• รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251201 #TechRadar

    Dell ชี้การเปลี่ยนผ่านสู่ Windows 11 ยังช้า
    เรื่องราวนี้เล่าถึงการที่องค์กรจำนวนมากยังคงใช้เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าและไม่รีบอัปเกรดไป Windows 11 เพราะเครื่องที่มีอยู่ยังทำงานได้ดี ส่งผลให้ยอดขาย PC ของ Dell คาดว่าจะทรงตัว แม้จะมีเครื่องกว่า 500 ล้านเครื่องที่ไม่สามารถรองรับ Windows 11 ได้ก็ตาม ขณะเดียวกัน Dell กลับเห็นการเติบโตในตลาดเซิร์ฟเวอร์และระบบเครือข่าย โดยเฉพาะเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับงานด้าน AI ที่มียอดสั่งซื้อสูงถึง 12 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสล่าสุด สะท้อนว่าธุรกิจให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานมากกว่าการเปลี่ยนระบบปฏิบัติการในตอนนี้
    https://www.techradar.com/pro/security/dell-says-businesses-still-arent-moving-to-windows-11-fast-enough-pc-maker-says-sales-will-be-flat-as-many-stick-with-windows-10

    เปลี่ยนมุมมองเพื่อสร้างนวัตกรรมด้าน Cybersecurity
    บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าการสร้างนวัตกรรมด้านความปลอดภัยไซเบอร์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเครื่องมือหรือเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่สำคัญที่ “วิธีคิด” องค์กรที่ประสบความสำเร็จคือองค์กรที่เรียนรู้ที่จะจัดการความเสี่ยง ไม่ใช่แค่หลีกเลี่ยงมัน การเปิดใจรับฟังและหาทางทำให้ไอเดียใหม่ ๆ ปลอดภัย จะช่วยสร้างความร่วมมือและความเชื่อมั่นภายในทีม ทำให้ความปลอดภัยกลายเป็นตัวช่วยในการแข่งขัน ไม่ใช่แค่กำแพงกีดกัน
    https://www.techradar.com/pro/mindset-change-is-key-to-nurturing-cybersecurity-innovation

    Kia EV4 รถไฟฟ้าที่ทำให้ Hatchback กลับมาตื่นเต้นอีกครั้ง
    ผู้เขียนเล่าประสบการณ์การขับ Kia EV4 รถไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ออกแบบมาให้แตกต่างจาก SUV ทั่วไป ด้วยดีไซน์โฉบเฉี่ยวและการขับขี่ที่สนุกสนาน แม้จะไม่แรงสุดขั้ว แต่ก็ให้ความสบายและความคล่องตัวที่เหนือกว่า Hatchback ทั่วไป จุดเด่นคือแบตเตอรี่ที่มีให้เลือกสองขนาด พร้อมระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 388 ไมล์ และระบบชาร์จเร็วที่ใช้เวลาเพียง 29 นาที นอกจากนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ เช่น ผู้ช่วยเสียงที่ใช้ ChatGPT และระบบความบันเทิงในรถที่รองรับ Netflix และ Disney+ ทำให้การเดินทางไม่น่าเบื่ออีกต่อไป
    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/ive-driven-the-new-electric-kia-ev4-and-it-finally-makes-hatchbacks-exciting-again-for-three-key-reasons

    5 แอปที่จะทำให้ภาพถ่ายมือถือของคุณดียิ่งขึ้น
    แม้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จะมีกล้องที่ดีมาก แต่การใช้แอปเสริมสามารถยกระดับภาพถ่ายได้อีกขั้น บทความนี้แนะนำ 5 แอป ได้แก่ Lightroom ที่ครบเครื่องด้านการแก้ไข Snapseed ที่ใช้ง่ายและมีฟิลเตอร์หลากหลาย Halide Mark II สำหรับ iPhone ที่ให้ควบคุมการถ่ายภาพแบบมืออาชีพ Open Camera สำหรับ Android ที่เพิ่มฟีเจอร์การถ่ายภาพ และ VSCO ที่มีพรีเซ็ตกว่า 200 แบบพร้อมชุมชนให้แชร์ผลงาน แอปเหล่านี้ช่วยให้ทั้งการถ่ายและการแต่งภาพสนุกและมีคุณภาพมากขึ้น
    https://www.techradar.com/phones/want-to-take-better-phone-pictures-these-5-apps-will-vastly-improve-your-photos

    วิศวกรแห่งอนาคต: นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยคนและความยั่งยืน
    บทความนี้สะท้อนว่าคำว่า “นวัตกรรม” ในสายงานวิศวกรรมไม่ได้หมายถึงเทคโนโลยีใหม่เพียงอย่างเดียว แต่คือการผสมผสานคน ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และการสร้างความก้าวหน้า วิศวกรยุคใหม่ใช้ข้อมูลและ AI เพื่อคาดการณ์ปัญหาก่อนเกิด ลดการเดินทางและการปล่อยคาร์บอน พร้อมทั้งผลักดันการรีไซเคิลและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเน้นความหลากหลายและการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาในสายงาน เพื่อสร้างทีมที่มีมุมมองหลากหลายและพร้อมแก้ปัญหาที่ซับซ้อนในอนาคต
    https://www.techradar.com/pro/engineers-for-the-future-championing-innovation-through-people-purpose-and-progress

    OnePlus เตรียมเปิดตัวมือถือที่แบตใหญ่ที่สุด
    ข่าวนี้พูดถึงมือถือรุ่นใหม่จาก OnePlus ที่คาดว่าจะมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่บริษัทเคยใส่ในสมาร์ทโฟน จุดเด่นคือการยืดอายุการใช้งานให้ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการความทนทานและใช้งานได้ยาวนานขึ้น โดยยังคงรักษาดีไซน์และประสิทธิภาพที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ OnePlus ทำให้แฟน ๆ รอติดตามการเปิดตัวอย่างเป็นทางการว่าจะสร้างความแตกต่างได้มากแค่ไหน
    https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/the-next-oneplus-phone-could-have-the-biggest-battery-the-company-has-ever-put-into-a-handset

    Missouri เริ่มบังคับใช้การยืนยันอายุออนไลน์
    รัฐ Missouri ของสหรัฐฯ ได้เริ่มต้นวันแรกของการบังคับใช้กฎหมายการยืนยันอายุสำหรับการเข้าถึงเว็บไซต์บางประเภท ทำให้ประชาชนจำนวนมากเริ่มค้นหา VPN เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดนี้ เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความท้าทายระหว่างการคุ้มครองเยาวชนกับสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลออนไลน์ และยังทำให้ตลาด VPN ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นทันที
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/missouris-search-for-vpns-lifts-off-as-the-first-day-of-age-verification-arrives
    📌📡🟡 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟡📡📌 #รวมข่าวIT #20251201 #TechRadar 🖥️ Dell ชี้การเปลี่ยนผ่านสู่ Windows 11 ยังช้า เรื่องราวนี้เล่าถึงการที่องค์กรจำนวนมากยังคงใช้เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าและไม่รีบอัปเกรดไป Windows 11 เพราะเครื่องที่มีอยู่ยังทำงานได้ดี ส่งผลให้ยอดขาย PC ของ Dell คาดว่าจะทรงตัว แม้จะมีเครื่องกว่า 500 ล้านเครื่องที่ไม่สามารถรองรับ Windows 11 ได้ก็ตาม ขณะเดียวกัน Dell กลับเห็นการเติบโตในตลาดเซิร์ฟเวอร์และระบบเครือข่าย โดยเฉพาะเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับงานด้าน AI ที่มียอดสั่งซื้อสูงถึง 12 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสล่าสุด สะท้อนว่าธุรกิจให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานมากกว่าการเปลี่ยนระบบปฏิบัติการในตอนนี้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/dell-says-businesses-still-arent-moving-to-windows-11-fast-enough-pc-maker-says-sales-will-be-flat-as-many-stick-with-windows-10 🔒 เปลี่ยนมุมมองเพื่อสร้างนวัตกรรมด้าน Cybersecurity บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าการสร้างนวัตกรรมด้านความปลอดภัยไซเบอร์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเครื่องมือหรือเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่สำคัญที่ “วิธีคิด” องค์กรที่ประสบความสำเร็จคือองค์กรที่เรียนรู้ที่จะจัดการความเสี่ยง ไม่ใช่แค่หลีกเลี่ยงมัน การเปิดใจรับฟังและหาทางทำให้ไอเดียใหม่ ๆ ปลอดภัย จะช่วยสร้างความร่วมมือและความเชื่อมั่นภายในทีม ทำให้ความปลอดภัยกลายเป็นตัวช่วยในการแข่งขัน ไม่ใช่แค่กำแพงกีดกัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/mindset-change-is-key-to-nurturing-cybersecurity-innovation 🚗 Kia EV4 รถไฟฟ้าที่ทำให้ Hatchback กลับมาตื่นเต้นอีกครั้ง ผู้เขียนเล่าประสบการณ์การขับ Kia EV4 รถไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ออกแบบมาให้แตกต่างจาก SUV ทั่วไป ด้วยดีไซน์โฉบเฉี่ยวและการขับขี่ที่สนุกสนาน แม้จะไม่แรงสุดขั้ว แต่ก็ให้ความสบายและความคล่องตัวที่เหนือกว่า Hatchback ทั่วไป จุดเด่นคือแบตเตอรี่ที่มีให้เลือกสองขนาด พร้อมระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 388 ไมล์ และระบบชาร์จเร็วที่ใช้เวลาเพียง 29 นาที นอกจากนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ เช่น ผู้ช่วยเสียงที่ใช้ ChatGPT และระบบความบันเทิงในรถที่รองรับ Netflix และ Disney+ ทำให้การเดินทางไม่น่าเบื่ออีกต่อไป 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/ive-driven-the-new-electric-kia-ev4-and-it-finally-makes-hatchbacks-exciting-again-for-three-key-reasons 📸 5 แอปที่จะทำให้ภาพถ่ายมือถือของคุณดียิ่งขึ้น แม้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จะมีกล้องที่ดีมาก แต่การใช้แอปเสริมสามารถยกระดับภาพถ่ายได้อีกขั้น บทความนี้แนะนำ 5 แอป ได้แก่ Lightroom ที่ครบเครื่องด้านการแก้ไข Snapseed ที่ใช้ง่ายและมีฟิลเตอร์หลากหลาย Halide Mark II สำหรับ iPhone ที่ให้ควบคุมการถ่ายภาพแบบมืออาชีพ Open Camera สำหรับ Android ที่เพิ่มฟีเจอร์การถ่ายภาพ และ VSCO ที่มีพรีเซ็ตกว่า 200 แบบพร้อมชุมชนให้แชร์ผลงาน แอปเหล่านี้ช่วยให้ทั้งการถ่ายและการแต่งภาพสนุกและมีคุณภาพมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/phones/want-to-take-better-phone-pictures-these-5-apps-will-vastly-improve-your-photos ⚙️ วิศวกรแห่งอนาคต: นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยคนและความยั่งยืน บทความนี้สะท้อนว่าคำว่า “นวัตกรรม” ในสายงานวิศวกรรมไม่ได้หมายถึงเทคโนโลยีใหม่เพียงอย่างเดียว แต่คือการผสมผสานคน ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และการสร้างความก้าวหน้า วิศวกรยุคใหม่ใช้ข้อมูลและ AI เพื่อคาดการณ์ปัญหาก่อนเกิด ลดการเดินทางและการปล่อยคาร์บอน พร้อมทั้งผลักดันการรีไซเคิลและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเน้นความหลากหลายและการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาในสายงาน เพื่อสร้างทีมที่มีมุมมองหลากหลายและพร้อมแก้ปัญหาที่ซับซ้อนในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/pro/engineers-for-the-future-championing-innovation-through-people-purpose-and-progress 📱 OnePlus เตรียมเปิดตัวมือถือที่แบตใหญ่ที่สุด ข่าวนี้พูดถึงมือถือรุ่นใหม่จาก OnePlus ที่คาดว่าจะมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่บริษัทเคยใส่ในสมาร์ทโฟน จุดเด่นคือการยืดอายุการใช้งานให้ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการความทนทานและใช้งานได้ยาวนานขึ้น โดยยังคงรักษาดีไซน์และประสิทธิภาพที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ OnePlus ทำให้แฟน ๆ รอติดตามการเปิดตัวอย่างเป็นทางการว่าจะสร้างความแตกต่างได้มากแค่ไหน 🔗 https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/the-next-oneplus-phone-could-have-the-biggest-battery-the-company-has-ever-put-into-a-handset 🌐 Missouri เริ่มบังคับใช้การยืนยันอายุออนไลน์ รัฐ Missouri ของสหรัฐฯ ได้เริ่มต้นวันแรกของการบังคับใช้กฎหมายการยืนยันอายุสำหรับการเข้าถึงเว็บไซต์บางประเภท ทำให้ประชาชนจำนวนมากเริ่มค้นหา VPN เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดนี้ เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความท้าทายระหว่างการคุ้มครองเยาวชนกับสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลออนไลน์ และยังทำให้ตลาด VPN ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นทันที 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/missouris-search-for-vpns-lifts-off-as-the-first-day-of-age-verification-arrives
    0 Comments 0 Shares 277 Views 0 Reviews
  • การแข่งขันการ์ดความจำจิ๋วในญี่ปุ่น

    การแข่งขันนี้จัดขึ้นเพื่อค้นหาการ์ดหน่วยความจำที่มีความจุเล็กที่สุด โดยผู้เข้าร่วมส่งการ์ดรุ่นเก่า ๆ จากยุค 80–90 เข้ามา ผลปรากฏว่า SmartMedia 0.5MB ได้รับตำแหน่งชนะเลิศ ขณะที่การ์ด Casio RAM 2KB ที่ใช้กับเครื่องพกพา “Pokecon” ถูกตัดสิทธิ์เพราะไม่ใช่การ์ดแฟลชทั่วไป

    รายชื่อการ์ดที่เข้ารอบ
    นอกจาก SmartMedia แล้ว ยังมีการ์ดรุ่นอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น SD card 8MB, MMC 4MB, CF 2MB, Memory Stick 4MB และ xD-Picture Card 16MB ซึ่งสะท้อนให้เห็นวิวัฒนาการของสื่อบันทึกข้อมูลตั้งแต่ยุคที่ไม่กี่เมกะไบต์ถือว่า “ใหญ่” จนถึงปัจจุบันที่การ์ด microSD มีความจุหลายเทราไบต์

    การ์ดที่ถูกตัดสิทธิ์แต่ยังน่าจดจำ
    แม้จะไม่ได้เข้ารอบสุดท้าย แต่การ์ดบางรุ่นก็สร้างความสนใจ เช่น Flash FDD stick 1.44MB ที่เลียนแบบฟลอปปีดิสก์ และ PCMCIA 1MB รุ่นก่อนมาตรฐาน ซึ่งเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของการพัฒนาอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล

    ความหมายต่อวงการเทคโนโลยี
    การแข่งขันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องสนุก แต่ยังสะท้อนให้เห็นว่าเทคโนโลยีการเก็บข้อมูลได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดด จากหลักกิโลไบต์ในอดีต สู่หลักเทราไบต์ในปัจจุบัน และยังเตือนให้เราตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในโลกดิจิทัล

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ผู้ชนะการแข่งขัน
    SmartMedia 0.5MB ได้ตำแหน่งเล็กที่สุด
    Casio RAM 2KB ถูกตัดสิทธิ์เพราะไม่ใช่แฟลชการ์ด

    การ์ดที่เข้ารอบ
    SD card 8MB, MMC 4MB
    CF 2MB, Memory Stick 4MB, xD-Picture Card 16MB

    การ์ดที่ถูกตัดสิทธิ์
    Flash FDD stick 1.44MB ที่บูตได้เหมือนฟลอปปีดิสก์
    PCMCIA 1MB รุ่นก่อนมาตรฐาน

    ความหมายต่อวงการ
    แสดงวิวัฒนาการจาก KB → MB → GB → TB
    เป็นบทเรียนเชิงประวัติศาสตร์ของการเก็บข้อมูล

    https://www.tomshardware.com/pc-components/microsd-cards/the-small-capacity-memory-card-championship-japan-results-are-in-a-0-5mb-smartmedia-card-won-but-a-2kb-casio-battery-backed-ram-card-lost-due-to-a-technicality
    🏆 การแข่งขันการ์ดความจำจิ๋วในญี่ปุ่น การแข่งขันนี้จัดขึ้นเพื่อค้นหาการ์ดหน่วยความจำที่มีความจุเล็กที่สุด โดยผู้เข้าร่วมส่งการ์ดรุ่นเก่า ๆ จากยุค 80–90 เข้ามา ผลปรากฏว่า SmartMedia 0.5MB ได้รับตำแหน่งชนะเลิศ ขณะที่การ์ด Casio RAM 2KB ที่ใช้กับเครื่องพกพา “Pokecon” ถูกตัดสิทธิ์เพราะไม่ใช่การ์ดแฟลชทั่วไป 💾 รายชื่อการ์ดที่เข้ารอบ นอกจาก SmartMedia แล้ว ยังมีการ์ดรุ่นอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น SD card 8MB, MMC 4MB, CF 2MB, Memory Stick 4MB และ xD-Picture Card 16MB ซึ่งสะท้อนให้เห็นวิวัฒนาการของสื่อบันทึกข้อมูลตั้งแต่ยุคที่ไม่กี่เมกะไบต์ถือว่า “ใหญ่” จนถึงปัจจุบันที่การ์ด microSD มีความจุหลายเทราไบต์ 📜 การ์ดที่ถูกตัดสิทธิ์แต่ยังน่าจดจำ แม้จะไม่ได้เข้ารอบสุดท้าย แต่การ์ดบางรุ่นก็สร้างความสนใจ เช่น Flash FDD stick 1.44MB ที่เลียนแบบฟลอปปีดิสก์ และ PCMCIA 1MB รุ่นก่อนมาตรฐาน ซึ่งเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของการพัฒนาอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล 🔮 ความหมายต่อวงการเทคโนโลยี การแข่งขันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องสนุก แต่ยังสะท้อนให้เห็นว่าเทคโนโลยีการเก็บข้อมูลได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดด จากหลักกิโลไบต์ในอดีต สู่หลักเทราไบต์ในปัจจุบัน และยังเตือนให้เราตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในโลกดิจิทัล 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ผู้ชนะการแข่งขัน ➡️ SmartMedia 0.5MB ได้ตำแหน่งเล็กที่สุด ➡️ Casio RAM 2KB ถูกตัดสิทธิ์เพราะไม่ใช่แฟลชการ์ด ✅ การ์ดที่เข้ารอบ ➡️ SD card 8MB, MMC 4MB ➡️ CF 2MB, Memory Stick 4MB, xD-Picture Card 16MB ✅ การ์ดที่ถูกตัดสิทธิ์ ➡️ Flash FDD stick 1.44MB ที่บูตได้เหมือนฟลอปปีดิสก์ ➡️ PCMCIA 1MB รุ่นก่อนมาตรฐาน ✅ ความหมายต่อวงการ ➡️ แสดงวิวัฒนาการจาก KB → MB → GB → TB ➡️ เป็นบทเรียนเชิงประวัติศาสตร์ของการเก็บข้อมูล https://www.tomshardware.com/pc-components/microsd-cards/the-small-capacity-memory-card-championship-japan-results-are-in-a-0-5mb-smartmedia-card-won-but-a-2kb-casio-battery-backed-ram-card-lost-due-to-a-technicality
    0 Comments 0 Shares 206 Views 0 Reviews
  • Microsoft ประกาศว่า Full Screen Experience (FSE) จะถูกเปิดให้ใช้งานบน Windows 11 gaming handhelds ทุกเครื่อง

    FSE เป็นอินเทอร์เฟซที่ออกแบบมาเพื่อแทนที่ UI มาตรฐานของ Windows โดยเน้นการใช้งานสำหรับเกมเมอร์ เมื่อเปิดเครื่อง ผู้ใช้สามารถเข้าสู่หน้าจอที่รวมเกมจากหลายแพลตฟอร์ม เช่น Windows Store, Steam, Epic Games และ Battle.net ได้ทันที โดยไม่ต้องผ่าน Start Menu หรือ Explorer ซึ่งช่วยลดความซับซ้อนและเพิ่มความเร็วในการเข้าถึงเกม

    การขยายสู่เครื่องเล่นเกมพกพา
    เดิมที FSE มีให้ใช้งานเฉพาะบน Asus ROG Xbox Ally X แต่ Microsoft ได้ประกาศว่าจะเปิดให้ใช้งานบน ทุกเครื่องเล่นเกมพกพาที่ใช้ Windows 11 เช่น Lenovo Legion Go, MSI Claw 8 AI+ และ AYANEO 2/Next การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นการตอบสนองต่อเสียงเรียกร้องของผู้ใช้ที่ต้องการ UI ที่เหมาะสมกับการเล่นเกมบนอุปกรณ์พกพา

    ประสิทธิภาพและการปรับแต่ง
    นอกจากการรวมเกมไว้ในที่เดียว FSE ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกม โดยการบูตเข้าสู่ FSE จะข้ามบางส่วนของ Windows Explorer ที่กิน RAM ทำให้ระบบเบาลงและเฟรมเรตเสถียรกว่าโหมด Game Mode แบบเดิม ผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งการตั้งค่าได้ง่ายขึ้นผ่านเมนูที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับเกมเมอร์

    ทางเลือกสำหรับผู้ใช้ขั้นสูง
    แม้ Microsoft จะเปิดให้ใช้งาน FSE อย่างเป็นทางการ แต่ผู้ใช้ที่จริงจังกับการปรับแต่งประสิทธิภาพยังสามารถเลือกใช้ระบบปฏิบัติการอื่น เช่น Bazzite Linux ซึ่งมีรายงานว่าสามารถให้ FPS ที่สูงและเสถียรกว่าในหลายเกม อย่างไรก็ตาม FSE ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ Windows 11 บนเครื่องเล่นเกมพกพาใกล้เคียงกับประสบการณ์ของ SteamOS และ Big Picture Mode

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Microsoft เปิดให้ใช้ Full Screen Experience (FSE) บน Windows 11 handhelds ทุกเครื่อง
    เดิมทีเป็นฟีเจอร์เฉพาะของ Asus ROG Xbox Ally X

    FSE รวมเกมจากหลายแพลตฟอร์มไว้ในที่เดียว
    Windows Store, Steam, Epic Games, Battle.net

    FSE ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกม
    ลดการใช้ RAM และทำให้เฟรมเรตเสถียรกว่า Game Mode

    รองรับอุปกรณ์พกพาหลากหลาย เช่น Lenovo Legion Go, MSI Claw, AYANEO
    ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการ UI ที่เหมาะกับการเล่นเกม

    ผู้ใช้ขั้นสูงอาจเลือกทางเลือกอื่น
    Bazzite Linux ให้ FPS ที่สูงและเสถียรกว่าในบางเกม

    ความเสี่ยงด้านการปรับแต่งและความเข้ากันได้
    FSE ยังอยู่ในช่วงทดสอบ อาจมีบั๊กหรือไม่รองรับบางเกม

    https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/microsoft-makes-full-screen-experience-available-to-all-windows-11-gaming-handhelds-highly-requested-feature-no-longer-exclusive-to-the-asus-rog-xbox-ally-x
    🎮 Microsoft ประกาศว่า Full Screen Experience (FSE) จะถูกเปิดให้ใช้งานบน Windows 11 gaming handhelds ทุกเครื่อง FSE เป็นอินเทอร์เฟซที่ออกแบบมาเพื่อแทนที่ UI มาตรฐานของ Windows โดยเน้นการใช้งานสำหรับเกมเมอร์ เมื่อเปิดเครื่อง ผู้ใช้สามารถเข้าสู่หน้าจอที่รวมเกมจากหลายแพลตฟอร์ม เช่น Windows Store, Steam, Epic Games และ Battle.net ได้ทันที โดยไม่ต้องผ่าน Start Menu หรือ Explorer ซึ่งช่วยลดความซับซ้อนและเพิ่มความเร็วในการเข้าถึงเกม 🎮 การขยายสู่เครื่องเล่นเกมพกพา เดิมที FSE มีให้ใช้งานเฉพาะบน Asus ROG Xbox Ally X แต่ Microsoft ได้ประกาศว่าจะเปิดให้ใช้งานบน ทุกเครื่องเล่นเกมพกพาที่ใช้ Windows 11 เช่น Lenovo Legion Go, MSI Claw 8 AI+ และ AYANEO 2/Next การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นการตอบสนองต่อเสียงเรียกร้องของผู้ใช้ที่ต้องการ UI ที่เหมาะสมกับการเล่นเกมบนอุปกรณ์พกพา ⚙️ ประสิทธิภาพและการปรับแต่ง นอกจากการรวมเกมไว้ในที่เดียว FSE ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกม โดยการบูตเข้าสู่ FSE จะข้ามบางส่วนของ Windows Explorer ที่กิน RAM ทำให้ระบบเบาลงและเฟรมเรตเสถียรกว่าโหมด Game Mode แบบเดิม ผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งการตั้งค่าได้ง่ายขึ้นผ่านเมนูที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับเกมเมอร์ 🌐 ทางเลือกสำหรับผู้ใช้ขั้นสูง แม้ Microsoft จะเปิดให้ใช้งาน FSE อย่างเป็นทางการ แต่ผู้ใช้ที่จริงจังกับการปรับแต่งประสิทธิภาพยังสามารถเลือกใช้ระบบปฏิบัติการอื่น เช่น Bazzite Linux ซึ่งมีรายงานว่าสามารถให้ FPS ที่สูงและเสถียรกว่าในหลายเกม อย่างไรก็ตาม FSE ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ Windows 11 บนเครื่องเล่นเกมพกพาใกล้เคียงกับประสบการณ์ของ SteamOS และ Big Picture Mode 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Microsoft เปิดให้ใช้ Full Screen Experience (FSE) บน Windows 11 handhelds ทุกเครื่อง ➡️ เดิมทีเป็นฟีเจอร์เฉพาะของ Asus ROG Xbox Ally X ✅ FSE รวมเกมจากหลายแพลตฟอร์มไว้ในที่เดียว ➡️ Windows Store, Steam, Epic Games, Battle.net ✅ FSE ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกม ➡️ ลดการใช้ RAM และทำให้เฟรมเรตเสถียรกว่า Game Mode ✅ รองรับอุปกรณ์พกพาหลากหลาย เช่น Lenovo Legion Go, MSI Claw, AYANEO ➡️ ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการ UI ที่เหมาะกับการเล่นเกม ‼️ ผู้ใช้ขั้นสูงอาจเลือกทางเลือกอื่น ⛔ Bazzite Linux ให้ FPS ที่สูงและเสถียรกว่าในบางเกม ‼️ ความเสี่ยงด้านการปรับแต่งและความเข้ากันได้ ⛔ FSE ยังอยู่ในช่วงทดสอบ อาจมีบั๊กหรือไม่รองรับบางเกม https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/microsoft-makes-full-screen-experience-available-to-all-windows-11-gaming-handhelds-highly-requested-feature-no-longer-exclusive-to-the-asus-rog-xbox-ally-x
    0 Comments 0 Shares 199 Views 0 Reviews
  • ฟีเจอร์ AI ใหม่ของ Windows เสี่ยงถูกโจมตีและติดตั้งมัลแวร์

    Microsoft กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 Insider Build ที่เรียกว่า Copilot Actions ซึ่งถูกออกแบบมาให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานด้วยข้อความ เช่น จัดระเบียบไฟล์ ดาวน์โหลดรูปภาพ หรือดึงข้อมูลจาก PDF โดย AI จะทำงานในสภาพแวดล้อมที่เรียกว่า Agent Workspace ซึ่งมีบัญชีผู้ใช้แยกต่างหากและสามารถโต้ตอบกับแอปพลิเคชันได้เหมือนมีเดสก์ท็อปของตัวเอง

    อย่างไรก็ตาม Microsoft เองก็ยอมรับว่าฟีเจอร์นี้มี “ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยใหม่” โดยเฉพาะการโจมตีแบบ cross-prompt injection (XPIA) ซึ่งเกิดจากเนื้อหาที่เป็นอันตรายในเอกสารหรือ UI สามารถเปลี่ยนคำสั่งของ AI ได้ ผลลัพธ์คือการกระทำที่ไม่ตั้งใจ เช่น การขโมยข้อมูลหรือการติดตั้งมัลแวร์

    สิ่งที่น่ากังวลคือ Copilot Actions ต้องการสิทธิ์เข้าถึงไฟล์ส่วนตัวของผู้ใช้ เช่น Documents, Downloads, Desktop, Pictures, Videos และ Music รวมถึงแอปที่ติดตั้งในระบบทั้งหมด แตกต่างจาก Windows Sandbox ที่ทำงานแบบแยกขาดและถูกลบทุกครั้งที่ปิด แต่ Copilot Actions จะคงสิทธิ์การเข้าถึงไว้ตลอดการใช้งาน

    แม้ Microsoft จะบอกว่ามีการป้องกัน เช่น การบันทึกกิจกรรม, การขออนุญาตก่อนเข้าถึงข้อมูล, และการใช้ audit logs แต่ก็ยังมีความเสี่ยงเนื่องจาก AI อาจ “หลอน” (hallucinate) และทำงานผิดพลาดได้เอง ซึ่งทำให้ผู้ใช้หลายคนตั้งคำถามว่าฟีเจอร์นี้พร้อมใช้งานจริงหรือยัง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ฟีเจอร์ใหม่ Copilot Actions
    ทำงานใน Agent Workspace แยกต่างหาก
    สามารถจัดการไฟล์และโต้ตอบกับแอปพลิเคชันได้

    สิทธิ์การเข้าถึงที่กว้างขวาง
    เข้าถึง Documents, Downloads, Desktop, Pictures, Videos, Music
    เข้าถึงแอปที่ติดตั้งในระบบทั้งหมด

    มาตรการป้องกันที่ Microsoft ระบุ
    บันทึกกิจกรรมทั้งหมด
    ผู้ใช้ต้องอนุมัติการเข้าถึงข้อมูล
    ใช้ audit logs เพื่อติดตามการทำงาน

    คำเตือนและความเสี่ยง
    เสี่ยงต่อการโจมตีแบบ cross-prompt injection (XPIA)
    อาจทำให้เกิดการขโมยข้อมูลหรือการติดตั้งมัลแวร์
    AI อาจ “หลอน” และทำงานผิดพลาดเอง
    การเข้าถึงไฟล์ส่วนตัวอาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

    https://itsfoss.com/news/new-windows-ai-feature-can-be-tricked/
    🛡️ ฟีเจอร์ AI ใหม่ของ Windows เสี่ยงถูกโจมตีและติดตั้งมัลแวร์ Microsoft กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 Insider Build ที่เรียกว่า Copilot Actions ซึ่งถูกออกแบบมาให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานด้วยข้อความ เช่น จัดระเบียบไฟล์ ดาวน์โหลดรูปภาพ หรือดึงข้อมูลจาก PDF โดย AI จะทำงานในสภาพแวดล้อมที่เรียกว่า Agent Workspace ซึ่งมีบัญชีผู้ใช้แยกต่างหากและสามารถโต้ตอบกับแอปพลิเคชันได้เหมือนมีเดสก์ท็อปของตัวเอง อย่างไรก็ตาม Microsoft เองก็ยอมรับว่าฟีเจอร์นี้มี “ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยใหม่” โดยเฉพาะการโจมตีแบบ cross-prompt injection (XPIA) ซึ่งเกิดจากเนื้อหาที่เป็นอันตรายในเอกสารหรือ UI สามารถเปลี่ยนคำสั่งของ AI ได้ ผลลัพธ์คือการกระทำที่ไม่ตั้งใจ เช่น การขโมยข้อมูลหรือการติดตั้งมัลแวร์ สิ่งที่น่ากังวลคือ Copilot Actions ต้องการสิทธิ์เข้าถึงไฟล์ส่วนตัวของผู้ใช้ เช่น Documents, Downloads, Desktop, Pictures, Videos และ Music รวมถึงแอปที่ติดตั้งในระบบทั้งหมด แตกต่างจาก Windows Sandbox ที่ทำงานแบบแยกขาดและถูกลบทุกครั้งที่ปิด แต่ Copilot Actions จะคงสิทธิ์การเข้าถึงไว้ตลอดการใช้งาน แม้ Microsoft จะบอกว่ามีการป้องกัน เช่น การบันทึกกิจกรรม, การขออนุญาตก่อนเข้าถึงข้อมูล, และการใช้ audit logs แต่ก็ยังมีความเสี่ยงเนื่องจาก AI อาจ “หลอน” (hallucinate) และทำงานผิดพลาดได้เอง ซึ่งทำให้ผู้ใช้หลายคนตั้งคำถามว่าฟีเจอร์นี้พร้อมใช้งานจริงหรือยัง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ฟีเจอร์ใหม่ Copilot Actions ➡️ ทำงานใน Agent Workspace แยกต่างหาก ➡️ สามารถจัดการไฟล์และโต้ตอบกับแอปพลิเคชันได้ ✅ สิทธิ์การเข้าถึงที่กว้างขวาง ➡️ เข้าถึง Documents, Downloads, Desktop, Pictures, Videos, Music ➡️ เข้าถึงแอปที่ติดตั้งในระบบทั้งหมด ✅ มาตรการป้องกันที่ Microsoft ระบุ ➡️ บันทึกกิจกรรมทั้งหมด ➡️ ผู้ใช้ต้องอนุมัติการเข้าถึงข้อมูล ➡️ ใช้ audit logs เพื่อติดตามการทำงาน ‼️ คำเตือนและความเสี่ยง ⛔ เสี่ยงต่อการโจมตีแบบ cross-prompt injection (XPIA) ⛔ อาจทำให้เกิดการขโมยข้อมูลหรือการติดตั้งมัลแวร์ ⛔ AI อาจ “หลอน” และทำงานผิดพลาดเอง ⛔ การเข้าถึงไฟล์ส่วนตัวอาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ https://itsfoss.com/news/new-windows-ai-feature-can-be-tricked/
    ITSFOSS.COM
    Microsoft's New Windows AI Feature Comes With Warnings About Malware and Data Theft
    New opt-in experimental feature comes with some warnings and requires file access.
    0 Comments 0 Shares 202 Views 0 Reviews
  • “The Fall of Icarus – ภาพถ่ายดาราศาสตร์ที่ไม่เคยมีมาก่อน”

    ภาพนี้เป็นผลงานร่วมกันของ Andrew McCarthy นักถ่ายภาพดาราศาสตร์ และ Gabriel C. Brown นักกระโดดร่ม โดยพวกเขาวางแผนให้ Brown กระโดดร่มในจังหวะที่ตรงกับการถ่ายภาพดวงอาทิตย์ในแสง Hydrogen-alpha ซึ่งเผยให้เห็นพื้นผิวที่เต็มไปด้วยความปั่นป่วนและจุดดับบนดวงอาทิตย์ ผลลัพธ์คือภาพเงาของนักกระโดดร่มที่พุ่งลงมาพอดีกับตำแหน่งระหว่างจุดดับดวงอาทิตย์ สร้างความสมบูรณ์แบบทั้งด้านศิลปะและวิทยาศาสตร์

    การถ่ายภาพครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ทีมงานต้องใช้ หลายกล้องและการสื่อสารแบบเรียลไทม์ ระหว่างนักบินพารามอเตอร์, McCarthy และ Brown เพื่อให้การจัดตำแหน่งเป็นไปอย่างแม่นยำ หลังจากความพยายามถึง 6 ครั้ง พวกเขาจึงได้ภาพที่สมบูรณ์แบบตามที่ตั้งใจไว้

    สิ่งที่ทำให้ภาพนี้โดดเด่นคือการนำ กิจกรรมสุดขั้วอย่างการกระโดดร่ม มาผสมผสานกับ การถ่ายภาพดาราศาสตร์เชิงลึก ซึ่งปกติแล้วมักจะเป็นงานที่ต้องใช้ความนิ่งและความแม่นยำสูง การสร้างสรรค์ครั้งนี้จึงถูกยกย่องว่าเป็น “การยกระดับมาตรฐานของวงการ Astrophotography” และได้รับการเผยแพร่ไปทั่วโลกในฐานะผลงานศิลป์ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน

    นอกจากความงดงามทางศิลปะแล้ว ภาพนี้ยังสะท้อนถึง ความร่วมมือระหว่างศาสตร์ต่าง ๆ ทั้งวิทยาศาสตร์การบิน, ดาราศาสตร์ และศิลปะการถ่ายภาพ ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีของการสร้างสรรค์ที่เกิดจากการคิดนอกกรอบและการทำงานร่วมกันของผู้เชี่ยวชาญต่างสาขา

    สรุปสาระสำคัญ
    ผลงานของ Andrew McCarthy และ Gabriel C. Brown
    ผสมผสานการถ่ายภาพดาราศาสตร์กับการกระโดดร่ม

    ใช้แสง Hydrogen-alpha ในการถ่ายดวงอาทิตย์
    เผยให้เห็นพื้นผิวที่เต็มไปด้วยความปั่นป่วนและจุดดับ

    การวางแผนซับซ้อนและพยายามถึง 6 ครั้ง
    เพื่อให้ตำแหน่งกระโดดร่มตรงกับดวงอาทิตย์อย่างสมบูรณ์

    ได้รับการยกย่องว่าเป็นการยกระดับ Astrophotography
    สร้างความตื่นตะลึงและเผยแพร่ไปทั่วโลก

    ความเสี่ยงจากการกระโดดร่มและการจัดตำแหน่งที่ซับซ้อน
    ต้องอาศัยการสื่อสารและการควบคุมที่แม่นยำเพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย

    การผสมผสานกิจกรรมสุดขั้วกับงานวิทยาศาสตร์
    หากผิดพลาดอาจทำให้ทั้งการถ่ายภาพและการกระโดดร่มล้มเหลว

    https://www.iflscience.com/the-fall-of-icarus-you-have-never-seen-an-astrophotography-picture-like-this-81570
    📰 “The Fall of Icarus – ภาพถ่ายดาราศาสตร์ที่ไม่เคยมีมาก่อน” ภาพนี้เป็นผลงานร่วมกันของ Andrew McCarthy นักถ่ายภาพดาราศาสตร์ และ Gabriel C. Brown นักกระโดดร่ม โดยพวกเขาวางแผนให้ Brown กระโดดร่มในจังหวะที่ตรงกับการถ่ายภาพดวงอาทิตย์ในแสง Hydrogen-alpha ซึ่งเผยให้เห็นพื้นผิวที่เต็มไปด้วยความปั่นป่วนและจุดดับบนดวงอาทิตย์ ผลลัพธ์คือภาพเงาของนักกระโดดร่มที่พุ่งลงมาพอดีกับตำแหน่งระหว่างจุดดับดวงอาทิตย์ สร้างความสมบูรณ์แบบทั้งด้านศิลปะและวิทยาศาสตร์ การถ่ายภาพครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ทีมงานต้องใช้ หลายกล้องและการสื่อสารแบบเรียลไทม์ ระหว่างนักบินพารามอเตอร์, McCarthy และ Brown เพื่อให้การจัดตำแหน่งเป็นไปอย่างแม่นยำ หลังจากความพยายามถึง 6 ครั้ง พวกเขาจึงได้ภาพที่สมบูรณ์แบบตามที่ตั้งใจไว้ สิ่งที่ทำให้ภาพนี้โดดเด่นคือการนำ กิจกรรมสุดขั้วอย่างการกระโดดร่ม มาผสมผสานกับ การถ่ายภาพดาราศาสตร์เชิงลึก ซึ่งปกติแล้วมักจะเป็นงานที่ต้องใช้ความนิ่งและความแม่นยำสูง การสร้างสรรค์ครั้งนี้จึงถูกยกย่องว่าเป็น “การยกระดับมาตรฐานของวงการ Astrophotography” และได้รับการเผยแพร่ไปทั่วโลกในฐานะผลงานศิลป์ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน นอกจากความงดงามทางศิลปะแล้ว ภาพนี้ยังสะท้อนถึง ความร่วมมือระหว่างศาสตร์ต่าง ๆ ทั้งวิทยาศาสตร์การบิน, ดาราศาสตร์ และศิลปะการถ่ายภาพ ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีของการสร้างสรรค์ที่เกิดจากการคิดนอกกรอบและการทำงานร่วมกันของผู้เชี่ยวชาญต่างสาขา 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ผลงานของ Andrew McCarthy และ Gabriel C. Brown ➡️ ผสมผสานการถ่ายภาพดาราศาสตร์กับการกระโดดร่ม ✅ ใช้แสง Hydrogen-alpha ในการถ่ายดวงอาทิตย์ ➡️ เผยให้เห็นพื้นผิวที่เต็มไปด้วยความปั่นป่วนและจุดดับ ✅ การวางแผนซับซ้อนและพยายามถึง 6 ครั้ง ➡️ เพื่อให้ตำแหน่งกระโดดร่มตรงกับดวงอาทิตย์อย่างสมบูรณ์ ✅ ได้รับการยกย่องว่าเป็นการยกระดับ Astrophotography ➡️ สร้างความตื่นตะลึงและเผยแพร่ไปทั่วโลก ‼️ ความเสี่ยงจากการกระโดดร่มและการจัดตำแหน่งที่ซับซ้อน ⛔ ต้องอาศัยการสื่อสารและการควบคุมที่แม่นยำเพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย ‼️ การผสมผสานกิจกรรมสุดขั้วกับงานวิทยาศาสตร์ ⛔ หากผิดพลาดอาจทำให้ทั้งการถ่ายภาพและการกระโดดร่มล้มเหลว https://www.iflscience.com/the-fall-of-icarus-you-have-never-seen-an-astrophotography-picture-like-this-81570
    WWW.IFLSCIENCE.COM
    “The Fall Of Icarus”: You Have Never Seen An Astrophotography Picture Like This!
    This is not photoshopped. That’s really a person falling in front of the Sun.
    0 Comments 0 Shares 259 Views 0 Reviews
  • Windows 11 เตรียมเพิ่มฟีเจอร์ AI Agent ที่ทำงานเบื้องหลัง พร้อมสิทธิ์เข้าถึงโฟลเดอร์ส่วนตัว – แต่มีคำเตือนด้านความปลอดภัย

    Microsoft กำลังทดลองฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 ที่เรียกว่า Agent Workspace ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้ AI Agent สามารถทำงานเบื้องหลังได้ตลอดเวลา โดยมีสิทธิ์เข้าถึงโฟลเดอร์ที่ใช้บ่อย เช่น Desktop, Documents, Downloads, Pictures, Music และ Videos ฟีเจอร์นี้ถูกเปิดให้ทดสอบใน Windows Insider Dev และ Beta Channel ผ่านการตั้งค่า “Experimental agentic features” ในหน้า AI Components ของระบบ

    Agent Workspace ทำงานคล้ายกับ Windows Sandbox แต่แตกต่างตรงที่ Agent จะมี บัญชีผู้ใช้และเดสก์ท็อปของตัวเอง สามารถคลิก เปิดแอป และจัดการไฟล์ได้โดยตรงในพื้นที่แยกต่างหาก ขณะเดียวกันผู้ใช้ยังสามารถตรวจสอบ log การทำงานของ Agent ได้ เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและการควบคุม

    อย่างไรก็ตาม Microsoft เองก็เตือนว่า ฟีเจอร์นี้อาจสร้าง ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เนื่องจาก Agent ได้รับสิทธิ์อ่านและเขียนไฟล์ในโฟลเดอร์ส่วนตัว หากมีการใช้งานผิดพลาดหรือถูกโจมตี อาจทำให้ข้อมูลรั่วไหลได้ แม้จะมีการออกแบบให้ทำงานแบบ runtime isolation และมีการกำหนดสิทธิ์แยกสำหรับแต่ละ Agent แต่ก็ยังมีข้อกังวลเรื่องการใช้ทรัพยากรเครื่องและความปลอดภัยของข้อมูล

    การเปิดตัว Agent Workspace ถือเป็นสัญญาณว่า Microsoft กำลังผลักดัน Windows 11 ให้เป็น AI-Native OS อย่างจริงจัง แม้จะมีเสียงวิจารณ์จากผู้ใช้จำนวนมากที่กังวลเรื่องความปลอดภัยและการพึ่งพา AI มากเกินไป แต่บริษัทก็ยืนยันว่าจะปรับปรุงโมเดลความปลอดภัยและความโปร่งใสเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในอนาคต

    สรุปสาระสำคัญ
    Agent Workspace เปิดตัวใน Windows 11
    ให้ AI Agent ทำงานเบื้องหลังพร้อมสิทธิ์เข้าถึงโฟลเดอร์ส่วนตัว

    ทำงานคล้าย Sandbox แต่มีเดสก์ท็อปและบัญชีแยก
    ผู้ใช้สามารถตรวจสอบ log และควบคุมสิทธิ์ของ Agent ได้

    เปิดให้ทดสอบใน Insider Dev และ Beta Channel
    ผ่านการตั้งค่า Experimental agentic features

    ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
    Agent มีสิทธิ์อ่าน/เขียนไฟล์ในโฟลเดอร์ส่วนตัว อาจเสี่ยงข้อมูลรั่วไหล

    ผลกระทบต่อประสิทธิภาพเครื่อง
    Agent ทำงานตลอดเวลา อาจใช้ RAM และ CPU เพิ่มขึ้น

    https://www.windowslatest.com/2025/11/18/windows-11-to-add-an-ai-agent-that-runs-in-background-with-access-to-personal-folders-warns-of-security-risk/
    🪟⚠️ Windows 11 เตรียมเพิ่มฟีเจอร์ AI Agent ที่ทำงานเบื้องหลัง พร้อมสิทธิ์เข้าถึงโฟลเดอร์ส่วนตัว – แต่มีคำเตือนด้านความปลอดภัย Microsoft กำลังทดลองฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 ที่เรียกว่า Agent Workspace ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้ AI Agent สามารถทำงานเบื้องหลังได้ตลอดเวลา โดยมีสิทธิ์เข้าถึงโฟลเดอร์ที่ใช้บ่อย เช่น Desktop, Documents, Downloads, Pictures, Music และ Videos ฟีเจอร์นี้ถูกเปิดให้ทดสอบใน Windows Insider Dev และ Beta Channel ผ่านการตั้งค่า “Experimental agentic features” ในหน้า AI Components ของระบบ Agent Workspace ทำงานคล้ายกับ Windows Sandbox แต่แตกต่างตรงที่ Agent จะมี บัญชีผู้ใช้และเดสก์ท็อปของตัวเอง สามารถคลิก เปิดแอป และจัดการไฟล์ได้โดยตรงในพื้นที่แยกต่างหาก ขณะเดียวกันผู้ใช้ยังสามารถตรวจสอบ log การทำงานของ Agent ได้ เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและการควบคุม อย่างไรก็ตาม Microsoft เองก็เตือนว่า ฟีเจอร์นี้อาจสร้าง ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เนื่องจาก Agent ได้รับสิทธิ์อ่านและเขียนไฟล์ในโฟลเดอร์ส่วนตัว หากมีการใช้งานผิดพลาดหรือถูกโจมตี อาจทำให้ข้อมูลรั่วไหลได้ แม้จะมีการออกแบบให้ทำงานแบบ runtime isolation และมีการกำหนดสิทธิ์แยกสำหรับแต่ละ Agent แต่ก็ยังมีข้อกังวลเรื่องการใช้ทรัพยากรเครื่องและความปลอดภัยของข้อมูล การเปิดตัว Agent Workspace ถือเป็นสัญญาณว่า Microsoft กำลังผลักดัน Windows 11 ให้เป็น AI-Native OS อย่างจริงจัง แม้จะมีเสียงวิจารณ์จากผู้ใช้จำนวนมากที่กังวลเรื่องความปลอดภัยและการพึ่งพา AI มากเกินไป แต่บริษัทก็ยืนยันว่าจะปรับปรุงโมเดลความปลอดภัยและความโปร่งใสเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในอนาคต 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Agent Workspace เปิดตัวใน Windows 11 ➡️ ให้ AI Agent ทำงานเบื้องหลังพร้อมสิทธิ์เข้าถึงโฟลเดอร์ส่วนตัว ✅ ทำงานคล้าย Sandbox แต่มีเดสก์ท็อปและบัญชีแยก ➡️ ผู้ใช้สามารถตรวจสอบ log และควบคุมสิทธิ์ของ Agent ได้ ✅ เปิดให้ทดสอบใน Insider Dev และ Beta Channel ➡️ ผ่านการตั้งค่า Experimental agentic features ‼️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ⛔ Agent มีสิทธิ์อ่าน/เขียนไฟล์ในโฟลเดอร์ส่วนตัว อาจเสี่ยงข้อมูลรั่วไหล ‼️ ผลกระทบต่อประสิทธิภาพเครื่อง ⛔ Agent ทำงานตลอดเวลา อาจใช้ RAM และ CPU เพิ่มขึ้น https://www.windowslatest.com/2025/11/18/windows-11-to-add-an-ai-agent-that-runs-in-background-with-access-to-personal-folders-warns-of-security-risk/
    WWW.WINDOWSLATEST.COM
    Windows 11 to add an AI agent that runs in background with access to personal folders, warns of security risk
    Microsoft is moving forward with its plans to turn Windows 11 into a full-fledged “AI” operating system amidst Copilot backlash. The first big move in that direction is an experimental feature called “Agent Workspace,” which gives AI agents access to the most-used folders in your directory, such as Desktop, Music, Pictures, and Videos. It will […]
    0 Comments 0 Shares 257 Views 0 Reviews
  • Samsung Smart TV มีเมนูลับที่คุณอาจไม่เคยรู้

    Samsung Smart TV รุ่นใหม่ๆ ไม่ได้มีแค่เมนูตั้งค่าทั่วไป แต่ยังมี “Service Menu” หรือเมนูลับที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้โดยช่างเทคนิคในการตรวจสอบและปรับแต่งระบบภายใน ซึ่งผู้ใช้ทั่วไปก็สามารถเข้าถึงได้ หากรู้วิธีการกดปุ่มบนรีโมตที่ถูกต้อง

    วิธีเข้าถึงเมนูลับ
    สำหรับรีโมตขนาดเล็ก: เปิดทีวี → ไปที่ Settings > Sound Settings และตั้งค่า “Sound Output” เป็น TV Speakers → กดปุ่มตามลำดับ Mute, Up, Down, Enter/OK, Mute

    สำหรับรีโมตขนาดใหญ่: เข้าสู่ Standby Mode โดยเปิดทีวีแล้วกดปิดทันที → จากนั้นกดปุ่มตามลำดับ Info, Menu, Mute, Power หากวิธีเหล่านี้ไม่ทำงาน สามารถค้นหาด้วย รุ่นของทีวี + คำว่า service menu เพื่อดูคำแนะนำเฉพาะรุ่น

    สิ่งที่ทำได้ในเมนูลับ
    ตรวจสอบ ชั่วโมงการใช้งานของจอภาพ (สำคัญมากหากซื้อทีวีมือสอง)
    ปรับแต่ง advanced picture settings เช่น white balance และ gamma
    ตั้งค่า Bluetooth radio configuration และ tuner region
    ปิด Hospitality Mode ที่บางครั้งถูกเปิดโดยผิดพลาด ทำให้ฟีเจอร์บางอย่างถูกจำกัด

    ข้อควรระวัง
    แม้เมนูลับนี้จะมีประโยชน์ แต่ก็มีความเสี่ยงสูง หากปรับค่าที่ไม่เข้าใจอาจทำให้ระบบทำงานผิดพลาดหรือเสียหายได้ ดังนั้นควรใช้เพื่อการตรวจสอบข้อมูลเท่านั้น ไม่ควรทดลองเปลี่ยนค่าที่ไม่แน่ใจ

    สรุปสาระสำคัญ
    วิธีเข้าถึงเมนูลับ
    รีโมตเล็ก: Mute → Up → Down → Enter/OK → Mute
    รีโมตใหญ่: Info → Menu → Mute → Power

    สิ่งที่ทำได้
    ตรวจสอบชั่วโมงการใช้งานจอ
    ปรับแต่ง advanced picture settings
    ตั้งค่า Bluetooth และ tuner region
    ปิด Hospitality Mode

    คำเตือน
    การปรับค่าที่ไม่เข้าใจอาจทำให้ทีวีทำงานผิดพลาด
    เมนูลับถูกออกแบบมาเพื่อช่างเทคนิค ไม่ใช่ผู้ใช้ทั่วไป
    ควรใช้เพื่อการตรวจสอบข้อมูลเท่านั้น

    https://www.slashgear.com/2026399/your-samsung-smart-tv-has-hidden-menu-how-to-access/
    📺 Samsung Smart TV มีเมนูลับที่คุณอาจไม่เคยรู้ Samsung Smart TV รุ่นใหม่ๆ ไม่ได้มีแค่เมนูตั้งค่าทั่วไป แต่ยังมี “Service Menu” หรือเมนูลับที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้โดยช่างเทคนิคในการตรวจสอบและปรับแต่งระบบภายใน ซึ่งผู้ใช้ทั่วไปก็สามารถเข้าถึงได้ หากรู้วิธีการกดปุ่มบนรีโมตที่ถูกต้อง 🔑 วิธีเข้าถึงเมนูลับ 🔰 สำหรับรีโมตขนาดเล็ก: เปิดทีวี → ไปที่ Settings > Sound Settings และตั้งค่า “Sound Output” เป็น TV Speakers → กดปุ่มตามลำดับ Mute, Up, Down, Enter/OK, Mute 🔰 สำหรับรีโมตขนาดใหญ่: เข้าสู่ Standby Mode โดยเปิดทีวีแล้วกดปิดทันที → จากนั้นกดปุ่มตามลำดับ Info, Menu, Mute, Power หากวิธีเหล่านี้ไม่ทำงาน สามารถค้นหาด้วย รุ่นของทีวี + คำว่า service menu เพื่อดูคำแนะนำเฉพาะรุ่น ⚙️ สิ่งที่ทำได้ในเมนูลับ 🔰 ตรวจสอบ ชั่วโมงการใช้งานของจอภาพ (สำคัญมากหากซื้อทีวีมือสอง) 🔰 ปรับแต่ง advanced picture settings เช่น white balance และ gamma 🔰 ตั้งค่า Bluetooth radio configuration และ tuner region 🔰 ปิด Hospitality Mode ที่บางครั้งถูกเปิดโดยผิดพลาด ทำให้ฟีเจอร์บางอย่างถูกจำกัด ⚠️ ข้อควรระวัง แม้เมนูลับนี้จะมีประโยชน์ แต่ก็มีความเสี่ยงสูง หากปรับค่าที่ไม่เข้าใจอาจทำให้ระบบทำงานผิดพลาดหรือเสียหายได้ ดังนั้นควรใช้เพื่อการตรวจสอบข้อมูลเท่านั้น ไม่ควรทดลองเปลี่ยนค่าที่ไม่แน่ใจ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ วิธีเข้าถึงเมนูลับ ➡️ รีโมตเล็ก: Mute → Up → Down → Enter/OK → Mute ➡️ รีโมตใหญ่: Info → Menu → Mute → Power ✅ สิ่งที่ทำได้ ➡️ ตรวจสอบชั่วโมงการใช้งานจอ ➡️ ปรับแต่ง advanced picture settings ➡️ ตั้งค่า Bluetooth และ tuner region ➡️ ปิด Hospitality Mode ‼️ คำเตือน ⛔ การปรับค่าที่ไม่เข้าใจอาจทำให้ทีวีทำงานผิดพลาด ⛔ เมนูลับถูกออกแบบมาเพื่อช่างเทคนิค ไม่ใช่ผู้ใช้ทั่วไป ⛔ ควรใช้เพื่อการตรวจสอบข้อมูลเท่านั้น https://www.slashgear.com/2026399/your-samsung-smart-tv-has-hidden-menu-how-to-access/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Your Samsung Smart TV Has A Hidden Menu — Here's How To Access It - SlashGear
    Access Samsung’s hidden service menu by entering remote codes, like Mute, Up, Down, OK, Mute on newer remotes or Info, Menu, Mute, Power on older ones.
    0 Comments 0 Shares 221 Views 0 Reviews
  • สมาคมภาพยนตร์สหรัฐฯ จี้ Meta หยุดใช้ฉลาก PG-13 กับฟิลเตอร์วัยรุ่นใน Instagram

    Meta ถูกวิจารณ์หนักจาก Motion Picture Association (MPA) กรณีใช้ฉลาก “PG-13” กับฟิลเตอร์คัดกรองเนื้อหาสำหรับผู้ใช้วัยรุ่นใน Instagram โดย MPA ระบุว่าเป็นการใช้ฉลากที่ “หลอกลวง” และ “ไม่ตรงตามมาตรฐาน” ของระบบจัดเรตภาพยนตร์ที่พวกเขาดูแล

    ลองจินตนาการว่า Instagram มีระบบกรองเนื้อหาสำหรับวัยรุ่นที่ใช้คำว่า “PG-13” เพื่อสื่อว่าเนื้อหานั้นเหมาะสม — ฟังดูดีใช่ไหม? แต่สำหรับ Motion Picture Association ซึ่งเป็นผู้ดูแลระบบจัดเรตภาพยนตร์ในสหรัฐฯ นี่คือการละเมิดความหมายของฉลากที่พวกเขาสร้างขึ้น

    MPA ส่งจดหมาย “cease-and-desist” ถึง Meta เพื่อเรียกร้องให้หยุดใช้ฉลาก PG-13 กับฟิลเตอร์ใน Instagram โดยให้เหตุผลว่า ระบบของ Meta ไม่ได้ผ่านกระบวนการพิจารณาแบบกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเหมือนกับการจัดเรตภาพยนตร์

    Meta ยังไม่ได้ตอบโต้หรือแสดงจุดยืนต่อข้อกล่าวหานี้ แต่กรณีนี้สะท้อนถึงความท้าทายใหม่ของโลกดิจิทัล ที่คำว่า “เหมาะสม” อาจมีหลายมาตรฐาน และการใช้ฉลากที่มีความหมายเฉพาะในบริบทหนึ่ง อาจสร้างความเข้าใจผิดในอีกบริบทหนึ่ง

    ประเด็นหลักในข่าว
    MPA ส่งจดหมายทางกฎหมายถึง Meta ให้หยุดใช้ฉลาก PG-13
    เหตุผลคือระบบฟิลเตอร์ของ Meta ไม่ได้ผ่านกระบวนการจัดเรตแบบเดียวกับภาพยนตร์
    Meta ใช้ฉลาก PG-13 กับฟิลเตอร์เนื้อหาสำหรับผู้ใช้วัยรุ่นใน Instagram

    ความหมายของฉลาก PG-13
    เป็นฉลากที่ใช้ในวงการภาพยนตร์สหรัฐฯ เพื่อระบุว่าเนื้อหาอาจไม่เหมาะกับเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี
    ต้องผ่านการพิจารณาโดยคณะกรรมการที่มีมาตรฐานเฉพาะ

    บริบทของโลกโซเชียล
    แพลตฟอร์มอย่าง Instagram พยายามสร้างระบบกรองเนื้อหาสำหรับวัยรุ่น
    การใช้ฉลากที่มีความหมายเฉพาะ อาจสร้างความสับสนหรือเข้าใจผิด

    คำเตือนจาก MPA
    การใช้ฉลาก PG-13 โดยไม่มีมาตรฐานเดียวกัน อาจเป็นการหลอกลวงผู้ใช้
    อาจทำให้ผู้ปกครองเข้าใจผิดว่าเนื้อหาผ่านการตรวจสอบแบบเดียวกับภาพยนตร์
    เสี่ยงต่อการบั่นทอนความน่าเชื่อถือของระบบจัดเรตภาพยนตร์ในระยะยาว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/06/motion-picture-association-demands-meta-drop-pg-13-label-from-instagram-teen-filters
    🎬 สมาคมภาพยนตร์สหรัฐฯ จี้ Meta หยุดใช้ฉลาก PG-13 กับฟิลเตอร์วัยรุ่นใน Instagram Meta ถูกวิจารณ์หนักจาก Motion Picture Association (MPA) กรณีใช้ฉลาก “PG-13” กับฟิลเตอร์คัดกรองเนื้อหาสำหรับผู้ใช้วัยรุ่นใน Instagram โดย MPA ระบุว่าเป็นการใช้ฉลากที่ “หลอกลวง” และ “ไม่ตรงตามมาตรฐาน” ของระบบจัดเรตภาพยนตร์ที่พวกเขาดูแล ลองจินตนาการว่า Instagram มีระบบกรองเนื้อหาสำหรับวัยรุ่นที่ใช้คำว่า “PG-13” เพื่อสื่อว่าเนื้อหานั้นเหมาะสม — ฟังดูดีใช่ไหม? แต่สำหรับ Motion Picture Association ซึ่งเป็นผู้ดูแลระบบจัดเรตภาพยนตร์ในสหรัฐฯ นี่คือการละเมิดความหมายของฉลากที่พวกเขาสร้างขึ้น MPA ส่งจดหมาย “cease-and-desist” ถึง Meta เพื่อเรียกร้องให้หยุดใช้ฉลาก PG-13 กับฟิลเตอร์ใน Instagram โดยให้เหตุผลว่า ระบบของ Meta ไม่ได้ผ่านกระบวนการพิจารณาแบบกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเหมือนกับการจัดเรตภาพยนตร์ Meta ยังไม่ได้ตอบโต้หรือแสดงจุดยืนต่อข้อกล่าวหานี้ แต่กรณีนี้สะท้อนถึงความท้าทายใหม่ของโลกดิจิทัล ที่คำว่า “เหมาะสม” อาจมีหลายมาตรฐาน และการใช้ฉลากที่มีความหมายเฉพาะในบริบทหนึ่ง อาจสร้างความเข้าใจผิดในอีกบริบทหนึ่ง ✅ ประเด็นหลักในข่าว ➡️ MPA ส่งจดหมายทางกฎหมายถึง Meta ให้หยุดใช้ฉลาก PG-13 ➡️ เหตุผลคือระบบฟิลเตอร์ของ Meta ไม่ได้ผ่านกระบวนการจัดเรตแบบเดียวกับภาพยนตร์ ➡️ Meta ใช้ฉลาก PG-13 กับฟิลเตอร์เนื้อหาสำหรับผู้ใช้วัยรุ่นใน Instagram ✅ ความหมายของฉลาก PG-13 ➡️ เป็นฉลากที่ใช้ในวงการภาพยนตร์สหรัฐฯ เพื่อระบุว่าเนื้อหาอาจไม่เหมาะกับเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี ➡️ ต้องผ่านการพิจารณาโดยคณะกรรมการที่มีมาตรฐานเฉพาะ ✅ บริบทของโลกโซเชียล ➡️ แพลตฟอร์มอย่าง Instagram พยายามสร้างระบบกรองเนื้อหาสำหรับวัยรุ่น ➡️ การใช้ฉลากที่มีความหมายเฉพาะ อาจสร้างความสับสนหรือเข้าใจผิด ‼️ คำเตือนจาก MPA ⛔ การใช้ฉลาก PG-13 โดยไม่มีมาตรฐานเดียวกัน อาจเป็นการหลอกลวงผู้ใช้ ⛔ อาจทำให้ผู้ปกครองเข้าใจผิดว่าเนื้อหาผ่านการตรวจสอบแบบเดียวกับภาพยนตร์ ⛔ เสี่ยงต่อการบั่นทอนความน่าเชื่อถือของระบบจัดเรตภาพยนตร์ในระยะยาว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/06/motion-picture-association-demands-meta-drop-pg-13-label-from-instagram-teen-filters
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Motion Picture Association demands Meta drop PG-13 label from Instagram teen filters
    (Reuters) -The Motion Picture Association has sent a cease-and-desist letter to Meta, objecting to the social media platform's use of filters inspired by the PG-13 movie rating system for content moderation on Instagram for users under 18.
    0 Comments 0 Shares 191 Views 0 Reviews
  • หัวข้อข่าว: “ภาพหายาก! คาเฟ่เกม PC เปิดใหม่ในเปียงยาง – โลกเกมเหนือเส้นขนานที่ 38”

    ภาพถ่ายจากผู้ใช้งานบน X เผยให้เห็นคาเฟ่เกม PC สาธารณะในกรุงเปียงยาง ประเทศเกาหลีเหนือ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยพบเห็นในประเทศที่มีการควบคุมเทคโนโลยีอย่างเข้มงวด โดยสถานที่นี้ดูหรูหราเกินคาด พร้อมอุปกรณ์ระดับพรีเมียมจากแบรนด์ Asus ROG และเกม AAA ที่นิยมในฝั่งใต้.

    ในโลกที่เกมออนไลน์คือวัฒนธรรมหลักของเยาวชนเกาหลีใต้ “PC bang” หรือร้านเกม PC กลายเป็นสัญลักษณ์ของความบันเทิงและการแข่งขัน แต่ในเกาหลีเหนือ การมีคาเฟ่เกมแบบนี้ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่และหายาก

    ภาพที่เผยแพร่โดยผู้ใช้ชื่อ Iniysa บนแพลตฟอร์ม X แสดงให้เห็นคาเฟ่เกมที่ตั้งอยู่ในเมืองใหม่ของเปียงยาง ซึ่งว่ากันว่าเป็นเขตที่อยู่อาศัยของชนชั้นนำ เช่น นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์หรือบุคคลที่ได้รับการยอมรับจากรัฐ

    สิ่งที่น่าทึ่งคือการใช้จอเกม Asus ROG และอินเทอร์เฟซเกมที่ดูคล้ายกับ “Mars Computer Arcade” ซึ่งมีเกมดังอย่าง FIFA, Battlefield, Call of Duty, Rainbow Six, Far Cry และ Crysis แม้จะไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตภายนอก แต่ดูเหมือนว่าเกมเหล่านี้จะถูกติดตั้งไว้ในระบบเครือข่ายภายใน

    การออกแบบของคาเฟ่ดูทันสมัยและหรูหราเกินกว่าที่คาดไว้สำหรับสถานที่ที่เน้นการเล่นเกมแบบมืดๆ เงียบๆ โดยมีการใช้สถาปัตยกรรมเชิงพาณิชย์ร่วมสมัยที่พบได้ในเมืองใหญ่ของเอเชียตะวันออก

    มีการเปิดคาเฟ่เกม PC สาธารณะในกรุงเปียงยาง
    ถือเป็นสิ่งที่หายากในประเทศที่มีการควบคุมเทคโนโลยีอย่างเข้มงวด

    ใช้จอเกม Asus ROG และอุปกรณ์ระดับพรีเมียม
    สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ชมจากต่างประเทศ

    อินเทอร์เฟซเกมชื่อ “Mars Computer Arcade” มีเกม AAA หลายเกม
    เช่น FIFA, Battlefield, Call of Duty, Rainbow Six, Far Cry และ Crysis

    เกมน่าจะเล่นผ่านเครือข่ายภายใน ไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตภายนอก
    สะท้อนการควบคุมข้อมูลและการเข้าถึงของรัฐ

    สถานที่ตั้งอยู่ในเมืองใหม่ของเปียงยาง
    คาดว่าเป็นพื้นที่สำหรับชนชั้นนำที่ได้รับการคัดเลือกจากรัฐ

    การออกแบบคาเฟ่ดูหรูหราและทันสมัย
    ใช้สถาปัตยกรรมร่วมสมัยแบบเมืองใหญ่ในเอเชีย

    https://www.tomshardware.com/video-games/new-pc-gaming-cafe-photographed-in-north-korea-rare-pictures-of-pyongyang-pc-bang-gaming-above-the-38th-parallel
    🎮🇰🇵 หัวข้อข่าว: “ภาพหายาก! คาเฟ่เกม PC เปิดใหม่ในเปียงยาง – โลกเกมเหนือเส้นขนานที่ 38” ภาพถ่ายจากผู้ใช้งานบน X เผยให้เห็นคาเฟ่เกม PC สาธารณะในกรุงเปียงยาง ประเทศเกาหลีเหนือ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยพบเห็นในประเทศที่มีการควบคุมเทคโนโลยีอย่างเข้มงวด โดยสถานที่นี้ดูหรูหราเกินคาด พร้อมอุปกรณ์ระดับพรีเมียมจากแบรนด์ Asus ROG และเกม AAA ที่นิยมในฝั่งใต้. ในโลกที่เกมออนไลน์คือวัฒนธรรมหลักของเยาวชนเกาหลีใต้ “PC bang” หรือร้านเกม PC กลายเป็นสัญลักษณ์ของความบันเทิงและการแข่งขัน แต่ในเกาหลีเหนือ การมีคาเฟ่เกมแบบนี้ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่และหายาก ภาพที่เผยแพร่โดยผู้ใช้ชื่อ Iniysa บนแพลตฟอร์ม X แสดงให้เห็นคาเฟ่เกมที่ตั้งอยู่ในเมืองใหม่ของเปียงยาง ซึ่งว่ากันว่าเป็นเขตที่อยู่อาศัยของชนชั้นนำ เช่น นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์หรือบุคคลที่ได้รับการยอมรับจากรัฐ สิ่งที่น่าทึ่งคือการใช้จอเกม Asus ROG และอินเทอร์เฟซเกมที่ดูคล้ายกับ “Mars Computer Arcade” ซึ่งมีเกมดังอย่าง FIFA, Battlefield, Call of Duty, Rainbow Six, Far Cry และ Crysis แม้จะไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตภายนอก แต่ดูเหมือนว่าเกมเหล่านี้จะถูกติดตั้งไว้ในระบบเครือข่ายภายใน การออกแบบของคาเฟ่ดูทันสมัยและหรูหราเกินกว่าที่คาดไว้สำหรับสถานที่ที่เน้นการเล่นเกมแบบมืดๆ เงียบๆ โดยมีการใช้สถาปัตยกรรมเชิงพาณิชย์ร่วมสมัยที่พบได้ในเมืองใหญ่ของเอเชียตะวันออก ✅ มีการเปิดคาเฟ่เกม PC สาธารณะในกรุงเปียงยาง ➡️ ถือเป็นสิ่งที่หายากในประเทศที่มีการควบคุมเทคโนโลยีอย่างเข้มงวด ✅ ใช้จอเกม Asus ROG และอุปกรณ์ระดับพรีเมียม ➡️ สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ชมจากต่างประเทศ ✅ อินเทอร์เฟซเกมชื่อ “Mars Computer Arcade” มีเกม AAA หลายเกม ➡️ เช่น FIFA, Battlefield, Call of Duty, Rainbow Six, Far Cry และ Crysis ✅ เกมน่าจะเล่นผ่านเครือข่ายภายใน ไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตภายนอก ➡️ สะท้อนการควบคุมข้อมูลและการเข้าถึงของรัฐ ✅ สถานที่ตั้งอยู่ในเมืองใหม่ของเปียงยาง ➡️ คาดว่าเป็นพื้นที่สำหรับชนชั้นนำที่ได้รับการคัดเลือกจากรัฐ ✅ การออกแบบคาเฟ่ดูหรูหราและทันสมัย ➡️ ใช้สถาปัตยกรรมร่วมสมัยแบบเมืองใหญ่ในเอเชีย https://www.tomshardware.com/video-games/new-pc-gaming-cafe-photographed-in-north-korea-rare-pictures-of-pyongyang-pc-bang-gaming-above-the-38th-parallel
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    New PC gaming cafe photographed in North Korea — rare pictures of 'Pyongyang PC bang' gaming above the 38th parallel
    The newly built store in Pyongyang has curb appeal, plus Asus ROG monitors, and a good selection of AAA PC games inside.
    0 Comments 0 Shares 383 Views 0 Reviews
  • “ROG Xbox Ally รัน Linux แรงกว่า Windows – เฟรมเรตพุ่ง 32% พร้อมปลุกเครื่องเร็วกว่าเดิม!”

    ROG Xbox Ally ซึ่งเป็นเครื่องเกมพกพาจาก ASUS ที่มาพร้อม Windows 11 โดยตรง กลับทำงานได้ดีกว่าเมื่อเปลี่ยนไปใช้ Linux! YouTuber ชื่อ Cyber Dopamine ได้ทดสอบโดยติดตั้ง Linux ดิสโทรชื่อ Bazzite ซึ่งออกแบบมาเพื่อเกมเมอร์โดยเฉพาะ และพบว่าเฟรมเรตในหลายเกมเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

    ตัวอย่างเช่นในเกม Kingdom Come: Deliverance 2 ที่รันบน Windows ได้ 47 FPS แต่เมื่อใช้ Bazzite กลับได้ถึง 62 FPS — เพิ่มขึ้นถึง 32% โดยไม่ต้องเพิ่มพลังงานหรือปรับแต่งฮาร์ดแวร์เลย

    นอกจากนี้ยังพบว่า Linux มีความเสถียรของเฟรมเรตมากกว่า Windows ซึ่งมีการแกว่งขึ้นลงตลอดเวลา และที่น่าประทับใจคือ การปลุกเครื่องจาก sleep mode บน Linux ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที ในขณะที่ Windows ใช้เวลานานถึง 40 วินาทีในการเข้าสู่ sleep และอีก 15 วินาทีในการปลุกกลับ

    Cyber Dopamine ยังรายงานว่า ทีมพัฒนา Bazzite มีการแก้บั๊กแบบเรียลไทม์ระหว่างที่เขาทดสอบ โดยส่ง feedback แล้วได้รับ patch ทันที ซึ่งแสดงถึงความคล่องตัวและความใส่ใจของทีม dev

    แม้ว่า Windows จะยังจำเป็นสำหรับบางเกมที่ใช้ระบบ anticheat แต่ผู้ใช้สามารถตั้งค่า dual-boot เพื่อสลับไปมาระหว่าง Windows และ Linux ได้อย่างสะดวก

    ผลการทดสอบ ROG Xbox Ally บน Linux
    เฟรมเรตเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 32% เมื่อใช้ Bazzite
    ความเสถียรของเฟรมเรตดีกว่า Windows
    ปลุกเครื่องจาก sleep mode ได้เร็วกว่า
    ใช้ Steam Big Picture Mode เป็น launcher หลัก

    ข้อดีของ Bazzite บนเครื่องเกมพกพา
    รองรับการปรับแต่ง power profile แบบละเอียด
    UI คล้ายคอนโซล ใช้งานง่าย
    ทีม dev แก้บั๊กแบบเรียลไทม์
    เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการประสบการณ์แบบ Steam Deck

    ความยืดหยุ่นในการใช้งาน
    สามารถ dual-boot กลับไปใช้ Windows ได้
    เหมาะสำหรับเกมที่ต้องใช้ anticheat
    ไม่จำเป็นต้อง root หรือ flash เครื่อง
    รองรับการอัปเดตผ่านระบบของ Bazzite

    ข้อควรระวังและคำเตือน
    เกมบางเกมอาจไม่รองรับ Linux หรือมีปัญหาเรื่อง anticheat
    การตั้งค่า dual-boot ต้องระวังเรื่อง partition และ bootloader
    หากไม่คุ้นเคยกับ Linux อาจต้องใช้เวลาปรับตัว
    การอัปเดต firmware หรือ driver บางตัวอาจยังต้องใช้ Windows
    ควรสำรองข้อมูลก่อนติดตั้งระบบใหม่ทุกครั้ง

    https://www.tomshardware.com/video-games/handheld-gaming/rog-xbox-ally-runs-better-on-linux-than-the-windows-it-ships-with-new-test-shows-up-to-32-percent-higher-fps-with-more-stable-framerates-and-quicker-sleep-resume-times
    🎮 “ROG Xbox Ally รัน Linux แรงกว่า Windows – เฟรมเรตพุ่ง 32% พร้อมปลุกเครื่องเร็วกว่าเดิม!” ROG Xbox Ally ซึ่งเป็นเครื่องเกมพกพาจาก ASUS ที่มาพร้อม Windows 11 โดยตรง กลับทำงานได้ดีกว่าเมื่อเปลี่ยนไปใช้ Linux! YouTuber ชื่อ Cyber Dopamine ได้ทดสอบโดยติดตั้ง Linux ดิสโทรชื่อ Bazzite ซึ่งออกแบบมาเพื่อเกมเมอร์โดยเฉพาะ และพบว่าเฟรมเรตในหลายเกมเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่นในเกม Kingdom Come: Deliverance 2 ที่รันบน Windows ได้ 47 FPS แต่เมื่อใช้ Bazzite กลับได้ถึง 62 FPS — เพิ่มขึ้นถึง 32% โดยไม่ต้องเพิ่มพลังงานหรือปรับแต่งฮาร์ดแวร์เลย นอกจากนี้ยังพบว่า Linux มีความเสถียรของเฟรมเรตมากกว่า Windows ซึ่งมีการแกว่งขึ้นลงตลอดเวลา และที่น่าประทับใจคือ การปลุกเครื่องจาก sleep mode บน Linux ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที ในขณะที่ Windows ใช้เวลานานถึง 40 วินาทีในการเข้าสู่ sleep และอีก 15 วินาทีในการปลุกกลับ Cyber Dopamine ยังรายงานว่า ทีมพัฒนา Bazzite มีการแก้บั๊กแบบเรียลไทม์ระหว่างที่เขาทดสอบ โดยส่ง feedback แล้วได้รับ patch ทันที ซึ่งแสดงถึงความคล่องตัวและความใส่ใจของทีม dev แม้ว่า Windows จะยังจำเป็นสำหรับบางเกมที่ใช้ระบบ anticheat แต่ผู้ใช้สามารถตั้งค่า dual-boot เพื่อสลับไปมาระหว่าง Windows และ Linux ได้อย่างสะดวก ✅ ผลการทดสอบ ROG Xbox Ally บน Linux ➡️ เฟรมเรตเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 32% เมื่อใช้ Bazzite ➡️ ความเสถียรของเฟรมเรตดีกว่า Windows ➡️ ปลุกเครื่องจาก sleep mode ได้เร็วกว่า ➡️ ใช้ Steam Big Picture Mode เป็น launcher หลัก ✅ ข้อดีของ Bazzite บนเครื่องเกมพกพา ➡️ รองรับการปรับแต่ง power profile แบบละเอียด ➡️ UI คล้ายคอนโซล ใช้งานง่าย ➡️ ทีม dev แก้บั๊กแบบเรียลไทม์ ➡️ เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการประสบการณ์แบบ Steam Deck ✅ ความยืดหยุ่นในการใช้งาน ➡️ สามารถ dual-boot กลับไปใช้ Windows ได้ ➡️ เหมาะสำหรับเกมที่ต้องใช้ anticheat ➡️ ไม่จำเป็นต้อง root หรือ flash เครื่อง ➡️ รองรับการอัปเดตผ่านระบบของ Bazzite ‼️ ข้อควรระวังและคำเตือน ⛔ เกมบางเกมอาจไม่รองรับ Linux หรือมีปัญหาเรื่อง anticheat ⛔ การตั้งค่า dual-boot ต้องระวังเรื่อง partition และ bootloader ⛔ หากไม่คุ้นเคยกับ Linux อาจต้องใช้เวลาปรับตัว ⛔ การอัปเดต firmware หรือ driver บางตัวอาจยังต้องใช้ Windows ⛔ ควรสำรองข้อมูลก่อนติดตั้งระบบใหม่ทุกครั้ง https://www.tomshardware.com/video-games/handheld-gaming/rog-xbox-ally-runs-better-on-linux-than-the-windows-it-ships-with-new-test-shows-up-to-32-percent-higher-fps-with-more-stable-framerates-and-quicker-sleep-resume-times
    0 Comments 0 Shares 320 Views 0 Reviews
  • “Spotify จับมือ Netflix” — เปิดศักราชใหม่ของวิดีโอพอดแคสต์บนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง

    Spotify กำลังพลิกโฉมวงการพอดแคสต์อีกครั้ง ด้วยการจับมือกับ Netflix เพื่อนำวิดีโอพอดแคสต์ยอดนิยมจากค่าย Ringer และ Spotify Studios ไปเผยแพร่บนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่มีผู้ชมมหาศาล โดยเริ่มจากสหรัฐฯ ในปีหน้า และจะขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ในภายหลัง

    รายการที่ถูกเลือกให้เผยแพร่บน Netflix ได้แก่ The Bill Simmons Podcast, The Zach Lowe Show, The Rewatchables, Conspiracy Theories และ The Big Picture ซึ่งจะมีเฉพาะคลิปบางส่วนเท่านั้นที่ยังคงเผยแพร่บน YouTube ส่วนเวอร์ชันเสียงยังคงฟังได้ผ่านแพลตฟอร์มพอดแคสต์ทั่วไป

    การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงแนวโน้มของพอดแคสต์ที่กำลังเปลี่ยนจากเสียงล้วนไปสู่รูปแบบวิดีโอ เพื่อเข้าถึงผู้ชมมากขึ้น โดยอิงกับอัลกอริธึมของ TikTok, YouTube และ Instagram ที่เน้นคอนเทนต์ภาพเคลื่อนไหว ปัจจุบันมีผู้ชมวิดีโอพอดแคสต์บน YouTube มากกว่า 1 พันล้านคนต่อเดือน และ 77% ของผู้ฟังใหม่ระบุว่าชอบดูวิดีโอพอดแคสต์มากกว่าฟังอย่างเดียว

    Netflix เองก็เริ่มทดลองเผยแพร่พอดแคสต์วิดีโอมาบ้างแล้ว เช่นรายการ Kill Tony และมีผู้บริหารระดับสูงอย่าง Ted Sarandos ที่นั่งอยู่ในบอร์ดของ Spotify ซึ่งช่วยผลักดันความร่วมมือครั้งนี้

    Spotify ยังเดินหน้าสร้างระบบสนับสนุนครีเอเตอร์วิดีโอ โดยเปิดให้ YouTuber และผู้ผลิตคอนเทนต์อัปโหลดรายการของตนเอง พร้อมเผยว่า มีวิดีโอพอดแคสต์มากกว่า 430,000 รายการบนแพลตฟอร์ม และมีผู้ชมกว่า 350 ล้านคนแล้ว

    ข้อมูลในข่าว
    Spotify ร่วมมือกับ Netflix นำวิดีโอพอดแคสต์เผยแพร่บนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง
    เริ่มจากสหรัฐฯ ปีหน้า และจะขยายไปยังตลาดอื่น
    รายการที่เผยแพร่ เช่น The Bill Simmons Podcast และ The Rewatchables
    YouTube จะมีเฉพาะคลิปบางส่วน ไม่ใช่ตอนเต็ม
    พอดแคสต์เสียงยังคงฟังได้บนแพลตฟอร์มทั่วไป
    Netflix จะเผยแพร่แบบไม่มีโฆษณาสำหรับผู้ใช้แพ็กเกจ ad-free
    Spotify มีวิดีโอพอดแคสต์มากกว่า 430,000 รายการ และผู้ชมกว่า 350 ล้านคน

    คำเตือนจากข้อมูลข่าว
    การเปลี่ยนแปลงรูปแบบพอดแคสต์อาจทำให้ผู้ฟังที่ชอบเสียงล้วนรู้สึกไม่สะดวก
    คอนเทนต์บางรายการอาจถูกจำกัดการเข้าถึงบน YouTube
    ผู้ผลิตพอดแคสต์อิสระอาจต้องปรับตัวเพื่อแข่งขันกับคอนเทนต์จากแพลตฟอร์มใหญ่
    การรวมตัวของแพลตฟอร์มอาจนำไปสู่การควบคุมเนื้อหาและอัลกอริธึมที่มากขึ้น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/15/spotify-to-start-putting-video-podcasts-on-netflix
    🎬 “Spotify จับมือ Netflix” — เปิดศักราชใหม่ของวิดีโอพอดแคสต์บนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง Spotify กำลังพลิกโฉมวงการพอดแคสต์อีกครั้ง ด้วยการจับมือกับ Netflix เพื่อนำวิดีโอพอดแคสต์ยอดนิยมจากค่าย Ringer และ Spotify Studios ไปเผยแพร่บนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่มีผู้ชมมหาศาล โดยเริ่มจากสหรัฐฯ ในปีหน้า และจะขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ในภายหลัง รายการที่ถูกเลือกให้เผยแพร่บน Netflix ได้แก่ The Bill Simmons Podcast, The Zach Lowe Show, The Rewatchables, Conspiracy Theories และ The Big Picture ซึ่งจะมีเฉพาะคลิปบางส่วนเท่านั้นที่ยังคงเผยแพร่บน YouTube ส่วนเวอร์ชันเสียงยังคงฟังได้ผ่านแพลตฟอร์มพอดแคสต์ทั่วไป การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงแนวโน้มของพอดแคสต์ที่กำลังเปลี่ยนจากเสียงล้วนไปสู่รูปแบบวิดีโอ เพื่อเข้าถึงผู้ชมมากขึ้น โดยอิงกับอัลกอริธึมของ TikTok, YouTube และ Instagram ที่เน้นคอนเทนต์ภาพเคลื่อนไหว ปัจจุบันมีผู้ชมวิดีโอพอดแคสต์บน YouTube มากกว่า 1 พันล้านคนต่อเดือน และ 77% ของผู้ฟังใหม่ระบุว่าชอบดูวิดีโอพอดแคสต์มากกว่าฟังอย่างเดียว Netflix เองก็เริ่มทดลองเผยแพร่พอดแคสต์วิดีโอมาบ้างแล้ว เช่นรายการ Kill Tony และมีผู้บริหารระดับสูงอย่าง Ted Sarandos ที่นั่งอยู่ในบอร์ดของ Spotify ซึ่งช่วยผลักดันความร่วมมือครั้งนี้ Spotify ยังเดินหน้าสร้างระบบสนับสนุนครีเอเตอร์วิดีโอ โดยเปิดให้ YouTuber และผู้ผลิตคอนเทนต์อัปโหลดรายการของตนเอง พร้อมเผยว่า มีวิดีโอพอดแคสต์มากกว่า 430,000 รายการบนแพลตฟอร์ม และมีผู้ชมกว่า 350 ล้านคนแล้ว ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ Spotify ร่วมมือกับ Netflix นำวิดีโอพอดแคสต์เผยแพร่บนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ➡️ เริ่มจากสหรัฐฯ ปีหน้า และจะขยายไปยังตลาดอื่น ➡️ รายการที่เผยแพร่ เช่น The Bill Simmons Podcast และ The Rewatchables ➡️ YouTube จะมีเฉพาะคลิปบางส่วน ไม่ใช่ตอนเต็ม ➡️ พอดแคสต์เสียงยังคงฟังได้บนแพลตฟอร์มทั่วไป ➡️ Netflix จะเผยแพร่แบบไม่มีโฆษณาสำหรับผู้ใช้แพ็กเกจ ad-free ➡️ Spotify มีวิดีโอพอดแคสต์มากกว่า 430,000 รายการ และผู้ชมกว่า 350 ล้านคน ‼️ คำเตือนจากข้อมูลข่าว ⛔ การเปลี่ยนแปลงรูปแบบพอดแคสต์อาจทำให้ผู้ฟังที่ชอบเสียงล้วนรู้สึกไม่สะดวก ⛔ คอนเทนต์บางรายการอาจถูกจำกัดการเข้าถึงบน YouTube ⛔ ผู้ผลิตพอดแคสต์อิสระอาจต้องปรับตัวเพื่อแข่งขันกับคอนเทนต์จากแพลตฟอร์มใหญ่ ⛔ การรวมตัวของแพลตฟอร์มอาจนำไปสู่การควบคุมเนื้อหาและอัลกอริธึมที่มากขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/15/spotify-to-start-putting-video-podcasts-on-netflix
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Spotify to start putting video podcasts on Netflix
    Spotify Technology SA is partnering with Netflix Inc. to bring some of its top video podcasts to the streaming service's massive audience.
    0 Comments 0 Shares 400 Views 0 Reviews
  • “Firefox 144 มาแล้ว! ปรับปรุง PiP, เสริมความปลอดภัย และเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เพียบทั้งบนเว็บและมือถือ”

    Mozilla ได้ปล่อย Firefox 144 อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2025 โดยมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจทั้งด้านความสะดวกในการใช้งาน ความปลอดภัย และการสนับสนุนนักพัฒนาเว็บ โดยเฉพาะการปรับปรุงฟีเจอร์ Picture-in-Picture (PiP) ที่ให้ผู้ใช้สามารถปิดหน้าต่างวิดีโอแบบลอยได้โดยไม่หยุดเล่นวิดีโอ ด้วยการกด Shift + Click หรือ Shift + Esc

    นอกจากนี้ Firefox 144 ยังอัปเดตปุ่ม Firefox Account บนแถบเครื่องมือให้แสดงคำว่า “Sign In” ชัดเจนขึ้น และปรับปรุงระบบเข้ารหัสรหัสผ่านใน Password Manager จาก 3DES-CBC เป็น AES-256-CBC เพื่อความปลอดภัยที่ทันสมัยยิ่งขึ้น

    สำหรับผู้ใช้ Android จะเห็นแบนเนอร์แปลภาษาใหม่ และมีการลบตัวเลือก “Allow screenshots in private browsing” ออกไป ส่วนผู้ใช้ Windows จะเห็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของการเปิดลิงก์จากแอปอื่นให้เปิดใน virtual desktop เดียวกัน

    ปล่อย Firefox 144 อย่างเป็นทางการเมื่อ 13 ตุลาคม 2025
    พร้อม Firefox 140.4 และ 115.29.0 ESR

    ปรับปรุง Picture-in-Picture (PiP)
    ปิดหน้าต่าง PiP โดยไม่หยุดวิดีโอด้วย Shift + Click หรือ Shift + Esc

    ปรับปรุงปุ่ม Firefox Account บน toolbar
    แสดงคำว่า “Sign In” ถัดจากไอคอน

    เสริมความปลอดภัยใน Password Manager
    เปลี่ยนการเข้ารหัสจาก 3DES-CBC เป็น AES-256-CBC

    สำหรับ Android:
    เพิ่มแบนเนอร์แปลภาษา
    ลบตัวเลือก “Allow screenshots in private browsing”

    สำหรับ Windows:
    เปิดลิงก์จากแอปอื่นใน virtual desktop เดียวกัน

    สำหรับนักพัฒนาเว็บ:
    รองรับ Element.moveBefore API
    รองรับ math-shift compact
    รองรับ PerformanceEventTiming.interactionId
    รองรับ command และ commandfor attributes
    รองรับ View Transition API Level 1
    รองรับ resizeMode ใน getUserMedia
    รองรับ worker transfer สำหรับ RTCDataChannel
    รองรับ upsert proposal (getOrInsert, getOrInsertComputed)
    รองรับ WebGPU GPUDevice.importExternalTexture (Windows)
    รองรับ lock() และ unlock() ของ ScreenOrientation (Windows/Android)
    รองรับ dithering สำหรับ gradients บน WebRender
    เพิ่ม batch-encoding path ให้ VideoEncoder ใน WebCodecs (Windows)
    ปรับปรุง tooltip ใน Inspector ให้แสดง badge สำหรับ custom events

    https://9to5linux.com/firefox-144-is-now-available-for-download-this-is-whats-new
    🦊 “Firefox 144 มาแล้ว! ปรับปรุง PiP, เสริมความปลอดภัย และเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เพียบทั้งบนเว็บและมือถือ” Mozilla ได้ปล่อย Firefox 144 อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2025 โดยมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจทั้งด้านความสะดวกในการใช้งาน ความปลอดภัย และการสนับสนุนนักพัฒนาเว็บ โดยเฉพาะการปรับปรุงฟีเจอร์ Picture-in-Picture (PiP) ที่ให้ผู้ใช้สามารถปิดหน้าต่างวิดีโอแบบลอยได้โดยไม่หยุดเล่นวิดีโอ ด้วยการกด Shift + Click หรือ Shift + Esc นอกจากนี้ Firefox 144 ยังอัปเดตปุ่ม Firefox Account บนแถบเครื่องมือให้แสดงคำว่า “Sign In” ชัดเจนขึ้น และปรับปรุงระบบเข้ารหัสรหัสผ่านใน Password Manager จาก 3DES-CBC เป็น AES-256-CBC เพื่อความปลอดภัยที่ทันสมัยยิ่งขึ้น สำหรับผู้ใช้ Android จะเห็นแบนเนอร์แปลภาษาใหม่ และมีการลบตัวเลือก “Allow screenshots in private browsing” ออกไป ส่วนผู้ใช้ Windows จะเห็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของการเปิดลิงก์จากแอปอื่นให้เปิดใน virtual desktop เดียวกัน ✅ ปล่อย Firefox 144 อย่างเป็นทางการเมื่อ 13 ตุลาคม 2025 ➡️ พร้อม Firefox 140.4 และ 115.29.0 ESR ✅ ปรับปรุง Picture-in-Picture (PiP) ➡️ ปิดหน้าต่าง PiP โดยไม่หยุดวิดีโอด้วย Shift + Click หรือ Shift + Esc ✅ ปรับปรุงปุ่ม Firefox Account บน toolbar ➡️ แสดงคำว่า “Sign In” ถัดจากไอคอน ✅ เสริมความปลอดภัยใน Password Manager ➡️ เปลี่ยนการเข้ารหัสจาก 3DES-CBC เป็น AES-256-CBC ✅ สำหรับ Android: ➡️ เพิ่มแบนเนอร์แปลภาษา ➡️ ลบตัวเลือก “Allow screenshots in private browsing” ✅ สำหรับ Windows: ➡️ เปิดลิงก์จากแอปอื่นใน virtual desktop เดียวกัน ✅ สำหรับนักพัฒนาเว็บ: ➡️ รองรับ Element.moveBefore API ➡️ รองรับ math-shift compact ➡️ รองรับ PerformanceEventTiming.interactionId ➡️ รองรับ command และ commandfor attributes ➡️ รองรับ View Transition API Level 1 ➡️ รองรับ resizeMode ใน getUserMedia ➡️ รองรับ worker transfer สำหรับ RTCDataChannel ➡️ รองรับ upsert proposal (getOrInsert, getOrInsertComputed) ➡️ รองรับ WebGPU GPUDevice.importExternalTexture (Windows) ➡️ รองรับ lock() และ unlock() ของ ScreenOrientation (Windows/Android) ➡️ รองรับ dithering สำหรับ gradients บน WebRender ➡️ เพิ่ม batch-encoding path ให้ VideoEncoder ใน WebCodecs (Windows) ➡️ ปรับปรุง tooltip ใน Inspector ให้แสดง badge สำหรับ custom events https://9to5linux.com/firefox-144-is-now-available-for-download-this-is-whats-new
    9TO5LINUX.COM
    Firefox 144 Is Now Available for Download, This Is What’s New - 9to5Linux
    Firefox 144 open-source web browser is now available for download with various new features and improvements. Here's what's new!
    0 Comments 0 Shares 331 Views 0 Reviews
  • “Zaxxon กลับมาอีกครั้งในรูปแบบสุดล้ำ — เล่นเกมอาร์เคดผ่าน BIOS โดยไม่ต้องใช้ระบบปฏิบัติการ”

    Inkbox Software ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการเกมและการเขียนโปรแกรม ด้วยการนำเกมอาร์เคดคลาสสิก “Zaxxon” จากปี 1982 กลับมาในรูปแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน — เกมที่สามารถบูตได้โดยตรงจากระบบ UEFI firmware โดยไม่ต้องใช้ระบบปฏิบัติการใด ๆ ทั้งสิ้น

    เกมนี้ถูกเขียนขึ้นใหม่ทั้งหมดด้วยภาษา Assembly สำหรับสถาปัตยกรรม x86-64 และเปิดให้ใช้งานแบบโอเพ่นซอร์สภายใต้สัญญาอนุญาต GPLv3 ซึ่งหมายความว่าใครก็สามารถดาวน์โหลด แก้ไข และทดลองได้ฟรี

    ต่างจากเกม UEFI ที่เคยมีมาก่อนซึ่งมักเป็นเดโมหรือ payload ที่ต้องเรียกผ่านระบบอื่น เกม Zaxxon เวอร์ชันนี้สามารถบูตตรงจาก BIOS ได้ทันที โดยผู้พัฒนาอธิบายว่า “นี่คืออิสรภาพจาก Big Tech อย่างแท้จริง” เพราะไม่ต้องพึ่งพาระบบปฏิบัติการใด ๆ เลย

    แน่นอนว่าการเขียนเกมในระดับ low-level แบบนี้ไม่ง่ายเลย Inkbox ต้องแก้ปัญหาหลายอย่าง เช่น การจัดการ input จากคีย์บอร์ดที่มีดีเลย์สูงใน UEFI, การสร้างระบบกราฟิกที่จำลอง Picture Processing Unit (PPU) แบบเครื่องเกมยุคเก่า และการทำให้เกมรันได้ลื่นไหลถึง 128FPS

    แม้จะไม่มีเสียงในเกม แต่ภาพกราฟิกแบบ isometric และการควบคุมผ่านเมาส์หรือจอยสติ๊กทำให้ประสบการณ์การเล่นยังคงน่าประทับใจ และสามารถรันได้บนเครื่อง x86_64 ทุกเครื่องที่รองรับ UEFI โดยต้องปิด secure boot และตั้งค่าให้บูตจากไฟล์ BOOTX64.EFI

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Inkbox Software สร้างเกม Zaxxon เวอร์ชันใหม่ที่รันจาก UEFI โดยตรง
    เขียนด้วยภาษา Assembly สำหรับ x86-64 โดยไม่ใช้ระบบปฏิบัติการ
    เปิดให้ใช้งานแบบโอเพ่นซอร์สภายใต้ GPLv3
    เกมสามารถบูตตรงจาก BIOS โดยใช้ไฟล์ BOOTX64.EFI
    ต้องปิด secure boot และตั้งค่าบูตจาก EFI partition
    เกมรันได้ลื่นไหลถึง 128FPS แม้ไม่มีระบบเสียง
    ใช้เมาส์หรือจอยสติ๊กแทนคีย์บอร์ดที่มีดีเลย์สูงใน UEFI
    สร้างระบบกราฟิกจำลอง PPU แบบเครื่องเกมยุคเก่า
    รองรับการแสดงผลแบบ 256x256 หรือ upscale เป็น 1024x1024
    เปิดให้ดาวน์โหลดและทดลองผ่าน GitHub: spacegamex64

    https://www.tomshardware.com/software/programming/developer-recreates-classic-shoot-em-up-zaxxon-as-a-uefi-firmware-isometric-arcade-game-coded-in-x86-assembly-for-no-os-represents-total-freedom-from-big-tech
    🕹️ “Zaxxon กลับมาอีกครั้งในรูปแบบสุดล้ำ — เล่นเกมอาร์เคดผ่าน BIOS โดยไม่ต้องใช้ระบบปฏิบัติการ” Inkbox Software ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการเกมและการเขียนโปรแกรม ด้วยการนำเกมอาร์เคดคลาสสิก “Zaxxon” จากปี 1982 กลับมาในรูปแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน — เกมที่สามารถบูตได้โดยตรงจากระบบ UEFI firmware โดยไม่ต้องใช้ระบบปฏิบัติการใด ๆ ทั้งสิ้น เกมนี้ถูกเขียนขึ้นใหม่ทั้งหมดด้วยภาษา Assembly สำหรับสถาปัตยกรรม x86-64 และเปิดให้ใช้งานแบบโอเพ่นซอร์สภายใต้สัญญาอนุญาต GPLv3 ซึ่งหมายความว่าใครก็สามารถดาวน์โหลด แก้ไข และทดลองได้ฟรี ต่างจากเกม UEFI ที่เคยมีมาก่อนซึ่งมักเป็นเดโมหรือ payload ที่ต้องเรียกผ่านระบบอื่น เกม Zaxxon เวอร์ชันนี้สามารถบูตตรงจาก BIOS ได้ทันที โดยผู้พัฒนาอธิบายว่า “นี่คืออิสรภาพจาก Big Tech อย่างแท้จริง” เพราะไม่ต้องพึ่งพาระบบปฏิบัติการใด ๆ เลย แน่นอนว่าการเขียนเกมในระดับ low-level แบบนี้ไม่ง่ายเลย Inkbox ต้องแก้ปัญหาหลายอย่าง เช่น การจัดการ input จากคีย์บอร์ดที่มีดีเลย์สูงใน UEFI, การสร้างระบบกราฟิกที่จำลอง Picture Processing Unit (PPU) แบบเครื่องเกมยุคเก่า และการทำให้เกมรันได้ลื่นไหลถึง 128FPS แม้จะไม่มีเสียงในเกม แต่ภาพกราฟิกแบบ isometric และการควบคุมผ่านเมาส์หรือจอยสติ๊กทำให้ประสบการณ์การเล่นยังคงน่าประทับใจ และสามารถรันได้บนเครื่อง x86_64 ทุกเครื่องที่รองรับ UEFI โดยต้องปิด secure boot และตั้งค่าให้บูตจากไฟล์ BOOTX64.EFI ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Inkbox Software สร้างเกม Zaxxon เวอร์ชันใหม่ที่รันจาก UEFI โดยตรง ➡️ เขียนด้วยภาษา Assembly สำหรับ x86-64 โดยไม่ใช้ระบบปฏิบัติการ ➡️ เปิดให้ใช้งานแบบโอเพ่นซอร์สภายใต้ GPLv3 ➡️ เกมสามารถบูตตรงจาก BIOS โดยใช้ไฟล์ BOOTX64.EFI ➡️ ต้องปิด secure boot และตั้งค่าบูตจาก EFI partition ➡️ เกมรันได้ลื่นไหลถึง 128FPS แม้ไม่มีระบบเสียง ➡️ ใช้เมาส์หรือจอยสติ๊กแทนคีย์บอร์ดที่มีดีเลย์สูงใน UEFI ➡️ สร้างระบบกราฟิกจำลอง PPU แบบเครื่องเกมยุคเก่า ➡️ รองรับการแสดงผลแบบ 256x256 หรือ upscale เป็น 1024x1024 ➡️ เปิดให้ดาวน์โหลดและทดลองผ่าน GitHub: spacegamex64 https://www.tomshardware.com/software/programming/developer-recreates-classic-shoot-em-up-zaxxon-as-a-uefi-firmware-isometric-arcade-game-coded-in-x86-assembly-for-no-os-represents-total-freedom-from-big-tech
    0 Comments 0 Shares 273 Views 0 Reviews
  • “Fraimic กรอบภาพ E Ink อัจฉริยะที่สั่งงานด้วยเสียง — สร้างงานศิลป์จากคำพูด พร้อมแบตเตอรี่ที่อยู่ได้นานถึง 5 ปี”

    Fraimic คือกรอบภาพอัจฉริยะที่ใช้จอสีแบบ E Ink ซึ่งไม่เพียงแค่แสดงภาพถ่ายหรืองานศิลป์ แต่ยังสามารถ “สร้างภาพใหม่จากเสียงของคุณ” ด้วยเทคโนโลยี AI ที่เชื่อมกับโมเดลของ OpenAI เช่น DALL·E โดยผู้ใช้สามารถพูดคำสั่ง เช่น “วาดภาพพระอาทิตย์ตกริมทะเล” แล้วรอให้ภาพค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนกรอบ

    จุดเด่นของ Fraimic คือการออกแบบให้เหมือนกรอบภาพจริง มีให้เลือกสองขนาดคือ 14×18 นิ้ว และ 24×36 นิ้ว ใช้จอ E Ink Spectra 6 ที่แสดงสีได้ถึง 65,000 เฉด โดยไม่มีแสง backlight ทำให้ภาพดูเหมือนงานพิมพ์บนกระดาษ และไม่รบกวนสายตา

    Fraimic ไม่มีแอป ไม่มีระบบสมัครสมาชิก และไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ผู้ใช้สามารถอัปโหลดภาพผ่านเว็บไซต์โดยใช้เครือข่ายเดียวกับตัวกรอบภาพ และยังสามารถสั่งงานผ่านเสียงด้วยไมโครโฟนในตัว

    แบตเตอรี่ของ Fraimic ใช้งานได้นานถึง 5 ปี เพราะจอ E Ink ใช้พลังงานเฉพาะตอนเปลี่ยนภาพเท่านั้น แม้แบตหมด ภาพก็ยังค้างอยู่บนจอได้โดยไม่หายไป และสามารถชาร์จใหม่ผ่าน USB-C

    โครงการนี้เปิดตัวบน Kickstarter และได้รับเงินสนับสนุนเกินเป้าหมายอย่างรวดเร็ว โดยมีแผนจะเริ่มจัดส่งในเดือนพฤษภาคม 2026 พร้อมฟีเจอร์เสริมในอนาคต เช่น “Movie Mode” ที่แสดงโปสเตอร์หนังที่กำลังดู และ “Music Mode” ที่แสดงปกอัลบั้มจาก Spotify

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Fraimic เป็นกรอบภาพอัจฉริยะที่ใช้จอสี E Ink และสั่งงานด้วยเสียง
    ใช้โมเดล AI จาก OpenAI เพื่อสร้างภาพจากคำสั่งเสียงของผู้ใช้
    มีให้เลือกสองขนาด: 14×18 นิ้ว และ 24×36 นิ้ว
    จอ E Ink Spectra 6 แสดงสีได้ 65,000 เฉด ไม่มีแสง backlight
    ไม่มีแอป ไม่มีค่าสมัครสมาชิก และไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา
    อัปโหลดภาพผ่านเว็บไซต์ในเครือข่ายเดียวกับตัวกรอบ
    แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 5 ปี และชาร์จผ่าน USB-C
    ภาพยังค้างอยู่บนจอแม้แบตหมด ไม่หายไป
    มีแผนเพิ่มฟีเจอร์ “Movie Mode” และ “Music Mode” ผ่านอัปเดตเฟิร์มแวร์
    โครงการได้รับเงินสนับสนุนบน Kickstarter เกิน $730,000 แล้ว
    ตั้งเป้าจัดส่งในเดือนพฤษภาคม 2026

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    E Ink เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ใน Kindle และอุปกรณ์อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
    Spectra 6 เป็นจอ E Ink รุ่นใหม่ที่รองรับสีมากขึ้นและความละเอียดสูง
    การใช้ AI สร้างภาพจากเสียงเป็นแนวทางใหม่ที่ผสานศิลปะกับเทคโนโลยี
    Fraimic รองรับการใช้งานแบบออฟไลน์ และไม่ต้องพึ่งเซิร์ฟเวอร์ภายนอก
    การแสดงภาพแบบไม่ใช้ backlight ช่วยลดอาการล้าตาและดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น

    https://www.techradar.com/home/smart-home/this-smart-e-ink-picture-frame-lets-you-talk-your-paintings-into-life-with-ai-and-lasts-for-years-on-a-single-charge
    🖼️ “Fraimic กรอบภาพ E Ink อัจฉริยะที่สั่งงานด้วยเสียง — สร้างงานศิลป์จากคำพูด พร้อมแบตเตอรี่ที่อยู่ได้นานถึง 5 ปี” Fraimic คือกรอบภาพอัจฉริยะที่ใช้จอสีแบบ E Ink ซึ่งไม่เพียงแค่แสดงภาพถ่ายหรืองานศิลป์ แต่ยังสามารถ “สร้างภาพใหม่จากเสียงของคุณ” ด้วยเทคโนโลยี AI ที่เชื่อมกับโมเดลของ OpenAI เช่น DALL·E โดยผู้ใช้สามารถพูดคำสั่ง เช่น “วาดภาพพระอาทิตย์ตกริมทะเล” แล้วรอให้ภาพค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนกรอบ จุดเด่นของ Fraimic คือการออกแบบให้เหมือนกรอบภาพจริง มีให้เลือกสองขนาดคือ 14×18 นิ้ว และ 24×36 นิ้ว ใช้จอ E Ink Spectra 6 ที่แสดงสีได้ถึง 65,000 เฉด โดยไม่มีแสง backlight ทำให้ภาพดูเหมือนงานพิมพ์บนกระดาษ และไม่รบกวนสายตา Fraimic ไม่มีแอป ไม่มีระบบสมัครสมาชิก และไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ผู้ใช้สามารถอัปโหลดภาพผ่านเว็บไซต์โดยใช้เครือข่ายเดียวกับตัวกรอบภาพ และยังสามารถสั่งงานผ่านเสียงด้วยไมโครโฟนในตัว แบตเตอรี่ของ Fraimic ใช้งานได้นานถึง 5 ปี เพราะจอ E Ink ใช้พลังงานเฉพาะตอนเปลี่ยนภาพเท่านั้น แม้แบตหมด ภาพก็ยังค้างอยู่บนจอได้โดยไม่หายไป และสามารถชาร์จใหม่ผ่าน USB-C โครงการนี้เปิดตัวบน Kickstarter และได้รับเงินสนับสนุนเกินเป้าหมายอย่างรวดเร็ว โดยมีแผนจะเริ่มจัดส่งในเดือนพฤษภาคม 2026 พร้อมฟีเจอร์เสริมในอนาคต เช่น “Movie Mode” ที่แสดงโปสเตอร์หนังที่กำลังดู และ “Music Mode” ที่แสดงปกอัลบั้มจาก Spotify ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Fraimic เป็นกรอบภาพอัจฉริยะที่ใช้จอสี E Ink และสั่งงานด้วยเสียง ➡️ ใช้โมเดล AI จาก OpenAI เพื่อสร้างภาพจากคำสั่งเสียงของผู้ใช้ ➡️ มีให้เลือกสองขนาด: 14×18 นิ้ว และ 24×36 นิ้ว ➡️ จอ E Ink Spectra 6 แสดงสีได้ 65,000 เฉด ไม่มีแสง backlight ➡️ ไม่มีแอป ไม่มีค่าสมัครสมาชิก และไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ➡️ อัปโหลดภาพผ่านเว็บไซต์ในเครือข่ายเดียวกับตัวกรอบ ➡️ แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 5 ปี และชาร์จผ่าน USB-C ➡️ ภาพยังค้างอยู่บนจอแม้แบตหมด ไม่หายไป ➡️ มีแผนเพิ่มฟีเจอร์ “Movie Mode” และ “Music Mode” ผ่านอัปเดตเฟิร์มแวร์ ➡️ โครงการได้รับเงินสนับสนุนบน Kickstarter เกิน $730,000 แล้ว ➡️ ตั้งเป้าจัดส่งในเดือนพฤษภาคม 2026 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ E Ink เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ใน Kindle และอุปกรณ์อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ➡️ Spectra 6 เป็นจอ E Ink รุ่นใหม่ที่รองรับสีมากขึ้นและความละเอียดสูง ➡️ การใช้ AI สร้างภาพจากเสียงเป็นแนวทางใหม่ที่ผสานศิลปะกับเทคโนโลยี ➡️ Fraimic รองรับการใช้งานแบบออฟไลน์ และไม่ต้องพึ่งเซิร์ฟเวอร์ภายนอก ➡️ การแสดงภาพแบบไม่ใช้ backlight ช่วยลดอาการล้าตาและดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น https://www.techradar.com/home/smart-home/this-smart-e-ink-picture-frame-lets-you-talk-your-paintings-into-life-with-ai-and-lasts-for-years-on-a-single-charge
    0 Comments 0 Shares 450 Views 0 Reviews
  • “ภาพโปรไฟล์สีดำบน Facebook คืออะไร? จากการไว้อาลัยสู่การเคลื่อนไหวทางสังคมในยุคดิจิทัล”

    ในโลกที่การแสดงออกทางสังคมเกิดขึ้นผ่านหน้าจอมากกว่าท้องถนน การเปลี่ยนภาพโปรไฟล์เป็นสีดำบน Facebook กลายเป็นสัญลักษณ์ที่ทรงพลังอย่างคาดไม่ถึง ไม่ใช่แค่การไว้อาลัย แต่ยังเป็นการประกาศจุดยืน การประท้วง และการแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก

    ย้อนกลับไปในปี 2016 ผู้ใช้ Facebook จำนวนมากเปลี่ยนภาพโปรไฟล์เป็นสีดำเพื่อประท้วงผลการเลือกตั้งของ Donald Trump และในปี 2024 เทรนด์นี้ก็กลับมาอีกครั้งในบริบทที่คล้ายกัน แต่ไม่ใช่แค่เรื่องการเมืองเท่านั้น — ในปี 2018 ภาพโปรไฟล์สีดำถูกใช้เพื่อรณรงค์ต่อต้านความรุนแรงในครอบครัว โดยเฉพาะในแคมเปญที่ให้ผู้หญิง “หายไป” จากโซเชียลเพื่อให้ผู้ชายตระหนักถึงบทบาทของพวกเธอในชีวิต

    เหตุการณ์ที่ทรงพลังที่สุดเกิดขึ้นในปี 2020 บน Instagram กับ “Black Tuesday” ที่ผู้คนในวงการบันเทิงเปลี่ยนภาพโปรไฟล์เป็นสีดำเพื่อไว้อาลัยต่อการเสียชีวิตของ George Floyd และสนับสนุนการเคลื่อนไหว Black Lives Matter ซึ่งแพร่กระจายไปยังแพลตฟอร์มอื่นอย่าง X (Twitter เดิม)

    แต่ภาพโปรไฟล์สีดำไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเคลื่อนไหวระดับชาติ บางคนใช้เพื่อแสดงความเศร้า สูญเสีย หรือไว้อาลัยต่อบุคคลที่รัก หรือแม้แต่เพื่อบอกว่า “ฉันไม่สนใจภาพลักษณ์ออนไลน์” เป็นการปฏิเสธวัฒนธรรมการตกแต่งโปรไฟล์อย่างเงียบ ๆ

    นอกจากการเปลี่ยนภาพโปรไฟล์ ผู้ใช้ยังใช้วิธีอื่นในการแสดงออก เช่น การใส่กรอบรูปโปรไฟล์ที่มีธงชาติฝรั่งเศสหลังเหตุการณ์ก่อการร้ายในปี 2015 หรือธงสีรุ้งหลังคำตัดสินของศาลสูงสหรัฐที่รับรองการแต่งงานเพศเดียวกัน รวมถึงการใช้ hashtag เพื่อเข้าร่วมบทสนทนาและแสดงจุดยืนทางสังคม

    https://www.slashgear.com/1970336/black-profile-pictures-facebook-meaning/
    🖤 “ภาพโปรไฟล์สีดำบน Facebook คืออะไร? จากการไว้อาลัยสู่การเคลื่อนไหวทางสังคมในยุคดิจิทัล” ในโลกที่การแสดงออกทางสังคมเกิดขึ้นผ่านหน้าจอมากกว่าท้องถนน การเปลี่ยนภาพโปรไฟล์เป็นสีดำบน Facebook กลายเป็นสัญลักษณ์ที่ทรงพลังอย่างคาดไม่ถึง ไม่ใช่แค่การไว้อาลัย แต่ยังเป็นการประกาศจุดยืน การประท้วง และการแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ย้อนกลับไปในปี 2016 ผู้ใช้ Facebook จำนวนมากเปลี่ยนภาพโปรไฟล์เป็นสีดำเพื่อประท้วงผลการเลือกตั้งของ Donald Trump และในปี 2024 เทรนด์นี้ก็กลับมาอีกครั้งในบริบทที่คล้ายกัน แต่ไม่ใช่แค่เรื่องการเมืองเท่านั้น — ในปี 2018 ภาพโปรไฟล์สีดำถูกใช้เพื่อรณรงค์ต่อต้านความรุนแรงในครอบครัว โดยเฉพาะในแคมเปญที่ให้ผู้หญิง “หายไป” จากโซเชียลเพื่อให้ผู้ชายตระหนักถึงบทบาทของพวกเธอในชีวิต เหตุการณ์ที่ทรงพลังที่สุดเกิดขึ้นในปี 2020 บน Instagram กับ “Black Tuesday” ที่ผู้คนในวงการบันเทิงเปลี่ยนภาพโปรไฟล์เป็นสีดำเพื่อไว้อาลัยต่อการเสียชีวิตของ George Floyd และสนับสนุนการเคลื่อนไหว Black Lives Matter ซึ่งแพร่กระจายไปยังแพลตฟอร์มอื่นอย่าง X (Twitter เดิม) แต่ภาพโปรไฟล์สีดำไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเคลื่อนไหวระดับชาติ บางคนใช้เพื่อแสดงความเศร้า สูญเสีย หรือไว้อาลัยต่อบุคคลที่รัก หรือแม้แต่เพื่อบอกว่า “ฉันไม่สนใจภาพลักษณ์ออนไลน์” เป็นการปฏิเสธวัฒนธรรมการตกแต่งโปรไฟล์อย่างเงียบ ๆ นอกจากการเปลี่ยนภาพโปรไฟล์ ผู้ใช้ยังใช้วิธีอื่นในการแสดงออก เช่น การใส่กรอบรูปโปรไฟล์ที่มีธงชาติฝรั่งเศสหลังเหตุการณ์ก่อการร้ายในปี 2015 หรือธงสีรุ้งหลังคำตัดสินของศาลสูงสหรัฐที่รับรองการแต่งงานเพศเดียวกัน รวมถึงการใช้ hashtag เพื่อเข้าร่วมบทสนทนาและแสดงจุดยืนทางสังคม https://www.slashgear.com/1970336/black-profile-pictures-facebook-meaning/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Why Do People Put Black Profile Pictures On Facebook? Here's What It Means - SlashGear
    A profile picture can tell you a lot about somebody's account online, and a blacked out profile picture may be symbolic of an important message.
    0 Comments 0 Shares 586 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก ConcreteSC: เมื่อการสื่อสารไร้สายเรียนรู้ที่จะ “เข้าใจ” มากกว่าแค่ “ส่ง”

    ในอดีต การส่งข้อมูลไร้สายคือการพยายามถ่ายทอดทุกบิตให้ตรงที่สุด—ไม่ว่าจะเป็นภาพ เสียง หรือข้อความ ทุกพิกเซลต้องถูกส่งอย่างแม่นยำ แต่ในยุคที่ AI และอุปกรณ์ IoT กำลังครองโลก แนวคิดนี้เริ่มล้าสมัย เพราะสิ่งที่สำคัญไม่ใช่ “ข้อมูลดิบ” แต่คือ “ความหมายที่เข้าใจได้”

    ทีมวิจัยจาก Seoul National University of Science and Technology นำโดย Dr. Dong Jin Ji ได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ชื่อว่า ConcreteSC ซึ่งเป็น framework สำหรับ “semantic communication” ที่ไม่ส่งข้อมูลแบบเดิม แต่ส่ง “สิ่งที่ข้อมูลนั้นหมายถึง” โดยตรง

    ConcreteSC ไม่ใช้ codebook ขนาดใหญ่แบบ vector quantization (VQ) ซึ่งมักมีปัญหาเรื่อง noise และความซับซ้อนในการฝึกโมเดล แต่ใช้ distribution แบบ “concrete” ที่สามารถแปลงข้อมูลต่อเนื่องให้เป็นบิตได้โดยตรง และรองรับการฝึกแบบ end-to-end แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีสัญญาณรบกวน

    เมื่อทดสอบกับชุดข้อมูล ImageNet ภายใต้เงื่อนไข Rayleigh และ Rician fading ซึ่งจำลองสภาพแวดล้อมไร้สายจริง ConcreteSC ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า VQ ทั้งในด้าน structural similarity และ peak signal-to-noise ratio พร้อมลดความซับซ้อนของระบบลงอย่างมาก

    เทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้ใน smart factory ที่มีการสื่อสารระหว่างเครื่องจักรจำนวนมากโดยไม่ต้องใช้สาย, หรือในอุปกรณ์ดูแลสุขภาพที่ใช้พลังงานต่ำ เช่นเซนเซอร์สำหรับผู้สูงอายุและเด็กเล็ก ที่ต้องการความแม่นยำแต่ไม่สามารถส่งข้อมูลจำนวนมากได้

    แนวคิดหลักของ ConcreteSC
    เป็น framework สำหรับ semantic communication ที่เน้นการส่ง “ความหมาย” มากกว่าข้อมูลดิบ
    ใช้ concrete distribution แทน codebook ขนาดใหญ่แบบ VQ
    รองรับการฝึกแบบ end-to-end แม้ในสภาพแวดล้อมที่มี noise

    ผลการทดสอบและประสิทธิภาพ
    ทดสอบกับ ImageNet ภายใต้ Rayleigh และ Rician fading
    ให้ผลลัพธ์ดีกว่า VQ ทั้งในด้าน SSIM และ PSNR
    ลดความซับซ้อน เพราะ scaling ตาม bit length ไม่ใช่ขนาด codebook

    การนำไปใช้ในอุตสาหกรรม
    เหมาะกับ smart factory ที่มีการสื่อสารระหว่างเครื่องจักรจำนวนมาก
    ใช้ในอุปกรณ์ดูแลสุขภาพที่ใช้พลังงานต่ำ เช่นเซนเซอร์สำหรับผู้สูงอายุ
    รองรับการทำงานของ AI บนอุปกรณ์ขนาดเล็กโดยไม่ต้องใช้ bandwidth สูง

    ความก้าวหน้าทางเทคนิค
    สามารถฝึกโมเดลแบบ multi-feedback-length ด้วย masking scheme ที่เรียบง่าย
    เป็น framework ที่ fully differentiable และสามารถ integrate กับระบบอื่นได้ง่าย
    เปิดทางให้ใช้ semantic communication เป็นแกนหลักของ 6G

    https://www.techradar.com/pro/korean-researchers-develop-new-technology-that-could-boost-processing-unit-by-being-more-human-semantic-communication-focuses-on-the-bigger-picture-literally
    🎙️ เรื่องเล่าจาก ConcreteSC: เมื่อการสื่อสารไร้สายเรียนรู้ที่จะ “เข้าใจ” มากกว่าแค่ “ส่ง” ในอดีต การส่งข้อมูลไร้สายคือการพยายามถ่ายทอดทุกบิตให้ตรงที่สุด—ไม่ว่าจะเป็นภาพ เสียง หรือข้อความ ทุกพิกเซลต้องถูกส่งอย่างแม่นยำ แต่ในยุคที่ AI และอุปกรณ์ IoT กำลังครองโลก แนวคิดนี้เริ่มล้าสมัย เพราะสิ่งที่สำคัญไม่ใช่ “ข้อมูลดิบ” แต่คือ “ความหมายที่เข้าใจได้” ทีมวิจัยจาก Seoul National University of Science and Technology นำโดย Dr. Dong Jin Ji ได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ชื่อว่า ConcreteSC ซึ่งเป็น framework สำหรับ “semantic communication” ที่ไม่ส่งข้อมูลแบบเดิม แต่ส่ง “สิ่งที่ข้อมูลนั้นหมายถึง” โดยตรง ConcreteSC ไม่ใช้ codebook ขนาดใหญ่แบบ vector quantization (VQ) ซึ่งมักมีปัญหาเรื่อง noise และความซับซ้อนในการฝึกโมเดล แต่ใช้ distribution แบบ “concrete” ที่สามารถแปลงข้อมูลต่อเนื่องให้เป็นบิตได้โดยตรง และรองรับการฝึกแบบ end-to-end แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีสัญญาณรบกวน เมื่อทดสอบกับชุดข้อมูล ImageNet ภายใต้เงื่อนไข Rayleigh และ Rician fading ซึ่งจำลองสภาพแวดล้อมไร้สายจริง ConcreteSC ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า VQ ทั้งในด้าน structural similarity และ peak signal-to-noise ratio พร้อมลดความซับซ้อนของระบบลงอย่างมาก เทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้ใน smart factory ที่มีการสื่อสารระหว่างเครื่องจักรจำนวนมากโดยไม่ต้องใช้สาย, หรือในอุปกรณ์ดูแลสุขภาพที่ใช้พลังงานต่ำ เช่นเซนเซอร์สำหรับผู้สูงอายุและเด็กเล็ก ที่ต้องการความแม่นยำแต่ไม่สามารถส่งข้อมูลจำนวนมากได้ ✅ แนวคิดหลักของ ConcreteSC ➡️ เป็น framework สำหรับ semantic communication ที่เน้นการส่ง “ความหมาย” มากกว่าข้อมูลดิบ ➡️ ใช้ concrete distribution แทน codebook ขนาดใหญ่แบบ VQ ➡️ รองรับการฝึกแบบ end-to-end แม้ในสภาพแวดล้อมที่มี noise ✅ ผลการทดสอบและประสิทธิภาพ ➡️ ทดสอบกับ ImageNet ภายใต้ Rayleigh และ Rician fading ➡️ ให้ผลลัพธ์ดีกว่า VQ ทั้งในด้าน SSIM และ PSNR ➡️ ลดความซับซ้อน เพราะ scaling ตาม bit length ไม่ใช่ขนาด codebook ✅ การนำไปใช้ในอุตสาหกรรม ➡️ เหมาะกับ smart factory ที่มีการสื่อสารระหว่างเครื่องจักรจำนวนมาก ➡️ ใช้ในอุปกรณ์ดูแลสุขภาพที่ใช้พลังงานต่ำ เช่นเซนเซอร์สำหรับผู้สูงอายุ ➡️ รองรับการทำงานของ AI บนอุปกรณ์ขนาดเล็กโดยไม่ต้องใช้ bandwidth สูง ✅ ความก้าวหน้าทางเทคนิค ➡️ สามารถฝึกโมเดลแบบ multi-feedback-length ด้วย masking scheme ที่เรียบง่าย ➡️ เป็น framework ที่ fully differentiable และสามารถ integrate กับระบบอื่นได้ง่าย ➡️ เปิดทางให้ใช้ semantic communication เป็นแกนหลักของ 6G https://www.techradar.com/pro/korean-researchers-develop-new-technology-that-could-boost-processing-unit-by-being-more-human-semantic-communication-focuses-on-the-bigger-picture-literally
    WWW.TECHRADAR.COM
    ConcreteSC is a new idea from South Korean scientists that could make 6G networks work better
    ConcreteSC tech could deliver 39x speed boost for next-gen wireless networks
    0 Comments 0 Shares 442 Views 0 Reviews
  • เมื่อรัฐบาลอังกฤษขอให้ประชาชนลบอีเมลและรูปภาพ เพื่อช่วยประหยัดน้ำในช่วงภัยแล้ง

    ในช่วงฤดูร้อนปี 2025 อังกฤษเผชิญกับภัยแล้งครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1976 โดยมี 5 พื้นที่เข้าสู่สถานะ “ภัยแล้ง” อย่างเป็นทางการ และอีก 6 พื้นที่มีสภาพอากาศแห้งต่อเนื่อง รัฐบาลจึงประกาศให้สถานการณ์นี้เป็น “เหตุการณ์ระดับชาติ” และขอให้ประชาชนร่วมมือกันลดการใช้น้ำ

    มาตรการทั่วไปที่แนะนำ ได้แก่ การลดเวลาการอาบน้ำ, ไม่รดน้ำสนามหญ้า, ใช้น้ำฝนรดต้นไม้, และซ่อมแซมห้องน้ำที่รั่ว แต่สิ่งที่สร้างความงุนงงคือคำแนะนำให้ “ลบอีเมลและรูปภาพเก่า” เพราะ “ศูนย์ข้อมูลใช้ปริมาณน้ำมหาศาลในการระบายความร้อน”

    แม้จะมีข้อเท็จจริงว่าศูนย์ข้อมูลบางแห่งใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายชี้ว่า การลบข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ทั่วไปแทบไม่มีผลต่อการลดการใช้น้ำในภาพรวม และอาจใช้พลังงานมากกว่าการเก็บไว้เฉย ๆ ด้วยซ้ำ

    นอกจากนี้ ยังมีข้อสังเกตว่า ข้อมูลของผู้ใช้ชาวอังกฤษจำนวนมากถูกเก็บไว้ในศูนย์ข้อมูลต่างประเทศ ซึ่งหมายความว่าการลบข้อมูลอาจไม่ได้ช่วยลดการใช้น้ำในอังกฤษเลย

    รัฐบาลอังกฤษประกาศภัยแล้งเป็น “เหตุการณ์ระดับชาติ”
    หลังจาก 6 เดือนที่แห้งแล้งที่สุดนับตั้งแต่ปี 1976

    5 พื้นที่ในอังกฤษเข้าสู่สถานะภัยแล้ง และอีก 6 พื้นที่มีสภาพแห้งต่อเนื่อง
    ระดับน้ำในแม่น้ำและอ่างเก็บน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง

    รัฐบาลแนะนำให้ประชาชนลบอีเมลและรูปภาพเก่า
    โดยอ้างว่า “ศูนย์ข้อมูลใช้ปริมาณน้ำมหาศาลในการระบายความร้อน”

    มาตรการอื่นที่แนะนำ ได้แก่ ลดเวลาการอาบน้ำ, ใช้น้ำฝน, ซ่อมห้องน้ำรั่ว
    เป็นวิธีที่มีผลต่อการลดการใช้น้ำโดยตรง

    ศูนย์ข้อมูลบางแห่งใช้ระบบ evaporative cooling ที่ใช้น้ำ
    โดยเฉพาะศูนย์ขนาดใหญ่ที่มีการประมวลผลสูง

    ศูนย์ข้อมูลขนาด 1 เมกะวัตต์อาจใช้น้ำถึง 26 ล้านลิตรต่อปี
    เทียบเท่าการใช้น้ำของเมืองขนาดกลาง

    การลบข้อมูลจาก cloud อาจใช้พลังงานมากกว่าการเก็บไว้เฉย ๆ
    เพราะต้องมีการประมวลผลและยืนยันการลบ

    ข้อมูลของผู้ใช้ในอังกฤษอาจถูกเก็บไว้ในศูนย์ข้อมูลต่างประเทศ
    ไม่มีข้อบังคับให้เก็บข้อมูลภายในประเทศ

    การลดการใช้ AI และการประมวลผลขนาดใหญ่มีผลต่อการลดการใช้น้ำมากกว่า
    เช่น การลดการใช้โมเดล generative AI ที่ใช้พลังงานสูง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/uk-government-inexplicably-tells-citizens-to-delete-old-emails-and-pictures-to-save-water-during-national-drought-data-centres-require-vast-amounts-of-water-to-cool-their-systems
    💧📂 เมื่อรัฐบาลอังกฤษขอให้ประชาชนลบอีเมลและรูปภาพ เพื่อช่วยประหยัดน้ำในช่วงภัยแล้ง ในช่วงฤดูร้อนปี 2025 อังกฤษเผชิญกับภัยแล้งครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1976 โดยมี 5 พื้นที่เข้าสู่สถานะ “ภัยแล้ง” อย่างเป็นทางการ และอีก 6 พื้นที่มีสภาพอากาศแห้งต่อเนื่อง รัฐบาลจึงประกาศให้สถานการณ์นี้เป็น “เหตุการณ์ระดับชาติ” และขอให้ประชาชนร่วมมือกันลดการใช้น้ำ มาตรการทั่วไปที่แนะนำ ได้แก่ การลดเวลาการอาบน้ำ, ไม่รดน้ำสนามหญ้า, ใช้น้ำฝนรดต้นไม้, และซ่อมแซมห้องน้ำที่รั่ว แต่สิ่งที่สร้างความงุนงงคือคำแนะนำให้ “ลบอีเมลและรูปภาพเก่า” เพราะ “ศูนย์ข้อมูลใช้ปริมาณน้ำมหาศาลในการระบายความร้อน” แม้จะมีข้อเท็จจริงว่าศูนย์ข้อมูลบางแห่งใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายชี้ว่า การลบข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ทั่วไปแทบไม่มีผลต่อการลดการใช้น้ำในภาพรวม และอาจใช้พลังงานมากกว่าการเก็บไว้เฉย ๆ ด้วยซ้ำ นอกจากนี้ ยังมีข้อสังเกตว่า ข้อมูลของผู้ใช้ชาวอังกฤษจำนวนมากถูกเก็บไว้ในศูนย์ข้อมูลต่างประเทศ ซึ่งหมายความว่าการลบข้อมูลอาจไม่ได้ช่วยลดการใช้น้ำในอังกฤษเลย ✅ รัฐบาลอังกฤษประกาศภัยแล้งเป็น “เหตุการณ์ระดับชาติ” ➡️ หลังจาก 6 เดือนที่แห้งแล้งที่สุดนับตั้งแต่ปี 1976 ✅ 5 พื้นที่ในอังกฤษเข้าสู่สถานะภัยแล้ง และอีก 6 พื้นที่มีสภาพแห้งต่อเนื่อง ➡️ ระดับน้ำในแม่น้ำและอ่างเก็บน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง ✅ รัฐบาลแนะนำให้ประชาชนลบอีเมลและรูปภาพเก่า ➡️ โดยอ้างว่า “ศูนย์ข้อมูลใช้ปริมาณน้ำมหาศาลในการระบายความร้อน” ✅ มาตรการอื่นที่แนะนำ ได้แก่ ลดเวลาการอาบน้ำ, ใช้น้ำฝน, ซ่อมห้องน้ำรั่ว ➡️ เป็นวิธีที่มีผลต่อการลดการใช้น้ำโดยตรง ✅ ศูนย์ข้อมูลบางแห่งใช้ระบบ evaporative cooling ที่ใช้น้ำ ➡️ โดยเฉพาะศูนย์ขนาดใหญ่ที่มีการประมวลผลสูง ✅ ศูนย์ข้อมูลขนาด 1 เมกะวัตต์อาจใช้น้ำถึง 26 ล้านลิตรต่อปี ➡️ เทียบเท่าการใช้น้ำของเมืองขนาดกลาง ✅ การลบข้อมูลจาก cloud อาจใช้พลังงานมากกว่าการเก็บไว้เฉย ๆ ➡️ เพราะต้องมีการประมวลผลและยืนยันการลบ ✅ ข้อมูลของผู้ใช้ในอังกฤษอาจถูกเก็บไว้ในศูนย์ข้อมูลต่างประเทศ ➡️ ไม่มีข้อบังคับให้เก็บข้อมูลภายในประเทศ ✅ การลดการใช้ AI และการประมวลผลขนาดใหญ่มีผลต่อการลดการใช้น้ำมากกว่า ➡️ เช่น การลดการใช้โมเดล generative AI ที่ใช้พลังงานสูง https://www.tomshardware.com/tech-industry/uk-government-inexplicably-tells-citizens-to-delete-old-emails-and-pictures-to-save-water-during-national-drought-data-centres-require-vast-amounts-of-water-to-cool-their-systems
    0 Comments 0 Shares 321 Views 0 Reviews
  • ย้อนกลับไปเมื่อ 80 ปี
    6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 สหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ ใส่ประเทศญี่ปุ่น

    https://rarehistoricalphotos.com/hiroshima-atomic-bombing-1945/?fbclid=IwY2xjawMAGTpleHRuA2FlbQIxMABicmlkETFVQlgxZ3ZtVVZDZUxBUVdRAR65uBFuY8eemYjypZs2ZOdrHukZlFUScyVBe4QUfFKgkpM-Ue7CEEe0hp5tdg_aem_pZE_N51Lao_x1nLRtHYT-g
    .
    https://rarehistoricalphotos.com/the-fall-of-imperial-japan-in-pictures-1945/?fbclid=IwY2xjawMAGTdleHRuA2FlbQIxMABicmlkETFVQlgxZ3ZtVVZDZUxBUVdRAR65uBFuY8eemYjypZs2ZOdrHukZlFUScyVBe4QUfFKgkpM-Ue7CEEe0hp5tdg_aem_pZE_N51Lao_x1nLRtHYT-g
    ย้อนกลับไปเมื่อ 80 ปี 6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 สหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ ใส่ประเทศญี่ปุ่น https://rarehistoricalphotos.com/hiroshima-atomic-bombing-1945/?fbclid=IwY2xjawMAGTpleHRuA2FlbQIxMABicmlkETFVQlgxZ3ZtVVZDZUxBUVdRAR65uBFuY8eemYjypZs2ZOdrHukZlFUScyVBe4QUfFKgkpM-Ue7CEEe0hp5tdg_aem_pZE_N51Lao_x1nLRtHYT-g . https://rarehistoricalphotos.com/the-fall-of-imperial-japan-in-pictures-1945/?fbclid=IwY2xjawMAGTdleHRuA2FlbQIxMABicmlkETFVQlgxZ3ZtVVZDZUxBUVdRAR65uBFuY8eemYjypZs2ZOdrHukZlFUScyVBe4QUfFKgkpM-Ue7CEEe0hp5tdg_aem_pZE_N51Lao_x1nLRtHYT-g
    0 Comments 0 Shares 505 Views 0 Reviews
  • SCAMBODIA Pictures ภูมิใจเสนอ
    นรกหลังความขัดแย้ง เขมรลวงโลก ไร้มิตรประเทศ
    ให้เสียงภาษาไทยโดย คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    SCAMBODIA Pictures ภูมิใจเสนอ นรกหลังความขัดแย้ง เขมรลวงโลก ไร้มิตรประเทศ ให้เสียงภาษาไทยโดย คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Angry
    2
    0 Comments 0 Shares 386 Views 0 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากคลังภาพที่มีชีวิต: เมื่อ Google Photos เปลี่ยนภาพนิ่งให้กลายเป็นวิดีโอด้วย AI

    Google Photos เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ 3 อย่างที่ใช้ AI เพื่อให้ผู้ใช้ “เล่นกับภาพ” ได้มากขึ้น:

    1️⃣. Photo-to-Video Generator
    ผู้ใช้สามารถเลือกภาพจากแกลเลอรี แล้วใส่ prompt ง่าย ๆ เช่น “Subtle movements” หรือ “I’m feeling lucky” เพื่อให้ AI สร้างวิดีโอสั้นความยาว 6 วินาที — คล้ายกับฟีเจอร์ใน Gemini หรือ TikTok AI Alive แต่ควบคุมได้น้อยกว่า

    2️⃣. Remix
    ฟีเจอร์นี้ใช้ style transfer เพื่อเปลี่ยนภาพให้เป็นรูปแบบศิลปะ เช่น:
    - ภาพสัตว์เลี้ยงกลายเป็นอนิเมะ
    - ภาพคนกลายเป็นการ์ตูนหรือ 3D animation

    จะเริ่มทยอยเปิดให้ใช้ในสหรัฐฯ ทั้งบน Android และ iOS ภายในไม่กี่สัปดาห์

    3️⃣. Create Tab
    Google เพิ่มแท็บใหม่ชื่อ “Create” เป็นศูนย์รวมฟีเจอร์สร้างสรรค์ทั้งหมด เช่น:
    - Collage
    - Highlight video
    - Photo-to-video
    - Remix

    จะเริ่มปรากฏในแอปช่วงเดือนสิงหาคม

    เพื่อความโปร่งใส Google ใช้ SynthID watermark แบบมองไม่เห็นในเนื้อหาที่สร้างด้วย AI และเพิ่มลายน้ำที่มองเห็นในวิดีโอที่สร้างขึ้น — เหมือนกับที่ใช้ในฟีเจอร์ ReImagine

    https://www.neowin.net/news/google-photos-app-updated-with-ai-that-turns-your-pictures-into-short-videos/
    🎙️ เรื่องเล่าจากคลังภาพที่มีชีวิต: เมื่อ Google Photos เปลี่ยนภาพนิ่งให้กลายเป็นวิดีโอด้วย AI Google Photos เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ 3 อย่างที่ใช้ AI เพื่อให้ผู้ใช้ “เล่นกับภาพ” ได้มากขึ้น: 1️⃣. Photo-to-Video Generator ผู้ใช้สามารถเลือกภาพจากแกลเลอรี แล้วใส่ prompt ง่าย ๆ เช่น “Subtle movements” หรือ “I’m feeling lucky” เพื่อให้ AI สร้างวิดีโอสั้นความยาว 6 วินาที — คล้ายกับฟีเจอร์ใน Gemini หรือ TikTok AI Alive แต่ควบคุมได้น้อยกว่า 2️⃣. Remix ฟีเจอร์นี้ใช้ style transfer เพื่อเปลี่ยนภาพให้เป็นรูปแบบศิลปะ เช่น: - ภาพสัตว์เลี้ยงกลายเป็นอนิเมะ - ภาพคนกลายเป็นการ์ตูนหรือ 3D animation จะเริ่มทยอยเปิดให้ใช้ในสหรัฐฯ ทั้งบน Android และ iOS ภายในไม่กี่สัปดาห์ 3️⃣. Create Tab Google เพิ่มแท็บใหม่ชื่อ “Create” เป็นศูนย์รวมฟีเจอร์สร้างสรรค์ทั้งหมด เช่น: - Collage - Highlight video - Photo-to-video - Remix จะเริ่มปรากฏในแอปช่วงเดือนสิงหาคม เพื่อความโปร่งใส Google ใช้ SynthID watermark แบบมองไม่เห็นในเนื้อหาที่สร้างด้วย AI และเพิ่มลายน้ำที่มองเห็นในวิดีโอที่สร้างขึ้น — เหมือนกับที่ใช้ในฟีเจอร์ ReImagine https://www.neowin.net/news/google-photos-app-updated-with-ai-that-turns-your-pictures-into-short-videos/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google Photos app updated with AI that turns your pictures into short videos
    Google has updated Photos with new AI features, including one that can transform images in your gallery into videos.
    0 Comments 0 Shares 470 Views 0 Reviews
  • หนึ่งในใบหน้าที่คนเห็นมากที่สุดในประวัติศาสตร์

    เจนนี โจเซฟ (Jenny Joseph) ศิลปินกราฟิกวัย 28 ปีของ The Times-Picayune (หนังสือพิมพ์อเมริกันที่ตีพิมพ์ในนิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา) ในช่วงเวลาที่ Columbia Pictures ต้องการนางแบบโลโก้ใหม่ในปี 1992 (พ.ศ.2535) แม้เธอไม่เคยเป็นนางแบบมาก่อน แต่ตกลงช่วยในช่วงพักกลางวัน

    ทีมงานคลุมผ้าให้เธอ และให้ถือโคมไฟตั้งโต๊ะธรรมดา แล้วโพสท่าถ่ายรูป จากนั้นศิลปินก็ใช้ภาพอ้างอิงเหล่านั้นมาวาดเป็นโลโก้ นับเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เธอได้เป็นนางแบบ

    ตอนนี้ผู้คนหลายพันล้านคนได้เห็นใบหน้าของเธอก่อนชมภาพยนตร์ทุกเรื่องของโคลัมเบียพิคเจอร์ส เป็นภาพประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในช่วงพักกลางวันที่แสนธรรมดา

    ภาพ : Project Nightfall
    ข้อมูล : Columbia Pictures
    ถอดความ : เรื่อย เปื่อย เดย์
    #ภาพประวัติศาสตร์ #ColumbiaPictures
    หนึ่งในใบหน้าที่คนเห็นมากที่สุดในประวัติศาสตร์ เจนนี โจเซฟ (Jenny Joseph) ศิลปินกราฟิกวัย 28 ปีของ The Times-Picayune (หนังสือพิมพ์อเมริกันที่ตีพิมพ์ในนิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา) ในช่วงเวลาที่ Columbia Pictures ต้องการนางแบบโลโก้ใหม่ในปี 1992 (พ.ศ.2535) แม้เธอไม่เคยเป็นนางแบบมาก่อน แต่ตกลงช่วยในช่วงพักกลางวัน ทีมงานคลุมผ้าให้เธอ และให้ถือโคมไฟตั้งโต๊ะธรรมดา แล้วโพสท่าถ่ายรูป จากนั้นศิลปินก็ใช้ภาพอ้างอิงเหล่านั้นมาวาดเป็นโลโก้ นับเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เธอได้เป็นนางแบบ ตอนนี้ผู้คนหลายพันล้านคนได้เห็นใบหน้าของเธอก่อนชมภาพยนตร์ทุกเรื่องของโคลัมเบียพิคเจอร์ส เป็นภาพประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในช่วงพักกลางวันที่แสนธรรมดา 📸ภาพ : Project Nightfall 🙏ข้อมูล : Columbia Pictures 🖋️ถอดความ : เรื่อย เปื่อย เดย์ #ภาพประวัติศาสตร์ #ColumbiaPictures
    0 Comments 0 Shares 344 Views 0 Reviews
  • Wine 10.10 ได้เปิดตัวแล้ว! เวอร์ชันใหม่นี้มาพร้อมกับ การอัปเดต Mono engine เป็นเวอร์ชัน 10.1.0 ซึ่งช่วยให้รองรับ .NET Framework ได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีการ ถอด OSMesa library ออกจากระบบ ทำให้การเรนเดอร์กราฟิกผ่าน OpenGL มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    นอกจากการปรับปรุงโครงสร้างแล้ว Wine 10.10 ยังได้แก้ไข 38 ข้อผิดพลาด ที่ส่งผลกระทบต่อแอปพลิเคชันและเกมหลายตัว เช่น
    - F.E.A.R. แก้ไขปัญหาเกมค้างและข้อผิดพลาด "Out of memory"
    - S.T.A.L.K.E.R.: Anomaly แก้ไขปัญหาเกมล่มเมื่อโหลดเซฟไฟล์
    - StarCraft Remastered แก้ไขปัญหาเกมไม่สามารถเริ่มต้นได้ใน Wine 10.5
    - Steam Big Picture Mode แก้ไขปัญหาหน้าจอดำเมื่อใช้ d3d10

    นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงการรองรับ Windows Runtime metadata ใน WIDL และอัปเดตข้อมูลโลแคลให้เป็น Unicode CLDR 47

    แนวโน้มของ Wine: Wine ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้รองรับแอปพลิเคชัน Windows ได้ดีขึ้นบน Linux และ macOS

    การเปลี่ยนแปลงของ OpenGL: การถอด OSMesa library อาจส่งผลให้บางแอปพลิเคชันที่พึ่งพาไลบรารีนี้ต้องปรับตัวไปใช้โซลูชันอื่น

    การพัฒนาเกมบน Linux: การแก้ไขข้อผิดพลาดในเกมยอดนิยมช่วยให้ Wine เป็นตัวเลือกที่ดีขึ้นสำหรับนักเล่นเกมที่ต้องการรันเกม Windows บน Linux

    ฟีเจอร์ใหม่ใน Wine 10.10
    - อัปเดต Mono engine เป็นเวอร์ชัน 10.1.0
    - ถอด OSMesa library ออกจากระบบเพื่อปรับปรุงการเรนเดอร์กราฟิก
    - แก้ไขข้อผิดพลาด 38 รายการ รวมถึงปัญหาในเกมยอดนิยม

    คำเตือนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง
    - การถอด OSMesa library อาจทำให้บางแอปพลิเคชันที่พึ่งพาไลบรารีนี้ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
    - ผู้ใช้ควรตรวจสอบความเข้ากันได้ของแอปพลิเคชันก่อนอัปเดต Wine
    - แม้จะมีการแก้ไขข้อผิดพลาด แต่ยังอาจมีบั๊กใหม่ที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง

    https://www.neowin.net/news/wine-1010-released-brings-updated-mono-engine-bug-fixes-for-several-games-and-more/
    Wine 10.10 ได้เปิดตัวแล้ว! เวอร์ชันใหม่นี้มาพร้อมกับ การอัปเดต Mono engine เป็นเวอร์ชัน 10.1.0 ซึ่งช่วยให้รองรับ .NET Framework ได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีการ ถอด OSMesa library ออกจากระบบ ทำให้การเรนเดอร์กราฟิกผ่าน OpenGL มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากการปรับปรุงโครงสร้างแล้ว Wine 10.10 ยังได้แก้ไข 38 ข้อผิดพลาด ที่ส่งผลกระทบต่อแอปพลิเคชันและเกมหลายตัว เช่น - F.E.A.R. แก้ไขปัญหาเกมค้างและข้อผิดพลาด "Out of memory" - S.T.A.L.K.E.R.: Anomaly แก้ไขปัญหาเกมล่มเมื่อโหลดเซฟไฟล์ - StarCraft Remastered แก้ไขปัญหาเกมไม่สามารถเริ่มต้นได้ใน Wine 10.5 - Steam Big Picture Mode แก้ไขปัญหาหน้าจอดำเมื่อใช้ d3d10 นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงการรองรับ Windows Runtime metadata ใน WIDL และอัปเดตข้อมูลโลแคลให้เป็น Unicode CLDR 47 แนวโน้มของ Wine: Wine ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้รองรับแอปพลิเคชัน Windows ได้ดีขึ้นบน Linux และ macOS การเปลี่ยนแปลงของ OpenGL: การถอด OSMesa library อาจส่งผลให้บางแอปพลิเคชันที่พึ่งพาไลบรารีนี้ต้องปรับตัวไปใช้โซลูชันอื่น การพัฒนาเกมบน Linux: การแก้ไขข้อผิดพลาดในเกมยอดนิยมช่วยให้ Wine เป็นตัวเลือกที่ดีขึ้นสำหรับนักเล่นเกมที่ต้องการรันเกม Windows บน Linux ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน Wine 10.10 - อัปเดต Mono engine เป็นเวอร์ชัน 10.1.0 - ถอด OSMesa library ออกจากระบบเพื่อปรับปรุงการเรนเดอร์กราฟิก - แก้ไขข้อผิดพลาด 38 รายการ รวมถึงปัญหาในเกมยอดนิยม ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง - การถอด OSMesa library อาจทำให้บางแอปพลิเคชันที่พึ่งพาไลบรารีนี้ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ - ผู้ใช้ควรตรวจสอบความเข้ากันได้ของแอปพลิเคชันก่อนอัปเดต Wine - แม้จะมีการแก้ไขข้อผิดพลาด แต่ยังอาจมีบั๊กใหม่ที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง https://www.neowin.net/news/wine-1010-released-brings-updated-mono-engine-bug-fixes-for-several-games-and-more/
    WWW.NEOWIN.NET
    Wine 10.10 released, brings updated Mono engine, bug fixes for several games, and more
    Wine 10.10 is now live, with an updated Mono engine and fixes for games like Rise of Nations and Burger Shop.
    0 Comments 0 Shares 263 Views 0 Reviews
  • เรื่องราวของ Plasma 6.4 และอนาคตของ 6.5
    ทีม KDE กำลังเพิ่มประสิทธิภาพและเสริมฟีเจอร์ใหม่ให้กับ Plasma 6.4 ก่อนเปิดตัววันที่ 17 มิถุนายน 2025 หลังจากที่สัปดาห์ก่อนมีการปรับปรุงเรื่องความเร็วในการโหลด ตอนนี้พวกเขาเดินหน้าต่อด้วยการเพิ่ม Picture-in-Picture (PiP) บน Wayland ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่หลายคนรอคอย นี่เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ Wayland ทัดเทียมกับ X11 มากขึ้น

    นอกจากนี้ การปรับปรุงอื่นๆ ได้แก่:
    ปรับปรุง Blur effect โดยรวม Background Contrast effect เข้าไป
    สามารถจัดเรียง Virtual desktops จาก Pager widget ได้แล้ว
    ตั้งค่าการ Invert และ Zoom ถูกย้ายไปที่หน้า Accessibility
    ปรับปรุง Breeze application style ให้มีแอนิเมชันในเช็คบ็อกซ์และปุ่มตัวเลือกในแอปที่ใช้ QtQuick
    แก้ไขปัญหาผู้ใช้ไม่รู้วิธีหยุดบันทึกหน้าจอใน Spectacle ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

    ปรับปรุงเสถียรภาพใน Plasma 6.4
    การเพิ่มวิดเจ็ตไปที่ oversized panels ไม่ทำให้ shell ค้างอีกต่อไป
    แก้ปัญหา Discover ที่เคยแครชเมื่อแนะนำแอปแทนที่สำหรับ Flatpak ที่ไม่รองรับ
    ลากไฟล์ไปวางใน Folder View widget ไม่ทำให้เกิดภาพกระตุก
    กล่องบันทึกไฟล์จาก Flatpak browsers อนุญาตให้เปิดหน้า preview แล้ว
    การพิมพ์จาก Flatpak GTK apps แสดงขนาดที่ถูกต้อง

    ฟีเจอร์ที่กำลังพัฒนาสำหรับ Plasma 6.5
    Picture-in-Picture (PiP) บน Wayland— ใช้ Wayland PiP protocol เวอร์ชันทดลอง ทำให้แอปอย่าง Firefox สามารถแสดงหน้าต่าง PiP ได้อย่างถูกต้อง
    แก้ไขปัญหา UI เพื่อปรับปรุง ความคมชัดของข้อความ ในเมนูและป้ายกำกับต่างๆ
    Kicker Application Menu สามารถเลื่อนแนวนอนได้เมื่อมีผลค้นหาจำนวนมาก

    ถึงแม้จะมีการแก้ไขหลายจุด แต่ยังมี 3 บั๊กระดับสูง ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
    ปัญหา "15-minute bugs" เพิ่มขึ้นถึง 23 จุด ซึ่งยังต้องแก้ไขต่อไป

    โดยรวมแล้ว Plasma 6.4 ดูจะเป็นอัปเดตที่ช่วยเพิ่มเสถียรภาพและปรับปรุงประสบการณ์ใช้งาน ส่วน Plasma 6.5 กำลังเตรียมตัวกับฟีเจอร์ใหม่ที่ผู้ใช้รอคอย

    https://www.neowin.net/news/kde-brings-wayland-pip-to-plasma-65-adds-finishing-touches-to-64-as-release-nears/
    เรื่องราวของ Plasma 6.4 และอนาคตของ 6.5 ทีม KDE กำลังเพิ่มประสิทธิภาพและเสริมฟีเจอร์ใหม่ให้กับ Plasma 6.4 ก่อนเปิดตัววันที่ 17 มิถุนายน 2025 หลังจากที่สัปดาห์ก่อนมีการปรับปรุงเรื่องความเร็วในการโหลด ตอนนี้พวกเขาเดินหน้าต่อด้วยการเพิ่ม Picture-in-Picture (PiP) บน Wayland ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่หลายคนรอคอย นี่เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ Wayland ทัดเทียมกับ X11 มากขึ้น นอกจากนี้ การปรับปรุงอื่นๆ ได้แก่: ✅ ปรับปรุง Blur effect โดยรวม Background Contrast effect เข้าไป ✅ สามารถจัดเรียง Virtual desktops จาก Pager widget ได้แล้ว ✅ ตั้งค่าการ Invert และ Zoom ถูกย้ายไปที่หน้า Accessibility ✅ ปรับปรุง Breeze application style ให้มีแอนิเมชันในเช็คบ็อกซ์และปุ่มตัวเลือกในแอปที่ใช้ QtQuick ✅ แก้ไขปัญหาผู้ใช้ไม่รู้วิธีหยุดบันทึกหน้าจอใน Spectacle ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ปรับปรุงเสถียรภาพใน Plasma 6.4 ✅ การเพิ่มวิดเจ็ตไปที่ oversized panels ไม่ทำให้ shell ค้างอีกต่อไป ✅ แก้ปัญหา Discover ที่เคยแครชเมื่อแนะนำแอปแทนที่สำหรับ Flatpak ที่ไม่รองรับ ✅ ลากไฟล์ไปวางใน Folder View widget ไม่ทำให้เกิดภาพกระตุก ✅ กล่องบันทึกไฟล์จาก Flatpak browsers อนุญาตให้เปิดหน้า preview แล้ว ✅ การพิมพ์จาก Flatpak GTK apps แสดงขนาดที่ถูกต้อง ฟีเจอร์ที่กำลังพัฒนาสำหรับ Plasma 6.5 ✅ Picture-in-Picture (PiP) บน Wayland— ใช้ Wayland PiP protocol เวอร์ชันทดลอง ทำให้แอปอย่าง Firefox สามารถแสดงหน้าต่าง PiP ได้อย่างถูกต้อง ✅ แก้ไขปัญหา UI เพื่อปรับปรุง ความคมชัดของข้อความ ในเมนูและป้ายกำกับต่างๆ ✅ Kicker Application Menu สามารถเลื่อนแนวนอนได้เมื่อมีผลค้นหาจำนวนมาก ‼️ ถึงแม้จะมีการแก้ไขหลายจุด แต่ยังมี 3 บั๊กระดับสูง ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ‼️ ปัญหา "15-minute bugs" เพิ่มขึ้นถึง 23 จุด ซึ่งยังต้องแก้ไขต่อไป โดยรวมแล้ว Plasma 6.4 ดูจะเป็นอัปเดตที่ช่วยเพิ่มเสถียรภาพและปรับปรุงประสบการณ์ใช้งาน ส่วน Plasma 6.5 กำลังเตรียมตัวกับฟีเจอร์ใหม่ที่ผู้ใช้รอคอย https://www.neowin.net/news/kde-brings-wayland-pip-to-plasma-65-adds-finishing-touches-to-64-as-release-nears/
    WWW.NEOWIN.NET
    KDE brings Wayland PiP to Plasma 6.5, adds finishing touches to 6.4 as release nears
    In the latest "This Week in Plasma", the KDE team outlined key updates coming to Plasma 6.4 and 6.5, including critical bug fixes and new features like Wayland Picture-in-Picture.
    0 Comments 0 Shares 359 Views 0 Reviews
  • From Trainee To Bias: The Big 16 K-Pop Slang Terms To Know

    K-pop is the name of a pop music sensation that originated in South Korea and is sweeping the globe. From its energetic choreography and music to the beauty of its idols, K-pop (or K for Korea combined with pop) has entranced international and Korean fans alike—and chances are you’ve heard it, hummed it, or danced to it. (Did you catch BTS’ “Friends” playing in the Marvel movie Eternals? And who knew Clifford the Dog was also a K-pop stan? At least, his trailer made it seem so.)

    Emerging from the 1990s, K-pop has created a unique fandom culture along the way. Fans have indulged fully in this media, creating their own celebrations, traditions, and—of course—slang. All of this can overwhelm the casual listener trying out K-pop sounds, and I have to admit, I once thought this fandom was a little over the top. But I’ve since been won over—after all, being a fan of a group like Red Velvet is no different from being a fan of Ariana Grande.

    To get you started, I am providing a short guide to K-pop’s complex terminology. Whether you’re interested in K-pop, saw BTS on the news, or have friends who listen to all of the above, here are a few terms to know.

    Please note: these words are used mainly by English-speaking international fans and are found across fan Twitters, Instagrams, TikToks and Tumblrs.

    bias
    In K-pop slang, a bias is a member in a group that you like or relate to the most. K-pop fans collect merchandise—for example, photocards (more on that later)—of their biases. Fans use this term to learn more about other fans.

    Example: Who is your Twice bias? (And you’d answer with your favorite.)

    biaswrecker
    Although fans have their fundamental biases, it doesn’t mean that a bias is monogamous. Most fans with biases will have their biaswreckers, too. These wreckers are members in a group that make you question who your true bias is.

    sasaeng
    One group of people widely looked down upon are sasaengs (사생팬) or sasaeng fans. This slang derives from a Korean word (sa for “private” and saeng for “life”) that refers to an obsessive fan who stalks or otherwise violates the privacy of a Korean idol. Sasaengs tend to own fan pages, and some say they operate much like the American tabloids of the 2000s.

    comeback
    When an idol group releases new music, it’s called a comeback. Comebacks usually take place every few months and include new promotions, hair colors, styles, music, etc. Era is another word used in this fandom to describe a comeback.

    Example: Did you hear that BTS are having a comeback in June?

    nugu
    This word literally means “Who?” in Korean, and is used by fans to describe small and relatively unknown idol groups. A group like IVE would not be described as a nugu (누구) but the girl group Weki Meki would.

    visual
    In K-pop, there are roles for each idol in a group, including a role as visual. The visual role is assigned by the company to the member or members in a group who best fit a strict Korean beauty standard. Fans also debate who they believe the visual to be in each group. For example, Jin is the official visual of the group BTS, but many consider Taehyung to fit the role. This harsh beauty standard prizes small facial features, cuteness, and specific measurements of the face, body, eyes, and much more.

    aegyo
    Aegyo (애교) can be used to describe K-pop idols (both male and female) who are acting cute and childlike. Aegyo moves require specific word choices, vocal tones, and both facial and body gestures. Aegyo (often translated as “cuteness”) is usually meant to show a flirtatious side of idols and is also used by the general Korean population.

    Example: The judges made Felix do aegyo as a punishment for losing the game.

    maknae
    Another Korean word that has been adopted into international fan spaces is maknae (막내) or “youngest person.” This slang is used to describe the youngest member of a group. The term maknae, much like visual, is a role a member takes on.

    trainee
    When an idol is training before they debut, they are considered a trainee. These trainees usually take part in promotions, trying to gain popularity before their debut. Trainees typically are under contract and fulfill years of rigorous training to be able to match the abilities of many idols you see today.

    subunit
    In some idol groups subunits are formed. These units comprise a few members in a group who create their own music or albums. Some groups, such as LOONA and NCT, use subunits as their concept. This term can also describe two or three members in a group who have a similar skill or talent (like a vocal or dance unit).

    antis
    Anti or anti-fan is used to describe people who hate an artist or group so much that they seem to follow their activities and content as much or more than a fan would. Some of these antis display sasaeng behavior, dedicating themselves completely to taking down or hate speech idols. These hate campaigns contain criticizing and insulting language. Shockingly, some antis have gone so far as hurting idols in real life.

    delulu
    This term is short for delusional, and it’s used to mock fans who believe they’ll date, marry, or befriend their favorite idol. The word can describe a fan who devotes an unhealthy amount of time and energy to an idol. You could say becoming a delulu is a first step on the pipeline towards sasaeng and usually includes behavior similar to said sasaeng.

    Example: Did you see that guy talking about how he and Nayeon are dating? He’s such a delulu.

    solo stan
    When a fan of an idol group only stans a single member, they are a self-proclaimed solo stan or are labeled as such by others in the community. A solo stan might hate other members in a group, which is why the term has a negative connotation in the community. The word solo stan also can describe someone who’s a fan of a singular idol (like Sunmi or IU) who does not participate in idol groups.

    photocard
    Photocards (or pocas or PCs) are typically 3” by 2” pieces of glossy paper photos included in a K-pop albums and prized by fans. They may not sound like much to the average joe, but to the average Jimin fan, these pictures are worth hundreds to thousands of dollars.

    the Big 3
    In Korea, idols are contracted under companies. The Big 3 describes the main three corporations that famous idols usually sign under. These three companies are HYBE Entertainment (previously known as BigHit Entertainment), with groups like BTS and TXT; SM Entertainment, with groups like Girls Generation and Aespa; and YG Entertainment, producing groups like BLACKPINK and iKON. The Big 3 not only produce idols but also sign and manage actors. JYP Entertainment can also be considered as part of the Big 3 (HYBE is a relative newcomer to the list), leading some to use the term “Big 4.”

    netizen
    The term netizen does generally mean an internet user, but it’s used in K-pop to refer to Korean fans who are online intensively. These fans or anti-fans are internet sleuths and usually the ones to create scandals and/or help in proving rumors wrong or right about specific idols. Netizens (or also K-netizens) hold power in the idol industry; companies want these internet personas to view their idols in a positive light and do their best to prevent scandals that might mobilize netizens.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    From Trainee To Bias: The Big 16 K-Pop Slang Terms To Know K-pop is the name of a pop music sensation that originated in South Korea and is sweeping the globe. From its energetic choreography and music to the beauty of its idols, K-pop (or K for Korea combined with pop) has entranced international and Korean fans alike—and chances are you’ve heard it, hummed it, or danced to it. (Did you catch BTS’ “Friends” playing in the Marvel movie Eternals? And who knew Clifford the Dog was also a K-pop stan? At least, his trailer made it seem so.) Emerging from the 1990s, K-pop has created a unique fandom culture along the way. Fans have indulged fully in this media, creating their own celebrations, traditions, and—of course—slang. All of this can overwhelm the casual listener trying out K-pop sounds, and I have to admit, I once thought this fandom was a little over the top. But I’ve since been won over—after all, being a fan of a group like Red Velvet is no different from being a fan of Ariana Grande. To get you started, I am providing a short guide to K-pop’s complex terminology. Whether you’re interested in K-pop, saw BTS on the news, or have friends who listen to all of the above, here are a few terms to know. Please note: these words are used mainly by English-speaking international fans and are found across fan Twitters, Instagrams, TikToks and Tumblrs. bias In K-pop slang, a bias is a member in a group that you like or relate to the most. K-pop fans collect merchandise—for example, photocards (more on that later)—of their biases. Fans use this term to learn more about other fans. Example: Who is your Twice bias? (And you’d answer with your favorite.) biaswrecker Although fans have their fundamental biases, it doesn’t mean that a bias is monogamous. Most fans with biases will have their biaswreckers, too. These wreckers are members in a group that make you question who your true bias is. sasaeng One group of people widely looked down upon are sasaengs (사생팬) or sasaeng fans. This slang derives from a Korean word (sa for “private” and saeng for “life”) that refers to an obsessive fan who stalks or otherwise violates the privacy of a Korean idol. Sasaengs tend to own fan pages, and some say they operate much like the American tabloids of the 2000s. comeback When an idol group releases new music, it’s called a comeback. Comebacks usually take place every few months and include new promotions, hair colors, styles, music, etc. Era is another word used in this fandom to describe a comeback. Example: Did you hear that BTS are having a comeback in June? nugu This word literally means “Who?” in Korean, and is used by fans to describe small and relatively unknown idol groups. A group like IVE would not be described as a nugu (누구) but the girl group Weki Meki would. visual In K-pop, there are roles for each idol in a group, including a role as visual. The visual role is assigned by the company to the member or members in a group who best fit a strict Korean beauty standard. Fans also debate who they believe the visual to be in each group. For example, Jin is the official visual of the group BTS, but many consider Taehyung to fit the role. This harsh beauty standard prizes small facial features, cuteness, and specific measurements of the face, body, eyes, and much more. aegyo Aegyo (애교) can be used to describe K-pop idols (both male and female) who are acting cute and childlike. Aegyo moves require specific word choices, vocal tones, and both facial and body gestures. Aegyo (often translated as “cuteness”) is usually meant to show a flirtatious side of idols and is also used by the general Korean population. Example: The judges made Felix do aegyo as a punishment for losing the game. maknae Another Korean word that has been adopted into international fan spaces is maknae (막내) or “youngest person.” This slang is used to describe the youngest member of a group. The term maknae, much like visual, is a role a member takes on. trainee When an idol is training before they debut, they are considered a trainee. These trainees usually take part in promotions, trying to gain popularity before their debut. Trainees typically are under contract and fulfill years of rigorous training to be able to match the abilities of many idols you see today. subunit In some idol groups subunits are formed. These units comprise a few members in a group who create their own music or albums. Some groups, such as LOONA and NCT, use subunits as their concept. This term can also describe two or three members in a group who have a similar skill or talent (like a vocal or dance unit). antis Anti or anti-fan is used to describe people who hate an artist or group so much that they seem to follow their activities and content as much or more than a fan would. Some of these antis display sasaeng behavior, dedicating themselves completely to taking down or hate speech idols. These hate campaigns contain criticizing and insulting language. Shockingly, some antis have gone so far as hurting idols in real life. delulu This term is short for delusional, and it’s used to mock fans who believe they’ll date, marry, or befriend their favorite idol. The word can describe a fan who devotes an unhealthy amount of time and energy to an idol. You could say becoming a delulu is a first step on the pipeline towards sasaeng and usually includes behavior similar to said sasaeng. Example: Did you see that guy talking about how he and Nayeon are dating? He’s such a delulu. solo stan When a fan of an idol group only stans a single member, they are a self-proclaimed solo stan or are labeled as such by others in the community. A solo stan might hate other members in a group, which is why the term has a negative connotation in the community. The word solo stan also can describe someone who’s a fan of a singular idol (like Sunmi or IU) who does not participate in idol groups. photocard Photocards (or pocas or PCs) are typically 3” by 2” pieces of glossy paper photos included in a K-pop albums and prized by fans. They may not sound like much to the average joe, but to the average Jimin fan, these pictures are worth hundreds to thousands of dollars. the Big 3 In Korea, idols are contracted under companies. The Big 3 describes the main three corporations that famous idols usually sign under. These three companies are HYBE Entertainment (previously known as BigHit Entertainment), with groups like BTS and TXT; SM Entertainment, with groups like Girls Generation and Aespa; and YG Entertainment, producing groups like BLACKPINK and iKON. The Big 3 not only produce idols but also sign and manage actors. JYP Entertainment can also be considered as part of the Big 3 (HYBE is a relative newcomer to the list), leading some to use the term “Big 4.” netizen The term netizen does generally mean an internet user, but it’s used in K-pop to refer to Korean fans who are online intensively. These fans or anti-fans are internet sleuths and usually the ones to create scandals and/or help in proving rumors wrong or right about specific idols. Netizens (or also K-netizens) hold power in the idol industry; companies want these internet personas to view their idols in a positive light and do their best to prevent scandals that might mobilize netizens. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 Comments 0 Shares 1441 Views 0 Reviews
  • Microsoft Edge 138 Beta: ฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น
    Microsoft ได้เปิดตัว Edge Beta 138 พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ควบคุมสื่อ, ค้นหาประวัติด้วย AI และปรับปรุงการตั้งค่าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจ
    1️⃣ Media Control Center
    - ผู้ใช้สามารถ ควบคุมสื่อจากหลายเว็บไซต์ได้ในที่เดียว
    - ปุ่มควบคุมจะปรากฏบน แถบเครื่องมือ (ไอคอนโน้ตดนตรี)
    - รองรับ Picture-in-Picture, การส่งสื่อไปยังอุปกรณ์อื่น และการควบคุมเพลง/วิดีโอ

    2️⃣ AI-Powered History Search
    - ใช้ AI ในการค้นหาประวัติการเข้าชมเว็บไซต์
    - ไม่ต้องจำชื่อเว็บไซต์หรือคำที่แน่นอน สามารถค้นหาด้วย คำพ้อง, วลี หรือคำที่สะกดผิด
    - ใช้ โมเดล AI บนอุปกรณ์ และ ไม่ส่งข้อมูลไปยัง Microsoft

    3️⃣ Dynamic Settings Menu
    - หากเบราว์เซอร์ทำงานช้าลง ระบบจะแสดงคำแนะนำในการปรับปรุงประสิทธิภาพ
    - แจ้งเตือนเกี่ยวกับ ส่วนขยายที่อาจทำให้เบราว์เซอร์ช้าลง


    การอัปเดตนี้ช่วยให้ ผู้ใช้สามารถควบคุมสื่อและค้นหาประวัติการเข้าชมได้สะดวกขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้จะได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมหรือไม่

    https://www.neowin.net/news/microsoft-edge-is-getting-new-media-control-center-ai-powered-history-search-and-more/
    🌐 Microsoft Edge 138 Beta: ฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น Microsoft ได้เปิดตัว Edge Beta 138 พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ควบคุมสื่อ, ค้นหาประวัติด้วย AI และปรับปรุงการตั้งค่าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 🔍 ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจ 1️⃣ Media Control Center - ผู้ใช้สามารถ ควบคุมสื่อจากหลายเว็บไซต์ได้ในที่เดียว - ปุ่มควบคุมจะปรากฏบน แถบเครื่องมือ (ไอคอนโน้ตดนตรี) - รองรับ Picture-in-Picture, การส่งสื่อไปยังอุปกรณ์อื่น และการควบคุมเพลง/วิดีโอ 2️⃣ AI-Powered History Search - ใช้ AI ในการค้นหาประวัติการเข้าชมเว็บไซต์ - ไม่ต้องจำชื่อเว็บไซต์หรือคำที่แน่นอน สามารถค้นหาด้วย คำพ้อง, วลี หรือคำที่สะกดผิด - ใช้ โมเดล AI บนอุปกรณ์ และ ไม่ส่งข้อมูลไปยัง Microsoft 3️⃣ Dynamic Settings Menu - หากเบราว์เซอร์ทำงานช้าลง ระบบจะแสดงคำแนะนำในการปรับปรุงประสิทธิภาพ - แจ้งเตือนเกี่ยวกับ ส่วนขยายที่อาจทำให้เบราว์เซอร์ช้าลง การอัปเดตนี้ช่วยให้ ผู้ใช้สามารถควบคุมสื่อและค้นหาประวัติการเข้าชมได้สะดวกขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้จะได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมหรือไม่ https://www.neowin.net/news/microsoft-edge-is-getting-new-media-control-center-ai-powered-history-search-and-more/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft Edge is getting new media control center, AI-powered history search, and more
    Microsoft Edge Beta has been updated to version 138, which introduces several new features, such as a media control center, AI-powered history search, and more.
    0 Comments 0 Shares 310 Views 0 Reviews
More Results