• เชิญชม ค่าส่ง 50 บาท เส้นต่อไป 20 บาท #stone#jade
    เชิญชม ค่าส่ง 50 บาท เส้นต่อไป 20 บาท #stone#jade
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • หินมงคล by Uustone
    หินมงคล by Uustone
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • 40 คำคมทรงพลังจากเพลโต ปราชญ์ผู้วางรากฐานปัญญาตะวันตก
    .
    กว่าสองพันสี่ร้อยปีผ่านไป เสียงกังวานแห่งปัญญาของเพลโต (Plato, 428-348 BC) ยังคงก้องกึกในโลกแห่งความคิด Plato เป็นหนึ่งในเป็นผู้วางรากฐานการคิดเชิงปรัชญาให้แก่อารยธรรมตะวันตก จนมีผู้กล่าวว่า "Western philosophy is but a series of footnotes to Plato" (ปรัชญาตะวันตกทั้งมวลเป็นเพียงเชิงอรรถของเพลโต)
    .
    ในฐานะผู้ก่อตั้ง Platonic Academy (สำนักปรัชญาอคาเดมี) สถาบันการศึกษาแห่งแรกของโลกตะวันตก เพลโตได้หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งปัญญาที่งอกงามเป็นต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านไปทั่วโลก
    .
    ผลงานอมตะของเพลโตที่ยังคงทรงอิทธิพลจวบจนปัจจุบัน อาทิ "Allegory of the Cave" (อุปมาถ้ำ) ที่เปรียบเทียบมนุษย์ผู้ติดอยู่กับโลกแห่งเงา และ "Theory of Forms" (ทฤษฎีแบบ) ที่เสนอว่าทุกสิ่งในโลกวัตถุล้วนเป็นเพียงเงาสะท้อนของแบบ หรือแม่แบบที่สมบูรณ์แบบในโลกแห่งความคิด
    .
    งานเขียนสำคัญของเขาอย่าง "The Republic" (รัฐ) วางรากฐานแนวคิดทางการเมืองและการปกครอง ขณะที่ "Symposium" (งานเลี้ยงสนทนา) ถกประเด็นความรักและความงามอันเป็นนิรันดร์
    .
    แนวคิดของเพลโตได้หล่อหลอมวิธีคิดของโลกในทุกแขนง ทั้งปรัชญา ศาสนา การเมือง การศึกษา วิทยาศาสตร์ และศิลปะ อิทธิพลของเขาแผ่ขยายจากกรีกโบราณ ผ่านจักรวรรดิโรมัน ผ่านยุคกลาง ผ่านยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา จนถึงโลกสมัยใหม่ ทั้งในโลกตะวันตกและตะวันออก จนกลายเป็นรากฐานสำคัญของอารยธรรมโลก
    .
    40 คำคมของเพลโตที่รวบรวมมานี้สะท้อนถึงความลุ่มลึกทางความคิดที่เชื่อมโยงสวรรค์กับโลก อุดมคติกับความเป็นจริง และชี้นำมนุษย์สู่การแสวงหาสัจธรรมอันสูงสุด
    .
    .
    1. "Music gives a soul to the universe, wings to the mind, flight to the imagination and life to everything."

    "ดนตรีมอบจิตวิญญาณให้จักรวาล มอบปีกให้ความคิด มอบการโบยบินให้จินตนาการ และมอบชีวิตให้ทุกสิ่ง"
    .
    .
    2. "Wise men speak because they have something to say; fools because they have to say something."

    "คนฉลาดพูดเพราะมีสิ่งที่ต้องการจะบอก คนโง่พูดเพราะต้องพูดอะไรสักอย่าง"
    .
    .
    3. "The beginning is the most important part of the work."

    "จุดเริ่มต้นคือส่วนสำคัญที่สุดของงาน"
    .
    .
    4. "No one is more hated than he who speaks the truth."

    "ไม่มีใครถูกเกลียดมากไปกว่าผู้ที่พูดความจริง"
    .
    .
    5. "Necessity is the mother of invention."
    "ความจำเป็นคือบ่อเกิดแห่งการประดิษฐ์คิดค้น"
    .
    .
    6. "Human behavior flows from three main sources: desire, emotion, and knowledge."

    "พฤติกรรมมนุษย์หลั่งไหลมาจากสามแหล่งหลัก: ความปรารถนา อารมณ์ และความรู้"
    .
    .
    7. "The measure of a man is what he does with power."

    "เครื่องวัดคุณค่าของมนุษย์คือสิ่งที่เขาทำเมื่อมีอำนาจ"
    .
    .
    8. "The first and best victory is to conquer self."

    "ชัยชนะแรกและยิ่งใหญ่ที่สุดคือการชนะใจตนเอง"
    .
    .
    9. "The penalty that good men pay for not being interested in politics is to be governed by men worse than themselves."

    "บทลงโทษที่คนดีต้องจ่ายสำหรับการไม่สนใจการเมืองคือการถูกปกครองโดยคนที่เลวร้ายกว่าตน"
    .
    .
    10. "Those who tell the stories rule society."

    "ผู้ที่เล่าเรื่องราวคือผู้ปกครองสังคม"
    .
    .
    11. "No wealth can ever make a bad man at peace with himself."

    "ไม่มีความมั่งคั่งใดจะทำให้คนเลวอยู่อย่างสงบกับตัวเองได้"
    .
    .
    12. "Ignorance, the root and the stem of every evil."

    "ความโง่เขลาคือรากเหง้าและลำต้นของความชั่วร้ายทั้งปวง"
    .
    .
    13. "We can easily forgive a child who is afraid of the dark; the real tragedy of life is when men are afraid of the light."

    "เราให้อภัยเด็กที่กลัวความมืดได้ง่าย แต่โศกนาฏกรรมที่แท้จริงของชีวิตคือเมื่อผู้คนกลัวแสงสว่าง"
    .
    .
    14. "The worst form of injustice is pretended justice."

    "ความอยุติธรรมที่เลวร้ายที่สุดคือความยุติธรรมจอมปลอม"
    .
    .
    15. "Opinion is the medium between knowledge and ignorance."

    "ความคิดเห็นคือสิ่งที่อยู่ระหว่างความรู้และความโง่เขลา"
    .
    .
    16. "Geometry existed before creation."

    "เรขาคณิตมีอยู่ก่อนการสร้างสรรค์"
    .
    .
    17. "Writing is the geometry of the soul."
    "การเขียนคือเรขาคณิตของจิตวิญญาณ"
    .
    .
    18. "Courage is knowing what not to fear."

    "ความกล้าหาญคือการรู้ว่าอะไรไม่ควรกลัว"
    .
    .
    19. "An empty vessel makes the loudest sound, so they that have the least wit are the greatest babblers."

    "ภาชนะที่ว่างเปล่าส่งเสียงดังที่สุด เช่นเดียวกับผู้ที่มีสติปัญญาน้อยที่สุดมักเป็นผู้พูดมากที่สุด"
    .
    .
    20. "Education is teaching our children to desire the right things."

    "การศึกษาคือการสอนลูกหลานของเราให้ปรารถนาในสิ่งที่ถูกต้อง"
    .
    .
    21. "Philosophy is the highest music."

    "ปรัชญาคือดนตรีที่สูงส่งที่สุด"
    .
    .
    22. "There are three classes of men; lovers of wisdom, lovers of honor, and lovers of gain."

    "มนุษย์มีสามประเภท: ผู้รักปัญญา ผู้รักเกียรติยศ และผู้รักผลประโยชน์"
    .
    .
    23. "Do not train a child to learn by force or harshness; but direct them to it by what amuses their minds, so that you may be better able to discover with accuracy the peculiar bent of the genius of each."

    "อย่าฝึกเด็กให้เรียนรู้ด้วยการบังคับหรือความรุนแรง แต่จงชี้นำพวกเขาด้วยสิ่งที่สร้างความเพลิดเพลินให้จิตใจ เพื่อที่คุณจะสามารถค้นพบความโน้มเอียงพิเศษของอัจฉริยภาพในตัวพวกเขาแต่ละคนได้อย่างแม่นยำ"
    .
    .
    24. "You should not honor men more than truth."

    "อย่าให้เกียรติมนุษย์มากกว่าความจริง"
    .
    .
    25. "A hero is born among a hundred, a wise man is found among a thousand, but an accomplished one might not be found even among a hundred thousand men."

    "วีรบุรุษเกิดขึ้นในหนึ่งร้อย ปราชญ์พบได้ในหนึ่งพัน แต่ผู้ที่สมบูรณ์แบบอาจไม่พบแม้ในหนึ่งแสนคน"
    .
    .
    26. "At the touch of love everyone becomes a poet."

    "เมื่อสัมผัสความรัก ทุกคนกลายเป็นกวี"
    .
    .
    27. "There should exist among the citizens neither extreme poverty nor again excessive wealth, for both are productive of great evil."

    "ในหมู่พลเมืองไม่ควรมีทั้งความยากจนสุดขั้วหรือความมั่งคั่งล้นเหลือ เพราะทั้งสองสิ่งล้วนก่อให้เกิดความชั่วร้ายอันใหญ่หลวง"
    .
    .
    28. "As the builders say, the larger stones do not lie well without the lesser."

    "ดังที่ช่างก่อสร้างว่า หินก้อนใหญ่ไม่อาจวางได้ดีหากปราศจากหินก้อนเล็ก"
    .
    .
    29. "The most virtuous are those who content themselves with being virtuous without seeking to appear so."

    "ผู้ที่มีคุณธรรมที่สุดคือผู้ที่พอใจในการมีคุณธรรมโดยไม่พยายามทำให้ดูเหมือนว่ามี"
    .
    .
    30. "For this feeling of wonder shows that you are a philosopher, since wonder is the only beginning of philosophy."

    "ความรู้สึกประหลาดใจนี้แสดงว่าคุณเป็นนักปรัชญา เพราะความประหลาดใจคือจุดเริ่มต้นเพียงหนึ่งเดียวของปรัชญา"
    .
    .
    31. "Courage is a kind of salvation."

    "ความกล้าหาญคือรูปแบบหนึ่งของการหลุดพ้น"
    .
    .
    32. "The highest reach of injustice is to be deemed just when you are not."

    "จุดสูงสุดของความอยุติธรรมคือการถูกมองว่ายุติธรรมทั้งที่ไม่ใช่"
    .
    .
    33. "No science or art considers or enjoins the interest of the stronger or superior, but only the interest of the subject and weaker."

    "ไม่มีวิทยาศาสตร์หรือศิลปะใดพิจารณาหรือบังคับผลประโยชน์ของผู้แข็งแกร่งหรือผู้เหนือกว่า แต่เพียงผลประโยชน์ของผู้อยู่ใต้ปกครองและผู้อ่อนแอกว่า"
    .
    .
    34. "For the uneducated, when they engage in argument about anything, give no thought to the truth about the subject of discussion but are only eager that those present will accept the position they have set forth."

    "สำหรับผู้ไร้การศึกษา เมื่อพวกเขาโต้แย้งเรื่องใดก็ตาม พวกเขาไม่คิดถึงความจริงเกี่ยวกับหัวข้อที่กำลังอภิปราย แต่กระตือรือร้นเพียงให้ผู้ที่อยู่ที่นั่นยอมรับจุดยืนที่พวกเขานำเสนอเท่านั้น"
    .
    .
    35. "Neither do the ignorant seek after wisdom. For herein is the evil of ignorance, that he who is neither good nor wise is nevertheless satisfied with himself: he has no desire for that of which he feels no want."

    "คนโง่เขลาไม่แสวงหาปัญญา เพราะนี่คือความชั่วร้ายของความโง่เขลา ที่ผู้ซึ่งไม่ดีและไม่ฉลาดกลับพอใจในตัวเอง: เขาไม่มีความปรารถนาในสิ่งที่เขารู้สึกว่าไม่ขาด"
    .
    .
    36. "The man who finds that in the course of his life he has done a lot of wrong often wakes up at night in terror, like a child with a nightmare, and his life is full of foreboding: but the man who is conscious of no wrongdoing is filled with cheerfulness and with the comfort of old age."

    "ผู้ที่พบว่าในช่วงชีวิตของเขาได้ทำผิดมากมักตื่นขึ้นมาตอนกลางคืนด้วยความหวาดกลัว เหมือนเด็กที่ฝันร้าย และชีวิตของเขาเต็มไปด้วยลางร้าย แต่ผู้ที่ไม่รู้สึกว่าได้ทำผิดจะเต็มไปด้วยความร่าเริงและความสบายใจในวัยชรา"
    .
    .
    37. "Now early life is very impressible, and children ought not to learn what they will have to unlearn when they grow up; we must therefore have a censorship of nursery tales, banishing some and keeping others."

    "ชีวิตในวัยต้นนั้นรับอิทธิพลได้ง่าย และเด็กๆ ไม่ควรเรียนรู้สิ่งที่พวกเขาจะต้องลืมเมื่อโตขึ้น เราจึงต้องมีการกลั่นกรองนิทานสำหรับเด็ก กำจัดบางเรื่องและเก็บบางเรื่องไว้"
    .
    .
    38. "There's no difficulty in choosing vice in abundance: the road is smooth and it's hardly any distance to where it lives. But the gods have put sweat in the way of goodness, and a long, rough, steep road."

    "ไม่มีความยากลำบากในการเลือกความชั่วที่มีอยู่มากมาย: ถนนราบเรียบและแทบไม่มีระยะทางไปถึงที่อยู่ของมัน แต่เทพเจ้าได้วางเหงื่อไว้ในเส้นทางแห่งความดี และเป็นถนนที่ยาว ขรุขระ และชัน"
    .
    .
    39. "It is not Love absolutely that is good or praiseworthy, but only that Love which impels meant to love aright."

    "ไม่ใช่ความรักทั้งหมดที่ดีหรือน่าสรรเสริญ แต่เป็นเพียงความรักที่ผลักดันให้รักอย่างถูกต้องเท่านั้น"
    .
    .
    40. "Both knowledge and truth are beautiful things, but the good is other and more beautiful than they."

    "ทั้งความรู้และความจริงเป็นสิ่งงดงาม แต่ความดีนั้นแตกต่างและงดงามยิ่งกว่า"
    .
    .
    .
    .
    #SuccessStrategies #Quotes #Plato #Mindset #Politic
    40 คำคมทรงพลังจากเพลโต ปราชญ์ผู้วางรากฐานปัญญาตะวันตก . กว่าสองพันสี่ร้อยปีผ่านไป เสียงกังวานแห่งปัญญาของเพลโต (Plato, 428-348 BC) ยังคงก้องกึกในโลกแห่งความคิด Plato เป็นหนึ่งในเป็นผู้วางรากฐานการคิดเชิงปรัชญาให้แก่อารยธรรมตะวันตก จนมีผู้กล่าวว่า "Western philosophy is but a series of footnotes to Plato" (ปรัชญาตะวันตกทั้งมวลเป็นเพียงเชิงอรรถของเพลโต) . ในฐานะผู้ก่อตั้ง Platonic Academy (สำนักปรัชญาอคาเดมี) สถาบันการศึกษาแห่งแรกของโลกตะวันตก เพลโตได้หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งปัญญาที่งอกงามเป็นต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านไปทั่วโลก . ผลงานอมตะของเพลโตที่ยังคงทรงอิทธิพลจวบจนปัจจุบัน อาทิ "Allegory of the Cave" (อุปมาถ้ำ) ที่เปรียบเทียบมนุษย์ผู้ติดอยู่กับโลกแห่งเงา และ "Theory of Forms" (ทฤษฎีแบบ) ที่เสนอว่าทุกสิ่งในโลกวัตถุล้วนเป็นเพียงเงาสะท้อนของแบบ หรือแม่แบบที่สมบูรณ์แบบในโลกแห่งความคิด . งานเขียนสำคัญของเขาอย่าง "The Republic" (รัฐ) วางรากฐานแนวคิดทางการเมืองและการปกครอง ขณะที่ "Symposium" (งานเลี้ยงสนทนา) ถกประเด็นความรักและความงามอันเป็นนิรันดร์ . แนวคิดของเพลโตได้หล่อหลอมวิธีคิดของโลกในทุกแขนง ทั้งปรัชญา ศาสนา การเมือง การศึกษา วิทยาศาสตร์ และศิลปะ อิทธิพลของเขาแผ่ขยายจากกรีกโบราณ ผ่านจักรวรรดิโรมัน ผ่านยุคกลาง ผ่านยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา จนถึงโลกสมัยใหม่ ทั้งในโลกตะวันตกและตะวันออก จนกลายเป็นรากฐานสำคัญของอารยธรรมโลก . 40 คำคมของเพลโตที่รวบรวมมานี้สะท้อนถึงความลุ่มลึกทางความคิดที่เชื่อมโยงสวรรค์กับโลก อุดมคติกับความเป็นจริง และชี้นำมนุษย์สู่การแสวงหาสัจธรรมอันสูงสุด . . 1. "Music gives a soul to the universe, wings to the mind, flight to the imagination and life to everything." "ดนตรีมอบจิตวิญญาณให้จักรวาล มอบปีกให้ความคิด มอบการโบยบินให้จินตนาการ และมอบชีวิตให้ทุกสิ่ง" . . 2. "Wise men speak because they have something to say; fools because they have to say something." "คนฉลาดพูดเพราะมีสิ่งที่ต้องการจะบอก คนโง่พูดเพราะต้องพูดอะไรสักอย่าง" . . 3. "The beginning is the most important part of the work." "จุดเริ่มต้นคือส่วนสำคัญที่สุดของงาน" . . 4. "No one is more hated than he who speaks the truth." "ไม่มีใครถูกเกลียดมากไปกว่าผู้ที่พูดความจริง" . . 5. "Necessity is the mother of invention." "ความจำเป็นคือบ่อเกิดแห่งการประดิษฐ์คิดค้น" . . 6. "Human behavior flows from three main sources: desire, emotion, and knowledge." "พฤติกรรมมนุษย์หลั่งไหลมาจากสามแหล่งหลัก: ความปรารถนา อารมณ์ และความรู้" . . 7. "The measure of a man is what he does with power." "เครื่องวัดคุณค่าของมนุษย์คือสิ่งที่เขาทำเมื่อมีอำนาจ" . . 8. "The first and best victory is to conquer self." "ชัยชนะแรกและยิ่งใหญ่ที่สุดคือการชนะใจตนเอง" . . 9. "The penalty that good men pay for not being interested in politics is to be governed by men worse than themselves." "บทลงโทษที่คนดีต้องจ่ายสำหรับการไม่สนใจการเมืองคือการถูกปกครองโดยคนที่เลวร้ายกว่าตน" . . 10. "Those who tell the stories rule society." "ผู้ที่เล่าเรื่องราวคือผู้ปกครองสังคม" . . 11. "No wealth can ever make a bad man at peace with himself." "ไม่มีความมั่งคั่งใดจะทำให้คนเลวอยู่อย่างสงบกับตัวเองได้" . . 12. "Ignorance, the root and the stem of every evil." "ความโง่เขลาคือรากเหง้าและลำต้นของความชั่วร้ายทั้งปวง" . . 13. "We can easily forgive a child who is afraid of the dark; the real tragedy of life is when men are afraid of the light." "เราให้อภัยเด็กที่กลัวความมืดได้ง่าย แต่โศกนาฏกรรมที่แท้จริงของชีวิตคือเมื่อผู้คนกลัวแสงสว่าง" . . 14. "The worst form of injustice is pretended justice." "ความอยุติธรรมที่เลวร้ายที่สุดคือความยุติธรรมจอมปลอม" . . 15. "Opinion is the medium between knowledge and ignorance." "ความคิดเห็นคือสิ่งที่อยู่ระหว่างความรู้และความโง่เขลา" . . 16. "Geometry existed before creation." "เรขาคณิตมีอยู่ก่อนการสร้างสรรค์" . . 17. "Writing is the geometry of the soul." "การเขียนคือเรขาคณิตของจิตวิญญาณ" . . 18. "Courage is knowing what not to fear." "ความกล้าหาญคือการรู้ว่าอะไรไม่ควรกลัว" . . 19. "An empty vessel makes the loudest sound, so they that have the least wit are the greatest babblers." "ภาชนะที่ว่างเปล่าส่งเสียงดังที่สุด เช่นเดียวกับผู้ที่มีสติปัญญาน้อยที่สุดมักเป็นผู้พูดมากที่สุด" . . 20. "Education is teaching our children to desire the right things." "การศึกษาคือการสอนลูกหลานของเราให้ปรารถนาในสิ่งที่ถูกต้อง" . . 21. "Philosophy is the highest music." "ปรัชญาคือดนตรีที่สูงส่งที่สุด" . . 22. "There are three classes of men; lovers of wisdom, lovers of honor, and lovers of gain." "มนุษย์มีสามประเภท: ผู้รักปัญญา ผู้รักเกียรติยศ และผู้รักผลประโยชน์" . . 23. "Do not train a child to learn by force or harshness; but direct them to it by what amuses their minds, so that you may be better able to discover with accuracy the peculiar bent of the genius of each." "อย่าฝึกเด็กให้เรียนรู้ด้วยการบังคับหรือความรุนแรง แต่จงชี้นำพวกเขาด้วยสิ่งที่สร้างความเพลิดเพลินให้จิตใจ เพื่อที่คุณจะสามารถค้นพบความโน้มเอียงพิเศษของอัจฉริยภาพในตัวพวกเขาแต่ละคนได้อย่างแม่นยำ" . . 24. "You should not honor men more than truth." "อย่าให้เกียรติมนุษย์มากกว่าความจริง" . . 25. "A hero is born among a hundred, a wise man is found among a thousand, but an accomplished one might not be found even among a hundred thousand men." "วีรบุรุษเกิดขึ้นในหนึ่งร้อย ปราชญ์พบได้ในหนึ่งพัน แต่ผู้ที่สมบูรณ์แบบอาจไม่พบแม้ในหนึ่งแสนคน" . . 26. "At the touch of love everyone becomes a poet." "เมื่อสัมผัสความรัก ทุกคนกลายเป็นกวี" . . 27. "There should exist among the citizens neither extreme poverty nor again excessive wealth, for both are productive of great evil." "ในหมู่พลเมืองไม่ควรมีทั้งความยากจนสุดขั้วหรือความมั่งคั่งล้นเหลือ เพราะทั้งสองสิ่งล้วนก่อให้เกิดความชั่วร้ายอันใหญ่หลวง" . . 28. "As the builders say, the larger stones do not lie well without the lesser." "ดังที่ช่างก่อสร้างว่า หินก้อนใหญ่ไม่อาจวางได้ดีหากปราศจากหินก้อนเล็ก" . . 29. "The most virtuous are those who content themselves with being virtuous without seeking to appear so." "ผู้ที่มีคุณธรรมที่สุดคือผู้ที่พอใจในการมีคุณธรรมโดยไม่พยายามทำให้ดูเหมือนว่ามี" . . 30. "For this feeling of wonder shows that you are a philosopher, since wonder is the only beginning of philosophy." "ความรู้สึกประหลาดใจนี้แสดงว่าคุณเป็นนักปรัชญา เพราะความประหลาดใจคือจุดเริ่มต้นเพียงหนึ่งเดียวของปรัชญา" . . 31. "Courage is a kind of salvation." "ความกล้าหาญคือรูปแบบหนึ่งของการหลุดพ้น" . . 32. "The highest reach of injustice is to be deemed just when you are not." "จุดสูงสุดของความอยุติธรรมคือการถูกมองว่ายุติธรรมทั้งที่ไม่ใช่" . . 33. "No science or art considers or enjoins the interest of the stronger or superior, but only the interest of the subject and weaker." "ไม่มีวิทยาศาสตร์หรือศิลปะใดพิจารณาหรือบังคับผลประโยชน์ของผู้แข็งแกร่งหรือผู้เหนือกว่า แต่เพียงผลประโยชน์ของผู้อยู่ใต้ปกครองและผู้อ่อนแอกว่า" . . 34. "For the uneducated, when they engage in argument about anything, give no thought to the truth about the subject of discussion but are only eager that those present will accept the position they have set forth." "สำหรับผู้ไร้การศึกษา เมื่อพวกเขาโต้แย้งเรื่องใดก็ตาม พวกเขาไม่คิดถึงความจริงเกี่ยวกับหัวข้อที่กำลังอภิปราย แต่กระตือรือร้นเพียงให้ผู้ที่อยู่ที่นั่นยอมรับจุดยืนที่พวกเขานำเสนอเท่านั้น" . . 35. "Neither do the ignorant seek after wisdom. For herein is the evil of ignorance, that he who is neither good nor wise is nevertheless satisfied with himself: he has no desire for that of which he feels no want." "คนโง่เขลาไม่แสวงหาปัญญา เพราะนี่คือความชั่วร้ายของความโง่เขลา ที่ผู้ซึ่งไม่ดีและไม่ฉลาดกลับพอใจในตัวเอง: เขาไม่มีความปรารถนาในสิ่งที่เขารู้สึกว่าไม่ขาด" . . 36. "The man who finds that in the course of his life he has done a lot of wrong often wakes up at night in terror, like a child with a nightmare, and his life is full of foreboding: but the man who is conscious of no wrongdoing is filled with cheerfulness and with the comfort of old age." "ผู้ที่พบว่าในช่วงชีวิตของเขาได้ทำผิดมากมักตื่นขึ้นมาตอนกลางคืนด้วยความหวาดกลัว เหมือนเด็กที่ฝันร้าย และชีวิตของเขาเต็มไปด้วยลางร้าย แต่ผู้ที่ไม่รู้สึกว่าได้ทำผิดจะเต็มไปด้วยความร่าเริงและความสบายใจในวัยชรา" . . 37. "Now early life is very impressible, and children ought not to learn what they will have to unlearn when they grow up; we must therefore have a censorship of nursery tales, banishing some and keeping others." "ชีวิตในวัยต้นนั้นรับอิทธิพลได้ง่าย และเด็กๆ ไม่ควรเรียนรู้สิ่งที่พวกเขาจะต้องลืมเมื่อโตขึ้น เราจึงต้องมีการกลั่นกรองนิทานสำหรับเด็ก กำจัดบางเรื่องและเก็บบางเรื่องไว้" . . 38. "There's no difficulty in choosing vice in abundance: the road is smooth and it's hardly any distance to where it lives. But the gods have put sweat in the way of goodness, and a long, rough, steep road." "ไม่มีความยากลำบากในการเลือกความชั่วที่มีอยู่มากมาย: ถนนราบเรียบและแทบไม่มีระยะทางไปถึงที่อยู่ของมัน แต่เทพเจ้าได้วางเหงื่อไว้ในเส้นทางแห่งความดี และเป็นถนนที่ยาว ขรุขระ และชัน" . . 39. "It is not Love absolutely that is good or praiseworthy, but only that Love which impels meant to love aright." "ไม่ใช่ความรักทั้งหมดที่ดีหรือน่าสรรเสริญ แต่เป็นเพียงความรักที่ผลักดันให้รักอย่างถูกต้องเท่านั้น" . . 40. "Both knowledge and truth are beautiful things, but the good is other and more beautiful than they." "ทั้งความรู้และความจริงเป็นสิ่งงดงาม แต่ความดีนั้นแตกต่างและงดงามยิ่งกว่า" . . . . #SuccessStrategies #Quotes #Plato #Mindset #Politic
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 399 มุมมอง 0 รีวิว
  • SpacemiT บริษัทพัฒนาซีพียูในจีนได้เปิดตัว VitalStone V100 ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์สำหรับเซิร์ฟเวอร์ที่มีคอร์ RISC-V ถึง 64 คอร์ แม้ว่าโปรเซสเซอร์นี้จะถูกออกแบบมาเพื่อรองรับงานที่ทันสมัย แต่ประสิทธิภาพการทำงานแบบ single-thread ของโปรเซสเซอร์นี้เทียบเท่ากับโปรเซสเซอร์ Intel Xeon และ AMD Opteron รุ่นเก่า

    VitalStone V100 ใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับ 12nm และมีความถี่สูงสุดที่ 2.50 GHz โดยแต่ละคอร์ X100 สามารถทำคะแนน SPEC CINT2006 ได้ 9 คะแนน ซึ่งรวมกันแล้วได้ 22.5 คะแนนที่ความถี่ 2.5 GHz ทำให้เหมาะสำหรับงานที่ต้องการการประมวลผลแบบขนาน

    โปรเซสเซอร์นี้ยังมีความสามารถในการประมวลผล AI โดยสามารถทำได้ 2.5 TOPS ด้วยการประมวลผลข้อมูล INT8 ที่ความถี่สูงสุด แม้ว่าจะไม่ใช่ความสามารถที่โดดเด่นมากนัก

    การเปิดตัวโปรเซสเซอร์ที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับซีพียูที่มีอายุมากกว่า 10 ปีอาจไม่เป็นที่สนใจในสหรัฐฯ หรือยุโรป แต่เนื่องจากจีนพยายามลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากตะวันตก SpacemiT จึงมีโอกาสที่จะหาลูกค้าสำหรับโปรเซสเซอร์ VitalStone V100

    นอกจากนี้ SpacemiT ยังมีโปรเซสเซอร์ RISC-V รุ่น Keystone K1 ที่ออกแบบมาสำหรับแล็ปท็อปและคอมพิวเตอร์บอร์ดเดี่ยว

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/chinas-spacemit-develops-64-core-risc-v-datacenter-cpu-12nm-chip-allegedly-performs-like-a-10-year-old-xen-or-opteron-but-with-higher-core-count
    SpacemiT บริษัทพัฒนาซีพียูในจีนได้เปิดตัว VitalStone V100 ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์สำหรับเซิร์ฟเวอร์ที่มีคอร์ RISC-V ถึง 64 คอร์ แม้ว่าโปรเซสเซอร์นี้จะถูกออกแบบมาเพื่อรองรับงานที่ทันสมัย แต่ประสิทธิภาพการทำงานแบบ single-thread ของโปรเซสเซอร์นี้เทียบเท่ากับโปรเซสเซอร์ Intel Xeon และ AMD Opteron รุ่นเก่า VitalStone V100 ใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับ 12nm และมีความถี่สูงสุดที่ 2.50 GHz โดยแต่ละคอร์ X100 สามารถทำคะแนน SPEC CINT2006 ได้ 9 คะแนน ซึ่งรวมกันแล้วได้ 22.5 คะแนนที่ความถี่ 2.5 GHz ทำให้เหมาะสำหรับงานที่ต้องการการประมวลผลแบบขนาน โปรเซสเซอร์นี้ยังมีความสามารถในการประมวลผล AI โดยสามารถทำได้ 2.5 TOPS ด้วยการประมวลผลข้อมูล INT8 ที่ความถี่สูงสุด แม้ว่าจะไม่ใช่ความสามารถที่โดดเด่นมากนัก การเปิดตัวโปรเซสเซอร์ที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับซีพียูที่มีอายุมากกว่า 10 ปีอาจไม่เป็นที่สนใจในสหรัฐฯ หรือยุโรป แต่เนื่องจากจีนพยายามลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากตะวันตก SpacemiT จึงมีโอกาสที่จะหาลูกค้าสำหรับโปรเซสเซอร์ VitalStone V100 นอกจากนี้ SpacemiT ยังมีโปรเซสเซอร์ RISC-V รุ่น Keystone K1 ที่ออกแบบมาสำหรับแล็ปท็อปและคอมพิวเตอร์บอร์ดเดี่ยว https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/chinas-spacemit-develops-64-core-risc-v-datacenter-cpu-12nm-chip-allegedly-performs-like-a-10-year-old-xen-or-opteron-but-with-higher-core-count
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • VideoLAN ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่อยู่เบื้องหลัง VLC Media Player ได้ประกาศในงาน CES 2025 ว่าเครื่องมือมัลติมีเดียแบบโอเพ่นซอร์สยอดนิยมนี้ได้มียอดดาวน์โหลดถึง 6 พันล้านครั้งแล้ว แม้ว่าตัวเลขนี้จะมีความสำคัญมาก แต่ก็อาจจะต่ำกว่าความเป็นจริงเนื่องจากบริษัทอาจไม่ได้รวมจำนวนการดาวน์โหลดจากแหล่งที่มาจากเวบไซด์อื่นๆ

    นักพัฒนาของ VideoLAN ยังได้ประกาศแผนการในอนาคตด้วยการแสดงฟีเจอร์ใหม่ที่สำคัญคือ คำบรรยายที่สร้างโดย AI และการแปลแบบเรียลไทม์สำหรับ 100 ภาษา ฟีเจอร์นี้กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาและออกแบบมาเพื่อสร้างคำบรรยายแบบเรียลไทม์โดยใช้โมเดลปัญญาประดิษฐ์ (AI) แบบโอเพ่นซอร์ส โดยได้รับแรงบันดาลใจจากความก้าวหน้าเช่น OpenAI's Whisper ซึ่งเป็นระบบการรู้จำเสียงอัตโนมัติ (ASR) ที่ออกแบบมาเพื่อถอดเสียงเป็นข้อความ

    อย่างไรก็ตาม VLC กำลังใช้แนวทางที่แตกต่างออกไป โดยโมเดล AI จะทำงานแบบออฟไลน์และฝังอยู่ในแอป VLC โดยตรง ฟีเจอร์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากไม่ต้องการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือการพึ่งพาบริการคลาวด์ ซึ่งมักเป็นข้อกังวลสำหรับผู้ใช้ที่ใส่ใจเรื่องความเป็นส่วนตัว

    Jean-Baptiste Kempf ประธานของ VideoLAN กล่าวว่า "ในขณะเดียวกันเรามีการแปลอัตโนมัติที่ทำงานเพื่อแปลคำบรรยายเป็นภาษาของคุณเอง สิ่งที่สำคัญคือสิ่งนี้ทำงานบนเครื่องของคุณเองแบบออฟไลน์ โดยไม่ต้องใช้บริการคลาวด์ใดๆ มันทำงานโดยตรงภายในไฟล์ปฏิบัติการ"

    VideoLAN ยังไม่ได้ยืนยันวันที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับฟีเจอร์ใหม่นี้ แต่คาดว่าจะเปิดตัวเป็นการอัปเดตฟรีในอนาคตอันใกล้ รายละเอียดเพิ่มเติมจะถูกแชร์ผ่านบล็อกของบริษัท

    ลุงว่า เราอาจจะต้อง Download ตัวติดตั้งที่ใหญ่ขึ้น หรือ download Add-on ในระดับ 10GB สำหรับโมเดลแบบนี้นะครับ

    https://www.tomshardware.com/software/vlc-demoes-ai-generated-subtitles-as-it-hits-new-milestone-of-6-billion-downloads
    VideoLAN ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่อยู่เบื้องหลัง VLC Media Player ได้ประกาศในงาน CES 2025 ว่าเครื่องมือมัลติมีเดียแบบโอเพ่นซอร์สยอดนิยมนี้ได้มียอดดาวน์โหลดถึง 6 พันล้านครั้งแล้ว แม้ว่าตัวเลขนี้จะมีความสำคัญมาก แต่ก็อาจจะต่ำกว่าความเป็นจริงเนื่องจากบริษัทอาจไม่ได้รวมจำนวนการดาวน์โหลดจากแหล่งที่มาจากเวบไซด์อื่นๆ นักพัฒนาของ VideoLAN ยังได้ประกาศแผนการในอนาคตด้วยการแสดงฟีเจอร์ใหม่ที่สำคัญคือ คำบรรยายที่สร้างโดย AI และการแปลแบบเรียลไทม์สำหรับ 100 ภาษา ฟีเจอร์นี้กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาและออกแบบมาเพื่อสร้างคำบรรยายแบบเรียลไทม์โดยใช้โมเดลปัญญาประดิษฐ์ (AI) แบบโอเพ่นซอร์ส โดยได้รับแรงบันดาลใจจากความก้าวหน้าเช่น OpenAI's Whisper ซึ่งเป็นระบบการรู้จำเสียงอัตโนมัติ (ASR) ที่ออกแบบมาเพื่อถอดเสียงเป็นข้อความ อย่างไรก็ตาม VLC กำลังใช้แนวทางที่แตกต่างออกไป โดยโมเดล AI จะทำงานแบบออฟไลน์และฝังอยู่ในแอป VLC โดยตรง ฟีเจอร์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากไม่ต้องการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือการพึ่งพาบริการคลาวด์ ซึ่งมักเป็นข้อกังวลสำหรับผู้ใช้ที่ใส่ใจเรื่องความเป็นส่วนตัว Jean-Baptiste Kempf ประธานของ VideoLAN กล่าวว่า "ในขณะเดียวกันเรามีการแปลอัตโนมัติที่ทำงานเพื่อแปลคำบรรยายเป็นภาษาของคุณเอง สิ่งที่สำคัญคือสิ่งนี้ทำงานบนเครื่องของคุณเองแบบออฟไลน์ โดยไม่ต้องใช้บริการคลาวด์ใดๆ มันทำงานโดยตรงภายในไฟล์ปฏิบัติการ" VideoLAN ยังไม่ได้ยืนยันวันที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับฟีเจอร์ใหม่นี้ แต่คาดว่าจะเปิดตัวเป็นการอัปเดตฟรีในอนาคตอันใกล้ รายละเอียดเพิ่มเติมจะถูกแชร์ผ่านบล็อกของบริษัท ลุงว่า เราอาจจะต้อง Download ตัวติดตั้งที่ใหญ่ขึ้น หรือ download Add-on ในระดับ 10GB สำหรับโมเดลแบบนี้นะครับ https://www.tomshardware.com/software/vlc-demoes-ai-generated-subtitles-as-it-hits-new-milestone-of-6-billion-downloads
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    VLC hits 6 billion downloads and shows off AI-generated subtitles
    AI-powered subtitles in over 100 languages are coming soon to VLC
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ทักษิณ" ยอมรับมิตรภาพกับพรรคภูมิใจไทย เปรียบเหมือนลิ้นกับฟัน กัดโดนกันบ้างเป็นธรรมดา แจง "เจ้าสัวกลาง" ชวนตีกอล์ฟ เลยชวน "อนุทิน" ไปร่วมในฐานะเพื่อนกันมา 20 ปี ไม่มีเรื่องการเมือง แต่ส่งรูปให้สื่อเอาไปลงกลายเป็นการเมือง

    วันนี้ (23 ธ.ค. 67) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงการออกรอบตีกอล์ฟ ร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย, นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ และนายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปตท. จำกัด (มหาชน) ที่สนามกอล์ฟ Stone Hill club จ.ปทุมธานี ว่า สนุกดี เพราะไม่ค่อยได้ตี ตีโดนบ้างไม่โดนบ้าง ส่วนเป็นการสยบกระแส “อีแอบ” หรือไม่นั้น เมื่อวานนี้นายสารัชถ์ เป็นคนเชิญไป ไม่มีนักการเมือง แต่นายอนุทินเป็นเพื่อนกันมากว่า 20 ปี ก็เลยชวนในฐานะเพื่อน ปรากฏว่าไม่มีนักการเมือง แต่มีประเด็นการเมืองเยอะเลย ส่งรูปไปสื่อก็ลงเป็นการเมืองไปหมด โดยความจริงไม่มีอะไร

    เมื่อถามย้ำว่า คุณกลาง (ชื่อเล่น นายสารัชถ์) ก็เลยเป็นตัวกลางในการเคลียร์กันใช่หรือไม่ นายทักษิณ ระบุว่า ก็ไม่รู้ว่าซ้ายขวาหรือเปล่า และไม่มีอะไรต้องเคลียร์เลยกับนายอนุทิน กติกาง่ายนิดเดียวคนเราเวลาอยู่ร่วมกันก็เคารพซึ่งกันและกัน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/politics/detail/9670000122945

    #MGROnline #ทักษิณ #อนุทิน #พรรคภูมิใจไทย #ไม่เกี่ยวการเมือง
    "ทักษิณ" ยอมรับมิตรภาพกับพรรคภูมิใจไทย เปรียบเหมือนลิ้นกับฟัน กัดโดนกันบ้างเป็นธรรมดา แจง "เจ้าสัวกลาง" ชวนตีกอล์ฟ เลยชวน "อนุทิน" ไปร่วมในฐานะเพื่อนกันมา 20 ปี ไม่มีเรื่องการเมือง แต่ส่งรูปให้สื่อเอาไปลงกลายเป็นการเมือง • วันนี้ (23 ธ.ค. 67) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงการออกรอบตีกอล์ฟ ร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย, นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ และนายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปตท. จำกัด (มหาชน) ที่สนามกอล์ฟ Stone Hill club จ.ปทุมธานี ว่า สนุกดี เพราะไม่ค่อยได้ตี ตีโดนบ้างไม่โดนบ้าง ส่วนเป็นการสยบกระแส “อีแอบ” หรือไม่นั้น เมื่อวานนี้นายสารัชถ์ เป็นคนเชิญไป ไม่มีนักการเมือง แต่นายอนุทินเป็นเพื่อนกันมากว่า 20 ปี ก็เลยชวนในฐานะเพื่อน ปรากฏว่าไม่มีนักการเมือง แต่มีประเด็นการเมืองเยอะเลย ส่งรูปไปสื่อก็ลงเป็นการเมืองไปหมด โดยความจริงไม่มีอะไร • เมื่อถามย้ำว่า คุณกลาง (ชื่อเล่น นายสารัชถ์) ก็เลยเป็นตัวกลางในการเคลียร์กันใช่หรือไม่ นายทักษิณ ระบุว่า ก็ไม่รู้ว่าซ้ายขวาหรือเปล่า และไม่มีอะไรต้องเคลียร์เลยกับนายอนุทิน กติกาง่ายนิดเดียวคนเราเวลาอยู่ร่วมกันก็เคารพซึ่งกันและกัน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9670000122945 • #MGROnline #ทักษิณ #อนุทิน #พรรคภูมิใจไทย #ไม่เกี่ยวการเมือง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 รีวิว
  • Fill Your Pot Of Gold With 18 Brilliant Words For St. Patrick’s Day

    Every March, people around the world celebrate St. Patrick’s Day with parades, street parties, festivals, sing-alongs, arts exhibitions, and yes, green rivers (such as the Chicago River, dyed green with what’s essentially food coloring). What began as a feast day for the patron saint of Ireland has evolved into a worldwide celebration of Irish culture and heritage—and it’s hard to resist the temptation to look for a lucky four-leaf clover come St. Patrick’s Day.

    But there’s more to the day and the culture of Ireland than the color green or traditional celebrations. In honor of this special holiday, here are 18 interesting words to help you learn more about Irish history, culture, and the roots of St. Patrick’s Day.

    blarney

    Have you heard the one about the Blarney stone? Blarney means “flattering or wheedling talk; cajolery.” It’s often applied to insincere flattery that’s used to gain favor. The word, which was first recorded in English in the late 1700s, comes from the centuries old legend of the Blarney stone. It’s said that anyone who kisses the stone in Blarney Castle near Cork, Ireland, is given the gift of flattery and eloquence.

    “Erin go Bragh”

    Erin go Bragh is a popular expression of loyalty to, or affection for, Ireland, its people, and its culture. The phrase, which means “Ireland forever,” is an Anglicization of Éire go Brách, which translates to “Ireland till the end of time.” The phrase may have first come to use during the Irish Rebellion of 1798 as a rallying cry for Irish independence. In the time since, it’s been used in music, sports, and during celebrations like St. Patrick’s Day to celebrate Irish pride and culture.

    leprechaun

    Leprechauns originated in Irish folklore, but they’ve become a famous symbol all over the world. A leprechaun is a dwarf or sprite, often depicted as “a little old man who will reveal the location of a hidden crock of gold to anyone who catches him.” Though leprechauns are usually seen as joyful or mischievous, some representations of leprechauns feature offensive stereotypes that should be avoided. For example, the University of Notre Dame’s “fighting Irish” leprechaun has been voted one of the most offensive mascots in US sports.

    banshee

    Leprechauns aren’t the only well-known figures from folklore. In Irish legend, a banshee is “a spirit in the form of a wailing woman who appears to or is heard by members of a family as a sign that one of them is about to die.” The word comes from the Irish Gaelic bean sídh, which translates to “woman of the fairy mound.” In legends, banshees most often appear at night, and some believe they can only be seen by those of Irish descent.

    Saint Patrick

    Although the origin of St. Patrick’s Day is a mix of fact and legend, Saint Patrick was a real person. The day commemorates the feast of Saint Patrick, a ​​British-born missionary and bishop who became the patron saint of Ireland. Saint Patrick is believed to have been born Maewyn Succat, and later chose the Latin name Patricius, or Patrick in English and Pádraig in Irish. He is credited with bringing Christianity to Ireland and famously believed to have used the shamrock as a metaphor for the Holy Trinity.

    Emerald Isle

    Ireland is sometimes called the Emerald Isle. This poetic nickname for Ireland stems from the lush, green land and rolling hills that make up many parts of the country. Emerald green is a “clear, deep green color” most often associated with the gem of the same name. Green is strongly associated with Ireland not only because of the landscape and symbols like the shamrock, but also because of its use among people fighting for Irish independence throughout history.

    luck

    If you’ve ever searched for a four leaf clover, then you know a little something about the supposed link between Irish culture and luck. Luck is “the force that seems to operate for good or ill in a person’s life,” and many people believe Irish symbols, particularly those seen on St. Patrick’s Day, have a special ability to attract good luck. Maybe you’ve heard the phrase the luck of the Irish? This phrase is considered a cliché and is mostly only used in the US, but it’s an example of just how common it is to think Irish culture is imbued with potent powers of good luck. (Need a few more serendipitous ways to say lucky?)

    Gaelic

    You’ll notice many of the words on this list have Gaelic roots. Gaelic isn’t only one language. The term encompasses Celtic languages that include the speech of ancient Ireland and more modern dialects that have developed from it, especially Irish, Manx, and Scottish Gaelic. Though the term Irish Gaelic is sometimes used outside of Ireland, Irish is made up of distinct dialects that vary in vocabulary, pronunciation, and grammar, and the words Gaelic and Irish shouldn’t be used interchangeably.

    shamrock

    Shamrocks are among the most famous symbols of St. Patrick’s Day. ​​The word shamrock can describe a number of trifoliate, or three-leafed, plants but especially “a small, yellow-flowered clover: the national emblem of Ireland.” Shamrock comes from the Irish Gaelic seamrōg, or “clover.” Saint Patrick’s close association with Ireland and legendary use of the shamrock as a symbol for Christianity helped make it a symbol of Irish culture. These days, shamrocks are so popular there is even a Shamrock emoji.

    donnybrook

    In English, donnybrook means ​​”an inordinately wild fight or contentious dispute; brawl; free-for-all.” It comes from Donnybrook Fair, a traditional fair that was held in Donnybrook, county Dublin, Ireland, until 1855. The fair featured livestock and produce and later evolved into a carnival. It was ultimately shut down due to its reputation for brawls and raucous behavior. The word donnybrook entered English in the mid-1800s. Fun fact: the Donnybrook Fair grounds are now the Donnybrook Rugby Ground.

    bodhran

    Music is a big part of many St. Patrick’s Day celebrations, and some of it includes the bodhran. A bodhran is “a handheld, shallow Irish drum with a single goatskin head, played with a stick.” It’s often used in traditional Celtic folk music, and it’s known for its deep, distinct sound. Bodhran is borrowed in English from the Irish bodhrán, which derives from the middle Irish bodar, meaning “deafening, deaf.”

    Celtic

    The Celts were once the largest group in ancient Europe, and their influence on the language and culture remains prominent today, especially in Ireland. Celtic is a term for the family of languages that includes Irish, Scottish Gaelic, Welsh, and Breton. More broadly, Celtic refers to anything “of the Celts or their language.”

    limerick

    A limerick is “a kind of humorous verse of five lines.” It’s also a county in Ireland, and the two share an interesting link. The first known use of limerick referring to the poem comes from the late 1800s, and the word is thought to have originated as a part of a party game. People playing the game took turns making up nonsense verses, then everyone would sing the refrain: “Will you come up to Limerick?” The refrain referenced Limerick, the place, but later came to represent the poems themselves.

    clover

    It’s said that if you find a four-leaf clover, it will bring you good luck. So, is a clover the same thing as a shamrock? It’s complicated. Clover and shamrock are both used to describe plants from similar species. While shamrock derives from an Irish word, clover has roots in Old English. Clovers may have two, three, four, or more leaves, while the traditional shamrock that’s used as a symbol of Ireland has three. In other words, shamrocks are a type of clover, but not every clover is a shamrock.

    balbriggan

    There are many things that take their names from places in Ireland. Balbriggan is one. In addition to being a city in Ireland, balbriggan is “a plain-knit cotton fabric, used especially in hosiery and underwear.” The fabric was first made in the town of the same name, and the word has been in use in English since the mid-1800s.

    shillelagh

    A shillelagh is a cudgel, or club, traditionally made of blackthorn or oak, and it’s become a recognizable symbol of Irish culture in some St. Patrick’s Day celebrations. The name shillelagh comes from the Irish Síol Éiligh, the name of a town in County Wicklow, Ireland. The adjoining forest once provided the wood for the clubs, which are now sometimes carried in parades or sold as souvenirs.

    brogue

    Let’s hear it for the brogue. A brogue is “an Irish accent in the pronunciation of English.” Believe it or not, this term may be related to shoes. The word brogue can also refer to “a coarse, usually untanned leather shoe once worn in Ireland and Scotland.” It’s thought that brogue in reference to accents may be a special use of the word; it was first recorded in English in the early 1700s.

    rainbow

    Rainbows are often associated with Ireland and St. Patrick’s Day. Some legends say leprechauns leave gold at the ends of rainbows. There may also be a scientific explanation for Ireland’s close association with rainbows. A rainbow is an “arc of prismatic colors appearing in the heavens opposite the sun and caused by the refraction and reflection of the sun’s rays in drops of rain.” Because of its rainy climate and latitude, Ireland may actually have better conditions for the formation of frequent rainbows than other places.

    Copyright 2024, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    Fill Your Pot Of Gold With 18 Brilliant Words For St. Patrick’s Day Every March, people around the world celebrate St. Patrick’s Day with parades, street parties, festivals, sing-alongs, arts exhibitions, and yes, green rivers (such as the Chicago River, dyed green with what’s essentially food coloring). What began as a feast day for the patron saint of Ireland has evolved into a worldwide celebration of Irish culture and heritage—and it’s hard to resist the temptation to look for a lucky four-leaf clover come St. Patrick’s Day. But there’s more to the day and the culture of Ireland than the color green or traditional celebrations. In honor of this special holiday, here are 18 interesting words to help you learn more about Irish history, culture, and the roots of St. Patrick’s Day. blarney Have you heard the one about the Blarney stone? Blarney means “flattering or wheedling talk; cajolery.” It’s often applied to insincere flattery that’s used to gain favor. The word, which was first recorded in English in the late 1700s, comes from the centuries old legend of the Blarney stone. It’s said that anyone who kisses the stone in Blarney Castle near Cork, Ireland, is given the gift of flattery and eloquence. “Erin go Bragh” Erin go Bragh is a popular expression of loyalty to, or affection for, Ireland, its people, and its culture. The phrase, which means “Ireland forever,” is an Anglicization of Éire go Brách, which translates to “Ireland till the end of time.” The phrase may have first come to use during the Irish Rebellion of 1798 as a rallying cry for Irish independence. In the time since, it’s been used in music, sports, and during celebrations like St. Patrick’s Day to celebrate Irish pride and culture. leprechaun Leprechauns originated in Irish folklore, but they’ve become a famous symbol all over the world. A leprechaun is a dwarf or sprite, often depicted as “a little old man who will reveal the location of a hidden crock of gold to anyone who catches him.” Though leprechauns are usually seen as joyful or mischievous, some representations of leprechauns feature offensive stereotypes that should be avoided. For example, the University of Notre Dame’s “fighting Irish” leprechaun has been voted one of the most offensive mascots in US sports. banshee Leprechauns aren’t the only well-known figures from folklore. In Irish legend, a banshee is “a spirit in the form of a wailing woman who appears to or is heard by members of a family as a sign that one of them is about to die.” The word comes from the Irish Gaelic bean sídh, which translates to “woman of the fairy mound.” In legends, banshees most often appear at night, and some believe they can only be seen by those of Irish descent. Saint Patrick Although the origin of St. Patrick’s Day is a mix of fact and legend, Saint Patrick was a real person. The day commemorates the feast of Saint Patrick, a ​​British-born missionary and bishop who became the patron saint of Ireland. Saint Patrick is believed to have been born Maewyn Succat, and later chose the Latin name Patricius, or Patrick in English and Pádraig in Irish. He is credited with bringing Christianity to Ireland and famously believed to have used the shamrock as a metaphor for the Holy Trinity. Emerald Isle Ireland is sometimes called the Emerald Isle. This poetic nickname for Ireland stems from the lush, green land and rolling hills that make up many parts of the country. Emerald green is a “clear, deep green color” most often associated with the gem of the same name. Green is strongly associated with Ireland not only because of the landscape and symbols like the shamrock, but also because of its use among people fighting for Irish independence throughout history. luck If you’ve ever searched for a four leaf clover, then you know a little something about the supposed link between Irish culture and luck. Luck is “the force that seems to operate for good or ill in a person’s life,” and many people believe Irish symbols, particularly those seen on St. Patrick’s Day, have a special ability to attract good luck. Maybe you’ve heard the phrase the luck of the Irish? This phrase is considered a cliché and is mostly only used in the US, but it’s an example of just how common it is to think Irish culture is imbued with potent powers of good luck. (Need a few more serendipitous ways to say lucky?) Gaelic You’ll notice many of the words on this list have Gaelic roots. Gaelic isn’t only one language. The term encompasses Celtic languages that include the speech of ancient Ireland and more modern dialects that have developed from it, especially Irish, Manx, and Scottish Gaelic. Though the term Irish Gaelic is sometimes used outside of Ireland, Irish is made up of distinct dialects that vary in vocabulary, pronunciation, and grammar, and the words Gaelic and Irish shouldn’t be used interchangeably. shamrock Shamrocks are among the most famous symbols of St. Patrick’s Day. ​​The word shamrock can describe a number of trifoliate, or three-leafed, plants but especially “a small, yellow-flowered clover: the national emblem of Ireland.” Shamrock comes from the Irish Gaelic seamrōg, or “clover.” Saint Patrick’s close association with Ireland and legendary use of the shamrock as a symbol for Christianity helped make it a symbol of Irish culture. These days, shamrocks are so popular there is even a Shamrock emoji. donnybrook In English, donnybrook means ​​”an inordinately wild fight or contentious dispute; brawl; free-for-all.” It comes from Donnybrook Fair, a traditional fair that was held in Donnybrook, county Dublin, Ireland, until 1855. The fair featured livestock and produce and later evolved into a carnival. It was ultimately shut down due to its reputation for brawls and raucous behavior. The word donnybrook entered English in the mid-1800s. Fun fact: the Donnybrook Fair grounds are now the Donnybrook Rugby Ground. bodhran Music is a big part of many St. Patrick’s Day celebrations, and some of it includes the bodhran. A bodhran is “a handheld, shallow Irish drum with a single goatskin head, played with a stick.” It’s often used in traditional Celtic folk music, and it’s known for its deep, distinct sound. Bodhran is borrowed in English from the Irish bodhrán, which derives from the middle Irish bodar, meaning “deafening, deaf.” Celtic The Celts were once the largest group in ancient Europe, and their influence on the language and culture remains prominent today, especially in Ireland. Celtic is a term for the family of languages that includes Irish, Scottish Gaelic, Welsh, and Breton. More broadly, Celtic refers to anything “of the Celts or their language.” limerick A limerick is “a kind of humorous verse of five lines.” It’s also a county in Ireland, and the two share an interesting link. The first known use of limerick referring to the poem comes from the late 1800s, and the word is thought to have originated as a part of a party game. People playing the game took turns making up nonsense verses, then everyone would sing the refrain: “Will you come up to Limerick?” The refrain referenced Limerick, the place, but later came to represent the poems themselves. clover It’s said that if you find a four-leaf clover, it will bring you good luck. So, is a clover the same thing as a shamrock? It’s complicated. Clover and shamrock are both used to describe plants from similar species. While shamrock derives from an Irish word, clover has roots in Old English. Clovers may have two, three, four, or more leaves, while the traditional shamrock that’s used as a symbol of Ireland has three. In other words, shamrocks are a type of clover, but not every clover is a shamrock. balbriggan There are many things that take their names from places in Ireland. Balbriggan is one. In addition to being a city in Ireland, balbriggan is “a plain-knit cotton fabric, used especially in hosiery and underwear.” The fabric was first made in the town of the same name, and the word has been in use in English since the mid-1800s. shillelagh A shillelagh is a cudgel, or club, traditionally made of blackthorn or oak, and it’s become a recognizable symbol of Irish culture in some St. Patrick’s Day celebrations. The name shillelagh comes from the Irish Síol Éiligh, the name of a town in County Wicklow, Ireland. The adjoining forest once provided the wood for the clubs, which are now sometimes carried in parades or sold as souvenirs. brogue Let’s hear it for the brogue. A brogue is “an Irish accent in the pronunciation of English.” Believe it or not, this term may be related to shoes. The word brogue can also refer to “a coarse, usually untanned leather shoe once worn in Ireland and Scotland.” It’s thought that brogue in reference to accents may be a special use of the word; it was first recorded in English in the early 1700s. rainbow Rainbows are often associated with Ireland and St. Patrick’s Day. Some legends say leprechauns leave gold at the ends of rainbows. There may also be a scientific explanation for Ireland’s close association with rainbows. A rainbow is an “arc of prismatic colors appearing in the heavens opposite the sun and caused by the refraction and reflection of the sun’s rays in drops of rain.” Because of its rainy climate and latitude, Ireland may actually have better conditions for the formation of frequent rainbows than other places. Copyright 2024, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 656 มุมมอง 0 รีวิว
  • เที่ยว #อังกฤษ #เวลส์ #บาธ #ลอนดอน🔥🔥
    เริ่มต้น 59,900 จัดให้เที่ยวเต็มไม่มีอิสระ🎉😲

    🗓 จำนวนวัน 8 วัน 5 คืน
    ✈ HO-จูนเยาแอร์ไลนส์
    🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐

    📍 Stonehenge
    📍 Bibury Village
    📍 Old Trafford Stadium
    📍 Leicester City Stadium
    📍 Tower Bridge
    📍 London Eye
    📍 หอนาฬิกา Big Ben
    📍 ถนน Oxford
    📍 Bicester Village Outlet
    📍 Stratford upon Avon

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21ปี https://eTravelWay.com🔥
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8
    LINE ID: @etravelway.fire
    https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    ☎️: 021166395

    #ทัวร์อังกฤษ #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    เที่ยว #อังกฤษ #เวลส์ #บาธ #ลอนดอน🔥🔥 เริ่มต้น 59,900 จัดให้เที่ยวเต็มไม่มีอิสระ🎉😲 🗓 จำนวนวัน 8 วัน 5 คืน ✈ HO-จูนเยาแอร์ไลนส์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ 📍 Stonehenge 📍 Bibury Village 📍 Old Trafford Stadium 📍 Leicester City Stadium 📍 Tower Bridge 📍 London Eye 📍 หอนาฬิกา Big Ben 📍 ถนน Oxford 📍 Bicester Village Outlet 📍 Stratford upon Avon รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์อังกฤษ #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 728 มุมมอง 41 0 รีวิว
  • Add A Pop Of Color With The Vibrant Purple Synonyms

    When you hear the word purple, what pops into your head? Chances are it’s one of a huge number of different shades, ranging from pale lavender to deep burgundy. There are so many different colors that fall under the vast umbrella of purple, so when you’re writing or talking about something in the shade, it’s helpful to be a bit more specific. Shades of purple can be found on everything from fruit to plants to wild animals. Here are 15 unique and vibrant words you can use when talking about the color purple.

    lilac

    Lilac is a “pale, reddish purple” that might call to mind a stroll through a garden. The color is named for the purplish flowers that grow on the shrub of the same name. This pale violet color is at home in a spring scene or even in the color palette of a sunrise. First recorded in the early 1600s, the word lilac comes from the Persian līlak, meaning “bluish.”

    plum

    If you need a darker shade of purple, plum will do. Plum is “a deep purple varying from bluish to reddish.” Like many words on the list, plum gets its name from something in nature. In this case, it’s the fruit that grows on plum trees. It can be traced to the Greek proúmnē, or “plum tree,” and it has been in use in English since at least the 900s.

    violaceous

    Is it purple or is it violaceous? This adjective means “of a violet color; bluish-purple.” It’s a perfect descriptor for anything with purplish hues, from fruit to flowers to the looming mountains in the distance. Violaceous is related to violet and was first recorded in English in the mid-1600s.

    magenta

    Magenta is a “purplish red.” It’s also the name of a town in Italy where the French and Sardinians defeated Austrian troops in 1859. The color was named for this battle site, as the famous fight took place shortly before magenta dye was discovered. But why was the town called Magenta? The town’s name may trace back to the Roman emperor Marcus Aurelius Valerius Maxentius, who is believed to have had a headquarters there.

    amethyst

    Some shades of purple really shine. Amethyst is “a purplish tint,” consistent with the purple or violet color of a type of quartz that shares the same name. It has a surprising backstory. Though the word has been in use in English since the mid-1200s, it has roots in the Greek améthystos, meaning “not intoxicating, not intoxicated.” This is because it was once believed the stone amethyst could prevent intoxication.

    amaranthine

    If you’re describing a red wine or something else that’s “of purplish-red color,” consider amaranthine. Amaranthine is the color of amaranth, a flowering plant known for its striking foliage or flower clusters. Amaranth comes from the Latin amarantus, an alteration of the Greek amáranton, meaning “unfading flower.”

    periwinkle

    Is it blue or is it purple? If it’s periwinkle, it must be somewhere in between. Periwinkle means “a blue-violet color,” and it’s associated with myrtle, a trailing plant with evergreen foliage and blue-violet flowers. Periwinkle is a common color used on furniture or clothing. The word has been in use in English since before the year 1500.

    grape

    If you asked someone to name something purple, a grape would probably come to mind. Because of the appearance of the fruit, grape has also come to mean “a dull, dark purplish-red color.” When something is grape, it has the flat, muted shade we associate with grapes, and it may range from a very deep purple to one with shades of pink or red. Grape comes from Middle English and was first recorded in the early 1200s.

    lavender

    While the plant lavender is well known for its scent, it has also influenced the name of a well-known shade of purple. Lavender, as a color, is “a pale bluish purple.” It’s a popular choice for weddings. There’s even lavender ice cream! Lavender comes from the Medieval Latin lavendula, meaning “a plant livid in color.”

    wine

    Wine isn’t just a drink you have with dinner. It’s also “a dark reddish color, as of red wines.” Wine might describe the particular shade of purple you want to paint your kitchen or the pretty new lipstick that’s on sale at the cosmetics store. While wine certainly indicates a deep purple-red color, you could be even more specific by naming a certain type of wine. For example, burgundy can be used to mean a “grayish red-brown to dark blackish-purple.”

    violet

    As a flower, violets are known for their vibrant purple color. That’s why the “reddish-blue” color of the same name is called violet. Violet exists at the opposite end of the visible spectrum from red. You probably recognize it as the “V” in the abbreviation ROYGBIV, the colors of the rainbow. Typically, violet is more red in hue than a standard purple, like the color of the sky at sunset or the feathers of a Violet-backed starling.

    pomegranate

    Much like the fruit, pomegranate is a deep reddish or pinkish-purple color. Because of its complexity, it’s a great color for decorating. Pomegranate has been in use in English since at least the late 1200s, and it has a pretty straightforward origin. The name for the many-seeded fruit comes from the Medieval Latin pomum granatum, which literally means “a seedy apple.”

    heliotrope

    For a lighter shade of purple, give heliotrope a try. It’s “a light tint of purple; reddish lavender.” Not only is this word fun to say, but it also has a cool backstory. Like other purple shades, the color heliotrope shares its name with a plant. Helios is Greek for “sun,” while the Greek trópos means “a turn, change.” The plant heliotrope was named for the way its flowers and leaves turn towards the sun.

    orchid

    The word orchid calls to mind the delicate flowers of an orchid plant, which are sometimes a light “bluish to reddish purple color.” You can use orchid to talk about light shades of purple that fall somewhere between lilac and lavender. Orchid entered English in 1845 in the third edition of School Botany by John Lindley, and you might be surprised by its origins. This plant-name-turned-color can be traced to the Greek órchis, meaning “testicle.”

    perse

    Perse means “of a very deep shade of blue or purple.” You might use perse to describe fabric or pigments that are a deep indigo or even purple with hints of black. Though a less common term for purple, the word has been in use in English since the 1300s. It comes from the Middle English pers, perhaps a variant of the Medieval Latin persus, a kind of blue.

    Copyright 2024, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    Add A Pop Of Color With The Vibrant Purple Synonyms When you hear the word purple, what pops into your head? Chances are it’s one of a huge number of different shades, ranging from pale lavender to deep burgundy. There are so many different colors that fall under the vast umbrella of purple, so when you’re writing or talking about something in the shade, it’s helpful to be a bit more specific. Shades of purple can be found on everything from fruit to plants to wild animals. Here are 15 unique and vibrant words you can use when talking about the color purple. lilac Lilac is a “pale, reddish purple” that might call to mind a stroll through a garden. The color is named for the purplish flowers that grow on the shrub of the same name. This pale violet color is at home in a spring scene or even in the color palette of a sunrise. First recorded in the early 1600s, the word lilac comes from the Persian līlak, meaning “bluish.” plum If you need a darker shade of purple, plum will do. Plum is “a deep purple varying from bluish to reddish.” Like many words on the list, plum gets its name from something in nature. In this case, it’s the fruit that grows on plum trees. It can be traced to the Greek proúmnē, or “plum tree,” and it has been in use in English since at least the 900s. violaceous Is it purple or is it violaceous? This adjective means “of a violet color; bluish-purple.” It’s a perfect descriptor for anything with purplish hues, from fruit to flowers to the looming mountains in the distance. Violaceous is related to violet and was first recorded in English in the mid-1600s. magenta Magenta is a “purplish red.” It’s also the name of a town in Italy where the French and Sardinians defeated Austrian troops in 1859. The color was named for this battle site, as the famous fight took place shortly before magenta dye was discovered. But why was the town called Magenta? The town’s name may trace back to the Roman emperor Marcus Aurelius Valerius Maxentius, who is believed to have had a headquarters there. amethyst Some shades of purple really shine. Amethyst is “a purplish tint,” consistent with the purple or violet color of a type of quartz that shares the same name. It has a surprising backstory. Though the word has been in use in English since the mid-1200s, it has roots in the Greek améthystos, meaning “not intoxicating, not intoxicated.” This is because it was once believed the stone amethyst could prevent intoxication. amaranthine If you’re describing a red wine or something else that’s “of purplish-red color,” consider amaranthine. Amaranthine is the color of amaranth, a flowering plant known for its striking foliage or flower clusters. Amaranth comes from the Latin amarantus, an alteration of the Greek amáranton, meaning “unfading flower.” periwinkle Is it blue or is it purple? If it’s periwinkle, it must be somewhere in between. Periwinkle means “a blue-violet color,” and it’s associated with myrtle, a trailing plant with evergreen foliage and blue-violet flowers. Periwinkle is a common color used on furniture or clothing. The word has been in use in English since before the year 1500. grape If you asked someone to name something purple, a grape would probably come to mind. Because of the appearance of the fruit, grape has also come to mean “a dull, dark purplish-red color.” When something is grape, it has the flat, muted shade we associate with grapes, and it may range from a very deep purple to one with shades of pink or red. Grape comes from Middle English and was first recorded in the early 1200s. lavender While the plant lavender is well known for its scent, it has also influenced the name of a well-known shade of purple. Lavender, as a color, is “a pale bluish purple.” It’s a popular choice for weddings. There’s even lavender ice cream! Lavender comes from the Medieval Latin lavendula, meaning “a plant livid in color.” wine Wine isn’t just a drink you have with dinner. It’s also “a dark reddish color, as of red wines.” Wine might describe the particular shade of purple you want to paint your kitchen or the pretty new lipstick that’s on sale at the cosmetics store. While wine certainly indicates a deep purple-red color, you could be even more specific by naming a certain type of wine. For example, burgundy can be used to mean a “grayish red-brown to dark blackish-purple.” violet As a flower, violets are known for their vibrant purple color. That’s why the “reddish-blue” color of the same name is called violet. Violet exists at the opposite end of the visible spectrum from red. You probably recognize it as the “V” in the abbreviation ROYGBIV, the colors of the rainbow. Typically, violet is more red in hue than a standard purple, like the color of the sky at sunset or the feathers of a Violet-backed starling. pomegranate Much like the fruit, pomegranate is a deep reddish or pinkish-purple color. Because of its complexity, it’s a great color for decorating. Pomegranate has been in use in English since at least the late 1200s, and it has a pretty straightforward origin. The name for the many-seeded fruit comes from the Medieval Latin pomum granatum, which literally means “a seedy apple.” heliotrope For a lighter shade of purple, give heliotrope a try. It’s “a light tint of purple; reddish lavender.” Not only is this word fun to say, but it also has a cool backstory. Like other purple shades, the color heliotrope shares its name with a plant. Helios is Greek for “sun,” while the Greek trópos means “a turn, change.” The plant heliotrope was named for the way its flowers and leaves turn towards the sun. orchid The word orchid calls to mind the delicate flowers of an orchid plant, which are sometimes a light “bluish to reddish purple color.” You can use orchid to talk about light shades of purple that fall somewhere between lilac and lavender. Orchid entered English in 1845 in the third edition of School Botany by John Lindley, and you might be surprised by its origins. This plant-name-turned-color can be traced to the Greek órchis, meaning “testicle.” perse Perse means “of a very deep shade of blue or purple.” You might use perse to describe fabric or pigments that are a deep indigo or even purple with hints of black. Though a less common term for purple, the word has been in use in English since the 1300s. It comes from the Middle English pers, perhaps a variant of the Medieval Latin persus, a kind of blue. Copyright 2024, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 708 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Karat” vs. “Carat”: The Difference Between How These Measure All That Glitters

    When you’re buying gold and diamond jewelry, the difference between karats and carats can get confusing—and expensive—really fast.

    That’s because karat and carat are used in similar contexts in similar ways (as units of measure), and in some cases and places they can even overlap.

    We’ll break down what each word means, what exactly it measures, and review the different ways they’re used. We’ll even cover the homophones carrot and caret—and why there’s no such thing as 25-karat gold.

    Quick summary

    A carat is a unit of measure for the weight of gemstones, as in an eight-carat diamond or The jewel is 1 carat. In the US and other places, the word karat is typically used as a unit of measure for the purity of gold, as in 14-karat gold and 24-karat gold. In the UK and other places, the spelling carat is applied to both gems and gold.

    Is it karat or carat?

    Both spellings are used, but they can refer to different things in different places.

    The spelling carat is typically always used for the unit of measure for the weight of gemstones, as in a three-carat diamond.

    In the US and some other places, the word karat is used as a unit of measure for the purity of gold, as in 14-karat gold and 24-karat gold. In the UK and other places, the spelling carat is used for both gold and jewels.

    What does karat mean in gold?

    Pure gold is a very soft metal—it’s so soft it can be bent without even being heated. This makes it extremely inconvenient to make jewelry out of. It’s also very expensive. For these reasons, gold jewelry is often made from gold alloys, meaning gold mixed with some other metal.

    The amount of gold in an alloy is measured in karats (or carats, in the UK and some other places). The mix is divided into 24 karats, which are kind of like fractions of the metal.

    So, 14-karat gold is made of 14 parts gold out of 24 total parts (in other words, it’s about 58% gold). Gold labeled as 24-karat gold is pure gold, which is why it’s so expensive (and malleable). Karat is commonly abbreviated as k. Common karat values are 10k, 14k, 18k, 22k, and 24k (there is nothing above 24k gold, since it is pure gold).

    What does carat mean in gems?

    In the context of gemstones, and especially diamonds, carat refers to the weight of the stone. A carat is equivalent to .20 grams. In some systems, the weight of a diamond is divided into 100 points, with 100 points equaling one carat. Diamonds over 1 carat are typically described in terms of their carat value: a 2-carat diamond, a 3.5-carat diamond, and so on.

    Obviously, the heavier the diamond, the bigger it’s likely to be, so this measurement is often used, on a practical level, as a measure of how large the diamond is. The biggest diamond ever dug up was the 3,106-carat Cullinan Diamond. But the average size of a diamond in an engagement ring is around 1 carat or less.

    Carat vs. carrot (vs. caret)

    Here’s a golden nugget of etymology, a real gem: the word karat is a variant of the word carat, which comes from the Medieval Latin carratus, a term once used by alchemists. It comes from Arabic qīrāṭ, meaning “weight of 4 grains,” from the Greek kerátion, meaning “carob bean,” “weight of 3.333 grains,” or, literally, “little horn.”

    That little horn might bring to mind the somewhat hornlike appearance of a carrot, and in fact carrot has a distant etymological connection with carat. Carrot is rooted in the Greek kárē, meaning “head.”

    Interestingly, the mark known as a caret (‸)—the one used to show where something should be inserted—kind of looks like a carrot, but its name is not etymologically related to carrot or carat. It comes from the Latin meaning “(there) is missing,” from the verb carēre, meaning “to be without.”

    Examples of karat and carat used in a sentence

    Here are some examples that show how karat and carat are commonly used.

    - My parents bought me 24-karat gold earrings for my birthday!
    - At 18 karats, this bracelet is a less expensive option.
    - They keep a 10-carat diamond in the vault.
    - The ring will be set with a jewel of three carats.

    Copyright 2024, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    “Karat” vs. “Carat”: The Difference Between How These Measure All That Glitters When you’re buying gold and diamond jewelry, the difference between karats and carats can get confusing—and expensive—really fast. That’s because karat and carat are used in similar contexts in similar ways (as units of measure), and in some cases and places they can even overlap. We’ll break down what each word means, what exactly it measures, and review the different ways they’re used. We’ll even cover the homophones carrot and caret—and why there’s no such thing as 25-karat gold. Quick summary A carat is a unit of measure for the weight of gemstones, as in an eight-carat diamond or The jewel is 1 carat. In the US and other places, the word karat is typically used as a unit of measure for the purity of gold, as in 14-karat gold and 24-karat gold. In the UK and other places, the spelling carat is applied to both gems and gold. Is it karat or carat? Both spellings are used, but they can refer to different things in different places. The spelling carat is typically always used for the unit of measure for the weight of gemstones, as in a three-carat diamond. In the US and some other places, the word karat is used as a unit of measure for the purity of gold, as in 14-karat gold and 24-karat gold. In the UK and other places, the spelling carat is used for both gold and jewels. What does karat mean in gold? Pure gold is a very soft metal—it’s so soft it can be bent without even being heated. This makes it extremely inconvenient to make jewelry out of. It’s also very expensive. For these reasons, gold jewelry is often made from gold alloys, meaning gold mixed with some other metal. The amount of gold in an alloy is measured in karats (or carats, in the UK and some other places). The mix is divided into 24 karats, which are kind of like fractions of the metal. So, 14-karat gold is made of 14 parts gold out of 24 total parts (in other words, it’s about 58% gold). Gold labeled as 24-karat gold is pure gold, which is why it’s so expensive (and malleable). Karat is commonly abbreviated as k. Common karat values are 10k, 14k, 18k, 22k, and 24k (there is nothing above 24k gold, since it is pure gold). What does carat mean in gems? In the context of gemstones, and especially diamonds, carat refers to the weight of the stone. A carat is equivalent to .20 grams. In some systems, the weight of a diamond is divided into 100 points, with 100 points equaling one carat. Diamonds over 1 carat are typically described in terms of their carat value: a 2-carat diamond, a 3.5-carat diamond, and so on. Obviously, the heavier the diamond, the bigger it’s likely to be, so this measurement is often used, on a practical level, as a measure of how large the diamond is. The biggest diamond ever dug up was the 3,106-carat Cullinan Diamond. But the average size of a diamond in an engagement ring is around 1 carat or less. Carat vs. carrot (vs. caret) Here’s a golden nugget of etymology, a real gem: the word karat is a variant of the word carat, which comes from the Medieval Latin carratus, a term once used by alchemists. It comes from Arabic qīrāṭ, meaning “weight of 4 grains,” from the Greek kerátion, meaning “carob bean,” “weight of 3.333 grains,” or, literally, “little horn.” That little horn might bring to mind the somewhat hornlike appearance of a carrot, and in fact carrot has a distant etymological connection with carat. Carrot is rooted in the Greek kárē, meaning “head.” Interestingly, the mark known as a caret (‸)—the one used to show where something should be inserted—kind of looks like a carrot, but its name is not etymologically related to carrot or carat. It comes from the Latin meaning “(there) is missing,” from the verb carēre, meaning “to be without.” Examples of karat and carat used in a sentence Here are some examples that show how karat and carat are commonly used. - My parents bought me 24-karat gold earrings for my birthday! - At 18 karats, this bracelet is a less expensive option. - They keep a 10-carat diamond in the vault. - The ring will be set with a jewel of three carats. Copyright 2024, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 712 มุมมอง 0 รีวิว
  • What’s In A Name: The Laws That Apply When Naming Your Baby

    Can you really name your baby that?!

    Picking a baby name that everyone (from grandma to the grocery clerk) likes can be a fruitless, futile endeavor. Coming up with one that confounds the whole world is seemingly a lot easier. Take Elon Musk, chief of Tesla and SpaceX, and singer Grimes, who recently announced the birth of their daughter, Exa Dark Sideræl, or “Y” for short. The “Y” makes more sense when you know that their older son is named X Æ A-12. (Yes, we’re talking about their human son, not the name of a new car or spacecraft.)

    Sometimes, parents decide a name change is in order—like when celebrity couple Kylie Jenner and Travis Scott announced that they were going to change their son’s name from Wolf to one that better suits him. In other cases, though, a name change is not a matter of preference but of legality.

    Is a baby name with numbers and symbols legal?

    Call it peculiar, perplexing, or sensationalistic, but one thing you may not be able to call X Æ A-12 is … legal. When it comes to baby names, the fact is parents don’t always have free rein to choose any name they like. There are laws that limit their choices. These laws vary by state, and they’re arbitrary at best, but they are laws that appear in the books. While some states have strict laws that prohibit obscenities, numbers, and names that are too long, other states have no restrictions.

    Take laid-back California, which isn’t so laid back when it comes to baby names. In fact, the state won’t even allow accent marks and other diacritical marks in names like José. This restriction originated in 1986, when Proposition 63 established English as the California’s official language. Names must only contain “the 26 alphabetical characters of the English language with appropriate punctuation if necessary.” And guess where little X Æ A-12 was born? That’s right: the Golden State.

    It seems that for now, a California birth certificate can be completed with single dashes in the spaces for first, middle, and last names, and a legal name can be added later, which is exactly what Elon and Grimes have done for their son.

    Will he ever need a legal name? Not necessarily. He won’t be arrested for not having one, but he will need one if he wants to obtain a Social Security number, passport, or driver’s license. His parents could consider tweaking his name a bit to make the legal cut, perhaps by spelling out some of the characters as David and Victoria Beckham did with their daughter, Harper Seven.

    Why are there laws about baby names?

    Not only are baby name laws inconsistent across the country, but if they are meant to protect children from controversial or embarrassing names, they often miss the boat. For example, in a well-publicized New Jersey case, a couple named their son Adolf Hitler Campbell, which is somehow permissible under the state’s law. The law bans names that contain “obscenity, numerals, symbols, or a combination of letters, numerals, or symbols…”, but naming a child after a mass murderer is A-OK.

    In most cases, the United States is pretty relaxed about what you can name your child when it comes to the stigma or meaning a name may carry.

    However there are some really bizarre cases where baby names have not been allowed in the good ol’ US. For example, in 2013, a Tennessee judge ordered that a baby’s name be changed to Martin instead of Messiah. Her reasoning: “The word Messiah is a title and it’s a title that has only been earned by one person and that one person is Jesus Christ.” That reasoning was later overturned, however, and the baby’s name was changed back to Messiah.

    And in Georgia, a couple eventually won a legal battle to give their daughter the surname Allah. The court’s original objection to the name wasn’t any implied meaning, but rather that neither parent had that last name. Plus we don’t have to look far for celebrities who chose rather unusual baby names that have gone unchallenged. Penn Jillette named his child Moxie CrimeFighter, and Nicolas Cage chose Kal-El Coppola, to name a few—all of those passed the legal test.

    Whether or not naming moderation is the government’s business is up for debate. Usually, states challenge names for reasons of practicality; for example, a record-keeping software may only allow a certain number of characters or not allow numerical digits. In Arkansas, you can’t name your child Test, Unk, Void, Baby Boy, Infant, or a handful of other names, because its system won’t accept them. In Hawaii, parents can include symbols in names, but for each one, there has to be at least one number too. In New Hampshire, the baby’s first, middle, and last names can’t exceed 100 characters in total.

    According to constitutional law expert Carlton F.W. Larson (writing in the The George Washington Law Review), baby naming “is a legal universe that has scarcely been mapped, full of strange lacunae, spotty statutory provisions, and patchy, inconsistent caselaw.”

    Are there naming laws in other countries?

    Naming laws around the world vary even more and are often even more stringent than those in the United States.

    In France, for example, parents have been banned from giving their children names that would “lead to a childhood of mockery,” such as Prince William and Mini Cooper. In Germany, a court ruled that a couple couldn’t name their child Stone because “a child cannot identify with it, because it is an object.” Möwe (“seagull”) was rejected as well, because the bird is “a nuisance and is seen as a pest and would therefore degrade the child.” In Denmark, parents must select from a list of pre-approved names, and if they want to use one that’s not on the list, they must get special permission.

    In any case, if you’re planning on having a baby, you may want to check the laws in your locale before you get too attached to a name. Of course, even if your favorite name doesn’t make the grade, nicknames are a whole other, unrestricted territory. Anyone who has ever had a sobriquet like Stinky or Pickle Pop may wish there were some more stringent laws governing them, too.

    Copyright 2024, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    What’s In A Name: The Laws That Apply When Naming Your Baby Can you really name your baby that?! Picking a baby name that everyone (from grandma to the grocery clerk) likes can be a fruitless, futile endeavor. Coming up with one that confounds the whole world is seemingly a lot easier. Take Elon Musk, chief of Tesla and SpaceX, and singer Grimes, who recently announced the birth of their daughter, Exa Dark Sideræl, or “Y” for short. The “Y” makes more sense when you know that their older son is named X Æ A-12. (Yes, we’re talking about their human son, not the name of a new car or spacecraft.) Sometimes, parents decide a name change is in order—like when celebrity couple Kylie Jenner and Travis Scott announced that they were going to change their son’s name from Wolf to one that better suits him. In other cases, though, a name change is not a matter of preference but of legality. Is a baby name with numbers and symbols legal? Call it peculiar, perplexing, or sensationalistic, but one thing you may not be able to call X Æ A-12 is … legal. When it comes to baby names, the fact is parents don’t always have free rein to choose any name they like. There are laws that limit their choices. These laws vary by state, and they’re arbitrary at best, but they are laws that appear in the books. While some states have strict laws that prohibit obscenities, numbers, and names that are too long, other states have no restrictions. Take laid-back California, which isn’t so laid back when it comes to baby names. In fact, the state won’t even allow accent marks and other diacritical marks in names like José. This restriction originated in 1986, when Proposition 63 established English as the California’s official language. Names must only contain “the 26 alphabetical characters of the English language with appropriate punctuation if necessary.” And guess where little X Æ A-12 was born? That’s right: the Golden State. It seems that for now, a California birth certificate can be completed with single dashes in the spaces for first, middle, and last names, and a legal name can be added later, which is exactly what Elon and Grimes have done for their son. Will he ever need a legal name? Not necessarily. He won’t be arrested for not having one, but he will need one if he wants to obtain a Social Security number, passport, or driver’s license. His parents could consider tweaking his name a bit to make the legal cut, perhaps by spelling out some of the characters as David and Victoria Beckham did with their daughter, Harper Seven. Why are there laws about baby names? Not only are baby name laws inconsistent across the country, but if they are meant to protect children from controversial or embarrassing names, they often miss the boat. For example, in a well-publicized New Jersey case, a couple named their son Adolf Hitler Campbell, which is somehow permissible under the state’s law. The law bans names that contain “obscenity, numerals, symbols, or a combination of letters, numerals, or symbols…”, but naming a child after a mass murderer is A-OK. In most cases, the United States is pretty relaxed about what you can name your child when it comes to the stigma or meaning a name may carry. However there are some really bizarre cases where baby names have not been allowed in the good ol’ US. For example, in 2013, a Tennessee judge ordered that a baby’s name be changed to Martin instead of Messiah. Her reasoning: “The word Messiah is a title and it’s a title that has only been earned by one person and that one person is Jesus Christ.” That reasoning was later overturned, however, and the baby’s name was changed back to Messiah. And in Georgia, a couple eventually won a legal battle to give their daughter the surname Allah. The court’s original objection to the name wasn’t any implied meaning, but rather that neither parent had that last name. Plus we don’t have to look far for celebrities who chose rather unusual baby names that have gone unchallenged. Penn Jillette named his child Moxie CrimeFighter, and Nicolas Cage chose Kal-El Coppola, to name a few—all of those passed the legal test. Whether or not naming moderation is the government’s business is up for debate. Usually, states challenge names for reasons of practicality; for example, a record-keeping software may only allow a certain number of characters or not allow numerical digits. In Arkansas, you can’t name your child Test, Unk, Void, Baby Boy, Infant, or a handful of other names, because its system won’t accept them. In Hawaii, parents can include symbols in names, but for each one, there has to be at least one number too. In New Hampshire, the baby’s first, middle, and last names can’t exceed 100 characters in total. According to constitutional law expert Carlton F.W. Larson (writing in the The George Washington Law Review), baby naming “is a legal universe that has scarcely been mapped, full of strange lacunae, spotty statutory provisions, and patchy, inconsistent caselaw.” Are there naming laws in other countries? Naming laws around the world vary even more and are often even more stringent than those in the United States. In France, for example, parents have been banned from giving their children names that would “lead to a childhood of mockery,” such as Prince William and Mini Cooper. In Germany, a court ruled that a couple couldn’t name their child Stone because “a child cannot identify with it, because it is an object.” Möwe (“seagull”) was rejected as well, because the bird is “a nuisance and is seen as a pest and would therefore degrade the child.” In Denmark, parents must select from a list of pre-approved names, and if they want to use one that’s not on the list, they must get special permission. In any case, if you’re planning on having a baby, you may want to check the laws in your locale before you get too attached to a name. Of course, even if your favorite name doesn’t make the grade, nicknames are a whole other, unrestricted territory. Anyone who has ever had a sobriquet like Stinky or Pickle Pop may wish there were some more stringent laws governing them, too. Copyright 2024, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 919 มุมมอง 0 รีวิว
  • บางส่วนของคนดังฮอลลี่วูดที่ประกาศ "ย้ายประเทศ" หากโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

    - บาร์บรา สไตรแซนด์ (Barbra Streisand) จะย้ายไปอยู่อังกฤษ “อาจจะไปอังกฤษ ฉันชอบอังกฤษ” เธอกล่าวในระหว่างร่วมรายการ The Late Show with Stephen Colbert เธอ "ไม่สามารถอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ" ได้ หากทรัมป์ประสบความสำเร็จในการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง นอกจากนี้บาร์บรา ยังกล่าวสนับสนุนไบเดนว่า "ฉันชอบไบเดน ฉันคิดว่าเขาทำหน้าที่ได้ดี ฉันคิดว่าเขามีเมตตา เขาฉลาด เขาสนับสนุนสิ่งที่ถูกต้อง"

    - Cher (แชร์) นักร้องและนักแสดงชื่อดัง กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ The Guardian ถึงความสยดสยองเมื่อนึกถึงการที่ทรัมป์จะกลับมาที่ทำเนียบขาวอีกครั้ง “ฉันต้องเป็นแผลในกระเพาะเมื่อครั้งที่แล้ว ที่เขาดำรงตำแหน่ง เพราะฉันเครียดกับการกระทำของเขา” “ถ้าเขากลับเข้ามาได้อีกครั้ง คราวนี้ฉันคงต้องออกจากประเทศนี้” - เมื่อ 8 ปีที่แล้ว แชร์เคยประกาศจะออกจากสหรัฐไปแล้วครั้งหนึ่ง หากทรัมป์ได้รับการเสนอชื่อจากรีพับลิกันให้เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี แต่จนแล้งจนรอดเธอก็อาศัยอยูามาจนถึงการเป็นประธานาธิบดีสมัยที่สองของทรัมป์ และเธอก็ประกาศอีกครั้ง!

    - ชารอน สโตน (Sharon Stone) กล่าวในช่วงที่ทรัมป์กำลังหาเสียงว่า จะย้ายไปอยู่ในอิตาลีหากทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง “ฉันคิดว่านี่เป็นความคิดที่ฉลาดที่สุดของฉัน” นอกจากนี้ เธอยังวิจารณ์ทรัมป์ว่า “นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของฉัน ที่ฉันเห็นคนลงสมัครรับเลือกตั้ง ชูนโยบายแห่งความเกลียดชังและการกดขี่”

    - ไมลีย์ ไซรัส (Miley Cyrus) โพสต์บนอินสตาแกรมของเธอว่า จะย้ายประเทศ ถ้าทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี เธอยังยืนยันหลังจากมีนักข่าวสอบถามอีกว่า เธอจะไม่พูดอะไรในสิ่งที่ตัวเธอไม่ได้คิดอย่างนั้นจริงๆ

    - ลีน่า ดันแฮม (Lena Dunham) ดาราสาวจากซีรีส์ Girls ประกาศอย่างมุ่งมั่นว่าเธอจะย้ายไปแคนาดา!

    - วูปี้ โกลด์เบิร์ก (Whoopi Goldberg) ดาราสาวเจ้าของรางวัลออสการ์เรื่อง Ghost ให้นิยามตัวทรัมว่าเป็นบุคคลที่ "ไร้สาระ" และประกาศหลายครั้งว่าหากทรัมป์ชนะ เธอจะย้ายไปอยู่แคนาดา!
    บางส่วนของคนดังฮอลลี่วูดที่ประกาศ "ย้ายประเทศ" หากโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ - บาร์บรา สไตรแซนด์ (Barbra Streisand) จะย้ายไปอยู่อังกฤษ “อาจจะไปอังกฤษ ฉันชอบอังกฤษ” เธอกล่าวในระหว่างร่วมรายการ The Late Show with Stephen Colbert เธอ "ไม่สามารถอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ" ได้ หากทรัมป์ประสบความสำเร็จในการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง นอกจากนี้บาร์บรา ยังกล่าวสนับสนุนไบเดนว่า "ฉันชอบไบเดน ฉันคิดว่าเขาทำหน้าที่ได้ดี ฉันคิดว่าเขามีเมตตา เขาฉลาด เขาสนับสนุนสิ่งที่ถูกต้อง" - Cher (แชร์) นักร้องและนักแสดงชื่อดัง กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ The Guardian ถึงความสยดสยองเมื่อนึกถึงการที่ทรัมป์จะกลับมาที่ทำเนียบขาวอีกครั้ง “ฉันต้องเป็นแผลในกระเพาะเมื่อครั้งที่แล้ว ที่เขาดำรงตำแหน่ง เพราะฉันเครียดกับการกระทำของเขา” “ถ้าเขากลับเข้ามาได้อีกครั้ง คราวนี้ฉันคงต้องออกจากประเทศนี้” - เมื่อ 8 ปีที่แล้ว แชร์เคยประกาศจะออกจากสหรัฐไปแล้วครั้งหนึ่ง หากทรัมป์ได้รับการเสนอชื่อจากรีพับลิกันให้เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี แต่จนแล้งจนรอดเธอก็อาศัยอยูามาจนถึงการเป็นประธานาธิบดีสมัยที่สองของทรัมป์ และเธอก็ประกาศอีกครั้ง! - ชารอน สโตน (Sharon Stone) กล่าวในช่วงที่ทรัมป์กำลังหาเสียงว่า จะย้ายไปอยู่ในอิตาลีหากทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง “ฉันคิดว่านี่เป็นความคิดที่ฉลาดที่สุดของฉัน” นอกจากนี้ เธอยังวิจารณ์ทรัมป์ว่า “นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของฉัน ที่ฉันเห็นคนลงสมัครรับเลือกตั้ง ชูนโยบายแห่งความเกลียดชังและการกดขี่” - ไมลีย์ ไซรัส (Miley Cyrus) โพสต์บนอินสตาแกรมของเธอว่า จะย้ายประเทศ ถ้าทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี เธอยังยืนยันหลังจากมีนักข่าวสอบถามอีกว่า เธอจะไม่พูดอะไรในสิ่งที่ตัวเธอไม่ได้คิดอย่างนั้นจริงๆ - ลีน่า ดันแฮม (Lena Dunham) ดาราสาวจากซีรีส์ Girls ประกาศอย่างมุ่งมั่นว่าเธอจะย้ายไปแคนาดา! - วูปี้ โกลด์เบิร์ก (Whoopi Goldberg) ดาราสาวเจ้าของรางวัลออสการ์เรื่อง Ghost ให้นิยามตัวทรัมว่าเป็นบุคคลที่ "ไร้สาระ" และประกาศหลายครั้งว่าหากทรัมป์ชนะ เธอจะย้ายไปอยู่แคนาดา!
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 438 มุมมอง 0 รีวิว
  • Pun, Pangrams, Palindromes, And More: Discover Types Of Word Play

    Words are powerful, and a masterful use of words can change the world. At the same time, words have a fun side to them too. While the English language often seems to exist purely to confuse us, English also has a silly side that can make us laugh and smile. Are you skeptical? Well, we have dug deep into the English toy box to find a bunch of different ways we can play with words. Fair warning: those that have a low tolerance for dad jokes will want to leave immediately.

    Puns

    By definition, a pun is a humorous use of a word with multiple meanings or a funny use of a word as a substitute for a similar sounding word. The related terms punning, play on words, and paronomasia are often used to refer to the act of making puns. The term double entendre refers to a type of wordplay that also uses words with multiple meanings, albeit usually in a more risqué manner than a whimsical pun.

    Examples of puns

    Puns that involve words with multiple meanings:

    The young monkeys went to the jungle gym for some exercise.
    The investor in the bakery demanded a larger piece of the pie.
    The art competition ended in a draw.
    The maestro turned away from the orchestra as they told him the bad news; he couldn’t face the music.

    Puns that involve similar sounding words:

    - She claimed the big cat was a tiger, but we knew she was lion.
    - When he asked me what the flowers should smell like, I told him to use common scents.
    - As it turned out, the runners themselves had rigged the race. It was an inside jog.
    - The negotiations over the birds went poorly; neither side would give a finch.

    Tom Swifty

    A Tom Swifty is a fun use of words that follows a quote, usually said by a fictional Tom, using a punny adverb. The term Tom Swifty was coined by writer Willard Espy and named after the Tom Swift series of books, which tended to use a lot of adverbs to describe dialogue.

    Examples of Tom Swifties

    “I have frostbite,” Tom said coldly.
    “I’m stocked on all the essentials,” Jess said needlessly.
    “We feel really bad about what we did,” the children said shamefully.

    Stinky Pinky

    Stinky pinky, also known as stinky pinkie and by many other names, is a word game in which players try to guess a rhyming phrase based on a definition. The phrase “stinky pinky” itself is a possible answer when playing the game. It is unknown who invented the game or named it, but word games with the name “stinky pinky” can be traced back to at least the 1940s.

    Stinky Pinky examples

    Clue: “Stone timepiece” Answer: Rock clock.
    Clue: “Road pork” Answer: Street meat.
    Clue: “A young cat’s gloves” Answer: Kitten’s mittens.

    Spoonerisms

    A spoonerism is a, usually accidental, swapping of initial sounds of two words. The term spoonerism is named for Oxford lecturer William Archibald Spooner, a notoriously nervous speaker who often swapped the beginnings of words when he spoke publicly.

    Spoonerism examples

    - It is tinner dime. (“dinner time”)
    - He used to work on a bail soat. (“sail boat”)
    - Happy dogs love to tag their wails. (“wag their tails”)

    Kennings

    A kenning is a metaphorical or poetic phrase that is conventionally used in place of another term.

    Kenning examples

    gumshoe = a detective
    pencil pusher = an office worker
    tree-hugger = an environmentalist

    Pig Latin

    Pig Latin is a form of language, usually used by children, in which the first consonant or consonant sound is placed at the end of a word followed by the sound ā (written as “ay”).

    Example: Ancay ouyay eakspay igpay atinlay? (“Can you speak pig Latin?”)

    Palindromes

    A palindrome is a word, phrase, or sentence that reads the same if read forward or backward.

    Palindrome examples

    Single words:

    madam
    eve
    noon

    Multiple words:

    dog god
    ward draw
    live evil

    Sentences:

    A man, a plan, a canal. Panama!
    Madam, I’m Adam!
    Was it a cat I saw?

    Anagrams

    An anagram is a word, phrase, or sentence formed by rearranging the letters of another.

    Anagram examples

    porter is an anagram of report
    attics is an anagram of static
    pub toss is an anagram of bus stop

    Antigrams

    An antigram is an anagram that means the opposite of the original word or phrase it was formed from.

    Examples

    on the sly is an antigram of honestly
    arise late is an antigram of earliest
    over fifty is an antigram of forty-five

    Pangrams

    A pangram is a phrase or sentence that includes every letter of the alphabet. The quick brown fox jumps over the lazy dog is a famous example of a pangram. Some other fun examples of things that rely on alphabet-based challenges include lipograms, heterograms, tautograms, autograms, and kangaroo words.

    Ambigrams

    An ambigram is a word or visual design that reads the same or creates a new word or image when flipped upside down or reversed. For example, the word dollop is an example of an ambigram because it would still theoretically read as “dollop” even when turned upside down.

    Acrostics

    An acrostic is a set of lines or verses where certain letters spell out a hidden message.

    Example:

    Curious
    Agile
    Territorial
    Smart

    Backronyms

    A backronym is an existing word turned into an acronym by creating an appropriate phrase that it could serve as an acronym for.

    Examples

    Ghost is a backronym of “ghoul haunting our spooky town.”
    Car is a backronym of “carrying all riders.”
    Alligator is a backronym of “a large lizard is grinning at the other reptiles.”

    Rhyming, alliteration, assonance, and consonance

    These four words all have to do with using words that have similar sounds. Most people are familiar with rhyming, which typically refers to using words with similar-sounding endings as in The big pig ate a fig. The word alliteration means to use words with similar-sounding beginnings or words that start with the same letter. Assonance means to use similar-sounding vowels anywhere in words when rhyming, whereas consonance means to use similar-sounding consonant sounds anywhere in words when making a rhyme.

    Alliteration examples

    She sells seashells by the sea shore.
    Big bunnies bounded behind busy birds.
    Ten tenants took twenty tents to Thailand.

    Assonance examples

    We see these bees.
    Leave the cleaver for the skeevy beaver.
    Doodle the Cool Poodle wants oodles of noodle strudel.

    Consonance examples

    Look! The crook took cook books!
    Ross, toss the sauce to our boss Joss.
    We heard the third nerdy bird’s words.

    Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    Pun, Pangrams, Palindromes, And More: Discover Types Of Word Play Words are powerful, and a masterful use of words can change the world. At the same time, words have a fun side to them too. While the English language often seems to exist purely to confuse us, English also has a silly side that can make us laugh and smile. Are you skeptical? Well, we have dug deep into the English toy box to find a bunch of different ways we can play with words. Fair warning: those that have a low tolerance for dad jokes will want to leave immediately. Puns By definition, a pun is a humorous use of a word with multiple meanings or a funny use of a word as a substitute for a similar sounding word. The related terms punning, play on words, and paronomasia are often used to refer to the act of making puns. The term double entendre refers to a type of wordplay that also uses words with multiple meanings, albeit usually in a more risqué manner than a whimsical pun. Examples of puns Puns that involve words with multiple meanings: The young monkeys went to the jungle gym for some exercise. The investor in the bakery demanded a larger piece of the pie. The art competition ended in a draw. The maestro turned away from the orchestra as they told him the bad news; he couldn’t face the music. Puns that involve similar sounding words: - She claimed the big cat was a tiger, but we knew she was lion. - When he asked me what the flowers should smell like, I told him to use common scents. - As it turned out, the runners themselves had rigged the race. It was an inside jog. - The negotiations over the birds went poorly; neither side would give a finch. Tom Swifty A Tom Swifty is a fun use of words that follows a quote, usually said by a fictional Tom, using a punny adverb. The term Tom Swifty was coined by writer Willard Espy and named after the Tom Swift series of books, which tended to use a lot of adverbs to describe dialogue. Examples of Tom Swifties “I have frostbite,” Tom said coldly. “I’m stocked on all the essentials,” Jess said needlessly. “We feel really bad about what we did,” the children said shamefully. Stinky Pinky Stinky pinky, also known as stinky pinkie and by many other names, is a word game in which players try to guess a rhyming phrase based on a definition. The phrase “stinky pinky” itself is a possible answer when playing the game. It is unknown who invented the game or named it, but word games with the name “stinky pinky” can be traced back to at least the 1940s. Stinky Pinky examples Clue: “Stone timepiece” Answer: Rock clock. Clue: “Road pork” Answer: Street meat. Clue: “A young cat’s gloves” Answer: Kitten’s mittens. Spoonerisms A spoonerism is a, usually accidental, swapping of initial sounds of two words. The term spoonerism is named for Oxford lecturer William Archibald Spooner, a notoriously nervous speaker who often swapped the beginnings of words when he spoke publicly. Spoonerism examples - It is tinner dime. (“dinner time”) - He used to work on a bail soat. (“sail boat”) - Happy dogs love to tag their wails. (“wag their tails”) Kennings A kenning is a metaphorical or poetic phrase that is conventionally used in place of another term. Kenning examples gumshoe = a detective pencil pusher = an office worker tree-hugger = an environmentalist Pig Latin Pig Latin is a form of language, usually used by children, in which the first consonant or consonant sound is placed at the end of a word followed by the sound ā (written as “ay”). Example: Ancay ouyay eakspay igpay atinlay? (“Can you speak pig Latin?”) Palindromes A palindrome is a word, phrase, or sentence that reads the same if read forward or backward. Palindrome examples Single words: madam eve noon Multiple words: dog god ward draw live evil Sentences: A man, a plan, a canal. Panama! Madam, I’m Adam! Was it a cat I saw? Anagrams An anagram is a word, phrase, or sentence formed by rearranging the letters of another. Anagram examples porter is an anagram of report attics is an anagram of static pub toss is an anagram of bus stop Antigrams An antigram is an anagram that means the opposite of the original word or phrase it was formed from. Examples on the sly is an antigram of honestly arise late is an antigram of earliest over fifty is an antigram of forty-five Pangrams A pangram is a phrase or sentence that includes every letter of the alphabet. The quick brown fox jumps over the lazy dog is a famous example of a pangram. Some other fun examples of things that rely on alphabet-based challenges include lipograms, heterograms, tautograms, autograms, and kangaroo words. Ambigrams An ambigram is a word or visual design that reads the same or creates a new word or image when flipped upside down or reversed. For example, the word dollop is an example of an ambigram because it would still theoretically read as “dollop” even when turned upside down. Acrostics An acrostic is a set of lines or verses where certain letters spell out a hidden message. Example: Curious Agile Territorial Smart Backronyms A backronym is an existing word turned into an acronym by creating an appropriate phrase that it could serve as an acronym for. Examples Ghost is a backronym of “ghoul haunting our spooky town.” Car is a backronym of “carrying all riders.” Alligator is a backronym of “a large lizard is grinning at the other reptiles.” Rhyming, alliteration, assonance, and consonance These four words all have to do with using words that have similar sounds. Most people are familiar with rhyming, which typically refers to using words with similar-sounding endings as in The big pig ate a fig. The word alliteration means to use words with similar-sounding beginnings or words that start with the same letter. Assonance means to use similar-sounding vowels anywhere in words when rhyming, whereas consonance means to use similar-sounding consonant sounds anywhere in words when making a rhyme. Alliteration examples She sells seashells by the sea shore. Big bunnies bounded behind busy birds. Ten tenants took twenty tents to Thailand. Assonance examples We see these bees. Leave the cleaver for the skeevy beaver. Doodle the Cool Poodle wants oodles of noodle strudel. Consonance examples Look! The crook took cook books! Ross, toss the sauce to our boss Joss. We heard the third nerdy bird’s words. Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 988 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Disaster” Synonyms For When Things Don’t Go As Planned

    Most of the time, we like to keep things positive around here and provide you with plenty of inspiring, motivational words to brighten up your day. This … this is not that list.

    Are you done setting intentions? Are you through repeating mantras into the mirror? Do you just need a perfectly wretched word to capture what’s not working right now? Then this is the list for you. We’ve traveled through hell and goat rodeos to bring you the words that will describe the snafus and fiascos of your life or the world around you.

    If your desperate times call for desperate words, here are 20 provocative synonyms for the word disaster and some example sentences to inspire use.

    apocalypse

    We begin our list with a disaster of Biblical proportions. The word apocalypse originally comes from the Greek apokálypsis, meaning “revelation.” Since at least the 1100s, the word apocalypse has been used to refer to the Book of Revelation in the Christian Bible, which tells how the world will be nearly destroyed when good finally defeats evil. Today, the word apocalypse is often used generally (and ominously) to refer to a doomsday-level scenario.

    Example: You’d think, by the mess in the kitchen, that we were witnessing a true apocalypse.

    bloodbath

    The word bloodbath is often used to describe violent slaughters or massacres. The word creates the mental image of a carnage so intense that someone could take a bath in the spilled blood. Figuratively, though, bloodbath is used to describe disastrous events or severe instances of bad fortune. While this word came to English in the 1800s, a similar term, blodbad (literally “bath in blood”), was recorded in the 1500s in Swedish.

    Example: If our star player can’t play, the opening game is going to be a bloodbath.

    cataclysm

    Cataclysm is a word so disastrous that it rocks the entire Earth to its core. The word cataclysm means “a violent upheaval” and is used in geography to refer to violent events that manage to alter the surface of Earth. This is the word you need if you want to literally or figuratively describe something as earth-shaking.

    Example: Barring an unforeseen cataclysm, this family is finally going on vacation this summer.

    fiasco

    The word fiasco means “a complete and ignominious failure” and has a bit of a strange history. Fiasco is an Italian word that literally translates to “bottle,” and it is related to the word flask. The English meaning of “failure” comes from the Italian idiom fare fiasco which means “to fail” (though it literally translates to “make a bottle”).

    Example: My spouse somehow managed to salvage the dessert fiasco I haphazardly concocted.

    bouleversement

    We go from a strange Italian word to an even stranger (or at least longer) French one. The word bouleversement means “an overturning” or “turmoil.” This is the one you want if you really need to bring out the twenty-dollar word.

    Example: The rebel leader said that the country would emerge from the bouleversement stronger than it had ever been.

    calamity

    Get the tissues ready, because our next word is calamity. Calamity is a synonym of disaster, but it indicates that a horrific event specifically caused misery and lots of tears—so, like a dentist appointment?

    Example: I’ve been beset with calamity after calamity since the pandemic started, and I’m losing it.

    catastrophe

    Catastrophe is a synonym that can highlight the destruction and loss brought about by a tremendous event. If nothing is left standing or a disaster will continue to cause pain and suffering for the foreseeable future, we might label it a catastrophe.

    Example: Did you see the bathroom after the pipe burst? What a catastrophe!

    pandemonium

    Things have gone to hell in a hand basket thanks to our next word: pandemonium. Pandemonium refers to a wild state of disorder, noise, and chaos. This disastrous word actually comes from Pandaemonium, the name that John Milton used for the capital of hell in Paradise Lost.

    Example: The muddy dogs tore through the living room, knocking over two lamps, and pandemonium ensued.

    debacle

    The word debacle is one of several that implies a failure was caused by failure or incompetence, especially ones that result from disorganization. Its original meaning in the 1800s, however, referred to a “breaking up of ice in a river” or rush of water “which breaks down opposing barriers, and carries before it blocks of stone and other debris.” That does sound like a mess.

    Example: With half the students out sick, the class performance devolved into a total debacle.

    blunder

    The word blunder is a synonym of the word mistake and is often used to describe an error resulting from severe incompetence or stupidity. Unlike most of the other words on this list, blunder can also be used as a verb (“to make a careless or stupid mistake”).

    Example: The clumsy waiter spilled wine on the mayor and was later fired for this horrible blunder.

    epic fail

    LOL! The slang term epic fail is used to describe particularly humiliating mistakes. Our disastrous list of words has been bad so far, but epic fail might just be the worst of the bunch. Why? Because this is the phrase to use when that embarrassing mistake has been broadcast on social media! (And once that happens, only an especially clever cat meme can save you.)

    Example: ROFL My brother just fell into the pool! #epicfail

    meltdown

    With our next word, our disaster has just gone nuclear. Meltdown is a word used to refer to severe nuclear reactor accidents. It’s figuratively used to describe sudden situations that quickly spiral out of control.

    Example: The guitarist’s meltdown surprised no one, given tensions have been high between band members.

    kick in the teeth

    Ouch! The idiom kick in the teeth refers to a sudden and humiliating setback. Why a kick? In the English language, slang phrases like kick in the head and kick in the pants rely on the image of a kick (instead of punches) to describe particularly humiliating blows.

    Example: The terrible reviews were a real kick in the teeth for the young Broadway star.

    goat rodeo

    Giddyup, cowboys and cowgirls, because it’s time to wrangle some … goats? Goat rodeo is an example of one of several goat-related slang terms for monumental screwups. A relatively new term from the 2000s, it creates a good mental image of a wild rodeo full of screaming goats. You may have heard the term goat-roping (used similarly) and other more obscene versions, but goat rodeo is considered the most extreme of all. We repeat, a goat rodeo is as disastrous as a situation can get.

    Example: This is no concert. It’s a goat rodeo of drunk performers and technical difficulties!

    dog’s breakfast

    This list has really gone to the dogs. The slang term dog’s breakfast, mainly used in Canada and the UK, describes a confused, disorderly mess. The phrase most likely refers to the fact that many dogs will eat pretty much anything you put in front of them. In any case, dog’s breakfast is a fun word to use when everything has gone to “Shih Tzu.”

    Example: The drive was an absolute dog’s breakfast. We arrived two hours late after being stuck in traffic and getting lost.

    disarray

    Disarray describes a situation that is especially chaotic, disorganized, or marred by confusion. Disarray is a word you can use when you’ve got a disorderly mess or a comedy of errors on your hands.

    Example: Hyped up on cake and sugar, the children left the room in a state of total disarray.

    turmoil

    Turmoil is another word to convey that you’re in the midst of great confusion or disorder. Fittingly, we are not actually sure where this verb-turned-noun originates from.

    Example: Without enough employees to cover the day’s shift, the company was thrown into turmoil.

    dumpster fire

    The slang term dumpster fire means something is so disastrously bad it is beyond all hope of saving. Often, the dumpster fire is result of terribly bad decisions or extraordinary levels of incompetence. It’s best to stay the heck away from a dumpster fire because, as its name implies, it is likely to just keep getting worse.

    Example: The movie was a complete dumpster fire that didn’t get a single positive review.

    shitshow

    The not-very-nice word shitshow is used to describe essentially the same situation as a dumpster fire: a mess that is completely unsalvageable. To go the extra mile, shitshow throws in a swear word to capture the magnitude of a truly unbelievable disaster.

    Example: Last year was a real shitshow but I’m hoping things turn around soon.

    snafu and fubar

    It might be time for reinforcements. Snafu and fubar are two abbreviations that can be traced back to military jargon and have some … colorful meanings. Snafu stands for “situation normal: all f–ed up” and fubar stands for “f–ed up beyond all reason.” Now fix the disaster, cadet, and then drop and give us twenty!

    Example: The trip started with a series of major snafus, like when the luggage arrived in the wrong city.

    Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    “Disaster” Synonyms For When Things Don’t Go As Planned Most of the time, we like to keep things positive around here and provide you with plenty of inspiring, motivational words to brighten up your day. This … this is not that list. Are you done setting intentions? Are you through repeating mantras into the mirror? Do you just need a perfectly wretched word to capture what’s not working right now? Then this is the list for you. We’ve traveled through hell and goat rodeos to bring you the words that will describe the snafus and fiascos of your life or the world around you. If your desperate times call for desperate words, here are 20 provocative synonyms for the word disaster and some example sentences to inspire use. apocalypse We begin our list with a disaster of Biblical proportions. The word apocalypse originally comes from the Greek apokálypsis, meaning “revelation.” Since at least the 1100s, the word apocalypse has been used to refer to the Book of Revelation in the Christian Bible, which tells how the world will be nearly destroyed when good finally defeats evil. Today, the word apocalypse is often used generally (and ominously) to refer to a doomsday-level scenario. Example: You’d think, by the mess in the kitchen, that we were witnessing a true apocalypse. bloodbath The word bloodbath is often used to describe violent slaughters or massacres. The word creates the mental image of a carnage so intense that someone could take a bath in the spilled blood. Figuratively, though, bloodbath is used to describe disastrous events or severe instances of bad fortune. While this word came to English in the 1800s, a similar term, blodbad (literally “bath in blood”), was recorded in the 1500s in Swedish. Example: If our star player can’t play, the opening game is going to be a bloodbath. cataclysm Cataclysm is a word so disastrous that it rocks the entire Earth to its core. The word cataclysm means “a violent upheaval” and is used in geography to refer to violent events that manage to alter the surface of Earth. This is the word you need if you want to literally or figuratively describe something as earth-shaking. Example: Barring an unforeseen cataclysm, this family is finally going on vacation this summer. fiasco The word fiasco means “a complete and ignominious failure” and has a bit of a strange history. Fiasco is an Italian word that literally translates to “bottle,” and it is related to the word flask. The English meaning of “failure” comes from the Italian idiom fare fiasco which means “to fail” (though it literally translates to “make a bottle”). Example: My spouse somehow managed to salvage the dessert fiasco I haphazardly concocted. bouleversement We go from a strange Italian word to an even stranger (or at least longer) French one. The word bouleversement means “an overturning” or “turmoil.” This is the one you want if you really need to bring out the twenty-dollar word. Example: The rebel leader said that the country would emerge from the bouleversement stronger than it had ever been. calamity Get the tissues ready, because our next word is calamity. Calamity is a synonym of disaster, but it indicates that a horrific event specifically caused misery and lots of tears—so, like a dentist appointment? Example: I’ve been beset with calamity after calamity since the pandemic started, and I’m losing it. catastrophe Catastrophe is a synonym that can highlight the destruction and loss brought about by a tremendous event. If nothing is left standing or a disaster will continue to cause pain and suffering for the foreseeable future, we might label it a catastrophe. Example: Did you see the bathroom after the pipe burst? What a catastrophe! pandemonium Things have gone to hell in a hand basket thanks to our next word: pandemonium. Pandemonium refers to a wild state of disorder, noise, and chaos. This disastrous word actually comes from Pandaemonium, the name that John Milton used for the capital of hell in Paradise Lost. Example: The muddy dogs tore through the living room, knocking over two lamps, and pandemonium ensued. debacle The word debacle is one of several that implies a failure was caused by failure or incompetence, especially ones that result from disorganization. Its original meaning in the 1800s, however, referred to a “breaking up of ice in a river” or rush of water “which breaks down opposing barriers, and carries before it blocks of stone and other debris.” That does sound like a mess. Example: With half the students out sick, the class performance devolved into a total debacle. blunder The word blunder is a synonym of the word mistake and is often used to describe an error resulting from severe incompetence or stupidity. Unlike most of the other words on this list, blunder can also be used as a verb (“to make a careless or stupid mistake”). Example: The clumsy waiter spilled wine on the mayor and was later fired for this horrible blunder. epic fail LOL! The slang term epic fail is used to describe particularly humiliating mistakes. Our disastrous list of words has been bad so far, but epic fail might just be the worst of the bunch. Why? Because this is the phrase to use when that embarrassing mistake has been broadcast on social media! (And once that happens, only an especially clever cat meme can save you.) Example: ROFL My brother just fell into the pool! #epicfail meltdown With our next word, our disaster has just gone nuclear. Meltdown is a word used to refer to severe nuclear reactor accidents. It’s figuratively used to describe sudden situations that quickly spiral out of control. Example: The guitarist’s meltdown surprised no one, given tensions have been high between band members. kick in the teeth Ouch! The idiom kick in the teeth refers to a sudden and humiliating setback. Why a kick? In the English language, slang phrases like kick in the head and kick in the pants rely on the image of a kick (instead of punches) to describe particularly humiliating blows. Example: The terrible reviews were a real kick in the teeth for the young Broadway star. goat rodeo Giddyup, cowboys and cowgirls, because it’s time to wrangle some … goats? Goat rodeo is an example of one of several goat-related slang terms for monumental screwups. A relatively new term from the 2000s, it creates a good mental image of a wild rodeo full of screaming goats. You may have heard the term goat-roping (used similarly) and other more obscene versions, but goat rodeo is considered the most extreme of all. We repeat, a goat rodeo is as disastrous as a situation can get. Example: This is no concert. It’s a goat rodeo of drunk performers and technical difficulties! dog’s breakfast This list has really gone to the dogs. The slang term dog’s breakfast, mainly used in Canada and the UK, describes a confused, disorderly mess. The phrase most likely refers to the fact that many dogs will eat pretty much anything you put in front of them. In any case, dog’s breakfast is a fun word to use when everything has gone to “Shih Tzu.” Example: The drive was an absolute dog’s breakfast. We arrived two hours late after being stuck in traffic and getting lost. disarray Disarray describes a situation that is especially chaotic, disorganized, or marred by confusion. Disarray is a word you can use when you’ve got a disorderly mess or a comedy of errors on your hands. Example: Hyped up on cake and sugar, the children left the room in a state of total disarray. turmoil Turmoil is another word to convey that you’re in the midst of great confusion or disorder. Fittingly, we are not actually sure where this verb-turned-noun originates from. Example: Without enough employees to cover the day’s shift, the company was thrown into turmoil. dumpster fire The slang term dumpster fire means something is so disastrously bad it is beyond all hope of saving. Often, the dumpster fire is result of terribly bad decisions or extraordinary levels of incompetence. It’s best to stay the heck away from a dumpster fire because, as its name implies, it is likely to just keep getting worse. Example: The movie was a complete dumpster fire that didn’t get a single positive review. shitshow The not-very-nice word shitshow is used to describe essentially the same situation as a dumpster fire: a mess that is completely unsalvageable. To go the extra mile, shitshow throws in a swear word to capture the magnitude of a truly unbelievable disaster. Example: Last year was a real shitshow but I’m hoping things turn around soon. snafu and fubar It might be time for reinforcements. Snafu and fubar are two abbreviations that can be traced back to military jargon and have some … colorful meanings. Snafu stands for “situation normal: all f–ed up” and fubar stands for “f–ed up beyond all reason.” Now fix the disaster, cadet, and then drop and give us twenty! Example: The trip started with a series of major snafus, like when the luggage arrived in the wrong city. Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 870 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🧵💲 เหตุการณ์สำคัญใดบ้างที่นำไปสู่การล่มสลายของระบบดอลลาร์ทั่วโลก?

    การประชุมประจำปี ๒๐๒๔ ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และกลุ่มธนาคารโลก (WBG) จะเปิดขึ้นในวันที่ ๒๑ ตุลาคม เพื่อมุ่งเน้นไปที่หนี้สาธารณะทั่วโลกที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว, ซึ่งคาดว่าจะสูงถึง ๑๐๐ ล้านล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้ หนี้, ส่วนใหญ่, เกิดจากการกู้ยืมเงินของสหรัฐฯมากเกินไป, โดยปัจจุบันหนี้ของรัฐบาลอยู่ที่ ๓๕.๖๘ ล้านล้านดอลลาร์
    .
    ในขณะเดียวกัน, ส่วนแบ่งของสหรัฐฯในเศรษฐกิจโลกที่คำนวณโดยใช้ความเท่าเทียมของอำนาจซื้อได้แตะระดับต่ำสุดในประวัติศาสตร์, โดยร่วงลงต่ำกว่า ๑๕%, จากการวิเคราะห์ของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศของสปุตนิก คาดว่าจะลดลงอีก, โดยแตะระดับ ๑๔.๗๖% เมื่อสิ้นสุดวาระของประธานาธิบดีโจ ไบเดน
    .
    ระบบการเงินของสหรัฐฯและระบบดอลลาร์ทั่วโลก เริ่มสูญเสียอิทธิพลเมื่อใด?

    ◻️ สหรัฐฯคาดว่ามี ๔๘-๕๒% ของ GDP ทั่วโลก และประมาณ ๖๐% ของการผลิตภาคอุตสาหกรรมทั่วโลกในปี ๑๙๔๔
    .
    ◻️ อเมริกาได้รับสถานะมหาอำนาจทางเศรษฐกิจเมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ ๒, เมื่อมีการสร้างระบบการเงินระหว่างประเทศที่เรียกว่าระบบเบรตตันวูดส์ขึ้นในเดือนกรกฎาคม ๑๙๔๔ การประชุมเบรตตันวูดส์ได้แต่งตั้งให้ดอลลาร์สหรัฐฯเป็นสกุลเงินสำรองของโลกอย่างเป็นทางการ, โดยมีทองคำสำรองที่ใหญ่ที่สุดในโลกหนุนหลังอยู่ สกุลเงินอื่นๆจะถูกผูกไว้กับค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ
    .
    ◻️ กฎเกณฑ์ระหว่างประเทศสำหรับการค้าระหว่างประเทศได้ถูกกำหนดไว้ในข้อตกลงทั่วไปว่าด้วยภาษีศุลกากรและการค้า (GATT) ในปี ๑๙๔๗ ในปี ๑๙๙๕, ข้อตกลงดังกล่าวได้ถูกแปลงเป็นองค์การการค้าโลก (WTO) สหรัฐอเมริกาใช้ "เครื่องมือ" เหล่านี้เพื่อรักษาอิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์ในยุโรปและญี่ปุ่น ยุโรปตะวันออก, สหภาพโซเวียต, และจีน ยังคงอยู่ภายนอกเขตการขยายตัวของอเมริกา
    .
    ◻️ ภายใต้แผนการมาร์แชลล์, สหรัฐฯจัดสรรเงิน, โดยส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบของเงินช่วยเหลือ, เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจยุโรปที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม ในเวลาเดียวกัน, สหรัฐฯยังได้ส่งคำสั่งซื้อที่ทำกำไรมหาศาลให้กับบริษัทในอเมริกา, กระตุ้นเศรษฐกิจของตนเองไปพร้อมกับเสริมสร้างอิทธิพลที่มีต่อระบบเศรษฐกิจของยุโรปตะวันตก ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากประมาณ ๒๐๐ พันล้านดอลลาร์ในปี ๑๙๔๐ เป็นมากกว่า ๕๐๐ พันล้านดอลลาร์ในปี ๑๙๖๐
    .
    🧵💲 What were the milestones leading to the global dollar system’s collapse?

    The 2024 Annual Meetings of the International Monetary Fund (IMF) and the World Bank Group (WBG) are opening on October 21 to focus on skyrocketing global public debt, which is expected to reach $100 trillion by the end of this year. The debt, in large part, is driven by the borrowing binge of the US, where the government debt currently stands at $35.68 trillion.
    .
    Meanwhile, the US’ share of the global economy calculated using purchasing power parity has reached a historic low, plunging below 15%, Sputnik’s analysis of World Bank and IMF calculations has showed. It is expected to sag further, to reach 14.76% by the end of President Joe Biden's term.
    .
    When did US finances and the global dollar system start losing clout?

    ◻️ The US is estimated to have accounted for 48-52% of global GDP and about 60% of global industrial production in 1944.
    .
    ◻️ America secured its economic superpower status at the end of WWII, when the international monetary system known as the Bretton Woods system was forged in July 1944. The Bretton Woods Conference officially crowned the US dollar as the global reserve currency, backed by the world’s largest gold reserves. Other currencies were pegged to the US dollar’s value.
    .
    ◻️ International rules for foreign trade were laid out in the General Agreement on Tariffs and Trade (GATT) in 1947. In 1995, the agreement was transformed into the WTO. The US wielded these “tools” to secure geopolitical influence across Europe and Japan. Eastern Europe, the USSR, and China remained outside the zone of American expansion.
    .
    ◻️ Under the Marshall Plan, the US provided money, chiefly in the form of grants, to rebuild war-ravaged European economies. At the same time, it funneled lucrative orders to American companies, stimulating its own economy while solidifying its influence over Western Europe's economic systems. US gross national product rose from about $200 billion in 1940 to more than $500 billion in 1960.
    .
    10:27 PM · Oct 21, 2024 · 8,506 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1848385613361225740
    🧵💲 เหตุการณ์สำคัญใดบ้างที่นำไปสู่การล่มสลายของระบบดอลลาร์ทั่วโลก? การประชุมประจำปี ๒๐๒๔ ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และกลุ่มธนาคารโลก (WBG) จะเปิดขึ้นในวันที่ ๒๑ ตุลาคม เพื่อมุ่งเน้นไปที่หนี้สาธารณะทั่วโลกที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว, ซึ่งคาดว่าจะสูงถึง ๑๐๐ ล้านล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้ หนี้, ส่วนใหญ่, เกิดจากการกู้ยืมเงินของสหรัฐฯมากเกินไป, โดยปัจจุบันหนี้ของรัฐบาลอยู่ที่ ๓๕.๖๘ ล้านล้านดอลลาร์ . ในขณะเดียวกัน, ส่วนแบ่งของสหรัฐฯในเศรษฐกิจโลกที่คำนวณโดยใช้ความเท่าเทียมของอำนาจซื้อได้แตะระดับต่ำสุดในประวัติศาสตร์, โดยร่วงลงต่ำกว่า ๑๕%, จากการวิเคราะห์ของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศของสปุตนิก คาดว่าจะลดลงอีก, โดยแตะระดับ ๑๔.๗๖% เมื่อสิ้นสุดวาระของประธานาธิบดีโจ ไบเดน . ระบบการเงินของสหรัฐฯและระบบดอลลาร์ทั่วโลก เริ่มสูญเสียอิทธิพลเมื่อใด? ◻️ สหรัฐฯคาดว่ามี ๔๘-๕๒% ของ GDP ทั่วโลก และประมาณ ๖๐% ของการผลิตภาคอุตสาหกรรมทั่วโลกในปี ๑๙๔๔ . ◻️ อเมริกาได้รับสถานะมหาอำนาจทางเศรษฐกิจเมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ ๒, เมื่อมีการสร้างระบบการเงินระหว่างประเทศที่เรียกว่าระบบเบรตตันวูดส์ขึ้นในเดือนกรกฎาคม ๑๙๔๔ การประชุมเบรตตันวูดส์ได้แต่งตั้งให้ดอลลาร์สหรัฐฯเป็นสกุลเงินสำรองของโลกอย่างเป็นทางการ, โดยมีทองคำสำรองที่ใหญ่ที่สุดในโลกหนุนหลังอยู่ สกุลเงินอื่นๆจะถูกผูกไว้กับค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ . ◻️ กฎเกณฑ์ระหว่างประเทศสำหรับการค้าระหว่างประเทศได้ถูกกำหนดไว้ในข้อตกลงทั่วไปว่าด้วยภาษีศุลกากรและการค้า (GATT) ในปี ๑๙๔๗ ในปี ๑๙๙๕, ข้อตกลงดังกล่าวได้ถูกแปลงเป็นองค์การการค้าโลก (WTO) สหรัฐอเมริกาใช้ "เครื่องมือ" เหล่านี้เพื่อรักษาอิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์ในยุโรปและญี่ปุ่น ยุโรปตะวันออก, สหภาพโซเวียต, และจีน ยังคงอยู่ภายนอกเขตการขยายตัวของอเมริกา . ◻️ ภายใต้แผนการมาร์แชลล์, สหรัฐฯจัดสรรเงิน, โดยส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบของเงินช่วยเหลือ, เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจยุโรปที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม ในเวลาเดียวกัน, สหรัฐฯยังได้ส่งคำสั่งซื้อที่ทำกำไรมหาศาลให้กับบริษัทในอเมริกา, กระตุ้นเศรษฐกิจของตนเองไปพร้อมกับเสริมสร้างอิทธิพลที่มีต่อระบบเศรษฐกิจของยุโรปตะวันตก ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากประมาณ ๒๐๐ พันล้านดอลลาร์ในปี ๑๙๔๐ เป็นมากกว่า ๕๐๐ พันล้านดอลลาร์ในปี ๑๙๖๐ . 🧵💲 What were the milestones leading to the global dollar system’s collapse? The 2024 Annual Meetings of the International Monetary Fund (IMF) and the World Bank Group (WBG) are opening on October 21 to focus on skyrocketing global public debt, which is expected to reach $100 trillion by the end of this year. The debt, in large part, is driven by the borrowing binge of the US, where the government debt currently stands at $35.68 trillion. . Meanwhile, the US’ share of the global economy calculated using purchasing power parity has reached a historic low, plunging below 15%, Sputnik’s analysis of World Bank and IMF calculations has showed. It is expected to sag further, to reach 14.76% by the end of President Joe Biden's term. . When did US finances and the global dollar system start losing clout? ◻️ The US is estimated to have accounted for 48-52% of global GDP and about 60% of global industrial production in 1944. . ◻️ America secured its economic superpower status at the end of WWII, when the international monetary system known as the Bretton Woods system was forged in July 1944. The Bretton Woods Conference officially crowned the US dollar as the global reserve currency, backed by the world’s largest gold reserves. Other currencies were pegged to the US dollar’s value. . ◻️ International rules for foreign trade were laid out in the General Agreement on Tariffs and Trade (GATT) in 1947. In 1995, the agreement was transformed into the WTO. The US wielded these “tools” to secure geopolitical influence across Europe and Japan. Eastern Europe, the USSR, and China remained outside the zone of American expansion. . ◻️ Under the Marshall Plan, the US provided money, chiefly in the form of grants, to rebuild war-ravaged European economies. At the same time, it funneled lucrative orders to American companies, stimulating its own economy while solidifying its influence over Western Europe's economic systems. US gross national product rose from about $200 billion in 1940 to more than $500 billion in 1960. . 10:27 PM · Oct 21, 2024 · 8,506 Views https://x.com/SputnikInt/status/1848385613361225740
    Like
    Wow
    2
    8 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1197 มุมมอง 0 รีวิว
  • Thrilled to have earned my Certified Professional Mentor (CPM) credential from International Mentoring Center! Looking forward to applying this knowledge.

    อีกหนึ่งใน Milestone ด้านวิชาชีพ วันนี้ได้รับข่าวดีที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้รับใบรับรอง Certified Professional Mentor (CPM) จาก International Mentoring Center! ตั้งตารอที่จะนำความรู้เหล่านี้ไปใช้

    https://credentials.mentoringcenter.org/credentials/928f9622-f4a1-4926-a585-cac209a32d15

    ยินดีรับใช้ในทุกหน่วยงานครับ
    #lifelonglearning
    #achievement
    #certifier
    Thrilled to have earned my Certified Professional Mentor (CPM) credential from International Mentoring Center! Looking forward to applying this knowledge. อีกหนึ่งใน Milestone ด้านวิชาชีพ วันนี้ได้รับข่าวดีที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้รับใบรับรอง Certified Professional Mentor (CPM) จาก International Mentoring Center! ตั้งตารอที่จะนำความรู้เหล่านี้ไปใช้ https://credentials.mentoringcenter.org/credentials/928f9622-f4a1-4926-a585-cac209a32d15 ยินดีรับใช้ในทุกหน่วยงานครับ #lifelonglearning #achievement #certifier
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 348 มุมมอง 0 รีวิว
  • 10/10/67

    คุณ​หมอยุทธ​ โพธารามิก เขียนเล่าเรื่อง​สมัยทำงาน​เป็น​แพทย์​ที่แม่สอดไว้​หลายตอน​ อ่านสนุก​ ท่านมีอารมณ์​ขัน...

    ความทรงจำของฉัน
    ( ตอนที่ 1 )
    “มิตรต่างแดน”

    ปี 2509 ฉันไปรับราชการครั้งแรก ที่ ร.พ.แม่สอด จว.ตาก เป็น ร.พ.ขนาด 60 เตียง มีหมอ 3 คน ต้องอยู่เวร 24 ช.ม. วันเว้นวัน ( ยกเว้น ผู้อำนวยการ ) วันรุ่งขึ้น ต้องทำงานต่อตามปกติ เงินเดือนๆละ 2100 บาท ไม่มีเงินพิเศษเพิ่ม เหมือนสมัยนี้

    มี X-Ray 1 เครื่อง ใช้คนรถถ่ายภาพ ได้แค่ 2 ภาพ คือ ด้านตรง กับ ด้านข้าง
    ไม่มีหมอและพยาบาลดมยา ต้องใช้คนรถคนเดียวกันนี้ ดมยาอีเเทอร์
    มี เภสัชกร 1 คน
    มี พยาบาล ไม่มากนัก

    เราก็อยู่กันได้ และ ดูแลรักษาผู้ป่วยหลายหมื่นคน ให้ปลอดภัย
    จึงเป็นที่พึ่งแห่งเดียว ของประชาชน ทางฝั่งตะวันตกของจังหวัดตาก คือ อำเภอ อุ้มผาง . พบพระ. แม่สอด. แม่ระมาด. ท่าสองยาง. และ ชาวพม่า ชาวกะเหรี่ยง จากฝั่งตรงข้าม แม่น้ำเมย......

    หลังจาก ฉันอยู่ ร.พ. แม่สอด ได้ 1 เดือน
    วันหนึ่ง ขณะฉัน นั่งกินอาหารกลางวัน ที่ บาร์ริมตลิ่งแม่น้ำเมย เจ้าหน้าที่ ร.พ.แม่สอด ขี่จักรยาน มาตามฉัน ไปดูตนไข้ฉุกเฉิน
    ฉัน รีบขับรถประจำตำแหน่ง ( รถ Ambulance เก่าๆ ) ไป ร.พ.แม่สอด ทันที ซึ่งอยู่ห่างออกไป 7 ก.ม.

    ผู้ป่วย เป็นชาวกะเหรี่ยงสูงอายุ มาจาก ผาลู ฝั่งพะม่า ( ทางใต้ แม่สอด )
    มีอาการสำคัญ ปัสสาวะไม่ออก มา 2 วัน ทุรนทุราย ทุกข์ทรมาน
    ฉัน สวนปัสสาวะให้ ออกมาเป็นจำนวนมาก
    ความทุกข์ทรมาน หายเป็นปลิดทิ้ง

    ผู้ป่วย มองฉันด้วยสายตา ขอบคุณ พร้อมกับพูด ว่า
    “ Thank you, Doctor “

    ฉัน วินิจฉัยโรคได้ โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือทันสมัย ( ซึ่งไม่มี ) ว่า เป็นโรค ต่อมลูกหมากโต
    จึงดำเนินการ ผ่าตัดต่อมลูกหมาก หายปลอดภัย กลับบ้านเรียบร้อย

    นับแต่วันนั้นมา สัมพันธ์ภาพอันจริงใจ เกิดขึ้นทันที และ ขยายวงกว้างขึ้น มากขึ้น จนปัจจุบัน นี้...

    ผู้ป่วย คือ ชายสูงอายุ ผมขาว ชื่อ ซอ โทเนาะ ชาวกะเหรี่ยง เรียก ปาตี้ วาโก้ ( ลุงผมขาว )
    ลุง โทเนาะ เป็นที่เคารพนับถือ ของกะเหรี่ยงคริสต์ และ KNU ( Karen National Union ) หรือ กอทูเล
    ลุง โทเนาะ มีลูกชาย 2 คน เป็น นายทหาร KNU ซึ่งกำลังรบอยู่กับพะม่า
    คนโต ชื่อ ร.อ. มูตู
    คนน้อง ชื่อ ร.ท. ซามิ

    ปัจจุบัน พ.ศ. 2564
    ซามิ ตายไปนานแล้วในสนามรบ
    มูตู ยังมีชีวิตอยู่ ( อายุมากกว่าฉัน 1 ปี ) มี ยศตำแหน่ง คือ
    พล.อ. มูตู ผบ.สูงสุด และ ประธานาธิบดี ของ KNU
    ซึ่งกำลังสู้รบ กับ ทหารพะม่า ของ พล.อ.มิน อ่อง หล่าย ในทุกวันนี้...

    ตั้งแต่ อยู่แม่สอดมาจนถึงปัจจุบันนี้ ฉัน กับ KNU ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แม้จะเหินห่างกันบ้างตามกาลเวลา
    ในสมัยแรกๆนั้น ฉันสามารถเข้าออกในกองทัพกะเหรี่ยงได้ โดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ ตั้งแต่ อ.แม่สะเรียง จว.แม่ฮ่องสอน จนถึง ต.ห้วยน้ำขาว จว.กาญจนบุรี...

    KNU รักฉัน ไว้ใจฉัน ตั้งแต่ ประธานาธิบดี คณะรัฐมนตรี แม่ทัพนายกอง บุคคลสำคัญทั้งทหารและพลเรือน ( หลายคน เป็นคนไข้ของฉัน ตั้งแต่ ร.พ.แม่สอด ร.พ.สมุทรปราการ และ ร. พ. ราชวิถี )
    เขาอยากให้ ทุกอย่างแก่ฉัน ทั้งรูปธรรม และ นามธรรม เข่น Ruby Stone นกยูง นกขุนทอง ลูกหมี เขาเก้ง เขากวาง ไม้สัก แม้แต่กวางตัวเป็นๆ ฯลฯ

    ขอยกตัวอย่างให้ดู ดังนี้

    .... เพื่อนทหารไทยหาข่าวที่แม่สอด อยากไปค่ายทหารกะเหรี่ยง ขอให้ฉันพาไป
    ทหารกะเหรี่ยง ต้อนรับฉันเป็นอย่างดี โดยไม่ให้ความสำคัญกับทหารหาข่าวเลย
    กลับถึงแม่สอด เพื่อนเรียกฉันว่า
    Doctor Chivago... (ฮา)

    .... พ.อ.สุจินดา คราประยูร ( ยศขณะนั้น ) ขอให้ฉันไปหาข่าว นายทหารที่ลอบสังหาร พล.อ.เปรม แล้วหนีไปอยู่กับทหารกระเหรี่ยง ด้านห้วยน้ำขาว จว.กาญจนบุรี
    ฉันก็ไป.. กว่าจะกลับถึงกรุงเทพฯ ก็ประมาณ ตี 2

    .... ท่านทูตเดนมาร์ก และ ภรรยา ( ไทย ) อยากได้กวาง มาเลี้ยงที่สถานทูต แถวๆถนนสาธร โดยบอกผ่านเพื่อนฉัน
    ฉัน ก็ไป รับกวาง เพศเมีย 1 ตัว จากทหารกะเหรี่ยง ทางด้าน ห้วยน้ำขาว กาญจนบุรี
    กว่าจะผ่านด่าน ทหารกองพล.9 ถึงสถานทูต ก็เที่ยงคืนพอดี
    หิวและเหนื่อยพอสมควร ท่านทูตเลี้ยงอาหาร และให้ฉันตั้งชื่อ กวาง
    ฉัน ตั้งชื่อว่า กุสุมา..
    ...ตะละแม่ กุสุมา อยู่ดีกินดี อ้วนพี ขนเป็นมัน กินแต่ของต่างประเทศ เช่น แอบเปิล องุ่น สารพัดผลไม้จากเดนมาร์ก
    กุสุมา อยู่ในป่า อดๆอยากๆ กินแต่ มะขามป้อม ลูกตะขบ ( ฮา )

    จากความสัมพันธ์ระหว่างฉัน กับ KNU นี้ ทำให้ฉันไม่กล้าไปประเทศพะม่า จนบัดนี้ อย่างดี ก็แค่ เมียวดี และ ท่าขี้เหล็ก
    กลัวเข้าไปแล้ว ไม่ได้กลับ

    ท่าน นายกชาติชาย เคยชวนฉันไปพะม่ากับท่าน ในฐานะ State Visit
    ฉัน ปฏิเสธ
    ท่านพูดว่า “ กลัวอะไร ( ว่ะ ) ไปกับอั๊ว ไม่มีใครทำอะไรหมอหรอก “
    ฉันตอบว่า “ ใช่ครับ แต่ผมไม่ได้อยู่กับท่าน 24 ช.ม. นี่ครับ “ ( ฮา )

    ... การ Take Side บางครั้งก็ทำให้เสียโอกาศ ได้เหมือนกัน นะครับ ....

    —————————-
    10/10/67 คุณ​หมอยุทธ​ โพธารามิก เขียนเล่าเรื่อง​สมัยทำงาน​เป็น​แพทย์​ที่แม่สอดไว้​หลายตอน​ อ่านสนุก​ ท่านมีอารมณ์​ขัน... ความทรงจำของฉัน ( ตอนที่ 1 ) “มิตรต่างแดน” ปี 2509 ฉันไปรับราชการครั้งแรก ที่ ร.พ.แม่สอด จว.ตาก เป็น ร.พ.ขนาด 60 เตียง มีหมอ 3 คน ต้องอยู่เวร 24 ช.ม. วันเว้นวัน ( ยกเว้น ผู้อำนวยการ ) วันรุ่งขึ้น ต้องทำงานต่อตามปกติ เงินเดือนๆละ 2100 บาท ไม่มีเงินพิเศษเพิ่ม เหมือนสมัยนี้ มี X-Ray 1 เครื่อง ใช้คนรถถ่ายภาพ ได้แค่ 2 ภาพ คือ ด้านตรง กับ ด้านข้าง ไม่มีหมอและพยาบาลดมยา ต้องใช้คนรถคนเดียวกันนี้ ดมยาอีเเทอร์ มี เภสัชกร 1 คน มี พยาบาล ไม่มากนัก เราก็อยู่กันได้ และ ดูแลรักษาผู้ป่วยหลายหมื่นคน ให้ปลอดภัย จึงเป็นที่พึ่งแห่งเดียว ของประชาชน ทางฝั่งตะวันตกของจังหวัดตาก คือ อำเภอ อุ้มผาง . พบพระ. แม่สอด. แม่ระมาด. ท่าสองยาง. และ ชาวพม่า ชาวกะเหรี่ยง จากฝั่งตรงข้าม แม่น้ำเมย...... หลังจาก ฉันอยู่ ร.พ. แม่สอด ได้ 1 เดือน วันหนึ่ง ขณะฉัน นั่งกินอาหารกลางวัน ที่ บาร์ริมตลิ่งแม่น้ำเมย เจ้าหน้าที่ ร.พ.แม่สอด ขี่จักรยาน มาตามฉัน ไปดูตนไข้ฉุกเฉิน ฉัน รีบขับรถประจำตำแหน่ง ( รถ Ambulance เก่าๆ ) ไป ร.พ.แม่สอด ทันที ซึ่งอยู่ห่างออกไป 7 ก.ม. ผู้ป่วย เป็นชาวกะเหรี่ยงสูงอายุ มาจาก ผาลู ฝั่งพะม่า ( ทางใต้ แม่สอด ) มีอาการสำคัญ ปัสสาวะไม่ออก มา 2 วัน ทุรนทุราย ทุกข์ทรมาน ฉัน สวนปัสสาวะให้ ออกมาเป็นจำนวนมาก ความทุกข์ทรมาน หายเป็นปลิดทิ้ง ผู้ป่วย มองฉันด้วยสายตา ขอบคุณ พร้อมกับพูด ว่า “ Thank you, Doctor “ ฉัน วินิจฉัยโรคได้ โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือทันสมัย ( ซึ่งไม่มี ) ว่า เป็นโรค ต่อมลูกหมากโต จึงดำเนินการ ผ่าตัดต่อมลูกหมาก หายปลอดภัย กลับบ้านเรียบร้อย นับแต่วันนั้นมา สัมพันธ์ภาพอันจริงใจ เกิดขึ้นทันที และ ขยายวงกว้างขึ้น มากขึ้น จนปัจจุบัน นี้... ผู้ป่วย คือ ชายสูงอายุ ผมขาว ชื่อ ซอ โทเนาะ ชาวกะเหรี่ยง เรียก ปาตี้ วาโก้ ( ลุงผมขาว ) ลุง โทเนาะ เป็นที่เคารพนับถือ ของกะเหรี่ยงคริสต์ และ KNU ( Karen National Union ) หรือ กอทูเล ลุง โทเนาะ มีลูกชาย 2 คน เป็น นายทหาร KNU ซึ่งกำลังรบอยู่กับพะม่า คนโต ชื่อ ร.อ. มูตู คนน้อง ชื่อ ร.ท. ซามิ ปัจจุบัน พ.ศ. 2564 ซามิ ตายไปนานแล้วในสนามรบ มูตู ยังมีชีวิตอยู่ ( อายุมากกว่าฉัน 1 ปี ) มี ยศตำแหน่ง คือ พล.อ. มูตู ผบ.สูงสุด และ ประธานาธิบดี ของ KNU ซึ่งกำลังสู้รบ กับ ทหารพะม่า ของ พล.อ.มิน อ่อง หล่าย ในทุกวันนี้... ตั้งแต่ อยู่แม่สอดมาจนถึงปัจจุบันนี้ ฉัน กับ KNU ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แม้จะเหินห่างกันบ้างตามกาลเวลา ในสมัยแรกๆนั้น ฉันสามารถเข้าออกในกองทัพกะเหรี่ยงได้ โดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ ตั้งแต่ อ.แม่สะเรียง จว.แม่ฮ่องสอน จนถึง ต.ห้วยน้ำขาว จว.กาญจนบุรี... KNU รักฉัน ไว้ใจฉัน ตั้งแต่ ประธานาธิบดี คณะรัฐมนตรี แม่ทัพนายกอง บุคคลสำคัญทั้งทหารและพลเรือน ( หลายคน เป็นคนไข้ของฉัน ตั้งแต่ ร.พ.แม่สอด ร.พ.สมุทรปราการ และ ร. พ. ราชวิถี ) เขาอยากให้ ทุกอย่างแก่ฉัน ทั้งรูปธรรม และ นามธรรม เข่น Ruby Stone นกยูง นกขุนทอง ลูกหมี เขาเก้ง เขากวาง ไม้สัก แม้แต่กวางตัวเป็นๆ ฯลฯ ขอยกตัวอย่างให้ดู ดังนี้ .... เพื่อนทหารไทยหาข่าวที่แม่สอด อยากไปค่ายทหารกะเหรี่ยง ขอให้ฉันพาไป ทหารกะเหรี่ยง ต้อนรับฉันเป็นอย่างดี โดยไม่ให้ความสำคัญกับทหารหาข่าวเลย กลับถึงแม่สอด เพื่อนเรียกฉันว่า Doctor Chivago... (ฮา) .... พ.อ.สุจินดา คราประยูร ( ยศขณะนั้น ) ขอให้ฉันไปหาข่าว นายทหารที่ลอบสังหาร พล.อ.เปรม แล้วหนีไปอยู่กับทหารกระเหรี่ยง ด้านห้วยน้ำขาว จว.กาญจนบุรี ฉันก็ไป.. กว่าจะกลับถึงกรุงเทพฯ ก็ประมาณ ตี 2 .... ท่านทูตเดนมาร์ก และ ภรรยา ( ไทย ) อยากได้กวาง มาเลี้ยงที่สถานทูต แถวๆถนนสาธร โดยบอกผ่านเพื่อนฉัน ฉัน ก็ไป รับกวาง เพศเมีย 1 ตัว จากทหารกะเหรี่ยง ทางด้าน ห้วยน้ำขาว กาญจนบุรี กว่าจะผ่านด่าน ทหารกองพล.9 ถึงสถานทูต ก็เที่ยงคืนพอดี หิวและเหนื่อยพอสมควร ท่านทูตเลี้ยงอาหาร และให้ฉันตั้งชื่อ กวาง ฉัน ตั้งชื่อว่า กุสุมา.. ...ตะละแม่ กุสุมา อยู่ดีกินดี อ้วนพี ขนเป็นมัน กินแต่ของต่างประเทศ เช่น แอบเปิล องุ่น สารพัดผลไม้จากเดนมาร์ก กุสุมา อยู่ในป่า อดๆอยากๆ กินแต่ มะขามป้อม ลูกตะขบ ( ฮา ) จากความสัมพันธ์ระหว่างฉัน กับ KNU นี้ ทำให้ฉันไม่กล้าไปประเทศพะม่า จนบัดนี้ อย่างดี ก็แค่ เมียวดี และ ท่าขี้เหล็ก กลัวเข้าไปแล้ว ไม่ได้กลับ ท่าน นายกชาติชาย เคยชวนฉันไปพะม่ากับท่าน ในฐานะ State Visit ฉัน ปฏิเสธ ท่านพูดว่า “ กลัวอะไร ( ว่ะ ) ไปกับอั๊ว ไม่มีใครทำอะไรหมอหรอก “ ฉันตอบว่า “ ใช่ครับ แต่ผมไม่ได้อยู่กับท่าน 24 ช.ม. นี่ครับ “ ( ฮา ) ... การ Take Side บางครั้งก็ทำให้เสียโอกาศ ได้เหมือนกัน นะครับ .... —————————-
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 326 มุมมอง 0 รีวิว
  • เอา จริงๆ ทุกท่าน รายย่อย และผู้เสียภษษี ที่ซื้อ IMF LTF ที่ผ่านมา รวมๆ แล้ว ทุกท่าน ได้กำไร ก้น % และ ประเทศนี้ ขาดทุน ให้ต่างชาติไปกี่% จากนโยบาย เอาภาษีไปล่อ ฝรั่ง มาทำกำไร จากตลาด ท่าว่าอย่างไร ทราบว่า ชาวบ้านชาวไทยรับเปิดจองกฐิน วันจันทร์ จรัลกันแล้ว สาธุๆๆ ปลดปล่อย ชาติจากความหลอกลวง และแม้ความหลอกลวงใหม่ หวังเข้าแทรก จงอย่าหมาย เพราะ ทุกอย่างมีเหตุผม ของมัน ผมเตือนอะไรใคร มักไม่เคยพลาด ท่าน วัด อุณภมูิ ที่ yellow stone และ หนี้ ที่เนทันยาฮูจะต้องจ่ายหากท่านยังไม่รู้จัก ชื่อของเพจ
    เอา จริงๆ ทุกท่าน รายย่อย และผู้เสียภษษี ที่ซื้อ IMF LTF ที่ผ่านมา รวมๆ แล้ว ทุกท่าน ได้กำไร ก้น % และ ประเทศนี้ ขาดทุน ให้ต่างชาติไปกี่% จากนโยบาย เอาภาษีไปล่อ ฝรั่ง มาทำกำไร จากตลาด ท่าว่าอย่างไร ทราบว่า ชาวบ้านชาวไทยรับเปิดจองกฐิน วันจันทร์ จรัลกันแล้ว สาธุๆๆ ปลดปล่อย ชาติจากความหลอกลวง และแม้ความหลอกลวงใหม่ หวังเข้าแทรก จงอย่าหมาย เพราะ ทุกอย่างมีเหตุผม ของมัน ผมเตือนอะไรใคร มักไม่เคยพลาด ท่าน วัด อุณภมูิ ที่ yellow stone และ หนี้ ที่เนทันยาฮูจะต้องจ่ายหากท่านยังไม่รู้จัก ชื่อของเพจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • How To Create Atmosphere & Mood In Your Writing To Engage Your Readers

    Hill House, not sane, stood by itself against its hills, holding darkness within; it had stood so for eighty years and might stand for eighty more. Within, walls continued upright, bricks met neatly, floors were firm, and doors were sensibly shut; silence lay steadily against the wood and stone of Hill House, and whatever walked there, walked alone…
    —The Haunting of Hill House (1959), Shirley Jackson

    After reading that opening, we bet you’re wondering what happens next. The best authors and writers always find a way to draw their readers in, get them invested in the work, and leave them desperate to read the next sentence, the next paragraph, the next page.

    How do they do this?

    Writers have many tools in their toolboxes to make their work compelling, but a huge part of what draws us into stories is atmosphere and mood. Authors like Shirley Jackson use language, descriptions, and other devices to pull readers into a different world. Through atmosphere and mood, authors establish a tone for their work, create ambience, and evoke emotions. Keep reading to learn how the pros establish atmosphere and mood in their work, and to get some tried and true strategies for creating this magic in your own writing.

    What are atmosphere and mood?

    Atmosphere is “the dominant mood or emotional tone of a work of art, as of a play or novel.” If you think of your story, essay or other writing as a room, what does your reader feel upon walking into that room? That’s an easy way to consider the overall atmosphere of your piece. While the importance of atmosphere is commonly associated with poetry and fiction, it is also vital to adding depth to personal essays and other types of nonfiction writing as well.

    Mood is a part and parcel of atmosphere, but they aren’t necessarily the same thing or always in lock step. Mood describes “a state or quality of feeling at a particular time,” and the mood of a story, poem, or essay can shift depending on the events, characters, setting, or changing information.

    Atmosphere and mood work together, but they aren’t always in agreement. A story may have a suffocating or foreboding atmosphere, but within that atmosphere, readers can still experience feelings of joy, wonder, sadness, or hope.

    Examples of atmosphere and mood

    Now that you understand the basics of what mood and atmosphere are, let’s look at a few examples to see how atmosphere and mood work in action.

    1. “The Raven” by Edgar Allen Poe

    Once upon a midnight dreary, while I pondered, weak and weary,
    Over many a quaint and curious volume of forgotten lore –
    While I nodded, nearly napping, suddenly there came a tapping,
    As of someone gently rapping, rapping at my chamber door …

    Why it works

    In just a few lines, Poe creates an atmosphere of suspense for the reader. It’s late at night, there’s a strange knocking at the door, and it’s reasonable to suspect something mysterious or even dangerous is waiting on the other side. In this example, the atmosphere is created not only by the setting, but also by the language used. Words like dreary, weary, curious, and lore help to create an atmosphere that feels spooky and mystical. And the rhythm of the poetry also gives the lines an intriguing musicality. The end result is the reader wants to know who is knocking just as much as the main character does.

    2. “Shipping Out” by David Foster Wallace

    “I have now seen sucrose beaches and water a very bright blue. I have seen an all-red leisure suit with flared lapels. I have smelled suntan lotion spread over 2,100 pounds of hot flesh. I have been addressed as ‘Mon’ in three different nations. I have seen 500 upscale Americans dance Electric Slide. I have seen sunsets that looked computer-enhanced. I have (very briefly) joined a conga line.”

    Why it works

    In this non-fiction travelogue, David Foster Wallace is talking about his experiences on luxury cruises. He opens by placing the reader directly onto a cruise ship. In the span of a paragraph, the reader experiences awe, curiosity, amusement, disgust, wonder, and excitement. Yet Wallace uses formal language (“I have seen”) and repetition (there’s that anaphora for you) to ironic effect. This creates an interesting juxtaposition of the elements of a tall tale with a bit of anthropological distance. This example, in particular, shows how mood can function independently from the atmosphere, and how both can change abruptly with the use of language.

    Why atmosphere and mood matter

    Atmosphere and mood are important because crafting an engaging story or essay involves more than just retelling events or facts in order. In order to draw readers in and get them invested in your writing, your work needs dimension. Atmosphere and mood work together to create that by:

    - Communicating important details that place the reader in a scene.
    - Making characters feel more real.
    - Reinforcing themes and tone.
    - Communicating genre elements.
    - Solidifying world-building, or the fictional universe in which a story or poem takes place.

    And, perhaps most important, atmosphere and mood are both tools for getting readers invested in the plot or details of a piece of writing. Mood helps them identify with characters in fiction, and atmosphere helps them become immersed in the narrative or information. Both are essential to writing something people want to read.

    Tips for establishing and creating atmosphere in your writing

    When you sit down to write, here are some important things to consider to help you easily add mood and atmosphere to your piece.

    Choose your words carefully.
    Think about how you want readers to feel when they read your work. What language and descriptions can you include to evoke those emotions? While you’re in the process of examining your language, try your best to avoid clichés. “It was a dark and stormy night” has been used so many times that it won’t do much to draw your reader into a scene. In fact, cliché phrases can sometimes even pull the reader out of the work and distract them. That’s not what you want!

    Deploy strong imagery.

    “Show, don’t tell” is probably among the most repeated pieces of writing advice, but that’s because it works. If you just say a house looks old, that may not pull the reader into the house. Instead, talk about the mossy, rotting floorboards and the peeling wallpaper. Use imagery to build a world around the person reading.

    Be detailed.

    If you’re writing a story or poem, offer specific details about the setting and time period. Drop careful hints about what is coming to build tension and anticipation. If you’re working on an essay, make sure each detail is thorough and succinct. Most importantly, make sure any main component of your story or argument is thoroughly fleshed out to paint the clearest picture possible for the reader.

    Incorporate literary devices.

    Similes, metaphors, alliteration, hyperbole, and other literary devices can be especially helpful in developing atmosphere and mood. Of course, if you’re writing a more formal essay, you should use your judgment as to whether or not literary devices are a good fit for the piece, but a well-placed metaphor can go far in helping you make an important point.

    Make use of your characters and dialogue.

    Atmosphere and mood aren’t only created in descriptions of the setting. You can also use character descriptions, their words, and their actions to add to the mood or atmosphere you’re trying to create. For example, if you’re writing a horror story, you might describe your character’s shaky dialogue and uneven breathing. Perhaps they’re even pale with fright or have wide eyes. Readers can easily experience the atmosphere through characters.

    Good spelling counts, too

    Now that you know more about crafting mood and atmosphere in your writing, you’re ready to get started. But those aren’t the only elements of good writing to consider. Work on your next story, poem, or essay using Thesaurus.com’ Grammar Coach™. It will help you spot spelling errors and overused words and help you take your writing to the next level in real time.

    Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    How To Create Atmosphere & Mood In Your Writing To Engage Your Readers Hill House, not sane, stood by itself against its hills, holding darkness within; it had stood so for eighty years and might stand for eighty more. Within, walls continued upright, bricks met neatly, floors were firm, and doors were sensibly shut; silence lay steadily against the wood and stone of Hill House, and whatever walked there, walked alone… —The Haunting of Hill House (1959), Shirley Jackson After reading that opening, we bet you’re wondering what happens next. The best authors and writers always find a way to draw their readers in, get them invested in the work, and leave them desperate to read the next sentence, the next paragraph, the next page. How do they do this? Writers have many tools in their toolboxes to make their work compelling, but a huge part of what draws us into stories is atmosphere and mood. Authors like Shirley Jackson use language, descriptions, and other devices to pull readers into a different world. Through atmosphere and mood, authors establish a tone for their work, create ambience, and evoke emotions. Keep reading to learn how the pros establish atmosphere and mood in their work, and to get some tried and true strategies for creating this magic in your own writing. What are atmosphere and mood? Atmosphere is “the dominant mood or emotional tone of a work of art, as of a play or novel.” If you think of your story, essay or other writing as a room, what does your reader feel upon walking into that room? That’s an easy way to consider the overall atmosphere of your piece. While the importance of atmosphere is commonly associated with poetry and fiction, it is also vital to adding depth to personal essays and other types of nonfiction writing as well. Mood is a part and parcel of atmosphere, but they aren’t necessarily the same thing or always in lock step. Mood describes “a state or quality of feeling at a particular time,” and the mood of a story, poem, or essay can shift depending on the events, characters, setting, or changing information. Atmosphere and mood work together, but they aren’t always in agreement. A story may have a suffocating or foreboding atmosphere, but within that atmosphere, readers can still experience feelings of joy, wonder, sadness, or hope. Examples of atmosphere and mood Now that you understand the basics of what mood and atmosphere are, let’s look at a few examples to see how atmosphere and mood work in action. 1. “The Raven” by Edgar Allen Poe Once upon a midnight dreary, while I pondered, weak and weary, Over many a quaint and curious volume of forgotten lore – While I nodded, nearly napping, suddenly there came a tapping, As of someone gently rapping, rapping at my chamber door … Why it works In just a few lines, Poe creates an atmosphere of suspense for the reader. It’s late at night, there’s a strange knocking at the door, and it’s reasonable to suspect something mysterious or even dangerous is waiting on the other side. In this example, the atmosphere is created not only by the setting, but also by the language used. Words like dreary, weary, curious, and lore help to create an atmosphere that feels spooky and mystical. And the rhythm of the poetry also gives the lines an intriguing musicality. The end result is the reader wants to know who is knocking just as much as the main character does. 2. “Shipping Out” by David Foster Wallace “I have now seen sucrose beaches and water a very bright blue. I have seen an all-red leisure suit with flared lapels. I have smelled suntan lotion spread over 2,100 pounds of hot flesh. I have been addressed as ‘Mon’ in three different nations. I have seen 500 upscale Americans dance Electric Slide. I have seen sunsets that looked computer-enhanced. I have (very briefly) joined a conga line.” Why it works In this non-fiction travelogue, David Foster Wallace is talking about his experiences on luxury cruises. He opens by placing the reader directly onto a cruise ship. In the span of a paragraph, the reader experiences awe, curiosity, amusement, disgust, wonder, and excitement. Yet Wallace uses formal language (“I have seen”) and repetition (there’s that anaphora for you) to ironic effect. This creates an interesting juxtaposition of the elements of a tall tale with a bit of anthropological distance. This example, in particular, shows how mood can function independently from the atmosphere, and how both can change abruptly with the use of language. Why atmosphere and mood matter Atmosphere and mood are important because crafting an engaging story or essay involves more than just retelling events or facts in order. In order to draw readers in and get them invested in your writing, your work needs dimension. Atmosphere and mood work together to create that by: - Communicating important details that place the reader in a scene. - Making characters feel more real. - Reinforcing themes and tone. - Communicating genre elements. - Solidifying world-building, or the fictional universe in which a story or poem takes place. And, perhaps most important, atmosphere and mood are both tools for getting readers invested in the plot or details of a piece of writing. Mood helps them identify with characters in fiction, and atmosphere helps them become immersed in the narrative or information. Both are essential to writing something people want to read. Tips for establishing and creating atmosphere in your writing When you sit down to write, here are some important things to consider to help you easily add mood and atmosphere to your piece. Choose your words carefully. Think about how you want readers to feel when they read your work. What language and descriptions can you include to evoke those emotions? While you’re in the process of examining your language, try your best to avoid clichés. “It was a dark and stormy night” has been used so many times that it won’t do much to draw your reader into a scene. In fact, cliché phrases can sometimes even pull the reader out of the work and distract them. That’s not what you want! Deploy strong imagery. “Show, don’t tell” is probably among the most repeated pieces of writing advice, but that’s because it works. If you just say a house looks old, that may not pull the reader into the house. Instead, talk about the mossy, rotting floorboards and the peeling wallpaper. Use imagery to build a world around the person reading. Be detailed. If you’re writing a story or poem, offer specific details about the setting and time period. Drop careful hints about what is coming to build tension and anticipation. If you’re working on an essay, make sure each detail is thorough and succinct. Most importantly, make sure any main component of your story or argument is thoroughly fleshed out to paint the clearest picture possible for the reader. Incorporate literary devices. Similes, metaphors, alliteration, hyperbole, and other literary devices can be especially helpful in developing atmosphere and mood. Of course, if you’re writing a more formal essay, you should use your judgment as to whether or not literary devices are a good fit for the piece, but a well-placed metaphor can go far in helping you make an important point. Make use of your characters and dialogue. Atmosphere and mood aren’t only created in descriptions of the setting. You can also use character descriptions, their words, and their actions to add to the mood or atmosphere you’re trying to create. For example, if you’re writing a horror story, you might describe your character’s shaky dialogue and uneven breathing. Perhaps they’re even pale with fright or have wide eyes. Readers can easily experience the atmosphere through characters. Good spelling counts, too Now that you know more about crafting mood and atmosphere in your writing, you’re ready to get started. But those aren’t the only elements of good writing to consider. Work on your next story, poem, or essay using Thesaurus.com’ Grammar Coach™. It will help you spot spelling errors and overused words and help you take your writing to the next level in real time. Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 600 มุมมอง 0 รีวิว
  • These type of products I would never buy, particularly calcium, people should never take a calcium pill... In reality we can only get calcium from food...

    These fancy packages, are only big marketing, crazy expensive and not very good quality

    This one for example, zinc always have to go together with copper.

    Zinc : Copper ... approximately 10 : 2

    Too much of one or the other, can make deficiencies, proper metabolic absorption happens in this ratio 😑

    Any calcium pill, from Germany or anywhere is not a good idea...

    20 years ago calcium pills very popular, and 20 year history show us the calcium pill does nothing for strong bones... In fact calcium is making hard arteries, and this is absolutely no good

    If people want calcium, milk is not a good choice, chia seeds are high in calcium, but they are a nightshade, the vegetable called collard green, is very common vegetable and very high in calcium and potassium, much better choice than any milk or pill

    Any calcium pill, from Germany or anywhere is not a good idea...

    20 years ago calcium pills very popular, and 20 year history show us the calcium pill does nothing for strong bones... In fact calcium is making hard arteries, and this is absolutely no good

    If people want calcium, milk is not a good choice, chia seeds are high in calcium, but they are a nightshade, the vegetable called collard green, is very common vegetable and very high in calcium and potassium, much better choice than any milk or pill

    And this is John Hopkins University, very respectable, and is not only their opinion, many clinical studies about calcium supplements have the same bad result

    Calcium Supplements: Should You Take Them? | Johns Hopkins Medicine

    https://www.hopkinsmedicine.org/health/wellness-and-prevention/calcium-supplements-should-you-take-them

    Multiple studies have found that there’s little to no benefit to taking calcium supplements for the prevention of hip fractures. On the other hand, recent studies have linked calcium supplements with an increased risk of colon polyps (small growths in the large intestine that can become cancerous) and kidney stones, which are hard masses usually formed in the kidneys from an accumulation of calcium and other substances. Additionally, a 2016 study by Michos and her colleagues suggested that calcium supplements may increase the risk of calcium buildup in the heart’s arteries.
    These type of products I would never buy, particularly calcium, people should never take a calcium pill... In reality we can only get calcium from food... These fancy packages, are only big marketing, crazy expensive and not very good quality This one for example, zinc always have to go together with copper. Zinc : Copper ... approximately 10 : 2 Too much of one or the other, can make deficiencies, proper metabolic absorption happens in this ratio 😑 Any calcium pill, from Germany or anywhere is not a good idea... 20 years ago calcium pills very popular, and 20 year history show us the calcium pill does nothing for strong bones... In fact calcium is making hard arteries, and this is absolutely no good If people want calcium, milk is not a good choice, chia seeds are high in calcium, but they are a nightshade, the vegetable called collard green, is very common vegetable and very high in calcium and potassium, much better choice than any milk or pill Any calcium pill, from Germany or anywhere is not a good idea... 20 years ago calcium pills very popular, and 20 year history show us the calcium pill does nothing for strong bones... In fact calcium is making hard arteries, and this is absolutely no good If people want calcium, milk is not a good choice, chia seeds are high in calcium, but they are a nightshade, the vegetable called collard green, is very common vegetable and very high in calcium and potassium, much better choice than any milk or pill And this is John Hopkins University, very respectable, and is not only their opinion, many clinical studies about calcium supplements have the same bad result Calcium Supplements: Should You Take Them? | Johns Hopkins Medicine https://www.hopkinsmedicine.org/health/wellness-and-prevention/calcium-supplements-should-you-take-them Multiple studies have found that there’s little to no benefit to taking calcium supplements for the prevention of hip fractures. On the other hand, recent studies have linked calcium supplements with an increased risk of colon polyps (small growths in the large intestine that can become cancerous) and kidney stones, which are hard masses usually formed in the kidneys from an accumulation of calcium and other substances. Additionally, a 2016 study by Michos and her colleagues suggested that calcium supplements may increase the risk of calcium buildup in the heart’s arteries.
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 292 มุมมอง 0 รีวิว
  • A Touch of Thai Tradition Jewels in European Style.
    A Memorable Journey Made of Design Work, of The Impressive Beautiful Gems & Jewelry by Thai Craftsmanship.
    .
    #widajewelry #jewelry #gemstone #thaicraftsmanship #อัญมณีแท้ #จิวเวลรี่ #เครื่องประดับ #พลอยแท้ #jewelrydesign #bangkok #thailand #พลอยประจำเดือนเกิด #สีมงคลประจำวัน
    A Touch of Thai Tradition Jewels in European Style. A Memorable Journey Made of Design Work, of The Impressive Beautiful Gems & Jewelry by Thai Craftsmanship. . #widajewelry #jewelry #gemstone #thaicraftsmanship #อัญมณีแท้ #จิวเวลรี่ #เครื่องประดับ #พลอยแท้ #jewelrydesign #bangkok #thailand #พลอยประจำเดือนเกิด #สีมงคลประจำวัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 781 มุมมอง 68 0 รีวิว
  • BLACKSTONE
    Men’s Genuine Leather Boat Shoes
    Size. US 9 /EUR 42 /26.5(27) cm

    🔥 Price : 690฿

    รองเท้าหนังแท้ทรง Boat Shoes แบรนด์คุณภาพจากประเทศเนเธอร์แลนด์ วัสดุและการตัดเย็บดีมาก อัพเปอร์ทั้งภายนอกภายในใช้หนังแท้เกรดพรีเมี่ยม มาพร้อมปลอกนวมหุ้มข้อด้วยหนังแท้ช่วยให้ใส่กระชับข้อเท้า แผ่นรองพื้นรองเท้าเป็นยางปิดด้วยหนังแท้ พื้นรองเท้าด้านนอกเป็นยางและหนังกลับ สภาพโดยรวม 85%+ ทรงนี้ใส่เท่สามารถแมทช์กับสไตล์การแต่งตัวทั้งแบบทางการ และไม่ทางการได้

    👉 เรื่องราว :-
    🔹ปี 1926 : บริษัทการค้าหนังของ J.A. de Bruijn ก่อตั้งขึ้นที่เมือง Gouda ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยมีภารกิจในการจัดหาหนังคุณภาพดีที่สุดให้กับผู้ผลิตและช่างทำรองเท้าในท้องถิ่น
    🔹ปี 1992 : Blackstone Footwear ก่อตั้งขึ้น โดยเริ่มต้นด้วยการออกแบบและผลิตรองเท้าทำงานคุณภาพสูง ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จของแบรนด์
    🔹ปี 2003 : Blackstone ได้ขยายการผลิตเพื่อเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ โดยนำเสนอชุดรองเท้าและแฟชั่นเพิ่มเติม ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้นในโลกของแฟชั่นและรองเท้า
    🔹ปี 2010 : Blackstone ได้กลับมาที่จุดเริ่มต้น โดยเน้นการใช้หนังธรรมชาติและออกแบบรองเท้าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค
    🔹ปี 2018 : Blackstone ได้แนะนำรองเท้าที่มีเอกลักษณ์ใหม่ๆ เช่น รองเท้าหนังแกะและรองเท้า 6" Original boot ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูง
    🔹ปี 2023 : Blackstone ได้ประกาศการเปิดตัวเว็บไซต์ใหม่เพื่อเฉลิมฉลองประวัติศาสตร์ของแบรนด์และการมีอยู่ทั่วโลก โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลก
    BLACKSTONE Men’s Genuine Leather Boat Shoes Size. US 9 /EUR 42 /26.5(27) cm 🔥 Price : 690฿ รองเท้าหนังแท้ทรง Boat Shoes แบรนด์คุณภาพจากประเทศเนเธอร์แลนด์ วัสดุและการตัดเย็บดีมาก อัพเปอร์ทั้งภายนอกภายในใช้หนังแท้เกรดพรีเมี่ยม มาพร้อมปลอกนวมหุ้มข้อด้วยหนังแท้ช่วยให้ใส่กระชับข้อเท้า แผ่นรองพื้นรองเท้าเป็นยางปิดด้วยหนังแท้ พื้นรองเท้าด้านนอกเป็นยางและหนังกลับ สภาพโดยรวม 85%+ ทรงนี้ใส่เท่สามารถแมทช์กับสไตล์การแต่งตัวทั้งแบบทางการ และไม่ทางการได้ 👉 เรื่องราว :- 🔹ปี 1926 : บริษัทการค้าหนังของ J.A. de Bruijn ก่อตั้งขึ้นที่เมือง Gouda ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยมีภารกิจในการจัดหาหนังคุณภาพดีที่สุดให้กับผู้ผลิตและช่างทำรองเท้าในท้องถิ่น 🔹ปี 1992 : Blackstone Footwear ก่อตั้งขึ้น โดยเริ่มต้นด้วยการออกแบบและผลิตรองเท้าทำงานคุณภาพสูง ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จของแบรนด์ 🔹ปี 2003 : Blackstone ได้ขยายการผลิตเพื่อเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ โดยนำเสนอชุดรองเท้าและแฟชั่นเพิ่มเติม ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้นในโลกของแฟชั่นและรองเท้า 🔹ปี 2010 : Blackstone ได้กลับมาที่จุดเริ่มต้น โดยเน้นการใช้หนังธรรมชาติและออกแบบรองเท้าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค 🔹ปี 2018 : Blackstone ได้แนะนำรองเท้าที่มีเอกลักษณ์ใหม่ๆ เช่น รองเท้าหนังแกะและรองเท้า 6" Original boot ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูง 🔹ปี 2023 : Blackstone ได้ประกาศการเปิดตัวเว็บไซต์ใหม่เพื่อเฉลิมฉลองประวัติศาสตร์ของแบรนด์และการมีอยู่ทั่วโลก โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 337 มุมมอง 0 รีวิว
  • Cherry is just fruit sugar... but the stone inside the cherry, that's the toxic problem...
    Cherry is just fruit sugar... but the stone inside the cherry, that's the toxic problem...
    Yay
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลุมยุบกัวลาลัมเปอร์ นักท่องเที่ยวอินเดียร่วง

    โศกนาฎกรรมที่สร้างความตกใจให้แก่ผู้พบเห็น เมื่อเกิดอุบัติเหตุหลุมยุบบริเวณถนนมัสยิดอินเดีย (Jalan Masjid India) เป็นเหตุทำให้นางวิชัยลักษณี (Vijayalakshmi) นักท่องเที่ยวหญิงชาวอินเดียวัย 48 ปี ตกลงไปในหลุมดังกล่าว ซึ่งมีความลึกประมาณ 8 เมตร เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 08.44 น. ตามเวลาบนกล้องวงจรปิด ของวันที่ 23 ส.ค. ที่ผ่านมา

    ทีมปฎิบัติการค้นหาและกู้ภัย (SAR) เข้าค้นหานักท่องเที่ยวชาวอินเดีย โดยเปิดท่อระบายน้ำรอบพื้นที่รวม 6 แห่ง เข้าไปค้นหาครั้งละ 2-3 คน ใช้เวลาประมาณ 20 นาที รวมทั้งโรงบำบัดน้ำเสียบริษัทอินดะห์ วอเตอร์ คอนซอร์เตียม (Indah Water Konsortium หรือ IWK) ย่านปันตาย ดาลัม ซึ่งเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะต้องรับมือกับกระแสน้ำเชี่ยวในท่อระบายน้ำ และมีแก๊สที่อาจเป็นอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม เวลาผ่านไปกว่า 3 วัน กลับไม่พบเบาะแสใดๆ

    สำนักข่าวเบอร์นามา รายงานว่า นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ยืนยันว่าปฎิบัติการค้นหาและช่วยเหลือผู้สูญหายจะยังคงดำเนินต่อไป พร้อมแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยสั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ ศาลาว่าการกรุงกัวลาลัมเปอร์ (DKBL) ให้ไปพบกับครอบครัวของผู้สูญหายแล้ว

    ด้านนายฟาดิลลาห์ ยูซอฟ รองนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าวถึงสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุว่า เกิดจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์และโครงสร้างของดิน โดยเมื่อชั้นหินปูนขัดขวางการไหลของน้ำใต้ดิน ส่งผลให้ดินไม่มั่นคงและเกิดหลุมยุบ บางครั้งไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าหลุมยุบจะเกิดขึ้นเมื่อใดและที่ใด

    เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในมาเลเซียเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีหินปูนและสภาพธรณีวิทยาเฉพาะ อย่างไรก็ตาม ด้วยความรู้และเทคโนโลยีที่ถูกต้องจะทำให้เหตุการณ์เช่นนี้ลดน้อยลงและดำเนินมาตรการป้องกันเพื่อปกป้องชุมชนและบรรเทาผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้

    ขณะที่นายเจฟฟรีย์ เชียง ชุง ลุยน์ ประธานสถาบันวิศวกรแห่งมาเลเซีย (IEM) เรียกร้องให้มีการสืบสวนเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างละเอียด เพราะจากการสังเกตผ่าน Google Maps พบว่าตำแหน่งหลุมยุบอยู่ห่างจากแม่น้ำแคลงประมาณ 24 เมตร และจากภาพที่สื่อมวลชนนำเสนอ พบว่าหลุมยุบอาจเกี่ยวข้องกับระบบสาธารณูปโภคใต้ดิน แม้ว่าจะยังไม่ระบุสาเหตุที่แน่ชัดก็ตาม

    จากรายงานหัวข้อ "Karstic Features of Kuala Lumpur Limestone" [1] ที่กล่าวถึงลักษณะของหินปูนของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเขียนโดย นายตัน ไซมอน เสี่ยว เมง จากสถาบันวิศวกรแห่งมาเลเซีย ระบุว่า ชั้นหินปูนในกรุงกัวลาลัมเปอร์มีลักษณะไม่แน่นอน พบในบริเวณเหมืองแร่ดีบุก แต่หลังเหมืองปิดตัวลง พื้นที่เหมืองแร่ถูกปกคลุมไปด้วยเศษซากตั้งแต่โคลนถึงทราย

    โดยคาดว่าหินปูนมีความหนาประมาณ 1,850 เมตร ทับอยู่บนหินชนวนกราไฟต์ที่เรียกว่า ฮอร์ธอร์นเดน ชีสต์ (Hawthornden Schist) ส่วนบนสุดของลำดับชั้นคือชั้นหินเคนนี่ ฮิลล์ (Kenny Hill) ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ รวมถึงพื้นที่ย่าน KLCC (Kuala Lumpur City Centre) และบูกิตบินตัง (Bukit Bintang)

    ในตอนหนึ่งของรายงานระบุว่า หินปูนเกิดจากกระบวนการละลายทางเคมี ซึ่งเป็นกระบวนการที่ยาวนาน ประกอบด้วยหลุม แอ่งชัน และช่องทางสารละลาย ส่งผลให้ชั้นหินปูนมีรูปร่างไม่แน่นอน เป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมากในการก่อสร้างฐานราก ซึ่งการเกิดหลุมยุบมาจากการเคลื่อนตัวของชั้นหินปูน เนื่องจากการซึมของน้ำใต้ดิน ระดับน้ำใต้ดินที่ลดลง การรับน้ำหนักเพิ่ม การสั่นสะเทือน การเจาะรูหรือเสาเข็มบนช่องว่างของหินปูนโดยตรง ซึ่งหินปูนที่ปกคลุมด้วยดินบางจะเสี่ยงต่อการเกิดหลุมยุบมากกว่า

    อีกด้านหนึ่ง การก่อสร้างรถไฟใต้ดินสายสุไหงบูเลาะห์-กาจัง (Sungai Buloh-Kajang) [2] บางช่วงเป็นเส้นทางใต้ดิน ยาว 9.5 กิโลเมตร มี 7 สถานีใต้ดิน หนึ่งในนั้นคือสถานีตุน ราซัค เอ็กซ์เชนจ์ (TRX) ซึ่งมีความลึกเทียบเท่าตึก 13 ชั้น พบว่ามีหินปูนในชั้นหินปูนกัวลาลัมเปอร์ บริเวณอยู่ทางทิศตะวันออกของย่านบูกิตบินตังมีลักษณะไม่แน่นอน หากไม่ค้นพบก่อนอาจเกิดอันตราย

    จึงต้องพัฒนาเครื่องเจาะอุโมงค์ (TBM) แบบพิเศษที่เรียกว่า แวริเอเบิล เดนซิตี้ (Variable Density) ที่พัฒนาระหว่างบริษัทเฮอร์เร็นคเน็ช เอจี (Herrenknecht AG) ผู้ผลิตเครื่องเจาะอุโมงค์จากเยอรมนี และบริษัทร่วมทุน เอ็มเอ็มซี กามูดา (MMC Gamuda) สามารถปรับความหนาแน่นและความหนืดของสารละลายได้ ป้องกันไม่ให้ไหลเข้าไปในโพรงหรือรอยแยกไปสู่พื้นผิว

    เหตุการณ์หลุมยุบกะทันหันใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ครั้งนี้ อาจเป็นจุดเริ่มต้นในการป้องกันภัยพิบัติ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับเมืองใหญ่ชั้นนำของอาเซียน ที่มีประชากรกว่า 8.8 ล้านคน อุดมไปด้วยความเจริญทางเศรษฐกิจ อาคารสูง และโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้าที่เพียบพร้อม นอกจากปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นเมื่อฝนตกหนักมากกว่า 2 ชั่วโมงขึ้นไป

    ที่มา : [1] https://nrmt.wordpress.com/wp-content/uploads/2011/04/kl-limestone-paper.pdf

    [2] https://thehub.mmc.com.my/2017Q3/page54.html

    #Newskit #KualaLumpur #JalanMasjidIndia
    หลุมยุบกัวลาลัมเปอร์ นักท่องเที่ยวอินเดียร่วง โศกนาฎกรรมที่สร้างความตกใจให้แก่ผู้พบเห็น เมื่อเกิดอุบัติเหตุหลุมยุบบริเวณถนนมัสยิดอินเดีย (Jalan Masjid India) เป็นเหตุทำให้นางวิชัยลักษณี (Vijayalakshmi) นักท่องเที่ยวหญิงชาวอินเดียวัย 48 ปี ตกลงไปในหลุมดังกล่าว ซึ่งมีความลึกประมาณ 8 เมตร เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 08.44 น. ตามเวลาบนกล้องวงจรปิด ของวันที่ 23 ส.ค. ที่ผ่านมา ทีมปฎิบัติการค้นหาและกู้ภัย (SAR) เข้าค้นหานักท่องเที่ยวชาวอินเดีย โดยเปิดท่อระบายน้ำรอบพื้นที่รวม 6 แห่ง เข้าไปค้นหาครั้งละ 2-3 คน ใช้เวลาประมาณ 20 นาที รวมทั้งโรงบำบัดน้ำเสียบริษัทอินดะห์ วอเตอร์ คอนซอร์เตียม (Indah Water Konsortium หรือ IWK) ย่านปันตาย ดาลัม ซึ่งเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะต้องรับมือกับกระแสน้ำเชี่ยวในท่อระบายน้ำ และมีแก๊สที่อาจเป็นอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม เวลาผ่านไปกว่า 3 วัน กลับไม่พบเบาะแสใดๆ สำนักข่าวเบอร์นามา รายงานว่า นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ยืนยันว่าปฎิบัติการค้นหาและช่วยเหลือผู้สูญหายจะยังคงดำเนินต่อไป พร้อมแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยสั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ ศาลาว่าการกรุงกัวลาลัมเปอร์ (DKBL) ให้ไปพบกับครอบครัวของผู้สูญหายแล้ว ด้านนายฟาดิลลาห์ ยูซอฟ รองนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าวถึงสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุว่า เกิดจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์และโครงสร้างของดิน โดยเมื่อชั้นหินปูนขัดขวางการไหลของน้ำใต้ดิน ส่งผลให้ดินไม่มั่นคงและเกิดหลุมยุบ บางครั้งไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าหลุมยุบจะเกิดขึ้นเมื่อใดและที่ใด เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในมาเลเซียเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีหินปูนและสภาพธรณีวิทยาเฉพาะ อย่างไรก็ตาม ด้วยความรู้และเทคโนโลยีที่ถูกต้องจะทำให้เหตุการณ์เช่นนี้ลดน้อยลงและดำเนินมาตรการป้องกันเพื่อปกป้องชุมชนและบรรเทาผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้ ขณะที่นายเจฟฟรีย์ เชียง ชุง ลุยน์ ประธานสถาบันวิศวกรแห่งมาเลเซีย (IEM) เรียกร้องให้มีการสืบสวนเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างละเอียด เพราะจากการสังเกตผ่าน Google Maps พบว่าตำแหน่งหลุมยุบอยู่ห่างจากแม่น้ำแคลงประมาณ 24 เมตร และจากภาพที่สื่อมวลชนนำเสนอ พบว่าหลุมยุบอาจเกี่ยวข้องกับระบบสาธารณูปโภคใต้ดิน แม้ว่าจะยังไม่ระบุสาเหตุที่แน่ชัดก็ตาม จากรายงานหัวข้อ "Karstic Features of Kuala Lumpur Limestone" [1] ที่กล่าวถึงลักษณะของหินปูนของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเขียนโดย นายตัน ไซมอน เสี่ยว เมง จากสถาบันวิศวกรแห่งมาเลเซีย ระบุว่า ชั้นหินปูนในกรุงกัวลาลัมเปอร์มีลักษณะไม่แน่นอน พบในบริเวณเหมืองแร่ดีบุก แต่หลังเหมืองปิดตัวลง พื้นที่เหมืองแร่ถูกปกคลุมไปด้วยเศษซากตั้งแต่โคลนถึงทราย โดยคาดว่าหินปูนมีความหนาประมาณ 1,850 เมตร ทับอยู่บนหินชนวนกราไฟต์ที่เรียกว่า ฮอร์ธอร์นเดน ชีสต์ (Hawthornden Schist) ส่วนบนสุดของลำดับชั้นคือชั้นหินเคนนี่ ฮิลล์ (Kenny Hill) ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ รวมถึงพื้นที่ย่าน KLCC (Kuala Lumpur City Centre) และบูกิตบินตัง (Bukit Bintang) ในตอนหนึ่งของรายงานระบุว่า หินปูนเกิดจากกระบวนการละลายทางเคมี ซึ่งเป็นกระบวนการที่ยาวนาน ประกอบด้วยหลุม แอ่งชัน และช่องทางสารละลาย ส่งผลให้ชั้นหินปูนมีรูปร่างไม่แน่นอน เป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมากในการก่อสร้างฐานราก ซึ่งการเกิดหลุมยุบมาจากการเคลื่อนตัวของชั้นหินปูน เนื่องจากการซึมของน้ำใต้ดิน ระดับน้ำใต้ดินที่ลดลง การรับน้ำหนักเพิ่ม การสั่นสะเทือน การเจาะรูหรือเสาเข็มบนช่องว่างของหินปูนโดยตรง ซึ่งหินปูนที่ปกคลุมด้วยดินบางจะเสี่ยงต่อการเกิดหลุมยุบมากกว่า อีกด้านหนึ่ง การก่อสร้างรถไฟใต้ดินสายสุไหงบูเลาะห์-กาจัง (Sungai Buloh-Kajang) [2] บางช่วงเป็นเส้นทางใต้ดิน ยาว 9.5 กิโลเมตร มี 7 สถานีใต้ดิน หนึ่งในนั้นคือสถานีตุน ราซัค เอ็กซ์เชนจ์ (TRX) ซึ่งมีความลึกเทียบเท่าตึก 13 ชั้น พบว่ามีหินปูนในชั้นหินปูนกัวลาลัมเปอร์ บริเวณอยู่ทางทิศตะวันออกของย่านบูกิตบินตังมีลักษณะไม่แน่นอน หากไม่ค้นพบก่อนอาจเกิดอันตราย จึงต้องพัฒนาเครื่องเจาะอุโมงค์ (TBM) แบบพิเศษที่เรียกว่า แวริเอเบิล เดนซิตี้ (Variable Density) ที่พัฒนาระหว่างบริษัทเฮอร์เร็นคเน็ช เอจี (Herrenknecht AG) ผู้ผลิตเครื่องเจาะอุโมงค์จากเยอรมนี และบริษัทร่วมทุน เอ็มเอ็มซี กามูดา (MMC Gamuda) สามารถปรับความหนาแน่นและความหนืดของสารละลายได้ ป้องกันไม่ให้ไหลเข้าไปในโพรงหรือรอยแยกไปสู่พื้นผิว เหตุการณ์หลุมยุบกะทันหันใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ครั้งนี้ อาจเป็นจุดเริ่มต้นในการป้องกันภัยพิบัติ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับเมืองใหญ่ชั้นนำของอาเซียน ที่มีประชากรกว่า 8.8 ล้านคน อุดมไปด้วยความเจริญทางเศรษฐกิจ อาคารสูง และโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้าที่เพียบพร้อม นอกจากปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นเมื่อฝนตกหนักมากกว่า 2 ชั่วโมงขึ้นไป ที่มา : [1] https://nrmt.wordpress.com/wp-content/uploads/2011/04/kl-limestone-paper.pdf [2] https://thehub.mmc.com.my/2017Q3/page54.html #Newskit #KualaLumpur #JalanMasjidIndia
    Like
    Sad
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1130 มุมมอง 0 รีวิว
  • พรรคเดโมแครตเสนอชื่อ กมลา แฮร์ริสและทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตาอย่างเป็นทางการ วอลซ์มีพื้นฐานประสบการณ์เป็นครู เคยสอนที่จีน ทำให้เขาพูดภาษาจีนกลางได้และ ยังเรียกร้องให้มีเงินทุนเพื่อวิจัยการบำบัดด้วยกัญชาทางการแพทย์สำหรับทหารผ่านศึกที่ต่อสู้กับโรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญและความเจ็บปวดเรื้อรัง

    7 สิงหาคม 2567-ในแถลงการณ์ พรรคเดโมแครตระบุว่าผู้แทนการประชุมใหญ่ 99 เปอร์เซ็นต์สนับสนุนให้แฮร์ริสลงคะแนนเสียงซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันจันทร์ วอลซ์ "ได้รับการรับรอง" ให้เป็นคู่ตัวแทนในการเลือกตั้งของเธอโดยมินยาน มัวร์ ประธานการประชุมใหญ่

    พรรคยังคงวางแผนที่จะจัด "พิธีการเรียกชื่อ" ในชิคาโกในช่วงปลายเดือนนี้ แม้ว่าจะไม่มีการผูกมัดเหมือนปีที่แล้วก็ตาม

    ขณะทึ่ พรรคเดโมแครตบางคนกลัวว่าการฟ้องร้องอาจทำให้ผู้สมัครของตนต้องออกจากการลงคะแนนเสียง กรณี ความรุนแรงปะทุขึ้นหลังจากที่ตำรวจสังหาร George Floyd ในมินนิอาโปลิสเมื่อเดือนพฤษภาคม 2020 เหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การประท้วงต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติและความรุนแรงของตำรวจทั่วประเทศ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันออกรายงานในช่วงปลายปี โดยวิพากษ์วิจารณ์การบริหารของวอลซ์ที่ไม่เข้าแทรกแซงอย่างรวดเร็วพอที่จะป้องกันการปล้นสะดมและวางเพลิง

    แม้ว่าแฮร์ริสจะไม่คาดว่าจะชนะคะแนนเสียงเลือกตั้ง 17 เสียงของรัฐโอไฮโอ แต่พรรคยังมีการเลือกตั้งอื่นๆ ตามมา พวกเขากลัวว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับผู้สมัครคนสำคัญอาจส่งผลต่อการแข่งขันที่สูสีเพื่อชิงที่นั่งในวุฒิสภา ซึ่งพรรคจะต้องรักษาโอกาสที่แท้จริงในการรักษาการควบคุมสภาแห่งนั้นของรัฐสภาไว้

    รายงานข่าว Politico ระบุว่า 55 สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ Tim Walz ผู้ได้รับเลือกจาก Kamala Harris ให้ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี
    ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตาเคยทำงานในกองกำลังป้องกันประเทศและเป็นครูมัธยมศึกษาตอนปลาย ก่อนที่จะเข้าสู่วงการเมืองในช่วงต้นทศวรรษปี 2000

    1.Walz เกิดที่เวสต์พอยต์ เมืองในเนแบรสกาที่มีประชากรเพียง 3,500 คน แต่เขาเติบโตในเมืองที่เล็กกว่าชื่อบิวต์

    2.Walz สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมบิวต์ในปี 1982 “ผมมาจากเมืองที่มีประชากร 400 คน มีเด็ก 24 คนในหนึ่งห้อง ลูกพี่ลูกน้อง 12 คน ทำฟาร์ม มีเรื่องแบบนี้ด้วย”

    3.Walz ยกย่องการเติบโตในชนบทของเขาว่าเป็นจุดเริ่มต้นของค่านิยมของเขา: “เมืองเล็กๆ แห่งนี้มีบริการแบบนั้นและมีโรงเรียนรัฐบาลที่มีครูของรัฐ ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้ผมมานั่งอยู่ที่นี่จนถึงทุกวันนี้ เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นจริงในเมืองเล็กๆ”

    4.Walz เข้าร่วมกองกำลังป้องกันประเทศเมื่ออายุได้ 17 ปี

    5.ในสำนักงานรัฐสภาของเขา Walz ได้จัดแสดงเหรียญ "ท้าทาย" หลายร้อยเหรียญที่เขาสะสมและแลกเปลี่ยนมาหลายปีทั่วโลก

    6.พ่อของ Walz ซึ่งเป็นผู้บริหารโรงเรียน เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดเมื่อ Walz อายุได้ 19 ปี Walz กล่าวว่าช่วงเวลานี้จุดประกายความคิดของเขาเกี่ยวกับการเข้าถึงบริการดูแลสุขภาพ: “สัปดาห์สุดท้ายของชีวิตพ่อทำให้แม่ของผมต้องกลับไปทำงานเป็นเวลาสิบปีเพื่อชำระหนี้โรงพยาบาล”

    7.Walz สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาสังคมศาสตร์จาก Chadron State College ในปี 1989 เขาได้รับปริญญาโทสาขาความเป็นผู้นำทางการศึกษาจาก Minnesota State University, Mankato ในปี 2001

    8.หลังจากเรียนจบวิทยาลัย เขาใช้เวลาหนึ่งปีในการสอนที่ประเทศจีน ก่อนจะกลับมาทำงานเต็มเวลาในกองทัพ เขาเดินทางไปประเทศจีนกับกลุ่มครูชาวอเมริกันกลุ่มแรกที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล เพื่อสอนในโรงเรียนมัธยมของจีน

    9.เขายังคงพูดภาษาจีนกลางได้

    10.เขาสอนหนังสือในเขตสงวน Pine Ridge ในเซาท์ดาโคตา “ผมบอกกับผู้คนว่าการจัดการโรงอาหารของโรงเรียนมัธยมมาหลายปีช่วยฝึกให้ผมรับมือกับความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.”

    11.เขาเลื่อนยศเป็นจ่าสิบเอก ก่อนจะเกษียณจากกองพันปืนใหญ่ภาคสนามที่ 1-125 ในปี 2005 เขาทำหน้าที่ทั้งหมด 24 ปี

    12.Walz ได้พบกับ Gwen Whipple ซึ่งเป็นภรรยาในอนาคตของเขา ซึ่งเป็นชาวมินนิโซตาโดยกำเนิด เนื่องจากทั้งคู่เป็นครูโรงเรียนมัธยมในห้องเรียนชั่วคราว สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งกล่าวว่าเธอรู้สึกไม่พอใจที่เขาส่งเสียงดังรบกวนห้องเรียนของเธอ

    13.ในที่สุดทั้งสองก็ย้ายไปที่เมือง Mankato รัฐมินนิโซตา ซึ่งทั้งคู่ทำงานที่โรงเรียนมัธยม Mankato West “Gwen ชอบใช้ชีวิตในมินนิโซตาตอนใต้มาก เราคว้าโอกาสที่จะย้ายไปที่เมือง Mankato และเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยกัน”

    14.Walz สอนภูมิศาสตร์และเป็นโค้ชฟุตบอลในโรงเรียนมัธยม “ฉันไม่รู้ว่าครูภูมิศาสตร์ในโรงเรียนมัธยมทุกคนคาดหวังว่าจะได้อยู่ในตำแหน่งนี้ในสักวันหนึ่งหรือไม่”

    15.เขาเป็นที่ปรึกษาคณะสำหรับกลุ่มพันธมิตรเกย์-กลุ่มแรกของโรงเรียนในปี 1999

    16.Walz วัย 60 ปี ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าดูแก่กว่าวัย Walz ตอบโต้เรื่องนี้ในรายการ X โดยกล่าวว่าเป็นเพราะเขา "ดูแลโรงอาหารมา 20 ปี คุณไม่สามารถออกจากงานนั้นโดยมีผมเต็มหัว เชื่อฉันเถอะ"

    17.เขามีลูกสองคนคือ Hope และ Gus Hope เพิ่งจบการศึกษาจากวิทยาลัยในมอนทานา และ Gus กำลังเรียนอยู่ในโรงเรียนมัธยมของรัฐในเซนต์พอล

    18.ลูกทั้งสองคนเกิดจากกระบวนการ IVF และการรักษาภาวะมีบุตรยาก: "มีเหตุผลที่เราตั้งชื่อ [ลูกสาวของเรา] ว่า Hope"

    19.งานแรกของ Walz ในแวดวงการเมืองคือเป็นสมาชิกแคมเปญหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของอดีตวุฒิสมาชิกรัฐแมสซาชูเซตส์ John Kerry ในปี 2004 แคมเปญดังกล่าวจ้างเขาให้เป็นผู้ประสานงานแคมเปญระดับมณฑลและผู้ประสานงานระดับมณฑลของทหารผ่านศึกสำหรับเคอร์รี

    20.เขาบอกว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจให้เข้าร่วมแคมเปญของเคอร์รีหลังจากที่เขาพาเด็กนักเรียนมัธยมปลายกลุ่มหนึ่งไปร่วมชุมนุมหาเสียงของจอร์จ ดับเบิลยู บุช และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ซักถามนักเรียนคนหนึ่งของเขาเนื่องจากเขามีสติกเกอร์ของเคอร์รีติดอยู่บนกระเป๋าสตางค์

    21.วอลซ์ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาคองเกรสครั้งแรกในปี 2549 ซึ่งถือเป็นการพลิกกลับสถานการณ์ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรในปีนั้น เขตเลือกตั้งซึ่งเป็นที่ตั้งของทั้งคลินิกเมโยและบริษัทแปรรูปเนื้อฮอร์เมล เคยลงคะแนนเสียงให้กับจอร์จ ดับเบิลยู บุชมาแล้วถึงสองครั้ง

    22.เขาเป็นทหารเกณฑ์ที่มียศสูงสุดที่เคยรับใช้ในสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ และเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครต-เกษตรกร-แรงงานของรัฐมินนิโซตาคนที่สี่ที่เป็นตัวแทนของเขตเลือกตั้งของเขา 23.
    Walz เอาชนะ Gil Gutknecht สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกันคนปัจจุบันได้สำเร็จ แม้ว่าเขาจะใช้เงินน้อยกว่าเกือบครึ่งล้านดอลลาร์ก็ตาม

    24.Walz ชนะการเลือกตั้งซ้ำอีก 5 ครั้งในเขตที่ 1 ของมินนิโซตา ซึ่งเป็นเขตชนบทส่วนใหญ่และอนุรักษ์นิยม โดยดำรงตำแหน่งในสภาผู้แทนราษฎรเป็นเวลา 12 ปี

    25.เมื่อ Walz เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร Walz ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานร่วมกับ Paul Hodes สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากรัฐนิวแฮมป์เชียร์

    26.เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกอาวุโสของคณะกรรมการกิจการทหารผ่านศึกของสภาผู้แทนราษฎรในปี 2017 โดยเขาเน้นที่ประเด็นต่างๆ เช่น สุขภาพจิตของทหารผ่านศึก การฆ่าตัวตาย และการจัดการความเจ็บปวด นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้มีเงินทุนเพื่อวิจัยการบำบัดด้วยกัญชาทางการแพทย์สำหรับทหารผ่านศึกที่ต่อสู้กับโรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญและความเจ็บปวดเรื้อรัง

    27.ร่างกฎหมายมากกว่าครึ่งหนึ่งที่ Walz ร่วมสนับสนุนระหว่างปี 2015-2017 ได้รับการเสนอโดยผู้ที่ไม่ใช่พรรคเดโมแครต

    28.ครั้งหนึ่ง Walz เคยได้รับคะแนน "A" จาก National Rifle Association และการรับรองของกลุ่ม ในปี 2016 นิตยสาร Guns & Ammo ได้รวมเขาไว้ในรายชื่อนักการเมือง 20 อันดับแรกสำหรับผู้เป็นเจ้าของปืน

    29.ต่อมา เขาประณาม NRA และสนับสนุนมาตรการควบคุมปืน เช่น การห้ามใช้อาวุธจู่โจม ในช่วงหาเสียงครั้งแรกเพื่อชิงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐในปี 2018 NRA ได้ลดระดับคะแนนของเขาลงอย่างสิ้นเชิง "ผมได้รับคะแนน A จาก NRA ตอนนี้ผมได้ F ตลอดเลย และผมก็หลับสบาย"

    30.ไม่นานหลังจากเหตุการณ์ยิงกันที่ลาสเวกัสในปี 2017 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 59 ราย เขาบริจาคเงินบริจาคหาเสียงจาก NRA ให้กับองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ช่วยเหลือครอบครัวของทหารที่เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะปฏิบัติหน้าที่

    31.Walz เป็นนักล่าตัวยงและเยาะเย้ย JD Vance ที่พูดถึงปืนในขณะที่ "ฉันรับรองได้ว่าเขายิงไก่ฟ้าไม่ได้เหมือนฉัน"

    32.ในปี 2019 Walz ออกจากสภาเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา เขาเอาชนะ Jeff Johnson จากพรรครีพับลิกันไปมากกว่า 11 คะแนน

    33.Walz มักจะปกป้องนโยบายของเขา เช่น ร่างกฎหมายอาหารกลางวันในโรงเรียนทั่วไปที่ลงนามในกฎหมายของรัฐมินนิโซตาเมื่อต้นปีนี้ โดยอ้างว่าเป็นสามัญสำนึก "ช่างเป็นสัตว์ประหลาด! เด็กๆ กินอิ่มและอิ่มท้องเพื่อที่พวกเขาจะได้ไปเรียนรู้ และผู้หญิงก็ตัดสินใจเรื่องการดูแลสุขภาพของตัวเอง" Walz พูดติดตลก

    34.ความรุนแรงปะทุขึ้นหลังจากที่ตำรวจสังหาร George Floyd ในมินนิอาโปลิสเมื่อเดือนพฤษภาคม 2020 เหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การประท้วงต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติและความรุนแรงของตำรวจทั่วประเทศ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันออกรายงานในช่วงปลายปี โดยวิพากษ์วิจารณ์การบริหารของวอลซ์ที่ไม่เข้าแทรกแซงอย่างรวดเร็วพอที่จะป้องกันการปล้นสะดมและวางเพลิง “ฉันเชื่ออย่างแน่นอนว่าการบริหารของเรา ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังป้องกันประเทศ ตำรวจทางหลวง หรือกรมทรัพยากรธรรมชาติ บุคลากรแนวหน้าของเราตอบสนองอย่างมีเกียรติและกล้าหาญ พวกเขาช่วยชีวิตคนไว้ได้” วอลซ์กล่าว “รายงานด้านเดียวที่ออกมาก่อนการเลือกตั้งไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก แต่ถ้ามีคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ ฉันก็จะใช้แน่นอน”

    35.ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา วอลซ์ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เผยแพร่แนวทางการโจมตีล่าสุดของพรรคเดโมแครตต่อบัตรลงคะแนนของพรรครีพับลิกัน เมื่อเขาเรียกทรัมป์และแวนซ์ว่า “คนพวกนี้ประหลาดจริงๆ”

    36.เขาให้สัมภาษณ์กับ POLITICO ในปี 2023 ว่า “เมื่อเราลงแข่งกับพรรครีพับลิกันทั่วไป การแข่งขันของเรามักจะสูสีกันมาก แต่ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า [พรรครีพับลิกันทั่วไป] พวกนี้ประหลาด เมื่อพวกเขาเริ่มลงสมัคร ความแปลกประหลาดของพวกเขาก็ปรากฏขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ได้รับการเสนอชื่อในฝั่งตรงข้าม ฉันไม่คิดว่ามันจะน่าแปลกใจขนาดนั้น”

    37.Walz บอกกับ The New York Times ว่าความคิดเห็นของเขาเกี่ยวกับความแปลกประหลาดนั้นเกี่ยวกับ Trump และ Vance ไม่ใช่พรรครีพับลิกันโดยทั่วไป “และคำว่า ‘แปลกประหลาด’ นั้นเฉพาะตัวเขาเท่านั้น ฉันไม่ได้พูดถึงพรรครีพับลิกันอย่างแน่นอน ฉันไม่ได้พูดถึงคนที่อยู่ในการชุมนุมเหล่านั้น ฉันได้ยินเรื่องนี้มาจากเพื่อนพรรครีพับลิกันของฉัน เพราะว่าคนที่อยู่ในการชุมนุมเหล่านั้นคือคนที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดจากข้อความที่เรากำลังส่งถึง”

    38.เมื่อปีที่แล้ว บารัค โอบามายกย่อง Walz เมื่อพรรคเดโมแครต-เกษตรกร-แรงงานของมินนิโซตาได้ควบคุมคฤหาสน์ของผู้ว่าการ รัฐสภา และวุฒิสภาของรัฐ

    39.Walz พบกับรองผู้ว่าการรัฐ Peggy Flanagan เป็นครั้งแรกเมื่อเขาเข้าร่วม Wellstone Action ซึ่งก่อตั้งขึ้นหลังจากการเสียชีวิตของวุฒิสมาชิก Paul Wellstone ในปี 2002 เพื่อฝึกอบรมผู้จัดงาน นักเคลื่อนไหว และผู้สมัครรับเลือกตั้งที่มีแนวคิดก้าวหน้า “ฉันไปที่นั่นและได้พบกับผู้ฝึกสอนสาวที่ยอดเยี่ยมซึ่งกลายเป็น Peggy Flanagan นั่นคือจุดเริ่มต้นมิตรภาพของเรา”

    40.หลังจากที่รัฐมินนิโซตาประกาศให้กัญชาเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจถูกกฎหมายเมื่อปีที่แล้ว Walz ได้แต่งตั้งเจ้าของร้านขายกัญชาให้เป็นผู้กำกับดูแลกัญชาชั้นนำของรัฐ วันรุ่งขึ้น Erin DuPree ผู้ประกอบการด้านกัญชาได้ลาออกจากตำแหน่งหลังจากที่ Star Tribune รายงานว่าเธอขายผลิตภัณฑ์ที่ผิดกฎหมายในร้านกัญชาของเธอและถูกยึดภาษีของรัฐบาลกลางและถูกตัดสินจำคุก ต่อมาสำนักงานผู้ตรวจสอบนิติบัญญัติ ซึ่งเป็นหน่วยงานตรวจสอบของรัฐบาลมินนิโซตาที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดได้พบว่าสำนักงานของผู้ว่าการรัฐได้ละเลยขั้นตอนการตรวจสอบประวัติพื้นฐานบางขั้นตอนก่อนที่จะแต่งตั้ง DuPree

    41.ในเดือนธันวาคม 2023 วอลซ์ได้รับเลือกให้เป็นประธานสมาคมผู้ว่าการรัฐของพรรคเดโมแครต ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการปกป้องและเพิ่มส่วนแบ่งของผู้บริหารสูงสุดของพรรคในแต่ละรัฐ “ตอนนี้ฉันเชื่อมั่นอย่างยิ่งแล้วว่าผู้ว่าการรัฐสามารถสร้างความแตกต่างได้ เราเห็นสิ่งนี้ในมินนิโซตา เราเห็นสิ่งนี้ในมิชิแกน เราเห็นสิ่งนี้ในโคโลราโด เราเห็นว่ารัฐทั้งสามแห่งนี้ทำให้ชีวิตของผู้คนดีขึ้น”

    42.เครื่องดื่มที่เขาเลือกคือ Diet Mountain Dew เขาถูกจับข้อหาเมาแล้วขับในเนแบรสกาในปี 1995 ก่อนที่จะเลิกดื่ม

    43.วอลซ์เป็นนักวิ่งที่เข้าร่วมการแข่งขันหลายรายการในเมืองแฝดของมินนิโซตา: “ฉันพบว่าแม้กระทั่งก่อนเกิดเหตุการณ์ที่กดดันที่สุด หากฉันออกไปวิ่ง ฉันจะสงบและมีสติมากขึ้น”

    44.เขาชอบซ่อมแซม International Scout สีน้ำเงินแบบวินเทจของเขา ซึ่งเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อที่บริษัท International Harvester หยุดผลิตในปี 1980

    45.เขามีป้ายทะเบียนพิเศษที่เขียนว่า “ONE MN” ซึ่งเป็นสโลแกนหาเสียงของเขาในการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐ

    46.Walz สัญญากับ Gus ลูกชายของเขาว่าจะเลี้ยงสุนัขหากเขาชนะการเลือกตั้งในปี 2019 เมื่อมีการประกาศผลการเลือกตั้ง Gus ก็อุทานออกมาว่า “ฉันจะเลี้ยงสุนัข!” Walz ทำตามสัญญาโดยรับ Scout ซึ่งเป็นสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ผสมสีดำมาเลี้ยงในช่วงปลายปี

    47.Walz และ Scout มักจะไปเยี่ยมสวนสาธารณะสำหรับสุนัขใน Twin Cities โดยไม่ต้องจูงสายจูงในตอนเช้าทุกวัน

    48.Walz ลงนามในร่างกฎหมายเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อขยายสิทธิในการลงคะแนนเสียงให้กับผู้ที่เคยต้องโทษจำคุกประมาณ 55,000 คน

    49.Walz ได้พบกับเอกอัครราชทูตยูเครนประจำสหรัฐอเมริกาเพื่อลงนามในจดหมายแสดงความเข้าใจซึ่งสร้างความร่วมมือทางการเกษตรระหว่างมินนิโซตาและภูมิภาคทางตอนเหนือของยูเครนที่เรียกว่าเชอร์นิฮิฟ “เมื่อเราขับไล่พวกรัสเซียออกไปแล้ว เราก็จะมีความร่วมมือกัน” Walz กล่าว “มันเป็นการแสดงมิตรภาพที่สำคัญจริงๆ และเป็นการแสดงความสัมพันธ์ที่สำคัญจริงๆ”

    50.ในปี 2023 Walz ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อปกป้องการเข้าถึงการดูแลที่ยืนยันเพศ “ในขณะที่รัฐต่างๆ ทั่วประเทศเคลื่อนไหวเพื่อห้ามการเข้าถึงการดูแลที่ยืนยันเพศ เราต้องการให้ชาวมินนิโซตาที่เป็น LGBTQ รู้ว่าพวกเขาจะยังคงปลอดภัย ได้รับการคุ้มครอง และได้รับการต้อนรับในมินนิโซตาต่อไป” Walz กล่าว

    51.อาหารจานร้อนมันฝรั่งทอดของเขา ซึ่งเป็นอาหารไม่เป็นทางการของมินนิโซตา เป็นแชมป์รายการอาหารจานร้อนของคณะผู้แทนรัฐสภามินนิโซตาถึงสามสมัย เขาชนะในปี 2013, 2014 และ 2016

    52.เขาประกาศตัวเองว่าเป็นนักอ่านนิยายวิทยาศาสตร์แฟนตาซีเมื่อพูดถึงหนังสือ “ผมเพิ่งอ่านซีรีส์ Mortal Engines จบไป ผมอ่านนิยายสำหรับวัยรุ่นหลายเล่มเพราะผมอ่านกับลูกๆ ผมอ่านเล่มนั้นกับ Gus” เขากล่าวในปี 2019 “และผมเพิ่งอ่านเล่มหนึ่งจบซึ่งผมไม่แนะนำให้อ่านเพราะมันน่ากลัวมาก: Command and Control หนังสือเล่มนี้บอกเล่าประวัติศาสตร์คลังอาวุธนิวเคลียร์ของอเมริกา”

    53.เพลงโปรดของเขาโดย Bob Dylan หนึ่งในคนดังที่โด่งดังที่สุดของรัฐมินนิโซตาคือเพลง “Forever Young” ซึ่งมี “ข้อความอมตะจากพ่อถึงลูกชาย” ตามที่ Walz กล่าว

    54.เขามีความสุขกับการได้ดื่มนมไม่อั้นที่งาน Minnesota State Fair มากจนถึงขนาดที่เขาอาสาทำงานที่บูธในปี 2022

    55.Walz เป็นคนมองโลกในแง่ดี แต่เมื่อพูดถึงรัฐบาล เขาพยายามวางแผนรับมือสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด “ผมคิดว่าผู้คนควรคาดหวังให้รัฐบาลมีแนวคิดก้าวหน้าและคาดการณ์ล่วงหน้า” เขากล่าวขณะเข้ารับตำแหน่งในปี 2019 “หลายๆ สิ่งที่ผู้คนมองว่าเป็นอุบัติเหตุหรือโอกาส แท้จริงแล้วเป็นเพียงการวางแผนและคาดการณ์ล่วงหน้าที่ไม่ดี”

    ที่มา : Politico.com

    #Thaitimes
    พรรคเดโมแครตเสนอชื่อ กมลา แฮร์ริสและทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตาอย่างเป็นทางการ วอลซ์มีพื้นฐานประสบการณ์เป็นครู เคยสอนที่จีน ทำให้เขาพูดภาษาจีนกลางได้และ ยังเรียกร้องให้มีเงินทุนเพื่อวิจัยการบำบัดด้วยกัญชาทางการแพทย์สำหรับทหารผ่านศึกที่ต่อสู้กับโรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญและความเจ็บปวดเรื้อรัง 7 สิงหาคม 2567-ในแถลงการณ์ พรรคเดโมแครตระบุว่าผู้แทนการประชุมใหญ่ 99 เปอร์เซ็นต์สนับสนุนให้แฮร์ริสลงคะแนนเสียงซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันจันทร์ วอลซ์ "ได้รับการรับรอง" ให้เป็นคู่ตัวแทนในการเลือกตั้งของเธอโดยมินยาน มัวร์ ประธานการประชุมใหญ่ พรรคยังคงวางแผนที่จะจัด "พิธีการเรียกชื่อ" ในชิคาโกในช่วงปลายเดือนนี้ แม้ว่าจะไม่มีการผูกมัดเหมือนปีที่แล้วก็ตาม ขณะทึ่ พรรคเดโมแครตบางคนกลัวว่าการฟ้องร้องอาจทำให้ผู้สมัครของตนต้องออกจากการลงคะแนนเสียง กรณี ความรุนแรงปะทุขึ้นหลังจากที่ตำรวจสังหาร George Floyd ในมินนิอาโปลิสเมื่อเดือนพฤษภาคม 2020 เหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การประท้วงต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติและความรุนแรงของตำรวจทั่วประเทศ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันออกรายงานในช่วงปลายปี โดยวิพากษ์วิจารณ์การบริหารของวอลซ์ที่ไม่เข้าแทรกแซงอย่างรวดเร็วพอที่จะป้องกันการปล้นสะดมและวางเพลิง แม้ว่าแฮร์ริสจะไม่คาดว่าจะชนะคะแนนเสียงเลือกตั้ง 17 เสียงของรัฐโอไฮโอ แต่พรรคยังมีการเลือกตั้งอื่นๆ ตามมา พวกเขากลัวว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับผู้สมัครคนสำคัญอาจส่งผลต่อการแข่งขันที่สูสีเพื่อชิงที่นั่งในวุฒิสภา ซึ่งพรรคจะต้องรักษาโอกาสที่แท้จริงในการรักษาการควบคุมสภาแห่งนั้นของรัฐสภาไว้ รายงานข่าว Politico ระบุว่า 55 สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ Tim Walz ผู้ได้รับเลือกจาก Kamala Harris ให้ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตาเคยทำงานในกองกำลังป้องกันประเทศและเป็นครูมัธยมศึกษาตอนปลาย ก่อนที่จะเข้าสู่วงการเมืองในช่วงต้นทศวรรษปี 2000 1.Walz เกิดที่เวสต์พอยต์ เมืองในเนแบรสกาที่มีประชากรเพียง 3,500 คน แต่เขาเติบโตในเมืองที่เล็กกว่าชื่อบิวต์ 2.Walz สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมบิวต์ในปี 1982 “ผมมาจากเมืองที่มีประชากร 400 คน มีเด็ก 24 คนในหนึ่งห้อง ลูกพี่ลูกน้อง 12 คน ทำฟาร์ม มีเรื่องแบบนี้ด้วย” 3.Walz ยกย่องการเติบโตในชนบทของเขาว่าเป็นจุดเริ่มต้นของค่านิยมของเขา: “เมืองเล็กๆ แห่งนี้มีบริการแบบนั้นและมีโรงเรียนรัฐบาลที่มีครูของรัฐ ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้ผมมานั่งอยู่ที่นี่จนถึงทุกวันนี้ เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นจริงในเมืองเล็กๆ” 4.Walz เข้าร่วมกองกำลังป้องกันประเทศเมื่ออายุได้ 17 ปี 5.ในสำนักงานรัฐสภาของเขา Walz ได้จัดแสดงเหรียญ "ท้าทาย" หลายร้อยเหรียญที่เขาสะสมและแลกเปลี่ยนมาหลายปีทั่วโลก 6.พ่อของ Walz ซึ่งเป็นผู้บริหารโรงเรียน เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดเมื่อ Walz อายุได้ 19 ปี Walz กล่าวว่าช่วงเวลานี้จุดประกายความคิดของเขาเกี่ยวกับการเข้าถึงบริการดูแลสุขภาพ: “สัปดาห์สุดท้ายของชีวิตพ่อทำให้แม่ของผมต้องกลับไปทำงานเป็นเวลาสิบปีเพื่อชำระหนี้โรงพยาบาล” 7.Walz สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาสังคมศาสตร์จาก Chadron State College ในปี 1989 เขาได้รับปริญญาโทสาขาความเป็นผู้นำทางการศึกษาจาก Minnesota State University, Mankato ในปี 2001 8.หลังจากเรียนจบวิทยาลัย เขาใช้เวลาหนึ่งปีในการสอนที่ประเทศจีน ก่อนจะกลับมาทำงานเต็มเวลาในกองทัพ เขาเดินทางไปประเทศจีนกับกลุ่มครูชาวอเมริกันกลุ่มแรกที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล เพื่อสอนในโรงเรียนมัธยมของจีน 9.เขายังคงพูดภาษาจีนกลางได้ 10.เขาสอนหนังสือในเขตสงวน Pine Ridge ในเซาท์ดาโคตา “ผมบอกกับผู้คนว่าการจัดการโรงอาหารของโรงเรียนมัธยมมาหลายปีช่วยฝึกให้ผมรับมือกับความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.” 11.เขาเลื่อนยศเป็นจ่าสิบเอก ก่อนจะเกษียณจากกองพันปืนใหญ่ภาคสนามที่ 1-125 ในปี 2005 เขาทำหน้าที่ทั้งหมด 24 ปี 12.Walz ได้พบกับ Gwen Whipple ซึ่งเป็นภรรยาในอนาคตของเขา ซึ่งเป็นชาวมินนิโซตาโดยกำเนิด เนื่องจากทั้งคู่เป็นครูโรงเรียนมัธยมในห้องเรียนชั่วคราว สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งกล่าวว่าเธอรู้สึกไม่พอใจที่เขาส่งเสียงดังรบกวนห้องเรียนของเธอ 13.ในที่สุดทั้งสองก็ย้ายไปที่เมือง Mankato รัฐมินนิโซตา ซึ่งทั้งคู่ทำงานที่โรงเรียนมัธยม Mankato West “Gwen ชอบใช้ชีวิตในมินนิโซตาตอนใต้มาก เราคว้าโอกาสที่จะย้ายไปที่เมือง Mankato และเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยกัน” 14.Walz สอนภูมิศาสตร์และเป็นโค้ชฟุตบอลในโรงเรียนมัธยม “ฉันไม่รู้ว่าครูภูมิศาสตร์ในโรงเรียนมัธยมทุกคนคาดหวังว่าจะได้อยู่ในตำแหน่งนี้ในสักวันหนึ่งหรือไม่” 15.เขาเป็นที่ปรึกษาคณะสำหรับกลุ่มพันธมิตรเกย์-กลุ่มแรกของโรงเรียนในปี 1999 16.Walz วัย 60 ปี ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าดูแก่กว่าวัย Walz ตอบโต้เรื่องนี้ในรายการ X โดยกล่าวว่าเป็นเพราะเขา "ดูแลโรงอาหารมา 20 ปี คุณไม่สามารถออกจากงานนั้นโดยมีผมเต็มหัว เชื่อฉันเถอะ" 17.เขามีลูกสองคนคือ Hope และ Gus Hope เพิ่งจบการศึกษาจากวิทยาลัยในมอนทานา และ Gus กำลังเรียนอยู่ในโรงเรียนมัธยมของรัฐในเซนต์พอล 18.ลูกทั้งสองคนเกิดจากกระบวนการ IVF และการรักษาภาวะมีบุตรยาก: "มีเหตุผลที่เราตั้งชื่อ [ลูกสาวของเรา] ว่า Hope" 19.งานแรกของ Walz ในแวดวงการเมืองคือเป็นสมาชิกแคมเปญหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของอดีตวุฒิสมาชิกรัฐแมสซาชูเซตส์ John Kerry ในปี 2004 แคมเปญดังกล่าวจ้างเขาให้เป็นผู้ประสานงานแคมเปญระดับมณฑลและผู้ประสานงานระดับมณฑลของทหารผ่านศึกสำหรับเคอร์รี 20.เขาบอกว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจให้เข้าร่วมแคมเปญของเคอร์รีหลังจากที่เขาพาเด็กนักเรียนมัธยมปลายกลุ่มหนึ่งไปร่วมชุมนุมหาเสียงของจอร์จ ดับเบิลยู บุช และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ซักถามนักเรียนคนหนึ่งของเขาเนื่องจากเขามีสติกเกอร์ของเคอร์รีติดอยู่บนกระเป๋าสตางค์ 21.วอลซ์ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาคองเกรสครั้งแรกในปี 2549 ซึ่งถือเป็นการพลิกกลับสถานการณ์ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรในปีนั้น เขตเลือกตั้งซึ่งเป็นที่ตั้งของทั้งคลินิกเมโยและบริษัทแปรรูปเนื้อฮอร์เมล เคยลงคะแนนเสียงให้กับจอร์จ ดับเบิลยู บุชมาแล้วถึงสองครั้ง 22.เขาเป็นทหารเกณฑ์ที่มียศสูงสุดที่เคยรับใช้ในสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ และเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครต-เกษตรกร-แรงงานของรัฐมินนิโซตาคนที่สี่ที่เป็นตัวแทนของเขตเลือกตั้งของเขา 23. Walz เอาชนะ Gil Gutknecht สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกันคนปัจจุบันได้สำเร็จ แม้ว่าเขาจะใช้เงินน้อยกว่าเกือบครึ่งล้านดอลลาร์ก็ตาม 24.Walz ชนะการเลือกตั้งซ้ำอีก 5 ครั้งในเขตที่ 1 ของมินนิโซตา ซึ่งเป็นเขตชนบทส่วนใหญ่และอนุรักษ์นิยม โดยดำรงตำแหน่งในสภาผู้แทนราษฎรเป็นเวลา 12 ปี 25.เมื่อ Walz เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร Walz ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานร่วมกับ Paul Hodes สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากรัฐนิวแฮมป์เชียร์ 26.เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกอาวุโสของคณะกรรมการกิจการทหารผ่านศึกของสภาผู้แทนราษฎรในปี 2017 โดยเขาเน้นที่ประเด็นต่างๆ เช่น สุขภาพจิตของทหารผ่านศึก การฆ่าตัวตาย และการจัดการความเจ็บปวด นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้มีเงินทุนเพื่อวิจัยการบำบัดด้วยกัญชาทางการแพทย์สำหรับทหารผ่านศึกที่ต่อสู้กับโรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญและความเจ็บปวดเรื้อรัง 27.ร่างกฎหมายมากกว่าครึ่งหนึ่งที่ Walz ร่วมสนับสนุนระหว่างปี 2015-2017 ได้รับการเสนอโดยผู้ที่ไม่ใช่พรรคเดโมแครต 28.ครั้งหนึ่ง Walz เคยได้รับคะแนน "A" จาก National Rifle Association และการรับรองของกลุ่ม ในปี 2016 นิตยสาร Guns & Ammo ได้รวมเขาไว้ในรายชื่อนักการเมือง 20 อันดับแรกสำหรับผู้เป็นเจ้าของปืน 29.ต่อมา เขาประณาม NRA และสนับสนุนมาตรการควบคุมปืน เช่น การห้ามใช้อาวุธจู่โจม ในช่วงหาเสียงครั้งแรกเพื่อชิงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐในปี 2018 NRA ได้ลดระดับคะแนนของเขาลงอย่างสิ้นเชิง "ผมได้รับคะแนน A จาก NRA ตอนนี้ผมได้ F ตลอดเลย และผมก็หลับสบาย" 30.ไม่นานหลังจากเหตุการณ์ยิงกันที่ลาสเวกัสในปี 2017 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 59 ราย เขาบริจาคเงินบริจาคหาเสียงจาก NRA ให้กับองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ช่วยเหลือครอบครัวของทหารที่เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะปฏิบัติหน้าที่ 31.Walz เป็นนักล่าตัวยงและเยาะเย้ย JD Vance ที่พูดถึงปืนในขณะที่ "ฉันรับรองได้ว่าเขายิงไก่ฟ้าไม่ได้เหมือนฉัน" 32.ในปี 2019 Walz ออกจากสภาเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา เขาเอาชนะ Jeff Johnson จากพรรครีพับลิกันไปมากกว่า 11 คะแนน 33.Walz มักจะปกป้องนโยบายของเขา เช่น ร่างกฎหมายอาหารกลางวันในโรงเรียนทั่วไปที่ลงนามในกฎหมายของรัฐมินนิโซตาเมื่อต้นปีนี้ โดยอ้างว่าเป็นสามัญสำนึก "ช่างเป็นสัตว์ประหลาด! เด็กๆ กินอิ่มและอิ่มท้องเพื่อที่พวกเขาจะได้ไปเรียนรู้ และผู้หญิงก็ตัดสินใจเรื่องการดูแลสุขภาพของตัวเอง" Walz พูดติดตลก 34.ความรุนแรงปะทุขึ้นหลังจากที่ตำรวจสังหาร George Floyd ในมินนิอาโปลิสเมื่อเดือนพฤษภาคม 2020 เหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การประท้วงต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติและความรุนแรงของตำรวจทั่วประเทศ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันออกรายงานในช่วงปลายปี โดยวิพากษ์วิจารณ์การบริหารของวอลซ์ที่ไม่เข้าแทรกแซงอย่างรวดเร็วพอที่จะป้องกันการปล้นสะดมและวางเพลิง “ฉันเชื่ออย่างแน่นอนว่าการบริหารของเรา ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังป้องกันประเทศ ตำรวจทางหลวง หรือกรมทรัพยากรธรรมชาติ บุคลากรแนวหน้าของเราตอบสนองอย่างมีเกียรติและกล้าหาญ พวกเขาช่วยชีวิตคนไว้ได้” วอลซ์กล่าว “รายงานด้านเดียวที่ออกมาก่อนการเลือกตั้งไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก แต่ถ้ามีคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ ฉันก็จะใช้แน่นอน” 35.ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา วอลซ์ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เผยแพร่แนวทางการโจมตีล่าสุดของพรรคเดโมแครตต่อบัตรลงคะแนนของพรรครีพับลิกัน เมื่อเขาเรียกทรัมป์และแวนซ์ว่า “คนพวกนี้ประหลาดจริงๆ” 36.เขาให้สัมภาษณ์กับ POLITICO ในปี 2023 ว่า “เมื่อเราลงแข่งกับพรรครีพับลิกันทั่วไป การแข่งขันของเรามักจะสูสีกันมาก แต่ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า [พรรครีพับลิกันทั่วไป] พวกนี้ประหลาด เมื่อพวกเขาเริ่มลงสมัคร ความแปลกประหลาดของพวกเขาก็ปรากฏขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ได้รับการเสนอชื่อในฝั่งตรงข้าม ฉันไม่คิดว่ามันจะน่าแปลกใจขนาดนั้น” 37.Walz บอกกับ The New York Times ว่าความคิดเห็นของเขาเกี่ยวกับความแปลกประหลาดนั้นเกี่ยวกับ Trump และ Vance ไม่ใช่พรรครีพับลิกันโดยทั่วไป “และคำว่า ‘แปลกประหลาด’ นั้นเฉพาะตัวเขาเท่านั้น ฉันไม่ได้พูดถึงพรรครีพับลิกันอย่างแน่นอน ฉันไม่ได้พูดถึงคนที่อยู่ในการชุมนุมเหล่านั้น ฉันได้ยินเรื่องนี้มาจากเพื่อนพรรครีพับลิกันของฉัน เพราะว่าคนที่อยู่ในการชุมนุมเหล่านั้นคือคนที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดจากข้อความที่เรากำลังส่งถึง” 38.เมื่อปีที่แล้ว บารัค โอบามายกย่อง Walz เมื่อพรรคเดโมแครต-เกษตรกร-แรงงานของมินนิโซตาได้ควบคุมคฤหาสน์ของผู้ว่าการ รัฐสภา และวุฒิสภาของรัฐ 39.Walz พบกับรองผู้ว่าการรัฐ Peggy Flanagan เป็นครั้งแรกเมื่อเขาเข้าร่วม Wellstone Action ซึ่งก่อตั้งขึ้นหลังจากการเสียชีวิตของวุฒิสมาชิก Paul Wellstone ในปี 2002 เพื่อฝึกอบรมผู้จัดงาน นักเคลื่อนไหว และผู้สมัครรับเลือกตั้งที่มีแนวคิดก้าวหน้า “ฉันไปที่นั่นและได้พบกับผู้ฝึกสอนสาวที่ยอดเยี่ยมซึ่งกลายเป็น Peggy Flanagan นั่นคือจุดเริ่มต้นมิตรภาพของเรา” 40.หลังจากที่รัฐมินนิโซตาประกาศให้กัญชาเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจถูกกฎหมายเมื่อปีที่แล้ว Walz ได้แต่งตั้งเจ้าของร้านขายกัญชาให้เป็นผู้กำกับดูแลกัญชาชั้นนำของรัฐ วันรุ่งขึ้น Erin DuPree ผู้ประกอบการด้านกัญชาได้ลาออกจากตำแหน่งหลังจากที่ Star Tribune รายงานว่าเธอขายผลิตภัณฑ์ที่ผิดกฎหมายในร้านกัญชาของเธอและถูกยึดภาษีของรัฐบาลกลางและถูกตัดสินจำคุก ต่อมาสำนักงานผู้ตรวจสอบนิติบัญญัติ ซึ่งเป็นหน่วยงานตรวจสอบของรัฐบาลมินนิโซตาที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดได้พบว่าสำนักงานของผู้ว่าการรัฐได้ละเลยขั้นตอนการตรวจสอบประวัติพื้นฐานบางขั้นตอนก่อนที่จะแต่งตั้ง DuPree 41.ในเดือนธันวาคม 2023 วอลซ์ได้รับเลือกให้เป็นประธานสมาคมผู้ว่าการรัฐของพรรคเดโมแครต ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการปกป้องและเพิ่มส่วนแบ่งของผู้บริหารสูงสุดของพรรคในแต่ละรัฐ “ตอนนี้ฉันเชื่อมั่นอย่างยิ่งแล้วว่าผู้ว่าการรัฐสามารถสร้างความแตกต่างได้ เราเห็นสิ่งนี้ในมินนิโซตา เราเห็นสิ่งนี้ในมิชิแกน เราเห็นสิ่งนี้ในโคโลราโด เราเห็นว่ารัฐทั้งสามแห่งนี้ทำให้ชีวิตของผู้คนดีขึ้น” 42.เครื่องดื่มที่เขาเลือกคือ Diet Mountain Dew เขาถูกจับข้อหาเมาแล้วขับในเนแบรสกาในปี 1995 ก่อนที่จะเลิกดื่ม 43.วอลซ์เป็นนักวิ่งที่เข้าร่วมการแข่งขันหลายรายการในเมืองแฝดของมินนิโซตา: “ฉันพบว่าแม้กระทั่งก่อนเกิดเหตุการณ์ที่กดดันที่สุด หากฉันออกไปวิ่ง ฉันจะสงบและมีสติมากขึ้น” 44.เขาชอบซ่อมแซม International Scout สีน้ำเงินแบบวินเทจของเขา ซึ่งเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อที่บริษัท International Harvester หยุดผลิตในปี 1980 45.เขามีป้ายทะเบียนพิเศษที่เขียนว่า “ONE MN” ซึ่งเป็นสโลแกนหาเสียงของเขาในการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐ 46.Walz สัญญากับ Gus ลูกชายของเขาว่าจะเลี้ยงสุนัขหากเขาชนะการเลือกตั้งในปี 2019 เมื่อมีการประกาศผลการเลือกตั้ง Gus ก็อุทานออกมาว่า “ฉันจะเลี้ยงสุนัข!” Walz ทำตามสัญญาโดยรับ Scout ซึ่งเป็นสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ผสมสีดำมาเลี้ยงในช่วงปลายปี 47.Walz และ Scout มักจะไปเยี่ยมสวนสาธารณะสำหรับสุนัขใน Twin Cities โดยไม่ต้องจูงสายจูงในตอนเช้าทุกวัน 48.Walz ลงนามในร่างกฎหมายเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อขยายสิทธิในการลงคะแนนเสียงให้กับผู้ที่เคยต้องโทษจำคุกประมาณ 55,000 คน 49.Walz ได้พบกับเอกอัครราชทูตยูเครนประจำสหรัฐอเมริกาเพื่อลงนามในจดหมายแสดงความเข้าใจซึ่งสร้างความร่วมมือทางการเกษตรระหว่างมินนิโซตาและภูมิภาคทางตอนเหนือของยูเครนที่เรียกว่าเชอร์นิฮิฟ “เมื่อเราขับไล่พวกรัสเซียออกไปแล้ว เราก็จะมีความร่วมมือกัน” Walz กล่าว “มันเป็นการแสดงมิตรภาพที่สำคัญจริงๆ และเป็นการแสดงความสัมพันธ์ที่สำคัญจริงๆ” 50.ในปี 2023 Walz ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อปกป้องการเข้าถึงการดูแลที่ยืนยันเพศ “ในขณะที่รัฐต่างๆ ทั่วประเทศเคลื่อนไหวเพื่อห้ามการเข้าถึงการดูแลที่ยืนยันเพศ เราต้องการให้ชาวมินนิโซตาที่เป็น LGBTQ รู้ว่าพวกเขาจะยังคงปลอดภัย ได้รับการคุ้มครอง และได้รับการต้อนรับในมินนิโซตาต่อไป” Walz กล่าว 51.อาหารจานร้อนมันฝรั่งทอดของเขา ซึ่งเป็นอาหารไม่เป็นทางการของมินนิโซตา เป็นแชมป์รายการอาหารจานร้อนของคณะผู้แทนรัฐสภามินนิโซตาถึงสามสมัย เขาชนะในปี 2013, 2014 และ 2016 52.เขาประกาศตัวเองว่าเป็นนักอ่านนิยายวิทยาศาสตร์แฟนตาซีเมื่อพูดถึงหนังสือ “ผมเพิ่งอ่านซีรีส์ Mortal Engines จบไป ผมอ่านนิยายสำหรับวัยรุ่นหลายเล่มเพราะผมอ่านกับลูกๆ ผมอ่านเล่มนั้นกับ Gus” เขากล่าวในปี 2019 “และผมเพิ่งอ่านเล่มหนึ่งจบซึ่งผมไม่แนะนำให้อ่านเพราะมันน่ากลัวมาก: Command and Control หนังสือเล่มนี้บอกเล่าประวัติศาสตร์คลังอาวุธนิวเคลียร์ของอเมริกา” 53.เพลงโปรดของเขาโดย Bob Dylan หนึ่งในคนดังที่โด่งดังที่สุดของรัฐมินนิโซตาคือเพลง “Forever Young” ซึ่งมี “ข้อความอมตะจากพ่อถึงลูกชาย” ตามที่ Walz กล่าว 54.เขามีความสุขกับการได้ดื่มนมไม่อั้นที่งาน Minnesota State Fair มากจนถึงขนาดที่เขาอาสาทำงานที่บูธในปี 2022 55.Walz เป็นคนมองโลกในแง่ดี แต่เมื่อพูดถึงรัฐบาล เขาพยายามวางแผนรับมือสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด “ผมคิดว่าผู้คนควรคาดหวังให้รัฐบาลมีแนวคิดก้าวหน้าและคาดการณ์ล่วงหน้า” เขากล่าวขณะเข้ารับตำแหน่งในปี 2019 “หลายๆ สิ่งที่ผู้คนมองว่าเป็นอุบัติเหตุหรือโอกาส แท้จริงแล้วเป็นเพียงการวางแผนและคาดการณ์ล่วงหน้าที่ไม่ดี” ที่มา : Politico.com #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1479 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts