• ถ้าตอนนี้เราเริ่มบ่นว่า “เซิร์ฟเวอร์มันร้อน” อีกไม่กี่ปีข้างหน้า—อาจต้องเรียกวิศวกรนิวเคลียร์มาช่วยออกแบบห้องเซิร์ฟเวอร์กันเลยทีเดียว 🤯

    เพราะรายงานจาก KAIST (สถาบันวิจัยของเกาหลีใต้) ชี้ว่า TDP (Thermal Design Power) ของชิป AI ในอนาคตอาจพุ่งไปถึง 15,360W ภายในปี 2032 ซึ่งสูงกว่าชิป H100 ของ NVIDIA ปัจจุบัน (700–800W) ถึง 20 เท่า

    ตอนนี้ NVIDIA Blackwell ใช้พลังงาน 1,400W แล้ว Rubin Ultra ที่จะมาในปี 2027 จะพุ่งไป 3,600W และ Feynman ในปี 2029 จะทะลุ 6,000W ได้เลย โดยทั้งหมดนี้ยัง “ใช้แค่น้ำหล่อเย็น (liquid cooling)” ได้อยู่

    แต่หลังจากปี 2030 เป็นต้นไป จะเริ่มใช้เทคโนโลยี Immersion Cooling (จุ่มชิปในของเหลวพิเศษ) และเมื่อถึงปี 2032… ต้องฝังระบบทำความเย็นลงไปในชิปเลย (Embedded Cooling)

    และไม่ใช่แค่ตัวประมวลผลที่กินไฟครับ—โมดูลหน่วยความจำ HBM ก็จะใช้ไฟกว่า 2,000W ด้วย นั่นแปลว่าชิป AI 1 ตัวอาจใช้ไฟมากกว่บ้าน 2 หลังรวมกัน!

    ✅ TDP ของชิป AI เพิ่มจากร้อย → พัน → หมื่นวัตต์ในทศวรรษเดียว  
    • Blackwell Ultra (2025): 1,400W  
    • Rubin Ultra (2027): 3,600W  
    • Feynman Ultra (2029): 6,000W  
    • Post-Feynman Ultra (2032): 15,360W

    ✅ แนวโน้มเทคโนโลยีหล่อเย็น AI ตามระดับความร้อน  
    • เริ่มจาก liquid cooling → immersion cooling → embedded cooling  
    • KAIST เสนอแนวคิดฝัง "ท่อน้ำหล่อเย็น" และ “ฟลูอิด TSV” ลงในชิป

    ✅ การเพิ่มจำนวน chiplet และ HBM stack เป็นสาเหตุหลักของพลังงานมหาศาล  
    • HBM6 stack หนึ่งใช้ไฟถึง 120W และอาจมีมากถึง 16 stack ต่อชิป  
    • ระบบต้องติดเซ็นเซอร์ความร้อนแบบเรียลไทม์

    ✅ แนวคิดอนาคต: GPU ซ้อนชั้นสองด้าน + ท่อนำความร้อนฝังใน interposer  
    • เพิ่มพลังโดยไม่เพิ่มพื้นที่ชิป  
    • เน้นดึงความร้อนออกจาก “core” ก่อน แล้วค่อยระบายออกนอกตัวระบบ

    ‼️ พลังงานระดับนี้อาจต้องใช้ระบบจ่ายไฟระดับ “โรงไฟฟ้าขนาดย่อม”  
    • หนึ่ง GPU rack อาจกินไฟ 50kW+ → ส่งผลต่อโครงสร้างพื้นฐานของ data center ทั่วโลก

    ‼️ ความท้าทายเรื่อง “คาร์บอนฟุตพรินต์” และสิ่งแวดล้อมจะหนักขึ้น  
    • แม้จะมีความพยายามใช้ cooling แบบปิดระบบ แต่การผลิตและใช้ชิปเหล่านี้ยังสิ้นเปลืองพลังงานมหาศาล

    ‼️ Immersion cooling ยังเป็นเทคโนโลยีเฉพาะทาง – ไม่แพร่หลายเท่าที่ควร  
    • ต้องใช้ของเหลวเฉพาะ แพง และต้องมีระบบควบคุมพิเศษ  
    • อาจไม่เหมาะกับองค์กรทั่วไป

    ‼️ ยังไม่มีมาตรฐานอุตสาหกรรมด้าน embedded cooling ที่ชัดเจน  
    • หากใช้ต่างแนวทางกัน อาจเกิดปัญหาความเข้ากันได้ของฮาร์ดแวร์ในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cooling/future-ai-processors-said-to-consume-up-to-15-360w-massive-power-draw-will-demand-exotic-immersion-and-embedded-cooling-tech
    ถ้าตอนนี้เราเริ่มบ่นว่า “เซิร์ฟเวอร์มันร้อน” อีกไม่กี่ปีข้างหน้า—อาจต้องเรียกวิศวกรนิวเคลียร์มาช่วยออกแบบห้องเซิร์ฟเวอร์กันเลยทีเดียว 🤯 เพราะรายงานจาก KAIST (สถาบันวิจัยของเกาหลีใต้) ชี้ว่า TDP (Thermal Design Power) ของชิป AI ในอนาคตอาจพุ่งไปถึง 15,360W ภายในปี 2032 ซึ่งสูงกว่าชิป H100 ของ NVIDIA ปัจจุบัน (700–800W) ถึง 20 เท่า ตอนนี้ NVIDIA Blackwell ใช้พลังงาน 1,400W แล้ว Rubin Ultra ที่จะมาในปี 2027 จะพุ่งไป 3,600W และ Feynman ในปี 2029 จะทะลุ 6,000W ได้เลย โดยทั้งหมดนี้ยัง “ใช้แค่น้ำหล่อเย็น (liquid cooling)” ได้อยู่ แต่หลังจากปี 2030 เป็นต้นไป จะเริ่มใช้เทคโนโลยี Immersion Cooling (จุ่มชิปในของเหลวพิเศษ) และเมื่อถึงปี 2032… ต้องฝังระบบทำความเย็นลงไปในชิปเลย (Embedded Cooling) และไม่ใช่แค่ตัวประมวลผลที่กินไฟครับ—โมดูลหน่วยความจำ HBM ก็จะใช้ไฟกว่า 2,000W ด้วย นั่นแปลว่าชิป AI 1 ตัวอาจใช้ไฟมากกว่บ้าน 2 หลังรวมกัน! ✅ TDP ของชิป AI เพิ่มจากร้อย → พัน → หมื่นวัตต์ในทศวรรษเดียว   • Blackwell Ultra (2025): 1,400W   • Rubin Ultra (2027): 3,600W   • Feynman Ultra (2029): 6,000W   • Post-Feynman Ultra (2032): 15,360W ✅ แนวโน้มเทคโนโลยีหล่อเย็น AI ตามระดับความร้อน   • เริ่มจาก liquid cooling → immersion cooling → embedded cooling   • KAIST เสนอแนวคิดฝัง "ท่อน้ำหล่อเย็น" และ “ฟลูอิด TSV” ลงในชิป ✅ การเพิ่มจำนวน chiplet และ HBM stack เป็นสาเหตุหลักของพลังงานมหาศาล   • HBM6 stack หนึ่งใช้ไฟถึง 120W และอาจมีมากถึง 16 stack ต่อชิป   • ระบบต้องติดเซ็นเซอร์ความร้อนแบบเรียลไทม์ ✅ แนวคิดอนาคต: GPU ซ้อนชั้นสองด้าน + ท่อนำความร้อนฝังใน interposer   • เพิ่มพลังโดยไม่เพิ่มพื้นที่ชิป   • เน้นดึงความร้อนออกจาก “core” ก่อน แล้วค่อยระบายออกนอกตัวระบบ ‼️ พลังงานระดับนี้อาจต้องใช้ระบบจ่ายไฟระดับ “โรงไฟฟ้าขนาดย่อม”   • หนึ่ง GPU rack อาจกินไฟ 50kW+ → ส่งผลต่อโครงสร้างพื้นฐานของ data center ทั่วโลก ‼️ ความท้าทายเรื่อง “คาร์บอนฟุตพรินต์” และสิ่งแวดล้อมจะหนักขึ้น   • แม้จะมีความพยายามใช้ cooling แบบปิดระบบ แต่การผลิตและใช้ชิปเหล่านี้ยังสิ้นเปลืองพลังงานมหาศาล ‼️ Immersion cooling ยังเป็นเทคโนโลยีเฉพาะทาง – ไม่แพร่หลายเท่าที่ควร   • ต้องใช้ของเหลวเฉพาะ แพง และต้องมีระบบควบคุมพิเศษ   • อาจไม่เหมาะกับองค์กรทั่วไป ‼️ ยังไม่มีมาตรฐานอุตสาหกรรมด้าน embedded cooling ที่ชัดเจน   • หากใช้ต่างแนวทางกัน อาจเกิดปัญหาความเข้ากันได้ของฮาร์ดแวร์ในอนาคต https://www.tomshardware.com/pc-components/cooling/future-ai-processors-said-to-consume-up-to-15-360w-massive-power-draw-will-demand-exotic-immersion-and-embedded-cooling-tech
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอนนี้ Microsoft ตั้งใจจะผลักดัน “Copilot” ให้กลายเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะประจำทั้งคนทั่วไปและในองค์กร พอไปดูหน้าเว็บโฆษณาต่าง ๆ ก็จะเห็นว่า Copilot ช่วยสรุปเนื้อหา สร้างเอกสาร และวางโครงสไลด์ได้ทันใจ

    แต่แล้ว หน่วยงาน NAD (National Advertising Division) ในสหรัฐฯ ก็ออกมา “ตักเตือน” Microsoft ว่าการโฆษณานั้นอาจทำให้คนทั่วไปเข้าใจผิดในจุดสำคัญบางจุด โดยเฉพาะการใช้คำว่า “Copilot” ทั้งในเวอร์ชันผู้ช่วยในแอปต่าง ๆ กับ Business Chat ซึ่งจริง ๆ แล้วประสบการณ์ใช้งานต่างกันพอสมควร

    Business Chat ต้องการการตั้งค่าและขั้นตอนเพิ่มเติมกว่าจะเริ่มทำงานได้ ไม่ได้คลิกแล้วพิมพ์คุยได้เลยแบบ Copilot ใน Word หรือ PowerPoint แต่ในหน้าโฆษณากลับไม่ได้อธิบายความต่างเหล่านี้อย่างชัดเจน

    NAD ยังชี้ว่า Microsoft ไม่ควรระบุว่า Copilot “ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและ ROI” โดยไม่มีหลักฐานที่ “น่าเชื่อถือพอ” ถึงแม้จะมีการอ้างอิงผลการทดลองในสหราชอาณาจักรที่ว่าผู้ใช้ประหยัดเวลาได้เฉลี่ย 26 นาทีต่อวันก็ตาม

    สุดท้าย Microsoft ตอบกลับอย่างมืออาชีพว่า ถึงแม้จะไม่เห็นด้วยกับบางข้อ แต่ก็ได้ปรับข้อความโฆษณาบางจุดให้สอดคล้องกับคำแนะนำของ NAD แล้ว

    ✅ Microsoft ถูก NAD วิจารณ์เรื่องโฆษณา Copilot ที่อาจทำให้ผู้บริโภคสับสน  
    • โฆษณา Copilot ไม่แยกแยะชัดเจนระหว่าง Copilot ทั่วไปกับ Business Chat  
    • Business Chat ต้องใช้ขั้นตอนมากกว่า แต่โฆษณากลับไม่อธิบายจุดนี้

    ✅ NAD ไม่ยอมรับการกล่าวอ้างผลลัพธ์โดยไม่มีหลักฐานที่เหมาะสม  
    • Microsoft อ้างว่า Copilot ช่วยเพิ่ม productivity และ ROI แต่ NAD ระบุว่าหลักฐานยังไม่เพียงพอ  
    • แม้จะมีการทดลองใน UK ที่ระบุว่าผู้ใช้ประหยัดเวลา 26 นาทีต่อวัน

    ✅ Microsoft ตอบรับคำแนะนำและปรับข้อความโฆษณาแล้วบางส่วน  
    • แสดงความร่วมมือแม้ไม่เห็นด้วยทุกประเด็น

    ‼️ การใช้คำว่า “Copilot” โดยไม่มีการแยกประเภท อาจทำให้ผู้ใช้สับสน  
    • ผู้ใช้ทั่วไปอาจคาดหวังให้ Business Chat ทำงานได้เร็วแบบเดียวกับ Copilot ในแอปต่าง ๆ  
    • ความคาดหวังผิดอาจนำไปสู่ความไม่พอใจในการใช้งานจริง

    ‼️ ข้อความโฆษณาที่กล่าวอ้างประสิทธิภาพ อาจเกินจริงถ้าไม่มีข้อมูลยืนยันที่โปร่งใส  
    • การใช้คำว่า “เพิ่ม ROI” ต้องมีการอ้างอิงวิจัยที่สอดคล้องกับบริบทการใช้งานจริง  
    • การขาด transparency อาจทำลายความเชื่อมั่นของลูกค้า

    ‼️ ผู้ใช้ต้องเข้าใจว่า Copilot แต่ละเวอร์ชันมีระดับความสามารถต่างกัน  
    • ควรศึกษาฟีเจอร์เฉพาะของ Copilot ในแอปต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจใช้งานหรือซื้อบริการเพิ่มเติม

    https://www.neowin.net/news/watchdog-finds-microsoft-guilty-of-confusing-advertising-when-it-comes-to-copilot/
    ตอนนี้ Microsoft ตั้งใจจะผลักดัน “Copilot” ให้กลายเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะประจำทั้งคนทั่วไปและในองค์กร พอไปดูหน้าเว็บโฆษณาต่าง ๆ ก็จะเห็นว่า Copilot ช่วยสรุปเนื้อหา สร้างเอกสาร และวางโครงสไลด์ได้ทันใจ แต่แล้ว หน่วยงาน NAD (National Advertising Division) ในสหรัฐฯ ก็ออกมา “ตักเตือน” Microsoft ว่าการโฆษณานั้นอาจทำให้คนทั่วไปเข้าใจผิดในจุดสำคัญบางจุด โดยเฉพาะการใช้คำว่า “Copilot” ทั้งในเวอร์ชันผู้ช่วยในแอปต่าง ๆ กับ Business Chat ซึ่งจริง ๆ แล้วประสบการณ์ใช้งานต่างกันพอสมควร Business Chat ต้องการการตั้งค่าและขั้นตอนเพิ่มเติมกว่าจะเริ่มทำงานได้ ไม่ได้คลิกแล้วพิมพ์คุยได้เลยแบบ Copilot ใน Word หรือ PowerPoint แต่ในหน้าโฆษณากลับไม่ได้อธิบายความต่างเหล่านี้อย่างชัดเจน NAD ยังชี้ว่า Microsoft ไม่ควรระบุว่า Copilot “ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและ ROI” โดยไม่มีหลักฐานที่ “น่าเชื่อถือพอ” ถึงแม้จะมีการอ้างอิงผลการทดลองในสหราชอาณาจักรที่ว่าผู้ใช้ประหยัดเวลาได้เฉลี่ย 26 นาทีต่อวันก็ตาม สุดท้าย Microsoft ตอบกลับอย่างมืออาชีพว่า ถึงแม้จะไม่เห็นด้วยกับบางข้อ แต่ก็ได้ปรับข้อความโฆษณาบางจุดให้สอดคล้องกับคำแนะนำของ NAD แล้ว ✅ Microsoft ถูก NAD วิจารณ์เรื่องโฆษณา Copilot ที่อาจทำให้ผู้บริโภคสับสน   • โฆษณา Copilot ไม่แยกแยะชัดเจนระหว่าง Copilot ทั่วไปกับ Business Chat   • Business Chat ต้องใช้ขั้นตอนมากกว่า แต่โฆษณากลับไม่อธิบายจุดนี้ ✅ NAD ไม่ยอมรับการกล่าวอ้างผลลัพธ์โดยไม่มีหลักฐานที่เหมาะสม   • Microsoft อ้างว่า Copilot ช่วยเพิ่ม productivity และ ROI แต่ NAD ระบุว่าหลักฐานยังไม่เพียงพอ   • แม้จะมีการทดลองใน UK ที่ระบุว่าผู้ใช้ประหยัดเวลา 26 นาทีต่อวัน ✅ Microsoft ตอบรับคำแนะนำและปรับข้อความโฆษณาแล้วบางส่วน   • แสดงความร่วมมือแม้ไม่เห็นด้วยทุกประเด็น ‼️ การใช้คำว่า “Copilot” โดยไม่มีการแยกประเภท อาจทำให้ผู้ใช้สับสน   • ผู้ใช้ทั่วไปอาจคาดหวังให้ Business Chat ทำงานได้เร็วแบบเดียวกับ Copilot ในแอปต่าง ๆ   • ความคาดหวังผิดอาจนำไปสู่ความไม่พอใจในการใช้งานจริง ‼️ ข้อความโฆษณาที่กล่าวอ้างประสิทธิภาพ อาจเกินจริงถ้าไม่มีข้อมูลยืนยันที่โปร่งใส   • การใช้คำว่า “เพิ่ม ROI” ต้องมีการอ้างอิงวิจัยที่สอดคล้องกับบริบทการใช้งานจริง   • การขาด transparency อาจทำลายความเชื่อมั่นของลูกค้า ‼️ ผู้ใช้ต้องเข้าใจว่า Copilot แต่ละเวอร์ชันมีระดับความสามารถต่างกัน   • ควรศึกษาฟีเจอร์เฉพาะของ Copilot ในแอปต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจใช้งานหรือซื้อบริการเพิ่มเติม https://www.neowin.net/news/watchdog-finds-microsoft-guilty-of-confusing-advertising-when-it-comes-to-copilot/
    WWW.NEOWIN.NET
    Watchdog finds Microsoft guilty of confusing advertising when it comes to Copilot
    A U.S. watchdog has criticized Microsoft for making statements about Copilot that are not a "good fit" for making objective claims regarding increased productivity.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft เพิ่งยกระดับความสามารถของระบบความปลอดภัย Microsoft Defender XDR ด้วยการใส่ “TITAN” เข้าไปเป็นมันสมองของ Copilot ในฟีเจอร์ที่เรียกว่า Guided Response ซึ่งแต่เดิมทำหน้าที่แนะนำนักวิเคราะห์ความปลอดภัยให้รับมือกับภัยคุกคามแบบทีละขั้น แต่พอผนวก TITAN เข้าไปแล้ว ทุกอย่างยิ่งแกร่งขึ้นหลายเท่า

    TITAN คือกราฟปัญญาประดิษฐ์ที่ Microsoft พัฒนาขึ้นมาให้ฉลาดในการจับสัญญาณภัยร้ายก่อนที่มันจะลงมือ โดยมันจะวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของข้อมูลจากหลากหลายแหล่ง ทั้งภายในและภายนอกองค์กร ไม่ว่าจะเป็น IP แปลก ๆ อีเมลที่ไม่น่าไว้ใจ ไปจนถึงพฤติกรรมที่ “ดูมีพิรุธ” ของอุปกรณ์ในระบบ ตัวระบบจะใช้หลัก “guilt-by-association” หรือแปลคร่าว ๆ ว่า “ถ้าแวดล้อมคุณไม่ดี คุณก็อาจไม่น่าไว้ใจเช่นกัน” ในการวิเคราะห์พฤติกรรม

    ยกตัวอย่าง: ถ้าอุปกรณ์หนึ่งเคยเชื่อมต่อกับ IP ที่มีประวัติไม่ดี TITAN จะขึ้นสถานะเตือนเพื่อให้นักวิเคราะห์เข้าตรวจสอบหรือสั่งกักกันทันที ฟังดูเหมือน AI มีประสาทสัมผัสที่หกเลยใช่ไหมครับ?

    และจากการทดสอบภายใน Microsoft เขาพบว่าระบบใหม่นี้ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจถึง 8% และยังลดเวลาการตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อีกด้วย

    ✅ Microsoft Defender XDR อัปเกรดด้วย TITAN  
    • ทำให้ฟีเจอร์ Guided Response ฉลาดยิ่งขึ้น โดยแนะนำการตอบสนองต่อภัยคุกคามแบบเรียลไทม์  
    • วิเคราะห์ข้อมูลแบบ adaptive ผ่านกราฟภัยคุกคามที่อิงพฤติกรรมและเครือข่ายความสัมพันธ์

    ✅ คุณสมบัติของ TITAN  
    • ใช้เทคนิค guilt-by-association วิเคราะห์ภัยที่ยังไม่ถูกระบุอย่างเป็นทางการ  
    • รวมข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น Microsoft Defender for Threat Intelligence และ feedback จากลูกค้า  
    • แสดงคำแนะนำแบบ “อธิบายได้” เพิ่มความมั่นใจให้นักวิเคราะห์ในการดำเนินการ

    ✅ ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้งาน TITAN  
    • เพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัยภัยคุกคามขึ้น 8%  
    • ลดเวลาในการตอบสนองต่อเหตุการณ์  
    • มีคำแนะนำเชิงปฏิบัติสำหรับ IP address, IP range และ email sender ที่น่าสงสัย

    ‼️ คำเตือนเรื่องการตีความผลลัพธ์ของ TITAN  
    • แม้ TITAN จะฉลาด แต่การตัดสินใจ “เหมารวม” อุปกรณ์หรือผู้ใช้งานจากความเกี่ยวข้องอาจทำให้เกิด false positives (แจ้งเตือนผิดพลาด)  
    • จำเป็นต้องมีนักวิเคราะห์ตรวจสอบก่อนดำเนินการตัดสินใจขั้นสุดท้าย

    ‼️ ความท้าทายในการใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติด้านความปลอดภัย  
    • ระบบ AI แม้จะลดภาระงานได้ แต่ยังจำเป็นต้องมีมนุษย์ควบคุมและปรับใช้ตามบริบทที่เหมาะสม  
    • การพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป อาจเปิดช่องว่างให้ภัยคุกคามระดับสูงใช้หลบเลี่ยงหรือทำการโจมตีแบบแอบแฝง

    https://www.neowin.net/news/microsoft-defender-xdr-gets-titan-powered-security-copilot-recommendations/
    Microsoft เพิ่งยกระดับความสามารถของระบบความปลอดภัย Microsoft Defender XDR ด้วยการใส่ “TITAN” เข้าไปเป็นมันสมองของ Copilot ในฟีเจอร์ที่เรียกว่า Guided Response ซึ่งแต่เดิมทำหน้าที่แนะนำนักวิเคราะห์ความปลอดภัยให้รับมือกับภัยคุกคามแบบทีละขั้น แต่พอผนวก TITAN เข้าไปแล้ว ทุกอย่างยิ่งแกร่งขึ้นหลายเท่า TITAN คือกราฟปัญญาประดิษฐ์ที่ Microsoft พัฒนาขึ้นมาให้ฉลาดในการจับสัญญาณภัยร้ายก่อนที่มันจะลงมือ โดยมันจะวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของข้อมูลจากหลากหลายแหล่ง ทั้งภายในและภายนอกองค์กร ไม่ว่าจะเป็น IP แปลก ๆ อีเมลที่ไม่น่าไว้ใจ ไปจนถึงพฤติกรรมที่ “ดูมีพิรุธ” ของอุปกรณ์ในระบบ ตัวระบบจะใช้หลัก “guilt-by-association” หรือแปลคร่าว ๆ ว่า “ถ้าแวดล้อมคุณไม่ดี คุณก็อาจไม่น่าไว้ใจเช่นกัน” ในการวิเคราะห์พฤติกรรม ยกตัวอย่าง: ถ้าอุปกรณ์หนึ่งเคยเชื่อมต่อกับ IP ที่มีประวัติไม่ดี TITAN จะขึ้นสถานะเตือนเพื่อให้นักวิเคราะห์เข้าตรวจสอบหรือสั่งกักกันทันที ฟังดูเหมือน AI มีประสาทสัมผัสที่หกเลยใช่ไหมครับ? และจากการทดสอบภายใน Microsoft เขาพบว่าระบบใหม่นี้ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจถึง 8% และยังลดเวลาการตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อีกด้วย ✅ Microsoft Defender XDR อัปเกรดด้วย TITAN   • ทำให้ฟีเจอร์ Guided Response ฉลาดยิ่งขึ้น โดยแนะนำการตอบสนองต่อภัยคุกคามแบบเรียลไทม์   • วิเคราะห์ข้อมูลแบบ adaptive ผ่านกราฟภัยคุกคามที่อิงพฤติกรรมและเครือข่ายความสัมพันธ์ ✅ คุณสมบัติของ TITAN   • ใช้เทคนิค guilt-by-association วิเคราะห์ภัยที่ยังไม่ถูกระบุอย่างเป็นทางการ   • รวมข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น Microsoft Defender for Threat Intelligence และ feedback จากลูกค้า   • แสดงคำแนะนำแบบ “อธิบายได้” เพิ่มความมั่นใจให้นักวิเคราะห์ในการดำเนินการ ✅ ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้งาน TITAN   • เพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัยภัยคุกคามขึ้น 8%   • ลดเวลาในการตอบสนองต่อเหตุการณ์   • มีคำแนะนำเชิงปฏิบัติสำหรับ IP address, IP range และ email sender ที่น่าสงสัย ‼️ คำเตือนเรื่องการตีความผลลัพธ์ของ TITAN   • แม้ TITAN จะฉลาด แต่การตัดสินใจ “เหมารวม” อุปกรณ์หรือผู้ใช้งานจากความเกี่ยวข้องอาจทำให้เกิด false positives (แจ้งเตือนผิดพลาด)   • จำเป็นต้องมีนักวิเคราะห์ตรวจสอบก่อนดำเนินการตัดสินใจขั้นสุดท้าย ‼️ ความท้าทายในการใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติด้านความปลอดภัย   • ระบบ AI แม้จะลดภาระงานได้ แต่ยังจำเป็นต้องมีมนุษย์ควบคุมและปรับใช้ตามบริบทที่เหมาะสม   • การพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป อาจเปิดช่องว่างให้ภัยคุกคามระดับสูงใช้หลบเลี่ยงหรือทำการโจมตีแบบแอบแฝง https://www.neowin.net/news/microsoft-defender-xdr-gets-titan-powered-security-copilot-recommendations/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft Defender XDR gets TITAN-powered Security Copilot recommendations
    Microsoft has announced an improvement to Security Copilot Guided Response in Defender XDR called TITAN which aims to flag threats before they've done anything wrong.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • บางส่วนของความเสียหายที่โรงไฟฟ้าไฮฟา (Haifa Power Plant) หลังอิหร่านยิงขีปนาวุธถล่มเมื่อคืนนี้
    บางส่วนของความเสียหายที่โรงไฟฟ้าไฮฟา (Haifa Power Plant) หลังอิหร่านยิงขีปนาวุธถล่มเมื่อคืนนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🎮 Matrox เปิดตัวการ์ดจอ Dual-GPU สำหรับงานแสดงผลระดับสูง
    Matrox ซึ่งเป็นผู้ผลิตการ์ดจอระดับมืออาชีพ ได้เปิดตัว LUMA Pro A380 Octal ซึ่งเป็นการ์ดจอแบบ Dual-GPU ที่สามารถรองรับ 8 หน้าจอ 5K หรือ 4 หน้าจอ 8K ได้พร้อมกัน!

    ✅ รายละเอียดของ Matrox LUMA Pro A380 Octal
    - ใช้ Intel Arc A380E GPUs จำนวน 2 ตัว
    - มี 8 พอร์ต Mini DisplayPort 2.0 รองรับการแสดงผลแบบ HDR และ Adaptive Sync
    - หน่วยความจำ GDDR6 ขนาด 12GB
    - ใช้พลังงาน 130W พร้อมระบบระบายความร้อนแบบ Active Cooling
    - รองรับ DirectX 12 Ultimate, OpenGL 4.6, Vulkan 1.3 และ OpenCL 3.0
    - สามารถ เชื่อมต่อการ์ด 2 ใบในระบบเดียว เพื่อให้การแสดงผลมีความต่อเนื่องและซิงโครไนซ์กัน

    ‼️ ข้อควรระวัง
    - ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับราคาและวันวางจำหน่าย Matrox ระบุว่าเป็น "Coming Soon"
    - ต้องใช้พลังงานสูงถึง 130W อาจต้องมีระบบระบายความร้อนที่ดี
    - ต้องใช้พอร์ต Mini DisplayPort 2.0 ซึ่งอาจต้องมีอะแดปเตอร์สำหรับการเชื่อมต่อกับหน้าจอทั่วไป

    🔍 แนวโน้มของตลาดการ์ดจอสำหรับงานแสดงผล
    ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีการแสดงผล
    - Intel กำลังพัฒนา GPU แบบ Dual-Chip ที่มีหน่วยความจำ 48GB สำหรับงาน AI และการแสดงผลระดับสูง
    - AMD และ Nvidia กำลังแข่งขันกันในตลาดการ์ดจอสำหรับงานมืออาชีพ โดยเน้นไปที่การรองรับ 50 ล้านพิกเซลต่อพอร์ต
    - ตลาดการ์ดจอสำหรับงานแสดงผลหลายหน้าจอเติบโตขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมบันเทิงและการประชุม

    ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับตลาดการ์ดจอ
    - ต้องตรวจสอบความเข้ากันได้ของซอฟต์แวร์ เนื่องจากบางโปรแกรมอาจไม่รองรับการ์ดจอแบบ Dual-GPU
    - ต้องมีระบบระบายความร้อนที่ดี เพื่อป้องกันความร้อนสะสมจากการใช้งานหนัก
    - ต้องพิจารณาค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบหลายหน้าจอ ซึ่งอาจสูงกว่าการใช้การ์ดจอทั่วไป

    🌍 อนาคตของการ์ดจอสำหรับงานมืออาชีพ
    ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่
    - Matrox อาจเปิดตัวรุ่นที่มีพอร์ต HDMI เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายขึ้น
    - Nvidia และ AMD กำลังพัฒนาเทคโนโลยีการแสดงผลแบบ AI-Enhanced เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของภาพและวิดีโอ
    - ตลาดการ์ดจอสำหรับงานมืออาชีพอาจเติบโตขึ้น เนื่องจากความต้องการด้านการแสดงผลที่ซับซ้อนมากขึ้น

    ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่
    - ต้องมีการอัปเดตไดรเวอร์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    - ต้องตรวจสอบความเข้ากันได้ของฮาร์ดแวร์ เพื่อให้แน่ใจว่าระบบสามารถรองรับการ์ดจอรุ่นใหม่ได้
    - ต้องพิจารณาค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดระบบ เนื่องจากการ์ดจอระดับมืออาชีพมักมีราคาสูง

    https://www.techradar.com/pro/legendary-video-card-maker-that-powers-las-vegas-sphere-debuts-dual-gpu-graphics-card-with-8-display-ports
    🎮 Matrox เปิดตัวการ์ดจอ Dual-GPU สำหรับงานแสดงผลระดับสูง Matrox ซึ่งเป็นผู้ผลิตการ์ดจอระดับมืออาชีพ ได้เปิดตัว LUMA Pro A380 Octal ซึ่งเป็นการ์ดจอแบบ Dual-GPU ที่สามารถรองรับ 8 หน้าจอ 5K หรือ 4 หน้าจอ 8K ได้พร้อมกัน! ✅ รายละเอียดของ Matrox LUMA Pro A380 Octal - ใช้ Intel Arc A380E GPUs จำนวน 2 ตัว - มี 8 พอร์ต Mini DisplayPort 2.0 รองรับการแสดงผลแบบ HDR และ Adaptive Sync - หน่วยความจำ GDDR6 ขนาด 12GB - ใช้พลังงาน 130W พร้อมระบบระบายความร้อนแบบ Active Cooling - รองรับ DirectX 12 Ultimate, OpenGL 4.6, Vulkan 1.3 และ OpenCL 3.0 - สามารถ เชื่อมต่อการ์ด 2 ใบในระบบเดียว เพื่อให้การแสดงผลมีความต่อเนื่องและซิงโครไนซ์กัน ‼️ ข้อควรระวัง - ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับราคาและวันวางจำหน่าย Matrox ระบุว่าเป็น "Coming Soon" - ต้องใช้พลังงานสูงถึง 130W อาจต้องมีระบบระบายความร้อนที่ดี - ต้องใช้พอร์ต Mini DisplayPort 2.0 ซึ่งอาจต้องมีอะแดปเตอร์สำหรับการเชื่อมต่อกับหน้าจอทั่วไป 🔍 แนวโน้มของตลาดการ์ดจอสำหรับงานแสดงผล ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีการแสดงผล - Intel กำลังพัฒนา GPU แบบ Dual-Chip ที่มีหน่วยความจำ 48GB สำหรับงาน AI และการแสดงผลระดับสูง - AMD และ Nvidia กำลังแข่งขันกันในตลาดการ์ดจอสำหรับงานมืออาชีพ โดยเน้นไปที่การรองรับ 50 ล้านพิกเซลต่อพอร์ต - ตลาดการ์ดจอสำหรับงานแสดงผลหลายหน้าจอเติบโตขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมบันเทิงและการประชุม ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับตลาดการ์ดจอ - ต้องตรวจสอบความเข้ากันได้ของซอฟต์แวร์ เนื่องจากบางโปรแกรมอาจไม่รองรับการ์ดจอแบบ Dual-GPU - ต้องมีระบบระบายความร้อนที่ดี เพื่อป้องกันความร้อนสะสมจากการใช้งานหนัก - ต้องพิจารณาค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบหลายหน้าจอ ซึ่งอาจสูงกว่าการใช้การ์ดจอทั่วไป 🌍 อนาคตของการ์ดจอสำหรับงานมืออาชีพ ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ - Matrox อาจเปิดตัวรุ่นที่มีพอร์ต HDMI เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายขึ้น - Nvidia และ AMD กำลังพัฒนาเทคโนโลยีการแสดงผลแบบ AI-Enhanced เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของภาพและวิดีโอ - ตลาดการ์ดจอสำหรับงานมืออาชีพอาจเติบโตขึ้น เนื่องจากความต้องการด้านการแสดงผลที่ซับซ้อนมากขึ้น ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ - ต้องมีการอัปเดตไดรเวอร์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ - ต้องตรวจสอบความเข้ากันได้ของฮาร์ดแวร์ เพื่อให้แน่ใจว่าระบบสามารถรองรับการ์ดจอรุ่นใหม่ได้ - ต้องพิจารณาค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดระบบ เนื่องจากการ์ดจอระดับมืออาชีพมักมีราคาสูง https://www.techradar.com/pro/legendary-video-card-maker-that-powers-las-vegas-sphere-debuts-dual-gpu-graphics-card-with-8-display-ports
    WWW.TECHRADAR.COM
    Video card legend reveals eight-port graphics card that supports multiple synchronized displays
    Matrox LUMA Pro A380 Octal includes 12GB memory and 130W power draw with active cooling
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔧 Micron เตรียมยุติการผลิต DDR4 แม้ยังมีความต้องการสูง
    Micron ได้แจ้งลูกค้าว่า ผลิตภัณฑ์หน่วยความจำ DDR4 จะเข้าสู่ช่วงสิ้นสุดอายุการใช้งาน โดยคาดว่าการจัดส่งจะลดลงภายใน 6-9 เดือนข้างหน้า ซึ่งสอดคล้องกับแผนของ Samsung และ SK Hynix ที่จะยุติการผลิต DDR4 และมุ่งเน้นไปที่ DDR5, LPDDR5 และหน่วยความจำความเร็วสูง (HBM)

    ✅ เหตุผลที่ Micron ยุติการผลิต DDR4
    - แม้ว่าความต้องการ DDR4 จะยังสูง แต่ ตลาดกำลังเปลี่ยนไปสู่ DDR5
    - ราคาของ DDR4 และ LPDDR4 ในตลาดจุดสูงกว่าราคา DDR5 ในบางกรณี
    - Micron จะให้ความสำคัญกับ ลูกค้าระยะยาวในอุตสาหกรรมยานยนต์, อุตสาหกรรม และเครือข่าย ซึ่งต้องการความเสถียรของผลิตภัณฑ์

    ‼️ ข้อควรระวัง
    - การขาดแคลน DDR4 อาจทำให้ราคาสูงขึ้น ในช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่ DDR5
    - ผู้ใช้แพลตฟอร์มเก่า เช่น AM4 และ LGA 1700 อาจได้รับผลกระทบ เนื่องจาก DDR4 จะหายไปจากตลาด
    - ผู้ผลิตชิปจีนอาจเข้ามาแทนที่ แต่คุณภาพและการสนับสนุนระยะยาวอาจไม่เทียบเท่าผู้ผลิตรายใหญ่

    🌍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมหน่วยความจำ
    ✅ แนวโน้มตลาดหน่วยความจำ
    - AMD และ Intel กำลังผลักดันให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ DDR5 โดยแพลตฟอร์มใหม่รองรับเฉพาะ DDR5
    - ตลาดเซิร์ฟเวอร์และอุตสาหกรรมกำลังปรับตัว ไปสู่ LPDDR5 และ HBM เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    - ผู้ผลิตเมนบอร์ดอาจลดการผลิตรุ่นที่รองรับ DDR4 เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มตลาด

    ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่าน
    - ผู้ใช้ที่ต้องการอัปเกรดระบบอาจต้องซื้อ DDR4 ล่วงหน้า ก่อนที่สินค้าจะหมดตลาด
    - ต้องตรวจสอบความเข้ากันได้ของเมนบอร์ด หากต้องการเปลี่ยนไปใช้ DDR5
    - อาจเกิดปัญหาด้านราคาของ DDR5 หากความต้องการเพิ่มขึ้นเร็วกว่าการผลิต

    🔍 ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตลาดหน่วยความจำ
    ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่
    - Micron ได้เปิดตัว LPDDR5X รุ่นใหม่ ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
    - SK Hynix กำลังพัฒนา GDDR7 ที่สามารถโอเวอร์คล็อกได้ถึง 34 Gbps
    - Samsung กำลังพัฒนา HBM4 เพื่อรองรับการประมวลผล AI และกราฟิกขั้นสูง

    ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่
    - ต้องมีการอัปเกรดฮาร์ดแวร์เพื่อรองรับหน่วยความจำใหม่ เช่น เมนบอร์ดและซีพียู
    - ราคาของหน่วยความจำรุ่นใหม่อาจสูงในช่วงแรก ก่อนที่ตลาดจะปรับตัว
    - ต้องตรวจสอบความเข้ากันได้ของระบบก่อนเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีใหม่

    https://www.techpowerup.com/338005/micron-announces-ddr4-sunset-amid-stronger-than-ever-demand
    🔧 Micron เตรียมยุติการผลิต DDR4 แม้ยังมีความต้องการสูง Micron ได้แจ้งลูกค้าว่า ผลิตภัณฑ์หน่วยความจำ DDR4 จะเข้าสู่ช่วงสิ้นสุดอายุการใช้งาน โดยคาดว่าการจัดส่งจะลดลงภายใน 6-9 เดือนข้างหน้า ซึ่งสอดคล้องกับแผนของ Samsung และ SK Hynix ที่จะยุติการผลิต DDR4 และมุ่งเน้นไปที่ DDR5, LPDDR5 และหน่วยความจำความเร็วสูง (HBM) ✅ เหตุผลที่ Micron ยุติการผลิต DDR4 - แม้ว่าความต้องการ DDR4 จะยังสูง แต่ ตลาดกำลังเปลี่ยนไปสู่ DDR5 - ราคาของ DDR4 และ LPDDR4 ในตลาดจุดสูงกว่าราคา DDR5 ในบางกรณี - Micron จะให้ความสำคัญกับ ลูกค้าระยะยาวในอุตสาหกรรมยานยนต์, อุตสาหกรรม และเครือข่าย ซึ่งต้องการความเสถียรของผลิตภัณฑ์ ‼️ ข้อควรระวัง - การขาดแคลน DDR4 อาจทำให้ราคาสูงขึ้น ในช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่ DDR5 - ผู้ใช้แพลตฟอร์มเก่า เช่น AM4 และ LGA 1700 อาจได้รับผลกระทบ เนื่องจาก DDR4 จะหายไปจากตลาด - ผู้ผลิตชิปจีนอาจเข้ามาแทนที่ แต่คุณภาพและการสนับสนุนระยะยาวอาจไม่เทียบเท่าผู้ผลิตรายใหญ่ 🌍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมหน่วยความจำ ✅ แนวโน้มตลาดหน่วยความจำ - AMD และ Intel กำลังผลักดันให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ DDR5 โดยแพลตฟอร์มใหม่รองรับเฉพาะ DDR5 - ตลาดเซิร์ฟเวอร์และอุตสาหกรรมกำลังปรับตัว ไปสู่ LPDDR5 และ HBM เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ - ผู้ผลิตเมนบอร์ดอาจลดการผลิตรุ่นที่รองรับ DDR4 เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มตลาด ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่าน - ผู้ใช้ที่ต้องการอัปเกรดระบบอาจต้องซื้อ DDR4 ล่วงหน้า ก่อนที่สินค้าจะหมดตลาด - ต้องตรวจสอบความเข้ากันได้ของเมนบอร์ด หากต้องการเปลี่ยนไปใช้ DDR5 - อาจเกิดปัญหาด้านราคาของ DDR5 หากความต้องการเพิ่มขึ้นเร็วกว่าการผลิต 🔍 ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตลาดหน่วยความจำ ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ - Micron ได้เปิดตัว LPDDR5X รุ่นใหม่ ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงขึ้น - SK Hynix กำลังพัฒนา GDDR7 ที่สามารถโอเวอร์คล็อกได้ถึง 34 Gbps - Samsung กำลังพัฒนา HBM4 เพื่อรองรับการประมวลผล AI และกราฟิกขั้นสูง ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ - ต้องมีการอัปเกรดฮาร์ดแวร์เพื่อรองรับหน่วยความจำใหม่ เช่น เมนบอร์ดและซีพียู - ราคาของหน่วยความจำรุ่นใหม่อาจสูงในช่วงแรก ก่อนที่ตลาดจะปรับตัว - ต้องตรวจสอบความเข้ากันได้ของระบบก่อนเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีใหม่ https://www.techpowerup.com/338005/micron-announces-ddr4-sunset-amid-stronger-than-ever-demand
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Micron Announces DDR4 Sunset Amid Stronger‑Than‑Ever Demand
    Micron has informed its customers that its DDR4 memory products will reach the end of life in the coming quarters, with shipments expected to taper off over the next six to nine months. This announcement aligns Micron with the earlier plans of Samsung and SK Hynix to discontinue DDR4 production and ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🖥️ การตรวจสอบ PowerShell เพื่อป้องกันภัยคุกคาม
    PowerShell เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับผู้ดูแลระบบ แต่ก็เป็นช่องทางที่ผู้โจมตีใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับและเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต

    ✅ กรณีศึกษาการโจมตี
    - ผู้โจมตีใช้ Alpha Agent และ Splashtop Streamer เพื่อเข้าถึงเครื่องของที่ปรึกษา
    - ใช้ WinGet ในการอัปเดตและติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้สามารถควบคุมเครื่องจากระยะไกล
    - ติดตั้ง Atera Agent และ Screen Connect เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึง
    - การเชื่อมต่อมาจาก เครื่องเสมือนในศูนย์ข้อมูลสหรัฐฯ ทำให้ยากต่อการตรวจจับ

    ‼️ ข้อควรระวัง
    - การโจมตีสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้มัลแวร์ แต่ใช้เครื่องมือที่มีอยู่ในระบบแทน
    - ต้องตรวจสอบกิจกรรม PowerShell อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการใช้คำสั่งที่น่าสงสัย
    - ควรมีมาตรการป้องกันการเข้าถึงจากระยะไกล เช่น การจำกัดการใช้เครื่องมือควบคุมระยะไกล

    🔍 แนวทางป้องกัน
    ✅ การตั้งค่าการลดพื้นผิวการโจมตี
    - บล็อกการรันไฟล์ที่ดาวน์โหลดจากอีเมลและเว็บเมล
    - บล็อกการรันไฟล์ที่ไม่อยู่ในรายการที่เชื่อถือได้
    - บล็อกการรันสคริปต์ที่มีการเข้ารหัสหรือซ่อนคำสั่ง
    - บล็อกการสร้างกระบวนการจากคำสั่ง PSExec และ WMI

    ‼️ ข้อควรระวังในการตั้งค่าความปลอดภัย
    - ต้องตรวจสอบการแจ้งเตือนจาก Microsoft Defender อย่างละเอียด เพราะอาจมีข้อมูลผิดพลาด
    - ควรมีระบบตรวจสอบการใช้เครื่องมือควบคุมระยะไกล เพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
    - ควรมีการบันทึกและตรวจสอบคำสั่ง PowerShell เพื่อค้นหาพฤติกรรมที่ผิดปกติ

    🛡️ การตั้งค่าการตรวจสอบ PowerShell
    ✅ การเปิดใช้งานการบันทึกคำสั่ง PowerShell
    - ใช้ Group Policy เพื่อเปิดใช้งาน Script Block Logging
    - ใช้ Microsoft Intune เพื่อกำหนดค่าการบันทึกคำสั่ง PowerShell
    - ตรวจสอบ Event ID 4104 ในบันทึกเหตุการณ์เพื่อค้นหาคำสั่งที่น่าสงสัย

    ‼️ ข้อควรระวังในการตรวจสอบ
    - ต้องมีระบบกลางสำหรับจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้สามารถตรวจสอบพฤติกรรมที่ผิดปกติได้
    - ต้องมีการตรวจสอบคำสั่งที่พยายามเข้าถึง LSASS หรือใช้ Mimikatz เพื่อป้องกันการขโมยข้อมูลรับรอง

    https://www.csoonline.com/article/4006326/how-to-log-and-monitor-powershell-activity-for-suspicious-scripts-and-commands.html
    🖥️ การตรวจสอบ PowerShell เพื่อป้องกันภัยคุกคาม PowerShell เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับผู้ดูแลระบบ แต่ก็เป็นช่องทางที่ผู้โจมตีใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับและเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต ✅ กรณีศึกษาการโจมตี - ผู้โจมตีใช้ Alpha Agent และ Splashtop Streamer เพื่อเข้าถึงเครื่องของที่ปรึกษา - ใช้ WinGet ในการอัปเดตและติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้สามารถควบคุมเครื่องจากระยะไกล - ติดตั้ง Atera Agent และ Screen Connect เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึง - การเชื่อมต่อมาจาก เครื่องเสมือนในศูนย์ข้อมูลสหรัฐฯ ทำให้ยากต่อการตรวจจับ ‼️ ข้อควรระวัง - การโจมตีสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้มัลแวร์ แต่ใช้เครื่องมือที่มีอยู่ในระบบแทน - ต้องตรวจสอบกิจกรรม PowerShell อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการใช้คำสั่งที่น่าสงสัย - ควรมีมาตรการป้องกันการเข้าถึงจากระยะไกล เช่น การจำกัดการใช้เครื่องมือควบคุมระยะไกล 🔍 แนวทางป้องกัน ✅ การตั้งค่าการลดพื้นผิวการโจมตี - บล็อกการรันไฟล์ที่ดาวน์โหลดจากอีเมลและเว็บเมล - บล็อกการรันไฟล์ที่ไม่อยู่ในรายการที่เชื่อถือได้ - บล็อกการรันสคริปต์ที่มีการเข้ารหัสหรือซ่อนคำสั่ง - บล็อกการสร้างกระบวนการจากคำสั่ง PSExec และ WMI ‼️ ข้อควรระวังในการตั้งค่าความปลอดภัย - ต้องตรวจสอบการแจ้งเตือนจาก Microsoft Defender อย่างละเอียด เพราะอาจมีข้อมูลผิดพลาด - ควรมีระบบตรวจสอบการใช้เครื่องมือควบคุมระยะไกล เพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต - ควรมีการบันทึกและตรวจสอบคำสั่ง PowerShell เพื่อค้นหาพฤติกรรมที่ผิดปกติ 🛡️ การตั้งค่าการตรวจสอบ PowerShell ✅ การเปิดใช้งานการบันทึกคำสั่ง PowerShell - ใช้ Group Policy เพื่อเปิดใช้งาน Script Block Logging - ใช้ Microsoft Intune เพื่อกำหนดค่าการบันทึกคำสั่ง PowerShell - ตรวจสอบ Event ID 4104 ในบันทึกเหตุการณ์เพื่อค้นหาคำสั่งที่น่าสงสัย ‼️ ข้อควรระวังในการตรวจสอบ - ต้องมีระบบกลางสำหรับจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้สามารถตรวจสอบพฤติกรรมที่ผิดปกติได้ - ต้องมีการตรวจสอบคำสั่งที่พยายามเข้าถึง LSASS หรือใช้ Mimikatz เพื่อป้องกันการขโมยข้อมูลรับรอง https://www.csoonline.com/article/4006326/how-to-log-and-monitor-powershell-activity-for-suspicious-scripts-and-commands.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    How to log and monitor PowerShell activity for suspicious scripts and commands
    Attackers are increasingly abusing sanctioned tools to subvert automated defenses. Tracking your Windows fleet’s PowerShell use — especially consultant workstations — can provide early indications of nefarious activity.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานอิหร่านโจมตีโรงไฟฟ้า 2 โรง คือ:

    👉โรงไฟฟ้าไฮฟา (Haifa power plant)
    👉โรงไฟฟ้าเกเซอร์ (Gezer Gas Power Plant)

    รอยืนยันรูปถ่ายและวิดีโอที่แน่นอนอีกครั้ง
    มีรายงานอิหร่านโจมตีโรงไฟฟ้า 2 โรง คือ: 👉โรงไฟฟ้าไฮฟา (Haifa power plant) 👉โรงไฟฟ้าเกเซอร์ (Gezer Gas Power Plant) รอยืนยันรูปถ่ายและวิดีโอที่แน่นอนอีกครั้ง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากการรายงาน แจ้งว่าลูกนี้ลงที่โรงไฟฟ้าไฮฟา (Haifa power plant)
    จากการรายงาน แจ้งว่าลูกนี้ลงที่โรงไฟฟ้าไฮฟา (Haifa power plant)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 31 0 รีวิว
  • ภาพวิดีโอชัดๆที่โรงไฟฟ้าไฮฟา (Haifa power plant)
    ภาพวิดีโอชัดๆที่โรงไฟฟ้าไฮฟา (Haifa power plant)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • การโจมตีเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาของอิหร่าน สื่อรายงานว่ามุ่งเป้าไปที่โรงไฟฟ้าโรงไฟฟ้าฮาเดรา (Hadera Power Plant) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าก๊าซและดีเซลมีกำลังการผลิตรวม 144 เมกะวัตต์
    การโจมตีเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาของอิหร่าน สื่อรายงานว่ามุ่งเป้าไปที่โรงไฟฟ้าโรงไฟฟ้าฮาเดรา (Hadera Power Plant) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าก๊าซและดีเซลมีกำลังการผลิตรวม 144 เมกะวัตต์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 82 มุมมอง 0 รีวิว
  • From Trainee To Bias: The Big 16 K-Pop Slang Terms To Know

    K-pop is the name of a pop music sensation that originated in South Korea and is sweeping the globe. From its energetic choreography and music to the beauty of its idols, K-pop (or K for Korea combined with pop) has entranced international and Korean fans alike—and chances are you’ve heard it, hummed it, or danced to it. (Did you catch BTS’ “Friends” playing in the Marvel movie Eternals? And who knew Clifford the Dog was also a K-pop stan? At least, his trailer made it seem so.)

    Emerging from the 1990s, K-pop has created a unique fandom culture along the way. Fans have indulged fully in this media, creating their own celebrations, traditions, and—of course—slang. All of this can overwhelm the casual listener trying out K-pop sounds, and I have to admit, I once thought this fandom was a little over the top. But I’ve since been won over—after all, being a fan of a group like Red Velvet is no different from being a fan of Ariana Grande.

    To get you started, I am providing a short guide to K-pop’s complex terminology. Whether you’re interested in K-pop, saw BTS on the news, or have friends who listen to all of the above, here are a few terms to know.

    Please note: these words are used mainly by English-speaking international fans and are found across fan Twitters, Instagrams, TikToks and Tumblrs.

    bias
    In K-pop slang, a bias is a member in a group that you like or relate to the most. K-pop fans collect merchandise—for example, photocards (more on that later)—of their biases. Fans use this term to learn more about other fans.

    Example: Who is your Twice bias? (And you’d answer with your favorite.)

    biaswrecker
    Although fans have their fundamental biases, it doesn’t mean that a bias is monogamous. Most fans with biases will have their biaswreckers, too. These wreckers are members in a group that make you question who your true bias is.

    sasaeng
    One group of people widely looked down upon are sasaengs (사생팬) or sasaeng fans. This slang derives from a Korean word (sa for “private” and saeng for “life”) that refers to an obsessive fan who stalks or otherwise violates the privacy of a Korean idol. Sasaengs tend to own fan pages, and some say they operate much like the American tabloids of the 2000s.

    comeback
    When an idol group releases new music, it’s called a comeback. Comebacks usually take place every few months and include new promotions, hair colors, styles, music, etc. Era is another word used in this fandom to describe a comeback.

    Example: Did you hear that BTS are having a comeback in June?

    nugu
    This word literally means “Who?” in Korean, and is used by fans to describe small and relatively unknown idol groups. A group like IVE would not be described as a nugu (누구) but the girl group Weki Meki would.

    visual
    In K-pop, there are roles for each idol in a group, including a role as visual. The visual role is assigned by the company to the member or members in a group who best fit a strict Korean beauty standard. Fans also debate who they believe the visual to be in each group. For example, Jin is the official visual of the group BTS, but many consider Taehyung to fit the role. This harsh beauty standard prizes small facial features, cuteness, and specific measurements of the face, body, eyes, and much more.

    aegyo
    Aegyo (애교) can be used to describe K-pop idols (both male and female) who are acting cute and childlike. Aegyo moves require specific word choices, vocal tones, and both facial and body gestures. Aegyo (often translated as “cuteness”) is usually meant to show a flirtatious side of idols and is also used by the general Korean population.

    Example: The judges made Felix do aegyo as a punishment for losing the game.

    maknae
    Another Korean word that has been adopted into international fan spaces is maknae (막내) or “youngest person.” This slang is used to describe the youngest member of a group. The term maknae, much like visual, is a role a member takes on.

    trainee
    When an idol is training before they debut, they are considered a trainee. These trainees usually take part in promotions, trying to gain popularity before their debut. Trainees typically are under contract and fulfill years of rigorous training to be able to match the abilities of many idols you see today.

    subunit
    In some idol groups subunits are formed. These units comprise a few members in a group who create their own music or albums. Some groups, such as LOONA and NCT, use subunits as their concept. This term can also describe two or three members in a group who have a similar skill or talent (like a vocal or dance unit).

    antis
    Anti or anti-fan is used to describe people who hate an artist or group so much that they seem to follow their activities and content as much or more than a fan would. Some of these antis display sasaeng behavior, dedicating themselves completely to taking down or hate speech idols. These hate campaigns contain criticizing and insulting language. Shockingly, some antis have gone so far as hurting idols in real life.

    delulu
    This term is short for delusional, and it’s used to mock fans who believe they’ll date, marry, or befriend their favorite idol. The word can describe a fan who devotes an unhealthy amount of time and energy to an idol. You could say becoming a delulu is a first step on the pipeline towards sasaeng and usually includes behavior similar to said sasaeng.

    Example: Did you see that guy talking about how he and Nayeon are dating? He’s such a delulu.

    solo stan
    When a fan of an idol group only stans a single member, they are a self-proclaimed solo stan or are labeled as such by others in the community. A solo stan might hate other members in a group, which is why the term has a negative connotation in the community. The word solo stan also can describe someone who’s a fan of a singular idol (like Sunmi or IU) who does not participate in idol groups.

    photocard
    Photocards (or pocas or PCs) are typically 3” by 2” pieces of glossy paper photos included in a K-pop albums and prized by fans. They may not sound like much to the average joe, but to the average Jimin fan, these pictures are worth hundreds to thousands of dollars.

    the Big 3
    In Korea, idols are contracted under companies. The Big 3 describes the main three corporations that famous idols usually sign under. These three companies are HYBE Entertainment (previously known as BigHit Entertainment), with groups like BTS and TXT; SM Entertainment, with groups like Girls Generation and Aespa; and YG Entertainment, producing groups like BLACKPINK and iKON. The Big 3 not only produce idols but also sign and manage actors. JYP Entertainment can also be considered as part of the Big 3 (HYBE is a relative newcomer to the list), leading some to use the term “Big 4.”

    netizen
    The term netizen does generally mean an internet user, but it’s used in K-pop to refer to Korean fans who are online intensively. These fans or anti-fans are internet sleuths and usually the ones to create scandals and/or help in proving rumors wrong or right about specific idols. Netizens (or also K-netizens) hold power in the idol industry; companies want these internet personas to view their idols in a positive light and do their best to prevent scandals that might mobilize netizens.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    From Trainee To Bias: The Big 16 K-Pop Slang Terms To Know K-pop is the name of a pop music sensation that originated in South Korea and is sweeping the globe. From its energetic choreography and music to the beauty of its idols, K-pop (or K for Korea combined with pop) has entranced international and Korean fans alike—and chances are you’ve heard it, hummed it, or danced to it. (Did you catch BTS’ “Friends” playing in the Marvel movie Eternals? And who knew Clifford the Dog was also a K-pop stan? At least, his trailer made it seem so.) Emerging from the 1990s, K-pop has created a unique fandom culture along the way. Fans have indulged fully in this media, creating their own celebrations, traditions, and—of course—slang. All of this can overwhelm the casual listener trying out K-pop sounds, and I have to admit, I once thought this fandom was a little over the top. But I’ve since been won over—after all, being a fan of a group like Red Velvet is no different from being a fan of Ariana Grande. To get you started, I am providing a short guide to K-pop’s complex terminology. Whether you’re interested in K-pop, saw BTS on the news, or have friends who listen to all of the above, here are a few terms to know. Please note: these words are used mainly by English-speaking international fans and are found across fan Twitters, Instagrams, TikToks and Tumblrs. bias In K-pop slang, a bias is a member in a group that you like or relate to the most. K-pop fans collect merchandise—for example, photocards (more on that later)—of their biases. Fans use this term to learn more about other fans. Example: Who is your Twice bias? (And you’d answer with your favorite.) biaswrecker Although fans have their fundamental biases, it doesn’t mean that a bias is monogamous. Most fans with biases will have their biaswreckers, too. These wreckers are members in a group that make you question who your true bias is. sasaeng One group of people widely looked down upon are sasaengs (사생팬) or sasaeng fans. This slang derives from a Korean word (sa for “private” and saeng for “life”) that refers to an obsessive fan who stalks or otherwise violates the privacy of a Korean idol. Sasaengs tend to own fan pages, and some say they operate much like the American tabloids of the 2000s. comeback When an idol group releases new music, it’s called a comeback. Comebacks usually take place every few months and include new promotions, hair colors, styles, music, etc. Era is another word used in this fandom to describe a comeback. Example: Did you hear that BTS are having a comeback in June? nugu This word literally means “Who?” in Korean, and is used by fans to describe small and relatively unknown idol groups. A group like IVE would not be described as a nugu (누구) but the girl group Weki Meki would. visual In K-pop, there are roles for each idol in a group, including a role as visual. The visual role is assigned by the company to the member or members in a group who best fit a strict Korean beauty standard. Fans also debate who they believe the visual to be in each group. For example, Jin is the official visual of the group BTS, but many consider Taehyung to fit the role. This harsh beauty standard prizes small facial features, cuteness, and specific measurements of the face, body, eyes, and much more. aegyo Aegyo (애교) can be used to describe K-pop idols (both male and female) who are acting cute and childlike. Aegyo moves require specific word choices, vocal tones, and both facial and body gestures. Aegyo (often translated as “cuteness”) is usually meant to show a flirtatious side of idols and is also used by the general Korean population. Example: The judges made Felix do aegyo as a punishment for losing the game. maknae Another Korean word that has been adopted into international fan spaces is maknae (막내) or “youngest person.” This slang is used to describe the youngest member of a group. The term maknae, much like visual, is a role a member takes on. trainee When an idol is training before they debut, they are considered a trainee. These trainees usually take part in promotions, trying to gain popularity before their debut. Trainees typically are under contract and fulfill years of rigorous training to be able to match the abilities of many idols you see today. subunit In some idol groups subunits are formed. These units comprise a few members in a group who create their own music or albums. Some groups, such as LOONA and NCT, use subunits as their concept. This term can also describe two or three members in a group who have a similar skill or talent (like a vocal or dance unit). antis Anti or anti-fan is used to describe people who hate an artist or group so much that they seem to follow their activities and content as much or more than a fan would. Some of these antis display sasaeng behavior, dedicating themselves completely to taking down or hate speech idols. These hate campaigns contain criticizing and insulting language. Shockingly, some antis have gone so far as hurting idols in real life. delulu This term is short for delusional, and it’s used to mock fans who believe they’ll date, marry, or befriend their favorite idol. The word can describe a fan who devotes an unhealthy amount of time and energy to an idol. You could say becoming a delulu is a first step on the pipeline towards sasaeng and usually includes behavior similar to said sasaeng. Example: Did you see that guy talking about how he and Nayeon are dating? He’s such a delulu. solo stan When a fan of an idol group only stans a single member, they are a self-proclaimed solo stan or are labeled as such by others in the community. A solo stan might hate other members in a group, which is why the term has a negative connotation in the community. The word solo stan also can describe someone who’s a fan of a singular idol (like Sunmi or IU) who does not participate in idol groups. photocard Photocards (or pocas or PCs) are typically 3” by 2” pieces of glossy paper photos included in a K-pop albums and prized by fans. They may not sound like much to the average joe, but to the average Jimin fan, these pictures are worth hundreds to thousands of dollars. the Big 3 In Korea, idols are contracted under companies. The Big 3 describes the main three corporations that famous idols usually sign under. These three companies are HYBE Entertainment (previously known as BigHit Entertainment), with groups like BTS and TXT; SM Entertainment, with groups like Girls Generation and Aespa; and YG Entertainment, producing groups like BLACKPINK and iKON. The Big 3 not only produce idols but also sign and manage actors. JYP Entertainment can also be considered as part of the Big 3 (HYBE is a relative newcomer to the list), leading some to use the term “Big 4.” netizen The term netizen does generally mean an internet user, but it’s used in K-pop to refer to Korean fans who are online intensively. These fans or anti-fans are internet sleuths and usually the ones to create scandals and/or help in proving rumors wrong or right about specific idols. Netizens (or also K-netizens) hold power in the idol industry; companies want these internet personas to view their idols in a positive light and do their best to prevent scandals that might mobilize netizens. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
  • Gigabyte เปิดตัว AI TOP 500 TRX50 ซึ่งเป็นพีซีระดับสูงที่ออกแบบมาเพื่อการพัฒนา AI และการปรับแต่งโมเดล แต่กลับถูกโฆษณาว่าเป็นพีซีสำหรับเล่นเกมด้วย โดยใช้ Ryzen Threadripper PRO 7965WX และการ์ดจอ GeForce RTX 5090 ระบบนี้รองรับโมเดล AI ขนาดใหญ่สูงสุด 405 พันล้านพารามิเตอร์ และมาพร้อมซอฟต์แวร์สำหรับจัดการงานด้าน AI

    ⚙️ สาระสำคัญจากข่าว
    ✅ AI TOP 500 TRX50 ถูกออกแบบมาสำหรับนักพัฒนา AI
    - Gigabyte เปิดตัวเวิร์กสเตชัน AI TOP 500 TRX50 ที่ใช้ Threadripper PRO 7965WX
    - รองรับโมเดล AI ขนาดใหญ่ สูงสุด 405 พันล้านพารามิเตอร์
    - ใช้ GeForce RTX 5090 Windforce และหน่วยความจำ DDR5 R-DIMM สูงสุด 768GB

    ✅ ฮาร์ดแวร์ระดับสูงเพื่อรองรับงาน AI
    - ระบบมาพร้อม 1TB AI TOP 100E Cache SSD และ 2TB AORUS Gen 4 SSD
    - แหล่งพลังงาน PSU 1600W 80 Plus Platinum รองรับการทำงานต่อเนื่อง
    - มีพอร์ต USB 3.2 Gen 2, Thunderbolt 5 และ Dual 10G LAN เพื่อรองรับการเชื่อมต่อแบบมัลติ-โนด

    ✅ Gigabyte โฆษณาว่าเป็นพีซีสำหรับเล่นเกม
    - แม้ AI TOP 500 จะมุ่งเป้าไปที่นักพัฒนา AI แต่กลับถูกโฆษณาว่า เป็น “Gaming PC” ด้วย
    - การโฆษณานี้อาจทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสับสนเกี่ยวกับประสิทธิภาพของระบบ

    🚨 ข้อมูลเพิ่มเติมและคำเตือน
    ‼️ พีซีสำหรับงาน AI ไม่เหมาะกับการเล่นเกม
    - แม้ว่าจะใช้ RTX 5090 แต่พีซีนี้ ออกแบบมาสำหรับการประมวลผล AI ไม่ใช่การเล่นเกม
    - อาจไม่เหมาะกับการเล่นเกมที่ต้องการ Clock Speed สูงและการตอบสนองที่รวดเร็ว

    ‼️ แนวทางเลือกซื้อพีซีให้เหมาะกับการใช้งาน
    - หากต้องการพีซีสำหรับ AI ให้เลือก CPU และ GPU ที่รองรับการประมวลผลแบบขนาน
    - หากต้องการพีซีสำหรับเล่นเกม ควรเลือกระบบที่มี Refresh Rate สูง และ Latency ต่ำ
    - ตรวจสอบความเข้ากันได้ของ ระบบระบายความร้อนและแหล่งพลังงาน

    https://www.techradar.com/pro/gigabyte-jumps-on-lucrative-ai-bandwagon-with-threadripper-powered-workstation-but-oddly-claims-it-is-a-gaming-pc
    Gigabyte เปิดตัว AI TOP 500 TRX50 ซึ่งเป็นพีซีระดับสูงที่ออกแบบมาเพื่อการพัฒนา AI และการปรับแต่งโมเดล แต่กลับถูกโฆษณาว่าเป็นพีซีสำหรับเล่นเกมด้วย โดยใช้ Ryzen Threadripper PRO 7965WX และการ์ดจอ GeForce RTX 5090 ระบบนี้รองรับโมเดล AI ขนาดใหญ่สูงสุด 405 พันล้านพารามิเตอร์ และมาพร้อมซอฟต์แวร์สำหรับจัดการงานด้าน AI ⚙️ สาระสำคัญจากข่าว ✅ AI TOP 500 TRX50 ถูกออกแบบมาสำหรับนักพัฒนา AI - Gigabyte เปิดตัวเวิร์กสเตชัน AI TOP 500 TRX50 ที่ใช้ Threadripper PRO 7965WX - รองรับโมเดล AI ขนาดใหญ่ สูงสุด 405 พันล้านพารามิเตอร์ - ใช้ GeForce RTX 5090 Windforce และหน่วยความจำ DDR5 R-DIMM สูงสุด 768GB ✅ ฮาร์ดแวร์ระดับสูงเพื่อรองรับงาน AI - ระบบมาพร้อม 1TB AI TOP 100E Cache SSD และ 2TB AORUS Gen 4 SSD - แหล่งพลังงาน PSU 1600W 80 Plus Platinum รองรับการทำงานต่อเนื่อง - มีพอร์ต USB 3.2 Gen 2, Thunderbolt 5 และ Dual 10G LAN เพื่อรองรับการเชื่อมต่อแบบมัลติ-โนด ✅ Gigabyte โฆษณาว่าเป็นพีซีสำหรับเล่นเกม - แม้ AI TOP 500 จะมุ่งเป้าไปที่นักพัฒนา AI แต่กลับถูกโฆษณาว่า เป็น “Gaming PC” ด้วย - การโฆษณานี้อาจทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสับสนเกี่ยวกับประสิทธิภาพของระบบ 🚨 ข้อมูลเพิ่มเติมและคำเตือน ‼️ พีซีสำหรับงาน AI ไม่เหมาะกับการเล่นเกม - แม้ว่าจะใช้ RTX 5090 แต่พีซีนี้ ออกแบบมาสำหรับการประมวลผล AI ไม่ใช่การเล่นเกม - อาจไม่เหมาะกับการเล่นเกมที่ต้องการ Clock Speed สูงและการตอบสนองที่รวดเร็ว ‼️ แนวทางเลือกซื้อพีซีให้เหมาะกับการใช้งาน - หากต้องการพีซีสำหรับ AI ให้เลือก CPU และ GPU ที่รองรับการประมวลผลแบบขนาน - หากต้องการพีซีสำหรับเล่นเกม ควรเลือกระบบที่มี Refresh Rate สูง และ Latency ต่ำ - ตรวจสอบความเข้ากันได้ของ ระบบระบายความร้อนและแหล่งพลังงาน https://www.techradar.com/pro/gigabyte-jumps-on-lucrative-ai-bandwagon-with-threadripper-powered-workstation-but-oddly-claims-it-is-a-gaming-pc
    WWW.TECHRADAR.COM
    Gigabyte unveils high-end AI workstation but insists it’s a gaming machine too
    AI TOP 500 TRX50 offers workstation-class hardware for advanced AI and local model fine-tuning
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚀 Micron ผนึกกำลัง AMD พัฒนา HBM3E สำหรับ AI และ HPC
    Micron ประกาศการบูรณาการ HBM3E 36 GB 12-high เข้ากับ AMD Instinct MI350 Series ซึ่งเป็น แพลตฟอร์ม AI และ HPC รุ่นใหม่ โดยเน้น ประสิทธิภาพสูงและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

    🔍 รายละเอียดของความร่วมมือ
    ✅ HBM3E 36 GB 12-high ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ AMD Instinct MI350
    - AMD Instinct MI350 Series ใช้สถาปัตยกรรม CDNA 4 พร้อม หน่วยความจำ HBM3E ขนาด 288 GB
    - ให้แบนด์วิดท์สูงสุด 8 TB/s รองรับ AI models ขนาด 520 พันล้านพารามิเตอร์

    ✅ การออกแบบที่เน้นประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงาน
    - HBM3E ช่วยลดการใช้พลังงาน และ เพิ่ม throughput สำหรับงาน AI และ HPC
    - แพลตฟอร์มเต็มรูปแบบมีหน่วยความจำ HBM3E สูงสุด 2.3 TB และ ประสิทธิภาพสูงสุด 161 PFLOPS ที่ FP4 precision

    ✅ Micron และ AMD เร่งพัฒนา AI solutions ให้เข้าสู่ตลาดเร็วขึ้น
    - Micron ทำงานร่วมกับ AMD เพื่อปรับแต่ง HBM3E ให้เข้ากับ Instinct MI350 Series
    - ช่วยให้ศูนย์ข้อมูลสามารถขยายขนาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI และ HPC
    ‼️ ต้องติดตามว่า HBM3E จะสามารถแข่งขันกับ HBM4 ได้หรือไม่
    - Micron เพิ่งเริ่มจัดส่งตัวอย่าง HBM4 ซึ่งมีแบนด์วิดท์สูงกว่า

    ‼️ การใช้พลังงานของ Instinct MI350 อาจเป็นปัจจัยสำคัญในการนำไปใช้งาน
    - ต้องดูว่าแพลตฟอร์มนี้จะสามารถรักษาสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและการใช้พลังงานได้ดีแค่ไหน

    ‼️ การแข่งขันระหว่าง AMD และ Nvidia ในตลาด AI accelerators ยังคงเข้มข้น
    - Nvidia อาจเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบโต้ Instinct MI350 Series

    🚀 อนาคตของ HBM และ AI accelerators
    ✅ Micron อาจขยายการพัฒนา HBM4 เพื่อรองรับ AI workloads ที่ใหญ่ขึ้น ✅ AMD อาจเปิดตัว Instinct MI355X และ MI400 Series ในอนาคต

    https://www.techpowerup.com/337991/micron-hbm-designed-into-leading-amd-ai-platform
    🚀 Micron ผนึกกำลัง AMD พัฒนา HBM3E สำหรับ AI และ HPC Micron ประกาศการบูรณาการ HBM3E 36 GB 12-high เข้ากับ AMD Instinct MI350 Series ซึ่งเป็น แพลตฟอร์ม AI และ HPC รุ่นใหม่ โดยเน้น ประสิทธิภาพสูงและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ 🔍 รายละเอียดของความร่วมมือ ✅ HBM3E 36 GB 12-high ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ AMD Instinct MI350 - AMD Instinct MI350 Series ใช้สถาปัตยกรรม CDNA 4 พร้อม หน่วยความจำ HBM3E ขนาด 288 GB - ให้แบนด์วิดท์สูงสุด 8 TB/s รองรับ AI models ขนาด 520 พันล้านพารามิเตอร์ ✅ การออกแบบที่เน้นประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงาน - HBM3E ช่วยลดการใช้พลังงาน และ เพิ่ม throughput สำหรับงาน AI และ HPC - แพลตฟอร์มเต็มรูปแบบมีหน่วยความจำ HBM3E สูงสุด 2.3 TB และ ประสิทธิภาพสูงสุด 161 PFLOPS ที่ FP4 precision ✅ Micron และ AMD เร่งพัฒนา AI solutions ให้เข้าสู่ตลาดเร็วขึ้น - Micron ทำงานร่วมกับ AMD เพื่อปรับแต่ง HBM3E ให้เข้ากับ Instinct MI350 Series - ช่วยให้ศูนย์ข้อมูลสามารถขยายขนาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ 🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI และ HPC ‼️ ต้องติดตามว่า HBM3E จะสามารถแข่งขันกับ HBM4 ได้หรือไม่ - Micron เพิ่งเริ่มจัดส่งตัวอย่าง HBM4 ซึ่งมีแบนด์วิดท์สูงกว่า ‼️ การใช้พลังงานของ Instinct MI350 อาจเป็นปัจจัยสำคัญในการนำไปใช้งาน - ต้องดูว่าแพลตฟอร์มนี้จะสามารถรักษาสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและการใช้พลังงานได้ดีแค่ไหน ‼️ การแข่งขันระหว่าง AMD และ Nvidia ในตลาด AI accelerators ยังคงเข้มข้น - Nvidia อาจเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบโต้ Instinct MI350 Series 🚀 อนาคตของ HBM และ AI accelerators ✅ Micron อาจขยายการพัฒนา HBM4 เพื่อรองรับ AI workloads ที่ใหญ่ขึ้น ✅ AMD อาจเปิดตัว Instinct MI355X และ MI400 Series ในอนาคต https://www.techpowerup.com/337991/micron-hbm-designed-into-leading-amd-ai-platform
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Micron HBM Designed into Leading AMD AI Platform
    Micron Technology, Inc. today announced the integration of its HBM3E 36 GB 12-high offering into the upcoming AMD Instinct MI350 Series solutions. This collaboration highlights the critical role of power efficiency and performance in training large AI models, delivering high-throughput inference and...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔗 PCI-SIG เปิดตัวมาตรฐาน PCIe-over-Fiber สำหรับการเชื่อมต่อแบบออปติคอล
    PCI-SIG ได้ประกาศ มาตรฐาน PCIe-over-Fiber ซึ่งเป็น โซลูชันการเชื่อมต่อแบบออปติคอลที่ใช้ PCIe Retimer เพื่อช่วยให้ สามารถขยายระยะการเชื่อมต่อและลดข้อจำกัดของสายทองแดง

    มาตรฐานใหม่นี้ เพิ่มความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่าง Switch, Root-Complex และ Endpoint โดยใช้ เทคโนโลยี Optical Aware Retimer

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - PCI-SIG เปิดตัว Optical Aware Retimer ECN สำหรับ PCIe 6.4 และ PCIe 7.0
    - ช่วยให้สามารถใช้เทคโนโลยีออปติคอลร่วมกับ PCIe ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    - ขยายระยะการเชื่อมต่อระหว่าง racks และ pods ในศูนย์ข้อมูล
    - รองรับการ multiplexing และ data mapping ระหว่างสัญญาณไฟฟ้าและออปติคอล
    - ช่วยให้สามารถออกแบบระบบที่กะทัดรัดกว่าการใช้สายทองแดง

    🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซิร์ฟเวอร์และ AI
    PCIe-over-Fiber จะช่วยให้ศูนย์ข้อมูลสามารถรองรับแอปพลิเคชันที่ต้องการแบนด์วิดท์สูง เช่น AI/ML และ Cloud Computing

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การเปลี่ยนไปใช้การเชื่อมต่อแบบออปติคอลอาจต้องใช้ฮาร์ดแวร์ใหม่
    - ต้องติดตามว่า PCIe-over-Fiber จะสามารถเข้าสู่ตลาดเซิร์ฟเวอร์และ HPC ได้เร็วแค่ไหน
    - การบำรุงรักษาและติดตั้งสายไฟเบอร์ออปติกอาจมีต้นทุนสูงกว่าสายทองแดง
    - ต้องรอดูว่าเทคโนโลยีนี้จะถูกนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคทั่วไปหรือไม่

    🚀 อนาคตของ PCIe และการเชื่อมต่อแบบออปติคอล
    PCI-SIG กำลังผลักดันให้ PCIe-over-Fiber กลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับศูนย์ข้อมูล โดย อาจช่วยให้สามารถขยายแบนด์วิดท์และลดข้อจำกัดของสายทองแดงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    https://www.techpowerup.com/337962/pci-sig-announces-pcie-optical-interconnect-solution-pcie-over-fiber
    🔗 PCI-SIG เปิดตัวมาตรฐาน PCIe-over-Fiber สำหรับการเชื่อมต่อแบบออปติคอล PCI-SIG ได้ประกาศ มาตรฐาน PCIe-over-Fiber ซึ่งเป็น โซลูชันการเชื่อมต่อแบบออปติคอลที่ใช้ PCIe Retimer เพื่อช่วยให้ สามารถขยายระยะการเชื่อมต่อและลดข้อจำกัดของสายทองแดง มาตรฐานใหม่นี้ เพิ่มความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่าง Switch, Root-Complex และ Endpoint โดยใช้ เทคโนโลยี Optical Aware Retimer ✅ ข้อมูลจากข่าว - PCI-SIG เปิดตัว Optical Aware Retimer ECN สำหรับ PCIe 6.4 และ PCIe 7.0 - ช่วยให้สามารถใช้เทคโนโลยีออปติคอลร่วมกับ PCIe ได้อย่างมีประสิทธิภาพ - ขยายระยะการเชื่อมต่อระหว่าง racks และ pods ในศูนย์ข้อมูล - รองรับการ multiplexing และ data mapping ระหว่างสัญญาณไฟฟ้าและออปติคอล - ช่วยให้สามารถออกแบบระบบที่กะทัดรัดกว่าการใช้สายทองแดง 🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซิร์ฟเวอร์และ AI PCIe-over-Fiber จะช่วยให้ศูนย์ข้อมูลสามารถรองรับแอปพลิเคชันที่ต้องการแบนด์วิดท์สูง เช่น AI/ML และ Cloud Computing ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การเปลี่ยนไปใช้การเชื่อมต่อแบบออปติคอลอาจต้องใช้ฮาร์ดแวร์ใหม่ - ต้องติดตามว่า PCIe-over-Fiber จะสามารถเข้าสู่ตลาดเซิร์ฟเวอร์และ HPC ได้เร็วแค่ไหน - การบำรุงรักษาและติดตั้งสายไฟเบอร์ออปติกอาจมีต้นทุนสูงกว่าสายทองแดง - ต้องรอดูว่าเทคโนโลยีนี้จะถูกนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคทั่วไปหรือไม่ 🚀 อนาคตของ PCIe และการเชื่อมต่อแบบออปติคอล PCI-SIG กำลังผลักดันให้ PCIe-over-Fiber กลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับศูนย์ข้อมูล โดย อาจช่วยให้สามารถขยายแบนด์วิดท์และลดข้อจำกัดของสายทองแดงได้อย่างมีประสิทธิภาพ https://www.techpowerup.com/337962/pci-sig-announces-pcie-optical-interconnect-solution-pcie-over-fiber
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    PCI-SIG Announces PCIe Optical Interconnect Solution: PCIe-over-Fiber
    PCI-SIG today announced a new optical interconnect specification revision to enable higher PCI Express (PCIe) technology performance. The Optical Aware Retimer Engineering Change Notice (ECN) amends the PCIe 6.4 specification and the new PCIe 7.0 specification to include a PCIe retimer-based solutio...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🏭 TSMC เปิดตัว CoPoS: เทคโนโลยีแพ็กเกจชิปขนาดใหญ่ 310 × 310 มม.
    TSMC ได้เปิดตัว CoPoS (Chips on Panel on Substrate) ซึ่งเป็น เทคโนโลยีแพ็กเกจชิปที่ขยายขนาดได้ถึง 310 × 310 มม. โดยใช้ แผงสี่เหลี่ยมแทนเวเฟอร์กลม เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้งานและลดต้นทุนการผลิต

    CoPoS ช่วยให้สามารถรวมชิปหลายตัวและหน่วยความจำ HBM4 ได้มากขึ้น ซึ่งเป็น ก้าวสำคัญสำหรับการพัฒนา AI accelerators และเซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - CoPoS ใช้แผงสี่เหลี่ยมแทนเวเฟอร์กลม ทำให้มีพื้นที่ใช้งานมากขึ้นถึง 5 เท่า
    - สามารถรวมหน่วยความจำ HBM4 ได้สูงสุด 12 ชิป พร้อม GPU chiplets หลายตัว
    - เทคโนโลยีนี้ช่วยลดต้นทุนต่อหน่วยและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
    - TSMC จะเริ่มทดสอบ CoPoS ในปี 2026 และผลิตจำนวนมากในปี 2028-2029
    - Nvidia เป็นพันธมิตรรายแรกที่ใช้ CoPoS สำหรับ AI accelerators รุ่นใหม่

    🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    CoPoS อาจช่วยให้การพัฒนา AI accelerators มีประสิทธิภาพมากขึ้น และ ลดข้อจำกัดด้านพื้นที่ของแพ็กเกจชิปแบบเดิม

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การเปลี่ยนจากเวเฟอร์กลมเป็นแผงสี่เหลี่ยมอาจต้องใช้กระบวนการผลิตใหม่
    - ต้องติดตามว่า CoPoS จะสามารถเข้าสู่ตลาดได้ตามแผนในปี 2028-2029 หรือไม่
    - AMD และ Broadcom ยังคงใช้ CoWoS-L และ CoWoS-R ซึ่งอาจแข่งขันกับ CoPoS
    - เทคโนโลยีนี้อาจต้องใช้วัสดุใหม่ เช่น glass substrates และ silicon photonics

    🚀 อนาคตของ CoPoS และการพัฒนาแพ็กเกจชิป
    TSMC กำลังผลักดันให้ CoPoS กลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับ AI accelerators โดย อาจช่วยให้สามารถรวมชิปหลายตัวในแพ็กเกจเดียวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    https://www.techpowerup.com/337960/tsmc-prepares-copos-next-gen-310-x-310-mm-packages
    🏭 TSMC เปิดตัว CoPoS: เทคโนโลยีแพ็กเกจชิปขนาดใหญ่ 310 × 310 มม. TSMC ได้เปิดตัว CoPoS (Chips on Panel on Substrate) ซึ่งเป็น เทคโนโลยีแพ็กเกจชิปที่ขยายขนาดได้ถึง 310 × 310 มม. โดยใช้ แผงสี่เหลี่ยมแทนเวเฟอร์กลม เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้งานและลดต้นทุนการผลิต CoPoS ช่วยให้สามารถรวมชิปหลายตัวและหน่วยความจำ HBM4 ได้มากขึ้น ซึ่งเป็น ก้าวสำคัญสำหรับการพัฒนา AI accelerators และเซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูง ✅ ข้อมูลจากข่าว - CoPoS ใช้แผงสี่เหลี่ยมแทนเวเฟอร์กลม ทำให้มีพื้นที่ใช้งานมากขึ้นถึง 5 เท่า - สามารถรวมหน่วยความจำ HBM4 ได้สูงสุด 12 ชิป พร้อม GPU chiplets หลายตัว - เทคโนโลยีนี้ช่วยลดต้นทุนต่อหน่วยและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต - TSMC จะเริ่มทดสอบ CoPoS ในปี 2026 และผลิตจำนวนมากในปี 2028-2029 - Nvidia เป็นพันธมิตรรายแรกที่ใช้ CoPoS สำหรับ AI accelerators รุ่นใหม่ 🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ CoPoS อาจช่วยให้การพัฒนา AI accelerators มีประสิทธิภาพมากขึ้น และ ลดข้อจำกัดด้านพื้นที่ของแพ็กเกจชิปแบบเดิม ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การเปลี่ยนจากเวเฟอร์กลมเป็นแผงสี่เหลี่ยมอาจต้องใช้กระบวนการผลิตใหม่ - ต้องติดตามว่า CoPoS จะสามารถเข้าสู่ตลาดได้ตามแผนในปี 2028-2029 หรือไม่ - AMD และ Broadcom ยังคงใช้ CoWoS-L และ CoWoS-R ซึ่งอาจแข่งขันกับ CoPoS - เทคโนโลยีนี้อาจต้องใช้วัสดุใหม่ เช่น glass substrates และ silicon photonics 🚀 อนาคตของ CoPoS และการพัฒนาแพ็กเกจชิป TSMC กำลังผลักดันให้ CoPoS กลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับ AI accelerators โดย อาจช่วยให้สามารถรวมชิปหลายตัวในแพ็กเกจเดียวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น https://www.techpowerup.com/337960/tsmc-prepares-copos-next-gen-310-x-310-mm-packages
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    TSMC Prepares "CoPoS": Next-Gen 310 × 310 mm Packages
    As demand for ever-growing AI compute power continues to rise and manufacturing advanced nodes becomes more difficult, packaging is undergoing its golden era of development. Today's advanced accelerators often rely on TSMC's CoWoS modules, which are built on wafer cuts measuring no more than 120 × 1...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔥 Anker ประกาศเรียกคืนแบตสำรอง PowerCore 10000 กว่า 1 ล้านเครื่อง หลังพบปัญหาไฟไหม้
    Anker ได้ประกาศ เรียกคืนแบตสำรอง PowerCore 10000 (Model: A1263) กว่า 1 ล้านเครื่อง เนื่องจาก มีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้และระเบิด โดยมีรายงาน ไฟไหม้ 19 ครั้ง และความเสียหายต่อทรัพย์สินกว่า $60,700

    Anker และ Consumer Product Safety Commission (CPSC) ได้ออกคำแนะนำเกี่ยวกับ วิธีตรวจสอบว่าแบตสำรองของคุณได้รับผลกระทบหรือไม่

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Anker เรียกคืนแบตสำรอง PowerCore 10000 (Model: A1263) กว่า 1 ล้านเครื่อง
    - พบรายงานไฟไหม้ 19 ครั้ง รวมถึงอาการบาดเจ็บเล็กน้อย 2 ราย และความเสียหายต่อทรัพย์สินกว่า $60,700
    - แบตสำรองที่ได้รับผลกระทบผลิตระหว่าง 1 ม.ค. 2016 - 30 ต.ค. 2019 และจำหน่ายในสหรัฐฯ ระหว่าง 1 มิ.ย. 2016 - 31 ธ.ค. 2022
    - ผู้ใช้สามารถตรวจสอบหมายเลขรุ่นที่ด้านล่างของแบตสำรองเพื่อดูว่าต้องเรียกคืนหรือไม่
    - Anker แนะนำให้หยุดใช้แบตสำรองทันที และกรอกแบบฟอร์มเพื่อรับแบตสำรองรุ่นใหม่ (Model A1388) หรือบัตรของขวัญมูลค่า $30

    ⚠️ ความเสี่ยงและข้อควรระวัง
    แม้ว่า Anker จะเสนอแบตสำรองรุ่นใหม่เป็นการทดแทน แต่ ผู้ใช้ควรตรวจสอบอุปกรณ์ของตนเองและหยุดใช้งานทันทีหากพบว่าเป็นรุ่นที่ได้รับผลกระทบ

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แบตสำรองที่ได้รับผลกระทบอาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้และระเบิด
    - หากคุณมีแบตสำรองรุ่นนี้ ควรหยุดใช้งานทันทีและดำเนินการเรียกคืนตามคำแนะนำของ Anker

    https://www.neowin.net/news/anker-announces-recall-of-more-than-one-million-power-banks-heres-how-to-check/
    🔥 Anker ประกาศเรียกคืนแบตสำรอง PowerCore 10000 กว่า 1 ล้านเครื่อง หลังพบปัญหาไฟไหม้ Anker ได้ประกาศ เรียกคืนแบตสำรอง PowerCore 10000 (Model: A1263) กว่า 1 ล้านเครื่อง เนื่องจาก มีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้และระเบิด โดยมีรายงาน ไฟไหม้ 19 ครั้ง และความเสียหายต่อทรัพย์สินกว่า $60,700 Anker และ Consumer Product Safety Commission (CPSC) ได้ออกคำแนะนำเกี่ยวกับ วิธีตรวจสอบว่าแบตสำรองของคุณได้รับผลกระทบหรือไม่ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Anker เรียกคืนแบตสำรอง PowerCore 10000 (Model: A1263) กว่า 1 ล้านเครื่อง - พบรายงานไฟไหม้ 19 ครั้ง รวมถึงอาการบาดเจ็บเล็กน้อย 2 ราย และความเสียหายต่อทรัพย์สินกว่า $60,700 - แบตสำรองที่ได้รับผลกระทบผลิตระหว่าง 1 ม.ค. 2016 - 30 ต.ค. 2019 และจำหน่ายในสหรัฐฯ ระหว่าง 1 มิ.ย. 2016 - 31 ธ.ค. 2022 - ผู้ใช้สามารถตรวจสอบหมายเลขรุ่นที่ด้านล่างของแบตสำรองเพื่อดูว่าต้องเรียกคืนหรือไม่ - Anker แนะนำให้หยุดใช้แบตสำรองทันที และกรอกแบบฟอร์มเพื่อรับแบตสำรองรุ่นใหม่ (Model A1388) หรือบัตรของขวัญมูลค่า $30 ⚠️ ความเสี่ยงและข้อควรระวัง แม้ว่า Anker จะเสนอแบตสำรองรุ่นใหม่เป็นการทดแทน แต่ ผู้ใช้ควรตรวจสอบอุปกรณ์ของตนเองและหยุดใช้งานทันทีหากพบว่าเป็นรุ่นที่ได้รับผลกระทบ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แบตสำรองที่ได้รับผลกระทบอาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้และระเบิด - หากคุณมีแบตสำรองรุ่นนี้ ควรหยุดใช้งานทันทีและดำเนินการเรียกคืนตามคำแนะนำของ Anker https://www.neowin.net/news/anker-announces-recall-of-more-than-one-million-power-banks-heres-how-to-check/
    WWW.NEOWIN.NET
    Anker announces recall of "More than One Million" power banks, here's how to check
    Anker has issued a recall for its PowerCore 10000 power banks. The CPSC has stated that they may be prone to burn or fire hazards and over a million units are affected.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔍 จีนเตรียมใช้ AI ตรวจสอบผู้ใช้ VPN และ Telegram
    จีนกำลังพัฒนา เครื่องมือ AI เพื่อตรวจสอบผู้ใช้ VPN และ Telegram โดยมีเป้าหมายเพื่อ ควบคุมการเข้าถึงข้อมูลจากต่างประเทศและลดการต่อต้านรัฐบาล

    เทคโนโลยีนี้ถูกนำเสนอใน งาน China International Exhibition on Police Equipment ซึ่งเป็น งานแสดงเทคโนโลยีตำรวจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - จีนพัฒนา AI เพื่อตรวจสอบผู้ใช้ VPN และ Telegram
    - งาน China International Exhibition on Police Equipment เป็นเวทีสำคัญในการนำเสนอเทคโนโลยีนี้
    - เครื่องมือ AI สามารถตรวจจับการใช้ VPN และระบุผู้ใช้ที่เข้าถึง Telegram ผ่านหมายเลขโทรศัพท์จีน
    - ระบบสามารถสแกนข้อความที่เกี่ยวข้องกับการเมืองและฮ่องกง
    - เครื่องมือนี้รวบรวมข้อมูลจาก Telegram กว่า 30 พันล้านข้อความ และติดตาม 70 ล้านบัญชี

    ⚠️ ผลกระทบต่อความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพทางอินเทอร์เน็ต
    จีนมี กฎหมายควบคุมอินเทอร์เน็ตที่เข้มงวดที่สุดในโลก และการพัฒนา AI นี้ อาจทำให้การเข้าถึงข้อมูลจากต่างประเทศยากขึ้น

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ผู้ใช้ VPN ในจีนอาจเผชิญกับการตรวจสอบที่เข้มงวดขึ้น
    - Telegram อาจถูกควบคุมมากขึ้น โดยเฉพาะบัญชีที่ใช้หมายเลขโทรศัพท์จีน
    - การสแกนข้อความทางการเมืองอาจส่งผลต่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
    - ต้องติดตามว่าจีนจะขยายการใช้เทคโนโลยีนี้ไปยังแพลตฟอร์มอื่น ๆ หรือไม่

    🚀 อนาคตของการควบคุมอินเทอร์เน็ตในจีน
    จีนกำลัง เพิ่มการใช้ AI ในการควบคุมอินเทอร์เน็ต ซึ่งอาจส่งผลต่อ การเข้าถึงข้อมูลและเสรีภาพทางดิจิทัลของประชาชน

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/ai-to-power-chinas-policing-future-and-vpn-and-telegram-users-are-at-risk
    🔍 จีนเตรียมใช้ AI ตรวจสอบผู้ใช้ VPN และ Telegram จีนกำลังพัฒนา เครื่องมือ AI เพื่อตรวจสอบผู้ใช้ VPN และ Telegram โดยมีเป้าหมายเพื่อ ควบคุมการเข้าถึงข้อมูลจากต่างประเทศและลดการต่อต้านรัฐบาล เทคโนโลยีนี้ถูกนำเสนอใน งาน China International Exhibition on Police Equipment ซึ่งเป็น งานแสดงเทคโนโลยีตำรวจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ✅ ข้อมูลจากข่าว - จีนพัฒนา AI เพื่อตรวจสอบผู้ใช้ VPN และ Telegram - งาน China International Exhibition on Police Equipment เป็นเวทีสำคัญในการนำเสนอเทคโนโลยีนี้ - เครื่องมือ AI สามารถตรวจจับการใช้ VPN และระบุผู้ใช้ที่เข้าถึง Telegram ผ่านหมายเลขโทรศัพท์จีน - ระบบสามารถสแกนข้อความที่เกี่ยวข้องกับการเมืองและฮ่องกง - เครื่องมือนี้รวบรวมข้อมูลจาก Telegram กว่า 30 พันล้านข้อความ และติดตาม 70 ล้านบัญชี ⚠️ ผลกระทบต่อความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพทางอินเทอร์เน็ต จีนมี กฎหมายควบคุมอินเทอร์เน็ตที่เข้มงวดที่สุดในโลก และการพัฒนา AI นี้ อาจทำให้การเข้าถึงข้อมูลจากต่างประเทศยากขึ้น ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ผู้ใช้ VPN ในจีนอาจเผชิญกับการตรวจสอบที่เข้มงวดขึ้น - Telegram อาจถูกควบคุมมากขึ้น โดยเฉพาะบัญชีที่ใช้หมายเลขโทรศัพท์จีน - การสแกนข้อความทางการเมืองอาจส่งผลต่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น - ต้องติดตามว่าจีนจะขยายการใช้เทคโนโลยีนี้ไปยังแพลตฟอร์มอื่น ๆ หรือไม่ 🚀 อนาคตของการควบคุมอินเทอร์เน็ตในจีน จีนกำลัง เพิ่มการใช้ AI ในการควบคุมอินเทอร์เน็ต ซึ่งอาจส่งผลต่อ การเข้าถึงข้อมูลและเสรีภาพทางดิจิทัลของประชาชน https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/ai-to-power-chinas-policing-future-and-vpn-and-telegram-users-are-at-risk
    WWW.TECHRADAR.COM
    China police seeks to use AI to crackdown on VPN and Telegram usage
    People in China need a VPN to access most social media apps and international news sites
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันที่ 12 มิถุนายน 2568 ณ ห้องประชุมหลวงพ่อคูณ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
    ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกอบจ.นครราชสีมา มอบหมายให้ ดร.ธนากร ประพฤทธิพงษ์ รองนายกอบจ.นครราชสีมา ประชุมคณะกรรมการและคณะทำงานการปรับปรุงและพัฒนาเรือนย่าโม โดยมี นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในที่ประชุมฯ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมหารือ
    .
    ทั้งนี้ จังหวัดนครราชสีมามีการขับเคลื่อนนโยบาย soft power โดยมีแผนจัดทำพิพิธภัณฑ์เรือนท้าวสุรนารี หรือย่าโม ที่ตั้งเลขที่ 530 ถนนจอมพล ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา จากการดำเนินงานของโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดนครราชสีมา พบว่า เรือนย่าโมมีเนื้อที่ประมาณ 8 ไร่ และมีการค้นพบบ้านดินโบราณในพื้นที่โฉนดแปลงติดกัน ซึ่งปัจจุบันอยู่ในกำกับดูแลของภาคเอกชน มีมูลค่าโดยรวม 18,600,000 บาท นอกจากนี้ยังมีการหารือในเรื่องการหาเงินทุนเพื่อนำมาใช้ในการพัฒนา soft power ของจังหวัดนครราชสีมาเพื่อพัฒนาเรือนย่าโมให้เป็นมรดกให้ชนรุ่นหลังต่อไป
    #สำนักการศึกษาฯ
    #อบจ_โคราช
    ที่นี่!! อบจ.โคราช พร้อมรับทราบปัญหาของท่านผ่านเว็บไซต์ www.koratpao.go.th
    มาพูดคุยกับเราเพิ่มเติมได้ช่องทาง
    Line Official Account @koratpao
    วันที่ 12 มิถุนายน 2568 ณ ห้องประชุมหลวงพ่อคูณ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกอบจ.นครราชสีมา มอบหมายให้ ดร.ธนากร ประพฤทธิพงษ์ รองนายกอบจ.นครราชสีมา ประชุมคณะกรรมการและคณะทำงานการปรับปรุงและพัฒนาเรือนย่าโม โดยมี นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในที่ประชุมฯ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมหารือ . ทั้งนี้ จังหวัดนครราชสีมามีการขับเคลื่อนนโยบาย soft power โดยมีแผนจัดทำพิพิธภัณฑ์เรือนท้าวสุรนารี หรือย่าโม ที่ตั้งเลขที่ 530 ถนนจอมพล ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา จากการดำเนินงานของโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดนครราชสีมา พบว่า เรือนย่าโมมีเนื้อที่ประมาณ 8 ไร่ และมีการค้นพบบ้านดินโบราณในพื้นที่โฉนดแปลงติดกัน ซึ่งปัจจุบันอยู่ในกำกับดูแลของภาคเอกชน มีมูลค่าโดยรวม 18,600,000 บาท นอกจากนี้ยังมีการหารือในเรื่องการหาเงินทุนเพื่อนำมาใช้ในการพัฒนา soft power ของจังหวัดนครราชสีมาเพื่อพัฒนาเรือนย่าโมให้เป็นมรดกให้ชนรุ่นหลังต่อไป #สำนักการศึกษาฯ #อบจ_โคราช ที่นี่!! อบจ.โคราช พร้อมรับทราบปัญหาของท่านผ่านเว็บไซต์ www.koratpao.go.th มาพูดคุยกับเราเพิ่มเติมได้ช่องทาง Line Official Account @koratpao
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันที่ 12 มิถุนายน 2568 ณ ห้องประชุมหลวงพ่อคูณ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
    ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกอบจ.นครราชสีมา มอบหมายให้ ดร.ธนากร ประพฤทธิพงษ์ รองนายกอบจ.นครราชสีมา ประชุมคณะกรรมการและคณะทำงานการปรับปรุงและพัฒนาเรือนย่าโม โดยมี นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในที่ประชุมฯ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมหารือ
    .
    ทั้งนี้ จังหวัดนครราชสีมามีการขับเคลื่อนนโยบาย soft power โดยมีแผนจัดทำพิพิธภัณฑ์เรือนท้าวสุรนารี หรือย่าโม ที่ตั้งเลขที่ 530 ถนนจอมพล ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา จากการดำเนินงานของโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดนครราชสีมา พบว่า เรือนย่าโมมีเนื้อที่ประมาณ 8 ไร่ และมีการค้นพบบ้านดินโบราณในพื้นที่โฉนดแปลงติดกัน ซึ่งปัจจุบันอยู่ในกำกับดูแลของภาคเอกชน มีมูลค่าโดยรวม 18,600,000 บาท นอกจากนี้ยังมีการหารือในเรื่องการหาเงินทุนเพื่อนำมาใช้ในการพัฒนา soft power ของจังหวัดนครราชสีมาเพื่อพัฒนาเรือนย่าโมให้เป็นมรดกให้ชนรุ่นหลังต่อไป
    #สำนักการศึกษาฯ
    #อบจ_โคราช
    ที่นี่!! อบจ.โคราช พร้อมรับทราบปัญหาของท่านผ่านเว็บไซต์ www.koratpao.go.th
    มาพูดคุยกับเราเพิ่มเติมได้ช่องทาง
    Line Official Account @koratpao
    วันที่ 12 มิถุนายน 2568 ณ ห้องประชุมหลวงพ่อคูณ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกอบจ.นครราชสีมา มอบหมายให้ ดร.ธนากร ประพฤทธิพงษ์ รองนายกอบจ.นครราชสีมา ประชุมคณะกรรมการและคณะทำงานการปรับปรุงและพัฒนาเรือนย่าโม โดยมี นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในที่ประชุมฯ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมหารือ . ทั้งนี้ จังหวัดนครราชสีมามีการขับเคลื่อนนโยบาย soft power โดยมีแผนจัดทำพิพิธภัณฑ์เรือนท้าวสุรนารี หรือย่าโม ที่ตั้งเลขที่ 530 ถนนจอมพล ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา จากการดำเนินงานของโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดนครราชสีมา พบว่า เรือนย่าโมมีเนื้อที่ประมาณ 8 ไร่ และมีการค้นพบบ้านดินโบราณในพื้นที่โฉนดแปลงติดกัน ซึ่งปัจจุบันอยู่ในกำกับดูแลของภาคเอกชน มีมูลค่าโดยรวม 18,600,000 บาท นอกจากนี้ยังมีการหารือในเรื่องการหาเงินทุนเพื่อนำมาใช้ในการพัฒนา soft power ของจังหวัดนครราชสีมาเพื่อพัฒนาเรือนย่าโมให้เป็นมรดกให้ชนรุ่นหลังต่อไป #สำนักการศึกษาฯ #อบจ_โคราช ที่นี่!! อบจ.โคราช พร้อมรับทราบปัญหาของท่านผ่านเว็บไซต์ www.koratpao.go.th มาพูดคุยกับเราเพิ่มเติมได้ช่องทาง Line Official Account @koratpao
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🏨 PayPal เปิดบริการจองโรงแรมโดยตรงผ่านแอป
    PayPal กำลังเข้าสู่ธุรกิจจองโรงแรมด้วยการร่วมมือกับ Selfbook ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการจองและชำระเงินที่ช่วยให้โรงแรมสามารถ รับการจองโดยตรงจากผู้ใช้ ผ่านแอป PayPal

    🔍 วิธีการทำงานของระบบ
    Selfbook ซึ่งเดิมทีเป็นแพลตฟอร์มที่ ฝังอยู่ในเว็บไซต์ของโรงแรม จะถูกนำมา รวมเข้ากับแอป PayPal ทำให้ผู้ใช้สามารถ ค้นหาและจองโรงแรมจากเครือข่ายของ Selfbook ได้โดยตรง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - PayPal ร่วมมือกับ Selfbook เพื่อเปิดบริการจองโรงแรมผ่านแอป
    - Selfbook เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้โรงแรมรับการจองโดยตรงจากผู้ใช้
    - ระบบจะถูกนำมาแสดงในแท็บ Offers ของแอป PayPal
    - ผู้ใช้สามารถจ่ายเงินผ่าน PayPal หรือ Venmo และเลือกแผน "Buy Now, Pay Later"
    - Selfbook จะย้ายระบบประมวลผลบัตรเครดิตทั้งหมดไปยังแพลตฟอร์ม Enterprise Payments ของ PayPal

    🔥 การนำ AI เข้ามาช่วยในการจอง
    PayPal ระบุว่า จะใช้ AI-powered search engine ของ Perplexity เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถ พูดคุยกับ AI เกี่ยวกับการเดินทาง และจองโรงแรมได้โดยตรงจากการสนทนา

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - Selfbook เป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง อาจต้องใช้เวลาสำหรับการปรับตัวของผู้ใช้
    - ต้องติดตามว่าการใช้ AI-powered search engine จะช่วยให้การจองโรงแรมสะดวกขึ้นจริงหรือไม่
    - PayPal อาจต้องแข่งขันกับแพลตฟอร์มจองโรงแรมรายใหญ่อย่าง Booking.com และ Expedia
    - ต้องรอดูว่าโรงแรมจะยอมรับระบบนี้มากน้อยแค่ไหน เนื่องจากไม่มีค่าคอมมิชชั่น

    การนำระบบจองโรงแรมเข้ามาในแอป PayPal อาจช่วยให้ผู้ใช้สามารถจองโรงแรมได้สะดวกขึ้น และ ลดค่าธรรมเนียมที่โรงแรมต้องจ่ายให้แพลตฟอร์มจองโรงแรมแบบเดิม อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ใช้จะเปลี่ยนมาใช้ระบบใหม่นี้มากน้อยแค่ไหน

    https://www.neowin.net/news/you-will-soon-be-able-to-book-hotels-directly-through-the-paypal-app/
    🏨 PayPal เปิดบริการจองโรงแรมโดยตรงผ่านแอป PayPal กำลังเข้าสู่ธุรกิจจองโรงแรมด้วยการร่วมมือกับ Selfbook ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการจองและชำระเงินที่ช่วยให้โรงแรมสามารถ รับการจองโดยตรงจากผู้ใช้ ผ่านแอป PayPal 🔍 วิธีการทำงานของระบบ Selfbook ซึ่งเดิมทีเป็นแพลตฟอร์มที่ ฝังอยู่ในเว็บไซต์ของโรงแรม จะถูกนำมา รวมเข้ากับแอป PayPal ทำให้ผู้ใช้สามารถ ค้นหาและจองโรงแรมจากเครือข่ายของ Selfbook ได้โดยตรง ✅ ข้อมูลจากข่าว - PayPal ร่วมมือกับ Selfbook เพื่อเปิดบริการจองโรงแรมผ่านแอป - Selfbook เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้โรงแรมรับการจองโดยตรงจากผู้ใช้ - ระบบจะถูกนำมาแสดงในแท็บ Offers ของแอป PayPal - ผู้ใช้สามารถจ่ายเงินผ่าน PayPal หรือ Venmo และเลือกแผน "Buy Now, Pay Later" - Selfbook จะย้ายระบบประมวลผลบัตรเครดิตทั้งหมดไปยังแพลตฟอร์ม Enterprise Payments ของ PayPal 🔥 การนำ AI เข้ามาช่วยในการจอง PayPal ระบุว่า จะใช้ AI-powered search engine ของ Perplexity เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถ พูดคุยกับ AI เกี่ยวกับการเดินทาง และจองโรงแรมได้โดยตรงจากการสนทนา ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - Selfbook เป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง อาจต้องใช้เวลาสำหรับการปรับตัวของผู้ใช้ - ต้องติดตามว่าการใช้ AI-powered search engine จะช่วยให้การจองโรงแรมสะดวกขึ้นจริงหรือไม่ - PayPal อาจต้องแข่งขันกับแพลตฟอร์มจองโรงแรมรายใหญ่อย่าง Booking.com และ Expedia - ต้องรอดูว่าโรงแรมจะยอมรับระบบนี้มากน้อยแค่ไหน เนื่องจากไม่มีค่าคอมมิชชั่น การนำระบบจองโรงแรมเข้ามาในแอป PayPal อาจช่วยให้ผู้ใช้สามารถจองโรงแรมได้สะดวกขึ้น และ ลดค่าธรรมเนียมที่โรงแรมต้องจ่ายให้แพลตฟอร์มจองโรงแรมแบบเดิม อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ใช้จะเปลี่ยนมาใช้ระบบใหม่นี้มากน้อยแค่ไหน https://www.neowin.net/news/you-will-soon-be-able-to-book-hotels-directly-through-the-paypal-app/
    WWW.NEOWIN.NET
    You will soon be able to book hotels directly through the PayPal app
    PayPal has announced that users will soon be able to book hotels directly within the app, thanks to a new partnership with a fintech company.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚀 Intel Panther Lake: ก้าวสำคัญสู่ยุค AI และประสิทธิภาพสูง
    Intel กำลังเตรียมเปิดตัว Panther Lake ซึ่งเป็น ซีพียูรุ่นใหม่ที่ใช้กระบวนการผลิต 18A (1.8nm-class) โดยเน้นไปที่ การเพิ่มประสิทธิภาพและการประมวลผล AI

    Panther Lake จะเปิดตัวใน ครึ่งหลังของปี 2025 และจะถูกใช้ใน แล็ปท็อปและอุปกรณ์พกพา โดยใช้ RibbonFET และ PowerVia ซึ่งช่วยให้ ประสิทธิภาพสูงขึ้นและใช้พลังงานน้อยลง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Intel Panther Lake จะเปิดตัวในครึ่งหลังของปี 2025 และวางจำหน่ายในต้นปี 2026
    - ใช้กระบวนการผลิต 18A (1.8nm-class) พร้อมเทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia
    - ใช้สถาปัตยกรรม Multi-Chip Module (MCM) แบบ 5 Tile
    - มี Cougar Cove P-cores และ Darkmont E-cores เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    - กราฟิก Xe3 Celestial iGPU อาจเทียบเท่ากับ GPU แยกระดับเริ่มต้น
    - รองรับ LPDDR5X และ DDR5 เพื่อเพิ่มแบนด์วิดท์หน่วยความจำ

    🔥 การแข่งขันในตลาด AI และอุปกรณ์พกพา
    Intel ตั้งเป้าให้ Panther Lake แข่งขันกับ Apple Silicon, Snapdragon X Elite และ AMD Strix Point โดยเน้นไปที่ การประมวลผล AI และประสิทธิภาพสูงในอุปกรณ์พกพา

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - Panther Lake จะไม่มีรุ่นสำหรับเดสก์ท็อปในช่วงเปิดตัว
    - ต้องติดตามว่าประสิทธิภาพของ Xe3 Celestial iGPU จะสามารถแข่งขันกับ GPU แยกได้จริงหรือไม่
    - การใช้กระบวนการผลิต 18A อาจมีความท้าทายด้านต้นทุนและการผลิต
    - ต้องรอดูว่า Intel จะสามารถแข่งขันกับ Apple และ Qualcomm ในตลาด AI ได้หรือไม่

    https://computercity.com/hardware/processors/intel-panther-lake-coming-in-2025-latest-news
    🚀 Intel Panther Lake: ก้าวสำคัญสู่ยุค AI และประสิทธิภาพสูง Intel กำลังเตรียมเปิดตัว Panther Lake ซึ่งเป็น ซีพียูรุ่นใหม่ที่ใช้กระบวนการผลิต 18A (1.8nm-class) โดยเน้นไปที่ การเพิ่มประสิทธิภาพและการประมวลผล AI Panther Lake จะเปิดตัวใน ครึ่งหลังของปี 2025 และจะถูกใช้ใน แล็ปท็อปและอุปกรณ์พกพา โดยใช้ RibbonFET และ PowerVia ซึ่งช่วยให้ ประสิทธิภาพสูงขึ้นและใช้พลังงานน้อยลง ✅ ข้อมูลจากข่าว - Intel Panther Lake จะเปิดตัวในครึ่งหลังของปี 2025 และวางจำหน่ายในต้นปี 2026 - ใช้กระบวนการผลิต 18A (1.8nm-class) พร้อมเทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia - ใช้สถาปัตยกรรม Multi-Chip Module (MCM) แบบ 5 Tile - มี Cougar Cove P-cores และ Darkmont E-cores เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ - กราฟิก Xe3 Celestial iGPU อาจเทียบเท่ากับ GPU แยกระดับเริ่มต้น - รองรับ LPDDR5X และ DDR5 เพื่อเพิ่มแบนด์วิดท์หน่วยความจำ 🔥 การแข่งขันในตลาด AI และอุปกรณ์พกพา Intel ตั้งเป้าให้ Panther Lake แข่งขันกับ Apple Silicon, Snapdragon X Elite และ AMD Strix Point โดยเน้นไปที่ การประมวลผล AI และประสิทธิภาพสูงในอุปกรณ์พกพา ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - Panther Lake จะไม่มีรุ่นสำหรับเดสก์ท็อปในช่วงเปิดตัว - ต้องติดตามว่าประสิทธิภาพของ Xe3 Celestial iGPU จะสามารถแข่งขันกับ GPU แยกได้จริงหรือไม่ - การใช้กระบวนการผลิต 18A อาจมีความท้าทายด้านต้นทุนและการผลิต - ต้องรอดูว่า Intel จะสามารถแข่งขันกับ Apple และ Qualcomm ในตลาด AI ได้หรือไม่ https://computercity.com/hardware/processors/intel-panther-lake-coming-in-2025-latest-news
    COMPUTERCITY.COM
    Intel Panther Lake Coming In 2025: Latest News
    Intel’s Panther Lake processors are shaping up to be one of the company’s most ambitious generational shifts in years—bringing together bleeding-edge
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔍 Netsh.exe: เครื่องมือเครือข่ายที่ถูกใช้ในโจมตีไซเบอร์
    รายงานล่าสุดจาก Bitdefender GravityZone เผยว่า 84% ของการโจมตีไซเบอร์ระดับสูง ใช้ เครื่องมือที่มีอยู่ใน Windows เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ โดย netsh.exe ซึ่งเป็น เครื่องมือจัดการเครือข่ายผ่าน Command Line ถูกใช้ใน หนึ่งในสามของการโจมตีที่สำคัญ

    นอกจาก netsh.exe แล้ว PowerShell และ WMIC ก็เป็นเครื่องมือที่ถูกใช้บ่อยในการโจมตีไซเบอร์ โดย PowerShell พบใน 73% ของอุปกรณ์ที่ถูกโจมตี แม้ว่าจะเป็นเครื่องมือที่ใช้ในงานปกติของผู้ดูแลระบบ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - 84% ของการโจมตีไซเบอร์ระดับสูงใช้เครื่องมือที่มีอยู่ใน Windows
    - netsh.exe ถูกใช้ในหนึ่งในสามของการโจมตีที่สำคัญ
    - PowerShell พบใน 73% ของอุปกรณ์ที่ถูกโจมตี
    - WMIC ซึ่งถูกยกเลิกโดย Microsoft ยังคงถูกใช้ในการโจมตี
    - Bitdefender พัฒนา PHASR เพื่อป้องกันการใช้เครื่องมือเหล่านี้ในการโจมตี

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - เครื่องมือเหล่านี้มีอยู่ในทุกระบบ Windows ทำให้การตรวจจับการโจมตียากขึ้น
    - PowerShell ถูกใช้โดยแอปพลิเคชันของบุคคลที่สามโดยไม่มีอินเทอร์เฟซที่มองเห็นได้
    - WMIC แม้จะถูกยกเลิก แต่ยังคงถูกใช้ในการโจมตีไซเบอร์
    - ต้องติดตามว่าการพัฒนา PHASR จะช่วยลดการโจมตีได้จริงหรือไม่

    Bitdefender แนะนำให้ ผู้ใช้และองค์กรตรวจสอบการใช้เครื่องมือเหล่านี้ในระบบของตน และ ใช้โซลูชันความปลอดภัยที่สามารถตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติ

    https://www.techradar.com/pro/security/cybercriminals-love-this-little-known-microsoft-tool-a-lot-but-not-as-much-as-this-cli-utility-for-network-management
    🔍 Netsh.exe: เครื่องมือเครือข่ายที่ถูกใช้ในโจมตีไซเบอร์ รายงานล่าสุดจาก Bitdefender GravityZone เผยว่า 84% ของการโจมตีไซเบอร์ระดับสูง ใช้ เครื่องมือที่มีอยู่ใน Windows เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ โดย netsh.exe ซึ่งเป็น เครื่องมือจัดการเครือข่ายผ่าน Command Line ถูกใช้ใน หนึ่งในสามของการโจมตีที่สำคัญ นอกจาก netsh.exe แล้ว PowerShell และ WMIC ก็เป็นเครื่องมือที่ถูกใช้บ่อยในการโจมตีไซเบอร์ โดย PowerShell พบใน 73% ของอุปกรณ์ที่ถูกโจมตี แม้ว่าจะเป็นเครื่องมือที่ใช้ในงานปกติของผู้ดูแลระบบ ✅ ข้อมูลจากข่าว - 84% ของการโจมตีไซเบอร์ระดับสูงใช้เครื่องมือที่มีอยู่ใน Windows - netsh.exe ถูกใช้ในหนึ่งในสามของการโจมตีที่สำคัญ - PowerShell พบใน 73% ของอุปกรณ์ที่ถูกโจมตี - WMIC ซึ่งถูกยกเลิกโดย Microsoft ยังคงถูกใช้ในการโจมตี - Bitdefender พัฒนา PHASR เพื่อป้องกันการใช้เครื่องมือเหล่านี้ในการโจมตี ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - เครื่องมือเหล่านี้มีอยู่ในทุกระบบ Windows ทำให้การตรวจจับการโจมตียากขึ้น - PowerShell ถูกใช้โดยแอปพลิเคชันของบุคคลที่สามโดยไม่มีอินเทอร์เฟซที่มองเห็นได้ - WMIC แม้จะถูกยกเลิก แต่ยังคงถูกใช้ในการโจมตีไซเบอร์ - ต้องติดตามว่าการพัฒนา PHASR จะช่วยลดการโจมตีได้จริงหรือไม่ Bitdefender แนะนำให้ ผู้ใช้และองค์กรตรวจสอบการใช้เครื่องมือเหล่านี้ในระบบของตน และ ใช้โซลูชันความปลอดภัยที่สามารถตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติ https://www.techradar.com/pro/security/cybercriminals-love-this-little-known-microsoft-tool-a-lot-but-not-as-much-as-this-cli-utility-for-network-management
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌐 Microsoft Edge 138 Beta: ฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น
    Microsoft ได้เปิดตัว Edge Beta 138 พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ควบคุมสื่อ, ค้นหาประวัติด้วย AI และปรับปรุงการตั้งค่าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    🔍 ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจ
    1️⃣ Media Control Center
    - ผู้ใช้สามารถ ควบคุมสื่อจากหลายเว็บไซต์ได้ในที่เดียว
    - ปุ่มควบคุมจะปรากฏบน แถบเครื่องมือ (ไอคอนโน้ตดนตรี)
    - รองรับ Picture-in-Picture, การส่งสื่อไปยังอุปกรณ์อื่น และการควบคุมเพลง/วิดีโอ

    2️⃣ AI-Powered History Search
    - ใช้ AI ในการค้นหาประวัติการเข้าชมเว็บไซต์
    - ไม่ต้องจำชื่อเว็บไซต์หรือคำที่แน่นอน สามารถค้นหาด้วย คำพ้อง, วลี หรือคำที่สะกดผิด
    - ใช้ โมเดล AI บนอุปกรณ์ และ ไม่ส่งข้อมูลไปยัง Microsoft

    3️⃣ Dynamic Settings Menu
    - หากเบราว์เซอร์ทำงานช้าลง ระบบจะแสดงคำแนะนำในการปรับปรุงประสิทธิภาพ
    - แจ้งเตือนเกี่ยวกับ ส่วนขยายที่อาจทำให้เบราว์เซอร์ช้าลง


    การอัปเดตนี้ช่วยให้ ผู้ใช้สามารถควบคุมสื่อและค้นหาประวัติการเข้าชมได้สะดวกขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้จะได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมหรือไม่

    https://www.neowin.net/news/microsoft-edge-is-getting-new-media-control-center-ai-powered-history-search-and-more/
    🌐 Microsoft Edge 138 Beta: ฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น Microsoft ได้เปิดตัว Edge Beta 138 พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ควบคุมสื่อ, ค้นหาประวัติด้วย AI และปรับปรุงการตั้งค่าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 🔍 ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจ 1️⃣ Media Control Center - ผู้ใช้สามารถ ควบคุมสื่อจากหลายเว็บไซต์ได้ในที่เดียว - ปุ่มควบคุมจะปรากฏบน แถบเครื่องมือ (ไอคอนโน้ตดนตรี) - รองรับ Picture-in-Picture, การส่งสื่อไปยังอุปกรณ์อื่น และการควบคุมเพลง/วิดีโอ 2️⃣ AI-Powered History Search - ใช้ AI ในการค้นหาประวัติการเข้าชมเว็บไซต์ - ไม่ต้องจำชื่อเว็บไซต์หรือคำที่แน่นอน สามารถค้นหาด้วย คำพ้อง, วลี หรือคำที่สะกดผิด - ใช้ โมเดล AI บนอุปกรณ์ และ ไม่ส่งข้อมูลไปยัง Microsoft 3️⃣ Dynamic Settings Menu - หากเบราว์เซอร์ทำงานช้าลง ระบบจะแสดงคำแนะนำในการปรับปรุงประสิทธิภาพ - แจ้งเตือนเกี่ยวกับ ส่วนขยายที่อาจทำให้เบราว์เซอร์ช้าลง การอัปเดตนี้ช่วยให้ ผู้ใช้สามารถควบคุมสื่อและค้นหาประวัติการเข้าชมได้สะดวกขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้จะได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมหรือไม่ https://www.neowin.net/news/microsoft-edge-is-getting-new-media-control-center-ai-powered-history-search-and-more/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft Edge is getting new media control center, AI-powered history search, and more
    Microsoft Edge Beta has been updated to version 138, which introduces several new features, such as a media control center, AI-powered history search, and more.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🖥️ Microsoft โปรโมต Intel vPro สำหรับ Windows 11 Pro แต่ไม่มีการกล่าวถึง AMD Ryzen PRO
    Microsoft ได้เผยแพร่ โฆษณาใหม่เกี่ยวกับ Windows 11 Pro โดยเน้นไปที่ Intel vPro แต่ไม่มีการกล่าวถึง AMD Ryzen PRO ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยว่าบริษัทอาจมีแนวโน้มสนับสนุน Intel มากกว่า AMD

    Microsoft ได้เผยแพร่โฆษณาในช่อง YouTube อย่างเป็นทางการของ Windows โดยใช้ชื่อ "Right side of risk | Windows 11 Pro and Intel" ซึ่งเน้นไปที่ การอัปเกรดจาก Windows 10 เป็น Windows 11 Pro พร้อมกับ โปรโมต Intel vPro เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับองค์กร

    ในคำอธิบายวิดีโอ Microsoft ระบุว่า "Windows 10 support ends October 14. Stay on the right side of risk—upgrade now to the power of Windows 11 Pro PCs with Intel vPro®." ซึ่งเป็นการเน้นย้ำถึง การสิ้นสุดการสนับสนุน Windows 10 และ แนะนำให้ผู้ใช้เลือก Intel vPro สำหรับการอัปเกรด

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Microsoft เผยแพร่โฆษณาใหม่เกี่ยวกับ Windows 11 Pro โดยเน้น Intel vPro
    - ไม่มีการกล่าวถึง AMD Ryzen PRO ในโฆษณา
    - โฆษณาใช้ชื่อ "Right side of risk | Windows 11 Pro and Intel"
    - Microsoft เน้นให้ผู้ใช้ธุรกิจอัปเกรดจาก Windows 10 เป็น Windows 11 Pro
    - Windows 10 จะสิ้นสุดการสนับสนุนในวันที่ 14 ตุลาคม 2025

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - Microsoft อาจมีโฆษณาสำหรับ AMD Ryzen PRO ในอนาคต แต่ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูล
    - การโปรโมต Intel vPro อาจทำให้ผู้ใช้มองว่า Microsoft มีแนวโน้มสนับสนุน Intel มากกว่า AMD
    - ต้องติดตามว่าการโปรโมตนี้จะส่งผลต่อการตัดสินใจขององค์กรที่ใช้ AMD Ryzen PRO หรือไม่
    - AMD มีบทความสนับสนุนเกี่ยวกับ Windows 11 และ Ryzen PRO แต่ไม่ได้รับการกล่าวถึงในโฆษณาของ Microsoft

    การโปรโมต Intel vPro ในโฆษณาของ Microsoft อาจส่งผลต่อการตัดสินใจขององค์กรที่กำลังพิจารณาอัปเกรดเป็น Windows 11 Pro อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่า Microsoft จะมีโฆษณาสำหรับ AMD Ryzen PRO ในอนาคตหรือไม่

    https://www.neowin.net/news/intel-vs-amd-microsoft-seemingly-has-a-clear-recommendation-for-windows-11-pro-pc-upgrade/
    🖥️ Microsoft โปรโมต Intel vPro สำหรับ Windows 11 Pro แต่ไม่มีการกล่าวถึง AMD Ryzen PRO Microsoft ได้เผยแพร่ โฆษณาใหม่เกี่ยวกับ Windows 11 Pro โดยเน้นไปที่ Intel vPro แต่ไม่มีการกล่าวถึง AMD Ryzen PRO ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยว่าบริษัทอาจมีแนวโน้มสนับสนุน Intel มากกว่า AMD Microsoft ได้เผยแพร่โฆษณาในช่อง YouTube อย่างเป็นทางการของ Windows โดยใช้ชื่อ "Right side of risk | Windows 11 Pro and Intel" ซึ่งเน้นไปที่ การอัปเกรดจาก Windows 10 เป็น Windows 11 Pro พร้อมกับ โปรโมต Intel vPro เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับองค์กร ในคำอธิบายวิดีโอ Microsoft ระบุว่า "Windows 10 support ends October 14. Stay on the right side of risk—upgrade now to the power of Windows 11 Pro PCs with Intel vPro®." ซึ่งเป็นการเน้นย้ำถึง การสิ้นสุดการสนับสนุน Windows 10 และ แนะนำให้ผู้ใช้เลือก Intel vPro สำหรับการอัปเกรด ✅ ข้อมูลจากข่าว - Microsoft เผยแพร่โฆษณาใหม่เกี่ยวกับ Windows 11 Pro โดยเน้น Intel vPro - ไม่มีการกล่าวถึง AMD Ryzen PRO ในโฆษณา - โฆษณาใช้ชื่อ "Right side of risk | Windows 11 Pro and Intel" - Microsoft เน้นให้ผู้ใช้ธุรกิจอัปเกรดจาก Windows 10 เป็น Windows 11 Pro - Windows 10 จะสิ้นสุดการสนับสนุนในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - Microsoft อาจมีโฆษณาสำหรับ AMD Ryzen PRO ในอนาคต แต่ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูล - การโปรโมต Intel vPro อาจทำให้ผู้ใช้มองว่า Microsoft มีแนวโน้มสนับสนุน Intel มากกว่า AMD - ต้องติดตามว่าการโปรโมตนี้จะส่งผลต่อการตัดสินใจขององค์กรที่ใช้ AMD Ryzen PRO หรือไม่ - AMD มีบทความสนับสนุนเกี่ยวกับ Windows 11 และ Ryzen PRO แต่ไม่ได้รับการกล่าวถึงในโฆษณาของ Microsoft การโปรโมต Intel vPro ในโฆษณาของ Microsoft อาจส่งผลต่อการตัดสินใจขององค์กรที่กำลังพิจารณาอัปเกรดเป็น Windows 11 Pro อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่า Microsoft จะมีโฆษณาสำหรับ AMD Ryzen PRO ในอนาคตหรือไม่ https://www.neowin.net/news/intel-vs-amd-microsoft-seemingly-has-a-clear-recommendation-for-windows-11-pro-pc-upgrade/
    WWW.NEOWIN.NET
    Intel vs AMD? Microsoft seemingly has a clear recommendation for Windows 11 Pro PC upgrade
    Microsoft has published a new ad about upgrading Windows 10 PCs to Windows 11 Pro. However, in it, the tech giant seems to have a clear recommendation for one over the other between AMD and Intel.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts