• จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีอารมณ์หลากหลายมาก ตั้งแต่
    วิตก กังวล กลัว ในใจคิดไปถึง Worst-case scenario ว่าจะทำอย่างไรดีถ้าต้องเจอเหตุการณ์ในรูปแบบต่างๆ

    ส่วนตัวรู้สึกว่าโชคดีที่ในอดีตเคยเป็น แอร์โอสเตสมาก่อน ซึ่งอาชีพนี้สอนให้เราเตรียมพร้อมกับการเจอสถานการณ์ฉุกเฉินในหลายรูปแบบอย่างมีสติ

    แม้แต่เพื่อนร่วมอาชีพ ที่อยู่คอนโดสูง
    และเจอภาวะตึกสั่นไหวอย่างรุนแรง
    ก็ยังมีสติพอที่จะหลบเข้าไปอยู่ใต้โต๊ะ
    ตามที่เราถูกสอนมาว่าจะรับมือกับสถานการณ์ แผ่นดินไหวอย่างไร?

    ส่วนตัวโชคดีที่ไม่ได้ติดอยู่ในอาคารสูง
    แต่ติดอยู่ในรถ และติดอยู่ในท้องถนน
    ตัดสินใจกลับมาตั้งหลักที่คอนโด ตอนราวบ่ายสอง (เพราะการจราจรเริ่มติดแล้วตั้งแต่บ่ายสอง )
    จากนั้นก็มารวมพลที่ล้อบบี้คอนโด ในใจก็คาดเดาสถานการณ์ไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากนั้น แต่ที่แน่แน่ พยายามเซฟแบตเตอรี่มือถือไว้ให้มากที่สุด (ดูข้อมูลแต่ที่จำเป็น/ เลยไม่มีเวลาตอบ LINE กับผู้ที่ส่งความห่วงใยมาในวันแรกครบทุกคน)
    ในใจก็เริ่มคิดว่า ถ้าเกิด after shock และไม่สามารถกลับขึ้นไปนอนคอนโดได้ เราจะไปนอนที่ไหน?

    เพื่อนบ้าน หลายหลายคน ( คิดว่าเกินครึ่ง) เริ่มอพยพออกจากอาคาร
    บ้างก็ไปเช่าโรงแรม ( low rise)
    บ้างก็ไปอยู่บ้านญาติ

    ส่วนตัวก็คิดอยู่ว่า ถ้าคืนนี้ไม่สามารถกลับขึ้นไปไปนอนคอนโดได้ เราจะไปอยู่บ้านใคร ? แต่ไม่ว่าจะไปอยู่บ้านใครมันก็ต้องเดินทาง ประเด็นคือการจราจรเป็นอัมพาต ไม่สามารถพาเราไปถึงจุดหมายได้แน่นอน จึงตัดสินใจไม่ไปไหน รอดูท่าทีอยู่ที่คอนโด สุดท้ายตอนค่ำ ทางคอนโดมีข้อความถึงลูกบ้านว่าสามารถกลับเข้าตึกได้ แต่ลิฟท์ที่ตึกไม่สามารถใช้ได้ จึงต้องเดินขึ้นบันไดหลายสิบชั้น และมีเหตุให้ต้องเดินขึ้นลงอยู่หลายรอบ จึงมีอาการปวดน่องมาก ( เชื่อว่าหลายคน ประสบเหตุการณ์แบบเดียวกัน😅)

    เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
    ✨ ต้องกลับไปออกกำลังกายให้ฟิตกว่านี้ 💪
    ✨มีกระเป๋าพร้อม สำหรับการอพยพแบบฉุกเฉิน เช่น เสื้อผ้า, ไฟฉาย, น้ำขวดเล็ก, ลูกอม สำหรับให้พลังงานเมื่อยามต้องอดอาหาร, Power bank, เป็นต้น (1ชุดไว้ที่บ้าน/ 1 ชุดทิ้งไว้ในรถ)
    ปล. ลองปรับดูว่าอะไรสำคัญกับชีวิตคุณและคิดว่าต้องมีก็จัดสิ่งนั้นไว้
    ข้อแนะนำคือ ชุดที่ไว้ในรถไม่ควรมี Power bank เพราะถ้าเจอแดด อาจจะอันตรายได้)

    จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ เรียนรู้ได้เลยว่า
    มนุษย์เรานั้นตัวเล็กนิดเดียว
    ไม่สามารถสู้กับธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ได้
    เราควรใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อย่างมีสติ และไม่ทำลายโลกให้มากไปกว่านี้
    แม้จะทำไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็พยายามจะทำให้มากขึ้นและมากขึ้น

    ขอบคุณที่เรารอดปลอดภัย
    และขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่สูญเสียทุกคน

    We shall pass this together.🌈💕

    #earthquake
    #savethailand
    #togetherwewin
    #simplytally
    #simplyugo



    จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีอารมณ์หลากหลายมาก ตั้งแต่ วิตก กังวล กลัว ในใจคิดไปถึง Worst-case scenario ว่าจะทำอย่างไรดีถ้าต้องเจอเหตุการณ์ในรูปแบบต่างๆ ส่วนตัวรู้สึกว่าโชคดีที่ในอดีตเคยเป็น แอร์โอสเตสมาก่อน ซึ่งอาชีพนี้สอนให้เราเตรียมพร้อมกับการเจอสถานการณ์ฉุกเฉินในหลายรูปแบบอย่างมีสติ แม้แต่เพื่อนร่วมอาชีพ ที่อยู่คอนโดสูง และเจอภาวะตึกสั่นไหวอย่างรุนแรง ก็ยังมีสติพอที่จะหลบเข้าไปอยู่ใต้โต๊ะ ตามที่เราถูกสอนมาว่าจะรับมือกับสถานการณ์ แผ่นดินไหวอย่างไร? ส่วนตัวโชคดีที่ไม่ได้ติดอยู่ในอาคารสูง แต่ติดอยู่ในรถ และติดอยู่ในท้องถนน ตัดสินใจกลับมาตั้งหลักที่คอนโด ตอนราวบ่ายสอง (เพราะการจราจรเริ่มติดแล้วตั้งแต่บ่ายสอง ) จากนั้นก็มารวมพลที่ล้อบบี้คอนโด ในใจก็คาดเดาสถานการณ์ไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากนั้น แต่ที่แน่แน่ พยายามเซฟแบตเตอรี่มือถือไว้ให้มากที่สุด (ดูข้อมูลแต่ที่จำเป็น/ เลยไม่มีเวลาตอบ LINE กับผู้ที่ส่งความห่วงใยมาในวันแรกครบทุกคน) ในใจก็เริ่มคิดว่า ถ้าเกิด after shock และไม่สามารถกลับขึ้นไปนอนคอนโดได้ เราจะไปนอนที่ไหน? เพื่อนบ้าน หลายหลายคน ( คิดว่าเกินครึ่ง) เริ่มอพยพออกจากอาคาร บ้างก็ไปเช่าโรงแรม ( low rise) บ้างก็ไปอยู่บ้านญาติ ส่วนตัวก็คิดอยู่ว่า ถ้าคืนนี้ไม่สามารถกลับขึ้นไปไปนอนคอนโดได้ เราจะไปอยู่บ้านใคร ? แต่ไม่ว่าจะไปอยู่บ้านใครมันก็ต้องเดินทาง ประเด็นคือการจราจรเป็นอัมพาต ไม่สามารถพาเราไปถึงจุดหมายได้แน่นอน จึงตัดสินใจไม่ไปไหน รอดูท่าทีอยู่ที่คอนโด สุดท้ายตอนค่ำ ทางคอนโดมีข้อความถึงลูกบ้านว่าสามารถกลับเข้าตึกได้ แต่ลิฟท์ที่ตึกไม่สามารถใช้ได้ จึงต้องเดินขึ้นบันไดหลายสิบชั้น และมีเหตุให้ต้องเดินขึ้นลงอยู่หลายรอบ จึงมีอาการปวดน่องมาก ( เชื่อว่าหลายคน ประสบเหตุการณ์แบบเดียวกัน😅) เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ✨ ต้องกลับไปออกกำลังกายให้ฟิตกว่านี้ 💪 ✨มีกระเป๋าพร้อม สำหรับการอพยพแบบฉุกเฉิน เช่น เสื้อผ้า, ไฟฉาย, น้ำขวดเล็ก, ลูกอม สำหรับให้พลังงานเมื่อยามต้องอดอาหาร, Power bank, เป็นต้น (1ชุดไว้ที่บ้าน/ 1 ชุดทิ้งไว้ในรถ) ปล. ลองปรับดูว่าอะไรสำคัญกับชีวิตคุณและคิดว่าต้องมีก็จัดสิ่งนั้นไว้ ข้อแนะนำคือ ชุดที่ไว้ในรถไม่ควรมี Power bank เพราะถ้าเจอแดด อาจจะอันตรายได้) จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ เรียนรู้ได้เลยว่า มนุษย์เรานั้นตัวเล็กนิดเดียว ไม่สามารถสู้กับธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ได้ เราควรใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อย่างมีสติ และไม่ทำลายโลกให้มากไปกว่านี้ แม้จะทำไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็พยายามจะทำให้มากขึ้นและมากขึ้น ขอบคุณที่เรารอดปลอดภัย และขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่สูญเสียทุกคน We shall pass this together.🌈💕 #earthquake #savethailand #togetherwewin #simplytally #simplyugo
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานวิจัยล่าสุดพบว่าการใช้นาฬิกาอัจฉริยะ (Smartwatch) สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 (T2D) ได้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะในแง่ของการสนับสนุนให้ผู้ป่วยยึดมั่นในโปรแกรมการออกกำลังกายเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและปรับปรุงคุณภาพชีวิต ซึ่งการศึกษานี้มีผู้เข้าร่วม 125 คนที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น T2D ภายใน 2 ปีที่ผ่านมา และทำตามโปรแกรมออกกำลังกายที่บ้าน โดยมีบางคนใช้นาฬิกาอัจฉริยะเป็นตัวช่วย

    ผลลัพธ์ที่โดดเด่น:
    - ผู้ที่ใช้นาฬิกาอัจฉริยะมีการปรับปรุงระดับน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิตซิสโตลิก พร้อมเพิ่มความมุ่งมั่นในกิจกรรมทางกายภาพเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ใช้อุปกรณ์นี้.

    คุณสมบัติที่เป็นแรงจูงใจ:
    - นาฬิกาอัจฉริยะช่วยเตือนผู้ใช้ให้ยืนขึ้น ยืดเส้นยืดสาย หรือเดินเพื่อสุขภาพ โดยฟีเจอร์อย่าง "วงแหวนกิจกรรม" หรือรางวัลต่าง ๆ บนหน้าจอสร้างความสนุกและแรงบันดาลใจ.

    การพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ:
    - บริษัทอย่าง Apple กำลังวิจัยเทคโนโลยีการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดโดยไม่ต้องใช้เข็มแทง ซึ่งอาจพร้อมใช้งานในอนาคต ขณะที่การตรวจวัดความดันโลหิตอาจเปิดตัวในรุ่นที่ใกล้ถึง.

    บทบาทในยุคใหม่ของสุขภาพ:
    - อุปกรณ์ติดตามสุขภาพเหล่านี้ไม่ได้ช่วยเพียงผู้ป่วย T2D เท่านั้น แต่ยังอาจมีบทบาทสำคัญในการป้องกันและส่งเสริมสุขภาพในกลุ่มคนทั่วไป.

    https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/using-a-smartwatch-could-be-a-game-changer-for-people-with-diabetes-new-research-suggests
    งานวิจัยล่าสุดพบว่าการใช้นาฬิกาอัจฉริยะ (Smartwatch) สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 (T2D) ได้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะในแง่ของการสนับสนุนให้ผู้ป่วยยึดมั่นในโปรแกรมการออกกำลังกายเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและปรับปรุงคุณภาพชีวิต ซึ่งการศึกษานี้มีผู้เข้าร่วม 125 คนที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น T2D ภายใน 2 ปีที่ผ่านมา และทำตามโปรแกรมออกกำลังกายที่บ้าน โดยมีบางคนใช้นาฬิกาอัจฉริยะเป็นตัวช่วย ผลลัพธ์ที่โดดเด่น: - ผู้ที่ใช้นาฬิกาอัจฉริยะมีการปรับปรุงระดับน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิตซิสโตลิก พร้อมเพิ่มความมุ่งมั่นในกิจกรรมทางกายภาพเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ใช้อุปกรณ์นี้. คุณสมบัติที่เป็นแรงจูงใจ: - นาฬิกาอัจฉริยะช่วยเตือนผู้ใช้ให้ยืนขึ้น ยืดเส้นยืดสาย หรือเดินเพื่อสุขภาพ โดยฟีเจอร์อย่าง "วงแหวนกิจกรรม" หรือรางวัลต่าง ๆ บนหน้าจอสร้างความสนุกและแรงบันดาลใจ. การพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ: - บริษัทอย่าง Apple กำลังวิจัยเทคโนโลยีการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดโดยไม่ต้องใช้เข็มแทง ซึ่งอาจพร้อมใช้งานในอนาคต ขณะที่การตรวจวัดความดันโลหิตอาจเปิดตัวในรุ่นที่ใกล้ถึง. บทบาทในยุคใหม่ของสุขภาพ: - อุปกรณ์ติดตามสุขภาพเหล่านี้ไม่ได้ช่วยเพียงผู้ป่วย T2D เท่านั้น แต่ยังอาจมีบทบาทสำคัญในการป้องกันและส่งเสริมสุขภาพในกลุ่มคนทั่วไป. https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/using-a-smartwatch-could-be-a-game-changer-for-people-with-diabetes-new-research-suggests
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 255 มุมมอง 0 รีวิว
  • 5 ท่าออกกำลังกายที่ดีที่สุดเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของร่างกายทั้งตัว

    ในขณะที่ท่าออกกำลังกายแบบ Dead Lift, Squat ... ฯลฯ จะสร้างความแข็งแรงโดยการใช้กล้ามเนื้อหลายกลุ่มพร้อมกัน

    5 ท่าออกกำลังกายที่นำเสนอนี้ จะช่วยปรับปรุงการควบคุม ความเสถียร และการประสานงาน ซึ่งจะช่วยเติมเต็มช่องว่างที่การยกน้ำหนักแบบเดิมๆ ขาดหายไป

    เมื่อท่านผสมผสานท่าออกกำลังกายที่ต้องใช้ร่างกายทั้งตัวเข้าด้วยกัน จะได้ฝึกกล้ามเนื้อให้ทำงานร่วมกัน โดยเพิ่มความแข็งแรงที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นในกีฬา (ต่อสู้) หรือการเคลื่อนไหวประจำวัน ท่าออกกำลังกายประเภทนี้จะบังคับให้แกนกลางลำตัวของคุณมั่นคงภายใต้ภาระ ปรับปรุงการควบคุมในหลายระนาบ และพัฒนาความแข็งแรงในจุดที่อาจจะอ่อนแอ เสริมสร้างความเป็นนักกีฬา และสร้างความยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อรับมือกับอาการบาดเจ็บ
    5 ท่าออกกำลังกายที่ดีที่สุดเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของร่างกายทั้งตัว ในขณะที่ท่าออกกำลังกายแบบ Dead Lift, Squat ... ฯลฯ จะสร้างความแข็งแรงโดยการใช้กล้ามเนื้อหลายกลุ่มพร้อมกัน 5 ท่าออกกำลังกายที่นำเสนอนี้ จะช่วยปรับปรุงการควบคุม ความเสถียร และการประสานงาน ซึ่งจะช่วยเติมเต็มช่องว่างที่การยกน้ำหนักแบบเดิมๆ ขาดหายไป เมื่อท่านผสมผสานท่าออกกำลังกายที่ต้องใช้ร่างกายทั้งตัวเข้าด้วยกัน จะได้ฝึกกล้ามเนื้อให้ทำงานร่วมกัน โดยเพิ่มความแข็งแรงที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นในกีฬา (ต่อสู้) หรือการเคลื่อนไหวประจำวัน ท่าออกกำลังกายประเภทนี้จะบังคับให้แกนกลางลำตัวของคุณมั่นคงภายใต้ภาระ ปรับปรุงการควบคุมในหลายระนาบ และพัฒนาความแข็งแรงในจุดที่อาจจะอ่อนแอ เสริมสร้างความเป็นนักกีฬา และสร้างความยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อรับมือกับอาการบาดเจ็บ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 2 0 รีวิว
  • ปั่นจักรยาน เป็นการออกกำลังกาย ทำให้หัวใจแข็งแรง ที่ดีสุด
    เหตุผลของการเดิน และ การวิ่ง ไม่ดีต่อ..สะบ้า
    ทำให้เข่าบวม ปวดหน้าเข่า
    ปั่นจักรยาน เป็นการออกกำลังกาย ทำให้หัวใจแข็งแรง ที่ดีสุด เหตุผลของการเดิน และ การวิ่ง ไม่ดีต่อ..สะบ้า ทำให้เข่าบวม ปวดหน้าเข่า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • เกิดอะไรขึ้น หลังออกกำลังกายแล้ว..ไม่กินอะไรเลย
    เกิดอะไรขึ้น หลังออกกำลังกายแล้ว..ไม่กินอะไรเลย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • ท่าออกกำลังกาย Glute Focused Step ups
    ท่าออกกำลังกาย Glute Focused Step ups
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 3 0 รีวิว
  • การยกน้ำหนักแบบ Trap Bar และแบบ Barbell Deadlift ถือเป็นท่าออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสร้างความแข็งแรงและกล้ามเนื้อบริเวณหลังส่วนล่าง สะโพก และขา
    อย่างไรก็ตาม มีความแตกต่างที่สำคัญบางประการระหว่างทั้งสองอย่าง
    1. เดดลิฟต์แบบแทรปบาร์เป็นท่าเดดลิฟต์รูปแบบหนึ่งที่ใช้แทรปบาร์ (เรียกอีกอย่างว่าบาร์หกเหลี่ยม) แทนบาร์เบลแบบดั้งเดิม แทรปบาร์เป็นบาร์รูปหกเหลี่ยมที่มีด้ามจับอยู่ด้านในแทนที่จะเป็นด้านนอก การออกแบบนี้ช่วยให้จับได้สบาย..มากขึ้น ซึ่งช่วยลดความเครียดที่ไหล่และข้อมือได้
    2. เดดลิฟต์แบบแทรปบาร์โดยทั่วไปจะช่วยให้สะโพกและขาเคลื่อนไหวได้มากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้กล้ามเนื้อสี่หัวเข่าและก้นทำงานมากขึ้น ซึ่งทำให้เป็นท่าออกกำลังกายที่ดีสำหรับนักกีฬาหรือผู้ที่ต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพการเล่นกีฬา
    3. เดดลิฟต์แบบแทรปบาร์จะสร้างแรงกดดันที่หลังส่วนล่างน้อยกว่าเดดลิฟต์แบบบาร์เบลแบบดั้งเดิม ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บและทำให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นสามารถออกกำลังกายได้
    โดยรวมแล้ว...ทั้งท่าเดดลิฟต์แบบแทรปบาร์และเดดลิฟต์แบบบาร์เบลเป็นท่าออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสร้างความแข็งแรงและกล้ามเนื้อ การเลือกใช้ท่าทั้งสองแบบจะขึ้นอยู่กับเป้าหมาย ความชอบ และข้อจำกัดหรืออาการบาดเจ็บของท่าน
    การยกน้ำหนักแบบ Trap Bar และแบบ Barbell Deadlift ถือเป็นท่าออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสร้างความแข็งแรงและกล้ามเนื้อบริเวณหลังส่วนล่าง สะโพก และขา อย่างไรก็ตาม มีความแตกต่างที่สำคัญบางประการระหว่างทั้งสองอย่าง 1. เดดลิฟต์แบบแทรปบาร์เป็นท่าเดดลิฟต์รูปแบบหนึ่งที่ใช้แทรปบาร์ (เรียกอีกอย่างว่าบาร์หกเหลี่ยม) แทนบาร์เบลแบบดั้งเดิม แทรปบาร์เป็นบาร์รูปหกเหลี่ยมที่มีด้ามจับอยู่ด้านในแทนที่จะเป็นด้านนอก การออกแบบนี้ช่วยให้จับได้สบาย..มากขึ้น ซึ่งช่วยลดความเครียดที่ไหล่และข้อมือได้ 2. เดดลิฟต์แบบแทรปบาร์โดยทั่วไปจะช่วยให้สะโพกและขาเคลื่อนไหวได้มากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้กล้ามเนื้อสี่หัวเข่าและก้นทำงานมากขึ้น ซึ่งทำให้เป็นท่าออกกำลังกายที่ดีสำหรับนักกีฬาหรือผู้ที่ต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพการเล่นกีฬา 3. เดดลิฟต์แบบแทรปบาร์จะสร้างแรงกดดันที่หลังส่วนล่างน้อยกว่าเดดลิฟต์แบบบาร์เบลแบบดั้งเดิม ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บและทำให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นสามารถออกกำลังกายได้ โดยรวมแล้ว...ทั้งท่าเดดลิฟต์แบบแทรปบาร์และเดดลิฟต์แบบบาร์เบลเป็นท่าออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสร้างความแข็งแรงและกล้ามเนื้อ การเลือกใช้ท่าทั้งสองแบบจะขึ้นอยู่กับเป้าหมาย ความชอบ และข้อจำกัดหรืออาการบาดเจ็บของท่าน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • 21/3/68

    ทุกท่านรู้ไหมว่าในแต่ละภาพมีความหมายถ้าอยากรู้ลองแตะเข้าไปดูสิค่ะ

    1.การกินน้อย
    คือการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุด

    2.การเดิน
    คือการออกกำลังกายที่ดีที่สุด

    3.ความสุข
    คือวิตามินเสริมที่ดีที่สุด

    4.การหายใจลึก
    คือวิธีคลายเครียดที่ดีที่สุด

    5.น้ำเปล่า
    คือเครื่องดื่มที่ดีที่สุด

    6.แสงแดด
    คือพลังงานที่ดีที่สุด

    7.การนอนหลับ
    คือการฟื้นฟูที่ดีที่สุด

    8.รอยยิ้ม
    คือภาษาที่ดีที่สุด

    #ขอบคุณเจ้าของภาพ
    21/3/68 ทุกท่านรู้ไหมว่าในแต่ละภาพมีความหมายถ้าอยากรู้ลองแตะเข้าไปดูสิค่ะ 1.การกินน้อย คือการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุด 2.การเดิน คือการออกกำลังกายที่ดีที่สุด 3.ความสุข คือวิตามินเสริมที่ดีที่สุด 4.การหายใจลึก คือวิธีคลายเครียดที่ดีที่สุด 5.น้ำเปล่า คือเครื่องดื่มที่ดีที่สุด 6.แสงแดด คือพลังงานที่ดีที่สุด 7.การนอนหลับ คือการฟื้นฟูที่ดีที่สุด 8.รอยยิ้ม คือภาษาที่ดีที่สุด #ขอบคุณเจ้าของภาพ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 226 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถานีออกกำลังกาย (SMITH MACHINE)
    --------------------------------------------
    คือ ศูนย์รวมเครื่องมือสำหรับออกกำลังกายในกีฬาเพาะกล้าม ที่สามารถติดตั้ง(เพิ่มเติม) ดัดแปลง แก้ไข อยู่ในสถานี..ได้ อย่างไม่มีขีดจำกัด
    แต่..จะติดตั้งในอาคาร ได้ หรือ ไม่ได้
    นี่แหละ..คือ ข้อแรก สำหรับการพิจารณา
    ขนาดมาตรฐาน = ความกว้าง 4 ฟุต ความลึก 6 ฟุต และสูง 7 ฟุต
    ซื้อเค้า(ครบชุด)..ราคาหลายแสนบาท สร้างเองได้ง่ายๆ ราคาไม่แพง
    สถานีออกกำลังกาย (SMITH MACHINE) -------------------------------------------- คือ ศูนย์รวมเครื่องมือสำหรับออกกำลังกายในกีฬาเพาะกล้าม ที่สามารถติดตั้ง(เพิ่มเติม) ดัดแปลง แก้ไข อยู่ในสถานี..ได้ อย่างไม่มีขีดจำกัด แต่..จะติดตั้งในอาคาร ได้ หรือ ไม่ได้ นี่แหละ..คือ ข้อแรก สำหรับการพิจารณา ขนาดมาตรฐาน = ความกว้าง 4 ฟุต ความลึก 6 ฟุต และสูง 7 ฟุต ซื้อเค้า(ครบชุด)..ราคาหลายแสนบาท สร้างเองได้ง่ายๆ ราคาไม่แพง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 0 รีวิว
  • 17/3/68

    @Kittisuk iPhone
    ส่งไปให้ลูกดูนะ

    หมอได้ผ่าศพคนอายุ 90-103 ปีที่ตายธรรมชาติ

    พบว่าแต่ละคนล้วนมีเซลล์มะเร็งอยู่
    บางคนมีหลายแห่งด้วย
    แต่
    ทำไมพวกเขาจึงไม่มีอาการ

    เขาเชื่อว่า

    มันสงบอยู่ในระยะฟักตัว
    หรือ จำศีล
    ถ้ามีสิ่งที่มีปลุกหรือกระตุ้นให้ตื่น จึงจะเจริญเติบโต


    วงการแพทย์ปัจจุบัน
    กำลังพยายามหาวิธีทำให้เซลล์มะเร็งสงบอยู่ได้ตลอดไป
    เชื่อว่า
    อาหารที่ทำให้เซลล์มะเร็งสงบได้แก่

    1. ขมิ้น
    (สารที่เชื่อว่าต้านมะเร็ง
    คือ curcumin)
    2. พริก (capsaicin)
    3. ขิง (curcumin)
    4. ชาเขียว (catechin)
    5. ถั่วเหลือง (isoflavones)
    6. มะเขือเทศ (lycopene)
    7. องุ่น (resveratrol)y
    8. กระเทียม (sulfides)

    “10 อันดับอาหาร
    ที่กระตุ้นให้เซลล์มะเร็งฟื้น”
    คือ
    1. แฮมเบอร์เกอร์ ของทอด,
    โค้ก (Hamburger Fries
    + Cola)
    2. ข้าวซี่โครงหมูตุ๋น +
    ชาไข่มุก (Pork ribs rice
    + Zhen milk)
    3. เกี๊ยวซ่า + นมถั่วเหลือง
    (Pot Sticker + Soy Milk)
    4. สปาร์เก็ตตี้อิตาเลียน +
    ซุปเมอแรงค์ ((Grilled
    Italian noodles) +
    meringue soup)
    5. ไก่ทอดเกาหลีกับเบียร์
    (Korean fried chicken
    + beer)
    6. ข้าวผัด + ซุปกงเหมา
    (Fried rice + Gongmao
    soup)
    7. ราเมง + ครีมแข็ง (Ramen
    + Frost Cream)
    8. ข้าวหน้าหมูตุ๋น +
    ซุปลูกชิ้นปลา (Braised
    Pork Rice + Fish Ball
    Soup)
    9. ก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น +
    กะหล่ำปลีดอง (Braised
    beef noodles +
    sauerkraut)
    10. หมูทอด + โอเด้ง (Fried meat round + Oden boiled)

    ส่วนอาหารที่ต้านพิษ
    ได้แก่
    1. มันหวาน (Sweet potato)
    2. ถั่วเขียว (Mung beans)
    3. ข้าวโอ๊ต (Oats)
    4. เม็ดบัว (Huanren)
    5. เซียวหมี่ (Xiaomi)
    6. ข้าวกล้อง (Brown rice)
    7. ถั่วแดง (Red Beans)
    8. แครอท (Carrots)
    9. แยม (Yam)
    10. หญ้าเจ้าชู้ (Burdock)
    11. หน่อไม้ฝรั่ง (Asparagus)
    12. หัวหอม (Onions)
    13. รากบัว (Lotus root)
    14. หัวไชเท้า (White radish)
    15. โกฐจุฬาลัมพา (Artemisia
    halodendron)
    16. ใบของมันหวาน (Sweet
    potato leaves)
    17. ใบหัวไชเท้า (Radish
    leaves)
    18. ชวานชี (Chuanqi)
    19. โยเกิร์ต (Yogurt)
    20. น้ำส้มสายชู (Vinegart)

    "You are what You eat"
    คุณ กินอะไรเข้าไป
    คุณก็จะเป็นอย่างนั้น

    Don’t no who wrote but I do
    ไม่รู้ใครเขียนแต่ผมทำตาม...

    ด่วน...
    เส้นเลือด "ตีบ" ในสมอง
    เกิดขึ้นทุก 4 นาที
    ทำไมตรวจหาสาเหตุไม่เจอ แล้วจะมีวิธีป้องกันได้อย่างไร ?

    ทุกวันนี้ ผมเจอคนป่วยเส้นเลือดตีบทุกวัน
    ตั้งแต่อายุ 13 ปี ยัน 95 ปี
    มันเกิดอะไรขึ้น
    ความพิการจะหยุดได้
    หรือไม่ได้...

    ถ้าสำหรับผม ผมตอบได้เลยว่า
    "หยุดได้"

    เส้นเลือดตีบในสมอง
    เกิดขึ้นทุก 4 นาที
    ปีละเป็นแสนคน
    ดารานักแสดง.. คนรวย.. คนจน.... ก็ไม่เว้น
    จนเป็นเรื่องน่าวิตกมาก

    วันนี้การแพทย์สหรัฐ
    ยังบอกเลยว่า
    มันยากมากที่สุด

    การรักษาคนป่วยเหล่านี้
    แทบจะเลือนลาง
    เสียงบประมาณมากมาย
    กับคนป่วยเหล่านี้...

    อาการเส้นเลือดตีบ
    เป็นอย่างไร ?

    เส้นเลือดตีบ
    อาการที่ส่งสัญญาณ คือ.-
    1. อาการมึนหัว
    2. อาการบ้านหมุน
    3. อาจมีอาการอาเจียนร่วม
    4. อาการร่วม-อ่อนแรงที่แขน
    5. อาการร่วม-อ่อนแรงที่ขา
    6. มีกลุ่มก้อนแข็งอุดตาม คอ
    บ่า ไหล่
    อาจส่งสัญญาณปวด

    จากพฤติกรรมที่ทำ คือ.-
    1. พักผ่อนน้อย
    2. ดื่มน้ำน้อย
    3. นอนดึก
    4. ดื่มน้ำเย็นเป็นประจำ
    5. ชอบทานอาหารมันๆ
    6. ชอบดื่มเหล้า สูบบุหรี่
    7. ขาดการออกกำลังกาย
    8. ไม่เคยปรับสมดุล ดูแล
    ระบบหลอดเลือด และ
    การไหลเวียนให้สมดุล
    9. นั่งนาน
    10. ยืนนาน
    11. ทำงานหนัก
    12. ชอบดื่มน้ำอัดลม เป็นต้น

    ภาวะเส้นเลือดตีบในสมอง
    ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค
    แต่เกิดจากพฤติกรรม
    ที่สะสมมานาน
    ไม่ต่ำกว่า 4-5 ปี
    การอุดตันในเส้นเลือด
    ถึงจะเกิดขึ้นได้
    การรักษาฟื้นฟู
    สามารถทำได้
    แต่ต้องใช้ระยะเวลา..
    นาน.. ไม่ต่ำกว่า 5 ปี

    คนที่เป็น
    มีอาการก่อนเส้นเลือดจะตีบตัน
    สามารถรักษาได้
    ใช้ระยะเวลาไม่เกิด 3-6 เดือน

    อาการเส้นเลือดตีบในสมองถึงจะไม่เกิดขึ้น
    แต่ถ้ายังกลับไปทำพฤติกรรมเดิมๆ ก็อาจกลับมาได้อีก เพราะเส้นเลือดตีบในสมอง

    “เกิดจากพฤติกรรม
    ในการดำเนินชีวิต…..

    ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค“

    เอาละครับ
    คิดว่าข้อมูลเล็กๆน้อยๆ
    คงช่วยให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงได้
    ห่างไกลความพิการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

    อนุญาตให้แชร์ข้อมูลได้ครับ
    เพื่อเป็นวิทยาทาน...
    17/3/68 @Kittisuk iPhone ส่งไปให้ลูกดูนะ หมอได้ผ่าศพคนอายุ 90-103 ปีที่ตายธรรมชาติ พบว่าแต่ละคนล้วนมีเซลล์มะเร็งอยู่ บางคนมีหลายแห่งด้วย แต่ ทำไมพวกเขาจึงไม่มีอาการ เขาเชื่อว่า มันสงบอยู่ในระยะฟักตัว หรือ จำศีล ถ้ามีสิ่งที่มีปลุกหรือกระตุ้นให้ตื่น จึงจะเจริญเติบโต วงการแพทย์ปัจจุบัน กำลังพยายามหาวิธีทำให้เซลล์มะเร็งสงบอยู่ได้ตลอดไป เชื่อว่า อาหารที่ทำให้เซลล์มะเร็งสงบได้แก่ 1. ขมิ้น (สารที่เชื่อว่าต้านมะเร็ง คือ curcumin) 2. พริก (capsaicin) 3. ขิง (curcumin) 4. ชาเขียว (catechin) 5. ถั่วเหลือง (isoflavones) 6. มะเขือเทศ (lycopene) 7. องุ่น (resveratrol)y 8. กระเทียม (sulfides) “10 อันดับอาหาร ที่กระตุ้นให้เซลล์มะเร็งฟื้น” คือ 1. แฮมเบอร์เกอร์ ของทอด, โค้ก (Hamburger Fries + Cola) 2. ข้าวซี่โครงหมูตุ๋น + ชาไข่มุก (Pork ribs rice + Zhen milk) 3. เกี๊ยวซ่า + นมถั่วเหลือง (Pot Sticker + Soy Milk) 4. สปาร์เก็ตตี้อิตาเลียน + ซุปเมอแรงค์ ((Grilled Italian noodles) + meringue soup) 5. ไก่ทอดเกาหลีกับเบียร์ (Korean fried chicken + beer) 6. ข้าวผัด + ซุปกงเหมา (Fried rice + Gongmao soup) 7. ราเมง + ครีมแข็ง (Ramen + Frost Cream) 8. ข้าวหน้าหมูตุ๋น + ซุปลูกชิ้นปลา (Braised Pork Rice + Fish Ball Soup) 9. ก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น + กะหล่ำปลีดอง (Braised beef noodles + sauerkraut) 10. หมูทอด + โอเด้ง (Fried meat round + Oden boiled) ส่วนอาหารที่ต้านพิษ ได้แก่ 1. มันหวาน (Sweet potato) 2. ถั่วเขียว (Mung beans) 3. ข้าวโอ๊ต (Oats) 4. เม็ดบัว (Huanren) 5. เซียวหมี่ (Xiaomi) 6. ข้าวกล้อง (Brown rice) 7. ถั่วแดง (Red Beans) 8. แครอท (Carrots) 9. แยม (Yam) 10. หญ้าเจ้าชู้ (Burdock) 11. หน่อไม้ฝรั่ง (Asparagus) 12. หัวหอม (Onions) 13. รากบัว (Lotus root) 14. หัวไชเท้า (White radish) 15. โกฐจุฬาลัมพา (Artemisia halodendron) 16. ใบของมันหวาน (Sweet potato leaves) 17. ใบหัวไชเท้า (Radish leaves) 18. ชวานชี (Chuanqi) 19. โยเกิร์ต (Yogurt) 20. น้ำส้มสายชู (Vinegart) "You are what You eat" คุณ กินอะไรเข้าไป คุณก็จะเป็นอย่างนั้น Don’t no who wrote but I do ไม่รู้ใครเขียนแต่ผมทำตาม... ด่วน... เส้นเลือด "ตีบ" ในสมอง เกิดขึ้นทุก 4 นาที ทำไมตรวจหาสาเหตุไม่เจอ แล้วจะมีวิธีป้องกันได้อย่างไร ? ทุกวันนี้ ผมเจอคนป่วยเส้นเลือดตีบทุกวัน ตั้งแต่อายุ 13 ปี ยัน 95 ปี มันเกิดอะไรขึ้น ความพิการจะหยุดได้ หรือไม่ได้... ถ้าสำหรับผม ผมตอบได้เลยว่า "หยุดได้" เส้นเลือดตีบในสมอง เกิดขึ้นทุก 4 นาที ปีละเป็นแสนคน ดารานักแสดง.. คนรวย.. คนจน.... ก็ไม่เว้น จนเป็นเรื่องน่าวิตกมาก วันนี้การแพทย์สหรัฐ ยังบอกเลยว่า มันยากมากที่สุด การรักษาคนป่วยเหล่านี้ แทบจะเลือนลาง เสียงบประมาณมากมาย กับคนป่วยเหล่านี้... อาการเส้นเลือดตีบ เป็นอย่างไร ? เส้นเลือดตีบ อาการที่ส่งสัญญาณ คือ.- 1. อาการมึนหัว 2. อาการบ้านหมุน 3. อาจมีอาการอาเจียนร่วม 4. อาการร่วม-อ่อนแรงที่แขน 5. อาการร่วม-อ่อนแรงที่ขา 6. มีกลุ่มก้อนแข็งอุดตาม คอ บ่า ไหล่ อาจส่งสัญญาณปวด จากพฤติกรรมที่ทำ คือ.- 1. พักผ่อนน้อย 2. ดื่มน้ำน้อย 3. นอนดึก 4. ดื่มน้ำเย็นเป็นประจำ 5. ชอบทานอาหารมันๆ 6. ชอบดื่มเหล้า สูบบุหรี่ 7. ขาดการออกกำลังกาย 8. ไม่เคยปรับสมดุล ดูแล ระบบหลอดเลือด และ การไหลเวียนให้สมดุล 9. นั่งนาน 10. ยืนนาน 11. ทำงานหนัก 12. ชอบดื่มน้ำอัดลม เป็นต้น ภาวะเส้นเลือดตีบในสมอง ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค แต่เกิดจากพฤติกรรม ที่สะสมมานาน ไม่ต่ำกว่า 4-5 ปี การอุดตันในเส้นเลือด ถึงจะเกิดขึ้นได้ การรักษาฟื้นฟู สามารถทำได้ แต่ต้องใช้ระยะเวลา.. นาน.. ไม่ต่ำกว่า 5 ปี คนที่เป็น มีอาการก่อนเส้นเลือดจะตีบตัน สามารถรักษาได้ ใช้ระยะเวลาไม่เกิด 3-6 เดือน อาการเส้นเลือดตีบในสมองถึงจะไม่เกิดขึ้น แต่ถ้ายังกลับไปทำพฤติกรรมเดิมๆ ก็อาจกลับมาได้อีก เพราะเส้นเลือดตีบในสมอง “เกิดจากพฤติกรรม ในการดำเนินชีวิต….. ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค“ เอาละครับ คิดว่าข้อมูลเล็กๆน้อยๆ คงช่วยให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงได้ ห่างไกลความพิการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อนุญาตให้แชร์ข้อมูลได้ครับ เพื่อเป็นวิทยาทาน...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 736 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อยู่ 100 ปี อย่างมีความสุข"
    ผมอยู่ได้ คุณก็อยู่ได้ The Rhythm of my Life โดย นพ.เฉก ธนะสิริ

    เคล็ดลับความสุขของผม คือ การมีครอบครัวอบอุ่น มีกินมีใช้อย่างพอเพียง และต้องดูแลการกินอยู่ของเราให้ดี ต้องกินผัก ผลไม้เยอะๆ ลดเนื้อสัตว์และอาหารพวกไขมัน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและทำจิตใจให้สงบ สิ่งเหล่านี้ คือ กุญแจที่ทำให้สุขภาพแข็งแรง และนำมาซึ่งความสุขในวัยสูงอายุ

    ผมมีหลัก 9 อ. ที่เคยเขียนไว้ในหนังสือ "ทำอย่างไรจะชะลอความชราและปราศจากโรค" ไว้ว่า

    1. อนาคต
    ซึ่งเราต้องตั้งใจให้แน่วแน่ว่า จะต้องมีอายุยืนยาวอย่างแข็งแรง

    2. อนามัย
    เราต้องดูแลสุขภาพอนามัยของตัวเอง ด้วยการตรวจโรค ตรวจเลือดปีละ 1-2 ครั้ง เป็นประจำทุกปี

    3. อารมณ์
    ซึ่งสำคัญมาก ควรทำอารมณ์ให้เป็นปกติ ให้มีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์น้อยที่สุด

    4. ออกกำลังกาย
    จะต้องพอเพียงอย่างน้อยวันละ 30 นาที และทำ 4-6 วัน ต่อสัปดาห์ และเลือกชนิดของการออกกำลังกาย ให้เหมาะกับวัยและน้ำหนักตัว

    5. อาหาร
    อาหารที่เหมาะสมกับคนทุกเพศทุกวัย ก็คือ พืชผัก ผลไม้ ถั่วและเมล็ดพืช เช่น เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง และที่ต้องระวัง อย่ากินพวกที่มีไขมัน น้ำตาล พวกเนื้อสัตว์สี่เท้ามากนัก ต้องเคี้ยวให้ละเอียด ไม่ดื่มน้ำระหว่างกินอาหาร งดดื่มน้ำอัดลม แอลกอฮอล์ ชา น้ำหวานได้ยิ่งดี

    6. อากาศ
    ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย คือ ออกซิเจน และโอโซน คนในเมืองก็ควรหาโอกาสไปพักผ่อนตามสถานที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ เช่น ชายทะเล ป่าเขา เป็นต้น

    7. อาทิตย์ หมายถึง แสงอาทิตย์ ร่างกายเราควรจะได้รับแสงอาทิตย์ ตั้งแต่ตะวันขึ้นไปจนถึงประมาณ 10.00 น. และหลัง 16.00 น. จนตะวันตกดิน เพราะแสงอาทิตย์ในเวลาเหล่านี้ มีรังสีอยู่หลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย

    8. อดิเรก
    ควรหางานอดิเรกทำ เพราะคนที่อยู่ในวัยสูงอายุมักจะมีเวลาว่างเหลือเฟือ เมื่อใดที่ว่างก็จะรู้สึกเหงา และมักคิดว่าตัวเองหมดคุณค่า ควรระวังอย่าให้ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นเป็นอันขาด

    9. อบอุ่น
    พยายามสร้างความอบอุ่นขึ้นในครอบครัวของตนเองก่อน และเผื่อแผ่ไปยังครอบครัวของลูก และหลาน เหลน แล้วสุขภาพจิตของเราจะสดชื่น

    9 อ. ทั้งหมดนี้ ผมกำหนดขึ้นมา ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติง่ายๆ แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น คือ การย้ำคิดย้ำทำอยู่เสมอว่า ความตั้งใจเรา คือ อะไร ซึ่งความปรารถนาของผมก็คือ ตั้งใจจะมีชีวิตยืนยาวอย่างสดชื่น ปราศจากโรคภัยไปจนอายุ 120 ปี

    ขณะนี้ ผมได้บริจาคดวงตาให้กับสภากาชาดไทย และบริจาคร่างกายให้ ร.พ.ศิริราช เรียบร้อยแล้ว ถ้าหากวันไหนผมเสียชีวิต ก็ลองเอาไปผ่าดูซิว่า ส่วนไหนของร่างกายที่มันชำรุดไปบ้าง สภาพร่างกายผมมันเป็นยังไง ถ้ามันยังอยู่ในเกณฑ์ดี ก็อยากจะให้นำแนวคิด การใช้ชีวิตของผมไปปฏิบัติกันดูบ้าง จะได้ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมากล้ำกราย และจะได้มีอายุยืนยาว

    และที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้ คือ ที่มาของการตั้งเป้าชีวิตของผมที่บอกว่า ผมจะอยู่ให้ได้จนถึงอายุ 120 ปี แล้วค่อยตาย

    Cr : เคล็ดลับอายุยืน หมอเฉก ธนะสิริ

    ภาพ: ปี 2564 (internet)

    ปัจจุบันคุณหมอเฉกอายุ 99 ปีค่ะ

    Cr.FB: โต๊ะป้าศรี CH Table
    "อยู่ 100 ปี อย่างมีความสุข" ผมอยู่ได้ คุณก็อยู่ได้ The Rhythm of my Life โดย นพ.เฉก ธนะสิริ เคล็ดลับความสุขของผม คือ การมีครอบครัวอบอุ่น มีกินมีใช้อย่างพอเพียง และต้องดูแลการกินอยู่ของเราให้ดี ต้องกินผัก ผลไม้เยอะๆ ลดเนื้อสัตว์และอาหารพวกไขมัน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและทำจิตใจให้สงบ สิ่งเหล่านี้ คือ กุญแจที่ทำให้สุขภาพแข็งแรง และนำมาซึ่งความสุขในวัยสูงอายุ ผมมีหลัก 9 อ. ที่เคยเขียนไว้ในหนังสือ "ทำอย่างไรจะชะลอความชราและปราศจากโรค" ไว้ว่า 1. อนาคต ซึ่งเราต้องตั้งใจให้แน่วแน่ว่า จะต้องมีอายุยืนยาวอย่างแข็งแรง 2. อนามัย เราต้องดูแลสุขภาพอนามัยของตัวเอง ด้วยการตรวจโรค ตรวจเลือดปีละ 1-2 ครั้ง เป็นประจำทุกปี 3. อารมณ์ ซึ่งสำคัญมาก ควรทำอารมณ์ให้เป็นปกติ ให้มีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์น้อยที่สุด 4. ออกกำลังกาย จะต้องพอเพียงอย่างน้อยวันละ 30 นาที และทำ 4-6 วัน ต่อสัปดาห์ และเลือกชนิดของการออกกำลังกาย ให้เหมาะกับวัยและน้ำหนักตัว 5. อาหาร อาหารที่เหมาะสมกับคนทุกเพศทุกวัย ก็คือ พืชผัก ผลไม้ ถั่วและเมล็ดพืช เช่น เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง และที่ต้องระวัง อย่ากินพวกที่มีไขมัน น้ำตาล พวกเนื้อสัตว์สี่เท้ามากนัก ต้องเคี้ยวให้ละเอียด ไม่ดื่มน้ำระหว่างกินอาหาร งดดื่มน้ำอัดลม แอลกอฮอล์ ชา น้ำหวานได้ยิ่งดี 6. อากาศ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย คือ ออกซิเจน และโอโซน คนในเมืองก็ควรหาโอกาสไปพักผ่อนตามสถานที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ เช่น ชายทะเล ป่าเขา เป็นต้น 7. อาทิตย์ หมายถึง แสงอาทิตย์ ร่างกายเราควรจะได้รับแสงอาทิตย์ ตั้งแต่ตะวันขึ้นไปจนถึงประมาณ 10.00 น. และหลัง 16.00 น. จนตะวันตกดิน เพราะแสงอาทิตย์ในเวลาเหล่านี้ มีรังสีอยู่หลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย 8. อดิเรก ควรหางานอดิเรกทำ เพราะคนที่อยู่ในวัยสูงอายุมักจะมีเวลาว่างเหลือเฟือ เมื่อใดที่ว่างก็จะรู้สึกเหงา และมักคิดว่าตัวเองหมดคุณค่า ควรระวังอย่าให้ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นเป็นอันขาด 9. อบอุ่น พยายามสร้างความอบอุ่นขึ้นในครอบครัวของตนเองก่อน และเผื่อแผ่ไปยังครอบครัวของลูก และหลาน เหลน แล้วสุขภาพจิตของเราจะสดชื่น 9 อ. ทั้งหมดนี้ ผมกำหนดขึ้นมา ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติง่ายๆ แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น คือ การย้ำคิดย้ำทำอยู่เสมอว่า ความตั้งใจเรา คือ อะไร ซึ่งความปรารถนาของผมก็คือ ตั้งใจจะมีชีวิตยืนยาวอย่างสดชื่น ปราศจากโรคภัยไปจนอายุ 120 ปี ขณะนี้ ผมได้บริจาคดวงตาให้กับสภากาชาดไทย และบริจาคร่างกายให้ ร.พ.ศิริราช เรียบร้อยแล้ว ถ้าหากวันไหนผมเสียชีวิต ก็ลองเอาไปผ่าดูซิว่า ส่วนไหนของร่างกายที่มันชำรุดไปบ้าง สภาพร่างกายผมมันเป็นยังไง ถ้ามันยังอยู่ในเกณฑ์ดี ก็อยากจะให้นำแนวคิด การใช้ชีวิตของผมไปปฏิบัติกันดูบ้าง จะได้ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมากล้ำกราย และจะได้มีอายุยืนยาว และที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้ คือ ที่มาของการตั้งเป้าชีวิตของผมที่บอกว่า ผมจะอยู่ให้ได้จนถึงอายุ 120 ปี แล้วค่อยตาย Cr : เคล็ดลับอายุยืน หมอเฉก ธนะสิริ ภาพ: ปี 2564 (internet) ปัจจุบันคุณหมอเฉกอายุ 99 ปีค่ะ Cr.FB: โต๊ะป้าศรี CH Table
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 498 มุมมอง 0 รีวิว
  • กล้ามเนื้อนั้นสำคัญต่อการชะลอโรค ชะลอวัย อย่างแท้จริง !

    Skeletal muscle works as an endocrine organ, which can produce and secrete hundreds of "Myokines" in respone to "Exercise" that exert their effects in either autocrine, paracrine, or endocrine manners.

    กล้ามเนื้อ เป็นองค์ประกอบโครงสร้างของร่างกาย เซลล์กล้ามเนื้อยังสร้างสารออกฤทธิ์ที่ทำหน้าที่คล้ายฮอร์โมน เรียกว่า " ไมโอคายน์ (Myokines) ที่มีผลต่อทุก ๆ อวัยวะในร่างกาย

    Myokines เหล่านี้ จะเกิดขึ้นเมื่อเราออกกำลังกาย ทั้งในช่วงที่เริ่มออก และ การออกต่อเนื่องสม่ำเสมอ

    ไมโอคายน์ ส่งผลดีต่อร่างกายในทุกระบบ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า (ตามรูปประกอบโพสต์) ดังนั้น การกระตุ้นกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกายสม่ำเสมอจึงช่วย ชะลอโรค และ ชะลอวัย ได้นั่นเอง

    อ้างอิง : Muscle–Organ Crosstalk: The Emerging Roles of Myokines.Endocr Rev. 2020 Aug 1;41(4):594–609.
    กล้ามเนื้อนั้นสำคัญต่อการชะลอโรค ชะลอวัย อย่างแท้จริง ! Skeletal muscle works as an endocrine organ, which can produce and secrete hundreds of "Myokines" in respone to "Exercise" that exert their effects in either autocrine, paracrine, or endocrine manners. กล้ามเนื้อ เป็นองค์ประกอบโครงสร้างของร่างกาย เซลล์กล้ามเนื้อยังสร้างสารออกฤทธิ์ที่ทำหน้าที่คล้ายฮอร์โมน เรียกว่า " ไมโอคายน์ (Myokines) ที่มีผลต่อทุก ๆ อวัยวะในร่างกาย Myokines เหล่านี้ จะเกิดขึ้นเมื่อเราออกกำลังกาย ทั้งในช่วงที่เริ่มออก และ การออกต่อเนื่องสม่ำเสมอ ไมโอคายน์ ส่งผลดีต่อร่างกายในทุกระบบ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า (ตามรูปประกอบโพสต์) ดังนั้น การกระตุ้นกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกายสม่ำเสมอจึงช่วย ชะลอโรค และ ชะลอวัย ได้นั่นเอง อ้างอิง : Muscle–Organ Crosstalk: The Emerging Roles of Myokines.Endocr Rev. 2020 Aug 1;41(4):594–609.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • Empirical Health เปิดบริการใหม่ซึ่งเป็นการผสมผสานข้อมูลด้านสุขภาพจากสมาร์ทวอทช์และผลตรวจเลือด เพื่อสร้าง "คะแนนสุขภาพ" ที่ครอบคลุมและลึกซึ้งยิ่งขึ้น

    Empirical Health Radar สามารถรวบรวมข้อมูลชีวภาพ (biomarkers) มากกว่า 40 ชนิดจากสมาร์ทวอทช์ เช่น Apple Watch หรืออุปกรณ์ Wear OS แล้วนำข้อมูลเหล่านี้มาประมวลผลร่วมกับผลการตรวจเลือด เพื่อวิเคราะห์สุขภาพใน 6 ด้านสำคัญ ได้แก่ หัวใจ การนอนหลับ การออกกำลังกาย สุขภาพจิต ปอด และไต/ตับ โดยแอปพลิเคชันนี้มีเป้าหมายที่จะเสริมความสามารถของสมาร์ทวอทช์ในการติดตามสุขภาพ ให้ครอบคลุมในจุดที่อุปกรณ์เหล่านี้ยังไม่สามารถทำได้

    ที่สำคัญคือ ระบบนี้ออกแบบมาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เช่น Dr. Raquel Rodriguez โดยยึดมาตรฐานจากองค์กรทางการแพทย์ชั้นนำอย่าง American Heart Association และ American College of Cardiology เพื่อความแม่นยำและน่าเชื่อถือ

    นอกจากการวัดค่าทั่วไปอย่างอัตราการเต้นของหัวใจหรือความดันโลหิต ระบบยังมีฟีเจอร์ให้ผู้ใช้สามารถอัพโหลดผลตรวจเลือดที่มีอยู่แล้ว หรือจองการตรวจเลือดใหม่ผ่านแอปในราคา $97 รวมถึงสามารถใช้ได้แม้ไม่มีผลตรวจเลือดล่าสุด แต่จะได้คะแนนสุขภาพแบบบางส่วน

    https://www.techradar.com/health-fitness/this-new-health-protocol-combines-40-smartwatch-biomarkers-and-blood-tests-to-give-you-a-health-score
    Empirical Health เปิดบริการใหม่ซึ่งเป็นการผสมผสานข้อมูลด้านสุขภาพจากสมาร์ทวอทช์และผลตรวจเลือด เพื่อสร้าง "คะแนนสุขภาพ" ที่ครอบคลุมและลึกซึ้งยิ่งขึ้น Empirical Health Radar สามารถรวบรวมข้อมูลชีวภาพ (biomarkers) มากกว่า 40 ชนิดจากสมาร์ทวอทช์ เช่น Apple Watch หรืออุปกรณ์ Wear OS แล้วนำข้อมูลเหล่านี้มาประมวลผลร่วมกับผลการตรวจเลือด เพื่อวิเคราะห์สุขภาพใน 6 ด้านสำคัญ ได้แก่ หัวใจ การนอนหลับ การออกกำลังกาย สุขภาพจิต ปอด และไต/ตับ โดยแอปพลิเคชันนี้มีเป้าหมายที่จะเสริมความสามารถของสมาร์ทวอทช์ในการติดตามสุขภาพ ให้ครอบคลุมในจุดที่อุปกรณ์เหล่านี้ยังไม่สามารถทำได้ ที่สำคัญคือ ระบบนี้ออกแบบมาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เช่น Dr. Raquel Rodriguez โดยยึดมาตรฐานจากองค์กรทางการแพทย์ชั้นนำอย่าง American Heart Association และ American College of Cardiology เพื่อความแม่นยำและน่าเชื่อถือ นอกจากการวัดค่าทั่วไปอย่างอัตราการเต้นของหัวใจหรือความดันโลหิต ระบบยังมีฟีเจอร์ให้ผู้ใช้สามารถอัพโหลดผลตรวจเลือดที่มีอยู่แล้ว หรือจองการตรวจเลือดใหม่ผ่านแอปในราคา $97 รวมถึงสามารถใช้ได้แม้ไม่มีผลตรวจเลือดล่าสุด แต่จะได้คะแนนสุขภาพแบบบางส่วน https://www.techradar.com/health-fitness/this-new-health-protocol-combines-40-smartwatch-biomarkers-and-blood-tests-to-give-you-a-health-score
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 382 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✴️️การทานคอลลาเจนอย่างไร❓️
    ✅️✅️ให้เห็นผลเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด✴️

    ➡️คอลลาเจนเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยบำรุงผิว ผม เล็บ ข้อต่อ และสุขภาพโดยรวม แต่การทานคอลลาเจนให้ได้ผลดีที่สุดต้องมีเทคนิคที่เหมาะสม
    ➡️1. เลือกประเภทคอลลาเจนที่ดูดซึมได้ดีที่สุด

    คอลลาเจนมีหลายประเภท แต่ที่นิยมใช้เพื่อความงามคือ
    ✅ คอลลาเจนไตรเปปไทด์ (Tripeptide Collagen) – โมเลกุลเล็ก ดูดซึมได้ดีที่สุด
    ✅ คอลลาเจนเปปไทด์ (Collagen Peptide) – ย่อยง่าย ร่างกายนำไปใช้ได้เร็ว
    ✅ คอลลาเจน Type 1 และ Type 3 – ดีต่อผิว ผม เล็บ และข้อต่อ

    🔹 หลีกเลี่ยงคอลลาเจนโมเลกุลใหญ่ เช่น คอลลาเจนธรรมดา ที่ร่างกายดูดซึมได้น้อย

    ➡️2. ทานคอลลาเจนตอนท้องว่าง หรือก่อนนอน

    ⏰ ช่วงเวลาที่ดีที่สุด:
    ✅ ตอนเช้า (ก่อนอาหาร 30 นาที) – ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดี
    ✅ ก่อนนอน (30-60 นาที) – ช่วงเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมผิว

    🔹 ไม่ควรทานพร้อมอาหารมื้อใหญ่ เพราะอาจลดการดูดซึม

    ➡️3. ทานคู่กับวิตามินซี ช่วยเพิ่มการดูดซึม

    💊 วิตามินซี ช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์คอลลาเจนได้ดีขึ้น
    ✅ แนะนำ: ทานคอลลาเจนพร้อมน้ำส้ม มะนาว หรือวิตามินซี 500-1,000 มก.
    ❌ หลีกเลี่ยงการทานคอลลาเจนกับนม เพราะแคลเซียมอาจลดการดูดซึม

    ➡️4. ปริมาณที่แนะนำต่อวัน

    💡 5,000 - 10,000 มก. ต่อวัน

    5,000 มก. → เหมาะสำหรับการบำรุงทั่วไป

    10,000 มก. → เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวเร็ว

    ❌ ไม่ควรทานเกิน 10,000 มก./วัน เพราะร่างกายดูดซึมได้จำกัด

    ➡️5. คอลลาเจนรูปแบบไหนดีที่สุด?

    👉 แบบผงชงดื่ม – ดูดซึมเร็ว ไม่มีสารกันเสีย

    👉 แบบแคปซูล – พกพาสะดวก แต่ดูดซึมช้ากว่าแบบผง

    👉แบบเยลลี่หรือเครื่องดื่มสำเร็จรูป – ดูดซึมไว แต่บางยี่ห้อมีน้ำตาลสูง

    ➡️ 6. หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำลายคอลลาเจน

    ❌ น้ำตาลและของหวาน – ทำให้คอลลาเจนเสื่อมเร็ว
    ❌ อาหารแปรรูปและทอดกรอบ – ทำลายเซลล์ผิว
    ❌ สูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ – ลดการผลิตคอลลาเจน

    ➡️7. ใช้ชีวิตแบบช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

    ✅ ดื่มน้ำให้เพียงพอ (วันละ 2-3 ลิตร)
    ✅ ออกกำลังกาย (โยคะ/เวทเทรนนิ่งช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน)
    ✅ พักผ่อนให้เพียงพอ (นอน 7-9 ชั่วโมงต่อคืน)

    ❤️สรุปเคล็ดลับทานคอลลาเจนให้ได้ผลเร็ว

    ✅ เลือกคอลลาเจนไตรเปปไทด์หรือเปปไทด์
    ✅ ทานตอนท้องว่างหรือก่อนนอน
    ✅ ทานคู่กับวิตามินซีเพื่อเพิ่มการดูดซึม
    ✅ หลีกเลี่ยงน้ำตาล อาหารแปรรูป และแอลกอฮอล์
    ✅ ออกกำลังกายและนอนหลับให้เพียงพอ

    📌 ใช้เวลาประมาณ 4-8 สัปดาห์เพื่อเริ่มเห็นผล ผิวจะชุ่มชื้นขึ้น และริ้วรอยจางลง
    ✴️️การทานคอลลาเจนอย่างไร❓️ ✅️✅️ให้เห็นผลเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด✴️ ➡️คอลลาเจนเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยบำรุงผิว ผม เล็บ ข้อต่อ และสุขภาพโดยรวม แต่การทานคอลลาเจนให้ได้ผลดีที่สุดต้องมีเทคนิคที่เหมาะสม ➡️1. เลือกประเภทคอลลาเจนที่ดูดซึมได้ดีที่สุด คอลลาเจนมีหลายประเภท แต่ที่นิยมใช้เพื่อความงามคือ ✅ คอลลาเจนไตรเปปไทด์ (Tripeptide Collagen) – โมเลกุลเล็ก ดูดซึมได้ดีที่สุด ✅ คอลลาเจนเปปไทด์ (Collagen Peptide) – ย่อยง่าย ร่างกายนำไปใช้ได้เร็ว ✅ คอลลาเจน Type 1 และ Type 3 – ดีต่อผิว ผม เล็บ และข้อต่อ 🔹 หลีกเลี่ยงคอลลาเจนโมเลกุลใหญ่ เช่น คอลลาเจนธรรมดา ที่ร่างกายดูดซึมได้น้อย ➡️2. ทานคอลลาเจนตอนท้องว่าง หรือก่อนนอน ⏰ ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: ✅ ตอนเช้า (ก่อนอาหาร 30 นาที) – ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดี ✅ ก่อนนอน (30-60 นาที) – ช่วงเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมผิว 🔹 ไม่ควรทานพร้อมอาหารมื้อใหญ่ เพราะอาจลดการดูดซึม ➡️3. ทานคู่กับวิตามินซี ช่วยเพิ่มการดูดซึม 💊 วิตามินซี ช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์คอลลาเจนได้ดีขึ้น ✅ แนะนำ: ทานคอลลาเจนพร้อมน้ำส้ม มะนาว หรือวิตามินซี 500-1,000 มก. ❌ หลีกเลี่ยงการทานคอลลาเจนกับนม เพราะแคลเซียมอาจลดการดูดซึม ➡️4. ปริมาณที่แนะนำต่อวัน 💡 5,000 - 10,000 มก. ต่อวัน 5,000 มก. → เหมาะสำหรับการบำรุงทั่วไป 10,000 มก. → เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวเร็ว ❌ ไม่ควรทานเกิน 10,000 มก./วัน เพราะร่างกายดูดซึมได้จำกัด ➡️5. คอลลาเจนรูปแบบไหนดีที่สุด? 👉 แบบผงชงดื่ม – ดูดซึมเร็ว ไม่มีสารกันเสีย 👉 แบบแคปซูล – พกพาสะดวก แต่ดูดซึมช้ากว่าแบบผง 👉แบบเยลลี่หรือเครื่องดื่มสำเร็จรูป – ดูดซึมไว แต่บางยี่ห้อมีน้ำตาลสูง ➡️ 6. หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำลายคอลลาเจน ❌ น้ำตาลและของหวาน – ทำให้คอลลาเจนเสื่อมเร็ว ❌ อาหารแปรรูปและทอดกรอบ – ทำลายเซลล์ผิว ❌ สูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ – ลดการผลิตคอลลาเจน ➡️7. ใช้ชีวิตแบบช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ✅ ดื่มน้ำให้เพียงพอ (วันละ 2-3 ลิตร) ✅ ออกกำลังกาย (โยคะ/เวทเทรนนิ่งช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน) ✅ พักผ่อนให้เพียงพอ (นอน 7-9 ชั่วโมงต่อคืน) ❤️สรุปเคล็ดลับทานคอลลาเจนให้ได้ผลเร็ว ✅ เลือกคอลลาเจนไตรเปปไทด์หรือเปปไทด์ ✅ ทานตอนท้องว่างหรือก่อนนอน ✅ ทานคู่กับวิตามินซีเพื่อเพิ่มการดูดซึม ✅ หลีกเลี่ยงน้ำตาล อาหารแปรรูป และแอลกอฮอล์ ✅ ออกกำลังกายและนอนหลับให้เพียงพอ 📌 ใช้เวลาประมาณ 4-8 สัปดาห์เพื่อเริ่มเห็นผล ผิวจะชุ่มชื้นขึ้น และริ้วรอยจางลง
    7 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 334 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีโพสต์จากเพจเฟซบุ๊กPaisan Apacnews ของ ไพสันต์พรหมน้อย 8 มีนาคม 2568“คาสิโนเหรอ...ผมสั่งรื้อมาแล้ว โดย นาวิน ขันธหิรัญเมื่อปี 2541กระทรวงได้ย้ายผมจากนครพนมมาเป็นผู้ว่าสระแก้ว ขณะนั้นปอยเปตในฝั่งเขมรกำลังบูมการก่อสร้างเมืองขนานใหญ่มีการสร้างEntertainment Complexขนาดใหญ่ที่มีCasinoอยู่ด้วยทุกแห่งและมีนักการเมืองใหญ่ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายเขมรเป็นหุ้นส่วนและมีนายซ๊ก อาน มหาเศรษฐีชาวเขมรเป็นผู้ประสานงานเมื่อสร้างเสร็จก็มีการเชิญผู้ใหญ่ฝั่งไทยไปเยี่ยมชมและประชาสัมพันธ์ว่าสร้างขึ้น มาเพื่อรับแขกชาวไทยเป็นหลัก เพื่อเห็นแก่สัมพันธภาพผมก็ไปร่วมชมความเจริญของเพื่อนบ้าน เดินชมไปมาไปพบว่าคาสิโนแห่งหนึ่งปลูกล้ำคลองพรมแดนเข้ามาในเขตไทย ผมจึงเรียกผู้จัดการมาแจ้งให้ทราบว่าคุณสร้างคาสิโนรุกแผ่นดินไทยแล้วยื่นคำขาดให้รื้อถอนออกไป ผู้จัดการเถึยงคอเป็นเอ็นแล้วยืนยันว่าไม่มีใครรื้อได้เพราะเจ้าของใหญ่มากอยู่ในพนมเปญ ผมไม่อยากเถียงกับผู้จัดการจึงตัดบทไปว่า...ไม่เป็นไรถ้าไม่รื้อผมจะปิดพรมแดนไม่ให้คนไทยข้ามมา(ผู้ว่าสามารถเสนอรัฐบาลปิดพรมแดนได้) จากนั้นผมก็เดินทางกลับเช้าวันรุ่งขึ้น11.00น.หน้าห้องได้เข้ามารายงานว่า นายจุม คาดาล ประธานที่ปรึกษานายกฮุนเซนขอเข้าพบอะไรจะรวดเร็วขนาดนั้น ผมพูดเรื่องปิดพรมแดนไม่ถึง24ชั่วโมงประธานที่ปรึกษานายกเขมรก็ถึงตัวผมแล้วถึงตรงนี้เพื่อนๆคงรู้แล้วว่าใครเป็นเจ้าของสถานบริการครบวงจรที่ปอยเปตฝั่งเขมร แล้วฝั่งไทยล่ะ ประเดี๋ยวตัวละครจะค่อยๆโผล่ออกมาเองครับผมออกไปเชิญนายจุม คาดาล ประธานที่ปรึกษานายกด้วยตัวเองแล้วทักทายด้วยอัธยาศัยไมตรีแล้วเชิญเข้ามานั่งเจรจากันในห้องนายจุม คาดาล เล่าให้ผมฟังว่าเมื่อวานนี้เมื่อทราบข่าวว่าคาสิโนแห่งหนึ่งสร้างล้ำเข้าไปในแผ่นดินไทยท่านนายกได้สั่งการให้ผมไปดูข้อเท็จจริงและแก้ปัญหาโดยด่วน เช้านี้ผมเลยใช้ฮ.บินจากพนมเปญมาดูข้อเท็จจริงที่หน้างานพบว่าเป็นไปตามที่ท่านผู้ว่าทักท้วงจริงผมจึงนัดรถแบคโฮลเข้าพื้นที่เพื่อทำการรื้อถอนคาสิโนในส่วนที่ล้ำเข้ามาในแผ่นดินไทยและขอเชิญท่านผู้ว่าไปชี้ว่าจะให้รื้อเข้าไปแค่ไหน บ่ายวันนั้นผมและนายจุม คาดาล จึงไปควบคุมการรื้อคาสิโนเป็นที่เรียบร้อย ผมทวงแผ่นดินไทยกลับมาได้ด้วยศิลปของนักปกครองโดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อและชีวิต ซึ่งน่าจะได้รับคำชมเชยแต่มันไม่เป็นเช่นนั้นครับไม่ถึงเดือนต่อมาก็มีคำสั่งย้ายผมจากสระแก้วไปสมุทรสงครามซึ่งเป็นจังหวัดเล็กกว่าในสายตาของชาวมหาดไทยถือว่าเป็นการลงโทษผมจึงถามผู้บังคับบัญชาว่าย้ายผมทำไมครับท่านตอบว่าคุณไม่รู้หรือว่าคาสิโนนี้เป็นของใคร ท่านขอให้ย้ายคุณเป็นผู้ตรวจด้วยซ้ำ แต่ทางกระทรวงทักท้วงไว้ว่าคุณไม่ได้มีความผิดอะไร แถมยังรักษาแผ่นดินไว้ให้คนไทย เอาแค่ย้ายออกจากสระแก้วและให้ลงจังหวัดเล็กลงก็น่าจะเพียงพอสำหรับผมย้ายไปจังหวัดไหนก็ทำงานได้ทั้งนั้นจังหวัดเล็กลงยิ่งทำงานง่ายขึ้นเมื่อไปรับงานที่สมุทรสงครามผมก็ทำงานอย่างมีความสุข แต่มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งท่านข้องใจไม่หายว่าทำไมผมถูกย้ายลงจังหวัดเล็กลง ทั้งๆที่ผมไม่เคยบอกท่าน ท่านผู้นั้นคือพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ………………………..ถึงตอนนี้เพื่อนๆคงรู้แล้วว่านักการเมืองใหญ่ที่เป็นหุ้นส่วนสถานบันเทิงครบวงจรในปอยเปตนั้นคือใครถ้านึกไม่ออกผมจะบอกให้เจ้าพ่อวังน้ำเย็นไงครับและเป็นคนที่สั่งย้ายผมด้วย ..ถามว่าก่อนสั่งผมรู้ไหมว่าคาสิโนแห่งนี้เป็นของสองผู้ยิ่งใหญ่คู่นี้รู้ครับวันที่ผมสั่งผู้จัดการให้รื้ิอคาสิโนแกตกใจปากคอสั่นและยืนยีนว่ารื้อไม่ได้เป็นอันขาดเพราะเป็นของผู้ใหญ่ในพนมเปญ ซึ่งผมรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร จึงตัดบทไม่เจรจาด้วยส่วนเจ้าพ่อรู้สึกเสียฟอร์มที่คุ้มครองคาสิโนไม่ได้โดยเฉพาะกับฮุนเซนทางเดียวที่พอจะกู้หน้าได้คือเตะโด่งผู้ว่าไปให้พ้นหูพ้นตาเสียจะได้ไม่มายุ่งกับสถานบันเทิงของท่านอีกสะใจจริงๆนาวินใช้ชีวิตได้ผาดโผนน่าสนุกรื้อคาสิโนของนายกบ้าง ของเจ้าพ่อบ้างปัจจุบันรัฐบาลไทยกำลังจะสร้างสถานบันเทิงครบวงจรตามอย่างเขมร ผมอาจจะต้องออกมาช่วยพี่น้องชาวไทยรื้อคาสิโนในเมืองไทยอีกครั้งก็ได้ครับก่อนจบภาคแรกไปผมโปรยทิ้งไว้ว่า มีผู้ใหญ้ท่านหนึ่งข้องใจไม่หายว่าผมถูกย้ายเพราะอะไรท่านนั้นคือพลเอก เปรม ติณสูลานนท์เพื่อนๆคงสงสัยว่าท่านมาเกี่ยวข้องกับผมได้อย่างไรจึงขอย้อนอดีตเล็กน้อย..เมื่อปี 2530กรมย้ายผมมาเป็นนายอำเภอสามพรานโดยอธิบดีดำรง สุนทรศาลทูล เลือกเอามาเองเพราะว่าบ้านอธิบดีอยู่สามพราน เมื่อมารับงานก็พบว่าพลเอกเปรม..รัฐบุรุษท่านตีกอล์ฟอยู่ที่สนามสามพรานทุกอาทิตย์ผมเป็นเจ้าของพื้นที่จึงไปต้อนรับท่าน ปรากฏว่าท่านถูกใจอะไรไม่ทราบชวนผมไปตีกอล์ฟก๊วนเดียวกับท่าน ซึ่งปกติจะไม่มีใครมีโอกาสเข้าร่วมก๊วนเลย ท่านจะตีอยู่กับหมอประสบ รัตนากร เพื่อนท่านและนายทหารคนสนิทเท่านั้นในก๊วนไม่มีการพนันเล่นเพื่อออกกำลังกายเฉยๆ ผมเล่นก๊อล์ฟกับท่านรัฐบุรุษเป็นเวลาหลายปีจนสนิทกันเหมือนญาติผู้ใหญ่ผมได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ว่านครพนมท่านก็เดินทางไปเยี่ยมผม พอผมถูกย้ายมาสมุทรสงครามท่านก็มาอีกและบอกผู้ติดตามทั้งหลายว่าขอคุยกับท่านผู้ว่าเป็นการส่วนตัวดังภาพ...ทันทีที่อยู่กันสองต่อสองท่านก็ยิงคำถามใส่ผมทันที ...ผู้ว่าถูกย้ายเพราะไร ผมไปสั่งรื้อคาสิโนของนายกเขมรและนักการเมืองไทยที่ปลูกล้ำพรมแดนไทยครับ.,..ผมตอบ ...เอางั้นเลยเหรอ แล้วใครสั่งย้ายนักการเมืองไทยครับเขาคงเสียหน้า ท่านพยักหน้ารับทราบและดูยิ้มแย้มขี้น จากนั้นผมก็ส่งท่านขึ้นรถกลับพรัอมทั้งผมถอนหายใจใหญ่โล่งอกที่ไม่ได้ทำให้ท่านรัฐบุรุษผิดหวังท่านเป็นคนสะอาดมากนะครับและจะไม่ยอมให้คนสีเทาเข้ามาใกล้ตัว………………………..ขอคารวะคุณนาวิน ขันธหิรัญ อดีตผู้ว่าสระแก้วที่หาญกล้าทำให้ 2 มหามาเฟียทั้งไทยและเขมรยอมรื้อคาสิโนเขมรที่รุกล้ำพรมแดนไทย สุดยอดจริง ๆ ขอให้ท่านนำการรื้อในไทยอีกนะ ถ้ามาเฟียคนเดิมของเขมรและคนใหม่ไทยในก๊วนเก่าลงมือสร้างขึ้นอีก เท่าที่รวบรวมได้คุณนาวินเป็นผู้ว่าฯจ.นครพนม,จ.สระแก้ว จ.สมุทรสงคราม และเกษียณอายุราชการวันที่ 1 ตุลาคม 2547จากผู้ว่าฯจ.นครปฐม (นักปกครอง 10 ) เพราะอายุครบ 60 ปี ปัจจุบันท่านจะมีอายุ 80 ปีเศษ( บรรยายภาพ - เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน 2556 นายนาวิน ขันธหิรัญ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ให้เกียรติมาบรรยายพิเศษให้แก่นักศึกษาหลักสูตรปลัดอำเภอ รุ่นที่ 201 รุ่นที่ 202 และรุ่นที่ 203 ในหัวข้อ "ประสบการณ์นักปกครองในการแก้ไขปัญหายาเสพติด" ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 4 อาคารสำนักอธิการ วิทยาลัยการปกครอง)”
    รีโพสต์จากเพจเฟซบุ๊กPaisan Apacnews ของ ไพสันต์พรหมน้อย 8 มีนาคม 2568“คาสิโนเหรอ...ผมสั่งรื้อมาแล้ว โดย นาวิน ขันธหิรัญเมื่อปี 2541กระทรวงได้ย้ายผมจากนครพนมมาเป็นผู้ว่าสระแก้ว ขณะนั้นปอยเปตในฝั่งเขมรกำลังบูมการก่อสร้างเมืองขนานใหญ่มีการสร้างEntertainment Complexขนาดใหญ่ที่มีCasinoอยู่ด้วยทุกแห่งและมีนักการเมืองใหญ่ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายเขมรเป็นหุ้นส่วนและมีนายซ๊ก อาน มหาเศรษฐีชาวเขมรเป็นผู้ประสานงานเมื่อสร้างเสร็จก็มีการเชิญผู้ใหญ่ฝั่งไทยไปเยี่ยมชมและประชาสัมพันธ์ว่าสร้างขึ้น มาเพื่อรับแขกชาวไทยเป็นหลัก เพื่อเห็นแก่สัมพันธภาพผมก็ไปร่วมชมความเจริญของเพื่อนบ้าน เดินชมไปมาไปพบว่าคาสิโนแห่งหนึ่งปลูกล้ำคลองพรมแดนเข้ามาในเขตไทย ผมจึงเรียกผู้จัดการมาแจ้งให้ทราบว่าคุณสร้างคาสิโนรุกแผ่นดินไทยแล้วยื่นคำขาดให้รื้อถอนออกไป ผู้จัดการเถึยงคอเป็นเอ็นแล้วยืนยันว่าไม่มีใครรื้อได้เพราะเจ้าของใหญ่มากอยู่ในพนมเปญ ผมไม่อยากเถียงกับผู้จัดการจึงตัดบทไปว่า...ไม่เป็นไรถ้าไม่รื้อผมจะปิดพรมแดนไม่ให้คนไทยข้ามมา(ผู้ว่าสามารถเสนอรัฐบาลปิดพรมแดนได้) จากนั้นผมก็เดินทางกลับเช้าวันรุ่งขึ้น11.00น.หน้าห้องได้เข้ามารายงานว่า นายจุม คาดาล ประธานที่ปรึกษานายกฮุนเซนขอเข้าพบอะไรจะรวดเร็วขนาดนั้น ผมพูดเรื่องปิดพรมแดนไม่ถึง24ชั่วโมงประธานที่ปรึกษานายกเขมรก็ถึงตัวผมแล้วถึงตรงนี้เพื่อนๆคงรู้แล้วว่าใครเป็นเจ้าของสถานบริการครบวงจรที่ปอยเปตฝั่งเขมร แล้วฝั่งไทยล่ะ ประเดี๋ยวตัวละครจะค่อยๆโผล่ออกมาเองครับผมออกไปเชิญนายจุม คาดาล ประธานที่ปรึกษานายกด้วยตัวเองแล้วทักทายด้วยอัธยาศัยไมตรีแล้วเชิญเข้ามานั่งเจรจากันในห้องนายจุม คาดาล เล่าให้ผมฟังว่าเมื่อวานนี้เมื่อทราบข่าวว่าคาสิโนแห่งหนึ่งสร้างล้ำเข้าไปในแผ่นดินไทยท่านนายกได้สั่งการให้ผมไปดูข้อเท็จจริงและแก้ปัญหาโดยด่วน เช้านี้ผมเลยใช้ฮ.บินจากพนมเปญมาดูข้อเท็จจริงที่หน้างานพบว่าเป็นไปตามที่ท่านผู้ว่าทักท้วงจริงผมจึงนัดรถแบคโฮลเข้าพื้นที่เพื่อทำการรื้อถอนคาสิโนในส่วนที่ล้ำเข้ามาในแผ่นดินไทยและขอเชิญท่านผู้ว่าไปชี้ว่าจะให้รื้อเข้าไปแค่ไหน บ่ายวันนั้นผมและนายจุม คาดาล จึงไปควบคุมการรื้อคาสิโนเป็นที่เรียบร้อย ผมทวงแผ่นดินไทยกลับมาได้ด้วยศิลปของนักปกครองโดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อและชีวิต ซึ่งน่าจะได้รับคำชมเชยแต่มันไม่เป็นเช่นนั้นครับไม่ถึงเดือนต่อมาก็มีคำสั่งย้ายผมจากสระแก้วไปสมุทรสงครามซึ่งเป็นจังหวัดเล็กกว่าในสายตาของชาวมหาดไทยถือว่าเป็นการลงโทษผมจึงถามผู้บังคับบัญชาว่าย้ายผมทำไมครับท่านตอบว่าคุณไม่รู้หรือว่าคาสิโนนี้เป็นของใคร ท่านขอให้ย้ายคุณเป็นผู้ตรวจด้วยซ้ำ แต่ทางกระทรวงทักท้วงไว้ว่าคุณไม่ได้มีความผิดอะไร แถมยังรักษาแผ่นดินไว้ให้คนไทย เอาแค่ย้ายออกจากสระแก้วและให้ลงจังหวัดเล็กลงก็น่าจะเพียงพอสำหรับผมย้ายไปจังหวัดไหนก็ทำงานได้ทั้งนั้นจังหวัดเล็กลงยิ่งทำงานง่ายขึ้นเมื่อไปรับงานที่สมุทรสงครามผมก็ทำงานอย่างมีความสุข แต่มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งท่านข้องใจไม่หายว่าทำไมผมถูกย้ายลงจังหวัดเล็กลง ทั้งๆที่ผมไม่เคยบอกท่าน ท่านผู้นั้นคือพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ………………………..ถึงตอนนี้เพื่อนๆคงรู้แล้วว่านักการเมืองใหญ่ที่เป็นหุ้นส่วนสถานบันเทิงครบวงจรในปอยเปตนั้นคือใครถ้านึกไม่ออกผมจะบอกให้เจ้าพ่อวังน้ำเย็นไงครับและเป็นคนที่สั่งย้ายผมด้วย ..ถามว่าก่อนสั่งผมรู้ไหมว่าคาสิโนแห่งนี้เป็นของสองผู้ยิ่งใหญ่คู่นี้รู้ครับวันที่ผมสั่งผู้จัดการให้รื้ิอคาสิโนแกตกใจปากคอสั่นและยืนยีนว่ารื้อไม่ได้เป็นอันขาดเพราะเป็นของผู้ใหญ่ในพนมเปญ ซึ่งผมรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร จึงตัดบทไม่เจรจาด้วยส่วนเจ้าพ่อรู้สึกเสียฟอร์มที่คุ้มครองคาสิโนไม่ได้โดยเฉพาะกับฮุนเซนทางเดียวที่พอจะกู้หน้าได้คือเตะโด่งผู้ว่าไปให้พ้นหูพ้นตาเสียจะได้ไม่มายุ่งกับสถานบันเทิงของท่านอีกสะใจจริงๆนาวินใช้ชีวิตได้ผาดโผนน่าสนุกรื้อคาสิโนของนายกบ้าง ของเจ้าพ่อบ้างปัจจุบันรัฐบาลไทยกำลังจะสร้างสถานบันเทิงครบวงจรตามอย่างเขมร ผมอาจจะต้องออกมาช่วยพี่น้องชาวไทยรื้อคาสิโนในเมืองไทยอีกครั้งก็ได้ครับก่อนจบภาคแรกไปผมโปรยทิ้งไว้ว่า มีผู้ใหญ้ท่านหนึ่งข้องใจไม่หายว่าผมถูกย้ายเพราะอะไรท่านนั้นคือพลเอก เปรม ติณสูลานนท์เพื่อนๆคงสงสัยว่าท่านมาเกี่ยวข้องกับผมได้อย่างไรจึงขอย้อนอดีตเล็กน้อย..เมื่อปี 2530กรมย้ายผมมาเป็นนายอำเภอสามพรานโดยอธิบดีดำรง สุนทรศาลทูล เลือกเอามาเองเพราะว่าบ้านอธิบดีอยู่สามพราน เมื่อมารับงานก็พบว่าพลเอกเปรม..รัฐบุรุษท่านตีกอล์ฟอยู่ที่สนามสามพรานทุกอาทิตย์ผมเป็นเจ้าของพื้นที่จึงไปต้อนรับท่าน ปรากฏว่าท่านถูกใจอะไรไม่ทราบชวนผมไปตีกอล์ฟก๊วนเดียวกับท่าน ซึ่งปกติจะไม่มีใครมีโอกาสเข้าร่วมก๊วนเลย ท่านจะตีอยู่กับหมอประสบ รัตนากร เพื่อนท่านและนายทหารคนสนิทเท่านั้นในก๊วนไม่มีการพนันเล่นเพื่อออกกำลังกายเฉยๆ ผมเล่นก๊อล์ฟกับท่านรัฐบุรุษเป็นเวลาหลายปีจนสนิทกันเหมือนญาติผู้ใหญ่ผมได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ว่านครพนมท่านก็เดินทางไปเยี่ยมผม พอผมถูกย้ายมาสมุทรสงครามท่านก็มาอีกและบอกผู้ติดตามทั้งหลายว่าขอคุยกับท่านผู้ว่าเป็นการส่วนตัวดังภาพ...ทันทีที่อยู่กันสองต่อสองท่านก็ยิงคำถามใส่ผมทันที ...ผู้ว่าถูกย้ายเพราะไร ผมไปสั่งรื้อคาสิโนของนายกเขมรและนักการเมืองไทยที่ปลูกล้ำพรมแดนไทยครับ.,..ผมตอบ ...เอางั้นเลยเหรอ แล้วใครสั่งย้ายนักการเมืองไทยครับเขาคงเสียหน้า ท่านพยักหน้ารับทราบและดูยิ้มแย้มขี้น จากนั้นผมก็ส่งท่านขึ้นรถกลับพรัอมทั้งผมถอนหายใจใหญ่โล่งอกที่ไม่ได้ทำให้ท่านรัฐบุรุษผิดหวังท่านเป็นคนสะอาดมากนะครับและจะไม่ยอมให้คนสีเทาเข้ามาใกล้ตัว………………………..ขอคารวะคุณนาวิน ขันธหิรัญ อดีตผู้ว่าสระแก้วที่หาญกล้าทำให้ 2 มหามาเฟียทั้งไทยและเขมรยอมรื้อคาสิโนเขมรที่รุกล้ำพรมแดนไทย สุดยอดจริง ๆ ขอให้ท่านนำการรื้อในไทยอีกนะ ถ้ามาเฟียคนเดิมของเขมรและคนใหม่ไทยในก๊วนเก่าลงมือสร้างขึ้นอีก เท่าที่รวบรวมได้คุณนาวินเป็นผู้ว่าฯจ.นครพนม,จ.สระแก้ว จ.สมุทรสงคราม และเกษียณอายุราชการวันที่ 1 ตุลาคม 2547จากผู้ว่าฯจ.นครปฐม (นักปกครอง 10 ) เพราะอายุครบ 60 ปี ปัจจุบันท่านจะมีอายุ 80 ปีเศษ( บรรยายภาพ - เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน 2556 นายนาวิน ขันธหิรัญ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ให้เกียรติมาบรรยายพิเศษให้แก่นักศึกษาหลักสูตรปลัดอำเภอ รุ่นที่ 201 รุ่นที่ 202 และรุ่นที่ 203 ในหัวข้อ "ประสบการณ์นักปกครองในการแก้ไขปัญหายาเสพติด" ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 4 อาคารสำนักอธิการ วิทยาลัยการปกครอง)”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 712 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันตกเฉียงใต้

    เดือนนี้ จะมีข่าวดีมีโชคลาภ การงานจะประสบพบความสำเร็จ โดยเฉพาะชายวัย 50 ขึ้น หากรับราชการ ทหาร ตำรวจ จะได้เลื่อนปรับยศตำแหน่งขั้น ถึงแม้ว่าการเงินจะไหลลื่นเข้ามาง่าย แต่ก็จะหลั่งไหลไปง่าย ได้เช่นกัน โดยมักจะใช้จ่ายหมดไปในเรื่องที่ไร้สาระ ความบันเทิงดื่มกิน สูญสิ้นทรัพย์สินเงินทองไปกับสุรานารี เป็นเหตุ ไม่เหลือให้ออมเก็บเพื่อใช้จ่ายในยามจำเป็น เป็นผลร้ายทำให้คู่รักหนุ่มสาวจำต้องเกิดการขัดแย้ง มีปากเสียง ต่อกัน ส่วนหญิงสาวจะมีปัญหาทางจิตคิดวิตกเป็นกังวล ชายหนุ่มจะเกิดปัญหาที่ปาก คอ ฟัน ลิ้น ปอด หรือ ลำไส้ใหญ่ หมั่นพักผ่อนนอนหลับออกกำลังกายให้เพียงพอ เป็นการใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกายให้ แข็งแรงสมบูรณ์ เพื่อจะได้ปลอดจากโรคร้าย รอดจากภัยไข้เจ็บตลอดไป

    เสริมมงคล : พรมสีน้ำเงิน
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ประตูเปิดทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เดือนนี้ จะมีข่าวดีมีโชคลาภ การงานจะประสบพบความสำเร็จ โดยเฉพาะชายวัย 50 ขึ้น หากรับราชการ ทหาร ตำรวจ จะได้เลื่อนปรับยศตำแหน่งขั้น ถึงแม้ว่าการเงินจะไหลลื่นเข้ามาง่าย แต่ก็จะหลั่งไหลไปง่าย ได้เช่นกัน โดยมักจะใช้จ่ายหมดไปในเรื่องที่ไร้สาระ ความบันเทิงดื่มกิน สูญสิ้นทรัพย์สินเงินทองไปกับสุรานารี เป็นเหตุ ไม่เหลือให้ออมเก็บเพื่อใช้จ่ายในยามจำเป็น เป็นผลร้ายทำให้คู่รักหนุ่มสาวจำต้องเกิดการขัดแย้ง มีปากเสียง ต่อกัน ส่วนหญิงสาวจะมีปัญหาทางจิตคิดวิตกเป็นกังวล ชายหนุ่มจะเกิดปัญหาที่ปาก คอ ฟัน ลิ้น ปอด หรือ ลำไส้ใหญ่ หมั่นพักผ่อนนอนหลับออกกำลังกายให้เพียงพอ เป็นการใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกายให้ แข็งแรงสมบูรณ์ เพื่อจะได้ปลอดจากโรคร้าย รอดจากภัยไข้เจ็บตลอดไป เสริมมงคล : พรมสีน้ำเงิน ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 381 มุมมอง 0 รีวิว
  • น้อง Nina Raemont นักเขียนจาก ZDNET ได้ทดสอบการใช้งาน Abbott Lingo เครื่องติดตามระดับน้ำตาลในเลือดแบบต่อเนื่อง (Continuous Glucose Monitor - CGM) ที่มีราคาเพียง $49 ตลอดสองสัปดาห์ โดยแบ่งปันประสบการณ์และสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการใช้งานอุปกรณ์นี้

    == ความสำคัญของ CGM และวิธีการทำงาน ==
    Abbott Lingo คือเครื่องติดตามระดับน้ำตาลในเลือดที่ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นเบาหวาน แต่ต้องการติดตามสุขภาพของตนเอง มันสามารถตรวจจับการขึ้นลงของระดับน้ำตาลในเลือดตลอดทั้งวัน ซึ่งต่างจากแอปพลิเคชันติดตามอาหารเช่น MyFitnessPal หรือ LoseIt! ที่ไม่สามารถเชื่อมต่อกับร่างกายของคุณได้โดยตรง

    == ประสบการณ์การใช้งาน Lingo ==
    ในการทดสอบของ Nina เธอใส่อุปกรณ์นี้ที่แขนหลัง ซึ่งต้องใช้เข็มเล็ก ๆ ในการเจาะเข้าที่ผิวหนัง แต่กระบวนการนี้ไม่ได้เจ็บปวดอย่างที่คิด หลังจากติดตั้งแล้ว CGM จะคำนวณและติดตามระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างแม่นยำ

    Lingo มีฟีเจอร์ที่สามารถเชื่อมต่อกับ Apple Watch ได้ ทำให้ข้อมูลการออกกำลังกายจาก Apple Health แสดงในแอป Lingo ซึ่งช่วยให้เห็นภาพรวมของการทำงานของระดับน้ำตาลในเลือดในแต่ละวันได้อย่างละเอียด

    == สิ่งที่ต้องการเห็นในการอัปเดตครั้งหน้า ==
    แม้ว่า Lingo จะใช้งานได้ดี แต่แอปยังมีปัญหาการโหลดข้อมูลย้อนหลังที่ทำให้ผู้ใช้ต้องกลับไปที่ข้อมูลล่าสุดอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังไม่มีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวัตถุดิบอาหารที่ผู้ใช้งานบันทึก เช่น การที่บันทึกการกินข้าวขาวและไม่สามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับข้าวขาวในแอปได้

    Nina เสนอว่าฟีเจอร์เพิ่มเติมที่มีประโยชน์คือการสรุปอาหารที่ทานในวันก่อนหน้าและให้คำแนะนำว่าควรทานอะไรบ้างเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดียิ่งขึ้น

    Abbott Lingo เป็นอุปกรณ์ที่ดีสำหรับคนที่อยากรู้ว่าการทานอาหารส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดอย่างไร โดยเฉพาะผู้ที่สนใจสุขภาพและการออกกำลังกาย แต่อาจไม่จำเป็นสำหรับคนที่มีสุขภาพดีและการออกกำลังกายอยู่แล้ว

    https://www.zdnet.com/article/i-wore-a-low-cost-otc-continuous-glucose-monitor-for-two-weeks-what-i-learned/
    น้อง Nina Raemont นักเขียนจาก ZDNET ได้ทดสอบการใช้งาน Abbott Lingo เครื่องติดตามระดับน้ำตาลในเลือดแบบต่อเนื่อง (Continuous Glucose Monitor - CGM) ที่มีราคาเพียง $49 ตลอดสองสัปดาห์ โดยแบ่งปันประสบการณ์และสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการใช้งานอุปกรณ์นี้ == ความสำคัญของ CGM และวิธีการทำงาน == Abbott Lingo คือเครื่องติดตามระดับน้ำตาลในเลือดที่ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นเบาหวาน แต่ต้องการติดตามสุขภาพของตนเอง มันสามารถตรวจจับการขึ้นลงของระดับน้ำตาลในเลือดตลอดทั้งวัน ซึ่งต่างจากแอปพลิเคชันติดตามอาหารเช่น MyFitnessPal หรือ LoseIt! ที่ไม่สามารถเชื่อมต่อกับร่างกายของคุณได้โดยตรง == ประสบการณ์การใช้งาน Lingo == ในการทดสอบของ Nina เธอใส่อุปกรณ์นี้ที่แขนหลัง ซึ่งต้องใช้เข็มเล็ก ๆ ในการเจาะเข้าที่ผิวหนัง แต่กระบวนการนี้ไม่ได้เจ็บปวดอย่างที่คิด หลังจากติดตั้งแล้ว CGM จะคำนวณและติดตามระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างแม่นยำ Lingo มีฟีเจอร์ที่สามารถเชื่อมต่อกับ Apple Watch ได้ ทำให้ข้อมูลการออกกำลังกายจาก Apple Health แสดงในแอป Lingo ซึ่งช่วยให้เห็นภาพรวมของการทำงานของระดับน้ำตาลในเลือดในแต่ละวันได้อย่างละเอียด == สิ่งที่ต้องการเห็นในการอัปเดตครั้งหน้า == แม้ว่า Lingo จะใช้งานได้ดี แต่แอปยังมีปัญหาการโหลดข้อมูลย้อนหลังที่ทำให้ผู้ใช้ต้องกลับไปที่ข้อมูลล่าสุดอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังไม่มีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวัตถุดิบอาหารที่ผู้ใช้งานบันทึก เช่น การที่บันทึกการกินข้าวขาวและไม่สามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับข้าวขาวในแอปได้ Nina เสนอว่าฟีเจอร์เพิ่มเติมที่มีประโยชน์คือการสรุปอาหารที่ทานในวันก่อนหน้าและให้คำแนะนำว่าควรทานอะไรบ้างเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดียิ่งขึ้น Abbott Lingo เป็นอุปกรณ์ที่ดีสำหรับคนที่อยากรู้ว่าการทานอาหารส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดอย่างไร โดยเฉพาะผู้ที่สนใจสุขภาพและการออกกำลังกาย แต่อาจไม่จำเป็นสำหรับคนที่มีสุขภาพดีและการออกกำลังกายอยู่แล้ว https://www.zdnet.com/article/i-wore-a-low-cost-otc-continuous-glucose-monitor-for-two-weeks-what-i-learned/
    WWW.ZDNET.COM
    I wore a low-cost, OTC continuous glucose monitor for two weeks - what I learned
    The Abbott Lingo CGM is a different kind of meal tracker, and I recommend it to anyone who's bio-wearable-curious. Here's why.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 335 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหลือเชื่อ! แค่เอาเท้าไปแช่ลงในน้ำเกลือ ผลที่ได้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ยังไม่สามารถอธิบายได้
    สำหรับคนรักสุขภาพ!!! เทรนด์ยอดฮิตที่กำลังมาแรงในตอนนี้นอกจากการออกกำลังกายแล้วนั้นคือ “แช่เท้าด้วยน้ำเกลือ” ที่ใครก็สามารถทำได้แบบไม่ต้องเสียเงินเข้าสปาเลย แถมได้ประโยชน์มากมายเกินคาด!!
    ประโยชน์ของการแช่เท้าด้วยน้ำเกลือ
    1. ช่วยดึงสิ่งที่ตกค้างในร่างกายออก
    2. ช่วยดึงพลังงานลบที่เกิดจากอารมณ์ที่ไม่ดีและไฟฟ้าไร้สายที่ยิงผ่านร่างกายมนุษย์ออก
    3. หลังจากที่ดึงพลังงานลบออกจากร่างกายแล้วเราก็ใช้วิธีการรักษาได้ตามปกติ ทั้งนี้วิธีการนี้จะเป็นการช่วยดึงพลังงานลบออกจากร่างกาย ก่อนการรักษา ทำให้รักษาได้ง่ายขึ้น
    4. เมื่อแช่เท้าด้วยน้ำเกลือ บ่อยๆ ร่างกายจึงไม่มีพลังงานลบที่ก่อโรคหลงเหลืออยู่อีก และนี่เองจึงทำให้สุขภาพของเราดีขึ้น
    วิธีการแช่เท้าด้วยน้ำเกลือ
    1. นำกะละมังขนาดที่สามารถวางเท้าแช่ได้-ใส่เกลือทะเล(เกลือเม็ดใหญ่)ลงไป3-4ช้อนโต๊ะเติมน้ำลงไปให้ท่วมตาตุ่มควรเป็นน้ำอุ่น แล้วใส่น้ำส้มสายชู ลงไป 1 ช้อนโต๊ะ เพื่อขจัดสิ่งสกปรกออกจากเท้า
    2. เอาเท้าเหยียบเกลือที่ยังละลายไม่หมดได้
    3. ทำจิตใจให้สงบ หรือเปิดเพลงบรรเลงเบาๆ นั่งอยู่ประมาณ 25-30 นาที
    4. หลังจากนั้นให้ล้างเท้าด้วยน้ำเปล่า
    การแช่เท้าด้วยน้ำเกลือนั้นคนปกติ สามารถทำได้ทำอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง ส่วนคนป่วย ทำทุกวันก่อนนอน
    ทั้งนี้การแช่เท้า ไม่ว่าจะเป็นน้ำเกลือหรือน้ำอุ่นหรือไม่ก็ตาม ยังมีข้อดีอีกหลายอย่างดังนี้!
    1. ลดอาการปวดบวมที่เท้า
    2. ลดอาการปวดท้อง
    3. กระตุ้นความต้านทานของร่างกาย
    4. ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น
    5. ป้องกันอาการมือเท้าเย็นโดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว
    6. ลดอาการอักเสบของจมูกและลำคอ
    7. ช่วยให้อาการปวดหัวหรือปวดประจำเดือนลดลง
    8. ลดอาการคั่งของเลือดที่ส่วนอื่นๆ
    9. ทำให้นอนหลับง่ายตลอดคืน เป็นต้น
    ขอมอบให้ทุกท่านเพื่อดูแลสุขภาพกันด้วยความห่วงใยกันและกัน
    เหลือเชื่อ! แค่เอาเท้าไปแช่ลงในน้ำเกลือ ผลที่ได้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ยังไม่สามารถอธิบายได้ สำหรับคนรักสุขภาพ!!! เทรนด์ยอดฮิตที่กำลังมาแรงในตอนนี้นอกจากการออกกำลังกายแล้วนั้นคือ “แช่เท้าด้วยน้ำเกลือ” ที่ใครก็สามารถทำได้แบบไม่ต้องเสียเงินเข้าสปาเลย แถมได้ประโยชน์มากมายเกินคาด!! ประโยชน์ของการแช่เท้าด้วยน้ำเกลือ 1. ช่วยดึงสิ่งที่ตกค้างในร่างกายออก 2. ช่วยดึงพลังงานลบที่เกิดจากอารมณ์ที่ไม่ดีและไฟฟ้าไร้สายที่ยิงผ่านร่างกายมนุษย์ออก 3. หลังจากที่ดึงพลังงานลบออกจากร่างกายแล้วเราก็ใช้วิธีการรักษาได้ตามปกติ ทั้งนี้วิธีการนี้จะเป็นการช่วยดึงพลังงานลบออกจากร่างกาย ก่อนการรักษา ทำให้รักษาได้ง่ายขึ้น 4. เมื่อแช่เท้าด้วยน้ำเกลือ บ่อยๆ ร่างกายจึงไม่มีพลังงานลบที่ก่อโรคหลงเหลืออยู่อีก และนี่เองจึงทำให้สุขภาพของเราดีขึ้น วิธีการแช่เท้าด้วยน้ำเกลือ 1. นำกะละมังขนาดที่สามารถวางเท้าแช่ได้-ใส่เกลือทะเล(เกลือเม็ดใหญ่)ลงไป3-4ช้อนโต๊ะเติมน้ำลงไปให้ท่วมตาตุ่มควรเป็นน้ำอุ่น แล้วใส่น้ำส้มสายชู ลงไป 1 ช้อนโต๊ะ เพื่อขจัดสิ่งสกปรกออกจากเท้า 2. เอาเท้าเหยียบเกลือที่ยังละลายไม่หมดได้ 3. ทำจิตใจให้สงบ หรือเปิดเพลงบรรเลงเบาๆ นั่งอยู่ประมาณ 25-30 นาที 4. หลังจากนั้นให้ล้างเท้าด้วยน้ำเปล่า การแช่เท้าด้วยน้ำเกลือนั้นคนปกติ สามารถทำได้ทำอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง ส่วนคนป่วย ทำทุกวันก่อนนอน ทั้งนี้การแช่เท้า ไม่ว่าจะเป็นน้ำเกลือหรือน้ำอุ่นหรือไม่ก็ตาม ยังมีข้อดีอีกหลายอย่างดังนี้! 1. ลดอาการปวดบวมที่เท้า 2. ลดอาการปวดท้อง 3. กระตุ้นความต้านทานของร่างกาย 4. ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น 5. ป้องกันอาการมือเท้าเย็นโดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว 6. ลดอาการอักเสบของจมูกและลำคอ 7. ช่วยให้อาการปวดหัวหรือปวดประจำเดือนลดลง 8. ลดอาการคั่งของเลือดที่ส่วนอื่นๆ 9. ทำให้นอนหลับง่ายตลอดคืน เป็นต้น ขอมอบให้ทุกท่านเพื่อดูแลสุขภาพกันด้วยความห่วงใยกันและกัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 329 มุมมอง 0 รีวิว
  • บีทูขยายโรงแรมหัวหิน เข้ารับบริหาร "เดอะลาภา"

    ความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของเครือโรงแรมบีทู (B2) แบรนด์โรงแรมบูติคแอนด์บัดเจทชั้นนำในไทย ที่มีสาขากว่า 73 แห่งทั่วประเทศ ล่าสุดนายนิรันดร์ จาวลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เซ็นสัญญาแฟรนไชส์กับนายพงษ์ทอง สุวรรณประทีป เข้าบริหารโรงแรมแห่งใหม่ใจกลางเมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นับเป็นการร่วมมือครั้งที่สอง หลังจากประสบความสำเร็จในการบริหารโรงแรมบีทู สุเทพ ไนท์มาร์เก็ต พรีเมียร์ ที่นายพงษ์ทองเป็นเจ้าของ โดยมีแผนจะเปิดให้บริการในเดือน มิ.ย. 2568

    นายนิรันดร์ กล่าวว่า ยินดีอย่างยิ่งที่ได้ขยายเครือข่ายโรงแรมบีทูมายังหัวหิน ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ความร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างนายพงษ์ทอง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของแบรนด์บีทู และมั่นใจว่าโรงแรมแห่งนี้ จะมอบประสบการณ์การเข้าพักที่เหนือระดับ พร้อมบริการคุณภาพ ในราคาที่เข้าถึงได้

    แม้ในข่าวประชาสัมพันธ์ของบีทู จะไม่ระบุว่าเป็นโรงแรมใด แต่เมื่อสืบค้น พบว่าเป็นโรงแรมเดอะลาภาหัวหิน ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว อยู่ในซอยหัวหิน 100/1 ถนนเพชรเกษม ติดกับศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน รีสอร์ต มอลล์ ก่อสร้างขึ้นในปี 2552 เป็นอาคาร 3 ชั้น มีห้องพักจำนวน 67 ห้อง ขนาดห้องพักตั้งแต่ 36-120 ตารางเมตร 7 รูปแบบ พร้อมสระว่ายน้ำซึ่งเป็นสระเกลือ ห้องออกกำลังกาย ห้องอาหาร ห้องประชุมรองรับได้สูงสุด 130 คน ซึ่งจะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นโรงแรมบีทู หัวหิน พรีเมียร์ รีสอร์ท

    โดยสิ่งอำนวยความสะดวกหลังเครือโรงแรมบีทูเข้าบริหาร ยังมีสระว่ายน้ำกลางแจ้ง ห้องฟิตเนส ห้องประชุม Co-Working Space บาร์และเลาจน์ รวมทั้งห้องพักแบบพูลแอคเซส ที่ผู้เข้าพักสามารถเดินลงสระว่ายน้ำได้โดยตรง รวมทั้งยังมี Wake Up Coffee ให้บริการอาหารเช้าและเครื่องดื่มอีกด้วย

    ก่อนหน้านี้บีทูเปิดให้บริการโรงแรมบีทู หัวหิน พรีเมียร์ ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 3.5 ดาว ตั้งอยู่ถนนเลียบทางรถไฟ ระหว่างซอยหัวหิน 94 และ 96 เปิดให้บริการเมื่อปี 2560 เป็นอาคาร 8 ชั้น มีห้องพักจำนวน 78 ห้อง ขนาดห้องพักตั้งแต่ 25-50 ตารางเมตร สำหรับการแข่งขันโรงแรมในกลุ่มบัดเจ็ทโฮเทล พบว่ามีคู่แข่งอย่างโรงแรมฮ็ฮปอินน์ ของกลุ่มดิเอราวัณกรุ๊ป ตั้งอยู่บนถนนดำรงราช (หัวหิน 51) ก่อสร้างขึ้นในปี 2560 มีห้องพักจำนวน 79 ห้อง รวมทั้งยังมีโรงแรมของผู้ประกอบการท้องถิ่น

    ข้อมูลจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย พบว่า อ.หัวหิน รวมทุกตำบลมีโรงแรมรวม 208 แห่ง จำนวนห้องพักน้อยที่สุด 4 ห้อง มากที่สุดได้แก่ โรงแรมเบสท์ เวสเทิร์น พลัส คาราเพซ หัวหิน 406 ห้อง

    #Newskit
    บีทูขยายโรงแรมหัวหิน เข้ารับบริหาร "เดอะลาภา" ความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของเครือโรงแรมบีทู (B2) แบรนด์โรงแรมบูติคแอนด์บัดเจทชั้นนำในไทย ที่มีสาขากว่า 73 แห่งทั่วประเทศ ล่าสุดนายนิรันดร์ จาวลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เซ็นสัญญาแฟรนไชส์กับนายพงษ์ทอง สุวรรณประทีป เข้าบริหารโรงแรมแห่งใหม่ใจกลางเมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นับเป็นการร่วมมือครั้งที่สอง หลังจากประสบความสำเร็จในการบริหารโรงแรมบีทู สุเทพ ไนท์มาร์เก็ต พรีเมียร์ ที่นายพงษ์ทองเป็นเจ้าของ โดยมีแผนจะเปิดให้บริการในเดือน มิ.ย. 2568 นายนิรันดร์ กล่าวว่า ยินดีอย่างยิ่งที่ได้ขยายเครือข่ายโรงแรมบีทูมายังหัวหิน ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ความร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างนายพงษ์ทอง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของแบรนด์บีทู และมั่นใจว่าโรงแรมแห่งนี้ จะมอบประสบการณ์การเข้าพักที่เหนือระดับ พร้อมบริการคุณภาพ ในราคาที่เข้าถึงได้ แม้ในข่าวประชาสัมพันธ์ของบีทู จะไม่ระบุว่าเป็นโรงแรมใด แต่เมื่อสืบค้น พบว่าเป็นโรงแรมเดอะลาภาหัวหิน ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว อยู่ในซอยหัวหิน 100/1 ถนนเพชรเกษม ติดกับศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน รีสอร์ต มอลล์ ก่อสร้างขึ้นในปี 2552 เป็นอาคาร 3 ชั้น มีห้องพักจำนวน 67 ห้อง ขนาดห้องพักตั้งแต่ 36-120 ตารางเมตร 7 รูปแบบ พร้อมสระว่ายน้ำซึ่งเป็นสระเกลือ ห้องออกกำลังกาย ห้องอาหาร ห้องประชุมรองรับได้สูงสุด 130 คน ซึ่งจะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นโรงแรมบีทู หัวหิน พรีเมียร์ รีสอร์ท โดยสิ่งอำนวยความสะดวกหลังเครือโรงแรมบีทูเข้าบริหาร ยังมีสระว่ายน้ำกลางแจ้ง ห้องฟิตเนส ห้องประชุม Co-Working Space บาร์และเลาจน์ รวมทั้งห้องพักแบบพูลแอคเซส ที่ผู้เข้าพักสามารถเดินลงสระว่ายน้ำได้โดยตรง รวมทั้งยังมี Wake Up Coffee ให้บริการอาหารเช้าและเครื่องดื่มอีกด้วย ก่อนหน้านี้บีทูเปิดให้บริการโรงแรมบีทู หัวหิน พรีเมียร์ ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 3.5 ดาว ตั้งอยู่ถนนเลียบทางรถไฟ ระหว่างซอยหัวหิน 94 และ 96 เปิดให้บริการเมื่อปี 2560 เป็นอาคาร 8 ชั้น มีห้องพักจำนวน 78 ห้อง ขนาดห้องพักตั้งแต่ 25-50 ตารางเมตร สำหรับการแข่งขันโรงแรมในกลุ่มบัดเจ็ทโฮเทล พบว่ามีคู่แข่งอย่างโรงแรมฮ็ฮปอินน์ ของกลุ่มดิเอราวัณกรุ๊ป ตั้งอยู่บนถนนดำรงราช (หัวหิน 51) ก่อสร้างขึ้นในปี 2560 มีห้องพักจำนวน 79 ห้อง รวมทั้งยังมีโรงแรมของผู้ประกอบการท้องถิ่น ข้อมูลจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย พบว่า อ.หัวหิน รวมทุกตำบลมีโรงแรมรวม 208 แห่ง จำนวนห้องพักน้อยที่สุด 4 ห้อง มากที่สุดได้แก่ โรงแรมเบสท์ เวสเทิร์น พลัส คาราเพซ หัวหิน 406 ห้อง #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 544 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📣 ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี❓️มันยาวนะ แต่อ่านจบแล้วจะรู้คำตอบ

    👉ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี เป็นข้อความที่ยั่วยุให้คนไทยเปิดอ่านหนังสือชื่อนี้ ซึ่งฟังแปลกหูและแปลกใหม่

    คนญี่ปุ่นก็เป็นเช่นเดียวกันเพราะเป็นหนังสือยอดฮิตในประเทศนั้น โดยมีเนื้อหาปลุกเร้าให้เกิดพฤติกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและต่อกระเป๋า

    หนังสือ “ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี” แปลจากภาษาญี่ปุ่น ซึ่งผู้เขียนคือนายแพทย์โยะชิ โนะริ นะงุโม (Yoshinori Nagumo) ผู้แปลคือคุณพิมพ์รัก สุขสวัสดิ์ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์วีเลิร์น

    ปิยมิตรของผมคนหนึ่งคือ คุณอดิศร ธรรมาพฤทธิ นักธุรกิจใหญ่แนวหน้าของไทยในเรื่องการหล่อโลหะ ได้ซื้อหนังสือเล่มนี้เป็นร้อยเล่มเพื่อแจกเพื่อนๆ และยิ่งไปกว่านั้นยังได้เขียนสรุปเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้และโพสต์ออนไลน์เมื่อเร็วๆ นี้เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่สาธารณชน ผมขอนำเอาสิ่งที่คุณอดิศรเขียนไว้มานำเสนอดังต่อไปนี้

    “ผู้เขียนเป็นนายแพทย์และเป็นผู้อำนวยการใหญ่ในโรงพยาบาลสี่แห่งในญี่ปุ่น เป็นนักเขียนชื่อดังในญี่ปุ่น และเป็นแขกประจำรายการทีวีหลายรายการ เป็นประธานกิตติมศักดิ์ของ Anti-Aging Medicine World Congress ผู้เขียนค้นพบวิธีการลดน้ำหนักด้วยการทานเหลือวันละมื้อ และพบว่าความหิวเป็นกระบวนการที่ทำให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอด้วยยีนที่ชื่อ เซอร์ทูอิน (Sirtuin) ในขณะเดียวกันร่างกายก็จะผลิต Growth Hormone ออกมา

    คุณหมอบอกว่า “...สิ่งที่ผมมุ่งหวังคือการวางแผนสำหรับชีวิตที่มีอายุยืนถึงหนึ่งร้อยปี โดยยังมีหน้าท้องที่แบนราบและมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูอ่อนเยาว์ บางคนบอกว่าไม่อยากอายุยืนขนาดนั้น... แต่คนที่พูดแบบนั้นพอถึงคราวเจ็บป่วยก็รีบวิ่งโร่มาหาหมอทุกราย …เมื่อเข้าสู่วัยชรา ทุกวันจะมีแต่ความทุกข์ทรมาน ซึ่งเป็นผลจากการละเลยสุขภาพ.... …ผมว่าต้องเลือกแล้วละว่า จะใช้เวลานอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลแล้วทำให้คนรอบข้างเดือดร้อน หรือจะมีสุขภาพดีร่างกายแข็งแรง มีกำลังวังชา รูปลักษณ์ภายนอกดูอ่อนเยาว์จนถึงวาระสุดท้าย แล้วจากไปอย่างสง่างาม…”

    ในบทนำมีการเกริ่นว่าผู้เขียนเริ่มทานอาหารเหลือวันละมื้อเมื่ออายุ 45 ปีเพราะปัญหาเรื่องสุขภาพ ผ่านไปสิบปีเมื่อเขาไปตรวจร่างกายพบว่าอายุหลอดเลือดของเขาเท่ากับคนอายุ 26 ปี

    เขาเล่าว่ามนุษย์ในอดีตไม่ได้มีกินอุดมสมบูรณ์โดยกินสามมื้อเหมือนปัจจุบันนี้ ในอดีตเรากินวันละมื้อก็บุญแล้ว ดังนั้น ร่างกายเราจึงมีภูมิคุ้มกันในตัวเอง เมื่อเราหิวไม่มีกินเราจะมียีนที่ชื่อ เซอร์ทูอิน (Sirtuin) ออกมาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอต่างๆ ภายในร่างกาย ในขณะเดียวกันร่างกายก็จะผลิต Growth Hormone ออกมา ซึ่งเจ้า Growth Hormone นี้ทำให้เรากลับเป็นหนุ่มสาวมากขึ้น ซึ่งเป็นกระบวนการเพื่อการอยู่รอด

    ปัญหาก็คือ เมื่อร่างกายอิ่ม กลไกนี้ไม่เกิด เราจึงแก่ไปเรื่อยๆ สรุปง่ายๆ ก็คือ การกินมากไปคือสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคภัยต่างๆ และที่สำคัญร่างกายเราไม่ได้ถูกออกแบบให้กินอิ่ม เราจึงปรับตัวให้การกินอิ่มได้ไม่ดี ทำให้กระบวนการธรรมชาติของร่างกายเรารวนนั่นเอง

    ในเรื่องการกินวันละมื้อ ผู้เขียนได้แนะนำสิ่งที่เขาทำมาแล้วได้ผล เขาบอกว่าเขาเพลิดเพลินกับการที่ได้ยินเสียงท้องร้องจ๊อกๆ เพราะว่าเขารู้ว่าร่างกายเรากำลังซ่อมแซมและปรับตัวให้เยาว์วัยด้วยกระบวนการที่กล่าวถึงข้างต้น

    ในเชิงหลักการทางวิทยาศาสตร์เขาอธิบายดังนี้

    (1) ปากทางเข้าลำไส้เล็กจะมีเซนเซอร์เตรียมรอรับของกินอยู่ ถ้าไม่มีอาหารไหลลงมาเสียที ลำไส้เล็กก็จะรีบหลั่งฮอร์โมนสำหรับย่อยอาหาร โมลิติน (Molitin) ออกมา ทำให้กระเพาะอาหารบีบตัว เพื่อส่งของกินที่อาจจะตกค้างอยู่ในกระเพาะอาหารเข้าไปในลำไส้เล็ก เรียกว่า “การบีบตัวเมื่อหิว” และเป็นตัวการที่แท้จริงของอาการท้องร้องจ๊อกๆ

    (2) เมื่อกระเพาะรู้ตัวว่าหิวจะหลั่งฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) ออกมา เกรลินจะถูกหลั่งออกมาจากเยื่อบุกระเพาะอาหารซึ่งถูกกระตุ้นเพราะความหิว โดยจะออกฤทธิ์ที่สมองส่วนไฮโปทาลามัส (Hypothalamus) ทำให้เกิดความอยากอาหาร ขณะเดียวกันก็จะออกฤทธิ์ที่ต่อมใต้สมอง ทำให้หลั่ง Growth Hormone ออกมา เจ้า Growth Hormone นี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ฮอร์โมนที่ทำให้กลับไปเป็น หนุ่มสาว” นั่นหมายความว่าตอนที่ท้องกำลังร้องจ๊อกๆ เพราะหิว คุณจะค่อยๆ มีเสน่ห์ขึ้นจากฮอร์โมนที่ทำให้กลับเป็นหนุ่มสาว ถึงท้องจะร้องก็อย่าเพิ่งรีบกินอาหาร ให้มาลองเพลิดเพลินกับประสิทธิภาพของการกลับเป็นหนุ่มสาวที่ได้จาก Growth Hormone กันสักครู่หนึ่งก่อน

    (3) ตอนที่ท้องกำลังร้องจ๊อกๆ นั้น ความสามารถในการอยู่รอดอันยอดเยี่ยมกำลังพลุ่งพล่านขึ้นมา นั่นก็คือ “ยีนเซอร์ทูอิน” ที่มีสมญาว่า “ยีนต่ออายุขัย” หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ยีนที่ทำให้อายุยืน” กำลังทำงาน จากการทดลองกับสัตว์หลายชนิดพบว่า เมื่อลดปริมาณอาหารลง 40% จะทำให้อายุยืนขึ้น 1.5 เท่า ทว่ายีนนี้จะมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อมีเงื่อนไขบางประการ นั่นคือ “ความหิว” ตราบใดที่ท้องไม่ร้องจ๊อกเพราะหิว ยีนนี้ก็จะไม่ทำงาน ดังนั้นการกินอาหารทั้งที่ยังไม่หิวจึงหมายถึงการมีของดีอยู่กับตัวแต่ไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์ มาทำให้ท้องร้องจ๊อกด้วยการกินอาหารวันละมื้อดีกว่า แล้วยีนเซอร์ทูอินนี้จะช่วยสแกนยีนในร่างกายอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งค่อยๆ ฟื้นฟูส่วนที่เสียหาย กล่าวกันว่าความแก่ชราและโรคมะเร็งก็มีสาเหตุมาจากความผิดปกติของยีน ดังนั้นเราสามารถทำให้กลับเป็นหนุ่มสาวและป้องกันโรคมะเร็งด้วยการกินอาหารวันละมื้อ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อหิวแล้วอาหารยังตกไม่ถึงท้อง ร่างกายจะนำไขมันที่สะสมไว้ในช่องท้องมาเปลี่ยนเป็นสารอาหาร ทำให้หน้าท้องแบนราบ

    นอกจากการกินวันละมื้อแล้ว ผู้เขียนมีข้อมูลใหม่เพิ่มเติมอีกว่าการนอนที่ดีคือนอนในช่วงร่างกายผลิต Growth Hormone ได้ดีที่สุดนั่นก็คือช่วงเวลาระหว่างสี่ทุ่มถึงตีสอง

    หลังอ่านจบผมมีความเห็นส่วนตัวว่าสิ่งที่จะทำคือ

    (1) รอให้ท้องร้องจ๊อกๆ บ่อยๆ เพื่อซ่อมแซมตัวเองและทำให้เยาว์วัยลง และ (2) ทานน้อยลง 60% ของแต่ละมื้อ.......”

    นอกจากที่คุณอดิศรเขียนแล้ว ผมไปค้นคว้าเพิ่มเติมและพบว่าเมื่อตอนคุณหมอ Nagumo มีอายุ 37 ปี เขาหนัก 77 กิโลกรัม และเมื่ออายุ 57 ปี หนัก 62 กิโลกรัม ความดันโลหิตเท่ากับคนอายุ 26 ปี อายุมวลกระดูกเท่ากับคนอายุ 28 ปี และสมองมีอายุเท่ากับคนอายุ 38 ปี จากที่ดูรูปในอินเทอร์เน็ตถึงแม้ขณะนี้คุณหมออายุ 59 ปี แต่หน้าตาเหมือนไม่ถึง 40 ปี ด้วยซ้ำ

    คุณหมอพูดในโทรทัศน์ว่าแค่เริ่มต้นไม่กี่วันก็จะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของสุขภาพแล้ว กลิ่นตัวจะหายไป ผิวหนังจะเนียนขึ้น หน้าท้องจะเรียบขึ้น รูปลักษณ์ของคนผอมจะเริ่มปรากฏ และจิตใจคึกคักขึ้นกว่าเก่า

    คุณหมอแนะนำให้ทำติดต่อกัน 52 วัน โดยกินอาหารวันละหนึ่งมื้อคือมื้อกลางวัน ในมื้อนี้อยากกินอะไรก็ตามใจตัวเองได้ หากหิวมากก็อาจเสริมด้วยผลไม้และอาหารเบาๆ ก่อนอาหารเย็น

    การกินอาหารน้อยลงมีประโยชน์อย่างแน่นอนเพราะมนุษย์เราโดยทั่วไปก็กินกันเกินพอดีอยู่แล้ว การทำตามคำแนะนำของคุณหมอแค่กินอาหารน้อยลง กินหลังจากที่ท้องร้องนานพอควร และหากแถมด้วยการเดินและออกกำลังกายก็ย่อมดีต่อสุขภาพ

    ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ

    ที่มา: คอลัมน์ "อาหารสมอง" | กรุงเทพธุรกิจ | 20 ม.ค. 58

    Cr.FB: โต๊ะป้าศรี CH Table
    📣 ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี❓️มันยาวนะ แต่อ่านจบแล้วจะรู้คำตอบ 👉ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี เป็นข้อความที่ยั่วยุให้คนไทยเปิดอ่านหนังสือชื่อนี้ ซึ่งฟังแปลกหูและแปลกใหม่ คนญี่ปุ่นก็เป็นเช่นเดียวกันเพราะเป็นหนังสือยอดฮิตในประเทศนั้น โดยมีเนื้อหาปลุกเร้าให้เกิดพฤติกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและต่อกระเป๋า หนังสือ “ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี” แปลจากภาษาญี่ปุ่น ซึ่งผู้เขียนคือนายแพทย์โยะชิ โนะริ นะงุโม (Yoshinori Nagumo) ผู้แปลคือคุณพิมพ์รัก สุขสวัสดิ์ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์วีเลิร์น ปิยมิตรของผมคนหนึ่งคือ คุณอดิศร ธรรมาพฤทธิ นักธุรกิจใหญ่แนวหน้าของไทยในเรื่องการหล่อโลหะ ได้ซื้อหนังสือเล่มนี้เป็นร้อยเล่มเพื่อแจกเพื่อนๆ และยิ่งไปกว่านั้นยังได้เขียนสรุปเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้และโพสต์ออนไลน์เมื่อเร็วๆ นี้เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่สาธารณชน ผมขอนำเอาสิ่งที่คุณอดิศรเขียนไว้มานำเสนอดังต่อไปนี้ “ผู้เขียนเป็นนายแพทย์และเป็นผู้อำนวยการใหญ่ในโรงพยาบาลสี่แห่งในญี่ปุ่น เป็นนักเขียนชื่อดังในญี่ปุ่น และเป็นแขกประจำรายการทีวีหลายรายการ เป็นประธานกิตติมศักดิ์ของ Anti-Aging Medicine World Congress ผู้เขียนค้นพบวิธีการลดน้ำหนักด้วยการทานเหลือวันละมื้อ และพบว่าความหิวเป็นกระบวนการที่ทำให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอด้วยยีนที่ชื่อ เซอร์ทูอิน (Sirtuin) ในขณะเดียวกันร่างกายก็จะผลิต Growth Hormone ออกมา คุณหมอบอกว่า “...สิ่งที่ผมมุ่งหวังคือการวางแผนสำหรับชีวิตที่มีอายุยืนถึงหนึ่งร้อยปี โดยยังมีหน้าท้องที่แบนราบและมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูอ่อนเยาว์ บางคนบอกว่าไม่อยากอายุยืนขนาดนั้น... แต่คนที่พูดแบบนั้นพอถึงคราวเจ็บป่วยก็รีบวิ่งโร่มาหาหมอทุกราย …เมื่อเข้าสู่วัยชรา ทุกวันจะมีแต่ความทุกข์ทรมาน ซึ่งเป็นผลจากการละเลยสุขภาพ.... …ผมว่าต้องเลือกแล้วละว่า จะใช้เวลานอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลแล้วทำให้คนรอบข้างเดือดร้อน หรือจะมีสุขภาพดีร่างกายแข็งแรง มีกำลังวังชา รูปลักษณ์ภายนอกดูอ่อนเยาว์จนถึงวาระสุดท้าย แล้วจากไปอย่างสง่างาม…” ในบทนำมีการเกริ่นว่าผู้เขียนเริ่มทานอาหารเหลือวันละมื้อเมื่ออายุ 45 ปีเพราะปัญหาเรื่องสุขภาพ ผ่านไปสิบปีเมื่อเขาไปตรวจร่างกายพบว่าอายุหลอดเลือดของเขาเท่ากับคนอายุ 26 ปี เขาเล่าว่ามนุษย์ในอดีตไม่ได้มีกินอุดมสมบูรณ์โดยกินสามมื้อเหมือนปัจจุบันนี้ ในอดีตเรากินวันละมื้อก็บุญแล้ว ดังนั้น ร่างกายเราจึงมีภูมิคุ้มกันในตัวเอง เมื่อเราหิวไม่มีกินเราจะมียีนที่ชื่อ เซอร์ทูอิน (Sirtuin) ออกมาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอต่างๆ ภายในร่างกาย ในขณะเดียวกันร่างกายก็จะผลิต Growth Hormone ออกมา ซึ่งเจ้า Growth Hormone นี้ทำให้เรากลับเป็นหนุ่มสาวมากขึ้น ซึ่งเป็นกระบวนการเพื่อการอยู่รอด ปัญหาก็คือ เมื่อร่างกายอิ่ม กลไกนี้ไม่เกิด เราจึงแก่ไปเรื่อยๆ สรุปง่ายๆ ก็คือ การกินมากไปคือสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคภัยต่างๆ และที่สำคัญร่างกายเราไม่ได้ถูกออกแบบให้กินอิ่ม เราจึงปรับตัวให้การกินอิ่มได้ไม่ดี ทำให้กระบวนการธรรมชาติของร่างกายเรารวนนั่นเอง ในเรื่องการกินวันละมื้อ ผู้เขียนได้แนะนำสิ่งที่เขาทำมาแล้วได้ผล เขาบอกว่าเขาเพลิดเพลินกับการที่ได้ยินเสียงท้องร้องจ๊อกๆ เพราะว่าเขารู้ว่าร่างกายเรากำลังซ่อมแซมและปรับตัวให้เยาว์วัยด้วยกระบวนการที่กล่าวถึงข้างต้น ในเชิงหลักการทางวิทยาศาสตร์เขาอธิบายดังนี้ (1) ปากทางเข้าลำไส้เล็กจะมีเซนเซอร์เตรียมรอรับของกินอยู่ ถ้าไม่มีอาหารไหลลงมาเสียที ลำไส้เล็กก็จะรีบหลั่งฮอร์โมนสำหรับย่อยอาหาร โมลิติน (Molitin) ออกมา ทำให้กระเพาะอาหารบีบตัว เพื่อส่งของกินที่อาจจะตกค้างอยู่ในกระเพาะอาหารเข้าไปในลำไส้เล็ก เรียกว่า “การบีบตัวเมื่อหิว” และเป็นตัวการที่แท้จริงของอาการท้องร้องจ๊อกๆ (2) เมื่อกระเพาะรู้ตัวว่าหิวจะหลั่งฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) ออกมา เกรลินจะถูกหลั่งออกมาจากเยื่อบุกระเพาะอาหารซึ่งถูกกระตุ้นเพราะความหิว โดยจะออกฤทธิ์ที่สมองส่วนไฮโปทาลามัส (Hypothalamus) ทำให้เกิดความอยากอาหาร ขณะเดียวกันก็จะออกฤทธิ์ที่ต่อมใต้สมอง ทำให้หลั่ง Growth Hormone ออกมา เจ้า Growth Hormone นี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ฮอร์โมนที่ทำให้กลับไปเป็น หนุ่มสาว” นั่นหมายความว่าตอนที่ท้องกำลังร้องจ๊อกๆ เพราะหิว คุณจะค่อยๆ มีเสน่ห์ขึ้นจากฮอร์โมนที่ทำให้กลับเป็นหนุ่มสาว ถึงท้องจะร้องก็อย่าเพิ่งรีบกินอาหาร ให้มาลองเพลิดเพลินกับประสิทธิภาพของการกลับเป็นหนุ่มสาวที่ได้จาก Growth Hormone กันสักครู่หนึ่งก่อน (3) ตอนที่ท้องกำลังร้องจ๊อกๆ นั้น ความสามารถในการอยู่รอดอันยอดเยี่ยมกำลังพลุ่งพล่านขึ้นมา นั่นก็คือ “ยีนเซอร์ทูอิน” ที่มีสมญาว่า “ยีนต่ออายุขัย” หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ยีนที่ทำให้อายุยืน” กำลังทำงาน จากการทดลองกับสัตว์หลายชนิดพบว่า เมื่อลดปริมาณอาหารลง 40% จะทำให้อายุยืนขึ้น 1.5 เท่า ทว่ายีนนี้จะมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อมีเงื่อนไขบางประการ นั่นคือ “ความหิว” ตราบใดที่ท้องไม่ร้องจ๊อกเพราะหิว ยีนนี้ก็จะไม่ทำงาน ดังนั้นการกินอาหารทั้งที่ยังไม่หิวจึงหมายถึงการมีของดีอยู่กับตัวแต่ไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์ มาทำให้ท้องร้องจ๊อกด้วยการกินอาหารวันละมื้อดีกว่า แล้วยีนเซอร์ทูอินนี้จะช่วยสแกนยีนในร่างกายอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งค่อยๆ ฟื้นฟูส่วนที่เสียหาย กล่าวกันว่าความแก่ชราและโรคมะเร็งก็มีสาเหตุมาจากความผิดปกติของยีน ดังนั้นเราสามารถทำให้กลับเป็นหนุ่มสาวและป้องกันโรคมะเร็งด้วยการกินอาหารวันละมื้อ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อหิวแล้วอาหารยังตกไม่ถึงท้อง ร่างกายจะนำไขมันที่สะสมไว้ในช่องท้องมาเปลี่ยนเป็นสารอาหาร ทำให้หน้าท้องแบนราบ นอกจากการกินวันละมื้อแล้ว ผู้เขียนมีข้อมูลใหม่เพิ่มเติมอีกว่าการนอนที่ดีคือนอนในช่วงร่างกายผลิต Growth Hormone ได้ดีที่สุดนั่นก็คือช่วงเวลาระหว่างสี่ทุ่มถึงตีสอง หลังอ่านจบผมมีความเห็นส่วนตัวว่าสิ่งที่จะทำคือ (1) รอให้ท้องร้องจ๊อกๆ บ่อยๆ เพื่อซ่อมแซมตัวเองและทำให้เยาว์วัยลง และ (2) ทานน้อยลง 60% ของแต่ละมื้อ.......” นอกจากที่คุณอดิศรเขียนแล้ว ผมไปค้นคว้าเพิ่มเติมและพบว่าเมื่อตอนคุณหมอ Nagumo มีอายุ 37 ปี เขาหนัก 77 กิโลกรัม และเมื่ออายุ 57 ปี หนัก 62 กิโลกรัม ความดันโลหิตเท่ากับคนอายุ 26 ปี อายุมวลกระดูกเท่ากับคนอายุ 28 ปี และสมองมีอายุเท่ากับคนอายุ 38 ปี จากที่ดูรูปในอินเทอร์เน็ตถึงแม้ขณะนี้คุณหมออายุ 59 ปี แต่หน้าตาเหมือนไม่ถึง 40 ปี ด้วยซ้ำ คุณหมอพูดในโทรทัศน์ว่าแค่เริ่มต้นไม่กี่วันก็จะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของสุขภาพแล้ว กลิ่นตัวจะหายไป ผิวหนังจะเนียนขึ้น หน้าท้องจะเรียบขึ้น รูปลักษณ์ของคนผอมจะเริ่มปรากฏ และจิตใจคึกคักขึ้นกว่าเก่า คุณหมอแนะนำให้ทำติดต่อกัน 52 วัน โดยกินอาหารวันละหนึ่งมื้อคือมื้อกลางวัน ในมื้อนี้อยากกินอะไรก็ตามใจตัวเองได้ หากหิวมากก็อาจเสริมด้วยผลไม้และอาหารเบาๆ ก่อนอาหารเย็น การกินอาหารน้อยลงมีประโยชน์อย่างแน่นอนเพราะมนุษย์เราโดยทั่วไปก็กินกันเกินพอดีอยู่แล้ว การทำตามคำแนะนำของคุณหมอแค่กินอาหารน้อยลง กินหลังจากที่ท้องร้องนานพอควร และหากแถมด้วยการเดินและออกกำลังกายก็ย่อมดีต่อสุขภาพ ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ ที่มา: คอลัมน์ "อาหารสมอง" | กรุงเทพธุรกิจ | 20 ม.ค. 58 Cr.FB: โต๊ะป้าศรี CH Table
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 557 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📌ข้อคิดดีๆฝากถึง Gen-Y และ Gen-Xตลอดจน ผู้ที่กำลังก้าวเข้าสู่ผู้สูงวัยจาก
    ➡️นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (ปัจจุบันอายุ 99 ปี) เจ้าของผลงานหนังสือ
    “อายุ 120 ปี ทำไมจะทำให้ไม่ได้”

    1. ผมเริ่มหันมาดูแลตัวเองอย่างจริงจังตั้งแต่อายุ 35 ปี ผมเป็นนักกีฬา ไม่เคยป่วย ไม่เคยเจ็บ ตอนทำงานคนอื่นเขาลาป่วยกัน ผมไม่เคยลา ผมวิ่ง ว่ายน้ำ ขึ้นเขาลงห้วยมาหมด พอเป็นอย่างนั้นผมก็มาตั้งเป้าหมายของตัวเองว่าอยากมีอายุยืนยาวถึง 120 ปี

    2. ที่ผมตั้งเป้าหมายว่าอยากมีอายุถึง 120 ปี ก็เพราะ หนึ่งผมเป็นหมอ เลยอยากทดลองกับตัวเอง และสองเป็นการทำให้ตัวเองไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ไม่นอนป่วย ถ้าเป็นคนอื่นที่มีอายุขนาดนี้เขาป่วยตายกันไปเเล้ว แต่ผมยังเเข็งแรง ขับรถทางไกลไปหัวหิน ไปไหนมาไหนได้สบายๆ

    3. ผมกินแบบช้าง ม้า วัว ควาย ไม่ได้กินแบบเสือ สิงโต หมา แมว เนื้อสัตว์ผมจะกินให้น้อยที่สุด กินเเต่ผัก กินผลไม้ ก็ทำให้แข็งแรงน่ะสิ ตลอดชีวิตผมให้เลือดไปทั้งหมด 114 ครั้ง ได้เลือดรวม 60 ลิตร ผมให้เลือดจนถึงอายุ 70 กว่าปีเพราะแข็งแรง คนปกติแค่อายุ 60 เขาก็หยุดให้เเล้ว เพราะกรุ๊ปเลือดผมเป็นเอบี หายาก มีน้อย

    4. สุขภาพที่ดีมาจากการออกกำลังกายสม่ำเสมอ น้ำหนักส่วนสูงต้องเป๊ะ คนอ้วนๆ ตายเร็วทั้งนั้นแหละ สังเกตดีๆ คนอายุยืนรูปร่างจะสูงเพรียว แต่ถ้าอ้วน ความดัน เบาหวาน โรคไต โรคตับ โรคอะไรร้อยแปด สุดท้ายก็ตายเร็ว

    5. ถ้าอยากดูแลสุขภาพตัวเอง เริ่มต้นง่ายๆ แค่ดูน้ำหนักกับส่วนสูง ผู้ชายสูงกี่เซนติเมตรให้เอา 100 ลบ แก้ผ้าชั่งน้ำหนักเลยนะ สมมติสูง 170 หัวเด็ดตีนขาดอย่าเกิน 70 กิโลกรัม ถ้าจะให้ดียิ่งไปอีกเอา 105 ลบ ส่วนผู้หญิงให้เอา 110 ลบ หุ่นนางงามอย่าง อาภัสรา หงสกุล สูง 170 น้ำหนัก 50 กิโลกรัม เห็นไหมเขาถึงได้เป็นมิสยูนิเวิร์ส

    6. การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด ไม่ต้องมีสระว่ายน้ำ ไม่ต้องมีอุปกรณ์อะไร นอกจากไปซื้อรองเท้ามาคู่หนึ่ง คนวัยทำงานควรหาเวลาออกกำลังกายอย่างน้อยๆ 3-4 วันใน 1 สัปดาห์ ก็ไปวิ่งสิ ให้ได้สักวันละ 5 กิโลเมตร วิ่งแล้วหัวใจก็แข็งแรง กล้ามเนื้อเเข็งแรง เหงื่อออก น้ำหนักตัวก็จะลดลง

    7. คนเราก็มีอยู่สองอย่าง มีคิดผิดกับคิดถูก ที่บอกว่ายิ่งแก่ยิ่งหมดไฟในการมีชีวิต ก็คนแบบนั้นมันคิดไม่เป็นไง หรือไม่ได้คิด เอาแต่เที่ยวเตร่ กินเหล้าเมายา สูบบุหรี่ เที่ยวหามรุ่งหามค่ำ แต่ผมไม่ ทุกวันนี้สนุกจะตาย ทดลองใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ

    8. คำว่า ‘ความสุข’ กับ ‘อายุยืน’ นั้นมาคู่กัน สุขอื่นใดยิ่งกว่าความสงบไม่มี พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ เพราะฉะนั้น เราก็ทำจิตใจให้สบาย สงบ ไม่เครียด ไม่จุ้นจ้าน ไม่หาเรื่อง ไม่โกรธ จิตใจมันก็สบาย แล้วสร้างแต่บุญสร้างแต่กุศล คนชั่ว คนใจบาปหยาบช้าไม่มีทางมีความสุขและอายุยืนยาวได้เลย คุณต้องทำจิตใจให้สบาย สร้างแต่บุญกุศล และทำแต่ความดี

    9. ผมแทบไม่มีเรื่องที่เสียดายในชีวิต เพราะผมวางแผนไว้หมดทุกอย่าง ผมเริ่มต้นดูแลสุขภาพมาตั้งแต่อายุยังน้อยๆ วางแผนทุกอย่างตั้งแต่การออกกำลังกาย การกินอาหาร และพักผ่อนนอนหลับ เรื่องที่เสียดายเกือบจะไม่มี เพราะชีวิตมันคือการวางแผน ผมวางแผนไว้ตั้งแต่หนุ่มๆ และมันเป็นไปตามแผนหมดทุกอย่าง หนังสืองานศพก็มี ความหมายของการมีหนังสืองานศพของตัวเองคือ การเตรียมตัวเตรียมใจ พูดง่ายๆ ว่าเตรียมพร้อมทุกอย่างไว้แล้ว คนเขียนคำไว้อาลัยให้เสร็จสรรพเรียบร้อยหมด

    10. สิ่งที่มีคุณค่าสำหรับคนวัยผมก็คือ การเห็นความก้าวหน้าของลูกหลานและเหลน ลูกทุกคนมีครอบครัวที่ดี เหมือนกับเราปลูกต้นไม้ เห็นต้นไม้ออกดอกผล ไม่มีด้วงไม่มีแมลงมาเกาะมันก็คือความสุข

    11. ชีวิตคนเราไม่ต้องมีต้นแบบ ตัวเราเป็นต้นแบบของตัวเองได้ อย่างผมไง ผมดูแลสุขภาพ วางแผนชีวิตตัวเองมาตลอดตั้งแต่ยังหนุ่มๆ ไม่จำเป็นต้องหาต้นแบบจากที่ไหน

    นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (ปัจจุบันอายุ 99 ปี)

    ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์

    FB: โต๊ะป้าศรี CH Table

    (แอดมินเดือน)
    📌ข้อคิดดีๆฝากถึง Gen-Y และ Gen-Xตลอดจน ผู้ที่กำลังก้าวเข้าสู่ผู้สูงวัยจาก ➡️นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (ปัจจุบันอายุ 99 ปี) เจ้าของผลงานหนังสือ “อายุ 120 ปี ทำไมจะทำให้ไม่ได้” 1. ผมเริ่มหันมาดูแลตัวเองอย่างจริงจังตั้งแต่อายุ 35 ปี ผมเป็นนักกีฬา ไม่เคยป่วย ไม่เคยเจ็บ ตอนทำงานคนอื่นเขาลาป่วยกัน ผมไม่เคยลา ผมวิ่ง ว่ายน้ำ ขึ้นเขาลงห้วยมาหมด พอเป็นอย่างนั้นผมก็มาตั้งเป้าหมายของตัวเองว่าอยากมีอายุยืนยาวถึง 120 ปี 2. ที่ผมตั้งเป้าหมายว่าอยากมีอายุถึง 120 ปี ก็เพราะ หนึ่งผมเป็นหมอ เลยอยากทดลองกับตัวเอง และสองเป็นการทำให้ตัวเองไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ไม่นอนป่วย ถ้าเป็นคนอื่นที่มีอายุขนาดนี้เขาป่วยตายกันไปเเล้ว แต่ผมยังเเข็งแรง ขับรถทางไกลไปหัวหิน ไปไหนมาไหนได้สบายๆ 3. ผมกินแบบช้าง ม้า วัว ควาย ไม่ได้กินแบบเสือ สิงโต หมา แมว เนื้อสัตว์ผมจะกินให้น้อยที่สุด กินเเต่ผัก กินผลไม้ ก็ทำให้แข็งแรงน่ะสิ ตลอดชีวิตผมให้เลือดไปทั้งหมด 114 ครั้ง ได้เลือดรวม 60 ลิตร ผมให้เลือดจนถึงอายุ 70 กว่าปีเพราะแข็งแรง คนปกติแค่อายุ 60 เขาก็หยุดให้เเล้ว เพราะกรุ๊ปเลือดผมเป็นเอบี หายาก มีน้อย 4. สุขภาพที่ดีมาจากการออกกำลังกายสม่ำเสมอ น้ำหนักส่วนสูงต้องเป๊ะ คนอ้วนๆ ตายเร็วทั้งนั้นแหละ สังเกตดีๆ คนอายุยืนรูปร่างจะสูงเพรียว แต่ถ้าอ้วน ความดัน เบาหวาน โรคไต โรคตับ โรคอะไรร้อยแปด สุดท้ายก็ตายเร็ว 5. ถ้าอยากดูแลสุขภาพตัวเอง เริ่มต้นง่ายๆ แค่ดูน้ำหนักกับส่วนสูง ผู้ชายสูงกี่เซนติเมตรให้เอา 100 ลบ แก้ผ้าชั่งน้ำหนักเลยนะ สมมติสูง 170 หัวเด็ดตีนขาดอย่าเกิน 70 กิโลกรัม ถ้าจะให้ดียิ่งไปอีกเอา 105 ลบ ส่วนผู้หญิงให้เอา 110 ลบ หุ่นนางงามอย่าง อาภัสรา หงสกุล สูง 170 น้ำหนัก 50 กิโลกรัม เห็นไหมเขาถึงได้เป็นมิสยูนิเวิร์ส 6. การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด ไม่ต้องมีสระว่ายน้ำ ไม่ต้องมีอุปกรณ์อะไร นอกจากไปซื้อรองเท้ามาคู่หนึ่ง คนวัยทำงานควรหาเวลาออกกำลังกายอย่างน้อยๆ 3-4 วันใน 1 สัปดาห์ ก็ไปวิ่งสิ ให้ได้สักวันละ 5 กิโลเมตร วิ่งแล้วหัวใจก็แข็งแรง กล้ามเนื้อเเข็งแรง เหงื่อออก น้ำหนักตัวก็จะลดลง 7. คนเราก็มีอยู่สองอย่าง มีคิดผิดกับคิดถูก ที่บอกว่ายิ่งแก่ยิ่งหมดไฟในการมีชีวิต ก็คนแบบนั้นมันคิดไม่เป็นไง หรือไม่ได้คิด เอาแต่เที่ยวเตร่ กินเหล้าเมายา สูบบุหรี่ เที่ยวหามรุ่งหามค่ำ แต่ผมไม่ ทุกวันนี้สนุกจะตาย ทดลองใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ 8. คำว่า ‘ความสุข’ กับ ‘อายุยืน’ นั้นมาคู่กัน สุขอื่นใดยิ่งกว่าความสงบไม่มี พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ เพราะฉะนั้น เราก็ทำจิตใจให้สบาย สงบ ไม่เครียด ไม่จุ้นจ้าน ไม่หาเรื่อง ไม่โกรธ จิตใจมันก็สบาย แล้วสร้างแต่บุญสร้างแต่กุศล คนชั่ว คนใจบาปหยาบช้าไม่มีทางมีความสุขและอายุยืนยาวได้เลย คุณต้องทำจิตใจให้สบาย สร้างแต่บุญกุศล และทำแต่ความดี 9. ผมแทบไม่มีเรื่องที่เสียดายในชีวิต เพราะผมวางแผนไว้หมดทุกอย่าง ผมเริ่มต้นดูแลสุขภาพมาตั้งแต่อายุยังน้อยๆ วางแผนทุกอย่างตั้งแต่การออกกำลังกาย การกินอาหาร และพักผ่อนนอนหลับ เรื่องที่เสียดายเกือบจะไม่มี เพราะชีวิตมันคือการวางแผน ผมวางแผนไว้ตั้งแต่หนุ่มๆ และมันเป็นไปตามแผนหมดทุกอย่าง หนังสืองานศพก็มี ความหมายของการมีหนังสืองานศพของตัวเองคือ การเตรียมตัวเตรียมใจ พูดง่ายๆ ว่าเตรียมพร้อมทุกอย่างไว้แล้ว คนเขียนคำไว้อาลัยให้เสร็จสรรพเรียบร้อยหมด 10. สิ่งที่มีคุณค่าสำหรับคนวัยผมก็คือ การเห็นความก้าวหน้าของลูกหลานและเหลน ลูกทุกคนมีครอบครัวที่ดี เหมือนกับเราปลูกต้นไม้ เห็นต้นไม้ออกดอกผล ไม่มีด้วงไม่มีแมลงมาเกาะมันก็คือความสุข 11. ชีวิตคนเราไม่ต้องมีต้นแบบ ตัวเราเป็นต้นแบบของตัวเองได้ อย่างผมไง ผมดูแลสุขภาพ วางแผนชีวิตตัวเองมาตลอดตั้งแต่ยังหนุ่มๆ ไม่จำเป็นต้องหาต้นแบบจากที่ไหน นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (ปัจจุบันอายุ 99 ปี) ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์ FB: โต๊ะป้าศรี CH Table (แอดมินเดือน)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 565 มุมมอง 0 รีวิว
  • ❤️ขัอคิดดีๆฝากถึง Gen-Y Gen-X และผู้ที่กำลังก้าวเข้าสู่สูงวัยจาก
    👉นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (ปัจจุบันอายุ 99 ปี) เจ้าของผลงานหนังสือ
    “อายุ 120 ปี ทำไมจะทำให้ไม่ได้”

    1. ผมเริ่มหันมาดูแลตัวเองอย่างจริงจังตั้งแต่อายุ 35 ปี ผมเป็นนักกีฬา ไม่เคยป่วย ไม่เคยเจ็บ ตอนทำงานคนอื่นเขาลาป่วยกัน ผมไม่เคยลา ผมวิ่ง ว่ายน้ำ ขึ้นเขาลงห้วยมาหมด พอเป็นอย่างนั้นผมก็มาตั้งเป้าหมายของตัวเองว่าอยากมีอายุยืนยาวถึง 120 ปี

    2. ที่ผมตั้งเป้าหมายว่าอยากมีอายุถึง 120 ปี ก็เพราะ หนึ่งผมเป็นหมอ เลยอยากทดลองกับตัวเอง และสองเป็นการทำให้ตัวเองไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ไม่นอนป่วย ถ้าเป็นคนอื่นที่มีอายุขนาดนี้เขาป่วยตายกันไปเเล้ว แต่ผมยังเเข็งแรง ขับรถทางไกลไปหัวหิน ไปไหนมาไหนได้สบายๆ

    3. ผมกินแบบช้าง ม้า วัว ควาย ไม่ได้กินแบบเสือ สิงโต หมา แมว เนื้อสัตว์ผมจะกินให้น้อยที่สุด กินเเต่ผัก กินผลไม้ ก็ทำให้แข็งแรงน่ะสิ ตลอดชีวิตผมให้เลือดไปทั้งหมด 114 ครั้ง ได้เลือดรวม 60 ลิตร ผมให้เลือดจนถึงอายุ 70 กว่าปีเพราะแข็งแรง คนปกติแค่อายุ 60 เขาก็หยุดให้เเล้ว เพราะกรุ๊ปเลือดผมเป็นเอบี หายาก มีน้อย

    4. สุขภาพที่ดีมาจากการออกกำลังกายสม่ำเสมอ น้ำหนักส่วนสูงต้องเป๊ะ คนอ้วนๆ ตายเร็วทั้งนั้นแหละ สังเกตดีๆ คนอายุยืนรูปร่างจะสูงเพรียว แต่ถ้าอ้วน ความดัน เบาหวาน โรคไต โรคตับ โรคอะไรร้อยแปด สุดท้ายก็ตายเร็ว

    5. ถ้าอยากดูแลสุขภาพตัวเอง เริ่มต้นง่ายๆ แค่ดูน้ำหนักกับส่วนสูง ผู้ชายสูงกี่เซนติเมตรให้เอา 100 ลบ แก้ผ้าชั่งน้ำหนักเลยนะ สมมติสูง 170 หัวเด็ดตีนขาดอย่าเกิน 70 กิโลกรัม ถ้าจะให้ดียิ่งไปอีกเอา 105 ลบ ส่วนผู้หญิงให้เอา 110 ลบ หุ่นนางงามอย่าง อาภัสรา หงสกุล สูง 170 น้ำหนัก 50 กิโลกรัม เห็นไหมเขาถึงได้เป็นมิสยูนิเวิร์ส

    6. การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด ไม่ต้องมีสระว่ายน้ำ ไม่ต้องมีอุปกรณ์อะไร นอกจากไปซื้อรองเท้ามาคู่หนึ่ง คนวัยทำงานควรหาเวลาออกกำลังกายอย่างน้อยๆ 3-4 วันใน 1 สัปดาห์ ก็ไปวิ่งสิ ให้ได้สักวันละ 5 กิโลเมตร วิ่งแล้วหัวใจก็แข็งแรง กล้ามเนื้อเเข็งแรง เหงื่อออก น้ำหนักตัวก็จะลดลง

    7. คนเราก็มีอยู่สองอย่าง มีคิดผิดกับคิดถูก ที่บอกว่ายิ่งแก่ยิ่งหมดไฟในการมีชีวิต ก็คนแบบนั้นมันคิดไม่เป็นไง หรือไม่ได้คิด เอาแต่เที่ยวเตร่ กินเหล้าเมายา สูบบุหรี่ เที่ยวหามรุ่งหามค่ำ แต่ผมไม่ ทุกวันนี้สนุกจะตาย ทดลองใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ

    8. คำว่า ‘ความสุข’ กับ ‘อายุยืน’ นั้นมาคู่กัน สุขอื่นใดยิ่งกว่าความสงบไม่มี พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ เพราะฉะนั้น เราก็ทำจิตใจให้สบาย สงบ ไม่เครียด ไม่จุ้นจ้าน ไม่หาเรื่อง ไม่โกรธ จิตใจมันก็สบาย แล้วสร้างแต่บุญสร้างแต่กุศล คนชั่ว คนใจบาปหยาบช้าไม่มีทางมีความสุขและอายุยืนยาวได้เลย คุณต้องทำจิตใจให้สบาย สร้างแต่บุญกุศล และทำแต่ความดี

    9. ผมแทบไม่มีเรื่องที่เสียดายในชีวิต เพราะผมวางแผนไว้หมดทุกอย่าง ผมเริ่มต้นดูแลสุขภาพมาตั้งแต่อายุยังน้อยๆ วางแผนทุกอย่างตั้งแต่การออกกำลังกาย การกินอาหาร และพักผ่อนนอนหลับ เรื่องที่เสียดายเกือบจะไม่มี เพราะชีวิตมันคือการวางแผน ผมวางแผนไว้ตั้งแต่หนุ่มๆ และมันเป็นไปตามแผนหมดทุกอย่าง หนังสืองานศพก็มี ความหมายของการมีหนังสืองานศพของตัวเองคือ การเตรียมตัวเตรียมใจ พูดง่ายๆ ว่าเตรียมพร้อมทุกอย่างไว้แล้ว คนเขียนคำไว้อาลัยให้เสร็จสรรพเรียบร้อยหมด

    10. สิ่งที่มีคุณค่าสำหรับคนวัยผมก็คือ การเห็นความก้าวหน้าของลูกหลานและเหลน ลูกทุกคนมีครอบครัวที่ดี เหมือนกับเราปลูกต้นไม้ เห็นต้นไม้ออกดอกผล ไม่มีด้วงไม่มีแมลงมาเกาะมันก็คือความสุข

    11. ชีวิตคนเราไม่ต้องมีต้นแบบ ตัวเราเป็นต้นแบบของตัวเองได้ อย่างผมไง ผมดูแลสุขภาพ วางแผนชีวิตตัวเองมาตลอดตั้งแต่ยังหนุ่มๆ ไม่จำเป็นต้องหาต้นแบบจากที่ไหน

    นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (ปัจจุบันอายุ 99ปี
    ❤️ขัอคิดดีๆฝากถึง Gen-Y Gen-X และผู้ที่กำลังก้าวเข้าสู่สูงวัยจาก 👉นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (ปัจจุบันอายุ 99 ปี) เจ้าของผลงานหนังสือ “อายุ 120 ปี ทำไมจะทำให้ไม่ได้” 1. ผมเริ่มหันมาดูแลตัวเองอย่างจริงจังตั้งแต่อายุ 35 ปี ผมเป็นนักกีฬา ไม่เคยป่วย ไม่เคยเจ็บ ตอนทำงานคนอื่นเขาลาป่วยกัน ผมไม่เคยลา ผมวิ่ง ว่ายน้ำ ขึ้นเขาลงห้วยมาหมด พอเป็นอย่างนั้นผมก็มาตั้งเป้าหมายของตัวเองว่าอยากมีอายุยืนยาวถึง 120 ปี 2. ที่ผมตั้งเป้าหมายว่าอยากมีอายุถึง 120 ปี ก็เพราะ หนึ่งผมเป็นหมอ เลยอยากทดลองกับตัวเอง และสองเป็นการทำให้ตัวเองไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ไม่นอนป่วย ถ้าเป็นคนอื่นที่มีอายุขนาดนี้เขาป่วยตายกันไปเเล้ว แต่ผมยังเเข็งแรง ขับรถทางไกลไปหัวหิน ไปไหนมาไหนได้สบายๆ 3. ผมกินแบบช้าง ม้า วัว ควาย ไม่ได้กินแบบเสือ สิงโต หมา แมว เนื้อสัตว์ผมจะกินให้น้อยที่สุด กินเเต่ผัก กินผลไม้ ก็ทำให้แข็งแรงน่ะสิ ตลอดชีวิตผมให้เลือดไปทั้งหมด 114 ครั้ง ได้เลือดรวม 60 ลิตร ผมให้เลือดจนถึงอายุ 70 กว่าปีเพราะแข็งแรง คนปกติแค่อายุ 60 เขาก็หยุดให้เเล้ว เพราะกรุ๊ปเลือดผมเป็นเอบี หายาก มีน้อย 4. สุขภาพที่ดีมาจากการออกกำลังกายสม่ำเสมอ น้ำหนักส่วนสูงต้องเป๊ะ คนอ้วนๆ ตายเร็วทั้งนั้นแหละ สังเกตดีๆ คนอายุยืนรูปร่างจะสูงเพรียว แต่ถ้าอ้วน ความดัน เบาหวาน โรคไต โรคตับ โรคอะไรร้อยแปด สุดท้ายก็ตายเร็ว 5. ถ้าอยากดูแลสุขภาพตัวเอง เริ่มต้นง่ายๆ แค่ดูน้ำหนักกับส่วนสูง ผู้ชายสูงกี่เซนติเมตรให้เอา 100 ลบ แก้ผ้าชั่งน้ำหนักเลยนะ สมมติสูง 170 หัวเด็ดตีนขาดอย่าเกิน 70 กิโลกรัม ถ้าจะให้ดียิ่งไปอีกเอา 105 ลบ ส่วนผู้หญิงให้เอา 110 ลบ หุ่นนางงามอย่าง อาภัสรา หงสกุล สูง 170 น้ำหนัก 50 กิโลกรัม เห็นไหมเขาถึงได้เป็นมิสยูนิเวิร์ส 6. การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด ไม่ต้องมีสระว่ายน้ำ ไม่ต้องมีอุปกรณ์อะไร นอกจากไปซื้อรองเท้ามาคู่หนึ่ง คนวัยทำงานควรหาเวลาออกกำลังกายอย่างน้อยๆ 3-4 วันใน 1 สัปดาห์ ก็ไปวิ่งสิ ให้ได้สักวันละ 5 กิโลเมตร วิ่งแล้วหัวใจก็แข็งแรง กล้ามเนื้อเเข็งแรง เหงื่อออก น้ำหนักตัวก็จะลดลง 7. คนเราก็มีอยู่สองอย่าง มีคิดผิดกับคิดถูก ที่บอกว่ายิ่งแก่ยิ่งหมดไฟในการมีชีวิต ก็คนแบบนั้นมันคิดไม่เป็นไง หรือไม่ได้คิด เอาแต่เที่ยวเตร่ กินเหล้าเมายา สูบบุหรี่ เที่ยวหามรุ่งหามค่ำ แต่ผมไม่ ทุกวันนี้สนุกจะตาย ทดลองใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ 8. คำว่า ‘ความสุข’ กับ ‘อายุยืน’ นั้นมาคู่กัน สุขอื่นใดยิ่งกว่าความสงบไม่มี พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ เพราะฉะนั้น เราก็ทำจิตใจให้สบาย สงบ ไม่เครียด ไม่จุ้นจ้าน ไม่หาเรื่อง ไม่โกรธ จิตใจมันก็สบาย แล้วสร้างแต่บุญสร้างแต่กุศล คนชั่ว คนใจบาปหยาบช้าไม่มีทางมีความสุขและอายุยืนยาวได้เลย คุณต้องทำจิตใจให้สบาย สร้างแต่บุญกุศล และทำแต่ความดี 9. ผมแทบไม่มีเรื่องที่เสียดายในชีวิต เพราะผมวางแผนไว้หมดทุกอย่าง ผมเริ่มต้นดูแลสุขภาพมาตั้งแต่อายุยังน้อยๆ วางแผนทุกอย่างตั้งแต่การออกกำลังกาย การกินอาหาร และพักผ่อนนอนหลับ เรื่องที่เสียดายเกือบจะไม่มี เพราะชีวิตมันคือการวางแผน ผมวางแผนไว้ตั้งแต่หนุ่มๆ และมันเป็นไปตามแผนหมดทุกอย่าง หนังสืองานศพก็มี ความหมายของการมีหนังสืองานศพของตัวเองคือ การเตรียมตัวเตรียมใจ พูดง่ายๆ ว่าเตรียมพร้อมทุกอย่างไว้แล้ว คนเขียนคำไว้อาลัยให้เสร็จสรรพเรียบร้อยหมด 10. สิ่งที่มีคุณค่าสำหรับคนวัยผมก็คือ การเห็นความก้าวหน้าของลูกหลานและเหลน ลูกทุกคนมีครอบครัวที่ดี เหมือนกับเราปลูกต้นไม้ เห็นต้นไม้ออกดอกผล ไม่มีด้วงไม่มีแมลงมาเกาะมันก็คือความสุข 11. ชีวิตคนเราไม่ต้องมีต้นแบบ ตัวเราเป็นต้นแบบของตัวเองได้ อย่างผมไง ผมดูแลสุขภาพ วางแผนชีวิตตัวเองมาตลอดตั้งแต่ยังหนุ่มๆ ไม่จำเป็นต้องหาต้นแบบจากที่ไหน นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (ปัจจุบันอายุ 99ปี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 482 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรุงเทพฯ ดุจเทพสร้าง หลังคาคลุมทางเท้า 20 ล้าน

    ยังคงมีเรื่องดรามาไม่หยุด สำหรับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ยุคผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เมื่อมีโครงการปรับรูปแบบโครงการทางเดินเท้าแบบมีหลังคาคลุม (Covered walkway) บริเวณถนนสาทรใต้ โดยสำนักการโยธา ได้ร่วมกับศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UDDC) ศึกษาและออกแบบ ก่อสร้างนำร่องบริเวณถนนสาทรใต้ ช่วงสถานีรถไฟฟ้าลุมพินี ถึงสกายวอล์กช่องนนทรี ระยะทาง 1.6 กิโลเมตร งบประมาณ 20,523,000 บาท ระยะเวลาการก่อสร้าง 180 วัน

    แต่เนื่องจากการไฟฟ้านครหลวง ได้ดำเนินการท่อร้อยสายไฟ และมีแผนจะหักเสาไฟประมาณเดือน พ.ค. 2569 จึงต้องปรับรูปแบบการก่อสร้าง โดยทำการเว้าเพื่อหลบเสาไฟฟ้า เพื่อให้การก่อสร้างแล้วเสร็จตามแผนงาน เมื่อการไฟฟ้านครหลวงหักเสาเสร็จแล้ว ถึงจะปรับปรุงบริเวณที่มีการเว้าให้สมบูรณ์ตามแบบต่อไป

    วัตถุประสงค์หลักเพื่อให้สามารถใช้สัญจรในทุกสภาพอากาศ ท่ามกลางอากาศร้อนจัดและฝนตกชุกหลายเดือน เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเลือกสัญจรโดยขนส่งมวลขนและการเดินเท้า สามารถเดินเท้าเชื่อมต่อไปยังระบบขนส่งสาธารณะได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดปัญหาการจราจรของเมือง และอ้างว่าประเทศสิงคโปร์ หรือเมืองต่างๆ ของไต้หวันได้ทำ

    โครงการหลังคาคลุมทางเท้า เรียกเสียงวิจารณ์จากชาวเน็ตอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะประเด็นการใช้งบประมาณตกเมตรละ 13,000 บาท คุ้มค่าหรือไม่ สารพัดข้อสงสัยมีตั้งแต่ สภาพทางเท้าที่แท้จริงเหมาะกับการเดินเท้าหรือไม่ กันแดดกันฝนได้จริงหรือไม่ คนพิการใช้งานสะดวกหรือไม่ มีแสงสว่างเพียงพอในยามค่ำคืนหรือไม่ การที่ยังไม่หักเสาไฟจะกลายเป็นมุมอับสำหรับมิจฉาชีพหรือไม่ ภูมิทัศน์ไม่รกสายตาหรือไม่ เมื่อหลังคาหรือเสาสกปรกเพราะสัตว์พาหะ เช่น สุนัข แมว หนู นก ฯลฯ เศษขยะ หรือมีคนมือบอนขีดเขียน จะสามารถทำความสะอาดได้หรือไม่

    และจะแน่ใจได้อย่างไรว่าทางเท้ายังเป็นทางเท้า ไม่ถูกทำให้กลายเป็นทางสัญจรของรถจักรยานยนต์ กลายเป็นแหล่งขายของบรรดาหาบเร่แผงลอย หรือเป็นที่อยู่อาศัยหลับนอนของคนไร้บ้าน ซึ่งก่อนหน้านี้เฟซบุ๊กเพจ Bangkok Sightseeing ยังเผยแพร่ภาพรถจักรยานยนต์ขับขี่บนทางเท้าถนนสาทรใต้ ที่กำลังก่อสร้างหลังคาคลุมทางเท้า และเริ่มมีวินรถจักรยานยนต์จอดรถกันเป็นกลุ่มเพื่อจับจองพื้นที่แล้ว

    หลังคาคลุมทางเท้าอาจกลายเป็นโครงการที่มีข้อครหา ไม่ต่างจากกรณีการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย ที่พบว่าลู่วิ่งราคา 7.5 แสนบาท หรือการก่อสร้างศาลาที่พักผู้โดยสารรถประจำทางรูปแบบใหม่ ที่มีราคาสูงถึงหลังละ 280,000-320,000 บาท หรือการจัดซื้อจัดจ้างอีกมากที่ยังเคลือบแคลงสงสัย

    #Newskit
    กรุงเทพฯ ดุจเทพสร้าง หลังคาคลุมทางเท้า 20 ล้าน ยังคงมีเรื่องดรามาไม่หยุด สำหรับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ยุคผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เมื่อมีโครงการปรับรูปแบบโครงการทางเดินเท้าแบบมีหลังคาคลุม (Covered walkway) บริเวณถนนสาทรใต้ โดยสำนักการโยธา ได้ร่วมกับศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UDDC) ศึกษาและออกแบบ ก่อสร้างนำร่องบริเวณถนนสาทรใต้ ช่วงสถานีรถไฟฟ้าลุมพินี ถึงสกายวอล์กช่องนนทรี ระยะทาง 1.6 กิโลเมตร งบประมาณ 20,523,000 บาท ระยะเวลาการก่อสร้าง 180 วัน แต่เนื่องจากการไฟฟ้านครหลวง ได้ดำเนินการท่อร้อยสายไฟ และมีแผนจะหักเสาไฟประมาณเดือน พ.ค. 2569 จึงต้องปรับรูปแบบการก่อสร้าง โดยทำการเว้าเพื่อหลบเสาไฟฟ้า เพื่อให้การก่อสร้างแล้วเสร็จตามแผนงาน เมื่อการไฟฟ้านครหลวงหักเสาเสร็จแล้ว ถึงจะปรับปรุงบริเวณที่มีการเว้าให้สมบูรณ์ตามแบบต่อไป วัตถุประสงค์หลักเพื่อให้สามารถใช้สัญจรในทุกสภาพอากาศ ท่ามกลางอากาศร้อนจัดและฝนตกชุกหลายเดือน เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเลือกสัญจรโดยขนส่งมวลขนและการเดินเท้า สามารถเดินเท้าเชื่อมต่อไปยังระบบขนส่งสาธารณะได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดปัญหาการจราจรของเมือง และอ้างว่าประเทศสิงคโปร์ หรือเมืองต่างๆ ของไต้หวันได้ทำ โครงการหลังคาคลุมทางเท้า เรียกเสียงวิจารณ์จากชาวเน็ตอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะประเด็นการใช้งบประมาณตกเมตรละ 13,000 บาท คุ้มค่าหรือไม่ สารพัดข้อสงสัยมีตั้งแต่ สภาพทางเท้าที่แท้จริงเหมาะกับการเดินเท้าหรือไม่ กันแดดกันฝนได้จริงหรือไม่ คนพิการใช้งานสะดวกหรือไม่ มีแสงสว่างเพียงพอในยามค่ำคืนหรือไม่ การที่ยังไม่หักเสาไฟจะกลายเป็นมุมอับสำหรับมิจฉาชีพหรือไม่ ภูมิทัศน์ไม่รกสายตาหรือไม่ เมื่อหลังคาหรือเสาสกปรกเพราะสัตว์พาหะ เช่น สุนัข แมว หนู นก ฯลฯ เศษขยะ หรือมีคนมือบอนขีดเขียน จะสามารถทำความสะอาดได้หรือไม่ และจะแน่ใจได้อย่างไรว่าทางเท้ายังเป็นทางเท้า ไม่ถูกทำให้กลายเป็นทางสัญจรของรถจักรยานยนต์ กลายเป็นแหล่งขายของบรรดาหาบเร่แผงลอย หรือเป็นที่อยู่อาศัยหลับนอนของคนไร้บ้าน ซึ่งก่อนหน้านี้เฟซบุ๊กเพจ Bangkok Sightseeing ยังเผยแพร่ภาพรถจักรยานยนต์ขับขี่บนทางเท้าถนนสาทรใต้ ที่กำลังก่อสร้างหลังคาคลุมทางเท้า และเริ่มมีวินรถจักรยานยนต์จอดรถกันเป็นกลุ่มเพื่อจับจองพื้นที่แล้ว หลังคาคลุมทางเท้าอาจกลายเป็นโครงการที่มีข้อครหา ไม่ต่างจากกรณีการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย ที่พบว่าลู่วิ่งราคา 7.5 แสนบาท หรือการก่อสร้างศาลาที่พักผู้โดยสารรถประจำทางรูปแบบใหม่ ที่มีราคาสูงถึงหลังละ 280,000-320,000 บาท หรือการจัดซื้อจัดจ้างอีกมากที่ยังเคลือบแคลงสงสัย #Newskit
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 666 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🎁สูงวัยอย่างไรให้มีคุณค่า🎁

    🎁การเข้าสู่วัยสูงอายุไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิต แต่เป็นช่วงเวลาที่เราสามารถใช้ประสบการณ์และความรู้ที่สั่งสมมาสร้างคุณค่าให้กับตัวเองและสังคมได้ การมีคุณค่าหมายถึงการยังคงมีบทบาท มีความหมาย และรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง

    👉เริ่มจากการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ทั้งกายและใจ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตโดยการทำกิจกรรมที่ชอบ เช่น อ่านหนังสือ ทำสวน หรือฝึกสมาธิ

    👉นอกจากนี้ การมีปฏิสัมพันธ์กับสังคมก็สำคัญ ลองเข้าร่วมชมรมหรือทำงานอาสาสมัครเพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ให้กับคนรุ่นใหม่ การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เช่น เทคโนโลยีหรือทักษะใหม่ จะช่วยให้สมองสดชื่นและรู้สึกทันสมัย
    👍สุดท้าย การมองชีวิตในแง่บวก ยอมรับการเปลี่ยนแปลง และใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย จะทำให้การเป็นผู้สูงวัยเต็มไปด้วยความสุขและความหมายที่แท้จริง
    🎁สูงวัยอย่างไรให้มีคุณค่า🎁 🎁การเข้าสู่วัยสูงอายุไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิต แต่เป็นช่วงเวลาที่เราสามารถใช้ประสบการณ์และความรู้ที่สั่งสมมาสร้างคุณค่าให้กับตัวเองและสังคมได้ การมีคุณค่าหมายถึงการยังคงมีบทบาท มีความหมาย และรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง 👉เริ่มจากการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ทั้งกายและใจ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตโดยการทำกิจกรรมที่ชอบ เช่น อ่านหนังสือ ทำสวน หรือฝึกสมาธิ 👉นอกจากนี้ การมีปฏิสัมพันธ์กับสังคมก็สำคัญ ลองเข้าร่วมชมรมหรือทำงานอาสาสมัครเพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ให้กับคนรุ่นใหม่ การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เช่น เทคโนโลยีหรือทักษะใหม่ จะช่วยให้สมองสดชื่นและรู้สึกทันสมัย 👍สุดท้าย การมองชีวิตในแง่บวก ยอมรับการเปลี่ยนแปลง และใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย จะทำให้การเป็นผู้สูงวัยเต็มไปด้วยความสุขและความหมายที่แท้จริง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 362 มุมมอง 0 รีวิว
  • ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่...ของคนไทยหรือไม่

    หลังจากตลาดรถยนต์🚘ชะลอตัวมาตั้งเเต่ ปี 2567 เเละคาดว่าจะซึมยาวไปจนอย่างน้อยถึงกลางปี 2568 ✅กำลังซื้อระดับกลาง-ล่างอ่อนแอหนัก ขณะที่ด้านปัจจัยลบราคาน้ำมัน⛽ที่สูงขึ้นเป็นตัวฉุดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ชะลอการตัดสินใจซื้อรถยนต์ออกไป จริงหรือไม่ บทความนี้จะพาไปค้นหาคำตอบภายใน 5 นาที!!🎯
    สถานการณ์ตอนนี้ ✨ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอยู่ในช่วงซึม ยอดขายรถยนต์หดตัวอย่างหนัก👉เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีแนวโน้มที่ยอดขายรถยนต์ทั้งปี 2568 จะหดตัวรุนแรงสุดในรอบ 15 ปี

    ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) มองว่า ยอดขายรถยนต์ในประเทศไทย อยู่ในช่วงชะลอตัวลงในระยะยาว จาก 5 สถานการณ์หลักตอนนี้ คือ...

    1. ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอิ่มตัว ⚠️

    ตอนนี้ถ้าดูจำนวนรถยนต์ที่วิ่งบนถนนสะสมทั่วประเทศ สูงถึงเกือบ 20 ล้านคัน หรือคิดเป็น 277 คันต่อประชากรไทย 1,000 คน เทียบแล้วของไทยค่อนข้างสูงเมื่อมองไปที่เวียดนาม 50 คัน ฟิลิปปินส์ 38 คัน และอินโดนีเซีย 78 คันต่อประชากร 1,000 คน และนิสัยการใช้รถของคนไทยที่ค่อนข้างนานเฉลี่ยถึง 12 ปี เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยประเทศหลัก ๆ ที่ใช้งานรถยนต์ประมาณ 6-8 ปี โอกาสที่ซื้อรถยนต์ใหม่แทนรถคันเก่าเลยค่อนข้างต่ำ

    2. พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ➡️

    หลังการบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์ผู้ผลิตจีน ทำให้มาตรฐานการตั้งราคารถใหม่🧾ในท้องตลาด มีแนวโน้มลดลงจากเดิม ผู้บริโภคเลยมีตัวเลือกมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ขณะที่บางส่วนชะลอการซื้อรถยนต์ออกไปจนกว่าจะเจอราคาที่เหมาะสมกับกำลังซื้อ รวมไปถึงทัศนคติต่อการซื้อรถยนต์ของคนยุคใหม่ ที่หันมาใช้การเช่าแทนการซื้อครอบครอง เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต และลดภาระค่าใช้จ่ายที่จะตามมา ทำให้การซื้อรถยนต์ในยุคสมัยนี้อาจน้อยกว่าในอดีต

    3. โครงสร้างประชากรกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ 👴🏻

    เห็นชัดจากยอดขายที่อยู่อาศัย และรถยนต์ในประเทศ ระยะหลังชะลอการเติบโตลง 👵🏼ส่วนหนึ่งมาจากโครงสร้างประชากรไทยที่อยู่ในภาวะ “สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์” และกำลังจะขยับเป็น “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด” ในอีกไม่ถึง 10 ปีข้างหน้า สวนทางกับสัดส่วนประชากรที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่มีกำลังซื้อรถยนต์อย่างกลุ่มอายุ 25-49 ปี กลับมีสัดส่วนลดลงอย่างต่อเนื่อง

    4. เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตช้าลง 📉

    การลงทุนโดยรวมอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน ภาคการผลิตและส่งออกก็กำลังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างรุนแรงขึ้น รวมไปถึงการบุกตลาดของสินค้าราคาถูกจากจีน ที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กระทบความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตช้าลงในระยะยาว บั่นทอนการเติบโตของรายได้ และกำลังซื้อ💵💰💳ของภาคครัวเรือน

    5. หนี้ครัวเรือนสูงกำลังเพิ่มข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อ 📈

    หนี้ครัวเรือนไทยในปัจจุบันสูงถึง 91.3% ของจีดีพี ซึ่งสูงเกินกว่าระดับที่เหมาะสมที่เอื้อต่อการบริโภคที่ 80% ของจีดีพี และสูงกว่าประเทศที่มีรายได้ต่อหัวใกล้เคียงกัน ทำให้สถาบันการเงิน มีข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อแก่รายย่อยมากขึ้น

    ขณะที่ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า⚡ที่จำหน่ายได้ภายใต้มาตรการของรัฐบาล ที่ลงนามเข้าโครงการ ดึงดูดความสนใจ ที่ลดลงไปแล้วอย่างน้อย 70,000 - 1.5 แสนบาท ก็สามารถที่จะกระตุ้นให้คนสนใจ😘 เเละยอดจองได้ไม่น้อยทีเดียว เพราะอย่างน้อยๆ ราคาที่ดึงดูดนี้ ก็ยังทำให้คนที่ถึงเวลาจะต้องเปลี่ยนรถคันใหม่ หรือหาซื้อรถเพิ่มเข้ามาอีกคัน ก็พิจารณาตัดสินใจได้ไม่ยาก

    ข้อมูลจากคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ กระทรวงพลังงาน ระบุว่า ในกรณีที่เป็นรถยนต์ที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน☝️ ราคา🗺️ไม่เกิน 2 ล้านบาท จะได้รับการลดภาษีนำเข้า 40% ตั้งเเต่ ปี 2565-2566 แล้วยังได้ลดภาษีสรรพสามิต เหลือ 2% ในปี 2565-2568

    ไม่เพียงเท่านี้!! ยังแถมด้วยเงินอุดหนุนจากรัฐบาล 70,000 บาท และ 1.5 แสนบาท ตามขนาดของแบตเตอรี่...
    แต่หากมีราคา 2-7 ล้านบาท ได้ลดภาษีนำเข้า 20% และได้ลดภาษีสรรพสามิตเหลือ🤑 2% (ในช่วงปี 2565-2566 ที่ผ่านมา) แต่จะไม่ได้รับเงินอุดหนุนใดๆ จากรัฐบาล

    ส่วนกรณีรถกระบะที่ผลิตในประเทศ ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท จะไม่มีภาษีสรรพสามิต ในช่วง 3 ปี คือตั้งแต่ปี 2565 - 2568 ได้รับเงินอุหนุน 1.5 แสนบาท โดยขนาดแบตเตอรี่ 30 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง เป็นเวลา 3 ปี จนถึงปี 2568

    ขณะที่รถมอเตอร์ไซค์ ราคาไม่เกิน 1.5 แสนบาท จะได้รับเงินอุดหนุน💵 18,000 บาท เป็นเวลา 3 ปี (ตั้งเเต่ปี 2566-68) มาตรการของรัฐบาลครั้งนี้!! สามารถดึงดูดความสนใจ…แรงซื้อ…จากคนที่ยังมีกำลังซื้อได้ไม่ไม่น้อย

    📌ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่ของคนไทย ทั้งชะลอเวลาการซื้อรถคันใหม่ที่เป็นรถใหม่ออกไป เเละ เปลี่ยนใจจากรถน้ำมันหันไปหารถใหม่ที่เป็น EV⚡ สำหรับคนที่มีรถใช้น้ำมันอยู่เเล้ว หรือ เเม้กระทั่ง Plug-in Hybrid 🔌ที่เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่จะมีรถคันเเรก เเละยอมใจกับราคาน้ำมัน🛢️เเละกลุ่มที่กำลังมาเเรง คือกลุ่มที่หันไปซบรถใช้น้ำมันมือสอง ที่มาจากเตนท์ หรือจากลานประมูลรถมือสอง ที่เริ่มมีลูกค้าประเภทประมูลซื้อใช้เอง จำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

    ปัญหาน้ำมัน⛽แพง เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนสนใจจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV บวกกับการที่รัฐบาลให้เงินอุดหนุน💰70,000 บาท - 150,000 บาทต่อคัน ยิ่งเป็นแรงจูงใจให้คนสนใจรถอีวีมากขึ้นนั่นเอง
    เมื่อเรายังต้องอยู่ในยุคที่สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น💹อย่างต่อเนื่อง เพราะความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว☣จากโควิด-19 🤧ในขณะที่กลุ่มโอเปกยังคงยืนยันที่จะส่งออกน้ำมันดิบ⛽เพียง 400,000 บาร์เรล🛢️ต่อวัน ทำให้ราคาน้ำมันในไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น

    เเละเมื่อเรายังจำเป้นต้องใช้รถเติมน้ำมัน บทความนี้มีเทคนิคการประหยัดน้ำมันแบบง่าย ๆ เพื่อฝ่าวิกฤตน้ำมันราคาแพงครั้งนี้ไปด้วยกัน มาเเชร์ให้ค่ะ

    1. ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว เปลี่ยนไปใช้ระบบขนส่งสาธารณะในการเดินทาง โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน นอกจากจะช่วยประหยัดค่าน้ำมันแล้ว ยังลดความเครียด 🤝😊จากปัญหาจราจรอีกด้วย
    2. หากจำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนตัว การขับรถที่ความเร็วที่ 60 – 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง คืออัตราความเร็วที่เหมาะสมที่สุด🙌ในการประหยัดน้ำมันรถได้มากที่สุด ที่สำคัญช่วยทำให้ปลอดภัยลดอุบัติเหตุได้ด้วย
    3. ตรวจเช็คสภาพรถและลมยางเป็นประจำเพื่อให้พร้อมใช้งาน🥰การตรวจสอบลมยางทั้ง 4 เส้นเป็นประจำ ให้มีปริมาตรลมตามมาตรฐานที่กำหนด เพราะยางที่อ่อนเกินไปจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมาก
    4. เลือกใช้การเดินเท้า🚶‍♀️‍➡️ในระยะที่น้อยกว่า 1 กิโลเมตร เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดน้ำมันแล้ว ยังได้ออกกำลังกาย 🏃🏻‍♂️‍➡️ ทำให้สุขภาพของเราแข็งแรงขึ้น💪🏼
    5. เลือกซื้อ🛒🛍️สินค้าในชุมชนที่อยู่อาศัย เมื่อต้องการออกไปจับจ่ายใช้สอยซื้อหาอาหาร หรือสินค้าจำเป็นต่างๆ เพื่อลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากการเดินทาง

    จบไปเเล้วสำหรับ "ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่...ของคนไทยหรือไม่" เเละหากว่าพี่ๆ ท่านใด สนใจอยากจะมีรถไว้ใช้งานที่ประหยัดงบประมาณ สามารถเหลือเงินไว้เก็บงานต่างๆ ของรถมือสอง หรืออาจจะไม่ต้องเก็บอะไรใดใดเลยก็เป็นได้ โดยทั้งนี้📌คุณภาพขึ้นอยู่กับอายุการใช้งาน สภาพตัวถัง และระบบเกียร์ รถที่เข้าลานประมูลจะเป็นไปตามสภาพจริง ถ้าสนใจขอเชิญ @ลานประมูลของ สยามอินเตอร์การประมูล หรือ SIA กันได้นะคะ ยินดีให้คำเเนะนำเเละบริก่ารค่ะ

    อ่านต่อเลย: จะเข้าใจว่าทำไมต้องรถมือ2 !?! https://citly.me/esgxY

    ✅ดูรายการรถทุกประเภทที่เว็บไซต์ home.sia.co.th ในเมนูการประมูล เเละกดเข้าไปที่รายการรถยนต์ เเละติดตามอัปเดตได้ทุกสัปดาห์
    ✅ลงทะเบียนได้ที่: home.sia.co.th
    ✅ติดต่อสอบถาม: ☎️02-119-7111 หรือ LINE:@sia.co.th
    🎉นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสนุกๆ พร้อมคูปองอาหาร 🌮 และเครื่องดื่ม 🥤แจกฟรี!
    📌อย่าลืมติดตามรายการใหม่ทุกสัปดาห์ แล้วพบกันที่ SIA! 🚛✨

    ขอขอบคุณแหล่งที่มาของภาพเเละข้อมูล (บางส่วน)

    https://www.ttbbank.com/th/newsroom/detail/ttba-5megatrend-july-2024
    https://www.ttbbank.com/th/analytics
    https://www.thairath.co.th/news/auto/evcar/2755876
    www.dailynews.co.th/articles/899255
    https://th.jobsdb.com/th/careeradvice/article/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99
    ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่...ของคนไทยหรือไม่ หลังจากตลาดรถยนต์🚘ชะลอตัวมาตั้งเเต่ ปี 2567 เเละคาดว่าจะซึมยาวไปจนอย่างน้อยถึงกลางปี 2568 ✅กำลังซื้อระดับกลาง-ล่างอ่อนแอหนัก ขณะที่ด้านปัจจัยลบราคาน้ำมัน⛽ที่สูงขึ้นเป็นตัวฉุดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ชะลอการตัดสินใจซื้อรถยนต์ออกไป จริงหรือไม่ บทความนี้จะพาไปค้นหาคำตอบภายใน 5 นาที!!🎯 สถานการณ์ตอนนี้ ✨ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอยู่ในช่วงซึม ยอดขายรถยนต์หดตัวอย่างหนัก👉เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีแนวโน้มที่ยอดขายรถยนต์ทั้งปี 2568 จะหดตัวรุนแรงสุดในรอบ 15 ปี ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) มองว่า ยอดขายรถยนต์ในประเทศไทย อยู่ในช่วงชะลอตัวลงในระยะยาว จาก 5 สถานการณ์หลักตอนนี้ คือ... 1. ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอิ่มตัว ⚠️ ตอนนี้ถ้าดูจำนวนรถยนต์ที่วิ่งบนถนนสะสมทั่วประเทศ สูงถึงเกือบ 20 ล้านคัน หรือคิดเป็น 277 คันต่อประชากรไทย 1,000 คน เทียบแล้วของไทยค่อนข้างสูงเมื่อมองไปที่เวียดนาม 50 คัน ฟิลิปปินส์ 38 คัน และอินโดนีเซีย 78 คันต่อประชากร 1,000 คน และนิสัยการใช้รถของคนไทยที่ค่อนข้างนานเฉลี่ยถึง 12 ปี เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยประเทศหลัก ๆ ที่ใช้งานรถยนต์ประมาณ 6-8 ปี โอกาสที่ซื้อรถยนต์ใหม่แทนรถคันเก่าเลยค่อนข้างต่ำ 2. พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ➡️ หลังการบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์ผู้ผลิตจีน ทำให้มาตรฐานการตั้งราคารถใหม่🧾ในท้องตลาด มีแนวโน้มลดลงจากเดิม ผู้บริโภคเลยมีตัวเลือกมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ขณะที่บางส่วนชะลอการซื้อรถยนต์ออกไปจนกว่าจะเจอราคาที่เหมาะสมกับกำลังซื้อ รวมไปถึงทัศนคติต่อการซื้อรถยนต์ของคนยุคใหม่ ที่หันมาใช้การเช่าแทนการซื้อครอบครอง เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต และลดภาระค่าใช้จ่ายที่จะตามมา ทำให้การซื้อรถยนต์ในยุคสมัยนี้อาจน้อยกว่าในอดีต 3. โครงสร้างประชากรกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ 👴🏻 เห็นชัดจากยอดขายที่อยู่อาศัย และรถยนต์ในประเทศ ระยะหลังชะลอการเติบโตลง 👵🏼ส่วนหนึ่งมาจากโครงสร้างประชากรไทยที่อยู่ในภาวะ “สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์” และกำลังจะขยับเป็น “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด” ในอีกไม่ถึง 10 ปีข้างหน้า สวนทางกับสัดส่วนประชากรที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่มีกำลังซื้อรถยนต์อย่างกลุ่มอายุ 25-49 ปี กลับมีสัดส่วนลดลงอย่างต่อเนื่อง 4. เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตช้าลง 📉 การลงทุนโดยรวมอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน ภาคการผลิตและส่งออกก็กำลังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างรุนแรงขึ้น รวมไปถึงการบุกตลาดของสินค้าราคาถูกจากจีน ที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กระทบความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตช้าลงในระยะยาว บั่นทอนการเติบโตของรายได้ และกำลังซื้อ💵💰💳ของภาคครัวเรือน 5. หนี้ครัวเรือนสูงกำลังเพิ่มข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อ 📈 หนี้ครัวเรือนไทยในปัจจุบันสูงถึง 91.3% ของจีดีพี ซึ่งสูงเกินกว่าระดับที่เหมาะสมที่เอื้อต่อการบริโภคที่ 80% ของจีดีพี และสูงกว่าประเทศที่มีรายได้ต่อหัวใกล้เคียงกัน ทำให้สถาบันการเงิน มีข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อแก่รายย่อยมากขึ้น ขณะที่ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า⚡ที่จำหน่ายได้ภายใต้มาตรการของรัฐบาล ที่ลงนามเข้าโครงการ ดึงดูดความสนใจ ที่ลดลงไปแล้วอย่างน้อย 70,000 - 1.5 แสนบาท ก็สามารถที่จะกระตุ้นให้คนสนใจ😘 เเละยอดจองได้ไม่น้อยทีเดียว เพราะอย่างน้อยๆ ราคาที่ดึงดูดนี้ ก็ยังทำให้คนที่ถึงเวลาจะต้องเปลี่ยนรถคันใหม่ หรือหาซื้อรถเพิ่มเข้ามาอีกคัน ก็พิจารณาตัดสินใจได้ไม่ยาก ข้อมูลจากคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ กระทรวงพลังงาน ระบุว่า ในกรณีที่เป็นรถยนต์ที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน☝️ ราคา🗺️ไม่เกิน 2 ล้านบาท จะได้รับการลดภาษีนำเข้า 40% ตั้งเเต่ ปี 2565-2566 แล้วยังได้ลดภาษีสรรพสามิต เหลือ 2% ในปี 2565-2568 ไม่เพียงเท่านี้!! ยังแถมด้วยเงินอุดหนุนจากรัฐบาล 70,000 บาท และ 1.5 แสนบาท ตามขนาดของแบตเตอรี่... แต่หากมีราคา 2-7 ล้านบาท ได้ลดภาษีนำเข้า 20% และได้ลดภาษีสรรพสามิตเหลือ🤑 2% (ในช่วงปี 2565-2566 ที่ผ่านมา) แต่จะไม่ได้รับเงินอุดหนุนใดๆ จากรัฐบาล ส่วนกรณีรถกระบะที่ผลิตในประเทศ ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท จะไม่มีภาษีสรรพสามิต ในช่วง 3 ปี คือตั้งแต่ปี 2565 - 2568 ได้รับเงินอุหนุน 1.5 แสนบาท โดยขนาดแบตเตอรี่ 30 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง เป็นเวลา 3 ปี จนถึงปี 2568 ขณะที่รถมอเตอร์ไซค์ ราคาไม่เกิน 1.5 แสนบาท จะได้รับเงินอุดหนุน💵 18,000 บาท เป็นเวลา 3 ปี (ตั้งเเต่ปี 2566-68) มาตรการของรัฐบาลครั้งนี้!! สามารถดึงดูดความสนใจ…แรงซื้อ…จากคนที่ยังมีกำลังซื้อได้ไม่ไม่น้อย 📌ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่ของคนไทย ทั้งชะลอเวลาการซื้อรถคันใหม่ที่เป็นรถใหม่ออกไป เเละ เปลี่ยนใจจากรถน้ำมันหันไปหารถใหม่ที่เป็น EV⚡ สำหรับคนที่มีรถใช้น้ำมันอยู่เเล้ว หรือ เเม้กระทั่ง Plug-in Hybrid 🔌ที่เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่จะมีรถคันเเรก เเละยอมใจกับราคาน้ำมัน🛢️เเละกลุ่มที่กำลังมาเเรง คือกลุ่มที่หันไปซบรถใช้น้ำมันมือสอง ที่มาจากเตนท์ หรือจากลานประมูลรถมือสอง ที่เริ่มมีลูกค้าประเภทประมูลซื้อใช้เอง จำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาน้ำมัน⛽แพง เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนสนใจจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV บวกกับการที่รัฐบาลให้เงินอุดหนุน💰70,000 บาท - 150,000 บาทต่อคัน ยิ่งเป็นแรงจูงใจให้คนสนใจรถอีวีมากขึ้นนั่นเอง เมื่อเรายังต้องอยู่ในยุคที่สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น💹อย่างต่อเนื่อง เพราะความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว☣จากโควิด-19 🤧ในขณะที่กลุ่มโอเปกยังคงยืนยันที่จะส่งออกน้ำมันดิบ⛽เพียง 400,000 บาร์เรล🛢️ต่อวัน ทำให้ราคาน้ำมันในไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น เเละเมื่อเรายังจำเป้นต้องใช้รถเติมน้ำมัน บทความนี้มีเทคนิคการประหยัดน้ำมันแบบง่าย ๆ เพื่อฝ่าวิกฤตน้ำมันราคาแพงครั้งนี้ไปด้วยกัน มาเเชร์ให้ค่ะ 1. ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว เปลี่ยนไปใช้ระบบขนส่งสาธารณะในการเดินทาง โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน นอกจากจะช่วยประหยัดค่าน้ำมันแล้ว ยังลดความเครียด 🤝😊จากปัญหาจราจรอีกด้วย 2. หากจำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนตัว การขับรถที่ความเร็วที่ 60 – 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง คืออัตราความเร็วที่เหมาะสมที่สุด🙌ในการประหยัดน้ำมันรถได้มากที่สุด ที่สำคัญช่วยทำให้ปลอดภัยลดอุบัติเหตุได้ด้วย 3. ตรวจเช็คสภาพรถและลมยางเป็นประจำเพื่อให้พร้อมใช้งาน🥰การตรวจสอบลมยางทั้ง 4 เส้นเป็นประจำ ให้มีปริมาตรลมตามมาตรฐานที่กำหนด เพราะยางที่อ่อนเกินไปจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมาก 4. เลือกใช้การเดินเท้า🚶‍♀️‍➡️ในระยะที่น้อยกว่า 1 กิโลเมตร เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดน้ำมันแล้ว ยังได้ออกกำลังกาย 🏃🏻‍♂️‍➡️ ทำให้สุขภาพของเราแข็งแรงขึ้น💪🏼 5. เลือกซื้อ🛒🛍️สินค้าในชุมชนที่อยู่อาศัย เมื่อต้องการออกไปจับจ่ายใช้สอยซื้อหาอาหาร หรือสินค้าจำเป็นต่างๆ เพื่อลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากการเดินทาง จบไปเเล้วสำหรับ "ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่...ของคนไทยหรือไม่" เเละหากว่าพี่ๆ ท่านใด สนใจอยากจะมีรถไว้ใช้งานที่ประหยัดงบประมาณ สามารถเหลือเงินไว้เก็บงานต่างๆ ของรถมือสอง หรืออาจจะไม่ต้องเก็บอะไรใดใดเลยก็เป็นได้ โดยทั้งนี้📌คุณภาพขึ้นอยู่กับอายุการใช้งาน สภาพตัวถัง และระบบเกียร์ รถที่เข้าลานประมูลจะเป็นไปตามสภาพจริง ถ้าสนใจขอเชิญ @ลานประมูลของ สยามอินเตอร์การประมูล หรือ SIA กันได้นะคะ ยินดีให้คำเเนะนำเเละบริก่ารค่ะ อ่านต่อเลย: จะเข้าใจว่าทำไมต้องรถมือ2 !?! https://citly.me/esgxY ✅ดูรายการรถทุกประเภทที่เว็บไซต์ home.sia.co.th ในเมนูการประมูล เเละกดเข้าไปที่รายการรถยนต์ เเละติดตามอัปเดตได้ทุกสัปดาห์ ✅ลงทะเบียนได้ที่: home.sia.co.th ✅ติดต่อสอบถาม: ☎️02-119-7111 หรือ LINE:@sia.co.th 🎉นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสนุกๆ พร้อมคูปองอาหาร 🌮 และเครื่องดื่ม 🥤แจกฟรี! 📌อย่าลืมติดตามรายการใหม่ทุกสัปดาห์ แล้วพบกันที่ SIA! 🚛✨ ขอขอบคุณแหล่งที่มาของภาพเเละข้อมูล (บางส่วน) https://www.ttbbank.com/th/newsroom/detail/ttba-5megatrend-july-2024 https://www.ttbbank.com/th/analytics https://www.thairath.co.th/news/auto/evcar/2755876 www.dailynews.co.th/articles/899255 https://th.jobsdb.com/th/careeradvice/article/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 690 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts