล่ห์เหลี่ยม วิธีคิด วิธีต้มตุ๋นของจิ๊กโก๋๋ ว่า จะมาไม้ไหน แล้วถ้าทุกบ้านในซอย รู้จักสามัคคีกัน ช่วยเหลือเจือจุนกัน ร่วมแรงร่วมใจกัน  ไม่ใช่บ้านใครบ้านมัน เอาเปรียบกัน เอาแต่ทะเลาะกัน  ถ้าเราอยู่อย่างมี สติ ใช้ปัญญา จิ๊กโก๋๋หน้าไหน ไม่ว่าผมทอง ผมดำ อาเฮียกระเป๋าหนัก หรือ ไอ้พวกเลียนแบบจิ๊กโก๋๋ หรือขี้ข้าพันธุ์ไทย พันทางของ จิ๊กโก๋๋ ก็จะมาเบ่งกล้ามใส่เราไม่ได้ง่าย ที่สำคัญ อย่าติดนิสัยอ่อนแอ ถนัดแต่แบมือขอ หรือรออัศวินขี่ม้าขาว เดี๋ยวก็ได้อัศวินควายดำมาอีกตัวหรอก นิสัยคนไทยใจดีมีอัธยาศัย ไม่ขี้เกียจ ไม่ขี้โกง ไม่โง่ และกล้าสู้ แบบบรรพบุรุษเราน่ะ เอากลับมาใช้กันบ้าง แล้วอย่าลืม ต้องมีความอดทน มีความเพียร พระมหาชนกท่านสอนอะไรเราไว้บ้าง จำมาใช้กันด้วย แบบนี้ก็ไม่น่ามีจิ๊กโก๋๋หน้าไหน มายึดซอยของเรา ไปเป็นซอยของมัน ซอยของเรา เราอยากอยู่แบบไหนก็เรื่องของ เรา เราคุยกันเอง กำหนดกันเองได้ ไม่ใช่ให้จิ๊กโก๋๋มันมากำหนด ใครมาทำกร่าง ไม่ว่าหัวซอย กลางซอย ท้ายซอย ถ้าเราทุกบ้านพร้อมใจกันถือมีดถือไม้ ออกไปสู้กับมันพร้อมๆกัน ถามหน่อยเถอะ จิ๊กโก๋๋หน้าไหนจะกล้าแหยม ?!? สวัสดีครับ หมายเหตุ : โพสต์ลงเพจนิทานเรื่องจริงฯ เมื่อวันที่ 17 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2556
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชัดเจนขนาดนี้จะพูดอะไรได้อีก จะให้เข้าใจอะไรได้อีก ,รัฐบาลไร้แอ็คชั่นเชิงรุกต่อเขมรและนายกฯชุดทั้งรัฐบาลชุดนี้คือพรรคหลักและพรรคร่วมรวมเป็นชุดรัฐบาลนี้โดยมีผู้นำและที่ปรึกษานายกฯอยู่รอบตัวด้วยทำเอาคลิปหรือเหตุจากคลิปหลุดนั้นให้เข้าใจและเชื่อเป็นอย่างอื่นว่าแกนนำนายกฯรัฐบาลชุดนี้ทั้งคณะไม่มีความซื่อสัตย์ต่อประเทศและไม่จริงใจอะไรต่อทหารไทยตนที่ทำหน้าที่ปกป้องประเทศกำจัดศัตรูที่รุกรานจริง,แต่เสือกอ้อแอ้ทำกิริยาหมาเลียปากกับเขมรกัดคนไทยจนตายด้วย,ใช้ไม่ได้อะไรเลยในการจะสนับสนุนทหารไทยตนเต็มที่เช่นกัน,ไม่ดำเนินเชิงรุกเชิงกำจัดภัยบ้านภัยเมืองภัยชาติของตน,เหลาะแหละอ่อนกากกระจอกแต่เสือกยังอยากอยู่บริหารจัดการประเทศ,พรรคร่วมทั้งหมดก็ด้วย สส.พรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดคือพวกเดียวกันด้วยร่วมขัดขวางทหารไทยตนในการกำจัดศัตรูชาติตนให้เด็ดขาดด้วย,รัฐบาลหมดสิ้นประสิทธิภาพ ไร้ฝีมือปกป้องชาติ ไร้ฝีมือไร้ความสามารถกำจัดภัยร้ายจริงของชาติไทยตนให้สิ้นซากมิให้มารุกรานไทยตนซ้ำซากเหมือนในอดีตจนลุกลามใหญ่โตถึงปัจจุบัน และยังยั่วยุอยู่ตลอดเวลาแต่รัฐบาลกลับให้ทหารไทยตนปฏิบัติลำบากเสมือนช่วยเขมรภัยรุกรานแผ่นดินไทยตนนั้นเอง,ลวดหนามยังสั่งเบรคแสดงความไม่พอใจใช้ได้ที่ไหน,ตนต้องสั่งจัดการขั้นตอนที่ยาวให้สั้นลง,จึงทันกาลต่อภัยเบื้องหน้าที่เผชิญอยู่ระเบียบบ้าบอทางราชการเก็บพับไว้ก่อน เปิดทางให้โล่ง หมวกทหารที่กันหนังสติ๊กก็สั่งสนับสนุนให้ทหารมีทุกๆคนเพื่อปกป้องร่างกายทหารตน ไม่ยิงใส่หัวกระโหลกแตกกระโหลกยุบได้ ถึงอักเสบถึงพิการทางสมองทางร่างกายถึงตายก็ได้แบบระเบิดปิงปองใส่หนังสติ๊กหรือหินพิเศษทะลุให้เจ็บพิการอักเสบได้,การสนับสนุนทางทหารในภาวะผิดปกตินี้มากมายหลากหลายมิติต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ทหารขาดอะไรต้องเรียลไทม์ตอบสนองทันทีเพื่อปกป้องและกำจัดผู้เป็นภัยต่ออธิปไตยชาติตน,การปกป้องอธิปไตยไทยถือว่ารัฐบาลนี้ล้มเหลว ต้องออกไปทั้งชุดรัฐบาลก่อนมีความผิดมากมายกว่านี้ซึ่งกูรูคนเก่งคนมีความสามารถมากมายบนแผ่นดินไทยเห็นเหตุเห็นหลักฐานเห็นพยานเห็นนัยยะชั่วเลวที่แอบแฝงได้หมดสิ้นล่ะ,อาจประหารชีวิตทั้งชุดสส.ชุดรัฐบาลนี้ด้วยข้อหาเจตนาทำให้สูญเสียดินแดนอธิปไตยชาติไทยตนทั้งคณะรัฐบาล อาทิเช่นพยายามตั้งใจกอด1:200,000ไว้ผิดปกติ ทั้งที่ทหารไทย ทหารลาว ทหารเวียดนามต่างร่วมกันใช้1:50,000เป็นเขตแดน,กอดmou43และ44อย่างมุ่งมั่นตั้งใจกอดทั้งที่เขมรผิดข้อตกลงแล้ว เมื่อผิดข้อตกลงใดๆอีกฝ่ายสามารถยกเลิกข้อตกลงนั้นทั้งหมด,ตลอดสอดไส้ทำร้ายจิตใจคนไทยทั้งประเทศที่ไม่สนับสนุนให้คนเขมน ทหารเขมรที่มิใช่เชลยศึกเสือกไปสอดไส้ตกลงในการเจรจาที่มาเลย์รับคนเขมร ทหารเขมรมารักษาในโรงพยาบาลไทย ทั้งที่มันเปิดสงครามก่อนยิงโรงพยาบาลไทยโรงเรียนไทยปั้มน้ำมันไทยบ้านเรือนคนไทยตายคา7/11เกือบหมดครอบครัวและเด็กเล็กๆไทยอีก รัฐบาลไทยชุดนี้ทรยศประชาชนคนไทยชัดเจน ทำทุกๆวิถีทางอำนวยอวยเขมร หมดสิ้นความไว้วางใจใดๆต่อรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งสำนึกคนปกติธรรมดาพึ่งรับรู้เป็นปกติได้ว่า,รัฐบาลสมควรหมดอำนาจไป,ออกไปจากอำนาจ,แค่คลิปเสียงก็เข้าข่ายกบฎทรยศต่ออธิปไตยตนแล้ว,คือกบฎทั้งชุดรัฐบาลนี้พรรคหลักพรรคร่วมคือคนกบฎต่ออธิปไตยไทย สส.รัฐบาลคือกบฎต่ออธิปไตยไทย,ไม่มีสส.คนใดในฝ่ายรัฐบาลลาออกใดๆที่เขมรเปิดก่อน,รัฐบาลนี้ล้มเหลวในการปกป้องรักษาอธิปไตยไทยตน,และไม่เคยมีกูรูคนดังมากมายขนาดนี้แสดงความคิดเห็นหนักหน่วงด่าว่ารัฐบาลอย่างเปิดเผยมากมายเหมือนรัฐบาลชุดนีั,เช่นคุณวีระชี้ชัดว่ารัฐบาลนี้ขายชาติขายผลประโยชน์ประเทศเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวในทรัพยากรมีค่ามากมายแบบบ่อน้ำมันในอ่าวไทยที่หากใช้1:200,000สำเร็จพื้นที่ดินแดน เขมรจะขีดกินพื้นที่มากมายเข้ามาในอ่าวไทยปกติของเดิมเป็นพื้นที่อันกว้างใหญ่ เขมรจะได้ประโยชน์ในทรัยากรมีค่ามากมายในอ่าวไทยที่ขีดลุกล้ำได้มาเพิ่มนั้นตีมูลค่าแค่น้ำมันกว่า10ล้านล้านบาท ทรัพยากรอื่นๆอีกทั้งหมดรวมกันไม่น้อยกว่า100ล้านล้านตลอดแนวพรมแดนที่เขมรได้เข้ามากินพื้นที่เข้ามาจากเขตแดนของประเทศปกติ,เพชรพลอยทองคำแร่เอิร์ดทรัพยากรมีค่ามากมายในพื้นที่ภูเขาพื้นที่พรมแดนถึงอ่าวไทยจะเป็นผลประโยชน์มหาศาลนั้นเอง,ต่างชาติอเมริกาและฝรั่งเศสรวมฝรั่งอื่นๆทั้งหมดเห็นสิ่งนี้ด้วยจึงวางแผนล่วงหน้าไว้แล้วก่อนเขมรเปิดสงครามยิงก่อนอีก,ก่อนหาวิธีการให้อุ๊งอิ๊งรอดภาระหนักสาระพัดเรื่องตอบออกไปก่อนอุ้มลูกอุ้มหลานอังเคิลลงก่อนให้ตัวแทนมาตายแทนมารับผืดชอบตอบไขปัญหาสู้กับสื่อแทนคือลอยตัวนั้นเอง ไม่ต้องรับผิดชอบในฐานะนายกฯเพราะพักงานทันก่อนจุดฉนวนก่อเหตุ,คือพื้นๆมากนั้นเอง ละครกำกับฉากโดยciaอเมริกาก็ด้วย.
    ..สรุปทหารไทยประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศทันทีจะตัดตอนหลากหลายกลยุทธของภัยร้ายต่ออธิปไตยชาติไทยเราได้เกือบทั้งหมด,มาเลย์โดยciaกำกับจะลุกรานทางภาคใต้เราอีก,ตีทั้งอีสานใต้เรา ตีทั้งภาคใต้เรา,โดยใช้ตัวแทนอย่างเขมรอย่างมาเลย์เป็นตัวเล่นตัวปั่นป่วนให้ไทยเราไม่สงบสุข,

    https://youtube.com/watch?v=_J1AG9qoe_8&si=ijHhDMxNvN8qEGvO
    ชัดเจนขนาดนี้จะพูดอะไรได้อีก จะให้เข้าใจอะไรได้อีก ,รัฐบาลไร้แอ็คชั่นเชิงรุกต่อเขมรและนายกฯชุดทั้งรัฐบาลชุดนี้คือพรรคหลักและพรรคร่วมรวมเป็นชุดรัฐบาลนี้โดยมีผู้นำและที่ปรึกษานายกฯอยู่รอบตัวด้วยทำเอาคลิปหรือเหตุจากคลิปหลุดนั้นให้เข้าใจและเชื่อเป็นอย่างอื่นว่าแกนนำนายกฯรัฐบาลชุดนี้ทั้งคณะไม่มีความซื่อสัตย์ต่อประเทศและไม่จริงใจอะไรต่อทหารไทยตนที่ทำหน้าที่ปกป้องประเทศกำจัดศัตรูที่รุกรานจริง,แต่เสือกอ้อแอ้ทำกิริยาหมาเลียปากกับเขมรกัดคนไทยจนตายด้วย,ใช้ไม่ได้อะไรเลยในการจะสนับสนุนทหารไทยตนเต็มที่เช่นกัน,ไม่ดำเนินเชิงรุกเชิงกำจัดภัยบ้านภัยเมืองภัยชาติของตน,เหลาะแหละอ่อนกากกระจอกแต่เสือกยังอยากอยู่บริหารจัดการประเทศ,พรรคร่วมทั้งหมดก็ด้วย สส.พรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดคือพวกเดียวกันด้วยร่วมขัดขวางทหารไทยตนในการกำจัดศัตรูชาติตนให้เด็ดขาดด้วย,รัฐบาลหมดสิ้นประสิทธิภาพ ไร้ฝีมือปกป้องชาติ ไร้ฝีมือไร้ความสามารถกำจัดภัยร้ายจริงของชาติไทยตนให้สิ้นซากมิให้มารุกรานไทยตนซ้ำซากเหมือนในอดีตจนลุกลามใหญ่โตถึงปัจจุบัน และยังยั่วยุอยู่ตลอดเวลาแต่รัฐบาลกลับให้ทหารไทยตนปฏิบัติลำบากเสมือนช่วยเขมรภัยรุกรานแผ่นดินไทยตนนั้นเอง,ลวดหนามยังสั่งเบรคแสดงความไม่พอใจใช้ได้ที่ไหน,ตนต้องสั่งจัดการขั้นตอนที่ยาวให้สั้นลง,จึงทันกาลต่อภัยเบื้องหน้าที่เผชิญอยู่ระเบียบบ้าบอทางราชการเก็บพับไว้ก่อน เปิดทางให้โล่ง หมวกทหารที่กันหนังสติ๊กก็สั่งสนับสนุนให้ทหารมีทุกๆคนเพื่อปกป้องร่างกายทหารตน ไม่ยิงใส่หัวกระโหลกแตกกระโหลกยุบได้ ถึงอักเสบถึงพิการทางสมองทางร่างกายถึงตายก็ได้แบบระเบิดปิงปองใส่หนังสติ๊กหรือหินพิเศษทะลุให้เจ็บพิการอักเสบได้,การสนับสนุนทางทหารในภาวะผิดปกตินี้มากมายหลากหลายมิติต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ทหารขาดอะไรต้องเรียลไทม์ตอบสนองทันทีเพื่อปกป้องและกำจัดผู้เป็นภัยต่ออธิปไตยชาติตน,การปกป้องอธิปไตยไทยถือว่ารัฐบาลนี้ล้มเหลว ต้องออกไปทั้งชุดรัฐบาลก่อนมีความผิดมากมายกว่านี้ซึ่งกูรูคนเก่งคนมีความสามารถมากมายบนแผ่นดินไทยเห็นเหตุเห็นหลักฐานเห็นพยานเห็นนัยยะชั่วเลวที่แอบแฝงได้หมดสิ้นล่ะ,อาจประหารชีวิตทั้งชุดสส.ชุดรัฐบาลนี้ด้วยข้อหาเจตนาทำให้สูญเสียดินแดนอธิปไตยชาติไทยตนทั้งคณะรัฐบาล อาทิเช่นพยายามตั้งใจกอด1:200,000ไว้ผิดปกติ ทั้งที่ทหารไทย ทหารลาว ทหารเวียดนามต่างร่วมกันใช้1:50,000เป็นเขตแดน,กอดmou43และ44อย่างมุ่งมั่นตั้งใจกอดทั้งที่เขมรผิดข้อตกลงแล้ว เมื่อผิดข้อตกลงใดๆอีกฝ่ายสามารถยกเลิกข้อตกลงนั้นทั้งหมด,ตลอดสอดไส้ทำร้ายจิตใจคนไทยทั้งประเทศที่ไม่สนับสนุนให้คนเขมน ทหารเขมรที่มิใช่เชลยศึกเสือกไปสอดไส้ตกลงในการเจรจาที่มาเลย์รับคนเขมร ทหารเขมรมารักษาในโรงพยาบาลไทย ทั้งที่มันเปิดสงครามก่อนยิงโรงพยาบาลไทยโรงเรียนไทยปั้มน้ำมันไทยบ้านเรือนคนไทยตายคา7/11เกือบหมดครอบครัวและเด็กเล็กๆไทยอีก รัฐบาลไทยชุดนี้ทรยศประชาชนคนไทยชัดเจน ทำทุกๆวิถีทางอำนวยอวยเขมร หมดสิ้นความไว้วางใจใดๆต่อรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งสำนึกคนปกติธรรมดาพึ่งรับรู้เป็นปกติได้ว่า,รัฐบาลสมควรหมดอำนาจไป,ออกไปจากอำนาจ,แค่คลิปเสียงก็เข้าข่ายกบฎทรยศต่ออธิปไตยตนแล้ว,คือกบฎทั้งชุดรัฐบาลนี้พรรคหลักพรรคร่วมคือคนกบฎต่ออธิปไตยไทย สส.รัฐบาลคือกบฎต่ออธิปไตยไทย,ไม่มีสส.คนใดในฝ่ายรัฐบาลลาออกใดๆที่เขมรเปิดก่อน,รัฐบาลนี้ล้มเหลวในการปกป้องรักษาอธิปไตยไทยตน,และไม่เคยมีกูรูคนดังมากมายขนาดนี้แสดงความคิดเห็นหนักหน่วงด่าว่ารัฐบาลอย่างเปิดเผยมากมายเหมือนรัฐบาลชุดนีั,เช่นคุณวีระชี้ชัดว่ารัฐบาลนี้ขายชาติขายผลประโยชน์ประเทศเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวในทรัพยากรมีค่ามากมายแบบบ่อน้ำมันในอ่าวไทยที่หากใช้1:200,000สำเร็จพื้นที่ดินแดน เขมรจะขีดกินพื้นที่มากมายเข้ามาในอ่าวไทยปกติของเดิมเป็นพื้นที่อันกว้างใหญ่ เขมรจะได้ประโยชน์ในทรัยากรมีค่ามากมายในอ่าวไทยที่ขีดลุกล้ำได้มาเพิ่มนั้นตีมูลค่าแค่น้ำมันกว่า10ล้านล้านบาท ทรัพยากรอื่นๆอีกทั้งหมดรวมกันไม่น้อยกว่า100ล้านล้านตลอดแนวพรมแดนที่เขมรได้เข้ามากินพื้นที่เข้ามาจากเขตแดนของประเทศปกติ,เพชรพลอยทองคำแร่เอิร์ดทรัพยากรมีค่ามากมายในพื้นที่ภูเขาพื้นที่พรมแดนถึงอ่าวไทยจะเป็นผลประโยชน์มหาศาลนั้นเอง,ต่างชาติอเมริกาและฝรั่งเศสรวมฝรั่งอื่นๆทั้งหมดเห็นสิ่งนี้ด้วยจึงวางแผนล่วงหน้าไว้แล้วก่อนเขมรเปิดสงครามยิงก่อนอีก,ก่อนหาวิธีการให้อุ๊งอิ๊งรอดภาระหนักสาระพัดเรื่องตอบออกไปก่อนอุ้มลูกอุ้มหลานอังเคิลลงก่อนให้ตัวแทนมาตายแทนมารับผืดชอบตอบไขปัญหาสู้กับสื่อแทนคือลอยตัวนั้นเอง ไม่ต้องรับผิดชอบในฐานะนายกฯเพราะพักงานทันก่อนจุดฉนวนก่อเหตุ,คือพื้นๆมากนั้นเอง ละครกำกับฉากโดยciaอเมริกาก็ด้วย. ..สรุปทหารไทยประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศทันทีจะตัดตอนหลากหลายกลยุทธของภัยร้ายต่ออธิปไตยชาติไทยเราได้เกือบทั้งหมด,มาเลย์โดยciaกำกับจะลุกรานทางภาคใต้เราอีก,ตีทั้งอีสานใต้เรา ตีทั้งภาคใต้เรา,โดยใช้ตัวแทนอย่างเขมรอย่างมาเลย์เป็นตัวเล่นตัวปั่นป่วนให้ไทยเราไม่สงบสุข, https://youtube.com/watch?v=_J1AG9qoe_8&si=ijHhDMxNvN8qEGvO
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 277 มุมมอง 0 รีวิว
  • 7 สิงหาคม วันรพี น้อมรำลึกถึง พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ผู้ทรงได้รับการยกย่องให้เป็น "พระบิดาแห่งกฎหมายไทย" ทรงเป็นนักนิติศาสตร์ และทรงวางระบบแบบแผน ศาลยุติธรรม ทรงจัดตั้งโรงเรียนกฎหมายในประเทศไทย อันเป็นประโยชน์ใหญ่ยิ่งแก่ประเทศชาติ
    สั่งออนไลน์ ลิงค์อยู่ในช่องแสดงความคิดเห็น
    7 สิงหาคม วันรพี น้อมรำลึกถึง พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ผู้ทรงได้รับการยกย่องให้เป็น "พระบิดาแห่งกฎหมายไทย" ทรงเป็นนักนิติศาสตร์ และทรงวางระบบแบบแผน ศาลยุติธรรม ทรงจัดตั้งโรงเรียนกฎหมายในประเทศไทย อันเป็นประโยชน์ใหญ่ยิ่งแก่ประเทศชาติ สั่งออนไลน์ ลิงค์อยู่ในช่องแสดงความคิดเห็น
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประตูเปิดทางทิศเหนือ

    เดือนนี้ ธุรกิจส่งออก ร้านอาหาร งานบริการ จะมีชื่อเสียง งานติดต่อประสานงาน การเจรจาสิ่งใหม่ๆ จะได้พบ ในสิ่งที่ดี แต่ค้าเหล็กโลหะ อาวุธสงคราม หม้อต้มไฟฟ้า หรือถังแก๊ส ระวังจะเกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้อย่างรุนแรง ควรหากิจกรรมต่างๆหรือประชุมเพื่อระดมสมองแสดงความคิดเห็น จะได้เกิดแนวความคิดใหม่ๆสร้างสรรค์ให้ กับองค์กรจึงก่อเกิดผลประโยชน์ติดตามมา หากเดินทางจะมีโชคลาภได้รับข่าวจากแดนไกล เพื่อนใหม่ๆจะเข้า มาเยี่ยมเยือน ปัญหาเก่าเก็บจะคลี่คลาย แต่ความลับในเรื่องชู้สาวที่ปกปิดจะถูกเปิดเผยให้เป็นที่รับรู้โดยทั่วไป ระวังจะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เสียเลือดเสียเนื้อจากโลหะของมีคม

    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    ประตูเปิดทางทิศเหนือ เดือนนี้ ธุรกิจส่งออก ร้านอาหาร งานบริการ จะมีชื่อเสียง งานติดต่อประสานงาน การเจรจาสิ่งใหม่ๆ จะได้พบ ในสิ่งที่ดี แต่ค้าเหล็กโลหะ อาวุธสงคราม หม้อต้มไฟฟ้า หรือถังแก๊ส ระวังจะเกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้อย่างรุนแรง ควรหากิจกรรมต่างๆหรือประชุมเพื่อระดมสมองแสดงความคิดเห็น จะได้เกิดแนวความคิดใหม่ๆสร้างสรรค์ให้ กับองค์กรจึงก่อเกิดผลประโยชน์ติดตามมา หากเดินทางจะมีโชคลาภได้รับข่าวจากแดนไกล เพื่อนใหม่ๆจะเข้า มาเยี่ยมเยือน ปัญหาเก่าเก็บจะคลี่คลาย แต่ความลับในเรื่องชู้สาวที่ปกปิดจะถูกเปิดเผยให้เป็นที่รับรู้โดยทั่วไป ระวังจะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เสียเลือดเสียเนื้อจากโลหะของมีคม ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยูโรโทปิคส์ แพลตฟอร์มออนไลน์ที่รวบรวมข่าวสารเกี่ยวกับยุโรป เผยแพร่รายงานของสื่อมวลชนตะวันตกหลายสำนัก ที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชา ในนั้นบางส่วนเชื่อว่ามันช่วยหยุดความขัดแย้งได้เพียงแค่ชั่วคราว และปฏิเสธภาพลักษณ์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ในฐานะเป็นคนกลางสันติภาพ ชี้ผู้นำรายนี้ไม่ได้ทำให้โลกปลอดภัยขึ้น หนำซ้ำยังอันตรายมากกว่าเดิม
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000072304

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ยูโรโทปิคส์ แพลตฟอร์มออนไลน์ที่รวบรวมข่าวสารเกี่ยวกับยุโรป เผยแพร่รายงานของสื่อมวลชนตะวันตกหลายสำนัก ที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชา ในนั้นบางส่วนเชื่อว่ามันช่วยหยุดความขัดแย้งได้เพียงแค่ชั่วคราว และปฏิเสธภาพลักษณ์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ในฐานะเป็นคนกลางสันติภาพ ชี้ผู้นำรายนี้ไม่ได้ทำให้โลกปลอดภัยขึ้น หนำซ้ำยังอันตรายมากกว่าเดิม . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000072304 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 883 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากภาพลวงตา: เมื่อภาพถ่ายกลายเป็นสนามรบของความจริง
    Microsoft ได้เปิดตัวเว็บไซต์เกม “Real or Not” ที่ให้ผู้ใช้ทดสอบความสามารถในการแยกแยะภาพจริงกับภาพที่สร้างโดย AI โดยใช้ภาพจากคลังภาพถ่ายและโมเดล AI หลายตัว เช่น Flux Pro และ GAN deepfakes

    จากการศึกษาภาพกว่า 287,000 ภาพ โดยผู้เข้าร่วม 12,500 คนทั่วโลก พบว่า:
    - คนทั่วไปสามารถแยกแยะภาพจริงจากภาพปลอมได้ถูกต้องเพียง 63%
    - ภาพที่สร้างโดย GAN ซึ่งเน้นเฉพาะใบหน้าหรือใช้เทคนิค inpainting หลอกผู้ชมได้ถึง 55%
    - ภาพจริงบางภาพกลับถูกเข้าใจผิดว่าเป็นภาพปลอม โดยเฉพาะภาพที่มีแสง สี หรือมุมกล้องแปลกตา เช่น ภาพทหารในสถานการณ์พิเศษ

    Microsoft ยังเผยว่าเครื่องมือตรวจจับภาพปลอมที่กำลังพัฒนาอยู่สามารถแยกแยะได้แม่นยำถึง 95% ซึ่งเหนือกว่าความสามารถของมนุษย์อย่างชัดเจน

    Microsoft เปิดตัวเว็บไซต์ “Real or Not” เพื่อทดสอบการแยกแยะภาพจริงกับภาพที่สร้างโดย AI
    ใช้ภาพจากคลังภาพถ่ายและโมเดล AI เช่น Flux Pro และ GAN deepfakes
    ผู้ใช้ต้องเลือกว่าภาพที่เห็นเป็นของจริงหรือของปลอม

    ผลการศึกษาจากภาพ 287,000 ภาพ โดยผู้เข้าร่วม 12,500 คนทั่วโลก
    ผู้ใช้สามารถแยกแยะภาพได้ถูกต้องเฉลี่ย 63%
    ภาพใบหน้าที่สร้างโดย GAN หลอกผู้ชมได้ถึง 55%

    ภาพจริงบางภาพกลับถูกเข้าใจผิดว่าเป็นภาพปลอม
    เช่น ภาพทหารในสถานการณ์แสงและสีแปลกตา
    แสดงให้เห็นว่าความแปลกของภาพจริงอาจทำให้คนสงสัยว่าเป็นภาพปลอม

    AI ที่ Microsoft กำลังพัฒนาสามารถตรวจจับภาพปลอมได้แม่นยำถึง 95%
    ใช้เทคนิคการวิเคราะห์ระดับพิกเซลและความถี่ของภาพ
    มีความแม่นยำสูงกว่าการตัดสินใจของมนุษย์

    Flux Pro AI สามารถสร้างภาพที่ดูเหมือนถ่ายจากมือถือทั่วไปได้
    ลดความเรียบเนียนเกินจริงของภาพ AI แบบเดิม
    ทำให้ภาพปลอมดูเหมือนภาพจริงในชีวิตประจำวันมากขึ้น

    ภาพที่สร้างโดย AI มีความสมจริงมากขึ้นจนยากต่อการตรวจจับด้วยสายตา
    ผู้ใช้ทั่วไปอาจถูกหลอกโดยภาพที่ดูเหมือนภาพถ่ายจริง
    ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของข้อมูลภาพในสื่อสังคมและข่าวสาร

    ภาพจริงที่มีองค์ประกอบแปลกตาอาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นภาพปลอม
    เช่น ภาพที่มีแสงผิดธรรมชาติหรือมุมกล้องไม่คุ้นเคย
    อาจทำให้เกิดการปฏิเสธข้อมูลที่เป็นความจริง

    การใช้ภาพปลอมเพื่อสร้างความเข้าใจผิดอาจนำไปสู่การเผยแพร่ข้อมูลเท็จ
    โดยเฉพาะในบริบททางการเมืองหรือข่าวปลอม
    เสี่ยงต่อการบิดเบือนความคิดเห็นสาธารณะ

    การพัฒนา AI ที่ตรวจจับภาพปลอมยังต้องการการปรับปรุงเพื่อรองรับโมเดลใหม่ๆ
    โมเดล GAN ใหม่ๆ อาจหลบเลี่ยงการตรวจจับได้
    ต้องมีการอัปเดตระบบตรวจจับเป็นประจำ

    https://www.techspot.com/news/108862-think-you-can-tell-fake-image-real-one.html
    🧠 เรื่องเล่าจากภาพลวงตา: เมื่อภาพถ่ายกลายเป็นสนามรบของความจริง Microsoft ได้เปิดตัวเว็บไซต์เกม “Real or Not” ที่ให้ผู้ใช้ทดสอบความสามารถในการแยกแยะภาพจริงกับภาพที่สร้างโดย AI โดยใช้ภาพจากคลังภาพถ่ายและโมเดล AI หลายตัว เช่น Flux Pro และ GAN deepfakes จากการศึกษาภาพกว่า 287,000 ภาพ โดยผู้เข้าร่วม 12,500 คนทั่วโลก พบว่า: - คนทั่วไปสามารถแยกแยะภาพจริงจากภาพปลอมได้ถูกต้องเพียง 63% - ภาพที่สร้างโดย GAN ซึ่งเน้นเฉพาะใบหน้าหรือใช้เทคนิค inpainting หลอกผู้ชมได้ถึง 55% - ภาพจริงบางภาพกลับถูกเข้าใจผิดว่าเป็นภาพปลอม โดยเฉพาะภาพที่มีแสง สี หรือมุมกล้องแปลกตา เช่น ภาพทหารในสถานการณ์พิเศษ Microsoft ยังเผยว่าเครื่องมือตรวจจับภาพปลอมที่กำลังพัฒนาอยู่สามารถแยกแยะได้แม่นยำถึง 95% ซึ่งเหนือกว่าความสามารถของมนุษย์อย่างชัดเจน ✅ Microsoft เปิดตัวเว็บไซต์ “Real or Not” เพื่อทดสอบการแยกแยะภาพจริงกับภาพที่สร้างโดย AI ➡️ ใช้ภาพจากคลังภาพถ่ายและโมเดล AI เช่น Flux Pro และ GAN deepfakes ➡️ ผู้ใช้ต้องเลือกว่าภาพที่เห็นเป็นของจริงหรือของปลอม ✅ ผลการศึกษาจากภาพ 287,000 ภาพ โดยผู้เข้าร่วม 12,500 คนทั่วโลก ➡️ ผู้ใช้สามารถแยกแยะภาพได้ถูกต้องเฉลี่ย 63% ➡️ ภาพใบหน้าที่สร้างโดย GAN หลอกผู้ชมได้ถึง 55% ✅ ภาพจริงบางภาพกลับถูกเข้าใจผิดว่าเป็นภาพปลอม ➡️ เช่น ภาพทหารในสถานการณ์แสงและสีแปลกตา ➡️ แสดงให้เห็นว่าความแปลกของภาพจริงอาจทำให้คนสงสัยว่าเป็นภาพปลอม ✅ AI ที่ Microsoft กำลังพัฒนาสามารถตรวจจับภาพปลอมได้แม่นยำถึง 95% ➡️ ใช้เทคนิคการวิเคราะห์ระดับพิกเซลและความถี่ของภาพ ➡️ มีความแม่นยำสูงกว่าการตัดสินใจของมนุษย์ ✅ Flux Pro AI สามารถสร้างภาพที่ดูเหมือนถ่ายจากมือถือทั่วไปได้ ➡️ ลดความเรียบเนียนเกินจริงของภาพ AI แบบเดิม ➡️ ทำให้ภาพปลอมดูเหมือนภาพจริงในชีวิตประจำวันมากขึ้น ‼️ ภาพที่สร้างโดย AI มีความสมจริงมากขึ้นจนยากต่อการตรวจจับด้วยสายตา ⛔ ผู้ใช้ทั่วไปอาจถูกหลอกโดยภาพที่ดูเหมือนภาพถ่ายจริง ⛔ ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของข้อมูลภาพในสื่อสังคมและข่าวสาร ‼️ ภาพจริงที่มีองค์ประกอบแปลกตาอาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นภาพปลอม ⛔ เช่น ภาพที่มีแสงผิดธรรมชาติหรือมุมกล้องไม่คุ้นเคย ⛔ อาจทำให้เกิดการปฏิเสธข้อมูลที่เป็นความจริง ‼️ การใช้ภาพปลอมเพื่อสร้างความเข้าใจผิดอาจนำไปสู่การเผยแพร่ข้อมูลเท็จ ⛔ โดยเฉพาะในบริบททางการเมืองหรือข่าวปลอม ⛔ เสี่ยงต่อการบิดเบือนความคิดเห็นสาธารณะ ‼️ การพัฒนา AI ที่ตรวจจับภาพปลอมยังต้องการการปรับปรุงเพื่อรองรับโมเดลใหม่ๆ ⛔ โมเดล GAN ใหม่ๆ อาจหลบเลี่ยงการตรวจจับได้ ⛔ ต้องมีการอัปเดตระบบตรวจจับเป็นประจำ https://www.techspot.com/news/108862-think-you-can-tell-fake-image-real-one.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Think you can tell a fake image from a real one? Microsoft's quiz will test you
    The study found that humans can accurately distinguish real photos from AI-generated ones about 63% of the time. In contrast, Microsoft's in-development AI detection tool reportedly achieves...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 204 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนไทยเริ่มสงสัย จักรภพอยู่ฝั่งไหน? ถึงพูดแบบนี้ใน "แฉ" [26/7/68]

    #จักรภพพูดอะไร
    #อยู่ฝั่งไหนกันแน่
    #คนไทยเริ่มสงสัย
    #คำพูดสะเทือนใจ
    #รายการแฉ
    #แฉกลางจอ
    #สงครามความคิดเห็น
    #จักรภพกับท่าทีต่อเขมร
    #พูดแบบนี้เพื่อใคร
    #กัมพูชายิงก่อน
    #柬埔寨先开火 (จีน)
    #カンボジアが先に発砲 (ญี่ปุ่น)
    #캄보디아가먼저발포 (เกาหลี)
    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    #CambodiaOpenedFire
    #thaitimes
    #news1
    #shorts
    คนไทยเริ่มสงสัย จักรภพอยู่ฝั่งไหน? ถึงพูดแบบนี้ใน "แฉ" [26/7/68] #จักรภพพูดอะไร #อยู่ฝั่งไหนกันแน่ #คนไทยเริ่มสงสัย #คำพูดสะเทือนใจ #รายการแฉ #แฉกลางจอ #สงครามความคิดเห็น #จักรภพกับท่าทีต่อเขมร #พูดแบบนี้เพื่อใคร #กัมพูชายิงก่อน #柬埔寨先开火 (จีน) #カンボジアが先に発砲 (ญี่ปุ่น) #캄보디아가먼저발포 (เกาหลี) #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #thaitimes #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เพจเวียดนาม
    โพสต์ภาพ F 16 +ไข่ยักษ์ เขียนข้อความว่าสวัสดีฮุนเซ็น พร้อม ค..

    และยังบอกอีกว่า
    เราแค่มีความคิดเห็นไม่ตรงกันเรื่องฟุตบอล แต่ไม่ว่าเมื่อไหร่ ความเป็นพี่น้องของเรายังเหมือนเดิมเสมอ
    .
    https://www.facebook.com/share/p/1Z1q12tc1x/
    เพจเวียดนาม โพสต์ภาพ F 16 +ไข่ยักษ์ เขียนข้อความว่าสวัสดีฮุนเซ็น พร้อม ค.. และยังบอกอีกว่า เราแค่มีความคิดเห็นไม่ตรงกันเรื่องฟุตบอล แต่ไม่ว่าเมื่อไหร่ ความเป็นพี่น้องของเรายังเหมือนเดิมเสมอ 🇹🇭🇻🇳 . https://www.facebook.com/share/p/1Z1q12tc1x/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 333 มุมมอง 0 รีวิว
  • โลกของ “สาธารณสุขระหว่างประเทศ”: ระหว่างชีวิตและอำนาจ

    อดิเทพ จาวลาห์
    https://linktr.ee/chawlaadithep
    ต้นฉบับ: https://www.rookon.com/?p=1330

    เช่นเดียวกับด้านอื่นของการแพทย์ สาธารณสุขก็เป็นเรื่องของ “ชีวิตและความตาย” สิ่งที่แตกต่างคือมันถูกจัดการในระดับกลุ่มและสเกลงานระดับนานาชาติ เมื่อมีเงินก้อนใหญ่—เป็นล้านดอลลาร์ —ถูกจัดสรรไปยังโครงการใดโครงการหนึ่ง ผลลัพธ์อาจเป็นชีวิตที่รอดมากมาย หรือในทางตรงกันข้าม อาจมีชีวิตสูญเสีย และความโศกเศร้าเข้ามาแทนที่ หากเงินนั้นไม่ได้ถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือถูกเบี่ยงเบนไปยังสิ่งที่ก่อให้เกิดอันตราย

    การจัดการกับเรื่องเหล่านี้ส่งผลโดยตรงต่อ “อีโก้” ของผู้เกี่ยวข้อง เนื่องจากมนุษย์มักให้คุณค่ากับตัวเอง เมื่รู้สึกว่า ตนมีอำนาจที่สามารถส่งผลต่อชีวิตผู้อื่น เมื่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับนานาชาติได้รับการยกย่องและชมเชยจากสื่อและผู้คน—ที่มักได้เห็นเพียงภาพเด็กผิวสีจำนวนมาก 🧒🏾👧🏾ยืนเข้าคิวเพื่อรอรับการช่วยเหลือจากคนในเสื้อกั๊กสีขาวที่มีตราโลโก้เจ๋งๆ —ภาพนี้สร้างความรู้สึก “ยิ่งใหญ่” ขึ้นในใจของพวกเขา ขณะที่ด้านที่เป็นความจริง เช่น เงินเดือนสูงที่มักได้รับการยกเว้นภาษี การเดินทางระหว่างประเทศ พักในโรงแรมห้าดาว บางครั้งถูกปิดบังไม่ให้เป็นเรื่องหลักในสายตาประชาชน ซึ่งผมไม่ได้เกียงสิ่งเหล่านั้น แต่หากคุณศึกษาข้อมูลการใช้เงินของหน่วยงานเหล่านี้ คุณจะตกใจว่า เงินส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับการเดินทางและความสะดวกสบายของเจ้าหน้าที่ เป็นหลัก

    ผลคือ “แรงจูงใจทางอีโก้” ถูกเสริมทัพ ทำให้เจ้าหน้าด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ รวมทั้งในประเทศมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง มองว่าค่านิยมของตนดีเลิศจนพร้อมบังคับใช้สิ่งเหล่านั้นกับ “เป้าหมาย” ของงาน ไม่ว่าจะเป็นชุมชนใด เมื่อการงานของพวกเขาดูเหมือนมีคุณค่ามากกว่าการเลี้ยงลูก หรือการทำงานปกติในหมู่บ้าน หรือแม้กระทั่งพนักงานต้อนรับที่สนามบิน — พวกเขาจึงรู้สึกว่าการตัดสินใจแทนผู้อื่นนั้นช่าง “ชอบธรรม” เสียยิ่งนัก

    ตัวอย่างชัดๆ จากองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกยอมรับค่านิยมตะวันตกอย่างสุดโต่ง

    เมื่อทุนใหญ่เข้ามาคุมเกม

    ความซับซ้อนยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อแหล่งเงินทุนหลักมีวาระผลประโยชน์ทางธุรกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่ชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น WHO มีงบประมาณมากกว่า 75% ที่ถูกกำหนดโดยผู้ให้ทุน ซึ่งมักเป็นฝ่ายที่ได้รับผลประโยชน์จากนโยบายเหล่านั้น เช่นบริษัทผู้ผลิตวัคซีนที่อาจได้กำไรจากการผลักดันวัคซีนใหม่ๆ

    องค์กรขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการรับมือโควิด เช่น GAVI และ CEPI ถูกตั้งขึ้นโดยกลุ่มทุนเอกชนและภาคธุรกิจ หลังจากวิกฤติ พวกเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของตารางบอร์ด และมี “สิทธิในการ” กำหนดทิศทางโครงการระดับโลก

    เมื่อการบรรจุทุนเชิงพาณิชย์และการเมืองเข้าไปอยู่ใต้ร่มของ “สาธารณสุข” เนื้อหาของงานก็เปลี่ยนจากการช่วยชีวิต มาเป็นการผลักดันวาระที่อาจไม่เกี่ยวกับสาธารณสุข แต่คือการหาผลประโยชน์มากกว่า และกำไรนานาประเภท

    แรงงานที่ “ถูกจับแต่เต็มใจ”

    ในธุรกิจ เราโฆษณาสินค้าและหวังว่าลูกค้าจะสนใจ เพราะนั่นคือความเสี่ยงและต้นทุน แต่หากสินค้านั้นถูก “บังคับให้ซื้อ” โดยกลไกของรัฐหรือองค์กร ไม่มีทางเลือก ไม่มีความรับผิดชอบต่อผลที่ตามมา แถมถ้าความเสียหายเกิด—คุณก็ไม่รับผิดชอบ

    สิ่งนี้คือ “การพิมพ์เงิน” แบบไร้ความเสี่ยง และเพื่อให้ระบบนี้เดินไปได้ ต้องมี “แรงงาน” ที่พร้อมเป็นเครื่องมือ ผลิตภัณฑ์ และต้องมีพร่ำบรรยายหน้าแผงข่าวอย่างไม่ผิดพลาด

    ประวัติศาสตร์ที่น่ากลัวของสาธารณสุข

    ประวัติศาสตร์สาธารณสุขในสหรัฐฯ ยังเคยถูกใช้สนับสนุนนโยบายเชิงเหยียดเชื้อชาติและยูจีนิกส์ (Eugenics) ที่บังคับให้กลุ่มคนบางกลุ่ม เช่น คนเชื้อสายคนพื้นเมือง หรือผู้ที่มีความบกพร่องบางอย่าง ถูกคุมขัง ทำหมัน และปล่อยให้ตายต่ำกว่ามาตรฐานสุขภาพ แนวคิดนี้ยังถูกปลูกฝังในรั้วมหาวิทยาลัย เช่น ห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัย Johns Hopkins

    ถึงแม้ในยุโรป เช่นอิตาลีและเยอรมนี ยุคฟาสซิสต์ก็ใช้สาธารณสุขในการฆาตกรรมกลุ่มชาติพันธุ์ที่ “ด้อยกว่า” —จากการคัดกรองทางพันธุกรรม จนถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จริงๆ และเรื่องนี้ยังดำเนินต่อเนื่องไปหลังสงครามโลกครั้งที่สอง—อย่างเคส Tuskegee ที่ใช้ฐานข้อมูลทางการแพทย์ล่วงละเมิดความเป็นมนุษย์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ถูกศึกษา 👨🏿‍⚕️

    อีโก้ ความเชื่อ และการบังคับใช้

    แพทย์และพยาบาลในช่วงเวลานั้นเชื่อมั่นว่าตนเองทำ “สิ่งที่ถูกต้อง” จะช่วยกวาดล้าง “ความต่ำช้า” ออกจากสังคม แต่สุดท้ายพวกเขากลายเป็นเครื่องมือของโครงสร้างอำนาจ ที่มองไม่เห็นว่าตนกำลังทำร้ายมนุษย์อย่างไร้ความปราณี

    ในระบบที่มีลำดับขั้น ผู้ปฏิบัติงานจะยิ่งมีจิตวิทยาที่ทำให้ “เชื่อฟัง” และ “ยึดมั่นในระบบ” เมื่อพวกเขาได้รับการฝึกให้เชื่อใน “ความดีขั้นสูง” ของระบบ และเชื่อว่าการบังคับใช้มาตรการแข็ง หรือการจำกัดทางเลือกของประชาชน ล้วนเพื่อ “ประโยชน์สุขของส่วนรวม”

    ทางออกอยู่ที่การให้สิทธิ์และอำนาจ

    ในขณะที่ระบบนี้ขยายอำนาจการควบคุม แนวทางที่แท้จริงของ “สุขภาพ” กลับเป็นเรื่องของความเป็นอยู่ทางจิต ใจ และสังคม ที่ต้องการ “สิทธิ์ในการเลือก”

    เมื่อคนมีอำนาจของตนเองได้กำหนดการรักษา ได้เลือกแนวทางที่เหมาะสมกับพื้นฐานชีวิตของตน และไม่ถูกบังคับจากส่วนกลาง สิ่งนี้เองคือรากฐานของสุขภาพที่แท้จริง

    แต่เมื่อระบบลุกลามไปยังการบังคับและการจำกัดเสรีภาพ—ไม่ว่าจะทางกฎหมายหรือทางวัฒนธรรม—มันคือต

    ตัวบ่อนทำลายระบบสุขภาพ และทำให้มนุษย์กลายเป็นเพียงเครื่องมือของอำนาจ

    สรุปและแนวทางปลุกพลัง

    * สำรวจระบบสาธารณสุขในมิติใหม่ ทั้งในแง่ของอำนาจทุน และโครงสร้างอำนาจ
    * เข้าใจว่าหลายสิ่งถูกออกแบบมาเพื่อชิงผลประโยชน์ ไม่ใช่เพื่อความเป็นอยู่ของแท้
    * เห็นบทเรียนจากประวัติศาสตร์ว่าการใช้อำนาจโดยไม่ตรวจสอบนำไปสู่หายนะได้จริง
    * ตระหนักถึงอีโก้ของผู้ปฏิบัติงานและอันตรายจากระบบลำดับขั้น
    * ร่วมเรียกร้องให้ทุกคนมีสิทธิ์เลือกในสิ่งที่เกี่ยวกับสุขภาพของตนเอง
    * ปลูกจิตสำนึกให้สังคมไม่ถูกควบคุม แต่มีศักดิ์ศรีและความเป็นมนุษย์ 🧑🏽‍🤝‍🧑🏼

    สุดท้าย… การจะสร้างระบบสุขภาพที่ดีต้องเริ่มจาก “ประชาชนทุกคน” ที่ลุกขึ้นมามีเสียง มีสิทธิ์ มีอำนาจแสดงความคิดเห็น และร่วมกันสร้างระบบที่เคารพสิทธิและความต้องการของทุกคนอย่างแท้จริง

    ดังนั้นการเงียบเฉยคือการปล่อยให้ผู้มีอำนาจกระทำผิดต่ออย่างไม่รู้จบ
    https://www.facebook.com/share/p/1Bmr3SPLx7/
    🌍 โลกของ “สาธารณสุขระหว่างประเทศ”: ระหว่างชีวิตและอำนาจ 🧠💉 ✍️ อดิเทพ จาวลาห์ 🔗 https://linktr.ee/chawlaadithep 📖 ต้นฉบับ: https://www.rookon.com/?p=1330 เช่นเดียวกับด้านอื่นของการแพทย์ 🏥 สาธารณสุขก็เป็นเรื่องของ “ชีวิตและความตาย” สิ่งที่แตกต่างคือมันถูกจัดการในระดับกลุ่มและสเกลงานระดับนานาชาติ 🌐 เมื่อมีเงินก้อนใหญ่—เป็นล้านดอลลาร์ 💵—ถูกจัดสรรไปยังโครงการใดโครงการหนึ่ง ผลลัพธ์อาจเป็นชีวิตที่รอดมากมาย 🙌 หรือในทางตรงกันข้าม อาจมีชีวิตสูญเสีย และความโศกเศร้าเข้ามาแทนที่ 😢 หากเงินนั้นไม่ได้ถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือถูกเบี่ยงเบนไปยังสิ่งที่ก่อให้เกิดอันตราย ⚠️ การจัดการกับเรื่องเหล่านี้ส่งผลโดยตรงต่อ “อีโก้” ของผู้เกี่ยวข้อง 🧠 เนื่องจากมนุษย์มักให้คุณค่ากับตัวเอง เมื่รู้สึกว่า ตนมีอำนาจที่สามารถส่งผลต่อชีวิตผู้อื่น 🧍‍♀️🧍‍♂️ เมื่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับนานาชาติได้รับการยกย่องและชมเชยจากสื่อและผู้คน—ที่มักได้เห็นเพียงภาพเด็กผิวสีจำนวนมาก 🧒🏾👧🏾ยืนเข้าคิวเพื่อรอรับการช่วยเหลือจากคนในเสื้อกั๊กสีขาวที่มีตราโลโก้เจ๋งๆ 👕—ภาพนี้สร้างความรู้สึก “ยิ่งใหญ่” ขึ้นในใจของพวกเขา ✨ ขณะที่ด้านที่เป็นความจริง เช่น เงินเดือนสูงที่มักได้รับการยกเว้นภาษี 💰 การเดินทางระหว่างประเทศ ✈️ พักในโรงแรมห้าดาว 🏨 บางครั้งถูกปิดบังไม่ให้เป็นเรื่องหลักในสายตาประชาชน ซึ่งผมไม่ได้เกียงสิ่งเหล่านั้น แต่หากคุณศึกษาข้อมูลการใช้เงินของหน่วยงานเหล่านี้ 📊 คุณจะตกใจว่า เงินส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับการเดินทางและความสะดวกสบายของเจ้าหน้าที่ เป็นหลัก 🚗🍽️ ผลคือ “แรงจูงใจทางอีโก้” ถูกเสริมทัพ 💪 ทำให้เจ้าหน้าด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ รวมทั้งในประเทศมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง ⬆️ มองว่าค่านิยมของตนดีเลิศจนพร้อมบังคับใช้สิ่งเหล่านั้นกับ “เป้าหมาย” ของงาน 🎯 ไม่ว่าจะเป็นชุมชนใด เมื่อการงานของพวกเขาดูเหมือนมีคุณค่ามากกว่าการเลี้ยงลูก 👶 หรือการทำงานปกติในหมู่บ้าน หรือแม้กระทั่งพนักงานต้อนรับที่สนามบิน 🛫 — พวกเขาจึงรู้สึกว่าการตัดสินใจแทนผู้อื่นนั้นช่าง “ชอบธรรม” เสียยิ่งนัก 😇 ตัวอย่างชัดๆ จากองค์การอนามัยโลก (WHO) 🌏 ที่เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกยอมรับค่านิยมตะวันตกอย่างสุดโต่ง ❗ 💸 เมื่อทุนใหญ่เข้ามาคุมเกม ความซับซ้อนยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อแหล่งเงินทุนหลักมีวาระผลประโยชน์ทางธุรกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่ชัดเจน 🧩 ยกตัวอย่างเช่น WHO มีงบประมาณมากกว่า 75% ที่ถูกกำหนดโดยผู้ให้ทุน 💼 ซึ่งมักเป็นฝ่ายที่ได้รับผลประโยชน์จากนโยบายเหล่านั้น เช่นบริษัทผู้ผลิตวัคซีนที่อาจได้กำไรจากการผลักดันวัคซีนใหม่ๆ 💉💰 องค์กรขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการรับมือโควิด เช่น GAVI และ CEPI ถูกตั้งขึ้นโดยกลุ่มทุนเอกชนและภาคธุรกิจ 🏢 หลังจากวิกฤติ พวกเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของตารางบอร์ด และมี “สิทธิในการ” กำหนดทิศทางโครงการระดับโลก 🌐 เมื่อการบรรจุทุนเชิงพาณิชย์และการเมืองเข้าไปอยู่ใต้ร่มของ “สาธารณสุข” ⛱️ เนื้อหาของงานก็เปลี่ยนจากการช่วยชีวิต มาเป็นการผลักดันวาระที่อาจไม่เกี่ยวกับสาธารณสุข แต่คือการหาผลประโยชน์มากกว่า และกำไรนานาประเภท 💹 👷‍♂️ แรงงานที่ “ถูกจับแต่เต็มใจ” ในธุรกิจ เราโฆษณาสินค้าและหวังว่าลูกค้าจะสนใจ 📢 เพราะนั่นคือความเสี่ยงและต้นทุน แต่หากสินค้านั้นถูก “บังคับให้ซื้อ” โดยกลไกของรัฐหรือองค์กร 🏛️ ไม่มีทางเลือก ❌ ไม่มีความรับผิดชอบต่อผลที่ตามมา 😶 แถมถ้าความเสียหายเกิด—คุณก็ไม่รับผิดชอบ ❌ สิ่งนี้คือ “การพิมพ์เงิน” แบบไร้ความเสี่ยง 🖨️💵 และเพื่อให้ระบบนี้เดินไปได้ ต้องมี “แรงงาน” ที่พร้อมเป็นเครื่องมือ ⚙️ ผลิตภัณฑ์ และต้องมีพร่ำบรรยายหน้าแผงข่าวอย่างไม่ผิดพลาด 🗞️ 📜 ประวัติศาสตร์ที่น่ากลัวของสาธารณสุข ประวัติศาสตร์สาธารณสุขในสหรัฐฯ 🇺🇸 ยังเคยถูกใช้สนับสนุนนโยบายเชิงเหยียดเชื้อชาติและยูจีนิกส์ (Eugenics) 🧬 ที่บังคับให้กลุ่มคนบางกลุ่ม เช่น คนเชื้อสายคนพื้นเมือง หรือผู้ที่มีความบกพร่องบางอย่าง 🧑‍🦽 ถูกคุมขัง ทำหมัน และปล่อยให้ตายต่ำกว่ามาตรฐานสุขภาพ 🏚️ แนวคิดนี้ยังถูกปลูกฝังในรั้วมหาวิทยาลัย เช่น ห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัย Johns Hopkins 🏫 ถึงแม้ในยุโรป เช่นอิตาลีและเยอรมนี ยุคฟาสซิสต์ก็ใช้สาธารณสุขในการฆาตกรรมกลุ่มชาติพันธุ์ที่ “ด้อยกว่า” ☠️—จากการคัดกรองทางพันธุกรรม จนถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จริงๆ 🩸 และเรื่องนี้ยังดำเนินต่อเนื่องไปหลังสงครามโลกครั้งที่สอง—อย่างเคส Tuskegee ที่ใช้ฐานข้อมูลทางการแพทย์ล่วงละเมิดความเป็นมนุษย์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ถูกศึกษา 👨🏿‍⚕️ 🧠 อีโก้ ความเชื่อ และการบังคับใช้ แพทย์และพยาบาลในช่วงเวลานั้นเชื่อมั่นว่าตนเองทำ “สิ่งที่ถูกต้อง” ✅ จะช่วยกวาดล้าง “ความต่ำช้า” ออกจากสังคม แต่สุดท้ายพวกเขากลายเป็นเครื่องมือของโครงสร้างอำนาจ ที่มองไม่เห็นว่าตนกำลังทำร้ายมนุษย์อย่างไร้ความปราณี 🔥 ในระบบที่มีลำดับขั้น 🧱 ผู้ปฏิบัติงานจะยิ่งมีจิตวิทยาที่ทำให้ “เชื่อฟัง” และ “ยึดมั่นในระบบ” เมื่อพวกเขาได้รับการฝึกให้เชื่อใน “ความดีขั้นสูง” ของระบบ และเชื่อว่าการบังคับใช้มาตรการแข็ง หรือการจำกัดทางเลือกของประชาชน ล้วนเพื่อ “ประโยชน์สุขของส่วนรวม” 🫂 🌿 ทางออกอยู่ที่การให้สิทธิ์และอำนาจ ในขณะที่ระบบนี้ขยายอำนาจการควบคุม 🧬 แนวทางที่แท้จริงของ “สุขภาพ” กลับเป็นเรื่องของความเป็นอยู่ทางจิต ใจ และสังคม ที่ต้องการ “สิทธิ์ในการเลือก” 🗳️ เมื่อคนมีอำนาจของตนเองได้กำหนดการรักษา 🧘 ได้เลือกแนวทางที่เหมาะสมกับพื้นฐานชีวิตของตน และไม่ถูกบังคับจากส่วนกลาง สิ่งนี้เองคือรากฐานของสุขภาพที่แท้จริง 🧡 แต่เมื่อระบบลุกลามไปยังการบังคับและการจำกัดเสรีภาพ—ไม่ว่าจะทางกฎหมายหรือทางวัฒนธรรม—มันคือต ตัวบ่อนทำลายระบบสุขภาพ และทำให้มนุษย์กลายเป็นเพียงเครื่องมือของอำนาจ 🤖 📢 สรุปและแนวทางปลุกพลัง * สำรวจระบบสาธารณสุขในมิติใหม่ ทั้งในแง่ของอำนาจทุน และโครงสร้างอำนาจ 🕵️‍♀️ * เข้าใจว่าหลายสิ่งถูกออกแบบมาเพื่อชิงผลประโยชน์ ไม่ใช่เพื่อความเป็นอยู่ของแท้ 💔 * เห็นบทเรียนจากประวัติศาสตร์ว่าการใช้อำนาจโดยไม่ตรวจสอบนำไปสู่หายนะได้จริง 🧨 * ตระหนักถึงอีโก้ของผู้ปฏิบัติงานและอันตรายจากระบบลำดับขั้น 🧱 * ร่วมเรียกร้องให้ทุกคนมีสิทธิ์เลือกในสิ่งที่เกี่ยวกับสุขภาพของตนเอง 🗣️ * ปลูกจิตสำนึกให้สังคมไม่ถูกควบคุม แต่มีศักดิ์ศรีและความเป็นมนุษย์ 🧑🏽‍🤝‍🧑🏼 สุดท้าย… การจะสร้างระบบสุขภาพที่ดีต้องเริ่มจาก “ประชาชนทุกคน” ที่ลุกขึ้นมามีเสียง 📢 มีสิทธิ์ 🧾 มีอำนาจแสดงความคิดเห็น และร่วมกันสร้างระบบที่เคารพสิทธิและความต้องการของทุกคนอย่างแท้จริง 🙌 ดังนั้นการเงียบเฉยคือการปล่อยให้ผู้มีอำนาจกระทำผิดต่ออย่างไม่รู้จบ ❌ https://www.facebook.com/share/p/1Bmr3SPLx7/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 408 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก BIOS หลุดที่ทำให้ GPU แรง: เมื่อ RTX 5090D ถูกปลดล็อกให้กินไฟเกิน 2,000 วัตต์

    BIOS XOC ตัวนี้ไม่ได้มาจาก ASUS โดยตรง แต่ถูกอัปโหลดเข้าสู่ฐานข้อมูล TechPowerUp GPU BIOS DB และได้รับการยืนยันว่าใช้งานได้จริง โดย:
    - ปลดล็อก TDP จาก 575 W เป็น 2,001 W (เพิ่มขึ้น 3.5 เท่า)
    - ต้องใช้สายไฟแบบ 12V-2×6 หลายเส้น หรือระบบจ่ายไฟแบบ custom
    - ต้องใช้ระบบระบายความร้อนระดับน้ำหรือ LN2 เท่านั้น
    - การติดตั้ง BIOS นี้จะทำให้หมดประกันทันที

    อย่างไรก็ตาม BIOS นี้ยังมีโหมดลด TDP ลงเหลือ 400 W สำหรับการทดลอง undervolt ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจสำหรับสายประหยัดพลังงาน

    ผู้ใช้ในฟอรั่ม TechPowerUp แสดงความคิดเห็นว่า:
    - BIOS นี้ไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้งานที่ 2,000 W จริง แต่เพื่อป้องกันการจำกัดพลังงานในช่วง spike
    - การใช้งานจริงอาจอยู่ที่ 1,000–1,300 W หากใช้ระบบระบายความร้อนแบบ sub-ambient

    https://www.techpowerup.com/339197/2-001-watt-xoc-bios-for-asus-rog-astral-rtx-5090d-appears
    🎙️ เรื่องเล่าจาก BIOS หลุดที่ทำให้ GPU แรง: เมื่อ RTX 5090D ถูกปลดล็อกให้กินไฟเกิน 2,000 วัตต์ BIOS XOC ตัวนี้ไม่ได้มาจาก ASUS โดยตรง แต่ถูกอัปโหลดเข้าสู่ฐานข้อมูล TechPowerUp GPU BIOS DB และได้รับการยืนยันว่าใช้งานได้จริง โดย: - ปลดล็อก TDP จาก 575 W เป็น 2,001 W (เพิ่มขึ้น 3.5 เท่า) - ต้องใช้สายไฟแบบ 12V-2×6 หลายเส้น หรือระบบจ่ายไฟแบบ custom - ต้องใช้ระบบระบายความร้อนระดับน้ำหรือ LN2 เท่านั้น - การติดตั้ง BIOS นี้จะทำให้หมดประกันทันที อย่างไรก็ตาม BIOS นี้ยังมีโหมดลด TDP ลงเหลือ 400 W สำหรับการทดลอง undervolt ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจสำหรับสายประหยัดพลังงาน ผู้ใช้ในฟอรั่ม TechPowerUp แสดงความคิดเห็นว่า: - BIOS นี้ไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้งานที่ 2,000 W จริง แต่เพื่อป้องกันการจำกัดพลังงานในช่วง spike - การใช้งานจริงอาจอยู่ที่ 1,000–1,300 W หากใช้ระบบระบายความร้อนแบบ sub-ambient https://www.techpowerup.com/339197/2-001-watt-xoc-bios-for-asus-rog-astral-rtx-5090d-appears
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    2,001 Watt XOC BIOS for ASUS ROG Astral RTX 5090D Appears
    An unverified 2,001-watt XOC BIOS for the China-exclusive ASUS ROG Astral RTX 5090D has surfaced on the TechPowerUp GPU BIOS DB, instantly tripling the card's stock 575 W limit. And just like last week's China-only GALAX HOF leak, it's opening kilowatt-class overclocking to enthusiasts who are willi...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว Evidence shows Jeju Air pilots shut off less-damaged engine before crash, source says อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวที่รู้ข้อมูลการสอบสวน ซึ่งระบุว่า การสอบสวนที่นำโดยเกาหลีใต้เกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินตกของสายการบินเจจูแอร์เมื่อเดือน ธ.ค. 2567 มีหลักฐานชัดเจนว่า นักบินได้ดับเครื่องยนต์ที่ได้รับความเสียหายน้อยกว่าหลังจากถูกนกชน

    “หลักฐานต่างๆ ซึ่งรวมถึงเครื่องบันทึกเสียงในห้องนักบิน ข้อมูลคอมพิวเตอร์ และสวิตช์เครื่องยนต์ที่พบในซากเครื่องบิน แสดงให้เห็นว่า นักบินได้ดับเครื่องยนต์ด้านซ้ายแทนที่จะเป็นด้านขวาขณะกำลังดำเนินการฉุกเฉินหลังจากถูกนกชนก่อนกำหนดลงจอด ทีมสอบสวนมีหลักฐานชัดเจนและข้อมูลสำรอง ดังนั้นผลการตรวจสอบจะไม่เปลี่ยนแปลง” แหล่งข่าวกล่าว ซึ่งขอให้ข้อมูลโดยไม่เปิดเผยชื่อ เนื่องจากคณะทำงานสอบสวนยังไม่ได้เผยแพร่รายงานอย่างเป็นทางการซึ่งรวมถึงหลักฐานนี้

    เหตุการณ์เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ตกที่สนามบินมูอัน เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2567 คร่าชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือเกือบทั้งหมด โดยเหลือผู้รอดชีวิตเพียง 2 ราย ถือเป็นภัยพิบัติทางอากาศที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ ซึ่งแหล่งข่าวจากรัฐบาลกล่าวว่า จากการตรวจสอบเครื่องยนต์ของเครื่องบินที่กู้คืนมา พบว่าไม่มีข้อบกพร่องใดๆ เกิดขึ้นก่อนเกิดเหตุนกชนและตก

    ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวอีกรายหนึ่งที่เข้าร่วมการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2568 เจ้าหน้าที่สอบสวนได้แจ้งต่อสมาชิกในครอบครัวของผู้เสียชีวิตว่า เครื่องยนต์ด้านขวาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากการถูกนกชนมากกว่าเครื่องยนต์ด้านซ้าย แต่กลับมีหลักฐานแวดล้อมที่บ่งชี้ว่านักบินได้ปิดเครื่องยนต์ด้านซ้ายซึ่งได้รับความเสียหายน้อยกว่า ซึ่งช่วงวันที่ 19 – 20 ก.ค. 2568 สื่อเกาหลีใต้หลายสำนัก รวมถึง MBN และยอนฮัป รายงานข้อมูลดังกล่าว

    คณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุทางการบินและทางรถไฟของเกาหลีใต้ (ARAIB) ซึ่งเป็นผู้นำการสอบสวน ไม่ได้ตอบสนองต่อคำขอแสดงความคิดเห็นในทันที ขณะที่โบอิ้งได้ส่งคำถามเกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินตกไปยัง ARAIB ส่วน CFM International ผู้ผลิตเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง GE และ Safran ของฝรั่งเศส ก็ยังไม่ได้ตอบกลับคำขอแสดงความคิดเห็นในทันที ด้านสายการบินเจจูแอร์ระบุว่ากำลังให้ความร่วมมืออย่างแข็งขันกับการสอบสวนของ ARAIB และกำลังรอการประกาศผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการ

    รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า อุบัติเหตุทางอากาศส่วนใหญ่เกิดจากหลายปัจจัย และภายใต้กฎระเบียบระหว่างประเทศ คาดว่าจะมีรายงานสรุปภายใน 1 ปีนับจากวันที่เกิดอุบัติเหตุ ส่วนรายงานเบื้องต้นที่เผยแพร่ในเดือน ม.ค. 2568 ระบุว่าพบซากเป็ดในเครื่องยนต์ทั้งสองข้างของเครื่องบินสายการบินเจจูแอร์หลังจากเที่ยวบินที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทย ตกที่สนามบินมวน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับขอบเขตของซากเป็ดหรือความเสียหายที่พบในเครื่องยนต์แต่ละเครื่อง

    อนึ่ง เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2568 หน่วยงานสอบสวนของเกาหลีใต้ได้ยกเลิกแผนการเผยแพร่รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับเครื่องยนต์เท่าที่ทราบมาจนถึงปัจจุบันต่อสื่อมวลชน ขณะที่ทนายความของกลุ่มญาติเหยื่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ให้ข้อมูลว่า ญาติของเหยื่อได้รับแจ้งเกี่ยวกับรายงานดังกล่าวก่อนที่จะเผยแพร่ตามแผน แต่คัดค้านการเผยแพร่ โดยระบุว่ารายงานดูเหมือนจะโยนความผิดให้กับนักบินโดยไม่ได้พิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

    เที่ยวบินของสายการบินเจจูแอร์ได้พุ่งออกนอกรันเวย์ของสนามบินมูอันขณะลงจอดฉุกเฉินและชนเข้ากับคันดินที่ติดตั้งอุปกรณ์นำทาง ทำให้เกิดเพลิงไหม้และระเบิดบางส่วน ซึ่งตัวแทนของครอบครัวเหยื่อและสหภาพนักบินของสายการบินเจจูแอร์กล่าวเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า การสอบสวนจำเป็นต้องมุ่งเน้นไปที่คันดินดังกล่าวด้วย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการบินระบุว่าน่าจะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจำนวนมาก

    สหภาพนักบินสายการบินเจจูแอร์ กล่าวว่า ARAIB กำลังทำให้สาธารณชนเข้าใจผิด โดยระบุว่าเครื่องยนต์ด้านซ้ายไม่มีปัญหา เนื่องจากพบร่องรอยซากนกในเครื่องยนต์ทั้ง 2 เครื่อง อีกทั้ง พยายามทำให้นักบินกลายเป็นแพะรับบาปด้วยการไม่ให้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ระบุว่าเครื่องบินสามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัยหากติดเครื่องยนต์ด้านซ้ายเพียงอย่างเดียว

    “อุบัติเหตุทางอากาศเป็นเหตุการณ์ที่ซับซ้อนซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากปัจจัยหลายประการ และจนถึงขณะนี้ผู้สอบสวนยังไม่ได้นำเสนอหลักฐานที่สนับสนุนนัยที่ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นผลมาจากความผิดพลาดของนักบิน และจนถึงขณะนี้ผู้สอบสวนยังคงนิ่งเฉยต่อความรับผิดชอบขององค์กร” สหภาพนักบินสายการบินเจจูแอร์ กล่าว

    รายงานข่าวทิ้งท้ายว่า หน่วยงานที่เป็นตัวแทนของครอบครัวผู้สูญเสียกล่าวในแถลงการณ์ว่ามีข้อความบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับสาเหตุของอุบัติเหตุในข่าวประชาสัมพันธ์ที่วางแผนไว้ ซึ่งอาจตีความได้ว่าได้ข้อสรุปขั้นสุดท้ายแล้ว และข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ต้องได้รับการชี้แจงให้ชัดเจน

    ที่มา :
    https://www.reuters.com/business/aerospace-defense/evidence-shows-jeju-air-pilots-shut-off-less-damaged-engine-before-crash-source-2025-07-21/
    สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว Evidence shows Jeju Air pilots shut off less-damaged engine before crash, source says อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวที่รู้ข้อมูลการสอบสวน ซึ่งระบุว่า การสอบสวนที่นำโดยเกาหลีใต้เกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินตกของสายการบินเจจูแอร์เมื่อเดือน ธ.ค. 2567 มีหลักฐานชัดเจนว่า นักบินได้ดับเครื่องยนต์ที่ได้รับความเสียหายน้อยกว่าหลังจากถูกนกชน “หลักฐานต่างๆ ซึ่งรวมถึงเครื่องบันทึกเสียงในห้องนักบิน ข้อมูลคอมพิวเตอร์ และสวิตช์เครื่องยนต์ที่พบในซากเครื่องบิน แสดงให้เห็นว่า นักบินได้ดับเครื่องยนต์ด้านซ้ายแทนที่จะเป็นด้านขวาขณะกำลังดำเนินการฉุกเฉินหลังจากถูกนกชนก่อนกำหนดลงจอด ทีมสอบสวนมีหลักฐานชัดเจนและข้อมูลสำรอง ดังนั้นผลการตรวจสอบจะไม่เปลี่ยนแปลง” แหล่งข่าวกล่าว ซึ่งขอให้ข้อมูลโดยไม่เปิดเผยชื่อ เนื่องจากคณะทำงานสอบสวนยังไม่ได้เผยแพร่รายงานอย่างเป็นทางการซึ่งรวมถึงหลักฐานนี้ เหตุการณ์เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ตกที่สนามบินมูอัน เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2567 คร่าชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือเกือบทั้งหมด โดยเหลือผู้รอดชีวิตเพียง 2 ราย ถือเป็นภัยพิบัติทางอากาศที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ ซึ่งแหล่งข่าวจากรัฐบาลกล่าวว่า จากการตรวจสอบเครื่องยนต์ของเครื่องบินที่กู้คืนมา พบว่าไม่มีข้อบกพร่องใดๆ เกิดขึ้นก่อนเกิดเหตุนกชนและตก ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวอีกรายหนึ่งที่เข้าร่วมการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2568 เจ้าหน้าที่สอบสวนได้แจ้งต่อสมาชิกในครอบครัวของผู้เสียชีวิตว่า เครื่องยนต์ด้านขวาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากการถูกนกชนมากกว่าเครื่องยนต์ด้านซ้าย แต่กลับมีหลักฐานแวดล้อมที่บ่งชี้ว่านักบินได้ปิดเครื่องยนต์ด้านซ้ายซึ่งได้รับความเสียหายน้อยกว่า ซึ่งช่วงวันที่ 19 – 20 ก.ค. 2568 สื่อเกาหลีใต้หลายสำนัก รวมถึง MBN และยอนฮัป รายงานข้อมูลดังกล่าว คณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุทางการบินและทางรถไฟของเกาหลีใต้ (ARAIB) ซึ่งเป็นผู้นำการสอบสวน ไม่ได้ตอบสนองต่อคำขอแสดงความคิดเห็นในทันที ขณะที่โบอิ้งได้ส่งคำถามเกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินตกไปยัง ARAIB ส่วน CFM International ผู้ผลิตเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง GE และ Safran ของฝรั่งเศส ก็ยังไม่ได้ตอบกลับคำขอแสดงความคิดเห็นในทันที ด้านสายการบินเจจูแอร์ระบุว่ากำลังให้ความร่วมมืออย่างแข็งขันกับการสอบสวนของ ARAIB และกำลังรอการประกาศผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการ รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า อุบัติเหตุทางอากาศส่วนใหญ่เกิดจากหลายปัจจัย และภายใต้กฎระเบียบระหว่างประเทศ คาดว่าจะมีรายงานสรุปภายใน 1 ปีนับจากวันที่เกิดอุบัติเหตุ ส่วนรายงานเบื้องต้นที่เผยแพร่ในเดือน ม.ค. 2568 ระบุว่าพบซากเป็ดในเครื่องยนต์ทั้งสองข้างของเครื่องบินสายการบินเจจูแอร์หลังจากเที่ยวบินที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทย ตกที่สนามบินมวน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับขอบเขตของซากเป็ดหรือความเสียหายที่พบในเครื่องยนต์แต่ละเครื่อง อนึ่ง เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2568 หน่วยงานสอบสวนของเกาหลีใต้ได้ยกเลิกแผนการเผยแพร่รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับเครื่องยนต์เท่าที่ทราบมาจนถึงปัจจุบันต่อสื่อมวลชน ขณะที่ทนายความของกลุ่มญาติเหยื่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ให้ข้อมูลว่า ญาติของเหยื่อได้รับแจ้งเกี่ยวกับรายงานดังกล่าวก่อนที่จะเผยแพร่ตามแผน แต่คัดค้านการเผยแพร่ โดยระบุว่ารายงานดูเหมือนจะโยนความผิดให้กับนักบินโดยไม่ได้พิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เที่ยวบินของสายการบินเจจูแอร์ได้พุ่งออกนอกรันเวย์ของสนามบินมูอันขณะลงจอดฉุกเฉินและชนเข้ากับคันดินที่ติดตั้งอุปกรณ์นำทาง ทำให้เกิดเพลิงไหม้และระเบิดบางส่วน ซึ่งตัวแทนของครอบครัวเหยื่อและสหภาพนักบินของสายการบินเจจูแอร์กล่าวเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า การสอบสวนจำเป็นต้องมุ่งเน้นไปที่คันดินดังกล่าวด้วย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการบินระบุว่าน่าจะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจำนวนมาก สหภาพนักบินสายการบินเจจูแอร์ กล่าวว่า ARAIB กำลังทำให้สาธารณชนเข้าใจผิด โดยระบุว่าเครื่องยนต์ด้านซ้ายไม่มีปัญหา เนื่องจากพบร่องรอยซากนกในเครื่องยนต์ทั้ง 2 เครื่อง อีกทั้ง พยายามทำให้นักบินกลายเป็นแพะรับบาปด้วยการไม่ให้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ระบุว่าเครื่องบินสามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัยหากติดเครื่องยนต์ด้านซ้ายเพียงอย่างเดียว “อุบัติเหตุทางอากาศเป็นเหตุการณ์ที่ซับซ้อนซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากปัจจัยหลายประการ และจนถึงขณะนี้ผู้สอบสวนยังไม่ได้นำเสนอหลักฐานที่สนับสนุนนัยที่ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นผลมาจากความผิดพลาดของนักบิน และจนถึงขณะนี้ผู้สอบสวนยังคงนิ่งเฉยต่อความรับผิดชอบขององค์กร” สหภาพนักบินสายการบินเจจูแอร์ กล่าว รายงานข่าวทิ้งท้ายว่า หน่วยงานที่เป็นตัวแทนของครอบครัวผู้สูญเสียกล่าวในแถลงการณ์ว่ามีข้อความบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับสาเหตุของอุบัติเหตุในข่าวประชาสัมพันธ์ที่วางแผนไว้ ซึ่งอาจตีความได้ว่าได้ข้อสรุปขั้นสุดท้ายแล้ว และข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ต้องได้รับการชี้แจงให้ชัดเจน ที่มา : https://www.reuters.com/business/aerospace-defense/evidence-shows-jeju-air-pilots-shut-off-less-damaged-engine-before-crash-source-2025-07-21/
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 469 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครื่องดื่มเข้มแบบ แป๊ะหลู ศรีราชา
    สั่งออนไลน์ ลิงค์อยู่ในช่องแสดงความคิดเห็น
    เครื่องดื่มเข้มแบบ แป๊ะหลู ศรีราชา สั่งออนไลน์ ลิงค์อยู่ในช่องแสดงความคิดเห็น
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวดี⭐️⭐️
    HHS และกระทรวงการต่างประเทศ: สหรัฐอเมริกาปฏิเสธการแก้ไขกฎระเบียบด้านสุขภาพระหว่างประเทศ

    วอชิงตัน—18 กรกฎาคม 2568—
    วันนี้ นายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์แห่งสหรัฐอเมริกา และ นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ร่วมว่าสหรัฐอเมริกาไม่ยอมรับการแก้ไขข้อบังคับด้านสุขภาพระหว่างประเทศ (IHR) ปี 2567 ขององค์การอนามัยโลก (WHO) อย่างเป็นทางการกฎหมายสุขภาพระหว่างประเทศฉบับแก้ไขนี้จะทำให้ WHO สามารถสั่งปิดประเทศทั่วโลก จำกัดการเดินทาง หรือมาตรการอื่นใดที่ WHO เห็นสมควร เพื่อรับมือกับ “ความเสี่ยงด้านสาธารณสุขที่อาจเกิดขึ้น” ที่คลุมเครือ กฎระเบียบเหล่านี้จะมีผลผูกพันหากไม่ได้รับการปฏิเสธภายในวันที่ 19 กรกฎาคม 2568 โดยไม่คำนึงถึงการถอนตัวของสหรัฐอเมริกาจาก WHO-
    “การแก้ไขเพิ่มเติมกฎอนามัยระหว่างประเทศที่เสนอขึ้นนี้เปิดโอกาสให้เกิดการจัดการเรื่องเล่า การโฆษณาชวนเชื่อ และการเซ็นเซอร์แบบที่เราพบเห็นในช่วงการระบาดของโควิด-19” รัฐมนตรีเคนเนดีกล่าว

    “สหรัฐอเมริกาสามารถร่วมมือกับประเทศอื่นๆ โดยไม่กระทบต่อเสรีภาพพลเมืองของเรา โดยไม่บ่อนทำลายรัฐธรรมนูญของเรา และโดยไม่สูญเสียอำนาจอธิปไตยอันล้ำค่าของอเมริกาไป”
    รัฐมนตรีเคนเนดียังเผยแพร่วิดีโอ ด้วยอธิบายการกระทำดังกล่าวให้ชาวอเมริกันทราบ“
    คำศัพท์ที่ใช้ตลอดทั้งฉบับแก้ไขเพิ่มเติมกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. 2567 นั้นคลุมเครือและกว้างเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อการตอบสนองระหว่างประเทศที่ประสานงานโดยองค์การอนามัยโลก ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ประเด็นทางการเมือง เช่น ความสามัคคี มากกว่าการดำเนินการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ” รัฐมนตรีรูบิโอกล่าว

    “หน่วยงานของเราได้ดำเนินการอย่างชัดเจนมาโดยตลอดและจะยังคงดำเนินการต่อไป นั่นคือ เราจะให้ความสำคัญกับชาวอเมริกันเป็นอันดับแรกในทุกการกระทำของเรา และเราจะไม่ยอมให้มีนโยบายระหว่างประเทศที่ละเมิดสิทธิในการพูด ความเป็นส่วนตัว หรือเสรีภาพส่วนบุคคลของชาวอเมริกัน”เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2567 สมัชชาอนามัยโลก (WHA) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดของ WHO ได้นำข้อบังคับสุขภาพระหว่างประเทศฉบับแก้ไขมาใช้โดยผ่านกระบวนการเร่งรีบ ขาดการอภิปรายและการรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะอย่างเพียงพอคำชื่นชมต่อการกระทำในวันนี้จากสมาชิกรัฐสภา:การระบาดใหญ่ของโควิด-19 เผยให้เห็นว่าความไร้ประสิทธิภาพและการคอร์รัปชันขององค์การอนามัยโลก
    เรียกร้องให้มีการปฏิรูปอย่างครอบคลุม แทนที่จะจัดการกับนโยบายสาธารณสุขที่ย่ำแย่ในช่วงโควิด องค์การอนามัยโลกกลับต้องการให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎระเบียบสุขภาพระหว่างประเทศและสนธิสัญญาโรคระบาดเพื่อประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในประเทศสมาชิก ซึ่งอาจรวมถึงการตอบสนองที่เข้มงวดแต่ล้มเหลว เช่น การปิดธุรกิจและโรงเรียน และคำสั่งให้ฉีดวัคซีน ตั้งแต่ปี 2565 ผมได้นำร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการไม่เตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาดขององค์การอนามัยโลกโดยปราศจากการอนุมัติจากวุฒิสภาซึ่งสภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านร่างไปเมื่อปีที่แล้ว สหรัฐอเมริกาจะไม่อนุญาตให้องค์การอนามัยโลกใช้ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขเพื่อทำลายล้างประเทศชาติ ผมสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจของรัฐบาลทรัมป์ที่จะปฏิเสธการแก้ไขเพิ่มเติมของกฎหมายอนามัยระหว่างประเทศ (IHR)”
    วุฒิสมาชิกรอน จอห์นสันกล่าว

    “นโยบายสาธารณสุขของอเมริกาเป็นของชาวอเมริกัน และไม่ควรถูกกำหนดโดยนักโลกาภิวัตน์ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งในองค์การอนามัยโลกหรือสหประชาชาติ WHO ได้แสดงให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่าว่า WHO ไม่สามารถไว้วางใจได้ และผมรู้สึกขอบคุณที่รัฐบาลทรัมป์ยังคงยืนหยัดอย่างเข้มแข็งเพื่อปกป้องอธิปไตยของอเมริกา” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทอม ทิฟฟานี กล่าว

    “สหรัฐอเมริกาต้องไม่สละอำนาจอธิปไตยของเราให้แก่องค์กรหรือหน่วยงานระหว่างประเทศใดๆ ทั้งสิ้น ผมขอชื่นชมรัฐมนตรีเคนเนดีและรัฐมนตรีรูบิโอที่ปฏิเสธการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับสุขภาพระหว่างประเทศ (IHR) ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ไม่รอบคอบ ผมสนับสนุนให้สหรัฐฯ ถอนตัวจาก WHO และตัดงบประมาณองค์กรที่กระหายอำนาจของตนมานานแล้ว กฎหมายของผม HR 401 ซึ่งนำเสนอครั้งแรกในรัฐสภาชุดที่ 117 ถือเป็นการกระทำเช่นนั้น ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมพันธกิจของอเมริกาต้องมาก่อนและเสรีภาพด้านการดูแลสุขภาพ WHO ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ได้สูญเสียความน่าเชื่อถือที่อาจเกิดขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 และเราต้องมั่นใจว่าจะไม่มีรัฐบาลชุดใดในอนาคตที่จะมอบความชอบธรรมหรืออำนาจใดๆ ให้แก่พวกเขาเหนือสุขภาพของชาวอเมริกัน” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชิป รอยกล่าว

    “รัฐมนตรีเคนเนดีและประธานาธิบดีทรัมป์ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการให้ความสำคัญกับอเมริกาเป็นอันดับแรก WHO เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ปราศจากความรับผิดชอบ ซึ่งมอบสิทธิเสรีภาพด้านการดูแลสุขภาพของประชาชนให้กับข้าราชการที่ทุจริต ผมรู้สึกขอบคุณรัฐมนตรีเคนเนดีที่ยืนหยัดอย่างมั่นคงต่อข้อตกลงโรคระบาดของ WHO ซึ่งจะปกป้องเสรีภาพด้านสุขภาพและความเป็นส่วนตัวของชาวอเมริกัน เรามาทำให้อเมริกายิ่งใหญ่และมีสุขภาพดีอีกครั้งกันเถอะ” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแอนดี บิ๊กส์ กล่าว

    การประกาศในวันนี้ถือเป็นการดำเนินการล่าสุดของรัฐมนตรีเคนเนดีและ HHS ในการให้ WHOรับผิดชอบ

    HHS & State Department: The United States Rejects Amendments to International Health Regulations

    WASHINGTON—JULY 18, 2025—U.S. Health and Human Services Secretary Robert F. Kennedy, Jr. and Secretary of State Marco Rubio today issued a Joint Statement of formal rejection by the United States of the 2024 International Heath Regulations (IHR) Amendments by the World Health Organization (WHO).The amended IHR would give the WHO the ability to order global lockdowns, travel restrictions, or any other measures it sees fit to respond to nebulous “potential public health risks.” These regulations are set to become binding if not rejected by July 19, 2025, regardless of the United States’ withdrawal from the WHO.“The proposed amendments to the International Health Regulations open the door to the kind of narrative management, propaganda, and censorship that we saw during the COVID pandemic,” Secretary Kennedy said. “The United States can cooperate with other nations without jeopardizing our civil liberties, without undermining our Constitution, and without ceding away America’s treasured sovereignty.”Secretary Kennedy also released a video explaining the action to the American people.“Terminology throughout the amendments to the 2024 International Health Regulations is vague and broad, risking WHO-coordinated international responses that focus on political issues like solidarity, rather than rapid and effective actions,” Secretary Rubio said. “Our Agencies have been and will continue to be clear: we will put Americans first in all our actions and we will not tolerate international policies that infringe on Americans’ speech, privacy, or personal liberties.”On June 1, 2024, the World Health Assembly (WHA), the highest decision-making body of the WHO, adopted a revised version of the International Health Regulations through a rushed process lacking sufficient debate and public input.Praise for today’s action from members of Congress:“The COVID-19 pandemic exposed how the incompetency and corruption at the WHO demands comprehensive reforms. Instead of addressing its disastrous public health policies during COVID, the WHO wants International Health Regulation amendments and a pandemic treaty to declare public health emergencies in member states, which could include failed draconian responses like business and school closures and vaccine mandates. Since 2022, I have led the No WHO Pandemic Preparedness Treaty Without Senate Approval Act, which the House passed last year. The United States will not allow the WHO to use public health emergencies to devastate our nation. I fully support the Trump administration’s decision to reject the IHR amendments,” said Senator Ron Johnson.“America’s public health policy belongs to the American people and should never be dictated by unelected globalists at the WHO or the UN. Time and time again, the WHO has demonstrated it cannot be trusted, and I am grateful that the Trump administration is standing strong to protect American sovereignty,” said Congressman Tom Tiffany.“The United States must never cede our sovereignty to any international entity or organization. I applaud Secretary Kennedy and Secretary Rubio for rejecting the World Health Organization’s (WHO) ill-advised International Health Regulations (IHR) amendments. I have long supported the U.S. withdrawing from the WHO and defunding their power-hungry organization. My legislation, H.R. 401, first introduced in the 117th Congress, does just that while advancing the mission statements of America First and Healthcare Freedom. The WHO, a widely discredited international organization, lost any potential credibility during the COVID-19 pandemic, and we must ensure no future administration grants them any legitimacy or further power over the health of Americans," said Congressman Chip Roy.“Secretary Kennedy and President Trump have proven their commitment to putting America First. WHO is an unaccountable international organization that hands individuals’ healthcare freedoms to corrupt bureaucrats. I’m thankful for Secretary Kennedy’s firm stance against WHO’s Pandemic Agreement that will protect Americans’ health freedom and privacy. Let’s Make America Great and Healthy Again,” said Congressman Andy Biggs.Today’s announcement is the latest action by Secretary Kennedy and HHS to hold the WHO accountable.
    https://www.hhs.gov/press-room/state-department-hhs-rejects-amendments-to-international-health-regulations.html
    July 18, 2025
    ☘️🌿 ข่าวดี⭐️⭐️ HHS และกระทรวงการต่างประเทศ: สหรัฐอเมริกาปฏิเสธการแก้ไขกฎระเบียบด้านสุขภาพระหว่างประเทศ วอชิงตัน—18 กรกฎาคม 2568— วันนี้ นายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์แห่งสหรัฐอเมริกา และ นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ร่วมว่าสหรัฐอเมริกาไม่ยอมรับการแก้ไขข้อบังคับด้านสุขภาพระหว่างประเทศ (IHR) ปี 2567 ขององค์การอนามัยโลก (WHO) อย่างเป็นทางการกฎหมายสุขภาพระหว่างประเทศฉบับแก้ไขนี้จะทำให้ WHO สามารถสั่งปิดประเทศทั่วโลก จำกัดการเดินทาง หรือมาตรการอื่นใดที่ WHO เห็นสมควร เพื่อรับมือกับ “ความเสี่ยงด้านสาธารณสุขที่อาจเกิดขึ้น” ที่คลุมเครือ กฎระเบียบเหล่านี้จะมีผลผูกพันหากไม่ได้รับการปฏิเสธภายในวันที่ 19 กรกฎาคม 2568 โดยไม่คำนึงถึงการถอนตัวของสหรัฐอเมริกาจาก WHO- “การแก้ไขเพิ่มเติมกฎอนามัยระหว่างประเทศที่เสนอขึ้นนี้เปิดโอกาสให้เกิดการจัดการเรื่องเล่า การโฆษณาชวนเชื่อ และการเซ็นเซอร์แบบที่เราพบเห็นในช่วงการระบาดของโควิด-19” รัฐมนตรีเคนเนดีกล่าว “สหรัฐอเมริกาสามารถร่วมมือกับประเทศอื่นๆ โดยไม่กระทบต่อเสรีภาพพลเมืองของเรา โดยไม่บ่อนทำลายรัฐธรรมนูญของเรา และโดยไม่สูญเสียอำนาจอธิปไตยอันล้ำค่าของอเมริกาไป” รัฐมนตรีเคนเนดียังเผยแพร่วิดีโอ ด้วยอธิบายการกระทำดังกล่าวให้ชาวอเมริกันทราบ“ คำศัพท์ที่ใช้ตลอดทั้งฉบับแก้ไขเพิ่มเติมกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. 2567 นั้นคลุมเครือและกว้างเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อการตอบสนองระหว่างประเทศที่ประสานงานโดยองค์การอนามัยโลก ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ประเด็นทางการเมือง เช่น ความสามัคคี มากกว่าการดำเนินการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ” รัฐมนตรีรูบิโอกล่าว “หน่วยงานของเราได้ดำเนินการอย่างชัดเจนมาโดยตลอดและจะยังคงดำเนินการต่อไป นั่นคือ เราจะให้ความสำคัญกับชาวอเมริกันเป็นอันดับแรกในทุกการกระทำของเรา และเราจะไม่ยอมให้มีนโยบายระหว่างประเทศที่ละเมิดสิทธิในการพูด ความเป็นส่วนตัว หรือเสรีภาพส่วนบุคคลของชาวอเมริกัน”เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2567 สมัชชาอนามัยโลก (WHA) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดของ WHO ได้นำข้อบังคับสุขภาพระหว่างประเทศฉบับแก้ไขมาใช้โดยผ่านกระบวนการเร่งรีบ ขาดการอภิปรายและการรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะอย่างเพียงพอคำชื่นชมต่อการกระทำในวันนี้จากสมาชิกรัฐสภา:การระบาดใหญ่ของโควิด-19 เผยให้เห็นว่าความไร้ประสิทธิภาพและการคอร์รัปชันขององค์การอนามัยโลก เรียกร้องให้มีการปฏิรูปอย่างครอบคลุม แทนที่จะจัดการกับนโยบายสาธารณสุขที่ย่ำแย่ในช่วงโควิด องค์การอนามัยโลกกลับต้องการให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎระเบียบสุขภาพระหว่างประเทศและสนธิสัญญาโรคระบาดเพื่อประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในประเทศสมาชิก ซึ่งอาจรวมถึงการตอบสนองที่เข้มงวดแต่ล้มเหลว เช่น การปิดธุรกิจและโรงเรียน และคำสั่งให้ฉีดวัคซีน ตั้งแต่ปี 2565 ผมได้นำร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการไม่เตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาดขององค์การอนามัยโลกโดยปราศจากการอนุมัติจากวุฒิสภาซึ่งสภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านร่างไปเมื่อปีที่แล้ว สหรัฐอเมริกาจะไม่อนุญาตให้องค์การอนามัยโลกใช้ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขเพื่อทำลายล้างประเทศชาติ ผมสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจของรัฐบาลทรัมป์ที่จะปฏิเสธการแก้ไขเพิ่มเติมของกฎหมายอนามัยระหว่างประเทศ (IHR)” วุฒิสมาชิกรอน จอห์นสันกล่าว “นโยบายสาธารณสุขของอเมริกาเป็นของชาวอเมริกัน และไม่ควรถูกกำหนดโดยนักโลกาภิวัตน์ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งในองค์การอนามัยโลกหรือสหประชาชาติ WHO ได้แสดงให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่าว่า WHO ไม่สามารถไว้วางใจได้ และผมรู้สึกขอบคุณที่รัฐบาลทรัมป์ยังคงยืนหยัดอย่างเข้มแข็งเพื่อปกป้องอธิปไตยของอเมริกา” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทอม ทิฟฟานี กล่าว “สหรัฐอเมริกาต้องไม่สละอำนาจอธิปไตยของเราให้แก่องค์กรหรือหน่วยงานระหว่างประเทศใดๆ ทั้งสิ้น ผมขอชื่นชมรัฐมนตรีเคนเนดีและรัฐมนตรีรูบิโอที่ปฏิเสธการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับสุขภาพระหว่างประเทศ (IHR) ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ไม่รอบคอบ ผมสนับสนุนให้สหรัฐฯ ถอนตัวจาก WHO และตัดงบประมาณองค์กรที่กระหายอำนาจของตนมานานแล้ว กฎหมายของผม HR 401 ซึ่งนำเสนอครั้งแรกในรัฐสภาชุดที่ 117 ถือเป็นการกระทำเช่นนั้น ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมพันธกิจของอเมริกาต้องมาก่อนและเสรีภาพด้านการดูแลสุขภาพ WHO ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ได้สูญเสียความน่าเชื่อถือที่อาจเกิดขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 และเราต้องมั่นใจว่าจะไม่มีรัฐบาลชุดใดในอนาคตที่จะมอบความชอบธรรมหรืออำนาจใดๆ ให้แก่พวกเขาเหนือสุขภาพของชาวอเมริกัน” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชิป รอยกล่าว “รัฐมนตรีเคนเนดีและประธานาธิบดีทรัมป์ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการให้ความสำคัญกับอเมริกาเป็นอันดับแรก WHO เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ปราศจากความรับผิดชอบ ซึ่งมอบสิทธิเสรีภาพด้านการดูแลสุขภาพของประชาชนให้กับข้าราชการที่ทุจริต ผมรู้สึกขอบคุณรัฐมนตรีเคนเนดีที่ยืนหยัดอย่างมั่นคงต่อข้อตกลงโรคระบาดของ WHO ซึ่งจะปกป้องเสรีภาพด้านสุขภาพและความเป็นส่วนตัวของชาวอเมริกัน เรามาทำให้อเมริกายิ่งใหญ่และมีสุขภาพดีอีกครั้งกันเถอะ” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแอนดี บิ๊กส์ กล่าว การประกาศในวันนี้ถือเป็นการดำเนินการล่าสุดของรัฐมนตรีเคนเนดีและ HHS ในการให้ WHOรับผิดชอบ HHS & State Department: The United States Rejects Amendments to International Health Regulations WASHINGTON—JULY 18, 2025—U.S. Health and Human Services Secretary Robert F. Kennedy, Jr. and Secretary of State Marco Rubio today issued a Joint Statement of formal rejection by the United States of the 2024 International Heath Regulations (IHR) Amendments by the World Health Organization (WHO).The amended IHR would give the WHO the ability to order global lockdowns, travel restrictions, or any other measures it sees fit to respond to nebulous “potential public health risks.” These regulations are set to become binding if not rejected by July 19, 2025, regardless of the United States’ withdrawal from the WHO.“The proposed amendments to the International Health Regulations open the door to the kind of narrative management, propaganda, and censorship that we saw during the COVID pandemic,” Secretary Kennedy said. “The United States can cooperate with other nations without jeopardizing our civil liberties, without undermining our Constitution, and without ceding away America’s treasured sovereignty.”Secretary Kennedy also released a video explaining the action to the American people.“Terminology throughout the amendments to the 2024 International Health Regulations is vague and broad, risking WHO-coordinated international responses that focus on political issues like solidarity, rather than rapid and effective actions,” Secretary Rubio said. “Our Agencies have been and will continue to be clear: we will put Americans first in all our actions and we will not tolerate international policies that infringe on Americans’ speech, privacy, or personal liberties.”On June 1, 2024, the World Health Assembly (WHA), the highest decision-making body of the WHO, adopted a revised version of the International Health Regulations through a rushed process lacking sufficient debate and public input.Praise for today’s action from members of Congress:“The COVID-19 pandemic exposed how the incompetency and corruption at the WHO demands comprehensive reforms. Instead of addressing its disastrous public health policies during COVID, the WHO wants International Health Regulation amendments and a pandemic treaty to declare public health emergencies in member states, which could include failed draconian responses like business and school closures and vaccine mandates. Since 2022, I have led the No WHO Pandemic Preparedness Treaty Without Senate Approval Act, which the House passed last year. The United States will not allow the WHO to use public health emergencies to devastate our nation. I fully support the Trump administration’s decision to reject the IHR amendments,” said Senator Ron Johnson.“America’s public health policy belongs to the American people and should never be dictated by unelected globalists at the WHO or the UN. Time and time again, the WHO has demonstrated it cannot be trusted, and I am grateful that the Trump administration is standing strong to protect American sovereignty,” said Congressman Tom Tiffany.“The United States must never cede our sovereignty to any international entity or organization. I applaud Secretary Kennedy and Secretary Rubio for rejecting the World Health Organization’s (WHO) ill-advised International Health Regulations (IHR) amendments. I have long supported the U.S. withdrawing from the WHO and defunding their power-hungry organization. My legislation, H.R. 401, first introduced in the 117th Congress, does just that while advancing the mission statements of America First and Healthcare Freedom. The WHO, a widely discredited international organization, lost any potential credibility during the COVID-19 pandemic, and we must ensure no future administration grants them any legitimacy or further power over the health of Americans," said Congressman Chip Roy.“Secretary Kennedy and President Trump have proven their commitment to putting America First. WHO is an unaccountable international organization that hands individuals’ healthcare freedoms to corrupt bureaucrats. I’m thankful for Secretary Kennedy’s firm stance against WHO’s Pandemic Agreement that will protect Americans’ health freedom and privacy. Let’s Make America Great and Healthy Again,” said Congressman Andy Biggs.Today’s announcement is the latest action by Secretary Kennedy and HHS to hold the WHO accountable. https://www.hhs.gov/press-room/state-department-hhs-rejects-amendments-to-international-health-regulations.html July 18, 2025
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 684 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลก Valve: Gabe Newell ทำงานเพราะมันสนุก ดำน้ำทุกวัน และอยู่บนเรือ!

    ในบทสัมภาษณ์สุดเซอร์ไพรส์โดยช่อง Zalkar Saliev บน YouTube ที่เน้นถ่ายทอดแนวคิดของผู้ชายที่ประสบความสำเร็จ Gabe Newell (เกบ นิวเวลล์) ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของบริษัท Valve Corporation ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านเกมและแพลตฟอร์มดิจิทัลในโลก ได้เล่าถึงกิจวัตรประจำวันที่ “เหมือนชีวิตหลังเกษียณ” แต่ยังทำงานไม่หยุด

    ชีวิตประจำวันของเขา:
    - ตื่นนอน → ทำงาน → ดำน้ำ → ทำงานเพิ่ม → ดำน้ำรอบสองหรือไปยิม → ใช้ชีวิตกับคนบนเรือ → ทำงานต่อ
    - เขาทำงานทุกวันจาก “ห้องนอน” บนเรือ และบอกว่า “มันไม่รู้สึกเหมือนงานเลย เพราะสนุกมาก”

    นอกจากงานที่ Valve เขายัง:
    - สนับสนุนบริษัท Starfish Neuroscience คู่แข่งของ Neuralink ที่พัฒนาอินเทอร์เฟซสมองแบบ distributed และไม่รุกล้ำ
    - ทำงานกับอุปกรณ์ตรวจจับเชื้อโรคในอากาศ
    - แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ generative AI ที่ช่วยให้ “คนไม่รู้โปรแกรม” กลายเป็นนักพัฒนาที่มีคุณค่ามากกว่าคนที่เขียนโค้ดมา 10 ปี

    ให้คำแนะนำธุรกิจว่า “อย่าเริ่มจากการเขียน proposal หาเงิน แต่จงสร้างคุณค่าให้คนก่อน แล้วทุนจะตามมาเอง”

    https://www.techspot.com/news/108718-gabe-newell-works-fun-scuba-dives-daily-surprise.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลก Valve: Gabe Newell ทำงานเพราะมันสนุก ดำน้ำทุกวัน และอยู่บนเรือ! ในบทสัมภาษณ์สุดเซอร์ไพรส์โดยช่อง Zalkar Saliev บน YouTube ที่เน้นถ่ายทอดแนวคิดของผู้ชายที่ประสบความสำเร็จ Gabe Newell (เกบ นิวเวลล์) ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของบริษัท Valve Corporation ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านเกมและแพลตฟอร์มดิจิทัลในโลก 🎮🚀 ได้เล่าถึงกิจวัตรประจำวันที่ “เหมือนชีวิตหลังเกษียณ” แต่ยังทำงานไม่หยุด 🧭 ชีวิตประจำวันของเขา: - ตื่นนอน → ทำงาน → ดำน้ำ → ทำงานเพิ่ม → ดำน้ำรอบสองหรือไปยิม → ใช้ชีวิตกับคนบนเรือ → ทำงานต่อ - เขาทำงานทุกวันจาก “ห้องนอน” บนเรือ และบอกว่า “มันไม่รู้สึกเหมือนงานเลย เพราะสนุกมาก” นอกจากงานที่ Valve เขายัง: - สนับสนุนบริษัท Starfish Neuroscience คู่แข่งของ Neuralink ที่พัฒนาอินเทอร์เฟซสมองแบบ distributed และไม่รุกล้ำ - ทำงานกับอุปกรณ์ตรวจจับเชื้อโรคในอากาศ - แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ generative AI ที่ช่วยให้ “คนไม่รู้โปรแกรม” กลายเป็นนักพัฒนาที่มีคุณค่ามากกว่าคนที่เขียนโค้ดมา 10 ปี ให้คำแนะนำธุรกิจว่า “อย่าเริ่มจากการเขียน proposal หาเงิน แต่จงสร้างคุณค่าให้คนก่อน แล้วทุนจะตามมาเอง” https://www.techspot.com/news/108718-gabe-newell-works-fun-scuba-dives-daily-surprise.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Gabe Newell says he works for fun and scuba dives daily in surprise YouTube interview
    In what seems like a major coup, Zalkar Saliev, a YouTube channel that had just 19 subscribers, managed to briefly speak to Newell. You'd be forgiven for...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 300 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..เยาวชนไทยเราธรรมดาที่ไหน,แนวใครแนวมันและสนุกไม่แพ้ของจริง.,เด็กไทยเราเก่งไม่แพ้ชาติใดในโลกนะ,ถ้าเราได้คนดีคนเก่งมีความสามารถขึ้นมาเป็นผู้นำนะจะก้าวกระโดดโคตรๆ เม็ดเงินส่งเสริมสนับสนุนเยาวชนไทยสาระพัดหลากหลายมิติจะพร้อมเหลือล้นในการอุดหนุนความสามารถของเยาวชนไทยเรารุ่นต่อไป,มิใช่ชูสามนิ้วล้มสถาบันช่วยต่างชาติทำลายแผ่นดินไทยตนเอง,เราสามารถสร้างความสงบสุขดำรงรักษาภายในประเทศไทยเราได้แม้ทั่วโลกจะโกลาหลเดือดร้อนพังพินาศทางเศรษฐกิจหรือสงครามตัวแทนใดๆ,ด้วยความสามารถของผู้นำคนดีคนเก่งๆของเราเอาอยู่สบายโดยมีแรงหนุนประชาชนสามัคคีในชาติเป็นฐานรับมือร่วมกันอย่างสบายๆแน่นอน.,บ้านเมืองเราสงบสุขร่มเย็น ประชาชนอิ่มปากอิ่มท้องร่ำรวยไม่ยากจนเหมือนปัจจุบัน สติและปัญญาคิดอ่านสาระพัดให้ชาติไทยรอดพ้นภัยใดๆจะไหลมามากมายสานะทิศแล้วลงมือขจัดกำจัดร่วมกันทั้งประเทศในภัยนั้นๆไม่ยากเย็นอะไรก็ว่า.,ตลอดนวัตกรรมล้ำๆจะมากมายเต็มแผ่นดินไทยด้วย เพราะแต่ละคนไทยความคิดอ่านโคตรประยุกต์ใช้ธรรมดาที่ไหน,ยิ่งมีตังซื้อหาวัตถุดิบมาต่อยอดความคิดการเป็นรูปเป็นร่างได้จริงอีก ไม่มีกฎหมายผีบ้ามากมายของคนบ้าอำนาจบ้าปกครองเขียนออกมาหมายควบคุมคนไทยเป็นทาสไร้อิสระเสรีที่ตีตราใช้บังคับตรึมสาระพัด,ดูง่ายๆที่สุดคือ ไม่ใส่หมวกกันน็อคปรับ2,000บาทนั้นล่ะ,ควบคุมตรึม,ผู้นำที่ดีๆเท่านั้นจึงสามารถฉีกกฎหมายผีบ้ามากมายที่ออกมาทิ้งไปได้,นี้คือวิธีปกครองเผด็จการในหน้าตาอ้างประชาธิปไตย,ไม่ช่องทางที่ประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็นคัดค้านหรือลงชื่อยกเลิกได้นะหากไม่เห็นด้วยที่กระทรวงทบวงกรมตีตราเขียนออกมาบังคับใช้ เช่นมีองค์กรหน่วยงานรัฐส่วนกลางรับลงชื่อออนไลน์เปิดหัวข้อของประชาชนอยากร่วมยกเลิกกฎหมายอะไรทางตรงได้เช่นกฎหมายสัมปทานปิโตรเลียมต้องการยกเลิกสัมปทานที่ไม่เป็นธรรม ประเทศไทยในนามรัฐบาลสมควรขุดเจาะทำเองขายเองถูกๆในไทยแต่ไม่ทำ ตั้งเป็นหัวข้อในแพลตฟอร์มแล้วประชาชนลงชื่อลงมติทุบกฎหมายนั้นทิ้งจนครบเกณฑ์ที่กำหนด สามารถให้กฎหมายนั้นเป็นยกเลิกไปทันทีได้โมฆะทันทีได้เช่นต้องลงชื่อลงมติใช้ประชาชน20ล้านคนที่มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตััง มาร่วมลงชื่อลงมติยกเลิกทุบทิ้งได้ พอครบคนไทยตามเกณฑ์ก็ยกเลิกทันทีได้,นี้ประชาชนต้องมีส่วนร่วมตรงได้แบบนี้,เพราะอย่างไรเวลานี้น้ำมันก็ยังสำคัญ สงครามก็ยังใช้ปกติในเครื่องจักรรบต่างๆ.รถต้องเติมน้ำมัน เครื่องบินรบเรือรบก็ต้องเติมน้ำมันโดยปกติพื้นฐานในเวลาเปลี่ยนยุคนี้.
    ..เยาวชนไทยเราคืออนาคตคนของแผ่นดินไทยเรารุ่นต่อไปนะ,พรรคแบบอนาคตใหม่พรรคก้าวไกลที่ถูกยุบพรรคเพราะหมายล้มสถาบันเอยตลอดนักวิชาการครูสายอาจารย์มหาลัยเป็นอันมากเป็นคนล้างสมองเยาวชนไทยเราและเข้าทียศแผ่นดินไทยเหมือนพรรคที่ว่ามีจำนวนไม่น้อยเลยในโรงเรียนมหาลัยไทยเรา,พวกนี้ต้องกำจัดให้สิ้นซากจริงๆ.,พวกรีตตาเดียวอิลูมินาติพวกซาตานฝ่ายมืดก็ว่า,มันทำสัญลักษณ์มือโชว์ว่าเป็นขี้ข้าฝ่ายมืดชัดเจนขนาดนั้นแล้วก็ว่า.,ศัตรูและคนทรยศแผ่นดินไทยไม่ซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินไทย ทำไมยังเก็บรักษาลอยหน้าลอยตาถึงปัจจุบันนี้นะ.


    https://youtu.be/kgbOabQqgb0?si=p9Em0Q-_XPWypFIA
    ..เยาวชนไทยเราธรรมดาที่ไหน,แนวใครแนวมันและสนุกไม่แพ้ของจริง.,เด็กไทยเราเก่งไม่แพ้ชาติใดในโลกนะ,ถ้าเราได้คนดีคนเก่งมีความสามารถขึ้นมาเป็นผู้นำนะจะก้าวกระโดดโคตรๆ เม็ดเงินส่งเสริมสนับสนุนเยาวชนไทยสาระพัดหลากหลายมิติจะพร้อมเหลือล้นในการอุดหนุนความสามารถของเยาวชนไทยเรารุ่นต่อไป,มิใช่ชูสามนิ้วล้มสถาบันช่วยต่างชาติทำลายแผ่นดินไทยตนเอง,เราสามารถสร้างความสงบสุขดำรงรักษาภายในประเทศไทยเราได้แม้ทั่วโลกจะโกลาหลเดือดร้อนพังพินาศทางเศรษฐกิจหรือสงครามตัวแทนใดๆ,ด้วยความสามารถของผู้นำคนดีคนเก่งๆของเราเอาอยู่สบายโดยมีแรงหนุนประชาชนสามัคคีในชาติเป็นฐานรับมือร่วมกันอย่างสบายๆแน่นอน.,บ้านเมืองเราสงบสุขร่มเย็น ประชาชนอิ่มปากอิ่มท้องร่ำรวยไม่ยากจนเหมือนปัจจุบัน สติและปัญญาคิดอ่านสาระพัดให้ชาติไทยรอดพ้นภัยใดๆจะไหลมามากมายสานะทิศแล้วลงมือขจัดกำจัดร่วมกันทั้งประเทศในภัยนั้นๆไม่ยากเย็นอะไรก็ว่า.,ตลอดนวัตกรรมล้ำๆจะมากมายเต็มแผ่นดินไทยด้วย เพราะแต่ละคนไทยความคิดอ่านโคตรประยุกต์ใช้ธรรมดาที่ไหน,ยิ่งมีตังซื้อหาวัตถุดิบมาต่อยอดความคิดการเป็นรูปเป็นร่างได้จริงอีก ไม่มีกฎหมายผีบ้ามากมายของคนบ้าอำนาจบ้าปกครองเขียนออกมาหมายควบคุมคนไทยเป็นทาสไร้อิสระเสรีที่ตีตราใช้บังคับตรึมสาระพัด,ดูง่ายๆที่สุดคือ ไม่ใส่หมวกกันน็อคปรับ2,000บาทนั้นล่ะ,ควบคุมตรึม,ผู้นำที่ดีๆเท่านั้นจึงสามารถฉีกกฎหมายผีบ้ามากมายที่ออกมาทิ้งไปได้,นี้คือวิธีปกครองเผด็จการในหน้าตาอ้างประชาธิปไตย,ไม่ช่องทางที่ประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็นคัดค้านหรือลงชื่อยกเลิกได้นะหากไม่เห็นด้วยที่กระทรวงทบวงกรมตีตราเขียนออกมาบังคับใช้ เช่นมีองค์กรหน่วยงานรัฐส่วนกลางรับลงชื่อออนไลน์เปิดหัวข้อของประชาชนอยากร่วมยกเลิกกฎหมายอะไรทางตรงได้เช่นกฎหมายสัมปทานปิโตรเลียมต้องการยกเลิกสัมปทานที่ไม่เป็นธรรม ประเทศไทยในนามรัฐบาลสมควรขุดเจาะทำเองขายเองถูกๆในไทยแต่ไม่ทำ ตั้งเป็นหัวข้อในแพลตฟอร์มแล้วประชาชนลงชื่อลงมติทุบกฎหมายนั้นทิ้งจนครบเกณฑ์ที่กำหนด สามารถให้กฎหมายนั้นเป็นยกเลิกไปทันทีได้โมฆะทันทีได้เช่นต้องลงชื่อลงมติใช้ประชาชน20ล้านคนที่มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตััง มาร่วมลงชื่อลงมติยกเลิกทุบทิ้งได้ พอครบคนไทยตามเกณฑ์ก็ยกเลิกทันทีได้,นี้ประชาชนต้องมีส่วนร่วมตรงได้แบบนี้,เพราะอย่างไรเวลานี้น้ำมันก็ยังสำคัญ สงครามก็ยังใช้ปกติในเครื่องจักรรบต่างๆ.รถต้องเติมน้ำมัน เครื่องบินรบเรือรบก็ต้องเติมน้ำมันโดยปกติพื้นฐานในเวลาเปลี่ยนยุคนี้. ..เยาวชนไทยเราคืออนาคตคนของแผ่นดินไทยเรารุ่นต่อไปนะ,พรรคแบบอนาคตใหม่พรรคก้าวไกลที่ถูกยุบพรรคเพราะหมายล้มสถาบันเอยตลอดนักวิชาการครูสายอาจารย์มหาลัยเป็นอันมากเป็นคนล้างสมองเยาวชนไทยเราและเข้าทียศแผ่นดินไทยเหมือนพรรคที่ว่ามีจำนวนไม่น้อยเลยในโรงเรียนมหาลัยไทยเรา,พวกนี้ต้องกำจัดให้สิ้นซากจริงๆ.,พวกรีตตาเดียวอิลูมินาติพวกซาตานฝ่ายมืดก็ว่า,มันทำสัญลักษณ์มือโชว์ว่าเป็นขี้ข้าฝ่ายมืดชัดเจนขนาดนั้นแล้วก็ว่า.,ศัตรูและคนทรยศแผ่นดินไทยไม่ซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินไทย ทำไมยังเก็บรักษาลอยหน้าลอยตาถึงปัจจุบันนี้นะ. https://youtu.be/kgbOabQqgb0?si=p9Em0Q-_XPWypFIA
    Wow
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 466 มุมมอง 0 รีวิว
  • เริ่มนับหนึ่ง MRT3 Circle Line รถไฟฟ้าวงแหวนรอบนอก KL

    หลังจากประเทศมาเลเซียพัฒนารถไฟฟ้าไปทั่วกรุงกัวลาลัมเปอร์และหุบเขาแคลงมาแล้ว 12 เส้นทาง ล่าสุดโครงการรถไฟฟ้า MRT3 Circle Line ของบริษัท มาเลเซีย แรพิด ทรานซิท คอร์ปอเรชัน (MRT Corp) นายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย ได้อนุมัติลงนามโครงการในขั้นตอนสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว หลังเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน 45,000 ราย พบว่ามีผู้สนับสนุนโครงการ 93.3% นับจากนี้จะเริ่มกระบวนการจัดซื้อที่ดินตามแนวเส้นทาง 690 แปลงภายในปี 2569 ก่อนประกวดราคาและก่อสร้างต่อไป

    สำหรับโครงการรถไฟฟ้า MRT3 Circle Line มีระยะทาง 51 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางวนรอบ 73 นาที แบ่งเป็นทางรถไฟยกระดับ 39 กิโลเมตร และทางรถไฟใต้ดิน 12 กิโลเมตร เริ่มต้นจากสถานีบูกิต เคียรา เซลาตัน (Bukit Kiara Selatan) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT Kajang Line วนตามเข็มนาฬิกาจากทิศตะวันตกไปทางทิศตะวันออก มีสถานีทั้งหมด 32 สถานี แบ่งเป็นสถานียกระดับ 22 สถานี สถานีใต้ดิน 7 สถานี รองรับผู้โดยสาร 25,000 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง ให้บริการผู้โดยสารรอบนอกกรุงกัวลาลัมเปอร์ และเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟฟ้าสายอื่นแบบบูรณาการ สามารถเดินทางระหว่างกันได้อย่างราบรื่น

    เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายต่างๆ ได้แก่ สถานีคอมเพล็กซ์ ดูตา (Kompleks Duta) เชื่อมต่อรถไฟ KTM Tanjung Malim-Port Klang Line, สถานีตีตี้วังซา (Titiwangsa) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า 4 สาย ได้แก่ LRT Ampang Line, LRT Sri Petaling Line, KL Monorail Line and MRT Putrajaya Line, สถานีเซเตียวังซา (Setiawangsa) เชื่อมต่อรถไฟ LRT Kelana Jaya Line, สถานีพันดัน อินดาห์ (Pandan Indah) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT Ampang Line,

    สถานีตามันมิดาห์ (Taman Midah) เชื่อมต่อรถไฟ MRT Kajang Line, สถานีซาลัคเซลาตัน (Salak Selatan) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT Sri Petaling Line, สถานีกูชาย (Kuchai) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า MRT Putrajaya Line, สถานีพันทายดาลัม (Pantai Dalam) เชื่อมต่อรถไฟ KTM Tanjung Malim-Port Klang Line, สถานียูนิเวอร์ซิตี้ (Universiti) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT Kelana Jaya Line

    ผ่านสถานที่สำคัญ ได้แก่ ศูนย์นิทรรศการและการค้าระหว่างประเทศมาเลเซีย (MITEC) สถานีดูตามาส (Dutamas), โรงพยาบาลเฉพาะทาง Pusat Perubatan Universiti Kebangsaan Malaysia (PPUKM) and UKM Child Specialist Hospital สถานีจาลันยาโคบลาทิฟ (Jalan Yaacob Latif), ศูนย์การค้าเคแอลเกตเวย์มอลล์ สถานียูนิเวอร์ซิตี้ และศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยมาลายา (University of Malaya Medical Centre) สถานียูเอ็ม (UM) เป็นต้น

    #Newskit
    เริ่มนับหนึ่ง MRT3 Circle Line รถไฟฟ้าวงแหวนรอบนอก KL หลังจากประเทศมาเลเซียพัฒนารถไฟฟ้าไปทั่วกรุงกัวลาลัมเปอร์และหุบเขาแคลงมาแล้ว 12 เส้นทาง ล่าสุดโครงการรถไฟฟ้า MRT3 Circle Line ของบริษัท มาเลเซีย แรพิด ทรานซิท คอร์ปอเรชัน (MRT Corp) นายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย ได้อนุมัติลงนามโครงการในขั้นตอนสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว หลังเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน 45,000 ราย พบว่ามีผู้สนับสนุนโครงการ 93.3% นับจากนี้จะเริ่มกระบวนการจัดซื้อที่ดินตามแนวเส้นทาง 690 แปลงภายในปี 2569 ก่อนประกวดราคาและก่อสร้างต่อไป สำหรับโครงการรถไฟฟ้า MRT3 Circle Line มีระยะทาง 51 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางวนรอบ 73 นาที แบ่งเป็นทางรถไฟยกระดับ 39 กิโลเมตร และทางรถไฟใต้ดิน 12 กิโลเมตร เริ่มต้นจากสถานีบูกิต เคียรา เซลาตัน (Bukit Kiara Selatan) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT Kajang Line วนตามเข็มนาฬิกาจากทิศตะวันตกไปทางทิศตะวันออก มีสถานีทั้งหมด 32 สถานี แบ่งเป็นสถานียกระดับ 22 สถานี สถานีใต้ดิน 7 สถานี รองรับผู้โดยสาร 25,000 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง ให้บริการผู้โดยสารรอบนอกกรุงกัวลาลัมเปอร์ และเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟฟ้าสายอื่นแบบบูรณาการ สามารถเดินทางระหว่างกันได้อย่างราบรื่น เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายต่างๆ ได้แก่ สถานีคอมเพล็กซ์ ดูตา (Kompleks Duta) เชื่อมต่อรถไฟ KTM Tanjung Malim-Port Klang Line, สถานีตีตี้วังซา (Titiwangsa) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า 4 สาย ได้แก่ LRT Ampang Line, LRT Sri Petaling Line, KL Monorail Line and MRT Putrajaya Line, สถานีเซเตียวังซา (Setiawangsa) เชื่อมต่อรถไฟ LRT Kelana Jaya Line, สถานีพันดัน อินดาห์ (Pandan Indah) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT Ampang Line, สถานีตามันมิดาห์ (Taman Midah) เชื่อมต่อรถไฟ MRT Kajang Line, สถานีซาลัคเซลาตัน (Salak Selatan) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT Sri Petaling Line, สถานีกูชาย (Kuchai) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า MRT Putrajaya Line, สถานีพันทายดาลัม (Pantai Dalam) เชื่อมต่อรถไฟ KTM Tanjung Malim-Port Klang Line, สถานียูนิเวอร์ซิตี้ (Universiti) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT Kelana Jaya Line ผ่านสถานที่สำคัญ ได้แก่ ศูนย์นิทรรศการและการค้าระหว่างประเทศมาเลเซีย (MITEC) สถานีดูตามาส (Dutamas), โรงพยาบาลเฉพาะทาง Pusat Perubatan Universiti Kebangsaan Malaysia (PPUKM) and UKM Child Specialist Hospital สถานีจาลันยาโคบลาทิฟ (Jalan Yaacob Latif), ศูนย์การค้าเคแอลเกตเวย์มอลล์ สถานียูนิเวอร์ซิตี้ และศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยมาลายา (University of Malaya Medical Centre) สถานียูเอ็ม (UM) เป็นต้น #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 514 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ทวนความบัดสบของอดีตผู้นำไทย,ธาตุแท้ที่ไม่สมควรเป็นผู้นำประเทศไทยเลยเมื่อเจอค่าจริงแต่ปฏิเสธว่าคุณคือฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาลนะ,ไม่ยินยอมรับผิดตามที่ผู้นำประเทศบอกให้รับผิดนะ.
    ..มันคือความอัปรีย์สุดๆของคดีระหว่างประเทศที่ค่าจริงมีตรึม,หนองจานเป็นของเขมรพะนะ.,ยืนบนแผ่นดินไทยแท้ๆเสือกข้าราชการและนักการเมืองไทยเองอยู่ตรงข้ามกับประชาชนตน,เป็นความอัปยศมลทิลติดตัวมิรู้ลืม,คนจริงแฉคนชั่วเลวสมควรแล้ว.
    ..จริงๆประเทศไทยเรา สมควรยกเลิกกฎหมายหมิ่นประมาทได้แล้ว เหมือนต้องยกเลิกกฎหมายชุมนุมในที่สาธารณะนั้นล่ะ,เพราะอะไร เพราะกฎหมายประเภทนี้ทำให้สังคมเสียสมดุลความเป็นจริง,ถ้าตนเองถูกด่าเพราะเขาไปรู้ว่าทำชั่วอะไร ก็ออกมาโต้คืนว่าไม่ได้จริงนะ มันด่าโคตรพ่มโคตรแมร่งมรึง มรึงก็ด่าคืนสิ เสือกอ้างกฎหมายปิดปากแฉความชั่วตนเสีย,ชุมนุมใครจะออกมาชุมนุมไล่หรือประท้วงตนถ้าไม่ชั่วเลวจริง เขาจึงมาขับไล่ออก ตนมีหลักฐานว่าไม่ชั่วเลวก็แถลงแจ้งสิ,ความจริงมีค่าเดียวอยู่แล้ว เสือกเขียนกฎหมายห้ามและเกิดในยุคหลังทหารยึดอำนาจจากกปปส.ยื่นใส่พานด้วย มันผิดปกติมาก,ผิดปกติคือกฎหมายหมิ่นประมาทแล้ว,เมื่อไม่มี คนจะควบคุมคนเองภายในสังคมเฉพาะบุคคลนัันๆ สองฝ่ายเขานั้น หมิ่นก็หมิ่นก็ด่าล้างโคตรด้วยวาจาหาลงไม้ลงมือกัน,ด่าบรมโคตรใครมันจะเป็นเหี้ยอะไรถ้าตนไม่ใช่คนไม่ดี สามารถด่าบรมโคตรมันคืนก็ได้,
    ..กฎหมายหมิ่นประมาทหากยกเลิกไปได้นะ,จะมีการแฉความจริงมากมาย,ใครทำผิดก็แฉหน้าตาได้,กรณีที่สำคัญอีกตัว คือข่าวแบบพนักงานแบงค์เป็นโจรเสียเองนี้ก็ด้วย ลักขโมยตังในบัญชีคนฝาก กฎหมายหมิ่นประมาทจึงเป็นประโยชน์ชัดเจนแก่คนผิด,ปกป้องชื่อเสียงธนาคารนั่น ปกป้องพนักงานนั้นๆ,โจรข่มขื่นก็ได้ความดีแก่กฎหมายหมิ่นประมาทด้วย ไม่ให้เปิดเผยใบหน้าใส่หมวกกันน็อคช่วยปกปิดด้วยเพราะถ้ากูอาเสี่ยอาเฮียโดนก็สามารถใช่กฎหมายหมิ่นประมาทนี้ซ่อนใบหน้าได้,หรือใครๆไม่สามารถรุมด่าโคตรพ่อโคตรแมร่งกูได้ที่สั่งสอนมาแล้วข่มขืนเด็กๆได้,
    ..กฎหมายหมิ่นประมาทจึงเป็นกฎหมายที่ทำลายสังคม
    ..กฎหมายหมิ่นประมาทจึงเป็นกฎหมายผู้ดีที่ทำลายสมดุลในการปกป้องความสงบสุขแก่สังคม เป็นการกระจายข่าวปกป้องภัยในชุมชนสังคมได้หากยกเลิกกฎหมายหมิ่นประมาทเพื่อปกป้องคนชั่วไว้ก่อนก็ว่า.
    ..กฎหมายหมิ่นประมาทจงมองดูดีๆ เกิดจากปากในกรณีพูดจาก,เกิดใจความคิดในกรณีเล่นโซเชียลและเขียนแสดงความคิดเห็นด้วยมือแทนปาก ด่าว่าแทนปากพูด สรุปกฎหมายหมิ่นประมาทคือกฎหมายปิดปากใช้ควบคุมทาสแบบใส่หน้าอนามัยยุคโควิดนั้นล่ะ,วลีเท่ๆแค่นั่นแต่แท้จริงอีลิทdeep stateต้องการปิดปากคุณและทำตามคำสั่งแค่นั้นหรือรับกฎกติกาอย่างเชื่อฟังสถานเดียว,กูฟ้องนะหมิ่นกู,นี้ไง!!!,นี้จึงกฎหมายที่ทำให้เสียสมดุลธรรมชาติในการจัดการโดยธรรมชาติของคนด้วยกันเอง,มีตัวนี้ก็เสียสมดุล,,กฎหมายการชุมนุมในที่สาธารณะก็ด้วย,นี้ก็ปิดปากประชาชนเช่นกัน ผูกตีนผูกมือไว้หลังจากปิดปากเสร็จ มันเป็นจังหวะเลยนะ,ควบคุมคนทาสดีๆนี้เอง,



    ..https://youtu.be/pddofSa4sJo?si=O4DIL442VA2TuXkF
    ..ทวนความบัดสบของอดีตผู้นำไทย,ธาตุแท้ที่ไม่สมควรเป็นผู้นำประเทศไทยเลยเมื่อเจอค่าจริงแต่ปฏิเสธว่าคุณคือฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาลนะ,ไม่ยินยอมรับผิดตามที่ผู้นำประเทศบอกให้รับผิดนะ. ..มันคือความอัปรีย์สุดๆของคดีระหว่างประเทศที่ค่าจริงมีตรึม,หนองจานเป็นของเขมรพะนะ.,ยืนบนแผ่นดินไทยแท้ๆเสือกข้าราชการและนักการเมืองไทยเองอยู่ตรงข้ามกับประชาชนตน,เป็นความอัปยศมลทิลติดตัวมิรู้ลืม,คนจริงแฉคนชั่วเลวสมควรแล้ว. ..จริงๆประเทศไทยเรา สมควรยกเลิกกฎหมายหมิ่นประมาทได้แล้ว เหมือนต้องยกเลิกกฎหมายชุมนุมในที่สาธารณะนั้นล่ะ,เพราะอะไร เพราะกฎหมายประเภทนี้ทำให้สังคมเสียสมดุลความเป็นจริง,ถ้าตนเองถูกด่าเพราะเขาไปรู้ว่าทำชั่วอะไร ก็ออกมาโต้คืนว่าไม่ได้จริงนะ มันด่าโคตรพ่มโคตรแมร่งมรึง มรึงก็ด่าคืนสิ เสือกอ้างกฎหมายปิดปากแฉความชั่วตนเสีย,ชุมนุมใครจะออกมาชุมนุมไล่หรือประท้วงตนถ้าไม่ชั่วเลวจริง เขาจึงมาขับไล่ออก ตนมีหลักฐานว่าไม่ชั่วเลวก็แถลงแจ้งสิ,ความจริงมีค่าเดียวอยู่แล้ว เสือกเขียนกฎหมายห้ามและเกิดในยุคหลังทหารยึดอำนาจจากกปปส.ยื่นใส่พานด้วย มันผิดปกติมาก,ผิดปกติคือกฎหมายหมิ่นประมาทแล้ว,เมื่อไม่มี คนจะควบคุมคนเองภายในสังคมเฉพาะบุคคลนัันๆ สองฝ่ายเขานั้น หมิ่นก็หมิ่นก็ด่าล้างโคตรด้วยวาจาหาลงไม้ลงมือกัน,ด่าบรมโคตรใครมันจะเป็นเหี้ยอะไรถ้าตนไม่ใช่คนไม่ดี สามารถด่าบรมโคตรมันคืนก็ได้, ..กฎหมายหมิ่นประมาทหากยกเลิกไปได้นะ,จะมีการแฉความจริงมากมาย,ใครทำผิดก็แฉหน้าตาได้,กรณีที่สำคัญอีกตัว คือข่าวแบบพนักงานแบงค์เป็นโจรเสียเองนี้ก็ด้วย ลักขโมยตังในบัญชีคนฝาก กฎหมายหมิ่นประมาทจึงเป็นประโยชน์ชัดเจนแก่คนผิด,ปกป้องชื่อเสียงธนาคารนั่น ปกป้องพนักงานนั้นๆ,โจรข่มขื่นก็ได้ความดีแก่กฎหมายหมิ่นประมาทด้วย ไม่ให้เปิดเผยใบหน้าใส่หมวกกันน็อคช่วยปกปิดด้วยเพราะถ้ากูอาเสี่ยอาเฮียโดนก็สามารถใช่กฎหมายหมิ่นประมาทนี้ซ่อนใบหน้าได้,หรือใครๆไม่สามารถรุมด่าโคตรพ่อโคตรแมร่งกูได้ที่สั่งสอนมาแล้วข่มขืนเด็กๆได้, ..กฎหมายหมิ่นประมาทจึงเป็นกฎหมายที่ทำลายสังคม ..กฎหมายหมิ่นประมาทจึงเป็นกฎหมายผู้ดีที่ทำลายสมดุลในการปกป้องความสงบสุขแก่สังคม เป็นการกระจายข่าวปกป้องภัยในชุมชนสังคมได้หากยกเลิกกฎหมายหมิ่นประมาทเพื่อปกป้องคนชั่วไว้ก่อนก็ว่า. ..กฎหมายหมิ่นประมาทจงมองดูดีๆ เกิดจากปากในกรณีพูดจาก,เกิดใจความคิดในกรณีเล่นโซเชียลและเขียนแสดงความคิดเห็นด้วยมือแทนปาก ด่าว่าแทนปากพูด สรุปกฎหมายหมิ่นประมาทคือกฎหมายปิดปากใช้ควบคุมทาสแบบใส่หน้าอนามัยยุคโควิดนั้นล่ะ,วลีเท่ๆแค่นั่นแต่แท้จริงอีลิทdeep stateต้องการปิดปากคุณและทำตามคำสั่งแค่นั้นหรือรับกฎกติกาอย่างเชื่อฟังสถานเดียว,กูฟ้องนะหมิ่นกู,นี้ไง!!!,นี้จึงกฎหมายที่ทำให้เสียสมดุลธรรมชาติในการจัดการโดยธรรมชาติของคนด้วยกันเอง,มีตัวนี้ก็เสียสมดุล,,กฎหมายการชุมนุมในที่สาธารณะก็ด้วย,นี้ก็ปิดปากประชาชนเช่นกัน ผูกตีนผูกมือไว้หลังจากปิดปากเสร็จ มันเป็นจังหวะเลยนะ,ควบคุมคนทาสดีๆนี้เอง, ..https://youtu.be/pddofSa4sJo?si=O4DIL442VA2TuXkF
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 427 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ฮุนเซน” ซัดนิด้าทำโพลสำรวจความเห็นผู้นำประเทศอื่นที่เป็นศัตรูกัน ทั่วโลกไม่มีที่ไหนทำ แนะไปสำรวจความเห็นต่อผู้นำไทยมากกว่า แต่โวเข้าทางตัวเอง เพราะสิ่งที่ตนกลัวมากที่สุดคือคนไทยรักฮุนเซน อยากให้คนไทยประเมินค่าฮุนเซนต่ำ เป็นการพิสูจน์ว่าตนเองทำถูกต้อง

    วันนี้(9 ก.ค.) ในเฟซบุ๊กSamdech Hun Sen of Cambodiaของนายฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา มีการโพสต์ข้อความแปลเป็นไทยได้ว่า “ผมอยากแนะนำนักการเมืองและกลุ่มการเมืองของไทยบ้าง!“เป็นเรื่องแปลกและหายากในโลก ที่ประเทศหนึ่งซึ่งกำลังเผชิญหน้ากัน จะทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนประเทศตัวเองต่อผู้นำประเทศที่เป็นศัตรูกัน มันเป็นเรื่องไร้สาระและไม่มีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้น แต่ประเทศไทยสามารถทำได้

    “การสำรวจของสถาบัน NIDA เพื่อสอบถามความรู้สึกของคนไทยที่มีต่อผม ฮุนเซน แสดงให้เห็นว่า คนไทยสนใจและเห็นคุณค่าในตัวผมมาก แต่จะเป็นเรื่องดีกว่า ถ้าคนไทยทำการสำรวจความคิดเห็นต่อผู้นำของตนเอง ดังนั้นผมจึงอยากจะบอกว่า “สิ่งที่ผมกลัวที่สุดคือคนไทยรักฮุนเซน ซึ่งอาจแสดงให้เห็นว่าผมกำลังทรยศต่อประเทศและประชาชนของผม แต่สิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดคือศัตรูประเมินฮุนเซนในระดับที่ต่ำที่สุด ซึ่งมันเป็นการพิสูจน์ว่า ผมกำลังทำสิ่งที่ถูกต้องสำหรับประเทศและประชาชนของผม”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000064697

    #Thaitimes #MGROnline #ฮุนเซน #นิด้าโพล #โพล
    “ฮุนเซน” ซัดนิด้าทำโพลสำรวจความเห็นผู้นำประเทศอื่นที่เป็นศัตรูกัน ทั่วโลกไม่มีที่ไหนทำ แนะไปสำรวจความเห็นต่อผู้นำไทยมากกว่า แต่โวเข้าทางตัวเอง เพราะสิ่งที่ตนกลัวมากที่สุดคือคนไทยรักฮุนเซน อยากให้คนไทยประเมินค่าฮุนเซนต่ำ เป็นการพิสูจน์ว่าตนเองทำถูกต้อง • วันนี้(9 ก.ค.) ในเฟซบุ๊กSamdech Hun Sen of Cambodiaของนายฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา มีการโพสต์ข้อความแปลเป็นไทยได้ว่า “ผมอยากแนะนำนักการเมืองและกลุ่มการเมืองของไทยบ้าง!“เป็นเรื่องแปลกและหายากในโลก ที่ประเทศหนึ่งซึ่งกำลังเผชิญหน้ากัน จะทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนประเทศตัวเองต่อผู้นำประเทศที่เป็นศัตรูกัน มันเป็นเรื่องไร้สาระและไม่มีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้น แต่ประเทศไทยสามารถทำได้ • “การสำรวจของสถาบัน NIDA เพื่อสอบถามความรู้สึกของคนไทยที่มีต่อผม ฮุนเซน แสดงให้เห็นว่า คนไทยสนใจและเห็นคุณค่าในตัวผมมาก แต่จะเป็นเรื่องดีกว่า ถ้าคนไทยทำการสำรวจความคิดเห็นต่อผู้นำของตนเอง ดังนั้นผมจึงอยากจะบอกว่า “สิ่งที่ผมกลัวที่สุดคือคนไทยรักฮุนเซน ซึ่งอาจแสดงให้เห็นว่าผมกำลังทรยศต่อประเทศและประชาชนของผม แต่สิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดคือศัตรูประเมินฮุนเซนในระดับที่ต่ำที่สุด ซึ่งมันเป็นการพิสูจน์ว่า ผมกำลังทำสิ่งที่ถูกต้องสำหรับประเทศและประชาชนของผม” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000064697 • #Thaitimes #MGROnline #ฮุนเซน #นิด้าโพล #โพล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 354 มุมมอง 0 รีวิว
  • น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม เผยถึงการตั้งหัวหน้าทีมชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญกรณีคลิปเสียงสนทนากับนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา อยู่ในขั้นตอนเตรียมเอกสาร เชื่อทีมไทยแลนด์ยังมีโอกาสบรรลุการเจรจามาตรการกำแพงภาษีสหรัฐ ไม่ตอบเข้าสภาเพื่อควบคุมเสียงของรัฐบาลที่อยู่ในภาวะเสียงปริ่มน้ำหรือไม่ บอกเป็นนายกที่ถูกสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่ จึงตอบไม่ได้ โต้หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ใส่สีตีไข่ปมอ้างประธานาธิบดีจีนเตือนไทยเรื่องทำกาสิโน เป็นคำแนะนำแลกเปลี่ยนความคิดเห็น นักท่องเที่ยวจีนมาไทยลดลง เพราะความปลอดภัย ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่ใช่เพราะทำกาสิโน
    น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม เผยถึงการตั้งหัวหน้าทีมชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญกรณีคลิปเสียงสนทนากับนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา อยู่ในขั้นตอนเตรียมเอกสาร เชื่อทีมไทยแลนด์ยังมีโอกาสบรรลุการเจรจามาตรการกำแพงภาษีสหรัฐ ไม่ตอบเข้าสภาเพื่อควบคุมเสียงของรัฐบาลที่อยู่ในภาวะเสียงปริ่มน้ำหรือไม่ บอกเป็นนายกที่ถูกสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่ จึงตอบไม่ได้ โต้หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ใส่สีตีไข่ปมอ้างประธานาธิบดีจีนเตือนไทยเรื่องทำกาสิโน เป็นคำแนะนำแลกเปลี่ยนความคิดเห็น นักท่องเที่ยวจีนมาไทยลดลง เพราะความปลอดภัย ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่ใช่เพราะทำกาสิโน
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 763 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • 'พ่อนายกฯเขมร' เพ้อหนัก แซะ "นิด้าโพล" ชี้ไทยควรสำรวจความคิดเห็นผู้นำตัวเองดีกว่า สิ่งที่กลัวที่สุดคือคนไทยอาจรัก 'ฮุนเซน'
    https://www.thai-tai.tv/news/20147/
    .
    #ฮุนเซน #นิด้าโพล #กัมพูชา #ไทยกัมพูชา #ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ #การเมืองไทย #ผู้นำกัมพูชา
    'พ่อนายกฯเขมร' เพ้อหนัก แซะ "นิด้าโพล" ชี้ไทยควรสำรวจความคิดเห็นผู้นำตัวเองดีกว่า สิ่งที่กลัวที่สุดคือคนไทยอาจรัก 'ฮุนเซน' https://www.thai-tai.tv/news/20147/ . #ฮุนเซน #นิด้าโพล #กัมพูชา #ไทยกัมพูชา #ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ #การเมืองไทย #ผู้นำกัมพูชา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts