• บทความกฎหมาย EP.38

    กฎหมายแรงงานฉบับลูกจ้าง: เกราะป้องกันที่คุณต้องมีในโลกการทำงาน
    ในโลกของการจ้างงานที่ขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันและภาระหน้าที่ เราในฐานะ "ลูกจ้าง" หรือ "คนทำงาน" มักได้ยินคำว่า "กฎหมายแรงงาน" อยู่บ่อยครั้ง จนบางครั้งเกิดความสับสนหรือไม่แน่ใจว่าแท้จริงแล้วสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายของเราครอบคลุมถึงขอบเขตใดบ้าง การตระหนักถึงข้อกฎหมายเหล่านี้จึงไม่ใช่เพียงแค่ความรู้ทั่วไป แต่เป็นเสมือน "เกราะป้องกัน" ที่สำคัญที่สุด ที่จะช่วยให้เราสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมั่นใจ ไม่ถูกเอาเปรียบ และเรียกร้องความเป็นธรรมได้เมื่อเกิดสถานการณ์ที่ไม่เป็นไปตามครรลองที่กฎหมายกำหนดไว้ เราจึงขอสรุปสาระสำคัญของกฎหมายแรงงานที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคนจำเป็นต้องทราบ ตั้งแต่เรื่องพื้นฐานของเวลาทำงาน วันหยุด วันลา ไปจนถึงสิทธิค่าชดเชยเมื่อถูกเลิกจ้าง เพื่อให้ทุกคน "รู้ทันสิทธิ" ของตนเองอย่างแท้จริง

    กฎหมายแรงงานได้กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำเกี่ยวกับ "เวลาทำงาน" เพื่อให้ลูกจ้างมีเวลาพักผ่อนที่เพียงพอ โดยกำหนดให้งานทั่วไปต้องทำงานไม่เกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน และรวมแล้วต้องไม่เกิน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ส่วนงานที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพหรืออันตรายจะถูกจำกัดเข้มงวดกว่า คือต้องไม่เกิน 5 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่นายจ้างต้องยึดถืออย่างเคร่งครัด หากมีความจำเป็นต้องทำงานล่วงเวลา หรือที่เรียกกันว่า "OT" (Overtime) กฎหมายก็กำหนดอัตราค่าตอบแทนที่เป็นธรรม โดยในวันธรรมดาจะต้องได้รับค่าล่วงเวลาไม่น้อยกว่า 1.5 เท่าของอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมง และเพิ่มเป็น 3 เท่าสำหรับวันหยุด และแม้จะเป็นการทำงานเพิ่มในเวลาทำงานปกติก็ตาม ก็ยังคงต้องได้รับค่าตอบแทนในอัตรา 1 เท่า หากแต่การทำงานล่วงเวลาทั้งหมดนี้ก็มีเพดานกำกับไว้ คือต้องไม่เกิน 36 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เพื่อป้องกันการใช้แรงงานเกินควร นอกจากเวลาทำงานแล้ว "วันหยุด" ก็เป็นอีกหนึ่งสิทธิพื้นฐานที่ถูกคุ้มครอง ลูกจ้างมีสิทธิได้รับวันหยุดประจำสัปดาห์อย่างน้อย 1 วัน และที่สำคัญคือสิทธิในวันหยุดตามประเพณี ซึ่งกฎหมายกำหนดไว้ว่าต้องไม่น้อยกว่า 13 วันต่อปี โดยรวมวันสำคัญทางศาสนาและวันหยุดราชการอื่น ๆ เพื่อให้ลูกจ้างมีโอกาสได้พักผ่อนและทำกิจกรรมทางสังคมได้อย่างเต็มที่ สิทธิในการ "ลา" เป็นอีกหนึ่งบทบัญญัติที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในคุณภาพชีวิตของลูกจ้าง เริ่มตั้งแต่ "ลาป่วย" ซึ่งลูกจ้างสามารถลาได้ตามที่ป่วยจริง และหากลาติดต่อกันเกินกว่า 3 วัน นายจ้างมีสิทธิขอ "ใบรับรองแพทย์" เพื่อประกอบการพิจารณา การ "ลาพักร้อน" หรือวันหยุดพักผ่อนประจำปี ก็ถูกกำหนดให้มีขั้นต่ำที่ 6 วันต่อปี หลังจากทำงานครบหนึ่งปี ส่วน "ลากิจธุระอันจำเป็น" นั้น แม้จะถูกกำหนดโดยกฎหมายให้นายจ้างอนุญาต แต่รายละเอียดและจำนวนวันลาที่เกินกว่า 3 วันขึ้นไป อาจขึ้นอยู่กับข้อตกลงหรือระเบียบขององค์กรนั้น ๆ สำหรับสิทธิของลูกจ้างหญิง กฎหมายให้สิทธิ "ลาคลอดบุตร" ได้สูงสุดถึง 120 วัน โดยได้รับค่าจ้างในระหว่างลานั้นไม่เกิน 60 วัน และล่าสุด ยังรวมถึงสิทธิ "ลาตรวจครรภ์" 15 วัน และ "ลาเพื่อช่วยคู่สมรสคลอดบุตร" 15 วัน ซึ่งต้องใช้สิทธิภายใน 90 วันหลังคลอด ซึ่งทั้งหมดนี้คือการยกระดับคุณภาพชีวิตและครอบครัวของแรงงาน

    แต่ประเด็นที่มักจะสร้างความกังวลใจและเป็นข้อพิพาทมากที่สุด คือเรื่องของการ "เลิกจ้าง" และ "ค่าชดเชย" กฎหมายแรงงานได้กำหนดอัตราค่าชดเชยที่ชัดเจนและเป็นไปตามระยะเวลาการทำงานของลูกจ้าง เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อต้องออกจากงาน ลูกจ้างจะได้รับเงินชดเชยที่เหมาะสมตามความทุ่มเทและเวลาที่ได้อุทิศให้แก่องค์กร โดยเริ่มตั้งแต่การทำงานครบ 120 วันแต่ไม่ถึง 1 ปี จะได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้าง 30 วัน ไปจนถึงกรณีที่ทำงานมาอย่างยาวนานตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป จะได้รับค่าชดเชยสูงสุดถึง 300 วัน ซึ่งการกำหนดอัตราค่าชดเชยนี้เป็นไปเพื่อคุ้มครองสถานะทางการเงินของลูกจ้างในช่วงเปลี่ยนผ่านการทำงาน การทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในเรื่องเวลาทำงาน ค่าล่วงเวลา วันหยุด วันลา และค่าชดเชยการเลิกจ้าง ตามที่กระทรวงแรงงานได้ประกาศไว้นั้น จึงไม่ใช่เพียงแค่การท่องจำตัวเลข แต่เป็นการติดอาวุธทางปัญญาให้กับตนเองในฐานะลูกจ้าง เพื่อใช้กฎหมายเป็นกลไกในการรักษาสิทธิของตนเองให้ได้รับความเสมอภาคและความเป็นธรรมตามหลักนิติธรรมที่ใช้กำกับดูแลความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง

    ดังนั้น การศึกษากฎหมายแรงงานจึงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญสูงสุด ไม่ว่าคุณจะอยู่ในตำแหน่งใดหรือทำงานในอุตสาหกรรมใดก็ตาม การ "รู้ทันสิทธิ" เหล่านี้จะทำให้คุณไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าในโครงสร้างการจ้างงาน และทำให้คุณสามารถก้าวเดินในโลกของการทำงานได้อย่างมั่นคงและมั่นใจ การใช้กฎหมายเป็นหลักในการเจรจาและการปฏิบัติงานคือการแสดงออกถึงความเป็นมืออาชีพและการเคารพในตัวเอง เพราะสิทธิที่เราได้รับตามกฎหมายแรงงานนั้น แท้จริงแล้วคือสิ่งที่สังคมยอมรับว่าเป็นความยุติธรรมขั้นพื้นฐานที่เราพึงได้รับจากการใช้แรงงานและเวลาอันมีค่าของเราในการสร้างสรรค์ผลผลิตให้กับสังคมนั่นเอง
    บทความกฎหมาย EP.38 กฎหมายแรงงานฉบับลูกจ้าง: เกราะป้องกันที่คุณต้องมีในโลกการทำงาน ในโลกของการจ้างงานที่ขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันและภาระหน้าที่ เราในฐานะ "ลูกจ้าง" หรือ "คนทำงาน" มักได้ยินคำว่า "กฎหมายแรงงาน" อยู่บ่อยครั้ง จนบางครั้งเกิดความสับสนหรือไม่แน่ใจว่าแท้จริงแล้วสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายของเราครอบคลุมถึงขอบเขตใดบ้าง การตระหนักถึงข้อกฎหมายเหล่านี้จึงไม่ใช่เพียงแค่ความรู้ทั่วไป แต่เป็นเสมือน "เกราะป้องกัน" ที่สำคัญที่สุด ที่จะช่วยให้เราสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมั่นใจ ไม่ถูกเอาเปรียบ และเรียกร้องความเป็นธรรมได้เมื่อเกิดสถานการณ์ที่ไม่เป็นไปตามครรลองที่กฎหมายกำหนดไว้ เราจึงขอสรุปสาระสำคัญของกฎหมายแรงงานที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคนจำเป็นต้องทราบ ตั้งแต่เรื่องพื้นฐานของเวลาทำงาน วันหยุด วันลา ไปจนถึงสิทธิค่าชดเชยเมื่อถูกเลิกจ้าง เพื่อให้ทุกคน "รู้ทันสิทธิ" ของตนเองอย่างแท้จริง กฎหมายแรงงานได้กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำเกี่ยวกับ "เวลาทำงาน" เพื่อให้ลูกจ้างมีเวลาพักผ่อนที่เพียงพอ โดยกำหนดให้งานทั่วไปต้องทำงานไม่เกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน และรวมแล้วต้องไม่เกิน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ส่วนงานที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพหรืออันตรายจะถูกจำกัดเข้มงวดกว่า คือต้องไม่เกิน 5 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่นายจ้างต้องยึดถืออย่างเคร่งครัด หากมีความจำเป็นต้องทำงานล่วงเวลา หรือที่เรียกกันว่า "OT" (Overtime) กฎหมายก็กำหนดอัตราค่าตอบแทนที่เป็นธรรม โดยในวันธรรมดาจะต้องได้รับค่าล่วงเวลาไม่น้อยกว่า 1.5 เท่าของอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมง และเพิ่มเป็น 3 เท่าสำหรับวันหยุด และแม้จะเป็นการทำงานเพิ่มในเวลาทำงานปกติก็ตาม ก็ยังคงต้องได้รับค่าตอบแทนในอัตรา 1 เท่า หากแต่การทำงานล่วงเวลาทั้งหมดนี้ก็มีเพดานกำกับไว้ คือต้องไม่เกิน 36 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เพื่อป้องกันการใช้แรงงานเกินควร นอกจากเวลาทำงานแล้ว "วันหยุด" ก็เป็นอีกหนึ่งสิทธิพื้นฐานที่ถูกคุ้มครอง ลูกจ้างมีสิทธิได้รับวันหยุดประจำสัปดาห์อย่างน้อย 1 วัน และที่สำคัญคือสิทธิในวันหยุดตามประเพณี ซึ่งกฎหมายกำหนดไว้ว่าต้องไม่น้อยกว่า 13 วันต่อปี โดยรวมวันสำคัญทางศาสนาและวันหยุดราชการอื่น ๆ เพื่อให้ลูกจ้างมีโอกาสได้พักผ่อนและทำกิจกรรมทางสังคมได้อย่างเต็มที่ สิทธิในการ "ลา" เป็นอีกหนึ่งบทบัญญัติที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในคุณภาพชีวิตของลูกจ้าง เริ่มตั้งแต่ "ลาป่วย" ซึ่งลูกจ้างสามารถลาได้ตามที่ป่วยจริง และหากลาติดต่อกันเกินกว่า 3 วัน นายจ้างมีสิทธิขอ "ใบรับรองแพทย์" เพื่อประกอบการพิจารณา การ "ลาพักร้อน" หรือวันหยุดพักผ่อนประจำปี ก็ถูกกำหนดให้มีขั้นต่ำที่ 6 วันต่อปี หลังจากทำงานครบหนึ่งปี ส่วน "ลากิจธุระอันจำเป็น" นั้น แม้จะถูกกำหนดโดยกฎหมายให้นายจ้างอนุญาต แต่รายละเอียดและจำนวนวันลาที่เกินกว่า 3 วันขึ้นไป อาจขึ้นอยู่กับข้อตกลงหรือระเบียบขององค์กรนั้น ๆ สำหรับสิทธิของลูกจ้างหญิง กฎหมายให้สิทธิ "ลาคลอดบุตร" ได้สูงสุดถึง 120 วัน โดยได้รับค่าจ้างในระหว่างลานั้นไม่เกิน 60 วัน และล่าสุด ยังรวมถึงสิทธิ "ลาตรวจครรภ์" 15 วัน และ "ลาเพื่อช่วยคู่สมรสคลอดบุตร" 15 วัน ซึ่งต้องใช้สิทธิภายใน 90 วันหลังคลอด ซึ่งทั้งหมดนี้คือการยกระดับคุณภาพชีวิตและครอบครัวของแรงงาน แต่ประเด็นที่มักจะสร้างความกังวลใจและเป็นข้อพิพาทมากที่สุด คือเรื่องของการ "เลิกจ้าง" และ "ค่าชดเชย" กฎหมายแรงงานได้กำหนดอัตราค่าชดเชยที่ชัดเจนและเป็นไปตามระยะเวลาการทำงานของลูกจ้าง เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อต้องออกจากงาน ลูกจ้างจะได้รับเงินชดเชยที่เหมาะสมตามความทุ่มเทและเวลาที่ได้อุทิศให้แก่องค์กร โดยเริ่มตั้งแต่การทำงานครบ 120 วันแต่ไม่ถึง 1 ปี จะได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้าง 30 วัน ไปจนถึงกรณีที่ทำงานมาอย่างยาวนานตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป จะได้รับค่าชดเชยสูงสุดถึง 300 วัน ซึ่งการกำหนดอัตราค่าชดเชยนี้เป็นไปเพื่อคุ้มครองสถานะทางการเงินของลูกจ้างในช่วงเปลี่ยนผ่านการทำงาน การทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในเรื่องเวลาทำงาน ค่าล่วงเวลา วันหยุด วันลา และค่าชดเชยการเลิกจ้าง ตามที่กระทรวงแรงงานได้ประกาศไว้นั้น จึงไม่ใช่เพียงแค่การท่องจำตัวเลข แต่เป็นการติดอาวุธทางปัญญาให้กับตนเองในฐานะลูกจ้าง เพื่อใช้กฎหมายเป็นกลไกในการรักษาสิทธิของตนเองให้ได้รับความเสมอภาคและความเป็นธรรมตามหลักนิติธรรมที่ใช้กำกับดูแลความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง ดังนั้น การศึกษากฎหมายแรงงานจึงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญสูงสุด ไม่ว่าคุณจะอยู่ในตำแหน่งใดหรือทำงานในอุตสาหกรรมใดก็ตาม การ "รู้ทันสิทธิ" เหล่านี้จะทำให้คุณไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าในโครงสร้างการจ้างงาน และทำให้คุณสามารถก้าวเดินในโลกของการทำงานได้อย่างมั่นคงและมั่นใจ การใช้กฎหมายเป็นหลักในการเจรจาและการปฏิบัติงานคือการแสดงออกถึงความเป็นมืออาชีพและการเคารพในตัวเอง เพราะสิทธิที่เราได้รับตามกฎหมายแรงงานนั้น แท้จริงแล้วคือสิ่งที่สังคมยอมรับว่าเป็นความยุติธรรมขั้นพื้นฐานที่เราพึงได้รับจากการใช้แรงงานและเวลาอันมีค่าของเราในการสร้างสรรค์ผลผลิตให้กับสังคมนั่นเอง
    0 Comments 0 Shares 55 Views 0 Reviews
  • Jensen Huang ผลักดันการใช้ AI ภายในองค์กร

    Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia กระตุ้นให้พนักงานใช้ AI ให้มากขึ้น โดยกล่าวกับผู้จัดการที่พยายามห้ามว่า “Are you insane?” พร้อมย้ำว่า AI จะไม่มาแทนที่งานของพนักงาน แต่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และบริษัทยังคงต้องการคนเพิ่มอีกหลายพันตำแหน่ง

    ในการประชุมพนักงานหลังจาก Nvidia รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ทำสถิติสูงสุด Huang ได้กล่าวว่า ผู้จัดการที่ห้ามลูกทีมใช้ AI กำลังคิดผิด เขาย้ำว่า “ทุกงานที่สามารถทำได้ด้วย AI ควรใช้ AI” และสัญญาว่าพนักงานจะยังมีงานทำ เพราะ AI เป็นเพียงเครื่องมือเสริม ไม่ใช่สิ่งที่จะมาแทนที่มนุษย์ทั้งหมด

    ความกังวลและการยืนยันของซีอีโอ
    แม้หลายฝ่ายกังวลว่า AI จะทำให้คนตกงาน แต่ Huang ยืนยันว่า Nvidia ยังคงจ้างงานต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมาเพิ่มพนักงานกว่า 6,000 คน และยังต้องการอีกประมาณ 10,000 คน เขาเน้นว่า AI จะช่วยให้พนักงานทำงานได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ใช่ทำให้คนหมดความจำเป็น

    แนวโน้มในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
    ท่าทีของ Huang สอดคล้องกับบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Meta และ Microsoft ที่บังคับใช้ AI เป็นส่วนหนึ่งของการประเมินพนักงาน ขณะที่ Google ก็สั่งให้วิศวกรใช้ AI ในการเขียนโค้ด และ Amazon มีพนักงานเรียกร้องให้บริษัทนำ AI coding tool มาใช้ การผลักดันนี้สะท้อนว่า AI กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในวงการเทคโนโลยี

    ความเสี่ยงและเสียงเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ
    แม้ Huang จะให้ความมั่นใจ แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเตือนว่า AI อาจทำให้เกิดการตกงานจำนวนมาก เช่น ซีอีโอของ Ford เคยกล่าวว่า AI อาจลบครึ่งหนึ่งของงาน white-collar ในสหรัฐฯ และการศึกษาโดย MIT ร่วมกับ Oak Ridge National Laboratory คาดว่า 11.7% ของแรงงาน อาจถูกแทนที่ด้วย AI ในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    คำพูดของ Jensen Huang
    กระตุ้นให้พนักงานใช้ AI มากขึ้น
    ย้ำว่า AI เป็นเครื่องมือ ไม่ใช่สิ่งแทนที่มนุษย์

    การจ้างงานของ Nvidia
    เพิ่มพนักงานกว่า 6,000 คนในปีที่ผ่านมา
    ต้องการอีกประมาณ 10,000 คน

    แนวโน้มในอุตสาหกรรม
    Meta และ Microsoft บังคับใช้ AI ในการทำงาน
    Google และ Amazon ผลักดันการใช้ AI coding tool

    คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ
    AI อาจทำให้ครึ่งหนึ่งของงาน white-collar หายไป
    การศึกษา MIT คาดว่า 11.7% ของแรงงานเสี่ยงถูกแทนที่

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/nvidia-ceo-jensen-huang-allegedly-asks-managers-discouraging-ai-use-are-you-insane-assures-employees-their-jobs-arent-at-risk-because-of-ai
    🤖 Jensen Huang ผลักดันการใช้ AI ภายในองค์กร Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia กระตุ้นให้พนักงานใช้ AI ให้มากขึ้น โดยกล่าวกับผู้จัดการที่พยายามห้ามว่า “Are you insane?” พร้อมย้ำว่า AI จะไม่มาแทนที่งานของพนักงาน แต่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และบริษัทยังคงต้องการคนเพิ่มอีกหลายพันตำแหน่ง ในการประชุมพนักงานหลังจาก Nvidia รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ทำสถิติสูงสุด Huang ได้กล่าวว่า ผู้จัดการที่ห้ามลูกทีมใช้ AI กำลังคิดผิด เขาย้ำว่า “ทุกงานที่สามารถทำได้ด้วย AI ควรใช้ AI” และสัญญาว่าพนักงานจะยังมีงานทำ เพราะ AI เป็นเพียงเครื่องมือเสริม ไม่ใช่สิ่งที่จะมาแทนที่มนุษย์ทั้งหมด 📈 ความกังวลและการยืนยันของซีอีโอ แม้หลายฝ่ายกังวลว่า AI จะทำให้คนตกงาน แต่ Huang ยืนยันว่า Nvidia ยังคงจ้างงานต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมาเพิ่มพนักงานกว่า 6,000 คน และยังต้องการอีกประมาณ 10,000 คน เขาเน้นว่า AI จะช่วยให้พนักงานทำงานได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ใช่ทำให้คนหมดความจำเป็น 🌍 แนวโน้มในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ท่าทีของ Huang สอดคล้องกับบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Meta และ Microsoft ที่บังคับใช้ AI เป็นส่วนหนึ่งของการประเมินพนักงาน ขณะที่ Google ก็สั่งให้วิศวกรใช้ AI ในการเขียนโค้ด และ Amazon มีพนักงานเรียกร้องให้บริษัทนำ AI coding tool มาใช้ การผลักดันนี้สะท้อนว่า AI กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในวงการเทคโนโลยี ⚠️ ความเสี่ยงและเสียงเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ แม้ Huang จะให้ความมั่นใจ แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเตือนว่า AI อาจทำให้เกิดการตกงานจำนวนมาก เช่น ซีอีโอของ Ford เคยกล่าวว่า AI อาจลบครึ่งหนึ่งของงาน white-collar ในสหรัฐฯ และการศึกษาโดย MIT ร่วมกับ Oak Ridge National Laboratory คาดว่า 11.7% ของแรงงาน อาจถูกแทนที่ด้วย AI ในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ คำพูดของ Jensen Huang ➡️ กระตุ้นให้พนักงานใช้ AI มากขึ้น ➡️ ย้ำว่า AI เป็นเครื่องมือ ไม่ใช่สิ่งแทนที่มนุษย์ ✅ การจ้างงานของ Nvidia ➡️ เพิ่มพนักงานกว่า 6,000 คนในปีที่ผ่านมา ➡️ ต้องการอีกประมาณ 10,000 คน ✅ แนวโน้มในอุตสาหกรรม ➡️ Meta และ Microsoft บังคับใช้ AI ในการทำงาน ➡️ Google และ Amazon ผลักดันการใช้ AI coding tool ‼️ คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ ⛔ AI อาจทำให้ครึ่งหนึ่งของงาน white-collar หายไป ⛔ การศึกษา MIT คาดว่า 11.7% ของแรงงานเสี่ยงถูกแทนที่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/nvidia-ceo-jensen-huang-allegedly-asks-managers-discouraging-ai-use-are-you-insane-assures-employees-their-jobs-arent-at-risk-because-of-ai
    0 Comments 0 Shares 191 Views 0 Reviews
  • Amazon ปลดพนักงานซานดิเอโก

    Amazon ได้แจ้งเตือนตามกฎหมายแรงงานของรัฐแคลิฟอร์เนียว่าจะปลดพนักงาน 145 คนในซานดิเอโก โดยวันสุดท้ายของการทำงานคือ 26 มกราคม 2026 การปลดครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับลดพนักงานทั่วสหรัฐฯ กว่า 14,000 คน ซึ่งกระทบต่อหลายฝ่ายในองค์กร.

    AI และการเปลี่ยนแปลงงานพัฒนา
    หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ถูกพูดถึงคือ การนำ AI มาใช้แทนงานบางส่วนของนักพัฒนา โดยมีรายงานว่าพนักงานบางคนรู้สึกว่างานของตนเริ่มคล้ายกับงานในคลังสินค้า คือซ้ำซากและถูกควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติ การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนให้เห็นว่า AI ไม่ได้กระทบเฉพาะงานแรงงาน แต่ยังส่งผลต่อสายงานเทคโนโลยีโดยตรง.

    ธุรกิจเกมที่ไม่ประสบความสำเร็จ
    นอกจาก AI แล้ว การปลดพนักงานยังเชื่อมโยงกับ แผนกเกมของ Amazon ที่ประสบปัญหาขาดทุนและไม่สามารถแข่งขันในตลาดได้ ทำให้บริษัทต้องปรับโครงสร้างและลดจำนวนทีมพัฒนาในซานดิเอโก ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการพัฒนาเกมของบริษัท.

    ผลกระทบต่อแรงงานและอุตสาหกรรม
    การปลดพนักงานครั้งนี้ไม่เพียงกระทบต่อแรงงานในซานดิเอโก แต่ยังสะท้อนถึงแนวโน้มในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ AI กำลังเข้ามาแทนที่งานมนุษย์ มากขึ้น ขณะเดียวกันก็สร้างคำถามว่าองค์กรควรจัดการการเปลี่ยนผ่านนี้อย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางสังคมรุนแรง.

    สรุปสาระสำคัญ
    Amazon ปลดพนักงาน 145 คนในซานดิเอโก
    วันสุดท้ายทำงานคือ 26 มกราคม 2026

    เป็นส่วนหนึ่งของการปลดทั่วสหรัฐฯ กว่า 14,000 คน
    กระทบหลายฝ่ายในองค์กร

    AI ถูกนำมาใช้แทนงานบางส่วนของนักพัฒนา
    งานซ้ำซากและถูกควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติ

    ธุรกิจเกมของ Amazon ขาดทุนและไม่สามารถแข่งขันได้
    ต้องปรับโครงสร้างและลดทีมพัฒนา

    การใช้ AI แทนแรงงานอาจสร้างความไม่มั่นคงทางอาชีพ
    พนักงานสายเทคโนโลยีเสี่ยงถูกแทนที่มากขึ้น

    การปลดพนักงานจำนวนมากอาจกระทบเศรษฐกิจท้องถิ่น
    ลดโอกาสการจ้างงานในซานดิเอโกและอุตสาหกรรมเกม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/27/amazon-is-shedding-software-developer-jobs-in-san-diego-is-ai-to-blame
    🏢 Amazon ปลดพนักงานซานดิเอโก Amazon ได้แจ้งเตือนตามกฎหมายแรงงานของรัฐแคลิฟอร์เนียว่าจะปลดพนักงาน 145 คนในซานดิเอโก โดยวันสุดท้ายของการทำงานคือ 26 มกราคม 2026 การปลดครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับลดพนักงานทั่วสหรัฐฯ กว่า 14,000 คน ซึ่งกระทบต่อหลายฝ่ายในองค์กร. 🤖 AI และการเปลี่ยนแปลงงานพัฒนา หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ถูกพูดถึงคือ การนำ AI มาใช้แทนงานบางส่วนของนักพัฒนา โดยมีรายงานว่าพนักงานบางคนรู้สึกว่างานของตนเริ่มคล้ายกับงานในคลังสินค้า คือซ้ำซากและถูกควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติ การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนให้เห็นว่า AI ไม่ได้กระทบเฉพาะงานแรงงาน แต่ยังส่งผลต่อสายงานเทคโนโลยีโดยตรง. 🎮 ธุรกิจเกมที่ไม่ประสบความสำเร็จ นอกจาก AI แล้ว การปลดพนักงานยังเชื่อมโยงกับ แผนกเกมของ Amazon ที่ประสบปัญหาขาดทุนและไม่สามารถแข่งขันในตลาดได้ ทำให้บริษัทต้องปรับโครงสร้างและลดจำนวนทีมพัฒนาในซานดิเอโก ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการพัฒนาเกมของบริษัท. 🌐 ผลกระทบต่อแรงงานและอุตสาหกรรม การปลดพนักงานครั้งนี้ไม่เพียงกระทบต่อแรงงานในซานดิเอโก แต่ยังสะท้อนถึงแนวโน้มในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ AI กำลังเข้ามาแทนที่งานมนุษย์ มากขึ้น ขณะเดียวกันก็สร้างคำถามว่าองค์กรควรจัดการการเปลี่ยนผ่านนี้อย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางสังคมรุนแรง. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Amazon ปลดพนักงาน 145 คนในซานดิเอโก ➡️ วันสุดท้ายทำงานคือ 26 มกราคม 2026 ✅ เป็นส่วนหนึ่งของการปลดทั่วสหรัฐฯ กว่า 14,000 คน ➡️ กระทบหลายฝ่ายในองค์กร ✅ AI ถูกนำมาใช้แทนงานบางส่วนของนักพัฒนา ➡️ งานซ้ำซากและถูกควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติ ✅ ธุรกิจเกมของ Amazon ขาดทุนและไม่สามารถแข่งขันได้ ➡️ ต้องปรับโครงสร้างและลดทีมพัฒนา ‼️ การใช้ AI แทนแรงงานอาจสร้างความไม่มั่นคงทางอาชีพ ⛔ พนักงานสายเทคโนโลยีเสี่ยงถูกแทนที่มากขึ้น ‼️ การปลดพนักงานจำนวนมากอาจกระทบเศรษฐกิจท้องถิ่น ⛔ ลดโอกาสการจ้างงานในซานดิเอโกและอุตสาหกรรมเกม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/27/amazon-is-shedding-software-developer-jobs-in-san-diego-is-ai-to-blame
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Amazon is shedding software developer jobs in San Diego. Is AI to blame?
    Using AI as a reason for layoffs has now coined a new term, "AI washing." The concept, cited by CNBC in several articles, has several experts claiming many large companies are using it as a justification for old-fashioned cost-cutting.
    0 Comments 0 Shares 155 Views 0 Reviews
  • AI กำลังเปลี่ยนแปลงโลกงานอย่างไม่คาดคิด

    รายงานจาก World Economic Forum ระบุว่า AI จะมีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงงานทั่วโลก โดยคาดว่าจะมีการสร้างงานใหม่กว่า 170 ล้านตำแหน่ง แต่ก็จะสูญเสียไปกว่า 92 ล้านตำแหน่งในเวลาเดียวกัน งานที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ เจ้าหน้าที่ธุรการ เลขานุการ และงานที่มีลักษณะซ้ำๆ ซึ่งกำลังถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติและ AI-powered agents

    บริษัทใหญ่เช่น IBM และ Meta ได้เริ่มลดจำนวนพนักงานในตำแหน่งที่ไม่ใช่สายเทคนิค โดย IBM ถึงขั้นใช้ AI แทนพนักงาน HR ในบางส่วน ขณะที่ Walmart ก็ยืนยันว่า “ทุกงานจะเปลี่ยนไปไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง” ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า แม้แต่งานที่ยังคงอยู่ก็จะถูกปรับเปลี่ยนด้วย AI

    งานใหม่ที่เกิดขึ้นจากการเติบโตของ AI
    แม้จะมีการลดตำแหน่งงาน แต่ AI ก็สร้างโอกาสใหม่เช่นกัน โดยเฉพาะ Prompt Engineer, Automation Specialist และงานที่เน้น Critical Thinking ซึ่งเป็นทักษะที่ AI ยังไม่สามารถแทนที่ได้เต็มที่ นอกจากนี้ยังมีความต้องการแรงงานฝีมือ เช่น ช่างไฟฟ้า ช่างไม้ และช่างประปา เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านดาต้าเซ็นเตอร์ที่รองรับ AI

    นอกเหนือจากงานสายเทคนิคแล้ว หุ่นยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI กำลังเข้ามาแทนแรงงานมนุษย์ในหลายภาคส่วน ตั้งแต่การเก็บผลไม้ ทำกาแฟ ไปจนถึงการทำงานในพื้นที่เสี่ยงอันตราย ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อชีวิตมนุษย์ แต่ก็ทำให้แรงงานที่มีการศึกษาน้อยถูกแทนที่มากขึ้น

    ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนของตลาดแรงงาน
    แม้ AI จะสร้างงานใหม่ แต่การเปลี่ยนแปลงนี้มีลักษณะ ไม่สมดุล โดยงานที่ต้องใช้การตัดสินใจและการคิดเชิงวิพากษ์ยังคงมีความต้องการสูง ขณะที่งานที่ซ้ำๆ และใช้แรงงานพื้นฐานกำลังหายไปอย่างรวดเร็ว ธนาคารกลาง St. Louis ชี้ว่า หุ่นยนต์มักแทนที่แรงงานที่มีการศึกษาต่ำ และแนวโน้มนี้จะขยายไปยังสายการผลิต เช่น การใช้แขนกลในการเคลื่อนย้ายวัสดุในโรงงาน

    สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามว่า AI จะเป็นผลบวกสุทธิหรือไม่ต่อการจ้างงาน เพราะแม้จะมีการสร้างงานใหม่ แต่จำนวนงานที่หายไปและความเหลื่อมล้ำทางทักษะอาจทำให้แรงงานจำนวนมากถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง

    สรุปสาระสำคัญ
    AI สร้างและทำลายงานพร้อมกัน
    170 ล้านงานใหม่ แต่ 92 ล้านงานหายไป

    งานที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด
    เจ้าหน้าที่ธุรการ เลขานุการ และงานซ้ำๆ

    บริษัทใหญ่เริ่มใช้ AI แทนคน
    IBM ใช้ AI แทน HR, Walmart ยืนยันทุกงานจะเปลี่ยน

    งานใหม่ที่เกิดขึ้น
    Prompt Engineer, Automation Specialist, ช่างไฟฟ้า และงานที่ใช้ Critical Thinking

    ความเสี่ยงต่อแรงงานการศึกษาต่ำ
    หุ่นยนต์แทนที่งานซ้ำๆ เช่น การผลิตและงานบริการ

    ความไม่แน่นอนของตลาดแรงงาน
    แม้มีงานใหม่ แต่ความเหลื่อมล้ำทางทักษะอาจเพิ่มขึ้น

    https://www.slashgear.com/2034261/artificial-intelligence-middle-management-job-layoffs/
    🤖 AI กำลังเปลี่ยนแปลงโลกงานอย่างไม่คาดคิด รายงานจาก World Economic Forum ระบุว่า AI จะมีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงงานทั่วโลก โดยคาดว่าจะมีการสร้างงานใหม่กว่า 170 ล้านตำแหน่ง แต่ก็จะสูญเสียไปกว่า 92 ล้านตำแหน่งในเวลาเดียวกัน งานที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ เจ้าหน้าที่ธุรการ เลขานุการ และงานที่มีลักษณะซ้ำๆ ซึ่งกำลังถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติและ AI-powered agents บริษัทใหญ่เช่น IBM และ Meta ได้เริ่มลดจำนวนพนักงานในตำแหน่งที่ไม่ใช่สายเทคนิค โดย IBM ถึงขั้นใช้ AI แทนพนักงาน HR ในบางส่วน ขณะที่ Walmart ก็ยืนยันว่า “ทุกงานจะเปลี่ยนไปไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง” ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า แม้แต่งานที่ยังคงอยู่ก็จะถูกปรับเปลี่ยนด้วย AI 🛠️ งานใหม่ที่เกิดขึ้นจากการเติบโตของ AI แม้จะมีการลดตำแหน่งงาน แต่ AI ก็สร้างโอกาสใหม่เช่นกัน โดยเฉพาะ Prompt Engineer, Automation Specialist และงานที่เน้น Critical Thinking ซึ่งเป็นทักษะที่ AI ยังไม่สามารถแทนที่ได้เต็มที่ นอกจากนี้ยังมีความต้องการแรงงานฝีมือ เช่น ช่างไฟฟ้า ช่างไม้ และช่างประปา เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านดาต้าเซ็นเตอร์ที่รองรับ AI นอกเหนือจากงานสายเทคนิคแล้ว หุ่นยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI กำลังเข้ามาแทนแรงงานมนุษย์ในหลายภาคส่วน ตั้งแต่การเก็บผลไม้ ทำกาแฟ ไปจนถึงการทำงานในพื้นที่เสี่ยงอันตราย ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อชีวิตมนุษย์ แต่ก็ทำให้แรงงานที่มีการศึกษาน้อยถูกแทนที่มากขึ้น ⚠️ ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนของตลาดแรงงาน แม้ AI จะสร้างงานใหม่ แต่การเปลี่ยนแปลงนี้มีลักษณะ ไม่สมดุล โดยงานที่ต้องใช้การตัดสินใจและการคิดเชิงวิพากษ์ยังคงมีความต้องการสูง ขณะที่งานที่ซ้ำๆ และใช้แรงงานพื้นฐานกำลังหายไปอย่างรวดเร็ว ธนาคารกลาง St. Louis ชี้ว่า หุ่นยนต์มักแทนที่แรงงานที่มีการศึกษาต่ำ และแนวโน้มนี้จะขยายไปยังสายการผลิต เช่น การใช้แขนกลในการเคลื่อนย้ายวัสดุในโรงงาน สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามว่า AI จะเป็นผลบวกสุทธิหรือไม่ต่อการจ้างงาน เพราะแม้จะมีการสร้างงานใหม่ แต่จำนวนงานที่หายไปและความเหลื่อมล้ำทางทักษะอาจทำให้แรงงานจำนวนมากถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ AI สร้างและทำลายงานพร้อมกัน ➡️ 170 ล้านงานใหม่ แต่ 92 ล้านงานหายไป ✅ งานที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ➡️ เจ้าหน้าที่ธุรการ เลขานุการ และงานซ้ำๆ ✅ บริษัทใหญ่เริ่มใช้ AI แทนคน ➡️ IBM ใช้ AI แทน HR, Walmart ยืนยันทุกงานจะเปลี่ยน ✅ งานใหม่ที่เกิดขึ้น ➡️ Prompt Engineer, Automation Specialist, ช่างไฟฟ้า และงานที่ใช้ Critical Thinking ‼️ ความเสี่ยงต่อแรงงานการศึกษาต่ำ ⛔ หุ่นยนต์แทนที่งานซ้ำๆ เช่น การผลิตและงานบริการ ‼️ ความไม่แน่นอนของตลาดแรงงาน ⛔ แม้มีงานใหม่ แต่ความเหลื่อมล้ำทางทักษะอาจเพิ่มขึ้น https://www.slashgear.com/2034261/artificial-intelligence-middle-management-job-layoffs/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    The Jobs AI Is Taking First Aren't The Ones You Might Expect - SlashGear
    Artificial intelligence has many worried about its impact on the job market, but you may be surprised how things are going.
    0 Comments 0 Shares 174 Views 0 Reviews
  • 🩷 รวมข่าวจาก TechRadar ประจำวัน 🩷
    #20251118 #techradar

    Google เปิดตัว AI พยากรณ์อากาศใหม่ WeatherNext 2
    Google พัฒนาโมเดล AI ชื่อ WeatherNext 2 ที่สามารถคาดการณ์สภาพอากาศได้เร็วและแม่นยำกว่าระบบเดิมถึง 8 เท่า ภายในเวลาไม่ถึงนาที AI นี้ไม่ได้ให้แค่ผลลัพธ์เดียว แต่สร้าง “หลายความเป็นไปได้” ของสภาพอากาศ ทำให้ผู้ใช้เห็นภาพรวมว่ามีโอกาสเกิดอะไรบ้าง เช่น ฝนตกหรือแดดออกในช่วงเวลาใด นอกจากนี้ยังถูกนำไปใช้ใน Google Search, Pixel Weather และ Google Maps เพื่อช่วยให้การวางแผนชีวิตประจำวันและการจัดการพลังงานหมุนเวียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    OWC Helios 5S: เพิ่มพลังให้ Mac เล็ก ๆ ด้วย Thunderbolt 5
    OWC เปิดตัว Helios 5S กล่องขยาย PCIe สำหรับเครื่อง Mac ขนาดเล็กที่ใช้ Thunderbolt 5 ความเร็วสูงถึง 80Gb/s ทำให้สามารถต่อการ์ด PCIe 4.0 และอุปกรณ์เสริมความเร็วสูงได้เต็มประสิทธิภาพ รองรับจอ 8K ได้ถึง 3 จอ เหมาะสำหรับงานสร้างสรรค์ที่ต้องการพลังการประมวลผลมากขึ้น แม้จะไม่รองรับ GPU ที่ใช้พลังงานสูง แต่ก็ถือเป็นการยกระดับเครื่องเล็กให้ใกล้เคียงเวิร์กสเตชัน

    Samsung ขยาย “The Wall” จอ LED ยักษ์สำหรับองค์กร
    Samsung เปิดตัวรุ่นใหม่ของ The Wall จอ LED ขนาดมหึมาที่ออกแบบมาเพื่อสำนักงานและพื้นที่ธุรกิจ ใช้ชิปประมวลผล AI Gen2 ที่ช่วยปรับภาพให้คมชัด ลดสัญญาณรบกวน และอัปสเกลภาพให้ใกล้เคียง 8K จุดเด่นคือความสว่างสูงถึง 1,000 nits และเทคโนโลยี Black Seal ที่ทำให้สีดำลึกขึ้น เหมาะกับการใช้งานในห้องประชุมใหญ่หรือพื้นที่ที่ต้องการภาพคมชัดต่อเนื่อง

    สัมภาษณ์พิเศษ Sundar Pichai: Running The Google Empire
    BBC จัดสัมภาษณ์พิเศษกับ Sundar Pichai CEO ของ Google ที่พูดถึงการนำบริษัทผ่านยุค AI ที่กำลังเปลี่ยนโลก เขาเล่าถึงความท้าทายของการลงทุนมหาศาลใน AI ผลกระทบต่อการจ้างงาน และบทบาทของ Google ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รายการนี้สามารถรับชมฟรีผ่าน BBC iPlayer

    Amazon พบการโจมตี npm ครั้งใหญ่กว่า 150,000 แพ็กเกจ
    นักวิจัยจาก Amazon ตรวจพบการแพร่กระจายแพ็กเกจ npm กว่า 150,000 ตัว ที่ถูกใช้ในแผนการหลอกลวงเพื่อสร้างรายได้จากโทเคน TEA แม้แพ็กเกจเหล่านี้จะไม่ขโมยข้อมูลโดยตรง แต่มีพฤติกรรม “self-replicating” และอาจถูกเปลี่ยนให้เป็นอันตรายได้ เหตุการณ์นี้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในการโจมตีซัพพลายเชนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โอเพ่นซอร์ส

    OpenAI ทดลองให้ ChatGPT เข้าร่วมแชทกลุ่ม
    OpenAI เปิดฟีเจอร์ใหม่ให้ ChatGPT เข้าร่วมการสนทนาแบบกลุ่ม โดย AI จะเลือกเองว่าจะตอบเมื่อใด หรือผู้ใช้สามารถเรียกด้วยการแท็ก ฟีเจอร์นี้กำลังทดสอบในญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ และไต้หวัน รองรับผู้เข้าร่วมสูงสุด 20 คน จุดประสงค์คือช่วยให้การระดมสมองและวางแผนร่วมกันสะดวกขึ้น

    Google AI ช่วยวางแผนทริปได้ครบวงจร
    Google เปิดตัวเครื่องมือ AI สำหรับการท่องเที่ยว 3 อย่าง ได้แก่
    Canvas for Travel: สร้างแผนการเดินทางแบบกำหนดเอง
    Flight Deals: ค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกทั่วโลก
    Agentic Booking: จองร้านอาหารและกิจกรรมได้โดยตรงจาก Search ทั้งหมดนี้ช่วยลดความยุ่งยากในการเปิดหลายแท็บและเปรียบเทียบข้อมูล ทำให้การวางแผนทริปง่ายขึ้นมาก

    แฮกเกอร์เกาหลีเหนือใช้ JSON ซ่อนมัลแวร์
    กลุ่ม Lazarus จากเกาหลีเหนือถูกพบว่าใช้บริการเก็บข้อมูล JSON เช่น JSON Keeper และ JSON Silo เพื่อซ่อนมัลแวร์ในแคมเปญ “Contagious Interview” โดยหลอกนักพัฒนาซอฟต์แวร์ผ่าน LinkedIn ให้ดาวน์โหลดโปรเจกต์ที่แฝงโค้ดอันตราย มัลแวร์เหล่านี้สามารถขโมยข้อมูล กระเป๋าเงินคริปโต และใช้เครื่องเหยื่อขุดเหรียญ Monero ได้

    Logitech ยืนยันถูกเจาะระบบ แต่ยังไม่รู้ข้อมูลที่หายไป
    Logitech รายงานการถูกโจมตีไซเบอร์ผ่านช่องโหว่ zero-day ของซอฟต์แวร์ภายนอก โดยกลุ่ม Cl0p ransomware อ้างว่าขโมยข้อมูลไปกว่า 1.8TB แม้บริษัทจะยืนยันว่าข้อมูลที่สูญหาย “น่าจะมีเพียงบางส่วน” ของพนักงานและลูกค้า แต่ยังไม่แน่ชัดว่ามีข้อมูลสำคัญรั่วไหลหรือไม่

    LinkedIn เพิ่มฟีเจอร์ค้นหาคนด้วย AI
    LinkedIn เปิดตัวระบบค้นหาคนด้วย AI ที่ช่วยให้ผู้ใช้พิมพ์คำอธิบายเชิงธรรมชาติ เช่น “นักลงทุนด้านสุขภาพที่มีประสบการณ์ FDA” โดยไม่ต้องกรองด้วยตำแหน่งงานแบบเดิม ฟีเจอร์นี้เริ่มให้บริการกับผู้ใช้ Premium ในสหรัฐฯ ก่อน และจะขยายไปทั่วโลกในอนาคต

    ศาลสหราชอาณาจักรตัดสิน Microsoft แพ้คดีห้ามขายต่อไลเซนส์
    ศาล Competition Appeal Tribunal ของสหราชอาณาจักรตัดสินว่า Microsoft ไม่สามารถห้ามลูกค้าขายต่อไลเซนส์ซอฟต์แวร์แบบถาวรได้ บริษัท ValueLicensing ซึ่งเป็นคู่กรณีสามารถดำเนินธุรกิจขายต่อไลเซนส์ต่อไป และยังมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายกว่า 270 ล้านปอนด์จาก Microsoft ขณะที่ Microsoft เตรียมอุทธรณ์ต่อ

    ไปตามเจาะข่าวกันได้ที่ : https://www.techradar.com/
    📌🪛🩷 รวมข่าวจาก TechRadar ประจำวัน 🩷🪛📌 #20251118 #techradar 🌦️ Google เปิดตัว AI พยากรณ์อากาศใหม่ WeatherNext 2 Google พัฒนาโมเดล AI ชื่อ WeatherNext 2 ที่สามารถคาดการณ์สภาพอากาศได้เร็วและแม่นยำกว่าระบบเดิมถึง 8 เท่า ภายในเวลาไม่ถึงนาที AI นี้ไม่ได้ให้แค่ผลลัพธ์เดียว แต่สร้าง “หลายความเป็นไปได้” ของสภาพอากาศ ทำให้ผู้ใช้เห็นภาพรวมว่ามีโอกาสเกิดอะไรบ้าง เช่น ฝนตกหรือแดดออกในช่วงเวลาใด นอกจากนี้ยังถูกนำไปใช้ใน Google Search, Pixel Weather และ Google Maps เพื่อช่วยให้การวางแผนชีวิตประจำวันและการจัดการพลังงานหมุนเวียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ⚡ OWC Helios 5S: เพิ่มพลังให้ Mac เล็ก ๆ ด้วย Thunderbolt 5 OWC เปิดตัว Helios 5S กล่องขยาย PCIe สำหรับเครื่อง Mac ขนาดเล็กที่ใช้ Thunderbolt 5 ความเร็วสูงถึง 80Gb/s ทำให้สามารถต่อการ์ด PCIe 4.0 และอุปกรณ์เสริมความเร็วสูงได้เต็มประสิทธิภาพ รองรับจอ 8K ได้ถึง 3 จอ เหมาะสำหรับงานสร้างสรรค์ที่ต้องการพลังการประมวลผลมากขึ้น แม้จะไม่รองรับ GPU ที่ใช้พลังงานสูง แต่ก็ถือเป็นการยกระดับเครื่องเล็กให้ใกล้เคียงเวิร์กสเตชัน 🖥️ Samsung ขยาย “The Wall” จอ LED ยักษ์สำหรับองค์กร Samsung เปิดตัวรุ่นใหม่ของ The Wall จอ LED ขนาดมหึมาที่ออกแบบมาเพื่อสำนักงานและพื้นที่ธุรกิจ ใช้ชิปประมวลผล AI Gen2 ที่ช่วยปรับภาพให้คมชัด ลดสัญญาณรบกวน และอัปสเกลภาพให้ใกล้เคียง 8K จุดเด่นคือความสว่างสูงถึง 1,000 nits และเทคโนโลยี Black Seal ที่ทำให้สีดำลึกขึ้น เหมาะกับการใช้งานในห้องประชุมใหญ่หรือพื้นที่ที่ต้องการภาพคมชัดต่อเนื่อง 🎤 สัมภาษณ์พิเศษ Sundar Pichai: Running The Google Empire BBC จัดสัมภาษณ์พิเศษกับ Sundar Pichai CEO ของ Google ที่พูดถึงการนำบริษัทผ่านยุค AI ที่กำลังเปลี่ยนโลก เขาเล่าถึงความท้าทายของการลงทุนมหาศาลใน AI ผลกระทบต่อการจ้างงาน และบทบาทของ Google ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รายการนี้สามารถรับชมฟรีผ่าน BBC iPlayer 🛡️ Amazon พบการโจมตี npm ครั้งใหญ่กว่า 150,000 แพ็กเกจ นักวิจัยจาก Amazon ตรวจพบการแพร่กระจายแพ็กเกจ npm กว่า 150,000 ตัว ที่ถูกใช้ในแผนการหลอกลวงเพื่อสร้างรายได้จากโทเคน TEA แม้แพ็กเกจเหล่านี้จะไม่ขโมยข้อมูลโดยตรง แต่มีพฤติกรรม “self-replicating” และอาจถูกเปลี่ยนให้เป็นอันตรายได้ เหตุการณ์นี้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในการโจมตีซัพพลายเชนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โอเพ่นซอร์ส 💬 OpenAI ทดลองให้ ChatGPT เข้าร่วมแชทกลุ่ม OpenAI เปิดฟีเจอร์ใหม่ให้ ChatGPT เข้าร่วมการสนทนาแบบกลุ่ม โดย AI จะเลือกเองว่าจะตอบเมื่อใด หรือผู้ใช้สามารถเรียกด้วยการแท็ก ฟีเจอร์นี้กำลังทดสอบในญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ และไต้หวัน รองรับผู้เข้าร่วมสูงสุด 20 คน จุดประสงค์คือช่วยให้การระดมสมองและวางแผนร่วมกันสะดวกขึ้น ✈️ Google AI ช่วยวางแผนทริปได้ครบวงจร Google เปิดตัวเครื่องมือ AI สำหรับการท่องเที่ยว 3 อย่าง ได้แก่ 🧩 Canvas for Travel: สร้างแผนการเดินทางแบบกำหนดเอง 🧩 Flight Deals: ค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกทั่วโลก 🧩 Agentic Booking: จองร้านอาหารและกิจกรรมได้โดยตรงจาก Search ทั้งหมดนี้ช่วยลดความยุ่งยากในการเปิดหลายแท็บและเปรียบเทียบข้อมูล ทำให้การวางแผนทริปง่ายขึ้นมาก 🕵️‍♂️ แฮกเกอร์เกาหลีเหนือใช้ JSON ซ่อนมัลแวร์ กลุ่ม Lazarus จากเกาหลีเหนือถูกพบว่าใช้บริการเก็บข้อมูล JSON เช่น JSON Keeper และ JSON Silo เพื่อซ่อนมัลแวร์ในแคมเปญ “Contagious Interview” โดยหลอกนักพัฒนาซอฟต์แวร์ผ่าน LinkedIn ให้ดาวน์โหลดโปรเจกต์ที่แฝงโค้ดอันตราย มัลแวร์เหล่านี้สามารถขโมยข้อมูล กระเป๋าเงินคริปโต และใช้เครื่องเหยื่อขุดเหรียญ Monero ได้ 🔒 Logitech ยืนยันถูกเจาะระบบ แต่ยังไม่รู้ข้อมูลที่หายไป Logitech รายงานการถูกโจมตีไซเบอร์ผ่านช่องโหว่ zero-day ของซอฟต์แวร์ภายนอก โดยกลุ่ม Cl0p ransomware อ้างว่าขโมยข้อมูลไปกว่า 1.8TB แม้บริษัทจะยืนยันว่าข้อมูลที่สูญหาย “น่าจะมีเพียงบางส่วน” ของพนักงานและลูกค้า แต่ยังไม่แน่ชัดว่ามีข้อมูลสำคัญรั่วไหลหรือไม่ 👥 LinkedIn เพิ่มฟีเจอร์ค้นหาคนด้วย AI LinkedIn เปิดตัวระบบค้นหาคนด้วย AI ที่ช่วยให้ผู้ใช้พิมพ์คำอธิบายเชิงธรรมชาติ เช่น “นักลงทุนด้านสุขภาพที่มีประสบการณ์ FDA” โดยไม่ต้องกรองด้วยตำแหน่งงานแบบเดิม ฟีเจอร์นี้เริ่มให้บริการกับผู้ใช้ Premium ในสหรัฐฯ ก่อน และจะขยายไปทั่วโลกในอนาคต ⚖️ ศาลสหราชอาณาจักรตัดสิน Microsoft แพ้คดีห้ามขายต่อไลเซนส์ ศาล Competition Appeal Tribunal ของสหราชอาณาจักรตัดสินว่า Microsoft ไม่สามารถห้ามลูกค้าขายต่อไลเซนส์ซอฟต์แวร์แบบถาวรได้ บริษัท ValueLicensing ซึ่งเป็นคู่กรณีสามารถดำเนินธุรกิจขายต่อไลเซนส์ต่อไป และยังมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายกว่า 270 ล้านปอนด์จาก Microsoft ขณะที่ Microsoft เตรียมอุทธรณ์ต่อ ไปตามเจาะข่าวกันได้ที่ : https://www.techradar.com/
    0 Comments 0 Shares 593 Views 0 Reviews
  • ตัดโซ่หรือตายซาก ตอนที่ 3 – 4

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ตัดโซ่ หรือ ตายซาก”
    ตอน 3
    แล้วโซ่คล้องคอชาวกรีซล่ะ หน้าตาเป็นอย่างไร สมันน้อยน่าจะรู้จักนะ เพราะเคยต้องใช้อยู่ช่วงนึง แต่อาจจะขนาดเล็กกว่า สั้นกว่า บางคนอาจโตไม่ทัน หรือโตแล้ว แต่ไม่รู้เรื่อง ก็ทำความรู้จักไว้หน่อยก็ดี เผื่อเหตุการณ์เก่า มันจะกลับมาเยี่ยม จะได้รู้จัก รู้ขนาดโซ่ว่า รับไหวไหม ยิ่งมีข่าวกระฉ่อนว่า หนุ่มหน้าใส อดีตผู้เชี่ยวชาญของธนาคารโลก พวกเสือหิวด้วยกัน กำลังเป็นตัวเต็ง จะมาเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย คนใหม่ แทนคนปัจจุบัน ที่กำลังจะหมดวาระในเดือนสิงหาคมนี้ เผื่อแกยังรสนิยมเดิมๆ
    ปี ค.ศ.2010 เสือหิว Troika บอกเราจัดหาเงินให้กรีซได้จำนวน ประมาณบรรทุกรถสิบล้อ 340 คัน ตีว่า บรรทุกได้ คันละ 1 พันล้านยูโร ใครไม่ตกเลข ก็คำนวณเองนะครับ ว่าเป็นเงินเท่าไหร่ ดอกแค่ร้อยละ 5 ถูกจะตาย เงื่อนไขไม่มีอะไรมากมาย ใช้แบบเงื่อนตายเหมือนผูกตราสังข์ ตามแบบฟอร์มของ IMF ที่เรียกว่า SAP หรือ Structural Adjustment Policy ส่วนคนกู้ เรียกสัญญาแบบนี้ว่า แบบ DOA หรือ Dead on Arrival เป็นศพตั้งแต่มาถึงแล้ว คือ ตาย(ห่า) ตั้งแต่กู้ สัญญาแบบนี้ใช้มากว่า 35 ปีแล้วในประเทศแถบละติน อาฟริกา ยุโรปตะวันออกที่เคยเป็นสมาชิกของสหภาพโซเวียต และเอเซีย ตัวอย่างของผู้ที่ใช้สัญญานี้ และเป็นที่รู้จักกันดี ถูกนำมายกเป็นกรณีศึกษาจนแทบจะท่องกันได้คือ ประเทศอาร์เจนตินา
    สัญญาแบบ DOA เป็นอย่างไร ก็แค่ตัดงบใช้จ่ายในบ้านเมืองจนเหี้ยน ซึ่งรวมไปถึงการลดสวัสดิการทาง สังคม การรักษาพยาบาล เบี้ยบำนาญ ลดการจ่ายค่าแรงค่าจ้าง แต่เน้นให้เพิ่มงาน เพิ่มการลงทุน เพิ่มการส่งออก เพิ่มการแข่งขันทางการค้า เพิ่มภาษี และต้องแปรรูปรัฐวิสาหกิจ คือให้รัฐนำออกมาขายเพื่อเอามาใช้หนี้ และลดค่าเงินของประเทศผู้กู้ แต่เนื่องจากกรีซใช้ยูโร ขืนบังคับใช้ข้อนี้ก็ฉิบหายกันหมด เพราะฉนั้น ข้อนี้ เลยกลายเป็นไปเพิ่มการลดค่าใช้จ่ายในประเทศลงแยะๆ แทน
    ผมก็งงนะ ไม่รู้มันเอาส่วนไหนคิด ลดค่าแรง ลดการจ้างงาน แต่ให้เพิ่มงาน เพิ่มการลงทุน แปลว่า ชาวกรีซ นอนผึ่งพุงอยู่กับบ้าน เพราะไม่มีงานทำ ทำไปก็ไม่มีได้ค่าจ้าง เพราะเขาสั่งให้ลด แล้ว”ใคร” มาเพิ่มงาน “ใคร” มาลงทุน ” ใคร” มาซื้อรัฐวิสาหกิจ ที่ไอ้เสือหิวสั่งให้ขาย พอนึกออกนะครับว่า ในที่สุดแล้ว “ใคร” จะเป็นเจ้าของเกาะกรีซอันสวยงาม
    เสือหิว Troika บอกว่า มาตรการนี้ คงใช้ไม่นาน ไม่เกิน 2 ปี กรีซก็คงฟื้นตัว แต่มันตรงกันข้าม นอกจากไม่ฟื้นแล้ว กรีซยิ่งทรุดหนัก ชาวกรีซออกมาประท้วง สื่อกรีซเริ่มออกข่าวด่าไอ้เสือหิว อียู และ IMF บอกว่า ที่ไม่ดีขึ้น เพราะกรีซไม่ยอมปฏิบัติตามเงื่อนไข ไม่ยอมลำบาก ยังอยากสบายด้วยเงินของคนอื่น อันนี้เจ็บมาก ชาวกรีซบอกว่า นี่เป็นการบิดเบือนความจริงที่เลวร้าย รัฐบาลกรีซเดินตามเงื่อนไข DOA อย่างเคร่งครัด งบค่าจ้างตัดทิ้งเป็นพันๆล้านยู โร การรักษาพยาบาลของกรีซ ลดไปถึง 50% ไม่ใช่ชาวกรีซ แข็งแรง ไม่เจ็บ ไม่ป่วย แต่พวกเขาไม่มีเงิน ไปหาหมอ ไปโรงพยาบาลต่างหาก การศึกษาก็เช่นกัน ลดลงไปมากมาย ธุรกิจขนาดเล็กปิดตัวเกือบหมด และอัตราคนว่างงานในปี 2011 ก็ขึ้นพรวด และรายรับของภาษี ก็ลดลงอย่างมากเช่นเดียวกัน มัน DOA จริงๆ
    เสือหิว Troika ยังปากแข็ง ไม่ยอมรับความผิดพลาดในการจ่ายยาของตัวให้แก่คนป่วยชื่อก รีซ จะไปรับได้อย่างไร เขาให้ยาถูกแล้ว เขาตั้งใจให้ยา DOA นี้กับกรีซ กรีซต่างหากเล่า ที่ทำผิดพลาดซ้ำซาก ยอมกินยานี้ (ซ้ำซาก) เอง
    กรีซนึกว่า กินยานี้ครั้งเดียวแล้วทุกอย่าง จะดีขึ้นตามที่ IMF บอก แต่ในที่สุด กรีซก็ต้องขอรับยางวดสอง ในปี 2012 เอะ งวดแรก กินเข้าไปก็ตายแล้ว งวดสองกินแล้วจะเป็นอย่างไร ก็ตายซากละสิครับ
    เงื่อนไขงวดสอง เพิ่มชัดเจนว่า ต้องลดการจ้างงานภาครัฐลงไป 150,000 คน ภายในสิ้นปี 2015 และขายรัฐวิสาหกิจแบบเทกระจาด เรื่องนี้ทำให้มีป้ายขึ้นกลางเมืองใหญ่ของกรีซว่า “A Nation for Sale” มีประเทศขาย ไม่ใช่ขายแค่บ้าน ขายประเทศ ภาวนาอย่าให้มีป้ายแบบนี้ขึ้นในแดนสยามของเราก็แล้วกัน
    ทรัพย์สินที่กรีซขายไป ที่สำคัญ เช่น ท่าเรือ Piraeus ท่าเรือ Thessaloniki ซึ่งเป็นท่าเรือใหญ่ และมีคุณค่า ทั้งทางประวัติศาสตร์ และ เศรษฐกิจ (บางข้อมูลบอกท่าเรือ ทั้ง 2 ยังเจรจากันอยู่ ยังไม่ได้ขายออกไป) บริษัทเทเลคอม OTE สลากกินแบ่งกรีซ ที่ดินหลายแปลง ที่อยู่ในถิ่นดีที่สุดของประเทศ prime area และ postal bank การขายทรัพย์สินของประเทศครั้งใหญ่นี้ ทำให้พรรค Syriza ซึ่งประกาศคัดค้านขายรัฐวิสาหกิจ และการขายทรัพย์สิน ซึ่งได้คะแนนเสียงเพียง 4.6 % ในปี 2009 กระโดดมาเป็น 26.89% ในปี 2012 และได้เป็นรัฐบาลในปี 2015
    ระหว่าง ที่เสือหิว Troika ให้กรีซกินยา DOA งวดสอง อัตราคนว่างงานก็เพิ่มเป็น 22% และกำลังจะเป็น 25% ในไม่ช้า ชาวกรีซที่มีการศึกษาดี และยังอายุน้อย ต่างพากัน ทิ้งประเทศของตน ไปหางานทำที่เยอรมัน ที่เศรษฐกิจกำลังรุ่ง มันเป็นการประชดชีวิตชาวกรีซอย่างน่าเศร้า โลกนี้มันไม่สวยทั้งหมดอย่างที่เราคิด และที่กรีซ ก็คงจะเหลือแต่คนแก่ คนรายได้ต่ำ คนการศึกษาไม่สูง และชาวต่างชาติที่หนีระเบิดรายวันมาแย่งกันกิน
    ##############
    “ตัดโซ่ หรือ ตายซาก”

    ตอน 4
    นักวิเคราะห์เศรษฐศาสตร์การเมือง บอกว่า กรีซมาถึงจุดวิกฤตินี้ จากการที่มีนักการเมือง หรือรัฐบาลสายตาสั้น มองไม่ได้ไกล ขี้โกง เห็นแก่ประโยชน์พรรคและพวก ทำให้กรีซตกเป็นเหยื่อของระบบ ที่สร้างขี้นมา เพื่อทำให้ประเทศที่อ่อนแอจากปัจจัย ต่างๆ อย่างกรีซ ไม่คิดพึ่งตัวเอง ไม่คิดเปลี่ยนแปลง ไม่คิดปฏิรูป ไม่รู้จักเรียนรู้ เพื่อแก้ไข มักง่าย และในที่สุดก็จะหมดตัว หมดประเทศ หรือ เหลือแต่ซาก
    ส่วนนักวิเคราะห์การเงินบอกว่า อย่าเอะอะไป เรื่องหนี้กรีซ ไม่ใช่เรื่องของหนี้กรีซ เอะ พูดยังไง เราพูดเรื่องเดียวกันหรือเปล่า ครับ นักการเงินบอก ไม่มีใครเขาสนใจประเทศกรีซ ที่เล็กกระจิดริด ถึงจะสวยงามก็เถอะ กรีซจะมีเงินใช้หนี้ไหม กรีซจะอยู่ หรือจะไปจากอียู เขาไม่ได้สนใจ แต่ที่เป็นข่าวกันถี่ ไม่ใช่เรื่องอะไรหรอก พวกเขากลัวมันกระทบกับระบบธนาคาร กลัวนายทุนจะเจ๊ง ไม่ได้กลัวชาวกรีซจะอดตาย ไม่ได้กลัวรัฐบาลกรีซ จะล่ม เข้าใจไหมครับ
    แต่สื่อใหญ่รุ่นเก๋า Dennis Gartman บอกว่า…. กรีซยังอยู่ในอียู เพราะเยอรมันต้องการอย่างนั้น เยอรมันยังไม่อยากเฉดกรีซออกไป เยอรมันต้องการให้ค่าเงินยูโรอ่อน ยูโรอ่อนดีสำหรับการส่งออก คนซื้อจะได้นึกว่าตัวซื้อของได้ถูก เยอรมันเป็นประเทศขายของ ที่ ยามนี้กำลังต้องการขายอย่างยิ่ง ใครขายได้ ต้องรีบขาย Bayer, Thyssenkrupp, Daimler เจ้าพ่อธุรกิจการค้าเยอรมัน ต้องการให้กรีซ ยังอยู่ในอียูทั้งนั้น …
    …..ถ้า ผมเป็นนายกรัฐมนตรีกรีซ ผมคงไม่วิ่งเจรจาให้เหนื่อย ผมคงปล่อยให้กรีซผิดนัดหนี้นานมาแล้ว และกลับไปใช้เงินสกุลของกรีซ และผมก็ลดค่าของกรีซ อุตสาหกรรมทอผ้าของกรีซก็จะกลายเป็นสินค้า ที่ใครๆต้องการเพราะราคาถูกลง กิจการท่องเที่ยวของกรีซ ก็กลับมาฟื้น เพราะใครๆ ก็อยากกลับมาอยู่เกาะสวย ในราคาไม่แพง กิจการเดินเรือของกรีซก็กลับมารุ่งใหม่ ทำไมผมต้องง้อเยอรมันอยู่ข้างเดียว ผมจะบอกกับพวกเจ้าหนี้โหดๆ ว่าเชิญเลย เชิญเอาตูดผมไปเลย อยากทำอะไรก็ทำ แล้วผมก็ออกจากอียู ก็แค่นั้น…
    ความคิดอย่างนาย Gartman ชาวกรีซเกือบทุกคน คงอยากทำอย่างนั้น คิดได้ แต่ไม่รู้ทำได้จริงไหม กรีซมีหนี้ก้อนใหญ่หมึมา เบี้ยวหนี้ก้อนหนี้ ก็กลายเป็นประเทศล้มละลาย คนล้มละลาย จะไปค้าขายกับใครได้ ขายของได้เงินมา เจ้าหนี้ก็คอยมาคว้าไป แต่ไม่ใช่ว่า เรื่องแบบนี้ เล่นไม่ได้เอาเลย อาร์เจนตินา เคยตัดโซ่ แหกคอกออกมา ยอมอด แต่ก็หืดขึ้นคอ กว่าจะยืนตรงได้เหมือนเดิม
    พรรค Syriza คงไม่คิดให้ชาวกรีซอยู่ในเหว และมีโซ่คล้องคอตลอดไป แต่จะเลือกทำด้วยวิธีไหน และเมื่อไหร่ เท่านั้น การตัดสินใจของ Syriza ในช่วงไม่กี่วันนี้ คงต้องตามดูกันทุกยก เพราะมันสามารถ สร้างระดับความสะเทือน เหมือนแผ่นดินไหวในยุโรปได้ ตั้งแต่ 4 ริกเตอร์ ไปจนถึงระดับ 9 ริกเตอร์ และอาจจะตามมา ด้วยอาฟเตอร์ขนาดไหน ถึงไหน และนานเท่าไหร่ และจะต่อด้วยซึนามิหรือไม่ พวกแมงเม่า อย่ามัวแต่เหม่อดูแต่จอบ้านตัวเอง เดี๋ยวปีกจะไหม้ร่วงหลุดเป็นแถวๆ
    ล่าสุดขณะที่ผมกำลังเขียนนิทาน ( 25 มิย.) ข่าวว่า คุณน้องยานิส รัฐมนตรีคลัง ยืนกรานว่า ต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ใหม่ ฝ่ายเจ้าหนี้บอก เราไม่มีความคิดเช่นนั้น ถ้ากรีซไม่มีอะไรใหม่มาเสนอ เช่นจะรัดคอหอยเข้าไปอีกกี่นิ้ว หรือจะมีวิธีชำระหนี้อย่างไร เราก็ไม่มีอะไรพูด แล้วการประชุมระหว่าง รัฐมนตรีคลังของกรีซกับฝ่ายอี ยู 18 คน ที่ สนง อียู กรุงบรัสเซล เมื่อเย็นวันที่ 24 มิย. ก็จบลงอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาประชุมไม่ถึง 1 ชั่วโมง แล้วต่างก็ทำหน้าไร้อารมณ์ เก็บของกลับบ้าน
    ร้อนถึงนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซึ่งข่าวว่า บินด่วนมาบรัสเซล มาคุยต่อกับพวก บิกกี้ของ อียู และคุณนายหน้าเค็มของไอเอมเอฟ ต่ออีก 7 ชั่วโมง แล้วก็กลับไปตอนดึก โดยไม่ให้ข่าว ทั้งหมดนี้ ผมอ่านจากทวิต ของนักข่าวต่างประเทศ ที่ไปเกาะติดสถานการณ์
    แปลว่าอะไรครับ แปลว่า ทั้ง 2 ฝ่ายยังกำไต๋ ไม่แผลมให้อีกฝ่ายรู้ ดูผ่านๆ เหมือนกรีซ กำลังเป็นฝ่ายอาการหนัก แต่สำหรับผม ผมว่า อียูหนักกว่า สำหรับกรีซ เหมือนคนใกล้ตาย หรือตายไปแล้ว จะมีอะไรแย่ไปกว่านี้ได้อีกมาก ถึงมีชิวิตที่เป็นอยู่ก็เลวสุดอยู่แล้ว แต่สำหรับ อียู ยังไม่เคยใกล้ตาย เจียนตาย คราวนี้อาจจะได้รู้จัก
    สมมุติว่า ถ้ากรีซตัดสินใจไม่รับเงินกู้อีกต่อไป หนี้ที่ค้างกันอยู่ ก็ค่อยว่ากัน นี่ไม่ใช่การเบี้ยวหนี้ แต่เป็นการแสดงความไม่ต้องการเป็นหนี้เพิ่ม เอาแค่นี้ จะเรียกเป็นประเทศล้มละลาย หรืออะไรก็แล้วแต่ ความสะเทือนในระบบการเงินในยุโรป ก็น่าจะเกิน 6 ริกเตอร์แล้ว เพราะมันหมายถึง deposits run เงินฝากไหลออกจะเกิดขึ้นแบบของจริง ระบบแบงค์ในกรีซ ไปก่อน หลังจากนั้นก็ลามไปนอกกรีซ ก็ขึ้นกับธนาคารกลางของอียู จะเอาอยู่ไหม สมาชิกอียู ใครจะเป็นผู้กล้าหาญ ถมเงินมาให้ธนาคารกลาง คงเกี่ยงกันอยู่นาน เพราะทั้งเค็ม ทั้งคม กันทั้งนั้น คมเฉือนคม กว่าจะตกลงกันได้ ระหว่างนั้น เลือดยุโรปก็ไหลโกรก
    สมมุติไปอีกทางหนึ่ง ถึงคุณน้องยานิส จะทำหน้าขรึมว่า เจ้าหนี้ต้องตกลงเรื่องปรับโครงสร้างหนี้ก่อน แต่ นายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ประกาศว่า เรายอมให้โซ่รัดคอเราแน่นอีกหน่อย เกี่ยวกับเรื่องเงินบำนาญ ยืดอายุคนรับบำนาญไป อีก 2 ปี ทนไหวน่าลุงและจำนวนที่ต้องจ่ายบำนาญก็จะลดลง
    มี ข่าวว่า เจ้าหนี้ ต้องการรัดคออีกหลายเปลาะ เช่นเรื่อง ขยายฐานเก็บภาษี ไปถึง เรื่อง การซื้อยาและขึ้นอัตรา vat ร้านอาหารและที่พักโรงแรม สำหรับกรีซ ที่เป็นเมืองขายการท่องเที่ยว ขึ้นภาษี 2 รายการนี่ ก็ เปลี่ยนร้านอาหาร เป็นป่าช้า อาจได้ลูกค้ามากกว่า
    ข่าวนี้ทำให้เกิดเสียงแตกในพรรค Syriza เอง พวกเข้มบอกไม่ได้นะ นายกฯ ไปตกลงเองไม่ได้ ต้องเอามาเข้าสภาก่อน และรับรองเลย มติแบบนี้ ไม่ผ่านสภาแน่
    ถ้าเป็นข้อสมมุติตามนี้ ความสะเทือน อาจจะไม่เกิน 4 ริกเตอร์ ในตอนแรก ระหว่างรอเข้าสภา และไม่ว่าสภาจะลงมติอะไร การถอนเงินฝาก ก็จะเกิดขึ้น เหมือนกรณีแรก และความสะเทือนก็จะค่อยๆเพิ่มริกเตอร์ขึ้น ไม่ต่างกว่ากรณีแรก เพียงแต่ใช้เวลานานกว่า
    เห็นไหมครับ ไม่ว่ากรีซจะเล่นบทไหน ก็เกิดผลกระทบกับอียูทั้งสิ้น เพราะมันเป็นการจัดการที่ผิดของอียูเองตั้งแต่ต้น ผลมาจากเหตุ เมื่อมีการเอาเงินก้อนใหญ่ที่ควรใส่ไปที่กรีซ แต่ไปไม่ถึงกรีซ ไปถึงเจ้าหนี้อื่นแทน ถึงเวลากรีซจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ ก็ต้องเบิกเงินกู้ต่อไปเรื่อยๆ อาการของกรีซก็หนักไปเรื่อยๆ จากเงื่อนไข ที่รัดคอ ผูกมือผูกตีน ไม่ให้กระดิก ไม่ต้องจบปริญญาเอกทางเศรษฐศาสตร์จากอังกฤษ ก็พอรู้ว่า ไปต่อสภาพนี้จะเป็นอย่างไร ยิ่งจบมาอย่างคุณน้องยานิส ถึงได้พูดเหมือนท่องมนตร์ว่า ต้องปรับปรุงโครงสร้างหนี้ คือ ลดหนี้ ผ่อนผันเงื่อนไข เพื่อให้กรีซมีโอกาสต้ังหลัก และยืดอายุการชำระออกไปอีก หรือ มีเงินใหม่จากที่อื่น มาล้างหนี้ DOA และเริ่มต้นกระบวนการฟื้นชีวิตชาวกรีซกันใหม่
    จะมีไหมครับ เงินใหม่ จะมาจากไหน
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    27 มิ.ย. 2558
    ตัดโซ่หรือตายซาก ตอนที่ 3 – 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ตัดโซ่ หรือ ตายซาก” ตอน 3 แล้วโซ่คล้องคอชาวกรีซล่ะ หน้าตาเป็นอย่างไร สมันน้อยน่าจะรู้จักนะ เพราะเคยต้องใช้อยู่ช่วงนึง แต่อาจจะขนาดเล็กกว่า สั้นกว่า บางคนอาจโตไม่ทัน หรือโตแล้ว แต่ไม่รู้เรื่อง ก็ทำความรู้จักไว้หน่อยก็ดี เผื่อเหตุการณ์เก่า มันจะกลับมาเยี่ยม จะได้รู้จัก รู้ขนาดโซ่ว่า รับไหวไหม ยิ่งมีข่าวกระฉ่อนว่า หนุ่มหน้าใส อดีตผู้เชี่ยวชาญของธนาคารโลก พวกเสือหิวด้วยกัน กำลังเป็นตัวเต็ง จะมาเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย คนใหม่ แทนคนปัจจุบัน ที่กำลังจะหมดวาระในเดือนสิงหาคมนี้ เผื่อแกยังรสนิยมเดิมๆ ปี ค.ศ.2010 เสือหิว Troika บอกเราจัดหาเงินให้กรีซได้จำนวน ประมาณบรรทุกรถสิบล้อ 340 คัน ตีว่า บรรทุกได้ คันละ 1 พันล้านยูโร ใครไม่ตกเลข ก็คำนวณเองนะครับ ว่าเป็นเงินเท่าไหร่ ดอกแค่ร้อยละ 5 ถูกจะตาย เงื่อนไขไม่มีอะไรมากมาย ใช้แบบเงื่อนตายเหมือนผูกตราสังข์ ตามแบบฟอร์มของ IMF ที่เรียกว่า SAP หรือ Structural Adjustment Policy ส่วนคนกู้ เรียกสัญญาแบบนี้ว่า แบบ DOA หรือ Dead on Arrival เป็นศพตั้งแต่มาถึงแล้ว คือ ตาย(ห่า) ตั้งแต่กู้ สัญญาแบบนี้ใช้มากว่า 35 ปีแล้วในประเทศแถบละติน อาฟริกา ยุโรปตะวันออกที่เคยเป็นสมาชิกของสหภาพโซเวียต และเอเซีย ตัวอย่างของผู้ที่ใช้สัญญานี้ และเป็นที่รู้จักกันดี ถูกนำมายกเป็นกรณีศึกษาจนแทบจะท่องกันได้คือ ประเทศอาร์เจนตินา สัญญาแบบ DOA เป็นอย่างไร ก็แค่ตัดงบใช้จ่ายในบ้านเมืองจนเหี้ยน ซึ่งรวมไปถึงการลดสวัสดิการทาง สังคม การรักษาพยาบาล เบี้ยบำนาญ ลดการจ่ายค่าแรงค่าจ้าง แต่เน้นให้เพิ่มงาน เพิ่มการลงทุน เพิ่มการส่งออก เพิ่มการแข่งขันทางการค้า เพิ่มภาษี และต้องแปรรูปรัฐวิสาหกิจ คือให้รัฐนำออกมาขายเพื่อเอามาใช้หนี้ และลดค่าเงินของประเทศผู้กู้ แต่เนื่องจากกรีซใช้ยูโร ขืนบังคับใช้ข้อนี้ก็ฉิบหายกันหมด เพราะฉนั้น ข้อนี้ เลยกลายเป็นไปเพิ่มการลดค่าใช้จ่ายในประเทศลงแยะๆ แทน ผมก็งงนะ ไม่รู้มันเอาส่วนไหนคิด ลดค่าแรง ลดการจ้างงาน แต่ให้เพิ่มงาน เพิ่มการลงทุน แปลว่า ชาวกรีซ นอนผึ่งพุงอยู่กับบ้าน เพราะไม่มีงานทำ ทำไปก็ไม่มีได้ค่าจ้าง เพราะเขาสั่งให้ลด แล้ว”ใคร” มาเพิ่มงาน “ใคร” มาลงทุน ” ใคร” มาซื้อรัฐวิสาหกิจ ที่ไอ้เสือหิวสั่งให้ขาย พอนึกออกนะครับว่า ในที่สุดแล้ว “ใคร” จะเป็นเจ้าของเกาะกรีซอันสวยงาม เสือหิว Troika บอกว่า มาตรการนี้ คงใช้ไม่นาน ไม่เกิน 2 ปี กรีซก็คงฟื้นตัว แต่มันตรงกันข้าม นอกจากไม่ฟื้นแล้ว กรีซยิ่งทรุดหนัก ชาวกรีซออกมาประท้วง สื่อกรีซเริ่มออกข่าวด่าไอ้เสือหิว อียู และ IMF บอกว่า ที่ไม่ดีขึ้น เพราะกรีซไม่ยอมปฏิบัติตามเงื่อนไข ไม่ยอมลำบาก ยังอยากสบายด้วยเงินของคนอื่น อันนี้เจ็บมาก ชาวกรีซบอกว่า นี่เป็นการบิดเบือนความจริงที่เลวร้าย รัฐบาลกรีซเดินตามเงื่อนไข DOA อย่างเคร่งครัด งบค่าจ้างตัดทิ้งเป็นพันๆล้านยู โร การรักษาพยาบาลของกรีซ ลดไปถึง 50% ไม่ใช่ชาวกรีซ แข็งแรง ไม่เจ็บ ไม่ป่วย แต่พวกเขาไม่มีเงิน ไปหาหมอ ไปโรงพยาบาลต่างหาก การศึกษาก็เช่นกัน ลดลงไปมากมาย ธุรกิจขนาดเล็กปิดตัวเกือบหมด และอัตราคนว่างงานในปี 2011 ก็ขึ้นพรวด และรายรับของภาษี ก็ลดลงอย่างมากเช่นเดียวกัน มัน DOA จริงๆ เสือหิว Troika ยังปากแข็ง ไม่ยอมรับความผิดพลาดในการจ่ายยาของตัวให้แก่คนป่วยชื่อก รีซ จะไปรับได้อย่างไร เขาให้ยาถูกแล้ว เขาตั้งใจให้ยา DOA นี้กับกรีซ กรีซต่างหากเล่า ที่ทำผิดพลาดซ้ำซาก ยอมกินยานี้ (ซ้ำซาก) เอง กรีซนึกว่า กินยานี้ครั้งเดียวแล้วทุกอย่าง จะดีขึ้นตามที่ IMF บอก แต่ในที่สุด กรีซก็ต้องขอรับยางวดสอง ในปี 2012 เอะ งวดแรก กินเข้าไปก็ตายแล้ว งวดสองกินแล้วจะเป็นอย่างไร ก็ตายซากละสิครับ เงื่อนไขงวดสอง เพิ่มชัดเจนว่า ต้องลดการจ้างงานภาครัฐลงไป 150,000 คน ภายในสิ้นปี 2015 และขายรัฐวิสาหกิจแบบเทกระจาด เรื่องนี้ทำให้มีป้ายขึ้นกลางเมืองใหญ่ของกรีซว่า “A Nation for Sale” มีประเทศขาย ไม่ใช่ขายแค่บ้าน ขายประเทศ ภาวนาอย่าให้มีป้ายแบบนี้ขึ้นในแดนสยามของเราก็แล้วกัน ทรัพย์สินที่กรีซขายไป ที่สำคัญ เช่น ท่าเรือ Piraeus ท่าเรือ Thessaloniki ซึ่งเป็นท่าเรือใหญ่ และมีคุณค่า ทั้งทางประวัติศาสตร์ และ เศรษฐกิจ (บางข้อมูลบอกท่าเรือ ทั้ง 2 ยังเจรจากันอยู่ ยังไม่ได้ขายออกไป) บริษัทเทเลคอม OTE สลากกินแบ่งกรีซ ที่ดินหลายแปลง ที่อยู่ในถิ่นดีที่สุดของประเทศ prime area และ postal bank การขายทรัพย์สินของประเทศครั้งใหญ่นี้ ทำให้พรรค Syriza ซึ่งประกาศคัดค้านขายรัฐวิสาหกิจ และการขายทรัพย์สิน ซึ่งได้คะแนนเสียงเพียง 4.6 % ในปี 2009 กระโดดมาเป็น 26.89% ในปี 2012 และได้เป็นรัฐบาลในปี 2015 ระหว่าง ที่เสือหิว Troika ให้กรีซกินยา DOA งวดสอง อัตราคนว่างงานก็เพิ่มเป็น 22% และกำลังจะเป็น 25% ในไม่ช้า ชาวกรีซที่มีการศึกษาดี และยังอายุน้อย ต่างพากัน ทิ้งประเทศของตน ไปหางานทำที่เยอรมัน ที่เศรษฐกิจกำลังรุ่ง มันเป็นการประชดชีวิตชาวกรีซอย่างน่าเศร้า โลกนี้มันไม่สวยทั้งหมดอย่างที่เราคิด และที่กรีซ ก็คงจะเหลือแต่คนแก่ คนรายได้ต่ำ คนการศึกษาไม่สูง และชาวต่างชาติที่หนีระเบิดรายวันมาแย่งกันกิน ############## “ตัดโซ่ หรือ ตายซาก” ตอน 4 นักวิเคราะห์เศรษฐศาสตร์การเมือง บอกว่า กรีซมาถึงจุดวิกฤตินี้ จากการที่มีนักการเมือง หรือรัฐบาลสายตาสั้น มองไม่ได้ไกล ขี้โกง เห็นแก่ประโยชน์พรรคและพวก ทำให้กรีซตกเป็นเหยื่อของระบบ ที่สร้างขี้นมา เพื่อทำให้ประเทศที่อ่อนแอจากปัจจัย ต่างๆ อย่างกรีซ ไม่คิดพึ่งตัวเอง ไม่คิดเปลี่ยนแปลง ไม่คิดปฏิรูป ไม่รู้จักเรียนรู้ เพื่อแก้ไข มักง่าย และในที่สุดก็จะหมดตัว หมดประเทศ หรือ เหลือแต่ซาก ส่วนนักวิเคราะห์การเงินบอกว่า อย่าเอะอะไป เรื่องหนี้กรีซ ไม่ใช่เรื่องของหนี้กรีซ เอะ พูดยังไง เราพูดเรื่องเดียวกันหรือเปล่า ครับ นักการเงินบอก ไม่มีใครเขาสนใจประเทศกรีซ ที่เล็กกระจิดริด ถึงจะสวยงามก็เถอะ กรีซจะมีเงินใช้หนี้ไหม กรีซจะอยู่ หรือจะไปจากอียู เขาไม่ได้สนใจ แต่ที่เป็นข่าวกันถี่ ไม่ใช่เรื่องอะไรหรอก พวกเขากลัวมันกระทบกับระบบธนาคาร กลัวนายทุนจะเจ๊ง ไม่ได้กลัวชาวกรีซจะอดตาย ไม่ได้กลัวรัฐบาลกรีซ จะล่ม เข้าใจไหมครับ แต่สื่อใหญ่รุ่นเก๋า Dennis Gartman บอกว่า…. กรีซยังอยู่ในอียู เพราะเยอรมันต้องการอย่างนั้น เยอรมันยังไม่อยากเฉดกรีซออกไป เยอรมันต้องการให้ค่าเงินยูโรอ่อน ยูโรอ่อนดีสำหรับการส่งออก คนซื้อจะได้นึกว่าตัวซื้อของได้ถูก เยอรมันเป็นประเทศขายของ ที่ ยามนี้กำลังต้องการขายอย่างยิ่ง ใครขายได้ ต้องรีบขาย Bayer, Thyssenkrupp, Daimler เจ้าพ่อธุรกิจการค้าเยอรมัน ต้องการให้กรีซ ยังอยู่ในอียูทั้งนั้น … …..ถ้า ผมเป็นนายกรัฐมนตรีกรีซ ผมคงไม่วิ่งเจรจาให้เหนื่อย ผมคงปล่อยให้กรีซผิดนัดหนี้นานมาแล้ว และกลับไปใช้เงินสกุลของกรีซ และผมก็ลดค่าของกรีซ อุตสาหกรรมทอผ้าของกรีซก็จะกลายเป็นสินค้า ที่ใครๆต้องการเพราะราคาถูกลง กิจการท่องเที่ยวของกรีซ ก็กลับมาฟื้น เพราะใครๆ ก็อยากกลับมาอยู่เกาะสวย ในราคาไม่แพง กิจการเดินเรือของกรีซก็กลับมารุ่งใหม่ ทำไมผมต้องง้อเยอรมันอยู่ข้างเดียว ผมจะบอกกับพวกเจ้าหนี้โหดๆ ว่าเชิญเลย เชิญเอาตูดผมไปเลย อยากทำอะไรก็ทำ แล้วผมก็ออกจากอียู ก็แค่นั้น… ความคิดอย่างนาย Gartman ชาวกรีซเกือบทุกคน คงอยากทำอย่างนั้น คิดได้ แต่ไม่รู้ทำได้จริงไหม กรีซมีหนี้ก้อนใหญ่หมึมา เบี้ยวหนี้ก้อนหนี้ ก็กลายเป็นประเทศล้มละลาย คนล้มละลาย จะไปค้าขายกับใครได้ ขายของได้เงินมา เจ้าหนี้ก็คอยมาคว้าไป แต่ไม่ใช่ว่า เรื่องแบบนี้ เล่นไม่ได้เอาเลย อาร์เจนตินา เคยตัดโซ่ แหกคอกออกมา ยอมอด แต่ก็หืดขึ้นคอ กว่าจะยืนตรงได้เหมือนเดิม พรรค Syriza คงไม่คิดให้ชาวกรีซอยู่ในเหว และมีโซ่คล้องคอตลอดไป แต่จะเลือกทำด้วยวิธีไหน และเมื่อไหร่ เท่านั้น การตัดสินใจของ Syriza ในช่วงไม่กี่วันนี้ คงต้องตามดูกันทุกยก เพราะมันสามารถ สร้างระดับความสะเทือน เหมือนแผ่นดินไหวในยุโรปได้ ตั้งแต่ 4 ริกเตอร์ ไปจนถึงระดับ 9 ริกเตอร์ และอาจจะตามมา ด้วยอาฟเตอร์ขนาดไหน ถึงไหน และนานเท่าไหร่ และจะต่อด้วยซึนามิหรือไม่ พวกแมงเม่า อย่ามัวแต่เหม่อดูแต่จอบ้านตัวเอง เดี๋ยวปีกจะไหม้ร่วงหลุดเป็นแถวๆ ล่าสุดขณะที่ผมกำลังเขียนนิทาน ( 25 มิย.) ข่าวว่า คุณน้องยานิส รัฐมนตรีคลัง ยืนกรานว่า ต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ใหม่ ฝ่ายเจ้าหนี้บอก เราไม่มีความคิดเช่นนั้น ถ้ากรีซไม่มีอะไรใหม่มาเสนอ เช่นจะรัดคอหอยเข้าไปอีกกี่นิ้ว หรือจะมีวิธีชำระหนี้อย่างไร เราก็ไม่มีอะไรพูด แล้วการประชุมระหว่าง รัฐมนตรีคลังของกรีซกับฝ่ายอี ยู 18 คน ที่ สนง อียู กรุงบรัสเซล เมื่อเย็นวันที่ 24 มิย. ก็จบลงอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาประชุมไม่ถึง 1 ชั่วโมง แล้วต่างก็ทำหน้าไร้อารมณ์ เก็บของกลับบ้าน ร้อนถึงนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซึ่งข่าวว่า บินด่วนมาบรัสเซล มาคุยต่อกับพวก บิกกี้ของ อียู และคุณนายหน้าเค็มของไอเอมเอฟ ต่ออีก 7 ชั่วโมง แล้วก็กลับไปตอนดึก โดยไม่ให้ข่าว ทั้งหมดนี้ ผมอ่านจากทวิต ของนักข่าวต่างประเทศ ที่ไปเกาะติดสถานการณ์ แปลว่าอะไรครับ แปลว่า ทั้ง 2 ฝ่ายยังกำไต๋ ไม่แผลมให้อีกฝ่ายรู้ ดูผ่านๆ เหมือนกรีซ กำลังเป็นฝ่ายอาการหนัก แต่สำหรับผม ผมว่า อียูหนักกว่า สำหรับกรีซ เหมือนคนใกล้ตาย หรือตายไปแล้ว จะมีอะไรแย่ไปกว่านี้ได้อีกมาก ถึงมีชิวิตที่เป็นอยู่ก็เลวสุดอยู่แล้ว แต่สำหรับ อียู ยังไม่เคยใกล้ตาย เจียนตาย คราวนี้อาจจะได้รู้จัก สมมุติว่า ถ้ากรีซตัดสินใจไม่รับเงินกู้อีกต่อไป หนี้ที่ค้างกันอยู่ ก็ค่อยว่ากัน นี่ไม่ใช่การเบี้ยวหนี้ แต่เป็นการแสดงความไม่ต้องการเป็นหนี้เพิ่ม เอาแค่นี้ จะเรียกเป็นประเทศล้มละลาย หรืออะไรก็แล้วแต่ ความสะเทือนในระบบการเงินในยุโรป ก็น่าจะเกิน 6 ริกเตอร์แล้ว เพราะมันหมายถึง deposits run เงินฝากไหลออกจะเกิดขึ้นแบบของจริง ระบบแบงค์ในกรีซ ไปก่อน หลังจากนั้นก็ลามไปนอกกรีซ ก็ขึ้นกับธนาคารกลางของอียู จะเอาอยู่ไหม สมาชิกอียู ใครจะเป็นผู้กล้าหาญ ถมเงินมาให้ธนาคารกลาง คงเกี่ยงกันอยู่นาน เพราะทั้งเค็ม ทั้งคม กันทั้งนั้น คมเฉือนคม กว่าจะตกลงกันได้ ระหว่างนั้น เลือดยุโรปก็ไหลโกรก สมมุติไปอีกทางหนึ่ง ถึงคุณน้องยานิส จะทำหน้าขรึมว่า เจ้าหนี้ต้องตกลงเรื่องปรับโครงสร้างหนี้ก่อน แต่ นายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ประกาศว่า เรายอมให้โซ่รัดคอเราแน่นอีกหน่อย เกี่ยวกับเรื่องเงินบำนาญ ยืดอายุคนรับบำนาญไป อีก 2 ปี ทนไหวน่าลุงและจำนวนที่ต้องจ่ายบำนาญก็จะลดลง มี ข่าวว่า เจ้าหนี้ ต้องการรัดคออีกหลายเปลาะ เช่นเรื่อง ขยายฐานเก็บภาษี ไปถึง เรื่อง การซื้อยาและขึ้นอัตรา vat ร้านอาหารและที่พักโรงแรม สำหรับกรีซ ที่เป็นเมืองขายการท่องเที่ยว ขึ้นภาษี 2 รายการนี่ ก็ เปลี่ยนร้านอาหาร เป็นป่าช้า อาจได้ลูกค้ามากกว่า ข่าวนี้ทำให้เกิดเสียงแตกในพรรค Syriza เอง พวกเข้มบอกไม่ได้นะ นายกฯ ไปตกลงเองไม่ได้ ต้องเอามาเข้าสภาก่อน และรับรองเลย มติแบบนี้ ไม่ผ่านสภาแน่ ถ้าเป็นข้อสมมุติตามนี้ ความสะเทือน อาจจะไม่เกิน 4 ริกเตอร์ ในตอนแรก ระหว่างรอเข้าสภา และไม่ว่าสภาจะลงมติอะไร การถอนเงินฝาก ก็จะเกิดขึ้น เหมือนกรณีแรก และความสะเทือนก็จะค่อยๆเพิ่มริกเตอร์ขึ้น ไม่ต่างกว่ากรณีแรก เพียงแต่ใช้เวลานานกว่า เห็นไหมครับ ไม่ว่ากรีซจะเล่นบทไหน ก็เกิดผลกระทบกับอียูทั้งสิ้น เพราะมันเป็นการจัดการที่ผิดของอียูเองตั้งแต่ต้น ผลมาจากเหตุ เมื่อมีการเอาเงินก้อนใหญ่ที่ควรใส่ไปที่กรีซ แต่ไปไม่ถึงกรีซ ไปถึงเจ้าหนี้อื่นแทน ถึงเวลากรีซจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ ก็ต้องเบิกเงินกู้ต่อไปเรื่อยๆ อาการของกรีซก็หนักไปเรื่อยๆ จากเงื่อนไข ที่รัดคอ ผูกมือผูกตีน ไม่ให้กระดิก ไม่ต้องจบปริญญาเอกทางเศรษฐศาสตร์จากอังกฤษ ก็พอรู้ว่า ไปต่อสภาพนี้จะเป็นอย่างไร ยิ่งจบมาอย่างคุณน้องยานิส ถึงได้พูดเหมือนท่องมนตร์ว่า ต้องปรับปรุงโครงสร้างหนี้ คือ ลดหนี้ ผ่อนผันเงื่อนไข เพื่อให้กรีซมีโอกาสต้ังหลัก และยืดอายุการชำระออกไปอีก หรือ มีเงินใหม่จากที่อื่น มาล้างหนี้ DOA และเริ่มต้นกระบวนการฟื้นชีวิตชาวกรีซกันใหม่ จะมีไหมครับ เงินใหม่ จะมาจากไหน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 27 มิ.ย. 2558
    0 Comments 0 Shares 792 Views 0 Reviews
  • ตัดโซ่หรือตายซาก ตอนที่ 1 – 2

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ตัดโซ่ หรือ ตายซาก”
    ตอน 1
    เรื่องหนี้ของกรีซยก 2 นี่ ถ้าเป็นหนังก็ออกรสตื่นเต้น ประเภท เกทับบลั้ฟแหลก คมเฉือนคม อะไรทำนองนั้น เพราะมันจะมีการพลิกเกมกันอยู่ตลอดเวลา ต่างฝ่ายก็เอามือล้วงกระเป๋า เหมือนมีของดีแอบอยู่ จะงัดเอาออกมาใช้เมื่อไหร่เท่า นั้น แต่จริงๆแล้ว ของดีมีจริง หรือมีปลอม ยังไม่มีใครรู้แน่ ระหว่างนั้น ก็ทำหน้าขรึม หน้าเครียดเจรจากัน สื่อก็รายงานของจริงแถมใบสั่ง เป็นโอกาสล่อให้แมงเม่าเข้าไปเล่นกองไฟ มีคนฉิบหายตายเพราะหนี้ท่วมประเทศยังไม่พอ ต้องหาแมงเม่าเข้ามาสังเวยด้วย มันถึงจะได้อารมณ์ สร้างกำไร จากความหายนะ ความคิดแบบนี้ มีทุกสัญชาติแหละครับ มากน้อย ตามสันดาน และตัณหา
    พระเอกที่จะเล่นเกมเกทับ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้ของกรีซ ที่มาจากพรรค Syriza ซึ่งเป็นพวกที่เอนไปทางสังคมนิยม ก่อต้ังเมื่อปี ค.ศ. 2004 จากการรวมตัวของกลุ่มฝ่ายซ้ายต่างๆ ประมาณ 10 กว่ากลุ่ม Syriza เคยมีชื่อเสียงว่า เป็นพวก anti establishment เป็นพวกไม่เอาทุนนิยมว่างั้นเถอะ แม้ตอนหลังพวกเขาจะไม่เน้นเรื่อ งนี้ แต่เมื่อ Syriza ชนะเลือกตั้ง เมื่อต้นปี 2015 แน่นอน ทำให้อียูเริ่มขมวดคิ้ว เพราะดูเหมือน Syriza จะมาทำให้ชาวกรีซร้องคนเพลงกับอียู ยิ่งหัวหน้าพรรคที่ชื่อ Alexis Tsipras ประกาศชัดเจนว่า “euro is not my fetish” เงินยูโรมันก็ไม่ได้วิเศษอะไรนักหนา คำประกาศเขาให้รสชาดแบบนั้นนะครับ
    ในการเลือกต้ังดังกล่าว Syriza ขาดไปแค่ 2 คะแนน ที่จะเป็นเสียงข้างมาก พวกเขาเลยต้องผสมกับพรรคอื่นตั้ง รัฐบาล แต่ยังไงก็ได้นาย Alexis Tsipras เป็นนายกรัฐมนตรีหนุ่มแน่น อายุแค่ 40 และมีนาย Yanis Varoufakis เป็นรัฐมนตรีคลัง ที่จะมาช่วยหาวิธีถอดโซ่ ที่พวกเจ้าหนี้กรีซ เอามาคล้องคอชาวกรีซออกไป หรือทำให้โซ่คล้องคอมันหลวมหน่อย ไม่ใช่รัดติ้ว ท้องกิ่ว หายใจจะไม่ออก ไม่มีจะกินกันทั้งประเทศอย่างนี้
    นาย Alexis Tsipras เป็นลูกชาวกรีซ ที่อพยพมาจากตุรกี ตามโครงการแลกเปลี่ยนประชาชน ระหว่าง 2 ประเทศ เขาเป็นคนชอบเล่นกีฬา และทำกิจกรรมมาต้ังแต่เป็นเด็กนักเรียน หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นนักเคลื่อนไหวไฟแรง แหม เหมือนกับจะเขียนเรื่องเจ้ายะใส หนุ่มหน้ามนของสาวๆแดนสยามเลยนะ แต่ยะใส คงต้องติวใหม่อีกแยะนะ เอาเรื่องนายอเล็กซิส ต่อแล้วกัน เขาเรียนจบด้านวิศวกรรมจากวิทยาลัยเทคนิคของกรีซ ระหว่างเรียน ก็เริ่มเข้ากลุ่มการเมืองฝ่ายซ้ายของกรีซ และได้เป็นหัวหน้านักศึกษาทางกิจกรรมการเมือง ก็คงเหมือน สนนท. ของบ้านเรานะครับ หลังจากนั้น ก็เข้าการเมืองท้องถิ่นเต็มตัว ก่อนลงสนามใหญ่
    เมื่อบรรดาพรรคฝ่ายซ้าย จับมือรวมกันเป็นพรรค Syriza นายอเล็กซิส ก็ไปเข้าร่วม แล้วในที่สุด ในปี คศ 2009 หนุ่มอเล็กซิส อายุ 30 กว่า ก็ได้เป็นหัวหน้าพรรค Syriza เป็นดาวรุ่งพุ่งแรง จะมีใครอุ้ม ใครดันหรือเปล่า ข่าวไม่บอก แล้วเขาก็พา Syriza เข้าลงเลือกต้ังในสนามใหญ่ ต้ังแต่ปี 2012 แม้ไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ก็ได้เข้าอยู่ในสภา ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายค้าน ไม่เบาเหมือนกันสำหรับ หนุ่มวัย 30 กว่า
    เมื่อ สภากรีซล่มในปี ค.ศ. 2014 และประกาศจะมีการเลือกต้ังใหม่ ในเดือนมกราคม ปี ค.ศ.2015 อเล็กซิส ระดมพลพรรค ประกาศลงเลือกต้ัง และประกาศ Thessaloniki Programme ในเดือนสิงหาคม ปี 2014 ซึ่งเป็นนโยบายที่เสนอให้มีการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และการเมืองของกรีซเสียใหม่ นอกจากนี้ ยังประกาศใช้นโยบายการหาเสียงว่า พรรค Syriza ต้ังใจจะเข้าไปแก้ไขเงื่อนไขมหาโหด ในสัญญาเงินกู้ ที่บรรดาเจ้าหนี้ต่างประเทศกำหนดไว้ เหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีซและทำให้ชีวิตชาวกรีซสุดแสนจะลำเค็ญ
    ในส่วนนโยบายต่างประเทศ ระหว่างการหาเสียง อเล็กซิส แสดงความไม่พอใจอย่างเผ็ดร้อน กับการตัดสินใจหลายเรื่องของยุโรป ที่คัดท้ายโดยรัฐบาลเยอรมัน ภายใต้การนำของป้าเข็มขัดเหล็ก แน่นอน มันเป็นการฝาก “รอย” ให้ไว้กับป้าเข็มขัดเหล็ก ที่ทำให้การเจรจาต่อมาระหว่างอเล็กซิส ในฐานะนายกรัฐมนตรีกรีซ กับป้าเข็มขัดเหล็ก เกี่ยวกับเรื่องหนี้ของกรีซ ฝืดสิ้นดี
    เหมือนจะให้ผู้คนแน่ใจว่าเขาคิดอย่างไร เมื่อได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี งานแรกที่ Alexis Tsipras ทำ คือ เขานำดอกกุหลาบแดงช่อใหญ่ ไปวางแสดงความเคารพที่อนุสรณ์สถานของชาวกรีซ 200 คน ที่เสียชีวิตจากการฆ่าของเยอรมัน เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ.1944 ….ช่างเล่นนะไอ้หนุ่ม
    งานเดินสายต่างประเทศ รายการแรกของนายกรัฐมนตรีหนุ่ม คือ ไปพบนายกรัฐมนตรี Matteo Renzi ที่โรม เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2015 จับเข่าคุยในฐานะ คนเป็นลูกหนี้ ที่มีโซ่คล้องคอเหมือนกัน คุยกันเสร็จ นาย Renzi ก็มอบเนคไทไหมอิตาเลียน ให้เป็นที่ระลึกแก่ นายอเล็กซิส ซึ่งมีชื่อเสียงว่า ไม่นิยมการผูกเนคไท เขารับไว้ แล้วบอกว่า เขาจะผูกเนคไทนี้ ในวันที่ชาวกรีซ ตัดโซ่คล้องคอสำเร็จ… อยากได้ยินคำพูดแบบนี้ ในแดนสยามบ้างครับ
    ส่วน นาย Yanis Varoufakis มาคนละทางกับอเล็กซิส
    ยานิส ไม่ได้เป็นนักการเมือง เขาออกไปทางนักวิชาการ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ และเป็นอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์มีชื่อเสียง แต่ใช่ว่าเขาไม่สนใจการเมือง พ่อเขาร่วมรบในสงครามกลางเมืองกรีซ โดยอยู่ฝั่งคอมมิวนิสต์ แพ้สงครามก็ถูกจับไปนอนคุกอยู่หลายปี ออกจากคุกมาทำธุรกิจ กลายเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของกรีซ ส่วนแม่ก็เป็นพวกคอการเมือง ครอบครัวนี้ สนับสนุนกลุ่มไอร์แลนด์เหนือให้สู้กับอังกฤษ พวกเขานับ Belfast เมืองหลวงของไอร์แลนด์เหนือเป็นบ้านที่ 2
    สำหรับคนรุ่นหลังๆ คงไม่ค่อยรู้จักวีรกรรมของชาวไอริช ที่ต้องการแยกตัวจากอังกฤษ นอกจากรู้จากดูหนัง จริงๆ คนไอริช หรือขบวนการ IRA เป็นขบวนการ ที่ถูกอังกฤษและพวก รวมทั้งสื่อ เรียกว่า เป็นผู้ก่อการร้าย ทั้งๆ ที่พวกเขาคิดการดี ในช่วงประมาณปี ค.ศ.1970 เป็นต้นมา ขบวนการ IRA จะเป็นข่าวเกือบรายวัน ในการวางระเบิดใส่อังกฤษ ผู้คนบาดเจ็บล้มตายมาก ตึกรามบ้านช่องพังวินาศ
    ไม่มีการต่อสู้เพื่อเอกราชใด หรือปลดพันธนาการใดจะได้มาง่ายๆ มันต้องลงแรงลงใจลงชีวิตทั้งนั้น ชาวแดนสยาม สบายจนเคยตัว บางพวกทำตัว ยิ่งกว่าตามสบาย เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว หาความสุข สนุกไปวันๆ ไม่สนใจประเทศ และเพื่อนร่วมชาติ จนน่ารังเกียจ น่าเสียดายครับ มีของดี ไม่รู้จักคุณค่า ไม่รู้จักรักษา ชอบอยู่แต่ใน “ครอบ” ไม่อยากใช้คำว่า “คอก” ปล่อยให้มัน ฟอกย้อม ต้มตุ๋นเอาจนชิน วันไหนไม่ถูกย้อม ไม่ถูกต้ม คงกินไม่ได้นอนไม่หลับ เฮ้อ! คุยเรื่อง นายยานิสต่อดีกว่า
    เมื่อพ่อรวย ก็ส่งลูกไปเรียนที่อังกฤษ ยานิส จึงเรียน พูด และด่าเป็นภาษาอังกฤษ ได้ชัด และคมคายเอาเรื่อง สรุปว่า เขาเรียนต้ังแต่ ปริญญาตรี จนจบปริญญาเอกจากอังกฤษแล้วกัน
    เรียนจบแล้ว ก็ไปสอนหนังสือ ที่หลายมหาวิทยาลัย หลายประเทศ แล้วยังเดินทางไปดูโลกกว้างในแง่มุมของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากสร้างให้เกิด ที่ต้องมองกันอย่างลึกซึ้ง กลับมาก็เปิดบล๊อกของตัวเอง ให้ความรู้ ความเห็น สอนคนนอกมหาวิทยาลัยไปเรื่อยๆ ที่สำคัญ เขาบอกว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการที่กรีซ ไปกู้เงินพวกเจ้าหนี้หน้าเลือดเหล่านั้น ไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขที่เจ้า หนี้ต้ัง ไม่เห็นด้วยๆๆๆ สาระพัด ไม่เห็นด้วย และบอกว่า ถ้ากรีซ ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป ชาวกรีก ก็คงแห้งตายซาก และเกาะกรีซอันสวยงาม ก็คงล่มจมหายไปในเมดิเตอร์เรเนียน อย่างน่าเสียดาย …
    เพราะเขียนในบล๊อกแบบนี้ จนดังระเบิด เมื่อ พรรค Syriza ได้เป็นรัฐบาล จึงส่งเทียบมาเชิญ ท่านพี่ยานิส ท่านอย่ามัวแต่นั่งเขียนให้คนอ่านเลย แบบนั้นมันง่าย ( เหมือนที่ลุงนิทานทำ แค่นั่งเขียนอยู่ในบ้าน) ท่านจงออกมาใช้ภูมิปัญญา ลงมือแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่าง จริงจังกับเราเถิด นายยานิส ก็ไม่เล่นตัว ไม่เรื่องมาก แค่บอกว่า พูดกันให้รู้เรื่องก่อนนะ ถ้าเอาผมไปนั่งคลัง ผมจะใช้นโยบาย อย่างที่ผมเขียน คือ เราต้องตัดโซ่ของเจ้าหนี้ ที่เอามาคล้องคอชาวกรีซ ออกเสียนะ
    นายกรัฐมนตรีหนุ่มบอก นั่นแหล่ะพี่ เราพูดเรื่องเดียวกัน พี่เอาคีมเบอร์ใหญ่สุดมาเลยนะ มาช่วยพวกผมตัดโซ่ด่วนเลย แล้วยานิสก็ไปนั่งเป็นรัฐมนตรีคลังในรัฐบาล แต่ไม่สังกัดพรรค อืม…
    เป็นต้ัง พณฯ ท่านรัฐมนตรี เขาก็ส่งทั้งรถยนต์ คนขับ ผู้ติดตาม เครื่องยศ มาให้พร้อม ยานิส ก็ส่งคืนกลับไปหมด รถยนต์ ผมมีแล้วครับ เก่าหน่อย แต่ยังวิ่งได้ดีอยู่ วันไหนอากาศดี ผมก็ไม่ใช้รถ ขี่มอร์ไซด์ไปเร็ว และประหยัดกว่า มิน่า เลยติดใส่เสื้อหนัง ส่วนผู้ติดตาม ก็ไม่จำเป็นครับ ไม่รู้จะเอามาทำอะไร ถ้าประชาชนเขาไม่พอใจผม เอาไข่ปาผมไม่กี่ที ผมก็รู้หน้าที่ว่า ควรลาออกแล้วครับ ประเทศเราจนมากนะครับ ยังมีหนี้อีกแยะ จะใช้อะไร จะทำอะไร ก็ต้องเอาแต่จำเป็น รู้จักประหยัดบ้าง รับรอง ลุงนิทานไม่ได้เขียนเอง แดกใคร คุณน้องยานิส ให้สัมภาษณ์อย่างนี้จริงๆ
    ###############
    “ตัดโซ่ หรือ ตายซาก”

    ตอน 2
    ก่อนจะเดินหน้าไปตัดโซ่ มาทบทวนกันหน่อยว่า หนี้กรีซ นี่มันอะไรนักหนา แล้วเงื่อนไขเจ้าหนี้มันทารุณเหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีกจริงหรือเปล่า หรือพวกหนุ่มๆ เขาเลือดร้อน ฮอร์โมนพุ่งตามวัย เห็นอะไรขัดใจนิด ขัดใจหน่อย ก็คิดชนมันซะเลย
    บรรดาขาใหญ่นักวิเคราะห์การเมือง ไม่ใช่ พวกนักวิเคราะห์การเงิน ที่เอาไว้หลอกพวกแมงเม่า บอกว่า มันไม่ใช่เป็นเรื่องว่า กรีซ ประเทศเล็กๆ ที่อยู่ในสหภาพยุโรป จะผิดนัดชำระหนี้ไหม และจะพากันจูงมือ เดินออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรืออียู หรือเปล่า แต่เรื่องหนี้กรีซ อาจกลายเป็นซึนามิ ทางการเงิน เศรษฐกิจ และการเมืองของยุโรปได้อย่างนึกไม่ถึง และถ้าเข้าทาง …มันอาจจะไปไกลกว่านั้น....
    ปัญหาหนี้ของกรีซ เริ่มมาต้ังแต่ปี ค.ศ.2001 ก็ต้ังแต่ กรีซ เริ่มเปลี่ยนมาใช้เงินสกุลยูโร แทนเงินสกุลดรักมาร์ของตัวเองนั่นแหละ กรีซเป็นสมาชิกอียูโซนมาต้ังแต่ปี ค.ศ.1981 แต่กรีซมีงบประมาณขาดดุลยสูงเกินเกณท์ของอียู ที่เรียกว่า Maastricht Criteria อยู่ตลอดมา ถึงจะเกินเกณท์ แต่ ปีแรกๆ ก็ไม่มีปัญหา เพราะดูเหมือนหลายประเทศในอียู ก็เกินกันทั้งนั้น และกรีซ ก็ได้ประโยชน์จากการกู้ดอกถูก ในฐานะเป็นสมาชิกอียู และมีเงินลงทุนเข้ามาเพิ่ม
    นี่คือ ความผิดพลาดของกรีซ รายการแรก ที่มองการเข้าไปอยู่ในคอกอียู แต่ด้านบวก ด้านได้ โดยไม่มองด้านลบ หรือไม่คิดว่ามีด้านลบ
    ถึง ปี ค.ศ.2004 กรีซ หลุดปากบอกว่า ตัวเองแต่งตัวเลข เพื่อไม่ให้ผิดหลักเกณฑ์อียู แต่น่าประหลาด อียูทำเหมือนไม่ได้ยิน เกิดหูบอดกระทันหันเสียอย่างนั้น ไม่เตือน ไม่ด่า ไม่ทำโทษกรีซ เพราะอะไรหรือ เพราะ ใครๆก็ทำกัน โดยเฉพาะ ฝรั่งเศส และเยอรมัน ลูกพี่ใหญ่ของอียู ด่ากรีซ ก็เหมือนด่าตัวเองด้วย แล้วถ้าจะทำโทษ จะทำอะไรล่ะ ยังไม่มีกฏกติกา เรื่องนี้เลย ไล่กรีซออกจากอียูเลยดีไหม อียูน่าจะทำได้ แต่มันจะทำให้ภาพพจน์อียู หมดท่า เหมือนแก้ผ้าประจานตัวเอง แถมตอนนั้น สมาชิกอียูยังน้อยอยู่ อยากได้ไอ้พวกพี่เบิ้ม อย่างอังกฤษ ก็ยังยักท่า หรือ รวยๆ อย่างสวีเดน เดนมาร์ก ตอนนั้น ก็ยังทำหยิ่งไม่เข้ามา นี่ถ้ารู้ว่า กรีซ แต่งตัวเลข ใครจะมา มีแต่จะไป แล้วทุกฝ่ายก็ปิดปากเงียบ หลอกตัวเอง หลอกกันเอง และหลอกคนอื่นต่อไป นี่คือความผิดส่วนของอียู ที่ไม่ได้มีเพียงครั้งเดียว
    แต่พอถึงปี ค.ศ.2009 ฝีแตก กรีซปิดต่อไปอีกไม่ไหว เพราะเงินทำท่าจะหมดประเทศ จริงๆ ก็หมดแล้ว มีแต่เงินกู้เขามา อ้อมแอ้ม ออกมาว่า มีตัวเลขงบประมาณขาดดุลย ประมาณ 12.9 % ของ จีดีพี ( ผลิตภัณท์มวลรวมภายใน ) ซึ่งเป็นตัวเลขที่เกินกว่าเกณท์ที่ อียู กำหนดไว้ ที่ 3% พูดภาษาเข้าใจง่ายๆ แปลว่า มีจ่ายจ่ายมากกว่ารายรับอยู่แยะมาก จะทำไงดีครับลูกพี่ เป็นคนธรรมดา ก็ต้องบอกว่าอยู่ในสภาพ เป็นหนี้หัวโต นอนเอามือก่ายหน้าผากจนบุบ ก็ยังไม่เห็นทางแก้ปัญหา
    ลูกพี่ยังคิดไม่ออกว่าจะใช้แผน พิฆาตชุดไหน แต่ สามหมาไน บริษัท จัดอันดับ ratings agency Standard & Poor , Fitch และ Moody’s ได้กลิ่น รีบประกาศลดอันดับความน่าเชื่อ ถือของ กรีซลงอย่างรวดเร็ว เหลือเป็นระดับ junk bond หรือระดับขยะ คือ อยู่ในสภาพล้มละลาย พันธบัตรกรีซ มีค่าไม่ต่างกับกระดาษชำระ การประกาศของ 3 หมาไน ได้ผลอย่างดียิ่ง กลางปี 2010 กรีซก็ถูกตัดขาดจากเส้นทางกู้เงินในตลาดทุนของโลก เหลือแต่เส้นทางไปสู่การเป็นประเทศล้มละลายอย่างสมบูรณ์
    กรีซแทบไม่เหลือทางเลือก จะตายช้า หรือตายเร็วเท่านั้น แล้วอัศวิน ชื่อ Troika ก็โผล่มา Troika เป็นชื่อเรียก ของสามเสือหิว IMF, ECB (European Central Bank) และ European Commission เล่นบทลูกพี่ใจดี จับมือกันจัดการให้เงินกู้ ที่อ้างว่า เป็นการช่วยฉุดกรีซขึ้นมาจากเหว รอบแรก จำนวน 340 พันล้านยูโร
    เงินจำนวนนี้ ถือว่ามากมาย และน่าจะผิดหลักเกณท์ของ IMF เสียด้วยซ้ำ แต่ทำไมอัศวิน หรือ Trioka รีบจัดการให้ สงสารกรีซมากหรือไง อ้อ ไม่ใช่ มันเป็นพวกไอ้เสือหิว มองหาเหยื่อแบบนี้ มานานแล้วต่างหาก พอเข้าใจนะครับ
    เงินกู้ ฉุดจากเหว มาพร้อมกับโซ่เหล็กคล้องคอกรีซ เป็นเงื่อนไขที่อ้างว่า เพื่อสร้างวินัยในการใช้จ่ายของกรีซ ที่กรีซ ไม่มีโอกาสต่อรอง ต้องก้มหน้ารับอย่างเดียว แต่ที่น่าสนใจ เงินกู้แลกโซ่ ควรจะมาช่วยให้สถานะของกรีซในสายตาของตลาดทุนดีขึ้น ตรงกันข้าม เงินกู้ลอยผ่านหน้ารัฐบาลกรีซ ไปเข้ากระเป๋าธนาคารต่างประเทศ ที่ให้กรีซกู้ไปก่อนหน้านี้
    เงินกู้ฉุดจากเหว กลายเป็นการใช้หนี้ ฉุดธนาคารต่างประเทศ ขึ้นมาจากเหวก่อน ชาวกรีซยังคงอยู่ในเหวต่อไป แต่มีโซ่มาคล้องคอหนักรัดติ้ว นั่งท้องกิ่วอยู่ก้นเหว ตกลงอัศวิน Troika มาช่วยใคร นี่คือ การเสียค่าโง่ครั้งที่เท่าไหร่ของกรีซ
    แล้วธนาคารต่างประเทศไหนล่ะ ที่ได้รับการชำระหนี้ไปก่อน เปิดดูอากู ก็รู้ว่า ธนาคารในอียูเองเป็นเจ้าหนี้กรี ซ ทั้งนั้น และเจ้าหนี้รายใหญ่สุด คือ เยอรมัน รองมา คือ ฝรั่งเศส พอเข้าใจแล้วนะครับว่า ทำไมนายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ถึงเอาดอกกุหลาบแดงไปวางที่อนุสรณ์สถาน
    ก่อนการให้เงินกู้ จำนวนมโหฬาร IMF หัวหน้าใหญ่ของกลุ่มเสือหิว ที่เป็นผู้นำการกำหนดเงื่อนไข ลายโซ่คล้องคอชาวกรีซ บอกว่าการใช้จ่ายของกรีซ หนักไปที่ค่าจ้าง เป็นจำนวน ถึง 75% ของงบประมาณรายจ่าย แยกเป็นค่าจ้าง พนักงานของรัฐ ทั้งประจำ และชั่วคราว ค่าจ้างแรงงานคนทำงาน ค่าสวัสดิการ ค่าเบี้ยบำนาญ ของคนที่ทำงานมาจนแก่เหลือแต่เหงือก
    ถ้ายังจำกันได้ กรีซจัดงานแข่งกีฬาโอลิมปิค ในปี ค.ศ. 2004 ยิ่งใหญ่ และสวยงาม แน่นอนก่อนจัดงาน ต้องมีการปรับปรุงสาธารณูปโภค ถนนหนทาง ไฟฟ้า น้ำประปา ทั้งประเทศรวมทั้ง การก่อสร้าง สนามกีฬา บ้านพักนักกีฬา และอีกหลายๆอย่าง เพื่อรองรับการแข่งขัน และผู้มาชม ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 ปี รายจ่ายของกรีซทั้งด้านแรงงาน และด้านก่อสร้าง ไม่บานทะโล่ ก็คงแปลกอยู่
    นอกจากนี้ยังมีหนี้ส่วนบุคคลของ ชาวกรีก ที่เห็นเป็นโอกาสที่ทำเงิน ด้วยการสร้างที่พัก สำหรับนักท่องเที่ยว ร้านอาหาร บริการรถเช่า ฯลฯ ซึ่งสร้างขึ้นมาจากเงินกู้เกือบทั้งสิ้น
    และ นี่ ก็เป็นอีกความผิดพลาด อีกรายการของกรีซ กีฬาโอลิมปิคสวยงาม สร้างชื่อเสียงให้กับกรีซ และก็สร้างหนี้ให้กับกรีซด้วย กรีซขาดทุนย่อยยับ ขายของ ไม่ได้ราคาคุ้มทุนที่ลง แถมมีหนี้ติดค้างทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เลยเป็นโอกาสให้ IMF ผู้ชำนาญการ สั่งให้กรีซ ตัดรายการจ้างงาน และสวัสดิการ ขณะที่กรีซ พยายามขายการท่องเที่ยวประเทศของตัวเองต่อ เพื่อเอาทุนคืนจากการขาดทุนโอลิมปิค IMF ปิดประตูการจ้างงาน เปิดให้ครึ่งบานและครึ่งวัน ที่พัก ร้านอาหารเริ่มโทรม เมื่อมีลูกจ้างมาทำงานไม่พอให้บริการ นักท่องเที่ยวที่ไหน อยากจะไปเที่ยว แล้วยกกระเป๋า และ ล้างจานเอง
    ถ้าไม่แน่ใจว่า การจัดงานกีฬาโอลิมปิค ไม่ได้สร้างกำไรเสมอไป ก็ลองไปถามคุณปากจีบ นายกรัฐมนตรี ของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ได้ว่า หลังจาก กระเสือกกระสน จัดการแข่งกีฬาโอลิมปิค เมื่อปี 2012 แล้วเป็นไง ตอนนี้ เลยต้องตัดงบสาระพัด รวมทั้งงบด้านกองทัพ เล่นเอาคุณพีปูตินของผม หัวร่อ ฮิ ฮิ
    จึงไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจ ที่ ในปี 2010 อัตราว่างงานของกรีซ เพิ่มขึ้นเป็น 15% ทุก 7 คนกรีก จะมีคนว่างงาน 1 คน ! เริ่มมีการประท้วงรัฐบาล การเมืองง่อนแง่น และกรีซ ก็ต้อง กู้เงินจาก อัศวิน Troika เพิ่มขึ้นอีก และโซ่คล้องคอชาวกรีซ ก็หนักขึ้นทุกที ชาวกรีซ ก็จมลงในเหวลึกลงไปทุกที
    ปี ค.ศ.2011 สถานการณ์ของกรีซ แย่ลงกว่าเดิม รัฐบาลไหนมาก็แก้ปัญหาไม่ได้ ได้แต่กู้เพิ่มเพื่อเอามาใช้หนี้เก่า หมุนไปเรื่อยๆ รัฐบาลกรีซคิดหาทางทางออกไม่เจอ เขิญผู้เชี่ยวชาญมาช่วยคิด
    OECD ซึ่งเป็นหน่วยงาน ที่อ้างว่ามีหน้าที่คอยแนะนำประ เทศ ที่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ภายใต้เสื้อคลุม ที่ไอ้นักล่าใบตองแห้ง คิดขึ้นมาหลังจากคิดสร้าง World Bank, IMF บอกกรีซต้องหารายได้เพิ่มด้วยการเก็บภาษีเพิ่ม ใช้มาตรการเด็ดขาดกับผู้หนีภาษี และขายรัฐวิสาหกิจที่สร้างกำไรอ อกไปให้กับนักธุรกิจ และขายทรัพย์สินของประเทศ เพื่อเอามาใช้หนี้ ชาวกรีก เริ่มรู้ตัวว่า กำลังถูกแร้งลง ออกมาประท้วง ไม่ยอมให้รัฐบาลขายรัฐวิสาหกิจ กับทรัพย์สินของประเทศ บอกไปเก็บภาษีจากพวกคนรวยๆ และพวกหนี้ภาษีด่วนเลย
    กรีซ น่าจะเห็นแล้วว่า ตัวเองถูกต้ม และเป็นเหยื่อ ของเหล่านักล่า หมาไน และก่อนสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ถ้าตัดสินใจผิดอีก คราวนี้ คงถึงแร้งลง
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    26 มิ.ย. 2558
    ตัดโซ่หรือตายซาก ตอนที่ 1 – 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ตัดโซ่ หรือ ตายซาก” ตอน 1 เรื่องหนี้ของกรีซยก 2 นี่ ถ้าเป็นหนังก็ออกรสตื่นเต้น ประเภท เกทับบลั้ฟแหลก คมเฉือนคม อะไรทำนองนั้น เพราะมันจะมีการพลิกเกมกันอยู่ตลอดเวลา ต่างฝ่ายก็เอามือล้วงกระเป๋า เหมือนมีของดีแอบอยู่ จะงัดเอาออกมาใช้เมื่อไหร่เท่า นั้น แต่จริงๆแล้ว ของดีมีจริง หรือมีปลอม ยังไม่มีใครรู้แน่ ระหว่างนั้น ก็ทำหน้าขรึม หน้าเครียดเจรจากัน สื่อก็รายงานของจริงแถมใบสั่ง เป็นโอกาสล่อให้แมงเม่าเข้าไปเล่นกองไฟ มีคนฉิบหายตายเพราะหนี้ท่วมประเทศยังไม่พอ ต้องหาแมงเม่าเข้ามาสังเวยด้วย มันถึงจะได้อารมณ์ สร้างกำไร จากความหายนะ ความคิดแบบนี้ มีทุกสัญชาติแหละครับ มากน้อย ตามสันดาน และตัณหา พระเอกที่จะเล่นเกมเกทับ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้ของกรีซ ที่มาจากพรรค Syriza ซึ่งเป็นพวกที่เอนไปทางสังคมนิยม ก่อต้ังเมื่อปี ค.ศ. 2004 จากการรวมตัวของกลุ่มฝ่ายซ้ายต่างๆ ประมาณ 10 กว่ากลุ่ม Syriza เคยมีชื่อเสียงว่า เป็นพวก anti establishment เป็นพวกไม่เอาทุนนิยมว่างั้นเถอะ แม้ตอนหลังพวกเขาจะไม่เน้นเรื่อ งนี้ แต่เมื่อ Syriza ชนะเลือกตั้ง เมื่อต้นปี 2015 แน่นอน ทำให้อียูเริ่มขมวดคิ้ว เพราะดูเหมือน Syriza จะมาทำให้ชาวกรีซร้องคนเพลงกับอียู ยิ่งหัวหน้าพรรคที่ชื่อ Alexis Tsipras ประกาศชัดเจนว่า “euro is not my fetish” เงินยูโรมันก็ไม่ได้วิเศษอะไรนักหนา คำประกาศเขาให้รสชาดแบบนั้นนะครับ ในการเลือกต้ังดังกล่าว Syriza ขาดไปแค่ 2 คะแนน ที่จะเป็นเสียงข้างมาก พวกเขาเลยต้องผสมกับพรรคอื่นตั้ง รัฐบาล แต่ยังไงก็ได้นาย Alexis Tsipras เป็นนายกรัฐมนตรีหนุ่มแน่น อายุแค่ 40 และมีนาย Yanis Varoufakis เป็นรัฐมนตรีคลัง ที่จะมาช่วยหาวิธีถอดโซ่ ที่พวกเจ้าหนี้กรีซ เอามาคล้องคอชาวกรีซออกไป หรือทำให้โซ่คล้องคอมันหลวมหน่อย ไม่ใช่รัดติ้ว ท้องกิ่ว หายใจจะไม่ออก ไม่มีจะกินกันทั้งประเทศอย่างนี้ นาย Alexis Tsipras เป็นลูกชาวกรีซ ที่อพยพมาจากตุรกี ตามโครงการแลกเปลี่ยนประชาชน ระหว่าง 2 ประเทศ เขาเป็นคนชอบเล่นกีฬา และทำกิจกรรมมาต้ังแต่เป็นเด็กนักเรียน หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นนักเคลื่อนไหวไฟแรง แหม เหมือนกับจะเขียนเรื่องเจ้ายะใส หนุ่มหน้ามนของสาวๆแดนสยามเลยนะ แต่ยะใส คงต้องติวใหม่อีกแยะนะ เอาเรื่องนายอเล็กซิส ต่อแล้วกัน เขาเรียนจบด้านวิศวกรรมจากวิทยาลัยเทคนิคของกรีซ ระหว่างเรียน ก็เริ่มเข้ากลุ่มการเมืองฝ่ายซ้ายของกรีซ และได้เป็นหัวหน้านักศึกษาทางกิจกรรมการเมือง ก็คงเหมือน สนนท. ของบ้านเรานะครับ หลังจากนั้น ก็เข้าการเมืองท้องถิ่นเต็มตัว ก่อนลงสนามใหญ่ เมื่อบรรดาพรรคฝ่ายซ้าย จับมือรวมกันเป็นพรรค Syriza นายอเล็กซิส ก็ไปเข้าร่วม แล้วในที่สุด ในปี คศ 2009 หนุ่มอเล็กซิส อายุ 30 กว่า ก็ได้เป็นหัวหน้าพรรค Syriza เป็นดาวรุ่งพุ่งแรง จะมีใครอุ้ม ใครดันหรือเปล่า ข่าวไม่บอก แล้วเขาก็พา Syriza เข้าลงเลือกต้ังในสนามใหญ่ ต้ังแต่ปี 2012 แม้ไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ก็ได้เข้าอยู่ในสภา ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายค้าน ไม่เบาเหมือนกันสำหรับ หนุ่มวัย 30 กว่า เมื่อ สภากรีซล่มในปี ค.ศ. 2014 และประกาศจะมีการเลือกต้ังใหม่ ในเดือนมกราคม ปี ค.ศ.2015 อเล็กซิส ระดมพลพรรค ประกาศลงเลือกต้ัง และประกาศ Thessaloniki Programme ในเดือนสิงหาคม ปี 2014 ซึ่งเป็นนโยบายที่เสนอให้มีการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และการเมืองของกรีซเสียใหม่ นอกจากนี้ ยังประกาศใช้นโยบายการหาเสียงว่า พรรค Syriza ต้ังใจจะเข้าไปแก้ไขเงื่อนไขมหาโหด ในสัญญาเงินกู้ ที่บรรดาเจ้าหนี้ต่างประเทศกำหนดไว้ เหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีซและทำให้ชีวิตชาวกรีซสุดแสนจะลำเค็ญ ในส่วนนโยบายต่างประเทศ ระหว่างการหาเสียง อเล็กซิส แสดงความไม่พอใจอย่างเผ็ดร้อน กับการตัดสินใจหลายเรื่องของยุโรป ที่คัดท้ายโดยรัฐบาลเยอรมัน ภายใต้การนำของป้าเข็มขัดเหล็ก แน่นอน มันเป็นการฝาก “รอย” ให้ไว้กับป้าเข็มขัดเหล็ก ที่ทำให้การเจรจาต่อมาระหว่างอเล็กซิส ในฐานะนายกรัฐมนตรีกรีซ กับป้าเข็มขัดเหล็ก เกี่ยวกับเรื่องหนี้ของกรีซ ฝืดสิ้นดี เหมือนจะให้ผู้คนแน่ใจว่าเขาคิดอย่างไร เมื่อได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี งานแรกที่ Alexis Tsipras ทำ คือ เขานำดอกกุหลาบแดงช่อใหญ่ ไปวางแสดงความเคารพที่อนุสรณ์สถานของชาวกรีซ 200 คน ที่เสียชีวิตจากการฆ่าของเยอรมัน เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ.1944 ….ช่างเล่นนะไอ้หนุ่ม งานเดินสายต่างประเทศ รายการแรกของนายกรัฐมนตรีหนุ่ม คือ ไปพบนายกรัฐมนตรี Matteo Renzi ที่โรม เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2015 จับเข่าคุยในฐานะ คนเป็นลูกหนี้ ที่มีโซ่คล้องคอเหมือนกัน คุยกันเสร็จ นาย Renzi ก็มอบเนคไทไหมอิตาเลียน ให้เป็นที่ระลึกแก่ นายอเล็กซิส ซึ่งมีชื่อเสียงว่า ไม่นิยมการผูกเนคไท เขารับไว้ แล้วบอกว่า เขาจะผูกเนคไทนี้ ในวันที่ชาวกรีซ ตัดโซ่คล้องคอสำเร็จ… อยากได้ยินคำพูดแบบนี้ ในแดนสยามบ้างครับ ส่วน นาย Yanis Varoufakis มาคนละทางกับอเล็กซิส ยานิส ไม่ได้เป็นนักการเมือง เขาออกไปทางนักวิชาการ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ และเป็นอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์มีชื่อเสียง แต่ใช่ว่าเขาไม่สนใจการเมือง พ่อเขาร่วมรบในสงครามกลางเมืองกรีซ โดยอยู่ฝั่งคอมมิวนิสต์ แพ้สงครามก็ถูกจับไปนอนคุกอยู่หลายปี ออกจากคุกมาทำธุรกิจ กลายเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของกรีซ ส่วนแม่ก็เป็นพวกคอการเมือง ครอบครัวนี้ สนับสนุนกลุ่มไอร์แลนด์เหนือให้สู้กับอังกฤษ พวกเขานับ Belfast เมืองหลวงของไอร์แลนด์เหนือเป็นบ้านที่ 2 สำหรับคนรุ่นหลังๆ คงไม่ค่อยรู้จักวีรกรรมของชาวไอริช ที่ต้องการแยกตัวจากอังกฤษ นอกจากรู้จากดูหนัง จริงๆ คนไอริช หรือขบวนการ IRA เป็นขบวนการ ที่ถูกอังกฤษและพวก รวมทั้งสื่อ เรียกว่า เป็นผู้ก่อการร้าย ทั้งๆ ที่พวกเขาคิดการดี ในช่วงประมาณปี ค.ศ.1970 เป็นต้นมา ขบวนการ IRA จะเป็นข่าวเกือบรายวัน ในการวางระเบิดใส่อังกฤษ ผู้คนบาดเจ็บล้มตายมาก ตึกรามบ้านช่องพังวินาศ ไม่มีการต่อสู้เพื่อเอกราชใด หรือปลดพันธนาการใดจะได้มาง่ายๆ มันต้องลงแรงลงใจลงชีวิตทั้งนั้น ชาวแดนสยาม สบายจนเคยตัว บางพวกทำตัว ยิ่งกว่าตามสบาย เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว หาความสุข สนุกไปวันๆ ไม่สนใจประเทศ และเพื่อนร่วมชาติ จนน่ารังเกียจ น่าเสียดายครับ มีของดี ไม่รู้จักคุณค่า ไม่รู้จักรักษา ชอบอยู่แต่ใน “ครอบ” ไม่อยากใช้คำว่า “คอก” ปล่อยให้มัน ฟอกย้อม ต้มตุ๋นเอาจนชิน วันไหนไม่ถูกย้อม ไม่ถูกต้ม คงกินไม่ได้นอนไม่หลับ เฮ้อ! คุยเรื่อง นายยานิสต่อดีกว่า เมื่อพ่อรวย ก็ส่งลูกไปเรียนที่อังกฤษ ยานิส จึงเรียน พูด และด่าเป็นภาษาอังกฤษ ได้ชัด และคมคายเอาเรื่อง สรุปว่า เขาเรียนต้ังแต่ ปริญญาตรี จนจบปริญญาเอกจากอังกฤษแล้วกัน เรียนจบแล้ว ก็ไปสอนหนังสือ ที่หลายมหาวิทยาลัย หลายประเทศ แล้วยังเดินทางไปดูโลกกว้างในแง่มุมของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากสร้างให้เกิด ที่ต้องมองกันอย่างลึกซึ้ง กลับมาก็เปิดบล๊อกของตัวเอง ให้ความรู้ ความเห็น สอนคนนอกมหาวิทยาลัยไปเรื่อยๆ ที่สำคัญ เขาบอกว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการที่กรีซ ไปกู้เงินพวกเจ้าหนี้หน้าเลือดเหล่านั้น ไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขที่เจ้า หนี้ต้ัง ไม่เห็นด้วยๆๆๆ สาระพัด ไม่เห็นด้วย และบอกว่า ถ้ากรีซ ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป ชาวกรีก ก็คงแห้งตายซาก และเกาะกรีซอันสวยงาม ก็คงล่มจมหายไปในเมดิเตอร์เรเนียน อย่างน่าเสียดาย … เพราะเขียนในบล๊อกแบบนี้ จนดังระเบิด เมื่อ พรรค Syriza ได้เป็นรัฐบาล จึงส่งเทียบมาเชิญ ท่านพี่ยานิส ท่านอย่ามัวแต่นั่งเขียนให้คนอ่านเลย แบบนั้นมันง่าย ( เหมือนที่ลุงนิทานทำ แค่นั่งเขียนอยู่ในบ้าน) ท่านจงออกมาใช้ภูมิปัญญา ลงมือแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่าง จริงจังกับเราเถิด นายยานิส ก็ไม่เล่นตัว ไม่เรื่องมาก แค่บอกว่า พูดกันให้รู้เรื่องก่อนนะ ถ้าเอาผมไปนั่งคลัง ผมจะใช้นโยบาย อย่างที่ผมเขียน คือ เราต้องตัดโซ่ของเจ้าหนี้ ที่เอามาคล้องคอชาวกรีซ ออกเสียนะ นายกรัฐมนตรีหนุ่มบอก นั่นแหล่ะพี่ เราพูดเรื่องเดียวกัน พี่เอาคีมเบอร์ใหญ่สุดมาเลยนะ มาช่วยพวกผมตัดโซ่ด่วนเลย แล้วยานิสก็ไปนั่งเป็นรัฐมนตรีคลังในรัฐบาล แต่ไม่สังกัดพรรค อืม… เป็นต้ัง พณฯ ท่านรัฐมนตรี เขาก็ส่งทั้งรถยนต์ คนขับ ผู้ติดตาม เครื่องยศ มาให้พร้อม ยานิส ก็ส่งคืนกลับไปหมด รถยนต์ ผมมีแล้วครับ เก่าหน่อย แต่ยังวิ่งได้ดีอยู่ วันไหนอากาศดี ผมก็ไม่ใช้รถ ขี่มอร์ไซด์ไปเร็ว และประหยัดกว่า มิน่า เลยติดใส่เสื้อหนัง ส่วนผู้ติดตาม ก็ไม่จำเป็นครับ ไม่รู้จะเอามาทำอะไร ถ้าประชาชนเขาไม่พอใจผม เอาไข่ปาผมไม่กี่ที ผมก็รู้หน้าที่ว่า ควรลาออกแล้วครับ ประเทศเราจนมากนะครับ ยังมีหนี้อีกแยะ จะใช้อะไร จะทำอะไร ก็ต้องเอาแต่จำเป็น รู้จักประหยัดบ้าง รับรอง ลุงนิทานไม่ได้เขียนเอง แดกใคร คุณน้องยานิส ให้สัมภาษณ์อย่างนี้จริงๆ ############### “ตัดโซ่ หรือ ตายซาก” ตอน 2 ก่อนจะเดินหน้าไปตัดโซ่ มาทบทวนกันหน่อยว่า หนี้กรีซ นี่มันอะไรนักหนา แล้วเงื่อนไขเจ้าหนี้มันทารุณเหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีกจริงหรือเปล่า หรือพวกหนุ่มๆ เขาเลือดร้อน ฮอร์โมนพุ่งตามวัย เห็นอะไรขัดใจนิด ขัดใจหน่อย ก็คิดชนมันซะเลย บรรดาขาใหญ่นักวิเคราะห์การเมือง ไม่ใช่ พวกนักวิเคราะห์การเงิน ที่เอาไว้หลอกพวกแมงเม่า บอกว่า มันไม่ใช่เป็นเรื่องว่า กรีซ ประเทศเล็กๆ ที่อยู่ในสหภาพยุโรป จะผิดนัดชำระหนี้ไหม และจะพากันจูงมือ เดินออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรืออียู หรือเปล่า แต่เรื่องหนี้กรีซ อาจกลายเป็นซึนามิ ทางการเงิน เศรษฐกิจ และการเมืองของยุโรปได้อย่างนึกไม่ถึง และถ้าเข้าทาง …มันอาจจะไปไกลกว่านั้น.... ปัญหาหนี้ของกรีซ เริ่มมาต้ังแต่ปี ค.ศ.2001 ก็ต้ังแต่ กรีซ เริ่มเปลี่ยนมาใช้เงินสกุลยูโร แทนเงินสกุลดรักมาร์ของตัวเองนั่นแหละ กรีซเป็นสมาชิกอียูโซนมาต้ังแต่ปี ค.ศ.1981 แต่กรีซมีงบประมาณขาดดุลยสูงเกินเกณท์ของอียู ที่เรียกว่า Maastricht Criteria อยู่ตลอดมา ถึงจะเกินเกณท์ แต่ ปีแรกๆ ก็ไม่มีปัญหา เพราะดูเหมือนหลายประเทศในอียู ก็เกินกันทั้งนั้น และกรีซ ก็ได้ประโยชน์จากการกู้ดอกถูก ในฐานะเป็นสมาชิกอียู และมีเงินลงทุนเข้ามาเพิ่ม นี่คือ ความผิดพลาดของกรีซ รายการแรก ที่มองการเข้าไปอยู่ในคอกอียู แต่ด้านบวก ด้านได้ โดยไม่มองด้านลบ หรือไม่คิดว่ามีด้านลบ ถึง ปี ค.ศ.2004 กรีซ หลุดปากบอกว่า ตัวเองแต่งตัวเลข เพื่อไม่ให้ผิดหลักเกณฑ์อียู แต่น่าประหลาด อียูทำเหมือนไม่ได้ยิน เกิดหูบอดกระทันหันเสียอย่างนั้น ไม่เตือน ไม่ด่า ไม่ทำโทษกรีซ เพราะอะไรหรือ เพราะ ใครๆก็ทำกัน โดยเฉพาะ ฝรั่งเศส และเยอรมัน ลูกพี่ใหญ่ของอียู ด่ากรีซ ก็เหมือนด่าตัวเองด้วย แล้วถ้าจะทำโทษ จะทำอะไรล่ะ ยังไม่มีกฏกติกา เรื่องนี้เลย ไล่กรีซออกจากอียูเลยดีไหม อียูน่าจะทำได้ แต่มันจะทำให้ภาพพจน์อียู หมดท่า เหมือนแก้ผ้าประจานตัวเอง แถมตอนนั้น สมาชิกอียูยังน้อยอยู่ อยากได้ไอ้พวกพี่เบิ้ม อย่างอังกฤษ ก็ยังยักท่า หรือ รวยๆ อย่างสวีเดน เดนมาร์ก ตอนนั้น ก็ยังทำหยิ่งไม่เข้ามา นี่ถ้ารู้ว่า กรีซ แต่งตัวเลข ใครจะมา มีแต่จะไป แล้วทุกฝ่ายก็ปิดปากเงียบ หลอกตัวเอง หลอกกันเอง และหลอกคนอื่นต่อไป นี่คือความผิดส่วนของอียู ที่ไม่ได้มีเพียงครั้งเดียว แต่พอถึงปี ค.ศ.2009 ฝีแตก กรีซปิดต่อไปอีกไม่ไหว เพราะเงินทำท่าจะหมดประเทศ จริงๆ ก็หมดแล้ว มีแต่เงินกู้เขามา อ้อมแอ้ม ออกมาว่า มีตัวเลขงบประมาณขาดดุลย ประมาณ 12.9 % ของ จีดีพี ( ผลิตภัณท์มวลรวมภายใน ) ซึ่งเป็นตัวเลขที่เกินกว่าเกณท์ที่ อียู กำหนดไว้ ที่ 3% พูดภาษาเข้าใจง่ายๆ แปลว่า มีจ่ายจ่ายมากกว่ารายรับอยู่แยะมาก จะทำไงดีครับลูกพี่ เป็นคนธรรมดา ก็ต้องบอกว่าอยู่ในสภาพ เป็นหนี้หัวโต นอนเอามือก่ายหน้าผากจนบุบ ก็ยังไม่เห็นทางแก้ปัญหา ลูกพี่ยังคิดไม่ออกว่าจะใช้แผน พิฆาตชุดไหน แต่ สามหมาไน บริษัท จัดอันดับ ratings agency Standard & Poor , Fitch และ Moody’s ได้กลิ่น รีบประกาศลดอันดับความน่าเชื่อ ถือของ กรีซลงอย่างรวดเร็ว เหลือเป็นระดับ junk bond หรือระดับขยะ คือ อยู่ในสภาพล้มละลาย พันธบัตรกรีซ มีค่าไม่ต่างกับกระดาษชำระ การประกาศของ 3 หมาไน ได้ผลอย่างดียิ่ง กลางปี 2010 กรีซก็ถูกตัดขาดจากเส้นทางกู้เงินในตลาดทุนของโลก เหลือแต่เส้นทางไปสู่การเป็นประเทศล้มละลายอย่างสมบูรณ์ กรีซแทบไม่เหลือทางเลือก จะตายช้า หรือตายเร็วเท่านั้น แล้วอัศวิน ชื่อ Troika ก็โผล่มา Troika เป็นชื่อเรียก ของสามเสือหิว IMF, ECB (European Central Bank) และ European Commission เล่นบทลูกพี่ใจดี จับมือกันจัดการให้เงินกู้ ที่อ้างว่า เป็นการช่วยฉุดกรีซขึ้นมาจากเหว รอบแรก จำนวน 340 พันล้านยูโร เงินจำนวนนี้ ถือว่ามากมาย และน่าจะผิดหลักเกณท์ของ IMF เสียด้วยซ้ำ แต่ทำไมอัศวิน หรือ Trioka รีบจัดการให้ สงสารกรีซมากหรือไง อ้อ ไม่ใช่ มันเป็นพวกไอ้เสือหิว มองหาเหยื่อแบบนี้ มานานแล้วต่างหาก พอเข้าใจนะครับ เงินกู้ ฉุดจากเหว มาพร้อมกับโซ่เหล็กคล้องคอกรีซ เป็นเงื่อนไขที่อ้างว่า เพื่อสร้างวินัยในการใช้จ่ายของกรีซ ที่กรีซ ไม่มีโอกาสต่อรอง ต้องก้มหน้ารับอย่างเดียว แต่ที่น่าสนใจ เงินกู้แลกโซ่ ควรจะมาช่วยให้สถานะของกรีซในสายตาของตลาดทุนดีขึ้น ตรงกันข้าม เงินกู้ลอยผ่านหน้ารัฐบาลกรีซ ไปเข้ากระเป๋าธนาคารต่างประเทศ ที่ให้กรีซกู้ไปก่อนหน้านี้ เงินกู้ฉุดจากเหว กลายเป็นการใช้หนี้ ฉุดธนาคารต่างประเทศ ขึ้นมาจากเหวก่อน ชาวกรีซยังคงอยู่ในเหวต่อไป แต่มีโซ่มาคล้องคอหนักรัดติ้ว นั่งท้องกิ่วอยู่ก้นเหว ตกลงอัศวิน Troika มาช่วยใคร นี่คือ การเสียค่าโง่ครั้งที่เท่าไหร่ของกรีซ แล้วธนาคารต่างประเทศไหนล่ะ ที่ได้รับการชำระหนี้ไปก่อน เปิดดูอากู ก็รู้ว่า ธนาคารในอียูเองเป็นเจ้าหนี้กรี ซ ทั้งนั้น และเจ้าหนี้รายใหญ่สุด คือ เยอรมัน รองมา คือ ฝรั่งเศส พอเข้าใจแล้วนะครับว่า ทำไมนายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ถึงเอาดอกกุหลาบแดงไปวางที่อนุสรณ์สถาน ก่อนการให้เงินกู้ จำนวนมโหฬาร IMF หัวหน้าใหญ่ของกลุ่มเสือหิว ที่เป็นผู้นำการกำหนดเงื่อนไข ลายโซ่คล้องคอชาวกรีซ บอกว่าการใช้จ่ายของกรีซ หนักไปที่ค่าจ้าง เป็นจำนวน ถึง 75% ของงบประมาณรายจ่าย แยกเป็นค่าจ้าง พนักงานของรัฐ ทั้งประจำ และชั่วคราว ค่าจ้างแรงงานคนทำงาน ค่าสวัสดิการ ค่าเบี้ยบำนาญ ของคนที่ทำงานมาจนแก่เหลือแต่เหงือก ถ้ายังจำกันได้ กรีซจัดงานแข่งกีฬาโอลิมปิค ในปี ค.ศ. 2004 ยิ่งใหญ่ และสวยงาม แน่นอนก่อนจัดงาน ต้องมีการปรับปรุงสาธารณูปโภค ถนนหนทาง ไฟฟ้า น้ำประปา ทั้งประเทศรวมทั้ง การก่อสร้าง สนามกีฬา บ้านพักนักกีฬา และอีกหลายๆอย่าง เพื่อรองรับการแข่งขัน และผู้มาชม ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 ปี รายจ่ายของกรีซทั้งด้านแรงงาน และด้านก่อสร้าง ไม่บานทะโล่ ก็คงแปลกอยู่ นอกจากนี้ยังมีหนี้ส่วนบุคคลของ ชาวกรีก ที่เห็นเป็นโอกาสที่ทำเงิน ด้วยการสร้างที่พัก สำหรับนักท่องเที่ยว ร้านอาหาร บริการรถเช่า ฯลฯ ซึ่งสร้างขึ้นมาจากเงินกู้เกือบทั้งสิ้น และ นี่ ก็เป็นอีกความผิดพลาด อีกรายการของกรีซ กีฬาโอลิมปิคสวยงาม สร้างชื่อเสียงให้กับกรีซ และก็สร้างหนี้ให้กับกรีซด้วย กรีซขาดทุนย่อยยับ ขายของ ไม่ได้ราคาคุ้มทุนที่ลง แถมมีหนี้ติดค้างทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เลยเป็นโอกาสให้ IMF ผู้ชำนาญการ สั่งให้กรีซ ตัดรายการจ้างงาน และสวัสดิการ ขณะที่กรีซ พยายามขายการท่องเที่ยวประเทศของตัวเองต่อ เพื่อเอาทุนคืนจากการขาดทุนโอลิมปิค IMF ปิดประตูการจ้างงาน เปิดให้ครึ่งบานและครึ่งวัน ที่พัก ร้านอาหารเริ่มโทรม เมื่อมีลูกจ้างมาทำงานไม่พอให้บริการ นักท่องเที่ยวที่ไหน อยากจะไปเที่ยว แล้วยกกระเป๋า และ ล้างจานเอง ถ้าไม่แน่ใจว่า การจัดงานกีฬาโอลิมปิค ไม่ได้สร้างกำไรเสมอไป ก็ลองไปถามคุณปากจีบ นายกรัฐมนตรี ของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ได้ว่า หลังจาก กระเสือกกระสน จัดการแข่งกีฬาโอลิมปิค เมื่อปี 2012 แล้วเป็นไง ตอนนี้ เลยต้องตัดงบสาระพัด รวมทั้งงบด้านกองทัพ เล่นเอาคุณพีปูตินของผม หัวร่อ ฮิ ฮิ จึงไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจ ที่ ในปี 2010 อัตราว่างงานของกรีซ เพิ่มขึ้นเป็น 15% ทุก 7 คนกรีก จะมีคนว่างงาน 1 คน ! เริ่มมีการประท้วงรัฐบาล การเมืองง่อนแง่น และกรีซ ก็ต้อง กู้เงินจาก อัศวิน Troika เพิ่มขึ้นอีก และโซ่คล้องคอชาวกรีซ ก็หนักขึ้นทุกที ชาวกรีซ ก็จมลงในเหวลึกลงไปทุกที ปี ค.ศ.2011 สถานการณ์ของกรีซ แย่ลงกว่าเดิม รัฐบาลไหนมาก็แก้ปัญหาไม่ได้ ได้แต่กู้เพิ่มเพื่อเอามาใช้หนี้เก่า หมุนไปเรื่อยๆ รัฐบาลกรีซคิดหาทางทางออกไม่เจอ เขิญผู้เชี่ยวชาญมาช่วยคิด OECD ซึ่งเป็นหน่วยงาน ที่อ้างว่ามีหน้าที่คอยแนะนำประ เทศ ที่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ภายใต้เสื้อคลุม ที่ไอ้นักล่าใบตองแห้ง คิดขึ้นมาหลังจากคิดสร้าง World Bank, IMF บอกกรีซต้องหารายได้เพิ่มด้วยการเก็บภาษีเพิ่ม ใช้มาตรการเด็ดขาดกับผู้หนีภาษี และขายรัฐวิสาหกิจที่สร้างกำไรอ อกไปให้กับนักธุรกิจ และขายทรัพย์สินของประเทศ เพื่อเอามาใช้หนี้ ชาวกรีก เริ่มรู้ตัวว่า กำลังถูกแร้งลง ออกมาประท้วง ไม่ยอมให้รัฐบาลขายรัฐวิสาหกิจ กับทรัพย์สินของประเทศ บอกไปเก็บภาษีจากพวกคนรวยๆ และพวกหนี้ภาษีด่วนเลย กรีซ น่าจะเห็นแล้วว่า ตัวเองถูกต้ม และเป็นเหยื่อ ของเหล่านักล่า หมาไน และก่อนสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ถ้าตัดสินใจผิดอีก คราวนี้ คงถึงแร้งลง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 26 มิ.ย. 2558
    0 Comments 0 Shares 988 Views 0 Reviews
  • “ศาลสหรัฐฯ ตัดสินโทษ 5 คน ช่วยแรงงานไอทีเกาหลีเหนือปลอมตัวเป็นชาวอเมริกัน”

    กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาทั้ง 5 คนมีบทบาทสำคัญในการจัดหาตัวตนปลอมให้แรงงานไอทีชาวเกาหลีเหนือ โดยใช้ ข้อมูลบัตรประชาชนจริงหรือขโมยมา เพื่อให้แรงงานเหล่านี้สามารถสมัครงานในบริษัทสหรัฐฯ ได้ พวกเขายังช่วย โฮสต์แล็ปท็อปที่บริษัทออกให้ ในสถานที่ต่าง ๆ ทั่วสหรัฐฯ และใช้ Remote Desktop Software เพื่อสร้างภาพลวงตาว่าพนักงานทำงานอยู่ในประเทศ

    การกระทำเหล่านี้ทำให้เกาหลีเหนือได้รับรายได้กว่า 3 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถูกนำไปใช้สนับสนุนโครงการอาวุธและกิจกรรมที่ผิดกฎหมายอื่น ๆ โดย FBI ย้ำว่า นี่เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลเปียงยางในการหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรและหาเงินทุนจากแรงงานไอที

    วิธีการที่ใช้ในการหลอกลวง
    ใช้ ตัวตนปลอม ของพลเมืองสหรัฐฯ เพื่อสมัครงาน
    โฮสต์ อุปกรณ์ที่บริษัทออกให้ ในสถานที่ต่าง ๆ เพื่อหลอกว่าแรงงานอยู่ในประเทศ
    ใช้ Remote Desktop เพื่อทำงานจากต่างประเทศโดยไม่ถูกตรวจจับ
    ผู้ต้องหาบางรายได้รับค่าตอบแทนตั้งแต่ 3,000 ถึง 90,000 ดอลลาร์ สำหรับการช่วยเหลือ

    สรุปสาระสำคัญ
    การตัดสินโทษ
    มีผู้ต้องหา 5 คน (4 สหรัฐฯ, 1 ยูเครน) ถูกตัดสินโทษ
    ช่วยแรงงานไอทีเกาหลีเหนือปลอมตัวเป็นชาวอเมริกัน
    บริษัทสหรัฐฯ กว่า 240 แห่งตกเป็นเหยื่อ

    ผลกระทบ
    เกาหลีเหนือได้รับรายได้กว่า 3 ล้านดอลลาร์
    รายได้ถูกนำไปสนับสนุนโครงการอาวุธและกิจกรรมผิดกฎหมาย

    คำเตือน
    บริษัทสหรัฐฯ ต้องระวังการจ้างงานระยะไกลที่ใช้ตัวตนปลอม
    การตรวจสอบเอกสารและ IP Address เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ
    ผู้ที่ช่วยเหลือแรงงานเกาหลีเหนืออาจถูกดำเนินคดีร้ายแรง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/five-convicted-for-helping-north-korean-it-workers-pose-as-americans-and-secure-jobs-at-u-s-firms-over-240-companies-were-victimized-by-the-scam
    🕵️ “ศาลสหรัฐฯ ตัดสินโทษ 5 คน ช่วยแรงงานไอทีเกาหลีเหนือปลอมตัวเป็นชาวอเมริกัน” กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาทั้ง 5 คนมีบทบาทสำคัญในการจัดหาตัวตนปลอมให้แรงงานไอทีชาวเกาหลีเหนือ โดยใช้ ข้อมูลบัตรประชาชนจริงหรือขโมยมา เพื่อให้แรงงานเหล่านี้สามารถสมัครงานในบริษัทสหรัฐฯ ได้ พวกเขายังช่วย โฮสต์แล็ปท็อปที่บริษัทออกให้ ในสถานที่ต่าง ๆ ทั่วสหรัฐฯ และใช้ Remote Desktop Software เพื่อสร้างภาพลวงตาว่าพนักงานทำงานอยู่ในประเทศ การกระทำเหล่านี้ทำให้เกาหลีเหนือได้รับรายได้กว่า 3 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถูกนำไปใช้สนับสนุนโครงการอาวุธและกิจกรรมที่ผิดกฎหมายอื่น ๆ โดย FBI ย้ำว่า นี่เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลเปียงยางในการหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรและหาเงินทุนจากแรงงานไอที 💻 วิธีการที่ใช้ในการหลอกลวง 🔰 ใช้ ตัวตนปลอม ของพลเมืองสหรัฐฯ เพื่อสมัครงาน 🔰 โฮสต์ อุปกรณ์ที่บริษัทออกให้ ในสถานที่ต่าง ๆ เพื่อหลอกว่าแรงงานอยู่ในประเทศ 🔰 ใช้ Remote Desktop เพื่อทำงานจากต่างประเทศโดยไม่ถูกตรวจจับ 🔰 ผู้ต้องหาบางรายได้รับค่าตอบแทนตั้งแต่ 3,000 ถึง 90,000 ดอลลาร์ สำหรับการช่วยเหลือ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การตัดสินโทษ ➡️ มีผู้ต้องหา 5 คน (4 สหรัฐฯ, 1 ยูเครน) ถูกตัดสินโทษ ➡️ ช่วยแรงงานไอทีเกาหลีเหนือปลอมตัวเป็นชาวอเมริกัน ➡️ บริษัทสหรัฐฯ กว่า 240 แห่งตกเป็นเหยื่อ ✅ ผลกระทบ ➡️ เกาหลีเหนือได้รับรายได้กว่า 3 ล้านดอลลาร์ ➡️ รายได้ถูกนำไปสนับสนุนโครงการอาวุธและกิจกรรมผิดกฎหมาย ‼️ คำเตือน ⛔ บริษัทสหรัฐฯ ต้องระวังการจ้างงานระยะไกลที่ใช้ตัวตนปลอม ⛔ การตรวจสอบเอกสารและ IP Address เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ⛔ ผู้ที่ช่วยเหลือแรงงานเกาหลีเหนืออาจถูกดำเนินคดีร้ายแรง https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/five-convicted-for-helping-north-korean-it-workers-pose-as-americans-and-secure-jobs-at-u-s-firms-over-240-companies-were-victimized-by-the-scam
    0 Comments 0 Shares 424 Views 0 Reviews
  • Micron ปรับแผนครั้งใหญ่: ชะลอโรงงานผลิตชิปในนิวยอร์ก 5 ปี แต่เร่งสร้างแห่งใหม่ในไอดาโฮ

    Micron ประกาศเปลี่ยนแผนการลงทุนครั้งสำคัญ โดยเลื่อนการเปิดโรงงานผลิตชิปในนิวยอร์กออกไปถึงปี 2033 พร้อมเร่งสร้างโรงงานแห่งที่สองในไอดาโฮ และปรับการใช้เงินสนับสนุนจาก CHIPS Act ใหม่

    Micron เคยวางแผนสร้างโรงงานผลิต DRAM ขนาดใหญ่ในเมือง Clay รัฐนิวยอร์ก โดยเริ่มผลิตในปี 2025 แต่ล่าสุดมีการเปิดเผยว่าโครงการนี้จะล่าช้าออกไปถึงปี 2030 สำหรับโรงงานแรก และโรงงานสุดท้ายจะเสร็จในปี 2045 — ช้ากว่ากำหนดเดิมถึง 5 ปี

    ในขณะเดียวกัน Micron กลับเร่งสร้างโรงงานแห่งที่สองในไอดาโฮ โดยปรับแผนการใช้เงินจาก CHIPS Act มูลค่า 6.1 พันล้านดอลลาร์ โดยย้ายงบประมาณราว 1.2 พันล้านดอลลาร์จากนิวยอร์กไปยังไอดาโฮ เพื่อให้โรงงานในไอดาโฮเสร็จเร็วขึ้นและเริ่มผลิตก่อน

    เหตุผลหลักที่ทำให้โครงการในนิวยอร์กล่าช้า คือปัญหาขาดแคลนแรงงานและระยะเวลาก่อสร้างที่ยาวนานขึ้น ซึ่งเป็นปัญหาทั่วไปในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ

    แม้จะล่าช้า แต่ Micron ยังยืนยันเป้าหมายเดิมในการผลิต DRAM ให้ได้ 40% ภายในสหรัฐฯ โดยการเร่งสร้างโรงงานในไอดาโฮจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิต HBM (High Bandwidth Memory) และเทคโนโลยีการแพ็กเกจขั้นสูงที่จำเป็นสำหรับยุค AI

    Micron เลื่อนแผนสร้างโรงงานในนิวยอร์กออกไป
    โรงงานแรก (Fab 1) จะเริ่มผลิตในปี 2030 แทนปี 2025
    โรงงานสุดท้าย (Fab 4) จะเสร็จในปี 2045

    โรงงานในไอดาโฮถูกเร่งสร้างให้เสร็จก่อน
    Micron ปรับแผนการใช้เงินจาก CHIPS Act
    ย้ายงบประมาณ 1.2 พันล้านดอลลาร์จากนิวยอร์กไปไอดาโฮ

    ปัญหาหลักคือแรงงานและระยะเวลาก่อสร้าง
    การก่อสร้างโรงงานใช้เวลานานขึ้นกว่าที่คาด
    ส่งผลให้ต้องปรับแผนการดำเนินงานและการจ้างงาน

    Micron ยังยืนยันเป้าหมายผลิต DRAM ในสหรัฐฯ
    ตั้งเป้าผลิต DRAM ให้ได้ 40% ภายในประเทศ
    โรงงานในไอดาโฮจะช่วยเพิ่มกำลังผลิต HBM และเทคโนโลยีแพ็กเกจขั้นสูง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/microns-new-york-chipmaking-fabs-by-five-years-but-accelerates-second-fab-in-idaho-and-reallocates-chips-act-funding
    🏭 Micron ปรับแผนครั้งใหญ่: ชะลอโรงงานผลิตชิปในนิวยอร์ก 5 ปี แต่เร่งสร้างแห่งใหม่ในไอดาโฮ 🏭⚡ Micron ประกาศเปลี่ยนแผนการลงทุนครั้งสำคัญ โดยเลื่อนการเปิดโรงงานผลิตชิปในนิวยอร์กออกไปถึงปี 2033 พร้อมเร่งสร้างโรงงานแห่งที่สองในไอดาโฮ และปรับการใช้เงินสนับสนุนจาก CHIPS Act ใหม่ Micron เคยวางแผนสร้างโรงงานผลิต DRAM ขนาดใหญ่ในเมือง Clay รัฐนิวยอร์ก โดยเริ่มผลิตในปี 2025 แต่ล่าสุดมีการเปิดเผยว่าโครงการนี้จะล่าช้าออกไปถึงปี 2030 สำหรับโรงงานแรก และโรงงานสุดท้ายจะเสร็จในปี 2045 — ช้ากว่ากำหนดเดิมถึง 5 ปี ในขณะเดียวกัน Micron กลับเร่งสร้างโรงงานแห่งที่สองในไอดาโฮ โดยปรับแผนการใช้เงินจาก CHIPS Act มูลค่า 6.1 พันล้านดอลลาร์ โดยย้ายงบประมาณราว 1.2 พันล้านดอลลาร์จากนิวยอร์กไปยังไอดาโฮ เพื่อให้โรงงานในไอดาโฮเสร็จเร็วขึ้นและเริ่มผลิตก่อน เหตุผลหลักที่ทำให้โครงการในนิวยอร์กล่าช้า คือปัญหาขาดแคลนแรงงานและระยะเวลาก่อสร้างที่ยาวนานขึ้น ซึ่งเป็นปัญหาทั่วไปในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ แม้จะล่าช้า แต่ Micron ยังยืนยันเป้าหมายเดิมในการผลิต DRAM ให้ได้ 40% ภายในสหรัฐฯ โดยการเร่งสร้างโรงงานในไอดาโฮจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิต HBM (High Bandwidth Memory) และเทคโนโลยีการแพ็กเกจขั้นสูงที่จำเป็นสำหรับยุค AI ✅ Micron เลื่อนแผนสร้างโรงงานในนิวยอร์กออกไป ➡️ โรงงานแรก (Fab 1) จะเริ่มผลิตในปี 2030 แทนปี 2025 ➡️ โรงงานสุดท้าย (Fab 4) จะเสร็จในปี 2045 ✅ โรงงานในไอดาโฮถูกเร่งสร้างให้เสร็จก่อน ➡️ Micron ปรับแผนการใช้เงินจาก CHIPS Act ➡️ ย้ายงบประมาณ 1.2 พันล้านดอลลาร์จากนิวยอร์กไปไอดาโฮ ✅ ปัญหาหลักคือแรงงานและระยะเวลาก่อสร้าง ➡️ การก่อสร้างโรงงานใช้เวลานานขึ้นกว่าที่คาด ➡️ ส่งผลให้ต้องปรับแผนการดำเนินงานและการจ้างงาน ✅ Micron ยังยืนยันเป้าหมายผลิต DRAM ในสหรัฐฯ ➡️ ตั้งเป้าผลิต DRAM ให้ได้ 40% ภายในประเทศ ➡️ โรงงานในไอดาโฮจะช่วยเพิ่มกำลังผลิต HBM และเทคโนโลยีแพ็กเกจขั้นสูง https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/microns-new-york-chipmaking-fabs-by-five-years-but-accelerates-second-fab-in-idaho-and-reallocates-chips-act-funding
    0 Comments 0 Shares 268 Views 0 Reviews
  • “AI’s Dial-Up Era” – เมื่อ AI อยู่ในยุคโมเด็มเสียงหวีด

    ในปี 1995 อินเทอร์เน็ตยังใหม่มาก—เว็บไซต์มีไม่ถึง 3,000 แห่ง โมเด็มส่งเสียงหวีดตอนเชื่อมต่อ และไม่มีใครกล้าใส่บัตรเครดิตออนไลน์ แต่ภายใน 25 ปี โลกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เราไว้ใจคนแปลกหน้าในอินเทอร์เน็ตให้ขับรถให้เรา พาเราไปพักในบ้านของพวกเขา และแม้แต่หาคู่ให้เรา

    ผู้เขียน Nowfal ชี้ว่า AI ในวันนี้ก็เหมือนอินเทอร์เน็ตในปี 1995—ยังอยู่ในช่วง “เสียงหวีด” ของการเริ่มต้น และทั้งฝ่ายมองโลกในแง่ดีและแง่ร้ายต่างก็เข้าใจผิดในบางจุด

    การเปรียบเทียบกับยุคอินเทอร์เน็ต
    อินเทอร์เน็ตเคยถูกมองว่าเป็นแฟชั่นชั่วคราว
    แต่กลับเปลี่ยนวิถีชีวิตมนุษย์ในทุกมิติ
    AI กำลังอยู่ในจุดเริ่มต้นแบบเดียวกัน

    ปริศนาการจ้างงานกับ AI
    บางอาชีพ เช่น รังสีแพทย์ ยังไม่ถูกแทนที่แม้มี AI
    Jevons Paradox: ยิ่งเทคโนโลยีทำให้บริการถูกลง ความต้องการกลับเพิ่ม
    แต่ผลกระทบขึ้นกับอุตสาหกรรม เช่น รถยนต์ยังไม่อิ่มตัว แต่สิ่งทออิ่มตัวแล้ว

    เศรษฐศาสตร์ของฟองสบู่ AI
    การลงทุนใน AI คล้ายยุคดอทคอม
    บริษัทบางแห่งระดมทุนมหาศาลโดยไม่มีผลิตภัณฑ์
    แต่โครงสร้างพื้นฐานที่สร้างขึ้นจะอยู่ต่อแม้ฟองสบู่แตก

    การเปลี่ยนแปลงของอาชีพ
    อาชีพใหม่จะเกิดขึ้นจาก AI เช่นเดียวกับที่อินเทอร์เน็ตสร้าง YouTuber, Influencer
    ความหมายของ “วิศวกรซอฟต์แวร์” จะเปลี่ยนไป
    คนทั่วไปจะสร้างซอฟต์แวร์โดยไม่ต้องเป็นโปรแกรมเมอร์

    ความไม่แน่นอนที่คาดเดาได้
    เราคาดการณ์ทิศทางได้ แต่ไม่รู้รายละเอียด
    เช่นเดียวกับที่ไม่มีใครคาดว่า Airbnb หรือ Uber จะเกิดขึ้นในปี 1995

    อย่าหลงเชื่อสุดโต่งทั้งสองฝั่ง
    ฝ่ายที่บอกว่า AI จะทำลายงานทั้งหมดอาจมองข้ามความซับซ้อนของอุตสาหกรรม
    ฝ่ายที่เชื่อว่า AI จะสร้างงานเสมออาจไม่เห็นข้อจำกัดของดีมานด์

    ฟองสบู่ AI อาจแตก
    การลงทุนที่เกินจริงอาจนำไปสู่การล่มสลายของบริษัท
    แต่โครงสร้างพื้นฐานที่สร้างไว้จะยังคงอยู่

    การเปลี่ยนแปลงของอาชีพไม่เท่ากับความมั่นคง
    แม้จะมี “ผู้สร้างคอนเทนต์” มากขึ้น แต่รายได้ไม่เท่ากับนักข่าวมืออาชีพในอดีต
    การเปลี่ยนแปลงอาจทำให้เกิดความไม่มั่นคงในอาชีพใหม่

    AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเปลี่ยนโลก เหมือนอินเทอร์เน็ตในยุคโมเด็มเสียงหวีด เราอาจไม่รู้ว่ามันจะพาเราไปถึงไหน แต่สิ่งที่แน่นอนคือ—มันจะเปลี่ยนทุกอย่าง และเราควรเตรียมตัวให้พร้อมทั้งในแง่โอกาสและความเสี่ยง

    https://www.wreflection.com/p/ai-dial-up-era
    📰 “AI’s Dial-Up Era” – เมื่อ AI อยู่ในยุคโมเด็มเสียงหวีด ในปี 1995 อินเทอร์เน็ตยังใหม่มาก—เว็บไซต์มีไม่ถึง 3,000 แห่ง โมเด็มส่งเสียงหวีดตอนเชื่อมต่อ และไม่มีใครกล้าใส่บัตรเครดิตออนไลน์ แต่ภายใน 25 ปี โลกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เราไว้ใจคนแปลกหน้าในอินเทอร์เน็ตให้ขับรถให้เรา พาเราไปพักในบ้านของพวกเขา และแม้แต่หาคู่ให้เรา ผู้เขียน Nowfal ชี้ว่า AI ในวันนี้ก็เหมือนอินเทอร์เน็ตในปี 1995—ยังอยู่ในช่วง “เสียงหวีด” ของการเริ่มต้น และทั้งฝ่ายมองโลกในแง่ดีและแง่ร้ายต่างก็เข้าใจผิดในบางจุด ✅ การเปรียบเทียบกับยุคอินเทอร์เน็ต ➡️ อินเทอร์เน็ตเคยถูกมองว่าเป็นแฟชั่นชั่วคราว ➡️ แต่กลับเปลี่ยนวิถีชีวิตมนุษย์ในทุกมิติ ➡️ AI กำลังอยู่ในจุดเริ่มต้นแบบเดียวกัน ✅ ปริศนาการจ้างงานกับ AI ➡️ บางอาชีพ เช่น รังสีแพทย์ ยังไม่ถูกแทนที่แม้มี AI ➡️ Jevons Paradox: ยิ่งเทคโนโลยีทำให้บริการถูกลง ความต้องการกลับเพิ่ม ➡️ แต่ผลกระทบขึ้นกับอุตสาหกรรม เช่น รถยนต์ยังไม่อิ่มตัว แต่สิ่งทออิ่มตัวแล้ว ✅ เศรษฐศาสตร์ของฟองสบู่ AI ➡️ การลงทุนใน AI คล้ายยุคดอทคอม ➡️ บริษัทบางแห่งระดมทุนมหาศาลโดยไม่มีผลิตภัณฑ์ ➡️ แต่โครงสร้างพื้นฐานที่สร้างขึ้นจะอยู่ต่อแม้ฟองสบู่แตก ✅ การเปลี่ยนแปลงของอาชีพ ➡️ อาชีพใหม่จะเกิดขึ้นจาก AI เช่นเดียวกับที่อินเทอร์เน็ตสร้าง YouTuber, Influencer ➡️ ความหมายของ “วิศวกรซอฟต์แวร์” จะเปลี่ยนไป ➡️ คนทั่วไปจะสร้างซอฟต์แวร์โดยไม่ต้องเป็นโปรแกรมเมอร์ ✅ ความไม่แน่นอนที่คาดเดาได้ ➡️ เราคาดการณ์ทิศทางได้ แต่ไม่รู้รายละเอียด ➡️ เช่นเดียวกับที่ไม่มีใครคาดว่า Airbnb หรือ Uber จะเกิดขึ้นในปี 1995 ‼️ อย่าหลงเชื่อสุดโต่งทั้งสองฝั่ง ⛔ ฝ่ายที่บอกว่า AI จะทำลายงานทั้งหมดอาจมองข้ามความซับซ้อนของอุตสาหกรรม ⛔ ฝ่ายที่เชื่อว่า AI จะสร้างงานเสมออาจไม่เห็นข้อจำกัดของดีมานด์ ‼️ ฟองสบู่ AI อาจแตก ⛔ การลงทุนที่เกินจริงอาจนำไปสู่การล่มสลายของบริษัท ⛔ แต่โครงสร้างพื้นฐานที่สร้างไว้จะยังคงอยู่ ‼️ การเปลี่ยนแปลงของอาชีพไม่เท่ากับความมั่นคง ⛔ แม้จะมี “ผู้สร้างคอนเทนต์” มากขึ้น แต่รายได้ไม่เท่ากับนักข่าวมืออาชีพในอดีต ⛔ การเปลี่ยนแปลงอาจทำให้เกิดความไม่มั่นคงในอาชีพใหม่ AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเปลี่ยนโลก เหมือนอินเทอร์เน็ตในยุคโมเด็มเสียงหวีด เราอาจไม่รู้ว่ามันจะพาเราไปถึงไหน แต่สิ่งที่แน่นอนคือ—มันจะเปลี่ยนทุกอย่าง และเราควรเตรียมตัวให้พร้อมทั้งในแง่โอกาสและความเสี่ยง https://www.wreflection.com/p/ai-dial-up-era
    0 Comments 0 Shares 285 Views 0 Reviews
  • AI ไม่ได้แย่งงาน แต่เปิดโอกาสใหม่ให้สายโปรแกรมเมอร์ – ยุคทองของนักพัฒนาซอฟต์แวร์กำลังมา

    แม้หลายคนจะกังวลว่า AI จะมาแทนที่นักพัฒนา แต่รายงานล่าสุดจาก Morgan Stanley กลับชี้ว่า AI จะช่วยเพิ่มตำแหน่งงานในสายนี้ และทำให้การลงทุนด้านซอฟต์แวร์เติบโตอย่างต่อเนื่อง

    รายงานจาก Morgan Stanley ระบุว่า AI-powered coding tools ไม่ได้ลดจำนวนงาน แต่กลับสร้างโอกาสใหม่ให้กับนักพัฒนาและบริษัทซอฟต์แวร์. จากการสำรวจ CIO ในสหรัฐฯ และยุโรปกว่า 100 คน พบว่า งบประมาณด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์เพิ่มขึ้นมากกว่าด้านบริการ IT และฮาร์ดแวร์

    Sanjit Singh จาก Morgan Stanley เชื่อว่า ความต้องการนักพัฒนาที่มีทักษะจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากธุรกิจต้องการสร้างแอปพลิเคชันที่ซับซ้อนมากขึ้น โดย คาดการณ์ว่าอัตราการจ้างงานนักพัฒนาจะเพิ่มขึ้น 1.6% ต่อปีจนถึงปี 2033 และบางการประเมินชี้ว่าอาจเพิ่มขึ้นถึงระดับเลขสองหลัก

    แต่ผลกระทบของ AI ยังไม่แน่นอน
    รายงานจาก METR ในปี 2025 พบว่า AI อาจทำให้นักพัฒนาทำงานช้าลง โดยเฉพาะผู้ที่มีประสบการณ์สูง ขณะที่ งานวิจัยจาก Stanford ระบุว่า AI ช่วยผู้ที่มีทักษะต่ำได้ดี แต่กลับลดประสิทธิภาพของผู้มีความเชี่ยวชาญ

    Keith Weiss จาก Morgan Stanley กล่าวเสริมว่า การลงทุนด้านซอฟต์แวร์ยังคงแข็งแกร่ง แม้ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของนักพัฒนาในยุคที่ AI กำลังเปลี่ยนแปลงทุกอุตสาหกรรม

    AI ช่วยเพิ่มโอกาสในสายงานพัฒนาซอฟต์แวร์
    เครื่องมือเขียนโค้ดด้วย AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ
    บริษัทลงทุนด้านซอฟต์แวร์มากกว่าบริการ IT และฮาร์ดแวร์
    ความต้องการนักพัฒนาที่มีทักษะจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    การจ้างงานนักพัฒนามีแนวโน้มเติบโต
    คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.6% ต่อปีจนถึงปี 2033
    บางการประเมินชี้ว่าอาจเพิ่มขึ้นถึงระดับเลขสองหลัก
    ธุรกิจต้องการแอปพลิเคชันที่ซับซ้อนมากขึ้น

    ผลกระทบของ AI ยังไม่ชัดเจน
    รายงานจาก METR พบว่า AI ทำให้นักพัฒนาทำงานช้าลง
    งานวิจัยจาก Stanford ชี้ว่า AI ลดประสิทธิภาพของผู้มีประสบการณ์
    ผลลัพธ์ของ AI ต่อการทำงาน “แตกต่างกันอย่างมาก”

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/04/learn-to-code-ai-could-mean-boom-times-for-software-developers
    📈 AI ไม่ได้แย่งงาน แต่เปิดโอกาสใหม่ให้สายโปรแกรมเมอร์ – ยุคทองของนักพัฒนาซอฟต์แวร์กำลังมา แม้หลายคนจะกังวลว่า AI จะมาแทนที่นักพัฒนา แต่รายงานล่าสุดจาก Morgan Stanley กลับชี้ว่า AI จะช่วยเพิ่มตำแหน่งงานในสายนี้ และทำให้การลงทุนด้านซอฟต์แวร์เติบโตอย่างต่อเนื่อง รายงานจาก Morgan Stanley ระบุว่า AI-powered coding tools ไม่ได้ลดจำนวนงาน แต่กลับสร้างโอกาสใหม่ให้กับนักพัฒนาและบริษัทซอฟต์แวร์. จากการสำรวจ CIO ในสหรัฐฯ และยุโรปกว่า 100 คน พบว่า งบประมาณด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์เพิ่มขึ้นมากกว่าด้านบริการ IT และฮาร์ดแวร์ Sanjit Singh จาก Morgan Stanley เชื่อว่า ความต้องการนักพัฒนาที่มีทักษะจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากธุรกิจต้องการสร้างแอปพลิเคชันที่ซับซ้อนมากขึ้น โดย คาดการณ์ว่าอัตราการจ้างงานนักพัฒนาจะเพิ่มขึ้น 1.6% ต่อปีจนถึงปี 2033 และบางการประเมินชี้ว่าอาจเพิ่มขึ้นถึงระดับเลขสองหลัก 🧪 แต่ผลกระทบของ AI ยังไม่แน่นอน รายงานจาก METR ในปี 2025 พบว่า AI อาจทำให้นักพัฒนาทำงานช้าลง โดยเฉพาะผู้ที่มีประสบการณ์สูง ขณะที่ งานวิจัยจาก Stanford ระบุว่า AI ช่วยผู้ที่มีทักษะต่ำได้ดี แต่กลับลดประสิทธิภาพของผู้มีความเชี่ยวชาญ Keith Weiss จาก Morgan Stanley กล่าวเสริมว่า การลงทุนด้านซอฟต์แวร์ยังคงแข็งแกร่ง แม้ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของนักพัฒนาในยุคที่ AI กำลังเปลี่ยนแปลงทุกอุตสาหกรรม ✅ AI ช่วยเพิ่มโอกาสในสายงานพัฒนาซอฟต์แวร์ ➡️ เครื่องมือเขียนโค้ดด้วย AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ➡️ บริษัทลงทุนด้านซอฟต์แวร์มากกว่าบริการ IT และฮาร์ดแวร์ ➡️ ความต้องการนักพัฒนาที่มีทักษะจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ✅ การจ้างงานนักพัฒนามีแนวโน้มเติบโต ➡️ คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.6% ต่อปีจนถึงปี 2033 ➡️ บางการประเมินชี้ว่าอาจเพิ่มขึ้นถึงระดับเลขสองหลัก ➡️ ธุรกิจต้องการแอปพลิเคชันที่ซับซ้อนมากขึ้น ‼️ ผลกระทบของ AI ยังไม่ชัดเจน ⛔ รายงานจาก METR พบว่า AI ทำให้นักพัฒนาทำงานช้าลง ⛔ งานวิจัยจาก Stanford ชี้ว่า AI ลดประสิทธิภาพของผู้มีประสบการณ์ ⛔ ผลลัพธ์ของ AI ต่อการทำงาน “แตกต่างกันอย่างมาก” https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/04/learn-to-code-ai-could-mean-boom-times-for-software-developers
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Learn to code: AI could mean boom times for software developers
    Artificial intelligence (AI) could, in time, create more jobs for software developers rather than eliminate them, according to investment bank Morgan Stanley.
    0 Comments 0 Shares 237 Views 0 Reviews
  • เวอร์จิเนีย—รัฐที่กลายเป็นศูนย์กลางของโลกแห่งดาต้าเซ็นเตอร์

    ใครจะคิดว่าเวอร์จิเนีย รัฐที่ไม่ได้อยู่ใกล้ Silicon Valley หรือมีชื่อเสียงด้านเทคโนโลยี จะกลายเป็น “เมืองหลวงของดาต้าเซ็นเตอร์” ของโลก? ปัจจุบันมีดาต้าเซ็นเตอร์เกือบ 600 แห่งกระจายอยู่ทั่วรัฐ และยังมีแผนจะสร้างเพิ่มอีกมากมาย นี่คือเรื่องราวเบื้องหลังการเติบโตอย่างรวดเร็วของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่เปลี่ยนภูมิทัศน์ของเวอร์จิเนียไปอย่างสิ้นเชิง.

    ทำไมเวอร์จิเนียถึงกลายเป็นศูนย์กลางดาต้าเซ็นเตอร์?
    โครงสร้างพื้นฐานเก่าแก่จากยุค AOL
    Northern Virginia เคยเป็นฐานของบริษัทอินเทอร์เน็ตยุคแรกอย่าง America Online
    โครงสร้างพื้นฐานเดิมถูกนำมาใช้ต่อโดยผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์

    พลังงานราคาถูกและที่ดินพัฒนาได้
    ก่อนเกิดการบูม มีที่ดินราคาถูกจำนวนมาก
    อัตราค่าไฟฟ้าในพื้นที่ถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับรัฐอื่น

    ใกล้ศูนย์กลางการเมืองและธุรกิจ
    อยู่ใกล้กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ทำให้สะดวกต่อการเจรจาธุรกิจ
    ดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีให้มาตั้งฐานปฏิบัติการ

    ผลกระทบที่ตามมา
    การขยายตัวของดาต้าเซ็นเตอร์รุกล้ำพื้นที่ชุมชน
    โครงสร้างขนาดใหญ่เริ่มเข้ามาแทนที่พื้นที่ชนบทและชานเมือง
    ทำให้ภูมิทัศน์เปลี่ยนไปและเกิดความขัดแย้งกับชาวบ้าน

    ดาต้าเซ็นเตอร์ไม่ได้สร้างงานในท้องถิ่นมากนัก
    แม้จะมีการลงทุนมหาศาล แต่การจ้างงานกลับน้อย
    ส่งผลต่อเศรษฐกิจชุมชนในระยะยาว

    การใช้พลังงานและน้ำในปริมาณมหาศาล
    ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมและอาจทำให้ค่าไฟฟ้าในพื้นที่สูงขึ้น
    แม้บางบริษัท เช่น Amazon จะเริ่มปรับตัว แต่ปัญหายังไม่หมดไป


    สรุปภาพรวม: เวอร์จิเนียกับบทบาทใหม่ในโลกดิจิทัล

    มีดาต้าเซ็นเตอร์มากที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน
    เกือบ 600 แห่ง และยังมีแผนขยายเพิ่ม
    กลายเป็น “Data Center Alley” โดยเฉพาะบริเวณใกล้สนามบิน Dulles

    ปัจจัยที่เอื้อต่อการเติบโต
    โครงสร้างพื้นฐานเดิม, พลังงานราคาถูก, ที่ดินพัฒนาได้
    ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจและการเมือง

    ผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม
    รุกล้ำพื้นที่ชุมชน, ใช้ทรัพยากรสูง, ไม่สร้างงานมากนัก

    เวอร์จิเนียอาจไม่ใช่รัฐที่คุณนึกถึงเมื่อพูดถึงเทคโนโลยี แต่วันนี้มันคือหัวใจของโลกดิจิทัลที่เต้นแรงที่สุดแห่งหนึ่ง

    https://www.slashgear.com/2011454/us-state-most-data-centers-in-the-world/
    🌐 เวอร์จิเนีย—รัฐที่กลายเป็นศูนย์กลางของโลกแห่งดาต้าเซ็นเตอร์ ใครจะคิดว่าเวอร์จิเนีย รัฐที่ไม่ได้อยู่ใกล้ Silicon Valley หรือมีชื่อเสียงด้านเทคโนโลยี จะกลายเป็น “เมืองหลวงของดาต้าเซ็นเตอร์” ของโลก? ปัจจุบันมีดาต้าเซ็นเตอร์เกือบ 600 แห่งกระจายอยู่ทั่วรัฐ และยังมีแผนจะสร้างเพิ่มอีกมากมาย นี่คือเรื่องราวเบื้องหลังการเติบโตอย่างรวดเร็วของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่เปลี่ยนภูมิทัศน์ของเวอร์จิเนียไปอย่างสิ้นเชิง. 🧠 ทำไมเวอร์จิเนียถึงกลายเป็นศูนย์กลางดาต้าเซ็นเตอร์? ✅ โครงสร้างพื้นฐานเก่าแก่จากยุค AOL ➡️ Northern Virginia เคยเป็นฐานของบริษัทอินเทอร์เน็ตยุคแรกอย่าง America Online ➡️ โครงสร้างพื้นฐานเดิมถูกนำมาใช้ต่อโดยผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ ✅ พลังงานราคาถูกและที่ดินพัฒนาได้ ➡️ ก่อนเกิดการบูม มีที่ดินราคาถูกจำนวนมาก ➡️ อัตราค่าไฟฟ้าในพื้นที่ถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับรัฐอื่น ✅ ใกล้ศูนย์กลางการเมืองและธุรกิจ ➡️ อยู่ใกล้กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ทำให้สะดวกต่อการเจรจาธุรกิจ ➡️ ดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีให้มาตั้งฐานปฏิบัติการ ⚠️ ผลกระทบที่ตามมา ‼️ การขยายตัวของดาต้าเซ็นเตอร์รุกล้ำพื้นที่ชุมชน ⛔ โครงสร้างขนาดใหญ่เริ่มเข้ามาแทนที่พื้นที่ชนบทและชานเมือง ⛔ ทำให้ภูมิทัศน์เปลี่ยนไปและเกิดความขัดแย้งกับชาวบ้าน ‼️ ดาต้าเซ็นเตอร์ไม่ได้สร้างงานในท้องถิ่นมากนัก ⛔ แม้จะมีการลงทุนมหาศาล แต่การจ้างงานกลับน้อย ⛔ ส่งผลต่อเศรษฐกิจชุมชนในระยะยาว ‼️ การใช้พลังงานและน้ำในปริมาณมหาศาล ⛔ ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมและอาจทำให้ค่าไฟฟ้าในพื้นที่สูงขึ้น ⛔ แม้บางบริษัท เช่น Amazon จะเริ่มปรับตัว แต่ปัญหายังไม่หมดไป สรุปภาพรวม: เวอร์จิเนียกับบทบาทใหม่ในโลกดิจิทัล ✅ มีดาต้าเซ็นเตอร์มากที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน ➡️ เกือบ 600 แห่ง และยังมีแผนขยายเพิ่ม ➡️ กลายเป็น “Data Center Alley” โดยเฉพาะบริเวณใกล้สนามบิน Dulles ✅ ปัจจัยที่เอื้อต่อการเติบโต ➡️ โครงสร้างพื้นฐานเดิม, พลังงานราคาถูก, ที่ดินพัฒนาได้ ➡️ ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจและการเมือง ‼️ ผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม ⛔ รุกล้ำพื้นที่ชุมชน, ใช้ทรัพยากรสูง, ไม่สร้างงานมากนัก เวอร์จิเนียอาจไม่ใช่รัฐที่คุณนึกถึงเมื่อพูดถึงเทคโนโลยี แต่วันนี้มันคือหัวใจของโลกดิจิทัลที่เต้นแรงที่สุดแห่งหนึ่ง 🌍 https://www.slashgear.com/2011454/us-state-most-data-centers-in-the-world/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    This State Surprisingly Houses More Data Centers Than Anywhere Else On Earth - SlashGear
    Data centers are becoming more common across the country, and this one state is the surprising home to more data centers than any other in the US.
    0 Comments 0 Shares 352 Views 0 Reviews
  • AI กำลังเปลี่ยนโฉมตลาดงานโปรแกรมเมอร์ — โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งจบสายคอมพิวเตอร์

    รายงานจาก Stanford University เผยว่า ตลาดงานสำหรับนักพัฒนาโปรแกรมรุ่นใหม่กำลังหดตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 22–25 ปี ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแทนที่ด้วย AI coding tools เช่น Copilot และ GPT ที่บริษัทต่าง ๆ นำมาใช้แทนการจ้างงานจริง

    การจ้างงานในสายงานที่ “AI-exposed” ลดลง 13%
    โดยเฉพาะสาย software development ที่ถูกแทนที่ด้วย automation
    ตัวเลขนี้ยังคงอยู่แม้ปรับตามปัจจัยภายในบริษัท

    ตลาดงาน coding ลดลงเกือบ 20% ตั้งแต่ปี 2022 ถึงกลางปี 2025
    จุดเปลี่ยนคือการเปิดตัว ChatGPT และเครื่องมือ AI อื่น ๆ
    บริษัทต่าง ๆ เลือกใช้ AI แทนการจ้างนักพัฒนาใหม่

    นักพัฒนาใหม่ใช้ AI ตลอดเวลา แต่ขาดความเข้าใจลึก
    “AI ให้คำตอบเร็ว แต่ความรู้ที่ได้ตื้น” — Namanyay Goel
    StackOverflow เคยบังคับให้เรียนรู้จากการถกเถียงของผู้เชี่ยวชาญ

    AI-generated code มีปัญหาด้านคุณภาพและความปลอดภัย
    นักพัฒนาพบว่าโค้ดจาก AI ใช้เวลาซ่อมมากขึ้น
    เพียง 44% ของโค้ดที่สร้างโดย AI ถูกมองว่า “ใช้งานได้”
    มีการเพิ่มขึ้น 322% ในการเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาตจากโค้ดที่สร้างโดย AI

    ช่องโหว่ร้ายแรงเพิ่มขึ้น 37.6% เมื่อโค้ดถูกสร้างซ้ำด้วย AI หลายรอบ
    งานวิจัยจาก Apiiro และ University of San Francisco ยืนยันความเสี่ยง
    ผู้ใช้มักเข้าใจผิดว่า AI ทำให้ตนเองเร็วขึ้น ทั้งที่จริงแล้วช้าลง

    นักพัฒนาใหม่อาจพึ่งพา AI มากเกินไปจนขาดทักษะพื้นฐาน
    ส่งผลให้ไม่สามารถแก้ปัญหาหรือเข้าใจโค้ดที่ซับซ้อนได้
    อาจกลายเป็น “ผู้ใช้ AI” มากกว่า “นักพัฒนา”

    องค์กรที่ลดจำนวนพนักงานและพึ่งพา AI เสี่ยงต่อคุณภาพซอฟต์แวร์
    โค้ดที่ไม่มีคนเข้าใจจะทำให้การแก้ไขบั๊กและการอัปเดตล่าช้า
    อาจเปิดช่องให้เกิดการโจมตีหรือความเสียหายต่อระบบ

    https://www.slashgear.com/2005612/ai-coding-programmer-job-market-stanford-study/
    📉 AI กำลังเปลี่ยนโฉมตลาดงานโปรแกรมเมอร์ — โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งจบสายคอมพิวเตอร์ รายงานจาก Stanford University เผยว่า ตลาดงานสำหรับนักพัฒนาโปรแกรมรุ่นใหม่กำลังหดตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 22–25 ปี ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแทนที่ด้วย AI coding tools เช่น Copilot และ GPT ที่บริษัทต่าง ๆ นำมาใช้แทนการจ้างงานจริง ✅ การจ้างงานในสายงานที่ “AI-exposed” ลดลง 13% ➡️ โดยเฉพาะสาย software development ที่ถูกแทนที่ด้วย automation ➡️ ตัวเลขนี้ยังคงอยู่แม้ปรับตามปัจจัยภายในบริษัท ✅ ตลาดงาน coding ลดลงเกือบ 20% ตั้งแต่ปี 2022 ถึงกลางปี 2025 ➡️ จุดเปลี่ยนคือการเปิดตัว ChatGPT และเครื่องมือ AI อื่น ๆ ➡️ บริษัทต่าง ๆ เลือกใช้ AI แทนการจ้างนักพัฒนาใหม่ ✅ นักพัฒนาใหม่ใช้ AI ตลอดเวลา แต่ขาดความเข้าใจลึก ➡️ “AI ให้คำตอบเร็ว แต่ความรู้ที่ได้ตื้น” — Namanyay Goel ➡️ StackOverflow เคยบังคับให้เรียนรู้จากการถกเถียงของผู้เชี่ยวชาญ ✅ AI-generated code มีปัญหาด้านคุณภาพและความปลอดภัย ➡️ นักพัฒนาพบว่าโค้ดจาก AI ใช้เวลาซ่อมมากขึ้น ➡️ เพียง 44% ของโค้ดที่สร้างโดย AI ถูกมองว่า “ใช้งานได้” ➡️ มีการเพิ่มขึ้น 322% ในการเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาตจากโค้ดที่สร้างโดย AI ✅ ช่องโหว่ร้ายแรงเพิ่มขึ้น 37.6% เมื่อโค้ดถูกสร้างซ้ำด้วย AI หลายรอบ ➡️ งานวิจัยจาก Apiiro และ University of San Francisco ยืนยันความเสี่ยง ➡️ ผู้ใช้มักเข้าใจผิดว่า AI ทำให้ตนเองเร็วขึ้น ทั้งที่จริงแล้วช้าลง ‼️ นักพัฒนาใหม่อาจพึ่งพา AI มากเกินไปจนขาดทักษะพื้นฐาน ⛔ ส่งผลให้ไม่สามารถแก้ปัญหาหรือเข้าใจโค้ดที่ซับซ้อนได้ ⛔ อาจกลายเป็น “ผู้ใช้ AI” มากกว่า “นักพัฒนา” ‼️ องค์กรที่ลดจำนวนพนักงานและพึ่งพา AI เสี่ยงต่อคุณภาพซอฟต์แวร์ ⛔ โค้ดที่ไม่มีคนเข้าใจจะทำให้การแก้ไขบั๊กและการอัปเดตล่าช้า ⛔ อาจเปิดช่องให้เกิดการโจมตีหรือความเสียหายต่อระบบ https://www.slashgear.com/2005612/ai-coding-programmer-job-market-stanford-study/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    AI Is Killing The Job Market For Young Coders, New Study Shows - SlashGear
    While an education and background in coding was thought to be an easy way to secure a job, a new study finds that those opportunities are drying up.
    0 Comments 0 Shares 251 Views 0 Reviews
  • Amazon เตรียมปลดพนักงาน 30,000 คน — หนึ่งในเก้าของพนักงานสายองค์กร

    Amazon กำลังเตรียมการปลดพนักงานครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี โดยมีแผนลดจำนวนพนักงานสายองค์กรถึง 30,000 คน หรือประมาณ “หนึ่งในเก้า” จากจำนวนพนักงานทั้งหมดในกลุ่มนี้ ซึ่งอยู่ที่ราว 350,000 คน ไม่รวมพนักงานคลังสินค้า

    การปลดครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนลดต้นทุนและปรับโครงสร้างองค์กร หลังจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงโควิด โดยเฉพาะในสายงานที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์, การชำระเงิน, เกม และ AWS

    จำนวนพนักงานที่ได้รับผลกระทบ
    ประมาณ 30,000 คนจากสายงานองค์กรทั่วโลก
    คิดเป็น 11.4% ของพนักงานองค์กรทั้งหมด

    สาเหตุหลักของการปลดพนักงาน
    ลดต้นทุนหลังจากการขยายตัวเกินจำเป็นช่วงโควิด
    ปรับโครงสร้างองค์กรให้เหมาะสมกับยุคหลังการระบาด
    เน้นลงทุนในเทคโนโลยี AI มากขึ้น โดยเฉพาะใน AWS

    แผนการแจ้งปลดพนักงาน
    จะเริ่มส่งอีเมลแจ้งพนักงานในวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น
    บรรยากาศในสำนักงานเต็มไปด้วยความกังวล เพราะไม่มีทีมใดที่ปลอดภัยจากการปลด

    แนวโน้มการจ้างงานของ Amazon
    หลังจากขยายตัวอย่างรวดเร็วระหว่างปี 2017–2022 ตอนนี้บริษัทกลับมาใช้แนวทางจ้างงานแบบระมัดระวัง
    เคยปลดพนักงานครั้งใหญ่ในปี 2023 เมื่อมีจำนวนพนักงานองค์กรเท่ากัน

    การลงทุนใน AI ที่สวนทางกับการปลดพนักงาน
    งบลงทุนเพิ่มจาก $83 พันล้านในปี 2024 เป็นมากกว่า $100 พันล้านในปี 2025
    ส่วนใหญ่ใช้พัฒนาเทคโนโลยี AI ภายใน AWS

    ผลกระทบต่อขวัญกำลังใจและวัฒนธรรมองค์กร
    พนักงานอาจรู้สึกไม่มั่นคง แม้จะอยู่ในทีมที่ยังไม่ถูกปลด
    ความไม่แน่นอนอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน

    การปลดพนักงานอาจกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัท
    แม้จะเป็นการปรับโครงสร้าง แต่จำนวนที่มากอาจถูกมองว่าเป็นสัญญาณของปัญหา
    อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้สมัครงานในอนาคต

    https://securityonline.info/one-in-nine-amazon-prepares-for-massive-layoff-of-30000-corporate-staff/
    🏢📉 Amazon เตรียมปลดพนักงาน 30,000 คน — หนึ่งในเก้าของพนักงานสายองค์กร Amazon กำลังเตรียมการปลดพนักงานครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี โดยมีแผนลดจำนวนพนักงานสายองค์กรถึง 30,000 คน หรือประมาณ “หนึ่งในเก้า” จากจำนวนพนักงานทั้งหมดในกลุ่มนี้ ซึ่งอยู่ที่ราว 350,000 คน ไม่รวมพนักงานคลังสินค้า การปลดครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนลดต้นทุนและปรับโครงสร้างองค์กร หลังจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงโควิด โดยเฉพาะในสายงานที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์, การชำระเงิน, เกม และ AWS ✅ จำนวนพนักงานที่ได้รับผลกระทบ ➡️ ประมาณ 30,000 คนจากสายงานองค์กรทั่วโลก ➡️ คิดเป็น 11.4% ของพนักงานองค์กรทั้งหมด ✅ สาเหตุหลักของการปลดพนักงาน ➡️ ลดต้นทุนหลังจากการขยายตัวเกินจำเป็นช่วงโควิด ➡️ ปรับโครงสร้างองค์กรให้เหมาะสมกับยุคหลังการระบาด ➡️ เน้นลงทุนในเทคโนโลยี AI มากขึ้น โดยเฉพาะใน AWS ✅ แผนการแจ้งปลดพนักงาน ➡️ จะเริ่มส่งอีเมลแจ้งพนักงานในวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ➡️ บรรยากาศในสำนักงานเต็มไปด้วยความกังวล เพราะไม่มีทีมใดที่ปลอดภัยจากการปลด ✅ แนวโน้มการจ้างงานของ Amazon ➡️ หลังจากขยายตัวอย่างรวดเร็วระหว่างปี 2017–2022 ตอนนี้บริษัทกลับมาใช้แนวทางจ้างงานแบบระมัดระวัง ➡️ เคยปลดพนักงานครั้งใหญ่ในปี 2023 เมื่อมีจำนวนพนักงานองค์กรเท่ากัน ✅ การลงทุนใน AI ที่สวนทางกับการปลดพนักงาน ➡️ งบลงทุนเพิ่มจาก $83 พันล้านในปี 2024 เป็นมากกว่า $100 พันล้านในปี 2025 ➡️ ส่วนใหญ่ใช้พัฒนาเทคโนโลยี AI ภายใน AWS ‼️ ผลกระทบต่อขวัญกำลังใจและวัฒนธรรมองค์กร ⛔ พนักงานอาจรู้สึกไม่มั่นคง แม้จะอยู่ในทีมที่ยังไม่ถูกปลด ⛔ ความไม่แน่นอนอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน ‼️ การปลดพนักงานอาจกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัท ⛔ แม้จะเป็นการปรับโครงสร้าง แต่จำนวนที่มากอาจถูกมองว่าเป็นสัญญาณของปัญหา ⛔ อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้สมัครงานในอนาคต https://securityonline.info/one-in-nine-amazon-prepares-for-massive-layoff-of-30000-corporate-staff/
    SECURITYONLINE.INFO
    One in Nine: Amazon Prepares for Massive Layoff of 30,000 Corporate Staff
    Amazon is reportedly planning to cut 30,000 corporate jobs across logistics, payments, and AWS as part of a major post-pandemic cost reduction effort.
    0 Comments 0 Shares 243 Views 0 Reviews
  • บทความกฎหมาย EP.13

    กฎหมายแพ่งนั้นเป็นรากฐานสำคัญของการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสันติ ชื่อเรื่องนี้สะท้อนถึงความสำคัญของการทำความเข้าใจในเรื่องใกล้ตัวที่เราทุกคนต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน ความจริงแล้วกฎหมายแพ่งมิใช่เรื่องไกลตัวหรือซับซ้อนอย่างที่หลายคนเข้าใจผิด ตรงกันข้ามมันคือกรอบกติกาที่เข้ามาจัดระเบียบและคุ้มครองความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลต่อบุคคล ให้เกิดความเป็นธรรมและสามารถคาดการณ์ได้ในการดำเนินชีวิต บทบัญญัติแห่งกฎหมายแพ่งเป็นเสมือนเข็มทิศนำทางที่ช่วยให้การติดต่อสัมพันธ์ทางสังคม เศรษฐกิจ และส่วนตัวเป็นไปอย่างราบรื่น

    สาระสำคัญของกฎหมายแพ่งครอบคลุมเรื่องพื้นฐานและสำคัญยิ่งในชีวิตของเรา อาทิ เรื่องสัญญาที่เป็นข้อตกลงและพันธกรณีทางกฎหมายระหว่างบุคคล ซึ่งเป็นหัวใจของการทำธุรกิจและการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ทุกวัน ตั้งแต่การซื้อขายสินค้า การจ้างงาน ไปจนถึงการกู้ยืมเงิน ล้วนต้องอาศัยหลักการของสัญญาเพื่อความเชื่อมั่นและบังคับใช้ได้ตามกฎหมาย นอกจากนี้กฎหมายแพ่งยังให้ความสำคัญกับการคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์เช่นที่ดินหรือบ้าน ตลอดจนสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ ทำให้บุคคลมีความมั่นคงและเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในสิ่งที่ตนหามาได้อย่างชอบธรรม การสืบมรดกก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่กฎหมายแพ่งเข้ามาจัดการอย่างละเอียด เพื่อให้การส่งต่อทรัพย์สินและหน้าที่ความรับผิดชอบไปยังทายาทเป็นไปอย่างยุติธรรมและลดข้อพิพาทภายในครอบครัว ด้วยเหตุนี้กฎหมายแพ่งจึงเป็นมากกว่าเพียงบทบัญญัติ แต่เป็นเครื่องมือในการสร้างความมั่นคงและคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมืองทุกคนอย่างแท้จริง

    การตระหนักรู้และทำความเข้าใจในหลักการของกฎหมายแพ่ง เช่น เรื่องสัญญา ทรัพย์สิน และมรดก จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรมองข้าม เพราะความรู้นี้จะช่วยให้เราสามารถปกป้องสิทธิของตนเอง ปฏิบัติหน้าที่ต่อผู้อื่นได้อย่างถูกต้อง และแก้ไขปัญหาข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีสติและถูกหลักกฎหมาย ดังนั้นกฎหมายแพ่งจึงเป็นกฎหมายที่สร้างสมดุลระหว่างสิทธิและหน้าที่ส่วนบุคคล เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตร่วมกันในสังคมได้อย่างสงบสุขและเท่าเทียม หากเราทุกคนให้ความสนใจและเคารพในกฎกติกานี้ สังคมของเราก็จะมีความมั่นคงและเป็นธรรมอย่างยั่งยืน
    บทความกฎหมาย EP.13 กฎหมายแพ่งนั้นเป็นรากฐานสำคัญของการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสันติ ชื่อเรื่องนี้สะท้อนถึงความสำคัญของการทำความเข้าใจในเรื่องใกล้ตัวที่เราทุกคนต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน ความจริงแล้วกฎหมายแพ่งมิใช่เรื่องไกลตัวหรือซับซ้อนอย่างที่หลายคนเข้าใจผิด ตรงกันข้ามมันคือกรอบกติกาที่เข้ามาจัดระเบียบและคุ้มครองความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลต่อบุคคล ให้เกิดความเป็นธรรมและสามารถคาดการณ์ได้ในการดำเนินชีวิต บทบัญญัติแห่งกฎหมายแพ่งเป็นเสมือนเข็มทิศนำทางที่ช่วยให้การติดต่อสัมพันธ์ทางสังคม เศรษฐกิจ และส่วนตัวเป็นไปอย่างราบรื่น สาระสำคัญของกฎหมายแพ่งครอบคลุมเรื่องพื้นฐานและสำคัญยิ่งในชีวิตของเรา อาทิ เรื่องสัญญาที่เป็นข้อตกลงและพันธกรณีทางกฎหมายระหว่างบุคคล ซึ่งเป็นหัวใจของการทำธุรกิจและการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ทุกวัน ตั้งแต่การซื้อขายสินค้า การจ้างงาน ไปจนถึงการกู้ยืมเงิน ล้วนต้องอาศัยหลักการของสัญญาเพื่อความเชื่อมั่นและบังคับใช้ได้ตามกฎหมาย นอกจากนี้กฎหมายแพ่งยังให้ความสำคัญกับการคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์เช่นที่ดินหรือบ้าน ตลอดจนสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ ทำให้บุคคลมีความมั่นคงและเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในสิ่งที่ตนหามาได้อย่างชอบธรรม การสืบมรดกก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่กฎหมายแพ่งเข้ามาจัดการอย่างละเอียด เพื่อให้การส่งต่อทรัพย์สินและหน้าที่ความรับผิดชอบไปยังทายาทเป็นไปอย่างยุติธรรมและลดข้อพิพาทภายในครอบครัว ด้วยเหตุนี้กฎหมายแพ่งจึงเป็นมากกว่าเพียงบทบัญญัติ แต่เป็นเครื่องมือในการสร้างความมั่นคงและคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมืองทุกคนอย่างแท้จริง การตระหนักรู้และทำความเข้าใจในหลักการของกฎหมายแพ่ง เช่น เรื่องสัญญา ทรัพย์สิน และมรดก จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรมองข้าม เพราะความรู้นี้จะช่วยให้เราสามารถปกป้องสิทธิของตนเอง ปฏิบัติหน้าที่ต่อผู้อื่นได้อย่างถูกต้อง และแก้ไขปัญหาข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีสติและถูกหลักกฎหมาย ดังนั้นกฎหมายแพ่งจึงเป็นกฎหมายที่สร้างสมดุลระหว่างสิทธิและหน้าที่ส่วนบุคคล เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตร่วมกันในสังคมได้อย่างสงบสุขและเท่าเทียม หากเราทุกคนให้ความสนใจและเคารพในกฎกติกานี้ สังคมของเราก็จะมีความมั่นคงและเป็นธรรมอย่างยั่งยืน
    0 Comments 0 Shares 446 Views 0 Reviews
  • ByteDance เตรียมเปิดตัว GameTop – แพลตฟอร์มเกมใหม่ชน Steam พร้อมฟีเจอร์ AI และโซเชียล

    จำได้ไหมว่าเมื่อก่อน Steam คือเจ้าตลาดเกม PC แบบไร้คู่แข่ง? ตอนนี้ ByteDance กำลังจะเข้ามาเขย่าบัลลังก์นั้นด้วย GameTop แพลตฟอร์มใหม่ที่ไม่ใช่แค่ร้านขายเกม แต่ยังเป็นพื้นที่โซเชียลและเครื่องมือสร้างคอนเทนต์ด้วย AI

    GameTop จะเปิดให้ผู้ใช้ซื้อเกม ดาวน์โหลด และเล่นได้เหมือน Steam หรือ Epic Games Store แต่ที่น่าสนใจคือมันจะมีระบบ “โปรไฟล์ผู้ใช้” ป้ายรางวัล ระบบแต้ม และฟีเจอร์โซเชียลที่คล้ายกับ TikTok รวมถึงเครื่องมือสร้างคอนเทนต์แบบ UGC (User-Generated Content) ที่ใช้ AI ช่วยให้ผู้เล่นสร้างคลิป แชร์รีวิว หรือแม้แต่สร้างเกมเล็กๆ ได้เอง

    การพัฒนา GameTop เป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างภายใน ByteDance โดยทีมเกมของบริษัทหันมาเน้นการจัดจำหน่ายมากกว่าการพัฒนาเกมเอง ซึ่งช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ

    แม้ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่า GameTop จะเปิดตัวเมื่อไร แต่การจ้างงานในจีนที่เกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มนี้เริ่มขึ้นแล้ว และมีแนวโน้มว่าจะเปิดให้บริการในหลายประเทศ

    ByteDance พัฒนา GameTop
    เป็นแพลตฟอร์มเกม PC ที่เน้นตลาดต่างประเทศ
    มีระบบจัดจำหน่ายเกมเหมือน Steam
    มีฟีเจอร์โซเชียลและเครื่องมือสร้างคอนเทนต์ด้วย AI

    จุดเด่นของ GameTop
    ระบบโปรไฟล์ ป้ายรางวัล และแต้มสะสม
    ฟีเจอร์ UGC ที่ใช้ AI ช่วยสร้างคลิปหรือเกม
    คล้ายกับ TikTok แต่เน้นเกมเป็นหลัก

    การปรับโครงสร้างภายใน ByteDance
    หันมาเน้นการจัดจำหน่ายเกมแทนการพัฒนาเอง
    ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ
    นำโดย Zhang Yunfan ผู้บริหารสายเกมคนใหม่

    https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/chinas-bytedance-reportedly-building-a-steam-competitor-gametop-for-overseas-markets-will-distribute-and-publish-games-like-any-other-store-while-harboring-a-social-space-with-ai-assisted-creator-tools
    🎮 ByteDance เตรียมเปิดตัว GameTop – แพลตฟอร์มเกมใหม่ชน Steam พร้อมฟีเจอร์ AI และโซเชียล จำได้ไหมว่าเมื่อก่อน Steam คือเจ้าตลาดเกม PC แบบไร้คู่แข่ง? ตอนนี้ ByteDance กำลังจะเข้ามาเขย่าบัลลังก์นั้นด้วย GameTop แพลตฟอร์มใหม่ที่ไม่ใช่แค่ร้านขายเกม แต่ยังเป็นพื้นที่โซเชียลและเครื่องมือสร้างคอนเทนต์ด้วย AI GameTop จะเปิดให้ผู้ใช้ซื้อเกม ดาวน์โหลด และเล่นได้เหมือน Steam หรือ Epic Games Store แต่ที่น่าสนใจคือมันจะมีระบบ “โปรไฟล์ผู้ใช้” ป้ายรางวัล ระบบแต้ม และฟีเจอร์โซเชียลที่คล้ายกับ TikTok รวมถึงเครื่องมือสร้างคอนเทนต์แบบ UGC (User-Generated Content) ที่ใช้ AI ช่วยให้ผู้เล่นสร้างคลิป แชร์รีวิว หรือแม้แต่สร้างเกมเล็กๆ ได้เอง การพัฒนา GameTop เป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างภายใน ByteDance โดยทีมเกมของบริษัทหันมาเน้นการจัดจำหน่ายมากกว่าการพัฒนาเกมเอง ซึ่งช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ แม้ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่า GameTop จะเปิดตัวเมื่อไร แต่การจ้างงานในจีนที่เกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มนี้เริ่มขึ้นแล้ว และมีแนวโน้มว่าจะเปิดให้บริการในหลายประเทศ ✅ ByteDance พัฒนา GameTop ➡️ เป็นแพลตฟอร์มเกม PC ที่เน้นตลาดต่างประเทศ ➡️ มีระบบจัดจำหน่ายเกมเหมือน Steam ➡️ มีฟีเจอร์โซเชียลและเครื่องมือสร้างคอนเทนต์ด้วย AI ✅ จุดเด่นของ GameTop ➡️ ระบบโปรไฟล์ ป้ายรางวัล และแต้มสะสม ➡️ ฟีเจอร์ UGC ที่ใช้ AI ช่วยสร้างคลิปหรือเกม ➡️ คล้ายกับ TikTok แต่เน้นเกมเป็นหลัก ✅ การปรับโครงสร้างภายใน ByteDance ➡️ หันมาเน้นการจัดจำหน่ายเกมแทนการพัฒนาเอง ➡️ ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ ➡️ นำโดย Zhang Yunfan ผู้บริหารสายเกมคนใหม่ https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/chinas-bytedance-reportedly-building-a-steam-competitor-gametop-for-overseas-markets-will-distribute-and-publish-games-like-any-other-store-while-harboring-a-social-space-with-ai-assisted-creator-tools
    0 Comments 0 Shares 273 Views 0 Reviews
  • ทำไม CISO ต้อง “ปราบมังกรไซเบอร์” เพื่อให้ธุรกิจเคารพ?

    ในโลกธุรกิจยุคดิจิทัล ตำแหน่ง CISO (Chief Information Security Officer) กลายเป็นหนึ่งในบทบาทที่สำคัญที่สุด แต่กลับเป็นตำแหน่งที่มักถูกมองข้ามหรือกลายเป็น “แพะรับบาป” เมื่อเกิดเหตุการณ์โจมตีทางไซเบอร์ บทความจาก CSO Online ได้สำรวจว่าเหตุใด CISO จึงต้องเผชิญกับความท้าทายมหาศาลเพื่อให้ได้รับความเคารพจากผู้บริหารและเพื่อนร่วมงาน

    การรับมือกับเหตุการณ์ไซเบอร์ เช่น ransomware attack ไม่เพียงแต่เป็นบททดสอบด้านเทคนิค แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนของชื่อเสียงและอำนาจภายในองค์กร จากการสำรวจของ Cytactic พบว่า 65% ของ CISO ที่เคยนำทีมรับมือเหตุการณ์สำเร็จ ได้รับความเคารพเพิ่มขึ้น ขณะที่ 25% ถูกปลดออกจากตำแหน่งหลังเกิดเหตุการณ์

    Michael Oberlaender อดีต CISO ที่เคยผ่านวิกฤตใหญ่เล่าว่า หลังจากป้องกันการโจมตีได้สำเร็จ เขาได้รับอำนาจเต็มในการตัดสินใจทางการเงิน และเสียงของเขาในที่ประชุมก็ได้รับการรับฟังอย่างจริงจังมากขึ้น

    อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนชี้ว่า การได้รับความเคารพไม่ควรต้องแลกกับการเผชิญภัยคุกคามเสมอไป Jeff Pollard จาก Forrester กล่าวว่า “ถ้าเราไม่เห็นภัยเกิดขึ้น เราก็ไม่เห็นคุณค่าของการป้องกัน” และ Chris Jackson เปรียบ CISO กับโค้ชกีฬา: “ต่อให้ชนะทุกเกม แต่ถ้าไม่ได้แชมป์ ก็อาจถูกปลดได้”

    สรุปประเด็นสำคัญจากบทความ

    1️⃣ เหตุการณ์ไซเบอร์คือจุดเปลี่ยนของ CISO
    ผลกระทบจากการรับมือเหตุการณ์
    65% ของ CISO ที่รับมือเหตุการณ์สำเร็จ ได้รับความเคารพเพิ่มขึ้น
    25% ถูกปลดหลังเกิด ransomware attack
    การรับมือที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของทีมรักษาความปลอดภัย

    คำเตือน
    หากรับมือผิดพลาด อาจกลายเป็น “แพะรับบาป”
    การไม่เตรียมซ้อมรับมือเหตุการณ์ล่วงหน้า อาจทำให้ทีมล้มเหลว

    2️⃣ ความเคารพต้องแลกด้วย “การพิสูจน์ตัวเอง”
    ตัวอย่างจากผู้มีประสบการณ์
    Michael Oberlaender ได้รับอำนาจเต็มหลังป้องกันเหตุการณ์สำเร็จ
    Finance และผู้บริหารให้ความเชื่อมั่นมากขึ้น
    เสียงของเขาในที่ประชุมได้รับการรับฟังอย่างจริงจัง

    คำเตือน
    ความเคารพอาจเกิดขึ้นเฉพาะหลังเกิดวิกฤตเท่านั้น
    หากไม่มีเหตุการณ์ให้ “โชว์ฝีมือ” CISO อาจถูกมองข้าม

    3️⃣ ปัญหาการสื่อสารและการมองเห็นคุณค่า
    มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ
    Brian Levine ชี้ว่า การเพิ่มงบประมาณหลังเหตุการณ์ ไม่ใช่เพราะเคารพ CISO แต่เพราะต้องเสริมระบบ
    Jeff Pollard ชี้ว่า “ถ้าไม่เห็นภัย ก็ไม่เห็นคุณค่าของการป้องกัน”
    Erik Avakian แนะนำให้ใช้ KPI เพื่อแสดงคุณค่าทางธุรกิจ เช่น การลด spam email

    คำเตือน
    การสื่อสารไม่ชัดเจน อาจทำให้ความสำเร็จถูกมองข้าม
    การไม่แสดงผลลัพธ์เป็นตัวเลข อาจทำให้ผู้บริหารไม่เข้าใจคุณค่าของงานรักษาความปลอดภัย

    4️⃣ ปัญหาการจ้างงาน CISO ในตลาดปัจจุบัน
    ความเห็นจาก Oberlaender
    บริษัทควรจ้าง CISO ที่มีประสบการณ์จริง
    ปัจจุบันหลายบริษัทเลือกจ้าง “virtual CISO” ที่ขาดความรู้ลึก
    ส่งผลให้เกิดการจัดการเหตุการณ์ผิดพลาดและข้อมูลรั่วไหล

    คำเตือน
    การจ้างงานราคาถูกอาจนำไปสู่ความเสียหายที่มีต้นทุนสูง
    การละเลยคุณสมบัติด้านประสบการณ์ อาจทำให้องค์กรเสี่ยงต่อภัยไซเบอร์

    https://www.csoonline.com/article/4074994/why-must-cisos-slay-a-cyber-dragon-to-earn-business-respect.html
    🛡️ ทำไม CISO ต้อง “ปราบมังกรไซเบอร์” เพื่อให้ธุรกิจเคารพ? ในโลกธุรกิจยุคดิจิทัล ตำแหน่ง CISO (Chief Information Security Officer) กลายเป็นหนึ่งในบทบาทที่สำคัญที่สุด แต่กลับเป็นตำแหน่งที่มักถูกมองข้ามหรือกลายเป็น “แพะรับบาป” เมื่อเกิดเหตุการณ์โจมตีทางไซเบอร์ บทความจาก CSO Online ได้สำรวจว่าเหตุใด CISO จึงต้องเผชิญกับความท้าทายมหาศาลเพื่อให้ได้รับความเคารพจากผู้บริหารและเพื่อนร่วมงาน การรับมือกับเหตุการณ์ไซเบอร์ เช่น ransomware attack ไม่เพียงแต่เป็นบททดสอบด้านเทคนิค แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนของชื่อเสียงและอำนาจภายในองค์กร จากการสำรวจของ Cytactic พบว่า 65% ของ CISO ที่เคยนำทีมรับมือเหตุการณ์สำเร็จ ได้รับความเคารพเพิ่มขึ้น ขณะที่ 25% ถูกปลดออกจากตำแหน่งหลังเกิดเหตุการณ์ Michael Oberlaender อดีต CISO ที่เคยผ่านวิกฤตใหญ่เล่าว่า หลังจากป้องกันการโจมตีได้สำเร็จ เขาได้รับอำนาจเต็มในการตัดสินใจทางการเงิน และเสียงของเขาในที่ประชุมก็ได้รับการรับฟังอย่างจริงจังมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนชี้ว่า การได้รับความเคารพไม่ควรต้องแลกกับการเผชิญภัยคุกคามเสมอไป Jeff Pollard จาก Forrester กล่าวว่า “ถ้าเราไม่เห็นภัยเกิดขึ้น เราก็ไม่เห็นคุณค่าของการป้องกัน” และ Chris Jackson เปรียบ CISO กับโค้ชกีฬา: “ต่อให้ชนะทุกเกม แต่ถ้าไม่ได้แชมป์ ก็อาจถูกปลดได้” 🔍 สรุปประเด็นสำคัญจากบทความ 1️⃣ เหตุการณ์ไซเบอร์คือจุดเปลี่ยนของ CISO ✅ ผลกระทบจากการรับมือเหตุการณ์ ➡️ 65% ของ CISO ที่รับมือเหตุการณ์สำเร็จ ได้รับความเคารพเพิ่มขึ้น ➡️ 25% ถูกปลดหลังเกิด ransomware attack ➡️ การรับมือที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของทีมรักษาความปลอดภัย ‼️ คำเตือน ⛔ หากรับมือผิดพลาด อาจกลายเป็น “แพะรับบาป” ⛔ การไม่เตรียมซ้อมรับมือเหตุการณ์ล่วงหน้า อาจทำให้ทีมล้มเหลว 2️⃣ ความเคารพต้องแลกด้วย “การพิสูจน์ตัวเอง” ✅ ตัวอย่างจากผู้มีประสบการณ์ ➡️ Michael Oberlaender ได้รับอำนาจเต็มหลังป้องกันเหตุการณ์สำเร็จ ➡️ Finance และผู้บริหารให้ความเชื่อมั่นมากขึ้น ➡️ เสียงของเขาในที่ประชุมได้รับการรับฟังอย่างจริงจัง ‼️ คำเตือน ⛔ ความเคารพอาจเกิดขึ้นเฉพาะหลังเกิดวิกฤตเท่านั้น ⛔ หากไม่มีเหตุการณ์ให้ “โชว์ฝีมือ” CISO อาจถูกมองข้าม 3️⃣ ปัญหาการสื่อสารและการมองเห็นคุณค่า ✅ มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ Brian Levine ชี้ว่า การเพิ่มงบประมาณหลังเหตุการณ์ ไม่ใช่เพราะเคารพ CISO แต่เพราะต้องเสริมระบบ ➡️ Jeff Pollard ชี้ว่า “ถ้าไม่เห็นภัย ก็ไม่เห็นคุณค่าของการป้องกัน” ➡️ Erik Avakian แนะนำให้ใช้ KPI เพื่อแสดงคุณค่าทางธุรกิจ เช่น การลด spam email ‼️ คำเตือน ⛔ การสื่อสารไม่ชัดเจน อาจทำให้ความสำเร็จถูกมองข้าม ⛔ การไม่แสดงผลลัพธ์เป็นตัวเลข อาจทำให้ผู้บริหารไม่เข้าใจคุณค่าของงานรักษาความปลอดภัย 4️⃣ ปัญหาการจ้างงาน CISO ในตลาดปัจจุบัน ✅ ความเห็นจาก Oberlaender ➡️ บริษัทควรจ้าง CISO ที่มีประสบการณ์จริง ➡️ ปัจจุบันหลายบริษัทเลือกจ้าง “virtual CISO” ที่ขาดความรู้ลึก ➡️ ส่งผลให้เกิดการจัดการเหตุการณ์ผิดพลาดและข้อมูลรั่วไหล ‼️ คำเตือน ⛔ การจ้างงานราคาถูกอาจนำไปสู่ความเสียหายที่มีต้นทุนสูง ⛔ การละเลยคุณสมบัติด้านประสบการณ์ อาจทำให้องค์กรเสี่ยงต่อภัยไซเบอร์ https://www.csoonline.com/article/4074994/why-must-cisos-slay-a-cyber-dragon-to-earn-business-respect.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Why must CISOs slay a cyber dragon to earn business respect?
    Security leaders and industry experts weigh in on the complex calculus of CISOs’ internal clout.
    0 Comments 0 Shares 330 Views 0 Reviews
  • “Meta ปรับโครงสร้าง AI ครั้งใหญ่ – ปลด 600 ตำแหน่ง FAIR พร้อมเร่งสร้างทีม Superintelligence”

    Meta กำลังปรับทิศทางการพัฒนา AI ครั้งใหญ่ โดยประกาศปลดพนักงานกว่า 600 คน จากแผนก Fundamental AI Research (FAIR) และฝ่ายผลิตภัณฑ์ AI กับโครงสร้างพื้นฐาน แม้จะดูเหมือนถอยหลัง แต่จริง ๆ แล้ว Meta กำลัง “เร่งเครื่อง” ไปสู่เป้าหมายที่ใหญ่กว่า นั่นคือการสร้าง ทีม Superintelligence ภายใต้ชื่อ TBD Lab

    การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจาก Meta ลงทุนกว่า 14.3 พันล้านดอลลาร์ ในบริษัท Scale AI และดึงตัว CEO Alexandr Wang เข้ามาเป็นหัวหน้าทีม AI ของบริษัท โดยเขาได้ประกาศว่าจะนำไอเดียจาก FAIR ไปต่อยอดในโมเดลขนาดใหญ่ของ TBD Lab

    การปลดพนักงานครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การลดต้นทุน แต่เป็นการปรับโฟกัสใหม่ให้แต่ละคนมี “ภาระงานที่ชัดเจนและมีผลกระทบมากขึ้น” ตามคำกล่าวของ Wang ซึ่งสะท้อนแนวคิดแบบ startup ที่เน้นความคล่องตัวและผลลัพธ์

    แม้ FAIR เคยเป็นหัวใจของงานวิจัย AI ระดับโลก เช่นการพัฒนา PyTorch และโมเดลภาษา LLaMA แต่ในยุคที่ AI เชิงผลิตภัณฑ์และโมเดลขนาดใหญ่กลายเป็นจุดแข่งหลักของบริษัทเทคโนโลยี Meta จึงเลือกเดินหน้าสร้างทีมใหม่ที่เน้นการ “รวมงานวิจัยเข้ากับการใช้งานจริง”

    พนักงานที่ได้รับผลกระทบสามารถสมัครตำแหน่งอื่นภายในบริษัทได้ และการเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นสัญญาณว่า Meta กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของ AI ที่เน้น “ผลลัพธ์เชิงธุรกิจ” มากกว่าการทดลองเชิงวิชาการ

    การปรับโครงสร้างของ Meta
    ปลดพนักงานกว่า 600 คนจาก FAIR และฝ่าย AI Infrastructure
    สร้างทีมใหม่ชื่อ TBD Lab เพื่อพัฒนา Superintelligence
    นำไอเดียจาก FAIR ไปใช้ในโมเดลขนาดใหญ่
    พนักงานที่ถูกปลดสามารถสมัครตำแหน่งอื่นในบริษัทได้

    การลงทุนและการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์
    Meta ลงทุน $14.3 พันล้านใน Scale AI
    ดึง Alexandr Wang เป็นหัวหน้าทีม AI
    หยุดการจ้างงานชั่วคราวก่อนประกาศปรับโครงสร้าง
    เน้นการรวมงานวิจัยเข้ากับการใช้งานจริงในผลิตภัณฑ์

    ความเปลี่ยนแปลงในบทบาทของ FAIR
    FAIR เคยเป็นผู้นำด้านงานวิจัย เช่น PyTorch และ LLaMA
    ผู้นำ FAIR Joelle Pineau ลาออกเมื่อต้นปี
    งานวิจัยจาก FAIR จะถูกนำไป scale ใน TBD Lab
    Meta เน้นให้แต่ละคนมีภาระงานที่มีผลกระทบมากขึ้น

    ข้อควรระวังและคำเตือน
    การลดขนาดทีมวิจัยอาจทำให้ Meta สูญเสียความได้เปรียบด้านนวัตกรรม
    การเน้นผลลัพธ์เชิงธุรกิจอาจลดความหลากหลายของงานวิจัยพื้นฐาน
    การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วอาจกระทบขวัญกำลังใจของทีมงาน
    การรวมงานวิจัยเข้ากับผลิตภัณฑ์ต้องใช้การจัดการที่รอบคอบ
    หาก TBD Lab ล้มเหลว อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ Meta ในวงการ AI

    https://www.theverge.com/news/804253/meta-ai-research-layoffs-fair-superintelligence
    🧠 “Meta ปรับโครงสร้าง AI ครั้งใหญ่ – ปลด 600 ตำแหน่ง FAIR พร้อมเร่งสร้างทีม Superintelligence” Meta กำลังปรับทิศทางการพัฒนา AI ครั้งใหญ่ โดยประกาศปลดพนักงานกว่า 600 คน จากแผนก Fundamental AI Research (FAIR) และฝ่ายผลิตภัณฑ์ AI กับโครงสร้างพื้นฐาน แม้จะดูเหมือนถอยหลัง แต่จริง ๆ แล้ว Meta กำลัง “เร่งเครื่อง” ไปสู่เป้าหมายที่ใหญ่กว่า นั่นคือการสร้าง ทีม Superintelligence ภายใต้ชื่อ TBD Lab การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจาก Meta ลงทุนกว่า 14.3 พันล้านดอลลาร์ ในบริษัท Scale AI และดึงตัว CEO Alexandr Wang เข้ามาเป็นหัวหน้าทีม AI ของบริษัท โดยเขาได้ประกาศว่าจะนำไอเดียจาก FAIR ไปต่อยอดในโมเดลขนาดใหญ่ของ TBD Lab การปลดพนักงานครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การลดต้นทุน แต่เป็นการปรับโฟกัสใหม่ให้แต่ละคนมี “ภาระงานที่ชัดเจนและมีผลกระทบมากขึ้น” ตามคำกล่าวของ Wang ซึ่งสะท้อนแนวคิดแบบ startup ที่เน้นความคล่องตัวและผลลัพธ์ แม้ FAIR เคยเป็นหัวใจของงานวิจัย AI ระดับโลก เช่นการพัฒนา PyTorch และโมเดลภาษา LLaMA แต่ในยุคที่ AI เชิงผลิตภัณฑ์และโมเดลขนาดใหญ่กลายเป็นจุดแข่งหลักของบริษัทเทคโนโลยี Meta จึงเลือกเดินหน้าสร้างทีมใหม่ที่เน้นการ “รวมงานวิจัยเข้ากับการใช้งานจริง” พนักงานที่ได้รับผลกระทบสามารถสมัครตำแหน่งอื่นภายในบริษัทได้ และการเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นสัญญาณว่า Meta กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของ AI ที่เน้น “ผลลัพธ์เชิงธุรกิจ” มากกว่าการทดลองเชิงวิชาการ ✅ การปรับโครงสร้างของ Meta ➡️ ปลดพนักงานกว่า 600 คนจาก FAIR และฝ่าย AI Infrastructure ➡️ สร้างทีมใหม่ชื่อ TBD Lab เพื่อพัฒนา Superintelligence ➡️ นำไอเดียจาก FAIR ไปใช้ในโมเดลขนาดใหญ่ ➡️ พนักงานที่ถูกปลดสามารถสมัครตำแหน่งอื่นในบริษัทได้ ✅ การลงทุนและการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ ➡️ Meta ลงทุน $14.3 พันล้านใน Scale AI ➡️ ดึง Alexandr Wang เป็นหัวหน้าทีม AI ➡️ หยุดการจ้างงานชั่วคราวก่อนประกาศปรับโครงสร้าง ➡️ เน้นการรวมงานวิจัยเข้ากับการใช้งานจริงในผลิตภัณฑ์ ✅ ความเปลี่ยนแปลงในบทบาทของ FAIR ➡️ FAIR เคยเป็นผู้นำด้านงานวิจัย เช่น PyTorch และ LLaMA ➡️ ผู้นำ FAIR Joelle Pineau ลาออกเมื่อต้นปี ➡️ งานวิจัยจาก FAIR จะถูกนำไป scale ใน TBD Lab ➡️ Meta เน้นให้แต่ละคนมีภาระงานที่มีผลกระทบมากขึ้น ‼️ ข้อควรระวังและคำเตือน ⛔ การลดขนาดทีมวิจัยอาจทำให้ Meta สูญเสียความได้เปรียบด้านนวัตกรรม ⛔ การเน้นผลลัพธ์เชิงธุรกิจอาจลดความหลากหลายของงานวิจัยพื้นฐาน ⛔ การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วอาจกระทบขวัญกำลังใจของทีมงาน ⛔ การรวมงานวิจัยเข้ากับผลิตภัณฑ์ต้องใช้การจัดการที่รอบคอบ ⛔ หาก TBD Lab ล้มเหลว อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ Meta ในวงการ AI https://www.theverge.com/news/804253/meta-ai-research-layoffs-fair-superintelligence
    WWW.THEVERGE.COM
    Meta is axing 600 roles across its AI division
    But Meta is still hiring for its team tasked with achieving superintelligence, according to a report from Axios.
    0 Comments 0 Shares 300 Views 0 Reviews
  • โซลเชื่อพลเมืองเกาหลีใต้ราว 1,000 คนทำงานอยู่ในแก๊งฉ้อโกงออนไลน์ในกัมพูชา และได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่พิเศษเดินทางไปยังเขมรเมื่อค่ำวันพุธ (15 ต.ค.) เพื่อหารือเกี่ยวกับการจ้างงานหลอกและแก๊งคอลล์เซ็นเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับการลักพาตัวชาวเกาหลีใต้จำนวนมาก ซึ่งรวมถึงนักศึกษาหนุ่มที่ถูกทรมานจนเสียชีวิตและเป็นข่าวดังทั่วโลกเมื่อเร็วๆ นี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000098700

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    โซลเชื่อพลเมืองเกาหลีใต้ราว 1,000 คนทำงานอยู่ในแก๊งฉ้อโกงออนไลน์ในกัมพูชา และได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่พิเศษเดินทางไปยังเขมรเมื่อค่ำวันพุธ (15 ต.ค.) เพื่อหารือเกี่ยวกับการจ้างงานหลอกและแก๊งคอลล์เซ็นเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับการลักพาตัวชาวเกาหลีใต้จำนวนมาก ซึ่งรวมถึงนักศึกษาหนุ่มที่ถูกทรมานจนเสียชีวิตและเป็นข่าวดังทั่วโลกเมื่อเร็วๆ นี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000098700 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 582 Views 0 Reviews
  • เกาหลีใต้ประกาศกร้าวใช้มาตรการเข้มข้นขึ้น เพื่อปกป้องพลเมืองในกัมพูชา ท่ามกลางรายงานข่าวพบเคสลักพาตัวและบังคับใช้แรงงานมากขึ้นเรื่อยๆ ในนั้นรวมถึงกรณีหนึ่งเมื่อเร็วๆนี้ ที่นักศึกษาชาวเกาหลีใต้วัย 22 ปี ถูกทรมานจนเสียชีวิต หลังถูกล่อลวงโดยข้อเสนอการจ้างงานแบบหลอกๆ

    อ่านต่อ..https://sondhitalk.com/detail/9680000097702

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    เกาหลีใต้ประกาศกร้าวใช้มาตรการเข้มข้นขึ้น เพื่อปกป้องพลเมืองในกัมพูชา ท่ามกลางรายงานข่าวพบเคสลักพาตัวและบังคับใช้แรงงานมากขึ้นเรื่อยๆ ในนั้นรวมถึงกรณีหนึ่งเมื่อเร็วๆนี้ ที่นักศึกษาชาวเกาหลีใต้วัย 22 ปี ถูกทรมานจนเสียชีวิต หลังถูกล่อลวงโดยข้อเสนอการจ้างงานแบบหลอกๆ อ่านต่อ..https://sondhitalk.com/detail/9680000097702 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    Haha
    6
    0 Comments 0 Shares 510 Views 0 Reviews
  • เกาหลีใต้ประกาศกร้าวใช้มาตรการเข้มข้นขึ้น เพื่อปกป้องพลเมืองในกัมพูชา ท่ามกลางรายงานข่าวพบเคสลักพาตัวและบังคับใช้แรงงานมากขึ้นเรื่อยๆ ในนั้นรวมถึงกรณีหนึ่งเมื่อเร็วๆนี้ ที่นักศึกษาชาวเกาหลีใต้วัย 22 ปี ถูกทรมานจนเสียชีวิต หลังถูกล่อลวงโดยข้อเสนอการจ้างงานแบบหลอกๆ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000097702

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    เกาหลีใต้ประกาศกร้าวใช้มาตรการเข้มข้นขึ้น เพื่อปกป้องพลเมืองในกัมพูชา ท่ามกลางรายงานข่าวพบเคสลักพาตัวและบังคับใช้แรงงานมากขึ้นเรื่อยๆ ในนั้นรวมถึงกรณีหนึ่งเมื่อเร็วๆนี้ ที่นักศึกษาชาวเกาหลีใต้วัย 22 ปี ถูกทรมานจนเสียชีวิต หลังถูกล่อลวงโดยข้อเสนอการจ้างงานแบบหลอกๆ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000097702 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    Love
    Angry
    6
    0 Comments 0 Shares 592 Views 0 Reviews
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 6 – ซาอุดิฯ 5
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 6”
    ซาอุดิ 5
การป้อน เหยื่อของอเมริกาแบบไม่อั้น ทำให้อังกฤษทนดูไม่ไหว เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.1944 นายกรัฐมนตรีอังกฤษ Winston Churchill ลงทุนบินไปหาประธานาธิบดี Roosevelt เพื่อถามว่าอเมริกาจะเอาอย่างไรในตะวันออกกลาง อังกฤษพร้อมจะถอยจากการแย่งกันป้อนเหยื่อในซาอุดิอารเบีย ถ้า อเมริกา ถอยจากอิหร่านและอิรักเช่นกัน
    หลอด Churchill คงได้คำตอบกลับไปชัดเจน เพราะหลังจากนั้น Aramco Camp ที่อยู่ในเมือง Casoc ของซาอุดิ ก็เปลี่ยนโฉมหน้า กลายเป็นรัฐใหม่ของอเมริกา
    นัก ล่าหน้าใหม่ เรียนรู้จากวิธีการล่าเหยื่อ ของนักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วฯ ว่า แม้จะได้อาณาจักรเขามา แต่ไม่ได้ใจชาวเมือง การดูถูก กดขี่ แบ่งชั้น มีให้เห็นอยู่ตลอด แล้วมันจะกินเหยื่อได้นานอย่างไร
    อเมริกา เปลี่ยนรูปแบบอาณานิคม โดยป้อนวัฒนธรรมอเมริกันให้แทน เหยื่อเสพเข้าไปทุกเมนู โดยไม่รู้ว่านั่นเป็นกับดักการล่าชนิดใหม่ ที่มีอานุภาพรุนแรงเกินต้านทาน อเมริกาเอา International Telephone and Telegraph (ITT) และ Trans World Airways (TWA) เข้าไปให้การสื่อสารและการเดินทางในซาอุดิอารเบียสะดวกขึ้น อูฐและนกพิราบจะได้มีเวลาหยุดพักร้อน อเมริกาส่งความสะดวกทุกอย่างให้เหยื่อ เสพจนติดใจอย่างไม่รู้ตัว ถึงรู้ตัวก็สายเกินถอน
    ในช่วง ค.ศ.1940 กว่าเป็นต้นมา อเมริกาเลี้ยงซาอุดิอารเบีย ด้วยกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์จนอิ่มแปร้ เจ้าหน้าที่สถานฑูตและกองทัพของอเมริกาที่อยู่ในซาอุดิเปิดเผยว่า หน้าที่หลักของพวกเขาคือ ทำอะไรก็ได้ ที่จะทำให้ซาอุดิอาราเบียพอใจและอยู่ใน(กำ) มือของอเมริกาตลอดกาล
    ค.ศ.1945 อเมริกาตั้งฐานทัพที่ Dhahram เป็นฐานทัพที่มีทหารอเมริกันประจำการอยู่เต็มอัตรา Aramco ได้รับอนุญาตให้ใช้ฐานทัพ เพื่อธุรกิจน้ำมันอย่างสะดวกเช่นกัน เสียงนกเสียงกาบอกว่า ฐานทัพนี้จัดขึ้นเพื่อ Aramco แท้ๆ อย่าไปฟัง มันเป็นเสียงของความอิจฉาหมั่นไส้ทั้งนั้น ด้านทหารบอก ฐานทัพนี้มีไว้เพื่อยุทธศาสตร์การป้องกันตะวันออกกลางและเมดิเตอร์เรเนียน ต่างหาก เป็นการดูแลเชื่อมกันระหว่างยุโรปกับตะวันออกไกล
ไม่รู้ว่าทหารก็ แถเก่ง ไม่ว่าชาติไหน
    วัน หนึ่งใน ค.ศ.1945 กษัตริย์ซาอุดิ จับเข่าถามประธานาธิบดี Roosevelt ที่ Great Bitter Lake (ชื่อไม่เป็นมงคลเลย ! ) กษัตริย์ต้องการคำมั่นในการสนับสนุนจากอเมริกา ประธานาธิบดีรับปากว่า อเมริกาจะป้อนกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ ให้กับประเทศท่านตลอดไป และจะสนับสนุนฝ่ายอาหรับในกรณีปาเลสไตน์ รับปากเสร็จ ไม่นานประธานาธิบดี Roosevelt ก็เสียชีวิต
    ประธานาธิบดี Truman มารับงานต่อ เขาไม่ลืมคำรับปากของ Roosevelt เขาป้อนกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ ให้ซาอุดิอารเบียต่อ เพียงแต่ขอเปลี่ยนแหล่งส่งกระ ดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ จากกระทรวงต่างประเทศ เป็น Export Import Bank (EXIM) แต่ท่านก็ได้กระดาษสีเขียว ตรานกอินทรีย์เหมือนกันแหละ ไม่ต้องตกใจนะ
    เหยื่อ เสพติดกระดาษสีเขียว จนถอนตัวไม่ขึ้น ก็ยอมรับ เงินให้กู้ ของ EXIM ที่มีเงื่อนไขติดมา ว่าเงินกู้นี้ ต้องใช้ ในการซื้อสินค้า หรือการจ้างงานสัญชาติอเมริกันเท่านั้น !
    การป้อนเหยื่อด้วยวิธีการนี้ ทำให้เศรษฐกิจของซาอุดิอารเบีย ตกอยู่ในวงล้อมและกำมือของอเมริกาโดยสมบูรณ์ ซาอุดิอารเบียกลัวตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ อยากให้อเมริกาเข้ามาช่วย อเมริกาก็มาช่วยสมใจ แต่ซาอุดิอารเบียจะรู้ไหมว่า อาณานิคมแบบใหม่ กับแบบเก่า มันก็เป็นเหยื่อเขาเช่นเดียวกัน
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
15 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 6 – ซาอุดิฯ 5 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 6” ซาอุดิ 5
การป้อน เหยื่อของอเมริกาแบบไม่อั้น ทำให้อังกฤษทนดูไม่ไหว เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.1944 นายกรัฐมนตรีอังกฤษ Winston Churchill ลงทุนบินไปหาประธานาธิบดี Roosevelt เพื่อถามว่าอเมริกาจะเอาอย่างไรในตะวันออกกลาง อังกฤษพร้อมจะถอยจากการแย่งกันป้อนเหยื่อในซาอุดิอารเบีย ถ้า อเมริกา ถอยจากอิหร่านและอิรักเช่นกัน หลอด Churchill คงได้คำตอบกลับไปชัดเจน เพราะหลังจากนั้น Aramco Camp ที่อยู่ในเมือง Casoc ของซาอุดิ ก็เปลี่ยนโฉมหน้า กลายเป็นรัฐใหม่ของอเมริกา นัก ล่าหน้าใหม่ เรียนรู้จากวิธีการล่าเหยื่อ ของนักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วฯ ว่า แม้จะได้อาณาจักรเขามา แต่ไม่ได้ใจชาวเมือง การดูถูก กดขี่ แบ่งชั้น มีให้เห็นอยู่ตลอด แล้วมันจะกินเหยื่อได้นานอย่างไร อเมริกา เปลี่ยนรูปแบบอาณานิคม โดยป้อนวัฒนธรรมอเมริกันให้แทน เหยื่อเสพเข้าไปทุกเมนู โดยไม่รู้ว่านั่นเป็นกับดักการล่าชนิดใหม่ ที่มีอานุภาพรุนแรงเกินต้านทาน อเมริกาเอา International Telephone and Telegraph (ITT) และ Trans World Airways (TWA) เข้าไปให้การสื่อสารและการเดินทางในซาอุดิอารเบียสะดวกขึ้น อูฐและนกพิราบจะได้มีเวลาหยุดพักร้อน อเมริกาส่งความสะดวกทุกอย่างให้เหยื่อ เสพจนติดใจอย่างไม่รู้ตัว ถึงรู้ตัวก็สายเกินถอน ในช่วง ค.ศ.1940 กว่าเป็นต้นมา อเมริกาเลี้ยงซาอุดิอารเบีย ด้วยกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์จนอิ่มแปร้ เจ้าหน้าที่สถานฑูตและกองทัพของอเมริกาที่อยู่ในซาอุดิเปิดเผยว่า หน้าที่หลักของพวกเขาคือ ทำอะไรก็ได้ ที่จะทำให้ซาอุดิอาราเบียพอใจและอยู่ใน(กำ) มือของอเมริกาตลอดกาล ค.ศ.1945 อเมริกาตั้งฐานทัพที่ Dhahram เป็นฐานทัพที่มีทหารอเมริกันประจำการอยู่เต็มอัตรา Aramco ได้รับอนุญาตให้ใช้ฐานทัพ เพื่อธุรกิจน้ำมันอย่างสะดวกเช่นกัน เสียงนกเสียงกาบอกว่า ฐานทัพนี้จัดขึ้นเพื่อ Aramco แท้ๆ อย่าไปฟัง มันเป็นเสียงของความอิจฉาหมั่นไส้ทั้งนั้น ด้านทหารบอก ฐานทัพนี้มีไว้เพื่อยุทธศาสตร์การป้องกันตะวันออกกลางและเมดิเตอร์เรเนียน ต่างหาก เป็นการดูแลเชื่อมกันระหว่างยุโรปกับตะวันออกไกล
ไม่รู้ว่าทหารก็ แถเก่ง ไม่ว่าชาติไหน วัน หนึ่งใน ค.ศ.1945 กษัตริย์ซาอุดิ จับเข่าถามประธานาธิบดี Roosevelt ที่ Great Bitter Lake (ชื่อไม่เป็นมงคลเลย ! ) กษัตริย์ต้องการคำมั่นในการสนับสนุนจากอเมริกา ประธานาธิบดีรับปากว่า อเมริกาจะป้อนกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ ให้กับประเทศท่านตลอดไป และจะสนับสนุนฝ่ายอาหรับในกรณีปาเลสไตน์ รับปากเสร็จ ไม่นานประธานาธิบดี Roosevelt ก็เสียชีวิต ประธานาธิบดี Truman มารับงานต่อ เขาไม่ลืมคำรับปากของ Roosevelt เขาป้อนกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ ให้ซาอุดิอารเบียต่อ เพียงแต่ขอเปลี่ยนแหล่งส่งกระ ดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ จากกระทรวงต่างประเทศ เป็น Export Import Bank (EXIM) แต่ท่านก็ได้กระดาษสีเขียว ตรานกอินทรีย์เหมือนกันแหละ ไม่ต้องตกใจนะ เหยื่อ เสพติดกระดาษสีเขียว จนถอนตัวไม่ขึ้น ก็ยอมรับ เงินให้กู้ ของ EXIM ที่มีเงื่อนไขติดมา ว่าเงินกู้นี้ ต้องใช้ ในการซื้อสินค้า หรือการจ้างงานสัญชาติอเมริกันเท่านั้น ! การป้อนเหยื่อด้วยวิธีการนี้ ทำให้เศรษฐกิจของซาอุดิอารเบีย ตกอยู่ในวงล้อมและกำมือของอเมริกาโดยสมบูรณ์ ซาอุดิอารเบียกลัวตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ อยากให้อเมริกาเข้ามาช่วย อเมริกาก็มาช่วยสมใจ แต่ซาอุดิอารเบียจะรู้ไหมว่า อาณานิคมแบบใหม่ กับแบบเก่า มันก็เป็นเหยื่อเขาเช่นเดียวกัน สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
15 ก.ย. 57
    0 Comments 0 Shares 347 Views 0 Reviews
  • “สหรัฐฯ เตรียมบังคับสัดส่วนการผลิตชิป 1:1 — ผลิตในประเทศเท่ากับนำเข้า ใครไม่ทำ...เจอภาษี 100%”

    รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมออกมาตรการใหม่เพื่อผลักดันการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ โดยกำหนดให้บริษัทที่นำเข้าชิปจากต่างประเทศ ต้องผลิตชิปในสหรัฐฯ ในสัดส่วนที่เท่ากันแบบ “1:1” หากไม่สามารถรักษาสัดส่วนนี้ได้ในระยะยาว จะต้องจ่ายภาษีนำเข้าในอัตราสูงถึง 100%

    มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ และลดการพึ่งพาการนำเข้าจากประเทศอื่น โดยเฉพาะจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก โดยรัฐบาลสหรัฐฯ หวังว่าการบังคับใช้สัดส่วน 1:1 จะทำให้บริษัทต่าง ๆ ต้องสร้างโรงงานผลิตในประเทศ หรืออย่างน้อยก็มีแผนการลงทุนที่ชัดเจน

    บริษัทที่มีการลงทุนในสหรัฐฯ เช่น Apple, Nvidia, TSMC และ Samsung จะได้รับการยกเว้นภาษี หากสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการผลิตในประเทศหรือมีแผนการลงทุนระยะยาวที่เป็นรูปธรรม โดย Apple ได้ประกาศลงทุนเพิ่มอีก 100 พันล้านดอลลาร์ในโรงงานและศูนย์ฝึกอบรมในหลายรัฐของสหรัฐฯ

    อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้อาจส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าเทคโนโลยีในระยะสั้น เนื่องจากบริษัทที่ยังไม่มีฐานการผลิตในสหรัฐฯ จะต้องจ่ายภาษีเพิ่ม ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น และอาจส่งผลต่อผู้บริโภคโดยตรง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมบังคับสัดส่วนการผลิตชิปแบบ 1:1 ระหว่างผลิตในประเทศและนำเข้า
    บริษัทที่ไม่สามารถรักษาสัดส่วนนี้ได้จะต้องจ่ายภาษีนำเข้า 100%
    มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ
    Apple ประกาศลงทุนเพิ่มอีก 100 พันล้านดอลลาร์ในโรงงานในสหรัฐฯ
    บริษัทที่มีแผนการผลิตในประเทศจะได้รับการยกเว้นภาษี
    มาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายลดการพึ่งพาจีนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
    TSMC, Nvidia, Samsung และ SK Hynix เป็นบริษัทที่มีการลงทุนในสหรัฐฯ แล้ว
    มาตรการนี้จะส่งผลต่อบริษัทที่ยังไม่มีฐานการผลิตในสหรัฐฯ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    สหรัฐฯ เคยมีสัดส่วนการผลิตชิปสูงในอดีต แต่ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา
    TSMC ผลิตชิปมากกว่า 50% ของโลก และกำลังสร้างโรงงานในรัฐแอริโซนา
    การผลิตชิปต้องใช้เวลาและเงินลงทุนสูง โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีและแรงงาน
    มาตรการนี้อาจกระตุ้นการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐฯ
    การตั้งโรงงานผลิตในประเทศช่วยลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/26/us-plans-to-mandate-a-11-ratio-of-domestically-manufactured-to-imported-chips-wsj-reports
    🇺🇸 “สหรัฐฯ เตรียมบังคับสัดส่วนการผลิตชิป 1:1 — ผลิตในประเทศเท่ากับนำเข้า ใครไม่ทำ...เจอภาษี 100%” รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมออกมาตรการใหม่เพื่อผลักดันการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ โดยกำหนดให้บริษัทที่นำเข้าชิปจากต่างประเทศ ต้องผลิตชิปในสหรัฐฯ ในสัดส่วนที่เท่ากันแบบ “1:1” หากไม่สามารถรักษาสัดส่วนนี้ได้ในระยะยาว จะต้องจ่ายภาษีนำเข้าในอัตราสูงถึง 100% มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ และลดการพึ่งพาการนำเข้าจากประเทศอื่น โดยเฉพาะจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก โดยรัฐบาลสหรัฐฯ หวังว่าการบังคับใช้สัดส่วน 1:1 จะทำให้บริษัทต่าง ๆ ต้องสร้างโรงงานผลิตในประเทศ หรืออย่างน้อยก็มีแผนการลงทุนที่ชัดเจน บริษัทที่มีการลงทุนในสหรัฐฯ เช่น Apple, Nvidia, TSMC และ Samsung จะได้รับการยกเว้นภาษี หากสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการผลิตในประเทศหรือมีแผนการลงทุนระยะยาวที่เป็นรูปธรรม โดย Apple ได้ประกาศลงทุนเพิ่มอีก 100 พันล้านดอลลาร์ในโรงงานและศูนย์ฝึกอบรมในหลายรัฐของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้อาจส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าเทคโนโลยีในระยะสั้น เนื่องจากบริษัทที่ยังไม่มีฐานการผลิตในสหรัฐฯ จะต้องจ่ายภาษีเพิ่ม ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น และอาจส่งผลต่อผู้บริโภคโดยตรง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมบังคับสัดส่วนการผลิตชิปแบบ 1:1 ระหว่างผลิตในประเทศและนำเข้า ➡️ บริษัทที่ไม่สามารถรักษาสัดส่วนนี้ได้จะต้องจ่ายภาษีนำเข้า 100% ➡️ มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ ➡️ Apple ประกาศลงทุนเพิ่มอีก 100 พันล้านดอลลาร์ในโรงงานในสหรัฐฯ ➡️ บริษัทที่มีแผนการผลิตในประเทศจะได้รับการยกเว้นภาษี ➡️ มาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายลดการพึ่งพาจีนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ➡️ TSMC, Nvidia, Samsung และ SK Hynix เป็นบริษัทที่มีการลงทุนในสหรัฐฯ แล้ว ➡️ มาตรการนี้จะส่งผลต่อบริษัทที่ยังไม่มีฐานการผลิตในสหรัฐฯ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ สหรัฐฯ เคยมีสัดส่วนการผลิตชิปสูงในอดีต แต่ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ➡️ TSMC ผลิตชิปมากกว่า 50% ของโลก และกำลังสร้างโรงงานในรัฐแอริโซนา ➡️ การผลิตชิปต้องใช้เวลาและเงินลงทุนสูง โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีและแรงงาน ➡️ มาตรการนี้อาจกระตุ้นการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ➡️ การตั้งโรงงานผลิตในประเทศช่วยลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/26/us-plans-to-mandate-a-11-ratio-of-domestically-manufactured-to-imported-chips-wsj-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    US plans to mandate a 1:1 ratio of domestically manufactured to imported chips, WSJ reports
    (Reuters) -The Trump administration is planning to ask chip companies to manufacture the same number of semiconductors in the U.S. as their customers import from overseas producers, the Wall Street Journal reported on Friday.
    0 Comments 0 Shares 352 Views 0 Reviews
  • กระทรวงแรงงานและการฝึกอาชีพของกัมพูชาเมื่อวันพุธ(24ก.ย.) ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่แรงงานเขมรอายุเกิน 45 ปี จะได้ทำงานในภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอของประเทศ เนื่องจากโรงงานเกือบทั้งหมดจำกัดการจ้างงานที่อายุ 40 ถึง 45 ปี ข้อเท็จจริงที่เพิ่งถูกเผยแพร่อกมา ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดีนักสำหรับแรงงานกัมพูชาที่กลับจากไทย ในนั้นจำนวนมากกำลังประสบปัญหาหนี้สินท่วมตัวและขาดแคลนทักษะฝีมือตามความต้องการของงานในบ้านเกิดเมืองนอน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000091660

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    กระทรวงแรงงานและการฝึกอาชีพของกัมพูชาเมื่อวันพุธ(24ก.ย.) ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่แรงงานเขมรอายุเกิน 45 ปี จะได้ทำงานในภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอของประเทศ เนื่องจากโรงงานเกือบทั้งหมดจำกัดการจ้างงานที่อายุ 40 ถึง 45 ปี ข้อเท็จจริงที่เพิ่งถูกเผยแพร่อกมา ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดีนักสำหรับแรงงานกัมพูชาที่กลับจากไทย ในนั้นจำนวนมากกำลังประสบปัญหาหนี้สินท่วมตัวและขาดแคลนทักษะฝีมือตามความต้องการของงานในบ้านเกิดเมืองนอน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000091660 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    Haha
    4
    1 Comments 0 Shares 450 Views 0 Reviews
  • เรื่อง บันทึกวันฉลอง
    “บันทึกวันฉลอง”
    เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม เป็นวันฉลองประกาศอิสรภาพ ( จากการเป็นลูกกระเป๋งของอังกฤษ) ของประเทศที่ประกาศตัว เป็นผู้นำโลกหมายเลขหนึ่ง เป็นจักรวรรดิยุคใหม่ เรียกได้ว่าเป็นวันสำคัญของโลกเชียวนะ ผมจะไม่เขียนอะไรถึง ในฐานะคนใกล้ชิด ติดตามเขียนถึงเกือบทุกวัน มันจะดูใจจืดไป แต่บังเอิญยังไม่มีเวลา ช้าไปหน่อยคงไม่เป็นไร ให้คุณนายกุ้งแห้งพักให้หายเหนื่อยจากการรับแขก บรรดาเพื่อนรัก ร่วมนิสัย ร่วมสันดาน ที่คุณนายเชิญมางานฉลองก่อน ท่านใดที่ไม่ได้รับเชิญ ผมว่าน่าจะเป็นโชคดี ที่ไม่ต้องไปยืนทำหน้าปูเลี่ยนใส่กัน ส่วนมันจะเป็นการสำแดงอะไรในการเชิญ ไม่เชิญ ประเทศที่มีอารยะธรรม วัฒนธรรม สืบทอดย้อนไปได้เป็นพันปีอย่างเรา ย่อมมองออก และ รอเวลา ดำเนินการที่เหมาะสม
    ในฐานะคนใกล้ชิด ผมมองจักรวรรดิอเมริกาอย่างไร ขอถือโอกาสขยายบันทึกต่อไปนี้ เป็นการสดุดีในวันฉลอง
    ชื่อ: ตามใบเกิดใช้ชื่อว่า สหรัฐอเมริกา มี ชื่อ เล่น ว่า ไอ้กัน หรือ เมกา
นอกจากนี้ ยังมีชื่อ ที่ถูกเรียกบ่อยตามความประพฤติ ว่า Ugly America และยังมีชื่อ ที่บางคน บางพวก เรียก ด้วยความเอียน ว่า จิ๊กโก๋ปากซอย (ตามพฤติกรรมเทียบเคียงอีกเช่นกัน)
    นามแฝง: นักล่า (น่าจะมีรูปถ่ายแบบ หน้าตรง และหน้าข้างประกอบ แต่ทำไม่เป็นครับ)
    อุปนิสัยเด่น: เหมือนคนที่โตแต่ตัว แต่ไม่มีวุฒิภาวะ ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า โตแต่ตัว สมองเท่าเม็ดถัวเขียว แยกแยะดีชั่วไม่ออก เรื่องควรทำไม่ทำ เรื่องไม่ควรทำ ดันทำ ถ้ามีวุฒิภาวะ ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ สมดังที่เขาเรียกว่าพี่เบิ้ม โลกคงไม่วุ่นวายอย่างที่เป็นอยู่
อีกนิสัยที่โดดเด่นคือ เป็นมิตรเฉพาะกับผู้ที่ตนได้ประโยชน์ เมื่อหมดประโยชน์ ก็สามารถทำได้ทุกวิถีทางเพื่อให้ขาดกับมิตร รวมไปถึงการ กำจัด และ ทำลาย โดยไม่มีเหนียมอาย ถ้าเป็นบุคคล ก็เรียกว่า เป็นประเภทเพื่อนกิน เออ มันก็เป็นเพื่อนกินจริงๆแหละ กินแบบตะกรามเสียด้วย
    (เข้าใจว่า ไม่เคยอ่านหนังสือกำลังภายใน ที่โด่งดัง อยู่อีกฝั่งของโลก จึงไม่รู้จัก คำสอนที่หนังสือกำลังภายในพวกนี้ เขียนไว้เป็นอุทาหรณ์เสมอว่า บุญคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องชำระ คงมีพวกลูกหาบคุยให้ฟัง แต่จับความได้แค่ ท่อนหลัง คนอื่น เขาก็จำท่อนหลังได้เหมือนกันนะ)
    สันดาน: กร่าง อวดดี ชอบข่มขู่ ทั้งทางกิริยา วาจา และอาวุธ และยังมีสันดานที่ถ้าเป็นบุคคล เขาก็เรียกว่าเป็นประเภท มือถือสากปากถือศีล ตัวเองทำได้ ห้ามใครด่า แต่ถ้าคนอื่นทำบ้าง ไม่ใช่แค่ด่า มันทั้งประณาม และคว่ำบาตรเป็นการแถม ถ้ายังไม่สาแก่ใจ พร้อมที่จะยกทัพกรีฑา ไปบดขยี้
    อาณาเขตประเทศ: ขณะนี้ มีเนื้อที่ประมาณ 9.83 ล้าน ตารางกิโลเมตร กว้างใหญ่มากกกก แต่ยังใหญไม่พอ จึงมีความต้ังใจ ว่า จะครอบครองโลกใบนี้ทั้งใบให้ได้ ถ้ามีโลกมากกว่า 1 ก็คงหวังจะครองทั้งหมดด้วย นี่ก็ได้ข่าวว่า จะเปฺิดให้ตีตั๋วจองไปท่องเที่ยวดาวอังคาร และมีแผนจะไปอมดวงจันทร์ ทำตัวดั่งเป็นพระราหู ถ้าจะเจ๋งจริง ต้องอมดวงอาทิตย์ด้วยนะ ดูๆไปแล้วเหมือนเป็นคนขี้โม้ ถ้าเป็นบุคคล น่าจะเข้าข่ายดาวพุธเสีย ปากหาเรื่อง พูดจาหาความจริงได้ยาก ถึงเดี๋ยวนี้ยังมีคนไม่เช่ือเรื่องไปดวงจันทร์
เม้นท์มาถามลุงนิทาน ว่า ตกลงเมกาไปดวงจันทร์จริงหรือเปล่าคับ เล่นเอาลุงนิทาน อึ้งไป ตอบไม่ได้เหมือนกันหลานเอ๋ย
    พลเมือง: ของแท้ดั้งเดิมเรียกว่า อินเดียนแดง แต่พวกที่มาไล่ล่าฆ่า อินเดียนแดง และแย่งถิ่นที่อยู่เขาไปและเรียกตัวเองว่าคนอเมริกัน นั้น มีสาระพัดสายพันธ์ และสาระพัดสีผิว แต่ก็มีคนพยายามที่จะคัดสายพันธ์ใหม่ เอาสีเข้มๆออกไป สงสัยไม่ถูกโฉลก ให้เหลือแต่ผิวสีขาว และผมทอง แต่เท่าที่สังเกตดู แผนนี้ไม่น่าสำเร็จ แต่ไอ้ชั่วจอมโหดยังไม่ล้มเลิกแผน ใช้ทั้งวิธีคุม วิธีตอน ทั้งอาหาร ทั้งยา และเขื้อโรคเหลืออย่างเดียว อย่าให้พูดต่อเลย เสียวน่ะ
    ผู้นำประเทศ: เรียกว่า ประธานาธิบดี มาจากการเลือกต้ัง ที่ไม่จำกัดอาชีวะ
ดังนั้น ผู้นำประเทศ จึงมีต้ังแต่ นักคิด นักรบ นักรัก นักเลง นักแสดง คนขายของ ขายถั่ว ขายน้ำมัน เป็นต้น แต่คนปัจจุบัน ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร แม้แต่สื่อนอก พวกกันเองยังด่าขรม จะว่าเป็นนักพูด ก็ไม่เชิงเพราะพูดจา ไม่เอาเหนียง ซ้ำชาก แถมพักหลังนี่ เลอะเทอะชอบกล ไม่อยากวิจารณ์มาก เอาว่า คงกำลังดวงตก
    ระบอบการปกครอง: อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย แต่มีข้อมูลมากมาย บอกว่า ไม่จริงหรอก
ประชาธิปไตยบ้าบออะไร มันเป็นเป็นเผด็จการทุนนิยมต่างหาก ซึ่งกำกับ สับโขก ดูแลโดยนายทุนข้ามชาติที่เป็นเจ้าของโรงพิมพ์แบงค์ หลายโรง
    พรรคการเมือง: มี 2 พรรคผูกขาด แต่ พรรคไหนชนะ ก็ไม่มีความหมาย เพราะการเลือกต้ัง มีเพื่อเป็นการฝึกพูด ฝึกหาเสียง ฝึกประท้วง สร้างการจ้างงาน กระจายรายได้ แถมให้สื่อยักษ์ มีงานทำ เพราะ เจ้าของโรงพิมพ์แบงค์ เป็นเจ้าของสื่อ และ เป็นเจ้าของนักการเมือง ทั้ง 2 พรรค ที่สำคัญ เป็นการทดสอบ การโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของระบอบการปกครอง
    สินค้าออกสำคัญ บัญชี 1: ทุนนิยมเสรี ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน
(หมายเหตุ: สินค้าส่งออกบัญชีนี้ น่าจะเป็นของปลอมเกือบทั้งหมด เพราะ บรรดาผู้นำเข้าสินค้า ไม่ว่าจะสมัครใจ เพราะเคลิ้มตามโฆษณาชวนเชื่อ หรือถูกบังคับให้นำเข้าไปใช้ ก็ตาม แต่ปรากฏผล ไม่น่าพอใจ เหมือนกัน คือ ฉ ห กันถ้วนหน้า แต่ไม่รู้จะไปร้องเรียนกับใคร ได้แต่ก้มหน้ามองหัวแม่เท้าทุกวัน ที่แย่ไปกว่านั้น คือ พวกที่ ฉ ห มีกว่าครึ่งที่ยังไม่รู้ตัวว่า ฉ ห เพราะอะไร โถ โถ)
    สินค้าส่งออกสำคัญ บัญชี 2: แนวทางการศึกษา และ ความคิดทางวิชาการ
(หมายเหตุ: สินค้่าส่งออกบัญชีนี้ มีส่วนสัมพันธ์กับบัญชี 1 เมื่อใดที่ การส่งออกบัญชีนี้ลดลง หรือไม่ได้ผล การส่งออกตามบัญชี 1 จะลดลง ตามไปด้วย แต่คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นสินค้า ที่ส่งออกมาเป็นเวลานาน ฝังรากลงลึก และมีผู้คนหลายประเภท ติดกับ นอนสบาย พุงปลิ้น อยู่ในคอก มันคงฉุดให้ลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกจากคอกยากหน่อย แต่ไม่มีอะไรคงทนถาวรตลอดกาล เป็นหลักสัจธรรม คอยดูกันไป)
    สินค้าส่งออกสำคัญ บัญชี 3: วัฒนธรรมอเมริกา ผ่าน การบันเทิง และสื่อทุกประเภท
(หมายเหตุ: สินค้าส่งออกบัญชีนี้ มีผู้สนใจมาก แม้จะเน่าเละแค่ไหน แต่ผู้ใช้เสพติดกันมาก ถือเป็นความสำเร็จ แท้จริงของการส่งออก หนังหลายเรื่องสนุกดีครับ ลุงนิทานก็ชอบดู โกหกได้เก่งจัง แต่ให้เลิกดูก็ไม่ถึงกับลงแเดง)
    สินค้านำเข้าสำคัญ: หมายถึงสินค้า ที่เป็นที่ต้องการอย่างที่สุด โดยการเป็นเจ้าของ หรือครอบครอง ไม่ว่าโดยวิธีการใด
อันดับ 1 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
อันดับ 2 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
อันดับ 3 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
    นโยบายต่างประเทศ: ดู ภาพ ประกอบ us foreign policy flow chart
    มิตรประเทศ: ประเทศที่มีพลังงาน และ แร่ธาตุ (หลอกล่อให้คบ แล้ว ขะโมยของเขาได้)
    ประเทศที่ไม่เป็นมิตร: ประเทศที่มีพลังงาน และแร่ธาตุ (เขาไม่คบด้วย และยังขะโมยของเขาไม่ได้)
    ประเทศลูกพี่: อังกฤษ (ถึงจะประกาศอิสรภาพต้ังหลายร้อยปี จนจัดงานฉลองหลอกตัวเอง แต่อิสระ ไม่จริงนี่หว่า แน่จริงตัดขาดให้ดูหน่อย แล้วค่อยทำกร่าง)
    ประเทศที่ถือเป็นก๊วน: อังกฤษ ฝรั่งเศส ( ผลัดกันเล่น ผลัดกันกิน มันไม่ตัดขาดกันจริงหรอก ดูไปก็แล้วกัน)
    ประเทศลูกน้อง: ทั้งโลก ยกเว้น กลุ่ม BRICS และพวก และ 2 ประเภทข้างต้น
    ประเทศที่ไม่เป็นมิตรอย่างถาวร : เกาหลีเหนือ ( เข้าใจว่าเหตุผลสำคัญ คือ ประธานาธิบดีอเมริกาคนปัจจุบัน หน้าไม่รับ กับผมทรงบังคับของเกาหลีเหนือ)
    เครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้ และควบคุมได้ บัญชี 1: UN, World Bank, IMF, NATO
    เครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้ และควบคุมได้ บัญชี 2: หน่วยงาน ประเภทสถาบัน มูลนิธิ องค์กรไม่ค้ากำไร (NGO) ที่ให้ทุนการศึกษาทุกระดับ การวิจัย การสนับสนุนกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน (หน่วยงานพวกนี้ มีความสำคัญมาก เป็นเฟืองสำคัญ ที่ทำให้กลไกเกือบทุกอย่าง ของอเมริกา เดิน โดยแทบจะไม่มีสิ่งใดขวางกั้น เพราะ ไม่รู้ว่าองค์กรเหล่านี้ คือตัวเฟืองสำคัญ และเป็นหน่วยงานสังกัด ฝ่ายความมั่นคง หรือข่าวกรอง พูดง่ายๆ ว่า เป็น พวก CIA ปลอมตัวนั่นแหละ)
    เครื่องมือหากินที่สำคัญ ยังควบคุมไม่ได้หมด แต่พยายามอยู่: EU ( เป็นรายการต้มตุ๋น ลวงโลกของจริง ทั้งต้มกันเอง และ ต้มชาวโลก)
    ผู้แทนประเทศ: ทูต ผู้แทนการค้า นักธุรกิจ ครู อาจารย์ นักวิชาการ นักเขียน นักสอนศาสนา นักท่องเที่ยว สื่อ โดยเฉพาะ พวกที่แฝงตัวคลุกอยู่กับคนท้องถิ่น ตัวดีนักทำได้เนียนมาก พวกนี้เรียกว่า มาปฏิบัติภาระกิจ ( พูดง่ายๆ ว่า เป็นพวก CIA ปลอมตัว อีกเข่นกัน วุ้ย ทำไมมันมากันแยะนัก ไหนว่า แค่อยากได้ตั้กกะแตน ทำไมต้องถึงกับขี่ช้างมา)
    คุณสมบัติของผู้แทนประเทศ: ไม่ใช้วิจารณญาณ ไม่มีมารยาท มีความสามารถในการหาข่าวเชิงลึก มีความรู้และสามารถเรื่องอาวุธและการใช้ ถนัดในการแปลงสาสน์ และใช้กลวิธีการเสี้ยม มากกว่าวิธีทางการทูต การค้า การสอน การเขียน ฯลฯ แล้วแต่กรณี
    หน่วยงานนอกประเทศ ที่ทำหน้าที่สำคัญ: นอกเหนือจาก องค์กรเปิดเผย เช่นสถานทูต หน่วยงานทางทหาร หน่วยงานให้ความช่วยเหลือ เช่น USAID , Chamber of commerce แล้วหน่วยงานเอกชน อีก 3 ประเภท ที่ทำหน้าที่สำคัญ คือ สำนักงานตรวจสอบบัญชีระหว่างประเทศ และ สำนักงานกฏหมายระหว่างประเทศ บริษัทประกันภัยระหว่างประเทศ ซึ่งจะได้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจในประเทศเป้าหมาย ส่งกลับไปให้สำนักใหญ่ที่อเมริกา ดังนั้น คุณสมบัติ ของบุคคลากร ที่ส่งไปประจำในสำนักงานเหล่านี้ในหลายประเทศ ทำงานประสานกับหน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานข่าวกรอง ของอเมริกา ( พวก C ปลอมตัว อีกแล้ว นี่ อย่านึกว่าผมพูดเล่น แล้วไม่ใช่เรื่องจริงนะ)
    เครื่องทุ่นแรง: บรรดา “เด็กดี” ทั้งหลายที่อยู่ในท้องถิ่น ที่ อเมริกา สนับสนุน ไม่ว่าโดยการศึกษา หน้าที่การงาน การสนับสนุนทางสังคม ทางการเมือง โดยทางตรง หรือ ทางอ้อม คนเล่านี้ใช้ชีวิต อยู่ในกรอบ หรือคอก ที่อเมริกาสร้างให้อยู่ ทางความคิด เขาเล่าน้ัน มีทุกสาขาอาขีพ ทุกเพศ ทุกวัย มีความเชื่อมั่นว่าอเมริกาเท่าน้ัน คือศิวิไลซ์ และ วิถีทุนนิยมเสรี คือวิถีที่นำความเจริญมาให้ประเทศตนเอง เครื่องทุ่นแรงเหล่านี้ ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ที่พาประเทศของตนติดอยู่ในกับดักมากขึ้น แต่ไม่เคยเรียนรู้ ไม่เคยจดจำ จึงเป็นเครื่องทุ่นแรง ที่อเมริกาเสาะแสวงหา เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา มิให้ขาดรุ่น ขาดจำนวน
จุดแข็ง: การใช้สื่อ ทุกรูปแบบ เพื่อฟอกย้อมความคิด ความเห็น ของพวกโลกสวย และจิตอ่อน (เป็นเรื่องน่าสนใจมาก ว่าทำไมถึงว่าง่ายนักหนา กับสื่อฟอก มันบอกอะไรละเชื่อหมด ธรรมะ ของพระพุทธองค์ พระราโชวาท ของพระเจ้าอยู่หัว ทำไมถึง ไม่จดจำ ไม่เขื่อถือ นำไปปฏิบัติบ้าง )
    จุดอ่อน: ออกอาการง่าย เวลามีอารมณ์ เช่น น้ำลายเยิ้มไปหมด เวลา อยากได้ อยากกิน ขอแนะนำว่า ใช้ผ้าเข็ดที่มุมปากแบบผู้ดีบ่อยๆ น่าจะช่วยได้บ้าง แต่ถ้าทำไม่เป็น คงต้องเข้าไปหลักสูตรฝึกอบรม ความอดกลั้น อันเป็นมารยาทอย่างหนึ่งของผู้ที่เจริญแล้ว
    เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด: เป็นเครื่องมือที่ใช้จารกรรมข้อมูลทั้งสื้น รวมทั้ง เครื่องมือที่ใช้เขียนอยู่นี้ และที่ท่านทั้งหลายกำลังใช้อ่านกัน ฮา
    ชาตะ: วันที่ 4 กรกฎาคม คศ 1767
    มรณะ: มันต้องมีสักวันน่า อาจจะจวนแล้วก็ได้ จักรวรรดิยิ่งใหญ่ทุกราย มีวันล่มสลาย โรมันว่ายิ่งใหญ่จบแบบไหน ยกตัวอย่างไกลไป เอาใกล้สุด จักรภพอังกฤษ ใหญ่ และกร่างขนาดไหน วันนี้เหลือเป็นแค่เกาะเล็กเท่าปลายนิ้วก้อยข้างซ้าย แถมถูกต่างชาติ โดยเฉพาะพวกที่เคยเป็นขี้ข้า เข้าไปซื้อทรัพย์สินในกรุง จนคนอังกฤษเองต้องย้ายครัว ไปอยู่ชนบทกันหมด ไอ้ที่สะใจ คือต้องไปยืนกุมรับคำสั่ง จากคนที่ตัวเองเคยดูถูกกดขี่ ตอนนี้ยังกัดฟัน ทำซ่า เบ่งขวา ขู่ซ้าย จมไม่ลง
    อเมริกา จงจำไว้เป็นอุทาหรณ์ คุณนายกุ้งแห้ง ควรต้ังใจอ่านบันทึกนี้ ไม่มีใครเขาจะเตือนสติกันตรงๆ อย่างนี้หรอก มีแต่คนป้อยอ ให้หัวทิ่มก้นโด่งทั้งนั้น ท่าน้ันเซลฟี่ลำบากหน่อยนะคุณนาย แล้วอย่าลืมรายงานตรงไปตรงมา ไปยังนายใหญ่ จะให้ดีส่งไปที่ หน่วย CRS ของ Congress ให้ทำหนังสือแปะหน้า ส่งเข้าสภาสูงเลย ว่ามีคนเขาเขียนบันทึกสดุดีเตือนใจไว้อย่างไร กลัวแต่ว่า ไอ้พวกเสมียนที่จ้างไว้ จะไม่มีปัญญาแปลสำนวนลุงนิทานละซี เอาไปให้พี่เจฟฟรี่ แปลก็แล้วกัน ถึงจะเป็นฝรั่งแต่ภาษาไทยเก่งพอตัว ไม่เสียแรงส่งมาฝังตัวใกล้ชิดเสียนานหลายสิบปี
    สวัสดีครับอเมริกา หวังว่าปีหน้ายังมีวันฉลอง !
คนเล่านิทาน
6 กค. 2557
    เรื่อง บันทึกวันฉลอง “บันทึกวันฉลอง” เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม เป็นวันฉลองประกาศอิสรภาพ ( จากการเป็นลูกกระเป๋งของอังกฤษ) ของประเทศที่ประกาศตัว เป็นผู้นำโลกหมายเลขหนึ่ง เป็นจักรวรรดิยุคใหม่ เรียกได้ว่าเป็นวันสำคัญของโลกเชียวนะ ผมจะไม่เขียนอะไรถึง ในฐานะคนใกล้ชิด ติดตามเขียนถึงเกือบทุกวัน มันจะดูใจจืดไป แต่บังเอิญยังไม่มีเวลา ช้าไปหน่อยคงไม่เป็นไร ให้คุณนายกุ้งแห้งพักให้หายเหนื่อยจากการรับแขก บรรดาเพื่อนรัก ร่วมนิสัย ร่วมสันดาน ที่คุณนายเชิญมางานฉลองก่อน ท่านใดที่ไม่ได้รับเชิญ ผมว่าน่าจะเป็นโชคดี ที่ไม่ต้องไปยืนทำหน้าปูเลี่ยนใส่กัน ส่วนมันจะเป็นการสำแดงอะไรในการเชิญ ไม่เชิญ ประเทศที่มีอารยะธรรม วัฒนธรรม สืบทอดย้อนไปได้เป็นพันปีอย่างเรา ย่อมมองออก และ รอเวลา ดำเนินการที่เหมาะสม ในฐานะคนใกล้ชิด ผมมองจักรวรรดิอเมริกาอย่างไร ขอถือโอกาสขยายบันทึกต่อไปนี้ เป็นการสดุดีในวันฉลอง ชื่อ: ตามใบเกิดใช้ชื่อว่า สหรัฐอเมริกา มี ชื่อ เล่น ว่า ไอ้กัน หรือ เมกา
นอกจากนี้ ยังมีชื่อ ที่ถูกเรียกบ่อยตามความประพฤติ ว่า Ugly America และยังมีชื่อ ที่บางคน บางพวก เรียก ด้วยความเอียน ว่า จิ๊กโก๋ปากซอย (ตามพฤติกรรมเทียบเคียงอีกเช่นกัน) นามแฝง: นักล่า (น่าจะมีรูปถ่ายแบบ หน้าตรง และหน้าข้างประกอบ แต่ทำไม่เป็นครับ) อุปนิสัยเด่น: เหมือนคนที่โตแต่ตัว แต่ไม่มีวุฒิภาวะ ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า โตแต่ตัว สมองเท่าเม็ดถัวเขียว แยกแยะดีชั่วไม่ออก เรื่องควรทำไม่ทำ เรื่องไม่ควรทำ ดันทำ ถ้ามีวุฒิภาวะ ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ สมดังที่เขาเรียกว่าพี่เบิ้ม โลกคงไม่วุ่นวายอย่างที่เป็นอยู่
อีกนิสัยที่โดดเด่นคือ เป็นมิตรเฉพาะกับผู้ที่ตนได้ประโยชน์ เมื่อหมดประโยชน์ ก็สามารถทำได้ทุกวิถีทางเพื่อให้ขาดกับมิตร รวมไปถึงการ กำจัด และ ทำลาย โดยไม่มีเหนียมอาย ถ้าเป็นบุคคล ก็เรียกว่า เป็นประเภทเพื่อนกิน เออ มันก็เป็นเพื่อนกินจริงๆแหละ กินแบบตะกรามเสียด้วย (เข้าใจว่า ไม่เคยอ่านหนังสือกำลังภายใน ที่โด่งดัง อยู่อีกฝั่งของโลก จึงไม่รู้จัก คำสอนที่หนังสือกำลังภายในพวกนี้ เขียนไว้เป็นอุทาหรณ์เสมอว่า บุญคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องชำระ คงมีพวกลูกหาบคุยให้ฟัง แต่จับความได้แค่ ท่อนหลัง คนอื่น เขาก็จำท่อนหลังได้เหมือนกันนะ) สันดาน: กร่าง อวดดี ชอบข่มขู่ ทั้งทางกิริยา วาจา และอาวุธ และยังมีสันดานที่ถ้าเป็นบุคคล เขาก็เรียกว่าเป็นประเภท มือถือสากปากถือศีล ตัวเองทำได้ ห้ามใครด่า แต่ถ้าคนอื่นทำบ้าง ไม่ใช่แค่ด่า มันทั้งประณาม และคว่ำบาตรเป็นการแถม ถ้ายังไม่สาแก่ใจ พร้อมที่จะยกทัพกรีฑา ไปบดขยี้ อาณาเขตประเทศ: ขณะนี้ มีเนื้อที่ประมาณ 9.83 ล้าน ตารางกิโลเมตร กว้างใหญ่มากกกก แต่ยังใหญไม่พอ จึงมีความต้ังใจ ว่า จะครอบครองโลกใบนี้ทั้งใบให้ได้ ถ้ามีโลกมากกว่า 1 ก็คงหวังจะครองทั้งหมดด้วย นี่ก็ได้ข่าวว่า จะเปฺิดให้ตีตั๋วจองไปท่องเที่ยวดาวอังคาร และมีแผนจะไปอมดวงจันทร์ ทำตัวดั่งเป็นพระราหู ถ้าจะเจ๋งจริง ต้องอมดวงอาทิตย์ด้วยนะ ดูๆไปแล้วเหมือนเป็นคนขี้โม้ ถ้าเป็นบุคคล น่าจะเข้าข่ายดาวพุธเสีย ปากหาเรื่อง พูดจาหาความจริงได้ยาก ถึงเดี๋ยวนี้ยังมีคนไม่เช่ือเรื่องไปดวงจันทร์
เม้นท์มาถามลุงนิทาน ว่า ตกลงเมกาไปดวงจันทร์จริงหรือเปล่าคับ เล่นเอาลุงนิทาน อึ้งไป ตอบไม่ได้เหมือนกันหลานเอ๋ย พลเมือง: ของแท้ดั้งเดิมเรียกว่า อินเดียนแดง แต่พวกที่มาไล่ล่าฆ่า อินเดียนแดง และแย่งถิ่นที่อยู่เขาไปและเรียกตัวเองว่าคนอเมริกัน นั้น มีสาระพัดสายพันธ์ และสาระพัดสีผิว แต่ก็มีคนพยายามที่จะคัดสายพันธ์ใหม่ เอาสีเข้มๆออกไป สงสัยไม่ถูกโฉลก ให้เหลือแต่ผิวสีขาว และผมทอง แต่เท่าที่สังเกตดู แผนนี้ไม่น่าสำเร็จ แต่ไอ้ชั่วจอมโหดยังไม่ล้มเลิกแผน ใช้ทั้งวิธีคุม วิธีตอน ทั้งอาหาร ทั้งยา และเขื้อโรคเหลืออย่างเดียว อย่าให้พูดต่อเลย เสียวน่ะ ผู้นำประเทศ: เรียกว่า ประธานาธิบดี มาจากการเลือกต้ัง ที่ไม่จำกัดอาชีวะ
ดังนั้น ผู้นำประเทศ จึงมีต้ังแต่ นักคิด นักรบ นักรัก นักเลง นักแสดง คนขายของ ขายถั่ว ขายน้ำมัน เป็นต้น แต่คนปัจจุบัน ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร แม้แต่สื่อนอก พวกกันเองยังด่าขรม จะว่าเป็นนักพูด ก็ไม่เชิงเพราะพูดจา ไม่เอาเหนียง ซ้ำชาก แถมพักหลังนี่ เลอะเทอะชอบกล ไม่อยากวิจารณ์มาก เอาว่า คงกำลังดวงตก ระบอบการปกครอง: อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย แต่มีข้อมูลมากมาย บอกว่า ไม่จริงหรอก
ประชาธิปไตยบ้าบออะไร มันเป็นเป็นเผด็จการทุนนิยมต่างหาก ซึ่งกำกับ สับโขก ดูแลโดยนายทุนข้ามชาติที่เป็นเจ้าของโรงพิมพ์แบงค์ หลายโรง พรรคการเมือง: มี 2 พรรคผูกขาด แต่ พรรคไหนชนะ ก็ไม่มีความหมาย เพราะการเลือกต้ัง มีเพื่อเป็นการฝึกพูด ฝึกหาเสียง ฝึกประท้วง สร้างการจ้างงาน กระจายรายได้ แถมให้สื่อยักษ์ มีงานทำ เพราะ เจ้าของโรงพิมพ์แบงค์ เป็นเจ้าของสื่อ และ เป็นเจ้าของนักการเมือง ทั้ง 2 พรรค ที่สำคัญ เป็นการทดสอบ การโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของระบอบการปกครอง สินค้าออกสำคัญ บัญชี 1: ทุนนิยมเสรี ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน
(หมายเหตุ: สินค้าส่งออกบัญชีนี้ น่าจะเป็นของปลอมเกือบทั้งหมด เพราะ บรรดาผู้นำเข้าสินค้า ไม่ว่าจะสมัครใจ เพราะเคลิ้มตามโฆษณาชวนเชื่อ หรือถูกบังคับให้นำเข้าไปใช้ ก็ตาม แต่ปรากฏผล ไม่น่าพอใจ เหมือนกัน คือ ฉ ห กันถ้วนหน้า แต่ไม่รู้จะไปร้องเรียนกับใคร ได้แต่ก้มหน้ามองหัวแม่เท้าทุกวัน ที่แย่ไปกว่านั้น คือ พวกที่ ฉ ห มีกว่าครึ่งที่ยังไม่รู้ตัวว่า ฉ ห เพราะอะไร โถ โถ) สินค้าส่งออกสำคัญ บัญชี 2: แนวทางการศึกษา และ ความคิดทางวิชาการ
(หมายเหตุ: สินค้่าส่งออกบัญชีนี้ มีส่วนสัมพันธ์กับบัญชี 1 เมื่อใดที่ การส่งออกบัญชีนี้ลดลง หรือไม่ได้ผล การส่งออกตามบัญชี 1 จะลดลง ตามไปด้วย แต่คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นสินค้า ที่ส่งออกมาเป็นเวลานาน ฝังรากลงลึก และมีผู้คนหลายประเภท ติดกับ นอนสบาย พุงปลิ้น อยู่ในคอก มันคงฉุดให้ลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกจากคอกยากหน่อย แต่ไม่มีอะไรคงทนถาวรตลอดกาล เป็นหลักสัจธรรม คอยดูกันไป) สินค้าส่งออกสำคัญ บัญชี 3: วัฒนธรรมอเมริกา ผ่าน การบันเทิง และสื่อทุกประเภท
(หมายเหตุ: สินค้าส่งออกบัญชีนี้ มีผู้สนใจมาก แม้จะเน่าเละแค่ไหน แต่ผู้ใช้เสพติดกันมาก ถือเป็นความสำเร็จ แท้จริงของการส่งออก หนังหลายเรื่องสนุกดีครับ ลุงนิทานก็ชอบดู โกหกได้เก่งจัง แต่ให้เลิกดูก็ไม่ถึงกับลงแเดง) สินค้านำเข้าสำคัญ: หมายถึงสินค้า ที่เป็นที่ต้องการอย่างที่สุด โดยการเป็นเจ้าของ หรือครอบครอง ไม่ว่าโดยวิธีการใด
อันดับ 1 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
อันดับ 2 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
อันดับ 3 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ นโยบายต่างประเทศ: ดู ภาพ ประกอบ us foreign policy flow chart มิตรประเทศ: ประเทศที่มีพลังงาน และ แร่ธาตุ (หลอกล่อให้คบ แล้ว ขะโมยของเขาได้) ประเทศที่ไม่เป็นมิตร: ประเทศที่มีพลังงาน และแร่ธาตุ (เขาไม่คบด้วย และยังขะโมยของเขาไม่ได้) ประเทศลูกพี่: อังกฤษ (ถึงจะประกาศอิสรภาพต้ังหลายร้อยปี จนจัดงานฉลองหลอกตัวเอง แต่อิสระ ไม่จริงนี่หว่า แน่จริงตัดขาดให้ดูหน่อย แล้วค่อยทำกร่าง) ประเทศที่ถือเป็นก๊วน: อังกฤษ ฝรั่งเศส ( ผลัดกันเล่น ผลัดกันกิน มันไม่ตัดขาดกันจริงหรอก ดูไปก็แล้วกัน) ประเทศลูกน้อง: ทั้งโลก ยกเว้น กลุ่ม BRICS และพวก และ 2 ประเภทข้างต้น ประเทศที่ไม่เป็นมิตรอย่างถาวร : เกาหลีเหนือ ( เข้าใจว่าเหตุผลสำคัญ คือ ประธานาธิบดีอเมริกาคนปัจจุบัน หน้าไม่รับ กับผมทรงบังคับของเกาหลีเหนือ) เครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้ และควบคุมได้ บัญชี 1: UN, World Bank, IMF, NATO เครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้ และควบคุมได้ บัญชี 2: หน่วยงาน ประเภทสถาบัน มูลนิธิ องค์กรไม่ค้ากำไร (NGO) ที่ให้ทุนการศึกษาทุกระดับ การวิจัย การสนับสนุนกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน (หน่วยงานพวกนี้ มีความสำคัญมาก เป็นเฟืองสำคัญ ที่ทำให้กลไกเกือบทุกอย่าง ของอเมริกา เดิน โดยแทบจะไม่มีสิ่งใดขวางกั้น เพราะ ไม่รู้ว่าองค์กรเหล่านี้ คือตัวเฟืองสำคัญ และเป็นหน่วยงานสังกัด ฝ่ายความมั่นคง หรือข่าวกรอง พูดง่ายๆ ว่า เป็น พวก CIA ปลอมตัวนั่นแหละ) เครื่องมือหากินที่สำคัญ ยังควบคุมไม่ได้หมด แต่พยายามอยู่: EU ( เป็นรายการต้มตุ๋น ลวงโลกของจริง ทั้งต้มกันเอง และ ต้มชาวโลก) ผู้แทนประเทศ: ทูต ผู้แทนการค้า นักธุรกิจ ครู อาจารย์ นักวิชาการ นักเขียน นักสอนศาสนา นักท่องเที่ยว สื่อ โดยเฉพาะ พวกที่แฝงตัวคลุกอยู่กับคนท้องถิ่น ตัวดีนักทำได้เนียนมาก พวกนี้เรียกว่า มาปฏิบัติภาระกิจ ( พูดง่ายๆ ว่า เป็นพวก CIA ปลอมตัว อีกเข่นกัน วุ้ย ทำไมมันมากันแยะนัก ไหนว่า แค่อยากได้ตั้กกะแตน ทำไมต้องถึงกับขี่ช้างมา) คุณสมบัติของผู้แทนประเทศ: ไม่ใช้วิจารณญาณ ไม่มีมารยาท มีความสามารถในการหาข่าวเชิงลึก มีความรู้และสามารถเรื่องอาวุธและการใช้ ถนัดในการแปลงสาสน์ และใช้กลวิธีการเสี้ยม มากกว่าวิธีทางการทูต การค้า การสอน การเขียน ฯลฯ แล้วแต่กรณี หน่วยงานนอกประเทศ ที่ทำหน้าที่สำคัญ: นอกเหนือจาก องค์กรเปิดเผย เช่นสถานทูต หน่วยงานทางทหาร หน่วยงานให้ความช่วยเหลือ เช่น USAID , Chamber of commerce แล้วหน่วยงานเอกชน อีก 3 ประเภท ที่ทำหน้าที่สำคัญ คือ สำนักงานตรวจสอบบัญชีระหว่างประเทศ และ สำนักงานกฏหมายระหว่างประเทศ บริษัทประกันภัยระหว่างประเทศ ซึ่งจะได้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจในประเทศเป้าหมาย ส่งกลับไปให้สำนักใหญ่ที่อเมริกา ดังนั้น คุณสมบัติ ของบุคคลากร ที่ส่งไปประจำในสำนักงานเหล่านี้ในหลายประเทศ ทำงานประสานกับหน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานข่าวกรอง ของอเมริกา ( พวก C ปลอมตัว อีกแล้ว นี่ อย่านึกว่าผมพูดเล่น แล้วไม่ใช่เรื่องจริงนะ) เครื่องทุ่นแรง: บรรดา “เด็กดี” ทั้งหลายที่อยู่ในท้องถิ่น ที่ อเมริกา สนับสนุน ไม่ว่าโดยการศึกษา หน้าที่การงาน การสนับสนุนทางสังคม ทางการเมือง โดยทางตรง หรือ ทางอ้อม คนเล่านี้ใช้ชีวิต อยู่ในกรอบ หรือคอก ที่อเมริกาสร้างให้อยู่ ทางความคิด เขาเล่าน้ัน มีทุกสาขาอาขีพ ทุกเพศ ทุกวัย มีความเชื่อมั่นว่าอเมริกาเท่าน้ัน คือศิวิไลซ์ และ วิถีทุนนิยมเสรี คือวิถีที่นำความเจริญมาให้ประเทศตนเอง เครื่องทุ่นแรงเหล่านี้ ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ที่พาประเทศของตนติดอยู่ในกับดักมากขึ้น แต่ไม่เคยเรียนรู้ ไม่เคยจดจำ จึงเป็นเครื่องทุ่นแรง ที่อเมริกาเสาะแสวงหา เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา มิให้ขาดรุ่น ขาดจำนวน
จุดแข็ง: การใช้สื่อ ทุกรูปแบบ เพื่อฟอกย้อมความคิด ความเห็น ของพวกโลกสวย และจิตอ่อน (เป็นเรื่องน่าสนใจมาก ว่าทำไมถึงว่าง่ายนักหนา กับสื่อฟอก มันบอกอะไรละเชื่อหมด ธรรมะ ของพระพุทธองค์ พระราโชวาท ของพระเจ้าอยู่หัว ทำไมถึง ไม่จดจำ ไม่เขื่อถือ นำไปปฏิบัติบ้าง ) จุดอ่อน: ออกอาการง่าย เวลามีอารมณ์ เช่น น้ำลายเยิ้มไปหมด เวลา อยากได้ อยากกิน ขอแนะนำว่า ใช้ผ้าเข็ดที่มุมปากแบบผู้ดีบ่อยๆ น่าจะช่วยได้บ้าง แต่ถ้าทำไม่เป็น คงต้องเข้าไปหลักสูตรฝึกอบรม ความอดกลั้น อันเป็นมารยาทอย่างหนึ่งของผู้ที่เจริญแล้ว เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด: เป็นเครื่องมือที่ใช้จารกรรมข้อมูลทั้งสื้น รวมทั้ง เครื่องมือที่ใช้เขียนอยู่นี้ และที่ท่านทั้งหลายกำลังใช้อ่านกัน ฮา ชาตะ: วันที่ 4 กรกฎาคม คศ 1767 มรณะ: มันต้องมีสักวันน่า อาจจะจวนแล้วก็ได้ จักรวรรดิยิ่งใหญ่ทุกราย มีวันล่มสลาย โรมันว่ายิ่งใหญ่จบแบบไหน ยกตัวอย่างไกลไป เอาใกล้สุด จักรภพอังกฤษ ใหญ่ และกร่างขนาดไหน วันนี้เหลือเป็นแค่เกาะเล็กเท่าปลายนิ้วก้อยข้างซ้าย แถมถูกต่างชาติ โดยเฉพาะพวกที่เคยเป็นขี้ข้า เข้าไปซื้อทรัพย์สินในกรุง จนคนอังกฤษเองต้องย้ายครัว ไปอยู่ชนบทกันหมด ไอ้ที่สะใจ คือต้องไปยืนกุมรับคำสั่ง จากคนที่ตัวเองเคยดูถูกกดขี่ ตอนนี้ยังกัดฟัน ทำซ่า เบ่งขวา ขู่ซ้าย จมไม่ลง อเมริกา จงจำไว้เป็นอุทาหรณ์ คุณนายกุ้งแห้ง ควรต้ังใจอ่านบันทึกนี้ ไม่มีใครเขาจะเตือนสติกันตรงๆ อย่างนี้หรอก มีแต่คนป้อยอ ให้หัวทิ่มก้นโด่งทั้งนั้น ท่าน้ันเซลฟี่ลำบากหน่อยนะคุณนาย แล้วอย่าลืมรายงานตรงไปตรงมา ไปยังนายใหญ่ จะให้ดีส่งไปที่ หน่วย CRS ของ Congress ให้ทำหนังสือแปะหน้า ส่งเข้าสภาสูงเลย ว่ามีคนเขาเขียนบันทึกสดุดีเตือนใจไว้อย่างไร กลัวแต่ว่า ไอ้พวกเสมียนที่จ้างไว้ จะไม่มีปัญญาแปลสำนวนลุงนิทานละซี เอาไปให้พี่เจฟฟรี่ แปลก็แล้วกัน ถึงจะเป็นฝรั่งแต่ภาษาไทยเก่งพอตัว ไม่เสียแรงส่งมาฝังตัวใกล้ชิดเสียนานหลายสิบปี สวัสดีครับอเมริกา หวังว่าปีหน้ายังมีวันฉลอง !
คนเล่านิทาน
6 กค. 2557
    0 Comments 0 Shares 1037 Views 0 Reviews
More Results