• กล้อง DIY จากเมาส์เก่า! โปรเจกต์สุดเจ๋งจากนักพิมพ์ 3D ที่เปลี่ยนขยะอิเล็กทรอนิกส์ให้กลายเป็นกล้องดิจิทัลสุดลอฟาย

    นักประดิษฐ์สาย Maker นามว่า Dycus ได้สร้างกล้องดิจิทัลสุดแหวกแนวจากเซ็นเซอร์ของเมาส์เก่า โดยใช้เวลาเพียง 65 ชั่วโมงในการออกแบบ สร้าง และเขียนซอฟต์แวร์ทั้งหมด กล้องนี้สามารถถ่ายภาพได้ที่ความละเอียด 30x30 พิกเซล และแสดงผลด้วยเฉดสีเทาเพียง 64 ระดับ แต่กลับมีเสน่ห์เฉพาะตัวแบบ Minecraft สุดๆ

    ตัวกล้องที่ถูกตั้งชื่อเล่นว่า “Magical Mouse Camera (MMC)” ใช้ชิ้นส่วนจากเมาส์ Logitech G400 รุ่นปี 2011 ร่วมกับเลนส์ CCTV ราคาประหยัด หน่วยความจำ FRAM จาก Adafruit และไมโครคอนโทรลเลอร์ Teensy LC พร้อมแบตเตอรี่ 600mAh ทั้งหมดถูกประกอบเข้ากับโครงสร้างที่พิมพ์จากเครื่องพิมพ์ 3D

    แม้จะดูเรียบง่าย แต่ Dycus ยังพัฒนาโหมดการถ่ายภาพหลากหลาย เช่น single shot, double shot, quad shot, panorama และโหมด “cowboy” สุดแหวกแนว พร้อมฟีเจอร์วาดภาพบนหน้าจอด้วยทัชเซ็นเซอร์ของเมาส์อีกด้วย!

    โปรเจกต์กล้อง DIY จากเมาส์เก่า
    ใช้เซ็นเซอร์ ADNS-3090 จากเมาส์ Logitech G400
    ความละเอียดภาพ 30x30 พิกเซล เฉดสีเทา 64 ระดับ

    ใช้เวลาเพียง 65 ชั่วโมงในการสร้าง
    รวมการออกแบบ 3D, ประกอบฮาร์ดแวร์ และเขียนซอฟต์แวร์
    ใช้ชิ้นส่วนราคาประหยัดและหาได้ทั่วไป

    ฟีเจอร์ซอฟต์แวร์ที่น่าทึ่ง
    มีโหมดถ่ายภาพหลายแบบ เช่น quad shot และ panorama
    สามารถวาดภาพบนหน้าจอด้วยทัชเซ็นเซอร์ของเมาส์

    การเปรียบเทียบกับ Game Boy Camera
    แม้ความละเอียดจะต่ำกว่า แต่มีเฉดสีมากกว่า (64 เทียบกับ 4)
    เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการรีไซเคิลที่สร้างสรรค์และมีประโยชน์

    คำเตือนสำหรับผู้ที่อยากลองทำตาม
    ต้องมีความรู้ด้านอิเล็กทรอนิกส์และการเขียนโปรแกรมเบื้องต้น
    ต้องใช้เวลาค่อนข้างมากในการประกอบและทดสอบ

    คำเตือนด้านการใช้งานจริง
    ความละเอียดต่ำมาก ไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไป
    หน่วยความจำเพียง 32KB ไม่สามารถบันทึกวิดีโอได้นาน

    https://www.tomshardware.com/3d-printing/3d-printing-enthusiast-creates-camera-with-a-gutted-optical-mouses-sensor-lo-fi-30x30-pixel-camera-took-65-hours-to-build
    📸 กล้อง DIY จากเมาส์เก่า! โปรเจกต์สุดเจ๋งจากนักพิมพ์ 3D ที่เปลี่ยนขยะอิเล็กทรอนิกส์ให้กลายเป็นกล้องดิจิทัลสุดลอฟาย นักประดิษฐ์สาย Maker นามว่า Dycus ได้สร้างกล้องดิจิทัลสุดแหวกแนวจากเซ็นเซอร์ของเมาส์เก่า โดยใช้เวลาเพียง 65 ชั่วโมงในการออกแบบ สร้าง และเขียนซอฟต์แวร์ทั้งหมด กล้องนี้สามารถถ่ายภาพได้ที่ความละเอียด 30x30 พิกเซล และแสดงผลด้วยเฉดสีเทาเพียง 64 ระดับ แต่กลับมีเสน่ห์เฉพาะตัวแบบ Minecraft สุดๆ ตัวกล้องที่ถูกตั้งชื่อเล่นว่า “Magical Mouse Camera (MMC)” ใช้ชิ้นส่วนจากเมาส์ Logitech G400 รุ่นปี 2011 ร่วมกับเลนส์ CCTV ราคาประหยัด หน่วยความจำ FRAM จาก Adafruit และไมโครคอนโทรลเลอร์ Teensy LC พร้อมแบตเตอรี่ 600mAh ทั้งหมดถูกประกอบเข้ากับโครงสร้างที่พิมพ์จากเครื่องพิมพ์ 3D แม้จะดูเรียบง่าย แต่ Dycus ยังพัฒนาโหมดการถ่ายภาพหลากหลาย เช่น single shot, double shot, quad shot, panorama และโหมด “cowboy” สุดแหวกแนว พร้อมฟีเจอร์วาดภาพบนหน้าจอด้วยทัชเซ็นเซอร์ของเมาส์อีกด้วย! ✅ โปรเจกต์กล้อง DIY จากเมาส์เก่า ➡️ ใช้เซ็นเซอร์ ADNS-3090 จากเมาส์ Logitech G400 ➡️ ความละเอียดภาพ 30x30 พิกเซล เฉดสีเทา 64 ระดับ ✅ ใช้เวลาเพียง 65 ชั่วโมงในการสร้าง ➡️ รวมการออกแบบ 3D, ประกอบฮาร์ดแวร์ และเขียนซอฟต์แวร์ ➡️ ใช้ชิ้นส่วนราคาประหยัดและหาได้ทั่วไป ✅ ฟีเจอร์ซอฟต์แวร์ที่น่าทึ่ง ➡️ มีโหมดถ่ายภาพหลายแบบ เช่น quad shot และ panorama ➡️ สามารถวาดภาพบนหน้าจอด้วยทัชเซ็นเซอร์ของเมาส์ ✅ การเปรียบเทียบกับ Game Boy Camera ➡️ แม้ความละเอียดจะต่ำกว่า แต่มีเฉดสีมากกว่า (64 เทียบกับ 4) ➡️ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการรีไซเคิลที่สร้างสรรค์และมีประโยชน์ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ที่อยากลองทำตาม ⛔ ต้องมีความรู้ด้านอิเล็กทรอนิกส์และการเขียนโปรแกรมเบื้องต้น ⛔ ต้องใช้เวลาค่อนข้างมากในการประกอบและทดสอบ ‼️ คำเตือนด้านการใช้งานจริง ⛔ ความละเอียดต่ำมาก ไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไป ⛔ หน่วยความจำเพียง 32KB ไม่สามารถบันทึกวิดีโอได้นาน https://www.tomshardware.com/3d-printing/3d-printing-enthusiast-creates-camera-with-a-gutted-optical-mouses-sensor-lo-fi-30x30-pixel-camera-took-65-hours-to-build
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • MSI คว้ารางวัล GOOD DESIGN 2025 กับ Cubi NUC AI Series: เล็กแต่ล้ำ ยั่งยืนแต่แรง!

    ถ้าคุณคิดว่า Mini PC คือแค่กล่องเล็ก ๆ สำหรับงานเบา ๆ… MSI ขอเปลี่ยนความคิดนั้นด้วย Cubi NUC AI Series ที่คว้ารางวัล GOOD DESIGN AWARD 2025 ไปครอง ด้วยดีไซน์กะทัดรัดเพียง 0.51 หรือ 0.826 ลิตร แต่อัดแน่นด้วยพลัง AI และความยั่งยืนแบบจัดเต็ม

    Cubi NUC AI+ รุ่นใหม่ล่าสุดนี้รองรับ Copilot+ PC พร้อมฟีเจอร์ AI บนเครื่องโดยตรง เช่น การควบคุมด้วยเสียงผ่านไมค์และลำโพงในตัว มีพอร์ต Thunderbolt, LAN คู่ 2.5G และปุ่มเปิดเครื่องแบบสแกนนิ้วเพื่อความปลอดภัย เหมาะกับทั้งนักธุรกิจ นักการศึกษา และสายงานที่ต้องการความคล่องตัว

    ที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือความใส่ใจสิ่งแวดล้อม: ตัวเครื่องผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล 37.25%, บรรจุภัณฑ์ผ่านการรับรอง FSC และใช้วัสดุเยื่อกระดาษรีไซเคิล 100% ทั้งหมดนี้ทำให้ Cubi NUC AI Series ไม่ใช่แค่คอมพิวเตอร์ แต่เป็นสัญลักษณ์ของการออกแบบที่คิดถึงโลก

    เกร็ดน่ารู้เพิ่มเติม:
    GOOD DESIGN AWARD เป็นรางวัลจากญี่ปุ่นที่เน้นการออกแบบเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ใช่แค่ความสวยงาม
    Copilot+ PC คือมาตรฐานใหม่ของ Windows ที่เน้นการประมวลผล AI บนเครื่องโดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์
    Mini PC กำลังเป็นเทรนด์ในองค์กรที่ต้องการลดพื้นที่และพลังงาน แต่ยังคงประสิทธิภาพสูง

    MSI Cubi NUC AI Series ได้รับรางวัล GOOD DESIGN AWARD 2025
    โดดเด่นด้านดีไซน์, ฟังก์ชัน และความยั่งยืน
    ขนาดเล็กเพียง 0.51–0.826 ลิตร แต่ประสิทธิภาพสูง

    รองรับ Copilot+ PC และ AI บนเครื่อง
    มีไมค์และลำโพงในตัวสำหรับควบคุมด้วยเสียง
    พอร์ต Thunderbolt, LAN คู่ และปุ่มสแกนนิ้ว

    ความใส่ใจสิ่งแวดล้อม
    ใช้พลาสติกรีไซเคิล 37.25% ในตัวเครื่อง
    บรรจุภัณฑ์ผ่านการรับรอง FSC และรีไซเคิลได้ 100%

    เหมาะกับการใช้งานในยุคใหม่
    ตอบโจทย์นักธุรกิจ, นักการศึกษา และสายงาน AI
    เป็นตัวอย่างของการออกแบบที่ยั่งยืนและทรงพลัง

    ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Mini PC
    หลายคนยังคิดว่า Mini PC ใช้งานได้แค่เบื้องต้น
    ความจริงคือสามารถรองรับงาน AI และธุรกิจได้เต็มรูปแบบ

    ความเสี่ยงจากการละเลยเรื่องสิ่งแวดล้อมในอุปกรณ์ไอที
    การใช้วัสดุที่ไม่รีไซเคิลอาจเพิ่มขยะอิเล็กทรอนิกส์
    การออกแบบที่ไม่ยั่งยืนส่งผลต่อภาพลักษณ์องค์กรในระยะยาว

    Cubi NUC AI Series ไม่ใช่แค่ Mini PC แต่เป็น “Mini Revolution” ที่รวมพลัง AI กับหัวใจสีเขียวไว้ในกล่องเล็ก ๆ ที่ทรงพลัง

    https://www.techpowerup.com/342551/msi-cubi-nuc-ai-series-wins-good-design-award-2025-for-innovation-and-sustainability
    🏆 MSI คว้ารางวัล GOOD DESIGN 2025 กับ Cubi NUC AI Series: เล็กแต่ล้ำ ยั่งยืนแต่แรง! ถ้าคุณคิดว่า Mini PC คือแค่กล่องเล็ก ๆ สำหรับงานเบา ๆ… MSI ขอเปลี่ยนความคิดนั้นด้วย Cubi NUC AI Series ที่คว้ารางวัล GOOD DESIGN AWARD 2025 ไปครอง ด้วยดีไซน์กะทัดรัดเพียง 0.51 หรือ 0.826 ลิตร แต่อัดแน่นด้วยพลัง AI และความยั่งยืนแบบจัดเต็ม Cubi NUC AI+ รุ่นใหม่ล่าสุดนี้รองรับ Copilot+ PC พร้อมฟีเจอร์ AI บนเครื่องโดยตรง เช่น การควบคุมด้วยเสียงผ่านไมค์และลำโพงในตัว มีพอร์ต Thunderbolt, LAN คู่ 2.5G และปุ่มเปิดเครื่องแบบสแกนนิ้วเพื่อความปลอดภัย เหมาะกับทั้งนักธุรกิจ นักการศึกษา และสายงานที่ต้องการความคล่องตัว ที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือความใส่ใจสิ่งแวดล้อม: ตัวเครื่องผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล 37.25%, บรรจุภัณฑ์ผ่านการรับรอง FSC และใช้วัสดุเยื่อกระดาษรีไซเคิล 100% ทั้งหมดนี้ทำให้ Cubi NUC AI Series ไม่ใช่แค่คอมพิวเตอร์ แต่เป็นสัญลักษณ์ของการออกแบบที่คิดถึงโลก 💡 เกร็ดน่ารู้เพิ่มเติม: 💠 GOOD DESIGN AWARD เป็นรางวัลจากญี่ปุ่นที่เน้นการออกแบบเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ใช่แค่ความสวยงาม 💠 Copilot+ PC คือมาตรฐานใหม่ของ Windows ที่เน้นการประมวลผล AI บนเครื่องโดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์ 💠 Mini PC กำลังเป็นเทรนด์ในองค์กรที่ต้องการลดพื้นที่และพลังงาน แต่ยังคงประสิทธิภาพสูง ✅ MSI Cubi NUC AI Series ได้รับรางวัล GOOD DESIGN AWARD 2025 ➡️ โดดเด่นด้านดีไซน์, ฟังก์ชัน และความยั่งยืน ➡️ ขนาดเล็กเพียง 0.51–0.826 ลิตร แต่ประสิทธิภาพสูง ✅ รองรับ Copilot+ PC และ AI บนเครื่อง ➡️ มีไมค์และลำโพงในตัวสำหรับควบคุมด้วยเสียง ➡️ พอร์ต Thunderbolt, LAN คู่ และปุ่มสแกนนิ้ว ✅ ความใส่ใจสิ่งแวดล้อม ➡️ ใช้พลาสติกรีไซเคิล 37.25% ในตัวเครื่อง ➡️ บรรจุภัณฑ์ผ่านการรับรอง FSC และรีไซเคิลได้ 100% ✅ เหมาะกับการใช้งานในยุคใหม่ ➡️ ตอบโจทย์นักธุรกิจ, นักการศึกษา และสายงาน AI ➡️ เป็นตัวอย่างของการออกแบบที่ยั่งยืนและทรงพลัง ‼️ ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Mini PC ⛔ หลายคนยังคิดว่า Mini PC ใช้งานได้แค่เบื้องต้น ⛔ ความจริงคือสามารถรองรับงาน AI และธุรกิจได้เต็มรูปแบบ ‼️ ความเสี่ยงจากการละเลยเรื่องสิ่งแวดล้อมในอุปกรณ์ไอที ⛔ การใช้วัสดุที่ไม่รีไซเคิลอาจเพิ่มขยะอิเล็กทรอนิกส์ ⛔ การออกแบบที่ไม่ยั่งยืนส่งผลต่อภาพลักษณ์องค์กรในระยะยาว Cubi NUC AI Series ไม่ใช่แค่ Mini PC แต่เป็น “Mini Revolution” ที่รวมพลัง AI กับหัวใจสีเขียวไว้ในกล่องเล็ก ๆ ที่ทรงพลัง 🌱💻 https://www.techpowerup.com/342551/msi-cubi-nuc-ai-series-wins-good-design-award-2025-for-innovation-and-sustainability
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    MSI Cubi NUC AI Series Wins GOOD DESIGN AWARD 2025 for Innovation and Sustainability
    MSI proudly announces that its Cubi NUC AI Series mini PCs have been honored with the GOOD DESIGN AWARD 2025, recognizing its excellence in design, functionality, and commitment to sustainability. The MSI Cubi NUC AI Series is built for the era of AI-driven computing, all within a compact chassis of...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • Stellar Toolkit for Outlook: เครื่องมือจัดการไฟล์ PST/OST แบบครบวงจรสำหรับผู้ใช้ Outlook ที่ต้องการความเสถียรและความปลอดภัย

    บทความรีวิวจาก HackRead แนะนำ Stellar Toolkit for Outlook ว่าเป็นชุดเครื่องมือ 7-in-1 ที่ช่วยแก้ปัญหาไฟล์ข้อมูล Outlook ได้อย่างครอบคลุม ทั้งการซ่อม, แปลง, รวม, แยก, ย่อขนาด, กู้คืน และปลดล็อกรหัสผ่านจากไฟล์ PST/OST

    ผู้ใช้ Outlook มักเจอปัญหาไฟล์ PST/OST เสียหาย, ขนาดใหญ่เกินไป, ลืมรหัสผ่าน, หรือไม่สามารถเปิดไฟล์ OST ได้หลังจากบัญชีถูกลบจาก Exchange ซึ่งทั้งหมดนี้ Stellar Toolkit for Outlook สามารถจัดการได้ในโปรแกรมเดียว

    ฟีเจอร์เด่นของชุดเครื่องมือนี้ ได้แก่:
    1️⃣ ซ่อมไฟล์ PST ที่เสียหาย พร้อมกู้คืนอีเมล, ปฏิทิน, รายชื่อ ฯลฯ
    2️⃣ แปลงไฟล์ OST เป็น PST แม้เป็นไฟล์ที่ถูกเข้ารหัสหรือ orphaned
    3️⃣ แยกไฟล์ PST ตามขนาด, วันที่, หรืออีเมล เพื่อป้องกันการเสียหาย
    4️⃣ ย่อขนาดไฟล์ PST โดยแยกไฟล์แนบออกและล้างข้อมูลขยะ
    5️⃣ รวมไฟล์ PST หลายไฟล์ ให้เป็นไฟล์เดียวโดยไม่เสียข้อมูล
    6️⃣ กู้คืนข้อมูลที่ถูกลบจากไฟล์ PST/OST พร้อม preview ก่อน export
    7️⃣ ปลดล็อกรหัสผ่านไฟล์ PST โดยสร้างรหัสผ่านใหม่ให้เลือกใช้

    นอกจากนี้ยังมี คอนโซลรวม ที่ให้ผู้ใช้เข้าถึงทุกฟังก์ชันจากหน้าจอเดียว ไม่ต้องติดตั้งหลายโปรแกรม และรองรับ Outlook ตั้งแต่เวอร์ชัน 2013 ถึง 2019

    ฟีเจอร์หลักของ Stellar Toolkit for Outlook
    ซ่อมไฟล์ PST ที่เสียหายทุกระดับ
    แปลง OST เป็น PST แม้ไฟล์ถูกลบหรือเข้ารหัส
    แยก, รวม, ย่อขนาดไฟล์ PST ได้ตามต้องการ
    กู้คืนข้อมูลที่ถูกลบจากไฟล์ Outlook
    ปลดล็อกรหัสผ่านไฟล์ PST ที่ลืมหรือสูญหาย
    มีคอนโซลรวม ใช้งานง่าย ไม่ต้องติดตั้งหลายโปรแกรม

    เหมาะกับใคร
    ผู้ดูแลระบบ IT ที่ต้องจัดการข้อมูล Outlook จำนวนมาก
    ผู้ใช้ทั่วไปที่เจอปัญหาไฟล์ Outlook เสียหายหรือเปิดไม่ได้
    องค์กรที่ใช้ Office 365 และต้องการเครื่องมือกู้คืนข้อมูล

    https://hackread.com/stellar-toolkit-outlook-review-pst-ost-file-management/
    🛠️📧 Stellar Toolkit for Outlook: เครื่องมือจัดการไฟล์ PST/OST แบบครบวงจรสำหรับผู้ใช้ Outlook ที่ต้องการความเสถียรและความปลอดภัย บทความรีวิวจาก HackRead แนะนำ Stellar Toolkit for Outlook ว่าเป็นชุดเครื่องมือ 7-in-1 ที่ช่วยแก้ปัญหาไฟล์ข้อมูล Outlook ได้อย่างครอบคลุม ทั้งการซ่อม, แปลง, รวม, แยก, ย่อขนาด, กู้คืน และปลดล็อกรหัสผ่านจากไฟล์ PST/OST ผู้ใช้ Outlook มักเจอปัญหาไฟล์ PST/OST เสียหาย, ขนาดใหญ่เกินไป, ลืมรหัสผ่าน, หรือไม่สามารถเปิดไฟล์ OST ได้หลังจากบัญชีถูกลบจาก Exchange ซึ่งทั้งหมดนี้ Stellar Toolkit for Outlook สามารถจัดการได้ในโปรแกรมเดียว ฟีเจอร์เด่นของชุดเครื่องมือนี้ ได้แก่: 1️⃣ ซ่อมไฟล์ PST ที่เสียหาย พร้อมกู้คืนอีเมล, ปฏิทิน, รายชื่อ ฯลฯ 2️⃣ แปลงไฟล์ OST เป็น PST แม้เป็นไฟล์ที่ถูกเข้ารหัสหรือ orphaned 3️⃣ แยกไฟล์ PST ตามขนาด, วันที่, หรืออีเมล เพื่อป้องกันการเสียหาย 4️⃣ ย่อขนาดไฟล์ PST โดยแยกไฟล์แนบออกและล้างข้อมูลขยะ 5️⃣ รวมไฟล์ PST หลายไฟล์ ให้เป็นไฟล์เดียวโดยไม่เสียข้อมูล 6️⃣ กู้คืนข้อมูลที่ถูกลบจากไฟล์ PST/OST พร้อม preview ก่อน export 7️⃣ ปลดล็อกรหัสผ่านไฟล์ PST โดยสร้างรหัสผ่านใหม่ให้เลือกใช้ นอกจากนี้ยังมี คอนโซลรวม ที่ให้ผู้ใช้เข้าถึงทุกฟังก์ชันจากหน้าจอเดียว ไม่ต้องติดตั้งหลายโปรแกรม และรองรับ Outlook ตั้งแต่เวอร์ชัน 2013 ถึง 2019 ✅ ฟีเจอร์หลักของ Stellar Toolkit for Outlook ➡️ ซ่อมไฟล์ PST ที่เสียหายทุกระดับ ➡️ แปลง OST เป็น PST แม้ไฟล์ถูกลบหรือเข้ารหัส ➡️ แยก, รวม, ย่อขนาดไฟล์ PST ได้ตามต้องการ ➡️ กู้คืนข้อมูลที่ถูกลบจากไฟล์ Outlook ➡️ ปลดล็อกรหัสผ่านไฟล์ PST ที่ลืมหรือสูญหาย ➡️ มีคอนโซลรวม ใช้งานง่าย ไม่ต้องติดตั้งหลายโปรแกรม ✅ เหมาะกับใคร ➡️ ผู้ดูแลระบบ IT ที่ต้องจัดการข้อมูล Outlook จำนวนมาก ➡️ ผู้ใช้ทั่วไปที่เจอปัญหาไฟล์ Outlook เสียหายหรือเปิดไม่ได้ ➡️ องค์กรที่ใช้ Office 365 และต้องการเครื่องมือกู้คืนข้อมูล https://hackread.com/stellar-toolkit-outlook-review-pst-ost-file-management/
    HACKREAD.COM
    Stellar Toolkit for Outlook Review: Simplify and Optimize PST/OST File Management
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • จดจำไว้ ไอ้เชตวัน ผู้อยากเอาค่ายทหารเป็นที่ทิ้งขยะ วันนี้มันนั่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมธิการทหาร เล่นงานกองทัพเรื่องเสื้อเกราะ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    จดจำไว้ ไอ้เชตวัน ผู้อยากเอาค่ายทหารเป็นที่ทิ้งขยะ วันนี้มันนั่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมธิการทหาร เล่นงานกองทัพเรื่องเสื้อเกราะ #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • อย่าเสียบสิ่งเหล่านี้เข้าช่อง 12V ในรถ! แม้จะดูเหมือนปลอดภัย แต่บางอย่างอาจทำให้รถพังหรือแบตหมดข้ามคืน

    ช่องจ่ายไฟ 12V ในรถยนต์ (ที่หลายคนยังเรียกว่าช่องจุดบุหรี่) ถูกออกแบบมาเพื่อจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แต่ไม่ใช่ทุกอย่างที่ควรเสียบเข้าไป — บางอย่างอาจทำให้ระบบไฟฟ้าเสียหายหรือทำให้แบตเตอรี่หมดโดยไม่รู้ตัว.

    สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในการเสียบเข้าช่อง 12V

    1️⃣ หัวจุดบุหรี่แบบเก่า
    ช่อง 12V ในรถรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ไม่รองรับหัวจุดบุหรี่แล้ว
    หากฝืนเสียบเข้าไป อาจทำให้ช่องร้อนเกินและเกิดความเสียหาย

    2️⃣ Power inverter ที่ไม่เหมาะสม
    อินเวอร์เตอร์ที่แปลงไฟ DC เป็น AC ต้องเลือกให้ตรงกับกำลังไฟของรถ
    หากใช้รุ่นที่ดึงไฟมากเกินไป อาจทำให้ฟิวส์ขาดหรือระบบไฟเสีย

    3️⃣ อุปกรณ์ที่เสียบค้างไว้ข้ามคืน
    เช่น กล้องติดรถหรือ CarPlay hub ที่ยังดึงไฟแม้รถดับเครื่อง
    อาจทำให้แบตเตอรี่หมดในตอนเช้าโดยไม่รู้ตัว

    4️⃣ ที่ชาร์จโทรศัพท์คุณภาพต่ำ
    ที่ชาร์จราคาถูกอาจจ่ายไฟไม่เสถียร ทำให้เครื่องร้อนหรือแบตเสื่อม
    บางรุ่นอาจดึงไฟเกินจนทำให้ระบบไฟฟ้าในรถเสียหาย

    5️⃣ สิ่งที่ไม่ใช่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
    เช่น เหรียญ, เศษอาหาร, หรือเศษขยะที่ตกลงไปในช่อง
    อาจทำให้เกิดการลัดวงจรหรือไฟฟ้าช็อตได้

    https://www.slashgear.com/2005658/never-plug-these-into-car-12v-socket/
    ⚠️ อย่าเสียบสิ่งเหล่านี้เข้าช่อง 12V ในรถ! แม้จะดูเหมือนปลอดภัย แต่บางอย่างอาจทำให้รถพังหรือแบตหมดข้ามคืน ช่องจ่ายไฟ 12V ในรถยนต์ (ที่หลายคนยังเรียกว่าช่องจุดบุหรี่) ถูกออกแบบมาเพื่อจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แต่ไม่ใช่ทุกอย่างที่ควรเสียบเข้าไป — บางอย่างอาจทำให้ระบบไฟฟ้าเสียหายหรือทำให้แบตเตอรี่หมดโดยไม่รู้ตัว. ✅ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในการเสียบเข้าช่อง 12V 1️⃣ หัวจุดบุหรี่แบบเก่า ➡️ ช่อง 12V ในรถรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ไม่รองรับหัวจุดบุหรี่แล้ว ➡️ หากฝืนเสียบเข้าไป อาจทำให้ช่องร้อนเกินและเกิดความเสียหาย 2️⃣ Power inverter ที่ไม่เหมาะสม ➡️ อินเวอร์เตอร์ที่แปลงไฟ DC เป็น AC ต้องเลือกให้ตรงกับกำลังไฟของรถ ➡️ หากใช้รุ่นที่ดึงไฟมากเกินไป อาจทำให้ฟิวส์ขาดหรือระบบไฟเสีย 3️⃣ อุปกรณ์ที่เสียบค้างไว้ข้ามคืน ➡️ เช่น กล้องติดรถหรือ CarPlay hub ที่ยังดึงไฟแม้รถดับเครื่อง ➡️ อาจทำให้แบตเตอรี่หมดในตอนเช้าโดยไม่รู้ตัว 4️⃣ ที่ชาร์จโทรศัพท์คุณภาพต่ำ ➡️ ที่ชาร์จราคาถูกอาจจ่ายไฟไม่เสถียร ทำให้เครื่องร้อนหรือแบตเสื่อม ➡️ บางรุ่นอาจดึงไฟเกินจนทำให้ระบบไฟฟ้าในรถเสียหาย 5️⃣ สิ่งที่ไม่ใช่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ➡️ เช่น เหรียญ, เศษอาหาร, หรือเศษขยะที่ตกลงไปในช่อง ➡️ อาจทำให้เกิดการลัดวงจรหรือไฟฟ้าช็อตได้ https://www.slashgear.com/2005658/never-plug-these-into-car-12v-socket/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Never Plug These 5 Things Into Your Car's 12V Socket - SlashGear
    A car's 12V socket can power so many electronics and accessories. But there are still a few things you shouldn't attempt to put in this socket for your safety.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • เราสามารถผลิตยานบินอวกาศได้สบาย ฮับโรงงานผลิตยานอวกาศที่สำคัญอีกแห่งของโลก ยานลำเล็กๆขนาดพกพาก็คงไทยเรานี้ล่ะในอนาคต.,สารพิษแมร่งก็โคตรๆด้วยจากการสกัดเอามันออกมา.,ขยะมลพิษไม่ไทยก็อาเชียนเราเต็มๆนี้ล่ะ ,สุดท้ายประเทศไทยไม่ได้อะไรเลย แบบบ่อน้ำมันไทยเรานั้นล่ะ พวกมันเหล่านี้ปล้นชิงแย่งชิงเอาไปเป็นของพวกมันหมด นอกจากทหารไทยกองทัพไทยเราฆ่าสังหารคนขายชาติไทยทิ้งทั้งหมดจริงก่อน.
    เราสามารถผลิตยานบินอวกาศได้สบาย ฮับโรงงานผลิตยานอวกาศที่สำคัญอีกแห่งของโลก ยานลำเล็กๆขนาดพกพาก็คงไทยเรานี้ล่ะในอนาคต.,สารพิษแมร่งก็โคตรๆด้วยจากการสกัดเอามันออกมา.,ขยะมลพิษไม่ไทยก็อาเชียนเราเต็มๆนี้ล่ะ ,สุดท้ายประเทศไทยไม่ได้อะไรเลย แบบบ่อน้ำมันไทยเรานั้นล่ะ พวกมันเหล่านี้ปล้นชิงแย่งชิงเอาไปเป็นของพวกมันหมด นอกจากทหารไทยกองทัพไทยเราฆ่าสังหารคนขายชาติไทยทิ้งทั้งหมดจริงก่อน.
    สงครามชิง ‘Rare Earth’ สหรัฐ-จีน เปิดศึกใส่กันหนัก ไทยแลนด์ รอรับแรงกระแทก : ถอนหมุดข่าว 28-10-68
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.15

    ในทุกสังคม การอยู่ร่วมกันย่อมมีขอบเขตและกติกา กติกาที่แข็งแกร่งที่สุดคือ "ข้อห้าม" ซึ่งมิใช่เพียงคำแนะนำ แต่เป็นประกาศิตทางกฎหมายที่ระบุอย่างชัดเจนว่าการกระทำใดเป็นสิ่งต้องห้าม หากผู้ใดฝ่าฝืนเส้นแบ่งนี้ ย่อมต้องเผชิญกับผลลัพธ์ตามมา นั่นคือความรับผิดที่อาจนำไปสู่การลงโทษ การรับรู้และเคารพข้อห้ามจึงไม่ใช่แค่เรื่องของการทำตามกฎ แต่เป็นพื้นฐานสำคัญของการสร้างความสงบเรียบร้อยและความยุติธรรม ข้อห้ามนั้นมีขึ้นเพื่อปกป้องสิทธิ เสรีภาพ และความปลอดภัยของส่วนรวมและตัวเราเอง แม้บางครั้งอาจรู้สึกว่าเป็นการจำกัด แต่แท้จริงแล้วมันคือเกราะป้องกันที่ช่วยให้ชีวิตดำเนินไปได้โดยไม่เกิดความวุ่นวาย

    ในชีวิตประจำวัน เราอาจเห็นข้อห้ามในรูปแบบของป้ายสัญลักษณ์ หรือกฎระเบียบต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ทั่วไป ตั้งแต่การห้ามทิ้งขยะในที่สาธารณะ การห้ามขับรถฝ่าไฟแดง ไปจนถึงข้อห้ามที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมร้ายแรง ทุกข้อห้ามล้วนมีความมุ่งหมายเดียวกันคือการธำรงไว้ซึ่งระเบียบและศีลธรรมอันดีงามของสังคม การทำความเข้าใจในเจตนารมณ์ของข้อห้ามจะช่วยให้เราปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้องและมีสติ การตระหนักว่าการกระทำของเรามีผลกระทบต่อผู้อื่นและต่อสังคมโดยรวมเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง กฎหมายมิได้สร้างข้อห้ามขึ้นมาเพื่อรังแกใคร แต่เพื่อกำหนดบรรทัดฐานขั้นต่ำที่ทุกคนต้องยอมรับร่วมกัน เพื่อให้พื้นที่แห่งการอยู่ร่วมกันนี้เป็นพื้นที่ที่ทุกคนสามารถไว้วางใจและปลอดภัย

    ดังนั้น เมื่อเราเห็นป้ายเตือนหรือได้ยินถึงข้อห้ามใดๆ ขอให้พึงระลึกไว้เสมอว่าเบื้องหลังข้อความเหล่านั้นคือหลักการแห่งความรับผิดชอบต่อตนเองและส่วนรวม การเลือกที่จะไม่ฝ่าฝืนข้อห้ามคือการเลือกที่จะเป็นพลเมืองที่สร้างสรรค์และมีคุณค่า การเคารพกฎหมายและข้อห้ามมิได้ทำให้เราสูญเสียอิสรภาพ แต่กลับช่วยปกป้องอิสรภาพที่แท้จริงของเราไว้จากการกระทำที่ขาดความยั้งคิด เมื่อทุกคนตระหนักและปฏิบัติตาม สังคมย่อมขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความสงบสุขและเป็นธรรมอย่างยั่งยืน
    บทความกฎหมาย EP.15 ในทุกสังคม การอยู่ร่วมกันย่อมมีขอบเขตและกติกา กติกาที่แข็งแกร่งที่สุดคือ "ข้อห้าม" ซึ่งมิใช่เพียงคำแนะนำ แต่เป็นประกาศิตทางกฎหมายที่ระบุอย่างชัดเจนว่าการกระทำใดเป็นสิ่งต้องห้าม หากผู้ใดฝ่าฝืนเส้นแบ่งนี้ ย่อมต้องเผชิญกับผลลัพธ์ตามมา นั่นคือความรับผิดที่อาจนำไปสู่การลงโทษ การรับรู้และเคารพข้อห้ามจึงไม่ใช่แค่เรื่องของการทำตามกฎ แต่เป็นพื้นฐานสำคัญของการสร้างความสงบเรียบร้อยและความยุติธรรม ข้อห้ามนั้นมีขึ้นเพื่อปกป้องสิทธิ เสรีภาพ และความปลอดภัยของส่วนรวมและตัวเราเอง แม้บางครั้งอาจรู้สึกว่าเป็นการจำกัด แต่แท้จริงแล้วมันคือเกราะป้องกันที่ช่วยให้ชีวิตดำเนินไปได้โดยไม่เกิดความวุ่นวาย ในชีวิตประจำวัน เราอาจเห็นข้อห้ามในรูปแบบของป้ายสัญลักษณ์ หรือกฎระเบียบต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ทั่วไป ตั้งแต่การห้ามทิ้งขยะในที่สาธารณะ การห้ามขับรถฝ่าไฟแดง ไปจนถึงข้อห้ามที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมร้ายแรง ทุกข้อห้ามล้วนมีความมุ่งหมายเดียวกันคือการธำรงไว้ซึ่งระเบียบและศีลธรรมอันดีงามของสังคม การทำความเข้าใจในเจตนารมณ์ของข้อห้ามจะช่วยให้เราปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้องและมีสติ การตระหนักว่าการกระทำของเรามีผลกระทบต่อผู้อื่นและต่อสังคมโดยรวมเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง กฎหมายมิได้สร้างข้อห้ามขึ้นมาเพื่อรังแกใคร แต่เพื่อกำหนดบรรทัดฐานขั้นต่ำที่ทุกคนต้องยอมรับร่วมกัน เพื่อให้พื้นที่แห่งการอยู่ร่วมกันนี้เป็นพื้นที่ที่ทุกคนสามารถไว้วางใจและปลอดภัย ดังนั้น เมื่อเราเห็นป้ายเตือนหรือได้ยินถึงข้อห้ามใดๆ ขอให้พึงระลึกไว้เสมอว่าเบื้องหลังข้อความเหล่านั้นคือหลักการแห่งความรับผิดชอบต่อตนเองและส่วนรวม การเลือกที่จะไม่ฝ่าฝืนข้อห้ามคือการเลือกที่จะเป็นพลเมืองที่สร้างสรรค์และมีคุณค่า การเคารพกฎหมายและข้อห้ามมิได้ทำให้เราสูญเสียอิสรภาพ แต่กลับช่วยปกป้องอิสรภาพที่แท้จริงของเราไว้จากการกระทำที่ขาดความยั้งคิด เมื่อทุกคนตระหนักและปฏิบัติตาม สังคมย่อมขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความสงบสุขและเป็นธรรมอย่างยั่งยืน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • รองนายกฯ สุชาติ ดัน “Zero Food Waste” วาระแห่งชาติ สั่งอุทยานฯ ทั่วประเทศ ตั้งเป้าลดขยะอาหาร 50% ภายใน 4 เดือน
    https://www.thai-tai.tv/news/22078/
    .
    #ไทยไท #ZeroFoodWaste #สุชาติชมกลิ่น #ลดขยะอาหาร #วิกฤตโลกร้อน #ก๊าซมีเทน

    รองนายกฯ สุชาติ ดัน “Zero Food Waste” วาระแห่งชาติ สั่งอุทยานฯ ทั่วประเทศ ตั้งเป้าลดขยะอาหาร 50% ภายใน 4 เดือน https://www.thai-tai.tv/news/22078/ . #ไทยไท #ZeroFoodWaste #สุชาติชมกลิ่น #ลดขยะอาหาร #วิกฤตโลกร้อน #ก๊าซมีเทน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง คนวัดปรอท
    “คนวัดปรอท”

    สงสัยลูกกระเป๋งจะไปรายงานว่า มีคนนินทานักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ว่า ถึงกับไปไม่เป็น ยืนเซ่ออยู่กลางสี่แยก เมื่อเห็นนายกรัฐมนตรีรัสเซีย คุณหน้าเฉย Dmitry Medvedev ยิ้มหวาน ดมดอกไม้กับคุณแก้มยุ้ย นายกรัฐมนตรีไทยเมื่อต้นเดือนเมษานี้เอง เลยต้องรีบควานหา คนวัดปรอทคนใหม่ เอามานั่งวัดอุณหภูมิของทุกพรรค ทุกพวก ทุกกลุ่ม ทุกกอง ฯลฯ ในแดนสมันน้อยว่า มันร้อนไปทางไหน เย็นไปทางไหน เอาให้แน่ๆ เพราะคนเก่า ใช้ปรอทไม่เป็น ใช้เป็นแต่เซลฟี่ ฮา

    พณะโอบามา ออกข่าวเมื่อวันสงกรานต์นี่เองว่า จะเสนอให้นาย Glyn Townsend Davies ผู้ที่คร่ำหวอด อยู่ในกิจการต่างด้านประเทศ เรียกว่า เป็นนักการทูตมืออาชีพ มีประวัติการทำงานยาวเหยียด มาเป็นเอกอัครราชทูตอเมริกา ประจำราชอาณาจักรไทย ทำหน้าที่วัดปรอทการเมืองไทยทุกตารางนิ้วเสียใหม่ หลังจากที่ปล่อยให้สำนักถนนวิทยุเงียบเหงามากว่า 6 เดือน จนเสียรางวัดให้เขาดมดอกไม้ แย้มยิ้ม เหมือนเย้ยใคร

    ประวัติเด่นของนาย Davies ที่เขาบรรยายส่งมา ผมว่ารายการแรก ต้องยกให้เรื่องน้องคิมของผม ดูเหมือนนาย Davies นี่จะเป็นคนที่เอ็นดูน้องคิม เจ้าพ่อเกาหลีเหนือเป็นพิเศษ ดูแลนโยบายเกาหลีเหนือช่วงปี 2012-2014 และเคยสรุปเสนอรัฐสภาว่า ไม่เป็นประโยชน์อันใดที่จะพูดคุยกับน้องคิมให้รู้เรื่อง ถ้าอเมริกาอยากจะหารือเรื่องเกาหลี เหนือ โน่น ไปพบผู้ปกครองน้องคิม อาเฮียแห่งแผ่นดินใหญ่ จะรู้เรื่องเร็วกว่า แสดงว่า คนวัดปรอทคนนี้ น่าจะเป็นผู้ชำนาญงาน แหม แต่เหมาเอาง่ายๆ ว่า น้องคิมเป็นเด็กในปกครองของอา เฮีย นี่ ผมก็ไม่รู้นะ ว่าน้องเขาจะชอบใจไหม น้องเขาโตแล้ว เขาตัดสินใจเองได้น่า ว่าจะส่งของขวัญให้ใคร ที่ไหน และเมื่อไหร่ ฮาอีกที

    ประวัติเด่นรายการที่สอง นาย Davies เคยเป็นตัวแทน ของนักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ช่วงปี 2009-2012 ใน International Atomic Energy Agency (IAEA) หรือ ไอ้เออีเอ ที่เป็นไม้เบื่อ ไม้เมาของ Saddam แห่งอืรัค คอยตามตรวจว่า ซัดดัมมีนิวเคลียร์ติดตัวไว้กี่ลูก ผลการตรวจ ไม่เจอซักลูก แต่ดันได้น้ำมันไปหลายปั้ม คนอิรัคตายไปหลายแสน ไม่มีบ้านเหลือให้ซุกหัวอีกหลายล้านคน และตอนนี้ ไอ้เอกับอีเอ ก็กำลังรีรอ ว่า จะเป็นไม้เบื่อ หรือจะไปเมา กับอิหร่านดี อีกไม่กี่เดือนก็รู้กัน

    แต่ประวัติเรื่องนี้จะเอามาทำอะไรที่แดนสมันน้อยได้ครับ หรือจะมาดู ว่าการยิงบ้องไฟของเรานี่ จะเข้าข่ายที่ ไอ้เอกับอีเอมันข้องใจ

    ประวัติเด่นรายการที่สาม คือ เป็นผู้ดูแลกิจการด้านเอเซียตะวันออก และแปซิฟิก ช่วงปี 2006-2009 แสดงว่ารู้จักผู้คนแถบนี้ดี คงไม่น่าจะใช่ประเภท กางแขนเเป็นอีแร้ง รำวงให้คนไทยดู แบบยายกุ้งแห้ง อย่านึกว่าทำแบบนั้นแล้วคนไทยจะชอบนะครับ มีแต่ไอ้พวกสอพลอที่ชื่นชม ถามลุงแก่ๆอย่างผม ผมว่าน่าทุเรศครับ คนเราน่าจะเจริญพอ ที่คิดสร้างไมตรีด้วยวิธีอื่นได้ดีกว่านี้ นึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไร ก็อย่าส่งมาให้เสียรางวัดไปกว่าเดิมเลย แค่นี้ก็เขียนด่าจะไม่ทันอยู่แล้ว
    แต่ที่ผมสนใจประวัติ คนวัดปรอทคนนี้ คือแกเคยทำงานอยู่ในสภาความมั่นคง National Security Council ช่วงรัฐบาลคลินตัน ประธานาธิบดีขวัญใจเด็กฝึกงาน และจบปริญญาโทด้าน ยุทธศาสตร์ความมั่นคงของชาติ national security strategy จาก National War College

    และที่น่าสนใจ อีกเรื่อง คือ ข่าว ลงวันที่ 13 เมษายน 2015 ของThe Leaderboard ซึ่ง CogitAsia หน่วยงาน ของ CSIS Center for Strategic & International Studies ถังขยะความคิด ซึ่งเป็นเหมือนหน่วยราชการ ของอเมริกา ออกข่าวเกี่ยวกับการที่นายโอบามา เสนอชื่อคนวัดปรอทคนใหม่ของอเมริกา ประจำประเทศไทย โดยระบุว่า ประเทศไทย ซึ่งเคยเป็นพันธมิตร ที่แข็งแรงที่สุด ของอเมริกาในภูมิภาคนี้ แต่หลังจากการปฏิวัติของไทย เมื่อปี 2014 ความสัมพันธ์ของอเมริกากับไทย ก็สั่นคลอน ในฐานะนักการทูตมืออาชีพ นาย Davies จึงเป็นที่คาดหวังว่า เขาจะใช้ความรู้เกี่ยวกับวิกฤติทางการทูต ให้เป็นประโยชน์สำหรับสถานะการณ์ทางการเมืองของที่ยังมองอะไรไม่ชัดเจน….

    ทั้งหมดนี้ แปลว่าอะไรครับ แปลว่า อเมริกาปล่อยให้สมันน้อย หลุดมือไม่ได้เด็ดขาด รู้ว่า ยายกุ้งแห้งเซลฟี่ จะหมดเทอม อเมริกาก็ยังไม่หาใครมาแทน ทิ้งช่วงอยู่กว่า 6 เดือน เพื่อรอดูว่า การเมืองสมันน้อยจะไปทางไหนแน่ หลังจากมีการปฏิวัติ อเมริการอจนชัดเจนว่า สมันน้อยเริ่มมองโลกกว้าง ออกคบเพื่อนมากขึ้น รูปนายกแก้มยุ้ยของไทย จับมือ ยิ้มหวานกับอาเฮีย ก็ทำให้อเมริกาคิดหนักแล้ว แต่เมื่อนายกแก้มยุ้ย ชวนนายกหน้าเฉย จากรัสเซียดมดอกไม้นี่ อเมริกาคงตัดสินใจได้ ว่าควรจะรีบส่งคนวัดปรอท แบบผู้ชำนาญด้านยุทธศาสตร์ มาประจำการได้แล้ว

    แต่ถ้าอเมริกาคิดจะใช้ยุทธศาสตร์แบบเดิมๆ บีบคอสมันน้อย ให้ยืนนิ่งอยู่ในคอก แล้วสั่งซ้ายหัน ขวาหัน เหมือนอย่างเดิมน่าจะเป็นไปได้ยาก อเมริกายังยืนเซ่ออยู่กลางสี่แยกจริงๆ ยังอ่านไม่ออกว่า การเมืองของสมันน้อยหลังการปฏิวัติ และจากนี้ไป จะไปทางไหน ส่งพวกปากเสียมาเสือกหลายรอบ ต้ังแต่สมันน้อยปฏิวัติ แทนที่จะได้ผล ทำท่าจะเสียทั้งผลทั้งต้น เสียทั้งต้น นี่เรื่องใหญ่ อเมริการับไม่ได้หรอก

    ทางออกตอนนี้ ของนักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง จึงต้องส่งคนวัดปรอท ชนิดผู้ชำนาญการ มาทำการวัดปรอท ทุกตารางนิ้วในแดนสมันน้อยใหม่หมด และดูจากประสพการณ์ และการข่าว คนวัดปรอท คนใหม่นี้ น่าจะไม่ใช่แค่มายืนๆ เดินๆ แล้วเอาปรอทแหย่ปากสมันน้อย คนวัดปรอทอาจจะมีวิธี ทำให้ปรอทร้อน ถึงร้อนจัด หรือเย็นจัดในบางสถานที่ บางกลุ่มด้วย

    เราจึงต้องจับตาดูคนวัดปรอทคนใหม่นี้ให้ดี เรากำลังมุ่งหน้าที่จะออกมาจากคอก สู่การเป็นอิสระชนแล้ว ก็เดินอย่างสง่าผ่าเผย รักษาอธิปไตย และความเป็นกลางของประเทศให้ดี เมื่อรัฐบาลเลือกเดินนโยบายที่จะไม่ให้ใครมาจูงจมูก เราประชาชนก็สมควรสนับสนุน ไม่ใช่คิดแต่จะคบเพื่อน แค่คนใดคนหนึ่ง โดยเฉพาะด้วยแค่ความคุ้นเคย แถมให้มันบีบซ้ายกระตุกขวาได้อยู่เรื่อยๆ เราไม่ได้เป็นเมืองขึ้นใคร จะคบเพื่อนกี่คนก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของเรา ขอให้เพื่อนรู้จักเคารพ และเห็นคุณค่าของความเป็นเพื่อนกัน เรื่องในบ้านเพื่อนก็ให้เกียรติกันบ้าง อย่าเสือกทุกเรื่อง ยิ่งบางเรื่อง ไม่บังควร ผ่านมา 60 ปี ยังไม่เรียนรู้ จะเป็นเพื่อนกันต่อไปทำไม
    อย่านึกว่าสมันน้อยโง่หมด สีที่ฟอกย้อมไว้ มันถลอกลอกไปแยะแล้ว เพราะพฤติกรรมความเสือก ความตะกระ ความกร่าง ความเจ้าเล่ห์ ของอเมริกาเองนั่นแหละ

    จะมาเดินวัดปรอทกันใหม่ ก็หัดเรียนรู้ใหม่ ไอ้พวกที่ชอบมาอ่านเพจผม แล้วรวนเครื่องผม อย่ารวนเปล่า นายใหม่จะมาแล้ว แปลไว้ให้อ่านเลย จะได้ประหยัดเวลามาวัดปรอทแถวนี้

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    15 เม.ย. 2558
    เรื่อง คนวัดปรอท “คนวัดปรอท” สงสัยลูกกระเป๋งจะไปรายงานว่า มีคนนินทานักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ว่า ถึงกับไปไม่เป็น ยืนเซ่ออยู่กลางสี่แยก เมื่อเห็นนายกรัฐมนตรีรัสเซีย คุณหน้าเฉย Dmitry Medvedev ยิ้มหวาน ดมดอกไม้กับคุณแก้มยุ้ย นายกรัฐมนตรีไทยเมื่อต้นเดือนเมษานี้เอง เลยต้องรีบควานหา คนวัดปรอทคนใหม่ เอามานั่งวัดอุณหภูมิของทุกพรรค ทุกพวก ทุกกลุ่ม ทุกกอง ฯลฯ ในแดนสมันน้อยว่า มันร้อนไปทางไหน เย็นไปทางไหน เอาให้แน่ๆ เพราะคนเก่า ใช้ปรอทไม่เป็น ใช้เป็นแต่เซลฟี่ ฮา พณะโอบามา ออกข่าวเมื่อวันสงกรานต์นี่เองว่า จะเสนอให้นาย Glyn Townsend Davies ผู้ที่คร่ำหวอด อยู่ในกิจการต่างด้านประเทศ เรียกว่า เป็นนักการทูตมืออาชีพ มีประวัติการทำงานยาวเหยียด มาเป็นเอกอัครราชทูตอเมริกา ประจำราชอาณาจักรไทย ทำหน้าที่วัดปรอทการเมืองไทยทุกตารางนิ้วเสียใหม่ หลังจากที่ปล่อยให้สำนักถนนวิทยุเงียบเหงามากว่า 6 เดือน จนเสียรางวัดให้เขาดมดอกไม้ แย้มยิ้ม เหมือนเย้ยใคร ประวัติเด่นของนาย Davies ที่เขาบรรยายส่งมา ผมว่ารายการแรก ต้องยกให้เรื่องน้องคิมของผม ดูเหมือนนาย Davies นี่จะเป็นคนที่เอ็นดูน้องคิม เจ้าพ่อเกาหลีเหนือเป็นพิเศษ ดูแลนโยบายเกาหลีเหนือช่วงปี 2012-2014 และเคยสรุปเสนอรัฐสภาว่า ไม่เป็นประโยชน์อันใดที่จะพูดคุยกับน้องคิมให้รู้เรื่อง ถ้าอเมริกาอยากจะหารือเรื่องเกาหลี เหนือ โน่น ไปพบผู้ปกครองน้องคิม อาเฮียแห่งแผ่นดินใหญ่ จะรู้เรื่องเร็วกว่า แสดงว่า คนวัดปรอทคนนี้ น่าจะเป็นผู้ชำนาญงาน แหม แต่เหมาเอาง่ายๆ ว่า น้องคิมเป็นเด็กในปกครองของอา เฮีย นี่ ผมก็ไม่รู้นะ ว่าน้องเขาจะชอบใจไหม น้องเขาโตแล้ว เขาตัดสินใจเองได้น่า ว่าจะส่งของขวัญให้ใคร ที่ไหน และเมื่อไหร่ ฮาอีกที ประวัติเด่นรายการที่สอง นาย Davies เคยเป็นตัวแทน ของนักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ช่วงปี 2009-2012 ใน International Atomic Energy Agency (IAEA) หรือ ไอ้เออีเอ ที่เป็นไม้เบื่อ ไม้เมาของ Saddam แห่งอืรัค คอยตามตรวจว่า ซัดดัมมีนิวเคลียร์ติดตัวไว้กี่ลูก ผลการตรวจ ไม่เจอซักลูก แต่ดันได้น้ำมันไปหลายปั้ม คนอิรัคตายไปหลายแสน ไม่มีบ้านเหลือให้ซุกหัวอีกหลายล้านคน และตอนนี้ ไอ้เอกับอีเอ ก็กำลังรีรอ ว่า จะเป็นไม้เบื่อ หรือจะไปเมา กับอิหร่านดี อีกไม่กี่เดือนก็รู้กัน แต่ประวัติเรื่องนี้จะเอามาทำอะไรที่แดนสมันน้อยได้ครับ หรือจะมาดู ว่าการยิงบ้องไฟของเรานี่ จะเข้าข่ายที่ ไอ้เอกับอีเอมันข้องใจ ประวัติเด่นรายการที่สาม คือ เป็นผู้ดูแลกิจการด้านเอเซียตะวันออก และแปซิฟิก ช่วงปี 2006-2009 แสดงว่ารู้จักผู้คนแถบนี้ดี คงไม่น่าจะใช่ประเภท กางแขนเเป็นอีแร้ง รำวงให้คนไทยดู แบบยายกุ้งแห้ง อย่านึกว่าทำแบบนั้นแล้วคนไทยจะชอบนะครับ มีแต่ไอ้พวกสอพลอที่ชื่นชม ถามลุงแก่ๆอย่างผม ผมว่าน่าทุเรศครับ คนเราน่าจะเจริญพอ ที่คิดสร้างไมตรีด้วยวิธีอื่นได้ดีกว่านี้ นึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไร ก็อย่าส่งมาให้เสียรางวัดไปกว่าเดิมเลย แค่นี้ก็เขียนด่าจะไม่ทันอยู่แล้ว แต่ที่ผมสนใจประวัติ คนวัดปรอทคนนี้ คือแกเคยทำงานอยู่ในสภาความมั่นคง National Security Council ช่วงรัฐบาลคลินตัน ประธานาธิบดีขวัญใจเด็กฝึกงาน และจบปริญญาโทด้าน ยุทธศาสตร์ความมั่นคงของชาติ national security strategy จาก National War College และที่น่าสนใจ อีกเรื่อง คือ ข่าว ลงวันที่ 13 เมษายน 2015 ของThe Leaderboard ซึ่ง CogitAsia หน่วยงาน ของ CSIS Center for Strategic & International Studies ถังขยะความคิด ซึ่งเป็นเหมือนหน่วยราชการ ของอเมริกา ออกข่าวเกี่ยวกับการที่นายโอบามา เสนอชื่อคนวัดปรอทคนใหม่ของอเมริกา ประจำประเทศไทย โดยระบุว่า ประเทศไทย ซึ่งเคยเป็นพันธมิตร ที่แข็งแรงที่สุด ของอเมริกาในภูมิภาคนี้ แต่หลังจากการปฏิวัติของไทย เมื่อปี 2014 ความสัมพันธ์ของอเมริกากับไทย ก็สั่นคลอน ในฐานะนักการทูตมืออาชีพ นาย Davies จึงเป็นที่คาดหวังว่า เขาจะใช้ความรู้เกี่ยวกับวิกฤติทางการทูต ให้เป็นประโยชน์สำหรับสถานะการณ์ทางการเมืองของที่ยังมองอะไรไม่ชัดเจน…. ทั้งหมดนี้ แปลว่าอะไรครับ แปลว่า อเมริกาปล่อยให้สมันน้อย หลุดมือไม่ได้เด็ดขาด รู้ว่า ยายกุ้งแห้งเซลฟี่ จะหมดเทอม อเมริกาก็ยังไม่หาใครมาแทน ทิ้งช่วงอยู่กว่า 6 เดือน เพื่อรอดูว่า การเมืองสมันน้อยจะไปทางไหนแน่ หลังจากมีการปฏิวัติ อเมริการอจนชัดเจนว่า สมันน้อยเริ่มมองโลกกว้าง ออกคบเพื่อนมากขึ้น รูปนายกแก้มยุ้ยของไทย จับมือ ยิ้มหวานกับอาเฮีย ก็ทำให้อเมริกาคิดหนักแล้ว แต่เมื่อนายกแก้มยุ้ย ชวนนายกหน้าเฉย จากรัสเซียดมดอกไม้นี่ อเมริกาคงตัดสินใจได้ ว่าควรจะรีบส่งคนวัดปรอท แบบผู้ชำนาญด้านยุทธศาสตร์ มาประจำการได้แล้ว แต่ถ้าอเมริกาคิดจะใช้ยุทธศาสตร์แบบเดิมๆ บีบคอสมันน้อย ให้ยืนนิ่งอยู่ในคอก แล้วสั่งซ้ายหัน ขวาหัน เหมือนอย่างเดิมน่าจะเป็นไปได้ยาก อเมริกายังยืนเซ่ออยู่กลางสี่แยกจริงๆ ยังอ่านไม่ออกว่า การเมืองของสมันน้อยหลังการปฏิวัติ และจากนี้ไป จะไปทางไหน ส่งพวกปากเสียมาเสือกหลายรอบ ต้ังแต่สมันน้อยปฏิวัติ แทนที่จะได้ผล ทำท่าจะเสียทั้งผลทั้งต้น เสียทั้งต้น นี่เรื่องใหญ่ อเมริการับไม่ได้หรอก ทางออกตอนนี้ ของนักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง จึงต้องส่งคนวัดปรอท ชนิดผู้ชำนาญการ มาทำการวัดปรอท ทุกตารางนิ้วในแดนสมันน้อยใหม่หมด และดูจากประสพการณ์ และการข่าว คนวัดปรอท คนใหม่นี้ น่าจะไม่ใช่แค่มายืนๆ เดินๆ แล้วเอาปรอทแหย่ปากสมันน้อย คนวัดปรอทอาจจะมีวิธี ทำให้ปรอทร้อน ถึงร้อนจัด หรือเย็นจัดในบางสถานที่ บางกลุ่มด้วย เราจึงต้องจับตาดูคนวัดปรอทคนใหม่นี้ให้ดี เรากำลังมุ่งหน้าที่จะออกมาจากคอก สู่การเป็นอิสระชนแล้ว ก็เดินอย่างสง่าผ่าเผย รักษาอธิปไตย และความเป็นกลางของประเทศให้ดี เมื่อรัฐบาลเลือกเดินนโยบายที่จะไม่ให้ใครมาจูงจมูก เราประชาชนก็สมควรสนับสนุน ไม่ใช่คิดแต่จะคบเพื่อน แค่คนใดคนหนึ่ง โดยเฉพาะด้วยแค่ความคุ้นเคย แถมให้มันบีบซ้ายกระตุกขวาได้อยู่เรื่อยๆ เราไม่ได้เป็นเมืองขึ้นใคร จะคบเพื่อนกี่คนก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของเรา ขอให้เพื่อนรู้จักเคารพ และเห็นคุณค่าของความเป็นเพื่อนกัน เรื่องในบ้านเพื่อนก็ให้เกียรติกันบ้าง อย่าเสือกทุกเรื่อง ยิ่งบางเรื่อง ไม่บังควร ผ่านมา 60 ปี ยังไม่เรียนรู้ จะเป็นเพื่อนกันต่อไปทำไม อย่านึกว่าสมันน้อยโง่หมด สีที่ฟอกย้อมไว้ มันถลอกลอกไปแยะแล้ว เพราะพฤติกรรมความเสือก ความตะกระ ความกร่าง ความเจ้าเล่ห์ ของอเมริกาเองนั่นแหละ จะมาเดินวัดปรอทกันใหม่ ก็หัดเรียนรู้ใหม่ ไอ้พวกที่ชอบมาอ่านเพจผม แล้วรวนเครื่องผม อย่ารวนเปล่า นายใหม่จะมาแล้ว แปลไว้ให้อ่านเลย จะได้ประหยัดเวลามาวัดปรอทแถวนี้ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 15 เม.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 291 มุมมอง 0 รีวิว
  • “NetBSD ขอแรงชุมชน – ระดมทุนโค้งสุดท้ายก่อนสิ้นปีเพื่อพัฒนาระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์สให้ทันสมัย”

    ในช่วงปลายปี 2025 Jay Patel สมาชิกชุมชน NetBSD ได้ส่งข้อความถึงผู้ใช้งานทั่วโลกผ่าน mailing list เพื่อขอแรงสนับสนุนครั้งสุดท้ายในการระดมทุนให้กับ The NetBSD Foundation ซึ่งขณะนี้ยังขาดอีกกว่า 39,000 ดอลลาร์จากเป้าหมาย 50,000 ดอลลาร์ประจำปี

    NetBSD เป็นระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์สที่มีจุดเด่นด้านความเสถียร ความปลอดภัย และความสามารถในการทำงานบนฮาร์ดแวร์หลากหลาย ตั้งแต่เครื่องรุ่นใหม่ไปจนถึงอุปกรณ์เก่า ๆ ที่ถูกนำกลับมาใช้งานอีกครั้ง เช่น เป็นไฟร์วอลล์ เซิร์ฟเวอร์ หรือเครื่องเล่นเกมย้อนยุค

    การระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้กับโครงการสำคัญ เช่น:
    การรองรับสถาปัตยกรรม RISC-V ที่กำลังมาแรงในวงการฮาร์ดแวร์โอเพ่นซอร์ส
    การปรับปรุงระบบ Wi-Fi ครั้งใหญ่ เพื่อให้ NetBSD ใช้งานได้สะดวกขึ้นบนแล็ปท็อปและอุปกรณ์ฝังตัว

    Jay เน้นว่า NetBSD ไม่ใช่แค่ระบบปฏิบัติการ แต่เป็นพลังแห่งความยั่งยืนในยุคที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ถูกทิ้งอย่างรวดเร็ว การที่ NetBSD สามารถทำงานบนเครื่องเก่าได้ดี ช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ

    การระดมทุนของ The NetBSD Foundation
    เป้าหมายปี 2025 คือ 50,000 ดอลลาร์
    ขณะนี้ระดมทุนได้แล้ว 10,738 ดอลลาร์
    ยังขาดอีก 39,262 ดอลลาร์ก่อนสิ้นปี

    โครงการที่ต้องการการสนับสนุน
    รองรับสถาปัตยกรรม RISC-V
    ปรับปรุงระบบ Wi-Fi ให้ทันสมัยและใช้งานได้ดีขึ้น

    จุดเด่นของ NetBSD
    ทำงานได้บนฮาร์ดแวร์หลากหลาย ทั้งใหม่และเก่า
    ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์โดยนำอุปกรณ์เก่ากลับมาใช้งาน
    ใช้เป็นไฟร์วอลล์ เซิร์ฟเวอร์ หรือเครื่องเล่นเกมย้อนยุค

    การมีส่วนร่วมของชุมชน
    ผู้ใช้สามารถบริจาคผ่านเว็บไซต์ของ NetBSD
    แชร์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียด้วยแฮชแท็ก #WhyIRunNetBSD

    คำเตือนสำหรับผู้สนใจสนับสนุน
    หากไม่ถึงเป้าหมาย อาจกระทบต่อการพัฒนาโครงการสำคัญในปีหน้า
    การไม่ปรับปรุงระบบ Wi-Fi อาจทำให้ NetBSD ใช้งานบนแล็ปท็อปได้ยากขึ้น
    การไม่รองรับ RISC-V อาจทำให้ NetBSD ตกขบวนเทคโนโลยีโอเพ่นซอร์สใหม่

    https://mail-index.netbsd.org/netbsd-users/2025/10/26/msg033327.html
    📰 “NetBSD ขอแรงชุมชน – ระดมทุนโค้งสุดท้ายก่อนสิ้นปีเพื่อพัฒนาระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์สให้ทันสมัย” ในช่วงปลายปี 2025 Jay Patel สมาชิกชุมชน NetBSD ได้ส่งข้อความถึงผู้ใช้งานทั่วโลกผ่าน mailing list เพื่อขอแรงสนับสนุนครั้งสุดท้ายในการระดมทุนให้กับ The NetBSD Foundation ซึ่งขณะนี้ยังขาดอีกกว่า 39,000 ดอลลาร์จากเป้าหมาย 50,000 ดอลลาร์ประจำปี NetBSD เป็นระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์สที่มีจุดเด่นด้านความเสถียร ความปลอดภัย และความสามารถในการทำงานบนฮาร์ดแวร์หลากหลาย ตั้งแต่เครื่องรุ่นใหม่ไปจนถึงอุปกรณ์เก่า ๆ ที่ถูกนำกลับมาใช้งานอีกครั้ง เช่น เป็นไฟร์วอลล์ เซิร์ฟเวอร์ หรือเครื่องเล่นเกมย้อนยุค การระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้กับโครงการสำคัญ เช่น: 🎗️ การรองรับสถาปัตยกรรม RISC-V ที่กำลังมาแรงในวงการฮาร์ดแวร์โอเพ่นซอร์ส 🎗️ การปรับปรุงระบบ Wi-Fi ครั้งใหญ่ เพื่อให้ NetBSD ใช้งานได้สะดวกขึ้นบนแล็ปท็อปและอุปกรณ์ฝังตัว Jay เน้นว่า NetBSD ไม่ใช่แค่ระบบปฏิบัติการ แต่เป็นพลังแห่งความยั่งยืนในยุคที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ถูกทิ้งอย่างรวดเร็ว การที่ NetBSD สามารถทำงานบนเครื่องเก่าได้ดี ช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ✅ การระดมทุนของ The NetBSD Foundation ➡️ เป้าหมายปี 2025 คือ 50,000 ดอลลาร์ ➡️ ขณะนี้ระดมทุนได้แล้ว 10,738 ดอลลาร์ ➡️ ยังขาดอีก 39,262 ดอลลาร์ก่อนสิ้นปี ✅ โครงการที่ต้องการการสนับสนุน ➡️ รองรับสถาปัตยกรรม RISC-V ➡️ ปรับปรุงระบบ Wi-Fi ให้ทันสมัยและใช้งานได้ดีขึ้น ✅ จุดเด่นของ NetBSD ➡️ ทำงานได้บนฮาร์ดแวร์หลากหลาย ทั้งใหม่และเก่า ➡️ ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์โดยนำอุปกรณ์เก่ากลับมาใช้งาน ➡️ ใช้เป็นไฟร์วอลล์ เซิร์ฟเวอร์ หรือเครื่องเล่นเกมย้อนยุค ✅ การมีส่วนร่วมของชุมชน ➡️ ผู้ใช้สามารถบริจาคผ่านเว็บไซต์ของ NetBSD ➡️ แชร์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียด้วยแฮชแท็ก #WhyIRunNetBSD ‼️ คำเตือนสำหรับผู้สนใจสนับสนุน ⛔ หากไม่ถึงเป้าหมาย อาจกระทบต่อการพัฒนาโครงการสำคัญในปีหน้า ⛔ การไม่ปรับปรุงระบบ Wi-Fi อาจทำให้ NetBSD ใช้งานบนแล็ปท็อปได้ยากขึ้น ⛔ การไม่รองรับ RISC-V อาจทำให้ NetBSD ตกขบวนเทคโนโลยีโอเพ่นซอร์สใหม่ https://mail-index.netbsd.org/netbsd-users/2025/10/26/msg033327.html
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง ปั่นหัวเสี่ยปั้ม
    “ปั่นหัวเสี่ยปั้ม”

    (1)

    ตะวันออกกลางร้อนระอุขึ้นมาอีกแล้ว เมื่อเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุ ดิ ทนร้อนไม่ไหว ลุกออกมาไล่ถล่มพวก Houthi ในเยเมน แหม เสี่ยก็ใจร้อนไปได้ ช่วงนี้ที่ไหนๆ ก็ร้อนทั้งนั้น อุณหภูมิบ้านสมันน้อย ยังพุ่งปรืดร้อนไปถึง 44 องศาเลยคร้าบ

    ทำไมเสี่ยซาอุต้องเป็นเดือดเป็นร้อน ที่พวก Houthi เขาจะลุกขึ้นมาขับไล่รัฐบาลมืออ่อนในบ้านของเขา

    Foreign Affairs นิตยสาร ของ Council on Foreign Relations (CFR) ถังขยะความคิดจอมจุ้น ลงบทความเรื่อง Houthi and the Blowback เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ค.ศ 2015 นี้ บอกว่า ซาอุดิกำลังใช้กระสุนนัดเดียวยิงนกหลายตัว ซาอุดิถือว่า การที่พวก Houthi กล้าลุกหือขึ้นมาสู้กับรัฐบาลตัวก็เพราะมีลูกพี่อิหร่าน เสี่ยนิวเคลียร์ยุแยง ถ้าเสี่ยใหญ่ซาอุทำเฉย ก็เหมือนจะยอมให้อิหร่านขี่คอ แต่ถ้าปราบ Houthi ให้หมอบราบได้ บารมีของเสี่ยใหญ่ซาอุ ก็จะฉายแสงสำแดงรัศมี ให้ลูกกระเป๋งแถบอ่าว Gulf Cooperation Coucil (GCC) นับถือในความเป็นพี่ใหญ่ของเสี่ยซาอุ ที่สามารถจัดระเบียบในตะวันออกกลางได้ โดยไม่ต้องประสาทหลอนกันว่า เรื่องมันจะบานปลาย เพราะความไม่สมดุลยของอำนาจในตะวันออกกลาง ระหว่างซาอุดิอารเบียกับอิหร่าน หมายความว่าไม่ได้กลัวอิหร่านจนหดหมดอีกแล้ว

    ถังขยะความคิด CFR ซึ่งเหมือนเป็นผู้ออกใบสั่งนโยบาย ของไอ้นักล่า บอกว่า เสี่ยปั้มทำได้น่า ยิงมันแรงๆ นัดเดียว แล้วได้นกหลายตัวน่ะ ถ้าเล่นให้เป็น ยิงให้แม่น มันจะเป็นการช่วยไม่ให้สถานการณ์การเมืองในตะวันออกกลาง ร้อนฉ่าขึ้นไปอีก เพราะเสี่ยใหญ่ จะกลายเป็นผู้คุมตะวันออกกลาง

    นี่มันปั่นให้พวกเสี่ยตะวันออกกลางเขาขี่อูฐมาชนกันเองนี่หว่า ไอ้นักล่าใบตองแห้งสงสัยมีแผนชั่ว

    เยเมน เป็นหนามตำใจของซาอุดิ และกลุ่มประเทศที่อยู่ริมอ่าว รวมทั้งโอมาน มาตั้งแต่ เยเมนตั้งประเทศแล้ว เพราะรสนิยมเยเมน ออกไปทางชอบสีแดง ฝักฝ่ายในลัทธิมาร์กซ ฯลฯ แถมระยะหลัง ยังพ่วงเอาพวกกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง พวกอัลกออิดะ เข้าไปสามัคคีชุมนุมกันอีกด้วย ยิ่งทำให้ ซาอุดิอารเบียที่หลังบ้านติดกับเยเมน นอนหลับแบบผวา ไม่ว่านอนกลางวัน หรือนอนกลางคืน ยิ่งมาเห็น พวก Houthi ทำท่าจะชนะในการไล่รัฐบาลของตัว เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน คนรวยแต่ขวัญอ่อน ก็ยิ่งผวาหนัก

    นี่ถ้า Houthi ซึ่งเป็นชีอ่ะ และมีอิหร่านหนุน ยึดเยเมนไปได้ พวกเรามิควันโขมงทั้งเมืองหรือ เสี่ยซาอุจึงต้องสั่งระดมพลพรรค ลูกกระเป๋ง ทั้งหลาย เช่น บาห์เรน อียิปต์ จอร์แดน คูเวต มอรอคโค ปากีสถาน กาต้าร์ ซูดาน เอมิเรต มาช่วยกันสำแดงเดช ไม่ให้พวก Houthi ยึดครองเยเมน และมาปิดอ่าวเอเดน Gulf of Aden ด้านเยเมน
    เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุ โวยข้ามทะเลทรายให้เข้าหูท่านประธานาธิบดีนักล่าใบตองแห้งว่า การใช้กำลังทางอากาศของพวกเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ไม่แน่ว่าจะสามารถจัดการให้เรื่องราวในเยเมนสงบราบเรียบได้หรอกนะ และถ้ามันไม่สงบ ผลกระทบของมันจะบานไปในหลายประเทศเลย และรัศมีอิทธิพลของเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ก็จะแผ่วลงอย่างน่าใจหาย ไอ้ที่จะให้เสี่ยใหญ่ดูแลเด็กๆแถวอ่าว พวก GCC คงเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ ที่สำคัญ มันจะไปกระตุ้นต่อมฮึกเหิมของอิหร่านเสี่ยนิวเคลียร์อย่างช่วยไม่ได้ และแน่นอนเสี่ยนิวเคลียร์ก็คงแบ่งเอาความฮึกเหิมไปทิ้งใว้ใน อิรัค ซีเรีย เลบานอน เยเมน และที่อื่นๆ อีก คิดแล้วเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันก็รันทดใจ รวยซะเปล่า แต่หามีความสุขไม่ มันเป็นการรำพึงที่น่าสนใจ ว่านักล่าใบตองแห้งจะตอบรับอย่างไร

    ถังขยะความคิดรีบเติมเชื้อ กลัวเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันจะระทมไม่พอ บอกว่า อะไรกัน สัมพันธ์ระหว่าง ซาอุดิกับอเมริกาก็ยังแข็งแรง ไม่ได้สั่นคลอนเสียหน่อย ไม่ต้อง ป ส ด ไปก่อน และที่คนแถวนี้พูดกันลั่นไปหมดว่า อเมริกากำลังประะเคนข้อเสนอใส่ถาดทองให้อิหร่าน แลกกับข้อตกลงเรื่องนิวเคลียร์ มันเป็นแค่ข่าวลือเข้าใจไหม คิดมากไปได้น่าเสี่ย

    แม้หลายคน ในรัฐบาลใบตองแห้ง อาจจะบอกว่า เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ทำเกินไป ไม่ควรจะต้องไปยกระดับ ยกกำลัง ไปให้ความสำคัญกับพวก Houthi ถึงขนาดนี้ ซึ่งจะทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ทั้งในบ้านตัวเองและในภูมิภาค แต่ในความเป็นจริงด้านยุทธศาสตร์แล้ว เสี่ยใหญ่ไม่ได้ทำพลาดเรื่องเยเมน มันสมควรแล้วที่เสี่ยใหญ่จะต้องประสาทรับประทาน สถานการณ์ในเยเมน เป็นเรื่องคอขาดบาดตายของซาอุดิอารเบียทีเดียว

    อันที่จริงไม่ใช่เรื่องคอขาดของเสี่ยปั้มน้ำมันฝ่ายเดียว

    หากเยเมน ยอมให้อิหร่านมานั่งสบายใจอยู่ที่ Bab El Mandebของเยเมน ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือระหว่าง Red sea (ทะเลแดง) อ่าวเอเดน ( Gulf of Aden) และคลองสุเอซ ซึ่งอิหร่านได้พยายามที่จะควบคุมช่องแคบฮอร์มุซ (Strait of Hormuz) ซึ่งเกือบหนึ่งในสี่ ของน้ำมันโลก จะต้องผ่าน แทนที่จะกล่าวหาว่าเสี่ยใหญ่ซาอุ ป ส ด ทางวอชิงตันนั่นแหละ ควรทบทวนท่าทีของตนบ้าง หรือทางวอชิตันมีแผนอะไร ที่เสี่ยใหญ่ไม่รู้ ไม่เฉลียวใจ

    (2)

    ไปเอาแผนที่มาดูกันหน่อย จะได้เข้าใจหัวอกเสี่ยใหญ่ซาอุว่า ขวัญแข็ง หรือขวัญอ่อน ประสาทรับประทาน

    ด้านเหนือของซาอุดิอารเบียติดกับจอร์แดน ซี่งเป็นเด็กอยู่ในบัญชีรายจ่าย ของเสี่ยใหญ่ซาอุ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องห่วง ตัดทิ้งไปได้ ถัดไปเป็น อิรัค และเหนืออิรัคเป็นเลบานอน ทั้ง 2 ประเทศ เสี่ยใหญ่ซาอุ กล่าวหา (หรือเป็นเรื่องจริง ! ) ว่า อยู่ในบัญชีรายจ่ายของอิหร่านเสี่ยนิวเคลียร์ ถ้าเป็นเรื่องจริง และถ้าเยเมนตกไปอยู่ในมือ Houthi ซึ่งซาอุก็ว่าอิหร่านสนับสนุนด้วย เช่นกัน ถ้าเด็กในบัญชีอิหร่าน ทั้ง 3 รายการ จับมือกัน ซาอุดิ เท่ากับถูกล็อก ทั้งข้างบนข้างล่าง และประตูออกทะเลของ ซาอุดิอารเบียจะถูกบีบเหลือให้ออกด้านเดียว คือออกได้เฉพาะทางอ่าวเปอร์เซีย

    แปลว่าอะไรครับ แปลว่าซาอุดิอารเบียถูกบีบให้ไป เดินผ่านปากของอิหร่าน ไปสู่ทะเลที่ อ่าวโอมานเท่านั้น ผ่านกลุ่มประเทศแถบอ่าว เช่น บาห์เรน การ์ต้า อามิเรต โอมาน ฯลฯ แล้วไปออกอ่าว แถบนั้นเต็มไปด้วยฐานทัพอากาศ และฐานทัพเรือที่ประเทศเหล่านั้น ยอมให้อเมริกาขนกองกำลัง ขนอาวุธมาตั้งอยูเต็ม เพื่อเป็นการดักคออิหร่านไว้ และด้วยความพร้อมใจของพวกเสี่ยคนรวย แต่ขวัญอ่อนทั้งหลาย ที่อยากอุ่นอยู่ในเงื้อมมือของนักล่าใบตองแห้ง เออ แดดทะเลทรายมันคงแรงจริง พวกเสี่ยเขาถึงคิดได้เพี้ยนกันแบบนั้น
    ดูๆก็ ไม่น่าจะเป็นปัญหากับเสี่ยใหญ่ซาอุ ที่มีฐานทัพนักล่าใบตองแห้งอยู่เต็มแถบปากอ่าว แต่เมื่อมันเยื้องอยู่กับปากอิหร่าน ก็ต้องถามเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุว่า ด่าอิหร่านเอาไว้แยะ กล้าเดินผ่านปากเขาไหม หรือว่ากล้า เพราะมีฐานทัพของยอดรักนักล่าใบตองแห้ง ต้ังฐานกระจายไว้เต็มอยู่ตรงแถบนั้น

    เสี่ยก็คิดให้ดีแล้วกันว่า ยามนี้มีฐานทัพของไอ้นักล่าใบตองแห้งอยู่ใกล้ตัว มันเป็นโชคดีหรือโชคร้าย เผลอๆจะเป็นตัวล่อเป้า ไม่ใช่เฉพาะแต่ตัวเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันเท่าน้ันนะ ที่ต้องระวัง ลูกกระเป๋งที่เอาใจเจ้านายให้เขามาตั้งฐานทัพน่ะอยู่ริมอ่าวน่ะ ระวังจะโดนทะลายหายไปพร้อมกับฐานทัพด้วย

    Duncan Campbell สื่อกัดติดเรื่องของนาย Edward Snowden จอมแฉ รายงานว่า จากข้อมูลที่จอมแฉทะยอยปล่อยออกมา เมือง Seeb ในรัฐโอมาน เป็นชุมสายใหญ่ของสายไยแก้ว fiber optic ชื่อรหัส CIRCUIT ที่โอมานยอมให้ GCHQ (Government Communication Headquarters) ของอังกฤษ มาติดตั้งระบบ CIRCUIT ของ ECHELON เครื่องดักสัญญานสุดยอดไว้ตั้งแต่ปี 2009 เพื่อเก็บข้อมูลทุกชิ้นที่ผ่าน ไปมาในแถบนั้น และแชร์ข้อมูลกับพวก 5 ตา the Five Eyes คือ อเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา หลังจากนั้นข้อมูลจะวิ่งขึ้นฝั่งไปถูกเก็บอยู่ที่ คอนวอล (Cornwall) ของอังกฤษ เหมือนกับที่ไปติดตั้งไว้ที่สวีเดน คอยดักข้อมูลของรัสเซีย

    คราวนี้ คงคอยดักข้อมูลของอิหร่านที่อยู่เยื้องกัน แถมเส้นทางเดินเรือแถบน้ัน อาเฮียของคุณพี่ปูตินเขาก็ชอบใช้ขนน้ำมันจากอาฟริกาไปจีน เรื่องดักฟังที่สวีเดน เขาว่าทำให้สวีเดนได้รับการเยี่ยมเยียน จากเรือดำน้ำรัสเซียถึงหน้ากรุงสต๊อกโฮม คราวนี้ ไม่รู้อาเฮียและอิหร่าน และ ฯลฯ จะส่งอะไรไปเยี่ยมโอมาน

    แค่มีฐานทัพของไอ้นักล่าใบตองแห้ง อยู่แถบอ่าว ก็เป็นเป้าล่อพอแล้ว คราวนี้ยังมี ลูกปิงปอง ECHELON เครื่องดักสัญญานเป็นสายล่อฟ้า คอยอยู่ที่โอมาน ผมก็กลุ้มใจแทนเสี่ยใหญ่ปั้มนำ้มันซาอุจริงๆ ว่าจะตัดสินใจเดินทางไหน ที่จะทำให้ไม่ต้องทุกข์ระทม แต่ดูจากเรื่องราว และบทความของ Foreign Affairs แล้ว ผมคลับคล้าย คราวนี้ เสี่ยใหญ่ซาอุ จะถูกหลอกใช้ ให้เป็นเครื่องสังเวยยังไงไม่รู้ เขามีแผนอยากได้แต่ปั้มน้ำมัน ไม่อยากได้คนคุมปั้มติดไปด้วย เสี่ยพอนึกออกไหมครับ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    3 เม.ย. 2558
    เรื่อง ปั่นหัวเสี่ยปั้ม “ปั่นหัวเสี่ยปั้ม” (1) ตะวันออกกลางร้อนระอุขึ้นมาอีกแล้ว เมื่อเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุ ดิ ทนร้อนไม่ไหว ลุกออกมาไล่ถล่มพวก Houthi ในเยเมน แหม เสี่ยก็ใจร้อนไปได้ ช่วงนี้ที่ไหนๆ ก็ร้อนทั้งนั้น อุณหภูมิบ้านสมันน้อย ยังพุ่งปรืดร้อนไปถึง 44 องศาเลยคร้าบ ทำไมเสี่ยซาอุต้องเป็นเดือดเป็นร้อน ที่พวก Houthi เขาจะลุกขึ้นมาขับไล่รัฐบาลมืออ่อนในบ้านของเขา Foreign Affairs นิตยสาร ของ Council on Foreign Relations (CFR) ถังขยะความคิดจอมจุ้น ลงบทความเรื่อง Houthi and the Blowback เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ค.ศ 2015 นี้ บอกว่า ซาอุดิกำลังใช้กระสุนนัดเดียวยิงนกหลายตัว ซาอุดิถือว่า การที่พวก Houthi กล้าลุกหือขึ้นมาสู้กับรัฐบาลตัวก็เพราะมีลูกพี่อิหร่าน เสี่ยนิวเคลียร์ยุแยง ถ้าเสี่ยใหญ่ซาอุทำเฉย ก็เหมือนจะยอมให้อิหร่านขี่คอ แต่ถ้าปราบ Houthi ให้หมอบราบได้ บารมีของเสี่ยใหญ่ซาอุ ก็จะฉายแสงสำแดงรัศมี ให้ลูกกระเป๋งแถบอ่าว Gulf Cooperation Coucil (GCC) นับถือในความเป็นพี่ใหญ่ของเสี่ยซาอุ ที่สามารถจัดระเบียบในตะวันออกกลางได้ โดยไม่ต้องประสาทหลอนกันว่า เรื่องมันจะบานปลาย เพราะความไม่สมดุลยของอำนาจในตะวันออกกลาง ระหว่างซาอุดิอารเบียกับอิหร่าน หมายความว่าไม่ได้กลัวอิหร่านจนหดหมดอีกแล้ว ถังขยะความคิด CFR ซึ่งเหมือนเป็นผู้ออกใบสั่งนโยบาย ของไอ้นักล่า บอกว่า เสี่ยปั้มทำได้น่า ยิงมันแรงๆ นัดเดียว แล้วได้นกหลายตัวน่ะ ถ้าเล่นให้เป็น ยิงให้แม่น มันจะเป็นการช่วยไม่ให้สถานการณ์การเมืองในตะวันออกกลาง ร้อนฉ่าขึ้นไปอีก เพราะเสี่ยใหญ่ จะกลายเป็นผู้คุมตะวันออกกลาง นี่มันปั่นให้พวกเสี่ยตะวันออกกลางเขาขี่อูฐมาชนกันเองนี่หว่า ไอ้นักล่าใบตองแห้งสงสัยมีแผนชั่ว เยเมน เป็นหนามตำใจของซาอุดิ และกลุ่มประเทศที่อยู่ริมอ่าว รวมทั้งโอมาน มาตั้งแต่ เยเมนตั้งประเทศแล้ว เพราะรสนิยมเยเมน ออกไปทางชอบสีแดง ฝักฝ่ายในลัทธิมาร์กซ ฯลฯ แถมระยะหลัง ยังพ่วงเอาพวกกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง พวกอัลกออิดะ เข้าไปสามัคคีชุมนุมกันอีกด้วย ยิ่งทำให้ ซาอุดิอารเบียที่หลังบ้านติดกับเยเมน นอนหลับแบบผวา ไม่ว่านอนกลางวัน หรือนอนกลางคืน ยิ่งมาเห็น พวก Houthi ทำท่าจะชนะในการไล่รัฐบาลของตัว เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน คนรวยแต่ขวัญอ่อน ก็ยิ่งผวาหนัก นี่ถ้า Houthi ซึ่งเป็นชีอ่ะ และมีอิหร่านหนุน ยึดเยเมนไปได้ พวกเรามิควันโขมงทั้งเมืองหรือ เสี่ยซาอุจึงต้องสั่งระดมพลพรรค ลูกกระเป๋ง ทั้งหลาย เช่น บาห์เรน อียิปต์ จอร์แดน คูเวต มอรอคโค ปากีสถาน กาต้าร์ ซูดาน เอมิเรต มาช่วยกันสำแดงเดช ไม่ให้พวก Houthi ยึดครองเยเมน และมาปิดอ่าวเอเดน Gulf of Aden ด้านเยเมน เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุ โวยข้ามทะเลทรายให้เข้าหูท่านประธานาธิบดีนักล่าใบตองแห้งว่า การใช้กำลังทางอากาศของพวกเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ไม่แน่ว่าจะสามารถจัดการให้เรื่องราวในเยเมนสงบราบเรียบได้หรอกนะ และถ้ามันไม่สงบ ผลกระทบของมันจะบานไปในหลายประเทศเลย และรัศมีอิทธิพลของเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ก็จะแผ่วลงอย่างน่าใจหาย ไอ้ที่จะให้เสี่ยใหญ่ดูแลเด็กๆแถวอ่าว พวก GCC คงเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ ที่สำคัญ มันจะไปกระตุ้นต่อมฮึกเหิมของอิหร่านเสี่ยนิวเคลียร์อย่างช่วยไม่ได้ และแน่นอนเสี่ยนิวเคลียร์ก็คงแบ่งเอาความฮึกเหิมไปทิ้งใว้ใน อิรัค ซีเรีย เลบานอน เยเมน และที่อื่นๆ อีก คิดแล้วเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันก็รันทดใจ รวยซะเปล่า แต่หามีความสุขไม่ มันเป็นการรำพึงที่น่าสนใจ ว่านักล่าใบตองแห้งจะตอบรับอย่างไร ถังขยะความคิดรีบเติมเชื้อ กลัวเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันจะระทมไม่พอ บอกว่า อะไรกัน สัมพันธ์ระหว่าง ซาอุดิกับอเมริกาก็ยังแข็งแรง ไม่ได้สั่นคลอนเสียหน่อย ไม่ต้อง ป ส ด ไปก่อน และที่คนแถวนี้พูดกันลั่นไปหมดว่า อเมริกากำลังประะเคนข้อเสนอใส่ถาดทองให้อิหร่าน แลกกับข้อตกลงเรื่องนิวเคลียร์ มันเป็นแค่ข่าวลือเข้าใจไหม คิดมากไปได้น่าเสี่ย แม้หลายคน ในรัฐบาลใบตองแห้ง อาจจะบอกว่า เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ทำเกินไป ไม่ควรจะต้องไปยกระดับ ยกกำลัง ไปให้ความสำคัญกับพวก Houthi ถึงขนาดนี้ ซึ่งจะทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ทั้งในบ้านตัวเองและในภูมิภาค แต่ในความเป็นจริงด้านยุทธศาสตร์แล้ว เสี่ยใหญ่ไม่ได้ทำพลาดเรื่องเยเมน มันสมควรแล้วที่เสี่ยใหญ่จะต้องประสาทรับประทาน สถานการณ์ในเยเมน เป็นเรื่องคอขาดบาดตายของซาอุดิอารเบียทีเดียว อันที่จริงไม่ใช่เรื่องคอขาดของเสี่ยปั้มน้ำมันฝ่ายเดียว หากเยเมน ยอมให้อิหร่านมานั่งสบายใจอยู่ที่ Bab El Mandebของเยเมน ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือระหว่าง Red sea (ทะเลแดง) อ่าวเอเดน ( Gulf of Aden) และคลองสุเอซ ซึ่งอิหร่านได้พยายามที่จะควบคุมช่องแคบฮอร์มุซ (Strait of Hormuz) ซึ่งเกือบหนึ่งในสี่ ของน้ำมันโลก จะต้องผ่าน แทนที่จะกล่าวหาว่าเสี่ยใหญ่ซาอุ ป ส ด ทางวอชิงตันนั่นแหละ ควรทบทวนท่าทีของตนบ้าง หรือทางวอชิตันมีแผนอะไร ที่เสี่ยใหญ่ไม่รู้ ไม่เฉลียวใจ (2) ไปเอาแผนที่มาดูกันหน่อย จะได้เข้าใจหัวอกเสี่ยใหญ่ซาอุว่า ขวัญแข็ง หรือขวัญอ่อน ประสาทรับประทาน ด้านเหนือของซาอุดิอารเบียติดกับจอร์แดน ซี่งเป็นเด็กอยู่ในบัญชีรายจ่าย ของเสี่ยใหญ่ซาอุ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องห่วง ตัดทิ้งไปได้ ถัดไปเป็น อิรัค และเหนืออิรัคเป็นเลบานอน ทั้ง 2 ประเทศ เสี่ยใหญ่ซาอุ กล่าวหา (หรือเป็นเรื่องจริง ! ) ว่า อยู่ในบัญชีรายจ่ายของอิหร่านเสี่ยนิวเคลียร์ ถ้าเป็นเรื่องจริง และถ้าเยเมนตกไปอยู่ในมือ Houthi ซึ่งซาอุก็ว่าอิหร่านสนับสนุนด้วย เช่นกัน ถ้าเด็กในบัญชีอิหร่าน ทั้ง 3 รายการ จับมือกัน ซาอุดิ เท่ากับถูกล็อก ทั้งข้างบนข้างล่าง และประตูออกทะเลของ ซาอุดิอารเบียจะถูกบีบเหลือให้ออกด้านเดียว คือออกได้เฉพาะทางอ่าวเปอร์เซีย แปลว่าอะไรครับ แปลว่าซาอุดิอารเบียถูกบีบให้ไป เดินผ่านปากของอิหร่าน ไปสู่ทะเลที่ อ่าวโอมานเท่านั้น ผ่านกลุ่มประเทศแถบอ่าว เช่น บาห์เรน การ์ต้า อามิเรต โอมาน ฯลฯ แล้วไปออกอ่าว แถบนั้นเต็มไปด้วยฐานทัพอากาศ และฐานทัพเรือที่ประเทศเหล่านั้น ยอมให้อเมริกาขนกองกำลัง ขนอาวุธมาตั้งอยูเต็ม เพื่อเป็นการดักคออิหร่านไว้ และด้วยความพร้อมใจของพวกเสี่ยคนรวย แต่ขวัญอ่อนทั้งหลาย ที่อยากอุ่นอยู่ในเงื้อมมือของนักล่าใบตองแห้ง เออ แดดทะเลทรายมันคงแรงจริง พวกเสี่ยเขาถึงคิดได้เพี้ยนกันแบบนั้น ดูๆก็ ไม่น่าจะเป็นปัญหากับเสี่ยใหญ่ซาอุ ที่มีฐานทัพนักล่าใบตองแห้งอยู่เต็มแถบปากอ่าว แต่เมื่อมันเยื้องอยู่กับปากอิหร่าน ก็ต้องถามเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุว่า ด่าอิหร่านเอาไว้แยะ กล้าเดินผ่านปากเขาไหม หรือว่ากล้า เพราะมีฐานทัพของยอดรักนักล่าใบตองแห้ง ต้ังฐานกระจายไว้เต็มอยู่ตรงแถบนั้น เสี่ยก็คิดให้ดีแล้วกันว่า ยามนี้มีฐานทัพของไอ้นักล่าใบตองแห้งอยู่ใกล้ตัว มันเป็นโชคดีหรือโชคร้าย เผลอๆจะเป็นตัวล่อเป้า ไม่ใช่เฉพาะแต่ตัวเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันเท่าน้ันนะ ที่ต้องระวัง ลูกกระเป๋งที่เอาใจเจ้านายให้เขามาตั้งฐานทัพน่ะอยู่ริมอ่าวน่ะ ระวังจะโดนทะลายหายไปพร้อมกับฐานทัพด้วย Duncan Campbell สื่อกัดติดเรื่องของนาย Edward Snowden จอมแฉ รายงานว่า จากข้อมูลที่จอมแฉทะยอยปล่อยออกมา เมือง Seeb ในรัฐโอมาน เป็นชุมสายใหญ่ของสายไยแก้ว fiber optic ชื่อรหัส CIRCUIT ที่โอมานยอมให้ GCHQ (Government Communication Headquarters) ของอังกฤษ มาติดตั้งระบบ CIRCUIT ของ ECHELON เครื่องดักสัญญานสุดยอดไว้ตั้งแต่ปี 2009 เพื่อเก็บข้อมูลทุกชิ้นที่ผ่าน ไปมาในแถบนั้น และแชร์ข้อมูลกับพวก 5 ตา the Five Eyes คือ อเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา หลังจากนั้นข้อมูลจะวิ่งขึ้นฝั่งไปถูกเก็บอยู่ที่ คอนวอล (Cornwall) ของอังกฤษ เหมือนกับที่ไปติดตั้งไว้ที่สวีเดน คอยดักข้อมูลของรัสเซีย คราวนี้ คงคอยดักข้อมูลของอิหร่านที่อยู่เยื้องกัน แถมเส้นทางเดินเรือแถบน้ัน อาเฮียของคุณพี่ปูตินเขาก็ชอบใช้ขนน้ำมันจากอาฟริกาไปจีน เรื่องดักฟังที่สวีเดน เขาว่าทำให้สวีเดนได้รับการเยี่ยมเยียน จากเรือดำน้ำรัสเซียถึงหน้ากรุงสต๊อกโฮม คราวนี้ ไม่รู้อาเฮียและอิหร่าน และ ฯลฯ จะส่งอะไรไปเยี่ยมโอมาน แค่มีฐานทัพของไอ้นักล่าใบตองแห้ง อยู่แถบอ่าว ก็เป็นเป้าล่อพอแล้ว คราวนี้ยังมี ลูกปิงปอง ECHELON เครื่องดักสัญญานเป็นสายล่อฟ้า คอยอยู่ที่โอมาน ผมก็กลุ้มใจแทนเสี่ยใหญ่ปั้มนำ้มันซาอุจริงๆ ว่าจะตัดสินใจเดินทางไหน ที่จะทำให้ไม่ต้องทุกข์ระทม แต่ดูจากเรื่องราว และบทความของ Foreign Affairs แล้ว ผมคลับคล้าย คราวนี้ เสี่ยใหญ่ซาอุ จะถูกหลอกใช้ ให้เป็นเครื่องสังเวยยังไงไม่รู้ เขามีแผนอยากได้แต่ปั้มน้ำมัน ไม่อยากได้คนคุมปั้มติดไปด้วย เสี่ยพอนึกออกไหมครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 3 เม.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 313 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง
    “กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง”

    (1)

    คนรักจากลา ตอนชะตาของพี่ตกต่ำ… เรื่องอย่างนี้ใครไม่เคยเจอ คงไม่รู้ว่ามันชอกช้ำขนาดไหน ผมได้ยินเสียงร้องแบบนี้เป็นภาษาตุรกี หลายเดือนมาแล้ว แต่ไม่นึกว่า ใครจะทิ้งนักไต่ลวด จอมเล่นเกมเสียวของผมได้ลงคอ โดยเฉพาะ ไอ้พวกที่หลอกใช้นักไต่ลวดมากว่า 60 ปีอย่างอเมริกา นึกว่าเขาแค่งอนกัน ชั่วครั้งชั่วคราว ก็เห็น ตาโอ ยังกอดคอเล่าเรื่องตลกให้ลุงเออ Erdogan ท่านประธานาธิบดี ของตุรกี หัวร่อกันงอหาย อยู่ทุกครั้งที่เจอกัน ตอนน้ำต้มผักยังหวาน

    แต่เมื่อต้นปี หลังฉลองปีใหม่ไปไม่ถึงเดือน ทางวอชิงตันก็มีการทบทวนความสัมพันธ์ กับนักไต่ลวด ที่นับวันจะแตกต่าง ห่างกันออกไปเรื่อยๆ

    นาย Michael Werz นักวิเคราะห์อาวุโส ของถังขยะความคิด Center for American Progress ให้สัมภาษณ์ถึงสัมพันธ์ของนักล่ากับนักไต่ลวดว่า

    ” มันก็เหมือนคู่แต่งงาน ที่อยู่กันมานานแล้วน่ะนะ ไม่มีอะไรให้หวือหวา ซู่ซ่า เหมือนเดิม มีแต่เรื่องบ่นใส่กัน ที่แย่คือ เอาเรื่องในที่ลับมาเล่าในที่แจ้ง โพนทะนา ให้คนนอกฟังนั่นแหละ” ฮั่นแน่ แสดงว่ามีเรื่องไม่เอาไหน บ่มิไก๋ ปิดไว้แยะล่ะซีท่า

    อเมริกาไม่พอใจที่ตุรกีไม่เล่นบทผู้นำในการปราบพวก ISIL ไม่พอใจที่ตุรกี ปฏิบัติตัวไม่ได้ตามมาตรฐานของสมาชิกนาโต้ แต่ที่อเมริกาไม่พอใจที่สุด คือ ที่เข้าไปใช้ฐานทัพที่ Incirlik ไม่ได้ตามต้องการ Incirlik เป็นฐานทัพที่อเมริกาอ้างว่าเป็นของตน แต่ฐานทัพนี้อยู่ในตุรกีนะครับ สมันน้อยอ่านแล้ว ก็คิดถึงเรื่อง อู่ตะเภา ตาคลี ฯลฯ เอาไว้บ้าง อยู่ในบ้านเราแท้ๆ หวังว่าเขาไม่คิดว่าเป็นของเขา นึกจะใช้เมื่อไหร่ก็ได้ แล้วเราก็ดันยอม….

    “ความเชื่อใจที่มีต่อกัน กำลังจางหายลงไปทุกวัน ” ถังความคิดพล่ามต่อ ” เราจึงต้องประเมินความสัมพันธ์ ระหว่างเรากับตุรกีใหม่ แม้ว่าเราจะนับเป็นพวกเดียวกัน แต่ตอนนี้มันต้องแยกเป็นเรื่องๆ แล้ว”

    เป็นการพล่ามที่ได้ผลมาก หลังจากฟังอเมริกา ให้ถังขยะ ด่าลอยลมมาในเดือนมกราคม เดือนกุมภาพันธ์ นักไต่ลวดจอมเล่นเกมเสียว ก็เลยเล่นเสียวกลับ
    จำได้ไหมครับ ผมเคยเล่าให้ฟังว่าตุรกี คิดจะมีระบบป้องกันการยิงจรวดวิถี ไกล (long range air and missile defense system) ซึ่งอเมริกาค้านนักหนา ว่าเอามาทำไม นาโต้ก็มีอยู่แล้ว แต่ตุรกีไม่ชอบใช้จมูกคนอื่นหายใจ จึงเปิดให้มีการประมูล ตั้งแต่ปี 2009 ปรากฏว่าระบบของจีนเข้าสเป็คที่สุด กะจะประกาศผลตั้งแต่ ปี 2013 แต่ตุรกี ก็ทั้งชลอ ทั้งเลื่อนการประกาศผล ไปเรื่อยๆ การประกาศจะเลือกระบบของจีน แต่ชลอการประกาศไปเรื่อยๆ นับเป็นความสุดเก๋า ของนักไต่ลวด ที่มีวิธีลองใจแฟน

    ก็ได้ผลอย่างที่อยากลอง ถูกเขาด่า ทั้งใส่หน้า และลอยลมมาตลอดว่า จะไม่เข้ากับระบบของนาโต้ และจะทำให้ความลับของนาโต้รั่วไหลไปถึงจีน (เป็นไปตามแผน แต่ไม่รู้แผนใคร ! )

    ล่าสุด ตุรกีว่าจะประกาศเมื่อปลายปีที่แล้ว ก็เงียบไป คงยังตัดใจไม่ได้ ว่าจะเอาไงดีกับแฟน 60 ปี สงสัย เจอถังขยะลอยมาใส่เข้า เลยตัดใจได้

    ประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ รัฐมนตรีกลาโหมของตุรกี Ismet Yilmaz ทำหนังสือแจ้งไปยังสภาว่า ตรวจสอบเสร็จเรียบร้อย(นานแล้ว)คร้าบ ของจีนเหมาะที่สุดคร้าบ

    ข่าวว่า มีคนเอาหน้าไปแจ้ง อาเฮีย อาเฮียได้แต่หัวร่อฮาๆ สั่งเด็กให้ไปซื้อยาล้างตาเตรียมไว้ล่วงหน้า ก่อนจะได้ดูนาโต้แก้ผ้า แถมซื้อเผื่อคุณพี่ปูของผมด้วย เพราะจะได้ดูด้วยกัน ซานุกดีเนอะ

    (2)

    นึกว่านักไต่ลวดจะมีฤทธิ์เพียงเท่านี้หรือ รู้จักนักไต่ลวดน้อยไปซะแล้ว ล่าสุด เมื่อต้นเดือนมีนาคม คุณลุงเออโดวาน Erdogan ประธานาธิบดีตุรกี ก็แวะไปเยี่ยมกษัตริย์ซาลมาน Salman แห่งซาอุดิอารเบีย ซึ่งไม่ใช่ไปเยี่ยมด้วยความรักใคร่ แต่ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันไปบ้าง เยี่ยมเสร็จ สื่อตีข่าวกันใหญ่ว่า สัมพันธ์ระหว่าง ตุรกี กับ ซาอุดิ กำลังขึ้นหน้าใหม่ Turkey – Saudi relations turn ‘a new page’

    ตุรกีกับซาอุดิ มีเรื่องคาใจค้างกันอยู่ เกี่ยวกับเรื่องอียิปต์ ตุรกีนั้น หนุนอดีตประธานาธิบดี Morsi ของ Muslim Brotherhood ที่เพิ่งถูกปลด ส่วนซาอุดิหนุน Fattah el-Sisi ที่ขึ้นมาเป็นแทน ซาอุดิไม่ชอบกลุ่ม Muslim Brotherhood แต่ระยะหลังเริ่มเสียงอ่อน

    ประเด็นใหญ่ของการไปเยี่ยม ข่าวบอกว่าน่าจะเป็นเรื่องอียิปต์ กับ “เรื่องอื่นๆ” ที่ 2 ประเทศจะแลกเปลี่ยนความคิดกัน

    เรื่องอื่นๆ หมายถึงเรื่องอะไร

    ตะวันออกกลาง ร้อนระอุไม่หยุด และน่าจะร้อนขึ้นไปเรื่อยๆ

    สิ้นเดือนนี้ หรืออย่างช้า กลางเดือนเมษายน การเจรจาเรื่องอิหร่านผลิตอาวุธนิวเคลียร์จะต้องจบ อิหร่านเป็นหนามตำใจ ซาอุดิที่สุด ซาอุดิกำลังคิดว่า อเมริกาจะกลับไปคืนดีกับอิหร่าน แฟนเก่า และทอดทิ้งซาอุดิให้สู้รบ กับผู้ก่อการร้ายในตะวันออกกลางอย่างเดียวดาย ( เอะ น่าจะเปลี่ยนชื่อ นิทานตอนนี้ ว่า ชมรมคนถูกแฟนทิ้ง อาจจะเหมาะกว่า )
    ฉะนั้น ไม่มีโอกาสไหนจะดีไปกว่าตอนนี้ ที่ตุรกีนักไต่ลวด ผู้ชอบเล่นเกมเสียว จะไปคุยกับซาอุดิเรื่องอิหร่าน ตุรกีอาจจะไปบี้ให้ซาอุดิให้เจ็บหนักขึ้น หรือจะไปชวนให้ซาอุดิถีบแฟนทิ้ง เหมือนอย่างที่ตุรกีกำลัง (คิด) ทำอยู่

    แค่ตุรกีไม่ให้ความร่วมมือกับอเมริกา ไม่ให้อเมริกาไปซ่าอยู่ที่ฐานทัพ Incirlik อเมริกาก็เหนื่อยพอแล้ว แต่ถ้าตุรกีไม่หยุดแค่นั้น ถ้าตุรกีหันมาอยู่ฝ่ายรัสเซีย จีนเต็มตัว อเมริกาจะเป็นอย่างไร!?

    และถ้าสิ้นเดือนนี้ การเจรจาเรื่องนิวเคลียร์กับอิหร่านล้มเหลว ภายในกลางเดือนเมษายนรัฐสภาอเมริกัน จะต้องลงมติว่าจะคว่ำบาตรอิหร่านต่อหรือไม่ ถ้าคว่ำกันต่ออีก รับรองได้เห็นอิหร่านยืนเรียงแถวอยู่ฟากเดียวกับรัสเซีย จีน แน่นอน และถ้าเป็นอย่างนั้น ตุรกีตัดใจเลิกเล่นเสียวกับอเมริกาแน่นอน และมายืนจับมือกับอิหร่านแทน

    สัมพันธ์พิเศษระหว่างรัสเซีย อิหร่าน และตุรกี เป็นเรื่องที่อเมริกาจับตามองอยู่ตลอดเวลา อเมริกาพยายามทุกอย่าง ที่จะให้ทั้ง 3 ประเทศจับมือกันไม่ติด เพราะถ้าจับกันติดเมื่อไหร่ หมายถึงประตูเข้าไปในตะวันออกกลางของอเมริกา น่าจะถูกปิดตาย

    และถ้าเป็นอย่างนั้น ซาอุดิจะย่อมร้อนระอุ รอเวลาอเมริกา(ไม่) มาอุ้ม หรือ อยากจะเปลี่ยน มาอยู่ทีมไต่ลวดกับเขาบ้าง แหม แค่คิดก็กลุ้มแทน จะเล่นเป็นหรือ พวกเสี่ยน้ำมัน เท้าไม่แตะดิน!

    ท่านผู้อ่านนิทานก็เหมือนกันนะครับ อย่ามัวแต่อ่านอย่างเดียว ตามดูสถานการณ์กันบ้าง ถ้ามันพลิกไปทางที่ผม “ถ้า” เอาไว้ ก็เตรียมตัวกันบ้างแล้วกัน

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    19 มีค. 2558
    เรื่อง กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง “กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง” (1) คนรักจากลา ตอนชะตาของพี่ตกต่ำ… เรื่องอย่างนี้ใครไม่เคยเจอ คงไม่รู้ว่ามันชอกช้ำขนาดไหน ผมได้ยินเสียงร้องแบบนี้เป็นภาษาตุรกี หลายเดือนมาแล้ว แต่ไม่นึกว่า ใครจะทิ้งนักไต่ลวด จอมเล่นเกมเสียวของผมได้ลงคอ โดยเฉพาะ ไอ้พวกที่หลอกใช้นักไต่ลวดมากว่า 60 ปีอย่างอเมริกา นึกว่าเขาแค่งอนกัน ชั่วครั้งชั่วคราว ก็เห็น ตาโอ ยังกอดคอเล่าเรื่องตลกให้ลุงเออ Erdogan ท่านประธานาธิบดี ของตุรกี หัวร่อกันงอหาย อยู่ทุกครั้งที่เจอกัน ตอนน้ำต้มผักยังหวาน แต่เมื่อต้นปี หลังฉลองปีใหม่ไปไม่ถึงเดือน ทางวอชิงตันก็มีการทบทวนความสัมพันธ์ กับนักไต่ลวด ที่นับวันจะแตกต่าง ห่างกันออกไปเรื่อยๆ นาย Michael Werz นักวิเคราะห์อาวุโส ของถังขยะความคิด Center for American Progress ให้สัมภาษณ์ถึงสัมพันธ์ของนักล่ากับนักไต่ลวดว่า ” มันก็เหมือนคู่แต่งงาน ที่อยู่กันมานานแล้วน่ะนะ ไม่มีอะไรให้หวือหวา ซู่ซ่า เหมือนเดิม มีแต่เรื่องบ่นใส่กัน ที่แย่คือ เอาเรื่องในที่ลับมาเล่าในที่แจ้ง โพนทะนา ให้คนนอกฟังนั่นแหละ” ฮั่นแน่ แสดงว่ามีเรื่องไม่เอาไหน บ่มิไก๋ ปิดไว้แยะล่ะซีท่า อเมริกาไม่พอใจที่ตุรกีไม่เล่นบทผู้นำในการปราบพวก ISIL ไม่พอใจที่ตุรกี ปฏิบัติตัวไม่ได้ตามมาตรฐานของสมาชิกนาโต้ แต่ที่อเมริกาไม่พอใจที่สุด คือ ที่เข้าไปใช้ฐานทัพที่ Incirlik ไม่ได้ตามต้องการ Incirlik เป็นฐานทัพที่อเมริกาอ้างว่าเป็นของตน แต่ฐานทัพนี้อยู่ในตุรกีนะครับ สมันน้อยอ่านแล้ว ก็คิดถึงเรื่อง อู่ตะเภา ตาคลี ฯลฯ เอาไว้บ้าง อยู่ในบ้านเราแท้ๆ หวังว่าเขาไม่คิดว่าเป็นของเขา นึกจะใช้เมื่อไหร่ก็ได้ แล้วเราก็ดันยอม…. “ความเชื่อใจที่มีต่อกัน กำลังจางหายลงไปทุกวัน ” ถังความคิดพล่ามต่อ ” เราจึงต้องประเมินความสัมพันธ์ ระหว่างเรากับตุรกีใหม่ แม้ว่าเราจะนับเป็นพวกเดียวกัน แต่ตอนนี้มันต้องแยกเป็นเรื่องๆ แล้ว” เป็นการพล่ามที่ได้ผลมาก หลังจากฟังอเมริกา ให้ถังขยะ ด่าลอยลมมาในเดือนมกราคม เดือนกุมภาพันธ์ นักไต่ลวดจอมเล่นเกมเสียว ก็เลยเล่นเสียวกลับ จำได้ไหมครับ ผมเคยเล่าให้ฟังว่าตุรกี คิดจะมีระบบป้องกันการยิงจรวดวิถี ไกล (long range air and missile defense system) ซึ่งอเมริกาค้านนักหนา ว่าเอามาทำไม นาโต้ก็มีอยู่แล้ว แต่ตุรกีไม่ชอบใช้จมูกคนอื่นหายใจ จึงเปิดให้มีการประมูล ตั้งแต่ปี 2009 ปรากฏว่าระบบของจีนเข้าสเป็คที่สุด กะจะประกาศผลตั้งแต่ ปี 2013 แต่ตุรกี ก็ทั้งชลอ ทั้งเลื่อนการประกาศผล ไปเรื่อยๆ การประกาศจะเลือกระบบของจีน แต่ชลอการประกาศไปเรื่อยๆ นับเป็นความสุดเก๋า ของนักไต่ลวด ที่มีวิธีลองใจแฟน ก็ได้ผลอย่างที่อยากลอง ถูกเขาด่า ทั้งใส่หน้า และลอยลมมาตลอดว่า จะไม่เข้ากับระบบของนาโต้ และจะทำให้ความลับของนาโต้รั่วไหลไปถึงจีน (เป็นไปตามแผน แต่ไม่รู้แผนใคร ! ) ล่าสุด ตุรกีว่าจะประกาศเมื่อปลายปีที่แล้ว ก็เงียบไป คงยังตัดใจไม่ได้ ว่าจะเอาไงดีกับแฟน 60 ปี สงสัย เจอถังขยะลอยมาใส่เข้า เลยตัดใจได้ ประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ รัฐมนตรีกลาโหมของตุรกี Ismet Yilmaz ทำหนังสือแจ้งไปยังสภาว่า ตรวจสอบเสร็จเรียบร้อย(นานแล้ว)คร้าบ ของจีนเหมาะที่สุดคร้าบ ข่าวว่า มีคนเอาหน้าไปแจ้ง อาเฮีย อาเฮียได้แต่หัวร่อฮาๆ สั่งเด็กให้ไปซื้อยาล้างตาเตรียมไว้ล่วงหน้า ก่อนจะได้ดูนาโต้แก้ผ้า แถมซื้อเผื่อคุณพี่ปูของผมด้วย เพราะจะได้ดูด้วยกัน ซานุกดีเนอะ (2) นึกว่านักไต่ลวดจะมีฤทธิ์เพียงเท่านี้หรือ รู้จักนักไต่ลวดน้อยไปซะแล้ว ล่าสุด เมื่อต้นเดือนมีนาคม คุณลุงเออโดวาน Erdogan ประธานาธิบดีตุรกี ก็แวะไปเยี่ยมกษัตริย์ซาลมาน Salman แห่งซาอุดิอารเบีย ซึ่งไม่ใช่ไปเยี่ยมด้วยความรักใคร่ แต่ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันไปบ้าง เยี่ยมเสร็จ สื่อตีข่าวกันใหญ่ว่า สัมพันธ์ระหว่าง ตุรกี กับ ซาอุดิ กำลังขึ้นหน้าใหม่ Turkey – Saudi relations turn ‘a new page’ ตุรกีกับซาอุดิ มีเรื่องคาใจค้างกันอยู่ เกี่ยวกับเรื่องอียิปต์ ตุรกีนั้น หนุนอดีตประธานาธิบดี Morsi ของ Muslim Brotherhood ที่เพิ่งถูกปลด ส่วนซาอุดิหนุน Fattah el-Sisi ที่ขึ้นมาเป็นแทน ซาอุดิไม่ชอบกลุ่ม Muslim Brotherhood แต่ระยะหลังเริ่มเสียงอ่อน ประเด็นใหญ่ของการไปเยี่ยม ข่าวบอกว่าน่าจะเป็นเรื่องอียิปต์ กับ “เรื่องอื่นๆ” ที่ 2 ประเทศจะแลกเปลี่ยนความคิดกัน เรื่องอื่นๆ หมายถึงเรื่องอะไร ตะวันออกกลาง ร้อนระอุไม่หยุด และน่าจะร้อนขึ้นไปเรื่อยๆ สิ้นเดือนนี้ หรืออย่างช้า กลางเดือนเมษายน การเจรจาเรื่องอิหร่านผลิตอาวุธนิวเคลียร์จะต้องจบ อิหร่านเป็นหนามตำใจ ซาอุดิที่สุด ซาอุดิกำลังคิดว่า อเมริกาจะกลับไปคืนดีกับอิหร่าน แฟนเก่า และทอดทิ้งซาอุดิให้สู้รบ กับผู้ก่อการร้ายในตะวันออกกลางอย่างเดียวดาย ( เอะ น่าจะเปลี่ยนชื่อ นิทานตอนนี้ ว่า ชมรมคนถูกแฟนทิ้ง อาจจะเหมาะกว่า ) ฉะนั้น ไม่มีโอกาสไหนจะดีไปกว่าตอนนี้ ที่ตุรกีนักไต่ลวด ผู้ชอบเล่นเกมเสียว จะไปคุยกับซาอุดิเรื่องอิหร่าน ตุรกีอาจจะไปบี้ให้ซาอุดิให้เจ็บหนักขึ้น หรือจะไปชวนให้ซาอุดิถีบแฟนทิ้ง เหมือนอย่างที่ตุรกีกำลัง (คิด) ทำอยู่ แค่ตุรกีไม่ให้ความร่วมมือกับอเมริกา ไม่ให้อเมริกาไปซ่าอยู่ที่ฐานทัพ Incirlik อเมริกาก็เหนื่อยพอแล้ว แต่ถ้าตุรกีไม่หยุดแค่นั้น ถ้าตุรกีหันมาอยู่ฝ่ายรัสเซีย จีนเต็มตัว อเมริกาจะเป็นอย่างไร!? และถ้าสิ้นเดือนนี้ การเจรจาเรื่องนิวเคลียร์กับอิหร่านล้มเหลว ภายในกลางเดือนเมษายนรัฐสภาอเมริกัน จะต้องลงมติว่าจะคว่ำบาตรอิหร่านต่อหรือไม่ ถ้าคว่ำกันต่ออีก รับรองได้เห็นอิหร่านยืนเรียงแถวอยู่ฟากเดียวกับรัสเซีย จีน แน่นอน และถ้าเป็นอย่างนั้น ตุรกีตัดใจเลิกเล่นเสียวกับอเมริกาแน่นอน และมายืนจับมือกับอิหร่านแทน สัมพันธ์พิเศษระหว่างรัสเซีย อิหร่าน และตุรกี เป็นเรื่องที่อเมริกาจับตามองอยู่ตลอดเวลา อเมริกาพยายามทุกอย่าง ที่จะให้ทั้ง 3 ประเทศจับมือกันไม่ติด เพราะถ้าจับกันติดเมื่อไหร่ หมายถึงประตูเข้าไปในตะวันออกกลางของอเมริกา น่าจะถูกปิดตาย และถ้าเป็นอย่างนั้น ซาอุดิจะย่อมร้อนระอุ รอเวลาอเมริกา(ไม่) มาอุ้ม หรือ อยากจะเปลี่ยน มาอยู่ทีมไต่ลวดกับเขาบ้าง แหม แค่คิดก็กลุ้มแทน จะเล่นเป็นหรือ พวกเสี่ยน้ำมัน เท้าไม่แตะดิน! ท่านผู้อ่านนิทานก็เหมือนกันนะครับ อย่ามัวแต่อ่านอย่างเดียว ตามดูสถานการณ์กันบ้าง ถ้ามันพลิกไปทางที่ผม “ถ้า” เอาไว้ ก็เตรียมตัวกันบ้างแล้วกัน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 19 มีค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 299 มุมมอง 0 รีวิว
  • “LLM Brain Rot – โมเดลภาษาก็ ‘สมองเน่า’ ได้ ถ้าเสพข้อมูลขยะมากเกินไป!”

    งานวิจัยล่าสุดจากทีม Xing et al. เสนอแนวคิดใหม่ที่สะเทือนวงการ AI: โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) อาจเกิด “สมองเน่า” หรือ Brain Rot ได้ หากถูกฝึกด้วยข้อมูลขยะจากอินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโพสต์จาก Twitter/X ที่เน้นความสั้นและความนิยมมากกว่าคุณภาพเนื้อหา

    นักวิจัยสร้างชุดข้อมูล “junk” และ “control” จากโพสต์จริง โดยใช้สองเกณฑ์คือ M1 (ระดับ engagement เช่น ไลก์ รีทวีต) และ M2 (คุณภาพเชิงเนื้อหา เช่น clickbait vs. ข้อเท็จจริง) แล้วนำไปฝึกโมเดล 4 ตัวแบบต่อเนื่อง ก่อนวัดผลด้าน reasoning, memory, safety และ personality

    ผลลัพธ์ชัดเจน: โมเดลที่ถูกฝึกด้วยข้อมูล junk มีความสามารถลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เช่น คะแนน ARC-Challenge แบบ Chain of Thought ลดจาก 74.9 เหลือ 57.2 และ RULER-CWE ลดจาก 84.4 เหลือ 52.3 เมื่อ junk ratio เพิ่มขึ้นจาก 0% เป็น 100%

    ที่น่าตกใจคือ แม้จะพยายามแก้ด้วย instruction tuning หรือฝึกใหม่ด้วยข้อมูลคุณภาพสูง ก็ไม่สามารถฟื้นความสามารถเดิมได้หมด แสดงว่า “สมองเน่า” มีผลถาวรบางส่วน

    งานนี้จึงเสนอให้มองการคัดกรองข้อมูลฝึกโมเดลเป็นเรื่อง “สุขภาพจิตของ AI” และเรียกร้องให้มีการตรวจสุขภาพโมเดลเป็นระยะ เพื่อป้องกันการเสื่อมถอยของความสามารถโดยไม่รู้ตัว

    แนวคิดหลักของงานวิจัย
    เสนอ “LLM Brain Rot Hypothesis” – โมเดลเสื่อมความสามารถจากข้อมูลขยะ
    ใช้ continual pre-training บนข้อมูล junk จาก Twitter/X
    วัดผลด้าน reasoning, memory, safety, personality
    พบว่าความสามารถลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

    วิธีการทดลอง
    สร้างชุดข้อมูล junk/control จากโพสต์จริง
    ใช้เกณฑ์ M1 (engagement) และ M2 (semantic quality)
    ฝึกโมเดล 4 ตัวแบบต่อเนื่อง
    ใช้ instruction tuning เพื่อควบคุม format

    ผลกระทบที่พบ
    Reasoning ลดลง เช่น ARC-Challenge COT: 74.9 → 57.2
    Long-context memory ลดลง เช่น RULER-CWE: 84.4 → 52.3
    Safety ลดลง เช่น HH-RLHF risk เพิ่มขึ้น
    Personality เปลี่ยน เช่น psychopathy, narcissism เพิ่มขึ้น

    ข้อค้นพบเชิงลึก
    Thought-skipping คือ failure mode หลัก – โมเดลข้ามขั้นตอน reasoning
    การแก้ด้วย instruction tuning ฟื้นได้บางส่วนแต่ไม่หมด
    ความนิยมของโพสต์ (M1) เป็นตัวชี้วัด brain rot ที่ดีกว่าความยาว
    ผลกระทบมีลักษณะ dose-response – ยิ่ง junk มาก ยิ่งเสื่อมมาก

    ข้อเสนอจากงานวิจัย
    มองการคัดกรองข้อมูลฝึกเป็น “สุขภาพจิตของ AI”
    ควรมี “cognitive health check” สำหรับโมเดลที่ deploy แล้ว
    ปรับแนวทางการ curate ข้อมูลฝึกใหม่
    หลีกเลี่ยงการใช้ข้อมูล engagement-driven โดยไม่กรอง

    ข้อควรระวังและคำเตือน
    การใช้ข้อมูลจากโซเชียลโดยไม่กรอง อาจทำให้โมเดลเสื่อมถอย
    การฝึกต่อเนื่องโดยไม่ตรวจสุขภาพ อาจสะสมความเสียหาย
    การพึ่งพา instruction tuning อย่างเดียวไม่สามารถฟื้นฟูได้หมด
    โมเดลที่เสื่อมอาจมีพฤติกรรมไม่ปลอดภัยหรือไม่พึงประสงค์
    การวัดคุณภาพข้อมูลต้องใช้หลายมิติ ไม่ใช่แค่ semantic หรือ engagement

    https://llm-brain-rot.github.io/
    🧠 “LLM Brain Rot – โมเดลภาษาก็ ‘สมองเน่า’ ได้ ถ้าเสพข้อมูลขยะมากเกินไป!” งานวิจัยล่าสุดจากทีม Xing et al. เสนอแนวคิดใหม่ที่สะเทือนวงการ AI: โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) อาจเกิด “สมองเน่า” หรือ Brain Rot ได้ หากถูกฝึกด้วยข้อมูลขยะจากอินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโพสต์จาก Twitter/X ที่เน้นความสั้นและความนิยมมากกว่าคุณภาพเนื้อหา นักวิจัยสร้างชุดข้อมูล “junk” และ “control” จากโพสต์จริง โดยใช้สองเกณฑ์คือ M1 (ระดับ engagement เช่น ไลก์ รีทวีต) และ M2 (คุณภาพเชิงเนื้อหา เช่น clickbait vs. ข้อเท็จจริง) แล้วนำไปฝึกโมเดล 4 ตัวแบบต่อเนื่อง ก่อนวัดผลด้าน reasoning, memory, safety และ personality ผลลัพธ์ชัดเจน: โมเดลที่ถูกฝึกด้วยข้อมูล junk มีความสามารถลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เช่น คะแนน ARC-Challenge แบบ Chain of Thought ลดจาก 74.9 เหลือ 57.2 และ RULER-CWE ลดจาก 84.4 เหลือ 52.3 เมื่อ junk ratio เพิ่มขึ้นจาก 0% เป็น 100% ที่น่าตกใจคือ แม้จะพยายามแก้ด้วย instruction tuning หรือฝึกใหม่ด้วยข้อมูลคุณภาพสูง ก็ไม่สามารถฟื้นความสามารถเดิมได้หมด แสดงว่า “สมองเน่า” มีผลถาวรบางส่วน งานนี้จึงเสนอให้มองการคัดกรองข้อมูลฝึกโมเดลเป็นเรื่อง “สุขภาพจิตของ AI” และเรียกร้องให้มีการตรวจสุขภาพโมเดลเป็นระยะ เพื่อป้องกันการเสื่อมถอยของความสามารถโดยไม่รู้ตัว ✅ แนวคิดหลักของงานวิจัย ➡️ เสนอ “LLM Brain Rot Hypothesis” – โมเดลเสื่อมความสามารถจากข้อมูลขยะ ➡️ ใช้ continual pre-training บนข้อมูล junk จาก Twitter/X ➡️ วัดผลด้าน reasoning, memory, safety, personality ➡️ พบว่าความสามารถลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ✅ วิธีการทดลอง ➡️ สร้างชุดข้อมูล junk/control จากโพสต์จริง ➡️ ใช้เกณฑ์ M1 (engagement) และ M2 (semantic quality) ➡️ ฝึกโมเดล 4 ตัวแบบต่อเนื่อง ➡️ ใช้ instruction tuning เพื่อควบคุม format ✅ ผลกระทบที่พบ ➡️ Reasoning ลดลง เช่น ARC-Challenge COT: 74.9 → 57.2 ➡️ Long-context memory ลดลง เช่น RULER-CWE: 84.4 → 52.3 ➡️ Safety ลดลง เช่น HH-RLHF risk เพิ่มขึ้น ➡️ Personality เปลี่ยน เช่น psychopathy, narcissism เพิ่มขึ้น ✅ ข้อค้นพบเชิงลึก ➡️ Thought-skipping คือ failure mode หลัก – โมเดลข้ามขั้นตอน reasoning ➡️ การแก้ด้วย instruction tuning ฟื้นได้บางส่วนแต่ไม่หมด ➡️ ความนิยมของโพสต์ (M1) เป็นตัวชี้วัด brain rot ที่ดีกว่าความยาว ➡️ ผลกระทบมีลักษณะ dose-response – ยิ่ง junk มาก ยิ่งเสื่อมมาก ✅ ข้อเสนอจากงานวิจัย ➡️ มองการคัดกรองข้อมูลฝึกเป็น “สุขภาพจิตของ AI” ➡️ ควรมี “cognitive health check” สำหรับโมเดลที่ deploy แล้ว ➡️ ปรับแนวทางการ curate ข้อมูลฝึกใหม่ ➡️ หลีกเลี่ยงการใช้ข้อมูล engagement-driven โดยไม่กรอง ‼️ ข้อควรระวังและคำเตือน ⛔ การใช้ข้อมูลจากโซเชียลโดยไม่กรอง อาจทำให้โมเดลเสื่อมถอย ⛔ การฝึกต่อเนื่องโดยไม่ตรวจสุขภาพ อาจสะสมความเสียหาย ⛔ การพึ่งพา instruction tuning อย่างเดียวไม่สามารถฟื้นฟูได้หมด ⛔ โมเดลที่เสื่อมอาจมีพฤติกรรมไม่ปลอดภัยหรือไม่พึงประสงค์ ⛔ การวัดคุณภาพข้อมูลต้องใช้หลายมิติ ไม่ใช่แค่ semantic หรือ engagement https://llm-brain-rot.github.io/
    LLM-BRAIN-ROT.GITHUB.IO
    LLMs Can Get Brain Rot
    New finding: LLMs Can Get Brain Rot if being fed trivial, engaging Twitter/X content.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 0 รีวิว
  • รองนายกฯ สุชาติ สั่งการด่วน ทส. ตรวจสอบ "การละเมิด EIA" และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมบนเกาะสมุย-พะงัน
    https://www.thai-tai.tv/news/22009/
    .
    #ไทยไท #สุชาติชมกลิ่น #เกาะพะงัน #ขยะทะเล #ZeroFoodWaste #EIA #พระดำริ

    รองนายกฯ สุชาติ สั่งการด่วน ทส. ตรวจสอบ "การละเมิด EIA" และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมบนเกาะสมุย-พะงัน https://www.thai-tai.tv/news/22009/ . #ไทยไท #สุชาติชมกลิ่น #เกาะพะงัน #ขยะทะเล #ZeroFoodWaste #EIA #พระดำริ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ProtonMail จัดการอีเมลข่าวสารได้ดีกว่า Gmail — สะดวกกว่า ลึกกว่า และเป็นส่วนตัวมากกว่า” — เมื่อการจัดการ newsletter ไม่ใช่แค่การกด unsubscribe แต่คือการควบคุมข้อมูลของคุณ

    บทความจาก It’s FOSS โดย Abhishek เล่าประสบการณ์ตรงจากการใช้ ProtonMail มานานกว่า 5 ปี โดยเปรียบเทียบฟีเจอร์จัดการอีเมลข่าวสาร (newsletter) ระหว่าง ProtonMail กับ Gmail ซึ่งแม้ทั้งสองจะมีฟีเจอร์คล้ายกัน แต่ ProtonMail กลับทำได้ดีกว่าในหลายด้าน

    ใน Gmail ผู้ใช้สามารถเข้าไปที่ “Manage subscriptions” เพื่อดูรายชื่อผู้ส่งและกด unsubscribe ได้ แต่ข้อมูลที่แสดงค่อนข้างจำกัด เช่น จำนวนอีเมลที่ได้รับโดยประมาณ และไม่มีตัวเลือกเพิ่มเติมสำหรับจัดการอีเมลเก่า

    ProtonMail นำเสนอฟีเจอร์เดียวกันในตำแหน่งที่เข้าถึงง่ายกว่า และแสดงข้อมูลละเอียดกว่า เช่น จำนวนอีเมลที่ได้รับในเดือนล่าสุด และจำนวนที่ยังไม่ได้อ่าน พร้อมตัวเลือกจัดการอีเมลเก่า เช่น ย้ายไปถังขยะ, เก็บถาวร หรือทำให้เป็น “อ่านแล้ว” ทั้งหมด

    ที่สำคัญคือ ProtonMail ให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะ “บล็อก” ผู้ส่งหรือแค่ “เลิกติดตาม” ซึ่งต่างกันมาก — การบล็อกจะปิดกั้นการสื่อสารทั้งหมดจากอีเมลนั้น ในขณะที่การเลิกติดตามจะหยุดเฉพาะอีเมลข่าวสารเท่านั้น

    ProtonMail ยังมีระบบ “จัดการแบบอัตโนมัติ” เช่น การย้ายอีเมลไปยังโฟลเดอร์เฉพาะ และการจัดเรียงตามความถี่หรือการอ่าน เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะเก็บหรือเลิกติดตามอีเมลใด

    ProtonMail มีฟีเจอร์จัดการ newsletter ที่เข้าถึงง่ายกว่า Gmail
    อยู่ในเมนู “Views” โดยไม่ต้องคลิก “More” เหมือน Gmail

    แสดงข้อมูลละเอียด เช่น จำนวนอีเมลที่ได้รับและยังไม่ได้อ่าน
    ช่วยให้ผู้ใช้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะเลิกติดตามหรือไม่

    มีตัวเลือกจัดการอีเมลเก่าเมื่อกด unsubscribe
    เช่น ย้ายไปถังขยะ, เก็บถาวร หรือทำให้เป็น “อ่านแล้ว”

    แยกการ “เลิกติดตาม” กับ “บล็อก” ผู้ส่งอย่างชัดเจน
    บล็อกจะปิดกั้นการสื่อสารทั้งหมดจากอีเมลนั้น

    สามารถย้ายอีเมลไปยังโฟลเดอร์เฉพาะและใช้กับอีเมลในอนาคต
    คลิก “Apply to future messages” เพื่อจัดการอัตโนมัติ

    มีระบบจัดเรียง newsletter ตามความถี่และการอ่าน
    เช่น มากที่สุด/น้อยที่สุด, อ่านล่าสุด, ได้รับล่าสุด

    ฟีเจอร์นี้มีในเวอร์ชันฟรีของ ProtonMail ด้วย
    ไม่จำเป็นต้องจ่ายเพื่อใช้งานพื้นฐาน

    https://news.itsfoss.com/protonmail-gmail-better-newsletter/
    📩 “ProtonMail จัดการอีเมลข่าวสารได้ดีกว่า Gmail — สะดวกกว่า ลึกกว่า และเป็นส่วนตัวมากกว่า” — เมื่อการจัดการ newsletter ไม่ใช่แค่การกด unsubscribe แต่คือการควบคุมข้อมูลของคุณ บทความจาก It’s FOSS โดย Abhishek เล่าประสบการณ์ตรงจากการใช้ ProtonMail มานานกว่า 5 ปี โดยเปรียบเทียบฟีเจอร์จัดการอีเมลข่าวสาร (newsletter) ระหว่าง ProtonMail กับ Gmail ซึ่งแม้ทั้งสองจะมีฟีเจอร์คล้ายกัน แต่ ProtonMail กลับทำได้ดีกว่าในหลายด้าน ใน Gmail ผู้ใช้สามารถเข้าไปที่ “Manage subscriptions” เพื่อดูรายชื่อผู้ส่งและกด unsubscribe ได้ แต่ข้อมูลที่แสดงค่อนข้างจำกัด เช่น จำนวนอีเมลที่ได้รับโดยประมาณ และไม่มีตัวเลือกเพิ่มเติมสำหรับจัดการอีเมลเก่า ProtonMail นำเสนอฟีเจอร์เดียวกันในตำแหน่งที่เข้าถึงง่ายกว่า และแสดงข้อมูลละเอียดกว่า เช่น จำนวนอีเมลที่ได้รับในเดือนล่าสุด และจำนวนที่ยังไม่ได้อ่าน พร้อมตัวเลือกจัดการอีเมลเก่า เช่น ย้ายไปถังขยะ, เก็บถาวร หรือทำให้เป็น “อ่านแล้ว” ทั้งหมด ที่สำคัญคือ ProtonMail ให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะ “บล็อก” ผู้ส่งหรือแค่ “เลิกติดตาม” ซึ่งต่างกันมาก — การบล็อกจะปิดกั้นการสื่อสารทั้งหมดจากอีเมลนั้น ในขณะที่การเลิกติดตามจะหยุดเฉพาะอีเมลข่าวสารเท่านั้น ProtonMail ยังมีระบบ “จัดการแบบอัตโนมัติ” เช่น การย้ายอีเมลไปยังโฟลเดอร์เฉพาะ และการจัดเรียงตามความถี่หรือการอ่าน เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะเก็บหรือเลิกติดตามอีเมลใด ✅ ProtonMail มีฟีเจอร์จัดการ newsletter ที่เข้าถึงง่ายกว่า Gmail ➡️ อยู่ในเมนู “Views” โดยไม่ต้องคลิก “More” เหมือน Gmail ✅ แสดงข้อมูลละเอียด เช่น จำนวนอีเมลที่ได้รับและยังไม่ได้อ่าน ➡️ ช่วยให้ผู้ใช้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะเลิกติดตามหรือไม่ ✅ มีตัวเลือกจัดการอีเมลเก่าเมื่อกด unsubscribe ➡️ เช่น ย้ายไปถังขยะ, เก็บถาวร หรือทำให้เป็น “อ่านแล้ว” ✅ แยกการ “เลิกติดตาม” กับ “บล็อก” ผู้ส่งอย่างชัดเจน ➡️ บล็อกจะปิดกั้นการสื่อสารทั้งหมดจากอีเมลนั้น ✅ สามารถย้ายอีเมลไปยังโฟลเดอร์เฉพาะและใช้กับอีเมลในอนาคต ➡️ คลิก “Apply to future messages” เพื่อจัดการอัตโนมัติ ✅ มีระบบจัดเรียง newsletter ตามความถี่และการอ่าน ➡️ เช่น มากที่สุด/น้อยที่สุด, อ่านล่าสุด, ได้รับล่าสุด ✅ ฟีเจอร์นี้มีในเวอร์ชันฟรีของ ProtonMail ด้วย ➡️ ไม่จำเป็นต้องจ่ายเพื่อใช้งานพื้นฐาน https://news.itsfoss.com/protonmail-gmail-better-newsletter/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    That One (of the several) Feature ProtonMail Does Better Than Gmail
    The newsletters can be a mess to manage. ProtonMail gives you better features than Gmail to manage your newsletter subscriptions.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • “รองนายกฯ สุชาติ” เร่งขับเคลื่อนนโยบาย MNRE Zero Food Waste หวัง ทส. เป็นต้นแบบเชิงรูปธรรมใน 4 เดือน
    https://www.thai-tai.tv/news/21979/
    .
    #ไทยไท #สุชาติชมกลิ่น #ZeroFoodWaste #ขยะอาหาร #ภาวะโลกร้อน #EIA #กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

    “รองนายกฯ สุชาติ” เร่งขับเคลื่อนนโยบาย MNRE Zero Food Waste หวัง ทส. เป็นต้นแบบเชิงรูปธรรมใน 4 เดือน https://www.thai-tai.tv/news/21979/ . #ไทยไท #สุชาติชมกลิ่น #ZeroFoodWaste #ขยะอาหาร #ภาวะโลกร้อน #EIA #กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Captery Ultra: แบตเตอรี่ AA ที่ชาร์จไว ใช้ได้นานหลายสิบปี และเป็นมิตรต่อโลก”

    ลองจินตนาการว่าแบตเตอรี่ AA ที่คุณใช้ในรีโมทหรือคีย์บอร์ดไร้สาย สามารถชาร์จเต็มในเวลาแค่ 160 วินาที ใช้ได้นานหลายสิบปี และไม่สร้างขยะพิษให้โลก—นี่คือสิ่งที่สตาร์ทอัพจากอิตาลีชื่อ Captery กำลังทำให้เป็นจริง

    Captery Ultra คือแบตเตอรี่ AA และ AAA ที่ใช้เทคโนโลยี “ซุปเปอร์คาปาซิเตอร์” แทนเคมีแบบดั้งเดิมอย่างลิเธียมหรือนิกเกิลเมทัลไฮไดรด์ ซึ่งทำให้สามารถชาร์จซ้ำได้มากกว่าถ่านทั่วไปถึง 500 เท่า และเสื่อมสภาพช้ากว่ามาก เพราะใช้กระบวนการทางกายภาพในการเก็บพลังงาน ไม่ใช่เคมี

    ที่น่าสนใจคือแรงดันไฟฟ้าของแบตเตอรี่นี้อยู่ที่ 3.2V ซึ่งเพียงพอสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ถ่าน AA สองก้อน และยังมีอุปกรณ์เสริมชื่อ “Bridge” ที่ช่วยให้ใช้งานร่วมกับถ่านเก่าได้อย่างสมดุล

    แม้จะยังอยู่ในช่วงระดมทุนผ่าน Kickstarter แต่ก็ได้รับการสนับสนุนเกินเป้าหมายแล้ว และมีชุดเริ่มต้นราคา €54 (~$63) ที่รวมแบตเตอรี่ AA, AAA, เครื่องชาร์จ S-Charge Plus และอุปกรณ์ Bridge พร้อมจัดส่งทั่วโลก

    เทคโนโลยีนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนของการใช้พลังงานแบบพกพาในอนาคต โดยเฉพาะในยุคที่โลกต้องการลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และหาทางเลือกที่ยั่งยืนมากขึ้น

    เทคโนโลยีซุปเปอร์คาปาซิเตอร์
    ใช้กระบวนการทางกายภาพในการเก็บพลังงาน ทำให้ชาร์จเร็วและเสื่อมช้ากว่าแบตเตอรี่ทั่วไป
    ชาร์จเต็มใน 160 วินาที และใช้งานได้นานหลายสิบปี
    ชาร์จซ้ำได้มากกว่าถ่านทั่วไปถึง 500 เท่า

    ความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม
    วัสดุที่ใช้มีความยั่งยืนมากกว่าถ่านทั่วไปถึง 90%
    ลดการสร้างขยะพิษจากแบตเตอรี่ที่ทิ้งปีละหลายพันล้านก้อน

    การใช้งานและอุปกรณ์เสริม
    แรงดันไฟฟ้า 3.2V ใช้ได้กับอุปกรณ์ที่ต้องการถ่าน AA สองก้อน
    ใช้กับรีโมท, คีย์บอร์ดไร้สาย, ของเล่น และอุปกรณ์ทั่วไป
    มีอุปกรณ์ “Bridge” สำหรับใช้งานร่วมกับถ่านเก่า
    เครื่องชาร์จ S-Charge Plus รองรับทั้ง AA และ AAA พร้อมอะแดปเตอร์

    การระดมทุนและการจัดจำหน่าย
    ระดมทุนผ่าน Kickstarter ได้เกินเป้าหมายแล้ว
    ชุดเริ่มต้นราคา €54 (~$63) พร้อมจัดส่งทั่วโลก
    วางแผนผลิตรุ่น 1.5V สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ถ่านก้อนเดียว

    https://www.techradar.com/pro/this-tiny-startup-wants-to-produce-the-worlds-best-aa-battery-capterys-supercapacitor-recharges-in-160-seconds-pollutes-less-and-can-last-decades-and-i-want-one
    🔋 “Captery Ultra: แบตเตอรี่ AA ที่ชาร์จไว ใช้ได้นานหลายสิบปี และเป็นมิตรต่อโลก” ลองจินตนาการว่าแบตเตอรี่ AA ที่คุณใช้ในรีโมทหรือคีย์บอร์ดไร้สาย สามารถชาร์จเต็มในเวลาแค่ 160 วินาที ใช้ได้นานหลายสิบปี และไม่สร้างขยะพิษให้โลก—นี่คือสิ่งที่สตาร์ทอัพจากอิตาลีชื่อ Captery กำลังทำให้เป็นจริง Captery Ultra คือแบตเตอรี่ AA และ AAA ที่ใช้เทคโนโลยี “ซุปเปอร์คาปาซิเตอร์” แทนเคมีแบบดั้งเดิมอย่างลิเธียมหรือนิกเกิลเมทัลไฮไดรด์ ซึ่งทำให้สามารถชาร์จซ้ำได้มากกว่าถ่านทั่วไปถึง 500 เท่า และเสื่อมสภาพช้ากว่ามาก เพราะใช้กระบวนการทางกายภาพในการเก็บพลังงาน ไม่ใช่เคมี ที่น่าสนใจคือแรงดันไฟฟ้าของแบตเตอรี่นี้อยู่ที่ 3.2V ซึ่งเพียงพอสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ถ่าน AA สองก้อน และยังมีอุปกรณ์เสริมชื่อ “Bridge” ที่ช่วยให้ใช้งานร่วมกับถ่านเก่าได้อย่างสมดุล แม้จะยังอยู่ในช่วงระดมทุนผ่าน Kickstarter แต่ก็ได้รับการสนับสนุนเกินเป้าหมายแล้ว และมีชุดเริ่มต้นราคา €54 (~$63) ที่รวมแบตเตอรี่ AA, AAA, เครื่องชาร์จ S-Charge Plus และอุปกรณ์ Bridge พร้อมจัดส่งทั่วโลก เทคโนโลยีนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนของการใช้พลังงานแบบพกพาในอนาคต โดยเฉพาะในยุคที่โลกต้องการลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และหาทางเลือกที่ยั่งยืนมากขึ้น ✅ เทคโนโลยีซุปเปอร์คาปาซิเตอร์ ➡️ ใช้กระบวนการทางกายภาพในการเก็บพลังงาน ทำให้ชาร์จเร็วและเสื่อมช้ากว่าแบตเตอรี่ทั่วไป ➡️ ชาร์จเต็มใน 160 วินาที และใช้งานได้นานหลายสิบปี ➡️ ชาร์จซ้ำได้มากกว่าถ่านทั่วไปถึง 500 เท่า ✅ ความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม ➡️ วัสดุที่ใช้มีความยั่งยืนมากกว่าถ่านทั่วไปถึง 90% ➡️ ลดการสร้างขยะพิษจากแบตเตอรี่ที่ทิ้งปีละหลายพันล้านก้อน ✅ การใช้งานและอุปกรณ์เสริม ➡️ แรงดันไฟฟ้า 3.2V ใช้ได้กับอุปกรณ์ที่ต้องการถ่าน AA สองก้อน ➡️ ใช้กับรีโมท, คีย์บอร์ดไร้สาย, ของเล่น และอุปกรณ์ทั่วไป ➡️ มีอุปกรณ์ “Bridge” สำหรับใช้งานร่วมกับถ่านเก่า ➡️ เครื่องชาร์จ S-Charge Plus รองรับทั้ง AA และ AAA พร้อมอะแดปเตอร์ ✅ การระดมทุนและการจัดจำหน่าย ➡️ ระดมทุนผ่าน Kickstarter ได้เกินเป้าหมายแล้ว ➡️ ชุดเริ่มต้นราคา €54 (~$63) พร้อมจัดส่งทั่วโลก ➡️ วางแผนผลิตรุ่น 1.5V สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ถ่านก้อนเดียว https://www.techradar.com/pro/this-tiny-startup-wants-to-produce-the-worlds-best-aa-battery-capterys-supercapacitor-recharges-in-160-seconds-pollutes-less-and-can-last-decades-and-i-want-one
    WWW.TECHRADAR.COM
    Startup Captery proposes quick-charging AA battery with decades of use
    Captery battery even comes with a special, dedicated charger
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 0 รีวิว
  • “SpaceX เปิดตัวดาวเทียม Starlink V3” — อินเทอร์เน็ตระดับกิกะบิตจากอวกาศ พร้อมขยายความจุเครือข่ายถึง 60 Tbps

    SpaceX เผยโฉมดาวเทียม Starlink รุ่นใหม่ V3 ที่มาพร้อมขนาดใหญ่ขึ้น น้ำหนักมากขึ้น และความสามารถในการส่งข้อมูลที่เหนือชั้น โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วระดับกิกะบิตแก่ผู้ใช้ทั่วโลก

    ดาวเทียม V3 หนักถึง 2,000 กิโลกรัม ซึ่งมากกว่ารุ่น V2 Mini ที่หนักไม่ถึง 600 กิโลกรัม และ V1 ที่หนักประมาณ 300 กิโลกรัม ด้วยขนาดและน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น SpaceX จึงใช้ยาน Starship ที่ทรงพลังมากกว่ารุ่น Falcon 9 เพื่อส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจร โดยแต่ละเที่ยวบินสามารถบรรทุกดาวเทียม V3 ได้ถึง 60 ดวง ซึ่งเพิ่มความจุเครือข่ายมากกว่า 20 เท่าต่อเที่ยวบินเมื่อเทียบกับ V2 Mini

    ดาวเทียม V3 มีความสามารถในการดาวน์โหลดข้อมูลสูงถึง 1,000 Gbps และอัปโหลด 200 Gbps ต่อดวง รวมกันแล้วสามารถเพิ่มความจุเครือข่าย Starlink ได้ถึง 60 Tbps ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการทำให้วิสัยทัศน์ของ Elon Musk ในการให้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วโลกเป็นจริง

    อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้จะต้องมีฮาร์ดแวร์ใหม่เพื่อรองรับความเร็วที่ดาวเทียม V3 สามารถให้บริการได้ และ SpaceX ยืนยันว่าดาวเทียม V3 จะถูกออกแบบให้เผาไหม้หมดเมื่อหมดอายุการใช้งาน เพื่อลดปัญหาขยะอวกาศ

    ข้อมูลในข่าว
    SpaceX เปิดตัวดาวเทียม Starlink V3 ขนาดใหญ่และหนักถึง 2,000 กิโลกรัม
    ใช้ยาน Starship ส่งขึ้นสู่วงโคจร แทน Falcon 9
    แต่ละเที่ยวบินสามารถบรรทุกดาวเทียม V3 ได้ถึง 60 ดวง
    เพิ่มความจุเครือข่ายมากกว่า 20 เท่าต่อเที่ยวบินเมื่อเทียบกับ V2 Mini
    ความสามารถดาวน์โหลด 1,000 Gbps และอัปโหลด 200 Gbps ต่อดวง
    เพิ่มความจุเครือข่ายรวมถึง 60 Tbps
    ผู้ใช้ต้องมีฮาร์ดแวร์ใหม่เพื่อรองรับความเร็วระดับกิกะบิต
    ดาวเทียม V3 ถูกออกแบบให้เผาไหม้หมดเมื่อหมดอายุการใช้งาน

    https://www.tomshardware.com/service-providers/network-providers/spacex-shows-off-massive-new-v3-starlink-satellites-expanded-technology-will-deliver-gigabit-internet-to-customers-for-the-first-time-and-enable-60-tera-bits-per-second-downlink-capacity
    🛰️ “SpaceX เปิดตัวดาวเทียม Starlink V3” — อินเทอร์เน็ตระดับกิกะบิตจากอวกาศ พร้อมขยายความจุเครือข่ายถึง 60 Tbps SpaceX เผยโฉมดาวเทียม Starlink รุ่นใหม่ V3 ที่มาพร้อมขนาดใหญ่ขึ้น น้ำหนักมากขึ้น และความสามารถในการส่งข้อมูลที่เหนือชั้น โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วระดับกิกะบิตแก่ผู้ใช้ทั่วโลก ดาวเทียม V3 หนักถึง 2,000 กิโลกรัม ซึ่งมากกว่ารุ่น V2 Mini ที่หนักไม่ถึง 600 กิโลกรัม และ V1 ที่หนักประมาณ 300 กิโลกรัม ด้วยขนาดและน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น SpaceX จึงใช้ยาน Starship ที่ทรงพลังมากกว่ารุ่น Falcon 9 เพื่อส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจร โดยแต่ละเที่ยวบินสามารถบรรทุกดาวเทียม V3 ได้ถึง 60 ดวง ซึ่งเพิ่มความจุเครือข่ายมากกว่า 20 เท่าต่อเที่ยวบินเมื่อเทียบกับ V2 Mini ดาวเทียม V3 มีความสามารถในการดาวน์โหลดข้อมูลสูงถึง 1,000 Gbps และอัปโหลด 200 Gbps ต่อดวง รวมกันแล้วสามารถเพิ่มความจุเครือข่าย Starlink ได้ถึง 60 Tbps ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการทำให้วิสัยทัศน์ของ Elon Musk ในการให้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วโลกเป็นจริง อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้จะต้องมีฮาร์ดแวร์ใหม่เพื่อรองรับความเร็วที่ดาวเทียม V3 สามารถให้บริการได้ และ SpaceX ยืนยันว่าดาวเทียม V3 จะถูกออกแบบให้เผาไหม้หมดเมื่อหมดอายุการใช้งาน เพื่อลดปัญหาขยะอวกาศ ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ SpaceX เปิดตัวดาวเทียม Starlink V3 ขนาดใหญ่และหนักถึง 2,000 กิโลกรัม ➡️ ใช้ยาน Starship ส่งขึ้นสู่วงโคจร แทน Falcon 9 ➡️ แต่ละเที่ยวบินสามารถบรรทุกดาวเทียม V3 ได้ถึง 60 ดวง ➡️ เพิ่มความจุเครือข่ายมากกว่า 20 เท่าต่อเที่ยวบินเมื่อเทียบกับ V2 Mini ➡️ ความสามารถดาวน์โหลด 1,000 Gbps และอัปโหลด 200 Gbps ต่อดวง ➡️ เพิ่มความจุเครือข่ายรวมถึง 60 Tbps ➡️ ผู้ใช้ต้องมีฮาร์ดแวร์ใหม่เพื่อรองรับความเร็วระดับกิกะบิต ➡️ ดาวเทียม V3 ถูกออกแบบให้เผาไหม้หมดเมื่อหมดอายุการใช้งาน https://www.tomshardware.com/service-providers/network-providers/spacex-shows-off-massive-new-v3-starlink-satellites-expanded-technology-will-deliver-gigabit-internet-to-customers-for-the-first-time-and-enable-60-tera-bits-per-second-downlink-capacity
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 219 มุมมอง 0 รีวิว
  • “KDE ครบรอบ 29 ปี — เปิดระดมทุนปี 2025 เพื่อซอฟต์แวร์เสรีที่ยั่งยืนและโลกที่สะอาดขึ้น”

    ในวาระครบรอบ 29 ปีของ KDE โครงการโอเพ่นซอร์สที่ทรงพลังและเป็นอิสระที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ได้เปิดตัวแคมเปญระดมทุนประจำปี 2025 โดยตั้งเป้ายอดบริจาคขั้นต่ำที่ €50,000 เพื่อสนับสนุนการพัฒนาซอฟต์แวร์เสรีที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรต่อความเป็นส่วนตัว

    KDE เน้นย้ำว่าเงินบริจาคจากผู้ใช้คือหัวใจของความเป็นอิสระทางการเงิน ซึ่งช่วยให้โครงการไม่ต้องพึ่งพาบริษัทใดบริษัทหนึ่ง และสามารถพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อทุกคนได้อย่างแท้จริง

    นอกจากนี้ แคมเปญปีนี้ยังตรงกับสัปดาห์ของ “วันลดขยะอิเล็กทรอนิกส์สากล” KDE จึงเปิดตัวแคมเปญ “End of 10” เพื่อรณรงค์ให้ผู้คนไม่ทิ้งอุปกรณ์เก่าเพียงเพราะไม่สามารถอัปเกรด Windows 10 ได้ โดยเสนอทางเลือกผ่านซอฟต์แวร์ KDE ที่เบาและไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตตลอดเวลา

    KDE ครบรอบ 29 ปีในปี 2025
    เป็นโครงการโอเพ่นซอร์สที่ขับเคลื่อนด้วยชุมชน

    เปิดแคมเปญระดมทุนประจำปี
    ตั้งเป้ายอดบริจาคขั้นต่ำ €50,000 ภายในสิ้นปี

    เงินบริจาคช่วยให้ KDE มีอิสระทางการเงิน
    ไม่ต้องพึ่งพาบริษัทใหญ่ และพัฒนาเพื่อทุกคน

    KDE ผลิตซอฟต์แวร์ที่เบาและไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตตลอดเวลา
    เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ถูกละเลยโดยอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

    แคมเปญ “End of 10” รณรงค์ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์
    ตอบโต้การหยุดสนับสนุน Windows 10 โดย Microsoft

    KDE สนับสนุนการนำซอฟต์แวร์เสรีไปใช้ในหน่วยงานรัฐ
    เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลและอธิปไตยทางเทคโนโลยี

    ผู้บริจาคจะได้รับของขวัญดิจิทัล เช่น badge และการ์ดพิมพ์ได้
    เป็นการขอบคุณจากชุมชน KDE

    https://kde.org/fundraisers/yearend2025/
    🎉 “KDE ครบรอบ 29 ปี — เปิดระดมทุนปี 2025 เพื่อซอฟต์แวร์เสรีที่ยั่งยืนและโลกที่สะอาดขึ้น” ในวาระครบรอบ 29 ปีของ KDE โครงการโอเพ่นซอร์สที่ทรงพลังและเป็นอิสระที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ได้เปิดตัวแคมเปญระดมทุนประจำปี 2025 โดยตั้งเป้ายอดบริจาคขั้นต่ำที่ €50,000 เพื่อสนับสนุนการพัฒนาซอฟต์แวร์เสรีที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรต่อความเป็นส่วนตัว KDE เน้นย้ำว่าเงินบริจาคจากผู้ใช้คือหัวใจของความเป็นอิสระทางการเงิน ซึ่งช่วยให้โครงการไม่ต้องพึ่งพาบริษัทใดบริษัทหนึ่ง และสามารถพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อทุกคนได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ แคมเปญปีนี้ยังตรงกับสัปดาห์ของ “วันลดขยะอิเล็กทรอนิกส์สากล” KDE จึงเปิดตัวแคมเปญ “End of 10” เพื่อรณรงค์ให้ผู้คนไม่ทิ้งอุปกรณ์เก่าเพียงเพราะไม่สามารถอัปเกรด Windows 10 ได้ โดยเสนอทางเลือกผ่านซอฟต์แวร์ KDE ที่เบาและไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ✅ KDE ครบรอบ 29 ปีในปี 2025 ➡️ เป็นโครงการโอเพ่นซอร์สที่ขับเคลื่อนด้วยชุมชน ✅ เปิดแคมเปญระดมทุนประจำปี ➡️ ตั้งเป้ายอดบริจาคขั้นต่ำ €50,000 ภายในสิ้นปี ✅ เงินบริจาคช่วยให้ KDE มีอิสระทางการเงิน ➡️ ไม่ต้องพึ่งพาบริษัทใหญ่ และพัฒนาเพื่อทุกคน ✅ KDE ผลิตซอฟต์แวร์ที่เบาและไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ➡️ เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ถูกละเลยโดยอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ✅ แคมเปญ “End of 10” รณรงค์ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ ➡️ ตอบโต้การหยุดสนับสนุน Windows 10 โดย Microsoft ✅ KDE สนับสนุนการนำซอฟต์แวร์เสรีไปใช้ในหน่วยงานรัฐ ➡️ เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลและอธิปไตยทางเทคโนโลยี ✅ ผู้บริจาคจะได้รับของขวัญดิจิทัล เช่น badge และการ์ดพิมพ์ได้ ➡️ เป็นการขอบคุณจากชุมชน KDE https://kde.org/fundraisers/yearend2025/
    KDE.ORG
    Happy Birthday to KDE
    This week is KDE’s 29th anniversary. It may not be a nice round number like 25 or 30, but whenever another birthday rolls around for an independent project the size and scope of KDE — powered by the goodwill of its contributors and users — that’s really quite something!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 11
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3”
    ตอนที่ 11

    เรื่องต่อมา คือเรื่องกำลังอาวุธของทั้ง 2 ฝ่าย

    อเมริกา ทำการบ้านมากมาย เพื่อให้รู้แน่ถึงศักยภาพของฝั่งรัสเซีย ไอ้พวกถังความคิดต่างๆ ทำงานเสียหน้ามืด แต่ขอทีเถิดนะ ที่หลังอย่าลอกการบ้านกัน หลอกเอาเงินสปอนเซอร์แบบนี้ คนอ่านแก่ๆ อย่างผม อ่านแล้วเสียอารมณ์ เห็นหน้าปกเป็นถังใหม่ ข้างในลอกกันเพียบ อย่างนี้มันน่าจะเป็นถังขยะ มากกว่าถังความคิด

    ต่อครับ อเมริกาคิดว่าตัวต่อตัว ระหว่างอเมริกากับรัสเซีย อเมริกาล้มรัสเซียได้ แต่พรรคพวกของรัสเซียนะซิ โดยเฉพาะจีนและอิหร่าน มีของจริงมากน้อยน่ากลัวแค่ไหน อเมริกาประเมินเรื่องกำลังอาวุธของจีนต่ำตลอด ถึงขนาดในการประชุมที่ Shangrila Dialogue ที่ เน้นเรื่องความมั่นคงของประเทศ ที่จัดเป็นประจำทุกปีที่สิงคโปร์ อเมริกาเคยปรามาสจีนอย่างไร้มรรยาท จนจีนไม่เข้าร่วมอยู่พักหนึ่ง ตอนนี้ก็ไม่แน่ว่าอเมริการู้จริงถึงศักยภาพอาวุธของจีน เพราะจีนปิดเงียบ ไม่มีการโม้ ไม่มีการโชว์

    แต่ที่อเมริกาให้เวลาในการวิเคราะห์มากมายอีกประเทศหนึ่ง คือ อิหร่าน เพราะอเมริกาคิดว่า อาวุธที่ทรงอานุภาพที่สุด และเป็นตัวตัดสินคือ อาวุธนิวเคลียร์ และอเมริกาคิดว่า อิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์มานานแล้ว อเมริกาถึงกับชักใย ให้สหประชาชาติใช้มาตรการคว่ำบาตรกับอิหร่าน

    อิหร่านพัฒนานิวเคลียร์จริงหรือไม่ อิหร่านบอกว่าไม่ได้ทำ แต่ถ้าเรื่องนี้กลับตาลปัตร พูดได้คำเดียวว่า “แหลก” ฝ่ายไหนแหลก ก็ลองประเมินกันเองบ้างครับ

    กรณีอิหร่าน ทำให้พอมองเห็นแนวคิดของอเมริกาเกี่ยวกับเรื่องอาวุธ เมื่ออเมริกาคิดว่านิวเคลียร์คืออาวุธที่ทรงอานุภาพที่สุด และเป็นตัวตัดสิน อเมริกาจึงเน้นการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และบรรดาที่เป็น hardware เป็น ส่วนมาก เช่น เรือรบ เรือบรรทุกเครื่องบิน รถถัง เครื่องบิน ฯลฯ เพื่อสร้างความคล่องตัวในการเคลื่อนไหว เคลื่อนที่ ล๊อกเป้า เป็นต้น

    สิ่งที่น่าสนใจ และอเมริกาอาจจะไม่ให้ความสนใจพอในตอนแรก คือจีน เป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าในเรื่องการพัฒนาระบบไอทีอย่าง มาก อาวุธที่จีนพัฒนามาใช้ อาจไม่ใช่ในรูปแบบ hardware ทั้งหมด แต่เป็นรูปแบบไอที software ถ้าจีนพัฒนา software ที่สามารถสยบอาวุธหลากหลายของอเมริกาได้ สงครามครั้งนี้คงมีการสู้รบ รูปแบบต่างกับสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างแน่นอน และ มีความเป็นไปได้สูงมาก อย่าลืมว่าทางฝั่งของรัสเซีย นอกจากจีนแล้ว ยังมีอินเดียที่เป็นกูรูอีกรายในด้านไอที และถ้าฝั่งนี้เขาแชร์เทคโนโลยี่กัน คงเป็นเรื่องน่าสนใจมาก และน่าคิดและน่ากังวลมากสำหรับอเมริกา
    ตัวอย่างที่ทำให้น่าคิดว่า เรื่องความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี software ทางฝั่งรัสเซียและจีน ไม่ใช่เรื่องเกินจินตนาการคือ ข่าวเกี่ยวกับระบบ Sukhoi 24 หรือ Su-24 ของรัสเซียที่สยบเรือรบสัญชาติอเมริกาขื่อ USS Donald Cook เมื่อกลางปีนี้ ที่มีข่าวจาก Veterans Today เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2014 ว่า

    เรือรบสัญชาติอเมริกันชื่อ “USS Donald Cook” ซึ่งติดตั้งระบบ“Aegis” ที่ เป็นระบบที่ไฮเทคที่สุดของอเมริกา ที่สามารถใช้ทำการโจมตีและต่อสู้จรวดทางอากาศ ได้ไปลอยลำโชว์ตัวพร้อมจรวดโทมาฮอค เย้ยรัสเซียที่แถบทะเลดำเมื่อวันที่ 10 เมษายน ค.ศ.2014 ที่ผ่านมา การเข้าไปในน่านน้ำของ Donald Cook เป็นการฝ่าฝืน Montreux Convention ด้านประเภทและระยะเวลา

    รัสเซียไม่ได้ใช้อาวุธขับไล่ Donald Cook เพียงแต่ส่งเครื่องบินรบที่ติดตั้งระบบเรียกว่า Sukhoi 24 หรือ Su-24 ไปบินวนรอบเรือรบDonald Cook ซึ่งจับสัญญาณเครื่องบินรบรัสเซียได้ เครื่องเตือนภัยของเรือรบทำการ แจ้ง แต่หลังจากนั้นแป๊บเดียว ระบบอิเลคทรอนิคทั้งปวงของ Donald Cook ก็ล่ม จอดับมืด ว่างสะอาดเกลี้ยงเกลา และไม่สามารถทำการกู้ระบบได้อีกเลย

    ระหว่างนั้นเครื่องบินรบที่ติดระบบ Su-24 ของรัสเซีย ก็บินวนเหนือดาดฟ้า Donald Cook 12 รอบ ก่อนบินจากไป

    เมื่อรู้ตัวว่าถูกลูบคมจนไม่เหลือ Donald Cook ก็รีบแล่นเข้าไปจอดเทียบท่าที่โรมาเนีย รายงานข่าวบอกว่า หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ประจำการ 27 คนของ Donald Cook ก็ ยื่นใบลาออก และไม่มีการแถลงข่าวใดๆจากฝั่งอเมริกา ส่วนทางรัสเซียออกข่าวเพียงว่า เรายังไม่ได้ใช้อาวุธอะไรเลยนะ เพียงแค่ใช้ระบบคลื่นวิทยุทำลายการทำงานของระบบอเมริกันที่ว่าเยี่ยมสุดแค่ นั้นเอง….. และระบบที่ว่านี้ของอเมริกา เขาว่ากองเรือทั้งหมดของ NATO จะติดตั้ง เพื่อใช้ในการต่อสู้กับรัสเซีย หากรัสเซียบุกยูเครน…

    สรุปว่า ด้านอาวุธยุทธโธปกรณ์นั้น ยังตัดสินไม่ขาดว่า ฝ่ายใดจะนำหน้าใคร เพราะมีทั้งเรื่องนิวเคลียร์ hardware และ software ที่ต่างก็ซุ่มพัฒนา แต่ถ้าจีนสามารถสร้างระบบ software ที่สยบระบบที่ใช้กับอาวุธของอเมริกาได้หมด หรือเกือบหมด หนทางชนะสงครามชิงโลกของอเมริกา คงแทบไม่มีได้เห็นเลย !

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    5 ธค. 2557
    แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 11 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3” ตอนที่ 11 เรื่องต่อมา คือเรื่องกำลังอาวุธของทั้ง 2 ฝ่าย อเมริกา ทำการบ้านมากมาย เพื่อให้รู้แน่ถึงศักยภาพของฝั่งรัสเซีย ไอ้พวกถังความคิดต่างๆ ทำงานเสียหน้ามืด แต่ขอทีเถิดนะ ที่หลังอย่าลอกการบ้านกัน หลอกเอาเงินสปอนเซอร์แบบนี้ คนอ่านแก่ๆ อย่างผม อ่านแล้วเสียอารมณ์ เห็นหน้าปกเป็นถังใหม่ ข้างในลอกกันเพียบ อย่างนี้มันน่าจะเป็นถังขยะ มากกว่าถังความคิด ต่อครับ อเมริกาคิดว่าตัวต่อตัว ระหว่างอเมริกากับรัสเซีย อเมริกาล้มรัสเซียได้ แต่พรรคพวกของรัสเซียนะซิ โดยเฉพาะจีนและอิหร่าน มีของจริงมากน้อยน่ากลัวแค่ไหน อเมริกาประเมินเรื่องกำลังอาวุธของจีนต่ำตลอด ถึงขนาดในการประชุมที่ Shangrila Dialogue ที่ เน้นเรื่องความมั่นคงของประเทศ ที่จัดเป็นประจำทุกปีที่สิงคโปร์ อเมริกาเคยปรามาสจีนอย่างไร้มรรยาท จนจีนไม่เข้าร่วมอยู่พักหนึ่ง ตอนนี้ก็ไม่แน่ว่าอเมริการู้จริงถึงศักยภาพอาวุธของจีน เพราะจีนปิดเงียบ ไม่มีการโม้ ไม่มีการโชว์ แต่ที่อเมริกาให้เวลาในการวิเคราะห์มากมายอีกประเทศหนึ่ง คือ อิหร่าน เพราะอเมริกาคิดว่า อาวุธที่ทรงอานุภาพที่สุด และเป็นตัวตัดสินคือ อาวุธนิวเคลียร์ และอเมริกาคิดว่า อิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์มานานแล้ว อเมริกาถึงกับชักใย ให้สหประชาชาติใช้มาตรการคว่ำบาตรกับอิหร่าน อิหร่านพัฒนานิวเคลียร์จริงหรือไม่ อิหร่านบอกว่าไม่ได้ทำ แต่ถ้าเรื่องนี้กลับตาลปัตร พูดได้คำเดียวว่า “แหลก” ฝ่ายไหนแหลก ก็ลองประเมินกันเองบ้างครับ กรณีอิหร่าน ทำให้พอมองเห็นแนวคิดของอเมริกาเกี่ยวกับเรื่องอาวุธ เมื่ออเมริกาคิดว่านิวเคลียร์คืออาวุธที่ทรงอานุภาพที่สุด และเป็นตัวตัดสิน อเมริกาจึงเน้นการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และบรรดาที่เป็น hardware เป็น ส่วนมาก เช่น เรือรบ เรือบรรทุกเครื่องบิน รถถัง เครื่องบิน ฯลฯ เพื่อสร้างความคล่องตัวในการเคลื่อนไหว เคลื่อนที่ ล๊อกเป้า เป็นต้น สิ่งที่น่าสนใจ และอเมริกาอาจจะไม่ให้ความสนใจพอในตอนแรก คือจีน เป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าในเรื่องการพัฒนาระบบไอทีอย่าง มาก อาวุธที่จีนพัฒนามาใช้ อาจไม่ใช่ในรูปแบบ hardware ทั้งหมด แต่เป็นรูปแบบไอที software ถ้าจีนพัฒนา software ที่สามารถสยบอาวุธหลากหลายของอเมริกาได้ สงครามครั้งนี้คงมีการสู้รบ รูปแบบต่างกับสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างแน่นอน และ มีความเป็นไปได้สูงมาก อย่าลืมว่าทางฝั่งของรัสเซีย นอกจากจีนแล้ว ยังมีอินเดียที่เป็นกูรูอีกรายในด้านไอที และถ้าฝั่งนี้เขาแชร์เทคโนโลยี่กัน คงเป็นเรื่องน่าสนใจมาก และน่าคิดและน่ากังวลมากสำหรับอเมริกา ตัวอย่างที่ทำให้น่าคิดว่า เรื่องความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี software ทางฝั่งรัสเซียและจีน ไม่ใช่เรื่องเกินจินตนาการคือ ข่าวเกี่ยวกับระบบ Sukhoi 24 หรือ Su-24 ของรัสเซียที่สยบเรือรบสัญชาติอเมริกาขื่อ USS Donald Cook เมื่อกลางปีนี้ ที่มีข่าวจาก Veterans Today เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2014 ว่า เรือรบสัญชาติอเมริกันชื่อ “USS Donald Cook” ซึ่งติดตั้งระบบ“Aegis” ที่ เป็นระบบที่ไฮเทคที่สุดของอเมริกา ที่สามารถใช้ทำการโจมตีและต่อสู้จรวดทางอากาศ ได้ไปลอยลำโชว์ตัวพร้อมจรวดโทมาฮอค เย้ยรัสเซียที่แถบทะเลดำเมื่อวันที่ 10 เมษายน ค.ศ.2014 ที่ผ่านมา การเข้าไปในน่านน้ำของ Donald Cook เป็นการฝ่าฝืน Montreux Convention ด้านประเภทและระยะเวลา รัสเซียไม่ได้ใช้อาวุธขับไล่ Donald Cook เพียงแต่ส่งเครื่องบินรบที่ติดตั้งระบบเรียกว่า Sukhoi 24 หรือ Su-24 ไปบินวนรอบเรือรบDonald Cook ซึ่งจับสัญญาณเครื่องบินรบรัสเซียได้ เครื่องเตือนภัยของเรือรบทำการ แจ้ง แต่หลังจากนั้นแป๊บเดียว ระบบอิเลคทรอนิคทั้งปวงของ Donald Cook ก็ล่ม จอดับมืด ว่างสะอาดเกลี้ยงเกลา และไม่สามารถทำการกู้ระบบได้อีกเลย ระหว่างนั้นเครื่องบินรบที่ติดระบบ Su-24 ของรัสเซีย ก็บินวนเหนือดาดฟ้า Donald Cook 12 รอบ ก่อนบินจากไป เมื่อรู้ตัวว่าถูกลูบคมจนไม่เหลือ Donald Cook ก็รีบแล่นเข้าไปจอดเทียบท่าที่โรมาเนีย รายงานข่าวบอกว่า หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ประจำการ 27 คนของ Donald Cook ก็ ยื่นใบลาออก และไม่มีการแถลงข่าวใดๆจากฝั่งอเมริกา ส่วนทางรัสเซียออกข่าวเพียงว่า เรายังไม่ได้ใช้อาวุธอะไรเลยนะ เพียงแค่ใช้ระบบคลื่นวิทยุทำลายการทำงานของระบบอเมริกันที่ว่าเยี่ยมสุดแค่ นั้นเอง….. และระบบที่ว่านี้ของอเมริกา เขาว่ากองเรือทั้งหมดของ NATO จะติดตั้ง เพื่อใช้ในการต่อสู้กับรัสเซีย หากรัสเซียบุกยูเครน… สรุปว่า ด้านอาวุธยุทธโธปกรณ์นั้น ยังตัดสินไม่ขาดว่า ฝ่ายใดจะนำหน้าใคร เพราะมีทั้งเรื่องนิวเคลียร์ hardware และ software ที่ต่างก็ซุ่มพัฒนา แต่ถ้าจีนสามารถสร้างระบบ software ที่สยบระบบที่ใช้กับอาวุธของอเมริกาได้หมด หรือเกือบหมด หนทางชนะสงครามชิงโลกของอเมริกา คงแทบไม่มีได้เห็นเลย ! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 5 ธค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 326 มุมมอง 0 รีวิว
  • สื่อเกาหลีใต้เผยภาพสุดช็อก "กองพาสปอร์ต" ถูกทิ้งในถังขยะกัมพูชา ส่อเค้าหลักฐานค้ามนุษย์
    https://www.thai-tai.tv/news/21897/
    .
    #ไทยไท #กองพาสปอร์ต #ค้ามนุษย์ #กัมพูชา #อาชญากรรมข้ามชาติ #เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    สื่อเกาหลีใต้เผยภาพสุดช็อก "กองพาสปอร์ต" ถูกทิ้งในถังขยะกัมพูชา ส่อเค้าหลักฐานค้ามนุษย์ https://www.thai-tai.tv/news/21897/ . #ไทยไท #กองพาสปอร์ต #ค้ามนุษย์ #กัมพูชา #อาชญากรรมข้ามชาติ #เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘พีระพันธุ์’ เปิดโครงการจิตอาสา ‘รักษ์คลองภาษีเจริญ’ ล่องเรือเก็บขยะ ปลุกจิตสำนึกชุมชน รับฟังชาวบ้านต้องการ ‘โซลาร์เสรี’
    https://www.thai-tai.tv/news/21841/
    ‘พีระพันธุ์’ เปิดโครงการจิตอาสา ‘รักษ์คลองภาษีเจริญ’ ล่องเรือเก็บขยะ ปลุกจิตสำนึกชุมชน รับฟังชาวบ้านต้องการ ‘โซลาร์เสรี’ https://www.thai-tai.tv/news/21841/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 204 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ดาวเทียม Starlink ตกทุกวัน — นักวิทยาศาสตร์เตือนภัยเงียบจากขยะอวกาศและผลกระทบต่อชั้นบรรยากาศ”

    ในปี 2025 นี้ นักดาราศาสตร์จาก Harvard–Smithsonian Center for Astrophysics อย่าง Dr. Jonathan McDowell เปิดเผยว่า “มีดาวเทียม Starlink ตกกลับสู่โลกวันละ 1–2 ดวง และอาจเพิ่มเป็น 5 ดวงต่อวันในอนาคต” เนื่องจากอายุการใช้งานเฉลี่ยของดาวเทียมเหล่านี้อยู่ที่ประมาณ 5 ปี ก่อนจะถูกลดวงโคจรและเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศ

    แม้ SpaceX จะออกแบบให้ดาวเทียม Starlink เผาไหม้หมดก่อนถึงพื้นโลก แต่ก็มีบางกรณีที่ชิ้นส่วนหลงเหลือ เช่น แคปซูล Dragon ที่เคยตกลงในพื้นที่ห่างไกลของ North Carolina ซึ่ง NASA ยืนยันว่าเป็นเศษซากจากภารกิจจริง

    ปัจจุบันมีดาวเทียมในวงโคจรต่ำ (LEO) ประมาณ 12,000 ดวง โดย 8,500 ดวงเป็นของ Starlink และมีแผนจะเพิ่มเป็น 30,000 ดวงในไม่กี่ปีข้างหน้า ขณะที่บริษัทอื่น เช่น Amazon Kuiper และ ESpace ก็มีแผนส่งดาวเทียมหลายหมื่นดวงเช่นกัน รวมถึงจีนที่มีแผนสร้างระบบสื่อสารอิสระในอวกาศ

    นอกจากดาวเทียม ยังมีเศษขยะอวกาศขนาดเซนติเมตรอีกกว่า 1 ล้านชิ้นที่ไม่สามารถติดตามได้ ซึ่งอาจเป็นตัวจุดชนวนให้เกิด “Kessler Syndrome” หรือปรากฏการณ์ที่การชนกันของวัตถุในอวกาศทำให้เกิดเศษซากเพิ่มขึ้นแบบลูกโซ่ จนวงโคจรกลายเป็นพื้นที่อันตราย

    แม้การตกของ Starlink จะไม่เป็นอันตรายโดยตรงต่อมนุษย์ แต่นักวิทยาศาสตร์เริ่มกังวลถึงผลกระทบต่อชั้นบรรยากาศ เช่น อนุภาคอะลูมิเนียมออกไซด์ที่เกิดจากการเผาไหม้ ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงเคมีและอุณหภูมิของชั้นบรรยากาศในระยะยาว

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    มีดาวเทียม Starlink ตกกลับสู่โลกวันละ 1–2 ดวงในปี 2025
    คาดว่าอาจเพิ่มเป็น 5 ดวงต่อวันเมื่อมีการส่งดาวเทียมเพิ่ม
    อายุการใช้งานเฉลี่ยของดาวเทียมคือ 5 ปี ก่อนถูกลดวงโคจรและเผาไหม้
    ปัจจุบันมีดาวเทียมในวงโคจรต่ำประมาณ 12,000 ดวง โดย 8,500 ดวงเป็นของ Starlink
    บริษัทอื่น เช่น Amazon Kuiper และจีน มีแผนส่งดาวเทียมหลายหมื่นดวง
    มีเศษขยะอวกาศขนาดเซนติเมตรกว่า 1 ล้านชิ้นที่ไม่สามารถติดตามได้
    Starlink ออกแบบให้เผาไหม้หมดก่อนถึงพื้นโลก แต่บางชิ้นส่วนอาจตกถึงพื้น
    NASA ยืนยันว่ามีชิ้นส่วนจากแคปซูล Dragon ตกลงใน North Carolina
    นักวิทยาศาสตร์เริ่มศึกษาผลกระทบจากอนุภาคอะลูมิเนียมออกไซด์ต่อชั้นบรรยากาศ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Kessler Syndrome คือปรากฏการณ์ที่การชนกันของวัตถุในอวกาศทำให้เกิดเศษซากเพิ่มขึ้นแบบลูกโซ่
    การเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศเกิดที่ระดับประมาณ 40 ไมล์เหนือพื้นโลก
    ดาวเทียม Starlink มีขนาดประมาณ 30 เมตร และหนักถึง 1 ตัน
    การแยกแยะดาวเทียมกับอุกกาบาตในท้องฟ้าทำได้จากความเร็วและทิศทางการเคลื่อนที่
    การควบคุมการตกของดาวเทียมยังเป็น “การช่วยเหลือแบบไม่สามารถควบคุมได้เต็มที่”

    https://www.tomshardware.com/networking/concerns-grow-after-spate-of-social-media-posts-showing-spacex-starlink-satellites-burning-in-the-sky-we-are-currently-seeing-a-couple-of-satellite-re-entries-a-day-says-respected-astrophysicist
    🌌 “ดาวเทียม Starlink ตกทุกวัน — นักวิทยาศาสตร์เตือนภัยเงียบจากขยะอวกาศและผลกระทบต่อชั้นบรรยากาศ” ในปี 2025 นี้ นักดาราศาสตร์จาก Harvard–Smithsonian Center for Astrophysics อย่าง Dr. Jonathan McDowell เปิดเผยว่า “มีดาวเทียม Starlink ตกกลับสู่โลกวันละ 1–2 ดวง และอาจเพิ่มเป็น 5 ดวงต่อวันในอนาคต” เนื่องจากอายุการใช้งานเฉลี่ยของดาวเทียมเหล่านี้อยู่ที่ประมาณ 5 ปี ก่อนจะถูกลดวงโคจรและเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศ แม้ SpaceX จะออกแบบให้ดาวเทียม Starlink เผาไหม้หมดก่อนถึงพื้นโลก แต่ก็มีบางกรณีที่ชิ้นส่วนหลงเหลือ เช่น แคปซูล Dragon ที่เคยตกลงในพื้นที่ห่างไกลของ North Carolina ซึ่ง NASA ยืนยันว่าเป็นเศษซากจากภารกิจจริง ปัจจุบันมีดาวเทียมในวงโคจรต่ำ (LEO) ประมาณ 12,000 ดวง โดย 8,500 ดวงเป็นของ Starlink และมีแผนจะเพิ่มเป็น 30,000 ดวงในไม่กี่ปีข้างหน้า ขณะที่บริษัทอื่น เช่น Amazon Kuiper และ ESpace ก็มีแผนส่งดาวเทียมหลายหมื่นดวงเช่นกัน รวมถึงจีนที่มีแผนสร้างระบบสื่อสารอิสระในอวกาศ นอกจากดาวเทียม ยังมีเศษขยะอวกาศขนาดเซนติเมตรอีกกว่า 1 ล้านชิ้นที่ไม่สามารถติดตามได้ ซึ่งอาจเป็นตัวจุดชนวนให้เกิด “Kessler Syndrome” หรือปรากฏการณ์ที่การชนกันของวัตถุในอวกาศทำให้เกิดเศษซากเพิ่มขึ้นแบบลูกโซ่ จนวงโคจรกลายเป็นพื้นที่อันตราย แม้การตกของ Starlink จะไม่เป็นอันตรายโดยตรงต่อมนุษย์ แต่นักวิทยาศาสตร์เริ่มกังวลถึงผลกระทบต่อชั้นบรรยากาศ เช่น อนุภาคอะลูมิเนียมออกไซด์ที่เกิดจากการเผาไหม้ ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงเคมีและอุณหภูมิของชั้นบรรยากาศในระยะยาว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ มีดาวเทียม Starlink ตกกลับสู่โลกวันละ 1–2 ดวงในปี 2025 ➡️ คาดว่าอาจเพิ่มเป็น 5 ดวงต่อวันเมื่อมีการส่งดาวเทียมเพิ่ม ➡️ อายุการใช้งานเฉลี่ยของดาวเทียมคือ 5 ปี ก่อนถูกลดวงโคจรและเผาไหม้ ➡️ ปัจจุบันมีดาวเทียมในวงโคจรต่ำประมาณ 12,000 ดวง โดย 8,500 ดวงเป็นของ Starlink ➡️ บริษัทอื่น เช่น Amazon Kuiper และจีน มีแผนส่งดาวเทียมหลายหมื่นดวง ➡️ มีเศษขยะอวกาศขนาดเซนติเมตรกว่า 1 ล้านชิ้นที่ไม่สามารถติดตามได้ ➡️ Starlink ออกแบบให้เผาไหม้หมดก่อนถึงพื้นโลก แต่บางชิ้นส่วนอาจตกถึงพื้น ➡️ NASA ยืนยันว่ามีชิ้นส่วนจากแคปซูล Dragon ตกลงใน North Carolina ➡️ นักวิทยาศาสตร์เริ่มศึกษาผลกระทบจากอนุภาคอะลูมิเนียมออกไซด์ต่อชั้นบรรยากาศ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Kessler Syndrome คือปรากฏการณ์ที่การชนกันของวัตถุในอวกาศทำให้เกิดเศษซากเพิ่มขึ้นแบบลูกโซ่ ➡️ การเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศเกิดที่ระดับประมาณ 40 ไมล์เหนือพื้นโลก ➡️ ดาวเทียม Starlink มีขนาดประมาณ 30 เมตร และหนักถึง 1 ตัน ➡️ การแยกแยะดาวเทียมกับอุกกาบาตในท้องฟ้าทำได้จากความเร็วและทิศทางการเคลื่อนที่ ➡️ การควบคุมการตกของดาวเทียมยังเป็น “การช่วยเหลือแบบไม่สามารถควบคุมได้เต็มที่” https://www.tomshardware.com/networking/concerns-grow-after-spate-of-social-media-posts-showing-spacex-starlink-satellites-burning-in-the-sky-we-are-currently-seeing-a-couple-of-satellite-re-entries-a-day-says-respected-astrophysicist
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 317 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'พรพรหม' สุดภูมิใจเผยภาพ Before-After 3 ปีผ่านมา จากกองขยะอ่อนนุช สู่ สวนป่า 60,000 ต้น กลายเป็นปอดใหญ่แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ
    https://www.thai-tai.tv/news/21835/
    .
    #ไทยไท #สวนป่าอ่อนนุช #พื้นที่สีเขียว #ปอดกรุงเทพ #พลิกโฉม #สิ่งแวดล้อม
    'พรพรหม' สุดภูมิใจเผยภาพ Before-After 3 ปีผ่านมา จากกองขยะอ่อนนุช สู่ สวนป่า 60,000 ต้น กลายเป็นปอดใหญ่แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ https://www.thai-tai.tv/news/21835/ . #ไทยไท #สวนป่าอ่อนนุช #พื้นที่สีเขียว #ปอดกรุงเทพ #พลิกโฉม #สิ่งแวดล้อม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Refurbished vs Used — มือถือมือสองแบบไหนคุ้มกว่า ปลอดภัยกว่า และเหมาะกับคุณที่สุด?”

    ในยุคที่สมาร์ตโฟนใหม่มีราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ ผู้บริโภคจำนวนมากหันมาเลือกซื้อโทรศัพท์มือสองเพื่อประหยัดงบ ซึ่งมีสองทางเลือกหลักคือ “Refurbished” และ “Used” แม้ทั้งสองแบบจะเป็นเครื่องที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว แต่ความแตกต่างระหว่างสองคำนี้มีผลต่อคุณภาพ ความปลอดภัย และความคุ้มค่าในระยะยาว

    มือถือแบบ Refurbished คือเครื่องที่ผ่านการตรวจสอบ ซ่อมแซม และปรับปรุงโดยช่างผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ผลิตโดยตรง เช่น Apple หรือ Samsung โดยมีการเปลี่ยนชิ้นส่วนที่สึกหรอ อัปเดตซอฟต์แวร์ และทดสอบการทำงานทุกจุด บางแบรนด์มีการตรวจสอบถึง 64 จุดก่อนนำกลับมาขายใหม่ พร้อมรับประกัน 90 วันถึง 1 ปี

    ในทางกลับกัน มือถือแบบ Used คือเครื่องที่เจ้าของเดิมขายต่อโดยไม่มีการตรวจสอบหรือซ่อมแซมใด ๆ สภาพของเครื่องขึ้นอยู่กับการใช้งานของเจ้าของเดิม ซึ่งอาจมีปัญหาซ่อนอยู่ เช่น แบตเตอรี่เสื่อม หน้าจอมีรอย หรือระบบภายในไม่สมบูรณ์ และมักไม่มีการรับประกัน

    แม้มือถือ Used จะมีราคาถูกกว่ามาก บางครั้งลดจากราคาปกติถึง 40–60% แต่ความเสี่ยงก็สูงตามไปด้วย โดยเฉพาะหากซื้อจากแพลตฟอร์มที่ไม่มีระบบคุ้มครองผู้ซื้อ เช่น Facebook Marketplace หรือ Craigslist

    ในแง่ของสิ่งแวดล้อม ทั้งสองแบบช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และลดการปล่อยคาร์บอนจากการผลิตเครื่องใหม่ โดยเฉพาะ Refurbished ที่ผ่านการฟื้นฟูอย่างมืออาชีพ ทำให้สามารถใช้งานได้อีกหลายปี

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Refurbished คือมือถือที่ผ่านการตรวจสอบ ซ่อมแซม และปรับปรุงโดยผู้เชี่ยวชาญ
    มีการเปลี่ยนชิ้นส่วน อัปเดตซอฟต์แวร์ และทดสอบการทำงานทุกจุด
    มักมีการรับประกัน 90 วันถึง 1 ปีจากผู้ผลิตหรือร้านค้า
    Used คือมือถือที่ขายต่อโดยเจ้าของเดิม โดยไม่มีการตรวจสอบหรือซ่อมแซม
    ราคาของ Used ถูกกว่ามาก แต่มีความเสี่ยงสูง
    Refurbished มีมาตรฐานแบตเตอรี่ เช่น ต้องมีความจุเกิน 85% หรือเปลี่ยนใหม่
    Refurbished ใช้ระบบ grading เพื่อบอกสภาพเครื่อง เช่น Fair, Good, Premium
    Refurbished ลดการปล่อยคาร์บอนถึง 92% เมื่อเทียบกับการผลิตเครื่องใหม่
    ผู้บริโภคในแคนาดานิยมซื้อ Refurbished มากขึ้น โดยตลาดรวมแตะ $69 พันล้านในปี 2024

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Apple, Samsung, และ Google มีโปรแกรม Refurbished ที่รับประกันคุณภาพ
    Amazon Renewed ใช้ระบบตรวจสอบโดยช่างเทคนิค พร้อมอุปกรณ์เสริมที่เทียบเท่าเครื่องใหม่
    Refurbished iPhone สามารถตรวจสอบแบตเตอรี่ได้ผ่านเมนู Battery Health
    ร้านที่น่าเชื่อถือมักให้การรับประกันอย่างน้อย 90 วันสำหรับเครื่อง Refurbished
    Refurbished บางรุ่นมีการเปลี่ยนฝาหลังหรือหน้าจอใหม่เพื่อให้ดูเหมือนเครื่องใหม่

    https://securityonline.info/refurbished-vs-used-phones-whats-the-real-difference/
    📱 “Refurbished vs Used — มือถือมือสองแบบไหนคุ้มกว่า ปลอดภัยกว่า และเหมาะกับคุณที่สุด?” ในยุคที่สมาร์ตโฟนใหม่มีราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ ผู้บริโภคจำนวนมากหันมาเลือกซื้อโทรศัพท์มือสองเพื่อประหยัดงบ ซึ่งมีสองทางเลือกหลักคือ “Refurbished” และ “Used” แม้ทั้งสองแบบจะเป็นเครื่องที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว แต่ความแตกต่างระหว่างสองคำนี้มีผลต่อคุณภาพ ความปลอดภัย และความคุ้มค่าในระยะยาว มือถือแบบ Refurbished คือเครื่องที่ผ่านการตรวจสอบ ซ่อมแซม และปรับปรุงโดยช่างผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ผลิตโดยตรง เช่น Apple หรือ Samsung โดยมีการเปลี่ยนชิ้นส่วนที่สึกหรอ อัปเดตซอฟต์แวร์ และทดสอบการทำงานทุกจุด บางแบรนด์มีการตรวจสอบถึง 64 จุดก่อนนำกลับมาขายใหม่ พร้อมรับประกัน 90 วันถึง 1 ปี ในทางกลับกัน มือถือแบบ Used คือเครื่องที่เจ้าของเดิมขายต่อโดยไม่มีการตรวจสอบหรือซ่อมแซมใด ๆ สภาพของเครื่องขึ้นอยู่กับการใช้งานของเจ้าของเดิม ซึ่งอาจมีปัญหาซ่อนอยู่ เช่น แบตเตอรี่เสื่อม หน้าจอมีรอย หรือระบบภายในไม่สมบูรณ์ และมักไม่มีการรับประกัน แม้มือถือ Used จะมีราคาถูกกว่ามาก บางครั้งลดจากราคาปกติถึง 40–60% แต่ความเสี่ยงก็สูงตามไปด้วย โดยเฉพาะหากซื้อจากแพลตฟอร์มที่ไม่มีระบบคุ้มครองผู้ซื้อ เช่น Facebook Marketplace หรือ Craigslist ในแง่ของสิ่งแวดล้อม ทั้งสองแบบช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และลดการปล่อยคาร์บอนจากการผลิตเครื่องใหม่ โดยเฉพาะ Refurbished ที่ผ่านการฟื้นฟูอย่างมืออาชีพ ทำให้สามารถใช้งานได้อีกหลายปี ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Refurbished คือมือถือที่ผ่านการตรวจสอบ ซ่อมแซม และปรับปรุงโดยผู้เชี่ยวชาญ ➡️ มีการเปลี่ยนชิ้นส่วน อัปเดตซอฟต์แวร์ และทดสอบการทำงานทุกจุด ➡️ มักมีการรับประกัน 90 วันถึง 1 ปีจากผู้ผลิตหรือร้านค้า ➡️ Used คือมือถือที่ขายต่อโดยเจ้าของเดิม โดยไม่มีการตรวจสอบหรือซ่อมแซม ➡️ ราคาของ Used ถูกกว่ามาก แต่มีความเสี่ยงสูง ➡️ Refurbished มีมาตรฐานแบตเตอรี่ เช่น ต้องมีความจุเกิน 85% หรือเปลี่ยนใหม่ ➡️ Refurbished ใช้ระบบ grading เพื่อบอกสภาพเครื่อง เช่น Fair, Good, Premium ➡️ Refurbished ลดการปล่อยคาร์บอนถึง 92% เมื่อเทียบกับการผลิตเครื่องใหม่ ➡️ ผู้บริโภคในแคนาดานิยมซื้อ Refurbished มากขึ้น โดยตลาดรวมแตะ $69 พันล้านในปี 2024 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Apple, Samsung, และ Google มีโปรแกรม Refurbished ที่รับประกันคุณภาพ ➡️ Amazon Renewed ใช้ระบบตรวจสอบโดยช่างเทคนิค พร้อมอุปกรณ์เสริมที่เทียบเท่าเครื่องใหม่ ➡️ Refurbished iPhone สามารถตรวจสอบแบตเตอรี่ได้ผ่านเมนู Battery Health ➡️ ร้านที่น่าเชื่อถือมักให้การรับประกันอย่างน้อย 90 วันสำหรับเครื่อง Refurbished ➡️ Refurbished บางรุ่นมีการเปลี่ยนฝาหลังหรือหน้าจอใหม่เพื่อให้ดูเหมือนเครื่องใหม่ https://securityonline.info/refurbished-vs-used-phones-whats-the-real-difference/
    SECURITYONLINE.INFO
    Refurbished vs used phones: what's the real difference?
    Shopping for a smartphone on a budget presents two main options: refurbished devices and used phones. While both
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 328 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts