• บันทึกบทความจากความรู้สึก 1
    ความรักเท่านั้น ที่ทำให้โลกนี้น่าอยู่ เพราะรักเท่านั้น ที่ทำให้ไม่มีสงครามเกิดขึ้นมาอีกต่อไป และตลอดไป
    ทำไมถึงต้องทำสงครามกันนัก อยู่กันดีๆไม่ได้กันเลยหรือ ทำไมต้องช่วงชิงกัน แก่งแย่งชิงดีกัน แข่งขันกันไปทำไม แล้วมันได้อะไรขึ้นมากันเล่า
    คนดีตายกันหมด ก็เพราะถูกทำร้าย ถูกทำลาย ถูกฆ่าให้ตาย
    เพียงเพื่อที่จะสนองกิเลสของตนเองและพวกพ้อง
    ใครที่มันเป็นผู้ที่ก่อสงครามก่อนนั้น ขอให้มันจงพินาศย่อยยับพังทลายดับสลายไป
    ทุกๆวันนี้ โลกไม่เคยจะสงบสุขเลย เพื่อนๆธรรมชาติต่างก็เดือดร้อนกัน เหล่าผองสรรพสัตว์ต่างก็เดือดร้อนกัน
    ก็เพราะว่ามนุษย์นั้น มันทำร้ายทำลายพวกเค้า พวกเค้าจึงโกรธเกรี้ยวกราด หันมาทำร้ายทำลายมนุษย์บ้าง
    แล้วมันเป็นยังไง มนุษย์และสัตว์โลกต่างก็ต้องได้รับผลกระทบจากความเดือดร้อนนี้กันถ้วนหน้ากัน
    เพียงแค่เพราะมนุษย์นั้นมันเห็นแก่ตัวกัน อยู่กับธรรมชาติและผองเหล่าสรรพสัตว์กันดีๆไม่ได้
    มันต้องทำลายกัน มันต้องทำร้ายกัน ผลสุดท้ายมนุษย์ก็เลยถูกทำลายบ้าง
    ก็เนื่องมาจากเหตุและผลที่สมควรและคู่ควรกันนั่นเอง
    ที่ทุกวันนี้โลกนี้มันไม่น่าอยู่ ก็เพราะมนุษย์มันขาดศีลขาดธรรมกัน ขาดความดี มีแต่ความชั่ว และผลสุดท้ายนี้โลกเราจะอยู่กันอย่างไร
    สักวันมนุษย์คงต้องสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ไปเข้าสักวันหนึ่ง ในฐานะที่เป็นผู้ก่อความเดือดร้อนให้กับโลก
    มันจะมีมั้ยสักวัน สักวันที่เราเหล่ามนุษย์นั้นจะกลับเนื้อกลับตัวกลับใจ แล้วหันมาทำความดีต่อกัน อย่างน้อยก็กับมนุษย์ด้วยกันเอง
    ฉันนัั้นก็ได้แต่หวังภวนาให้โลกนี้จักสงบสุข และน่าอยู่ขึ้นกว่าเดิมเหมือนดังในแต่ก่อนเก่านี้
    มันจะมีมั้ยวันนั้น วันที่โลกสงบสุข และเกิดสันติสุขขึ้นมาบนโลกใบนี้น่ะ
    ขอให้มันมีวันนั้นเร็วๆไวๆเถิด
    อย่างน้อยก็ขอให้สักวันมันต้องเป็นไปตามที่ทุกเหล่าสรรพสัตว์และทุกสรรพสิ่งได้คาดหวังเอาบ้างเถิดนะ
    มันมีเพียงวิธีนี้ วิธีเดียวเท่านั้นเอง คือ "รัก" เท่านั้น
    เพราะ "ความรัก" เท่านั้นเอง ที่จะสามารถทำให้โลกนี้เกิดความสงบสุขและมีสันติสุขเกิดขึ้นมาได้
    เพียงแค่เพราะ "รัก" เท่านั้นเอง
    เพียงแค่เพราะเราเข้าใจกัน เลิกจองเวรกัน ให้อภัยกัน และช่วยเหลือกัน เท่านี้โลกก็จะเกิดความสงบสุข และสันติสุขก็จักได้บังเกิดขึ้นมากับโลกใบนี้ ทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น แม้สักเพียงเล็กน้อยก็ยังดี สาธุ...
    บันทึกบทความจากความรู้สึก 1 ความรักเท่านั้น ที่ทำให้โลกนี้น่าอยู่ เพราะรักเท่านั้น ที่ทำให้ไม่มีสงครามเกิดขึ้นมาอีกต่อไป และตลอดไป ทำไมถึงต้องทำสงครามกันนัก อยู่กันดีๆไม่ได้กันเลยหรือ ทำไมต้องช่วงชิงกัน แก่งแย่งชิงดีกัน แข่งขันกันไปทำไม แล้วมันได้อะไรขึ้นมากันเล่า คนดีตายกันหมด ก็เพราะถูกทำร้าย ถูกทำลาย ถูกฆ่าให้ตาย เพียงเพื่อที่จะสนองกิเลสของตนเองและพวกพ้อง ใครที่มันเป็นผู้ที่ก่อสงครามก่อนนั้น ขอให้มันจงพินาศย่อยยับพังทลายดับสลายไป ทุกๆวันนี้ โลกไม่เคยจะสงบสุขเลย เพื่อนๆธรรมชาติต่างก็เดือดร้อนกัน เหล่าผองสรรพสัตว์ต่างก็เดือดร้อนกัน ก็เพราะว่ามนุษย์นั้น มันทำร้ายทำลายพวกเค้า พวกเค้าจึงโกรธเกรี้ยวกราด หันมาทำร้ายทำลายมนุษย์บ้าง แล้วมันเป็นยังไง มนุษย์และสัตว์โลกต่างก็ต้องได้รับผลกระทบจากความเดือดร้อนนี้กันถ้วนหน้ากัน เพียงแค่เพราะมนุษย์นั้นมันเห็นแก่ตัวกัน อยู่กับธรรมชาติและผองเหล่าสรรพสัตว์กันดีๆไม่ได้ มันต้องทำลายกัน มันต้องทำร้ายกัน ผลสุดท้ายมนุษย์ก็เลยถูกทำลายบ้าง ก็เนื่องมาจากเหตุและผลที่สมควรและคู่ควรกันนั่นเอง ที่ทุกวันนี้โลกนี้มันไม่น่าอยู่ ก็เพราะมนุษย์มันขาดศีลขาดธรรมกัน ขาดความดี มีแต่ความชั่ว และผลสุดท้ายนี้โลกเราจะอยู่กันอย่างไร สักวันมนุษย์คงต้องสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ไปเข้าสักวันหนึ่ง ในฐานะที่เป็นผู้ก่อความเดือดร้อนให้กับโลก มันจะมีมั้ยสักวัน สักวันที่เราเหล่ามนุษย์นั้นจะกลับเนื้อกลับตัวกลับใจ แล้วหันมาทำความดีต่อกัน อย่างน้อยก็กับมนุษย์ด้วยกันเอง ฉันนัั้นก็ได้แต่หวังภวนาให้โลกนี้จักสงบสุข และน่าอยู่ขึ้นกว่าเดิมเหมือนดังในแต่ก่อนเก่านี้ มันจะมีมั้ยวันนั้น วันที่โลกสงบสุข และเกิดสันติสุขขึ้นมาบนโลกใบนี้น่ะ ขอให้มันมีวันนั้นเร็วๆไวๆเถิด อย่างน้อยก็ขอให้สักวันมันต้องเป็นไปตามที่ทุกเหล่าสรรพสัตว์และทุกสรรพสิ่งได้คาดหวังเอาบ้างเถิดนะ มันมีเพียงวิธีนี้ วิธีเดียวเท่านั้นเอง คือ "รัก" เท่านั้น เพราะ "ความรัก" เท่านั้นเอง ที่จะสามารถทำให้โลกนี้เกิดความสงบสุขและมีสันติสุขเกิดขึ้นมาได้ เพียงแค่เพราะ "รัก" เท่านั้นเอง เพียงแค่เพราะเราเข้าใจกัน เลิกจองเวรกัน ให้อภัยกัน และช่วยเหลือกัน เท่านี้โลกก็จะเกิดความสงบสุข และสันติสุขก็จักได้บังเกิดขึ้นมากับโลกใบนี้ ทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น แม้สักเพียงเล็กน้อยก็ยังดี สาธุ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องของความศรัทธาที่แท้จริง
    ความศรัทธา มันมีอยู่หลายรูปแบบ แต่ผมจะแยกเป็น 2 แบบ ด้วยกันคือ ศรัทธาโดยมีหลักธรรม กับศรัทธาโดยไม่มีธรรม

    ศรัทธาโดยไม่มีธรรม คือ การหวังในสิ่งต่างๆที่ไม่มีจริง หวังลมๆแล้งว่ามันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งๆที่มันไม่มีวันเป็นจริงได้โดยง่าย เช่นหวังโง่งมงายกับลมฟ้าฝน ว่าจะตกโดยทำพิธีขอฝน แทนที่จะทำทุกปัจจัยที่มันทำให้เกิดฝน อย่างฝนเทียมของในหลวงท่านน่ะ หวังว่าเราจะถูกหวยรวยเป็นล้านๆ โดยไปขอหวยกับคนประเภทต่างๆ หรือไม่ก็สิ่งต่างๆที่มันแปลกๆ ทั้งๆที่มันไม่มีความเกี่ยวข้องเกี่ยวเนื่องกันเลย นี่ผมยกตัวอย่างแบบง่ายๆให้ได้เห็นกัน และยังมีตัวอย่างอีกมากมายไม่รู้จบที่สามารถบ่งบอกได้โดยง่ายๆว่ามันเป็นศรัทธาที่ไม่มีธรรมนั่นเอง

    ศรัทธาโดยมีธรรมเป็นยังไง มาว่ากัน ศรัทธาโดยมีธรรม คือ การเชื่ออย่างมีหลักเหตุและผลของมัน ซึ่งแม้ว่าบางครั้งศรัทธาประเภทนี้มักไม่เกี่ยวข้องเนื่องโยงกัน แต่แท้จริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกันโดยที่เราไม่รู้ ซึ่งมันยากยิ่งที่เราจะรู้ได้ เพราะมันเป็นธรรมขั้นสูงสุดและสูงส่งกว่าคนธรรมดาจะรู้ได้นั่นเอง แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่มีจริงและไม่มีเหตุผล ซึ่งพระพุทธองค์ท่านก็รู้พระอรหันต์ท่านก็รู้ โดยเฉพาะเรื่องรู้อนาคตของสรรพสิ่งที่เกี่ยวเนื่องโยงใยกับท่านทั้งทางตรงและทางอ้อมนั่นเอง ผมจะยกตัวอย่างแบบง่ายๆให้เข้าใจกัน
    มีคนชั่วทำชั่วโดยฆ่าผู้อื่นตายและหนีมาหาพระ มาพึ่งพระและบอกว่าข้าพเจ้ายังไม่อยากตาย ท่านได้โปรดช่วยข้าด้วย พระท่านก็ทักว่า โยมไปทำอะไรมาล่ะ ถึงไม่อยากตายและหนีมาพึ่งพระ ข้าพเจ้าแค่ฆ่าคนตาย ถึงมันจะน้อยก็เถอะ แค่เป็นพันๆเอง ข้าพเจ้าสั่งลูกน้องให้มันทำให้ แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ทำเองสักหน่อยเดียวเลยนะท่าน พระท่านก็กล่าวท่านทำไงก็ต้องได้รับผลกรรมของท่านเอง รวมทั้งลูกน้องของท่านด้วย เพราะท่านทำเหตุไว้ ท่านก็ต้องรับผลกรรมของท่านไป ไม่ว่าท่านจะไปไหน ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ไหน ท่านทำอะไรอยู่ท่านย่อมรู้แก่ใจของท่านเอง ท่านจะมาหวังพึ่งพระหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนไม่ได้หรอกนะ แต่ใช่ว่าท่านจะไม่สามารถลดทอนกรรมเก่าไม่ได้ ถ้าท่านกลับเนื้อกลับตัวกลับใจเสียใหม่ ไม่ทำบาปเพิ่มและหมั่นทำดีขึ้นทุกเมื่อทุกที่ ท่านก็สามารถลดทอนกำลังกรรมของท่านได้นะ แต่ต้องเร็วหน่อยนะ แค่ก่อนสิ้นลมเท่านั้น ถ้าท่านทำไม่ได้ท่านก็อย่าหวังว่าท่านจะรอดพ้นเงื้อมือมัจจุราชได้เลย เพราะฉะนั้นแล้วเราควรที่จะมีสติ มีสมาธิ และปัญญาที่ถูกต้องที่ดีเอาไว้กับตัวเอง ทุกสิ่งล้วนมีเหตุและผลเสมอ ซึ่งบางเรื่องมันสุดวิสัยคนธรรมดาเท่านั้นเอง

    และศรัทธาที่จะทำให้เกิดปาฏิหาริย์ได้นั้นจะมีอยู่เฉพาะกับบุคคลที่ดีอย่างแท้จริงเท่านั้น โดยเฉพาะกับพวกพระอรหันต์ท่านต่างๆซึ่งเป็นดั่งศิษย์ของพระพุทธองค์ และน้อยนักที่จะมีและเกิดกับศาสนาอื่นๆ ซึ่งในคนดีนั้นก็จะมีดีอยู่ในตัวเอง โดยที่บางครั้งเจ้าตัวเองก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ำไป "ของดีมีไว้ให้กับคนดีเท่านั้น" คำพูดของท่านพระยม "ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว" "ทำอย่างไรได้อย่างนั้น" คำพูดของพระพุทธองค์และพระอรหันต์ "อยากได้ดีต้องทำดี" คำพูดของข้าพเจ้าเอง
    เรื่องของความศรัทธาที่แท้จริง ความศรัทธา มันมีอยู่หลายรูปแบบ แต่ผมจะแยกเป็น 2 แบบ ด้วยกันคือ ศรัทธาโดยมีหลักธรรม กับศรัทธาโดยไม่มีธรรม ศรัทธาโดยไม่มีธรรม คือ การหวังในสิ่งต่างๆที่ไม่มีจริง หวังลมๆแล้งว่ามันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งๆที่มันไม่มีวันเป็นจริงได้โดยง่าย เช่นหวังโง่งมงายกับลมฟ้าฝน ว่าจะตกโดยทำพิธีขอฝน แทนที่จะทำทุกปัจจัยที่มันทำให้เกิดฝน อย่างฝนเทียมของในหลวงท่านน่ะ หวังว่าเราจะถูกหวยรวยเป็นล้านๆ โดยไปขอหวยกับคนประเภทต่างๆ หรือไม่ก็สิ่งต่างๆที่มันแปลกๆ ทั้งๆที่มันไม่มีความเกี่ยวข้องเกี่ยวเนื่องกันเลย นี่ผมยกตัวอย่างแบบง่ายๆให้ได้เห็นกัน และยังมีตัวอย่างอีกมากมายไม่รู้จบที่สามารถบ่งบอกได้โดยง่ายๆว่ามันเป็นศรัทธาที่ไม่มีธรรมนั่นเอง ศรัทธาโดยมีธรรมเป็นยังไง มาว่ากัน ศรัทธาโดยมีธรรม คือ การเชื่ออย่างมีหลักเหตุและผลของมัน ซึ่งแม้ว่าบางครั้งศรัทธาประเภทนี้มักไม่เกี่ยวข้องเนื่องโยงกัน แต่แท้จริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกันโดยที่เราไม่รู้ ซึ่งมันยากยิ่งที่เราจะรู้ได้ เพราะมันเป็นธรรมขั้นสูงสุดและสูงส่งกว่าคนธรรมดาจะรู้ได้นั่นเอง แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่มีจริงและไม่มีเหตุผล ซึ่งพระพุทธองค์ท่านก็รู้พระอรหันต์ท่านก็รู้ โดยเฉพาะเรื่องรู้อนาคตของสรรพสิ่งที่เกี่ยวเนื่องโยงใยกับท่านทั้งทางตรงและทางอ้อมนั่นเอง ผมจะยกตัวอย่างแบบง่ายๆให้เข้าใจกัน มีคนชั่วทำชั่วโดยฆ่าผู้อื่นตายและหนีมาหาพระ มาพึ่งพระและบอกว่าข้าพเจ้ายังไม่อยากตาย ท่านได้โปรดช่วยข้าด้วย พระท่านก็ทักว่า โยมไปทำอะไรมาล่ะ ถึงไม่อยากตายและหนีมาพึ่งพระ ข้าพเจ้าแค่ฆ่าคนตาย ถึงมันจะน้อยก็เถอะ แค่เป็นพันๆเอง ข้าพเจ้าสั่งลูกน้องให้มันทำให้ แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ทำเองสักหน่อยเดียวเลยนะท่าน พระท่านก็กล่าวท่านทำไงก็ต้องได้รับผลกรรมของท่านเอง รวมทั้งลูกน้องของท่านด้วย เพราะท่านทำเหตุไว้ ท่านก็ต้องรับผลกรรมของท่านไป ไม่ว่าท่านจะไปไหน ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ไหน ท่านทำอะไรอยู่ท่านย่อมรู้แก่ใจของท่านเอง ท่านจะมาหวังพึ่งพระหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนไม่ได้หรอกนะ แต่ใช่ว่าท่านจะไม่สามารถลดทอนกรรมเก่าไม่ได้ ถ้าท่านกลับเนื้อกลับตัวกลับใจเสียใหม่ ไม่ทำบาปเพิ่มและหมั่นทำดีขึ้นทุกเมื่อทุกที่ ท่านก็สามารถลดทอนกำลังกรรมของท่านได้นะ แต่ต้องเร็วหน่อยนะ แค่ก่อนสิ้นลมเท่านั้น ถ้าท่านทำไม่ได้ท่านก็อย่าหวังว่าท่านจะรอดพ้นเงื้อมือมัจจุราชได้เลย เพราะฉะนั้นแล้วเราควรที่จะมีสติ มีสมาธิ และปัญญาที่ถูกต้องที่ดีเอาไว้กับตัวเอง ทุกสิ่งล้วนมีเหตุและผลเสมอ ซึ่งบางเรื่องมันสุดวิสัยคนธรรมดาเท่านั้นเอง และศรัทธาที่จะทำให้เกิดปาฏิหาริย์ได้นั้นจะมีอยู่เฉพาะกับบุคคลที่ดีอย่างแท้จริงเท่านั้น โดยเฉพาะกับพวกพระอรหันต์ท่านต่างๆซึ่งเป็นดั่งศิษย์ของพระพุทธองค์ และน้อยนักที่จะมีและเกิดกับศาสนาอื่นๆ ซึ่งในคนดีนั้นก็จะมีดีอยู่ในตัวเอง โดยที่บางครั้งเจ้าตัวเองก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ำไป "ของดีมีไว้ให้กับคนดีเท่านั้น" คำพูดของท่านพระยม "ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว" "ทำอย่างไรได้อย่างนั้น" คำพูดของพระพุทธองค์และพระอรหันต์ "อยากได้ดีต้องทำดี" คำพูดของข้าพเจ้าเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 281 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทบาทของผู้พิทักษ์เสาหลักแต่ละคน
    ความสัมพันธ์ของหกเสาหลักผู้พิทักษ์ที่มีความเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ซึ่งรายละเอียดมีดังต่อไปนี้คือ
    ผู้พิทักษ์คนที่หนึ่งแห่งองค์กร ราชาแห่งผืนดิน เปรียบเสมือนดั่งตัวแทนของผู้ที่คอยปกป้องเพื่อนพ้องจากการโจมตีจู่โจมต่อต้านจากศัตรู ซึ่งคอยช่วยเหลือเพื่อนพ้องยามมีภัยอันตรายต่างๆรุกล้ำเข้ามาในองค์กร ซึ่งเค้าเชี่ยวชาญทางด้านการป้องกันปกป้องเพื่อนพ้องจากภัยอันตรายต่างๆที่รุกล้ำเข้ามาหาเพื่อนพ้องที่เค้ารักและต้องการจะปกป้องซึ่งพลังที่แท้จริงของเค้านั้นจะแสดงอย่างเต็มที่ก็ต่อเมื่อมีผู้ที่ต้องคอยปกป้องอยู่ข้างหลัง และยิ่งมีผู้ที่ต้องคอยปกป้องมากเท่าไหร่พลังของเค้าก็จะยิ่งสำแดงเดชออกมามากยิ่งขึ้นเท่านั้น
    ผู้พิทักษ์คนที่สองแห่งองค์กร ราชินีแห่งสายน้ำ เปรียบเสมือนดั่งตัวแทนของผู้ที่คอยช่วยเหลือเยียวยารักษาบาดแผลให้กับเพื่อนพ้องยามเพื่อนพ้องได้รับบาดเจ็บได้รับอันตรายจากศัตรูภายนอก ซึ่งเธอเชี่ยวชาญทางด้านการรักษาความบาดเจ็บทั้งทางกายและใจ และเธอก็มักจะอ่อนโยนต่อเพื่อนพ้องของเธอเป็นพิเศษอีกด้วย เธอเป็นคนที่อ่อนโยนที่สุดในองค์กร
    ผู้พิทักษ์คนที่สามแห่งองค์กร ราชินีแห่งสายลม เปรียบเสมือนดั่งตัวแทนของผู้ที่คอยประสานงานช่วยเหลือเพื่อนพ้องในทางด้านต่างๆ โดยเฉพาะทางด้านการติดต่อสื่อสาร ค้นหาข้อมูลข่าวสารต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนพ้องของเธอ โดยเฉพาะข้อมูลของศัตรู อาทิเช่น จุดอ่อนจุดแข็งของศัตรู ซึ่งมีผลอย่างมากในการพิชิตศัตรูให้เพื่อนพ้องได้รับชัยชนะ ซึ่งเธอเชี่ยวชาญทางด้านข้อมูลข่าวสาร และเธอก็เป็นคนที่มีความคล่องตัวสูงอีกด้วย
    ผู้พิทักษ์คนที่สี่แห่งองค์กร ราชาแห่งเปลวเพลิง เปรียบเสมือนดั่งตัวแทนของผู้ที่เป็นกำลังรบหลักที่คอยทำให้เพื่อนพ้องได้รับชัยชนะ โดยการบุกทะลวงเข้าไปพิชิตศัตรูในค่ายต่างๆของศัตรู เค้าคือตัวแทนของหัวหมู่ทะลวงฟันผู้เป็นแม่ทัพขององค์กร ที่คอยทำหน้าที่ในทางด้านภาคปฏิบัติที่ทำให้แผนการรบประสบความสำเร็จและได้รับชัยชนะ เค้าเชี่ยวชาญทางด้านการรบและยุทธวิธีการรบต่างๆ เค้าเป็นผู้ที่มีพลังโจมตีสูงที่สุดในองค์กร และยังเป็นผู้ที่กล้าหาญมากอีกด้วย
    ผู้พิทักษ์คนที่ห้าแห่งองค์กร ราชินีแห่งแสงสว่าง เปรียบเสมือนดั่งตัวแทนแห่งความถูกต้องดีงามและชอบธรรม เธอเป็นเสมือนพระแม่ผู้ให้ความรักและเมตตากับทุกคน เธอมักเป็นคนที่เปรียบเสมือนดั่งขวัญและกำลังใจหลักของทุกคนในองค์กร โดยปกติเธอจะเป็นมันสมองของทุกคนในองค์กร ซึ่งเธอเป็นคนที่มีความเฉลียวฉลาดหลักแหลมและรอบครอบ แถมยังใส่ใจในทุกรายละเอียดอีกด้วย เธอเชี่ยวชาญทางด้านการวางกำลังรบต่างๆและเป็นคนที่กำกับบัญชาการการรบในทุกสมรภูมิ เธอเป็นคนใจดีที่สุดในองค์กรและเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวมากอีกด้วย
    ผู้พิทักษ์คนที่หกแห่งองค์กร ราชาแห่งความมืด เปรียบเสมือนดั่งผู้ที่เป็นหัวใจของทุกคนในองค์กร เค้าเป็นคนที่อารมณ์แปรปรวนง่ายมาก มีความอ่อนโยนและอ่อนไหวง่าย เค้ามีสัมผัสพิเศษที่รับรู้ถึงความรู้สึกของผู้อื่นได้อย่างแม่นยำ ซึ่งโดยปกติเค้ามักจะเป็นคนที่เงียบขรึมและดูดุดันน่ากลัว แต่แท้ที่จริงแล้วเค้ากลับไม่เคยที่จะคิดร้ายและอาฆาตมาดร้ายกับใครที่ไม่ใช่คนที่เค้าเกลียดชังโดยที่เป็นคู่อริศัตรูซึ่งได้ไปทำให้เค้าได้รับความเดือดเนื้อร้อนใจมาก่อน เค้ามักจะให้อภัยศัตรูคู่อาฆาตโดยให้กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนใหม่ที่ดีอยู่เสมอ แต่ก็มีในบางครั้งที่เค้าสุดแสนที่จะทนกับความชั่วช้าของศัตรูของเค้าที่ไม่รู้จักกลับเนื้อกลับตัวกลับใจที่จะเป็นคนดี ซึ่งเป็นกรณีที่น้อยมากที่ทำให้เค้าจำใจต้องเป็นดั่งมัจจุราชที่พิพากษาลงโทษทัณฑ์ตามความเหมาะสมที่ควรกับโทษทัณฑ์ที่ควรได้ก่อเอาไว้นั่นเอง
    ผู้พิทักษ์คนที่เจ็ดแห่งองค์กร ราชันแห่งการรู้แจ้งและว่างเปล่า เปรียบเสมือนอาจารย์ของผู้พิทักษ์เสาหลักทั้งหกคนนั่นเอง เค้าเป็นคนที่คอยอบรมสั่งสอนวิธีปลดปล่อยพลังภายในและพลังจักรวาลให้กับศิษย์รักทั้งหกคนให้นำพลังวิเศษที่ได้รับมาไปใช้ในทางที่ถูกต้องดีงามและชอบธรรมกับทุกสรรพสิ่งบนโลก ซึ่งโดยปกติแล้วเค้าเป็นคนที่เข้มงวดมากๆ ซึ่งความเข้มงวดนี้เองที่คอยส่งผลให้ลูกศิษย์ทั้งหกคนได้ดำเนินรอยตามในหนทางที่ถูกต้องและดีงาม เพื่อประโยชน์สุขของเหล่าหมู่มวลสัตว์โลกนั่นเอง เค้าเชี่ยวชาญในทุกศาสตร์ทุกแขนงในจักรวาล เค้าเปรียบเสมือนดั่งพระพุทธเจ้าผู้ซึ่งจุติขึ้นมาบนโลกนี้เพื่อช่วยกอบกู้โลกที่แสนจะเสื่อมทรามและเน่าเฟะลงทุกทีๆ เค้าคือหนึ่งเดียว หรือ ผู้ปลดปล่อยนั่นเอง
    นี่คือบทบาทและภารกิจทั้งหมดอย่างคร่าวๆสำหรับผู้พิทักษ์เสาหลักในองค์กร ดิเอลเลเม้นท์ ซึ่งผู้ที่บรรลุธรรมเท่านั้นที่จะสามารถรับรู้ได้ในทุกรายละเอียดทั้งหมดนั่นเอง
    บทบาทของผู้พิทักษ์เสาหลักแต่ละคน ความสัมพันธ์ของหกเสาหลักผู้พิทักษ์ที่มีความเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ซึ่งรายละเอียดมีดังต่อไปนี้คือ ผู้พิทักษ์คนที่หนึ่งแห่งองค์กร ราชาแห่งผืนดิน เปรียบเสมือนดั่งตัวแทนของผู้ที่คอยปกป้องเพื่อนพ้องจากการโจมตีจู่โจมต่อต้านจากศัตรู ซึ่งคอยช่วยเหลือเพื่อนพ้องยามมีภัยอันตรายต่างๆรุกล้ำเข้ามาในองค์กร ซึ่งเค้าเชี่ยวชาญทางด้านการป้องกันปกป้องเพื่อนพ้องจากภัยอันตรายต่างๆที่รุกล้ำเข้ามาหาเพื่อนพ้องที่เค้ารักและต้องการจะปกป้องซึ่งพลังที่แท้จริงของเค้านั้นจะแสดงอย่างเต็มที่ก็ต่อเมื่อมีผู้ที่ต้องคอยปกป้องอยู่ข้างหลัง และยิ่งมีผู้ที่ต้องคอยปกป้องมากเท่าไหร่พลังของเค้าก็จะยิ่งสำแดงเดชออกมามากยิ่งขึ้นเท่านั้น ผู้พิทักษ์คนที่สองแห่งองค์กร ราชินีแห่งสายน้ำ เปรียบเสมือนดั่งตัวแทนของผู้ที่คอยช่วยเหลือเยียวยารักษาบาดแผลให้กับเพื่อนพ้องยามเพื่อนพ้องได้รับบาดเจ็บได้รับอันตรายจากศัตรูภายนอก ซึ่งเธอเชี่ยวชาญทางด้านการรักษาความบาดเจ็บทั้งทางกายและใจ และเธอก็มักจะอ่อนโยนต่อเพื่อนพ้องของเธอเป็นพิเศษอีกด้วย เธอเป็นคนที่อ่อนโยนที่สุดในองค์กร ผู้พิทักษ์คนที่สามแห่งองค์กร ราชินีแห่งสายลม เปรียบเสมือนดั่งตัวแทนของผู้ที่คอยประสานงานช่วยเหลือเพื่อนพ้องในทางด้านต่างๆ โดยเฉพาะทางด้านการติดต่อสื่อสาร ค้นหาข้อมูลข่าวสารต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนพ้องของเธอ โดยเฉพาะข้อมูลของศัตรู อาทิเช่น จุดอ่อนจุดแข็งของศัตรู ซึ่งมีผลอย่างมากในการพิชิตศัตรูให้เพื่อนพ้องได้รับชัยชนะ ซึ่งเธอเชี่ยวชาญทางด้านข้อมูลข่าวสาร และเธอก็เป็นคนที่มีความคล่องตัวสูงอีกด้วย ผู้พิทักษ์คนที่สี่แห่งองค์กร ราชาแห่งเปลวเพลิง เปรียบเสมือนดั่งตัวแทนของผู้ที่เป็นกำลังรบหลักที่คอยทำให้เพื่อนพ้องได้รับชัยชนะ โดยการบุกทะลวงเข้าไปพิชิตศัตรูในค่ายต่างๆของศัตรู เค้าคือตัวแทนของหัวหมู่ทะลวงฟันผู้เป็นแม่ทัพขององค์กร ที่คอยทำหน้าที่ในทางด้านภาคปฏิบัติที่ทำให้แผนการรบประสบความสำเร็จและได้รับชัยชนะ เค้าเชี่ยวชาญทางด้านการรบและยุทธวิธีการรบต่างๆ เค้าเป็นผู้ที่มีพลังโจมตีสูงที่สุดในองค์กร และยังเป็นผู้ที่กล้าหาญมากอีกด้วย ผู้พิทักษ์คนที่ห้าแห่งองค์กร ราชินีแห่งแสงสว่าง เปรียบเสมือนดั่งตัวแทนแห่งความถูกต้องดีงามและชอบธรรม เธอเป็นเสมือนพระแม่ผู้ให้ความรักและเมตตากับทุกคน เธอมักเป็นคนที่เปรียบเสมือนดั่งขวัญและกำลังใจหลักของทุกคนในองค์กร โดยปกติเธอจะเป็นมันสมองของทุกคนในองค์กร ซึ่งเธอเป็นคนที่มีความเฉลียวฉลาดหลักแหลมและรอบครอบ แถมยังใส่ใจในทุกรายละเอียดอีกด้วย เธอเชี่ยวชาญทางด้านการวางกำลังรบต่างๆและเป็นคนที่กำกับบัญชาการการรบในทุกสมรภูมิ เธอเป็นคนใจดีที่สุดในองค์กรและเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวมากอีกด้วย ผู้พิทักษ์คนที่หกแห่งองค์กร ราชาแห่งความมืด เปรียบเสมือนดั่งผู้ที่เป็นหัวใจของทุกคนในองค์กร เค้าเป็นคนที่อารมณ์แปรปรวนง่ายมาก มีความอ่อนโยนและอ่อนไหวง่าย เค้ามีสัมผัสพิเศษที่รับรู้ถึงความรู้สึกของผู้อื่นได้อย่างแม่นยำ ซึ่งโดยปกติเค้ามักจะเป็นคนที่เงียบขรึมและดูดุดันน่ากลัว แต่แท้ที่จริงแล้วเค้ากลับไม่เคยที่จะคิดร้ายและอาฆาตมาดร้ายกับใครที่ไม่ใช่คนที่เค้าเกลียดชังโดยที่เป็นคู่อริศัตรูซึ่งได้ไปทำให้เค้าได้รับความเดือดเนื้อร้อนใจมาก่อน เค้ามักจะให้อภัยศัตรูคู่อาฆาตโดยให้กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนใหม่ที่ดีอยู่เสมอ แต่ก็มีในบางครั้งที่เค้าสุดแสนที่จะทนกับความชั่วช้าของศัตรูของเค้าที่ไม่รู้จักกลับเนื้อกลับตัวกลับใจที่จะเป็นคนดี ซึ่งเป็นกรณีที่น้อยมากที่ทำให้เค้าจำใจต้องเป็นดั่งมัจจุราชที่พิพากษาลงโทษทัณฑ์ตามความเหมาะสมที่ควรกับโทษทัณฑ์ที่ควรได้ก่อเอาไว้นั่นเอง ผู้พิทักษ์คนที่เจ็ดแห่งองค์กร ราชันแห่งการรู้แจ้งและว่างเปล่า เปรียบเสมือนอาจารย์ของผู้พิทักษ์เสาหลักทั้งหกคนนั่นเอง เค้าเป็นคนที่คอยอบรมสั่งสอนวิธีปลดปล่อยพลังภายในและพลังจักรวาลให้กับศิษย์รักทั้งหกคนให้นำพลังวิเศษที่ได้รับมาไปใช้ในทางที่ถูกต้องดีงามและชอบธรรมกับทุกสรรพสิ่งบนโลก ซึ่งโดยปกติแล้วเค้าเป็นคนที่เข้มงวดมากๆ ซึ่งความเข้มงวดนี้เองที่คอยส่งผลให้ลูกศิษย์ทั้งหกคนได้ดำเนินรอยตามในหนทางที่ถูกต้องและดีงาม เพื่อประโยชน์สุขของเหล่าหมู่มวลสัตว์โลกนั่นเอง เค้าเชี่ยวชาญในทุกศาสตร์ทุกแขนงในจักรวาล เค้าเปรียบเสมือนดั่งพระพุทธเจ้าผู้ซึ่งจุติขึ้นมาบนโลกนี้เพื่อช่วยกอบกู้โลกที่แสนจะเสื่อมทรามและเน่าเฟะลงทุกทีๆ เค้าคือหนึ่งเดียว หรือ ผู้ปลดปล่อยนั่นเอง นี่คือบทบาทและภารกิจทั้งหมดอย่างคร่าวๆสำหรับผู้พิทักษ์เสาหลักในองค์กร ดิเอลเลเม้นท์ ซึ่งผู้ที่บรรลุธรรมเท่านั้นที่จะสามารถรับรู้ได้ในทุกรายละเอียดทั้งหมดนั่นเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 258 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนื่องในอภิลักขิตสมัยขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๘ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม ความว่า

    “บัดนี้ บรรลุอภิลักขิตสมัยขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๘ วาระเถลิงศกเช่นนี้ คือสมมุติแห่งกาลเวลา ที่ช่วยสอนใจ ให้ได้ทบทวนถึงอายุที่ผ่านพ้น เป็นการอบรมตักเตือนตนด้วยตนเองว่าเผลอกระทำสิ่งหนึ่งประการใด อันอาจผิดพลาดบกพร่องไปบ้าง จักได้ไม่มัวหลงระเริงในวัยและในชีวิต แล้วจักได้เร่งกลับตัวกลับใจ ใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างคนไม่ประมาท เพื่อจักได้เร่งบำเพ็ญคุณประโยชน์ ให้สำเร็จประโยชน์ทั้งในทางโลกและทางธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป

    ตลอดปีที่ผ่านมา ชาวไทยต่างพร้อมเพรียงกันจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ด้วยการบำเพ็ญคุณงามความดีต่าง ๆ เป็นอเนกประการ นับเป็นกุศลกิจที่น่าอนุโมทนาชื่นชม ทั้งยังเกิดมีโอกาสพิเศษให้เราทั้งหลาย ได้ไปประชุมพรั่งพร้อมกันอย่างเนืองแน่น เพื่อกระทำสักการบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งอัญเชิญจากมิตรประเทศมาประดิษฐาน ณ ท้องสนามหลวง ถึง ๒ วาระ เหตุการณ์อันเป็นมงคลเช่นนี้ บังเกิดขึ้นได้เพราะคุณธรรมสำคัญที่เรียกว่า “ศรัทธา” ซึ่งแปลว่าความเชื่ออันประกอบด้วยเหตุผล ช่วยหลอมรวมน้ำใจไทยให้ผสานเข้าเป็นหนึ่งเดียวด้วยความสามัคคี เพิ่มพูนทวีขึ้นเป็นพละกำลังมหาศาลค้ำจุนหนุนนำให้ชาติบ้านเมือง สามารถดำรงอยู่อย่างเข้มแข็งและมั่นคง มีชัยชนะเหนือปัญหาและอุปสรรคได้ตลอดมา

    ศรัทธา จึงอุปมาดุจแม่ทัพ คอยกรุยทางเหนี่ยวนำให้กุศลอื่น ๆ งอกงามติดตามมา เพราะความชั่วทั้งหลาย ล้วนเกิดจากความประมาท ส่วนความดีทั้งหลายล้วนเกิดจากศรัทธา หากบุคคลไม่มีศรัทธาเป็นตัวนำแล้ว กุศลธรรมอื่น ๆ ก็จักไม่เจริญหรือบังเกิดมีขึ้น เพราะฉะนั้นความศรัทธาจึงเป็นเครื่องปลื้มใจและเป็นเพื่อนแท้ของทุกชีวิตเป็นพลังงานผลักดันให้พากเพียรเดินหน้า ไปประกอบกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขของสังคมส่วนรวม

    ณ วาระขึ้นปีใหม่นี้ จึงขอให้คนไทยทุกคน ตั้งใจประคับประคองความศรัทธาไว้อย่าให้หวั่นไหว ทั้งต่อคุณพระรัตนตรัย ทั้งต่อสถาบันอันเป็นหลักชัยของชาติ และต่อคุณธรรมคือความดีงามทุกประการ เพื่อให้บังเกิดมีขวัญแห่งชีวิต ทรงฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ เป็นความพร้อมเพรียงแห่งชนผู้อยู่ร่วมกันเป็นหมู่ ซึ่งย่อมยังความเจริญรุ่งเรืองให้สำเร็จได้สมตามความมุ่งหมายทุกประการ

    ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และกุศลจริยาทุกท่านร่วมกันบำเพ็ญ เป็นเครื่องพิทักษ์รักษาประเทศชาติและประชาชน ดลความโสมนัสพระราชหฤทัย ให้ประสิทธิ์ในสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้าทั้งสองพระองค์ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เพื่อจักได้ทรงเพียบเพ็ญด้วยพระบารมีธรรม และขอประสาทพรให้ชาวไทย จงสำเร็จสมมโนรถในสรรพกิจอันเป็นไปโดยชอบ ประกอบด้วยธรรม นำความผาสุกสวัสดีมาสู่เพื่อนร่วมชาติ ตลอดพุทธศักราช ๒๕๖๘ นี้ โดยทั่วหน้ากัน เทอญ.”
    เนื่องในอภิลักขิตสมัยขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๘ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม ความว่า “บัดนี้ บรรลุอภิลักขิตสมัยขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๘ วาระเถลิงศกเช่นนี้ คือสมมุติแห่งกาลเวลา ที่ช่วยสอนใจ ให้ได้ทบทวนถึงอายุที่ผ่านพ้น เป็นการอบรมตักเตือนตนด้วยตนเองว่าเผลอกระทำสิ่งหนึ่งประการใด อันอาจผิดพลาดบกพร่องไปบ้าง จักได้ไม่มัวหลงระเริงในวัยและในชีวิต แล้วจักได้เร่งกลับตัวกลับใจ ใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างคนไม่ประมาท เพื่อจักได้เร่งบำเพ็ญคุณประโยชน์ ให้สำเร็จประโยชน์ทั้งในทางโลกและทางธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป ตลอดปีที่ผ่านมา ชาวไทยต่างพร้อมเพรียงกันจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ด้วยการบำเพ็ญคุณงามความดีต่าง ๆ เป็นอเนกประการ นับเป็นกุศลกิจที่น่าอนุโมทนาชื่นชม ทั้งยังเกิดมีโอกาสพิเศษให้เราทั้งหลาย ได้ไปประชุมพรั่งพร้อมกันอย่างเนืองแน่น เพื่อกระทำสักการบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งอัญเชิญจากมิตรประเทศมาประดิษฐาน ณ ท้องสนามหลวง ถึง ๒ วาระ เหตุการณ์อันเป็นมงคลเช่นนี้ บังเกิดขึ้นได้เพราะคุณธรรมสำคัญที่เรียกว่า “ศรัทธา” ซึ่งแปลว่าความเชื่ออันประกอบด้วยเหตุผล ช่วยหลอมรวมน้ำใจไทยให้ผสานเข้าเป็นหนึ่งเดียวด้วยความสามัคคี เพิ่มพูนทวีขึ้นเป็นพละกำลังมหาศาลค้ำจุนหนุนนำให้ชาติบ้านเมือง สามารถดำรงอยู่อย่างเข้มแข็งและมั่นคง มีชัยชนะเหนือปัญหาและอุปสรรคได้ตลอดมา ศรัทธา จึงอุปมาดุจแม่ทัพ คอยกรุยทางเหนี่ยวนำให้กุศลอื่น ๆ งอกงามติดตามมา เพราะความชั่วทั้งหลาย ล้วนเกิดจากความประมาท ส่วนความดีทั้งหลายล้วนเกิดจากศรัทธา หากบุคคลไม่มีศรัทธาเป็นตัวนำแล้ว กุศลธรรมอื่น ๆ ก็จักไม่เจริญหรือบังเกิดมีขึ้น เพราะฉะนั้นความศรัทธาจึงเป็นเครื่องปลื้มใจและเป็นเพื่อนแท้ของทุกชีวิตเป็นพลังงานผลักดันให้พากเพียรเดินหน้า ไปประกอบกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขของสังคมส่วนรวม ณ วาระขึ้นปีใหม่นี้ จึงขอให้คนไทยทุกคน ตั้งใจประคับประคองความศรัทธาไว้อย่าให้หวั่นไหว ทั้งต่อคุณพระรัตนตรัย ทั้งต่อสถาบันอันเป็นหลักชัยของชาติ และต่อคุณธรรมคือความดีงามทุกประการ เพื่อให้บังเกิดมีขวัญแห่งชีวิต ทรงฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ เป็นความพร้อมเพรียงแห่งชนผู้อยู่ร่วมกันเป็นหมู่ ซึ่งย่อมยังความเจริญรุ่งเรืองให้สำเร็จได้สมตามความมุ่งหมายทุกประการ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และกุศลจริยาทุกท่านร่วมกันบำเพ็ญ เป็นเครื่องพิทักษ์รักษาประเทศชาติและประชาชน ดลความโสมนัสพระราชหฤทัย ให้ประสิทธิ์ในสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้าทั้งสองพระองค์ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เพื่อจักได้ทรงเพียบเพ็ญด้วยพระบารมีธรรม และขอประสาทพรให้ชาวไทย จงสำเร็จสมมโนรถในสรรพกิจอันเป็นไปโดยชอบ ประกอบด้วยธรรม นำความผาสุกสวัสดีมาสู่เพื่อนร่วมชาติ ตลอดพุทธศักราช ๒๕๖๘ นี้ โดยทั่วหน้ากัน เทอญ.”
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 644 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนื่องในอภิลักขิตสมัยขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๘ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม ความว่า

    “บัดนี้ บรรลุอภิลักขิตสมัยขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๘ วาระเถลิงศกเช่นนี้ คือสมมุติแห่งกาลเวลา ที่ช่วยสอนใจ ให้ได้ทบทวนถึงอายุที่ผ่านพ้น เป็นการอบรมตักเตือนตนด้วยตนเองว่าเผลอกระทำสิ่งหนึ่งประการใด อันอาจผิดพลาดบกพร่องไปบ้าง จักได้ไม่มัวหลงระเริงในวัยและในชีวิต แล้วจักได้เร่งกลับตัวกลับใจ ใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างคนไม่ประมาท เพื่อจักได้เร่งบำเพ็ญคุณประโยชน์ ให้สำเร็จประโยชน์ทั้งในทางโลกและทางธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป

    ตลอดปีที่ผ่านมา ชาวไทยต่างพร้อมเพรียงกันจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ด้วยการบำเพ็ญคุณงามความดีต่าง ๆ เป็นอเนกประการ นับเป็นกุศลกิจที่น่าอนุโมทนาชื่นชม ทั้งยังเกิดมีโอกาสพิเศษให้เราทั้งหลาย ได้ไปประชุมพรั่งพร้อมกันอย่างเนืองแน่น เพื่อกระทำสักการบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งอัญเชิญจากมิตรประเทศมาประดิษฐาน ณ ท้องสนามหลวง ถึง ๒ วาระ เหตุการณ์อันเป็นมงคลเช่นนี้ บังเกิดขึ้นได้เพราะคุณธรรมสำคัญที่เรียกว่า “ศรัทธา” ซึ่งแปลว่าความเชื่ออันประกอบด้วยเหตุผล ช่วยหลอมรวมน้ำใจไทยให้ผสานเข้าเป็นหนึ่งเดียวด้วยความสามัคคี เพิ่มพูนทวีขึ้นเป็นพละกำลังมหาศาลค้ำจุนหนุนนำให้ชาติบ้านเมือง สามารถดำรงอยู่อย่างเข้มแข็งและมั่นคง มีชัยชนะเหนือปัญหาและอุปสรรคได้ตลอดมา

    ศรัทธา จึงอุปมาดุจแม่ทัพ คอยกรุยทางเหนี่ยวนำให้กุศลอื่น ๆ งอกงามติดตามมา เพราะความชั่วทั้งหลาย ล้วนเกิดจากความประมาท ส่วนความดีทั้งหลายล้วนเกิดจากศรัทธา หากบุคคลไม่มีศรัทธาเป็นตัวนำแล้ว กุศลธรรมอื่น ๆ ก็จักไม่เจริญหรือบังเกิดมีขึ้น เพราะฉะนั้นความศรัทธาจึงเป็นเครื่องปลื้มใจและเป็นเพื่อนแท้ของทุกชีวิตเป็นพลังงานผลักดันให้พากเพียรเดินหน้า ไปประกอบกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขของสังคมส่วนรวม

    ณ วาระขึ้นปีใหม่นี้ จึงขอให้คนไทยทุกคน ตั้งใจประคับประคองความศรัทธาไว้อย่าให้หวั่นไหว ทั้งต่อคุณพระรัตนตรัย ทั้งต่อสถาบันอันเป็นหลักชัยของชาติ และต่อคุณธรรมคือความดีงามทุกประการ เพื่อให้บังเกิดมีขวัญแห่งชีวิต ทรงฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ เป็นความพร้อมเพรียงแห่งชนผู้อยู่ร่วมกันเป็นหมู่ ซึ่งย่อมยังความเจริญรุ่งเรืองให้สำเร็จได้สมตามความมุ่งหมายทุกประการ

    ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และกุศลจริยาทุกท่านร่วมกันบำเพ็ญ เป็นเครื่องพิทักษ์รักษาประเทศชาติและประชาชน ดลความโสมนัสพระราชหฤทัย ให้ประสิทธิ์ในสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้าทั้งสองพระองค์ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เพื่อจักได้ทรงเพียบเพ็ญด้วยพระบารมีธรรม และขอประสาทพรให้ชาวไทย จงสำเร็จสมมโนรถในสรรพกิจอันเป็นไปโดยชอบ ประกอบด้วยธรรม นำความผาสุกสวัสดีมาสู่เพื่อนร่วมชาติ ตลอดพุทธศักราช ๒๕๖๘ นี้ โดยทั่วหน้ากัน เทอญ.”
    เนื่องในอภิลักขิตสมัยขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๘ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม ความว่า “บัดนี้ บรรลุอภิลักขิตสมัยขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๘ วาระเถลิงศกเช่นนี้ คือสมมุติแห่งกาลเวลา ที่ช่วยสอนใจ ให้ได้ทบทวนถึงอายุที่ผ่านพ้น เป็นการอบรมตักเตือนตนด้วยตนเองว่าเผลอกระทำสิ่งหนึ่งประการใด อันอาจผิดพลาดบกพร่องไปบ้าง จักได้ไม่มัวหลงระเริงในวัยและในชีวิต แล้วจักได้เร่งกลับตัวกลับใจ ใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างคนไม่ประมาท เพื่อจักได้เร่งบำเพ็ญคุณประโยชน์ ให้สำเร็จประโยชน์ทั้งในทางโลกและทางธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป ตลอดปีที่ผ่านมา ชาวไทยต่างพร้อมเพรียงกันจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ด้วยการบำเพ็ญคุณงามความดีต่าง ๆ เป็นอเนกประการ นับเป็นกุศลกิจที่น่าอนุโมทนาชื่นชม ทั้งยังเกิดมีโอกาสพิเศษให้เราทั้งหลาย ได้ไปประชุมพรั่งพร้อมกันอย่างเนืองแน่น เพื่อกระทำสักการบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งอัญเชิญจากมิตรประเทศมาประดิษฐาน ณ ท้องสนามหลวง ถึง ๒ วาระ เหตุการณ์อันเป็นมงคลเช่นนี้ บังเกิดขึ้นได้เพราะคุณธรรมสำคัญที่เรียกว่า “ศรัทธา” ซึ่งแปลว่าความเชื่ออันประกอบด้วยเหตุผล ช่วยหลอมรวมน้ำใจไทยให้ผสานเข้าเป็นหนึ่งเดียวด้วยความสามัคคี เพิ่มพูนทวีขึ้นเป็นพละกำลังมหาศาลค้ำจุนหนุนนำให้ชาติบ้านเมือง สามารถดำรงอยู่อย่างเข้มแข็งและมั่นคง มีชัยชนะเหนือปัญหาและอุปสรรคได้ตลอดมา ศรัทธา จึงอุปมาดุจแม่ทัพ คอยกรุยทางเหนี่ยวนำให้กุศลอื่น ๆ งอกงามติดตามมา เพราะความชั่วทั้งหลาย ล้วนเกิดจากความประมาท ส่วนความดีทั้งหลายล้วนเกิดจากศรัทธา หากบุคคลไม่มีศรัทธาเป็นตัวนำแล้ว กุศลธรรมอื่น ๆ ก็จักไม่เจริญหรือบังเกิดมีขึ้น เพราะฉะนั้นความศรัทธาจึงเป็นเครื่องปลื้มใจและเป็นเพื่อนแท้ของทุกชีวิตเป็นพลังงานผลักดันให้พากเพียรเดินหน้า ไปประกอบกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขของสังคมส่วนรวม ณ วาระขึ้นปีใหม่นี้ จึงขอให้คนไทยทุกคน ตั้งใจประคับประคองความศรัทธาไว้อย่าให้หวั่นไหว ทั้งต่อคุณพระรัตนตรัย ทั้งต่อสถาบันอันเป็นหลักชัยของชาติ และต่อคุณธรรมคือความดีงามทุกประการ เพื่อให้บังเกิดมีขวัญแห่งชีวิต ทรงฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ เป็นความพร้อมเพรียงแห่งชนผู้อยู่ร่วมกันเป็นหมู่ ซึ่งย่อมยังความเจริญรุ่งเรืองให้สำเร็จได้สมตามความมุ่งหมายทุกประการ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และกุศลจริยาทุกท่านร่วมกันบำเพ็ญ เป็นเครื่องพิทักษ์รักษาประเทศชาติและประชาชน ดลความโสมนัสพระราชหฤทัย ให้ประสิทธิ์ในสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้าทั้งสองพระองค์ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เพื่อจักได้ทรงเพียบเพ็ญด้วยพระบารมีธรรม และขอประสาทพรให้ชาวไทย จงสำเร็จสมมโนรถในสรรพกิจอันเป็นไปโดยชอบ ประกอบด้วยธรรม นำความผาสุกสวัสดีมาสู่เพื่อนร่วมชาติ ตลอดพุทธศักราช ๒๕๖๘ นี้ โดยทั่วหน้ากัน เทอญ.”
    Yay
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 643 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนื่องในอภิลักขิตสมัยขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๘ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม ความว่า

    “บัดนี้ บรรลุอภิลักขิตสมัยขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๘ วาระเถลิงศกเช่นนี้ คือสมมุติแห่งกาลเวลา ที่ช่วยสอนใจ ให้ได้ทบทวนถึงอายุที่ผ่านพ้น เป็นการอบรมตักเตือนตนด้วยตนเองว่าเผลอกระทำสิ่งหนึ่งประการใด อันอาจผิดพลาดบกพร่องไปบ้าง จักได้ไม่มัวหลงระเริงในวัยและในชีวิต แล้วจักได้เร่งกลับตัวกลับใจ ใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างคนไม่ประมาท เพื่อจักได้เร่งบำเพ็ญคุณประโยชน์ ให้สำเร็จประโยชน์ทั้งในทางโลกและทางธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป

    ตลอดปีที่ผ่านมา ชาวไทยต่างพร้อมเพรียงกันจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ด้วยการบำเพ็ญคุณงามความดีต่าง ๆ เป็นอเนกประการ นับเป็นกุศลกิจที่น่าอนุโมทนาชื่นชม ทั้งยังเกิดมีโอกาสพิเศษให้เราทั้งหลาย ได้ไปประชุมพรั่งพร้อมกันอย่างเนืองแน่น เพื่อกระทำสักการบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งอัญเชิญจากมิตรประเทศมาประดิษฐาน ณ ท้องสนามหลวง ถึง ๒ วาระ เหตุการณ์อันเป็นมงคลเช่นนี้ บังเกิดขึ้นได้เพราะคุณธรรมสำคัญที่เรียกว่า “ศรัทธา” ซึ่งแปลว่าความเชื่ออันประกอบด้วยเหตุผล ช่วยหลอมรวมน้ำใจไทยให้ผสานเข้าเป็นหนึ่งเดียวด้วยความสามัคคี เพิ่มพูนทวีขึ้นเป็นพละกำลังมหาศาลค้ำจุนหนุนนำให้ชาติบ้านเมือง สามารถดำรงอยู่อย่างเข้มแข็งและมั่นคง มีชัยชนะเหนือปัญหาและอุปสรรคได้ตลอดมา

    ศรัทธา จึงอุปมาดุจแม่ทัพ คอยกรุยทางเหนี่ยวนำให้กุศลอื่น ๆ งอกงามติดตามมา เพราะความชั่วทั้งหลาย ล้วนเกิดจากความประมาท ส่วนความดีทั้งหลายล้วนเกิดจากศรัทธา หากบุคคลไม่มีศรัทธาเป็นตัวนำแล้ว กุศลธรรมอื่น ๆ ก็จักไม่เจริญหรือบังเกิดมีขึ้น เพราะฉะนั้นความศรัทธาจึงเป็นเครื่องปลื้มใจและเป็นเพื่อนแท้ของทุกชีวิตเป็นพลังงานผลักดันให้พากเพียรเดินหน้า ไปประกอบกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขของสังคมส่วนรวม

    ณ วาระขึ้นปีใหม่นี้ จึงขอให้คนไทยทุกคน ตั้งใจประคับประคองความศรัทธาไว้อย่าให้หวั่นไหว ทั้งต่อคุณพระรัตนตรัย ทั้งต่อสถาบันอันเป็นหลักชัยของชาติ และต่อคุณธรรมคือความดีงามทุกประการ เพื่อให้บังเกิดมีขวัญแห่งชีวิต ทรงฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ เป็นความพร้อมเพรียงแห่งชนผู้อยู่ร่วมกันเป็นหมู่ ซึ่งย่อมยังความเจริญรุ่งเรืองให้สำเร็จได้สมตามความมุ่งหมายทุกประการ

    ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และกุศลจริยาทุกท่านร่วมกันบำเพ็ญ เป็นเครื่องพิทักษ์รักษาประเทศชาติและประชาชน ดลความโสมนัสพระราชหฤทัย ให้ประสิทธิ์ในสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้าทั้งสองพระองค์ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เพื่อจักได้ทรงเพียบเพ็ญด้วยพระบารมีธรรม และขอประสาทพรให้ชาวไทย จงสำเร็จสมมโนรถในสรรพกิจอันเป็นไปโดยชอบ ประกอบด้วยธรรม นำความผาสุกสวัสดีมาสู่เพื่อนร่วมชาติ ตลอดพุทธศักราช ๒๕๖๘ นี้ โดยทั่วหน้ากัน เทอญ.”
    เนื่องในอภิลักขิตสมัยขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๘ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม ความว่า “บัดนี้ บรรลุอภิลักขิตสมัยขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๘ วาระเถลิงศกเช่นนี้ คือสมมุติแห่งกาลเวลา ที่ช่วยสอนใจ ให้ได้ทบทวนถึงอายุที่ผ่านพ้น เป็นการอบรมตักเตือนตนด้วยตนเองว่าเผลอกระทำสิ่งหนึ่งประการใด อันอาจผิดพลาดบกพร่องไปบ้าง จักได้ไม่มัวหลงระเริงในวัยและในชีวิต แล้วจักได้เร่งกลับตัวกลับใจ ใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างคนไม่ประมาท เพื่อจักได้เร่งบำเพ็ญคุณประโยชน์ ให้สำเร็จประโยชน์ทั้งในทางโลกและทางธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป ตลอดปีที่ผ่านมา ชาวไทยต่างพร้อมเพรียงกันจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ด้วยการบำเพ็ญคุณงามความดีต่าง ๆ เป็นอเนกประการ นับเป็นกุศลกิจที่น่าอนุโมทนาชื่นชม ทั้งยังเกิดมีโอกาสพิเศษให้เราทั้งหลาย ได้ไปประชุมพรั่งพร้อมกันอย่างเนืองแน่น เพื่อกระทำสักการบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งอัญเชิญจากมิตรประเทศมาประดิษฐาน ณ ท้องสนามหลวง ถึง ๒ วาระ เหตุการณ์อันเป็นมงคลเช่นนี้ บังเกิดขึ้นได้เพราะคุณธรรมสำคัญที่เรียกว่า “ศรัทธา” ซึ่งแปลว่าความเชื่ออันประกอบด้วยเหตุผล ช่วยหลอมรวมน้ำใจไทยให้ผสานเข้าเป็นหนึ่งเดียวด้วยความสามัคคี เพิ่มพูนทวีขึ้นเป็นพละกำลังมหาศาลค้ำจุนหนุนนำให้ชาติบ้านเมือง สามารถดำรงอยู่อย่างเข้มแข็งและมั่นคง มีชัยชนะเหนือปัญหาและอุปสรรคได้ตลอดมา ศรัทธา จึงอุปมาดุจแม่ทัพ คอยกรุยทางเหนี่ยวนำให้กุศลอื่น ๆ งอกงามติดตามมา เพราะความชั่วทั้งหลาย ล้วนเกิดจากความประมาท ส่วนความดีทั้งหลายล้วนเกิดจากศรัทธา หากบุคคลไม่มีศรัทธาเป็นตัวนำแล้ว กุศลธรรมอื่น ๆ ก็จักไม่เจริญหรือบังเกิดมีขึ้น เพราะฉะนั้นความศรัทธาจึงเป็นเครื่องปลื้มใจและเป็นเพื่อนแท้ของทุกชีวิตเป็นพลังงานผลักดันให้พากเพียรเดินหน้า ไปประกอบกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขของสังคมส่วนรวม ณ วาระขึ้นปีใหม่นี้ จึงขอให้คนไทยทุกคน ตั้งใจประคับประคองความศรัทธาไว้อย่าให้หวั่นไหว ทั้งต่อคุณพระรัตนตรัย ทั้งต่อสถาบันอันเป็นหลักชัยของชาติ และต่อคุณธรรมคือความดีงามทุกประการ เพื่อให้บังเกิดมีขวัญแห่งชีวิต ทรงฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ เป็นความพร้อมเพรียงแห่งชนผู้อยู่ร่วมกันเป็นหมู่ ซึ่งย่อมยังความเจริญรุ่งเรืองให้สำเร็จได้สมตามความมุ่งหมายทุกประการ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และกุศลจริยาทุกท่านร่วมกันบำเพ็ญ เป็นเครื่องพิทักษ์รักษาประเทศชาติและประชาชน ดลความโสมนัสพระราชหฤทัย ให้ประสิทธิ์ในสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้าทั้งสองพระองค์ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เพื่อจักได้ทรงเพียบเพ็ญด้วยพระบารมีธรรม และขอประสาทพรให้ชาวไทย จงสำเร็จสมมโนรถในสรรพกิจอันเป็นไปโดยชอบ ประกอบด้วยธรรม นำความผาสุกสวัสดีมาสู่เพื่อนร่วมชาติ ตลอดพุทธศักราช ๒๕๖๘ นี้ โดยทั่วหน้ากัน เทอญ.”
    Yay
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 631 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใครมีข้อมูล ฝั่งทาง อ.ยักษ์บ้าง สมาคมท่าน&กลุ่มท่านพากันฉีดไปกี่เข็มแล้ว ท่านเอา อ.ยักษ์มาร่วมเปิดโปงวัคซีนด้วยคงจะดี เพราะภาคการเกษตรที่เครือข่ายท่านมีมากจะได้ทะลุทะลวงความจริง ปลุกคนเกษตรได้มาก แบบปากต่อปากก็ว่า ,อ.ยักษ์ ไม่น่าพูดถึงUN เอาโลกเดือดสร้างโกลาหลร่วมกับมัน เพราะมัน คือUNนี้ล่ะตัวปั่นตัวแทรกแซงทุกๆประเทศไปทั่ว เพื่อสร้างความวุ่นวายไปทั่วโลก โดยมีตระกูลรอธไชล์ดและร็อกกี้เฟลเลอร์ดองครอบครัวเดียวกันอยู่เบื้องหลังทั้งก่อตั้งUNเองและสนับสนุนการเงินสาระพัดก่อปั่นป่วนทั่วโลกไปทั่ว เกิดสงคราม อเมริกา&ฝรั่งก็ขายอาวุธกันสบายจนร่ำรวยโคตรๆก็ว่า บาดเจ็บก็ขายยาเคมีมันได้อีก ,อ.ยักษ์น่าจะถูก อ.ปานเทพ&อ.หมอต่างๆปลุกให้ตื่นมารู้ความจริงค่าจริงได้แล้ว อย่านำพาคนเกษตรไปฉีดวัคซีนอีกก็สุดยอดแล้ว,เรามีคนรับใช้ซาตานและทรยศ&กบฎมันก็มีเพื่อชาติไทยมาก่อน จนทรยศมัน ออกมาแฉพวกมันก็ว่า,ด้วยยังรักชาติรักแผ่นดินไทยคนไทยจึงออกมาแฉเป็นกบฎฝ่ายมืดๆพวกมัน,กลับตัวกลับใจเป็นคนดีก็ว่า,นักวิชาการทั่วไทยจะในวงการไหนๆปะปนสุมหัวรับงานเพื่อมุ่งต่อแผนลดประชากรไทยพึ่งสำนึกลดละเลิกเถิด กลับมายืนข้างสิ่งที่ดีงามถูกต้อง,เพราะฝ่ายขาวเขามีบิ๊กดาต้าข้อมูลทั้งหมดแล้ว ,อนาคตถูกเก็บกวาดไม่เหลือซากแน่นอน,อย่าคิดว่ามีแค่ฝ่ายมืดล้ำๆสไตล์มืดฝ่ายเดียวเน้อ,ฝ่ายขาวนั้นล้ำกว่ามาก เด็ดชีพตอนไหนได้หมด,รอจังหวะเวลาการสำนึกหรือไม่เท่านั้น.
    ใครมีข้อมูล ฝั่งทาง อ.ยักษ์บ้าง สมาคมท่าน&กลุ่มท่านพากันฉีดไปกี่เข็มแล้ว ท่านเอา อ.ยักษ์มาร่วมเปิดโปงวัคซีนด้วยคงจะดี เพราะภาคการเกษตรที่เครือข่ายท่านมีมากจะได้ทะลุทะลวงความจริง ปลุกคนเกษตรได้มาก แบบปากต่อปากก็ว่า ,อ.ยักษ์ ไม่น่าพูดถึงUN เอาโลกเดือดสร้างโกลาหลร่วมกับมัน เพราะมัน คือUNนี้ล่ะตัวปั่นตัวแทรกแซงทุกๆประเทศไปทั่ว เพื่อสร้างความวุ่นวายไปทั่วโลก โดยมีตระกูลรอธไชล์ดและร็อกกี้เฟลเลอร์ดองครอบครัวเดียวกันอยู่เบื้องหลังทั้งก่อตั้งUNเองและสนับสนุนการเงินสาระพัดก่อปั่นป่วนทั่วโลกไปทั่ว เกิดสงคราม อเมริกา&ฝรั่งก็ขายอาวุธกันสบายจนร่ำรวยโคตรๆก็ว่า บาดเจ็บก็ขายยาเคมีมันได้อีก ,อ.ยักษ์น่าจะถูก อ.ปานเทพ&อ.หมอต่างๆปลุกให้ตื่นมารู้ความจริงค่าจริงได้แล้ว อย่านำพาคนเกษตรไปฉีดวัคซีนอีกก็สุดยอดแล้ว,เรามีคนรับใช้ซาตานและทรยศ&กบฎมันก็มีเพื่อชาติไทยมาก่อน จนทรยศมัน ออกมาแฉพวกมันก็ว่า,ด้วยยังรักชาติรักแผ่นดินไทยคนไทยจึงออกมาแฉเป็นกบฎฝ่ายมืดๆพวกมัน,กลับตัวกลับใจเป็นคนดีก็ว่า,นักวิชาการทั่วไทยจะในวงการไหนๆปะปนสุมหัวรับงานเพื่อมุ่งต่อแผนลดประชากรไทยพึ่งสำนึกลดละเลิกเถิด กลับมายืนข้างสิ่งที่ดีงามถูกต้อง,เพราะฝ่ายขาวเขามีบิ๊กดาต้าข้อมูลทั้งหมดแล้ว ,อนาคตถูกเก็บกวาดไม่เหลือซากแน่นอน,อย่าคิดว่ามีแค่ฝ่ายมืดล้ำๆสไตล์มืดฝ่ายเดียวเน้อ,ฝ่ายขาวนั้นล้ำกว่ามาก เด็ดชีพตอนไหนได้หมด,รอจังหวะเวลาการสำนึกหรือไม่เท่านั้น.
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1047 มุมมอง 215 0 รีวิว
  • Newsstory : ปปง.กลับตัวเป็นคนดีย์ เร่งทำคดีโจ๊กและภรรยา หลังเชื่องช้ามาเป็นปี
    #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #นิวส์สตอรี่
    #สนธิลิ้มทองกุล #กลับตัวกลับใจ #โจ๊ก
    Newsstory : ปปง.กลับตัวเป็นคนดีย์ เร่งทำคดีโจ๊กและภรรยา หลังเชื่องช้ามาเป็นปี #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #นิวส์สตอรี่ #สนธิลิ้มทองกุล #กลับตัวกลับใจ #โจ๊ก
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1276 มุมมอง 69 0 รีวิว