• Marine Collagen vs Bovine Collagen: Understanding the Key Differences

    Marine collagen and bovine collagen are two popular collagen sources, but they differ in composition, absorption, and benefits. Marine collagen is derived from fish, while bovine collagen comes from cows.

    One major difference lies in absorption. Marine collagen has smaller peptides, allowing for faster digestion and better bioavailability. This makes it particularly effective for skin-related benefits.

    Bovine collagen contains both type I and type III collagen, which support skin and gut health. Marine collagen, however, is especially rich in type I collagen, making it ideal for anti-aging and skin repair.

    Those with dietary restrictions may prefer marine collagen due to its pescatarian-friendly nature. Understanding these differences helps individuals choose the collagen source best suited to their health goals.

    Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/marine-collagen-market-24476
    Marine Collagen vs Bovine Collagen: Understanding the Key Differences Marine collagen and bovine collagen are two popular collagen sources, but they differ in composition, absorption, and benefits. Marine collagen is derived from fish, while bovine collagen comes from cows. One major difference lies in absorption. Marine collagen has smaller peptides, allowing for faster digestion and better bioavailability. This makes it particularly effective for skin-related benefits. Bovine collagen contains both type I and type III collagen, which support skin and gut health. Marine collagen, however, is especially rich in type I collagen, making it ideal for anti-aging and skin repair. Those with dietary restrictions may prefer marine collagen due to its pescatarian-friendly nature. Understanding these differences helps individuals choose the collagen source best suited to their health goals. Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/marine-collagen-market-24476
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยค้นพบยาปฏิชีวนะใหม่จากแบคทีเรียในสวนหลังบ้านชื่อ Lariocidin ที่มีโครงสร้างเหมือนปมเชือก ทำให้มีความทนทานและฆ่าแบคทีเรียดื้อยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะยังอยู่ในขั้นทดลอง แต่การค้นพบครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ดิน อาจเป็นกุญแจสำคัญในการต่อสู้กับปัญหาการดื้อยาปฏิชีวนะซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพระดับโลก

    โครงสร้างที่ทนทานของ Lasso Peptide
    - Lasso Peptide มีโครงสร้างเหมือน ปมเชือก ทำให้มีความทนทานต่อการสลายและยังคงประสิทธิภาพได้นาน
    - Lariocidin จึงสามารถทำงานได้ดีกว่ายาปฏิชีวนะแบบทั่วไป

    กลไกการกำจัดแบคทีเรียที่ไม่เหมือนใคร
    - ariocidin โจมตีส่วนที่เรียกว่า Ribosome ซึ่งเป็นศูนย์กลางการสร้างโปรตีนของแบคทีเรีย
    - ด้วยวิธีการหยุดการทำงานของ Ribosome และสร้างความผิดพลาดในการผลิตโปรตีน Lariocidin สามารถฆ่าแบคทีเรียที่ดื้อยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ดิน—แหล่งทรัพยากรที่ไม่ได้รับการใช้ประโยชน์อย่างเพียงพอ
    - การค้นพบนี้เน้นให้เห็นว่า ดินเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญในการพัฒนายาใหม่ เพราะจุลินทรีย์ในดินมีวิธีป้องกันตัวเองจากแบคทีเรียชนิดอื่นในธรรมชาติ

    ความสำคัญในระดับโลกของการค้นพบ
    - การดื้อยาปฏิชีวนะ เป็นปัญหาสุขภาพระดับโลกที่ทำให้ผู้เสียชีวิตหลายล้านคนต่อปี
    - องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดให้การดื้อยาปฏิชีวนะอยู่ใน สิบอันดับแรกของภัยคุกคามต่อสุขภาพ

    แม้ว่า Lariocidin จะมีศักยภาพสูง แต่ยังอยู่ใน ระยะเริ่มต้นของการวิจัย นักวิทยาศาสตร์จำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพในมนุษย์ รวมถึงพัฒนาวิธีการผลิตในปริมาณมากสำหรับการใช้งานทางการแพทย์

    https://www.neowin.net/news/drug-that-kills-antibiotic-resistant-bacteria-was-unknowingly-growing-in-a-garden/
    นักวิจัยค้นพบยาปฏิชีวนะใหม่จากแบคทีเรียในสวนหลังบ้านชื่อ Lariocidin ที่มีโครงสร้างเหมือนปมเชือก ทำให้มีความทนทานและฆ่าแบคทีเรียดื้อยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะยังอยู่ในขั้นทดลอง แต่การค้นพบครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ดิน อาจเป็นกุญแจสำคัญในการต่อสู้กับปัญหาการดื้อยาปฏิชีวนะซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพระดับโลก ✅ โครงสร้างที่ทนทานของ Lasso Peptide - Lasso Peptide มีโครงสร้างเหมือน ปมเชือก ทำให้มีความทนทานต่อการสลายและยังคงประสิทธิภาพได้นาน - Lariocidin จึงสามารถทำงานได้ดีกว่ายาปฏิชีวนะแบบทั่วไป ✅ กลไกการกำจัดแบคทีเรียที่ไม่เหมือนใคร - ariocidin โจมตีส่วนที่เรียกว่า Ribosome ซึ่งเป็นศูนย์กลางการสร้างโปรตีนของแบคทีเรีย - ด้วยวิธีการหยุดการทำงานของ Ribosome และสร้างความผิดพลาดในการผลิตโปรตีน Lariocidin สามารถฆ่าแบคทีเรียที่ดื้อยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ดิน—แหล่งทรัพยากรที่ไม่ได้รับการใช้ประโยชน์อย่างเพียงพอ - การค้นพบนี้เน้นให้เห็นว่า ดินเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญในการพัฒนายาใหม่ เพราะจุลินทรีย์ในดินมีวิธีป้องกันตัวเองจากแบคทีเรียชนิดอื่นในธรรมชาติ ✅ ความสำคัญในระดับโลกของการค้นพบ - การดื้อยาปฏิชีวนะ เป็นปัญหาสุขภาพระดับโลกที่ทำให้ผู้เสียชีวิตหลายล้านคนต่อปี - องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดให้การดื้อยาปฏิชีวนะอยู่ใน สิบอันดับแรกของภัยคุกคามต่อสุขภาพ แม้ว่า Lariocidin จะมีศักยภาพสูง แต่ยังอยู่ใน ระยะเริ่มต้นของการวิจัย นักวิทยาศาสตร์จำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพในมนุษย์ รวมถึงพัฒนาวิธีการผลิตในปริมาณมากสำหรับการใช้งานทางการแพทย์ https://www.neowin.net/news/drug-that-kills-antibiotic-resistant-bacteria-was-unknowingly-growing-in-a-garden/
    WWW.NEOWIN.NET
    Drug that kills antibiotic-resistant bacteria was unknowingly growing in a garden
    A new antibiotic that can kill antibiotic-resistant bacteria has been discovered, and it was found in a garden.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 736 มุมมอง 0 รีวิว
  • ️การทานคอลลาเจนอย่างไร❓️
    ️ให้เห็นผลเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด✴️

    คอลลาเจนเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยบำรุงผิว ผม เล็บ ข้อต่อ และสุขภาพโดยรวม แต่การทานคอลลาเจนให้ได้ผลดีที่สุดต้องมีเทคนิคที่เหมาะสม
    1. เลือกประเภทคอลลาเจนที่ดูดซึมได้ดีที่สุด

    คอลลาเจนมีหลายประเภท แต่ที่นิยมใช้เพื่อความงามคือ
    คอลลาเจนไตรเปปไทด์ (Tripeptide Collagen) – โมเลกุลเล็ก ดูดซึมได้ดีที่สุด
    คอลลาเจนเปปไทด์ (Collagen Peptide) – ย่อยง่าย ร่างกายนำไปใช้ได้เร็ว
    คอลลาเจน Type 1 และ Type 3 – ดีต่อผิว ผม เล็บ และข้อต่อ

    หลีกเลี่ยงคอลลาเจนโมเลกุลใหญ่ เช่น คอลลาเจนธรรมดา ที่ร่างกายดูดซึมได้น้อย

    2. ทานคอลลาเจนตอนท้องว่าง หรือก่อนนอน

    ช่วงเวลาที่ดีที่สุด:
    ตอนเช้า (ก่อนอาหาร 30 นาที) – ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดี
    ก่อนนอน (30-60 นาที) – ช่วงเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมผิว

    ไม่ควรทานพร้อมอาหารมื้อใหญ่ เพราะอาจลดการดูดซึม

    3. ทานคู่กับวิตามินซี ช่วยเพิ่มการดูดซึม

    วิตามินซี ช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์คอลลาเจนได้ดีขึ้น
    แนะนำ: ทานคอลลาเจนพร้อมน้ำส้ม มะนาว หรือวิตามินซี 500-1,000 มก.
    หลีกเลี่ยงการทานคอลลาเจนกับนม เพราะแคลเซียมอาจลดการดูดซึม

    4. ปริมาณที่แนะนำต่อวัน

    5,000 - 10,000 มก. ต่อวัน

    5,000 มก. → เหมาะสำหรับการบำรุงทั่วไป

    10,000 มก. → เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวเร็ว

    ไม่ควรทานเกิน 10,000 มก./วัน เพราะร่างกายดูดซึมได้จำกัด

    5. คอลลาเจนรูปแบบไหนดีที่สุด?

    แบบผงชงดื่ม – ดูดซึมเร็ว ไม่มีสารกันเสีย

    แบบแคปซูล – พกพาสะดวก แต่ดูดซึมช้ากว่าแบบผง

    แบบเยลลี่หรือเครื่องดื่มสำเร็จรูป – ดูดซึมไว แต่บางยี่ห้อมีน้ำตาลสูง

    6. หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำลายคอลลาเจน

    น้ำตาลและของหวาน – ทำให้คอลลาเจนเสื่อมเร็ว
    อาหารแปรรูปและทอดกรอบ – ทำลายเซลล์ผิว
    สูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ – ลดการผลิตคอลลาเจน

    7. ใช้ชีวิตแบบช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

    ดื่มน้ำให้เพียงพอ (วันละ 2-3 ลิตร)
    ออกกำลังกาย (โยคะ/เวทเทรนนิ่งช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน)
    พักผ่อนให้เพียงพอ (นอน 7-9 ชั่วโมงต่อคืน)

    สรุปเคล็ดลับทานคอลลาเจนให้ได้ผลเร็ว

    เลือกคอลลาเจนไตรเปปไทด์หรือเปปไทด์
    ทานตอนท้องว่างหรือก่อนนอน
    ทานคู่กับวิตามินซีเพื่อเพิ่มการดูดซึม
    ✅ หลีกเลี่ยงน้ำตาล อาหารแปรรูป และแอลกอฮอล์
    ✅ ออกกำลังกายและนอนหลับให้เพียงพอ

    ใช้เวลาประมาณ 4-8 สัปดาห์เพื่อเริ่มเห็นผล ผิวจะชุ่มชื้นขึ้น และริ้วรอยจางลง
    ✴️️การทานคอลลาเจนอย่างไร❓️ ✅️✅️ให้เห็นผลเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด✴️ ➡️คอลลาเจนเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยบำรุงผิว ผม เล็บ ข้อต่อ และสุขภาพโดยรวม แต่การทานคอลลาเจนให้ได้ผลดีที่สุดต้องมีเทคนิคที่เหมาะสม ➡️1. เลือกประเภทคอลลาเจนที่ดูดซึมได้ดีที่สุด คอลลาเจนมีหลายประเภท แต่ที่นิยมใช้เพื่อความงามคือ ✅ คอลลาเจนไตรเปปไทด์ (Tripeptide Collagen) – โมเลกุลเล็ก ดูดซึมได้ดีที่สุด ✅ คอลลาเจนเปปไทด์ (Collagen Peptide) – ย่อยง่าย ร่างกายนำไปใช้ได้เร็ว ✅ คอลลาเจน Type 1 และ Type 3 – ดีต่อผิว ผม เล็บ และข้อต่อ 🔹 หลีกเลี่ยงคอลลาเจนโมเลกุลใหญ่ เช่น คอลลาเจนธรรมดา ที่ร่างกายดูดซึมได้น้อย ➡️2. ทานคอลลาเจนตอนท้องว่าง หรือก่อนนอน ⏰ ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: ✅ ตอนเช้า (ก่อนอาหาร 30 นาที) – ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดี ✅ ก่อนนอน (30-60 นาที) – ช่วงเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมผิว 🔹 ไม่ควรทานพร้อมอาหารมื้อใหญ่ เพราะอาจลดการดูดซึม ➡️3. ทานคู่กับวิตามินซี ช่วยเพิ่มการดูดซึม 💊 วิตามินซี ช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์คอลลาเจนได้ดีขึ้น ✅ แนะนำ: ทานคอลลาเจนพร้อมน้ำส้ม มะนาว หรือวิตามินซี 500-1,000 มก. ❌ หลีกเลี่ยงการทานคอลลาเจนกับนม เพราะแคลเซียมอาจลดการดูดซึม ➡️4. ปริมาณที่แนะนำต่อวัน 💡 5,000 - 10,000 มก. ต่อวัน 5,000 มก. → เหมาะสำหรับการบำรุงทั่วไป 10,000 มก. → เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวเร็ว ❌ ไม่ควรทานเกิน 10,000 มก./วัน เพราะร่างกายดูดซึมได้จำกัด ➡️5. คอลลาเจนรูปแบบไหนดีที่สุด? 👉 แบบผงชงดื่ม – ดูดซึมเร็ว ไม่มีสารกันเสีย 👉 แบบแคปซูล – พกพาสะดวก แต่ดูดซึมช้ากว่าแบบผง 👉แบบเยลลี่หรือเครื่องดื่มสำเร็จรูป – ดูดซึมไว แต่บางยี่ห้อมีน้ำตาลสูง ➡️ 6. หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำลายคอลลาเจน ❌ น้ำตาลและของหวาน – ทำให้คอลลาเจนเสื่อมเร็ว ❌ อาหารแปรรูปและทอดกรอบ – ทำลายเซลล์ผิว ❌ สูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ – ลดการผลิตคอลลาเจน ➡️7. ใช้ชีวิตแบบช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ✅ ดื่มน้ำให้เพียงพอ (วันละ 2-3 ลิตร) ✅ ออกกำลังกาย (โยคะ/เวทเทรนนิ่งช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน) ✅ พักผ่อนให้เพียงพอ (นอน 7-9 ชั่วโมงต่อคืน) ❤️สรุปเคล็ดลับทานคอลลาเจนให้ได้ผลเร็ว ✅ เลือกคอลลาเจนไตรเปปไทด์หรือเปปไทด์ ✅ ทานตอนท้องว่างหรือก่อนนอน ✅ ทานคู่กับวิตามินซีเพื่อเพิ่มการดูดซึม ✅ หลีกเลี่ยงน้ำตาล อาหารแปรรูป และแอลกอฮอล์ ✅ ออกกำลังกายและนอนหลับให้เพียงพอ 📌 ใช้เวลาประมาณ 4-8 สัปดาห์เพื่อเริ่มเห็นผล ผิวจะชุ่มชื้นขึ้น และริ้วรอยจางลง
    7 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1166 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระ ฝ้า จุดด่างดำ ต้องหมดไปจากหน้าเรา
    วันนี้หนุ่ย เอาต้นตอ ของ กระ ฝ้า จุดด่างดำ มาฝากค่ะ
    Nuie Look At Me by BP
    #look@me #ผิวโกลว์ #ผิวชุ่มชื้น #ผิวกระจ่างใส #รูขุมขนกระชับ #รูขุมขนเล็กลง #ริ้วรอยตื้นขึ้น #คุมมัน #ลดการเกิดสิว #ผลัดเซลล์ผิว #กระตุ้นการสร้างคลอลาเจน #สร้างสารต้านอนุมูลอิสระ #รีวิวบิ้วตี้ #ทากันแดด #นอนหลับให้เพียงพอ #มอยเจอร์ไรเซอร์ #เรตินอล #retinol #peptide #vitaminc #เปปไทด์ #วิตามินซี #ออกกำลังกาย #ทานอาหารที่มีประโยชน์ #โบท็อกซ์ #botox #filler #microneedling #yoga #โยคะ #นวดหน้า #นวดหน้าเรียวลดริ้วรอย
    กระ ฝ้า จุดด่างดำ ต้องหมดไปจากหน้าเรา วันนี้หนุ่ย เอาต้นตอ ของ กระ ฝ้า จุดด่างดำ มาฝากค่ะ Nuie Look At Me by BP #look@me #ผิวโกลว์ #ผิวชุ่มชื้น #ผิวกระจ่างใส #รูขุมขนกระชับ #รูขุมขนเล็กลง #ริ้วรอยตื้นขึ้น #คุมมัน #ลดการเกิดสิว #ผลัดเซลล์ผิว #กระตุ้นการสร้างคลอลาเจน #สร้างสารต้านอนุมูลอิสระ #รีวิวบิ้วตี้ #ทากันแดด #นอนหลับให้เพียงพอ #มอยเจอร์ไรเซอร์ #เรตินอล #retinol #peptide #vitaminc #เปปไทด์ #วิตามินซี #ออกกำลังกาย #ทานอาหารที่มีประโยชน์ #โบท็อกซ์ #botox #filler #microneedling #yoga #โยคะ #นวดหน้า #นวดหน้าเรียวลดริ้วรอย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2304 มุมมอง 13 0 รีวิว
  • 8วิธีลดริ้วรอยและร่องน้ำหมาก Nuie Look@Me by BP

    #look@me #ผิวโกลว์ #ผิวชุ่มชื้น #ผิวกระจ่างใส #รูขุมขนกระชับ #รูขุมขนเล็กลง #ริ้วรอยตื้นขึ้น #คุมมัน #ลดการเกิดสิว #ผลัดเซลล์ผิว #กระตุ้นการสร้างคลอลาเจน #สร้างสารต้านอนุมูลอิสระ #รีวิวบิ้วตี้ #ทากันแดด #นอนหลับให้เพียงพอ #มอยเจอร์ไรเซอร์ #เรตินอล #retinol #peptide #vitaminc #เปปไทด์ #วิตามินซี #ออกกำลังกาย #ทานอาหารที่มีประโยชน์ #โบท็อกซ์ #botox #filler #microneedling #yoga #โยคะ #นวดหน้า #นวดหน้าเรียวลดริ้วรอย
    8วิธีลดริ้วรอยและร่องน้ำหมาก Nuie Look@Me by BP #look@me #ผิวโกลว์ #ผิวชุ่มชื้น #ผิวกระจ่างใส #รูขุมขนกระชับ #รูขุมขนเล็กลง #ริ้วรอยตื้นขึ้น #คุมมัน #ลดการเกิดสิว #ผลัดเซลล์ผิว #กระตุ้นการสร้างคลอลาเจน #สร้างสารต้านอนุมูลอิสระ #รีวิวบิ้วตี้ #ทากันแดด #นอนหลับให้เพียงพอ #มอยเจอร์ไรเซอร์ #เรตินอล #retinol #peptide #vitaminc #เปปไทด์ #วิตามินซี #ออกกำลังกาย #ทานอาหารที่มีประโยชน์ #โบท็อกซ์ #botox #filler #microneedling #yoga #โยคะ #นวดหน้า #นวดหน้าเรียวลดริ้วรอย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2619 มุมมอง 13 0 รีวิว