• “Apple กับความ ‘ไม่ว้าว’ ที่เพิ่มขึ้น — เมื่อดีไซน์สวยกลบการใช้งาน และ iPhone Air กลายเป็นคำถามมากกว่าคำตอบ”

    Riccardo Mori นักเขียนสายเทคโนโลยีที่ติดตาม Apple มานาน ได้เขียนบทความวิจารณ์งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Apple เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2025 ซึ่งถูกตั้งชื่อว่า “Awe Dropping” แต่สำหรับเขาแล้ว มันคือ “ความว้าวที่ลดลงเรื่อย ๆ” โดยเฉพาะเมื่อ Apple เปิดตัว iPhone 17, iPhone Air, Apple Watch Series 11 และ AirPods Pro 3 พร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 26 ที่มาพร้อมดีไซน์ใหม่ชื่อ Liquid Glass

    Mori ตั้งคำถามถึงความจริงใจของ Apple ที่เปิดงานด้วยคำพูดของ Steve Jobs ว่า “Design is how it works” ทั้งที่ดีไซน์ Liquid Glass เน้นความสวยงามมากกว่าการใช้งานจริง และ iPhone Air ก็เป็นตัวอย่างของการออกแบบที่เน้นความบางจนเสียฟังก์ชัน เช่น ความร้อนสูง, แบตเตอรี่เล็ก, ไม่มีช่องใส่ซิม และต้องพึ่งพาแบตเสริม MagSafe ที่ทำให้ดีไซน์บางหมดความหมาย

    เขายังวิจารณ์ Apple Watch ว่าเต็มไปด้วยฟีเจอร์ที่มากเกินไป และการนำเสนอเรื่อง “ช่วยชีวิตผู้ใช้” กลายเป็นการตลาดที่ซ้ำซาก ส่วน AirPods ก็ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพราะไม่สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ง่าย

    สำหรับ iPhone 17 Pro แม้จะมีฟีเจอร์กล้องระดับโปรและดีไซน์ใหม่ แต่ราคาก็สูงเกินไปสำหรับผู้ใช้ทั่วไป และ iPhone Air ก็ถูกมองว่าเป็น “การทดลอง” ที่อาจไม่ประสบความสำเร็จ เหมือนกับ iPhone mini ที่เคยถูกยกเลิกไป

    สุดท้าย Mori สรุปว่า Apple กำลังสูญเสียจุดเด่นที่เคยมี คือการผสานฮาร์ดแวร์กับซอฟต์แวร์อย่างลงตัว เพราะแม้ฮาร์ดแวร์จะดีขึ้นทุกปี แต่ iOS 26 กลับเต็มไปด้วยปัญหาด้าน UI และการออกแบบที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้จริง

    ข้อมูลสำคัญจากบทความ
    Apple เปิดตัว iPhone 17, iPhone Air, Apple Watch Series 11 และ AirPods Pro 3
    iPhone Air เป็นรุ่นที่บางที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่มีข้อจำกัดหลายด้าน
    Apple ใช้คำพูดของ Steve Jobs เปิดงาน แต่ดีไซน์ปัจจุบันขัดแย้งกับแนวคิดนั้น
    iOS 26 มาพร้อม Liquid Glass UI ที่เน้นความสวยงามมากกว่าการใช้งาน

    การวิจารณ์ผลิตภัณฑ์
    Apple Watch มีฟีเจอร์มากเกินไป และการนำเสนอเรื่อง “ช่วยชีวิต” กลายเป็นการตลาด
    AirPods ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพราะเปลี่ยนแบตไม่ได้
    iPhone 17 Pro มีฟีเจอร์กล้องระดับโปร แต่ราคาสูงเกินไปสำหรับผู้ใช้ทั่วไป
    iPhone Air ถูกมองว่าเป็นการทดลองที่อาจไม่ประสบความสำเร็จ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    iPhone Air มีความบางเพียง 5.5 มม. และใช้ชิป A19 Pro พร้อมหน้าจอ 120Hz
    ไม่มีช่องใส่ซิมการ์ด และไม่มี mmWave 5G — ใช้ eSIM เท่านั้น
    Apple เปิดตัวแบตเสริม MagSafe สำหรับ iPhone Air โดยเฉพาะ
    iPhone 17 Pro ใช้กล้อง 48MP ทุกตัว และมีระบบระบายความร้อนแบบใหม่

    https://morrick.me/archives/10137
    📱 “Apple กับความ ‘ไม่ว้าว’ ที่เพิ่มขึ้น — เมื่อดีไซน์สวยกลบการใช้งาน และ iPhone Air กลายเป็นคำถามมากกว่าคำตอบ” Riccardo Mori นักเขียนสายเทคโนโลยีที่ติดตาม Apple มานาน ได้เขียนบทความวิจารณ์งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Apple เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2025 ซึ่งถูกตั้งชื่อว่า “Awe Dropping” แต่สำหรับเขาแล้ว มันคือ “ความว้าวที่ลดลงเรื่อย ๆ” โดยเฉพาะเมื่อ Apple เปิดตัว iPhone 17, iPhone Air, Apple Watch Series 11 และ AirPods Pro 3 พร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 26 ที่มาพร้อมดีไซน์ใหม่ชื่อ Liquid Glass Mori ตั้งคำถามถึงความจริงใจของ Apple ที่เปิดงานด้วยคำพูดของ Steve Jobs ว่า “Design is how it works” ทั้งที่ดีไซน์ Liquid Glass เน้นความสวยงามมากกว่าการใช้งานจริง และ iPhone Air ก็เป็นตัวอย่างของการออกแบบที่เน้นความบางจนเสียฟังก์ชัน เช่น ความร้อนสูง, แบตเตอรี่เล็ก, ไม่มีช่องใส่ซิม และต้องพึ่งพาแบตเสริม MagSafe ที่ทำให้ดีไซน์บางหมดความหมาย เขายังวิจารณ์ Apple Watch ว่าเต็มไปด้วยฟีเจอร์ที่มากเกินไป และการนำเสนอเรื่อง “ช่วยชีวิตผู้ใช้” กลายเป็นการตลาดที่ซ้ำซาก ส่วน AirPods ก็ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพราะไม่สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ง่าย สำหรับ iPhone 17 Pro แม้จะมีฟีเจอร์กล้องระดับโปรและดีไซน์ใหม่ แต่ราคาก็สูงเกินไปสำหรับผู้ใช้ทั่วไป และ iPhone Air ก็ถูกมองว่าเป็น “การทดลอง” ที่อาจไม่ประสบความสำเร็จ เหมือนกับ iPhone mini ที่เคยถูกยกเลิกไป สุดท้าย Mori สรุปว่า Apple กำลังสูญเสียจุดเด่นที่เคยมี คือการผสานฮาร์ดแวร์กับซอฟต์แวร์อย่างลงตัว เพราะแม้ฮาร์ดแวร์จะดีขึ้นทุกปี แต่ iOS 26 กลับเต็มไปด้วยปัญหาด้าน UI และการออกแบบที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้จริง ✅ ข้อมูลสำคัญจากบทความ ➡️ Apple เปิดตัว iPhone 17, iPhone Air, Apple Watch Series 11 และ AirPods Pro 3 ➡️ iPhone Air เป็นรุ่นที่บางที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่มีข้อจำกัดหลายด้าน ➡️ Apple ใช้คำพูดของ Steve Jobs เปิดงาน แต่ดีไซน์ปัจจุบันขัดแย้งกับแนวคิดนั้น ➡️ iOS 26 มาพร้อม Liquid Glass UI ที่เน้นความสวยงามมากกว่าการใช้งาน ✅ การวิจารณ์ผลิตภัณฑ์ ➡️ Apple Watch มีฟีเจอร์มากเกินไป และการนำเสนอเรื่อง “ช่วยชีวิต” กลายเป็นการตลาด ➡️ AirPods ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพราะเปลี่ยนแบตไม่ได้ ➡️ iPhone 17 Pro มีฟีเจอร์กล้องระดับโปร แต่ราคาสูงเกินไปสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ➡️ iPhone Air ถูกมองว่าเป็นการทดลองที่อาจไม่ประสบความสำเร็จ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ iPhone Air มีความบางเพียง 5.5 มม. และใช้ชิป A19 Pro พร้อมหน้าจอ 120Hz ➡️ ไม่มีช่องใส่ซิมการ์ด และไม่มี mmWave 5G — ใช้ eSIM เท่านั้น ➡️ Apple เปิดตัวแบตเสริม MagSafe สำหรับ iPhone Air โดยเฉพาะ ➡️ iPhone 17 Pro ใช้กล้อง 48MP ทุกตัว และมีระบบระบายความร้อนแบบใหม่ https://morrick.me/archives/10137
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • “จากเถาองุ่นสู่ฟิล์มชีวภาพ — นักวิจัย SDSU เปลี่ยนเศษไม้ไร้ค่าให้กลายเป็นวัสดุทดแทนพลาสติกที่ย่อยสลายได้ใน 17 วัน”

    ในยุคที่พลาสติกกลายเป็นปัญหาระดับโลก นักวิจัยจาก South Dakota State University (SDSU) ได้ค้นพบวิธีใหม่ในการเปลี่ยนเศษไม้จากเถาองุ่นที่ถูกตัดทิ้งทุกปีให้กลายเป็นฟิล์มชีวภาพที่โปร่งใส แข็งแรง และย่อยสลายได้ในเวลาเพียง 17 วันในดิน งานวิจัยนี้นำโดยศาสตราจารย์ Srinivas Janaswamy จากภาควิชาวิทยาศาสตร์นมและอาหาร ร่วมกับทีมวิจัยที่รวมถึงนักศึกษาระดับปริญญาเอกและผู้เชี่ยวชาญด้านองุ่นจาก SDSU

    หัวใจของนวัตกรรมนี้คือ “เซลลูโลส” — สารชีวโมเลกุลที่พบมากที่สุดในธรรมชาติ ซึ่งมีอยู่ในผนังเซลล์ของพืชทุกชนิด โดยเฉพาะในเถาองุ่นที่มีความเข้มข้นของเซลลูโลสสูงและมีปริมาณน้ำต่ำ ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการผลิตฟิล์มชีวภาพ

    ทีมวิจัยใช้กระบวนการสกัดเซลลูโลสด้วยสารละลายด่างและสารฟอกขาว ก่อนนำไปละลายใน ZnCl₂ แล้วเติมแคลเซียมและกลีเซอรอลเพื่อสร้างฟิล์มที่มีความโปร่งใสถึง 84% และความแข็งแรงมากกว่าถุงพลาสติกทั่วไป โดยไม่ทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม

    ฟิล์มจากเถาองุ่นนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดปัญหาขยะพลาสติก แต่ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับเศษวัสดุทางการเกษตรที่มักถูกเผาหรือทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนและการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน

    ข้อมูลสำคัญจากงานวิจัย
    ฟิล์มชีวภาพผลิตจากเซลลูโลสในเถาองุ่นที่ถูกตัดทิ้งทุกปี
    ย่อยสลายได้ภายใน 17 วันในดิน โดยไม่ทิ้งสารตกค้าง
    โปร่งใสระดับ 83.7–84.3% และมีแรงดึงสูงถึง 18.2 MPa
    แข็งแรงกว่าถุงพลาสติกทั่วไป และเหมาะสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหาร

    กระบวนการผลิตและทีมวิจัย
    สกัดเซลลูโลสด้วย KOH และ NaClO₂ ก่อนละลายใน ZnCl₂
    เติมแคลเซียมและกลีเซอรอลเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรง
    ทีมวิจัยประกอบด้วย Srinivas Janaswamy, Anne Fennell และนักศึกษาจาก SDSU และ Purdue
    ได้รับทุนสนับสนุนจาก USDA และ NSF เพื่อพัฒนาต่อยอด

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    เซลลูโลสเป็นองค์ประกอบหลักของฝ้ายและไม้ — ใช้ในสิ่งทอและกระดาษ
    ฟิล์มชีวภาพจากพืชสามารถลดการใช้พลาสติกจากน้ำมันดิบ
    เถาองุ่นมีเซลลูโลสสูงถึง 35% และมีน้ำต่ำ — เหมาะกับการแปรรูป
    การใช้เศษพืชในการผลิตวัสดุช่วยลดการเผาและการปล่อยคาร์บอน

    https://www.sdstate.edu/news/2025/08/can-grapevines-help-slow-plastic-waste-problem
    🍇 “จากเถาองุ่นสู่ฟิล์มชีวภาพ — นักวิจัย SDSU เปลี่ยนเศษไม้ไร้ค่าให้กลายเป็นวัสดุทดแทนพลาสติกที่ย่อยสลายได้ใน 17 วัน” ในยุคที่พลาสติกกลายเป็นปัญหาระดับโลก นักวิจัยจาก South Dakota State University (SDSU) ได้ค้นพบวิธีใหม่ในการเปลี่ยนเศษไม้จากเถาองุ่นที่ถูกตัดทิ้งทุกปีให้กลายเป็นฟิล์มชีวภาพที่โปร่งใส แข็งแรง และย่อยสลายได้ในเวลาเพียง 17 วันในดิน งานวิจัยนี้นำโดยศาสตราจารย์ Srinivas Janaswamy จากภาควิชาวิทยาศาสตร์นมและอาหาร ร่วมกับทีมวิจัยที่รวมถึงนักศึกษาระดับปริญญาเอกและผู้เชี่ยวชาญด้านองุ่นจาก SDSU หัวใจของนวัตกรรมนี้คือ “เซลลูโลส” — สารชีวโมเลกุลที่พบมากที่สุดในธรรมชาติ ซึ่งมีอยู่ในผนังเซลล์ของพืชทุกชนิด โดยเฉพาะในเถาองุ่นที่มีความเข้มข้นของเซลลูโลสสูงและมีปริมาณน้ำต่ำ ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการผลิตฟิล์มชีวภาพ ทีมวิจัยใช้กระบวนการสกัดเซลลูโลสด้วยสารละลายด่างและสารฟอกขาว ก่อนนำไปละลายใน ZnCl₂ แล้วเติมแคลเซียมและกลีเซอรอลเพื่อสร้างฟิล์มที่มีความโปร่งใสถึง 84% และความแข็งแรงมากกว่าถุงพลาสติกทั่วไป โดยไม่ทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ฟิล์มจากเถาองุ่นนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดปัญหาขยะพลาสติก แต่ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับเศษวัสดุทางการเกษตรที่มักถูกเผาหรือทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนและการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน ✅ ข้อมูลสำคัญจากงานวิจัย ➡️ ฟิล์มชีวภาพผลิตจากเซลลูโลสในเถาองุ่นที่ถูกตัดทิ้งทุกปี ➡️ ย่อยสลายได้ภายใน 17 วันในดิน โดยไม่ทิ้งสารตกค้าง ➡️ โปร่งใสระดับ 83.7–84.3% และมีแรงดึงสูงถึง 18.2 MPa ➡️ แข็งแรงกว่าถุงพลาสติกทั่วไป และเหมาะสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหาร ✅ กระบวนการผลิตและทีมวิจัย ➡️ สกัดเซลลูโลสด้วย KOH และ NaClO₂ ก่อนละลายใน ZnCl₂ ➡️ เติมแคลเซียมและกลีเซอรอลเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรง ➡️ ทีมวิจัยประกอบด้วย Srinivas Janaswamy, Anne Fennell และนักศึกษาจาก SDSU และ Purdue ➡️ ได้รับทุนสนับสนุนจาก USDA และ NSF เพื่อพัฒนาต่อยอด ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ เซลลูโลสเป็นองค์ประกอบหลักของฝ้ายและไม้ — ใช้ในสิ่งทอและกระดาษ ➡️ ฟิล์มชีวภาพจากพืชสามารถลดการใช้พลาสติกจากน้ำมันดิบ ➡️ เถาองุ่นมีเซลลูโลสสูงถึง 35% และมีน้ำต่ำ — เหมาะกับการแปรรูป ➡️ การใช้เศษพืชในการผลิตวัสดุช่วยลดการเผาและการปล่อยคาร์บอน https://www.sdstate.edu/news/2025/08/can-grapevines-help-slow-plastic-waste-problem
    WWW.SDSTATE.EDU
    Can grapevines help slow the plastic waste problem?
    A new study from South Dakota State University reveals how grapevine canes can be converted into plastic-like material that is stronger than traditional plastic and will decompose in the environment in a relatively short amount of time.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซิกเนเจอร์ของชนชาติอัปรีย์จังไร นอกจากลอบกัดทรยศหักหลังแล้ว ที่ขาดไม่ได้คือทิ้งขยะกลาดเกลื่อน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #เขมรทิ้งขยะ
    #สนามบินเขมร
    ซิกเนเจอร์ของชนชาติอัปรีย์จังไร นอกจากลอบกัดทรยศหักหลังแล้ว ที่ขาดไม่ได้คือทิ้งขยะกลาดเกลื่อน #คิงส์โพธิ์แดง #เขมรทิ้งขยะ #สนามบินเขมร
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • “โซเชียลมีเดียไม่ได้แค่แบ่งขั้วการเมือง — แต่มันกำลังเปลี่ยนโครงสร้างอำนาจทางการเมืองผ่าน ‘การสุดโต่งของชนชั้นนำ’”

    บทความโดย Nathan Witkin ใน Arachne Magazine ได้โต้แย้งแนวคิดของนักปรัชญา Dan Williams ที่มองว่า “โซเชียลมีเดียไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด” โดย Witkin เสนอว่า แม้หลักฐานเรื่อง “การแบ่งขั้วทางอารมณ์” (affective polarization) จะยังไม่ชัดเจน แต่ผลกระทบทางการเมืองจากโซเชียลมีเดียกลับรุนแรงและลึกซึ้งกว่าที่หลายคนเข้าใจ

    Witkin เสนอทฤษฎีใหม่ชื่อ “การสุดโต่งของชนชั้นนำ” (Elite Radicalization Theory) ซึ่งชี้ว่าโซเชียลมีเดียไม่ได้ทำให้คนทั่วไปแบ่งขั้วกันมากขึ้นโดยตรง แต่กลับส่งเสริมให้กลุ่มผู้มีอิทธิพลทางการเมือง — ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักข่าว หรืออินฟลูเอนเซอร์ — ผลิตเนื้อหาที่รุนแรง อารมณ์จัด และแบ่งขั้ว เพื่อเรียกความสนใจและรายได้จากแพลตฟอร์มที่ให้รางวัลกับ engagement

    ผลคือ คนทั่วไปที่เสพเนื้อหาเหล่านี้เริ่มมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสังคมรอบตัว เช่น คิดว่าคนอื่นสุดโต่งกว่าความเป็นจริง และอาจเริ่มแสดงออกทางการเมืองที่รุนแรงขึ้นตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการประท้วง การก่ออาชญากรรมจากความเกลียดชัง หรือการเปลี่ยนพฤติกรรมการเลือกตั้ง

    งานวิจัยหลายชิ้นจากยุโรปและรัสเซียพบว่า การเข้าถึงโซเชียลมีเดียในระดับเมืองสัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของความรุนแรง การเลือกพรรคประชานิยม และการลดความไว้วางใจในสถาบันต่าง ๆ ซึ่ง Witkin มองว่าเป็นผลกระทบที่ “หลุดกรอบ” จากการวัดแบบเดิม เช่น affective polarization

    นอกจากนี้ เขายังชี้ว่าโซเชียลมีเดียอาจทำให้คนจำนวนมากเลิกยึดโยงกับพรรคการเมืองหลัก และหันไปเป็น “อิสระ” มากขึ้น ซึ่งอาจทำให้การวัดความแบ่งขั้วแบบเดิมใช้ไม่ได้อีกต่อไป

    ข้อมูลสำคัญจากบทความ
    Witkin เสนอว่าโซเชียลมีเดียส่งผลร้ายต่อการเมืองผ่านการสุดโต่งของชนชั้นนำ
    อินฟลูเอนเซอร์ทางการเมืองผลิตเนื้อหาที่รุนแรงเพื่อเรียก engagement
    คนทั่วไปเสพเนื้อหาเหล่านี้และเข้าใจผิดว่าคนอื่นสุดโต่งกว่าความจริง
    ผลคือเกิดพฤติกรรมทางการเมืองที่รุนแรง เช่น การประท้วงและ hate crime

    งานวิจัยที่สนับสนุนทฤษฎี
    การเข้าถึงโซเชียลมีเดียสัมพันธ์กับการเลือกพรรคประชานิยมในยุโรป
    เมืองที่ใช้ VK ในรัสเซียมีอัตรา hate crime และการประท้วงสูงขึ้น
    การทดลองให้ unfollow อินฟลูเอนเซอร์สุดโต่งช่วยลดความเกลียดชังทางการเมือง
    โซเชียลมีเดียกระตุ้นการแสดงออกทางอารมณ์ เช่น ความโกรธ ความกลัว และความขยะแขยง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    โซเชียลมีเดียให้รางวัลกับเนื้อหาที่กระตุ้นอารมณ์มากกว่าเนื้อหากลาง ๆ
    คนที่โพสต์การเมืองบ่อยมักเป็นกลุ่มสุดโต่ง ซึ่งไม่สะท้อนประชากรส่วนใหญ่
    ความเข้าใจผิดนี้อาจกลายเป็น “คำทำนายที่ทำให้เกิดจริง” เมื่อคนเริ่มสุดโต่งตาม
    จำนวนคนที่ระบุว่าเป็น “อิสระ” ทางการเมืองในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นหลังปี 2010

    https://arachnemag.substack.com/p/the-case-against-social-media-is
    📱 “โซเชียลมีเดียไม่ได้แค่แบ่งขั้วการเมือง — แต่มันกำลังเปลี่ยนโครงสร้างอำนาจทางการเมืองผ่าน ‘การสุดโต่งของชนชั้นนำ’” บทความโดย Nathan Witkin ใน Arachne Magazine ได้โต้แย้งแนวคิดของนักปรัชญา Dan Williams ที่มองว่า “โซเชียลมีเดียไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด” โดย Witkin เสนอว่า แม้หลักฐานเรื่อง “การแบ่งขั้วทางอารมณ์” (affective polarization) จะยังไม่ชัดเจน แต่ผลกระทบทางการเมืองจากโซเชียลมีเดียกลับรุนแรงและลึกซึ้งกว่าที่หลายคนเข้าใจ Witkin เสนอทฤษฎีใหม่ชื่อ “การสุดโต่งของชนชั้นนำ” (Elite Radicalization Theory) ซึ่งชี้ว่าโซเชียลมีเดียไม่ได้ทำให้คนทั่วไปแบ่งขั้วกันมากขึ้นโดยตรง แต่กลับส่งเสริมให้กลุ่มผู้มีอิทธิพลทางการเมือง — ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักข่าว หรืออินฟลูเอนเซอร์ — ผลิตเนื้อหาที่รุนแรง อารมณ์จัด และแบ่งขั้ว เพื่อเรียกความสนใจและรายได้จากแพลตฟอร์มที่ให้รางวัลกับ engagement ผลคือ คนทั่วไปที่เสพเนื้อหาเหล่านี้เริ่มมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสังคมรอบตัว เช่น คิดว่าคนอื่นสุดโต่งกว่าความเป็นจริง และอาจเริ่มแสดงออกทางการเมืองที่รุนแรงขึ้นตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการประท้วง การก่ออาชญากรรมจากความเกลียดชัง หรือการเปลี่ยนพฤติกรรมการเลือกตั้ง งานวิจัยหลายชิ้นจากยุโรปและรัสเซียพบว่า การเข้าถึงโซเชียลมีเดียในระดับเมืองสัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของความรุนแรง การเลือกพรรคประชานิยม และการลดความไว้วางใจในสถาบันต่าง ๆ ซึ่ง Witkin มองว่าเป็นผลกระทบที่ “หลุดกรอบ” จากการวัดแบบเดิม เช่น affective polarization นอกจากนี้ เขายังชี้ว่าโซเชียลมีเดียอาจทำให้คนจำนวนมากเลิกยึดโยงกับพรรคการเมืองหลัก และหันไปเป็น “อิสระ” มากขึ้น ซึ่งอาจทำให้การวัดความแบ่งขั้วแบบเดิมใช้ไม่ได้อีกต่อไป ✅ ข้อมูลสำคัญจากบทความ ➡️ Witkin เสนอว่าโซเชียลมีเดียส่งผลร้ายต่อการเมืองผ่านการสุดโต่งของชนชั้นนำ ➡️ อินฟลูเอนเซอร์ทางการเมืองผลิตเนื้อหาที่รุนแรงเพื่อเรียก engagement ➡️ คนทั่วไปเสพเนื้อหาเหล่านี้และเข้าใจผิดว่าคนอื่นสุดโต่งกว่าความจริง ➡️ ผลคือเกิดพฤติกรรมทางการเมืองที่รุนแรง เช่น การประท้วงและ hate crime ✅ งานวิจัยที่สนับสนุนทฤษฎี ➡️ การเข้าถึงโซเชียลมีเดียสัมพันธ์กับการเลือกพรรคประชานิยมในยุโรป ➡️ เมืองที่ใช้ VK ในรัสเซียมีอัตรา hate crime และการประท้วงสูงขึ้น ➡️ การทดลองให้ unfollow อินฟลูเอนเซอร์สุดโต่งช่วยลดความเกลียดชังทางการเมือง ➡️ โซเชียลมีเดียกระตุ้นการแสดงออกทางอารมณ์ เช่น ความโกรธ ความกลัว และความขยะแขยง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ โซเชียลมีเดียให้รางวัลกับเนื้อหาที่กระตุ้นอารมณ์มากกว่าเนื้อหากลาง ๆ ➡️ คนที่โพสต์การเมืองบ่อยมักเป็นกลุ่มสุดโต่ง ซึ่งไม่สะท้อนประชากรส่วนใหญ่ ➡️ ความเข้าใจผิดนี้อาจกลายเป็น “คำทำนายที่ทำให้เกิดจริง” เมื่อคนเริ่มสุดโต่งตาม ➡️ จำนวนคนที่ระบุว่าเป็น “อิสระ” ทางการเมืองในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นหลังปี 2010 https://arachnemag.substack.com/p/the-case-against-social-media-is
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Nano11 ลดขนาด Windows 11 เหลือแค่ 2.8GB — สคริปต์ทดลองสุดขั้วสำหรับสายทดสอบที่ไม่ต้องการ ‘ขยะ’ ใด ๆ”

    NTDEV นักพัฒนาผู้เคยสร้าง Tiny11 ได้เปิดตัวสคริปต์ใหม่ชื่อว่า “Nano11 Builder” ซึ่งสามารถลดขนาดไฟล์ติดตั้ง Windows 11 ลงได้อย่างน่าทึ่ง โดยจาก ISO มาตรฐานขนาด 7.04GB สามารถลดเหลือเพียง 2.29GB และหากใช้ Windows 11 LTSC เป็นต้นฉบับ จะสามารถติดตั้งได้ในพื้นที่เพียง 2.8GB เท่านั้น

    Nano11 ไม่ใช่แค่การลบฟีเจอร์ทั่วไป แต่เป็นการ “ปาดทิ้งทุกสิ่งที่ไม่จำเป็น” เช่น Windows Hello, .NET assemblies, IME, driver ที่ไม่จำเป็น, wallpaper และอื่น ๆ โดยใช้ PowerShell script ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมสำหรับการทดสอบเท่านั้น ไม่เหมาะกับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน

    การติดตั้ง Nano11 บน VMware Workstation ใช้พื้นที่เพียง 20GB และหลังจากรันคำสั่ง ‘Compact’ ด้วย LZX compression และลบ page file แล้ว พื้นที่ใช้งานจริงเหลือเพียง 3.2GB ซึ่งถือว่าเบากว่าระบบปฏิบัติการมือถือบางตัวเสียอีก

    แม้จะดูน่าตื่นเต้นสำหรับสายทดสอบหรือผู้ที่ต้องการ VM ขนาดเล็ก แต่ NTDEV ก็เตือนชัดเจนว่า Nano11 เป็น “สคริปต์ทดลองสุดขั้ว” ไม่เหมาะกับการใช้งานจริง และไม่มีระบบอัปเดตหรือความปลอดภัยที่เพียงพอ

    จุดเด่นของ Nano11 Builder
    ลดขนาด ISO จาก 7.04GB เหลือ 2.29GB ด้วย PowerShell script
    หากใช้ Windows 11 LTSC จะติดตั้งได้ในพื้นที่เพียง 2.8GB
    ลบฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น เช่น Windows Hello, IME, .NET assemblies, driver, wallpaper
    ใช้ LZX compression และลบ page file เพื่อให้ footprint ต่ำสุด

    การใช้งานและการติดตั้ง
    เหมาะสำหรับการสร้าง VM ขนาดเล็กเพื่อทดสอบระบบ
    ใช้ VMware Workstation ติดตั้งบน virtual disk ขนาด 20GB
    ใช้เครื่องมือจาก Microsoft เช่น DISM และ oscdimg เท่านั้น
    เหมาะกับผู้พัฒนา, นักทดสอบ, หรือผู้ที่ต้องการระบบเบาสุด ๆ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Tiny11 เคยลดขนาด Windows 11 ได้เหลือประมาณ 8GB — Nano11 เล็กกว่า 3.5 เท่า
    โครงการนี้ได้รับความนิยมใน GitHub และฟอรั่มสายทดสอบ
    Windows 11 LTSC เป็นเวอร์ชันที่ไม่มีฟีเจอร์ AI และแอป Microsoft 365
    Nano11 ยังสามารถใช้กับ Windows 11 รุ่นอื่นได้ แต่ผลลัพธ์อาจต่างกัน

    คำเตือนและข้อจำกัด
    Nano11 เป็นสคริปต์ทดลอง — ไม่เหมาะกับการใช้งานจริงหรือเครื่องหลัก
    ไม่มีระบบ Windows Update — ไม่สามารถอัปเดตหรือรับแพตช์ความปลอดภัย
    การลบฟีเจอร์บางอย่างอาจทำให้แอปหรือบริการบางตัวไม่ทำงาน
    ไม่มีการรับประกันความเสถียรหรือความปลอดภัยของระบบ
    การใช้งานในองค์กรหรือเครื่องจริงอาจเสี่ยงต่อข้อมูลและความมั่นคง

    https://www.tomshardware.com/software/windows/nano11-compresses-windows-11-install-footprint-to-as-little-as-2-8gb-extreme-experimental-script-is-3-5-times-smaller-than-tiny11-and-comes-with-none-of-the-fluff
    🧪 “Nano11 ลดขนาด Windows 11 เหลือแค่ 2.8GB — สคริปต์ทดลองสุดขั้วสำหรับสายทดสอบที่ไม่ต้องการ ‘ขยะ’ ใด ๆ” NTDEV นักพัฒนาผู้เคยสร้าง Tiny11 ได้เปิดตัวสคริปต์ใหม่ชื่อว่า “Nano11 Builder” ซึ่งสามารถลดขนาดไฟล์ติดตั้ง Windows 11 ลงได้อย่างน่าทึ่ง โดยจาก ISO มาตรฐานขนาด 7.04GB สามารถลดเหลือเพียง 2.29GB และหากใช้ Windows 11 LTSC เป็นต้นฉบับ จะสามารถติดตั้งได้ในพื้นที่เพียง 2.8GB เท่านั้น Nano11 ไม่ใช่แค่การลบฟีเจอร์ทั่วไป แต่เป็นการ “ปาดทิ้งทุกสิ่งที่ไม่จำเป็น” เช่น Windows Hello, .NET assemblies, IME, driver ที่ไม่จำเป็น, wallpaper และอื่น ๆ โดยใช้ PowerShell script ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมสำหรับการทดสอบเท่านั้น ไม่เหมาะกับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน การติดตั้ง Nano11 บน VMware Workstation ใช้พื้นที่เพียง 20GB และหลังจากรันคำสั่ง ‘Compact’ ด้วย LZX compression และลบ page file แล้ว พื้นที่ใช้งานจริงเหลือเพียง 3.2GB ซึ่งถือว่าเบากว่าระบบปฏิบัติการมือถือบางตัวเสียอีก แม้จะดูน่าตื่นเต้นสำหรับสายทดสอบหรือผู้ที่ต้องการ VM ขนาดเล็ก แต่ NTDEV ก็เตือนชัดเจนว่า Nano11 เป็น “สคริปต์ทดลองสุดขั้ว” ไม่เหมาะกับการใช้งานจริง และไม่มีระบบอัปเดตหรือความปลอดภัยที่เพียงพอ ✅ จุดเด่นของ Nano11 Builder ➡️ ลดขนาด ISO จาก 7.04GB เหลือ 2.29GB ด้วย PowerShell script ➡️ หากใช้ Windows 11 LTSC จะติดตั้งได้ในพื้นที่เพียง 2.8GB ➡️ ลบฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น เช่น Windows Hello, IME, .NET assemblies, driver, wallpaper ➡️ ใช้ LZX compression และลบ page file เพื่อให้ footprint ต่ำสุด ✅ การใช้งานและการติดตั้ง ➡️ เหมาะสำหรับการสร้าง VM ขนาดเล็กเพื่อทดสอบระบบ ➡️ ใช้ VMware Workstation ติดตั้งบน virtual disk ขนาด 20GB ➡️ ใช้เครื่องมือจาก Microsoft เช่น DISM และ oscdimg เท่านั้น ➡️ เหมาะกับผู้พัฒนา, นักทดสอบ, หรือผู้ที่ต้องการระบบเบาสุด ๆ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Tiny11 เคยลดขนาด Windows 11 ได้เหลือประมาณ 8GB — Nano11 เล็กกว่า 3.5 เท่า ➡️ โครงการนี้ได้รับความนิยมใน GitHub และฟอรั่มสายทดสอบ ➡️ Windows 11 LTSC เป็นเวอร์ชันที่ไม่มีฟีเจอร์ AI และแอป Microsoft 365 ➡️ Nano11 ยังสามารถใช้กับ Windows 11 รุ่นอื่นได้ แต่ผลลัพธ์อาจต่างกัน ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ Nano11 เป็นสคริปต์ทดลอง — ไม่เหมาะกับการใช้งานจริงหรือเครื่องหลัก ⛔ ไม่มีระบบ Windows Update — ไม่สามารถอัปเดตหรือรับแพตช์ความปลอดภัย ⛔ การลบฟีเจอร์บางอย่างอาจทำให้แอปหรือบริการบางตัวไม่ทำงาน ⛔ ไม่มีการรับประกันความเสถียรหรือความปลอดภัยของระบบ ⛔ การใช้งานในองค์กรหรือเครื่องจริงอาจเสี่ยงต่อข้อมูลและความมั่นคง https://www.tomshardware.com/software/windows/nano11-compresses-windows-11-install-footprint-to-as-little-as-2-8gb-extreme-experimental-script-is-3-5-times-smaller-than-tiny11-and-comes-with-none-of-the-fluff
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ดาวเทียมล้นวงโคจร! สหรัฐฯ ครองแชมป์ด้วย 9,203 ดวง ขณะที่โลกเพิ่มขึ้นวันละ 7 ตัน — จาก Sputnik สู่ยุค Starlink และสงครามอวกาศ”

    ย้อนกลับไปปี 1957 เมื่อ Sputnik 1 กลายเป็นดาวเทียมดวงแรกของโลกที่โคจรรอบโลกอย่างโดดเดี่ยว — วันนี้มันคงรู้สึกเหงาไม่ออก เพราะมีวัตถุมนุษย์สร้างกว่า 45,000 ชิ้นลอยอยู่ในอวกาศ และในจำนวนนี้มีดาวเทียมที่ยังทำงานอยู่ถึง 13,727 ดวงจาก 82 ประเทศทั่วโลก

    สหรัฐอเมริกาครองตำแหน่งผู้นำแบบทิ้งห่าง ด้วยจำนวนดาวเทียมถึง 9,203 ดวง มากกว่ารัสเซียที่ตามมาเป็นอันดับสองถึง 6 เท่า ส่วนจีนมี 1,121 ดวง และสหราชอาณาจักรมี 722 ดวง โดยในปี 2024 เพียงปีเดียว มีดาวเทียมใหม่ถูกส่งขึ้นไปถึง 2,695 ดวง — เทียบกับปี 2020 ที่มีเพียง 3,371 ดวงเท่านั้น1

    ดาวเทียมเหล่านี้ไม่ได้มีไว้แค่ส่งสัญญาณทีวีหรือพยากรณ์อากาศ แต่ยังใช้ในงานที่หลากหลายอย่างไม่น่าเชื่อ เช่น การทำธุรกรรมทางการเงิน, การติดตามกระแสน้ำในมหาสมุทร, การควบคุมโครงข่ายพลังงาน, การสื่อสารทางทหาร, และแม้แต่การพาเถ้ากระดูกมนุษย์ไปโคจรรอบโลก

    ในด้านการทหาร สหรัฐฯ ก็ยังนำโด่งด้วยดาวเทียมทางทหารถึง 247 ดวง ตามด้วยจีน 157 ดวง และรัสเซีย 110 ดวง3 ดาวเทียมเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการสอดแนม, แจ้งเตือนการยิงขีปนาวุธ, สื่อสารภาคสนาม, และแม้แต่การป้องกันไซเบอร์

    แม้จะมีประโยชน์มหาศาล แต่การเพิ่มขึ้นของดาวเทียมก็ทำให้เกิดปัญหา “ขยะอวกาศ” ที่กำลังทวีความรุนแรง โดยมีวัตถุที่ถูกติดตามแล้วกว่า 32,750 ชิ้น และมีฮาร์ดแวร์ใหม่ถูกส่งขึ้นไปถึง 7 ตันต่อวัน — ทำให้วงโคจรของโลกกลายเป็นพื้นที่แออัดที่อาจเกิดอุบัติเหตุได้ทุกเมื่อ

    สถานการณ์ดาวเทียมในปัจจุบัน
    มีดาวเทียมที่ยังทำงานอยู่ 13,727 ดวง จาก 82 ประเทศและองค์กร
    สหรัฐฯ มีมากที่สุดที่ 9,203 ดวง ตามด้วยรัสเซีย 1,471 ดวง และจีน 1,121 ดวง1
    ปี 2024 มีดาวเทียมใหม่เพิ่มขึ้น 2,695 ดวง เทียบกับ 3,371 ดวงในปี 2020

    การใช้งานดาวเทียม
    ใช้ในระบบนำทาง, อินเทอร์เน็ต, การพยากรณ์อากาศ, การสื่อสาร
    ใช้ในธุรกรรมการเงิน เช่น การส่งข้อมูลบัตรเครดิตผ่านดาวเทียม
    ใช้ในงานวิจัย เช่น กล้องโทรทรรศน์อวกาศ Hubble และการติดตามมหาสมุทร
    ใช้ในพิธีกรรม เช่น การนำเถ้ากระดูกมนุษย์ไปโคจรรอบโลก

    ดาวเทียมทางทหาร
    สหรัฐฯ มีดาวเทียมทางทหาร 247 ดวง มากที่สุดในโลก3
    จีนมี 157 ดวง, รัสเซีย 110 ดวง, ฝรั่งเศส 17 ดวง, อิสราเอล 12 ดวง
    ใช้ในการสอดแนม, แจ้งเตือนภัย, GPS, และการสื่อสารภาคสนาม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ดาวเทียมของสหรัฐฯ มีทั้งเชิงพาณิชย์, วิจัย, และทหาร รวมกว่า 11,655 ดวง
    ระบบดาวเทียมเช่น Starlink ของ Elon Musk มีบทบาทสำคัญในการให้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วโลก
    ระบบ SATCOM ถูกใช้ในสงคราม เช่น Operation Desert Storm ปี 19912
    ประเทศอื่นที่มีดาวเทียมจำนวนมาก ได้แก่ รัสเซีย (7,187 ดวง), จีน (5,330 ดวง), สหราชอาณาจักร (735 ดวง), ฝรั่งเศส (604 ดวง)

    คำเตือนจากการเพิ่มขึ้นของดาวเทียม
    ขยะอวกาศมีมากกว่า 32,750 ชิ้นที่ถูกติดตามแล้ว — เสี่ยงต่อการชนกันในวงโคจร
    มีฮาร์ดแวร์ใหม่ถูกส่งขึ้นไปถึง 7 ตันต่อวัน — เพิ่มความแออัดในอวกาศ
    การควบคุมการปล่อยดาวเทียมยังไม่มีมาตรฐานสากลที่ชัดเจน
    ดาวเทียมทางทหารอาจถูกใช้ในสงครามไซเบอร์หรือการสอดแนมประชาชน
    หากไม่มีการจัดการขยะอวกาศอย่างจริงจัง อาจเกิด “Kessler Syndrome” ที่ทำให้วงโคจรใช้งานไม่ได้

    https://www.slashgear.com/1961880/how-many-satellites-are-in-space-which-country-has-the-most/
    🛰️ “ดาวเทียมล้นวงโคจร! สหรัฐฯ ครองแชมป์ด้วย 9,203 ดวง ขณะที่โลกเพิ่มขึ้นวันละ 7 ตัน — จาก Sputnik สู่ยุค Starlink และสงครามอวกาศ” ย้อนกลับไปปี 1957 เมื่อ Sputnik 1 กลายเป็นดาวเทียมดวงแรกของโลกที่โคจรรอบโลกอย่างโดดเดี่ยว — วันนี้มันคงรู้สึกเหงาไม่ออก เพราะมีวัตถุมนุษย์สร้างกว่า 45,000 ชิ้นลอยอยู่ในอวกาศ และในจำนวนนี้มีดาวเทียมที่ยังทำงานอยู่ถึง 13,727 ดวงจาก 82 ประเทศทั่วโลก สหรัฐอเมริกาครองตำแหน่งผู้นำแบบทิ้งห่าง ด้วยจำนวนดาวเทียมถึง 9,203 ดวง มากกว่ารัสเซียที่ตามมาเป็นอันดับสองถึง 6 เท่า ส่วนจีนมี 1,121 ดวง และสหราชอาณาจักรมี 722 ดวง โดยในปี 2024 เพียงปีเดียว มีดาวเทียมใหม่ถูกส่งขึ้นไปถึง 2,695 ดวง — เทียบกับปี 2020 ที่มีเพียง 3,371 ดวงเท่านั้น1 ดาวเทียมเหล่านี้ไม่ได้มีไว้แค่ส่งสัญญาณทีวีหรือพยากรณ์อากาศ แต่ยังใช้ในงานที่หลากหลายอย่างไม่น่าเชื่อ เช่น การทำธุรกรรมทางการเงิน, การติดตามกระแสน้ำในมหาสมุทร, การควบคุมโครงข่ายพลังงาน, การสื่อสารทางทหาร, และแม้แต่การพาเถ้ากระดูกมนุษย์ไปโคจรรอบโลก ในด้านการทหาร สหรัฐฯ ก็ยังนำโด่งด้วยดาวเทียมทางทหารถึง 247 ดวง ตามด้วยจีน 157 ดวง และรัสเซีย 110 ดวง3 ดาวเทียมเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการสอดแนม, แจ้งเตือนการยิงขีปนาวุธ, สื่อสารภาคสนาม, และแม้แต่การป้องกันไซเบอร์ แม้จะมีประโยชน์มหาศาล แต่การเพิ่มขึ้นของดาวเทียมก็ทำให้เกิดปัญหา “ขยะอวกาศ” ที่กำลังทวีความรุนแรง โดยมีวัตถุที่ถูกติดตามแล้วกว่า 32,750 ชิ้น และมีฮาร์ดแวร์ใหม่ถูกส่งขึ้นไปถึง 7 ตันต่อวัน — ทำให้วงโคจรของโลกกลายเป็นพื้นที่แออัดที่อาจเกิดอุบัติเหตุได้ทุกเมื่อ ✅ สถานการณ์ดาวเทียมในปัจจุบัน ➡️ มีดาวเทียมที่ยังทำงานอยู่ 13,727 ดวง จาก 82 ประเทศและองค์กร ➡️ สหรัฐฯ มีมากที่สุดที่ 9,203 ดวง ตามด้วยรัสเซีย 1,471 ดวง และจีน 1,121 ดวง1 ➡️ ปี 2024 มีดาวเทียมใหม่เพิ่มขึ้น 2,695 ดวง เทียบกับ 3,371 ดวงในปี 2020 ✅ การใช้งานดาวเทียม ➡️ ใช้ในระบบนำทาง, อินเทอร์เน็ต, การพยากรณ์อากาศ, การสื่อสาร ➡️ ใช้ในธุรกรรมการเงิน เช่น การส่งข้อมูลบัตรเครดิตผ่านดาวเทียม ➡️ ใช้ในงานวิจัย เช่น กล้องโทรทรรศน์อวกาศ Hubble และการติดตามมหาสมุทร ➡️ ใช้ในพิธีกรรม เช่น การนำเถ้ากระดูกมนุษย์ไปโคจรรอบโลก ✅ ดาวเทียมทางทหาร ➡️ สหรัฐฯ มีดาวเทียมทางทหาร 247 ดวง มากที่สุดในโลก3 ➡️ จีนมี 157 ดวง, รัสเซีย 110 ดวง, ฝรั่งเศส 17 ดวง, อิสราเอล 12 ดวง ➡️ ใช้ในการสอดแนม, แจ้งเตือนภัย, GPS, และการสื่อสารภาคสนาม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ดาวเทียมของสหรัฐฯ มีทั้งเชิงพาณิชย์, วิจัย, และทหาร รวมกว่า 11,655 ดวง ➡️ ระบบดาวเทียมเช่น Starlink ของ Elon Musk มีบทบาทสำคัญในการให้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วโลก ➡️ ระบบ SATCOM ถูกใช้ในสงคราม เช่น Operation Desert Storm ปี 19912 ➡️ ประเทศอื่นที่มีดาวเทียมจำนวนมาก ได้แก่ รัสเซีย (7,187 ดวง), จีน (5,330 ดวง), สหราชอาณาจักร (735 ดวง), ฝรั่งเศส (604 ดวง) ‼️ คำเตือนจากการเพิ่มขึ้นของดาวเทียม ⛔ ขยะอวกาศมีมากกว่า 32,750 ชิ้นที่ถูกติดตามแล้ว — เสี่ยงต่อการชนกันในวงโคจร ⛔ มีฮาร์ดแวร์ใหม่ถูกส่งขึ้นไปถึง 7 ตันต่อวัน — เพิ่มความแออัดในอวกาศ ⛔ การควบคุมการปล่อยดาวเทียมยังไม่มีมาตรฐานสากลที่ชัดเจน ⛔ ดาวเทียมทางทหารอาจถูกใช้ในสงครามไซเบอร์หรือการสอดแนมประชาชน ⛔ หากไม่มีการจัดการขยะอวกาศอย่างจริงจัง อาจเกิด “Kessler Syndrome” ที่ทำให้วงโคจรใช้งานไม่ได้ https://www.slashgear.com/1961880/how-many-satellites-are-in-space-which-country-has-the-most/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    How Many Satellites Are In Space And Which Country Has The Most? - SlashGear
    Around 13,700 satellites orbit Earth, and with over 9,000, the U.S. owns the most. It's way ahead of any other nation, including Russia, China, and the U.K.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 217 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากภาพแจ้งเตือนปลอมถึงมัลแวร์จริง: เมื่อไฟล์ SVG กลายเป็นชุดฟิชชิ่งเต็มรูปแบบ

    รายงานล่าสุดจาก VirusTotal เปิดเผยว่าแฮกเกอร์ได้ใช้ไฟล์ SVG (Scalable Vector Graphics) ซึ่งเป็นไฟล์ภาพแบบ XML ที่สามารถฝังโค้ด HTML และ JavaScript ได้ เพื่อสร้างเว็บปลอมที่เลียนแบบระบบศาลของรัฐบาลโคลอมเบีย โดยเมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ SVG ผ่านเบราว์เซอร์ จะเห็นหน้าเว็บที่ดูเหมือนเป็นระบบแจ้งเตือนทางกฎหมาย พร้อมแถบดาวน์โหลดและรหัสผ่าน

    เมื่อคลิกดาวน์โหลด ผู้ใช้จะได้รับไฟล์ ZIP ที่มีไฟล์ .exe ของเบราว์เซอร์ Comodo Dragon ซึ่งถูกเซ็นรับรองอย่างถูกต้อง และไฟล์ .dll ที่เป็นมัลแวร์ซ่อนอยู่ หากผู้ใช้เปิด .exe มัลแวร์จะถูก sideload โดยอัตโนมัติ และเริ่มติดตั้ง payload เพิ่มเติมในระบบ

    VirusTotal ตรวจพบว่าแคมเปญนี้มีไฟล์ SVG ที่เกี่ยวข้องถึง 523 ไฟล์ โดย 44 ไฟล์ไม่ถูกตรวจจับโดยแอนตี้ไวรัสใด ๆ เลยในช่วงเวลาที่ถูกอัปโหลด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการหลบเลี่ยงการตรวจจับผ่านเทคนิคเช่น code obfuscation และการใส่โค้ดขยะเพื่อเพิ่ม entropy

    ก่อนหน้านี้ IBM X-Force และ Cloudflare ก็เคยพบการใช้ SVG ในการโจมตีฟิชชิ่ง โดยเฉพาะกับธนาคารและบริษัทประกันภัย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า SVG กำลังกลายเป็นช่องทางใหม่ที่แฮกเกอร์ใช้ในการหลอกลวงและติดตั้งมัลแวร์

    Microsoft จึงประกาศยกเลิกการรองรับการแสดงผล SVG แบบ inline ใน Outlook for Web และ Outlook for Windows เพื่อปิดช่องทางการโจมตีนี้ โดยจะไม่แสดงผล SVG ที่ฝังอยู่ในอีเมลอีกต่อไป

    ลักษณะของแคมเปญ SVG ฟิชชิ่ง
    ใช้ SVG สร้างหน้าเว็บปลอมที่เลียนแบบระบบศาลโคลอมเบีย
    มีแถบดาวน์โหลดและรหัสผ่านเพื่อหลอกให้ผู้ใช้เปิดไฟล์ ZIP
    ZIP มี .exe ที่เซ็นรับรองและ .dll ที่เป็นมัลแวร์ซ่อนอยู่

    เทคนิคที่ใช้ในการหลบเลี่ยงการตรวจจับ
    ใช้ JavaScript ฝังใน SVG เพื่อแสดง HTML และเรียกใช้ payload
    ใช้ code obfuscation และโค้ดขยะเพื่อเพิ่ม entropy
    44 ไฟล์ไม่ถูกตรวจจับโดยแอนตี้ไวรัสใด ๆ ในช่วงแรก

    การตอบสนองจากผู้ให้บริการและนักวิจัย
    VirusTotal ใช้ AI Code Insight ตรวจพบแคมเปญนี้
    IBM X-Force และ Cloudflare เคยพบการใช้ SVG ในการโจมตีฟิชชิ่ง
    Microsoft ยกเลิกการแสดงผล SVG inline ใน Outlook เพื่อป้องกัน

    https://www.tomshardware.com/software/security-software/hackers-hide-malware-in-svg-files
    🎙️ เรื่องเล่าจากภาพแจ้งเตือนปลอมถึงมัลแวร์จริง: เมื่อไฟล์ SVG กลายเป็นชุดฟิชชิ่งเต็มรูปแบบ รายงานล่าสุดจาก VirusTotal เปิดเผยว่าแฮกเกอร์ได้ใช้ไฟล์ SVG (Scalable Vector Graphics) ซึ่งเป็นไฟล์ภาพแบบ XML ที่สามารถฝังโค้ด HTML และ JavaScript ได้ เพื่อสร้างเว็บปลอมที่เลียนแบบระบบศาลของรัฐบาลโคลอมเบีย โดยเมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ SVG ผ่านเบราว์เซอร์ จะเห็นหน้าเว็บที่ดูเหมือนเป็นระบบแจ้งเตือนทางกฎหมาย พร้อมแถบดาวน์โหลดและรหัสผ่าน เมื่อคลิกดาวน์โหลด ผู้ใช้จะได้รับไฟล์ ZIP ที่มีไฟล์ .exe ของเบราว์เซอร์ Comodo Dragon ซึ่งถูกเซ็นรับรองอย่างถูกต้อง และไฟล์ .dll ที่เป็นมัลแวร์ซ่อนอยู่ หากผู้ใช้เปิด .exe มัลแวร์จะถูก sideload โดยอัตโนมัติ และเริ่มติดตั้ง payload เพิ่มเติมในระบบ VirusTotal ตรวจพบว่าแคมเปญนี้มีไฟล์ SVG ที่เกี่ยวข้องถึง 523 ไฟล์ โดย 44 ไฟล์ไม่ถูกตรวจจับโดยแอนตี้ไวรัสใด ๆ เลยในช่วงเวลาที่ถูกอัปโหลด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการหลบเลี่ยงการตรวจจับผ่านเทคนิคเช่น code obfuscation และการใส่โค้ดขยะเพื่อเพิ่ม entropy ก่อนหน้านี้ IBM X-Force และ Cloudflare ก็เคยพบการใช้ SVG ในการโจมตีฟิชชิ่ง โดยเฉพาะกับธนาคารและบริษัทประกันภัย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า SVG กำลังกลายเป็นช่องทางใหม่ที่แฮกเกอร์ใช้ในการหลอกลวงและติดตั้งมัลแวร์ Microsoft จึงประกาศยกเลิกการรองรับการแสดงผล SVG แบบ inline ใน Outlook for Web และ Outlook for Windows เพื่อปิดช่องทางการโจมตีนี้ โดยจะไม่แสดงผล SVG ที่ฝังอยู่ในอีเมลอีกต่อไป ✅ ลักษณะของแคมเปญ SVG ฟิชชิ่ง ➡️ ใช้ SVG สร้างหน้าเว็บปลอมที่เลียนแบบระบบศาลโคลอมเบีย ➡️ มีแถบดาวน์โหลดและรหัสผ่านเพื่อหลอกให้ผู้ใช้เปิดไฟล์ ZIP ➡️ ZIP มี .exe ที่เซ็นรับรองและ .dll ที่เป็นมัลแวร์ซ่อนอยู่ ✅ เทคนิคที่ใช้ในการหลบเลี่ยงการตรวจจับ ➡️ ใช้ JavaScript ฝังใน SVG เพื่อแสดง HTML และเรียกใช้ payload ➡️ ใช้ code obfuscation และโค้ดขยะเพื่อเพิ่ม entropy ➡️ 44 ไฟล์ไม่ถูกตรวจจับโดยแอนตี้ไวรัสใด ๆ ในช่วงแรก ✅ การตอบสนองจากผู้ให้บริการและนักวิจัย ➡️ VirusTotal ใช้ AI Code Insight ตรวจพบแคมเปญนี้ ➡️ IBM X-Force และ Cloudflare เคยพบการใช้ SVG ในการโจมตีฟิชชิ่ง ➡️ Microsoft ยกเลิกการแสดงผล SVG inline ใน Outlook เพื่อป้องกัน https://www.tomshardware.com/software/security-software/hackers-hide-malware-in-svg-files
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Malware found hidden in image files, can dodge antivirus detection entirely — VirusTotal discovers undetected SVG phishing campaign
    A new report links over 500 weaponized SVGs to a phishing campaign that spoofed a Colombian government portal.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 รีวิว
  • SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep309 (live)
    การเมืองเรื่องผลประโยชน์ ศึกชิงเก้าอี้นายกฯ ทำให้เห็นอะไรที่ไม่เคยได้เห็น เละเทะยิ่งกว่าขยะ

    คลิก https://m.youtube.com/watch?v=QzZ_hXhe_x0
    🔴 SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep309 (live) การเมืองเรื่องผลประโยชน์ ศึกชิงเก้าอี้นายกฯ ทำให้เห็นอะไรที่ไม่เคยได้เห็น เละเทะยิ่งกว่าขยะ • คลิก https://m.youtube.com/watch?v=QzZ_hXhe_x0
    Like
    Love
    Yay
    27
    14 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1152 มุมมอง 1 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก OZMO Roller: เมื่อม็อปแนวนอนกลายเป็นอดีต และแนวตั้งคืออนาคตของการทำความสะอาด

    ในโลกของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่มาพร้อมฟังก์ชันม็อปพื้น หลายรุ่นใช้แผ่นม็อปหมุนแนวนอนที่อาจแค่ลากคราบไปมาโดยไม่ยกออกจริง ๆ แต่ YEEDI M14 PLUS ได้รับรางวัล SlashGear Innovation Award เพราะพลิกแนวคิดนี้ด้วย OZMO Roller Mopping Technology ที่พัฒนาโดยร่วมมือกับ Tineco

    แทนที่จะหมุนแนวนอน OZMO Roller ใช้ลูกกลิ้งแนวตั้งที่หมุนด้วยความเร็ว 200 RPM พร้อมแรงกด 4,000 Pa และมีหัวฉีดน้ำ 16 จุดที่ยิงน้ำ 200 ครั้งต่อนาที เพื่อขัดคราบฝังแน่นและดูดน้ำสกปรกกลับทันที—ไม่ทิ้งคราบ ไม่ทิ้งกลิ่น และไม่ต้องล้างม็อปด้วยมือ

    ระบบนี้ยังควบคุมด้วย AI ที่ช่วยให้หุ่นยนต์สามารถเล็งเป้าคราบ, ยืดแขนเข้าไปในมุมแคบ และหลบสิ่งกีดขวางได้อย่างแม่นยำ พร้อมระบบแปรง ZeroTangle 3.0 ที่ป้องกันขนพันกัน และแรงดูดสูงถึง 18,000 Pa ที่สามารถดูดฝุ่นและเศษขยะได้ทั้งขนาดเล็กและใหญ่

    เมื่อทำงานเสร็จ หุ่นยนต์จะกลับไปยัง Omni-Station ที่สามารถล้างม็อปด้วยน้ำร้อน 75°C, เป่าแห้งด้วยลมร้อน 63°C, เทน้ำสกปรกทิ้ง, เติมน้ำสะอาด และดูดฝุ่นออกจากถังเก็บ—ทั้งหมดนี้โดยไม่ต้องให้เจ้าของบ้านแตะต้องเลยแม้แต่นิดเดียว

    เทคโนโลยี OZMO Roller Mopping
    ลูกกลิ้งแนวตั้งหมุนที่ 200 RPM พร้อมแรงกด 4,000 Pa
    หัวฉีดน้ำ 16 จุดยิงน้ำ 200 ครั้งต่อนาทีเพื่อขัดคราบฝังแน่น
    ระบบดูดน้ำสกปรกกลับทันทีเพื่อป้องกันการปนเปื้อน

    ความสามารถด้านการดูดฝุ่น
    แรงดูดสูงสุด 18,000 Pa สำหรับเศษขยะทุกขนาด
    ระบบ ZeroTangle 3.0 ป้องกันขนพันแปรง
    แปรงหลักแบบ Cyclone และแปรงข้างแบบ ARClean

    ระบบนำทางและการปรับแต่ง
    Tru-Edge 2.0 สำหรับทำความสะอาดขอบและมุม
    AIVI 3D 3.0 สำหรับหลบสิ่งกีดขวางและจำแนกพื้นผิว
    ปรับลำดับการทำงาน เช่น เริ่มจากพรมก่อนพื้นแข็ง

    Omni-Station ที่ดูแลตัวเองได้
    ล้างม็อปด้วยน้ำร้อน 75°C และเป่าแห้งด้วยลมร้อน 63°C
    เทน้ำสกปรกและเติมน้ำสะอาดอัตโนมัติ
    ดูดฝุ่นออกจากถังเก็บโดยไม่ต้องเปิดฝาเอง
    ใช้งานได้นานถึง 150 วันก่อนต้องดูแลเอง

    https://www.slashgear.com/sponsored/1949546/robot-vacuum-roller-mop-innovation-award-yeedi-m14-plus/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก OZMO Roller: เมื่อม็อปแนวนอนกลายเป็นอดีต และแนวตั้งคืออนาคตของการทำความสะอาด ในโลกของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่มาพร้อมฟังก์ชันม็อปพื้น หลายรุ่นใช้แผ่นม็อปหมุนแนวนอนที่อาจแค่ลากคราบไปมาโดยไม่ยกออกจริง ๆ แต่ YEEDI M14 PLUS ได้รับรางวัล SlashGear Innovation Award เพราะพลิกแนวคิดนี้ด้วย OZMO Roller Mopping Technology ที่พัฒนาโดยร่วมมือกับ Tineco แทนที่จะหมุนแนวนอน OZMO Roller ใช้ลูกกลิ้งแนวตั้งที่หมุนด้วยความเร็ว 200 RPM พร้อมแรงกด 4,000 Pa และมีหัวฉีดน้ำ 16 จุดที่ยิงน้ำ 200 ครั้งต่อนาที เพื่อขัดคราบฝังแน่นและดูดน้ำสกปรกกลับทันที—ไม่ทิ้งคราบ ไม่ทิ้งกลิ่น และไม่ต้องล้างม็อปด้วยมือ ระบบนี้ยังควบคุมด้วย AI ที่ช่วยให้หุ่นยนต์สามารถเล็งเป้าคราบ, ยืดแขนเข้าไปในมุมแคบ และหลบสิ่งกีดขวางได้อย่างแม่นยำ พร้อมระบบแปรง ZeroTangle 3.0 ที่ป้องกันขนพันกัน และแรงดูดสูงถึง 18,000 Pa ที่สามารถดูดฝุ่นและเศษขยะได้ทั้งขนาดเล็กและใหญ่ เมื่อทำงานเสร็จ หุ่นยนต์จะกลับไปยัง Omni-Station ที่สามารถล้างม็อปด้วยน้ำร้อน 75°C, เป่าแห้งด้วยลมร้อน 63°C, เทน้ำสกปรกทิ้ง, เติมน้ำสะอาด และดูดฝุ่นออกจากถังเก็บ—ทั้งหมดนี้โดยไม่ต้องให้เจ้าของบ้านแตะต้องเลยแม้แต่นิดเดียว ✅ เทคโนโลยี OZMO Roller Mopping ➡️ ลูกกลิ้งแนวตั้งหมุนที่ 200 RPM พร้อมแรงกด 4,000 Pa ➡️ หัวฉีดน้ำ 16 จุดยิงน้ำ 200 ครั้งต่อนาทีเพื่อขัดคราบฝังแน่น ➡️ ระบบดูดน้ำสกปรกกลับทันทีเพื่อป้องกันการปนเปื้อน ✅ ความสามารถด้านการดูดฝุ่น ➡️ แรงดูดสูงสุด 18,000 Pa สำหรับเศษขยะทุกขนาด ➡️ ระบบ ZeroTangle 3.0 ป้องกันขนพันแปรง ➡️ แปรงหลักแบบ Cyclone และแปรงข้างแบบ ARClean ✅ ระบบนำทางและการปรับแต่ง ➡️ Tru-Edge 2.0 สำหรับทำความสะอาดขอบและมุม ➡️ AIVI 3D 3.0 สำหรับหลบสิ่งกีดขวางและจำแนกพื้นผิว ➡️ ปรับลำดับการทำงาน เช่น เริ่มจากพรมก่อนพื้นแข็ง ✅ Omni-Station ที่ดูแลตัวเองได้ ➡️ ล้างม็อปด้วยน้ำร้อน 75°C และเป่าแห้งด้วยลมร้อน 63°C ➡️ เทน้ำสกปรกและเติมน้ำสะอาดอัตโนมัติ ➡️ ดูดฝุ่นออกจากถังเก็บโดยไม่ต้องเปิดฝาเอง ➡️ ใช้งานได้นานถึง 150 วันก่อนต้องดูแลเอง https://www.slashgear.com/sponsored/1949546/robot-vacuum-roller-mop-innovation-award-yeedi-m14-plus/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    YEEDI M14 PLUS Earns SlashGear Innovation Award For Its Game-Changing Roller Mop Technology - SlashGear
    Want a better way to keep your floors spotless? Find out what makes the roller mop technology on the YEEDI M14 PLUS robot vacuum so unique.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก Sanity: เมื่อ AI กลายเป็นทีมงานที่ลืมทุกอย่างทุกเช้า แต่ยังช่วยให้เราส่งงานได้เร็วขึ้น 2–3 เท่า

    Vincent Quigley วิศวกรอาวุโสจาก Sanity ได้แชร์ประสบการณ์ 6 สัปดาห์ในการใช้ Claude Code ผ่าน Agent Client Protocol (ACP) ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ที่ช่วยให้ AI agent ทำงานร่วมกับ editor ได้อย่างลื่นไหล โดยเฉพาะใน Zed editor ที่รองรับ Claude แบบ native แล้ว

    เขาเปรียบ Claude Code ว่าเป็น “นักพัฒนาฝึกหัดที่ลืมทุกอย่างทุกเช้า” และนั่นคือเหตุผลที่ workflow ของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง: ไม่ใช่การรอให้ AI สร้างโค้ดที่สมบูรณ์ในครั้งเดียว แต่คือการทำงานร่วมกันแบบ iterative ที่เริ่มจาก “95% ขยะ” แล้วค่อย ๆ refine จนกลายเป็นโค้ดที่ใช้ได้จริง

    Vincent ใช้ Claude.md เป็นไฟล์บริบทที่รวม architecture, pattern, gotchas และลิงก์เอกสาร เพื่อให้ Claude เริ่มต้นจาก attempt ที่สองแทนที่จะต้องอธิบายใหม่ทุกครั้ง และยังเชื่อม Claude เข้ากับ Linear, Notion, GitHub และฐานข้อมูลแบบ read-only เพื่อให้ AI เข้าใจระบบได้ลึกขึ้น

    เขายังใช้ Claude หลาย instance พร้อมกัน โดยแบ่งงานเป็นคนละปัญหา และใช้ multibuffer ใน Zed เพื่อ review โค้ดแบบ granular—เลือกได้ว่าจะรับหรือปฏิเสธแต่ละ hunk พร้อม task list ที่แสดงใน sidebar แบบ real-time

    แม้ Claude จะช่วย review โค้ดได้ดี แต่ Vincent ย้ำว่า “วิศวกรต้องรับผิดชอบโค้ดที่ตัวเองส่ง” ไม่ว่าจะเขียนเองหรือ AI เขียนให้ และการไม่มี emotional attachment กับโค้ดที่ไม่ได้พิมพ์เอง กลับทำให้ review ได้ตรงจุดและกล้าลบสิ่งที่ไม่ดีมากขึ้น

    วิธีทำงานร่วมกับ Claude Code
    ใช้ Claude.md เพื่อสร้างบริบทให้ AI เข้าใจระบบ
    เชื่อม Claude กับ Linear, Notion, GitHub และฐานข้อมูลแบบ read-only
    ใช้ Claude หลาย instance พร้อมกัน โดยแบ่งงานเป็นคนละปัญหา

    การทำงานใน Zed ผ่าน ACP
    Claude Code ทำงานแบบ native ผ่าน Agent Client Protocol (ACP)
    รองรับ multibuffer review, syntax highlight, และ task list ใน sidebar
    สามารถใช้ slash command เพื่อสร้าง workflow แบบกำหนดเอง

    กระบวนการ iterative ที่ใช้ Claude
    Attempt แรก: 95% ขยะ แต่ช่วยให้เข้าใจระบบ
    Attempt สอง: เริ่มมีโครงสร้างที่ใช้ได้
    Attempt สาม: ได้โค้ดที่สามารถนำไป iterate ต่อได้จริง

    การ review โค้ดที่ AI สร้าง
    Claude ช่วยตรวจ test coverage, bug และเสนอ improvement
    วิศวกรต้อง review และรับผิดชอบโค้ดที่ส่ง
    ไม่มี emotional attachment ทำให้ review ได้ตรงจุดและกล้าลบมากขึ้น

    ผลลัพธ์และต้นทุน
    ส่งงานได้เร็วขึ้น 2–3 เท่า
    ลดเวลาทำ boilerplate และงานซ้ำ
    ค่าใช้จ่ายประมาณ $1000–1500 ต่อเดือนต่อวิศวกรที่ใช้ AI เต็มรูปแบบ

    https://www.sanity.io/blog/first-attempt-will-be-95-garbage
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Sanity: เมื่อ AI กลายเป็นทีมงานที่ลืมทุกอย่างทุกเช้า แต่ยังช่วยให้เราส่งงานได้เร็วขึ้น 2–3 เท่า Vincent Quigley วิศวกรอาวุโสจาก Sanity ได้แชร์ประสบการณ์ 6 สัปดาห์ในการใช้ Claude Code ผ่าน Agent Client Protocol (ACP) ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ที่ช่วยให้ AI agent ทำงานร่วมกับ editor ได้อย่างลื่นไหล โดยเฉพาะใน Zed editor ที่รองรับ Claude แบบ native แล้ว เขาเปรียบ Claude Code ว่าเป็น “นักพัฒนาฝึกหัดที่ลืมทุกอย่างทุกเช้า” และนั่นคือเหตุผลที่ workflow ของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง: ไม่ใช่การรอให้ AI สร้างโค้ดที่สมบูรณ์ในครั้งเดียว แต่คือการทำงานร่วมกันแบบ iterative ที่เริ่มจาก “95% ขยะ” แล้วค่อย ๆ refine จนกลายเป็นโค้ดที่ใช้ได้จริง Vincent ใช้ Claude.md เป็นไฟล์บริบทที่รวม architecture, pattern, gotchas และลิงก์เอกสาร เพื่อให้ Claude เริ่มต้นจาก attempt ที่สองแทนที่จะต้องอธิบายใหม่ทุกครั้ง และยังเชื่อม Claude เข้ากับ Linear, Notion, GitHub และฐานข้อมูลแบบ read-only เพื่อให้ AI เข้าใจระบบได้ลึกขึ้น เขายังใช้ Claude หลาย instance พร้อมกัน โดยแบ่งงานเป็นคนละปัญหา และใช้ multibuffer ใน Zed เพื่อ review โค้ดแบบ granular—เลือกได้ว่าจะรับหรือปฏิเสธแต่ละ hunk พร้อม task list ที่แสดงใน sidebar แบบ real-time แม้ Claude จะช่วย review โค้ดได้ดี แต่ Vincent ย้ำว่า “วิศวกรต้องรับผิดชอบโค้ดที่ตัวเองส่ง” ไม่ว่าจะเขียนเองหรือ AI เขียนให้ และการไม่มี emotional attachment กับโค้ดที่ไม่ได้พิมพ์เอง กลับทำให้ review ได้ตรงจุดและกล้าลบสิ่งที่ไม่ดีมากขึ้น ✅ วิธีทำงานร่วมกับ Claude Code ➡️ ใช้ Claude.md เพื่อสร้างบริบทให้ AI เข้าใจระบบ ➡️ เชื่อม Claude กับ Linear, Notion, GitHub และฐานข้อมูลแบบ read-only ➡️ ใช้ Claude หลาย instance พร้อมกัน โดยแบ่งงานเป็นคนละปัญหา ✅ การทำงานใน Zed ผ่าน ACP ➡️ Claude Code ทำงานแบบ native ผ่าน Agent Client Protocol (ACP) ➡️ รองรับ multibuffer review, syntax highlight, และ task list ใน sidebar ➡️ สามารถใช้ slash command เพื่อสร้าง workflow แบบกำหนดเอง ✅ กระบวนการ iterative ที่ใช้ Claude ➡️ Attempt แรก: 95% ขยะ แต่ช่วยให้เข้าใจระบบ ➡️ Attempt สอง: เริ่มมีโครงสร้างที่ใช้ได้ ➡️ Attempt สาม: ได้โค้ดที่สามารถนำไป iterate ต่อได้จริง ✅ การ review โค้ดที่ AI สร้าง ➡️ Claude ช่วยตรวจ test coverage, bug และเสนอ improvement ➡️ วิศวกรต้อง review และรับผิดชอบโค้ดที่ส่ง ➡️ ไม่มี emotional attachment ทำให้ review ได้ตรงจุดและกล้าลบมากขึ้น ✅ ผลลัพธ์และต้นทุน ➡️ ส่งงานได้เร็วขึ้น 2–3 เท่า ➡️ ลดเวลาทำ boilerplate และงานซ้ำ ➡️ ค่าใช้จ่ายประมาณ $1000–1500 ต่อเดือนต่อวิศวกรที่ใช้ AI เต็มรูปแบบ https://www.sanity.io/blog/first-attempt-will-be-95-garbage
    WWW.SANITY.IO
    First attempt will be 95% garbage: A staff engineer's 6-week journey with Claude Code | Sanity
    This started as an internal Sanity workshop where I demoed how I actually use AI. Spoiler: it's running multiple agents like a small team with daily amnesia.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ยุทธการกบกระโดด”
    ตอนที่ 5
    อเมริกาสมเป็นนักล่าหมายเลขหนึ่ง สิงห์โตซุ่มจริง ๆ ขณะที่หน้าฉากยังไม่ชัดเจน ว่าจะ
เล่นเรื่องอะไร มีข่าวหลุดออกมาจาก Pentagon เมื่อ ค.ศ. 2012 ว่าอเมริกามีแผนจะปรับโฉมหน้าของฐานทัพ ที่มีอยู่ต่างประเทศเสียใหม่ เรียกว่าทำ face lift อัพหน้ากันใหม่ ตามยุทธการ “กบกระโดด” เพราะการมีฐานทัพกระจายทั่วโลก เป็นปัญหาทั้งด้านกระเป๋าที่ยังรั่วอยู่ และเป็นเป้าสายตาของชาวโลก ขยับตัวทีเขารู้แผนกันหมดทั้งคู่หู คู่แข่ง
สมัยนายบุชตัวลูก ก็ปวดขมอง คิดจะปิดฐานทัพไปสัก 1 ใน 3 แต่ตัดสินใจไม่ขาด จะเปิดอันไหน ปิดอันไหน คิดยังไม่ทันตก ดันหมดเทอมซะก่อน
มาถึงนายโอบามา ปัญหานี้จะทู่ซี้ต่อไป อาจจะไม่ได้ไปนั่งเท่ในทำเนียบขาว หรือถ้าได้นั่ง ก็อยู่ไม่ยาว ตอนหาเสียงเลยเล่นมุก ท่องมันไปทุกเวที Change Change Change
    เอาเข้าจริง เป็นพี่เบิ้มนักล่าถ้าเก็บเครื่องมือล่าทิ้งลงถังขยะ แล้วจะไปล่าเหยื่อได้ยังไง แบบนี้ เพื่อนซี้ เพื่อนกิน ลูกหาบก็หลบหน้า ลี้กายหายไปหมด เลยต้องเรียกเด็ก ๆ
เฮ้ย ! มาทำการบ้านใหม่โว้ย !
ตกลงนักล่ามันเปลี่ยนสันดานไหม มัน Change ไหม ?
    กบกระโดดครับนาย กบกระโดดคือคำตอบ กบจะกระโดดในสระกว้างต้องมีใบบัวรองรับ
สระกว้างใหญ่ มีใบบัวเต็มไปหมด คนมองก็ไม่รู้สึกแปลก
แต่ถ้าดันสร้างเป็น swimming pool ขนาดโอลิมปิก กบจะกระโดดไหวหรือ กลายเป็นกบพุ่งหลาวจมไม่โผล่ละซิ ส่วนที่คิดจะเอาใบบัวไปลอย ใน swimming pool น่ะ แบบนั้น มันฉากละครทีวีช่องคุณหญิงคุณชายนะ Hollywood เขาไม่ทำกัน
มันต้องทำให้เนียน ๆ
    เพราะฉะนั้นเอาฐานทัพเก่า ๆ มาดัดแปลงเสียใหม่ ไม่ให้คนสังเกต หรือแถบไหน (ของ
ประเทศคนอื่น) ที่มันเล็ก ๆ ไม่เด่นก็ไปแอบสร้าง เอาให้มันกลมกลืนกับธรรมชาติ แต่แฝงด้วยอาวุธทันสมัยติดไว้ให้เพียบ แบบนี้ก็เรียบร้อย นักล่าบอกน่าสนใจ (มาก)
    เอะ ! แล้วนี่ ที่นักล่าเขาหลอกให้เราเฝ้าแต่อู่ตะเภา แล้วถ้าเขาไปสร้างใบบัวให้กบมัน
กระโดดแถวชุมพร นี่สมันน้อยจะรู้ไหมนะ ! ?
    ด้วยยุทธศาสตร์กบกระโดดบนใบบัว อเมริกาสามารถสร้างฐานทัพให้ กระจายแบบโรยไว้ทั่ว (peppering) บริเวณ Asia Pacific ถ้าอเมริกาทำได้จริง มันก็ไม่ต่างกับการควบคุมจีนทางอ้อม (containment) และก็เหมือนเป็นการเอาฉากสงครามเย็น สมัยที่อเมริกาจัดการกับสหภาพโซเวียตมาเล่นใหม่ !
    ลองคิดดูช่วง 2-3 ปีนี้ อเมริกาเดินแผนอย่างไร กับทุกประเทศในภูมิภาคนี้ ไม่มีหลุด
สักเม็ด เค้าของสงครามโลกครั้งที่ 3 พอมองได้เห็นลาง ๆ
    – ออสเตรเลีย : อเมริกา เจรจาที่จะร่วมใช้ฐานทัพที่ Darwin และกำลังเริ่มแผนใช้
drone (เครื่องบินประเภทไร้คนขับ บังคับด้วยเรดาร์) โดยใช้ฐานทัพของออสเตรเลียที่เกาะ Cocos เป็นฐานพัก รวมทั้งการจัดกองกำลังเตรียมพร้อมไว้ แถว Brisbane และ Perth ด้วย
    – ราชอาณาจักรไทย : แน่นอนจะใช้อู่ตะเภา หรือสร้างใบบัวให้กบกระโดดที่ชุมพร หรือ
ที่ไหนอีก ตามสัญญาผูกคอทาส ทำได้สารพัด
    – ฟิลิปปินส์ : ตกลงไปแล้วให้อเมริกาฟื้นสนามบิน Clark และฐานทัพเรือ Subic Bay ที่ปิดไปชั่วคราวตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 กว่า ๆ (แต่หลังจากปี ค.ศ. 2002 ก็ยอมให้หน่วยปฏิบัติการพิเศษของอเมริกาเข้ามาใช้ใหม่บางกรณี !)
    – เวียตนาม : ทำสัญญาตกลงให้อเมริกาเพิ่มกองเรือ เข้าไปใช้ท่าเรือของเวียตนาม และ
จะขยายท่าเรือ เพื่อให้เฉพาะกองทัพเรืออเมริกาจอด
    – เกาะกวม : อเมริกาเตรียมสร้าง runway เพิ่มที่เกาะ Tinian ใกล้กับเกาะกวม และเตรียมสร้างฐานทัพ และ runwayสำหรับเครื่องบินลง ที่เกาะไซปัน (Saipan) ที่ห่างจากเกาะกวมไปประมาณ190 กม. เพื่อเป็นฐานทัพรองรับ หากกวมโดนโจมตี
    – มาเลเซีย อินโดนีเซีย และบรูไน : อเมริกาเจรจาที่จะสร้างฐานทัพเพิ่ม
    – เกาหลีใต้ : ตกลงกับอเมริกาที่จะสร้างฐานทัพเพิ่ม ให้อเมริกาใช้ที่เกาะ Jeju
    – อินเดีย : อเมริกาทำข้อตกลงเพิ่มความร่วมมือทางการทหารไปแล้ว
    นี่ยังไม่ได้นับฐานทัพอีกประมาณ 200 แห่ง ที่อเมริกามีกระจายอยู่ แล้วที่ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เกาะกวม Diego Garcia และฮาวาย ถ้าใบบัวงอกทั้งหมดนี้ อาเฮียแทบไม่มีทางออกทะเล ต้องใช้บินอย่างเดียว (ฮา !)
    ยุทธศาสตร์กบกระโดด บนใบบัวนี้ แสดงให้เห็นว่าลึก ๆ อเมริกาคิดอะไรอยู่ เป็นแผนล่า
เหยื่อของนักล่าตัวจริง ในเมื่อการสร้างฐานทัพใหญ่ ๆ ในต่างประเทศ นอกจากราคาแพงแล้ว ยังเป็นทั้งเป้าสายตาและเป้าอาวุธ แต่ถ้าแอบสร้างฐานเล็ก ๆ แบบใบบัว ให้กบกระโดด หลาย ๆแห่ง ทำได้เร็ว และไม่สร้างความอึกทึกให้โลกและเจ้าของบ้าน (ที่นักล่าหลอกไว้) ให้รู้ตัว นักยุทธศาสตร์การรบบอกว่า ฐานทัพรุ่นใบบัวนี้ ถ้าติดเครื่องมือทันสมัยให้เพียบ ใช้ควบคู่กับหน่วยรบพิเศษ (special operation forces) กบรุ่นใหม่เคลื่อนที่เร็ว แบบกบมหัศจรรย์ กับการใช้ droneสอดแนมและข่าวกรองที่มีประสิทธิภาพ (อย่าลืมว่าหน่วยปฎิบัติการในภาวะภัยพิบัตินั้น เป็นงาน
พรางตัวที่ดีที่สุด ของกองทัพในการทำงานข่าวกรอง) ร่วมกับการปฎิบัติทางโลก Cyber และมีการร่วมมือระหว่างกองทัพ กับหน่วยงานพลเรือนอย่างดี คุณสามารถทำการปฎิวัติ หรือบุกยึดเมืองใด หรือทำการรบในยุทธภูมิใดก็ได้ผลเกินคาด รวดเร็วกว่าการใช้กองทัพใหญ่ ๆ ที่เคลื่อนตัวอย่างอุ้ยอ้าย มันหมดสมัยแล้ว !
    อเมริกาปรับปรุงฐานทัพจากการขยายหรือสร้างฐานทัพใหญ่ เป็นเตรียมการสร้างฐานทัพรูปแบบใบบัว (Lily Pad) เพื่อให้กบกระโดไทั่ว แค่นั้นยังไม่พอ เพื่อให้การล่าเหยื่อเบ็ดเสร็จสมใจ อเมริกา จึงปรับปรุงการกระโดดของกบด้วย โดยแบ่งซอยกองกำลังออกมาเรียกว่า หน่วยปฎิบัติการพิเศษ
(เหมือนชายชุดดำนะครับ เอ๊ะ ! หน่วยเดียวกันหรือเปล่า ?!) Special Operation Forces (SOF)
(หรือมันเอาอย่างกัน หวังว่าไม่ถึงขนาดฝึกให้กันเลยนะ !)
    SOF นี้ เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1980 เมื่อเจ้าหน้าที่สถานฑูตอเมริกาถูกจับเป็นตัวประกันที่อิหร่าน (ก็ผลงานของนักล่าเอง !) ทำให้ตัวประกันตายไป 8 คน
อเมริกาแค้นจัด ตั้งหน่วย Special Operation Command (SOCOM) ขึ้นมา
โดยคัดหัวกะทิมาจากหน่วย Seals, Rangers, Special Operation Aviators และ Green Beret มาฝึกหนัก จริง ๆ ก็คือฝึกเป็น Rambo เหมือนในหนังน่ะ
พวก SOF นี้ ถูกใช้ให้ไปปฎิบัติการลับ ในที่ต่าง ๆ ที่เป็นความลับ
มีรายงานว่าน่าจะมี SOF ประมาณกว่า 70,000 คนในปี ค.ศ. 2014 กระจายอยู่ทั่วโลก ปฎิบัติการอยู่ในต่างประเทศ ประมาณ 70-80 ประเทศ เช่น ลิเบีย โซมาเลีย อาฟกานิสถาน ปากีสถาน หลายประเทศในอาหรับ
และลาตินอเมริกา และเอเซีย และยุโรป ฯลฯ
    สรุปแล้ว การจัดการให้มีฐานทัพแบบใบบัว (Lily Pad) และ กองกำลังแบบ SOF ตามยุทธการกบกระโดด อยู่ในบ้านเมืองใคร อเมริกาบอกว่า มันก็เหมือนเราไปอยู่ในบ้านนั้น (ยึด!) เรียบร้อยแล้วล่ะ (de facto presence) ดังนั้นเราจะต้องให้มี ฐานทัพใบบัวนี้ให้มากที่สุดให้ได้ (lots and lots of Lily pad bases!)

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ยุทธการกบกระโดด” ตอนที่ 5 อเมริกาสมเป็นนักล่าหมายเลขหนึ่ง สิงห์โตซุ่มจริง ๆ ขณะที่หน้าฉากยังไม่ชัดเจน ว่าจะ
เล่นเรื่องอะไร มีข่าวหลุดออกมาจาก Pentagon เมื่อ ค.ศ. 2012 ว่าอเมริกามีแผนจะปรับโฉมหน้าของฐานทัพ ที่มีอยู่ต่างประเทศเสียใหม่ เรียกว่าทำ face lift อัพหน้ากันใหม่ ตามยุทธการ “กบกระโดด” เพราะการมีฐานทัพกระจายทั่วโลก เป็นปัญหาทั้งด้านกระเป๋าที่ยังรั่วอยู่ และเป็นเป้าสายตาของชาวโลก ขยับตัวทีเขารู้แผนกันหมดทั้งคู่หู คู่แข่ง
สมัยนายบุชตัวลูก ก็ปวดขมอง คิดจะปิดฐานทัพไปสัก 1 ใน 3 แต่ตัดสินใจไม่ขาด จะเปิดอันไหน ปิดอันไหน คิดยังไม่ทันตก ดันหมดเทอมซะก่อน
มาถึงนายโอบามา ปัญหานี้จะทู่ซี้ต่อไป อาจจะไม่ได้ไปนั่งเท่ในทำเนียบขาว หรือถ้าได้นั่ง ก็อยู่ไม่ยาว ตอนหาเสียงเลยเล่นมุก ท่องมันไปทุกเวที Change Change Change เอาเข้าจริง เป็นพี่เบิ้มนักล่าถ้าเก็บเครื่องมือล่าทิ้งลงถังขยะ แล้วจะไปล่าเหยื่อได้ยังไง แบบนี้ เพื่อนซี้ เพื่อนกิน ลูกหาบก็หลบหน้า ลี้กายหายไปหมด เลยต้องเรียกเด็ก ๆ
เฮ้ย ! มาทำการบ้านใหม่โว้ย !
ตกลงนักล่ามันเปลี่ยนสันดานไหม มัน Change ไหม ? กบกระโดดครับนาย กบกระโดดคือคำตอบ กบจะกระโดดในสระกว้างต้องมีใบบัวรองรับ
สระกว้างใหญ่ มีใบบัวเต็มไปหมด คนมองก็ไม่รู้สึกแปลก
แต่ถ้าดันสร้างเป็น swimming pool ขนาดโอลิมปิก กบจะกระโดดไหวหรือ กลายเป็นกบพุ่งหลาวจมไม่โผล่ละซิ ส่วนที่คิดจะเอาใบบัวไปลอย ใน swimming pool น่ะ แบบนั้น มันฉากละครทีวีช่องคุณหญิงคุณชายนะ Hollywood เขาไม่ทำกัน
มันต้องทำให้เนียน ๆ เพราะฉะนั้นเอาฐานทัพเก่า ๆ มาดัดแปลงเสียใหม่ ไม่ให้คนสังเกต หรือแถบไหน (ของ
ประเทศคนอื่น) ที่มันเล็ก ๆ ไม่เด่นก็ไปแอบสร้าง เอาให้มันกลมกลืนกับธรรมชาติ แต่แฝงด้วยอาวุธทันสมัยติดไว้ให้เพียบ แบบนี้ก็เรียบร้อย นักล่าบอกน่าสนใจ (มาก) เอะ ! แล้วนี่ ที่นักล่าเขาหลอกให้เราเฝ้าแต่อู่ตะเภา แล้วถ้าเขาไปสร้างใบบัวให้กบมัน
กระโดดแถวชุมพร นี่สมันน้อยจะรู้ไหมนะ ! ? ด้วยยุทธศาสตร์กบกระโดดบนใบบัว อเมริกาสามารถสร้างฐานทัพให้ กระจายแบบโรยไว้ทั่ว (peppering) บริเวณ Asia Pacific ถ้าอเมริกาทำได้จริง มันก็ไม่ต่างกับการควบคุมจีนทางอ้อม (containment) และก็เหมือนเป็นการเอาฉากสงครามเย็น สมัยที่อเมริกาจัดการกับสหภาพโซเวียตมาเล่นใหม่ ! ลองคิดดูช่วง 2-3 ปีนี้ อเมริกาเดินแผนอย่างไร กับทุกประเทศในภูมิภาคนี้ ไม่มีหลุด
สักเม็ด เค้าของสงครามโลกครั้งที่ 3 พอมองได้เห็นลาง ๆ – ออสเตรเลีย : อเมริกา เจรจาที่จะร่วมใช้ฐานทัพที่ Darwin และกำลังเริ่มแผนใช้
drone (เครื่องบินประเภทไร้คนขับ บังคับด้วยเรดาร์) โดยใช้ฐานทัพของออสเตรเลียที่เกาะ Cocos เป็นฐานพัก รวมทั้งการจัดกองกำลังเตรียมพร้อมไว้ แถว Brisbane และ Perth ด้วย – ราชอาณาจักรไทย : แน่นอนจะใช้อู่ตะเภา หรือสร้างใบบัวให้กบกระโดดที่ชุมพร หรือ
ที่ไหนอีก ตามสัญญาผูกคอทาส ทำได้สารพัด – ฟิลิปปินส์ : ตกลงไปแล้วให้อเมริกาฟื้นสนามบิน Clark และฐานทัพเรือ Subic Bay ที่ปิดไปชั่วคราวตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 กว่า ๆ (แต่หลังจากปี ค.ศ. 2002 ก็ยอมให้หน่วยปฏิบัติการพิเศษของอเมริกาเข้ามาใช้ใหม่บางกรณี !) – เวียตนาม : ทำสัญญาตกลงให้อเมริกาเพิ่มกองเรือ เข้าไปใช้ท่าเรือของเวียตนาม และ
จะขยายท่าเรือ เพื่อให้เฉพาะกองทัพเรืออเมริกาจอด – เกาะกวม : อเมริกาเตรียมสร้าง runway เพิ่มที่เกาะ Tinian ใกล้กับเกาะกวม และเตรียมสร้างฐานทัพ และ runwayสำหรับเครื่องบินลง ที่เกาะไซปัน (Saipan) ที่ห่างจากเกาะกวมไปประมาณ190 กม. เพื่อเป็นฐานทัพรองรับ หากกวมโดนโจมตี – มาเลเซีย อินโดนีเซีย และบรูไน : อเมริกาเจรจาที่จะสร้างฐานทัพเพิ่ม – เกาหลีใต้ : ตกลงกับอเมริกาที่จะสร้างฐานทัพเพิ่ม ให้อเมริกาใช้ที่เกาะ Jeju – อินเดีย : อเมริกาทำข้อตกลงเพิ่มความร่วมมือทางการทหารไปแล้ว นี่ยังไม่ได้นับฐานทัพอีกประมาณ 200 แห่ง ที่อเมริกามีกระจายอยู่ แล้วที่ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เกาะกวม Diego Garcia และฮาวาย ถ้าใบบัวงอกทั้งหมดนี้ อาเฮียแทบไม่มีทางออกทะเล ต้องใช้บินอย่างเดียว (ฮา !) ยุทธศาสตร์กบกระโดด บนใบบัวนี้ แสดงให้เห็นว่าลึก ๆ อเมริกาคิดอะไรอยู่ เป็นแผนล่า
เหยื่อของนักล่าตัวจริง ในเมื่อการสร้างฐานทัพใหญ่ ๆ ในต่างประเทศ นอกจากราคาแพงแล้ว ยังเป็นทั้งเป้าสายตาและเป้าอาวุธ แต่ถ้าแอบสร้างฐานเล็ก ๆ แบบใบบัว ให้กบกระโดด หลาย ๆแห่ง ทำได้เร็ว และไม่สร้างความอึกทึกให้โลกและเจ้าของบ้าน (ที่นักล่าหลอกไว้) ให้รู้ตัว นักยุทธศาสตร์การรบบอกว่า ฐานทัพรุ่นใบบัวนี้ ถ้าติดเครื่องมือทันสมัยให้เพียบ ใช้ควบคู่กับหน่วยรบพิเศษ (special operation forces) กบรุ่นใหม่เคลื่อนที่เร็ว แบบกบมหัศจรรย์ กับการใช้ droneสอดแนมและข่าวกรองที่มีประสิทธิภาพ (อย่าลืมว่าหน่วยปฎิบัติการในภาวะภัยพิบัตินั้น เป็นงาน
พรางตัวที่ดีที่สุด ของกองทัพในการทำงานข่าวกรอง) ร่วมกับการปฎิบัติทางโลก Cyber และมีการร่วมมือระหว่างกองทัพ กับหน่วยงานพลเรือนอย่างดี คุณสามารถทำการปฎิวัติ หรือบุกยึดเมืองใด หรือทำการรบในยุทธภูมิใดก็ได้ผลเกินคาด รวดเร็วกว่าการใช้กองทัพใหญ่ ๆ ที่เคลื่อนตัวอย่างอุ้ยอ้าย มันหมดสมัยแล้ว ! อเมริกาปรับปรุงฐานทัพจากการขยายหรือสร้างฐานทัพใหญ่ เป็นเตรียมการสร้างฐานทัพรูปแบบใบบัว (Lily Pad) เพื่อให้กบกระโดไทั่ว แค่นั้นยังไม่พอ เพื่อให้การล่าเหยื่อเบ็ดเสร็จสมใจ อเมริกา จึงปรับปรุงการกระโดดของกบด้วย โดยแบ่งซอยกองกำลังออกมาเรียกว่า หน่วยปฎิบัติการพิเศษ
(เหมือนชายชุดดำนะครับ เอ๊ะ ! หน่วยเดียวกันหรือเปล่า ?!) Special Operation Forces (SOF)
(หรือมันเอาอย่างกัน หวังว่าไม่ถึงขนาดฝึกให้กันเลยนะ !) SOF นี้ เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1980 เมื่อเจ้าหน้าที่สถานฑูตอเมริกาถูกจับเป็นตัวประกันที่อิหร่าน (ก็ผลงานของนักล่าเอง !) ทำให้ตัวประกันตายไป 8 คน
อเมริกาแค้นจัด ตั้งหน่วย Special Operation Command (SOCOM) ขึ้นมา
โดยคัดหัวกะทิมาจากหน่วย Seals, Rangers, Special Operation Aviators และ Green Beret มาฝึกหนัก จริง ๆ ก็คือฝึกเป็น Rambo เหมือนในหนังน่ะ
พวก SOF นี้ ถูกใช้ให้ไปปฎิบัติการลับ ในที่ต่าง ๆ ที่เป็นความลับ
มีรายงานว่าน่าจะมี SOF ประมาณกว่า 70,000 คนในปี ค.ศ. 2014 กระจายอยู่ทั่วโลก ปฎิบัติการอยู่ในต่างประเทศ ประมาณ 70-80 ประเทศ เช่น ลิเบีย โซมาเลีย อาฟกานิสถาน ปากีสถาน หลายประเทศในอาหรับ
และลาตินอเมริกา และเอเซีย และยุโรป ฯลฯ สรุปแล้ว การจัดการให้มีฐานทัพแบบใบบัว (Lily Pad) และ กองกำลังแบบ SOF ตามยุทธการกบกระโดด อยู่ในบ้านเมืองใคร อเมริกาบอกว่า มันก็เหมือนเราไปอยู่ในบ้านนั้น (ยึด!) เรียบร้อยแล้วล่ะ (de facto presence) ดังนั้นเราจะต้องให้มี ฐานทัพใบบัวนี้ให้มากที่สุดให้ได้ (lots and lots of Lily pad bases!) คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 331 มุมมอง 0 รีวิว
  • น่าสงสาร อ.วีระ มาก หลายคนไทยในพื้นที่ต่างรับรู้ดีว่าอ.วีระถูกรังแก และช่วงนั้นอ.วีระไม่ถูกกับฝ่ายพวกนี้ชัดเจนมีข่าวกระทบใส่กันตลอดจนมีใครบางคนหลอกล่ออ.วีระไปติดกับดัก,เพื่อกำจัด อ.วีระ หรือสั่งสอนคงไม่ใช่ด้วยอีก.

    ..บูรพาพยัคฆ์มีปัญหาแล้วจริงๆตลอดทุกๆคนที่เกี่ยวข้องตลอดพรมแดนไทยเขมรที่ภาคตะวันออกทั้งหมดในช่วงเวลาที่ผ่านมาถึงทุกๆวันนี้ จนเรื่องมาแดงเพราะการปะทะเดือดยึดพื้นที่คืนจากเขมรถีบเขมรออกจากพื้นที่ไทยจริงกว่า11จุดพื้นที่อีสานใต้,หาก ผบ.เหล่าทัพสูงสุดไม่เร่งรีบจัดการทหารเลวเหล่านี้อย่างจริงจังซึ่งโดยศักยภาพสายข่าวการข่าวทางทหารและตำรวจดีๆของคนไทยเรามีข้อมูลลึกจริงชัดเจนมากมายแน่นอน แค่ ผบ.เหล่าทัพสูงสุด และ ผบ.ทบ.,ผบ.ทอ.,ผบ.ทร.,ผบ.ตร.จะดำเนินการตัดเนื้อเน่านี้จริงออกไปจากประเทศไทยหรือไม่,ตังมากมายก็ไม่รู้ว่าไปใช้การใดอีก จะอ้างว่าเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวทหารที่เสียสละเพื่อชาติแต่ทางรัฐกลับทอดทิ้งไม่ดูแลต่อเนื่องจึงต้องหากินเลี้ยงดูกันเอง อย่างนี้ไม่สามารถอ้างได้แน่นอน กองทัพต้องเข่้าไปเคลียร์กับนายกฯสมัยนั้นๆเอง ปลายปืนเคลียร์กันแมนๆก็ได้ ,เพราะภาพในอดีตประชาชนขยะแขยงทหารจริงนะ ดีแต่แม่ทัพภาคที่2กอบกู้หน้าทหารให้มีภาพลักษณ์ดีๆขึ้นมาใหม่นอกจากภาระกิจกู้ภัยช่วยเหลือทางภัยพิบัติธรรมชาติ,คือในสายตาชาวบ้านตลอดเขตชาติแดนเลวชั่วกันเลยล่ะ ส่วนทหารดีๆจริงก็ซวยไปแม้อยู่ในรั้วในฐานหน่วยตนเอง,
    ..ตอนนี้ ผบ.ทบ.สูงสุดต้องจัดการทหารแต่ละภาคตนจริงจัง โดยเฉพาะพื้นที่ภาคตะวันออกทั้งหมดหรือภาค1ทั้งหมด จะตำรวจตะเวนชายแดนหาข่าวก็ตามจึงปะปนไปกับโจรสายลับ,ทหารพรานก็ตาม ใดๆเจ้าหน้าที่ทหารหรือชื่อใดๆที่ข้องเกี่ยวกับชาติแดนเขมรทั้งหมดต้องเคลียร์คนเลวคนชั่วออกไปจริงอย่างจริงจัง,ย้ายทั้งหมดทั้งชุดทั้งทีมก็ต้องย้าย มันจะขนจะค้าเถื่อนๆกันไม่ได้อีกเลยเพราะคนที่ไปร่วมงานด้วยย้ายไปหมดแล้ว เขมรจะติดต่อทหารพรานติดต่อตำรวจตะเวนชายแดนคนเก่ามาก็ไม่ได้เพราะไม่มีหน้าที่เข้าไปเขตดังกล่าวแล้ว อ้างทำหน้าที่ปฏิบัติที่เพื่อกระทำชั่วเลวค้าขายเถื่อนๆกับเขมรต่อไปไม่ได้อีกแล้วนั้นเอง, ผบ.ทบ.ทหารบก ท่านต้องจัดการลักษณะนี้ก่อน ประชาชนสบายใจแน่นอน ยิ่งออกสื่อว่าเพื่อความสบายใจของประชาชนจึงมีคำสั่งข้าราชการทหารตำรวจชายแดนที่ผบ.ทบ.สั่งการได้มีคำสั่งย้ายออกจากพื้นที่ตะวันออกทั้งหมดไปก่อนเป็นการชั่วคราว.ย้ายทหารภาค2มาทำการแทนชั่วคราวทั้งหมด,โดยภาคอื่นๆสนับสนุนกำลังพลเสริมภาค2ช่วยอุดช่องว่างของพลกำลังทหาร.






    https://youtube.com/watch?v=tPIMV6NRrDY&si=zVplJbupnwZCDz_y
    น่าสงสาร อ.วีระ มาก หลายคนไทยในพื้นที่ต่างรับรู้ดีว่าอ.วีระถูกรังแก และช่วงนั้นอ.วีระไม่ถูกกับฝ่ายพวกนี้ชัดเจนมีข่าวกระทบใส่กันตลอดจนมีใครบางคนหลอกล่ออ.วีระไปติดกับดัก,เพื่อกำจัด อ.วีระ หรือสั่งสอนคงไม่ใช่ด้วยอีก. ..บูรพาพยัคฆ์มีปัญหาแล้วจริงๆตลอดทุกๆคนที่เกี่ยวข้องตลอดพรมแดนไทยเขมรที่ภาคตะวันออกทั้งหมดในช่วงเวลาที่ผ่านมาถึงทุกๆวันนี้ จนเรื่องมาแดงเพราะการปะทะเดือดยึดพื้นที่คืนจากเขมรถีบเขมรออกจากพื้นที่ไทยจริงกว่า11จุดพื้นที่อีสานใต้,หาก ผบ.เหล่าทัพสูงสุดไม่เร่งรีบจัดการทหารเลวเหล่านี้อย่างจริงจังซึ่งโดยศักยภาพสายข่าวการข่าวทางทหารและตำรวจดีๆของคนไทยเรามีข้อมูลลึกจริงชัดเจนมากมายแน่นอน แค่ ผบ.เหล่าทัพสูงสุด และ ผบ.ทบ.,ผบ.ทอ.,ผบ.ทร.,ผบ.ตร.จะดำเนินการตัดเนื้อเน่านี้จริงออกไปจากประเทศไทยหรือไม่,ตังมากมายก็ไม่รู้ว่าไปใช้การใดอีก จะอ้างว่าเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวทหารที่เสียสละเพื่อชาติแต่ทางรัฐกลับทอดทิ้งไม่ดูแลต่อเนื่องจึงต้องหากินเลี้ยงดูกันเอง อย่างนี้ไม่สามารถอ้างได้แน่นอน กองทัพต้องเข่้าไปเคลียร์กับนายกฯสมัยนั้นๆเอง ปลายปืนเคลียร์กันแมนๆก็ได้ ,เพราะภาพในอดีตประชาชนขยะแขยงทหารจริงนะ ดีแต่แม่ทัพภาคที่2กอบกู้หน้าทหารให้มีภาพลักษณ์ดีๆขึ้นมาใหม่นอกจากภาระกิจกู้ภัยช่วยเหลือทางภัยพิบัติธรรมชาติ,คือในสายตาชาวบ้านตลอดเขตชาติแดนเลวชั่วกันเลยล่ะ ส่วนทหารดีๆจริงก็ซวยไปแม้อยู่ในรั้วในฐานหน่วยตนเอง, ..ตอนนี้ ผบ.ทบ.สูงสุดต้องจัดการทหารแต่ละภาคตนจริงจัง โดยเฉพาะพื้นที่ภาคตะวันออกทั้งหมดหรือภาค1ทั้งหมด จะตำรวจตะเวนชายแดนหาข่าวก็ตามจึงปะปนไปกับโจรสายลับ,ทหารพรานก็ตาม ใดๆเจ้าหน้าที่ทหารหรือชื่อใดๆที่ข้องเกี่ยวกับชาติแดนเขมรทั้งหมดต้องเคลียร์คนเลวคนชั่วออกไปจริงอย่างจริงจัง,ย้ายทั้งหมดทั้งชุดทั้งทีมก็ต้องย้าย มันจะขนจะค้าเถื่อนๆกันไม่ได้อีกเลยเพราะคนที่ไปร่วมงานด้วยย้ายไปหมดแล้ว เขมรจะติดต่อทหารพรานติดต่อตำรวจตะเวนชายแดนคนเก่ามาก็ไม่ได้เพราะไม่มีหน้าที่เข้าไปเขตดังกล่าวแล้ว อ้างทำหน้าที่ปฏิบัติที่เพื่อกระทำชั่วเลวค้าขายเถื่อนๆกับเขมรต่อไปไม่ได้อีกแล้วนั้นเอง, ผบ.ทบ.ทหารบก ท่านต้องจัดการลักษณะนี้ก่อน ประชาชนสบายใจแน่นอน ยิ่งออกสื่อว่าเพื่อความสบายใจของประชาชนจึงมีคำสั่งข้าราชการทหารตำรวจชายแดนที่ผบ.ทบ.สั่งการได้มีคำสั่งย้ายออกจากพื้นที่ตะวันออกทั้งหมดไปก่อนเป็นการชั่วคราว.ย้ายทหารภาค2มาทำการแทนชั่วคราวทั้งหมด,โดยภาคอื่นๆสนับสนุนกำลังพลเสริมภาค2ช่วยอุดช่องว่างของพลกำลังทหาร. https://youtube.com/watch?v=tPIMV6NRrDY&si=zVplJbupnwZCDz_y
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 274 มุมมอง 0 รีวิว
  • เบื่อหน่ายนักการเมืองพวกนี้มากๆ ไร้ความละอายในการปกป้องชาติอธิปไตยชาติไทยตนเอง หัวหดไปหมด ไม่มีนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลพรรคหลักพรรคร่วมลงพื้นที่สงครามอีสานใต้ดูความเดือดร้อนของประชาชนจริงจังในระยะเวลา5วันนั้นเลย ประชาชนไม่สามารถพึ่งพานักการเมืองปกป้องประเทศไทยตนอะไรไม่ได้เลย,แอ็คชั่นภาครัฐบาลพรรคร่วมก็กาก ไม่สมควรที่ประชาชนจะให้ค่าใดๆได้อีก,สอบตกทุกๆมิติโดยเฉพาะบทบาทพรรคร่วมก็ด้วย,ทั้งตั้งแต่คลิปเสียงหลุดมันชัดเจนมากว่าทรยศแผ่นดินไทยตนแล้ว,พรรคหลักพรรคร่วมยังไม่แสดงจุดยืนอะไร พรรคร่วมยิ่งไปกอดให้ตนเป็นรัฐบาลให้ได้ ไม่ละอายสำนึกใจต่อประชาชนที่ปั่นหน้าอยู่ต่อกับพรรคหลัก บวกต่อรองสาระพัดเพื่อประโยชน์ขณะที่ภัยคุกคามติดพรมแดนไทยตน,

    ..นักการเมืองพวกนี้น่าผิดหวังมาก ไม่มีสถานะคุณสมบัติให้ประชาชนลงคะแนนเสียงให้เลยหรือกกต.สมควรสั่งยุบพรรคการเมืองทั้งหมดทิ้งไปเสีย,นั้นจะล้างสถานะที่พรรคใช้บัตรประชาชนคนไทยไปยื่นสมัครเป็นสมาชิกพรรคอัตโนมัติด้วย,เพราะบางพรรคการเมืองก็เอาบัตรประชาชนคนไทยไปกรอกเอาเองโดยชาวบ้านตาดำๆไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ.,

    ..เรา..ประชาชนขยะแขยงบรรดานักการเมืองเหล่านี้มาก จากบทบาทปกป้องอธิปไตยชาติไทยตนเองทั้งในฝั่งรัฐบาลฝั่งสส.รัฐบาลฝั่งพรรคหลักพรรคร่วมรัฐบาล ฝั่งสส.พรรคฝ่ายค้านอีกก็ด้วย,การแสดงออกที่ผ่านมาทั้งหมดสมควรสถานะนักการเมืองพรรคการเมืองต้องถูกสั่งยุติบทบาทตนในตอนนี้ทันที,

    ..เสนอนายกฯและรัฐบาลพระราชทานแทนเพื่อบริหารประเทศในภาวะฉุกเฉินวิกฤตินี้,เรา..ประชาชนไม่ไว้ใจใดๆต่อนักการเมืองทุกๆกรณีในช่วงเวลานี้.

    ..เชื้อชั่วสันดานเลวแบบเขมรโกหกตอแหลไม่ซื่อสัตย์ซื่อตรงต่ออธิปไตยชาติไทยตนมีนอนในใจสันดานเต็มที่ไปแล้วสำหรับคนพวกนี้.

    https://youtube.com/watch?v=k_yyttPi0Nw&si=4xAJmine_b1-dnwC
    เบื่อหน่ายนักการเมืองพวกนี้มากๆ ไร้ความละอายในการปกป้องชาติอธิปไตยชาติไทยตนเอง หัวหดไปหมด ไม่มีนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลพรรคหลักพรรคร่วมลงพื้นที่สงครามอีสานใต้ดูความเดือดร้อนของประชาชนจริงจังในระยะเวลา5วันนั้นเลย ประชาชนไม่สามารถพึ่งพานักการเมืองปกป้องประเทศไทยตนอะไรไม่ได้เลย,แอ็คชั่นภาครัฐบาลพรรคร่วมก็กาก ไม่สมควรที่ประชาชนจะให้ค่าใดๆได้อีก,สอบตกทุกๆมิติโดยเฉพาะบทบาทพรรคร่วมก็ด้วย,ทั้งตั้งแต่คลิปเสียงหลุดมันชัดเจนมากว่าทรยศแผ่นดินไทยตนแล้ว,พรรคหลักพรรคร่วมยังไม่แสดงจุดยืนอะไร พรรคร่วมยิ่งไปกอดให้ตนเป็นรัฐบาลให้ได้ ไม่ละอายสำนึกใจต่อประชาชนที่ปั่นหน้าอยู่ต่อกับพรรคหลัก บวกต่อรองสาระพัดเพื่อประโยชน์ขณะที่ภัยคุกคามติดพรมแดนไทยตน, ..นักการเมืองพวกนี้น่าผิดหวังมาก ไม่มีสถานะคุณสมบัติให้ประชาชนลงคะแนนเสียงให้เลยหรือกกต.สมควรสั่งยุบพรรคการเมืองทั้งหมดทิ้งไปเสีย,นั้นจะล้างสถานะที่พรรคใช้บัตรประชาชนคนไทยไปยื่นสมัครเป็นสมาชิกพรรคอัตโนมัติด้วย,เพราะบางพรรคการเมืองก็เอาบัตรประชาชนคนไทยไปกรอกเอาเองโดยชาวบ้านตาดำๆไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ., ..เรา..ประชาชนขยะแขยงบรรดานักการเมืองเหล่านี้มาก จากบทบาทปกป้องอธิปไตยชาติไทยตนเองทั้งในฝั่งรัฐบาลฝั่งสส.รัฐบาลฝั่งพรรคหลักพรรคร่วมรัฐบาล ฝั่งสส.พรรคฝ่ายค้านอีกก็ด้วย,การแสดงออกที่ผ่านมาทั้งหมดสมควรสถานะนักการเมืองพรรคการเมืองต้องถูกสั่งยุติบทบาทตนในตอนนี้ทันที, ..เสนอนายกฯและรัฐบาลพระราชทานแทนเพื่อบริหารประเทศในภาวะฉุกเฉินวิกฤตินี้,เรา..ประชาชนไม่ไว้ใจใดๆต่อนักการเมืองทุกๆกรณีในช่วงเวลานี้. ..เชื้อชั่วสันดานเลวแบบเขมรโกหกตอแหลไม่ซื่อสัตย์ซื่อตรงต่ออธิปไตยชาติไทยตนมีนอนในใจสันดานเต็มที่ไปแล้วสำหรับคนพวกนี้. https://youtube.com/watch?v=k_yyttPi0Nw&si=4xAJmine_b1-dnwC
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 292 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ ตกลงเป็นชาวเขมรหรือชาวขยะ ไปที่ไหนก็ทิ้งขยะเรี่ยราด บุกปราสาทก็ทิ้งขยะเกลื่อนกลาด บุกรุกหนองจานก็ทิ้งอีก แถมโง่ว์ถ่ายภาพเป็นหลักฐานประจานชนชาติตัวเอง
    #7ดอกจิก
    ♣ ตกลงเป็นชาวเขมรหรือชาวขยะ ไปที่ไหนก็ทิ้งขยะเรี่ยราด บุกปราสาทก็ทิ้งขยะเกลื่อนกลาด บุกรุกหนองจานก็ทิ้งอีก แถมโง่ว์ถ่ายภาพเป็นหลักฐานประจานชนชาติตัวเอง #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ”
    ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน
    ตอนที่ 15 : เซียนกระเป๋าฉีก
    อังกฤษมีแผนที่จะเข้าไปครอบครองแหล่งน้ำมัน ที่อ่าวเปอร์เซีย (Arabian Gulf) แต่ปิดเงียบไม่บอกใคร ปี ค.ศ. 1917 อังกฤษประกาศสนับสนุนให้ชาวยิวได้กลับบ้านเกิดเมืองนอน คือ Palestine รัฐบาลอังกฤษไม่ได้คิดเอง แต่มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลในชนชั้นสูงของอังกฤษ คือ The Royal Institute for International Affairs หรือ Chatham House เป็นมันสมองให้กับรัฐบาลอังกฤษ สนับสนุนให้ชาวยิวกลับไปครอบครอง Palestine แผ่นดินที่ล้อมรอบไปด้วย ประเทศแถบ Balkan และกลุ่มประเทศอาหรับ
    แผนมายากลนี้ เพื่อเชื่อมโยงเส้นทางระหว่าง ประเทศอาณานิคมของอังกฤษในอาฟริกาใต้ ซึ่งเต็มไปด้วยเหมืองทองและเพชร ข้ามมายังอียิปต์และคลองสุเอช ผ่านอิรัคและคูเวต มาเปอร์เซีย (อิหร่าน) มาถึงตะวันออกทางอินเดีย ซึ่งรวมถึงปากีสถานและบังคลาเทศ มันเป็นแผนที่ลึกซึ้งมาก ถ้าทำสำเร็จหมายถึง การเข้าไปครอบครองแหล่งน้ำมันที่มีค่ามหาศาล ก่อนที่เจ้าของแหล่งน้ำมันเองจะรู้ตัว
    ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ยังไม่เห็นชัดว่าใครจะเป็นแชมป์ครองโลก ระหว่างอังกฤษกับอเมริกา เกมกลยุทธที่ต่างฝ่ายวางกันไว้ ยังไม่ถึงผลสำเร็จ จะครองโลกให้หมดจดต้องใจเย็น ๆ อังกฤษก็มีแก้ว 3 ประการเหมือนกัน ตั้งเข็มทิศไว้ ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 19 ก่อนอเมริกาจะนึกเอาอย่าง
    – ควบคุมเส้นทางเดินเรือทะเล
– ควบคุมการเงินและการธนาคาร
– ต้องมีทรัพยากร ที่เป็นผลต่อยุทธศาสตร์
    (ไอ้พวกคิดจะครองโลก มันไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่หรอก ท่านผู้อ่านนิทานลองสังเกตดู มันมีกลเล่นไม่กี่แบบหรอก ดูไปแล้วกัน)
    อังกฤษลำพองคิดว่า กำจัดเยอรมันออกไปนอกเส้นทางแล้ว จากเกมที่วางไว้โดยสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่อเมริกายังยืนอยู่ในเส้นทางของน้ำมัน Standard Oil ยังอยู่ดี อังกฤษต้องทำงานหนักขึ้น วางหมากให้ลึกซึ้งขึ้น ในปี ค.ศ. 1921 นาย Winston Churchill เป็นรมต.ว่าการกิจการอาณานิคมของอังกฤษ เขาตั้งหน่วยงานขึ้นใหม่ เพื่อมาดูแลตะวันออกกลางโดยเฉพาะ และเข้าไปควบคุมกิจการของ Anglo Persian Oil ผลคือบริษัทน้ำมันของอเมริกา หมดโอกาสได้สัมปทานน้ำมันในตะวันออกกลาง นี่ขนาดเป็นลูกรักกันนะ แต่เรื่องน้ำมันนี่ ลูกก็ลูกเถอะ อย่าแหยม !
    แต่อเมริกาไม่ใช่มือใหม่ในเรื่องน้ำมัน เพียงแต่ยังไม่อยากทะเลาะกับลูกพี่อย่างอังกฤษ โดยไม่จำเป็น ว่าแล้วจิกโก๋ก็เปลี่ยนทิศไปทาง Mexico, Latin America (ก็ได้วะ !)
    เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนได้ยินเสียงคำราม ค.ศ. 1920 อังกฤษประกาศอย่างภาคภูมิว่า รัฐบาลของอังกฤษจะควบคุมและครอบครอง แหล่งน้ำมันทั้งหมดโดยสิ้นเชิง ! มันกร่างจริง ! ทั้งหมดนี้ใช้มือปฏิบัติการคือ
    – Royal Dutch Shell ซึ่งเป็นคู่แข่งของ Standard Oil ของพวกโคตรรวย Rockefeller
– Anglo Persian Oil Company ซึ่งตกเป็นของอังกฤษและใช้ชื่อใหม่ว่า British Petroleum (ตัด Persia ทิ้งลงถังขยะไป)
– D’ Arcy Exploitation Company ซึ่งดูแลโดยหน่วยสืบราชการลับต่างประเทศของอังกฤษ
– British Controlled Oilfields (BCO) ซึ่งรัฐบาลอังกฤษถือหุ้นอย่างไม่เปิดเผย
    อเมริกาชักเริ่มมองหน้าอังกฤษไม่ติด แต่ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร ไม่ใช่แต่ในเรื่องการเมือง ในเรื่องธุรกิจยิ่งหนักกว่า จำไว้
    รัสเซียมีแหล่งน้ำมันใหญ่ที่ Baku ทั้งอังกฤษและอเมริกาต่างพยายามเข้าไปจีบรัสเซีย แต่อังกฤษได้เปรียบกว่า เพราะสภาพภูมิศาสตร์ แต่อเมริกาก็พยายามใช้เล่ห์เหลี่ยมทุกทาง ที่จะตัดหน้าอังกฤษ แต่แล้วฝันของทั้งอังกฤษและอเมริกาก็สลาย
    หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ก๊วนอังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย จับมือกัน บี้เยอรมันในฐานะผู้แพ้สงคราม ตามสนธิสัญญา Versailles เยอรมันต้องสูญเสียแคว้น Alsace – Lorraine ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ กองทัพเรือแตก ทางรถไฟถูกยึด ฯลฯ ทั้งหมดเป็นการบดขยี้ให้เยอรมันเหลือแต่ซาก ฝ่ายอังกฤษ ยื่นข้อเสนอให้เยอรมันตอบภายใน 6 วัน แลกเอานะเยอรมันจะจ่ายเงิน จำนวน 132 พันล้านมาร์คทองคำ หรือจะให้พวกเราเข้าไปยึดแคว้น Ruhr ของยู แน่นอนเยอรมันยอมจ่ายเงิน (แล้วทองของเยอรมันก็ย้ายที่ไปอยู่ที่อังกฤษแทน) ผลที่ตามมาคือ หายนะของเศรษฐกิจและระบบการเงินของเยอรมัน
    แต่พอถึงปี ค.ศ. 1922 เยอรมันกับรัสเซียทำเอาเซียนกระเป๋าฉีก วางแผนขยี้เสียอย่างดี รัสเซียเกิดใจดี ยกหนี้ให้เยอรมัน แลกกับเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมของเยอรมัน เยอรมันรอดตาย นอกจากไม่ตายแล้ว ยังฟื้นขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง อย่าประเมินเยอรมันผิด แค้นนี้ต้องชำระ ทำไมรัสเซียถึงเกิดใจดี !?!

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ” ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน ตอนที่ 15 : เซียนกระเป๋าฉีก อังกฤษมีแผนที่จะเข้าไปครอบครองแหล่งน้ำมัน ที่อ่าวเปอร์เซีย (Arabian Gulf) แต่ปิดเงียบไม่บอกใคร ปี ค.ศ. 1917 อังกฤษประกาศสนับสนุนให้ชาวยิวได้กลับบ้านเกิดเมืองนอน คือ Palestine รัฐบาลอังกฤษไม่ได้คิดเอง แต่มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลในชนชั้นสูงของอังกฤษ คือ The Royal Institute for International Affairs หรือ Chatham House เป็นมันสมองให้กับรัฐบาลอังกฤษ สนับสนุนให้ชาวยิวกลับไปครอบครอง Palestine แผ่นดินที่ล้อมรอบไปด้วย ประเทศแถบ Balkan และกลุ่มประเทศอาหรับ แผนมายากลนี้ เพื่อเชื่อมโยงเส้นทางระหว่าง ประเทศอาณานิคมของอังกฤษในอาฟริกาใต้ ซึ่งเต็มไปด้วยเหมืองทองและเพชร ข้ามมายังอียิปต์และคลองสุเอช ผ่านอิรัคและคูเวต มาเปอร์เซีย (อิหร่าน) มาถึงตะวันออกทางอินเดีย ซึ่งรวมถึงปากีสถานและบังคลาเทศ มันเป็นแผนที่ลึกซึ้งมาก ถ้าทำสำเร็จหมายถึง การเข้าไปครอบครองแหล่งน้ำมันที่มีค่ามหาศาล ก่อนที่เจ้าของแหล่งน้ำมันเองจะรู้ตัว ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ยังไม่เห็นชัดว่าใครจะเป็นแชมป์ครองโลก ระหว่างอังกฤษกับอเมริกา เกมกลยุทธที่ต่างฝ่ายวางกันไว้ ยังไม่ถึงผลสำเร็จ จะครองโลกให้หมดจดต้องใจเย็น ๆ อังกฤษก็มีแก้ว 3 ประการเหมือนกัน ตั้งเข็มทิศไว้ ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 19 ก่อนอเมริกาจะนึกเอาอย่าง – ควบคุมเส้นทางเดินเรือทะเล
– ควบคุมการเงินและการธนาคาร
– ต้องมีทรัพยากร ที่เป็นผลต่อยุทธศาสตร์ (ไอ้พวกคิดจะครองโลก มันไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่หรอก ท่านผู้อ่านนิทานลองสังเกตดู มันมีกลเล่นไม่กี่แบบหรอก ดูไปแล้วกัน) อังกฤษลำพองคิดว่า กำจัดเยอรมันออกไปนอกเส้นทางแล้ว จากเกมที่วางไว้โดยสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่อเมริกายังยืนอยู่ในเส้นทางของน้ำมัน Standard Oil ยังอยู่ดี อังกฤษต้องทำงานหนักขึ้น วางหมากให้ลึกซึ้งขึ้น ในปี ค.ศ. 1921 นาย Winston Churchill เป็นรมต.ว่าการกิจการอาณานิคมของอังกฤษ เขาตั้งหน่วยงานขึ้นใหม่ เพื่อมาดูแลตะวันออกกลางโดยเฉพาะ และเข้าไปควบคุมกิจการของ Anglo Persian Oil ผลคือบริษัทน้ำมันของอเมริกา หมดโอกาสได้สัมปทานน้ำมันในตะวันออกกลาง นี่ขนาดเป็นลูกรักกันนะ แต่เรื่องน้ำมันนี่ ลูกก็ลูกเถอะ อย่าแหยม ! แต่อเมริกาไม่ใช่มือใหม่ในเรื่องน้ำมัน เพียงแต่ยังไม่อยากทะเลาะกับลูกพี่อย่างอังกฤษ โดยไม่จำเป็น ว่าแล้วจิกโก๋ก็เปลี่ยนทิศไปทาง Mexico, Latin America (ก็ได้วะ !) เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนได้ยินเสียงคำราม ค.ศ. 1920 อังกฤษประกาศอย่างภาคภูมิว่า รัฐบาลของอังกฤษจะควบคุมและครอบครอง แหล่งน้ำมันทั้งหมดโดยสิ้นเชิง ! มันกร่างจริง ! ทั้งหมดนี้ใช้มือปฏิบัติการคือ – Royal Dutch Shell ซึ่งเป็นคู่แข่งของ Standard Oil ของพวกโคตรรวย Rockefeller
– Anglo Persian Oil Company ซึ่งตกเป็นของอังกฤษและใช้ชื่อใหม่ว่า British Petroleum (ตัด Persia ทิ้งลงถังขยะไป)
– D’ Arcy Exploitation Company ซึ่งดูแลโดยหน่วยสืบราชการลับต่างประเทศของอังกฤษ
– British Controlled Oilfields (BCO) ซึ่งรัฐบาลอังกฤษถือหุ้นอย่างไม่เปิดเผย อเมริกาชักเริ่มมองหน้าอังกฤษไม่ติด แต่ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร ไม่ใช่แต่ในเรื่องการเมือง ในเรื่องธุรกิจยิ่งหนักกว่า จำไว้ รัสเซียมีแหล่งน้ำมันใหญ่ที่ Baku ทั้งอังกฤษและอเมริกาต่างพยายามเข้าไปจีบรัสเซีย แต่อังกฤษได้เปรียบกว่า เพราะสภาพภูมิศาสตร์ แต่อเมริกาก็พยายามใช้เล่ห์เหลี่ยมทุกทาง ที่จะตัดหน้าอังกฤษ แต่แล้วฝันของทั้งอังกฤษและอเมริกาก็สลาย หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ก๊วนอังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย จับมือกัน บี้เยอรมันในฐานะผู้แพ้สงคราม ตามสนธิสัญญา Versailles เยอรมันต้องสูญเสียแคว้น Alsace – Lorraine ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ กองทัพเรือแตก ทางรถไฟถูกยึด ฯลฯ ทั้งหมดเป็นการบดขยี้ให้เยอรมันเหลือแต่ซาก ฝ่ายอังกฤษ ยื่นข้อเสนอให้เยอรมันตอบภายใน 6 วัน แลกเอานะเยอรมันจะจ่ายเงิน จำนวน 132 พันล้านมาร์คทองคำ หรือจะให้พวกเราเข้าไปยึดแคว้น Ruhr ของยู แน่นอนเยอรมันยอมจ่ายเงิน (แล้วทองของเยอรมันก็ย้ายที่ไปอยู่ที่อังกฤษแทน) ผลที่ตามมาคือ หายนะของเศรษฐกิจและระบบการเงินของเยอรมัน แต่พอถึงปี ค.ศ. 1922 เยอรมันกับรัสเซียทำเอาเซียนกระเป๋าฉีก วางแผนขยี้เสียอย่างดี รัสเซียเกิดใจดี ยกหนี้ให้เยอรมัน แลกกับเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมของเยอรมัน เยอรมันรอดตาย นอกจากไม่ตายแล้ว ยังฟื้นขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง อย่าประเมินเยอรมันผิด แค้นนี้ต้องชำระ ทำไมรัสเซียถึงเกิดใจดี !?! คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 344 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขุมทรัพย์ในถังขยะ – เมื่อ SSD ระดับโปรกลายเป็นของฟรี

    ลองจินตนาการว่าคุณกำลังเดินผ่านถังขยะ แล้วพบกับ SSD ระดับโปรจำนวน 6 ตัว รวมความจุถึง 6TB ที่ยังใช้งานได้อยู่ — นั่นคือสิ่งที่ผู้ใช้ Reddit ชื่อ DogeBoi6 เจอเข้าโดยบังเอิญ

    เขาพบ SSD Samsung 850 Pro ขนาด 1TB จำนวน 6 ตัว ถูกทิ้งไว้โดยไม่ใส่ใจ และตัดสินใจนำกลับมาใช้เพื่อดาวน์โหลดคลังเกม Steam ทั้งหมดของเขา แม้จะไม่รู้ว่า SSD เหล่านี้เคยผ่านการใช้งานแบบไหนมาก่อน แต่เขาก็ไม่กังวล เพราะไม่ได้วางแผนจะเก็บข้อมูลสำคัญไว้ในนั้น

    Samsung 850 Pro เปิดตัวครั้งแรกในปี 2014 ใช้เทคโนโลยี V-NAND รุ่นแรก มีความเร็วอ่าน/เขียนสูงสุดถึง 550MB/s และ 520MB/s ตามลำดับ พร้อม IOPS สูงถึง 100K/90K และมาพร้อมกับการรับประกัน 10 ปี หรือ 150–300 TBW ซึ่งถือว่ายาวนานและมั่นใจในความทนทาน

    แม้ SSD เหล่านี้จะหมดระยะรับประกันไปแล้ว แต่ก็ยังถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูง และสามารถใช้งานได้ดีในงานที่ไม่ต้องการความเสถียรระดับมืออาชีพ เช่น การเก็บเกมหรือไฟล์ที่สามารถดาวน์โหลดใหม่ได้

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    ผู้ใช้ Reddit พบ SSD Samsung 850 Pro ขนาด 1TB จำนวน 6 ตัวในถังขยะ
    รวมความจุทั้งหมด 6TB และวางแผนใช้เก็บคลังเกม Steam
    ไม่ทราบประวัติการใช้งาน SSD เหล่านี้ แต่คาดว่าอาจเคยใช้ในเซิร์ฟเวอร์
    ผู้ใช้ไม่เก็บข้อมูลสำคัญใน SSD เหล่านี้เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
    Samsung 850 Pro เปิดตัวในปี 2014 และถือว่าเป็น SSD ระดับสูงในยุคนั้น
    ใช้เทคโนโลยี V-NAND รุ่นแรก มีความเร็วอ่าน/เขียนสูงสุด 550/520MB/s
    มี IOPS สูงถึง 100K/90K และรองรับ AES encryption
    รับประกัน 10 ปี หรือ 150–300 TBW แล้วแต่รุ่นและแหล่งข้อมูล
    SSD เหล่านี้หมดระยะรับประกันแล้ว แต่ยังใช้งานได้ในระดับทั่วไป
    เป็นตัวอย่างของการนำอุปกรณ์เก่ากลับมาใช้ใหม่อย่างคุ้มค่า

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Samsung 850 Pro เคยเป็น SSD SATA ที่เร็วที่สุดในตลาดช่วงเปิดตัว
    มีความทนทานสูงและใช้พลังงานต่ำ เหมาะกับงานหนักและเกมเมอร์
    ราคาเปิดตัวอยู่ที่ประมาณ $730 ต่อ 1TB ซึ่งถือว่าสูงมากในยุคนั้น
    รองรับระบบปฏิบัติการหลากหลาย เช่น Windows, Linux, Server
    สามารถใช้ซอฟต์แวร์ Samsung Magician เพื่อตรวจสอบสุขภาพ SSD
    การใช้ SSD เก่าในงานที่ไม่สำคัญช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้ดี

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/lucky-user-finds-6tb-of-free-ssd-storage-while-dumpster-diving-finder-plans-to-use-the-six-1tb-samsung-850-pro-ssds-to-download-entire-steam-library
    🎙️ ขุมทรัพย์ในถังขยะ – เมื่อ SSD ระดับโปรกลายเป็นของฟรี ลองจินตนาการว่าคุณกำลังเดินผ่านถังขยะ แล้วพบกับ SSD ระดับโปรจำนวน 6 ตัว รวมความจุถึง 6TB ที่ยังใช้งานได้อยู่ — นั่นคือสิ่งที่ผู้ใช้ Reddit ชื่อ DogeBoi6 เจอเข้าโดยบังเอิญ เขาพบ SSD Samsung 850 Pro ขนาด 1TB จำนวน 6 ตัว ถูกทิ้งไว้โดยไม่ใส่ใจ และตัดสินใจนำกลับมาใช้เพื่อดาวน์โหลดคลังเกม Steam ทั้งหมดของเขา แม้จะไม่รู้ว่า SSD เหล่านี้เคยผ่านการใช้งานแบบไหนมาก่อน แต่เขาก็ไม่กังวล เพราะไม่ได้วางแผนจะเก็บข้อมูลสำคัญไว้ในนั้น Samsung 850 Pro เปิดตัวครั้งแรกในปี 2014 ใช้เทคโนโลยี V-NAND รุ่นแรก มีความเร็วอ่าน/เขียนสูงสุดถึง 550MB/s และ 520MB/s ตามลำดับ พร้อม IOPS สูงถึง 100K/90K และมาพร้อมกับการรับประกัน 10 ปี หรือ 150–300 TBW ซึ่งถือว่ายาวนานและมั่นใจในความทนทาน แม้ SSD เหล่านี้จะหมดระยะรับประกันไปแล้ว แต่ก็ยังถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูง และสามารถใช้งานได้ดีในงานที่ไม่ต้องการความเสถียรระดับมืออาชีพ เช่น การเก็บเกมหรือไฟล์ที่สามารถดาวน์โหลดใหม่ได้ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ ผู้ใช้ Reddit พบ SSD Samsung 850 Pro ขนาด 1TB จำนวน 6 ตัวในถังขยะ ➡️ รวมความจุทั้งหมด 6TB และวางแผนใช้เก็บคลังเกม Steam ➡️ ไม่ทราบประวัติการใช้งาน SSD เหล่านี้ แต่คาดว่าอาจเคยใช้ในเซิร์ฟเวอร์ ➡️ ผู้ใช้ไม่เก็บข้อมูลสำคัญใน SSD เหล่านี้เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ➡️ Samsung 850 Pro เปิดตัวในปี 2014 และถือว่าเป็น SSD ระดับสูงในยุคนั้น ➡️ ใช้เทคโนโลยี V-NAND รุ่นแรก มีความเร็วอ่าน/เขียนสูงสุด 550/520MB/s ➡️ มี IOPS สูงถึง 100K/90K และรองรับ AES encryption ➡️ รับประกัน 10 ปี หรือ 150–300 TBW แล้วแต่รุ่นและแหล่งข้อมูล ➡️ SSD เหล่านี้หมดระยะรับประกันแล้ว แต่ยังใช้งานได้ในระดับทั่วไป ➡️ เป็นตัวอย่างของการนำอุปกรณ์เก่ากลับมาใช้ใหม่อย่างคุ้มค่า ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Samsung 850 Pro เคยเป็น SSD SATA ที่เร็วที่สุดในตลาดช่วงเปิดตัว ➡️ มีความทนทานสูงและใช้พลังงานต่ำ เหมาะกับงานหนักและเกมเมอร์ ➡️ ราคาเปิดตัวอยู่ที่ประมาณ $730 ต่อ 1TB ซึ่งถือว่าสูงมากในยุคนั้น ➡️ รองรับระบบปฏิบัติการหลากหลาย เช่น Windows, Linux, Server ➡️ สามารถใช้ซอฟต์แวร์ Samsung Magician เพื่อตรวจสอบสุขภาพ SSD ➡️ การใช้ SSD เก่าในงานที่ไม่สำคัญช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้ดี https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/lucky-user-finds-6tb-of-free-ssd-storage-while-dumpster-diving-finder-plans-to-use-the-six-1tb-samsung-850-pro-ssds-to-download-entire-steam-library
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 260 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้าจริง,แหกตาเราอีกแล้วนะนี้,ใครโพสต์ว่าทหารได้ตังเยียวยานะ,เราก็รู้สึกยินดีไปด้วย,ศักดิ์ศรีทหารแนวรบ มิใช่ขี้เมาคนสองคนมาว่าได้,เพื่อนทหารเสียสละชีวิตบาดเจ็บสู้ตายเป็นอันมาก เหี้ยขี้เมากวาดตีนรกโลกรกทางปากแบบนี้ ไม่ตายก็นับว่าบุญแล้ว,จริงๆสมควรพูดคุยให้กำลังใจทหารที่เสียสละความสุขตนเพื่อคนภายในประเทศ.

    ..หน่วยงานทหาร สมควรเยียวยาทหารรายนี้จริงๆเถอะ เคสผลกระทบทางจิตใจต่อเนื่องในภาวะสงครามก็ด้วยได้ สงครามทางใจในภาพปะทะดุเดือดที่ผ่านๆมา เสียงระเบิดเสียงปืนคนสูญเสีย บาดเจ็บล้มตายพิการอีก สาระพัดภาพ จิตไม่เข้มแข็ง อายุบินยังไม่มากแต่เข้าสนามสงครามเลย ต้องถือว่าโคตรสุดยอดสมชายชาตินักรบเลยล่ะ,กรณียิงขยะกากสังคมแบบนี้มองข้ามได้,สรุปผลกระทบต่อเนื่องในภาวะสงครามนี้เอง,โน้นพ้นไปปีหน้าแล้วมาเกิดเหตุลักษณะนี้ก็อาจอีกเรื่องอีกประเด็นกรณี,นายพลโกงกินยังมากกว่านี้เลย,นักการเมืองยิ่งไม่ต้องพูดว่าแดกเกินพันล้านหมื่นล้านกันเลย.แนวหัวหน้าก็กว่าแสนล้านกันเลย.

    https://youtube.com/watch?v=-VspLBKNfwM&si=txGlsaOEP5VnTX4t
    ถ้าจริง,แหกตาเราอีกแล้วนะนี้,ใครโพสต์ว่าทหารได้ตังเยียวยานะ,เราก็รู้สึกยินดีไปด้วย,ศักดิ์ศรีทหารแนวรบ มิใช่ขี้เมาคนสองคนมาว่าได้,เพื่อนทหารเสียสละชีวิตบาดเจ็บสู้ตายเป็นอันมาก เหี้ยขี้เมากวาดตีนรกโลกรกทางปากแบบนี้ ไม่ตายก็นับว่าบุญแล้ว,จริงๆสมควรพูดคุยให้กำลังใจทหารที่เสียสละความสุขตนเพื่อคนภายในประเทศ. ..หน่วยงานทหาร สมควรเยียวยาทหารรายนี้จริงๆเถอะ เคสผลกระทบทางจิตใจต่อเนื่องในภาวะสงครามก็ด้วยได้ สงครามทางใจในภาพปะทะดุเดือดที่ผ่านๆมา เสียงระเบิดเสียงปืนคนสูญเสีย บาดเจ็บล้มตายพิการอีก สาระพัดภาพ จิตไม่เข้มแข็ง อายุบินยังไม่มากแต่เข้าสนามสงครามเลย ต้องถือว่าโคตรสุดยอดสมชายชาตินักรบเลยล่ะ,กรณียิงขยะกากสังคมแบบนี้มองข้ามได้,สรุปผลกระทบต่อเนื่องในภาวะสงครามนี้เอง,โน้นพ้นไปปีหน้าแล้วมาเกิดเหตุลักษณะนี้ก็อาจอีกเรื่องอีกประเด็นกรณี,นายพลโกงกินยังมากกว่านี้เลย,นักการเมืองยิ่งไม่ต้องพูดว่าแดกเกินพันล้านหมื่นล้านกันเลย.แนวหัวหน้าก็กว่าแสนล้านกันเลย. https://youtube.com/watch?v=-VspLBKNfwM&si=txGlsaOEP5VnTX4t
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 0 รีวิว
  • "พระอลงกต" ตั้งหลักสู้! ปมฉาวสีกาโลกหลายใบ-เงินบริจาค สังคมจับตาขุดคุ้ยต้นตอปัญหา "หมอบี" แอบได้อานิสงส์? ชาวบ้านจี้แจงปมภูเขากองขยะบริจาคในวัด

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000078375

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    "พระอลงกต" ตั้งหลักสู้! ปมฉาวสีกาโลกหลายใบ-เงินบริจาค สังคมจับตาขุดคุ้ยต้นตอปัญหา "หมอบี" แอบได้อานิสงส์? ชาวบ้านจี้แจงปมภูเขากองขยะบริจาคในวัด อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000078375 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 474 มุมมอง 0 รีวิว
  • เบื้องหลังสงครามพลาสติก! INC5.2 เจรจาไร้ข้อสรุป... พบ "ลอบบี้ยิสต์อุตสาหกรรม" 234 คน แทรกซึมการประชุม... กดดันให้สนธิสัญญาอ่อนแอ
    https://www.thai-tai.tv/news/20906/
    .
    #สนธิสัญญาพลาสติกโลก #INC52 #โลกร้อน #สิ่งแวดล้อม #ขยะพลาสติก #ไทยไท
    เบื้องหลังสงครามพลาสติก! INC5.2 เจรจาไร้ข้อสรุป... พบ "ลอบบี้ยิสต์อุตสาหกรรม" 234 คน แทรกซึมการประชุม... กดดันให้สนธิสัญญาอ่อนแอ https://www.thai-tai.tv/news/20906/ . #สนธิสัญญาพลาสติกโลก #INC52 #โลกร้อน #สิ่งแวดล้อม #ขยะพลาสติก #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🙏🏿กราบสวัสดีคะ"อ.ปานเทพคะรบกวนช่วยดูเอกสารและข้อความเหล่านี้ให้ลุงตู่หน่อยนะคะเพื่อคืนความเป็นธรรมให้"พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา..หนูไม่ได้บอกว่าลุงตู่ดีไปหมดไม่ใช่แต่ตอนที่ท่านเป็นนายกผลประโยชน์มากมายท่านยังไม่เอาเลยจึงทำให้หนูเองก็ยังศรัธทาในตัวท่านอยู่ดีจึงอยากให้ อ.ปานเทพช่วยดูให้หน่อยว่ากรณีที่มี ม.44 ในมือก็ไม่ได้หมายความว่าจะยกเลิกหรือทำอะไรก็ได้มันไม่ใช่"หนูเองไม่มีความรู้ด้านกฎหมายอะไรเลยแต่ก็คิดเองนะคะ"MOU43-44 เกิดขึ้นโดยสุขุมพันธ์&ทักษืณ มันแค่บันทึกความเข้าใจของคนสองคนโดยไม่ได้ผ่านสภาก็ผิดกฎหมายไม่น่ามีผลบังคับใช้ได้ในแง่ของเอกสาร#ใครสักคนจะทำข้อตกลงกันก็แค่นั้นไม่ผ่านมติครม.สภา&ดูอย่างทรัมป์ตอนนี้ซิ"สภาคัดค้านทรัมป์เรื่องภาษีว่าไม่มีสิทธิไปขึ้นอัตราภาษีได้ตามอำเภอใจเพราะยังไม่ผ่านสภาเลยโดนตีตกไป แต่เขาก็ทำได้ผลหลายๆประเทศรีบไปเจรจากันตัวลีบเลย จริงๆแล้วกลัวทำไมๆไม่หาตลาดใหม่ๆมันไม่ซื้อก็ช่างมันๆไม่ผลิตเองจะเอาที่ไหนใช้ดูตอนโควิดซิแย่งทิชชูจนตบตีกันแทบห้างแตก "ผลิตแต่อาวุธกับยาก็ให้มันพากันกินไปเถอะ"จริงๆแล้วโลกสมมุติการแลกเปลี่ยนมันควรเป็นสิ่งมีค่าต่อสิ่งมีค่าด้วยกันไม่ใช่กระดาษ แต่ควรเป็นเงินและทองจริงๆ"ระบบเงินดิจิตอลต่อไปต้องมีทองคำเป็นแบล็คหรือทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นรูปธรรมจริงๆ#ถึงเวลาปฏิรูปนักการเมือง ขัาราชการ ให้รับเงินเป็นดิจิตอลตรวจสอบได้ทั้งหมด ไหลไปไหนเข้าที่ไหนทำธุรกรรมอะไร ทรัพย์สินทางกายภาพที่โอเวอร์ รถ,กระเป๋าแบรนดเนมแพงๆ,นาฬิกาหรูๆ...เงินเดินแค่นี้มีทรัพย์สินเหล่านี้มาได้ยังไง..เอาจริงๆตรวจสอบธุรกรรมการเงินจะรู้หมด...#คนดี100%คงไม่มีถ้ามีคงตายไปแล้วหรือยังไม่ได้มาเกิดที#อยู่แบบเศรษฐ์กิจพอเพียงก็สบายแล้วประเทศไทย มีที่ดินปลูกข้าว,ปลูกผัก,เลี้ยงไก่ใข่(กินแต่ใข่ไก่ไม่กิน),ปลูกผลไม้นานาชนิดอยู่ได้สบาย มีบ่อน้ำไว้ใช้,ไม่มีไฟยังอยู่ได้เลย...#ไม่เหมือนเมืองนอกมีกฎหมายห้ามเอาน้ำไปรดผัก(ยามขาดแคลนน้ำ),ห้ามก่อฟืนเพื่อความอบอุ่น(เหตุฝุ่นPM2.5)คนไร้บ้านจึงเยอะไงคนส่วนใหญ่ไม่มีที่ดินต้องเช่าห้องพักตกงานต้องไปนอนแบบไร้บ้านไม่มีฮีลเตอร์ ถ้าอยู่ห้องเช่าก็มีค่าห้อง ค่าขยะ ค่าไฟ( ราคาเหมาเฉลี่ยจะใช้น้อยใช้มากก็จ่ายเท่ากันโดยใช่ค่าเฉลี่ยรายปีนั้นเป็นหลักประเมิน)ค่าเช่าโคตรแพง ฝรั่งจนๆเยอะฯลฯ"ถ้าประเทศไทยใช้หลักเกณฑ์แบบเขาประเทศไทยจะรวยมากแต่ใช้ไม่ได้หรอกประชาชนไม่ยอมแน่นอน"อีกอย่างนักการเมืองก็โกงกินเยอะ"จะมาบีบปชช.อย่างเดียวไม่ได้แค่นี้ปชช.ก็ถูกเอาเปรียบอยู่แล้วใช้ไฟฟ้าแพงทั้งที่น้ำมันในประเทศไทยเองไฟฟ้าก็ผลิตเกินปริมาณที่ประชาชนไทยจะใช้คือมันเหลือเกินความต้องการแต่ทำไมมันแพงเพราะอะไร?ถ้าเปรตมันไม่กิน ยุคนี้น่าจะล้างบางแผ่นดินให้สะอาดสักที คนโกงขายชาติไม่ควรมีที่ยืน
    🙏🏿กราบสวัสดีคะ"อ.ปานเทพคะรบกวนช่วยดูเอกสารและข้อความเหล่านี้ให้ลุงตู่หน่อยนะคะเพื่อคืนความเป็นธรรมให้"พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา..หนูไม่ได้บอกว่าลุงตู่ดีไปหมดไม่ใช่แต่ตอนที่ท่านเป็นนายกผลประโยชน์มากมายท่านยังไม่เอาเลยจึงทำให้หนูเองก็ยังศรัธทาในตัวท่านอยู่ดีจึงอยากให้ อ.ปานเทพช่วยดูให้หน่อยว่ากรณีที่มี ม.44 ในมือก็ไม่ได้หมายความว่าจะยกเลิกหรือทำอะไรก็ได้มันไม่ใช่"หนูเองไม่มีความรู้ด้านกฎหมายอะไรเลยแต่ก็คิดเองนะคะ"MOU43-44 เกิดขึ้นโดยสุขุมพันธ์&ทักษืณ มันแค่บันทึกความเข้าใจของคนสองคนโดยไม่ได้ผ่านสภาก็ผิดกฎหมายไม่น่ามีผลบังคับใช้ได้ในแง่ของเอกสาร#ใครสักคนจะทำข้อตกลงกันก็แค่นั้นไม่ผ่านมติครม.สภา&ดูอย่างทรัมป์ตอนนี้ซิ"สภาคัดค้านทรัมป์เรื่องภาษีว่าไม่มีสิทธิไปขึ้นอัตราภาษีได้ตามอำเภอใจเพราะยังไม่ผ่านสภาเลยโดนตีตกไป แต่เขาก็ทำได้ผลหลายๆประเทศรีบไปเจรจากันตัวลีบเลย จริงๆแล้วกลัวทำไมๆไม่หาตลาดใหม่ๆมันไม่ซื้อก็ช่างมันๆไม่ผลิตเองจะเอาที่ไหนใช้ดูตอนโควิดซิแย่งทิชชูจนตบตีกันแทบห้างแตก "ผลิตแต่อาวุธกับยาก็ให้มันพากันกินไปเถอะ"จริงๆแล้วโลกสมมุติการแลกเปลี่ยนมันควรเป็นสิ่งมีค่าต่อสิ่งมีค่าด้วยกันไม่ใช่กระดาษ แต่ควรเป็นเงินและทองจริงๆ"ระบบเงินดิจิตอลต่อไปต้องมีทองคำเป็นแบล็คหรือทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นรูปธรรมจริงๆ#ถึงเวลาปฏิรูปนักการเมือง ขัาราชการ ให้รับเงินเป็นดิจิตอลตรวจสอบได้ทั้งหมด ไหลไปไหนเข้าที่ไหนทำธุรกรรมอะไร ทรัพย์สินทางกายภาพที่โอเวอร์ รถ,กระเป๋าแบรนดเนมแพงๆ,นาฬิกาหรูๆ...เงินเดินแค่นี้มีทรัพย์สินเหล่านี้มาได้ยังไง..เอาจริงๆตรวจสอบธุรกรรมการเงินจะรู้หมด...#คนดี100%คงไม่มีถ้ามีคงตายไปแล้วหรือยังไม่ได้มาเกิดที#อยู่แบบเศรษฐ์กิจพอเพียงก็สบายแล้วประเทศไทย มีที่ดินปลูกข้าว,ปลูกผัก,เลี้ยงไก่ใข่(กินแต่ใข่ไก่ไม่กิน),ปลูกผลไม้นานาชนิดอยู่ได้สบาย มีบ่อน้ำไว้ใช้,ไม่มีไฟยังอยู่ได้เลย...#ไม่เหมือนเมืองนอกมีกฎหมายห้ามเอาน้ำไปรดผัก(ยามขาดแคลนน้ำ),ห้ามก่อฟืนเพื่อความอบอุ่น(เหตุฝุ่นPM2.5)คนไร้บ้านจึงเยอะไงคนส่วนใหญ่ไม่มีที่ดินต้องเช่าห้องพักตกงานต้องไปนอนแบบไร้บ้านไม่มีฮีลเตอร์ ถ้าอยู่ห้องเช่าก็มีค่าห้อง ค่าขยะ ค่าไฟ( ราคาเหมาเฉลี่ยจะใช้น้อยใช้มากก็จ่ายเท่ากันโดยใช่ค่าเฉลี่ยรายปีนั้นเป็นหลักประเมิน)ค่าเช่าโคตรแพง ฝรั่งจนๆเยอะฯลฯ"ถ้าประเทศไทยใช้หลักเกณฑ์แบบเขาประเทศไทยจะรวยมากแต่ใช้ไม่ได้หรอกประชาชนไม่ยอมแน่นอน"อีกอย่างนักการเมืองก็โกงกินเยอะ"จะมาบีบปชช.อย่างเดียวไม่ได้แค่นี้ปชช.ก็ถูกเอาเปรียบอยู่แล้วใช้ไฟฟ้าแพงทั้งที่น้ำมันในประเทศไทยเองไฟฟ้าก็ผลิตเกินปริมาณที่ประชาชนไทยจะใช้คือมันเหลือเกินความต้องการแต่ทำไมมันแพงเพราะอะไร?ถ้าเปรตมันไม่กิน ยุคนี้น่าจะล้างบางแผ่นดินให้สะอาดสักที คนโกงขายชาติไม่ควรมีที่ยืน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 422 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกโอเพ่นซอร์ส: เมื่อ Linus Torvalds ปะทะโค้ด RISC-V จาก Google

    ในโลกของ Linux kernel การส่งโค้ดเข้า merge window เปรียบเสมือนการส่งงานให้ครูใหญ่—และครูใหญ่คนนั้นคือ Linus Torvalds ผู้สร้างและดูแล Linux มายาวนาน ล่าสุดเขาได้ออกโรงวิจารณ์โค้ดจากวิศวกร Google ที่ส่งเข้ามาเพื่อรวมใน Linux 6.17 ว่าเป็น “ขยะ” และ “ทำให้โลกแย่ลง”

    เหตุผลหลักคือโค้ดนั้นไม่เพียงคุณภาพต่ำ แต่ยังส่งมาช้าเกินกำหนด ซึ่งเป็นสองข้อห้ามสำคัญในการส่ง pull request เขาเน้นว่า “ถ้าจะส่งช้า ก็ต้องดีมาก ๆ” แต่โค้ดนี้กลับเพิ่มสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับ RISC-V ลงในไฟล์ header ทั่วไป ซึ่งเขามองว่าเป็นการละเมิดหลักการออกแบบ kernel

    Torvalds ยังเตือนนักพัฒนาคนนั้นว่า “คุณอยู่ในบัญชีเฝ้าระวังแล้ว” และแนะนำให้ส่งโค้ดสำหรับ Linux 6.18 ให้เร็วขึ้น พร้อมตัด “ขยะ” ออกให้หมด

    แม้คำพูดของเขาจะตรงไปตรงมา แต่ก็มีเหตุผลรองรับ เช่น การรักษาความสะอาดของโค้ดใน kernel และการป้องกันการเพิ่ม technical debt ที่จะส่งผลระยะยาวต่อระบบ

    จากมุมมองภายนอก ชุมชน RISC-V ยังเผชิญกับปัญหาคุณภาพโค้ดอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากเป็นสถาปัตยกรรมใหม่ที่ยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และนักพัฒนาหลายคนยังไม่คุ้นเคยกับ instruction set หรือแนวทางการ optimize ที่เหมาะสม

    Linus Torvalds ปฏิเสธ pull request จากวิศวกร Google สำหรับ Linux 6.17
    เหตุผลคือโค้ดคุณภาพต่ำและส่งมาช้าเกินกำหนด

    โค้ดนั้นเพิ่มเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวกับ RISC-V ลงในไฟล์ header ทั่วไป
    Torvalds เรียกว่า “ขยะ” และไม่ควรส่งมาแม้แต่ในเวลาปกติ

    Torvalds เตือนนักพัฒนาว่าอยู่ใน “บัญชีเฝ้าระวัง”
    ห้ามส่งโค้ดช้าและห้ามเพิ่มเนื้อหานอก RISC-V tree

    เขาแนะนำให้ส่งโค้ดสำหรับ Linux 6.18 ให้เร็วขึ้น
    พร้อมตัดเนื้อหาที่ไม่จำเป็นออกให้หมด

    RISC-V ยังเป็นสถาปัตยกรรมใหม่ที่นักพัฒนาหลายคนยังไม่คุ้นเคย
    ทำให้เกิดปัญหาเรื่องคุณภาพโค้ดและการ optimize อยู่บ่อยครั้ง

    การเขียนโค้ดสำหรับ RISC-V ต้องระวังเรื่อง code density และ performance
    เช่น การใช้ compiler flags ที่เหมาะสมเพื่อลดขนาดและเพิ่มประสิทธิภาพ

    การใช้ static analysis ช่วยตรวจสอบคุณภาพโค้ดก่อนส่ง build
    ลดโอกาสเกิด defect และเพิ่มความน่าเชื่อถือในการ reuse

    โค้ดที่ดีควรมีโครงสร้างชัดเจนและไม่เพิ่ม technical debt
    ทำให้สามารถขยายหรือปรับปรุงได้ง่ายในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/software/linux/linus-torvalds-calls-risc-v-code-from-google-engineer-garbage-and-that-it-makes-the-world-actively-a-worse-place-to-live-linux-honcho-puts-dev-on-notice-for-late-submissions-too
    🧑‍💻🔥 เรื่องเล่าจากโลกโอเพ่นซอร์ส: เมื่อ Linus Torvalds ปะทะโค้ด RISC-V จาก Google ในโลกของ Linux kernel การส่งโค้ดเข้า merge window เปรียบเสมือนการส่งงานให้ครูใหญ่—และครูใหญ่คนนั้นคือ Linus Torvalds ผู้สร้างและดูแล Linux มายาวนาน ล่าสุดเขาได้ออกโรงวิจารณ์โค้ดจากวิศวกร Google ที่ส่งเข้ามาเพื่อรวมใน Linux 6.17 ว่าเป็น “ขยะ” และ “ทำให้โลกแย่ลง” เหตุผลหลักคือโค้ดนั้นไม่เพียงคุณภาพต่ำ แต่ยังส่งมาช้าเกินกำหนด ซึ่งเป็นสองข้อห้ามสำคัญในการส่ง pull request เขาเน้นว่า “ถ้าจะส่งช้า ก็ต้องดีมาก ๆ” แต่โค้ดนี้กลับเพิ่มสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับ RISC-V ลงในไฟล์ header ทั่วไป ซึ่งเขามองว่าเป็นการละเมิดหลักการออกแบบ kernel Torvalds ยังเตือนนักพัฒนาคนนั้นว่า “คุณอยู่ในบัญชีเฝ้าระวังแล้ว” และแนะนำให้ส่งโค้ดสำหรับ Linux 6.18 ให้เร็วขึ้น พร้อมตัด “ขยะ” ออกให้หมด แม้คำพูดของเขาจะตรงไปตรงมา แต่ก็มีเหตุผลรองรับ เช่น การรักษาความสะอาดของโค้ดใน kernel และการป้องกันการเพิ่ม technical debt ที่จะส่งผลระยะยาวต่อระบบ จากมุมมองภายนอก ชุมชน RISC-V ยังเผชิญกับปัญหาคุณภาพโค้ดอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากเป็นสถาปัตยกรรมใหม่ที่ยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และนักพัฒนาหลายคนยังไม่คุ้นเคยกับ instruction set หรือแนวทางการ optimize ที่เหมาะสม ✅ Linus Torvalds ปฏิเสธ pull request จากวิศวกร Google สำหรับ Linux 6.17 ➡️ เหตุผลคือโค้ดคุณภาพต่ำและส่งมาช้าเกินกำหนด ✅ โค้ดนั้นเพิ่มเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวกับ RISC-V ลงในไฟล์ header ทั่วไป ➡️ Torvalds เรียกว่า “ขยะ” และไม่ควรส่งมาแม้แต่ในเวลาปกติ ✅ Torvalds เตือนนักพัฒนาว่าอยู่ใน “บัญชีเฝ้าระวัง” ➡️ ห้ามส่งโค้ดช้าและห้ามเพิ่มเนื้อหานอก RISC-V tree ✅ เขาแนะนำให้ส่งโค้ดสำหรับ Linux 6.18 ให้เร็วขึ้น ➡️ พร้อมตัดเนื้อหาที่ไม่จำเป็นออกให้หมด ✅ RISC-V ยังเป็นสถาปัตยกรรมใหม่ที่นักพัฒนาหลายคนยังไม่คุ้นเคย ➡️ ทำให้เกิดปัญหาเรื่องคุณภาพโค้ดและการ optimize อยู่บ่อยครั้ง ✅ การเขียนโค้ดสำหรับ RISC-V ต้องระวังเรื่อง code density และ performance ➡️ เช่น การใช้ compiler flags ที่เหมาะสมเพื่อลดขนาดและเพิ่มประสิทธิภาพ ✅ การใช้ static analysis ช่วยตรวจสอบคุณภาพโค้ดก่อนส่ง build ➡️ ลดโอกาสเกิด defect และเพิ่มความน่าเชื่อถือในการ reuse ✅ โค้ดที่ดีควรมีโครงสร้างชัดเจนและไม่เพิ่ม technical debt ➡️ ทำให้สามารถขยายหรือปรับปรุงได้ง่ายในอนาคต https://www.tomshardware.com/software/linux/linus-torvalds-calls-risc-v-code-from-google-engineer-garbage-and-that-it-makes-the-world-actively-a-worse-place-to-live-linux-honcho-puts-dev-on-notice-for-late-submissions-too
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 307 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากถังรีไซเคิล: เมือง Tacoma ใช้กล้อง AI ตรวจขยะเพื่อสร้างนิสัยรีไซเคิลที่ถูกต้อง

    ลองจินตนาการว่ารถเก็บขยะที่วิ่งผ่านหน้าบ้านคุณไม่ใช่แค่เก็บของ แต่ยัง “สแกน” ขยะด้วยกล้องอัจฉริยะที่รู้ว่าอะไรรีไซเคิลได้หรือไม่ได้ นี่คือสิ่งที่เมือง Tacoma รัฐวอชิงตันกำลังทดลองในโครงการนำร่องระยะเวลา 2 ปี ด้วยงบประมาณจาก EPA กว่า 1.8 ล้านดอลลาร์

    กล้องที่ติดตั้งบนรถเก็บขยะจะใช้ AI วิเคราะห์สิ่งของในถังรีไซเคิล เช่น ถุงพลาสติกบางชนิดที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ และจะเรียนรู้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อระบุสิ่งปนเปื้อนใหม่ ๆ ได้แม่นยำขึ้น หากพบสิ่งที่ไม่ควรอยู่ในถังรีไซเคิล ระบบจะส่งโปสการ์ดไปยังบ้านนั้น พร้อมภาพประกอบและคำแนะนำ

    เทคโนโลยีนี้มาจาก Prairie Robotics บริษัทจากแคนาดาที่เคยใช้ระบบนี้ในหลายเมืองทั่วอเมริกาเหนือ โดยเน้นการเก็บข้อมูลเฉพาะสิ่งของ ไม่เก็บภาพบุคคลหรือทรัพย์สินส่วนตัว และมีการเบลอใบหน้าและป้ายทะเบียนอัตโนมัติเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว

    เมือง Tacoma ใช้กล้อง AI ตรวจสอบสิ่งปนเปื้อนในถังรีไซเคิล
    เป็นโครงการนำร่องระยะเวลา 2 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2025 ถึงกลางปี 2027

    โครงการได้รับทุนสนับสนุนจาก EPA จำนวน 1.8 ล้านดอลลาร์
    ผ่านโครงการ Recycling Education and Outreach Grant

    กล้องจะวิเคราะห์สิ่งของที่เก็บจากถังรีไซเคิลโดยไม่ถ่ายภาพบุคคล
    มีระบบเบลอใบหน้าและป้ายทะเบียนอัตโนมัติเพื่อความปลอดภัย

    หากพบสิ่งปนเปื้อน จะส่งโปสการ์ดพร้อมภาพและคำแนะนำไปยังบ้านนั้น
    เพื่อให้ประชาชนเรียนรู้สิ่งที่ควรและไม่ควรรีไซเคิล

    เทคโนโลยีมาจาก Prairie Robotics บริษัทจากแคนาดา
    เคยใช้งานในเมือง Greensboro, NC และ East Lansing, MI

    ไม่มีการเก็บค่าปรับหรือบทลงโทษในช่วงทดลอง
    เน้นการให้ความรู้และปรับพฤติกรรมประชาชน

    การปนเปื้อนในถังรีไซเคิลทำให้ต้นทุนการจัดการขยะสูงขึ้น
    เช่น ต้องแยกขยะใหม่หรือส่งไปฝังกลบแทนการรีไซเคิล

    เทคโนโลยี AI ในงานจัดการขยะเริ่มถูกใช้มากขึ้นทั่วโลก
    เช่น การแยกขยะอัตโนมัติในโรงงานรีไซเคิล

    การให้ข้อมูลย้อนกลับแบบเฉพาะเจาะจงช่วยเปลี่ยนพฤติกรรมได้ดีกว่าการให้คำแนะนำทั่วไป
    เช่น การเห็นภาพสิ่งที่ผิดในถังของตัวเองจะกระตุ้นให้ปรับปรุง

    การใช้กล้อง AI ยังช่วยเก็บข้อมูลเชิงสถิติสำหรับปรับปรุงนโยบาย
    เช่น ระบุพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนสูงเพื่อจัดกิจกรรมให้ความรู้

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/09/us-city-officials-to-use-ai-cameras-to-check-recycling-bin-heres-why
    ♻️📸 เรื่องเล่าจากถังรีไซเคิล: เมือง Tacoma ใช้กล้อง AI ตรวจขยะเพื่อสร้างนิสัยรีไซเคิลที่ถูกต้อง ลองจินตนาการว่ารถเก็บขยะที่วิ่งผ่านหน้าบ้านคุณไม่ใช่แค่เก็บของ แต่ยัง “สแกน” ขยะด้วยกล้องอัจฉริยะที่รู้ว่าอะไรรีไซเคิลได้หรือไม่ได้ นี่คือสิ่งที่เมือง Tacoma รัฐวอชิงตันกำลังทดลองในโครงการนำร่องระยะเวลา 2 ปี ด้วยงบประมาณจาก EPA กว่า 1.8 ล้านดอลลาร์ กล้องที่ติดตั้งบนรถเก็บขยะจะใช้ AI วิเคราะห์สิ่งของในถังรีไซเคิล เช่น ถุงพลาสติกบางชนิดที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ และจะเรียนรู้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อระบุสิ่งปนเปื้อนใหม่ ๆ ได้แม่นยำขึ้น หากพบสิ่งที่ไม่ควรอยู่ในถังรีไซเคิล ระบบจะส่งโปสการ์ดไปยังบ้านนั้น พร้อมภาพประกอบและคำแนะนำ เทคโนโลยีนี้มาจาก Prairie Robotics บริษัทจากแคนาดาที่เคยใช้ระบบนี้ในหลายเมืองทั่วอเมริกาเหนือ โดยเน้นการเก็บข้อมูลเฉพาะสิ่งของ ไม่เก็บภาพบุคคลหรือทรัพย์สินส่วนตัว และมีการเบลอใบหน้าและป้ายทะเบียนอัตโนมัติเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว ✅ เมือง Tacoma ใช้กล้อง AI ตรวจสอบสิ่งปนเปื้อนในถังรีไซเคิล ➡️ เป็นโครงการนำร่องระยะเวลา 2 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2025 ถึงกลางปี 2027 ✅ โครงการได้รับทุนสนับสนุนจาก EPA จำนวน 1.8 ล้านดอลลาร์ ➡️ ผ่านโครงการ Recycling Education and Outreach Grant ✅ กล้องจะวิเคราะห์สิ่งของที่เก็บจากถังรีไซเคิลโดยไม่ถ่ายภาพบุคคล ➡️ มีระบบเบลอใบหน้าและป้ายทะเบียนอัตโนมัติเพื่อความปลอดภัย ✅ หากพบสิ่งปนเปื้อน จะส่งโปสการ์ดพร้อมภาพและคำแนะนำไปยังบ้านนั้น ➡️ เพื่อให้ประชาชนเรียนรู้สิ่งที่ควรและไม่ควรรีไซเคิล ✅ เทคโนโลยีมาจาก Prairie Robotics บริษัทจากแคนาดา ➡️ เคยใช้งานในเมือง Greensboro, NC และ East Lansing, MI ✅ ไม่มีการเก็บค่าปรับหรือบทลงโทษในช่วงทดลอง ➡️ เน้นการให้ความรู้และปรับพฤติกรรมประชาชน ✅ การปนเปื้อนในถังรีไซเคิลทำให้ต้นทุนการจัดการขยะสูงขึ้น ➡️ เช่น ต้องแยกขยะใหม่หรือส่งไปฝังกลบแทนการรีไซเคิล ✅ เทคโนโลยี AI ในงานจัดการขยะเริ่มถูกใช้มากขึ้นทั่วโลก ➡️ เช่น การแยกขยะอัตโนมัติในโรงงานรีไซเคิล ✅ การให้ข้อมูลย้อนกลับแบบเฉพาะเจาะจงช่วยเปลี่ยนพฤติกรรมได้ดีกว่าการให้คำแนะนำทั่วไป ➡️ เช่น การเห็นภาพสิ่งที่ผิดในถังของตัวเองจะกระตุ้นให้ปรับปรุง ✅ การใช้กล้อง AI ยังช่วยเก็บข้อมูลเชิงสถิติสำหรับปรับปรุงนโยบาย ➡️ เช่น ระบุพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนสูงเพื่อจัดกิจกรรมให้ความรู้ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/09/us-city-officials-to-use-ai-cameras-to-check-recycling-bin-heres-why
    WWW.THESTAR.COM.MY
    US city officials to use AI cameras to check recycling bin. Here’s why
    Tacoma officials will use an artificial intelligence-powered camera in a new pilot program that will identify contaminated items in the city's curbside recycling program to educate residents about what can and can't be recycled.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 347 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..มันต้องเด็ดขาดแบบนี้ผู้รักชาติเรา,จะลดมิติความปลอดภัยต่างๆได้เยอะแก่คนไทยเรา,พรรคชูสามนิ้วหรือฝรั่งอเมริกาฝรั่งเศสหรือต่างชาติชั่วเลวทั้งหลายจะใช้พวกนี้มาปั่นป่วนวุ่นวายโกลาหลในไทยก็ไม่ง่ายหรือก่ออาชญากรและอาชญากรรมใดๆจะหนีหายเข้าเขมรง่ายๆแบบในอดีตก็ไม่ง่ายนั้นเอง,สาระพัดปัญหามากมายจากกลุ่มต่างด้าวนี้ก็จะตัดตอนได้,เงินงบประมาณมากมายที่ต้องแบ่งมาป้องกันภัยหรือแบบชดเชยค่ารักษาที่โรงพยาบาลเราขาดทุนมาตลอดเพราะเหี้ยพวกนี้ทั้งสวมสิทธิทั้งใบปลอมตรึมก็จะหมดไปด้วย,คือต่างชาติต่างด้าวในเวลานี้ภาวะสงครามโลกที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา หากผลักดันคนพวกทรยศเนรคุณหักหลังและหมายทำลายไทยอยู่ตลอดเวลาถีบออกให้หมดได้ย่อมดีมากๆนั้นเอง,ห่างเกิดสงครามโลกจริง พวกต่างด้าวนี้จี้ปล้นข่มขืนคนไทยมันสามารถรวมตัวคนพวกมันเป็นเดอะแก๊งเถื่อนๆในไทยในชุมชนจังหวัดนั้นได้สบายหรือก่อการร้ายภายในประเทศไทยง่ายๆนั้นเอง.ยิ่งภาวะสงครามกับเขมรอีก มันปากบอกว่ารักประเทศแต่วางระเบิดสีลม สาทรสัก10-20ตึกตามถังขยะลิปฟ์อาคารตึกต่างๆโรงจอดรถน้ำมันรถไฟ้ารถคนทำงานในตึกระเบิดต่อเนื่องทัังโรงรถอาคารถล่มเพราะคนเขมรคนเดียวที่ปากบอกว่ารักประเทศไทย มันคุ้มค่าโคตรๆมั้ย ตายตึกละ10-20คนอีก หากร่วมใจคนเขมรในไทยว่ากับระเบิดทั่วถนนไทยเวลากลางคืนอีก เอาโดรนบินแลกมัดคนไทย พลีชีพใส่บ้านเรือนตึกอาคารในเขตเศรษฐกิจ เราดูไม่จืดแน่นอน,สายลับองครักษ์ฮุนเซนมาในนามค้าแรงงานถูกกฎหมายก่อนสงครามเริ่มอีก ขนาดฮุนเซนมันยังจับมือกับอเมริกาก่อนจะเปิดไทยเลย,พวกมันสุมหัวกับไส้ศึกในไทยวางหมากไว้รอแล้วนั้นเอง,อะไรที่เราเด็ดขาดตัดตอนได้ต้องตัดตอนจริงจัง,ความเมตตาสงสารกับศัตรูอาจเป็นผู้แพ้แทนผู้ชนะทันที,จากนั้นประชาชนจะเป็นทาสเป็นเชลยศึกให้มันข่มเขงใดๆทารุนเราให้ทุกข์ทรมานแบบใดก็ได้,โล่มนุษย์ยังทำได้ พะสาประชาชนเขมรในไทยเราพวกนี้.

    https://youtube.com/watch?v=cUqg4evKzPQ&si=f589cZsGFidYjo4E
    ..มันต้องเด็ดขาดแบบนี้ผู้รักชาติเรา,จะลดมิติความปลอดภัยต่างๆได้เยอะแก่คนไทยเรา,พรรคชูสามนิ้วหรือฝรั่งอเมริกาฝรั่งเศสหรือต่างชาติชั่วเลวทั้งหลายจะใช้พวกนี้มาปั่นป่วนวุ่นวายโกลาหลในไทยก็ไม่ง่ายหรือก่ออาชญากรและอาชญากรรมใดๆจะหนีหายเข้าเขมรง่ายๆแบบในอดีตก็ไม่ง่ายนั้นเอง,สาระพัดปัญหามากมายจากกลุ่มต่างด้าวนี้ก็จะตัดตอนได้,เงินงบประมาณมากมายที่ต้องแบ่งมาป้องกันภัยหรือแบบชดเชยค่ารักษาที่โรงพยาบาลเราขาดทุนมาตลอดเพราะเหี้ยพวกนี้ทั้งสวมสิทธิทั้งใบปลอมตรึมก็จะหมดไปด้วย,คือต่างชาติต่างด้าวในเวลานี้ภาวะสงครามโลกที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา หากผลักดันคนพวกทรยศเนรคุณหักหลังและหมายทำลายไทยอยู่ตลอดเวลาถีบออกให้หมดได้ย่อมดีมากๆนั้นเอง,ห่างเกิดสงครามโลกจริง พวกต่างด้าวนี้จี้ปล้นข่มขืนคนไทยมันสามารถรวมตัวคนพวกมันเป็นเดอะแก๊งเถื่อนๆในไทยในชุมชนจังหวัดนั้นได้สบายหรือก่อการร้ายภายในประเทศไทยง่ายๆนั้นเอง.ยิ่งภาวะสงครามกับเขมรอีก มันปากบอกว่ารักประเทศแต่วางระเบิดสีลม สาทรสัก10-20ตึกตามถังขยะลิปฟ์อาคารตึกต่างๆโรงจอดรถน้ำมันรถไฟ้ารถคนทำงานในตึกระเบิดต่อเนื่องทัังโรงรถอาคารถล่มเพราะคนเขมรคนเดียวที่ปากบอกว่ารักประเทศไทย มันคุ้มค่าโคตรๆมั้ย ตายตึกละ10-20คนอีก หากร่วมใจคนเขมรในไทยว่ากับระเบิดทั่วถนนไทยเวลากลางคืนอีก เอาโดรนบินแลกมัดคนไทย พลีชีพใส่บ้านเรือนตึกอาคารในเขตเศรษฐกิจ เราดูไม่จืดแน่นอน,สายลับองครักษ์ฮุนเซนมาในนามค้าแรงงานถูกกฎหมายก่อนสงครามเริ่มอีก ขนาดฮุนเซนมันยังจับมือกับอเมริกาก่อนจะเปิดไทยเลย,พวกมันสุมหัวกับไส้ศึกในไทยวางหมากไว้รอแล้วนั้นเอง,อะไรที่เราเด็ดขาดตัดตอนได้ต้องตัดตอนจริงจัง,ความเมตตาสงสารกับศัตรูอาจเป็นผู้แพ้แทนผู้ชนะทันที,จากนั้นประชาชนจะเป็นทาสเป็นเชลยศึกให้มันข่มเขงใดๆทารุนเราให้ทุกข์ทรมานแบบใดก็ได้,โล่มนุษย์ยังทำได้ พะสาประชาชนเขมรในไทยเราพวกนี้. https://youtube.com/watch?v=cUqg4evKzPQ&si=f589cZsGFidYjo4E
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 440 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากอนาคตวันนี้: ร้านขายหุ่นยนต์แห่งแรกของจีนเปิดตัวแล้วในปักกิ่ง

    ในวันที่ 8 สิงหาคม 2025 ก่อนงาน World Robot Conference จะเปิดฉาก จีนได้เปิดตัว “Robot Mall” ร้านขายหุ่นยนต์แบบครบวงจรแห่งแรกของประเทศ ณ เขตเศรษฐกิจเทคโนโลยีปักกิ่ง (Beijing E-Town) โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันการพัฒนาหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์จากงานวิจัยสู่การใช้งานจริง

    ร้านนี้ถูกออกแบบให้เป็น “4S store” สำหรับหุ่นยนต์ ซึ่งหมายถึง Sales (ขาย), Service (บริการ), Spare parts (อะไหล่), และ Survey (เก็บข้อมูลผู้ใช้) โดยมีหุ่นยนต์กว่า 50 แบบจาก 40 บริษัททั่วประเทศ ตั้งแต่หุ่นยนต์เสิร์ฟอาหาร หุ่นยนต์เล่นหมากรุก ไปจนถึงหุ่นยนต์ที่จำลองบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น ไอน์สไตน์ นิวตัน และหลี่ไป๋

    แม้จะมีการโชว์ความสามารถที่น่าทึ่ง เช่น หุ่นยนต์ชงกาแฟหรือเต้นรำ แต่ก็ยังมีข้อจำกัด เช่น หุ่นยนต์แยกขยะที่ยังต้องให้พนักงานช่วยรีเซ็ตเมื่อทำงานผิดพลาด

    การเปิดร้านนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ของจีน โดยมีแผนจะอัปเกรดเป็นเวอร์ชัน 2.0 ในเดือนพฤศจิกายน พร้อมเพิ่มหุ่นยนต์ประเภทใหม่และสถานการณ์ใช้งานจริงที่หลากหลายยิ่งขึ้น

    จีนเปิดตัว Robot Mall ร้านขายหุ่นยนต์แบบ 4S แห่งแรกในปักกิ่ง
    ครอบคลุมการขาย บริการ อะไหล่ และเก็บข้อมูลผู้ใช้

    ตั้งอยู่ในเขต Beijing E-Town ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ของจีน
    ห่างจากใจกลางเมืองประมาณ 40 นาที

    มีหุ่นยนต์กว่า 50 แบบจาก 40 บริษัททั่วประเทศ
    รวมถึงหุ่นยนต์ทางการแพทย์ อุตสาหกรรม และหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์

    หุ่นยนต์สามารถทำงานหลากหลาย เช่น เสิร์ฟอาหาร เล่นหมากรุก เต้นรำ และชงกาแฟ
    มีการจำลองบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์เพื่อการศึกษาและความบันเทิง

    Robot Mall เปิดตัวก่อนงาน World Robot Conference 2025
    งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8–12 สิงหาคม ณ ปักกิ่ง

    มีแผนเปิดเวอร์ชัน 2.0 ในเดือนพฤศจิกายน 2025
    จะเพิ่มสถานการณ์ใช้งานจริงและหุ่นยนต์ประเภทใหม่

    ตลาดหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ทั่วโลกคาดว่าจะทะลุ 1 ล้านล้านหยวนภายใน 3 ปี
    ขยายจากภาคอุตสาหกรรมไปสู่บริการและการใช้งานในบ้าน

    เขต Yizhuang มีบริษัทด้านหุ่นยนต์กว่า 300 แห่ง
    คิดเป็น 50% ของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ในปักกิ่ง

    จีนมีแผน 5 ปีเพื่อเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมหุ่นยนต์ระดับโลกภายในปี 2025
    มุ่งเพิ่มความหนาแน่นของหุ่นยนต์ในภาคการผลิต

    งาน World Robot Conference เป็นเวทีระดับโลกด้าน AI และหุ่นยนต์
    มีผู้เข้าร่วมกว่า 1.3 ล้านคน และจัดประกวดหุ่นยนต์ระดับนานาชาติ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/08/shopping-for-a-robot-china039s-new-robot-store-in-photos
    🤖🏬 เรื่องเล่าจากอนาคตวันนี้: ร้านขายหุ่นยนต์แห่งแรกของจีนเปิดตัวแล้วในปักกิ่ง ในวันที่ 8 สิงหาคม 2025 ก่อนงาน World Robot Conference จะเปิดฉาก จีนได้เปิดตัว “Robot Mall” ร้านขายหุ่นยนต์แบบครบวงจรแห่งแรกของประเทศ ณ เขตเศรษฐกิจเทคโนโลยีปักกิ่ง (Beijing E-Town) โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันการพัฒนาหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์จากงานวิจัยสู่การใช้งานจริง ร้านนี้ถูกออกแบบให้เป็น “4S store” สำหรับหุ่นยนต์ ซึ่งหมายถึง Sales (ขาย), Service (บริการ), Spare parts (อะไหล่), และ Survey (เก็บข้อมูลผู้ใช้) โดยมีหุ่นยนต์กว่า 50 แบบจาก 40 บริษัททั่วประเทศ ตั้งแต่หุ่นยนต์เสิร์ฟอาหาร หุ่นยนต์เล่นหมากรุก ไปจนถึงหุ่นยนต์ที่จำลองบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น ไอน์สไตน์ นิวตัน และหลี่ไป๋ แม้จะมีการโชว์ความสามารถที่น่าทึ่ง เช่น หุ่นยนต์ชงกาแฟหรือเต้นรำ แต่ก็ยังมีข้อจำกัด เช่น หุ่นยนต์แยกขยะที่ยังต้องให้พนักงานช่วยรีเซ็ตเมื่อทำงานผิดพลาด การเปิดร้านนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ของจีน โดยมีแผนจะอัปเกรดเป็นเวอร์ชัน 2.0 ในเดือนพฤศจิกายน พร้อมเพิ่มหุ่นยนต์ประเภทใหม่และสถานการณ์ใช้งานจริงที่หลากหลายยิ่งขึ้น ✅ จีนเปิดตัว Robot Mall ร้านขายหุ่นยนต์แบบ 4S แห่งแรกในปักกิ่ง ➡️ ครอบคลุมการขาย บริการ อะไหล่ และเก็บข้อมูลผู้ใช้ ✅ ตั้งอยู่ในเขต Beijing E-Town ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ของจีน ➡️ ห่างจากใจกลางเมืองประมาณ 40 นาที ✅ มีหุ่นยนต์กว่า 50 แบบจาก 40 บริษัททั่วประเทศ ➡️ รวมถึงหุ่นยนต์ทางการแพทย์ อุตสาหกรรม และหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ ✅ หุ่นยนต์สามารถทำงานหลากหลาย เช่น เสิร์ฟอาหาร เล่นหมากรุก เต้นรำ และชงกาแฟ ➡️ มีการจำลองบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์เพื่อการศึกษาและความบันเทิง ✅ Robot Mall เปิดตัวก่อนงาน World Robot Conference 2025 ➡️ งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8–12 สิงหาคม ณ ปักกิ่ง ✅ มีแผนเปิดเวอร์ชัน 2.0 ในเดือนพฤศจิกายน 2025 ➡️ จะเพิ่มสถานการณ์ใช้งานจริงและหุ่นยนต์ประเภทใหม่ ✅ ตลาดหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ทั่วโลกคาดว่าจะทะลุ 1 ล้านล้านหยวนภายใน 3 ปี ➡️ ขยายจากภาคอุตสาหกรรมไปสู่บริการและการใช้งานในบ้าน ✅ เขต Yizhuang มีบริษัทด้านหุ่นยนต์กว่า 300 แห่ง ➡️ คิดเป็น 50% ของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ในปักกิ่ง ✅ จีนมีแผน 5 ปีเพื่อเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมหุ่นยนต์ระดับโลกภายในปี 2025 ➡️ มุ่งเพิ่มความหนาแน่นของหุ่นยนต์ในภาคการผลิต ✅ งาน World Robot Conference เป็นเวทีระดับโลกด้าน AI และหุ่นยนต์ ➡️ มีผู้เข้าร่วมกว่า 1.3 ล้านคน และจัดประกวดหุ่นยนต์ระดับนานาชาติ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/08/shopping-for-a-robot-china039s-new-robot-store-in-photos
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Shopping for a robot? China's new robot store in photos
    A high-tech district in the Chinese capital is opening an all-service robot store on Friday to push a national drive to develop humanoid robots.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 380 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาอาสวะย่อมไม่เจริญ แก่บุคคล ๒ จำพวก
    สัทธรรมลำดับที่ : 339
    ชื่อบทธรรม : อาสวะทั้งหลาย ย่อมไม่เจริญ แก่บุคคล ๒ จำพวก
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=339
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ภิกษุ ท. ! อาสวะทั้งหลาย ย่อมไม่เจริญ แก่บุคคล ๒ จำพวก.
    http://etipitaka.com/read/pali/20/107/?keywords=อาสว
    บุคคล ๒ จำพวกเหล่าไหนเล่า ? สองจำพวกคือ
    บุคคลผู้ ไม่ขยะแขยงต่อสิ่งที่ไม่ควรขยะแขยง
    บุคคลผู้ ขยะแขยงสิ่งที่ควรขยะแขยง.
    ....-

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ทุก. อํ. 20/79/354.
    http://etipitaka.com/read/thai/20/79/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%95%E0%B9%94
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทุก. อํ. ๒๐/๑๐๗/๓๕๔.
    http://etipitaka.com/read/pali/20/107/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%95%E0%B9%94
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=339
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=339
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23
    ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาอาสวะย่อมไม่เจริญ แก่บุคคล ๒ จำพวก สัทธรรมลำดับที่ : 339 ชื่อบทธรรม : อาสวะทั้งหลาย ย่อมไม่เจริญ แก่บุคคล ๒ จำพวก https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=339 เนื้อความทั้งหมด :- --ภิกษุ ท. ! อาสวะทั้งหลาย ย่อมไม่เจริญ แก่บุคคล ๒ จำพวก. http://etipitaka.com/read/pali/20/107/?keywords=อาสว บุคคล ๒ จำพวกเหล่าไหนเล่า ? สองจำพวกคือ บุคคลผู้ ไม่ขยะแขยงต่อสิ่งที่ไม่ควรขยะแขยง บุคคลผู้ ขยะแขยงสิ่งที่ควรขยะแขยง. ....- #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ทุก. อํ. 20/79/354. http://etipitaka.com/read/thai/20/79/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%95%E0%B9%94 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทุก. อํ. ๒๐/๑๐๗/๓๕๔. http://etipitaka.com/read/pali/20/107/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%95%E0%B9%94 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=339 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=339 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23 ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ¸­à¸²à¸ªà¸§à¸°à¸—ั้งหลาย ย่อมไม่เจริญ แก่บุคคล ๒ จำพวก
    -ภิกษุ ท. ! อาสวะทั้งหลาย ย่อมไม่เจริญ แก่บุคคล ๒ จำพวก. บุคคล ๒ จำพวกเหล่าไหนเล่า ? สองจำพวกคือ บุคคลผู้ ไม่ขยะแขยงต่อสิ่งที่ไม่ควรขยะแขยง บุคคลผู้ ขยะแขยงสิ่งที่ควรขยะแขยง. ....
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 237 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts