• ข่าวนี้กล่าวถึงสถานการณ์ของคนรุ่น Gen Z (เกิดระหว่างปี 1997-2012) ที่กำลังเผชิญปัญหาการว่างงานทั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร มีคนรุ่นนี้กว่า 4.3 ล้านคนในสหรัฐฯ ที่ไม่อยู่ในระบบการศึกษา การฝึกอบรม หรือการจ้างงาน (NEETs) ซึ่งผู้เชี่ยวชาญบางคนชี้ว่าเป็นผลมาจากหลักสูตรปริญญามหาวิทยาลัยที่ไม่มีคุณค่าเพียงพอสำหรับตลาดงานในปัจจุบัน

    ผลกระทบของการศึกษา:
    - การศึกษาพบว่าบางสาขาปริญญา เช่น ปรัชญา, ประวัติศาสตร์, การออกแบบแฟชั่น, ศิลปะ ฯลฯ มีโอกาสในการจ้างงานต่ำเมื่อเทียบกับสายสุขภาพที่มีรายได้เริ่มต้นเฉลี่ยปีละ $41,000 ขณะที่สายมนุษยศาสตร์และศิลปศาสตร์เริ่มต้นที่เพียง $29,000.

    อิทธิพลของ AI ต่อการจ้างงาน:
    - เทคโนโลยี AI ส่งผลกระทบต่อสายงานคอมพิวเตอร์และการเขียนโค้ด ซึ่งเคยเป็นที่นิยม ขณะที่อาชีพด้านสุขภาพ เช่น ผู้ช่วยดูแลสุขภาพและพยาบาลวิชาชีพ ยังคงมีความต้องการสูงและกำลังเติบโต.

    ปัญหาเพิ่มเติมของ Gen Z:
    - ค่าใช้จ่ายสูงในการดำรงชีวิต เช่น ค่าเดินทางและการคมนาคม ส่งผลให้หลายคนเลือกที่จะไม่เข้าทำงานที่รายได้ต่ำ นอกจากนี้ยังมีข้อกล่าวหาว่าคนรุ่นนี้บางส่วนเลือกงานที่ "เหมาะสม" และมองข้ามโอกาสที่ต้องเริ่มจากตำแหน่งล่าง.

    การศึกษาและการปรับตัว:
    - สถาบันการศึกษาและองค์กรต่าง ๆ ต้องมองหาวิธีปรับตัวเพื่อเตรียมบุคลากรให้ตอบโจทย์ตลาดงานในยุคที่ AI และเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น.

    https://www.techspot.com/news/107312-millions-gen-z-jobless-ndash-useless-university-degrees.html
    ข่าวนี้กล่าวถึงสถานการณ์ของคนรุ่น Gen Z (เกิดระหว่างปี 1997-2012) ที่กำลังเผชิญปัญหาการว่างงานทั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร มีคนรุ่นนี้กว่า 4.3 ล้านคนในสหรัฐฯ ที่ไม่อยู่ในระบบการศึกษา การฝึกอบรม หรือการจ้างงาน (NEETs) ซึ่งผู้เชี่ยวชาญบางคนชี้ว่าเป็นผลมาจากหลักสูตรปริญญามหาวิทยาลัยที่ไม่มีคุณค่าเพียงพอสำหรับตลาดงานในปัจจุบัน ผลกระทบของการศึกษา: - การศึกษาพบว่าบางสาขาปริญญา เช่น ปรัชญา, ประวัติศาสตร์, การออกแบบแฟชั่น, ศิลปะ ฯลฯ มีโอกาสในการจ้างงานต่ำเมื่อเทียบกับสายสุขภาพที่มีรายได้เริ่มต้นเฉลี่ยปีละ $41,000 ขณะที่สายมนุษยศาสตร์และศิลปศาสตร์เริ่มต้นที่เพียง $29,000. อิทธิพลของ AI ต่อการจ้างงาน: - เทคโนโลยี AI ส่งผลกระทบต่อสายงานคอมพิวเตอร์และการเขียนโค้ด ซึ่งเคยเป็นที่นิยม ขณะที่อาชีพด้านสุขภาพ เช่น ผู้ช่วยดูแลสุขภาพและพยาบาลวิชาชีพ ยังคงมีความต้องการสูงและกำลังเติบโต. ปัญหาเพิ่มเติมของ Gen Z: - ค่าใช้จ่ายสูงในการดำรงชีวิต เช่น ค่าเดินทางและการคมนาคม ส่งผลให้หลายคนเลือกที่จะไม่เข้าทำงานที่รายได้ต่ำ นอกจากนี้ยังมีข้อกล่าวหาว่าคนรุ่นนี้บางส่วนเลือกงานที่ "เหมาะสม" และมองข้ามโอกาสที่ต้องเริ่มจากตำแหน่งล่าง. การศึกษาและการปรับตัว: - สถาบันการศึกษาและองค์กรต่าง ๆ ต้องมองหาวิธีปรับตัวเพื่อเตรียมบุคลากรให้ตอบโจทย์ตลาดงานในยุคที่ AI และเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น. https://www.techspot.com/news/107312-millions-gen-z-jobless-ndash-useless-university-degrees.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Millions of Gen Z are jobless – are useless university degrees to blame?
    It's estimated that more than 4.3 million young people in the US are classified as NEETs – not in employment, education, or training. The UK is facing...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไฟเขียวบ่อนคอมเพล็กซ์ ชนวนขัดแย้งรอบใหม่

    ทันทีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และเตรียมเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาตามขั้นตอน กลุ่มผู้ชุมนุมนำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ร่วมกับเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล ประกาศยกระดับเป็นขับไล่รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร พร้อมปักหลักพักค้างที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ปราศรัยตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะได้รับชัยชนะ

    นายจตุพร กล่าวปราศรัยว่า รัฐบาลแพทองธารเสมือนหนึ่งทำอะไรก็ได้ อาจมองว่าสถานการณ์การชุมนุมไม่น่ากลัวเพราะไม่มีนายทุนสนับสนุน แต่สมัยเหตุการณ์พฤษภา 35 เริ่มต้นคนจำนวนน้อยกว่านี้ เมื่อมีแกนนำมาสมทบ ขบวนการก็ใหญ่ขึ้นในพริบตา วันนี้ไม่ได้สู้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว เพราะวันข้างหน้าหากบ่อนการพนันเกิดขึ้นทั้งแผ่นดิน และพนันออนไลน์เข้ามาตามระบบ ต่อไปเงินที่มาจากบ่อนการพนันจะกำหนดอนาคตประเทศนี้ และเกิดสิ่งที่ชั่วช้าในบ้านเมือง ทั้งที่สมัยรัชกาลที่ ๕ ได้เลิกบ่อนการพนันถาวร เพราะเป็นห่วงพสกนิกรไม่อยากให้ตกเป็นทาสการพนัน เป็นผลให้ทำสิ่งที่ผิดกฎหมายมากมาย

    "บอกว่าจะส่งเสริมรายได้เข้าประเทศ ต้องการเอาเงินเป็นภาษีเข้าประเทศ แต่ครอบครัวตัวเองถูกยึดทรัพย์ ตัวเองก็ถูกกล่าวหาว่าหลบเลี่ยงภาษี ประมวลกฎหมายจริยธรรมนั้นได้ลงรายละเอียดไว้มากมาย ว่าการใช้ช่องว่างทางกฎหมายเพื่อตัวเองและผู้อื่นนั้น เป็นเรื่องของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะกระทำมิได้"

    ก่อนหน้านี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวหลังประชุม ครม.ว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ไม่เท่ากับกาสิโน เพราะมีอยู่ไม่เกิน 10% ขณะที่ 90% จะเป็นฮอลล์คอนเสิร์ต อินดอร์สเตเดียมขนาดใหญ่ สวนน้ำ โรงแรม ร้านอาหาร อ้างว่าจะสร้างรายได้กว่า 119,000-238,000 ล้านบาท นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้น 5-10% ต่อปี มีการจ้างงานในประเทศเพิ่มขึ้น เกิดอาชีพใหม่ และทำให้รัฐบาลจัดเก็บภาษีจากกาสิโนและธุรกิจอื่นเพื่อนำมาพัฒนาประเทศ อีกทั้งจะมีกฎหมายควบคุมเพื่อป้องกันติดการพนัน

    ส่วนที่จะต้องผ่านประชุมสภาฯ และยังมีการชุมนุมอีก จะเอาอยู่หรือไม่ เห็นว่าต้องอธิบายไปเรื่อยๆ ไม่อยากพูดว่าจัดการได้ทั้งหมด เรายินดีรับฟังความคิดเห็นทั้งหมดและพร้อมที่จะตอบ หากมีรายละเอียดอะไรที่อยากรู้เพิ่มเติมเราก็จะตอบ แล้วจะสื่อสารให้มากขึ้น ส่วนพรรคร่วมรัฐบาล ได้ฝากถึงนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังให้ช่วยชี้แจงด้วย

    #Newskit
    ไฟเขียวบ่อนคอมเพล็กซ์ ชนวนขัดแย้งรอบใหม่ ทันทีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และเตรียมเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาตามขั้นตอน กลุ่มผู้ชุมนุมนำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ร่วมกับเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล ประกาศยกระดับเป็นขับไล่รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร พร้อมปักหลักพักค้างที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ปราศรัยตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะได้รับชัยชนะ นายจตุพร กล่าวปราศรัยว่า รัฐบาลแพทองธารเสมือนหนึ่งทำอะไรก็ได้ อาจมองว่าสถานการณ์การชุมนุมไม่น่ากลัวเพราะไม่มีนายทุนสนับสนุน แต่สมัยเหตุการณ์พฤษภา 35 เริ่มต้นคนจำนวนน้อยกว่านี้ เมื่อมีแกนนำมาสมทบ ขบวนการก็ใหญ่ขึ้นในพริบตา วันนี้ไม่ได้สู้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว เพราะวันข้างหน้าหากบ่อนการพนันเกิดขึ้นทั้งแผ่นดิน และพนันออนไลน์เข้ามาตามระบบ ต่อไปเงินที่มาจากบ่อนการพนันจะกำหนดอนาคตประเทศนี้ และเกิดสิ่งที่ชั่วช้าในบ้านเมือง ทั้งที่สมัยรัชกาลที่ ๕ ได้เลิกบ่อนการพนันถาวร เพราะเป็นห่วงพสกนิกรไม่อยากให้ตกเป็นทาสการพนัน เป็นผลให้ทำสิ่งที่ผิดกฎหมายมากมาย "บอกว่าจะส่งเสริมรายได้เข้าประเทศ ต้องการเอาเงินเป็นภาษีเข้าประเทศ แต่ครอบครัวตัวเองถูกยึดทรัพย์ ตัวเองก็ถูกกล่าวหาว่าหลบเลี่ยงภาษี ประมวลกฎหมายจริยธรรมนั้นได้ลงรายละเอียดไว้มากมาย ว่าการใช้ช่องว่างทางกฎหมายเพื่อตัวเองและผู้อื่นนั้น เป็นเรื่องของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะกระทำมิได้" ก่อนหน้านี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวหลังประชุม ครม.ว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ไม่เท่ากับกาสิโน เพราะมีอยู่ไม่เกิน 10% ขณะที่ 90% จะเป็นฮอลล์คอนเสิร์ต อินดอร์สเตเดียมขนาดใหญ่ สวนน้ำ โรงแรม ร้านอาหาร อ้างว่าจะสร้างรายได้กว่า 119,000-238,000 ล้านบาท นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้น 5-10% ต่อปี มีการจ้างงานในประเทศเพิ่มขึ้น เกิดอาชีพใหม่ และทำให้รัฐบาลจัดเก็บภาษีจากกาสิโนและธุรกิจอื่นเพื่อนำมาพัฒนาประเทศ อีกทั้งจะมีกฎหมายควบคุมเพื่อป้องกันติดการพนัน ส่วนที่จะต้องผ่านประชุมสภาฯ และยังมีการชุมนุมอีก จะเอาอยู่หรือไม่ เห็นว่าต้องอธิบายไปเรื่อยๆ ไม่อยากพูดว่าจัดการได้ทั้งหมด เรายินดีรับฟังความคิดเห็นทั้งหมดและพร้อมที่จะตอบ หากมีรายละเอียดอะไรที่อยากรู้เพิ่มเติมเราก็จะตอบ แล้วจะสื่อสารให้มากขึ้น ส่วนพรรคร่วมรัฐบาล ได้ฝากถึงนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังให้ช่วยชี้แจงด้วย #Newskit
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 345 มุมมอง 0 รีวิว
  • #นายกฯ เผย ครม.ไฟเขียว Entertainment Complex เรียบร้อย ขออย่ามองแค่กาสิโน เตรียมส่งต่อสภาฯ ชี้ให้มองภาพรวมธุรกิจ นักท่องเที่ยว สร้างงานครบวงจร ส่งผลเก็บภาษีเข้าประเทศ 8,000 - 35,000 ล้านบาท บอกคุยพรรคร่วมไม่มีปัญหา พร้อมเดินหน้าสร้างการรับรู้เพิ่มขึ้น แซวสื่อถามให้มีรอยร้าว

    เมื่อเวลา 10.10 น.วันที่ 27 มี.ค. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลง ผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ร่างพระราชบัญญัติ การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร Entertainment Complex โดยมีวัตถุประสงค์ สร้างการท่องเที่ยวแบบใหม่ ไม่ต้องรอการท่องเที่ยวตามฤดูกาลหรือ การท่องเที่ยวเดิมที่มีอยู่ หรือMan made tourism โดยร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวได้ผ่านกระบวนการเปิดรับฟังความคิดเห็น โดยมีผู้ให้ความเห็นกว่า 80,000 ราย ซึ่ง 80% เห็นด้วย จากนั้นจะเสนอร่างดังกล่าวให้รัฐสภาพิจารณาต่อไป โดย Entertainment Complex ไม่เท่ากับกาสิโนเพราะ มีกาสิโนอยู่ไม่เกิน 10% ขณะที่ 90% จะเป็นเรื่อง ฮอคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ ความจุ 50,000 คน indoor Stadium ขนาดใหญ่สวนน้ำ โรงแรม ร้านอาหาร ที่จะสร้างรายได้กว่า 119,000 ถึง 238,000 ล้านบาท คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้น 5-10% ต่อ ปี และมีการจ้างงานในประเทศเพิ่มขึ้นเกิดอาชีพใหม่ และทำให้รัฐบาลจัดเก็บภาษีจากกาสิโน และธุรกิจอื่นเพื่อนำมาพัฒนาประเทศ ที่สำคัญจะมีกฎหมายควบคุม เพื่อป้องกันติดการพนัน โดยจะกำกับดูแลอย่างเคร่งครัด

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9680000029143

    #MGROnline #EntertainmentComplex #กาสิโน
    #นายกฯ เผย ครม.ไฟเขียว Entertainment Complex เรียบร้อย ขออย่ามองแค่กาสิโน เตรียมส่งต่อสภาฯ ชี้ให้มองภาพรวมธุรกิจ นักท่องเที่ยว สร้างงานครบวงจร ส่งผลเก็บภาษีเข้าประเทศ 8,000 - 35,000 ล้านบาท บอกคุยพรรคร่วมไม่มีปัญหา พร้อมเดินหน้าสร้างการรับรู้เพิ่มขึ้น แซวสื่อถามให้มีรอยร้าว • เมื่อเวลา 10.10 น.วันที่ 27 มี.ค. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลง ผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ร่างพระราชบัญญัติ การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร Entertainment Complex โดยมีวัตถุประสงค์ สร้างการท่องเที่ยวแบบใหม่ ไม่ต้องรอการท่องเที่ยวตามฤดูกาลหรือ การท่องเที่ยวเดิมที่มีอยู่ หรือMan made tourism โดยร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวได้ผ่านกระบวนการเปิดรับฟังความคิดเห็น โดยมีผู้ให้ความเห็นกว่า 80,000 ราย ซึ่ง 80% เห็นด้วย จากนั้นจะเสนอร่างดังกล่าวให้รัฐสภาพิจารณาต่อไป โดย Entertainment Complex ไม่เท่ากับกาสิโนเพราะ มีกาสิโนอยู่ไม่เกิน 10% ขณะที่ 90% จะเป็นเรื่อง ฮอคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ ความจุ 50,000 คน indoor Stadium ขนาดใหญ่สวนน้ำ โรงแรม ร้านอาหาร ที่จะสร้างรายได้กว่า 119,000 ถึง 238,000 ล้านบาท คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้น 5-10% ต่อ ปี และมีการจ้างงานในประเทศเพิ่มขึ้นเกิดอาชีพใหม่ และทำให้รัฐบาลจัดเก็บภาษีจากกาสิโน และธุรกิจอื่นเพื่อนำมาพัฒนาประเทศ ที่สำคัญจะมีกฎหมายควบคุม เพื่อป้องกันติดการพนัน โดยจะกำกับดูแลอย่างเคร่งครัด • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9680000029143 • #MGROnline #EntertainmentComplex #กาสิโน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 274 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในโลกการทำงานที่เกิดจากการใช้ AI ในรูปแบบของตัวแทน (AI agents) ซึ่งไม่ใช่แค่ผู้ช่วยธรรมดาอีกต่อไป แต่เป็นระบบที่สามารถดำเนินการด้วยการวิเคราะห์และตัดสินใจด้วยตัวเอง โดยที่ไม่จำเป็นต้องได้รับคำสั่งอย่างละเอียดจากมนุษย์ในทุกขั้นตอน

    ตัวอย่างที่ชัดเจนของความแตกต่างระหว่างผู้ช่วย AI และตัวแทน AI คือ หากเราขอให้ AI ผู้ช่วยช่วยจองร้านอาหาร มันอาจจองร้านอาหารให้และส่งคำเชิญให้กับแขกได้ แต่ตัวแทน AI จะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ตรวจสอบตารางเวลาของคุณ ประเมินเวลาที่ใช้ในการเดินทาง และจองร้านอาหารที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ แม้ร้านแรกจะไม่ว่างก็ตาม

    ประโยชน์ที่สำคัญของการใช้ AI agents ในธุรกิจคือการช่วยลดภาระงานที่ต้องทำซ้ำซาก เช่น งานเอกสารหรือการดำเนินการภายในองค์กร ทำให้พนักงานสามารถใช้เวลาไปกับงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์หรือการแก้ไขปัญหาได้มากขึ้น และนอกจากนี้ AI agents ยังช่วยเชื่อมโยงเครื่องมือต่าง ๆ ภายในองค์กรให้ทำงานสอดประสานกันอย่างราบรื่น

    อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการใช้งาน AI agents โดยเฉพาะในเรื่องของผลกระทบต่อการจ้างงาน การเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญ และความเสี่ยงที่จะเกิดความลำเอียงของ AI แต่ปัจจัยสำคัญอยู่ที่การกำหนดบทบาทของ AI อย่างเหมาะสม เช่น ให้มันเป็นเครื่องมือช่วยสนับสนุน มากกว่าจะตัดสินใจแทนมนุษย์

    สิ่งที่ธุรกิจควรทำตอนนี้คือการเริ่มต้นเรียนรู้และปรับตัว เพราะ AI กำลังเปลี่ยนแปลงการทำงานอย่างรวดเร็ว การเพิ่มพูนทักษะและการใช้ AI อย่างชาญฉลาดจะเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในยุคใหม่นี้

    https://www.zdnet.com/article/ai-agents-arent-just-assistants-how-theyre-changing-the-future-of-work-today/
    การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในโลกการทำงานที่เกิดจากการใช้ AI ในรูปแบบของตัวแทน (AI agents) ซึ่งไม่ใช่แค่ผู้ช่วยธรรมดาอีกต่อไป แต่เป็นระบบที่สามารถดำเนินการด้วยการวิเคราะห์และตัดสินใจด้วยตัวเอง โดยที่ไม่จำเป็นต้องได้รับคำสั่งอย่างละเอียดจากมนุษย์ในทุกขั้นตอน ตัวอย่างที่ชัดเจนของความแตกต่างระหว่างผู้ช่วย AI และตัวแทน AI คือ หากเราขอให้ AI ผู้ช่วยช่วยจองร้านอาหาร มันอาจจองร้านอาหารให้และส่งคำเชิญให้กับแขกได้ แต่ตัวแทน AI จะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ตรวจสอบตารางเวลาของคุณ ประเมินเวลาที่ใช้ในการเดินทาง และจองร้านอาหารที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ แม้ร้านแรกจะไม่ว่างก็ตาม ประโยชน์ที่สำคัญของการใช้ AI agents ในธุรกิจคือการช่วยลดภาระงานที่ต้องทำซ้ำซาก เช่น งานเอกสารหรือการดำเนินการภายในองค์กร ทำให้พนักงานสามารถใช้เวลาไปกับงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์หรือการแก้ไขปัญหาได้มากขึ้น และนอกจากนี้ AI agents ยังช่วยเชื่อมโยงเครื่องมือต่าง ๆ ภายในองค์กรให้ทำงานสอดประสานกันอย่างราบรื่น อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการใช้งาน AI agents โดยเฉพาะในเรื่องของผลกระทบต่อการจ้างงาน การเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญ และความเสี่ยงที่จะเกิดความลำเอียงของ AI แต่ปัจจัยสำคัญอยู่ที่การกำหนดบทบาทของ AI อย่างเหมาะสม เช่น ให้มันเป็นเครื่องมือช่วยสนับสนุน มากกว่าจะตัดสินใจแทนมนุษย์ สิ่งที่ธุรกิจควรทำตอนนี้คือการเริ่มต้นเรียนรู้และปรับตัว เพราะ AI กำลังเปลี่ยนแปลงการทำงานอย่างรวดเร็ว การเพิ่มพูนทักษะและการใช้ AI อย่างชาญฉลาดจะเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในยุคใหม่นี้ https://www.zdnet.com/article/ai-agents-arent-just-assistants-how-theyre-changing-the-future-of-work-today/
    WWW.ZDNET.COM
    AI agents aren't just assistants: How they're changing the future of work today
    We're officially in the era of AI agents. Here's how they're different from assistants, and how they're affecting workplace dynamics.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 277 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม้ว่ารัสเซียจะเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรจากหลายประเทศ แต่อุตสาหกรรมไมโครอิเล็กทรอนิกส์กลับเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2024 โดยมีการเพิ่มจำนวนพนักงานถึง 13% ในหลายบริษัท เช่น Element Group ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Mikron (ผู้ผลิตชิประดับสูงรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย) และอื่น ๆ เช่น Graviton และ RDV Technology

    == การเพิ่มจำนวนและคุณภาพบุคลากร ==
    1) การเติบโตของพนักงาน: บริษัท Element Group มีพนักงานถึง 9,500 คน โดย 42% เป็นวิศวกร และ Graviton เพิ่มบุคลากรในสาย R&D ถึงสามเท่าในปีที่ผ่านมา
    2) แรงจูงใจผ่านเงินเดือน: อัตราเงินเดือนวิศวกรเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ เช่น มอสโกและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 15-22% พร้อมกับการมอบผลประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อแข่งขันแย่งบุคลากรที่มีความสามารถ

    == ผลผลิตและนวัตกรรมที่เพิ่มขึ้น ==
    - RDV Technology ขยายสายการผลิตเพิ่มขึ้นสองสาย พร้อมเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ใหม่สองรุ่นชื่อ Altai และ Caucasus
    - Aquarius เพิ่มบุคลากรสายอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น และเน้นนวัตกรรมในระบบเซิร์ฟเวอร์และ PC

    มีการคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2025 โดยบริษัทในรัสเซียตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนพนักงานอีก 8% โดยบริษัทบางแห่งวางแผนเพิ่มถึง 20% ภายในปีหน้า เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดไมโครอิเล็กทรอนิกส์

    ในขณะที่อุตสาหกรรมกำลังเติบโต แต่รัสเซียเผชิญกับการขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากมีบุคลากรหลายคนย้ายออกนอกประเทศจากสงครามในยูเครน เพื่อแก้ปัญหานี้ บริษัทต่าง ๆ ได้เสนอโครงการฝึกอบรมสำหรับนักศึกษาและเพิ่มโควต้าผู้เรียนในมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ บริษัทต่าง ๆ ยังลงทุนในโครงการฝึกงานที่มอบโอกาสการจ้างงานแก่ผู้สำเร็จการศึกษา

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/russia-sees-tech-boom-amid-sanctions-microelectronics-industry-sees-massive-hiring-surge-and-increased-salaries
    แม้ว่ารัสเซียจะเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรจากหลายประเทศ แต่อุตสาหกรรมไมโครอิเล็กทรอนิกส์กลับเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2024 โดยมีการเพิ่มจำนวนพนักงานถึง 13% ในหลายบริษัท เช่น Element Group ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Mikron (ผู้ผลิตชิประดับสูงรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย) และอื่น ๆ เช่น Graviton และ RDV Technology == การเพิ่มจำนวนและคุณภาพบุคลากร == 1) การเติบโตของพนักงาน: บริษัท Element Group มีพนักงานถึง 9,500 คน โดย 42% เป็นวิศวกร และ Graviton เพิ่มบุคลากรในสาย R&D ถึงสามเท่าในปีที่ผ่านมา 2) แรงจูงใจผ่านเงินเดือน: อัตราเงินเดือนวิศวกรเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ เช่น มอสโกและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 15-22% พร้อมกับการมอบผลประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อแข่งขันแย่งบุคลากรที่มีความสามารถ == ผลผลิตและนวัตกรรมที่เพิ่มขึ้น == - RDV Technology ขยายสายการผลิตเพิ่มขึ้นสองสาย พร้อมเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ใหม่สองรุ่นชื่อ Altai และ Caucasus - Aquarius เพิ่มบุคลากรสายอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น และเน้นนวัตกรรมในระบบเซิร์ฟเวอร์และ PC มีการคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2025 โดยบริษัทในรัสเซียตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนพนักงานอีก 8% โดยบริษัทบางแห่งวางแผนเพิ่มถึง 20% ภายในปีหน้า เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ในขณะที่อุตสาหกรรมกำลังเติบโต แต่รัสเซียเผชิญกับการขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากมีบุคลากรหลายคนย้ายออกนอกประเทศจากสงครามในยูเครน เพื่อแก้ปัญหานี้ บริษัทต่าง ๆ ได้เสนอโครงการฝึกอบรมสำหรับนักศึกษาและเพิ่มโควต้าผู้เรียนในมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ บริษัทต่าง ๆ ยังลงทุนในโครงการฝึกงานที่มอบโอกาสการจ้างงานแก่ผู้สำเร็จการศึกษา https://www.tomshardware.com/tech-industry/russia-sees-tech-boom-amid-sanctions-microelectronics-industry-sees-massive-hiring-surge-and-increased-salaries
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 313 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทีมนักวิจัยจาก Nisos ได้เผยแพร่รายงานที่น่าตกใจเกี่ยวกับเครือข่ายของแฮกเกอร์จากเกาหลีเหนือที่กำลังปลอมแปลงตัวตนเพื่อสมัครงานในบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ทั้งในเอเชียและตะวันตก การกระทำนี้มุ่งเน้นหารายได้เพื่อสนับสนุนโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของรัฐบาลเกาหลีเหนือ

    วิธีการที่แฮกเกอร์ใช้
    1) สร้างตัวตนปลอม: แฮกเกอร์ใช้ GitHub และเนื้อหาผลงานจากบัญชีเก่าเพื่อสร้างโปรไฟล์ที่ดูเหมือนจริง
    2) เทคนิคการปลอมแปลง: ใช้รูปภาพที่ผ่านการตัดต่อ (Photoshop) และโปรไฟล์ที่ไม่มีบัญชีโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นสัญญาณที่น่าสงสัย
    3) การสมัครงานในบริษัทเล็ก: เป้าหมายคือบริษัทที่มีพนักงานน้อยกว่า 50 คน ทำให้ง่ายต่อการแทรกซึมข้อมูล

    การจ้างงานช่วยให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบภายในของบริษัท เป้าหมายไม่เพียงแค่ขโมยข้อมูลที่สำคัญ แต่ยังรวมถึงเงินทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แฮกเกอร์กลุ่มนี้มุ่งเน้นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับบล็อกเชนและคริปโตเคอเรนซี ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีประวัติการโจรกรรมครั้งใหญ่ในวงการนี้

    แม้จะไม่สามารถระบุตัวตนได้แน่นอน แต่พฤติกรรมและรูปแบบการโจมตีที่แสดงออกมามีลักษณะใกล้เคียงกับกลุ่ม Lazarus ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเกาหลีเหนือ และเคยเกี่ยวข้องกับการโจมตีด้วยมัลแวร์และการสร้างบริษัทปลอมเพื่อหลอกลวงนักพัฒนาซอฟต์แวร์

    การป้องกันและข้อควรรู้
    ผู้ว่าจ้างควรระวังข้อมูลที่ดูผิดปกติในโปรไฟล์ผู้สมัคร เช่น:
    - การใช้รูปภาพที่ดูไม่สมจริง
    - ไม่มีบัญชีโซเชียลมีเดีย หรืออีเมลที่คล้ายคลึงกันทั้งหมด
    - พิจารณาการตรวจสอบประวัติผู้สมัครอย่างละเอียด

    เรื่องนี้ไม่เพียงแค่สะท้อนถึงความซับซ้อนในโลกไซเบอร์ แต่ยังเตือนให้บริษัทในวงการเทคโนโลยีเพิ่มการตรวจสอบและตื่นตัวกับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้ในทุกเมื่อ

    https://www.techradar.com/pro/security/north-korean-fake-job-hackers-are-going-the-extra-mile-to-make-sure-their-scams-seem-legit
    ทีมนักวิจัยจาก Nisos ได้เผยแพร่รายงานที่น่าตกใจเกี่ยวกับเครือข่ายของแฮกเกอร์จากเกาหลีเหนือที่กำลังปลอมแปลงตัวตนเพื่อสมัครงานในบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ทั้งในเอเชียและตะวันตก การกระทำนี้มุ่งเน้นหารายได้เพื่อสนับสนุนโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของรัฐบาลเกาหลีเหนือ วิธีการที่แฮกเกอร์ใช้ 1) สร้างตัวตนปลอม: แฮกเกอร์ใช้ GitHub และเนื้อหาผลงานจากบัญชีเก่าเพื่อสร้างโปรไฟล์ที่ดูเหมือนจริง 2) เทคนิคการปลอมแปลง: ใช้รูปภาพที่ผ่านการตัดต่อ (Photoshop) และโปรไฟล์ที่ไม่มีบัญชีโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นสัญญาณที่น่าสงสัย 3) การสมัครงานในบริษัทเล็ก: เป้าหมายคือบริษัทที่มีพนักงานน้อยกว่า 50 คน ทำให้ง่ายต่อการแทรกซึมข้อมูล การจ้างงานช่วยให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบภายในของบริษัท เป้าหมายไม่เพียงแค่ขโมยข้อมูลที่สำคัญ แต่ยังรวมถึงเงินทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แฮกเกอร์กลุ่มนี้มุ่งเน้นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับบล็อกเชนและคริปโตเคอเรนซี ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีประวัติการโจรกรรมครั้งใหญ่ในวงการนี้ แม้จะไม่สามารถระบุตัวตนได้แน่นอน แต่พฤติกรรมและรูปแบบการโจมตีที่แสดงออกมามีลักษณะใกล้เคียงกับกลุ่ม Lazarus ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเกาหลีเหนือ และเคยเกี่ยวข้องกับการโจมตีด้วยมัลแวร์และการสร้างบริษัทปลอมเพื่อหลอกลวงนักพัฒนาซอฟต์แวร์ การป้องกันและข้อควรรู้ ผู้ว่าจ้างควรระวังข้อมูลที่ดูผิดปกติในโปรไฟล์ผู้สมัคร เช่น: - การใช้รูปภาพที่ดูไม่สมจริง - ไม่มีบัญชีโซเชียลมีเดีย หรืออีเมลที่คล้ายคลึงกันทั้งหมด - พิจารณาการตรวจสอบประวัติผู้สมัครอย่างละเอียด เรื่องนี้ไม่เพียงแค่สะท้อนถึงความซับซ้อนในโลกไซเบอร์ แต่ยังเตือนให้บริษัทในวงการเทคโนโลยีเพิ่มการตรวจสอบและตื่นตัวกับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้ในทุกเมื่อ https://www.techradar.com/pro/security/north-korean-fake-job-hackers-are-going-the-extra-mile-to-make-sure-their-scams-seem-legit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 319 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จะยกเว้นบรรดาผู้ผลิตรถยนต์จากมาตรการรีดภาษี 25% สินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกเป็นเวลา 1 เดือน ตราบใดที่พวกเขาปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าเสรีที่มีอยู่ในปัจจุบัน จากการเปิดเผยของทำเนียบขาว
    .
    นกอจากนี้ ทำเนียบขาวยังเผยด้วยว่าประธานาธิบดีทรัมป์ เปิดกว้างสำหรับพิจารณามอบข้อยกเว้นจากการรีดภาษีสำหรับสินค้าอื่นๆ ซึ่งมีผลบังคับใช้ไปแล้วเมื่อวันอังคาร (4 มี.ค.) ที่ผ่านมา
    .
    อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ แสดงจุดยืนว่าเขายังไม่ล้มเลิกสงครามการค้ากับแคนาดาและเม็กซิโก ในขณะที่เขาพยายามกดดันทั้ง 2 ประเทศ ที่ปราบปรามการลักลอบขนยาเฟนทานิล ทั้งนี้หลังจากพุดคุยทางโทรศัพท์กับ จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ทรัมป์บอกว่าเขาไม่แน่ใจว่าสถานการณ์ดีขึ้นแล้วหรือไม่
    .
    "เขาบอกว่ามันดีขึ้นแล้ว แต่ผมบอกกลับไปว่า มันยังไม่เพียงพอ" ทรัมป์เขียนบนทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง ส่วนทำเนียบนายกรัฐมนตรีแคนาดาระบุว่า "การพูดคุยทางโทรศัพท์จบลงด้วยรูปแบบความเป็นมิตร!" พร้อมบอกว่าจะมีการเดินหน้าเจรจากันต่อไป
    .
    ข้อยกเว้นจากการถูกรีดภาษี กระตุ้นให้บรรดาหุ้นยานยนต์ฟื้นตัวถ้วนหน้า หลังจากความตึงเครียดทางการค้าที่ก่อความไม่แน่นอนแก่เหล่าผู้ประกอบการสหรัฐฯ และกัดเซาะความเชื่อมั่นผู้บริโภค ได้นำมาซึ่งแรงขายในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
    .
    ความเคลื่อนไหวยกเว้นภาษีเป็นเวลา 1 เดือน สำหรับรถยนต์และรถกระบะที่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ในเนื้อหาของข้อตกลงการค้าเสรีสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา ตามกรอบของทรัมป์ จะเป็นประโยชน์กับฟอร์ดและจีเอ็ม 2 ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอเมริกา ตามความเห็นของนักวิเคราะห์
    .
    ขณะเดียวกัน ทรัมป์ อาจละเว้นรีดภาษี 10% พลังงานนำเข้าจากแคนาดา อย่างเช่นน้ำมันดิบและเบนซิน ที่ปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าเสรีที่มีชื่อว่า USMCA
    .
    คำขู่รีดภาษีของทรัมป์ ก่อความเสียหายร้ายแรงในความสัมพันธ์ระหว่าง 3 ชาติคู่หูทางการค้า แคนาดาตอบโต้ด้วยว่าการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ อย่างเจาะจง ส่วน เม็กซิโก ก็ประกาศแก้แค้นเช่นกัน
    .
    การรีดภาษีเสี่ยงบั่นทอนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นของแคนาดา และยิ่งไปกว่านั้นอาจโหมกระพือภาวะถดถอย เนื่องจากประเทศแห่งนี้พึ่งพิงตลาดสหรัฐฯ ในการส่งออก คิดเป็นสัดส่วนถึง 75% และนำเข้าสินค้าจากอเมริกา คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของสินค้านำเข้าทั้งหมด
    .
    ความตึงเครียดทางการค้าอาจก่อความเจ็บปวดแก่สหรัฐฯ เช่นกัน จากข้อมูลใหม่ที่เผยแพร่ในวันพุธ (5 มี.ค.) พบว่าการเติบโตของการจ้างงานกำลังชะลอตัว เช่นเดียวกับค่าจ้างสำหรับแรงงานที่เปลี่ยนงานใหม่ก็ลดลง ขณะที่รายงานของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) พบความไม่แน่ใจอย่างกว้างขวางในหมู่ภาคธุรกิจทั่วอเมริกาต่อนโยบายต่างๆ ของทรัมป์ และบางธุรกิจถึงขั้นตัดสินใจปรับขึ้นราคาไปแล้ว โดยไม่รอให้มาตรการรีดภาษีมีผลบังคับใช้
    .
    นอกจากแคนาดาและเม็กซิโกแล้ว ทรัมป์ยังกำหนดมาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีก 10% กระตุ้นให้ปักกิ่งตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมเช่นกัน
    .
    ถ้อยแถลงเกี่ยวกับการยกเว้นภาษี มีขึ้น 1 วันหลังจากทรัมป์พูดคุยทางโทรศัพท์กับซีอีโอของฟอร์ด จีเอ็ม และสเตลแลนทิส
    .
    รถยนต์ที่ผลิตโดยทั้ง 3 บริษัท จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของ USMCA ที่กำหนดให้ต้องมีชิ้นส่วนที่ผลิตในอเมริกาเหนือ 75% เพื่อที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าสู่ตลาดอเมริกา โดยไม่จำเป็นต้องเสียภาษีใดๆ
    .
    นอกจากนี้ กฎเกณฑ์ดังกล่าวยังบังคับให้ส่วนประกอบ 40% ของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลต้องผลิตในสหรัฐฯ หรือแคนาดา และต้องเป็นชิ้นส่วนหลักๆ ในนั้นรวมถึงเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ตัวถังและโครงช่วงล่าง ในขณะที่รถกระบะนั้น กำหนดไว้ที่ 45%
    .
    แหล่งข่าวในภาคอุตสาหกรรมเผยว่าบรรดาผู้ผลิตรถยนต์สนับสนุนการส่งเสริมการลงทุนของสหรัฐฯ แต่ต้องการความแน่นอนเกี่ยวกับนโยบายรีดภาษี เช่นเดียวกับกฎเกณฑ์ด้านมลพิษ ก่อนดำเนินการเปลี่ยนแปลงใดๆ
    .
    มาตรการยกเว้นนี้ ยังก่อประโยชน์กับรถยนต์แบรนด์ต่างชาติบางส่วน ที่มีฐานการผลิตขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ในนั้นรวมถึงฮอนด้าและโตโยต้า แต่คู่แข่งบางแห่งที่ไม่ปฏิบัติตามจะต้องถูกรีดภาษี 25% เต็มจำนวน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021625
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จะยกเว้นบรรดาผู้ผลิตรถยนต์จากมาตรการรีดภาษี 25% สินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกเป็นเวลา 1 เดือน ตราบใดที่พวกเขาปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าเสรีที่มีอยู่ในปัจจุบัน จากการเปิดเผยของทำเนียบขาว . นกอจากนี้ ทำเนียบขาวยังเผยด้วยว่าประธานาธิบดีทรัมป์ เปิดกว้างสำหรับพิจารณามอบข้อยกเว้นจากการรีดภาษีสำหรับสินค้าอื่นๆ ซึ่งมีผลบังคับใช้ไปแล้วเมื่อวันอังคาร (4 มี.ค.) ที่ผ่านมา . อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ แสดงจุดยืนว่าเขายังไม่ล้มเลิกสงครามการค้ากับแคนาดาและเม็กซิโก ในขณะที่เขาพยายามกดดันทั้ง 2 ประเทศ ที่ปราบปรามการลักลอบขนยาเฟนทานิล ทั้งนี้หลังจากพุดคุยทางโทรศัพท์กับ จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ทรัมป์บอกว่าเขาไม่แน่ใจว่าสถานการณ์ดีขึ้นแล้วหรือไม่ . "เขาบอกว่ามันดีขึ้นแล้ว แต่ผมบอกกลับไปว่า มันยังไม่เพียงพอ" ทรัมป์เขียนบนทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง ส่วนทำเนียบนายกรัฐมนตรีแคนาดาระบุว่า "การพูดคุยทางโทรศัพท์จบลงด้วยรูปแบบความเป็นมิตร!" พร้อมบอกว่าจะมีการเดินหน้าเจรจากันต่อไป . ข้อยกเว้นจากการถูกรีดภาษี กระตุ้นให้บรรดาหุ้นยานยนต์ฟื้นตัวถ้วนหน้า หลังจากความตึงเครียดทางการค้าที่ก่อความไม่แน่นอนแก่เหล่าผู้ประกอบการสหรัฐฯ และกัดเซาะความเชื่อมั่นผู้บริโภค ได้นำมาซึ่งแรงขายในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา . ความเคลื่อนไหวยกเว้นภาษีเป็นเวลา 1 เดือน สำหรับรถยนต์และรถกระบะที่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ในเนื้อหาของข้อตกลงการค้าเสรีสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา ตามกรอบของทรัมป์ จะเป็นประโยชน์กับฟอร์ดและจีเอ็ม 2 ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอเมริกา ตามความเห็นของนักวิเคราะห์ . ขณะเดียวกัน ทรัมป์ อาจละเว้นรีดภาษี 10% พลังงานนำเข้าจากแคนาดา อย่างเช่นน้ำมันดิบและเบนซิน ที่ปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าเสรีที่มีชื่อว่า USMCA . คำขู่รีดภาษีของทรัมป์ ก่อความเสียหายร้ายแรงในความสัมพันธ์ระหว่าง 3 ชาติคู่หูทางการค้า แคนาดาตอบโต้ด้วยว่าการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ อย่างเจาะจง ส่วน เม็กซิโก ก็ประกาศแก้แค้นเช่นกัน . การรีดภาษีเสี่ยงบั่นทอนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นของแคนาดา และยิ่งไปกว่านั้นอาจโหมกระพือภาวะถดถอย เนื่องจากประเทศแห่งนี้พึ่งพิงตลาดสหรัฐฯ ในการส่งออก คิดเป็นสัดส่วนถึง 75% และนำเข้าสินค้าจากอเมริกา คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของสินค้านำเข้าทั้งหมด . ความตึงเครียดทางการค้าอาจก่อความเจ็บปวดแก่สหรัฐฯ เช่นกัน จากข้อมูลใหม่ที่เผยแพร่ในวันพุธ (5 มี.ค.) พบว่าการเติบโตของการจ้างงานกำลังชะลอตัว เช่นเดียวกับค่าจ้างสำหรับแรงงานที่เปลี่ยนงานใหม่ก็ลดลง ขณะที่รายงานของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) พบความไม่แน่ใจอย่างกว้างขวางในหมู่ภาคธุรกิจทั่วอเมริกาต่อนโยบายต่างๆ ของทรัมป์ และบางธุรกิจถึงขั้นตัดสินใจปรับขึ้นราคาไปแล้ว โดยไม่รอให้มาตรการรีดภาษีมีผลบังคับใช้ . นอกจากแคนาดาและเม็กซิโกแล้ว ทรัมป์ยังกำหนดมาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีก 10% กระตุ้นให้ปักกิ่งตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมเช่นกัน . ถ้อยแถลงเกี่ยวกับการยกเว้นภาษี มีขึ้น 1 วันหลังจากทรัมป์พูดคุยทางโทรศัพท์กับซีอีโอของฟอร์ด จีเอ็ม และสเตลแลนทิส . รถยนต์ที่ผลิตโดยทั้ง 3 บริษัท จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของ USMCA ที่กำหนดให้ต้องมีชิ้นส่วนที่ผลิตในอเมริกาเหนือ 75% เพื่อที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าสู่ตลาดอเมริกา โดยไม่จำเป็นต้องเสียภาษีใดๆ . นอกจากนี้ กฎเกณฑ์ดังกล่าวยังบังคับให้ส่วนประกอบ 40% ของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลต้องผลิตในสหรัฐฯ หรือแคนาดา และต้องเป็นชิ้นส่วนหลักๆ ในนั้นรวมถึงเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ตัวถังและโครงช่วงล่าง ในขณะที่รถกระบะนั้น กำหนดไว้ที่ 45% . แหล่งข่าวในภาคอุตสาหกรรมเผยว่าบรรดาผู้ผลิตรถยนต์สนับสนุนการส่งเสริมการลงทุนของสหรัฐฯ แต่ต้องการความแน่นอนเกี่ยวกับนโยบายรีดภาษี เช่นเดียวกับกฎเกณฑ์ด้านมลพิษ ก่อนดำเนินการเปลี่ยนแปลงใดๆ . มาตรการยกเว้นนี้ ยังก่อประโยชน์กับรถยนต์แบรนด์ต่างชาติบางส่วน ที่มีฐานการผลิตขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ในนั้นรวมถึงฮอนด้าและโตโยต้า แต่คู่แข่งบางแห่งที่ไม่ปฏิบัติตามจะต้องถูกรีดภาษี 25% เต็มจำนวน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021625 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    17
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2453 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงครามการค้าระหว่างอเมริกากับหุ้นส่วนเศรษฐกิจและคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด 3 ชาติยิ่งบานปลายขยายตัว หลังจากทรัมป์ยืนยันว่ามาตรการขึ้นอัตราภาษีศุลกากรที่เงื้อง่าอยู่ เริ่มมีผลบังคับใช้กับแคนาดา เม็กซิโก และจีนแน่นอนส่งผลให้ปักกิ่งและออตตาวาประกาศตอบโต้แบบทันควัน ขณะที่เม็กซิโกก็ระบุเอาคืนแน่นอน แต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียด
    .
    หลังเวลาเที่ยงคืนของวันจันทร์ (3 มี.ค.) ตามเวลาภาคตะวันออกของสหรัฐฯ (ซึ่งช้ากว่าเวลาเมืองไทย 12 ชั่วโมง) สินค้าแคนาดาและเม็กซิโกที่นำเข้าไปยังอเมริกา ซึ่งมีมูลค่ารวมกันสูงกว่า 918,000 ล้านดอลลาร์จะถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรสูงขึ้น 25% รวด เวลาเดียวกันประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังรีดภาษีจากสินค้านำเข้าจากจีนสูงขึ้นอีก 10% จากที่เพิ่มขึ้นไปแล้ว 10% เมื่อเดือนกุมภาพันธ์
    .
    ด้านนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด แถลงว่า แคนาดาจะตอบโต้โดยเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่ม 25% จากสินค้าอเมริกันมูลค่ากว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง 21 วัน ขณะที่ประธานาธิบดี เกลาเดีย เชย์นเบาม์ ระบุว่าความเคลื่อนไหวช่นนี้ของสหรัฐฯไม่มีความชอบธรรม และประกาศจะตอบโต้กลับด้วยมาตรการภาษีของตัวเอง
    .
    ผู้นำหญิงของเม็กซิโกบอกว่า เธอจะประกาศรายการสินค้านำเข้าจากอเมริกาที่จะตกเป็นเป้าถูกขึ้นภาษีตอบโต้ในวันอาทิตย์ (9) นี้ ณ งานพิธีซึ่งกำหนดจัดขึ้นที่จัตุรัสใจกลางเมืองหลวงเม็กซิโกซิตี ท่าทีเช่นนี้ทำให้มองกันว่าการเลื่อนช้าออกไปเช่นนี้บ่งชี้ว่าเม็กซิโกยังคงมีความหวังที่จะเจรจาต่อรองกันก่อนเพื่อไม่ให้สงครามการค้าบานปลาย
    .
    แรกทีเดียวนั้น มาตรการภาษีศุลกากรสินค้าแคนาดาและเม็กซิโกจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ทว่า ทรัมป์ตกลงขยายเวลาออกไป 30 วันเพื่อเจรจาเพิ่มเติมกับสองประเทศคู่ค้าใหญ่ที่สุดของอเมริกา สำหรับเหตุผลในการขึ้นภาษีคือ เพื่อให้สองประเทศเพื่อนบ้านนี้จัดการปัญหาการลักลอบขนยาเสพติด โดยเฉพาะ เฟนทานิล และปัญหาการลักลอบเข้าเมืองผ่านดินแดนของประเทศทั้งสองเข้ามายังสหรัฐฯ
    .
    ขณะที่ทั้งสองชาติต่างยืนยันว่า มีความคืบหน้าในการแก้ปัญหา ทว่า ทรัมป์กลับบอกเพิ่มเติมว่า จะลดภาษีศุลกากรต่อเมื่อการขาดดุลการค้าของอเมริกาต่อเม็กซิโกและแคนาดาสิ้นสุดลง ถึงแม้เรื่องหลังนี้ย่อมเป็นกระบวนการที่ไม่สามารถแก้ไขได้ตามกรอบเวลาทางการเมือง
    .
    มีผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์กันว่า มาตรการที่สหรัฐฯขึ้นภาษีศุลกากรกับแคนาดาและเม็กซิโก น่าจะส่งผลสะท้อนกลับกระทบถึงเศรษฐกิจอเมริกันอย่างแรงๆ และดังนั้นจึงอาจบังคับใช้ได้เพียงช่วงสั้นๆ และสิ่งที่ทรัมป์อาจเลือกกระทำต่อไป อาจเป็นการหันไปรีดภาษีจากสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป และอินเดีย รวมทั้งพวก ชิปคอมพิวเตอร์ ยานยนต์ และยาเวชภัณฑ์นำเข้าเพิ่มมากขึ้น
    .
    ในส่วนของจีนนั้น ปักกิ่งประณามการบังคับใช้มาตรการ “ตามอำเภอใจฝ่ายเดียว” เช่นนี้ของอเมริกา และประกาศตอบโต้ทันทีด้วยการเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่ม 15% จากสินค้าเกษตรและอาหารของอเมริกามูลค่า 21,000 ล้านดอลลาร์ มีผลตั้งแต่สัปดาห์หน้า รวมทั้งเพิ่มบริษัทอเมริกันอีก 25 แห่งในบัญชีรายชื่อบริษัทที่ถูกจำกัดการส่งออกและการลงทุนภายใต้เหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติ
    .
    ทั้งนี้ จีนเป็นตลาดใหญ่ที่สุดที่รองรับสินค้าเกษตรของอเมริกา โดยปีที่แล้ว แม้จีนนำเข้าสินค้าเกษตรสหรัฐฯ ลดลงเป็นปีที่สอง แต่ก็ยังคงมีมูลค่าถึง 29,250 ล้านดอลลาร์ เท่าที่ผ่านมาภาคเศรษฐกิจนี้มักถูกใช้เป็นกระสอบทรายในยามที่สถานการณ์การค้าระหว่าง 2 ประเทศตึงเครียด โดยเฉพาะในเมื่อพวกรัฐที่เศรษฐกิจพึ่งพาการเกษตรอย่างมาก ยังเป็นพวกรัฐฐานเสียงของทรัมป์และรีพับลิกันอีกด้วย
    .
    ในวันอังคาร (3) กระทรวงการต่างประเทศจีนออกมาแถลงว่า จีนจะไม่ยอมจำนนต่อการรังแกหรือข่มขู่ และสำทับว่า การพยายามกดดันจีนเป็นการคำนวณผิดพลาด
    .
    อย่างไรก็ดี พวกนักวิเคราะห์เชื่อว่า ปักกิ่งยังหวังว่าจะสามารถเปิดการเจรจาสงบศึกกับคณะบริหารของทรัมป์ จึงกำหนดภาษีตอบโต้ในอัตราต่ำกว่า 20% เพื่อให้คณะผู้เจรจาของตนสามารถต่อรองและบรรลุข้อตกลงได้สำเร็จ ทว่าเมื่อการตอบโต้กันไปมาชักบานปลายออกไป มันก็อาจลดโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะประนีประนอมกันได้
    .
    เวลาเดียวกัน สำนักข่าวเอพีเสนอรายงานข่าวที่ระบุว่า ผู้นำสหรัฐฯ กำลังทำให้เศรษฐกิจของทั่วโลกผันผวนและไร้ความแน่นอน เนื่องจากไม่มีใครคาดเดาได้ว่า ทรัมป์จะทำอะไรต่อไป
    .
    การเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้าแคนาดาและเม็กซิโกแบบเหวี่ยงแหยังมีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น ยานยนต์และวัสดุก่อสร้าง และเสี่ยงทำให้ค่าครองชีพของประชาชนเพิ่มขึ้น
    .
    นักเศรษฐศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่า มาตรการภาษีของทรัมป์อาจทำให้ราคาผู้บริโภคในสหรัฐฯพุ่งขึ้น และเพิ่มความกดดันต่อการเติบโตและการจ้างงานในอเมริกา
    .
    มูลนิธิแท็กซ์ ฟาวน์เดชัน ของสหรัฐฯประเมินว่า มาตรการภาษีต่อแคนาดา เม็กซิโก และจีนจะทำให้อัตราเติบโตของอเมริกาหายไป 0.1% ทั้งนี้ ยังไม่คำนวณผลกระทบจากมาตรการตอบโต้ของทั้งสามชาติ
    .
    ไดแอน สวองค์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเคพีเอ็มจี เตือนว่า ถ้าทรัมป์ยังเดินตามแผนรีดภาษีต่อไป อัตราภาษีศุลกากรของอเมริกาอาจเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดนับจากปี 1936 ภายในต้นปีหน้า โดยที่ทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิตของสหรัฐฯจะต้องเป็นผู้รับภาระหนักจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีศุลกากร ซึ่งอาจส่งผลตามมาทำให้ดีมานด์ลดลง และภาคธุรกิจต้องปลดพนักงานเพื่อควบคุมต้นทุน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021232
    ..............
    Sondhi X
    สงครามการค้าระหว่างอเมริกากับหุ้นส่วนเศรษฐกิจและคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด 3 ชาติยิ่งบานปลายขยายตัว หลังจากทรัมป์ยืนยันว่ามาตรการขึ้นอัตราภาษีศุลกากรที่เงื้อง่าอยู่ เริ่มมีผลบังคับใช้กับแคนาดา เม็กซิโก และจีนแน่นอนส่งผลให้ปักกิ่งและออตตาวาประกาศตอบโต้แบบทันควัน ขณะที่เม็กซิโกก็ระบุเอาคืนแน่นอน แต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียด . หลังเวลาเที่ยงคืนของวันจันทร์ (3 มี.ค.) ตามเวลาภาคตะวันออกของสหรัฐฯ (ซึ่งช้ากว่าเวลาเมืองไทย 12 ชั่วโมง) สินค้าแคนาดาและเม็กซิโกที่นำเข้าไปยังอเมริกา ซึ่งมีมูลค่ารวมกันสูงกว่า 918,000 ล้านดอลลาร์จะถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรสูงขึ้น 25% รวด เวลาเดียวกันประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังรีดภาษีจากสินค้านำเข้าจากจีนสูงขึ้นอีก 10% จากที่เพิ่มขึ้นไปแล้ว 10% เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ . ด้านนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด แถลงว่า แคนาดาจะตอบโต้โดยเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่ม 25% จากสินค้าอเมริกันมูลค่ากว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง 21 วัน ขณะที่ประธานาธิบดี เกลาเดีย เชย์นเบาม์ ระบุว่าความเคลื่อนไหวช่นนี้ของสหรัฐฯไม่มีความชอบธรรม และประกาศจะตอบโต้กลับด้วยมาตรการภาษีของตัวเอง . ผู้นำหญิงของเม็กซิโกบอกว่า เธอจะประกาศรายการสินค้านำเข้าจากอเมริกาที่จะตกเป็นเป้าถูกขึ้นภาษีตอบโต้ในวันอาทิตย์ (9) นี้ ณ งานพิธีซึ่งกำหนดจัดขึ้นที่จัตุรัสใจกลางเมืองหลวงเม็กซิโกซิตี ท่าทีเช่นนี้ทำให้มองกันว่าการเลื่อนช้าออกไปเช่นนี้บ่งชี้ว่าเม็กซิโกยังคงมีความหวังที่จะเจรจาต่อรองกันก่อนเพื่อไม่ให้สงครามการค้าบานปลาย . แรกทีเดียวนั้น มาตรการภาษีศุลกากรสินค้าแคนาดาและเม็กซิโกจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ทว่า ทรัมป์ตกลงขยายเวลาออกไป 30 วันเพื่อเจรจาเพิ่มเติมกับสองประเทศคู่ค้าใหญ่ที่สุดของอเมริกา สำหรับเหตุผลในการขึ้นภาษีคือ เพื่อให้สองประเทศเพื่อนบ้านนี้จัดการปัญหาการลักลอบขนยาเสพติด โดยเฉพาะ เฟนทานิล และปัญหาการลักลอบเข้าเมืองผ่านดินแดนของประเทศทั้งสองเข้ามายังสหรัฐฯ . ขณะที่ทั้งสองชาติต่างยืนยันว่า มีความคืบหน้าในการแก้ปัญหา ทว่า ทรัมป์กลับบอกเพิ่มเติมว่า จะลดภาษีศุลกากรต่อเมื่อการขาดดุลการค้าของอเมริกาต่อเม็กซิโกและแคนาดาสิ้นสุดลง ถึงแม้เรื่องหลังนี้ย่อมเป็นกระบวนการที่ไม่สามารถแก้ไขได้ตามกรอบเวลาทางการเมือง . มีผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์กันว่า มาตรการที่สหรัฐฯขึ้นภาษีศุลกากรกับแคนาดาและเม็กซิโก น่าจะส่งผลสะท้อนกลับกระทบถึงเศรษฐกิจอเมริกันอย่างแรงๆ และดังนั้นจึงอาจบังคับใช้ได้เพียงช่วงสั้นๆ และสิ่งที่ทรัมป์อาจเลือกกระทำต่อไป อาจเป็นการหันไปรีดภาษีจากสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป และอินเดีย รวมทั้งพวก ชิปคอมพิวเตอร์ ยานยนต์ และยาเวชภัณฑ์นำเข้าเพิ่มมากขึ้น . ในส่วนของจีนนั้น ปักกิ่งประณามการบังคับใช้มาตรการ “ตามอำเภอใจฝ่ายเดียว” เช่นนี้ของอเมริกา และประกาศตอบโต้ทันทีด้วยการเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่ม 15% จากสินค้าเกษตรและอาหารของอเมริกามูลค่า 21,000 ล้านดอลลาร์ มีผลตั้งแต่สัปดาห์หน้า รวมทั้งเพิ่มบริษัทอเมริกันอีก 25 แห่งในบัญชีรายชื่อบริษัทที่ถูกจำกัดการส่งออกและการลงทุนภายใต้เหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติ . ทั้งนี้ จีนเป็นตลาดใหญ่ที่สุดที่รองรับสินค้าเกษตรของอเมริกา โดยปีที่แล้ว แม้จีนนำเข้าสินค้าเกษตรสหรัฐฯ ลดลงเป็นปีที่สอง แต่ก็ยังคงมีมูลค่าถึง 29,250 ล้านดอลลาร์ เท่าที่ผ่านมาภาคเศรษฐกิจนี้มักถูกใช้เป็นกระสอบทรายในยามที่สถานการณ์การค้าระหว่าง 2 ประเทศตึงเครียด โดยเฉพาะในเมื่อพวกรัฐที่เศรษฐกิจพึ่งพาการเกษตรอย่างมาก ยังเป็นพวกรัฐฐานเสียงของทรัมป์และรีพับลิกันอีกด้วย . ในวันอังคาร (3) กระทรวงการต่างประเทศจีนออกมาแถลงว่า จีนจะไม่ยอมจำนนต่อการรังแกหรือข่มขู่ และสำทับว่า การพยายามกดดันจีนเป็นการคำนวณผิดพลาด . อย่างไรก็ดี พวกนักวิเคราะห์เชื่อว่า ปักกิ่งยังหวังว่าจะสามารถเปิดการเจรจาสงบศึกกับคณะบริหารของทรัมป์ จึงกำหนดภาษีตอบโต้ในอัตราต่ำกว่า 20% เพื่อให้คณะผู้เจรจาของตนสามารถต่อรองและบรรลุข้อตกลงได้สำเร็จ ทว่าเมื่อการตอบโต้กันไปมาชักบานปลายออกไป มันก็อาจลดโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะประนีประนอมกันได้ . เวลาเดียวกัน สำนักข่าวเอพีเสนอรายงานข่าวที่ระบุว่า ผู้นำสหรัฐฯ กำลังทำให้เศรษฐกิจของทั่วโลกผันผวนและไร้ความแน่นอน เนื่องจากไม่มีใครคาดเดาได้ว่า ทรัมป์จะทำอะไรต่อไป . การเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้าแคนาดาและเม็กซิโกแบบเหวี่ยงแหยังมีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น ยานยนต์และวัสดุก่อสร้าง และเสี่ยงทำให้ค่าครองชีพของประชาชนเพิ่มขึ้น . นักเศรษฐศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่า มาตรการภาษีของทรัมป์อาจทำให้ราคาผู้บริโภคในสหรัฐฯพุ่งขึ้น และเพิ่มความกดดันต่อการเติบโตและการจ้างงานในอเมริกา . มูลนิธิแท็กซ์ ฟาวน์เดชัน ของสหรัฐฯประเมินว่า มาตรการภาษีต่อแคนาดา เม็กซิโก และจีนจะทำให้อัตราเติบโตของอเมริกาหายไป 0.1% ทั้งนี้ ยังไม่คำนวณผลกระทบจากมาตรการตอบโต้ของทั้งสามชาติ . ไดแอน สวองค์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเคพีเอ็มจี เตือนว่า ถ้าทรัมป์ยังเดินตามแผนรีดภาษีต่อไป อัตราภาษีศุลกากรของอเมริกาอาจเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดนับจากปี 1936 ภายในต้นปีหน้า โดยที่ทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิตของสหรัฐฯจะต้องเป็นผู้รับภาระหนักจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีศุลกากร ซึ่งอาจส่งผลตามมาทำให้ดีมานด์ลดลง และภาคธุรกิจต้องปลดพนักงานเพื่อควบคุมต้นทุน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021232 .............. Sondhi X
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2404 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระบวนการจ้างงานสำหรับนักวิเคราะห์การเงินที่เพิ่งจบใหม่เริ่มเผชิญกับความท้าทายใหม่ นั่นคือการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเขียนเรซูเม่ ผู้สมัครงานหนุ่มสาวหลายคนหันมาใช้เครื่องมือ AI เช่น ChatGPT เพื่อช่วยในการเขียนและปรับแต่งเรซูเม่ของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นคือบางครั้งผู้สมัครไม่ตรวจสอบความถูกต้องของเรซูเม่ ทำให้เกิดข้อผิดพลาดที่อาจส่งผลเสียต่อการพิจารณา

    Brianne Sterling หัวหน้าการสรรหาพนักงานในสายงานการลงทุนของ Selby Jennings กล่าวว่าคำที่บ่งบอกว่าผู้สมัครใช้ AI ในการเขียนเรซูเม่ ได้แก่คำว่า "robust" และ "meticulous" รวมถึงวลีที่ใช้บ่อยเกินไป เช่น "ever-evolving" หรือ "a significant role shaping" ซึ่งทำให้ผู้สรรหาพิจารณาเห็นเป็นธงแดง (red flag) สำหรับผู้สมัครที่ไม่ใส่ใจในการทำงาน

    ผู้สมัครที่ใช้ AI โดยไม่ทำการแก้ไขเรซูเม่ของตัวเองมักจะถูกคัดออกจากกระบวนการสรรหาทันที Bennett Jordan ผู้บริหารจาก Litney Partners กล่าวว่าผู้สมัครทุกคนที่ใช้ AI แต่ไม่ทำการแก้ไขหรือใส่คำพูดของตนเองมักจะถูกคัดออกจากกระบวนการนี้

    AI สามารถช่วยเร่งกระบวนการเขียนเรซูเม่ได้อย่างรวดเร็ว แต่ผู้สรรหากลับต้องใช้เวลามากขึ้นในการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากผู้สมัคร เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขามีทักษะและความสามารถตามที่ระบุไว้ในเรซูเม่ Richelle Konian ผู้ร่วมก่อตั้ง Careers On The Move กล่าวว่าผู้สมัครบางคนยื่นใบสมัครหลายครั้งด้วยคำหลักที่แตกต่างกันไป ซึ่งเป็นแนวทางที่ไม่ถูกต้องในการหางาน

    การใช้ AI ในการเขียนเรซูเม่อาจทำให้บริษัทต้องพิจารณาลึกลงไปถึงบุคลิกภาพของผู้สมัครในขั้นตอนการสัมภาษณ์ Jeanne Branthover หัวหน้าการสรรหาบริการทางการเงินของ DHR Global กล่าวว่าการสัมภาษณ์ตัวต่อตัวจะเน้นไปที่การทำความรู้จักกับผู้สมัครและคุณลักษณะส่วนบุคคล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/27/junior-banker-hiring-is-now-a-battle-against-ai-written-resumes
    กระบวนการจ้างงานสำหรับนักวิเคราะห์การเงินที่เพิ่งจบใหม่เริ่มเผชิญกับความท้าทายใหม่ นั่นคือการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเขียนเรซูเม่ ผู้สมัครงานหนุ่มสาวหลายคนหันมาใช้เครื่องมือ AI เช่น ChatGPT เพื่อช่วยในการเขียนและปรับแต่งเรซูเม่ของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นคือบางครั้งผู้สมัครไม่ตรวจสอบความถูกต้องของเรซูเม่ ทำให้เกิดข้อผิดพลาดที่อาจส่งผลเสียต่อการพิจารณา Brianne Sterling หัวหน้าการสรรหาพนักงานในสายงานการลงทุนของ Selby Jennings กล่าวว่าคำที่บ่งบอกว่าผู้สมัครใช้ AI ในการเขียนเรซูเม่ ได้แก่คำว่า "robust" และ "meticulous" รวมถึงวลีที่ใช้บ่อยเกินไป เช่น "ever-evolving" หรือ "a significant role shaping" ซึ่งทำให้ผู้สรรหาพิจารณาเห็นเป็นธงแดง (red flag) สำหรับผู้สมัครที่ไม่ใส่ใจในการทำงาน ผู้สมัครที่ใช้ AI โดยไม่ทำการแก้ไขเรซูเม่ของตัวเองมักจะถูกคัดออกจากกระบวนการสรรหาทันที Bennett Jordan ผู้บริหารจาก Litney Partners กล่าวว่าผู้สมัครทุกคนที่ใช้ AI แต่ไม่ทำการแก้ไขหรือใส่คำพูดของตนเองมักจะถูกคัดออกจากกระบวนการนี้ AI สามารถช่วยเร่งกระบวนการเขียนเรซูเม่ได้อย่างรวดเร็ว แต่ผู้สรรหากลับต้องใช้เวลามากขึ้นในการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากผู้สมัคร เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขามีทักษะและความสามารถตามที่ระบุไว้ในเรซูเม่ Richelle Konian ผู้ร่วมก่อตั้ง Careers On The Move กล่าวว่าผู้สมัครบางคนยื่นใบสมัครหลายครั้งด้วยคำหลักที่แตกต่างกันไป ซึ่งเป็นแนวทางที่ไม่ถูกต้องในการหางาน การใช้ AI ในการเขียนเรซูเม่อาจทำให้บริษัทต้องพิจารณาลึกลงไปถึงบุคลิกภาพของผู้สมัครในขั้นตอนการสัมภาษณ์ Jeanne Branthover หัวหน้าการสรรหาบริการทางการเงินของ DHR Global กล่าวว่าการสัมภาษณ์ตัวต่อตัวจะเน้นไปที่การทำความรู้จักกับผู้สมัครและคุณลักษณะส่วนบุคคล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/27/junior-banker-hiring-is-now-a-battle-against-ai-written-resumes
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Junior-banker hiring is now a battle against AI-written resumes
    For junior bankers using AI to help draft their resumes: Recruitment firms are on to you.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • Meta Platforms ต้องเผชิญกับการฟ้องร้องในสหรัฐอเมริกาที่กล่าวหาว่า บริษัทเลือกจ้างแรงงานต่างชาติที่มีค่าแรงถูกกว่าแรงงานในประเทศ

    คดีนี้ถูกยื่นฟ้องโดยชาวอเมริกันสามคน ได้แก่ Purushothaman Rajaram, Ekta Bhatia, และ Qun Wang ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้ถือสัญชาติอเมริกัน พวกเขาอ้างว่า Meta มี "ความชื่นชอบแรงงานต่างชาติที่ถือวีซ่า H-1B" และปฏิเสธการจ้างงานพวกเขาทั้งที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม คดีนี้ได้รับการสนับสนุนโดยข้อมูลที่ชี้ให้เห็นว่า 15% ของแรงงานของ Meta ในสหรัฐถือวีซ่า H-1B ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศที่มีเพียง 0.5% เท่านั้น

    ในอดีต Meta ได้ตกลงจ่ายค่าปรับสูงถึง 14.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเดือนตุลาคม 2021 เพื่อยุติคดีของรัฐบาลกลางที่กล่าวหาว่าบริษัทมักปฏิเสธการจ้างงานชาวอเมริกันในตำแหน่งงานที่สงวนไว้สำหรับแรงงานต่างชาติที่ถือวีซ่าชั่วคราว คดีนี้เกิดขึ้นในเดือนธันวาคม 2020 ก่อนที่ Donald Trump จะสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเพียงเจ็ดสัปดาห์

    ผู้ฟ้องร้องหวังว่าคดีนี้จะเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยเรียกร้องให้มีการบังคับใช้กฎหมายหรือการปฏิรูปทางกฎหมายเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขปัญหาการเลือกปฏิบัติต่อแรงงานในประเทศ

    Meta ยังยืนยันว่า การกล่าวหานี้ไม่มีมูลความจริงและบริษัทจะปกป้องตนเองจากการฟ้องร้องต่อไป แต่ศาลยังคงเห็นด้วยกับผู้ฟ้องร้องว่ามีข้อมูลเพียงพอที่จะสนับสนุนข้อกล่าวหานี้ได้

    การฟ้องร้องนี้เกิดขึ้นในขณะที่หลายกลุ่มการเมืองแบบอนุรักษ์นิยมและอดีตประธานาธิบดี Donald Trump ได้อ้างถึงกฎหมายยุคสงครามกลางเมือง (Civil Rights Act of 1866) มาตรา 1981 ที่ห้ามการเลือกปฏิบัติบนพื้นฐานของสถานะการถือสัญชาติ โดยเรียกร้องให้มีการปกป้องสิทธิของแรงงานชาวอเมริกัน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/26/meta-must-face-lawsuit-claiming-it-prefers-cheaper-foreign-workers
    Meta Platforms ต้องเผชิญกับการฟ้องร้องในสหรัฐอเมริกาที่กล่าวหาว่า บริษัทเลือกจ้างแรงงานต่างชาติที่มีค่าแรงถูกกว่าแรงงานในประเทศ คดีนี้ถูกยื่นฟ้องโดยชาวอเมริกันสามคน ได้แก่ Purushothaman Rajaram, Ekta Bhatia, และ Qun Wang ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้ถือสัญชาติอเมริกัน พวกเขาอ้างว่า Meta มี "ความชื่นชอบแรงงานต่างชาติที่ถือวีซ่า H-1B" และปฏิเสธการจ้างงานพวกเขาทั้งที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม คดีนี้ได้รับการสนับสนุนโดยข้อมูลที่ชี้ให้เห็นว่า 15% ของแรงงานของ Meta ในสหรัฐถือวีซ่า H-1B ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศที่มีเพียง 0.5% เท่านั้น ในอดีต Meta ได้ตกลงจ่ายค่าปรับสูงถึง 14.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเดือนตุลาคม 2021 เพื่อยุติคดีของรัฐบาลกลางที่กล่าวหาว่าบริษัทมักปฏิเสธการจ้างงานชาวอเมริกันในตำแหน่งงานที่สงวนไว้สำหรับแรงงานต่างชาติที่ถือวีซ่าชั่วคราว คดีนี้เกิดขึ้นในเดือนธันวาคม 2020 ก่อนที่ Donald Trump จะสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเพียงเจ็ดสัปดาห์ ผู้ฟ้องร้องหวังว่าคดีนี้จะเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยเรียกร้องให้มีการบังคับใช้กฎหมายหรือการปฏิรูปทางกฎหมายเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขปัญหาการเลือกปฏิบัติต่อแรงงานในประเทศ Meta ยังยืนยันว่า การกล่าวหานี้ไม่มีมูลความจริงและบริษัทจะปกป้องตนเองจากการฟ้องร้องต่อไป แต่ศาลยังคงเห็นด้วยกับผู้ฟ้องร้องว่ามีข้อมูลเพียงพอที่จะสนับสนุนข้อกล่าวหานี้ได้ การฟ้องร้องนี้เกิดขึ้นในขณะที่หลายกลุ่มการเมืองแบบอนุรักษ์นิยมและอดีตประธานาธิบดี Donald Trump ได้อ้างถึงกฎหมายยุคสงครามกลางเมือง (Civil Rights Act of 1866) มาตรา 1981 ที่ห้ามการเลือกปฏิบัติบนพื้นฐานของสถานะการถือสัญชาติ โดยเรียกร้องให้มีการปกป้องสิทธิของแรงงานชาวอเมริกัน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/26/meta-must-face-lawsuit-claiming-it-prefers-cheaper-foreign-workers
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Meta must face lawsuit claiming it prefers cheaper foreign workers
    (Reuters) - A federal judge on Tuesday said Meta Platforms must face a lawsuit claiming that the Facebook and Instagram parent prefers to hire foreign workers because it can pay them less than American workers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 367 มุมมอง 0 รีวิว
  • นโยบายพรรคการเมือง: การปฏิรูปแรงงานและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

    วิสัยทัศน์

    "สร้างแรงงานคุณภาพ ยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ"

    เป้าหมายหลัก

    1. พัฒนาทักษะแรงงานให้ทันยุคดิจิทัล


    2. ลดความเหลื่อมล้ำด้านโอกาสในการทำงาน


    3. ปรับปรุงสวัสดิการแรงงานให้เหมาะสมกับสังคมยุคใหม่


    4. สร้างระบบแรงงานที่ยืดหยุ่นและเป็นธรรม




    ---

    มาตรการหลัก

    1. การพัฒนาทักษะแรงงาน (Upskilling & Reskilling)

    ตั้งกองทุนพัฒนาทักษะดิจิทัลและ AI สำหรับแรงงานทุกช่วงวัย

    ให้สิทธิ์แรงงานเรียนคอร์สพัฒนาทักษะฟรีปีละ 2 หลักสูตร

    สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับเอกชนและมหาวิทยาลัยในการฝึกอบรม


    2. ส่งเสริมการจ้างงานที่เป็นธรรม

    ปรับโครงสร้างค่าจ้างขั้นต่ำให้สะท้อนค่าครองชีพและเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ

    ส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุและคนพิการ โดยให้สิทธิประโยชน์แก่บริษัทที่จ้างงานกลุ่มเปราะบาง

    ออกกฎหมายป้องกันการเลือกปฏิบัติทางเพศและอายุในที่ทำงาน


    3. ปรับปรุงสวัสดิการแรงงาน

    ขยายวันลาคลอดเป็น 180 วัน และให้สิทธิ์ลาคู่สมรสเพิ่มขึ้น

    ปรับประกันสังคมให้ครอบคลุมแรงงานฟรีแลนซ์และแพลตฟอร์ม

    จัดสรรที่พักอาศัยราคาถูกสำหรับแรงงานในเมืองใหญ่


    4. แรงงานยุคใหม่กับรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น

    ออกนโยบายสนับสนุน Work from Home และ Hybrid Work

    กำหนดมาตรฐานค่าตอบแทนและสวัสดิการสำหรับ gig workers

    ปรับแก้กฎหมายแรงงานให้รองรับการทำงานแบบพาร์ทไทม์



    ---

    ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

    ✅ แรงงานไทยมีทักษะสูงขึ้น แข่งขันในตลาดโลกได้
    ✅ รายได้และคุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น
    ✅ แรงงานทุกกลุ่มมีโอกาสทำงานที่เหมาะสมกับศักยภาพ
    ✅ เศรษฐกิจเติบโตจากการมีแรงงานที่มีประสิทธิภาพ


    ---

    "แรงงานมีคุณภาพ ประเทศก้าวไกล ประชาชนอยู่ดีมีสุข"

    นโยบายพรรคการเมือง: การปฏิรูปแรงงานและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ วิสัยทัศน์ "สร้างแรงงานคุณภาพ ยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ" เป้าหมายหลัก 1. พัฒนาทักษะแรงงานให้ทันยุคดิจิทัล 2. ลดความเหลื่อมล้ำด้านโอกาสในการทำงาน 3. ปรับปรุงสวัสดิการแรงงานให้เหมาะสมกับสังคมยุคใหม่ 4. สร้างระบบแรงงานที่ยืดหยุ่นและเป็นธรรม --- มาตรการหลัก 1. การพัฒนาทักษะแรงงาน (Upskilling & Reskilling) ตั้งกองทุนพัฒนาทักษะดิจิทัลและ AI สำหรับแรงงานทุกช่วงวัย ให้สิทธิ์แรงงานเรียนคอร์สพัฒนาทักษะฟรีปีละ 2 หลักสูตร สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับเอกชนและมหาวิทยาลัยในการฝึกอบรม 2. ส่งเสริมการจ้างงานที่เป็นธรรม ปรับโครงสร้างค่าจ้างขั้นต่ำให้สะท้อนค่าครองชีพและเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ ส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุและคนพิการ โดยให้สิทธิประโยชน์แก่บริษัทที่จ้างงานกลุ่มเปราะบาง ออกกฎหมายป้องกันการเลือกปฏิบัติทางเพศและอายุในที่ทำงาน 3. ปรับปรุงสวัสดิการแรงงาน ขยายวันลาคลอดเป็น 180 วัน และให้สิทธิ์ลาคู่สมรสเพิ่มขึ้น ปรับประกันสังคมให้ครอบคลุมแรงงานฟรีแลนซ์และแพลตฟอร์ม จัดสรรที่พักอาศัยราคาถูกสำหรับแรงงานในเมืองใหญ่ 4. แรงงานยุคใหม่กับรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น ออกนโยบายสนับสนุน Work from Home และ Hybrid Work กำหนดมาตรฐานค่าตอบแทนและสวัสดิการสำหรับ gig workers ปรับแก้กฎหมายแรงงานให้รองรับการทำงานแบบพาร์ทไทม์ --- ผลลัพธ์ที่คาดหวัง ✅ แรงงานไทยมีทักษะสูงขึ้น แข่งขันในตลาดโลกได้ ✅ รายได้และคุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น ✅ แรงงานทุกกลุ่มมีโอกาสทำงานที่เหมาะสมกับศักยภาพ ✅ เศรษฐกิจเติบโตจากการมีแรงงานที่มีประสิทธิภาพ --- "แรงงานมีคุณภาพ ประเทศก้าวไกล ประชาชนอยู่ดีมีสุข"
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 581 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของมนุษย์ถูกควบคุมโดย AI (ปัญญาประดิษฐ์) มีประเด็นสำคัญหลายด้านที่ต้องพิจารณา ทั้งในแง่ของโอกาสและความเสี่ยง:

    ### โอกาส:
    1. **การจัดการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ**: AI สามารถจัดการข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ช่วยลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากการจัดการข้อมูลด้วยมนุษย์
    2. **การให้บริการส่วนบุคคล**: AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้บริการที่ตรงตามความต้องการของแต่ละบุคคล เช่น การแนะนำสินค้า บริการทางการแพทย์เฉพาะบุคคล
    3. **ความปลอดภัยของข้อมูล**: AI สามารถช่วยในการตรวจสอบและป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ### ความเสี่ยง:
    1. **ความเป็นส่วนตัว**: การที่ AI ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอาจนำไปสู่การละเมิดความเป็นส่วนตัว หากไม่มีการควบคุมที่เหมาะสม
    2. **การเลือกปฏิบัติ**: AI อาจใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในการตัดสินใจที่อาจนำไปสู่การเลือกปฏิบัติ เช่น การให้สินเชื่อ การจ้างงาน
    3. **การพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป**: การพึ่งพา AI ในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลอาจทำให้มนุษย์สูญเสียทักษะในการจัดการข้อมูลด้วยตนเอง

    ### มาตรการป้องกัน:
    1. **กฎหมายและนโยบาย**: ต้องมีกฎหมายและนโยบายที่ชัดเจนในการควบคุมการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลโดย AI
    2. **ความโปร่งใส**: กระบวนการทำงานของ AI ต้องมีความโปร่งใส เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าใจและตรวจสอบได้
    3. **การมีส่วนร่วมของสาธารณะ**: ต้องมีการรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะในการกำหนดนโยบายและการใช้ AI ในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล

    ### บทสรุป:
    การที่ AI ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของมนุษย์มีทั้งโอกาสและความเสี่ยง ดังนั้นจึงต้องมีการจัดการอย่างรอบคอบและมีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและลดความเสี่ยงต่อความเป็นส่วนตัวและสิทธิของบุคคล
    เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของมนุษย์ถูกควบคุมโดย AI (ปัญญาประดิษฐ์) มีประเด็นสำคัญหลายด้านที่ต้องพิจารณา ทั้งในแง่ของโอกาสและความเสี่ยง: ### โอกาส: 1. **การจัดการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ**: AI สามารถจัดการข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ช่วยลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากการจัดการข้อมูลด้วยมนุษย์ 2. **การให้บริการส่วนบุคคล**: AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้บริการที่ตรงตามความต้องการของแต่ละบุคคล เช่น การแนะนำสินค้า บริการทางการแพทย์เฉพาะบุคคล 3. **ความปลอดภัยของข้อมูล**: AI สามารถช่วยในการตรวจสอบและป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ### ความเสี่ยง: 1. **ความเป็นส่วนตัว**: การที่ AI ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอาจนำไปสู่การละเมิดความเป็นส่วนตัว หากไม่มีการควบคุมที่เหมาะสม 2. **การเลือกปฏิบัติ**: AI อาจใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในการตัดสินใจที่อาจนำไปสู่การเลือกปฏิบัติ เช่น การให้สินเชื่อ การจ้างงาน 3. **การพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป**: การพึ่งพา AI ในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลอาจทำให้มนุษย์สูญเสียทักษะในการจัดการข้อมูลด้วยตนเอง ### มาตรการป้องกัน: 1. **กฎหมายและนโยบาย**: ต้องมีกฎหมายและนโยบายที่ชัดเจนในการควบคุมการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลโดย AI 2. **ความโปร่งใส**: กระบวนการทำงานของ AI ต้องมีความโปร่งใส เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าใจและตรวจสอบได้ 3. **การมีส่วนร่วมของสาธารณะ**: ต้องมีการรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะในการกำหนดนโยบายและการใช้ AI ในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล ### บทสรุป: การที่ AI ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของมนุษย์มีทั้งโอกาสและความเสี่ยง ดังนั้นจึงต้องมีการจัดการอย่างรอบคอบและมีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและลดความเสี่ยงต่อความเป็นส่วนตัวและสิทธิของบุคคล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เรียกร้องในวันเสาร์ (15 ก.พ.) ให้จัดตั้งกองทัพยุโรป ระบุทวีปแห่งนี้ไม่อาจแน่ใจได้อีกต่อไปว่าจะได้รับการปกป้องจากสหรัฐฯ และจะได้รับความเคารพจากวอชิงตันก็ต่อเมื่อมีกองกำลังที่เข้มแข็งเท่านั้น
    .
    เขาประกาศกร้าวด้วยว่าเคียฟจะไม่มีวันยอมรับข้อตกลงใดๆ ในการยุติสงครามรัสเซียและยูเครน ที่จัดทำลับหลังพวกเขา และคาดเดาว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย จะพยายามโน้มน้าวให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เดินทางไปยังกรุงมอสโก ร่วมพิธีสวนสนามวาระครบรอบชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่ 2 ในวันที่ 9 พฤษภาคม "ไม่ใช่ในฐานะผู้นำที่ให้ความเคารพ แต่เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของเขาเอง"
    .
    ในถ้อยแถลงที่มีต่อที่ประชุมด้านความมั่นคงประจำปีในเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี ทางเซเลนสกี บอกว่าคำกล่าวของรองประธานาธิบดีเจ.ดี. แวนซ์ แห่งสหรัฐฯ หนึ่งวันก่อนหน้านี้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าความสัมพันธ์ระหว่างยุโรปกับสหรัฐฯ กำลังเปลี่ยนไป
    .
    "ขอพูดด้วยความสัตย์จริง ตอนนี้เราไม่อาจตัดความเป็นไปได้ที่อเมริกาอาจบอกปัดยุโรปในประเด็นต่างๆ ที่คุกคามพวกเขา" เซเลนสกีกล่าว ในขณะที่สงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ซึ่งจุดชนวนหนึ่งจากการรุกรานของมอสโก ใกล้ล่วงเลยเข้าสู่ปีที่ 4 แล้ว "พวกผู้นำหลายคน พูดกันว่ายุโรปจำเป็นต้องมีกองทัพและทหารของตนเอง กองทัพแห่งยุโรป และผมเชื่ออย่างจริงจังว่ามันถึงเวลาแล้ว จำเป็นต้องจัดตั้งกองทัพแห่งยุโรป"
    .
    เซเลนสกี บอกว่ากองทัพยุโรป ซึ่งจะรวมถึงยูเครน มีความจำเป็นเพื่อที่อนาคตของทวีปแห่งนี้จะพึ่งพิงเฉพาะแค่ยุโรป และการตัดสินใจต่างๆ เกี่ยวกับยุโรปจะดำเนินการในยุโรป" เขากล่าว พร้อมระบุ "อเมริกาต้องการยุโรปในฐานะตลาดหนึ่งๆ หรือไม่? ใช่ แต่ในฐานะพันธมิตรละ? ผมไม่รู้ ถ้าต้องการให้คำตอบออกมาเป็นใช่ ยุโรปจำเป็นต้องส่งเสียงเป็นหนึ่งเดียว ไม่ใช่เสียงที่แตกต่างกันนับสิบ"
    .
    เจ้าหน้าที่ในรัฐบาลของทรัมป์ แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ว่าพวกเขาคาดหมายว่าบรรดาพันธมิตรยุโรปในนาโต ต้องเป็นผู้รับผิดชอบหลักสำหรับความมั่นคงของตนเอง เนื่องจากเวลานี้อเมริกาให้ลำดับความสำคัญไปที่เรื่องอื่นๆ เช่น ความมั่นคงตามชายแดนและการตอบโต้จีน
    .
    อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐฯ บอกว่าพวกเขายังคงมุ่งมั่นในพันธมิตรทหารข้ามแอตแลนติกหรือนาโต "อเมริกาจำเป็นต้องได้เห็นว่ายุโรปกำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางไหน" เซเลนสกี "ทิศทางนโยบายยุโรปไม่ควรเป็นแค่คำสัญญา แต่มันควรเป็นว่าอเมริกาต้องการยืนหยัดเคียงข้างยุโรปอย่างแข็งขัน"
    .
    ทรัมป์ สร้างความตกตะลึงแก่พันธมิตรยุโรป โดยการต่อสายพูดคุยกับปูตินเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ โดยไม่ได้มีการปรึกษาหารือกับพวกเขาล่วงหน้า พร้อมทั้งยังประกาศเริ่มเจรจาสันติภาพยูเครนในทันที ทั้งนี้ เซเลนสกี บอกกับที่ประชุม เชื่อว่ามันจะ "อันตราย" หากว่า ทรัมป์ พบปะกับ ปูติน ก่อนเขา
    .
    จนถึงตอนนี้รัฐบาลของทรัมป์กำลังสร้างความคลางแคลงใจกับบรรดาพันธมิตรยุโรปบางส่วน ว่าพวกเขากำลังยอมอ่อนข้อแก่ปูติน โดยที่ยูเครนต้องเป็นผู้ชดใช้ ก่อนการเจรจาใดๆ เริ่มต้นขึ้น ในขณะที่ความคิดเห็นจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงบางส่วนของสหรัฐฯ ก็ยิ่งเพิ่มความสับสน
    .
    ด้วยเหตุนี้ เซเลนสกี จึงเตือนพวกผู้นำยุโรปอีกรอบว่า ประเทศของพวกเขาอาจเป็นรายต่อไปที่ต้องเจอการโจมตีของรัสเซีย "ถ้าสงครามนี้ (ยูเครน-รัสเซีย) จบลงในหนทางผิดๆ ปูตินจะมีทหารที่ผ่านการสู้รบมากมาย ซึ่งไม่รู้อะไรอย่างอื่นเลย นอกเหนือจากการฆ่าและปล้นสะดม" เขากล่าว อ้างถึงรายงานข่าวกรองที่บ่งชี้ว่ารัสเซียจะส่งทหารเข้าไปยังเบลารุส พันธมิตรใกล้ชิดและอีกหนึ่งเพื่อนบ้านของยูเครนในฤดูร้อนนี้
    .
    ความร่วมมือทางทหารในบรรดาชาติยุโรปเป็นเป้าหมายหลักภายในนาโต แต่จนถึงตอนนี้รัฐบาลชาติต่างๆ ยังคงปฏิเสธเสียงเรียกร้องให้จัดตั้งกองทัพเดี่ยวของยุโรปขึ้นมา อ้างว่าการป้องกันตนเองเป็นเรื่องของอธิปไตยแห่งชาติ
    .
    เซเลนสกี โต้แย้งว่าการที่ยุโรปเสริมความเข้มแข็งด้านการทหาร ไม่ใช่จะเป็นผลดีเฉพาะกับความมั่นคง แต่ยังรวมถึงเศรษฐกิจของทวีปด้วย "มันไม่ใช่แค่เรื่องเกี่ยวกับสต๊อกอาวุธ แต่มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการจ้างงาน ความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีและแนวโน้มเศรษฐกิจสำหรับยุโรป"
    .
    อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากชาติยุโรปตะวันตกแห่งหนึ่ง ที่เป็นสมาชิกของอียู แสดงความเคลือบแคลงต่อข้อเสนอของเซเลนสกี ในการจัดตั้งกองทัพยุโรป โดยบอกว่า "มีกองทหารยุโรปอยู่แล้ว ที่เรียกกันว่านาโต"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000015321
    ..................
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เรียกร้องในวันเสาร์ (15 ก.พ.) ให้จัดตั้งกองทัพยุโรป ระบุทวีปแห่งนี้ไม่อาจแน่ใจได้อีกต่อไปว่าจะได้รับการปกป้องจากสหรัฐฯ และจะได้รับความเคารพจากวอชิงตันก็ต่อเมื่อมีกองกำลังที่เข้มแข็งเท่านั้น . เขาประกาศกร้าวด้วยว่าเคียฟจะไม่มีวันยอมรับข้อตกลงใดๆ ในการยุติสงครามรัสเซียและยูเครน ที่จัดทำลับหลังพวกเขา และคาดเดาว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย จะพยายามโน้มน้าวให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เดินทางไปยังกรุงมอสโก ร่วมพิธีสวนสนามวาระครบรอบชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่ 2 ในวันที่ 9 พฤษภาคม "ไม่ใช่ในฐานะผู้นำที่ให้ความเคารพ แต่เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของเขาเอง" . ในถ้อยแถลงที่มีต่อที่ประชุมด้านความมั่นคงประจำปีในเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี ทางเซเลนสกี บอกว่าคำกล่าวของรองประธานาธิบดีเจ.ดี. แวนซ์ แห่งสหรัฐฯ หนึ่งวันก่อนหน้านี้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าความสัมพันธ์ระหว่างยุโรปกับสหรัฐฯ กำลังเปลี่ยนไป . "ขอพูดด้วยความสัตย์จริง ตอนนี้เราไม่อาจตัดความเป็นไปได้ที่อเมริกาอาจบอกปัดยุโรปในประเด็นต่างๆ ที่คุกคามพวกเขา" เซเลนสกีกล่าว ในขณะที่สงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ซึ่งจุดชนวนหนึ่งจากการรุกรานของมอสโก ใกล้ล่วงเลยเข้าสู่ปีที่ 4 แล้ว "พวกผู้นำหลายคน พูดกันว่ายุโรปจำเป็นต้องมีกองทัพและทหารของตนเอง กองทัพแห่งยุโรป และผมเชื่ออย่างจริงจังว่ามันถึงเวลาแล้ว จำเป็นต้องจัดตั้งกองทัพแห่งยุโรป" . เซเลนสกี บอกว่ากองทัพยุโรป ซึ่งจะรวมถึงยูเครน มีความจำเป็นเพื่อที่อนาคตของทวีปแห่งนี้จะพึ่งพิงเฉพาะแค่ยุโรป และการตัดสินใจต่างๆ เกี่ยวกับยุโรปจะดำเนินการในยุโรป" เขากล่าว พร้อมระบุ "อเมริกาต้องการยุโรปในฐานะตลาดหนึ่งๆ หรือไม่? ใช่ แต่ในฐานะพันธมิตรละ? ผมไม่รู้ ถ้าต้องการให้คำตอบออกมาเป็นใช่ ยุโรปจำเป็นต้องส่งเสียงเป็นหนึ่งเดียว ไม่ใช่เสียงที่แตกต่างกันนับสิบ" . เจ้าหน้าที่ในรัฐบาลของทรัมป์ แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ว่าพวกเขาคาดหมายว่าบรรดาพันธมิตรยุโรปในนาโต ต้องเป็นผู้รับผิดชอบหลักสำหรับความมั่นคงของตนเอง เนื่องจากเวลานี้อเมริกาให้ลำดับความสำคัญไปที่เรื่องอื่นๆ เช่น ความมั่นคงตามชายแดนและการตอบโต้จีน . อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐฯ บอกว่าพวกเขายังคงมุ่งมั่นในพันธมิตรทหารข้ามแอตแลนติกหรือนาโต "อเมริกาจำเป็นต้องได้เห็นว่ายุโรปกำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางไหน" เซเลนสกี "ทิศทางนโยบายยุโรปไม่ควรเป็นแค่คำสัญญา แต่มันควรเป็นว่าอเมริกาต้องการยืนหยัดเคียงข้างยุโรปอย่างแข็งขัน" . ทรัมป์ สร้างความตกตะลึงแก่พันธมิตรยุโรป โดยการต่อสายพูดคุยกับปูตินเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ โดยไม่ได้มีการปรึกษาหารือกับพวกเขาล่วงหน้า พร้อมทั้งยังประกาศเริ่มเจรจาสันติภาพยูเครนในทันที ทั้งนี้ เซเลนสกี บอกกับที่ประชุม เชื่อว่ามันจะ "อันตราย" หากว่า ทรัมป์ พบปะกับ ปูติน ก่อนเขา . จนถึงตอนนี้รัฐบาลของทรัมป์กำลังสร้างความคลางแคลงใจกับบรรดาพันธมิตรยุโรปบางส่วน ว่าพวกเขากำลังยอมอ่อนข้อแก่ปูติน โดยที่ยูเครนต้องเป็นผู้ชดใช้ ก่อนการเจรจาใดๆ เริ่มต้นขึ้น ในขณะที่ความคิดเห็นจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงบางส่วนของสหรัฐฯ ก็ยิ่งเพิ่มความสับสน . ด้วยเหตุนี้ เซเลนสกี จึงเตือนพวกผู้นำยุโรปอีกรอบว่า ประเทศของพวกเขาอาจเป็นรายต่อไปที่ต้องเจอการโจมตีของรัสเซีย "ถ้าสงครามนี้ (ยูเครน-รัสเซีย) จบลงในหนทางผิดๆ ปูตินจะมีทหารที่ผ่านการสู้รบมากมาย ซึ่งไม่รู้อะไรอย่างอื่นเลย นอกเหนือจากการฆ่าและปล้นสะดม" เขากล่าว อ้างถึงรายงานข่าวกรองที่บ่งชี้ว่ารัสเซียจะส่งทหารเข้าไปยังเบลารุส พันธมิตรใกล้ชิดและอีกหนึ่งเพื่อนบ้านของยูเครนในฤดูร้อนนี้ . ความร่วมมือทางทหารในบรรดาชาติยุโรปเป็นเป้าหมายหลักภายในนาโต แต่จนถึงตอนนี้รัฐบาลชาติต่างๆ ยังคงปฏิเสธเสียงเรียกร้องให้จัดตั้งกองทัพเดี่ยวของยุโรปขึ้นมา อ้างว่าการป้องกันตนเองเป็นเรื่องของอธิปไตยแห่งชาติ . เซเลนสกี โต้แย้งว่าการที่ยุโรปเสริมความเข้มแข็งด้านการทหาร ไม่ใช่จะเป็นผลดีเฉพาะกับความมั่นคง แต่ยังรวมถึงเศรษฐกิจของทวีปด้วย "มันไม่ใช่แค่เรื่องเกี่ยวกับสต๊อกอาวุธ แต่มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการจ้างงาน ความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีและแนวโน้มเศรษฐกิจสำหรับยุโรป" . อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากชาติยุโรปตะวันตกแห่งหนึ่ง ที่เป็นสมาชิกของอียู แสดงความเคลือบแคลงต่อข้อเสนอของเซเลนสกี ในการจัดตั้งกองทัพยุโรป โดยบอกว่า "มีกองทหารยุโรปอยู่แล้ว ที่เรียกกันว่านาโต" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000015321 .................. Sondhi X
    Like
    Haha
    Wow
    Sad
    15
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1856 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Salesforce กำลังจะลดจำนวนพนักงานกว่า 1,000 ตำแหน่ง ในขณะเดียวกันก็มีการจ้างพนักงานใหม่เพื่อขายผลิตภัณฑ์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ใหม่ของบริษัท ตามรายงานจาก Bloomberg News

    Salesforce เป็นบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่เน้นการให้บริการซอฟต์แวร์ด้านการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) และกำลังลงทุนในเทคโนโลยี AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ การลดจำนวนพนักงานครั้งนี้เป็นสัญญาณหนึ่งของการปรับตัวของบริษัทในยุคที่เทคโนโลยี AI กำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในตลาด การลงทุนใน AI ถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับบริษัทในอนาคต โดยคาดว่าการพัฒนาผลิตภัณฑ์ AI จะช่วยเพิ่มรายได้และประสิทธิภาพให้กับบริษัทในระยะยาว

    จากเนื้อหาข่าวนี้ เราเห็นว่า Salesforce กำลังเตรียมพร้อมเข้าสู่ยุค AI อย่างเต็มตัว โดยการลดจำนวนพนักงานที่มีอยู่และเพิ่มการจ้างงานในสายงานใหม่เพื่อเตรียมรับกับความต้องการในตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/04/salesforce-to-cut-1000-roles-bloomberg-news-reports
    บริษัท Salesforce กำลังจะลดจำนวนพนักงานกว่า 1,000 ตำแหน่ง ในขณะเดียวกันก็มีการจ้างพนักงานใหม่เพื่อขายผลิตภัณฑ์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ใหม่ของบริษัท ตามรายงานจาก Bloomberg News Salesforce เป็นบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่เน้นการให้บริการซอฟต์แวร์ด้านการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) และกำลังลงทุนในเทคโนโลยี AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ การลดจำนวนพนักงานครั้งนี้เป็นสัญญาณหนึ่งของการปรับตัวของบริษัทในยุคที่เทคโนโลยี AI กำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในตลาด การลงทุนใน AI ถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับบริษัทในอนาคต โดยคาดว่าการพัฒนาผลิตภัณฑ์ AI จะช่วยเพิ่มรายได้และประสิทธิภาพให้กับบริษัทในระยะยาว จากเนื้อหาข่าวนี้ เราเห็นว่า Salesforce กำลังเตรียมพร้อมเข้าสู่ยุค AI อย่างเต็มตัว โดยการลดจำนวนพนักงานที่มีอยู่และเพิ่มการจ้างงานในสายงานใหม่เพื่อเตรียมรับกับความต้องการในตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/04/salesforce-to-cut-1000-roles-bloomberg-news-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Salesforce to cut 1,000 roles, Bloomberg News reports
    (Reuters) - Salesforce is cutting more than 1,000 jobs as it simultaneously hires workers to sell new artificial intelligence products, Bloomberg News reported on Monday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 186 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้พิพากษาสั่งระงับคำสั่งทรัมป์ในการพักการให้เงินกู้ เงินให้เปล่า และความช่วยเหลือทางการเงินอื่นๆ ของรัฐบาลกลางเป็นการชั่วคราว ตามการฟ้องร้องของกลุ่มที่เป็นตัวแทนองค์กรไม่หวังผลกำไร บุคลากรทางการแพทย์ และธุรกิจขนาดเล็กที่ระบุว่า คำสั่งของทำเนียบขาวอาจกระทบต่อโครงการที่ให้ความช่วยเหลือชาวอเมริกันหลายสิบล้านคน
    .
    ลอเรน อาลีข่าน ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ สั่งให้คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระงับการขัดขวางการให้เงินช่วยเหลือโครงการต่างๆ จนถึงวันที่ 3 ก.พ. ซึ่งจะมีการให้การในศาลที่วอชิงตัน
    .
    คำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ในส่วนนี้เป็นขั้นตอนล่าสุดของความพยายามยกเครื่องรัฐบาลกลาง โดยก่อนหน้านี้เขาสั่งระงับการให้ความช่วยเหลือต่างชาติ ระงับการจ้างงาน และยกเลิกโครงการความหลากหลายในหน่วยงานรัฐบาลหลายสิบแห่ง
    .
    พรรคเดโมแครตโจมตีคำสั่งระงับเงินช่วยเหลือว่า เป็นการโจมตีอำนาจของคองเกรสในการกำกับดูแลการใช้จ่ายของรัฐบาลกลางอย่างผิดกฎหมาย อีกทั้งทำให้การจ่ายเงินให้แพทย์และครูที่ดูแลเด็กก่อนวัยเรียนหยุดชะงัก ทว่า รีพับลิกันอ้างว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นการทำตามคำสัญญาระหว่างหาเสียงของทรัมป์ในการควบคุมงบประมาณที่มากผิดปกติของรัฐบาล
    .
    นอกจากนั้น คณะบริหารของทรัมป์ยังยืนยันว่า โปรแกรมที่มอบสิทธิพิเศษที่สำคัญให้แก่ประชาชนจะไม่ได้รับผลกระทบ
    .
    ทว่า วุฒิสมาชิกรอน ไวเดน จากพรรคเดโมแครต เผยว่า ได้รับการยืนยันจากแพทย์จากทั้ง 50 รัฐว่า ไม่ได้รับเงินจากโครงการเมดิแคร์ที่ให้การประกันสุขภาพชาวอเมริกันที่มีรายได้ต่ำ 70 ล้านคน
    .
    แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวโพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า รัฐบาลกลางรับรู้ว่า พอร์ทัลเมดิเคดเกิดการขัดข้องและจะกลับมาออนไลน์ได้ตามปกติเร็วๆ นี้ พร้อมยืนยันว่า การจ่ายเงินไม่ได้รับผลกระทบ
    .
    คำสั่งดังกล่าวที่ปรากฏอยู่ในบันทึกของสำนักงานงบประมาณทำเนียบขาวระบุให้ระงับเงินให้เปล่าและเงินกู้ของรัฐบาลกลางนับจากเวลา 17.00 น. วันอังคาร (28 ม.ค.) โดยครอบคลุมถึงเงินช่วยเหลือต่างชาติ
    .
    และองค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) พร้อมสั่งการให้หน่วยงาน 55 แห่งตรวจสอบโครงการเงินให้เปล่ากว่า 2,600 โครงการ
    .
    ทำเนียบขาวยืนยันว่า การระงับเงินช่วยเหลือจะไม่กระทบต่อการจ่ายเงินของโครงการสวัสดิการสังคม หรือเมดิแคร์ที่ให้แก่ผู้สูงวัยหรือความช่วยเหลือโดยตรงแก่ประชาชน เช่น ความช่วยเหลือด้านอาหารและโครงการสวัสดิการสำหรับผู้ยากไร้
    .
    ทั้งนี้ เงินให้เปล่าและเงินกู้ของรัฐบาลมีความสำคัญต่อทุกแง่มุมชีวิตของคนอเมริกันอย่างแท้จริง โดยเงินนับล้านล้านดอลลาร์ถูกอัดฉีดให้โครงการด้านการศึกษา การดูแลสุขภาพ และการต่อสู้กับความยากจน ให้ความช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัย บรรเทาทุกข์ในเหตุการณ์ภัยพิบัติ สนับสนุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานและอื่นๆ อีกมากมาย
    .
    ในบันทึกฉบับที่สอง ทำเนียบขาวระบุว่า เงินสนับสนุนสำหรับโครงการเมดิเคด เกษตรกร ธุรกิจขนาดเล็ก ความช่วยเหลือสำหรับผู้จ่ายค่าเช่า และโครงการเฮดสตาร์ตสำหรับเด็กก่อนวัยเรียนจะดำเนินต่อไปโดยไม่มีการหยุดชะงัก
    .
    ทว่า วุฒิสมาชิกคริส เมอร์ฟีย์ จากพรรคเดโมแครต ระบุว่า ระบบเบิกจ่ายของโครงการเฮดสตาร์ตในรัฐคอนเน็กติกัตของตนถูกปิด ทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่ได้
    .
    ขณะเดียวกัน ซารา แรตเนอร์ จากบริษัทด้านการดูแลสุขภาพ โนมิ เฮลธ์ สำทับว่า หากรัฐบาลกลางระงับเงินช่วยเหลือแก่ผู้รับเหมาสัญญาเมดิเคด อาจทำให้บริษัทเหล่านั้นต้องปิดกิจการตามๆ กัน
    .
    บันทึกของทำเนียบขาวดูเหมือนไม่มีข้อยกเว้นในการตัดความช่วยเหลือสำหรับภัยพิบัติให้แก่พื้นที่อย่างลอสแองเจลิสและด้านตะวันตกของรัฐนอร์ธแคโรไลนาที่เสียหายหนักจากภัยธรรมชาติ แม้ทรัมป์ให้คำมั่นว่า รัฐบาลจะให้การสนับสนุนระหว่างเดินทางไปยังพื้นที่ประสบภัยทั้งสองแห่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ตาม
    .
    ทั้งนี้ หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพยายามทำความเข้าใจว่า จะดำเนินการตามคำสั่งใหม่ของคณะบริหารอย่างไร
    .
    พรรครีพับลิกันของทรัมป์พยายามผลักดันการลดการใช้จ่ายของรัฐบาลมาโดยตลอด แม้ทรัมป์ให้สัญญาว่า จะไม่แตะต้องโครงการสวัสดิการสังคมและเมดิแคร์ที่เป็นองค์ประกอบเกือบ 1 ใน 3 ของงบประมาณก็ตาม
    .
    ทว่า เดโมแครตวิจารณ์ว่า การระงับการใช้จ่ายดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและอันตราย เนื่องจากครอบครัวอเมริกันชนคือผู้ที่จะได้รับผลกระทบหนักที่สุด
    .
    อนึ่ง รัฐธรรมนูญของอเมริกาให้อำนาจคองเกรสในการควบคุมการใช้จ่ายของรัฐบาล ทว่า ทรัมป์ประกาศระหว่างหาเสียงว่า เขาเชื่อว่า ประธานาธิบดีมีอำนาจในการระงับการใช้จ่ายในโครงการที่ตนเองไม่ชอบ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009485
    ..............
    Sondhi X
    ผู้พิพากษาสั่งระงับคำสั่งทรัมป์ในการพักการให้เงินกู้ เงินให้เปล่า และความช่วยเหลือทางการเงินอื่นๆ ของรัฐบาลกลางเป็นการชั่วคราว ตามการฟ้องร้องของกลุ่มที่เป็นตัวแทนองค์กรไม่หวังผลกำไร บุคลากรทางการแพทย์ และธุรกิจขนาดเล็กที่ระบุว่า คำสั่งของทำเนียบขาวอาจกระทบต่อโครงการที่ให้ความช่วยเหลือชาวอเมริกันหลายสิบล้านคน . ลอเรน อาลีข่าน ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ สั่งให้คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระงับการขัดขวางการให้เงินช่วยเหลือโครงการต่างๆ จนถึงวันที่ 3 ก.พ. ซึ่งจะมีการให้การในศาลที่วอชิงตัน . คำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ในส่วนนี้เป็นขั้นตอนล่าสุดของความพยายามยกเครื่องรัฐบาลกลาง โดยก่อนหน้านี้เขาสั่งระงับการให้ความช่วยเหลือต่างชาติ ระงับการจ้างงาน และยกเลิกโครงการความหลากหลายในหน่วยงานรัฐบาลหลายสิบแห่ง . พรรคเดโมแครตโจมตีคำสั่งระงับเงินช่วยเหลือว่า เป็นการโจมตีอำนาจของคองเกรสในการกำกับดูแลการใช้จ่ายของรัฐบาลกลางอย่างผิดกฎหมาย อีกทั้งทำให้การจ่ายเงินให้แพทย์และครูที่ดูแลเด็กก่อนวัยเรียนหยุดชะงัก ทว่า รีพับลิกันอ้างว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นการทำตามคำสัญญาระหว่างหาเสียงของทรัมป์ในการควบคุมงบประมาณที่มากผิดปกติของรัฐบาล . นอกจากนั้น คณะบริหารของทรัมป์ยังยืนยันว่า โปรแกรมที่มอบสิทธิพิเศษที่สำคัญให้แก่ประชาชนจะไม่ได้รับผลกระทบ . ทว่า วุฒิสมาชิกรอน ไวเดน จากพรรคเดโมแครต เผยว่า ได้รับการยืนยันจากแพทย์จากทั้ง 50 รัฐว่า ไม่ได้รับเงินจากโครงการเมดิแคร์ที่ให้การประกันสุขภาพชาวอเมริกันที่มีรายได้ต่ำ 70 ล้านคน . แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวโพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า รัฐบาลกลางรับรู้ว่า พอร์ทัลเมดิเคดเกิดการขัดข้องและจะกลับมาออนไลน์ได้ตามปกติเร็วๆ นี้ พร้อมยืนยันว่า การจ่ายเงินไม่ได้รับผลกระทบ . คำสั่งดังกล่าวที่ปรากฏอยู่ในบันทึกของสำนักงานงบประมาณทำเนียบขาวระบุให้ระงับเงินให้เปล่าและเงินกู้ของรัฐบาลกลางนับจากเวลา 17.00 น. วันอังคาร (28 ม.ค.) โดยครอบคลุมถึงเงินช่วยเหลือต่างชาติ . และองค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) พร้อมสั่งการให้หน่วยงาน 55 แห่งตรวจสอบโครงการเงินให้เปล่ากว่า 2,600 โครงการ . ทำเนียบขาวยืนยันว่า การระงับเงินช่วยเหลือจะไม่กระทบต่อการจ่ายเงินของโครงการสวัสดิการสังคม หรือเมดิแคร์ที่ให้แก่ผู้สูงวัยหรือความช่วยเหลือโดยตรงแก่ประชาชน เช่น ความช่วยเหลือด้านอาหารและโครงการสวัสดิการสำหรับผู้ยากไร้ . ทั้งนี้ เงินให้เปล่าและเงินกู้ของรัฐบาลมีความสำคัญต่อทุกแง่มุมชีวิตของคนอเมริกันอย่างแท้จริง โดยเงินนับล้านล้านดอลลาร์ถูกอัดฉีดให้โครงการด้านการศึกษา การดูแลสุขภาพ และการต่อสู้กับความยากจน ให้ความช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัย บรรเทาทุกข์ในเหตุการณ์ภัยพิบัติ สนับสนุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานและอื่นๆ อีกมากมาย . ในบันทึกฉบับที่สอง ทำเนียบขาวระบุว่า เงินสนับสนุนสำหรับโครงการเมดิเคด เกษตรกร ธุรกิจขนาดเล็ก ความช่วยเหลือสำหรับผู้จ่ายค่าเช่า และโครงการเฮดสตาร์ตสำหรับเด็กก่อนวัยเรียนจะดำเนินต่อไปโดยไม่มีการหยุดชะงัก . ทว่า วุฒิสมาชิกคริส เมอร์ฟีย์ จากพรรคเดโมแครต ระบุว่า ระบบเบิกจ่ายของโครงการเฮดสตาร์ตในรัฐคอนเน็กติกัตของตนถูกปิด ทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่ได้ . ขณะเดียวกัน ซารา แรตเนอร์ จากบริษัทด้านการดูแลสุขภาพ โนมิ เฮลธ์ สำทับว่า หากรัฐบาลกลางระงับเงินช่วยเหลือแก่ผู้รับเหมาสัญญาเมดิเคด อาจทำให้บริษัทเหล่านั้นต้องปิดกิจการตามๆ กัน . บันทึกของทำเนียบขาวดูเหมือนไม่มีข้อยกเว้นในการตัดความช่วยเหลือสำหรับภัยพิบัติให้แก่พื้นที่อย่างลอสแองเจลิสและด้านตะวันตกของรัฐนอร์ธแคโรไลนาที่เสียหายหนักจากภัยธรรมชาติ แม้ทรัมป์ให้คำมั่นว่า รัฐบาลจะให้การสนับสนุนระหว่างเดินทางไปยังพื้นที่ประสบภัยทั้งสองแห่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ตาม . ทั้งนี้ หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพยายามทำความเข้าใจว่า จะดำเนินการตามคำสั่งใหม่ของคณะบริหารอย่างไร . พรรครีพับลิกันของทรัมป์พยายามผลักดันการลดการใช้จ่ายของรัฐบาลมาโดยตลอด แม้ทรัมป์ให้สัญญาว่า จะไม่แตะต้องโครงการสวัสดิการสังคมและเมดิแคร์ที่เป็นองค์ประกอบเกือบ 1 ใน 3 ของงบประมาณก็ตาม . ทว่า เดโมแครตวิจารณ์ว่า การระงับการใช้จ่ายดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและอันตราย เนื่องจากครอบครัวอเมริกันชนคือผู้ที่จะได้รับผลกระทบหนักที่สุด . อนึ่ง รัฐธรรมนูญของอเมริกาให้อำนาจคองเกรสในการควบคุมการใช้จ่ายของรัฐบาล ทว่า ทรัมป์ประกาศระหว่างหาเสียงว่า เขาเชื่อว่า ประธานาธิบดีมีอำนาจในการระงับการใช้จ่ายในโครงการที่ตนเองไม่ชอบ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009485 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2432 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ่านเอาเรื่อง Ep.91 : ช็อคโกแลท

    อ่านข่าวดราม่าเรื่องช็อคโกแลทดูไบแล้ว ก็พลอยนึกถึงช็อคโกแลทที่ชื่อเสียงโด่งดังของสวิตเซอร์แลนด์ครับ

    ก่อนจะไปต่อ ก็ขอเล่าสั้นๆสักนิดให้กับคนที่ตกข่าวเรื่องช็อคโกแบทดูไบครับ กล่าวคือ ในปี 2021 มีผู้หญิงอังกฤษคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในดูไบ เขาทำช้อคโกแลตแบบที่ตัวเองอยากกินขึ้นมา แล้วปรากฏว่าอร่อยและโด่งดัง เธอก็เลยตั้งบริษัทชื่อ Fix ขึ้นมาขายช้อคโกแลตของเธอที่ตั้งชื่อว่า

    “ช้อคโกแลตดูไบ”

    ปรากฏว่ามีคนเอาสูตรทำช้อคโกแลตดูไบไปทำกันทั่วโลก ที่ทำกินเองก็มี ที่ทำขายก็มี แล้วก็ใช้ชื่อเรียกว่า “ช้อคโกแลตดูไบ” กันทั่วไปหมด

    เรื่องมันดราม่าก็ที่ประเทศเยอรมันครับ เพราะคนที่เขานำเข้าช้อคโกแลตดูไบอย่างถูกต้องจากบริษัท Fix ที่ดูไบ เขาไปฟ้องศาลเยอรมันในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ปรากฏว่าศาลตัดสินให้บริษัท Fix ชนะครับ บรรดาร้านขนมที่ทำช้อคโกแลทดูไบขายเองก็จึงวุ่นวายกัน

    ใครสนใจเรื่องนี้ไปตามอ่านได้ที่เพจ https://www.facebook.com/share/1D9sxkuNdB/?mibextid=wwXIfr นะครับ เขาเขียนไว้ละเอียดมาก

    ผมเห็นด้วยกับที่ศาลเยอรมันตัดสินแบบนี้ เพราะชื่อประเทศหรือชื่อเมืองก็คือ “แบรนด์” อย่างหนึ่ง
    .
    .
    .
    ทีนี้ผมจึงมาเล่าถึงช้อคโกแลตสวิสครับ เพราะรัฐบาลสวิสนั้นเขาจริงจังกับสินค้าที่จะแปะคำว่า “Swiss Made" หรือ ”Made in Switzerland" ลงไปในสินค้า

    ถึงกับออกกำหนดเป็นกฎโดยละเอียดให้ปฏิบัติตามเลย

    ตัวอย่างเช่น “นาฬิกา” ซึ่งเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงว่า นาฬิกาสวิสมีคุณภาพดี เที่ยงตรงแม่นยำและคุณภาพสูง

    รัฐบาลสวิสจึงกำหนดกฎไว้ว่า ถ้าผู้ผลิตเจ้าใดอยากเอาคำว่า Swiss Made แปะลงไปบนนาฬิกาแล้ว นาฬิกาเรือนนั้นจะต้อง

    หนึ่ง…กลไกต้องเป็นแบบสวิส
    สอง…กลไกต้องประกอบเป็นตัวเรือนขึ้นในสวิตเซอร์แลนด์
    สาม…ผู้ผลิตต้องทดสอบคุณภาพขั้นสุดท้ายในสวิตเซอร์แลนด์
    สี่…ค่าใช้จ่ายในการผลิตอย่างน้อย 60% ต้องอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์

    ตรงกฎข้อหนึ่งที่ว่ากลไกนาฬิกาต้องเป็นแบบสวิสนั้น เขาก็กำหนดละเอียดลึกต่อลงไปอีกด้วยครับ กฎทั้งหมดนี้ถูกวางขึ้นเพื่อรักษาคุณภาพแบรนด์สวิสและให้การจ้างงานและรายได้ให้อยู่ในประเทศครับ

    ทีนี้มาพูดถึงช้อคโกแลตสวิสกันสักทีนะครับ

    เราคงรู้กันดีอยู่แล้วว่า ช้อคโกแลตนั้นผลิตขึ้นจากเมล็ดโกโก้ซึ่งปลูกได้จากประเทศเมืองร้อนเท่านั้น สวิตเซอร์แลนด์จึงต้องนำเข้าเมล็ดโกโก้ 100% จากแอฟริกา เอเชียและอเมริกาใต้เพื่อเอามาผลิตช้อคโกแลต

    ทีนี้บางคนอาจถามว่า “เอ้า ในเมื่อเมล็ดโกโก้นำเข้ามาหมดแบบนี้ แล้วทำไมช้อคโกแลตสวิสถึงมีชื่อเสียงล่ะ?”

    คำตอบก็คือ “คุณภาพของนม” และ “กระบวนการผลิต” ครับ

    รัฐบาลสวิสจึงกำหนดไว้ว่า ช้อคโกแลตที่จะได้ชื่อว่าเป็นช้อคโกแลตสวิสนั้น จะต้องใช้นมจากวัวที่เลี้ยงอยู่บนเทือกเขาอัลไพน์ ซึ่งมีชื่อเสียงว่าเป็นนมที่อร่อยและมันๆแบบครีมมี่ๆ

    นอกนั้นก็มีกฎอื่นๆอีก คือ การผลิตช้อคโกแลตต้องทำในประเทศสวิตเซอร์แลนด์, วัตถุดิบ 80% ต้องผลิตในสวิต (ยกเว้นเมล็ดโกโก้) อันหมายถึง นม วานิลลาและถั่ว เป็นต้น

    ซึ่งเราควรรู้กันด้วยว่า ช้อคโกแลตนมนั้นถูกคิดค้นขึ้นครั้งแรกบนโลกที่สวิตเซอร์แลนด์ในปี 1875 ครับ โดยนายแดเนียล ปีเตอร์เขาทดลองเอาเมล็ดโกโก้บดไปผสมกับนมข้นที่ผลิตโดยนายเฮนรี่ เนสท์เล่ (Nestle)

    แล้วต่อมานายโรดอล์ฟ ลินดท์ (Rodolphe Lindt) ก็คิดค้นกระบวนการกวนช้อคโกแลทเพื่อให้รสชาติขมๆหายไป เหลือแต่ความหวานอร่อยของโกโก้

    คือ คนแต่ก่อนเขารับประทานโกโก้กันแบบขมๆและไม่มีช้อคโกแลตนมครับ พอชาวสวิสผลิตขึ้นมาเป็นเจ้าแรก ก็เลยดังกันใหญ่

    รัฐบาลเขาเลยต้องคุมเข้มกับแบรนด์ช้อกโกแลตที่จะใช้คำว่า Swiss Made ซึ่งทุกวันนี้ก็มีหลายแบรนด์ที่เรารู้จักกันดี เช่น ทอโบลโรน (Toblerone) , ลินดท์, เนสท์เล่
    .
    .
    .
    ตอนนี้เป็นอันรู้กันประการหนึ่งว่า ช้อคโกแลตสวิสนั้น ส่วนหนึ่งดังเพราะนมวัวสวิสอร่อยและคุณภาพดี

    อันนี้ก็เป็นเหตุผลเดียวกับของช้อคโกแลตญี่ปุ่นยี่ห้อรอยซ์ (Royce) ครับ เพราะรอยซ์ใช้นมวัวคุณภาพดีจากฮอกไกโดในการผลิต

    ส่วนตัวแล้วผมชอบช้อคโกแลตรอยซ์มากกว่าของสวิส เพราะอร่อยกว่าและหวานน้อยกว่า
    .
    .
    .
    ทีนี้มาขอเล่าถึงเมล็ดโกโก้กันบ้าง เพราะเป็นวัตถุดิบสำคัญของช้อคโกแลตเลย

    เมล็ดโกโก้ที่ทั้งสวิตเซอร์แลนด์ ชาติยุโรปและญี่ปุ่นนำมาใช้ทำช้อคโกแลตนั้นมาจากแอฟริกาตะวันตก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอเมริกาใต้ครับ เพราะโกโก้นั้นเติบโตได้ดีในภูมิอากาศร้อนชื้น

    ประเทศผู้ผลิตโกโก้ที่สำคัญก็คือ ไอเวอรี่โคสท์, กาน่า, ไนจีเรีย, แคเมอรูน, เอกวาดอร์, เปรู, อินโดนีเซีย และปาปัวนิวกินี

    ไอเวอรี่โคสท์นั้น ส่งออกโกโก้เยอะที่สุดในโลก คิดเป็น 60% ของโกโก้ทั้งโลกครับ

    แต่โกโก้ที่ได้ชื่อว่าอร่อยที่สุดในโลกนั้น มาจากประเทศกาน่าครับ

    ประเทศต่างๆจึงแย่งกันซื้อเมล็ดโกโก้จากกาน่า เพราะเอาไปทำช้อกโกแลตได้อร่อยที่สุด

    อันเป็นสาเหตุที่บริษัทชื่อดังของเกาหลีคือ “ล้อตเต้" นั้น เอาชื่อประเทศกาน่าไปตั้งเป็นแบรนด์ช้อคโกแลตของตัวเองว่า Ghana กันแบบโต้งๆเลย

    เพื่อเป็นการบอกว่า ช้อคโกแลตของล้อตเต้นั้นมาจากกาน่า (Ghana) แน่นอน ใครที่ซื้อไปรับประทานจะได้ชิมรสช้อคโกแลตจากโกโก้ที่อร่อยที่สุดในโลก

    อันนี้ผมชื่นชมล้อตเต้นะครับที่เขาให้เกียรติประเทศวัตถุดิบด้วย

    นอกจากเกาหลีใต้แล้ว บริษัทญี่ปุ่นอย่างเมจินั้น เขาก็ซื้อโกโก้จากกาน่าเช่นกัน

    ปล. ไนจีเรียนั้นเคยผลิตโกโก้ได้อร่อยไม่แพ้กาน่าเลยครับ แต่พอเขาขุดเจอน้ำมันดิบในช่วงปี 1960-1970 ปุ๊บ ทั้งรัฐบาลและประชาชนก็เลิกปลูกโกโก้ แล้วหันมาหวังพึ่งพาเงินจากการขายน้ำมันดิบแทน

    …เอามาเล่าสู่กันฟังครับ…


    นัทแนะ
    อ่านเอาเรื่อง Ep.91 : ช็อคโกแลท อ่านข่าวดราม่าเรื่องช็อคโกแลทดูไบแล้ว ก็พลอยนึกถึงช็อคโกแลทที่ชื่อเสียงโด่งดังของสวิตเซอร์แลนด์ครับ ก่อนจะไปต่อ ก็ขอเล่าสั้นๆสักนิดให้กับคนที่ตกข่าวเรื่องช็อคโกแบทดูไบครับ กล่าวคือ ในปี 2021 มีผู้หญิงอังกฤษคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในดูไบ เขาทำช้อคโกแลตแบบที่ตัวเองอยากกินขึ้นมา แล้วปรากฏว่าอร่อยและโด่งดัง เธอก็เลยตั้งบริษัทชื่อ Fix ขึ้นมาขายช้อคโกแลตของเธอที่ตั้งชื่อว่า “ช้อคโกแลตดูไบ” ปรากฏว่ามีคนเอาสูตรทำช้อคโกแลตดูไบไปทำกันทั่วโลก ที่ทำกินเองก็มี ที่ทำขายก็มี แล้วก็ใช้ชื่อเรียกว่า “ช้อคโกแลตดูไบ” กันทั่วไปหมด เรื่องมันดราม่าก็ที่ประเทศเยอรมันครับ เพราะคนที่เขานำเข้าช้อคโกแลตดูไบอย่างถูกต้องจากบริษัท Fix ที่ดูไบ เขาไปฟ้องศาลเยอรมันในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ปรากฏว่าศาลตัดสินให้บริษัท Fix ชนะครับ บรรดาร้านขนมที่ทำช้อคโกแลทดูไบขายเองก็จึงวุ่นวายกัน ใครสนใจเรื่องนี้ไปตามอ่านได้ที่เพจ https://www.facebook.com/share/1D9sxkuNdB/?mibextid=wwXIfr นะครับ เขาเขียนไว้ละเอียดมาก ผมเห็นด้วยกับที่ศาลเยอรมันตัดสินแบบนี้ เพราะชื่อประเทศหรือชื่อเมืองก็คือ “แบรนด์” อย่างหนึ่ง . . . ทีนี้ผมจึงมาเล่าถึงช้อคโกแลตสวิสครับ เพราะรัฐบาลสวิสนั้นเขาจริงจังกับสินค้าที่จะแปะคำว่า “Swiss Made" หรือ ”Made in Switzerland" ลงไปในสินค้า ถึงกับออกกำหนดเป็นกฎโดยละเอียดให้ปฏิบัติตามเลย ตัวอย่างเช่น “นาฬิกา” ซึ่งเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงว่า นาฬิกาสวิสมีคุณภาพดี เที่ยงตรงแม่นยำและคุณภาพสูง รัฐบาลสวิสจึงกำหนดกฎไว้ว่า ถ้าผู้ผลิตเจ้าใดอยากเอาคำว่า Swiss Made แปะลงไปบนนาฬิกาแล้ว นาฬิกาเรือนนั้นจะต้อง หนึ่ง…กลไกต้องเป็นแบบสวิส สอง…กลไกต้องประกอบเป็นตัวเรือนขึ้นในสวิตเซอร์แลนด์ สาม…ผู้ผลิตต้องทดสอบคุณภาพขั้นสุดท้ายในสวิตเซอร์แลนด์ สี่…ค่าใช้จ่ายในการผลิตอย่างน้อย 60% ต้องอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ ตรงกฎข้อหนึ่งที่ว่ากลไกนาฬิกาต้องเป็นแบบสวิสนั้น เขาก็กำหนดละเอียดลึกต่อลงไปอีกด้วยครับ กฎทั้งหมดนี้ถูกวางขึ้นเพื่อรักษาคุณภาพแบรนด์สวิสและให้การจ้างงานและรายได้ให้อยู่ในประเทศครับ ทีนี้มาพูดถึงช้อคโกแลตสวิสกันสักทีนะครับ เราคงรู้กันดีอยู่แล้วว่า ช้อคโกแลตนั้นผลิตขึ้นจากเมล็ดโกโก้ซึ่งปลูกได้จากประเทศเมืองร้อนเท่านั้น สวิตเซอร์แลนด์จึงต้องนำเข้าเมล็ดโกโก้ 100% จากแอฟริกา เอเชียและอเมริกาใต้เพื่อเอามาผลิตช้อคโกแลต ทีนี้บางคนอาจถามว่า “เอ้า ในเมื่อเมล็ดโกโก้นำเข้ามาหมดแบบนี้ แล้วทำไมช้อคโกแลตสวิสถึงมีชื่อเสียงล่ะ?” คำตอบก็คือ “คุณภาพของนม” และ “กระบวนการผลิต” ครับ รัฐบาลสวิสจึงกำหนดไว้ว่า ช้อคโกแลตที่จะได้ชื่อว่าเป็นช้อคโกแลตสวิสนั้น จะต้องใช้นมจากวัวที่เลี้ยงอยู่บนเทือกเขาอัลไพน์ ซึ่งมีชื่อเสียงว่าเป็นนมที่อร่อยและมันๆแบบครีมมี่ๆ นอกนั้นก็มีกฎอื่นๆอีก คือ การผลิตช้อคโกแลตต้องทำในประเทศสวิตเซอร์แลนด์, วัตถุดิบ 80% ต้องผลิตในสวิต (ยกเว้นเมล็ดโกโก้) อันหมายถึง นม วานิลลาและถั่ว เป็นต้น ซึ่งเราควรรู้กันด้วยว่า ช้อคโกแลตนมนั้นถูกคิดค้นขึ้นครั้งแรกบนโลกที่สวิตเซอร์แลนด์ในปี 1875 ครับ โดยนายแดเนียล ปีเตอร์เขาทดลองเอาเมล็ดโกโก้บดไปผสมกับนมข้นที่ผลิตโดยนายเฮนรี่ เนสท์เล่ (Nestle) แล้วต่อมานายโรดอล์ฟ ลินดท์ (Rodolphe Lindt) ก็คิดค้นกระบวนการกวนช้อคโกแลทเพื่อให้รสชาติขมๆหายไป เหลือแต่ความหวานอร่อยของโกโก้ คือ คนแต่ก่อนเขารับประทานโกโก้กันแบบขมๆและไม่มีช้อคโกแลตนมครับ พอชาวสวิสผลิตขึ้นมาเป็นเจ้าแรก ก็เลยดังกันใหญ่ รัฐบาลเขาเลยต้องคุมเข้มกับแบรนด์ช้อกโกแลตที่จะใช้คำว่า Swiss Made ซึ่งทุกวันนี้ก็มีหลายแบรนด์ที่เรารู้จักกันดี เช่น ทอโบลโรน (Toblerone) , ลินดท์, เนสท์เล่ . . . ตอนนี้เป็นอันรู้กันประการหนึ่งว่า ช้อคโกแลตสวิสนั้น ส่วนหนึ่งดังเพราะนมวัวสวิสอร่อยและคุณภาพดี อันนี้ก็เป็นเหตุผลเดียวกับของช้อคโกแลตญี่ปุ่นยี่ห้อรอยซ์ (Royce) ครับ เพราะรอยซ์ใช้นมวัวคุณภาพดีจากฮอกไกโดในการผลิต ส่วนตัวแล้วผมชอบช้อคโกแลตรอยซ์มากกว่าของสวิส เพราะอร่อยกว่าและหวานน้อยกว่า . . . ทีนี้มาขอเล่าถึงเมล็ดโกโก้กันบ้าง เพราะเป็นวัตถุดิบสำคัญของช้อคโกแลตเลย เมล็ดโกโก้ที่ทั้งสวิตเซอร์แลนด์ ชาติยุโรปและญี่ปุ่นนำมาใช้ทำช้อคโกแลตนั้นมาจากแอฟริกาตะวันตก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอเมริกาใต้ครับ เพราะโกโก้นั้นเติบโตได้ดีในภูมิอากาศร้อนชื้น ประเทศผู้ผลิตโกโก้ที่สำคัญก็คือ ไอเวอรี่โคสท์, กาน่า, ไนจีเรีย, แคเมอรูน, เอกวาดอร์, เปรู, อินโดนีเซีย และปาปัวนิวกินี ไอเวอรี่โคสท์นั้น ส่งออกโกโก้เยอะที่สุดในโลก คิดเป็น 60% ของโกโก้ทั้งโลกครับ แต่โกโก้ที่ได้ชื่อว่าอร่อยที่สุดในโลกนั้น มาจากประเทศกาน่าครับ ประเทศต่างๆจึงแย่งกันซื้อเมล็ดโกโก้จากกาน่า เพราะเอาไปทำช้อกโกแลตได้อร่อยที่สุด อันเป็นสาเหตุที่บริษัทชื่อดังของเกาหลีคือ “ล้อตเต้" นั้น เอาชื่อประเทศกาน่าไปตั้งเป็นแบรนด์ช้อคโกแลตของตัวเองว่า Ghana กันแบบโต้งๆเลย เพื่อเป็นการบอกว่า ช้อคโกแลตของล้อตเต้นั้นมาจากกาน่า (Ghana) แน่นอน ใครที่ซื้อไปรับประทานจะได้ชิมรสช้อคโกแลตจากโกโก้ที่อร่อยที่สุดในโลก อันนี้ผมชื่นชมล้อตเต้นะครับที่เขาให้เกียรติประเทศวัตถุดิบด้วย นอกจากเกาหลีใต้แล้ว บริษัทญี่ปุ่นอย่างเมจินั้น เขาก็ซื้อโกโก้จากกาน่าเช่นกัน ปล. ไนจีเรียนั้นเคยผลิตโกโก้ได้อร่อยไม่แพ้กาน่าเลยครับ แต่พอเขาขุดเจอน้ำมันดิบในช่วงปี 1960-1970 ปุ๊บ ทั้งรัฐบาลและประชาชนก็เลิกปลูกโกโก้ แล้วหันมาหวังพึ่งพาเงินจากการขายน้ำมันดิบแทน …เอามาเล่าสู่กันฟังครับ… นัทแนะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 662 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนยันเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สั่งระงับอย่างครอบคลุมเงินช่วยเหลือที่มอบแก่ต่างประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอกย้ำนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน"
    .
    "ผมระงับการจ้างงานรัฐบาลกลาง ระงับกฎเกณฑ์รัฐบาลกลาง และระงับเงินช่วยเหลือต่างประเทศ" ทรัมป์บอกกับฝูงชนผู้สนับสนุนลาสเวกัสเมื่อวันเสาร์(25ม.ค.) "และผมจัดตั้งกระทรวงฯใหม่ กระทรวงกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล และเรากำลังจะมีคนดีๆมากมาย"
    .
    ไม่นานหลังจากสาบานตนรับตำแหน่งในวันจันทร์ที่ 20 มกราคม ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งบริหารระงับโครงการช่วยเหลือพัฒนาต่างประเทศทั้งหมดเป็นเวลา 90 วัน โดยระหว่างนี้จะดำเนินการทบทวนเพื่อสรุปว่าโครงการช่วยเหลือเหล่านั้นสอดคล้องกับเป้าหมายต่างๆในนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" หรือไม่
    .
    ระหว่างการรณรงค์หาเสียง ทรัมป์ประกาศว่าจะปรับลดการใช้จ่ายที่ไม่ก่อประโยชน์ และปรับโฟกัสของรัฐบาลให้กันมาใส่ใจกับประเด็นภายในประเทศ อย่างเช่นตัวเลขหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ และต่อสู้จัดการกับพวกผู้อพยพผิดกฎหมาย
    .
    ในวันเสาร์(25ม.ค.) มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ออกบันทึกฉบับหนึ่ง ระงับการเบิกจ่ายเงินผ่านกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐฯ(USAID) แต่มีข้อยกเว้นให้บางส่วน ในนั้นรวมถึงความช่วยเหลือด้านการทหารที่ป้อนแก่อิสราเอลและอียิปต์
    .
    ก่อนหน้านี้ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ(22ม.ค.) รูบิโอ กล่าวว่า "ทุกๆดอลลาร์ที่เราใช้จ่าย ทุกๆโครงการที่เราให้เงินสนับสนุน และทุกๆนโยบายที่เราเสาะหา จำเป็นต้องมีความชอบธรรม ด้วยคำตอบใน 3 คำถามง่ายๆ นั่นคือ มันทำให้อเมริกาปลอดภัยขึ้นหรือไม่ มันทำให้อเมริกาเข้มแข็งขึ้นหรือเปล่า และมันทำให้อเมริกาเจริญรุ่งเรืองหรือไม่"
    .
    แม้รายงานข่าวก่อนหน้านี้ระบุกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ อ้างว่าการระงับเงินช่วยเหลือจะไม่ส่งผลกระทบต่อาวุธที่ส่งมอบแก่ยูเครน แต่สื่อมวลชนหลายแห่งรายงานว่าบันทึกของรูบิโอ ไม่ได้พาดพิงถึงข้อยกเว้นใดๆสำหรับเงินช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนและพันธมิตรหลักอื่นๆ อย่างเช่นไต้หวันและบรรดาชาติสมาชิกนาโต
    .
    ที่ผ่านมา ทรัมป์ วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน บ่อยครั้ง สำหรับการส่งมอบความช่วยเหลือหลายหมื่้นล้านดอลลาร์แก่ยูเครน พร้อมสัญญาว่าจะผลักดันให้หาทางออกทางการทูตแทน ในวิกฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน
    .
    อดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสของสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ เปิดเผยโดยไม่ขอระบุนามว่า คำสั่งของ ทรัมป์จะทำให้หลายองค์กรต้องหยุดกิจกรรมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบริการด้านสุขภาพที่อาจช่วยชีวิตคน การรักษาเอชไอวี โภชนาการ สุขภาพแม่และเด็ก งานด้านการเกษตร การสนับสนุนองค์กรประชาสังคม และด้านการศึกษา
    .
    ตัวเลขจากรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า อเมริกาคือผู้บริจาคเงินช่วยเหลือต่างประเทศรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยพวกเขาบริจาคเงินกว่า 6.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.28 ล้านล้านบาท) ในปี 2023 โดยอิสราเอลได้รับเงินช่วยเหลือทางทหารปีละ 3.3 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่อียิปต์ได้รับ 1.3 พันล้านดอลลาร์
    .
    บรรดาประเทศและดินแดนที่จะได้รับเงินสนับสนุนในลักษณะเดียวกันในปี 2025 ได้แก่ ยูเครน จอร์เจีย เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย ไต้หวัน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย เวียดนาม จิบูติ โคลอมเบียมปานามา เอกวาดอร์ อิสราเอล อียิปต์ และจอร์แดน ตามคำขอของรัฐบาลไบเดนที่ยื่นต่อสภาคองเกรส
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008314
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนยันเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สั่งระงับอย่างครอบคลุมเงินช่วยเหลือที่มอบแก่ต่างประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอกย้ำนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" . "ผมระงับการจ้างงานรัฐบาลกลาง ระงับกฎเกณฑ์รัฐบาลกลาง และระงับเงินช่วยเหลือต่างประเทศ" ทรัมป์บอกกับฝูงชนผู้สนับสนุนลาสเวกัสเมื่อวันเสาร์(25ม.ค.) "และผมจัดตั้งกระทรวงฯใหม่ กระทรวงกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล และเรากำลังจะมีคนดีๆมากมาย" . ไม่นานหลังจากสาบานตนรับตำแหน่งในวันจันทร์ที่ 20 มกราคม ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งบริหารระงับโครงการช่วยเหลือพัฒนาต่างประเทศทั้งหมดเป็นเวลา 90 วัน โดยระหว่างนี้จะดำเนินการทบทวนเพื่อสรุปว่าโครงการช่วยเหลือเหล่านั้นสอดคล้องกับเป้าหมายต่างๆในนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" หรือไม่ . ระหว่างการรณรงค์หาเสียง ทรัมป์ประกาศว่าจะปรับลดการใช้จ่ายที่ไม่ก่อประโยชน์ และปรับโฟกัสของรัฐบาลให้กันมาใส่ใจกับประเด็นภายในประเทศ อย่างเช่นตัวเลขหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ และต่อสู้จัดการกับพวกผู้อพยพผิดกฎหมาย . ในวันเสาร์(25ม.ค.) มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ออกบันทึกฉบับหนึ่ง ระงับการเบิกจ่ายเงินผ่านกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐฯ(USAID) แต่มีข้อยกเว้นให้บางส่วน ในนั้นรวมถึงความช่วยเหลือด้านการทหารที่ป้อนแก่อิสราเอลและอียิปต์ . ก่อนหน้านี้ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ(22ม.ค.) รูบิโอ กล่าวว่า "ทุกๆดอลลาร์ที่เราใช้จ่าย ทุกๆโครงการที่เราให้เงินสนับสนุน และทุกๆนโยบายที่เราเสาะหา จำเป็นต้องมีความชอบธรรม ด้วยคำตอบใน 3 คำถามง่ายๆ นั่นคือ มันทำให้อเมริกาปลอดภัยขึ้นหรือไม่ มันทำให้อเมริกาเข้มแข็งขึ้นหรือเปล่า และมันทำให้อเมริกาเจริญรุ่งเรืองหรือไม่" . แม้รายงานข่าวก่อนหน้านี้ระบุกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ อ้างว่าการระงับเงินช่วยเหลือจะไม่ส่งผลกระทบต่อาวุธที่ส่งมอบแก่ยูเครน แต่สื่อมวลชนหลายแห่งรายงานว่าบันทึกของรูบิโอ ไม่ได้พาดพิงถึงข้อยกเว้นใดๆสำหรับเงินช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนและพันธมิตรหลักอื่นๆ อย่างเช่นไต้หวันและบรรดาชาติสมาชิกนาโต . ที่ผ่านมา ทรัมป์ วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน บ่อยครั้ง สำหรับการส่งมอบความช่วยเหลือหลายหมื่้นล้านดอลลาร์แก่ยูเครน พร้อมสัญญาว่าจะผลักดันให้หาทางออกทางการทูตแทน ในวิกฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน . อดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสของสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ เปิดเผยโดยไม่ขอระบุนามว่า คำสั่งของ ทรัมป์จะทำให้หลายองค์กรต้องหยุดกิจกรรมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบริการด้านสุขภาพที่อาจช่วยชีวิตคน การรักษาเอชไอวี โภชนาการ สุขภาพแม่และเด็ก งานด้านการเกษตร การสนับสนุนองค์กรประชาสังคม และด้านการศึกษา . ตัวเลขจากรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า อเมริกาคือผู้บริจาคเงินช่วยเหลือต่างประเทศรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยพวกเขาบริจาคเงินกว่า 6.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.28 ล้านล้านบาท) ในปี 2023 โดยอิสราเอลได้รับเงินช่วยเหลือทางทหารปีละ 3.3 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่อียิปต์ได้รับ 1.3 พันล้านดอลลาร์ . บรรดาประเทศและดินแดนที่จะได้รับเงินสนับสนุนในลักษณะเดียวกันในปี 2025 ได้แก่ ยูเครน จอร์เจีย เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย ไต้หวัน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย เวียดนาม จิบูติ โคลอมเบียมปานามา เอกวาดอร์ อิสราเอล อียิปต์ และจอร์แดน ตามคำขอของรัฐบาลไบเดนที่ยื่นต่อสภาคองเกรส . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008314 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Sad
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1604 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาวมาเลย์ฯ เที่ยวไทย กลายเป็นผู้สูญหาย

    เมื่อสัปดาห์ก่อน สื่อมวลชนประเทศมาเลเซีย รายงานว่า แอนดี้ จี ยัง คิท (Andy Jee Yung Kit) อายุ 30 ปี ชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน สูง 170 เซนติเมตร ผิวคล้ำ และรูปร่างท้วม ภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอกูชิง รัฐซาราวัก บนเกาะบอร์เนียว แต่ทำงานที่ประเทศสิงคโปร์ ได้สูญหายและขาดการติดต่อ หลังจากไปเที่ยวที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 8 ม.ค. แต่เพื่อนร่วมงานได้แจ้งให้ครอบครัวทราบว่าหายตัวไป หลังจากไม่มาทำงานติดต่อกันสองวันหลังจากวันลาหยุด ทำให้ครอบครัวต้องเร่งค้นหาอย่างเร่งด่วน

    โดยลูกพี่ลูกน้องของนายแอนดี้ ได้ประกาศตามหาผ่านแพลตฟอร์มเสี่ยวหงซู (Xiao Hong Shu) เป็นภาษาจีน ระบุว่า นายแอนดี้เดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อไปท่องเที่ยว ต้องเดินทางกลับประเทศสิงคโปร์ในวันที่ 15 ม.ค. กระทั่งเพื่อนร่วมงานแจ้งกับญาติว่า นายแอนดี้ไม่ได้มาทำงานหลังจากวันหยุด จึงทราบว่าหายตัวไปราวสองสามวันแล้ว โทรศัพท์ของเขาถูกตัดการติดต่อ และไม่มีข่าวคราวใดๆ ก่อนหน้านี้นายแอนดี้บอกญาติพี่น้อง และเพื่อนร่วมงานแต่เพียงว่า จะไปประเทศไทยด้วยกันกับเพื่อนเท่านั้น ไม่มีใครรู้ว่าเพื่อนของเขาคือใคร

    ล่าสุด ครอบครัวของนายแอนดี้เดินทางมาที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อขอความช่วยเหลือจากสถานทูตมาเลเซียประจำประเทศสิงคโปร์ ตรวจสอบว่านายแอนดี้กลับเข้าประเทศหรือไม่ แต่หากไม่พบเบาะแสใดๆ ครอบครัวกำลังวางแผนที่จะเดินทางไปยังกรุงเทพฯ เพื่อตามหานายแอนดี้อีกทางหนึ่ง

    ประเทศไทยตกเป็นข่าวว่าเป็นทางผ่านของขบวนการสแกมเมอร์ ต้นเดือนที่ผ่านมา หวาง ซิง (Wang Xing) นักแสดงชาวจีนวัย 22 ปี ได้รับความช่วยเหลือออกจากเครือข่ายค้ามนุษย์ หลังจากถูกหลอกให้ไปถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย มีรายงานว่าเขาถูกบังคับให้ฝึกอบรมเป็นสแกมเมอร์ในประเทศเมียนมา

    ก่อนหน้านี้ แจ็กเกอลีน เชิง (Jacquelin Ch'ng) นักแสดงสาวชาวมาเลเซียวัย 44 ปี ที่อาศัยและทำงานวงการบันเทิงกับสถานีโทรทัศน์ทีวีบี (TVB) ในฮ่องกง ออกมาเปิดเผยข้อความต้องสงสัยที่เชื่อว่าอาจมีการหลอกลวงเกิดขึ้น เพราะได้รับข้อตกลงการจ้างงานเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับสินค้าเป็นภาษาจีน ที่ได้รับจากเอเจนซีโฆษณาแห่งหนึ่งในประเทศไทย ระบุว่า แบรนด์ชุดว่ายน้ำแบรนด์หนึ่งสนใจที่จะร่วมงาน โดยระบุจังหวัดภูเก็ตและเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เป็นสถานที่ถ่ายทำชุดว่ายน้ำ พร้อมกับขอเสนอสิทธิ์ใช้ภาพเป็นเวลา 6 เดือน ลูกค้ามีงบประมาณ 6 หลักในการถ่ายทำ จึงขอเชิญร่วมงาน ซึ่งข้อความที่คลุมเครือดังกล่าวทำให้เชิงเริ่มสงสัย และแสดงความกังวลว่าจะตรวจสอบได้อย่างไรว่างานโฆษณาที่ถ่ายทำในประเทศไทยเป็นของจริงหรือของปลอม

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    ชาวมาเลย์ฯ เที่ยวไทย กลายเป็นผู้สูญหาย เมื่อสัปดาห์ก่อน สื่อมวลชนประเทศมาเลเซีย รายงานว่า แอนดี้ จี ยัง คิท (Andy Jee Yung Kit) อายุ 30 ปี ชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน สูง 170 เซนติเมตร ผิวคล้ำ และรูปร่างท้วม ภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอกูชิง รัฐซาราวัก บนเกาะบอร์เนียว แต่ทำงานที่ประเทศสิงคโปร์ ได้สูญหายและขาดการติดต่อ หลังจากไปเที่ยวที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 8 ม.ค. แต่เพื่อนร่วมงานได้แจ้งให้ครอบครัวทราบว่าหายตัวไป หลังจากไม่มาทำงานติดต่อกันสองวันหลังจากวันลาหยุด ทำให้ครอบครัวต้องเร่งค้นหาอย่างเร่งด่วน โดยลูกพี่ลูกน้องของนายแอนดี้ ได้ประกาศตามหาผ่านแพลตฟอร์มเสี่ยวหงซู (Xiao Hong Shu) เป็นภาษาจีน ระบุว่า นายแอนดี้เดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อไปท่องเที่ยว ต้องเดินทางกลับประเทศสิงคโปร์ในวันที่ 15 ม.ค. กระทั่งเพื่อนร่วมงานแจ้งกับญาติว่า นายแอนดี้ไม่ได้มาทำงานหลังจากวันหยุด จึงทราบว่าหายตัวไปราวสองสามวันแล้ว โทรศัพท์ของเขาถูกตัดการติดต่อ และไม่มีข่าวคราวใดๆ ก่อนหน้านี้นายแอนดี้บอกญาติพี่น้อง และเพื่อนร่วมงานแต่เพียงว่า จะไปประเทศไทยด้วยกันกับเพื่อนเท่านั้น ไม่มีใครรู้ว่าเพื่อนของเขาคือใคร ล่าสุด ครอบครัวของนายแอนดี้เดินทางมาที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อขอความช่วยเหลือจากสถานทูตมาเลเซียประจำประเทศสิงคโปร์ ตรวจสอบว่านายแอนดี้กลับเข้าประเทศหรือไม่ แต่หากไม่พบเบาะแสใดๆ ครอบครัวกำลังวางแผนที่จะเดินทางไปยังกรุงเทพฯ เพื่อตามหานายแอนดี้อีกทางหนึ่ง ประเทศไทยตกเป็นข่าวว่าเป็นทางผ่านของขบวนการสแกมเมอร์ ต้นเดือนที่ผ่านมา หวาง ซิง (Wang Xing) นักแสดงชาวจีนวัย 22 ปี ได้รับความช่วยเหลือออกจากเครือข่ายค้ามนุษย์ หลังจากถูกหลอกให้ไปถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย มีรายงานว่าเขาถูกบังคับให้ฝึกอบรมเป็นสแกมเมอร์ในประเทศเมียนมา ก่อนหน้านี้ แจ็กเกอลีน เชิง (Jacquelin Ch'ng) นักแสดงสาวชาวมาเลเซียวัย 44 ปี ที่อาศัยและทำงานวงการบันเทิงกับสถานีโทรทัศน์ทีวีบี (TVB) ในฮ่องกง ออกมาเปิดเผยข้อความต้องสงสัยที่เชื่อว่าอาจมีการหลอกลวงเกิดขึ้น เพราะได้รับข้อตกลงการจ้างงานเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับสินค้าเป็นภาษาจีน ที่ได้รับจากเอเจนซีโฆษณาแห่งหนึ่งในประเทศไทย ระบุว่า แบรนด์ชุดว่ายน้ำแบรนด์หนึ่งสนใจที่จะร่วมงาน โดยระบุจังหวัดภูเก็ตและเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เป็นสถานที่ถ่ายทำชุดว่ายน้ำ พร้อมกับขอเสนอสิทธิ์ใช้ภาพเป็นเวลา 6 เดือน ลูกค้ามีงบประมาณ 6 หลักในการถ่ายทำ จึงขอเชิญร่วมงาน ซึ่งข้อความที่คลุมเครือดังกล่าวทำให้เชิงเริ่มสงสัย และแสดงความกังวลว่าจะตรวจสอบได้อย่างไรว่างานโฆษณาที่ถ่ายทำในประเทศไทยเป็นของจริงหรือของปลอม #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 827 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทัศนะนักวิเคราะห์ชาวจีนมองการเมืองอเมริกัน "ยุคของทรัมป์จะทำให้อเมริกาคล้ายจีนมากขึ้น"

    ก่อนอื่นเมื่อคืนนี้ อีลอน มัสก์ ทำเอาทั้งซ้ายและไม่ซ้ายสะดุ้งกันไปหมด เพราะขณะที่กำลังปราศรัยเขาก็ตบหน้าอกแล้วชูมือขึ้นทำท่าเหมือนการทักทาย (และแสดงพลัง) ของพวกฟาสซิสต์ 

    ผมเห็นท่านี้พร้อมกับคำที่เขาพูดว่า “My heart goes out to you,”  แล้วตบหน้าอกจากนั้นเหมือนเขวี้ยงหัวใจไปให้ผู้ฟัง ถ้าหยวนๆ หน่อยก็คิดว่าเขาแค่โยนหัวใจปันให้แฟนๆ บางคนก็บอกว่า "นี่มันแค่ Roman salute" 
    แต่ถ้าไม่หยวนกับมัสก์ก็อดคิดไม่ได้ว่า "นี่มันขวาจัดกันไปใหญ่แล้ว"

    ไม่ใช่เรื่องปกปิดอะไรที่มัสก์สนับสนุนฝ่ายขวาจัด ไม่ใช่แค่ในสหรัฐฯ แต่กำลังสนับสนุนในยุโรปด้วย เช่น มัสก์ประกาศจะหนุนทุนให้กับพรรค Reform UK ซึ่งเป็นพรรคขวาจัดของสหราชอาณาจักร ต่อต้านผู้อพยพ และสนับสนุนชาตินิยมอังกฤษ

    มัสก์ ยังสนับสนุนพรรคขวาจัดในเยอรมนีโดยเขียนไว้ใน X ว่า "Only AfD can save Germany" - AfD คือชื่อย่อของพรรค "ทางเลือกเพื่อเยอรมนี" (Alternative für Deutschland) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายขวา ต่อต้านคนต่างด้าว ต่อต้านผู้อพยพ สนับสนุนค่านิยมคริสเตียนและไม่เอาชาวมุสลิม

    มัสก์และทีมทรัมป์กำลังฟอร์มแนวร่วมพลังขวาในโลกตะวันตก แน่นอนว่าคราวนี้ไม่ใช่แค่เล่นๆ เพราะทรัมป์มีอำนาจและมัสก์มีเงินและเครือข่าย

    แนวโน้มที่โลกตะวันตกกำลังจะขวาจัดๆ ฝ่ายจีนก็มองเห็นเรื่องนี้ หลังจากเลือกตั้งผมได้เขียนสรุปทัศนะของ "ทู่จู่ซี" (兔主席) ซึ่งเป็นนามปากกาของ "เริ่นอี้" (任意) นักเขียนคอลัมน์การเมืองชาวจีนที่ได้รับความนิยมในโซเชียลมีเดียจีน เขาถือเป็นกลุ่ม "หงซานไต้" (红三代) หรือลูกหลานรุ่นที่ 3 ของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน เป็นหลานชายของ เริ่นจ้งอี๋ (任仲夷) อดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนและอดีตเลขาธิการคนแรกของคณะกรรมการมณฑลกวางตุ้งของพรรคคอมมิวนิสต์จีน  

    ในด้านความรู้ทางการเมืองตะวันตก เขาได้รับเชิญจากศาสตราจารย์ เอซรา ไฟเวล วอเกล (Ezra Feivel Vogel) นักจีนวิทยาชาวอเมริกัน และศาสตราจารย์ด้านสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ให้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยวิจัยเกี่ยวกับ "ยุคปฏิรูปของจีน" และช่วยเขาค้นคว้าเรื่อง "ยุคเติ้งเสี่ยวผิง" ต่อมาเขาได้รับปริญญาโทจากวิทยาลัยยการเมืองเคนเนดีของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและทำงานที่ศูนย์แฟร์แบงก์เพื่อการศึกษาเอเชียตะวันออก หลังจากสำเร็จการศึกษา เขาทำงานให้กับธนาคารเพื่อการลงทุนของจีนในปักกิ่ง

    เขาเขียนทัศนะด้านการเมืองเผยแพร่เป็นบทความในสื่อต่างๆ ของจีน รวมถึงในโซเชียลมีเดียของจีน ความคิดเห็นของเขามักถูกอ้างอิงโดยสื่อกระแสหลัก และ เขาอ้างว่าบทความบางบทความของเขาถูกใช้เป็น "ข้อมูลอ้างอิงภายใน" สำหรับเจ้าหน้าที่จีน โดยที่บทความของเขาในปี 2020 เรื่อง "ไม่ใช่รัฐบาลจีนที่ปลุกชาตินิยมจีน แต่เป็นนักการเมืองอเมริกัน" ได้รับการตีพิมพ์ซ้ำโดย People's Daily Online  

    1. "ทู่จู่ซี" มองว่า ชัยชนะของทรัมป์เหนือพรรคเดโมแครต คือ "ชัยชนะของการปฏิวัติระดับรากหญ้า" เขาชี้ว่าการเผชิญหน้าระหว่างฝ่ายทรัมป์และฝ่ายแฮร์ริส โดยพื้นฐานแล้ว เป็นการเผชิญหน้าระหว่างคนระดับรากหญ้าและประชาชนคนสามัญของสหรัฐฯ กับกลุ่มผู้ปกครองชั้นนำของสหรัฐฯ และมองว่านี่คือยุทธศาสตร์ “ป่าล้อมเมือง” ซึ่งทัศนะนี้ของ "ทู่จู่ซี" คล้ายกับความเห็นของชาวอเมริกันบางคนที่ตำหนิว่าพรรคเดโมแครตทรยศฐานเสียงของตัวเองที่แต่เดิมเป็นพวกคนรากหญ้าและแรงงาน แต่หันมาเน้นเรื่องการเมืองชิงอัตลักษณ์ คือแนวคิดเรื่อง Woke และยังสนองวาระของกลุ่มชนชั้นนำด้วยการสนับสนุนสงครามในยูเครนและสงครามในตะวันออกกลาง ทำให้พรรครีพับลิกันหันมาจับกลุ่มรากหญ้าแทนจนประสบความสำเร็จ รวมถึงกลุ่มคนอเมริกันเชื้อสายตะวันออกกลาง

    2. "ทู่จู่ซี" มองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ และกระบวนการนั้นได้เสร็จสิ้นงแล้ว ซึ่งพรรครีพับลิกันได้กลายเป็นพรรคที่มีชนชั้นกลางและชั้นล่างเป็นรากฐานหลัก และผ่านการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรครีพับลิกันได้รวมเอาคนผิวสี ละติน และคนหนุ่มสาวเข้ามาด้วย ทำให้ภาพลักษณ์ของพรรครีพับลิกันไม่ใช่ตัวแทนของนายทุนใหญ่ นักอุตสาหกรรมใหญ่ นักการเงินใหญ่ และชนชั้นกระฎุมพี" อีกต่อไป แต่กลายเป็นพรรคของคนอเมริกันคนเดินดิน 

    3. "ทู่จู่ซี" ชี้ว่าทรัมป์ได้กลายเป็นประธานาธิบดีที่ทรงอำนาจที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา เพราะไม่เพียงแต่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี แต่พรรครีพับลิกันยังชนะการเลือกตั้งวุฒิสภา และคาดว่าจะรวบรวมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้ ในเวลาเดียวกัน "ในศาลฎีกา พรรครีพับลิกัน/อนุรักษ์นิยมมีข้อได้เปรียบอย่างชัดเจนถึง 6:3 (รวมถึงผู้พิพากษาสามคนที่ทรัมป์คัดเลือกด้วยตัวเอง) ทั้งสามอำนาจรวมกันเป็นหนึ่ง และควรเห็นว่าพรรครีพับลิกันในปัจจุบันไม่ใช่พรรครีพับลิกันเมื่อ 4 ปีที่แล้ว หรือพรรครีพับลิกันเมื่อ 8 ปีที่แล้ว แต่เป็นพรรคของทรัมป์เท่านั้น ชื่อที่เหมาะสมกว่าคือ พรรคทรัมป์ การรวมอำนาจและอิทธิพลนี้คงไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์อเมริกา ทรัมป์อาจเป็นประธานาธิบดีที่มีอำนาจมากที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา" 

    4. แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะมีประธานาธิบดีที่ทรงอำนาจที่สุดในประวัติศาสตร์ ได้รับการสนับสนุนอย่างกระตือรือร้นจากชาวอเมริกันกว่าครึ่งประเทศ แต่การเมืองของอเมริกาก็แตกแยกกันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และสังคมก็แตกแยกกันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน "ชาวอเมริกันครึ่งหนึ่งเชื่อว่าสหรัฐอเมริกาได้เข้าสู่ยุคมืดแล้ว" ประชากรครึ่งหนึ่งเชื่อว่านักการเมืองอันธพาลที่มีนิสัยเลวร้ายอย่างยิ่ง เช่น ฮิตเลอร์ ฟาสซิสต์ และนาซี ได้ขึ้นมามีอำนาจ และจะทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายทุกสิ่งที่ประชาชนรู้เกี่ยวกับระบบของอเมริกาภายในสี่ปีข้างหน้า และนำประเทศไปในทิศทางอื่น พวกเขาสับสนและสิ้นหวังอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนเกี่ยวกับอนาคตของประเทศ

    สังคมการเมืองอเมริกันหลังการกลับเข้ามามีอำนาจของทรัมป์จะทำให้เกิดค่านิยมใหม่ "ทู่จู่ซี"  มองว่า

    1) ในแง่ของรัฐบาล ประการแรกคือการเสริมอำนาจของประธานาธิบดี/ฝ่ายบริหารอย่างมาก โดยประธานาธิบดีเป็นผู้นำศูนย์กลางทางการเมือง แผ่ขยายไปยังฝ่ายนิติบัญญัติและตุลาการ เพิ่มความเผด็จการ เพิ่มความเข้มข้นของการตัดสินใจ ปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินการของรัฐบาล และลบขั้นตอนราชการที่ไม่จำเป็นออกจากระบบเก่า

    2) ในแง่นโยบายเศรษฐกิจและสังคมในประเทศ จะมุ่งที่ ระบบตลาดนิยม" นั่นคือการมีรัฐบาลขนาดเล็กเพื่อลดการแทรกแซงตลาด ลดภาษีให้ต่ำลง ลดกฎระเบียบในตลาดให้น้อยลง ใช้แรงผลักดันของตลาดเพื่อดึงดูดเงินทุนไหลกลับ เรียกร้องให้บริษัทอเมริกันกลับมายังสหรัฐอเมริกาเพื่อการลงทุนและการก่อสร้างเพิ่มเติม

    3) ในแง่วัฒนธรรมในประเทศ จะส่งเสริมและพัฒนาความเป็นชาตินิยม ความรักชาติ และชาตินิยมของอเมริกาอย่างเข้มแข็ง อยางที่ เจดี แวนซ์ (JD Vance) ว่าที่รองประธานาธิบดีบอกว่า สหรัฐอเมริกาเป็น "ชาติ" สร้างสถานะทางวัฒนธรรมที่คนผิวขาว และต่อต้านเสรีนิยม/พวกหัวก้าวหน้า/Woke รัฐบาลใหม่จะมีอิทธิพลและกำหนดรูปแบบสังคมอเมริกันผ่านคำสั่งของศาลฎีกา การตรากฎหมาย คำสั่งของรัฐบาล สุนทรพจน์ของผู้นำทางการเมืองและผู้นำทางความคิด

    4) ในแง่เศรษฐกิจต่างประเทศ ระบอบทรัมป์จะต่อต้านโลกาภิวัตน์ ต่อต้านการค้าเสรี ต่อต้านกรอบแนวคิดเสรีนิยมใหม่ ยกระดับการใช้เครื่องมือภาษีศุลกากรเพื่อกีดกันสินค้าจากต่างประเทศอย่างครอบคลุม เพื่อกดดันและจูงใจในการพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศของสหรัฐฯ

    5) ในแง่การเมืองระหว่างประเทศ สหรัฐฯ ในยุคนี้จะ "ลัทธิโดดเดี่ยว" และ "ลัทธิไม่แทรกแซง" นั่นคือสหรัฐฯ จะหันมาสนใจเรื่องของตัวเองมากกขึ้นและไม่แทรกแซงกิจการต่างประเทศมากเท่าเดิม ลดการลงทุนในภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ (เช่น อันฉีดงบประมาณด้านสงคราม) ลดการใช้เงินไปกับการรักษาระเบียบระหว่างประเทศที่นำโดยสหรัฐฯ และประเมินความสัมพันธ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ และพันธมิตรใหม่

    6) ในการบรรลุเป้าหมายข้างต้น รัฐบาลทรัมป์จะได้รับการสนับสนุนจาก อีลอน มัสก์ ผู้สนับสนุนคนสำคัญของเขาในการสร้างกลุ่มอำนาจ "ซิลิคอนวัลเลย์ใหม่" ซึ่งต่างจากกลุ่มซิลิคอนวัลเลย์ที่สนับสนุนเสรีนิยม "ซิลิคอนวัลเลย์ใหม่" จะเป็นการก่อตัวของพันธมิตรทางการเมืองใหม่ด้านเทคโนโลยี-อำนาจนิยม-อนุรักษ์นิยม

    แง่มุมสุดท้ายมีความน่าสนใจอยางยิ่ง เพราะจะเป็นการก่อตัวใหม่ของกลุ่มอำนาจใหม่ด้านการเมืองและธุรกิจเทค "ทู่จู่ซี" แสดงทัศนะว่า "ค่านิยมของชาวอเมริกันรุ่นใหม่ในประเด็นเศรษฐกิจนั้น “เอียงซ้าย” เชื่อในลัทธิก้าวหน้า เห็นอกเห็นใจลัทธิสังคมนิยม และไม่ต่อต้านลัทธิสังคมนิยม กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในแง่ของค่านิยมทางเศรษฐกิจ พวกเขาจะคล้ายคลึงกับเรา (จีน) ในอนาคตมากขึ้น การที่ทรัมป์ขึ้นสู่อำนาจจะเปลี่ยนทัศนคติของคนหนุ่มสาวในประเด็นเศรษฐกิจหรือไม่ เป็นเรื่องยากที่จะบอก" 

    "แต่ท้ายที่สุดแล้ว ทรัมป์เป็นพรรคการเมืองระดับรากหญ้า เป็นพรรคการเมืองประชานิยม และให้ความสำคัญกับการจ้างงานและการอยู่รอดของคนธรรมดาสามัญ ดังนั้น พรรคทรัมป์จึงสามารถรวมนโยบายเศรษฐกิจฝ่ายซ้ายได้ ในทางกลับกัน พันธมิตรทางการเมืองแบบเทคโน-เผด็จการ-อนุรักษ์นิยมของทรัมป์ (และมัสก์) จะนำลัทธิเผด็จการ การปกครองแบบเผด็จการ และความเป็นผู้นำที่เข้มแข็งมาสู่วัฒนธรรมการเมืองของอเมริกา ซึ่งจะคล้ายคลึงกับแนวทางของเอเชียตะวันออกมากขึ้น กล่าวอีกนัยหนึ่ง มีความเป็นไปได้ที่อเมริกาในอนาคตจะคล้ายคลึงกับเรา (จีน) มากขึ้น" 

    "ทู่จู่ซี" กล่าวไว้แบบนี้ และบทความนี้ได้รับความนิยมในจีนค่อนข้างมากในช่วงหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ใหม่ๆ

    ส่วนตัวผมค่อนข้างเห็นด้วยกับ "ทู่จู่ซี" และตามแนวโน้มความเป็นขวาที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในการเมืองสหรัฐฯ และยุโรปมาระยะหนึ่งแล้ว

    ที่มา เฟซบุ๊ก Kornkit Disthan
    https://www.facebook.com/share/p/149JGAqSR9/?
    ทัศนะนักวิเคราะห์ชาวจีนมองการเมืองอเมริกัน "ยุคของทรัมป์จะทำให้อเมริกาคล้ายจีนมากขึ้น" ก่อนอื่นเมื่อคืนนี้ อีลอน มัสก์ ทำเอาทั้งซ้ายและไม่ซ้ายสะดุ้งกันไปหมด เพราะขณะที่กำลังปราศรัยเขาก็ตบหน้าอกแล้วชูมือขึ้นทำท่าเหมือนการทักทาย (และแสดงพลัง) ของพวกฟาสซิสต์  ผมเห็นท่านี้พร้อมกับคำที่เขาพูดว่า “My heart goes out to you,”  แล้วตบหน้าอกจากนั้นเหมือนเขวี้ยงหัวใจไปให้ผู้ฟัง ถ้าหยวนๆ หน่อยก็คิดว่าเขาแค่โยนหัวใจปันให้แฟนๆ บางคนก็บอกว่า "นี่มันแค่ Roman salute"  แต่ถ้าไม่หยวนกับมัสก์ก็อดคิดไม่ได้ว่า "นี่มันขวาจัดกันไปใหญ่แล้ว" ไม่ใช่เรื่องปกปิดอะไรที่มัสก์สนับสนุนฝ่ายขวาจัด ไม่ใช่แค่ในสหรัฐฯ แต่กำลังสนับสนุนในยุโรปด้วย เช่น มัสก์ประกาศจะหนุนทุนให้กับพรรค Reform UK ซึ่งเป็นพรรคขวาจัดของสหราชอาณาจักร ต่อต้านผู้อพยพ และสนับสนุนชาตินิยมอังกฤษ มัสก์ ยังสนับสนุนพรรคขวาจัดในเยอรมนีโดยเขียนไว้ใน X ว่า "Only AfD can save Germany" - AfD คือชื่อย่อของพรรค "ทางเลือกเพื่อเยอรมนี" (Alternative für Deutschland) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายขวา ต่อต้านคนต่างด้าว ต่อต้านผู้อพยพ สนับสนุนค่านิยมคริสเตียนและไม่เอาชาวมุสลิม มัสก์และทีมทรัมป์กำลังฟอร์มแนวร่วมพลังขวาในโลกตะวันตก แน่นอนว่าคราวนี้ไม่ใช่แค่เล่นๆ เพราะทรัมป์มีอำนาจและมัสก์มีเงินและเครือข่าย แนวโน้มที่โลกตะวันตกกำลังจะขวาจัดๆ ฝ่ายจีนก็มองเห็นเรื่องนี้ หลังจากเลือกตั้งผมได้เขียนสรุปทัศนะของ "ทู่จู่ซี" (兔主席) ซึ่งเป็นนามปากกาของ "เริ่นอี้" (任意) นักเขียนคอลัมน์การเมืองชาวจีนที่ได้รับความนิยมในโซเชียลมีเดียจีน เขาถือเป็นกลุ่ม "หงซานไต้" (红三代) หรือลูกหลานรุ่นที่ 3 ของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน เป็นหลานชายของ เริ่นจ้งอี๋ (任仲夷) อดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนและอดีตเลขาธิการคนแรกของคณะกรรมการมณฑลกวางตุ้งของพรรคคอมมิวนิสต์จีน   ในด้านความรู้ทางการเมืองตะวันตก เขาได้รับเชิญจากศาสตราจารย์ เอซรา ไฟเวล วอเกล (Ezra Feivel Vogel) นักจีนวิทยาชาวอเมริกัน และศาสตราจารย์ด้านสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ให้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยวิจัยเกี่ยวกับ "ยุคปฏิรูปของจีน" และช่วยเขาค้นคว้าเรื่อง "ยุคเติ้งเสี่ยวผิง" ต่อมาเขาได้รับปริญญาโทจากวิทยาลัยยการเมืองเคนเนดีของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและทำงานที่ศูนย์แฟร์แบงก์เพื่อการศึกษาเอเชียตะวันออก หลังจากสำเร็จการศึกษา เขาทำงานให้กับธนาคารเพื่อการลงทุนของจีนในปักกิ่ง เขาเขียนทัศนะด้านการเมืองเผยแพร่เป็นบทความในสื่อต่างๆ ของจีน รวมถึงในโซเชียลมีเดียของจีน ความคิดเห็นของเขามักถูกอ้างอิงโดยสื่อกระแสหลัก และ เขาอ้างว่าบทความบางบทความของเขาถูกใช้เป็น "ข้อมูลอ้างอิงภายใน" สำหรับเจ้าหน้าที่จีน โดยที่บทความของเขาในปี 2020 เรื่อง "ไม่ใช่รัฐบาลจีนที่ปลุกชาตินิยมจีน แต่เป็นนักการเมืองอเมริกัน" ได้รับการตีพิมพ์ซ้ำโดย People's Daily Online   1. "ทู่จู่ซี" มองว่า ชัยชนะของทรัมป์เหนือพรรคเดโมแครต คือ "ชัยชนะของการปฏิวัติระดับรากหญ้า" เขาชี้ว่าการเผชิญหน้าระหว่างฝ่ายทรัมป์และฝ่ายแฮร์ริส โดยพื้นฐานแล้ว เป็นการเผชิญหน้าระหว่างคนระดับรากหญ้าและประชาชนคนสามัญของสหรัฐฯ กับกลุ่มผู้ปกครองชั้นนำของสหรัฐฯ และมองว่านี่คือยุทธศาสตร์ “ป่าล้อมเมือง” ซึ่งทัศนะนี้ของ "ทู่จู่ซี" คล้ายกับความเห็นของชาวอเมริกันบางคนที่ตำหนิว่าพรรคเดโมแครตทรยศฐานเสียงของตัวเองที่แต่เดิมเป็นพวกคนรากหญ้าและแรงงาน แต่หันมาเน้นเรื่องการเมืองชิงอัตลักษณ์ คือแนวคิดเรื่อง Woke และยังสนองวาระของกลุ่มชนชั้นนำด้วยการสนับสนุนสงครามในยูเครนและสงครามในตะวันออกกลาง ทำให้พรรครีพับลิกันหันมาจับกลุ่มรากหญ้าแทนจนประสบความสำเร็จ รวมถึงกลุ่มคนอเมริกันเชื้อสายตะวันออกกลาง 2. "ทู่จู่ซี" มองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ และกระบวนการนั้นได้เสร็จสิ้นงแล้ว ซึ่งพรรครีพับลิกันได้กลายเป็นพรรคที่มีชนชั้นกลางและชั้นล่างเป็นรากฐานหลัก และผ่านการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรครีพับลิกันได้รวมเอาคนผิวสี ละติน และคนหนุ่มสาวเข้ามาด้วย ทำให้ภาพลักษณ์ของพรรครีพับลิกันไม่ใช่ตัวแทนของนายทุนใหญ่ นักอุตสาหกรรมใหญ่ นักการเงินใหญ่ และชนชั้นกระฎุมพี" อีกต่อไป แต่กลายเป็นพรรคของคนอเมริกันคนเดินดิน  3. "ทู่จู่ซี" ชี้ว่าทรัมป์ได้กลายเป็นประธานาธิบดีที่ทรงอำนาจที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา เพราะไม่เพียงแต่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี แต่พรรครีพับลิกันยังชนะการเลือกตั้งวุฒิสภา และคาดว่าจะรวบรวมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้ ในเวลาเดียวกัน "ในศาลฎีกา พรรครีพับลิกัน/อนุรักษ์นิยมมีข้อได้เปรียบอย่างชัดเจนถึง 6:3 (รวมถึงผู้พิพากษาสามคนที่ทรัมป์คัดเลือกด้วยตัวเอง) ทั้งสามอำนาจรวมกันเป็นหนึ่ง และควรเห็นว่าพรรครีพับลิกันในปัจจุบันไม่ใช่พรรครีพับลิกันเมื่อ 4 ปีที่แล้ว หรือพรรครีพับลิกันเมื่อ 8 ปีที่แล้ว แต่เป็นพรรคของทรัมป์เท่านั้น ชื่อที่เหมาะสมกว่าคือ พรรคทรัมป์ การรวมอำนาจและอิทธิพลนี้คงไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์อเมริกา ทรัมป์อาจเป็นประธานาธิบดีที่มีอำนาจมากที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา"  4. แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะมีประธานาธิบดีที่ทรงอำนาจที่สุดในประวัติศาสตร์ ได้รับการสนับสนุนอย่างกระตือรือร้นจากชาวอเมริกันกว่าครึ่งประเทศ แต่การเมืองของอเมริกาก็แตกแยกกันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และสังคมก็แตกแยกกันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน "ชาวอเมริกันครึ่งหนึ่งเชื่อว่าสหรัฐอเมริกาได้เข้าสู่ยุคมืดแล้ว" ประชากรครึ่งหนึ่งเชื่อว่านักการเมืองอันธพาลที่มีนิสัยเลวร้ายอย่างยิ่ง เช่น ฮิตเลอร์ ฟาสซิสต์ และนาซี ได้ขึ้นมามีอำนาจ และจะทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายทุกสิ่งที่ประชาชนรู้เกี่ยวกับระบบของอเมริกาภายในสี่ปีข้างหน้า และนำประเทศไปในทิศทางอื่น พวกเขาสับสนและสิ้นหวังอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนเกี่ยวกับอนาคตของประเทศ สังคมการเมืองอเมริกันหลังการกลับเข้ามามีอำนาจของทรัมป์จะทำให้เกิดค่านิยมใหม่ "ทู่จู่ซี"  มองว่า 1) ในแง่ของรัฐบาล ประการแรกคือการเสริมอำนาจของประธานาธิบดี/ฝ่ายบริหารอย่างมาก โดยประธานาธิบดีเป็นผู้นำศูนย์กลางทางการเมือง แผ่ขยายไปยังฝ่ายนิติบัญญัติและตุลาการ เพิ่มความเผด็จการ เพิ่มความเข้มข้นของการตัดสินใจ ปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินการของรัฐบาล และลบขั้นตอนราชการที่ไม่จำเป็นออกจากระบบเก่า 2) ในแง่นโยบายเศรษฐกิจและสังคมในประเทศ จะมุ่งที่ ระบบตลาดนิยม" นั่นคือการมีรัฐบาลขนาดเล็กเพื่อลดการแทรกแซงตลาด ลดภาษีให้ต่ำลง ลดกฎระเบียบในตลาดให้น้อยลง ใช้แรงผลักดันของตลาดเพื่อดึงดูดเงินทุนไหลกลับ เรียกร้องให้บริษัทอเมริกันกลับมายังสหรัฐอเมริกาเพื่อการลงทุนและการก่อสร้างเพิ่มเติม 3) ในแง่วัฒนธรรมในประเทศ จะส่งเสริมและพัฒนาความเป็นชาตินิยม ความรักชาติ และชาตินิยมของอเมริกาอย่างเข้มแข็ง อยางที่ เจดี แวนซ์ (JD Vance) ว่าที่รองประธานาธิบดีบอกว่า สหรัฐอเมริกาเป็น "ชาติ" สร้างสถานะทางวัฒนธรรมที่คนผิวขาว และต่อต้านเสรีนิยม/พวกหัวก้าวหน้า/Woke รัฐบาลใหม่จะมีอิทธิพลและกำหนดรูปแบบสังคมอเมริกันผ่านคำสั่งของศาลฎีกา การตรากฎหมาย คำสั่งของรัฐบาล สุนทรพจน์ของผู้นำทางการเมืองและผู้นำทางความคิด 4) ในแง่เศรษฐกิจต่างประเทศ ระบอบทรัมป์จะต่อต้านโลกาภิวัตน์ ต่อต้านการค้าเสรี ต่อต้านกรอบแนวคิดเสรีนิยมใหม่ ยกระดับการใช้เครื่องมือภาษีศุลกากรเพื่อกีดกันสินค้าจากต่างประเทศอย่างครอบคลุม เพื่อกดดันและจูงใจในการพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศของสหรัฐฯ 5) ในแง่การเมืองระหว่างประเทศ สหรัฐฯ ในยุคนี้จะ "ลัทธิโดดเดี่ยว" และ "ลัทธิไม่แทรกแซง" นั่นคือสหรัฐฯ จะหันมาสนใจเรื่องของตัวเองมากกขึ้นและไม่แทรกแซงกิจการต่างประเทศมากเท่าเดิม ลดการลงทุนในภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ (เช่น อันฉีดงบประมาณด้านสงคราม) ลดการใช้เงินไปกับการรักษาระเบียบระหว่างประเทศที่นำโดยสหรัฐฯ และประเมินความสัมพันธ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ และพันธมิตรใหม่ 6) ในการบรรลุเป้าหมายข้างต้น รัฐบาลทรัมป์จะได้รับการสนับสนุนจาก อีลอน มัสก์ ผู้สนับสนุนคนสำคัญของเขาในการสร้างกลุ่มอำนาจ "ซิลิคอนวัลเลย์ใหม่" ซึ่งต่างจากกลุ่มซิลิคอนวัลเลย์ที่สนับสนุนเสรีนิยม "ซิลิคอนวัลเลย์ใหม่" จะเป็นการก่อตัวของพันธมิตรทางการเมืองใหม่ด้านเทคโนโลยี-อำนาจนิยม-อนุรักษ์นิยม แง่มุมสุดท้ายมีความน่าสนใจอยางยิ่ง เพราะจะเป็นการก่อตัวใหม่ของกลุ่มอำนาจใหม่ด้านการเมืองและธุรกิจเทค "ทู่จู่ซี" แสดงทัศนะว่า "ค่านิยมของชาวอเมริกันรุ่นใหม่ในประเด็นเศรษฐกิจนั้น “เอียงซ้าย” เชื่อในลัทธิก้าวหน้า เห็นอกเห็นใจลัทธิสังคมนิยม และไม่ต่อต้านลัทธิสังคมนิยม กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในแง่ของค่านิยมทางเศรษฐกิจ พวกเขาจะคล้ายคลึงกับเรา (จีน) ในอนาคตมากขึ้น การที่ทรัมป์ขึ้นสู่อำนาจจะเปลี่ยนทัศนคติของคนหนุ่มสาวในประเด็นเศรษฐกิจหรือไม่ เป็นเรื่องยากที่จะบอก"  "แต่ท้ายที่สุดแล้ว ทรัมป์เป็นพรรคการเมืองระดับรากหญ้า เป็นพรรคการเมืองประชานิยม และให้ความสำคัญกับการจ้างงานและการอยู่รอดของคนธรรมดาสามัญ ดังนั้น พรรคทรัมป์จึงสามารถรวมนโยบายเศรษฐกิจฝ่ายซ้ายได้ ในทางกลับกัน พันธมิตรทางการเมืองแบบเทคโน-เผด็จการ-อนุรักษ์นิยมของทรัมป์ (และมัสก์) จะนำลัทธิเผด็จการ การปกครองแบบเผด็จการ และความเป็นผู้นำที่เข้มแข็งมาสู่วัฒนธรรมการเมืองของอเมริกา ซึ่งจะคล้ายคลึงกับแนวทางของเอเชียตะวันออกมากขึ้น กล่าวอีกนัยหนึ่ง มีความเป็นไปได้ที่อเมริกาในอนาคตจะคล้ายคลึงกับเรา (จีน) มากขึ้น"  "ทู่จู่ซี" กล่าวไว้แบบนี้ และบทความนี้ได้รับความนิยมในจีนค่อนข้างมากในช่วงหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ใหม่ๆ ส่วนตัวผมค่อนข้างเห็นด้วยกับ "ทู่จู่ซี" และตามแนวโน้มความเป็นขวาที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในการเมืองสหรัฐฯ และยุโรปมาระยะหนึ่งแล้ว ที่มา เฟซบุ๊ก Kornkit Disthan https://www.facebook.com/share/p/149JGAqSR9/?
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 916 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายจ้างสวนกลับ 'ทักษิณ' ขึ้นค่าแรงใจไม่แคบ แต่ภาครัฐไร้เยียวยา
    .
    การปราศรัยหาเสียงของ 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะพูดในเรื่องใดก็ล้วนแต่เป็นประเด็นแทบทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่เรื่องประเด็นเศรษฐกิจ โดยก่อนหน้านี้ระหว่างหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่นจังหวัดหนองคายได้พูดถึงปัญหาการขึ้นค่าแรงตอนหนึ่งว่า “ค่าแรงขอขึ้นไปแล้ว แต่มีคนขวางอยู่ คนพวกนี้ไม่รู้หัวใจทำด้วยอะไร ชอบจ้างคนค่าแรงถูก นายจ้างเฮงซวย แบบนี้ไม่น่ารัก นายจ้างต้องใจกว้างกับลูกจ้าง ลูกจ้างจะได้ทุ่มเททำงาน” ซึ่งจากประเด็นนี้เองทำให้ฝ่ายเอกชนออกมาตอบโต้ด้วยข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ
    .
    นายอรรถยุทธ ลียะวณิช กรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 (บอร์ดค่าจ้าง) ฝ่ายนายจ้าง อธิบายว่า ฝ่ายนายจ้างไม่ได้ขัดขวางการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำแต่อย่างใด แต่การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศในบางอาชีพหรือบางกิจการนั้น ต้องพิจารณาตามความเหมาะสม และหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
    .
    “ไม่ได้เกี่ยวกับฝ่ายนายจ้างใจกว้าง หรือใจแคบ ถ้าหากพิจารณาขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำตามกฎหมาย ตัวเลขอาจจะไม่ถึง 400 บาทอยู่แล้ว แต่เราก็ยังให้มีการปรับขึ้นถึง 400 บาทไปในหลายๆจังหวัด แล้วอย่างนี้จะเรียกว่า ใจแคบอยู่อีกหรือ ทางฝ่ายนายจ้างก็ให้มีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำมาโดยตลอดทุกปี ไม่เคยไม่ให้ปรับ แต่ว่าต้องปรับตามเกณฑ์และสูตรที่กฎหมาย คือ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 กำหนดเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการปรับตามอำเภอใจ” นายอรรถยุทธ กล่าว
    .
    นายอรรถยุทธ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของมาตรการที่ช่วยเหลือนายจ้างสถานประกอบการ จะต้องทวงถามไปถึงฝ่ายรัฐบาล แต่เบื้องต้นยังไม่เห็นรายละเอียดมาตรการการช่วยเหลือนายจ้างออกมา โดยนายจ้างที่อยู่ในจังหวัดที่มีกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาท ใน 4 จังหวัด และ 1 อำเภอ ได้แก่ ภูเก็ต ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และอ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ก็อาจจะได้รับผลกระทบบ้าง
    .
    นางสาวศุภานัน ปลอดเหตุ กรรมการค่าจ้าง ฝ่ายนายจ้าง ยืนยันว่า ฝ่ายนายจ้างได้มองถึงภาพรวมภาวะเศรษฐกิจของประเทศ และความเป็นอยู่ของคนไทย โดยการประชุมพิจารณาการปรับค่าจ้างขั้นต่ำแต่ละครั้ง มีหน่วยงานหลายส่วนหารือกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้แทนจากกระทรวงการคลัง ผู้แทนสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก็เป็นการพิจารณาข้อมูลตัวเลขตามความเหมาะสมและตามกฎหมาย
    .
    “ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจริง ณ ขณะนั้น เราทำเพื่อลูกจ้างและประเทศชาติให้อยู่ได้ ไม่ได้ทำเพื่อนายจ้างฝ่ายเดียว ยังยืนยันว่าฝ่ายนายจ้างไม่ได้มีการขัดขวางแต่อย่างใด ทุกคนสนับสนุนให้ปรับตามสภาพเศรษฐกิจที่เป็นจริง ไม่ใช่ปรับค่าจ้างให้ตัวเลขสูง ลูกจ้างอยู่ได้ชั่วคราว นายจ้างอาจจะต้องปรับตัวหาวิธีการจ้างงานแบบใหม่ๆ หรืออาจจะไม่ใช้กำลังคนเป็นแรงงาน แล้วแรงงานจะอยู่อย่างไร” นางสาวศุภานัน กล่าว
    ..............
    Sondhi X
    นายจ้างสวนกลับ 'ทักษิณ' ขึ้นค่าแรงใจไม่แคบ แต่ภาครัฐไร้เยียวยา . การปราศรัยหาเสียงของ 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะพูดในเรื่องใดก็ล้วนแต่เป็นประเด็นแทบทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่เรื่องประเด็นเศรษฐกิจ โดยก่อนหน้านี้ระหว่างหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่นจังหวัดหนองคายได้พูดถึงปัญหาการขึ้นค่าแรงตอนหนึ่งว่า “ค่าแรงขอขึ้นไปแล้ว แต่มีคนขวางอยู่ คนพวกนี้ไม่รู้หัวใจทำด้วยอะไร ชอบจ้างคนค่าแรงถูก นายจ้างเฮงซวย แบบนี้ไม่น่ารัก นายจ้างต้องใจกว้างกับลูกจ้าง ลูกจ้างจะได้ทุ่มเททำงาน” ซึ่งจากประเด็นนี้เองทำให้ฝ่ายเอกชนออกมาตอบโต้ด้วยข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ . นายอรรถยุทธ ลียะวณิช กรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 (บอร์ดค่าจ้าง) ฝ่ายนายจ้าง อธิบายว่า ฝ่ายนายจ้างไม่ได้ขัดขวางการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำแต่อย่างใด แต่การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศในบางอาชีพหรือบางกิจการนั้น ต้องพิจารณาตามความเหมาะสม และหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด . “ไม่ได้เกี่ยวกับฝ่ายนายจ้างใจกว้าง หรือใจแคบ ถ้าหากพิจารณาขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำตามกฎหมาย ตัวเลขอาจจะไม่ถึง 400 บาทอยู่แล้ว แต่เราก็ยังให้มีการปรับขึ้นถึง 400 บาทไปในหลายๆจังหวัด แล้วอย่างนี้จะเรียกว่า ใจแคบอยู่อีกหรือ ทางฝ่ายนายจ้างก็ให้มีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำมาโดยตลอดทุกปี ไม่เคยไม่ให้ปรับ แต่ว่าต้องปรับตามเกณฑ์และสูตรที่กฎหมาย คือ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 กำหนดเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการปรับตามอำเภอใจ” นายอรรถยุทธ กล่าว . นายอรรถยุทธ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของมาตรการที่ช่วยเหลือนายจ้างสถานประกอบการ จะต้องทวงถามไปถึงฝ่ายรัฐบาล แต่เบื้องต้นยังไม่เห็นรายละเอียดมาตรการการช่วยเหลือนายจ้างออกมา โดยนายจ้างที่อยู่ในจังหวัดที่มีกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาท ใน 4 จังหวัด และ 1 อำเภอ ได้แก่ ภูเก็ต ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และอ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ก็อาจจะได้รับผลกระทบบ้าง . นางสาวศุภานัน ปลอดเหตุ กรรมการค่าจ้าง ฝ่ายนายจ้าง ยืนยันว่า ฝ่ายนายจ้างได้มองถึงภาพรวมภาวะเศรษฐกิจของประเทศ และความเป็นอยู่ของคนไทย โดยการประชุมพิจารณาการปรับค่าจ้างขั้นต่ำแต่ละครั้ง มีหน่วยงานหลายส่วนหารือกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้แทนจากกระทรวงการคลัง ผู้แทนสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก็เป็นการพิจารณาข้อมูลตัวเลขตามความเหมาะสมและตามกฎหมาย . “ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจริง ณ ขณะนั้น เราทำเพื่อลูกจ้างและประเทศชาติให้อยู่ได้ ไม่ได้ทำเพื่อนายจ้างฝ่ายเดียว ยังยืนยันว่าฝ่ายนายจ้างไม่ได้มีการขัดขวางแต่อย่างใด ทุกคนสนับสนุนให้ปรับตามสภาพเศรษฐกิจที่เป็นจริง ไม่ใช่ปรับค่าจ้างให้ตัวเลขสูง ลูกจ้างอยู่ได้ชั่วคราว นายจ้างอาจจะต้องปรับตัวหาวิธีการจ้างงานแบบใหม่ๆ หรืออาจจะไม่ใช้กำลังคนเป็นแรงงาน แล้วแรงงานจะอยู่อย่างไร” นางสาวศุภานัน กล่าว .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    8
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1442 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## รัชกาลที่ 5 กับการเลิกบ่อนการพนัน...!!! ##
    ..
    ..
    เมื่อคราวที่ รัชกาล 5 เสด็จประพาสยุโรป ทรงเสด็จไปศึกษาบ่อนการพนันแหล่งใหญ่ของ ยุโรป ที่เมือง มอนติคาโล
    .
    ทรงส่งชิปราคา 100 ฟรังก์ มาพระราชทาน สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ 3 เหรียญ เป็นที่ระลึก
    .
    พร้อมพระราชหัตถ์เลขามีความตอนหนึ่งว่า...
    .
    “ได้เรียนตำราเล่นเบี้ยอย่างฝรั่งเข้าใจแล้ว ข้อซึ่งเข้าใจกันว่าเล่นไม่น่าสนุกนั้นไม่จริงเลย สนุกยิ่งกว่าอไรๆ หมด ถ้าชาวบางกอกรู้ได้ไปเล่นแล้ว ฉิบหายกันไม่เหลือ ถ้าหากว่าไปถึงเมืองเราเข้าเมื่อไร จะรอช้าสักวันเดียวก็ไม่ควร ต้องห้ามทันที ถ้ารู้ถึงผู้ดีเล่นเบี้ยของเรา น่ากลัวอย่างยิ่ง จะดื่มไม่เงย แต่ฉันเปนคนไม่เล่นเบี้ยเลย ยังนึกรู้สึกสนุก ...”
    .
    บทความ โดย โรม บุนนาค
    https://shorturl.asia/lBfp5
    ....
    ....
    ปีนี้ รัฐบาล จะมอบ คาสิโน บ่อนพนันออนไลน์ ถูกกฎหมาย ให้ประเทศไทย...???
    .
    ไอ้คำขวัญวันเด็กปี 2568 ที่ว่า "ทุกโอกาสคือการเรียนรู้" ให้เรียนรู้อะไรครับ...???
    .
    ให้เด็กๆเรียนรู้กับบ่อนการพนัน...???
    .
    ให้เด็กเรียนรู้ เป็นนักแจกไพ่...???
    .
    และที่ว่า GDP จะโต ก็คือ เรื่องโกหก...???
    .
    สภาพัฒน์ บอกว่า เงินพนันนี้ เป็นเงินโอน คือ เงินพนัน ไหลจาก นักพนัน ไปสู่เจ้าของบ่อนพนัน
    .
    เงินจากการพนันมีลักษณะเป็น "เงินโอน (Transfer)" จะไม่ถูกนำมาคำนวณเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจเนื่องจากไม่ทำให้เกิดผลผลิต (Production) ดังนั้น ธุรกิจ กาสิโน อาจจะไม่ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อระบบเศรษฐกิจมากเท่าที่มีการคาดการณ์ไว้
    https://shorturl.asia/wJ2vQ
    .
    ผู้ที่จะได้ประโยชน์หลัก คือเจ้าของบ่อน ซึ่งก็คือ ทุนยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ กับทุนภายในประเทศ (ซึ่งบางคนเชื่อว่าเป็นทุนการเมือง)
    .
    ดังนั้น จะไม่มีผลต่อ GDP เท่าไหร่ เพราะเงินเล่นพนันไม่ได้สร้างผลิตภัณฑ์อะไร ไม่สามารถ เจนเนอร์เรส GDP ให้โตได้...!!!
    .
    ตัวเลขการจ้างงานจาก คาสิโน จะมีเพีบงประมาณ 9,000 -15,300 ตำแหน่ง โดย ตำแหน่งพนักการเสิร์ฟน้ำและอาหาร พนักงานแจกไพ่ ไม่ได้ช่วยให้มีแรงงานไทยเพิ่มทักษะเพิ่ม Skill มีฝีมือ อะไรเพิ่มเติมได้เลย...
    .
    โดยอ้างว่าจะมีตัวเลขจากการท่องเทียวเพิ่มขึ้น 1 - 4 แสนล้าน (ตัวเลขกลมๆ)...
    .
    ขณะเดียวกันก็ระบุว่า จะมีรายได้จากภาษี 1 - 3 หมื่นล้าน ต่อปี (ตัวเลขกลมๆ)
    .
    คำถามคือ คุ้มมั้ย...???
    .
    รัฐได้รายได้มาไม่ถึง 10% แต่ปัญหาสังคมที่จะตามมาอีกมากมายไม่รู้กี่เรื่อง...!!!
    ...
    ...
    สรุป
    .
    คนได้ประโยชน์หลัก คือ เจ้าของบ่อน แลกกับ รายได้ของรัฐไม่ถึง 10%
    โดยการ "เซ่นสังเวย ประชาชน" ด้วยการ "ก่อปัญหาสังคม" ให้ประเทศ แลก กับกำไรของ เจ้าของบ่อน ใช่หรือไม่...???
    ## รัชกาลที่ 5 กับการเลิกบ่อนการพนัน...!!! ## .. .. เมื่อคราวที่ รัชกาล 5 เสด็จประพาสยุโรป ทรงเสด็จไปศึกษาบ่อนการพนันแหล่งใหญ่ของ ยุโรป ที่เมือง มอนติคาโล . ทรงส่งชิปราคา 100 ฟรังก์ มาพระราชทาน สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ 3 เหรียญ เป็นที่ระลึก . พร้อมพระราชหัตถ์เลขามีความตอนหนึ่งว่า... . “ได้เรียนตำราเล่นเบี้ยอย่างฝรั่งเข้าใจแล้ว ข้อซึ่งเข้าใจกันว่าเล่นไม่น่าสนุกนั้นไม่จริงเลย สนุกยิ่งกว่าอไรๆ หมด ถ้าชาวบางกอกรู้ได้ไปเล่นแล้ว ฉิบหายกันไม่เหลือ ถ้าหากว่าไปถึงเมืองเราเข้าเมื่อไร จะรอช้าสักวันเดียวก็ไม่ควร ต้องห้ามทันที ถ้ารู้ถึงผู้ดีเล่นเบี้ยของเรา น่ากลัวอย่างยิ่ง จะดื่มไม่เงย แต่ฉันเปนคนไม่เล่นเบี้ยเลย ยังนึกรู้สึกสนุก ...” . บทความ โดย โรม บุนนาค https://shorturl.asia/lBfp5 .... .... ปีนี้ รัฐบาล จะมอบ คาสิโน บ่อนพนันออนไลน์ ถูกกฎหมาย ให้ประเทศไทย...??? . ไอ้คำขวัญวันเด็กปี 2568 ที่ว่า "ทุกโอกาสคือการเรียนรู้" ให้เรียนรู้อะไรครับ...??? . ให้เด็กๆเรียนรู้กับบ่อนการพนัน...??? . ให้เด็กเรียนรู้ เป็นนักแจกไพ่...??? . และที่ว่า GDP จะโต ก็คือ เรื่องโกหก...??? . สภาพัฒน์ บอกว่า เงินพนันนี้ เป็นเงินโอน คือ เงินพนัน ไหลจาก นักพนัน ไปสู่เจ้าของบ่อนพนัน . เงินจากการพนันมีลักษณะเป็น "เงินโอน (Transfer)" จะไม่ถูกนำมาคำนวณเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจเนื่องจากไม่ทำให้เกิดผลผลิต (Production) ดังนั้น ธุรกิจ กาสิโน อาจจะไม่ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อระบบเศรษฐกิจมากเท่าที่มีการคาดการณ์ไว้ https://shorturl.asia/wJ2vQ . ผู้ที่จะได้ประโยชน์หลัก คือเจ้าของบ่อน ซึ่งก็คือ ทุนยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ กับทุนภายในประเทศ (ซึ่งบางคนเชื่อว่าเป็นทุนการเมือง) . ดังนั้น จะไม่มีผลต่อ GDP เท่าไหร่ เพราะเงินเล่นพนันไม่ได้สร้างผลิตภัณฑ์อะไร ไม่สามารถ เจนเนอร์เรส GDP ให้โตได้...!!! . ตัวเลขการจ้างงานจาก คาสิโน จะมีเพีบงประมาณ 9,000 -15,300 ตำแหน่ง โดย ตำแหน่งพนักการเสิร์ฟน้ำและอาหาร พนักงานแจกไพ่ ไม่ได้ช่วยให้มีแรงงานไทยเพิ่มทักษะเพิ่ม Skill มีฝีมือ อะไรเพิ่มเติมได้เลย... . โดยอ้างว่าจะมีตัวเลขจากการท่องเทียวเพิ่มขึ้น 1 - 4 แสนล้าน (ตัวเลขกลมๆ)... . ขณะเดียวกันก็ระบุว่า จะมีรายได้จากภาษี 1 - 3 หมื่นล้าน ต่อปี (ตัวเลขกลมๆ) . คำถามคือ คุ้มมั้ย...??? . รัฐได้รายได้มาไม่ถึง 10% แต่ปัญหาสังคมที่จะตามมาอีกมากมายไม่รู้กี่เรื่อง...!!! ... ... สรุป . คนได้ประโยชน์หลัก คือ เจ้าของบ่อน แลกกับ รายได้ของรัฐไม่ถึง 10% โดยการ "เซ่นสังเวย ประชาชน" ด้วยการ "ก่อปัญหาสังคม" ให้ประเทศ แลก กับกำไรของ เจ้าของบ่อน ใช่หรือไม่...???
    SHORTURL.ASIA
    ร.๕ กับการเลิกบ่อนการพนัน! ที่ว่าไม่สนุกนั้นไม่จริงเลย ฉันเป็นคนไม่เล่นเบี้ยยังรู้สึกสนุก!!
    ในสมัยก่อน ระบบการเก็บภาษียังไม่กว้างขวางพอที่จะหาเงินมาใช้ในการพัฒนาประเทศ บ่อนการพนันจึงเป็นอีกทางหนึ่งของรายได้รัฐ และได้มากเสียด้วย แต่การพนันก็ทำให้คนลุ่มหลงได้ง่าย จนไม่ยอมทำมาหากิน เป็นหนี้เป็นสิน เสียผู้เสียคน ทำให้ครอบครั
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 789 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศก.จีนปี 2024 โตที่ 5% ท่ามกลางปัญหาอสังหาฯ เงินฝืด ระดับการว่างงานพุ่งสูงในคนหนุ่มสาว
    รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นศก.กชุดใหญ่ในช่วงปลายปีเพื่อดูแลสภาพเศรษฐกิจ สร้างเสถียรภาพ แม้ภายในจะเจอปัญหา แต่ภาคการส่งออกยังคงแข็งแกร่งมีการเติบโตที่ดี
    ทั้งปี 2024 GDP โตแตะ 134,908.4 พันล้านหยวน โต5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
    รายไตรมาส >> Q1/24 โต 5.3%, Q2/24 โต 4.7%, Q3/24 โต 4.6%, Q4/24 โต 5.4%

    เกินดุลการค้า 7.06 ล้านล้านหยวน (~$990 bn.) แต่เมื่อทรัมป์กำลังจะก้าวขึ้นมาบริหารประเทศ จีนจะเจอกับความท้าทายจากนโยบายกำแพงภาษี

    อุตฯกลุ่มไฮเทคฯ ของจีนสามารถทำกำไรได้ถึง 6.6 พันล้านหยวนในระยะ 11 เดือนแรกของปี 2024 (ลดลง 4.7% เมื่อเทียบรายปี)

    ภาคบริการโต 5% เทียบรายปี บริการด้าน IT โต 10.9%

    ตลาดค้าปลีกฟื้นตัวต่อเนื่อง ยอดขายแตะ 48,789.5 พันล้านหยวน เพิ่ม 3.5% ยอดขายส่วนใหญ่กระจุกตัวในเมืองมากกว่าชนบท ยอดขายปลีกสินค้าออนไลน์โตแกร่งที่ 7.2% นับเป็น 26.8% ของยอดค้าปลีกรวม สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง

    จำนวนประชากร 1,408.28 ล้านคน ลดลง 1.39 ล้านคน จำนวนประชากรวัยทำงาน (อายุ 16-59 ปี) เป็นประชากรที่มีสัดส่วนสูงสุด แต่ประเด็นสังสคมสูงวัยยังคงเป็นประเด็นที่จีนให้ความสำคัญ นอกจากนี้ 67% ของประชากรอาศัยในเขตเมือง เพิ่มขึ้น 0.84% จากปีก่อนหน้า


    เงินเฟ้อและการจ้างงาน
    ดัชนีที่ใช้วัดเงินเฟ้อ --consumer price index (CPI)-- เพิ่ม 0.2% ในปี 2024 << บอกว่า จีนเอาอยู่ ^^
    core CPI, excluding food and energy prices, เพิ่ม 0.5% << ธนาคารกลางทั่วไปมักใช้ core cpi ในการกำหนดนโยบายการเงิน

    การจ้างงาน ภาพรวมทรงตัว อัตราว่างงานอยู่ที่ 5.1% ดีขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า จำนวนแรงงานที่อพยพจากชนบทเข้าเมืองเพิ่ม 0.7% หรือ 299.73 ล้านคน เพิ่มจากปีก่อนหน้า 2.2 ล้านคน
    .......................................
    เพิ่มเติม
    1. คนจีนมีค่านิยมสร้างความมั่งคั่งจาก อสังหาฯ (บ้าน ที่ดิน) ทองคำ ตลาดหุ้น ดังนั้นเมื่อตลาดไหนมีปัญหา เงินจะย้ายไปหาตลาดที่เหลือ เช่น ปีที่ผ่านมา อสังหาฯ มีปัญหา เงินลงทุนย้ายเข้าตลาดทองคำ ส่วนตลาดหุ้นเป็นการรอมาตรการกระตุ้นจากรัฐบาลกลาง
    2. ผู้พัฒนาอสังหาฯของจีน ในช่วงขาขึ้นของตลาดอสังหาฯ บริษัทเมื่อได้รับเงินจอง เงินดาวน์จากผู้ซื้อ จะยังไม่เข้าก่อสร้างโครงการ (ต่างจากประเทศไทย) แต่จะนำเงินจอง เงินดาวน์ไปไล่ซื้อที่ดินแปลงอื่นต่อ (ที่ดินจะมีราคาดีดตัวขึ้นต่อเนื่อง)
    3. จีนได้มีการย้ายฐานการผลิตไปยัง เวียดนาม เม็กซิโก (ซึ่งเม็กซิโก ก็ติดอันดับประเทศเกินดุลการค้ากับสหรัฐอันดับต้น ๆ และทรัมป์ก็มีนโยบายที่จะจัดการประเด็นนี้เช่นกัน) ส่วนเวียดนามที่มีฐานการผลิตสินค้ากลุ่มอิเล็คฯ อาจจะได้รับผลกระทบน้อยกว่า
    4. จีนเป็นประเทศมีการนำเข้าน้ำมันดิบมากเป็นอันดับ 1 ของโลก และ มีการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซีย (ในราคา discount) นำมากลั่น ใช้ ขายต่อ
    5. สี จิ้นผิง ระบุ ยังมุ่งหมายที่จะควบรวมไต้หวันเข้ามาเป็นประเทศเดียวกัน
    6. PBoC (ธนาคารกลางจีน) อาจจะปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยที่ปัจจุบันมีหลายตัวให้เหลือตัวเดียวคือ ดอกเบี้ยนโยบาย แต่ยังไม่ระบุเวลาที่ชัดเจน
    #เศรษฐกิจ


    ศก.จีนปี 2024 โตที่ 5% ท่ามกลางปัญหาอสังหาฯ เงินฝืด ระดับการว่างงานพุ่งสูงในคนหนุ่มสาว รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นศก.กชุดใหญ่ในช่วงปลายปีเพื่อดูแลสภาพเศรษฐกิจ สร้างเสถียรภาพ แม้ภายในจะเจอปัญหา แต่ภาคการส่งออกยังคงแข็งแกร่งมีการเติบโตที่ดี ทั้งปี 2024 GDP โตแตะ 134,908.4 พันล้านหยวน โต5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า รายไตรมาส >> Q1/24 โต 5.3%, Q2/24 โต 4.7%, Q3/24 โต 4.6%, Q4/24 โต 5.4% เกินดุลการค้า 7.06 ล้านล้านหยวน (~$990 bn.) แต่เมื่อทรัมป์กำลังจะก้าวขึ้นมาบริหารประเทศ จีนจะเจอกับความท้าทายจากนโยบายกำแพงภาษี อุตฯกลุ่มไฮเทคฯ ของจีนสามารถทำกำไรได้ถึง 6.6 พันล้านหยวนในระยะ 11 เดือนแรกของปี 2024 (ลดลง 4.7% เมื่อเทียบรายปี) ภาคบริการโต 5% เทียบรายปี บริการด้าน IT โต 10.9% ตลาดค้าปลีกฟื้นตัวต่อเนื่อง ยอดขายแตะ 48,789.5 พันล้านหยวน เพิ่ม 3.5% ยอดขายส่วนใหญ่กระจุกตัวในเมืองมากกว่าชนบท ยอดขายปลีกสินค้าออนไลน์โตแกร่งที่ 7.2% นับเป็น 26.8% ของยอดค้าปลีกรวม สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง จำนวนประชากร 1,408.28 ล้านคน ลดลง 1.39 ล้านคน จำนวนประชากรวัยทำงาน (อายุ 16-59 ปี) เป็นประชากรที่มีสัดส่วนสูงสุด แต่ประเด็นสังสคมสูงวัยยังคงเป็นประเด็นที่จีนให้ความสำคัญ นอกจากนี้ 67% ของประชากรอาศัยในเขตเมือง เพิ่มขึ้น 0.84% จากปีก่อนหน้า เงินเฟ้อและการจ้างงาน ดัชนีที่ใช้วัดเงินเฟ้อ --consumer price index (CPI)-- เพิ่ม 0.2% ในปี 2024 << บอกว่า จีนเอาอยู่ ^^ core CPI, excluding food and energy prices, เพิ่ม 0.5% << ธนาคารกลางทั่วไปมักใช้ core cpi ในการกำหนดนโยบายการเงิน การจ้างงาน ภาพรวมทรงตัว อัตราว่างงานอยู่ที่ 5.1% ดีขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า จำนวนแรงงานที่อพยพจากชนบทเข้าเมืองเพิ่ม 0.7% หรือ 299.73 ล้านคน เพิ่มจากปีก่อนหน้า 2.2 ล้านคน ....................................... เพิ่มเติม 1. คนจีนมีค่านิยมสร้างความมั่งคั่งจาก อสังหาฯ (บ้าน ที่ดิน) ทองคำ ตลาดหุ้น ดังนั้นเมื่อตลาดไหนมีปัญหา เงินจะย้ายไปหาตลาดที่เหลือ เช่น ปีที่ผ่านมา อสังหาฯ มีปัญหา เงินลงทุนย้ายเข้าตลาดทองคำ ส่วนตลาดหุ้นเป็นการรอมาตรการกระตุ้นจากรัฐบาลกลาง 2. ผู้พัฒนาอสังหาฯของจีน ในช่วงขาขึ้นของตลาดอสังหาฯ บริษัทเมื่อได้รับเงินจอง เงินดาวน์จากผู้ซื้อ จะยังไม่เข้าก่อสร้างโครงการ (ต่างจากประเทศไทย) แต่จะนำเงินจอง เงินดาวน์ไปไล่ซื้อที่ดินแปลงอื่นต่อ (ที่ดินจะมีราคาดีดตัวขึ้นต่อเนื่อง) 3. จีนได้มีการย้ายฐานการผลิตไปยัง เวียดนาม เม็กซิโก (ซึ่งเม็กซิโก ก็ติดอันดับประเทศเกินดุลการค้ากับสหรัฐอันดับต้น ๆ และทรัมป์ก็มีนโยบายที่จะจัดการประเด็นนี้เช่นกัน) ส่วนเวียดนามที่มีฐานการผลิตสินค้ากลุ่มอิเล็คฯ อาจจะได้รับผลกระทบน้อยกว่า 4. จีนเป็นประเทศมีการนำเข้าน้ำมันดิบมากเป็นอันดับ 1 ของโลก และ มีการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซีย (ในราคา discount) นำมากลั่น ใช้ ขายต่อ 5. สี จิ้นผิง ระบุ ยังมุ่งหมายที่จะควบรวมไต้หวันเข้ามาเป็นประเทศเดียวกัน 6. PBoC (ธนาคารกลางจีน) อาจจะปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยที่ปัจจุบันมีหลายตัวให้เหลือตัวเดียวคือ ดอกเบี้ยนโยบาย แต่ยังไม่ระบุเวลาที่ชัดเจน #เศรษฐกิจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 668 มุมมอง 0 รีวิว
  • แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย TikTok ที่ให้บริการผู้ใช้ชาวอเมริกันมากกว่า 170 ล้านบัญชี อาจต้องยุติการดำเนินงานในสหรัฐตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 19 ม.ค. นี้ ซึ่งเป็นวันที่คำสั่งห้ามของรัฐบาลกลางมีผลบังคับใช้

    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทีมกฎหมายของ TikTok ได้ยื่นเรื่องต่อศาลฎีกาเกี่ยวกับกฎหมายที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงนามเมื่อเดือนเมษายนนั้นถูกต้องตามรัฐธรรมนูญหรือไม่

    กฎหมายของไบเดนกำหนดให้ TikTok ต้องถอนการลงทุนจากบริษัทแม่ในจีนอย่าง ByteDance และขายให้กับนิติบุคคลในสหรัฐเท่านั้น และหากกฎหมายนี้มีผลบังคับใช้ TikTok จะต้องยุติให้บริการในวันที่ 19 มกราคม หนึ่งวันก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่ง

    หากการตัดสินของศาลเป็นผลดีต่อ TikTok จะทำให้แพลตฟอร์มนี้สามารถกลับมาให้บริการชาวอเมริกันต่อไปได้

    มีการคาดเดากันว่า การเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ของ TikTok ดีขึ้น เนื่องจากคำมั่นสัญญาของทรัมป์ที่จะใช้จุดยืนที่เข้มงวดยิ่งขึ้นกับปักกิ่งนั่นเอง

    ขณะเดียวกัน ในบันทึกภายในขององค์กร มีการแจ้งพนักงานกว่า 7,000 คนในสหรัฐว่าความเป็นอยู่ที่ดีของพวกเขาคือ "สิ่งสำคัญที่สุด" และจะยังคงจ่ายเงินให้พวกเขาต่อไป

    "เราขอย้ำว่า ความเป็นอยู่ของพนักงานคือสิ่งสำคัญที่สุด การจ้างงาน เงินเดือน และสวัสดิการของคุณยังมีความปลอดภัย และสำนักงานของเราจะยังคงเปิดทำการ แม้ว่าสถานการณ์นี้จะยังไม่ได้รับการแก้ไขก่อนกำหนดเส้นตายในวันที่ 19 มกราคมก็ตาม" บางส่วนของบันทึกที่ส่งถึงพนักงาน TikTok

    อย่างไรก็ตาม กฎหมายไม่ได้กำหนดให้ TikTok ต้องปิดตัวลงทันที เมื่อมีผลบังคับใช้วันที่ 19 มกราคมนี้ เพียงแต่ห้ามการติดตั้ง TikTok ใหม่ และถอดแอปออกจาก App Store ของ Apple หรือ Google เท่านั้น

    ผู้ใช้ปัจจุบันยังคงใช้แอปได้ต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง แต่การถอดออกจาก App Store จะทำให้แอปไม่ได้รับการอัปเดตเกี่ยวกับจุดบกพร่องหรือข้อบกพร่องด้านความปลอดภัยอีกต่อไป

    TikTok ยังระบุถึงการรายงานข่าวเกี่ยวกับการขาย TikTok ให้กับ Elon Musk ว่าเป็น "เรื่องแต่งล้วนๆ"

    นอกจากนี้ ความโกรธแค้นของชาวอเมริกันที่มีต่อรัฐบาลสหรัฐ ทำให้ ผู้ใช้ TikTok หันไปใช้แอปจีนอื่นๆ และขณะนี้มากกว่าครึ่งล้านคนหันมาใช้แอป RedNote ของจีน

    บน RedNote ซึ่งในจีนเรียกว่า Xiaohongshu มีผู้ใช้ชาวอเมริกันและจีนเข้าร่วมห้องที่ชื่อว่า "ผู้ลี้ภัย TikTok" (TikTok Refugees) เฉพาะห้องนี้ห้องเดียวมีมากกว่า 50,000 คน ซึ่งเป็นตัวเลขล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

    Lemon8 แอปโซเชียลมีเดียอีกแอปหนึ่งที่ ByteDance เป็นเจ้าของ ได้รับความนิยมเป็นอันดับสองในรายชื่อ App Store ของ Apple เมื่อวันอังคาร โดยพบการเพิ่มขึ้นที่คล้ายคลึงกันในเดือนที่แล้ว โดยมียอดดาวน์โหลดเพิ่มขึ้น 190% ในเดือนธันวาคม เป็นประมาณ 3.4 ล้านครั้ง
    แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย TikTok ที่ให้บริการผู้ใช้ชาวอเมริกันมากกว่า 170 ล้านบัญชี อาจต้องยุติการดำเนินงานในสหรัฐตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 19 ม.ค. นี้ ซึ่งเป็นวันที่คำสั่งห้ามของรัฐบาลกลางมีผลบังคับใช้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทีมกฎหมายของ TikTok ได้ยื่นเรื่องต่อศาลฎีกาเกี่ยวกับกฎหมายที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงนามเมื่อเดือนเมษายนนั้นถูกต้องตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ กฎหมายของไบเดนกำหนดให้ TikTok ต้องถอนการลงทุนจากบริษัทแม่ในจีนอย่าง ByteDance และขายให้กับนิติบุคคลในสหรัฐเท่านั้น และหากกฎหมายนี้มีผลบังคับใช้ TikTok จะต้องยุติให้บริการในวันที่ 19 มกราคม หนึ่งวันก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่ง หากการตัดสินของศาลเป็นผลดีต่อ TikTok จะทำให้แพลตฟอร์มนี้สามารถกลับมาให้บริการชาวอเมริกันต่อไปได้ มีการคาดเดากันว่า การเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ของ TikTok ดีขึ้น เนื่องจากคำมั่นสัญญาของทรัมป์ที่จะใช้จุดยืนที่เข้มงวดยิ่งขึ้นกับปักกิ่งนั่นเอง ขณะเดียวกัน ในบันทึกภายในขององค์กร มีการแจ้งพนักงานกว่า 7,000 คนในสหรัฐว่าความเป็นอยู่ที่ดีของพวกเขาคือ "สิ่งสำคัญที่สุด" และจะยังคงจ่ายเงินให้พวกเขาต่อไป "เราขอย้ำว่า ความเป็นอยู่ของพนักงานคือสิ่งสำคัญที่สุด การจ้างงาน เงินเดือน และสวัสดิการของคุณยังมีความปลอดภัย และสำนักงานของเราจะยังคงเปิดทำการ แม้ว่าสถานการณ์นี้จะยังไม่ได้รับการแก้ไขก่อนกำหนดเส้นตายในวันที่ 19 มกราคมก็ตาม" บางส่วนของบันทึกที่ส่งถึงพนักงาน TikTok อย่างไรก็ตาม กฎหมายไม่ได้กำหนดให้ TikTok ต้องปิดตัวลงทันที เมื่อมีผลบังคับใช้วันที่ 19 มกราคมนี้ เพียงแต่ห้ามการติดตั้ง TikTok ใหม่ และถอดแอปออกจาก App Store ของ Apple หรือ Google เท่านั้น ผู้ใช้ปัจจุบันยังคงใช้แอปได้ต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง แต่การถอดออกจาก App Store จะทำให้แอปไม่ได้รับการอัปเดตเกี่ยวกับจุดบกพร่องหรือข้อบกพร่องด้านความปลอดภัยอีกต่อไป TikTok ยังระบุถึงการรายงานข่าวเกี่ยวกับการขาย TikTok ให้กับ Elon Musk ว่าเป็น "เรื่องแต่งล้วนๆ" นอกจากนี้ ความโกรธแค้นของชาวอเมริกันที่มีต่อรัฐบาลสหรัฐ ทำให้ ผู้ใช้ TikTok หันไปใช้แอปจีนอื่นๆ และขณะนี้มากกว่าครึ่งล้านคนหันมาใช้แอป RedNote ของจีน บน RedNote ซึ่งในจีนเรียกว่า Xiaohongshu มีผู้ใช้ชาวอเมริกันและจีนเข้าร่วมห้องที่ชื่อว่า "ผู้ลี้ภัย TikTok" (TikTok Refugees) เฉพาะห้องนี้ห้องเดียวมีมากกว่า 50,000 คน ซึ่งเป็นตัวเลขล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา Lemon8 แอปโซเชียลมีเดียอีกแอปหนึ่งที่ ByteDance เป็นเจ้าของ ได้รับความนิยมเป็นอันดับสองในรายชื่อ App Store ของ Apple เมื่อวันอังคาร โดยพบการเพิ่มขึ้นที่คล้ายคลึงกันในเดือนที่แล้ว โดยมียอดดาวน์โหลดเพิ่มขึ้น 190% ในเดือนธันวาคม เป็นประมาณ 3.4 ล้านครั้ง
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 716 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้ประกาศหยุดการจ้างงานในส่วนหนึ่งของธุรกิจที่ปรึกษาในสหรัฐฯ เพื่อเป็นมาตรการลดค่าใช้จ่าย รายงานจาก CNBC ระบุว่า การตัดสินใจนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการจัดการค่าใช้จ่ายโดยรวมของบริษัท เนื่องจาก Microsoft ยังคงลงทุนในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างต่อเนื่อง

    เมื่อต้นเดือนนี้ Microsoft ได้ประกาศแผนการลงทุนประมาณ 80 พันล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2025 เพื่อพัฒนาศูนย์ข้อมูลสำหรับการฝึกอบรมโมเดล AI และการใช้งานแอปพลิเคชันบนคลาวด์

    Derek Danois ผู้บริหารฝ่ายที่ปรึกษาของ Microsoft ได้แจ้งพนักงานว่าหน่วยงานที่ปรึกษาจะหยุดการจ้างงานใหม่และการเติมตำแหน่งที่ว่าง เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ พนักงานยังได้รับคำสั่งให้ไม่เบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางสำหรับการประชุมภายใน และใช้การประชุมทางไกลแทน

    การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นไปตามนโยบายขององค์กร Microsoft Customer and Partner Solutions ซึ่งมีพนักงานประมาณ 60,000 คน รายงานยังระบุว่าหน่วยงานที่ปรึกษาจะลดการใช้จ่ายด้านการตลาดและทรัพยากรภายนอกที่ไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ลง 35%

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/15/microsoft-halts-hiring-in-us-consulting-unit-as-cost-cutting-measure-cnbc-reports
    Microsoft ได้ประกาศหยุดการจ้างงานในส่วนหนึ่งของธุรกิจที่ปรึกษาในสหรัฐฯ เพื่อเป็นมาตรการลดค่าใช้จ่าย รายงานจาก CNBC ระบุว่า การตัดสินใจนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการจัดการค่าใช้จ่ายโดยรวมของบริษัท เนื่องจาก Microsoft ยังคงลงทุนในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างต่อเนื่อง เมื่อต้นเดือนนี้ Microsoft ได้ประกาศแผนการลงทุนประมาณ 80 พันล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2025 เพื่อพัฒนาศูนย์ข้อมูลสำหรับการฝึกอบรมโมเดล AI และการใช้งานแอปพลิเคชันบนคลาวด์ Derek Danois ผู้บริหารฝ่ายที่ปรึกษาของ Microsoft ได้แจ้งพนักงานว่าหน่วยงานที่ปรึกษาจะหยุดการจ้างงานใหม่และการเติมตำแหน่งที่ว่าง เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ พนักงานยังได้รับคำสั่งให้ไม่เบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางสำหรับการประชุมภายใน และใช้การประชุมทางไกลแทน การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นไปตามนโยบายขององค์กร Microsoft Customer and Partner Solutions ซึ่งมีพนักงานประมาณ 60,000 คน รายงานยังระบุว่าหน่วยงานที่ปรึกษาจะลดการใช้จ่ายด้านการตลาดและทรัพยากรภายนอกที่ไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ลง 35% https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/15/microsoft-halts-hiring-in-us-consulting-unit-as-cost-cutting-measure-cnbc-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Microsoft halts hiring in US consulting unit as cost-cutting measure, CNBC reports
    (Reuters) - Microsoft is planning to halt hiring in part of its consulting business in the U.S. in a bid to cut costs, CNBC reported on Tuesday, citing an internal memo.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 256 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใครมองหางานใหม่ให้ระวังครับ

    เว็บไซต์ BleepingComputer รายงานว่า มีการโจมตีแบบฟิชชิ่งที่แอบอ้างเป็นบริษัท CrowdStrike เพื่อหลอกลวงผู้สมัครงานให้ติดตั้งโปรแกรมขุดคริปโตเคอเรนซี Monero (XMRig) การโจมตีนี้เริ่มต้นด้วยอีเมลฟิชชิ่งที่ส่งไปยังผู้หางาน โดยอ้างว่าเป็นตัวแทนการจ้างงานของ CrowdStrike และขอบคุณที่สมัครงานในตำแหน่งนักพัฒนา

    อีเมลดังกล่าวจะนำผู้รับไปยังเว็บไซต์ที่ดูเหมือนเป็นพอร์ทัลของ CrowdStrike เพื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน CRM สำหรับพนักงาน. เมื่อผู้ใช้ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชันนี้ โปรแกรมจะทำการตรวจสอบสภาพแวดล้อมการทำงานเพื่อหลีกเลี่ยงการวิเคราะห์จากระบบรักษาความปลอดภัย หากผ่านการตรวจสอบ โปรแกรมจะดาวน์โหลดไฟล์การตั้งค่าที่จำเป็นสำหรับการรัน XMRig และเริ่มขุดคริปโตเคอเรนซีในพื้นหลังโดยใช้พลังงานประมวลผลเพียงเล็กน้อยเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ

    เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของการโจมตีแบบนี้ ผู้หางานควรตรวจสอบว่าอีเมลที่ได้รับมาจากโดเมนของบริษัทจริง และติดต่อกับบุคคลนั้นผ่านทางเว็บไซต์ทางการของบริษัท นอกจากนี้ ควรระวังคำขอที่เร่งด่วนหรือไม่ปกติ ข้อเสนอที่ดูดีเกินจริง หรือการเชิญชวนให้ดาวน์โหลดไฟล์ที่สามารถรันได้บนคอมพิวเตอร์ครับ

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/fake-crowdstrike-job-offer-emails-target-devs-with-crypto-miners/
    ใครมองหางานใหม่ให้ระวังครับ เว็บไซต์ BleepingComputer รายงานว่า มีการโจมตีแบบฟิชชิ่งที่แอบอ้างเป็นบริษัท CrowdStrike เพื่อหลอกลวงผู้สมัครงานให้ติดตั้งโปรแกรมขุดคริปโตเคอเรนซี Monero (XMRig) การโจมตีนี้เริ่มต้นด้วยอีเมลฟิชชิ่งที่ส่งไปยังผู้หางาน โดยอ้างว่าเป็นตัวแทนการจ้างงานของ CrowdStrike และขอบคุณที่สมัครงานในตำแหน่งนักพัฒนา อีเมลดังกล่าวจะนำผู้รับไปยังเว็บไซต์ที่ดูเหมือนเป็นพอร์ทัลของ CrowdStrike เพื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน CRM สำหรับพนักงาน. เมื่อผู้ใช้ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชันนี้ โปรแกรมจะทำการตรวจสอบสภาพแวดล้อมการทำงานเพื่อหลีกเลี่ยงการวิเคราะห์จากระบบรักษาความปลอดภัย หากผ่านการตรวจสอบ โปรแกรมจะดาวน์โหลดไฟล์การตั้งค่าที่จำเป็นสำหรับการรัน XMRig และเริ่มขุดคริปโตเคอเรนซีในพื้นหลังโดยใช้พลังงานประมวลผลเพียงเล็กน้อยเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของการโจมตีแบบนี้ ผู้หางานควรตรวจสอบว่าอีเมลที่ได้รับมาจากโดเมนของบริษัทจริง และติดต่อกับบุคคลนั้นผ่านทางเว็บไซต์ทางการของบริษัท นอกจากนี้ ควรระวังคำขอที่เร่งด่วนหรือไม่ปกติ ข้อเสนอที่ดูดีเกินจริง หรือการเชิญชวนให้ดาวน์โหลดไฟล์ที่สามารถรันได้บนคอมพิวเตอร์ครับ https://www.bleepingcomputer.com/news/security/fake-crowdstrike-job-offer-emails-target-devs-with-crypto-miners/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Fake CrowdStrike job offer emails target devs with crypto miners
    CrowdStrike is warning that a phishing campaign is impersonating the cybersecurity company in fake job offer emails to trick targets into infecting themselves with a Monero cryptocurrency miner (XMRig).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 477 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts