“อักเสบเรื้อรังกลายเป็นตัวทำนายโรคหัวใจที่แม่นยำกว่าคอเลสเตอรอล — ACC แนะตรวจ hs-CRP เป็นมาตรฐานใหม่”

เป็นเวลาหลายสิบปีที่คอเลสเตอรอล โดยเฉพาะ LDL หรือ ApoB ถูกใช้เป็นตัวชี้วัดหลักในการประเมินความเสี่ยงโรคหัวใจ แต่ล่าสุด American College of Cardiology (ACC) ได้ออกคำแนะนำใหม่เมื่อปลายเดือนกันยายน 2025 ว่า “การอักเสบเรื้อรัง” โดยเฉพาะค่าที่วัดจาก hs-CRP (high-sensitivity C-reactive protein) เป็นตัวทำนายโรคหัวใจที่แม่นยำกว่า และควรตรวจเป็นมาตรฐานร่วมกับคอเลสเตอรอลในทุกคน ไม่ว่าจะมีโรคหัวใจอยู่แล้วหรือไม่

เหตุผลคือ แม้ผู้ป่วยจะควบคุมคอเลสเตอรอลได้ดีด้วยยาสแตติน แต่ยังมีความเสี่ยงหลงเหลืออยู่จากการอักเสบที่ไม่ถูกตรวจวัด ซึ่งเรียกว่า “residual inflammatory risk” โดยเฉพาะในกลุ่มที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงแบบดั้งเดิม เช่น ไม่สูบบุหรี่ ไม่มีเบาหวาน หรือความดันสูง แต่ยังมี hs-CRP สูงเกิน 2 mg/L

การศึกษาหลายฉบับ เช่น JUPITER, COLCOT และ LoDoCo2 พบว่า การใช้ยาสแตตินและโคลชิซีนสามารถลดความเสี่ยงได้แม้ LDL จะอยู่ในระดับปกติ ส่วนยาใหม่อย่าง canakinumab แม้ลดเหตุการณ์หัวใจได้ แต่มีราคาสูงและเพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อ

นอกจากยาแล้ว ACC ยังเน้นการปรับพฤติกรรม เช่น การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ, การรับประทานอาหารแบบ Mediterranean หรือ DASH, การเลิกบุหรี่ และการควบคุมน้ำหนัก ซึ่งล้วนช่วยลด hs-CRP ได้อย่างมีนัยสำคัญ

การตรวจ hs-CRP เป็นการเจาะเลือดง่าย ๆ และราคาถูก โดยค่าต่ำกว่า 1 mg/L ถือว่าดี, 1–3 mg/L คือความเสี่ยงปานกลาง และมากกว่า 3 mg/L คือความเสี่ยงสูง หากเกิน 10 mg/L อาจเกิดจากการติดเชื้อชั่วคราว ควรตรวจซ้ำใน 2–3 สัปดาห์

ข้อมูลสำคัญจากข่าว
ACC แนะนำให้ตรวจ hs-CRP เป็นมาตรฐานร่วมกับคอเลสเตอรอลในทุกคน
hs-CRP เป็นตัวทำนายโรคหัวใจที่แม่นยำกว่าคอเลสเตอรอลในหลายกลุ่ม
ความเสี่ยงหลงเหลือจากการอักเสบยังคงอยู่แม้ควบคุม LDL ได้ดี
hs-CRP สูงกว่า 2 mg/L ในผู้ใช้สแตตินยังมีความเสี่ยงต่อเหตุการณ์หัวใจ
ยาโคลชิซีนและสแตตินช่วยลด hs-CRP และลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
Canakinumab ลดเหตุการณ์หัวใจได้ แต่มีราคาสูงและเพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อ
การออกกำลังกายและอาหารแบบ Mediterranean/DASH ช่วยลด hs-CRP
ค่าปกติของ hs-CRP คือ <1 mg/L, ความเสี่ยงปานกลาง 1–3 mg/L, ความเสี่ยงสูง >3 mg/L
หาก hs-CRP >10 mg/L ควรตรวจซ้ำหลังจากหายจากการติดเชื้อ

ข้อมูลเสริมจากภายนอก
hs-CRP เป็นโปรตีนที่สร้างจากตับเมื่อเกิดการอักเสบในร่างกาย
การอักเสบเรื้อรังเกี่ยวข้องกับการเกิดคราบไขมันในหลอดเลือดและการแตกของคราบ
Imaging เช่น CT, MRI, PET อาจช่วยตรวจการอักเสบในหลอดเลือด แต่ยังไม่พร้อมใช้ทั่วไป
Omega-3 (EPA + DHA) ช่วยลดการอักเสบและลดเหตุการณ์หัวใจในผู้ป่วยหัวใจล้มเหลว
IL-6 inhibitors กำลังอยู่ระหว่างการวิจัยเพื่อใช้ลดการอักเสบในโรคหัวใจ

คำเตือนและข้อจำกัด
การตรวจ hs-CRP ครั้งเดียวอาจไม่แม่นยำ หากมีการติดเชื้อหรืออาการอักเสบอื่น
ยาโคลชิซีนควรหลีกเลี่ยงในผู้ที่มีปัญหาไตหรือตับ
Canakinumab แม้มีผลดี แต่มีราคาสูงและเพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อ
การใช้ imaging เพื่อตรวจการอักเสบยังไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไป
การไม่ตรวจ hs-CRP อาจทำให้พลาดการประเมินความเสี่ยงที่สำคัญ

https://www.empirical.health/blog/inflammation-and-heart-health/
❤️‍🔥 “อักเสบเรื้อรังกลายเป็นตัวทำนายโรคหัวใจที่แม่นยำกว่าคอเลสเตอรอล — ACC แนะตรวจ hs-CRP เป็นมาตรฐานใหม่” เป็นเวลาหลายสิบปีที่คอเลสเตอรอล โดยเฉพาะ LDL หรือ ApoB ถูกใช้เป็นตัวชี้วัดหลักในการประเมินความเสี่ยงโรคหัวใจ แต่ล่าสุด American College of Cardiology (ACC) ได้ออกคำแนะนำใหม่เมื่อปลายเดือนกันยายน 2025 ว่า “การอักเสบเรื้อรัง” โดยเฉพาะค่าที่วัดจาก hs-CRP (high-sensitivity C-reactive protein) เป็นตัวทำนายโรคหัวใจที่แม่นยำกว่า และควรตรวจเป็นมาตรฐานร่วมกับคอเลสเตอรอลในทุกคน ไม่ว่าจะมีโรคหัวใจอยู่แล้วหรือไม่ เหตุผลคือ แม้ผู้ป่วยจะควบคุมคอเลสเตอรอลได้ดีด้วยยาสแตติน แต่ยังมีความเสี่ยงหลงเหลืออยู่จากการอักเสบที่ไม่ถูกตรวจวัด ซึ่งเรียกว่า “residual inflammatory risk” โดยเฉพาะในกลุ่มที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงแบบดั้งเดิม เช่น ไม่สูบบุหรี่ ไม่มีเบาหวาน หรือความดันสูง แต่ยังมี hs-CRP สูงเกิน 2 mg/L การศึกษาหลายฉบับ เช่น JUPITER, COLCOT และ LoDoCo2 พบว่า การใช้ยาสแตตินและโคลชิซีนสามารถลดความเสี่ยงได้แม้ LDL จะอยู่ในระดับปกติ ส่วนยาใหม่อย่าง canakinumab แม้ลดเหตุการณ์หัวใจได้ แต่มีราคาสูงและเพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อ นอกจากยาแล้ว ACC ยังเน้นการปรับพฤติกรรม เช่น การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ, การรับประทานอาหารแบบ Mediterranean หรือ DASH, การเลิกบุหรี่ และการควบคุมน้ำหนัก ซึ่งล้วนช่วยลด hs-CRP ได้อย่างมีนัยสำคัญ การตรวจ hs-CRP เป็นการเจาะเลือดง่าย ๆ และราคาถูก โดยค่าต่ำกว่า 1 mg/L ถือว่าดี, 1–3 mg/L คือความเสี่ยงปานกลาง และมากกว่า 3 mg/L คือความเสี่ยงสูง หากเกิน 10 mg/L อาจเกิดจากการติดเชื้อชั่วคราว ควรตรวจซ้ำใน 2–3 สัปดาห์ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ACC แนะนำให้ตรวจ hs-CRP เป็นมาตรฐานร่วมกับคอเลสเตอรอลในทุกคน ➡️ hs-CRP เป็นตัวทำนายโรคหัวใจที่แม่นยำกว่าคอเลสเตอรอลในหลายกลุ่ม ➡️ ความเสี่ยงหลงเหลือจากการอักเสบยังคงอยู่แม้ควบคุม LDL ได้ดี ➡️ hs-CRP สูงกว่า 2 mg/L ในผู้ใช้สแตตินยังมีความเสี่ยงต่อเหตุการณ์หัวใจ ➡️ ยาโคลชิซีนและสแตตินช่วยลด hs-CRP และลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ➡️ Canakinumab ลดเหตุการณ์หัวใจได้ แต่มีราคาสูงและเพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อ ➡️ การออกกำลังกายและอาหารแบบ Mediterranean/DASH ช่วยลด hs-CRP ➡️ ค่าปกติของ hs-CRP คือ <1 mg/L, ความเสี่ยงปานกลาง 1–3 mg/L, ความเสี่ยงสูง >3 mg/L ➡️ หาก hs-CRP >10 mg/L ควรตรวจซ้ำหลังจากหายจากการติดเชื้อ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ hs-CRP เป็นโปรตีนที่สร้างจากตับเมื่อเกิดการอักเสบในร่างกาย ➡️ การอักเสบเรื้อรังเกี่ยวข้องกับการเกิดคราบไขมันในหลอดเลือดและการแตกของคราบ ➡️ Imaging เช่น CT, MRI, PET อาจช่วยตรวจการอักเสบในหลอดเลือด แต่ยังไม่พร้อมใช้ทั่วไป ➡️ Omega-3 (EPA + DHA) ช่วยลดการอักเสบและลดเหตุการณ์หัวใจในผู้ป่วยหัวใจล้มเหลว ➡️ IL-6 inhibitors กำลังอยู่ระหว่างการวิจัยเพื่อใช้ลดการอักเสบในโรคหัวใจ ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ การตรวจ hs-CRP ครั้งเดียวอาจไม่แม่นยำ หากมีการติดเชื้อหรืออาการอักเสบอื่น ⛔ ยาโคลชิซีนควรหลีกเลี่ยงในผู้ที่มีปัญหาไตหรือตับ ⛔ Canakinumab แม้มีผลดี แต่มีราคาสูงและเพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อ ⛔ การใช้ imaging เพื่อตรวจการอักเสบยังไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไป ⛔ การไม่ตรวจ hs-CRP อาจทำให้พลาดการประเมินความเสี่ยงที่สำคัญ https://www.empirical.health/blog/inflammation-and-heart-health/
WWW.EMPIRICAL.HEALTH
Inflammation now predicts heart disease more strongly than cholesterol
The American College of Cardiology now recommends everybody measure their hs-CRP.
0 Comments 0 Shares 99 Views 0 Reviews