• เขย่าเพนตากอน!

    ทรัมป์มีคำสั่งปลด พลอากาศเอกซีคิว บราวน์ (General CQ Brown) ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นตำแหน่งระดับบัญชาการทหารสูงที่สุดของกองทัพสหรัฐฯ

    คำสั่งดังกล่าวประกาศออกมาในช่วงค่ำวันศุกร์ตามเวลาในสหรัฐฯ

    พลอากาศเอกบราวน์ คือนายทหารผิวดำคนที่สองในประวัติศาสตร์ที่ได้นั่งในตำแหน่งประธานผู้บัญชาการเหล่าทัพร่วม โดยเขาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนี้เมื่อ 16 เดือนก่อนในสมัยประธานาธิบดีโจ ไบเดน หลังจากการเกษียณอายุราชการของพลเอกไมค์ ไมลีย์

    นอกจากนี้ทรัมป์ยังแต่งตั้งพลโท แดน "เรซิน" แคน (Lieutenant General Dan “Razin” Caine) ซึ่งเกษียณอายุราชการไปแล้วให้กลับมานั่งเก้าอี้ประธานคณะเสนาธิการร่วมแทน บราวน์ อีกด้วย

    สำหรับ พล.ท. แคน นั้นเป็นอดีตนักบินเครื่องบินขับไล่ F-16 และเคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกิจการทหารของสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA)

    ทรัมป์ ไม่ได้ระบุถึงสาเหตุการเปลี่ยนตัว บราวน์ และไม่ได้พูดถึงการอนุญาตให้เขาอยู่ในตำแหน่งต่อจนกว่าประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมคนใหม่จะผ่านการรับรองโดยวุฒิสภาหรือไม่

    นอกจากนี้ กลาโหมสหรัฐโดย พีท เฮกเซธ ยังประกาศปลดพลเรือเอกหญิง ลิซา ฟร็องเช็ตติ (Chief Adm. Lisa Franchetti) ผู้บัญชาการกองทัพเรือสหรัฐฯ รวมถึงพลอากาศเอกจิม สไลฟ์ (Jim Slife) รองหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการกองทัพอากาศออกด้วย



    เขย่าเพนตากอน! ทรัมป์มีคำสั่งปลด พลอากาศเอกซีคิว บราวน์ (General CQ Brown) ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นตำแหน่งระดับบัญชาการทหารสูงที่สุดของกองทัพสหรัฐฯ คำสั่งดังกล่าวประกาศออกมาในช่วงค่ำวันศุกร์ตามเวลาในสหรัฐฯ พลอากาศเอกบราวน์ คือนายทหารผิวดำคนที่สองในประวัติศาสตร์ที่ได้นั่งในตำแหน่งประธานผู้บัญชาการเหล่าทัพร่วม โดยเขาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนี้เมื่อ 16 เดือนก่อนในสมัยประธานาธิบดีโจ ไบเดน หลังจากการเกษียณอายุราชการของพลเอกไมค์ ไมลีย์ นอกจากนี้ทรัมป์ยังแต่งตั้งพลโท แดน "เรซิน" แคน (Lieutenant General Dan “Razin” Caine) ซึ่งเกษียณอายุราชการไปแล้วให้กลับมานั่งเก้าอี้ประธานคณะเสนาธิการร่วมแทน บราวน์ อีกด้วย สำหรับ พล.ท. แคน นั้นเป็นอดีตนักบินเครื่องบินขับไล่ F-16 และเคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกิจการทหารของสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA) ทรัมป์ ไม่ได้ระบุถึงสาเหตุการเปลี่ยนตัว บราวน์ และไม่ได้พูดถึงการอนุญาตให้เขาอยู่ในตำแหน่งต่อจนกว่าประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมคนใหม่จะผ่านการรับรองโดยวุฒิสภาหรือไม่ นอกจากนี้ กลาโหมสหรัฐโดย พีท เฮกเซธ ยังประกาศปลดพลเรือเอกหญิง ลิซา ฟร็องเช็ตติ (Chief Adm. Lisa Franchetti) ผู้บัญชาการกองทัพเรือสหรัฐฯ รวมถึงพลอากาศเอกจิม สไลฟ์ (Jim Slife) รองหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการกองทัพอากาศออกด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 354 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน (IRGC) เปิดตัวฐานทัพใต้ดินแห่งใหม่ ตั้งอยู่ที่ไหนสักแห่งตามแนวชายฝั่้งทางใต้ของประเทศ ฐานทัพใหม่นี้ได้รับฉายาว่า "เมืองขีปนาวุธ" เป็นแหล่งซ่อนตัวของรถบรรทุกหลายสิบคนที่ใช้เป็นแท่นยิงขีปนาวุธ อ้างอิงภาพจากคลิปวิดีโอที่เผยแพร่โดยกองทัพอิหร่านเมื่อวันเสาร์(1ก.พ.)
    .
    ในวิดีโอความยาว 2 นาที พลตรีฮอสเซน ซาลามี ผู้บัญชาการ IRGC และพลเรือตรีอาลิเรซา ทังซิรี ผู้บัญชาการกองทัพเรือ กำลังตรวจตราเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดิน บริเวณที่แท่นยิงขีปนาวุธเคลื่อนที่ประจำการอยู่
    .
    ทังซีรี ระบุว่าฐานทัพแห่งนี้เป็นที่ตั้งของขีปนาวุธร่อน Qadr-380 ของอิหร่าน ซึ่งสามารถประจำการและยิงโจมตีได้ภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที ขีปนาวุธนี้มีพิสัยทำการกว่า 1,000 กิโลเมตรและติดตั้งระบบต่อต้านสัญญาณรบกวน เพื่อตอบโต้การทำสงครามอิเล็กทรอนิก ตามรายงานของสำนักข่าวไออาร์เอ็นเอ
    .
    ฐานทัพแห่งใหม่ที่อวดโฉมในวันเสาร์(1ก.พ.) ถือเป็นฐานทัพใต้ดินแห่งที่ 3 แล้วในอิหร่าน หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อช่วงกลางเดือนมกราคม ทางกองทัพเรือแห่ง IRGC เพิ่้งเปิดตัวฐานทัพใต้ดินอีกแห่ง สำหรับขีปนาวุธต่อต้านเรือ ตามแนวชายฝั่งอ่าวเปอร์เซีย ขณะเดียวกันทางกองทัพอากาศของ IRGC ก็เคยเปิดเผยเกี่ยวกับฐานทัพแบบเดียวกันนี้ เมื่อวันที่ 10 มกราคม แต่ไม่ได้บอกตำแหน่งที่ตั้งอย่างชัดเจน
    .
    อิหร่าน บอกว่าโครงการขีปนาวุธของพวกเขามีไว้เพื่อป้องปรามบรรดาอริศัตรูอย่างสหรัฐฯและอิสราเอล และระหว่างการตรวจตราเมื่อวันเสาร์(1ก.พ.) ซาลามี เน้นย้ำว่าการเปิดตัวฐานทัพใต้ดินครั้งนี้ มีเจตนาเพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูของเตหะราน คำนวณผิดพลาดจนนำมาซึ่งผลลัพธ์ร้ายแรง
    .
    ในช่วงต้นเดือนมกราคม อับบาส อารากชี รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่าน ยกย่องโครงการขีปนาวุธของประเทศ ว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องปรามภัยคุกคามจากต่างชาติ "ผมเคยบอกมาหลายครั้งแล้ว และเชื่อย่างหนักแน่นว่า ถ้าเราไม่มีแสนยานุภาพด้านขีปนาวุธ ก็คงไม่มีใครเจรจากับเรา"
    .
    อารากชี อ้างว่าสหรัฐฯและพันธมิตรมีแต่จะตอบสนองอย่างแข็งกร้าว แต่แสนยานุภาพด้านขีปนาวุธของอิหร่านจะบีบให้พวกเขาหันหน้ามาใช้หนทางด้านการทูต แทนการเลือกใช้กำลัง ความเห็นของเขามีขค้นตามหลังความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการยิงขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีตอบโต้กันไปมาระหว่าง 2 ชาติ เมื่อปีที่แล้ว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000010796
    ..................
    Sondhi X
    กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน (IRGC) เปิดตัวฐานทัพใต้ดินแห่งใหม่ ตั้งอยู่ที่ไหนสักแห่งตามแนวชายฝั่้งทางใต้ของประเทศ ฐานทัพใหม่นี้ได้รับฉายาว่า "เมืองขีปนาวุธ" เป็นแหล่งซ่อนตัวของรถบรรทุกหลายสิบคนที่ใช้เป็นแท่นยิงขีปนาวุธ อ้างอิงภาพจากคลิปวิดีโอที่เผยแพร่โดยกองทัพอิหร่านเมื่อวันเสาร์(1ก.พ.) . ในวิดีโอความยาว 2 นาที พลตรีฮอสเซน ซาลามี ผู้บัญชาการ IRGC และพลเรือตรีอาลิเรซา ทังซิรี ผู้บัญชาการกองทัพเรือ กำลังตรวจตราเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดิน บริเวณที่แท่นยิงขีปนาวุธเคลื่อนที่ประจำการอยู่ . ทังซีรี ระบุว่าฐานทัพแห่งนี้เป็นที่ตั้งของขีปนาวุธร่อน Qadr-380 ของอิหร่าน ซึ่งสามารถประจำการและยิงโจมตีได้ภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที ขีปนาวุธนี้มีพิสัยทำการกว่า 1,000 กิโลเมตรและติดตั้งระบบต่อต้านสัญญาณรบกวน เพื่อตอบโต้การทำสงครามอิเล็กทรอนิก ตามรายงานของสำนักข่าวไออาร์เอ็นเอ . ฐานทัพแห่งใหม่ที่อวดโฉมในวันเสาร์(1ก.พ.) ถือเป็นฐานทัพใต้ดินแห่งที่ 3 แล้วในอิหร่าน หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อช่วงกลางเดือนมกราคม ทางกองทัพเรือแห่ง IRGC เพิ่้งเปิดตัวฐานทัพใต้ดินอีกแห่ง สำหรับขีปนาวุธต่อต้านเรือ ตามแนวชายฝั่งอ่าวเปอร์เซีย ขณะเดียวกันทางกองทัพอากาศของ IRGC ก็เคยเปิดเผยเกี่ยวกับฐานทัพแบบเดียวกันนี้ เมื่อวันที่ 10 มกราคม แต่ไม่ได้บอกตำแหน่งที่ตั้งอย่างชัดเจน . อิหร่าน บอกว่าโครงการขีปนาวุธของพวกเขามีไว้เพื่อป้องปรามบรรดาอริศัตรูอย่างสหรัฐฯและอิสราเอล และระหว่างการตรวจตราเมื่อวันเสาร์(1ก.พ.) ซาลามี เน้นย้ำว่าการเปิดตัวฐานทัพใต้ดินครั้งนี้ มีเจตนาเพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูของเตหะราน คำนวณผิดพลาดจนนำมาซึ่งผลลัพธ์ร้ายแรง . ในช่วงต้นเดือนมกราคม อับบาส อารากชี รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่าน ยกย่องโครงการขีปนาวุธของประเทศ ว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องปรามภัยคุกคามจากต่างชาติ "ผมเคยบอกมาหลายครั้งแล้ว และเชื่อย่างหนักแน่นว่า ถ้าเราไม่มีแสนยานุภาพด้านขีปนาวุธ ก็คงไม่มีใครเจรจากับเรา" . อารากชี อ้างว่าสหรัฐฯและพันธมิตรมีแต่จะตอบสนองอย่างแข็งกร้าว แต่แสนยานุภาพด้านขีปนาวุธของอิหร่านจะบีบให้พวกเขาหันหน้ามาใช้หนทางด้านการทูต แทนการเลือกใช้กำลัง ความเห็นของเขามีขค้นตามหลังความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการยิงขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีตอบโต้กันไปมาระหว่าง 2 ชาติ เมื่อปีที่แล้ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000010796 .................. Sondhi X
    Like
    Haha
    Wow
    19
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1332 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ ทวงคำตอบ กรณี MOU44 และ JC44 กับรัฐบาล ##
    ..
    ..
    ข้อเรียกร้อง ย่ออย่างสั้นที่สุดคือ...
    .
    1.ขอให้นายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐมนตรี รักษาอธิปไตยของชาติ
    2.ขอให้นายกรัฐมนตรี นำเรื่อง MOU44 และ JC44 เข้า ครม. ลงมติ และ ส่ง ศาลรัฐธรรมนูญ ให้ตีความว่า การทำ MOU44 และ JC44 ชอบด้วย รัฐธรรมนูญหรือไม่
    3.หาก ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า MOU44 และ JC44 ขัดหรือแย้งต่อ รัฐธรรมนูญ ขอให้เพิกถอน MOU44 และ JC44 ไป
    4.หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า MOU44 และ JC44 ไม่ขัดหรือแย้งต่อ รัฐธรรมนูญ ขอให้ รัฐบาลไปเจรจา กับ กัมพูชา เพื่อยกเลิก MOU44 และ JC44 เพื่อป้องกันความสุ่มเสี่ยงที่ประเทศไทย อาจจะเสียเปรียบในอนาคต บนเวทีสากล หรือ ศาลโลก
    5.ขอให้ยุติการตั้ง คณะกรรมาธิการร่วมทางเทคนิค ระหว่างไทยกับกัมพูชาด้านทะเล หรือ JTC เอาไว้ก่อน
    6.ขอให้รัฐบาลเปิดเวทีสาธารณะ เพื่อเสวนาและให้ความรู้ประชาชน และ สุดท้ายให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในเรื่องนี้
    .
    แต่ คำตอบของ นายกรัฐมนตรี คือ เห็นหนังสือร้องเรียนแล้ว ได้ส่งให้กระทรวงการต่างประเทศแล้ว หากมีเรื่องใดจะร้องทุกข์ให้มาที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 111
    .
    สรุปคำตอบของ ท่านนายกรัฐมนตรี คือ ถามวัว ตอบควาย...!!!
    .
    เนื่องจาก ครบกำหนด 15 วันแล้ว และ ท่าตอบไม่ตรงคำถาม ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ จึงได้มาทวงถามคำตอบอีกครั้ง...
    ...
    ...
    โดยในวันที่ 24 ธันวาคม 2567 นายกรัฐมนตรี มอบหมาย นาย สมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง หอบหิ้ว ข้าราชการนับ 10 หน่วยงาน มาร่วมประชุมรับหน้า ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ
    .
    เช่น...
    .
    1.ที่ปรึกษาสำนักปลัดสำนักยนายกรัฐมนตรี
    2.ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
    3.ผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชน
    4.ผู้เชี่ยวชาญด้านมวลชน
    5.ผู้อำนวยการส่วนประสานมวลชนและองค์กรประชาชน
    6.ผู้อำนวยการกองกฎหมายกรมสนธิสัญญา ***
    7.รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล
    8.สำนักนโยบายและแผนกองบัญชาการกองทัพเรือ ***
    9.ตัวแทนกองบัญชาการกองทัพเรือ ***
    10.ผู้อำนวยการด้านกองความมั่นคงทางทะเล ***
    11.นักการทูตชำนาญการกระทรวงการต่างประเทศ ***
    12.นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการสภาความนั่นคงแห่งชาติ ***
    ...
    ...
    ผมว่าการเชิญข้าราชการเหล่านี้มาคุยเป็นเรื่องดีครับ แต่ในทางที่ถูกคือควรจะเปิดเผยต่อสาธารณะชนครับ
    .
    แน่นอนว่า วิธีนี้อาจเป็นการรักษาหน้าของ ข้าราชการที่ถูกเรียกมาให้ข้อมูลยันกับ คุณลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ
    .
    เพราะบางท่านอาจถูกบังคับให้มาด้วย ตำแหน่งหน้าที่ และ สายการบังคับบัญชา โดยที่ท่านเหล่านั้น อาจจะไม่ได้เต็มใจมาค้านข้อมูลของภาคประชาชนก็ได้
    .
    มีข้อสังเกตุว่า การตระเตรียมการนำข้าราชการหลาย 10 ท่าน มาในวันนั้น ไม่ได้มีการแจ้งภาคประชาชนมากก่อน
    .
    เพราะภาคประชาชนเพียงมาทวงคำตอบ จึงไม่ได้เตรียมเอกสารหรือข้อมูลมาเพื่อพูดคุยกัน
    .
    แต่เมื่อเริ่มประชุม ฝ่ายตัวแทนรัฐบาลกลับ เริ่มต้น ให้ ภาคประชาชนถามคำถามที่ค้างคาใจ...
    .
    แม้กระนั้น อาจารย์ปานเทพ ก็เทพ สมชื่อ จัดหนักข้อมูชุดใหญ่ให้ที่ประชุม แถม เสริม และ แย้ง ข้อมูลของ ผู้อำนวยการกองกฎหมายกรมสนธิสัญญา ที่พูดไม่ครบถ้วนกระบวนความ จนความหมายผิดเพียนไปได้อย่างหนักแน่น จนอึ้งไปกันหมดทุกคน...
    ...
    ...
    ประเด็นสำคัญคือ
    .
    พระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปของ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงกำหนดวิธีการเจรจาไว้แล้ว ว่า ให้ใช้หลักกฎหมายสากล ซึ่งก็คือ เส้นมัธยฐาน
    .
    แต่ MOU44 และ JC44 ที่จัดทำขึ้นโดยไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของสภา จึง ขัดต่อบทบัญญัตของ รัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้ การทำหนังสือสัญญาใดๆระหว่างประเทศ เป็น อำนาจ ของ พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นพระประมุขของประเทศ
    .
    เมื่อเป็นหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ จึงต้องผ่านความเห็นชอบของสภา
    .
    เมื่อไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของสภา ดังนั้น MOU44 และ JC44 จึงเป็น เอกสารเถื่อน มีผลป็น โมฆะ มาตั้งแต่ต้น
    .
    แถม MOU44 ยัง มีแผนที่ไหล่ทวีป ที่วาดเอาตามอำเภอใจของ กัมพูชา แนบท้ายมาใน MOU44 อีกด้วย
    .
    มีผลเป็นการ "รับรู้" และ เป็นครั้งแรก ที่เอกสารของประเทศไทย ได้มี แผนที่ไหล่ทวีป ที่วาดเอาตามอำเภอใจของ กัมพูชา เข้ามาสู้ระบบเอกสารของประเทศไทยอย่างทางการ
    .
    มีผลเป็นการที่ รัฐบาล และ หน่วยงานรัฐใดๆที่เกี่ยวข้อง "รับรู้" และ "ไม่ปฎิเสธ" แผนที่ไหล่ทวีป ที่วาดเอาตามอำเภอใจของ กัมพูชา
    .
    อีกทั้งใน MOU44 ยังมีเนื้อหาที่ ทำให้เกิดความพยายามที่จะยอมรับพื้นที่อ้างสิทธิระหว่างไทยกับกัมพูชา ด้านใต้ ละติจูดที่ 11 องศา ลงมา
    .
    ว่าเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนกันเป็นที่ยุติแล้ว มีจำนวน 16,000 ตารางกิโลเมตร ที่ไม่ต้องมีการตกลงเรื่องเขตแดนกันอีก
    .
    โดยกำหนดพื้นที่ด้านใต้ ละติจูดที่ 11 องศา ให้แบ่งผลประโยชน์กัน ระหว่าง ประเทศไทย กับ กัมพูชา
    .
    ซึ่งวิธีการดังกล่าง เป็นการ ตกลงกันเป็นอย่างอื่น นอกเหนือจาก หลักกฎหมาย ของ กฎหมายสากลทางทะเล (เส้น มัธยฐาน)
    .
    ซึ่งจะทำให้ ประเทศไทย สูญเสียผลประโยชน์เกินกว่าความเป็นจริง และ เป็นการ ขัดพระบรมราชโองการ ประกาศเขตไหล่ทวีป ของ ในหลวงรัชการที่ 9 ซึ่งได้กำหนด วิธีการเจรจาไว้เป็นหนึ่งเดียว ตลอดไป...
    .
    สรุป สุดท้าน ภาคประชาชน ขอให้ รัฐบาลทำให้สือตอบกลับมาเป็น ลายลักษณ์อักษร หากท่านทำผิดกฎหมาย ภาคประชาชน จะไปดำเนินคดีกับท่านเอง
    .
    และได้ บอกกล่าวว่าปีหน้าจะ ไปยื่นหนังสือที่
    1.รัฐสภา
    2.กระทรวงการต่างประเทศ และ
    3.กองทัพเรือ
    .
    เรื่อง ดินแดน อำนาจอธิปไตย และ สิทธิอธิปไตย เป็นเรื่องที่คุกรุ่นอยู่ในใจของประชาชนครับ
    .
    สุดท้ายของฝากไว้...
    ....
    ....
    ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119

    ผู้ใดกระทำการใด ๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
    ....
    ....
    https://youtu.be/pee-3jgOGrQ?si=VEkike7oS8olHZqn
    ## ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ ทวงคำตอบ กรณี MOU44 และ JC44 กับรัฐบาล ## .. .. ข้อเรียกร้อง ย่ออย่างสั้นที่สุดคือ... . 1.ขอให้นายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐมนตรี รักษาอธิปไตยของชาติ 2.ขอให้นายกรัฐมนตรี นำเรื่อง MOU44 และ JC44 เข้า ครม. ลงมติ และ ส่ง ศาลรัฐธรรมนูญ ให้ตีความว่า การทำ MOU44 และ JC44 ชอบด้วย รัฐธรรมนูญหรือไม่ 3.หาก ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า MOU44 และ JC44 ขัดหรือแย้งต่อ รัฐธรรมนูญ ขอให้เพิกถอน MOU44 และ JC44 ไป 4.หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า MOU44 และ JC44 ไม่ขัดหรือแย้งต่อ รัฐธรรมนูญ ขอให้ รัฐบาลไปเจรจา กับ กัมพูชา เพื่อยกเลิก MOU44 และ JC44 เพื่อป้องกันความสุ่มเสี่ยงที่ประเทศไทย อาจจะเสียเปรียบในอนาคต บนเวทีสากล หรือ ศาลโลก 5.ขอให้ยุติการตั้ง คณะกรรมาธิการร่วมทางเทคนิค ระหว่างไทยกับกัมพูชาด้านทะเล หรือ JTC เอาไว้ก่อน 6.ขอให้รัฐบาลเปิดเวทีสาธารณะ เพื่อเสวนาและให้ความรู้ประชาชน และ สุดท้ายให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในเรื่องนี้ . แต่ คำตอบของ นายกรัฐมนตรี คือ เห็นหนังสือร้องเรียนแล้ว ได้ส่งให้กระทรวงการต่างประเทศแล้ว หากมีเรื่องใดจะร้องทุกข์ให้มาที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 111 . สรุปคำตอบของ ท่านนายกรัฐมนตรี คือ ถามวัว ตอบควาย...!!! . เนื่องจาก ครบกำหนด 15 วันแล้ว และ ท่าตอบไม่ตรงคำถาม ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ จึงได้มาทวงถามคำตอบอีกครั้ง... ... ... โดยในวันที่ 24 ธันวาคม 2567 นายกรัฐมนตรี มอบหมาย นาย สมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง หอบหิ้ว ข้าราชการนับ 10 หน่วยงาน มาร่วมประชุมรับหน้า ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ . เช่น... . 1.ที่ปรึกษาสำนักปลัดสำนักยนายกรัฐมนตรี 2.ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี 3.ผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชน 4.ผู้เชี่ยวชาญด้านมวลชน 5.ผู้อำนวยการส่วนประสานมวลชนและองค์กรประชาชน 6.ผู้อำนวยการกองกฎหมายกรมสนธิสัญญา *** 7.รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล 8.สำนักนโยบายและแผนกองบัญชาการกองทัพเรือ *** 9.ตัวแทนกองบัญชาการกองทัพเรือ *** 10.ผู้อำนวยการด้านกองความมั่นคงทางทะเล *** 11.นักการทูตชำนาญการกระทรวงการต่างประเทศ *** 12.นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการสภาความนั่นคงแห่งชาติ *** ... ... ผมว่าการเชิญข้าราชการเหล่านี้มาคุยเป็นเรื่องดีครับ แต่ในทางที่ถูกคือควรจะเปิดเผยต่อสาธารณะชนครับ . แน่นอนว่า วิธีนี้อาจเป็นการรักษาหน้าของ ข้าราชการที่ถูกเรียกมาให้ข้อมูลยันกับ คุณลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ . เพราะบางท่านอาจถูกบังคับให้มาด้วย ตำแหน่งหน้าที่ และ สายการบังคับบัญชา โดยที่ท่านเหล่านั้น อาจจะไม่ได้เต็มใจมาค้านข้อมูลของภาคประชาชนก็ได้ . มีข้อสังเกตุว่า การตระเตรียมการนำข้าราชการหลาย 10 ท่าน มาในวันนั้น ไม่ได้มีการแจ้งภาคประชาชนมากก่อน . เพราะภาคประชาชนเพียงมาทวงคำตอบ จึงไม่ได้เตรียมเอกสารหรือข้อมูลมาเพื่อพูดคุยกัน . แต่เมื่อเริ่มประชุม ฝ่ายตัวแทนรัฐบาลกลับ เริ่มต้น ให้ ภาคประชาชนถามคำถามที่ค้างคาใจ... . แม้กระนั้น อาจารย์ปานเทพ ก็เทพ สมชื่อ จัดหนักข้อมูชุดใหญ่ให้ที่ประชุม แถม เสริม และ แย้ง ข้อมูลของ ผู้อำนวยการกองกฎหมายกรมสนธิสัญญา ที่พูดไม่ครบถ้วนกระบวนความ จนความหมายผิดเพียนไปได้อย่างหนักแน่น จนอึ้งไปกันหมดทุกคน... ... ... ประเด็นสำคัญคือ . พระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปของ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงกำหนดวิธีการเจรจาไว้แล้ว ว่า ให้ใช้หลักกฎหมายสากล ซึ่งก็คือ เส้นมัธยฐาน . แต่ MOU44 และ JC44 ที่จัดทำขึ้นโดยไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของสภา จึง ขัดต่อบทบัญญัตของ รัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้ การทำหนังสือสัญญาใดๆระหว่างประเทศ เป็น อำนาจ ของ พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นพระประมุขของประเทศ . เมื่อเป็นหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ จึงต้องผ่านความเห็นชอบของสภา . เมื่อไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของสภา ดังนั้น MOU44 และ JC44 จึงเป็น เอกสารเถื่อน มีผลป็น โมฆะ มาตั้งแต่ต้น . แถม MOU44 ยัง มีแผนที่ไหล่ทวีป ที่วาดเอาตามอำเภอใจของ กัมพูชา แนบท้ายมาใน MOU44 อีกด้วย . มีผลเป็นการ "รับรู้" และ เป็นครั้งแรก ที่เอกสารของประเทศไทย ได้มี แผนที่ไหล่ทวีป ที่วาดเอาตามอำเภอใจของ กัมพูชา เข้ามาสู้ระบบเอกสารของประเทศไทยอย่างทางการ . มีผลเป็นการที่ รัฐบาล และ หน่วยงานรัฐใดๆที่เกี่ยวข้อง "รับรู้" และ "ไม่ปฎิเสธ" แผนที่ไหล่ทวีป ที่วาดเอาตามอำเภอใจของ กัมพูชา . อีกทั้งใน MOU44 ยังมีเนื้อหาที่ ทำให้เกิดความพยายามที่จะยอมรับพื้นที่อ้างสิทธิระหว่างไทยกับกัมพูชา ด้านใต้ ละติจูดที่ 11 องศา ลงมา . ว่าเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนกันเป็นที่ยุติแล้ว มีจำนวน 16,000 ตารางกิโลเมตร ที่ไม่ต้องมีการตกลงเรื่องเขตแดนกันอีก . โดยกำหนดพื้นที่ด้านใต้ ละติจูดที่ 11 องศา ให้แบ่งผลประโยชน์กัน ระหว่าง ประเทศไทย กับ กัมพูชา . ซึ่งวิธีการดังกล่าง เป็นการ ตกลงกันเป็นอย่างอื่น นอกเหนือจาก หลักกฎหมาย ของ กฎหมายสากลทางทะเล (เส้น มัธยฐาน) . ซึ่งจะทำให้ ประเทศไทย สูญเสียผลประโยชน์เกินกว่าความเป็นจริง และ เป็นการ ขัดพระบรมราชโองการ ประกาศเขตไหล่ทวีป ของ ในหลวงรัชการที่ 9 ซึ่งได้กำหนด วิธีการเจรจาไว้เป็นหนึ่งเดียว ตลอดไป... . สรุป สุดท้าน ภาคประชาชน ขอให้ รัฐบาลทำให้สือตอบกลับมาเป็น ลายลักษณ์อักษร หากท่านทำผิดกฎหมาย ภาคประชาชน จะไปดำเนินคดีกับท่านเอง . และได้ บอกกล่าวว่าปีหน้าจะ ไปยื่นหนังสือที่ 1.รัฐสภา 2.กระทรวงการต่างประเทศ และ 3.กองทัพเรือ . เรื่อง ดินแดน อำนาจอธิปไตย และ สิทธิอธิปไตย เป็นเรื่องที่คุกรุ่นอยู่ในใจของประชาชนครับ . สุดท้ายของฝากไว้... .... .... ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 ผู้ใดกระทำการใด ๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต .... .... https://youtu.be/pee-3jgOGrQ?si=VEkike7oS8olHZqn
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 738 มุมมอง 0 รีวิว
  • 26 ธ.ค. 2024 -รายงานข่าวจากสื่อ South China Morning Post ระบุว่า ปักกิ่งปลดนายพลอีก 2 นายจากตำแหน่งสมาชิกรัฐสภาของกองทัพปลดแอกประชาชน (PLA) เนื่องจากจีนยังคงดำเนินการปราบปรามการทุจริตในกองทัพของประเทศ

    ในประกาศเมื่อวันพุธที่25 ธันวาคมนี้ คณะกรรมการถาวรของสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) ยืนยันว่าพลโทโยว ไห่เทา อดีตรองผู้บัญชาการกองทัพจีน และพลเรือเอกหลี่ เผิงเฉิง อดีตผู้บัญชาการกองทัพเรือของกองบัญชาการกองทัพภาคใต้ของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน ถูกปลดออกจากตำแหน่งสมาชิกรัฐสภาสูงสุดของประเทศ

    แถลงการณ์ของ NPC ฉบับหนึ่งระบุว่านายพลโยวและนายพลหลี่ถูกสงสัยว่า “ละเมิดกฎหมายและวินัยอย่างร้ายแรง” ซึ่งโดยปกติแล้วหมายถึงการทุจริต

    การปลดนายพลทั้งสองเกิดขึ้นท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงบุคลากรจำนวนมากภายในกองทัพปลดแอกประชาชนจีน โดยมีนายทหารอาวุโสหลายคนถูกปลดออกจากตำแหน่งเนื่องจากถูกกล่าวหาว่าทุจริต เช่น เหมียวฮัว สมาชิกคณะกรรมาธิการทหารกลางที่มีอำนาจและผู้อำนวยการฝ่ายงานการเมือง ถูกสอบสวนเรื่องการทุจริตในเดือนพฤศจิกายน นายพลคุณ วัย 66 ปี ได้รับตำแหน่งรองผู้บัญชาการกองทัพในช่วงต้นปี 2016 ก่อนหน้านี้ เขาเคยดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการกองทัพภาคหนานจิง และได้รับการเลื่อนยศเป็นพลโทในปี 2014

    นายพลเรือ หลี่ วัย 61 ปี เคยดำรงตำแหน่งต่างๆ มาก่อน รวมทั้งรองเสนาธิการกองเรือทะเลเหนือของกองทัพเรือ PLA ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยอุปกรณ์ของกองทัพเรือ และเสนาธิการกองเรือทะเลตะวันออก
    26 ธ.ค. 2024 -รายงานข่าวจากสื่อ South China Morning Post ระบุว่า ปักกิ่งปลดนายพลอีก 2 นายจากตำแหน่งสมาชิกรัฐสภาของกองทัพปลดแอกประชาชน (PLA) เนื่องจากจีนยังคงดำเนินการปราบปรามการทุจริตในกองทัพของประเทศ ในประกาศเมื่อวันพุธที่25 ธันวาคมนี้ คณะกรรมการถาวรของสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) ยืนยันว่าพลโทโยว ไห่เทา อดีตรองผู้บัญชาการกองทัพจีน และพลเรือเอกหลี่ เผิงเฉิง อดีตผู้บัญชาการกองทัพเรือของกองบัญชาการกองทัพภาคใต้ของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน ถูกปลดออกจากตำแหน่งสมาชิกรัฐสภาสูงสุดของประเทศ แถลงการณ์ของ NPC ฉบับหนึ่งระบุว่านายพลโยวและนายพลหลี่ถูกสงสัยว่า “ละเมิดกฎหมายและวินัยอย่างร้ายแรง” ซึ่งโดยปกติแล้วหมายถึงการทุจริต การปลดนายพลทั้งสองเกิดขึ้นท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงบุคลากรจำนวนมากภายในกองทัพปลดแอกประชาชนจีน โดยมีนายทหารอาวุโสหลายคนถูกปลดออกจากตำแหน่งเนื่องจากถูกกล่าวหาว่าทุจริต เช่น เหมียวฮัว สมาชิกคณะกรรมาธิการทหารกลางที่มีอำนาจและผู้อำนวยการฝ่ายงานการเมือง ถูกสอบสวนเรื่องการทุจริตในเดือนพฤศจิกายน นายพลคุณ วัย 66 ปี ได้รับตำแหน่งรองผู้บัญชาการกองทัพในช่วงต้นปี 2016 ก่อนหน้านี้ เขาเคยดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการกองทัพภาคหนานจิง และได้รับการเลื่อนยศเป็นพลโทในปี 2014 นายพลเรือ หลี่ วัย 61 ปี เคยดำรงตำแหน่งต่างๆ มาก่อน รวมทั้งรองเสนาธิการกองเรือทะเลเหนือของกองทัพเรือ PLA ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยอุปกรณ์ของกองทัพเรือ และเสนาธิการกองเรือทะเลตะวันออก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 337 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ ทวงคำตอบ กรณี MOU44 และ JC44 กับรัฐบาล ##
    ..
    ..
    ข้อเรียกร้อง ย่ออย่างสั้นที่สุดคือ...
    .
    1.ขอให้นายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐมนตรี รักษาอธิปไตยของชาติ

    2.ขอให้นายกรัฐมนตรี นำเรื่อง MOU44 และ JC44 เข้า ครม. ลงมติ และ ส่ง ศาลรัฐธรรมนูญ ให้ตีความว่า การทำ MOU44 และ JC44 ชอบด้วย รัฐธรรมนูญหรือไม่

    3.หาก ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า MOU44 และ JC44 ขัดหรือแย้งต่อ รัฐธรรมนูญ ขอให้เพิกถอน MOU44 และ JC44 ไป

    4.หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า MOU44 และ JC44 ไม่ขัดหรือแย้งต่อ รัฐธรรมนูญ ขอให้ รัฐบาลไปเจรจา กับ กัมพูชา เพื่อยกเลิก MOU44 และ JC44 เพื่อป้องกันความสุ่มเสี่ยงที่ประเทศไทย อาจจะเสียเปรียบในอนาคต บนเวทีสากล หรือ ศาลโลก

    5.ขอให้ยุติการตั้ง คณะกรรมาธิการร่วมทางเทคนิค ระหว่างไทยกับกัมพูชาด้านทะเล หรือ JTC เอาไว้ก่อน

    6.ขอให้รัฐบาลเปิดเวทีสาธารณะ เพื่อเสวนาและให้ความรู้ประชาชน และ สุดท้ายให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในเรื่องนี้
    .
    แต่ คำตอบของ นายกรัฐมนตรี คือ เห็นหนังสือร้องเรียนแล้ว ได้ส่งให้กระทรวงการต่างประเทศแล้ว หากมีเรื่องใดจะร้องทุกข์ให้มาที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 111
    .
    สรุปคำตอบของ ท่านนายกรัฐมนตรี คือ ถามวัว ตอบควาย...!!!
    .
    เนื่องจาก ครบกำหนด 15 วันแล้ว และ ท่านตอบไม่ตรงคำถาม ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ จึงได้มาทวงถามคำตอบอีกครั้ง...
    ...
    ...
    โดยในวันที่ 24 ธันวาคม 2567 นายกรัฐมนตรี มอบหมาย นาย สมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง หอบหิ้ว ข้าราชการนับ 10 หน่วยงาน มาร่วมประชุมรับหน้า ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ
    .
    เช่น...
    .
    1.ที่ปรึกษาสำนักปลัดสำนักยนายกรัฐมนตรี
    2.ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
    3.ผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชน
    4.ผู้เชี่ยวชาญด้านมวลชน
    5.ผู้อำนวยการส่วนประสานมวลชนและองค์กรประชาชน
    6.ผู้อำนวยการกองกฎหมายกรมสนธิสัญญา ***
    7.รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล
    8.สำนักนโยบายและแผนกองบัญชาการกองทัพเรือ ***
    9.ตัวแทนกองบัญชาการกองทัพเรือ ***
    10.ผู้อำนวยการด้านกองความมั่นคงทางทะเล ***
    11.นักการทูตชำนาญการกระทรวงการต่างประเทศ ***
    12.นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการสภาความนั่นคงแห่งชาติ ***
    ...
    ...
    ผมว่าการเชิญข้าราชการเหล่านี้มาคุยเป็นเรื่องดีครับ แต่ในทางที่ถูกคือควรจะเปิดเผยต่อสาธารณะชนครับ
    .
    แน่นอนว่า วิธีนี้อาจเป็นการรักษาหน้าของ ข้าราชการที่ถูกเรียกมาให้ข้อมูลยันกับ คุณลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ
    .
    เพราะบางท่านอาจถูกบังคับให้มาด้วย ตำแหน่งหน้าที่ และ สายการบังคับบัญชา โดยที่ท่านเหล่านั้น อาจจะไม่ได้เต็มใจมาค้านข้อมูลของภาคประชาชนก็ได้
    .
    มีข้อสังเกตุว่า การตระเตรียมการนำข้าราชการหลาย 10 ท่าน มาในวันนั้น ไม่ได้มีการแจ้งภาคประชาชนมากก่อน
    .
    เพราะภาคประชาชนเพียงมาทวงคำตอบ จึงไม่ได้เตรียมเอกสารหรือข้อมูลมาเพื่อพูดคุยกัน
    .
    แต่เมื่อเริ่มประชุม ฝ่ายตัวแทนรัฐบาลกลับ เริ่มต้น ให้ ภาคประชาชนถามคำถามที่ค้างคาใจ...
    .
    แม้กระนั้น อาจารย์ปานเทพ ก็เทพ สมชื่อ จัดหนักข้อมูชุดใหญ่ให้ที่ประชุม แถม เสริม และ แย้ง ข้อมูลของ ผู้อำนวยการกองกฎหมายกรมสนธิสัญญา ที่พูดไม่ครบถ้วนกระบวนความ จนความหมายผิดเพียนไปได้อย่างหนักแน่น จนอึ้งไปกันหมดทุกคน...
    ...
    ...
    ประเด็นสำคัญคือ
    .
    พระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปของ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงกำหนดวิธีการเจรจาไว้แล้ว ว่า ให้ใช้หลักกฎหมายสากล ซึ่งก็คือ เส้นมัธยฐาน
    .
    แต่ MOU44 และ JC44 ที่จัดทำขึ้นโดยไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของสภา จึง ขัดต่อบทบัญญัตของ รัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้ การทำหนังสือสัญญาใดๆระหว่างประเทศ เป็น อำนาจ ของ พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นพระประมุขของประเทศ
    .
    เมื่อเป็นหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ จึงต้องผ่านความเห็นชอบของสภา
    .
    เมื่อไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของสภา ดังนั้น MOU44 และ JC44 จึงเป็น เอกสารเถื่อน มีผลป็น โมฆะ มาตั้งแต่ต้น
    .
    แถม MOU44 ยัง มีแผนที่ไหล่ทวีป ที่วาดเอาตามอำเภอใจของ กัมพูชา แนบท้ายมาใน MOU44 อีกด้วย
    .
    มีผลเป็นการ "รับรู้" และ เป็นครั้งแรก ที่เอกสารของประเทศไทย ได้มี แผนที่ไหล่ทวีป ที่วาดเอาตามอำเภอใจของ กัมพูชา เข้ามาสู้ระบบเอกสารของประเทศไทยอย่างทางการ
    .
    มีผลเป็นการที่ รัฐบาล และ หน่วยงานรัฐใดๆที่เกี่ยวข้อง "รับรู้" และ "ไม่ปฎิเสธ" แผนที่ไหล่ทวีป ที่วาดเอาตามอำเภอใจของ กัมพูชา
    .
    อีกทั้งใน MOU44 ยังมีเนื้อหาที่ ทำให้เกิดความพยายามที่จะยอมรับพื้นที่อ้างสิทธิระหว่างไทยกับกัมพูชา ด้านใต้ ละติจูดที่ 11 องศา ลงมา
    .
    ว่าเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนกันเป็นที่ยุติแล้ว มีจำนวน 16,000 ตารางกิโลเมตร ที่ไม่ต้องมีการตกลงเรื่องเขตแดนกันอีก
    .
    โดยกำหนดพื้นที่ด้านใต้ ละติจูดที่ 11 องศา ให้แบ่งผลประโยชน์กัน ระหว่าง ประเทศไทย กับ กัมพูชา
    .
    ซึ่งวิธีการดังกล่าง เป็นการ ตกลงกันเป็นอย่างอื่น นอกเหนือจาก หลักกฎหมาย ของ กฎหมายสากลทางทะเล (เส้น มัธยฐาน)
    .
    ซึ่งจะทำให้ ประเทศไทย สูญเสียผลประโยชน์เกินกว่าความเป็นจริง และ เป็นการ ขัดพระบรมราชโองการ ประกาศเขตไหล่ทวีป ของ ในหลวงรัชการที่ 9 ซึ่งได้กำหนด วิธีการเจรจาไว้เป็นหนึ่งเดียว ตลอดไป...
    .
    สรุป สุดท้าน ภาคประชาชน ขอให้ รัฐบาลทำให้สือตอบกลับมาเป็น ลายลักษณ์อักษร หากท่านทำผิดกฎหมาย ภาคประชาชน จะไปดำเนินคดีกับท่านเอง
    .
    และได้ บอกกล่าวว่าปีหน้าจะ ไปยื่นหนังสือที่
    1.รัฐสภา
    2.กระทรวงการต่างประเทศ และ
    3.กองทัพเรือ
    .
    เรื่อง ดินแดน อำนาจอธิปไตย และ สิทธิอธิปไตย เป็นเรื่องที่คุกรุ่นอยู่ในใจของประชาชนครับ
    .
    สุดท้ายของฝากไว้...
    ....
    ....
    ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119

    ผู้ใดกระทำการใด ๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
    ....
    ....
    https://youtu.be/wR4PZ-c5ExA?si=onTI6IaLFkxZfEnv
    ## ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ ทวงคำตอบ กรณี MOU44 และ JC44 กับรัฐบาล ## .. .. ข้อเรียกร้อง ย่ออย่างสั้นที่สุดคือ... . 1.ขอให้นายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐมนตรี รักษาอธิปไตยของชาติ 2.ขอให้นายกรัฐมนตรี นำเรื่อง MOU44 และ JC44 เข้า ครม. ลงมติ และ ส่ง ศาลรัฐธรรมนูญ ให้ตีความว่า การทำ MOU44 และ JC44 ชอบด้วย รัฐธรรมนูญหรือไม่ 3.หาก ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า MOU44 และ JC44 ขัดหรือแย้งต่อ รัฐธรรมนูญ ขอให้เพิกถอน MOU44 และ JC44 ไป 4.หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า MOU44 และ JC44 ไม่ขัดหรือแย้งต่อ รัฐธรรมนูญ ขอให้ รัฐบาลไปเจรจา กับ กัมพูชา เพื่อยกเลิก MOU44 และ JC44 เพื่อป้องกันความสุ่มเสี่ยงที่ประเทศไทย อาจจะเสียเปรียบในอนาคต บนเวทีสากล หรือ ศาลโลก 5.ขอให้ยุติการตั้ง คณะกรรมาธิการร่วมทางเทคนิค ระหว่างไทยกับกัมพูชาด้านทะเล หรือ JTC เอาไว้ก่อน 6.ขอให้รัฐบาลเปิดเวทีสาธารณะ เพื่อเสวนาและให้ความรู้ประชาชน และ สุดท้ายให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในเรื่องนี้ . แต่ คำตอบของ นายกรัฐมนตรี คือ เห็นหนังสือร้องเรียนแล้ว ได้ส่งให้กระทรวงการต่างประเทศแล้ว หากมีเรื่องใดจะร้องทุกข์ให้มาที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 111 . สรุปคำตอบของ ท่านนายกรัฐมนตรี คือ ถามวัว ตอบควาย...!!! . เนื่องจาก ครบกำหนด 15 วันแล้ว และ ท่านตอบไม่ตรงคำถาม ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ จึงได้มาทวงถามคำตอบอีกครั้ง... ... ... โดยในวันที่ 24 ธันวาคม 2567 นายกรัฐมนตรี มอบหมาย นาย สมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง หอบหิ้ว ข้าราชการนับ 10 หน่วยงาน มาร่วมประชุมรับหน้า ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ . เช่น... . 1.ที่ปรึกษาสำนักปลัดสำนักยนายกรัฐมนตรี 2.ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี 3.ผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชน 4.ผู้เชี่ยวชาญด้านมวลชน 5.ผู้อำนวยการส่วนประสานมวลชนและองค์กรประชาชน 6.ผู้อำนวยการกองกฎหมายกรมสนธิสัญญา *** 7.รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล 8.สำนักนโยบายและแผนกองบัญชาการกองทัพเรือ *** 9.ตัวแทนกองบัญชาการกองทัพเรือ *** 10.ผู้อำนวยการด้านกองความมั่นคงทางทะเล *** 11.นักการทูตชำนาญการกระทรวงการต่างประเทศ *** 12.นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการสภาความนั่นคงแห่งชาติ *** ... ... ผมว่าการเชิญข้าราชการเหล่านี้มาคุยเป็นเรื่องดีครับ แต่ในทางที่ถูกคือควรจะเปิดเผยต่อสาธารณะชนครับ . แน่นอนว่า วิธีนี้อาจเป็นการรักษาหน้าของ ข้าราชการที่ถูกเรียกมาให้ข้อมูลยันกับ คุณลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ . เพราะบางท่านอาจถูกบังคับให้มาด้วย ตำแหน่งหน้าที่ และ สายการบังคับบัญชา โดยที่ท่านเหล่านั้น อาจจะไม่ได้เต็มใจมาค้านข้อมูลของภาคประชาชนก็ได้ . มีข้อสังเกตุว่า การตระเตรียมการนำข้าราชการหลาย 10 ท่าน มาในวันนั้น ไม่ได้มีการแจ้งภาคประชาชนมากก่อน . เพราะภาคประชาชนเพียงมาทวงคำตอบ จึงไม่ได้เตรียมเอกสารหรือข้อมูลมาเพื่อพูดคุยกัน . แต่เมื่อเริ่มประชุม ฝ่ายตัวแทนรัฐบาลกลับ เริ่มต้น ให้ ภาคประชาชนถามคำถามที่ค้างคาใจ... . แม้กระนั้น อาจารย์ปานเทพ ก็เทพ สมชื่อ จัดหนักข้อมูชุดใหญ่ให้ที่ประชุม แถม เสริม และ แย้ง ข้อมูลของ ผู้อำนวยการกองกฎหมายกรมสนธิสัญญา ที่พูดไม่ครบถ้วนกระบวนความ จนความหมายผิดเพียนไปได้อย่างหนักแน่น จนอึ้งไปกันหมดทุกคน... ... ... ประเด็นสำคัญคือ . พระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปของ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงกำหนดวิธีการเจรจาไว้แล้ว ว่า ให้ใช้หลักกฎหมายสากล ซึ่งก็คือ เส้นมัธยฐาน . แต่ MOU44 และ JC44 ที่จัดทำขึ้นโดยไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของสภา จึง ขัดต่อบทบัญญัตของ รัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้ การทำหนังสือสัญญาใดๆระหว่างประเทศ เป็น อำนาจ ของ พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นพระประมุขของประเทศ . เมื่อเป็นหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ จึงต้องผ่านความเห็นชอบของสภา . เมื่อไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของสภา ดังนั้น MOU44 และ JC44 จึงเป็น เอกสารเถื่อน มีผลป็น โมฆะ มาตั้งแต่ต้น . แถม MOU44 ยัง มีแผนที่ไหล่ทวีป ที่วาดเอาตามอำเภอใจของ กัมพูชา แนบท้ายมาใน MOU44 อีกด้วย . มีผลเป็นการ "รับรู้" และ เป็นครั้งแรก ที่เอกสารของประเทศไทย ได้มี แผนที่ไหล่ทวีป ที่วาดเอาตามอำเภอใจของ กัมพูชา เข้ามาสู้ระบบเอกสารของประเทศไทยอย่างทางการ . มีผลเป็นการที่ รัฐบาล และ หน่วยงานรัฐใดๆที่เกี่ยวข้อง "รับรู้" และ "ไม่ปฎิเสธ" แผนที่ไหล่ทวีป ที่วาดเอาตามอำเภอใจของ กัมพูชา . อีกทั้งใน MOU44 ยังมีเนื้อหาที่ ทำให้เกิดความพยายามที่จะยอมรับพื้นที่อ้างสิทธิระหว่างไทยกับกัมพูชา ด้านใต้ ละติจูดที่ 11 องศา ลงมา . ว่าเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนกันเป็นที่ยุติแล้ว มีจำนวน 16,000 ตารางกิโลเมตร ที่ไม่ต้องมีการตกลงเรื่องเขตแดนกันอีก . โดยกำหนดพื้นที่ด้านใต้ ละติจูดที่ 11 องศา ให้แบ่งผลประโยชน์กัน ระหว่าง ประเทศไทย กับ กัมพูชา . ซึ่งวิธีการดังกล่าง เป็นการ ตกลงกันเป็นอย่างอื่น นอกเหนือจาก หลักกฎหมาย ของ กฎหมายสากลทางทะเล (เส้น มัธยฐาน) . ซึ่งจะทำให้ ประเทศไทย สูญเสียผลประโยชน์เกินกว่าความเป็นจริง และ เป็นการ ขัดพระบรมราชโองการ ประกาศเขตไหล่ทวีป ของ ในหลวงรัชการที่ 9 ซึ่งได้กำหนด วิธีการเจรจาไว้เป็นหนึ่งเดียว ตลอดไป... . สรุป สุดท้าน ภาคประชาชน ขอให้ รัฐบาลทำให้สือตอบกลับมาเป็น ลายลักษณ์อักษร หากท่านทำผิดกฎหมาย ภาคประชาชน จะไปดำเนินคดีกับท่านเอง . และได้ บอกกล่าวว่าปีหน้าจะ ไปยื่นหนังสือที่ 1.รัฐสภา 2.กระทรวงการต่างประเทศ และ 3.กองทัพเรือ . เรื่อง ดินแดน อำนาจอธิปไตย และ สิทธิอธิปไตย เป็นเรื่องที่คุกรุ่นอยู่ในใจของประชาชนครับ . สุดท้ายของฝากไว้... .... .... ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 ผู้ใดกระทำการใด ๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต .... .... https://youtu.be/wR4PZ-c5ExA?si=onTI6IaLFkxZfEnv
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 707 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฟิลิปปินส์แถลงแผนจะซื้อขีปนาวุธไทฟอนจากสหรัฐฯ ความเคลื่อนไหวที่กระตุ้นเสียงโวยวายจากจีน ที่บอกว่าเป็นการยั่วยุและไร้ความรับผิดชอบ และเตือนว่า "การแข่งขันสะสมอาวุธ (arms race)" ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกใกล้เข้ามาทุกขณะ
    .
    พลโทรอย กาลิโด เสนาธิการกองทัพบกของฟิลิปปินส์ แถลงในวันจันทร์ (23 ธ.ค.) ว่าประเทศของเขาจะซื้อระบบขีปนาวุธพิสัยกลาง ที่กองทัพสหรัฐฯ ส่งเข้ามาประจำการในฟิลิปปินส์อยู่ก่อนแล้ว สำหรับซ้อมรบร่วมประจำปี "เพื่อประโยชน์แห่งการปกป้องอธิปไตยของเรา"
    .
    จีน ประณามการตัดสินใจดังกล่าวของฟิลิปปินส์ ว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่ยั่วยุและอันตราย "มันเป็นการเลือกที่ไร้ความรับผิดชอบอย่างที่สุดในประวัติศาสตร์ของประชาชนของพวกเขาเองและประชาชนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ มันยังเป็นการเลือกที่ไร้ความรับผิดชอบอย่างที่สุดสำหรับความมั่นคงในภูมิภาค" เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุ "ภูมิภาคแห่งนี้ต้องการสันติภาพและความรุ่งเรือง ไม่ใช่ขีปนาวุธและการเผชิญหน้า"
    .
    ปักกิ่งกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่เกือบทั้งหมดของทะเลจีนใต้สวนทางกับกฎหมายระหว่างประเทศ และประจำการกองทัพเรือและยามชายฝั่ง ในความเคลื่อนไหวที่ยกระดับเผชิญหน้ากับบรรดาชาติเพื่อนบ้าน ในนั้นรวมถึงฟิลิปปินส์ เกี่ยวกับประเด็นพิพาทเรื่องแนวปะการังและน่านน้ำ
    .
    พลโทกาลิโด เผยว่าการจัดซื้อนี้ยังไม่อยู่ในงบประมาณปี 2025 แต่คาดหมายว่าทางกองทัพจะใช้เวลา 2 ปีหรือมากกว่านั้น สำหรับเดินหน้าจัดซื้อระบบอาวุธใหม่นี้โดยเสร็จสมบูรณ์
    .
    แท่นยิงขีปนาวุธไทฟอน ที่ติดตั้งบนภาคพื้น เป็นยุทโธปกรณ์ที่ทางบริษัทล็อคฮีด มาร์ติน พัฒนาขึ้นเพื่อป้อนแก่กองทัพสหรัฐฯ มันมีพิสัยทำการ 480 กิโลเมตร และขณะนี้อยู่ระหว่างพัฒนาเวอร์ชันที่มีระยะทำการไกลกว่าเดิม
    .
    ทางพลโทกาลิโด บอกว่า ระบไทฟอนจะสามารถช่วยให้กองทัพฟิลิปปินส์ ปกป้องกองกำลังที่อยู่นอกชายฝั่งได้ไกลถึง 370 กิโลเมตร ซึ่งเป็นขอบเขตไกลสุดของสิทธิทางทะเลของประเทศ ภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยกฎหมายทะเล
    .
    เขากล่าวว่าขีปนาวุธไทฟอน จะช่วยปกป้อง "ทรัพย์สินลอยน้ำของเรา" อ้างถึงเรือของกองทัพเรือ เรือยามฝั่ง และเรืออื่นๆ
    .
    ต่ง จวิน รัฐมตรีกลาโหมจีน เตือนเมื่อเดือนมิถุนายน ว่าการที่กองทัพสหรัฐฯ ประจำการระบบขีปนาวุธไทฟอนในฟิลิปปินส์ก่อนหน้านั้น "กำลังก่อความเสียหายร้ายแรงแก่ความมั่นคงและเสถียรภาพในภูมิภาค"
    .
    อย่างไรก็ตาม ทางพลโทกาลิโด ปฏิเสธเสียงวิจารณ์ดังกล่าว บอกว่าประเทศของเขา "ไม่ควรสนใจประเทศอื่นๆ ที่มองว่ามันก่อความเสียหายแก่ความมั่นคง เพราะว่าเขาไม่มีแผนกระทำการใดๆ ที่เกินเลยผลประโยชน์ของประเทศของเรา"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000123192
    ..............
    Sondhi X
    ฟิลิปปินส์แถลงแผนจะซื้อขีปนาวุธไทฟอนจากสหรัฐฯ ความเคลื่อนไหวที่กระตุ้นเสียงโวยวายจากจีน ที่บอกว่าเป็นการยั่วยุและไร้ความรับผิดชอบ และเตือนว่า "การแข่งขันสะสมอาวุธ (arms race)" ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกใกล้เข้ามาทุกขณะ . พลโทรอย กาลิโด เสนาธิการกองทัพบกของฟิลิปปินส์ แถลงในวันจันทร์ (23 ธ.ค.) ว่าประเทศของเขาจะซื้อระบบขีปนาวุธพิสัยกลาง ที่กองทัพสหรัฐฯ ส่งเข้ามาประจำการในฟิลิปปินส์อยู่ก่อนแล้ว สำหรับซ้อมรบร่วมประจำปี "เพื่อประโยชน์แห่งการปกป้องอธิปไตยของเรา" . จีน ประณามการตัดสินใจดังกล่าวของฟิลิปปินส์ ว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่ยั่วยุและอันตราย "มันเป็นการเลือกที่ไร้ความรับผิดชอบอย่างที่สุดในประวัติศาสตร์ของประชาชนของพวกเขาเองและประชาชนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ มันยังเป็นการเลือกที่ไร้ความรับผิดชอบอย่างที่สุดสำหรับความมั่นคงในภูมิภาค" เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุ "ภูมิภาคแห่งนี้ต้องการสันติภาพและความรุ่งเรือง ไม่ใช่ขีปนาวุธและการเผชิญหน้า" . ปักกิ่งกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่เกือบทั้งหมดของทะเลจีนใต้สวนทางกับกฎหมายระหว่างประเทศ และประจำการกองทัพเรือและยามชายฝั่ง ในความเคลื่อนไหวที่ยกระดับเผชิญหน้ากับบรรดาชาติเพื่อนบ้าน ในนั้นรวมถึงฟิลิปปินส์ เกี่ยวกับประเด็นพิพาทเรื่องแนวปะการังและน่านน้ำ . พลโทกาลิโด เผยว่าการจัดซื้อนี้ยังไม่อยู่ในงบประมาณปี 2025 แต่คาดหมายว่าทางกองทัพจะใช้เวลา 2 ปีหรือมากกว่านั้น สำหรับเดินหน้าจัดซื้อระบบอาวุธใหม่นี้โดยเสร็จสมบูรณ์ . แท่นยิงขีปนาวุธไทฟอน ที่ติดตั้งบนภาคพื้น เป็นยุทโธปกรณ์ที่ทางบริษัทล็อคฮีด มาร์ติน พัฒนาขึ้นเพื่อป้อนแก่กองทัพสหรัฐฯ มันมีพิสัยทำการ 480 กิโลเมตร และขณะนี้อยู่ระหว่างพัฒนาเวอร์ชันที่มีระยะทำการไกลกว่าเดิม . ทางพลโทกาลิโด บอกว่า ระบไทฟอนจะสามารถช่วยให้กองทัพฟิลิปปินส์ ปกป้องกองกำลังที่อยู่นอกชายฝั่งได้ไกลถึง 370 กิโลเมตร ซึ่งเป็นขอบเขตไกลสุดของสิทธิทางทะเลของประเทศ ภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยกฎหมายทะเล . เขากล่าวว่าขีปนาวุธไทฟอน จะช่วยปกป้อง "ทรัพย์สินลอยน้ำของเรา" อ้างถึงเรือของกองทัพเรือ เรือยามฝั่ง และเรืออื่นๆ . ต่ง จวิน รัฐมตรีกลาโหมจีน เตือนเมื่อเดือนมิถุนายน ว่าการที่กองทัพสหรัฐฯ ประจำการระบบขีปนาวุธไทฟอนในฟิลิปปินส์ก่อนหน้านั้น "กำลังก่อความเสียหายร้ายแรงแก่ความมั่นคงและเสถียรภาพในภูมิภาค" . อย่างไรก็ตาม ทางพลโทกาลิโด ปฏิเสธเสียงวิจารณ์ดังกล่าว บอกว่าประเทศของเขา "ไม่ควรสนใจประเทศอื่นๆ ที่มองว่ามันก่อความเสียหายแก่ความมั่นคง เพราะว่าเขาไม่มีแผนกระทำการใดๆ ที่เกินเลยผลประโยชน์ของประเทศของเรา" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000123192 .............. Sondhi X
    Like
    8
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 976 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิหร่านเผยเตรียมเข้าร่วมการซ้อมรบทางทะเลร่วมกันครั้งแรกกับซาอุดีอาระเบียในทะเลแดง

    ผู้บัญชาการกองทัพเรืออิหร่านกล่าวว่า ซาอุดีอาระเบียแสดงความสนใจในการซ้อมรบร่วมทางกองทัพเรือ ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่มุ่งเสริมสร้างความร่วมมือในภูมิภาค โดยทั้งสองประเทศส่งคำเชิญซึ่งกันและกันเกี่ยวกับการปรากฏตัวของพวกเขาในท่าเรือ

    พลจัตวาเตอกี อัล-มัลกี(Turki al-Malki) โฆษกกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบียกล่าวยืนยันว่า "กองทัพเรือซาอุดีอาระเบียเพิ่งสรุปการซ้อมรบทางทะเลร่วมกับกองทัพเรืออิหร่านและประเทศอื่นๆ ในทะเลโอมาน"

    อิหร่านและซาอุดีอาระเบียตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกันมาเป็นเวลาแปดปีหลังจากทางการซาอุดิอาระเบียลงโทษประหารชีวิต "ชีค นิมร์ อัล-นิมร์" นักการศาสนานิกายชีอะห์วัย 56 ปี ซึ่งซาอุดิอาระเบียเชื่อว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ประท้วงต่อต้านรัฐบาลของตนเองเมื่อปี 2559 นั้น

    ต่อมาในเดือนเมษายน 2566 ทั้งสองประเทศประกาศฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตโดยมีผลทันทีในกรุงปักกิ่ง หลังจากการประชุมอย่างเป็นทางการครั้งแรกระหว่างนักการทูตระดับสูงของทั้งสองประเทศในรอบกว่า 7 ปี
    อิหร่านเผยเตรียมเข้าร่วมการซ้อมรบทางทะเลร่วมกันครั้งแรกกับซาอุดีอาระเบียในทะเลแดง ผู้บัญชาการกองทัพเรืออิหร่านกล่าวว่า ซาอุดีอาระเบียแสดงความสนใจในการซ้อมรบร่วมทางกองทัพเรือ ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่มุ่งเสริมสร้างความร่วมมือในภูมิภาค โดยทั้งสองประเทศส่งคำเชิญซึ่งกันและกันเกี่ยวกับการปรากฏตัวของพวกเขาในท่าเรือ พลจัตวาเตอกี อัล-มัลกี(Turki al-Malki) โฆษกกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบียกล่าวยืนยันว่า "กองทัพเรือซาอุดีอาระเบียเพิ่งสรุปการซ้อมรบทางทะเลร่วมกับกองทัพเรืออิหร่านและประเทศอื่นๆ ในทะเลโอมาน" อิหร่านและซาอุดีอาระเบียตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกันมาเป็นเวลาแปดปีหลังจากทางการซาอุดิอาระเบียลงโทษประหารชีวิต "ชีค นิมร์ อัล-นิมร์" นักการศาสนานิกายชีอะห์วัย 56 ปี ซึ่งซาอุดิอาระเบียเชื่อว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ประท้วงต่อต้านรัฐบาลของตนเองเมื่อปี 2559 นั้น ต่อมาในเดือนเมษายน 2566 ทั้งสองประเทศประกาศฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตโดยมีผลทันทีในกรุงปักกิ่ง หลังจากการประชุมอย่างเป็นทางการครั้งแรกระหว่างนักการทูตระดับสูงของทั้งสองประเทศในรอบกว่า 7 ปี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 415 มุมมอง 10 0 รีวิว
  • ภูมิธรรมถกปม "เรือดำน้ำ" พยามให้จบในยุคตนเอง 25/10/67 #ภูมิธรรม #เรือดำน้ำ #การกองทัพเรือ #รัฐบาล
    ภูมิธรรมถกปม "เรือดำน้ำ" พยามให้จบในยุคตนเอง 25/10/67 #ภูมิธรรม #เรือดำน้ำ #การกองทัพเรือ #รัฐบาล
    Like
    Haha
    Angry
    12
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2128 มุมมอง 477 0 รีวิว