• เรื่องเล่าจากกล่องเล็ก ๆ ที่ซ่อนพลังระดับเดสก์ท็อป: เมื่อ eGPU กลายเป็นศูนย์กลางของการเล่นเกมและทำงาน AI

    ในงาน Beyond Edge ล่าสุด GIGABYTE ได้เปิดตัว AORUS RTX 5060 Ti AI BOX ซึ่งเป็น eGPU ที่ใช้ GPU เดสก์ท็อปจริง ไม่ใช่ชิปโน้ตบุ๊กแบบที่ eGPU ส่วนใหญ่ใช้ โดยมาพร้อมกับ RTX 5060 Ti รุ่น 16 GB ที่ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell และ DLSS 4 ทำให้สามารถเร่งงานกราฟิกและ AI ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

    ตัวกล่องมีขนาดเล็กเพียง 117 x 243 x 45 mm แต่ใส่ระบบระบายความร้อน WINDFORCE มาเต็มรูปแบบ พร้อมพอร์ต Thunderbolt 5 ที่ให้แบนด์วิดธ์ PCIe 4.0 x4 ซึ่งช้ากว่า PCIe 4.0 x16 บนเดสก์ท็อปเพียง 5% เท่านั้น

    นอกจากการเร่งกราฟิกแล้ว กล่องนี้ยังทำหน้าที่เป็น docking station โดยมีพอร์ต USB 3.2 Gen 2 จำนวน 3 ช่อง รองรับ Power Delivery 3.0 สำหรับชาร์จเร็ว, พอร์ต Ethernet สำหรับเชื่อมต่อเครือข่าย และสามารถ daisy-chain ผ่าน Thunderbolt 5 ได้อีกด้วย

    ที่น่าสนใจคือการรองรับโหมด USB4 ซึ่งสามารถทำงานร่วมกับกราฟิกในตัวของโน้ตบุ๊กผ่าน Project G-Assist เพื่อแบ่งโหลดงานระหว่าง GPU ภายนอกและภายในได้อย่างชาญฉลาด

    แม้ยังไม่มีการประกาศราคาหรือวันวางจำหน่าย แต่คาดว่าราคาจะสูงกว่าการ์ดเดสก์ท็อป RTX 5060 Ti ที่อยู่ราว $460 เนื่องจากมีฟีเจอร์เสริมมากมายและการใช้ GPU เต็มตัว

    การเปิดตัว AORUS RTX 5060 Ti AI BOX
    ใช้ GPU เดสก์ท็อป RTX 5060 Ti 16 GB พร้อม DLSS 4 และ Blackwell architecture
    ขนาดกะทัดรัด 117 x 243 x 45 mm พร้อมระบบระบายความร้อน WINDFORCE
    เชื่อมต่อผ่าน Thunderbolt 5 ให้แบนด์วิดธ์ PCIe 4.0 x4

    ความสามารถในการทำงานแบบ docking station
    มีพอร์ต USB 3.2 Gen 2 จำนวน 3 ช่อง พร้อม Power Delivery 3.0
    มีพอร์ต Ethernet และรองรับ Thunderbolt 5 daisy-chain
    รองรับโหมด USB4 สำหรับการทำงานร่วมกับกราฟิกในตัวผ่าน Project G-Assist

    จุดเด่นด้านการใช้งานและประสิทธิภาพ
    ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับการ์ดเดสก์ท็อป แม้ใช้ PCIe 4.0 x4
    เพิ่ม VRAM เป็น 16 GB มากกว่ารุ่นโน้ตบุ๊กที่มีแค่ 8 GB
    รองรับงานกราฟิก, เกม, และ AI ได้ในระดับสูง

    https://www.techpowerup.com/340944/gigabyte-introduces-aorus-rtx-5060-ti-ai-box-egpu
    🎙️ เรื่องเล่าจากกล่องเล็ก ๆ ที่ซ่อนพลังระดับเดสก์ท็อป: เมื่อ eGPU กลายเป็นศูนย์กลางของการเล่นเกมและทำงาน AI ในงาน Beyond Edge ล่าสุด GIGABYTE ได้เปิดตัว AORUS RTX 5060 Ti AI BOX ซึ่งเป็น eGPU ที่ใช้ GPU เดสก์ท็อปจริง ไม่ใช่ชิปโน้ตบุ๊กแบบที่ eGPU ส่วนใหญ่ใช้ โดยมาพร้อมกับ RTX 5060 Ti รุ่น 16 GB ที่ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell และ DLSS 4 ทำให้สามารถเร่งงานกราฟิกและ AI ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ตัวกล่องมีขนาดเล็กเพียง 117 x 243 x 45 mm แต่ใส่ระบบระบายความร้อน WINDFORCE มาเต็มรูปแบบ พร้อมพอร์ต Thunderbolt 5 ที่ให้แบนด์วิดธ์ PCIe 4.0 x4 ซึ่งช้ากว่า PCIe 4.0 x16 บนเดสก์ท็อปเพียง 5% เท่านั้น นอกจากการเร่งกราฟิกแล้ว กล่องนี้ยังทำหน้าที่เป็น docking station โดยมีพอร์ต USB 3.2 Gen 2 จำนวน 3 ช่อง รองรับ Power Delivery 3.0 สำหรับชาร์จเร็ว, พอร์ต Ethernet สำหรับเชื่อมต่อเครือข่าย และสามารถ daisy-chain ผ่าน Thunderbolt 5 ได้อีกด้วย ที่น่าสนใจคือการรองรับโหมด USB4 ซึ่งสามารถทำงานร่วมกับกราฟิกในตัวของโน้ตบุ๊กผ่าน Project G-Assist เพื่อแบ่งโหลดงานระหว่าง GPU ภายนอกและภายในได้อย่างชาญฉลาด แม้ยังไม่มีการประกาศราคาหรือวันวางจำหน่าย แต่คาดว่าราคาจะสูงกว่าการ์ดเดสก์ท็อป RTX 5060 Ti ที่อยู่ราว $460 เนื่องจากมีฟีเจอร์เสริมมากมายและการใช้ GPU เต็มตัว ✅ การเปิดตัว AORUS RTX 5060 Ti AI BOX ➡️ ใช้ GPU เดสก์ท็อป RTX 5060 Ti 16 GB พร้อม DLSS 4 และ Blackwell architecture ➡️ ขนาดกะทัดรัด 117 x 243 x 45 mm พร้อมระบบระบายความร้อน WINDFORCE ➡️ เชื่อมต่อผ่าน Thunderbolt 5 ให้แบนด์วิดธ์ PCIe 4.0 x4 ✅ ความสามารถในการทำงานแบบ docking station ➡️ มีพอร์ต USB 3.2 Gen 2 จำนวน 3 ช่อง พร้อม Power Delivery 3.0 ➡️ มีพอร์ต Ethernet และรองรับ Thunderbolt 5 daisy-chain ➡️ รองรับโหมด USB4 สำหรับการทำงานร่วมกับกราฟิกในตัวผ่าน Project G-Assist ✅ จุดเด่นด้านการใช้งานและประสิทธิภาพ ➡️ ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับการ์ดเดสก์ท็อป แม้ใช้ PCIe 4.0 x4 ➡️ เพิ่ม VRAM เป็น 16 GB มากกว่ารุ่นโน้ตบุ๊กที่มีแค่ 8 GB ➡️ รองรับงานกราฟิก, เกม, และ AI ได้ในระดับสูง https://www.techpowerup.com/340944/gigabyte-introduces-aorus-rtx-5060-ti-ai-box-egpu
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    GIGABYTE Introduces AORUS RTX 5060 Ti AI BOX eGPU
    GIGABYTE has unveiled the AORUS RTX 5060 Ti AI BOX eGPU during today's Beyond Edge online event. This external graphics solution features NVIDIA's desktop-grade GeForce RTX 5060 Ti with 16 GB VRAM in a compact 117 x 243 x 45 mm form factor. Unlike most existing eGPUs that rely on mobile AMD Radeon R...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก OCTOPUS ถึง SCUP-HPC: เมื่อซูเปอร์คอมพิวเตอร์กลายเป็นผู้บันทึกความจริงของงานวิจัย

    มหาวิทยาลัยโอซาก้า D3 Center ร่วมกับ NEC เปิดตัว OCTOPUS (Osaka University Compute and sTOrage Platform Urging open Science) ซึ่งเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มีพลังการประมวลผล 2.293 petaflops โดยใช้ 140 โหนดของ NEC LX201Ein-1 ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานวิจัยแบบเปิด (Open Science)

    จุดเด่นของ OCTOPUS ไม่ใช่แค่ความเร็ว แต่คือระบบ “provenance management” ที่สามารถบันทึกและติดตามกระบวนการคำนวณทั้งหมด เช่น ข้อมูลใดถูกใช้ โปรแกรมใดเรียกใช้ และผลลัพธ์ใดถูกสร้างขึ้น โดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพของระบบ

    เทคโนโลยีนี้ชื่อว่า SCUP-HPC (Scientific Computing Unifying Provenance – High Performance Computing) ซึ่งพัฒนาโดยทีมของ Susumu Date จากห้องวิจัยร่วมระหว่าง NEC และมหาวิทยาลัยโอซาก้า โดยเริ่มต้นในปี 2021

    SCUP-HPC ช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาประวัติการคำนวณด้วย ID เฉพาะ และแสดงผลแบบ visualization ได้ ทำให้นักวิจัยสามารถใส่รหัสประวัติการคำนวณในบทความวิชาการ เพื่อยืนยันว่าใช้ OCTOPUS จริงในการสร้างผลลัพธ์

    ระบบนี้ยังช่วยแก้ปัญหาการบันทึกข้อมูลด้วยมือที่อาจผิดพลาดหรือไม่ครบถ้วน ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในงานวิจัยที่ต้องการความโปร่งใสและตรวจสอบได้ โดยเฉพาะในยุคที่ AI และ Big Data กลายเป็นเครื่องมือหลักของนักวิทยาศาสตร์

    NEC ยังมีแผนจะนำ SCUP-HPC ไปใช้เชิงพาณิชย์ในอนาคต และจะขยายแพลตฟอร์มนี้ไปสู่การใช้งานในอุตสาหกรรมและงานวิจัยด้าน AI อย่างเต็มรูปแบบ ภายใต้แนวคิด “NEC BluStellar” ที่เน้นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลเพื่อการวิจัย

    การเปิดตัว OCTOPUS โดยมหาวิทยาลัยโอซาก้าและ NEC
    เริ่มทดลองใช้งานในเดือนกันยายน และเปิดใช้งานเต็มรูปแบบในเดือนธันวาคม 2025
    ใช้ 140 โหนดของ NEC LX201Ein-1 มีพลังการประมวลผล 2.293 petaflops
    ประสิทธิภาพสูงกว่าระบบเดิมประมาณ 1.5 เท่า

    เทคโนโลยี SCUP-HPC สำหรับการจัดการ provenance
    บันทึกว่าโปรแกรมใดใช้ข้อมูลใด และสร้างผลลัพธ์อะไร
    แสดงผลแบบ visualization และค้นหาด้วย history ID
    ช่วยให้นักวิจัยใส่รหัสการคำนวณในบทความเพื่อยืนยันความถูกต้อง

    เป้าหมายของระบบนี้
    ส่งเสริม Open Science โดยให้ข้อมูลวิจัยสามารถตรวจสอบและแบ่งปันได้
    ลดความผิดพลาดจากการบันทึกด้วยมือ
    เพิ่มความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของงานวิจัย

    แผนการขยายในอนาคต
    NEC เตรียมนำ SCUP-HPC ไปใช้เชิงพาณิชย์
    ขยายไปสู่การใช้งานในอุตสาหกรรมและงานวิจัยด้าน AI/Big Data
    อยู่ภายใต้แนวคิด NEC BluStellar เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลวิจัย

    https://www.techpowerup.com/340936/nec-provides-computing-power-for-octopus-supercomputer-at-osaka-university
    🎙️ เรื่องเล่าจาก OCTOPUS ถึง SCUP-HPC: เมื่อซูเปอร์คอมพิวเตอร์กลายเป็นผู้บันทึกความจริงของงานวิจัย มหาวิทยาลัยโอซาก้า D3 Center ร่วมกับ NEC เปิดตัว OCTOPUS (Osaka University Compute and sTOrage Platform Urging open Science) ซึ่งเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มีพลังการประมวลผล 2.293 petaflops โดยใช้ 140 โหนดของ NEC LX201Ein-1 ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานวิจัยแบบเปิด (Open Science) จุดเด่นของ OCTOPUS ไม่ใช่แค่ความเร็ว แต่คือระบบ “provenance management” ที่สามารถบันทึกและติดตามกระบวนการคำนวณทั้งหมด เช่น ข้อมูลใดถูกใช้ โปรแกรมใดเรียกใช้ และผลลัพธ์ใดถูกสร้างขึ้น โดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพของระบบ เทคโนโลยีนี้ชื่อว่า SCUP-HPC (Scientific Computing Unifying Provenance – High Performance Computing) ซึ่งพัฒนาโดยทีมของ Susumu Date จากห้องวิจัยร่วมระหว่าง NEC และมหาวิทยาลัยโอซาก้า โดยเริ่มต้นในปี 2021 SCUP-HPC ช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาประวัติการคำนวณด้วย ID เฉพาะ และแสดงผลแบบ visualization ได้ ทำให้นักวิจัยสามารถใส่รหัสประวัติการคำนวณในบทความวิชาการ เพื่อยืนยันว่าใช้ OCTOPUS จริงในการสร้างผลลัพธ์ ระบบนี้ยังช่วยแก้ปัญหาการบันทึกข้อมูลด้วยมือที่อาจผิดพลาดหรือไม่ครบถ้วน ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในงานวิจัยที่ต้องการความโปร่งใสและตรวจสอบได้ โดยเฉพาะในยุคที่ AI และ Big Data กลายเป็นเครื่องมือหลักของนักวิทยาศาสตร์ NEC ยังมีแผนจะนำ SCUP-HPC ไปใช้เชิงพาณิชย์ในอนาคต และจะขยายแพลตฟอร์มนี้ไปสู่การใช้งานในอุตสาหกรรมและงานวิจัยด้าน AI อย่างเต็มรูปแบบ ภายใต้แนวคิด “NEC BluStellar” ที่เน้นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลเพื่อการวิจัย ✅ การเปิดตัว OCTOPUS โดยมหาวิทยาลัยโอซาก้าและ NEC ➡️ เริ่มทดลองใช้งานในเดือนกันยายน และเปิดใช้งานเต็มรูปแบบในเดือนธันวาคม 2025 ➡️ ใช้ 140 โหนดของ NEC LX201Ein-1 มีพลังการประมวลผล 2.293 petaflops ➡️ ประสิทธิภาพสูงกว่าระบบเดิมประมาณ 1.5 เท่า ✅ เทคโนโลยี SCUP-HPC สำหรับการจัดการ provenance ➡️ บันทึกว่าโปรแกรมใดใช้ข้อมูลใด และสร้างผลลัพธ์อะไร ➡️ แสดงผลแบบ visualization และค้นหาด้วย history ID ➡️ ช่วยให้นักวิจัยใส่รหัสการคำนวณในบทความเพื่อยืนยันความถูกต้อง ✅ เป้าหมายของระบบนี้ ➡️ ส่งเสริม Open Science โดยให้ข้อมูลวิจัยสามารถตรวจสอบและแบ่งปันได้ ➡️ ลดความผิดพลาดจากการบันทึกด้วยมือ ➡️ เพิ่มความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของงานวิจัย ✅ แผนการขยายในอนาคต ➡️ NEC เตรียมนำ SCUP-HPC ไปใช้เชิงพาณิชย์ ➡️ ขยายไปสู่การใช้งานในอุตสาหกรรมและงานวิจัยด้าน AI/Big Data ➡️ อยู่ภายใต้แนวคิด NEC BluStellar เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลวิจัย https://www.techpowerup.com/340936/nec-provides-computing-power-for-octopus-supercomputer-at-osaka-university
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    NEC Provides Computing Power for OCTOPUS Supercomputer at Osaka University
    The University of Osaka D3 Center will begin trial operations of the "Osaka University Compute and sTOrage Platform Urging open Science" (OCTOPUS), a computational and data platform promoting open science built by NEC Corporation (NEC; TSE: 6701), starting this September, with full-scale operations ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Oboe เปิดตัวแพลตฟอร์มเรียนรู้ด้วย AI — สร้างคอร์สได้ทันทีจากแค่คำถามเดียว”

    Oboe คือแพลตฟอร์มการเรียนรู้ด้วย AI ที่เพิ่งเปิดตัวโดยผู้ร่วมก่อตั้ง Anchor ซึ่งเคยขายกิจการให้ Spotify ไปก่อนหน้านี้ โดยมีเป้าหมายในการเปลี่ยนวิธีการเรียนรู้ให้สนุก ยืดหยุ่น และเป็นส่วนตัวมากขึ้น ผู้ใช้สามารถสร้างคอร์สเรียนรู้ได้ทันทีจากแค่การพิมพ์คำถามหรือหัวข้อที่สนใจ เช่น “ประวัติของข้าว” หรือ “วิธีออกเสียง pain au chocolat” แล้วระบบจะสร้างบทเรียนที่ประกอบด้วยบทความ เสียงพอดแคสต์ เกม และแบบทดสอบให้ทันที

    Oboe ใช้สถาปัตยกรรม AI แบบ multi-agent ที่ซับซ้อน โดยแต่ละ agent ทำหน้าที่เฉพาะ เช่น สร้างโครงสร้างบทเรียน เขียนสคริปต์พอดแคสต์ ดึงภาพจริงจากอินเทอร์เน็ต และตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหา ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในไม่กี่วินาที ทำให้ผู้ใช้สามารถเริ่มเรียนรู้ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอ

    แพลตฟอร์มนี้มีรูปแบบการเรียนรู้ให้เลือกถึง 9 แบบ เช่น บทความเชิงลึก พอดแคสต์แบบสนทนา เกม Word Quest ที่คล้าย Wordle และแบบทดสอบที่ออกแบบให้เบาสมองและเหมาะกับผู้เรียนแต่ละคน โดยไม่มีโฆษณาแทรก และมีระบบแนะนำคอร์สต่อเนื่องตามหัวข้อที่เรียนจบ

    Oboe เปิดให้สร้างคอร์สฟรีได้ 5 ครั้ง และมีแผนสมาชิกแบบเสียเงินสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างคอร์สเพิ่มถึง 30 หรือ 100 คอร์สต่อเดือน เหมาะกับทั้งผู้เรียนทั่วไปและผู้จัดการเรียนการสอนแบบโฮมสคูล

    จุดเด่นของแพลตฟอร์ม Oboe
    สร้างคอร์สเรียนรู้ได้ทันทีจากคำถามหรือหัวข้อใดก็ได้
    ใช้ AI แบบ multi-agent ที่ทำงานแบบขนานเพื่อสร้างเนื้อหาอย่างรวดเร็ว
    มีรูปแบบการเรียนรู้ให้เลือกถึง 9 แบบ เช่น บทความ เสียง เกม และแบบทดสอบ
    ไม่มีโฆษณา และมีระบบแนะนำคอร์สต่อเนื่องตามความสนใจ

    ความสามารถของระบบ AI
    agent แต่ละตัวรับผิดชอบด้านต่าง ๆ เช่น เขียนสคริปต์ ดึงภาพจริง ตรวจสอบเนื้อหา
    ใช้ภาพจริงจากอินเทอร์เน็ต ไม่ใช่ภาพที่สร้างจาก AI
    ตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหาเพื่อป้องกันข้อผิดพลาด
    สร้างคอร์สได้ภายในไม่กี่วินาที — เหมาะกับการเรียนรู้แบบทันใจ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ผู้ก่อตั้งเคยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา Spotify audiobooks
    Oboe ได้รับเงินลงทุนกว่า $4 ล้านจาก Eniac Ventures
    มีระบบพอดแคสต์แบบสนทนา 2 คน คล้าย Google NotebookLM
    เหมาะกับผู้เรียนทั่วไป นักเรียน นักวิจัย หรือผู้จัดการเรียนการสอน

    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/oboe-just-launched-its-an-ai-powered-platform-that-helps-you-learn-anything
    🎓 “Oboe เปิดตัวแพลตฟอร์มเรียนรู้ด้วย AI — สร้างคอร์สได้ทันทีจากแค่คำถามเดียว” Oboe คือแพลตฟอร์มการเรียนรู้ด้วย AI ที่เพิ่งเปิดตัวโดยผู้ร่วมก่อตั้ง Anchor ซึ่งเคยขายกิจการให้ Spotify ไปก่อนหน้านี้ โดยมีเป้าหมายในการเปลี่ยนวิธีการเรียนรู้ให้สนุก ยืดหยุ่น และเป็นส่วนตัวมากขึ้น ผู้ใช้สามารถสร้างคอร์สเรียนรู้ได้ทันทีจากแค่การพิมพ์คำถามหรือหัวข้อที่สนใจ เช่น “ประวัติของข้าว” หรือ “วิธีออกเสียง pain au chocolat” แล้วระบบจะสร้างบทเรียนที่ประกอบด้วยบทความ เสียงพอดแคสต์ เกม และแบบทดสอบให้ทันที Oboe ใช้สถาปัตยกรรม AI แบบ multi-agent ที่ซับซ้อน โดยแต่ละ agent ทำหน้าที่เฉพาะ เช่น สร้างโครงสร้างบทเรียน เขียนสคริปต์พอดแคสต์ ดึงภาพจริงจากอินเทอร์เน็ต และตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหา ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในไม่กี่วินาที ทำให้ผู้ใช้สามารถเริ่มเรียนรู้ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอ แพลตฟอร์มนี้มีรูปแบบการเรียนรู้ให้เลือกถึง 9 แบบ เช่น บทความเชิงลึก พอดแคสต์แบบสนทนา เกม Word Quest ที่คล้าย Wordle และแบบทดสอบที่ออกแบบให้เบาสมองและเหมาะกับผู้เรียนแต่ละคน โดยไม่มีโฆษณาแทรก และมีระบบแนะนำคอร์สต่อเนื่องตามหัวข้อที่เรียนจบ Oboe เปิดให้สร้างคอร์สฟรีได้ 5 ครั้ง และมีแผนสมาชิกแบบเสียเงินสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างคอร์สเพิ่มถึง 30 หรือ 100 คอร์สต่อเดือน เหมาะกับทั้งผู้เรียนทั่วไปและผู้จัดการเรียนการสอนแบบโฮมสคูล ✅ จุดเด่นของแพลตฟอร์ม Oboe ➡️ สร้างคอร์สเรียนรู้ได้ทันทีจากคำถามหรือหัวข้อใดก็ได้ ➡️ ใช้ AI แบบ multi-agent ที่ทำงานแบบขนานเพื่อสร้างเนื้อหาอย่างรวดเร็ว ➡️ มีรูปแบบการเรียนรู้ให้เลือกถึง 9 แบบ เช่น บทความ เสียง เกม และแบบทดสอบ ➡️ ไม่มีโฆษณา และมีระบบแนะนำคอร์สต่อเนื่องตามความสนใจ ✅ ความสามารถของระบบ AI ➡️ agent แต่ละตัวรับผิดชอบด้านต่าง ๆ เช่น เขียนสคริปต์ ดึงภาพจริง ตรวจสอบเนื้อหา ➡️ ใช้ภาพจริงจากอินเทอร์เน็ต ไม่ใช่ภาพที่สร้างจาก AI ➡️ ตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหาเพื่อป้องกันข้อผิดพลาด ➡️ สร้างคอร์สได้ภายในไม่กี่วินาที — เหมาะกับการเรียนรู้แบบทันใจ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ผู้ก่อตั้งเคยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา Spotify audiobooks ➡️ Oboe ได้รับเงินลงทุนกว่า $4 ล้านจาก Eniac Ventures ➡️ มีระบบพอดแคสต์แบบสนทนา 2 คน คล้าย Google NotebookLM ➡️ เหมาะกับผู้เรียนทั่วไป นักเรียน นักวิจัย หรือผู้จัดการเรียนการสอน https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/oboe-just-launched-its-an-ai-powered-platform-that-helps-you-learn-anything
    WWW.TECHRADAR.COM
    Oboe's AI makes everyday curiosity into interactive lessons.
    Choose how you learn using everything from games to podcasts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
  • “SK hynix เปิดตัว HBM4 พร้อมผลิตจริง — หน่วยความจำ AI ที่เร็วที่สุดในโลก พร้อมลดพลังงานศูนย์ข้อมูล”

    SK hynix ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาและเตรียมการผลิตหน่วยความจำ HBM4 เป็นรายแรกของโลกเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2025 โดยชิปนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับงานประมวลผล AI ที่ต้องการความเร็วสูงและประสิทธิภาพด้านพลังงานอย่างเข้มข้น โดยถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยปลดล็อกข้อจำกัดของโครงสร้างพื้นฐาน AI ในปัจจุบัน

    HBM4 มีการปรับปรุงครั้งใหญ่จากรุ่นก่อนหน้า โดยเพิ่มจำนวนช่องสัญญาณ I/O เป็น 2,048 ช่อง — มากกว่ารุ่น HBM3E ถึงสองเท่า ส่งผลให้แบนด์วิดธ์เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และประสิทธิภาพด้านพลังงานดีขึ้นกว่าเดิมถึง 40% ซึ่งช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลได้อย่างมีนัยสำคัญ

    SK hynix ระบุว่า HBM4 สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของบริการ AI ได้สูงสุดถึง 69% และมีความเร็วในการทำงานเกินมาตรฐาน JEDEC ที่ 8 Gbps โดยสามารถทำงานได้มากกว่า 10 Gbps ซึ่งถือเป็นระดับที่สูงที่สุดในอุตสาหกรรม ณ ขณะนี้

    นอกจากนี้ยังใช้กระบวนการผลิตขั้นสูง MR-MUF (Mass Reflow Molded Underfill) และเทคโนโลยี 1bnm ซึ่งเป็นเจเนอเรชันที่ 5 ของกระบวนการ 10 นาโนเมตร เพื่อเพิ่มความเสถียรในการผลิตและลดความเสี่ยงจากการบิดตัวของชิปที่ซ้อนกันหลายชั้น

    การเปิดตัว HBM4 ส่งผลให้หุ้นของ SK hynix พุ่งขึ้นทันทีเกือบ 6% และสร้างความเชื่อมั่นว่า SK hynix จะกลายเป็นผู้นำด้านหน่วยความจำสำหรับยุค AI อย่างแท้จริง

    จุดเด่นของ HBM4 จาก SK hynix
    เป็นหน่วยความจำรุ่นใหม่สำหรับงาน AI ที่มีแบนด์วิดธ์สูงและประหยัดพลังงาน
    เพิ่มจำนวนช่องสัญญาณ I/O เป็น 2,048 ช่อง — มากกว่ารุ่นก่อนหน้า 2 เท่า
    ประสิทธิภาพด้านพลังงานดีขึ้นกว่าเดิม 40%
    เพิ่มประสิทธิภาพของบริการ AI ได้สูงสุดถึง 69%

    เทคโนโลยีการผลิตและมาตรฐาน
    ใช้กระบวนการ MR-MUF เพื่อควบคุมการบิดตัวและระบายความร้อน
    ใช้เทคโนโลยี 1bnm (เจเนอเรชันที่ 5 ของ 10nm) เพื่อเพิ่มความเสถียรในการผลิต
    ความเร็วในการทำงานเกิน 10 Gbps — สูงกว่ามาตรฐาน JEDEC ที่ 8 Gbps
    พร้อมเข้าสู่การผลิตเชิงพาณิชย์แล้วในโรงงานที่อินชอน ประเทศเกาหลีใต้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    HBM4 เป็นรุ่นที่ 6 ต่อจาก HBM, HBM2, HBM2E, HBM3 และ HBM3E
    ใช้ใน GPU และ AI accelerator รุ่นใหม่จาก NVIDIA และ AMD
    ตลาดหน่วยความจำ AI เติบโตอย่างรวดเร็วจากความต้องการของศูนย์ข้อมูล
    SK hynix แซง Samsung ขึ้นเป็นผู้นำด้าน DRAM ในไตรมาสล่าสุด

    https://www.techpowerup.com/340924/sk-hynix-completes-worlds-first-hbm4-development-and-readies-mass-production
    🚀 “SK hynix เปิดตัว HBM4 พร้อมผลิตจริง — หน่วยความจำ AI ที่เร็วที่สุดในโลก พร้อมลดพลังงานศูนย์ข้อมูล” SK hynix ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาและเตรียมการผลิตหน่วยความจำ HBM4 เป็นรายแรกของโลกเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2025 โดยชิปนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับงานประมวลผล AI ที่ต้องการความเร็วสูงและประสิทธิภาพด้านพลังงานอย่างเข้มข้น โดยถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยปลดล็อกข้อจำกัดของโครงสร้างพื้นฐาน AI ในปัจจุบัน HBM4 มีการปรับปรุงครั้งใหญ่จากรุ่นก่อนหน้า โดยเพิ่มจำนวนช่องสัญญาณ I/O เป็น 2,048 ช่อง — มากกว่ารุ่น HBM3E ถึงสองเท่า ส่งผลให้แบนด์วิดธ์เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และประสิทธิภาพด้านพลังงานดีขึ้นกว่าเดิมถึง 40% ซึ่งช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลได้อย่างมีนัยสำคัญ SK hynix ระบุว่า HBM4 สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของบริการ AI ได้สูงสุดถึง 69% และมีความเร็วในการทำงานเกินมาตรฐาน JEDEC ที่ 8 Gbps โดยสามารถทำงานได้มากกว่า 10 Gbps ซึ่งถือเป็นระดับที่สูงที่สุดในอุตสาหกรรม ณ ขณะนี้ นอกจากนี้ยังใช้กระบวนการผลิตขั้นสูง MR-MUF (Mass Reflow Molded Underfill) และเทคโนโลยี 1bnm ซึ่งเป็นเจเนอเรชันที่ 5 ของกระบวนการ 10 นาโนเมตร เพื่อเพิ่มความเสถียรในการผลิตและลดความเสี่ยงจากการบิดตัวของชิปที่ซ้อนกันหลายชั้น การเปิดตัว HBM4 ส่งผลให้หุ้นของ SK hynix พุ่งขึ้นทันทีเกือบ 6% และสร้างความเชื่อมั่นว่า SK hynix จะกลายเป็นผู้นำด้านหน่วยความจำสำหรับยุค AI อย่างแท้จริง ✅ จุดเด่นของ HBM4 จาก SK hynix ➡️ เป็นหน่วยความจำรุ่นใหม่สำหรับงาน AI ที่มีแบนด์วิดธ์สูงและประหยัดพลังงาน ➡️ เพิ่มจำนวนช่องสัญญาณ I/O เป็น 2,048 ช่อง — มากกว่ารุ่นก่อนหน้า 2 เท่า ➡️ ประสิทธิภาพด้านพลังงานดีขึ้นกว่าเดิม 40% ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพของบริการ AI ได้สูงสุดถึง 69% ✅ เทคโนโลยีการผลิตและมาตรฐาน ➡️ ใช้กระบวนการ MR-MUF เพื่อควบคุมการบิดตัวและระบายความร้อน ➡️ ใช้เทคโนโลยี 1bnm (เจเนอเรชันที่ 5 ของ 10nm) เพื่อเพิ่มความเสถียรในการผลิต ➡️ ความเร็วในการทำงานเกิน 10 Gbps — สูงกว่ามาตรฐาน JEDEC ที่ 8 Gbps ➡️ พร้อมเข้าสู่การผลิตเชิงพาณิชย์แล้วในโรงงานที่อินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ HBM4 เป็นรุ่นที่ 6 ต่อจาก HBM, HBM2, HBM2E, HBM3 และ HBM3E ➡️ ใช้ใน GPU และ AI accelerator รุ่นใหม่จาก NVIDIA และ AMD ➡️ ตลาดหน่วยความจำ AI เติบโตอย่างรวดเร็วจากความต้องการของศูนย์ข้อมูล ➡️ SK hynix แซง Samsung ขึ้นเป็นผู้นำด้าน DRAM ในไตรมาสล่าสุด https://www.techpowerup.com/340924/sk-hynix-completes-worlds-first-hbm4-development-and-readies-mass-production
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    SK Hynix Completes World's First HBM4 Development and Readies Mass Production
    SK hynix Inc. announced today that it has completed development and finished preparation of HBM4, a next generation memory product for ultra-high performance AI, mass production for the world's first time. SK hynix said that the company has successfully completed development and based on this tec...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • “TCS เปิดตัวบริการออกแบบระบบด้วยชิปเลต — อินเดียเร่งเครื่องสู่ศูนย์กลางเซมิคอนดักเตอร์โลก”

    Tata Consultancy Services (TCS) บริษัทไอทีระดับโลกจากอินเดีย ประกาศเปิดตัวบริการใหม่ “Chiplet-Based System Engineering Services” เพื่อช่วยผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ออกแบบชิปยุคใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ต้นทุนต่ำลง และพร้อมตอบโจทย์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยใช้แนวคิด “ชิปเลต” ซึ่งเป็นวงจรขนาดเล็กที่สามารถประกอบรวมกันเป็นชิปขนาดใหญ่ได้ตามความต้องการ

    การเปิดตัวครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่อินเดียกำลังเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อย่างจริงจัง โดยมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 45–50 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024–2025 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 100–110 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 ภายใต้การสนับสนุนจากรัฐบาลผ่านโครงการ India Semiconductor Mission มูลค่า ₹76,000 crore

    TCS ให้บริการออกแบบและตรวจสอบตามมาตรฐานอุตสาหกรรม เช่น UCIe (Universal Chiplet Interconnect Express) และ HBM (High Bandwidth Memory) รวมถึงการออกแบบแพ็กเกจขั้นสูงแบบ 2.5D และ 3D interposer ซึ่งช่วยให้สามารถรวมชิปหลายตัวเข้าด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านความเร็ว ความเสถียร และขนาดที่กะทัดรัด

    บริการใหม่นี้ยังช่วยให้บริษัทสามารถเร่ง tape-out หรือการส่งแบบชิปเข้าสู่กระบวนการผลิตได้เร็วขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขันในตลาดที่ขับเคลื่อนด้วย AI, คลาวด์, สมาร์ตโฟน, รถยนต์ไฟฟ้า และอุปกรณ์เชื่อมต่อ

    จุดเด่นของบริการ Chiplet-Based System Engineering จาก TCS
    ใช้แนวคิด “ชิปเลต” เพื่อออกแบบชิปที่ยืดหยุ่นและปรับแต่งได้ตามความต้องการ
    ช่วยเร่ง tape-out และลดต้นทุนการผลิตชิป
    รองรับมาตรฐาน UCIe และ HBM สำหรับการเชื่อมต่อและหน่วยความจำความเร็วสูง
    ให้บริการออกแบบแพ็กเกจขั้นสูง เช่น 2.5D และ 3D interposer

    บริบทของตลาดเซมิคอนดักเตอร์อินเดีย
    มูลค่าตลาดปี 2024–2025 อยู่ที่ $45–50 พันล้าน และคาดว่าจะเพิ่มเป็น $100–110 พันล้านในปี 2030
    รัฐบาลสนับสนุนผ่านโครงการ India Semiconductor Mission มูลค่า ₹76,000 crore
    อินเดียมีวิศวกรออกแบบชิปคิดเป็น 20% ของโลก
    บริษัทต่างชาติเริ่มลงทุนตั้งโรงงานประกอบและออกแบบในอินเดีย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    แนวคิด chiplet-based design กำลังแทนที่การลดขนาดทรานซิสเตอร์แบบเดิม
    UCIe เป็นมาตรฐานเปิดที่ช่วยให้ชิปหลายตัวสื่อสารกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    HBM เป็นหน่วยความจำที่ใช้ใน GPU และ AI accelerator ที่ต้องการความเร็วสูง
    TCS เคยร่วมมือกับบริษัทในอเมริกาเหนือเพื่อเร่งการผลิต AI processor ด้วยแนวทางนี้

    คำเตือนและข้อจำกัด
    การออกแบบด้วยชิปเลตยังมีความซับซ้อนด้านการจัดการสัญญาณและความร้อน
    การรวมชิปต่างชนิดอาจเกิดปัญหาเรื่อง latency และความเข้ากันได้
    มาตรฐาน UCIe ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา — อาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
    บริษัทที่ไม่มีความเชี่ยวชาญด้านแพ็กเกจขั้นสูงอาจไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มที่
    การแข่งขันในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ยังสูงมาก — ต้องมีนวัตกรรมต่อเนื่องเพื่ออยู่รอด

    https://www.techpowerup.com/340896/tcs-unveils-chiplet-based-system-engineering-services-to-accelerate-semiconductor-innovation
    🔧 “TCS เปิดตัวบริการออกแบบระบบด้วยชิปเลต — อินเดียเร่งเครื่องสู่ศูนย์กลางเซมิคอนดักเตอร์โลก” Tata Consultancy Services (TCS) บริษัทไอทีระดับโลกจากอินเดีย ประกาศเปิดตัวบริการใหม่ “Chiplet-Based System Engineering Services” เพื่อช่วยผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ออกแบบชิปยุคใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ต้นทุนต่ำลง และพร้อมตอบโจทย์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยใช้แนวคิด “ชิปเลต” ซึ่งเป็นวงจรขนาดเล็กที่สามารถประกอบรวมกันเป็นชิปขนาดใหญ่ได้ตามความต้องการ การเปิดตัวครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่อินเดียกำลังเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อย่างจริงจัง โดยมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 45–50 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024–2025 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 100–110 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 ภายใต้การสนับสนุนจากรัฐบาลผ่านโครงการ India Semiconductor Mission มูลค่า ₹76,000 crore TCS ให้บริการออกแบบและตรวจสอบตามมาตรฐานอุตสาหกรรม เช่น UCIe (Universal Chiplet Interconnect Express) และ HBM (High Bandwidth Memory) รวมถึงการออกแบบแพ็กเกจขั้นสูงแบบ 2.5D และ 3D interposer ซึ่งช่วยให้สามารถรวมชิปหลายตัวเข้าด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านความเร็ว ความเสถียร และขนาดที่กะทัดรัด บริการใหม่นี้ยังช่วยให้บริษัทสามารถเร่ง tape-out หรือการส่งแบบชิปเข้าสู่กระบวนการผลิตได้เร็วขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขันในตลาดที่ขับเคลื่อนด้วย AI, คลาวด์, สมาร์ตโฟน, รถยนต์ไฟฟ้า และอุปกรณ์เชื่อมต่อ ✅ จุดเด่นของบริการ Chiplet-Based System Engineering จาก TCS ➡️ ใช้แนวคิด “ชิปเลต” เพื่อออกแบบชิปที่ยืดหยุ่นและปรับแต่งได้ตามความต้องการ ➡️ ช่วยเร่ง tape-out และลดต้นทุนการผลิตชิป ➡️ รองรับมาตรฐาน UCIe และ HBM สำหรับการเชื่อมต่อและหน่วยความจำความเร็วสูง ➡️ ให้บริการออกแบบแพ็กเกจขั้นสูง เช่น 2.5D และ 3D interposer ✅ บริบทของตลาดเซมิคอนดักเตอร์อินเดีย ➡️ มูลค่าตลาดปี 2024–2025 อยู่ที่ $45–50 พันล้าน และคาดว่าจะเพิ่มเป็น $100–110 พันล้านในปี 2030 ➡️ รัฐบาลสนับสนุนผ่านโครงการ India Semiconductor Mission มูลค่า ₹76,000 crore ➡️ อินเดียมีวิศวกรออกแบบชิปคิดเป็น 20% ของโลก ➡️ บริษัทต่างชาติเริ่มลงทุนตั้งโรงงานประกอบและออกแบบในอินเดีย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ แนวคิด chiplet-based design กำลังแทนที่การลดขนาดทรานซิสเตอร์แบบเดิม ➡️ UCIe เป็นมาตรฐานเปิดที่ช่วยให้ชิปหลายตัวสื่อสารกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ➡️ HBM เป็นหน่วยความจำที่ใช้ใน GPU และ AI accelerator ที่ต้องการความเร็วสูง ➡️ TCS เคยร่วมมือกับบริษัทในอเมริกาเหนือเพื่อเร่งการผลิต AI processor ด้วยแนวทางนี้ ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ การออกแบบด้วยชิปเลตยังมีความซับซ้อนด้านการจัดการสัญญาณและความร้อน ⛔ การรวมชิปต่างชนิดอาจเกิดปัญหาเรื่อง latency และความเข้ากันได้ ⛔ มาตรฐาน UCIe ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา — อาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ⛔ บริษัทที่ไม่มีความเชี่ยวชาญด้านแพ็กเกจขั้นสูงอาจไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ ⛔ การแข่งขันในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ยังสูงมาก — ต้องมีนวัตกรรมต่อเนื่องเพื่ออยู่รอด https://www.techpowerup.com/340896/tcs-unveils-chiplet-based-system-engineering-services-to-accelerate-semiconductor-innovation
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    TCS Unveils Chiplet-Based System Engineering Services to Accelerate Semiconductor Innovation
    Tata Consultancy Services a global leader in IT services, consulting, and business solutions, announced the launch of its Chiplet-based System Engineering Services, designed to help semiconductor companies push the boundaries of traditional chip design. By using chiplets (which are small integrated ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • “SK hynix เปิดตัว ZUFS 4.1 — หน่วยความจำมือถือที่เร็วขึ้น ฉลาดขึ้น และพร้อมรองรับ AI บนเครื่องโดยตรง”

    SK hynix ผู้ผลิตหน่วยความจำรายใหญ่จากเกาหลีใต้ ประกาศเริ่มส่งมอบโซลูชัน NAND สำหรับมือถือรุ่นใหม่ในชื่อ ZUFS 4.1 ซึ่งถือเป็นการผลิตเชิงพาณิชย์ครั้งแรกของเทคโนโลยีนี้ในโลก โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับสมาร์ตโฟนที่ใช้ AI บนเครื่อง (on-device AI) และการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่

    ZUFS ย่อมาจาก Zoned Universal Flash Storage ซึ่งเป็นการต่อยอดจากมาตรฐาน UFS โดยนำแนวคิด Zoned Storage มาใช้ — คือการจัดเก็บข้อมูลในโซนต่าง ๆ ตามลักษณะการใช้งาน เพื่อเพิ่มความเร็วและลดการเสื่อมของประสิทธิภาพเมื่อใช้งานไปนาน ๆ

    ZUFS 4.1 สามารถลดเวลาเปิดแอปทั่วไปได้ถึง 45% และลดเวลาเปิดแอป AI ได้ถึง 47% เมื่อเทียบกับ UFS แบบเดิม โดยใช้วิธีเขียนข้อมูลแบบเรียงลำดับ (sequential write) แทนการเขียนทับแบบเดิม ซึ่งช่วยให้ข้อมูลถูกจัดเก็บอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    นอกจากนี้ SK hynix ยังปรับปรุงระบบตรวจจับข้อผิดพลาดให้แม่นยำขึ้น และสามารถสื่อสารกับ CPU ได้ดีขึ้น ทำให้ระบบสามารถฟื้นตัวจากข้อผิดพลาดได้เร็วขึ้นและเสถียรขึ้น โดย ZUFS 4.1 ผ่านการทดสอบร่วมกับลูกค้าในเดือนมิถุนายน และเริ่มผลิตจริงในเดือนกรกฎาคม 2025

    จุดเด่นของ ZUFS 4.1 จาก SK hynix
    เป็นโซลูชัน NAND สำหรับมือถือที่ใช้เทคโนโลยี Zoned Storage
    ลดเวลาเปิดแอปทั่วไปได้ 45% และแอป AI ได้ 47%
    เขียนข้อมูลแบบ sequential แทนการเขียนทับ — ช่วยลดการเสื่อมของประสิทธิภาพ
    ปรับปรุงระบบตรวจจับข้อผิดพลาดและการสื่อสารกับ CPU เพื่อเพิ่มความเสถียร

    การพัฒนาและการผลิต
    ผ่านการทดสอบร่วมกับลูกค้าในเดือนมิถุนายน 2025
    เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในเดือนกรกฎาคม และเริ่มส่งมอบในเดือนกันยายน
    เป็นโซลูชันแรกที่พัฒนาเพื่อปรับแต่งการทำงานร่วมกับ Android OS โดยเฉพาะ
    รองรับการใช้งานในสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ที่เน้น on-device AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Zoned Storage เคยใช้ในเซิร์ฟเวอร์และ SSD ระดับองค์กรมาก่อน
    UFS 4.1 เป็นมาตรฐานล่าสุดที่เปิดตัวในปี 2025 โดย JEDEC
    SK hynix กำลังแข่งขันกับ Samsung และ Kioxia ในตลาด NAND สำหรับมือถือ
    การจัดเก็บแบบ zoned ช่วยลดการเขียนซ้ำและยืดอายุการใช้งานของหน่วยความจำ

    https://www.techpowerup.com/340882/sk-hynix-begins-supplying-mobile-nand-solution-zufs-4-1
    📱 “SK hynix เปิดตัว ZUFS 4.1 — หน่วยความจำมือถือที่เร็วขึ้น ฉลาดขึ้น และพร้อมรองรับ AI บนเครื่องโดยตรง” SK hynix ผู้ผลิตหน่วยความจำรายใหญ่จากเกาหลีใต้ ประกาศเริ่มส่งมอบโซลูชัน NAND สำหรับมือถือรุ่นใหม่ในชื่อ ZUFS 4.1 ซึ่งถือเป็นการผลิตเชิงพาณิชย์ครั้งแรกของเทคโนโลยีนี้ในโลก โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับสมาร์ตโฟนที่ใช้ AI บนเครื่อง (on-device AI) และการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ ZUFS ย่อมาจาก Zoned Universal Flash Storage ซึ่งเป็นการต่อยอดจากมาตรฐาน UFS โดยนำแนวคิด Zoned Storage มาใช้ — คือการจัดเก็บข้อมูลในโซนต่าง ๆ ตามลักษณะการใช้งาน เพื่อเพิ่มความเร็วและลดการเสื่อมของประสิทธิภาพเมื่อใช้งานไปนาน ๆ ZUFS 4.1 สามารถลดเวลาเปิดแอปทั่วไปได้ถึง 45% และลดเวลาเปิดแอป AI ได้ถึง 47% เมื่อเทียบกับ UFS แบบเดิม โดยใช้วิธีเขียนข้อมูลแบบเรียงลำดับ (sequential write) แทนการเขียนทับแบบเดิม ซึ่งช่วยให้ข้อมูลถูกจัดเก็บอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ SK hynix ยังปรับปรุงระบบตรวจจับข้อผิดพลาดให้แม่นยำขึ้น และสามารถสื่อสารกับ CPU ได้ดีขึ้น ทำให้ระบบสามารถฟื้นตัวจากข้อผิดพลาดได้เร็วขึ้นและเสถียรขึ้น โดย ZUFS 4.1 ผ่านการทดสอบร่วมกับลูกค้าในเดือนมิถุนายน และเริ่มผลิตจริงในเดือนกรกฎาคม 2025 ✅ จุดเด่นของ ZUFS 4.1 จาก SK hynix ➡️ เป็นโซลูชัน NAND สำหรับมือถือที่ใช้เทคโนโลยี Zoned Storage ➡️ ลดเวลาเปิดแอปทั่วไปได้ 45% และแอป AI ได้ 47% ➡️ เขียนข้อมูลแบบ sequential แทนการเขียนทับ — ช่วยลดการเสื่อมของประสิทธิภาพ ➡️ ปรับปรุงระบบตรวจจับข้อผิดพลาดและการสื่อสารกับ CPU เพื่อเพิ่มความเสถียร ✅ การพัฒนาและการผลิต ➡️ ผ่านการทดสอบร่วมกับลูกค้าในเดือนมิถุนายน 2025 ➡️ เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในเดือนกรกฎาคม และเริ่มส่งมอบในเดือนกันยายน ➡️ เป็นโซลูชันแรกที่พัฒนาเพื่อปรับแต่งการทำงานร่วมกับ Android OS โดยเฉพาะ ➡️ รองรับการใช้งานในสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ที่เน้น on-device AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Zoned Storage เคยใช้ในเซิร์ฟเวอร์และ SSD ระดับองค์กรมาก่อน ➡️ UFS 4.1 เป็นมาตรฐานล่าสุดที่เปิดตัวในปี 2025 โดย JEDEC ➡️ SK hynix กำลังแข่งขันกับ Samsung และ Kioxia ในตลาด NAND สำหรับมือถือ ➡️ การจัดเก็บแบบ zoned ช่วยลดการเขียนซ้ำและยืดอายุการใช้งานของหน่วยความจำ https://www.techpowerup.com/340882/sk-hynix-begins-supplying-mobile-nand-solution-zufs-4-1
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    SK hynix Begins Supplying Mobile NAND Solution ZUFS 4.1
    SK hynix Inc. announced today that it has begun supplying its high-performance mobile NAND solution ZUFS 4.1 to customers, marking the world's first mass production of this solution. The solution's adoption in the latest smartphones reinforces SK hynix's technological excellence in the global market...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • “RTX 4090 ถูกแฮกให้กลายเป็น GPU 48GB สำหรับงาน AI — เมื่อช่างรัสเซียจับมือจีนเปลี่ยนการ์ดเกมให้กลายเป็นเครื่องมือระดับองค์กร”

    ในโลกของการดัดแปลงฮาร์ดแวร์ มีเรื่องราวที่น่าทึ่งเกิดขึ้นเมื่อ VIK-on ช่างเทคนิคและนักโมดิฟายจากรัสเซีย ได้เผยแพร่วิดีโอสาธิตการแปลงการ์ดจอ MSI RTX 4090 Suprim ให้กลายเป็น GPU สำหรับงาน AI ด้วยหน่วยความจำที่เพิ่มขึ้นเป็น 48GB โดยใช้เทคนิคที่ผสมผสานระหว่างการเปลี่ยนแผงวงจร (PCB) แบบพิเศษจากจีน การบัดกรีขั้นสูง และการดัดแปลงเฟิร์มแวร์

    กระบวนการนี้เริ่มจากการถอดชิป AD102 และชิป GDDR6X ขนาด 2GB จำนวน 12 ตัวออกจากการ์ดเดิม แล้วนำไปติดตั้งบน PCB แบบ “clamshell” ที่รองรับการติดตั้งหน่วยความจำทั้งสองด้าน พร้อมติดตั้งระบบระบายความร้อนแบบ blower-style ซึ่งออกแบบมาเพื่อใช้ในแร็คเซิร์ฟเวอร์หลาย GPU

    เฟิร์มแวร์ที่ใช้ถูกดัดแปลงจากเทคนิคที่เคยใช้ในการกู้การ์ดที่มีช่องหน่วยความจำเสีย โดยปรับให้ GPU สามารถรับรู้หน่วยความจำที่เพิ่มขึ้นได้อย่างถูกต้อง แม้จะต้องใช้เครื่องมือราคาแพงและความชำนาญสูง แต่ราคาชุด PCB ที่จีนผลิตไว้ล่วงหน้ากลับอยู่ที่ประมาณ $140 และค่าใช้จ่ายรวมสำหรับการอัปเกรดอยู่ที่ราว $430 ก่อนค่าขนส่ง

    แม้จะดูคุ้มค่าเมื่อเทียบกับ GPU สำหรับ AI อย่าง L40s ที่มีราคาสูงถึง $7,500–$11,000 แต่การดัดแปลงนี้ก็มีข้อจำกัดหลายประการ ทั้งด้านความเสถียร การรับประกัน และความเสี่ยงในการใช้งานระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อการ์ดเหล่านี้อาจกลับเข้าสู่ตลาดมือสองโดยไม่มีการแจ้งเตือน

    รายละเอียดการดัดแปลง RTX 4090 เป็น 48GB
    ใช้ MSI RTX 4090 Suprim เป็นฐาน แล้วถอดชิป GPU และหน่วยความจำออก
    ติดตั้งบน PCB แบบ clamshell ที่รองรับหน่วยความจำสองด้าน
    ใช้ระบบระบายความร้อนแบบ blower-style สำหรับแร็คเซิร์ฟเวอร์
    ดัดแปลงเฟิร์มแวร์ให้ GPU รับรู้หน่วยความจำที่เพิ่มขึ้น

    องค์ประกอบและต้นทุน
    PCB แบบ clamshell มีราคาประมาณ $140 และมีส่วนประกอบพื้นฐานติดตั้งไว้แล้ว
    ค่าใช้จ่ายรวมสำหรับการอัปเกรดอยู่ที่ ~$430 ก่อนค่าขนส่ง
    หน่วยความจำ GDDR6X มักถูกเก็บจากการ์ดเสียหรือซื้อในราคาถูก
    การดัดแปลงต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ เช่น heat gun, flux, stencil และความชำนาญสูง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    การ์ดที่ดัดแปลงสามารถใช้งานในงาน AI ได้ใกล้เคียงกับ L40s ซึ่งมีราคาสูงมาก
    BIOS ที่ใช้ดัดแปลงมาจากการรั่วไหลของเฟิร์มแวร์ Ada-generation
    มีการดัดแปลงลักษณะนี้ใน RTX 3090 และ 30-series มาก่อน
    การ์ดที่ถูกดัดแปลงอาจกลับเข้าสู่ตลาดมือสองโดยไม่มีการแจ้งว่าเคยถูกแก้ไข

    https://www.techpowerup.com/340880/nvidia-geforce-rtx-4090-gets-a-48-gb-mod-and-step-by-step-tutorial
    💥 “RTX 4090 ถูกแฮกให้กลายเป็น GPU 48GB สำหรับงาน AI — เมื่อช่างรัสเซียจับมือจีนเปลี่ยนการ์ดเกมให้กลายเป็นเครื่องมือระดับองค์กร” ในโลกของการดัดแปลงฮาร์ดแวร์ มีเรื่องราวที่น่าทึ่งเกิดขึ้นเมื่อ VIK-on ช่างเทคนิคและนักโมดิฟายจากรัสเซีย ได้เผยแพร่วิดีโอสาธิตการแปลงการ์ดจอ MSI RTX 4090 Suprim ให้กลายเป็น GPU สำหรับงาน AI ด้วยหน่วยความจำที่เพิ่มขึ้นเป็น 48GB โดยใช้เทคนิคที่ผสมผสานระหว่างการเปลี่ยนแผงวงจร (PCB) แบบพิเศษจากจีน การบัดกรีขั้นสูง และการดัดแปลงเฟิร์มแวร์ กระบวนการนี้เริ่มจากการถอดชิป AD102 และชิป GDDR6X ขนาด 2GB จำนวน 12 ตัวออกจากการ์ดเดิม แล้วนำไปติดตั้งบน PCB แบบ “clamshell” ที่รองรับการติดตั้งหน่วยความจำทั้งสองด้าน พร้อมติดตั้งระบบระบายความร้อนแบบ blower-style ซึ่งออกแบบมาเพื่อใช้ในแร็คเซิร์ฟเวอร์หลาย GPU เฟิร์มแวร์ที่ใช้ถูกดัดแปลงจากเทคนิคที่เคยใช้ในการกู้การ์ดที่มีช่องหน่วยความจำเสีย โดยปรับให้ GPU สามารถรับรู้หน่วยความจำที่เพิ่มขึ้นได้อย่างถูกต้อง แม้จะต้องใช้เครื่องมือราคาแพงและความชำนาญสูง แต่ราคาชุด PCB ที่จีนผลิตไว้ล่วงหน้ากลับอยู่ที่ประมาณ $140 และค่าใช้จ่ายรวมสำหรับการอัปเกรดอยู่ที่ราว $430 ก่อนค่าขนส่ง แม้จะดูคุ้มค่าเมื่อเทียบกับ GPU สำหรับ AI อย่าง L40s ที่มีราคาสูงถึง $7,500–$11,000 แต่การดัดแปลงนี้ก็มีข้อจำกัดหลายประการ ทั้งด้านความเสถียร การรับประกัน และความเสี่ยงในการใช้งานระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อการ์ดเหล่านี้อาจกลับเข้าสู่ตลาดมือสองโดยไม่มีการแจ้งเตือน ✅ รายละเอียดการดัดแปลง RTX 4090 เป็น 48GB ➡️ ใช้ MSI RTX 4090 Suprim เป็นฐาน แล้วถอดชิป GPU และหน่วยความจำออก ➡️ ติดตั้งบน PCB แบบ clamshell ที่รองรับหน่วยความจำสองด้าน ➡️ ใช้ระบบระบายความร้อนแบบ blower-style สำหรับแร็คเซิร์ฟเวอร์ ➡️ ดัดแปลงเฟิร์มแวร์ให้ GPU รับรู้หน่วยความจำที่เพิ่มขึ้น ✅ องค์ประกอบและต้นทุน ➡️ PCB แบบ clamshell มีราคาประมาณ $140 และมีส่วนประกอบพื้นฐานติดตั้งไว้แล้ว ➡️ ค่าใช้จ่ายรวมสำหรับการอัปเกรดอยู่ที่ ~$430 ก่อนค่าขนส่ง ➡️ หน่วยความจำ GDDR6X มักถูกเก็บจากการ์ดเสียหรือซื้อในราคาถูก ➡️ การดัดแปลงต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ เช่น heat gun, flux, stencil และความชำนาญสูง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ การ์ดที่ดัดแปลงสามารถใช้งานในงาน AI ได้ใกล้เคียงกับ L40s ซึ่งมีราคาสูงมาก ➡️ BIOS ที่ใช้ดัดแปลงมาจากการรั่วไหลของเฟิร์มแวร์ Ada-generation ➡️ มีการดัดแปลงลักษณะนี้ใน RTX 3090 และ 30-series มาก่อน ➡️ การ์ดที่ถูกดัดแปลงอาจกลับเข้าสู่ตลาดมือสองโดยไม่มีการแจ้งว่าเคยถูกแก้ไข https://www.techpowerup.com/340880/nvidia-geforce-rtx-4090-gets-a-48-gb-mod-and-step-by-step-tutorial
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    NVIDIA GeForce RTX 4090 Gets a 48 GB Mod and Step-by-Step Tutorial
    A Russian technician and modder known as VIK-on has posted a hands-on video showing how Chinese workshops are converting GeForce RTX 4090 gaming cards into AI-focused accelerators by doubling their memory. Using an MSI RTX 4090 Suprim as a donor, VIK-on removed the AD102 GPU package and the card's 1...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • “DOOMQL: เกมยิงแบบมัลติเพลเยอร์ที่เขียนด้วย SQL ล้วน ๆ — เมื่อฐานข้อมูลกลายเป็นเครื่องมือสร้างโลก 3D”

    ใครจะคิดว่า SQL ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้จัดการฐานข้อมูล จะสามารถใช้สร้างเกมยิงแบบ DOOM ได้ ล่าสุด Lukas Vogel นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และผู้ร่วมก่อตั้ง CedarDB ได้สร้างเกมชื่อ “DOOMQL” ซึ่งเป็นเกมยิงแบบมัลติเพลเยอร์ที่เขียนด้วย “pure SQL” ทั้งหมด โดยใช้เวลาเพียงหนึ่งเดือนระหว่างการลาคลอด

    DOOMQL ใช้เพียง ~150 บรรทัดของ Python สำหรับ client ที่รับอินพุตจากผู้เล่นและแสดงภาพ ส่วนการประมวลผลทั้งหมด — ตั้งแต่การเรนเดอร์ภาพ 3D, การเคลื่อนไหวของศัตรู, ไปจนถึงการจัดการสถานะเกม — ถูกเขียนด้วย SQL ล้วน ๆ บนฐานข้อมูล CedarDB ซึ่งทำให้เกมสามารถรันได้ที่ 30 FPS บนความละเอียด 128x64 พิกเซล

    ความพิเศษของ DOOMQL คือการใช้ฐานข้อมูลเป็น “เซิร์ฟเวอร์เกม” โดยอาศัยคุณสมบัติของ SQL เช่น transaction isolation เพื่อให้ผู้เล่นแต่ละคนเห็นสถานะเกมที่สอดคล้องกัน แม้จะมีผู้เล่นหลายคนพร้อมกัน และยังสามารถ “โกง” ได้โดยการส่งคำสั่ง SQL ตรงเข้าไปในฐานข้อมูล

    Vogel ได้แรงบันดาลใจจากโปรเจกต์ DuckDB-DOOM ซึ่งใช้ SQL ร่วมกับ JavaScript ในการเรนเดอร์ภาพ แต่เขามองว่าการใช้ JavaScript เป็น “การโกง” และต้องการพิสูจน์ว่า SQL เพียงอย่างเดียวก็สามารถสร้างเกมได้จริง แม้จะยอมรับว่า “มันอาจจะเป็นไอเดียที่แย่” ในแง่ของการดูแลรักษาและดีบัก

    จุดเด่นของ DOOMQL
    เกมยิงแบบมัลติเพลเยอร์ที่เขียนด้วย SQL ล้วน ๆ — ไม่มี JavaScript หรือ engine ภายนอก
    ใช้ CedarDB เป็นฐานข้อมูลหลักในการจัดการสถานะและเรนเดอร์ภาพ
    รันที่ 30 FPS บนความละเอียด 128x64 พิกเซล — เร็วกว่ารุ่น DuckDB ที่รันได้เพียง 8 FPS
    ใช้เพียง ~150 บรรทัดของ Python สำหรับ client ที่รับอินพุตและแสดงภาพ

    สถาปัตยกรรมของเกม
    ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในตาราง SQL เช่น map, players, mobs, inputs, sprites
    การเรนเดอร์ใช้ stack ของ SQL views ที่ทำ raycasting และ sprite projection
    game loop เป็น shell script ที่รัน SQL file ประมาณ 30 ครั้งต่อวินาที
    ผู้เล่นสามารถส่งคำสั่ง SQL เพื่อเปลี่ยนสถานะเกมหรือ “โกง” ได้โดยตรง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    DuckDB-DOOM เป็นโปรเจกต์ก่อนหน้า ที่ใช้ SQL ร่วมกับ JavaScript และ WebAssembly
    DOOMQL ได้รับความสนใจจากนักพัฒนาและนักวิจัยด้านฐานข้อมูล
    CedarDB เป็นฐานข้อมูลที่ออกแบบมาเพื่อประสิทธิภาพสูงในการ query แบบ real-time
    Vogel วางแผนเพิ่มฟีเจอร์ เช่น power-ups, อาวุธหลายแบบ, AI ฝ่ายตรงข้าม และระบบ sprite ที่ดีขึ้น

    https://www.tomshardware.com/video-games/retro-gaming/doom-multiplayer-tribute-gets-coded-in-pure-sql-and-runs-at-30fps-made-from-just-150-lines-of-code-in-less-than-a-month
    🧠 “DOOMQL: เกมยิงแบบมัลติเพลเยอร์ที่เขียนด้วย SQL ล้วน ๆ — เมื่อฐานข้อมูลกลายเป็นเครื่องมือสร้างโลก 3D” ใครจะคิดว่า SQL ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้จัดการฐานข้อมูล จะสามารถใช้สร้างเกมยิงแบบ DOOM ได้ ล่าสุด Lukas Vogel นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และผู้ร่วมก่อตั้ง CedarDB ได้สร้างเกมชื่อ “DOOMQL” ซึ่งเป็นเกมยิงแบบมัลติเพลเยอร์ที่เขียนด้วย “pure SQL” ทั้งหมด โดยใช้เวลาเพียงหนึ่งเดือนระหว่างการลาคลอด DOOMQL ใช้เพียง ~150 บรรทัดของ Python สำหรับ client ที่รับอินพุตจากผู้เล่นและแสดงภาพ ส่วนการประมวลผลทั้งหมด — ตั้งแต่การเรนเดอร์ภาพ 3D, การเคลื่อนไหวของศัตรู, ไปจนถึงการจัดการสถานะเกม — ถูกเขียนด้วย SQL ล้วน ๆ บนฐานข้อมูล CedarDB ซึ่งทำให้เกมสามารถรันได้ที่ 30 FPS บนความละเอียด 128x64 พิกเซล ความพิเศษของ DOOMQL คือการใช้ฐานข้อมูลเป็น “เซิร์ฟเวอร์เกม” โดยอาศัยคุณสมบัติของ SQL เช่น transaction isolation เพื่อให้ผู้เล่นแต่ละคนเห็นสถานะเกมที่สอดคล้องกัน แม้จะมีผู้เล่นหลายคนพร้อมกัน และยังสามารถ “โกง” ได้โดยการส่งคำสั่ง SQL ตรงเข้าไปในฐานข้อมูล Vogel ได้แรงบันดาลใจจากโปรเจกต์ DuckDB-DOOM ซึ่งใช้ SQL ร่วมกับ JavaScript ในการเรนเดอร์ภาพ แต่เขามองว่าการใช้ JavaScript เป็น “การโกง” และต้องการพิสูจน์ว่า SQL เพียงอย่างเดียวก็สามารถสร้างเกมได้จริง แม้จะยอมรับว่า “มันอาจจะเป็นไอเดียที่แย่” ในแง่ของการดูแลรักษาและดีบัก ✅ จุดเด่นของ DOOMQL ➡️ เกมยิงแบบมัลติเพลเยอร์ที่เขียนด้วย SQL ล้วน ๆ — ไม่มี JavaScript หรือ engine ภายนอก ➡️ ใช้ CedarDB เป็นฐานข้อมูลหลักในการจัดการสถานะและเรนเดอร์ภาพ ➡️ รันที่ 30 FPS บนความละเอียด 128x64 พิกเซล — เร็วกว่ารุ่น DuckDB ที่รันได้เพียง 8 FPS ➡️ ใช้เพียง ~150 บรรทัดของ Python สำหรับ client ที่รับอินพุตและแสดงภาพ ✅ สถาปัตยกรรมของเกม ➡️ ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในตาราง SQL เช่น map, players, mobs, inputs, sprites ➡️ การเรนเดอร์ใช้ stack ของ SQL views ที่ทำ raycasting และ sprite projection ➡️ game loop เป็น shell script ที่รัน SQL file ประมาณ 30 ครั้งต่อวินาที ➡️ ผู้เล่นสามารถส่งคำสั่ง SQL เพื่อเปลี่ยนสถานะเกมหรือ “โกง” ได้โดยตรง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ DuckDB-DOOM เป็นโปรเจกต์ก่อนหน้า ที่ใช้ SQL ร่วมกับ JavaScript และ WebAssembly ➡️ DOOMQL ได้รับความสนใจจากนักพัฒนาและนักวิจัยด้านฐานข้อมูล ➡️ CedarDB เป็นฐานข้อมูลที่ออกแบบมาเพื่อประสิทธิภาพสูงในการ query แบบ real-time ➡️ Vogel วางแผนเพิ่มฟีเจอร์ เช่น power-ups, อาวุธหลายแบบ, AI ฝ่ายตรงข้าม และระบบ sprite ที่ดีขึ้น https://www.tomshardware.com/video-games/retro-gaming/doom-multiplayer-tribute-gets-coded-in-pure-sql-and-runs-at-30fps-made-from-just-150-lines-of-code-in-less-than-a-month
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Windows 11 25H2 มาแล้ว — อัปเดตแบบ ‘เปิดสวิตช์’ พร้อม ISO สำหรับนักทดสอบ แต่ยังไม่มีอะไรใหม่ให้ตื่นเต้น”

    Microsoft ปล่อยไฟล์ ISO สำหรับ Windows 11 เวอร์ชัน 25H2 แล้วในวันที่ 10 กันยายน 2025 หลังจากมีความล่าช้าเล็กน้อย โดยเปิดให้ดาวน์โหลดผ่านหน้า Windows Insider สำหรับผู้ที่ต้องการติดตั้งแบบ clean install หรืออัปเกรดด้วยตนเองก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปีนี้

    สิ่งที่น่าสนใจคือ Windows 11 25H2 ไม่ใช่การอัปเดตแบบเปลี่ยนระบบทั้งหมด แต่เป็น “enablement package” หรือการเปิดใช้งานฟีเจอร์ที่ถูกฝังไว้แล้วในเวอร์ชัน 24H2 โดยไม่ต้องติดตั้งใหม่ทั้งหมด ทำให้การอัปเดตเร็วขึ้น ใช้พื้นที่น้อยลง และไม่กระทบกับระบบหลัก

    แม้จะไม่มีฟีเจอร์ใหม่ที่โดดเด่น แต่มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เช่น การลบเครื่องมือเก่าอย่าง PowerShell 2.0 และ WMIC ออกจากระบบ รวมถึงการเปิดให้ผู้ดูแลระบบในองค์กรสามารถถอนการติดตั้งแอปจาก Microsoft Store ได้มากขึ้น เพื่อให้การจัดการเครื่องในองค์กรง่ายขึ้น

    สำหรับผู้ใช้ทั่วไป การอัปเดตนี้อาจไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงมากนัก เพราะไม่มีการปรับปรุงด้านประสิทธิภาพจากเวอร์ชัน 24H2 และยังไม่มีฟีเจอร์ AI ใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามา ยกเว้นในเครื่องที่รองรับ Copilot+ ซึ่งต้องใช้ NPU ที่มีประสิทธิภาพสูงถึง 40 TOPS

    รายละเอียดของ Windows 11 25H2
    ปล่อย ISO สำหรับนักทดสอบเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2025
    ใช้รูปแบบ “enablement package” — เปิดฟีเจอร์ที่ฝังไว้ใน 24H2
    อัปเดตเร็วขึ้น ไม่ต้องติดตั้งใหม่ทั้งหมด และใช้พื้นที่น้อย
    Build 26200.5074 อยู่ใน Release Preview Channel

    การเปลี่ยนแปลงในระบบ
    ลบเครื่องมือเก่า เช่น PowerShell 2.0 และ WMIC
    ผู้ดูแลระบบสามารถถอนการติดตั้งแอปจาก Microsoft Store ได้มากขึ้น
    ไม่มีการเปลี่ยนแปลงด้านประสิทธิภาพจากเวอร์ชัน 24H2
    รองรับการอัปเดตแบบ in-place หรือ clean install ผ่าน ISO

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ฟีเจอร์ใหม่ถูกฝังไว้ใน 24H2 แล้ว — 25H2 แค่เปิดใช้งาน
    การอัปเดตแบบนี้เคยใช้ใน Windows 10 ระหว่าง 1903 กับ 1909
    เครื่องที่ใช้ Copilot+ จะได้ฟีเจอร์ AI เพิ่มเติม แต่ต้องมี NPU 40+ TOPS
    การอัปเดตนี้จะรีเซ็ตรอบการสนับสนุนใหม่ — 24 เดือนสำหรับทั่วไป, 36 เดือนสำหรับองค์กร

    https://www.tomshardware.com/software/windows/windows-11-25h2-isos-released
    🖥️ “Windows 11 25H2 มาแล้ว — อัปเดตแบบ ‘เปิดสวิตช์’ พร้อม ISO สำหรับนักทดสอบ แต่ยังไม่มีอะไรใหม่ให้ตื่นเต้น” Microsoft ปล่อยไฟล์ ISO สำหรับ Windows 11 เวอร์ชัน 25H2 แล้วในวันที่ 10 กันยายน 2025 หลังจากมีความล่าช้าเล็กน้อย โดยเปิดให้ดาวน์โหลดผ่านหน้า Windows Insider สำหรับผู้ที่ต้องการติดตั้งแบบ clean install หรืออัปเกรดด้วยตนเองก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปีนี้ สิ่งที่น่าสนใจคือ Windows 11 25H2 ไม่ใช่การอัปเดตแบบเปลี่ยนระบบทั้งหมด แต่เป็น “enablement package” หรือการเปิดใช้งานฟีเจอร์ที่ถูกฝังไว้แล้วในเวอร์ชัน 24H2 โดยไม่ต้องติดตั้งใหม่ทั้งหมด ทำให้การอัปเดตเร็วขึ้น ใช้พื้นที่น้อยลง และไม่กระทบกับระบบหลัก แม้จะไม่มีฟีเจอร์ใหม่ที่โดดเด่น แต่มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เช่น การลบเครื่องมือเก่าอย่าง PowerShell 2.0 และ WMIC ออกจากระบบ รวมถึงการเปิดให้ผู้ดูแลระบบในองค์กรสามารถถอนการติดตั้งแอปจาก Microsoft Store ได้มากขึ้น เพื่อให้การจัดการเครื่องในองค์กรง่ายขึ้น สำหรับผู้ใช้ทั่วไป การอัปเดตนี้อาจไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงมากนัก เพราะไม่มีการปรับปรุงด้านประสิทธิภาพจากเวอร์ชัน 24H2 และยังไม่มีฟีเจอร์ AI ใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามา ยกเว้นในเครื่องที่รองรับ Copilot+ ซึ่งต้องใช้ NPU ที่มีประสิทธิภาพสูงถึง 40 TOPS ✅ รายละเอียดของ Windows 11 25H2 ➡️ ปล่อย ISO สำหรับนักทดสอบเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2025 ➡️ ใช้รูปแบบ “enablement package” — เปิดฟีเจอร์ที่ฝังไว้ใน 24H2 ➡️ อัปเดตเร็วขึ้น ไม่ต้องติดตั้งใหม่ทั้งหมด และใช้พื้นที่น้อย ➡️ Build 26200.5074 อยู่ใน Release Preview Channel ✅ การเปลี่ยนแปลงในระบบ ➡️ ลบเครื่องมือเก่า เช่น PowerShell 2.0 และ WMIC ➡️ ผู้ดูแลระบบสามารถถอนการติดตั้งแอปจาก Microsoft Store ได้มากขึ้น ➡️ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงด้านประสิทธิภาพจากเวอร์ชัน 24H2 ➡️ รองรับการอัปเดตแบบ in-place หรือ clean install ผ่าน ISO ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ฟีเจอร์ใหม่ถูกฝังไว้ใน 24H2 แล้ว — 25H2 แค่เปิดใช้งาน ➡️ การอัปเดตแบบนี้เคยใช้ใน Windows 10 ระหว่าง 1903 กับ 1909 ➡️ เครื่องที่ใช้ Copilot+ จะได้ฟีเจอร์ AI เพิ่มเติม แต่ต้องมี NPU 40+ TOPS ➡️ การอัปเดตนี้จะรีเซ็ตรอบการสนับสนุนใหม่ — 24 เดือนสำหรับทั่วไป, 36 เดือนสำหรับองค์กร https://www.tomshardware.com/software/windows/windows-11-25h2-isos-released
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Windows 11 25H2 ISOs released after delays — upgrade switches on some features, now available for insiders
    Microsoft's fall update is now just a download away, but support won’t be available until general availability later this year.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • “OpenAI เซ็นสัญญา 300 พันล้านดอลลาร์กับ Oracle — สร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่เท่ากับสองเขื่อนฮูเวอร์ เพื่อขับเคลื่อนยุค AI”

    ในข้อตกลงที่อาจเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมคลาวด์ไปตลอดกาล OpenAI ได้ลงนามสัญญากับ Oracle มูลค่า 300 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อซื้อพลังประมวลผลสำหรับการฝึกและให้บริการโมเดล AI ในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยจะเริ่มต้นในปี 2027 และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “Stargate” ที่มีเป้าหมายสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ขนาดมหึมาในสหรัฐฯ

    ข้อตกลงนี้ต้องใช้พลังงานถึง 4.5 กิกะวัตต์ ซึ่งเทียบเท่ากับการจ่ายไฟให้บ้านกว่า 4 ล้านหลัง หรือมากกว่ากำลังผลิตของเขื่อนฮูเวอร์ถึงสองเท่า Oracle จะร่วมมือกับ Crusoe และพันธมิตรอื่น ๆ เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลในหลายรัฐ เช่น เท็กซัส, เพนซิลเวเนีย, ไวโอมิง, มิชิแกน และนิวเม็กซิโก

    แม้ OpenAI จะมีรายได้ราว 10 พันล้านดอลลาร์ต่อปี แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายรายปีที่สูงถึง 60 พันล้านดอลลาร์ภายใต้สัญญานี้ ซึ่งหมายความว่าทั้ง OpenAI และ Oracle ต้องแบกรับภาระทางการเงินมหาศาล โดย Oracle เองก็มีหนี้สินมากกว่าคู่แข่งอย่าง Microsoft และ Amazon หลายเท่า

    อย่างไรก็ตาม ตลาดตอบรับเชิงบวกทันที หุ้นของ Oracle พุ่งขึ้นกว่า 43% ในวันเดียว ส่งผลให้ Larry Ellison กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกชั่วขณะ ด้วยมูลค่าทรัพย์สินเกือบ 400 พันล้านดอลลาร์

    รายละเอียดของข้อตกลง OpenAI–Oracle
    มูลค่าสัญญา 300 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ระยะเวลา 5 ปี เริ่มปี 2027
    เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Stargate เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาดใหญ่
    ต้องใช้พลังงาน 4.5 กิกะวัตต์ — เทียบเท่ากับบ้าน 4 ล้านหลัง
    สถานที่สร้างศูนย์ข้อมูล ได้แก่ เท็กซัส, เพนซิลเวเนีย, ไวโอมิง, มิชิแกน, นิวเม็กซิโก

    ผลกระทบต่อ Oracle และ OpenAI
    หุ้น Oracle พุ่งขึ้น 43% — Larry Ellison กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
    Oracle มีรายได้ล่วงหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 455 พันล้านดอลลาร์
    OpenAI มีรายได้ปีละ 10 พันล้าน แต่ต้องจ่ายถึง 60 พันล้านต่อปี
    ทั้งสองบริษัทต้องกู้เงินเพิ่มเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและซื้อชิป AI

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    โครงการ Stargate เคยชะงักจากความขัดแย้งภายใน แต่ถูกรีบูตในปี 2025
    SoftBank และ Foxconn เข้าร่วมในโครงการ โดยใช้โรงงานเก่าในโอไฮโอ
    Microsoft เคยเป็นผู้ให้บริการคลาวด์หลักของ OpenAI แต่ความสัมพันธ์เริ่มเย็นลง
    ตลาดศูนย์ข้อมูล AI คาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวมกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2028

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/openai-signs-contract-to-buy-usd300-billion-worth-of-oracle-computing-power-over-the-next-five-years-company-needs-4-5-gigawatts-of-power-enough-to-power-four-million-homes
    ⚡ “OpenAI เซ็นสัญญา 300 พันล้านดอลลาร์กับ Oracle — สร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่เท่ากับสองเขื่อนฮูเวอร์ เพื่อขับเคลื่อนยุค AI” ในข้อตกลงที่อาจเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมคลาวด์ไปตลอดกาล OpenAI ได้ลงนามสัญญากับ Oracle มูลค่า 300 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อซื้อพลังประมวลผลสำหรับการฝึกและให้บริการโมเดล AI ในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยจะเริ่มต้นในปี 2027 และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “Stargate” ที่มีเป้าหมายสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ขนาดมหึมาในสหรัฐฯ ข้อตกลงนี้ต้องใช้พลังงานถึง 4.5 กิกะวัตต์ ซึ่งเทียบเท่ากับการจ่ายไฟให้บ้านกว่า 4 ล้านหลัง หรือมากกว่ากำลังผลิตของเขื่อนฮูเวอร์ถึงสองเท่า Oracle จะร่วมมือกับ Crusoe และพันธมิตรอื่น ๆ เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลในหลายรัฐ เช่น เท็กซัส, เพนซิลเวเนีย, ไวโอมิง, มิชิแกน และนิวเม็กซิโก แม้ OpenAI จะมีรายได้ราว 10 พันล้านดอลลาร์ต่อปี แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายรายปีที่สูงถึง 60 พันล้านดอลลาร์ภายใต้สัญญานี้ ซึ่งหมายความว่าทั้ง OpenAI และ Oracle ต้องแบกรับภาระทางการเงินมหาศาล โดย Oracle เองก็มีหนี้สินมากกว่าคู่แข่งอย่าง Microsoft และ Amazon หลายเท่า อย่างไรก็ตาม ตลาดตอบรับเชิงบวกทันที หุ้นของ Oracle พุ่งขึ้นกว่า 43% ในวันเดียว ส่งผลให้ Larry Ellison กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกชั่วขณะ ด้วยมูลค่าทรัพย์สินเกือบ 400 พันล้านดอลลาร์ ✅ รายละเอียดของข้อตกลง OpenAI–Oracle ➡️ มูลค่าสัญญา 300 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ระยะเวลา 5 ปี เริ่มปี 2027 ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Stargate เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาดใหญ่ ➡️ ต้องใช้พลังงาน 4.5 กิกะวัตต์ — เทียบเท่ากับบ้าน 4 ล้านหลัง ➡️ สถานที่สร้างศูนย์ข้อมูล ได้แก่ เท็กซัส, เพนซิลเวเนีย, ไวโอมิง, มิชิแกน, นิวเม็กซิโก ✅ ผลกระทบต่อ Oracle และ OpenAI ➡️ หุ้น Oracle พุ่งขึ้น 43% — Larry Ellison กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ➡️ Oracle มีรายได้ล่วงหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 455 พันล้านดอลลาร์ ➡️ OpenAI มีรายได้ปีละ 10 พันล้าน แต่ต้องจ่ายถึง 60 พันล้านต่อปี ➡️ ทั้งสองบริษัทต้องกู้เงินเพิ่มเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและซื้อชิป AI ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ โครงการ Stargate เคยชะงักจากความขัดแย้งภายใน แต่ถูกรีบูตในปี 2025 ➡️ SoftBank และ Foxconn เข้าร่วมในโครงการ โดยใช้โรงงานเก่าในโอไฮโอ ➡️ Microsoft เคยเป็นผู้ให้บริการคลาวด์หลักของ OpenAI แต่ความสัมพันธ์เริ่มเย็นลง ➡️ ตลาดศูนย์ข้อมูล AI คาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวมกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2028 https://www.tomshardware.com/tech-industry/openai-signs-contract-to-buy-usd300-billion-worth-of-oracle-computing-power-over-the-next-five-years-company-needs-4-5-gigawatts-of-power-enough-to-power-four-million-homes
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    OpenAI signs contract to buy $300 billion worth of Oracle computing power over the next five years — company needs 4.5 gigawatts of power, enough to power four million homes
    Instantly boosting Oracle CEO Larry Ellison to the world's richest man, but questions remain about how either company will afford such a deal.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Nano11 ลดขนาด Windows 11 เหลือแค่ 2.8GB — สคริปต์ทดลองสุดขั้วสำหรับสายทดสอบที่ไม่ต้องการ ‘ขยะ’ ใด ๆ”

    NTDEV นักพัฒนาผู้เคยสร้าง Tiny11 ได้เปิดตัวสคริปต์ใหม่ชื่อว่า “Nano11 Builder” ซึ่งสามารถลดขนาดไฟล์ติดตั้ง Windows 11 ลงได้อย่างน่าทึ่ง โดยจาก ISO มาตรฐานขนาด 7.04GB สามารถลดเหลือเพียง 2.29GB และหากใช้ Windows 11 LTSC เป็นต้นฉบับ จะสามารถติดตั้งได้ในพื้นที่เพียง 2.8GB เท่านั้น

    Nano11 ไม่ใช่แค่การลบฟีเจอร์ทั่วไป แต่เป็นการ “ปาดทิ้งทุกสิ่งที่ไม่จำเป็น” เช่น Windows Hello, .NET assemblies, IME, driver ที่ไม่จำเป็น, wallpaper และอื่น ๆ โดยใช้ PowerShell script ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมสำหรับการทดสอบเท่านั้น ไม่เหมาะกับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน

    การติดตั้ง Nano11 บน VMware Workstation ใช้พื้นที่เพียง 20GB และหลังจากรันคำสั่ง ‘Compact’ ด้วย LZX compression และลบ page file แล้ว พื้นที่ใช้งานจริงเหลือเพียง 3.2GB ซึ่งถือว่าเบากว่าระบบปฏิบัติการมือถือบางตัวเสียอีก

    แม้จะดูน่าตื่นเต้นสำหรับสายทดสอบหรือผู้ที่ต้องการ VM ขนาดเล็ก แต่ NTDEV ก็เตือนชัดเจนว่า Nano11 เป็น “สคริปต์ทดลองสุดขั้ว” ไม่เหมาะกับการใช้งานจริง และไม่มีระบบอัปเดตหรือความปลอดภัยที่เพียงพอ

    จุดเด่นของ Nano11 Builder
    ลดขนาด ISO จาก 7.04GB เหลือ 2.29GB ด้วย PowerShell script
    หากใช้ Windows 11 LTSC จะติดตั้งได้ในพื้นที่เพียง 2.8GB
    ลบฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น เช่น Windows Hello, IME, .NET assemblies, driver, wallpaper
    ใช้ LZX compression และลบ page file เพื่อให้ footprint ต่ำสุด

    การใช้งานและการติดตั้ง
    เหมาะสำหรับการสร้าง VM ขนาดเล็กเพื่อทดสอบระบบ
    ใช้ VMware Workstation ติดตั้งบน virtual disk ขนาด 20GB
    ใช้เครื่องมือจาก Microsoft เช่น DISM และ oscdimg เท่านั้น
    เหมาะกับผู้พัฒนา, นักทดสอบ, หรือผู้ที่ต้องการระบบเบาสุด ๆ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Tiny11 เคยลดขนาด Windows 11 ได้เหลือประมาณ 8GB — Nano11 เล็กกว่า 3.5 เท่า
    โครงการนี้ได้รับความนิยมใน GitHub และฟอรั่มสายทดสอบ
    Windows 11 LTSC เป็นเวอร์ชันที่ไม่มีฟีเจอร์ AI และแอป Microsoft 365
    Nano11 ยังสามารถใช้กับ Windows 11 รุ่นอื่นได้ แต่ผลลัพธ์อาจต่างกัน

    คำเตือนและข้อจำกัด
    Nano11 เป็นสคริปต์ทดลอง — ไม่เหมาะกับการใช้งานจริงหรือเครื่องหลัก
    ไม่มีระบบ Windows Update — ไม่สามารถอัปเดตหรือรับแพตช์ความปลอดภัย
    การลบฟีเจอร์บางอย่างอาจทำให้แอปหรือบริการบางตัวไม่ทำงาน
    ไม่มีการรับประกันความเสถียรหรือความปลอดภัยของระบบ
    การใช้งานในองค์กรหรือเครื่องจริงอาจเสี่ยงต่อข้อมูลและความมั่นคง

    https://www.tomshardware.com/software/windows/nano11-compresses-windows-11-install-footprint-to-as-little-as-2-8gb-extreme-experimental-script-is-3-5-times-smaller-than-tiny11-and-comes-with-none-of-the-fluff
    🧪 “Nano11 ลดขนาด Windows 11 เหลือแค่ 2.8GB — สคริปต์ทดลองสุดขั้วสำหรับสายทดสอบที่ไม่ต้องการ ‘ขยะ’ ใด ๆ” NTDEV นักพัฒนาผู้เคยสร้าง Tiny11 ได้เปิดตัวสคริปต์ใหม่ชื่อว่า “Nano11 Builder” ซึ่งสามารถลดขนาดไฟล์ติดตั้ง Windows 11 ลงได้อย่างน่าทึ่ง โดยจาก ISO มาตรฐานขนาด 7.04GB สามารถลดเหลือเพียง 2.29GB และหากใช้ Windows 11 LTSC เป็นต้นฉบับ จะสามารถติดตั้งได้ในพื้นที่เพียง 2.8GB เท่านั้น Nano11 ไม่ใช่แค่การลบฟีเจอร์ทั่วไป แต่เป็นการ “ปาดทิ้งทุกสิ่งที่ไม่จำเป็น” เช่น Windows Hello, .NET assemblies, IME, driver ที่ไม่จำเป็น, wallpaper และอื่น ๆ โดยใช้ PowerShell script ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมสำหรับการทดสอบเท่านั้น ไม่เหมาะกับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน การติดตั้ง Nano11 บน VMware Workstation ใช้พื้นที่เพียง 20GB และหลังจากรันคำสั่ง ‘Compact’ ด้วย LZX compression และลบ page file แล้ว พื้นที่ใช้งานจริงเหลือเพียง 3.2GB ซึ่งถือว่าเบากว่าระบบปฏิบัติการมือถือบางตัวเสียอีก แม้จะดูน่าตื่นเต้นสำหรับสายทดสอบหรือผู้ที่ต้องการ VM ขนาดเล็ก แต่ NTDEV ก็เตือนชัดเจนว่า Nano11 เป็น “สคริปต์ทดลองสุดขั้ว” ไม่เหมาะกับการใช้งานจริง และไม่มีระบบอัปเดตหรือความปลอดภัยที่เพียงพอ ✅ จุดเด่นของ Nano11 Builder ➡️ ลดขนาด ISO จาก 7.04GB เหลือ 2.29GB ด้วย PowerShell script ➡️ หากใช้ Windows 11 LTSC จะติดตั้งได้ในพื้นที่เพียง 2.8GB ➡️ ลบฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น เช่น Windows Hello, IME, .NET assemblies, driver, wallpaper ➡️ ใช้ LZX compression และลบ page file เพื่อให้ footprint ต่ำสุด ✅ การใช้งานและการติดตั้ง ➡️ เหมาะสำหรับการสร้าง VM ขนาดเล็กเพื่อทดสอบระบบ ➡️ ใช้ VMware Workstation ติดตั้งบน virtual disk ขนาด 20GB ➡️ ใช้เครื่องมือจาก Microsoft เช่น DISM และ oscdimg เท่านั้น ➡️ เหมาะกับผู้พัฒนา, นักทดสอบ, หรือผู้ที่ต้องการระบบเบาสุด ๆ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Tiny11 เคยลดขนาด Windows 11 ได้เหลือประมาณ 8GB — Nano11 เล็กกว่า 3.5 เท่า ➡️ โครงการนี้ได้รับความนิยมใน GitHub และฟอรั่มสายทดสอบ ➡️ Windows 11 LTSC เป็นเวอร์ชันที่ไม่มีฟีเจอร์ AI และแอป Microsoft 365 ➡️ Nano11 ยังสามารถใช้กับ Windows 11 รุ่นอื่นได้ แต่ผลลัพธ์อาจต่างกัน ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ Nano11 เป็นสคริปต์ทดลอง — ไม่เหมาะกับการใช้งานจริงหรือเครื่องหลัก ⛔ ไม่มีระบบ Windows Update — ไม่สามารถอัปเดตหรือรับแพตช์ความปลอดภัย ⛔ การลบฟีเจอร์บางอย่างอาจทำให้แอปหรือบริการบางตัวไม่ทำงาน ⛔ ไม่มีการรับประกันความเสถียรหรือความปลอดภัยของระบบ ⛔ การใช้งานในองค์กรหรือเครื่องจริงอาจเสี่ยงต่อข้อมูลและความมั่นคง https://www.tomshardware.com/software/windows/nano11-compresses-windows-11-install-footprint-to-as-little-as-2-8gb-extreme-experimental-script-is-3-5-times-smaller-than-tiny11-and-comes-with-none-of-the-fluff
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เมื่อ AI กลายเป็นผู้ช่วยของแฮกเกอร์ — 80% ของแรนซัมแวร์ในปี 2025 ใช้ AI สร้างมัลแวร์ ปลอมเสียง และเจาะระบบแบบไร้รอย”

    ภัยไซเบอร์ในปี 2025 ไม่ได้มาในรูปแบบเดิมอีกต่อไป เพราะตอนนี้แฮกเกอร์ใช้ AI เป็นเครื่องมือหลักในการสร้างแรนซัมแวร์ที่ทั้งฉลาดและอันตรายกว่าเดิม จากการศึกษาของ MIT Sloan และ Safe Security พบว่า 80% ของการโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ในช่วงปีที่ผ่านมา มีการใช้ AI เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างมัลแวร์อัตโนมัติ, ปลอมเสียงด้วย deepfake, หรือแม้แต่การเจาะระบบผ่าน CAPTCHA และรหัสผ่านด้วย LLM

    AI ไม่ได้แค่ช่วยให้แฮกเกอร์ทำงานเร็วขึ้น แต่ยังทำให้การโจมตีมีความแม่นยำและยากต่อการตรวจจับมากขึ้น เช่น การปลอมตัวเป็นฝ่ายบริการลูกค้าด้วยเสียงที่เหมือนจริง หรือการสร้างอีเมลฟิชชิ่งที่ดูน่าเชื่อถือจนแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญยังหลงกล

    Michael Siegel นักวิจัยจาก CAMS เตือนว่า “ผู้โจมตีต้องการแค่ช่องโหว่เดียว แต่ผู้ป้องกันต้องปิดทุกช่องทาง” ซึ่งกลายเป็นความท้าทายที่รุนแรงขึ้นเมื่อ AI ทำให้การโจมตีขยายตัวได้ในระดับที่มนุษย์ตามไม่ทัน

    เพื่อรับมือกับภัยคุกคามนี้ นักวิจัยเสนอแนวทางป้องกันแบบ 3 เสาหลัก ได้แก่

    1️⃣ ระบบ hygiene อัตโนมัติ เช่น โค้ดที่ซ่อมตัวเอง, ระบบ patch อัตโนมัติ และการตรวจสอบพื้นผิวการโจมตีแบบต่อเนื่อง

    2️⃣ ระบบป้องกันแบบหลอกล่อและอัตโนมัติ เช่น การเปลี่ยนเป้าหมายตลอดเวลา และการใช้ข้อมูลปลอมเพื่อหลอกแฮกเกอร์

    3️⃣ การรายงานและ oversight แบบ real-time เพื่อให้ผู้บริหารเห็นภาพรวมของภัยคุกคามและตัดสินใจได้ทันเวลา

    สถานการณ์ภัยไซเบอร์ในปี 2025
    80% ของแรนซัมแวร์ใช้ AI ในการสร้างมัลแวร์ ฟิชชิ่ง และ deepfake
    ใช้ LLM ในการเจาะรหัสผ่าน, bypass CAPTCHA และเขียนโค้ดอัตโนมัติ
    ปลอมเสียงเป็นฝ่ายบริการลูกค้าเพื่อหลอกเหยื่อผ่านโทรศัพท์
    AI ทำให้การโจมตีขยายตัวเร็วและแม่นยำกว่าที่เคย

    แนวทางป้องกันที่แนะนำ
    เสาหลักที่ 1: ระบบ hygiene อัตโนมัติ เช่น self-healing code และ zero-trust architecture
    เสาหลักที่ 2: ระบบป้องกันแบบหลอกล่อ เช่น moving-target defense และข้อมูลปลอม
    เสาหลักที่ 3: การ oversight แบบ real-time เพื่อให้ผู้บริหารตัดสินใจได้ทัน
    ต้องใช้หลายชั้นร่วมกัน ไม่ใช่แค่เครื่องมือ AI ฝั่งป้องกันอย่างเดียว

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Deepfake phishing หรือ “vishing” เพิ่มขึ้น 1,633% ใน Q1 ปี 2025
    การโจมตีแบบ adversary-in-the-middle เพิ่มขึ้น — ขโมย session cookie เพื่อข้าม 2FA
    การโจมตีระบบ OT (Operational Technology) เช่นโรงงานและโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้น
    จำนวนการโจมตี ransomware เพิ่มขึ้น 132% แม้ยอดจ่ายค่าไถ่จะลดลง

    https://www.techradar.com/pro/security/only-20-of-ransomware-is-not-powered-by-ai-but-expect-that-number-to-drop-even-further-in-2025
    🧨 “เมื่อ AI กลายเป็นผู้ช่วยของแฮกเกอร์ — 80% ของแรนซัมแวร์ในปี 2025 ใช้ AI สร้างมัลแวร์ ปลอมเสียง และเจาะระบบแบบไร้รอย” ภัยไซเบอร์ในปี 2025 ไม่ได้มาในรูปแบบเดิมอีกต่อไป เพราะตอนนี้แฮกเกอร์ใช้ AI เป็นเครื่องมือหลักในการสร้างแรนซัมแวร์ที่ทั้งฉลาดและอันตรายกว่าเดิม จากการศึกษาของ MIT Sloan และ Safe Security พบว่า 80% ของการโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ในช่วงปีที่ผ่านมา มีการใช้ AI เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างมัลแวร์อัตโนมัติ, ปลอมเสียงด้วย deepfake, หรือแม้แต่การเจาะระบบผ่าน CAPTCHA และรหัสผ่านด้วย LLM AI ไม่ได้แค่ช่วยให้แฮกเกอร์ทำงานเร็วขึ้น แต่ยังทำให้การโจมตีมีความแม่นยำและยากต่อการตรวจจับมากขึ้น เช่น การปลอมตัวเป็นฝ่ายบริการลูกค้าด้วยเสียงที่เหมือนจริง หรือการสร้างอีเมลฟิชชิ่งที่ดูน่าเชื่อถือจนแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญยังหลงกล Michael Siegel นักวิจัยจาก CAMS เตือนว่า “ผู้โจมตีต้องการแค่ช่องโหว่เดียว แต่ผู้ป้องกันต้องปิดทุกช่องทาง” ซึ่งกลายเป็นความท้าทายที่รุนแรงขึ้นเมื่อ AI ทำให้การโจมตีขยายตัวได้ในระดับที่มนุษย์ตามไม่ทัน เพื่อรับมือกับภัยคุกคามนี้ นักวิจัยเสนอแนวทางป้องกันแบบ 3 เสาหลัก ได้แก่ 1️⃣ ระบบ hygiene อัตโนมัติ เช่น โค้ดที่ซ่อมตัวเอง, ระบบ patch อัตโนมัติ และการตรวจสอบพื้นผิวการโจมตีแบบต่อเนื่อง 2️⃣ ระบบป้องกันแบบหลอกล่อและอัตโนมัติ เช่น การเปลี่ยนเป้าหมายตลอดเวลา และการใช้ข้อมูลปลอมเพื่อหลอกแฮกเกอร์ 3️⃣ การรายงานและ oversight แบบ real-time เพื่อให้ผู้บริหารเห็นภาพรวมของภัยคุกคามและตัดสินใจได้ทันเวลา ✅ สถานการณ์ภัยไซเบอร์ในปี 2025 ➡️ 80% ของแรนซัมแวร์ใช้ AI ในการสร้างมัลแวร์ ฟิชชิ่ง และ deepfake ➡️ ใช้ LLM ในการเจาะรหัสผ่าน, bypass CAPTCHA และเขียนโค้ดอัตโนมัติ ➡️ ปลอมเสียงเป็นฝ่ายบริการลูกค้าเพื่อหลอกเหยื่อผ่านโทรศัพท์ ➡️ AI ทำให้การโจมตีขยายตัวเร็วและแม่นยำกว่าที่เคย ✅ แนวทางป้องกันที่แนะนำ ➡️ เสาหลักที่ 1: ระบบ hygiene อัตโนมัติ เช่น self-healing code และ zero-trust architecture ➡️ เสาหลักที่ 2: ระบบป้องกันแบบหลอกล่อ เช่น moving-target defense และข้อมูลปลอม ➡️ เสาหลักที่ 3: การ oversight แบบ real-time เพื่อให้ผู้บริหารตัดสินใจได้ทัน ➡️ ต้องใช้หลายชั้นร่วมกัน ไม่ใช่แค่เครื่องมือ AI ฝั่งป้องกันอย่างเดียว ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Deepfake phishing หรือ “vishing” เพิ่มขึ้น 1,633% ใน Q1 ปี 2025 ➡️ การโจมตีแบบ adversary-in-the-middle เพิ่มขึ้น — ขโมย session cookie เพื่อข้าม 2FA ➡️ การโจมตีระบบ OT (Operational Technology) เช่นโรงงานและโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้น ➡️ จำนวนการโจมตี ransomware เพิ่มขึ้น 132% แม้ยอดจ่ายค่าไถ่จะลดลง https://www.techradar.com/pro/security/only-20-of-ransomware-is-not-powered-by-ai-but-expect-that-number-to-drop-even-further-in-2025
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AMD MegaPod 256-GPU ท้าชน Nvidia SuperPod — ยุทธศาสตร์ใหม่ในสงคราม HPC ที่ไม่ใช่แค่เรื่องจำนวน แต่คือการควบคุมโครงสร้างทั้งระบบ”

    AMD กำลังเตรียมเปิดตัวระบบประมวลผลขนาดใหญ่ระดับ rack-scale ที่ชื่อว่า “MegaPod” ซึ่งจะใช้ GPU รุ่นใหม่ Instinct MI500 จำนวนถึง 256 ตัว พร้อมกับ CPU EPYC “Verano” รุ่นล่าสุด โดยวางแผนเปิดใช้งานในปี 2027 เพื่อแข่งขันกับ Nvidia SuperPod ที่ใช้ GPU Vera Rubin ในระบบ NVL576.

    MegaPod จะประกอบด้วย 3 แร็คหลัก โดยแร็คด้านข้างแต่ละฝั่งจะมี 32 ถาดประมวลผล (compute trays) ซึ่งแต่ละถาดจะมี 1 CPU Verano และ 4 GPU MI500 รวมเป็น 64 CPU และ 256 GPU ทั้งระบบ ส่วนแร็คกลางจะใช้สำหรับการเชื่อมต่อเครือข่าย โดยใช้การ์ด Vulcano ที่พัฒนาจาก Pensando รองรับแบนด์วิดท์สูงถึง 800GbE ต่อ tray และใช้เทคโนโลยี TSMC 3nm เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลด latency

    แม้ AMD จะมีจำนวนแพ็กเกจ GPU มากกว่า Nvidia (256 vs 144) แต่ Nvidia ใช้การรวม 4 GPU ต่อแพ็กเกจ ทำให้มี GPU จริงถึง 576 ตัวในระบบ NVL576 ซึ่งทำให้การเปรียบเทียบไม่ตรงไปตรงมา และขึ้นอยู่กับการออกแบบสถาปัตยกรรมและการจัดการ throughput มากกว่าตัวเลขดิบ

    AMD ยังวางแผนใช้เทคโนโลยี UALink และ Ultra Ethernet เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อระหว่าง GPU และ CPU พร้อมกับ ROCm 7 ที่รองรับ FP8 และ Flash Attention 3 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้าน AI training และ inference โดยเฉพาะในงาน computer vision และ LLM

    โครงสร้างของ AMD MegaPod
    ประกอบด้วย 3 แร็ค: 2 แร็คด้านข้างสำหรับ compute trays และ 1 แร็คกลางสำหรับ networking
    มีทั้งหมด 64 CPU Verano และ 256 GPU MI500
    ใช้การ์ด Vulcano ที่รองรับ 800GbE ต่อ tray และผลิตด้วย TSMC 3nm
    ใช้เทคโนโลยี UALink และ Ultra Ethernet เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อ

    จุดเด่นด้านเทคโนโลยี
    MI500 ใช้สถาปัตยกรรมใหม่พร้อม FP8 และ XMX matrix engine
    Verano CPU ใช้ Zen 7 และ PCIe Gen6 พร้อม backside power delivery
    ROCm 7 รองรับ Flash Attention 3 และ containerized LLM workloads
    ระบบออกแบบให้รองรับ AI training ขนาดใหญ่และ HPC workload

    การเปรียบเทียบกับ Nvidia SuperPod
    MegaPod มี 256 physical GPU packages เทียบกับ 144 ของ NVL576
    Nvidia รวม 4 GPU ต่อแพ็กเกจ ทำให้มี GPU จริง 576 ตัว
    AMD ใช้ single-GPU packages — เน้นความยืดหยุ่นและการควบคุม latency
    การเปรียบเทียบขึ้นอยู่กับ throughput และ network efficiency มากกว่าตัวเลข GPU

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    AMD เคยเปิดตัว Helios rack system ในปี 2026 ด้วย MI400 และ EPYC Venice
    MI500 จะใช้ TSMC N2P หรือ A16 node พร้อม CoWoS-L packaging
    ระบบ MegaPod คาดว่าจะให้ FP4 performance สูงกว่า 3 exaFLOPS
    Vulcano switch ASIC มี throughput สูงถึง 102.4Tbps ต่อ tray

    https://www.techradar.com/pro/amd-megapod-set-to-face-nvidias-superpod-with-a-256-gpu-rack-full-with-instinct-mi500-chips
    🚀 “AMD MegaPod 256-GPU ท้าชน Nvidia SuperPod — ยุทธศาสตร์ใหม่ในสงคราม HPC ที่ไม่ใช่แค่เรื่องจำนวน แต่คือการควบคุมโครงสร้างทั้งระบบ” AMD กำลังเตรียมเปิดตัวระบบประมวลผลขนาดใหญ่ระดับ rack-scale ที่ชื่อว่า “MegaPod” ซึ่งจะใช้ GPU รุ่นใหม่ Instinct MI500 จำนวนถึง 256 ตัว พร้อมกับ CPU EPYC “Verano” รุ่นล่าสุด โดยวางแผนเปิดใช้งานในปี 2027 เพื่อแข่งขันกับ Nvidia SuperPod ที่ใช้ GPU Vera Rubin ในระบบ NVL576. MegaPod จะประกอบด้วย 3 แร็คหลัก โดยแร็คด้านข้างแต่ละฝั่งจะมี 32 ถาดประมวลผล (compute trays) ซึ่งแต่ละถาดจะมี 1 CPU Verano และ 4 GPU MI500 รวมเป็น 64 CPU และ 256 GPU ทั้งระบบ ส่วนแร็คกลางจะใช้สำหรับการเชื่อมต่อเครือข่าย โดยใช้การ์ด Vulcano ที่พัฒนาจาก Pensando รองรับแบนด์วิดท์สูงถึง 800GbE ต่อ tray และใช้เทคโนโลยี TSMC 3nm เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลด latency แม้ AMD จะมีจำนวนแพ็กเกจ GPU มากกว่า Nvidia (256 vs 144) แต่ Nvidia ใช้การรวม 4 GPU ต่อแพ็กเกจ ทำให้มี GPU จริงถึง 576 ตัวในระบบ NVL576 ซึ่งทำให้การเปรียบเทียบไม่ตรงไปตรงมา และขึ้นอยู่กับการออกแบบสถาปัตยกรรมและการจัดการ throughput มากกว่าตัวเลขดิบ AMD ยังวางแผนใช้เทคโนโลยี UALink และ Ultra Ethernet เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อระหว่าง GPU และ CPU พร้อมกับ ROCm 7 ที่รองรับ FP8 และ Flash Attention 3 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้าน AI training และ inference โดยเฉพาะในงาน computer vision และ LLM ✅ โครงสร้างของ AMD MegaPod ➡️ ประกอบด้วย 3 แร็ค: 2 แร็คด้านข้างสำหรับ compute trays และ 1 แร็คกลางสำหรับ networking ➡️ มีทั้งหมด 64 CPU Verano และ 256 GPU MI500 ➡️ ใช้การ์ด Vulcano ที่รองรับ 800GbE ต่อ tray และผลิตด้วย TSMC 3nm ➡️ ใช้เทคโนโลยี UALink และ Ultra Ethernet เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อ ✅ จุดเด่นด้านเทคโนโลยี ➡️ MI500 ใช้สถาปัตยกรรมใหม่พร้อม FP8 และ XMX matrix engine ➡️ Verano CPU ใช้ Zen 7 และ PCIe Gen6 พร้อม backside power delivery ➡️ ROCm 7 รองรับ Flash Attention 3 และ containerized LLM workloads ➡️ ระบบออกแบบให้รองรับ AI training ขนาดใหญ่และ HPC workload ✅ การเปรียบเทียบกับ Nvidia SuperPod ➡️ MegaPod มี 256 physical GPU packages เทียบกับ 144 ของ NVL576 ➡️ Nvidia รวม 4 GPU ต่อแพ็กเกจ ทำให้มี GPU จริง 576 ตัว ➡️ AMD ใช้ single-GPU packages — เน้นความยืดหยุ่นและการควบคุม latency ➡️ การเปรียบเทียบขึ้นอยู่กับ throughput และ network efficiency มากกว่าตัวเลข GPU ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ AMD เคยเปิดตัว Helios rack system ในปี 2026 ด้วย MI400 และ EPYC Venice ➡️ MI500 จะใช้ TSMC N2P หรือ A16 node พร้อม CoWoS-L packaging ➡️ ระบบ MegaPod คาดว่าจะให้ FP4 performance สูงกว่า 3 exaFLOPS ➡️ Vulcano switch ASIC มี throughput สูงถึง 102.4Tbps ต่อ tray https://www.techradar.com/pro/amd-megapod-set-to-face-nvidias-superpod-with-a-256-gpu-rack-full-with-instinct-mi500-chips
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • “TSMC พลิกโรงงานเก่า สร้างสายการผลิต EUV Pellicle — ก้าวใหม่สู่การควบคุมคุณภาพชิประดับนาโนเมตร”

    ในโลกของการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง เทคโนโลยี EUV (Extreme Ultraviolet Lithography) คือหัวใจของการสร้างชิประดับ 2 นาโนเมตรและต่ำกว่า แต่สิ่งที่มักถูกมองข้ามคือ “pellicle” — แผ่นฟิล์มบางใสที่ยืดอยู่เหนือ photomask เพื่อป้องกันฝุ่นและอนุภาคระหว่างการยิงแสง EUV ซึ่งหากไม่มี pellicle อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดซ้ำซ้อนบนแผ่นเวเฟอร์ และลด yield อย่างรุนแรง

    ล่าสุด TSMC ได้ประกาศนำโรงงานเก่า Fab 3 ขนาด 8 นิ้วใน Hsinchu Science Park กลับมาใช้งานใหม่ เพื่อผลิต EUV pellicle ด้วยตนเอง โดยไม่พึ่งพาซัพพลายเออร์ภายนอกอีกต่อไป เป้าหมายคือการลดต้นทุนต่อชิ้น เพิ่มความสามารถในการควบคุมคุณภาพ และทำให้การใช้งาน pellicle ในระดับ mass production เป็นไปได้จริง

    Pellicle สำหรับ EUV มีราคาสูงถึง $30,000 ต่อชิ้น เทียบกับ pellicle สำหรับ DUV ที่มีราคาเพียง $600 ซึ่งทำให้หลายโรงงานลังเลที่จะใช้แบบครอบคลุม ส่งผลให้เกิดช่องว่างด้าน yield ในบางกรณี TSMC จึงต้องการลดต้นทุนและเพิ่มความถี่ในการเปลี่ยน pellicle เพื่อรักษาคุณภาพ photomask ให้สูงสุด

    หนึ่งในเทคโนโลยีที่ TSMC กำลังพัฒนา คือการใช้ “carbon nanotube membrane” ซึ่งมีคุณสมบัติทนความร้อนสูง โปร่งแสง และไม่บิดเบือนคลื่นแสง — เหมาะกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีแสง EUV ความเข้มสูงถึง 400W และอุณหภูมิใกล้ 1,000°C

    การผลิต pellicle ภายในยังสอดคล้องกับการเร่งพัฒนาเทคโนโลยี N2 และ A16 ของ TSMC ซึ่งต้องการ yield ที่สูงขึ้นเพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดชิประดับนาโนเมตร และลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาซัพพลายเชนภายนอก

    การปรับโรงงาน Fab 3 เพื่อผลิต EUV pellicle
    TSMC นำโรงงานเก่าขนาด 8 นิ้วกลับมาใช้งานใน Hsinchu Science Park
    เป้าหมายคือผลิต pellicle สำหรับ EUV lithography ด้วยตนเอง
    ลดต้นทุนต่อชิ้น และเพิ่มความถี่ในการเปลี่ยนเพื่อรักษาคุณภาพ
    เพิ่มความสามารถในการควบคุม yield และลดการพึ่งพาซัพพลายภายนอก

    ความสำคัญของ pellicle ใน EUV
    ป้องกันฝุ่นและอนุภาคจาก photomask ระหว่างการยิงแสง
    ลดความเสี่ยงในการเกิด defect ซ้ำซ้อนบนเวเฟอร์
    EUV ใช้แหล่งแสง 400W และอุณหภูมิสูงถึง 1,000°C
    pellicle ต้องทนความร้อนและไม่บิดเบือนคลื่นแสง

    เทคโนโลยีใหม่ที่ TSMC กำลังพัฒนา
    ใช้ carbon nanotube membrane ที่โปร่งแสงและทนทาน
    ลด optical absorption และ wavefront distortion
    รองรับการใช้งานใน N2 และ A16 node ที่ต้องการ yield สูง
    เป็นกุญแจสำคัญในการแข่งขันกับ Intel และ Rapidus ในระดับ 2nm

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ASML เคยเป็นผู้ผลิต pellicle รายเดียว แต่เริ่มถ่ายโอนให้ Mitsui
    EUV pellicle เคยไม่พร้อมใช้งานในช่วงเริ่มต้น 7nm ทำให้ yield ต่ำ
    ราคาของ photomask EUV สูงถึง $300,000 — ต้องการการปกป้องที่ดี
    การใช้ pellicle ช่วยลดความต้องการ metrology และการตรวจสอบ defect

    https://www.techpowerup.com/340862/tsmc-repurposing-old-fabs-to-bring-euv-pellicle-production-in-house
    🔬 “TSMC พลิกโรงงานเก่า สร้างสายการผลิต EUV Pellicle — ก้าวใหม่สู่การควบคุมคุณภาพชิประดับนาโนเมตร” ในโลกของการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง เทคโนโลยี EUV (Extreme Ultraviolet Lithography) คือหัวใจของการสร้างชิประดับ 2 นาโนเมตรและต่ำกว่า แต่สิ่งที่มักถูกมองข้ามคือ “pellicle” — แผ่นฟิล์มบางใสที่ยืดอยู่เหนือ photomask เพื่อป้องกันฝุ่นและอนุภาคระหว่างการยิงแสง EUV ซึ่งหากไม่มี pellicle อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดซ้ำซ้อนบนแผ่นเวเฟอร์ และลด yield อย่างรุนแรง ล่าสุด TSMC ได้ประกาศนำโรงงานเก่า Fab 3 ขนาด 8 นิ้วใน Hsinchu Science Park กลับมาใช้งานใหม่ เพื่อผลิต EUV pellicle ด้วยตนเอง โดยไม่พึ่งพาซัพพลายเออร์ภายนอกอีกต่อไป เป้าหมายคือการลดต้นทุนต่อชิ้น เพิ่มความสามารถในการควบคุมคุณภาพ และทำให้การใช้งาน pellicle ในระดับ mass production เป็นไปได้จริง Pellicle สำหรับ EUV มีราคาสูงถึง $30,000 ต่อชิ้น เทียบกับ pellicle สำหรับ DUV ที่มีราคาเพียง $600 ซึ่งทำให้หลายโรงงานลังเลที่จะใช้แบบครอบคลุม ส่งผลให้เกิดช่องว่างด้าน yield ในบางกรณี TSMC จึงต้องการลดต้นทุนและเพิ่มความถี่ในการเปลี่ยน pellicle เพื่อรักษาคุณภาพ photomask ให้สูงสุด หนึ่งในเทคโนโลยีที่ TSMC กำลังพัฒนา คือการใช้ “carbon nanotube membrane” ซึ่งมีคุณสมบัติทนความร้อนสูง โปร่งแสง และไม่บิดเบือนคลื่นแสง — เหมาะกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีแสง EUV ความเข้มสูงถึง 400W และอุณหภูมิใกล้ 1,000°C การผลิต pellicle ภายในยังสอดคล้องกับการเร่งพัฒนาเทคโนโลยี N2 และ A16 ของ TSMC ซึ่งต้องการ yield ที่สูงขึ้นเพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดชิประดับนาโนเมตร และลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาซัพพลายเชนภายนอก ✅ การปรับโรงงาน Fab 3 เพื่อผลิต EUV pellicle ➡️ TSMC นำโรงงานเก่าขนาด 8 นิ้วกลับมาใช้งานใน Hsinchu Science Park ➡️ เป้าหมายคือผลิต pellicle สำหรับ EUV lithography ด้วยตนเอง ➡️ ลดต้นทุนต่อชิ้น และเพิ่มความถี่ในการเปลี่ยนเพื่อรักษาคุณภาพ ➡️ เพิ่มความสามารถในการควบคุม yield และลดการพึ่งพาซัพพลายภายนอก ✅ ความสำคัญของ pellicle ใน EUV ➡️ ป้องกันฝุ่นและอนุภาคจาก photomask ระหว่างการยิงแสง ➡️ ลดความเสี่ยงในการเกิด defect ซ้ำซ้อนบนเวเฟอร์ ➡️ EUV ใช้แหล่งแสง 400W และอุณหภูมิสูงถึง 1,000°C ➡️ pellicle ต้องทนความร้อนและไม่บิดเบือนคลื่นแสง ✅ เทคโนโลยีใหม่ที่ TSMC กำลังพัฒนา ➡️ ใช้ carbon nanotube membrane ที่โปร่งแสงและทนทาน ➡️ ลด optical absorption และ wavefront distortion ➡️ รองรับการใช้งานใน N2 และ A16 node ที่ต้องการ yield สูง ➡️ เป็นกุญแจสำคัญในการแข่งขันกับ Intel และ Rapidus ในระดับ 2nm ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ASML เคยเป็นผู้ผลิต pellicle รายเดียว แต่เริ่มถ่ายโอนให้ Mitsui ➡️ EUV pellicle เคยไม่พร้อมใช้งานในช่วงเริ่มต้น 7nm ทำให้ yield ต่ำ ➡️ ราคาของ photomask EUV สูงถึง $300,000 — ต้องการการปกป้องที่ดี ➡️ การใช้ pellicle ช่วยลดความต้องการ metrology และการตรวจสอบ defect https://www.techpowerup.com/340862/tsmc-repurposing-old-fabs-to-bring-euv-pellicle-production-in-house
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    TSMC Repurposing Old Fabs to Bring EUV Pellicle Production In-House
    TSMC is repurposing its old, wound-down, 8-inch Fab 3 in Hsinchu Science Park to produce extreme ultraviolet pellicles, bringing this production in-house. An EUV pellicle is a thin, highly transparent membrane stretched above a photomask to prevent particles from contacting the mask during EUV expos...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • “จอ e-paper รีเฟรช 75Hz มาแล้ว! Modos เปิดตัวชุดพัฒนาแบบโอเพ่นซอร์ส — เปลี่ยนภาพจำว่า ‘จอหมึกช้า’ ให้กลายเป็นจอเร็วที่ใช้ทำงานจริงได้”

    ถ้าคุณเคยคิดว่า e-paper มีไว้แค่อ่านหนังสือ เพราะมันช้าเกินไปสำหรับงานคอมพิวเตอร์ — ตอนนี้ต้องคิดใหม่ เพราะ Modos สตาร์ทอัพสายโอเพ่นฮาร์ดแวร์เปิดตัวชุดพัฒนาใหม่ที่สามารถขับจอ e-paper ได้ที่รีเฟรชเรตสูงถึง 75Hz ซึ่งใกล้เคียงกับจอ LCD ทั่วไป และเร็วพอสำหรับการใช้งานแบบ real-time

    Modos Paper Monitor และ Dev Kit ใช้จอขนาด 13 นิ้ว (1600×1200) หรือ 6 นิ้ว (1448×1072) พร้อมตัวควบคุมจอแบบ FPGA ที่ชื่อว่า Caster ซึ่งเป็นโอเพ่นซอร์สทั้งหมด ตัวควบคุมนี้ไม่เหมือนกับระบบเดิมที่ควบคุมทั้งจอแบบรวม แต่สามารถจัดการแต่ละพิกเซลแยกกัน ทำให้สามารถอัปเดตเฉพาะจุดได้อย่างรวดเร็ว

    นอกจากฮาร์ดแวร์แล้ว Modos ยังมี API ภาษา C ที่ช่วยให้ผู้พัฒนาสามารถเลือกโหมดการแสดงผลได้ตามต้องการ เช่น โหมดไบนารีสำหรับข้อความ, โหมดเกรย์สเกลสำหรับแผนที่, และโหมดความละเอียดสูงสำหรับวิดีโอ — ทั้งหมดนี้สามารถแสดงผลพร้อมกันบนจอเดียว

    จุดเด่นอีกอย่างคือ Glider Mega Adapter ที่รองรับจอ e-paper หลายขนาดตั้งแต่ 4.3 ถึง 13 นิ้ว และสามารถนำจอจาก Kindle รุ่นเก่ามาใช้ใหม่ได้ด้วย ทำให้ชุดนี้เหมาะกับนักพัฒนา นักออกแบบ และผู้ที่อยากสร้างอุปกรณ์แบบ low-power ที่ใช้งานได้จริง

    แม้ Modos เคยมีแผนสร้างแล็ปท็อป e-paper ตั้งแต่ปี 2022 แต่ติดปัญหาเรื่องขนาดจอและโครงสร้างที่ไม่เข้ากันกับแชสซีทั่วไป จึงเปลี่ยนมาเป็นชุด Dev Kit ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สร้างอุปกรณ์ของตัวเองแทน โดยเปิดให้ระดมทุนผ่าน Crowd Supply และคาดว่าจะเริ่มส่งของในเดือนมกราคม 2026

    ความสามารถของ Modos Paper Monitor
    รีเฟรชเรตสูงสุด 75Hz — สูงที่สุดในวงการ e-paper
    ใช้จอขนาด 13 นิ้ว (1600×1200) และ 6 นิ้ว (1448×1072)
    ลด latency จนใช้งานแบบ real-time ได้ เช่น การพิมพ์หรือเลื่อนหน้าจอ
    แสดงผลวิดีโอและภาพเคลื่อนไหวได้ลื่นขึ้นกว่าจอ e-paper ทั่วไป

    เทคโนโลยีเบื้องหลัง
    ใช้ตัวควบคุมจอ Caster ที่พัฒนาบน FPGA AMD Spartan-6
    ควบคุมพิกเซลแบบแยก ทำให้สามารถอัปเดตเฉพาะจุดได้
    API ภาษา C รองรับการเลือกโหมดแสดงผลแบบไดนามิก
    Glider Mega Adapter รองรับจอหลายขนาดและจอรีไซเคิลจาก e-reader

    การใช้งานจริง
    ใช้ Linux window manager แสดงผลหลายโหมดพร้อมกัน
    เหมาะกับงานที่ต้องการ low-power เช่น terminal, แผนที่, หรืออุปกรณ์พกพา
    เปิดให้ระดมทุนผ่าน Crowd Supply ถึง 18 กันยายน 2025
    คาดว่าจะเริ่มส่งของในเดือนมกราคม 2026

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    จอ e-paper ทั่วไปมีรีเฟรชเรตเพียง 10Hz หรือน้อยกว่า
    จอ e-paper ใช้พลังงานต่ำมาก และมองเห็นชัดแม้ในแสงแดด
    Google และ Microsoft เริ่มสนใจเทคโนโลยี e-paper สำหรับอุปกรณ์พกพา
    การใช้ FPGA เปิดโอกาสให้ปรับแต่งการแสดงผลได้ลึกกว่าคอนโทรลเลอร์ทั่วไป

    https://spectrum.ieee.org/e-paper-display-modos
    📺 “จอ e-paper รีเฟรช 75Hz มาแล้ว! Modos เปิดตัวชุดพัฒนาแบบโอเพ่นซอร์ส — เปลี่ยนภาพจำว่า ‘จอหมึกช้า’ ให้กลายเป็นจอเร็วที่ใช้ทำงานจริงได้” ถ้าคุณเคยคิดว่า e-paper มีไว้แค่อ่านหนังสือ เพราะมันช้าเกินไปสำหรับงานคอมพิวเตอร์ — ตอนนี้ต้องคิดใหม่ เพราะ Modos สตาร์ทอัพสายโอเพ่นฮาร์ดแวร์เปิดตัวชุดพัฒนาใหม่ที่สามารถขับจอ e-paper ได้ที่รีเฟรชเรตสูงถึง 75Hz ซึ่งใกล้เคียงกับจอ LCD ทั่วไป และเร็วพอสำหรับการใช้งานแบบ real-time Modos Paper Monitor และ Dev Kit ใช้จอขนาด 13 นิ้ว (1600×1200) หรือ 6 นิ้ว (1448×1072) พร้อมตัวควบคุมจอแบบ FPGA ที่ชื่อว่า Caster ซึ่งเป็นโอเพ่นซอร์สทั้งหมด ตัวควบคุมนี้ไม่เหมือนกับระบบเดิมที่ควบคุมทั้งจอแบบรวม แต่สามารถจัดการแต่ละพิกเซลแยกกัน ทำให้สามารถอัปเดตเฉพาะจุดได้อย่างรวดเร็ว นอกจากฮาร์ดแวร์แล้ว Modos ยังมี API ภาษา C ที่ช่วยให้ผู้พัฒนาสามารถเลือกโหมดการแสดงผลได้ตามต้องการ เช่น โหมดไบนารีสำหรับข้อความ, โหมดเกรย์สเกลสำหรับแผนที่, และโหมดความละเอียดสูงสำหรับวิดีโอ — ทั้งหมดนี้สามารถแสดงผลพร้อมกันบนจอเดียว จุดเด่นอีกอย่างคือ Glider Mega Adapter ที่รองรับจอ e-paper หลายขนาดตั้งแต่ 4.3 ถึง 13 นิ้ว และสามารถนำจอจาก Kindle รุ่นเก่ามาใช้ใหม่ได้ด้วย ทำให้ชุดนี้เหมาะกับนักพัฒนา นักออกแบบ และผู้ที่อยากสร้างอุปกรณ์แบบ low-power ที่ใช้งานได้จริง แม้ Modos เคยมีแผนสร้างแล็ปท็อป e-paper ตั้งแต่ปี 2022 แต่ติดปัญหาเรื่องขนาดจอและโครงสร้างที่ไม่เข้ากันกับแชสซีทั่วไป จึงเปลี่ยนมาเป็นชุด Dev Kit ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สร้างอุปกรณ์ของตัวเองแทน โดยเปิดให้ระดมทุนผ่าน Crowd Supply และคาดว่าจะเริ่มส่งของในเดือนมกราคม 2026 ✅ ความสามารถของ Modos Paper Monitor ➡️ รีเฟรชเรตสูงสุด 75Hz — สูงที่สุดในวงการ e-paper ➡️ ใช้จอขนาด 13 นิ้ว (1600×1200) และ 6 นิ้ว (1448×1072) ➡️ ลด latency จนใช้งานแบบ real-time ได้ เช่น การพิมพ์หรือเลื่อนหน้าจอ ➡️ แสดงผลวิดีโอและภาพเคลื่อนไหวได้ลื่นขึ้นกว่าจอ e-paper ทั่วไป ✅ เทคโนโลยีเบื้องหลัง ➡️ ใช้ตัวควบคุมจอ Caster ที่พัฒนาบน FPGA AMD Spartan-6 ➡️ ควบคุมพิกเซลแบบแยก ทำให้สามารถอัปเดตเฉพาะจุดได้ ➡️ API ภาษา C รองรับการเลือกโหมดแสดงผลแบบไดนามิก ➡️ Glider Mega Adapter รองรับจอหลายขนาดและจอรีไซเคิลจาก e-reader ✅ การใช้งานจริง ➡️ ใช้ Linux window manager แสดงผลหลายโหมดพร้อมกัน ➡️ เหมาะกับงานที่ต้องการ low-power เช่น terminal, แผนที่, หรืออุปกรณ์พกพา ➡️ เปิดให้ระดมทุนผ่าน Crowd Supply ถึง 18 กันยายน 2025 ➡️ คาดว่าจะเริ่มส่งของในเดือนมกราคม 2026 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ จอ e-paper ทั่วไปมีรีเฟรชเรตเพียง 10Hz หรือน้อยกว่า ➡️ จอ e-paper ใช้พลังงานต่ำมาก และมองเห็นชัดแม้ในแสงแดด ➡️ Google และ Microsoft เริ่มสนใจเทคโนโลยี e-paper สำหรับอุปกรณ์พกพา ➡️ การใช้ FPGA เปิดโอกาสให้ปรับแต่งการแสดงผลได้ลึกกว่าคอนโทรลเลอร์ทั่วไป https://spectrum.ieee.org/e-paper-display-modos
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Claude สร้างไฟล์ได้แล้ว! จากแค่ตอบคำถาม สู่ผู้ช่วยที่จัดการเอกสาร Excel, PDF, PowerPoint ได้ครบวงจร — แต่ต้องระวังเรื่องข้อมูลส่วนตัว”

    ถ้าคุณเคยใช้ Claude เพื่อถามคำถามหรือให้ช่วยเขียนข้อความ ตอนนี้คุณสามารถก้าวไปอีกขั้นได้แล้ว — เพราะ Claude ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ผู้ใช้ “สร้างและแก้ไขไฟล์จริง” ได้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็น Excel, Word, PowerPoint หรือ PDF ผ่าน Claude.ai และแอปเดสก์ท็อป

    ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานในรูปแบบพรีวิวสำหรับผู้ใช้แผน Max, Team และ Enterprise ส่วนผู้ใช้ Pro จะได้รับสิทธิ์ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยผู้ใช้สามารถอัปโหลดข้อมูลดิบหรืออธิบายสิ่งที่ต้องการ แล้ว Claude จะสร้างไฟล์ที่มีสูตรคำนวณ, แผนภูมิ, การวิเคราะห์ และเนื้อหาที่จัดรูปแบบเรียบร้อยให้ทันที

    ตัวอย่างเช่น คุณสามารถให้ Claude สร้างโมเดลการเงินที่มีการวิเคราะห์สถานการณ์, เทมเพลตงบประมาณที่มีการคำนวณความคลาดเคลื่อน, หรือสไลด์นำเสนอจากรายงาน PDF ได้ในไม่กี่นาที โดยไม่ต้องเขียนโค้ดหรือมีความรู้ด้านสถิติ

    เบื้องหลังคือ Claude ได้รับสิทธิ์เข้าถึง “สภาพแวดล้อมคอมพิวเตอร์ส่วนตัว” ที่สามารถเขียนโค้ดและรันโปรแกรมเพื่อสร้างไฟล์ตามคำสั่งของผู้ใช้ — เปลี่ยน Claude จากผู้ให้คำปรึกษาเป็นผู้ร่วมทำงานที่ลงมือจริง

    อย่างไรก็ตาม Anthropic เตือนว่า ฟีเจอร์นี้ทำให้ Claude เข้าถึงอินเทอร์เน็ตเพื่อสร้างและวิเคราะห์ไฟล์ ซึ่งอาจมีความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล ผู้ใช้ควรตรวจสอบการสนทนาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเมื่อทำงานกับข้อมูลที่อ่อนไหว

    ฟีเจอร์ใหม่ของ Claude
    สร้างและแก้ไขไฟล์ Excel, Word, PowerPoint และ PDF ได้โดยตรง
    ใช้งานผ่าน Claude.ai และแอปเดสก์ท็อป
    รองรับการอัปโหลดข้อมูลดิบหรือคำอธิบายจากผู้ใช้
    สร้างไฟล์ที่มีสูตร, แผนภูมิ, การวิเคราะห์ และเนื้อหาจัดรูปแบบครบ

    การใช้งานเบื้องต้น
    เปิดใช้งานฟีเจอร์ “Upgraded file creation and analysis” ใน Settings > Features > Experimental
    อัปโหลดไฟล์หรืออธิบายสิ่งที่ต้องการผ่านแชต
    ดาวน์โหลดไฟล์ที่เสร็จแล้ว หรือบันทึกลง Google Drive ได้ทันที
    เริ่มจากงานง่าย เช่น การทำความสะอาดข้อมูล ก่อนขยับไปสู่โมเดลการเงินหรือการวิเคราะห์เชิงลึก

    ความสามารถเบื้องหลัง
    Claude ใช้สภาพแวดล้อมคอมพิวเตอร์ส่วนตัวในการเขียนโค้ดและรันโปรแกรม
    ทำให้สามารถสร้างไฟล์และวิเคราะห์ข้อมูลได้หลายขั้นตอน
    เปลี่ยน Claude จากผู้ให้คำแนะนำเป็นผู้ร่วมทำงานที่ลงมือจริง
    ลดช่องว่างระหว่าง “ไอเดีย” กับ “การลงมือทำ” ให้เหลือแค่การสนทนา

    ตัวอย่างการใช้งาน
    สร้างโมเดลการเงิน, เทมเพลตงบประมาณ, ตัวติดตามโครงการ
    แปลง PDF เป็น PowerPoint, โน้ตประชุมเป็นเอกสาร, ใบแจ้งหนี้เป็น Excel
    วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า, พยากรณ์ยอดขาย, ติดตามงบประมาณ

    https://www.anthropic.com/news/create-files
    📂 “Claude สร้างไฟล์ได้แล้ว! จากแค่ตอบคำถาม สู่ผู้ช่วยที่จัดการเอกสาร Excel, PDF, PowerPoint ได้ครบวงจร — แต่ต้องระวังเรื่องข้อมูลส่วนตัว” ถ้าคุณเคยใช้ Claude เพื่อถามคำถามหรือให้ช่วยเขียนข้อความ ตอนนี้คุณสามารถก้าวไปอีกขั้นได้แล้ว — เพราะ Claude ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ผู้ใช้ “สร้างและแก้ไขไฟล์จริง” ได้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็น Excel, Word, PowerPoint หรือ PDF ผ่าน Claude.ai และแอปเดสก์ท็อป ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานในรูปแบบพรีวิวสำหรับผู้ใช้แผน Max, Team และ Enterprise ส่วนผู้ใช้ Pro จะได้รับสิทธิ์ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยผู้ใช้สามารถอัปโหลดข้อมูลดิบหรืออธิบายสิ่งที่ต้องการ แล้ว Claude จะสร้างไฟล์ที่มีสูตรคำนวณ, แผนภูมิ, การวิเคราะห์ และเนื้อหาที่จัดรูปแบบเรียบร้อยให้ทันที ตัวอย่างเช่น คุณสามารถให้ Claude สร้างโมเดลการเงินที่มีการวิเคราะห์สถานการณ์, เทมเพลตงบประมาณที่มีการคำนวณความคลาดเคลื่อน, หรือสไลด์นำเสนอจากรายงาน PDF ได้ในไม่กี่นาที โดยไม่ต้องเขียนโค้ดหรือมีความรู้ด้านสถิติ เบื้องหลังคือ Claude ได้รับสิทธิ์เข้าถึง “สภาพแวดล้อมคอมพิวเตอร์ส่วนตัว” ที่สามารถเขียนโค้ดและรันโปรแกรมเพื่อสร้างไฟล์ตามคำสั่งของผู้ใช้ — เปลี่ยน Claude จากผู้ให้คำปรึกษาเป็นผู้ร่วมทำงานที่ลงมือจริง อย่างไรก็ตาม Anthropic เตือนว่า ฟีเจอร์นี้ทำให้ Claude เข้าถึงอินเทอร์เน็ตเพื่อสร้างและวิเคราะห์ไฟล์ ซึ่งอาจมีความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล ผู้ใช้ควรตรวจสอบการสนทนาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเมื่อทำงานกับข้อมูลที่อ่อนไหว ✅ ฟีเจอร์ใหม่ของ Claude ➡️ สร้างและแก้ไขไฟล์ Excel, Word, PowerPoint และ PDF ได้โดยตรง ➡️ ใช้งานผ่าน Claude.ai และแอปเดสก์ท็อป ➡️ รองรับการอัปโหลดข้อมูลดิบหรือคำอธิบายจากผู้ใช้ ➡️ สร้างไฟล์ที่มีสูตร, แผนภูมิ, การวิเคราะห์ และเนื้อหาจัดรูปแบบครบ ✅ การใช้งานเบื้องต้น ➡️ เปิดใช้งานฟีเจอร์ “Upgraded file creation and analysis” ใน Settings > Features > Experimental ➡️ อัปโหลดไฟล์หรืออธิบายสิ่งที่ต้องการผ่านแชต ➡️ ดาวน์โหลดไฟล์ที่เสร็จแล้ว หรือบันทึกลง Google Drive ได้ทันที ➡️ เริ่มจากงานง่าย เช่น การทำความสะอาดข้อมูล ก่อนขยับไปสู่โมเดลการเงินหรือการวิเคราะห์เชิงลึก ✅ ความสามารถเบื้องหลัง ➡️ Claude ใช้สภาพแวดล้อมคอมพิวเตอร์ส่วนตัวในการเขียนโค้ดและรันโปรแกรม ➡️ ทำให้สามารถสร้างไฟล์และวิเคราะห์ข้อมูลได้หลายขั้นตอน ➡️ เปลี่ยน Claude จากผู้ให้คำแนะนำเป็นผู้ร่วมทำงานที่ลงมือจริง ➡️ ลดช่องว่างระหว่าง “ไอเดีย” กับ “การลงมือทำ” ให้เหลือแค่การสนทนา ✅ ตัวอย่างการใช้งาน ➡️ สร้างโมเดลการเงิน, เทมเพลตงบประมาณ, ตัวติดตามโครงการ ➡️ แปลง PDF เป็น PowerPoint, โน้ตประชุมเป็นเอกสาร, ใบแจ้งหนี้เป็น Excel ➡️ วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า, พยากรณ์ยอดขาย, ติดตามงบประมาณ https://www.anthropic.com/news/create-files
    WWW.ANTHROPIC.COM
    Claude can now create and use files
    Claude can now create and edit Excel spreadsheets, documents, PowerPoint slide decks, and PDFs directly in Claude.ai and the desktop app.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • “iPhone Air เปิดตัวแล้ว! บางเฉียบ 5.6 มม. พร้อมชิป A19 Pro และกล้อง 48MP ที่ถ่ายได้ 4 ระยะ — เบาเหมือนฝัน แรงเหมือน MacBook”

    ถ้าคุณเคยคิดว่า iPhone จะบางได้แค่ไหน — Apple เพิ่งตอบคำถามนั้นด้วยการเปิดตัว “iPhone Air” รุ่นใหม่ล่าสุดที่บางเพียง 5.6 มิลลิเมตร แต่ยังคงความแรงระดับโปรด้วยชิป A19 Pro และกล้องที่ถ่ายได้ถึง 4 ระยะในตัวเดียว

    iPhone Air มาพร้อมดีไซน์ไทเทเนียมเกรด 5 แบบเงาสะท้อน พร้อม Ceramic Shield 2 ที่แข็งแรงกว่ากระจกสมาร์ทโฟนทั่วไปถึง 3 เท่า ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึง “plateau” กล้องที่ถูกเจาะแบบละเอียดเพื่อเพิ่มพื้นที่แบตเตอรี่ให้ใช้งานได้ตลอดวัน

    หน้าจอ Super Retina XDR ขนาด 6.5 นิ้ว รองรับ ProMotion 120Hz และ Always-On Display พร้อมความสว่างสูงสุด 3,000 nits — ใช้งานกลางแดดได้สบาย และยังมี Action Button กับ Camera Control ที่ช่วยให้เรียกใช้งานฟีเจอร์ได้รวดเร็ว

    กล้องหลัง 48MP Fusion สามารถถ่ายภาพได้ 4 ระยะ: 26mm, 28mm, 35mm และ 52mm ด้วยการครอปในเซนเซอร์แบบ AI พร้อมระบบกันสั่น sensor-shift และ Photonic Engine รุ่นใหม่ ส่วนกล้องหน้า Center Stage 18MP ใช้เซนเซอร์แบบสี่เหลี่ยมครั้งแรกใน iPhone ถ่ายวิดีโอ 4K HDR ได้แบบนิ่งสุดๆ และยังสามารถถ่ายพร้อมกันทั้งกล้องหน้าและหลังด้วย Dual Capture

    ภายในใช้ชิป A19 Pro ที่มี CPU 6-core และ GPU 5-core พร้อม Neural Accelerator ในทุกคอร์ GPU เพื่อรองรับโมเดล AI แบบ on-device ได้อย่างลื่นไหล รวมถึงชิป N1 สำหรับ Wi-Fi 7, Bluetooth 6 และ Thread และโมเด็ม C1X ที่เร็วกว่าเดิม 2 เท่าแต่ใช้พลังงานน้อยลง 30%

    iPhone Air ใช้ eSIM เท่านั้น เพื่อประหยัดพื้นที่ภายใน และมาพร้อม iOS 26 ที่มี Apple Intelligence สำหรับแปลภาษาแบบเรียลไทม์, ค้นหาข้อมูลจากภาพหน้าจอ และจัดการข้อความแบบอัจฉริยะ

    ดีไซน์และวัสดุ
    บางเพียง 5.6 มม. น้ำหนัก 165 กรัม
    ใช้ไทเทเนียมเกรด 5 พร้อม Ceramic Shield 2 ทั้งหน้าและหลัง
    Plateau กล้องแบบใหม่ช่วยเพิ่มพื้นที่แบตเตอรี่
    มี Action Button และ Camera Control สำหรับเรียกใช้งานเร็ว

    หน้าจอและการแสดงผล
    Super Retina XDR ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด 2736x1260
    รองรับ ProMotion 120Hz และ Always-On Display
    ความสว่างสูงสุด 3,000 nits และ contrast 2,000,000:1
    รองรับ HDR, True Tone, และ anti-reflective coating

    กล้องและการถ่ายภาพ
    กล้องหลัง 48MP Fusion รองรับ 4 ระยะ: 26mm, 28mm, 35mm, 52mm
    กล้องหน้า Center Stage 18MP ใช้เซนเซอร์สี่เหลี่ยม
    รองรับ Dual Capture, Focus Control, และ Photographic Styles ใหม่
    ถ่ายวิดีโอ 4K60 Dolby Vision พร้อม Spatial Audio และ Action Mode

    ชิปและประสิทธิภาพ
    A19 Pro: CPU 6-core + GPU 5-core พร้อม Neural Accelerator
    N1: รองรับ Wi-Fi 7, Bluetooth 6, Thread และปรับปรุง AirDrop/Hotspot
    C1X: โมเด็มเร็วกว่าเดิม 2 เท่า ใช้พลังงานน้อยลง 30%
    รองรับการรันโมเดล AI บนอุปกรณ์แบบไม่ต้องต่อเน็ต

    แบตเตอรี่และการใช้งาน
    ใช้ Adaptive Power Mode ใน iOS 26 เพื่อจัดการพลังงานอัจฉริยะ
    รองรับ MagSafe Battery แบบบางที่เพิ่มเวลาเล่นวิดีโอถึง 40 ชั่วโมง
    รองรับชาร์จเร็ว 30W และชาร์จไร้สาย 20W

    ระบบปฏิบัติการและฟีเจอร์ใหม่
    iOS 26 มาพร้อม Apple Intelligence สำหรับแปลภาษา, ค้นหาจากภาพ, และจัดการข้อความ
    รองรับ Live Translation, Visual Intelligence และ Apple Games
    ใช้ eSIM เท่านั้น รองรับกว่า 500 ผู้ให้บริการทั่วโลก

    ราคาและการวางจำหน่าย
    เริ่มต้นที่ $999 สำหรับรุ่น 256GB
    มีรุ่น 512GB และ 1TB ให้เลือก
    เปิดพรีออเดอร์วันที่ 12 กันยายน และวางขายวันที่ 19 กันยายน

    https://www.apple.com/newsroom/2025/09/introducing-iphone-air-a-powerful-new-iphone-with-a-breakthrough-design/
    📱 “iPhone Air เปิดตัวแล้ว! บางเฉียบ 5.6 มม. พร้อมชิป A19 Pro และกล้อง 48MP ที่ถ่ายได้ 4 ระยะ — เบาเหมือนฝัน แรงเหมือน MacBook” ถ้าคุณเคยคิดว่า iPhone จะบางได้แค่ไหน — Apple เพิ่งตอบคำถามนั้นด้วยการเปิดตัว “iPhone Air” รุ่นใหม่ล่าสุดที่บางเพียง 5.6 มิลลิเมตร แต่ยังคงความแรงระดับโปรด้วยชิป A19 Pro และกล้องที่ถ่ายได้ถึง 4 ระยะในตัวเดียว iPhone Air มาพร้อมดีไซน์ไทเทเนียมเกรด 5 แบบเงาสะท้อน พร้อม Ceramic Shield 2 ที่แข็งแรงกว่ากระจกสมาร์ทโฟนทั่วไปถึง 3 เท่า ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึง “plateau” กล้องที่ถูกเจาะแบบละเอียดเพื่อเพิ่มพื้นที่แบตเตอรี่ให้ใช้งานได้ตลอดวัน หน้าจอ Super Retina XDR ขนาด 6.5 นิ้ว รองรับ ProMotion 120Hz และ Always-On Display พร้อมความสว่างสูงสุด 3,000 nits — ใช้งานกลางแดดได้สบาย และยังมี Action Button กับ Camera Control ที่ช่วยให้เรียกใช้งานฟีเจอร์ได้รวดเร็ว กล้องหลัง 48MP Fusion สามารถถ่ายภาพได้ 4 ระยะ: 26mm, 28mm, 35mm และ 52mm ด้วยการครอปในเซนเซอร์แบบ AI พร้อมระบบกันสั่น sensor-shift และ Photonic Engine รุ่นใหม่ ส่วนกล้องหน้า Center Stage 18MP ใช้เซนเซอร์แบบสี่เหลี่ยมครั้งแรกใน iPhone ถ่ายวิดีโอ 4K HDR ได้แบบนิ่งสุดๆ และยังสามารถถ่ายพร้อมกันทั้งกล้องหน้าและหลังด้วย Dual Capture ภายในใช้ชิป A19 Pro ที่มี CPU 6-core และ GPU 5-core พร้อม Neural Accelerator ในทุกคอร์ GPU เพื่อรองรับโมเดล AI แบบ on-device ได้อย่างลื่นไหล รวมถึงชิป N1 สำหรับ Wi-Fi 7, Bluetooth 6 และ Thread และโมเด็ม C1X ที่เร็วกว่าเดิม 2 เท่าแต่ใช้พลังงานน้อยลง 30% iPhone Air ใช้ eSIM เท่านั้น เพื่อประหยัดพื้นที่ภายใน และมาพร้อม iOS 26 ที่มี Apple Intelligence สำหรับแปลภาษาแบบเรียลไทม์, ค้นหาข้อมูลจากภาพหน้าจอ และจัดการข้อความแบบอัจฉริยะ ✅ ดีไซน์และวัสดุ ➡️ บางเพียง 5.6 มม. น้ำหนัก 165 กรัม ➡️ ใช้ไทเทเนียมเกรด 5 พร้อม Ceramic Shield 2 ทั้งหน้าและหลัง ➡️ Plateau กล้องแบบใหม่ช่วยเพิ่มพื้นที่แบตเตอรี่ ➡️ มี Action Button และ Camera Control สำหรับเรียกใช้งานเร็ว ✅ หน้าจอและการแสดงผล ➡️ Super Retina XDR ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด 2736x1260 ➡️ รองรับ ProMotion 120Hz และ Always-On Display ➡️ ความสว่างสูงสุด 3,000 nits และ contrast 2,000,000:1 ➡️ รองรับ HDR, True Tone, และ anti-reflective coating ✅ กล้องและการถ่ายภาพ ➡️ กล้องหลัง 48MP Fusion รองรับ 4 ระยะ: 26mm, 28mm, 35mm, 52mm ➡️ กล้องหน้า Center Stage 18MP ใช้เซนเซอร์สี่เหลี่ยม ➡️ รองรับ Dual Capture, Focus Control, และ Photographic Styles ใหม่ ➡️ ถ่ายวิดีโอ 4K60 Dolby Vision พร้อม Spatial Audio และ Action Mode ✅ ชิปและประสิทธิภาพ ➡️ A19 Pro: CPU 6-core + GPU 5-core พร้อม Neural Accelerator ➡️ N1: รองรับ Wi-Fi 7, Bluetooth 6, Thread และปรับปรุง AirDrop/Hotspot ➡️ C1X: โมเด็มเร็วกว่าเดิม 2 เท่า ใช้พลังงานน้อยลง 30% ➡️ รองรับการรันโมเดล AI บนอุปกรณ์แบบไม่ต้องต่อเน็ต ✅ แบตเตอรี่และการใช้งาน ➡️ ใช้ Adaptive Power Mode ใน iOS 26 เพื่อจัดการพลังงานอัจฉริยะ ➡️ รองรับ MagSafe Battery แบบบางที่เพิ่มเวลาเล่นวิดีโอถึง 40 ชั่วโมง ➡️ รองรับชาร์จเร็ว 30W และชาร์จไร้สาย 20W ✅ ระบบปฏิบัติการและฟีเจอร์ใหม่ ➡️ iOS 26 มาพร้อม Apple Intelligence สำหรับแปลภาษา, ค้นหาจากภาพ, และจัดการข้อความ ➡️ รองรับ Live Translation, Visual Intelligence และ Apple Games ➡️ ใช้ eSIM เท่านั้น รองรับกว่า 500 ผู้ให้บริการทั่วโลก ✅ ราคาและการวางจำหน่าย ➡️ เริ่มต้นที่ $999 สำหรับรุ่น 256GB ➡️ มีรุ่น 512GB และ 1TB ให้เลือก ➡️ เปิดพรีออเดอร์วันที่ 12 กันยายน และวางขายวันที่ 19 กันยายน https://www.apple.com/newsroom/2025/09/introducing-iphone-air-a-powerful-new-iphone-with-a-breakthrough-design/
    WWW.APPLE.COM
    Introducing iPhone Air, a powerful new iPhone with a breakthrough design
    Apple today debuted the all-new iPhone Air, the thinnest iPhone ever made, with pro performance.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • Highlight Words In Action : August 2025

    bipartisan
    adjective: representing, characterized by, or including members from two parties or factions

    From the headlines: The Trump administration’s decision to cut funding for the Open Technology Fund (OTF) has raised concerns among lawmakers, who see it as a vital tool against internet censorship in authoritarian regimes. Trump’s executive order effectively terminated the OTF’s budget, prompting bipartisan efforts to save the program. Advocates warn that without OTF-backed tools, many citizens and activists could lose secure communication channels, increasing their risk of surveillance and persecution.

    bounty
    noun: a premium or reward, especially one offered by a government

    From the headlines: The United States has lifted bounties on three senior Taliban figures. The three members of the Haqqani militant network in Afghanistan were allegedly involved in planning deadly attacks during the war with the U.S., some of which killed American citizens. Until this week, the State Department had offered rewards of up to $10 million for the death or capture of the militant leaders. The move follows last week’s release of a U.S. hostage who had been held by the Taliban since 2022.

    breach
    noun: an infraction or violation, such as of a law, contract, trust, or promise

    Jeffrey Goldberg, editor-in-chief of The Atlantic, disclosed that he was inadvertently added to a private Signal group chat used by U.S. national security officials. This unexpected breach exposed sensitive information, including details about military strikes in Yemen. The incident underscored a serious protocol violation, as national security deliberations are typically confined to secure, classified settings rather than informal messaging platforms.

    cartography
    noun: the production of maps, including construction of projections, design, compilation, drafting, and reproduction

    From the headlines: After more than a decade of unraveling the mysteries of the universe, the space telescope Gaia has officially powered down. In its ten years of operation, Gaia meticulously mapped nearly 2 billion stars, 150,000 asteroids, and countless other celestial wonders. This cartography resulted in a precise, three-dimensional map of our solar system, which has transformed our understanding of the Milky Way.

    civil liberty
    noun: the freedom of a citizen to exercise customary rights, as of speech or assembly, without unwarranted or arbitrary interference by the government

    From the headlines: Legal experts say surveillance methods being used by colleges and universities on their students may violate their civil liberties. When investigating vandalism connected to political protests, campus police have been using new tactics, including seizing students’ phones and laptops. They have also issued warrants based on social media posts or participation in campus protests. Civil liberties experts say these actions amount to stifling university students’ right to free speech.

    confiscate
    verb: to seize as forfeited to the public domain; appropriate, by way of penalty, for public use

    From the headlines: A kite was briefly confiscated after it came into contact with a United Airlines plane near Washington, D.C. The aircraft landed safely at Ronald Reagan National Airport following reports of a kite hitting it. Police seized the kite from a family at nearby Gravelly Point park, but returned it later. Despite the fact that kite flying is banned there because the sky overhead is “restricted airspace,” about a dozen people had reportedly been flying kites at the park that day.

    defraud
    verb: to deprive of a right, money, or property by fraud

    From the headlines: Hollywood writer-director Carl Erik Rinsch was arrested for defrauding Netflix of $11 million, meant for his unfinished sci-fi show White Horse. Prosecutors say he spent around $10 million on luxury purchases, including Rolls-Royces, a Ferrari, and antiques. Prosecutors also claim that he used the money to pay legal fees to sue Netflix for additional money. Rinsch has been charged with wire fraud and money laundering, while Netflix has declined to comment.

    embezzlement
    noun: the stealing of money entrusted to one’s care

    From the headlines: French politician Marine Le Pen was convicted of embezzlement and barred from public office for five years. Le Pen, who leads the far-right National Rally party, had planned to run for president in 2027. She was also sentenced to four years in prison for spending $4.3 million in European Parliament funds on her own party expenses.

    Fun fact: Embezzlement is from the Anglo-French enbesiler, “cause to disappear,” and an Old French root meaning “to destroy or gouge.”

    fairway
    noun: Golf. the part of the course where the grass is cut short between the tees and the putting greens

    From the headlines: When golf courses close, research shows the surrounding environment improves. With declining interest in golf, nearby neighborhoods report benefits like less flooding and reduced pesticide runoff. Across the U.S., many former courses have been repurposed as nature reserves, where manicured fairways have been replaced by thriving wildflower meadows.

    forage
    verb: to wander or go in search of provisions

    From the headlines: A new online map shows where 1.6 million edible plants grow in cities around the world. The guide, called Falling Fruit, is meant to help urban dwellers and visitors forage for food. Its open source design means people can add locations, mapping additional fruit trees, berry bushes, beehives, and plants that might otherwise go unnoticed.

    franchise
    noun: Sports. a professional sports team

    From the headlines: A group led by Bill Chisholm has agreed to buy the Boston Celtics for $6.1 billion, making it the most expensive franchise sale in North American sports history. The Celtics, fresh off their 18th NBA title, are facing significant financial challenges under the new collective bargaining agreement, but remain favorites to repeat as champions.

    geriatric
    adjective: noting or relating to aged people or animals

    From the headlines: The New England Aquarium in Boston has introduced a new “retirement home” for geriatric aquarium penguins, relocating six elderly birds to a designated island. While wild penguins typically live about ten years, the new aquarium houses twenty penguins in their twenties and thirties. This specialized haven ensures these aging animals receive monitoring for conditions such as arthritis and cataracts.

    Fun fact: The Greek gērōs, “old,” is the root of geriatric.

    iguana
    noun: a large, arboreal lizard, native to Central and South America, having stout legs and a crest of spines from neck to tail

    From the headlines: A recent study sheds light on how North American iguanas may have reached a remote island in Fiji. Genetic analysis suggests that these large reptiles likely traversed thousands of miles across the Pacific Ocean by drifting on makeshift rafts of fallen trees. If confirmed, this would represent the longest documented oceanic migration by any terrestrial vertebrate, apart from humans.

    inaccessible
    adjective: not accessible; unapproachable

    From the headlines: Researchers investigating why we can’t remember being babies found evidence that those memories still exist in our brains, but are inaccessible. Scientists have long suspected that infants don’t create memories at all. A new study using MRI imaging to observe babies’ brains found that around 12 months old, they do begin storing memories of specific images. Neuroscientists are now focused on learning why these early recollections become locked away and out of reach as we grow older.

    magnitude
    noun: greatness of size or amount

    From the headlines: A devastating 7.7 magnitude earthquake struck Myanmar, killing over 3,000 people and leaving hundreds missing. The tremors were so intense they reached 600 miles to Bangkok, where skyscrapers swayed. In response, China, India, and Russia sent rescue teams, while countries like Thailand, Malaysia, and Vietnam offered aid.

    manipulate
    verb: to adapt or change (accounts, figures, etc.) to suit one’s purpose or advantage

    From the headlines: A cheating scandal shook the world of professional ski jumping this week. Several members of Team Norway were suspended after officials found evidence that their ski suits had been manipulated to make the athletes more aerodynamic. The team’s manager admitted to illegally adding an extra seam where the legs are sewn together; more material there was hoped to give the jumpers extra lift and allow air to flow around them more efficiently.

    mush
    verb: to drive or spur on (sled dogs or a sled drawn by dogs)

    From the headlines: Greenland’s annual dog sledding race attracted unusual international attention when the White House said the vice president’s wife, Usha Vance, would attend. Vance canceled her trip after Greenlanders planned to protest her presence at the event. Competitors in the Avannaata Qimussersua, or “Great Race of the North,” mushed their dogs over 26 snowy miles. Henrik Jensen, a musher from northern Greenland, crossed the finish line in first place, pulled by his team of Greenlandic sled dogs.

    ovine
    adjective: pertaining to, of the nature of, or like sheep

    From the headlines: The world’s first known case of bird flu in sheep was diagnosed in Yorkshire, England. After the H5N1 virus was found among birds on a farm, health officials also tested its flock of sheep; only one ovine case was detected. The infected sheep was euthanized to prevent the disease from spreading, and officials said “the risk to livestock remains low.”

    pontiff
    noun: Ecclesiastical. the Roman Catholic pope, the Bishop of Rome

    From the headlines: Following the release of Pope Francis from the hospital on March 23, his lead physician said the pontiff had faced such grave danger that his medical team considered halting treatment. During his hospitalization, the pope endured two critical health crises, prompting intense deliberations over whether aggressive interventions should continue, given the potential risks to his internal organs. Ultimately, the doctors opted to pursue “all available medicines and treatments,” a decision that proved pivotal to his recovery.

    populism
    noun: grass-roots democracy; working-class activism; egalitarianism

    From the headlines: Bernie Sanders is drawing unprecedented crowds on his “Fighting Oligarchy” tour, fueled by a message rooted in economic populism. His rhetoric resonates with disillusioned voters seeking an alternative to both President Trump and the Democratic Party. The independent senator from Vermont frequently denounces what he terms a “government of the billionaires, by the billionaires, and for the billionaires,” while chastising Democrats for failing to adequately champion the interests of the working class.

    prescription
    noun: a direction, usually written, by the physician to the pharmacist for the preparation and use of a medicine or remedy

    From the headlines: A new trend is emerging in healthcare — doctors are now prescribing museum visits. Backed by research showing that time spent in cultural spots can boost mental health and ease loneliness, more physicians are encouraging patients to explore art galleries, theaters, concert halls, and libraries. These cultural outings are said to reduce stress, alleviate mild anxiety and depression, and even improve conditions like high blood pressure. It’s the prescription you didn’t know you needed.

    pristine
    adjective: having its original purity; uncorrupted or unsullied

    From the headlines: Many countries are looking to Switzerland as a model, hoping to replicate its transformation of once heavily polluted rivers and lakes into some of the most pristine in Europe. In the 1960s, Swiss waterways were choked with algae and dead fish due to sewage and industrial pollution. However, over the following decades, the country made significant investments in advanced water treatment facilities. Today, nearly all of its lakes and rivers are once again pristine and safe for swimming.

    prolong
    verb: to lengthen out in time; extend the duration of; cause to continue longer

    From the headlines: After their quick trip to the International Space Station turned out to have an unexpectedly long duration, two NASA astronauts have been safely returned to Earth. What began as an eight-day mission for Butch Wilmore and Suni Williams had to be prolonged after their Starliner spacecraft experienced helium leaks and thruster problems. The two ended up staying on the ISS for more than nine months, until two seats were available on a returning space capsule.

    recruit
    verb: to attempt to acquire the services of (a person) for an employer

    From the headlines: As the White House cuts funding for scientific research, European countries are stepping up to recruit top U.S. scientists. Experts in climate change and vaccine safety are now eyeing job offers across the Atlantic, with France and the Netherlands boosting their budgets to hire talent for their universities.

    reinstate
    verb: to put back or establish again, as in a former position or state

    From the headlines: On March 24, a South Korean court reinstated impeached Prime Minister Han Duck-soo. Han was returned to the government and named acting leader once his impeachment was overturned. President Yoon Suk Yeol, who was also removed from office, is still awaiting a verdict. Han and Yoon were both suspended by South Korea’s National Assembly in December.

    repatriation
    noun: the act or process of returning a person or thing to the country of origin

    From the headlines: After several weeks of refusal, Venezuela agreed to accept repatriation flights from the United States, and the first plane carrying Venezuelan migrants back to their home country landed on March 24. About 200 people who had been deported from the U.S. were on the initial flight. Conflicts between the two countries had previously put the returns on hold.

    serenade
    verb: to entertain with or perform with vocal or instrumental music

    From the headlines: After an incredible 70-year career, Johnny Mathis, the legendary crooner with the famously smooth “velvet voice,” has announced his retirement at the age of 89. Known for his romantic ballads, jazz classics, and soft rock hits, Mathis has been serenading audiences since his teenage years. With more albums sold than any pop artist except Frank Sinatra, his voice has been the soundtrack to countless memories.

    tuition
    noun: the charge or fee for instruction, as at a private school or a college or university

    From the headlines: Starting this fall, attending Harvard University will cost nothing for most students. The school announced that tuition will be free for people whose families earn less than $200,000 per year. The average household income in the U.S. is $80,000. Food, housing, health insurance, and travel will also be free for less wealthy students. The University of Pennsylvania and the Massachusetts Institute of Technology have adopted the same financial aid policy.

    unredacted
    adjective: (of a document) with confidential or sensitive information included or visible

    From the headlines: The Trump administration released over 2,000 documents on JFK’s assassination, leading to a search for new insights. While the unredacted files do not dispute that Lee Harvey Oswald acted alone, they reveal long-hidden details about CIA agents and operations. Attorney Larry Schnapf, who has pushed for their release, argues the disclosures highlight excessive government secrecy. He believes the unredacted documents demonstrate how overclassification has been misused by national security officials.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    Highlight Words In Action : August 2025 bipartisan adjective: representing, characterized by, or including members from two parties or factions From the headlines: The Trump administration’s decision to cut funding for the Open Technology Fund (OTF) has raised concerns among lawmakers, who see it as a vital tool against internet censorship in authoritarian regimes. Trump’s executive order effectively terminated the OTF’s budget, prompting bipartisan efforts to save the program. Advocates warn that without OTF-backed tools, many citizens and activists could lose secure communication channels, increasing their risk of surveillance and persecution. bounty noun: a premium or reward, especially one offered by a government From the headlines: The United States has lifted bounties on three senior Taliban figures. The three members of the Haqqani militant network in Afghanistan were allegedly involved in planning deadly attacks during the war with the U.S., some of which killed American citizens. Until this week, the State Department had offered rewards of up to $10 million for the death or capture of the militant leaders. The move follows last week’s release of a U.S. hostage who had been held by the Taliban since 2022. breach noun: an infraction or violation, such as of a law, contract, trust, or promise Jeffrey Goldberg, editor-in-chief of The Atlantic, disclosed that he was inadvertently added to a private Signal group chat used by U.S. national security officials. This unexpected breach exposed sensitive information, including details about military strikes in Yemen. The incident underscored a serious protocol violation, as national security deliberations are typically confined to secure, classified settings rather than informal messaging platforms. cartography noun: the production of maps, including construction of projections, design, compilation, drafting, and reproduction From the headlines: After more than a decade of unraveling the mysteries of the universe, the space telescope Gaia has officially powered down. In its ten years of operation, Gaia meticulously mapped nearly 2 billion stars, 150,000 asteroids, and countless other celestial wonders. This cartography resulted in a precise, three-dimensional map of our solar system, which has transformed our understanding of the Milky Way. civil liberty noun: the freedom of a citizen to exercise customary rights, as of speech or assembly, without unwarranted or arbitrary interference by the government From the headlines: Legal experts say surveillance methods being used by colleges and universities on their students may violate their civil liberties. When investigating vandalism connected to political protests, campus police have been using new tactics, including seizing students’ phones and laptops. They have also issued warrants based on social media posts or participation in campus protests. Civil liberties experts say these actions amount to stifling university students’ right to free speech. confiscate verb: to seize as forfeited to the public domain; appropriate, by way of penalty, for public use From the headlines: A kite was briefly confiscated after it came into contact with a United Airlines plane near Washington, D.C. The aircraft landed safely at Ronald Reagan National Airport following reports of a kite hitting it. Police seized the kite from a family at nearby Gravelly Point park, but returned it later. Despite the fact that kite flying is banned there because the sky overhead is “restricted airspace,” about a dozen people had reportedly been flying kites at the park that day. defraud verb: to deprive of a right, money, or property by fraud From the headlines: Hollywood writer-director Carl Erik Rinsch was arrested for defrauding Netflix of $11 million, meant for his unfinished sci-fi show White Horse. Prosecutors say he spent around $10 million on luxury purchases, including Rolls-Royces, a Ferrari, and antiques. Prosecutors also claim that he used the money to pay legal fees to sue Netflix for additional money. Rinsch has been charged with wire fraud and money laundering, while Netflix has declined to comment. embezzlement noun: the stealing of money entrusted to one’s care From the headlines: French politician Marine Le Pen was convicted of embezzlement and barred from public office for five years. Le Pen, who leads the far-right National Rally party, had planned to run for president in 2027. She was also sentenced to four years in prison for spending $4.3 million in European Parliament funds on her own party expenses. Fun fact: Embezzlement is from the Anglo-French enbesiler, “cause to disappear,” and an Old French root meaning “to destroy or gouge.” fairway noun: Golf. the part of the course where the grass is cut short between the tees and the putting greens From the headlines: When golf courses close, research shows the surrounding environment improves. With declining interest in golf, nearby neighborhoods report benefits like less flooding and reduced pesticide runoff. Across the U.S., many former courses have been repurposed as nature reserves, where manicured fairways have been replaced by thriving wildflower meadows. forage verb: to wander or go in search of provisions From the headlines: A new online map shows where 1.6 million edible plants grow in cities around the world. The guide, called Falling Fruit, is meant to help urban dwellers and visitors forage for food. Its open source design means people can add locations, mapping additional fruit trees, berry bushes, beehives, and plants that might otherwise go unnoticed. franchise noun: Sports. a professional sports team From the headlines: A group led by Bill Chisholm has agreed to buy the Boston Celtics for $6.1 billion, making it the most expensive franchise sale in North American sports history. The Celtics, fresh off their 18th NBA title, are facing significant financial challenges under the new collective bargaining agreement, but remain favorites to repeat as champions. geriatric adjective: noting or relating to aged people or animals From the headlines: The New England Aquarium in Boston has introduced a new “retirement home” for geriatric aquarium penguins, relocating six elderly birds to a designated island. While wild penguins typically live about ten years, the new aquarium houses twenty penguins in their twenties and thirties. This specialized haven ensures these aging animals receive monitoring for conditions such as arthritis and cataracts. Fun fact: The Greek gērōs, “old,” is the root of geriatric. iguana noun: a large, arboreal lizard, native to Central and South America, having stout legs and a crest of spines from neck to tail From the headlines: A recent study sheds light on how North American iguanas may have reached a remote island in Fiji. Genetic analysis suggests that these large reptiles likely traversed thousands of miles across the Pacific Ocean by drifting on makeshift rafts of fallen trees. If confirmed, this would represent the longest documented oceanic migration by any terrestrial vertebrate, apart from humans. inaccessible adjective: not accessible; unapproachable From the headlines: Researchers investigating why we can’t remember being babies found evidence that those memories still exist in our brains, but are inaccessible. Scientists have long suspected that infants don’t create memories at all. A new study using MRI imaging to observe babies’ brains found that around 12 months old, they do begin storing memories of specific images. Neuroscientists are now focused on learning why these early recollections become locked away and out of reach as we grow older. magnitude noun: greatness of size or amount From the headlines: A devastating 7.7 magnitude earthquake struck Myanmar, killing over 3,000 people and leaving hundreds missing. The tremors were so intense they reached 600 miles to Bangkok, where skyscrapers swayed. In response, China, India, and Russia sent rescue teams, while countries like Thailand, Malaysia, and Vietnam offered aid. manipulate verb: to adapt or change (accounts, figures, etc.) to suit one’s purpose or advantage From the headlines: A cheating scandal shook the world of professional ski jumping this week. Several members of Team Norway were suspended after officials found evidence that their ski suits had been manipulated to make the athletes more aerodynamic. The team’s manager admitted to illegally adding an extra seam where the legs are sewn together; more material there was hoped to give the jumpers extra lift and allow air to flow around them more efficiently. mush verb: to drive or spur on (sled dogs or a sled drawn by dogs) From the headlines: Greenland’s annual dog sledding race attracted unusual international attention when the White House said the vice president’s wife, Usha Vance, would attend. Vance canceled her trip after Greenlanders planned to protest her presence at the event. Competitors in the Avannaata Qimussersua, or “Great Race of the North,” mushed their dogs over 26 snowy miles. Henrik Jensen, a musher from northern Greenland, crossed the finish line in first place, pulled by his team of Greenlandic sled dogs. ovine adjective: pertaining to, of the nature of, or like sheep From the headlines: The world’s first known case of bird flu in sheep was diagnosed in Yorkshire, England. After the H5N1 virus was found among birds on a farm, health officials also tested its flock of sheep; only one ovine case was detected. The infected sheep was euthanized to prevent the disease from spreading, and officials said “the risk to livestock remains low.” pontiff noun: Ecclesiastical. the Roman Catholic pope, the Bishop of Rome From the headlines: Following the release of Pope Francis from the hospital on March 23, his lead physician said the pontiff had faced such grave danger that his medical team considered halting treatment. During his hospitalization, the pope endured two critical health crises, prompting intense deliberations over whether aggressive interventions should continue, given the potential risks to his internal organs. Ultimately, the doctors opted to pursue “all available medicines and treatments,” a decision that proved pivotal to his recovery. populism noun: grass-roots democracy; working-class activism; egalitarianism From the headlines: Bernie Sanders is drawing unprecedented crowds on his “Fighting Oligarchy” tour, fueled by a message rooted in economic populism. His rhetoric resonates with disillusioned voters seeking an alternative to both President Trump and the Democratic Party. The independent senator from Vermont frequently denounces what he terms a “government of the billionaires, by the billionaires, and for the billionaires,” while chastising Democrats for failing to adequately champion the interests of the working class. prescription noun: a direction, usually written, by the physician to the pharmacist for the preparation and use of a medicine or remedy From the headlines: A new trend is emerging in healthcare — doctors are now prescribing museum visits. Backed by research showing that time spent in cultural spots can boost mental health and ease loneliness, more physicians are encouraging patients to explore art galleries, theaters, concert halls, and libraries. These cultural outings are said to reduce stress, alleviate mild anxiety and depression, and even improve conditions like high blood pressure. It’s the prescription you didn’t know you needed. pristine adjective: having its original purity; uncorrupted or unsullied From the headlines: Many countries are looking to Switzerland as a model, hoping to replicate its transformation of once heavily polluted rivers and lakes into some of the most pristine in Europe. In the 1960s, Swiss waterways were choked with algae and dead fish due to sewage and industrial pollution. However, over the following decades, the country made significant investments in advanced water treatment facilities. Today, nearly all of its lakes and rivers are once again pristine and safe for swimming. prolong verb: to lengthen out in time; extend the duration of; cause to continue longer From the headlines: After their quick trip to the International Space Station turned out to have an unexpectedly long duration, two NASA astronauts have been safely returned to Earth. What began as an eight-day mission for Butch Wilmore and Suni Williams had to be prolonged after their Starliner spacecraft experienced helium leaks and thruster problems. The two ended up staying on the ISS for more than nine months, until two seats were available on a returning space capsule. recruit verb: to attempt to acquire the services of (a person) for an employer From the headlines: As the White House cuts funding for scientific research, European countries are stepping up to recruit top U.S. scientists. Experts in climate change and vaccine safety are now eyeing job offers across the Atlantic, with France and the Netherlands boosting their budgets to hire talent for their universities. reinstate verb: to put back or establish again, as in a former position or state From the headlines: On March 24, a South Korean court reinstated impeached Prime Minister Han Duck-soo. Han was returned to the government and named acting leader once his impeachment was overturned. President Yoon Suk Yeol, who was also removed from office, is still awaiting a verdict. Han and Yoon were both suspended by South Korea’s National Assembly in December. repatriation noun: the act or process of returning a person or thing to the country of origin From the headlines: After several weeks of refusal, Venezuela agreed to accept repatriation flights from the United States, and the first plane carrying Venezuelan migrants back to their home country landed on March 24. About 200 people who had been deported from the U.S. were on the initial flight. Conflicts between the two countries had previously put the returns on hold. serenade verb: to entertain with or perform with vocal or instrumental music From the headlines: After an incredible 70-year career, Johnny Mathis, the legendary crooner with the famously smooth “velvet voice,” has announced his retirement at the age of 89. Known for his romantic ballads, jazz classics, and soft rock hits, Mathis has been serenading audiences since his teenage years. With more albums sold than any pop artist except Frank Sinatra, his voice has been the soundtrack to countless memories. tuition noun: the charge or fee for instruction, as at a private school or a college or university From the headlines: Starting this fall, attending Harvard University will cost nothing for most students. The school announced that tuition will be free for people whose families earn less than $200,000 per year. The average household income in the U.S. is $80,000. Food, housing, health insurance, and travel will also be free for less wealthy students. The University of Pennsylvania and the Massachusetts Institute of Technology have adopted the same financial aid policy. unredacted adjective: (of a document) with confidential or sensitive information included or visible From the headlines: The Trump administration released over 2,000 documents on JFK’s assassination, leading to a search for new insights. While the unredacted files do not dispute that Lee Harvey Oswald acted alone, they reveal long-hidden details about CIA agents and operations. Attorney Larry Schnapf, who has pushed for their release, argues the disclosures highlight excessive government secrecy. He believes the unredacted documents demonstrate how overclassification has been misused by national security officials. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 383 มุมมอง 0 รีวิว
  • “SiFive เปิดตัว RISC-V Gen 2 IP — ชิปใหม่ที่รวมพลัง Scalar, Vector และ Matrix เพื่อเร่ง AI ตั้งแต่ IoT จนถึง Data Center!”

    ลองนึกภาพว่าคุณกำลังพัฒนาอุปกรณ์ IoT ที่ต้องการประมวลผล AI แบบเรียลไทม์ หรือคุณเป็นผู้ดูแลระบบในศูนย์ข้อมูลที่ต้องรันโมเดล LLM ขนาดมหึมา — ตอนนี้ SiFive ได้เปิดตัวชุด IP ใหม่ที่อาจเปลี่ยนเกมทั้งหมด ด้วยการรวมพลังการประมวลผลแบบ scalar, vector และ matrix เข้าไว้ในสถาปัตยกรรม RISC-V รุ่นล่าสุด

    SiFive เปิดตัว “2nd Generation Intelligence IP” ซึ่งประกอบด้วย 5 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ X160 Gen 2, X180 Gen 2, X280 Gen 2, X390 Gen 2 และ XM Gen 2 โดย X160 และ X180 เป็นรุ่นใหม่ทั้งหมด ส่วนอีกสามรุ่นเป็นการอัปเกรดจากเวอร์ชันก่อนหน้า จุดเด่นคือการรองรับการประมวลผลแบบเวกเตอร์และเมทริกซ์ที่เหมาะกับงาน AI ทุกระดับ ตั้งแต่ edge computing ไปจนถึง data center

    X160 และ X180 ถูกออกแบบมาเพื่ออุปกรณ์ฝังตัวที่มีข้อจำกัดด้านพลังงานและพื้นที่ เช่น รถยนต์อัตโนมัติ หุ่นยนต์อุตสาหกรรม และระบบ IoT อัจฉริยะ ส่วน XM Gen 2 มาพร้อม matrix engine ที่ปรับขนาดได้ เหมาะกับงาน inference โมเดลขนาดใหญ่ เช่น LLM และ AI ด้านภาพ

    ทุก IP ในซีรีส์นี้สามารถทำหน้าที่เป็น Accelerator Control Unit (ACU) เพื่อควบคุม accelerator ภายนอกผ่านอินเทอร์เฟซ SSCI และ VCIX ซึ่งช่วยลดภาระของซอฟต์แวร์และเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลแบบขนาน

    SiFive ยังชี้ว่า vector engine มีข้อได้เปรียบเหนือ CPU แบบ scalar โดยสามารถประมวลผลข้อมูลหลายชุดพร้อมกัน ลด overhead และใช้พลังงานน้อยลง — เหมาะกับงาน AI ที่ต้องการความเร็วและประสิทธิภาพในพื้นที่จำกัด

    การเปิดตัว IP ใหม่ของ SiFive
    เปิดตัว 5 ผลิตภัณฑ์ในซีรีส์ Gen 2: X160, X180, X280, X390 และ XM
    X160 และ X180 เป็นรุ่นใหม่สำหรับ edge และ IoT
    X280, X390 และ XM เป็นรุ่นอัปเกรดจากเวอร์ชันก่อน
    รองรับ scalar, vector และ matrix compute ในสถาปัตยกรรมเดียว

    จุดเด่นด้านเทคโนโลยี
    XM Gen 2 มี matrix engine ที่ปรับขนาดได้ รองรับงาน AI ขนาดใหญ่
    Vector engine ลด overhead และใช้พลังงานน้อยกว่าการประมวลผลแบบ scalar
    รองรับ datatype ใหม่ เช่น BF16 และ vector crypto extensions
    มี memory subsystem ที่ลด latency และเพิ่ม throughput

    การใช้งานในโลกจริง
    X160 และ X180 เหมาะกับรถยนต์อัตโนมัติ, หุ่นยนต์, IoT อัจฉริยะ
    X390 Gen 2 รองรับ 4-core cache-coherent complex และ bandwidth สูงถึง 1 TB/s
    ทุก IP สามารถทำหน้าที่เป็น ACU เพื่อควบคุม accelerator ภายนอก
    ใช้ SSCI และ VCIX interface เพื่อเชื่อมต่อกับ co-processor

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Deloitte คาดการณ์ว่า edge AI จะเติบโตถึง 78% ในปีนี้
    SiFive ได้รับการยอมรับจากบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ Tier 1 ในสหรัฐฯ
    IP ทั้งหมดพร้อมให้ license แล้ว และจะมี silicon ตัวแรกใน Q2 2026
    SiFive จะโชว์ผลิตภัณฑ์ในงาน AI Infra Summit ที่ Santa Clara

    คำเตือนสำหรับผู้พัฒนาและองค์กร
    IP เหล่านี้ยังอยู่ในช่วง pre-silicon — ประสิทธิภาพจริงต้องรอการพิสูจน์
    การใช้งาน matrix engine ต้องมีการออกแบบซอฟต์แวร์ที่รองรับโดยเฉพาะ
    การเชื่อมต่อกับ accelerator ภายนอกต้องใช้ interface เฉพาะ SSCI/VCIX
    หากใช้ในระบบที่ไม่รองรับ vector หรือ matrix compute อาจไม่เห็นประโยชน์เต็มที่
    การนำไปใช้ใน edge device ต้องคำนึงถึงข้อจำกัดด้านพลังงานและความร้อน

    https://www.techpowerup.com/340788/sifives-new-risc-v-ip-combines-scalar-vector-and-matrix-compute-to-accelerate-ai-from-the-far-edge-iot-to-the-data-center
    🧠 “SiFive เปิดตัว RISC-V Gen 2 IP — ชิปใหม่ที่รวมพลัง Scalar, Vector และ Matrix เพื่อเร่ง AI ตั้งแต่ IoT จนถึง Data Center!” ลองนึกภาพว่าคุณกำลังพัฒนาอุปกรณ์ IoT ที่ต้องการประมวลผล AI แบบเรียลไทม์ หรือคุณเป็นผู้ดูแลระบบในศูนย์ข้อมูลที่ต้องรันโมเดล LLM ขนาดมหึมา — ตอนนี้ SiFive ได้เปิดตัวชุด IP ใหม่ที่อาจเปลี่ยนเกมทั้งหมด ด้วยการรวมพลังการประมวลผลแบบ scalar, vector และ matrix เข้าไว้ในสถาปัตยกรรม RISC-V รุ่นล่าสุด SiFive เปิดตัว “2nd Generation Intelligence IP” ซึ่งประกอบด้วย 5 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ X160 Gen 2, X180 Gen 2, X280 Gen 2, X390 Gen 2 และ XM Gen 2 โดย X160 และ X180 เป็นรุ่นใหม่ทั้งหมด ส่วนอีกสามรุ่นเป็นการอัปเกรดจากเวอร์ชันก่อนหน้า จุดเด่นคือการรองรับการประมวลผลแบบเวกเตอร์และเมทริกซ์ที่เหมาะกับงาน AI ทุกระดับ ตั้งแต่ edge computing ไปจนถึง data center X160 และ X180 ถูกออกแบบมาเพื่ออุปกรณ์ฝังตัวที่มีข้อจำกัดด้านพลังงานและพื้นที่ เช่น รถยนต์อัตโนมัติ หุ่นยนต์อุตสาหกรรม และระบบ IoT อัจฉริยะ ส่วน XM Gen 2 มาพร้อม matrix engine ที่ปรับขนาดได้ เหมาะกับงาน inference โมเดลขนาดใหญ่ เช่น LLM และ AI ด้านภาพ ทุก IP ในซีรีส์นี้สามารถทำหน้าที่เป็น Accelerator Control Unit (ACU) เพื่อควบคุม accelerator ภายนอกผ่านอินเทอร์เฟซ SSCI และ VCIX ซึ่งช่วยลดภาระของซอฟต์แวร์และเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลแบบขนาน SiFive ยังชี้ว่า vector engine มีข้อได้เปรียบเหนือ CPU แบบ scalar โดยสามารถประมวลผลข้อมูลหลายชุดพร้อมกัน ลด overhead และใช้พลังงานน้อยลง — เหมาะกับงาน AI ที่ต้องการความเร็วและประสิทธิภาพในพื้นที่จำกัด ✅ การเปิดตัว IP ใหม่ของ SiFive ➡️ เปิดตัว 5 ผลิตภัณฑ์ในซีรีส์ Gen 2: X160, X180, X280, X390 และ XM ➡️ X160 และ X180 เป็นรุ่นใหม่สำหรับ edge และ IoT ➡️ X280, X390 และ XM เป็นรุ่นอัปเกรดจากเวอร์ชันก่อน ➡️ รองรับ scalar, vector และ matrix compute ในสถาปัตยกรรมเดียว ✅ จุดเด่นด้านเทคโนโลยี ➡️ XM Gen 2 มี matrix engine ที่ปรับขนาดได้ รองรับงาน AI ขนาดใหญ่ ➡️ Vector engine ลด overhead และใช้พลังงานน้อยกว่าการประมวลผลแบบ scalar ➡️ รองรับ datatype ใหม่ เช่น BF16 และ vector crypto extensions ➡️ มี memory subsystem ที่ลด latency และเพิ่ม throughput ✅ การใช้งานในโลกจริง ➡️ X160 และ X180 เหมาะกับรถยนต์อัตโนมัติ, หุ่นยนต์, IoT อัจฉริยะ ➡️ X390 Gen 2 รองรับ 4-core cache-coherent complex และ bandwidth สูงถึง 1 TB/s ➡️ ทุก IP สามารถทำหน้าที่เป็น ACU เพื่อควบคุม accelerator ภายนอก ➡️ ใช้ SSCI และ VCIX interface เพื่อเชื่อมต่อกับ co-processor ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Deloitte คาดการณ์ว่า edge AI จะเติบโตถึง 78% ในปีนี้ ➡️ SiFive ได้รับการยอมรับจากบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ Tier 1 ในสหรัฐฯ ➡️ IP ทั้งหมดพร้อมให้ license แล้ว และจะมี silicon ตัวแรกใน Q2 2026 ➡️ SiFive จะโชว์ผลิตภัณฑ์ในงาน AI Infra Summit ที่ Santa Clara ‼️ คำเตือนสำหรับผู้พัฒนาและองค์กร ⛔ IP เหล่านี้ยังอยู่ในช่วง pre-silicon — ประสิทธิภาพจริงต้องรอการพิสูจน์ ⛔ การใช้งาน matrix engine ต้องมีการออกแบบซอฟต์แวร์ที่รองรับโดยเฉพาะ ⛔ การเชื่อมต่อกับ accelerator ภายนอกต้องใช้ interface เฉพาะ SSCI/VCIX ⛔ หากใช้ในระบบที่ไม่รองรับ vector หรือ matrix compute อาจไม่เห็นประโยชน์เต็มที่ ⛔ การนำไปใช้ใน edge device ต้องคำนึงถึงข้อจำกัดด้านพลังงานและความร้อน https://www.techpowerup.com/340788/sifives-new-risc-v-ip-combines-scalar-vector-and-matrix-compute-to-accelerate-ai-from-the-far-edge-iot-to-the-data-center
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    SiFive's New RISC-V IP Combines Scalar, Vector and Matrix Compute to Accelerate AI from the Far Edge IoT to the Data Center
    Further expanding SiFive's lead in RISC-V AI IP, the company today launched its 2nd Generation Intelligence family, featuring five new RISC-V-based products designed to accelerate AI workloads across thousands of potential applications. The lineup includes two entirely new products—the X160 Gen 2 an...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว
  • “JetStream จาก d-Matrix: การ์ด I/O ที่เปลี่ยนเกม AI inference ให้เร็วขึ้น 10 เท่า!”

    ลองจินตนาการว่าคุณกำลังรันโมเดล AI ขนาดมหึมา เช่น Llama70B หรือ GPT-4 บนเซิร์ฟเวอร์หลายเครื่องพร้อมกัน แล้วพบว่าแม้จะมีชิปประมวลผลแรงแค่ไหน ก็ยังติดคอขวดที่ระบบเครือข่าย — นั่นคือปัญหาที่ JetStream จาก d-Matrix เข้ามาแก้แบบตรงจุด

    JetStream คือการ์ด I/O แบบ PCIe Gen5 ที่ออกแบบมาเพื่อเร่งความเร็วการสื่อสารระหว่างเซิร์ฟเวอร์ในงาน AI inference โดยเฉพาะ โดยสามารถส่งข้อมูลได้สูงสุดถึง 400Gbps และทำงานร่วมกับ Corsair compute accelerator และ Aviator software ของ d-Matrix ได้อย่างไร้รอยต่อ

    จุดเด่นของ JetStream คือการเป็น “Transparent NIC” ที่ใช้การสื่อสารแบบ peer-to-peer ระหว่างอุปกรณ์โดยไม่ต้องผ่าน CPU หรือระบบปฏิบัติการ — ลด latency ได้อย่างมหาศาล และทำให้การ inference ข้ามเครื่องเป็นไปอย่างลื่นไหล

    เมื่อใช้งานร่วมกับ Corsair และ Aviator แล้ว JetStream สามารถเพิ่มความเร็วได้ถึง 10 เท่า ลดต้นทุนต่อคำตอบ (cost-per-token) ได้ 3 เท่า และประหยัดพลังงานได้อีก 3 เท่า เมื่อเทียบกับระบบที่ใช้ GPU แบบเดิมในการ inference โมเดลขนาด 100B+ parameters

    ที่สำคัญคือ JetStream ใช้พอร์ต Ethernet มาตรฐานทั่วไป ทำให้สามารถติดตั้งใน data center ที่มีอยู่แล้วได้ทันที โดยไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างเครือข่าย — ถือเป็นการออกแบบที่ “พร้อมใช้งานจริง” ไม่ใช่แค่แนวคิดในห้องแล็บ

    JetStream คืออะไร
    เป็นการ์ด I/O แบบ PCIe Gen5 ที่ออกแบบเพื่อ AI inference โดยเฉพาะ
    รองรับความเร็วสูงสุด 400Gbps ต่อการ์ด
    ทำงานร่วมกับ Corsair accelerator และ Aviator software ของ d-Matrix
    ใช้การสื่อสารแบบ peer-to-peer โดยไม่ผ่าน CPU หรือ OS

    ประสิทธิภาพที่ได้จาก JetStream
    เพิ่มความเร็วการ inference ได้ถึง 10 เท่า
    ลดต้นทุนต่อคำตอบได้ 3 เท่า
    ประหยัดพลังงานได้ 3 เท่า เมื่อเทียบกับ GPU-based solutions
    รองรับโมเดลขนาดใหญ่กว่า 100B parameters เช่น Llama70B

    การติดตั้งและใช้งาน
    มาในรูปแบบ PCIe full-height card ขนาดมาตรฐาน
    ใช้พอร์ต Ethernet ทั่วไป — ไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้าง data center
    เหมาะกับการใช้งานใน hyperscale cloud และ private cloud
    ตัวอย่างพร้อมใช้งานแล้ว และจะเริ่มผลิตจริงภายในสิ้นปี 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    d-Matrix เป็นผู้บุกเบิกด้าน Digital In-Memory Computing (DIMC)
    Corsair ใช้สถาปัตยกรรม chiplet ที่ออกแบบมาเพื่อ inference โดยเฉพาะ
    Aviator เป็น software stack ที่ช่วยจัดการ pipeline inference แบบ multi-node
    JetStream ช่วยลด bottleneck ด้านเครือข่ายที่มักเกิดในงาน AI ขนาดใหญ่

    https://www.techpowerup.com/340786/d-matrix-announces-jetstream-i-o-accelerators-enabling-ultra-low-latency-for-ai-inference-at-scale
    🚀 “JetStream จาก d-Matrix: การ์ด I/O ที่เปลี่ยนเกม AI inference ให้เร็วขึ้น 10 เท่า!” ลองจินตนาการว่าคุณกำลังรันโมเดล AI ขนาดมหึมา เช่น Llama70B หรือ GPT-4 บนเซิร์ฟเวอร์หลายเครื่องพร้อมกัน แล้วพบว่าแม้จะมีชิปประมวลผลแรงแค่ไหน ก็ยังติดคอขวดที่ระบบเครือข่าย — นั่นคือปัญหาที่ JetStream จาก d-Matrix เข้ามาแก้แบบตรงจุด JetStream คือการ์ด I/O แบบ PCIe Gen5 ที่ออกแบบมาเพื่อเร่งความเร็วการสื่อสารระหว่างเซิร์ฟเวอร์ในงาน AI inference โดยเฉพาะ โดยสามารถส่งข้อมูลได้สูงสุดถึง 400Gbps และทำงานร่วมกับ Corsair compute accelerator และ Aviator software ของ d-Matrix ได้อย่างไร้รอยต่อ จุดเด่นของ JetStream คือการเป็น “Transparent NIC” ที่ใช้การสื่อสารแบบ peer-to-peer ระหว่างอุปกรณ์โดยไม่ต้องผ่าน CPU หรือระบบปฏิบัติการ — ลด latency ได้อย่างมหาศาล และทำให้การ inference ข้ามเครื่องเป็นไปอย่างลื่นไหล เมื่อใช้งานร่วมกับ Corsair และ Aviator แล้ว JetStream สามารถเพิ่มความเร็วได้ถึง 10 เท่า ลดต้นทุนต่อคำตอบ (cost-per-token) ได้ 3 เท่า และประหยัดพลังงานได้อีก 3 เท่า เมื่อเทียบกับระบบที่ใช้ GPU แบบเดิมในการ inference โมเดลขนาด 100B+ parameters ที่สำคัญคือ JetStream ใช้พอร์ต Ethernet มาตรฐานทั่วไป ทำให้สามารถติดตั้งใน data center ที่มีอยู่แล้วได้ทันที โดยไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างเครือข่าย — ถือเป็นการออกแบบที่ “พร้อมใช้งานจริง” ไม่ใช่แค่แนวคิดในห้องแล็บ ✅ JetStream คืออะไร ➡️ เป็นการ์ด I/O แบบ PCIe Gen5 ที่ออกแบบเพื่อ AI inference โดยเฉพาะ ➡️ รองรับความเร็วสูงสุด 400Gbps ต่อการ์ด ➡️ ทำงานร่วมกับ Corsair accelerator และ Aviator software ของ d-Matrix ➡️ ใช้การสื่อสารแบบ peer-to-peer โดยไม่ผ่าน CPU หรือ OS ✅ ประสิทธิภาพที่ได้จาก JetStream ➡️ เพิ่มความเร็วการ inference ได้ถึง 10 เท่า ➡️ ลดต้นทุนต่อคำตอบได้ 3 เท่า ➡️ ประหยัดพลังงานได้ 3 เท่า เมื่อเทียบกับ GPU-based solutions ➡️ รองรับโมเดลขนาดใหญ่กว่า 100B parameters เช่น Llama70B ✅ การติดตั้งและใช้งาน ➡️ มาในรูปแบบ PCIe full-height card ขนาดมาตรฐาน ➡️ ใช้พอร์ต Ethernet ทั่วไป — ไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้าง data center ➡️ เหมาะกับการใช้งานใน hyperscale cloud และ private cloud ➡️ ตัวอย่างพร้อมใช้งานแล้ว และจะเริ่มผลิตจริงภายในสิ้นปี 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ d-Matrix เป็นผู้บุกเบิกด้าน Digital In-Memory Computing (DIMC) ➡️ Corsair ใช้สถาปัตยกรรม chiplet ที่ออกแบบมาเพื่อ inference โดยเฉพาะ ➡️ Aviator เป็น software stack ที่ช่วยจัดการ pipeline inference แบบ multi-node ➡️ JetStream ช่วยลด bottleneck ด้านเครือข่ายที่มักเกิดในงาน AI ขนาดใหญ่ https://www.techpowerup.com/340786/d-matrix-announces-jetstream-i-o-accelerators-enabling-ultra-low-latency-for-ai-inference-at-scale
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    d-Matrix Announces JetStream I/O Accelerators Enabling Ultra-Low Latency for AI Inference at Scale
    d-Matrix today announced the expansion of its AI product portfolio with d-Matrix JetStream, a custom I/O card designed from the ground up to deliver industry-leading, data center-scale AI inference. With millions of people now using AI services - and the rise of agentic AI, reasoning, and multi-moda...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Windows 11 25H2: อัปเดตใหญ่ที่ไม่แรงขึ้นเลย — ผลทดสอบชี้ชัดว่าเร็วเท่าเดิมกับ 24H2!”

    ถ้าคุณกำลังรอ Windows 11 เวอร์ชัน 25H2 ด้วยความหวังว่าจะได้เห็นประสิทธิภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม…ข่าวนี้อาจทำให้คุณต้องทบทวนใหม่ เพราะผลการทดสอบจาก Phoronix พบว่า 25H2 ไม่ได้เร็วขึ้นเลยเมื่อเทียบกับ 24H2 — แถมบางการทดสอบยังช้ากว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ!

    Phoronix ได้ทดสอบระบบปฏิบัติการ 4 ตัว ได้แก่ Windows 11 24H2, Windows 11 25H2, Ubuntu 24.04 LTS และ Ubuntu 25.10 โดยใช้เครื่อง Ryzen 9 9950X กับ RAM DDR5 32GB และรันการทดสอบกว่า 41 รายการ เช่น LuxCoreRender, Embree, Intel Open Image Denoise และ IndigoBench

    ผลลัพธ์คือ Ubuntu ทั้งสองเวอร์ชันทำคะแนนเฉลี่ยสูงกว่า Windows 11 25H2 ถึง 15% และเมื่อเทียบกันเองระหว่าง 24H2 กับ 25H2 พบว่า “ไม่มีความแตกต่างด้านประสิทธิภาพเลย” โดยเฉลี่ยคือ 0% — บางการทดสอบ 24H2 ยังเร็วกว่า 2% ด้วยซ้ำ

    สาเหตุหลักคือ 25H2 เป็นเพียง “enablement package” ที่เปิดฟีเจอร์ที่ซ่อนอยู่ใน 24H2 ให้ใช้งานได้ทันที โดยไม่เปลี่ยนโครงสร้างระบบหรือเคอร์เนลใดๆ ต่างจาก 24H2 ที่เคยมีการเขียนส่วนสำคัญใหม่ด้วยภาษา Rust และปรับปรุงระบบหลายจุด

    25H2 ยังมีการลบฟีเจอร์เก่า เช่น PowerShell 2.0 และ WMIC CLI และจะใช้การอัปเดตแบบ cumulative update ที่ใช้เวลารีสตาร์ทเพียงครั้งเดียว — เหมาะกับองค์กรที่ต้องการความเสถียร แต่ไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่หวังประสิทธิภาพใหม่ๆ

    ผลการทดสอบ Windows 11 25H2
    ทดสอบเทียบกับ Ubuntu 24.04, Ubuntu 25.10 และ Windows 11 24H2
    ใช้ Ryzen 9 9950X + RAM DDR5 32GB
    ทดสอบ 41 รายการ เช่น LuxCoreRender, Embree, IndigoBench
    25H2 ไม่เร็วกว่า 24H2 โดยเฉลี่ย = 0% Ubuntu ทำคะแนนเฉลี่ยสูงกว่า Windows ถึง 15%

    ลักษณะของ Windows 11 25H2
    เป็น “enablement package” ที่เปิดฟีเจอร์ที่ซ่อนอยู่ใน 24H2
    ไม่เปลี่ยนโครงสร้างระบบหรือเคอร์เนล
    ลบ PowerShell 2.0 และ WMIC CLI ออกจากระบบ
    ใช้การอัปเดตแบบ cumulative update — รีสตาร์ทครั้งเดียว

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Windows 11 24H2 เคยมีการเขียนระบบใหม่บางส่วนด้วยภาษา Rust
    25H2 มีการปรับปรุง UI เช่น Start Menu แบบใหม่ และการซ่อน Recommended
    Microsoft เตรียมเลื่อน Windows 12 ออกไปอีกอย่างน้อย 1 ปี
    การอัปเดตแบบ enablement package ช่วยลดความเสี่ยงในการติดตั้ง

    https://www.tomshardware.com/software/windows/early-windows-11-25h2-benchmarks-confirm-the-update-provides-no-performance-improvements-over-24h2
    🪟 “Windows 11 25H2: อัปเดตใหญ่ที่ไม่แรงขึ้นเลย — ผลทดสอบชี้ชัดว่าเร็วเท่าเดิมกับ 24H2!” ถ้าคุณกำลังรอ Windows 11 เวอร์ชัน 25H2 ด้วยความหวังว่าจะได้เห็นประสิทธิภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม…ข่าวนี้อาจทำให้คุณต้องทบทวนใหม่ เพราะผลการทดสอบจาก Phoronix พบว่า 25H2 ไม่ได้เร็วขึ้นเลยเมื่อเทียบกับ 24H2 — แถมบางการทดสอบยังช้ากว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ! Phoronix ได้ทดสอบระบบปฏิบัติการ 4 ตัว ได้แก่ Windows 11 24H2, Windows 11 25H2, Ubuntu 24.04 LTS และ Ubuntu 25.10 โดยใช้เครื่อง Ryzen 9 9950X กับ RAM DDR5 32GB และรันการทดสอบกว่า 41 รายการ เช่น LuxCoreRender, Embree, Intel Open Image Denoise และ IndigoBench ผลลัพธ์คือ Ubuntu ทั้งสองเวอร์ชันทำคะแนนเฉลี่ยสูงกว่า Windows 11 25H2 ถึง 15% และเมื่อเทียบกันเองระหว่าง 24H2 กับ 25H2 พบว่า “ไม่มีความแตกต่างด้านประสิทธิภาพเลย” โดยเฉลี่ยคือ 0% — บางการทดสอบ 24H2 ยังเร็วกว่า 2% ด้วยซ้ำ สาเหตุหลักคือ 25H2 เป็นเพียง “enablement package” ที่เปิดฟีเจอร์ที่ซ่อนอยู่ใน 24H2 ให้ใช้งานได้ทันที โดยไม่เปลี่ยนโครงสร้างระบบหรือเคอร์เนลใดๆ ต่างจาก 24H2 ที่เคยมีการเขียนส่วนสำคัญใหม่ด้วยภาษา Rust และปรับปรุงระบบหลายจุด 25H2 ยังมีการลบฟีเจอร์เก่า เช่น PowerShell 2.0 และ WMIC CLI และจะใช้การอัปเดตแบบ cumulative update ที่ใช้เวลารีสตาร์ทเพียงครั้งเดียว — เหมาะกับองค์กรที่ต้องการความเสถียร แต่ไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่หวังประสิทธิภาพใหม่ๆ ✅ ผลการทดสอบ Windows 11 25H2 ➡️ ทดสอบเทียบกับ Ubuntu 24.04, Ubuntu 25.10 และ Windows 11 24H2 ➡️ ใช้ Ryzen 9 9950X + RAM DDR5 32GB ➡️ ทดสอบ 41 รายการ เช่น LuxCoreRender, Embree, IndigoBench ➡️ 25H2 ไม่เร็วกว่า 24H2 โดยเฉลี่ย = 0% ➡️ Ubuntu ทำคะแนนเฉลี่ยสูงกว่า Windows ถึง 15% ✅ ลักษณะของ Windows 11 25H2 ➡️ เป็น “enablement package” ที่เปิดฟีเจอร์ที่ซ่อนอยู่ใน 24H2 ➡️ ไม่เปลี่ยนโครงสร้างระบบหรือเคอร์เนล ➡️ ลบ PowerShell 2.0 และ WMIC CLI ออกจากระบบ ➡️ ใช้การอัปเดตแบบ cumulative update — รีสตาร์ทครั้งเดียว ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Windows 11 24H2 เคยมีการเขียนระบบใหม่บางส่วนด้วยภาษา Rust ➡️ 25H2 มีการปรับปรุง UI เช่น Start Menu แบบใหม่ และการซ่อน Recommended ➡️ Microsoft เตรียมเลื่อน Windows 12 ออกไปอีกอย่างน้อย 1 ปี ➡️ การอัปเดตแบบ enablement package ช่วยลดความเสี่ยงในการติดตั้ง https://www.tomshardware.com/software/windows/early-windows-11-25h2-benchmarks-confirm-the-update-provides-no-performance-improvements-over-24h2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Intel 14A: เทคโนโลยีสุดล้ำที่แรงกว่า 18A แต่แพงกว่า เพราะใช้เครื่องพิมพ์ชิประดับนาโนรุ่นใหม่จาก ASML!”

    ลองนึกภาพว่าคุณกำลังออกแบบชิปที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดและประหยัดพลังงานที่สุดในโลก แล้ว Intel บอกว่า “เรามี 14A node ที่แรงกว่า 18A ถึง 20% และกินไฟน้อยลงถึง 35%” — ฟังดูน่าสนใจใช่ไหม? แต่เบื้องหลังนั้นคือค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่ว เพราะต้องใช้เครื่องพิมพ์ชิปรุ่นใหม่ที่เรียกว่า High-NA EUV จาก ASML ซึ่งมีราคาสูงถึง $380 ล้านต่อเครื่อง!

    David Zinsner, CFO ของ Intel ยืนยันในงานประชุม Citi’s Global TMT ว่า 14A จะมีต้นทุนต่อแผ่นเวเฟอร์สูงกว่า 18A อย่างแน่นอน แม้จะไม่สูงมากในแง่การลงทุนรวม แต่เครื่องพิมพ์ Twinscan EXE:5200B ที่ใช้เลนส์ขนาด 0.55 NA (Numerical Aperture) ทำให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยพุ่งขึ้น

    Intel 14A ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่หลายอย่าง เช่น RibbonFET 2 ที่เป็นโครงสร้างทรานซิสเตอร์แบบ gate-all-around รุ่นปรับปรุง และ PowerDirect ที่เป็นระบบส่งพลังงานจากด้านหลังของชิปโดยตรง ซึ่งช่วยลดความซับซ้อนของการเดินสายไฟและเพิ่มประสิทธิภาพ

    นอกจากนี้ยังมี Turbo Cells ที่ช่วยเพิ่มความเร็วของ CPU และ GPU โดยไม่ต้องเพิ่มพื้นที่หรือพลังงานมากนัก — ทั้งหมดนี้ทำให้ 14A เป็น node ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งผลิตภัณฑ์ของ Intel และลูกค้าภายนอกในอนาคต

    แต่ปัญหาคือ หาก Intel ไม่สามารถหาลูกค้าภายนอกมาใช้ 14A ได้ ก็อาจไม่คุ้มค่าการลงทุน และอาจต้องชะลอหรือยกเลิก node นี้ไปเลย ซึ่งจะส่งผลต่อแผนการฟื้นตัวของ Intel Foundry ที่กำลังพยายามกลับมาเป็นผู้นำในตลาดโลก

    Intel 14A node คืออะไร
    เป็นกระบวนการผลิตชิประดับ 1.4nm ที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด
    ใช้เทคโนโลยี RibbonFET 2 และ PowerDirect เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    มี Turbo Cells ที่ช่วยเพิ่มความเร็วโดยไม่เพิ่มพื้นที่หรือพลังงาน
    ให้ประสิทธิภาพต่อวัตต์ดีกว่า 18A ถึง 15–20% และลดการใช้พลังงานได้ 25–35%

    เครื่องมือที่ใช้ใน 14A
    ใช้เครื่องพิมพ์ชิป High-NA EUV จาก ASML รุ่น Twinscan EXE:5200B
    ความละเอียดสูงถึง 8nm ต่อการยิงแสงครั้งเดียว
    ลดความจำเป็นในการใช้ multi-patterning ซึ่งช่วยเพิ่ม yield
    เครื่องมีราคาสูงถึง $380 ล้านต่อเครื่อง เทียบกับ $235 ล้านของรุ่นเดิม

    บริบททางธุรกิจและการลงทุน
    Intel ต้องการลูกค้าภายนอกเพื่อให้คุ้มค่าการลงทุนใน 14A
    หากไม่มีลูกค้ารายใหญ่ อาจต้องชะลอหรือยกเลิก node นี้
    Intel Foundry ต้องรักษาสัดส่วนการถือหุ้น 51% ตามข้อตกลงกับรัฐบาลสหรัฐฯ
    การพัฒนา 14A ใช้งบวิจัยหลายพันล้านดอลลาร์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    14A-E เป็นเวอร์ชันปรับปรุงของ 14A ที่เพิ่มประสิทธิภาพอีก 5%
    Samsung และ TSMC กำลังพัฒนา 2nm node เพื่อแข่งขันกับ Intel
    Intel ได้รับสัญญาผลิตชิป 18A มูลค่า $15 พันล้านจาก Microsoft1
    High-NA EUV ยังมีข้อจำกัดด้านขนาด field ทำให้ต้องปรับการออกแบบชิปใหม่

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-cfo-confirms-that-14a-will-be-more-expensive-to-use-than-18a-intel-expects-14a-fabrication-process-to-offer-15-20-percent-better-performance-per-watt-or-25-35-percent-lower-power-consumption-compared-to-18a
    ⚙️ “Intel 14A: เทคโนโลยีสุดล้ำที่แรงกว่า 18A แต่แพงกว่า เพราะใช้เครื่องพิมพ์ชิประดับนาโนรุ่นใหม่จาก ASML!” ลองนึกภาพว่าคุณกำลังออกแบบชิปที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดและประหยัดพลังงานที่สุดในโลก แล้ว Intel บอกว่า “เรามี 14A node ที่แรงกว่า 18A ถึง 20% และกินไฟน้อยลงถึง 35%” — ฟังดูน่าสนใจใช่ไหม? แต่เบื้องหลังนั้นคือค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่ว เพราะต้องใช้เครื่องพิมพ์ชิปรุ่นใหม่ที่เรียกว่า High-NA EUV จาก ASML ซึ่งมีราคาสูงถึง $380 ล้านต่อเครื่อง! David Zinsner, CFO ของ Intel ยืนยันในงานประชุม Citi’s Global TMT ว่า 14A จะมีต้นทุนต่อแผ่นเวเฟอร์สูงกว่า 18A อย่างแน่นอน แม้จะไม่สูงมากในแง่การลงทุนรวม แต่เครื่องพิมพ์ Twinscan EXE:5200B ที่ใช้เลนส์ขนาด 0.55 NA (Numerical Aperture) ทำให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยพุ่งขึ้น Intel 14A ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่หลายอย่าง เช่น RibbonFET 2 ที่เป็นโครงสร้างทรานซิสเตอร์แบบ gate-all-around รุ่นปรับปรุง และ PowerDirect ที่เป็นระบบส่งพลังงานจากด้านหลังของชิปโดยตรง ซึ่งช่วยลดความซับซ้อนของการเดินสายไฟและเพิ่มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมี Turbo Cells ที่ช่วยเพิ่มความเร็วของ CPU และ GPU โดยไม่ต้องเพิ่มพื้นที่หรือพลังงานมากนัก — ทั้งหมดนี้ทำให้ 14A เป็น node ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งผลิตภัณฑ์ของ Intel และลูกค้าภายนอกในอนาคต แต่ปัญหาคือ หาก Intel ไม่สามารถหาลูกค้าภายนอกมาใช้ 14A ได้ ก็อาจไม่คุ้มค่าการลงทุน และอาจต้องชะลอหรือยกเลิก node นี้ไปเลย ซึ่งจะส่งผลต่อแผนการฟื้นตัวของ Intel Foundry ที่กำลังพยายามกลับมาเป็นผู้นำในตลาดโลก ✅ Intel 14A node คืออะไร ➡️ เป็นกระบวนการผลิตชิประดับ 1.4nm ที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด ➡️ ใช้เทคโนโลยี RibbonFET 2 และ PowerDirect เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ➡️ มี Turbo Cells ที่ช่วยเพิ่มความเร็วโดยไม่เพิ่มพื้นที่หรือพลังงาน ➡️ ให้ประสิทธิภาพต่อวัตต์ดีกว่า 18A ถึง 15–20% และลดการใช้พลังงานได้ 25–35% ✅ เครื่องมือที่ใช้ใน 14A ➡️ ใช้เครื่องพิมพ์ชิป High-NA EUV จาก ASML รุ่น Twinscan EXE:5200B ➡️ ความละเอียดสูงถึง 8nm ต่อการยิงแสงครั้งเดียว ➡️ ลดความจำเป็นในการใช้ multi-patterning ซึ่งช่วยเพิ่ม yield ➡️ เครื่องมีราคาสูงถึง $380 ล้านต่อเครื่อง เทียบกับ $235 ล้านของรุ่นเดิม ✅ บริบททางธุรกิจและการลงทุน ➡️ Intel ต้องการลูกค้าภายนอกเพื่อให้คุ้มค่าการลงทุนใน 14A ➡️ หากไม่มีลูกค้ารายใหญ่ อาจต้องชะลอหรือยกเลิก node นี้ ➡️ Intel Foundry ต้องรักษาสัดส่วนการถือหุ้น 51% ตามข้อตกลงกับรัฐบาลสหรัฐฯ ➡️ การพัฒนา 14A ใช้งบวิจัยหลายพันล้านดอลลาร์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ 14A-E เป็นเวอร์ชันปรับปรุงของ 14A ที่เพิ่มประสิทธิภาพอีก 5% ➡️ Samsung และ TSMC กำลังพัฒนา 2nm node เพื่อแข่งขันกับ Intel ➡️ Intel ได้รับสัญญาผลิตชิป 18A มูลค่า $15 พันล้านจาก Microsoft1 ➡️ High-NA EUV ยังมีข้อจำกัดด้านขนาด field ทำให้ต้องปรับการออกแบบชิปใหม่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-cfo-confirms-that-14a-will-be-more-expensive-to-use-than-18a-intel-expects-14a-fabrication-process-to-offer-15-20-percent-better-performance-per-watt-or-25-35-percent-lower-power-consumption-compared-to-18a
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Decisioninator: กล่องไม้เล็กๆ ที่ช่วย ‘รักษาชีวิตคู่’ ด้วย Raspberry Pi และ Flutter!”

    ลองนึกภาพว่าคุณกับคนรักกำลังเถียงกันเรื่องเดิมๆ เช่น “จะกินอะไรดีคืนนี้?” หรือ “ดูหนังเรื่องไหนดี?” แล้วคำตอบก็วนอยู่ที่ “อะไรก็ได้” จนกลายเป็นความอึดอัดสะสม…นั่นคือจุดเริ่มต้นของโปรเจกต์สุดสร้างสรรค์จากวิศวกรซอฟต์แวร์ที่ใช้ชื่อว่า Makerinator ผู้ซึ่งกล่าวติดตลกว่า “Decisioninator ช่วยรักษาชีวิตแต่งงานของผมไว้ได้!”

    เครื่องนี้คือกล่องไม้ขนาดเล็กสไตล์ตู้เกมยุค 80 ที่ภายในซ่อนพลังของ Raspberry Pi 4 พร้อมระบบปฏิบัติการ Raspberry Pi OS Lite และแอปที่สร้างด้วย Flutter + Flame Engine ซึ่งเป็น game engine สำหรับ 2D UI ที่เหมาะกับการสร้างระบบหมุนแบบวงล้อคล้าย Wheel of Fortune

    ตัวเครื่องมีปุ่มสองปุ่ม: ปุ่มแดงใหญ่สำหรับหมุนวงล้อ และปุ่มน้ำเงินเล็กสำหรับเลือกโหมด เช่น ร้านอาหาร, งานบ้าน, คืนออกเดต, หรือดูหนัง โดยทั้งหมดนี้ถูกออกแบบให้ใช้งานง่ายและ “ตัดสินใจแทนคุณ” ในเรื่องที่มักกลายเป็นปัญหาเล็กๆ ที่สะสมจนกลายเป็นเรื่องใหญ่

    Makerinator ยังเล่าว่าเขาไม่ใช่ช่างไม้มืออาชีพ แต่สามารถเลเซอร์คัตแผ่นไม้, พ่นสี, แปะลายด้วยการพิมพ์แบบ sublimation และใช้ epoxy กับเครื่องมือโรตารี่เพื่อแก้ปัญหาการประกอบที่ผิดพลาด — จนออกมาเป็นเครื่องที่ดูดีแบบเรโทร และใช้งานได้จริง

    จุดเริ่มต้นของ Decisioninator
    สร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการตัดสินใจในชีวิตคู่ เช่น กินอะไรดี ดูอะไรดี
    ใช้ Raspberry Pi 4 เป็นแกนหลักของระบบ
    รันระบบปฏิบัติการ Raspberry Pi OS Lite เพื่อประหยัดทรัพยากร
    ใช้ Flutter + Flame Engine ในการสร้าง UI แบบวงล้อหมุน

    ฟีเจอร์ของเครื่อง
    มีปุ่มแดงสำหรับหมุน และปุ่มน้ำเงินสำหรับเลือกโหมด
    โหมดที่มีให้เลือก: ร้านอาหาร, งานบ้าน, คืนออกเดต, ดูหนัง
    ใช้ GPIO ของ Pi ในการรับอินพุตจากปุ่ม
    ใช้ converter 12V → 5V เพื่อจ่ายไฟให้ Raspberry Pi

    งานประกอบและดีไซน์
    ตัวเครื่องทำจากไม้ที่เลเซอร์คัตและประกอบด้วยมือ
    ใช้ epoxy และเครื่องมือโรตารี่ในการแก้ปัญหาการประกอบ
    พ่นสีและแปะลายด้วยการพิมพ์แบบ sublimation
    ดีไซน์คล้ายตู้เกมยุค 80 เช่น Tempest หรือ Tron

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Flame Engine เป็น game engine สำหรับ Flutter ที่เน้นงาน 2D
    Flutter-Pi เป็น library ที่ช่วยให้ Flutter รันบน Raspberry Pi ได้
    Raspberry Pi GPIO รองรับการเชื่อมต่อกับปุ่ม, LED, และเซ็นเซอร์ต่างๆ
    การใช้ Raspberry Pi ในงาน DIY ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความยืดหยุ่น

    https://www.tomshardware.com/raspberry-pi/the-decisioninator-saved-my-marriage-says-software-engineer-raspberry-pi-powered-device-automates-restaurant-chore-date-night-and-movie-night-choices
    🎰 “Decisioninator: กล่องไม้เล็กๆ ที่ช่วย ‘รักษาชีวิตคู่’ ด้วย Raspberry Pi และ Flutter!” ลองนึกภาพว่าคุณกับคนรักกำลังเถียงกันเรื่องเดิมๆ เช่น “จะกินอะไรดีคืนนี้?” หรือ “ดูหนังเรื่องไหนดี?” แล้วคำตอบก็วนอยู่ที่ “อะไรก็ได้” จนกลายเป็นความอึดอัดสะสม…นั่นคือจุดเริ่มต้นของโปรเจกต์สุดสร้างสรรค์จากวิศวกรซอฟต์แวร์ที่ใช้ชื่อว่า Makerinator ผู้ซึ่งกล่าวติดตลกว่า “Decisioninator ช่วยรักษาชีวิตแต่งงานของผมไว้ได้!” เครื่องนี้คือกล่องไม้ขนาดเล็กสไตล์ตู้เกมยุค 80 ที่ภายในซ่อนพลังของ Raspberry Pi 4 พร้อมระบบปฏิบัติการ Raspberry Pi OS Lite และแอปที่สร้างด้วย Flutter + Flame Engine ซึ่งเป็น game engine สำหรับ 2D UI ที่เหมาะกับการสร้างระบบหมุนแบบวงล้อคล้าย Wheel of Fortune ตัวเครื่องมีปุ่มสองปุ่ม: ปุ่มแดงใหญ่สำหรับหมุนวงล้อ และปุ่มน้ำเงินเล็กสำหรับเลือกโหมด เช่น ร้านอาหาร, งานบ้าน, คืนออกเดต, หรือดูหนัง โดยทั้งหมดนี้ถูกออกแบบให้ใช้งานง่ายและ “ตัดสินใจแทนคุณ” ในเรื่องที่มักกลายเป็นปัญหาเล็กๆ ที่สะสมจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ Makerinator ยังเล่าว่าเขาไม่ใช่ช่างไม้มืออาชีพ แต่สามารถเลเซอร์คัตแผ่นไม้, พ่นสี, แปะลายด้วยการพิมพ์แบบ sublimation และใช้ epoxy กับเครื่องมือโรตารี่เพื่อแก้ปัญหาการประกอบที่ผิดพลาด — จนออกมาเป็นเครื่องที่ดูดีแบบเรโทร และใช้งานได้จริง ✅ จุดเริ่มต้นของ Decisioninator ➡️ สร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการตัดสินใจในชีวิตคู่ เช่น กินอะไรดี ดูอะไรดี ➡️ ใช้ Raspberry Pi 4 เป็นแกนหลักของระบบ ➡️ รันระบบปฏิบัติการ Raspberry Pi OS Lite เพื่อประหยัดทรัพยากร ➡️ ใช้ Flutter + Flame Engine ในการสร้าง UI แบบวงล้อหมุน ✅ ฟีเจอร์ของเครื่อง ➡️ มีปุ่มแดงสำหรับหมุน และปุ่มน้ำเงินสำหรับเลือกโหมด ➡️ โหมดที่มีให้เลือก: ร้านอาหาร, งานบ้าน, คืนออกเดต, ดูหนัง ➡️ ใช้ GPIO ของ Pi ในการรับอินพุตจากปุ่ม ➡️ ใช้ converter 12V → 5V เพื่อจ่ายไฟให้ Raspberry Pi ✅ งานประกอบและดีไซน์ ➡️ ตัวเครื่องทำจากไม้ที่เลเซอร์คัตและประกอบด้วยมือ ➡️ ใช้ epoxy และเครื่องมือโรตารี่ในการแก้ปัญหาการประกอบ ➡️ พ่นสีและแปะลายด้วยการพิมพ์แบบ sublimation ➡️ ดีไซน์คล้ายตู้เกมยุค 80 เช่น Tempest หรือ Tron ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Flame Engine เป็น game engine สำหรับ Flutter ที่เน้นงาน 2D ➡️ Flutter-Pi เป็น library ที่ช่วยให้ Flutter รันบน Raspberry Pi ได้ ➡️ Raspberry Pi GPIO รองรับการเชื่อมต่อกับปุ่ม, LED, และเซ็นเซอร์ต่างๆ ➡️ การใช้ Raspberry Pi ในงาน DIY ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความยืดหยุ่น https://www.tomshardware.com/raspberry-pi/the-decisioninator-saved-my-marriage-says-software-engineer-raspberry-pi-powered-device-automates-restaurant-chore-date-night-and-movie-night-choices
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • “USB ไม่พอ? เพิ่มพอร์ตให้ PS5 ง่ายๆ ด้วยฮับที่เหมาะกับการเล่นเกมยุคใหม่!”

    ลองนึกภาพว่าคุณกำลังจะเริ่มเล่นเกมบน PS5 ที่คุณรัก แต่พบว่า...พอร์ต USB ทั้ง 4 ช่องถูกใช้หมดแล้ว — ชาร์จจอย, ต่อกล้อง, เสียบหูฟังไร้สาย และเชื่อมต่อ PS VR2 แล้วจะเสียบฮาร์ดดิสก์เสริมตรงไหน?

    นั่นคือปัญหาที่ผู้ใช้ PS5 หลายคนเจอ และข่าวนี้มีคำตอบ: ใช้ “USB Hub” เพื่อเพิ่มจำนวนพอร์ตให้กับเครื่องของคุณ โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์หรือเสียบสลับอุปกรณ์ไปมาให้ยุ่งยาก

    PS5 มีพอร์ต USB ทั้งหมด 4 ช่อง (2 ด้านหน้า, 2 ด้านหลัง) ซึ่งรองรับความเร็วสูงสุดถึง 10Gbps แต่เมื่อใช้งานพร้อมกันหลายอุปกรณ์ เช่น ฮาร์ดดิสก์ภายนอก, จอยหลายตัว, กล้อง หรือ VR — พื้นที่ก็ไม่พอ

    ทางออกคือการเลือก USB Hub ที่เหมาะกับการใช้งานของคุณ เช่น:
    - ถ้าใช้กับอุปกรณ์เบาๆ อย่างคีย์บอร์ดหรือหูฟังไร้สาย: ฮับธรรมดา USB 2.0 ก็เพียงพอ
    - ถ้าใช้กับอุปกรณ์ที่ต้องการพลังงานสูง เช่น ฮาร์ดดิสก์หรือ PS VR2: ต้องใช้ฮับแบบมีไฟเลี้ยง (Powered USB Hub)
    - ถ้าอยากให้ฮับกลมกลืนกับดีไซน์เครื่อง: มีฮับที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ PS5 เช่น Megadream หรือ IQIKU

    นอกจากนี้ยังมีฮับที่รองรับ USB 3.0 หรือ 3.2 ซึ่งให้ความเร็วในการส่งข้อมูลสูงขึ้น เหมาะกับการเล่นเกมหรือโหลดไฟล์ขนาดใหญ่

    พอร์ต USB บน PS5
    มีทั้งหมด 4 ช่อง: ด้านหน้า 2 (Type-C และ Type-A), ด้านหลัง 2 (Type-A)
    รองรับความเร็ว Hi-Speed และ SuperSpeed (สูงสุด 10Gbps)
    ใช้สำหรับชาร์จจอย, ต่อกล้อง, หูฟัง, PS VR2 และฮาร์ดดิสก์ภายนอก

    การเพิ่มพอร์ตด้วย USB Hub
    USB Hub คืออุปกรณ์ที่แปลง 1 พอร์ตให้กลายเป็นหลายพอร์ต
    ช่วยให้เชื่อมต่ออุปกรณ์หลายตัวพร้อมกันได้
    ไม่จำเป็นต้องใช้ฮับที่ออกแบบเฉพาะสำหรับ PS5 — ฮับทั่วไปก็ใช้ได้
    ตัวอย่างฮับยอดนิยม:   
    - Ugreen USB 3.0 Hub (4.7 ดาว, $9.99)   
    - Megadream 6-Port Hub (USB 2.0, $16.99)   
    - PowerA 4-Port Powered Hub (USB 3.0, $29.99)
    ฮับแบบมีไฟเลี้ยงเหมาะกับอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานสูง เช่น ฮาร์ดดิสก์

    ข้อมูลเพิ่มเติมจากภายนอก
    Anker Ultra Slim 4-Port USB 3.0 Hub เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับ PS5
    IQIKU PS5 USB Hub รองรับการชาร์จและเชื่อมต่ออุปกรณ์เบาๆ
    StarTech และ UGREEN มีฮับที่รองรับ USB-C ความเร็วสูงถึง 10Gbps
    ฮับบางรุ่นออกแบบให้เข้ากับดีไซน์ PS5 โดยเฉพาะ

    คำเตือนในการเลือกใช้งาน USB Hub
    ฮับ USB 2.0 ไม่สามารถใช้กับฮาร์ดดิสก์หรือ PS VR2 ได้
    ฮับแบบไม่มีไฟเลี้ยงอาจไม่รองรับอุปกรณ์ที่ต้องการพลังงานสูง
    การใช้ฮับที่ไม่รองรับความเร็วสูง อาจทำให้การโหลดเกมหรือส่งข้อมูลช้าลง
    ฮับบางรุ่นอาจมีดีไซน์ไม่เข้ากับเครื่อง PS5 และเกะกะพื้นที่ใช้งาน

    https://www.slashgear.com/1959486/how-to-add-more-usb-ports-to-ps5/
    🎮 “USB ไม่พอ? เพิ่มพอร์ตให้ PS5 ง่ายๆ ด้วยฮับที่เหมาะกับการเล่นเกมยุคใหม่!” ลองนึกภาพว่าคุณกำลังจะเริ่มเล่นเกมบน PS5 ที่คุณรัก แต่พบว่า...พอร์ต USB ทั้ง 4 ช่องถูกใช้หมดแล้ว — ชาร์จจอย, ต่อกล้อง, เสียบหูฟังไร้สาย และเชื่อมต่อ PS VR2 แล้วจะเสียบฮาร์ดดิสก์เสริมตรงไหน? นั่นคือปัญหาที่ผู้ใช้ PS5 หลายคนเจอ และข่าวนี้มีคำตอบ: ใช้ “USB Hub” เพื่อเพิ่มจำนวนพอร์ตให้กับเครื่องของคุณ โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์หรือเสียบสลับอุปกรณ์ไปมาให้ยุ่งยาก PS5 มีพอร์ต USB ทั้งหมด 4 ช่อง (2 ด้านหน้า, 2 ด้านหลัง) ซึ่งรองรับความเร็วสูงสุดถึง 10Gbps แต่เมื่อใช้งานพร้อมกันหลายอุปกรณ์ เช่น ฮาร์ดดิสก์ภายนอก, จอยหลายตัว, กล้อง หรือ VR — พื้นที่ก็ไม่พอ ทางออกคือการเลือก USB Hub ที่เหมาะกับการใช้งานของคุณ เช่น: - ถ้าใช้กับอุปกรณ์เบาๆ อย่างคีย์บอร์ดหรือหูฟังไร้สาย: ฮับธรรมดา USB 2.0 ก็เพียงพอ - ถ้าใช้กับอุปกรณ์ที่ต้องการพลังงานสูง เช่น ฮาร์ดดิสก์หรือ PS VR2: ต้องใช้ฮับแบบมีไฟเลี้ยง (Powered USB Hub) - ถ้าอยากให้ฮับกลมกลืนกับดีไซน์เครื่อง: มีฮับที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ PS5 เช่น Megadream หรือ IQIKU นอกจากนี้ยังมีฮับที่รองรับ USB 3.0 หรือ 3.2 ซึ่งให้ความเร็วในการส่งข้อมูลสูงขึ้น เหมาะกับการเล่นเกมหรือโหลดไฟล์ขนาดใหญ่ ✅ พอร์ต USB บน PS5 ➡️ มีทั้งหมด 4 ช่อง: ด้านหน้า 2 (Type-C และ Type-A), ด้านหลัง 2 (Type-A) ➡️ รองรับความเร็ว Hi-Speed และ SuperSpeed (สูงสุด 10Gbps) ➡️ ใช้สำหรับชาร์จจอย, ต่อกล้อง, หูฟัง, PS VR2 และฮาร์ดดิสก์ภายนอก ✅ การเพิ่มพอร์ตด้วย USB Hub ➡️ USB Hub คืออุปกรณ์ที่แปลง 1 พอร์ตให้กลายเป็นหลายพอร์ต ➡️ ช่วยให้เชื่อมต่ออุปกรณ์หลายตัวพร้อมกันได้ ➡️ ไม่จำเป็นต้องใช้ฮับที่ออกแบบเฉพาะสำหรับ PS5 — ฮับทั่วไปก็ใช้ได้ ➡️ ตัวอย่างฮับยอดนิยม:    - Ugreen USB 3.0 Hub (4.7 ดาว, $9.99)    - Megadream 6-Port Hub (USB 2.0, $16.99)    - PowerA 4-Port Powered Hub (USB 3.0, $29.99) ➡️ ฮับแบบมีไฟเลี้ยงเหมาะกับอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานสูง เช่น ฮาร์ดดิสก์ ✅ ข้อมูลเพิ่มเติมจากภายนอก ➡️ Anker Ultra Slim 4-Port USB 3.0 Hub เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับ PS5 ➡️ IQIKU PS5 USB Hub รองรับการชาร์จและเชื่อมต่ออุปกรณ์เบาๆ ➡️ StarTech และ UGREEN มีฮับที่รองรับ USB-C ความเร็วสูงถึง 10Gbps ➡️ ฮับบางรุ่นออกแบบให้เข้ากับดีไซน์ PS5 โดยเฉพาะ ‼️ คำเตือนในการเลือกใช้งาน USB Hub ⛔ ฮับ USB 2.0 ไม่สามารถใช้กับฮาร์ดดิสก์หรือ PS VR2 ได้ ⛔ ฮับแบบไม่มีไฟเลี้ยงอาจไม่รองรับอุปกรณ์ที่ต้องการพลังงานสูง ⛔ การใช้ฮับที่ไม่รองรับความเร็วสูง อาจทำให้การโหลดเกมหรือส่งข้อมูลช้าลง ⛔ ฮับบางรุ่นอาจมีดีไซน์ไม่เข้ากับเครื่อง PS5 และเกะกะพื้นที่ใช้งาน https://www.slashgear.com/1959486/how-to-add-more-usb-ports-to-ps5/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    How To Add More USB Ports To Your PS5 - SlashGear
    You can add more USB ports to your PS5 using a USB hub. Choose between basic splitters for low-power devices or powered hubs for external drives.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก Hynix ร้อนแรงถึง Samsung เย็นจัด: เมื่อการเลือกผู้ผลิต VRAM กลายเป็นจุดเปลี่ยนของ GPU

    XFX ผู้ผลิตการ์ดจอชื่อดังได้เปิดเผยผลการทดสอบของ Radeon RX 9060 XT V3 ซึ่งเปลี่ยนจากการใช้หน่วยความจำ GDDR6 ของ SK Hynix มาเป็นของ Samsung โดยพบว่าอุณหภูมิของ VRAM ลดลงถึง 10°C จากเดิม 87°C เหลือเพียง 77°C แม้จะใช้พัดลมที่หมุนช้าลงถึง 353 RPM

    การเปลี่ยนมาใช้ Samsung ยังช่วยลดการใช้พลังงานของบอร์ดจาก 207W เหลือ 183W ซึ่งหมายถึงความร้อนที่ลดลงถึง 24W และส่งผลให้ระบบระบายความร้อนทำงานเบาลง เสียงรบกวนน้อยลง และความเสถียรของระบบเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการป้องกันการ downclock ของ VRAM ที่มักเกิดเมื่อร้อนเกินไป

    อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่า GPU die กลับร้อนขึ้น 3°C ซึ่งอาจเกิดจากการทำงานหนักขึ้นของ memory controller หรือการลดรอบพัดลมที่ทำให้การระบายความร้อนโดยรวมลดลง

    แม้จะยังไม่มีการทดสอบอิสระมายืนยัน แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้หลายคนในชุมชนเริ่มตั้งคำถามว่า “การเลือกผู้ผลิต VRAM” อาจมีผลมากกว่าที่เคยคิดไว้ โดยเฉพาะในยุคที่ GPU ต้องทำงานหนักกับ AI, ray tracing และการเล่นเกมระดับ 4K

    ผลการเปลี่ยนมาใช้ Samsung GDDR6
    อุณหภูมิ VRAM ลดลงจาก 87°C เหลือ 77°C
    พัดลมหมุนช้าลงจาก 1814 RPM เหลือ 1461 RPM
    การใช้พลังงานของบอร์ดลดลงจาก 207W เหลือ 183W

    ผลกระทบต่อระบบโดยรวม
    ลดเสียงรบกวนจากพัดลม
    เพิ่มความเสถียรของระบบ ป้องกัน VRAM downclock
    GPU die ร้อนขึ้น 3°C อาจเกิดจาก memory controller ทำงานหนักขึ้น

    ความเปรียบเทียบกับ SK Hynix
    SK Hynix มีอุณหภูมิสูงกว่า 10°C
    บางรุ่นสามารถโอเวอร์คล็อกได้สูงกว่าเล็กน้อย
    Hynix อาจมี timing ที่แน่นกว่า แต่แลกกับความร้อนที่สูงขึ้น

    ความเคลื่อนไหวของตลาด
    XFX RX 9060 XT V3 วางขายแล้วในจีน
    ผู้ผลิตเริ่มหันมาเลือก Samsung มากขึ้นในรุ่นใหม่
    ยังไม่มีข้อมูลว่า AMD หรือ NVIDIA จะเปลี่ยน supplier ในระดับ reference card

    https://www.techpowerup.com/340751/samsungs-gddr6-modules-run-10-c-cooler-than-sk-hynix-claims-gpu-aib
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Hynix ร้อนแรงถึง Samsung เย็นจัด: เมื่อการเลือกผู้ผลิต VRAM กลายเป็นจุดเปลี่ยนของ GPU XFX ผู้ผลิตการ์ดจอชื่อดังได้เปิดเผยผลการทดสอบของ Radeon RX 9060 XT V3 ซึ่งเปลี่ยนจากการใช้หน่วยความจำ GDDR6 ของ SK Hynix มาเป็นของ Samsung โดยพบว่าอุณหภูมิของ VRAM ลดลงถึง 10°C จากเดิม 87°C เหลือเพียง 77°C แม้จะใช้พัดลมที่หมุนช้าลงถึง 353 RPM การเปลี่ยนมาใช้ Samsung ยังช่วยลดการใช้พลังงานของบอร์ดจาก 207W เหลือ 183W ซึ่งหมายถึงความร้อนที่ลดลงถึง 24W และส่งผลให้ระบบระบายความร้อนทำงานเบาลง เสียงรบกวนน้อยลง และความเสถียรของระบบเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการป้องกันการ downclock ของ VRAM ที่มักเกิดเมื่อร้อนเกินไป อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่า GPU die กลับร้อนขึ้น 3°C ซึ่งอาจเกิดจากการทำงานหนักขึ้นของ memory controller หรือการลดรอบพัดลมที่ทำให้การระบายความร้อนโดยรวมลดลง แม้จะยังไม่มีการทดสอบอิสระมายืนยัน แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้หลายคนในชุมชนเริ่มตั้งคำถามว่า “การเลือกผู้ผลิต VRAM” อาจมีผลมากกว่าที่เคยคิดไว้ โดยเฉพาะในยุคที่ GPU ต้องทำงานหนักกับ AI, ray tracing และการเล่นเกมระดับ 4K ✅ ผลการเปลี่ยนมาใช้ Samsung GDDR6 ➡️ อุณหภูมิ VRAM ลดลงจาก 87°C เหลือ 77°C ➡️ พัดลมหมุนช้าลงจาก 1814 RPM เหลือ 1461 RPM ➡️ การใช้พลังงานของบอร์ดลดลงจาก 207W เหลือ 183W ✅ ผลกระทบต่อระบบโดยรวม ➡️ ลดเสียงรบกวนจากพัดลม ➡️ เพิ่มความเสถียรของระบบ ป้องกัน VRAM downclock ➡️ GPU die ร้อนขึ้น 3°C อาจเกิดจาก memory controller ทำงานหนักขึ้น ✅ ความเปรียบเทียบกับ SK Hynix ➡️ SK Hynix มีอุณหภูมิสูงกว่า 10°C ➡️ บางรุ่นสามารถโอเวอร์คล็อกได้สูงกว่าเล็กน้อย ➡️ Hynix อาจมี timing ที่แน่นกว่า แต่แลกกับความร้อนที่สูงขึ้น ✅ ความเคลื่อนไหวของตลาด ➡️ XFX RX 9060 XT V3 วางขายแล้วในจีน ➡️ ผู้ผลิตเริ่มหันมาเลือก Samsung มากขึ้นในรุ่นใหม่ ➡️ ยังไม่มีข้อมูลว่า AMD หรือ NVIDIA จะเปลี่ยน supplier ในระดับ reference card https://www.techpowerup.com/340751/samsungs-gddr6-modules-run-10-c-cooler-than-sk-hynix-claims-gpu-aib
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Samsung's GDDR6 Modules Run 10°C Cooler Than SK Hynix, Claims GPU AIB
    XFX has officially published various performance figures claiming that its custom GPUs run better with Samsung GDDR6 memory, rather than SK Hynix modules. Usually, add-in-board (AIB) partners receive the GPU die sold as a kit with memory. However, AMD, NVIDIA, and Intel typically source their memory...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts