• ดูหนัง ฟังเพลง
    ♡ผสานใจเพื่อรัก♡
    Sniper Butterfly
    ความรัก ปัจจุบัน
    "เรื่องราวความรัก แห่งโชคชะตา
    พี่สาวกับน้องชาย
    #wetv #wetvthailand
    #เพลงไทย
    #เพลงเพราะ
    #ซีรีส์จีน
    #ชีวิตคือสมมุติ
    ดูหนัง ฟังเพลง ♡ผสานใจเพื่อรัก♡ Sniper Butterfly ความรัก ปัจจุบัน "เรื่องราวความรัก แห่งโชคชะตา พี่สาวกับน้องชาย #wetv #wetvthailand #เพลงไทย #เพลงเพราะ #ซีรีส์จีน #ชีวิตคือสมมุติ
    0 Comments 0 Shares 10 Views 0 0 Reviews
  • https://youtu.be/v9TxuUQaZlc?si=jkbaVK3O6Pue6UDy
    https://youtu.be/v9TxuUQaZlc?si=jkbaVK3O6Pue6UDy
    0 Comments 0 Shares 8 Views 0 Reviews
  • ลองเชิง ตอนที่ 12

    “ลองเชิง”
    ตอน 12 (จบ)
    ผมเขียนเล่าเรื่อง ที่มาของฉากซีเรียในมิติใหญ่ ที่เกี่ยวกับเป้าหมายของอเมริกา ที่จะครองโลกอย่างเบ็ดเสร็จ ด้วยการครอบครองยูเรเซีย ที่มีรัสเซียและจีน ยืนตัวใหญ่อยู่ในยูเรเซีย และอเมริกาจะครอบครองยูเรเซียได้ อเมริกาจะต้องครอบครอง (พลังงานใน) ตะวันออกกลางเสียก่อน เพื่อไม่ให้คู่แข่งเข้าถึงพลังงานในตะวันออกกลาง มันเป็นแผน ที่อเมริกาวางไว้ ก่อนเข้าทำสงครามโลกครั้งที่ 2 เสียอีก
    อเมริกา อมตะวันออกกลางไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว โดยการเข้าไปครอบงำ และชักใยค่าย ซาอุดิอารเบียเสี่ยปั้มใหญ่ กับพวกเสี่ยปั๊มเล็ก สิงห์สำอางค์ทั้งหลาย แต่นั่น ยังไม่ทำให้อเมริกาได้ตะวันออกกลางทั้งหมด เพราะยังมีก้างขวางคออันใหญ่และแหลมคมคือ ค่ายของอิหร่าน เสี่ยนิวเคลียร์และพวก และหมากตัวสำคัญ ที่จะทำให้ค่ายนี้กระเทือนคือ การอยู่ หรือการไปของซีเรีย หรือชัดๆ ก็คือ อัสซาด ผู้นำซีเรีย จะอยู่รอดหรือไม่
    และขณะเดียวกัน ซีเรีย ก็เป็นหมากตัวสำคัญ ของสงครามท่อส่งแก๊ส ซึ่ง เป็นการชิงเส้นทางท่อส่งแก๊สไปยุโรป ระหว่าง 2 ค่ายใหญ่ในตะวันออกกลาง และเรื่องท่อส่งแก๊สนี้ จึงเกี่ยวพันกับรัสเซีย ยุโรป และเอเซีย
    ซีเรีย จึงเป็นจุดชี้เป็น ชี้ตายในหลายมิติ และผลสรุปของการลองเชิง ที่ซีเรียน่าจะบอกอะไรเราได้หลายอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์ในโลก
    ในสมัยก่อน การค้าขายหลายประเทศใช้เรือปืนนำหน้า ไปจอดตามอ่าวหน้าบ้านเขา เพื่อบังคับให้เจ้าของบ้านเปิดประตูมาค้าขายกัน และร้อยทั้งร้อย คนเปิดประตูก็เสียเปรียบ เพราะ (ยัง) ไม่มี ปืนใหญ่ไปต่อรองกับเขา ไอ้พวกใช้เรือปืนมาทำการค้านี่ ก็เลยติดสันดานเดิม เริ่มด้วยการข่มขู่ตอนนั้น ตอนนี้ก็ยังใช้สันดานนี้อยู่ เว้นแต่ประเทศไหนจะมีอำนาจ หรือมีสิ่งต่อรอง
    สหภาพโซเวียต ซึ่งอเมริกามองว่า เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งมาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกอเมริกาล๊อกเป้าทำลายไว้แล้ว และอเมริกาก็ทำสำเร็จด้วยการใช้ ทฤษฏีสงครามเย็น ปิดล้อมโซเวียต จะกระดิกแทบไม่ออก ค้าขายไม่ได้ บวกกับการเสี้ยมให้รัฐเล็ก รัฐน้อย ทะยอยกันต้านแม่ใหญ่ ร่วมกับการสร้างหนอนในประเทศ ในที่สุด สหภาพโซเวียตก็ล่มสลายในปี ค.ศ.1991
    สหภาพโซเสียตล่มสลาย แต่ไม่ตายสนิท รัสเซียฟื้นขึ้นมาได้ และฟื้นเร็วเกินกว่าที่อเมริกาคาด เพราะรัสเซียเรียนรู้จากการถูกปิดล้อมว่า เพื่อความอยู่รอดของรัสเซียใหม่ รัสเซียจะต้องเดินยุทธศาสตร์ประเทศ ที่จะไม่ให้ถูกปิดล้อมง่ายๆ และต้องมีอำนาจต่อรอง
    ด้วยยุทธศาสตร์ท่อส่งของรัสเซีย ที่กระจายไปทั่วยุโรป เอเซีย และกำลังจะมาถึงตะวันออกกลางนี้ ทำให้โอกาสที่อเมริกาจะปิดล้อมรัสเซียทำยากขึ้น เพราะการเดินท่อส่งแก๊สไปยังจุดต่างๆ เพื่อส่งต่อไปเลี้ยงยุโรป แต่ละจุดนั้น เป็นยุทธศาสตร์สำคัญ ที่ทำให้รัสเซียมีอำนาจต่อรอง รัสเซียส่งแก๊สให้ถึงหน้าบ้านยุโรป โดยไม่ต้องเสียเวลาขนส่ง ไม่ต้องเสียเวลาสร้างเรือบรรทุก เอาเวลาไปสร้างเรือรบและอาวุธไว้ป้องกันประเทศดีกว่า และที่สำคัญ ท่อส่งผ่านที่ไหน ก็ลงทุนด้วยกัน เป็นเจ้าของร่วมกัน ใครจะอยากทุบหม้อข้าวตัวเอง
    ด้วยยุทธศาสตร์นี้ ถึงคนยุโรปจะยังไม่สะดวกใจ ที่จะแหกคอกอเมริกามาคบกับรัสเซีย ขณะเดียวกัน ก็ไม่สะดวกใจ ที่จะรังเกียจแก๊สรัสเซียเหมือนกัน
    และตอนนี้ จีน เพื่อนกันไม่ทิ้งกันของรัสเซีย ก็ใช้ยุทธศาสตร์ท่อส่ง จากอาฟริกา ยาวมาถึงเอเซีย เรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกัน
    ยุทธศาสตร์นี้ทำให้ยุโรปต้องคิดหนัก ถ้าจะเดินตามการชักใยของอเมริกาไปตลอด ถ้ารัสเซียเกิดปิดท่อแก็สที่จะมายุโรป อย่างน้อย ยุโรปจะขาดแก๊สไปถึง 60% ส่วนอเมริกาก็จะยอมให้รัสเซียมีอำนาจต่อรองอย่างนี้ไม่ได้ ยูเครน ซึ่งอยู่ปลายท่อส่งแก๊สรัสเซียมาออกยุโรป จึงเกิดความไม่สงบอย่างไม่มีวันเลิก และตัวเลือกของอเมริกาจึงถูกส่งเข้ามาเป็นผู้นำยูเครน
    แต่การแก้เกมแบบนี้ของอเมริกา กระเทือนทั้ง 2 ทาง ถ้ายูเครนปิดทางไม่ให้แก๊สออก รัสเซียก็เหนื่อย ขาดรายได้สำคัญ แต่ยุโรปก็อาจแข็งตายไปด้วย ถ้าไม่มีแก๊สจากรัสเซีย ส่วนอเมริกาลอยตัวไม่กระทบกระเทือนอะไรด้วย ยุโรปถูกหลอกใช้ ไม่รู้ตัวเสียที
    รัสเซียจึงสร้างท่อส่งแก๊สอีกเส้น ลอดทะเลไปให้เยอรมัน และท่อส่งนี่ก็เสร็จแล้ว ถ้าแก็สส่งออกไปทางยูเครนไม่ได้ ก็มาออกเยอรมันได้ แล้วน่าคิดไหมครับ ทำไมตอนนี้ ผู้ลี้ภัยถึงมาทะลักกันเต็มอยู่ในเยอรมัน มันเป็นเรื่องการบีบคอเยอรมันหรือไม่ ป้าเข็มขัดเหล็ก คงกำลังเครียดหนัก จนตดแตกอีกแล้ว
    อเมริกา พยายามแก้อำนาจต่อรองของรัสเซียเรื่องท่อส่งแก๊สในยุโรป ด้วยการพยายามเดินท่อส่งสายใหม่ ซึ่งอเมริกาพยายามแก้เกมมาตั้งแต่ปี ค.ศ.2000 เมื่อเห็นรัสเซีย และจีนเริ่มโต แต่ทั้ง 2 ประเทศ ก็เดินหมากของตัวเองอย่างระวัง
    ท่านผู้อ่านจะเข้าใจเรื่องราว มองเห็นภาพต่อเนื่อง ถ้าได้อ่านนิทานเรื่อง “หักหน้าหักหลัง” https://www.dropbox.com/s/uvpcetgi2xf2rzo/faceback.pdf ซึ่งแสดงถึงวืธีการเดินแผน ฝั่งรัสเซีย กับการเดินแผนของฝั่งอเมริกาต่อจีน ในนิทานเรื่อง ” แผนชั่ว ” https://www.dropbox.com/s/mzu294f5rhhrkyr/20150914.pdf
    ดังนั้น การสู้รบในซีเรีย จึงมีความหมายเกี่ยวกับการรักษาตำแหน่งพี่เบิ้มของอเมริกา และเป็นความอยู่รอดของฝั่งรัสเซีย จีน ด้วย
    การที่รัสเซีย เข้าไปเล่นในซีเรียใน “ตอนนี้ ” ภายใต้เรื่องราว และสถานการณ์ในซีเรีย ที่ดำเนินอยู่อย่างที่เล่ามาแล้วนั้น รวมทั้งการเลือกเวลาเล่น ให้สอดคล้องกับช่วงการประชุมของสหประชาชาติ รวมทั้งคำแถลง ของรัสเซียจีนและอิหร่านในช่วง นั้น มองอย่างตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อมกัน มันแปลเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากจะแปลว่า รัสเซีย จีน อิหร่าน ซีเรีย ได้แสดงตัวต่ออเมริกาแล้วว่า พวกเขาไม่จำเป็นต้อง ฟัง หรือ จัดการกับปัญหาที่กระทบกับพวกเขา หรือที่พวกเขาไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหา ตามวิธีการของอเมริกาและพวก อีกต่อไปแล้ว
    สรุปสั้นๆ เป็นภาษาแถวบ้านผม ก็คงจะทำนอง “กูไม่ชอบวิธีการของมึง และกูไม่จำเป็นต้องฟังมึงอีกต่อไป เพราะกูไม่กลัวมึง (แล้ว)”
    คำพูดแบบนี้ เป็นลุงนิทานพูด มันก็คงปิดเพจผม รวนเพจผม อย่างที่มันทำกับผมมาตลอด แต่ถ้าคำพูดแบบนี้ ตามความเข้าใจผม เป็นของประเทศใหญ่อย่างรัสเซีย จีน อิหร่าน และวันนี้ เกาหลีเหนือของน้องคิม ก็พูดทำนองนี้ เรื่องซีเรียนี้ จึงเป็นเรื่องใหญ่มาก ถึงได้ดิ้นกันเหมือนโดนน้ำร้อนลวกหลังกันเป็นแถวๆ
    และถ้าดูจากปฏิบัติการของกองทัพรัสเซีย ตั้งแต่เข้าไปในซีเรียเมื่อกลางเดือนสิงหาคมนี้ รวมทั้งข่าวเรื่องการขนทั้งอาวุธหนัก อาวุธเบา และกำลังพลมากมาย ที่ไม่ใช่มาจากข่าวของกระป๋องสีฝั่งตะวันตกแล้ว จะเห็นว่า คุณพี่ปูติน แสดงออกอย่างที่ผมสรุปนั่นแหละ เพราะแกจัดหนัก จัดเต็มจริงๆ
    และเมื่อรัสเซียกับพวก แสดงออกแบบนี้ อเมริกาและพวก จะแสดงอะไรล่ะ
    แรกๆ ก็คงทำอย่างที่กำลังทำอยู่นี่ คือดาหน้ากันออกมา ด่ารัสเซีย เหน็บแนมการปฎิบัติการของรัสเซีย ทำไมมึงไม่ไปถล่มไอซิส ทำไมมึงไปถล่มแต่พวกกบฏ โธ่เว้ย ถล่มกลุ่มไหน มันก็กลุ่มที่พวกมึงสร้างมาทั้งนั้น เพียงแต่ข้อตกลงภายในมันต่างกัน สุดท้ายคุณพี่ปูตินเขาคงถล่มหมดละน่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก
    หลังจากตั้งหลักได้ อเมริกากับพวก มีทางเลือกอยู่ 2 ทาง ทางหนึ่งคือ เจรจากันให้รู้เรื่องกับฝ่ายรัสเซียและพวก นั่นเป็นทางเลือกที่น่าจะเหมาะสม และโลกจะสะเทือนน้อยที่สุด แต่อเมริกาจะรู้สึกเสียหน้า แต่จะเจรจาอย่างไร ผมคาดว่า รัสเซียคงยังเดินหน้าเรื่องของซีเรียอยู่ดี
    ถ้าอเมริกาเลือกวิธีนี้ ไม่ได้หมายความว่า อเมริกา “ยอมรับ” ว่าฝ่ายรัสเซียเท่าเทียมตัวแล้ว แต่มันเป็นการ “ซื้อเวลา” ของอเมริกามากกว่า และปฏิบัติการหลากหลายเพื่อตอบโต้ฝ่ายรัสเซีย จะตามมาเป็นชุดและชุดใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ
    ทางเลือกที่ 2 สำหรับอเมริกาคือ ไม่มีเจรจา ไม่ซื้อเวลา และปฏิบัติการตอบโต้จะตามมารวดเร็ว
    ความต่างของ 2 ทางเลือกคือ ซื้อเวลา แปลว่า อเมริกายังไม่พร้อม และแปลว่าฝ่ายรัสเซีย เลือกจังหวะเดินหมากถูก ไม่ให้เวลาอเมริกาตั้งตัว แต่ถ้าอเมริกาไม่ซื้อเวลา แปลว่า อเมริกาพร้อมอยู่แล้ว และทางรัสเซียก็คงต้องรู้อยู่แล้ว จึงเดินหมากบังคับไปก่อน
    อเมริกาจะเลือกทางไหนก็ตาม โลกเราจะไม่มีวันถอยกลับไปที่เดิมอีกแล้ว
    ขั้วอำนาจโลก ไม่ได้มีเพียงขั้วเดียว ที่มีอเมริกาเป็นผู้นำเท่านั้นอีกแล้ว แต่มีอีกขั้วอำนาจใหม่
    ที่มีรัสเซียจีนอิหร่าน จับมือกันเกิดขึ้นแล้ว และการเผชิญหน้ากัน ของ 2 ขั้ว ก็จะรุนแรงขึ้น
    ขั้วไหนจะได้เปรียบเสียเปรียบในเรื่องอะไรบ้าง มีโอกาสจะมาประเมินให้ฟังครับ
    วันนี้ ขอจบนิทานเรื่องลองเชิง ใครลองเชิง ใครเสียเชิง คงพอมองเห็นกัน
    คนเล่านิทาน
    11 ต.ค. 2558
    ลองเชิง ตอนที่ 12 “ลองเชิง” ตอน 12 (จบ) ผมเขียนเล่าเรื่อง ที่มาของฉากซีเรียในมิติใหญ่ ที่เกี่ยวกับเป้าหมายของอเมริกา ที่จะครองโลกอย่างเบ็ดเสร็จ ด้วยการครอบครองยูเรเซีย ที่มีรัสเซียและจีน ยืนตัวใหญ่อยู่ในยูเรเซีย และอเมริกาจะครอบครองยูเรเซียได้ อเมริกาจะต้องครอบครอง (พลังงานใน) ตะวันออกกลางเสียก่อน เพื่อไม่ให้คู่แข่งเข้าถึงพลังงานในตะวันออกกลาง มันเป็นแผน ที่อเมริกาวางไว้ ก่อนเข้าทำสงครามโลกครั้งที่ 2 เสียอีก อเมริกา อมตะวันออกกลางไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว โดยการเข้าไปครอบงำ และชักใยค่าย ซาอุดิอารเบียเสี่ยปั้มใหญ่ กับพวกเสี่ยปั๊มเล็ก สิงห์สำอางค์ทั้งหลาย แต่นั่น ยังไม่ทำให้อเมริกาได้ตะวันออกกลางทั้งหมด เพราะยังมีก้างขวางคออันใหญ่และแหลมคมคือ ค่ายของอิหร่าน เสี่ยนิวเคลียร์และพวก และหมากตัวสำคัญ ที่จะทำให้ค่ายนี้กระเทือนคือ การอยู่ หรือการไปของซีเรีย หรือชัดๆ ก็คือ อัสซาด ผู้นำซีเรีย จะอยู่รอดหรือไม่ และขณะเดียวกัน ซีเรีย ก็เป็นหมากตัวสำคัญ ของสงครามท่อส่งแก๊ส ซึ่ง เป็นการชิงเส้นทางท่อส่งแก๊สไปยุโรป ระหว่าง 2 ค่ายใหญ่ในตะวันออกกลาง และเรื่องท่อส่งแก๊สนี้ จึงเกี่ยวพันกับรัสเซีย ยุโรป และเอเซีย ซีเรีย จึงเป็นจุดชี้เป็น ชี้ตายในหลายมิติ และผลสรุปของการลองเชิง ที่ซีเรียน่าจะบอกอะไรเราได้หลายอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์ในโลก ในสมัยก่อน การค้าขายหลายประเทศใช้เรือปืนนำหน้า ไปจอดตามอ่าวหน้าบ้านเขา เพื่อบังคับให้เจ้าของบ้านเปิดประตูมาค้าขายกัน และร้อยทั้งร้อย คนเปิดประตูก็เสียเปรียบ เพราะ (ยัง) ไม่มี ปืนใหญ่ไปต่อรองกับเขา ไอ้พวกใช้เรือปืนมาทำการค้านี่ ก็เลยติดสันดานเดิม เริ่มด้วยการข่มขู่ตอนนั้น ตอนนี้ก็ยังใช้สันดานนี้อยู่ เว้นแต่ประเทศไหนจะมีอำนาจ หรือมีสิ่งต่อรอง สหภาพโซเวียต ซึ่งอเมริกามองว่า เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งมาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกอเมริกาล๊อกเป้าทำลายไว้แล้ว และอเมริกาก็ทำสำเร็จด้วยการใช้ ทฤษฏีสงครามเย็น ปิดล้อมโซเวียต จะกระดิกแทบไม่ออก ค้าขายไม่ได้ บวกกับการเสี้ยมให้รัฐเล็ก รัฐน้อย ทะยอยกันต้านแม่ใหญ่ ร่วมกับการสร้างหนอนในประเทศ ในที่สุด สหภาพโซเวียตก็ล่มสลายในปี ค.ศ.1991 สหภาพโซเสียตล่มสลาย แต่ไม่ตายสนิท รัสเซียฟื้นขึ้นมาได้ และฟื้นเร็วเกินกว่าที่อเมริกาคาด เพราะรัสเซียเรียนรู้จากการถูกปิดล้อมว่า เพื่อความอยู่รอดของรัสเซียใหม่ รัสเซียจะต้องเดินยุทธศาสตร์ประเทศ ที่จะไม่ให้ถูกปิดล้อมง่ายๆ และต้องมีอำนาจต่อรอง ด้วยยุทธศาสตร์ท่อส่งของรัสเซีย ที่กระจายไปทั่วยุโรป เอเซีย และกำลังจะมาถึงตะวันออกกลางนี้ ทำให้โอกาสที่อเมริกาจะปิดล้อมรัสเซียทำยากขึ้น เพราะการเดินท่อส่งแก๊สไปยังจุดต่างๆ เพื่อส่งต่อไปเลี้ยงยุโรป แต่ละจุดนั้น เป็นยุทธศาสตร์สำคัญ ที่ทำให้รัสเซียมีอำนาจต่อรอง รัสเซียส่งแก๊สให้ถึงหน้าบ้านยุโรป โดยไม่ต้องเสียเวลาขนส่ง ไม่ต้องเสียเวลาสร้างเรือบรรทุก เอาเวลาไปสร้างเรือรบและอาวุธไว้ป้องกันประเทศดีกว่า และที่สำคัญ ท่อส่งผ่านที่ไหน ก็ลงทุนด้วยกัน เป็นเจ้าของร่วมกัน ใครจะอยากทุบหม้อข้าวตัวเอง ด้วยยุทธศาสตร์นี้ ถึงคนยุโรปจะยังไม่สะดวกใจ ที่จะแหกคอกอเมริกามาคบกับรัสเซีย ขณะเดียวกัน ก็ไม่สะดวกใจ ที่จะรังเกียจแก๊สรัสเซียเหมือนกัน และตอนนี้ จีน เพื่อนกันไม่ทิ้งกันของรัสเซีย ก็ใช้ยุทธศาสตร์ท่อส่ง จากอาฟริกา ยาวมาถึงเอเซีย เรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกัน ยุทธศาสตร์นี้ทำให้ยุโรปต้องคิดหนัก ถ้าจะเดินตามการชักใยของอเมริกาไปตลอด ถ้ารัสเซียเกิดปิดท่อแก็สที่จะมายุโรป อย่างน้อย ยุโรปจะขาดแก๊สไปถึง 60% ส่วนอเมริกาก็จะยอมให้รัสเซียมีอำนาจต่อรองอย่างนี้ไม่ได้ ยูเครน ซึ่งอยู่ปลายท่อส่งแก๊สรัสเซียมาออกยุโรป จึงเกิดความไม่สงบอย่างไม่มีวันเลิก และตัวเลือกของอเมริกาจึงถูกส่งเข้ามาเป็นผู้นำยูเครน แต่การแก้เกมแบบนี้ของอเมริกา กระเทือนทั้ง 2 ทาง ถ้ายูเครนปิดทางไม่ให้แก๊สออก รัสเซียก็เหนื่อย ขาดรายได้สำคัญ แต่ยุโรปก็อาจแข็งตายไปด้วย ถ้าไม่มีแก๊สจากรัสเซีย ส่วนอเมริกาลอยตัวไม่กระทบกระเทือนอะไรด้วย ยุโรปถูกหลอกใช้ ไม่รู้ตัวเสียที รัสเซียจึงสร้างท่อส่งแก๊สอีกเส้น ลอดทะเลไปให้เยอรมัน และท่อส่งนี่ก็เสร็จแล้ว ถ้าแก็สส่งออกไปทางยูเครนไม่ได้ ก็มาออกเยอรมันได้ แล้วน่าคิดไหมครับ ทำไมตอนนี้ ผู้ลี้ภัยถึงมาทะลักกันเต็มอยู่ในเยอรมัน มันเป็นเรื่องการบีบคอเยอรมันหรือไม่ ป้าเข็มขัดเหล็ก คงกำลังเครียดหนัก จนตดแตกอีกแล้ว อเมริกา พยายามแก้อำนาจต่อรองของรัสเซียเรื่องท่อส่งแก๊สในยุโรป ด้วยการพยายามเดินท่อส่งสายใหม่ ซึ่งอเมริกาพยายามแก้เกมมาตั้งแต่ปี ค.ศ.2000 เมื่อเห็นรัสเซีย และจีนเริ่มโต แต่ทั้ง 2 ประเทศ ก็เดินหมากของตัวเองอย่างระวัง ท่านผู้อ่านจะเข้าใจเรื่องราว มองเห็นภาพต่อเนื่อง ถ้าได้อ่านนิทานเรื่อง “หักหน้าหักหลัง” https://www.dropbox.com/s/uvpcetgi2xf2rzo/faceback.pdf ซึ่งแสดงถึงวืธีการเดินแผน ฝั่งรัสเซีย กับการเดินแผนของฝั่งอเมริกาต่อจีน ในนิทานเรื่อง ” แผนชั่ว ” https://www.dropbox.com/s/mzu294f5rhhrkyr/20150914.pdf ดังนั้น การสู้รบในซีเรีย จึงมีความหมายเกี่ยวกับการรักษาตำแหน่งพี่เบิ้มของอเมริกา และเป็นความอยู่รอดของฝั่งรัสเซีย จีน ด้วย การที่รัสเซีย เข้าไปเล่นในซีเรียใน “ตอนนี้ ” ภายใต้เรื่องราว และสถานการณ์ในซีเรีย ที่ดำเนินอยู่อย่างที่เล่ามาแล้วนั้น รวมทั้งการเลือกเวลาเล่น ให้สอดคล้องกับช่วงการประชุมของสหประชาชาติ รวมทั้งคำแถลง ของรัสเซียจีนและอิหร่านในช่วง นั้น มองอย่างตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อมกัน มันแปลเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากจะแปลว่า รัสเซีย จีน อิหร่าน ซีเรีย ได้แสดงตัวต่ออเมริกาแล้วว่า พวกเขาไม่จำเป็นต้อง ฟัง หรือ จัดการกับปัญหาที่กระทบกับพวกเขา หรือที่พวกเขาไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหา ตามวิธีการของอเมริกาและพวก อีกต่อไปแล้ว สรุปสั้นๆ เป็นภาษาแถวบ้านผม ก็คงจะทำนอง “กูไม่ชอบวิธีการของมึง และกูไม่จำเป็นต้องฟังมึงอีกต่อไป เพราะกูไม่กลัวมึง (แล้ว)” คำพูดแบบนี้ เป็นลุงนิทานพูด มันก็คงปิดเพจผม รวนเพจผม อย่างที่มันทำกับผมมาตลอด แต่ถ้าคำพูดแบบนี้ ตามความเข้าใจผม เป็นของประเทศใหญ่อย่างรัสเซีย จีน อิหร่าน และวันนี้ เกาหลีเหนือของน้องคิม ก็พูดทำนองนี้ เรื่องซีเรียนี้ จึงเป็นเรื่องใหญ่มาก ถึงได้ดิ้นกันเหมือนโดนน้ำร้อนลวกหลังกันเป็นแถวๆ และถ้าดูจากปฏิบัติการของกองทัพรัสเซีย ตั้งแต่เข้าไปในซีเรียเมื่อกลางเดือนสิงหาคมนี้ รวมทั้งข่าวเรื่องการขนทั้งอาวุธหนัก อาวุธเบา และกำลังพลมากมาย ที่ไม่ใช่มาจากข่าวของกระป๋องสีฝั่งตะวันตกแล้ว จะเห็นว่า คุณพี่ปูติน แสดงออกอย่างที่ผมสรุปนั่นแหละ เพราะแกจัดหนัก จัดเต็มจริงๆ และเมื่อรัสเซียกับพวก แสดงออกแบบนี้ อเมริกาและพวก จะแสดงอะไรล่ะ แรกๆ ก็คงทำอย่างที่กำลังทำอยู่นี่ คือดาหน้ากันออกมา ด่ารัสเซีย เหน็บแนมการปฎิบัติการของรัสเซีย ทำไมมึงไม่ไปถล่มไอซิส ทำไมมึงไปถล่มแต่พวกกบฏ โธ่เว้ย ถล่มกลุ่มไหน มันก็กลุ่มที่พวกมึงสร้างมาทั้งนั้น เพียงแต่ข้อตกลงภายในมันต่างกัน สุดท้ายคุณพี่ปูตินเขาคงถล่มหมดละน่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก หลังจากตั้งหลักได้ อเมริกากับพวก มีทางเลือกอยู่ 2 ทาง ทางหนึ่งคือ เจรจากันให้รู้เรื่องกับฝ่ายรัสเซียและพวก นั่นเป็นทางเลือกที่น่าจะเหมาะสม และโลกจะสะเทือนน้อยที่สุด แต่อเมริกาจะรู้สึกเสียหน้า แต่จะเจรจาอย่างไร ผมคาดว่า รัสเซียคงยังเดินหน้าเรื่องของซีเรียอยู่ดี ถ้าอเมริกาเลือกวิธีนี้ ไม่ได้หมายความว่า อเมริกา “ยอมรับ” ว่าฝ่ายรัสเซียเท่าเทียมตัวแล้ว แต่มันเป็นการ “ซื้อเวลา” ของอเมริกามากกว่า และปฏิบัติการหลากหลายเพื่อตอบโต้ฝ่ายรัสเซีย จะตามมาเป็นชุดและชุดใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ ทางเลือกที่ 2 สำหรับอเมริกาคือ ไม่มีเจรจา ไม่ซื้อเวลา และปฏิบัติการตอบโต้จะตามมารวดเร็ว ความต่างของ 2 ทางเลือกคือ ซื้อเวลา แปลว่า อเมริกายังไม่พร้อม และแปลว่าฝ่ายรัสเซีย เลือกจังหวะเดินหมากถูก ไม่ให้เวลาอเมริกาตั้งตัว แต่ถ้าอเมริกาไม่ซื้อเวลา แปลว่า อเมริกาพร้อมอยู่แล้ว และทางรัสเซียก็คงต้องรู้อยู่แล้ว จึงเดินหมากบังคับไปก่อน อเมริกาจะเลือกทางไหนก็ตาม โลกเราจะไม่มีวันถอยกลับไปที่เดิมอีกแล้ว ขั้วอำนาจโลก ไม่ได้มีเพียงขั้วเดียว ที่มีอเมริกาเป็นผู้นำเท่านั้นอีกแล้ว แต่มีอีกขั้วอำนาจใหม่ ที่มีรัสเซียจีนอิหร่าน จับมือกันเกิดขึ้นแล้ว และการเผชิญหน้ากัน ของ 2 ขั้ว ก็จะรุนแรงขึ้น ขั้วไหนจะได้เปรียบเสียเปรียบในเรื่องอะไรบ้าง มีโอกาสจะมาประเมินให้ฟังครับ วันนี้ ขอจบนิทานเรื่องลองเชิง ใครลองเชิง ใครเสียเชิง คงพอมองเห็นกัน คนเล่านิทาน 11 ต.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 25 Views 0 Reviews
  • AI Moderation กำลังทำลายระบบนิเวศ Creator

    บทความนี้เล่าถึงปัญหาที่ YouTube ใช้ระบบ AI ตรวจสอบคอนเทนต์มากขึ้น จนทำให้วิดีโอสอนเทคนิคและช่องใหญ่ ๆ ถูกลบหรือปิดโดยไม่ชัดเจน การอุทธรณ์ก็เหมือนถูกตัดสินแบบอัตโนมัติ สร้างความไม่มั่นใจและบั่นทอนระบบนิเวศของผู้สร้างคอนเทนต์

    YouTube อ้างว่าการตรวจสอบคอนเทนต์เป็นการผสมผสานระหว่าง “มนุษย์และระบบอัตโนมัติ” แต่หลายเหตุการณ์ชี้ว่า การลบวิดีโอและการปฏิเสธอุทธรณ์เกิดขึ้นเร็วผิดปกติ จนดูเหมือนเป็นการตัดสินใจโดย AI ทั้งหมด ตัวอย่างเช่น วิดีโอสอนติดตั้ง Windows 11 บนเครื่องที่ไม่รองรับถูกลบว่า “อันตราย” ทั้งที่เป็นเพียงคู่มือเชิงเทคนิค

    ผลกระทบต่อผู้สร้างคอนเทนต์
    ช่องใหญ่ถูกปิดโดยไม่ชัดเจน เช่น Enderman ที่ถูกเชื่อมโยงผิดกับบัญชีอื่นที่เคยโดนแบน
    ความเปราะบางทางเศรษฐกิจ: การโดน strike เพียงครั้งเดียวอาจทำให้รายได้หายและผู้สนับสนุนถอนตัว
    ความเหนื่อยล้าในการอุทธรณ์: เมื่อระบบอุทธรณ์ดูเหมือนอัตโนมัติ ผู้สร้างหลายคนเลิกพยายามและหันไปหลีกเลี่ยงหัวข้อเสี่ยงแทน

    ปัญหาที่ซ่อนอยู่
    AI มักตีความคำอย่าง “bypass” หรือ “workaround” ว่าเป็นสัญญาณเสี่ยง ทำให้ คอนเทนต์การศึกษาโดนลงโทษ ทั้งที่ไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์หรือกฎจริง ๆ ขณะเดียวกัน คอนเทนต์คุณภาพต่ำที่สร้างด้วย AI กลับยังคงผ่านการตรวจสอบและปรากฏใน feed ของผู้ใช้ สะท้อนว่า สัญญาณการบังคับใช้กลับหัวกลับหาง

    ทางออกที่เสนอ
    ผู้เขียนแนะนำว่า YouTube ควร:
    ออกนโยบายละเอียดสำหรับวิดีโอสอนที่เกี่ยวกับการตั้งค่า OS หรือเฟิร์มแวร์
    เพิ่มขั้นตอนอุทธรณ์ที่มีมนุษย์ตรวจสอบจริง พร้อมหลักฐานการตัดสินใจ
    แยกนโยบาย “การกระทำอันตราย” ออกจาก “การปรับแต่งซอฟต์แวร์”
    ทำให้เครื่องมือแนะนำหัวข้อของ Creator สอดคล้องกับนโยบายบังคับใช้

    สรุปเป็นหัวข้อ
    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
    วิดีโอสอน Windows 11 ถูกลบว่า “อันตราย”
    ช่องใหญ่ถูกปิดโดยการเชื่อมโยงผิด

    ผลกระทบต่อ Creator
    รายได้และผู้สนับสนุนหายไปเมื่อโดน strike
    ผู้สร้างเลิกอุทธรณ์เพราะระบบดูเหมือนอัตโนมัติ

    ปัญหาที่ซ่อนอยู่
    คำอย่าง “bypass” ทำให้คอนเทนต์การศึกษาถูกลงโทษ
    คอนเทนต์ AI คุณภาพต่ำยังผ่านการตรวจสอบ

    ทางออกที่เสนอ
    ออกนโยบายละเอียดสำหรับวิดีโอสอน OS/เฟิร์มแวร์
    เพิ่มการตรวจสอบอุทธรณ์โดยมนุษย์จริง
    แยกนโยบาย “อันตราย” ออกจาก “การปรับแต่งซอฟต์แวร์”

    ข้อควรระวัง
    ความไม่โปร่งใสทำให้ผู้สร้างไม่มั่นใจ
    ระบบอัตโนมัติอาจลงโทษคอนเทนต์ที่ไม่ผิดจริง
    เสี่ยงต่อการทำให้คอนเทนต์คุณภาพหายไปจากแพลตฟอร์ม

    https://itsfoss.com/news/youtubes-ai-mod-enshittification/
    🤖 AI Moderation กำลังทำลายระบบนิเวศ Creator บทความนี้เล่าถึงปัญหาที่ YouTube ใช้ระบบ AI ตรวจสอบคอนเทนต์มากขึ้น จนทำให้วิดีโอสอนเทคนิคและช่องใหญ่ ๆ ถูกลบหรือปิดโดยไม่ชัดเจน การอุทธรณ์ก็เหมือนถูกตัดสินแบบอัตโนมัติ สร้างความไม่มั่นใจและบั่นทอนระบบนิเวศของผู้สร้างคอนเทนต์ YouTube อ้างว่าการตรวจสอบคอนเทนต์เป็นการผสมผสานระหว่าง “มนุษย์และระบบอัตโนมัติ” แต่หลายเหตุการณ์ชี้ว่า การลบวิดีโอและการปฏิเสธอุทธรณ์เกิดขึ้นเร็วผิดปกติ จนดูเหมือนเป็นการตัดสินใจโดย AI ทั้งหมด ตัวอย่างเช่น วิดีโอสอนติดตั้ง Windows 11 บนเครื่องที่ไม่รองรับถูกลบว่า “อันตราย” ทั้งที่เป็นเพียงคู่มือเชิงเทคนิค ⚠️ ผลกระทบต่อผู้สร้างคอนเทนต์ 💠 ช่องใหญ่ถูกปิดโดยไม่ชัดเจน เช่น Enderman ที่ถูกเชื่อมโยงผิดกับบัญชีอื่นที่เคยโดนแบน 💠 ความเปราะบางทางเศรษฐกิจ: การโดน strike เพียงครั้งเดียวอาจทำให้รายได้หายและผู้สนับสนุนถอนตัว 💠 ความเหนื่อยล้าในการอุทธรณ์: เมื่อระบบอุทธรณ์ดูเหมือนอัตโนมัติ ผู้สร้างหลายคนเลิกพยายามและหันไปหลีกเลี่ยงหัวข้อเสี่ยงแทน 🧩 ปัญหาที่ซ่อนอยู่ AI มักตีความคำอย่าง “bypass” หรือ “workaround” ว่าเป็นสัญญาณเสี่ยง ทำให้ คอนเทนต์การศึกษาโดนลงโทษ ทั้งที่ไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์หรือกฎจริง ๆ ขณะเดียวกัน คอนเทนต์คุณภาพต่ำที่สร้างด้วย AI กลับยังคงผ่านการตรวจสอบและปรากฏใน feed ของผู้ใช้ สะท้อนว่า สัญญาณการบังคับใช้กลับหัวกลับหาง 🔮 ทางออกที่เสนอ ผู้เขียนแนะนำว่า YouTube ควร: 💠 ออกนโยบายละเอียดสำหรับวิดีโอสอนที่เกี่ยวกับการตั้งค่า OS หรือเฟิร์มแวร์ 💠 เพิ่มขั้นตอนอุทธรณ์ที่มีมนุษย์ตรวจสอบจริง พร้อมหลักฐานการตัดสินใจ 💠 แยกนโยบาย “การกระทำอันตราย” ออกจาก “การปรับแต่งซอฟต์แวร์” 💠 ทำให้เครื่องมือแนะนำหัวข้อของ Creator สอดคล้องกับนโยบายบังคับใช้ 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ➡️ วิดีโอสอน Windows 11 ถูกลบว่า “อันตราย” ➡️ ช่องใหญ่ถูกปิดโดยการเชื่อมโยงผิด ✅ ผลกระทบต่อ Creator ➡️ รายได้และผู้สนับสนุนหายไปเมื่อโดน strike ➡️ ผู้สร้างเลิกอุทธรณ์เพราะระบบดูเหมือนอัตโนมัติ ✅ ปัญหาที่ซ่อนอยู่ ➡️ คำอย่าง “bypass” ทำให้คอนเทนต์การศึกษาถูกลงโทษ ➡️ คอนเทนต์ AI คุณภาพต่ำยังผ่านการตรวจสอบ ✅ ทางออกที่เสนอ ➡️ ออกนโยบายละเอียดสำหรับวิดีโอสอน OS/เฟิร์มแวร์ ➡️ เพิ่มการตรวจสอบอุทธรณ์โดยมนุษย์จริง ➡️ แยกนโยบาย “อันตราย” ออกจาก “การปรับแต่งซอฟต์แวร์” ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ความไม่โปร่งใสทำให้ผู้สร้างไม่มั่นใจ ⛔ ระบบอัตโนมัติอาจลงโทษคอนเทนต์ที่ไม่ผิดจริง ⛔ เสี่ยงต่อการทำให้คอนเทนต์คุณภาพหายไปจากแพลตฟอร์ม https://itsfoss.com/news/youtubes-ai-mod-enshittification/
    ITSFOSS.COM
    YouTube’s AI is Breaking the Creator Ecosystem
    A moderation system that leans on automation just knocked legitimate tech tutorials and even entire channels offline. The appeals felt automated, too. Creators are powerless against opaque enforcement and the incentives that should favor craft and trust are tilting toward noise.
    0 Comments 0 Shares 29 Views 0 Reviews
  • 🪸 ฟองน้ำกินเนื้อ “Death-Ball”

    นักวิทยาศาสตร์ค้นพบฟองน้ำสายพันธุ์ใหม่ในทะเลลึกแอนตาร์กติกา ที่ถูกเรียกว่า “death-ball sponge” เพราะมีลักษณะคล้ายลูกบอลและเป็นฟองน้ำกินเนื้อ ใช้ตะขอเล็ก ๆ จับสัตว์น้ำที่ว่ายผ่าน ถือเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตใหม่กว่า 30 สายพันธุ์ที่ถูกบันทึกในการสำรวจครั้งนี้

    ฟองน้ำชนิดใหม่นี้ถูกจัดอยู่ในสกุล Chondrocladia หรือที่รู้จักกันว่า “ping pong ball sponges” เพราะรูปร่างคล้ายลูกบอลเล็ก ๆ ที่ติดอยู่บนก้าน แต่ภายใต้รูปลักษณ์ที่ดูไม่อันตราย มันกลับมีตะขอจิ๋วที่ใช้จับสัตว์น้ำเล็ก ๆ เช่นครัสเตเชียนที่ว่ายผ่านไป

    การค้นพบในทะเลลึก
    การสำรวจโดยโครงการ Nippon Foundation–Nekton Ocean Census ในปี 2025 ใช้ยานควบคุมระยะไกล (ROV) ลงไปที่ความลึกกว่า 3,600 เมตร ใกล้เกาะ Montagu ในมหาสมุทรใต้ ผลลัพธ์คือการค้นพบสิ่งมีชีวิตใหม่กว่า 30 สายพันธุ์ รวมถึงฟองน้ำกินเนื้อชนิดนี้ หนอนเกล็ดที่มีเกราะสะท้อนแสง และสัตว์ทะเลอื่น ๆ

    ไฮไลท์ของภารกิจ
    นอกจากฟองน้ำแล้ว ทีมวิจัยยังบันทึกวิดีโอแรกของลูกหมึกยักษ์โคลอสซัลในวัยเด็ก และค้นพบระบบนิเวศใหม่ที่ซ่อนอยู่ใต้ภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาที่แตกออกจากธารน้ำแข็งในแอนตาร์กติกา การค้นพบเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายทางชีวภาพที่ยังไม่ถูกศึกษาในมหาสมุทรใต้

    ความหมายต่อวิทยาศาสตร์
    Michelle Taylor หัวหน้าทีมวิทยาศาสตร์ของ Ocean Census ระบุว่า ปัจจุบันยังมีการวิเคราะห์ตัวอย่างเพียง 30% ของทั้งหมด แต่ก็สามารถยืนยันสิ่งมีชีวิตใหม่ได้แล้วกว่า 30 สายพันธุ์ แสดงให้เห็นว่ามหาสมุทรใต้ยังคงเป็นพื้นที่ที่มีความลึกลับและเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยถูกบันทึกมาก่อน

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การค้นพบฟองน้ำกินเนื้อ
    ฟองน้ำ “death-ball” อยู่ในสกุล Chondrocladia
    ใช้ตะขอเล็ก ๆ จับสัตว์น้ำที่ว่ายผ่าน

    การสำรวจในมหาสมุทรใต้
    ใช้ ROV ลงไปที่ความลึก 3,601 เมตร
    พบสิ่งมีชีวิตใหม่กว่า 30 สายพันธุ์

    ไฮไลท์ของภารกิจ
    บันทึกวิดีโอลูกหมึกโคลอสซัลครั้งแรก
    พบระบบนิเวศใหม่ใต้ภูเขาน้ำแข็ง

    ความหมายต่อวิทยาศาสตร์
    ยืนยันสิ่งมีชีวิตใหม่กว่า 30 สายพันธุ์
    ยังมีตัวอย่างอีกมากที่รอการวิเคราะห์

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    การค้นพบยังอยู่ในขั้นต้น ต้องการการตรวจสอบเพิ่มเติม
    ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทของฟองน้ำในระบบนิเวศยังไม่สมบูรณ์
    การสำรวจทะเลลึกยังมีข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีและค่าใช้จ่ายสูง

    https://www.sciencealert.com/meet-the-latest-deep-sea-horror-meat-eating-death-ball-sponges
    🪸 ฟองน้ำกินเนื้อ “Death-Ball” นักวิทยาศาสตร์ค้นพบฟองน้ำสายพันธุ์ใหม่ในทะเลลึกแอนตาร์กติกา ที่ถูกเรียกว่า “death-ball sponge” เพราะมีลักษณะคล้ายลูกบอลและเป็นฟองน้ำกินเนื้อ ใช้ตะขอเล็ก ๆ จับสัตว์น้ำที่ว่ายผ่าน ถือเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตใหม่กว่า 30 สายพันธุ์ที่ถูกบันทึกในการสำรวจครั้งนี้ ฟองน้ำชนิดใหม่นี้ถูกจัดอยู่ในสกุล Chondrocladia หรือที่รู้จักกันว่า “ping pong ball sponges” เพราะรูปร่างคล้ายลูกบอลเล็ก ๆ ที่ติดอยู่บนก้าน แต่ภายใต้รูปลักษณ์ที่ดูไม่อันตราย มันกลับมีตะขอจิ๋วที่ใช้จับสัตว์น้ำเล็ก ๆ เช่นครัสเตเชียนที่ว่ายผ่านไป 🌊 การค้นพบในทะเลลึก การสำรวจโดยโครงการ Nippon Foundation–Nekton Ocean Census ในปี 2025 ใช้ยานควบคุมระยะไกล (ROV) ลงไปที่ความลึกกว่า 3,600 เมตร ใกล้เกาะ Montagu ในมหาสมุทรใต้ ผลลัพธ์คือการค้นพบสิ่งมีชีวิตใหม่กว่า 30 สายพันธุ์ รวมถึงฟองน้ำกินเนื้อชนิดนี้ หนอนเกล็ดที่มีเกราะสะท้อนแสง และสัตว์ทะเลอื่น ๆ 🦑 ไฮไลท์ของภารกิจ นอกจากฟองน้ำแล้ว ทีมวิจัยยังบันทึกวิดีโอแรกของลูกหมึกยักษ์โคลอสซัลในวัยเด็ก และค้นพบระบบนิเวศใหม่ที่ซ่อนอยู่ใต้ภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาที่แตกออกจากธารน้ำแข็งในแอนตาร์กติกา การค้นพบเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายทางชีวภาพที่ยังไม่ถูกศึกษาในมหาสมุทรใต้ 🔬 ความหมายต่อวิทยาศาสตร์ Michelle Taylor หัวหน้าทีมวิทยาศาสตร์ของ Ocean Census ระบุว่า ปัจจุบันยังมีการวิเคราะห์ตัวอย่างเพียง 30% ของทั้งหมด แต่ก็สามารถยืนยันสิ่งมีชีวิตใหม่ได้แล้วกว่า 30 สายพันธุ์ แสดงให้เห็นว่ามหาสมุทรใต้ยังคงเป็นพื้นที่ที่มีความลึกลับและเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยถูกบันทึกมาก่อน 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การค้นพบฟองน้ำกินเนื้อ ➡️ ฟองน้ำ “death-ball” อยู่ในสกุล Chondrocladia ➡️ ใช้ตะขอเล็ก ๆ จับสัตว์น้ำที่ว่ายผ่าน ✅ การสำรวจในมหาสมุทรใต้ ➡️ ใช้ ROV ลงไปที่ความลึก 3,601 เมตร ➡️ พบสิ่งมีชีวิตใหม่กว่า 30 สายพันธุ์ ✅ ไฮไลท์ของภารกิจ ➡️ บันทึกวิดีโอลูกหมึกโคลอสซัลครั้งแรก ➡️ พบระบบนิเวศใหม่ใต้ภูเขาน้ำแข็ง ✅ ความหมายต่อวิทยาศาสตร์ ➡️ ยืนยันสิ่งมีชีวิตใหม่กว่า 30 สายพันธุ์ ➡️ ยังมีตัวอย่างอีกมากที่รอการวิเคราะห์ ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ การค้นพบยังอยู่ในขั้นต้น ต้องการการตรวจสอบเพิ่มเติม ⛔ ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทของฟองน้ำในระบบนิเวศยังไม่สมบูรณ์ ⛔ การสำรวจทะเลลึกยังมีข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีและค่าใช้จ่ายสูง https://www.sciencealert.com/meet-the-latest-deep-sea-horror-meat-eating-death-ball-sponges
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Meet The Latest Deep-Sea Horror: Meat-Eating 'Death-Ball' Sponges
    Sponges are some of the simplest and least dangerous animals on Earth, but a new species seems to be shooting for a cooler reputation.
    0 Comments 0 Shares 27 Views 0 Reviews
  • หนอนริบบิ้นอายุยืนที่สุดในโลก

    หนอนริบบิ้นสายพันธุ์ Baseodiscus punnetti ที่ชื่อเล่นว่า “B” กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอายุมากที่สุดในกลุ่ม Nemertea เท่าที่เคยบันทึกได้ โดยมีอายุราว 26–30 ปี การค้นพบนี้ช่วยเปิดมุมมองใหม่ต่อการศึกษาความยืนยาวของสัตว์ทะเล

    นักชีววิทยา Jon Allen จากมหาวิทยาลัย William & Mary ได้เลี้ยงหนอนริบบิ้นชื่อ “B” มาตั้งแต่ปี 2005 หลังจากได้รับมาจากมหาวิทยาลัย North Carolina ปัจจุบันการวิเคราะห์ทางพันธุกรรมและการติดตามพฤติกรรมบ่งชี้ว่า B มีอายุอย่างน้อย 26 ปี และอาจใกล้ 30 ปี ซึ่งทำให้มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอายุมากที่สุดในกลุ่ม Nemertea ที่เคยมีการบันทึก

    ความสำคัญทางวิทยาศาสตร์
    ก่อนหน้านี้ ข้อมูลอายุของหนอนริบบิ้นแทบไม่มีการบันทึกเลย โดยตัวที่เคยมีรายงานมากที่สุดมีอายุเพียง 3 ปี การค้นพบนี้จึงเพิ่มขอบเขตความรู้ขึ้นถึงสิบเท่า และชี้ให้เห็นว่าหนอนริบบิ้นอาจมีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศทะเลในฐานะนักล่าที่มีอายุยืนยาวกว่าที่เคยเข้าใจ

    การเดินทางของ “B”
    ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา B ได้เดินทางไปหลายแห่งในสหรัฐฯ ตั้งแต่รัฐวอชิงตันไปจนถึงเวอร์จิเนีย โดยถูกเลี้ยงในตู้ที่มีดินโคลนเพื่อให้มันเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติ การดูแลอย่างต่อเนื่องทำให้สามารถติดตามพฤติกรรมและสุขภาพของมันได้อย่างละเอียด

    ความหมายต่อการวิจัยอนาคต
    การค้นพบนี้ไม่เพียงแต่เติมเต็มช่องว่างความรู้เกี่ยวกับอายุขัยของสัตว์ทะเล แต่ยังอาจช่วยนักวิทยาศาสตร์เข้าใจกลไกความยืนยาวของสิ่งมีชีวิต และนำไปสู่การศึกษาด้านชีววิทยาการชราภาพ รวมถึงการประเมินผลกระทบทางนิเวศวิทยาของสัตว์นักล่าที่มีอายุยืน

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การค้นพบหนอนริบบิ้นอายุยืน
    “B” มีอายุราว 26–30 ปี
    เป็นสิ่งมีชีวิตที่อายุมากที่สุดในกลุ่ม Nemertea

    ความสำคัญทางวิทยาศาสตร์
    เพิ่มข้อมูลอายุขัยจาก 3 ปีเป็น 30 ปี
    ชี้ให้เห็นบทบาทใหม่ในระบบนิเวศทะเล

    การเดินทางและการเลี้ยงดู
    ถูกเลี้ยงตั้งแต่ปี 2005 ในหลายรัฐของสหรัฐฯ
    ใช้ตู้ดินโคลนเพื่อจำลองสภาพธรรมชาติ

    ความหมายต่ออนาคตการวิจัย
    เปิดทางสู่การศึกษาเรื่องความยืนยาวของสิ่งมีชีวิต
    อาจช่วยทำความเข้าใจชีววิทยาการชราภาพ

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    ข้อมูลอายุยังคงเป็นการประมาณ ไม่ใช่วันเกิดที่แน่นอน
    การเลี้ยงในสภาพแวดล้อมควบคุมอาจไม่สะท้อนธรรมชาติทั้งหมด
    ยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความยืนยาวในสายพันธุ์อื่น

    https://www.sciencealert.com/this-insanely-long-ribbon-worm-turns-out-to-be-the-oldest-on-record
    🪱 หนอนริบบิ้นอายุยืนที่สุดในโลก หนอนริบบิ้นสายพันธุ์ Baseodiscus punnetti ที่ชื่อเล่นว่า “B” กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอายุมากที่สุดในกลุ่ม Nemertea เท่าที่เคยบันทึกได้ โดยมีอายุราว 26–30 ปี การค้นพบนี้ช่วยเปิดมุมมองใหม่ต่อการศึกษาความยืนยาวของสัตว์ทะเล นักชีววิทยา Jon Allen จากมหาวิทยาลัย William & Mary ได้เลี้ยงหนอนริบบิ้นชื่อ “B” มาตั้งแต่ปี 2005 หลังจากได้รับมาจากมหาวิทยาลัย North Carolina ปัจจุบันการวิเคราะห์ทางพันธุกรรมและการติดตามพฤติกรรมบ่งชี้ว่า B มีอายุอย่างน้อย 26 ปี และอาจใกล้ 30 ปี ซึ่งทำให้มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอายุมากที่สุดในกลุ่ม Nemertea ที่เคยมีการบันทึก 🔬 ความสำคัญทางวิทยาศาสตร์ ก่อนหน้านี้ ข้อมูลอายุของหนอนริบบิ้นแทบไม่มีการบันทึกเลย โดยตัวที่เคยมีรายงานมากที่สุดมีอายุเพียง 3 ปี การค้นพบนี้จึงเพิ่มขอบเขตความรู้ขึ้นถึงสิบเท่า และชี้ให้เห็นว่าหนอนริบบิ้นอาจมีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศทะเลในฐานะนักล่าที่มีอายุยืนยาวกว่าที่เคยเข้าใจ 🌍 การเดินทางของ “B” ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา B ได้เดินทางไปหลายแห่งในสหรัฐฯ ตั้งแต่รัฐวอชิงตันไปจนถึงเวอร์จิเนีย โดยถูกเลี้ยงในตู้ที่มีดินโคลนเพื่อให้มันเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติ การดูแลอย่างต่อเนื่องทำให้สามารถติดตามพฤติกรรมและสุขภาพของมันได้อย่างละเอียด 🧩 ความหมายต่อการวิจัยอนาคต การค้นพบนี้ไม่เพียงแต่เติมเต็มช่องว่างความรู้เกี่ยวกับอายุขัยของสัตว์ทะเล แต่ยังอาจช่วยนักวิทยาศาสตร์เข้าใจกลไกความยืนยาวของสิ่งมีชีวิต และนำไปสู่การศึกษาด้านชีววิทยาการชราภาพ รวมถึงการประเมินผลกระทบทางนิเวศวิทยาของสัตว์นักล่าที่มีอายุยืน 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การค้นพบหนอนริบบิ้นอายุยืน ➡️ “B” มีอายุราว 26–30 ปี ➡️ เป็นสิ่งมีชีวิตที่อายุมากที่สุดในกลุ่ม Nemertea ✅ ความสำคัญทางวิทยาศาสตร์ ➡️ เพิ่มข้อมูลอายุขัยจาก 3 ปีเป็น 30 ปี ➡️ ชี้ให้เห็นบทบาทใหม่ในระบบนิเวศทะเล ✅ การเดินทางและการเลี้ยงดู ➡️ ถูกเลี้ยงตั้งแต่ปี 2005 ในหลายรัฐของสหรัฐฯ ➡️ ใช้ตู้ดินโคลนเพื่อจำลองสภาพธรรมชาติ ✅ ความหมายต่ออนาคตการวิจัย ➡️ เปิดทางสู่การศึกษาเรื่องความยืนยาวของสิ่งมีชีวิต ➡️ อาจช่วยทำความเข้าใจชีววิทยาการชราภาพ ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ ข้อมูลอายุยังคงเป็นการประมาณ ไม่ใช่วันเกิดที่แน่นอน ⛔ การเลี้ยงในสภาพแวดล้อมควบคุมอาจไม่สะท้อนธรรมชาติทั้งหมด ⛔ ยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความยืนยาวในสายพันธุ์อื่น https://www.sciencealert.com/this-insanely-long-ribbon-worm-turns-out-to-be-the-oldest-on-record
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    This Insanely Long Ribbon Worm Turns Out to Be The Oldest on Record
    Biologist Jon Allen is the proud owner of the world's oldest ribbon worm on record.
    0 Comments 0 Shares 24 Views 0 Reviews
  • หนูนักล่าในโลกเสมือน Doom

    โครงการฝึกหนูให้เล่นเกม Doom ก้าวหน้าไปอีกขั้น หนูสามารถ “ยิงศัตรู” ได้แล้วผ่านระบบ VR ที่ใช้จอ AMOLED โอบรอบ พร้อมกลไกตอบสนองที่ซับซ้อนขึ้น ถือเป็นการทดลองที่ผสมผสานวิศวกรรม ฮาร์ดแวร์ และพฤติกรรมสัตว์อย่างน่าสนใจ

    การทดลองที่เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2021 โดยนักประสาทวิศวกร Viktor Tóth ได้สร้างความฮือฮาเมื่อหนูถูกฝึกให้เคลื่อนที่ในเกม Doom II ผ่านการใช้ลูกบอลทรงกลมและจอภาพ VR แบบโอบรอบ ล่าสุดระบบถูกพัฒนาให้หนูสามารถ “ยิง” ศัตรูได้ด้วยการกดกลไกที่เชื่อมโยงกับการเคลื่อนไหวของร่างกาย ถือเป็นการยกระดับจากการเดินไปมาในฉากสู่การมีปฏิสัมพันธ์กับกลไกเกมจริง ๆ

    วิทยาศาสตร์เบื้องหลังการทดลอง
    การฝึกใช้หลักการ operant conditioning หรือการให้รางวัลเมื่อสัตว์ทำพฤติกรรมที่ถูกต้อง เช่น น้ำหวานผสมที่ถูกจ่ายออกมาเมื่อหนูเดินหรือยิงถูกเป้าหมาย ระบบยังเพิ่มการตอบสนองทางกายภาพ เช่นการเป่าลมเบา ๆ ที่จมูกเพื่อบอกว่าหนูชนกำแพงในเกม วิธีนี้ช่วยให้สัตว์เรียนรู้ได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งการลองผิดลองถูกเพียงอย่างเดียว

    ฮาร์ดแวร์และการออกแบบ
    การทดลองใช้จอ AMOLED แบบโค้งที่โอบรอบสายตาของหนู ทำให้ภาพเสมือนสมจริงมากขึ้น พร้อมลูกบอลทรงกลมที่ทำหน้าที่เป็น “ลู่วิ่ง” ให้หนูเคลื่อนไหวในเกม การออกแบบนี้ยังคงเป็นแบบเปิด (open-source) เพื่อให้นักวิจัยและผู้สนใจสามารถนำไปต่อยอดได้ ถือเป็นการผสมผสานระหว่างงานวิศวกรรม DIY และการวิจัยเชิงประสาทวิทยา

    ความหมายต่ออนาคตการวิจัย
    แม้หนูจะไม่ได้เข้าใจเกม Doom ในเชิงกลยุทธ์ แต่การทดลองนี้แสดงให้เห็นว่า เกมเอนจิน สามารถเป็นแพลตฟอร์มราคาถูกและยืดหยุ่นสำหรับการศึกษาพฤติกรรมสัตว์ในโลกเสมือน การเปิดประตูสู่การทดลองใหม่ ๆ เช่นการใช้ VR เพื่อศึกษาการตัดสินใจ การเรียนรู้ หรือแม้แต่การพัฒนาอินเตอร์เฟซสมอง-เครื่องจักรในอนาคต

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ความก้าวหน้าของโครงการฝึกหนูเล่น Doom
    หนูสามารถเคลื่อนไหวและยิงศัตรูในเกมได้จริง
    ใช้ระบบ VR จอ AMOLED โอบรอบสายตา

    วิธีการฝึกและการตอบสนอง
    ใช้การให้รางวัลด้วยน้ำหวานเมื่อทำถูกต้อง
    ใช้การเป่าลมเบา ๆ เพื่อบอกการชนกำแพง

    ฮาร์ดแวร์และการออกแบบระบบ
    ลูกบอลทรงกลมทำหน้าที่เป็นลู่วิ่ง
    ระบบเปิด (open-source) ให้นำไปต่อยอดได้

    ความหมายต่อการวิจัยอนาคต
    เกมเอนจินเป็นแพลตฟอร์มราคาถูกและยืดหยุ่น
    เปิดทางสู่การศึกษาอินเตอร์เฟซสมอง-เครื่องจักร

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    หนูไม่ได้เข้าใจเกมในเชิงกลยุทธ์หรือเป้าหมายจริง
    การฝึกใช้เวลานานและต้องการการออกแบบที่ซับซ้อน
    อาจมีข้อถกเถียงด้านจริยธรรมการใช้สัตว์ทดลอง

    https://www.tomshardware.com/virtual-reality/rats-are-still-being-taught-to-play-doom-now-with-a-curved-amoled-and-a-shoot-button
    🕹️ หนูนักล่าในโลกเสมือน Doom โครงการฝึกหนูให้เล่นเกม Doom ก้าวหน้าไปอีกขั้น หนูสามารถ “ยิงศัตรู” ได้แล้วผ่านระบบ VR ที่ใช้จอ AMOLED โอบรอบ พร้อมกลไกตอบสนองที่ซับซ้อนขึ้น ถือเป็นการทดลองที่ผสมผสานวิศวกรรม ฮาร์ดแวร์ และพฤติกรรมสัตว์อย่างน่าสนใจ การทดลองที่เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2021 โดยนักประสาทวิศวกร Viktor Tóth ได้สร้างความฮือฮาเมื่อหนูถูกฝึกให้เคลื่อนที่ในเกม Doom II ผ่านการใช้ลูกบอลทรงกลมและจอภาพ VR แบบโอบรอบ ล่าสุดระบบถูกพัฒนาให้หนูสามารถ “ยิง” ศัตรูได้ด้วยการกดกลไกที่เชื่อมโยงกับการเคลื่อนไหวของร่างกาย ถือเป็นการยกระดับจากการเดินไปมาในฉากสู่การมีปฏิสัมพันธ์กับกลไกเกมจริง ๆ 🧠 วิทยาศาสตร์เบื้องหลังการทดลอง การฝึกใช้หลักการ operant conditioning หรือการให้รางวัลเมื่อสัตว์ทำพฤติกรรมที่ถูกต้อง เช่น น้ำหวานผสมที่ถูกจ่ายออกมาเมื่อหนูเดินหรือยิงถูกเป้าหมาย ระบบยังเพิ่มการตอบสนองทางกายภาพ เช่นการเป่าลมเบา ๆ ที่จมูกเพื่อบอกว่าหนูชนกำแพงในเกม วิธีนี้ช่วยให้สัตว์เรียนรู้ได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งการลองผิดลองถูกเพียงอย่างเดียว 🔧 ฮาร์ดแวร์และการออกแบบ การทดลองใช้จอ AMOLED แบบโค้งที่โอบรอบสายตาของหนู ทำให้ภาพเสมือนสมจริงมากขึ้น พร้อมลูกบอลทรงกลมที่ทำหน้าที่เป็น “ลู่วิ่ง” ให้หนูเคลื่อนไหวในเกม การออกแบบนี้ยังคงเป็นแบบเปิด (open-source) เพื่อให้นักวิจัยและผู้สนใจสามารถนำไปต่อยอดได้ ถือเป็นการผสมผสานระหว่างงานวิศวกรรม DIY และการวิจัยเชิงประสาทวิทยา 🌐 ความหมายต่ออนาคตการวิจัย แม้หนูจะไม่ได้เข้าใจเกม Doom ในเชิงกลยุทธ์ แต่การทดลองนี้แสดงให้เห็นว่า เกมเอนจิน สามารถเป็นแพลตฟอร์มราคาถูกและยืดหยุ่นสำหรับการศึกษาพฤติกรรมสัตว์ในโลกเสมือน การเปิดประตูสู่การทดลองใหม่ ๆ เช่นการใช้ VR เพื่อศึกษาการตัดสินใจ การเรียนรู้ หรือแม้แต่การพัฒนาอินเตอร์เฟซสมอง-เครื่องจักรในอนาคต 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ความก้าวหน้าของโครงการฝึกหนูเล่น Doom ➡️ หนูสามารถเคลื่อนไหวและยิงศัตรูในเกมได้จริง ➡️ ใช้ระบบ VR จอ AMOLED โอบรอบสายตา ✅ วิธีการฝึกและการตอบสนอง ➡️ ใช้การให้รางวัลด้วยน้ำหวานเมื่อทำถูกต้อง ➡️ ใช้การเป่าลมเบา ๆ เพื่อบอกการชนกำแพง ✅ ฮาร์ดแวร์และการออกแบบระบบ ➡️ ลูกบอลทรงกลมทำหน้าที่เป็นลู่วิ่ง ➡️ ระบบเปิด (open-source) ให้นำไปต่อยอดได้ ✅ ความหมายต่อการวิจัยอนาคต ➡️ เกมเอนจินเป็นแพลตฟอร์มราคาถูกและยืดหยุ่น ➡️ เปิดทางสู่การศึกษาอินเตอร์เฟซสมอง-เครื่องจักร ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ หนูไม่ได้เข้าใจเกมในเชิงกลยุทธ์หรือเป้าหมายจริง ⛔ การฝึกใช้เวลานานและต้องการการออกแบบที่ซับซ้อน ⛔ อาจมีข้อถกเถียงด้านจริยธรรมการใช้สัตว์ทดลอง https://www.tomshardware.com/virtual-reality/rats-are-still-being-taught-to-play-doom-now-with-a-curved-amoled-and-a-shoot-button
    0 Comments 0 Shares 26 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/-6jBXU6kfP4?si=eRAo22ODeaqCcBe8
    https://youtu.be/-6jBXU6kfP4?si=eRAo22ODeaqCcBe8
    0 Comments 0 Shares 18 Views 0 Reviews
  • ให้วิดีโอบันทึกเล่าเรื่องราว คนที่ด้อยค่าผู้กล้า มันคือคนถ่อย ไม่สมควรมีบัตรประชาชน

    https://youtube.com/shorts/gKlwX7Dyixc?si=FEbaB2Ia81rZ_4Xv
    ให้วิดีโอบันทึกเล่าเรื่องราว คนที่ด้อยค่าผู้กล้า มันคือคนถ่อย ไม่สมควรมีบัตรประชาชน https://youtube.com/shorts/gKlwX7Dyixc?si=FEbaB2Ia81rZ_4Xv
    0 Comments 0 Shares 38 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251214 #TechRadar

    รีวิวคีย์บอร์ด HHKB Professional Classic Type-S
    เรื่องราวของคีย์บอร์ดรุ่นนี้เริ่มจากแนวคิดของศาสตราจารย์ชาวญี่ปุ่นที่ต้องการสร้างคีย์บอร์ดสำหรับมืออาชีพ โดยตัดปุ่มที่ไม่จำเป็นออกไป เหลือเพียง 60 ปุ่มในดีไซน์กะทัดรัด ใช้สวิตช์ Topre ที่ขึ้นชื่อเรื่องสัมผัสนุ่มและเงียบ จุดเด่นคือความเล็กและพกพาง่าย แต่ข้อเสียคือไม่มีปุ่มลูกศร ไม่มีแป้นตัวเลข และต้องใช้ปุ่ม Fn เพื่อเข้าถึงฟังก์ชันต่าง ๆ ทำให้ผู้ใช้ต้องปรับตัวใหม่ทั้งหมด ราคาก็สูงพอสมควรเกือบ 300 ดอลลาร์ จึงเป็นคีย์บอร์ดที่คนรักความมินิมอลอาจหลงใหล แต่สำหรับคนทั่วไปอาจรู้สึกว่ามันใช้งานยากและไม่คุ้มค่า
    https://www.techradar.com/computing/keyboards/hhkb-professional-classic-type-s-keyboard-review

    มินิพีซี FEVM FAEX1 ขนาด 1 ลิตร
    นี่คือคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่อัดพลังมหาศาลไว้ภายใน ใช้ชิป Ryzen AI Max+ 395 พร้อมการ์ดจอ Radeon 8060S เทียบเท่า RTX 4070 Laptop รองรับแรมสูงสุด 128GB และมีสล็อต SSD ถึงสามช่อง แม้ตัวเครื่องเล็กเพียง 220 x 133 x 35 มม. แต่ยังคงประสิทธิภาพระดับสูง มีพอร์ตเชื่อมต่อครบครัน ทั้ง HDMI, DisplayPort, USB4, และ OCuLink ราคาขายในจีนเริ่มต้นราว 1,550 ดอลลาร์ ถือว่าเป็นหนึ่งในมินิพีซีที่ทรงพลังที่สุดในตลาด แต่ยังไม่สามารถหาซื้อได้ทั่วโลก
    https://www.techradar.com/pro/this-is-perhaps-the-smallest-mini-pc-with-a-5060-class-gpu-you-can-buy-right-now-but-you-will-have-to-go-all-the-way-to-china-to-get-it

    ที่ชาร์จไร้สาย Qi2.0 จาก IKEA
    IKEA เปิดตัวที่ชาร์จไร้สายใหม่ 3 รุ่นในซีรีส์ VÄSTMÄRKE ทั้งหมดรองรับมาตรฐาน Qi2.0 กำลังชาร์จสูงสุด 15W รุ่นแรกเป็นที่ชาร์จทรงโดนัทสีแดง ราคาเพียง 9.99 ดอลลาร์ มีฟังก์ชันพิเศษเป็นที่จับโทรศัพท์คล้าย PopSocket รุ่นที่สองเป็นแท่นชาร์จทำจากไม้คอร์ก ราคา 24.99 ดอลลาร์ ใช้งานได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน ส่วนรุ่นสุดท้ายเป็นที่ชาร์จพร้อมไฟส่องสว่างและถาดเล็ก ๆ สำหรับวางของเล็กน้อย เหมาะกับการใช้งานบนโต๊ะหรือหัวเตียง ทั้งสามรุ่นเน้นความเรียบง่ายและราคาย่อมเยาในสไตล์ IKEA
    https://www.techradar.com/phones/phone-accessories/ikea-launches-three-new-qi2-0-wireless-phone-chargers-including-one-with-a-hidden-double-function

    6 คำถามสำคัญในการวางแผน AI Enablement
    บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าในองค์กรยุคใหม่ พนักงานแทบทุกคนใช้เครื่องมือ AI ไม่ว่าจะได้รับอนุญาตหรือไม่ และหลายครั้งมีการนำข้อมูลภายในไปใส่ในระบบโดยไม่รู้ความเสี่ยง ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “Shadow AI” ผู้เขียนเสนอว่าองค์กรต้องมีแผน AI Enablement ที่ชัดเจน โดยตั้งคำถามสำคัญ เช่น จะใช้ AI ในงานใดบ้าง จะเลือกเครื่องมือที่ปลอดภัยอย่างไร จะจัดการบัญชีส่วนตัวของพนักงานอย่างไร และจะสอนนโยบายให้พนักงานเข้าใจได้อย่างไร หากไม่มีการกำกับดูแล อาจนำไปสู่การรั่วไหลของข้อมูลและความเสียหายทางธุรกิจ
    https://www.techradar.com/pro/six-questions-to-ask-when-crafting-an-ai-enablement-plan

    Tesla Model Y Performance รุ่นใหม่
    ครั้งหนึ่ง Tesla เคยสร้างความตื่นตะลึงด้วยสมรรถนะที่เหนือกว่ารถสปอร์ต แต่ในรุ่น Model Y Performance ล่าสุด แม้จะยังเร็ว 0-60 ไมล์ใน 3.3 วินาที และวิ่งได้ไกลถึง 360 ไมล์ต่อการชาร์จ แต่ความตื่นเต้นกลับไม่เหมือนเดิมแล้ว เพราะคู่แข่งจากยุโรปและจีนก้าวขึ้นมาเทียบชั้นได้หมด การปรับปรุงช่วงล่างและระบบขับเคลื่อนช่วยให้ขับนุ่มนวลขึ้น แต่ไม่ได้สร้างความเร้าใจเหมือนเดิม ผู้ทดสอบเล่าว่าลูกชายถึงกับเวียนหัวเมื่อถูกเร่งความเร็วแรง ๆ สุดท้ายจึงสรุปว่า รุ่น Standard และ Long Range อาจคุ้มค่ากว่าด้วยราคาที่ถูกลงและระยะทางวิ่งที่มากกว่า
    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/ive-driven-the-new-tesla-model-y-performance-and-despite-it-being-a-great-car-it-isnt-anywhere-near-as-exciting-as-it-once-was

    Canva เปิดมุมมองใหม่ สร้างยุคแห่ง “Imagination Era”
    Canva กำลังพลิกโฉมตัวเองจากเครื่องมือออกแบบธรรมดาไปสู่สิ่งที่เรียกว่า “Creative Operating System” หรือระบบปฏิบัติการด้านการสร้างสรรค์ ที่รวมทุกขั้นตอนตั้งแต่การออกแบบ การทำงานร่วมทีม ไปจนถึงการเผยแพร่และวัดผลในที่เดียว จุดเด่นคือการผสาน AI ที่เข้าใจโครงสร้างงานดีไซน์จริง ไม่ใช่แค่สร้างภาพสวย ๆ แต่สามารถแก้ไข ปรับแต่ง และทำงานต่อได้อย่างยืดหยุ่น อีกหนึ่งข่าวใหญ่คือ Affinity ซึ่งเคยเป็นซอฟต์แวร์ออกแบบระดับโปร ตอนนี้ถูกทำให้ใช้ฟรีตลอดไป เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงเครื่องมือคุณภาพโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย Canva ยังเสริมด้วยฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น Ask @Canva ที่ช่วยให้ AI กลายเป็นเพื่อนร่วมคิด ไม่ใช่ตัวแทนแทนความคิด และการเชื่อมต่อกับ Sheets เพื่อสร้างแอปหรือแดชบอร์ดแบบโต้ตอบได้ทันที ทั้งหมดนี้สะท้อนแนวคิดว่าโลกกำลังเดินเข้าสู่ “Imagination Era” ที่ความคิดสร้างสรรค์คือหัวใจสำคัญของการทำงาน
    https://www.techradar.com/pro/software-services/interview-canva-reveals-what-creativity-in-the-age-of-ai-and-why-affinity-is-free-for-all

    EU ถอยแผนแบนรถเครื่องยนต์สันดาปปี 2035
    สหภาพยุโรปเคยประกาศว่าจะยุติการขายรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในปี 2035 แต่ล่าสุดมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยเลื่อนเป้าหมายไปเป็นปี 2040 พร้อมปรับเงื่อนไขใหม่ให้ผู้ผลิตรถยนต์ลดการปล่อย CO2 ลง 90% แทนที่จะเป็น 100% เหตุผลหลักคือการรักษางานอุตสาหกรรมจำนวนมหาศาลและตอบรับเสียงจากผู้ผลิตรายใหญ่ที่มองว่ากำหนดเดิมเร็วเกินไป หลายค่ายอย่าง Porsche และ Ford ก็ปรับแผนกลับมาใช้ทั้งเครื่องยนต์น้ำมันและไฮบริดควบคู่ไปกับรถไฟฟ้า แม้จะเลื่อนเวลาออกไป แต่ทิศทางใหญ่ยังคงมุ่งสู่การใช้พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ เพียงแต่ให้เวลามากขึ้นในการเปลี่ยนผ่าน
    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/the-inevitable-has-happened-the-eu-has-u-turned-on-its-plan-to-ban-the-sale-of-ice-cars-by-2035

    ยุคใหม่ของ AI: จากโมเดลใหญ่สู่ “Agentic AI”
    ที่ผ่านมาโลก AI เน้นการสร้างโมเดลที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ แต่ตอนนี้นักวิจัยมองว่าทางออกไม่ใช่การเพิ่มขนาด แต่คือการออกแบบสถาปัตยกรรมใหม่ที่เรียกว่า “Agentic AI” แนวคิดนี้คือการใช้กลุ่มตัวแทนเล็ก ๆ หลายตัวที่ทำงานร่วมกันอย่างมีเหตุผลและต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ตอบคำถามแล้วจบ แต่สามารถเฝ้าสังเกต วิเคราะห์ และปรับตัวตามสถานการณ์จริง เช่น การเปลี่ยนพฤติกรรมลูกค้า หรือความผิดปกติเล็ก ๆ ที่มักหลุดจากสายตา ระบบนี้ต้องอาศัยข้อมูลที่เป็นเอกภาพเพื่อไม่ให้ตัวแทนแต่ละตัวตัดสินใจขัดแย้งกัน จุดสำคัญคือการสร้างสภาพแวดล้อมที่ยืดหยุ่นและเรียนรู้ได้ตลอดเวลา โดยมนุษย์ยังคงมีบทบาทในการกำหนดเป้าหมายและขอบเขต ส่วน AI จะทำหน้าที่เป็นแรงขับเคลื่อนที่ไม่รู้จักเหนื่อย
    https://www.techradar.com/pro/the-next-phase-of-ai-is-agentic-and-it-starts-with-data-architecture

    สหรัฐฯ เตรียมตรวจโซเชียลมีเดียย้อนหลัง 5 ปีในการเข้าประเทศ
    นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าสหรัฐฯ อาจต้องเจอกับมาตรการใหม่ที่เข้มงวดกว่าที่เคย โดยหน่วยงาน CBP เสนอให้ตรวจสอบโพสต์โซเชียลมีเดียย้อนหลังถึง 5 ปี รวมถึงข้อมูลส่วนตัวอย่างอีเมล เบอร์โทรศัพท์ ข้อมูลครอบครัว และข้อมูลชีวมิติ เช่น ลายนิ้วมือ สแกนม่านตา และ DNA แน่นอนว่ามาตรการนี้ถูกวิจารณ์อย่างหนักจากกลุ่มสิทธิเสรีภาพที่มองว่าเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวและไม่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยจริง ผู้เชี่ยวชาญยังเตือนว่ามาตรการนี้สามารถหลีกเลี่ยงได้ง่าย เช่น การลบโพสต์เก่า หรือสร้างบัญชีใหม่ที่สะอาด ทำให้เกิดคำถามว่ามันจะได้ผลจริงหรือไม่
    https://www.techradar.com/computing/social-media/new-us-border-checks-could-involve-scanning-your-last-five-years-of-social-media-history-heres-what-you-need-to-know

    AI พาโลกธุรกิจวิ่งสู่ “Zero Downtime”
    ในยุคดิจิทัล ความน่าเชื่อถือของระบบออนไลน์สำคัญไม่แพ้รายได้ เพราะการหยุดทำงานเพียงไม่กี่นาทีอาจสร้างความเสียหายมหาศาล ปัจจุบัน AI กำลังเข้ามาเปลี่ยนเกมด้วยการสร้างระบบที่สามารถคาดการณ์และแก้ไขปัญหาได้เองก่อนที่ผู้ใช้จะรู้ตัว แนวคิด “Self-healing Infrastructure” หรือโครงสร้างพื้นฐานที่ซ่อมตัวเองได้ กำลังถูกนำมาใช้จริงในองค์กรใหญ่ ๆ ทำให้การแก้ไขปัญหาที่เคยใช้เวลาหลายชั่วโมงเหลือเพียงไม่กี่นาที ผลลัพธ์คือธุรกิจสามารถทำงานต่อเนื่องโดยไม่สะดุด และวิศวกรเองก็มีเวลามากขึ้นในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่แทนที่จะต้องคอยดับไฟ ระบบเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุน แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในโลกที่ทุกวินาทีมีค่า
    https://www.techradar.com/pro/the-race-to-zero-downtime-is-on-and-ai-is-leading-it



    📌📡🔴 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🔴📡📌 #รวมข่าวIT #20251214 #TechRadar 🖥️ รีวิวคีย์บอร์ด HHKB Professional Classic Type-S เรื่องราวของคีย์บอร์ดรุ่นนี้เริ่มจากแนวคิดของศาสตราจารย์ชาวญี่ปุ่นที่ต้องการสร้างคีย์บอร์ดสำหรับมืออาชีพ โดยตัดปุ่มที่ไม่จำเป็นออกไป เหลือเพียง 60 ปุ่มในดีไซน์กะทัดรัด ใช้สวิตช์ Topre ที่ขึ้นชื่อเรื่องสัมผัสนุ่มและเงียบ จุดเด่นคือความเล็กและพกพาง่าย แต่ข้อเสียคือไม่มีปุ่มลูกศร ไม่มีแป้นตัวเลข และต้องใช้ปุ่ม Fn เพื่อเข้าถึงฟังก์ชันต่าง ๆ ทำให้ผู้ใช้ต้องปรับตัวใหม่ทั้งหมด ราคาก็สูงพอสมควรเกือบ 300 ดอลลาร์ จึงเป็นคีย์บอร์ดที่คนรักความมินิมอลอาจหลงใหล แต่สำหรับคนทั่วไปอาจรู้สึกว่ามันใช้งานยากและไม่คุ้มค่า 🔗 https://www.techradar.com/computing/keyboards/hhkb-professional-classic-type-s-keyboard-review 💻 มินิพีซี FEVM FAEX1 ขนาด 1 ลิตร นี่คือคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่อัดพลังมหาศาลไว้ภายใน ใช้ชิป Ryzen AI Max+ 395 พร้อมการ์ดจอ Radeon 8060S เทียบเท่า RTX 4070 Laptop รองรับแรมสูงสุด 128GB และมีสล็อต SSD ถึงสามช่อง แม้ตัวเครื่องเล็กเพียง 220 x 133 x 35 มม. แต่ยังคงประสิทธิภาพระดับสูง มีพอร์ตเชื่อมต่อครบครัน ทั้ง HDMI, DisplayPort, USB4, และ OCuLink ราคาขายในจีนเริ่มต้นราว 1,550 ดอลลาร์ ถือว่าเป็นหนึ่งในมินิพีซีที่ทรงพลังที่สุดในตลาด แต่ยังไม่สามารถหาซื้อได้ทั่วโลก 🔗 https://www.techradar.com/pro/this-is-perhaps-the-smallest-mini-pc-with-a-5060-class-gpu-you-can-buy-right-now-but-you-will-have-to-go-all-the-way-to-china-to-get-it 🔌 ที่ชาร์จไร้สาย Qi2.0 จาก IKEA IKEA เปิดตัวที่ชาร์จไร้สายใหม่ 3 รุ่นในซีรีส์ VÄSTMÄRKE ทั้งหมดรองรับมาตรฐาน Qi2.0 กำลังชาร์จสูงสุด 15W รุ่นแรกเป็นที่ชาร์จทรงโดนัทสีแดง ราคาเพียง 9.99 ดอลลาร์ มีฟังก์ชันพิเศษเป็นที่จับโทรศัพท์คล้าย PopSocket รุ่นที่สองเป็นแท่นชาร์จทำจากไม้คอร์ก ราคา 24.99 ดอลลาร์ ใช้งานได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน ส่วนรุ่นสุดท้ายเป็นที่ชาร์จพร้อมไฟส่องสว่างและถาดเล็ก ๆ สำหรับวางของเล็กน้อย เหมาะกับการใช้งานบนโต๊ะหรือหัวเตียง ทั้งสามรุ่นเน้นความเรียบง่ายและราคาย่อมเยาในสไตล์ IKEA 🔗 https://www.techradar.com/phones/phone-accessories/ikea-launches-three-new-qi2-0-wireless-phone-chargers-including-one-with-a-hidden-double-function 🤖 6 คำถามสำคัญในการวางแผน AI Enablement บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าในองค์กรยุคใหม่ พนักงานแทบทุกคนใช้เครื่องมือ AI ไม่ว่าจะได้รับอนุญาตหรือไม่ และหลายครั้งมีการนำข้อมูลภายในไปใส่ในระบบโดยไม่รู้ความเสี่ยง ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “Shadow AI” ผู้เขียนเสนอว่าองค์กรต้องมีแผน AI Enablement ที่ชัดเจน โดยตั้งคำถามสำคัญ เช่น จะใช้ AI ในงานใดบ้าง จะเลือกเครื่องมือที่ปลอดภัยอย่างไร จะจัดการบัญชีส่วนตัวของพนักงานอย่างไร และจะสอนนโยบายให้พนักงานเข้าใจได้อย่างไร หากไม่มีการกำกับดูแล อาจนำไปสู่การรั่วไหลของข้อมูลและความเสียหายทางธุรกิจ 🔗 https://www.techradar.com/pro/six-questions-to-ask-when-crafting-an-ai-enablement-plan 🚗 Tesla Model Y Performance รุ่นใหม่ ครั้งหนึ่ง Tesla เคยสร้างความตื่นตะลึงด้วยสมรรถนะที่เหนือกว่ารถสปอร์ต แต่ในรุ่น Model Y Performance ล่าสุด แม้จะยังเร็ว 0-60 ไมล์ใน 3.3 วินาที และวิ่งได้ไกลถึง 360 ไมล์ต่อการชาร์จ แต่ความตื่นเต้นกลับไม่เหมือนเดิมแล้ว เพราะคู่แข่งจากยุโรปและจีนก้าวขึ้นมาเทียบชั้นได้หมด การปรับปรุงช่วงล่างและระบบขับเคลื่อนช่วยให้ขับนุ่มนวลขึ้น แต่ไม่ได้สร้างความเร้าใจเหมือนเดิม ผู้ทดสอบเล่าว่าลูกชายถึงกับเวียนหัวเมื่อถูกเร่งความเร็วแรง ๆ สุดท้ายจึงสรุปว่า รุ่น Standard และ Long Range อาจคุ้มค่ากว่าด้วยราคาที่ถูกลงและระยะทางวิ่งที่มากกว่า 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/ive-driven-the-new-tesla-model-y-performance-and-despite-it-being-a-great-car-it-isnt-anywhere-near-as-exciting-as-it-once-was 🖌️ Canva เปิดมุมมองใหม่ สร้างยุคแห่ง “Imagination Era” Canva กำลังพลิกโฉมตัวเองจากเครื่องมือออกแบบธรรมดาไปสู่สิ่งที่เรียกว่า “Creative Operating System” หรือระบบปฏิบัติการด้านการสร้างสรรค์ ที่รวมทุกขั้นตอนตั้งแต่การออกแบบ การทำงานร่วมทีม ไปจนถึงการเผยแพร่และวัดผลในที่เดียว จุดเด่นคือการผสาน AI ที่เข้าใจโครงสร้างงานดีไซน์จริง ไม่ใช่แค่สร้างภาพสวย ๆ แต่สามารถแก้ไข ปรับแต่ง และทำงานต่อได้อย่างยืดหยุ่น อีกหนึ่งข่าวใหญ่คือ Affinity ซึ่งเคยเป็นซอฟต์แวร์ออกแบบระดับโปร ตอนนี้ถูกทำให้ใช้ฟรีตลอดไป เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงเครื่องมือคุณภาพโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย Canva ยังเสริมด้วยฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น Ask @Canva ที่ช่วยให้ AI กลายเป็นเพื่อนร่วมคิด ไม่ใช่ตัวแทนแทนความคิด และการเชื่อมต่อกับ Sheets เพื่อสร้างแอปหรือแดชบอร์ดแบบโต้ตอบได้ทันที ทั้งหมดนี้สะท้อนแนวคิดว่าโลกกำลังเดินเข้าสู่ “Imagination Era” ที่ความคิดสร้างสรรค์คือหัวใจสำคัญของการทำงาน 🔗 https://www.techradar.com/pro/software-services/interview-canva-reveals-what-creativity-in-the-age-of-ai-and-why-affinity-is-free-for-all 🚗 EU ถอยแผนแบนรถเครื่องยนต์สันดาปปี 2035 สหภาพยุโรปเคยประกาศว่าจะยุติการขายรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในปี 2035 แต่ล่าสุดมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยเลื่อนเป้าหมายไปเป็นปี 2040 พร้อมปรับเงื่อนไขใหม่ให้ผู้ผลิตรถยนต์ลดการปล่อย CO2 ลง 90% แทนที่จะเป็น 100% เหตุผลหลักคือการรักษางานอุตสาหกรรมจำนวนมหาศาลและตอบรับเสียงจากผู้ผลิตรายใหญ่ที่มองว่ากำหนดเดิมเร็วเกินไป หลายค่ายอย่าง Porsche และ Ford ก็ปรับแผนกลับมาใช้ทั้งเครื่องยนต์น้ำมันและไฮบริดควบคู่ไปกับรถไฟฟ้า แม้จะเลื่อนเวลาออกไป แต่ทิศทางใหญ่ยังคงมุ่งสู่การใช้พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ เพียงแต่ให้เวลามากขึ้นในการเปลี่ยนผ่าน 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/the-inevitable-has-happened-the-eu-has-u-turned-on-its-plan-to-ban-the-sale-of-ice-cars-by-2035 🤖 ยุคใหม่ของ AI: จากโมเดลใหญ่สู่ “Agentic AI” ที่ผ่านมาโลก AI เน้นการสร้างโมเดลที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ แต่ตอนนี้นักวิจัยมองว่าทางออกไม่ใช่การเพิ่มขนาด แต่คือการออกแบบสถาปัตยกรรมใหม่ที่เรียกว่า “Agentic AI” แนวคิดนี้คือการใช้กลุ่มตัวแทนเล็ก ๆ หลายตัวที่ทำงานร่วมกันอย่างมีเหตุผลและต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ตอบคำถามแล้วจบ แต่สามารถเฝ้าสังเกต วิเคราะห์ และปรับตัวตามสถานการณ์จริง เช่น การเปลี่ยนพฤติกรรมลูกค้า หรือความผิดปกติเล็ก ๆ ที่มักหลุดจากสายตา ระบบนี้ต้องอาศัยข้อมูลที่เป็นเอกภาพเพื่อไม่ให้ตัวแทนแต่ละตัวตัดสินใจขัดแย้งกัน จุดสำคัญคือการสร้างสภาพแวดล้อมที่ยืดหยุ่นและเรียนรู้ได้ตลอดเวลา โดยมนุษย์ยังคงมีบทบาทในการกำหนดเป้าหมายและขอบเขต ส่วน AI จะทำหน้าที่เป็นแรงขับเคลื่อนที่ไม่รู้จักเหนื่อย 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-next-phase-of-ai-is-agentic-and-it-starts-with-data-architecture 🛂 สหรัฐฯ เตรียมตรวจโซเชียลมีเดียย้อนหลัง 5 ปีในการเข้าประเทศ นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าสหรัฐฯ อาจต้องเจอกับมาตรการใหม่ที่เข้มงวดกว่าที่เคย โดยหน่วยงาน CBP เสนอให้ตรวจสอบโพสต์โซเชียลมีเดียย้อนหลังถึง 5 ปี รวมถึงข้อมูลส่วนตัวอย่างอีเมล เบอร์โทรศัพท์ ข้อมูลครอบครัว และข้อมูลชีวมิติ เช่น ลายนิ้วมือ สแกนม่านตา และ DNA แน่นอนว่ามาตรการนี้ถูกวิจารณ์อย่างหนักจากกลุ่มสิทธิเสรีภาพที่มองว่าเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวและไม่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยจริง ผู้เชี่ยวชาญยังเตือนว่ามาตรการนี้สามารถหลีกเลี่ยงได้ง่าย เช่น การลบโพสต์เก่า หรือสร้างบัญชีใหม่ที่สะอาด ทำให้เกิดคำถามว่ามันจะได้ผลจริงหรือไม่ 🔗 https://www.techradar.com/computing/social-media/new-us-border-checks-could-involve-scanning-your-last-five-years-of-social-media-history-heres-what-you-need-to-know ⚙️ AI พาโลกธุรกิจวิ่งสู่ “Zero Downtime” ในยุคดิจิทัล ความน่าเชื่อถือของระบบออนไลน์สำคัญไม่แพ้รายได้ เพราะการหยุดทำงานเพียงไม่กี่นาทีอาจสร้างความเสียหายมหาศาล ปัจจุบัน AI กำลังเข้ามาเปลี่ยนเกมด้วยการสร้างระบบที่สามารถคาดการณ์และแก้ไขปัญหาได้เองก่อนที่ผู้ใช้จะรู้ตัว แนวคิด “Self-healing Infrastructure” หรือโครงสร้างพื้นฐานที่ซ่อมตัวเองได้ กำลังถูกนำมาใช้จริงในองค์กรใหญ่ ๆ ทำให้การแก้ไขปัญหาที่เคยใช้เวลาหลายชั่วโมงเหลือเพียงไม่กี่นาที ผลลัพธ์คือธุรกิจสามารถทำงานต่อเนื่องโดยไม่สะดุด และวิศวกรเองก็มีเวลามากขึ้นในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่แทนที่จะต้องคอยดับไฟ ระบบเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุน แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในโลกที่ทุกวินาทีมีค่า 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-race-to-zero-downtime-is-on-and-ai-is-leading-it
    WWW.TECHRADAR.COM
    I tested the HHKB Professional Classic Type-S — a niche option for those prepared to learn a new keyboard layout to get Topre key mechanisms
    The HHKB Professional Classic Type-S is a radically deconstructed keyboard design that focuses on compact layout rather than easy adaptability.
    0 Comments 0 Shares 99 Views 0 Reviews
  • SK Hynix เตือนว่าการเติบโตของการผลิต DRAM จะไม่ทันต่อความต้องการไปจนถึงปี 2028

    SK Hynix เปิดเผยการวิเคราะห์ภายในว่า commodity DRAM (เช่น DRAM สำหรับ PC และโน้ตบุ๊กทั่วไป) จะมีการเติบโตจำกัดไปจนถึงปี 2028 เนื่องจากผู้ผลิตหน่วยความจำหันไปให้ความสำคัญกับ HBM และ DRAM สำหรับเซิร์ฟเวอร์ AI ที่มีมูลค่าสูงกว่า

    ความต้องการจากตลาด AI
    ความต้องการหน่วยความจำจาก AI data centers กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าสัดส่วนการใช้ DRAM ในเซิร์ฟเวอร์จะเพิ่มจาก 38% ในปี 2025 เป็น 53% ภายในปี 2030 ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า DRAM super-cycle ซึ่งผู้ผลิตหน่วยความจำจำนวนมากได้ขายสิทธิการผลิตล่วงหน้าไปแล้วสำหรับปี 2026

    กลยุทธ์ของผู้ผลิตหน่วยความจำ
    ผู้ผลิตอย่าง SK Hynix ใช้กลยุทธ์การขยายกำลังการผลิตแบบระมัดระวัง โดยเน้น รักษากำไรและเสถียรภาพราคา มากกว่าการผลิตจำนวนมากเพื่อกดราคา ส่งผลให้ตลาดผู้บริโภคทั่วไป เช่น PC และโน้ตบุ๊ก ต้องเผชิญกับการขาดแคลนและราคาที่สูงขึ้น

    ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาดโลก
    การวิเคราะห์ชี้ว่าตลาด PC และ consumer electronics จะยังคงขาดแคลน DRAM ไปจนถึงสิ้นปี 2028 ซึ่งหมายความว่าผู้บริโภคอาจต้องจ่ายแพงขึ้นสำหรับการอัปเกรดหรือซื้อเครื่องใหม่ และอุตสาหกรรมไอทีโดยรวมจะต้องปรับตัวเข้าสู่ยุคที่ AI-driven demand เป็นตัวกำหนดทิศทางตลาดหน่วยความจำ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเติบโตของ DRAM ล่าช้า
    Commodity DRAM จะไม่ทันต่อความต้องการไปจนถึงปี 2028

    ความต้องการจาก AI servers
    สัดส่วนการใช้ DRAM ในเซิร์ฟเวอร์จะเพิ่มจาก 38% → 53% ภายในปี 2030

    กลยุทธ์ผู้ผลิต
    เน้นรักษากำไรและเสถียรภาพราคา มากกว่าการผลิตจำนวนมาก

    ผลกระทบต่อผู้บริโภค
    ตลาด PC และ consumer electronics จะยังคงขาดแคลนและราคาสูง

    ความเสี่ยงด้านราคา
    ผู้บริโภคต้องจ่ายแพงขึ้นสำหรับการอัปเกรดหรือซื้อเครื่องใหม่

    ความไม่สมดุลของตลาด
    การเน้นผลิต DRAM สำหรับ AI อาจทำให้ตลาดทั่วไปถูกละเลย

    https://wccftech.com/sk-hynix-warns-dram-supply-growth-will-lag-demand-through-2028/
    📉 SK Hynix เตือนว่าการเติบโตของการผลิต DRAM จะไม่ทันต่อความต้องการไปจนถึงปี 2028 SK Hynix เปิดเผยการวิเคราะห์ภายในว่า commodity DRAM (เช่น DRAM สำหรับ PC และโน้ตบุ๊กทั่วไป) จะมีการเติบโตจำกัดไปจนถึงปี 2028 เนื่องจากผู้ผลิตหน่วยความจำหันไปให้ความสำคัญกับ HBM และ DRAM สำหรับเซิร์ฟเวอร์ AI ที่มีมูลค่าสูงกว่า ⚡ ความต้องการจากตลาด AI ความต้องการหน่วยความจำจาก AI data centers กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าสัดส่วนการใช้ DRAM ในเซิร์ฟเวอร์จะเพิ่มจาก 38% ในปี 2025 เป็น 53% ภายในปี 2030 ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า DRAM super-cycle ซึ่งผู้ผลิตหน่วยความจำจำนวนมากได้ขายสิทธิการผลิตล่วงหน้าไปแล้วสำหรับปี 2026 🏭 กลยุทธ์ของผู้ผลิตหน่วยความจำ ผู้ผลิตอย่าง SK Hynix ใช้กลยุทธ์การขยายกำลังการผลิตแบบระมัดระวัง โดยเน้น รักษากำไรและเสถียรภาพราคา มากกว่าการผลิตจำนวนมากเพื่อกดราคา ส่งผลให้ตลาดผู้บริโภคทั่วไป เช่น PC และโน้ตบุ๊ก ต้องเผชิญกับการขาดแคลนและราคาที่สูงขึ้น 🌍 ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาดโลก การวิเคราะห์ชี้ว่าตลาด PC และ consumer electronics จะยังคงขาดแคลน DRAM ไปจนถึงสิ้นปี 2028 ซึ่งหมายความว่าผู้บริโภคอาจต้องจ่ายแพงขึ้นสำหรับการอัปเกรดหรือซื้อเครื่องใหม่ และอุตสาหกรรมไอทีโดยรวมจะต้องปรับตัวเข้าสู่ยุคที่ AI-driven demand เป็นตัวกำหนดทิศทางตลาดหน่วยความจำ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเติบโตของ DRAM ล่าช้า ➡️ Commodity DRAM จะไม่ทันต่อความต้องการไปจนถึงปี 2028 ✅ ความต้องการจาก AI servers ➡️ สัดส่วนการใช้ DRAM ในเซิร์ฟเวอร์จะเพิ่มจาก 38% → 53% ภายในปี 2030 ✅ กลยุทธ์ผู้ผลิต ➡️ เน้นรักษากำไรและเสถียรภาพราคา มากกว่าการผลิตจำนวนมาก ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภค ➡️ ตลาด PC และ consumer electronics จะยังคงขาดแคลนและราคาสูง ‼️ ความเสี่ยงด้านราคา ⛔ ผู้บริโภคต้องจ่ายแพงขึ้นสำหรับการอัปเกรดหรือซื้อเครื่องใหม่ ‼️ ความไม่สมดุลของตลาด ⛔ การเน้นผลิต DRAM สำหรับ AI อาจทำให้ตลาดทั่วไปถูกละเลย https://wccftech.com/sk-hynix-warns-dram-supply-growth-will-lag-demand-through-2028/
    WCCFTECH.COM
    SK Hynix Warns DRAM Supply Growth Will Lag Demand Through 2028
    An internal analysis by SK Hynix suggests that while the demand for the commodity DRAM will be there, the growth in its supply will remain constrained.
    0 Comments 0 Shares 54 Views 0 Reviews
  • การปรับขึ้นราคาครั้งใหญ่ของ Dell

    Dell ประกาศว่าจะปรับขึ้นราคาสินค้าเชิงพาณิชย์ เช่น โน้ตบุ๊กและเดสก์ท็อป Pro และ Pro Max รวมถึงจอภาพและ GPU บางรุ่น โดยราคาจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10–30% การปรับขึ้นครั้งนี้เกิดจาก วิกฤติการขาดแคลน DRAM และ NAND Flash ที่ถูกดูดซับไปโดยบริษัท hyperscaler ด้าน AI

    รายละเอียดการขึ้นราคา
    เครื่องที่มี 32GB RAM จะเพิ่มขึ้น 130–230 ดอลลาร์
    เครื่องที่มี 128GB RAM จะเพิ่มขึ้น 520–765 ดอลลาร์
    โน้ตบุ๊กที่มี SSD 1TB จะเพิ่มขึ้น 55–135 ดอลลาร์
    จอ Dell Pro 55 Plus 4K จะเพิ่มขึ้นจาก 1,349 → 1,499 ดอลลาร์
    GPU RTX Pro 500 (6GB) จะเพิ่มขึ้น 66 ดอลลาร์ และรุ่น 24GB จะเพิ่มขึ้น 530 ดอลลาร์

    ผลกระทบต่อธุรกิจและลูกค้า
    Dell เตือนลูกค้าว่าการสั่งซื้อวันนี้เพื่อส่งมอบในอนาคต ไม่สามารถล็อกราคาเดิมได้ อีกทั้งยังจำกัดส่วนลดสำหรับลูกค้ารายใหญ่ ทำให้บริษัทต่าง ๆ ที่พึ่งพา Dell ในการจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์อาจต้องแบกรับต้นทุนสูงขึ้นทันที ซึ่งอาจกระทบต่อการลงทุนด้าน IT ในปีถัดไป

    สัญญาณวิกฤติหน่วยความจำโลก
    การขึ้นราคาครั้งนี้สะท้อนถึง วิกฤติ DRAM และ NAND Flash ระดับโลก ที่เกิดจากความต้องการมหาศาลในตลาด AI และอาจดำเนินต่อไปจนถึงปี 2030 ตามการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญ หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น ผู้ผลิตรายอื่นอาจต้องปรับราคาตาม ทำให้ต้นทุนด้านเทคโนโลยีทั่วโลกพุ่งสูง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Dell เตรียมขึ้นราคาสินค้าเชิงพาณิชย์
    โน้ตบุ๊ก, เดสก์ท็อป, จอภาพ และ GPU จะปรับขึ้นเฉลี่ย 10–30%

    รายละเอียดการขึ้นราคา
    RAM 32GB เพิ่ม 130–230 ดอลลาร์, RAM 128GB เพิ่ม 520–765 ดอลลาร์, SSD 1TB เพิ่ม 55–135 ดอลลาร์

    ผลกระทบต่อลูกค้า
    ไม่สามารถล็อกราคาเดิมได้ และส่วนลดสำหรับลูกค้ารายใหญ่ถูกจำกัด

    สัญญาณวิกฤติหน่วยความจำ
    ความต้องการจากตลาด AI ทำให้ DRAM และ NAND Flash ขาดแคลนทั่วโลก

    ความเสี่ยงต่อต้นทุนธุรกิจ
    บริษัทที่พึ่งพา Dell อาจต้องแบกรับค่าใช้จ่ายสูงขึ้นทันที

    แนวโน้มระยะยาว
    ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าวิกฤติหน่วยความจำอาจยืดเยื้อไปจนถึงปี 2030

    https://www.tomshardware.com/laptops/dell-preps-massive-price-hikes-up-to-30-percent-citing-memory-pricing-out-of-our-control-company-reminds-commercial-customers-that-placing-an-order-today-for-future-delivery-will-not-guarantee-current-prices
    💻 การปรับขึ้นราคาครั้งใหญ่ของ Dell Dell ประกาศว่าจะปรับขึ้นราคาสินค้าเชิงพาณิชย์ เช่น โน้ตบุ๊กและเดสก์ท็อป Pro และ Pro Max รวมถึงจอภาพและ GPU บางรุ่น โดยราคาจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10–30% การปรับขึ้นครั้งนี้เกิดจาก วิกฤติการขาดแคลน DRAM และ NAND Flash ที่ถูกดูดซับไปโดยบริษัท hyperscaler ด้าน AI ⚡ รายละเอียดการขึ้นราคา 💷 เครื่องที่มี 32GB RAM จะเพิ่มขึ้น 130–230 ดอลลาร์ 💷 เครื่องที่มี 128GB RAM จะเพิ่มขึ้น 520–765 ดอลลาร์ 💷 โน้ตบุ๊กที่มี SSD 1TB จะเพิ่มขึ้น 55–135 ดอลลาร์ 💷 จอ Dell Pro 55 Plus 4K จะเพิ่มขึ้นจาก 1,349 → 1,499 ดอลลาร์ 💷 GPU RTX Pro 500 (6GB) จะเพิ่มขึ้น 66 ดอลลาร์ และรุ่น 24GB จะเพิ่มขึ้น 530 ดอลลาร์ 📉 ผลกระทบต่อธุรกิจและลูกค้า Dell เตือนลูกค้าว่าการสั่งซื้อวันนี้เพื่อส่งมอบในอนาคต ไม่สามารถล็อกราคาเดิมได้ อีกทั้งยังจำกัดส่วนลดสำหรับลูกค้ารายใหญ่ ทำให้บริษัทต่าง ๆ ที่พึ่งพา Dell ในการจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์อาจต้องแบกรับต้นทุนสูงขึ้นทันที ซึ่งอาจกระทบต่อการลงทุนด้าน IT ในปีถัดไป 🌍 สัญญาณวิกฤติหน่วยความจำโลก การขึ้นราคาครั้งนี้สะท้อนถึง วิกฤติ DRAM และ NAND Flash ระดับโลก ที่เกิดจากความต้องการมหาศาลในตลาด AI และอาจดำเนินต่อไปจนถึงปี 2030 ตามการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญ หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น ผู้ผลิตรายอื่นอาจต้องปรับราคาตาม ทำให้ต้นทุนด้านเทคโนโลยีทั่วโลกพุ่งสูง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Dell เตรียมขึ้นราคาสินค้าเชิงพาณิชย์ ➡️ โน้ตบุ๊ก, เดสก์ท็อป, จอภาพ และ GPU จะปรับขึ้นเฉลี่ย 10–30% ✅ รายละเอียดการขึ้นราคา ➡️ RAM 32GB เพิ่ม 130–230 ดอลลาร์, RAM 128GB เพิ่ม 520–765 ดอลลาร์, SSD 1TB เพิ่ม 55–135 ดอลลาร์ ✅ ผลกระทบต่อลูกค้า ➡️ ไม่สามารถล็อกราคาเดิมได้ และส่วนลดสำหรับลูกค้ารายใหญ่ถูกจำกัด ✅ สัญญาณวิกฤติหน่วยความจำ ➡️ ความต้องการจากตลาด AI ทำให้ DRAM และ NAND Flash ขาดแคลนทั่วโลก ‼️ ความเสี่ยงต่อต้นทุนธุรกิจ ⛔ บริษัทที่พึ่งพา Dell อาจต้องแบกรับค่าใช้จ่ายสูงขึ้นทันที ‼️ แนวโน้มระยะยาว ⛔ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าวิกฤติหน่วยความจำอาจยืดเยื้อไปจนถึงปี 2030 https://www.tomshardware.com/laptops/dell-preps-massive-price-hikes-up-to-30-percent-citing-memory-pricing-out-of-our-control-company-reminds-commercial-customers-that-placing-an-order-today-for-future-delivery-will-not-guarantee-current-prices
    0 Comments 0 Shares 64 Views 0 Reviews
  • มาตรฐานใหม่ SPHBM4 มีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุน

    JEDEC กำลังพัฒนา SPHBM4 ซึ่งเป็นการปรับปรุงจาก HBM4 โดยลดความกว้างของบัสจาก 2048-bit เหลือ 512-bit แต่ใช้เทคนิค 4:1 serialization เพื่อรักษาแบนด์วิดท์เทียบเท่า HBM4 จุดเด่นคือสามารถใช้ substrate แบบ organic แทนการใช้ interposer ที่มีราคาแพง ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงและเพิ่มความยืดหยุ่นในการออกแบบแพ็กเกจ

    ประสิทธิภาพและความจุ
    แม้จะลดความกว้างของบัส แต่ SPHBM4 ยังสามารถรองรับ ความจุสูงสุดต่อ stack ได้ถึง 64GB เทียบเท่ากับ HBM4E การออกแบบนี้ช่วยให้ผู้ผลิต AI accelerators สามารถเพิ่มจำนวน stack ได้มากขึ้นโดยไม่เปลืองพื้นที่ซิลิคอน ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำคัญในยุคที่การประมวลผล AI ต้องการทั้ง compute power และ memory capacity

    ต้นทุนและข้อจำกัด
    แม้ SPHBM4 จะถูกกว่า HBM4 แต่ก็ยังมีต้นทุนสูงกว่า GDDR7 เนื่องจากต้องใช้ DRAM แบบ stacked และกระบวนการ TSV (Through-Silicon Via) ที่ซับซ้อน ทำให้ SPHBM4 ไม่ใช่ “GDDR killer” สำหรับตลาดเกม แต่เหมาะกับงาน AI, HPC และ data center ที่ต้องการความเร็วและความจุสูงมากกว่า

    ความหมายต่ออนาคตอุตสาหกรรม
    การเปิดตัว SPHBM4 แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมกำลังหาทาง บาลานซ์ระหว่างประสิทธิภาพและต้นทุน เพื่อให้เทคโนโลยี HBM เข้าถึงได้กว้างขึ้น หากมาตรฐานนี้ได้รับการยอมรับ อาจช่วยให้การพัฒนา AI accelerators และเซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่มีความสามารถสูงขึ้นโดยไม่ต้องแบกรับต้นทุนมหาศาล

    สรุปประเด็นสำคัญ
    มาตรฐาน SPHBM4
    ใช้บัส 512-bit พร้อม 4:1 serialization เพื่อรักษาแบนด์วิดท์ระดับ HBM4

    ความจุสูงสุด
    รองรับได้ถึง 64GB ต่อ stack เทียบเท่า HBM4E

    ต้นทุนที่ลดลง
    ใช้ organic substrate แทน interposer ทำให้ราคาถูกลง

    การใช้งานที่เหมาะสม
    เหมาะกับ AI accelerators และ data center ไม่ใช่ตลาดเกม

    ข้อจำกัดด้านต้นทุน
    แม้ถูกกว่า HBM4 แต่ยังแพงกว่า GDDR7 สำหรับตลาด consumer

    ความท้าทายด้านการผลิต
    การใช้ TSV และ stacked DRAM ยังคงซับซ้อนและไม่เหมาะกับการผลิตจำนวนมาก

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/industry-preps-cheap-hbm4-memory-spec-with-narrow-interface-but-it-isnt-a-gddr-killer-jedecs-new-sphbm4-spec-weds-hbm4-performance-and-lower-costs-to-enable-higher-capacity
    💡 มาตรฐานใหม่ SPHBM4 มีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุน JEDEC กำลังพัฒนา SPHBM4 ซึ่งเป็นการปรับปรุงจาก HBM4 โดยลดความกว้างของบัสจาก 2048-bit เหลือ 512-bit แต่ใช้เทคนิค 4:1 serialization เพื่อรักษาแบนด์วิดท์เทียบเท่า HBM4 จุดเด่นคือสามารถใช้ substrate แบบ organic แทนการใช้ interposer ที่มีราคาแพง ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงและเพิ่มความยืดหยุ่นในการออกแบบแพ็กเกจ 🚀 ประสิทธิภาพและความจุ แม้จะลดความกว้างของบัส แต่ SPHBM4 ยังสามารถรองรับ ความจุสูงสุดต่อ stack ได้ถึง 64GB เทียบเท่ากับ HBM4E การออกแบบนี้ช่วยให้ผู้ผลิต AI accelerators สามารถเพิ่มจำนวน stack ได้มากขึ้นโดยไม่เปลืองพื้นที่ซิลิคอน ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำคัญในยุคที่การประมวลผล AI ต้องการทั้ง compute power และ memory capacity ⚡ ต้นทุนและข้อจำกัด แม้ SPHBM4 จะถูกกว่า HBM4 แต่ก็ยังมีต้นทุนสูงกว่า GDDR7 เนื่องจากต้องใช้ DRAM แบบ stacked และกระบวนการ TSV (Through-Silicon Via) ที่ซับซ้อน ทำให้ SPHBM4 ไม่ใช่ “GDDR killer” สำหรับตลาดเกม แต่เหมาะกับงาน AI, HPC และ data center ที่ต้องการความเร็วและความจุสูงมากกว่า 🔮 ความหมายต่ออนาคตอุตสาหกรรม การเปิดตัว SPHBM4 แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมกำลังหาทาง บาลานซ์ระหว่างประสิทธิภาพและต้นทุน เพื่อให้เทคโนโลยี HBM เข้าถึงได้กว้างขึ้น หากมาตรฐานนี้ได้รับการยอมรับ อาจช่วยให้การพัฒนา AI accelerators และเซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่มีความสามารถสูงขึ้นโดยไม่ต้องแบกรับต้นทุนมหาศาล 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ มาตรฐาน SPHBM4 ➡️ ใช้บัส 512-bit พร้อม 4:1 serialization เพื่อรักษาแบนด์วิดท์ระดับ HBM4 ✅ ความจุสูงสุด ➡️ รองรับได้ถึง 64GB ต่อ stack เทียบเท่า HBM4E ✅ ต้นทุนที่ลดลง ➡️ ใช้ organic substrate แทน interposer ทำให้ราคาถูกลง ✅ การใช้งานที่เหมาะสม ➡️ เหมาะกับ AI accelerators และ data center ไม่ใช่ตลาดเกม ‼️ ข้อจำกัดด้านต้นทุน ⛔ แม้ถูกกว่า HBM4 แต่ยังแพงกว่า GDDR7 สำหรับตลาด consumer ‼️ ความท้าทายด้านการผลิต ⛔ การใช้ TSV และ stacked DRAM ยังคงซับซ้อนและไม่เหมาะกับการผลิตจำนวนมาก https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/industry-preps-cheap-hbm4-memory-spec-with-narrow-interface-but-it-isnt-a-gddr-killer-jedecs-new-sphbm4-spec-weds-hbm4-performance-and-lower-costs-to-enable-higher-capacity
    0 Comments 0 Shares 63 Views 0 Reviews
  • Mod OptiScale บังคับใช้ FSR Redstone

    ผู้ใช้ใน Reddit ได้เผยแพร่การทดสอบ OptiScaler (pre-alpha build) ที่สามารถบังคับให้เกมเก่า เช่น Monster Hunter Wilds ใช้ฟีเจอร์ FSR Redstone ML Frame Generation ซึ่งปกติรองรับเฉพาะเกมใหม่ที่มีการอัปเดต FSR ล่าสุด การทำงานของ Mod คือการดักจับคำสั่งการสร้างเฟรมของเกม แล้วส่งต่อไปยังระบบ FSR รุ่นใหม่แทน

    คุณภาพภาพที่ดีขึ้น
    การทดสอบพบว่า Redstone ML Frame Generation ให้ภาพที่ เสถียรกว่า ลด ghosting และ artifact เมื่อเทียบกับการสร้างเฟรมแบบเดิมที่ใช้การคาดเดาเชิง heuristic เท่านั้น โดย Redstone ใช้ โมเดล Machine Learning ที่ประเมินจาก motion vectors และ depth data เพื่อสร้างเฟรมใหม่ที่สมจริงกว่า

    ความเสี่ยงและข้อจำกัด
    แม้ผลลัพธ์จะน่าประทับใจ แต่ OptiScaler เป็น ซอฟต์แวร์ภายนอกที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจาก AMD และมีคำเตือนว่าห้ามใช้ในเกมออนไลน์ที่มีระบบ anti-cheat เพราะอาจเสี่ยงต่อการถูกแบน อีกทั้งยังไม่แน่ชัดว่าฟีเจอร์นี้จะทำงานได้กับ GPU รุ่นเก่าทั้งหมดหรือไม่ เนื่องจาก AMD ตั้งใจให้ Redstone ใช้กับการ์ดรุ่นใหม่เท่านั้น

    ความพยายามของชุมชนเกมเมอร์
    กรณีนี้สะท้อนถึงความพยายามของชุมชนเกมเมอร์ที่ต้องการผลักดันเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้เข้าถึงเกมที่ยังไม่ได้รับการอัปเดตอย่างเป็นทางการ และอาจเป็นแรงกดดันให้ AMD พิจารณาเปิดการรองรับ Redstone ให้กว้างขึ้นในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Mod OptiScaler
    บังคับให้เกมเก่าใช้งาน FSR Redstone ML Frame Generation

    คุณภาพภาพที่ดีขึ้น
    ลด ghosting และ artifact ด้วยการใช้ ML สร้างเฟรมใหม่

    ความเสี่ยงของการใช้งาน
    อาจถูกแบนหากใช้ในเกมออนไลน์ที่มีระบบ anti-cheat

    ความพยายามของชุมชน
    แสดงถึงแรงผลักดันของผู้เล่นที่อยากใช้เทคโนโลยีใหม่ในเกมเก่า

    ข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์
    ไม่แน่ชัดว่า GPU รุ่นเก่าจะรองรับได้เต็มที่

    ความไม่เป็นทางการของ Mod
    ไม่มีการรับประกันเสถียรภาพและความปลอดภัยจาก AMD

    https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/community-mod-forces-amds-new-redstone-ml-frame-generation-into-older-fsr-games
    🎮 Mod OptiScale บังคับใช้ FSR Redstone ผู้ใช้ใน Reddit ได้เผยแพร่การทดสอบ OptiScaler (pre-alpha build) ที่สามารถบังคับให้เกมเก่า เช่น Monster Hunter Wilds ใช้ฟีเจอร์ FSR Redstone ML Frame Generation ซึ่งปกติรองรับเฉพาะเกมใหม่ที่มีการอัปเดต FSR ล่าสุด การทำงานของ Mod คือการดักจับคำสั่งการสร้างเฟรมของเกม แล้วส่งต่อไปยังระบบ FSR รุ่นใหม่แทน 🖼️ คุณภาพภาพที่ดีขึ้น การทดสอบพบว่า Redstone ML Frame Generation ให้ภาพที่ เสถียรกว่า ลด ghosting และ artifact เมื่อเทียบกับการสร้างเฟรมแบบเดิมที่ใช้การคาดเดาเชิง heuristic เท่านั้น โดย Redstone ใช้ โมเดล Machine Learning ที่ประเมินจาก motion vectors และ depth data เพื่อสร้างเฟรมใหม่ที่สมจริงกว่า ⚠️ ความเสี่ยงและข้อจำกัด แม้ผลลัพธ์จะน่าประทับใจ แต่ OptiScaler เป็น ซอฟต์แวร์ภายนอกที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจาก AMD และมีคำเตือนว่าห้ามใช้ในเกมออนไลน์ที่มีระบบ anti-cheat เพราะอาจเสี่ยงต่อการถูกแบน อีกทั้งยังไม่แน่ชัดว่าฟีเจอร์นี้จะทำงานได้กับ GPU รุ่นเก่าทั้งหมดหรือไม่ เนื่องจาก AMD ตั้งใจให้ Redstone ใช้กับการ์ดรุ่นใหม่เท่านั้น 🔮 ความพยายามของชุมชนเกมเมอร์ กรณีนี้สะท้อนถึงความพยายามของชุมชนเกมเมอร์ที่ต้องการผลักดันเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้เข้าถึงเกมที่ยังไม่ได้รับการอัปเดตอย่างเป็นทางการ และอาจเป็นแรงกดดันให้ AMD พิจารณาเปิดการรองรับ Redstone ให้กว้างขึ้นในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Mod OptiScaler ➡️ บังคับให้เกมเก่าใช้งาน FSR Redstone ML Frame Generation ✅ คุณภาพภาพที่ดีขึ้น ➡️ ลด ghosting และ artifact ด้วยการใช้ ML สร้างเฟรมใหม่ ✅ ความเสี่ยงของการใช้งาน ➡️ อาจถูกแบนหากใช้ในเกมออนไลน์ที่มีระบบ anti-cheat ✅ ความพยายามของชุมชน ➡️ แสดงถึงแรงผลักดันของผู้เล่นที่อยากใช้เทคโนโลยีใหม่ในเกมเก่า ‼️ ข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ ⛔ ไม่แน่ชัดว่า GPU รุ่นเก่าจะรองรับได้เต็มที่ ‼️ ความไม่เป็นทางการของ Mod ⛔ ไม่มีการรับประกันเสถียรภาพและความปลอดภัยจาก AMD https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/community-mod-forces-amds-new-redstone-ml-frame-generation-into-older-fsr-games
    0 Comments 0 Shares 61 Views 0 Reviews
  • ซอฟต์แวร์ติดตามตำแหน่ง GPU

    Nvidia เปิดตัวระบบ GPU Fleet Management Software ที่สามารถตรวจสอบตำแหน่งจริงของ GPU ในศูนย์ข้อมูลทั่วโลก โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกรวบรวมเข้าสู่ NGC Platform เพื่อให้ผู้ดูแลสามารถเห็นภาพรวมและรายงานสถานะของ GPU ได้แบบเรียลไทม์ จุดเด่นคือการช่วยป้องกันการลักลอบนำชิปไปใช้งานในพื้นที่ที่ถูกห้าม เช่น การส่งออกไปยังประเทศที่ถูกคว่ำบาตร

    การตรวจสอบพลังงานและประสิทธิภาพ
    ซอฟต์แวร์นี้ยังสามารถตรวจสอบ การใช้พลังงาน, แบนด์วิดท์หน่วยความจำ และสุขภาพการเชื่อมต่อ ของ GPU ทั้งหมดในระบบ เพื่อให้ผู้ดูแลสามารถปรับโหลดงาน ลดความไม่สมดุล และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานต่อวัตต์ได้สูงสุด ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดการศูนย์ข้อมูลที่มีการใช้งาน AI หนักหน่วง

    การจัดการความร้อนและอายุการใช้งาน
    อีกหนึ่งฟังก์ชันสำคัญคือการตรวจสอบ อุณหภูมิและการไหลเวียนอากาศ เพื่อป้องกันการเกิดจุดร้อน (hotspot) ที่อาจทำให้ GPU เสื่อมสภาพเร็วขึ้น การตรวจสอบนี้ช่วยลดความเสี่ยงของการ thermal throttling และยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ในสภาพแวดล้อมที่มีความหนาแน่นสูง

    ความโปร่งใสและข้อจำกัด
    แม้ระบบสามารถตรวจสอบตำแหน่ง GPU ได้ แต่ Nvidia ยืนยันว่า ซอฟต์แวร์นี้ไม่มีฟังก์ชัน kill switch หรือการควบคุมจากระยะไกลเพื่อปิดการทำงานของ GPU โดยเป็นเพียงระบบสังเกตการณ์ที่ผู้ใช้ต้องติดตั้งเอง และเป็น open-source client agent ที่สามารถตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ซอฟต์แวร์ใหม่ของ Nvidia
    สามารถติดตามตำแหน่งจริงของ GPU ในศูนย์ข้อมูล

    ฟังก์ชันตรวจสอบพลังงานและประสิทธิภาพ
    ช่วยปรับโหลดงานและเพิ่มประสิทธิภาพต่อวัตต์

    การจัดการความร้อน
    ตรวจสอบอุณหภูมิและการไหลเวียนอากาศเพื่อยืดอายุการใช้งาน GPU

    ความโปร่งใสของระบบ
    เป็น open-source agent ที่ติดตั้งโดยลูกค้า ไม่มีฟังก์ชันปิด GPU จากระยะไกล

    ข้อจำกัดของการป้องกันการลักลอบ
    แม้ตรวจสอบตำแหน่งได้ แต่ไม่สามารถหยุดการใช้งาน GPU ที่ถูกลักลอบนำไปใช้

    ความเสี่ยงด้านความร้อนในศูนย์ข้อมูล
    หากไม่จัดการ airflow อย่างเหมาะสม อาจเกิด thermal throttling และลดประสิทธิภาพ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-details-new-software-that-enables-location-tracking-for-ai-gpus-opt-in-remote-data-center-gpu-fleet-management-includes-power-usage-and-thermal-monitoring
    🛰️ ซอฟต์แวร์ติดตามตำแหน่ง GPU Nvidia เปิดตัวระบบ GPU Fleet Management Software ที่สามารถตรวจสอบตำแหน่งจริงของ GPU ในศูนย์ข้อมูลทั่วโลก โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกรวบรวมเข้าสู่ NGC Platform เพื่อให้ผู้ดูแลสามารถเห็นภาพรวมและรายงานสถานะของ GPU ได้แบบเรียลไทม์ จุดเด่นคือการช่วยป้องกันการลักลอบนำชิปไปใช้งานในพื้นที่ที่ถูกห้าม เช่น การส่งออกไปยังประเทศที่ถูกคว่ำบาตร ⚡ การตรวจสอบพลังงานและประสิทธิภาพ ซอฟต์แวร์นี้ยังสามารถตรวจสอบ การใช้พลังงาน, แบนด์วิดท์หน่วยความจำ และสุขภาพการเชื่อมต่อ ของ GPU ทั้งหมดในระบบ เพื่อให้ผู้ดูแลสามารถปรับโหลดงาน ลดความไม่สมดุล และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานต่อวัตต์ได้สูงสุด ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดการศูนย์ข้อมูลที่มีการใช้งาน AI หนักหน่วง 🌡️ การจัดการความร้อนและอายุการใช้งาน อีกหนึ่งฟังก์ชันสำคัญคือการตรวจสอบ อุณหภูมิและการไหลเวียนอากาศ เพื่อป้องกันการเกิดจุดร้อน (hotspot) ที่อาจทำให้ GPU เสื่อมสภาพเร็วขึ้น การตรวจสอบนี้ช่วยลดความเสี่ยงของการ thermal throttling และยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ในสภาพแวดล้อมที่มีความหนาแน่นสูง 🔒 ความโปร่งใสและข้อจำกัด แม้ระบบสามารถตรวจสอบตำแหน่ง GPU ได้ แต่ Nvidia ยืนยันว่า ซอฟต์แวร์นี้ไม่มีฟังก์ชัน kill switch หรือการควบคุมจากระยะไกลเพื่อปิดการทำงานของ GPU โดยเป็นเพียงระบบสังเกตการณ์ที่ผู้ใช้ต้องติดตั้งเอง และเป็น open-source client agent ที่สามารถตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ซอฟต์แวร์ใหม่ของ Nvidia ➡️ สามารถติดตามตำแหน่งจริงของ GPU ในศูนย์ข้อมูล ✅ ฟังก์ชันตรวจสอบพลังงานและประสิทธิภาพ ➡️ ช่วยปรับโหลดงานและเพิ่มประสิทธิภาพต่อวัตต์ ✅ การจัดการความร้อน ➡️ ตรวจสอบอุณหภูมิและการไหลเวียนอากาศเพื่อยืดอายุการใช้งาน GPU ✅ ความโปร่งใสของระบบ ➡️ เป็น open-source agent ที่ติดตั้งโดยลูกค้า ไม่มีฟังก์ชันปิด GPU จากระยะไกล ‼️ ข้อจำกัดของการป้องกันการลักลอบ ⛔ แม้ตรวจสอบตำแหน่งได้ แต่ไม่สามารถหยุดการใช้งาน GPU ที่ถูกลักลอบนำไปใช้ ‼️ ความเสี่ยงด้านความร้อนในศูนย์ข้อมูล ⛔ หากไม่จัดการ airflow อย่างเหมาะสม อาจเกิด thermal throttling และลดประสิทธิภาพ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-details-new-software-that-enables-location-tracking-for-ai-gpus-opt-in-remote-data-center-gpu-fleet-management-includes-power-usage-and-thermal-monitoring
    0 Comments 0 Shares 66 Views 0 Reviews
  • คดี Do Kwon ฉ้อโกงคริปโตครั้งใหญ่

    Do Kwon ผู้นำโครงการ Terra และเหรียญ UST Stablecoin ถูกศาลสหรัฐฯ ตัดสินจำคุก 15 ปี หลังจากการล่มสลายของ UST ในปี 2022 ที่สร้างความเสียหายมหาศาลต่อผู้ลงทุนทั่วโลก คดีนี้ถือเป็นหนึ่งใน การฉ้อโกงคริปโตครั้งใหญ่ที่สุด โดยมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 40–60 พันล้านดอลลาร์

    กลไกที่ล้มเหลว
    UST ถูกออกแบบให้มีค่าเท่ากับ 1 ดอลลาร์สหรัฐ โดยใช้ระบบ “burn-mint” ระหว่างเหรียญ UST และ LUNA แต่เมื่อเกิดแรงขายจำนวนมาก กลไกนี้กลับสร้าง LUNA อย่างมหาศาลจนมูลค่าลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ UST สูญเสียการตรึงค่า (depeg) และเข้าสู่ death spiral ที่ไม่สามารถหยุดได้

    การหลอกลวงนักลงทุน
    ศาลพบว่า Do Kwon บิดเบือนข้อมูล โดยอ้างว่า Terra Protocol จะสามารถรักษาเสถียรภาพของ UST ได้ แต่แท้จริงแล้วเขาใช้บริษัทเทรดความถี่สูง (HFT) ซื้อ UST จำนวนมากเพื่อพยุงราคาอย่างไม่โปร่งใส อีกทั้งแพลตฟอร์ม Anchor ที่เกี่ยวข้องยังสัญญาผลตอบแทนสูงถึง 20% APY ซึ่งเป็นการสร้างแรงจูงใจที่ไม่ยั่งยืน

    ผลกระทบต่อวงการคริปโต
    การล่มสลายของ Terra และการตัดสินจำคุกครั้งนี้สะท้อนถึง ความเสี่ยงของการลงทุนในคริปโตที่ขาดการกำกับดูแล และเป็นบทเรียนสำคัญให้ทั้งนักลงทุนและหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกต้องเข้มงวดมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การตัดสินจำคุก Do Kwon
    โทษจำคุก 15 ปี จากคดีฉ้อโกงและฟอกเงิน

    กลไก UST ที่ล้มเหลว
    ระบบ burn-mint ทำให้เกิดการสร้าง LUNA มหาศาลและมูลค่าลดลง

    การบิดเบือนข้อมูล
    Terra Protocol ถูกอ้างว่าจะรักษาเสถียรภาพ แต่แท้จริงใช้การซื้อขายเพื่อพยุงราคา

    ผลกระทบต่อวงการคริปโต
    เป็นบทเรียนสำคัญต่อการกำกับดูแลและการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล

    ความเสี่ยงของ Stablecoin
    หากไม่มีสินทรัพย์รองรับจริง อาจเกิดการล่มสลายแบบ UST

    การลงทุนที่ขาดการตรวจสอบ
    ผลตอบแทนสูงผิดปกติ เช่น 20% APY อาจเป็นสัญญาณเตือนของการฉ้อโกง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/usd40-billion-plus-crypto-fraud-scheme-results-in-15-year-prison-sentence-for-its-creator-nine-criminal-counts-include-wire-fraud-and-money-laundering
    ⚖️ คดี Do Kwon ฉ้อโกงคริปโตครั้งใหญ่ Do Kwon ผู้นำโครงการ Terra และเหรียญ UST Stablecoin ถูกศาลสหรัฐฯ ตัดสินจำคุก 15 ปี หลังจากการล่มสลายของ UST ในปี 2022 ที่สร้างความเสียหายมหาศาลต่อผู้ลงทุนทั่วโลก คดีนี้ถือเป็นหนึ่งใน การฉ้อโกงคริปโตครั้งใหญ่ที่สุด โดยมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 40–60 พันล้านดอลลาร์ 💰 กลไกที่ล้มเหลว UST ถูกออกแบบให้มีค่าเท่ากับ 1 ดอลลาร์สหรัฐ โดยใช้ระบบ “burn-mint” ระหว่างเหรียญ UST และ LUNA แต่เมื่อเกิดแรงขายจำนวนมาก กลไกนี้กลับสร้าง LUNA อย่างมหาศาลจนมูลค่าลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ UST สูญเสียการตรึงค่า (depeg) และเข้าสู่ death spiral ที่ไม่สามารถหยุดได้ 🏦 การหลอกลวงนักลงทุน ศาลพบว่า Do Kwon บิดเบือนข้อมูล โดยอ้างว่า Terra Protocol จะสามารถรักษาเสถียรภาพของ UST ได้ แต่แท้จริงแล้วเขาใช้บริษัทเทรดความถี่สูง (HFT) ซื้อ UST จำนวนมากเพื่อพยุงราคาอย่างไม่โปร่งใส อีกทั้งแพลตฟอร์ม Anchor ที่เกี่ยวข้องยังสัญญาผลตอบแทนสูงถึง 20% APY ซึ่งเป็นการสร้างแรงจูงใจที่ไม่ยั่งยืน 🌍 ผลกระทบต่อวงการคริปโต การล่มสลายของ Terra และการตัดสินจำคุกครั้งนี้สะท้อนถึง ความเสี่ยงของการลงทุนในคริปโตที่ขาดการกำกับดูแล และเป็นบทเรียนสำคัญให้ทั้งนักลงทุนและหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกต้องเข้มงวดมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การตัดสินจำคุก Do Kwon ➡️ โทษจำคุก 15 ปี จากคดีฉ้อโกงและฟอกเงิน ✅ กลไก UST ที่ล้มเหลว ➡️ ระบบ burn-mint ทำให้เกิดการสร้าง LUNA มหาศาลและมูลค่าลดลง ✅ การบิดเบือนข้อมูล ➡️ Terra Protocol ถูกอ้างว่าจะรักษาเสถียรภาพ แต่แท้จริงใช้การซื้อขายเพื่อพยุงราคา ✅ ผลกระทบต่อวงการคริปโต ➡️ เป็นบทเรียนสำคัญต่อการกำกับดูแลและการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ‼️ ความเสี่ยงของ Stablecoin ⛔ หากไม่มีสินทรัพย์รองรับจริง อาจเกิดการล่มสลายแบบ UST ‼️ การลงทุนที่ขาดการตรวจสอบ ⛔ ผลตอบแทนสูงผิดปกติ เช่น 20% APY อาจเป็นสัญญาณเตือนของการฉ้อโกง https://www.tomshardware.com/tech-industry/usd40-billion-plus-crypto-fraud-scheme-results-in-15-year-prison-sentence-for-its-creator-nine-criminal-counts-include-wire-fraud-and-money-laundering
    0 Comments 0 Shares 63 Views 0 Reviews
  • การโจมตีไซเบอร์ที่โยงถึง GRU

    รัฐบาลเยอรมนีประกาศว่ามีหลักฐานชัดเจนเชื่อมโยง APT28 หรือ Fancy Bear ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่ถูกกล่าวหาว่าอยู่ภายใต้ GRU กับการโจมตีระบบ Deutsche Flugsicherung บริษัทควบคุมการบินพลเรือนของเยอรมนีในปี 2024 แม้การบินไม่หยุดชะงัก แต่ระบบภายในและการสื่อสารได้รับผลกระทบอย่างหนัก

    การแทรกแซงการเลือกตั้ง
    อีกกรณีคือปฏิบัติการชื่อ Storm-1516 ที่พยายามแทรกแซงการเลือกตั้งสหพันธรัฐเยอรมนีในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 โดยใช้ ดีปเฟกเสียงและวิดีโอ รวมถึงเว็บไซต์ที่ดูเหมือนเป็นกลาง แต่ภายหลังถูกใช้เผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนและสร้างความสับสนในสังคม

    ปฏิกิริยาทางการทูตและมาตรการตอบโต้
    เยอรมนีจึงเรียกเอกอัครราชทูตรัสเซียเข้าพบ พร้อมประกาศว่าจะมี มาตรการคว่ำบาตรและการตอบโต้ร่วมกับพันธมิตรยุโรป เช่น การอายัดทรัพย์บุคคลที่เกี่ยวข้อง การห้ามเดินทาง และการเพิ่มมาตรการป้องกันโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ

    บทเรียนด้านความมั่นคงไซเบอร์
    เหตุการณ์นี้สะท้อนว่า สงครามสมัยใหม่ไม่ได้จำกัดอยู่ในสนามรบ แต่ขยายไปสู่โลกไซเบอร์ การโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น การบินและการเลือกตั้ง สามารถสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมมหาศาล จึงเป็นสัญญาณเตือนให้ทุกประเทศต้องลงทุนด้านความมั่นคงไซเบอร์มากขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การโจมตีระบบการบินเยอรมนี
    APT28 หรือ Fancy Bear ถูกเชื่อมโยงกับ GRU ในการโจมตี Deutsche Flugsicherung

    การแทรกแซงการเลือกตั้ง
    ปฏิบัติการ Storm-1516 ใช้ดีปเฟกและเว็บไซต์บิดเบือนข้อมูล

    มาตรการตอบโต้ของเยอรมนี
    เรียกทูตรัสเซียเข้าพบ และเตรียมคว่ำบาตรร่วมกับพันธมิตรยุโรป

    บทเรียนด้านความมั่นคงไซเบอร์
    การโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญเป็นภัยคุกคามระดับชาติ

    ความเสี่ยงต่อโครงสร้างพื้นฐาน
    ระบบควบคุมการบินและการเลือกตั้งอาจถูกโจมตีซ้ำหากไม่เสริมความปลอดภัย

    การใช้เทคโนโลยีบิดเบือนข้อมูล
    ดีปเฟกและเว็บไซต์ปลอมสามารถสร้างความแตกแยกในสังคมและบ่อนทำลายประชาธิปไตย

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/germany-summons-russian-ambassador-over-gru-linked-cyberattacks-on-atc-and-elections
    ⚔️ การโจมตีไซเบอร์ที่โยงถึง GRU รัฐบาลเยอรมนีประกาศว่ามีหลักฐานชัดเจนเชื่อมโยง APT28 หรือ Fancy Bear ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่ถูกกล่าวหาว่าอยู่ภายใต้ GRU กับการโจมตีระบบ Deutsche Flugsicherung บริษัทควบคุมการบินพลเรือนของเยอรมนีในปี 2024 แม้การบินไม่หยุดชะงัก แต่ระบบภายในและการสื่อสารได้รับผลกระทบอย่างหนัก 🗳️ การแทรกแซงการเลือกตั้ง อีกกรณีคือปฏิบัติการชื่อ Storm-1516 ที่พยายามแทรกแซงการเลือกตั้งสหพันธรัฐเยอรมนีในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 โดยใช้ ดีปเฟกเสียงและวิดีโอ รวมถึงเว็บไซต์ที่ดูเหมือนเป็นกลาง แต่ภายหลังถูกใช้เผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนและสร้างความสับสนในสังคม 🌍 ปฏิกิริยาทางการทูตและมาตรการตอบโต้ เยอรมนีจึงเรียกเอกอัครราชทูตรัสเซียเข้าพบ พร้อมประกาศว่าจะมี มาตรการคว่ำบาตรและการตอบโต้ร่วมกับพันธมิตรยุโรป เช่น การอายัดทรัพย์บุคคลที่เกี่ยวข้อง การห้ามเดินทาง และการเพิ่มมาตรการป้องกันโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ 🔐 บทเรียนด้านความมั่นคงไซเบอร์ เหตุการณ์นี้สะท้อนว่า สงครามสมัยใหม่ไม่ได้จำกัดอยู่ในสนามรบ แต่ขยายไปสู่โลกไซเบอร์ การโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น การบินและการเลือกตั้ง สามารถสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมมหาศาล จึงเป็นสัญญาณเตือนให้ทุกประเทศต้องลงทุนด้านความมั่นคงไซเบอร์มากขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การโจมตีระบบการบินเยอรมนี ➡️ APT28 หรือ Fancy Bear ถูกเชื่อมโยงกับ GRU ในการโจมตี Deutsche Flugsicherung ✅ การแทรกแซงการเลือกตั้ง ➡️ ปฏิบัติการ Storm-1516 ใช้ดีปเฟกและเว็บไซต์บิดเบือนข้อมูล ✅ มาตรการตอบโต้ของเยอรมนี ➡️ เรียกทูตรัสเซียเข้าพบ และเตรียมคว่ำบาตรร่วมกับพันธมิตรยุโรป ✅ บทเรียนด้านความมั่นคงไซเบอร์ ➡️ การโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญเป็นภัยคุกคามระดับชาติ ‼️ ความเสี่ยงต่อโครงสร้างพื้นฐาน ⛔ ระบบควบคุมการบินและการเลือกตั้งอาจถูกโจมตีซ้ำหากไม่เสริมความปลอดภัย ‼️ การใช้เทคโนโลยีบิดเบือนข้อมูล ⛔ ดีปเฟกและเว็บไซต์ปลอมสามารถสร้างความแตกแยกในสังคมและบ่อนทำลายประชาธิปไตย https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/germany-summons-russian-ambassador-over-gru-linked-cyberattacks-on-atc-and-elections
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Germany summons Russian ambassador over GRU-linked cyberattacks — air traffic control and elections systems targeted
    Berlin says it has clear evidence tying Russia’s military intelligence agency to a 2024 attack on aviation IT systems 2025 election interference.
    0 Comments 0 Shares 72 Views 0 Reviews
  • การหายตัวไปของผู้สร้าง Bitcoin

    เมื่อปี 2010–2011 บุคคลลึกลับที่ใช้นามแฝง Satoshi Nakamoto ได้หยุดการสื่อสารกับชุมชนคริปโต หลังจากสร้าง Bitcoin และวางรากฐานระบบบล็อกเชนที่เปลี่ยนโลกการเงินไปตลอดกาล ข้อความสุดท้ายที่เขาทิ้งไว้คือ “I’ve moved on to other things” ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของการจากไปโดยไม่หวนกลับมาอีก

    ผลงานที่เปลี่ยนโลก
    Bitcoin ไม่เพียงเป็นสกุลเงินดิจิทัลแรก แต่ยังเป็นการปฏิวัติแนวคิดเรื่อง การเงินแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Finance) ที่ไม่ต้องพึ่งธนาคารหรือรัฐบาล การออกแบบระบบ Proof-of-Work และบล็อกเชนที่โปร่งใสทำให้เกิดแรงบันดาลใจต่อคริปโตอื่น ๆ และต่อยอดไปสู่เทคโนโลยี Web3, NFT และ DeFi ในปัจจุบัน

    ปริศนาตัวตนที่ยังไม่คลี่คลาย
    แม้มีการคาดเดามากมายว่า Satoshi อาจเป็นนักพัฒนาจากญี่ปุ่น นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่กลุ่มคน แต่จนถึงวันนี้ ไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน ตัวตนของเขายังคงเป็นหนึ่งในปริศนาที่ใหญ่ที่สุดในโลกเทคโนโลยี และยิ่งทำให้ตำนานของ Bitcoin มีเสน่ห์มากขึ้น

    มรดกที่ยังคงอยู่
    แม้ผู้สร้างจะหายไป แต่ Bitcoin ยังคงเติบโตและเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่ามหาศาลที่สุดในโลก สะท้อนถึงพลังของแนวคิดที่ถูกวางไว้ตั้งแต่แรก และเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า นวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่สามารถดำรงอยู่ได้โดยไม่ต้องมีผู้สร้างคอยควบคุม

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การหายตัวไปของ Satoshi Nakamoto
    ทิ้งข้อความสุดท้ายว่า “I’ve moved on to other things”

    ผลงานที่เปลี่ยนโลก
    Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลแรกและวางรากฐานบล็อกเชน

    ปริศนาตัวตน
    ไม่มีหลักฐานยืนยันว่า Satoshi เป็นใครจนถึงปัจจุบัน

    มรดกที่ยังคงอยู่
    Bitcoin ยังคงเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก

    ความไม่แน่นอนของตัวตน
    การไม่รู้ว่าใครคือผู้สร้าง อาจทำให้เกิดการคาดเดาและข่าวลือที่บิดเบือน

    ความเสี่ยงในตลาดคริปโต
    การขาดผู้นำที่ชัดเจนทำให้ Bitcoin ขึ้นอยู่กับแรงตลาดและการเก็งกำไร

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/bitcoin-creator-satoshi-disappeared-on-this-day-15-years-ago-leaving-a-final-public-message-ive-moved-on-to-other-things-true-identity-of-satoshi-nakamoto-entity-remains-unknown
    🕵️‍♂️ การหายตัวไปของผู้สร้าง Bitcoin เมื่อปี 2010–2011 บุคคลลึกลับที่ใช้นามแฝง Satoshi Nakamoto ได้หยุดการสื่อสารกับชุมชนคริปโต หลังจากสร้าง Bitcoin และวางรากฐานระบบบล็อกเชนที่เปลี่ยนโลกการเงินไปตลอดกาล ข้อความสุดท้ายที่เขาทิ้งไว้คือ “I’ve moved on to other things” ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของการจากไปโดยไม่หวนกลับมาอีก 💻 ผลงานที่เปลี่ยนโลก Bitcoin ไม่เพียงเป็นสกุลเงินดิจิทัลแรก แต่ยังเป็นการปฏิวัติแนวคิดเรื่อง การเงินแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Finance) ที่ไม่ต้องพึ่งธนาคารหรือรัฐบาล การออกแบบระบบ Proof-of-Work และบล็อกเชนที่โปร่งใสทำให้เกิดแรงบันดาลใจต่อคริปโตอื่น ๆ และต่อยอดไปสู่เทคโนโลยี Web3, NFT และ DeFi ในปัจจุบัน 🌍 ปริศนาตัวตนที่ยังไม่คลี่คลาย แม้มีการคาดเดามากมายว่า Satoshi อาจเป็นนักพัฒนาจากญี่ปุ่น นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่กลุ่มคน แต่จนถึงวันนี้ ไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน ตัวตนของเขายังคงเป็นหนึ่งในปริศนาที่ใหญ่ที่สุดในโลกเทคโนโลยี และยิ่งทำให้ตำนานของ Bitcoin มีเสน่ห์มากขึ้น 📈 มรดกที่ยังคงอยู่ แม้ผู้สร้างจะหายไป แต่ Bitcoin ยังคงเติบโตและเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่ามหาศาลที่สุดในโลก สะท้อนถึงพลังของแนวคิดที่ถูกวางไว้ตั้งแต่แรก และเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า นวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่สามารถดำรงอยู่ได้โดยไม่ต้องมีผู้สร้างคอยควบคุม 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การหายตัวไปของ Satoshi Nakamoto ➡️ ทิ้งข้อความสุดท้ายว่า “I’ve moved on to other things” ✅ ผลงานที่เปลี่ยนโลก ➡️ Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลแรกและวางรากฐานบล็อกเชน ✅ ปริศนาตัวตน ➡️ ไม่มีหลักฐานยืนยันว่า Satoshi เป็นใครจนถึงปัจจุบัน ✅ มรดกที่ยังคงอยู่ ➡️ Bitcoin ยังคงเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก ‼️ ความไม่แน่นอนของตัวตน ⛔ การไม่รู้ว่าใครคือผู้สร้าง อาจทำให้เกิดการคาดเดาและข่าวลือที่บิดเบือน ‼️ ความเสี่ยงในตลาดคริปโต ⛔ การขาดผู้นำที่ชัดเจนทำให้ Bitcoin ขึ้นอยู่กับแรงตลาดและการเก็งกำไร https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/bitcoin-creator-satoshi-disappeared-on-this-day-15-years-ago-leaving-a-final-public-message-ive-moved-on-to-other-things-true-identity-of-satoshi-nakamoto-entity-remains-unknown
    0 Comments 0 Shares 73 Views 0 Reviews
  • คดีฟ้องร้องยักษ์ใหญ่ชิปสหรัฐฯ

    เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการฟ้องร้องบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ในรัฐเท็กซัส ได้แก่ AMD, Intel และ Texas Instruments โดยกลุ่มพลเรือนยูเครน กล่าวหาว่าบริษัทเหล่านี้ละเลยการควบคุมการส่งออก ทำให้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของพวกเขาถูกนำไปใช้ใน โดรนและขีปนาวุธรัสเซีย ที่โจมตีพลเรือนระหว่างปี 2023–2025 การฟ้องร้องใช้ถ้อยคำรุนแรง เช่น “merchants of death” หรือ “พ่อค้าแห่งความตาย” เพื่อชี้ถึงความรับผิดชอบทางศีลธรรมของบริษัทเหล่านี้

    ช่องโหว่การคว่ำบาตรและการเล็ดรอดของเทคโนโลยี
    แม้สหรัฐฯ และพันธมิตรจะออกมาตรการคว่ำบาตรตั้งแต่ปี 2022 แต่รัสเซียยังคงหาช่องทางนำเข้าชิ้นส่วนสำคัญผ่าน ตลาดสีเทาและบริษัทตัวกลางในต่างประเทศ เช่น จีน ตุรกี และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทำให้ชิปที่ควรใช้ในอุปกรณ์พลเรือนกลับถูกนำไปใช้ในระบบนำทางและควบคุมของอาวุธร้ายแรง การสอบสวนพบว่า กว่า 95% ของขีปนาวุธและโดรนรัสเซียมีชิ้นส่วนตะวันตก

    ผลกระทบต่อพลเรือนยูเครน
    หนึ่งในเหตุการณ์สะเทือนใจคือการโจมตีโรงพยาบาลเด็ก Okhmatdyt ในกรุงเคียฟ ปี 2024 ที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยพบว่าขีปนาวุธที่ใช้มีชิ้นส่วนจากบริษัทสหรัฐฯ นี่เป็นตัวอย่างชัดเจนว่าชิ้นส่วนที่ถูกละเลยการควบคุมสามารถสร้างผลลัพธ์ร้ายแรงต่อชีวิตผู้บริสุทธิ์

    บทเรียนและความรับผิดชอบระดับโลก
    คดีนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความล้มเหลวของการคว่ำบาตร แต่ยังตั้งคำถามถึง ความรับผิดชอบของบริษัทเทคโนโลยีในสงครามสมัยใหม่ หากศาลตัดสินให้บริษัทเหล่านี้มีความผิด อาจเป็นบรรทัดฐานใหม่ที่บังคับให้ผู้ผลิตเทคโนโลยีทั่วโลกต้องเข้มงวดกับการตรวจสอบเส้นทางการส่งออกมากขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การฟ้องร้องบริษัทชิปสหรัฐฯ
    AMD, Intel และ Texas Instruments ถูกกล่าวหาว่าชิ้นส่วนของพวกเขาถูกใช้ในอาวุธรัสเซีย

    ช่องโหว่การคว่ำบาตร
    รัสเซียใช้บริษัทตัวกลางในต่างประเทศเพื่อเลี่ยงมาตรการและนำเข้าชิ้นส่วนสำคัญ

    ผลกระทบต่อพลเรือน
    เหตุโจมตีโรงพยาบาลเด็กในเคียฟปี 2024 เป็นตัวอย่างการใช้ชิ้นส่วนตะวันตกในอาวุธ

    ความรับผิดชอบของบริษัทเทคโนโลยี
    หากคดีนี้ชนะ อาจสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการควบคุมการส่งออกทั่วโลก

    ความล้มเหลวของมาตรการคว่ำบาตร
    กว่า 95% ของอาวุธรัสเซียยังคงมีชิ้นส่วนตะวันตก แม้มีข้อห้ามแล้ว

    ความเสี่ยงต่อพลเรือน
    การละเลยการตรวจสอบเส้นทางชิ้นส่วนทำให้พลเรือนยูเครนยังคงตกเป็นเป้าการโจมตี

    https://www.tomshardware.com/pc-components/amd-intel-and-ti-are-merchants-of-death-says-lawyer-representing-ukrainian-civilians-five-new-suits-complain-that-russian-drones-and-missiles-continue-to-use-high-tech-components-from-these-brands
    ⚖️ คดีฟ้องร้องยักษ์ใหญ่ชิปสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการฟ้องร้องบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ในรัฐเท็กซัส ได้แก่ AMD, Intel และ Texas Instruments โดยกลุ่มพลเรือนยูเครน กล่าวหาว่าบริษัทเหล่านี้ละเลยการควบคุมการส่งออก ทำให้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของพวกเขาถูกนำไปใช้ใน โดรนและขีปนาวุธรัสเซีย ที่โจมตีพลเรือนระหว่างปี 2023–2025 การฟ้องร้องใช้ถ้อยคำรุนแรง เช่น “merchants of death” หรือ “พ่อค้าแห่งความตาย” เพื่อชี้ถึงความรับผิดชอบทางศีลธรรมของบริษัทเหล่านี้ 🚀 ช่องโหว่การคว่ำบาตรและการเล็ดรอดของเทคโนโลยี แม้สหรัฐฯ และพันธมิตรจะออกมาตรการคว่ำบาตรตั้งแต่ปี 2022 แต่รัสเซียยังคงหาช่องทางนำเข้าชิ้นส่วนสำคัญผ่าน ตลาดสีเทาและบริษัทตัวกลางในต่างประเทศ เช่น จีน ตุรกี และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทำให้ชิปที่ควรใช้ในอุปกรณ์พลเรือนกลับถูกนำไปใช้ในระบบนำทางและควบคุมของอาวุธร้ายแรง การสอบสวนพบว่า กว่า 95% ของขีปนาวุธและโดรนรัสเซียมีชิ้นส่วนตะวันตก 🏥 ผลกระทบต่อพลเรือนยูเครน หนึ่งในเหตุการณ์สะเทือนใจคือการโจมตีโรงพยาบาลเด็ก Okhmatdyt ในกรุงเคียฟ ปี 2024 ที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยพบว่าขีปนาวุธที่ใช้มีชิ้นส่วนจากบริษัทสหรัฐฯ นี่เป็นตัวอย่างชัดเจนว่าชิ้นส่วนที่ถูกละเลยการควบคุมสามารถสร้างผลลัพธ์ร้ายแรงต่อชีวิตผู้บริสุทธิ์ 🌐 บทเรียนและความรับผิดชอบระดับโลก คดีนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความล้มเหลวของการคว่ำบาตร แต่ยังตั้งคำถามถึง ความรับผิดชอบของบริษัทเทคโนโลยีในสงครามสมัยใหม่ หากศาลตัดสินให้บริษัทเหล่านี้มีความผิด อาจเป็นบรรทัดฐานใหม่ที่บังคับให้ผู้ผลิตเทคโนโลยีทั่วโลกต้องเข้มงวดกับการตรวจสอบเส้นทางการส่งออกมากขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การฟ้องร้องบริษัทชิปสหรัฐฯ ➡️ AMD, Intel และ Texas Instruments ถูกกล่าวหาว่าชิ้นส่วนของพวกเขาถูกใช้ในอาวุธรัสเซีย ✅ ช่องโหว่การคว่ำบาตร ➡️ รัสเซียใช้บริษัทตัวกลางในต่างประเทศเพื่อเลี่ยงมาตรการและนำเข้าชิ้นส่วนสำคัญ ✅ ผลกระทบต่อพลเรือน ➡️ เหตุโจมตีโรงพยาบาลเด็กในเคียฟปี 2024 เป็นตัวอย่างการใช้ชิ้นส่วนตะวันตกในอาวุธ ✅ ความรับผิดชอบของบริษัทเทคโนโลยี ➡️ หากคดีนี้ชนะ อาจสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการควบคุมการส่งออกทั่วโลก ‼️ ความล้มเหลวของมาตรการคว่ำบาตร ⛔ กว่า 95% ของอาวุธรัสเซียยังคงมีชิ้นส่วนตะวันตก แม้มีข้อห้ามแล้ว ‼️ ความเสี่ยงต่อพลเรือน ⛔ การละเลยการตรวจสอบเส้นทางชิ้นส่วนทำให้พลเรือนยูเครนยังคงตกเป็นเป้าการโจมตี https://www.tomshardware.com/pc-components/amd-intel-and-ti-are-merchants-of-death-says-lawyer-representing-ukrainian-civilians-five-new-suits-complain-that-russian-drones-and-missiles-continue-to-use-high-tech-components-from-these-brands
    0 Comments 0 Shares 65 Views 0 Reviews
  • “คนแปลกหน้าผู้ช่วยชีวิต – ความทรงจำที่ไม่เคยลืม”

    ผู้เขียนเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อกว่า 25 ปีก่อน ขณะกำลังปั่นจักรยานอย่างเพลิดเพลิน แต่เกิดอุบัติเหตุรุนแรงจนกระเด็นตกจากจักรยานและบาดเจ็บสาหัส ทั้งหมดเกิดขึ้นกลางถนนที่มีรถวิ่งผ่านไปมา โชคดีที่มีชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นทันที เขาเป็นแพทย์ฉุกเฉินที่บังเอิญอยู่ตรงนั้นพอดี เขาช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น โทรเรียกรถพยาบาล และแจ้งภรรยาของผู้เขียนอย่างใจเย็น ทำให้ผู้เขียนรอดพ้นจากสถานการณ์ที่อาจเลวร้ายกว่านี้

    เมื่อถึงโรงพยาบาล ผู้เขียนได้รับการดูแลอย่างดี ได้รับยาแก้ปวดและการรักษาที่เหมาะสม แม้จะต้องผ่าตัดและทำกายภาพบำบัด แต่ความทรงจำที่ชัดเจนที่สุดคือความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้าผู้มีเมตตา ซึ่งผู้เขียนเปรียบเสมือน “เทวดา” ที่มาช่วยในเวลาที่ต้องการที่สุด

    นอกจากเหตุการณ์นั้น ผู้เขียนยังเล่าถึงประสบการณ์อื่น ๆ ที่ได้รับน้ำใจจากคนแปลกหน้า เช่น การได้รับเงิน 100 ดอลลาร์จากชายคนหนึ่งเพื่อไปทานอาหารดี ๆ ระหว่างการเดินทางไกล การได้รับความช่วยเหลือพาไปโรงพยาบาลเมื่อภรรยามีแมลงบินเข้าไปในหู หรือการได้รถรับส่งในวันที่ฝนตกหนัก ทั้งหมดนี้เป็นความทรงจำที่ทำให้ผู้เขียนเชื่อมั่นว่าโลกยังเต็มไปด้วยคนดี

    เรื่องราวเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้ในวันที่รู้สึกสิ้นหวังหรือหมดกำลังใจ การระลึกถึงความเมตตาที่เคยได้รับจากคนแปลกหน้า สามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นในมนุษยชาติและทำให้เรามีกำลังใจเดินหน้าต่อไป

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    ผู้เขียนประสบอุบัติเหตุจักรยานและได้รับความช่วยเหลือจากแพทย์ฉุกเฉินที่บังเอิญอยู่ตรงนั้น
    แพทย์ช่วยปฐมพยาบาล โทรแจ้งภรรยา และอยู่ดูแลจนรถพยาบาลมาถึง
    ผู้เขียนได้รับการรักษาอย่างดี แม้ต้องผ่าตัดและทำกายภาพบำบัด

    ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Internet
    ผู้เขียนเคยได้รับน้ำใจจากคนแปลกหน้าในหลายเหตุการณ์ เช่น การให้เงิน การช่วยพาไปโรงพยาบาล และการให้ที่พักพิงจากฝน
    ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้ผู้เขียนเชื่อมั่นว่าโลกยังเต็มไปด้วยคนดี

    คำเตือน
    อุบัติเหตุจักรยานอาจเกิดขึ้นได้ง่ายหากไม่ระมัดระวัง เช่น การเบรกกะทันหันหรือโซ่หลุด
    การเดินทางไกลโดยไม่มีการเตรียมพร้อม อาจทำให้ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่นในสถานการณ์ฉุกเฉิน
    ไม่ควรคาดหวังว่าจะมีคนแปลกหน้ามาช่วยเสมอไป จึงควรเตรียมอุปกรณ์และแผนฉุกเฉินไว้เอง

    https://louplummer.lol/nice-stranger/
    🚴 “คนแปลกหน้าผู้ช่วยชีวิต – ความทรงจำที่ไม่เคยลืม” ผู้เขียนเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อกว่า 25 ปีก่อน ขณะกำลังปั่นจักรยานอย่างเพลิดเพลิน แต่เกิดอุบัติเหตุรุนแรงจนกระเด็นตกจากจักรยานและบาดเจ็บสาหัส ทั้งหมดเกิดขึ้นกลางถนนที่มีรถวิ่งผ่านไปมา โชคดีที่มีชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นทันที เขาเป็นแพทย์ฉุกเฉินที่บังเอิญอยู่ตรงนั้นพอดี เขาช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น โทรเรียกรถพยาบาล และแจ้งภรรยาของผู้เขียนอย่างใจเย็น ทำให้ผู้เขียนรอดพ้นจากสถานการณ์ที่อาจเลวร้ายกว่านี้ เมื่อถึงโรงพยาบาล ผู้เขียนได้รับการดูแลอย่างดี ได้รับยาแก้ปวดและการรักษาที่เหมาะสม แม้จะต้องผ่าตัดและทำกายภาพบำบัด แต่ความทรงจำที่ชัดเจนที่สุดคือความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้าผู้มีเมตตา ซึ่งผู้เขียนเปรียบเสมือน “เทวดา” ที่มาช่วยในเวลาที่ต้องการที่สุด นอกจากเหตุการณ์นั้น ผู้เขียนยังเล่าถึงประสบการณ์อื่น ๆ ที่ได้รับน้ำใจจากคนแปลกหน้า เช่น การได้รับเงิน 100 ดอลลาร์จากชายคนหนึ่งเพื่อไปทานอาหารดี ๆ ระหว่างการเดินทางไกล การได้รับความช่วยเหลือพาไปโรงพยาบาลเมื่อภรรยามีแมลงบินเข้าไปในหู หรือการได้รถรับส่งในวันที่ฝนตกหนัก ทั้งหมดนี้เป็นความทรงจำที่ทำให้ผู้เขียนเชื่อมั่นว่าโลกยังเต็มไปด้วยคนดี เรื่องราวเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้ในวันที่รู้สึกสิ้นหวังหรือหมดกำลังใจ การระลึกถึงความเมตตาที่เคยได้รับจากคนแปลกหน้า สามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นในมนุษยชาติและทำให้เรามีกำลังใจเดินหน้าต่อไป 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ ผู้เขียนประสบอุบัติเหตุจักรยานและได้รับความช่วยเหลือจากแพทย์ฉุกเฉินที่บังเอิญอยู่ตรงนั้น ➡️ แพทย์ช่วยปฐมพยาบาล โทรแจ้งภรรยา และอยู่ดูแลจนรถพยาบาลมาถึง ➡️ ผู้เขียนได้รับการรักษาอย่างดี แม้ต้องผ่าตัดและทำกายภาพบำบัด ✅ ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Internet ➡️ ผู้เขียนเคยได้รับน้ำใจจากคนแปลกหน้าในหลายเหตุการณ์ เช่น การให้เงิน การช่วยพาไปโรงพยาบาล และการให้ที่พักพิงจากฝน ➡️ ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้ผู้เขียนเชื่อมั่นว่าโลกยังเต็มไปด้วยคนดี ‼️ คำเตือน ⛔ อุบัติเหตุจักรยานอาจเกิดขึ้นได้ง่ายหากไม่ระมัดระวัง เช่น การเบรกกะทันหันหรือโซ่หลุด ⛔ การเดินทางไกลโดยไม่มีการเตรียมพร้อม อาจทำให้ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่นในสถานการณ์ฉุกเฉิน ⛔ ไม่ควรคาดหวังว่าจะมีคนแปลกหน้ามาช่วยเสมอไป จึงควรเตรียมอุปกรณ์และแผนฉุกเฉินไว้เอง https://louplummer.lol/nice-stranger/
    LOUPLUMMER.LOL
    What Is the Nicest Thing A Stranger Has Ever Done for You?
    One of the things I do when I'm feeling blue is to make a mental list of the nice things people have done for me over the years, including perfect strangers.
    0 Comments 0 Shares 71 Views 0 Reviews
  • “Koralm Railway – ทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อม Styria และ Carinthia”

    Koralm Railway เป็นส่วนหนึ่งของ Southern Line Vienna–Villach และถือเป็นโครงการโครงสร้างพื้นฐานระดับยุโรปที่สำคัญที่สุดในปัจจุบัน จุดเด่นคือการเชื่อมต่อเมือง Graz และ Klagenfurt ผ่านเทือกเขา Koralpe โดยใช้เส้นทางใหม่ที่ทันสมัยและปลอดภัย ทำให้เวลาเดินทางลดลงจากเดิมประมาณ 3 ชั่วโมงเหลือเพียง 45 นาที ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบขนส่งของออสเตรีย

    นอกจากการเดินทางที่รวดเร็วขึ้นแล้ว โครงการนี้ยังช่วยให้การเข้าถึงพื้นที่ Western Styria และ Southern Carinthia สะดวกขึ้น รวมถึงเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ฮังการี และ อิตาลี ได้ง่ายขึ้น ทำให้ Koralm Railway กลายเป็นส่วนหนึ่งของ Baltic-Adriatic Corridor ซึ่งเป็นเส้นทางเศรษฐกิจสำคัญของยุโรป

    ในเชิงเศรษฐกิจ การก่อสร้างเส้นทางใหม่นี้ช่วยสร้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยมีการสร้างสถานีและจุดหยุดใหม่กว่า 23 แห่ง พร้อมทั้งโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น อุโมงค์ยาว 50 กิโลเมตร และ สะพานกว่า 100 แห่ง รวมระยะทางทั้งหมด 130 กิโลเมตร

    ด้านสิ่งแวดล้อม Koralm Railway ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เนื่องจากการขนส่งสินค้าทางรถไฟปล่อย CO₂ น้อยกว่าการขนส่งด้วยรถบรรทุกถึง 15 เท่า ทำให้โครงการนี้ไม่เพียงแต่เป็นการลงทุนด้านการเดินทาง แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของยุโรป

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Koralm Railway เชื่อม Graz–Klagenfurt ลดเวลาเดินทางจาก 3 ชั่วโมงเหลือ 45 นาที
    เป็นส่วนหนึ่งของ Southern Line Vienna–Villach และ Baltic-Adriatic Corridor
    มีอุโมงค์ยาว 50 กม., สะพานกว่า 100 แห่ง และสถานีใหม่ 23 แห่ง
    ระยะทางรวม 130 กม. ถือเป็นโครงการโครงสร้างพื้นฐานใหญ่ระดับยุโรป

    ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Internet
    การขนส่งสินค้าทางรถไฟปล่อย CO₂ น้อยกว่ารถบรรทุกถึง 15 เท่า
    ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างงานในภูมิภาค Styria และ Carinthia
    เชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ฮังการีและอิตาลี

    คำเตือน
    โครงการมีความซับซ้อนสูง ใช้เวลาสร้างหลายปีและต้องลงทุนมหาศาล
    การก่อสร้างอุโมงค์และสะพานอาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่
    หากไม่บริหารจัดการดี อาจเกิดความล่าช้าและต้นทุนบานปลาย

    https://infrastruktur.oebb.at/en/projects-for-austria/railway-lines/southern-line-vienna-villach/koralm-railway
    🚆 “Koralm Railway – ทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อม Styria และ Carinthia” Koralm Railway เป็นส่วนหนึ่งของ Southern Line Vienna–Villach และถือเป็นโครงการโครงสร้างพื้นฐานระดับยุโรปที่สำคัญที่สุดในปัจจุบัน จุดเด่นคือการเชื่อมต่อเมือง Graz และ Klagenfurt ผ่านเทือกเขา Koralpe โดยใช้เส้นทางใหม่ที่ทันสมัยและปลอดภัย ทำให้เวลาเดินทางลดลงจากเดิมประมาณ 3 ชั่วโมงเหลือเพียง 45 นาที ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบขนส่งของออสเตรีย นอกจากการเดินทางที่รวดเร็วขึ้นแล้ว โครงการนี้ยังช่วยให้การเข้าถึงพื้นที่ Western Styria และ Southern Carinthia สะดวกขึ้น รวมถึงเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ฮังการี และ อิตาลี ได้ง่ายขึ้น ทำให้ Koralm Railway กลายเป็นส่วนหนึ่งของ Baltic-Adriatic Corridor ซึ่งเป็นเส้นทางเศรษฐกิจสำคัญของยุโรป ในเชิงเศรษฐกิจ การก่อสร้างเส้นทางใหม่นี้ช่วยสร้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยมีการสร้างสถานีและจุดหยุดใหม่กว่า 23 แห่ง พร้อมทั้งโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น อุโมงค์ยาว 50 กิโลเมตร และ สะพานกว่า 100 แห่ง รวมระยะทางทั้งหมด 130 กิโลเมตร ด้านสิ่งแวดล้อม Koralm Railway ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เนื่องจากการขนส่งสินค้าทางรถไฟปล่อย CO₂ น้อยกว่าการขนส่งด้วยรถบรรทุกถึง 15 เท่า ทำให้โครงการนี้ไม่เพียงแต่เป็นการลงทุนด้านการเดินทาง แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของยุโรป 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Koralm Railway เชื่อม Graz–Klagenfurt ลดเวลาเดินทางจาก 3 ชั่วโมงเหลือ 45 นาที ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของ Southern Line Vienna–Villach และ Baltic-Adriatic Corridor ➡️ มีอุโมงค์ยาว 50 กม., สะพานกว่า 100 แห่ง และสถานีใหม่ 23 แห่ง ➡️ ระยะทางรวม 130 กม. ถือเป็นโครงการโครงสร้างพื้นฐานใหญ่ระดับยุโรป ✅ ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Internet ➡️ การขนส่งสินค้าทางรถไฟปล่อย CO₂ น้อยกว่ารถบรรทุกถึง 15 เท่า ➡️ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างงานในภูมิภาค Styria และ Carinthia ➡️ เชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ฮังการีและอิตาลี ‼️ คำเตือน ⛔ โครงการมีความซับซ้อนสูง ใช้เวลาสร้างหลายปีและต้องลงทุนมหาศาล ⛔ การก่อสร้างอุโมงค์และสะพานอาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ ⛔ หากไม่บริหารจัดการดี อาจเกิดความล่าช้าและต้นทุนบานปลาย https://infrastruktur.oebb.at/en/projects-for-austria/railway-lines/southern-line-vienna-villach/koralm-railway
    INFRASTRUKTUR.OEBB.AT
    Koralm railway
    A fast and safe service between Styria and Carinthia: That’s the Koralm Railway. It’s part of the new Southern Line in Austria and one of the most important infrastructure projects in Europe.
    0 Comments 0 Shares 62 Views 0 Reviews
  • “หนีโฆษณาและการติดตามด้วย Dumb TV – คู่มือจาก Ars Technica”

    Smart TV ในปัจจุบันมักมาพร้อมระบบปฏิบัติการที่ฝังโฆษณาและฟังก์ชันติดตามพฤติกรรมผู้ใช้ ทำให้หลายคนเริ่มมองหา Dumb TV หรือทางเลือกอื่นที่ไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว อย่างไรก็ตาม Dumb TV กลายเป็นสินค้าที่หายาก เนื่องจากผู้ผลิตทีวีส่วนใหญ่พึ่งพารายได้จากโฆษณาและข้อมูลผู้ใช้

    หนึ่งในคำแนะนำหลักคือการใช้ Apple TV box แทนระบบ Smart TV โดย Apple มีชื่อเสียงด้านการรักษาข้อมูลในระบบปิด และไม่มีฟังก์ชัน Automatic Content Recognition (ACR) ที่คอยติดตามสิ่งที่ผู้ใช้ดู นอกจากนี้ Apple TV ยังรองรับการสตรีม 4K/HDR ได้อย่างเสถียรและใช้งานง่ายสำหรับทุกคนในบ้าน

    สำหรับผู้ที่ยังอยากได้ Dumb TV จริง ๆ แบรนด์อย่าง Emerson, Westinghouse และ Sceptre ยังมีจำหน่าย แต่คุณภาพภาพและเสียงมักด้อยกว่า Smart TV รุ่นใหม่ ๆ เช่น ไม่มี OLED หรือความละเอียดสูง อีกทางเลือกคือการใช้ โปรเจ็กเตอร์ หรือ มอนิเตอร์คอมพิวเตอร์ ซึ่งไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและให้คุณภาพภาพที่ดีในบางกรณี

    นอกจากนี้ บทความยังแนะนำการใช้ Home Theater PC (HTPC) หรือแม้แต่ เสาอากาศทีวี (TV Antenna) เพื่อดูช่องฟรีโดยไม่ถูกติดตาม ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมสิ่งที่ดูได้โดยไม่ต้องพึ่งพาระบบโฆษณาของ Smart TV

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Smart TV มักมีโฆษณาและระบบติดตามผู้ใช้
    Apple TV เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและใช้งานง่าย
    Dumb TV ยังมีจำหน่ายจาก Emerson, Westinghouse, Sceptre แต่คุณภาพด้อยกว่า
    โปรเจ็กเตอร์และมอนิเตอร์คอมพิวเตอร์เป็นอีกทางเลือกที่ไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
    HTPC และเสาอากาศทีวีช่วยให้ดูคอนเทนต์โดยไม่ถูกติดตาม

    ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Internet
    Apple TV ไม่มี ACR และมีชื่อเสียงด้านการรักษาความเป็นส่วนตัว
    โปรเจ็กเตอร์ที่รองรับ HDCP 2.2 สามารถฉายภาพ 4K/HDR ได้
    เสาอากาศทีวีสมัยใหม่มีดีไซน์บางและสามารถรับช่องดิจิทัลได้หลากหลาย

    คำเตือน
    Dumb TV คุณภาพภาพและเสียงต่ำกว่า Smart TV รุ่นใหม่
    โปรเจ็กเตอร์ต้องใช้ห้องมืดและพื้นที่มาก
    มอนิเตอร์คอมพิวเตอร์ไม่มีฟังก์ชันทีวี เช่น TV tuner
    เสาอากาศทีวีไม่รองรับ 4K/HDR และอาจมีปัญหาสัญญาณในบางพื้นที่

    https://arstechnica.com/gadgets/2025/12/the-ars-technica-guide-to-dumb-tvs/
    📺 “หนีโฆษณาและการติดตามด้วย Dumb TV – คู่มือจาก Ars Technica” Smart TV ในปัจจุบันมักมาพร้อมระบบปฏิบัติการที่ฝังโฆษณาและฟังก์ชันติดตามพฤติกรรมผู้ใช้ ทำให้หลายคนเริ่มมองหา Dumb TV หรือทางเลือกอื่นที่ไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว อย่างไรก็ตาม Dumb TV กลายเป็นสินค้าที่หายาก เนื่องจากผู้ผลิตทีวีส่วนใหญ่พึ่งพารายได้จากโฆษณาและข้อมูลผู้ใช้ หนึ่งในคำแนะนำหลักคือการใช้ Apple TV box แทนระบบ Smart TV โดย Apple มีชื่อเสียงด้านการรักษาข้อมูลในระบบปิด และไม่มีฟังก์ชัน Automatic Content Recognition (ACR) ที่คอยติดตามสิ่งที่ผู้ใช้ดู นอกจากนี้ Apple TV ยังรองรับการสตรีม 4K/HDR ได้อย่างเสถียรและใช้งานง่ายสำหรับทุกคนในบ้าน สำหรับผู้ที่ยังอยากได้ Dumb TV จริง ๆ แบรนด์อย่าง Emerson, Westinghouse และ Sceptre ยังมีจำหน่าย แต่คุณภาพภาพและเสียงมักด้อยกว่า Smart TV รุ่นใหม่ ๆ เช่น ไม่มี OLED หรือความละเอียดสูง อีกทางเลือกคือการใช้ โปรเจ็กเตอร์ หรือ มอนิเตอร์คอมพิวเตอร์ ซึ่งไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและให้คุณภาพภาพที่ดีในบางกรณี นอกจากนี้ บทความยังแนะนำการใช้ Home Theater PC (HTPC) หรือแม้แต่ เสาอากาศทีวี (TV Antenna) เพื่อดูช่องฟรีโดยไม่ถูกติดตาม ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมสิ่งที่ดูได้โดยไม่ต้องพึ่งพาระบบโฆษณาของ Smart TV 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Smart TV มักมีโฆษณาและระบบติดตามผู้ใช้ ➡️ Apple TV เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและใช้งานง่าย ➡️ Dumb TV ยังมีจำหน่ายจาก Emerson, Westinghouse, Sceptre แต่คุณภาพด้อยกว่า ➡️ โปรเจ็กเตอร์และมอนิเตอร์คอมพิวเตอร์เป็นอีกทางเลือกที่ไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ➡️ HTPC และเสาอากาศทีวีช่วยให้ดูคอนเทนต์โดยไม่ถูกติดตาม ✅ ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Internet ➡️ Apple TV ไม่มี ACR และมีชื่อเสียงด้านการรักษาความเป็นส่วนตัว ➡️ โปรเจ็กเตอร์ที่รองรับ HDCP 2.2 สามารถฉายภาพ 4K/HDR ได้ ➡️ เสาอากาศทีวีสมัยใหม่มีดีไซน์บางและสามารถรับช่องดิจิทัลได้หลากหลาย ‼️ คำเตือน ⛔ Dumb TV คุณภาพภาพและเสียงต่ำกว่า Smart TV รุ่นใหม่ ⛔ โปรเจ็กเตอร์ต้องใช้ห้องมืดและพื้นที่มาก ⛔ มอนิเตอร์คอมพิวเตอร์ไม่มีฟังก์ชันทีวี เช่น TV tuner ⛔ เสาอากาศทีวีไม่รองรับ 4K/HDR และอาจมีปัญหาสัญญาณในบางพื้นที่ https://arstechnica.com/gadgets/2025/12/the-ars-technica-guide-to-dumb-tvs/
    ARSTECHNICA.COM
    How to break free from smart TV ads and tracking
    Sick of smart TVs? Here are your best options.
    0 Comments 0 Shares 60 Views 0 Reviews
  • “GNU Unifont – ฟอนต์โอเพนซอร์สที่ครอบคลุม Unicode ทั่วโลก”

    GNU Unifont เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ GNU ที่สร้างขึ้นเพื่อให้มีฟอนต์ที่สามารถแสดงผลตัวอักษรทุกตัวใน Unicode Basic Multilingual Plane (BMP) ซึ่งครอบคลุมกว่า 65,000 โค้ดพอยต์ ตั้งแต่ตัวอักษรละติน กรีก อารบิก ไปจนถึงอักษรจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี จุดประสงค์คือการทำให้ทุกสัญลักษณ์สามารถแสดงผลได้ แม้ในระบบที่ไม่มีฟอนต์เฉพาะ

    นอกจาก BMP แล้ว Unifont ยังมีการขยายไปยัง Supplementary Multilingual Plane (SMP) และ ConScript Unicode Registry (CSUR) ซึ่งรวมถึงอักษรที่สร้างขึ้นโดยชุมชน เช่น Tengwar, Klingon และ Sitelen Pona ทำให้ฟอนต์นี้ไม่เพียงรองรับภาษาธรรมชาติ แต่ยังรวมถึงอักษรที่ถูกคิดค้นขึ้นใหม่เพื่อการทดลองและงานสร้างสรรค์

    ฟอนต์นี้ถูกแจกจ่ายภายใต้ GNU GPLv2+ พร้อมข้อยกเว้นการฝังฟอนต์ (Font Embedding Exception) และ SIL Open Font License (OFL) ทำให้สามารถใช้งานได้ทั้งในเชิงพาณิชย์และโครงการโอเพนซอร์ส โดยมีข้อกำหนดว่าฟอนต์ดัดแปลงต้องเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาตเดียวกัน เพื่อรักษาประโยชน์สาธารณะและให้เครดิตแก่ผู้พัฒนา

    สิ่งที่น่าสนใจคือ Unifont ใช้รูปแบบบิตแมป 16x16 พิกเซล ทำให้สามารถแสดงผลได้ง่ายและรวดเร็ว แต่ก็มีข้อจำกัด เช่น ไม่สามารถรองรับการเรนเดอร์ที่ซับซ้อนของภาษาอินเดียหรืออารบิกได้อย่างสมบูรณ์ จึงถูกมองว่าเป็น “ฟอนต์ทางเลือกสุดท้าย” หากไม่มีฟอนต์ที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ความครอบคลุมและความง่ายในการใช้งานทำให้ Unifont เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักพัฒนาและนักวิจัยด้านภาษาศาสตร์คอมพิวเตอร์

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    GNU Unifont ครอบคลุมตัวอักษรทุกตัวใน Unicode BMP (U+0000..U+FFFF)
    มีการขยายไปยัง SMP และ CSUR รวมถึงอักษรที่สร้างขึ้นใหม่
    แจกจ่ายภายใต้ GNU GPLv2+ และ SIL OFL ทำให้ใช้งานเชิงพาณิชย์ได้

    ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Internet
    ฟอนต์ใช้รูปแบบบิตแมป 16x16 พิกเซล ทำให้แสดงผลได้ง่ายและรวดเร็ว
    มีข้อจำกัดในการเรนเดอร์ภาษาอินเดียและอารบิกที่ซับซ้อน
    ถูกใช้ในงานวิจัยด้านภาษาศาสตร์คอมพิวเตอร์และระบบที่ต้องการความครอบคลุม Unicode

    คำเตือน
    การใช้ Unifont อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความสวยงามหรือการเรนเดอร์ที่ซับซ้อน
    หากนำไปดัดแปลง ต้องเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาตเดียวกันตาม GPL และ OFL
    ฟอนต์นี้ควรใช้เป็น “ทางเลือกสุดท้าย” สำหรับภาษาและสคริปต์ที่ไม่มีฟอนต์เฉพาะ

    https://unifoundry.com/unifont/index.html
    🔤 “GNU Unifont – ฟอนต์โอเพนซอร์สที่ครอบคลุม Unicode ทั่วโลก” GNU Unifont เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ GNU ที่สร้างขึ้นเพื่อให้มีฟอนต์ที่สามารถแสดงผลตัวอักษรทุกตัวใน Unicode Basic Multilingual Plane (BMP) ซึ่งครอบคลุมกว่า 65,000 โค้ดพอยต์ ตั้งแต่ตัวอักษรละติน กรีก อารบิก ไปจนถึงอักษรจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี จุดประสงค์คือการทำให้ทุกสัญลักษณ์สามารถแสดงผลได้ แม้ในระบบที่ไม่มีฟอนต์เฉพาะ นอกจาก BMP แล้ว Unifont ยังมีการขยายไปยัง Supplementary Multilingual Plane (SMP) และ ConScript Unicode Registry (CSUR) ซึ่งรวมถึงอักษรที่สร้างขึ้นโดยชุมชน เช่น Tengwar, Klingon และ Sitelen Pona ทำให้ฟอนต์นี้ไม่เพียงรองรับภาษาธรรมชาติ แต่ยังรวมถึงอักษรที่ถูกคิดค้นขึ้นใหม่เพื่อการทดลองและงานสร้างสรรค์ ฟอนต์นี้ถูกแจกจ่ายภายใต้ GNU GPLv2+ พร้อมข้อยกเว้นการฝังฟอนต์ (Font Embedding Exception) และ SIL Open Font License (OFL) ทำให้สามารถใช้งานได้ทั้งในเชิงพาณิชย์และโครงการโอเพนซอร์ส โดยมีข้อกำหนดว่าฟอนต์ดัดแปลงต้องเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาตเดียวกัน เพื่อรักษาประโยชน์สาธารณะและให้เครดิตแก่ผู้พัฒนา สิ่งที่น่าสนใจคือ Unifont ใช้รูปแบบบิตแมป 16x16 พิกเซล ทำให้สามารถแสดงผลได้ง่ายและรวดเร็ว แต่ก็มีข้อจำกัด เช่น ไม่สามารถรองรับการเรนเดอร์ที่ซับซ้อนของภาษาอินเดียหรืออารบิกได้อย่างสมบูรณ์ จึงถูกมองว่าเป็น “ฟอนต์ทางเลือกสุดท้าย” หากไม่มีฟอนต์ที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ความครอบคลุมและความง่ายในการใช้งานทำให้ Unifont เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักพัฒนาและนักวิจัยด้านภาษาศาสตร์คอมพิวเตอร์ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ GNU Unifont ครอบคลุมตัวอักษรทุกตัวใน Unicode BMP (U+0000..U+FFFF) ➡️ มีการขยายไปยัง SMP และ CSUR รวมถึงอักษรที่สร้างขึ้นใหม่ ➡️ แจกจ่ายภายใต้ GNU GPLv2+ และ SIL OFL ทำให้ใช้งานเชิงพาณิชย์ได้ ✅ ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Internet ➡️ ฟอนต์ใช้รูปแบบบิตแมป 16x16 พิกเซล ทำให้แสดงผลได้ง่ายและรวดเร็ว ➡️ มีข้อจำกัดในการเรนเดอร์ภาษาอินเดียและอารบิกที่ซับซ้อน ➡️ ถูกใช้ในงานวิจัยด้านภาษาศาสตร์คอมพิวเตอร์และระบบที่ต้องการความครอบคลุม Unicode ‼️ คำเตือน ⛔ การใช้ Unifont อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความสวยงามหรือการเรนเดอร์ที่ซับซ้อน ⛔ หากนำไปดัดแปลง ต้องเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาตเดียวกันตาม GPL และ OFL ⛔ ฟอนต์นี้ควรใช้เป็น “ทางเลือกสุดท้าย” สำหรับภาษาและสคริปต์ที่ไม่มีฟอนต์เฉพาะ https://unifoundry.com/unifont/index.html
    0 Comments 0 Shares 62 Views 0 Reviews
  • “OpenAI เปิดตัวระบบ Skills ใน ChatGPT และ Codex CLI”

    OpenAI ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า Skills ลงใน ChatGPT และ Codex CLI โดยแนวคิดนี้เริ่มต้นจาก Anthropic ที่เปิดตัวระบบคล้ายกันในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา “Skill” คือโฟลเดอร์ที่มีไฟล์ Markdown และทรัพยากรเสริม ทำให้โมเดลสามารถใช้งานได้เหมือนปลั๊กอินที่เพิ่มความสามารถเฉพาะด้าน เช่น การทำงานกับสเปรดชีต ไฟล์ Word หรือ PDF

    ใน ChatGPT ระบบ Skills ถูกซ่อนอยู่ในโฟลเดอร์ /home/oai/skills ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ผ่านการสั่งงาน ตัวอย่างเช่นการสร้าง PDF ที่มีการสรุปข้อมูล โดยโมเดลจะอ่านไฟล์ skill.md เพื่อทำตามแนวทางการสร้างเอกสาร และยังสามารถปรับแต่งผลลัพธ์ เช่น เปลี่ยนฟอนต์เมื่อพบว่ามีปัญหากับตัวอักษรพิเศษ

    สำหรับ Codex CLI มีการเพิ่มการรองรับ Skills ผ่านการตั้งค่าในโฟลเดอร์ ~/.codex/skills ผู้ใช้สามารถติดตั้งปลั๊กอินใหม่ได้ง่าย ๆ เช่น การสร้างปลั๊กอิน Datasette ที่เพิ่มฟังก์ชัน cowsay โดยเพียงแค่ใส่โค้ดลงในโฟลเดอร์และเปิดใช้งานด้วยคำสั่ง --enable skills

    สิ่งที่น่าสนใจคือ OpenAI เลือกใช้วิธีการประมวลผล PDF โดยแปลงเป็นภาพ PNG ต่อหน้า แล้วส่งให้โมเดลที่รองรับ Vision วิเคราะห์ เพื่อรักษารูปแบบและกราฟิกที่อาจสูญหายหากใช้การดึงข้อความเพียงอย่างเดียว แนวทางนี้สะท้อนถึงความพยายามในการทำให้โมเดลเข้าใจข้อมูลเชิงโครงสร้างและภาพมากขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    OpenAI เพิ่มระบบ Skills ใน ChatGPT และ Codex CLI
    Skills คือโฟลเดอร์ที่มีไฟล์ Markdown และทรัพยากรเสริม
    ChatGPT ใช้ Skills ในการสร้างและจัดการเอกสาร เช่น PDF, DOCX, Spreadsheets
    Codex CLI รองรับการติดตั้งปลั๊กอินใหม่ผ่านโฟลเดอร์ ~/.codex/skills

    ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Internet
    Anthropic เคยเปิดตัวระบบ Skills ก่อนหน้านี้ และ OpenAI นำแนวคิดมาใช้
    การแปลง PDF เป็น PNG ต่อหน้าเพื่อให้โมเดล Vision วิเคราะห์ เป็นวิธีรักษารูปแบบเอกสาร
    ระบบ Skills อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับการขยายความสามารถของ LLM

    คำเตือน
    การใช้ Skills ต้องระวังเรื่องความปลอดภัยของปลั๊กอินที่ติดตั้งจากภายนอก
    หากไม่มีการกำกับดูแล อาจเกิดการใช้ Skills ที่มีโค้ดไม่ปลอดภัยหรือเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว
    การพึ่งพา Skills ที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ อาจทำให้โมเดลทำงานผิดพลาดหรือสร้างผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด

    https://simonwillison.net/2025/Dec/12/openai-skills/
    🤖 “OpenAI เปิดตัวระบบ Skills ใน ChatGPT และ Codex CLI” OpenAI ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า Skills ลงใน ChatGPT และ Codex CLI โดยแนวคิดนี้เริ่มต้นจาก Anthropic ที่เปิดตัวระบบคล้ายกันในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา “Skill” คือโฟลเดอร์ที่มีไฟล์ Markdown และทรัพยากรเสริม ทำให้โมเดลสามารถใช้งานได้เหมือนปลั๊กอินที่เพิ่มความสามารถเฉพาะด้าน เช่น การทำงานกับสเปรดชีต ไฟล์ Word หรือ PDF ใน ChatGPT ระบบ Skills ถูกซ่อนอยู่ในโฟลเดอร์ /home/oai/skills ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ผ่านการสั่งงาน ตัวอย่างเช่นการสร้าง PDF ที่มีการสรุปข้อมูล โดยโมเดลจะอ่านไฟล์ skill.md เพื่อทำตามแนวทางการสร้างเอกสาร และยังสามารถปรับแต่งผลลัพธ์ เช่น เปลี่ยนฟอนต์เมื่อพบว่ามีปัญหากับตัวอักษรพิเศษ สำหรับ Codex CLI มีการเพิ่มการรองรับ Skills ผ่านการตั้งค่าในโฟลเดอร์ ~/.codex/skills ผู้ใช้สามารถติดตั้งปลั๊กอินใหม่ได้ง่าย ๆ เช่น การสร้างปลั๊กอิน Datasette ที่เพิ่มฟังก์ชัน cowsay โดยเพียงแค่ใส่โค้ดลงในโฟลเดอร์และเปิดใช้งานด้วยคำสั่ง --enable skills สิ่งที่น่าสนใจคือ OpenAI เลือกใช้วิธีการประมวลผล PDF โดยแปลงเป็นภาพ PNG ต่อหน้า แล้วส่งให้โมเดลที่รองรับ Vision วิเคราะห์ เพื่อรักษารูปแบบและกราฟิกที่อาจสูญหายหากใช้การดึงข้อความเพียงอย่างเดียว แนวทางนี้สะท้อนถึงความพยายามในการทำให้โมเดลเข้าใจข้อมูลเชิงโครงสร้างและภาพมากขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ OpenAI เพิ่มระบบ Skills ใน ChatGPT และ Codex CLI ➡️ Skills คือโฟลเดอร์ที่มีไฟล์ Markdown และทรัพยากรเสริม ➡️ ChatGPT ใช้ Skills ในการสร้างและจัดการเอกสาร เช่น PDF, DOCX, Spreadsheets ➡️ Codex CLI รองรับการติดตั้งปลั๊กอินใหม่ผ่านโฟลเดอร์ ~/.codex/skills ✅ ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Internet ➡️ Anthropic เคยเปิดตัวระบบ Skills ก่อนหน้านี้ และ OpenAI นำแนวคิดมาใช้ ➡️ การแปลง PDF เป็น PNG ต่อหน้าเพื่อให้โมเดล Vision วิเคราะห์ เป็นวิธีรักษารูปแบบเอกสาร ➡️ ระบบ Skills อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับการขยายความสามารถของ LLM ‼️ คำเตือน ⛔ การใช้ Skills ต้องระวังเรื่องความปลอดภัยของปลั๊กอินที่ติดตั้งจากภายนอก ⛔ หากไม่มีการกำกับดูแล อาจเกิดการใช้ Skills ที่มีโค้ดไม่ปลอดภัยหรือเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว ⛔ การพึ่งพา Skills ที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ อาจทำให้โมเดลทำงานผิดพลาดหรือสร้างผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด https://simonwillison.net/2025/Dec/12/openai-skills/
    SIMONWILLISON.NET
    OpenAI are quietly adopting skills, now available in ChatGPT and Codex CLI
    One of the things that most excited me about Anthropic’s new Skills mechanism back in October is how easy it looked for other platforms to implement. A skill is just …
    0 Comments 0 Shares 59 Views 0 Reviews
  • “Apple ID ถูกล็อกถาวรจากบัตรของขวัญ – เมื่อชีวิตดิจิทัลพังทลาย”

    กรณีที่ปรากฏในบทความคือผู้ใช้ที่เป็นนักพัฒนาและนักเขียนหนังสือเกี่ยวกับ Apple ถูกล็อก Apple ID หลังจากพยายามใช้บัตรของขวัญมูลค่า 500 ดอลลาร์เพื่อชำระค่าบริการ iCloud+ ขนาด 6TB ผลคือบัญชีถูกปิดถาวร ทำให้สูญเสียการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว ภาพถ่าย และอุปกรณ์กว่า 30,000 ดอลลาร์ที่กลายเป็น “อิฐดิจิทัล” ไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ

    จากข้อมูลเพิ่มเติมในชุมชนผู้ใช้ Apple พบว่าปัญหาการถูกล็อกบัญชีหลังการใช้บัตรของขวัญเกิดขึ้นซ้ำ ๆ หลายกรณี โดย Apple มักอ้างเหตุผลด้านความปลอดภัย เช่น การสงสัยว่ามีการละเมิดเงื่อนไข หรือการใช้รหัสที่ถูกมองว่าไม่ถูกต้อง แม้ผู้ใช้จะยืนยันความเป็นเจ้าของบัญชีแล้วก็ตาม แต่การปลดล็อกกลับทำได้ยากมาก

    นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า Apple ID อาจถูกล็อกชั่วคราวหรือถาวรจากหลายสาเหตุ เช่น การพิมพ์รหัสผิดหลายครั้ง การใช้บัตรเครดิตหมดอายุ หรือการเข้าสู่ระบบจากอุปกรณ์/ประเทศที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งระบบอัตโนมัติของ Apple จะตีความว่าเป็นกิจกรรมที่น่าสงสัยและบังคับล็อกเพื่อป้องกันการโจรกรรมข้อมูล แต่ผลลัพธ์คือผู้ใช้ที่สุจริตกลับต้องเผชิญกับการสูญเสียการเข้าถึงบริการทั้งหมด

    สิ่งที่น่ากังวลคือ หากบัญชีถูกปิดถาวร ผู้ใช้ไม่เพียงเสียสิทธิ์การเข้าถึงบริการ แต่ยังเสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลสำคัญ เช่น รูปถ่าย ข้อความ และการซื้อแอปพลิเคชันที่เคยจ่ายเงินไปแล้ว ซึ่งทำให้เกิดคำถามใหญ่ต่อความสมดุลระหว่าง “ความปลอดภัย” และ “สิทธิของผู้ใช้” ในระบบนิเวศของ Apple

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    ผู้ใช้ถูกล็อก Apple ID หลังใช้บัตรของขวัญ 500 ดอลลาร์เพื่อชำระ iCloud+
    สูญเสียการเข้าถึงข้อมูล รูปถ่าย และอุปกรณ์กว่า 30,000 ดอลลาร์
    Apple Support ไม่สามารถให้คำตอบหรือปลดล็อกได้ และแนะนำให้สร้างบัญชีใหม่

    ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Internet
    ปัญหานี้เกิดขึ้นบ่อยในชุมชนผู้ใช้ Apple โดยเฉพาะเมื่อใช้บัตรของขวัญ
    Apple ID อาจถูกล็อกจากสาเหตุอื่น เช่น บัตรเครดิตหมดอายุ หรือเข้าสู่ระบบจากอุปกรณ์แปลกใหม่
    การปลดล็อกต้องผ่านกระบวนการยืนยันตัวตนที่ซับซ้อน และบางครั้งไม่สำเร็จ

    คำเตือน
    หาก Apple ID ถูกปิดถาวร ผู้ใช้จะสูญเสียสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลและการซื้อทั้งหมด
    การสร้างบัญชีใหม่อาจถูกเชื่อมโยงกับบัญชีเดิมและถูกล็อกซ้ำ
    การพยายามปลดล็อกด้วยวิธีที่ไม่เป็นทางการ เช่น เครื่องมือของบุคคลที่สาม อาจละเมิดเงื่อนไขและเสี่ยงต่อความปลอดภัย

    https://hey.paris/posts/appleid/
    📰 “Apple ID ถูกล็อกถาวรจากบัตรของขวัญ – เมื่อชีวิตดิจิทัลพังทลาย” กรณีที่ปรากฏในบทความคือผู้ใช้ที่เป็นนักพัฒนาและนักเขียนหนังสือเกี่ยวกับ Apple ถูกล็อก Apple ID หลังจากพยายามใช้บัตรของขวัญมูลค่า 500 ดอลลาร์เพื่อชำระค่าบริการ iCloud+ ขนาด 6TB ผลคือบัญชีถูกปิดถาวร ทำให้สูญเสียการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว ภาพถ่าย และอุปกรณ์กว่า 30,000 ดอลลาร์ที่กลายเป็น “อิฐดิจิทัล” ไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ จากข้อมูลเพิ่มเติมในชุมชนผู้ใช้ Apple พบว่าปัญหาการถูกล็อกบัญชีหลังการใช้บัตรของขวัญเกิดขึ้นซ้ำ ๆ หลายกรณี โดย Apple มักอ้างเหตุผลด้านความปลอดภัย เช่น การสงสัยว่ามีการละเมิดเงื่อนไข หรือการใช้รหัสที่ถูกมองว่าไม่ถูกต้อง แม้ผู้ใช้จะยืนยันความเป็นเจ้าของบัญชีแล้วก็ตาม แต่การปลดล็อกกลับทำได้ยากมาก นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า Apple ID อาจถูกล็อกชั่วคราวหรือถาวรจากหลายสาเหตุ เช่น การพิมพ์รหัสผิดหลายครั้ง การใช้บัตรเครดิตหมดอายุ หรือการเข้าสู่ระบบจากอุปกรณ์/ประเทศที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งระบบอัตโนมัติของ Apple จะตีความว่าเป็นกิจกรรมที่น่าสงสัยและบังคับล็อกเพื่อป้องกันการโจรกรรมข้อมูล แต่ผลลัพธ์คือผู้ใช้ที่สุจริตกลับต้องเผชิญกับการสูญเสียการเข้าถึงบริการทั้งหมด สิ่งที่น่ากังวลคือ หากบัญชีถูกปิดถาวร ผู้ใช้ไม่เพียงเสียสิทธิ์การเข้าถึงบริการ แต่ยังเสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลสำคัญ เช่น รูปถ่าย ข้อความ และการซื้อแอปพลิเคชันที่เคยจ่ายเงินไปแล้ว ซึ่งทำให้เกิดคำถามใหญ่ต่อความสมดุลระหว่าง “ความปลอดภัย” และ “สิทธิของผู้ใช้” ในระบบนิเวศของ Apple 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ ผู้ใช้ถูกล็อก Apple ID หลังใช้บัตรของขวัญ 500 ดอลลาร์เพื่อชำระ iCloud+ ➡️ สูญเสียการเข้าถึงข้อมูล รูปถ่าย และอุปกรณ์กว่า 30,000 ดอลลาร์ ➡️ Apple Support ไม่สามารถให้คำตอบหรือปลดล็อกได้ และแนะนำให้สร้างบัญชีใหม่ ✅ ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Internet ➡️ ปัญหานี้เกิดขึ้นบ่อยในชุมชนผู้ใช้ Apple โดยเฉพาะเมื่อใช้บัตรของขวัญ ➡️ Apple ID อาจถูกล็อกจากสาเหตุอื่น เช่น บัตรเครดิตหมดอายุ หรือเข้าสู่ระบบจากอุปกรณ์แปลกใหม่ ➡️ การปลดล็อกต้องผ่านกระบวนการยืนยันตัวตนที่ซับซ้อน และบางครั้งไม่สำเร็จ ‼️ คำเตือน ⛔ หาก Apple ID ถูกปิดถาวร ผู้ใช้จะสูญเสียสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลและการซื้อทั้งหมด ⛔ การสร้างบัญชีใหม่อาจถูกเชื่อมโยงกับบัญชีเดิมและถูกล็อกซ้ำ ⛔ การพยายามปลดล็อกด้วยวิธีที่ไม่เป็นทางการ เช่น เครื่องมือของบุคคลที่สาม อาจละเมิดเงื่อนไขและเสี่ยงต่อความปลอดภัย https://hey.paris/posts/appleid/
    HEY.PARIS
    20 Years of Digital Life, Gone in an Instant, thanks to Apple
    Summary: A major brick-and-mortar store sold an Apple Gift Card that Apple seemingly took offence to, and locked out my entire Apple ID, effectively bricking my devices and my iCloud Account, Apple Developer ID, and everything associated with it, and I have no recourse. Can you help? Email paris AT paris.id.au (and read on for the details). ❤️ Here’s how Apple “Permanently” locked my Apple ID. I am writing this as a desperate measure.
    0 Comments 0 Shares 52 Views 0 Reviews
More Results