• ถึงขวดจะเล็ก พกง่าย...แต่พลังยักษ์ พกมาเต็ม
    #Provita อัดแน่นด้วย โพรไบโอติก วิตามิน C B3 B5 และ B6

    เติม #พลังยักษ์ ให้ร่างกาย สดชื่น พร้อมลุย
    จะออกกำลังกาย เคลียร์งานหนัก หรือนอนไถFeed ก็ไม่มีสะดุด
    ถึงขวดจะเล็ก พกง่าย...แต่พลังยักษ์ พกมาเต็ม #Provita อัดแน่นด้วย โพรไบโอติก วิตามิน C B3 B5 และ B6 เติม #พลังยักษ์ ให้ร่างกาย สดชื่น พร้อมลุย จะออกกำลังกาย เคลียร์งานหนัก หรือนอนไถFeed ก็ไม่มีสะดุด
    0 Comments 0 Shares 91 Views 1 0 Reviews
  • 👍ถ้าการออกกำลังทำเป็นยาได้ มันจะเป็นยาที่ดีที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยสร้างมา📌

    การออกกำลังกาย สามารถป้องกันโรคได้ ท้้ง 3 ระดับ ครับ

    👉Primary Prevention – ป้องกันก่อนที่จะเกิดโรค

    👇Secondary Prevention – ป้องกันไม่ให้โรคลุกลาม

    👉Tertiary Prevention – ฟื้นฟูหลังเป็นโรค ไม่ให้ทรุดลง

    📌แต่ละ โรค มีข้อแนะนำการออกกำลังกายที่แตกต่างกันในรายละเอียด สรุปสั้นๆ

    1. 🦴 ข้อเสื่อม (Arthritis)

    ควรทำ: 🚶‍♂️เดินช้า | 🚴‍♀️ปั่นจักรยาน | 🏊‍♂️ว่ายน้ำ | 🏋️‍♀️เวทเบา

    เพราะ: ลดแรงกระแทก ลดน้ำหนักตัว เสริมกล้ามเนื้อรอบข้อ ลดอักเสบ

    2. 🎗️ มะเร็ง (Cancer – เต้านม, ลำไส้, ต่อมลูกหมาก)

    ควรทำ: 🚶‍♀️เดินเร็ว | 🏋️‍♀️ยกเวทเบา | 🍽️ควบคุมอาหาร

    เพราะ: ลดไขมัน ลดฮอร์โมนที่กระตุ้นเซลล์มะเร็ง เพิ่มภูมิคุ้มกัน

    3. 🌬️ ถุงลมโป่งพอง (COPD)

    ควรทำ: 🚴‍♂️ปั่นจักรยานเบา | 🏋️‍♀️เวทเบา
    เพราะ: เสริมกล้ามเนื้อ ปรับลมหายใจให้มีประสิทธิภาพ
    (ควรออกช่วงที่ใช้ยาขยายหลอดลมหรือมีออกซิเจน)

    4. 🩸 ไตวายเรื้อรัง (Chronic Renal Failure)

    ควรทำ: 🚶‍♂️เดินเร็ว | 🏋️เวทเบา

    เพราะ: ลดความดัน คุมเบาหวาน ลดกล้ามเนื้อลีบ เพิ่มการตอบสนองต่ออินซูลิน

    5. ❤️ หัวใจล้มเหลว (Congestive Heart Failure)

    ควรทำ: 🚶เดินช้า | 🏋️‍♂️เวทเบา | 🚴ปั่นจักรยานเบา

    เพราะ: เสริมกล้ามเนื้อ ฟื้นฟูหัวใจ ลดอาการอ่อนแรง

    6. 💓 หลอดเลือดหัวใจตีบ (Coronary Artery Disease)

    ควรทำ: 🚶‍♀️เดินเร็ว | 🚴‍♀️ปั่นจักรยาน | 🏋️‍♀️เวทเบา

    เพราะ: ลดไขมัน เพิ่มสมรรถภาพหัวใจ ป้องกันโรคซ้ำ

    7. 🧠 สมองเสื่อม (Dementia)

    ควรทำ: 🚶เดิน | ⚖️ฝึกทรงตัว | 🏋️‍♀️เวทเบา

    เพราะ: เพิ่มเลือดไปเลี้ยงสมอง ลดล้ม ชะลอภาวะเสื่อม

    8. ☁️ ซึมเศร้า (Depression)

    ควรทำ: 🚶‍♂️เดินเร็ว | 🏃‍♀️วิ่งเบา | 🧘‍♀️โยคะ | 🏋️‍♂️เวท

    เพราะ: กระตุ้นสารแห่งความสุข ลดเครียด เพิ่มการเข้าสังคม

    9. 🦴 กระดูกพรุน (Osteoporosis)

    ควรทำ: 🦘กระโดดเบา ๆ (ถ้าไม่ปวดข้อ) | ⚖️ฝึกทรงตัว | 🏋️เวท

    เพราะ: เพิ่มมวลกระดูก เสริมความแข็งแรง ลดความกลัวล้ม

    10. 🦵 หลอดเลือดส่วนปลายตีบ (Peripheral Vascular Disease)

    ควรทำ: เครื่องปั่นจักรยาน ด้วยแขน | 🚶เดินจนปวด แล้วพัก

    เพราะ: กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ลดอาการปวดขา

    11. 🧠 โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)

    ควรทำ: ⚖️ฝึกทรงตัว | 🏋️เวทเบา | 🚶‍♀️เดิน (ถ้าปลอดภัย)

    เพราะ: ฟื้นฟูการเคลื่อนไหว ลดล้ม (ต้องดูแลใกล้ชิด)

    12. 🍬 เบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 Diabetes)

    ควรทำ: 🚶‍♂️เดินเร็ว | 🏋️‍♀️เวทเบา (วันเว้นวัน)

    เพราะ: คุมน้ำตาล ลดไขมัน เพิ่มกล้ามเนื้อ ใช้กลูโคสดีขึ้น
    (เลี่ยงแรงกระแทกถ้ามีปลายประสาทเสื่อม)

    13. 🦶 เส้นเลือดดำขาไหลเวียนไม่ดี (Venous Insufficiency)

    ควรทำ: 🚶‍♀️เดิน | 🦵ยกขา | 🏋️‍♂️ฝึกกล้ามเนื้อขา

    เพราะ: ช่วยส่งเลือดกลับหัวใจ ลดบวม ลดเสี่ยงอักเสบ
    ❤️❤️❤️

    ดังนั้น ยิ่งมีโรคเยอะ ยิ่งได้ประโยชน์เยอะจากการออกกำลังนะครับ ไม่ใช่ควรอยู่เฉยๆ ไม่กล้าออกกำลัง เพราะยิ่งทำให้สุขภาพไม่ดีและโรคแย่ลงครับ

    การออกกำลังจึงเป็น ยาที่ดีที่สุด อันนึงเลยครับ
    👍ถ้าการออกกำลังทำเป็นยาได้ มันจะเป็นยาที่ดีที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยสร้างมา📌 การออกกำลังกาย สามารถป้องกันโรคได้ ท้้ง 3 ระดับ ครับ 👉Primary Prevention – ป้องกันก่อนที่จะเกิดโรค 👇Secondary Prevention – ป้องกันไม่ให้โรคลุกลาม 👉Tertiary Prevention – ฟื้นฟูหลังเป็นโรค ไม่ให้ทรุดลง 📌แต่ละ โรค มีข้อแนะนำการออกกำลังกายที่แตกต่างกันในรายละเอียด สรุปสั้นๆ 1. 🦴 ข้อเสื่อม (Arthritis) ควรทำ: 🚶‍♂️เดินช้า | 🚴‍♀️ปั่นจักรยาน | 🏊‍♂️ว่ายน้ำ | 🏋️‍♀️เวทเบา เพราะ: ลดแรงกระแทก ลดน้ำหนักตัว เสริมกล้ามเนื้อรอบข้อ ลดอักเสบ 2. 🎗️ มะเร็ง (Cancer – เต้านม, ลำไส้, ต่อมลูกหมาก) ควรทำ: 🚶‍♀️เดินเร็ว | 🏋️‍♀️ยกเวทเบา | 🍽️ควบคุมอาหาร เพราะ: ลดไขมัน ลดฮอร์โมนที่กระตุ้นเซลล์มะเร็ง เพิ่มภูมิคุ้มกัน 3. 🌬️ ถุงลมโป่งพอง (COPD) ควรทำ: 🚴‍♂️ปั่นจักรยานเบา | 🏋️‍♀️เวทเบา เพราะ: เสริมกล้ามเนื้อ ปรับลมหายใจให้มีประสิทธิภาพ (ควรออกช่วงที่ใช้ยาขยายหลอดลมหรือมีออกซิเจน) 4. 🩸 ไตวายเรื้อรัง (Chronic Renal Failure) ควรทำ: 🚶‍♂️เดินเร็ว | 🏋️เวทเบา เพราะ: ลดความดัน คุมเบาหวาน ลดกล้ามเนื้อลีบ เพิ่มการตอบสนองต่ออินซูลิน 5. ❤️ หัวใจล้มเหลว (Congestive Heart Failure) ควรทำ: 🚶เดินช้า | 🏋️‍♂️เวทเบา | 🚴ปั่นจักรยานเบา เพราะ: เสริมกล้ามเนื้อ ฟื้นฟูหัวใจ ลดอาการอ่อนแรง 6. 💓 หลอดเลือดหัวใจตีบ (Coronary Artery Disease) ควรทำ: 🚶‍♀️เดินเร็ว | 🚴‍♀️ปั่นจักรยาน | 🏋️‍♀️เวทเบา เพราะ: ลดไขมัน เพิ่มสมรรถภาพหัวใจ ป้องกันโรคซ้ำ 7. 🧠 สมองเสื่อม (Dementia) ควรทำ: 🚶เดิน | ⚖️ฝึกทรงตัว | 🏋️‍♀️เวทเบา เพราะ: เพิ่มเลือดไปเลี้ยงสมอง ลดล้ม ชะลอภาวะเสื่อม 8. ☁️ ซึมเศร้า (Depression) ควรทำ: 🚶‍♂️เดินเร็ว | 🏃‍♀️วิ่งเบา | 🧘‍♀️โยคะ | 🏋️‍♂️เวท เพราะ: กระตุ้นสารแห่งความสุข ลดเครียด เพิ่มการเข้าสังคม 9. 🦴 กระดูกพรุน (Osteoporosis) ควรทำ: 🦘กระโดดเบา ๆ (ถ้าไม่ปวดข้อ) | ⚖️ฝึกทรงตัว | 🏋️เวท เพราะ: เพิ่มมวลกระดูก เสริมความแข็งแรง ลดความกลัวล้ม 10. 🦵 หลอดเลือดส่วนปลายตีบ (Peripheral Vascular Disease) ควรทำ: เครื่องปั่นจักรยาน ด้วยแขน | 🚶เดินจนปวด แล้วพัก เพราะ: กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ลดอาการปวดขา 11. 🧠 โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ควรทำ: ⚖️ฝึกทรงตัว | 🏋️เวทเบา | 🚶‍♀️เดิน (ถ้าปลอดภัย) เพราะ: ฟื้นฟูการเคลื่อนไหว ลดล้ม (ต้องดูแลใกล้ชิด) 12. 🍬 เบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 Diabetes) ควรทำ: 🚶‍♂️เดินเร็ว | 🏋️‍♀️เวทเบา (วันเว้นวัน) เพราะ: คุมน้ำตาล ลดไขมัน เพิ่มกล้ามเนื้อ ใช้กลูโคสดีขึ้น (เลี่ยงแรงกระแทกถ้ามีปลายประสาทเสื่อม) 13. 🦶 เส้นเลือดดำขาไหลเวียนไม่ดี (Venous Insufficiency) ควรทำ: 🚶‍♀️เดิน | 🦵ยกขา | 🏋️‍♂️ฝึกกล้ามเนื้อขา เพราะ: ช่วยส่งเลือดกลับหัวใจ ลดบวม ลดเสี่ยงอักเสบ ❤️❤️❤️ ดังนั้น ยิ่งมีโรคเยอะ ยิ่งได้ประโยชน์เยอะจากการออกกำลังนะครับ ไม่ใช่ควรอยู่เฉยๆ ไม่กล้าออกกำลัง เพราะยิ่งทำให้สุขภาพไม่ดีและโรคแย่ลงครับ การออกกำลังจึงเป็น ยาที่ดีที่สุด อันนึงเลยครับ
    0 Comments 0 Shares 175 Views 0 Reviews
  • นักวิจัยในอังกฤษได้ศึกษาว่า การฝึกสติ (mindfulness training) สามารถช่วยให้คนที่ไม่ค่อยออกกำลังกายมีพฤติกรรมที่ดีขึ้นได้หรือไม่ โดยทดลองกับนักศึกษามหาวิทยาลัยที่เคยมีพฤติกรรมไม่ค่อยเคลื่อนไหว

    การทดลองนี้แบ่งนักศึกษา 109 คน ออกเป็นสองกลุ่ม
    1. กลุ่ม PA-only ได้รับเครื่องติดตามกิจกรรมและเป้าหมายเดิน 8,000 ก้าวต่อวัน
    2. กลุ่ม MPA ได้รับเป้าหมายเดียวกัน แต่เพิ่ม การฝึกสติแบบดิจิทัลเป็นเวลา 30 วัน

    ผลการทดลองพบว่า ระดับกิจกรรมทางกายเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า และ เวลานั่งเฉย ๆ ลดลง 9.5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่ฝึกสติไม่ได้มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญจากกลุ่มที่ไม่ได้ฝึก

    ✅ การฝึกสติช่วยให้ผู้เข้าร่วมมีแรงจูงใจในการออกกำลังกายมากขึ้น
    - กลุ่ม MPA มี ความตั้งใจที่จะออกกำลังกายต่อเนื่องมากกว่ากลุ่ม PA-only
    - ทั้งสองกลุ่มมี ความตระหนักรู้ระหว่างออกกำลังกายเพิ่มขึ้น

    ✅ ระดับกิจกรรมทางกายเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
    - การออกกำลังกายเพิ่มขึ้น 305 MET-minutes ต่อสัปดาห์
    - เวลานั่งเฉย ๆ ลดลง 9.5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

    ✅ ผลกระทบต่อสุขภาพจิตและความเป็นอยู่
    - การฝึกสติช่วยให้ ผู้เข้าร่วมมีความตั้งใจที่จะรักษาพฤติกรรมการออกกำลังกาย
    - แต่ ความมั่นใจในการออกกำลังกายไม่ได้เพิ่มขึ้น

    ✅ นักวิจัยแนะนำให้มีการศึกษาต่อเนื่อง
    - เพื่อดูว่า การฝึกสติสามารถสร้างพฤติกรรมการออกกำลังกายที่ยั่งยืนได้หรือไม่

    https://www.neowin.net/news/study-finds-a-way-to-trick-the-mind-so-even-the-lazy-can-become-fitness-freaks/
    นักวิจัยในอังกฤษได้ศึกษาว่า การฝึกสติ (mindfulness training) สามารถช่วยให้คนที่ไม่ค่อยออกกำลังกายมีพฤติกรรมที่ดีขึ้นได้หรือไม่ โดยทดลองกับนักศึกษามหาวิทยาลัยที่เคยมีพฤติกรรมไม่ค่อยเคลื่อนไหว การทดลองนี้แบ่งนักศึกษา 109 คน ออกเป็นสองกลุ่ม 1. กลุ่ม PA-only ได้รับเครื่องติดตามกิจกรรมและเป้าหมายเดิน 8,000 ก้าวต่อวัน 2. กลุ่ม MPA ได้รับเป้าหมายเดียวกัน แต่เพิ่ม การฝึกสติแบบดิจิทัลเป็นเวลา 30 วัน ผลการทดลองพบว่า ระดับกิจกรรมทางกายเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า และ เวลานั่งเฉย ๆ ลดลง 9.5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่ฝึกสติไม่ได้มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญจากกลุ่มที่ไม่ได้ฝึก ✅ การฝึกสติช่วยให้ผู้เข้าร่วมมีแรงจูงใจในการออกกำลังกายมากขึ้น - กลุ่ม MPA มี ความตั้งใจที่จะออกกำลังกายต่อเนื่องมากกว่ากลุ่ม PA-only - ทั้งสองกลุ่มมี ความตระหนักรู้ระหว่างออกกำลังกายเพิ่มขึ้น ✅ ระดับกิจกรรมทางกายเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า - การออกกำลังกายเพิ่มขึ้น 305 MET-minutes ต่อสัปดาห์ - เวลานั่งเฉย ๆ ลดลง 9.5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ✅ ผลกระทบต่อสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ - การฝึกสติช่วยให้ ผู้เข้าร่วมมีความตั้งใจที่จะรักษาพฤติกรรมการออกกำลังกาย - แต่ ความมั่นใจในการออกกำลังกายไม่ได้เพิ่มขึ้น ✅ นักวิจัยแนะนำให้มีการศึกษาต่อเนื่อง - เพื่อดูว่า การฝึกสติสามารถสร้างพฤติกรรมการออกกำลังกายที่ยั่งยืนได้หรือไม่ https://www.neowin.net/news/study-finds-a-way-to-trick-the-mind-so-even-the-lazy-can-become-fitness-freaks/
    WWW.NEOWIN.NET
    Study finds a way to trick the mind so even the lazy can become fitness freaks
    Scientists conducted a study and it has uncovered a way to trick the mind into becoming fitness conscious.
    0 Comments 0 Shares 116 Views 0 Reviews
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

    เดือนนี้ เป็นเพราะการเอาแต่ใจตนเอง คิดเป็นใหญ่เกินตัวจะถูกฟ้องร้องฟ้องศาลให้แพ้คดีความในภายหลัง ควรไตร่ตรองคิดพิจารณาให้รอบคอบรอบด้านก่อนการตัดสินใจลงนามในหนังสือเอกสารสัญญาใดๆก็ตาม อีกทั้งลูกหลานและบริวารจะเป็นต้นเหตุให้เสียหาย รู้จักการวางเฉย ปล่อยวาง ตั้งสติให้มั่น เพราะการคิดไม่ตกจากเรื่องที่ต้องขบคิดทำให้เกิดความเครียดเข้าครอบงำ ควรพิจารณาให้ถึงต้นสายปลายเหตุที่แท้จริงเพราะทุกๆปัญหาย่อมมีหนทางการแก้ไข อีกทั้งยามค่ำคืนควรจะหลีกเลี่ยงที่เปลี่ยว อย่าไปที่ไหนเพียงลำพังคนเดียว อาจจะเกิดเหตุโศกนาฏกรรม อุบัติเหตุ เภทภัยได้ ควรรู้จักนอนหลับพักผ่อนออกกำลังกายให้พอเหมาะ สุขภาพร่างกายจะได้ไม่เจ็บป่วย ไม่ต้องเสียทรัพย์ไปกับการรักษาพยาบาล

    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ประตูเปิดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เดือนนี้ เป็นเพราะการเอาแต่ใจตนเอง คิดเป็นใหญ่เกินตัวจะถูกฟ้องร้องฟ้องศาลให้แพ้คดีความในภายหลัง ควรไตร่ตรองคิดพิจารณาให้รอบคอบรอบด้านก่อนการตัดสินใจลงนามในหนังสือเอกสารสัญญาใดๆก็ตาม อีกทั้งลูกหลานและบริวารจะเป็นต้นเหตุให้เสียหาย รู้จักการวางเฉย ปล่อยวาง ตั้งสติให้มั่น เพราะการคิดไม่ตกจากเรื่องที่ต้องขบคิดทำให้เกิดความเครียดเข้าครอบงำ ควรพิจารณาให้ถึงต้นสายปลายเหตุที่แท้จริงเพราะทุกๆปัญหาย่อมมีหนทางการแก้ไข อีกทั้งยามค่ำคืนควรจะหลีกเลี่ยงที่เปลี่ยว อย่าไปที่ไหนเพียงลำพังคนเดียว อาจจะเกิดเหตุโศกนาฏกรรม อุบัติเหตุ เภทภัยได้ ควรรู้จักนอนหลับพักผ่อนออกกำลังกายให้พอเหมาะ สุขภาพร่างกายจะได้ไม่เจ็บป่วย ไม่ต้องเสียทรัพย์ไปกับการรักษาพยาบาล ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 Comments 0 Shares 127 Views 0 Reviews
  • บทความนี้กล่าวถึง การใช้ AI เพื่อช่วยชะลอวัยและส่งเสริมสุขภาพ โดยเปรียบเทียบคำแนะนำจาก AI หลายตัว เช่น ChatGPT, Copilot, Gemini และ Claude AI เพื่อดูว่าแต่ละระบบให้คำแนะนำอย่างไรเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและการชะลอวัย

    นักเขียนได้ตั้งคำถามว่า "วิธีที่ดีที่สุดในการชะลอวัยคืออะไร?" และพบว่า AI แต่ละตัวให้คำตอบที่แตกต่างกันไป เช่น ChatGPT เน้นการออกกำลังกายและโภชนาการ, Copilot เน้นการดูแลสุขภาพจิตและการมีสังคม, Claude AI ให้คำตอบเชิงวิชาการเกี่ยวกับโภชนาการและการจัดการความเครียด, และ Gemini เน้นย้ำว่าควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพ

    นอกจากนี้ บทความยังกล่าวถึง Bryan Johnson นักธุรกิจที่ลงทุนมหาศาลเพื่อยืดอายุขัยของตัวเอง โดยใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลร่างกายของเขาเพื่อปรับปรุงสุขภาพ

    ✅ AI หลายตัวให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและการชะลอวัย
    - ChatGPT เน้น การออกกำลังกายและโภชนาการ
    - Copilot เน้น สุขภาพจิตและการมีสังคม
    - Claude AI ให้คำตอบเชิงวิชาการเกี่ยวกับ โภชนาการและการจัดการความเครียด
    - Gemini เน้นย้ำว่า ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพ

    ✅ Bryan Johnson ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลร่างกายเพื่อปรับปรุงสุขภาพ
    - เชื่อว่า AI อาจให้คำแนะนำที่ดีกว่าแพทย์ในอนาคต
    - ลงทุนมหาศาลเพื่อ ยืดอายุขัยของตัวเอง

    ✅ AI อาจมีบทบาทสำคัญในการดูแลสุขภาพในอนาคต
    - อาจช่วย วิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพและให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล
    - อาจเปลี่ยนแปลงแนวคิดเกี่ยวกับ ศาสนาและการดูแลร่างกาย

    ℹ️ AI ไม่สามารถแทนที่แพทย์ได้ในปัจจุบัน
    - AI อาจให้คำแนะนำทั่วไป แต่ ไม่สามารถวินิจฉัยโรคหรือให้คำปรึกษาทางการแพทย์ได้

    ℹ️ ข้อมูลที่ AI ใช้อาจไม่เหมาะกับทุกคน
    - AI ไม่สามารถรู้ข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคล เช่น อาการแพ้หรือข้อจำกัดทางร่างกาย

    ℹ️ แนวโน้มของการพัฒนาในอนาคต
    - หาก AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพได้แม่นยำขึ้น อาจทำให้ การดูแลสุขภาพมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/i-asked-chatgpt-gemini-and-other-ais-how-to-combat-aging-and-only-one-did-the-right-thing
    บทความนี้กล่าวถึง การใช้ AI เพื่อช่วยชะลอวัยและส่งเสริมสุขภาพ โดยเปรียบเทียบคำแนะนำจาก AI หลายตัว เช่น ChatGPT, Copilot, Gemini และ Claude AI เพื่อดูว่าแต่ละระบบให้คำแนะนำอย่างไรเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและการชะลอวัย นักเขียนได้ตั้งคำถามว่า "วิธีที่ดีที่สุดในการชะลอวัยคืออะไร?" และพบว่า AI แต่ละตัวให้คำตอบที่แตกต่างกันไป เช่น ChatGPT เน้นการออกกำลังกายและโภชนาการ, Copilot เน้นการดูแลสุขภาพจิตและการมีสังคม, Claude AI ให้คำตอบเชิงวิชาการเกี่ยวกับโภชนาการและการจัดการความเครียด, และ Gemini เน้นย้ำว่าควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพ นอกจากนี้ บทความยังกล่าวถึง Bryan Johnson นักธุรกิจที่ลงทุนมหาศาลเพื่อยืดอายุขัยของตัวเอง โดยใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลร่างกายของเขาเพื่อปรับปรุงสุขภาพ ✅ AI หลายตัวให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและการชะลอวัย - ChatGPT เน้น การออกกำลังกายและโภชนาการ - Copilot เน้น สุขภาพจิตและการมีสังคม - Claude AI ให้คำตอบเชิงวิชาการเกี่ยวกับ โภชนาการและการจัดการความเครียด - Gemini เน้นย้ำว่า ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพ ✅ Bryan Johnson ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลร่างกายเพื่อปรับปรุงสุขภาพ - เชื่อว่า AI อาจให้คำแนะนำที่ดีกว่าแพทย์ในอนาคต - ลงทุนมหาศาลเพื่อ ยืดอายุขัยของตัวเอง ✅ AI อาจมีบทบาทสำคัญในการดูแลสุขภาพในอนาคต - อาจช่วย วิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพและให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล - อาจเปลี่ยนแปลงแนวคิดเกี่ยวกับ ศาสนาและการดูแลร่างกาย ℹ️ AI ไม่สามารถแทนที่แพทย์ได้ในปัจจุบัน - AI อาจให้คำแนะนำทั่วไป แต่ ไม่สามารถวินิจฉัยโรคหรือให้คำปรึกษาทางการแพทย์ได้ ℹ️ ข้อมูลที่ AI ใช้อาจไม่เหมาะกับทุกคน - AI ไม่สามารถรู้ข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคล เช่น อาการแพ้หรือข้อจำกัดทางร่างกาย ℹ️ แนวโน้มของการพัฒนาในอนาคต - หาก AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพได้แม่นยำขึ้น อาจทำให้ การดูแลสุขภาพมีประสิทธิภาพมากขึ้น https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/i-asked-chatgpt-gemini-and-other-ais-how-to-combat-aging-and-only-one-did-the-right-thing
    0 Comments 0 Shares 201 Views 0 Reviews
  • บทความนี้กล่าวถึง ความเครียดในอุตสาหกรรมความปลอดภัยไซเบอร์ และวิธีที่นักวิทยาศาสตร์ด้านสมองแนะนำให้ใช้ "Neurohacks" เพื่อลดผลกระทบของความเครียดและช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์สามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น

    จากการสำรวจของ ISACA ปี 2024 พบว่า 60% ของผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์รู้สึกว่าความเครียดในงานเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจาก ภัยคุกคามที่ซับซ้อนขึ้น, งบประมาณที่จำกัด, การขาดแคลนบุคลากร และปัญหาการรักษาพนักงาน

    นักประสาทวิทยา Dr. Lila Landowski อธิบายว่าความเครียดในงานด้านไซเบอร์มีลักษณะคล้ายกับ สถานการณ์ฉุกเฉินทางการแพทย์ ซึ่งอาจส่งผลต่อ โครงสร้างสมอง ทำให้ ความสามารถในการตัดสินใจลดลง, ความจำแย่ลง และมีอารมณ์รุนแรงขึ้น

    ✅ ผลกระทบของความเครียดต่อสมอง
    - ความเครียดเรื้อรังทำให้ ฮิปโปแคมปัสหดตัว ส่งผลต่อความจำและการเรียนรู้
    - อะมิกดาลาโตขึ้น ทำให้มีอารมณ์รุนแรงและตอบสนองต่อความเครียดมากขึ้น
    - คอร์เทกซ์ส่วนหน้า ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการตัดสินใจ อาจทำงานผิดปกติ

    ✅ สาเหตุของความเครียดในงานด้านไซเบอร์
    - 60% ของผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์รู้สึกว่าความเครียดเพิ่มขึ้น
    - สาเหตุหลักมาจาก ภัยคุกคามที่ซับซ้อนขึ้น, งบประมาณที่จำกัด และการขาดแคลนบุคลากร

    ✅ Neurohacks เพื่อลดความเครียด
    - การเข้าสังคมแบบพบหน้ากัน ช่วยลดระดับ คอร์ติซอล และเพิ่ม ออกซิโทซิน
    - การทำสมาธิวันละ 13 นาที เป็นเวลา 8 สัปดาห์ช่วยลดขนาดอะมิกดาลา
    - การออกกำลังกาย ช่วยให้ร่างกายมีความทนทานต่อความเครียดทางจิตใจ

    ✅ แนวทางของนักวิทยาศาสตร์ด้านสมอง
    - Moran Cerf อดีตแฮกเกอร์และนักประสาทวิทยาแนะนำให้ เข้าใจว่าความเครียดมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
    - การจัดการทีมโดยใช้ สภาวะที่เหมาะสมกับสมองของแต่ละคน ช่วยลดความเครียดและเพิ่มประสิทธิภาพ

    https://www.csoonline.com/article/3973070/neurohacks-to-outsmart-stress-and-make-better-cybersecurity-decisions.html
    บทความนี้กล่าวถึง ความเครียดในอุตสาหกรรมความปลอดภัยไซเบอร์ และวิธีที่นักวิทยาศาสตร์ด้านสมองแนะนำให้ใช้ "Neurohacks" เพื่อลดผลกระทบของความเครียดและช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์สามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น จากการสำรวจของ ISACA ปี 2024 พบว่า 60% ของผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์รู้สึกว่าความเครียดในงานเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจาก ภัยคุกคามที่ซับซ้อนขึ้น, งบประมาณที่จำกัด, การขาดแคลนบุคลากร และปัญหาการรักษาพนักงาน นักประสาทวิทยา Dr. Lila Landowski อธิบายว่าความเครียดในงานด้านไซเบอร์มีลักษณะคล้ายกับ สถานการณ์ฉุกเฉินทางการแพทย์ ซึ่งอาจส่งผลต่อ โครงสร้างสมอง ทำให้ ความสามารถในการตัดสินใจลดลง, ความจำแย่ลง และมีอารมณ์รุนแรงขึ้น ✅ ผลกระทบของความเครียดต่อสมอง - ความเครียดเรื้อรังทำให้ ฮิปโปแคมปัสหดตัว ส่งผลต่อความจำและการเรียนรู้ - อะมิกดาลาโตขึ้น ทำให้มีอารมณ์รุนแรงและตอบสนองต่อความเครียดมากขึ้น - คอร์เทกซ์ส่วนหน้า ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการตัดสินใจ อาจทำงานผิดปกติ ✅ สาเหตุของความเครียดในงานด้านไซเบอร์ - 60% ของผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์รู้สึกว่าความเครียดเพิ่มขึ้น - สาเหตุหลักมาจาก ภัยคุกคามที่ซับซ้อนขึ้น, งบประมาณที่จำกัด และการขาดแคลนบุคลากร ✅ Neurohacks เพื่อลดความเครียด - การเข้าสังคมแบบพบหน้ากัน ช่วยลดระดับ คอร์ติซอล และเพิ่ม ออกซิโทซิน - การทำสมาธิวันละ 13 นาที เป็นเวลา 8 สัปดาห์ช่วยลดขนาดอะมิกดาลา - การออกกำลังกาย ช่วยให้ร่างกายมีความทนทานต่อความเครียดทางจิตใจ ✅ แนวทางของนักวิทยาศาสตร์ด้านสมอง - Moran Cerf อดีตแฮกเกอร์และนักประสาทวิทยาแนะนำให้ เข้าใจว่าความเครียดมีทั้งข้อดีและข้อเสีย - การจัดการทีมโดยใช้ สภาวะที่เหมาะสมกับสมองของแต่ละคน ช่วยลดความเครียดและเพิ่มประสิทธิภาพ https://www.csoonline.com/article/3973070/neurohacks-to-outsmart-stress-and-make-better-cybersecurity-decisions.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Neurohacks to outsmart stress and make better cybersecurity decisions
    Understanding how stress rewires the brain could be the key to avoiding burnout and unlocking peak performance among cyber pros.
    0 Comments 0 Shares 156 Views 0 Reviews
  • สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับองค์กรนายจ้างองค์กรลูกจ้าง และภาคีเครือข่ายแรงงาน ภาครัฐและภาคเอกชนในจังหวัดนครราชสีมาจัดกิจกรรมเดิน-วิ่ง การกุศล วันแรงงานแห่งชาตินครราชสีมา ครั้งที่ 1 "Korat May day 1 Mini Marathon 2025"

    วันนี้ (1 พฤษภาคม 2568) เวลา 05.15 น. นายสุรพันธ์ ศิลปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเปิดงานวันแรงงานแห่งชาติ จังหวัดนครราชสีมา ประจำปี พ.ศ. 2568 "แรงงานรวมใจ ปลุกพลังจิตอาสา ร่วมพัฒนาความปลอดภัย ห่างไกลยาเสพติด" และปล่อยตัวนักวิ่ง ระยะ 10 กิโลมตร และนักวิ่งระยะ 3.2 กิโลเมตร ณ สวนน้ำมุ่งตาหลั่วเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 9 อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ทั้งนี้เพื่อส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใช้ แรงงานได้ทำกิจกรรมร่วมกัน สร้างความอันดีระหว่างนายจ้าง ลูกจ้าง องค์กรนายจ้าง องค์กรลูกจ้างและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ตลอดจนเพื่อส่งเสริมให้มีการออกกำลังกาย ให้มีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแรง

    นายกัมปนาท ศรีพนมวรรณ ประธานสหภาพแรงงานนิชชินเบรค ในนามคณะกรรมการจัดงานวันแรงงานแห่งชาติ จังหวัดนครราชสีมา ประจำปี พ.ศ. 2568 กล่าวว่า วันที่ 1 พฤษภาคม ของทุกปีเป็นวันแรงงานแห่งชาติ หรือวัน MAY DAY สืบเนื่องจากเมื่อปี พ.ศ. 2433 ได้มีการเรียกร้องในหลายประเทศทางตะวันตกให้ถือเอาวันที่ 1 พฤษภาคม เป็นวันแรงงานสากล ทำให้หลายประทศได้เริ่มฉลองวันแรงงานเป็นครั้งแรก ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2433 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในประเทศไทย คณะกรรมการการจัดงานที่ระลึกแรงงาน ได้จัดประชุมในวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2499 ซึ่งมีความเห็นตรงกันว่าควรกำหนดให้วันที่ 1 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันระลึกถึงแรงงานไทย จึงได้มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ขอให้รับรองวันที่ 1 พฤษภาคม เป็นวันกรรมกรแห่งชาติ และต่อมาก็ได้เปลี่ยนเป็นวันแรงงานแห่งชาติจนถึงปัจจุบัน

    สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับองค์กรนายจ้างองค์กรลูกจ้าง และภาคีเครือข่ายแรงงาน ภาครัฐและภาคเอกชนในจังหวัดนครราชสีมา ได้กำหนดงานวันแรงงานแห่งชาติ จังหวัดนครราชสีมา ประจำปี พ.ศ. 2568 ภายใต้แนวคิด "แรงงานรวมใจ ปลุกพลังจิตอาสา ร่วมพัฒนาความปลอดภัย ห่างไกลยาเสพติด" โดยจัดกิจกรรมเดิน-วิ่ง การกุศล วันแรงงานแห่งชาตินครราชสีมา ครั้งที่ 1 "Korat May day 1 Mini Marathon 2025" sะยะ 3.2 กิโลเมตร และระยะ 10 กิโลเมตร มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใช้แรงงงานได้ทำกิจกรรมร่วมกัน สร้างความอันดีระหว่างนายจ้าง ลูกจ้าง องค์กรนายจ้าง องค์กรลูกจ้างและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ตลอดจนเพื่อส่งเสริมให้มีการออกกำลังกาย ให้มีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแรง ทั้งนี้ มีผู้ร่วมกิจกรรมประกอบด้วย นายจ้าง ลูกจ้าง องค์กรนายจ้าง องค์กรลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานภาครัฐ รวมจำนวน 800 คน

    รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า "รัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่อผู้ใช้แรงงาน โดยมีนโยบายที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ใช้แรงงานไทยให้เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าของประเทศ โดยดูแลให้ความเป็นธรรมและมั่นคง
    ได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย มีสวัสดิการแรงงานที่ดีและเกิดความปลอดภัยในการทำงานอย่างทั่วถึง ดังนั้น ผู้ใช้แรงงานจึงต้องได้รับการคุ้มครองและดูแลให้มีความมั่นคงปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้รับสิทธิประโยชน์ ซึ่งเกิดขึ้นได้จากการมีความสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างในรูปแบบทวิภาคี ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เจริญเติบโตและเจริญก้าวหน้าต่อไป"
    สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับองค์กรนายจ้างองค์กรลูกจ้าง และภาคีเครือข่ายแรงงาน ภาครัฐและภาคเอกชนในจังหวัดนครราชสีมาจัดกิจกรรมเดิน-วิ่ง การกุศล วันแรงงานแห่งชาตินครราชสีมา ครั้งที่ 1 "Korat May day 1 Mini Marathon 2025" วันนี้ (1 พฤษภาคม 2568) เวลา 05.15 น. นายสุรพันธ์ ศิลปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเปิดงานวันแรงงานแห่งชาติ จังหวัดนครราชสีมา ประจำปี พ.ศ. 2568 "แรงงานรวมใจ ปลุกพลังจิตอาสา ร่วมพัฒนาความปลอดภัย ห่างไกลยาเสพติด" และปล่อยตัวนักวิ่ง ระยะ 10 กิโลมตร และนักวิ่งระยะ 3.2 กิโลเมตร ณ สวนน้ำมุ่งตาหลั่วเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 9 อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ทั้งนี้เพื่อส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใช้ แรงงานได้ทำกิจกรรมร่วมกัน สร้างความอันดีระหว่างนายจ้าง ลูกจ้าง องค์กรนายจ้าง องค์กรลูกจ้างและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ตลอดจนเพื่อส่งเสริมให้มีการออกกำลังกาย ให้มีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแรง นายกัมปนาท ศรีพนมวรรณ ประธานสหภาพแรงงานนิชชินเบรค ในนามคณะกรรมการจัดงานวันแรงงานแห่งชาติ จังหวัดนครราชสีมา ประจำปี พ.ศ. 2568 กล่าวว่า วันที่ 1 พฤษภาคม ของทุกปีเป็นวันแรงงานแห่งชาติ หรือวัน MAY DAY สืบเนื่องจากเมื่อปี พ.ศ. 2433 ได้มีการเรียกร้องในหลายประเทศทางตะวันตกให้ถือเอาวันที่ 1 พฤษภาคม เป็นวันแรงงานสากล ทำให้หลายประทศได้เริ่มฉลองวันแรงงานเป็นครั้งแรก ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2433 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในประเทศไทย คณะกรรมการการจัดงานที่ระลึกแรงงาน ได้จัดประชุมในวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2499 ซึ่งมีความเห็นตรงกันว่าควรกำหนดให้วันที่ 1 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันระลึกถึงแรงงานไทย จึงได้มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ขอให้รับรองวันที่ 1 พฤษภาคม เป็นวันกรรมกรแห่งชาติ และต่อมาก็ได้เปลี่ยนเป็นวันแรงงานแห่งชาติจนถึงปัจจุบัน สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับองค์กรนายจ้างองค์กรลูกจ้าง และภาคีเครือข่ายแรงงาน ภาครัฐและภาคเอกชนในจังหวัดนครราชสีมา ได้กำหนดงานวันแรงงานแห่งชาติ จังหวัดนครราชสีมา ประจำปี พ.ศ. 2568 ภายใต้แนวคิด "แรงงานรวมใจ ปลุกพลังจิตอาสา ร่วมพัฒนาความปลอดภัย ห่างไกลยาเสพติด" โดยจัดกิจกรรมเดิน-วิ่ง การกุศล วันแรงงานแห่งชาตินครราชสีมา ครั้งที่ 1 "Korat May day 1 Mini Marathon 2025" sะยะ 3.2 กิโลเมตร และระยะ 10 กิโลเมตร มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใช้แรงงงานได้ทำกิจกรรมร่วมกัน สร้างความอันดีระหว่างนายจ้าง ลูกจ้าง องค์กรนายจ้าง องค์กรลูกจ้างและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ตลอดจนเพื่อส่งเสริมให้มีการออกกำลังกาย ให้มีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแรง ทั้งนี้ มีผู้ร่วมกิจกรรมประกอบด้วย นายจ้าง ลูกจ้าง องค์กรนายจ้าง องค์กรลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานภาครัฐ รวมจำนวน 800 คน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า "รัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่อผู้ใช้แรงงาน โดยมีนโยบายที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ใช้แรงงานไทยให้เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าของประเทศ โดยดูแลให้ความเป็นธรรมและมั่นคง ได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย มีสวัสดิการแรงงานที่ดีและเกิดความปลอดภัยในการทำงานอย่างทั่วถึง ดังนั้น ผู้ใช้แรงงานจึงต้องได้รับการคุ้มครองและดูแลให้มีความมั่นคงปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้รับสิทธิประโยชน์ ซึ่งเกิดขึ้นได้จากการมีความสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างในรูปแบบทวิภาคี ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เจริญเติบโตและเจริญก้าวหน้าต่อไป"
    0 Comments 0 Shares 299 Views 0 Reviews
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มุ่งสู่จังหวัดที่ 20 ของภาคอีสาน สร้างโอกาส สร้างชีวิต แก่ชาวยโสธร มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่ครัวเรือนยากจน มอบจักรยานให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ชนบท พร้อมนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการประชาชนฟรี
    .
    วันนี้ (วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ และนางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ และนางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมลงพื้นที่จังหวัดยโสธร (จังหวัดที่ 20 ของทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่ครัวเรือนยากจน จำนวน 31 ครัวเรือน และมอบรถจักรยานแก่โรงเรียนชนบทที่ขาดแคลน จำนวน 2 โรงเรียน รวมจำนวน 20 คัน เพื่อให้นักเรียนที่ประสบปัญหาในการเดินทางได้ยืมเรียน รวมถึงเป็นการแบ่งเบาภาระค่าพาหนะแก่ผู้ปกครองได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังเสริมสร้างให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร เรียนรู้การแบ่งปัน และดูแลรักษาสาธารณสมบัติร่วมกัน รวมมูลค่าการดำเนินการช่วยเหลือชาวยโสธรในครั้งนี้ทั้งสิ้น 802,240 บาท (แปดแสนสองพันสองร้อยสี่สิบบาทถ้วน) นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังได้จัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ ทีมบรรเทาสาธารณภัย (กู้ชีพ) และอาสาสมัครลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ โดยมี นายชาญชัย ศรศรีวิชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร พร้อมด้วย นางสาวนิภา ทองก้อน ผู้อำนวยการสำนักเสริมสร้างความเข้มแข็งชุมชน ผู้แทนอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย และนายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อดีตอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เป็นประธานร่วมในพิธี และคณะมูลนิธิรวมสามัคคียโสธร เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี พร้อมด้วย อาสาสมัครศิลปินมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายนพดล ทรงแสง (จิ้ม ชวนชื่น) นายสวิช เพชรวิเศษศิริ (บี๋) ร่วมในพิธี และสร้างสีสันภายในงาน โดยมี ประชาชน เยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ ณ หอประชุมจังหวัดยโสธร ศาลากลางจังหวัดยโสธร อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร
    .
    โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้สนับสนุนอุปกรณ์ประกอบอาชีพ ช่วยเหลือครัวเรือนยากจน ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือแก้ไขปัญหาความยากจน ระหว่างกรมการพัฒนาชุมชนและมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ซึ่งมูลนิธิฯ ได้จัดงบประมาณดำเนินการเพื่อจัดหาวัสดุอุปกรณ์การประกอบอาชีพมอบให้แก่ครัวเรือนยากจน ให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว โดยในกลุ่มเป้าหมายแรกดำเนินการในพื้นที่ภาคกลาง 17 จังหวัด รวม 98 ครัวเรือน ต่อมา ได้ดำเนินการในพื้นที่จังหวัดทางภาคเหนือ 17 จังหวัด รวม 230 ครัวเรือน ซึ่งได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในขณะได้พิจารณาพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 20 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ นครราชสีมา อุดรธานี มุกดาหาร หนองบัวลำภู บึงกาฬ ยโสธร ศรีสะเกษ มหาสารคาม ขอนแก่น อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ สกลนคร เลย หนองคาย และ นครพนม
    .
    ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    .
    ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##
    #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มุ่งสู่จังหวัดที่ 20 ของภาคอีสาน สร้างโอกาส สร้างชีวิต แก่ชาวยโสธร มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่ครัวเรือนยากจน มอบจักรยานให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ชนบท พร้อมนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการประชาชนฟรี . วันนี้ (วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ และนางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ และนางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมลงพื้นที่จังหวัดยโสธร (จังหวัดที่ 20 ของทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่ครัวเรือนยากจน จำนวน 31 ครัวเรือน และมอบรถจักรยานแก่โรงเรียนชนบทที่ขาดแคลน จำนวน 2 โรงเรียน รวมจำนวน 20 คัน เพื่อให้นักเรียนที่ประสบปัญหาในการเดินทางได้ยืมเรียน รวมถึงเป็นการแบ่งเบาภาระค่าพาหนะแก่ผู้ปกครองได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังเสริมสร้างให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร เรียนรู้การแบ่งปัน และดูแลรักษาสาธารณสมบัติร่วมกัน รวมมูลค่าการดำเนินการช่วยเหลือชาวยโสธรในครั้งนี้ทั้งสิ้น 802,240 บาท (แปดแสนสองพันสองร้อยสี่สิบบาทถ้วน) นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังได้จัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ ทีมบรรเทาสาธารณภัย (กู้ชีพ) และอาสาสมัครลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ โดยมี นายชาญชัย ศรศรีวิชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร พร้อมด้วย นางสาวนิภา ทองก้อน ผู้อำนวยการสำนักเสริมสร้างความเข้มแข็งชุมชน ผู้แทนอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย และนายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อดีตอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เป็นประธานร่วมในพิธี และคณะมูลนิธิรวมสามัคคียโสธร เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี พร้อมด้วย อาสาสมัครศิลปินมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายนพดล ทรงแสง (จิ้ม ชวนชื่น) นายสวิช เพชรวิเศษศิริ (บี๋) ร่วมในพิธี และสร้างสีสันภายในงาน โดยมี ประชาชน เยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ ณ หอประชุมจังหวัดยโสธร ศาลากลางจังหวัดยโสธร อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร . โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้สนับสนุนอุปกรณ์ประกอบอาชีพ ช่วยเหลือครัวเรือนยากจน ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือแก้ไขปัญหาความยากจน ระหว่างกรมการพัฒนาชุมชนและมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ซึ่งมูลนิธิฯ ได้จัดงบประมาณดำเนินการเพื่อจัดหาวัสดุอุปกรณ์การประกอบอาชีพมอบให้แก่ครัวเรือนยากจน ให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว โดยในกลุ่มเป้าหมายแรกดำเนินการในพื้นที่ภาคกลาง 17 จังหวัด รวม 98 ครัวเรือน ต่อมา ได้ดำเนินการในพื้นที่จังหวัดทางภาคเหนือ 17 จังหวัด รวม 230 ครัวเรือน ซึ่งได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในขณะได้พิจารณาพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 20 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ นครราชสีมา อุดรธานี มุกดาหาร หนองบัวลำภู บึงกาฬ ยโสธร ศรีสะเกษ มหาสารคาม ขอนแก่น อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ สกลนคร เลย หนองคาย และ นครพนม . ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” . ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ## #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    0 Comments 0 Shares 455 Views 0 Reviews
  • ✴️ความเชื่อที่ผิดในสังคมไทย
    1. ทุกคนเมื่อยามแก่ จะต้องทรุดโทรม ต้องป่วยเหมือนๆกัน
    2. สุขภาพจะดีได้ ต้องอาศัยการทาน “ยาวิเศษ” ตั้งแต่สมุนไพร “overclaimed” ไปจนสารอ่อนไวที่ไปประโคมฉีดเข้าเส้น โดยไม่ศึกษากันก่อน

    ข้อแรกผิดยังไง?
    ผมอายุ 52 ปี แต่มี Biological ageing ต่ำกว่าคนอายุ 30 ปลายๆ ที่ไม่ออกกำลังกาย ทาน fast food เยอะ ทานเหล้าเบียร์สม่ำเสมอ รวมถึงนอน ตี 1 ตี 3 ประจำ

    ความเสื่อมถอยของสุขภาพนั้น
    1. อายุเป็นเพียงปัจจัย 1 ปัจจัย
    2. อีก 4 ปัจจัยสำคัญคือ
    การออกกำลังกาย (cardio และ weight training), การทาน (และไม่ทาน) อะไร, การจัดการความเครียด และการนอน
    เราจึงเริ่มเห็นคนอายุ 55 ปี ที่แข็งแรงกว่าคนอายุ 35 ปีที่ตามใจปาก ไม่ออกกำลังกาย นอนดึกเสมอ
    และคนอายุ 55 ปีนี้ตอนอายุ 70 จะยังวิ่งออกกำลังกายได้ แต่คนอายุ 35 คนนี้ตอนอายุเพียง 50 อาจเป็นเบาหวาน ความดัน เหนื่อยง่าย ป่วยเก่ง

    ข้อสองผิดยังไง?
    ของวิเศษในโลกใบนี้ จะอาหารเสริมให้ปึ๋งปั๋ง อาหารเสริมลดความดัน รวมถึงวิตามินเทพ พิสูจน์แล้วว่าให้ผลได้เพียงสั้นๆ เพราะไปลดปัญหาที่ปลายเหตุ
    แต่ต้นเหตุของการเจ็บป่วยหลักๆของเราอยู่ที่เพียง 4 ข้อ
    1. การ degrade ตามอายุ และสิ่งแวดล้อม (เช่น PM2.5, ควันดำดีเซล, เครื่องสำอางค์)
    2. Mitochondria เสื่อมตามอายุ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่นสูบบุหรี่ กินเหล้า ทานหวานจัด นอนดึกหลังเที่ยงคืนซ้ำๆ
    3. ภาวะการพร่องจุลินทรีย์ดีหลายสายพันธุ์ในร่างกาย
    4. และการอักเสบ
    ดังนั้น “ยาวิเศษ” เป็นได้แค่ “ของเสริม” ให้กับ ”ของหลัก“ ที่ได้แก่
    การออกกำลังกายทั้ง cardio & weight training
    อาหารดี มีประโยชน์ จากธรรมชาติ ไร้ fast food/ultra processed food
    การจัดการความเครียด
    และการนอนให้มีคุณภาพดี

    ดังนั้น
    ความเร็วของการแก่ ป่วย เสื่อม ของแต่ละคนจึงไม่เท่ากัน
    และ
    Supplement คือ Supplement ให้ทานเมื่อขาด แต่ไม่ใช่ใช้เป็น “หลัก” ในการการดูแลสุขภาพ
    คนอเมริกันเป็น 1 ในชาติที่ทาน supplement สูงที่สุดในโลก แต่อายุเฉลี่ยนอกจากไม่เพิ่ม กลับมีสั้นลงด้วย
    ✴️ความเชื่อที่ผิดในสังคมไทย 1. ทุกคนเมื่อยามแก่ จะต้องทรุดโทรม ต้องป่วยเหมือนๆกัน 2. สุขภาพจะดีได้ ต้องอาศัยการทาน “ยาวิเศษ” ตั้งแต่สมุนไพร “overclaimed” ไปจนสารอ่อนไวที่ไปประโคมฉีดเข้าเส้น โดยไม่ศึกษากันก่อน ข้อแรกผิดยังไง? ผมอายุ 52 ปี แต่มี Biological ageing ต่ำกว่าคนอายุ 30 ปลายๆ ที่ไม่ออกกำลังกาย ทาน fast food เยอะ ทานเหล้าเบียร์สม่ำเสมอ รวมถึงนอน ตี 1 ตี 3 ประจำ ความเสื่อมถอยของสุขภาพนั้น 1. อายุเป็นเพียงปัจจัย 1 ปัจจัย 2. อีก 4 ปัจจัยสำคัญคือ การออกกำลังกาย (cardio และ weight training), การทาน (และไม่ทาน) อะไร, การจัดการความเครียด และการนอน เราจึงเริ่มเห็นคนอายุ 55 ปี ที่แข็งแรงกว่าคนอายุ 35 ปีที่ตามใจปาก ไม่ออกกำลังกาย นอนดึกเสมอ และคนอายุ 55 ปีนี้ตอนอายุ 70 จะยังวิ่งออกกำลังกายได้ แต่คนอายุ 35 คนนี้ตอนอายุเพียง 50 อาจเป็นเบาหวาน ความดัน เหนื่อยง่าย ป่วยเก่ง ข้อสองผิดยังไง? ของวิเศษในโลกใบนี้ จะอาหารเสริมให้ปึ๋งปั๋ง อาหารเสริมลดความดัน รวมถึงวิตามินเทพ พิสูจน์แล้วว่าให้ผลได้เพียงสั้นๆ เพราะไปลดปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ต้นเหตุของการเจ็บป่วยหลักๆของเราอยู่ที่เพียง 4 ข้อ 1. การ degrade ตามอายุ และสิ่งแวดล้อม (เช่น PM2.5, ควันดำดีเซล, เครื่องสำอางค์) 2. Mitochondria เสื่อมตามอายุ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่นสูบบุหรี่ กินเหล้า ทานหวานจัด นอนดึกหลังเที่ยงคืนซ้ำๆ 3. ภาวะการพร่องจุลินทรีย์ดีหลายสายพันธุ์ในร่างกาย 4. และการอักเสบ ดังนั้น “ยาวิเศษ” เป็นได้แค่ “ของเสริม” ให้กับ ”ของหลัก“ ที่ได้แก่ การออกกำลังกายทั้ง cardio & weight training อาหารดี มีประโยชน์ จากธรรมชาติ ไร้ fast food/ultra processed food การจัดการความเครียด และการนอนให้มีคุณภาพดี ดังนั้น ความเร็วของการแก่ ป่วย เสื่อม ของแต่ละคนจึงไม่เท่ากัน และ Supplement คือ Supplement ให้ทานเมื่อขาด แต่ไม่ใช่ใช้เป็น “หลัก” ในการการดูแลสุขภาพ คนอเมริกันเป็น 1 ในชาติที่ทาน supplement สูงที่สุดในโลก แต่อายุเฉลี่ยนอกจากไม่เพิ่ม กลับมีสั้นลงด้วย
    0 Comments 0 Shares 468 Views 0 Reviews
  • ✴️ความเชื่อที่ผิดในสังคมไทย
    1. ทุกคนเมื่อยามแก่ จะต้องทรุดโทรม ต้องป่วยเหมือนๆกัน
    2. สุขภาพจะดีได้ ต้องอาศัยการทาน “ยาวิเศษ” ตั้งแต่สมุนไพร “overclaimed” ไปจนสารอ่อนไวที่ไปประโคมฉีดเข้าเส้น โดยไม่ศึกษากันก่อน

    ข้อแรกผิดยังไง?
    ผมอายุ 52 ปี แต่มี Biological ageing ต่ำกว่าคนอายุ 30 ปลายๆ ที่ไม่ออกกำลังกาย ทาน fast food เยอะ ทานเหล้าเบียร์สม่ำเสมอ รวมถึงนอน ตี 1 ตี 3 ประจำ

    ความเสื่อมถอยของสุขภาพนั้น
    1. อายุเป็นเพียงปัจจัย 1 ปัจจัย
    2. อีก 4 ปัจจัยสำคัญคือ
    การออกกำลังกาย (cardio และ weight training), การทาน (และไม่ทาน) อะไร, การจัดการความเครียด และการนอน
    เราจึงเริ่มเห็นคนอายุ 55 ปี ที่แข็งแรงกว่าคนอายุ 35 ปีที่ตามใจปาก ไม่ออกกำลังกาย นอนดึกเสมอ
    และคนอายุ 55 ปีนี้ตอนอายุ 70 จะยังวิ่งออกกำลังกายได้ แต่คนอายุ 35 คนนี้ตอนอายุเพียง 50 อาจเป็นเบาหวาน ความดัน เหนื่อยง่าย ป่วยเก่ง

    ข้อสองผิดยังไง?
    ของวิเศษในโลกใบนี้ จะอาหารเสริมให้ปึ๋งปั๋ง อาหารเสริมลดความดัน รวมถึงวิตามินเทพ พิสูจน์แล้วว่าให้ผลได้เพียงสั้นๆ เพราะไปลดปัญหาที่ปลายเหตุ
    แต่ต้นเหตุของการเจ็บป่วยหลักๆของเราอยู่ที่เพียง 4 ข้อ
    1. การ degrade ตามอายุ และสิ่งแวดล้อม (เช่น PM2.5, ควันดำดีเซล, เครื่องสำอางค์)
    2. Mitochondria เสื่อมตามอายุ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่นสูบบุหรี่ กินเหล้า ทานหวานจัด นอนดึกหลังเที่ยงคืนซ้ำๆ
    3. ภาวะการพร่องจุลินทรีย์ดีหลายสายพันธุ์ในร่างกาย
    4. และการอักเสบ
    ดังนั้น “ยาวิเศษ” เป็นได้แค่ “ของเสริม” ให้กับ ”ของหลัก“ ที่ได้แก่
    การออกกำลังกายทั้ง cardio & weight training
    อาหารดี มีประโยชน์ จากธรรมชาติ ไร้ fast food/ultra processed food
    การจัดการความเครียด
    และการนอนให้มีคุณภาพดี

    ดังนั้น
    ความเร็วของการแก่ ป่วย เสื่อม ของแต่ละคนจึงไม่เท่ากัน
    และ
    Supplement คือ Supplement ให้ทานเมื่อขาด แต่ไม่ใช่ใช้เป็น “หลัก” ในการการดูแลสุขภาพ
    คนอเมริกันเป็น 1 ในชาติที่ทาน supplement สูงที่สุดในโลก แต่อายุเฉลี่ยนอกจากไม่เพิ่ม กลับมีสั้นลงด้วย
    ✴️ความเชื่อที่ผิดในสังคมไทย 1. ทุกคนเมื่อยามแก่ จะต้องทรุดโทรม ต้องป่วยเหมือนๆกัน 2. สุขภาพจะดีได้ ต้องอาศัยการทาน “ยาวิเศษ” ตั้งแต่สมุนไพร “overclaimed” ไปจนสารอ่อนไวที่ไปประโคมฉีดเข้าเส้น โดยไม่ศึกษากันก่อน ข้อแรกผิดยังไง? ผมอายุ 52 ปี แต่มี Biological ageing ต่ำกว่าคนอายุ 30 ปลายๆ ที่ไม่ออกกำลังกาย ทาน fast food เยอะ ทานเหล้าเบียร์สม่ำเสมอ รวมถึงนอน ตี 1 ตี 3 ประจำ ความเสื่อมถอยของสุขภาพนั้น 1. อายุเป็นเพียงปัจจัย 1 ปัจจัย 2. อีก 4 ปัจจัยสำคัญคือ การออกกำลังกาย (cardio และ weight training), การทาน (และไม่ทาน) อะไร, การจัดการความเครียด และการนอน เราจึงเริ่มเห็นคนอายุ 55 ปี ที่แข็งแรงกว่าคนอายุ 35 ปีที่ตามใจปาก ไม่ออกกำลังกาย นอนดึกเสมอ และคนอายุ 55 ปีนี้ตอนอายุ 70 จะยังวิ่งออกกำลังกายได้ แต่คนอายุ 35 คนนี้ตอนอายุเพียง 50 อาจเป็นเบาหวาน ความดัน เหนื่อยง่าย ป่วยเก่ง ข้อสองผิดยังไง? ของวิเศษในโลกใบนี้ จะอาหารเสริมให้ปึ๋งปั๋ง อาหารเสริมลดความดัน รวมถึงวิตามินเทพ พิสูจน์แล้วว่าให้ผลได้เพียงสั้นๆ เพราะไปลดปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ต้นเหตุของการเจ็บป่วยหลักๆของเราอยู่ที่เพียง 4 ข้อ 1. การ degrade ตามอายุ และสิ่งแวดล้อม (เช่น PM2.5, ควันดำดีเซล, เครื่องสำอางค์) 2. Mitochondria เสื่อมตามอายุ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่นสูบบุหรี่ กินเหล้า ทานหวานจัด นอนดึกหลังเที่ยงคืนซ้ำๆ 3. ภาวะการพร่องจุลินทรีย์ดีหลายสายพันธุ์ในร่างกาย 4. และการอักเสบ ดังนั้น “ยาวิเศษ” เป็นได้แค่ “ของเสริม” ให้กับ ”ของหลัก“ ที่ได้แก่ การออกกำลังกายทั้ง cardio & weight training อาหารดี มีประโยชน์ จากธรรมชาติ ไร้ fast food/ultra processed food การจัดการความเครียด และการนอนให้มีคุณภาพดี ดังนั้น ความเร็วของการแก่ ป่วย เสื่อม ของแต่ละคนจึงไม่เท่ากัน และ Supplement คือ Supplement ให้ทานเมื่อขาด แต่ไม่ใช่ใช้เป็น “หลัก” ในการการดูแลสุขภาพ คนอเมริกันเป็น 1 ในชาติที่ทาน supplement สูงที่สุดในโลก แต่อายุเฉลี่ยนอกจากไม่เพิ่ม กลับมีสั้นลงด้วย
    0 Comments 0 Shares 469 Views 0 Reviews
  • สงกรานต์ลุงเล่นบาสกะหลาน ลุง 53 หลาน 15
    มาดูซิว่าจะหอบแค่ไหน

    #บาส #50บวกไม่สะดวกแก่ #ออกกำลังกาย
    สงกรานต์ลุงเล่นบาสกะหลาน ลุง 53 หลาน 15 มาดูซิว่าจะหอบแค่ไหน #บาส #50บวกไม่สะดวกแก่ #ออกกำลังกาย
    0 Comments 0 Shares 226 Views 0 0 Reviews
  • TRX training*** = Total body Resistance Exercise เป็นการฝึกออกแรงจากแขนไปถึงขา โดย ”ผ่านแกนกลางลำตัว“ เมื่อแกนกลางลำตัว(แข็งแรง)จะทำให้ บาลานซ์ และ มีกานเคลื่อนไหวร่างกายที่ความสัมพันธ์กันดี

    การใช้ TRX เป็นตัวช่วยในการออกกำลังกาย ทำให้ สนุก และ ไม่น่าเบื่อ

    ***พื้นฐานการฝึก Squat หรือ Plank Push Up จะทำให้การฝึก TRX ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
    TRX training*** = Total body Resistance Exercise เป็นการฝึกออกแรงจากแขนไปถึงขา โดย ”ผ่านแกนกลางลำตัว“ เมื่อแกนกลางลำตัว(แข็งแรง)จะทำให้ บาลานซ์ และ มีกานเคลื่อนไหวร่างกายที่ความสัมพันธ์กันดี การใช้ TRX เป็นตัวช่วยในการออกกำลังกาย ทำให้ สนุก และ ไม่น่าเบื่อ ***พื้นฐานการฝึก Squat หรือ Plank Push Up จะทำให้การฝึก TRX ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 158 Views 4 0 Reviews
  • จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีอารมณ์หลากหลายมาก ตั้งแต่
    วิตก กังวล กลัว ในใจคิดไปถึง Worst-case scenario ว่าจะทำอย่างไรดีถ้าต้องเจอเหตุการณ์ในรูปแบบต่างๆ

    ส่วนตัวรู้สึกว่าโชคดีที่ในอดีตเคยเป็น แอร์โอสเตสมาก่อน ซึ่งอาชีพนี้สอนให้เราเตรียมพร้อมกับการเจอสถานการณ์ฉุกเฉินในหลายรูปแบบอย่างมีสติ

    แม้แต่เพื่อนร่วมอาชีพ ที่อยู่คอนโดสูง
    และเจอภาวะตึกสั่นไหวอย่างรุนแรง
    ก็ยังมีสติพอที่จะหลบเข้าไปอยู่ใต้โต๊ะ
    ตามที่เราถูกสอนมาว่าจะรับมือกับสถานการณ์ แผ่นดินไหวอย่างไร?

    ส่วนตัวโชคดีที่ไม่ได้ติดอยู่ในอาคารสูง
    แต่ติดอยู่ในรถ และติดอยู่ในท้องถนน
    ตัดสินใจกลับมาตั้งหลักที่คอนโด ตอนราวบ่ายสอง (เพราะการจราจรเริ่มติดแล้วตั้งแต่บ่ายสอง )
    จากนั้นก็มารวมพลที่ล้อบบี้คอนโด ในใจก็คาดเดาสถานการณ์ไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากนั้น แต่ที่แน่แน่ พยายามเซฟแบตเตอรี่มือถือไว้ให้มากที่สุด (ดูข้อมูลแต่ที่จำเป็น/ เลยไม่มีเวลาตอบ LINE กับผู้ที่ส่งความห่วงใยมาในวันแรกครบทุกคน)
    ในใจก็เริ่มคิดว่า ถ้าเกิด after shock และไม่สามารถกลับขึ้นไปนอนคอนโดได้ เราจะไปนอนที่ไหน?

    เพื่อนบ้าน หลายหลายคน ( คิดว่าเกินครึ่ง) เริ่มอพยพออกจากอาคาร
    บ้างก็ไปเช่าโรงแรม ( low rise)
    บ้างก็ไปอยู่บ้านญาติ

    ส่วนตัวก็คิดอยู่ว่า ถ้าคืนนี้ไม่สามารถกลับขึ้นไปไปนอนคอนโดได้ เราจะไปอยู่บ้านใคร ? แต่ไม่ว่าจะไปอยู่บ้านใครมันก็ต้องเดินทาง ประเด็นคือการจราจรเป็นอัมพาต ไม่สามารถพาเราไปถึงจุดหมายได้แน่นอน จึงตัดสินใจไม่ไปไหน รอดูท่าทีอยู่ที่คอนโด สุดท้ายตอนค่ำ ทางคอนโดมีข้อความถึงลูกบ้านว่าสามารถกลับเข้าตึกได้ แต่ลิฟท์ที่ตึกไม่สามารถใช้ได้ จึงต้องเดินขึ้นบันไดหลายสิบชั้น และมีเหตุให้ต้องเดินขึ้นลงอยู่หลายรอบ จึงมีอาการปวดน่องมาก ( เชื่อว่าหลายคน ประสบเหตุการณ์แบบเดียวกัน😅)

    เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
    ✨ ต้องกลับไปออกกำลังกายให้ฟิตกว่านี้ 💪
    ✨มีกระเป๋าพร้อม สำหรับการอพยพแบบฉุกเฉิน เช่น เสื้อผ้า, ไฟฉาย, น้ำขวดเล็ก, ลูกอม สำหรับให้พลังงานเมื่อยามต้องอดอาหาร, Power bank, เป็นต้น (1ชุดไว้ที่บ้าน/ 1 ชุดทิ้งไว้ในรถ)
    ปล. ลองปรับดูว่าอะไรสำคัญกับชีวิตคุณและคิดว่าต้องมีก็จัดสิ่งนั้นไว้
    ข้อแนะนำคือ ชุดที่ไว้ในรถไม่ควรมี Power bank เพราะถ้าเจอแดด อาจจะอันตรายได้)

    จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ เรียนรู้ได้เลยว่า
    มนุษย์เรานั้นตัวเล็กนิดเดียว
    ไม่สามารถสู้กับธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ได้
    เราควรใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อย่างมีสติ และไม่ทำลายโลกให้มากไปกว่านี้
    แม้จะทำไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็พยายามจะทำให้มากขึ้นและมากขึ้น

    ขอบคุณที่เรารอดปลอดภัย
    และขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่สูญเสียทุกคน

    We shall pass this together.🌈💕

    #earthquake
    #savethailand
    #togetherwewin
    #simplytally
    #simplyugo



    จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีอารมณ์หลากหลายมาก ตั้งแต่ วิตก กังวล กลัว ในใจคิดไปถึง Worst-case scenario ว่าจะทำอย่างไรดีถ้าต้องเจอเหตุการณ์ในรูปแบบต่างๆ ส่วนตัวรู้สึกว่าโชคดีที่ในอดีตเคยเป็น แอร์โอสเตสมาก่อน ซึ่งอาชีพนี้สอนให้เราเตรียมพร้อมกับการเจอสถานการณ์ฉุกเฉินในหลายรูปแบบอย่างมีสติ แม้แต่เพื่อนร่วมอาชีพ ที่อยู่คอนโดสูง และเจอภาวะตึกสั่นไหวอย่างรุนแรง ก็ยังมีสติพอที่จะหลบเข้าไปอยู่ใต้โต๊ะ ตามที่เราถูกสอนมาว่าจะรับมือกับสถานการณ์ แผ่นดินไหวอย่างไร? ส่วนตัวโชคดีที่ไม่ได้ติดอยู่ในอาคารสูง แต่ติดอยู่ในรถ และติดอยู่ในท้องถนน ตัดสินใจกลับมาตั้งหลักที่คอนโด ตอนราวบ่ายสอง (เพราะการจราจรเริ่มติดแล้วตั้งแต่บ่ายสอง ) จากนั้นก็มารวมพลที่ล้อบบี้คอนโด ในใจก็คาดเดาสถานการณ์ไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากนั้น แต่ที่แน่แน่ พยายามเซฟแบตเตอรี่มือถือไว้ให้มากที่สุด (ดูข้อมูลแต่ที่จำเป็น/ เลยไม่มีเวลาตอบ LINE กับผู้ที่ส่งความห่วงใยมาในวันแรกครบทุกคน) ในใจก็เริ่มคิดว่า ถ้าเกิด after shock และไม่สามารถกลับขึ้นไปนอนคอนโดได้ เราจะไปนอนที่ไหน? เพื่อนบ้าน หลายหลายคน ( คิดว่าเกินครึ่ง) เริ่มอพยพออกจากอาคาร บ้างก็ไปเช่าโรงแรม ( low rise) บ้างก็ไปอยู่บ้านญาติ ส่วนตัวก็คิดอยู่ว่า ถ้าคืนนี้ไม่สามารถกลับขึ้นไปไปนอนคอนโดได้ เราจะไปอยู่บ้านใคร ? แต่ไม่ว่าจะไปอยู่บ้านใครมันก็ต้องเดินทาง ประเด็นคือการจราจรเป็นอัมพาต ไม่สามารถพาเราไปถึงจุดหมายได้แน่นอน จึงตัดสินใจไม่ไปไหน รอดูท่าทีอยู่ที่คอนโด สุดท้ายตอนค่ำ ทางคอนโดมีข้อความถึงลูกบ้านว่าสามารถกลับเข้าตึกได้ แต่ลิฟท์ที่ตึกไม่สามารถใช้ได้ จึงต้องเดินขึ้นบันไดหลายสิบชั้น และมีเหตุให้ต้องเดินขึ้นลงอยู่หลายรอบ จึงมีอาการปวดน่องมาก ( เชื่อว่าหลายคน ประสบเหตุการณ์แบบเดียวกัน😅) เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ✨ ต้องกลับไปออกกำลังกายให้ฟิตกว่านี้ 💪 ✨มีกระเป๋าพร้อม สำหรับการอพยพแบบฉุกเฉิน เช่น เสื้อผ้า, ไฟฉาย, น้ำขวดเล็ก, ลูกอม สำหรับให้พลังงานเมื่อยามต้องอดอาหาร, Power bank, เป็นต้น (1ชุดไว้ที่บ้าน/ 1 ชุดทิ้งไว้ในรถ) ปล. ลองปรับดูว่าอะไรสำคัญกับชีวิตคุณและคิดว่าต้องมีก็จัดสิ่งนั้นไว้ ข้อแนะนำคือ ชุดที่ไว้ในรถไม่ควรมี Power bank เพราะถ้าเจอแดด อาจจะอันตรายได้) จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ เรียนรู้ได้เลยว่า มนุษย์เรานั้นตัวเล็กนิดเดียว ไม่สามารถสู้กับธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ได้ เราควรใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อย่างมีสติ และไม่ทำลายโลกให้มากไปกว่านี้ แม้จะทำไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็พยายามจะทำให้มากขึ้นและมากขึ้น ขอบคุณที่เรารอดปลอดภัย และขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่สูญเสียทุกคน We shall pass this together.🌈💕 #earthquake #savethailand #togetherwewin #simplytally #simplyugo
    0 Comments 0 Shares 629 Views 0 Reviews
  • งานวิจัยล่าสุดพบว่าการใช้นาฬิกาอัจฉริยะ (Smartwatch) สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 (T2D) ได้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะในแง่ของการสนับสนุนให้ผู้ป่วยยึดมั่นในโปรแกรมการออกกำลังกายเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและปรับปรุงคุณภาพชีวิต ซึ่งการศึกษานี้มีผู้เข้าร่วม 125 คนที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น T2D ภายใน 2 ปีที่ผ่านมา และทำตามโปรแกรมออกกำลังกายที่บ้าน โดยมีบางคนใช้นาฬิกาอัจฉริยะเป็นตัวช่วย

    ผลลัพธ์ที่โดดเด่น:
    - ผู้ที่ใช้นาฬิกาอัจฉริยะมีการปรับปรุงระดับน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิตซิสโตลิก พร้อมเพิ่มความมุ่งมั่นในกิจกรรมทางกายภาพเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ใช้อุปกรณ์นี้.

    คุณสมบัติที่เป็นแรงจูงใจ:
    - นาฬิกาอัจฉริยะช่วยเตือนผู้ใช้ให้ยืนขึ้น ยืดเส้นยืดสาย หรือเดินเพื่อสุขภาพ โดยฟีเจอร์อย่าง "วงแหวนกิจกรรม" หรือรางวัลต่าง ๆ บนหน้าจอสร้างความสนุกและแรงบันดาลใจ.

    การพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ:
    - บริษัทอย่าง Apple กำลังวิจัยเทคโนโลยีการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดโดยไม่ต้องใช้เข็มแทง ซึ่งอาจพร้อมใช้งานในอนาคต ขณะที่การตรวจวัดความดันโลหิตอาจเปิดตัวในรุ่นที่ใกล้ถึง.

    บทบาทในยุคใหม่ของสุขภาพ:
    - อุปกรณ์ติดตามสุขภาพเหล่านี้ไม่ได้ช่วยเพียงผู้ป่วย T2D เท่านั้น แต่ยังอาจมีบทบาทสำคัญในการป้องกันและส่งเสริมสุขภาพในกลุ่มคนทั่วไป.

    https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/using-a-smartwatch-could-be-a-game-changer-for-people-with-diabetes-new-research-suggests
    งานวิจัยล่าสุดพบว่าการใช้นาฬิกาอัจฉริยะ (Smartwatch) สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 (T2D) ได้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะในแง่ของการสนับสนุนให้ผู้ป่วยยึดมั่นในโปรแกรมการออกกำลังกายเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและปรับปรุงคุณภาพชีวิต ซึ่งการศึกษานี้มีผู้เข้าร่วม 125 คนที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น T2D ภายใน 2 ปีที่ผ่านมา และทำตามโปรแกรมออกกำลังกายที่บ้าน โดยมีบางคนใช้นาฬิกาอัจฉริยะเป็นตัวช่วย ผลลัพธ์ที่โดดเด่น: - ผู้ที่ใช้นาฬิกาอัจฉริยะมีการปรับปรุงระดับน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิตซิสโตลิก พร้อมเพิ่มความมุ่งมั่นในกิจกรรมทางกายภาพเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ใช้อุปกรณ์นี้. คุณสมบัติที่เป็นแรงจูงใจ: - นาฬิกาอัจฉริยะช่วยเตือนผู้ใช้ให้ยืนขึ้น ยืดเส้นยืดสาย หรือเดินเพื่อสุขภาพ โดยฟีเจอร์อย่าง "วงแหวนกิจกรรม" หรือรางวัลต่าง ๆ บนหน้าจอสร้างความสนุกและแรงบันดาลใจ. การพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ: - บริษัทอย่าง Apple กำลังวิจัยเทคโนโลยีการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดโดยไม่ต้องใช้เข็มแทง ซึ่งอาจพร้อมใช้งานในอนาคต ขณะที่การตรวจวัดความดันโลหิตอาจเปิดตัวในรุ่นที่ใกล้ถึง. บทบาทในยุคใหม่ของสุขภาพ: - อุปกรณ์ติดตามสุขภาพเหล่านี้ไม่ได้ช่วยเพียงผู้ป่วย T2D เท่านั้น แต่ยังอาจมีบทบาทสำคัญในการป้องกันและส่งเสริมสุขภาพในกลุ่มคนทั่วไป. https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/using-a-smartwatch-could-be-a-game-changer-for-people-with-diabetes-new-research-suggests
    0 Comments 0 Shares 580 Views 0 Reviews
  • 5 ท่าออกกำลังกายที่ดีที่สุดเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของร่างกายทั้งตัว

    ในขณะที่ท่าออกกำลังกายแบบ Dead Lift, Squat ... ฯลฯ จะสร้างความแข็งแรงโดยการใช้กล้ามเนื้อหลายกลุ่มพร้อมกัน

    5 ท่าออกกำลังกายที่นำเสนอนี้ จะช่วยปรับปรุงการควบคุม ความเสถียร และการประสานงาน ซึ่งจะช่วยเติมเต็มช่องว่างที่การยกน้ำหนักแบบเดิมๆ ขาดหายไป

    เมื่อท่านผสมผสานท่าออกกำลังกายที่ต้องใช้ร่างกายทั้งตัวเข้าด้วยกัน จะได้ฝึกกล้ามเนื้อให้ทำงานร่วมกัน โดยเพิ่มความแข็งแรงที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นในกีฬา (ต่อสู้) หรือการเคลื่อนไหวประจำวัน ท่าออกกำลังกายประเภทนี้จะบังคับให้แกนกลางลำตัวของคุณมั่นคงภายใต้ภาระ ปรับปรุงการควบคุมในหลายระนาบ และพัฒนาความแข็งแรงในจุดที่อาจจะอ่อนแอ เสริมสร้างความเป็นนักกีฬา และสร้างความยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อรับมือกับอาการบาดเจ็บ
    5 ท่าออกกำลังกายที่ดีที่สุดเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของร่างกายทั้งตัว ในขณะที่ท่าออกกำลังกายแบบ Dead Lift, Squat ... ฯลฯ จะสร้างความแข็งแรงโดยการใช้กล้ามเนื้อหลายกลุ่มพร้อมกัน 5 ท่าออกกำลังกายที่นำเสนอนี้ จะช่วยปรับปรุงการควบคุม ความเสถียร และการประสานงาน ซึ่งจะช่วยเติมเต็มช่องว่างที่การยกน้ำหนักแบบเดิมๆ ขาดหายไป เมื่อท่านผสมผสานท่าออกกำลังกายที่ต้องใช้ร่างกายทั้งตัวเข้าด้วยกัน จะได้ฝึกกล้ามเนื้อให้ทำงานร่วมกัน โดยเพิ่มความแข็งแรงที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นในกีฬา (ต่อสู้) หรือการเคลื่อนไหวประจำวัน ท่าออกกำลังกายประเภทนี้จะบังคับให้แกนกลางลำตัวของคุณมั่นคงภายใต้ภาระ ปรับปรุงการควบคุมในหลายระนาบ และพัฒนาความแข็งแรงในจุดที่อาจจะอ่อนแอ เสริมสร้างความเป็นนักกีฬา และสร้างความยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อรับมือกับอาการบาดเจ็บ
    0 Comments 0 Shares 290 Views 2 0 Reviews
  • ปั่นจักรยาน เป็นการออกกำลังกาย ทำให้หัวใจแข็งแรง ที่ดีสุด
    เหตุผลของการเดิน และ การวิ่ง ไม่ดีต่อ..สะบ้า
    ทำให้เข่าบวม ปวดหน้าเข่า
    ปั่นจักรยาน เป็นการออกกำลังกาย ทำให้หัวใจแข็งแรง ที่ดีสุด เหตุผลของการเดิน และ การวิ่ง ไม่ดีต่อ..สะบ้า ทำให้เข่าบวม ปวดหน้าเข่า
    0 Comments 0 Shares 236 Views 4 0 Reviews
  • เกิดอะไรขึ้น หลังออกกำลังกายแล้ว..ไม่กินอะไรเลย
    เกิดอะไรขึ้น หลังออกกำลังกายแล้ว..ไม่กินอะไรเลย
    0 Comments 0 Shares 145 Views 1 0 Reviews
  • ท่าออกกำลังกาย Glute Focused Step ups
    ท่าออกกำลังกาย Glute Focused Step ups
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 138 Views 3 0 Reviews
  • การยกน้ำหนักแบบ Trap Bar และแบบ Barbell Deadlift ถือเป็นท่าออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสร้างความแข็งแรงและกล้ามเนื้อบริเวณหลังส่วนล่าง สะโพก และขา
    อย่างไรก็ตาม มีความแตกต่างที่สำคัญบางประการระหว่างทั้งสองอย่าง
    1. เดดลิฟต์แบบแทรปบาร์เป็นท่าเดดลิฟต์รูปแบบหนึ่งที่ใช้แทรปบาร์ (เรียกอีกอย่างว่าบาร์หกเหลี่ยม) แทนบาร์เบลแบบดั้งเดิม แทรปบาร์เป็นบาร์รูปหกเหลี่ยมที่มีด้ามจับอยู่ด้านในแทนที่จะเป็นด้านนอก การออกแบบนี้ช่วยให้จับได้สบาย..มากขึ้น ซึ่งช่วยลดความเครียดที่ไหล่และข้อมือได้
    2. เดดลิฟต์แบบแทรปบาร์โดยทั่วไปจะช่วยให้สะโพกและขาเคลื่อนไหวได้มากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้กล้ามเนื้อสี่หัวเข่าและก้นทำงานมากขึ้น ซึ่งทำให้เป็นท่าออกกำลังกายที่ดีสำหรับนักกีฬาหรือผู้ที่ต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพการเล่นกีฬา
    3. เดดลิฟต์แบบแทรปบาร์จะสร้างแรงกดดันที่หลังส่วนล่างน้อยกว่าเดดลิฟต์แบบบาร์เบลแบบดั้งเดิม ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บและทำให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นสามารถออกกำลังกายได้
    โดยรวมแล้ว...ทั้งท่าเดดลิฟต์แบบแทรปบาร์และเดดลิฟต์แบบบาร์เบลเป็นท่าออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสร้างความแข็งแรงและกล้ามเนื้อ การเลือกใช้ท่าทั้งสองแบบจะขึ้นอยู่กับเป้าหมาย ความชอบ และข้อจำกัดหรืออาการบาดเจ็บของท่าน
    การยกน้ำหนักแบบ Trap Bar และแบบ Barbell Deadlift ถือเป็นท่าออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสร้างความแข็งแรงและกล้ามเนื้อบริเวณหลังส่วนล่าง สะโพก และขา อย่างไรก็ตาม มีความแตกต่างที่สำคัญบางประการระหว่างทั้งสองอย่าง 1. เดดลิฟต์แบบแทรปบาร์เป็นท่าเดดลิฟต์รูปแบบหนึ่งที่ใช้แทรปบาร์ (เรียกอีกอย่างว่าบาร์หกเหลี่ยม) แทนบาร์เบลแบบดั้งเดิม แทรปบาร์เป็นบาร์รูปหกเหลี่ยมที่มีด้ามจับอยู่ด้านในแทนที่จะเป็นด้านนอก การออกแบบนี้ช่วยให้จับได้สบาย..มากขึ้น ซึ่งช่วยลดความเครียดที่ไหล่และข้อมือได้ 2. เดดลิฟต์แบบแทรปบาร์โดยทั่วไปจะช่วยให้สะโพกและขาเคลื่อนไหวได้มากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้กล้ามเนื้อสี่หัวเข่าและก้นทำงานมากขึ้น ซึ่งทำให้เป็นท่าออกกำลังกายที่ดีสำหรับนักกีฬาหรือผู้ที่ต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพการเล่นกีฬา 3. เดดลิฟต์แบบแทรปบาร์จะสร้างแรงกดดันที่หลังส่วนล่างน้อยกว่าเดดลิฟต์แบบบาร์เบลแบบดั้งเดิม ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บและทำให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นสามารถออกกำลังกายได้ โดยรวมแล้ว...ทั้งท่าเดดลิฟต์แบบแทรปบาร์และเดดลิฟต์แบบบาร์เบลเป็นท่าออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสร้างความแข็งแรงและกล้ามเนื้อ การเลือกใช้ท่าทั้งสองแบบจะขึ้นอยู่กับเป้าหมาย ความชอบ และข้อจำกัดหรืออาการบาดเจ็บของท่าน
    0 Comments 0 Shares 252 Views 0 Reviews
  • 21/3/68

    ทุกท่านรู้ไหมว่าในแต่ละภาพมีความหมายถ้าอยากรู้ลองแตะเข้าไปดูสิค่ะ

    1.การกินน้อย
    คือการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุด

    2.การเดิน
    คือการออกกำลังกายที่ดีที่สุด

    3.ความสุข
    คือวิตามินเสริมที่ดีที่สุด

    4.การหายใจลึก
    คือวิธีคลายเครียดที่ดีที่สุด

    5.น้ำเปล่า
    คือเครื่องดื่มที่ดีที่สุด

    6.แสงแดด
    คือพลังงานที่ดีที่สุด

    7.การนอนหลับ
    คือการฟื้นฟูที่ดีที่สุด

    8.รอยยิ้ม
    คือภาษาที่ดีที่สุด

    #ขอบคุณเจ้าของภาพ
    21/3/68 ทุกท่านรู้ไหมว่าในแต่ละภาพมีความหมายถ้าอยากรู้ลองแตะเข้าไปดูสิค่ะ 1.การกินน้อย คือการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุด 2.การเดิน คือการออกกำลังกายที่ดีที่สุด 3.ความสุข คือวิตามินเสริมที่ดีที่สุด 4.การหายใจลึก คือวิธีคลายเครียดที่ดีที่สุด 5.น้ำเปล่า คือเครื่องดื่มที่ดีที่สุด 6.แสงแดด คือพลังงานที่ดีที่สุด 7.การนอนหลับ คือการฟื้นฟูที่ดีที่สุด 8.รอยยิ้ม คือภาษาที่ดีที่สุด #ขอบคุณเจ้าของภาพ
    0 Comments 0 Shares 446 Views 0 Reviews
  • สถานีออกกำลังกาย (SMITH MACHINE)
    --------------------------------------------
    คือ ศูนย์รวมเครื่องมือสำหรับออกกำลังกายในกีฬาเพาะกล้าม ที่สามารถติดตั้ง(เพิ่มเติม) ดัดแปลง แก้ไข อยู่ในสถานี..ได้ อย่างไม่มีขีดจำกัด
    แต่..จะติดตั้งในอาคาร ได้ หรือ ไม่ได้
    นี่แหละ..คือ ข้อแรก สำหรับการพิจารณา
    ขนาดมาตรฐาน = ความกว้าง 4 ฟุต ความลึก 6 ฟุต และสูง 7 ฟุต
    ซื้อเค้า(ครบชุด)..ราคาหลายแสนบาท สร้างเองได้ง่ายๆ ราคาไม่แพง
    สถานีออกกำลังกาย (SMITH MACHINE) -------------------------------------------- คือ ศูนย์รวมเครื่องมือสำหรับออกกำลังกายในกีฬาเพาะกล้าม ที่สามารถติดตั้ง(เพิ่มเติม) ดัดแปลง แก้ไข อยู่ในสถานี..ได้ อย่างไม่มีขีดจำกัด แต่..จะติดตั้งในอาคาร ได้ หรือ ไม่ได้ นี่แหละ..คือ ข้อแรก สำหรับการพิจารณา ขนาดมาตรฐาน = ความกว้าง 4 ฟุต ความลึก 6 ฟุต และสูง 7 ฟุต ซื้อเค้า(ครบชุด)..ราคาหลายแสนบาท สร้างเองได้ง่ายๆ ราคาไม่แพง
    0 Comments 0 Shares 264 Views 0 Reviews
  • 17/3/68

    @Kittisuk iPhone
    ส่งไปให้ลูกดูนะ

    หมอได้ผ่าศพคนอายุ 90-103 ปีที่ตายธรรมชาติ

    พบว่าแต่ละคนล้วนมีเซลล์มะเร็งอยู่
    บางคนมีหลายแห่งด้วย
    แต่
    ทำไมพวกเขาจึงไม่มีอาการ

    เขาเชื่อว่า

    มันสงบอยู่ในระยะฟักตัว
    หรือ จำศีล
    ถ้ามีสิ่งที่มีปลุกหรือกระตุ้นให้ตื่น จึงจะเจริญเติบโต


    วงการแพทย์ปัจจุบัน
    กำลังพยายามหาวิธีทำให้เซลล์มะเร็งสงบอยู่ได้ตลอดไป
    เชื่อว่า
    อาหารที่ทำให้เซลล์มะเร็งสงบได้แก่

    1. ขมิ้น
    (สารที่เชื่อว่าต้านมะเร็ง
    คือ curcumin)
    2. พริก (capsaicin)
    3. ขิง (curcumin)
    4. ชาเขียว (catechin)
    5. ถั่วเหลือง (isoflavones)
    6. มะเขือเทศ (lycopene)
    7. องุ่น (resveratrol)y
    8. กระเทียม (sulfides)

    “10 อันดับอาหาร
    ที่กระตุ้นให้เซลล์มะเร็งฟื้น”
    คือ
    1. แฮมเบอร์เกอร์ ของทอด,
    โค้ก (Hamburger Fries
    + Cola)
    2. ข้าวซี่โครงหมูตุ๋น +
    ชาไข่มุก (Pork ribs rice
    + Zhen milk)
    3. เกี๊ยวซ่า + นมถั่วเหลือง
    (Pot Sticker + Soy Milk)
    4. สปาร์เก็ตตี้อิตาเลียน +
    ซุปเมอแรงค์ ((Grilled
    Italian noodles) +
    meringue soup)
    5. ไก่ทอดเกาหลีกับเบียร์
    (Korean fried chicken
    + beer)
    6. ข้าวผัด + ซุปกงเหมา
    (Fried rice + Gongmao
    soup)
    7. ราเมง + ครีมแข็ง (Ramen
    + Frost Cream)
    8. ข้าวหน้าหมูตุ๋น +
    ซุปลูกชิ้นปลา (Braised
    Pork Rice + Fish Ball
    Soup)
    9. ก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น +
    กะหล่ำปลีดอง (Braised
    beef noodles +
    sauerkraut)
    10. หมูทอด + โอเด้ง (Fried meat round + Oden boiled)

    ส่วนอาหารที่ต้านพิษ
    ได้แก่
    1. มันหวาน (Sweet potato)
    2. ถั่วเขียว (Mung beans)
    3. ข้าวโอ๊ต (Oats)
    4. เม็ดบัว (Huanren)
    5. เซียวหมี่ (Xiaomi)
    6. ข้าวกล้อง (Brown rice)
    7. ถั่วแดง (Red Beans)
    8. แครอท (Carrots)
    9. แยม (Yam)
    10. หญ้าเจ้าชู้ (Burdock)
    11. หน่อไม้ฝรั่ง (Asparagus)
    12. หัวหอม (Onions)
    13. รากบัว (Lotus root)
    14. หัวไชเท้า (White radish)
    15. โกฐจุฬาลัมพา (Artemisia
    halodendron)
    16. ใบของมันหวาน (Sweet
    potato leaves)
    17. ใบหัวไชเท้า (Radish
    leaves)
    18. ชวานชี (Chuanqi)
    19. โยเกิร์ต (Yogurt)
    20. น้ำส้มสายชู (Vinegart)

    "You are what You eat"
    คุณ กินอะไรเข้าไป
    คุณก็จะเป็นอย่างนั้น

    Don’t no who wrote but I do
    ไม่รู้ใครเขียนแต่ผมทำตาม...

    ด่วน...
    เส้นเลือด "ตีบ" ในสมอง
    เกิดขึ้นทุก 4 นาที
    ทำไมตรวจหาสาเหตุไม่เจอ แล้วจะมีวิธีป้องกันได้อย่างไร ?

    ทุกวันนี้ ผมเจอคนป่วยเส้นเลือดตีบทุกวัน
    ตั้งแต่อายุ 13 ปี ยัน 95 ปี
    มันเกิดอะไรขึ้น
    ความพิการจะหยุดได้
    หรือไม่ได้...

    ถ้าสำหรับผม ผมตอบได้เลยว่า
    "หยุดได้"

    เส้นเลือดตีบในสมอง
    เกิดขึ้นทุก 4 นาที
    ปีละเป็นแสนคน
    ดารานักแสดง.. คนรวย.. คนจน.... ก็ไม่เว้น
    จนเป็นเรื่องน่าวิตกมาก

    วันนี้การแพทย์สหรัฐ
    ยังบอกเลยว่า
    มันยากมากที่สุด

    การรักษาคนป่วยเหล่านี้
    แทบจะเลือนลาง
    เสียงบประมาณมากมาย
    กับคนป่วยเหล่านี้...

    อาการเส้นเลือดตีบ
    เป็นอย่างไร ?

    เส้นเลือดตีบ
    อาการที่ส่งสัญญาณ คือ.-
    1. อาการมึนหัว
    2. อาการบ้านหมุน
    3. อาจมีอาการอาเจียนร่วม
    4. อาการร่วม-อ่อนแรงที่แขน
    5. อาการร่วม-อ่อนแรงที่ขา
    6. มีกลุ่มก้อนแข็งอุดตาม คอ
    บ่า ไหล่
    อาจส่งสัญญาณปวด

    จากพฤติกรรมที่ทำ คือ.-
    1. พักผ่อนน้อย
    2. ดื่มน้ำน้อย
    3. นอนดึก
    4. ดื่มน้ำเย็นเป็นประจำ
    5. ชอบทานอาหารมันๆ
    6. ชอบดื่มเหล้า สูบบุหรี่
    7. ขาดการออกกำลังกาย
    8. ไม่เคยปรับสมดุล ดูแล
    ระบบหลอดเลือด และ
    การไหลเวียนให้สมดุล
    9. นั่งนาน
    10. ยืนนาน
    11. ทำงานหนัก
    12. ชอบดื่มน้ำอัดลม เป็นต้น

    ภาวะเส้นเลือดตีบในสมอง
    ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค
    แต่เกิดจากพฤติกรรม
    ที่สะสมมานาน
    ไม่ต่ำกว่า 4-5 ปี
    การอุดตันในเส้นเลือด
    ถึงจะเกิดขึ้นได้
    การรักษาฟื้นฟู
    สามารถทำได้
    แต่ต้องใช้ระยะเวลา..
    นาน.. ไม่ต่ำกว่า 5 ปี

    คนที่เป็น
    มีอาการก่อนเส้นเลือดจะตีบตัน
    สามารถรักษาได้
    ใช้ระยะเวลาไม่เกิด 3-6 เดือน

    อาการเส้นเลือดตีบในสมองถึงจะไม่เกิดขึ้น
    แต่ถ้ายังกลับไปทำพฤติกรรมเดิมๆ ก็อาจกลับมาได้อีก เพราะเส้นเลือดตีบในสมอง

    “เกิดจากพฤติกรรม
    ในการดำเนินชีวิต…..

    ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค“

    เอาละครับ
    คิดว่าข้อมูลเล็กๆน้อยๆ
    คงช่วยให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงได้
    ห่างไกลความพิการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

    อนุญาตให้แชร์ข้อมูลได้ครับ
    เพื่อเป็นวิทยาทาน...
    17/3/68 @Kittisuk iPhone ส่งไปให้ลูกดูนะ หมอได้ผ่าศพคนอายุ 90-103 ปีที่ตายธรรมชาติ พบว่าแต่ละคนล้วนมีเซลล์มะเร็งอยู่ บางคนมีหลายแห่งด้วย แต่ ทำไมพวกเขาจึงไม่มีอาการ เขาเชื่อว่า มันสงบอยู่ในระยะฟักตัว หรือ จำศีล ถ้ามีสิ่งที่มีปลุกหรือกระตุ้นให้ตื่น จึงจะเจริญเติบโต วงการแพทย์ปัจจุบัน กำลังพยายามหาวิธีทำให้เซลล์มะเร็งสงบอยู่ได้ตลอดไป เชื่อว่า อาหารที่ทำให้เซลล์มะเร็งสงบได้แก่ 1. ขมิ้น (สารที่เชื่อว่าต้านมะเร็ง คือ curcumin) 2. พริก (capsaicin) 3. ขิง (curcumin) 4. ชาเขียว (catechin) 5. ถั่วเหลือง (isoflavones) 6. มะเขือเทศ (lycopene) 7. องุ่น (resveratrol)y 8. กระเทียม (sulfides) “10 อันดับอาหาร ที่กระตุ้นให้เซลล์มะเร็งฟื้น” คือ 1. แฮมเบอร์เกอร์ ของทอด, โค้ก (Hamburger Fries + Cola) 2. ข้าวซี่โครงหมูตุ๋น + ชาไข่มุก (Pork ribs rice + Zhen milk) 3. เกี๊ยวซ่า + นมถั่วเหลือง (Pot Sticker + Soy Milk) 4. สปาร์เก็ตตี้อิตาเลียน + ซุปเมอแรงค์ ((Grilled Italian noodles) + meringue soup) 5. ไก่ทอดเกาหลีกับเบียร์ (Korean fried chicken + beer) 6. ข้าวผัด + ซุปกงเหมา (Fried rice + Gongmao soup) 7. ราเมง + ครีมแข็ง (Ramen + Frost Cream) 8. ข้าวหน้าหมูตุ๋น + ซุปลูกชิ้นปลา (Braised Pork Rice + Fish Ball Soup) 9. ก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น + กะหล่ำปลีดอง (Braised beef noodles + sauerkraut) 10. หมูทอด + โอเด้ง (Fried meat round + Oden boiled) ส่วนอาหารที่ต้านพิษ ได้แก่ 1. มันหวาน (Sweet potato) 2. ถั่วเขียว (Mung beans) 3. ข้าวโอ๊ต (Oats) 4. เม็ดบัว (Huanren) 5. เซียวหมี่ (Xiaomi) 6. ข้าวกล้อง (Brown rice) 7. ถั่วแดง (Red Beans) 8. แครอท (Carrots) 9. แยม (Yam) 10. หญ้าเจ้าชู้ (Burdock) 11. หน่อไม้ฝรั่ง (Asparagus) 12. หัวหอม (Onions) 13. รากบัว (Lotus root) 14. หัวไชเท้า (White radish) 15. โกฐจุฬาลัมพา (Artemisia halodendron) 16. ใบของมันหวาน (Sweet potato leaves) 17. ใบหัวไชเท้า (Radish leaves) 18. ชวานชี (Chuanqi) 19. โยเกิร์ต (Yogurt) 20. น้ำส้มสายชู (Vinegart) "You are what You eat" คุณ กินอะไรเข้าไป คุณก็จะเป็นอย่างนั้น Don’t no who wrote but I do ไม่รู้ใครเขียนแต่ผมทำตาม... ด่วน... เส้นเลือด "ตีบ" ในสมอง เกิดขึ้นทุก 4 นาที ทำไมตรวจหาสาเหตุไม่เจอ แล้วจะมีวิธีป้องกันได้อย่างไร ? ทุกวันนี้ ผมเจอคนป่วยเส้นเลือดตีบทุกวัน ตั้งแต่อายุ 13 ปี ยัน 95 ปี มันเกิดอะไรขึ้น ความพิการจะหยุดได้ หรือไม่ได้... ถ้าสำหรับผม ผมตอบได้เลยว่า "หยุดได้" เส้นเลือดตีบในสมอง เกิดขึ้นทุก 4 นาที ปีละเป็นแสนคน ดารานักแสดง.. คนรวย.. คนจน.... ก็ไม่เว้น จนเป็นเรื่องน่าวิตกมาก วันนี้การแพทย์สหรัฐ ยังบอกเลยว่า มันยากมากที่สุด การรักษาคนป่วยเหล่านี้ แทบจะเลือนลาง เสียงบประมาณมากมาย กับคนป่วยเหล่านี้... อาการเส้นเลือดตีบ เป็นอย่างไร ? เส้นเลือดตีบ อาการที่ส่งสัญญาณ คือ.- 1. อาการมึนหัว 2. อาการบ้านหมุน 3. อาจมีอาการอาเจียนร่วม 4. อาการร่วม-อ่อนแรงที่แขน 5. อาการร่วม-อ่อนแรงที่ขา 6. มีกลุ่มก้อนแข็งอุดตาม คอ บ่า ไหล่ อาจส่งสัญญาณปวด จากพฤติกรรมที่ทำ คือ.- 1. พักผ่อนน้อย 2. ดื่มน้ำน้อย 3. นอนดึก 4. ดื่มน้ำเย็นเป็นประจำ 5. ชอบทานอาหารมันๆ 6. ชอบดื่มเหล้า สูบบุหรี่ 7. ขาดการออกกำลังกาย 8. ไม่เคยปรับสมดุล ดูแล ระบบหลอดเลือด และ การไหลเวียนให้สมดุล 9. นั่งนาน 10. ยืนนาน 11. ทำงานหนัก 12. ชอบดื่มน้ำอัดลม เป็นต้น ภาวะเส้นเลือดตีบในสมอง ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค แต่เกิดจากพฤติกรรม ที่สะสมมานาน ไม่ต่ำกว่า 4-5 ปี การอุดตันในเส้นเลือด ถึงจะเกิดขึ้นได้ การรักษาฟื้นฟู สามารถทำได้ แต่ต้องใช้ระยะเวลา.. นาน.. ไม่ต่ำกว่า 5 ปี คนที่เป็น มีอาการก่อนเส้นเลือดจะตีบตัน สามารถรักษาได้ ใช้ระยะเวลาไม่เกิด 3-6 เดือน อาการเส้นเลือดตีบในสมองถึงจะไม่เกิดขึ้น แต่ถ้ายังกลับไปทำพฤติกรรมเดิมๆ ก็อาจกลับมาได้อีก เพราะเส้นเลือดตีบในสมอง “เกิดจากพฤติกรรม ในการดำเนินชีวิต….. ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค“ เอาละครับ คิดว่าข้อมูลเล็กๆน้อยๆ คงช่วยให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงได้ ห่างไกลความพิการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อนุญาตให้แชร์ข้อมูลได้ครับ เพื่อเป็นวิทยาทาน...
    0 Comments 0 Shares 1226 Views 0 Reviews
  • "อยู่ 100 ปี อย่างมีความสุข"
    ผมอยู่ได้ คุณก็อยู่ได้ The Rhythm of my Life โดย นพ.เฉก ธนะสิริ

    เคล็ดลับความสุขของผม คือ การมีครอบครัวอบอุ่น มีกินมีใช้อย่างพอเพียง และต้องดูแลการกินอยู่ของเราให้ดี ต้องกินผัก ผลไม้เยอะๆ ลดเนื้อสัตว์และอาหารพวกไขมัน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและทำจิตใจให้สงบ สิ่งเหล่านี้ คือ กุญแจที่ทำให้สุขภาพแข็งแรง และนำมาซึ่งความสุขในวัยสูงอายุ

    ผมมีหลัก 9 อ. ที่เคยเขียนไว้ในหนังสือ "ทำอย่างไรจะชะลอความชราและปราศจากโรค" ไว้ว่า

    1. อนาคต
    ซึ่งเราต้องตั้งใจให้แน่วแน่ว่า จะต้องมีอายุยืนยาวอย่างแข็งแรง

    2. อนามัย
    เราต้องดูแลสุขภาพอนามัยของตัวเอง ด้วยการตรวจโรค ตรวจเลือดปีละ 1-2 ครั้ง เป็นประจำทุกปี

    3. อารมณ์
    ซึ่งสำคัญมาก ควรทำอารมณ์ให้เป็นปกติ ให้มีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์น้อยที่สุด

    4. ออกกำลังกาย
    จะต้องพอเพียงอย่างน้อยวันละ 30 นาที และทำ 4-6 วัน ต่อสัปดาห์ และเลือกชนิดของการออกกำลังกาย ให้เหมาะกับวัยและน้ำหนักตัว

    5. อาหาร
    อาหารที่เหมาะสมกับคนทุกเพศทุกวัย ก็คือ พืชผัก ผลไม้ ถั่วและเมล็ดพืช เช่น เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง และที่ต้องระวัง อย่ากินพวกที่มีไขมัน น้ำตาล พวกเนื้อสัตว์สี่เท้ามากนัก ต้องเคี้ยวให้ละเอียด ไม่ดื่มน้ำระหว่างกินอาหาร งดดื่มน้ำอัดลม แอลกอฮอล์ ชา น้ำหวานได้ยิ่งดี

    6. อากาศ
    ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย คือ ออกซิเจน และโอโซน คนในเมืองก็ควรหาโอกาสไปพักผ่อนตามสถานที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ เช่น ชายทะเล ป่าเขา เป็นต้น

    7. อาทิตย์ หมายถึง แสงอาทิตย์ ร่างกายเราควรจะได้รับแสงอาทิตย์ ตั้งแต่ตะวันขึ้นไปจนถึงประมาณ 10.00 น. และหลัง 16.00 น. จนตะวันตกดิน เพราะแสงอาทิตย์ในเวลาเหล่านี้ มีรังสีอยู่หลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย

    8. อดิเรก
    ควรหางานอดิเรกทำ เพราะคนที่อยู่ในวัยสูงอายุมักจะมีเวลาว่างเหลือเฟือ เมื่อใดที่ว่างก็จะรู้สึกเหงา และมักคิดว่าตัวเองหมดคุณค่า ควรระวังอย่าให้ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นเป็นอันขาด

    9. อบอุ่น
    พยายามสร้างความอบอุ่นขึ้นในครอบครัวของตนเองก่อน และเผื่อแผ่ไปยังครอบครัวของลูก และหลาน เหลน แล้วสุขภาพจิตของเราจะสดชื่น

    9 อ. ทั้งหมดนี้ ผมกำหนดขึ้นมา ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติง่ายๆ แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น คือ การย้ำคิดย้ำทำอยู่เสมอว่า ความตั้งใจเรา คือ อะไร ซึ่งความปรารถนาของผมก็คือ ตั้งใจจะมีชีวิตยืนยาวอย่างสดชื่น ปราศจากโรคภัยไปจนอายุ 120 ปี

    ขณะนี้ ผมได้บริจาคดวงตาให้กับสภากาชาดไทย และบริจาคร่างกายให้ ร.พ.ศิริราช เรียบร้อยแล้ว ถ้าหากวันไหนผมเสียชีวิต ก็ลองเอาไปผ่าดูซิว่า ส่วนไหนของร่างกายที่มันชำรุดไปบ้าง สภาพร่างกายผมมันเป็นยังไง ถ้ามันยังอยู่ในเกณฑ์ดี ก็อยากจะให้นำแนวคิด การใช้ชีวิตของผมไปปฏิบัติกันดูบ้าง จะได้ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมากล้ำกราย และจะได้มีอายุยืนยาว

    และที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้ คือ ที่มาของการตั้งเป้าชีวิตของผมที่บอกว่า ผมจะอยู่ให้ได้จนถึงอายุ 120 ปี แล้วค่อยตาย

    Cr : เคล็ดลับอายุยืน หมอเฉก ธนะสิริ

    ภาพ: ปี 2564 (internet)

    ปัจจุบันคุณหมอเฉกอายุ 99 ปีค่ะ

    Cr.FB: โต๊ะป้าศรี CH Table
    "อยู่ 100 ปี อย่างมีความสุข" ผมอยู่ได้ คุณก็อยู่ได้ The Rhythm of my Life โดย นพ.เฉก ธนะสิริ เคล็ดลับความสุขของผม คือ การมีครอบครัวอบอุ่น มีกินมีใช้อย่างพอเพียง และต้องดูแลการกินอยู่ของเราให้ดี ต้องกินผัก ผลไม้เยอะๆ ลดเนื้อสัตว์และอาหารพวกไขมัน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและทำจิตใจให้สงบ สิ่งเหล่านี้ คือ กุญแจที่ทำให้สุขภาพแข็งแรง และนำมาซึ่งความสุขในวัยสูงอายุ ผมมีหลัก 9 อ. ที่เคยเขียนไว้ในหนังสือ "ทำอย่างไรจะชะลอความชราและปราศจากโรค" ไว้ว่า 1. อนาคต ซึ่งเราต้องตั้งใจให้แน่วแน่ว่า จะต้องมีอายุยืนยาวอย่างแข็งแรง 2. อนามัย เราต้องดูแลสุขภาพอนามัยของตัวเอง ด้วยการตรวจโรค ตรวจเลือดปีละ 1-2 ครั้ง เป็นประจำทุกปี 3. อารมณ์ ซึ่งสำคัญมาก ควรทำอารมณ์ให้เป็นปกติ ให้มีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์น้อยที่สุด 4. ออกกำลังกาย จะต้องพอเพียงอย่างน้อยวันละ 30 นาที และทำ 4-6 วัน ต่อสัปดาห์ และเลือกชนิดของการออกกำลังกาย ให้เหมาะกับวัยและน้ำหนักตัว 5. อาหาร อาหารที่เหมาะสมกับคนทุกเพศทุกวัย ก็คือ พืชผัก ผลไม้ ถั่วและเมล็ดพืช เช่น เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง และที่ต้องระวัง อย่ากินพวกที่มีไขมัน น้ำตาล พวกเนื้อสัตว์สี่เท้ามากนัก ต้องเคี้ยวให้ละเอียด ไม่ดื่มน้ำระหว่างกินอาหาร งดดื่มน้ำอัดลม แอลกอฮอล์ ชา น้ำหวานได้ยิ่งดี 6. อากาศ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย คือ ออกซิเจน และโอโซน คนในเมืองก็ควรหาโอกาสไปพักผ่อนตามสถานที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ เช่น ชายทะเล ป่าเขา เป็นต้น 7. อาทิตย์ หมายถึง แสงอาทิตย์ ร่างกายเราควรจะได้รับแสงอาทิตย์ ตั้งแต่ตะวันขึ้นไปจนถึงประมาณ 10.00 น. และหลัง 16.00 น. จนตะวันตกดิน เพราะแสงอาทิตย์ในเวลาเหล่านี้ มีรังสีอยู่หลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย 8. อดิเรก ควรหางานอดิเรกทำ เพราะคนที่อยู่ในวัยสูงอายุมักจะมีเวลาว่างเหลือเฟือ เมื่อใดที่ว่างก็จะรู้สึกเหงา และมักคิดว่าตัวเองหมดคุณค่า ควรระวังอย่าให้ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นเป็นอันขาด 9. อบอุ่น พยายามสร้างความอบอุ่นขึ้นในครอบครัวของตนเองก่อน และเผื่อแผ่ไปยังครอบครัวของลูก และหลาน เหลน แล้วสุขภาพจิตของเราจะสดชื่น 9 อ. ทั้งหมดนี้ ผมกำหนดขึ้นมา ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติง่ายๆ แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น คือ การย้ำคิดย้ำทำอยู่เสมอว่า ความตั้งใจเรา คือ อะไร ซึ่งความปรารถนาของผมก็คือ ตั้งใจจะมีชีวิตยืนยาวอย่างสดชื่น ปราศจากโรคภัยไปจนอายุ 120 ปี ขณะนี้ ผมได้บริจาคดวงตาให้กับสภากาชาดไทย และบริจาคร่างกายให้ ร.พ.ศิริราช เรียบร้อยแล้ว ถ้าหากวันไหนผมเสียชีวิต ก็ลองเอาไปผ่าดูซิว่า ส่วนไหนของร่างกายที่มันชำรุดไปบ้าง สภาพร่างกายผมมันเป็นยังไง ถ้ามันยังอยู่ในเกณฑ์ดี ก็อยากจะให้นำแนวคิด การใช้ชีวิตของผมไปปฏิบัติกันดูบ้าง จะได้ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมากล้ำกราย และจะได้มีอายุยืนยาว และที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้ คือ ที่มาของการตั้งเป้าชีวิตของผมที่บอกว่า ผมจะอยู่ให้ได้จนถึงอายุ 120 ปี แล้วค่อยตาย Cr : เคล็ดลับอายุยืน หมอเฉก ธนะสิริ ภาพ: ปี 2564 (internet) ปัจจุบันคุณหมอเฉกอายุ 99 ปีค่ะ Cr.FB: โต๊ะป้าศรี CH Table
    0 Comments 0 Shares 907 Views 0 Reviews
  • กล้ามเนื้อนั้นสำคัญต่อการชะลอโรค ชะลอวัย อย่างแท้จริง !

    Skeletal muscle works as an endocrine organ, which can produce and secrete hundreds of "Myokines" in respone to "Exercise" that exert their effects in either autocrine, paracrine, or endocrine manners.

    กล้ามเนื้อ เป็นองค์ประกอบโครงสร้างของร่างกาย เซลล์กล้ามเนื้อยังสร้างสารออกฤทธิ์ที่ทำหน้าที่คล้ายฮอร์โมน เรียกว่า " ไมโอคายน์ (Myokines) ที่มีผลต่อทุก ๆ อวัยวะในร่างกาย

    Myokines เหล่านี้ จะเกิดขึ้นเมื่อเราออกกำลังกาย ทั้งในช่วงที่เริ่มออก และ การออกต่อเนื่องสม่ำเสมอ

    ไมโอคายน์ ส่งผลดีต่อร่างกายในทุกระบบ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า (ตามรูปประกอบโพสต์) ดังนั้น การกระตุ้นกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกายสม่ำเสมอจึงช่วย ชะลอโรค และ ชะลอวัย ได้นั่นเอง

    อ้างอิง : Muscle–Organ Crosstalk: The Emerging Roles of Myokines.Endocr Rev. 2020 Aug 1;41(4):594–609.
    กล้ามเนื้อนั้นสำคัญต่อการชะลอโรค ชะลอวัย อย่างแท้จริง ! Skeletal muscle works as an endocrine organ, which can produce and secrete hundreds of "Myokines" in respone to "Exercise" that exert their effects in either autocrine, paracrine, or endocrine manners. กล้ามเนื้อ เป็นองค์ประกอบโครงสร้างของร่างกาย เซลล์กล้ามเนื้อยังสร้างสารออกฤทธิ์ที่ทำหน้าที่คล้ายฮอร์โมน เรียกว่า " ไมโอคายน์ (Myokines) ที่มีผลต่อทุก ๆ อวัยวะในร่างกาย Myokines เหล่านี้ จะเกิดขึ้นเมื่อเราออกกำลังกาย ทั้งในช่วงที่เริ่มออก และ การออกต่อเนื่องสม่ำเสมอ ไมโอคายน์ ส่งผลดีต่อร่างกายในทุกระบบ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า (ตามรูปประกอบโพสต์) ดังนั้น การกระตุ้นกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกายสม่ำเสมอจึงช่วย ชะลอโรค และ ชะลอวัย ได้นั่นเอง อ้างอิง : Muscle–Organ Crosstalk: The Emerging Roles of Myokines.Endocr Rev. 2020 Aug 1;41(4):594–609.
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 259 Views 0 Reviews
  • Empirical Health เปิดบริการใหม่ซึ่งเป็นการผสมผสานข้อมูลด้านสุขภาพจากสมาร์ทวอทช์และผลตรวจเลือด เพื่อสร้าง "คะแนนสุขภาพ" ที่ครอบคลุมและลึกซึ้งยิ่งขึ้น

    Empirical Health Radar สามารถรวบรวมข้อมูลชีวภาพ (biomarkers) มากกว่า 40 ชนิดจากสมาร์ทวอทช์ เช่น Apple Watch หรืออุปกรณ์ Wear OS แล้วนำข้อมูลเหล่านี้มาประมวลผลร่วมกับผลการตรวจเลือด เพื่อวิเคราะห์สุขภาพใน 6 ด้านสำคัญ ได้แก่ หัวใจ การนอนหลับ การออกกำลังกาย สุขภาพจิต ปอด และไต/ตับ โดยแอปพลิเคชันนี้มีเป้าหมายที่จะเสริมความสามารถของสมาร์ทวอทช์ในการติดตามสุขภาพ ให้ครอบคลุมในจุดที่อุปกรณ์เหล่านี้ยังไม่สามารถทำได้

    ที่สำคัญคือ ระบบนี้ออกแบบมาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เช่น Dr. Raquel Rodriguez โดยยึดมาตรฐานจากองค์กรทางการแพทย์ชั้นนำอย่าง American Heart Association และ American College of Cardiology เพื่อความแม่นยำและน่าเชื่อถือ

    นอกจากการวัดค่าทั่วไปอย่างอัตราการเต้นของหัวใจหรือความดันโลหิต ระบบยังมีฟีเจอร์ให้ผู้ใช้สามารถอัพโหลดผลตรวจเลือดที่มีอยู่แล้ว หรือจองการตรวจเลือดใหม่ผ่านแอปในราคา $97 รวมถึงสามารถใช้ได้แม้ไม่มีผลตรวจเลือดล่าสุด แต่จะได้คะแนนสุขภาพแบบบางส่วน

    https://www.techradar.com/health-fitness/this-new-health-protocol-combines-40-smartwatch-biomarkers-and-blood-tests-to-give-you-a-health-score
    Empirical Health เปิดบริการใหม่ซึ่งเป็นการผสมผสานข้อมูลด้านสุขภาพจากสมาร์ทวอทช์และผลตรวจเลือด เพื่อสร้าง "คะแนนสุขภาพ" ที่ครอบคลุมและลึกซึ้งยิ่งขึ้น Empirical Health Radar สามารถรวบรวมข้อมูลชีวภาพ (biomarkers) มากกว่า 40 ชนิดจากสมาร์ทวอทช์ เช่น Apple Watch หรืออุปกรณ์ Wear OS แล้วนำข้อมูลเหล่านี้มาประมวลผลร่วมกับผลการตรวจเลือด เพื่อวิเคราะห์สุขภาพใน 6 ด้านสำคัญ ได้แก่ หัวใจ การนอนหลับ การออกกำลังกาย สุขภาพจิต ปอด และไต/ตับ โดยแอปพลิเคชันนี้มีเป้าหมายที่จะเสริมความสามารถของสมาร์ทวอทช์ในการติดตามสุขภาพ ให้ครอบคลุมในจุดที่อุปกรณ์เหล่านี้ยังไม่สามารถทำได้ ที่สำคัญคือ ระบบนี้ออกแบบมาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เช่น Dr. Raquel Rodriguez โดยยึดมาตรฐานจากองค์กรทางการแพทย์ชั้นนำอย่าง American Heart Association และ American College of Cardiology เพื่อความแม่นยำและน่าเชื่อถือ นอกจากการวัดค่าทั่วไปอย่างอัตราการเต้นของหัวใจหรือความดันโลหิต ระบบยังมีฟีเจอร์ให้ผู้ใช้สามารถอัพโหลดผลตรวจเลือดที่มีอยู่แล้ว หรือจองการตรวจเลือดใหม่ผ่านแอปในราคา $97 รวมถึงสามารถใช้ได้แม้ไม่มีผลตรวจเลือดล่าสุด แต่จะได้คะแนนสุขภาพแบบบางส่วน https://www.techradar.com/health-fitness/this-new-health-protocol-combines-40-smartwatch-biomarkers-and-blood-tests-to-give-you-a-health-score
    0 Comments 0 Shares 625 Views 0 Reviews
More Results