• "จีนบรรลุหมุดหมายด้านพลังงานอิสระ ด้วยการสร้างยูเรเนียมจากธอเรียม"

    สถาบันวิจัยของจีนได้ยืนยันความสำเร็จในการสร้างยูเรเนียมจากธอเรียมผ่านกระบวนการฟิชชัน ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่สามารถเปลี่ยนทรัพยากรที่มีอยู่มากในประเทศให้กลายเป็นเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่ใช้ได้จริง ความสำเร็จนี้ถูกมองว่าเป็นการลดการพึ่งพาการนำเข้ายูเรเนียมจากต่างประเทศ และช่วยเสริมความมั่นคงทางพลังงานในระยะยาว

    นวัตกรรมฟิชชันและความยั่งยืน
    การเพาะพันธุ์ยูเรเนียมจากธอเรียมถือเป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพสูง เนื่องจากธอเรียมมีปริมาณมากในธรรมชาติและสามารถนำมาใช้แทนยูเรเนียมที่มีจำกัด กระบวนการนี้ไม่เพียงแต่สร้างเชื้อเพลิงใหม่ แต่ยังช่วยลดปัญหากากนิวเคลียร์ที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้จีนถูกมองว่าเป็นผู้นำด้านพลังงานนิวเคลียร์สะอาดในอนาคต

    ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์
    ความสำเร็จนี้อาจเปลี่ยนแปลงสมดุลพลังงานโลก เนื่องจากจีนสามารถลดการนำเข้ายูเรเนียมจากประเทศผู้ผลิตหลัก เช่น คาซัคสถาน แคนาดา และออสเตรเลีย การพึ่งพาตนเองด้านพลังงานจะช่วยให้จีนมีอำนาจต่อรองมากขึ้นในเวทีโลก และยังเป็นการสนับสนุนเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนตามข้อตกลง Paris Agreement

    ความท้าทายและข้อกังวล
    แม้เทคโนโลยีนี้จะมีศักยภาพสูง แต่ก็ยังมีข้อกังวลเรื่อง ความปลอดภัยของโรงงานนิวเคลียร์ และการจัดการกากนิวเคลียร์ที่ยังคงเป็นความเสี่ยง หากไม่มีมาตรการควบคุมที่เข้มงวด อาจเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชน นอกจากนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวยังอาจนำไปสู่การแข่งขันด้านนิวเคลียร์ระหว่างประเทศ

    สรุปสาระสำคัญ
    ความสำเร็จของจีน
    เพาะพันธุ์ยูเรเนียมจากธอเรียมผ่านนวัตกรรมฟิชชัน
    ลดการพึ่งพาการนำเข้ายูเรเนียมจากต่างประเทศ

    ข้อดีของเทคโนโลยี
    ใช้ธอเรียมที่มีปริมาณมากในธรรมชาติ
    ลดปัญหากากนิวเคลียร์และสนับสนุนพลังงานสะอาด

    ผลกระทบระดับโลก
    เปลี่ยนสมดุลพลังงานโลกและเพิ่มอำนาจต่อรองของจีน
    สนับสนุนเป้าหมายลดคาร์บอนตาม Paris Agreement

    คำเตือนและความเสี่ยง
    ความปลอดภัยของโรงงานนิวเคลียร์ยังเป็นข้อกังวล
    อาจนำไปสู่การแข่งขันด้านนิวเคลียร์ระหว่างประเทศ

    https://www.scmp.com/news/china/science/article/3331312/china-reaches-energy-independence-milestone-breeding-uranium-thorium
    ⚛️ "จีนบรรลุหมุดหมายด้านพลังงานอิสระ ด้วยการสร้างยูเรเนียมจากธอเรียม" สถาบันวิจัยของจีนได้ยืนยันความสำเร็จในการสร้างยูเรเนียมจากธอเรียมผ่านกระบวนการฟิชชัน ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่สามารถเปลี่ยนทรัพยากรที่มีอยู่มากในประเทศให้กลายเป็นเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่ใช้ได้จริง ความสำเร็จนี้ถูกมองว่าเป็นการลดการพึ่งพาการนำเข้ายูเรเนียมจากต่างประเทศ และช่วยเสริมความมั่นคงทางพลังงานในระยะยาว 🔬 นวัตกรรมฟิชชันและความยั่งยืน การเพาะพันธุ์ยูเรเนียมจากธอเรียมถือเป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพสูง เนื่องจากธอเรียมมีปริมาณมากในธรรมชาติและสามารถนำมาใช้แทนยูเรเนียมที่มีจำกัด กระบวนการนี้ไม่เพียงแต่สร้างเชื้อเพลิงใหม่ แต่ยังช่วยลดปัญหากากนิวเคลียร์ที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้จีนถูกมองว่าเป็นผู้นำด้านพลังงานนิวเคลียร์สะอาดในอนาคต 🌍 ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ ความสำเร็จนี้อาจเปลี่ยนแปลงสมดุลพลังงานโลก เนื่องจากจีนสามารถลดการนำเข้ายูเรเนียมจากประเทศผู้ผลิตหลัก เช่น คาซัคสถาน แคนาดา และออสเตรเลีย การพึ่งพาตนเองด้านพลังงานจะช่วยให้จีนมีอำนาจต่อรองมากขึ้นในเวทีโลก และยังเป็นการสนับสนุนเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนตามข้อตกลง Paris Agreement 🚨 ความท้าทายและข้อกังวล แม้เทคโนโลยีนี้จะมีศักยภาพสูง แต่ก็ยังมีข้อกังวลเรื่อง ความปลอดภัยของโรงงานนิวเคลียร์ และการจัดการกากนิวเคลียร์ที่ยังคงเป็นความเสี่ยง หากไม่มีมาตรการควบคุมที่เข้มงวด อาจเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชน นอกจากนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวยังอาจนำไปสู่การแข่งขันด้านนิวเคลียร์ระหว่างประเทศ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ความสำเร็จของจีน ➡️ เพาะพันธุ์ยูเรเนียมจากธอเรียมผ่านนวัตกรรมฟิชชัน ➡️ ลดการพึ่งพาการนำเข้ายูเรเนียมจากต่างประเทศ ✅ ข้อดีของเทคโนโลยี ➡️ ใช้ธอเรียมที่มีปริมาณมากในธรรมชาติ ➡️ ลดปัญหากากนิวเคลียร์และสนับสนุนพลังงานสะอาด ✅ ผลกระทบระดับโลก ➡️ เปลี่ยนสมดุลพลังงานโลกและเพิ่มอำนาจต่อรองของจีน ➡️ สนับสนุนเป้าหมายลดคาร์บอนตาม Paris Agreement ‼️ คำเตือนและความเสี่ยง ⛔ ความปลอดภัยของโรงงานนิวเคลียร์ยังเป็นข้อกังวล ⛔ อาจนำไปสู่การแข่งขันด้านนิวเคลียร์ระหว่างประเทศ https://www.scmp.com/news/china/science/article/3331312/china-reaches-energy-independence-milestone-breeding-uranium-thorium
    WWW.SCMP.COM
    China reaches energy independence milestone by ‘breeding’ uranium from thorium
    Chinese research institute confirms success of fission-based innovation that is poised to reshape clean, sustainable nuclear power.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD ประกาศเปลี่ยน FidelityFX Super Resolution (FSR) ให้เหลือเพียง “FSR”

    AMD ยืนยันว่าแบรนด์ FidelityFX Super Resolution จะถูกยกเลิก และใช้ชื่อสั้น ๆ ว่า FSR แทน แม้ชื่อเดิมจะมีความหมายชัดเจน แต่การเปลี่ยนครั้งนี้สะท้อนว่า FSR ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การ “อัปสเกลภาพ” อีกต่อไป แต่จะครอบคลุมหลายเทคโนโลยีกราฟิก

    Fluid Motion Frames → FSR Frame Generation
    เทคโนโลยี FMF (Fluid Motion Frames) ที่เคยใช้ในการสร้างเฟรมเสมือนเพื่อเพิ่มความลื่นไหล ถูกรีแบรนด์ใหม่เป็น FSR Frame Generation เพื่อรวมเข้ากับชุด FSR Redstone ทำให้ผู้ใช้เข้าใจง่ายขึ้นว่าเป็นส่วนหนึ่งของ FSR ecosystem

    เทคโนโลยีใหม่ใน FSR Redstone
    AMD เปิดเผยว่า FSR Redstone จะมี 4 เทคโนโลยีหลัก ได้แก่
    FSR 4 Upscaling – รุ่นใหม่ของการอัปสเกลภาพ
    FSR Ray Regeneration – คู่แข่งของ Nvidia DLSS Ray Reconstruction
    FSR Frame Generation – การสร้างเฟรมเสมือน (เดิม FMF)
    FSR Radiance Caching – ใช้ AI คำนวณการสะท้อนและการกระจายแสง

    ความหมายต่ออนาคตเกมกราฟิก
    การเปลี่ยนชื่อครั้งนี้สะท้อนว่า AMD ต้องการสร้างแบรนด์ FSR ให้เป็นศูนย์กลางของเทคโนโลยีกราฟิกทั้งหมด ไม่ใช่แค่การอัปสเกลภาพ แต่รวมถึงการเรนเดอร์แสง เฟรม และการใช้ AI เพื่อยกระดับคุณภาพภาพในเกมยุคใหม่

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การเปลี่ยนชื่อแบรนด์
    FidelityFX Super Resolution → FSR
    ลดความยาวชื่อและรวมเทคโนโลยี

    การรีแบรนด์ FMF
    Fluid Motion Frames → FSR Frame Generation
    รวมเข้ากับ FSR Redstone

    เทคโนโลยีใน FSR Redstone
    FSR 4 Upscaling
    FSR Ray Regeneration
    FSR Frame Generation
    FSR Radiance Caching

    ความหมายต่ออนาคต
    FSR กลายเป็นแบรนด์หลักของ AMD ด้านกราฟิก
    แข่งตรงกับ Nvidia DLSS และเทคโนโลยีเรนเดอร์ AI

    คำเตือนจากข้อมูลข่าว
    การเปลี่ยนชื่ออาจทำให้ผู้ใช้สับสนว่า FSR หมายถึงอะไร
    คุณภาพของ FSR ยังถูกวิจารณ์ว่า “ด้อยกว่า DLSS” ในบางเกม

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amd-ditches-fidelityfx-in-favor-of-apparently-meaningless-fsr-branding-fluid-motion-frames-also-renamed-to-fmf
    🥱 AMD ประกาศเปลี่ยน FidelityFX Super Resolution (FSR) ให้เหลือเพียง “FSR” AMD ยืนยันว่าแบรนด์ FidelityFX Super Resolution จะถูกยกเลิก และใช้ชื่อสั้น ๆ ว่า FSR แทน แม้ชื่อเดิมจะมีความหมายชัดเจน แต่การเปลี่ยนครั้งนี้สะท้อนว่า FSR ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การ “อัปสเกลภาพ” อีกต่อไป แต่จะครอบคลุมหลายเทคโนโลยีกราฟิก 🎮 Fluid Motion Frames → FSR Frame Generation เทคโนโลยี FMF (Fluid Motion Frames) ที่เคยใช้ในการสร้างเฟรมเสมือนเพื่อเพิ่มความลื่นไหล ถูกรีแบรนด์ใหม่เป็น FSR Frame Generation เพื่อรวมเข้ากับชุด FSR Redstone ทำให้ผู้ใช้เข้าใจง่ายขึ้นว่าเป็นส่วนหนึ่งของ FSR ecosystem ⚡ เทคโนโลยีใหม่ใน FSR Redstone AMD เปิดเผยว่า FSR Redstone จะมี 4 เทคโนโลยีหลัก ได้แก่ 🎗️ FSR 4 Upscaling – รุ่นใหม่ของการอัปสเกลภาพ 🎗️ FSR Ray Regeneration – คู่แข่งของ Nvidia DLSS Ray Reconstruction 🎗️ FSR Frame Generation – การสร้างเฟรมเสมือน (เดิม FMF) 🎗️ FSR Radiance Caching – ใช้ AI คำนวณการสะท้อนและการกระจายแสง 🔮 ความหมายต่ออนาคตเกมกราฟิก การเปลี่ยนชื่อครั้งนี้สะท้อนว่า AMD ต้องการสร้างแบรนด์ FSR ให้เป็นศูนย์กลางของเทคโนโลยีกราฟิกทั้งหมด ไม่ใช่แค่การอัปสเกลภาพ แต่รวมถึงการเรนเดอร์แสง เฟรม และการใช้ AI เพื่อยกระดับคุณภาพภาพในเกมยุคใหม่ 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การเปลี่ยนชื่อแบรนด์ ➡️ FidelityFX Super Resolution → FSR ➡️ ลดความยาวชื่อและรวมเทคโนโลยี ✅ การรีแบรนด์ FMF ➡️ Fluid Motion Frames → FSR Frame Generation ➡️ รวมเข้ากับ FSR Redstone ✅ เทคโนโลยีใน FSR Redstone ➡️ FSR 4 Upscaling ➡️ FSR Ray Regeneration ➡️ FSR Frame Generation ➡️ FSR Radiance Caching ✅ ความหมายต่ออนาคต ➡️ FSR กลายเป็นแบรนด์หลักของ AMD ด้านกราฟิก ➡️ แข่งตรงกับ Nvidia DLSS และเทคโนโลยีเรนเดอร์ AI ‼️ คำเตือนจากข้อมูลข่าว ⛔ การเปลี่ยนชื่ออาจทำให้ผู้ใช้สับสนว่า FSR หมายถึงอะไร ⛔ คุณภาพของ FSR ยังถูกวิจารณ์ว่า “ด้อยกว่า DLSS” ในบางเกม https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amd-ditches-fidelityfx-in-favor-of-apparently-meaningless-fsr-branding-fluid-motion-frames-also-renamed-to-fmf
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • 40 Genericized Trademarks You Probably Say (And Use) Every Day

    Legally, to trademark something means to make it so that only one company can make money off of something with that name. You might not realize it, but many of the seemingly generic words we use all of the time are or were registered trademarks. This is often a problem for companies who want to avoid their lucrative trademarks being killed by “genericide,” meaning they can no longer claim legal exclusivity to a particular name.

    In general, there are two categories of so-called “genericized trademarks.” Sometimes, a trademark is legally abandoned. This means, for example, that any company can make a bouncy toy called a trampoline. However, a lot of common words are still legally trademarked, which means only one company can use that name. For example, to avoid getting Nickelodeon in trouble with licensing deals, Spongebob and friends have never heard of a Frisbee and must instead play a rousing game of “small plastic disc that you throw.” (Of course, Spongebob wryly notes, “If only small plastic disc that you throw had a shorter, catchier name.”)

    The following list contains 40 common words that have actually been trademarked at some point. The first six have been legally abandoned, meaning they are now generic words. The rest, however, are still on the books, and so you will need to be careful if you ever think about using them to make money.

    If you want to learn more about trademarks and other corporate symbols, check out our handy guide here.

    aspirin
    Last owner: Bayer AG

    The word aspirin is a combination of acetyl, spirea, and the suffix -in that is commonly used in the names of many drugs.

    heroin
    Last owner: Bayer AG

    The drug heroin is said to have been named for the German word heroisch, which translates to “heroic.” It is often thought that the name was inspired by the euphoric feelings a person has when taking this now illegal drug.

    escalator
    Last owner: Otis Elevator Company

    The escalator was named by patent owner Charles Seeberger, who is believed to have combined the English word elevator with the Latin word scala, meaning “stairs.”

    granola
    Last owners: Our Home Granula Company (granula) and Kellogg’s (granola)

    Originally called granula, granola was invented by James Caleb Jackson, who is also often credited as the inventor of dry cereal. It is thought that Jackson took the name either from the English word granular (“grainy”) or the Latin grānum, meaning “grain.”

    Saran wrap
    Last Owner: S.C. Johnson & Son, Inc.

    Saran wrap was originally created by the Dow Chemical Company in 1933. The saran in Saran wrap comes from a combination of the first names of Dow employee John Reilly’s daughter and wife, Sarah and Ann.

    trampoline
    Last Owner: Griswold-Nissen Trampoline & Tumbling Company

    According to inventor George Nissen, the trampoline’s name was inspired by the Spanish word trampolín, which means “diving board.”

    AstroTurf
    Owner: Sport Group

    According to Sport Group, Astroturf is named for the Houston Astrodome, where it was first used as a grass replica. The Astrodome’s name comes from the baseball team that plays there, the Houston Astros.

    Band-Aid
    Owner: Johnson & Johnson

    Band-Aid adhesive bandages were invented by Earle Dickinson in 1920 for his wife, Josephine. Although we don’t know for certain, the name is most likely a combination of the words bandage and aid.

    Bubble Wrap
    Owner: Sealed Air Corporation

    Bubble Wrap was invented in 1957 by Alfred Fielding and Marc Chavannes, who originally intended to use it as wallpaper. The name is most likely a combination of the words bubble and wrap.

    Frisbee
    Owner: Wham-O

    The name Frisbee was inspired by an Old Connecticut Bakery, the Frisbie Pie Company. Allegedly, college students had popularly referred to Wham-O’s Pluto Platter toys as “Frisbies,” which would motivate the toymaker to change the name.

    Hacky Sack
    Owner: Wham-O

    The game of Hacky Sack, called footbag by anyone who isn’t Wham-O, was invented by John Stalberger and Mike Mitchell in 1972. Allegedly, the two friends would say “Let’s hack the sack” before playing the game, which would be the inspiration for their trademark.

    Hula-Hoop
    Owner: Wham-O

    The Hula-Hoop was patented by Wham-O in 1963. As you could probably guess, the hoop-shaped toy was named after the Hawaiian hula dance because of the hip movements needed to keep the toy from falling to the ground.

    Jacuzzi
    Owner: Jacuzzi Inc.

    The Jacuzzi is named after Italian inventor Candido Jacuzzi, who invented the whirlpool bath in 1949.

    Jeep
    Owner: Chrysler Group LLC

    Fascinatingly, even the current owner of the Jeep trademark, Chrysler, is unsure of where the name originally came from. The most popular theory is that the vehicle was named after Eugene the Jeep, a character from the Popeye series of comic strips.

    Jet Ski
    Owner: Kawasaki Heavy Industries Ltd.

    According to Kawasaki, the first Jet Ski was developed in 1972 based on the designs of American inventor Clayton Jacobson II. It seems likely that the name Jet Ski uses the words jet and ski to reference how the vehicle quickly skates across the surface of water.

    JumboTron
    Owner: Sony Corporation

    The Sony JumboTron debuted in 1985, but similar large screens had been developed by Japanese companies as early as 1980. The name is likely a combination of the adjective jumbo, meaning very large, and the combining form -tron, which is sometimes used in the names of electronics.

    Kleenex
    Owner: Kimberly-Clark Corporation

    Kleenex brand tissues debuted in 1924. According to the Kleenex website, the name Kleenex is a combination of an alternate spelling of the word clean (“Kleen”) and the ending “ex” from Kotex, a feminine hygiene brand name still owned by the Kimberly-Clark Corporation.

    Mace
    Owner: Mace Security International, Inc.

    The brand of pepper spray known as Mace or Chemical Mace was invented in 1965. According to both the Mace company and newspaper reports from the time, the name Mace was inspired by the fact that getting sprayed in the face with Mace was said to be as unpleasant as being hit in the face with a medieval mace, a spiked weapon.

    Magic Marker
    Owner: Bic Corporation

    The name Magic Marker is said to have been coined by Sidney Rosenthal, who is also credited with inventing the felt-tip pen in 1952. According to Crayola, Magic Marker was inspired by the fact that the “magical” device could make marks on any surface.

    Muzak
    Owner: Muzak LLC

    The creation of Muzak is credited to—or perhaps blamed on—Major General George O. Squier, who developed a way to transmit music through electric wires in the 1920s. According to most sources, Squier named his company Muzak by combining the first syllable of the word music with the end syllable of Kodak, a major American photography company.

    Onesie
    Owner: Gerber Childrenswear LLC

    Although Gerber legally only owns the trademark of the plural Onesies, they have successfully (and aggressively) enforced their trademark over the singular onesie as well. The name is a combination of the word one, referring to a one-piece garment, and the cutesy-sounding suffix -sie.

    Ping-pong
    Owner: Indian Industries, Inc.

    Surprisingly, the trademarked name ping-pong may actually be older than the generic table tennis, which is the official name of the game. The name ping-pong has been used since at least the 1800s, and the name was inspired by the sound that the ball makes when hit with paddles.

    Plexiglas
    Owner: Trinseo

    The origin of the name Plexiglas, often incorrectly written as plexiglass, is unknown. According to the Plexiglas website, Plexiglas was named after one of inventor Otto Röhm’s earlier products known as “Plexigum,” but beyond that the trail goes cold.

    Popsicle
    Owner: Conopco, Inc.

    The idea of “frozen ice juice on a stick” is credited to Frank Epperson. Epperson originally named the treat after himself and called it an “Epsicle” with the “-sicle” coming from icicle. Epperson’s children were not fans of the name and instead called them “Pop’s sicles.” In the end, Epperson sided with his children and patented his invention as the Popsicle.

    Post-it Note
    Owner: Minnesota Mining and Manufacturing Company (3M)

    3M credits the creation of the Post-it Note to scientists Spencer Silver and Art Fry. The name refers to the fact that the adhesive paper notes can be posted (stuck) wherever you want. An added bit of legal fun: 3M also legally owns the “Canary Yellow” color that many Post-it Notes typically have.

    Q-tip
    Owner: Conopco, Inc.

    The cotton swabs known as Q-tips originally had the very unmarketable name of “Baby Gays.” The name was quickly switched to Q-tips in 1926. According to the Q-tips website, the Q stands for quality, and the tip refers to the cotton tip at the end of the swab.

    Realtor
    Owner: National Association of Realtors

    Legally, only people who belong to the National Association of Realtors can use the trademarked name Realtor. The term Realtor is credited to Charles N. Chadbourn, and it is a combination of the word realty, meaning real estate, and the suffix -or, indicating a person related to something (in this case, real estate).

    Rollerblade
    Owner: Tecnica Group S.P.A.

    This trademarked brand of roller skates was created by inventor Scott Olson in the 1980s. The name Rollerblade references the fact that Olson’s roller skates were based on ice skates with wheels instead of blades.

    Sheetrock
    Owner: United States Gypsum Company

    The particular brand of drywall or gypsum boards known as Sheetrock seems to have a straightforward name: Sheetrock makes boards (“sheets”) of gypsum, a mineral (a “rock”).

    Skee-Ball
    Owner: Bay Tek Entertainment, Inc.

    The game of Skee-Ball was invented by Joseph Fourestier Simpson in the early 1900s. The name is a combination of the word ball and skee (an uncommon variant of the word ski) in reference to the ski jump-like ramp that the balls roll off of.

    Styrofoam
    Owner: DDP Specialty Electronic Materials Us, Inc.

    Styrofoam’s name is a reference to the chemistry used to make it. Styrofoam is a plastic foam made from polystyrene.

    Super Glue
    Owner: The Original Super Glue Corporation/Pacer Technology

    Super Glue was named by its inventor Dr. Harry Coover, who discovered it in 1942. The marketable name combines the word glue with the word super, referencing how incredibly sticky it is.

    Taser
    Owner: Axon Enterprise Inc.

    The Taser was invented in the 1970s by Jack Cover. The name Taser is an acronym of “Tom A. Swift Electric Rifle,” a reference to the Tom Swift series of books about an inventor that Cover enjoyed as a child.

    Tarmac
    Owner: Tarmac

    The name Tarmac is a shortening of tarmacadam, an asphalt-like paving material made of tar and crushed stones.

    Teflon
    Owner: The Chemours Company

    The name Teflon is a short, marketable word that refers to what Teflon is made of: polytetrafluoroethylene.

    Velcro
    Owner: Velcro IP Holdings LLC

    Velcro was invented and named by Swiss engineer George de Mestrel. De Mestrel got the name Velcro from a combination of the French words velour and crochet, referencing the fact that his new material resembled “hooked velvet.”

    Xerox
    Owner: Xerox Corporation

    The name Xerox comes from the word xerography, a specific type of printing technology. Xerography is formed from xero-, meaning “dry,” and –graphy, which denotes a form of artistry.

    Zamboni
    Owner: Frank J. Zamboni & Company, Inc.

    The ice surfacing machine known as a Zamboni is named after its Italian inventor, Frank Zamboni.

    The last two names on our list are fairly modern and are both closely associated with large companies that aggressively protect their trademarks. However, they are both commonly used as generic verbs, which may make it less likely that future generations know who the trademark owners are.

    Google
    Owner: Alphabet Inc. (Google’s new parent company)

    The name Google is based on a misspelling of the mathematical term googol, a number equal to one with 100 zeros. The story goes that Google developer Larry Page suggested the name “Googol” for a new search engine to fellow Stanford graduate Sean Anderson. Anderson misspelled the word as “google” when checking if the domain name was taken, and Page preferred this original name instead.

    Photoshop
    Owner: Adobe Inc

    The Photoshop software was created by Thomas and John Knoll in 1987. It is unknown exactly why the program that was originally named “Display,” and then “ImagePro,” was renamed to “PhotoShop” before it was sold to Adobe, although the name does seem to refer to the fact that the program functions as a kind of photography workshop.

    สงวนลิขสิทธิ์ © 2025 AAKKHRA & Co.
    40 Genericized Trademarks You Probably Say (And Use) Every Day Legally, to trademark something means to make it so that only one company can make money off of something with that name. You might not realize it, but many of the seemingly generic words we use all of the time are or were registered trademarks. This is often a problem for companies who want to avoid their lucrative trademarks being killed by “genericide,” meaning they can no longer claim legal exclusivity to a particular name. In general, there are two categories of so-called “genericized trademarks.” Sometimes, a trademark is legally abandoned. This means, for example, that any company can make a bouncy toy called a trampoline. However, a lot of common words are still legally trademarked, which means only one company can use that name. For example, to avoid getting Nickelodeon in trouble with licensing deals, Spongebob and friends have never heard of a Frisbee and must instead play a rousing game of “small plastic disc that you throw.” (Of course, Spongebob wryly notes, “If only small plastic disc that you throw had a shorter, catchier name.”) The following list contains 40 common words that have actually been trademarked at some point. The first six have been legally abandoned, meaning they are now generic words. The rest, however, are still on the books, and so you will need to be careful if you ever think about using them to make money. If you want to learn more about trademarks and other corporate symbols, check out our handy guide here. aspirin Last owner: Bayer AG The word aspirin is a combination of acetyl, spirea, and the suffix -in that is commonly used in the names of many drugs. heroin Last owner: Bayer AG The drug heroin is said to have been named for the German word heroisch, which translates to “heroic.” It is often thought that the name was inspired by the euphoric feelings a person has when taking this now illegal drug. escalator Last owner: Otis Elevator Company The escalator was named by patent owner Charles Seeberger, who is believed to have combined the English word elevator with the Latin word scala, meaning “stairs.” granola Last owners: Our Home Granula Company (granula) and Kellogg’s (granola) Originally called granula, granola was invented by James Caleb Jackson, who is also often credited as the inventor of dry cereal. It is thought that Jackson took the name either from the English word granular (“grainy”) or the Latin grānum, meaning “grain.” Saran wrap Last Owner: S.C. Johnson & Son, Inc. Saran wrap was originally created by the Dow Chemical Company in 1933. The saran in Saran wrap comes from a combination of the first names of Dow employee John Reilly’s daughter and wife, Sarah and Ann. trampoline Last Owner: Griswold-Nissen Trampoline & Tumbling Company According to inventor George Nissen, the trampoline’s name was inspired by the Spanish word trampolín, which means “diving board.” AstroTurf Owner: Sport Group According to Sport Group, Astroturf is named for the Houston Astrodome, where it was first used as a grass replica. The Astrodome’s name comes from the baseball team that plays there, the Houston Astros. Band-Aid Owner: Johnson & Johnson Band-Aid adhesive bandages were invented by Earle Dickinson in 1920 for his wife, Josephine. Although we don’t know for certain, the name is most likely a combination of the words bandage and aid. Bubble Wrap Owner: Sealed Air Corporation Bubble Wrap was invented in 1957 by Alfred Fielding and Marc Chavannes, who originally intended to use it as wallpaper. The name is most likely a combination of the words bubble and wrap. Frisbee Owner: Wham-O The name Frisbee was inspired by an Old Connecticut Bakery, the Frisbie Pie Company. Allegedly, college students had popularly referred to Wham-O’s Pluto Platter toys as “Frisbies,” which would motivate the toymaker to change the name. Hacky Sack Owner: Wham-O The game of Hacky Sack, called footbag by anyone who isn’t Wham-O, was invented by John Stalberger and Mike Mitchell in 1972. Allegedly, the two friends would say “Let’s hack the sack” before playing the game, which would be the inspiration for their trademark. Hula-Hoop Owner: Wham-O The Hula-Hoop was patented by Wham-O in 1963. As you could probably guess, the hoop-shaped toy was named after the Hawaiian hula dance because of the hip movements needed to keep the toy from falling to the ground. Jacuzzi Owner: Jacuzzi Inc. The Jacuzzi is named after Italian inventor Candido Jacuzzi, who invented the whirlpool bath in 1949. Jeep Owner: Chrysler Group LLC Fascinatingly, even the current owner of the Jeep trademark, Chrysler, is unsure of where the name originally came from. The most popular theory is that the vehicle was named after Eugene the Jeep, a character from the Popeye series of comic strips. Jet Ski Owner: Kawasaki Heavy Industries Ltd. According to Kawasaki, the first Jet Ski was developed in 1972 based on the designs of American inventor Clayton Jacobson II. It seems likely that the name Jet Ski uses the words jet and ski to reference how the vehicle quickly skates across the surface of water. JumboTron Owner: Sony Corporation The Sony JumboTron debuted in 1985, but similar large screens had been developed by Japanese companies as early as 1980. The name is likely a combination of the adjective jumbo, meaning very large, and the combining form -tron, which is sometimes used in the names of electronics. Kleenex Owner: Kimberly-Clark Corporation Kleenex brand tissues debuted in 1924. According to the Kleenex website, the name Kleenex is a combination of an alternate spelling of the word clean (“Kleen”) and the ending “ex” from Kotex, a feminine hygiene brand name still owned by the Kimberly-Clark Corporation. Mace Owner: Mace Security International, Inc. The brand of pepper spray known as Mace or Chemical Mace was invented in 1965. According to both the Mace company and newspaper reports from the time, the name Mace was inspired by the fact that getting sprayed in the face with Mace was said to be as unpleasant as being hit in the face with a medieval mace, a spiked weapon. Magic Marker Owner: Bic Corporation The name Magic Marker is said to have been coined by Sidney Rosenthal, who is also credited with inventing the felt-tip pen in 1952. According to Crayola, Magic Marker was inspired by the fact that the “magical” device could make marks on any surface. Muzak Owner: Muzak LLC The creation of Muzak is credited to—or perhaps blamed on—Major General George O. Squier, who developed a way to transmit music through electric wires in the 1920s. According to most sources, Squier named his company Muzak by combining the first syllable of the word music with the end syllable of Kodak, a major American photography company. Onesie Owner: Gerber Childrenswear LLC Although Gerber legally only owns the trademark of the plural Onesies, they have successfully (and aggressively) enforced their trademark over the singular onesie as well. The name is a combination of the word one, referring to a one-piece garment, and the cutesy-sounding suffix -sie. Ping-pong Owner: Indian Industries, Inc. Surprisingly, the trademarked name ping-pong may actually be older than the generic table tennis, which is the official name of the game. The name ping-pong has been used since at least the 1800s, and the name was inspired by the sound that the ball makes when hit with paddles. Plexiglas Owner: Trinseo The origin of the name Plexiglas, often incorrectly written as plexiglass, is unknown. According to the Plexiglas website, Plexiglas was named after one of inventor Otto Röhm’s earlier products known as “Plexigum,” but beyond that the trail goes cold. Popsicle Owner: Conopco, Inc. The idea of “frozen ice juice on a stick” is credited to Frank Epperson. Epperson originally named the treat after himself and called it an “Epsicle” with the “-sicle” coming from icicle. Epperson’s children were not fans of the name and instead called them “Pop’s sicles.” In the end, Epperson sided with his children and patented his invention as the Popsicle. Post-it Note Owner: Minnesota Mining and Manufacturing Company (3M) 3M credits the creation of the Post-it Note to scientists Spencer Silver and Art Fry. The name refers to the fact that the adhesive paper notes can be posted (stuck) wherever you want. An added bit of legal fun: 3M also legally owns the “Canary Yellow” color that many Post-it Notes typically have. Q-tip Owner: Conopco, Inc. The cotton swabs known as Q-tips originally had the very unmarketable name of “Baby Gays.” The name was quickly switched to Q-tips in 1926. According to the Q-tips website, the Q stands for quality, and the tip refers to the cotton tip at the end of the swab. Realtor Owner: National Association of Realtors Legally, only people who belong to the National Association of Realtors can use the trademarked name Realtor. The term Realtor is credited to Charles N. Chadbourn, and it is a combination of the word realty, meaning real estate, and the suffix -or, indicating a person related to something (in this case, real estate). Rollerblade Owner: Tecnica Group S.P.A. This trademarked brand of roller skates was created by inventor Scott Olson in the 1980s. The name Rollerblade references the fact that Olson’s roller skates were based on ice skates with wheels instead of blades. Sheetrock Owner: United States Gypsum Company The particular brand of drywall or gypsum boards known as Sheetrock seems to have a straightforward name: Sheetrock makes boards (“sheets”) of gypsum, a mineral (a “rock”). Skee-Ball Owner: Bay Tek Entertainment, Inc. The game of Skee-Ball was invented by Joseph Fourestier Simpson in the early 1900s. The name is a combination of the word ball and skee (an uncommon variant of the word ski) in reference to the ski jump-like ramp that the balls roll off of. Styrofoam Owner: DDP Specialty Electronic Materials Us, Inc. Styrofoam’s name is a reference to the chemistry used to make it. Styrofoam is a plastic foam made from polystyrene. Super Glue Owner: The Original Super Glue Corporation/Pacer Technology Super Glue was named by its inventor Dr. Harry Coover, who discovered it in 1942. The marketable name combines the word glue with the word super, referencing how incredibly sticky it is. Taser Owner: Axon Enterprise Inc. The Taser was invented in the 1970s by Jack Cover. The name Taser is an acronym of “Tom A. Swift Electric Rifle,” a reference to the Tom Swift series of books about an inventor that Cover enjoyed as a child. Tarmac Owner: Tarmac The name Tarmac is a shortening of tarmacadam, an asphalt-like paving material made of tar and crushed stones. Teflon Owner: The Chemours Company The name Teflon is a short, marketable word that refers to what Teflon is made of: polytetrafluoroethylene. Velcro Owner: Velcro IP Holdings LLC Velcro was invented and named by Swiss engineer George de Mestrel. De Mestrel got the name Velcro from a combination of the French words velour and crochet, referencing the fact that his new material resembled “hooked velvet.” Xerox Owner: Xerox Corporation The name Xerox comes from the word xerography, a specific type of printing technology. Xerography is formed from xero-, meaning “dry,” and –graphy, which denotes a form of artistry. Zamboni Owner: Frank J. Zamboni & Company, Inc. The ice surfacing machine known as a Zamboni is named after its Italian inventor, Frank Zamboni. The last two names on our list are fairly modern and are both closely associated with large companies that aggressively protect their trademarks. However, they are both commonly used as generic verbs, which may make it less likely that future generations know who the trademark owners are. Google Owner: Alphabet Inc. (Google’s new parent company) The name Google is based on a misspelling of the mathematical term googol, a number equal to one with 100 zeros. The story goes that Google developer Larry Page suggested the name “Googol” for a new search engine to fellow Stanford graduate Sean Anderson. Anderson misspelled the word as “google” when checking if the domain name was taken, and Page preferred this original name instead. Photoshop Owner: Adobe Inc The Photoshop software was created by Thomas and John Knoll in 1987. It is unknown exactly why the program that was originally named “Display,” and then “ImagePro,” was renamed to “PhotoShop” before it was sold to Adobe, although the name does seem to refer to the fact that the program functions as a kind of photography workshop. สงวนลิขสิทธิ์ © 2025 AAKKHRA & Co.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 374 มุมมอง 0 รีวิว
  • Border Patrol สหรัฐฯ ขยายการสอดส่องผู้ขับรถภายในประเทศ

    หน่วยงาน Border Patrol ของสหรัฐฯ ได้พัฒนาโครงการสอดส่องการเดินทางของประชาชนผ่านระบบกล้องอ่านป้ายทะเบียนและอัลกอริทึมที่คัดกรองเส้นทาง "น่าสงสัย" โดยไม่จำกัดเฉพาะพื้นที่ชายแดนอีกต่อไป แต่ขยายเข้าสู่เมืองใหญ่ เช่น ชิคาโก ดีทรอยต์ และฟีนิกซ์ การดำเนินการนี้ทำให้ผู้ขับรถจำนวนมากถูกหยุด ตรวจค้น และสอบสวน แม้ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย

    โครงการดังกล่าวเริ่มต้นเมื่อราวสิบปีก่อนเพื่อปราบปรามการลักลอบขนยาเสพติดและการค้ามนุษย์ แต่ในช่วงห้าปีที่ผ่านมาได้ขยายขอบเขตอย่างมาก โดยอาศัยความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น เช่น DEA และบริษัทเอกชนที่ให้บริการระบบอ่านป้ายทะเบียน ข้อมูลที่ได้ถูกนำไปใช้สร้าง "รูปแบบชีวิต" ของผู้ขับรถ เพื่อหาความผิดปกติในการเดินทาง

    นักวิชาการด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชนเตือนว่า การสอดส่องในระดับมหภาคเช่นนี้อาจละเมิดสิทธิพลเมืองและขัดต่อรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการตีความมาตรา Fourth Amendment ที่คุ้มครองประชาชนจากการค้นและจับกุมโดยไม่มีเหตุผลอันควร หลายกรณีที่ถูกเปิดเผยพบว่าผู้ขับรถถูกหยุดเพียงเพราะเส้นทางสั้น ๆ ไปยังพื้นที่ชายแดน หรือเพราะใช้รถเช่า

    นอกจากนี้ยังมีการใช้เงินทุนจากโครงการ Operation Stonegarden เพื่อสนับสนุนตำรวจท้องถิ่นติดตั้งระบบสอดส่องและทำงานร่วมกับ Border Patrol ทำให้เครือข่ายการเฝ้าระวังขยายตัวอย่างกว้างขวาง นักเคลื่อนไหวสิทธิพลเมืองชี้ว่าการกระทำเช่นนี้อาจสร้างบรรยากาศความหวาดระแวงและบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การสอดส่องของ Border Patrol
    ใช้กล้องอ่านป้ายทะเบียนและอัลกอริทึมตรวจจับเส้นทาง "น่าสงสัย"
    ขยายพื้นที่จากชายแดนเข้าสู่เมืองใหญ่ เช่น ชิคาโก ดีทรอยต์ ฟีนิกซ์

    ความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น
    DEA และบริษัทเอกชนให้ข้อมูลระบบอ่านป้ายทะเบียน
    ใช้งบประมาณจาก Operation Stonegarden สนับสนุนตำรวจท้องถิ่น

    ผลกระทบต่อประชาชน
    ผู้ขับรถถูกหยุด ตรวจค้น และสอบสวน แม้ไม่มีหลักฐานผิดกฎหมาย
    มีกรณีที่ถูกฟ้องร้องว่าเป็นการละเมิดสิทธิพลเมือง

    คำเตือนด้านสิทธิมนุษยชน
    การสอดส่องในระดับมหภาคอาจละเมิดรัฐธรรมนูญ (Fourth Amendment)
    สร้างบรรยากาศความหวาดระแวงและบั่นทอนความเชื่อมั่นต่อรัฐ

    ความเสี่ยงจากการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
    การเก็บข้อมูลเส้นทางและพฤติกรรมการเดินทางอาจถูกนำไปใช้เกินขอบเขต
    เสี่ยงต่อการถูกตีความผิดและสร้างผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์

    https://apnews.com/article/immigration-border-patrol-surveillance-drivers-ice-trump-9f5d05469ce8c629d6fecf32d32098cd
    🚨 Border Patrol สหรัฐฯ ขยายการสอดส่องผู้ขับรถภายในประเทศ หน่วยงาน Border Patrol ของสหรัฐฯ ได้พัฒนาโครงการสอดส่องการเดินทางของประชาชนผ่านระบบกล้องอ่านป้ายทะเบียนและอัลกอริทึมที่คัดกรองเส้นทาง "น่าสงสัย" โดยไม่จำกัดเฉพาะพื้นที่ชายแดนอีกต่อไป แต่ขยายเข้าสู่เมืองใหญ่ เช่น ชิคาโก ดีทรอยต์ และฟีนิกซ์ การดำเนินการนี้ทำให้ผู้ขับรถจำนวนมากถูกหยุด ตรวจค้น และสอบสวน แม้ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย โครงการดังกล่าวเริ่มต้นเมื่อราวสิบปีก่อนเพื่อปราบปรามการลักลอบขนยาเสพติดและการค้ามนุษย์ แต่ในช่วงห้าปีที่ผ่านมาได้ขยายขอบเขตอย่างมาก โดยอาศัยความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น เช่น DEA และบริษัทเอกชนที่ให้บริการระบบอ่านป้ายทะเบียน ข้อมูลที่ได้ถูกนำไปใช้สร้าง "รูปแบบชีวิต" ของผู้ขับรถ เพื่อหาความผิดปกติในการเดินทาง นักวิชาการด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชนเตือนว่า การสอดส่องในระดับมหภาคเช่นนี้อาจละเมิดสิทธิพลเมืองและขัดต่อรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการตีความมาตรา Fourth Amendment ที่คุ้มครองประชาชนจากการค้นและจับกุมโดยไม่มีเหตุผลอันควร หลายกรณีที่ถูกเปิดเผยพบว่าผู้ขับรถถูกหยุดเพียงเพราะเส้นทางสั้น ๆ ไปยังพื้นที่ชายแดน หรือเพราะใช้รถเช่า นอกจากนี้ยังมีการใช้เงินทุนจากโครงการ Operation Stonegarden เพื่อสนับสนุนตำรวจท้องถิ่นติดตั้งระบบสอดส่องและทำงานร่วมกับ Border Patrol ทำให้เครือข่ายการเฝ้าระวังขยายตัวอย่างกว้างขวาง นักเคลื่อนไหวสิทธิพลเมืองชี้ว่าการกระทำเช่นนี้อาจสร้างบรรยากาศความหวาดระแวงและบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การสอดส่องของ Border Patrol ➡️ ใช้กล้องอ่านป้ายทะเบียนและอัลกอริทึมตรวจจับเส้นทาง "น่าสงสัย" ➡️ ขยายพื้นที่จากชายแดนเข้าสู่เมืองใหญ่ เช่น ชิคาโก ดีทรอยต์ ฟีนิกซ์ ✅ ความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ➡️ DEA และบริษัทเอกชนให้ข้อมูลระบบอ่านป้ายทะเบียน ➡️ ใช้งบประมาณจาก Operation Stonegarden สนับสนุนตำรวจท้องถิ่น ✅ ผลกระทบต่อประชาชน ➡️ ผู้ขับรถถูกหยุด ตรวจค้น และสอบสวน แม้ไม่มีหลักฐานผิดกฎหมาย ➡️ มีกรณีที่ถูกฟ้องร้องว่าเป็นการละเมิดสิทธิพลเมือง ‼️ คำเตือนด้านสิทธิมนุษยชน ⛔ การสอดส่องในระดับมหภาคอาจละเมิดรัฐธรรมนูญ (Fourth Amendment) ⛔ สร้างบรรยากาศความหวาดระแวงและบั่นทอนความเชื่อมั่นต่อรัฐ ‼️ ความเสี่ยงจากการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ⛔ การเก็บข้อมูลเส้นทางและพฤติกรรมการเดินทางอาจถูกนำไปใช้เกินขอบเขต ⛔ เสี่ยงต่อการถูกตีความผิดและสร้างผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์ https://apnews.com/article/immigration-border-patrol-surveillance-drivers-ice-trump-9f5d05469ce8c629d6fecf32d32098cd
    APNEWS.COM
    Border Patrol is monitoring US drivers and detaining those with 'suspicious' travel patterns
    The U.S. Border Patrol is monitoring millions of American drivers nationwide in a secretive program to identify and detain people whose travel patterns it deems suspicious.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251120 #TechRadar

    Garmin อัปเดตสมาร์ทวอทช์ จับสัญญาณความเครียดได้
    Garmin ปล่อยอัปเดตใหญ่ให้สมาร์ทวอทช์รุ่นดังอย่าง Vivoactive 6, Forerunner 570 และ Venu X1 รวมถึงคอมพิวเตอร์จักรยาน Edge 540 และ 1050 จุดเด่นคือฟีเจอร์ Health Status ที่ช่วยดูแนวโน้มสุขภาพระยะยาว เช่น อัตราการเต้นหัวใจ, HRV, การหายใจ, อุณหภูมิผิว และค่าออกซิเจนในเลือดตอนนอน หากค่าผิดปกติอาจบอกได้ว่าร่างกายกำลังเครียดหรือเจ็บป่วย นอกจากนี้ยังมีแผนที่ 3D (สำหรับผู้ใช้แบบพรีเมียม) และฟีเจอร์ใหม่ ๆ สำหรับนักปั่น เช่น เตือนให้ดื่มน้ำ, เช็กสภาพอากาศแบบเรียลไทม์ และวิเคราะห์อัตราทดเกียร์
    https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/garmins-latest-smartwatch-update-helps-catch-signs-of-stress-in-one-key-way

    AMD เปิดตัว FSR Redstone แต่ใช้ได้เฉพาะ RX 9000
    AMD ประกาศเปิดตัว FSR Redstone วันที่ 10 ธันวาคมนี้ เป็นชุดเทคโนโลยี AI ที่ช่วยเร่งเฟรมเรตและปรับปรุงคุณภาพภาพกราฟิก แต่ข่าวร้ายคือใช้ได้เฉพาะการ์ดจอรุ่น RX 9000 เท่านั้น ทำให้ผู้ใช้ RX 7000 และรุ่นก่อนหน้าไม่พอใจ เพราะยังถือว่าเป็นการ์ดจอใหม่อยู่ ฟีเจอร์ที่มาพร้อม Redstone เช่น Ray Regeneration (ปรับปรุงภาพ Ray Tracing), Radiance Caching (ปรับแสงให้สมจริง) และ Frame Generation ที่สร้างเฟรมเสริมเพื่อให้ภาพลื่นขึ้น
    https://www.techradar.com/computing/gpu/amds-fsr-redstone-for-supercharged-gaming-debuts-on-december-10-but-its-rx-9000-only-leaving-older-radeon-gpus-in-the-cold

    รหัสผ่านธีมเทศกาล เสี่ยงโดนเจาะง่าย
    มีการวิเคราะห์รหัสผ่านที่รั่วไหลกว่า 800 ล้านรายการ พบว่ามีจำนวนมากที่ใช้คำเกี่ยวกับเทศกาล เช่น Christmas, Santa, หรือการดัดแปลงด้วยตัวเลข/สัญลักษณ์ แม้ดูซับซ้อน แต่จริง ๆ แล้วเครื่องมือเจาะรหัสสมัยใหม่สามารถเดาได้ง่าย เพราะรูปแบบซ้ำ ๆ และคาดเดาได้ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าช่วงสิ้นปีที่หลายองค์กรบังคับเปลี่ยนรหัสผ่าน มักเป็นจังหวะที่แฮกเกอร์ใช้ประโยชน์จากพฤติกรรมนี้
    https://www.techradar.com/pro/this-company-analyzed-800-million-breached-passwords-and-found-a-surprising-amount-of-festive-themes-so-maybe-choose-a-better-password-please

    โรงเก็บของกลายเป็น Data Center ช่วยลดค่าไฟ
    คู่รักใน Essex, UK ทดลองติดตั้ง HeatHub ซึ่งเป็นศูนย์ข้อมูลขนาดเล็กในโรงเก็บของ ใช้ Raspberry Pi กว่า 500 เครื่องในการประมวลผล และนำความร้อนที่เกิดขึ้นไปใช้ทำความร้อนในบ้าน ผลคือค่าไฟลดจาก £375 เหลือเพียง £40 ต่อเดือน โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการทดลองระดับประเทศ เพื่อหาทางใช้พลังงานจากการประมวลผลคอมพิวเตอร์มาเป็นพลังงานความร้อนในครัวเรือน
    https://www.techradar.com/pro/looking-to-lower-your-energy-bills-this-winter-how-about-hosting-a-data-center-in-your-garden-shed-to-help-heat-your-home

    เครื่องมือ Unix เก่ากลับมาพร้อมภัยใหม่
    คำสั่ง finger ที่เคยใช้ในระบบ Unix เพื่อตรวจสอบข้อมูลผู้ใช้ ถูกนำกลับมาใช้ในทางร้าย โดยแฮกเกอร์ใช้สคริปต์ดึงคำสั่งจากเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลแล้วรันใน Windows ทำให้สามารถแอบติดตั้งโปรแกรม Python ที่ขโมยข้อมูลได้โดยผู้ใช้ไม่รู้ตัว เทคนิคนี้ยังสามารถเลี่ยงการตรวจจับจากเครื่องมือวิเคราะห์ได้ ถือเป็นการฟื้นคืนชีพของภัยคุกคามเก่าที่อันตรายมาก
    https://www.techradar.com/pro/a-decades-old-threat-command-is-making-a-comeback-so-dont-let-the-finger-of-doom-affect-you

    Meta ทุ่มงบเพิ่มความปลอดภัย WhatsApp
    Meta ลงทุนหลายล้านดอลลาร์ในโครงการ Bug Bounty และเครื่องมือใหม่ ๆ เพื่อเสริมความปลอดภัยของ WhatsApp เป้าหมายคือป้องกันการโจมตีและหาช่องโหว่ก่อนที่แฮกเกอร์จะใช้ประโยชน์ การลงทุนครั้งนี้สะท้อนถึงความจริงจังของ Meta ที่ต้องการให้ WhatsApp เป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับผู้ใช้ทั่วโลก
    https://www.techradar.com/pro/security/meta-is-spending-millions-on-bug-bounties-and-security-tools-to-boost-whatsapp-security

    Google Maps เพิ่ม 4 ฟีเจอร์ใหม่รับเทศกาล
    Google Maps อัปเดตครั้งใหญ่เพื่อช่วยผู้ใช้ช่วงเทศกาลปลายปี ฟีเจอร์ใหม่ประกอบด้วยการแสดงข้อมูลการจราจรที่ละเอียดขึ้น, การแจ้งเตือนเส้นทางที่หนาแน่น, การแนะนำเส้นทางทางเลือก และการปรับปรุงการค้นหาสถานที่ท่องเที่ยว/ร้านค้าให้ตรงใจมากขึ้น เหมาะกับการเดินทางในช่วงวันหยุดที่ผู้คนออกเดินทางจำนวนมาก
    https://www.techradar.com/computing/websites-apps/google-maps-is-adding-4-new-features-to-help-you-navigate-the-holiday-season

    LG Battery โดนโจมตี Ransomware
    บริษัทลูกของ LG ที่ทำธุรกิจแบตเตอรี่ถูกโจมตีด้วย Ransomware ส่งผลให้ระบบบางส่วนหยุดชะงักและข้อมูลถูกเข้ารหัส ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการโจมตีลักษณะนี้กำลังเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมพลังงาน เพราะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่แฮกเกอร์เล็งเป้าเพื่อเรียกค่าไถ่สูง
    https://www.techradar.com/pro/security/ransomware-attack-hits-lg-battery-subsidiary

    Asus Router ถูกโจมตีไซเบอร์ครั้งใหญ่
    มีรายงานว่า Router ของ Asus ทั่วโลกถูกโจมตีจากกลุ่มที่เชื่อมโยงกับจีน ทำให้ผู้ใช้งานหลายรายประสบปัญหาเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไม่ได้ การโจมตีครั้งนี้ถูกจับตามองว่าอาจเป็นการแสดงศักยภาพด้านไซเบอร์ของรัฐชาติ และยังสร้างความกังวลต่อความปลอดภัยของอุปกรณ์เครือข่ายที่ใช้กันแพร่หลาย
    https://www.techradar.com/pro/security/asus-routers-across-the-globe-hit-by-suspected-chinese-cyberattack-heres-what-we-know

    ข่าวสด VPN และสิทธิด้านดิจิทัล
    TechRadar เปิดหน้า VPN News Live อัปเดตสถานการณ์ล่าสุดเกี่ยวกับความปลอดภัยไซเบอร์, สิทธิด้านดิจิทัล และความเป็นส่วนตัวออนไลน์ เนื้อหาครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาเทคโนโลยี VPN ใหม่ ๆ ไปจนถึงการเคลื่อนไหวด้านสิทธิผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก
    https://www.techradar.com/live/news/latest-vpn-news-wednesday-19-november

    Porsche Cayenne Turbo Electric แรงที่สุดที่เคยมี
    Porsche ประกาศอย่างเป็นทางการว่า Cayenne Turbo Electric จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ทรงพลังที่สุดที่บริษัทเคยผลิต กำลังสูงสุดมากกว่า 1,000 แรงม้า ทำให้เป็น SUV ที่เร็วและแรงที่สุดในสายการผลิตของ Porsche ถือเป็นการยกระดับตลาดรถไฟฟ้าไปอีกขั้น
    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/its-official-the-porsche-cayenne-turbo-electric-will-be-the-most-powerful-production-porsche-ever-made

    Chrome เจอช่องโหว่ Zero-Day อันตราย
    Google ออกแพตช์เร่งด่วนเพื่อแก้ไขช่องโหว่ Zero-Day ใน Chrome ที่ถูกโจมตีจริงแล้ว ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบโดยไม่รู้ตัว ผู้ใช้ถูกแนะนำให้อัปเดต Chrome ทันทีเพื่อความปลอดภัย
    https://www.techradar.com/pro/security/google-patches-worrying-chrome-zero-day-flaw-being-exploited-in-the-wild-heres-how-to-stay-safe

    Botnet ใหม่แอบใช้ Ray Cluster ขุดคริปโต
    มีการค้นพบ Botnet ลึกลับที่แอบเข้ายึด Ray Clusters แล้วเปลี่ยนเป็นเครื่องขุดคริปโตโดยไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว การโจมตีนี้ทำให้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ถูกใช้ไปอย่างมหาศาล และยังเสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลอีกด้วย
    https://www.techradar.com/pro/security/ray-clusters-hijacked-and-turned-into-crypto-miners-by-shadowy-new-botnet

    iOS 26 Autocorrect พังหนัก
    ผู้ใช้ iPhone หลายรายบ่นว่า Autocorrect ใน iOS 26 ทำงานผิดพลาดอย่างมาก พิมพ์ผิดบ่อยและแก้คำไม่ตรงใจ แม้ Apple จะออก iOS 26.2 แล้ว แต่ปัญหายังไม่ถูกแก้ไข ทำให้ผู้ใช้รู้สึกหงุดหงิดและรอการแก้ไขจริงจังจาก Apple
    https://www.techradar.com/phones/ios/youre-not-bad-at-typing-ios-26s-autocorrect-is-broken-and-theres-still-no-fix-in-ios-26-2

    NordVPN เปิดฟีเจอร์กันสแกมโทรศัพท์
    NordVPN เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ Call Protection สำหรับผู้ใช้ใน UK และแคนาดา ช่วยตรวจจับและบล็อกสายโทรศัพท์ที่เป็นสแกมก่อนถึงผู้ใช้ ถือเป็นการขยายบทบาทของ VPN จากการป้องกันออนไลน์ไปสู่การป้องกันการสื่อสารโทรศัพท์ด้วย
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/nordvpn-takes-on-phone-scammers-with-new-call-protection-feature-for-the-uk-and-canada

    Xiaomi เตือนราคาสมาร์ทโฟนจะพุ่งขึ้น
    Xiaomi ออกมาเตือนว่าปีหน้าราคาสมาร์ทโฟนจะปรับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สาเหตุหลักมาจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ทั้งชิป, วัสดุ และค่าแรง ทำให้ผู้บริโภคอาจต้องเตรียมรับมือกับมือถือที่แพงกว่าเดิม
    https://www.techradar.com/phones/brace-yourself-xiaomi-warns-of-a-sizeable-rise-in-smartphone-prices-next-year

    VMware ยอมรับข้อมูลสเปกเซิร์ฟเวอร์ผิดพลาด
    VMware ยืนยันว่าคู่มือสเปกสำหรับเซิร์ฟเวอร์จัดเก็บข้อมูลที่เผยแพร่ก่อนหน้านี้มีความคลาดเคลื่อน ทำให้ผู้ใช้บางรายอาจเข้าใจผิดในการเลือกใช้งาน แม้จะเป็นความผิดพลาดที่ไม่ได้กระทบต่อระบบโดยตรง แต่ก็สร้างความสับสนและทำให้บริษัทต้องรีบแก้ไขข้อมูลใหม่
    https://www.techradar.com/pro/vmware-confirms-its-spec-guidance-on-storage-servers-was-rather-inaccurate
    📌📰🟠 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟠📰📌 #รวมข่าวIT #20251120 #TechRadar ⌚ Garmin อัปเดตสมาร์ทวอทช์ จับสัญญาณความเครียดได้ Garmin ปล่อยอัปเดตใหญ่ให้สมาร์ทวอทช์รุ่นดังอย่าง Vivoactive 6, Forerunner 570 และ Venu X1 รวมถึงคอมพิวเตอร์จักรยาน Edge 540 และ 1050 จุดเด่นคือฟีเจอร์ Health Status ที่ช่วยดูแนวโน้มสุขภาพระยะยาว เช่น อัตราการเต้นหัวใจ, HRV, การหายใจ, อุณหภูมิผิว และค่าออกซิเจนในเลือดตอนนอน หากค่าผิดปกติอาจบอกได้ว่าร่างกายกำลังเครียดหรือเจ็บป่วย นอกจากนี้ยังมีแผนที่ 3D (สำหรับผู้ใช้แบบพรีเมียม) และฟีเจอร์ใหม่ ๆ สำหรับนักปั่น เช่น เตือนให้ดื่มน้ำ, เช็กสภาพอากาศแบบเรียลไทม์ และวิเคราะห์อัตราทดเกียร์ 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/garmins-latest-smartwatch-update-helps-catch-signs-of-stress-in-one-key-way 🎮 AMD เปิดตัว FSR Redstone แต่ใช้ได้เฉพาะ RX 9000 AMD ประกาศเปิดตัว FSR Redstone วันที่ 10 ธันวาคมนี้ เป็นชุดเทคโนโลยี AI ที่ช่วยเร่งเฟรมเรตและปรับปรุงคุณภาพภาพกราฟิก แต่ข่าวร้ายคือใช้ได้เฉพาะการ์ดจอรุ่น RX 9000 เท่านั้น ทำให้ผู้ใช้ RX 7000 และรุ่นก่อนหน้าไม่พอใจ เพราะยังถือว่าเป็นการ์ดจอใหม่อยู่ ฟีเจอร์ที่มาพร้อม Redstone เช่น Ray Regeneration (ปรับปรุงภาพ Ray Tracing), Radiance Caching (ปรับแสงให้สมจริง) และ Frame Generation ที่สร้างเฟรมเสริมเพื่อให้ภาพลื่นขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/computing/gpu/amds-fsr-redstone-for-supercharged-gaming-debuts-on-december-10-but-its-rx-9000-only-leaving-older-radeon-gpus-in-the-cold 🎄 รหัสผ่านธีมเทศกาล เสี่ยงโดนเจาะง่าย มีการวิเคราะห์รหัสผ่านที่รั่วไหลกว่า 800 ล้านรายการ พบว่ามีจำนวนมากที่ใช้คำเกี่ยวกับเทศกาล เช่น Christmas, Santa, หรือการดัดแปลงด้วยตัวเลข/สัญลักษณ์ แม้ดูซับซ้อน แต่จริง ๆ แล้วเครื่องมือเจาะรหัสสมัยใหม่สามารถเดาได้ง่าย เพราะรูปแบบซ้ำ ๆ และคาดเดาได้ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าช่วงสิ้นปีที่หลายองค์กรบังคับเปลี่ยนรหัสผ่าน มักเป็นจังหวะที่แฮกเกอร์ใช้ประโยชน์จากพฤติกรรมนี้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/this-company-analyzed-800-million-breached-passwords-and-found-a-surprising-amount-of-festive-themes-so-maybe-choose-a-better-password-please 🏠 โรงเก็บของกลายเป็น Data Center ช่วยลดค่าไฟ คู่รักใน Essex, UK ทดลองติดตั้ง HeatHub ซึ่งเป็นศูนย์ข้อมูลขนาดเล็กในโรงเก็บของ ใช้ Raspberry Pi กว่า 500 เครื่องในการประมวลผล และนำความร้อนที่เกิดขึ้นไปใช้ทำความร้อนในบ้าน ผลคือค่าไฟลดจาก £375 เหลือเพียง £40 ต่อเดือน โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการทดลองระดับประเทศ เพื่อหาทางใช้พลังงานจากการประมวลผลคอมพิวเตอร์มาเป็นพลังงานความร้อนในครัวเรือน 🔗 https://www.techradar.com/pro/looking-to-lower-your-energy-bills-this-winter-how-about-hosting-a-data-center-in-your-garden-shed-to-help-heat-your-home 💻 เครื่องมือ Unix เก่ากลับมาพร้อมภัยใหม่ คำสั่ง finger ที่เคยใช้ในระบบ Unix เพื่อตรวจสอบข้อมูลผู้ใช้ ถูกนำกลับมาใช้ในทางร้าย โดยแฮกเกอร์ใช้สคริปต์ดึงคำสั่งจากเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลแล้วรันใน Windows ทำให้สามารถแอบติดตั้งโปรแกรม Python ที่ขโมยข้อมูลได้โดยผู้ใช้ไม่รู้ตัว เทคนิคนี้ยังสามารถเลี่ยงการตรวจจับจากเครื่องมือวิเคราะห์ได้ ถือเป็นการฟื้นคืนชีพของภัยคุกคามเก่าที่อันตรายมาก 🔗 https://www.techradar.com/pro/a-decades-old-threat-command-is-making-a-comeback-so-dont-let-the-finger-of-doom-affect-you 🔒 Meta ทุ่มงบเพิ่มความปลอดภัย WhatsApp Meta ลงทุนหลายล้านดอลลาร์ในโครงการ Bug Bounty และเครื่องมือใหม่ ๆ เพื่อเสริมความปลอดภัยของ WhatsApp เป้าหมายคือป้องกันการโจมตีและหาช่องโหว่ก่อนที่แฮกเกอร์จะใช้ประโยชน์ การลงทุนครั้งนี้สะท้อนถึงความจริงจังของ Meta ที่ต้องการให้ WhatsApp เป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับผู้ใช้ทั่วโลก 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/meta-is-spending-millions-on-bug-bounties-and-security-tools-to-boost-whatsapp-security 🗺️ Google Maps เพิ่ม 4 ฟีเจอร์ใหม่รับเทศกาล Google Maps อัปเดตครั้งใหญ่เพื่อช่วยผู้ใช้ช่วงเทศกาลปลายปี ฟีเจอร์ใหม่ประกอบด้วยการแสดงข้อมูลการจราจรที่ละเอียดขึ้น, การแจ้งเตือนเส้นทางที่หนาแน่น, การแนะนำเส้นทางทางเลือก และการปรับปรุงการค้นหาสถานที่ท่องเที่ยว/ร้านค้าให้ตรงใจมากขึ้น เหมาะกับการเดินทางในช่วงวันหยุดที่ผู้คนออกเดินทางจำนวนมาก 🔗 https://www.techradar.com/computing/websites-apps/google-maps-is-adding-4-new-features-to-help-you-navigate-the-holiday-season 🔋 LG Battery โดนโจมตี Ransomware บริษัทลูกของ LG ที่ทำธุรกิจแบตเตอรี่ถูกโจมตีด้วย Ransomware ส่งผลให้ระบบบางส่วนหยุดชะงักและข้อมูลถูกเข้ารหัส ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการโจมตีลักษณะนี้กำลังเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมพลังงาน เพราะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่แฮกเกอร์เล็งเป้าเพื่อเรียกค่าไถ่สูง 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/ransomware-attack-hits-lg-battery-subsidiary 📡 Asus Router ถูกโจมตีไซเบอร์ครั้งใหญ่ มีรายงานว่า Router ของ Asus ทั่วโลกถูกโจมตีจากกลุ่มที่เชื่อมโยงกับจีน ทำให้ผู้ใช้งานหลายรายประสบปัญหาเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไม่ได้ การโจมตีครั้งนี้ถูกจับตามองว่าอาจเป็นการแสดงศักยภาพด้านไซเบอร์ของรัฐชาติ และยังสร้างความกังวลต่อความปลอดภัยของอุปกรณ์เครือข่ายที่ใช้กันแพร่หลาย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/asus-routers-across-the-globe-hit-by-suspected-chinese-cyberattack-heres-what-we-know 🌐 ข่าวสด VPN และสิทธิด้านดิจิทัล TechRadar เปิดหน้า VPN News Live อัปเดตสถานการณ์ล่าสุดเกี่ยวกับความปลอดภัยไซเบอร์, สิทธิด้านดิจิทัล และความเป็นส่วนตัวออนไลน์ เนื้อหาครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาเทคโนโลยี VPN ใหม่ ๆ ไปจนถึงการเคลื่อนไหวด้านสิทธิผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก 🔗 https://www.techradar.com/live/news/latest-vpn-news-wednesday-19-november 🚗 Porsche Cayenne Turbo Electric แรงที่สุดที่เคยมี Porsche ประกาศอย่างเป็นทางการว่า Cayenne Turbo Electric จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ทรงพลังที่สุดที่บริษัทเคยผลิต กำลังสูงสุดมากกว่า 1,000 แรงม้า ทำให้เป็น SUV ที่เร็วและแรงที่สุดในสายการผลิตของ Porsche ถือเป็นการยกระดับตลาดรถไฟฟ้าไปอีกขั้น 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/its-official-the-porsche-cayenne-turbo-electric-will-be-the-most-powerful-production-porsche-ever-made 🌐 Chrome เจอช่องโหว่ Zero-Day อันตราย Google ออกแพตช์เร่งด่วนเพื่อแก้ไขช่องโหว่ Zero-Day ใน Chrome ที่ถูกโจมตีจริงแล้ว ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบโดยไม่รู้ตัว ผู้ใช้ถูกแนะนำให้อัปเดต Chrome ทันทีเพื่อความปลอดภัย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/google-patches-worrying-chrome-zero-day-flaw-being-exploited-in-the-wild-heres-how-to-stay-safe 🪙 Botnet ใหม่แอบใช้ Ray Cluster ขุดคริปโต มีการค้นพบ Botnet ลึกลับที่แอบเข้ายึด Ray Clusters แล้วเปลี่ยนเป็นเครื่องขุดคริปโตโดยไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว การโจมตีนี้ทำให้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ถูกใช้ไปอย่างมหาศาล และยังเสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลอีกด้วย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/ray-clusters-hijacked-and-turned-into-crypto-miners-by-shadowy-new-botnet 📱 iOS 26 Autocorrect พังหนัก ผู้ใช้ iPhone หลายรายบ่นว่า Autocorrect ใน iOS 26 ทำงานผิดพลาดอย่างมาก พิมพ์ผิดบ่อยและแก้คำไม่ตรงใจ แม้ Apple จะออก iOS 26.2 แล้ว แต่ปัญหายังไม่ถูกแก้ไข ทำให้ผู้ใช้รู้สึกหงุดหงิดและรอการแก้ไขจริงจังจาก Apple 🔗 https://www.techradar.com/phones/ios/youre-not-bad-at-typing-ios-26s-autocorrect-is-broken-and-theres-still-no-fix-in-ios-26-2 📞 NordVPN เปิดฟีเจอร์กันสแกมโทรศัพท์ NordVPN เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ Call Protection สำหรับผู้ใช้ใน UK และแคนาดา ช่วยตรวจจับและบล็อกสายโทรศัพท์ที่เป็นสแกมก่อนถึงผู้ใช้ ถือเป็นการขยายบทบาทของ VPN จากการป้องกันออนไลน์ไปสู่การป้องกันการสื่อสารโทรศัพท์ด้วย 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/nordvpn-takes-on-phone-scammers-with-new-call-protection-feature-for-the-uk-and-canada 📱 Xiaomi เตือนราคาสมาร์ทโฟนจะพุ่งขึ้น Xiaomi ออกมาเตือนว่าปีหน้าราคาสมาร์ทโฟนจะปรับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สาเหตุหลักมาจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ทั้งชิป, วัสดุ และค่าแรง ทำให้ผู้บริโภคอาจต้องเตรียมรับมือกับมือถือที่แพงกว่าเดิม 🔗 https://www.techradar.com/phones/brace-yourself-xiaomi-warns-of-a-sizeable-rise-in-smartphone-prices-next-year 💾 VMware ยอมรับข้อมูลสเปกเซิร์ฟเวอร์ผิดพลาด VMware ยืนยันว่าคู่มือสเปกสำหรับเซิร์ฟเวอร์จัดเก็บข้อมูลที่เผยแพร่ก่อนหน้านี้มีความคลาดเคลื่อน ทำให้ผู้ใช้บางรายอาจเข้าใจผิดในการเลือกใช้งาน แม้จะเป็นความผิดพลาดที่ไม่ได้กระทบต่อระบบโดยตรง แต่ก็สร้างความสับสนและทำให้บริษัทต้องรีบแก้ไขข้อมูลใหม่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/vmware-confirms-its-spec-guidance-on-storage-servers-was-rather-inaccurate
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 572 มุมมอง 0 รีวิว
  • Mastodon เปลี่ยนผ่านสู่โครงสร้างใหม่ หลังผู้ก่อตั้งก้าวลงจากตำแหน่ง

    Mastodon ซึ่งเป็นเครือข่ายสังคมแบบกระจายศูนย์ (decentralized) ที่สร้างขึ้นบนโปรโตคอล ActivityPub ได้รับความนิยมในฐานะทางเลือกที่ไม่ขึ้นกับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี จุดเด่นคือผู้ใช้สามารถเลือกหรือสร้างเซิร์ฟเวอร์ของตนเองได้ ทำให้ไม่มีองค์กรใดควบคุมข้อมูลหรือเนื้อหาของผู้ใช้โดยตรง

    หลังจากเกือบสิบปีในการนำพาโครงการนี้ Eugen Rochko ประกาศก้าวลงจากตำแหน่ง CEO และโอนทรัพย์สินทั้งหมดให้กับองค์กรไม่แสวงหากำไร เขาอธิบายว่าการเป็นผู้นำแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์นั้นเต็มไปด้วยความเครียด ทั้งจากการถูกจับตามอง การเปรียบเทียบกับมหาเศรษฐีเทคโนโลยี และแรงกดดันจากชุมชน จนไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพและชีวิตส่วนตัวอีกต่อไป

    เพื่อให้ Mastodon เดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง ได้มีการจัดตั้งองค์กรไม่แสวงหากำไรในเบลเยียม (AISBL) เพื่อแทนที่โครงสร้างเดิมในเยอรมนีที่สูญเสียสถานะไม่แสวงหากำไรไปก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกัน องค์กร 501(c)(3) ในสหรัฐฯ ถือครองทรัพย์สินและเครื่องหมายการค้าชั่วคราวจนกว่าโครงสร้างใหม่จะเสร็จสมบูรณ์

    คณะกรรมการใหม่ประกอบด้วยบุคคลสำคัญ เช่น Biz Stone ผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter, Karien Bezuidenhout และ Esra’a Al Shafei พร้อมด้วยทีมผู้บริหารใหม่ เช่น Felix Hlatky ในตำแหน่ง Executive Director และ Renaud Chaput ในตำแหน่ง Technical Director นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนด้านเงินทุนจากบุคคลและองค์กรต่าง ๆ รวมกว่า €2.5 ล้าน เพื่อเสริมความมั่นคงทางการเงินของโครงการ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้นำ
    Eugen Rochko ก้าวลงจากตำแหน่ง CEO หลังนำโครงการมากว่า 10 ปี
    ส่งต่อทรัพย์สินและเครื่องหมายการค้าให้แก่องค์กรไม่แสวงหากำไร

    เหตุผลในการก้าวลง
    ความเครียดจากการเป็นผู้นำแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์
    การถูกจับตามองและแรงกดดันจากชุมชน

    โครงสร้างใหม่ของ Mastodon
    จัดตั้งองค์กรไม่แสวงหากำไรในเบลเยียม (AISBL)
    องค์กร 501(c)(3) ในสหรัฐฯ ถือครองทรัพย์สินชั่วคราว

    ทีมบริหารและคณะกรรมการใหม่
    Felix Hlatky เป็น Executive Director
    Biz Stone และบุคคลสำคัญร่วมเป็นกรรมการ
    สนับสนุนเงินทุนรวมกว่า €2.5 ล้าน

    คำเตือนและความท้าทาย
    การเปลี่ยนผ่านอาจสร้างความไม่แน่นอนในระยะสั้น
    ความคาดหวังจากชุมชนยังคงสูง อาจกดดันทีมใหม่
    ต้องรักษาความเป็นอิสระและคุณค่าของแพลตฟอร์มท่ามกลางการแข่งขันกับ Big Tech

    https://itsfoss.com/news/mastodon-ceo-steps-down/
    🌐 Mastodon เปลี่ยนผ่านสู่โครงสร้างใหม่ หลังผู้ก่อตั้งก้าวลงจากตำแหน่ง Mastodon ซึ่งเป็นเครือข่ายสังคมแบบกระจายศูนย์ (decentralized) ที่สร้างขึ้นบนโปรโตคอล ActivityPub ได้รับความนิยมในฐานะทางเลือกที่ไม่ขึ้นกับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี จุดเด่นคือผู้ใช้สามารถเลือกหรือสร้างเซิร์ฟเวอร์ของตนเองได้ ทำให้ไม่มีองค์กรใดควบคุมข้อมูลหรือเนื้อหาของผู้ใช้โดยตรง หลังจากเกือบสิบปีในการนำพาโครงการนี้ Eugen Rochko ประกาศก้าวลงจากตำแหน่ง CEO และโอนทรัพย์สินทั้งหมดให้กับองค์กรไม่แสวงหากำไร เขาอธิบายว่าการเป็นผู้นำแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์นั้นเต็มไปด้วยความเครียด ทั้งจากการถูกจับตามอง การเปรียบเทียบกับมหาเศรษฐีเทคโนโลยี และแรงกดดันจากชุมชน จนไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพและชีวิตส่วนตัวอีกต่อไป เพื่อให้ Mastodon เดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง ได้มีการจัดตั้งองค์กรไม่แสวงหากำไรในเบลเยียม (AISBL) เพื่อแทนที่โครงสร้างเดิมในเยอรมนีที่สูญเสียสถานะไม่แสวงหากำไรไปก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกัน องค์กร 501(c)(3) ในสหรัฐฯ ถือครองทรัพย์สินและเครื่องหมายการค้าชั่วคราวจนกว่าโครงสร้างใหม่จะเสร็จสมบูรณ์ คณะกรรมการใหม่ประกอบด้วยบุคคลสำคัญ เช่น Biz Stone ผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter, Karien Bezuidenhout และ Esra’a Al Shafei พร้อมด้วยทีมผู้บริหารใหม่ เช่น Felix Hlatky ในตำแหน่ง Executive Director และ Renaud Chaput ในตำแหน่ง Technical Director นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนด้านเงินทุนจากบุคคลและองค์กรต่าง ๆ รวมกว่า €2.5 ล้าน เพื่อเสริมความมั่นคงทางการเงินของโครงการ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้นำ ➡️ Eugen Rochko ก้าวลงจากตำแหน่ง CEO หลังนำโครงการมากว่า 10 ปี ➡️ ส่งต่อทรัพย์สินและเครื่องหมายการค้าให้แก่องค์กรไม่แสวงหากำไร ✅ เหตุผลในการก้าวลง ➡️ ความเครียดจากการเป็นผู้นำแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์ ➡️ การถูกจับตามองและแรงกดดันจากชุมชน ✅ โครงสร้างใหม่ของ Mastodon ➡️ จัดตั้งองค์กรไม่แสวงหากำไรในเบลเยียม (AISBL) ➡️ องค์กร 501(c)(3) ในสหรัฐฯ ถือครองทรัพย์สินชั่วคราว ✅ ทีมบริหารและคณะกรรมการใหม่ ➡️ Felix Hlatky เป็น Executive Director ➡️ Biz Stone และบุคคลสำคัญร่วมเป็นกรรมการ ➡️ สนับสนุนเงินทุนรวมกว่า €2.5 ล้าน ‼️ คำเตือนและความท้าทาย ⛔ การเปลี่ยนผ่านอาจสร้างความไม่แน่นอนในระยะสั้น ⛔ ความคาดหวังจากชุมชนยังคงสูง อาจกดดันทีมใหม่ ⛔ ต้องรักษาความเป็นอิสระและคุณค่าของแพลตฟอร์มท่ามกลางการแข่งขันกับ Big Tech https://itsfoss.com/news/mastodon-ceo-steps-down/
    ITSFOSS.COM
    After Nearly 10 Years of Building Mastodon, Eugen Rochko Steps Into Advisory Role
    Mastodon's creator steps back from CEO role, transfers assets to non-profit organization.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • “FSR Redstone – เทคโนโลยี Upscaling และ Ray Regeneration รุ่นใหม่จาก AMD”

    AMD ประกาศว่าจะจัดงานเปิดตัว FSR Redstone อย่างเป็นทางการในวันที่ 10 ธันวาคม 2025 โดยยืนยันว่าเทคโนโลยีนี้จะรองรับเฉพาะ Radeon RX 9000 Series เท่านั้น แม้ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าอาจทำงานได้บนการ์ดจอ Nvidia และ Intel แต่ AMD ยืนยันว่าในช่วงแรกจะจำกัดไว้เฉพาะ RDNA 4 รุ่นล่าสุด

    FSR Redstone ถือเป็นการต่อยอดจาก FSR 4 โดยเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่สำคัญ ได้แก่ Neural Radiance Caching และ Ray Regeneration ซึ่งทำหน้าที่คล้ายกับเทคโนโลยีของ Nvidia อย่าง Neural Radiance Fields และ Ray Reconstruction จุดเด่นคือช่วยให้การเรนเดอร์ภาพแบบ Ray Tracing มีความแม่นยำและสมจริงมากขึ้น โดยสามารถทำนายแสงสะท้อนทางอ้อมและสร้างพิกเซลที่ไม่สามารถ traced ได้อย่างถูกต้อง

    นอกจากนี้ AMD ยังวางตำแหน่ง Redstone เป็น แพลตฟอร์ม AI-based graphics ที่รวมการ Upscaling, Frame Generation และ Ray Tracing เข้าด้วยกัน ทำให้เกมที่รองรับสามารถแสดงผลได้ลื่นไหลขึ้นโดยไม่สูญเสียคุณภาพภาพมากนัก ตัวอย่างเช่น Call of Duty: Black Ops 7 ที่เป็นเกมแรกที่นำ Redstone มาใช้งานจริง

    แม้จะมีรายงานว่า Redstone ถูกพัฒนาให้สามารถทำงานแบบ vendor-agnostic ผ่านโครงการ ROCm แต่ AMD ยืนยันว่าในช่วงเปิดตัวจะรองรับเฉพาะ RX 9000 Series เท่านั้น ซึ่งคล้ายกับการเปิดตัว FSR 4 ที่แม้จะมีการรองรับ GPU รุ่นเก่า แต่ก็ไม่ได้ถูกประกาศอย่างเป็นทางการ

    สรุปสาระสำคัญ
    AMD เปิดตัว FSR Redstone วันที่ 10 ธันวาคม 2025
    รองรับเฉพาะ Radeon RX 9000 Series

    ฟีเจอร์ใหม่: Neural Radiance Caching และ Ray Regeneration
    ช่วยปรับปรุงคุณภาพ Ray Tracing ให้สมจริงขึ้น

    Redstone รวมเทคโนโลยี AI-based graphics
    Upscaling, Frame Generation และ Ray Tracing ในแพลตฟอร์มเดียว

    เกมแรกที่รองรับคือ Call of Duty: Black Ops 7
    ใช้งานจริงเพื่อโชว์ศักยภาพของ Redstone

    ข้อจำกัดการใช้งาน
    รองรับเฉพาะ RX 9000 Series ในช่วงแรก ไม่เปิดให้ GPU ค่ายอื่น

    ความเสี่ยงด้านการเข้าถึงผู้ใช้
    ผู้ใช้การ์ดจอรุ่นเก่าอาจไม่ได้รับประโยชน์จาก Redstone

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amd-announces-fsr-redstone-premiere-on-december-10-confirms-technology-will-be-limited-to-the-rx-9000-series
    📰 “FSR Redstone – เทคโนโลยี Upscaling และ Ray Regeneration รุ่นใหม่จาก AMD” AMD ประกาศว่าจะจัดงานเปิดตัว FSR Redstone อย่างเป็นทางการในวันที่ 10 ธันวาคม 2025 โดยยืนยันว่าเทคโนโลยีนี้จะรองรับเฉพาะ Radeon RX 9000 Series เท่านั้น แม้ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าอาจทำงานได้บนการ์ดจอ Nvidia และ Intel แต่ AMD ยืนยันว่าในช่วงแรกจะจำกัดไว้เฉพาะ RDNA 4 รุ่นล่าสุด FSR Redstone ถือเป็นการต่อยอดจาก FSR 4 โดยเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่สำคัญ ได้แก่ Neural Radiance Caching และ Ray Regeneration ซึ่งทำหน้าที่คล้ายกับเทคโนโลยีของ Nvidia อย่าง Neural Radiance Fields และ Ray Reconstruction จุดเด่นคือช่วยให้การเรนเดอร์ภาพแบบ Ray Tracing มีความแม่นยำและสมจริงมากขึ้น โดยสามารถทำนายแสงสะท้อนทางอ้อมและสร้างพิกเซลที่ไม่สามารถ traced ได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ AMD ยังวางตำแหน่ง Redstone เป็น แพลตฟอร์ม AI-based graphics ที่รวมการ Upscaling, Frame Generation และ Ray Tracing เข้าด้วยกัน ทำให้เกมที่รองรับสามารถแสดงผลได้ลื่นไหลขึ้นโดยไม่สูญเสียคุณภาพภาพมากนัก ตัวอย่างเช่น Call of Duty: Black Ops 7 ที่เป็นเกมแรกที่นำ Redstone มาใช้งานจริง แม้จะมีรายงานว่า Redstone ถูกพัฒนาให้สามารถทำงานแบบ vendor-agnostic ผ่านโครงการ ROCm แต่ AMD ยืนยันว่าในช่วงเปิดตัวจะรองรับเฉพาะ RX 9000 Series เท่านั้น ซึ่งคล้ายกับการเปิดตัว FSR 4 ที่แม้จะมีการรองรับ GPU รุ่นเก่า แต่ก็ไม่ได้ถูกประกาศอย่างเป็นทางการ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ AMD เปิดตัว FSR Redstone วันที่ 10 ธันวาคม 2025 ➡️ รองรับเฉพาะ Radeon RX 9000 Series ✅ ฟีเจอร์ใหม่: Neural Radiance Caching และ Ray Regeneration ➡️ ช่วยปรับปรุงคุณภาพ Ray Tracing ให้สมจริงขึ้น ✅ Redstone รวมเทคโนโลยี AI-based graphics ➡️ Upscaling, Frame Generation และ Ray Tracing ในแพลตฟอร์มเดียว ✅ เกมแรกที่รองรับคือ Call of Duty: Black Ops 7 ➡️ ใช้งานจริงเพื่อโชว์ศักยภาพของ Redstone ‼️ ข้อจำกัดการใช้งาน ⛔ รองรับเฉพาะ RX 9000 Series ในช่วงแรก ไม่เปิดให้ GPU ค่ายอื่น ‼️ ความเสี่ยงด้านการเข้าถึงผู้ใช้ ⛔ ผู้ใช้การ์ดจอรุ่นเก่าอาจไม่ได้รับประโยชน์จาก Redstone https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amd-announces-fsr-redstone-premiere-on-december-10-confirms-technology-will-be-limited-to-the-rx-9000-series
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
  • Proton 10 เปิดตัว รองรับเกมใหม่หลากหลายบน Linux

    Valve ได้ประกาศเปิดตัว Proton 10 ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดของเครื่องมือ Steam Play Compatibility Layer ที่ช่วยให้ผู้ใช้ Linux สามารถเล่นเกม Windows ได้อย่างราบรื่น การอัปเดตครั้งนี้ถือเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่ โดยเพิ่มการรองรับเกมใหม่จำนวนมาก รวมถึงแก้ไขบั๊กและปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน

    หนึ่งในเกมที่ถูกเพิ่มการรองรับคือ Far Horizon, Grim Fandango Remastered, The Crew Motorfest, Viking Rise: Valhalla และ Starlight Re:Volver นอกจากนี้ยังมีเกมอื่นๆ เช่น Mary Skelter: Nightmares, Fairy Fencer F Advent Dark Force และ Gemstones ที่สามารถเล่นได้บน Linux ผ่าน Proton 10 แล้ว

    Proton 10 ยังแก้ไขปัญหาการทำงานของเกมยอดนิยมหลายเกม เช่น Diablo IV, Doom Eternal, Resident Evil Village, God of War: Ragnarok และ Rocket League รวมถึงปรับปรุงการรองรับคอนโทรลเลอร์ DualSense และแก้ไขปัญหาการเปิดใช้งาน Epic Games Store บน Proton

    ภายใน Proton 10 ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เช่น Wine 10, DXVK 2.6.2, vkd3d-proton 2.14.1 และการปรับปรุงอื่นๆ ที่ช่วยให้การเล่นเกมบน Linux มีความเสถียรและใกล้เคียงกับประสบการณ์บน Windows มากขึ้น ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของ Valve ในการผลักดัน Linux ให้เป็นแพลตฟอร์มเกมที่แข็งแกร่ง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Proton 10 เปิดตัว
    รองรับเกมใหม่ เช่น Far Horizon, Grim Fandango Remastered, The Crew Motorfest
    เพิ่มความสามารถในการเล่นเกม Windows บน Linux

    การแก้ไขและปรับปรุง
    แก้บั๊กในเกมดัง เช่น Diablo IV, Doom Eternal, Resident Evil Village
    ปรับปรุงการรองรับ DualSense และ Epic Games Store

    เทคโนโลยีภายใน
    ใช้ Wine 10, DXVK 2.6.2, vkd3d-proton 2.14.1
    เพิ่มความเสถียรและประสิทธิภาพในการเล่นเกม

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    หากไม่อัปเดต Proton อาจไม่สามารถเล่นเกมใหม่หรือแก้บั๊กที่มีอยู่ได้
    ผู้ใช้ที่ยังใช้เวอร์ชันเก่าอาจพบปัญหาความเข้ากันได้และประสิทธิภาพต่ำ

    https://9to5linux.com/proton-10-released-with-support-for-far-horizon-the-riftbreaker-and-other-games
    🎮 Proton 10 เปิดตัว รองรับเกมใหม่หลากหลายบน Linux Valve ได้ประกาศเปิดตัว Proton 10 ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดของเครื่องมือ Steam Play Compatibility Layer ที่ช่วยให้ผู้ใช้ Linux สามารถเล่นเกม Windows ได้อย่างราบรื่น การอัปเดตครั้งนี้ถือเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่ โดยเพิ่มการรองรับเกมใหม่จำนวนมาก รวมถึงแก้ไขบั๊กและปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน หนึ่งในเกมที่ถูกเพิ่มการรองรับคือ Far Horizon, Grim Fandango Remastered, The Crew Motorfest, Viking Rise: Valhalla และ Starlight Re:Volver นอกจากนี้ยังมีเกมอื่นๆ เช่น Mary Skelter: Nightmares, Fairy Fencer F Advent Dark Force และ Gemstones ที่สามารถเล่นได้บน Linux ผ่าน Proton 10 แล้ว Proton 10 ยังแก้ไขปัญหาการทำงานของเกมยอดนิยมหลายเกม เช่น Diablo IV, Doom Eternal, Resident Evil Village, God of War: Ragnarok และ Rocket League รวมถึงปรับปรุงการรองรับคอนโทรลเลอร์ DualSense และแก้ไขปัญหาการเปิดใช้งาน Epic Games Store บน Proton ภายใน Proton 10 ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เช่น Wine 10, DXVK 2.6.2, vkd3d-proton 2.14.1 และการปรับปรุงอื่นๆ ที่ช่วยให้การเล่นเกมบน Linux มีความเสถียรและใกล้เคียงกับประสบการณ์บน Windows มากขึ้น ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของ Valve ในการผลักดัน Linux ให้เป็นแพลตฟอร์มเกมที่แข็งแกร่ง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Proton 10 เปิดตัว ➡️ รองรับเกมใหม่ เช่น Far Horizon, Grim Fandango Remastered, The Crew Motorfest ➡️ เพิ่มความสามารถในการเล่นเกม Windows บน Linux ✅ การแก้ไขและปรับปรุง ➡️ แก้บั๊กในเกมดัง เช่น Diablo IV, Doom Eternal, Resident Evil Village ➡️ ปรับปรุงการรองรับ DualSense และ Epic Games Store ✅ เทคโนโลยีภายใน ➡️ ใช้ Wine 10, DXVK 2.6.2, vkd3d-proton 2.14.1 ➡️ เพิ่มความเสถียรและประสิทธิภาพในการเล่นเกม ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ หากไม่อัปเดต Proton อาจไม่สามารถเล่นเกมใหม่หรือแก้บั๊กที่มีอยู่ได้ ⛔ ผู้ใช้ที่ยังใช้เวอร์ชันเก่าอาจพบปัญหาความเข้ากันได้และประสิทธิภาพต่ำ https://9to5linux.com/proton-10-released-with-support-for-far-horizon-the-riftbreaker-and-other-games
    9TO5LINUX.COM
    Proton 10 Released with Support for Far Horizon, The Riftbreaker, and Other Games - 9to5Linux
    Proton 10 is now available with support for Mary Skelter: Nightmares, Fairy Fencer F Advent Dark Force, Far Horizon, and many other games.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD ก้าวขึ้นสู่ 25% ของตลาด x86 CPU

    ข้อมูลจาก Mercury Research ระบุว่า AMD มีส่วนแบ่งตลาดรวมของ x86 CPU อยู่ที่ 25.6% เพิ่มขึ้นจาก 24.2% ในไตรมาสก่อน และจาก 24% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นการบรรลุ milestone สำคัญที่สะท้อนถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

    เดสก์ท็อป: จุดแข็งของ AMD
    ในตลาดเดสก์ท็อป AMD ทำผลงานโดดเด่นด้วยซีรีส์ Ryzen 9000 “Granite Ridge” ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ระดับ enthusiast และ performance ทำให้ AMD ครองส่วนแบ่งถึง 33.6% เพิ่มขึ้นจาก 32.2% ในไตรมาสก่อน และมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับปี 2024

    ตลาดโน้ตบุ๊กและเซิร์ฟเวอร์
    แม้ AMD จะเสียส่วนแบ่งเล็กน้อยในตลาดโน้ตบุ๊กเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ก็เริ่มกลับมาแข็งแกร่งขึ้นในไตรมาสล่าสุด โดยมีส่วนแบ่ง 21.9% ขณะที่ในตลาดเซิร์ฟเวอร์ AMD ยังคงขยายตัวอย่างช้า ๆ โดยมีส่วนแบ่ง 27.8% ซึ่งสะท้อนถึงการยอมรับที่เพิ่มขึ้นของซีรีส์ EPYC Turin

    Intel ยังคงครองตลาดแต่ถูกกดดัน
    Intel ยังคงครองส่วนแบ่งใหญ่กว่า 74% ของตลาดรวม แต่กำลังเผชิญปัญหาการจัดหาชิป entry-level และการเปลี่ยนผ่านผลิตภัณฑ์ ทำให้ AMD สามารถแทรกตัวเข้ามาได้มากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดเดสก์ท็อปที่ Intel สูญเสียความนิยมในรุ่น Core Raptor Lake

    สรุปประเด็นสำคัญ
    AMD ครอง 25.6% ของตลาด x86 CPU รวม
    เพิ่มขึ้นทั้งเมื่อเทียบ QoQ และ YoY

    AMD ครอง 33.6% ของตลาดเดสก์ท็อป
    Ryzen 9000 “Granite Ridge” ได้รับความนิยมสูง

    AMD มีส่วนแบ่ง 21.9% ในตลาดโน้ตบุ๊ก
    เริ่มกลับมาแข็งแกร่งหลังจากเสียส่วนแบ่งก่อนหน้านี้

    AMD มีส่วนแบ่ง 27.8% ในตลาดเซิร์ฟเวอร์
    EPYC Turin ได้รับการยอมรับเพิ่มขึ้น

    Intel สูญเสียความนิยมในบางเซ็กเมนต์
    ปัญหาการจัดหาชิป entry-level และการเปลี่ยนผ่านผลิตภัณฑ์

    การแข่งขันรุนแรงในตลาดเดสก์ท็อป
    Intel ถูกกดดันจาก Ryzen รุ่นใหม่ที่ครองใจผู้ใช้ enthusiast

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-continues-to-chip-away-at-intels-x86-market-share-company-now-sells-over-25-percent-of-all-x86-chips-and-powers-33-percent-of-all-desktop-systems
    📊 AMD ก้าวขึ้นสู่ 25% ของตลาด x86 CPU ข้อมูลจาก Mercury Research ระบุว่า AMD มีส่วนแบ่งตลาดรวมของ x86 CPU อยู่ที่ 25.6% เพิ่มขึ้นจาก 24.2% ในไตรมาสก่อน และจาก 24% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นการบรรลุ milestone สำคัญที่สะท้อนถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 🖥️ เดสก์ท็อป: จุดแข็งของ AMD ในตลาดเดสก์ท็อป AMD ทำผลงานโดดเด่นด้วยซีรีส์ Ryzen 9000 “Granite Ridge” ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ระดับ enthusiast และ performance ทำให้ AMD ครองส่วนแบ่งถึง 33.6% เพิ่มขึ้นจาก 32.2% ในไตรมาสก่อน และมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับปี 2024 💻 ตลาดโน้ตบุ๊กและเซิร์ฟเวอร์ แม้ AMD จะเสียส่วนแบ่งเล็กน้อยในตลาดโน้ตบุ๊กเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ก็เริ่มกลับมาแข็งแกร่งขึ้นในไตรมาสล่าสุด โดยมีส่วนแบ่ง 21.9% ขณะที่ในตลาดเซิร์ฟเวอร์ AMD ยังคงขยายตัวอย่างช้า ๆ โดยมีส่วนแบ่ง 27.8% ซึ่งสะท้อนถึงการยอมรับที่เพิ่มขึ้นของซีรีส์ EPYC Turin ⚡ Intel ยังคงครองตลาดแต่ถูกกดดัน Intel ยังคงครองส่วนแบ่งใหญ่กว่า 74% ของตลาดรวม แต่กำลังเผชิญปัญหาการจัดหาชิป entry-level และการเปลี่ยนผ่านผลิตภัณฑ์ ทำให้ AMD สามารถแทรกตัวเข้ามาได้มากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดเดสก์ท็อปที่ Intel สูญเสียความนิยมในรุ่น Core Raptor Lake 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ AMD ครอง 25.6% ของตลาด x86 CPU รวม ➡️ เพิ่มขึ้นทั้งเมื่อเทียบ QoQ และ YoY ✅ AMD ครอง 33.6% ของตลาดเดสก์ท็อป ➡️ Ryzen 9000 “Granite Ridge” ได้รับความนิยมสูง ✅ AMD มีส่วนแบ่ง 21.9% ในตลาดโน้ตบุ๊ก ➡️ เริ่มกลับมาแข็งแกร่งหลังจากเสียส่วนแบ่งก่อนหน้านี้ ✅ AMD มีส่วนแบ่ง 27.8% ในตลาดเซิร์ฟเวอร์ ➡️ EPYC Turin ได้รับการยอมรับเพิ่มขึ้น ‼️ Intel สูญเสียความนิยมในบางเซ็กเมนต์ ⛔ ปัญหาการจัดหาชิป entry-level และการเปลี่ยนผ่านผลิตภัณฑ์ ‼️ การแข่งขันรุนแรงในตลาดเดสก์ท็อป ⛔ Intel ถูกกดดันจาก Ryzen รุ่นใหม่ที่ครองใจผู้ใช้ enthusiast https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-continues-to-chip-away-at-intels-x86-market-share-company-now-sells-over-25-percent-of-all-x86-chips-and-powers-33-percent-of-all-desktop-systems
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • "จาก PDP-11 สู่ Mac Pro M2 Ultra" — 200,000 เท่าความเร็วใน 47 ปี
    Dave Plummer นักพัฒนาซอฟต์แวร์ผู้มีชื่อเสียงในวงการ Windows ได้ทำการทดสอบ Dhrystone 2.2 Benchmark แบบ single-threaded กับคอมพิวเตอร์ที่เขาสะสมไว้กว่า 25 เครื่อง ตั้งแต่ DEC PDP-11/34 (1976) ไปจนถึง Apple Mac Pro M2 Ultra (2023)

    ผลลัพธ์คือความแตกต่างที่น่าทึ่ง:
    PDP-11/34 ทำคะแนนเพียง 240 Dhrystones
    Mac Pro M2 Ultra ทำคะแนนสูงถึง 47,808,764 Dhrystones
    รวมแล้วความเร็วต่างกันถึง 200,000 เท่า

    รายละเอียดที่น่าสนใจ
    Amiga 500 (1980s) เป็นเครื่องที่ช้าที่สุดรองจาก PDP-11 ได้คะแนนเพียง 1,000
    การพัฒนา CPU ของ Intel จาก i486 สู่ Pentium ทำให้คะแนนพุ่งจาก 30,000 ไปถึง 2,500,000 ภายในทศวรรษเดียว
    Raspberry Pi 4B ทำคะแนนได้เกือบ 10,000,000 ซึ่งเร็วกว่าชิป Pentium 4 ที่มีความเร็วสัญญาณนาฬิกาเท่ากันถึง 4 เท่า
    จุดสูงสุดของการทดสอบคือ Ryzen Threadripper PRO 7995WX และ Mac Pro M2 Ultra ที่ครองตำแหน่ง CPU ระดับท็อป

    บริบทเพิ่มเติม
    Dhrystone Benchmark เป็นการทดสอบประสิทธิภาพ integer ที่เก่าแก่และไม่ใช้การประมวลผลแบบหลายคอร์หรือคำสั่งเวกเตอร์สมัยใหม่ เช่น AVX-512
    นั่นหมายความว่าความแตกต่างจริง ๆ อาจมากกว่าที่เห็น เพราะ CPU รุ่นใหม่มีความสามารถด้าน multi-thread และ vectorization ที่ไม่ได้ถูกวัดในการทดสอบนี้
    แม้ Amiga 500 จะช้าใน benchmark แต่ผู้ใช้บางคนชี้ว่าเครื่องสามารถเปิดโปรแกรม word processor ได้เร็วกว่า PC สมัยใหม่ที่ต้องโหลดระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์จำนวนมาก

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/veteran-devs-newest-computer-is-200-000-times-faster-than-his-oldest-in-custom-benchmarks-single-thread-dhrystone-performance-charted-across-25-systems-released-between-1976-and-2023
    ⚙️📈 "จาก PDP-11 สู่ Mac Pro M2 Ultra" — 200,000 เท่าความเร็วใน 47 ปี Dave Plummer นักพัฒนาซอฟต์แวร์ผู้มีชื่อเสียงในวงการ Windows ได้ทำการทดสอบ Dhrystone 2.2 Benchmark แบบ single-threaded กับคอมพิวเตอร์ที่เขาสะสมไว้กว่า 25 เครื่อง ตั้งแต่ DEC PDP-11/34 (1976) ไปจนถึง Apple Mac Pro M2 Ultra (2023) ผลลัพธ์คือความแตกต่างที่น่าทึ่ง: 🎗️ PDP-11/34 ทำคะแนนเพียง 240 Dhrystones 🎗️ Mac Pro M2 Ultra ทำคะแนนสูงถึง 47,808,764 Dhrystones 🎗️ รวมแล้วความเร็วต่างกันถึง 200,000 เท่า 🔧 รายละเอียดที่น่าสนใจ 🎗️ Amiga 500 (1980s) เป็นเครื่องที่ช้าที่สุดรองจาก PDP-11 ได้คะแนนเพียง 1,000 🎗️ การพัฒนา CPU ของ Intel จาก i486 สู่ Pentium ทำให้คะแนนพุ่งจาก 30,000 ไปถึง 2,500,000 ภายในทศวรรษเดียว 🎗️ Raspberry Pi 4B ทำคะแนนได้เกือบ 10,000,000 ซึ่งเร็วกว่าชิป Pentium 4 ที่มีความเร็วสัญญาณนาฬิกาเท่ากันถึง 4 เท่า 🎗️ จุดสูงสุดของการทดสอบคือ Ryzen Threadripper PRO 7995WX และ Mac Pro M2 Ultra ที่ครองตำแหน่ง CPU ระดับท็อป 🌍 บริบทเพิ่มเติม 🎗️ Dhrystone Benchmark เป็นการทดสอบประสิทธิภาพ integer ที่เก่าแก่และไม่ใช้การประมวลผลแบบหลายคอร์หรือคำสั่งเวกเตอร์สมัยใหม่ เช่น AVX-512 🎗️ นั่นหมายความว่าความแตกต่างจริง ๆ อาจมากกว่าที่เห็น เพราะ CPU รุ่นใหม่มีความสามารถด้าน multi-thread และ vectorization ที่ไม่ได้ถูกวัดในการทดสอบนี้ 🎗️ แม้ Amiga 500 จะช้าใน benchmark แต่ผู้ใช้บางคนชี้ว่าเครื่องสามารถเปิดโปรแกรม word processor ได้เร็วกว่า PC สมัยใหม่ที่ต้องโหลดระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์จำนวนมาก https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/veteran-devs-newest-computer-is-200-000-times-faster-than-his-oldest-in-custom-benchmarks-single-thread-dhrystone-performance-charted-across-25-systems-released-between-1976-and-2023
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • S.E.S. และ “Dreams Come True” ที่ทำให้ผมรู้จัก K-POP เป็นครั้งแรก: ปฐมบทของวงการ K-POP

    ในยุคที่เพลงป๊อปเกาหลียังไม่เป็นที่รู้จักในระดับโลก K-POP ได้เริ่มต้นก้าวแรกสู่การเป็นปรากฏการณ์วัฒนธรรมผ่านเกิร์ลกรุ๊ปอย่าง S.E.S. สำหรับผมแล้ว การได้ฟังเพลง “Dreams Come True” คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลงรัก K-POP เป็นครั้งแรก มันไม่ใช่แค่เพลง แต่เป็นสัญลักษณ์ของความฝันที่กลายเป็นจริง และเป็นปฐมบทที่ปูทางให้อุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีใต้ก้าวสู่เวทีโลก S.E.S. ไม่เพียงเป็นไอดอลหญิงรุ่นบุกเบิก แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินรุ่นหลัง และช่วยจุดประกายกระแส Hallyu (Korean Wave) ที่เรารู้จักกันดีในวันนี้ บทความนี้จะพาไปสำรวจประวัติ ความดัง ผลกระทบของ S.E.S. และเรื่องราวเบื้องหลังเพลงฮิตอย่าง “Dreams Come True” ที่ยังคงเป็นตำนาน

    👩🏻‍🧒🏻‍👧🏻 S.E.S.: ผู้บุกเบิกเกิร์ลกรุ๊ปยุคแรกของ K-POP
    S.E.S. (ย่อมาจาก Sea, Eugene, Shoo) เป็นเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีใต้จากค่าย SM Entertainment ที่เดบิวต์เมื่อปี 1997 สมาชิกทั้งสามคนคือ Bada (หรือ Sea), Eugene และ Shoo ซึ่งชื่อวงมาจากชื่อจริงของพวกเธอโดยตรง. ในยุคนั้น K-POP ยังอยู่ในช่วงตั้งไข่ และ S.E.S. ได้กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มไอดอลหญิงกลุ่มแรกที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ด้วยภาพลักษณ์น่ารักบริสุทธิ์แบบ “fairies” (원조 요정) ที่ดึงดูดแฟนวัยรุ่น และพัฒนาไปสู่สไตล์ที่ซับซ้อนมากขึ้นในภายหลัง ทำให้พวกเธอครองชาร์ตเพลงและกลายเป็นคู่แข่งหลักกับ Fin.K.L. ในสมัยนั้น

    ความสำเร็จของ S.E.S. มาอย่างรวดเร็ว อัลบั้มเดบิวต์ I’m Your Girl ขายได้กว่า 650,000 ชุด ทำให้เป็นอัลบั้มเกิร์ลกรุ๊ปที่ขายดีอันดับ 3 ในเกาหลีใต้. อัลบั้มต่อ ๆ มาอย่าง Sea & Eugene & Shoo (ขายกว่า 650,000 ชุด), Love (กลายเป็นอัลบั้มเกิร์ลกรุ๊ปที่ขายดีอันดับ 2 ในขณะนั้น) และ A Letter from Greenland (ขายกว่า 635,000 ชุด) ยิ่งตอกย้ำความนิยม. เพลงฮิตที่ครองชาร์ตยาวนาน ได้แก่ “(‘Cause) I’m Your Girl”, “Dreams Come True” (ซึ่งขึ้นอันดับ 1 บน Music Bank 3 สัปดาห์ติด), “Love”, “Just in Love” และ “U”. เพลง “I’m Your Girl” ยังถูกยกให้เป็นหนึ่งใน 100 เพลงที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ K-POP โดย Rolling Stone.

    พวกเธอไม่ได้จำกัดอยู่แค่เกาหลีใต้ แต่ขยายตลาดไปญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1998 กับซิงเกิล “Meguriau Sekai” ที่ขึ้นชาร์ต Oricon อันดับ 37 และขายกว่า 13,000 ชุด รวมถึงอัลบั้ม Reach Out ที่ขึ้นอันดับ 50. นอกจากนี้ ยังขายอัลบั้มได้กว่า 200,000 ชุดในไต้หวัน ทำให้ได้รับแผ่นประกาศเกียรติคุณจาก Rock Records. S.E.S. จัดคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกในปี 2000 ที่ Olympic Gymnastics Arena ขายหมดเกลี้ยงกว่า 9,000 ที่นั่ง. แม้ยุบวงในปี 2002 แต่พวกเธอ reunite ในปี 2007, 2008, 2009 และอย่างยิ่งใหญ่ในปี 2016-2017 ด้วยอัลบั้มพิเศษ Remember พร้อมคอนเสิร์ตและรายการเรียลลิตี้

    รางวัลที่ได้รับมากมาย เช่น Rookie of the Year จาก Golden Disc Awards (1998), Best Female Group จาก MAMA (2001, 2002), และ Bonsang จากหลายเวทีอย่าง KBS Song Festival, KMTV Music Awards และ Seoul Music Awards. พวกเธอยังได้รับการยกย่องจากรัฐบาลเกาหลี เช่น Commendation จากกระทรวงวัฒนธรรม (1999) และ Appreciation Plaques จากสหภาพศิลปิน (2000). ในลิสต์ต่าง ๆ S.E.S. ติดอันดับ 4 ในศิลปินหญิงที่ดีที่สุดโดยผู้เชี่ยวชาญจาก The Dong-a Ilbo (2016) และอันดับ 80 ใน Legend 100 Artists จาก Mnet (2013).

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีใต้
    S.E.S. ถือเป็นผู้บุกเบิกที่เปิดยุคเกิร์ลกรุ๊ปใน K-POP โดยถูกเรียกว่า “original fairies” และตั้งมาตรฐานให้กับภาพลักษณ์ไอดอลหญิงที่ได้รับการยอมรับทั้งในด้านเพลงและภาพลักษณ์. นักวิจารณ์อย่าง Kim Bong-hyun ยกย่องพวกเธอว่าเป็น “กลุ่มไอดอลแรกที่ภาพลักษณ์และเพลงได้รับการยอมรับ” ขณะที่ Kang Myeong-seok ชี้ว่าเพลงอย่าง “Love” และ “Be Natural” เป็น “ตำนานของเพลงเกิร์ลกรุ๊ป” พวกเธอมีอิทธิพลต่อรุ่นหลัง เช่น Red Velvet ที่ remake “Be Natural” ในปี 2014.

    S.E.S. ช่วยยกระดับ SM Entertainment ให้เป็นค่ายยักษ์ใหญ่ และตั้งมาตรฐานการผลิต เช่น มิวสิกวิดีโอ “Love” ที่ถ่ายทำในนิวยอร์กด้วยงบ 1 พันล้านวอน ซึ่งเป็นการลงทุนสูงในยุคนั้น. พวกเธอยังมีส่วนในจุดเริ่มต้นของ Hallyu โดยขยาย K-POP ไปยังญี่ปุ่น ไต้หวัน และตลาดเอเชีย ซึ่งปูทางให้ศิลปินรุ่นหลังอย่าง BoA และ TVXQ. โดยรวมแล้ว S.E.S. ไม่เพียงทำให้เกิร์ลกรุ๊ปกลายเป็นส่วนสำคัญของอุตสาหกรรม แต่ยังช่วยให้ K-POP พัฒนาจากเพลงท้องถิ่นสู่ปรากฏการณ์ระดับโลกในเวลาต่อมา

    “Dreams Come True”: เพลงที่จุดประกายความฝันและ K-POP
    เพลง “Dreams Come True” ของ S.E.S. คือซิงเกิลที่สองจากอัลบั้มชุดที่สอง Sea & Eugene & Shoo ที่ออกเมื่อปี 1998 มันเป็นเพลงที่ทำให้ผมรู้จัก K-POP เป็นครั้งแรก ด้วยจังหวะ dance-pop ที่สดใสและเนื้อเพลงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง เพลงนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากศูนย์ แต่เป็น cover จากเพลงฟินแลนด์ชื่อ “Rakastuin mä looseriin” (หรือ “Like a Fool”) ของวง Nylon Beat ที่ออกในปี 1996 ประพันธ์โดย Risto Asikainen และ Jukka Immonen. ค่าย SM ซื้อลิขสิทธิ์มาปรับให้เข้ากับตลาดเกาหลี โดย Yoo Young-jin ช่วยแต่งเพิ่ม และ Bada ร่วมเขียนเนื้อเพลงภาษาเกาหลี ทำให้เวอร์ชันนี้มีส่วนผสมใหม่ ๆ เช่น เสียงเติมและส่วน arrange เพิ่มในช่วงท้าย แต่ยังคงโครงสร้างดนตรีหลักไว้ เพลงถูกบันทึกที่ SM Digital Recording Studio ในโซล และปล่อยอย่างเป็นทางการเมื่อ 23 พฤศจิกายน 1998

    มิวสิกวิดีโอถ่ายทำในนิวยอร์กและฮาวาย เน้นภาพลักษณ์น่ารัก fairy-like และในปี 2021 ถูก remaster ใหม่ให้คมชัดขึ้น. ความหมายของเนื้อเพลงพูดถึงความฝันที่กลายเป็นจริงแบบไม่คาดคิด เปรียบเทียบกับความรู้สึกตกหลุมรักที่ทำให้ชีวิตสดใสขึ้น สะท้อนถึงความมองโลกในแง่ดีและความตื่นเต้น ต่างจากต้นฉบับฟินแลนด์ที่พูดถึงการตกหลุมรักคนไม่เอาไหน แต่เวอร์ชัน S.E.S. ปรับให้ positive มากขึ้น. ลิริคอย่าง “Dreams come true, yes, they do” ย้ำว่าฝันเป็นจริงได้ถ้าเราเชื่อมั่น

    เพลงนี้ดังเปรี้ยงปร้าง ขึ้นอันดับ 1 ในรายการเพลงเกาหลีหลายรายการ เช่น Music Bank (ชนะ 3 สัปดาห์), Inkigayo และ Music Camp ในปี 1998-1999 ช่วยให้อัลบั้มขายดี และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ S.E.S. ประสบความสำเร็จ. ในปี 2021 เพลงนี้ติดอันดับ 86 ในลิสต์ 100 เพลง K-POP ที่ดีที่สุดตลอดกาลโดย Melon และ Seoul Shinmun. มันยังถูก remake หลายครั้ง เช่น โดย aespa ในปี 2021 ซึ่งเพิ่ม element trap-hip hop และชาร์ตดีทั้งในเกาหลีและต่างประเทศ รวมถึง cover จาก Girls’ Generation, Red Velvet, Twice และอื่น ๆ.

    Legacy ที่ยังคงอยู่: จากปฐมบทสู่ปรากฏการณ์โลก
    กาลเวลาผ่านไปกว่า 28 ปี แต่ legacy ของ S.E.S. และ “Dreams Come True” ยังคงถูกพูดถึงในฐานะตำนานที่เปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีใต้ เพลงนี้ไม่ใช่แค่เพลงฮิต แต่เป็นสัญลักษณ์ของ K-POP ยุคแรกที่ผสมผสานวัฒนธรรมต่างชาติเข้ากับสไตล์เกาหลีได้อย่างลงตัว สำหรับผม มันคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้รู้จัก K-POP จนถึงทุกวันนี้ S.E.S. พิสูจน์ว่าความฝันสามารถเป็นจริงได้ และพวกเธอคือปฐมบทที่ทำให้ K-POP เติบโตเป็นอุตสาหกรรมพันล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน ถ้าคุณยังไม่เคยฟัง ลองเปิด “Dreams Come True” แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมมันถึงพิเศษ

    #ลุงเล่าหลานฟัง

    https://www.youtube.com/watch?v=8uiR4SrDGZk
    🚩💿 S.E.S. และ “Dreams Come True” ที่ทำให้ผมรู้จัก K-POP เป็นครั้งแรก: ปฐมบทของวงการ K-POP ⌛ ในยุคที่เพลงป๊อปเกาหลียังไม่เป็นที่รู้จักในระดับโลก K-POP ได้เริ่มต้นก้าวแรกสู่การเป็นปรากฏการณ์วัฒนธรรมผ่านเกิร์ลกรุ๊ปอย่าง S.E.S. สำหรับผมแล้ว การได้ฟังเพลง “Dreams Come True” คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลงรัก K-POP เป็นครั้งแรก มันไม่ใช่แค่เพลง แต่เป็นสัญลักษณ์ของความฝันที่กลายเป็นจริง และเป็นปฐมบทที่ปูทางให้อุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีใต้ก้าวสู่เวทีโลก S.E.S. ไม่เพียงเป็นไอดอลหญิงรุ่นบุกเบิก แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินรุ่นหลัง และช่วยจุดประกายกระแส Hallyu (Korean Wave) ที่เรารู้จักกันดีในวันนี้ บทความนี้จะพาไปสำรวจประวัติ ความดัง ผลกระทบของ S.E.S. และเรื่องราวเบื้องหลังเพลงฮิตอย่าง “Dreams Come True” ที่ยังคงเป็นตำนาน 👩‍👧‍👦👩🏻‍🧒🏻‍👧🏻 S.E.S.: ผู้บุกเบิกเกิร์ลกรุ๊ปยุคแรกของ K-POP S.E.S. (ย่อมาจาก Sea, Eugene, Shoo) เป็นเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีใต้จากค่าย SM Entertainment ที่เดบิวต์เมื่อปี 1997 สมาชิกทั้งสามคนคือ Bada (หรือ Sea), Eugene และ Shoo ซึ่งชื่อวงมาจากชื่อจริงของพวกเธอโดยตรง. ในยุคนั้น K-POP ยังอยู่ในช่วงตั้งไข่ และ S.E.S. ได้กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มไอดอลหญิงกลุ่มแรกที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ด้วยภาพลักษณ์น่ารักบริสุทธิ์แบบ “fairies” (원조 요정) ที่ดึงดูดแฟนวัยรุ่น และพัฒนาไปสู่สไตล์ที่ซับซ้อนมากขึ้นในภายหลัง ทำให้พวกเธอครองชาร์ตเพลงและกลายเป็นคู่แข่งหลักกับ Fin.K.L. ในสมัยนั้น ความสำเร็จของ S.E.S. มาอย่างรวดเร็ว อัลบั้มเดบิวต์ I’m Your Girl ขายได้กว่า 650,000 ชุด ทำให้เป็นอัลบั้มเกิร์ลกรุ๊ปที่ขายดีอันดับ 3 ในเกาหลีใต้. อัลบั้มต่อ ๆ มาอย่าง Sea & Eugene & Shoo (ขายกว่า 650,000 ชุด), Love (กลายเป็นอัลบั้มเกิร์ลกรุ๊ปที่ขายดีอันดับ 2 ในขณะนั้น) และ A Letter from Greenland (ขายกว่า 635,000 ชุด) ยิ่งตอกย้ำความนิยม. เพลงฮิตที่ครองชาร์ตยาวนาน ได้แก่ “(‘Cause) I’m Your Girl”, “Dreams Come True” (ซึ่งขึ้นอันดับ 1 บน Music Bank 3 สัปดาห์ติด), “Love”, “Just in Love” และ “U”. เพลง “I’m Your Girl” ยังถูกยกให้เป็นหนึ่งใน 100 เพลงที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ K-POP โดย Rolling Stone. 🌏 พวกเธอไม่ได้จำกัดอยู่แค่เกาหลีใต้ แต่ขยายตลาดไปญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1998 กับซิงเกิล “Meguriau Sekai” ที่ขึ้นชาร์ต Oricon อันดับ 37 และขายกว่า 13,000 ชุด รวมถึงอัลบั้ม Reach Out ที่ขึ้นอันดับ 50. นอกจากนี้ ยังขายอัลบั้มได้กว่า 200,000 ชุดในไต้หวัน ทำให้ได้รับแผ่นประกาศเกียรติคุณจาก Rock Records. S.E.S. จัดคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกในปี 2000 ที่ Olympic Gymnastics Arena ขายหมดเกลี้ยงกว่า 9,000 ที่นั่ง. แม้ยุบวงในปี 2002 แต่พวกเธอ reunite ในปี 2007, 2008, 2009 และอย่างยิ่งใหญ่ในปี 2016-2017 ด้วยอัลบั้มพิเศษ Remember พร้อมคอนเสิร์ตและรายการเรียลลิตี้ 🥇🏆 รางวัลที่ได้รับมากมาย เช่น Rookie of the Year จาก Golden Disc Awards (1998), Best Female Group จาก MAMA (2001, 2002), และ Bonsang จากหลายเวทีอย่าง KBS Song Festival, KMTV Music Awards และ Seoul Music Awards. พวกเธอยังได้รับการยกย่องจากรัฐบาลเกาหลี เช่น Commendation จากกระทรวงวัฒนธรรม (1999) และ Appreciation Plaques จากสหภาพศิลปิน (2000). ในลิสต์ต่าง ๆ S.E.S. ติดอันดับ 4 ในศิลปินหญิงที่ดีที่สุดโดยผู้เชี่ยวชาญจาก The Dong-a Ilbo (2016) และอันดับ 80 ใน Legend 100 Artists จาก Mnet (2013). ⏯️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีใต้ 🏁 S.E.S. ถือเป็นผู้บุกเบิกที่เปิดยุคเกิร์ลกรุ๊ปใน K-POP โดยถูกเรียกว่า “original fairies” และตั้งมาตรฐานให้กับภาพลักษณ์ไอดอลหญิงที่ได้รับการยอมรับทั้งในด้านเพลงและภาพลักษณ์. นักวิจารณ์อย่าง Kim Bong-hyun ยกย่องพวกเธอว่าเป็น “กลุ่มไอดอลแรกที่ภาพลักษณ์และเพลงได้รับการยอมรับ” ขณะที่ Kang Myeong-seok ชี้ว่าเพลงอย่าง “Love” และ “Be Natural” เป็น “ตำนานของเพลงเกิร์ลกรุ๊ป” พวกเธอมีอิทธิพลต่อรุ่นหลัง เช่น Red Velvet ที่ remake “Be Natural” ในปี 2014. S.E.S. ช่วยยกระดับ SM Entertainment ให้เป็นค่ายยักษ์ใหญ่ และตั้งมาตรฐานการผลิต เช่น มิวสิกวิดีโอ “Love” ที่ถ่ายทำในนิวยอร์กด้วยงบ 1 พันล้านวอน ซึ่งเป็นการลงทุนสูงในยุคนั้น. พวกเธอยังมีส่วนในจุดเริ่มต้นของ Hallyu โดยขยาย K-POP ไปยังญี่ปุ่น ไต้หวัน และตลาดเอเชีย ซึ่งปูทางให้ศิลปินรุ่นหลังอย่าง BoA และ TVXQ. โดยรวมแล้ว S.E.S. ไม่เพียงทำให้เกิร์ลกรุ๊ปกลายเป็นส่วนสำคัญของอุตสาหกรรม แต่ยังช่วยให้ K-POP พัฒนาจากเพลงท้องถิ่นสู่ปรากฏการณ์ระดับโลกในเวลาต่อมา 🎶🎶 “Dreams Come True”: เพลงที่จุดประกายความฝันและ K-POP เพลง “Dreams Come True” ของ S.E.S. คือซิงเกิลที่สองจากอัลบั้มชุดที่สอง Sea & Eugene & Shoo ที่ออกเมื่อปี 1998 มันเป็นเพลงที่ทำให้ผมรู้จัก K-POP เป็นครั้งแรก ด้วยจังหวะ dance-pop ที่สดใสและเนื้อเพลงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง เพลงนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากศูนย์ แต่เป็น cover จากเพลงฟินแลนด์ชื่อ “Rakastuin mä looseriin” (หรือ “Like a Fool”) ของวง Nylon Beat ที่ออกในปี 1996 ประพันธ์โดย Risto Asikainen และ Jukka Immonen. ค่าย SM ซื้อลิขสิทธิ์มาปรับให้เข้ากับตลาดเกาหลี โดย Yoo Young-jin ช่วยแต่งเพิ่ม และ Bada ร่วมเขียนเนื้อเพลงภาษาเกาหลี ทำให้เวอร์ชันนี้มีส่วนผสมใหม่ ๆ เช่น เสียงเติมและส่วน arrange เพิ่มในช่วงท้าย แต่ยังคงโครงสร้างดนตรีหลักไว้ เพลงถูกบันทึกที่ SM Digital Recording Studio ในโซล และปล่อยอย่างเป็นทางการเมื่อ 23 พฤศจิกายน 1998 🎥 มิวสิกวิดีโอถ่ายทำในนิวยอร์กและฮาวาย เน้นภาพลักษณ์น่ารัก fairy-like และในปี 2021 ถูก remaster ใหม่ให้คมชัดขึ้น. ความหมายของเนื้อเพลงพูดถึงความฝันที่กลายเป็นจริงแบบไม่คาดคิด เปรียบเทียบกับความรู้สึกตกหลุมรักที่ทำให้ชีวิตสดใสขึ้น สะท้อนถึงความมองโลกในแง่ดีและความตื่นเต้น ต่างจากต้นฉบับฟินแลนด์ที่พูดถึงการตกหลุมรักคนไม่เอาไหน แต่เวอร์ชัน S.E.S. ปรับให้ positive มากขึ้น. ลิริคอย่าง “Dreams come true, yes, they do” ย้ำว่าฝันเป็นจริงได้ถ้าเราเชื่อมั่น 📼 เพลงนี้ดังเปรี้ยงปร้าง ขึ้นอันดับ 1 ในรายการเพลงเกาหลีหลายรายการ เช่น Music Bank (ชนะ 3 สัปดาห์), Inkigayo และ Music Camp ในปี 1998-1999 ช่วยให้อัลบั้มขายดี และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ S.E.S. ประสบความสำเร็จ. ในปี 2021 เพลงนี้ติดอันดับ 86 ในลิสต์ 100 เพลง K-POP ที่ดีที่สุดตลอดกาลโดย Melon และ Seoul Shinmun. มันยังถูก remake หลายครั้ง เช่น โดย aespa ในปี 2021 ซึ่งเพิ่ม element trap-hip hop และชาร์ตดีทั้งในเกาหลีและต่างประเทศ รวมถึง cover จาก Girls’ Generation, Red Velvet, Twice และอื่น ๆ. 🍾 🏆 Legacy ที่ยังคงอยู่: จากปฐมบทสู่ปรากฏการณ์โลก กาลเวลาผ่านไปกว่า 28 ปี แต่ legacy ของ S.E.S. และ “Dreams Come True” ยังคงถูกพูดถึงในฐานะตำนานที่เปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีใต้ เพลงนี้ไม่ใช่แค่เพลงฮิต แต่เป็นสัญลักษณ์ของ K-POP ยุคแรกที่ผสมผสานวัฒนธรรมต่างชาติเข้ากับสไตล์เกาหลีได้อย่างลงตัว สำหรับผม มันคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้รู้จัก K-POP จนถึงทุกวันนี้ S.E.S. พิสูจน์ว่าความฝันสามารถเป็นจริงได้ และพวกเธอคือปฐมบทที่ทำให้ K-POP เติบโตเป็นอุตสาหกรรมพันล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน ถ้าคุณยังไม่เคยฟัง ลองเปิด “Dreams Come True” แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมมันถึงพิเศษ 💫 #ลุงเล่าหลานฟัง https://www.youtube.com/watch?v=8uiR4SrDGZk
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 604 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้มข้ามศตวรรษ – ไอ้เสือเอาวา
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 6 “ไอ้เสือเอาวา”

    ตอน 1

    The American International Corporation (AIC) ตั้งขึ้นที่นิวยอร์ค เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 1915 โดยกลุ่ม J P Morgan และผู้ร่วมทุนจาก National City Bank ของกลุ่ม Stillman และกลุ่มผลประโยชน์ของตระกูล Rockefeller เรียกว่าเป็นการร่วมทุนของพวก เจ้าพ่อ ธุรกิจการเงิน และอุตสาหกรรมของอเมริกา สำนักงานใหญ่ของ AIC ตั้ง อยู่เลขที่ 120 ถนนบรอดเวย์ หนังสือบริคณห์ของบริษัท ระบุวัตถุประสงค์ว่า เพื่อทำธุรกิจทุกประเภท (ยกเว้นการธนาคารและสาธารณูปโภค) ในทุกประเทศ “ทั่วโลก” เพื่อเป็นการส่งเสริมธุรกิจการค้าภายในและภายนอกประเทศ และขยายธุรกิจของอเมริกาไปยังต่างประเทศ

    Frank A. Vanderlip เขียนไว้ในบันทึกความทรงจำของเขาว่า เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่าง มาก ที่ American International Corporation ก่อตั้งขึ้นได้สำเร็จ จริงๆแล้ว มันเกิดขึ้น จากการคุยกัน ระหว่าง คนทำงานของ Stone & Webster บริษัทก่อสร้างทางรถไฟระหว่างประเทศ ที่บอกกับ Jim Perkins และ Frank A. Vanderlip แห่ง National City Bank (NCB) ว่า จะไม่เหลือทางรถไฟในอเมริกาให้เราสร้างสักเท่าไรแล้ว !

    บริษัทได้ระบุจำนวนทุน ที่ได้รับอนุญาตให้เรียกชำระ คือ 50 ล้านเหรียญ และนาย Vanderlip บันทึกต่อไปว่า เขาได้เขียนไปหาประธานของ American International Corporation “…หลังจากที่ผมบอกให้พวกเขา รู้ว่า เรากำลังทำจะอะไร พวกเขาดีใจมาก ที่เราชวนพวกเขามาร่วมด้วย ทุกคนลงทุนกันเป็นจำนวนมาก บางคนถึงกับขอเพิ่มอีก และแถมบางคนยังกันท่า ไม่อยากให้บางคนมาร่วมมือด้วย…ทุกคนที่เราไปคุย เอาด้วยทั้งนั้น”
    ตกลงพวกเขากำลังจะทำอะไร ธุรกิจของ AIC คืออะไรกันแน่ นักธุรกิจอเมริกัน ถึงกับแย่งกันเข้ามาร่วมลงทุน

    ในปี 1916 AIC มีการลงทุนในต่างประเทศ เป็นจำนวนมากกว่า 23 ล้านเหรียญ และในปี 1917 เพิ่มเป็นกว่า 27 ล้านเหรียญ มีบริษัทตัวแทน อยู่ที่ลอนดอน ปารีส บัวโนสไอเรส ปักกิ่ง Petrograd รัสเซีย และหลังจากตั้งบริษัทได้ไม่ถึง 2 ปี ธุรกิจของ AIC ก็ขยายไปถึง ออสเตรเลีย อาร์เจนตินา อุรุกวัย ปารากวัย โคลัมเบีย บราซิล ซิลี จีน ญี่ปุ่น อินเดีย ซีลอน อิตาลี สวิสเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส สเปน คิวบา เม็กซิโก และอีกหลายๆประเทศในอเมริกากลาง

    หลังจากนั้นไม่นาน American International Corporation (AIC) ได้ตั้งบริษัทลูก อีกหลายบริษัทคือ

    – The Allied Machinery Company of America ตั้งขึ้นในปี 1916 ถือหุ้นทั้งหมดโดย AIC

    – The Grace Russian Company ตั้งขึ้นในปี 1917 ถือหุ้นโดย W.R. Grace & Co และ San Galli Trading Company of Petrograd โดย AIC ถือหุ้นข้างมากใน Grace Russian ร่วมกับ Holbrook ซึ่งเป็นผู้บริหาร Allied Machinery

    – United Fruit Company ซึ่งเข้าไปมีส่วนในการปฏิวัติหลายครั้งในอเมริกากลาง ในปี ช่วงปี 1920 กว่าๆ

    – American International Shipbuilding Corporation ซึ่ง AIC ถือหุ้นทั้งหมด และได้รับสัญญาให้ต่อเรือรบหลายสัญญาจาก Emergency Fleet Corporation สัญญาหนึ่งประมาณ 50 ลำ อีกสัญญา 40 ลำ และยังมีสัญญาให้ต่อเรือบรรทุกสินค้าอีก 60 ลำ นับเป็นบริษัทแห่งเดียว ที่ได้รับสัญญาต่อเรือจำนวนมากที่สุดจาก Emergency Fleet Corporation ซึ่งเป็นของรัฐบาลอเมริกัน
    G. Amsinck & Co., Inc of New York ซึ่ง AIC ซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัทนี้ ในเดือนพฤศจิกายนปี 1917 Amsinck เป็นแหล่งเงินทุนใหญ่ ในการสนับสนุนการจารกรรมของเยอรมันในอเมริกา

    – Symington Forge Corporation บริษัทซึ่งได้รับสัญญาจากรัฐบาล ให้ทำการหล่อลูกปืนจำนวนมากที่สุด

    ดูเหมือน American International Corporation จะเป็นบริษัท ที่รับงานเกือบทั้งหมดของรัฐบาลอเมริกันและต่างประเทศ เกี่ยวกับกิจกรรมสงคราม

    สรุปสั้นๆ ธุรกิจของบริษัทคือ การทำให้สงครามโลกครั้งที่ 1 เดินหน้านั่นแหละ !

    American International Corporation มีกรรมการ 22 คน กรรมการไม่น้อยกว่า 10 คนมาจาก National City Bank ที่เหลือมาจาก Stillman, Rockefeller, Morgan, Kuhn Loeb, Du Ponts, Stone & Webster และจาก Federal Reserve Banks

    คงเห็นธุรกิจที่ไม่ธรรมดาของ American International Corporation กันแล้ว คราวนี้มาดูอิทธิพลของบริษัทนี้ เกี่ยวกับการปฏิวัติในรัสเซีย

    เมื่อพวก Bolsheviks รุกคืบเข้าไปคุมในรัสเซียกลางได้ Robert Lansing รัฐมนตรีต่างประเทศของอเมริกา ได้ขอความเห็นจาก American International Corporation เกี่ยวกับนโยบาย ที่อเมริกาควรดำเนินกับรัฐบาลโซเวียตต่อไป

    ในวันที่ 16 มกราคม 1918 ประมาณ 2 เดือน หลังจากการยึด Petrograd และ Moscow และก่อนที่ Bolsheviks จะควบคุมส่วนอื่นๆได้ นาย William Franklin Sands เลขาธิการของ American International Corporation ได้ทำบันทึกเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองของรัสเซีย ส่งให้กับรัฐมนตรี Lansing

    หนังสือปะหน้านำส่งบันทึกของ Sands ลงวันที่ 16 มกราคม 1918 เขียนไว้ดังนี้ :
    กราบเรียน พณฯ รัฐมนตรี
    กระทรวงต่างประเทศ
    วอซิงตัน ดี ซี

    กระผม ขอเรียนเสนอบันทึกที่แนบมานี้ ตามที่ท่านขอให้กระผม แสดงความคิดเห็นของกระผมเสนอท่าน เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง ในรัสเซีย กระผมได้แยกการอธิบายเป็น 3 ส่วน : ประวัติศาสตร์ สาเหตุที่มาของการปฏิวัติ อย่างย่อเท่าที่จะทำได้, ข้อเสนอเกี่ยวกับนโยบาย, และการบรรยายถึงกิจกรรมของคนอเมริกา ที่กำลังดำเนินการอยู่ในรัสเซีย..”

    แม้ว่าการควบคุมรัสเซียของพวก Bolsheviks จะยังไม่แน่นอน และอันที่จริงพวก Bolsheviks ก็ทำท่าจะไปไม่รอดเอาด้วยซ้ำในกลางปี 1918 แต่ Sands ก็เขียนไว้ในบันทึกของเขาตั้งแต่เดือนมกราคม 1918 ไปแล้วว่า อเมริกาแสดงความล่าช้าเกินไป ในการให้การรับรองของ Trotsky โดยเขาเน้นว่า ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม (ที่เรายังไม่รับรอง Trotsky) บัดนี้ ก็น่าจะให้การรับรองได้แล้ว อย่างน้อยก็ในชัยชนะที่ Trotsky ทำให้เกิดขึ้น จากความเสียสละส่วนตัวเขา

    หลังจากนั้น Sands ก็ย้ำถึงสิ่งที่อเมริกาสามารถจะทำ เพื่อแก้ไขการล่าช้าเสียเวลานั้น ควบคู่ไปกับปฏิวัติของ Bolsheviks คือ “การปฏิวัติของเรา” และสรุปว่า “กระผมมีเหตุผลทุกประการที่น่าเชื่อว่า “แผนการบริหารรัสเซีย” จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐสภา และได้รับการเห็นชอบจากมหาชนในอเมริกาอย่างท่วมท้น”

    จดหมายของนาย William F Sands ข้างต้น คงชัดเจน คงไม่ต้องอธิบาย หรือสรุปใดอีก

    William F Sands เป็นผู้ที่มีเส้นสายและอิทธิพลในกระทรวงต่างประเทศอย่างลึกซึ้ง
    ถนนอาชีพของ Sands วิ่งไปมา ระหว่างกระทรวงต่างประเทศและวอลสตรีท ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ถึง ต้นศตวรรษที่ 20 เขารับตำแหน่ง ทางการฑูตหลายตำแหน่ง ในปี 1910 เขาเปลี่ยนจากอาชีพในกระทรวงต่างประเทศ มาร่วมธุรกิจธนาคารกับ James Speyer เพื่อไปช่วยเจรจาเงินกู้ให้กับ ประเทศ Ecuador หลังจากนั้น ก็ไปยึดกิจการน้ำตาลใน Puerto Rico อยู่ 2 ปี ในปี 1916 เขาอยู่ในรัสเซีย ในกิจกรรมกาชาด เพื่อปฏิบัติภาระกิจพิเศษ โดยทำคู่กับ Basil Miles และกลับมาร่วมงานกับ American International Corporation ในนิวยอร์ค

    ในต้นปี 1918 เป็นที่รู้กันว่า Sands เป็นคนที่ได้สัญญาลับพิเศษ จากฝ่ายรัสเซีย นอกจากนั้น Sands ยังเป็นผู้ถือเอกสารติดต่อ ลับพิเศษจากรัสเซีย มาให้กระทรวงต่างประเทศ แถมบางครั้งยังได้อ่านเอกสารก่อนกระทรวงต่างประเทศเสียอีก

    วันที่ 14 มกราคม 1918 เพียง 2 วันก่อนที่ Sands จะเขียนบันทึกของเขาเกี่ยวกับนโยบายที่ควรมีต่อพวก Bolsheviks รัฐมนตรีต่างประเทศ Lansing ได้โทรเลขโดยใส่รหัส Green Cipher ถึงสถานฑูตอเมริกันที่ Stockhlom !

    “เอกสารราชการสำคัญมากสำหรับให้ Sands นำมาส่งที่กระทรวง ถูกส่งทิ้งไว้ที่สถานฑูต ได้มีการส่งต่อให้หรือไม่ Lansing”

    คำตอบจาก Morris ที่ Stockhlom : “เลขที่ 460 ของท่าน 14 มกราคม 5 โมงเย็น เอกสารดังกล่าวได้ส่งต่อไปให้กระทรวงทางถุงเมล์ เลขที่ 34 เมื่อธันวาคม 28”
    และมีเอกสารเป็นบันทึกลงชื่อ “BM” (Basil Miles คณะทำงานของ Sands)
    ” Mr. Philips พวกเขาไม่ได้ส่งเอกสารลับ ส่วนที่ 1 ให้แก่ Sands ที่เขานำมาที่ Stockholm จาก Petrogard”

    ทำไม เลขานุการบริหาร ของ AIC ถึงเป็นบุคคลสำคัญ ขนาดรัฐมนตรีต่างประเทศต้องคอยดูแลตามเอกสารให้ และทำไมเอกสารสำคัญของทางรัสเซีย จึงอยู่ในมือของบุคคลธรรมดาอย่างนาย Sands
    หลายเดือนต่อมา ในวันที่ 1 กรกฏาคม 1918 Sands เขียนจดหมายถึงรัฐมนตรีคลัง McAdoo แนะนำให้มีคณะกรรมาธิการ สำหรับ “ช่วยเหลือทางเศรษฐกิจแก่รัสเซีย”

    เขาแนะนำว่า เนื่องจากเป็นการยาก สำหรับหน่วยงานของรัฐ ที่จะเข้าไปช่วยจัดหา อุปกรณ์ และเครื่องจักร ที่เกี่ยวเนื่องกับการให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจแก่รัสเซีย ดังนั้น รัฐบาลจึงควรเรียกให้ฝ่ายเอกชน ที่มีความชำนาญ ด้านธุรกิจการเงิน การค้า และอุตสาหกรรมในอเมริกา มาเป็นผู้จัดหา อุปกรณ์และเครื่องจักร ภายใต้การดูแล ของคณะกรรมาธิการ หรือคณะกรรมการใด ที่ประธานาธิบดีจะเลือก หรือแต่งตั้งขึ้นเพื่อกิจกรรมนี้

    ความหมายของ Sands คือ ถึงเวลาที่จะให้กลุ่มธุรกิจ ไปจัดการ “ปล้น” รัสเซียให้เหลือแต่คราบ ตามที่ตกลงกันได้แล้ว

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    3 พ.ค. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – ไอ้เสือเอาวา นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 6 “ไอ้เสือเอาวา” ตอน 1 The American International Corporation (AIC) ตั้งขึ้นที่นิวยอร์ค เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 1915 โดยกลุ่ม J P Morgan และผู้ร่วมทุนจาก National City Bank ของกลุ่ม Stillman และกลุ่มผลประโยชน์ของตระกูล Rockefeller เรียกว่าเป็นการร่วมทุนของพวก เจ้าพ่อ ธุรกิจการเงิน และอุตสาหกรรมของอเมริกา สำนักงานใหญ่ของ AIC ตั้ง อยู่เลขที่ 120 ถนนบรอดเวย์ หนังสือบริคณห์ของบริษัท ระบุวัตถุประสงค์ว่า เพื่อทำธุรกิจทุกประเภท (ยกเว้นการธนาคารและสาธารณูปโภค) ในทุกประเทศ “ทั่วโลก” เพื่อเป็นการส่งเสริมธุรกิจการค้าภายในและภายนอกประเทศ และขยายธุรกิจของอเมริกาไปยังต่างประเทศ Frank A. Vanderlip เขียนไว้ในบันทึกความทรงจำของเขาว่า เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่าง มาก ที่ American International Corporation ก่อตั้งขึ้นได้สำเร็จ จริงๆแล้ว มันเกิดขึ้น จากการคุยกัน ระหว่าง คนทำงานของ Stone & Webster บริษัทก่อสร้างทางรถไฟระหว่างประเทศ ที่บอกกับ Jim Perkins และ Frank A. Vanderlip แห่ง National City Bank (NCB) ว่า จะไม่เหลือทางรถไฟในอเมริกาให้เราสร้างสักเท่าไรแล้ว ! บริษัทได้ระบุจำนวนทุน ที่ได้รับอนุญาตให้เรียกชำระ คือ 50 ล้านเหรียญ และนาย Vanderlip บันทึกต่อไปว่า เขาได้เขียนไปหาประธานของ American International Corporation “…หลังจากที่ผมบอกให้พวกเขา รู้ว่า เรากำลังทำจะอะไร พวกเขาดีใจมาก ที่เราชวนพวกเขามาร่วมด้วย ทุกคนลงทุนกันเป็นจำนวนมาก บางคนถึงกับขอเพิ่มอีก และแถมบางคนยังกันท่า ไม่อยากให้บางคนมาร่วมมือด้วย…ทุกคนที่เราไปคุย เอาด้วยทั้งนั้น” ตกลงพวกเขากำลังจะทำอะไร ธุรกิจของ AIC คืออะไรกันแน่ นักธุรกิจอเมริกัน ถึงกับแย่งกันเข้ามาร่วมลงทุน ในปี 1916 AIC มีการลงทุนในต่างประเทศ เป็นจำนวนมากกว่า 23 ล้านเหรียญ และในปี 1917 เพิ่มเป็นกว่า 27 ล้านเหรียญ มีบริษัทตัวแทน อยู่ที่ลอนดอน ปารีส บัวโนสไอเรส ปักกิ่ง Petrograd รัสเซีย และหลังจากตั้งบริษัทได้ไม่ถึง 2 ปี ธุรกิจของ AIC ก็ขยายไปถึง ออสเตรเลีย อาร์เจนตินา อุรุกวัย ปารากวัย โคลัมเบีย บราซิล ซิลี จีน ญี่ปุ่น อินเดีย ซีลอน อิตาลี สวิสเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส สเปน คิวบา เม็กซิโก และอีกหลายๆประเทศในอเมริกากลาง หลังจากนั้นไม่นาน American International Corporation (AIC) ได้ตั้งบริษัทลูก อีกหลายบริษัทคือ – The Allied Machinery Company of America ตั้งขึ้นในปี 1916 ถือหุ้นทั้งหมดโดย AIC – The Grace Russian Company ตั้งขึ้นในปี 1917 ถือหุ้นโดย W.R. Grace & Co และ San Galli Trading Company of Petrograd โดย AIC ถือหุ้นข้างมากใน Grace Russian ร่วมกับ Holbrook ซึ่งเป็นผู้บริหาร Allied Machinery – United Fruit Company ซึ่งเข้าไปมีส่วนในการปฏิวัติหลายครั้งในอเมริกากลาง ในปี ช่วงปี 1920 กว่าๆ – American International Shipbuilding Corporation ซึ่ง AIC ถือหุ้นทั้งหมด และได้รับสัญญาให้ต่อเรือรบหลายสัญญาจาก Emergency Fleet Corporation สัญญาหนึ่งประมาณ 50 ลำ อีกสัญญา 40 ลำ และยังมีสัญญาให้ต่อเรือบรรทุกสินค้าอีก 60 ลำ นับเป็นบริษัทแห่งเดียว ที่ได้รับสัญญาต่อเรือจำนวนมากที่สุดจาก Emergency Fleet Corporation ซึ่งเป็นของรัฐบาลอเมริกัน G. Amsinck & Co., Inc of New York ซึ่ง AIC ซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัทนี้ ในเดือนพฤศจิกายนปี 1917 Amsinck เป็นแหล่งเงินทุนใหญ่ ในการสนับสนุนการจารกรรมของเยอรมันในอเมริกา – Symington Forge Corporation บริษัทซึ่งได้รับสัญญาจากรัฐบาล ให้ทำการหล่อลูกปืนจำนวนมากที่สุด ดูเหมือน American International Corporation จะเป็นบริษัท ที่รับงานเกือบทั้งหมดของรัฐบาลอเมริกันและต่างประเทศ เกี่ยวกับกิจกรรมสงคราม สรุปสั้นๆ ธุรกิจของบริษัทคือ การทำให้สงครามโลกครั้งที่ 1 เดินหน้านั่นแหละ ! American International Corporation มีกรรมการ 22 คน กรรมการไม่น้อยกว่า 10 คนมาจาก National City Bank ที่เหลือมาจาก Stillman, Rockefeller, Morgan, Kuhn Loeb, Du Ponts, Stone & Webster และจาก Federal Reserve Banks คงเห็นธุรกิจที่ไม่ธรรมดาของ American International Corporation กันแล้ว คราวนี้มาดูอิทธิพลของบริษัทนี้ เกี่ยวกับการปฏิวัติในรัสเซีย เมื่อพวก Bolsheviks รุกคืบเข้าไปคุมในรัสเซียกลางได้ Robert Lansing รัฐมนตรีต่างประเทศของอเมริกา ได้ขอความเห็นจาก American International Corporation เกี่ยวกับนโยบาย ที่อเมริกาควรดำเนินกับรัฐบาลโซเวียตต่อไป ในวันที่ 16 มกราคม 1918 ประมาณ 2 เดือน หลังจากการยึด Petrograd และ Moscow และก่อนที่ Bolsheviks จะควบคุมส่วนอื่นๆได้ นาย William Franklin Sands เลขาธิการของ American International Corporation ได้ทำบันทึกเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองของรัสเซีย ส่งให้กับรัฐมนตรี Lansing หนังสือปะหน้านำส่งบันทึกของ Sands ลงวันที่ 16 มกราคม 1918 เขียนไว้ดังนี้ : กราบเรียน พณฯ รัฐมนตรี กระทรวงต่างประเทศ วอซิงตัน ดี ซี กระผม ขอเรียนเสนอบันทึกที่แนบมานี้ ตามที่ท่านขอให้กระผม แสดงความคิดเห็นของกระผมเสนอท่าน เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง ในรัสเซีย กระผมได้แยกการอธิบายเป็น 3 ส่วน : ประวัติศาสตร์ สาเหตุที่มาของการปฏิวัติ อย่างย่อเท่าที่จะทำได้, ข้อเสนอเกี่ยวกับนโยบาย, และการบรรยายถึงกิจกรรมของคนอเมริกา ที่กำลังดำเนินการอยู่ในรัสเซีย..” แม้ว่าการควบคุมรัสเซียของพวก Bolsheviks จะยังไม่แน่นอน และอันที่จริงพวก Bolsheviks ก็ทำท่าจะไปไม่รอดเอาด้วยซ้ำในกลางปี 1918 แต่ Sands ก็เขียนไว้ในบันทึกของเขาตั้งแต่เดือนมกราคม 1918 ไปแล้วว่า อเมริกาแสดงความล่าช้าเกินไป ในการให้การรับรองของ Trotsky โดยเขาเน้นว่า ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม (ที่เรายังไม่รับรอง Trotsky) บัดนี้ ก็น่าจะให้การรับรองได้แล้ว อย่างน้อยก็ในชัยชนะที่ Trotsky ทำให้เกิดขึ้น จากความเสียสละส่วนตัวเขา หลังจากนั้น Sands ก็ย้ำถึงสิ่งที่อเมริกาสามารถจะทำ เพื่อแก้ไขการล่าช้าเสียเวลานั้น ควบคู่ไปกับปฏิวัติของ Bolsheviks คือ “การปฏิวัติของเรา” และสรุปว่า “กระผมมีเหตุผลทุกประการที่น่าเชื่อว่า “แผนการบริหารรัสเซีย” จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐสภา และได้รับการเห็นชอบจากมหาชนในอเมริกาอย่างท่วมท้น” จดหมายของนาย William F Sands ข้างต้น คงชัดเจน คงไม่ต้องอธิบาย หรือสรุปใดอีก William F Sands เป็นผู้ที่มีเส้นสายและอิทธิพลในกระทรวงต่างประเทศอย่างลึกซึ้ง ถนนอาชีพของ Sands วิ่งไปมา ระหว่างกระทรวงต่างประเทศและวอลสตรีท ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ถึง ต้นศตวรรษที่ 20 เขารับตำแหน่ง ทางการฑูตหลายตำแหน่ง ในปี 1910 เขาเปลี่ยนจากอาชีพในกระทรวงต่างประเทศ มาร่วมธุรกิจธนาคารกับ James Speyer เพื่อไปช่วยเจรจาเงินกู้ให้กับ ประเทศ Ecuador หลังจากนั้น ก็ไปยึดกิจการน้ำตาลใน Puerto Rico อยู่ 2 ปี ในปี 1916 เขาอยู่ในรัสเซีย ในกิจกรรมกาชาด เพื่อปฏิบัติภาระกิจพิเศษ โดยทำคู่กับ Basil Miles และกลับมาร่วมงานกับ American International Corporation ในนิวยอร์ค ในต้นปี 1918 เป็นที่รู้กันว่า Sands เป็นคนที่ได้สัญญาลับพิเศษ จากฝ่ายรัสเซีย นอกจากนั้น Sands ยังเป็นผู้ถือเอกสารติดต่อ ลับพิเศษจากรัสเซีย มาให้กระทรวงต่างประเทศ แถมบางครั้งยังได้อ่านเอกสารก่อนกระทรวงต่างประเทศเสียอีก วันที่ 14 มกราคม 1918 เพียง 2 วันก่อนที่ Sands จะเขียนบันทึกของเขาเกี่ยวกับนโยบายที่ควรมีต่อพวก Bolsheviks รัฐมนตรีต่างประเทศ Lansing ได้โทรเลขโดยใส่รหัส Green Cipher ถึงสถานฑูตอเมริกันที่ Stockhlom ! “เอกสารราชการสำคัญมากสำหรับให้ Sands นำมาส่งที่กระทรวง ถูกส่งทิ้งไว้ที่สถานฑูต ได้มีการส่งต่อให้หรือไม่ Lansing” คำตอบจาก Morris ที่ Stockhlom : “เลขที่ 460 ของท่าน 14 มกราคม 5 โมงเย็น เอกสารดังกล่าวได้ส่งต่อไปให้กระทรวงทางถุงเมล์ เลขที่ 34 เมื่อธันวาคม 28” และมีเอกสารเป็นบันทึกลงชื่อ “BM” (Basil Miles คณะทำงานของ Sands) ” Mr. Philips พวกเขาไม่ได้ส่งเอกสารลับ ส่วนที่ 1 ให้แก่ Sands ที่เขานำมาที่ Stockholm จาก Petrogard” ทำไม เลขานุการบริหาร ของ AIC ถึงเป็นบุคคลสำคัญ ขนาดรัฐมนตรีต่างประเทศต้องคอยดูแลตามเอกสารให้ และทำไมเอกสารสำคัญของทางรัสเซีย จึงอยู่ในมือของบุคคลธรรมดาอย่างนาย Sands หลายเดือนต่อมา ในวันที่ 1 กรกฏาคม 1918 Sands เขียนจดหมายถึงรัฐมนตรีคลัง McAdoo แนะนำให้มีคณะกรรมาธิการ สำหรับ “ช่วยเหลือทางเศรษฐกิจแก่รัสเซีย” เขาแนะนำว่า เนื่องจากเป็นการยาก สำหรับหน่วยงานของรัฐ ที่จะเข้าไปช่วยจัดหา อุปกรณ์ และเครื่องจักร ที่เกี่ยวเนื่องกับการให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจแก่รัสเซีย ดังนั้น รัฐบาลจึงควรเรียกให้ฝ่ายเอกชน ที่มีความชำนาญ ด้านธุรกิจการเงิน การค้า และอุตสาหกรรมในอเมริกา มาเป็นผู้จัดหา อุปกรณ์และเครื่องจักร ภายใต้การดูแล ของคณะกรรมาธิการ หรือคณะกรรมการใด ที่ประธานาธิบดีจะเลือก หรือแต่งตั้งขึ้นเพื่อกิจกรรมนี้ ความหมายของ Sands คือ ถึงเวลาที่จะให้กลุ่มธุรกิจ ไปจัดการ “ปล้น” รัสเซียให้เหลือแต่คราบ ตามที่ตกลงกันได้แล้ว สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 3 พ.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 815 มุมมอง 0 รีวิว
  • อดีต CEO Intel ยกย่อง Nvidia ผลิตชิป Blackwell บนดินสหรัฐฯ แม้ Intel พลาดดีลใหญ่

    Pat Gelsinger อดีต CEO ของ Intel ออกโรงชื่นชมการผลิตชิป Blackwell ของ Nvidia ร่วมกับ TSMC บนดินสหรัฐฯ ว่าเป็น “ก้าวสำคัญของห่วงโซ่อุปทานระดับชาติ” แม้ Intel จะพลาดโอกาสเป็นผู้ผลิตให้ Nvidia

    Pat Gelsinger ซึ่งเคยเป็น CEO ของ Intel ระหว่างปี 2021–2024 ได้โพสต์ข้อความบน X (Twitter) แสดงความยินดีกับ Nvidia ที่สามารถผลิตชิป Blackwell รุ่นล่าสุดในโรงงานที่รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา โดยร่วมมือกับ TSMC ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนภายในประเทศ

    แม้ว่าในช่วงที่ Gelsinger ยังดำรงตำแหน่ง เขาเคยผลักดันอย่างหนักให้ Intel Foundry Services ได้รับสัญญาผลิตชิปจาก Nvidia แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ แม้จะมีการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ตาม

    Nvidia เองก็ใช้โอกาสนี้ในการแสดงบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ โดย CEO Jensen Huang กล่าวในงาน GTC DC ว่า “การจำกัดการส่งออกของ Nvidia จะส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ” พร้อมชูจุดแข็งว่าชิป Blackwell ผลิตในสหรัฐฯ และไต้หวัน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาจีน

    Gelsingerยังกล่าวว่า “การมีห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนภายในประเทศเป็นสิ่งสำคัญ” และชื่นชมความร่วมมือระหว่าง Nvidia และ TSMC แม้ Intel จะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของดีลนี้

    Nvidia ผลิตชิป Blackwell ในโรงงานรัฐแอริโซนา ร่วมกับ TSMC
    ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศ
    ช่วยลดการพึ่งพาการผลิตจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน

    Pat Gelsinger อดีต CEO Intel แสดงความยินดีผ่าน X
    ยอมรับว่า Intel พลาดโอกาสในการเป็นผู้ผลิตให้ Nvidia
    ชื่นชมความสำเร็จของ Nvidia และ TSMC

    Nvidia ใช้โอกาสนี้ชูบทบาทเชิงยุทธศาสตร์
    Jensen Huang เตือนว่าการจำกัดการส่งออกจะกระทบสหรัฐฯ
    ชิป Blackwell ผลิตทั้งในสหรัฐฯ และไต้หวัน

    Intel ภายใต้ Gelsinger เคยผลักดันโรงงานในเยอรมนี
    แต่ถูกยกเลิกโดยผู้บริหารคนใหม่
    โรงงานในแอริโซนาที่เขาผลักดันเพิ่งเปิดใช้งาน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/ex-intel-ceo-pat-gelsinger-praises-cutting-edge-nvidia-chip-production-with-tsmc-on-us-soil-despite-intel-missing-out-hails-manufacturing-milestone-of-us-based-supply-chain
    🇺🇸🔧 อดีต CEO Intel ยกย่อง Nvidia ผลิตชิป Blackwell บนดินสหรัฐฯ แม้ Intel พลาดดีลใหญ่ Pat Gelsinger อดีต CEO ของ Intel ออกโรงชื่นชมการผลิตชิป Blackwell ของ Nvidia ร่วมกับ TSMC บนดินสหรัฐฯ ว่าเป็น “ก้าวสำคัญของห่วงโซ่อุปทานระดับชาติ” แม้ Intel จะพลาดโอกาสเป็นผู้ผลิตให้ Nvidia Pat Gelsinger ซึ่งเคยเป็น CEO ของ Intel ระหว่างปี 2021–2024 ได้โพสต์ข้อความบน X (Twitter) แสดงความยินดีกับ Nvidia ที่สามารถผลิตชิป Blackwell รุ่นล่าสุดในโรงงานที่รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา โดยร่วมมือกับ TSMC ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนภายในประเทศ แม้ว่าในช่วงที่ Gelsinger ยังดำรงตำแหน่ง เขาเคยผลักดันอย่างหนักให้ Intel Foundry Services ได้รับสัญญาผลิตชิปจาก Nvidia แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ แม้จะมีการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ตาม Nvidia เองก็ใช้โอกาสนี้ในการแสดงบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ โดย CEO Jensen Huang กล่าวในงาน GTC DC ว่า “การจำกัดการส่งออกของ Nvidia จะส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ” พร้อมชูจุดแข็งว่าชิป Blackwell ผลิตในสหรัฐฯ และไต้หวัน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาจีน Gelsingerยังกล่าวว่า “การมีห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนภายในประเทศเป็นสิ่งสำคัญ” และชื่นชมความร่วมมือระหว่าง Nvidia และ TSMC แม้ Intel จะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของดีลนี้ ✅ Nvidia ผลิตชิป Blackwell ในโรงงานรัฐแอริโซนา ร่วมกับ TSMC ➡️ ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศ ➡️ ช่วยลดการพึ่งพาการผลิตจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน ✅ Pat Gelsinger อดีต CEO Intel แสดงความยินดีผ่าน X ➡️ ยอมรับว่า Intel พลาดโอกาสในการเป็นผู้ผลิตให้ Nvidia ➡️ ชื่นชมความสำเร็จของ Nvidia และ TSMC ✅ Nvidia ใช้โอกาสนี้ชูบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ ➡️ Jensen Huang เตือนว่าการจำกัดการส่งออกจะกระทบสหรัฐฯ ➡️ ชิป Blackwell ผลิตทั้งในสหรัฐฯ และไต้หวัน ✅ Intel ภายใต้ Gelsinger เคยผลักดันโรงงานในเยอรมนี ➡️ แต่ถูกยกเลิกโดยผู้บริหารคนใหม่ ➡️ โรงงานในแอริโซนาที่เขาผลักดันเพิ่งเปิดใช้งาน https://www.tomshardware.com/tech-industry/ex-intel-ceo-pat-gelsinger-praises-cutting-edge-nvidia-chip-production-with-tsmc-on-us-soil-despite-intel-missing-out-hails-manufacturing-milestone-of-us-based-supply-chain
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 280 มุมมอง 0 รีวิว
  • VSCode ถูกเจาะ! ปลั๊กอินอันตรายขโมยโค้ด-เปิด backdoor
    HelixGuard Threat Intelligence ได้เปิดเผยการโจมตีแบบ supply chain ที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในวงการ IDE โดยพบปลั๊กอินอันตรายกว่า 12 ตัวใน VSCode Marketplace และ OpenVSX ซึ่งบางตัวยังคงออนไลน์อยู่ในขณะค้นพบ

    ปลั๊กอินเหล่านี้ไม่ได้แค่ขโมยโค้ด แต่ยังสามารถ:
    ดึงข้อมูล credential
    จับภาพหน้าจอ
    เปิด remote shell
    สร้าง reverse shell เพื่อควบคุมเครื่องของนักพัฒนา

    ตัวอย่างปลั๊กอินอันตราย:
    Christine-devops1234.scraper: ส่งข้อมูลโค้ดและภาพไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ควบคุมโดยผู้โจมตี
    Kodease.fyp-23-s2-08: ใช้ Ngrok tunnel เพื่อส่งโค้ดที่เลือกไปยัง endpoint อันตราย
    teste123444212.teste123444212: สร้าง reverse shell เชื่อมต่อกับ EC2 instance เพื่อรันคำสั่งจากระยะไกล
    ToToRoManComp.diff-tool-vsc: ใช้ Bash และ Perl สร้าง shell session ไปยัง IP อันตราย
    BX-Dev.Blackstone-DLP: ดึงข้อมูล clipboard และจับภาพหน้าจอส่งไปยัง CloudFront

    ที่น่ากังวลคือปลั๊กอินบางตัวมีความสามารถในการตรวจจับการติดตั้งและหลบเลี่ยงการวิเคราะห์ เช่นการส่ง beacon ไปยัง webhook เพื่อยืนยันการติดตั้ง

    HelixGuard เตือนว่า IDE ที่ถูกเจาะอาจกลายเป็นช่องทางเข้าสู่ระบบภายในองค์กร โดยเฉพาะใน DevOps pipeline และระบบที่ใช้ AI ช่วยเขียนโค้ด

    พบปลั๊กอินอันตรายกว่า 12 ตัวใน VSCode Marketplace และ OpenVSX
    บางตัวยังคงออนไลน์อยู่ในขณะค้นพบ
    ปลั๊กอินสามารถขโมยโค้ด, credential, ภาพหน้าจอ และเปิด remote shell
    ใช้เทคนิค reverse shell ผ่าน Bash, Perl และ JavaScript
    มีการส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ควบคุมโดยผู้โจมตี เช่น AWS EC2, Ngrok, CloudFront
    บางปลั๊กอินมีระบบตรวจจับการติดตั้งและหลบเลี่ยงการวิเคราะห์
    เป็นภัยคุกคามต่อ DevOps pipeline และระบบที่ใช้ AI coding

    นักพัฒนาอาจถูกขโมยโค้ดและข้อมูลสำคัญโดยไม่รู้ตัว
    IDE ที่ถูกเจาะสามารถเป็นช่องทางเข้าสู่ระบบภายในองค์กร
    ปลั๊กอินอันตรายอาจแฝงตัวใน Marketplace อย่างแนบเนียน
    การใช้ปลั๊กอินโดยไม่ตรวจสอบอาจเปิดช่องให้มัลแวร์ควบคุมเครื่อง

    https://securityonline.info/vscode-supply-chain-compromise-12-malicious-extensions-steal-source-code-and-open-remote-shells/
    🧨 VSCode ถูกเจาะ! ปลั๊กอินอันตรายขโมยโค้ด-เปิด backdoor HelixGuard Threat Intelligence ได้เปิดเผยการโจมตีแบบ supply chain ที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในวงการ IDE โดยพบปลั๊กอินอันตรายกว่า 12 ตัวใน VSCode Marketplace และ OpenVSX ซึ่งบางตัวยังคงออนไลน์อยู่ในขณะค้นพบ ปลั๊กอินเหล่านี้ไม่ได้แค่ขโมยโค้ด แต่ยังสามารถ: 💠 ดึงข้อมูล credential 💠 จับภาพหน้าจอ 💠 เปิด remote shell 💠 สร้าง reverse shell เพื่อควบคุมเครื่องของนักพัฒนา ตัวอย่างปลั๊กอินอันตราย: 💠 Christine-devops1234.scraper: ส่งข้อมูลโค้ดและภาพไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ควบคุมโดยผู้โจมตี 💠 Kodease.fyp-23-s2-08: ใช้ Ngrok tunnel เพื่อส่งโค้ดที่เลือกไปยัง endpoint อันตราย 💠 teste123444212.teste123444212: สร้าง reverse shell เชื่อมต่อกับ EC2 instance เพื่อรันคำสั่งจากระยะไกล 💠 ToToRoManComp.diff-tool-vsc: ใช้ Bash และ Perl สร้าง shell session ไปยัง IP อันตราย 💠 BX-Dev.Blackstone-DLP: ดึงข้อมูล clipboard และจับภาพหน้าจอส่งไปยัง CloudFront ที่น่ากังวลคือปลั๊กอินบางตัวมีความสามารถในการตรวจจับการติดตั้งและหลบเลี่ยงการวิเคราะห์ เช่นการส่ง beacon ไปยัง webhook เพื่อยืนยันการติดตั้ง HelixGuard เตือนว่า IDE ที่ถูกเจาะอาจกลายเป็นช่องทางเข้าสู่ระบบภายในองค์กร โดยเฉพาะใน DevOps pipeline และระบบที่ใช้ AI ช่วยเขียนโค้ด ✅ พบปลั๊กอินอันตรายกว่า 12 ตัวใน VSCode Marketplace และ OpenVSX ➡️ บางตัวยังคงออนไลน์อยู่ในขณะค้นพบ ➡️ ปลั๊กอินสามารถขโมยโค้ด, credential, ภาพหน้าจอ และเปิด remote shell ➡️ ใช้เทคนิค reverse shell ผ่าน Bash, Perl และ JavaScript ➡️ มีการส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ควบคุมโดยผู้โจมตี เช่น AWS EC2, Ngrok, CloudFront ➡️ บางปลั๊กอินมีระบบตรวจจับการติดตั้งและหลบเลี่ยงการวิเคราะห์ ➡️ เป็นภัยคุกคามต่อ DevOps pipeline และระบบที่ใช้ AI coding ‼️ นักพัฒนาอาจถูกขโมยโค้ดและข้อมูลสำคัญโดยไม่รู้ตัว ⛔ IDE ที่ถูกเจาะสามารถเป็นช่องทางเข้าสู่ระบบภายในองค์กร ⛔ ปลั๊กอินอันตรายอาจแฝงตัวใน Marketplace อย่างแนบเนียน ⛔ การใช้ปลั๊กอินโดยไม่ตรวจสอบอาจเปิดช่องให้มัลแวร์ควบคุมเครื่อง https://securityonline.info/vscode-supply-chain-compromise-12-malicious-extensions-steal-source-code-and-open-remote-shells/
    SECURITYONLINE.INFO
    VSCode Supply Chain Compromise: 12 Malicious Extensions Steal Source Code and Open Remote Shells
    HelixGuard exposed a VSCode supply chain attack using 12 malicious extensions. They steal source code, capture screenshots, and open reverse shells via Ngrok and AWS EC2 to compromise developers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • Herodotus: มัลแวร์ Android ยุคใหม่ที่พิมพ์เหมือนมนุษย์ หลอกระบบตรวจจับพฤติกรรมได้แนบเนียน

    Trojan ตัวใหม่ชื่อว่า Herodotus ถูกค้นพบโดย ThreatFabric ซึ่งเป็นมัลแวร์ Android ที่ออกแบบมาเพื่อหลอกระบบตรวจจับพฤติกรรมผู้ใช้ (behavioral biometrics) โดยใช้เทคนิค “พิมพ์แบบมนุษย์” เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับจากระบบป้องกันการฉ้อโกงที่ทันสมัย

    จุดเด่นของ Herodotus ที่ทำให้มันอันตราย

    พฤติกรรมการพิมพ์แบบมนุษย์
    มัลแวร์จะแยกข้อความออกเป็นตัวอักษร แล้วใส่ ดีเลย์แบบสุ่ม ระหว่าง 300–3000 มิลลิวินาที เพื่อให้ดูเหมือนผู้ใช้จริงกำลังพิมพ์
    เทคนิคนี้ช่วยหลอกระบบตรวจจับพฤติกรรมที่ใช้ความเร็วและจังหวะการพิมพ์เป็นเกณฑ์

    การควบคุมอุปกรณ์จากระยะไกล
    ผู้โจมตีสามารถคลิก, ปัดหน้าจอ, พิมพ์ข้อความ และสั่งงานระดับระบบ เช่น “Back” หรือ “Home” ได้
    ใช้ overlay ปลอมที่แสดงข้อความเช่น “กรุณารอสักครู่ ระบบธนาคารกำลังตรวจสอบข้อมูล…” เพื่อหลอกผู้ใช้ขณะโจมตี

    เทคนิคการแพร่กระจายที่แนบเนียน
    ใช้ SMiShing (SMS phishing) และ side-loading เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ติดตั้ง dropper
    Dropper จะติดตั้ง payload โดยใช้หน้าจอปลอมที่ดูเหมือนกำลังโหลด เพื่อขอสิทธิ์ Accessibility โดยไม่ให้ผู้ใช้สงสัย

    โครงสร้างมัลแวร์แบบ modular และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
    มีการใช้โค้ดบางส่วนจาก Brokewell Trojan เช่น string ‘BRKWL_JAVA’
    ผู้พัฒนาใช้ชื่อ “K1R0” และเริ่มเปิดให้เช่าแบบ Malware-as-a-Service แล้ว

    เป้าหมายการโจมตีขยายทั่วโลก
    เริ่มจากอิตาลีและบราซิล โดยใช้ชื่อปลอมเช่น “Banca Sicura” และ “Modulo Seguranca Stone”
    มี template overlay สำหรับธนาคารในสหรัฐฯ, ตุรกี, อังกฤษ, โปแลนด์ และแพลตฟอร์มคริปโต

    ระบบตรวจจับพฤติกรรมอาจไม่เพียงพออีกต่อไป
    Herodotus สามารถหลอกระบบที่ใช้ input timing ได้อย่างแนบเนียน
    การพึ่งพา behavioral biometrics เพียงอย่างเดียวอาจทำให้เกิด false negative

    การให้สิทธิ์ Accessibility โดยไม่รู้ตัวคือช่องโหว่ใหญ่
    หน้าจอปลอมสามารถหลอกให้ผู้ใช้อนุญาตสิทธิ์ที่อันตราย
    Accessibility Services เปิดทางให้มัลแวร์ควบคุมอุปกรณ์ได้เต็มรูปแบบ

    มัลแวร์แบบเช่า (MaaS) จะทำให้การโจมตีแพร่หลายมากขึ้น
    ผู้โจมตีไม่ต้องมีทักษะสูงก็สามารถใช้ Herodotus ได้
    องค์กรต้องเตรียมระบบตรวจจับที่หลากหลายมากขึ้น เช่น AI-based anomaly detection

    https://securityonline.info/next-gen-android-trojan-herodotus-mimics-human-typing-to-bypass-behavioral-biometrics-anti-fraud-systems/
    📱🧠 Herodotus: มัลแวร์ Android ยุคใหม่ที่พิมพ์เหมือนมนุษย์ หลอกระบบตรวจจับพฤติกรรมได้แนบเนียน Trojan ตัวใหม่ชื่อว่า Herodotus ถูกค้นพบโดย ThreatFabric ซึ่งเป็นมัลแวร์ Android ที่ออกแบบมาเพื่อหลอกระบบตรวจจับพฤติกรรมผู้ใช้ (behavioral biometrics) โดยใช้เทคนิค “พิมพ์แบบมนุษย์” เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับจากระบบป้องกันการฉ้อโกงที่ทันสมัย ✅ จุดเด่นของ Herodotus ที่ทำให้มันอันตราย ✅ พฤติกรรมการพิมพ์แบบมนุษย์ ➡️ มัลแวร์จะแยกข้อความออกเป็นตัวอักษร แล้วใส่ ดีเลย์แบบสุ่ม ระหว่าง 300–3000 มิลลิวินาที เพื่อให้ดูเหมือนผู้ใช้จริงกำลังพิมพ์ ➡️ เทคนิคนี้ช่วยหลอกระบบตรวจจับพฤติกรรมที่ใช้ความเร็วและจังหวะการพิมพ์เป็นเกณฑ์ ✅ การควบคุมอุปกรณ์จากระยะไกล ➡️ ผู้โจมตีสามารถคลิก, ปัดหน้าจอ, พิมพ์ข้อความ และสั่งงานระดับระบบ เช่น “Back” หรือ “Home” ได้ ➡️ ใช้ overlay ปลอมที่แสดงข้อความเช่น “กรุณารอสักครู่ ระบบธนาคารกำลังตรวจสอบข้อมูล…” เพื่อหลอกผู้ใช้ขณะโจมตี ✅ เทคนิคการแพร่กระจายที่แนบเนียน ➡️ ใช้ SMiShing (SMS phishing) และ side-loading เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ติดตั้ง dropper ➡️ Dropper จะติดตั้ง payload โดยใช้หน้าจอปลอมที่ดูเหมือนกำลังโหลด เพื่อขอสิทธิ์ Accessibility โดยไม่ให้ผู้ใช้สงสัย ✅ โครงสร้างมัลแวร์แบบ modular และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ➡️ มีการใช้โค้ดบางส่วนจาก Brokewell Trojan เช่น string ‘BRKWL_JAVA’ ➡️ ผู้พัฒนาใช้ชื่อ “K1R0” และเริ่มเปิดให้เช่าแบบ Malware-as-a-Service แล้ว ✅ เป้าหมายการโจมตีขยายทั่วโลก ➡️ เริ่มจากอิตาลีและบราซิล โดยใช้ชื่อปลอมเช่น “Banca Sicura” และ “Modulo Seguranca Stone” ➡️ มี template overlay สำหรับธนาคารในสหรัฐฯ, ตุรกี, อังกฤษ, โปแลนด์ และแพลตฟอร์มคริปโต ‼️ ระบบตรวจจับพฤติกรรมอาจไม่เพียงพออีกต่อไป ⛔ Herodotus สามารถหลอกระบบที่ใช้ input timing ได้อย่างแนบเนียน ⛔ การพึ่งพา behavioral biometrics เพียงอย่างเดียวอาจทำให้เกิด false negative ‼️ การให้สิทธิ์ Accessibility โดยไม่รู้ตัวคือช่องโหว่ใหญ่ ⛔ หน้าจอปลอมสามารถหลอกให้ผู้ใช้อนุญาตสิทธิ์ที่อันตราย ⛔ Accessibility Services เปิดทางให้มัลแวร์ควบคุมอุปกรณ์ได้เต็มรูปแบบ ‼️ มัลแวร์แบบเช่า (MaaS) จะทำให้การโจมตีแพร่หลายมากขึ้น ⛔ ผู้โจมตีไม่ต้องมีทักษะสูงก็สามารถใช้ Herodotus ได้ ⛔ องค์กรต้องเตรียมระบบตรวจจับที่หลากหลายมากขึ้น เช่น AI-based anomaly detection https://securityonline.info/next-gen-android-trojan-herodotus-mimics-human-typing-to-bypass-behavioral-biometrics-anti-fraud-systems/
    SECURITYONLINE.INFO
    Next-Gen Android Trojan Herodotus Mimics Human Typing to Bypass Behavioral Biometrics Anti-Fraud Systems
    Herodotus is a new Android banking Trojan that evades anti-fraud systems by simulating human input: it inserts randomized typing delays (300-3000ms) during remote-control attacks in Italy and Brazil.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 257 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD สร้างปรากฏการณ์ใหม่ – รันอัลกอริธึมควอนตัมบนชิปทั่วไป แซงหน้า NVIDIA ในสนามควอนตัม

    ในโลกของควอนตัมคอมพิวติ้ง “qubit” คือหน่วยข้อมูลที่เปราะบางมาก แค่แรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยก็ทำให้ข้อมูลผิดพลาดได้ ดังนั้นการมีอัลกอริธึมที่สามารถตรวจจับและแก้ไขข้อผิดพลาดโดยไม่ทำลายสถานะของ qubit จึงเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาระบบควอนตัมที่ใช้งานได้จริง

    IBM ได้พัฒนาอัลกอริธึม QEC และทดลองรันบนชิป FPGA ของ AMD ซึ่งเป็นฮาร์ดแวร์ทั่วไปที่สามารถปรับแต่งได้ตามงานเฉพาะ (reconfigurable hardware) ผลลัพธ์คือความเร็วในการประมวลผลสูงกว่าที่คาดไว้ถึง 10 เท่า และไม่ต้องใช้ชิปเฉพาะทางราคาแพง

    นี่คือจุดที่ AMD ได้เปรียบ เพราะมี Xilinx อยู่ในเครือ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน FPGA ขณะที่ NVIDIA ใช้แนวทางต่างออกไป โดยพัฒนาแพลตฟอร์ม DGX Quantum ที่รวมซอฟต์แวร์ CUDA-Q เข้ากับฮาร์ดแวร์ระดับสูง แต่ยังไม่สามารถรัน QEC บนชิปทั่วไปได้เหมือน AMD

    แม้ NVIDIA จะมีเทคโนโลยีที่ทรงพลัง แต่ความสำเร็จของ AMD ในการใช้ฮาร์ดแวร์ “off-the-shelf” กับงานควอนตัม ถือเป็นก้าวสำคัญที่อาจเปลี่ยนแนวทางของอุตสาหกรรมในอนาคต

    ความสำเร็จของ AMD กับอัลกอริธึม QEC
    รันบนชิป FPGA ที่ปรับแต่งได้
    ประสิทธิภาพสูงกว่าที่คาดไว้ถึง 10 เท่า
    ไม่ต้องใช้ชิปเฉพาะทางราคาแพง

    จุดเด่นของ FPGA ในงานควอนตัม
    ปรับแต่งได้ตามงานเฉพาะ
    รองรับ feedback loop ที่มี latency ต่ำ
    เหมาะกับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง

    ความแตกต่างจากแนวทางของ NVIDIA
    ใช้แพลตฟอร์ม DGX Quantum + CUDA-Q
    ยังไม่สามารถใช้ฮาร์ดแวร์ทั่วไปกับ QEC ได้
    ขาดทรัพยากรด้าน FPGA แบบที่ AMD มีจาก Xilinx

    https://wccftech.com/amd-beats-nvidia-in-quantum-computing-milestone-for-now/
    🧠 AMD สร้างปรากฏการณ์ใหม่ – รันอัลกอริธึมควอนตัมบนชิปทั่วไป แซงหน้า NVIDIA ในสนามควอนตัม ในโลกของควอนตัมคอมพิวติ้ง “qubit” คือหน่วยข้อมูลที่เปราะบางมาก แค่แรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยก็ทำให้ข้อมูลผิดพลาดได้ ดังนั้นการมีอัลกอริธึมที่สามารถตรวจจับและแก้ไขข้อผิดพลาดโดยไม่ทำลายสถานะของ qubit จึงเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาระบบควอนตัมที่ใช้งานได้จริง IBM ได้พัฒนาอัลกอริธึม QEC และทดลองรันบนชิป FPGA ของ AMD ซึ่งเป็นฮาร์ดแวร์ทั่วไปที่สามารถปรับแต่งได้ตามงานเฉพาะ (reconfigurable hardware) ผลลัพธ์คือความเร็วในการประมวลผลสูงกว่าที่คาดไว้ถึง 10 เท่า และไม่ต้องใช้ชิปเฉพาะทางราคาแพง นี่คือจุดที่ AMD ได้เปรียบ เพราะมี Xilinx อยู่ในเครือ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน FPGA ขณะที่ NVIDIA ใช้แนวทางต่างออกไป โดยพัฒนาแพลตฟอร์ม DGX Quantum ที่รวมซอฟต์แวร์ CUDA-Q เข้ากับฮาร์ดแวร์ระดับสูง แต่ยังไม่สามารถรัน QEC บนชิปทั่วไปได้เหมือน AMD แม้ NVIDIA จะมีเทคโนโลยีที่ทรงพลัง แต่ความสำเร็จของ AMD ในการใช้ฮาร์ดแวร์ “off-the-shelf” กับงานควอนตัม ถือเป็นก้าวสำคัญที่อาจเปลี่ยนแนวทางของอุตสาหกรรมในอนาคต ✅ ความสำเร็จของ AMD กับอัลกอริธึม QEC ➡️ รันบนชิป FPGA ที่ปรับแต่งได้ ➡️ ประสิทธิภาพสูงกว่าที่คาดไว้ถึง 10 เท่า ➡️ ไม่ต้องใช้ชิปเฉพาะทางราคาแพง ✅ จุดเด่นของ FPGA ในงานควอนตัม ➡️ ปรับแต่งได้ตามงานเฉพาะ ➡️ รองรับ feedback loop ที่มี latency ต่ำ ➡️ เหมาะกับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง ✅ ความแตกต่างจากแนวทางของ NVIDIA ➡️ ใช้แพลตฟอร์ม DGX Quantum + CUDA-Q ➡️ ยังไม่สามารถใช้ฮาร์ดแวร์ทั่วไปกับ QEC ได้ ➡️ ขาดทรัพยากรด้าน FPGA แบบที่ AMD มีจาก Xilinx https://wccftech.com/amd-beats-nvidia-in-quantum-computing-milestone-for-now/
    WCCFTECH.COM
    AMD Beats NVIDIA in Quantum Computing Milestone For Now, By Running IBM's Error-Correction Algorithm On Standard Chips
    IBM has announced a breakthrough in quantum computing, as AMD's standard chips have successfully run a key error correction algorithm.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 193 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สร้างฐานข้อมูลของคุณเอง! คู่มือสร้าง Key-Value Database ตั้งแต่ศูนย์ – เข้าใจง่าย พร้อมแนวคิดระดับมืออาชีพ”

    บทความนี้จาก nan.fyi พาเราย้อนกลับไปตั้งคำถามว่า “ถ้าเราไม่รู้จักฐานข้อมูลเลย แล้วต้องสร้างมันขึ้นมาเอง จะเริ่มยังไง?” คำตอบคือเริ่มจากสิ่งที่เรียบง่ายที่สุด: ไฟล์ และแนวคิดของ key-value pair เหมือน object ใน JavaScript

    เริ่มต้นจากการเขียนข้อมูลลงไฟล์แบบง่าย ๆ เช่น db set 'hello' 'world' แล้วค้นหาด้วย db get 'hello' ซึ่งจะคืนค่า 'world' กลับมา แต่เมื่อข้อมูลมากขึ้น การอัปเดตและลบข้อมูลในไฟล์จะเริ่มช้า เพราะต้องเลื่อนข้อมูลทั้งหมดตาม byte ที่เปลี่ยน

    เพื่อแก้ปัญหานี้ บทความเสนอให้ใช้ ไฟล์แบบ append-only คือไม่แก้ไขข้อมูลเดิม แต่เพิ่มข้อมูลใหม่ลงท้ายไฟล์เสมอ และใช้ “tombstone” เพื่อระบุว่าข้อมูลถูกลบแล้ว เช่น db set 7 null

    แต่ไฟล์จะโตขึ้นเรื่อย ๆ จึงต้องมีระบบ compaction คือแบ่งไฟล์เป็น segment และค่อย ๆ ล้างข้อมูลที่ไม่จำเป็นออก แล้วรวมไฟล์ใหม่ให้เล็กลง

    ต่อมาเพื่อให้ค้นหาข้อมูลเร็วขึ้น ก็ต้องมี index โดยเก็บ offset ของแต่ละ key เพื่อชี้ตำแหน่งในไฟล์ ซึ่งช่วยให้ค้นหาเร็วขึ้นมาก แต่ก็แลกกับการเขียนข้อมูลที่ช้าลง

    สุดท้าย บทความแนะนำให้ใช้ Sorted String Tables (SST) และ LSM Trees ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ใช้จริงในฐานข้อมูลระดับโลก เช่น LevelDB และ DynamoDB โดยใช้การจัดเรียงข้อมูลใน memory ก่อน แล้วค่อยเขียนลง disk พร้อม index เพื่อให้ค้นหาเร็วและเขียนได้ต่อเนื่อง

    แนวคิดพื้นฐานของ Key-Value Database
    ใช้ไฟล์เก็บข้อมูลแบบ key-value
    ค้นหาด้วยการวนลูปหา key ที่ตรง
    อัปเดตและลบข้อมูลทำได้ แต่ช้าเมื่อข้อมูลเยอะ

    การปรับปรุงด้วยไฟล์แบบ append-only
    เพิ่มข้อมูลใหม่ลงท้ายไฟล์เสมอ
    ใช้ tombstone เพื่อระบุการลบ
    ค้นหาค่าล่าสุดของ key แทนค่าตัวแรก

    การจัดการขนาดไฟล์ด้วย compaction
    แบ่งไฟล์เป็น segment
    ล้างข้อมูลที่ล้าสมัยหรือถูกลบ
    รวมไฟล์ใหม่ให้เล็กลงและมีข้อมูลล่าสุดเท่านั้น

    การเพิ่มประสิทธิภาพด้วย index
    เก็บ offset ของ key เพื่อค้นหาเร็วขึ้น
    ใช้ hash table ใน memory สำหรับ index
    แลกกับการเขียนข้อมูลที่ช้าลง

    การจัดเรียงข้อมูลด้วย SST และ LSM Tree
    จัดเรียงข้อมูลใน memory ก่อนเขียนลง disk
    ใช้ skip list หรือ binary search tree สำหรับการจัดเรียง
    เขียนลงไฟล์แบบ append-only พร้อม backup
    ใช้ index เพื่อค้นหาในไฟล์ที่ถูกจัดเรียงแล้ว
    เป็นโครงสร้างที่ใช้ใน LevelDB และ DynamoDB

    https://www.nan.fyi/database
    🗃️ “สร้างฐานข้อมูลของคุณเอง! คู่มือสร้าง Key-Value Database ตั้งแต่ศูนย์ – เข้าใจง่าย พร้อมแนวคิดระดับมืออาชีพ” บทความนี้จาก nan.fyi พาเราย้อนกลับไปตั้งคำถามว่า “ถ้าเราไม่รู้จักฐานข้อมูลเลย แล้วต้องสร้างมันขึ้นมาเอง จะเริ่มยังไง?” คำตอบคือเริ่มจากสิ่งที่เรียบง่ายที่สุด: ไฟล์ และแนวคิดของ key-value pair เหมือน object ใน JavaScript เริ่มต้นจากการเขียนข้อมูลลงไฟล์แบบง่าย ๆ เช่น db set 'hello' 'world' แล้วค้นหาด้วย db get 'hello' ซึ่งจะคืนค่า 'world' กลับมา แต่เมื่อข้อมูลมากขึ้น การอัปเดตและลบข้อมูลในไฟล์จะเริ่มช้า เพราะต้องเลื่อนข้อมูลทั้งหมดตาม byte ที่เปลี่ยน เพื่อแก้ปัญหานี้ บทความเสนอให้ใช้ ไฟล์แบบ append-only คือไม่แก้ไขข้อมูลเดิม แต่เพิ่มข้อมูลใหม่ลงท้ายไฟล์เสมอ และใช้ “tombstone” เพื่อระบุว่าข้อมูลถูกลบแล้ว เช่น db set 7 null แต่ไฟล์จะโตขึ้นเรื่อย ๆ จึงต้องมีระบบ compaction คือแบ่งไฟล์เป็น segment และค่อย ๆ ล้างข้อมูลที่ไม่จำเป็นออก แล้วรวมไฟล์ใหม่ให้เล็กลง ต่อมาเพื่อให้ค้นหาข้อมูลเร็วขึ้น ก็ต้องมี index โดยเก็บ offset ของแต่ละ key เพื่อชี้ตำแหน่งในไฟล์ ซึ่งช่วยให้ค้นหาเร็วขึ้นมาก แต่ก็แลกกับการเขียนข้อมูลที่ช้าลง สุดท้าย บทความแนะนำให้ใช้ Sorted String Tables (SST) และ LSM Trees ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ใช้จริงในฐานข้อมูลระดับโลก เช่น LevelDB และ DynamoDB โดยใช้การจัดเรียงข้อมูลใน memory ก่อน แล้วค่อยเขียนลง disk พร้อม index เพื่อให้ค้นหาเร็วและเขียนได้ต่อเนื่อง ✅ แนวคิดพื้นฐานของ Key-Value Database ➡️ ใช้ไฟล์เก็บข้อมูลแบบ key-value ➡️ ค้นหาด้วยการวนลูปหา key ที่ตรง ➡️ อัปเดตและลบข้อมูลทำได้ แต่ช้าเมื่อข้อมูลเยอะ ✅ การปรับปรุงด้วยไฟล์แบบ append-only ➡️ เพิ่มข้อมูลใหม่ลงท้ายไฟล์เสมอ ➡️ ใช้ tombstone เพื่อระบุการลบ ➡️ ค้นหาค่าล่าสุดของ key แทนค่าตัวแรก ✅ การจัดการขนาดไฟล์ด้วย compaction ➡️ แบ่งไฟล์เป็น segment ➡️ ล้างข้อมูลที่ล้าสมัยหรือถูกลบ ➡️ รวมไฟล์ใหม่ให้เล็กลงและมีข้อมูลล่าสุดเท่านั้น ✅ การเพิ่มประสิทธิภาพด้วย index ➡️ เก็บ offset ของ key เพื่อค้นหาเร็วขึ้น ➡️ ใช้ hash table ใน memory สำหรับ index ➡️ แลกกับการเขียนข้อมูลที่ช้าลง ✅ การจัดเรียงข้อมูลด้วย SST และ LSM Tree ➡️ จัดเรียงข้อมูลใน memory ก่อนเขียนลง disk ➡️ ใช้ skip list หรือ binary search tree สำหรับการจัดเรียง ➡️ เขียนลงไฟล์แบบ append-only พร้อม backup ➡️ ใช้ index เพื่อค้นหาในไฟล์ที่ถูกจัดเรียงแล้ว ➡️ เป็นโครงสร้างที่ใช้ใน LevelDB และ DynamoDB https://www.nan.fyi/database
    WWW.NAN.FYI
    Build Your Own Database
    A step-by-step guide to building a key-value database from scratch.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 235 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Intel เปิดตัว XeSS 3 พร้อม Multi-Frame Generation — เพิ่มเฟรม 4 เท่า รองรับ GPU รุ่นเก่า ท้าชน DLSS และ FSR”

    Intel ประกาศเปิดตัวเทคโนโลยี XeSS 3 รุ่นใหม่ที่มาพร้อมฟีเจอร์ Multi-Frame Generation (MFG) ซึ่งสามารถสร้างเฟรมภาพด้วย AI ได้สูงสุดถึง 4 เท่า โดยใช้การแทรกเฟรมระหว่างเฟรมจริงที่ GPU เรนเดอร์ เพื่อเพิ่มความลื่นไหลของภาพในเกมและแอปพลิเคชันกราฟิก

    จุดเด่นของ XeSS-MFG คือ “รองรับ GPU รุ่นเก่า” ทั้ง Arc Alchemist รุ่นแรก, Xe2 และแม้แต่ Xe1 ในอนาคต ซึ่งแตกต่างจาก Nvidia ที่จำกัด MFG เฉพาะ RTX 5000 เท่านั้น ทำให้ Intel กลายเป็นผู้ผลิต GPU รายแรกที่เปิดให้ใช้ MFG ได้หลายเจเนอเรชัน

    เทคโนโลยีนี้จะถูกฝังอยู่ในชิปกราฟิก Xe3 ที่มาพร้อมกับซีพียู Panther Lake ซึ่งจะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนมกราคม 2026 โดย Intel ระบุว่า Xe3 จะมีประสิทธิภาพด้านกราฟิกสูงกว่า Xe2 ถึง 50% และเมื่อรวมกับ MFG จะสามารถเพิ่มเฟรมเรตได้อย่างมหาศาลในเกมที่รองรับ

    XeSS-MFG ใช้ motion vectors และ depth buffers เพื่อสร้าง optical flow network แล้วแทรกเฟรมภาพ 3 เฟรมระหว่างเฟรมจริง 2 เฟรม ทำให้ได้เฟรมรวมสูงสุด 4 เท่า พร้อมระบบ Frame Pacing เพื่อให้เฟรมแสดงผลตรงจังหวะ

    Intel ยังเตรียมเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ในแอป Graphics Software เช่น Frame Generation Override ที่ให้ผู้ใช้เลือกโหมด 2x, 3x หรือ 4x ได้เอง และ Shared GPU/NPU Memory Override ที่ให้ผู้ใช้จัดสรรหน่วยความจำระบบสำหรับงาน AI ได้คล้ายกับฟีเจอร์ของ AMD

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Intel เปิดตัว XeSS 3 พร้อมฟีเจอร์ Multi-Frame Generation (MFG)
    MFG สามารถสร้างเฟรมภาพได้สูงสุด 4 เท่า (3 เฟรม AI ต่อ 1 เฟรมจริง)
    ใช้ motion vectors และ depth buffers สร้าง optical flow network
    รองรับ GPU รุ่นเก่า เช่น Arc Alchemist, Xe2 และ Xe1 ในอนาคต
    XeSS-MFG จะฝังอยู่ในชิป Xe3 ที่มากับซีพียู Panther Lake
    Xe3 มีประสิทธิภาพกราฟิกสูงกว่า Xe2 ถึง 50%
    Frame Generation Override ให้ผู้ใช้เลือกโหมดเฟรมได้เอง
    Shared GPU/NPU Memory Override ให้จัดสรรหน่วยความจำสำหรับงาน AI
    XeSS 3 จะเปิดตัวพร้อม Panther Lake ในเดือนมกราคม 2026

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Nvidia เปิดตัว MFG ใน DLSS 4 แต่จำกัดเฉพาะ RTX 5000 เท่านั้น
    AMD เตรียมเปิดตัว FSR Redstone ที่มีฟีเจอร์ frame generation ในปี 2026
    Optical flow network เป็นเทคนิคที่ใช้ในการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของภาพ
    Frame Pacing ช่วยให้เฟรมที่สร้างขึ้นแสดงผลตรงจังหวะ ไม่กระตุก
    XeSS 3 ใช้ AI และ machine learning เพื่อปรับปรุงคุณภาพภาพและความลื่นไหล

    https://www.techradar.com/computing/gpu/intel-reveals-xess-3-with-multi-frame-generation-and-unlike-nvidias-mfg-it-works-on-older-gpus
    🚀 “Intel เปิดตัว XeSS 3 พร้อม Multi-Frame Generation — เพิ่มเฟรม 4 เท่า รองรับ GPU รุ่นเก่า ท้าชน DLSS และ FSR” Intel ประกาศเปิดตัวเทคโนโลยี XeSS 3 รุ่นใหม่ที่มาพร้อมฟีเจอร์ Multi-Frame Generation (MFG) ซึ่งสามารถสร้างเฟรมภาพด้วย AI ได้สูงสุดถึง 4 เท่า โดยใช้การแทรกเฟรมระหว่างเฟรมจริงที่ GPU เรนเดอร์ เพื่อเพิ่มความลื่นไหลของภาพในเกมและแอปพลิเคชันกราฟิก จุดเด่นของ XeSS-MFG คือ “รองรับ GPU รุ่นเก่า” ทั้ง Arc Alchemist รุ่นแรก, Xe2 และแม้แต่ Xe1 ในอนาคต ซึ่งแตกต่างจาก Nvidia ที่จำกัด MFG เฉพาะ RTX 5000 เท่านั้น ทำให้ Intel กลายเป็นผู้ผลิต GPU รายแรกที่เปิดให้ใช้ MFG ได้หลายเจเนอเรชัน เทคโนโลยีนี้จะถูกฝังอยู่ในชิปกราฟิก Xe3 ที่มาพร้อมกับซีพียู Panther Lake ซึ่งจะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนมกราคม 2026 โดย Intel ระบุว่า Xe3 จะมีประสิทธิภาพด้านกราฟิกสูงกว่า Xe2 ถึง 50% และเมื่อรวมกับ MFG จะสามารถเพิ่มเฟรมเรตได้อย่างมหาศาลในเกมที่รองรับ XeSS-MFG ใช้ motion vectors และ depth buffers เพื่อสร้าง optical flow network แล้วแทรกเฟรมภาพ 3 เฟรมระหว่างเฟรมจริง 2 เฟรม ทำให้ได้เฟรมรวมสูงสุด 4 เท่า พร้อมระบบ Frame Pacing เพื่อให้เฟรมแสดงผลตรงจังหวะ Intel ยังเตรียมเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ในแอป Graphics Software เช่น Frame Generation Override ที่ให้ผู้ใช้เลือกโหมด 2x, 3x หรือ 4x ได้เอง และ Shared GPU/NPU Memory Override ที่ให้ผู้ใช้จัดสรรหน่วยความจำระบบสำหรับงาน AI ได้คล้ายกับฟีเจอร์ของ AMD ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Intel เปิดตัว XeSS 3 พร้อมฟีเจอร์ Multi-Frame Generation (MFG) ➡️ MFG สามารถสร้างเฟรมภาพได้สูงสุด 4 เท่า (3 เฟรม AI ต่อ 1 เฟรมจริง) ➡️ ใช้ motion vectors และ depth buffers สร้าง optical flow network ➡️ รองรับ GPU รุ่นเก่า เช่น Arc Alchemist, Xe2 และ Xe1 ในอนาคต ➡️ XeSS-MFG จะฝังอยู่ในชิป Xe3 ที่มากับซีพียู Panther Lake ➡️ Xe3 มีประสิทธิภาพกราฟิกสูงกว่า Xe2 ถึง 50% ➡️ Frame Generation Override ให้ผู้ใช้เลือกโหมดเฟรมได้เอง ➡️ Shared GPU/NPU Memory Override ให้จัดสรรหน่วยความจำสำหรับงาน AI ➡️ XeSS 3 จะเปิดตัวพร้อม Panther Lake ในเดือนมกราคม 2026 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Nvidia เปิดตัว MFG ใน DLSS 4 แต่จำกัดเฉพาะ RTX 5000 เท่านั้น ➡️ AMD เตรียมเปิดตัว FSR Redstone ที่มีฟีเจอร์ frame generation ในปี 2026 ➡️ Optical flow network เป็นเทคนิคที่ใช้ในการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของภาพ ➡️ Frame Pacing ช่วยให้เฟรมที่สร้างขึ้นแสดงผลตรงจังหวะ ไม่กระตุก ➡️ XeSS 3 ใช้ AI และ machine learning เพื่อปรับปรุงคุณภาพภาพและความลื่นไหล https://www.techradar.com/computing/gpu/intel-reveals-xess-3-with-multi-frame-generation-and-unlike-nvidias-mfg-it-works-on-older-gpus
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AMD เปิดเกมรุก! ส่ง MI450 บนเทคโนโลยี 2nm ล้ำหน้า Nvidia — OpenAI เตรียมรับล็อตแรกกลางปีหน้า”

    AMD ประกาศเปิดตัว GPU รุ่นใหม่ Instinct MI450 ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับ 2 นาโนเมตรจาก TSMC ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ AMD ใช้กระบวนการผลิตระดับนี้กับชิป AI โดยจะเริ่มส่งมอบให้กับ OpenAI ในช่วงครึ่งหลังของปี 2026 ตามข้อตกลงความร่วมมือระยะยาวที่ครอบคลุมถึง 6 กิกะวัตต์ของกำลังประมวลผล

    MI450 ใช้สถาปัตยกรรม CDNA 5 และเป็น GPU ที่ออกแบบมาเพื่องาน AI โดยเฉพาะ รองรับรูปแบบข้อมูลและคำสั่งที่เหมาะกับการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ โดยใช้เทคโนโลยี Gate-All-Around (GAA) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงานได้ถึง 25–30% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

    ในด้านฮาร์ดแวร์ AMD เตรียมเปิดตัว Helios rack ที่บรรจุ MI450 ถึง 72 ตัว พร้อมหน่วยความจำ HBM4 ขนาด 51TB และแบนด์วิดธ์สูงถึง 1,400 TB/s ซึ่งเหนือกว่า Nvidia Rubin NVL144 ที่ใช้เทคโนโลยี 3nm และมี HBM4 เพียง 21TB กับแบนด์วิดธ์ 936 TB/s อย่างไรก็ตาม Nvidia ยังมีจุดแข็งด้าน FP4 performance ที่สูงกว่า (3,600 PFLOPS เทียบกับ 1,440 PFLOPS ของ AMD)

    ข้อตกลงกับ OpenAI ยังรวมถึงการออก warrant ให้ซื้อหุ้น AMD ได้สูงสุด 160 ล้านหุ้น โดยจะทยอย vest ตาม milestone เช่น การติดตั้งครบ 1 กิกะวัตต์ และการบรรลุเป้าหมายด้านเทคนิคและเชิงพาณิชย์

    Lisa Su ซีอีโอของ AMD ระบุว่า “นี่คือการรวมพลังของทั้งสองบริษัทเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ใหญ่ที่สุดในโลก” ขณะที่ Sam Altman จาก OpenAI กล่าวว่า “AMD จะช่วยเราสร้างความก้าวหน้าใน AI ได้เร็วขึ้น และนำประโยชน์ไปสู่ทุกคน”

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    AMD เปิดตัว Instinct MI450 บนเทคโนโลยี 2nm จาก TSMC
    ใช้สถาปัตยกรรม CDNA 5 และออกแบบมาเพื่องาน AI โดยเฉพาะ
    ใช้ Gate-All-Around (GAA) transistor เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    ลดการใช้พลังงานได้ 25–30% และเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์ 15%
    Helios rack มี MI450 จำนวน 72 ตัว พร้อม HBM4 ขนาด 51TB และแบนด์วิดธ์ 1,400 TB/s
    Nvidia Rubin NVL144 มี HBM4 21TB และแบนด์วิดธ์ 936 TB/s แต่ FP4 performance สูงกว่า
    OpenAI จะได้รับ MI450 ล็อตแรกในครึ่งหลังของปี 2026
    ข้อตกลงรวมการออก warrant ให้ OpenAI ซื้อหุ้น AMD สูงสุด 160 ล้านหุ้น
    การ vest ขึ้นอยู่กับ milestone เช่น การติดตั้งครบ 1GW และเป้าหมายด้านเทคนิค

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    TSMC N2 เป็นเทคโนโลยีการผลิตระดับ 2nm ที่ใช้ GAA transistor เป็นครั้งแรก
    GAA transistor ช่วยลด leakage และเพิ่มประสิทธิภาพในการออกแบบชิป
    HBM4 เป็นหน่วยความจำความเร็วสูงที่ใช้ในงาน AI และ HPC
    FP4 เป็นรูปแบบการประมวลผลที่ใช้ในการฝึกโมเดล LLM ขนาดใหญ่
    การออก warrant เป็นกลยุทธ์ทางการเงินที่ใช้สร้างพันธมิตรระยะยาว

    คำเตือนและข้อจำกัด
    MI450 ยังมี FP4 performance ต่ำกว่า Nvidia Rubin NVL144 อย่างชัดเจน
    การเชื่อมต่อแบบ UALink ยังไม่แน่นอนว่าจะ scale ได้ดีใน MI450
    การผลิตชิป 2nm มีความซับซ้อนและต้นทุนสูง อาจกระทบ timeline
    การ vest หุ้นของ OpenAI ขึ้นอยู่กับหลายเงื่อนไขที่อาจไม่บรรลุ
    การเปรียบเทียบประสิทธิภาพยังต้องรอผลการใช้งานจริงใน data center

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/amd-could-beat-nvidia-to-launching-ai-gpus-on-the-cutting-edge-2nm-node-instinct-mi450-is-officially-the-first-amd-gpu-to-launch-with-tsmcs-finest-tech
    ⚙️ “AMD เปิดเกมรุก! ส่ง MI450 บนเทคโนโลยี 2nm ล้ำหน้า Nvidia — OpenAI เตรียมรับล็อตแรกกลางปีหน้า” AMD ประกาศเปิดตัว GPU รุ่นใหม่ Instinct MI450 ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับ 2 นาโนเมตรจาก TSMC ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ AMD ใช้กระบวนการผลิตระดับนี้กับชิป AI โดยจะเริ่มส่งมอบให้กับ OpenAI ในช่วงครึ่งหลังของปี 2026 ตามข้อตกลงความร่วมมือระยะยาวที่ครอบคลุมถึง 6 กิกะวัตต์ของกำลังประมวลผล MI450 ใช้สถาปัตยกรรม CDNA 5 และเป็น GPU ที่ออกแบบมาเพื่องาน AI โดยเฉพาะ รองรับรูปแบบข้อมูลและคำสั่งที่เหมาะกับการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ โดยใช้เทคโนโลยี Gate-All-Around (GAA) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงานได้ถึง 25–30% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ในด้านฮาร์ดแวร์ AMD เตรียมเปิดตัว Helios rack ที่บรรจุ MI450 ถึง 72 ตัว พร้อมหน่วยความจำ HBM4 ขนาด 51TB และแบนด์วิดธ์สูงถึง 1,400 TB/s ซึ่งเหนือกว่า Nvidia Rubin NVL144 ที่ใช้เทคโนโลยี 3nm และมี HBM4 เพียง 21TB กับแบนด์วิดธ์ 936 TB/s อย่างไรก็ตาม Nvidia ยังมีจุดแข็งด้าน FP4 performance ที่สูงกว่า (3,600 PFLOPS เทียบกับ 1,440 PFLOPS ของ AMD) ข้อตกลงกับ OpenAI ยังรวมถึงการออก warrant ให้ซื้อหุ้น AMD ได้สูงสุด 160 ล้านหุ้น โดยจะทยอย vest ตาม milestone เช่น การติดตั้งครบ 1 กิกะวัตต์ และการบรรลุเป้าหมายด้านเทคนิคและเชิงพาณิชย์ Lisa Su ซีอีโอของ AMD ระบุว่า “นี่คือการรวมพลังของทั้งสองบริษัทเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ใหญ่ที่สุดในโลก” ขณะที่ Sam Altman จาก OpenAI กล่าวว่า “AMD จะช่วยเราสร้างความก้าวหน้าใน AI ได้เร็วขึ้น และนำประโยชน์ไปสู่ทุกคน” ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ AMD เปิดตัว Instinct MI450 บนเทคโนโลยี 2nm จาก TSMC ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม CDNA 5 และออกแบบมาเพื่องาน AI โดยเฉพาะ ➡️ ใช้ Gate-All-Around (GAA) transistor เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ➡️ ลดการใช้พลังงานได้ 25–30% และเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์ 15% ➡️ Helios rack มี MI450 จำนวน 72 ตัว พร้อม HBM4 ขนาด 51TB และแบนด์วิดธ์ 1,400 TB/s ➡️ Nvidia Rubin NVL144 มี HBM4 21TB และแบนด์วิดธ์ 936 TB/s แต่ FP4 performance สูงกว่า ➡️ OpenAI จะได้รับ MI450 ล็อตแรกในครึ่งหลังของปี 2026 ➡️ ข้อตกลงรวมการออก warrant ให้ OpenAI ซื้อหุ้น AMD สูงสุด 160 ล้านหุ้น ➡️ การ vest ขึ้นอยู่กับ milestone เช่น การติดตั้งครบ 1GW และเป้าหมายด้านเทคนิค ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ TSMC N2 เป็นเทคโนโลยีการผลิตระดับ 2nm ที่ใช้ GAA transistor เป็นครั้งแรก ➡️ GAA transistor ช่วยลด leakage และเพิ่มประสิทธิภาพในการออกแบบชิป ➡️ HBM4 เป็นหน่วยความจำความเร็วสูงที่ใช้ในงาน AI และ HPC ➡️ FP4 เป็นรูปแบบการประมวลผลที่ใช้ในการฝึกโมเดล LLM ขนาดใหญ่ ➡️ การออก warrant เป็นกลยุทธ์ทางการเงินที่ใช้สร้างพันธมิตรระยะยาว ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ MI450 ยังมี FP4 performance ต่ำกว่า Nvidia Rubin NVL144 อย่างชัดเจน ⛔ การเชื่อมต่อแบบ UALink ยังไม่แน่นอนว่าจะ scale ได้ดีใน MI450 ⛔ การผลิตชิป 2nm มีความซับซ้อนและต้นทุนสูง อาจกระทบ timeline ⛔ การ vest หุ้นของ OpenAI ขึ้นอยู่กับหลายเงื่อนไขที่อาจไม่บรรลุ ⛔ การเปรียบเทียบประสิทธิภาพยังต้องรอผลการใช้งานจริงใน data center https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/amd-could-beat-nvidia-to-launching-ai-gpus-on-the-cutting-edge-2nm-node-instinct-mi450-is-officially-the-first-amd-gpu-to-launch-with-tsmcs-finest-tech
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 363 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Pixel 10 Pro Fold — พับได้ ทนได้ แบตอึด แต่กล้องยังไม่สุด”

    Google เปิดตัว Pixel 10 Pro Fold สมาร์ตโฟนพับได้รุ่นล่าสุดที่มาพร้อมความทนทานระดับ IP68 และแบตเตอรี่สุดอึด พร้อมฟีเจอร์ใหม่อย่าง Pixelsnap ที่เพิ่มความสะดวกในการใช้งานอุปกรณ์เสริมแบบแม่เหล็กคล้าย MagSafe ของ Apple แม้จะยังมีข้อจำกัดเรื่องกล้องและความหนา แต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญของ Google ในตลาดมือถือพับได้

    Pixel 10 Pro Fold ใช้ชิป Tensor G5 แบบ 3nm ที่เน้นประสิทธิภาพด้านพลังงานมากกว่าความเร็วแรง พร้อม RAM 16GB และตัวเลือกความจุสูงสุดถึง 1TB หน้าจอด้านนอกขนาด 6.4 นิ้ว และด้านในขนาด 8 นิ้ว รองรับรีเฟรชเรตสูงสุด 120Hz และความสว่างสูงถึง 3000 nits

    จุดเด่นคือความทนทาน — Pixel 10 Pro Fold เป็นมือถือพับได้เครื่องแรกที่ได้มาตรฐาน IP68 กันน้ำกันฝุ่น และใช้บานพับแบบใหม่ที่ไม่มีเฟือง ทำให้เปิด–ปิดได้ลื่นไหลและลดความเปราะบางของตัวเครื่อง

    ฟีเจอร์ Pixelsnap เป็นแม่เหล็กฝังในตัวเครื่องที่รองรับอุปกรณ์เสริม เช่น แหวนจับ เคส และแท่นชาร์จไร้สายแบบ Qi2 ซึ่งช่วยให้ใช้งานสะดวกขึ้นมาก โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องการชาร์จหรือถือเครื่องนาน ๆ

    ด้านกล้อง Pixel 10 Pro Fold มาพร้อมกล้องหลัก 48MP, เทเลโฟโต้ 10.8MP (ซูม 5x) และอัลตร้าไวด์ 10.5MP แม้จะถ่ายภาพกลางวันได้ดี แต่เมื่อแสงน้อยหรือซูมเกิน 5x ภาพจะเริ่มสูญเสียรายละเอียดอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในโหมดวิดีโอที่ยังมีปัญหาเรื่องความคมชัดและการประมวลผลที่ล่าช้า

    แบตเตอรี่ขนาด 5015mAh รองรับชาร์จเร็ว 30W และชาร์จไร้สาย 15W ผ่าน Pixelsnap ในการใช้งานจริงสามารถใช้งานหนักได้ตลอดวันโดยยังเหลือแบตอยู่ ถือเป็นจุดแข็งที่สุดของรุ่นนี้

    Pixel 10 Pro Fold วางจำหน่ายแล้วในราคา $1,799 โดยมีสีให้เลือกคือ Jade และ Moonstone พร้อมรับการอัปเดตซอฟต์แวร์นานถึง 7 ปี

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Pixel 10 Pro Fold เป็นมือถือพับได้รุ่นใหม่จาก Google
    ใช้ชิป Tensor G5 แบบ 3nm เน้นประสิทธิภาพด้านพลังงาน
    RAM 16GB และความจุสูงสุด 1TB
    หน้าจอด้านนอก 6.4 นิ้ว ด้านใน 8 นิ้ว รีเฟรชเรตสูงสุด 120Hz
    ความสว่างหน้าจอสูงสุด 3000 nits
    ได้มาตรฐาน IP68 กันน้ำกันฝุ่น
    ใช้บานพับแบบไม่มีเฟือง เพิ่มความทนทาน
    Pixelsnap รองรับอุปกรณ์เสริมแม่เหล็ก เช่น เคสและแท่นชาร์จ
    กล้องหลัก 48MP, เทเลโฟโต้ 10.8MP, อัลตร้าไวด์ 10.5MP
    แบตเตอรี่ 5015mAh รองรับชาร์จเร็ว 30W และไร้สาย 15W
    วางจำหน่ายแล้วในราคา $1,799 พร้อมอัปเดตซอฟต์แวร์ 7 ปี

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Pixelsnap ใช้มาตรฐาน Qi2 เหมือน MagSafe ของ Apple
    Tensor G5 มีประสิทธิภาพด้าน AI สูงขึ้น 2.6 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน
    Pixel 10 Pro Fold เป็นรุ่นเดียวในกลุ่ม Pixel 10 ที่มีหน้าจอพับได้
    Galaxy Z Fold 7 และ Honor Magic V5 เป็นคู่แข่งหลักในตลาดพับได้
    Pixel 10 Pro Fold มีจุดเด่นเรื่องความทนทานมากกว่าความบาง

    https://www.slashgear.com/1990224/google-pixel-10-pro-fold-review/
    📱 “Pixel 10 Pro Fold — พับได้ ทนได้ แบตอึด แต่กล้องยังไม่สุด” Google เปิดตัว Pixel 10 Pro Fold สมาร์ตโฟนพับได้รุ่นล่าสุดที่มาพร้อมความทนทานระดับ IP68 และแบตเตอรี่สุดอึด พร้อมฟีเจอร์ใหม่อย่าง Pixelsnap ที่เพิ่มความสะดวกในการใช้งานอุปกรณ์เสริมแบบแม่เหล็กคล้าย MagSafe ของ Apple แม้จะยังมีข้อจำกัดเรื่องกล้องและความหนา แต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญของ Google ในตลาดมือถือพับได้ Pixel 10 Pro Fold ใช้ชิป Tensor G5 แบบ 3nm ที่เน้นประสิทธิภาพด้านพลังงานมากกว่าความเร็วแรง พร้อม RAM 16GB และตัวเลือกความจุสูงสุดถึง 1TB หน้าจอด้านนอกขนาด 6.4 นิ้ว และด้านในขนาด 8 นิ้ว รองรับรีเฟรชเรตสูงสุด 120Hz และความสว่างสูงถึง 3000 nits จุดเด่นคือความทนทาน — Pixel 10 Pro Fold เป็นมือถือพับได้เครื่องแรกที่ได้มาตรฐาน IP68 กันน้ำกันฝุ่น และใช้บานพับแบบใหม่ที่ไม่มีเฟือง ทำให้เปิด–ปิดได้ลื่นไหลและลดความเปราะบางของตัวเครื่อง ฟีเจอร์ Pixelsnap เป็นแม่เหล็กฝังในตัวเครื่องที่รองรับอุปกรณ์เสริม เช่น แหวนจับ เคส และแท่นชาร์จไร้สายแบบ Qi2 ซึ่งช่วยให้ใช้งานสะดวกขึ้นมาก โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องการชาร์จหรือถือเครื่องนาน ๆ ด้านกล้อง Pixel 10 Pro Fold มาพร้อมกล้องหลัก 48MP, เทเลโฟโต้ 10.8MP (ซูม 5x) และอัลตร้าไวด์ 10.5MP แม้จะถ่ายภาพกลางวันได้ดี แต่เมื่อแสงน้อยหรือซูมเกิน 5x ภาพจะเริ่มสูญเสียรายละเอียดอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในโหมดวิดีโอที่ยังมีปัญหาเรื่องความคมชัดและการประมวลผลที่ล่าช้า แบตเตอรี่ขนาด 5015mAh รองรับชาร์จเร็ว 30W และชาร์จไร้สาย 15W ผ่าน Pixelsnap ในการใช้งานจริงสามารถใช้งานหนักได้ตลอดวันโดยยังเหลือแบตอยู่ ถือเป็นจุดแข็งที่สุดของรุ่นนี้ Pixel 10 Pro Fold วางจำหน่ายแล้วในราคา $1,799 โดยมีสีให้เลือกคือ Jade และ Moonstone พร้อมรับการอัปเดตซอฟต์แวร์นานถึง 7 ปี ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Pixel 10 Pro Fold เป็นมือถือพับได้รุ่นใหม่จาก Google ➡️ ใช้ชิป Tensor G5 แบบ 3nm เน้นประสิทธิภาพด้านพลังงาน ➡️ RAM 16GB และความจุสูงสุด 1TB ➡️ หน้าจอด้านนอก 6.4 นิ้ว ด้านใน 8 นิ้ว รีเฟรชเรตสูงสุด 120Hz ➡️ ความสว่างหน้าจอสูงสุด 3000 nits ➡️ ได้มาตรฐาน IP68 กันน้ำกันฝุ่น ➡️ ใช้บานพับแบบไม่มีเฟือง เพิ่มความทนทาน ➡️ Pixelsnap รองรับอุปกรณ์เสริมแม่เหล็ก เช่น เคสและแท่นชาร์จ ➡️ กล้องหลัก 48MP, เทเลโฟโต้ 10.8MP, อัลตร้าไวด์ 10.5MP ➡️ แบตเตอรี่ 5015mAh รองรับชาร์จเร็ว 30W และไร้สาย 15W ➡️ วางจำหน่ายแล้วในราคา $1,799 พร้อมอัปเดตซอฟต์แวร์ 7 ปี ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Pixelsnap ใช้มาตรฐาน Qi2 เหมือน MagSafe ของ Apple ➡️ Tensor G5 มีประสิทธิภาพด้าน AI สูงขึ้น 2.6 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ➡️ Pixel 10 Pro Fold เป็นรุ่นเดียวในกลุ่ม Pixel 10 ที่มีหน้าจอพับได้ ➡️ Galaxy Z Fold 7 และ Honor Magic V5 เป็นคู่แข่งหลักในตลาดพับได้ ➡️ Pixel 10 Pro Fold มีจุดเด่นเรื่องความทนทานมากกว่าความบาง https://www.slashgear.com/1990224/google-pixel-10-pro-fold-review/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Google Pixel 10 Pro Fold Review: The Features You Can't See Give It Its Edge - SlashGear
    The Google Pixel 10 Pro Fold is a game of gives and takes. Most of the gives are hidden, and the takes may surprise you.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 272 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AstraZeneca ทุ่ม 555 ล้านดอลลาร์ จับมือ Algen พัฒนาเทคโนโลยีตัดต่อยีนด้วย AI — เป้าหมายใหม่ของการรักษาโรคภูมิคุ้มกัน”

    AstraZeneca บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่จากอังกฤษ-สวีเดน ได้ลงนามข้อตกลงมูลค่า 555 ล้านดอลลาร์กับ Algen Biotechnologies บริษัทไบโอเทคจากซานฟรานซิสโก เพื่อร่วมพัฒนาเทคโนโลยีการรักษาโรคด้วยการตัดต่อยีนแบบ CRISPR โดยใช้แพลตฟอร์ม AI ที่ชื่อว่า “AlgenBrain” ซึ่งสามารถวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างยีนกับโรคได้อย่างแม่นยำ

    ข้อตกลงนี้ให้ AstraZeneca สิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการพัฒนาและจำหน่ายยาที่ได้จากเทคโนโลยีนี้ โดยเน้นไปที่โรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น โรคอักเสบเรื้อรัง หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง โดย Algen จะได้รับเงินล่วงหน้าและเงินตามเป้าหมายการพัฒนาและการอนุมัติ ซึ่งรวมกันแล้วอาจสูงถึง 555 ล้านดอลลาร์

    Algen เป็นบริษัทที่แยกตัวออกมาจากห้องวิจัยของมหาวิทยาลัย UC Berkeley ซึ่งเป็นที่ที่ Jennifer Doudna ผู้ได้รับรางวัลโนเบลได้พัฒนาเทคโนโลยี CRISPR ขึ้นมา โดยแพลตฟอร์ม AlgenBrain ใช้การวิเคราะห์ RNA แบบไดนามิกในเซลล์มนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับโรค เพื่อหาจุดแทรกแซงที่สามารถย้อนกลับกระบวนการของโรคได้

    แม้ AstraZeneca จะไม่ซื้อหุ้นของ Algen ในข้อตกลงนี้ แต่ก็ถือเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับเป้าหมายของบริษัทในการเพิ่มยอดขายเป็น 80 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 โดยเฉพาะในกลุ่มโรคระบบภูมิคุ้มกันที่สร้างรายได้กว่า 4.2 พันล้านดอลลาร์ในครึ่งแรกของปี 2025

    ข้อตกลงนี้ยังสะท้อนแนวโน้มของอุตสาหกรรมยา ที่หันมาใช้ AI และการตัดต่อยีนเพื่อเร่งการค้นพบยาใหม่ ๆ โดยมีบริษัทใหญ่อื่น ๆ เช่น Roche, BMS และ J&J ที่ร่วมมือกันพัฒนาโมเดล AI แบบ federated เพื่อค้นหายาโดยไม่ต้องแชร์ข้อมูลดิบ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    AstraZeneca ลงนามข้อตกลงมูลค่า 555 ล้านดอลลาร์กับ Algen Biotechnologies
    ข้อตกลงให้สิทธิ์พัฒนาและจำหน่ายยาจากเทคโนโลยี CRISPR โดยใช้ AI
    เน้นการรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน
    Algen ใช้แพลตฟอร์ม AlgenBrain วิเคราะห์ RNA ในเซลล์มนุษย์
    ข้อมูล RNA ถูกเชื่อมโยงกับผลลัพธ์ทางชีวภาพเพื่อหาจุดแทรกแซงของโรค
    AstraZeneca ไม่ซื้อหุ้นของ Algen แต่ให้เงินล่วงหน้าและตาม milestone
    เป้าหมายของ AstraZeneca คือยอดขาย 80 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030
    กลุ่มโรคภูมิคุ้มกันสร้างรายได้กว่า 4.2 พันล้านดอลลาร์ในครึ่งปีแรกของ 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Algen แยกตัวจากห้องวิจัยของ Jennifer Doudna ผู้พัฒนา CRISPR
    แพลตฟอร์ม AlgenBrain ใช้การตัดต่อยีนแบบ single-cell และการเรียนรู้เชิงลึก
    AstraZeneca เคยร่วมมือกับ BenevolentAI และ Tempus AI ในการพัฒนายา
    อุตสาหกรรมยาเริ่มใช้โมเดล federated learning เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
    การใช้ AI ช่วยลดเวลาและต้นทุนในการค้นคว้ายาใหม่ แต่ยังต้องพิสูจน์ผลลัพธ์ในระยะยาว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/06/astrazeneca-inks-555-million-gene-editing-technology-deal-with-algen-ft-reports
    🧬 “AstraZeneca ทุ่ม 555 ล้านดอลลาร์ จับมือ Algen พัฒนาเทคโนโลยีตัดต่อยีนด้วย AI — เป้าหมายใหม่ของการรักษาโรคภูมิคุ้มกัน” AstraZeneca บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่จากอังกฤษ-สวีเดน ได้ลงนามข้อตกลงมูลค่า 555 ล้านดอลลาร์กับ Algen Biotechnologies บริษัทไบโอเทคจากซานฟรานซิสโก เพื่อร่วมพัฒนาเทคโนโลยีการรักษาโรคด้วยการตัดต่อยีนแบบ CRISPR โดยใช้แพลตฟอร์ม AI ที่ชื่อว่า “AlgenBrain” ซึ่งสามารถวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างยีนกับโรคได้อย่างแม่นยำ ข้อตกลงนี้ให้ AstraZeneca สิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการพัฒนาและจำหน่ายยาที่ได้จากเทคโนโลยีนี้ โดยเน้นไปที่โรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น โรคอักเสบเรื้อรัง หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง โดย Algen จะได้รับเงินล่วงหน้าและเงินตามเป้าหมายการพัฒนาและการอนุมัติ ซึ่งรวมกันแล้วอาจสูงถึง 555 ล้านดอลลาร์ Algen เป็นบริษัทที่แยกตัวออกมาจากห้องวิจัยของมหาวิทยาลัย UC Berkeley ซึ่งเป็นที่ที่ Jennifer Doudna ผู้ได้รับรางวัลโนเบลได้พัฒนาเทคโนโลยี CRISPR ขึ้นมา โดยแพลตฟอร์ม AlgenBrain ใช้การวิเคราะห์ RNA แบบไดนามิกในเซลล์มนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับโรค เพื่อหาจุดแทรกแซงที่สามารถย้อนกลับกระบวนการของโรคได้ แม้ AstraZeneca จะไม่ซื้อหุ้นของ Algen ในข้อตกลงนี้ แต่ก็ถือเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับเป้าหมายของบริษัทในการเพิ่มยอดขายเป็น 80 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 โดยเฉพาะในกลุ่มโรคระบบภูมิคุ้มกันที่สร้างรายได้กว่า 4.2 พันล้านดอลลาร์ในครึ่งแรกของปี 2025 ข้อตกลงนี้ยังสะท้อนแนวโน้มของอุตสาหกรรมยา ที่หันมาใช้ AI และการตัดต่อยีนเพื่อเร่งการค้นพบยาใหม่ ๆ โดยมีบริษัทใหญ่อื่น ๆ เช่น Roche, BMS และ J&J ที่ร่วมมือกันพัฒนาโมเดล AI แบบ federated เพื่อค้นหายาโดยไม่ต้องแชร์ข้อมูลดิบ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ AstraZeneca ลงนามข้อตกลงมูลค่า 555 ล้านดอลลาร์กับ Algen Biotechnologies ➡️ ข้อตกลงให้สิทธิ์พัฒนาและจำหน่ายยาจากเทคโนโลยี CRISPR โดยใช้ AI ➡️ เน้นการรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน ➡️ Algen ใช้แพลตฟอร์ม AlgenBrain วิเคราะห์ RNA ในเซลล์มนุษย์ ➡️ ข้อมูล RNA ถูกเชื่อมโยงกับผลลัพธ์ทางชีวภาพเพื่อหาจุดแทรกแซงของโรค ➡️ AstraZeneca ไม่ซื้อหุ้นของ Algen แต่ให้เงินล่วงหน้าและตาม milestone ➡️ เป้าหมายของ AstraZeneca คือยอดขาย 80 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 ➡️ กลุ่มโรคภูมิคุ้มกันสร้างรายได้กว่า 4.2 พันล้านดอลลาร์ในครึ่งปีแรกของ 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Algen แยกตัวจากห้องวิจัยของ Jennifer Doudna ผู้พัฒนา CRISPR ➡️ แพลตฟอร์ม AlgenBrain ใช้การตัดต่อยีนแบบ single-cell และการเรียนรู้เชิงลึก ➡️ AstraZeneca เคยร่วมมือกับ BenevolentAI และ Tempus AI ในการพัฒนายา ➡️ อุตสาหกรรมยาเริ่มใช้โมเดล federated learning เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ➡️ การใช้ AI ช่วยลดเวลาและต้นทุนในการค้นคว้ายาใหม่ แต่ยังต้องพิสูจน์ผลลัพธ์ในระยะยาว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/06/astrazeneca-inks-555-million-gene-editing-technology-deal-with-algen-ft-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AstraZeneca inks $555 million gene-editing technology deal with Algen, FT reports
    (Reuters) -AstraZeneca has signed a $555 million deal with a San Francisco-based biotech business Algen Biotechnologies, The Financial Times reported on Monday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 362 มุมมอง 0 รีวิว
  • “OpenAI ผนึกกำลัง AMD สร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาด 6 กิกะวัตต์ แลกหุ้นสูงสุด 10% — ดีลประวัติศาสตร์ที่เขย่าอุตสาหกรรมชิป”

    OpenAI และ AMD ประกาศความร่วมมือครั้งใหญ่ในเดือนตุลาคม 2025 เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ขนาดมหึมา โดย OpenAI จะซื้อชิปจาก AMD รวมกำลังประมวลผลสูงถึง 6 กิกะวัตต์ เริ่มต้นด้วยชิป MI450 รุ่นใหม่ในปี 2026 ซึ่งจะใช้ทั้งการซื้อโดยตรงและผ่านผู้ให้บริการคลาวด์

    ดีลนี้ไม่ใช่แค่การซื้อขายชิป แต่เป็นการแลกเปลี่ยนเชิงกลยุทธ์ โดย AMD จะมอบสิทธิ์ซื้อหุ้น (warrant) ให้ OpenAI สูงสุดถึง 160 ล้านหุ้น หรือประมาณ 10% ของบริษัท ในราคาหุ้นละ $0.01 โดยจะทยอยมอบตาม milestone ที่ OpenAI ทำสำเร็จ เช่น การติดตั้งระบบ 1 กิกะวัตต์แรก และการขยายไปถึง 6 กิกะวัตต์

    Lisa Su ซีอีโอของ AMD ระบุว่าดีลนี้จะสร้างรายได้หลายหมื่นล้านดอลลาร์ในช่วง 5 ปีข้างหน้า และถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ของ AMD ในการแข่งขันกับ Nvidia ซึ่งเพิ่งประกาศดีลมูลค่า $100 พันล้านกับ OpenAI เช่นกัน

    Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI กล่าวว่าการสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่เช่นนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายในอุตสาหกรรม ตั้งแต่ผู้ผลิตชิปไปจนถึงซัพพลายเชน และ AMD คือพันธมิตรที่เหมาะสมที่สุดในเวลานี้

    การติดตั้งชุดแรกของ MI450 จะเริ่มในครึ่งหลังของปี 2026 โดย OpenAI จะใช้ชิปเหล่านี้สำหรับงาน inference เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากผู้ใช้ทั่วโลก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    OpenAI และ AMD ร่วมมือสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาด 6 กิกะวัตต์
    เริ่มต้นด้วยการติดตั้ง MI450 จำนวน 1 กิกะวัตต์ในปี 2026
    AMD จะมอบสิทธิ์ซื้อหุ้นให้ OpenAI สูงสุด 160 ล้านหุ้น หรือ 10% ของบริษัท
    หุ้นจะทยอยมอบตาม milestone เช่น การติดตั้งระบบและเป้าหมายราคาหุ้น
    ดีลนี้คาดว่าจะสร้างรายได้หลายหมื่นล้านดอลลาร์ให้ AMD ภายใน 5 ปี
    OpenAI จะใช้ชิป AMD สำหรับงาน inference เพื่อรองรับความต้องการ AI
    ดีลนี้ถือเป็น “definitive agreement” ต่างจากดีลกับ Nvidia ที่ยังไม่ยื่นต่อหน่วยงานกำกับดูแล
    AMD และ OpenAI จะร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีในหลายรุ่นต่อเนื่อง เช่น MI300X, MI350X

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    MI450 เป็นชิปสถาปัตยกรรมใหม่ของ AMD ที่แข่งกับ Blackwell ของ Nvidia
    การสร้างศูนย์ข้อมูลขนาด 1 กิกะวัตต์มีต้นทุนราว $50 พันล้าน โดยสองในสามเป็นค่าชิปและโครงสร้างพื้นฐาน
    OpenAI ยังมีดีลกับ Oracle มูลค่า $300 พันล้าน และ CoreWeave มูลค่า $22.4 พันล้าน
    การถือหุ้นของ OpenAI ใน AMD จะเกิดขึ้นเมื่อบรรลุเป้าหมายทั้งด้านเทคนิคและการตลาด
    หุ้น AMD ขึ้น 25% หลังประกาศดีลนี้ในตลาดก่อนเปิด

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/openai-and-amd-announce-multibillion-dollar-partnership-amd-to-supply-6-gigawatts-in-chips-openai-could-get-up-to-10-percent-of-amd-shares-in-return
    🚀 “OpenAI ผนึกกำลัง AMD สร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาด 6 กิกะวัตต์ แลกหุ้นสูงสุด 10% — ดีลประวัติศาสตร์ที่เขย่าอุตสาหกรรมชิป” OpenAI และ AMD ประกาศความร่วมมือครั้งใหญ่ในเดือนตุลาคม 2025 เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ขนาดมหึมา โดย OpenAI จะซื้อชิปจาก AMD รวมกำลังประมวลผลสูงถึง 6 กิกะวัตต์ เริ่มต้นด้วยชิป MI450 รุ่นใหม่ในปี 2026 ซึ่งจะใช้ทั้งการซื้อโดยตรงและผ่านผู้ให้บริการคลาวด์ ดีลนี้ไม่ใช่แค่การซื้อขายชิป แต่เป็นการแลกเปลี่ยนเชิงกลยุทธ์ โดย AMD จะมอบสิทธิ์ซื้อหุ้น (warrant) ให้ OpenAI สูงสุดถึง 160 ล้านหุ้น หรือประมาณ 10% ของบริษัท ในราคาหุ้นละ $0.01 โดยจะทยอยมอบตาม milestone ที่ OpenAI ทำสำเร็จ เช่น การติดตั้งระบบ 1 กิกะวัตต์แรก และการขยายไปถึง 6 กิกะวัตต์ Lisa Su ซีอีโอของ AMD ระบุว่าดีลนี้จะสร้างรายได้หลายหมื่นล้านดอลลาร์ในช่วง 5 ปีข้างหน้า และถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ของ AMD ในการแข่งขันกับ Nvidia ซึ่งเพิ่งประกาศดีลมูลค่า $100 พันล้านกับ OpenAI เช่นกัน Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI กล่าวว่าการสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่เช่นนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายในอุตสาหกรรม ตั้งแต่ผู้ผลิตชิปไปจนถึงซัพพลายเชน และ AMD คือพันธมิตรที่เหมาะสมที่สุดในเวลานี้ การติดตั้งชุดแรกของ MI450 จะเริ่มในครึ่งหลังของปี 2026 โดย OpenAI จะใช้ชิปเหล่านี้สำหรับงาน inference เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากผู้ใช้ทั่วโลก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ OpenAI และ AMD ร่วมมือสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาด 6 กิกะวัตต์ ➡️ เริ่มต้นด้วยการติดตั้ง MI450 จำนวน 1 กิกะวัตต์ในปี 2026 ➡️ AMD จะมอบสิทธิ์ซื้อหุ้นให้ OpenAI สูงสุด 160 ล้านหุ้น หรือ 10% ของบริษัท ➡️ หุ้นจะทยอยมอบตาม milestone เช่น การติดตั้งระบบและเป้าหมายราคาหุ้น ➡️ ดีลนี้คาดว่าจะสร้างรายได้หลายหมื่นล้านดอลลาร์ให้ AMD ภายใน 5 ปี ➡️ OpenAI จะใช้ชิป AMD สำหรับงาน inference เพื่อรองรับความต้องการ AI ➡️ ดีลนี้ถือเป็น “definitive agreement” ต่างจากดีลกับ Nvidia ที่ยังไม่ยื่นต่อหน่วยงานกำกับดูแล ➡️ AMD และ OpenAI จะร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีในหลายรุ่นต่อเนื่อง เช่น MI300X, MI350X ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ MI450 เป็นชิปสถาปัตยกรรมใหม่ของ AMD ที่แข่งกับ Blackwell ของ Nvidia ➡️ การสร้างศูนย์ข้อมูลขนาด 1 กิกะวัตต์มีต้นทุนราว $50 พันล้าน โดยสองในสามเป็นค่าชิปและโครงสร้างพื้นฐาน ➡️ OpenAI ยังมีดีลกับ Oracle มูลค่า $300 พันล้าน และ CoreWeave มูลค่า $22.4 พันล้าน ➡️ การถือหุ้นของ OpenAI ใน AMD จะเกิดขึ้นเมื่อบรรลุเป้าหมายทั้งด้านเทคนิคและการตลาด ➡️ หุ้น AMD ขึ้น 25% หลังประกาศดีลนี้ในตลาดก่อนเปิด https://www.tomshardware.com/tech-industry/openai-and-amd-announce-multibillion-dollar-partnership-amd-to-supply-6-gigawatts-in-chips-openai-could-get-up-to-10-percent-of-amd-shares-in-return
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 334 มุมมอง 0 รีวิว
  • Highlight Words In Action : September 2025

    acrimony noun: sharpness, harshness, or bitterness of nature, speech, disposition, etc.

    From the headlines: European trade ministers gathered on July 14 to discuss the new U.S. tariffs, aiming to ease the acrimony between the EU and the Trump administration. While they planned potential countermeasures against the 30 percent tariffs, which they deemed “unacceptable,” they were united in favor of pursuing a negotiated agreement with the U.S. to maintain stable trade ties.

    adamant
    adjective: utterly unyielding in attitude or opinion in spite of all appeals, urgings, etc.

    From the headlines: Mars, the maker of M&M’s, Skittles, and other popular candies, remains adamant that it will only stop using synthetic dyes in its candy if legally required. While other food companies have announced plans to phase out artificial colors in items like Lucky Charms, Jell-O, and Kool-Aid, some candy manufacturers are holding firm. They argue that natural alternatives cost more and don’t deliver the same vibrant colors.

    aerial
    adjective: existing, living, growing, or operating in the air

    From the headlines: On June 29, Russia launched its largest aerial assault of the war in Ukraine, firing more missiles than in any previous attack since the beginning of the war in 2022. The strikes hit multiple Ukrainian cities, injuring at least a dozen people and damaging key infrastructure.

    autonomous
    adjective: existing as an independent entity

    From the headlines: Robots competed in a fully autonomous soccer tournament in Beijing, with four teams of three humanoid robots each operating solely under AI control. Although the idea was innovative, the robots had trouble with basic actions like kicking and staying balanced. Tsinghua University’s THU Robotics team clinched the championship by scoring five goals in the final round.

    bioluminescent
    adjective: pertaining to the production of light by living organisms

    From the headlines: A new research project will try to interpret the meaning of fireflies’ blinking. Scientists in Colorado enlisted the help of citizen observers to record videos of the bioluminescent insects at dusk. Researchers will eventually make a 3D map of where the glowing lights flash over time. While they know firefly blinks follow a deliberate pattern and are used to attract a mate, experts believe there is more to learn.

    bodega
    noun: a small, independent or family-owned grocery store, usually located in a densely populated urban environment

    From the headlines: A recent crime spree in New York City has targeted bodega ATMs. Thefts of cash machines have increased over the past five years, and New York’s small corner stores have been hit particularly hard. Three people are suspected of stealing almost $600,000 over six months by breaking into independent convenience stores, removing their ATMs, and driving away with them in stolen cars.

    contretemps
    noun: an inopportune occurrence; an embarrassing mischance

    From the headlines: After a contretemps between the Quebec Board of the French Language and Montreal’s transit agency, new rules grudgingly allow the use of the word “go” when cheering sports teams. The Board had objected to a Montreal Canadiens ad campaign that read “Go! Canadiens Go!” Tasked with preserving the province’s French heritage, the Board had been insisting on replacing the signs with “Allez! Canadiens Allez!”

    decorum
    noun: dignified propriety of behavior, speech, dress, etc.

    From the headlines: La Scala has introduced a new dress code requiring attendees to “choose clothing in keeping with the decorum of the theatre.” The renowned Milan opera house is codifying its long-standing policy discouraging attire like flip-flops, shorts, and tank tops. Guests are now expected to dress with elegance, honoring both the opera house’s refined ambiance and its storied cultural legacy.

    driftwood
    noun: pieces of trees that are floating on a body of water or have been washed ashore

    From the headlines: In rural Alaska, residents of some villages and small towns are continuing a long tradition by using driftwood for fuel and as energy-efficient siding for their homes. The pieces of wood, worn smooth by ocean waves or currents in rivers and streams, have been used this way by Indigenous Alaskans for thousands of years. Communities save money and protect the environment by reusing old trees or boards found floating in the water instead of buying lumber and logs.

    eavesdrop
    verb: to listen secretly to a private conversation

    From the headlines: Ecologists have found that long-billed curlews and other grassland nesters routinely eavesdrop on prairie dogs to dodge predators. Sharing a habitat where hawks, eagles, foxes, and other Great Plains animals lurk, the birds capitalize on the rodents’ warning calls. After eavesdropping on these distinctive calls, the curlews and other birds crouch or camouflage themselves until the threat has passed.

    emulate
    verb: to imitate with effort to equal or surpass

    From the headlines: Inspired by Paris’s recent success, cities across the globe are preparing to emulate its efforts to restore polluted urban rivers for public use. After a hundred-year swimming ban, Parisians can now take a dip in the once-contaminated Seine, thanks to more than a billion dollars spent on upgrades like sewer improvements and rainwater storage. Cities such as Berlin, Boston, New York, and London are developing similar plans to clean their waterways and make them safe for swimming once again.

    estuary
    noun: the part of the mouth or lower course of a river in which the river’s current meets the sea’s tide

    From the headlines: Florida Governor Ron DeSantis signed a bill that will ban oil drilling on the Apalachicola River. The river’s estuary is home to many endangered plants and animals, including the world’s largest stand of tupelo trees. The inlet is also the most important site in the state’s oyster industry. Environmentalists and fishermen supported the bill and pushed DeSantis to sign it.

    Fun fact: A Latin word meaning “boiling of the sea” is the root of estuary.

    gentrification
    noun: the buying and renovation of property in urban neighborhoods in a way that often displaces low-income families and small businesses

    From the headlines: Protesters in Mexico City say they’re angry about gentrification caused by large numbers of foreigners moving there since 2020. Locals say they have seen formerly affordable housing prices skyrocket as the numbers of short-term rentals and expats increase. Airbnb listings in the city have exploded to over 20,000, and Americans have arrived in particularly large numbers to buy and renovate houses. In the process, they say these factors have driven up costs for everyone, including local residents.

    hedonism
    noun: the doctrine that pleasure or happiness is the highest good

    From the headlines: Researchers say there are six traits that make someone seem “cool” to others, including extroversion, power, and embracing hedonism. An American Psychological Association study surveyed 6,000 people in 12 countries and found a sharp division between people seen as “good” versus “cool.” Being hedonistic, for example, didn’t make someone seem “good,” but focusing on one’s own happiness and pleasure was strongly associated with appearing “cool.”

    kayak
    verb: to travel by a traditional Inuit or Yupik canoe with a skin cover on a light framework, or by a small boat resembling this

    From the headlines: Several dozen Native American teens who spent a month kayaking the length of the Klamath River reached their destination. The group paddled their long, narrow boats about 300 miles, from Oregon to California, to celebrate the removal of four dams. The waterway holds a deep significance to Native American tribes, and many of the teens learned to kayak specifically to participate in the long paddle.

    larceny
    noun: the wrongful taking of someone’s property or goods

    From the headlines: Atlanta police have identified a suspect in the theft of hard drives holding unreleased Beyoncé songs. Setlists and plans for concert footage were also stolen when the alleged thief broke into a vehicle rented by the singer’s team. The larceny occurred during a stop on her Cowboy Carter tour.

    linchpin
    noun: something that holds the various elements of a complicated structure together

    From the headlines: The Department of Defense will stop supplying meteorologists with satellite data, which experts describe as a linchpin of storm modeling. Forecasts for hurricanes rely heavily on this military satellite feed to track storm paths and determine when people should evacuate.

    matcha
    noun: finely ground tea leaf powder used to make tea or as a flavoring, or the tea made from it

    From the headlines: The worldwide demand for matcha is causing severe shortages and higher prices. The bright green, grassy-flavored, powdered tea has a long history in Japan, but its popularity in other countries has exploded in recent years. Drinks and baked goods made with matcha have become wildly popular, causing Japanese tea growers to struggle to keep up with the demand.

    meteorite
    noun: a mass of stone or metal that has reached the earth from outer space

    From the headlines: On July 16, a bidder paid $4.3 million to own a chunk of Mars. The rare Martian meteorite, which weighs about 54 pounds, is the largest meteor fragment ever found on Earth that’s known to come from the red planet. Out of approximately 77,000 confirmed meteorites, only 400 were originally part of Mars. This one, named NWA 16788, was found in the Sahara Desert after its 140-million-mile journey through space.

    monastery
    noun: a residence occupied by a community of persons, especially monks, living in seclusion under religious vows

    From the headlines: Tens of thousands of books are being removed from a medieval Hungarian monastery to save them from a beetle infestation. The Pannonhalma Archabbey contains Hungary’s oldest library and some of the country’s most ancient and valuable books and written records. The monastery was founded 1,000 years ago by Benedictines, and about fifty monks live there today, practicing religious contemplation and solitude.

    nuptials
    noun: a marriage ceremony, or a social event accompanying one

    From the headlines: Protesters took to the streets in Venice as Amazon founder Jeff Bezos and Lauren Sanchez held their nuptials on a Venetian island, complete with 200 guests and three days of extravagant celebrations. Locals expressed outrage, saying the event placed additional strain on a city already struggling with overtourism and environmental fragility.

    offering
    noun: something presented to a deity as a symbol of devotion

    From the headlines: Archaeologists discovered about 2,000 pottery offerings on the Greek island of Kythnos. Historians said the clay figures, which represent children, women, and animals, had been left by devoted worshippers over the centuries. Two ancient temples once stood on the site, as well as a pit where the objects given as gifts to the gods were eventually thrown away to make room for new offerings.

    parody
    noun: a humorous or satirical imitation of a serious piece of writing or art

    From the headlines: Weird Al Yankovic, famed for his clever musical parodies, performed to a sold-out crowd at Madison Square Garden in New York, marking his first show at the iconic 20,000-seat venue. Over his forty-year career, Yankovic has become the most recognizable figure in the parody genre, with hits such as “Like a Surgeon,” a spoof of Madonna’s “Like a Virgin,” and “I Love Rocky Road,” a playful take on “I Love Rock ‘n Roll.”

    perennial
    adjective: arising repeatedly or always existing

    From the headlines: Joey Chestnut, the perennial champion of the Nathan’s Famous Hot Dog Eating Contest, reclaimed his crown this year after missing last year’s competition. He was sidelined in 2024 due to a sponsorship deal with a vegan meat brand, but prior to that, Chestnut had claimed victory in 16 of the past 17 contests. He still holds the world record for devouring 76 hot dogs and buns in just 10 minutes in 2021.

    philanthropist
    noun: someone who makes charitable donations

    From the headlines: Warren Buffett said he would donate $6 billion to five charitable foundations. The businessman and philanthropist, whose net worth is approximately $145 billion, has previously given more than $50 billion to the aforementioned foundations. While Buffet’s children will decide how to give away the rest of his fortune after his death, he said that more than 99 percent of it will have to be used philanthropically.

    plunder
    verb: to take wrongfully, as by pillage, robbery, or fraud

    From the headlines: Experts assumed that a Stradivarius violin plundered after World War II had been lost or destroyed; now it appears to have resurfaced. The 316-year-old instrument was stolen from a Berlin bank safe during the chaos at the end of the war, and the family who owned it searched for decades before giving up. An image of the looted violin, which is valued at millions of dollars, was discovered among photos of Stradivarius instruments from a 2018 Tokyo exhibition.

    risotto
    noun: a dish of rice cooked with broth and flavored with grated cheese and other ingredients

    From the headlines: The short-grain Italian rice that’s used to make risotto is under threat from an unusual culprit: flamingos. Flocks of the birds are settling into northern Italian rice paddies instead of their usual nesting grounds. By stirring the shallow water and rooting for mollusks, the flamingos are destroying many valuable rice crops.

    skittish
    adjective: easily frightened or extremely cautious

    From the headlines: Economists report that despite a low unemployment rate, employers are increasingly skittish about hiring, leaving many recent college graduates struggling to find jobs. Numerous tech companies, consulting firms, and federal agencies are cutting back or freezing hiring, while other industries are hesitant to increase payroll expenses. Furthermore, fewer workers are quitting, limiting job openings even more.

    synthetic
    adjective: pertaining to compounds formed through a chemical process by human agency, as opposed to those of natural origin

    From the headlines: The J.M. Smucker Company has announced it will phase out synthetic dyes from its jams and other offerings. While many of its products are already made without artificial colors, some, including sugar-free jams and Hostess snacks like Twinkies and Snoballs, still rely on them. The company intends to use naturally sourced dyes by 2027.

    tandem
    adverb: one following or behind the other

    From the headlines: Researchers were surprised by video evidence of animals that are normally at odds traveling in tandem. A night-vision camera recorded an ocelot traveling peacefully behind an opossum — a surprise, since ocelots usually prey on opossums. Later footage showed the opossum trailing the ocelot as it prowled. Other researchers have since reported at least three additional examples of such behavior.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    Highlight Words In Action : September 2025 acrimony noun: sharpness, harshness, or bitterness of nature, speech, disposition, etc. From the headlines: European trade ministers gathered on July 14 to discuss the new U.S. tariffs, aiming to ease the acrimony between the EU and the Trump administration. While they planned potential countermeasures against the 30 percent tariffs, which they deemed “unacceptable,” they were united in favor of pursuing a negotiated agreement with the U.S. to maintain stable trade ties. adamant adjective: utterly unyielding in attitude or opinion in spite of all appeals, urgings, etc. From the headlines: Mars, the maker of M&M’s, Skittles, and other popular candies, remains adamant that it will only stop using synthetic dyes in its candy if legally required. While other food companies have announced plans to phase out artificial colors in items like Lucky Charms, Jell-O, and Kool-Aid, some candy manufacturers are holding firm. They argue that natural alternatives cost more and don’t deliver the same vibrant colors. aerial adjective: existing, living, growing, or operating in the air From the headlines: On June 29, Russia launched its largest aerial assault of the war in Ukraine, firing more missiles than in any previous attack since the beginning of the war in 2022. The strikes hit multiple Ukrainian cities, injuring at least a dozen people and damaging key infrastructure. autonomous adjective: existing as an independent entity From the headlines: Robots competed in a fully autonomous soccer tournament in Beijing, with four teams of three humanoid robots each operating solely under AI control. Although the idea was innovative, the robots had trouble with basic actions like kicking and staying balanced. Tsinghua University’s THU Robotics team clinched the championship by scoring five goals in the final round. bioluminescent adjective: pertaining to the production of light by living organisms From the headlines: A new research project will try to interpret the meaning of fireflies’ blinking. Scientists in Colorado enlisted the help of citizen observers to record videos of the bioluminescent insects at dusk. Researchers will eventually make a 3D map of where the glowing lights flash over time. While they know firefly blinks follow a deliberate pattern and are used to attract a mate, experts believe there is more to learn. bodega noun: a small, independent or family-owned grocery store, usually located in a densely populated urban environment From the headlines: A recent crime spree in New York City has targeted bodega ATMs. Thefts of cash machines have increased over the past five years, and New York’s small corner stores have been hit particularly hard. Three people are suspected of stealing almost $600,000 over six months by breaking into independent convenience stores, removing their ATMs, and driving away with them in stolen cars. contretemps noun: an inopportune occurrence; an embarrassing mischance From the headlines: After a contretemps between the Quebec Board of the French Language and Montreal’s transit agency, new rules grudgingly allow the use of the word “go” when cheering sports teams. The Board had objected to a Montreal Canadiens ad campaign that read “Go! Canadiens Go!” Tasked with preserving the province’s French heritage, the Board had been insisting on replacing the signs with “Allez! Canadiens Allez!” decorum noun: dignified propriety of behavior, speech, dress, etc. From the headlines: La Scala has introduced a new dress code requiring attendees to “choose clothing in keeping with the decorum of the theatre.” The renowned Milan opera house is codifying its long-standing policy discouraging attire like flip-flops, shorts, and tank tops. Guests are now expected to dress with elegance, honoring both the opera house’s refined ambiance and its storied cultural legacy. driftwood noun: pieces of trees that are floating on a body of water or have been washed ashore From the headlines: In rural Alaska, residents of some villages and small towns are continuing a long tradition by using driftwood for fuel and as energy-efficient siding for their homes. The pieces of wood, worn smooth by ocean waves or currents in rivers and streams, have been used this way by Indigenous Alaskans for thousands of years. Communities save money and protect the environment by reusing old trees or boards found floating in the water instead of buying lumber and logs. eavesdrop verb: to listen secretly to a private conversation From the headlines: Ecologists have found that long-billed curlews and other grassland nesters routinely eavesdrop on prairie dogs to dodge predators. Sharing a habitat where hawks, eagles, foxes, and other Great Plains animals lurk, the birds capitalize on the rodents’ warning calls. After eavesdropping on these distinctive calls, the curlews and other birds crouch or camouflage themselves until the threat has passed. emulate verb: to imitate with effort to equal or surpass From the headlines: Inspired by Paris’s recent success, cities across the globe are preparing to emulate its efforts to restore polluted urban rivers for public use. After a hundred-year swimming ban, Parisians can now take a dip in the once-contaminated Seine, thanks to more than a billion dollars spent on upgrades like sewer improvements and rainwater storage. Cities such as Berlin, Boston, New York, and London are developing similar plans to clean their waterways and make them safe for swimming once again. estuary noun: the part of the mouth or lower course of a river in which the river’s current meets the sea’s tide From the headlines: Florida Governor Ron DeSantis signed a bill that will ban oil drilling on the Apalachicola River. The river’s estuary is home to many endangered plants and animals, including the world’s largest stand of tupelo trees. The inlet is also the most important site in the state’s oyster industry. Environmentalists and fishermen supported the bill and pushed DeSantis to sign it. Fun fact: A Latin word meaning “boiling of the sea” is the root of estuary. gentrification noun: the buying and renovation of property in urban neighborhoods in a way that often displaces low-income families and small businesses From the headlines: Protesters in Mexico City say they’re angry about gentrification caused by large numbers of foreigners moving there since 2020. Locals say they have seen formerly affordable housing prices skyrocket as the numbers of short-term rentals and expats increase. Airbnb listings in the city have exploded to over 20,000, and Americans have arrived in particularly large numbers to buy and renovate houses. In the process, they say these factors have driven up costs for everyone, including local residents. hedonism noun: the doctrine that pleasure or happiness is the highest good From the headlines: Researchers say there are six traits that make someone seem “cool” to others, including extroversion, power, and embracing hedonism. An American Psychological Association study surveyed 6,000 people in 12 countries and found a sharp division between people seen as “good” versus “cool.” Being hedonistic, for example, didn’t make someone seem “good,” but focusing on one’s own happiness and pleasure was strongly associated with appearing “cool.” kayak verb: to travel by a traditional Inuit or Yupik canoe with a skin cover on a light framework, or by a small boat resembling this From the headlines: Several dozen Native American teens who spent a month kayaking the length of the Klamath River reached their destination. The group paddled their long, narrow boats about 300 miles, from Oregon to California, to celebrate the removal of four dams. The waterway holds a deep significance to Native American tribes, and many of the teens learned to kayak specifically to participate in the long paddle. larceny noun: the wrongful taking of someone’s property or goods From the headlines: Atlanta police have identified a suspect in the theft of hard drives holding unreleased Beyoncé songs. Setlists and plans for concert footage were also stolen when the alleged thief broke into a vehicle rented by the singer’s team. The larceny occurred during a stop on her Cowboy Carter tour. linchpin noun: something that holds the various elements of a complicated structure together From the headlines: The Department of Defense will stop supplying meteorologists with satellite data, which experts describe as a linchpin of storm modeling. Forecasts for hurricanes rely heavily on this military satellite feed to track storm paths and determine when people should evacuate. matcha noun: finely ground tea leaf powder used to make tea or as a flavoring, or the tea made from it From the headlines: The worldwide demand for matcha is causing severe shortages and higher prices. The bright green, grassy-flavored, powdered tea has a long history in Japan, but its popularity in other countries has exploded in recent years. Drinks and baked goods made with matcha have become wildly popular, causing Japanese tea growers to struggle to keep up with the demand. meteorite noun: a mass of stone or metal that has reached the earth from outer space From the headlines: On July 16, a bidder paid $4.3 million to own a chunk of Mars. The rare Martian meteorite, which weighs about 54 pounds, is the largest meteor fragment ever found on Earth that’s known to come from the red planet. Out of approximately 77,000 confirmed meteorites, only 400 were originally part of Mars. This one, named NWA 16788, was found in the Sahara Desert after its 140-million-mile journey through space. monastery noun: a residence occupied by a community of persons, especially monks, living in seclusion under religious vows From the headlines: Tens of thousands of books are being removed from a medieval Hungarian monastery to save them from a beetle infestation. The Pannonhalma Archabbey contains Hungary’s oldest library and some of the country’s most ancient and valuable books and written records. The monastery was founded 1,000 years ago by Benedictines, and about fifty monks live there today, practicing religious contemplation and solitude. nuptials noun: a marriage ceremony, or a social event accompanying one From the headlines: Protesters took to the streets in Venice as Amazon founder Jeff Bezos and Lauren Sanchez held their nuptials on a Venetian island, complete with 200 guests and three days of extravagant celebrations. Locals expressed outrage, saying the event placed additional strain on a city already struggling with overtourism and environmental fragility. offering noun: something presented to a deity as a symbol of devotion From the headlines: Archaeologists discovered about 2,000 pottery offerings on the Greek island of Kythnos. Historians said the clay figures, which represent children, women, and animals, had been left by devoted worshippers over the centuries. Two ancient temples once stood on the site, as well as a pit where the objects given as gifts to the gods were eventually thrown away to make room for new offerings. parody noun: a humorous or satirical imitation of a serious piece of writing or art From the headlines: Weird Al Yankovic, famed for his clever musical parodies, performed to a sold-out crowd at Madison Square Garden in New York, marking his first show at the iconic 20,000-seat venue. Over his forty-year career, Yankovic has become the most recognizable figure in the parody genre, with hits such as “Like a Surgeon,” a spoof of Madonna’s “Like a Virgin,” and “I Love Rocky Road,” a playful take on “I Love Rock ‘n Roll.” perennial adjective: arising repeatedly or always existing From the headlines: Joey Chestnut, the perennial champion of the Nathan’s Famous Hot Dog Eating Contest, reclaimed his crown this year after missing last year’s competition. He was sidelined in 2024 due to a sponsorship deal with a vegan meat brand, but prior to that, Chestnut had claimed victory in 16 of the past 17 contests. He still holds the world record for devouring 76 hot dogs and buns in just 10 minutes in 2021. philanthropist noun: someone who makes charitable donations From the headlines: Warren Buffett said he would donate $6 billion to five charitable foundations. The businessman and philanthropist, whose net worth is approximately $145 billion, has previously given more than $50 billion to the aforementioned foundations. While Buffet’s children will decide how to give away the rest of his fortune after his death, he said that more than 99 percent of it will have to be used philanthropically. plunder verb: to take wrongfully, as by pillage, robbery, or fraud From the headlines: Experts assumed that a Stradivarius violin plundered after World War II had been lost or destroyed; now it appears to have resurfaced. The 316-year-old instrument was stolen from a Berlin bank safe during the chaos at the end of the war, and the family who owned it searched for decades before giving up. An image of the looted violin, which is valued at millions of dollars, was discovered among photos of Stradivarius instruments from a 2018 Tokyo exhibition. risotto noun: a dish of rice cooked with broth and flavored with grated cheese and other ingredients From the headlines: The short-grain Italian rice that’s used to make risotto is under threat from an unusual culprit: flamingos. Flocks of the birds are settling into northern Italian rice paddies instead of their usual nesting grounds. By stirring the shallow water and rooting for mollusks, the flamingos are destroying many valuable rice crops. skittish adjective: easily frightened or extremely cautious From the headlines: Economists report that despite a low unemployment rate, employers are increasingly skittish about hiring, leaving many recent college graduates struggling to find jobs. Numerous tech companies, consulting firms, and federal agencies are cutting back or freezing hiring, while other industries are hesitant to increase payroll expenses. Furthermore, fewer workers are quitting, limiting job openings even more. synthetic adjective: pertaining to compounds formed through a chemical process by human agency, as opposed to those of natural origin From the headlines: The J.M. Smucker Company has announced it will phase out synthetic dyes from its jams and other offerings. While many of its products are already made without artificial colors, some, including sugar-free jams and Hostess snacks like Twinkies and Snoballs, still rely on them. The company intends to use naturally sourced dyes by 2027. tandem adverb: one following or behind the other From the headlines: Researchers were surprised by video evidence of animals that are normally at odds traveling in tandem. A night-vision camera recorded an ocelot traveling peacefully behind an opossum — a surprise, since ocelots usually prey on opossums. Later footage showed the opossum trailing the ocelot as it prowled. Other researchers have since reported at least three additional examples of such behavior. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1256 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AMD Fluid Motion Frames 3 โผล่ในไดรเวอร์ใหม่ — เตรียมใช้ AI จาก FSR 4 ยกระดับการสร้างเฟรมแบบไดรเวอร์”

    AMD กำลังซุ่มพัฒนาเทคโนโลยี Fluid Motion Frames รุ่นที่ 3 (AFMF 3) ซึ่งถูกค้นพบในไดรเวอร์เวอร์ชันพรีวิวของ Adrenalin 25.20 โดยผู้ใช้งานในฟอรัม Guru3D ผ่านการส่งออกโปรไฟล์เกมจาก AMD GPU Profile Manager แม้ในหน้าควบคุมของไดรเวอร์จะยังไม่แสดงฟีเจอร์นี้อย่างเป็นทางการ

    AFMF คือเทคโนโลยีการสร้างเฟรมที่ทำงานในระดับไดรเวอร์ โดยออกแบบมาเพื่อเพิ่มเฟรมเรตในเกมที่ไม่รองรับ FSR frame generation โดยตรง ซึ่งในเวอร์ชันใหม่ AFMF 3 คาดว่าจะใช้โมเดล AI เดียวกับ FSR 4 ที่มีคุณภาพสูงกว่าเวอร์ชันก่อนหน้าอย่าง AFMF 2.1 ที่ยังใช้การปรับแต่งแบบเก่า

    ไดรเวอร์ใหม่นี้ยังมาพร้อมการอัปเดตด้าน AI จำนวนมาก เช่น รองรับ Python 3.12 และ PyTorch บน Windows Preview เพื่อเสริมการทำงานของ LLM บน GPU ตระกูล RX 9000, RX 7000 และ Ryzen AI 9/Max APU บน Windows 11

    แม้ยังไม่มีการยืนยันว่า AFMF 3 จะมาพร้อมกับไดรเวอร์ 25.20 หรือเวอร์ชันถัดไป แต่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเปิดตัวพร้อมกับ FSR Redstone ซึ่งเป็นการอัปเดตใหญ่ที่รวมการสร้างเฟรมด้วย ML และการเรนเดอร์ ray tracing สำหรับสถาปัตยกรรม RDNA 4

    อย่างไรก็ตาม FSR 4 และ AFMF 3 อาจรองรับเฉพาะ GPU รุ่น RX 9000 เท่านั้น เนื่องจากโมเดล ML ที่ใช้ต้องการความสามารถเฉพาะของ RDNA 4 แม้จะมีหลักฐานว่ามีการปรับแต่งให้ใช้กับ RDNA 3 ได้ แต่ AMD ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    AFMF 3 ถูกค้นพบในไดรเวอร์พรีวิว Adrenalin 25.20 ผ่านการส่งออกโปรไฟล์เกม
    AFMF เป็นเทคโนโลยีสร้างเฟรมระดับไดรเวอร์สำหรับเกมที่ไม่รองรับ FSR frame generation
    AFMF 3 คาดว่าจะใช้โมเดล AI เดียวกับ FSR 4 เพื่อเพิ่มคุณภาพการสร้างเฟรม
    ไดรเวอร์ใหม่มีการอัปเดตด้าน AI เช่น Python 3.12 และ PyTorch บน Windows Preview
    รองรับ GPU RX 9000, RX 7000 และ Ryzen AI 9/Max APU บน Windows 11
    FSR Redstone จะรวมการสร้างเฟรมด้วย ML และ ray tracing สำหรับ RDNA 4
    มีความเป็นไปได้ว่า AFMF 3 จะเปิดตัวพร้อมกับ FSR Redstone ในไดรเวอร์เวอร์ชันถัดไป

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    AFMF 2.1 ใช้ AI-optimized enhancements แต่ยังด้อยกว่าคุณภาพของ FSR 4
    Nvidia เปิดตัว Smooth Motion บน RTX 40 series กดดันให้ AMD พัฒนา AFMF
    FSR 4 ถูกปรับแต่งให้ใช้กับ RDNA 3 ได้โดยชุมชน modder แต่ยังไม่มีการประกาศจาก AMD
    DLSS 4 ของ Nvidia ยังเหนือกว่า FSR 4 ในด้านคุณภาพภาพและการสร้างเฟรม
    AMD HYPR-RX เป็นระบบเปิดใช้งานฟีเจอร์รวม เช่น AFMF, Radeon Chill และอื่น ๆ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpu-drivers/amd-fluid-motion-frames-3-spotted-in-the-upcoming-amd-adrenalin-25-20-driver-branch-could-lean-on-ai-model-used-in-fsr-4
    🖥️ “AMD Fluid Motion Frames 3 โผล่ในไดรเวอร์ใหม่ — เตรียมใช้ AI จาก FSR 4 ยกระดับการสร้างเฟรมแบบไดรเวอร์” AMD กำลังซุ่มพัฒนาเทคโนโลยี Fluid Motion Frames รุ่นที่ 3 (AFMF 3) ซึ่งถูกค้นพบในไดรเวอร์เวอร์ชันพรีวิวของ Adrenalin 25.20 โดยผู้ใช้งานในฟอรัม Guru3D ผ่านการส่งออกโปรไฟล์เกมจาก AMD GPU Profile Manager แม้ในหน้าควบคุมของไดรเวอร์จะยังไม่แสดงฟีเจอร์นี้อย่างเป็นทางการ AFMF คือเทคโนโลยีการสร้างเฟรมที่ทำงานในระดับไดรเวอร์ โดยออกแบบมาเพื่อเพิ่มเฟรมเรตในเกมที่ไม่รองรับ FSR frame generation โดยตรง ซึ่งในเวอร์ชันใหม่ AFMF 3 คาดว่าจะใช้โมเดล AI เดียวกับ FSR 4 ที่มีคุณภาพสูงกว่าเวอร์ชันก่อนหน้าอย่าง AFMF 2.1 ที่ยังใช้การปรับแต่งแบบเก่า ไดรเวอร์ใหม่นี้ยังมาพร้อมการอัปเดตด้าน AI จำนวนมาก เช่น รองรับ Python 3.12 และ PyTorch บน Windows Preview เพื่อเสริมการทำงานของ LLM บน GPU ตระกูล RX 9000, RX 7000 และ Ryzen AI 9/Max APU บน Windows 11 แม้ยังไม่มีการยืนยันว่า AFMF 3 จะมาพร้อมกับไดรเวอร์ 25.20 หรือเวอร์ชันถัดไป แต่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเปิดตัวพร้อมกับ FSR Redstone ซึ่งเป็นการอัปเดตใหญ่ที่รวมการสร้างเฟรมด้วย ML และการเรนเดอร์ ray tracing สำหรับสถาปัตยกรรม RDNA 4 อย่างไรก็ตาม FSR 4 และ AFMF 3 อาจรองรับเฉพาะ GPU รุ่น RX 9000 เท่านั้น เนื่องจากโมเดล ML ที่ใช้ต้องการความสามารถเฉพาะของ RDNA 4 แม้จะมีหลักฐานว่ามีการปรับแต่งให้ใช้กับ RDNA 3 ได้ แต่ AMD ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ AFMF 3 ถูกค้นพบในไดรเวอร์พรีวิว Adrenalin 25.20 ผ่านการส่งออกโปรไฟล์เกม ➡️ AFMF เป็นเทคโนโลยีสร้างเฟรมระดับไดรเวอร์สำหรับเกมที่ไม่รองรับ FSR frame generation ➡️ AFMF 3 คาดว่าจะใช้โมเดล AI เดียวกับ FSR 4 เพื่อเพิ่มคุณภาพการสร้างเฟรม ➡️ ไดรเวอร์ใหม่มีการอัปเดตด้าน AI เช่น Python 3.12 และ PyTorch บน Windows Preview ➡️ รองรับ GPU RX 9000, RX 7000 และ Ryzen AI 9/Max APU บน Windows 11 ➡️ FSR Redstone จะรวมการสร้างเฟรมด้วย ML และ ray tracing สำหรับ RDNA 4 ➡️ มีความเป็นไปได้ว่า AFMF 3 จะเปิดตัวพร้อมกับ FSR Redstone ในไดรเวอร์เวอร์ชันถัดไป ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ AFMF 2.1 ใช้ AI-optimized enhancements แต่ยังด้อยกว่าคุณภาพของ FSR 4 ➡️ Nvidia เปิดตัว Smooth Motion บน RTX 40 series กดดันให้ AMD พัฒนา AFMF ➡️ FSR 4 ถูกปรับแต่งให้ใช้กับ RDNA 3 ได้โดยชุมชน modder แต่ยังไม่มีการประกาศจาก AMD ➡️ DLSS 4 ของ Nvidia ยังเหนือกว่า FSR 4 ในด้านคุณภาพภาพและการสร้างเฟรม ➡️ AMD HYPR-RX เป็นระบบเปิดใช้งานฟีเจอร์รวม เช่น AFMF, Radeon Chill และอื่น ๆ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpu-drivers/amd-fluid-motion-frames-3-spotted-in-the-upcoming-amd-adrenalin-25-20-driver-branch-could-lean-on-ai-model-used-in-fsr-4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AMD Redstone มาแน่ — FSR 4 และ AFMF 3 เตรียมพลิกเกมกราฟิก พร้อมขยายสู่การ์ดรุ่นเก่า”

    AMD กำลังเตรียมปล่อยอัปเดตใหญ่ในชื่อ “Redstone” ซึ่งเป็นชุดเทคโนโลยี AI สำหรับการอัปสเกลภาพและสร้างเฟรมแบบใหม่ โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับประสบการณ์เกมบน Radeon RX 9000 และอาจรวมถึงการ์ดรุ่นเก่าอย่าง RDNA 3.5 ด้วย

    จุดเด่นของ Redstone คือการรวมเทคโนโลยี FSR 4 (FidelityFX Super Resolution) รุ่นล่าสุด ที่ปรับปรุงคุณภาพภาพขณะอัปสเกลให้ดีขึ้น โดยยังคงเฟรมเรตสูง และที่น่าจับตาคือการมาของ AFMF 3 (AMD Fluid Motion Frames) ซึ่งเป็นระบบสร้างเฟรมระดับไดรเวอร์ ที่ช่วยลด ghosting และ input lag ได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า

    ข้อมูลจากไฟล์ไดรเวอร์ล่าสุดของ AMD ระบุว่า AFMF 3 จะมาพร้อมกับไดรเวอร์ Adrenalin 25.20 ซึ่งคาดว่าจะเป็นแพ็กเกจเดียวกับ Redstone และอาจมีการ backport FSR 4 ไปยังการ์ด RDNA 3.5 ด้วย โดยก่อนหน้านี้มีการเปิด FSR 4 แบบ open-source ชั่วคราว ทำให้ modder นำไปใช้กับการ์ดรุ่นเก่าได้สำเร็จ

    Redstone ยังเน้นการปรับปรุง ray tracing และการสร้างเฟรมด้วย machine learning ซึ่งจะช่วยให้เกมที่ไม่มีระบบ frame generation ในตัวสามารถลื่นไหลขึ้นได้ โดยเฉพาะบนอุปกรณ์พกพาอย่าง Lenovo Legion Go และ Asus ROG Ally ที่ใช้ชิป AMD Z1 Extreme

    แม้จะยังไม่สามารถเทียบกับ DLSS 4 ของ NVIDIA ได้ในแง่คุณภาพภาพและการรองรับหลายเฟรมพร้อมกัน แต่ Redstone คือก้าวสำคัญของ AMD ในการลดช่องว่างระหว่างสองค่าย และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้การ์ด AMD ได้สัมผัสเทคโนโลยีใหม่โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    AMD เตรียมปล่อยอัปเดต Redstone ที่รวม FSR 4 และ AFMF 3
    AFMF 3 เป็นระบบสร้างเฟรมระดับไดรเวอร์ที่ลด ghosting และ input lag
    ไดรเวอร์ Adrenalin 25.20 จะเป็นแพ็กเกจที่รวม Redstone และ AFMF 3
    FSR 4 ปรับปรุงคุณภาพภาพขณะอัปสเกล โดยยังคงเฟรมเรตสูง
    มีแนวโน้มว่า FSR 4 จะถูก backport ไปยังการ์ด RDNA 3.5
    Redstone เน้นการสร้างเฟรมด้วย machine learning และปรับปรุง ray tracing
    อุปกรณ์พกพาอย่าง ROG Ally และ Legion Go จะได้ประโยชน์จาก Redstone
    การเปิด FSR 4 แบบ open-source ชั่วคราวทำให้ modder นำไปใช้กับการ์ดรุ่นเก่าได้
    Redstone เป็นความพยายามของ AMD ในการลดช่องว่างกับ DLSS 4 ของ NVIDIA

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    AFMF 1 เปิดตัวในปี 2023 สำหรับ emulator และเกมที่ไม่มี frame-gen
    AFMF 2.1 เพิ่มการติดตามภาพแบบ temporal และลด ghosting
    DLSS 4 รองรับ Multi Frame Generation และมีคุณภาพภาพสูงกว่า
    FSR 4 ยังสามารถใช้งานบนการ์ดรุ่นเก่าผ่าน OptiScaler แต่ไม่เป็นทางการ
    การ์ด RDNA 3.5 เช่น Radeon 780M iGPU มีฐานผู้ใช้จำนวนมากที่รออัปเดตนี้

    https://www.techradar.com/computing/gpu/amds-next-gen-redstone-ai-upscaling-tech-looks-imminent-and-a-big-clue-has-been-spotted-in-the-latest-drivers
    🧠 “AMD Redstone มาแน่ — FSR 4 และ AFMF 3 เตรียมพลิกเกมกราฟิก พร้อมขยายสู่การ์ดรุ่นเก่า” AMD กำลังเตรียมปล่อยอัปเดตใหญ่ในชื่อ “Redstone” ซึ่งเป็นชุดเทคโนโลยี AI สำหรับการอัปสเกลภาพและสร้างเฟรมแบบใหม่ โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับประสบการณ์เกมบน Radeon RX 9000 และอาจรวมถึงการ์ดรุ่นเก่าอย่าง RDNA 3.5 ด้วย จุดเด่นของ Redstone คือการรวมเทคโนโลยี FSR 4 (FidelityFX Super Resolution) รุ่นล่าสุด ที่ปรับปรุงคุณภาพภาพขณะอัปสเกลให้ดีขึ้น โดยยังคงเฟรมเรตสูง และที่น่าจับตาคือการมาของ AFMF 3 (AMD Fluid Motion Frames) ซึ่งเป็นระบบสร้างเฟรมระดับไดรเวอร์ ที่ช่วยลด ghosting และ input lag ได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า ข้อมูลจากไฟล์ไดรเวอร์ล่าสุดของ AMD ระบุว่า AFMF 3 จะมาพร้อมกับไดรเวอร์ Adrenalin 25.20 ซึ่งคาดว่าจะเป็นแพ็กเกจเดียวกับ Redstone และอาจมีการ backport FSR 4 ไปยังการ์ด RDNA 3.5 ด้วย โดยก่อนหน้านี้มีการเปิด FSR 4 แบบ open-source ชั่วคราว ทำให้ modder นำไปใช้กับการ์ดรุ่นเก่าได้สำเร็จ Redstone ยังเน้นการปรับปรุง ray tracing และการสร้างเฟรมด้วย machine learning ซึ่งจะช่วยให้เกมที่ไม่มีระบบ frame generation ในตัวสามารถลื่นไหลขึ้นได้ โดยเฉพาะบนอุปกรณ์พกพาอย่าง Lenovo Legion Go และ Asus ROG Ally ที่ใช้ชิป AMD Z1 Extreme แม้จะยังไม่สามารถเทียบกับ DLSS 4 ของ NVIDIA ได้ในแง่คุณภาพภาพและการรองรับหลายเฟรมพร้อมกัน แต่ Redstone คือก้าวสำคัญของ AMD ในการลดช่องว่างระหว่างสองค่าย และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้การ์ด AMD ได้สัมผัสเทคโนโลยีใหม่โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ AMD เตรียมปล่อยอัปเดต Redstone ที่รวม FSR 4 และ AFMF 3 ➡️ AFMF 3 เป็นระบบสร้างเฟรมระดับไดรเวอร์ที่ลด ghosting และ input lag ➡️ ไดรเวอร์ Adrenalin 25.20 จะเป็นแพ็กเกจที่รวม Redstone และ AFMF 3 ➡️ FSR 4 ปรับปรุงคุณภาพภาพขณะอัปสเกล โดยยังคงเฟรมเรตสูง ➡️ มีแนวโน้มว่า FSR 4 จะถูก backport ไปยังการ์ด RDNA 3.5 ➡️ Redstone เน้นการสร้างเฟรมด้วย machine learning และปรับปรุง ray tracing ➡️ อุปกรณ์พกพาอย่าง ROG Ally และ Legion Go จะได้ประโยชน์จาก Redstone ➡️ การเปิด FSR 4 แบบ open-source ชั่วคราวทำให้ modder นำไปใช้กับการ์ดรุ่นเก่าได้ ➡️ Redstone เป็นความพยายามของ AMD ในการลดช่องว่างกับ DLSS 4 ของ NVIDIA ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ AFMF 1 เปิดตัวในปี 2023 สำหรับ emulator และเกมที่ไม่มี frame-gen ➡️ AFMF 2.1 เพิ่มการติดตามภาพแบบ temporal และลด ghosting ➡️ DLSS 4 รองรับ Multi Frame Generation และมีคุณภาพภาพสูงกว่า ➡️ FSR 4 ยังสามารถใช้งานบนการ์ดรุ่นเก่าผ่าน OptiScaler แต่ไม่เป็นทางการ ➡️ การ์ด RDNA 3.5 เช่น Radeon 780M iGPU มีฐานผู้ใช้จำนวนมากที่รออัปเดตนี้ https://www.techradar.com/computing/gpu/amds-next-gen-redstone-ai-upscaling-tech-looks-imminent-and-a-big-clue-has-been-spotted-in-the-latest-drivers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts