• นายกฯคนที่33จริงอยู่ในมืออนุทินนี้ล่ะ,ผิดพลาดจากกัญชาเสรียุคนายกฯเต็มแล้วช่วงนั้น,หักหลังทรยศประชาชนเสีย เงื่อนไขและสร้างกำแพงให้ประชาชนลำบากตรึม,ไปปลูกในเพื่อนบ้านด้วยที่ออกมาแฉกลางสภาฯมีมูลขนาดนั้น,
    ..ถ้าทำเสียของ ทำโอกาสตนเองเสียไปอีก,นายกฯที่มาจากการเลือกตั้งเต็มภาคภูมิก็จะหลุดมือทันที,นายกฯ4เดือนนี้ ไม่มีศักดิ์ศรีและเกียรติอะไรหรอก แค่มาขั้นแก่ขัดใครๆไม่รู้,ของจริงเลือกตั้งนั้นล่ะ,หากนโยบายหลักไม่มีการยกเลิกmou43,44บอกเลยว่า,เสียของ,นายกฯสมัยหน้าไม่มีโอกาสหรอก,ไม่ได้ใจประชาชนคนไทยทั้งประเทศ,ส่วนตัวกาลงคะแนนเสียงให้เลยถ้ากล้ายกเลิกmou43,44เชียร์ช่วยทั้งอำเภอจังหวัดก็ได้.คนแบบนี้ถึงเวลาวิกฤติยังสำนึกว่าอะไรถูกอะไรผิดถือว่าใช้ได้,กลับตัวกลับใจได้,อย่างอื่นๆอาจนำพาประเทศทางที่ดีงามต่อยอดต่างๆได้ หักดิบกับสิ่งไม่ดีไม่ถูกต้องได้ก็ว่า.
    นายกฯคนที่33จริงอยู่ในมืออนุทินนี้ล่ะ,ผิดพลาดจากกัญชาเสรียุคนายกฯเต็มแล้วช่วงนั้น,หักหลังทรยศประชาชนเสีย เงื่อนไขและสร้างกำแพงให้ประชาชนลำบากตรึม,ไปปลูกในเพื่อนบ้านด้วยที่ออกมาแฉกลางสภาฯมีมูลขนาดนั้น, ..ถ้าทำเสียของ ทำโอกาสตนเองเสียไปอีก,นายกฯที่มาจากการเลือกตั้งเต็มภาคภูมิก็จะหลุดมือทันที,นายกฯ4เดือนนี้ ไม่มีศักดิ์ศรีและเกียรติอะไรหรอก แค่มาขั้นแก่ขัดใครๆไม่รู้,ของจริงเลือกตั้งนั้นล่ะ,หากนโยบายหลักไม่มีการยกเลิกmou43,44บอกเลยว่า,เสียของ,นายกฯสมัยหน้าไม่มีโอกาสหรอก,ไม่ได้ใจประชาชนคนไทยทั้งประเทศ,ส่วนตัวกาลงคะแนนเสียงให้เลยถ้ากล้ายกเลิกmou43,44เชียร์ช่วยทั้งอำเภอจังหวัดก็ได้.คนแบบนี้ถึงเวลาวิกฤติยังสำนึกว่าอะไรถูกอะไรผิดถือว่าใช้ได้,กลับตัวกลับใจได้,อย่างอื่นๆอาจนำพาประเทศทางที่ดีงามต่อยอดต่างๆได้ หักดิบกับสิ่งไม่ดีไม่ถูกต้องได้ก็ว่า.
    "อนุทิน" เตรียมแถลงนโยบายรัฐบาล 8 หน้า 1-2 ต.ค. นี้ ก่อนนับถอยหลัง 4 เดือนสู่เลือกตั้งใหม่ พร้อมลุย UN ชี้แจงประเด็นละเมิดกฎนานาชาติ เน้นนโยบายเศรษฐกิจปากท้อง ลดค่าครองชีพ เดินหน้าคนละครึ่ง ลดค่าทางด่วน และสานต่อหวยเกษียณ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000090853

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อาหมัด อัลชารา" อดีตผู้นำกลุ่มก่อการร้ายที่ประกาศโดยสหรัฐอเมริกา ซึ่งใช้กองกำลังโค้นล้มรัฐบาลซีเรียที่มาจากการเลือกตั้ง และแต่งตั้งตนเองปกครองซีเรียอยู่ในขณะนี้ กำลังจับมือกับ "มาร์โก รูบิโอ" รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ ซึ่งเป็นกระทรวงที่เคยออกหมายจับ "อาหมัด อัลชารา" โดยมีรางวัลนำจับ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
    "อาหมัด อัลชารา" อดีตผู้นำกลุ่มก่อการร้ายที่ประกาศโดยสหรัฐอเมริกา ซึ่งใช้กองกำลังโค้นล้มรัฐบาลซีเรียที่มาจากการเลือกตั้ง และแต่งตั้งตนเองปกครองซีเรียอยู่ในขณะนี้ กำลังจับมือกับ "มาร์โก รูบิโอ" รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ ซึ่งเป็นกระทรวงที่เคยออกหมายจับ "อาหมัด อัลชารา" โดยมีรางวัลนำจับ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • ~เปิดลับ การบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัติร์ย์ ตั้งแต่ปี2550เป็นต้นมา
    ==================

    ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์
    อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
    =================================

    นับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา การบ่อนทำลายสถาบันสูงสุด…เกิดขึ้นมากผิดปกติ …มีการเปิดเผย… ไม่เกรงกลัว…โดย กลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์…ไม่เพียงเคลื่อนไหวในประเทศเท่านั้น

    …แต่ยังไปเคลื่อนไหวในต่างประเทศ …โดยเฉพาะในสหรัฐ

    ~ ด้วยการป้อนชุดข้อมูล…ที่ดูเหมือนจริง…แต่เป็นความเท็จ …ส่วนหนึ่งเป็นผลงานของนักล็อบบี้…จากสำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียง…และบริษัทประชาสัมพันธ์ …ที่ถูกใครบางคนจ้างไว้ 3 บริษัท บริษัทละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี (ประมาณ 30.3 ล้านบาท)

    ~ เพื่อไปล็อบบี้…สมาชิกรัฐสภา…และรัฐบาลอเมริกัน…เพื่อผลทางการเมืองของตน… อย่างไรก็ดี …ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น… คือ เกิดกระแสต่อต้านสถาบันกษัตริย์ในหมู่นักการเมืองอเมริกันมากขึ้น…อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

    ~ ฝ่ายที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทยในสหรัฐ…ทวีความเข้มแข็งมากขึ้น… มีการสร้างเว็บไซต์ในรูปแบบหลากหลาย …เขียนบทความภาษาต่างๆ… ซึ่งส่วนใหญ่มาจากข้อเขียนของคนอเมริกัน 2 คน คนหนึ่ง…คือ

    - เจ.เค. แห่งคณะกรรมการวิเทศสัมพันธ์ (Council on Foreign Relations) อันทรงอิทธิพลในสหรัฐ ที่ เจ.เค. ได้เขียนบทความ…โจมตีสถาบันกษัตริย์ และยกย่องเชิดชูฝ่ายตรงข้ามสถาบันกษัตริย์ว่า เป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" สลับกันมาหลายปีแล้ว

    - อีกคนหนึ่ง คือ เอ.เอ็ม.เอ็ม. ที่ยอมรับว่า… ได้รับการว่าจ้าง…ให้มาทำงานด้านนี้ และ…เป็นคนที่นำเอาคดีของ โจ กอร์ดอน และ อำพล ตั้งนพกุล หรือ “อากง” มาเขียนโจมตี ม.112 …เพื่อให้พาดพิงไปถึงพระมหากษัตริย์ไทย ในรัชกาลที่ 9

    ~ในความเป็นจริง… คนพวกนี้…ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย… แต่ได้รับข้อมูลจากนักประวัติศาสตร์ชาวไทย…สายสาธารณรัฐ…ที่คนไทยรู้จักดี

    ~ ในกลางปี 2556 …นักล็อบบี้พวกนี้…วางแผนผลักดันให้มีการอภิปรายเชิงวิชาการ…ในที่ประชุมประจำปี…ของสมาคมเอเชียศึกษา (Association of Asian Studies)… ซึ่งมีคนไทย…ที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์…มีอิทธิพลอยู่

    ~ การอภิปรายดังกล่าว…มีเป้าหมาย…มุ่งโจมตีสถาบันกษัตริย์ไทย…ในรัชกาลที่ 9 เป็นการเฉพาะ …รวมทั้ง…มีแผนตีพิมพ์หนังสืออีกเล่มหนึ่ง…โดยสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐ ……ที่ผู้เขียนอ้างหลักฐาน…จากห้องสมุดมหาวิทยาลัย
    ……รัฐสภาของสหรัฐ ……ที่ดูเผินๆ แล้วน่าเชื่อถือ …หรือเลือกเฉพาะส่วนที่สนับสนุนความคิดของตน…… เพื่อหาทางทำลายความเชื่อถือพระมหากษัตริย์ไทยในรัชกาลที่ 9

    ~ ก่อนหน้านี้…เมื่อปี 2554 …ในวาระครบ 7 รอบ 84 พรรษา…ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 …นักล็อบบี้อเมริกัน…ได้ส่งชุดข้อมูล…ที่ปั้นแต่งขึ้น…จนทำให้สมาชิกสภาสหรัฐหลงเชื่อ

    ~ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ…พยายามหลีกเลี่ยง…ไม่ส่งหนังสือถวายพระพร…ตามที่เคยปฏิบัติมา …จนสภาสูง…ต้องส่งหนังสือถวายพระพรแทน ……สะท้อนให้เห็นว่า…… นักล็อบบี้ยิสต์อเมริกัน……ทำงานให้กับนายจ้างคนไทยที่ไม่ชอบสถาบันกษัตริย์อย่างได้ผล ……ทำให้รัฐสภาชุดก่อนเข้าใจผิด …และต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทย… ตกทอดมาถึงสภาใหม่ชุดที่ 113 ในปัจจุบัน

    ~ ไม่เพียงแต่เท่านั้น …สถาบันบางแห่งของสหรัฐ …เช่น กองทุนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (National Endowment for Democracy) ยังจัดสรรเงินงบประมาณของรัฐ……คิดเป็นเงินไทยกว่า 1,500 ล้านบาท และ…อีกโครงการเป็นเงิน 200-300 ล้านบาท ……ให้กับกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ …ตามที่กลุ่มพวกนี้ร้องขอมา

    ~ โดยอ้างว่า…เพื่อนำไปใช้ในการให้ความรู้ประชาชนในการพัฒนาประชาธิไตย แต่…กลับนำไปสร้างสื่อและเว็บไซต์ ปลุกระดม โฆษณาชวนเชื่อให้คนไทยบางกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ว่า ไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะ เป็นสถาบันที่มีสิทธิเหนือประชาชน

    ~ นักล็อบบี้เหล่านี้…ได้สร้างข้อมูลขึ้นมาชุดหนึ่ง…หรือหลายชุด ……และไปเคลื่อนไหวชักจูง… ชี้นำ… โน้มน้าว…ให้สมาชิกรัฐสภา และสถาบันอื่นของสหรัฐ เชื่อในวาทะกรรมที่ว่า

    ~ สถาบันสูงสุดของไทย หรือ สถาบันกษัตริย์นั้น…เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย ……สถาบันกษัตริย์ไทย…ทำลายสิทธิมนุษยชน …อ้างว่า…ปัญหาของเมืองไทย……ไม่ใช่เรื่องการเมือง…… แต่เป็นปัญหาการสืบราชสมบัติ ……ที่กษัตริย์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาน……เพื่อจะเสนอให้ใครบางคนเป็น “ทางออก” ของชาติ (จากการเลือกตั้ง เพื่อเป็นประมุขของรัฐ หรือ เป็นประธานาธิบดี นั่นเอง)

    ~ พวกนี้…พยายามป้อนข้อมูล…ให้รัฐสภาอเมริกันเชื่อว่า “สถาบันไม่สู้แล้ว” เพราะ…ถ้าสถาบันไม่สู้ …สหรัฐก็ไม่มีทางเป็นอื่น…นอกจากจะยืนข้างฝ่ายประชาธิปไตย…ที่อยู่ตรงข้ามกับสถาบันกษัตริย์… และเป็นการส่งสัญญานไปยังประเทศ…ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น รวมทั้งจีน…ที่สนับสนุนสถาบันสูงสุด ตลอดมา …หากสหรัฐ…และประเทศเหล่านี้…สรุปว่า ฝ่ายสถาบันกษัตริย์แพ้แน่ …สหรัฐและประเทศเหล่านี้…ซึ่งคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศเขาเป็นสำคัญ…ก็ต้องเข้าข้างฝ่ายชนะ ที่ถือเป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย"

    ~ อย่างไรก็ดี …ฝ่ายสถาบันกษัตริย์…ส่งสัญญาน…มาหลายครั้งแล้วว่า “ยังสู้” และ “ไม่ยอมแพ้” โดยเฉพาะ…ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค. 2555 ที่ประชาชนชาวไทย…ได้ไปชุมนุมที่ลานพระบรมรูปฯ อย่างมืดฟ้ามัวดิน…เพื่อเข้าเฝ้าถวายพระพร …สะท้อนให้เห็นว่า …ประชาชนพร้อมที่จะสู้เคียงข้าง แม้จะปรากฏ “แรงเฉื่อย” ในสถาบันทหาร และ รัฐบาลในยุคนั้นก็ตาม จึงมีแต่ประชาชนเท่านั้น…ที่จะเป็นกำแพงป้องกันสถาบันสูงสุดของประเทศ……ให้พ้นจากการคุกคามจากฝ่ายบ่อนทำลายในและนอกประเทศได้

    ~ รัฐบาลชุดก่อน…เคยให้ทุนมหาวิทยาลัยดังในอเมริกา …อาทิ คอร์แนล วิสคอนซิน เพนซิลเวเนีย ยูซีแอลเอ. จอห์น ฮอพกินส์ วอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อสร้าง “ศูนย์ไทยศึกษา” และ “เพื่อนประเทศไทย” เพื่อให้เข้าใจสถาบันกษัตริย์ของไทย แต่…ปรากฏว่า ……ศูนย์เหล่านี้……กลายเป็นกระบอกเสียงเผยแพร่การต่อต้านสถาบันสูงสุดไปหมด ……และอาจขยายเครือข่ายกว้างขวางมากขึ้น…… ไปยังออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สหภาพยุโรปอีกด้วย

    ~ ไทยถูกคุกคาม…ด้วยสงครามยุคใหม่ …ทั้งสงครามอสมมาตร (Asymmetric Warfare) เช่น การก่อความรุนแรงช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 และ…สถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สงครามทุน และ สงครามไซเบอร์ …สงครามทั้งสามนี้…มีศูนย์กลางอยู่ที่สหรัฐ …แต่มีสนามรบอยู่ทั่วโลก

    ~ ในไทย สหรัฐต้องการใช้สนามบินอู่ตะเภา…เป็น Global Transpark ตอบสนองยุทธศาสตร์ของสหรัฐ ในภูมิภาคนี้ …มีข่าวว่า สหรัฐได้ส่งทหารรับจ้าง ที่เป็นทหารผ่านศึกแบบแรมโบ้ …ที่เรียกว่า “แบล็ควอเตอร์” ประมาณ 5-6 ชุดมาประจำอยู่ในไทย …โดยแต่ละคนได้รับค่าจ้างปีละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ …เบี้ยเลี้ยงต่างหาก …เพื่อใช้ในการปฏิบัติการลับ (Covert Action) ตามนโยบายของสหรัฐ …ซึ่งอเมริกาถนัดในเรื่องพวกนี้มาก …และประสบความสำเร็จในละตินอเมริกามาแล้ว

    ~ อันตรายที่เกิดขึ้น…ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยนั้น……เป็นเรื่องจริง…และหนักหนา ……ชาติและสถาบัน……กำลังเสี่ยงอันตรายอย่างคาดไม่ถึง ……สิ่งที่เห็นทั้งในไทยและในต่างประเทศ…เป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ที่โผล่เหนือน้ำเพียง 1 ส่วน แต่อีก 9 ส่วนอยู่ใต้น้ำ

    ~ บทความนี้……ไม่ต้องการให้คนไทย…ไปต่อต้านสหรัฐ …เพียงแต่ขอให้เพื่อนคนไทย…อย่าปล่อยให้คนมาทำร้ายประเทศชาติ…และราชบัลลังก์เท่านั้น …ปัญหาของประเทศไทย…ต้องแก้ด้วยคนไทยเป็นหลัก …เราต้องช่วยกันเป็นปราการด่านสุดท้าย……ในการปกป้องชาติและราชบัลลังก์ ……ให้ต่างชาติได้ตระหนักว่า ……สถาบันสูงสุดยังสู้ ……และคนไทยพร้อมจะสู้เพื่อปกป้องสถาบันสำคัญยิ่งของชาติ
    ขอบคุณเจ้าของภาพบทความและคนโพสครับ

    ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์
    อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
    ~เปิดลับ การบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัติร์ย์ ตั้งแต่ปี2550เป็นต้นมา ================== ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ================================= นับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา การบ่อนทำลายสถาบันสูงสุด…เกิดขึ้นมากผิดปกติ …มีการเปิดเผย… ไม่เกรงกลัว…โดย กลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์…ไม่เพียงเคลื่อนไหวในประเทศเท่านั้น …แต่ยังไปเคลื่อนไหวในต่างประเทศ …โดยเฉพาะในสหรัฐ ~ ด้วยการป้อนชุดข้อมูล…ที่ดูเหมือนจริง…แต่เป็นความเท็จ …ส่วนหนึ่งเป็นผลงานของนักล็อบบี้…จากสำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียง…และบริษัทประชาสัมพันธ์ …ที่ถูกใครบางคนจ้างไว้ 3 บริษัท บริษัทละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี (ประมาณ 30.3 ล้านบาท) ~ เพื่อไปล็อบบี้…สมาชิกรัฐสภา…และรัฐบาลอเมริกัน…เพื่อผลทางการเมืองของตน… อย่างไรก็ดี …ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น… คือ เกิดกระแสต่อต้านสถาบันกษัตริย์ในหมู่นักการเมืองอเมริกันมากขึ้น…อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ~ ฝ่ายที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทยในสหรัฐ…ทวีความเข้มแข็งมากขึ้น… มีการสร้างเว็บไซต์ในรูปแบบหลากหลาย …เขียนบทความภาษาต่างๆ… ซึ่งส่วนใหญ่มาจากข้อเขียนของคนอเมริกัน 2 คน คนหนึ่ง…คือ - เจ.เค. แห่งคณะกรรมการวิเทศสัมพันธ์ (Council on Foreign Relations) อันทรงอิทธิพลในสหรัฐ ที่ เจ.เค. ได้เขียนบทความ…โจมตีสถาบันกษัตริย์ และยกย่องเชิดชูฝ่ายตรงข้ามสถาบันกษัตริย์ว่า เป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" สลับกันมาหลายปีแล้ว - อีกคนหนึ่ง คือ เอ.เอ็ม.เอ็ม. ที่ยอมรับว่า… ได้รับการว่าจ้าง…ให้มาทำงานด้านนี้ และ…เป็นคนที่นำเอาคดีของ โจ กอร์ดอน และ อำพล ตั้งนพกุล หรือ “อากง” มาเขียนโจมตี ม.112 …เพื่อให้พาดพิงไปถึงพระมหากษัตริย์ไทย ในรัชกาลที่ 9 ~ในความเป็นจริง… คนพวกนี้…ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย… แต่ได้รับข้อมูลจากนักประวัติศาสตร์ชาวไทย…สายสาธารณรัฐ…ที่คนไทยรู้จักดี ~ ในกลางปี 2556 …นักล็อบบี้พวกนี้…วางแผนผลักดันให้มีการอภิปรายเชิงวิชาการ…ในที่ประชุมประจำปี…ของสมาคมเอเชียศึกษา (Association of Asian Studies)… ซึ่งมีคนไทย…ที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์…มีอิทธิพลอยู่ ~ การอภิปรายดังกล่าว…มีเป้าหมาย…มุ่งโจมตีสถาบันกษัตริย์ไทย…ในรัชกาลที่ 9 เป็นการเฉพาะ …รวมทั้ง…มีแผนตีพิมพ์หนังสืออีกเล่มหนึ่ง…โดยสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐ ……ที่ผู้เขียนอ้างหลักฐาน…จากห้องสมุดมหาวิทยาลัย ……รัฐสภาของสหรัฐ ……ที่ดูเผินๆ แล้วน่าเชื่อถือ …หรือเลือกเฉพาะส่วนที่สนับสนุนความคิดของตน…… เพื่อหาทางทำลายความเชื่อถือพระมหากษัตริย์ไทยในรัชกาลที่ 9 ~ ก่อนหน้านี้…เมื่อปี 2554 …ในวาระครบ 7 รอบ 84 พรรษา…ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 …นักล็อบบี้อเมริกัน…ได้ส่งชุดข้อมูล…ที่ปั้นแต่งขึ้น…จนทำให้สมาชิกสภาสหรัฐหลงเชื่อ ~ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ…พยายามหลีกเลี่ยง…ไม่ส่งหนังสือถวายพระพร…ตามที่เคยปฏิบัติมา …จนสภาสูง…ต้องส่งหนังสือถวายพระพรแทน ……สะท้อนให้เห็นว่า…… นักล็อบบี้ยิสต์อเมริกัน……ทำงานให้กับนายจ้างคนไทยที่ไม่ชอบสถาบันกษัตริย์อย่างได้ผล ……ทำให้รัฐสภาชุดก่อนเข้าใจผิด …และต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทย… ตกทอดมาถึงสภาใหม่ชุดที่ 113 ในปัจจุบัน ~ ไม่เพียงแต่เท่านั้น …สถาบันบางแห่งของสหรัฐ …เช่น กองทุนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (National Endowment for Democracy) ยังจัดสรรเงินงบประมาณของรัฐ……คิดเป็นเงินไทยกว่า 1,500 ล้านบาท และ…อีกโครงการเป็นเงิน 200-300 ล้านบาท ……ให้กับกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ …ตามที่กลุ่มพวกนี้ร้องขอมา ~ โดยอ้างว่า…เพื่อนำไปใช้ในการให้ความรู้ประชาชนในการพัฒนาประชาธิไตย แต่…กลับนำไปสร้างสื่อและเว็บไซต์ ปลุกระดม โฆษณาชวนเชื่อให้คนไทยบางกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ว่า ไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะ เป็นสถาบันที่มีสิทธิเหนือประชาชน ~ นักล็อบบี้เหล่านี้…ได้สร้างข้อมูลขึ้นมาชุดหนึ่ง…หรือหลายชุด ……และไปเคลื่อนไหวชักจูง… ชี้นำ… โน้มน้าว…ให้สมาชิกรัฐสภา และสถาบันอื่นของสหรัฐ เชื่อในวาทะกรรมที่ว่า ~ สถาบันสูงสุดของไทย หรือ สถาบันกษัตริย์นั้น…เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย ……สถาบันกษัตริย์ไทย…ทำลายสิทธิมนุษยชน …อ้างว่า…ปัญหาของเมืองไทย……ไม่ใช่เรื่องการเมือง…… แต่เป็นปัญหาการสืบราชสมบัติ ……ที่กษัตริย์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาน……เพื่อจะเสนอให้ใครบางคนเป็น “ทางออก” ของชาติ (จากการเลือกตั้ง เพื่อเป็นประมุขของรัฐ หรือ เป็นประธานาธิบดี นั่นเอง) ~ พวกนี้…พยายามป้อนข้อมูล…ให้รัฐสภาอเมริกันเชื่อว่า “สถาบันไม่สู้แล้ว” เพราะ…ถ้าสถาบันไม่สู้ …สหรัฐก็ไม่มีทางเป็นอื่น…นอกจากจะยืนข้างฝ่ายประชาธิปไตย…ที่อยู่ตรงข้ามกับสถาบันกษัตริย์… และเป็นการส่งสัญญานไปยังประเทศ…ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น รวมทั้งจีน…ที่สนับสนุนสถาบันสูงสุด ตลอดมา …หากสหรัฐ…และประเทศเหล่านี้…สรุปว่า ฝ่ายสถาบันกษัตริย์แพ้แน่ …สหรัฐและประเทศเหล่านี้…ซึ่งคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศเขาเป็นสำคัญ…ก็ต้องเข้าข้างฝ่ายชนะ ที่ถือเป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" ~ อย่างไรก็ดี …ฝ่ายสถาบันกษัตริย์…ส่งสัญญาน…มาหลายครั้งแล้วว่า “ยังสู้” และ “ไม่ยอมแพ้” โดยเฉพาะ…ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค. 2555 ที่ประชาชนชาวไทย…ได้ไปชุมนุมที่ลานพระบรมรูปฯ อย่างมืดฟ้ามัวดิน…เพื่อเข้าเฝ้าถวายพระพร …สะท้อนให้เห็นว่า …ประชาชนพร้อมที่จะสู้เคียงข้าง แม้จะปรากฏ “แรงเฉื่อย” ในสถาบันทหาร และ รัฐบาลในยุคนั้นก็ตาม จึงมีแต่ประชาชนเท่านั้น…ที่จะเป็นกำแพงป้องกันสถาบันสูงสุดของประเทศ……ให้พ้นจากการคุกคามจากฝ่ายบ่อนทำลายในและนอกประเทศได้ ~ รัฐบาลชุดก่อน…เคยให้ทุนมหาวิทยาลัยดังในอเมริกา …อาทิ คอร์แนล วิสคอนซิน เพนซิลเวเนีย ยูซีแอลเอ. จอห์น ฮอพกินส์ วอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อสร้าง “ศูนย์ไทยศึกษา” และ “เพื่อนประเทศไทย” เพื่อให้เข้าใจสถาบันกษัตริย์ของไทย แต่…ปรากฏว่า ……ศูนย์เหล่านี้……กลายเป็นกระบอกเสียงเผยแพร่การต่อต้านสถาบันสูงสุดไปหมด ……และอาจขยายเครือข่ายกว้างขวางมากขึ้น…… ไปยังออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สหภาพยุโรปอีกด้วย ~ ไทยถูกคุกคาม…ด้วยสงครามยุคใหม่ …ทั้งสงครามอสมมาตร (Asymmetric Warfare) เช่น การก่อความรุนแรงช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 และ…สถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สงครามทุน และ สงครามไซเบอร์ …สงครามทั้งสามนี้…มีศูนย์กลางอยู่ที่สหรัฐ …แต่มีสนามรบอยู่ทั่วโลก ~ ในไทย สหรัฐต้องการใช้สนามบินอู่ตะเภา…เป็น Global Transpark ตอบสนองยุทธศาสตร์ของสหรัฐ ในภูมิภาคนี้ …มีข่าวว่า สหรัฐได้ส่งทหารรับจ้าง ที่เป็นทหารผ่านศึกแบบแรมโบ้ …ที่เรียกว่า “แบล็ควอเตอร์” ประมาณ 5-6 ชุดมาประจำอยู่ในไทย …โดยแต่ละคนได้รับค่าจ้างปีละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ …เบี้ยเลี้ยงต่างหาก …เพื่อใช้ในการปฏิบัติการลับ (Covert Action) ตามนโยบายของสหรัฐ …ซึ่งอเมริกาถนัดในเรื่องพวกนี้มาก …และประสบความสำเร็จในละตินอเมริกามาแล้ว ~ อันตรายที่เกิดขึ้น…ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยนั้น……เป็นเรื่องจริง…และหนักหนา ……ชาติและสถาบัน……กำลังเสี่ยงอันตรายอย่างคาดไม่ถึง ……สิ่งที่เห็นทั้งในไทยและในต่างประเทศ…เป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ที่โผล่เหนือน้ำเพียง 1 ส่วน แต่อีก 9 ส่วนอยู่ใต้น้ำ ~ บทความนี้……ไม่ต้องการให้คนไทย…ไปต่อต้านสหรัฐ …เพียงแต่ขอให้เพื่อนคนไทย…อย่าปล่อยให้คนมาทำร้ายประเทศชาติ…และราชบัลลังก์เท่านั้น …ปัญหาของประเทศไทย…ต้องแก้ด้วยคนไทยเป็นหลัก …เราต้องช่วยกันเป็นปราการด่านสุดท้าย……ในการปกป้องชาติและราชบัลลังก์ ……ให้ต่างชาติได้ตระหนักว่า ……สถาบันสูงสุดยังสู้ ……และคนไทยพร้อมจะสู้เพื่อปกป้องสถาบันสำคัญยิ่งของชาติ ขอบคุณเจ้าของภาพบทความและคนโพสครับ ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ภาพโปรไฟล์สีดำบน Facebook คืออะไร? จากการไว้อาลัยสู่การเคลื่อนไหวทางสังคมในยุคดิจิทัล”

    ในโลกที่การแสดงออกทางสังคมเกิดขึ้นผ่านหน้าจอมากกว่าท้องถนน การเปลี่ยนภาพโปรไฟล์เป็นสีดำบน Facebook กลายเป็นสัญลักษณ์ที่ทรงพลังอย่างคาดไม่ถึง ไม่ใช่แค่การไว้อาลัย แต่ยังเป็นการประกาศจุดยืน การประท้วง และการแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก

    ย้อนกลับไปในปี 2016 ผู้ใช้ Facebook จำนวนมากเปลี่ยนภาพโปรไฟล์เป็นสีดำเพื่อประท้วงผลการเลือกตั้งของ Donald Trump และในปี 2024 เทรนด์นี้ก็กลับมาอีกครั้งในบริบทที่คล้ายกัน แต่ไม่ใช่แค่เรื่องการเมืองเท่านั้น — ในปี 2018 ภาพโปรไฟล์สีดำถูกใช้เพื่อรณรงค์ต่อต้านความรุนแรงในครอบครัว โดยเฉพาะในแคมเปญที่ให้ผู้หญิง “หายไป” จากโซเชียลเพื่อให้ผู้ชายตระหนักถึงบทบาทของพวกเธอในชีวิต

    เหตุการณ์ที่ทรงพลังที่สุดเกิดขึ้นในปี 2020 บน Instagram กับ “Black Tuesday” ที่ผู้คนในวงการบันเทิงเปลี่ยนภาพโปรไฟล์เป็นสีดำเพื่อไว้อาลัยต่อการเสียชีวิตของ George Floyd และสนับสนุนการเคลื่อนไหว Black Lives Matter ซึ่งแพร่กระจายไปยังแพลตฟอร์มอื่นอย่าง X (Twitter เดิม)

    แต่ภาพโปรไฟล์สีดำไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเคลื่อนไหวระดับชาติ บางคนใช้เพื่อแสดงความเศร้า สูญเสีย หรือไว้อาลัยต่อบุคคลที่รัก หรือแม้แต่เพื่อบอกว่า “ฉันไม่สนใจภาพลักษณ์ออนไลน์” เป็นการปฏิเสธวัฒนธรรมการตกแต่งโปรไฟล์อย่างเงียบ ๆ

    นอกจากการเปลี่ยนภาพโปรไฟล์ ผู้ใช้ยังใช้วิธีอื่นในการแสดงออก เช่น การใส่กรอบรูปโปรไฟล์ที่มีธงชาติฝรั่งเศสหลังเหตุการณ์ก่อการร้ายในปี 2015 หรือธงสีรุ้งหลังคำตัดสินของศาลสูงสหรัฐที่รับรองการแต่งงานเพศเดียวกัน รวมถึงการใช้ hashtag เพื่อเข้าร่วมบทสนทนาและแสดงจุดยืนทางสังคม

    https://www.slashgear.com/1970336/black-profile-pictures-facebook-meaning/
    🖤 “ภาพโปรไฟล์สีดำบน Facebook คืออะไร? จากการไว้อาลัยสู่การเคลื่อนไหวทางสังคมในยุคดิจิทัล” ในโลกที่การแสดงออกทางสังคมเกิดขึ้นผ่านหน้าจอมากกว่าท้องถนน การเปลี่ยนภาพโปรไฟล์เป็นสีดำบน Facebook กลายเป็นสัญลักษณ์ที่ทรงพลังอย่างคาดไม่ถึง ไม่ใช่แค่การไว้อาลัย แต่ยังเป็นการประกาศจุดยืน การประท้วง และการแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ย้อนกลับไปในปี 2016 ผู้ใช้ Facebook จำนวนมากเปลี่ยนภาพโปรไฟล์เป็นสีดำเพื่อประท้วงผลการเลือกตั้งของ Donald Trump และในปี 2024 เทรนด์นี้ก็กลับมาอีกครั้งในบริบทที่คล้ายกัน แต่ไม่ใช่แค่เรื่องการเมืองเท่านั้น — ในปี 2018 ภาพโปรไฟล์สีดำถูกใช้เพื่อรณรงค์ต่อต้านความรุนแรงในครอบครัว โดยเฉพาะในแคมเปญที่ให้ผู้หญิง “หายไป” จากโซเชียลเพื่อให้ผู้ชายตระหนักถึงบทบาทของพวกเธอในชีวิต เหตุการณ์ที่ทรงพลังที่สุดเกิดขึ้นในปี 2020 บน Instagram กับ “Black Tuesday” ที่ผู้คนในวงการบันเทิงเปลี่ยนภาพโปรไฟล์เป็นสีดำเพื่อไว้อาลัยต่อการเสียชีวิตของ George Floyd และสนับสนุนการเคลื่อนไหว Black Lives Matter ซึ่งแพร่กระจายไปยังแพลตฟอร์มอื่นอย่าง X (Twitter เดิม) แต่ภาพโปรไฟล์สีดำไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเคลื่อนไหวระดับชาติ บางคนใช้เพื่อแสดงความเศร้า สูญเสีย หรือไว้อาลัยต่อบุคคลที่รัก หรือแม้แต่เพื่อบอกว่า “ฉันไม่สนใจภาพลักษณ์ออนไลน์” เป็นการปฏิเสธวัฒนธรรมการตกแต่งโปรไฟล์อย่างเงียบ ๆ นอกจากการเปลี่ยนภาพโปรไฟล์ ผู้ใช้ยังใช้วิธีอื่นในการแสดงออก เช่น การใส่กรอบรูปโปรไฟล์ที่มีธงชาติฝรั่งเศสหลังเหตุการณ์ก่อการร้ายในปี 2015 หรือธงสีรุ้งหลังคำตัดสินของศาลสูงสหรัฐที่รับรองการแต่งงานเพศเดียวกัน รวมถึงการใช้ hashtag เพื่อเข้าร่วมบทสนทนาและแสดงจุดยืนทางสังคม https://www.slashgear.com/1970336/black-profile-pictures-facebook-meaning/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Why Do People Put Black Profile Pictures On Facebook? Here's What It Means - SlashGear
    A profile picture can tell you a lot about somebody's account online, and a blacked out profile picture may be symbolic of an important message.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • พรรคประชาชนวางแผนรับมือคดี 44 สส. เตรียม 3 แคนดิเดตนายกฯ "ณัฐพงษ์" เบอร์ 1 ส่วนเบอร์ 2-3 รอที่ประชุม สส.เคาะ "กรุณพล" เผยเท่า "พิภพ ลิ้มจิตรกร" สส.กทม. เตรียมวางมือทางการเมือง พร้อมเดินหน้าสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000090513

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    พรรคประชาชนวางแผนรับมือคดี 44 สส. เตรียม 3 แคนดิเดตนายกฯ "ณัฐพงษ์" เบอร์ 1 ส่วนเบอร์ 2-3 รอที่ประชุม สส.เคาะ "กรุณพล" เผยเท่า "พิภพ ลิ้มจิตรกร" สส.กทม. เตรียมวางมือทางการเมือง พร้อมเดินหน้าสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000090513 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 386 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 14 ตกสำรวจ

    ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี Ukraine เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 2014 ปรากฎว่า ผู้ได้รับเลือกคือ นาย Petro Poroshenko เจ้าพ่อช็อคโกแลต อ้าว ! ไหงเป็นงั้น เดิมนางเหยี่ยว Nuland บอกจะเอา นาย Yats (Arseniy Yatssenyuk) มาลงแข่ง ระหว่างรอแข่งเอานาย Yats ไปเป็นนายกฯ กินเมืองไว้ก่อน แต่นาย Yats นี้อยู่พรรคเดียวกับคุณนายผมเปีย ซึ่งช่วงนั้นคุณนายติดคุกอยู่หลายข้อหา พอคุณนายผมเปีย หลุดจากคุก ไม่รู้ใครเป็นคนจัดการ ปล่อยตัวคุณนายออกมา (เออ ! เขาเล่นกันได้สนุกไม่แพ้บ้านเรา) ตกลงคุณนายผมเปียเลยไปลงสมัคร (ในฐานะหุ่นเชิดให้กับฝ่ายอเมริกา แต่สื่ออเมริกาบอกเป็นหุ่นเชิดของคุณพี่ปูติน !)

    ส่วนรายเจ้าพ่อช็อคโกแลต ก็กลับตาลปัตร คุณนาย Merkel และสหภาพยุโรปบอก ฉันจะเอานักมวย คือ นาย Vitaly Klitscheko แล้วถูกนางเหยี่ยวให้ F ไปหนึ่งตัวนั่นนะ ปรากฎว่านาย Klits เกิดอาการถอดใจ บอกว่าเจ้าพ่อช็อคโกแลตคะแนนดีกว่าผมแยะ สรุปเลยเป็นการแข่งระหว่างสหภาพยุโรปกับอเมริกา ! น่าสนใจ หมากตานี้ เหมือนจะเป็นรัสเซียนั่งดูอยู่บนภู !

    นาย Poroshenko ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีไปก็จริง แต่นักวิเคราะห์การเมือง ที่ไม่ได้เป็นหุ่นของฝ่ายตะวันตก บอกว่ามีตำแหน่งแต่ไม่มีอำนาจ จะแก้ไขปัญหา Ukraine อย่างจริงจังได้อย่างไร คอยดูฤดูใบไม้ร่วงนี้แล้วกัน ว่าถึงตอนนั้น Ukraine ยังเลี้ยงตัวเองได้อยู่หรือเปล่า และแก๊ซจากรัสเซีย จะยังส่งมาตามท่อส่งอยู่หรือเปล่า แล้วก็คงจะได้รู้กันว่าใครจะร่วงตามใบไม้

    วิกฤติ Ukraine คงไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วจบง่าย ๆ เหมือนไฟไหม้ฟาง อุตส่าห์วางแผน ลงแรง ลงเงิน กันไปแยะ คงเล่นกันอีกยาว ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าใครควรป็นคนตะโกน เราชนะ เราชนะแล้ว We Won, We Won !

    การ “เล่น” ของอเมริกาแรงขึ้นทุกวัน และเย้ยฟ้าท้าดิน ใครจะด่า ใครจะประท้วง ใครจะเปิดโปง อเมริกาไม่สนใจ เล่นต่อมันไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้ตะโกน เราชนะแล้ว หรือไง ?
    ก่อนการเลือกตั้งของ Ukraine เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 2014 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน Ukraine มันน่ามึนงงสงสัย ท้าทายความเข้าใจของชาวโลก ประธานาธิบดี Viktor Yanukovich ถูกไล่ออกจากตำแหน่ง แล้วหลบหนี หายไปจากสงครามกลางเมืองในประเทศของตัวเอง หลังจากมีการประท้วงกันอย่างรุนแรง มีการยิงกัน ระเบิดใส่ทั้งคนทั้งตึก เผาบ้านช่อง ตึกรามไหม้วอด โดยผู้ที่เรียกตัวเองว่า “ฝ่ายต่อต้าน”

    ฝ่ายต่อต้านบอก พวกเขาไม่พอใจที่ประธานาธิบดี Yanukovich ปฎิเสธที่จะรับข้อเสนอของสหภาพยุโรป ในการรับ Ukraine เป็นสมาชิก แต่ไม่มีใคร รวมทั้งสื่อตะวันตก ที่จะบอกถึงข้อเท็จจริงว่า ข้อเสนอของสหภาพยุโรป เป็นข้อเสนอ อย่างหลวม ๆ ไม่มีข้ออะไรชัดเจน เมื่อเปรียบเทียบกับข้อเสนอของรัสเซีย ที่ประกาศจะยกหนี้ให้ Ukraine เป็นจำนวน 15 billion ยูโร และลดราคาแก๊ซที่ส่งให้ ลงจำนวน 1 ใน 3 ของราคาที่เคยซื้อขายกัน

    คนนอกฟังแล้วงง ตกลงฝ่ายต่อต้านต้องการอะไรกันแน่

    ก่อนเหตุการณ์จะบานปลาย หลังจากนางเหยี่ยว Nuland ให้ F แก่สหภาพยุโรป ไปไม่เท่าไหร่ สหภาพยุโรปตัดสินใจเดินหน้าแก้ ปัญหา Ukraine ต่อ โดยรมว. ตปท. เยอรมัน นาย Frank-Walter Steinmeier เสนอให้ฝรั่งเศส นาย Laurent Fabius บินมา Kiev และมาคุยหาทางออกร่วมกัน ก่อนที่สถานการณ์ใน Ukraine จะเดือดพล่านกว่านี้ รมว.ตปท. โปแลนด์ ก็ได้รับเชิญให้มาร่วมด้วย การเจรจาที่ Kiev ยังมีตัวแทนจากสหภาพยุโรปคนอื่นและ ตัวประธานาธิบดี Yanukovich รวมทั้งมีตัวแทนจากฝ่ายค้าน และตัวแทนจากรัสเซียมาร่วมหารือ แต่ไม่มีแม้แต่เงา คือ ตัวแทนของอเมริกา เพราะไม่ได้รับเชิญ !

    การเข้ามาพยายามแก้ไขสถานการณ์ของสหภาพยุโรป โดยไม่มีอเมริกา ถือเป็นเรื่องแปลกยิ่ง ทำให้เริ่มเห็นเค้าลาง ของรอยความไม่ลงกัน ระหว่างอเมริกากับสภาพยุโรป ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา (สงสัยอเมริกาให้คะแนน F กับสหภาพยุโรปมากไปหน่อย ฮา) คราวนี้สหภาพยุโรปอาจจะบอกว่า งั้นเราคุยกันเองบ้างก็ได้ ให้ F กับอเมริกาเป็นการตอบแทนไป

    หลังจากการคุย ทุกฝ่ายตกลงเห็นพ้อง ที่จะให้มีการเลือกตั้งในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2013 และปล่อยตัว คุณนายหางเปีย Tymoshenko ออกจากคุก ดูเป็นการประนีประนอมที่น่าจะมีอนาคต และดูเหมือนจะเป็นทางออกให้กับทุกฝ่าย พอที่จะทำให้การจราจลหยุดลงได้

    คุยกันเสร็จไม่ทันพ้น 12 ชั่วโมง สถานการณ์กลับตาละปัตร เลวร้ายลงไปใหญ่ สงสัยเชิญแขกมามาคุยไม่ครบ แบบนี้ มันหักหน้า หักหลังกันหรือไง

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    1 กค. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 14 ตกสำรวจ ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี Ukraine เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 2014 ปรากฎว่า ผู้ได้รับเลือกคือ นาย Petro Poroshenko เจ้าพ่อช็อคโกแลต อ้าว ! ไหงเป็นงั้น เดิมนางเหยี่ยว Nuland บอกจะเอา นาย Yats (Arseniy Yatssenyuk) มาลงแข่ง ระหว่างรอแข่งเอานาย Yats ไปเป็นนายกฯ กินเมืองไว้ก่อน แต่นาย Yats นี้อยู่พรรคเดียวกับคุณนายผมเปีย ซึ่งช่วงนั้นคุณนายติดคุกอยู่หลายข้อหา พอคุณนายผมเปีย หลุดจากคุก ไม่รู้ใครเป็นคนจัดการ ปล่อยตัวคุณนายออกมา (เออ ! เขาเล่นกันได้สนุกไม่แพ้บ้านเรา) ตกลงคุณนายผมเปียเลยไปลงสมัคร (ในฐานะหุ่นเชิดให้กับฝ่ายอเมริกา แต่สื่ออเมริกาบอกเป็นหุ่นเชิดของคุณพี่ปูติน !) ส่วนรายเจ้าพ่อช็อคโกแลต ก็กลับตาลปัตร คุณนาย Merkel และสหภาพยุโรปบอก ฉันจะเอานักมวย คือ นาย Vitaly Klitscheko แล้วถูกนางเหยี่ยวให้ F ไปหนึ่งตัวนั่นนะ ปรากฎว่านาย Klits เกิดอาการถอดใจ บอกว่าเจ้าพ่อช็อคโกแลตคะแนนดีกว่าผมแยะ สรุปเลยเป็นการแข่งระหว่างสหภาพยุโรปกับอเมริกา ! น่าสนใจ หมากตานี้ เหมือนจะเป็นรัสเซียนั่งดูอยู่บนภู ! นาย Poroshenko ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีไปก็จริง แต่นักวิเคราะห์การเมือง ที่ไม่ได้เป็นหุ่นของฝ่ายตะวันตก บอกว่ามีตำแหน่งแต่ไม่มีอำนาจ จะแก้ไขปัญหา Ukraine อย่างจริงจังได้อย่างไร คอยดูฤดูใบไม้ร่วงนี้แล้วกัน ว่าถึงตอนนั้น Ukraine ยังเลี้ยงตัวเองได้อยู่หรือเปล่า และแก๊ซจากรัสเซีย จะยังส่งมาตามท่อส่งอยู่หรือเปล่า แล้วก็คงจะได้รู้กันว่าใครจะร่วงตามใบไม้ วิกฤติ Ukraine คงไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วจบง่าย ๆ เหมือนไฟไหม้ฟาง อุตส่าห์วางแผน ลงแรง ลงเงิน กันไปแยะ คงเล่นกันอีกยาว ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าใครควรป็นคนตะโกน เราชนะ เราชนะแล้ว We Won, We Won ! การ “เล่น” ของอเมริกาแรงขึ้นทุกวัน และเย้ยฟ้าท้าดิน ใครจะด่า ใครจะประท้วง ใครจะเปิดโปง อเมริกาไม่สนใจ เล่นต่อมันไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้ตะโกน เราชนะแล้ว หรือไง ? ก่อนการเลือกตั้งของ Ukraine เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 2014 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน Ukraine มันน่ามึนงงสงสัย ท้าทายความเข้าใจของชาวโลก ประธานาธิบดี Viktor Yanukovich ถูกไล่ออกจากตำแหน่ง แล้วหลบหนี หายไปจากสงครามกลางเมืองในประเทศของตัวเอง หลังจากมีการประท้วงกันอย่างรุนแรง มีการยิงกัน ระเบิดใส่ทั้งคนทั้งตึก เผาบ้านช่อง ตึกรามไหม้วอด โดยผู้ที่เรียกตัวเองว่า “ฝ่ายต่อต้าน” ฝ่ายต่อต้านบอก พวกเขาไม่พอใจที่ประธานาธิบดี Yanukovich ปฎิเสธที่จะรับข้อเสนอของสหภาพยุโรป ในการรับ Ukraine เป็นสมาชิก แต่ไม่มีใคร รวมทั้งสื่อตะวันตก ที่จะบอกถึงข้อเท็จจริงว่า ข้อเสนอของสหภาพยุโรป เป็นข้อเสนอ อย่างหลวม ๆ ไม่มีข้ออะไรชัดเจน เมื่อเปรียบเทียบกับข้อเสนอของรัสเซีย ที่ประกาศจะยกหนี้ให้ Ukraine เป็นจำนวน 15 billion ยูโร และลดราคาแก๊ซที่ส่งให้ ลงจำนวน 1 ใน 3 ของราคาที่เคยซื้อขายกัน คนนอกฟังแล้วงง ตกลงฝ่ายต่อต้านต้องการอะไรกันแน่ ก่อนเหตุการณ์จะบานปลาย หลังจากนางเหยี่ยว Nuland ให้ F แก่สหภาพยุโรป ไปไม่เท่าไหร่ สหภาพยุโรปตัดสินใจเดินหน้าแก้ ปัญหา Ukraine ต่อ โดยรมว. ตปท. เยอรมัน นาย Frank-Walter Steinmeier เสนอให้ฝรั่งเศส นาย Laurent Fabius บินมา Kiev และมาคุยหาทางออกร่วมกัน ก่อนที่สถานการณ์ใน Ukraine จะเดือดพล่านกว่านี้ รมว.ตปท. โปแลนด์ ก็ได้รับเชิญให้มาร่วมด้วย การเจรจาที่ Kiev ยังมีตัวแทนจากสหภาพยุโรปคนอื่นและ ตัวประธานาธิบดี Yanukovich รวมทั้งมีตัวแทนจากฝ่ายค้าน และตัวแทนจากรัสเซียมาร่วมหารือ แต่ไม่มีแม้แต่เงา คือ ตัวแทนของอเมริกา เพราะไม่ได้รับเชิญ ! การเข้ามาพยายามแก้ไขสถานการณ์ของสหภาพยุโรป โดยไม่มีอเมริกา ถือเป็นเรื่องแปลกยิ่ง ทำให้เริ่มเห็นเค้าลาง ของรอยความไม่ลงกัน ระหว่างอเมริกากับสภาพยุโรป ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา (สงสัยอเมริกาให้คะแนน F กับสหภาพยุโรปมากไปหน่อย ฮา) คราวนี้สหภาพยุโรปอาจจะบอกว่า งั้นเราคุยกันเองบ้างก็ได้ ให้ F กับอเมริกาเป็นการตอบแทนไป หลังจากการคุย ทุกฝ่ายตกลงเห็นพ้อง ที่จะให้มีการเลือกตั้งในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2013 และปล่อยตัว คุณนายหางเปีย Tymoshenko ออกจากคุก ดูเป็นการประนีประนอมที่น่าจะมีอนาคต และดูเหมือนจะเป็นทางออกให้กับทุกฝ่าย พอที่จะทำให้การจราจลหยุดลงได้ คุยกันเสร็จไม่ทันพ้น 12 ชั่วโมง สถานการณ์กลับตาละปัตร เลวร้ายลงไปใหญ่ สงสัยเชิญแขกมามาคุยไม่ครบ แบบนี้ มันหักหน้า หักหลังกันหรือไง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 1 กค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 13 นางเหยี่ยว F

    ปฎิบัติการสีส้มแน่นอน หยุดไม่ได้แล้ว แต่จะเดินต่ออย่างไร เดือนกันยายน ค.ศ. 2013 มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย Viktor Pinchuk ลุกขึ้นจัดการประชุมใหญ่เกี่ยวกับอนาคตของ Ukraine สื่อยักษ์ Economist บอกเป็นการจัดการสัมมนาของการฑูตระดับสูงและเข้มข้น

    ในจำนวนแขกที่มาเข้าร่วมสัมมนาคือ ระดับครีมของนักการเมืองหัวแถวของแทบทุกประเทศที่เกี่ยวข้อง เริ่มตั้งแต่ นายและนาง Clinton, อดีตหัวหน้า CIA นายพล Petraeus, อดีต รมว.คลัง Lawrence Summers, อดีตผู้ว่าการธนาคารโลก Rober Zoellick, รัฐมนตรี ตปท. สวีเดน Carl Bildt, Shimon Peres, Tony Blair, Gerhard Schroder, Dominique, Strauss-Kahn, Mario Monti, ประธานาธิบดี Lithuanian รวมทั้งประธานาธิบดี Viktor Yanukovych (ซึ่งหลังจากนั้น 5 เดือนก็ถูกขับไล่กระเด็นออกจากตำแหน่ง) และนาย Petro Poroshenko (ผู้ที่ได้รับเลือกเข้ามาเป็นประธานาธิบดีแทน !) ก็มา ขาดแต่ไอ้ปึ้งหัวเหม่งของเรา (ตอนนั้น) นึกว่าเป็นพวกครีม ฮา

    หัวข้อของการหารือคือ “Deep and Comprehensive Free Trade Agreement” (DCFTA) ระหว่าง Ukraine กับสหภาพยุโรป และการที่ Ukraine สนใจจะเข้าเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายตะวันตก สุ้มเสียง แนวทางการคุย เป็นการโยนหินถามทางในการที่ Ukraine จะตัดเชือกคล้องข้อมือกับรัสเซีย เพื่อไปซบโลกตะวันตก
    เป็นการจัดงานประชุมลับหลังรัส เซียหรือ คนจัดบอก ไม่ใช่ ไม่ใช่ เราไม่ใช่ พวก Bilderberg เราทำอะไรเปิดเผย เราเชิญรัสเซียมาด้วย และรัสเซียก็มา นู่น นั่งอยู่นู่น ไม่เห็นเหรอ

    คุณพี่ปูตินส่งมือขวาคือนาย Sergei Glazyev ที่ปรึกษาใหญ่ด้านการเมืองมานั่งฟังด้วย นาย Glazyev บอกว่า ความเห็นของตะวันตกกับของรัสเซียต่างกันสิ้นเชิง เราไม่ได้มองว่า Ukraine จะต้องอยู่หรือไม่อยู่กับตะวันตกหรือกับรัสเซีย แต่เรามองที่ความเป็นจริงของฐานะทางเศรษฐกิจของ Ukraine มากกว่า

    ซึ่งขณะนี้ Ukraine ขาดดุลย์การค้าต่างประเทศอยู่แยะ มีการกู้ยืมต่างประเทศสูง Ukraine คงไม่แคล้วตกเป็นผู้ผิดนัด กับเจ้าหนี้ต่างประเทศนั้น เว้นแต่จะมีใครมาช่วยซื้อหนี้ขนาดใหญ่นี้ออกไป (Sizable Bailout !)

    Forbes รายงานว่าสิ่งที่รัสเซียพูดใกล้ความเป็นจริง มากกว่าภาษานักการฑูตระดับสูงที่พูดกันอยู่ในที่ประชุมที่ Brussels และ Kiev

    สำหรับด้านการเมือง นสพ. Times ของ London รายงานว่า นาย Glazyev บอกว่าเป็นไปได้ว่า ชนส่วนน้อยใน Ukraine ตะวันออก ที่ยังพูดภาษารัสเซีย อาจจะมีการเคลื่อนไหว เพื่อแยกประเทศ เป็นการประท้วง ถ้ามีการตัดสัมพันธ์กับรัสเซีย และรัสเซียก็มีสิทธิตามกฎหมาย ที่จะสนับสนุนคนพวกนี้ อืม ! พูดสั้น ๆ แต่ความหมายแรง

    ตกลง Ukraine กำลังเล่นอะไร บรรดานักวิเคราะห์มองว่า Ukraine กำลังเหยียบเรือ 2 แคมบ้าง บ้างก็ว่า Yanukovych อ่อนแอ ตัดสินใจไม่ได้

    รัสเซียบอกไม่สนใจว่า Ukraine จะอยู่กับใคร รัสเซียต้องการให้ Ukraine เป็นสะพานเชื่อมระหว่างตะวันตกกับรัสเซียมากกว่า แล้วอเมริกาละ ยังอยากจะละเลงสีส้มต่อไปไหม?
    แน่นอนการจัดประชุมใหญ่ เมื่อเดือนกันยายนนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นลำพัง โดยเศรษฐีคนไหนฟิตจัดขึ้นมาหรอกน่า มันต้องมีลูกหนุน ลูกเชียร์ จากลูกพี่ด้วย คุณนาย Victoria Nuland มาแล้ว หล่อนคือผู้คุมเกมการละเลงสีส้ม ตัวจริง ! Nuland เป็นนางเหยี่ยว อดีตที่ปรึกษาของ **** Cheney เคยเป็นผช.ฑูตประจำ NATO และเป็นโฆษกของคุณนาย Clinton และเป็นคุณเมียของนาย Robert Kagan เหยี่ยวอีกตัวหนึ่ง และโดยคุณสมบัติเฉพาะตัว Nuland เป็นผู้ชำนาญการรุ่นเก๋ากึกด้านรัสเซีย ที่เหลืออยู่ไม่กี่คนในอเมริกา

    การที่ Nuland มากำกับการละเลงสีส้ม ชัดเจนว่านโยบายของ Bush คนลูกที่จะสร้างสงครามเย็นยุคใหม่ ปิดล้อมรัสเซียต่อไป ได้ส่งไม้ต่อให้กับ Obama ผู้ทำตัวเหมือนคนขายของรับ order ลูกค้ามากกว่าเป็นประธานาธิบดี (อันนี้ ยืนยันว่า คนเขียนนิทานไม่ได้พูดเอง แต่สื่อปากจัดของค่ายตะวันตกด่ากันเอง)

    Nuland พูดที่วอชิงตันว่า ตั้งแต่สหภาพโซเวียตล่มสลาย อเมริกาใช้เงินไปกว่า 5 พันล้านเหรียญ เพื่อให้มีอิทธิพลทางการเมืองใน Ukraine เราไม่ได้ลงทุนใน “น้ำมัน” โปรดเข้าใจ มันไม่ใช่เรื่องเศรษฐกิจ (เรารวยนะ) แต่มันเป็นเรื่องภูมิศาสตร์การเมือง เรามองว่า Ukraine เป็นจุดอ่อนของรัสเซีย (Russia’s Achilles’ heel) เราสามารถใช้ Ukraine สร้างปัญหาให้กับรัสเซียได้อย่างมีประสิทธิภาพ ว้าว ! อย่าได้ประมาทหน้านางเหยี่ยวเชียว จิกได้ เจ็บจริง ๆ

    โลกหันขวับ มามองนางเหยี่ยวตัวใหม่ ไมค์ทุกตัวจ่อปากคุณนาย เมื่อ Nuland หลุดปากบอกว่า เราต้องเปลี่ยนเอาไอ้นาย Yanukovych ออกไปจากตำแหน่งด่วน แล้วใครมาแทนล่ะ มีคนตะโกนถาม เห็นว่า Angela Merkel และสหภาพยุโรป อยากจะเอาอดีตนักมวย ชื่อ Vitaly Klitschenko มาสวมแทนไม่ใช่หรือ
    คุณนายบอก “F… the Eu” พูดแบบนี้ไม่ดังแซงหน้าคุณนาย Clinton ได้ยังไง

    ไม่ใช่นักมวยเข้าใจใหม่ ฉันไม่เอานักมวย ไม่ใช่ “Klits” แต่เป็น “Yats” คุณนายเหยี่ยวหมายถึง Arseniy Yatsenyuk เด็กสร้างอีกคนของอเมริกาที่ถนัดเรื่องใช้ยาแรง ตามใบสั่งของ IMF
    แล้วนาย Yats ก็ได้งาน เขาทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรี เข้าไปดูแล Ukraine ให้เป็นไปตามที่อเมริกาต้องการ ที่สำคัญคือต้องจัดการเลือกตั้งในวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 2014 ปีนี้ให้ได้ แม้ว่าชาว Ukraine ฝั่งตะวันออกจะไม่ได้มาเลือกตั้ง เพราะถูกคุณพี่ปูตินฉก Crimea กลับเข้ามาอยู่ในกล้ามใหญ่ของตน

    แต่แผนการนางเหยี่ยวลึกซึ้ง ไม่เสียทีอยู่ร่วมกรงเหยี่ยวกับพวกไอ้เสือเอาวา แผนการนี้มันเป็น win-win สำหรับอเมริกาของจริง

    ถ้ารัสเซียไม่ย้ายกองเรือ ก็มีหวังถูกเขมือบ เรื่องถูกเขมือบกองเรือนี่ ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย รัสเซียอาจถึงหายนะได้ ทางเลือกเกือบไม่มี ดังนั้นจึงยึด Crimea มาไว้ก่อน ยึดมาทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเป็นไปตามแผนของอเมริกา ที่อยากให้รัสเซียทำ เป็นหมากการเมืองที่อเมริกากำลังอยากให้รัสเซียเล่นอย่างยิ่ง หาบทผู้ร้ายให้รัสเซีย หาโอกาสที่จะประกาศบอกโลกว่า เห็นมั้ย รัสเซียก็เหมือนเดิม กำลังขยายอำนาจ แบบนี้จะปล่อยไว้หรือ

    อเมริกากำลังต้องการหาผู้ร้ายใจ จะขาด เพื่อให้พวกขวัญอ่อนง้อ ให้ NATO คงอยู่ต่อไป และอเมริการจะได้ชักใยให้ NATO ทำภาระกิจ ของจริง ที่อเมริกา ไม่ได้บอกให้สมาชิก NATO รู้

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    1 กค. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 13 นางเหยี่ยว F ปฎิบัติการสีส้มแน่นอน หยุดไม่ได้แล้ว แต่จะเดินต่ออย่างไร เดือนกันยายน ค.ศ. 2013 มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย Viktor Pinchuk ลุกขึ้นจัดการประชุมใหญ่เกี่ยวกับอนาคตของ Ukraine สื่อยักษ์ Economist บอกเป็นการจัดการสัมมนาของการฑูตระดับสูงและเข้มข้น ในจำนวนแขกที่มาเข้าร่วมสัมมนาคือ ระดับครีมของนักการเมืองหัวแถวของแทบทุกประเทศที่เกี่ยวข้อง เริ่มตั้งแต่ นายและนาง Clinton, อดีตหัวหน้า CIA นายพล Petraeus, อดีต รมว.คลัง Lawrence Summers, อดีตผู้ว่าการธนาคารโลก Rober Zoellick, รัฐมนตรี ตปท. สวีเดน Carl Bildt, Shimon Peres, Tony Blair, Gerhard Schroder, Dominique, Strauss-Kahn, Mario Monti, ประธานาธิบดี Lithuanian รวมทั้งประธานาธิบดี Viktor Yanukovych (ซึ่งหลังจากนั้น 5 เดือนก็ถูกขับไล่กระเด็นออกจากตำแหน่ง) และนาย Petro Poroshenko (ผู้ที่ได้รับเลือกเข้ามาเป็นประธานาธิบดีแทน !) ก็มา ขาดแต่ไอ้ปึ้งหัวเหม่งของเรา (ตอนนั้น) นึกว่าเป็นพวกครีม ฮา หัวข้อของการหารือคือ “Deep and Comprehensive Free Trade Agreement” (DCFTA) ระหว่าง Ukraine กับสหภาพยุโรป และการที่ Ukraine สนใจจะเข้าเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายตะวันตก สุ้มเสียง แนวทางการคุย เป็นการโยนหินถามทางในการที่ Ukraine จะตัดเชือกคล้องข้อมือกับรัสเซีย เพื่อไปซบโลกตะวันตก เป็นการจัดงานประชุมลับหลังรัส เซียหรือ คนจัดบอก ไม่ใช่ ไม่ใช่ เราไม่ใช่ พวก Bilderberg เราทำอะไรเปิดเผย เราเชิญรัสเซียมาด้วย และรัสเซียก็มา นู่น นั่งอยู่นู่น ไม่เห็นเหรอ คุณพี่ปูตินส่งมือขวาคือนาย Sergei Glazyev ที่ปรึกษาใหญ่ด้านการเมืองมานั่งฟังด้วย นาย Glazyev บอกว่า ความเห็นของตะวันตกกับของรัสเซียต่างกันสิ้นเชิง เราไม่ได้มองว่า Ukraine จะต้องอยู่หรือไม่อยู่กับตะวันตกหรือกับรัสเซีย แต่เรามองที่ความเป็นจริงของฐานะทางเศรษฐกิจของ Ukraine มากกว่า ซึ่งขณะนี้ Ukraine ขาดดุลย์การค้าต่างประเทศอยู่แยะ มีการกู้ยืมต่างประเทศสูง Ukraine คงไม่แคล้วตกเป็นผู้ผิดนัด กับเจ้าหนี้ต่างประเทศนั้น เว้นแต่จะมีใครมาช่วยซื้อหนี้ขนาดใหญ่นี้ออกไป (Sizable Bailout !) Forbes รายงานว่าสิ่งที่รัสเซียพูดใกล้ความเป็นจริง มากกว่าภาษานักการฑูตระดับสูงที่พูดกันอยู่ในที่ประชุมที่ Brussels และ Kiev สำหรับด้านการเมือง นสพ. Times ของ London รายงานว่า นาย Glazyev บอกว่าเป็นไปได้ว่า ชนส่วนน้อยใน Ukraine ตะวันออก ที่ยังพูดภาษารัสเซีย อาจจะมีการเคลื่อนไหว เพื่อแยกประเทศ เป็นการประท้วง ถ้ามีการตัดสัมพันธ์กับรัสเซีย และรัสเซียก็มีสิทธิตามกฎหมาย ที่จะสนับสนุนคนพวกนี้ อืม ! พูดสั้น ๆ แต่ความหมายแรง ตกลง Ukraine กำลังเล่นอะไร บรรดานักวิเคราะห์มองว่า Ukraine กำลังเหยียบเรือ 2 แคมบ้าง บ้างก็ว่า Yanukovych อ่อนแอ ตัดสินใจไม่ได้ รัสเซียบอกไม่สนใจว่า Ukraine จะอยู่กับใคร รัสเซียต้องการให้ Ukraine เป็นสะพานเชื่อมระหว่างตะวันตกกับรัสเซียมากกว่า แล้วอเมริกาละ ยังอยากจะละเลงสีส้มต่อไปไหม? แน่นอนการจัดประชุมใหญ่ เมื่อเดือนกันยายนนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นลำพัง โดยเศรษฐีคนไหนฟิตจัดขึ้นมาหรอกน่า มันต้องมีลูกหนุน ลูกเชียร์ จากลูกพี่ด้วย คุณนาย Victoria Nuland มาแล้ว หล่อนคือผู้คุมเกมการละเลงสีส้ม ตัวจริง ! Nuland เป็นนางเหยี่ยว อดีตที่ปรึกษาของ Dick Cheney เคยเป็นผช.ฑูตประจำ NATO และเป็นโฆษกของคุณนาย Clinton และเป็นคุณเมียของนาย Robert Kagan เหยี่ยวอีกตัวหนึ่ง และโดยคุณสมบัติเฉพาะตัว Nuland เป็นผู้ชำนาญการรุ่นเก๋ากึกด้านรัสเซีย ที่เหลืออยู่ไม่กี่คนในอเมริกา การที่ Nuland มากำกับการละเลงสีส้ม ชัดเจนว่านโยบายของ Bush คนลูกที่จะสร้างสงครามเย็นยุคใหม่ ปิดล้อมรัสเซียต่อไป ได้ส่งไม้ต่อให้กับ Obama ผู้ทำตัวเหมือนคนขายของรับ order ลูกค้ามากกว่าเป็นประธานาธิบดี (อันนี้ ยืนยันว่า คนเขียนนิทานไม่ได้พูดเอง แต่สื่อปากจัดของค่ายตะวันตกด่ากันเอง) Nuland พูดที่วอชิงตันว่า ตั้งแต่สหภาพโซเวียตล่มสลาย อเมริกาใช้เงินไปกว่า 5 พันล้านเหรียญ เพื่อให้มีอิทธิพลทางการเมืองใน Ukraine เราไม่ได้ลงทุนใน “น้ำมัน” โปรดเข้าใจ มันไม่ใช่เรื่องเศรษฐกิจ (เรารวยนะ) แต่มันเป็นเรื่องภูมิศาสตร์การเมือง เรามองว่า Ukraine เป็นจุดอ่อนของรัสเซีย (Russia’s Achilles’ heel) เราสามารถใช้ Ukraine สร้างปัญหาให้กับรัสเซียได้อย่างมีประสิทธิภาพ ว้าว ! อย่าได้ประมาทหน้านางเหยี่ยวเชียว จิกได้ เจ็บจริง ๆ โลกหันขวับ มามองนางเหยี่ยวตัวใหม่ ไมค์ทุกตัวจ่อปากคุณนาย เมื่อ Nuland หลุดปากบอกว่า เราต้องเปลี่ยนเอาไอ้นาย Yanukovych ออกไปจากตำแหน่งด่วน แล้วใครมาแทนล่ะ มีคนตะโกนถาม เห็นว่า Angela Merkel และสหภาพยุโรป อยากจะเอาอดีตนักมวย ชื่อ Vitaly Klitschenko มาสวมแทนไม่ใช่หรือ คุณนายบอก “F… the Eu” พูดแบบนี้ไม่ดังแซงหน้าคุณนาย Clinton ได้ยังไง ไม่ใช่นักมวยเข้าใจใหม่ ฉันไม่เอานักมวย ไม่ใช่ “Klits” แต่เป็น “Yats” คุณนายเหยี่ยวหมายถึง Arseniy Yatsenyuk เด็กสร้างอีกคนของอเมริกาที่ถนัดเรื่องใช้ยาแรง ตามใบสั่งของ IMF แล้วนาย Yats ก็ได้งาน เขาทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรี เข้าไปดูแล Ukraine ให้เป็นไปตามที่อเมริกาต้องการ ที่สำคัญคือต้องจัดการเลือกตั้งในวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 2014 ปีนี้ให้ได้ แม้ว่าชาว Ukraine ฝั่งตะวันออกจะไม่ได้มาเลือกตั้ง เพราะถูกคุณพี่ปูตินฉก Crimea กลับเข้ามาอยู่ในกล้ามใหญ่ของตน แต่แผนการนางเหยี่ยวลึกซึ้ง ไม่เสียทีอยู่ร่วมกรงเหยี่ยวกับพวกไอ้เสือเอาวา แผนการนี้มันเป็น win-win สำหรับอเมริกาของจริง ถ้ารัสเซียไม่ย้ายกองเรือ ก็มีหวังถูกเขมือบ เรื่องถูกเขมือบกองเรือนี่ ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย รัสเซียอาจถึงหายนะได้ ทางเลือกเกือบไม่มี ดังนั้นจึงยึด Crimea มาไว้ก่อน ยึดมาทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเป็นไปตามแผนของอเมริกา ที่อยากให้รัสเซียทำ เป็นหมากการเมืองที่อเมริกากำลังอยากให้รัสเซียเล่นอย่างยิ่ง หาบทผู้ร้ายให้รัสเซีย หาโอกาสที่จะประกาศบอกโลกว่า เห็นมั้ย รัสเซียก็เหมือนเดิม กำลังขยายอำนาจ แบบนี้จะปล่อยไว้หรือ อเมริกากำลังต้องการหาผู้ร้ายใจ จะขาด เพื่อให้พวกขวัญอ่อนง้อ ให้ NATO คงอยู่ต่อไป และอเมริการจะได้ชักใยให้ NATO ทำภาระกิจ ของจริง ที่อเมริกา ไม่ได้บอกให้สมาชิก NATO รู้ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 1 กค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 205 มุมมอง 0 รีวิว
  • ณัฐพงษ์ VS ณัฐพงศ์ ประชาธิปไตยคนหล่อ

    หลังจากพรรคเพื่อไทยเสียรังวัด กรณีที่ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และนายทักษิณ ชินวัตร ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งให้กลับมารับโทษจำคุก 1 ปี ปรากฎว่าคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยานายทักษิณ ปรากฎตัวที่พรรคเพื่อไทย สร้างความมั่นใจให้กับสมาชิกพรรค พร้อมกับกระแสข่าวว่าจะทาบทาม นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซี แอสเสท สามีของ เอม-พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ปะทะกับ เท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน

    ปฎิเสธไม่ได้ว่ากระแสความนิยมของพรรคส้ม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหน้าตา ที่จุดประกายความหวังของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ตั้งแต่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ก่อนการเลือกตั้งปี 2562 เกิดกระแส "ฟ้ารักพ่อ" ที่ชาว LGBTQ รายหนึ่ง ตะโกนคำนี้อยู่หลายครั้ง ระหว่างปรากฎตัวในงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 73 หรือจะเป็นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ดีกรีหนุ่มนักเรียนนอก อดีตนายแบบขึ้นปกนิตยสารชื่อดัง ความหล่อของเขาช่วยเอาชนะการเลือกตั้งมาได้ถึง 14 ล้านเสียง ถึงกระนั้น แม้นายณัฐพงษ์จะดูมีแคริสมา หรือเสน่ห์น้อยกว่า แต่ประวัติการศึกษาก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน

    นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เกิดเมื่อปี 2530 จบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกอบธุรกิจผู้ผลิตซอฟต์แวร์ เป็นลูกชายของ นายสุชาติ เรืองปัญญาวุฒิ เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ชนันธร ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป

    ส่วนนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ เกิดเมื่อปี 2523 จบคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทบริหารธุรกิจจาก DePaul University ชิคาโก สหรัฐอเมริกา ครอบครัวทำธุรกิจการ์เมนต์ส่งออกย่านประตูน้ำ เคยได้รับการโหวตให้เป็นขวัญใจไฮโซ ของนิตยสารคลีโอในปี 2007 เคยผ่านการทำงานหลายบริษัท ก่อนร่วมกับครอบครัวเปิดบริษัทด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงลงทุนโครงการโรงแรมย่านประตูน้ำ พบรักกับเอม-พินทองทา ก่อนแต่งงานเมื่อปี 2554 มีบุตรด้วยกัน 3 คน ก่อนเข้ามาเป็นผู้บริหารใน เอสซี แอสเสท บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลชินวัตร

    แม้ในวันที่ไปเยี่ยมนายทักษิณที่เรือนจำ นายณัฐพงศ์ปฎิเสธว่าจะเล่นการเมือง โดยกล่าวสั้นๆ ว่า "ยังไม่คิดเรื่องนี้เลย" แต่นายภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุว่า นายณัฐพงศ์เป็นคนสมาร์ท หล่ออยู่แล้ว ก็ต้องถามเจ้าตัวก่อน แต่หากกระแสสังคมเชียร์นายณัฐพงศ์เสียงดังมากๆ อาจจะไปเจรจาคุณหญิงพจมาน และเอม-พินทองทา ภรรยาของนายณัฐพงศ์

    #Newskit
    ณัฐพงษ์ VS ณัฐพงศ์ ประชาธิปไตยคนหล่อ หลังจากพรรคเพื่อไทยเสียรังวัด กรณีที่ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และนายทักษิณ ชินวัตร ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งให้กลับมารับโทษจำคุก 1 ปี ปรากฎว่าคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยานายทักษิณ ปรากฎตัวที่พรรคเพื่อไทย สร้างความมั่นใจให้กับสมาชิกพรรค พร้อมกับกระแสข่าวว่าจะทาบทาม นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซี แอสเสท สามีของ เอม-พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ปะทะกับ เท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ปฎิเสธไม่ได้ว่ากระแสความนิยมของพรรคส้ม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหน้าตา ที่จุดประกายความหวังของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ตั้งแต่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ก่อนการเลือกตั้งปี 2562 เกิดกระแส "ฟ้ารักพ่อ" ที่ชาว LGBTQ รายหนึ่ง ตะโกนคำนี้อยู่หลายครั้ง ระหว่างปรากฎตัวในงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 73 หรือจะเป็นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ดีกรีหนุ่มนักเรียนนอก อดีตนายแบบขึ้นปกนิตยสารชื่อดัง ความหล่อของเขาช่วยเอาชนะการเลือกตั้งมาได้ถึง 14 ล้านเสียง ถึงกระนั้น แม้นายณัฐพงษ์จะดูมีแคริสมา หรือเสน่ห์น้อยกว่า แต่ประวัติการศึกษาก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เกิดเมื่อปี 2530 จบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกอบธุรกิจผู้ผลิตซอฟต์แวร์ เป็นลูกชายของ นายสุชาติ เรืองปัญญาวุฒิ เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ชนันธร ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป ส่วนนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ เกิดเมื่อปี 2523 จบคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทบริหารธุรกิจจาก DePaul University ชิคาโก สหรัฐอเมริกา ครอบครัวทำธุรกิจการ์เมนต์ส่งออกย่านประตูน้ำ เคยได้รับการโหวตให้เป็นขวัญใจไฮโซ ของนิตยสารคลีโอในปี 2007 เคยผ่านการทำงานหลายบริษัท ก่อนร่วมกับครอบครัวเปิดบริษัทด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงลงทุนโครงการโรงแรมย่านประตูน้ำ พบรักกับเอม-พินทองทา ก่อนแต่งงานเมื่อปี 2554 มีบุตรด้วยกัน 3 คน ก่อนเข้ามาเป็นผู้บริหารใน เอสซี แอสเสท บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลชินวัตร แม้ในวันที่ไปเยี่ยมนายทักษิณที่เรือนจำ นายณัฐพงศ์ปฎิเสธว่าจะเล่นการเมือง โดยกล่าวสั้นๆ ว่า "ยังไม่คิดเรื่องนี้เลย" แต่นายภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุว่า นายณัฐพงศ์เป็นคนสมาร์ท หล่ออยู่แล้ว ก็ต้องถามเจ้าตัวก่อน แต่หากกระแสสังคมเชียร์นายณัฐพงศ์เสียงดังมากๆ อาจจะไปเจรจาคุณหญิงพจมาน และเอม-พินทองทา ภรรยาของนายณัฐพงศ์ #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ForgeCraft: เครือข่ายจีนขายบัตรประชาชนปลอมกว่า 6,500 ใบ — เมื่อเอกสารปลอมกลายเป็นอาวุธไซเบอร์ระดับโลก”

    การสืบสวนล่าสุดโดยบริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์ CloudSEK ได้เปิดโปงเครือข่ายขนาดใหญ่ในจีนที่ดำเนินการขายบัตรประชาชนปลอมของสหรัฐฯ และแคนาดาอย่างเป็นระบบ โดยใช้ชื่อปฏิบัติการว่า “ForgeCraft” เครือข่ายนี้มีเว็บไซต์มากกว่า 83 แห่งในการขายเอกสารปลอมที่มีคุณภาพสูง ทั้งบัตรขับขี่และบัตรประกันสังคม พร้อมบาร์โค้ดที่สแกนได้ ฮอโลแกรม และรอย UV เหมือนของจริง

    จากรายงานพบว่า มีการขายบัตรปลอมไปแล้วกว่า 6,500 ใบให้กับผู้ซื้อกว่า 4,500 รายในอเมริกาเหนือ สร้างรายได้มากกว่า $785,000 โดยผู้ซื้อกว่า 60% มีอายุมากกว่า 25 ปี และมีกรณีศึกษาที่พบว่ามีการซื้อใบขับขี่เชิงพาณิชย์ปลอมถึง 42 ใบ เพื่อนำไปใช้ในบริษัทขนส่งที่มีประวัติปัญหาด้านกฎหมาย

    บัตรปลอมเหล่านี้ถูกใช้ในหลายกิจกรรมผิดกฎหมาย เช่น การหลีกเลี่ยงการตรวจสอบอายุ การสร้างบัญชีโซเชียลมีเดีย การผ่านการยืนยันตัวตนกับธนาคาร การขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต และแม้แต่การหลอกลวงการเลือกตั้ง โดยเฉพาะในรัฐที่เริ่มใช้ระบบตรวจสอบอายุแบบสหราชอาณาจักร

    เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ เครือข่ายนี้ใช้วิธี “บรรจุภัณฑ์ลับ” โดยซ่อนบัตรไว้ในสิ่งของทั่วไป เช่น กระเป๋า ของเล่น หรือกล่องกระดาษ และจัดส่งผ่าน FedEx หรือ USPS พร้อมวิดีโอสอนวิธีแกะกล่องเพื่อหาบัตรที่ซ่อนอยู่

    การชำระเงินทำผ่านช่องทางหลากหลาย ทั้ง PayPal, LianLian Pay และคริปโตเคอร์เรนซีอย่าง Bitcoin และ Ethereum โดย CloudSEK สามารถติดตามไปถึงผู้ดำเนินการหลักในเมืองเซียะเหมิน ประเทศจีน และจับภาพใบหน้าผ่านเว็บแคมได้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    เครือข่าย ForgeCraft ขายบัตรประชาชนปลอมของสหรัฐฯ และแคนาดากว่า 6,500 ใบ
    ใช้เว็บไซต์กว่า 83 แห่งในการดำเนินการ พร้อมเทคนิคบรรจุภัณฑ์ลับเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ
    รายได้รวมกว่า $785,000 จากผู้ซื้อกว่า 4,500 ราย
    บัตรปลอมมีคุณภาพสูง มีบาร์โค้ด ฮอโลแกรม และรอย UV เหมือนของจริง

    การใช้งานและผลกระทบ
    ใช้ในการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบอายุและการยืนยันตัวตนกับธนาคาร
    ใช้สร้างบัญชีโซเชียลมีเดียและเข้าถึงเว็บไซต์สำหรับผู้ใหญ่
    ใช้ขับรถเชิงพาณิชย์โดยไม่มีใบอนุญาตจริง
    อาจถูกใช้ในการหลอกลวงการเลือกตั้งและข้ามด่านตรวจคนเข้าเมือง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    การปลอมแปลงเอกสารเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติและระบบการเงิน
    บัตรปลอมสามารถใช้ใน SIM swap และการเข้ายึดบัญชีออนไลน์
    การใช้คริปโตในการชำระเงินช่วยให้ผู้ขายไม่สามารถถูกติดตามได้ง่าย
    CloudSEK แนะนำให้หน่วยงานรัฐยึดโดเมนและให้บริษัทขนส่งตรวจสอบบรรจุภัณฑ์อย่างเข้มงวด

    https://hackread.com/chinese-network-ofake-us-canadian-ids/
    🕵️‍♂️ “ForgeCraft: เครือข่ายจีนขายบัตรประชาชนปลอมกว่า 6,500 ใบ — เมื่อเอกสารปลอมกลายเป็นอาวุธไซเบอร์ระดับโลก” การสืบสวนล่าสุดโดยบริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์ CloudSEK ได้เปิดโปงเครือข่ายขนาดใหญ่ในจีนที่ดำเนินการขายบัตรประชาชนปลอมของสหรัฐฯ และแคนาดาอย่างเป็นระบบ โดยใช้ชื่อปฏิบัติการว่า “ForgeCraft” เครือข่ายนี้มีเว็บไซต์มากกว่า 83 แห่งในการขายเอกสารปลอมที่มีคุณภาพสูง ทั้งบัตรขับขี่และบัตรประกันสังคม พร้อมบาร์โค้ดที่สแกนได้ ฮอโลแกรม และรอย UV เหมือนของจริง จากรายงานพบว่า มีการขายบัตรปลอมไปแล้วกว่า 6,500 ใบให้กับผู้ซื้อกว่า 4,500 รายในอเมริกาเหนือ สร้างรายได้มากกว่า $785,000 โดยผู้ซื้อกว่า 60% มีอายุมากกว่า 25 ปี และมีกรณีศึกษาที่พบว่ามีการซื้อใบขับขี่เชิงพาณิชย์ปลอมถึง 42 ใบ เพื่อนำไปใช้ในบริษัทขนส่งที่มีประวัติปัญหาด้านกฎหมาย บัตรปลอมเหล่านี้ถูกใช้ในหลายกิจกรรมผิดกฎหมาย เช่น การหลีกเลี่ยงการตรวจสอบอายุ การสร้างบัญชีโซเชียลมีเดีย การผ่านการยืนยันตัวตนกับธนาคาร การขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต และแม้แต่การหลอกลวงการเลือกตั้ง โดยเฉพาะในรัฐที่เริ่มใช้ระบบตรวจสอบอายุแบบสหราชอาณาจักร เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ เครือข่ายนี้ใช้วิธี “บรรจุภัณฑ์ลับ” โดยซ่อนบัตรไว้ในสิ่งของทั่วไป เช่น กระเป๋า ของเล่น หรือกล่องกระดาษ และจัดส่งผ่าน FedEx หรือ USPS พร้อมวิดีโอสอนวิธีแกะกล่องเพื่อหาบัตรที่ซ่อนอยู่ การชำระเงินทำผ่านช่องทางหลากหลาย ทั้ง PayPal, LianLian Pay และคริปโตเคอร์เรนซีอย่าง Bitcoin และ Ethereum โดย CloudSEK สามารถติดตามไปถึงผู้ดำเนินการหลักในเมืองเซียะเหมิน ประเทศจีน และจับภาพใบหน้าผ่านเว็บแคมได้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ เครือข่าย ForgeCraft ขายบัตรประชาชนปลอมของสหรัฐฯ และแคนาดากว่า 6,500 ใบ ➡️ ใช้เว็บไซต์กว่า 83 แห่งในการดำเนินการ พร้อมเทคนิคบรรจุภัณฑ์ลับเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ ➡️ รายได้รวมกว่า $785,000 จากผู้ซื้อกว่า 4,500 ราย ➡️ บัตรปลอมมีคุณภาพสูง มีบาร์โค้ด ฮอโลแกรม และรอย UV เหมือนของจริง ✅ การใช้งานและผลกระทบ ➡️ ใช้ในการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบอายุและการยืนยันตัวตนกับธนาคาร ➡️ ใช้สร้างบัญชีโซเชียลมีเดียและเข้าถึงเว็บไซต์สำหรับผู้ใหญ่ ➡️ ใช้ขับรถเชิงพาณิชย์โดยไม่มีใบอนุญาตจริง ➡️ อาจถูกใช้ในการหลอกลวงการเลือกตั้งและข้ามด่านตรวจคนเข้าเมือง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ การปลอมแปลงเอกสารเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติและระบบการเงิน ➡️ บัตรปลอมสามารถใช้ใน SIM swap และการเข้ายึดบัญชีออนไลน์ ➡️ การใช้คริปโตในการชำระเงินช่วยให้ผู้ขายไม่สามารถถูกติดตามได้ง่าย ➡️ CloudSEK แนะนำให้หน่วยงานรัฐยึดโดเมนและให้บริษัทขนส่งตรวจสอบบรรจุภัณฑ์อย่างเข้มงวด https://hackread.com/chinese-network-ofake-us-canadian-ids/
    HACKREAD.COM
    Chinese Network Selling Thousands of Fake US and Canadian IDs
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 12 ส้มเน่า

    แล้วการเลือกตั้งในปี ค.ศ. 2010 ของ Ukraine ก็มาถึง คราวนี้ อัศวินสีส้ม Yushchenko ถูกน๊อค นอนนับ 10 เขาได้คะแนนเสียงประมาณ 5%

    5 ปี ของราคาขนมปังที่ขึ้นอย่างบ้าเลือดนี้ ชาวUkraine จำได้ คิดเป็น จากเมืองที่เคยอยู่กันอย่างอุดมสมบูรณ์ ดินดำ น้ำใส ฉันเคยส่งออกธัญพืชเป็นอันดับ 3 ของโลกนะ ทำไมตอนนี้ฉันต้องซื้อขนมปังที่ทำจากแป้งของฉันเอง แพงกว่าเดิม 300 เท่า ตอบมาซิ !

    ชาว Ukraine ต้องการความมั่นคง เขาไม่ต้องการให้ใครมาผลัก มาดันเขา ไปทางโน้นที ทางนี้ที พวกเขาเลือกที่จะไม่อยู่กับ NATO สื่อตะวันตกออกข่าวทันที นาย Yanukovych ที่น๊อค นาย Yushchenko เป็นเด็กสร้างของรัสเซีย รู้ไหมรัสเซียส่งมายึด Ukraine กลับไปอยู่ในกรง แต่ปรากฎว่าบรรดา นักอุตสาหกรรมที่เป็นผู้หนุนหลัง นาย Yanukovych ต่างบอกว่าเราต้องการเศรษฐกิจ ที่มีสัมพันธ์สอดคล้องกันกับสหภาพยุโรปและกับรัสเซีย แปลว่าไม่เลือกข้างน่ะ

    นาย Yanukovych บอกว่าเขาจะไม่พยายามนำ Ukraine ไปเข้า NATO ตามลูกยุของวอชิงตัน และไม่เข้าไปอยู่ในสหภาพยุโรปด้วย เขาจะพยายามแก้ปัญหาเศรษฐกิจของ Ukraine และปัญหาการทุจริตในประเทศ

    ส่วนเรื่องท่อส่งแก๊ซกับรัสเซีย เหมือนเดิมครับพี่ปูติน ! และที่สำคัญเรื่องเช่าฐานทัพเรือที่ท่าเรือ Sevastapol ที่จะหมดในปี ค.ศ. 2017 ก็ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวผมต่อให้ก่อนหมดอายุเลย

    แล้วแบบนี้นาย Yanukovych จะอยู่ได้นานหรือ ? ! ปฎิบัติการสีส้ม เตรียมตัวด่วน งานรออยู่แล้วพรรคพวก
    ชัยชนะของนาย Yanukovych สร้างความขม ความขุ่น ความแค้น ให้กับหลายคนเหลือเกิน คนแรกนอกจาก นาย Yushchenko ที่นอนให้นับคะแนนแล้ว อีกคนคือ นาง Yulia Tymoshenko อดีตนายกฯหญิงเก่า คนที่มีแฟชั่นทรงผมน่าประทับใจที่สุดในโลก คุณนายเอาหางเปียพันรอบหัวไว้แทนหมวก !(อ่านตอนแรกเห็นตัว Y ขึ้นต้น ต๊กกะใจนึกว่า ไปอาละวาดอยู่แถวโน้นตั้งกะเมื่อไหร่ ฮา)

    แต่คนนี้ก็ไม่เบา นิสัยคล้ายกันจัง ก่อนการปฏิวัติสีส้ม คุณนายเป็นประธาน United Energy System บริษัทเอกชนนำเข้าแก๊ซ จากรัสเซีย รัสเซียกล่าวหาว่าคุณนายซิกแซ๊ก ขะโมยแก๊ซไปวนขายหลายรอบ แถมหนีภาษี จนมีสมญาว่า “Gaz Princess” นอกจากนี้ยังโดนกล่าวหาว่า แอบจ่ายเงินค่าปิดปากให้นักการเมืองอีกหลายคน แหม เกือบนึกว่าเขียนเรื่อง อดีตนายกฯหญิงคนเดียวกัน

    ลืมบอกไป คุณนายผมเปียนี้ เป็นซี้กับคุณนาย Angela Merkel (นายกรัฐมนตรีเยอรมัน สายไอ้กัน) และ พวกสหภาพยุโรป

    คุณนายผมเปียก็ลงสมัครรับเลือกครั้งปี ค.ศ 2010 นี่เหมือนกัน และก็แพ้คะแนน นายYanukovych ไปประมาณ ล้านคะแนน

    แต่ผู้ที่กระอักที่สุด กับการได้เป็นประธานาธิบดีของนาย Yanukovych น่าจะเป็นผู้อำนวยการสร้างปฏิบัติการส้มสลาย! แผนของวอชิงตัน ที่จะตอกตะปูปิดล้อมทางออกของรัสเซีย ที่มาทาง Ukraine ล้มเหลว สะดุด หยุดลง ชั่วคราว หรือ ถาวร ดูกันต่อไป

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    30 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 12 ส้มเน่า แล้วการเลือกตั้งในปี ค.ศ. 2010 ของ Ukraine ก็มาถึง คราวนี้ อัศวินสีส้ม Yushchenko ถูกน๊อค นอนนับ 10 เขาได้คะแนนเสียงประมาณ 5% 5 ปี ของราคาขนมปังที่ขึ้นอย่างบ้าเลือดนี้ ชาวUkraine จำได้ คิดเป็น จากเมืองที่เคยอยู่กันอย่างอุดมสมบูรณ์ ดินดำ น้ำใส ฉันเคยส่งออกธัญพืชเป็นอันดับ 3 ของโลกนะ ทำไมตอนนี้ฉันต้องซื้อขนมปังที่ทำจากแป้งของฉันเอง แพงกว่าเดิม 300 เท่า ตอบมาซิ ! ชาว Ukraine ต้องการความมั่นคง เขาไม่ต้องการให้ใครมาผลัก มาดันเขา ไปทางโน้นที ทางนี้ที พวกเขาเลือกที่จะไม่อยู่กับ NATO สื่อตะวันตกออกข่าวทันที นาย Yanukovych ที่น๊อค นาย Yushchenko เป็นเด็กสร้างของรัสเซีย รู้ไหมรัสเซียส่งมายึด Ukraine กลับไปอยู่ในกรง แต่ปรากฎว่าบรรดา นักอุตสาหกรรมที่เป็นผู้หนุนหลัง นาย Yanukovych ต่างบอกว่าเราต้องการเศรษฐกิจ ที่มีสัมพันธ์สอดคล้องกันกับสหภาพยุโรปและกับรัสเซีย แปลว่าไม่เลือกข้างน่ะ นาย Yanukovych บอกว่าเขาจะไม่พยายามนำ Ukraine ไปเข้า NATO ตามลูกยุของวอชิงตัน และไม่เข้าไปอยู่ในสหภาพยุโรปด้วย เขาจะพยายามแก้ปัญหาเศรษฐกิจของ Ukraine และปัญหาการทุจริตในประเทศ ส่วนเรื่องท่อส่งแก๊ซกับรัสเซีย เหมือนเดิมครับพี่ปูติน ! และที่สำคัญเรื่องเช่าฐานทัพเรือที่ท่าเรือ Sevastapol ที่จะหมดในปี ค.ศ. 2017 ก็ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวผมต่อให้ก่อนหมดอายุเลย แล้วแบบนี้นาย Yanukovych จะอยู่ได้นานหรือ ? ! ปฎิบัติการสีส้ม เตรียมตัวด่วน งานรออยู่แล้วพรรคพวก ชัยชนะของนาย Yanukovych สร้างความขม ความขุ่น ความแค้น ให้กับหลายคนเหลือเกิน คนแรกนอกจาก นาย Yushchenko ที่นอนให้นับคะแนนแล้ว อีกคนคือ นาง Yulia Tymoshenko อดีตนายกฯหญิงเก่า คนที่มีแฟชั่นทรงผมน่าประทับใจที่สุดในโลก คุณนายเอาหางเปียพันรอบหัวไว้แทนหมวก !(อ่านตอนแรกเห็นตัว Y ขึ้นต้น ต๊กกะใจนึกว่า ไปอาละวาดอยู่แถวโน้นตั้งกะเมื่อไหร่ ฮา) แต่คนนี้ก็ไม่เบา นิสัยคล้ายกันจัง ก่อนการปฏิวัติสีส้ม คุณนายเป็นประธาน United Energy System บริษัทเอกชนนำเข้าแก๊ซ จากรัสเซีย รัสเซียกล่าวหาว่าคุณนายซิกแซ๊ก ขะโมยแก๊ซไปวนขายหลายรอบ แถมหนีภาษี จนมีสมญาว่า “Gaz Princess” นอกจากนี้ยังโดนกล่าวหาว่า แอบจ่ายเงินค่าปิดปากให้นักการเมืองอีกหลายคน แหม เกือบนึกว่าเขียนเรื่อง อดีตนายกฯหญิงคนเดียวกัน ลืมบอกไป คุณนายผมเปียนี้ เป็นซี้กับคุณนาย Angela Merkel (นายกรัฐมนตรีเยอรมัน สายไอ้กัน) และ พวกสหภาพยุโรป คุณนายผมเปียก็ลงสมัครรับเลือกครั้งปี ค.ศ 2010 นี่เหมือนกัน และก็แพ้คะแนน นายYanukovych ไปประมาณ ล้านคะแนน แต่ผู้ที่กระอักที่สุด กับการได้เป็นประธานาธิบดีของนาย Yanukovych น่าจะเป็นผู้อำนวยการสร้างปฏิบัติการส้มสลาย! แผนของวอชิงตัน ที่จะตอกตะปูปิดล้อมทางออกของรัสเซีย ที่มาทาง Ukraine ล้มเหลว สะดุด หยุดลง ชั่วคราว หรือ ถาวร ดูกันต่อไป สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 30 มิย. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 11 หุ่นเชิดสีส้ม

    ระหว่างที่รัสเซียเดินหน้าวางท่อส่งไป ทั้งเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก เหมือนดอกว่านบาน 4 ทิศ อเมริกาก็ใช้ทุกแผน ทั้งบนฟ้า เหนือดินและใต้ดินเหมือนกัน ที่จะตัดทางเดินของท่อส่ง ทางหนึ่งที่ลงทุนไปแยะแล้ว และเป็นด่านสำคัญคือ Ukraine เรื่องเก่า จึงต้องเอามาเล่นใหม่

    ดูจากแผนที่ Ukraine มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ต่อทั้ง NATO และรัสเซีย ไม่ใช่แค่ด้านตะวันออกของ Ukraine อยู่ติดรัสเซียเท่านั้น แต่ Ukraine ยังเป็นทางออกของท่อส่งแก๊ซเส้น ใหญ่ของรัสเซีย ที่ส่งไปให้ยุโรปตะวันตก คิดเป็นประมาณ 80% ของรายได้ที่เป็นดอลล่าร์ จากการส่งออกแก๊ซ มันเป็นเส้นเลือดใหญ่ของรัสเซียเลยล่ะ

    ไม่ใช่แค่เรื่องท่อส่งแก๊ซที่ทำให้อเมริกาจุกอก Ukraine ยังทำสัญญาให้สิทธิรัสเซีย ใช้ท่าเรือของ Ukraine ที่ Stevastopol เพื่อเป็นฐานให้กองทัพเรือของรัสเซียจอดที่ทะเลดำ และที่ Odessa อีกด้วย สัญญานี้ยังมีอายุอยู่ถึงปี ค.ศ. 2017 ถ้าไม่ต่อออกไปอีก กองทัพเรือรัสเซียที่ทะเลดำนี้ ทำให้ NATO ต้องคิดหนักในการสยายปีกของตนเองเพื่อมาล้อมรัสเซีย

    เมื่อ Georgia ถูกชักใยในปี ค.ศ. 2008 นาย Yushchenko ประธานธิบดีของ Ukraine ถูกผู้ชักใยสั่งให้สวมรอยใช้โอกาสนี้ บอกเลิกสัญญาเช่าท่าเรือนี้ก่อนกำหนดไปด้วย แต่มันไม่ง่ายนักหรอก กองเรือรัสเซียอยู่ตรงนั้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1783 ตั้งแต่ Stevastopol ยังเป็นของรัสเซียอยู่
    ทางภาคตะวันออกของ Ukraine ซึ่งติดกับรัสเซีย เป็นถิ่นที่อยู่ของชาว Ukraine ประมาณ 15 ล้านคน ที่มีวัฒนธรรมเหมือนรัสเซีย และเป็นบริเวณที่มีผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลก ปี ค.ศ. 2009 Ukraine เป็นอันดับ 3 ของโลก ในการส่งออกธัญพืช รองจากอเมริกาและสหภาพยุโรป แซงหน้ารัสเซียและแคนาดา chomozem ดินดำที่มีชื่อเสียงของ Ukraine เป็นดินที่มีปุ๋ยธรรมชาติมากที่สุดในโลก และดินดำนี้มีอยู่ทั่วประมาณ 2 ใน 3 ของดินแดน Ukraine

    บริเวณแม่น้ำ Dnieper และ Dniester เป็นที่เดียวในโลกอีกเช่นกัน ที่มีดินดำชนิดที่เรียกว่า “sweet black soil” ยาวไป 500 กิโลเมตร เป็นดินเหมาะสมสำหรับการทำเกษตรกรรมอย่างที่สุด และถือเป็นสมบัติมีค่าของประเทศ บรรษัทใหญ่ที่ทำเกษตรอุตสาหกรรม ของชาติตะวันตก เช่น Monsanto (จำได้ไหมครับ บริษัทนี้แสบอย่างไร เขาเป็นต้นคิดเมล็ดพืช พันธ์พิฆาต GMO) Cargill, ADM และ Kraft ต่างน้ำลายไหลยืด อยากจะมาครอบครองบริเวณนี้ของ Ukraine เพียงรอเวลา “เหมาะสม” อยู่เท่านั้น

    ส่วนบริเวณ Ukrainian Donetsk และ Donets Basin หรือ Donbas นั้น ซึ่งเป็นเขตฐานเสียงของ ประธานาธิบดีคนใหม่ คือ นาย YanuKovych เป็นดินแดน ที่เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมถ่านหินและเหล็ก รวมทั้งเป็นศูนย์กลางวิทยาศาสตร์ และมหาวิทยาลัย Donbas มีถ่านหินประมาณ 109 billion ตัน รวมทั้งมีน้ำมันและแก๊ซธรรมชาติด้วย

    โดยรวม นับว่า Ukraine เป็นบริเวณที่รวยที่สุดของทวีปยุโรปในแง่ของทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งหินแกรนิต แกรฟไฟท์ และเกลือ มีแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์เหมาะสำหรับการทำกระเบื้องเคลือบ อุตสาหกรรมเคมี และอุตสาหกรรมก่อสร้าง การยึด Ukraine ได้ในปี ค.ศ. 2004 ของอเมริกาจึงถือว่าได้รางวัลใหญ่ สมควรต้องตะโกนว่า We Won, We Won เราชนะ เราชนะ แล้วโว้ย ! แต่ใจเย็นก่อน มันแค่เกือบเท่านั้นเองนะ Emperor Bush !
    นาย Yushchenko “เกือบ” ทำให้แผนการสีส้มของอเมริกา ที่ลงทุนคนขน คนฉาก มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 สำเร็จสมเป้าหมาย ถ้าไม่บังเอิญเกิดอาการสดุดขากันเองก่อน ปี ค.ศ. 2008 ประธานาธิบดี Mikhail Saakaashvili ซึ่งรับใบสั่งลับอีกใบหนึ่งจากอเมริกา ทะเร่อทะร่ายกทัพไปบุก South Ossetia จนโดนกองทัพรัสเซียตีกลับแตกกระเจิง ใช้เวลาแค่ 5 วัน แค่นั้นยังไม่ ฉ.ห พอ บังเอิญช่วงนั้นคณะมนตรีของ NATO กำลังจะพิจารณาที่จะรับ Ukraine และ Georgia เป็นสมาชิกของ NATO (ตามคำสั่งของอเมริกา)อยู่ เยอรมันเลยยกมือประท้วง

    เดี๋ยวก่อน พวกเรา ถ้าเรารับไอ้ 2 ประเทศนี้เข้ามาอยู่ใน NATO น่ะนะ ตามกฎบัตรของ NATO เราต้องทำสงครามกับรัสเซียเพื่อปกป้อง ไอ้ 2 ประเทศ นี้ด้วยนะ

    บอกแล้วอย่าเพิ่งร้องว่า We Won ฝันเลยค้างเติ่งตั้งแต่ ค.ศ. 2008 เฮ้อ ! เหนื่อยวุ้ย ลงทุนใส่สีส้มมาตั้งหลายปี ตกลงใครหักหลังใครกันนะนี่ ? !

    ตอนจัดรายการปฏิวัติสีส้ม อเมริกาเปิดหน้า เปิดตัว ไม่ใช่แค่ประกาศส่งตัวนักแสดง เป็นหุ่น คือ นาย Viktor Yushchenko และคุณเมียชาว Chicago เท่านั้น อเมริกายังส่งนาย John Herbs มาเป็นฑูตอเมริกันประจำ Ukraine ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2008 อีกด้วย เขามาอยู่Ukraineไม่กี่เดือนก่อนละครเรื่องส้มสลายจะลงโรง นาย Herbs นี้ ก่อนหน้าที่จะมาประจำ Ukraine เขาเคยเป็นฑูตของอเมริกา อยู่ที่ Uzbekistan โดยมีหน้าที่ปฎิบัติภาระกิจสำคัญ ช่วยกำกับการแสดง Operation Enduring Freedom ใน Afkanistan มาแล้ว ภาระกิจแต่ละรายของนาย Herbs เหมาะกับหน้าที่ของคนเป็นทูตอเมริกันอย่างยิ่ง

    คุณหุ่น Yushchenko นี้ ถูกคัดมาแต่งตัวเตรียมเป็นประธานาธิบดี เพราะมีผลงานเข้าตากรรมการ เนื่องจากเป็นอดีตผุ้ว่าการธนาคารกลางของ Ukraine สมัย IMF ใช้โปรแกรม shock therapy

    ในช่วง ค.ศ. 1994 IMF บังคับให้ Ukraine ยกเลิกการควบคุมปริวรรติเงินตรา และลอยค่าเงิน ได้ผลดีมาก เงิน Ukraine ลอยลงสู่พื้น ราคาขนมปังขึ้นไป 300% ค่าไฟฟ้าขึ้นไป 600% ค่าเดินทางโดยบริการสาธารณะขึ้นไป 900% ในปี ค.ศ. 1998 ค่าแรงของชาว Ukraine หายไป 75% เมื่อเปรียบเทียบกับปี ค.ศ. 1991 ในวันที่เต้นรำฉลองชัยออกจากม่านเหล็กกัน

    วอชิงตันเลือกถูกคนจริง ๆ ดินแดนสมันน้อยก็เคยเจอใกล้เคียง หวังว่ายังคงจำกันได้ คงพอมองออกนะครับ เวลาเขาจะปล้นอะไร พวกนักการเงิน นักการธนาคาร ว่าง่าย ใช้คล่อง เข้าใจคำสั่ง และภาระกิจดี..
    เมื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในปี ค.ศ. 2004 มาถึง แม้ขบวนการสีส้มจะเต้นกันไปรอบ เมืองอย่างไร นาย Yushchenko ก็ดันแพ้การเลือกตั้งแก่ นาย Viktor Yanukovych ขบวนการสีส้มมึน เป็นไปได้ไง เราดัก เราหัก เราตีมันทุกทางแล้วนี่นา ลงทุนขนาดนี้ แพ้ได้ยังไงหึ !

    Pora Group ออกมาเดินเต็มถนนอีกรอบ คราวนี้ตะโกน “เลือกตั้งสกปรก เลือกตั้งสกปรก”
    CNN และ BBC ออกข่าวโหม กกต. Ukraine ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ในปี 2005 คราวนี้นาย Yushchenko ชนะแบบฉิวเฉียด เขารีบประกาศตัวเป็นประธานาธิบดี

    ประธานาธิบดี Yushchenko ไม่รอช้า เดินหน้าทุกทางที่จะตัดเส้นเลือดของรัสเซีย โดยเฉพาะท่อส่งแก๊ซเส้นทางที่จะออกไปยังยุโรปตะวันตก วอชิงตันพยายามกล่อมสมาชิกสหภาพยุโรป โดยเฉพาะเยอรมันว่า รัสเซียเป็นคู่สัญญาที่ไม่น่าเชื่อถือ

    หุ่นเชิด 2 ตัว Yushenchenko ของ Ukraine และ Saakashvili ของ Georgia ต่างทำงานหนัก แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผล สหภาพยุโรปยังต้องอาศัยแก๊ซจากรัสเซียต่อไป ทางเลือกใหม่ยังไม่มี

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    30 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 11 หุ่นเชิดสีส้ม ระหว่างที่รัสเซียเดินหน้าวางท่อส่งไป ทั้งเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก เหมือนดอกว่านบาน 4 ทิศ อเมริกาก็ใช้ทุกแผน ทั้งบนฟ้า เหนือดินและใต้ดินเหมือนกัน ที่จะตัดทางเดินของท่อส่ง ทางหนึ่งที่ลงทุนไปแยะแล้ว และเป็นด่านสำคัญคือ Ukraine เรื่องเก่า จึงต้องเอามาเล่นใหม่ ดูจากแผนที่ Ukraine มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ต่อทั้ง NATO และรัสเซีย ไม่ใช่แค่ด้านตะวันออกของ Ukraine อยู่ติดรัสเซียเท่านั้น แต่ Ukraine ยังเป็นทางออกของท่อส่งแก๊ซเส้น ใหญ่ของรัสเซีย ที่ส่งไปให้ยุโรปตะวันตก คิดเป็นประมาณ 80% ของรายได้ที่เป็นดอลล่าร์ จากการส่งออกแก๊ซ มันเป็นเส้นเลือดใหญ่ของรัสเซียเลยล่ะ ไม่ใช่แค่เรื่องท่อส่งแก๊ซที่ทำให้อเมริกาจุกอก Ukraine ยังทำสัญญาให้สิทธิรัสเซีย ใช้ท่าเรือของ Ukraine ที่ Stevastopol เพื่อเป็นฐานให้กองทัพเรือของรัสเซียจอดที่ทะเลดำ และที่ Odessa อีกด้วย สัญญานี้ยังมีอายุอยู่ถึงปี ค.ศ. 2017 ถ้าไม่ต่อออกไปอีก กองทัพเรือรัสเซียที่ทะเลดำนี้ ทำให้ NATO ต้องคิดหนักในการสยายปีกของตนเองเพื่อมาล้อมรัสเซีย เมื่อ Georgia ถูกชักใยในปี ค.ศ. 2008 นาย Yushchenko ประธานธิบดีของ Ukraine ถูกผู้ชักใยสั่งให้สวมรอยใช้โอกาสนี้ บอกเลิกสัญญาเช่าท่าเรือนี้ก่อนกำหนดไปด้วย แต่มันไม่ง่ายนักหรอก กองเรือรัสเซียอยู่ตรงนั้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1783 ตั้งแต่ Stevastopol ยังเป็นของรัสเซียอยู่ ทางภาคตะวันออกของ Ukraine ซึ่งติดกับรัสเซีย เป็นถิ่นที่อยู่ของชาว Ukraine ประมาณ 15 ล้านคน ที่มีวัฒนธรรมเหมือนรัสเซีย และเป็นบริเวณที่มีผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลก ปี ค.ศ. 2009 Ukraine เป็นอันดับ 3 ของโลก ในการส่งออกธัญพืช รองจากอเมริกาและสหภาพยุโรป แซงหน้ารัสเซียและแคนาดา chomozem ดินดำที่มีชื่อเสียงของ Ukraine เป็นดินที่มีปุ๋ยธรรมชาติมากที่สุดในโลก และดินดำนี้มีอยู่ทั่วประมาณ 2 ใน 3 ของดินแดน Ukraine บริเวณแม่น้ำ Dnieper และ Dniester เป็นที่เดียวในโลกอีกเช่นกัน ที่มีดินดำชนิดที่เรียกว่า “sweet black soil” ยาวไป 500 กิโลเมตร เป็นดินเหมาะสมสำหรับการทำเกษตรกรรมอย่างที่สุด และถือเป็นสมบัติมีค่าของประเทศ บรรษัทใหญ่ที่ทำเกษตรอุตสาหกรรม ของชาติตะวันตก เช่น Monsanto (จำได้ไหมครับ บริษัทนี้แสบอย่างไร เขาเป็นต้นคิดเมล็ดพืช พันธ์พิฆาต GMO) Cargill, ADM และ Kraft ต่างน้ำลายไหลยืด อยากจะมาครอบครองบริเวณนี้ของ Ukraine เพียงรอเวลา “เหมาะสม” อยู่เท่านั้น ส่วนบริเวณ Ukrainian Donetsk และ Donets Basin หรือ Donbas นั้น ซึ่งเป็นเขตฐานเสียงของ ประธานาธิบดีคนใหม่ คือ นาย YanuKovych เป็นดินแดน ที่เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมถ่านหินและเหล็ก รวมทั้งเป็นศูนย์กลางวิทยาศาสตร์ และมหาวิทยาลัย Donbas มีถ่านหินประมาณ 109 billion ตัน รวมทั้งมีน้ำมันและแก๊ซธรรมชาติด้วย โดยรวม นับว่า Ukraine เป็นบริเวณที่รวยที่สุดของทวีปยุโรปในแง่ของทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งหินแกรนิต แกรฟไฟท์ และเกลือ มีแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์เหมาะสำหรับการทำกระเบื้องเคลือบ อุตสาหกรรมเคมี และอุตสาหกรรมก่อสร้าง การยึด Ukraine ได้ในปี ค.ศ. 2004 ของอเมริกาจึงถือว่าได้รางวัลใหญ่ สมควรต้องตะโกนว่า We Won, We Won เราชนะ เราชนะ แล้วโว้ย ! แต่ใจเย็นก่อน มันแค่เกือบเท่านั้นเองนะ Emperor Bush ! นาย Yushchenko “เกือบ” ทำให้แผนการสีส้มของอเมริกา ที่ลงทุนคนขน คนฉาก มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 สำเร็จสมเป้าหมาย ถ้าไม่บังเอิญเกิดอาการสดุดขากันเองก่อน ปี ค.ศ. 2008 ประธานาธิบดี Mikhail Saakaashvili ซึ่งรับใบสั่งลับอีกใบหนึ่งจากอเมริกา ทะเร่อทะร่ายกทัพไปบุก South Ossetia จนโดนกองทัพรัสเซียตีกลับแตกกระเจิง ใช้เวลาแค่ 5 วัน แค่นั้นยังไม่ ฉ.ห พอ บังเอิญช่วงนั้นคณะมนตรีของ NATO กำลังจะพิจารณาที่จะรับ Ukraine และ Georgia เป็นสมาชิกของ NATO (ตามคำสั่งของอเมริกา)อยู่ เยอรมันเลยยกมือประท้วง เดี๋ยวก่อน พวกเรา ถ้าเรารับไอ้ 2 ประเทศนี้เข้ามาอยู่ใน NATO น่ะนะ ตามกฎบัตรของ NATO เราต้องทำสงครามกับรัสเซียเพื่อปกป้อง ไอ้ 2 ประเทศ นี้ด้วยนะ บอกแล้วอย่าเพิ่งร้องว่า We Won ฝันเลยค้างเติ่งตั้งแต่ ค.ศ. 2008 เฮ้อ ! เหนื่อยวุ้ย ลงทุนใส่สีส้มมาตั้งหลายปี ตกลงใครหักหลังใครกันนะนี่ ? ! ตอนจัดรายการปฏิวัติสีส้ม อเมริกาเปิดหน้า เปิดตัว ไม่ใช่แค่ประกาศส่งตัวนักแสดง เป็นหุ่น คือ นาย Viktor Yushchenko และคุณเมียชาว Chicago เท่านั้น อเมริกายังส่งนาย John Herbs มาเป็นฑูตอเมริกันประจำ Ukraine ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2008 อีกด้วย เขามาอยู่Ukraineไม่กี่เดือนก่อนละครเรื่องส้มสลายจะลงโรง นาย Herbs นี้ ก่อนหน้าที่จะมาประจำ Ukraine เขาเคยเป็นฑูตของอเมริกา อยู่ที่ Uzbekistan โดยมีหน้าที่ปฎิบัติภาระกิจสำคัญ ช่วยกำกับการแสดง Operation Enduring Freedom ใน Afkanistan มาแล้ว ภาระกิจแต่ละรายของนาย Herbs เหมาะกับหน้าที่ของคนเป็นทูตอเมริกันอย่างยิ่ง คุณหุ่น Yushchenko นี้ ถูกคัดมาแต่งตัวเตรียมเป็นประธานาธิบดี เพราะมีผลงานเข้าตากรรมการ เนื่องจากเป็นอดีตผุ้ว่าการธนาคารกลางของ Ukraine สมัย IMF ใช้โปรแกรม shock therapy ในช่วง ค.ศ. 1994 IMF บังคับให้ Ukraine ยกเลิกการควบคุมปริวรรติเงินตรา และลอยค่าเงิน ได้ผลดีมาก เงิน Ukraine ลอยลงสู่พื้น ราคาขนมปังขึ้นไป 300% ค่าไฟฟ้าขึ้นไป 600% ค่าเดินทางโดยบริการสาธารณะขึ้นไป 900% ในปี ค.ศ. 1998 ค่าแรงของชาว Ukraine หายไป 75% เมื่อเปรียบเทียบกับปี ค.ศ. 1991 ในวันที่เต้นรำฉลองชัยออกจากม่านเหล็กกัน วอชิงตันเลือกถูกคนจริง ๆ ดินแดนสมันน้อยก็เคยเจอใกล้เคียง หวังว่ายังคงจำกันได้ คงพอมองออกนะครับ เวลาเขาจะปล้นอะไร พวกนักการเงิน นักการธนาคาร ว่าง่าย ใช้คล่อง เข้าใจคำสั่ง และภาระกิจดี.. เมื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในปี ค.ศ. 2004 มาถึง แม้ขบวนการสีส้มจะเต้นกันไปรอบ เมืองอย่างไร นาย Yushchenko ก็ดันแพ้การเลือกตั้งแก่ นาย Viktor Yanukovych ขบวนการสีส้มมึน เป็นไปได้ไง เราดัก เราหัก เราตีมันทุกทางแล้วนี่นา ลงทุนขนาดนี้ แพ้ได้ยังไงหึ ! Pora Group ออกมาเดินเต็มถนนอีกรอบ คราวนี้ตะโกน “เลือกตั้งสกปรก เลือกตั้งสกปรก” CNN และ BBC ออกข่าวโหม กกต. Ukraine ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ในปี 2005 คราวนี้นาย Yushchenko ชนะแบบฉิวเฉียด เขารีบประกาศตัวเป็นประธานาธิบดี ประธานาธิบดี Yushchenko ไม่รอช้า เดินหน้าทุกทางที่จะตัดเส้นเลือดของรัสเซีย โดยเฉพาะท่อส่งแก๊ซเส้นทางที่จะออกไปยังยุโรปตะวันตก วอชิงตันพยายามกล่อมสมาชิกสหภาพยุโรป โดยเฉพาะเยอรมันว่า รัสเซียเป็นคู่สัญญาที่ไม่น่าเชื่อถือ หุ่นเชิด 2 ตัว Yushenchenko ของ Ukraine และ Saakashvili ของ Georgia ต่างทำงานหนัก แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผล สหภาพยุโรปยังต้องอาศัยแก๊ซจากรัสเซียต่อไป ทางเลือกใหม่ยังไม่มี สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 30 มิย. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 231 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'พีระพันธุ์' ลั่นไม่ร่วมรัฐบาลเบี้ยล่างพรรคส้ม พร้อมนำทัพ รทสช. สู้ศึกเลือกตั้ง

    //////////////////


    รวมไทยสร้างชาติไปต่อ! "พีระพันธุ์" พร้อมเดินหน้านำทัพสู้ศึกเลือกตั้ง ย้ำทำเต็มที่ เชื่อมั่นพรรคสามารถผ่านทุกอุปสรรคไปได้ เชิญชวนชาวไทยหัวใจรักชาติร่วมทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน

    18 กันยายน 2568 - เวลา 19.00 น. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงทิศทางการทำงานของพรรคท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองว่า ในลำดับแรกตนขอยืนยันว่าพร้อมเดินหน้าในการดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อเป็นแม่ทัพของพรรครวมไทยสร้างชาติในการทำงานทางการเมืองต่อไป

    สำหรับกระแสข่าวเลือดไหลออกจากพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น ในวันนี้ยังไม่มีเลือดไหลออกจากพรรค เพราะทุกคนยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ และยังมีผู้สนใจมาสมัครสมาชิกพรรคเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน
    นายพีระพันธุ์ยังได้เปิดเผยถึงจุดยืนของตนเกี่ยวกับการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาว่า หลังจากที่มีการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ การเมืองของไทยก็มีพัฒนาการทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ประเด็นสำคัญก็คือ มีการพยายามนำพรรคการเมืองบางพรรค ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติได้ประกาศตั้งแต่ต้นว่าพรรครวมไทยสร้างชาติไม่สามารถร่วมมือด้วยได้ เนื่องจากมีอุดมการณ์ทางการเมืองและแนวคิดทางการเมืองที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก และมีการใช้วิธีการให้พรรคการเมืองนั้นมาลงมติสนับสนุนผู้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่ได้เป็นการร่วมรัฐบาล แต่เป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกัน ซึ่งสำหรับตนเห็นว่าแนวทางเช่นนี้ไม่ถูกต้องทางการเมือง เพราะจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นเบี้ยล่างทางการเมืองของพรรคการเมืองอื่นที่ไม่ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล
    นอกจากนี้ตนยังเห็นว่า วิธีการดังกล่าวอาจเป็นการผิดกฎหมายพรรคการเมืองในการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ซึ่งจาก 2 เหตุผลข้างต้น ทำให้ตนมีความเห็นว่าไม่สามารถลงคะแนนเสียงสนับสนุนท่านอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีได้ในขณะนั้น ทั้งที่โดยส่วนตัวตนเคารพและรักท่านอนุทินมาก และคิดว่าเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ แต่วิธีการในการจัดตั้งรัฐบาลในรูปแบบนี้ ไม่ใช่วิธีทางที่ถูกต้อง

    ต่อมาทางพรรคเพื่อไทยก็ได้มีการติดต่อในการเพิ่มเสียงสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ด้วยแนวทางแลกเปลี่ยนผลประโยชน์แต่ไม่ร่วมรัฐบาลนั้น ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ ดังนั้นตนจึงมีความเห็นว่าถ้าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลด้วยการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ก็ไม่สามารถสนับสนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้เลย

    “สำหรับผมคิดว่า นี่เป็นวิธีการทางการเมืองที่ไม่ถูกต้อง และจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นเบี้ยล่างของพรรคการเมืองอื่นซึ่งไม่ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งในทางการเมืองเป็นสิ่งที่เกิดไม่น่าจะเกิดขึ้น และผมรับไม่ได้ ” นายพีระพันธุ์กล่าว

    อย่างไรก็ดี ในส่วนการบริหารจัดการพรรคจะต้องมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเบื้องต้นนายพีระพันธุ์ได้มีการหารือกับผู้บริหารระดับสูงของพรรคว่า หากแนวทางเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องทางการเมืองเช่นนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติก็ไม่สามารถร่วมรัฐบาลได้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม โดยก่อนการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคร่วมกับ สส. พรรค นายพีระพันธุ์มองว่าเมื่อการเมืองเดินมาถึงสถานการณ์เช่นนี้น่าจะจบลงด้วยการยุบสภา จึงยังไม่มีมติของพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเพียงการหารือแลกเปลี่ยนความเห็นกันเท่านั้น
    ต่อมาปรากฏว่าการยุบสภาไม่สามารถทำได้ ประกอบกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของพรรคหลายคนได้สอบถามและแสดงความคิดเห็นว่า กรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติควรมีมติที่ชัดเจนเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงมีการเชิญประชุมกรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างเร่งด่วน ในวันพุธก่อนการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี
    นายพีระพันธุ์เปิดเผยว่า ในการประชุมกรรมการบริหารพรรคครั้งนั้น กรรมการบริหารพรรค 3 ท่าน เห็นด้วยกับแนวทางของตน มีกรรมการบริหารพรรค 1 ท่าน เห็นว่าหากท่านอนุทินยืนยันว่าจะไม่มีการแตะต้องมาตรา 112 และยืนยันว่าจะไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 1 และหมวด 2 ควรจะต้องสนับสนุนท่านอนุทิน ส่วนกรรมการบริหารพรรค 2 ท่านเห็นว่าควรให้เป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วหากมีมติทางใดทางหนึ่งจะทำให้เกิดปัญหาในพรรคได้ จึงไม่มีการพูดถึงมติของกรรมการบริหารพรรค แต่แจ้งผลความเห็นของกรรมการบริหารพรรคว่ามีความเห็นกี่แนวทาง อย่างไรบ้าง และให้เป็นเอกสิทธิ์ดุลพินิจของ สส. โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติได้ลงมติเลือกท่านอนุทิน 33 เสียง
    ไม่ประสงค์ลงคะแนน 3 เสียง ซึ่งตนยืนยันว่าในพรรคไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น และทุกอย่างก็เดินหน้าตามกระบวนการต่อไป

    นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับกระแสข่าวว่าพรรครวมไทยสร้างชาติถูกซื้อ ตนขอยืนยันในส่วนของตนว่าตนไม่มีทางโดนซื้อเด็ดขาด ส่วนกรณีที่มีการโจมตีว่าตนหวังตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่มีการหารือในการเสนอชื่อของตนในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะหากคิดในทางการเมืองแล้วเมื่อพรรคมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอยู่แล้วแต่ไปดึงแคนดิเดตทางการเมืองจากพรรคอื่นมาแทน แบบนี้ในทางการเมืองจะเสียหายเป็นอย่างมาก ตนจึงยืนยันได้ว่าเรื่องที่ว่ามานี้ไม่เป็นความจริง และสำหรับตนถ้าจะได้รับเลือกนายกรัฐมนตรีจะต้องมีศักดิ์ศรี ซึ่งแนวทางนี้ไม่ใช่แนวทางที่มีศักดิ์ศรี
    “พรรคการเมืองก็เหมือนกับชีวิตมนุษย์ ทุกคนเกิดมาก็ต้องมีปัญหาอุปสรรคเกิดขึ้น ไม่มีใครที่ชีวิตราบรื่นมีแต่ความสำเร็จมีแต่ความสุข เพียงแต่ว่าแต่ละคนเมื่อเจอปัญหาแล้วท้อไหม พรรครวมไทยสร้างชาติไม่ใช่เป็นพรรคแรกที่เพิ่งเกิดและเจอปัญหา แต่พรรครวมไทยสร้างชาติจะผ่านปัญหาทุกอย่างไปได้ ส่วนตัวผมไม่เคยท้อ เพราะว่าความจริงในชีวิตก็เจอปัญหามาเยอะอยู่แล้ว นี่ก็เป็นอีกแค่เสี้ยวหนึ่งของชีวิต แนวทางการทำงานของผมคือทำทุกอย่างให้ดีที่สุดทำให้เต็มที่ที่เราทำได้ ทำไม่สำเร็จก็ต้องยอมรับว่ามันทำไม่สำเร็จ แต่ว่าทำให้ดีที่สุด ทำให้มากที่สุด ทำให้เต็มที่ ได้เท่านี้ ก็เท่านี้ ผมจะไม่ติดยึดกับคำพูดคนอื่น
    เพราะว่าคนอื่นไม่รู้ดีเท่าตัวเรา ผมติดยึดกับตัวเราเองว่าเราทำดีหรือยัง เราทำถูกต้องไหม เราไม่มีทางทำให้คนทุกคนถูกใจ ไม่มีวันทำให้ทุกคนพอใจ แต่เราทำในสิ่งที่ต้องทำหรือเปล่า ทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับบ้านเมืองกับส่วนรวมหรือเปล่า ผมคิดว่าแนวทางการทำงานของผมแบบนี้ที่ทำให้ผมเดินหน้ามาจนถึงวันนี้ได้” นายพีระพันธุ์กล่าว
    นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปในเรื่องของการแก้ไขเรื่องของพลังงานว่า เรื่องการจัดการกับปัญหาพลังงานของตนนั้นสะท้อนถึงแนวทางการทำงานของตนเป็นอย่างดี ยกตัวอย่าง เช่น ค่าไฟที่เมื่อตนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ค่าไฟอยู่ที่ 4.70 บาทต่อหน่วย แต่ในวันนี้ค่าไฟเหลือเพียง 3.94 บาทต่อหน่วยเท่านั้น และไม่มีการปรับขึ้นค่าไฟ และค่าแก๊สแม้แต่ครั้งเดียว สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากวิธีการทำงานของตน คือทำให้ดีที่สุด ทำให้เต็มที่ สุดท้ายแล้วได้เท่าไร ได้เท่านั้น และหากเดินหน้าต่อไปจนครบวาระ ตนยืนยันว่าราคาน้ำมันจะ
    สามารถควบคุมได้ และประเทศไทยจะมีคลังน้ำมันสำรองของประเทศ ที่เป็นของรัฐเพื่อความมั่นคงไม่ใช่ของเอกชน

    สำหรับความคืบหน้าของกฎหมายต่าง ๆ นั้น กฎหมายฉบับแรกคือกฎหมายส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์เซลล์นั้น ตนหวังว่ารัฐบาลชุดต่อไปจะเดินหน้าต่อ ในส่วนของกฎหมายควบคุมราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และกฎหมายคลังน้ำมันนั้น กฎหมายฉบับแรกคือการควบคุมราคาน้ำมันเสร็จเรียบร้อย และกฎหมายคลังน้ำมันนั้นใกล้แล้วเสร็จ ซึ่งกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้จะต้องเสนอคู่กัน เพื่อปรับโครงสร้างราคาน้ำมันได้ทั้งกระบวนการ โดยนายพีระพันธุ์ยืนยันว่าจะต้องมีการเดินหน้ากฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ต่อโดยผ่านกลไกของสภาผู้แทนราษฎร แต่ด้วยเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ที่จะต้องยุบสภาใน 4 เดือนนี้ คาดว่าไม่น่าจะสำเร็จได้ด้วยสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้
    นายพีระพันธุ์ ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งหลังการยุบสภาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วง 4 เดือนนี้ว่า เมื่อเป็นพรรคการเมืองจะต้องมีความพร้อมในการลงรับเลือกตั้งตลอดเวลาอยู่แล้ว เมื่อมีความชัดเจนเช่นนี้เกิดขึ้น จะต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ทุกด้าน โดยเฉพาะผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยทางพรรคพร้อมที่จะหาตัวแทนที่พร้อมจะเดินหน้า สู้ให้ทุกปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะเรื่องของพลังงาน และเรื่องของความไม่เป็นธรรมในสังคม ซึ่งในระยะเวลาของการทำงานที่ผ่านมาตนเชื่อว่า ทางพรรครวมไทยสร้างชาติได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราพูดแล้วเราทำ และเราเดินหน้าทำงานตลอดเวลา
    “ทุกคนที่สนใจร่วมอุดมการณ์และเดินหน้าทำงานตามแนวทางของพรรครวมไทยสร้างชาติ คือพรรคที่มาทำงานการเมืองเพื่อประโยชน์ของชาติ ไม่ได้มาเพื่อเล่นการเมืองเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เพื่อยศถาบรรดาศักดิ์ เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติคือพรรคของคนทำงาน หากใครมีแนวทางเดียวกันขอเชิญชวนให้มาร่วมทำงานด้วยกันครับ” นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กล่าวในตอนท้าย
    อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการตั้งคำถามถึงข้อเท็จจริงกรณีปัญหาความขัดแย้งกับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ที่ได้ลาออกจากเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งนายพีระพันธุ์ไม่ได้ชี้แจงหรือพูดถึงในประเด็นดังกล่าว
    'พีระพันธุ์' ลั่นไม่ร่วมรัฐบาลเบี้ยล่างพรรคส้ม พร้อมนำทัพ รทสช. สู้ศึกเลือกตั้ง ////////////////// รวมไทยสร้างชาติไปต่อ! "พีระพันธุ์" พร้อมเดินหน้านำทัพสู้ศึกเลือกตั้ง ย้ำทำเต็มที่ เชื่อมั่นพรรคสามารถผ่านทุกอุปสรรคไปได้ เชิญชวนชาวไทยหัวใจรักชาติร่วมทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน 18 กันยายน 2568 - เวลา 19.00 น. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงทิศทางการทำงานของพรรคท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองว่า ในลำดับแรกตนขอยืนยันว่าพร้อมเดินหน้าในการดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อเป็นแม่ทัพของพรรครวมไทยสร้างชาติในการทำงานทางการเมืองต่อไป สำหรับกระแสข่าวเลือดไหลออกจากพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น ในวันนี้ยังไม่มีเลือดไหลออกจากพรรค เพราะทุกคนยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ และยังมีผู้สนใจมาสมัครสมาชิกพรรคเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน นายพีระพันธุ์ยังได้เปิดเผยถึงจุดยืนของตนเกี่ยวกับการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาว่า หลังจากที่มีการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ การเมืองของไทยก็มีพัฒนาการทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ประเด็นสำคัญก็คือ มีการพยายามนำพรรคการเมืองบางพรรค ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติได้ประกาศตั้งแต่ต้นว่าพรรครวมไทยสร้างชาติไม่สามารถร่วมมือด้วยได้ เนื่องจากมีอุดมการณ์ทางการเมืองและแนวคิดทางการเมืองที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก และมีการใช้วิธีการให้พรรคการเมืองนั้นมาลงมติสนับสนุนผู้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่ได้เป็นการร่วมรัฐบาล แต่เป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกัน ซึ่งสำหรับตนเห็นว่าแนวทางเช่นนี้ไม่ถูกต้องทางการเมือง เพราะจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นเบี้ยล่างทางการเมืองของพรรคการเมืองอื่นที่ไม่ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล นอกจากนี้ตนยังเห็นว่า วิธีการดังกล่าวอาจเป็นการผิดกฎหมายพรรคการเมืองในการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ซึ่งจาก 2 เหตุผลข้างต้น ทำให้ตนมีความเห็นว่าไม่สามารถลงคะแนนเสียงสนับสนุนท่านอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีได้ในขณะนั้น ทั้งที่โดยส่วนตัวตนเคารพและรักท่านอนุทินมาก และคิดว่าเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ แต่วิธีการในการจัดตั้งรัฐบาลในรูปแบบนี้ ไม่ใช่วิธีทางที่ถูกต้อง ต่อมาทางพรรคเพื่อไทยก็ได้มีการติดต่อในการเพิ่มเสียงสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ด้วยแนวทางแลกเปลี่ยนผลประโยชน์แต่ไม่ร่วมรัฐบาลนั้น ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ ดังนั้นตนจึงมีความเห็นว่าถ้าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลด้วยการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ก็ไม่สามารถสนับสนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้เลย “สำหรับผมคิดว่า นี่เป็นวิธีการทางการเมืองที่ไม่ถูกต้อง และจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นเบี้ยล่างของพรรคการเมืองอื่นซึ่งไม่ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งในทางการเมืองเป็นสิ่งที่เกิดไม่น่าจะเกิดขึ้น และผมรับไม่ได้ ” นายพีระพันธุ์กล่าว อย่างไรก็ดี ในส่วนการบริหารจัดการพรรคจะต้องมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเบื้องต้นนายพีระพันธุ์ได้มีการหารือกับผู้บริหารระดับสูงของพรรคว่า หากแนวทางเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องทางการเมืองเช่นนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติก็ไม่สามารถร่วมรัฐบาลได้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม โดยก่อนการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคร่วมกับ สส. พรรค นายพีระพันธุ์มองว่าเมื่อการเมืองเดินมาถึงสถานการณ์เช่นนี้น่าจะจบลงด้วยการยุบสภา จึงยังไม่มีมติของพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเพียงการหารือแลกเปลี่ยนความเห็นกันเท่านั้น ต่อมาปรากฏว่าการยุบสภาไม่สามารถทำได้ ประกอบกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของพรรคหลายคนได้สอบถามและแสดงความคิดเห็นว่า กรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติควรมีมติที่ชัดเจนเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงมีการเชิญประชุมกรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างเร่งด่วน ในวันพุธก่อนการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี นายพีระพันธุ์เปิดเผยว่า ในการประชุมกรรมการบริหารพรรคครั้งนั้น กรรมการบริหารพรรค 3 ท่าน เห็นด้วยกับแนวทางของตน มีกรรมการบริหารพรรค 1 ท่าน เห็นว่าหากท่านอนุทินยืนยันว่าจะไม่มีการแตะต้องมาตรา 112 และยืนยันว่าจะไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 1 และหมวด 2 ควรจะต้องสนับสนุนท่านอนุทิน ส่วนกรรมการบริหารพรรค 2 ท่านเห็นว่าควรให้เป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วหากมีมติทางใดทางหนึ่งจะทำให้เกิดปัญหาในพรรคได้ จึงไม่มีการพูดถึงมติของกรรมการบริหารพรรค แต่แจ้งผลความเห็นของกรรมการบริหารพรรคว่ามีความเห็นกี่แนวทาง อย่างไรบ้าง และให้เป็นเอกสิทธิ์ดุลพินิจของ สส. โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติได้ลงมติเลือกท่านอนุทิน 33 เสียง ไม่ประสงค์ลงคะแนน 3 เสียง ซึ่งตนยืนยันว่าในพรรคไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น และทุกอย่างก็เดินหน้าตามกระบวนการต่อไป นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับกระแสข่าวว่าพรรครวมไทยสร้างชาติถูกซื้อ ตนขอยืนยันในส่วนของตนว่าตนไม่มีทางโดนซื้อเด็ดขาด ส่วนกรณีที่มีการโจมตีว่าตนหวังตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่มีการหารือในการเสนอชื่อของตนในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะหากคิดในทางการเมืองแล้วเมื่อพรรคมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอยู่แล้วแต่ไปดึงแคนดิเดตทางการเมืองจากพรรคอื่นมาแทน แบบนี้ในทางการเมืองจะเสียหายเป็นอย่างมาก ตนจึงยืนยันได้ว่าเรื่องที่ว่ามานี้ไม่เป็นความจริง และสำหรับตนถ้าจะได้รับเลือกนายกรัฐมนตรีจะต้องมีศักดิ์ศรี ซึ่งแนวทางนี้ไม่ใช่แนวทางที่มีศักดิ์ศรี “พรรคการเมืองก็เหมือนกับชีวิตมนุษย์ ทุกคนเกิดมาก็ต้องมีปัญหาอุปสรรคเกิดขึ้น ไม่มีใครที่ชีวิตราบรื่นมีแต่ความสำเร็จมีแต่ความสุข เพียงแต่ว่าแต่ละคนเมื่อเจอปัญหาแล้วท้อไหม พรรครวมไทยสร้างชาติไม่ใช่เป็นพรรคแรกที่เพิ่งเกิดและเจอปัญหา แต่พรรครวมไทยสร้างชาติจะผ่านปัญหาทุกอย่างไปได้ ส่วนตัวผมไม่เคยท้อ เพราะว่าความจริงในชีวิตก็เจอปัญหามาเยอะอยู่แล้ว นี่ก็เป็นอีกแค่เสี้ยวหนึ่งของชีวิต แนวทางการทำงานของผมคือทำทุกอย่างให้ดีที่สุดทำให้เต็มที่ที่เราทำได้ ทำไม่สำเร็จก็ต้องยอมรับว่ามันทำไม่สำเร็จ แต่ว่าทำให้ดีที่สุด ทำให้มากที่สุด ทำให้เต็มที่ ได้เท่านี้ ก็เท่านี้ ผมจะไม่ติดยึดกับคำพูดคนอื่น เพราะว่าคนอื่นไม่รู้ดีเท่าตัวเรา ผมติดยึดกับตัวเราเองว่าเราทำดีหรือยัง เราทำถูกต้องไหม เราไม่มีทางทำให้คนทุกคนถูกใจ ไม่มีวันทำให้ทุกคนพอใจ แต่เราทำในสิ่งที่ต้องทำหรือเปล่า ทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับบ้านเมืองกับส่วนรวมหรือเปล่า ผมคิดว่าแนวทางการทำงานของผมแบบนี้ที่ทำให้ผมเดินหน้ามาจนถึงวันนี้ได้” นายพีระพันธุ์กล่าว นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปในเรื่องของการแก้ไขเรื่องของพลังงานว่า เรื่องการจัดการกับปัญหาพลังงานของตนนั้นสะท้อนถึงแนวทางการทำงานของตนเป็นอย่างดี ยกตัวอย่าง เช่น ค่าไฟที่เมื่อตนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ค่าไฟอยู่ที่ 4.70 บาทต่อหน่วย แต่ในวันนี้ค่าไฟเหลือเพียง 3.94 บาทต่อหน่วยเท่านั้น และไม่มีการปรับขึ้นค่าไฟ และค่าแก๊สแม้แต่ครั้งเดียว สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากวิธีการทำงานของตน คือทำให้ดีที่สุด ทำให้เต็มที่ สุดท้ายแล้วได้เท่าไร ได้เท่านั้น และหากเดินหน้าต่อไปจนครบวาระ ตนยืนยันว่าราคาน้ำมันจะ สามารถควบคุมได้ และประเทศไทยจะมีคลังน้ำมันสำรองของประเทศ ที่เป็นของรัฐเพื่อความมั่นคงไม่ใช่ของเอกชน สำหรับความคืบหน้าของกฎหมายต่าง ๆ นั้น กฎหมายฉบับแรกคือกฎหมายส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์เซลล์นั้น ตนหวังว่ารัฐบาลชุดต่อไปจะเดินหน้าต่อ ในส่วนของกฎหมายควบคุมราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และกฎหมายคลังน้ำมันนั้น กฎหมายฉบับแรกคือการควบคุมราคาน้ำมันเสร็จเรียบร้อย และกฎหมายคลังน้ำมันนั้นใกล้แล้วเสร็จ ซึ่งกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้จะต้องเสนอคู่กัน เพื่อปรับโครงสร้างราคาน้ำมันได้ทั้งกระบวนการ โดยนายพีระพันธุ์ยืนยันว่าจะต้องมีการเดินหน้ากฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ต่อโดยผ่านกลไกของสภาผู้แทนราษฎร แต่ด้วยเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ที่จะต้องยุบสภาใน 4 เดือนนี้ คาดว่าไม่น่าจะสำเร็จได้ด้วยสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ นายพีระพันธุ์ ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งหลังการยุบสภาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วง 4 เดือนนี้ว่า เมื่อเป็นพรรคการเมืองจะต้องมีความพร้อมในการลงรับเลือกตั้งตลอดเวลาอยู่แล้ว เมื่อมีความชัดเจนเช่นนี้เกิดขึ้น จะต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ทุกด้าน โดยเฉพาะผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยทางพรรคพร้อมที่จะหาตัวแทนที่พร้อมจะเดินหน้า สู้ให้ทุกปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะเรื่องของพลังงาน และเรื่องของความไม่เป็นธรรมในสังคม ซึ่งในระยะเวลาของการทำงานที่ผ่านมาตนเชื่อว่า ทางพรรครวมไทยสร้างชาติได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราพูดแล้วเราทำ และเราเดินหน้าทำงานตลอดเวลา “ทุกคนที่สนใจร่วมอุดมการณ์และเดินหน้าทำงานตามแนวทางของพรรครวมไทยสร้างชาติ คือพรรคที่มาทำงานการเมืองเพื่อประโยชน์ของชาติ ไม่ได้มาเพื่อเล่นการเมืองเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เพื่อยศถาบรรดาศักดิ์ เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติคือพรรคของคนทำงาน หากใครมีแนวทางเดียวกันขอเชิญชวนให้มาร่วมทำงานด้วยกันครับ” นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กล่าวในตอนท้าย อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการตั้งคำถามถึงข้อเท็จจริงกรณีปัญหาความขัดแย้งกับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ที่ได้ลาออกจากเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งนายพีระพันธุ์ไม่ได้ชี้แจงหรือพูดถึงในประเด็นดังกล่าว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 304 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ประเทศเราขนาดนี้เหรอนี้,ถ้าจริง สถาบันการเลือกตั้งอันตรายมาก,เสมือนถูกแทรกแซงให้ภาคประชาชนอ่อนกำลังลงไปทุกที,สถาบันชาติคือประชาชน จะถูกทำลายโดยตัวแทนของภาคประชาชนที่ไม่ซื่อสัตย์แล้วทุจริตอำนาจตรงของประชาชน ไม่ดำรงตนไว้เพื่อปกป้องชาติคือประชาชนของประเทศไทยตนเองคือส่วนใหญ่ แต่ปกป้องผลประโยชน์นายทุนเจ้าสัวที่กอบโกยสาระพัดอย่างจากอิงอำนาจนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เสมือนเจ้าของกิจการเหล่านี้ปล้นความมั่งคงของภาคประชาชนทางตรงและทางอ้อมผ่านอำนาจการปกครอง ไม่ว่าจะในนามเอกชนไทยและเอกชนต่างชาติที่มาในสาระพัดรูปแบบที่ลงทุนในไทยแล้วกอบโกยรายได้รายรับมหาศาลออกจากแผ่นดินไทยของประชาชนคนไทยที่อำนาจรัฐไปยกสิทธิที่ไทยเสียเปรียบคือประชาชนเสียเปรียบในการมีตังมีเงินมากมายมหาศาลต้องถูกปล้นชิงแย่งชิงผูกขาดเอาำปจากประชาชนคนไทยซึ่งมาจากเอกชนไทยเองเจ้าสังเจ้าของกิจการบริษัทแม่บริษัทลูกน้อยใหญ่แตกไลน์สาขาออกมาเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบจากประชาชนธรรมดาไปและเอกชนต่างชาติทั้งหมดด้วย,
    ..นี้คือการทำลายอิสระเจตจำนงเสรีของการดำเนินชีวิตของประชาชนไทยชัดเจน,ไม่ยอมยกเลิกmou43,44,tor46อีก,สามารถประกาศในนามนายกฯที่32เองแต่ผู้เดียวในอำนาจเต็มตนว่าจะยกเลิกmouนี้ทันที และตนในนามนายกฯประเทศไทยจะรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวหากมีอะไรเกิดขึ้น แต่ในนามนายกฯไทยพิจารณาชัดเจนแล้วว่าสามารถยกเลิกฝ่ายเดียวได้สิทธิขาดได้ซึ่งเพื่อปกป้องดินแดนอธิปไตยไทยเหนือสูงสุดอื่นใดไว้ก่อน,พร้อมมีหลักเขตแดน1:1ชัดเจน74เสาปักหมุดเขตแดนไว้แล้ว.,mouนี้เป็นอันโมฆะไป,นี้นายกฯไทยต้องแบบนี้,เมื่อสิทธิขาดหนังหน้ามีอำนาจยุบสภาฯได้พะสายกเลิกmou ไม่มีครม.ห่าเหวอะไรก็ได้ ประชาชนยืนข้างนายกฯทั้งประเทศอยู่แล้ว สมัยหน้าคนไทยทั้งประเทศกาเลือกอีกล่ะ,สำคัญคือกล้ามั้ย เก่งมั้ย ใจถึงมั้ย หรือขี้ขลาดตาขาว เอาผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ตั้ง,ถ้าเป็นเช่นนั้น เชื่อว่ากรรมติดจรวดมาอย่างรวดเร็วแน่นอน,กูรูดีๆเก่งๆเขาไม่เอาไว้เช่นกัน รวมถึงประชาชนด้วย,สื่อทำหน้าที่ด้วย เจ้าสัวใหญ่โตทำผิดต้องมีจิตสำนึกรายงานข่าวความเป็นจริงด้วย หน่วยงานด่านมีข้อมูลสามารถให้ข้อมูลสื่อได้ ไม่เป็นความลับอะไรหรอก,,กฎหมายหมิ่นประมาทสมควรยกเลิกอย่างยิ่ง.

    https://youtube.com/shorts/E22zAM4RPBI?si=wuxycG9I8IlAWOAb
    ประเทศเราขนาดนี้เหรอนี้,ถ้าจริง สถาบันการเลือกตั้งอันตรายมาก,เสมือนถูกแทรกแซงให้ภาคประชาชนอ่อนกำลังลงไปทุกที,สถาบันชาติคือประชาชน จะถูกทำลายโดยตัวแทนของภาคประชาชนที่ไม่ซื่อสัตย์แล้วทุจริตอำนาจตรงของประชาชน ไม่ดำรงตนไว้เพื่อปกป้องชาติคือประชาชนของประเทศไทยตนเองคือส่วนใหญ่ แต่ปกป้องผลประโยชน์นายทุนเจ้าสัวที่กอบโกยสาระพัดอย่างจากอิงอำนาจนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เสมือนเจ้าของกิจการเหล่านี้ปล้นความมั่งคงของภาคประชาชนทางตรงและทางอ้อมผ่านอำนาจการปกครอง ไม่ว่าจะในนามเอกชนไทยและเอกชนต่างชาติที่มาในสาระพัดรูปแบบที่ลงทุนในไทยแล้วกอบโกยรายได้รายรับมหาศาลออกจากแผ่นดินไทยของประชาชนคนไทยที่อำนาจรัฐไปยกสิทธิที่ไทยเสียเปรียบคือประชาชนเสียเปรียบในการมีตังมีเงินมากมายมหาศาลต้องถูกปล้นชิงแย่งชิงผูกขาดเอาำปจากประชาชนคนไทยซึ่งมาจากเอกชนไทยเองเจ้าสังเจ้าของกิจการบริษัทแม่บริษัทลูกน้อยใหญ่แตกไลน์สาขาออกมาเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบจากประชาชนธรรมดาไปและเอกชนต่างชาติทั้งหมดด้วย, ..นี้คือการทำลายอิสระเจตจำนงเสรีของการดำเนินชีวิตของประชาชนไทยชัดเจน,ไม่ยอมยกเลิกmou43,44,tor46อีก,สามารถประกาศในนามนายกฯที่32เองแต่ผู้เดียวในอำนาจเต็มตนว่าจะยกเลิกmouนี้ทันที และตนในนามนายกฯประเทศไทยจะรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวหากมีอะไรเกิดขึ้น แต่ในนามนายกฯไทยพิจารณาชัดเจนแล้วว่าสามารถยกเลิกฝ่ายเดียวได้สิทธิขาดได้ซึ่งเพื่อปกป้องดินแดนอธิปไตยไทยเหนือสูงสุดอื่นใดไว้ก่อน,พร้อมมีหลักเขตแดน1:1ชัดเจน74เสาปักหมุดเขตแดนไว้แล้ว.,mouนี้เป็นอันโมฆะไป,นี้นายกฯไทยต้องแบบนี้,เมื่อสิทธิขาดหนังหน้ามีอำนาจยุบสภาฯได้พะสายกเลิกmou ไม่มีครม.ห่าเหวอะไรก็ได้ ประชาชนยืนข้างนายกฯทั้งประเทศอยู่แล้ว สมัยหน้าคนไทยทั้งประเทศกาเลือกอีกล่ะ,สำคัญคือกล้ามั้ย เก่งมั้ย ใจถึงมั้ย หรือขี้ขลาดตาขาว เอาผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ตั้ง,ถ้าเป็นเช่นนั้น เชื่อว่ากรรมติดจรวดมาอย่างรวดเร็วแน่นอน,กูรูดีๆเก่งๆเขาไม่เอาไว้เช่นกัน รวมถึงประชาชนด้วย,สื่อทำหน้าที่ด้วย เจ้าสัวใหญ่โตทำผิดต้องมีจิตสำนึกรายงานข่าวความเป็นจริงด้วย หน่วยงานด่านมีข้อมูลสามารถให้ข้อมูลสื่อได้ ไม่เป็นความลับอะไรหรอก,,กฎหมายหมิ่นประมาทสมควรยกเลิกอย่างยิ่ง. https://youtube.com/shorts/E22zAM4RPBI?si=wuxycG9I8IlAWOAb
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 6 ฉากนี้ ชื่อ Ukraine

    Ukraine กับรัสเซีย พัวพัน แกะกันแทบไม่ออก ในเรื่องของ เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม โดยเฉพาะในฝั่งตะวันออกของประเทศ มันแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่มีอะไรแปลกแยกกันเลย ท่อแก๊สเกือบทั้งหมดของรัสเซีย วิ่งลงมาจากตะวันตกของไซบีเรีย ผ่านตรงลงมาที่ Ukraine เพื่อออกไปสู่เยอรมัน ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ ในยุโรปตะวันออก ความพยายามของ NATO ที่จะทำให้ Ukraine กลายเป็นรัฐที่ไม่เป็นกลาง ย่อมมีผลกระทบอย่างมากต่อความมั่นคงของรัสเซีย และนี่เป็นตัวชนวน ที่รัฐบาลของ Bush คนลูก ต้องการอย่างที่สุด

    ดูให้ดี ๆ จากแผนที่ของ Eurasia จะเห็นว่า Color – Revolutions การปฏิวัติหลากสี ที่เกิดขึ้นใน Eurasia ในช่วงปี ค.ศ. 2000 เป็นการเดินหมากล้อมของอเมริกา เพื่อโดดเดี่ยวรัสเซีย และเป้าหมายที่สำคัญ คือเพื่อตัดเส้นเลือดสำคัญที่เลี้ยงเศรษฐกิจรัสเซีย คือเครือข่ายการขนส่งน้ำมันและ แก๊สทางท่อส่งจาก Urals และไซบีเรีย มายังยุโรปตะวันตก และ Eurasia โดยผ่าน Ukraine ถ้าอเมริกาเก็บ Ukraine เข้ากระเป๋าตัวเองได้ นั่นคืออวสานของรัสเซีย

    การพยายามเปลี่ยนให้ Ukraine ที่เคยพึ่งพารัสเซีย มาเข้าอยู่ในอ้อมกอดของ NATO จึงเป็นมหกรรมการสร้างฉาก ที่อเมริกาลงทุนทุ่มสุดตัว ผ่านเรื่องราวที่สื่อฟอกย้อมเรียกว่า “Orange Revolution หุ่นเชิดชาว Ukraine ที่อเมริกาเรียกมาเข้าฉาก คือ Viktor Yushchenko อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางของ Ukraine วัย 50 ปี เมียของ Yushchenko ชื่อ Kateryna เป็นคนสัญชาติอเมริกันเกิดใน Chicago และเคยเป็นเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่ในกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ในสมัยของ Reagan และ Bush คนพ่อ คุณนายมาอยู่ Ukraine ในฐานะตัวแทนของ US-Ukraine Foundation ซึ่งมีกรรมการสำคัญ ๆ เช่น นาย Grover Norquist ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลสูงอยู่ในพรรค Republican ของอเมริกา และเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ของนาย Bush คนพ่อ
    ทีมงานสร้างหุ่น สร้างฉาก มีหน้าที่ทำแผนการหาเสียง ในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีให้นาย Yushchenko และเพื่อจัดการให้ Ukraine ยื่นใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกของ NATO และของ EU ต่อไป ในการหาเสียงของนาย Yushchenko ผู้กำกับบอกใช้สีส้มนะ ถูกโฉลกดี ดังนั้นทุกอย่างตั้งแต่ ผืนธง แผ่นพับ ลูกโป่ง ป้าย ฯลฯ เป็นสีส้มหมด ส้มมันทั้งเมือง ไม่เป็นไร ลูกพี่ใหญ่รวยทุ่มเข้าไป แค่นั้นยังไม่สมกับฐานะเศรษฐี ลงมาเป็นผู้อำนวยการสร้าง วอชิงตันบอกเราต้องสร้างกลุ่มวัยรุ่นด้วย ที่คอยส่งเสียงเรียกร้องหาประชาธิปไตย เอามาวิ่งไป วิ่งมา เดินมันให้เต็มถนน สนุกดีออก เอ๊ะ แบบนี้คล้าย ๆ กับเพิ่งเห็นนะ ที่ไหนหว่า

    นอกจากนี้ นายทุนใหญ่จัดหนัก ส่งบริษัท PR ประชาสัมพันธ์ ตรงมาจากวอชิงตัน ชื่อบริษัท Rock Creek Creative มาเป็นผู้คิดแผนประชาสัมพันธ์สีส้มทั้งหมด ทำ web เชียร์ นาย Yushchenko ให้เป็นเทวดา ใช้ Slogan ว่า Pora (ถึงเวลาแล้ว) และยังเอาทีมงานที่เคยใช้สมัย “Rose Revolution” ของ Georgia มาร่วมด้วยช่วยกัน ส่วนด้านสื่อ CNN และ BBC ก็ช่วยกันประโคมข่าวว่าการเลือ กตั้งก่อนหน้านี้ ที่นาย Yushchenko แพ้นั้น เพราะมีการโกง เมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ เมื่อ ค.ศ. 2005 Yushchenko ก็ชนะแบบฉิ่วเฉียด แม้ว่าจะมีทีมงานสีส้มมาจัดฉาก แล้วเขาก็ประกาศตัวเป็นประธานาธิบดี

    งานนี้ นายทุนใหญ่ กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาควักกระเป๋าจ่ายไปจิ๊บ ๆ แค่ 20 ล้านเหรียญ คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม ข่าวว่าลุงกำนันยังฉิบหายมากกว่านี้เลยตอนที่ให้สู้เข้าไป อย่าได้ถอยน่ะ

    นอกจากนี้องค์การ NGO ที่เคยสนับสนุนตอน Georgia ก็มาแจมด้วย ไม่ต้องบอกก็น่าจะเดาออก คือองค์กร Open Society Institute ของไอ้ตัวร้าย George Soros รวมทั้ง Freedom House และ the National Endowment for Democracy (NED) แถมพ่วงพวกองค์กรของนักการเมือ งมาอีก 2 หน่อ คือ National Republican Institute และ National Democratic Institute ไม่ให้น้อยหน้ากัน สื่อท้องถิ่นของ Ukraine ออกข่าวว่า พวกนักสร้างฉากของนอก ที่เข้ามาเผ่นพ่านในเมืองเขานั้น ทำงานกันขยันขันแข็งมาก ทำกันเป็นทีม เดินกันเต็มเมือง เล่นเอาชาว Ukraine เหนียมอายหลบเข้าบ้านกันหมด
    เขียน ๆ ไปแล้วชักสงสัย แล้วไอ้สีเหลือง สีแดง สีฟ้า สี…อื่นๆ ในบ้านเรานี่ มีผู้กำกับนักสร้างฉากของนอก ส่งมาร่วมงานด้วยหรือเปล่าหนอ ? ! ?

    สิ่งที่วอชิงตันกัดฟันแน่น ไม่สามารถพูดออกมาได้ถึงวาระซ่อนเร้นของตน เกี่ยวกับนโยบายถล่มรัสเซีย คือ “พลังงาน” ตราบใดที่รัสเซียยังถือไพ่ใหญ่ในมือ คือการมีน้ำมันและแก๊สธรรมชาติเหลือเฟือในดินแดนของตน ซึ่งทำให้ยุโรปตะวันตก จีน และอีกหลาย ๆ ที่ ยากที่จะไม่เป็นเพื่อนกับรัสเซีย แล้วอย่างนี้อเมริกาจะใช้วิธีไหนที่จะโดดเดี่ยวรัสเซีย !

    ดูกันต่อไป หนังเพิ่งเริ่มเล่นมา 100 ปีกว่าเอง เขาก็เล่นมันไปเรื่อย ๆ เราก็ดูกันไปเรื่อย ๆ หรือไงครับ ? !

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    28 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 6 ฉากนี้ ชื่อ Ukraine Ukraine กับรัสเซีย พัวพัน แกะกันแทบไม่ออก ในเรื่องของ เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม โดยเฉพาะในฝั่งตะวันออกของประเทศ มันแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่มีอะไรแปลกแยกกันเลย ท่อแก๊สเกือบทั้งหมดของรัสเซีย วิ่งลงมาจากตะวันตกของไซบีเรีย ผ่านตรงลงมาที่ Ukraine เพื่อออกไปสู่เยอรมัน ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ ในยุโรปตะวันออก ความพยายามของ NATO ที่จะทำให้ Ukraine กลายเป็นรัฐที่ไม่เป็นกลาง ย่อมมีผลกระทบอย่างมากต่อความมั่นคงของรัสเซีย และนี่เป็นตัวชนวน ที่รัฐบาลของ Bush คนลูก ต้องการอย่างที่สุด ดูให้ดี ๆ จากแผนที่ของ Eurasia จะเห็นว่า Color – Revolutions การปฏิวัติหลากสี ที่เกิดขึ้นใน Eurasia ในช่วงปี ค.ศ. 2000 เป็นการเดินหมากล้อมของอเมริกา เพื่อโดดเดี่ยวรัสเซีย และเป้าหมายที่สำคัญ คือเพื่อตัดเส้นเลือดสำคัญที่เลี้ยงเศรษฐกิจรัสเซีย คือเครือข่ายการขนส่งน้ำมันและ แก๊สทางท่อส่งจาก Urals และไซบีเรีย มายังยุโรปตะวันตก และ Eurasia โดยผ่าน Ukraine ถ้าอเมริกาเก็บ Ukraine เข้ากระเป๋าตัวเองได้ นั่นคืออวสานของรัสเซีย การพยายามเปลี่ยนให้ Ukraine ที่เคยพึ่งพารัสเซีย มาเข้าอยู่ในอ้อมกอดของ NATO จึงเป็นมหกรรมการสร้างฉาก ที่อเมริกาลงทุนทุ่มสุดตัว ผ่านเรื่องราวที่สื่อฟอกย้อมเรียกว่า “Orange Revolution หุ่นเชิดชาว Ukraine ที่อเมริกาเรียกมาเข้าฉาก คือ Viktor Yushchenko อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางของ Ukraine วัย 50 ปี เมียของ Yushchenko ชื่อ Kateryna เป็นคนสัญชาติอเมริกันเกิดใน Chicago และเคยเป็นเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่ในกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ในสมัยของ Reagan และ Bush คนพ่อ คุณนายมาอยู่ Ukraine ในฐานะตัวแทนของ US-Ukraine Foundation ซึ่งมีกรรมการสำคัญ ๆ เช่น นาย Grover Norquist ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลสูงอยู่ในพรรค Republican ของอเมริกา และเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ของนาย Bush คนพ่อ ทีมงานสร้างหุ่น สร้างฉาก มีหน้าที่ทำแผนการหาเสียง ในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีให้นาย Yushchenko และเพื่อจัดการให้ Ukraine ยื่นใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกของ NATO และของ EU ต่อไป ในการหาเสียงของนาย Yushchenko ผู้กำกับบอกใช้สีส้มนะ ถูกโฉลกดี ดังนั้นทุกอย่างตั้งแต่ ผืนธง แผ่นพับ ลูกโป่ง ป้าย ฯลฯ เป็นสีส้มหมด ส้มมันทั้งเมือง ไม่เป็นไร ลูกพี่ใหญ่รวยทุ่มเข้าไป แค่นั้นยังไม่สมกับฐานะเศรษฐี ลงมาเป็นผู้อำนวยการสร้าง วอชิงตันบอกเราต้องสร้างกลุ่มวัยรุ่นด้วย ที่คอยส่งเสียงเรียกร้องหาประชาธิปไตย เอามาวิ่งไป วิ่งมา เดินมันให้เต็มถนน สนุกดีออก เอ๊ะ แบบนี้คล้าย ๆ กับเพิ่งเห็นนะ ที่ไหนหว่า นอกจากนี้ นายทุนใหญ่จัดหนัก ส่งบริษัท PR ประชาสัมพันธ์ ตรงมาจากวอชิงตัน ชื่อบริษัท Rock Creek Creative มาเป็นผู้คิดแผนประชาสัมพันธ์สีส้มทั้งหมด ทำ web เชียร์ นาย Yushchenko ให้เป็นเทวดา ใช้ Slogan ว่า Pora (ถึงเวลาแล้ว) และยังเอาทีมงานที่เคยใช้สมัย “Rose Revolution” ของ Georgia มาร่วมด้วยช่วยกัน ส่วนด้านสื่อ CNN และ BBC ก็ช่วยกันประโคมข่าวว่าการเลือ กตั้งก่อนหน้านี้ ที่นาย Yushchenko แพ้นั้น เพราะมีการโกง เมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ เมื่อ ค.ศ. 2005 Yushchenko ก็ชนะแบบฉิ่วเฉียด แม้ว่าจะมีทีมงานสีส้มมาจัดฉาก แล้วเขาก็ประกาศตัวเป็นประธานาธิบดี งานนี้ นายทุนใหญ่ กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาควักกระเป๋าจ่ายไปจิ๊บ ๆ แค่ 20 ล้านเหรียญ คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม ข่าวว่าลุงกำนันยังฉิบหายมากกว่านี้เลยตอนที่ให้สู้เข้าไป อย่าได้ถอยน่ะ นอกจากนี้องค์การ NGO ที่เคยสนับสนุนตอน Georgia ก็มาแจมด้วย ไม่ต้องบอกก็น่าจะเดาออก คือองค์กร Open Society Institute ของไอ้ตัวร้าย George Soros รวมทั้ง Freedom House และ the National Endowment for Democracy (NED) แถมพ่วงพวกองค์กรของนักการเมือ งมาอีก 2 หน่อ คือ National Republican Institute และ National Democratic Institute ไม่ให้น้อยหน้ากัน สื่อท้องถิ่นของ Ukraine ออกข่าวว่า พวกนักสร้างฉากของนอก ที่เข้ามาเผ่นพ่านในเมืองเขานั้น ทำงานกันขยันขันแข็งมาก ทำกันเป็นทีม เดินกันเต็มเมือง เล่นเอาชาว Ukraine เหนียมอายหลบเข้าบ้านกันหมด เขียน ๆ ไปแล้วชักสงสัย แล้วไอ้สีเหลือง สีแดง สีฟ้า สี…อื่นๆ ในบ้านเรานี่ มีผู้กำกับนักสร้างฉากของนอก ส่งมาร่วมงานด้วยหรือเปล่าหนอ ? ! ? สิ่งที่วอชิงตันกัดฟันแน่น ไม่สามารถพูดออกมาได้ถึงวาระซ่อนเร้นของตน เกี่ยวกับนโยบายถล่มรัสเซีย คือ “พลังงาน” ตราบใดที่รัสเซียยังถือไพ่ใหญ่ในมือ คือการมีน้ำมันและแก๊สธรรมชาติเหลือเฟือในดินแดนของตน ซึ่งทำให้ยุโรปตะวันตก จีน และอีกหลาย ๆ ที่ ยากที่จะไม่เป็นเพื่อนกับรัสเซีย แล้วอย่างนี้อเมริกาจะใช้วิธีไหนที่จะโดดเดี่ยวรัสเซีย ! ดูกันต่อไป หนังเพิ่งเริ่มเล่นมา 100 ปีกว่าเอง เขาก็เล่นมันไปเรื่อย ๆ เราก็ดูกันไปเรื่อย ๆ หรือไงครับ ? ! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 28 มิย. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 0 รีวิว
  • 18-09-68/04​ : หมี CNN / หมาโบโซ หมารับใช้ขี้ข้าวอชิงตัน สุดท้ายนอนคุก 27 ปี ขี้ข้าเหี้ยชะตากรรมเดียวกันหมด ไม่ตายอนาถ ก็คาคุก ตอนมีอำนาจ รับใช้เหี้ยวอชิงตันแบบสุดขั้ว กลัวเค้าไม่รู้ว่าตราขี้ข้าเหี้ยยิวขึ้นที่หน้าผาก วางแผนปฎิวัติ หลังแพ้ยับเลือกตั้ง หมายังรู้ มรึงอยู่ต่อ อีแซมบ้าชะตากรรมเดียวกับอีเมสซี่แลนด์แน่ มีแต่หนี้กับหนี้ เพราะเหี้ยมันเลี้ยงเชื้อ ไม่ให้มรึงตายทันที แต่จะตายไปอย่างช้าๆ เพราะยังต้องส่งส่วยให้มันไปตลอดกาล เดาไม่ยาก พอเรื่องเงียบ มรึงก็โดนสั่งเก็บในคุก มาตามท้องเรื่อง จุดจบขี้ข้าขายชาติ เป็นอย่างงี้หมด ที่มาว่าทำไม ชาวแซมบ้าถึงอยากจะได้ปลดแอกอิทธิพลเหี้ย ลงมติเป็นเอกฉันท์ ได้ผู้นำคนใหม่ฝักใฝ่ขั้วใหม่เต็มตรีน ไม่เอาเหี้ยอีกต่อไปแล้ว ใครจะมาก็เหี้ยไม่แพ้กัน? เลยเอาขวาสุดขอบจักรวาลมาแม่งซะเลย แล้วได้สมใจนึกวังบูรพา เทดอลล่าร์ มุ่งหาเอเซีย จับตาดูเมื่อแซมบ้าเปลี่ยนได้ หลายชาติลาตินถึงเปลี่ยนตาม จับกลุ่มพลังงานของเวเนฯ คิวบา นิการากัว โบลิเวีย โคลอมเบีย(กลายร่าง) แต่ยังมีไอ้โง่ที่ดักดานไม่เลิกคืออีเมสซี่แลนด์ เผ้าพันธุ์ชาตินี้ อยากอยู่ใต้กระโปกเหี้ยยิวไปจนวันตาย สุดท้ายล่มสลาย อาร์เจนติน่าโชคร้ายที่สุดในโลก คือมีนักการเมืองขายชาติมากจนเกินไป ไม่มีใครคิดเรื่องส่วนรวม คิดแค่วันนี้ กูจะเอาอะไรยัดห่า ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป แตกแน่ แยกย่อย นี่คือสภาพของชาติที่ไร้ความมั่นคง ผู้โง่ไม่พอ ประชาชนโคตรโง่ ชาติยิ่งฉิบหาย มรึงเห็นเต็มตาแล้วรึยัง? การมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงเมตตา มันช่วยรวมคนเป็นหนึ่งเดียวได้ เรามี แต่ชาติอื่นไม่มี เราโชคดีกว่าเค้าแค่ไหน แล้วอยู่ดีดี มันจะมาล้มเจ้าเพื่ออะไร? หวังแตกประเทศไทยไงล่ะ หมายังรู้? แซมบ้าวันนี้ไม่เหมือนก่อนแล้ว เดินหน้าเต็มสูบกับกลุ่ม BRICS ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังส้นตรีนทันที ลาตินตอนนี้ ดื้อแพ่งแล้ว อิทธิพลอเมริกา ยิว อังกฤษ แทบไม่มีเหลือ หมายังไม่กลัวเลย? โลกเปลี่ยนมือ เพราะคนจริง กล้าจริง

    Brazil’s Bolsonaro sentenced to over 27 years for coup plot โบลโซนาโรถูกตัดสินจำคุก 27 ปีจากแผนการรัฐประหาร

    ------------------------------------------------------------------------—
    RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : โบลโซนาโรถูกตัดสินจำคุก 27 ปีจากแผนการรัฐประหาร

    อดีตประธานาธิบดีบราซิล ฌาอีร์ โบลโซนาโรถูกตัดสินใจจำคุก 27 ปี 3 เดือนหลังได้รับการตัดสินว่าเป็นผู้วางแผนเพื่อให้ยังอยู่ในอำนาจหลังความพ่ายแพ้จากการเลือกตั้งในปี 2022

    คำตัดสินจากศาลสูงสุดในบราซิลเป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีถูกตัดสินใจว่าเป็นผู้ทำลายประชาธิปไตยในประเทศ

    คณะผู้พิพากษาตัดสินใจว่าโบลโซนาโรมีความผิดจากการเข้าร่วมองค์กรอาชญากรรมที่ติดอาวุธซึ่งพยายามโค่นประชาธิปไตยจากกองกำลัง การวางแผนรัฐประหาร และการทำลายทรัพย์สินของรัฐ ผู้พิพากษา 4 คนลงความเห็นว่าเขามีความผิดขณะที่อีกคนตั้งคำถามเรื่องอำนาจตุลาการ

    คำตัดสินยิ่งทำให้โบลโซนาโรมีปัญหาทางกฎหมายมากขึ้น เมื่อปี 2023 ศาลการเลือกตั้งบราซิลห้ามไม่ให้เขาลงเลือกตั้งจนถึงปี 2030 หลังตัดสินว่า เขาเผยแพร่เรื่องที่ไม่เป็นความจริงเกี่ยวกับระบบลงคะแนนอิเล็กทรอนิกของประเทศ ทนายของเขาอธิบายว่าการตัดสินล่าสุด “เกินไปมาก” และยืนยันว่าจะยื่นอุทธรณ์

    โบลซานาโรอดีตผู้บัญชาการที่มักชื่นชมระบอบเผด็จการปี 1964-1985 ของบราซิลเริ่มอาชีพที่ยาวนานในสภาคองเกรสจนถึงการเป็นประธานาธิบดีในปี 2018 วาระของเขาเกิดจากความขัดแย้งกับสถาบันต่างๆ ซึ่งเป็นการรับมือเรื่องโรคระบาดที่มีความขัดแย้งกันรวมถึงข้อพิพาทเรื่องการตัดไม้ทำลายป่าอเมซอน เขาออกจากตำแหน่งในเดือนมกราคม ปี 2023 หลังพ่ายแพ้ให้ประธานาธิบดีลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา

    การตัดสินใจว่ากระทำความผิดขยายไปมากกว่าโบลโซนาโร พันธมิตรของเขา 7 คนรวมถึงเจ้าหน้าที่ทหารล้วนถูกตัดสินว่ามีความผิดจากการประณามความพยายามที่จะใช้กองกำลังติดอาวุธเพื่อท้าทายหลักการพลเรือน

    ประธานาธิบดีสหรัฐโดนัลด์ ทรัมป์พันธมิตรที่ใกล้ชิดกับโบลโซนาโรกล่าวว่า การตัดสินเป็น “เรื่องที่ไม่ดี” และระบุว่า “แย่มากสำหรับบราซิล”

    รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐมาร์โก รูบิโอสนับสนุนท่าทีของทรัมป์ซึ่งระบุผ่านเอ็กซ์ (X) ว่า ศาล “ตัดสินอย่างไม่ยุติธรรม” และเรียกการพิจารณาคดีว่าเป็น “การล่าแม่มด” เขาเตือนให้สหรัฐ “ตอบโต้ในแบบเดียวกัน”

    รัฐบาลสหรัฐใช้มาตรการต่อต้านคณะผู้พิพากษาบราซิล กระทรวงต่างประเทศคว่ำบาตรผู้พิพากษาสูงสุด อเล็กซานเดอร์ เดอ โมราเรสที่กล่าวหาเขาว่าใช้เรื่องการเมืองมาตัดสินเดอ โมราเรสและผู้เกี่ยวข้องนิรนามรวมถึงญาติของเขาถูกห้ามเรื่องวีซ่าและทรัพย์สินในสหรัฐอาจจะถูกยึด

    ทรัมป์สร้างความตึงเครียดทางการค้าอย่างมากด้วยการประกาศอัตราภาษี 50% ต่อการนำเข้าสินค้าบราซิลในเดือนสิงหาคม เขาอ้างถึงการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับ “การโจมตีต่อการโจมตีอย่างอิสระ” ในบราซิล แม้ข้อมูลจากทางการแสดงให้เห็นว่า สหรัฐได้เงินจากการค้ากับบราซิลถึง 28.6 พันล้านดอลลาร์

    ประธานาธิบดีลูลาประณามอัตราภาษีว่า “เผด็จการ” แต่ไม่ได้แก้แค้น นักวิเคราะห์ระบุว่า มาตรการดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่ผิดปกติจากสหรัฐที่จะกดดันกระบวนการศาลภายในประเทศบราซิลที่สร้างความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ

    https://www.presstv.ir/Detail/2025/09/12/754841/Brazil-Bolsonaro-Sentenced-to-Over-27-Years-for-Coup-Plot

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    18-09-68/04​ : หมี CNN / หมาโบโซ หมารับใช้ขี้ข้าวอชิงตัน สุดท้ายนอนคุก 27 ปี ขี้ข้าเหี้ยชะตากรรมเดียวกันหมด ไม่ตายอนาถ ก็คาคุก ตอนมีอำนาจ รับใช้เหี้ยวอชิงตันแบบสุดขั้ว กลัวเค้าไม่รู้ว่าตราขี้ข้าเหี้ยยิวขึ้นที่หน้าผาก วางแผนปฎิวัติ หลังแพ้ยับเลือกตั้ง หมายังรู้ มรึงอยู่ต่อ อีแซมบ้าชะตากรรมเดียวกับอีเมสซี่แลนด์แน่ มีแต่หนี้กับหนี้ เพราะเหี้ยมันเลี้ยงเชื้อ ไม่ให้มรึงตายทันที แต่จะตายไปอย่างช้าๆ เพราะยังต้องส่งส่วยให้มันไปตลอดกาล เดาไม่ยาก พอเรื่องเงียบ มรึงก็โดนสั่งเก็บในคุก มาตามท้องเรื่อง จุดจบขี้ข้าขายชาติ เป็นอย่างงี้หมด ที่มาว่าทำไม ชาวแซมบ้าถึงอยากจะได้ปลดแอกอิทธิพลเหี้ย ลงมติเป็นเอกฉันท์ ได้ผู้นำคนใหม่ฝักใฝ่ขั้วใหม่เต็มตรีน ไม่เอาเหี้ยอีกต่อไปแล้ว ใครจะมาก็เหี้ยไม่แพ้กัน? เลยเอาขวาสุดขอบจักรวาลมาแม่งซะเลย แล้วได้สมใจนึกวังบูรพา เทดอลล่าร์ มุ่งหาเอเซีย จับตาดูเมื่อแซมบ้าเปลี่ยนได้ หลายชาติลาตินถึงเปลี่ยนตาม จับกลุ่มพลังงานของเวเนฯ คิวบา นิการากัว โบลิเวีย โคลอมเบีย(กลายร่าง) แต่ยังมีไอ้โง่ที่ดักดานไม่เลิกคืออีเมสซี่แลนด์ เผ้าพันธุ์ชาตินี้ อยากอยู่ใต้กระโปกเหี้ยยิวไปจนวันตาย สุดท้ายล่มสลาย อาร์เจนติน่าโชคร้ายที่สุดในโลก คือมีนักการเมืองขายชาติมากจนเกินไป ไม่มีใครคิดเรื่องส่วนรวม คิดแค่วันนี้ กูจะเอาอะไรยัดห่า ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป แตกแน่ แยกย่อย นี่คือสภาพของชาติที่ไร้ความมั่นคง ผู้โง่ไม่พอ ประชาชนโคตรโง่ ชาติยิ่งฉิบหาย มรึงเห็นเต็มตาแล้วรึยัง? การมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงเมตตา มันช่วยรวมคนเป็นหนึ่งเดียวได้ เรามี แต่ชาติอื่นไม่มี เราโชคดีกว่าเค้าแค่ไหน แล้วอยู่ดีดี มันจะมาล้มเจ้าเพื่ออะไร? หวังแตกประเทศไทยไงล่ะ หมายังรู้? แซมบ้าวันนี้ไม่เหมือนก่อนแล้ว เดินหน้าเต็มสูบกับกลุ่ม BRICS ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังส้นตรีนทันที ลาตินตอนนี้ ดื้อแพ่งแล้ว อิทธิพลอเมริกา ยิว อังกฤษ แทบไม่มีเหลือ หมายังไม่กลัวเลย? โลกเปลี่ยนมือ เพราะคนจริง กล้าจริง Brazil’s Bolsonaro sentenced to over 27 years for coup plot โบลโซนาโรถูกตัดสินจำคุก 27 ปีจากแผนการรัฐประหาร ------------------------------------------------------------------------— RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : โบลโซนาโรถูกตัดสินจำคุก 27 ปีจากแผนการรัฐประหาร อดีตประธานาธิบดีบราซิล ฌาอีร์ โบลโซนาโรถูกตัดสินใจจำคุก 27 ปี 3 เดือนหลังได้รับการตัดสินว่าเป็นผู้วางแผนเพื่อให้ยังอยู่ในอำนาจหลังความพ่ายแพ้จากการเลือกตั้งในปี 2022 คำตัดสินจากศาลสูงสุดในบราซิลเป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีถูกตัดสินใจว่าเป็นผู้ทำลายประชาธิปไตยในประเทศ คณะผู้พิพากษาตัดสินใจว่าโบลโซนาโรมีความผิดจากการเข้าร่วมองค์กรอาชญากรรมที่ติดอาวุธซึ่งพยายามโค่นประชาธิปไตยจากกองกำลัง การวางแผนรัฐประหาร และการทำลายทรัพย์สินของรัฐ ผู้พิพากษา 4 คนลงความเห็นว่าเขามีความผิดขณะที่อีกคนตั้งคำถามเรื่องอำนาจตุลาการ คำตัดสินยิ่งทำให้โบลโซนาโรมีปัญหาทางกฎหมายมากขึ้น เมื่อปี 2023 ศาลการเลือกตั้งบราซิลห้ามไม่ให้เขาลงเลือกตั้งจนถึงปี 2030 หลังตัดสินว่า เขาเผยแพร่เรื่องที่ไม่เป็นความจริงเกี่ยวกับระบบลงคะแนนอิเล็กทรอนิกของประเทศ ทนายของเขาอธิบายว่าการตัดสินล่าสุด “เกินไปมาก” และยืนยันว่าจะยื่นอุทธรณ์ โบลซานาโรอดีตผู้บัญชาการที่มักชื่นชมระบอบเผด็จการปี 1964-1985 ของบราซิลเริ่มอาชีพที่ยาวนานในสภาคองเกรสจนถึงการเป็นประธานาธิบดีในปี 2018 วาระของเขาเกิดจากความขัดแย้งกับสถาบันต่างๆ ซึ่งเป็นการรับมือเรื่องโรคระบาดที่มีความขัดแย้งกันรวมถึงข้อพิพาทเรื่องการตัดไม้ทำลายป่าอเมซอน เขาออกจากตำแหน่งในเดือนมกราคม ปี 2023 หลังพ่ายแพ้ให้ประธานาธิบดีลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา การตัดสินใจว่ากระทำความผิดขยายไปมากกว่าโบลโซนาโร พันธมิตรของเขา 7 คนรวมถึงเจ้าหน้าที่ทหารล้วนถูกตัดสินว่ามีความผิดจากการประณามความพยายามที่จะใช้กองกำลังติดอาวุธเพื่อท้าทายหลักการพลเรือน ประธานาธิบดีสหรัฐโดนัลด์ ทรัมป์พันธมิตรที่ใกล้ชิดกับโบลโซนาโรกล่าวว่า การตัดสินเป็น “เรื่องที่ไม่ดี” และระบุว่า “แย่มากสำหรับบราซิล” รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐมาร์โก รูบิโอสนับสนุนท่าทีของทรัมป์ซึ่งระบุผ่านเอ็กซ์ (X) ว่า ศาล “ตัดสินอย่างไม่ยุติธรรม” และเรียกการพิจารณาคดีว่าเป็น “การล่าแม่มด” เขาเตือนให้สหรัฐ “ตอบโต้ในแบบเดียวกัน” รัฐบาลสหรัฐใช้มาตรการต่อต้านคณะผู้พิพากษาบราซิล กระทรวงต่างประเทศคว่ำบาตรผู้พิพากษาสูงสุด อเล็กซานเดอร์ เดอ โมราเรสที่กล่าวหาเขาว่าใช้เรื่องการเมืองมาตัดสินเดอ โมราเรสและผู้เกี่ยวข้องนิรนามรวมถึงญาติของเขาถูกห้ามเรื่องวีซ่าและทรัพย์สินในสหรัฐอาจจะถูกยึด ทรัมป์สร้างความตึงเครียดทางการค้าอย่างมากด้วยการประกาศอัตราภาษี 50% ต่อการนำเข้าสินค้าบราซิลในเดือนสิงหาคม เขาอ้างถึงการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับ “การโจมตีต่อการโจมตีอย่างอิสระ” ในบราซิล แม้ข้อมูลจากทางการแสดงให้เห็นว่า สหรัฐได้เงินจากการค้ากับบราซิลถึง 28.6 พันล้านดอลลาร์ ประธานาธิบดีลูลาประณามอัตราภาษีว่า “เผด็จการ” แต่ไม่ได้แก้แค้น นักวิเคราะห์ระบุว่า มาตรการดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่ผิดปกติจากสหรัฐที่จะกดดันกระบวนการศาลภายในประเทศบราซิลที่สร้างความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ https://www.presstv.ir/Detail/2025/09/12/754841/Brazil-Bolsonaro-Sentenced-to-Over-27-Years-for-Coup-Plot ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    WWW.PRESSTV.IR
    Brazil’s Bolsonaro sentenced to over 27 years for coup plot
    The Supreme Court ruling marks the first time a former president has been convicted for undermining democracy in Brazil.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 250 มุมมอง 0 รีวิว
  • Château Christophe ตอนที่ 6
    นิทานเรื่อง “Château Christophe”
    ตอนที่ 6 (ตอนจบ)
    ฝ่ายที่จู่โจมสถานกงสุลอเมริกันที่ Benghazi คาดเดากันว่าน่าจะเป็นพวกทหารอิสลาม แต่มันไม่น่าเชื่อว่า พวกเขาจะไม่รู้ว่า “ใคร” ที่อยู่ในบริเวณที่พวกเขาจัดการเผาจนเรียบวุธขนาดนั้น ถ้า Chris Stevens เป็นเป้าหมาย มันน่าจะง่ายกว่า ถ้าจะโจมตีขบวนรถเขาหรือชิงตัวเขาขณะออกไปวิ่งตอนเช้า หรือชิงตัวจากที่นัดพบและที่สำคัญ ฑูตอเมริกันที่มีชีวิตย่อมเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากกว่าฑูตที่ตายแล้ว
    แต่เพราะ Chris Stevens ถูกฆ่าตาย 56 วันก่อนมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี การตายเขาจึงกลายเป็นส่วนประกอบของฉากการเมือง ที่ทุกฝ่ายอยากเอาไปประกอบให้มีคะแนนเพิ่มขึ้น หรือเอาไปลดคะแนนคู่ต่อสู้
    รัฐบาล Obama ถูกวิจารณ์อย่างหนัก เมื่ออ้างในตอนแรกอย่างไม่มีน้ำหนักว่าการโจมตีสถานกงสุลเกิดขึ้นเพราะการประท้วงเรื่อง วีดีโอ แต่หลังจากนั้นประมาณเดือนตุลาคม เมื่อ New York Times รายงานว่า ชาวพื้นเมืองบอกว่าพวกที่บุกรุกเข้าไปในสถานกงสุลเป็นพวกอิสลามที่แค้นเรื่อง วีดีโอ มันก็เลยทำให้ข้อแก้ตัวของรัฐบาลพอฟังขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ทำให้หลายๆ ฝ่ายหายสงสัย
    นอกจากนี้ภาพของฑูต Stevens ที่แพร่ทางสื่อต่าง ๆ มีความแตกต่างกัน มีหลายสื่อที่ออกข่าวว่า ฑูต Stevens ถูกทารุณและถูกชำเราทางทวารหนัก โดยมีภาพกึ่งเปลือยของเขาถูกชาวเมืองกำลังแบกอยู่ ในขณะที่สื่อฝั่งตะวันตก แพร่ภาพของฑูต Stevens นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลและบอกเพียงว่า Stevens เสียชีวิตเพราะสำลักควัน ไม่ได้ถูกทำร้ายทารุณ เขามีบาดแผลเพียงเล็กน้อยที่หน้าผากเท่านั้น
    ข่าวนี้ออกมาใกล้เคียงกับการที่สภาสูง ของอเมริกาได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนสาเหตุการตายของ Stevens และตรวจสอบประเด็นเรื่องการรักษาความปลอดภัยด้วย ผลของการตรวจสอบ ยังไม่สามารถให้ความกระจ่างได้ ข้อมูลที่ออกมาสับสนและขัดแย้งกันเอง (จนถึงทุกวันนี้) ยากแก่การลงความเห็นว่าฑูต Stevens เสียชีวิตจากการสำลักควัน โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ และกำลังเสริมที่อยู่ห่างไปเพียง 1.2 ไมล์ ซึ่งมาถึงช้าอย่าผิดปกติ จนบริเวณกงสุลไหม้ไปเกือบหมดแล้ว
    ขณะเดียวกันก็เริ่มมีข่าวแพร่ออกมาว่า CIA มีส่วนเกี่ยวพันกับการเสียชีวิตของฑูต Stevens ข่าวรายงานว่า จุดยืนอย่างเป็นทางการของอเมริกา คือ ไม่มีการส่งอาวุธไปช่วยพวกกบฏในซีเรีย แต่ก็มีหลักฐานโผล่ขึ้นมาเรื่อย ๆ ว่าตัวแทนของอเมริกาโดยเฉพาะ ฑูต Stevens ที่เพิ่งถูกฆาตกรรมไปนั่นแหละ อย่างน้อยมีส่วนรู้เห็นกับการขนย้ายอาวุธจากลิเบียไปให้พวกกบฎ Jihadist ของซีเรีย
    เดือนมีนาคม ค.ศ. 2011 นาย Stevens ได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการของอเมริกา เพื่อประสานงานกับ al-Qaeda-linked ซึ่งเป็นกลุ่มต่อต้านรัฐบาลลิเบีย โดยติดต่อโดยตรงกับ Abdelhakim Belhadj ของ Libyan Islamic Fighting Group ซึ่งกลุ่มนี้ต่อมายกเลิกไป หลังจากมีรายงานว่ามีส่วนร่วมในการโจมตีกงสุลอเมริกันและทำให้นาย Stevens เสียชีวิต !
    เดือนกันยายน ค.ศ. 2011 หนังสือพิมพ์ Time of London รายงานว่าเรือสัญชาติ Libya ขนสินค้าจำนวนมากเป็นอาวุธไปให้ซีเรีย โดยเทียบท่าที่ตุรกี รายงานข่าวว่าสินค้าหนักถึง 400 ตันนั้น มีจรวดประเภท SA-7 surface-to air anti-craft และ rocket-propelled grenade (ขีปนาวุธ ประเภทขับเคลื่อน) จำนวนมาก อาวุธทั้งหมดน่าจะมาจากส่วนที่ เก็บอยู่ในกองทัพของ Qaddafi ซึ่งมีประมาณ 20,000 ชิ้น สื่อ Reuters รายงานว่าฝ่ายกบฎซีเรีย ใช้อาวุธเหล่านี้ ยิงเครื่องเฮลิคอปเตอร์ และเครื่องบินรบของฝ่ายรัฐบาลซีเรีย
    เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2011 หนังสือพิมพ์ Telegraph รายงานว่า Belhadj ในฐานะหัวหน้า Tripoli Military Council ได้พบกับบรรดาหัวหน้าของ Free Serian Army (FSA) ที่ Istanbul และแถบชายแดนของตุรกี โดยเป็นความพยายามของรัฐบาลใหม่ของลิเบียที่จะให้ความสนับสนุนทางด้านเงินและอาวุธแก่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ซึ่งกำลังเริ่มเกิดขึ้น
    นี่หมายความว่า ฑูต Stevens มีบุคคลเดียว คือ Belhadj ที่โยงระหว่างเขากับคน Benghazi ที่ขนอาวุธให้กบฎซีเรีย และถ้ารัฐบาลใหม่ของลิเบีย ส่งอาวุธให้กับกบฎซีเรีย ผ่านทางท่าเรือของตุรกี โดยมี Stevens เป็นตัวกลางให้กับพวกกบฎลิเบีย รัฐบาลตุรกีและรัฐบาลอเมริกันก็น่าจะรู้เห็นเรื่องนี้ด้วย
    และอย่าลืมว่า มีหน่วยงานที่ขึ้นกับ CIA ประจำอยู่ที่เมือง Benghazi ซึ่งห่างจากสถานกงสุลแค่ 1.2 ไมล์ หน่วยงานนี้ทำหน้าที่เก็บข้อมูลของการกระจายอาวุธที่ยึดมาจากรัฐบาลลิเบีย และปฏิบัติภาระกิจอะไรอีกบ้าง ยังไม่มีการเปิดเผยออกมา แต่เป็นที่รู้กันว่า การรักษาความปลอดภัยของหน่วยงานนี้ หนาแน่นมั่นคงและมีอาวุธที่ก้าวหน้าว่าที่สถานกงสุลมากนัก
    มาถึงจุดนี้มันค่อนข้างชัดเจนว่า อเมริกาต้องมีอะไรซ่อนอยู่ที่ Benghazi มันถึงทำให้รายงาน ต่าง ๆ สับสน และเมื่อถูกสอบถาม คุณนาย Clinton ถึงกับลมจับใบ้รับประทาน
    อย่าลืมว่านัดสุดท้ายของฑูต Stevens เมื่อวันที่ 11 กันยายน คือ การพบกับกงสุลตุรกี ชื่อ General Ali Sait Akin ซึ่ง Fox News บอกว่าเพื่อเป็นการเจรจาเกี่ยว กับการส่งมอบ ขีปนาวุธ SA-7 Business Insider รายงานเพิ่มว่า Stevens และลูกน้องเขา ทำหน้าที่เป็น “diplomatic cover” ให้แก่ CIA จากจำนวน 30 คน ที่อพยพมาจาก Benghazi มีเพียง 7 คน เท่านั้นที่ทำงานให้กับกระทรวงต่างประเทศและถ้า Stevens รู้ว่าอาวุธที่ส่งให้กบฎซีเรียมาจากไหน จะเป็นไปได้หรือที่ CIA จะไม่รู้ ไม่เห็นด้วย มันคงจะเป็นเรื่องที่ทำให้วอชิงตันลำบากใจอย่างยิ่ง ในการตอบคำถามที่เกี่ยวข้อง
    ไม่ว่าจะมีข่าวออกไปทางใด การตายของนาย Stevens คงจะเป็นปริศนาค้างคาอยู่กันต่อไป แต่จากเรื่องที่สื่อต่างชาติเขียนมานี้ น่าจะทำให้เราเห็นอะไรหลายอย่างว่า อเมริกาแท้จริงเป็นอย่างไร
    ในการสร้างสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ละประเทศต่างก็ส่งคนของตนไปทั่วโลก เพื่อหาข้อมูลและเพื่อดูแลผลประโยชน์ของประเทศตน และแน่นอนที่สุด เพื่อสร้างมิตร สร้างสัมพันธ์ไมตรีที่ดีต่อกัน การที่อเมริกันเข้าไปในบ้านเมืองอื่นๆ ด้วยวิธีการอย่างที่อเมริกาเข้าไปในลิเบีย หรือส่งของขวัญพิเศษให้กับกบฎซีเรีย หรือที่กำลังทำอยู่ในหลายๆประเทศ และรวมทั้งที่กำลังทำอยู่กับราช อาณาจักรไทยด้วยนั้น การฑูตผ่านรั้วสูง กำแพงเหล็ก โกหก จุ้นจ้าน จาบจ้วง ทวงบุญคุณ และการส่ง “ของขวัญ” แบบพิเศษนี้ ฯลฯ คงจะสร้าง หรือรักษา “มิตร” ได้ยาก
    คนเล่านิทาน
7 มิย. 57
    Château Christophe ตอนที่ 6 นิทานเรื่อง “Château Christophe” ตอนที่ 6 (ตอนจบ) ฝ่ายที่จู่โจมสถานกงสุลอเมริกันที่ Benghazi คาดเดากันว่าน่าจะเป็นพวกทหารอิสลาม แต่มันไม่น่าเชื่อว่า พวกเขาจะไม่รู้ว่า “ใคร” ที่อยู่ในบริเวณที่พวกเขาจัดการเผาจนเรียบวุธขนาดนั้น ถ้า Chris Stevens เป็นเป้าหมาย มันน่าจะง่ายกว่า ถ้าจะโจมตีขบวนรถเขาหรือชิงตัวเขาขณะออกไปวิ่งตอนเช้า หรือชิงตัวจากที่นัดพบและที่สำคัญ ฑูตอเมริกันที่มีชีวิตย่อมเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากกว่าฑูตที่ตายแล้ว แต่เพราะ Chris Stevens ถูกฆ่าตาย 56 วันก่อนมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี การตายเขาจึงกลายเป็นส่วนประกอบของฉากการเมือง ที่ทุกฝ่ายอยากเอาไปประกอบให้มีคะแนนเพิ่มขึ้น หรือเอาไปลดคะแนนคู่ต่อสู้ รัฐบาล Obama ถูกวิจารณ์อย่างหนัก เมื่ออ้างในตอนแรกอย่างไม่มีน้ำหนักว่าการโจมตีสถานกงสุลเกิดขึ้นเพราะการประท้วงเรื่อง วีดีโอ แต่หลังจากนั้นประมาณเดือนตุลาคม เมื่อ New York Times รายงานว่า ชาวพื้นเมืองบอกว่าพวกที่บุกรุกเข้าไปในสถานกงสุลเป็นพวกอิสลามที่แค้นเรื่อง วีดีโอ มันก็เลยทำให้ข้อแก้ตัวของรัฐบาลพอฟังขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ทำให้หลายๆ ฝ่ายหายสงสัย นอกจากนี้ภาพของฑูต Stevens ที่แพร่ทางสื่อต่าง ๆ มีความแตกต่างกัน มีหลายสื่อที่ออกข่าวว่า ฑูต Stevens ถูกทารุณและถูกชำเราทางทวารหนัก โดยมีภาพกึ่งเปลือยของเขาถูกชาวเมืองกำลังแบกอยู่ ในขณะที่สื่อฝั่งตะวันตก แพร่ภาพของฑูต Stevens นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลและบอกเพียงว่า Stevens เสียชีวิตเพราะสำลักควัน ไม่ได้ถูกทำร้ายทารุณ เขามีบาดแผลเพียงเล็กน้อยที่หน้าผากเท่านั้น ข่าวนี้ออกมาใกล้เคียงกับการที่สภาสูง ของอเมริกาได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนสาเหตุการตายของ Stevens และตรวจสอบประเด็นเรื่องการรักษาความปลอดภัยด้วย ผลของการตรวจสอบ ยังไม่สามารถให้ความกระจ่างได้ ข้อมูลที่ออกมาสับสนและขัดแย้งกันเอง (จนถึงทุกวันนี้) ยากแก่การลงความเห็นว่าฑูต Stevens เสียชีวิตจากการสำลักควัน โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ และกำลังเสริมที่อยู่ห่างไปเพียง 1.2 ไมล์ ซึ่งมาถึงช้าอย่าผิดปกติ จนบริเวณกงสุลไหม้ไปเกือบหมดแล้ว ขณะเดียวกันก็เริ่มมีข่าวแพร่ออกมาว่า CIA มีส่วนเกี่ยวพันกับการเสียชีวิตของฑูต Stevens ข่าวรายงานว่า จุดยืนอย่างเป็นทางการของอเมริกา คือ ไม่มีการส่งอาวุธไปช่วยพวกกบฏในซีเรีย แต่ก็มีหลักฐานโผล่ขึ้นมาเรื่อย ๆ ว่าตัวแทนของอเมริกาโดยเฉพาะ ฑูต Stevens ที่เพิ่งถูกฆาตกรรมไปนั่นแหละ อย่างน้อยมีส่วนรู้เห็นกับการขนย้ายอาวุธจากลิเบียไปให้พวกกบฎ Jihadist ของซีเรีย เดือนมีนาคม ค.ศ. 2011 นาย Stevens ได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการของอเมริกา เพื่อประสานงานกับ al-Qaeda-linked ซึ่งเป็นกลุ่มต่อต้านรัฐบาลลิเบีย โดยติดต่อโดยตรงกับ Abdelhakim Belhadj ของ Libyan Islamic Fighting Group ซึ่งกลุ่มนี้ต่อมายกเลิกไป หลังจากมีรายงานว่ามีส่วนร่วมในการโจมตีกงสุลอเมริกันและทำให้นาย Stevens เสียชีวิต ! เดือนกันยายน ค.ศ. 2011 หนังสือพิมพ์ Time of London รายงานว่าเรือสัญชาติ Libya ขนสินค้าจำนวนมากเป็นอาวุธไปให้ซีเรีย โดยเทียบท่าที่ตุรกี รายงานข่าวว่าสินค้าหนักถึง 400 ตันนั้น มีจรวดประเภท SA-7 surface-to air anti-craft และ rocket-propelled grenade (ขีปนาวุธ ประเภทขับเคลื่อน) จำนวนมาก อาวุธทั้งหมดน่าจะมาจากส่วนที่ เก็บอยู่ในกองทัพของ Qaddafi ซึ่งมีประมาณ 20,000 ชิ้น สื่อ Reuters รายงานว่าฝ่ายกบฎซีเรีย ใช้อาวุธเหล่านี้ ยิงเครื่องเฮลิคอปเตอร์ และเครื่องบินรบของฝ่ายรัฐบาลซีเรีย เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2011 หนังสือพิมพ์ Telegraph รายงานว่า Belhadj ในฐานะหัวหน้า Tripoli Military Council ได้พบกับบรรดาหัวหน้าของ Free Serian Army (FSA) ที่ Istanbul และแถบชายแดนของตุรกี โดยเป็นความพยายามของรัฐบาลใหม่ของลิเบียที่จะให้ความสนับสนุนทางด้านเงินและอาวุธแก่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ซึ่งกำลังเริ่มเกิดขึ้น นี่หมายความว่า ฑูต Stevens มีบุคคลเดียว คือ Belhadj ที่โยงระหว่างเขากับคน Benghazi ที่ขนอาวุธให้กบฎซีเรีย และถ้ารัฐบาลใหม่ของลิเบีย ส่งอาวุธให้กับกบฎซีเรีย ผ่านทางท่าเรือของตุรกี โดยมี Stevens เป็นตัวกลางให้กับพวกกบฎลิเบีย รัฐบาลตุรกีและรัฐบาลอเมริกันก็น่าจะรู้เห็นเรื่องนี้ด้วย และอย่าลืมว่า มีหน่วยงานที่ขึ้นกับ CIA ประจำอยู่ที่เมือง Benghazi ซึ่งห่างจากสถานกงสุลแค่ 1.2 ไมล์ หน่วยงานนี้ทำหน้าที่เก็บข้อมูลของการกระจายอาวุธที่ยึดมาจากรัฐบาลลิเบีย และปฏิบัติภาระกิจอะไรอีกบ้าง ยังไม่มีการเปิดเผยออกมา แต่เป็นที่รู้กันว่า การรักษาความปลอดภัยของหน่วยงานนี้ หนาแน่นมั่นคงและมีอาวุธที่ก้าวหน้าว่าที่สถานกงสุลมากนัก มาถึงจุดนี้มันค่อนข้างชัดเจนว่า อเมริกาต้องมีอะไรซ่อนอยู่ที่ Benghazi มันถึงทำให้รายงาน ต่าง ๆ สับสน และเมื่อถูกสอบถาม คุณนาย Clinton ถึงกับลมจับใบ้รับประทาน อย่าลืมว่านัดสุดท้ายของฑูต Stevens เมื่อวันที่ 11 กันยายน คือ การพบกับกงสุลตุรกี ชื่อ General Ali Sait Akin ซึ่ง Fox News บอกว่าเพื่อเป็นการเจรจาเกี่ยว กับการส่งมอบ ขีปนาวุธ SA-7 Business Insider รายงานเพิ่มว่า Stevens และลูกน้องเขา ทำหน้าที่เป็น “diplomatic cover” ให้แก่ CIA จากจำนวน 30 คน ที่อพยพมาจาก Benghazi มีเพียง 7 คน เท่านั้นที่ทำงานให้กับกระทรวงต่างประเทศและถ้า Stevens รู้ว่าอาวุธที่ส่งให้กบฎซีเรียมาจากไหน จะเป็นไปได้หรือที่ CIA จะไม่รู้ ไม่เห็นด้วย มันคงจะเป็นเรื่องที่ทำให้วอชิงตันลำบากใจอย่างยิ่ง ในการตอบคำถามที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะมีข่าวออกไปทางใด การตายของนาย Stevens คงจะเป็นปริศนาค้างคาอยู่กันต่อไป แต่จากเรื่องที่สื่อต่างชาติเขียนมานี้ น่าจะทำให้เราเห็นอะไรหลายอย่างว่า อเมริกาแท้จริงเป็นอย่างไร ในการสร้างสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ละประเทศต่างก็ส่งคนของตนไปทั่วโลก เพื่อหาข้อมูลและเพื่อดูแลผลประโยชน์ของประเทศตน และแน่นอนที่สุด เพื่อสร้างมิตร สร้างสัมพันธ์ไมตรีที่ดีต่อกัน การที่อเมริกันเข้าไปในบ้านเมืองอื่นๆ ด้วยวิธีการอย่างที่อเมริกาเข้าไปในลิเบีย หรือส่งของขวัญพิเศษให้กับกบฎซีเรีย หรือที่กำลังทำอยู่ในหลายๆประเทศ และรวมทั้งที่กำลังทำอยู่กับราช อาณาจักรไทยด้วยนั้น การฑูตผ่านรั้วสูง กำแพงเหล็ก โกหก จุ้นจ้าน จาบจ้วง ทวงบุญคุณ และการส่ง “ของขวัญ” แบบพิเศษนี้ ฯลฯ คงจะสร้าง หรือรักษา “มิตร” ได้ยาก คนเล่านิทาน
7 มิย. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 256 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AI ช่วยชาวไร่เล็กในมาลาวีฟื้นฟูหลังพายุ — เมื่อแชตบอตกลายเป็นผู้แนะนำการเพาะปลูกที่เปลี่ยนชีวิต”

    หลังจากพายุไซโคลน Freddy ถล่มพื้นที่ตอนใต้ของมาลาวีในปี 2023 ชาวไร่เล็กอย่าง Alex Maere สูญเสียไร่ข้าวโพดที่เคยผลิตได้ถึง 850 กิโลกรัมต่อฤดูกาล เหลือเพียง 8 กิโลกรัมจากดินที่ถูกน้ำพัดหายไป เหตุการณ์นี้กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาหันมาใช้เทคโนโลยีเพื่อความอยู่รอด

    Maere เป็นหนึ่งในชาวไร่หลายพันคนที่เริ่มใช้แชตบอต AI ชื่อ “Ulangizi” ซึ่งพัฒนาโดยองค์กรไม่แสวงกำไร Opportunity International โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลมาลาวี แชตบอตนี้ทำงานผ่าน WhatsApp และรองรับทั้งภาษาอังกฤษและ Chichewa ซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นของประเทศ

    Ulangizi ไม่เพียงให้คำแนะนำทั่วไป แต่สามารถวิเคราะห์สภาพดินและเสนอพืชที่เหมาะสม เช่น แนะนำให้ Maere ปลูกมันฝรั่งร่วมกับข้าวโพดและมันสำปะหลัง ซึ่งทำให้เขาสามารถขายผลผลิตได้มากกว่า 800 ดอลลาร์ และนำเงินไปจ่ายค่าเรียนให้ลูก ๆ ได้อย่างไม่ต้องกังวล

    ในระดับประเทศ มาลาวีกำลังเผชิญกับวิกฤตอาหารจากภัยธรรมชาติและผลกระทบของเอลนีโญ ซึ่งส่งผลต่อการเลือกตั้งระดับชาติที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยกว่า 80% ของประชากร 21 ล้านคนพึ่งพาเกษตรกรรมเป็นหลัก และมีอัตราความยากจนสูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

    แม้ AI จะช่วยยกระดับการเกษตรในแอฟริกาได้อย่างมีนัยสำคัญ เช่น การวินิจฉัยโรคพืช การพยากรณ์ภัยแล้ง และการออกแบบปุ๋ย แต่ก็ยังมีอุปสรรค เช่น ความหลากหลายทางภาษา การรู้หนังสือที่ต่ำ และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่ยังไม่ทั่วถึงในพื้นที่ชนบท

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Alex Maere สูญเสียไร่จากพายุไซโคลน Freddy และหันมาใช้แชตบอต AI เพื่อฟื้นฟู
    แชตบอต “Ulangizi” พัฒนาโดย Opportunity International และทำงานผ่าน WhatsApp
    รองรับภาษาอังกฤษและ Chichewa — ใช้ได้แม้ผู้ใช้ไม่รู้หนังสือ
    แนะนำให้ปลูกมันฝรั่งร่วมกับพืชเดิม — ทำรายได้กว่า $800

    ผลกระทบในระดับประเทศ
    รัฐบาลมาลาวีสนับสนุนโครงการนี้เพื่อรับมือกับวิกฤตอาหาร
    กว่า 80% ของประชากรพึ่งพาเกษตรกรรม — เป็นประเด็นสำคัญในการเลือกตั้ง
    มาลาวีมีอัตราความยากจนสูง และได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติหลายครั้ง
    โครงการนี้ช่วยให้ชาวไร่เล็กเข้าถึงข้อมูลการเกษตรที่เคยเป็นเรื่องไกลตัว

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    แอฟริกามีฟาร์มขนาดเล็กกว่า 33–50 ล้านแห่ง ผลิตอาหารถึง 70–80% ของภูมิภาค
    การลงทุนในเทคโนโลยีเกษตรในแอฟริกาเพิ่มจาก $10 ล้าน ในปี 2014 เป็น $600 ล้าน ในปี 2022
    AI ช่วยวินิจฉัยโรคพืช ออกแบบปุ๋ย และค้นหาเครื่องมือเกษตรราคาถูก
    การใช้เสียงและภาพในแชตบอตช่วยให้ผู้ใช้ที่ไม่รู้หนังสือสามารถเข้าถึงข้อมูลได้

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/15/how-ai-is-helping-some-small-scale-farmers-weather-a-changing-climate
    🌾 “AI ช่วยชาวไร่เล็กในมาลาวีฟื้นฟูหลังพายุ — เมื่อแชตบอตกลายเป็นผู้แนะนำการเพาะปลูกที่เปลี่ยนชีวิต” หลังจากพายุไซโคลน Freddy ถล่มพื้นที่ตอนใต้ของมาลาวีในปี 2023 ชาวไร่เล็กอย่าง Alex Maere สูญเสียไร่ข้าวโพดที่เคยผลิตได้ถึง 850 กิโลกรัมต่อฤดูกาล เหลือเพียง 8 กิโลกรัมจากดินที่ถูกน้ำพัดหายไป เหตุการณ์นี้กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาหันมาใช้เทคโนโลยีเพื่อความอยู่รอด Maere เป็นหนึ่งในชาวไร่หลายพันคนที่เริ่มใช้แชตบอต AI ชื่อ “Ulangizi” ซึ่งพัฒนาโดยองค์กรไม่แสวงกำไร Opportunity International โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลมาลาวี แชตบอตนี้ทำงานผ่าน WhatsApp และรองรับทั้งภาษาอังกฤษและ Chichewa ซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นของประเทศ Ulangizi ไม่เพียงให้คำแนะนำทั่วไป แต่สามารถวิเคราะห์สภาพดินและเสนอพืชที่เหมาะสม เช่น แนะนำให้ Maere ปลูกมันฝรั่งร่วมกับข้าวโพดและมันสำปะหลัง ซึ่งทำให้เขาสามารถขายผลผลิตได้มากกว่า 800 ดอลลาร์ และนำเงินไปจ่ายค่าเรียนให้ลูก ๆ ได้อย่างไม่ต้องกังวล ในระดับประเทศ มาลาวีกำลังเผชิญกับวิกฤตอาหารจากภัยธรรมชาติและผลกระทบของเอลนีโญ ซึ่งส่งผลต่อการเลือกตั้งระดับชาติที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยกว่า 80% ของประชากร 21 ล้านคนพึ่งพาเกษตรกรรมเป็นหลัก และมีอัตราความยากจนสูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก แม้ AI จะช่วยยกระดับการเกษตรในแอฟริกาได้อย่างมีนัยสำคัญ เช่น การวินิจฉัยโรคพืช การพยากรณ์ภัยแล้ง และการออกแบบปุ๋ย แต่ก็ยังมีอุปสรรค เช่น ความหลากหลายทางภาษา การรู้หนังสือที่ต่ำ และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่ยังไม่ทั่วถึงในพื้นที่ชนบท ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Alex Maere สูญเสียไร่จากพายุไซโคลน Freddy และหันมาใช้แชตบอต AI เพื่อฟื้นฟู ➡️ แชตบอต “Ulangizi” พัฒนาโดย Opportunity International และทำงานผ่าน WhatsApp ➡️ รองรับภาษาอังกฤษและ Chichewa — ใช้ได้แม้ผู้ใช้ไม่รู้หนังสือ ➡️ แนะนำให้ปลูกมันฝรั่งร่วมกับพืชเดิม — ทำรายได้กว่า $800 ✅ ผลกระทบในระดับประเทศ ➡️ รัฐบาลมาลาวีสนับสนุนโครงการนี้เพื่อรับมือกับวิกฤตอาหาร ➡️ กว่า 80% ของประชากรพึ่งพาเกษตรกรรม — เป็นประเด็นสำคัญในการเลือกตั้ง ➡️ มาลาวีมีอัตราความยากจนสูง และได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติหลายครั้ง ➡️ โครงการนี้ช่วยให้ชาวไร่เล็กเข้าถึงข้อมูลการเกษตรที่เคยเป็นเรื่องไกลตัว ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ แอฟริกามีฟาร์มขนาดเล็กกว่า 33–50 ล้านแห่ง ผลิตอาหารถึง 70–80% ของภูมิภาค ➡️ การลงทุนในเทคโนโลยีเกษตรในแอฟริกาเพิ่มจาก $10 ล้าน ในปี 2014 เป็น $600 ล้าน ในปี 2022 ➡️ AI ช่วยวินิจฉัยโรคพืช ออกแบบปุ๋ย และค้นหาเครื่องมือเกษตรราคาถูก ➡️ การใช้เสียงและภาพในแชตบอตช่วยให้ผู้ใช้ที่ไม่รู้หนังสือสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/15/how-ai-is-helping-some-small-scale-farmers-weather-a-changing-climate
    WWW.THESTAR.COM.MY
    How AI is helping some small-scale farmers weather a changing climate
    Alex Maere survived the destruction of Cyclone Freddy when it tore through southern Malawi in 2023. His farm didn't.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • “โซเชียลมีเดียไม่ได้แค่แบ่งขั้วการเมือง — แต่มันกำลังเปลี่ยนโครงสร้างอำนาจทางการเมืองผ่าน ‘การสุดโต่งของชนชั้นนำ’”

    บทความโดย Nathan Witkin ใน Arachne Magazine ได้โต้แย้งแนวคิดของนักปรัชญา Dan Williams ที่มองว่า “โซเชียลมีเดียไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด” โดย Witkin เสนอว่า แม้หลักฐานเรื่อง “การแบ่งขั้วทางอารมณ์” (affective polarization) จะยังไม่ชัดเจน แต่ผลกระทบทางการเมืองจากโซเชียลมีเดียกลับรุนแรงและลึกซึ้งกว่าที่หลายคนเข้าใจ

    Witkin เสนอทฤษฎีใหม่ชื่อ “การสุดโต่งของชนชั้นนำ” (Elite Radicalization Theory) ซึ่งชี้ว่าโซเชียลมีเดียไม่ได้ทำให้คนทั่วไปแบ่งขั้วกันมากขึ้นโดยตรง แต่กลับส่งเสริมให้กลุ่มผู้มีอิทธิพลทางการเมือง — ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักข่าว หรืออินฟลูเอนเซอร์ — ผลิตเนื้อหาที่รุนแรง อารมณ์จัด และแบ่งขั้ว เพื่อเรียกความสนใจและรายได้จากแพลตฟอร์มที่ให้รางวัลกับ engagement

    ผลคือ คนทั่วไปที่เสพเนื้อหาเหล่านี้เริ่มมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสังคมรอบตัว เช่น คิดว่าคนอื่นสุดโต่งกว่าความเป็นจริง และอาจเริ่มแสดงออกทางการเมืองที่รุนแรงขึ้นตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการประท้วง การก่ออาชญากรรมจากความเกลียดชัง หรือการเปลี่ยนพฤติกรรมการเลือกตั้ง

    งานวิจัยหลายชิ้นจากยุโรปและรัสเซียพบว่า การเข้าถึงโซเชียลมีเดียในระดับเมืองสัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของความรุนแรง การเลือกพรรคประชานิยม และการลดความไว้วางใจในสถาบันต่าง ๆ ซึ่ง Witkin มองว่าเป็นผลกระทบที่ “หลุดกรอบ” จากการวัดแบบเดิม เช่น affective polarization

    นอกจากนี้ เขายังชี้ว่าโซเชียลมีเดียอาจทำให้คนจำนวนมากเลิกยึดโยงกับพรรคการเมืองหลัก และหันไปเป็น “อิสระ” มากขึ้น ซึ่งอาจทำให้การวัดความแบ่งขั้วแบบเดิมใช้ไม่ได้อีกต่อไป

    ข้อมูลสำคัญจากบทความ
    Witkin เสนอว่าโซเชียลมีเดียส่งผลร้ายต่อการเมืองผ่านการสุดโต่งของชนชั้นนำ
    อินฟลูเอนเซอร์ทางการเมืองผลิตเนื้อหาที่รุนแรงเพื่อเรียก engagement
    คนทั่วไปเสพเนื้อหาเหล่านี้และเข้าใจผิดว่าคนอื่นสุดโต่งกว่าความจริง
    ผลคือเกิดพฤติกรรมทางการเมืองที่รุนแรง เช่น การประท้วงและ hate crime

    งานวิจัยที่สนับสนุนทฤษฎี
    การเข้าถึงโซเชียลมีเดียสัมพันธ์กับการเลือกพรรคประชานิยมในยุโรป
    เมืองที่ใช้ VK ในรัสเซียมีอัตรา hate crime และการประท้วงสูงขึ้น
    การทดลองให้ unfollow อินฟลูเอนเซอร์สุดโต่งช่วยลดความเกลียดชังทางการเมือง
    โซเชียลมีเดียกระตุ้นการแสดงออกทางอารมณ์ เช่น ความโกรธ ความกลัว และความขยะแขยง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    โซเชียลมีเดียให้รางวัลกับเนื้อหาที่กระตุ้นอารมณ์มากกว่าเนื้อหากลาง ๆ
    คนที่โพสต์การเมืองบ่อยมักเป็นกลุ่มสุดโต่ง ซึ่งไม่สะท้อนประชากรส่วนใหญ่
    ความเข้าใจผิดนี้อาจกลายเป็น “คำทำนายที่ทำให้เกิดจริง” เมื่อคนเริ่มสุดโต่งตาม
    จำนวนคนที่ระบุว่าเป็น “อิสระ” ทางการเมืองในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นหลังปี 2010

    https://arachnemag.substack.com/p/the-case-against-social-media-is
    📱 “โซเชียลมีเดียไม่ได้แค่แบ่งขั้วการเมือง — แต่มันกำลังเปลี่ยนโครงสร้างอำนาจทางการเมืองผ่าน ‘การสุดโต่งของชนชั้นนำ’” บทความโดย Nathan Witkin ใน Arachne Magazine ได้โต้แย้งแนวคิดของนักปรัชญา Dan Williams ที่มองว่า “โซเชียลมีเดียไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด” โดย Witkin เสนอว่า แม้หลักฐานเรื่อง “การแบ่งขั้วทางอารมณ์” (affective polarization) จะยังไม่ชัดเจน แต่ผลกระทบทางการเมืองจากโซเชียลมีเดียกลับรุนแรงและลึกซึ้งกว่าที่หลายคนเข้าใจ Witkin เสนอทฤษฎีใหม่ชื่อ “การสุดโต่งของชนชั้นนำ” (Elite Radicalization Theory) ซึ่งชี้ว่าโซเชียลมีเดียไม่ได้ทำให้คนทั่วไปแบ่งขั้วกันมากขึ้นโดยตรง แต่กลับส่งเสริมให้กลุ่มผู้มีอิทธิพลทางการเมือง — ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักข่าว หรืออินฟลูเอนเซอร์ — ผลิตเนื้อหาที่รุนแรง อารมณ์จัด และแบ่งขั้ว เพื่อเรียกความสนใจและรายได้จากแพลตฟอร์มที่ให้รางวัลกับ engagement ผลคือ คนทั่วไปที่เสพเนื้อหาเหล่านี้เริ่มมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสังคมรอบตัว เช่น คิดว่าคนอื่นสุดโต่งกว่าความเป็นจริง และอาจเริ่มแสดงออกทางการเมืองที่รุนแรงขึ้นตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการประท้วง การก่ออาชญากรรมจากความเกลียดชัง หรือการเปลี่ยนพฤติกรรมการเลือกตั้ง งานวิจัยหลายชิ้นจากยุโรปและรัสเซียพบว่า การเข้าถึงโซเชียลมีเดียในระดับเมืองสัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของความรุนแรง การเลือกพรรคประชานิยม และการลดความไว้วางใจในสถาบันต่าง ๆ ซึ่ง Witkin มองว่าเป็นผลกระทบที่ “หลุดกรอบ” จากการวัดแบบเดิม เช่น affective polarization นอกจากนี้ เขายังชี้ว่าโซเชียลมีเดียอาจทำให้คนจำนวนมากเลิกยึดโยงกับพรรคการเมืองหลัก และหันไปเป็น “อิสระ” มากขึ้น ซึ่งอาจทำให้การวัดความแบ่งขั้วแบบเดิมใช้ไม่ได้อีกต่อไป ✅ ข้อมูลสำคัญจากบทความ ➡️ Witkin เสนอว่าโซเชียลมีเดียส่งผลร้ายต่อการเมืองผ่านการสุดโต่งของชนชั้นนำ ➡️ อินฟลูเอนเซอร์ทางการเมืองผลิตเนื้อหาที่รุนแรงเพื่อเรียก engagement ➡️ คนทั่วไปเสพเนื้อหาเหล่านี้และเข้าใจผิดว่าคนอื่นสุดโต่งกว่าความจริง ➡️ ผลคือเกิดพฤติกรรมทางการเมืองที่รุนแรง เช่น การประท้วงและ hate crime ✅ งานวิจัยที่สนับสนุนทฤษฎี ➡️ การเข้าถึงโซเชียลมีเดียสัมพันธ์กับการเลือกพรรคประชานิยมในยุโรป ➡️ เมืองที่ใช้ VK ในรัสเซียมีอัตรา hate crime และการประท้วงสูงขึ้น ➡️ การทดลองให้ unfollow อินฟลูเอนเซอร์สุดโต่งช่วยลดความเกลียดชังทางการเมือง ➡️ โซเชียลมีเดียกระตุ้นการแสดงออกทางอารมณ์ เช่น ความโกรธ ความกลัว และความขยะแขยง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ โซเชียลมีเดียให้รางวัลกับเนื้อหาที่กระตุ้นอารมณ์มากกว่าเนื้อหากลาง ๆ ➡️ คนที่โพสต์การเมืองบ่อยมักเป็นกลุ่มสุดโต่ง ซึ่งไม่สะท้อนประชากรส่วนใหญ่ ➡️ ความเข้าใจผิดนี้อาจกลายเป็น “คำทำนายที่ทำให้เกิดจริง” เมื่อคนเริ่มสุดโต่งตาม ➡️ จำนวนคนที่ระบุว่าเป็น “อิสระ” ทางการเมืองในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นหลังปี 2010 https://arachnemag.substack.com/p/the-case-against-social-media-is
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อวานนี้ที่อังกฤษมีการชุมนุมที่เรียกว่า "Unite the Kingdom" ซึ่งเป็นการชุมนุมที่จัดโดย "ทอมมี่ โรบินสัน" นักกิจกรรมทางการเมืองฝ่ายขวา หรือ "อนุรักษ์นิยม"

    การชุมนุมมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการเปิดรับผู้อพยพมากจนเกินไป และรณรงค์เคลื่อนไหวให้ขับผู้อพยพออกนอกประเทศอังกฤษ

    โดยจะเริ่มจากสะพานวอเตอร์ลูและเดินไปยังไวท์ฮอลล์ รายงานจากสื่อ ระบุว่ามีผู้เข้าร่วมประมาณมากกว่าแสนคน

    ขณะเดียวกัน ก็มีกลุ่มการเมืองฝ่ายซ้าย หรือพวก "เสรีนิยม" ซึ่งเป็นกลุ่ม “Stand Up To Racism” รวมตัวกันที่ปลายอีกด้านของไวท์ฮอลล์ ตามรายงานข่าวแจ้งว่ามีจำนวน "หลายพันคน"

    ที่น่าสนใจคือ จำนวนตัวเลขของผู้มาชุมนุมฝ่ายซ้าย (อนุรักษ์นิยม) มีจำนวนมากกว่าฝ่ายขวา (เสรีนิยม) มากมายหลายเท่า บ่งบอกว่า ขณะนี้กระแสของคนอังกฤษเห็นด้วยกับแนวคิดที่จะไม่ต้อนรับผู้อพยพเข้ามาในประเทศ มุ่งเป้าไปที่พัฒนาคนในชาติ และต้องการให้รัฐบาลหันมาสนใจชีวิตความเป็นอยู่ของคนอังกฤษเองมากกว่าแนวคิดฝ่ายซ้ายที่เปิดรับผู้อพยพแบบบ้าคลั่งจนเกินพอดี

    กระแสอนุรักษ์นิยมนี้ ไม่ใช่มีแค่ในอังกฤษเท่านั้น ผลจากการเลือกตั้งการเมืองท้องถิ่นในยุโรปหลายประเทศ หรือแม้กระทั่งสหรัฐเมริกาเอง บ่งชี้ว่าประชาชนตระหนักแล้วว่า ที่ผ่านมาการเปิดรับสิ่งต่างๆมากเกิน อย่างที่ฝ่ายขวา หรือ เสรีนิยมพยายามป้อนข้อมูลให้ประชาชนเพ้อฝันมาตลอดหลายสิบปี ไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับพวกเขา
    เมื่อวานนี้ที่อังกฤษมีการชุมนุมที่เรียกว่า "Unite the Kingdom" ซึ่งเป็นการชุมนุมที่จัดโดย "ทอมมี่ โรบินสัน" นักกิจกรรมทางการเมืองฝ่ายขวา หรือ "อนุรักษ์นิยม" การชุมนุมมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการเปิดรับผู้อพยพมากจนเกินไป และรณรงค์เคลื่อนไหวให้ขับผู้อพยพออกนอกประเทศอังกฤษ โดยจะเริ่มจากสะพานวอเตอร์ลูและเดินไปยังไวท์ฮอลล์ รายงานจากสื่อ ระบุว่ามีผู้เข้าร่วมประมาณมากกว่าแสนคน ขณะเดียวกัน ก็มีกลุ่มการเมืองฝ่ายซ้าย หรือพวก "เสรีนิยม" ซึ่งเป็นกลุ่ม “Stand Up To Racism” รวมตัวกันที่ปลายอีกด้านของไวท์ฮอลล์ ตามรายงานข่าวแจ้งว่ามีจำนวน "หลายพันคน" 👉ที่น่าสนใจคือ จำนวนตัวเลขของผู้มาชุมนุมฝ่ายซ้าย (อนุรักษ์นิยม) มีจำนวนมากกว่าฝ่ายขวา (เสรีนิยม) มากมายหลายเท่า บ่งบอกว่า ขณะนี้กระแสของคนอังกฤษเห็นด้วยกับแนวคิดที่จะไม่ต้อนรับผู้อพยพเข้ามาในประเทศ มุ่งเป้าไปที่พัฒนาคนในชาติ และต้องการให้รัฐบาลหันมาสนใจชีวิตความเป็นอยู่ของคนอังกฤษเองมากกว่าแนวคิดฝ่ายซ้ายที่เปิดรับผู้อพยพแบบบ้าคลั่งจนเกินพอดี 👉กระแสอนุรักษ์นิยมนี้ ไม่ใช่มีแค่ในอังกฤษเท่านั้น ผลจากการเลือกตั้งการเมืองท้องถิ่นในยุโรปหลายประเทศ หรือแม้กระทั่งสหรัฐเมริกาเอง บ่งชี้ว่าประชาชนตระหนักแล้วว่า ที่ผ่านมาการเปิดรับสิ่งต่างๆมากเกิน อย่างที่ฝ่ายขวา หรือ เสรีนิยมพยายามป้อนข้อมูลให้ประชาชนเพ้อฝันมาตลอดหลายสิบปี ไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับพวกเขา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
  • กู้ศรัทธาประชาธิปัตย์ เหล้าเก่าในขวดเก่า

    เมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว สู่รัฐบาลพรรคภูมิใจไทย จึงไม่แปลกที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะยื่นใบลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 ก.ย.) แม้อ้างว่ามีปัญหาเรื่องสุขภาพ แต่ที่ผ่านมา ปชป. ยุคนายเฉลิมชัยถูกวิจารณ์ว่า จุดยืนทางการเมืองเปลี่ยนไป นับตั้งแต่นายเฉลิมชัยนำ สส. 21 คนเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ทั้งที่สองพรรคนี้ไม่ถูกกันยาวนานกว่า 20 ปี โดยมีข่าวว่านายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา ไปดีลกับนายทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกงเอาไว้ นับจากนั้นเป็นต้นมาเกิดวิกฤตศรัทธาอย่างหนัก บรรดาสมาชิกพรรคเก่าแก่หลายคนลาออก

    เมื่อนายเฉลิมชัยลาออกแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ปชป. ชุดใหม่ รายงานข่าวแจ้งว่ามีความพยายามในการดึงแกนนำพรรค ที่เว้นวรรคทางการเมือง หรือลาออกจากพรรคไปแล้ว มาร่วมกลับบ้านเก่า ฟื้นฟูพรรคกันใหม่ เพื่อกู้วิกฤตศรัทธา และเตรียมความพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าที่กำลังจะมาถึง เพราะที่ผ่านมาฐานเสียง ปชป. ในภาคใต้ ถูกเจาะยางจากพรรคคู่แข่งในหลายพื้นที่ เช่น นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรค และ สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ภาพคู่กับนายกรณ์ จาติกวณิช ที่โรงแรมอนันตรา พร้อมระบุว่า "คิดถึงเลยเจอกันครับ #ฟ้าวันใหม่สดใสเสมอ"

    หรือจะเป็นการจุดกระแสชูนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมานำพรรคอีกครั้ง หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ตัดสินใจเว้นวรรคทางการเมือง มาตั้งแต่หลังการเลือกตั้งปี 2562 เพราะได้ สส.ต่ำกว่า 100 ที่นั่ง อีกทั้งมติพรรค ปชป.ขณะนั้นสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ผันตัวไปเป็นผู้บริหารบริษัทเอกชน อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์เคยกล่าวบนเวทีผ่าทางตันประเทศไทย จัดโดยสื่อเครือเนชั่น เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า “คุณไม่ต้องมาชวนผมกลับไปพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าคุณเอาอุดมการณ์กลับมาได้ ผมกลับไปแน่นอน”

    เมื่อวันก่อน ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล จัดรายการหัวข้อ "คืน ปชป. ให้นายกฯ อภิสิทธิ์เถอะ" คนดูส่วนใหญ่เห็นด้วยว่า ปชป. ควรให้นายอภิสิทธิ์กลับมาบริหารพรรค อดีตสมาชิกพรรคบางคน เริ่มคิดอยากฟื้นฟูอุดมการณ์ประชาธิปัตย์กลับคืนมา บางคนตั้งคำถามว่า ที่พรรคอยู่ในจุดตกต่ำเป็นเพราะคน ผู้นำพรรค หรือเป็นเพราะโครงสร้างและอุดมการณ์ของพรรคกันแน่ ถึงกระนั้น ก็มีอีกส่วนหนึ่งก็เห็นว่า หากพรรคยังคงชูแกนนำพรรคชุดเก่าซึ่งมีชนักติดหลัง พรรคก็คงไม่ไปถึงไหน จึงเสนอให้คนรุ่นใหม่ออกมานำพรรค แล้วให้นายอภิสิทธิ์ และแกนนำคนอื่น เป็นที่ปรึกษาก็พอ

    #Newskit

    (ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะตีพิมพ์ใน Facebook และ Instagram วันจันทร์ที่ 15 ก.ย.2568)
    กู้ศรัทธาประชาธิปัตย์ เหล้าเก่าในขวดเก่า เมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว สู่รัฐบาลพรรคภูมิใจไทย จึงไม่แปลกที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะยื่นใบลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 ก.ย.) แม้อ้างว่ามีปัญหาเรื่องสุขภาพ แต่ที่ผ่านมา ปชป. ยุคนายเฉลิมชัยถูกวิจารณ์ว่า จุดยืนทางการเมืองเปลี่ยนไป นับตั้งแต่นายเฉลิมชัยนำ สส. 21 คนเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ทั้งที่สองพรรคนี้ไม่ถูกกันยาวนานกว่า 20 ปี โดยมีข่าวว่านายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา ไปดีลกับนายทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกงเอาไว้ นับจากนั้นเป็นต้นมาเกิดวิกฤตศรัทธาอย่างหนัก บรรดาสมาชิกพรรคเก่าแก่หลายคนลาออก เมื่อนายเฉลิมชัยลาออกแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ปชป. ชุดใหม่ รายงานข่าวแจ้งว่ามีความพยายามในการดึงแกนนำพรรค ที่เว้นวรรคทางการเมือง หรือลาออกจากพรรคไปแล้ว มาร่วมกลับบ้านเก่า ฟื้นฟูพรรคกันใหม่ เพื่อกู้วิกฤตศรัทธา และเตรียมความพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าที่กำลังจะมาถึง เพราะที่ผ่านมาฐานเสียง ปชป. ในภาคใต้ ถูกเจาะยางจากพรรคคู่แข่งในหลายพื้นที่ เช่น นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรค และ สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ภาพคู่กับนายกรณ์ จาติกวณิช ที่โรงแรมอนันตรา พร้อมระบุว่า "คิดถึงเลยเจอกันครับ #ฟ้าวันใหม่สดใสเสมอ" หรือจะเป็นการจุดกระแสชูนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมานำพรรคอีกครั้ง หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ตัดสินใจเว้นวรรคทางการเมือง มาตั้งแต่หลังการเลือกตั้งปี 2562 เพราะได้ สส.ต่ำกว่า 100 ที่นั่ง อีกทั้งมติพรรค ปชป.ขณะนั้นสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ผันตัวไปเป็นผู้บริหารบริษัทเอกชน อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์เคยกล่าวบนเวทีผ่าทางตันประเทศไทย จัดโดยสื่อเครือเนชั่น เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า “คุณไม่ต้องมาชวนผมกลับไปพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าคุณเอาอุดมการณ์กลับมาได้ ผมกลับไปแน่นอน” เมื่อวันก่อน ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล จัดรายการหัวข้อ "คืน ปชป. ให้นายกฯ อภิสิทธิ์เถอะ" คนดูส่วนใหญ่เห็นด้วยว่า ปชป. ควรให้นายอภิสิทธิ์กลับมาบริหารพรรค อดีตสมาชิกพรรคบางคน เริ่มคิดอยากฟื้นฟูอุดมการณ์ประชาธิปัตย์กลับคืนมา บางคนตั้งคำถามว่า ที่พรรคอยู่ในจุดตกต่ำเป็นเพราะคน ผู้นำพรรค หรือเป็นเพราะโครงสร้างและอุดมการณ์ของพรรคกันแน่ ถึงกระนั้น ก็มีอีกส่วนหนึ่งก็เห็นว่า หากพรรคยังคงชูแกนนำพรรคชุดเก่าซึ่งมีชนักติดหลัง พรรคก็คงไม่ไปถึงไหน จึงเสนอให้คนรุ่นใหม่ออกมานำพรรค แล้วให้นายอภิสิทธิ์ และแกนนำคนอื่น เป็นที่ปรึกษาก็พอ #Newskit (ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะตีพิมพ์ใน Facebook และ Instagram วันจันทร์ที่ 15 ก.ย.2568)
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 365 มุมมอง 0 รีวิว
  • ท่ามกลางสถานการณ์การประท้วงของกลุ่มคนรุ่นใหม่ "Gen Z" จนเกิดความวุ่นวายทางการเมืองในเนปาล นายกรัฐมนตรีลาออก ประเทศขาดรัฐบาลรักษาการ จนกระทั่งกองทัพต้องเข้ามาควบคุมความสงบเรียบร้อย และประกาศเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายของประเทศ

    ล่าสุดกลุ่มผู้ประท้วงได้ตกลงเลือกอดีตประธานศาลฎีกา "สุชิลา การ์กี" (Sushila Karki) เป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ และจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราว เพื่อปูทางไปสู่การเลือกตั้งอีกครั้ง

    "สุชิลา การ์กี" กลายเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองของเนปาล

    ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือ "Gen Z" ได้พิจารณา "บาเลนดรา ชาห์" (Balendra Shah) อดีตแร็ปเปอร์สายใต้ดิน ที่ผันตัวมาเป็นนายกเทศมนตรีกรุงกาฐมาณฑุ ด้วยอีกคน แต่ติดเรื่องคุณสมบัติของเขาที่เคยโดนข้อหาทุจริตคอรัปชั่นมาก่อน
    ท่ามกลางสถานการณ์การประท้วงของกลุ่มคนรุ่นใหม่ "Gen Z" จนเกิดความวุ่นวายทางการเมืองในเนปาล นายกรัฐมนตรีลาออก ประเทศขาดรัฐบาลรักษาการ จนกระทั่งกองทัพต้องเข้ามาควบคุมความสงบเรียบร้อย และประกาศเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายของประเทศ ล่าสุดกลุ่มผู้ประท้วงได้ตกลงเลือกอดีตประธานศาลฎีกา "สุชิลา การ์กี" (Sushila Karki) เป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ และจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราว เพื่อปูทางไปสู่การเลือกตั้งอีกครั้ง "สุชิลา การ์กี" กลายเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองของเนปาล ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือ "Gen Z" ได้พิจารณา "บาเลนดรา ชาห์" (Balendra Shah) อดีตแร็ปเปอร์สายใต้ดิน ที่ผันตัวมาเป็นนายกเทศมนตรีกรุงกาฐมาณฑุ ด้วยอีกคน แต่ติดเรื่องคุณสมบัติของเขาที่เคยโดนข้อหาทุจริตคอรัปชั่นมาก่อน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 264 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทักษิณยอมแพ้หนึ่งตา เพื่อตีฝ่าทั้งกระดาน

    ในที่สุดศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 ก.ย. ให้จำคุกนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยคดีทุจริต 3 คดี เป็นเวลา 1 ปีตามพระบรมราชโองการ หลังพบว่าการบังคับโทษเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ย้ายนายทักษิณออกจากเรือนจำไปยังห้องพักพิเศษ ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ทั้งที่ไม่ได้ป่วยวิกฤตฉุกเฉิน มีเพียงโรคประจำตัวที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์สามารถรักษาได้ อีกทั้งนายทักษิณปฎิเสธการผ่าตัดรักษาโรคหัวใจ และโรคกระดูกคอกดทับไขสันหลังและเส้นประสาท แต่เลือกผ่าตัดนิ้วล็อกและเอ็นหัวไหล่ขวา ซึ่งไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ทำให้กระบวนการบังคับโทษรวมทั้งการพักโทษไม่มีผลตามกฎหมาย และไม่สามารถนำระยะเวลาพักรักษาตัว 180 วันมาหักเป็นวันคุมขังได้

    ด้านทีมงานนายทักษิณ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ตอนหนึ่งระบุว่า แม้ทุกคดีจะเกิดขึ้นหลังรัฐประหาร แต่วันนี้ขอมองไปข้างหน้า ให้ทุกอย่างที่ผ่านมามีข้อยุติ ทั้งการต่อสู้คดีตามกฎหมาย และความขัดแย้งใดๆ อันเกิดขึ้นหรือเกี่ยวข้องกับตนเอง ตัดสินใจเลือกทางเดินนี้ เพื่อส่งกำลังใจให้ทุกคนเดินไปข้างหน้า วิเคราะห์ว่านายทักษิณไม่มีทางหนีกระแสสังคม เพราะกระบวนการช่วยเหลือนายทักษิณนอนห้องพิเศษถูกตีแผ่ สั่นสะเทือนทุกวงการ และแพทยสภาตัดสินให้แพทย์ 3 คนมีความผิด ภาวะผู้นำลูกผู้ชายไม่อาจใช้กับนายทักษิณได้ เพราะถ้าสำนึกผิดจริง 2 ปีที่แล้วต้องยอมติดคุก ใช้ชีวิตเหมือนนักโทษทั่วไป จึงจะได้ใจจากสังคมกลับมา

    อย่างไรก็ตาม นายทักษิณและบริวารยังคงไม่วางมือทางการเมือง ก่อนหน้านี้เดินทางออกจากกรุงเทพฯ ไปยังดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ก่อนกลับประเทศไทยเมื่อบ่ายวันที่ 8 ก.ย. ซึ่งพบว่ามีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวนายทักษิณกลับมาด้วย ว่ากันว่าอาจจะผลักดัน นายยศนันท์ วงศ์สวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ลูกชายนายสมชายและนางเยาวภา เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่นายทักษิณฝากดูแล สั่งจัดทัพผู้สมัคร สส. 400 เขต ภายในกลางเดือน ต.ค. พร้อมเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ส่วน สส. งูเห่า 9 เสียงจะให้คณะกรรมการจริยธรรมพิจารณาลงโทษ

    นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอบคุณนายทักษิณ ที่แสดงความรับผิดชอบเดินทางกลับมาฟังคำพิพากษา ยอมรับว่านายทักษิณคิดถูกที่กลับมารับโทษ แต่ประเทศไทยไม่คุ้ม ติดคุกปีเดียว เป็นเรื่องที่กฎหมายทำได้แค่นั้น แต่ความเสียหายเป็นหมื่นล้านถึงแสนล้านบาท

    #Newskit
    ทักษิณยอมแพ้หนึ่งตา เพื่อตีฝ่าทั้งกระดาน ในที่สุดศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 ก.ย. ให้จำคุกนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยคดีทุจริต 3 คดี เป็นเวลา 1 ปีตามพระบรมราชโองการ หลังพบว่าการบังคับโทษเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ย้ายนายทักษิณออกจากเรือนจำไปยังห้องพักพิเศษ ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ทั้งที่ไม่ได้ป่วยวิกฤตฉุกเฉิน มีเพียงโรคประจำตัวที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์สามารถรักษาได้ อีกทั้งนายทักษิณปฎิเสธการผ่าตัดรักษาโรคหัวใจ และโรคกระดูกคอกดทับไขสันหลังและเส้นประสาท แต่เลือกผ่าตัดนิ้วล็อกและเอ็นหัวไหล่ขวา ซึ่งไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ทำให้กระบวนการบังคับโทษรวมทั้งการพักโทษไม่มีผลตามกฎหมาย และไม่สามารถนำระยะเวลาพักรักษาตัว 180 วันมาหักเป็นวันคุมขังได้ ด้านทีมงานนายทักษิณ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ตอนหนึ่งระบุว่า แม้ทุกคดีจะเกิดขึ้นหลังรัฐประหาร แต่วันนี้ขอมองไปข้างหน้า ให้ทุกอย่างที่ผ่านมามีข้อยุติ ทั้งการต่อสู้คดีตามกฎหมาย และความขัดแย้งใดๆ อันเกิดขึ้นหรือเกี่ยวข้องกับตนเอง ตัดสินใจเลือกทางเดินนี้ เพื่อส่งกำลังใจให้ทุกคนเดินไปข้างหน้า วิเคราะห์ว่านายทักษิณไม่มีทางหนีกระแสสังคม เพราะกระบวนการช่วยเหลือนายทักษิณนอนห้องพิเศษถูกตีแผ่ สั่นสะเทือนทุกวงการ และแพทยสภาตัดสินให้แพทย์ 3 คนมีความผิด ภาวะผู้นำลูกผู้ชายไม่อาจใช้กับนายทักษิณได้ เพราะถ้าสำนึกผิดจริง 2 ปีที่แล้วต้องยอมติดคุก ใช้ชีวิตเหมือนนักโทษทั่วไป จึงจะได้ใจจากสังคมกลับมา อย่างไรก็ตาม นายทักษิณและบริวารยังคงไม่วางมือทางการเมือง ก่อนหน้านี้เดินทางออกจากกรุงเทพฯ ไปยังดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ก่อนกลับประเทศไทยเมื่อบ่ายวันที่ 8 ก.ย. ซึ่งพบว่ามีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวนายทักษิณกลับมาด้วย ว่ากันว่าอาจจะผลักดัน นายยศนันท์ วงศ์สวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ลูกชายนายสมชายและนางเยาวภา เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่นายทักษิณฝากดูแล สั่งจัดทัพผู้สมัคร สส. 400 เขต ภายในกลางเดือน ต.ค. พร้อมเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ส่วน สส. งูเห่า 9 เสียงจะให้คณะกรรมการจริยธรรมพิจารณาลงโทษ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอบคุณนายทักษิณ ที่แสดงความรับผิดชอบเดินทางกลับมาฟังคำพิพากษา ยอมรับว่านายทักษิณคิดถูกที่กลับมารับโทษ แต่ประเทศไทยไม่คุ้ม ติดคุกปีเดียว เป็นเรื่องที่กฎหมายทำได้แค่นั้น แต่ความเสียหายเป็นหมื่นล้านถึงแสนล้านบาท #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 382 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยเก่า ตอนที่ 12
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 12
    ประมาณปี พ.ศ.1960 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของรัฐบาลEisenhower นาย Kenneth ขออนุญาตกระทรวงต่างประเทศอเม ริกา เดินทางมาสำรวจเมืองไทย และแถบอินโดจีนอีกรอบ (!!!) ตอนนั้น นาย Alexis Johnson เป็นฑูต และ นาย Leonard Unger เป็นผู้ช่วยฑูต ทั้ง 2 คนเป็นคนฉลาดรู้จักเมืองไทยอย่างดี เข้ ากับทหารไทยได้แบบคอหอยกับลูกกระเดือก โดยเฉพาะนาย Unger เมื่อมาถึงปรากฏว่าจอมพลสฤษดิ์ส่งนายทหารคนสนิทมารับนาย Kenneth ถึงสนามบิน จอมพลสฤษดิ์ถามเขาว่า มาทำไม นาย Kenneth บอกจะมาดูสถานการณ์ในลาวสักหน่อย หลังจากนั้นจะไปกัมพูชา ไซ่ง่อนและพม่า นาย Kenneth บอกว่า จริงๆจะมาตรวจการบ้านด้วยว่าเงินช่วยเหลือทางทหาร Military Assistance Program (MAP) ที่อเมริกาให้แต่ละประเทศ ได้ผลมากน้อยแค่ไหน จอมพลสฤษดิ์บอกว่ากลับมาแล้ว มาเล่าให้ฟังกันด้วย ปรากฎว่าส่วนใหญ่ได้ผล ยกเว้นแต่ลาว ซึ่งอเมริกาให้เงินช่วยเหลือมากกว่าไทยเสียอีก แต่อเมริกาทำท่าจะเสียลาวให้แก่คอมมิวนิสต์ (และในที่สุดก็เสียจริงๆ ! ) โดยอาจจะมีการปฏิวัติโดยลาวแดงเร็วๆนี้ ขากลับ นาย Kenneth ก็รายงานเรื่องลาวอาจมีการปฏิวัติให้จอมพลสฤษดิ์ทราบ แล้วก็เดินทางต่อลงมาที่สิงค์โปร์
    ที่สิงคโปร์ เขาได้พบกับเศรษฐีสิงคโปร์คนหนึ่งชื่อ Ko Geng Hsui ซึ่งเป็นกระเป๋าใหญ่ให้แก่นาย Lee Kwan Yew และภายหลังได้เป็นรัฐมนตรีกลาโหม นาย Ko ต้องการให้นาย Kenneth ช่วยตั้งสถาบันเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ในมหาวิทยาลัยสิงคโปร์ให้ ภายหลังนาย Kenneth ได้ลางานจากรัฐบาลอเมริกัน 1 ปี เพื่อมาจัดตั้งสถาบันนี้ให้สิงคโปร์ โดยเอาชาวยิวชื่อ Harry Benda จากมหาวิทยาลัย Yale มาช่วย สิงคโปร์จึงเป็นประเทศแรกในแถบนี้ ที่มีสถาบันการศึกษาลงลึกอย่างจริงจังเกี่ยวกับเอเซียอาคเณย์ ตกลงสิงคโปร์ไม่ได้ลอกเลียนแค่งานสงกรานต์ไปจากบ้านเรา แต่ลอกหลายอย่างรวมทั้งวิชาความรู้เกี่ยวกับภูมิภาคนี้ สิงคโปร์ประเทศที่ไม่มีรากไม่มีเหง้า ไม่มีวัฒนธรรม ประเพณีของตนเอง แต่มีคนไทยหลายคนปลาบปลื้มกับความเจริญของสิงคโปร์ จนถึงขนาดอยากให้เมืองไทยเป็นเหมือนสิงคโปร์ เศร้าครับ!
    เมื่อนาย Kenneth กลับมาถึงวอซิงตัน การเลือกตั้งประธานาธิบดีกำลังเข้มข้น แล้วนาย Kennedy ก็ชนะการเลือกตั้ง ขณะเดียวกันลาวก็อาการทรุดตามที่นาย Kenneth คาด รัฐบาล Kennedy เข้ามารับตำแหน่งใหม่ๆ ยังจับต้นไม่ชนปลาย นาย Mc Geroge Bundy จอมแสบที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ของประธานาธิบดี Kennedy ถึงจะแสนรู้อย่างไร มาใหม่ๆก็มึนรับประทาน แนะนำสั่งการอะไรไม่ถูก ได้แต่เรียกให้นาย Kenneth ให้มาสรุปสถานการณ์ในลาวให้รัฐบาลฟังก่อนตัดสินใจ ทุกอย่างอลเวงไปหมด และนี่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ ประธานธิบดี Kennedy ฉุนขาด ประกาศว่าหน่วยงาน National Security Council ทำงานไม่ได้ผล (คงไม่ให้ราคานาย Kenneth สักเท่าไหร่) ถ้าเขายุบหน่วยงานนี้ได้เขาจะยุบแล้ว เพียงแต่ต้องไปขออนุมัติจากสภาสูง ต้องออกกฏหมาย ฯลฯ ดังนั้นเขาจึงสั่ง “แขวน” พนักงานทุกคนในหน่วยงานรวมทั้งนาย Kenneth ด้วย และได้ยกเครื่องการทำงานสภาความมั่นคงเสียใหม่
    หลังจากโดนแขวนอยู่หลายเดือน นาย Kenneth ก็เดินแกว่งไปตามหน่วยงานต่างๆ เพื่อหาที่ลง เพราะแม้จะมีเงินเดือนกิน แต่ไม่มีเก้าอี้นั่งชูคอ แบบรัฐบาลก่อนๆ มันก็ทำให้เขาเสียรังวัดไปพอสมควร จะโม้อะไร โอ้อวดอะไร อย่างเมื่อก่อนก็ไม่ถนัดปาก ก็คนโดนแขวนอยู่มันจะให้โม้อะไร ไหว จนวันหนึ่ง นาย Walt Rostow ซึ่งเป็นผู้ช่วยของนาย McGeorge Bundy และรู้จักกับนาย Kenneth ตั้งแต่สมัยทำงานอยู่ OSS เป็นลูกน้องนาย Donovan มาด้วยกัน ก็ติดต่อนาย Kenneth บอกว่ามีงานให้ทำแล้ว ประธานาธิบดี Kennedy เห็นว่าเจ้าหน้าที่ของอเมริกาไม่ว่าทหาร หรือพลเรือน เมื่อจะต้องไปปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่เมืองใด ควรรู้เรื่องเมืองนั้นอย่างดี ไม่ใช่ไปแบบยืนหน้าเซ่อ ร้องเพลงรำวงวันคริสตมาสให้ชาวบ้านฟัง (สงสัยคุณนายเคนนี่ฑูตอเมริกาคนปัจจุบัน คงไม่เคยได้รับการอบรมอะไรเลยก่อนมาประจำเมืองไทย คุณนายถึงได้ทำตัวทุเรศปานนั้น) จึงมอบหมายให้นาย Kenneth เป็นผู้จัดการหลักสูตรอบรม เกี่ยวกับการต่อต้านเหตุการณ์ไม่สงบ (Counter Insurgency) ชื่อเต็มก็คือการต่อต้านความไม่สงบ อันเกิดจากภัยคอมมิวนิสต์ในโลกที่ 3 นั่นแหละ เป็นหลักสูตรที่จัดรวมให้สมุนนักล่าไม่ว่าจะอยู่ในเครื่องแบบใด นาย Kenneth บอกไม่มีปัญหาขอให้จัดงบแบบไม่อั้นมาแล้วกัน นักล่ากำลังฟิต เพราะฉะนั้น เท่าไรเท่ากัน จัดไปเลยย
    นาย Kenneth สารภาพว่า แรกๆ เขาก็ยังงงว่าจะทำได้อย่างไร เขาไม่ใช่ทหาร ไม่รู้เรื่องการรบ แต่เขารู้จักประเทศต่างๆ ที่คอมมิวนิสต์กำลังคุกคาม เขาจึงนำประสพการณ์ ข้อมูลที่เขาได้จากการที่เขาเคยอยู่ในเมืองไทยและการเดินทางไปสถานที่ต่างๆ และเจอผู้คนในประเทศเหล่านั้น ไม่ว่าจะระดับรัฐบาล ผู้นำประเทศ หรือชาวบ้านทั่วไป บวกกับข้อมูลจากหนังสืออีกเกือบ 2,000 เล่ม ที่เขาสะสมไว้ เอามาผสมปนเปแบบตอแหล ทำเป็นหลักสูตรสำหรับการอบรมประมาณ 2 เดือน เป็นการติวเข้มสมุนนักล่า
    ปรากฎว่าการตอแหลได้ผลดีเกินคาด เจ้านายสั่งให้เพิ่มบริเวณพื้นที่การอบรม จากครอบคลุมเฉพาะแถบเอเซีย เพิ่มลาตินอเมริกา อาฟริกา และตะวันออกกลางเข้าไปด้วย นี่มันกำลังทำสนามนักล่าขนาดใหญ่ครอบคลุมโลกนี่หว่า นักล่าหน้าใหม่มาแรงจริงๆ แต่นาย Kenneth มีภูมิมีพื้นแค่แถบอินโดจีน แต่คนพันธ์นาย Kenneth ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เสียเหลี่ยมมิชชันนารีจากเมืองตรังหมด โม้เอาไว้เยอะ เขาบอกไม่มีปัญหา เขาไปกว้านเอาอาจารย์ตามมหาวิทยาลัยใหญ่ๆ ที่มีผู้เชี่ยวชาญตามที่เจ้านายต้องการ มาช่วยกันสร้างหลักสูตรปรับพื้น สนามนักล่าจนสำเร็จ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เลิกไม่ถึง 15 ปี อเมริกานักล่าหน้าใหม่ ก็พร้อมที่ลงสนามล่า ที่ได้ส่งสมุนไปปรับพื้นทำสนาม เตรียมไว้ตามแผน โดยการอนุเคราะห์ของผู้ถูกล่าเองเสียหลายส่วน! น่าเศร้าใจจนต้องหยุดพักเขียนไปหลายวัน

    คนเล่านิทาน
    แกะรอยเก่า ตอนที่ 12 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 12 ประมาณปี พ.ศ.1960 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของรัฐบาลEisenhower นาย Kenneth ขออนุญาตกระทรวงต่างประเทศอเม ริกา เดินทางมาสำรวจเมืองไทย และแถบอินโดจีนอีกรอบ (!!!) ตอนนั้น นาย Alexis Johnson เป็นฑูต และ นาย Leonard Unger เป็นผู้ช่วยฑูต ทั้ง 2 คนเป็นคนฉลาดรู้จักเมืองไทยอย่างดี เข้ ากับทหารไทยได้แบบคอหอยกับลูกกระเดือก โดยเฉพาะนาย Unger เมื่อมาถึงปรากฏว่าจอมพลสฤษดิ์ส่งนายทหารคนสนิทมารับนาย Kenneth ถึงสนามบิน จอมพลสฤษดิ์ถามเขาว่า มาทำไม นาย Kenneth บอกจะมาดูสถานการณ์ในลาวสักหน่อย หลังจากนั้นจะไปกัมพูชา ไซ่ง่อนและพม่า นาย Kenneth บอกว่า จริงๆจะมาตรวจการบ้านด้วยว่าเงินช่วยเหลือทางทหาร Military Assistance Program (MAP) ที่อเมริกาให้แต่ละประเทศ ได้ผลมากน้อยแค่ไหน จอมพลสฤษดิ์บอกว่ากลับมาแล้ว มาเล่าให้ฟังกันด้วย ปรากฎว่าส่วนใหญ่ได้ผล ยกเว้นแต่ลาว ซึ่งอเมริกาให้เงินช่วยเหลือมากกว่าไทยเสียอีก แต่อเมริกาทำท่าจะเสียลาวให้แก่คอมมิวนิสต์ (และในที่สุดก็เสียจริงๆ ! ) โดยอาจจะมีการปฏิวัติโดยลาวแดงเร็วๆนี้ ขากลับ นาย Kenneth ก็รายงานเรื่องลาวอาจมีการปฏิวัติให้จอมพลสฤษดิ์ทราบ แล้วก็เดินทางต่อลงมาที่สิงค์โปร์ ที่สิงคโปร์ เขาได้พบกับเศรษฐีสิงคโปร์คนหนึ่งชื่อ Ko Geng Hsui ซึ่งเป็นกระเป๋าใหญ่ให้แก่นาย Lee Kwan Yew และภายหลังได้เป็นรัฐมนตรีกลาโหม นาย Ko ต้องการให้นาย Kenneth ช่วยตั้งสถาบันเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ในมหาวิทยาลัยสิงคโปร์ให้ ภายหลังนาย Kenneth ได้ลางานจากรัฐบาลอเมริกัน 1 ปี เพื่อมาจัดตั้งสถาบันนี้ให้สิงคโปร์ โดยเอาชาวยิวชื่อ Harry Benda จากมหาวิทยาลัย Yale มาช่วย สิงคโปร์จึงเป็นประเทศแรกในแถบนี้ ที่มีสถาบันการศึกษาลงลึกอย่างจริงจังเกี่ยวกับเอเซียอาคเณย์ ตกลงสิงคโปร์ไม่ได้ลอกเลียนแค่งานสงกรานต์ไปจากบ้านเรา แต่ลอกหลายอย่างรวมทั้งวิชาความรู้เกี่ยวกับภูมิภาคนี้ สิงคโปร์ประเทศที่ไม่มีรากไม่มีเหง้า ไม่มีวัฒนธรรม ประเพณีของตนเอง แต่มีคนไทยหลายคนปลาบปลื้มกับความเจริญของสิงคโปร์ จนถึงขนาดอยากให้เมืองไทยเป็นเหมือนสิงคโปร์ เศร้าครับ! เมื่อนาย Kenneth กลับมาถึงวอซิงตัน การเลือกตั้งประธานาธิบดีกำลังเข้มข้น แล้วนาย Kennedy ก็ชนะการเลือกตั้ง ขณะเดียวกันลาวก็อาการทรุดตามที่นาย Kenneth คาด รัฐบาล Kennedy เข้ามารับตำแหน่งใหม่ๆ ยังจับต้นไม่ชนปลาย นาย Mc Geroge Bundy จอมแสบที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ของประธานาธิบดี Kennedy ถึงจะแสนรู้อย่างไร มาใหม่ๆก็มึนรับประทาน แนะนำสั่งการอะไรไม่ถูก ได้แต่เรียกให้นาย Kenneth ให้มาสรุปสถานการณ์ในลาวให้รัฐบาลฟังก่อนตัดสินใจ ทุกอย่างอลเวงไปหมด และนี่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ ประธานธิบดี Kennedy ฉุนขาด ประกาศว่าหน่วยงาน National Security Council ทำงานไม่ได้ผล (คงไม่ให้ราคานาย Kenneth สักเท่าไหร่) ถ้าเขายุบหน่วยงานนี้ได้เขาจะยุบแล้ว เพียงแต่ต้องไปขออนุมัติจากสภาสูง ต้องออกกฏหมาย ฯลฯ ดังนั้นเขาจึงสั่ง “แขวน” พนักงานทุกคนในหน่วยงานรวมทั้งนาย Kenneth ด้วย และได้ยกเครื่องการทำงานสภาความมั่นคงเสียใหม่ หลังจากโดนแขวนอยู่หลายเดือน นาย Kenneth ก็เดินแกว่งไปตามหน่วยงานต่างๆ เพื่อหาที่ลง เพราะแม้จะมีเงินเดือนกิน แต่ไม่มีเก้าอี้นั่งชูคอ แบบรัฐบาลก่อนๆ มันก็ทำให้เขาเสียรังวัดไปพอสมควร จะโม้อะไร โอ้อวดอะไร อย่างเมื่อก่อนก็ไม่ถนัดปาก ก็คนโดนแขวนอยู่มันจะให้โม้อะไร ไหว จนวันหนึ่ง นาย Walt Rostow ซึ่งเป็นผู้ช่วยของนาย McGeorge Bundy และรู้จักกับนาย Kenneth ตั้งแต่สมัยทำงานอยู่ OSS เป็นลูกน้องนาย Donovan มาด้วยกัน ก็ติดต่อนาย Kenneth บอกว่ามีงานให้ทำแล้ว ประธานาธิบดี Kennedy เห็นว่าเจ้าหน้าที่ของอเมริกาไม่ว่าทหาร หรือพลเรือน เมื่อจะต้องไปปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่เมืองใด ควรรู้เรื่องเมืองนั้นอย่างดี ไม่ใช่ไปแบบยืนหน้าเซ่อ ร้องเพลงรำวงวันคริสตมาสให้ชาวบ้านฟัง (สงสัยคุณนายเคนนี่ฑูตอเมริกาคนปัจจุบัน คงไม่เคยได้รับการอบรมอะไรเลยก่อนมาประจำเมืองไทย คุณนายถึงได้ทำตัวทุเรศปานนั้น) จึงมอบหมายให้นาย Kenneth เป็นผู้จัดการหลักสูตรอบรม เกี่ยวกับการต่อต้านเหตุการณ์ไม่สงบ (Counter Insurgency) ชื่อเต็มก็คือการต่อต้านความไม่สงบ อันเกิดจากภัยคอมมิวนิสต์ในโลกที่ 3 นั่นแหละ เป็นหลักสูตรที่จัดรวมให้สมุนนักล่าไม่ว่าจะอยู่ในเครื่องแบบใด นาย Kenneth บอกไม่มีปัญหาขอให้จัดงบแบบไม่อั้นมาแล้วกัน นักล่ากำลังฟิต เพราะฉะนั้น เท่าไรเท่ากัน จัดไปเลยย นาย Kenneth สารภาพว่า แรกๆ เขาก็ยังงงว่าจะทำได้อย่างไร เขาไม่ใช่ทหาร ไม่รู้เรื่องการรบ แต่เขารู้จักประเทศต่างๆ ที่คอมมิวนิสต์กำลังคุกคาม เขาจึงนำประสพการณ์ ข้อมูลที่เขาได้จากการที่เขาเคยอยู่ในเมืองไทยและการเดินทางไปสถานที่ต่างๆ และเจอผู้คนในประเทศเหล่านั้น ไม่ว่าจะระดับรัฐบาล ผู้นำประเทศ หรือชาวบ้านทั่วไป บวกกับข้อมูลจากหนังสืออีกเกือบ 2,000 เล่ม ที่เขาสะสมไว้ เอามาผสมปนเปแบบตอแหล ทำเป็นหลักสูตรสำหรับการอบรมประมาณ 2 เดือน เป็นการติวเข้มสมุนนักล่า ปรากฎว่าการตอแหลได้ผลดีเกินคาด เจ้านายสั่งให้เพิ่มบริเวณพื้นที่การอบรม จากครอบคลุมเฉพาะแถบเอเซีย เพิ่มลาตินอเมริกา อาฟริกา และตะวันออกกลางเข้าไปด้วย นี่มันกำลังทำสนามนักล่าขนาดใหญ่ครอบคลุมโลกนี่หว่า นักล่าหน้าใหม่มาแรงจริงๆ แต่นาย Kenneth มีภูมิมีพื้นแค่แถบอินโดจีน แต่คนพันธ์นาย Kenneth ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เสียเหลี่ยมมิชชันนารีจากเมืองตรังหมด โม้เอาไว้เยอะ เขาบอกไม่มีปัญหา เขาไปกว้านเอาอาจารย์ตามมหาวิทยาลัยใหญ่ๆ ที่มีผู้เชี่ยวชาญตามที่เจ้านายต้องการ มาช่วยกันสร้างหลักสูตรปรับพื้น สนามนักล่าจนสำเร็จ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เลิกไม่ถึง 15 ปี อเมริกานักล่าหน้าใหม่ ก็พร้อมที่ลงสนามล่า ที่ได้ส่งสมุนไปปรับพื้นทำสนาม เตรียมไว้ตามแผน โดยการอนุเคราะห์ของผู้ถูกล่าเองเสียหลายส่วน! น่าเศร้าใจจนต้องหยุดพักเขียนไปหลายวัน คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 369 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..อันตรายมาก,ส่อแววไม่ซื่อสัตย์สุจริตชัดเจน มีคลิปยืนยันการพูดจาจริง,เจตนาและสมยอมให้แบ่งปันกันจริง แต่ติดที่นั้นคือเขตดินแดนอธิปไตยไทยชัดเจน,แต่ตนซึ่งมีวุฒิภาวะครบถ้วมมีความรู้ดีด้วยระดับผู้บริหารแล้วกับตระหนักถึงมูลความจริงไม่ได้ว่า ความจริงนั้นคือเขตดินแดนไทย ถ้าแบ่ง50:50ให้เขมร แสดงว่ายกดินแดรอธิปไตยไทยให้เขมรด้วย,เห็นชอบเห็นด้วยในการยกดินแดนที่แบ่งกัน50:50นี้ให้เป็นของเขมร ซึ่งความจริงเป็นของไทยปกติอยู่เดิมที่100%,
    ..ตนเองจะมาเป็น รมต.พลังงานด้วย ถือว่าไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง,ไม่ต่างเลยที่แสดงความเห็นว่า เห็นชอบในการแก้ไข ม.112 ออกรายการสื่อหรือบนเวทีต่างๆผ่านมวลชน,แสดงเจตนาตนว่าร่วมด้วยในการแก้ไข ม.112 อันเดียวกัน,นี้ก็ด้วยอันเดียวกัน มีเจตนาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนแก่เอกชนไทยฝ่ายต่างๆหรือกลุ่มคนที่ทำกิจการด้านพลังงานชัดเจน,หาประโยชน์ด้วยบนอำนาจตำแหน่งในอนาคตหากตนได้เข้าไปมีอำนาจ,สามารถสนองเจตนากลุ่มชนตนที่พูดป่านสื่อ ออกรายการลักษณะนี้ได้,นี้มีความผิด ม.119ร่วมด้วยชัดเจน เจตนาส่งมอบผลประโยชน์ด้านอธิปไตยตนให้อีกฝ่ายหรือศัตรูชัดเจน และหรือเจตนาทำให้สูญเสียดินแดนอธิปไตยไทยตนจนนำไปสู่เสียพื้นที่เสียเส้นขีดแดน กินพื้นที่อ่าวไทยตน กินอธิปไตยไทยโดยมีปกติไปกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งผลคือได้แบ่งครึ่งกัน50:50สำเร็จผลแล้วนั้นเอง.
    ..ครม.ทั้งคณะของรัฐบาลนายกฯ32หนูนี่ แม้เน่า1คนก็เน่าทั้งคอก ถึงว่าเป็นชุดครม.อันโมฆะบุรุษ เป็นภัยร้ายแรงต่ออธิปไตยไทย มีคลิปสนับสนุนยืนยันการกระทำชัดเจนด้วย ไม่ซื่อสัตย์สุจริต ส่อเจตนาไม่ปกป้องหวงแหนสมบัติทรัพยากรมีค่าในบ้านในเมืองตน ทำเล่นๆเหมือนเด็กๆมาแบ่งขนมกันกินคนละครึ่ง,ทั้งมาจากกิจการด้านพลังงานด้วย จากคนนอกอีก,ซึ่งผิดวิสัยระบบเลือกตัังของประชาชนมาก,แม้กฎหมายสนับสนุนเขียนให้ชอบธรรมก็ผิดหลักธรรมชาติสามัญของระบบประชาธิปไตยไทย และประชาชนมิได้เลือกตั้งตรงคนเหล่านี้จากภายนอกด้วย,แม้ทูลกล้าฯขึ้นไปก็มิชอบธรรม,เพราะเสมือนเป็นครม.คนนอก นอกการเลือกตั้งจากระบบประชาชนประชาธิปไตย,ครม.ทั้งคณะตลอด นายกฯหนูมีสิทธิติดคุกในอนาคตแน่นอน ก้าวล่วงระบบประชาธิปไตยด้วย ทำอำนาจพระมหากษัตริย์หม่นหม่อง ก้าวล่วงพระราชอำนาจ องคมนตรีผู้ถวายงานก็สมควรโดนด้วย,เช่นนั้นไม่สมควรมีการเลือกตั้งจากประชาชนทั้งประเทศก็ได้,คณะครม.เอาคนนอกมานั่งได้สบายใจ กฎเขียนกฎหมายตามใจคนมีอำนาจได้หมด,จะแบ่งแผ่นดินไทย50:50ตรงไหนในอนาคตก็ได้,พูดล่วงหน้าตอนยังไม่เป็นครม.ก็ได้ เป็นแล้วจะพูดเจตนาจริงของตนไม่ได้อีก,พูดเห็นดีเห็นงามแบ่ง50:50ดินแดนอธิปไตยตนก่อนทำสงครามภูมะเขือก็ได้ บ้านหนองจานก็ได้มาแบ่งพื้นที่กัน50:50เถอะพูดเปิดเผยขณะตนยังไม่เป็นครม.รมต.ก็ได้,พูดเห็นด้วยในการแก้ไข ม.112ก่อนเป็นว่าที่นายกฯก็ได้ นี้ก็คงอันเดียวกันสินะ,คนใหญ่คนโตพูดอะไรก็ไม่ผิด เอาผิดจากคำพูดจากคลิปไม่ได้ ไม่เจตนาตั้งใจพูดก็คงอีกเรื่อง,แต่นี้ตั้งใจชัดเจน.,สถานะความเป็นครม คณะครม. หลังโปรดเกล้าลงมาก็สมควรขาดคุณสมบัติอย่างแรงและคือเรื่อง ม.119ด้วยอธิปไตยดินแดนไทยเต็มๆ,50ส่วนจากเดิมเป็นของไทยมีคำพูดทางวาจาประจักษ์ชัดว่าแบ่งดินแดนพื้นที่ไทยตนให้เขมร50ส่วนไปทำประโยชน์ร่วมกัน50:50 ,
    ..คณะรวมพลังแผ่นดินไทย ท่านเห็นตรงนี้มั้ย มิอาจปล่อยคนชั่วเลวลักษณะอำนวยเอื้อสร้างให้กลุ่มทุนมุ่งหวังผลประโยชน์ได้,นี้คือการสอดไส้ความไม่ซื่อสัตย์ชัดเจน เจตนาไม่สุจริตใจอย่างร้ายแรง ผลจริยธรรมของการเป็นผู้นำที่ดีด้วย ขาดคุณสมบัติมากมาย นอกจากมาจากคนนอกที่ประชาชนไม่ได้เลือกตั้งนะ เสือกมาได้อีก,ผิด ผิด ผิดธรรมาภิบาลหลักการสร้างฐานชัยที่ดีงามชัดเจน นี้คือการสร้างฐานแห่งความชั่วร้ายเลงทรามชัดเจนมากการ.
    ..คณะรวมพลังแผ่นดินฯหากดูไม่ออก ไม่แสดงเจตนาจุดยืนชัดเจน ตรวจสอบพวกครม.เหี้ยนี้ด้วย ให้เป็นจริงชัดเจนแบบคลิปนี้ คณะรวมพลังแผ่นดินฯท่านมีไส้ศึกภายในคณะแล้ว,ไม่ต่อสู้กับสิ่งชั่วเลวจริง ,และเชื่อว่าคณะรวมพลังแผ่นดินฯต้องมองเห็น อาจฟ้องดำเนินคดีข้อหาความไม่ซื่อสัตย์สุจิตใจได้อีก,ไม่ต่างจากคลิปอดีตนายกฯอุ๊งอิ๊งแน่นอน,และคลิปนี้พร้อมใจแบ่งร่วมดินแดนอธิปไตยตนกับเขมรชัดเจน.


    https://youtube.com/watch?v=6mxfFl4dATc&si=TewIiacimVIugQa7
    ..อันตรายมาก,ส่อแววไม่ซื่อสัตย์สุจริตชัดเจน มีคลิปยืนยันการพูดจาจริง,เจตนาและสมยอมให้แบ่งปันกันจริง แต่ติดที่นั้นคือเขตดินแดนอธิปไตยไทยชัดเจน,แต่ตนซึ่งมีวุฒิภาวะครบถ้วมมีความรู้ดีด้วยระดับผู้บริหารแล้วกับตระหนักถึงมูลความจริงไม่ได้ว่า ความจริงนั้นคือเขตดินแดนไทย ถ้าแบ่ง50:50ให้เขมร แสดงว่ายกดินแดรอธิปไตยไทยให้เขมรด้วย,เห็นชอบเห็นด้วยในการยกดินแดนที่แบ่งกัน50:50นี้ให้เป็นของเขมร ซึ่งความจริงเป็นของไทยปกติอยู่เดิมที่100%, ..ตนเองจะมาเป็น รมต.พลังงานด้วย ถือว่าไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง,ไม่ต่างเลยที่แสดงความเห็นว่า เห็นชอบในการแก้ไข ม.112 ออกรายการสื่อหรือบนเวทีต่างๆผ่านมวลชน,แสดงเจตนาตนว่าร่วมด้วยในการแก้ไข ม.112 อันเดียวกัน,นี้ก็ด้วยอันเดียวกัน มีเจตนาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนแก่เอกชนไทยฝ่ายต่างๆหรือกลุ่มคนที่ทำกิจการด้านพลังงานชัดเจน,หาประโยชน์ด้วยบนอำนาจตำแหน่งในอนาคตหากตนได้เข้าไปมีอำนาจ,สามารถสนองเจตนากลุ่มชนตนที่พูดป่านสื่อ ออกรายการลักษณะนี้ได้,นี้มีความผิด ม.119ร่วมด้วยชัดเจน เจตนาส่งมอบผลประโยชน์ด้านอธิปไตยตนให้อีกฝ่ายหรือศัตรูชัดเจน และหรือเจตนาทำให้สูญเสียดินแดนอธิปไตยไทยตนจนนำไปสู่เสียพื้นที่เสียเส้นขีดแดน กินพื้นที่อ่าวไทยตน กินอธิปไตยไทยโดยมีปกติไปกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งผลคือได้แบ่งครึ่งกัน50:50สำเร็จผลแล้วนั้นเอง. ..ครม.ทั้งคณะของรัฐบาลนายกฯ32หนูนี่ แม้เน่า1คนก็เน่าทั้งคอก ถึงว่าเป็นชุดครม.อันโมฆะบุรุษ เป็นภัยร้ายแรงต่ออธิปไตยไทย มีคลิปสนับสนุนยืนยันการกระทำชัดเจนด้วย ไม่ซื่อสัตย์สุจริต ส่อเจตนาไม่ปกป้องหวงแหนสมบัติทรัพยากรมีค่าในบ้านในเมืองตน ทำเล่นๆเหมือนเด็กๆมาแบ่งขนมกันกินคนละครึ่ง,ทั้งมาจากกิจการด้านพลังงานด้วย จากคนนอกอีก,ซึ่งผิดวิสัยระบบเลือกตัังของประชาชนมาก,แม้กฎหมายสนับสนุนเขียนให้ชอบธรรมก็ผิดหลักธรรมชาติสามัญของระบบประชาธิปไตยไทย และประชาชนมิได้เลือกตั้งตรงคนเหล่านี้จากภายนอกด้วย,แม้ทูลกล้าฯขึ้นไปก็มิชอบธรรม,เพราะเสมือนเป็นครม.คนนอก นอกการเลือกตั้งจากระบบประชาชนประชาธิปไตย,ครม.ทั้งคณะตลอด นายกฯหนูมีสิทธิติดคุกในอนาคตแน่นอน ก้าวล่วงระบบประชาธิปไตยด้วย ทำอำนาจพระมหากษัตริย์หม่นหม่อง ก้าวล่วงพระราชอำนาจ องคมนตรีผู้ถวายงานก็สมควรโดนด้วย,เช่นนั้นไม่สมควรมีการเลือกตั้งจากประชาชนทั้งประเทศก็ได้,คณะครม.เอาคนนอกมานั่งได้สบายใจ กฎเขียนกฎหมายตามใจคนมีอำนาจได้หมด,จะแบ่งแผ่นดินไทย50:50ตรงไหนในอนาคตก็ได้,พูดล่วงหน้าตอนยังไม่เป็นครม.ก็ได้ เป็นแล้วจะพูดเจตนาจริงของตนไม่ได้อีก,พูดเห็นดีเห็นงามแบ่ง50:50ดินแดนอธิปไตยตนก่อนทำสงครามภูมะเขือก็ได้ บ้านหนองจานก็ได้มาแบ่งพื้นที่กัน50:50เถอะพูดเปิดเผยขณะตนยังไม่เป็นครม.รมต.ก็ได้,พูดเห็นด้วยในการแก้ไข ม.112ก่อนเป็นว่าที่นายกฯก็ได้ นี้ก็คงอันเดียวกันสินะ,คนใหญ่คนโตพูดอะไรก็ไม่ผิด เอาผิดจากคำพูดจากคลิปไม่ได้ ไม่เจตนาตั้งใจพูดก็คงอีกเรื่อง,แต่นี้ตั้งใจชัดเจน.,สถานะความเป็นครม คณะครม. หลังโปรดเกล้าลงมาก็สมควรขาดคุณสมบัติอย่างแรงและคือเรื่อง ม.119ด้วยอธิปไตยดินแดนไทยเต็มๆ,50ส่วนจากเดิมเป็นของไทยมีคำพูดทางวาจาประจักษ์ชัดว่าแบ่งดินแดนพื้นที่ไทยตนให้เขมร50ส่วนไปทำประโยชน์ร่วมกัน50:50 , ..คณะรวมพลังแผ่นดินไทย ท่านเห็นตรงนี้มั้ย มิอาจปล่อยคนชั่วเลวลักษณะอำนวยเอื้อสร้างให้กลุ่มทุนมุ่งหวังผลประโยชน์ได้,นี้คือการสอดไส้ความไม่ซื่อสัตย์ชัดเจน เจตนาไม่สุจริตใจอย่างร้ายแรง ผลจริยธรรมของการเป็นผู้นำที่ดีด้วย ขาดคุณสมบัติมากมาย นอกจากมาจากคนนอกที่ประชาชนไม่ได้เลือกตั้งนะ เสือกมาได้อีก,ผิด ผิด ผิดธรรมาภิบาลหลักการสร้างฐานชัยที่ดีงามชัดเจน นี้คือการสร้างฐานแห่งความชั่วร้ายเลงทรามชัดเจนมากการ. ..คณะรวมพลังแผ่นดินฯหากดูไม่ออก ไม่แสดงเจตนาจุดยืนชัดเจน ตรวจสอบพวกครม.เหี้ยนี้ด้วย ให้เป็นจริงชัดเจนแบบคลิปนี้ คณะรวมพลังแผ่นดินฯท่านมีไส้ศึกภายในคณะแล้ว,ไม่ต่อสู้กับสิ่งชั่วเลวจริง ,และเชื่อว่าคณะรวมพลังแผ่นดินฯต้องมองเห็น อาจฟ้องดำเนินคดีข้อหาความไม่ซื่อสัตย์สุจิตใจได้อีก,ไม่ต่างจากคลิปอดีตนายกฯอุ๊งอิ๊งแน่นอน,และคลิปนี้พร้อมใจแบ่งร่วมดินแดนอธิปไตยตนกับเขมรชัดเจน. https://youtube.com/watch?v=6mxfFl4dATc&si=TewIiacimVIugQa7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 283 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ตุรกีปิดโซเชียลมีเดียทั่วประเทศ! X, YouTube, WhatsApp ดับกลางดึก — VPN พุ่ง 500% ท่ามกลางความตึงเครียดทางการเมือง”

    ลองนึกภาพว่าคุณอยู่ในอิสตันบูล คืนวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2025 แล้วจู่ๆ โซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์มที่คุณใช้ — X (Twitter), YouTube, Instagram, Facebook, TikTok และ WhatsApp — หายไปจากหน้าจอแบบไม่มีคำอธิบาย นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในตุรกี เมื่อรัฐบาลเริ่มบล็อกการเข้าถึงแพลตฟอร์มหลักทั้งหมด ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนระอุ

    เหตุการณ์เริ่มต้นหลังพรรคฝ่ายค้าน CHP เรียกร้องให้ประชาชนออกมาชุมนุม หลังตำรวจปิดล้อมสำนักงานใหญ่ในอิสตันบูล โดย NetBlocks รายงานว่าการบล็อกเกิดขึ้นเฉพาะในเครือข่ายของเมืองนี้เป็นหลัก และยังคงดำเนินอยู่ในช่วงเวลาที่รายงาน

    ประชาชนไม่รอช้า รีบหาทางเข้าถึงโซเชียลมีเดียผ่าน VPN โดย Proton VPN รายงานว่ามีการสมัครใช้งานเพิ่มขึ้นกว่า 500% ภายในหนึ่งชั่วโมงในคืนวันอาทิตย์ และแนะนำให้ใช้โหมด Stealth พร้อมการตั้งค่า alternative routing เพื่อหลบเลี่ยงการบล็อก

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตุรกีใช้มาตรการแบบนี้ — ก่อนหน้านี้เคยมีการบล็อกโซเชียลมีเดียหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว การเลือกตั้ง และการจับกุมผู้นำฝ่ายค้าน โดยมีการใช้ VPN เพิ่มขึ้นถึง 15,000% ในบางช่วงเวลา

    แม้ VPN จะเป็นทางออกที่ประชาชนใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่เว็บไซต์ของผู้ให้บริการ VPN หลายราย เช่น Proton, NordVPN, Surfshark และ ExpressVPN ก็ถูกบล็อกเช่นกัน ทำให้ต้องดาวน์โหลดแอปผ่านช่องทางสำรอง เช่น GitHub หรือ App Store เท่านั้น

    เหตุการณ์บล็อกโซเชียลมีเดียในตุรกี
    เริ่มต้นคืนวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2025
    แพลตฟอร์มที่ถูกบล็อก: X, YouTube, Instagram, Facebook, TikTok, WhatsApp
    เกิดขึ้นหลังพรรค CHP เรียกร้องให้ประชาชนชุมนุม
    เครือข่ายในอิสตันบูลถูกบล็อกเป็นหลัก

    การตอบสนองของประชาชน
    Proton VPN รายงานการสมัครใช้งานเพิ่มขึ้น 500% ภายในหนึ่งชั่วโมง
    แนะนำให้ใช้โหมด Stealth และ alternative routing เพื่อหลบเลี่ยงการบล็อก
    ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอปผ่าน App Store หรือ GitHub หากเว็บไซต์ถูกบล็อก

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ตุรกีเคยบล็อกโซเชียลมีเดียในปี 2023–2024 หลังเหตุการณ์ทางการเมืองและภัยพิบัติ
    มีการใช้ VPN เพิ่มขึ้นถึง 15,000% ในบางช่วงเวลา
    ประเทศมีประวัติการเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง
    VPN เช่น Octohide ใช้เทคนิค VLESS และ REALITY เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับจากระบบ DPI

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/x-whatsapp-youtube-and-other-social-media-platforms-go-dark-in-turkey-and-vpn-usage-spikes
    📵 “ตุรกีปิดโซเชียลมีเดียทั่วประเทศ! X, YouTube, WhatsApp ดับกลางดึก — VPN พุ่ง 500% ท่ามกลางความตึงเครียดทางการเมือง” ลองนึกภาพว่าคุณอยู่ในอิสตันบูล คืนวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2025 แล้วจู่ๆ โซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์มที่คุณใช้ — X (Twitter), YouTube, Instagram, Facebook, TikTok และ WhatsApp — หายไปจากหน้าจอแบบไม่มีคำอธิบาย นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในตุรกี เมื่อรัฐบาลเริ่มบล็อกการเข้าถึงแพลตฟอร์มหลักทั้งหมด ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนระอุ เหตุการณ์เริ่มต้นหลังพรรคฝ่ายค้าน CHP เรียกร้องให้ประชาชนออกมาชุมนุม หลังตำรวจปิดล้อมสำนักงานใหญ่ในอิสตันบูล โดย NetBlocks รายงานว่าการบล็อกเกิดขึ้นเฉพาะในเครือข่ายของเมืองนี้เป็นหลัก และยังคงดำเนินอยู่ในช่วงเวลาที่รายงาน ประชาชนไม่รอช้า รีบหาทางเข้าถึงโซเชียลมีเดียผ่าน VPN โดย Proton VPN รายงานว่ามีการสมัครใช้งานเพิ่มขึ้นกว่า 500% ภายในหนึ่งชั่วโมงในคืนวันอาทิตย์ และแนะนำให้ใช้โหมด Stealth พร้อมการตั้งค่า alternative routing เพื่อหลบเลี่ยงการบล็อก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตุรกีใช้มาตรการแบบนี้ — ก่อนหน้านี้เคยมีการบล็อกโซเชียลมีเดียหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว การเลือกตั้ง และการจับกุมผู้นำฝ่ายค้าน โดยมีการใช้ VPN เพิ่มขึ้นถึง 15,000% ในบางช่วงเวลา แม้ VPN จะเป็นทางออกที่ประชาชนใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่เว็บไซต์ของผู้ให้บริการ VPN หลายราย เช่น Proton, NordVPN, Surfshark และ ExpressVPN ก็ถูกบล็อกเช่นกัน ทำให้ต้องดาวน์โหลดแอปผ่านช่องทางสำรอง เช่น GitHub หรือ App Store เท่านั้น ✅ เหตุการณ์บล็อกโซเชียลมีเดียในตุรกี ➡️ เริ่มต้นคืนวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2025 ➡️ แพลตฟอร์มที่ถูกบล็อก: X, YouTube, Instagram, Facebook, TikTok, WhatsApp ➡️ เกิดขึ้นหลังพรรค CHP เรียกร้องให้ประชาชนชุมนุม ➡️ เครือข่ายในอิสตันบูลถูกบล็อกเป็นหลัก ✅ การตอบสนองของประชาชน ➡️ Proton VPN รายงานการสมัครใช้งานเพิ่มขึ้น 500% ภายในหนึ่งชั่วโมง ➡️ แนะนำให้ใช้โหมด Stealth และ alternative routing เพื่อหลบเลี่ยงการบล็อก ➡️ ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอปผ่าน App Store หรือ GitHub หากเว็บไซต์ถูกบล็อก ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ตุรกีเคยบล็อกโซเชียลมีเดียในปี 2023–2024 หลังเหตุการณ์ทางการเมืองและภัยพิบัติ ➡️ มีการใช้ VPN เพิ่มขึ้นถึง 15,000% ในบางช่วงเวลา ➡️ ประเทศมีประวัติการเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง ➡️ VPN เช่น Octohide ใช้เทคนิค VLESS และ REALITY เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับจากระบบ DPI https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/x-whatsapp-youtube-and-other-social-media-platforms-go-dark-in-turkey-and-vpn-usage-spikes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 291 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts