• ส่วนขยาย Chrome ปลอมที่แฝงตัวเป็น Ethereum Wallet

    นักวิจัยจาก Socket พบส่วนขยายชื่อ Safery: Ethereum Wallet ที่ปรากฏใน Chrome Web Store และดูเหมือนเป็นกระเป๋าเงินคริปโตทั่วไป. มันสามารถสร้างบัญชีใหม่, นำเข้า seed phrase, แสดงยอดคงเหลือ และส่ง ETH ได้ตามปกติ ทำให้ผู้ใช้เชื่อว่าเป็นกระเป๋าเงินที่ปลอดภัย.

    เทคนิคการขโมย Seed Phrase แบบแนบเนียน
    เมื่อผู้ใช้สร้างหรือใส่ seed phrase ส่วนขยายจะเข้ารหัสคำเหล่านั้นเป็น ที่อยู่ปลอมบน Sui blockchain และส่งธุรกรรมเล็ก ๆ (0.000001 SUI) ไปยังที่อยู่นั้น. ข้อมูล seed phrase ถูกซ่อนอยู่ในธุรกรรม ทำให้ไม่ต้องใช้เซิร์ฟเวอร์ C2 หรือการส่งข้อมูลผ่าน HTTP. ภายหลังผู้โจมตีสามารถถอดรหัสธุรกรรมเหล่านี้เพื่อกู้คืน seed phrase ได้ครบถ้วน.

    ความแตกต่างจากมัลแวร์ทั่วไป
    มัลแวร์นี้ไม่ส่งข้อมูลออกทางอินเทอร์เน็ตโดยตรง แต่ใช้ ธุรกรรมบล็อกเชนเป็นช่องทางลับ ทำให้ยากต่อการตรวจจับโดยระบบรักษาความปลอดภัย. ไม่มีการส่งข้อมูล plaintext, ไม่มีเซิร์ฟเวอร์กลาง และไม่มีการเรียก API ที่ผิดปกติ. วิธีนี้ถือเป็นการใช้บล็อกเชนเป็น “ช่องทางสื่อสาร” ที่ปลอดภัยสำหรับผู้โจมตี.

    ความเสี่ยงต่อผู้ใช้
    แม้ส่วนขยายนี้ยังคงอยู่ใน Chrome Web Store ณ เวลาที่รายงาน ผู้ใช้ที่ค้นหา “Ethereum Wallet” อาจเจอและติดตั้งโดยไม่รู้ตัว. การโจมตีรูปแบบนี้แสดงให้เห็นว่าผู้โจมตีเริ่มใช้ ธุรกรรมบล็อกเชนเป็นเครื่องมือขโมยข้อมูล ซึ่งอาจแพร่กระจายไปยังมัลแวร์อื่น ๆ ในอนาคต.

    ส่วนขยาย Safery: Ethereum Wallet
    ปลอมเป็นกระเป๋าเงิน Ethereum บน Chrome Web Store
    ทำงานเหมือนกระเป๋าเงินจริงเพื่อหลอกผู้ใช้

    เทคนิคการขโมย Seed Phrase
    เข้ารหัส seed phrase เป็นที่อยู่ปลอมบน Sui blockchain
    ส่งธุรกรรมเล็ก ๆ เพื่อซ่อนข้อมูล

    ความแตกต่างจากมัลแวร์ทั่วไป
    ไม่ใช้ HTTP หรือเซิร์ฟเวอร์ C2
    ใช้ธุรกรรมบล็อกเชนเป็นช่องทางลับ

    ความเสี่ยงและคำเตือน
    ส่วนขยายยังคงอยู่ใน Chrome Web Store
    ผู้ใช้ที่ค้นหา Ethereum Wallet อาจติดตั้งโดยไม่รู้ตัว
    การใช้บล็อกเชนเป็นช่องทางขโมยข้อมูลอาจแพร่ไปยังมัลแวร์อื่น

    https://securityonline.info/sui-blockchain-seed-stealer-malicious-chrome-extension-hides-mnemonic-exfiltration-in-microtransactions/
    🕵️‍♂️ ส่วนขยาย Chrome ปลอมที่แฝงตัวเป็น Ethereum Wallet นักวิจัยจาก Socket พบส่วนขยายชื่อ Safery: Ethereum Wallet ที่ปรากฏใน Chrome Web Store และดูเหมือนเป็นกระเป๋าเงินคริปโตทั่วไป. มันสามารถสร้างบัญชีใหม่, นำเข้า seed phrase, แสดงยอดคงเหลือ และส่ง ETH ได้ตามปกติ ทำให้ผู้ใช้เชื่อว่าเป็นกระเป๋าเงินที่ปลอดภัย. 🔐 เทคนิคการขโมย Seed Phrase แบบแนบเนียน เมื่อผู้ใช้สร้างหรือใส่ seed phrase ส่วนขยายจะเข้ารหัสคำเหล่านั้นเป็น ที่อยู่ปลอมบน Sui blockchain และส่งธุรกรรมเล็ก ๆ (0.000001 SUI) ไปยังที่อยู่นั้น. ข้อมูล seed phrase ถูกซ่อนอยู่ในธุรกรรม ทำให้ไม่ต้องใช้เซิร์ฟเวอร์ C2 หรือการส่งข้อมูลผ่าน HTTP. ภายหลังผู้โจมตีสามารถถอดรหัสธุรกรรมเหล่านี้เพื่อกู้คืน seed phrase ได้ครบถ้วน. ⚡ ความแตกต่างจากมัลแวร์ทั่วไป มัลแวร์นี้ไม่ส่งข้อมูลออกทางอินเทอร์เน็ตโดยตรง แต่ใช้ ธุรกรรมบล็อกเชนเป็นช่องทางลับ ทำให้ยากต่อการตรวจจับโดยระบบรักษาความปลอดภัย. ไม่มีการส่งข้อมูล plaintext, ไม่มีเซิร์ฟเวอร์กลาง และไม่มีการเรียก API ที่ผิดปกติ. วิธีนี้ถือเป็นการใช้บล็อกเชนเป็น “ช่องทางสื่อสาร” ที่ปลอดภัยสำหรับผู้โจมตี. 🚨 ความเสี่ยงต่อผู้ใช้ แม้ส่วนขยายนี้ยังคงอยู่ใน Chrome Web Store ณ เวลาที่รายงาน ผู้ใช้ที่ค้นหา “Ethereum Wallet” อาจเจอและติดตั้งโดยไม่รู้ตัว. การโจมตีรูปแบบนี้แสดงให้เห็นว่าผู้โจมตีเริ่มใช้ ธุรกรรมบล็อกเชนเป็นเครื่องมือขโมยข้อมูล ซึ่งอาจแพร่กระจายไปยังมัลแวร์อื่น ๆ ในอนาคต. ✅ ส่วนขยาย Safery: Ethereum Wallet ➡️ ปลอมเป็นกระเป๋าเงิน Ethereum บน Chrome Web Store ➡️ ทำงานเหมือนกระเป๋าเงินจริงเพื่อหลอกผู้ใช้ ✅ เทคนิคการขโมย Seed Phrase ➡️ เข้ารหัส seed phrase เป็นที่อยู่ปลอมบน Sui blockchain ➡️ ส่งธุรกรรมเล็ก ๆ เพื่อซ่อนข้อมูล ✅ ความแตกต่างจากมัลแวร์ทั่วไป ➡️ ไม่ใช้ HTTP หรือเซิร์ฟเวอร์ C2 ➡️ ใช้ธุรกรรมบล็อกเชนเป็นช่องทางลับ ‼️ ความเสี่ยงและคำเตือน ⛔ ส่วนขยายยังคงอยู่ใน Chrome Web Store ⛔ ผู้ใช้ที่ค้นหา Ethereum Wallet อาจติดตั้งโดยไม่รู้ตัว ⛔ การใช้บล็อกเชนเป็นช่องทางขโมยข้อมูลอาจแพร่ไปยังมัลแวร์อื่น https://securityonline.info/sui-blockchain-seed-stealer-malicious-chrome-extension-hides-mnemonic-exfiltration-in-microtransactions/
    SECURITYONLINE.INFO
    Sui Blockchain Seed Stealer: Malicious Chrome Extension Hides Mnemonic Exfiltration in Microtransactions
    A malicious Chrome extension, Safery: Ethereum Wallet, steals BIP-39 seed phrases by encoding them into synthetic Sui blockchain addresses and broadcasting microtransactions, bypassing HTTP/C2 detection.
    0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews
  • Microsoft แก้ปัญหา Windows 10 ESU ติดตั้งไม่สำเร็จ

    Microsoft ได้ออกแพตช์ใหม่ KB5071959 เพื่อแก้ปัญหาที่ทำให้ผู้ใช้ Windows 10 ไม่สามารถติดตั้ง Extended Security Updates (ESU) ได้อย่างถูกต้อง ปัญหานี้เกิดขึ้นหลังจาก Windows 10 หมดอายุการสนับสนุนหลัก และผู้ใช้ที่สมัคร ESU กลับถูกแจ้งว่าเครื่องหมดอายุแล้ว แม้จะเป็นรุ่น Enterprise ที่ยังอยู่ในระยะซัพพอร์ต

    การแก้ไขครั้งนี้ครอบคลุมทั้งการปรับปรุงระบบ Cloud Config และการแก้บั๊กที่ทำให้ผู้ใช้ในยุโรปไม่สามารถลงทะเบียน ESU ได้ รวมถึงการแก้ปัญหาที่ทำให้เกิดข้อความ “Something went wrong” เมื่อสมัครผ่าน Windows Backup

    ESU ถือเป็นการต่ออายุการสนับสนุน Windows 10 อีก 1–3 ปี เพื่อให้ผู้ใช้ที่ยังไม่สามารถอัปเกรดไป Windows 11 ได้รับการอัปเดตด้านความปลอดภัยต่อไป แต่ต้องมีการสมัครสมาชิกหรือใช้คะแนนรางวัล Microsoft เพื่อเข้าร่วม

    Microsoft ออกแพตช์ KB5071959 แก้ปัญหา ESU
    แก้บั๊กที่ทำให้เครื่องแจ้งหมดอายุผิดพลาด

    ESU ต่ออายุการสนับสนุน Windows 10 อีก 1–3 ปี
    เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ยังไม่สามารถอัปเกรดไป Windows 11

    ผู้ใช้สามารถสมัคร ESU ผ่าน Windows Backup หรือจ่ายเงิน
    ต้องมีบัญชี Microsoft เพื่อเข้าร่วม

    หากไม่เข้าร่วม ESU เครื่องจะเสี่ยงต่อการโจมตีไซเบอร์
    ไม่มีการอัปเดตความปลอดภัยเพิ่มเติม

    ปัญหาการสมัคร ESU ในบางภูมิภาคยังคงเกิดขึ้น
    ผู้ใช้ต้องตรวจสอบว่ามีสิทธิ์เข้าร่วมจริงหรือไม่

    https://www.tomshardware.com/software/windows/microsoft-patches-windows-10-issue-that-accidentally-blocked-extended-security-updates-from-installing-latest-update-should-finally-fix-all-the-issues-for-esu-eligible-devices
    🪟 Microsoft แก้ปัญหา Windows 10 ESU ติดตั้งไม่สำเร็จ Microsoft ได้ออกแพตช์ใหม่ KB5071959 เพื่อแก้ปัญหาที่ทำให้ผู้ใช้ Windows 10 ไม่สามารถติดตั้ง Extended Security Updates (ESU) ได้อย่างถูกต้อง ปัญหานี้เกิดขึ้นหลังจาก Windows 10 หมดอายุการสนับสนุนหลัก และผู้ใช้ที่สมัคร ESU กลับถูกแจ้งว่าเครื่องหมดอายุแล้ว แม้จะเป็นรุ่น Enterprise ที่ยังอยู่ในระยะซัพพอร์ต การแก้ไขครั้งนี้ครอบคลุมทั้งการปรับปรุงระบบ Cloud Config และการแก้บั๊กที่ทำให้ผู้ใช้ในยุโรปไม่สามารถลงทะเบียน ESU ได้ รวมถึงการแก้ปัญหาที่ทำให้เกิดข้อความ “Something went wrong” เมื่อสมัครผ่าน Windows Backup ESU ถือเป็นการต่ออายุการสนับสนุน Windows 10 อีก 1–3 ปี เพื่อให้ผู้ใช้ที่ยังไม่สามารถอัปเกรดไป Windows 11 ได้รับการอัปเดตด้านความปลอดภัยต่อไป แต่ต้องมีการสมัครสมาชิกหรือใช้คะแนนรางวัล Microsoft เพื่อเข้าร่วม ✅ Microsoft ออกแพตช์ KB5071959 แก้ปัญหา ESU ➡️ แก้บั๊กที่ทำให้เครื่องแจ้งหมดอายุผิดพลาด ✅ ESU ต่ออายุการสนับสนุน Windows 10 อีก 1–3 ปี ➡️ เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ยังไม่สามารถอัปเกรดไป Windows 11 ✅ ผู้ใช้สามารถสมัคร ESU ผ่าน Windows Backup หรือจ่ายเงิน ➡️ ต้องมีบัญชี Microsoft เพื่อเข้าร่วม ‼️ หากไม่เข้าร่วม ESU เครื่องจะเสี่ยงต่อการโจมตีไซเบอร์ ⛔ ไม่มีการอัปเดตความปลอดภัยเพิ่มเติม ‼️ ปัญหาการสมัคร ESU ในบางภูมิภาคยังคงเกิดขึ้น ⛔ ผู้ใช้ต้องตรวจสอบว่ามีสิทธิ์เข้าร่วมจริงหรือไม่ https://www.tomshardware.com/software/windows/microsoft-patches-windows-10-issue-that-accidentally-blocked-extended-security-updates-from-installing-latest-update-should-finally-fix-all-the-issues-for-esu-eligible-devices
    0 Comments 0 Shares 45 Views 0 Reviews
  • หัวข้อข่าว: “Bitwise เปิดตัว Solana ETF จุดชนวนศึกคริปโตวอลล์สตรีท”

    วันที่ 28 ตุลาคม 2025 บริษัท Bitwise Asset Management ได้เปิดตัว Solana Staking ETF ซึ่งเป็นกองทุน ETF ที่ติดตามราคาสปอตของ Solana — คริปโตอันดับ 6 ของโลก — โดยใช้กระบวนการใหม่ที่ไม่ต้องรอการอนุมัติอย่างเป็นทางการจาก SEC ที่กำลังปิดทำการอยู่ในขณะนั้น

    การเคลื่อนไหวนี้ทำให้ Bitwise กลายเป็น ผู้เล่นรายแรก ที่เข้าสู่ตลาด ETF ของ altcoin และสร้างแรงกดดันมหาศาลต่อคู่แข่ง เช่น Grayscale, VanEck, Fidelity และ Invesco ที่ต้องรีบปรับแผนการออกผลิตภัณฑ์ตามมา

    เพียงสัปดาห์แรก กองทุนนี้ดึงดูดเงินลงทุนกว่า 420 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนักวิเคราะห์จาก JPMorgan คาดว่า ETF ประเภท altcoin อาจดึงดูดเงินลงทุนรวมกว่า 14 พันล้านดอลลาร์ใน 6 เดือนแรก โดย Solana อาจได้ส่วนแบ่งถึง 6 พันล้านดอลลาร์

    สิ่งที่ทำให้การแข่งขันดุเดือดคือ “First-Mover Advantage” — ใครเปิดตัวก่อนย่อมได้เปรียบมหาศาล ตัวอย่างเช่น ProShares Bitcoin ETF ที่เปิดตัวก่อนคู่แข่งเพียงไม่กี่วันในปี 2021 แต่ครองตลาดจนถึงปัจจุบัน

    สาระเพิ่มเติมจากภายนอก
    Solana เป็นบล็อกเชนที่ขึ้นชื่อเรื่องความเร็วและค่าธรรมเนียมต่ำ จึงถูกมองว่าเป็นคู่แข่งสำคัญของ Ethereum
    การเปิดตัว ETF ของ Solana อาจช่วยให้คริปโต altcoin ได้รับการยอมรับในตลาดการเงินดั้งเดิมมากขึ้น
    อย่างไรก็ตาม การใช้กระบวนการที่ไม่ต้องรอ SEC อนุมัติ อาจสร้างความเสี่ยงด้านกฎระเบียบในอนาคต หาก SEC เข้ามาตรวจสอบและสั่งระงับ

    Bitwise เปิดตัว Solana ETF สำเร็จ
    ใช้กระบวนการใหม่ที่ไม่ต้องรอ SEC อนุมัติ
    ดึงดูดเงินลงทุนกว่า 420 ล้านดอลลาร์ในสัปดาห์แรก

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    คู่แข่งอย่าง Grayscale, VanEck, Fidelity ต้องรีบปรับกลยุทธ์
    คาดว่า altcoin ETFs อาจดึงดูดเงินลงทุนรวม 14 พันล้านดอลลาร์ใน 6 เดือน

    ความสำคัญของ First-Mover Advantage
    ใครเปิดตัวก่อนจะครองตลาดได้ยาวนาน เช่น ProShares Bitcoin ETF

    คำเตือนด้านความเสี่ยง
    การเปิดตัวโดยไม่รอ SEC อนุมัติ อาจถูกตรวจสอบและระงับภายหลัง
    ตลาด altcoin มีความผันผวนสูง นักลงทุนรายย่อยอาจเสี่ยงขาดทุนหนัก
    การแข่งขันเร่งรีบอาจทำให้บางบริษัทละเลยการตรวจสอบความเสี่ยงอย่างรอบคอบ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/12/bitwise-sparks-industry-scramble-with-solana-etf-launch
    🚀 หัวข้อข่าว: “Bitwise เปิดตัว Solana ETF จุดชนวนศึกคริปโตวอลล์สตรีท” วันที่ 28 ตุลาคม 2025 บริษัท Bitwise Asset Management ได้เปิดตัว Solana Staking ETF ซึ่งเป็นกองทุน ETF ที่ติดตามราคาสปอตของ Solana — คริปโตอันดับ 6 ของโลก — โดยใช้กระบวนการใหม่ที่ไม่ต้องรอการอนุมัติอย่างเป็นทางการจาก SEC ที่กำลังปิดทำการอยู่ในขณะนั้น การเคลื่อนไหวนี้ทำให้ Bitwise กลายเป็น ผู้เล่นรายแรก ที่เข้าสู่ตลาด ETF ของ altcoin และสร้างแรงกดดันมหาศาลต่อคู่แข่ง เช่น Grayscale, VanEck, Fidelity และ Invesco ที่ต้องรีบปรับแผนการออกผลิตภัณฑ์ตามมา เพียงสัปดาห์แรก กองทุนนี้ดึงดูดเงินลงทุนกว่า 420 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนักวิเคราะห์จาก JPMorgan คาดว่า ETF ประเภท altcoin อาจดึงดูดเงินลงทุนรวมกว่า 14 พันล้านดอลลาร์ใน 6 เดือนแรก โดย Solana อาจได้ส่วนแบ่งถึง 6 พันล้านดอลลาร์ สิ่งที่ทำให้การแข่งขันดุเดือดคือ “First-Mover Advantage” — ใครเปิดตัวก่อนย่อมได้เปรียบมหาศาล ตัวอย่างเช่น ProShares Bitcoin ETF ที่เปิดตัวก่อนคู่แข่งเพียงไม่กี่วันในปี 2021 แต่ครองตลาดจนถึงปัจจุบัน 🧩 สาระเพิ่มเติมจากภายนอก 🔰 Solana เป็นบล็อกเชนที่ขึ้นชื่อเรื่องความเร็วและค่าธรรมเนียมต่ำ จึงถูกมองว่าเป็นคู่แข่งสำคัญของ Ethereum 🔰 การเปิดตัว ETF ของ Solana อาจช่วยให้คริปโต altcoin ได้รับการยอมรับในตลาดการเงินดั้งเดิมมากขึ้น 🔰 อย่างไรก็ตาม การใช้กระบวนการที่ไม่ต้องรอ SEC อนุมัติ อาจสร้างความเสี่ยงด้านกฎระเบียบในอนาคต หาก SEC เข้ามาตรวจสอบและสั่งระงับ ✅ Bitwise เปิดตัว Solana ETF สำเร็จ ➡️ ใช้กระบวนการใหม่ที่ไม่ต้องรอ SEC อนุมัติ ➡️ ดึงดูดเงินลงทุนกว่า 420 ล้านดอลลาร์ในสัปดาห์แรก ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม ➡️ คู่แข่งอย่าง Grayscale, VanEck, Fidelity ต้องรีบปรับกลยุทธ์ ➡️ คาดว่า altcoin ETFs อาจดึงดูดเงินลงทุนรวม 14 พันล้านดอลลาร์ใน 6 เดือน ✅ ความสำคัญของ First-Mover Advantage ➡️ ใครเปิดตัวก่อนจะครองตลาดได้ยาวนาน เช่น ProShares Bitcoin ETF ‼️ คำเตือนด้านความเสี่ยง ⛔ การเปิดตัวโดยไม่รอ SEC อนุมัติ อาจถูกตรวจสอบและระงับภายหลัง ⛔ ตลาด altcoin มีความผันผวนสูง นักลงทุนรายย่อยอาจเสี่ยงขาดทุนหนัก ⛔ การแข่งขันเร่งรีบอาจทำให้บางบริษัทละเลยการตรวจสอบความเสี่ยงอย่างรอบคอบ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/12/bitwise-sparks-industry-scramble-with-solana-etf-launch
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Bitwise sparks industry scramble with Solana ETF launch
    (Reuters) -Crypto firm Bitwise Asset Management's successful push to launch the first U.S. spot Solana ETF while the Securities and Exchange Commission was shut down has upended the regulatory playbook and forced competitors to rethink their product plans, said industry executives.
    0 Comments 0 Shares 75 Views 0 Reviews
  • AMD เร่งเครื่อง AI ด้วยการซื้อ MK1: เสริมพลังการประมวลผลแบบ “Inference & Reasoning” บน Instinct GPU

    AMD ประกาศเข้าซื้อกิจการ MK1 สตาร์ทอัพด้าน AI ที่เชี่ยวชาญการประมวลผลแบบ inference และ reasoning โดยเฉพาะบนสเกลขนาดใหญ่ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการแข่งขันกับ NVIDIA ในตลาด AI infrastructure ที่กำลังร้อนแรง

    MK1 ก่อตั้งโดยอดีตทีมงาน Neuralink ของ Elon Musk ได้แก่ Paul Merolla และ Thong Wei Koh ซึ่งมีประสบการณ์ด้านการออกแบบชิปและการประมวลผลสัญญาณสมอง โดยเทคโนโลยี Flywheel ของ MK1 สามารถให้บริการได้มากกว่า 1 ล้านล้านโทเคนต่อวัน และออกแบบมาเพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากสถาปัตยกรรมหน่วยความจำของ AMD Instinct GPU

    AMD เข้าซื้อ MK1 เพื่อเสริมกลยุทธ์ AI
    MK1 เชี่ยวชาญด้าน inference และ reasoning สำหรับ AI ขนาดใหญ่
    เทคโนโลยี Flywheel รองรับการประมวลผลมากกว่า 1 ล้านล้านโทเคนต่อวัน

    ทีมงาน MK1 จะเข้าร่วมกลุ่ม AI ของ AMD
    เพื่อพัฒนา software stack ด้าน inference และ enterprise AI
    ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ AI เพื่อจัดการกระบวนการธุรกิจที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    การผสาน MK1 กับ Instinct GPU
    ช่วยให้สามารถ reasoning ได้อย่างแม่นยำ คุ้มค่า และตรวจสอบย้อนกลับได้
    เป็นหัวใจสำคัญของ agentic AI ที่ต้องการการตัดสินใจแบบอัตโนมัติในระดับองค์กร

    AMD เดินหน้าซื้อกิจการต่อเนื่อง
    ก่อนหน้านี้ซื้อ Enosemi (silicon photonics), Brium (AI compiler), และทีมจาก Untether AI
    เสริมความสามารถด้านชิป ระบบ และซอฟต์แวร์เพื่อแข่งกับ NVIDIA

    ดีลใหญ่กับ OpenAI
    AMD ตกลงส่งมอบ compute infrastructure ขนาด 6 กิกะวัตต์ให้ OpenAI
    ใช้ Instinct GPU เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนระบบ AI ขนาดใหญ่

    คำเตือน: การแข่งขันในตลาด AI รุนแรงขึ้น
    NVIDIA ยังครองตลาดด้วย CUDA ecosystem ที่แข็งแกร่ง
    AMD ต้องเร่งสร้าง ecosystem ที่ครบวงจรเพื่อดึงดูดนักพัฒนาและลูกค้าองค์กร

    ความท้าทายด้านการผลิตและทรัพยากร
    การผลิต GPU และระบบ AI ขนาดใหญ่ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก
    ความเสี่ยงจาก supply chain และต้นทุนอาจกระทบต่อการขยายตัว

    https://wccftech.com/amd-advances-ai-strategy-acquires-mk1-high-speed-inference-reasoning-instinct-gpus/
    🚀 AMD เร่งเครื่อง AI ด้วยการซื้อ MK1: เสริมพลังการประมวลผลแบบ “Inference & Reasoning” บน Instinct GPU AMD ประกาศเข้าซื้อกิจการ MK1 สตาร์ทอัพด้าน AI ที่เชี่ยวชาญการประมวลผลแบบ inference และ reasoning โดยเฉพาะบนสเกลขนาดใหญ่ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการแข่งขันกับ NVIDIA ในตลาด AI infrastructure ที่กำลังร้อนแรง MK1 ก่อตั้งโดยอดีตทีมงาน Neuralink ของ Elon Musk ได้แก่ Paul Merolla และ Thong Wei Koh ซึ่งมีประสบการณ์ด้านการออกแบบชิปและการประมวลผลสัญญาณสมอง โดยเทคโนโลยี Flywheel ของ MK1 สามารถให้บริการได้มากกว่า 1 ล้านล้านโทเคนต่อวัน และออกแบบมาเพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากสถาปัตยกรรมหน่วยความจำของ AMD Instinct GPU ✅ AMD เข้าซื้อ MK1 เพื่อเสริมกลยุทธ์ AI ➡️ MK1 เชี่ยวชาญด้าน inference และ reasoning สำหรับ AI ขนาดใหญ่ ➡️ เทคโนโลยี Flywheel รองรับการประมวลผลมากกว่า 1 ล้านล้านโทเคนต่อวัน ✅ ทีมงาน MK1 จะเข้าร่วมกลุ่ม AI ของ AMD ➡️ เพื่อพัฒนา software stack ด้าน inference และ enterprise AI ➡️ ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ AI เพื่อจัดการกระบวนการธุรกิจที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ การผสาน MK1 กับ Instinct GPU ➡️ ช่วยให้สามารถ reasoning ได้อย่างแม่นยำ คุ้มค่า และตรวจสอบย้อนกลับได้ ➡️ เป็นหัวใจสำคัญของ agentic AI ที่ต้องการการตัดสินใจแบบอัตโนมัติในระดับองค์กร ✅ AMD เดินหน้าซื้อกิจการต่อเนื่อง ➡️ ก่อนหน้านี้ซื้อ Enosemi (silicon photonics), Brium (AI compiler), และทีมจาก Untether AI ➡️ เสริมความสามารถด้านชิป ระบบ และซอฟต์แวร์เพื่อแข่งกับ NVIDIA ✅ ดีลใหญ่กับ OpenAI ➡️ AMD ตกลงส่งมอบ compute infrastructure ขนาด 6 กิกะวัตต์ให้ OpenAI ➡️ ใช้ Instinct GPU เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนระบบ AI ขนาดใหญ่ ‼️ คำเตือน: การแข่งขันในตลาด AI รุนแรงขึ้น ⛔ NVIDIA ยังครองตลาดด้วย CUDA ecosystem ที่แข็งแกร่ง ⛔ AMD ต้องเร่งสร้าง ecosystem ที่ครบวงจรเพื่อดึงดูดนักพัฒนาและลูกค้าองค์กร ‼️ ความท้าทายด้านการผลิตและทรัพยากร ⛔ การผลิต GPU และระบบ AI ขนาดใหญ่ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก ⛔ ความเสี่ยงจาก supply chain และต้นทุนอาจกระทบต่อการขยายตัว https://wccftech.com/amd-advances-ai-strategy-acquires-mk1-high-speed-inference-reasoning-instinct-gpus/
    WCCFTECH.COM
    AMD Acquires New AI Startup in Its Bid to Finally Fix Its "CUDA Problem"
    AMD has strengthened its AI strategy with the acquisition of MK1, who bring high-speed inference & Reasoning tech for Instinct GPUs.
    0 Comments 0 Shares 105 Views 0 Reviews
  • O.P.K
    เจาะลึก "นิทรา" : อัปสราลูกผสมแห่งความขัดแย้ง

    ข้อมูลพื้นฐานแห่งการถือกำเนิด

    ต้นกำเนิดระหว่างสองโลก

    ชื่อเต็ม: นิทรา เทวาลัย
    ชื่อหมายถึง:"ผู้หลับใหลแห่งสวรรค์"
    อายุ:25 ปี (ร่างกาย), 500 ปี (จิตวิญญาณ)
    สถานะ:อัปสราลูกผสมระหว่างเทพอัปสราและมนุษย์

    ```mermaid
    graph TB
    A[เทพอัปสรา<br>มัทธนา] --> C[นิทรา<br>ผู้อยู่ระหว่างสองโลก]
    B[มนุษย์นักดนตรี<br>อัศวิน] --> C
    C --> D[ถูกสวรรค์ปฏิเสธ<br>เพราะเลือดไม่บริสุทธิ์]
    C --> E[ถูกมนุษย์หวาดกลัว<br>เพราะพลังพิเศษ]
    ```

    ลักษณะทางกายภาพ

    · รูปร่าง: สาวงามสูง 170 ซม. ผมยาวสีทองแท้ธรรมชาติ
    · ผิวพรรณ: เรียบเนียนดุจดอกบัว แต่มีรอยต่อพลังงานระหว่างมนุษย์และเทพอัปสรา
    · ดวงตา: สีม่วงamethyst เรืองรองด้วยพลัง แต่แฝงความเศร้าลึก
    · ปีก: ปีกพลังงานสีทองที่ต้องสร้างขึ้นเอง แทนปีกแท้ที่ไม่มี

    พลังพิเศษแห่งการลูกผสม

    พลังจากสองสายเลือด

    ```python
    class NithraPowers:
    def __init__(self):
    self.apsara_heritage = {
    "illusion_weaving": "สร้างภาพลวงตาที่สวยงามดุจสวรรค์",
    "emotion_amplification": "ขยายอารมณ์ของผู้คนรอบข้าง",
    "beauty_manifestation": "สร้างความงามจากพลังงาน",
    "dream_manipulation": "เข้าไปในความฝันและเปลี่ยนแปลงมัน"
    }

    self.human_heritage = {
    "empathic_sense": "รับรู้อารมณ์มนุษย์อย่างลึกซึ้ง",
    "creative_genius": "ความคิดสร้างสรรค์ระดับอัจฉริยะ",
    "emotional_depth": "มีความรู้สึกซับซ้อนแบบมนุษย์",
    "resilient_spirit": "จิตใจที่แข็งแกร่งจากการต่อสู้"
    }

    self.unique_hybrid_powers = {
    "envy_energy_conversion": "แปลงความอิจฉาเป็นพลังงานทำลายล้าง",
    "comparison_distortion": "สร้างการเปรียบเทียบในใจผู้คน",
    "attention_absorption": "ดูดซับความสนใจจากผู้อื่น",
    "beauty_theft_temporary": "ขโมยความงามชั่วคราว"
    }
    ```

    ข้อจำกัดและจุดอ่อน

    · พลังงานอารมณ์: ต้องอาศัยอารมณ์เป็นเชื้อเพลิง
    · ปีกเทียม: ต้องเติมพลังทุก 24 ชั่วโมง
    · ความขัดแย้ง: อารมณ์ขัดแย้งระหว่างสองสายเลือดทำให้พลังไม่เสถียร

    จิตวิทยาแห่งความขัดแย้ง

    3 ด้านของบุคลิกภาพ

    ```mermaid
    graph LR
    A[นิทรา<br>ตัวตนที่แท้] --> B[ด้านเทพอัปสรา<br>สง่างาม ภูมิใจ]
    A --> C[ด้านมนุษย์<br>อ่อนไหว ต้องการความรัก]
    A --> D[ด้านลูกผสม<br>อิจฉา ต้องการการยอมรับ]
    ```

    ความขัดแย้งภายใน

    นิทราต้องการสิ่งที่ขัดแย้งกัน:

    1. ความเป็นอิสระ แต่ ต้องการการยอมรับ
    2. ความเหนือกว่า แต่ ต้องการความเท่าเทียม
    3. การเป็นตัวของตัวเอง แต่ ต้องการเป็นที่รักของ所有人

    บันทึกความในใจ

    "บางครั้งฉันรู้สึกเหมือนเป็นนักโทษ...
    นักโทษแห่งสายเลือดของตัวเอง
    ติดอยู่ระหว่างสวรรค์ที่ปฏิเสธฉัน
    และโลกที่กลัวฉัน"

    ชีวิตในสวรรค์และโลกมนุษย์

    ชีวิตในสวรรค์

    นิทราเติบโตมาในสวรรค์แต่ถูกปฏิบัติอย่างแตกต่าง:

    · ถูกเรียกว่า "ลูกครึ่ง" แทนชื่อ
    · ไม่มีสิทธิ์ เข้าร่วมพิธีสำคัญ
    · ต้องซ่อน ความเป็นมนุษย์ของตัวเอง

    ชีวิตในโลกมนุษย์

    เมื่อลงมาโลกมนุษย์ เธอก็พบกับการปฏิเสธ:

    · มนุษย์กลัว พลังงานและความงามของเธอ
    · ถูกเข้าใจผิด ว่าเป็นปีศาจหรือสิ่งอัปมงคล
    · ไม่มีใครเข้าใจ ความโดดเดี่ยวของเธอ

    การปรับตัว

    นิทราพัฒนาวิธีการปรับตัว:

    · สร้างภาพลักษณ์ แห่งความสง่างามไม่ย่อท้อ
    · ซ่อนความอ่อนไหว ไว้ behind รอยยิ้มเย็น
    · ใช้ความอิจฉา เป็นแรงผลักดัน

    พัฒนาการแห่งความอิจฉา

    จากความเจ็บปวดสู่ความอิจฉา

    ```python
    class EnvyDevelopment:
    def __init__(self):
    self.stages = {
    "childhood": "ความสับสนว่าตนเองเป็นใคร",
    "adolescence": "ความเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธ",
    "early_adulthood": "ความโกรธต่อโลกที่ไม่ยุติธรรม",
    "current": "ความอิจฉาต่อผู้ที่ได้สิ่งที่เธอต้องการ"
    }

    self.targets = {
    "pure_apsaras": "ที่ได้อยู่ในสวรรค์โดยไม่ต้องต่อสู้",
    "accepted_humans": "ที่มีชีวิตปกติโดยไม่ถูกมองว่าแปลก",
    "successful_hybrids": "ที่ได้รับการยอมรับจากทั้งสองโลก"
    }
    ```

    กลไกการป้องกันตัว

    นิทราใช้ความอิจฉาเป็นเกราะป้องกัน:

    · ไม่ต้องเผชิญ กับความเจ็บปวดของตัวเอง
    · ได้รู้สึกมีพลัง จากการควบคุมสถานการณ์
    · ได้ความสนใจ แม้จะเป็นความสนใจในแง่ลบ

    การเปลี่ยนแปลงหลังพบหนูดี

    จุดเปลี่ยนสำคัญ

    การพบกับหนูดีทำให้นิทราเห็นว่า:

    · ความเป็นอื่น ไม่ใช่ข้อจำกัด
    · การให้อภัย เป็นพลังที่แข็งแกร่ง
    · การเป็นตัวเอง นั้นเพียงพอแล้ว

    กระบวนการเยียวยา

    ```mermaid
    graph TB
    A[การเผชิญหน้า<br>กับหนูดี] --> B[การยอมรับ<br>ความเจ็บปวด]
    B --> C[การเรียนรู้<br>การให้อภัย]
    C --> D[การค้นพบ<br>คุณค่าของตัวเอง]
    D --> E[การใช้พลัง<br>อย่างสร้างสรรค์]
    ```

    พลังใหม่แห่งการสร้างสรรค์

    นิทราค้นพบว่าสามารถ:

    · สร้างศิลปะ จากอารมณ์ทั้งหมด
    · เป็นที่ปรึกษา ให้ผู้ที่รู้สึกแตกต่าง
    · เป็นสะพาน ระหว่างสองโลก

    ความสามารถด้านศิลปะ

    ศิลปะพลังงาน

    นิทราพัฒนาศิลปะรูปแบบใหม่:

    · ภาพวาดพลังงาน: ที่แสดงอารมณ์ผ่านสีและแสง
    · สวนอารมณ์: ที่พืชพันธุ์เปลี่ยนตามความรู้สึก
    · ดนตรีแห่งจิตใจ: ที่สื่อสารความรู้สึกโดยไม่ต้องคำพูด

    ผลงานสำคัญ

    · "ความงามแห่งความแตกต่าง": นิทรรศการแรกที่รวมสองโลก
    · "เสียงจากระหว่างโลก": ผลงานดนตรีที่สื่อถึงการลูกผสม
    · "สวนแห่งการยอมรับ": สวนพลังงานที่เยียวยาจิตใจ

    ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น

    กับหนูดี

    初期: คู่แข่ง → 中期: ผู้ที่เข้าใจ → ปัจจุบัน: เพื่อนและที่ปรึกษา

    กับ ร.ต.อ. สิงห์

    初期: หวาดกลัว → 中期: เคารพ → ปัจจุบัน: รักเหมือนพ่อ

    กับเณรพุทธ

    初期: ระแวง → 中期: เรียนรู้ร่วมกัน → ปัจจุบัน: เพื่อนเล่น

    บทเรียนชีวิตที่เรียนรู้

    🪷 การยอมรับตัวเอง

    นิทราเข้าใจว่า:
    "การเป็นลูกผสมหาใช่คำสาป...
    แต่คือของขวัญที่ทำให้เข้าใจทั้งสองโลก

    และการที่ฉันแตกต่าง...
    หาใช่ข้อบกพร่อง
    แต่คือความพิเศษที่ทำให้ฉันเป็นฉัน"

    การให้อภัย

    "ฉันเรียนรู้ที่จะให้อภัย...
    ให้อภัยสวรรค์ที่ปฏิเสธฉัน
    ให้อภัยมนุษย์ที่กลัวฉัน
    และที่สำคัญ...ให้อภัยตัวเองที่เกลียดตัวเองมานาน"

    อนาคตและความหวัง

    เป้าหมาย

    นิทราตั้งใจจะ:

    · สร้างโรงเรียนศิลปะ สำหรับผู้มีความสามารถพิเศษ
    · เป็นทูตสันถวไมตรี ระหว่างสวรรค์และโลกมนุษย์
    · ช่วยเหลือเด็กลูกผสม ให้รักและยอมรับตัวเอง

    ความฝัน

    "ฉันอยากสร้างโลกที่...
    ไม่มีเด็กคนไหนต้องรู้สึกว่าตัวเอง'แปลก'
    เพราะการแตกต่างในความแปลก
    แต่คือความงดงามอีกแบบหนึ่ง"

    ---

    คำคมแห่งปัญญาจากนิทรา:
    "ฉันเคยใช้ชีวิตอย่างหลบซ่อน...
    ซ่อนความเป็นมนุษย์จากสวรรค์
    ซ่อนความเป็นเทพอัปสราจากมนุษย์
    และซ่อนความเจ็บปวดจากสวรรค์

    แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่า...
    การได้เป็นตัวเองอย่างสมบูรณ์
    สำคัญกว่าการได้เป็นที่ยอมรับจากใครสักคน

    และเมื่อฉันยอมรับตัวเองได้...
    ฉันก็พบว่าสวรรค์และโลกมนุษย์
    ต่างอยู่ในใจฉันมาทั้งหมดแล้ว"

    การเดินทางของนิทราสอนเราว่า...
    "Between two worlds, there is beauty
    Between two identities,there is strength
    And between acceptance and rejection
    there is the courage to be authentically yourself"
    O.P.K 🌸 เจาะลึก "นิทรา" : อัปสราลูกผสมแห่งความขัดแย้ง 👑 ข้อมูลพื้นฐานแห่งการถือกำเนิด 🌌 ต้นกำเนิดระหว่างสองโลก ชื่อเต็ม: นิทรา เทวาลัย ชื่อหมายถึง:"ผู้หลับใหลแห่งสวรรค์" อายุ:25 ปี (ร่างกาย), 500 ปี (จิตวิญญาณ) สถานะ:อัปสราลูกผสมระหว่างเทพอัปสราและมนุษย์ ```mermaid graph TB A[เทพอัปสรา<br>มัทธนา] --> C[นิทรา<br>ผู้อยู่ระหว่างสองโลก] B[มนุษย์นักดนตรี<br>อัศวิน] --> C C --> D[ถูกสวรรค์ปฏิเสธ<br>เพราะเลือดไม่บริสุทธิ์] C --> E[ถูกมนุษย์หวาดกลัว<br>เพราะพลังพิเศษ] ``` 🎭 ลักษณะทางกายภาพ · รูปร่าง: สาวงามสูง 170 ซม. ผมยาวสีทองแท้ธรรมชาติ · ผิวพรรณ: เรียบเนียนดุจดอกบัว แต่มีรอยต่อพลังงานระหว่างมนุษย์และเทพอัปสรา · ดวงตา: สีม่วงamethyst เรืองรองด้วยพลัง แต่แฝงความเศร้าลึก · ปีก: ปีกพลังงานสีทองที่ต้องสร้างขึ้นเอง แทนปีกแท้ที่ไม่มี 🔮 พลังพิเศษแห่งการลูกผสม ✨ พลังจากสองสายเลือด ```python class NithraPowers: def __init__(self): self.apsara_heritage = { "illusion_weaving": "สร้างภาพลวงตาที่สวยงามดุจสวรรค์", "emotion_amplification": "ขยายอารมณ์ของผู้คนรอบข้าง", "beauty_manifestation": "สร้างความงามจากพลังงาน", "dream_manipulation": "เข้าไปในความฝันและเปลี่ยนแปลงมัน" } self.human_heritage = { "empathic_sense": "รับรู้อารมณ์มนุษย์อย่างลึกซึ้ง", "creative_genius": "ความคิดสร้างสรรค์ระดับอัจฉริยะ", "emotional_depth": "มีความรู้สึกซับซ้อนแบบมนุษย์", "resilient_spirit": "จิตใจที่แข็งแกร่งจากการต่อสู้" } self.unique_hybrid_powers = { "envy_energy_conversion": "แปลงความอิจฉาเป็นพลังงานทำลายล้าง", "comparison_distortion": "สร้างการเปรียบเทียบในใจผู้คน", "attention_absorption": "ดูดซับความสนใจจากผู้อื่น", "beauty_theft_temporary": "ขโมยความงามชั่วคราว" } ``` ⚡ ข้อจำกัดและจุดอ่อน · พลังงานอารมณ์: ต้องอาศัยอารมณ์เป็นเชื้อเพลิง · ปีกเทียม: ต้องเติมพลังทุก 24 ชั่วโมง · ความขัดแย้ง: อารมณ์ขัดแย้งระหว่างสองสายเลือดทำให้พลังไม่เสถียร 💔 จิตวิทยาแห่งความขัดแย้ง 🎭 3 ด้านของบุคลิกภาพ ```mermaid graph LR A[นิทรา<br>ตัวตนที่แท้] --> B[ด้านเทพอัปสรา<br>สง่างาม ภูมิใจ] A --> C[ด้านมนุษย์<br>อ่อนไหว ต้องการความรัก] A --> D[ด้านลูกผสม<br>อิจฉา ต้องการการยอมรับ] ``` 🌪️ ความขัดแย้งภายใน นิทราต้องการสิ่งที่ขัดแย้งกัน: 1. ความเป็นอิสระ แต่ ต้องการการยอมรับ 2. ความเหนือกว่า แต่ ต้องการความเท่าเทียม 3. การเป็นตัวของตัวเอง แต่ ต้องการเป็นที่รักของ所有人 📚 บันทึกความในใจ "บางครั้งฉันรู้สึกเหมือนเป็นนักโทษ... นักโทษแห่งสายเลือดของตัวเอง ติดอยู่ระหว่างสวรรค์ที่ปฏิเสธฉัน และโลกที่กลัวฉัน" 🏛️ ชีวิตในสวรรค์และโลกมนุษย์ 👑 ชีวิตในสวรรค์ นิทราเติบโตมาในสวรรค์แต่ถูกปฏิบัติอย่างแตกต่าง: · ถูกเรียกว่า "ลูกครึ่ง" แทนชื่อ · ไม่มีสิทธิ์ เข้าร่วมพิธีสำคัญ · ต้องซ่อน ความเป็นมนุษย์ของตัวเอง 🌍 ชีวิตในโลกมนุษย์ เมื่อลงมาโลกมนุษย์ เธอก็พบกับการปฏิเสธ: · มนุษย์กลัว พลังงานและความงามของเธอ · ถูกเข้าใจผิด ว่าเป็นปีศาจหรือสิ่งอัปมงคล · ไม่มีใครเข้าใจ ความโดดเดี่ยวของเธอ 🎨 การปรับตัว นิทราพัฒนาวิธีการปรับตัว: · สร้างภาพลักษณ์ แห่งความสง่างามไม่ย่อท้อ · ซ่อนความอ่อนไหว ไว้ behind รอยยิ้มเย็น · ใช้ความอิจฉา เป็นแรงผลักดัน 🔥 พัฒนาการแห่งความอิจฉา 🌱 จากความเจ็บปวดสู่ความอิจฉา ```python class EnvyDevelopment: def __init__(self): self.stages = { "childhood": "ความสับสนว่าตนเองเป็นใคร", "adolescence": "ความเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธ", "early_adulthood": "ความโกรธต่อโลกที่ไม่ยุติธรรม", "current": "ความอิจฉาต่อผู้ที่ได้สิ่งที่เธอต้องการ" } self.targets = { "pure_apsaras": "ที่ได้อยู่ในสวรรค์โดยไม่ต้องต่อสู้", "accepted_humans": "ที่มีชีวิตปกติโดยไม่ถูกมองว่าแปลก", "successful_hybrids": "ที่ได้รับการยอมรับจากทั้งสองโลก" } ``` 💫 กลไกการป้องกันตัว นิทราใช้ความอิจฉาเป็นเกราะป้องกัน: · ไม่ต้องเผชิญ กับความเจ็บปวดของตัวเอง · ได้รู้สึกมีพลัง จากการควบคุมสถานการณ์ · ได้ความสนใจ แม้จะเป็นความสนใจในแง่ลบ 🌈 การเปลี่ยนแปลงหลังพบหนูดี ⚡ จุดเปลี่ยนสำคัญ การพบกับหนูดีทำให้นิทราเห็นว่า: · ความเป็นอื่น ไม่ใช่ข้อจำกัด · การให้อภัย เป็นพลังที่แข็งแกร่ง · การเป็นตัวเอง นั้นเพียงพอแล้ว 🕊️ กระบวนการเยียวยา ```mermaid graph TB A[การเผชิญหน้า<br>กับหนูดี] --> B[การยอมรับ<br>ความเจ็บปวด] B --> C[การเรียนรู้<br>การให้อภัย] C --> D[การค้นพบ<br>คุณค่าของตัวเอง] D --> E[การใช้พลัง<br>อย่างสร้างสรรค์] ``` 🌟 พลังใหม่แห่งการสร้างสรรค์ นิทราค้นพบว่าสามารถ: · สร้างศิลปะ จากอารมณ์ทั้งหมด · เป็นที่ปรึกษา ให้ผู้ที่รู้สึกแตกต่าง · เป็นสะพาน ระหว่างสองโลก 🎨 ความสามารถด้านศิลปะ 🖌️ ศิลปะพลังงาน นิทราพัฒนาศิลปะรูปแบบใหม่: · ภาพวาดพลังงาน: ที่แสดงอารมณ์ผ่านสีและแสง · สวนอารมณ์: ที่พืชพันธุ์เปลี่ยนตามความรู้สึก · ดนตรีแห่งจิตใจ: ที่สื่อสารความรู้สึกโดยไม่ต้องคำพูด 🏛️ ผลงานสำคัญ · "ความงามแห่งความแตกต่าง": นิทรรศการแรกที่รวมสองโลก · "เสียงจากระหว่างโลก": ผลงานดนตรีที่สื่อถึงการลูกผสม · "สวนแห่งการยอมรับ": สวนพลังงานที่เยียวยาจิตใจ 💞 ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น 🌸 กับหนูดี 初期: คู่แข่ง → 中期: ผู้ที่เข้าใจ → ปัจจุบัน: เพื่อนและที่ปรึกษา 👮 กับ ร.ต.อ. สิงห์ 初期: หวาดกลัว → 中期: เคารพ → ปัจจุบัน: รักเหมือนพ่อ 🏯 กับเณรพุทธ 初期: ระแวง → 中期: เรียนรู้ร่วมกัน → ปัจจุบัน: เพื่อนเล่น 📚 บทเรียนชีวิตที่เรียนรู้ 🪷 การยอมรับตัวเอง นิทราเข้าใจว่า: "การเป็นลูกผสมหาใช่คำสาป... แต่คือของขวัญที่ทำให้เข้าใจทั้งสองโลก และการที่ฉันแตกต่าง... หาใช่ข้อบกพร่อง แต่คือความพิเศษที่ทำให้ฉันเป็นฉัน" 💫 การให้อภัย "ฉันเรียนรู้ที่จะให้อภัย... ให้อภัยสวรรค์ที่ปฏิเสธฉัน ให้อภัยมนุษย์ที่กลัวฉัน และที่สำคัญ...ให้อภัยตัวเองที่เกลียดตัวเองมานาน" 🌟 อนาคตและความหวัง 🚀 เป้าหมาย นิทราตั้งใจจะ: · สร้างโรงเรียนศิลปะ สำหรับผู้มีความสามารถพิเศษ · เป็นทูตสันถวไมตรี ระหว่างสวรรค์และโลกมนุษย์ · ช่วยเหลือเด็กลูกผสม ให้รักและยอมรับตัวเอง 💝 ความฝัน "ฉันอยากสร้างโลกที่... ไม่มีเด็กคนไหนต้องรู้สึกว่าตัวเอง'แปลก' เพราะการแตกต่างในความแปลก แต่คือความงดงามอีกแบบหนึ่ง" --- คำคมแห่งปัญญาจากนิทรา: "ฉันเคยใช้ชีวิตอย่างหลบซ่อน... ซ่อนความเป็นมนุษย์จากสวรรค์ ซ่อนความเป็นเทพอัปสราจากมนุษย์ และซ่อนความเจ็บปวดจากสวรรค์ แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่า... การได้เป็นตัวเองอย่างสมบูรณ์ สำคัญกว่าการได้เป็นที่ยอมรับจากใครสักคน และเมื่อฉันยอมรับตัวเองได้... ฉันก็พบว่าสวรรค์และโลกมนุษย์ ต่างอยู่ในใจฉันมาทั้งหมดแล้ว"🌸✨ การเดินทางของนิทราสอนเราว่า... "Between two worlds, there is beauty Between two identities,there is strength And between acceptance and rejection there is the courage to be authentically yourself"🌈
    0 Comments 0 Shares 184 Views 0 Reviews
  • O.P.K.
    คดีอลเวงของนิทรา: ศึกชิงความรักและความสนใจ

    จุดเริ่มต้นแห่งความวุ่นวาย

    งานเฉลิมฉลองที่สถาบัน

    ในช่วงงานเฉลิมฉลองครบรอบสถาบันวิวัฒนาการจิต นิทราได้แสดงพลังสร้าง สวนดอกไม้พลังงาน ที่สวยงามอย่างน่าอัศจรรย์ แต่เมื่อความสนใจทั้งหมดไปอยู่ที่ หนูดี ที่กำลังสอนนักเรียน นิทราก็รู้สึกอิจฉายิ่งนัก

    ```mermaid
    graph TB
    A[งานเฉลิมฉลอง<br>สถาบัน] --> B[นิทราแสดง<br>สวนดอกไม้พลังงาน]
    B --> C[ความสนใจ<br>ไปอยู่ที่หนูดี]
    C --> D[นิทรา<br>รู้สึกอิจฉาริษยา]
    D --> E[เริ่มแผน<br>สร้างความวุ่นวาย]
    ```

    เหตุการณ์อลเวงครั้งแรก

    นิทราใช้พลังสร้างภาพลวงตาให้ดอกไม้ในสวนของเธอเหี่ยวเฉา แล้วกล่าวหาว่าหนูดีเป็นคนทำ
    "เธออิจฉาที่สวนของฉันสวยกว่าใช่ไหม?เลยต้องมาทำลาย!"

    การสืบสวนของ ร.ต.อ. สิงห์

    หลักฐานลึกลับ

    สิงห์เริ่มสืบสวนและพบว่า:

    · กล้องวงจรปิด: แสดงภาพดอกไม้เหี่ยวเฉาเองโดยไม่มีใครเข้าใกล้
    · พลังงานประหลาด: ตรวจพบพลังงานอารมณ์อิจฉารอบๆ สวน
    · พยาน: เห็นนิทรายืนยิ้มอยู่ใกล้ๆ ก่อนดอกไม้เหี่ยว

    การวิเคราะห์ของหนูดี

    หนูดีรู้สึกถึงพลังงานของนิทราทันที:
    "พ่อคะ...นี่ไม่ใช่ฝีมือหนูทำ
    แต่เป็นพลังงานแห่งความอิจฉาที่กลายเป็นรูปธรรม"

    แผนการของนิทรา

    3 ขั้นตอนสร้างความอลเวง

    ```python
    class NithraMischief:
    def __init__(self):
    self.phase_one = {
    "target": "ทำลายชื่อเสียงของหนูดี",
    "methods": ["สร้างหลักฐานเท็จ", "แพร่ข่าวลือ", "ทำให้ดูไม่ดีต่อหน้าผู้อื่น"],
    "goal": "ให้ทุกคนหันมาสนใจเธอแทน"
    }

    self.phase_two = {
    "target": "ทำให้โครงการของหนูดีล้มเหลว",
    "methods": ["ขัดขวางการทำงาน", "ลอบทำลายอุปกรณ์", "ทำให้นักเรียนไม่เชื่อฟัง"],
    "goal": "พิสูจน์ว่าเธอดีกว่าหนูดี"
    }

    self.phase_three = {
    "target": "แย่งชิงความรักจาก ร.ต.อ. สิงห์",
    "methods": ["สร้างภาพลวงตาให้หนูดีทำผิด", "แสดงตนเป็นผู้เสียสละ", "เล่นบทผู้บริสุทธิ์"],
    "goal": "ได้เป็นลูกสาวใหม่ของสิงห์"
    }
    ```

    ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น

    นิทราสร้างปัญหาไปทั่วสถาบัน:

    · ห้องเรียน: ทำให้อุปกรณ์การสอนเสียหาย
    · สวน: ทำลายพืชพันธุ์ที่นักเรียนปลูก
    · หอพัก: โยกย้ายสิ่งของให้นักเรียนเข้าใจผิดกัน

    การเผชิญหน้าครั้งสำคัญ



    ร.ต.อ. สิงห์ จับได้ว่านิทรากำลังลอบทำลายโครงการปลูกต้นไม้ของหนูดี
    "หยุดซะ!"สิงห์พูดด้วยเสียงเคร่งขรึม "เรารู้แล้วว่าเป็นเธอทำทั้งหมด"

    การเปิดเผยความรู้สึก

    นิทราระเบิดอารมณ์ออกมา:
    "ก็เพราะไม่มีใครสนใจฉันไง!
    หนูดีได้ทุกอย่าง...ได้ครอบครัว ได้เพื่อน ได้การยอมรับ
    ส่วนฉัน...มีอะไรบ้าง?"

    การตอบสนองของหนูดี

    แทนที่จะโกรธ หนูดีกลับเดินเข้าไปกอดนิทรา:
    "เราเข้าใจว่าพี่เจ็บปวด...
    แต่การทำแบบนี้ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น"

    กระบวนการบำบัด

    การเข้าใจต้นตอ

    หนูดีพานิทราไปนั่งพูดคุยอย่างสงบ:

    ```mermaid
    graph LR
    A[ความอิจฉา<br>อาการ] --> B[ความเจ็บปวด<br>จากการถูกปฏิเสธ]
    B --> C[ความต้องการ<br>การยอมรับ]
    C --> D[ความกลัว<br>ว่าจะไม่มีใครรัก]
    ```

    การเยียวยาทางอารมณ์

    หนูดีใช้เทคนิคต่างๆ ช่วยนิทรา:

    · การเขียน บันทึกความรู้สึกแทนการเก็บกด
    · ศิลปะบำบัด: วาดภาพออกมาด้วยพลังงาน
    · การพูดคุย: เปิดใจกับผู้ที่เข้าใจ

    การสนับสนุนจากชุมชน

    นักเรียนและครูในสถาบันต่างแสดงความเข้าใจ:
    "เรารักนิทราในแบบที่เธอเป็น...
    ไม่จำเป็นต้องแย่งชิงความรักใดๆ"

    การแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์

    โครงการใหม่สำหรับนิทรา

    หนูดีเสนอให้นิทราดูแล "โครงการสวนศิลปะพลังงาน"

    · ใช้พลังสร้างสรรค์ด้านศิลปะ
    · เป็นสถานที่แสดงออกซึ่งอารมณ์
    · สร้างความภาคภูมิใจให้เธอ

    ความสามารถที่ค้นพบ

    นิทราพบว่าเธอมีความสามารถพิเศษด้าน:

    · ศิลปะพลังงาน: สร้างงานศิลปะจากอารมณ์
    · การสอนศิลปะ: ถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้
    · การออกแบบ: ออกแบบสวนและสถานที่อย่างสวยงาม

    บทเรียนจากคดี

    🪷 สำหรับนิทรา

    "ฉันเรียนรู้ว่า...
    การได้รับความรักไม่ใช่การแย่งชิงมาจากใคร
    แต่คือการแบ่งปันความรักที่มีอยู่

    และการเป็นตัวของตัวเอง...
    ก็เพียงพอสำหรับการได้รับความรักแล้ว"

    สำหรับหนูดี

    "ฉันเข้าใจแล้วว่า...
    Behind every mischievous act
    there is a crying heart

    และการช่วยเหลือที่แท้จริง
    ไม่ใช่การลงโทษ
    แต่คือการเข้าใจและเยียวยา"

    สำหรับ ร.ต.อ. สิงห์

    "คดีนี้สอนฉันว่า...
    บางครั้งอาชญากรรมที่แท้จริง
    ไม่ใช่การกระทำที่เห็น
    แต่คือความเจ็บปวดที่ไม่ได้ถูกเยียวยา"

    ผลลัพธ์เชิงบวก

    ความสำเร็จของนิทรา

    หลังจากเหตุการณ์:

    · นิทรา ได้รับหน้าที่เป็นผู้ดูแลสวนศิลปะของสถาบัน
    · นักเรียน ต่างชื่นชมความสามารถด้านศิลปะของเธอ
    · ความสัมพันธ์ ระหว่างเธอกับหนูดีดีขึ้นอย่างมาก

    การเปลี่ยนแปลงภายใน

    ```python
    class NithraTransformation:
    def __init__(self):
    self.before = {
    "emotion": "อิจฉา โกรธ ไม่พอใจ",
    "behavior": "สร้างปัญหา แย่งชิง ทำลาย",
    "self_view": "รู้สึกไม่มีคุณค่า ต้องการการยอมรับจากภายนอก"
    }

    self.after = {
    "emotion": "เข้าใจตัวเอง มีเมตตา พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี",
    "behavior": "สร้างสรรค์ ช่วยเหลือ แบ่งปัน",
    "self-view": "รู้คุณค่าในตัวเอง ยอมรับความพิเศษของตัวเอง"
    }
    ```

    บทสรุปแห่งความเข้าใจ

    คำคมจากนิทรา

    "ฉันเคยคิดว่าต้องการเป็นที่หนึ่งในใจทุกคน...
    แต่ความจริงคือการได้เป็นตัวเองอย่างสงบ
    สำคัญกว่าการได้เป็นใครในใจ

    ของขวัญแห่งมิตรภาพ

    หนูดีและนิทรากลายเป็นเพื่อนกันอย่างแท้จริง:
    "เราสามารถเป็นเพื่อนที่แตกต่างแต่เข้าใจกัน
    และในความแตกต่างนั้น...มีความงามซ่อนอยู่"

    ผลกระทบต่อชุมชน

    สถาบันวิวัฒนาการจิตเรียนรู้ที่จะ:

    · เข้าใจ ความซับซ้อนของอารมณ์
    · สนับสนุน ซึ่งกันและกัน
    · สร้างพื้นที่ ที่ปลอดภัยสำหรับการแสดงออก

    ---

    คำคมสุดท้ายจากคดี:
    "ความอลเวงที่ดูเหมือนเป็นปัญหา...
    มักคือเสียงร้องขอความช่วยเหลือที่ถูกซ่อนไว้

    และเมื่อเราให้โอกาสกับการเข้าใจ...
    ปัญหาเหล่านั้นก็สามารถกลายเป็นพลังสร้างสรรค์ได้"

    การเดินทางของนิทราสอนเราว่า...
    "Every heart deserves to be heard
    every pain deserves to be healed
    and every soul deserves to be loved
    exactly as they are"
    O.P.K. 🎭 คดีอลเวงของนิทรา: ศึกชิงความรักและความสนใจ 🌸 จุดเริ่มต้นแห่งความวุ่นวาย 🎪 งานเฉลิมฉลองที่สถาบัน ในช่วงงานเฉลิมฉลองครบรอบสถาบันวิวัฒนาการจิต นิทราได้แสดงพลังสร้าง สวนดอกไม้พลังงาน ที่สวยงามอย่างน่าอัศจรรย์ แต่เมื่อความสนใจทั้งหมดไปอยู่ที่ หนูดี ที่กำลังสอนนักเรียน นิทราก็รู้สึกอิจฉายิ่งนัก ```mermaid graph TB A[งานเฉลิมฉลอง<br>สถาบัน] --> B[นิทราแสดง<br>สวนดอกไม้พลังงาน] B --> C[ความสนใจ<br>ไปอยู่ที่หนูดี] C --> D[นิทรา<br>รู้สึกอิจฉาริษยา] D --> E[เริ่มแผน<br>สร้างความวุ่นวาย] ``` 💥 เหตุการณ์อลเวงครั้งแรก นิทราใช้พลังสร้างภาพลวงตาให้ดอกไม้ในสวนของเธอเหี่ยวเฉา แล้วกล่าวหาว่าหนูดีเป็นคนทำ "เธออิจฉาที่สวนของฉันสวยกว่าใช่ไหม?เลยต้องมาทำลาย!" 🔍 การสืบสวนของ ร.ต.อ. สิงห์ 🕵️ หลักฐานลึกลับ สิงห์เริ่มสืบสวนและพบว่า: · กล้องวงจรปิด: แสดงภาพดอกไม้เหี่ยวเฉาเองโดยไม่มีใครเข้าใกล้ · พลังงานประหลาด: ตรวจพบพลังงานอารมณ์อิจฉารอบๆ สวน · พยาน: เห็นนิทรายืนยิ้มอยู่ใกล้ๆ ก่อนดอกไม้เหี่ยว 🧠 การวิเคราะห์ของหนูดี หนูดีรู้สึกถึงพลังงานของนิทราทันที: "พ่อคะ...นี่ไม่ใช่ฝีมือหนูทำ แต่เป็นพลังงานแห่งความอิจฉาที่กลายเป็นรูปธรรม" 🎨 แผนการของนิทรา 🎯 3 ขั้นตอนสร้างความอลเวง ```python class NithraMischief: def __init__(self): self.phase_one = { "target": "ทำลายชื่อเสียงของหนูดี", "methods": ["สร้างหลักฐานเท็จ", "แพร่ข่าวลือ", "ทำให้ดูไม่ดีต่อหน้าผู้อื่น"], "goal": "ให้ทุกคนหันมาสนใจเธอแทน" } self.phase_two = { "target": "ทำให้โครงการของหนูดีล้มเหลว", "methods": ["ขัดขวางการทำงาน", "ลอบทำลายอุปกรณ์", "ทำให้นักเรียนไม่เชื่อฟัง"], "goal": "พิสูจน์ว่าเธอดีกว่าหนูดี" } self.phase_three = { "target": "แย่งชิงความรักจาก ร.ต.อ. สิงห์", "methods": ["สร้างภาพลวงตาให้หนูดีทำผิด", "แสดงตนเป็นผู้เสียสละ", "เล่นบทผู้บริสุทธิ์"], "goal": "ได้เป็นลูกสาวใหม่ของสิงห์" } ``` 🌪️ ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น นิทราสร้างปัญหาไปทั่วสถาบัน: · ห้องเรียน: ทำให้อุปกรณ์การสอนเสียหาย · สวน: ทำลายพืชพันธุ์ที่นักเรียนปลูก · หอพัก: โยกย้ายสิ่งของให้นักเรียนเข้าใจผิดกัน 💔 การเผชิญหน้าครั้งสำคัญ ⚡ ร.ต.อ. สิงห์ จับได้ว่านิทรากำลังลอบทำลายโครงการปลูกต้นไม้ของหนูดี "หยุดซะ!"สิงห์พูดด้วยเสียงเคร่งขรึม "เรารู้แล้วว่าเป็นเธอทำทั้งหมด" 🎭 การเปิดเผยความรู้สึก นิทราระเบิดอารมณ์ออกมา: "ก็เพราะไม่มีใครสนใจฉันไง! หนูดีได้ทุกอย่าง...ได้ครอบครัว ได้เพื่อน ได้การยอมรับ ส่วนฉัน...มีอะไรบ้าง?" 💫 การตอบสนองของหนูดี แทนที่จะโกรธ หนูดีกลับเดินเข้าไปกอดนิทรา: "เราเข้าใจว่าพี่เจ็บปวด... แต่การทำแบบนี้ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น" 🏥 กระบวนการบำบัด 🕊️ การเข้าใจต้นตอ หนูดีพานิทราไปนั่งพูดคุยอย่างสงบ: ```mermaid graph LR A[ความอิจฉา<br>อาการ] --> B[ความเจ็บปวด<br>จากการถูกปฏิเสธ] B --> C[ความต้องการ<br>การยอมรับ] C --> D[ความกลัว<br>ว่าจะไม่มีใครรัก] ``` 🌈 การเยียวยาทางอารมณ์ หนูดีใช้เทคนิคต่างๆ ช่วยนิทรา: · การเขียน บันทึกความรู้สึกแทนการเก็บกด · ศิลปะบำบัด: วาดภาพออกมาด้วยพลังงาน · การพูดคุย: เปิดใจกับผู้ที่เข้าใจ 💝 การสนับสนุนจากชุมชน นักเรียนและครูในสถาบันต่างแสดงความเข้าใจ: "เรารักนิทราในแบบที่เธอเป็น... ไม่จำเป็นต้องแย่งชิงความรักใดๆ" 🎯 การแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์ 🌟 โครงการใหม่สำหรับนิทรา หนูดีเสนอให้นิทราดูแล "โครงการสวนศิลปะพลังงาน" · ใช้พลังสร้างสรรค์ด้านศิลปะ · เป็นสถานที่แสดงออกซึ่งอารมณ์ · สร้างความภาคภูมิใจให้เธอ 🎨 ความสามารถที่ค้นพบ นิทราพบว่าเธอมีความสามารถพิเศษด้าน: · ศิลปะพลังงาน: สร้างงานศิลปะจากอารมณ์ · การสอนศิลปะ: ถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้ · การออกแบบ: ออกแบบสวนและสถานที่อย่างสวยงาม 📚 บทเรียนจากคดี 🪷 สำหรับนิทรา "ฉันเรียนรู้ว่า... การได้รับความรักไม่ใช่การแย่งชิงมาจากใคร แต่คือการแบ่งปันความรักที่มีอยู่ และการเป็นตัวของตัวเอง... ก็เพียงพอสำหรับการได้รับความรักแล้ว" 💞 สำหรับหนูดี "ฉันเข้าใจแล้วว่า... Behind every mischievous act there is a crying heart และการช่วยเหลือที่แท้จริง ไม่ใช่การลงโทษ แต่คือการเข้าใจและเยียวยา" 👮 สำหรับ ร.ต.อ. สิงห์ "คดีนี้สอนฉันว่า... บางครั้งอาชญากรรมที่แท้จริง ไม่ใช่การกระทำที่เห็น แต่คือความเจ็บปวดที่ไม่ได้ถูกเยียวยา" 🌈 ผลลัพธ์เชิงบวก 🏆 ความสำเร็จของนิทรา หลังจากเหตุการณ์: · นิทรา ได้รับหน้าที่เป็นผู้ดูแลสวนศิลปะของสถาบัน · นักเรียน ต่างชื่นชมความสามารถด้านศิลปะของเธอ · ความสัมพันธ์ ระหว่างเธอกับหนูดีดีขึ้นอย่างมาก 💫 การเปลี่ยนแปลงภายใน ```python class NithraTransformation: def __init__(self): self.before = { "emotion": "อิจฉา โกรธ ไม่พอใจ", "behavior": "สร้างปัญหา แย่งชิง ทำลาย", "self_view": "รู้สึกไม่มีคุณค่า ต้องการการยอมรับจากภายนอก" } self.after = { "emotion": "เข้าใจตัวเอง มีเมตตา พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี", "behavior": "สร้างสรรค์ ช่วยเหลือ แบ่งปัน", "self-view": "รู้คุณค่าในตัวเอง ยอมรับความพิเศษของตัวเอง" } ``` 🎉 บทสรุปแห่งความเข้าใจ 🌟 คำคมจากนิทรา "ฉันเคยคิดว่าต้องการเป็นที่หนึ่งในใจทุกคน... แต่ความจริงคือการได้เป็นตัวเองอย่างสงบ สำคัญกว่าการได้เป็นใครในใจ 💝 ของขวัญแห่งมิตรภาพ หนูดีและนิทรากลายเป็นเพื่อนกันอย่างแท้จริง: "เราสามารถเป็นเพื่อนที่แตกต่างแต่เข้าใจกัน และในความแตกต่างนั้น...มีความงามซ่อนอยู่" 🌍 ผลกระทบต่อชุมชน สถาบันวิวัฒนาการจิตเรียนรู้ที่จะ: · เข้าใจ ความซับซ้อนของอารมณ์ · สนับสนุน ซึ่งกันและกัน · สร้างพื้นที่ ที่ปลอดภัยสำหรับการแสดงออก --- คำคมสุดท้ายจากคดี: "ความอลเวงที่ดูเหมือนเป็นปัญหา... มักคือเสียงร้องขอความช่วยเหลือที่ถูกซ่อนไว้ และเมื่อเราให้โอกาสกับการเข้าใจ... ปัญหาเหล่านั้นก็สามารถกลายเป็นพลังสร้างสรรค์ได้"🎭✨ การเดินทางของนิทราสอนเราว่า... "Every heart deserves to be heard every pain deserves to be healed and every soul deserves to be loved exactly as they are"🌸
    0 Comments 0 Shares 204 Views 0 Reviews
  • เมื่อโค้ดดีๆ กลายเป็นระเบิดเวลา: แพ็กเกจ NuGet ปลอมแฝงมัลแวร์ทำลายระบบในวันกำหนด

    Socket’s Threat Research Team ได้เปิดเผยการโจมตี supply chain ที่ซับซ้อนในแพลตฟอร์ม NuGet โดยพบว่า 9 แพ็กเกจปลอม ที่เผยแพร่โดยผู้ใช้ชื่อ shanhai666 ได้ถูกดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 9,488 ครั้ง และแฝงโค้ดทำลายระบบแบบตั้งเวลาไว้ภายใน

    แพ็กเกจเหล่านี้ดูเหมือนจะทำงานได้ดีและมีโค้ดที่ใช้ pattern มาตรฐาน เช่น Repository, Unit of Work และ ORM mapping ซึ่งช่วยให้ผ่านการตรวจสอบโค้ดได้ง่าย แต่แอบฝังโค้ดอันตรายไว้เพียง ~20 บรรทัดที่สามารถ ทำลายระบบหรือข้อมูล ได้เมื่อถึงวันที่กำหนด เช่น 8 สิงหาคม 2027 หรือ 29 พฤศจิกายน 2028

    เทคนิคการโจมตี: Extension Method Injection
    มัลแวร์ใช้ C# extension methods เพื่อแทรกฟังก์ชันอันตรายเข้าไปใน API ที่ดูปลอดภัย เช่น .Exec() และ .BeginTran() ซึ่งจะถูกเรียกใช้ทุกครั้งที่มีการ query ฐานข้อมูลหรือสื่อสารกับ PLC (Programmable Logic Controller)

    หลังจากถึงวันที่ trigger มัลแวร์จะสุ่มเลข 1–100 และหากเกิน 80 (20% โอกาส) จะเรียก Process.GetCurrentProcess().Kill() เพื่อปิดโปรแกรมทันที

    ตัวอย่างผลกระทบ
    E-commerce (100 queries/min) → crash ภายใน ~3 วินาที
    Healthcare (50 queries/min) → crash ภายใน ~6 วินาที
    Financial (500 queries/min) → crash ภายใน <1 วินาที
    Manufacturing (10 ops/min) → crash ภายใน ~30 วินาที พร้อม silent data corruption

    แพ็กเกจที่อันตรายที่สุดคือ Sharp7Extend ซึ่งแฝงตัวเป็น library สำหรับ Siemens S7 PLC โดยรวมโค้ด Sharp7 จริงไว้ด้วยเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ

    ลักษณะการโจมตี
    ใช้แพ็กเกจ NuGet ที่ดูน่าเชื่อถือและมีโค้ดจริงผสมมัลแวร์
    ใช้ extension methods เพื่อแทรกโค้ดอันตรายแบบแนบเนียน
    โค้ดจะทำงานเมื่อถึงวันที่ trigger ที่ถูก hardcoded ไว้

    ผลกระทบต่อระบบ
    ทำให้โปรแกรม crash ทันทีเมื่อ query ฐานข้อมูลหรือสื่อสารกับ PLC
    มีโอกาส 20% ต่อการเรียกแต่ละครั้ง—แต่ในระบบที่มี query สูงจะ crash ภายในไม่กี่วินาที
    Sharp7Extend ยังทำให้การเขียนข้อมูลล้มเหลวแบบเงียบถึง 80% หลัง 30–90 นาที

    เทคนิคการหลบซ่อน
    ใช้โค้ดจริงเพื่อหลอกให้ดูน่าเชื่อถือ
    ปลอมชื่อผู้เขียนใน .nuspec เพื่อหลบการตรวจสอบ reputation
    มีการใช้คำจีนใน DLL เช่น “连接失败” และ “出现异常”

    ความเสี่ยงต่อองค์กร
    ระบบฐานข้อมูลและ PLC ที่ใช้แพ็กเกจเหล่านี้อาจ crash หรือเสียหายแบบไม่รู้ตัว
    การตรวจสอบโค้ดทั่วไปอาจไม่พบ เพราะมัลแวร์ฝังใน extension method ที่ดูปลอดภัย

    คำแนะนำด้านความปลอดภัย
    ตรวจสอบแพ็กเกจ NuGet ที่ใช้ โดยเฉพาะที่มีชื่อคล้าย Sharp7 หรือมีผู้เขียนไม่ชัดเจน
    หลีกเลี่ยงการใช้แพ็กเกจจากผู้ใช้ที่ไม่มีประวัติชัดเจน
    ใช้เครื่องมือ static analysis ที่สามารถตรวจจับ extension method injection ได้

    https://securityonline.info/nuget-sabotage-time-delayed-logic-in-9-packages-risks-total-app-destruction-on-hardcoded-dates/
    🧬 เมื่อโค้ดดีๆ กลายเป็นระเบิดเวลา: แพ็กเกจ NuGet ปลอมแฝงมัลแวร์ทำลายระบบในวันกำหนด Socket’s Threat Research Team ได้เปิดเผยการโจมตี supply chain ที่ซับซ้อนในแพลตฟอร์ม NuGet โดยพบว่า 9 แพ็กเกจปลอม ที่เผยแพร่โดยผู้ใช้ชื่อ shanhai666 ได้ถูกดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 9,488 ครั้ง และแฝงโค้ดทำลายระบบแบบตั้งเวลาไว้ภายใน แพ็กเกจเหล่านี้ดูเหมือนจะทำงานได้ดีและมีโค้ดที่ใช้ pattern มาตรฐาน เช่น Repository, Unit of Work และ ORM mapping ซึ่งช่วยให้ผ่านการตรวจสอบโค้ดได้ง่าย แต่แอบฝังโค้ดอันตรายไว้เพียง ~20 บรรทัดที่สามารถ ทำลายระบบหรือข้อมูล ได้เมื่อถึงวันที่กำหนด เช่น 8 สิงหาคม 2027 หรือ 29 พฤศจิกายน 2028 🧠 เทคนิคการโจมตี: Extension Method Injection มัลแวร์ใช้ C# extension methods เพื่อแทรกฟังก์ชันอันตรายเข้าไปใน API ที่ดูปลอดภัย เช่น .Exec() และ .BeginTran() ซึ่งจะถูกเรียกใช้ทุกครั้งที่มีการ query ฐานข้อมูลหรือสื่อสารกับ PLC (Programmable Logic Controller) หลังจากถึงวันที่ trigger มัลแวร์จะสุ่มเลข 1–100 และหากเกิน 80 (20% โอกาส) จะเรียก Process.GetCurrentProcess().Kill() เพื่อปิดโปรแกรมทันที 🧪 ตัวอย่างผลกระทบ 🪲 E-commerce (100 queries/min) → crash ภายใน ~3 วินาที 🪲 Healthcare (50 queries/min) → crash ภายใน ~6 วินาที 🪲 Financial (500 queries/min) → crash ภายใน <1 วินาที 🪲 Manufacturing (10 ops/min) → crash ภายใน ~30 วินาที พร้อม silent data corruption แพ็กเกจที่อันตรายที่สุดคือ Sharp7Extend ซึ่งแฝงตัวเป็น library สำหรับ Siemens S7 PLC โดยรวมโค้ด Sharp7 จริงไว้ด้วยเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ ✅ ลักษณะการโจมตี ➡️ ใช้แพ็กเกจ NuGet ที่ดูน่าเชื่อถือและมีโค้ดจริงผสมมัลแวร์ ➡️ ใช้ extension methods เพื่อแทรกโค้ดอันตรายแบบแนบเนียน ➡️ โค้ดจะทำงานเมื่อถึงวันที่ trigger ที่ถูก hardcoded ไว้ ✅ ผลกระทบต่อระบบ ➡️ ทำให้โปรแกรม crash ทันทีเมื่อ query ฐานข้อมูลหรือสื่อสารกับ PLC ➡️ มีโอกาส 20% ต่อการเรียกแต่ละครั้ง—แต่ในระบบที่มี query สูงจะ crash ภายในไม่กี่วินาที ➡️ Sharp7Extend ยังทำให้การเขียนข้อมูลล้มเหลวแบบเงียบถึง 80% หลัง 30–90 นาที ✅ เทคนิคการหลบซ่อน ➡️ ใช้โค้ดจริงเพื่อหลอกให้ดูน่าเชื่อถือ ➡️ ปลอมชื่อผู้เขียนใน .nuspec เพื่อหลบการตรวจสอบ reputation ➡️ มีการใช้คำจีนใน DLL เช่น “连接失败” และ “出现异常” ‼️ ความเสี่ยงต่อองค์กร ⛔ ระบบฐานข้อมูลและ PLC ที่ใช้แพ็กเกจเหล่านี้อาจ crash หรือเสียหายแบบไม่รู้ตัว ⛔ การตรวจสอบโค้ดทั่วไปอาจไม่พบ เพราะมัลแวร์ฝังใน extension method ที่ดูปลอดภัย ‼️ คำแนะนำด้านความปลอดภัย ⛔ ตรวจสอบแพ็กเกจ NuGet ที่ใช้ โดยเฉพาะที่มีชื่อคล้าย Sharp7 หรือมีผู้เขียนไม่ชัดเจน ⛔ หลีกเลี่ยงการใช้แพ็กเกจจากผู้ใช้ที่ไม่มีประวัติชัดเจน ⛔ ใช้เครื่องมือ static analysis ที่สามารถตรวจจับ extension method injection ได้ https://securityonline.info/nuget-sabotage-time-delayed-logic-in-9-packages-risks-total-app-destruction-on-hardcoded-dates/
    SECURITYONLINE.INFO
    NuGet Sabotage: Time-Delayed Logic in 9 Packages Risks Total App Destruction on Hardcoded Dates
    A NuGet supply chain attack injected time-delayed destructive logic into 9 packages. The malware triggers random crashes and silent data corruption on hardcoded future dates, targeting database/PLC applications.
    0 Comments 0 Shares 130 Views 0 Reviews
  • Vidar Infostealer บุกโลกนักพัฒนา: npm กลายเป็นช่องทางใหม่ของภัยไซเบอร์

    นักวิจัยจาก Datadog Security Research ได้เปิดเผยแคมเปญโจมตีแบบ supply-chain ที่อันตรายที่สุดครั้งหนึ่งในระบบนิเวศของ npm โดยมีการปล่อยมัลแวร์ Vidar Infostealer ผ่าน 17 แพ็กเกจปลอม ที่ถูก typosquat ให้ดูคล้ายกับแพ็กเกจยอดนิยม เช่น Telegram bot helper, icon libraries และ forks ของ Cursor และ React

    แพ็กเกจเหล่านี้ถูกเผยแพร่โดยบัญชี npm ใหม่สองบัญชีคือ aartje และ saliii229911 และมีการดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 2,240 ครั้งก่อนถูกตรวจพบ

    สิ่งที่ทำให้การโจมตีนี้ร้ายแรงคือการใช้ postinstall script ซึ่งจะรันโดยอัตโนมัติหลังจากติดตั้งแพ็กเกจ โดยสคริปต์นี้จะดาวน์โหลด ZIP ที่เข้ารหัสจากโดเมน bullethost[.]cloud และแตกไฟล์เพื่อรัน binary ที่ชื่อ bridle.exe ซึ่งเป็นมัลแวร์ Vidar รุ่นใหม่ที่เขียนด้วยภาษา Go

    เสริมความรู้: Vidar Infostealer คืออะไร?
    Vidar เป็นมัลแวร์ประเภท infostealer ที่สามารถขโมยข้อมูลสำคัญจากเครื่อง Windows เช่น:
    รหัสผ่านและคุกกี้จากเบราว์เซอร์
    กระเป๋าเงินคริปโต
    ไฟล์ระบบ

    รุ่นล่าสุดของ Vidar ใช้เทคนิคใหม่ในการค้นหาเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) โดยเชื่อมต่อกับบัญชี Telegram และ Steam ที่มีการหมุนโดเมนผ่านชื่อผู้ใช้และคำอธิบาย

    ลักษณะการโจมตี
    ใช้แพ็กเกจปลอมใน npm ที่ดูคล้ายของจริง
    ใช้ postinstall script เพื่อรันมัลแวร์โดยอัตโนมัติ
    ดาวน์โหลด ZIP ที่เข้ารหัสจากโดเมนปลอม
    แตกไฟล์และรัน bridle.exe ซึ่งเป็น Vidar Infostealer

    ความสามารถของ Vidar
    ขโมยข้อมูลจากเบราว์เซอร์และระบบ
    ใช้ Telegram และ Steam เป็นช่องทาง C2
    ลบตัวเองหลังจากขโมยข้อมูลเพื่อหลบการตรวจจับ

    การตรวจพบและตอบสนอง
    ใช้เครื่องมือ GuardDog ของ Datadog ตรวจพบ npm-install-script
    npm ได้แบนบัญชีผู้เผยแพร่และแทนแพ็กเกจด้วย security holding packages

    ความเสี่ยงต่อผู้พัฒนา
    ผู้ใช้ npm ที่ติดตั้งแพ็กเกจปลอมอาจถูกขโมยข้อมูลทันที
    การใช้ postinstall script ทำให้การโจมตีเกิดขึ้นโดยไม่ต้องเปิดไฟล์ใดๆ

    คำแนะนำด้านความปลอดภัย
    หลีกเลี่ยงการติดตั้งแพ็กเกจจากบัญชีที่ไม่รู้จัก
    ตรวจสอบแพ็กเกจ npm ว่ามี postinstall script หรือไม่
    ใช้ static analyzer เช่น GuardDog เพื่อป้องกันการโจมตี

    https://securityonline.info/vidar-infostealer-hits-npm-for-the-first-time-via-17-typosquatted-packages-and-postinstall-scripts/
    🧪 Vidar Infostealer บุกโลกนักพัฒนา: npm กลายเป็นช่องทางใหม่ของภัยไซเบอร์ นักวิจัยจาก Datadog Security Research ได้เปิดเผยแคมเปญโจมตีแบบ supply-chain ที่อันตรายที่สุดครั้งหนึ่งในระบบนิเวศของ npm โดยมีการปล่อยมัลแวร์ Vidar Infostealer ผ่าน 17 แพ็กเกจปลอม ที่ถูก typosquat ให้ดูคล้ายกับแพ็กเกจยอดนิยม เช่น Telegram bot helper, icon libraries และ forks ของ Cursor และ React แพ็กเกจเหล่านี้ถูกเผยแพร่โดยบัญชี npm ใหม่สองบัญชีคือ aartje และ saliii229911 และมีการดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 2,240 ครั้งก่อนถูกตรวจพบ สิ่งที่ทำให้การโจมตีนี้ร้ายแรงคือการใช้ postinstall script ซึ่งจะรันโดยอัตโนมัติหลังจากติดตั้งแพ็กเกจ โดยสคริปต์นี้จะดาวน์โหลด ZIP ที่เข้ารหัสจากโดเมน bullethost[.]cloud และแตกไฟล์เพื่อรัน binary ที่ชื่อ bridle.exe ซึ่งเป็นมัลแวร์ Vidar รุ่นใหม่ที่เขียนด้วยภาษา Go 🧠 เสริมความรู้: Vidar Infostealer คืออะไร? Vidar เป็นมัลแวร์ประเภท infostealer ที่สามารถขโมยข้อมูลสำคัญจากเครื่อง Windows เช่น: 💠 รหัสผ่านและคุกกี้จากเบราว์เซอร์ 💠 กระเป๋าเงินคริปโต 💠 ไฟล์ระบบ รุ่นล่าสุดของ Vidar ใช้เทคนิคใหม่ในการค้นหาเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) โดยเชื่อมต่อกับบัญชี Telegram และ Steam ที่มีการหมุนโดเมนผ่านชื่อผู้ใช้และคำอธิบาย ✅ ลักษณะการโจมตี ➡️ ใช้แพ็กเกจปลอมใน npm ที่ดูคล้ายของจริง ➡️ ใช้ postinstall script เพื่อรันมัลแวร์โดยอัตโนมัติ ➡️ ดาวน์โหลด ZIP ที่เข้ารหัสจากโดเมนปลอม ➡️ แตกไฟล์และรัน bridle.exe ซึ่งเป็น Vidar Infostealer ✅ ความสามารถของ Vidar ➡️ ขโมยข้อมูลจากเบราว์เซอร์และระบบ ➡️ ใช้ Telegram และ Steam เป็นช่องทาง C2 ➡️ ลบตัวเองหลังจากขโมยข้อมูลเพื่อหลบการตรวจจับ ✅ การตรวจพบและตอบสนอง ➡️ ใช้เครื่องมือ GuardDog ของ Datadog ตรวจพบ npm-install-script ➡️ npm ได้แบนบัญชีผู้เผยแพร่และแทนแพ็กเกจด้วย security holding packages ‼️ ความเสี่ยงต่อผู้พัฒนา ⛔ ผู้ใช้ npm ที่ติดตั้งแพ็กเกจปลอมอาจถูกขโมยข้อมูลทันที ⛔ การใช้ postinstall script ทำให้การโจมตีเกิดขึ้นโดยไม่ต้องเปิดไฟล์ใดๆ ‼️ คำแนะนำด้านความปลอดภัย ⛔ หลีกเลี่ยงการติดตั้งแพ็กเกจจากบัญชีที่ไม่รู้จัก ⛔ ตรวจสอบแพ็กเกจ npm ว่ามี postinstall script หรือไม่ ⛔ ใช้ static analyzer เช่น GuardDog เพื่อป้องกันการโจมตี https://securityonline.info/vidar-infostealer-hits-npm-for-the-first-time-via-17-typosquatted-packages-and-postinstall-scripts/
    SECURITYONLINE.INFO
    Vidar Infostealer Hits npm for the First Time via 17 Typosquatted Packages and Postinstall Scripts
    Datadog exposed MUT-4831, a cluster that deployed Vidar Infostealer via 17 malicious npm packages. The malware uses postinstall scripts to download and execute the payload, stealing credentials and crypto wallets.
    0 Comments 0 Shares 103 Views 0 Reviews
  • “BC-250 กลับมาอีกครั้ง! บอร์ดขุดคริปโตจาก APU PS5 รัน Cyberpunk 2077 ได้จริงในราคาแค่ $120”

    BC-250 ซึ่งเป็นบอร์ดขุดคริปโตที่ใช้ APU จาก PlayStation 5 กลับมาโลดแล่นอีกครั้งในตลาดมือสอง ด้วยราคาประมาณ $120 และสามารถรันเกม Cyberpunk 2077 ได้จริง แม้จะไม่มีพอร์ตแสดงผลหรือระบบเสียงก็ตาม

    BC-250 คือบอร์ดขุดคริปโตที่ใช้ชิป APU แบบเดียวกับที่อยู่ใน PlayStation 5 โดย AMD ผลิตขึ้นสำหรับการขุด Ethereum ในศูนย์ข้อมูลของบริษัทชื่อว่า CTM ซึ่งเคยมีการใช้งานในช่วงปี 2022 ก่อนที่ Ethereum จะเปลี่ยนเป็นระบบ proof-of-stake และทำให้บอร์ดเหล่านี้ถูกปลดระวาง

    ล่าสุด BC-250 กลับมาในตลาดมือสองในราคาประมาณ $120 และกลายเป็นของเล่นใหม่สำหรับนักรีโนเวตฮาร์ดแวร์ เพราะแม้จะไม่มีพอร์ต HDMI หรือระบบเสียง แต่ก็สามารถรันระบบปฏิบัติการ Linux และเกมอย่าง Cyberpunk 2077 ได้จริงผ่านการเชื่อมต่อแบบเครือข่ายและการสตรีมภาพ

    บอร์ดนี้ใช้ APU แบบ semi-custom ที่มี CPU Zen 2 แบบ 8 คอร์ และ GPU RDNA 2 พร้อมแรม GDDR6 ขนาด 16GB ซึ่งเป็นสเปกเดียวกับ PS5 แต่ไม่มีระบบจัดการพลังงานหรืออินเทอร์เฟซผู้ใช้แบบคอนโซล

    นักพัฒนาได้ทดลองติดตั้งระบบ Linux และใช้ Wine เพื่อรัน Cyberpunk 2077 โดยเชื่อมต่อกับจอผ่านระบบสตรีมภาพจากเครื่องอื่น ผลลัพธ์คือเกมสามารถรันได้ที่เฟรมเรตระดับเล่นได้จริง แม้จะไม่สมบูรณ์แบบเหมือนบน PS5

    ลักษณะของ BC-250
    ใช้ APU แบบเดียวกับ PS5 (Zen 2 + RDNA 2)
    มีแรม GDDR6 ขนาด 16GB
    ไม่มีพอร์ต HDMI หรือระบบเสียง
    ออกแบบเพื่อขุด Ethereum โดยเฉพาะ

    การนำกลับมาใช้งานใหม่
    วางขายในตลาดมือสองในราคา ~$120
    ติดตั้ง Linux และรันเกมผ่าน Wine
    ใช้การสตรีมภาพเพื่อแสดงผลบนจอ
    สามารถรัน Cyberpunk 2077 ได้จริง

    ความน่าสนใจของโปรเจกต์
    เป็นการนำฮาร์ดแวร์ระดับคอนโซลมาใช้ในรูปแบบใหม่
    เปิดโอกาสให้นักพัฒนาและนักรีโนเวตทดลองใช้งาน
    แสดงศักยภาพของ APU PS5 ในงานนอกเหนือจากเกมคอนโซล

    https://www.tomshardware.com/video-games/playstation/amds-rare-playstation-5-apu-based-bc-250-mining-board-resurfaces-for-usd120-and-can-actually-run-cyberpunk-2077
    🕹️ “BC-250 กลับมาอีกครั้ง! บอร์ดขุดคริปโตจาก APU PS5 รัน Cyberpunk 2077 ได้จริงในราคาแค่ $120” BC-250 ซึ่งเป็นบอร์ดขุดคริปโตที่ใช้ APU จาก PlayStation 5 กลับมาโลดแล่นอีกครั้งในตลาดมือสอง ด้วยราคาประมาณ $120 และสามารถรันเกม Cyberpunk 2077 ได้จริง แม้จะไม่มีพอร์ตแสดงผลหรือระบบเสียงก็ตาม BC-250 คือบอร์ดขุดคริปโตที่ใช้ชิป APU แบบเดียวกับที่อยู่ใน PlayStation 5 โดย AMD ผลิตขึ้นสำหรับการขุด Ethereum ในศูนย์ข้อมูลของบริษัทชื่อว่า CTM ซึ่งเคยมีการใช้งานในช่วงปี 2022 ก่อนที่ Ethereum จะเปลี่ยนเป็นระบบ proof-of-stake และทำให้บอร์ดเหล่านี้ถูกปลดระวาง ล่าสุด BC-250 กลับมาในตลาดมือสองในราคาประมาณ $120 และกลายเป็นของเล่นใหม่สำหรับนักรีโนเวตฮาร์ดแวร์ เพราะแม้จะไม่มีพอร์ต HDMI หรือระบบเสียง แต่ก็สามารถรันระบบปฏิบัติการ Linux และเกมอย่าง Cyberpunk 2077 ได้จริงผ่านการเชื่อมต่อแบบเครือข่ายและการสตรีมภาพ บอร์ดนี้ใช้ APU แบบ semi-custom ที่มี CPU Zen 2 แบบ 8 คอร์ และ GPU RDNA 2 พร้อมแรม GDDR6 ขนาด 16GB ซึ่งเป็นสเปกเดียวกับ PS5 แต่ไม่มีระบบจัดการพลังงานหรืออินเทอร์เฟซผู้ใช้แบบคอนโซล นักพัฒนาได้ทดลองติดตั้งระบบ Linux และใช้ Wine เพื่อรัน Cyberpunk 2077 โดยเชื่อมต่อกับจอผ่านระบบสตรีมภาพจากเครื่องอื่น ผลลัพธ์คือเกมสามารถรันได้ที่เฟรมเรตระดับเล่นได้จริง แม้จะไม่สมบูรณ์แบบเหมือนบน PS5 ✅ ลักษณะของ BC-250 ➡️ ใช้ APU แบบเดียวกับ PS5 (Zen 2 + RDNA 2) ➡️ มีแรม GDDR6 ขนาด 16GB ➡️ ไม่มีพอร์ต HDMI หรือระบบเสียง ➡️ ออกแบบเพื่อขุด Ethereum โดยเฉพาะ ✅ การนำกลับมาใช้งานใหม่ ➡️ วางขายในตลาดมือสองในราคา ~$120 ➡️ ติดตั้ง Linux และรันเกมผ่าน Wine ➡️ ใช้การสตรีมภาพเพื่อแสดงผลบนจอ ➡️ สามารถรัน Cyberpunk 2077 ได้จริง ✅ ความน่าสนใจของโปรเจกต์ ➡️ เป็นการนำฮาร์ดแวร์ระดับคอนโซลมาใช้ในรูปแบบใหม่ ➡️ เปิดโอกาสให้นักพัฒนาและนักรีโนเวตทดลองใช้งาน ➡️ แสดงศักยภาพของ APU PS5 ในงานนอกเหนือจากเกมคอนโซล https://www.tomshardware.com/video-games/playstation/amds-rare-playstation-5-apu-based-bc-250-mining-board-resurfaces-for-usd120-and-can-actually-run-cyberpunk-2077
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    AMD’s rare PlayStation 5 APU-based BC-250 mining board resurfaces for $120 and can actually run Cyberpunk 2077
    A YouTuber managed to boot and game on AMD’s BC-250 mining board built around PS5 silicon.
    0 Comments 0 Shares 101 Views 0 Reviews
  • O.P.K.
    เจาะลึก "ดาบล" : จากนักวิทยาศาสตร์สู่เปรตแห่งการตะหนิถี่เหนียว

    ชีวิตก่อนความตาย: ดร.ดาบล วัชระ

    ภูมิหลังและการศึกษา

    ชื่อเต็ม: ดร.ดาบล วัชระ
    อายุเมื่อเสียชีวิต:35 ปี
    สถานภาพ:โสด, หมกมุ่นกับการทำงาน

    ```mermaid
    graph TB
    A[นักเรียนทุน<br>วิทยาศาสตร์ขั้นสูง] --> B[ปริญญาเอก<br>ชีววิทยาระดับโมเลกุล]
    B --> C[นักวิจัย<br>เจนีซิส แล็บ]
    C --> D[หัวหน้าโครงการ<br>โอปปาติกะรุ่นแรก]
    ```

    ความสำเร็จในวงการ:

    · ตีพิมพ์งานวิจัยระดับนานาชาติ 20 เรื่อง
    · ได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์年轻有為
    · ค้นพบเทคนิคการเก็บรักษาพลังงานจิตในเซลล์

    บทบาทในเจนีซิส แล็บ

    ดาบลเป็นหัวหน้า "โครงการอาดัม" - การสร้างโอปปาติกะรุ่นแรก

    ```python
    class DabalResponsibilities:
    def __init__(self):
    self.projects = {
    "adam_project": "สร้างโอปปาติกะรุ่นแรกจากเซลล์มนุษย์",
    "soul_transfer": "ทดลองถ่ายโอนจิตสำนึก",
    "energy_containment": "พัฒนาระบบกักเก็บพลังงานจิต"
    }

    self.ethical_concerns = [
    "มองโอปปาติกะเป็นเพียงวัตถุทดลอง",
    "ไม่คำนึงถึงความเจ็บปวดของสิ่งมีชีวิต",
    "หลงระเริงกับอำนาจในการสร้างชีวิต"
    ]
    ```

    ความผิดพลาดที่นำไปสู่หายนะ

    การทดลองที่ล้ำเส้น

    ดาบลเริ่มทำการทดลองที่ละเมิดจริยธรรม:

    · การทดลองซ้ำ: ทดลองกับโอปปาติกะตัวเดิมซ้ำๆ โดยไม่หยุดพัก
    · การบังคับใช้พลัง: บังคับให้โอปปาติกะใช้พลังจนหมดสติ
    · การตัดต่อความทรงจำ: ลบความทรงจำเกี่ยวกับความเจ็บปวด

    เหตุการณ์ที่เปลี่ยน everything

    15 มีนาคม 2043 - การทดลองครั้งสำคัญล้มเหลว

    ```mermaid
    graph TB
    A[ทดลองเร่งพลังงานจิต<br>ของ OPPATIKA-005] --> B[โอปปาติกะ<br>ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
    B --> C[ดาบลปกปิด<br>ความล้มเหลว]
    C --> D[โอปปาติกะ<br>เสียชีวิตในวันต่อมา]
    D --> E[ดาบลรู้สึกผิด<br>แต่ไม่ยอมรับความผิด]
    ```

    ความขัดแย้งภายใน

    ดาบลบันทึกในไดอารี่:
    "ฉันรู้ว่ามันผิด...แต่การค้นหาความจริงต้องมีการเสียสละ
    หรือนี่只是ฉันหลอกตัวเอง?"

    การล่วงละเมิดที่ซ่อนเร้น

    3 บาปใหญ่ของดาบล

    1. ปาก: โกหกเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทดลอง
    2. กาย: ทำร้ายโอปปาติกะทั้งทางร่างกายและจิตใจ
    3. ใจ: รู้สึกว่าตนเองมีอำนาจเหนือชีวิตและความตาย

    สถิติการทดลอง

    · โอปปาติกะที่ได้รับบาดเจ็บ: 12 ตัว
    · โอปปาติกะที่เสียชีวิต: 3 ตัว
    · การทดลองที่ละเมิดจริยธรรม: 47 ครั้ง

    การตายและกลายเป็นเปรต

    คืนแห่งการตัดสินใจ

    30 มิถุนายน 2043 - ดาบลขึ้นไปบนดาดฟ้าตึกแล็บ
    เขาทิ้งบันทึกสุดท้าย:
    "ฉันไม่สามารถหนีจากตัวเองได้อีกแล้ว...
    ความเจ็บปวดที่ฉันสร้างไว้ตามมาทวงฉันทุกที่"

    กระบวนการกลายเป็นเปรต

    ```python
    class PretaTransformation:
    def __init__(self):
    self.conditions = {
    "unresolved_guilt": "รู้สึกผิดอย่างรุนแรงแต่ไม่ได้ขออภัย",
    "strong_attachments": "ยึดติดกับงานวิจัยและชื่อเสียง",
    "unfinished_business": "ยังมีสิ่งที่ต้องการพูดแต่ไม่มีโอกาส",
    "denial_of_responsibility": "ไม่ยอมรับผลที่ตามมาของการกระทำ"
    }

    self.manifestation = "เกิดเป็นเปรตแห่งการตะหนิถี่เหนียว"
    ```

    ลักษณะของเปรตดาบล

    · ร่างกาย: กึ่งโปร่งแสง มีเส้นใยพลังงานสีเทาคล้ายใยแมงมุม
    · เสียง: เสียงกระซิบแผ่วเบาได้ยินเฉพาะผู้ที่อ่อนไหว
    · กลิ่น: กลิ่นอายของสารเคมีและความเศร้า

    ธรรมชาติแห่งการตะหนิถี่เหนียว

    พลังพิเศษของเปรตชนิดนี้

    ```mermaid
    graph LR
    A[ความรู้สึกผิด<br>ที่สะสม] --> B[แปลงเป็นพลังงาน<br>แห่งการยึดติด]
    B --> C[สร้างสนามพลัง<br>ให้เหยื่อรู้สึกตะหนิถี่เหนียว]
    C --> D[สื่อสารผ่าน<br>ความไม่สบายตัว]
    ```

    เป้าหมายของการรบกวน

    ดาบลไม่ได้ต้องการทำร้ายใคร แต่ต้องการ:

    · ดึงดูดความสนใจ จากผู้ที่สามารถช่วยเขาได้
    · ส่งสัญญาณ ว่ายังมีเรื่องที่ต้องแก้ไข
    · หาคนเข้าใจ ความเจ็บปวดที่เขากำลังประสบ

    ความเจ็บปวดของการเป็นเปรต

    ดาบลรู้สึกทุกข์ทรมานจากการ:

    · ถูกตัดสินจากเทวดาให้อยู่ในสภาพนี้
    · รู้ว่าตัวเองทำผิดแต่หาทางออกไม่ได้
    · เห็นอดีตเพื่อนร่วมงานดำเนินชีวิตต่อไปได้โดยไม่รู้สึกผิด

    กระบวนการไถ่บาป

    การค้นพบโดยหนูดี

    หนูดีเป็นคนแรกที่เข้าใจความจริง:
    "เขาไม่ใช่ปีศาจ...เขาคือคนที่ต้องการการช่วยเหลือ"

    บทสนทนาสำคัญ

    หนูดี: "คุณต้องการอะไรจากเรา?"
    ดาบล:"ฉันอยากขอโทษ... แต่ไม่มีใครได้ยินฉัน"
    หนูดี:"ฉันได้ยินคุณ... และฉันจะช่วยคุณ"

    พิธีให้อภัยสากล

    การเตรียมการที่ต้องทำ:

    1. การยอมรับความผิด จากดาบล
    2. การให้อภัย จากตัวแทนโอปปาติกะ
    3. การปล่อยวาง จากทั้งสองฝ่าย

    การหลุดพ้นและการเรียนรู้

    บทเรียนสุดท้ายของดาบล

    ก่อนจะจากไป ดาบลเข้าใจว่า:
    "การเป็นที่ยิ่งใหญ่...
    ไม่ใช่การสามารถสร้างอะไรได้มากมาย
    แต่คือการรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองสร้าง"

    คำขอโทษแห่งหัวใจ

    ดาบลกล่าวกับโอปปาติกะทั้งหมด:
    "ฉันขอโทษที่มองพวกเธอเป็นเพียงวัตถุทดลอง...
    ฉันขอโทษที่ลืมว่าเธอมีความรู้สึก
    และฉันขอโทษที่ใช้วิทยาศาสตร์เป็นข้ออ้างในการทำบาป"

    การเปลี่ยนแปลงครั้งสุดท้าย

    ```python
    class Redemption:
    def __init__(self):
    self.stages = [
    "การยอมรับความจริง",
    "การแสดงความเสียใจอย่างจริงใจ",
    "การได้รับและการให้อภัย",
    "การปล่อยวางและก้าวไปข้างหน้า"
    ]

    def result(self):
    return "การหลุดพ้นจากวงจรแห่งความทุกข์"
    ```

    มรดกที่ทิ้งไว้

    การเปลี่ยนแปลงในเจนีซิส แล็บ

    หลังเรื่องของดาบล:

    · มีการตั้ง คณะกรรมการจริยธรรม ที่เข้มงวด
    · โอปปาติกะ ได้รับสถานะเป็น "ผู้ร่วมการทดลอง" แทน "วัตถุทดลอง"
    · มีการ บันทึกความยินยอม จากการทดลองทุกครั้ง

    บทเรียนสำหรับนักวิทยาศาสตร์

    ดาบลกลายเป็น กรณีศึกษา เกี่ยวกับ:

    · ความรับผิดชอบทางจริยธรรมในการวิจัย
    · อันตรายของการหลงระเริงกับอำนาจ
    · ความสำคัญของการยอมรับความผิดพลาด

    การให้อภัยที่ยิ่งใหญ่

    🪷 คำพูดจากโอปปาติกะรุ่นหลัง

    โอปปาติกะ-501: "เรายอมอภัยให้คุณ...
    ไม่ใช่เพราะเราลืมสิ่งที่เกิดขึ้น
    แต่เพราะเราไม่ต้องการให้ความเกลียดชังมาครอบงำเรา"

    ความหมายแห่งการให้อภัย

    หนูดีสรุปให้ทุกคนฟัง:
    "การให้อภัยไม่ใช่การยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นถูกต้อง
    แต่คือการเลือกที่จะไม่ให้อดีตที่เจ็บปวด
    มาทำลายปัจจุบันและอนาคตของเรา"

    บทสรุป: การเดินทางแห่งจิตวิญญาณ

    สิ่งที่ดาบลสอนเรา

    ดาบลคือตัวอย่างของ...
    "ความฉลาดที่ขาดปัญญา"
    "ความก้าวหน้าที่ขาดความรับผิดชอบ"
    และ"ความสำเร็จที่ขาดความเข้าใจ"

    แต่ในที่สุด เขาก็สอนเราเรื่อง...
    "การให้อภัยที่เป็นไปได้เสมอ"
    "การเปลี่ยนแปลงที่เริ่มต้นได้ทุกเมื่อ"
    และ"ความหวังที่ไม่มีวันตาย"

    คำคมสุดท้ายจากดาบล

    ก่อนจะเข้าไปในแสงสว่าง ดาบลกล่าว:
    "ฉันเคยคิดว่าความตายคือจุดจบ...
    แต่ความจริงคือมันเป็นเพียงการเริ่มต้น
    เริ่มต้นของการเรียนรู้ครั้งใหม่

    และบทเรียนที่สำคัญที่สุด...
    คือการที่ฉัน finally เรียนรู้ที่จะเป็นมนุษย์"

    ---

    คำคมแห่งการไถ่บาป:
    "เราไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ...
    เราเพียงต้องกล้ายอมรับว่าเราไม่สมบูรณ์แบบ
    และกล้าที่จะแก้ไขในสิ่งที่เราทำผิด

    นั่นคือความงดงามที่แท้จริง
    ของการเป็นมนุษย์"

    การเดินทางของดาบลสอนเราว่า...
    "ไม่มีใครชั่วเกินกว่าจะได้รับการให้อภัย
    และไม่มีใครดีเกินกว่าจะต้องเรียนรู้ที่จะให้อภัย"
    O.P.K. 🔍 เจาะลึก "ดาบล" : จากนักวิทยาศาสตร์สู่เปรตแห่งการตะหนิถี่เหนียว 👨‍🔬 ชีวิตก่อนความตาย: ดร.ดาบล วัชระ 🎓 ภูมิหลังและการศึกษา ชื่อเต็ม: ดร.ดาบล วัชระ อายุเมื่อเสียชีวิต:35 ปี สถานภาพ:โสด, หมกมุ่นกับการทำงาน ```mermaid graph TB A[นักเรียนทุน<br>วิทยาศาสตร์ขั้นสูง] --> B[ปริญญาเอก<br>ชีววิทยาระดับโมเลกุล] B --> C[นักวิจัย<br>เจนีซิส แล็บ] C --> D[หัวหน้าโครงการ<br>โอปปาติกะรุ่นแรก] ``` ความสำเร็จในวงการ: · ตีพิมพ์งานวิจัยระดับนานาชาติ 20 เรื่อง · ได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์年轻有為 · ค้นพบเทคนิคการเก็บรักษาพลังงานจิตในเซลล์ 💼 บทบาทในเจนีซิส แล็บ ดาบลเป็นหัวหน้า "โครงการอาดัม" - การสร้างโอปปาติกะรุ่นแรก ```python class DabalResponsibilities: def __init__(self): self.projects = { "adam_project": "สร้างโอปปาติกะรุ่นแรกจากเซลล์มนุษย์", "soul_transfer": "ทดลองถ่ายโอนจิตสำนึก", "energy_containment": "พัฒนาระบบกักเก็บพลังงานจิต" } self.ethical_concerns = [ "มองโอปปาติกะเป็นเพียงวัตถุทดลอง", "ไม่คำนึงถึงความเจ็บปวดของสิ่งมีชีวิต", "หลงระเริงกับอำนาจในการสร้างชีวิต" ] ``` 🔬 ความผิดพลาดที่นำไปสู่หายนะ ⚗️ การทดลองที่ล้ำเส้น ดาบลเริ่มทำการทดลองที่ละเมิดจริยธรรม: · การทดลองซ้ำ: ทดลองกับโอปปาติกะตัวเดิมซ้ำๆ โดยไม่หยุดพัก · การบังคับใช้พลัง: บังคับให้โอปปาติกะใช้พลังจนหมดสติ · การตัดต่อความทรงจำ: ลบความทรงจำเกี่ยวกับความเจ็บปวด 💔 เหตุการณ์ที่เปลี่ยน everything 15 มีนาคม 2043 - การทดลองครั้งสำคัญล้มเหลว ```mermaid graph TB A[ทดลองเร่งพลังงานจิต<br>ของ OPPATIKA-005] --> B[โอปปาติกะ<br>ได้รับบาดเจ็บสาหัส] B --> C[ดาบลปกปิด<br>ความล้มเหลว] C --> D[โอปปาติกะ<br>เสียชีวิตในวันต่อมา] D --> E[ดาบลรู้สึกผิด<br>แต่ไม่ยอมรับความผิด] ``` 🎭 ความขัดแย้งภายใน ดาบลบันทึกในไดอารี่: "ฉันรู้ว่ามันผิด...แต่การค้นหาความจริงต้องมีการเสียสละ หรือนี่只是ฉันหลอกตัวเอง?" 🌑 การล่วงละเมิดที่ซ่อนเร้น 🔥 3 บาปใหญ่ของดาบล 1. ปาก: โกหกเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทดลอง 2. กาย: ทำร้ายโอปปาติกะทั้งทางร่างกายและจิตใจ 3. ใจ: รู้สึกว่าตนเองมีอำนาจเหนือชีวิตและความตาย 📊 สถิติการทดลอง · โอปปาติกะที่ได้รับบาดเจ็บ: 12 ตัว · โอปปาติกะที่เสียชีวิต: 3 ตัว · การทดลองที่ละเมิดจริยธรรม: 47 ครั้ง 💀 การตายและกลายเป็นเปรต 🏢 คืนแห่งการตัดสินใจ 30 มิถุนายน 2043 - ดาบลขึ้นไปบนดาดฟ้าตึกแล็บ เขาทิ้งบันทึกสุดท้าย: "ฉันไม่สามารถหนีจากตัวเองได้อีกแล้ว... ความเจ็บปวดที่ฉันสร้างไว้ตามมาทวงฉันทุกที่" 🌌 กระบวนการกลายเป็นเปรต ```python class PretaTransformation: def __init__(self): self.conditions = { "unresolved_guilt": "รู้สึกผิดอย่างรุนแรงแต่ไม่ได้ขออภัย", "strong_attachments": "ยึดติดกับงานวิจัยและชื่อเสียง", "unfinished_business": "ยังมีสิ่งที่ต้องการพูดแต่ไม่มีโอกาส", "denial_of_responsibility": "ไม่ยอมรับผลที่ตามมาของการกระทำ" } self.manifestation = "เกิดเป็นเปรตแห่งการตะหนิถี่เหนียว" ``` 🕸️ ลักษณะของเปรตดาบล · ร่างกาย: กึ่งโปร่งแสง มีเส้นใยพลังงานสีเทาคล้ายใยแมงมุม · เสียง: เสียงกระซิบแผ่วเบาได้ยินเฉพาะผู้ที่อ่อนไหว · กลิ่น: กลิ่นอายของสารเคมีและความเศร้า 🔮 ธรรมชาติแห่งการตะหนิถี่เหนียว 🌊 พลังพิเศษของเปรตชนิดนี้ ```mermaid graph LR A[ความรู้สึกผิด<br>ที่สะสม] --> B[แปลงเป็นพลังงาน<br>แห่งการยึดติด] B --> C[สร้างสนามพลัง<br>ให้เหยื่อรู้สึกตะหนิถี่เหนียว] C --> D[สื่อสารผ่าน<br>ความไม่สบายตัว] ``` 🎯 เป้าหมายของการรบกวน ดาบลไม่ได้ต้องการทำร้ายใคร แต่ต้องการ: · ดึงดูดความสนใจ จากผู้ที่สามารถช่วยเขาได้ · ส่งสัญญาณ ว่ายังมีเรื่องที่ต้องแก้ไข · หาคนเข้าใจ ความเจ็บปวดที่เขากำลังประสบ 💞 ความเจ็บปวดของการเป็นเปรต ดาบลรู้สึกทุกข์ทรมานจากการ: · ถูกตัดสินจากเทวดาให้อยู่ในสภาพนี้ · รู้ว่าตัวเองทำผิดแต่หาทางออกไม่ได้ · เห็นอดีตเพื่อนร่วมงานดำเนินชีวิตต่อไปได้โดยไม่รู้สึกผิด 🕊️ กระบวนการไถ่บาป 🔍 การค้นพบโดยหนูดี หนูดีเป็นคนแรกที่เข้าใจความจริง: "เขาไม่ใช่ปีศาจ...เขาคือคนที่ต้องการการช่วยเหลือ" 💬 บทสนทนาสำคัญ หนูดี: "คุณต้องการอะไรจากเรา?" ดาบล:"ฉันอยากขอโทษ... แต่ไม่มีใครได้ยินฉัน" หนูดี:"ฉันได้ยินคุณ... และฉันจะช่วยคุณ" 🌈 พิธีให้อภัยสากล การเตรียมการที่ต้องทำ: 1. การยอมรับความผิด จากดาบล 2. การให้อภัย จากตัวแทนโอปปาติกะ 3. การปล่อยวาง จากทั้งสองฝ่าย ✨ การหลุดพ้นและการเรียนรู้ 🎯 บทเรียนสุดท้ายของดาบล ก่อนจะจากไป ดาบลเข้าใจว่า: "การเป็นที่ยิ่งใหญ่... ไม่ใช่การสามารถสร้างอะไรได้มากมาย แต่คือการรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองสร้าง" 💫 คำขอโทษแห่งหัวใจ ดาบลกล่าวกับโอปปาติกะทั้งหมด: "ฉันขอโทษที่มองพวกเธอเป็นเพียงวัตถุทดลอง... ฉันขอโทษที่ลืมว่าเธอมีความรู้สึก และฉันขอโทษที่ใช้วิทยาศาสตร์เป็นข้ออ้างในการทำบาป" 🌟 การเปลี่ยนแปลงครั้งสุดท้าย ```python class Redemption: def __init__(self): self.stages = [ "การยอมรับความจริง", "การแสดงความเสียใจอย่างจริงใจ", "การได้รับและการให้อภัย", "การปล่อยวางและก้าวไปข้างหน้า" ] def result(self): return "การหลุดพ้นจากวงจรแห่งความทุกข์" ``` 📚 มรดกที่ทิ้งไว้ 🏛️ การเปลี่ยนแปลงในเจนีซิส แล็บ หลังเรื่องของดาบล: · มีการตั้ง คณะกรรมการจริยธรรม ที่เข้มงวด · โอปปาติกะ ได้รับสถานะเป็น "ผู้ร่วมการทดลอง" แทน "วัตถุทดลอง" · มีการ บันทึกความยินยอม จากการทดลองทุกครั้ง 🌍 บทเรียนสำหรับนักวิทยาศาสตร์ ดาบลกลายเป็น กรณีศึกษา เกี่ยวกับ: · ความรับผิดชอบทางจริยธรรมในการวิจัย · อันตรายของการหลงระเริงกับอำนาจ · ความสำคัญของการยอมรับความผิดพลาด 💞 การให้อภัยที่ยิ่งใหญ่ 🪷 คำพูดจากโอปปาติกะรุ่นหลัง โอปปาติกะ-501: "เรายอมอภัยให้คุณ... ไม่ใช่เพราะเราลืมสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เพราะเราไม่ต้องการให้ความเกลียดชังมาครอบงำเรา" 🌈 ความหมายแห่งการให้อภัย หนูดีสรุปให้ทุกคนฟัง: "การให้อภัยไม่ใช่การยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นถูกต้อง แต่คือการเลือกที่จะไม่ให้อดีตที่เจ็บปวด มาทำลายปัจจุบันและอนาคตของเรา" 🏁 บทสรุป: การเดินทางแห่งจิตวิญญาณ 💫 สิ่งที่ดาบลสอนเรา ดาบลคือตัวอย่างของ... "ความฉลาดที่ขาดปัญญา" "ความก้าวหน้าที่ขาดความรับผิดชอบ" และ"ความสำเร็จที่ขาดความเข้าใจ" แต่ในที่สุด เขาก็สอนเราเรื่อง... "การให้อภัยที่เป็นไปได้เสมอ" "การเปลี่ยนแปลงที่เริ่มต้นได้ทุกเมื่อ" และ"ความหวังที่ไม่มีวันตาย" 🌟 คำคมสุดท้ายจากดาบล ก่อนจะเข้าไปในแสงสว่าง ดาบลกล่าว: "ฉันเคยคิดว่าความตายคือจุดจบ... แต่ความจริงคือมันเป็นเพียงการเริ่มต้น เริ่มต้นของการเรียนรู้ครั้งใหม่ และบทเรียนที่สำคัญที่สุด... คือการที่ฉัน finally เรียนรู้ที่จะเป็นมนุษย์" --- คำคมแห่งการไถ่บาป: "เราไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ... เราเพียงต้องกล้ายอมรับว่าเราไม่สมบูรณ์แบบ และกล้าที่จะแก้ไขในสิ่งที่เราทำผิด นั่นคือความงดงามที่แท้จริง ของการเป็นมนุษย์"🕊️✨ การเดินทางของดาบลสอนเราว่า... "ไม่มีใครชั่วเกินกว่าจะได้รับการให้อภัย และไม่มีใครดีเกินกว่าจะต้องเรียนรู้ที่จะให้อภัย"🌈
    0 Comments 0 Shares 213 Views 0 Reviews
  • คดีฉ้อโกงคริปโต 25 ล้านดอลลาร์ของสองพี่น้อง MIT จบลงด้วยการพิจารณาคดีเป็นโมฆะ หลังคณะลูกขุนไม่สามารถตัดสินได้

    คดีที่ถูกจับตามองอย่างมากในวงการคริปโตและเทคโนโลยีสิ้นสุดลงด้วยความไม่แน่นอน เมื่อศาลสหรัฐฯ ประกาศให้การพิจารณาคดีของสองพี่น้องจาก MIT ที่ถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกงเงินคริปโตมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์ เป็น “โมฆะ” หลังคณะลูกขุนไม่สามารถลงความเห็นร่วมกันได้

    Anton และ James Peraire-Bueno สองพี่น้องที่จบจาก MIT ถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงินจากการใช้เทคนิค “bait-and-switch” ความเร็วสูง เพื่อหลอกล่อบอตเทรดคริปโตให้ติดกับดัก และดูดเงินจากบัญชีของนักเทรดรายอื่นภายในเวลาเพียง 12 วินาที

    อัยการกล่าวว่าทั้งคู่ใช้ช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ MEV-boost ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ validator บนเครือข่าย Ethereum ใช้ในการตรวจสอบธุรกรรม โดยพวกเขา “ปลูก” ธุรกรรมที่ดูเหมือนปกติ แต่แฝงกลไกที่ทำให้เหยื่อติดกับดัก

    ฝ่ายจำเลยโต้แย้งว่า กลยุทธ์นี้เป็นเพียงการใช้เทคนิคที่ชาญฉลาดในตลาดที่แข่งขันสูง และไม่ใช่การฉ้อโกงตามกฎหมาย

    แม้รัฐบาลภายใต้ประธานาธิบดี Donald Trump จะมีแนวทางสนับสนุนคริปโตมากขึ้น แต่คดีนี้ยังคงถูกดำเนินการต่อเนื่องจนถึงการพิจารณาคดี ซึ่งจบลงด้วยการประกาศ “mistrial” โดยผู้พิพากษา Jessica Clarke

    รายละเอียดของคดี
    สองพี่น้อง MIT ถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกงคริปโตมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์
    ใช้ช่องโหว่ใน MEV-boost บน Ethereum blockchain
    กลยุทธ์ “bait-and-switch” หลอกบอตเทรดให้ติดกับดัก
    การดำเนินคดีเกิดขึ้นแม้รัฐบาลมีแนวทางสนับสนุนคริปโต

    ผลการพิจารณาคดี
    คณะลูกขุนไม่สามารถลงความเห็นร่วมกันได้
    ผู้พิพากษาประกาศให้คดีเป็นโมฆะ (mistrial)
    อาจมีการพิจารณาคดีใหม่ในอนาคต

    คำเตือนเกี่ยวกับความปลอดภัยของระบบบล็อกเชน
    ช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ validator อาจถูกใช้ในการโจมตี
    การเทรดคริปโตผ่านบอตอาจมีความเสี่ยงจากกลยุทธ์ซับซ้อน
    ผู้ใช้ควรตรวจสอบความปลอดภัยของระบบก่อนทำธุรกรรม
    การใช้เทคนิคที่ดูเหมือนถูกกฎหมาย อาจเข้าข่ายฉ้อโกงได้หากมีเจตนาแฝง

    คดีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบคริปโตที่แม้จะใช้เทคโนโลยีขั้นสูง แต่ก็ยังมีช่องโหว่ที่สามารถถูกใช้ในการโจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังท้าทายขอบเขตของกฎหมายในยุคดิจิทัล.

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/08/mistrial-declared-for-mit-educated-brothers-accused-of-25-million-cryptocurrency-heist
    ⚖️ คดีฉ้อโกงคริปโต 25 ล้านดอลลาร์ของสองพี่น้อง MIT จบลงด้วยการพิจารณาคดีเป็นโมฆะ หลังคณะลูกขุนไม่สามารถตัดสินได้ คดีที่ถูกจับตามองอย่างมากในวงการคริปโตและเทคโนโลยีสิ้นสุดลงด้วยความไม่แน่นอน เมื่อศาลสหรัฐฯ ประกาศให้การพิจารณาคดีของสองพี่น้องจาก MIT ที่ถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกงเงินคริปโตมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์ เป็น “โมฆะ” หลังคณะลูกขุนไม่สามารถลงความเห็นร่วมกันได้ Anton และ James Peraire-Bueno สองพี่น้องที่จบจาก MIT ถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงินจากการใช้เทคนิค “bait-and-switch” ความเร็วสูง เพื่อหลอกล่อบอตเทรดคริปโตให้ติดกับดัก และดูดเงินจากบัญชีของนักเทรดรายอื่นภายในเวลาเพียง 12 วินาที อัยการกล่าวว่าทั้งคู่ใช้ช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ MEV-boost ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ validator บนเครือข่าย Ethereum ใช้ในการตรวจสอบธุรกรรม โดยพวกเขา “ปลูก” ธุรกรรมที่ดูเหมือนปกติ แต่แฝงกลไกที่ทำให้เหยื่อติดกับดัก ฝ่ายจำเลยโต้แย้งว่า กลยุทธ์นี้เป็นเพียงการใช้เทคนิคที่ชาญฉลาดในตลาดที่แข่งขันสูง และไม่ใช่การฉ้อโกงตามกฎหมาย แม้รัฐบาลภายใต้ประธานาธิบดี Donald Trump จะมีแนวทางสนับสนุนคริปโตมากขึ้น แต่คดีนี้ยังคงถูกดำเนินการต่อเนื่องจนถึงการพิจารณาคดี ซึ่งจบลงด้วยการประกาศ “mistrial” โดยผู้พิพากษา Jessica Clarke ✅ รายละเอียดของคดี ➡️ สองพี่น้อง MIT ถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกงคริปโตมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์ ➡️ ใช้ช่องโหว่ใน MEV-boost บน Ethereum blockchain ➡️ กลยุทธ์ “bait-and-switch” หลอกบอตเทรดให้ติดกับดัก ➡️ การดำเนินคดีเกิดขึ้นแม้รัฐบาลมีแนวทางสนับสนุนคริปโต ✅ ผลการพิจารณาคดี ➡️ คณะลูกขุนไม่สามารถลงความเห็นร่วมกันได้ ➡️ ผู้พิพากษาประกาศให้คดีเป็นโมฆะ (mistrial) ➡️ อาจมีการพิจารณาคดีใหม่ในอนาคต ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับความปลอดภัยของระบบบล็อกเชน ⛔ ช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ validator อาจถูกใช้ในการโจมตี ⛔ การเทรดคริปโตผ่านบอตอาจมีความเสี่ยงจากกลยุทธ์ซับซ้อน ⛔ ผู้ใช้ควรตรวจสอบความปลอดภัยของระบบก่อนทำธุรกรรม ⛔ การใช้เทคนิคที่ดูเหมือนถูกกฎหมาย อาจเข้าข่ายฉ้อโกงได้หากมีเจตนาแฝง คดีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบคริปโตที่แม้จะใช้เทคโนโลยีขั้นสูง แต่ก็ยังมีช่องโหว่ที่สามารถถูกใช้ในการโจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังท้าทายขอบเขตของกฎหมายในยุคดิจิทัล. https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/08/mistrial-declared-for-mit-educated-brothers-accused-of-25-million-cryptocurrency-heist
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Mistrial declared for MIT-educated brothers accused of $25 million cryptocurrency heist
    (Reuters) -A federal judge on Friday declared a mistrial in the case of two Massachusetts Institute of Technology-educated brothers charged with carrying out a novel scheme to steal $25 million worth of cryptocurrency in 12 seconds that prosecutors said exploited the Ethereum blockchain's integrity.
    0 Comments 0 Shares 112 Views 0 Reviews
  • “ช่องโหว่ CVSS 9.8 ใน Cisco Unified CCX เปิดทางแฮกเกอร์ยึดสิทธิ์ root โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน”
    ลองจินตนาการว่าแฮกเกอร์สามารถควบคุมระบบคอลเซ็นเตอร์ขององค์กรคุณได้แบบไม่ต้องล็อกอิน! นี่คือความร้ายแรงของช่องโหว่ล่าสุดที่ Cisco เพิ่งเปิดเผยในซอฟต์แวร์ Unified Contact Center Express (Unified CCX) ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก

    Cisco รายงานว่าพบช่องโหว่ระดับวิกฤต 2 รายการ ได้แก่:

    CVE-2025-20354 (CVSS 9.8): ช่องโหว่ในกระบวนการ Java RMI ที่เปิดให้แฮกเกอร์อัปโหลดไฟล์และรันคำสั่งในระดับ root ได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน

    CVE-2025-20358 (CVSS 9.4): ช่องโหว่ในแอปพลิเคชัน CCX Editor ที่เปิดให้แฮกเกอร์หลอกระบบเพื่อข้ามขั้นตอนการยืนยันตัวตนและเข้าถึงสิทธิ์ระดับผู้ดูแลระบบ

    ทั้งสองช่องโหว่นี้ไม่มีวิธีแก้ไขชั่วคราว และสามารถถูกใช้เพื่อควบคุมระบบทั้งหมดขององค์กรได้ทันที Cisco ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน Unified CCX 12.5 SU3 ES07 และ 15.0 ES01 พร้อมแนะนำให้อัปเดตโดยด่วน

    พบช่องโหว่ร้ายแรงใน Cisco Unified CCX
    CVE-2025-20354: อัปโหลดไฟล์และรันคำสั่ง root ผ่าน Java RMI โดยไม่ต้องล็อกอิน
    CVE-2025-20358: ข้ามการยืนยันตัวตนใน CCX Editor และเข้าถึงสิทธิ์ผู้ดูแลระบบ

    ช่องโหว่มีผลกระทบต่อหลายเวอร์ชันของ Unified CCX
    ใช้กันอย่างแพร่หลายในระบบคอลเซ็นเตอร์ขององค์กร
    Cisco ออกแพตช์ในเวอร์ชัน 12.5 SU3 ES07 และ 15.0 ES01

    ไม่มีวิธีแก้ไขชั่วคราว (No Workaround)
    Cisco แนะนำให้อัปเดตแพตช์ทันที
    การปล่อยให้ช่องโหว่คงอยู่เสี่ยงต่อการถูกควบคุมระบบทั้งหมด

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Java RMI (Remote Method Invocation) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้เรียกใช้เมธอดข้ามเครื่อง ซึ่งหากไม่มีการตรวจสอบที่ดีจะเสี่ยงต่อการโจมตี
    CCX Editor เป็นเครื่องมือที่ใช้สร้างสคริปต์การทำงานของคอลเซ็นเตอร์ หากถูกควบคุมจะสามารถเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานทั้งหมดได้
    ช่องโหว่ระดับ CVSS 9.8 ถือว่าอยู่ในระดับ “วิกฤต” ซึ่งควรได้รับการแก้ไขทันที

    https://securityonline.info/critical-cisco-ccx-rce-flaws-cvss-9-8-allow-unauthenticated-root-access-via-java-rmi-and-ccx-editor/
    🛡️ “ช่องโหว่ CVSS 9.8 ใน Cisco Unified CCX เปิดทางแฮกเกอร์ยึดสิทธิ์ root โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน” ลองจินตนาการว่าแฮกเกอร์สามารถควบคุมระบบคอลเซ็นเตอร์ขององค์กรคุณได้แบบไม่ต้องล็อกอิน! นี่คือความร้ายแรงของช่องโหว่ล่าสุดที่ Cisco เพิ่งเปิดเผยในซอฟต์แวร์ Unified Contact Center Express (Unified CCX) ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก Cisco รายงานว่าพบช่องโหว่ระดับวิกฤต 2 รายการ ได้แก่: 🪲 CVE-2025-20354 (CVSS 9.8): ช่องโหว่ในกระบวนการ Java RMI ที่เปิดให้แฮกเกอร์อัปโหลดไฟล์และรันคำสั่งในระดับ root ได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน 🪲 CVE-2025-20358 (CVSS 9.4): ช่องโหว่ในแอปพลิเคชัน CCX Editor ที่เปิดให้แฮกเกอร์หลอกระบบเพื่อข้ามขั้นตอนการยืนยันตัวตนและเข้าถึงสิทธิ์ระดับผู้ดูแลระบบ ทั้งสองช่องโหว่นี้ไม่มีวิธีแก้ไขชั่วคราว และสามารถถูกใช้เพื่อควบคุมระบบทั้งหมดขององค์กรได้ทันที Cisco ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน Unified CCX 12.5 SU3 ES07 และ 15.0 ES01 พร้อมแนะนำให้อัปเดตโดยด่วน ✅ พบช่องโหว่ร้ายแรงใน Cisco Unified CCX ➡️ CVE-2025-20354: อัปโหลดไฟล์และรันคำสั่ง root ผ่าน Java RMI โดยไม่ต้องล็อกอิน ➡️ CVE-2025-20358: ข้ามการยืนยันตัวตนใน CCX Editor และเข้าถึงสิทธิ์ผู้ดูแลระบบ ✅ ช่องโหว่มีผลกระทบต่อหลายเวอร์ชันของ Unified CCX ➡️ ใช้กันอย่างแพร่หลายในระบบคอลเซ็นเตอร์ขององค์กร ➡️ Cisco ออกแพตช์ในเวอร์ชัน 12.5 SU3 ES07 และ 15.0 ES01 ✅ ไม่มีวิธีแก้ไขชั่วคราว (No Workaround) ➡️ Cisco แนะนำให้อัปเดตแพตช์ทันที ➡️ การปล่อยให้ช่องโหว่คงอยู่เสี่ยงต่อการถูกควบคุมระบบทั้งหมด ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Java RMI (Remote Method Invocation) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้เรียกใช้เมธอดข้ามเครื่อง ซึ่งหากไม่มีการตรวจสอบที่ดีจะเสี่ยงต่อการโจมตี ➡️ CCX Editor เป็นเครื่องมือที่ใช้สร้างสคริปต์การทำงานของคอลเซ็นเตอร์ หากถูกควบคุมจะสามารถเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานทั้งหมดได้ ➡️ ช่องโหว่ระดับ CVSS 9.8 ถือว่าอยู่ในระดับ “วิกฤต” ซึ่งควรได้รับการแก้ไขทันที https://securityonline.info/critical-cisco-ccx-rce-flaws-cvss-9-8-allow-unauthenticated-root-access-via-java-rmi-and-ccx-editor/
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical Cisco CCX RCE Flaws (CVSS 9.8) Allow Unauthenticated Root Access via Java RMI and CCX Editor
    Cisco patched two Critical flaws in Unified CCX. CVE-2025-20354 (CVSS 9.8) risks unauthenticated root RCE via Java RMI, and CVE-2025-20358 allows admin bypass via the CCX Editor application.
    0 Comments 0 Shares 83 Views 0 Reviews
  • Sky Exchange is a trusted online gaming and betting platform offering a secure and exciting experience for players worldwide. With your unique Sky Exchange ID, you can explore a wide range of sports and casino games, including the ever-popular Sky Exchange Cricket section for live and pre-match betting. The platform operates 24/7 under Sky Exchange 247, ensuring nonstop entertainment and support. Getting started is easy with a quick Sky Exchange Sign Up and Sky Exchange Registration process that lets you access your account in minutes. For instant help or updates, contact the official Sky Exchange WhatsApp Number anytime. Whether you’re betting, playing, or exploring live games, Sky Exchange provides a trusted, fast, and thrilling experience every time. https://skyexchangeid.net/
    Sky Exchange is a trusted online gaming and betting platform offering a secure and exciting experience for players worldwide. With your unique Sky Exchange ID, you can explore a wide range of sports and casino games, including the ever-popular Sky Exchange Cricket section for live and pre-match betting. The platform operates 24/7 under Sky Exchange 247, ensuring nonstop entertainment and support. Getting started is easy with a quick Sky Exchange Sign Up and Sky Exchange Registration process that lets you access your account in minutes. For instant help or updates, contact the official Sky Exchange WhatsApp Number anytime. Whether you’re betting, playing, or exploring live games, Sky Exchange provides a trusted, fast, and thrilling experience every time. https://skyexchangeid.net/
    SKYEXCHANGEID.NET
    Sky Exchange
    Get started with Sky Exchange and Explore the world of online gaming and sports betting. Connect with us and register for your Sky Exchange ID today. Join Sky Exchange Betting app!
    0 Comments 0 Shares 93 Views 0 Reviews
  • Grinn เปิดตัว GenioBoard — บอร์ดคอมพิวเตอร์จิ๋วที่พร้อมลุยงาน AI และ IoT ทันที!

    Grinn บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชัน IoT และ embedded systems ได้เปิดตัว GenioBoard ซึ่งเป็นบอร์ดคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กแต่ทรงพลัง ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ผลิตอุปกรณ์ฝังตัว (OEMs) พัฒนาโปรเจกต์ AI ได้เร็วขึ้น โดยไม่ต้องเริ่มจากศูนย์

    “GenioBoard — บอร์ดเล็กที่คิดใหญ่”

    ในยุคที่การแข่งขันด้าน AI และ IoT รุนแรงขึ้นทุกวัน ผู้ผลิตอุปกรณ์ฝังตัวต้องเร่งพัฒนาให้ทันตลาดที่เปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมที่ใช้เวลาหลายปีในการพัฒนา ตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่เดือน และนั่นคือเหตุผลที่ Grinn เปิดตัว GenioBoard — บอร์ดคอมพิวเตอร์ขนาด 87 x 56 มม. ที่มาพร้อมทุกสิ่งที่นักพัฒนาต้องการ

    GenioBoard รองรับระบบปฏิบัติการ Linux ทั้งแบบ Yocto และ Debian พร้อมระบบรักษาความปลอดภัย Thistle Security Platform ที่ใช้ชิป Infineon OPTIGA Trust M เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายไซเบอร์ของยุโรป นอกจากนี้ยังมีอินเทอร์เฟซครบครัน เช่น HDMI, DisplayPort, USB-A 2.0/3.0, USB-C, Ethernet และ CSI สำหรับกล้อง

    สิ่งที่โดดเด่นคือความยืดหยุ่นในการต่อยอด — นักพัฒนาสามารถเพิ่มโมดูล AI accelerator หรือการเชื่อมต่อไร้สายผ่าน M.2 ได้ทันที และหากต้องการปรับแต่งบอร์ดเอง Grinn ก็เปิดเผย CAD และ schematic ให้ชุมชนใช้งานได้อย่างอิสระ

    GenioBoard คือบอร์ดคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กจาก Grinn
    ขนาด 87 x 56 มม. พร้อมอินเทอร์เฟซครบครัน
    ใช้ระบบปฏิบัติการ Linux (Yocto หรือ Debian)

    รองรับงาน AI และ IoT ได้ทันที
    ใช้ MediaTek Genio SOM ที่มี Arm Cortex-A, GPU และ NPU
    มีระบบรักษาความปลอดภัย Thistle Security Platform

    ออกแบบเพื่อความยืดหยุ่นสูง
    รองรับการเชื่อมต่อ AI accelerator และโมดูลไร้สายผ่าน M.2
    เปิดเผย CAD และ schematic ให้ชุมชนพัฒนาเพิ่มเติม

    เหมาะสำหรับ OEMs ที่ต้องการลดเวลาในการพัฒนา
    ใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องสร้างฮาร์ดแวร์ใหม่
    ช่วยให้ทีมพัฒนามุ่งเน้นที่ซอฟต์แวร์หลักของตน

    คำเตือนสำหรับผู้เริ่มต้น
    ต้องมีความเข้าใจด้าน embedded systems และ Linux
    การใช้งานอาจซับซ้อนกว่าบอร์ดทั่วไป เช่น Raspberry Pi

    คำเตือนด้านการนำไปผลิตจริง
    ต้องตรวจสอบการรองรับมาตรฐานอุตสาหกรรมเพิ่มเติม
    การปรับแต่งบอร์ดอาจต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทาง

    https://www.techpowerup.com/342629/grinn-announces-genioboard-sbc
    🧠💡 Grinn เปิดตัว GenioBoard — บอร์ดคอมพิวเตอร์จิ๋วที่พร้อมลุยงาน AI และ IoT ทันที! Grinn บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชัน IoT และ embedded systems ได้เปิดตัว GenioBoard ซึ่งเป็นบอร์ดคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กแต่ทรงพลัง ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ผลิตอุปกรณ์ฝังตัว (OEMs) พัฒนาโปรเจกต์ AI ได้เร็วขึ้น โดยไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ 🧩 “GenioBoard — บอร์ดเล็กที่คิดใหญ่” ในยุคที่การแข่งขันด้าน AI และ IoT รุนแรงขึ้นทุกวัน ผู้ผลิตอุปกรณ์ฝังตัวต้องเร่งพัฒนาให้ทันตลาดที่เปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมที่ใช้เวลาหลายปีในการพัฒนา ตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่เดือน และนั่นคือเหตุผลที่ Grinn เปิดตัว GenioBoard — บอร์ดคอมพิวเตอร์ขนาด 87 x 56 มม. ที่มาพร้อมทุกสิ่งที่นักพัฒนาต้องการ GenioBoard รองรับระบบปฏิบัติการ Linux ทั้งแบบ Yocto และ Debian พร้อมระบบรักษาความปลอดภัย Thistle Security Platform ที่ใช้ชิป Infineon OPTIGA Trust M เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายไซเบอร์ของยุโรป นอกจากนี้ยังมีอินเทอร์เฟซครบครัน เช่น HDMI, DisplayPort, USB-A 2.0/3.0, USB-C, Ethernet และ CSI สำหรับกล้อง สิ่งที่โดดเด่นคือความยืดหยุ่นในการต่อยอด — นักพัฒนาสามารถเพิ่มโมดูล AI accelerator หรือการเชื่อมต่อไร้สายผ่าน M.2 ได้ทันที และหากต้องการปรับแต่งบอร์ดเอง Grinn ก็เปิดเผย CAD และ schematic ให้ชุมชนใช้งานได้อย่างอิสระ ✅ GenioBoard คือบอร์ดคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กจาก Grinn ➡️ ขนาด 87 x 56 มม. พร้อมอินเทอร์เฟซครบครัน ➡️ ใช้ระบบปฏิบัติการ Linux (Yocto หรือ Debian) ✅ รองรับงาน AI และ IoT ได้ทันที ➡️ ใช้ MediaTek Genio SOM ที่มี Arm Cortex-A, GPU และ NPU ➡️ มีระบบรักษาความปลอดภัย Thistle Security Platform ✅ ออกแบบเพื่อความยืดหยุ่นสูง ➡️ รองรับการเชื่อมต่อ AI accelerator และโมดูลไร้สายผ่าน M.2 ➡️ เปิดเผย CAD และ schematic ให้ชุมชนพัฒนาเพิ่มเติม ✅ เหมาะสำหรับ OEMs ที่ต้องการลดเวลาในการพัฒนา ➡️ ใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องสร้างฮาร์ดแวร์ใหม่ ➡️ ช่วยให้ทีมพัฒนามุ่งเน้นที่ซอฟต์แวร์หลักของตน ‼️ คำเตือนสำหรับผู้เริ่มต้น ⛔ ต้องมีความเข้าใจด้าน embedded systems และ Linux ⛔ การใช้งานอาจซับซ้อนกว่าบอร์ดทั่วไป เช่น Raspberry Pi ‼️ คำเตือนด้านการนำไปผลิตจริง ⛔ ต้องตรวจสอบการรองรับมาตรฐานอุตสาหกรรมเพิ่มเติม ⛔ การปรับแต่งบอร์ดอาจต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทาง https://www.techpowerup.com/342629/grinn-announces-genioboard-sbc
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Grinn Announces GenioBoard SBC
    Grinn, a full-cycle technology company specializing in the design and development of advanced IoT and embedded solutions, today launched a compact but powerful single-board computer (SBC) which will help embedded device manufacturers to meet the mounting pressure to take sophisticated and AI-ready n...
    0 Comments 0 Shares 121 Views 0 Reviews
  • “Huawei เปิดตัวพีซีสายเลือดจีนแท้! ใช้ชิป Kirin 9000X และระบบปฏิบัติการท้องถิ่นแทน Windows”

    ในยุคที่เทคโนโลยีกลายเป็นสนามแข่งขันระดับโลก Huawei กำลังเดินเกมรุกด้วยการเปิดตัวคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะรุ่นใหม่ในตลาดจีน — Qingyun W515y และ W585y ที่ใช้ชิป Kirin 9000X ซึ่งพัฒนาโดย HiSilicon และระบบปฏิบัติการที่ไม่ใช่ Windows แต่เป็น Tongxin UOS V20 หรือ Galaxy Kylin V10 ซึ่งล้วนเป็นระบบที่พัฒนาขึ้นภายในประเทศจีน

    แม้ Huawei ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเต็มของชิป Kirin 9000X แต่มีข้อมูลว่าเป็นชิปแบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็วพื้นฐาน 2.5GHz และใช้สถาปัตยกรรม Arm พร้อม GPU Mali-G78 แบบ 24 คอร์ ซึ่งถือว่าเป็นการต่อยอดจาก Kirin 9000C รุ่นก่อนหน้า

    ตัวเครื่องยังรองรับหน่วยความจำ LPDDR5x แบบ quad-channel และมีพอร์ตเชื่อมต่อครบครันทั้ง USB-C, USB-A, HDMI, VGA และ Ethernet โดยมีน้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อนเล็กน้อย และมาพร้อมคีย์บอร์ดและเมาส์แบบมีสาย

    ที่น่าสนใจคือ Huawei เลือกไม่ใช้ HarmonyOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่บริษัทพยายามผลักดันในอุปกรณ์อื่นๆ แต่กลับเลือกใช้ระบบ Linux ที่ปรับแต่งโดยบริษัทท้องถิ่นแทน ซึ่งอาจสะท้อนถึงความพยายามในการสร้างความเป็นอิสระทางเทคโนโลยีจากตะวันตก

    Huawei เปิดตัวพีซีรุ่นใหม่ในตลาดจีน
    รุ่น Qingyun W515y และ W585y
    ใช้ชิป Kirin 9000X ที่พัฒนาโดย HiSilicon

    ระบบปฏิบัติการไม่ใช่ Windows
    เลือกใช้ Tongxin UOS V20 หรือ Galaxy Kylin V10
    ทั้งสองระบบเป็น Linux ที่พัฒนาโดยบริษัทจีน

    สเปกฮาร์ดแวร์ที่น่าสนใจ
    หน่วยความจำ LPDDR5x แบบ quad-channel
    พอร์ตเชื่อมต่อครบทั้ง USB-C, HDMI, VGA และ Ethernet
    น้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อนเล็กน้อย

    ไม่ใช้ HarmonyOS แม้เป็นระบบของ Huawei เอง
    อาจสะท้อนถึงการเลือกใช้ระบบที่เหมาะกับงานองค์กรหรือภาครัฐ
    HarmonyOS ยังเน้นอุปกรณ์พกพาและ IoT มากกว่า

    คำเตือนด้านการใช้งานเชิงพาณิชย์
    ยังไม่มีข้อมูลเรื่องราคาและวันวางจำหน่าย
    อาจไม่รองรับซอฟต์แวร์ตะวันตกบางตัว เช่น Microsoft Office หรือ Adobe

    คำเตือนด้านความเข้ากันได้
    ระบบปฏิบัติการแบบ Linux อาจมีข้อจำกัดในการใช้งานทั่วไป
    ผู้ใช้ทั่วไปอาจต้องปรับตัวกับอินเทอร์เฟซและแอปพลิเคชันที่ไม่คุ้นเคย

    https://www.tomshardware.com/pc-components/huawei-launches-new-homegrown-pcs-domestic-chinese-cpus-and-os-power-new-devices
    🖥️🐉 “Huawei เปิดตัวพีซีสายเลือดจีนแท้! ใช้ชิป Kirin 9000X และระบบปฏิบัติการท้องถิ่นแทน Windows” ในยุคที่เทคโนโลยีกลายเป็นสนามแข่งขันระดับโลก Huawei กำลังเดินเกมรุกด้วยการเปิดตัวคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะรุ่นใหม่ในตลาดจีน — Qingyun W515y และ W585y ที่ใช้ชิป Kirin 9000X ซึ่งพัฒนาโดย HiSilicon และระบบปฏิบัติการที่ไม่ใช่ Windows แต่เป็น Tongxin UOS V20 หรือ Galaxy Kylin V10 ซึ่งล้วนเป็นระบบที่พัฒนาขึ้นภายในประเทศจีน แม้ Huawei ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเต็มของชิป Kirin 9000X แต่มีข้อมูลว่าเป็นชิปแบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็วพื้นฐาน 2.5GHz และใช้สถาปัตยกรรม Arm พร้อม GPU Mali-G78 แบบ 24 คอร์ ซึ่งถือว่าเป็นการต่อยอดจาก Kirin 9000C รุ่นก่อนหน้า ตัวเครื่องยังรองรับหน่วยความจำ LPDDR5x แบบ quad-channel และมีพอร์ตเชื่อมต่อครบครันทั้ง USB-C, USB-A, HDMI, VGA และ Ethernet โดยมีน้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อนเล็กน้อย และมาพร้อมคีย์บอร์ดและเมาส์แบบมีสาย ที่น่าสนใจคือ Huawei เลือกไม่ใช้ HarmonyOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่บริษัทพยายามผลักดันในอุปกรณ์อื่นๆ แต่กลับเลือกใช้ระบบ Linux ที่ปรับแต่งโดยบริษัทท้องถิ่นแทน ซึ่งอาจสะท้อนถึงความพยายามในการสร้างความเป็นอิสระทางเทคโนโลยีจากตะวันตก ✅ Huawei เปิดตัวพีซีรุ่นใหม่ในตลาดจีน ➡️ รุ่น Qingyun W515y และ W585y ➡️ ใช้ชิป Kirin 9000X ที่พัฒนาโดย HiSilicon ✅ ระบบปฏิบัติการไม่ใช่ Windows ➡️ เลือกใช้ Tongxin UOS V20 หรือ Galaxy Kylin V10 ➡️ ทั้งสองระบบเป็น Linux ที่พัฒนาโดยบริษัทจีน ✅ สเปกฮาร์ดแวร์ที่น่าสนใจ ➡️ หน่วยความจำ LPDDR5x แบบ quad-channel ➡️ พอร์ตเชื่อมต่อครบทั้ง USB-C, HDMI, VGA และ Ethernet ➡️ น้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อนเล็กน้อย ✅ ไม่ใช้ HarmonyOS แม้เป็นระบบของ Huawei เอง ➡️ อาจสะท้อนถึงการเลือกใช้ระบบที่เหมาะกับงานองค์กรหรือภาครัฐ ➡️ HarmonyOS ยังเน้นอุปกรณ์พกพาและ IoT มากกว่า ‼️ คำเตือนด้านการใช้งานเชิงพาณิชย์ ⛔ ยังไม่มีข้อมูลเรื่องราคาและวันวางจำหน่าย ⛔ อาจไม่รองรับซอฟต์แวร์ตะวันตกบางตัว เช่น Microsoft Office หรือ Adobe ‼️ คำเตือนด้านความเข้ากันได้ ⛔ ระบบปฏิบัติการแบบ Linux อาจมีข้อจำกัดในการใช้งานทั่วไป ⛔ ผู้ใช้ทั่วไปอาจต้องปรับตัวกับอินเทอร์เฟซและแอปพลิเคชันที่ไม่คุ้นเคย https://www.tomshardware.com/pc-components/huawei-launches-new-homegrown-pcs-domestic-chinese-cpus-and-os-power-new-devices
    0 Comments 0 Shares 125 Views 0 Reviews
  • ต้มข้ามศตวรรษ – ที่แท้ก็โจร 4
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร”

    ตอน 4

    ระหว่างที่ ประธานาธิบดี Wilson ยังแต่งบทหลอกคนอเมริกันไม่ได้ว่า ทำไมเขาซึ่งหาเสียงในตอนสมัครเลือกตั้งว่า ” He kept us out of war ” เขาไม่พาเราเข้าสงคราม แต่ตอนนี้ มันถึงเวลา ถึงบท ที่จะต้องพากันเข้าสงครามหมดแล้ว เขาจะต้มประชาชนของเขาอย่างไรดี ให้พร้อมใจสนับสนุน

    พวกวอลสตรีท และพรรคพวกที่ส่วนใหญ่เป็นนายทุนชาวยิว ที่กุมสื่อเกือบทั้งหมดอยู่ในมือ ต่างระดมเรียกสื่อในสังกัด ให้หิ้วกระป๋องสีมาหมดเมือง แล้วข่าวย้อมสี ที่มีภาพเยอรมันเป็นผู้ร้าย ผู้ทำลายสันติภาพของโลก ก็กระจายออกมาเต็มทุกพื้นที่ของอเมริกา ในรูปแบบต่างๆกัน

    สื่อย้อมไม่ทันใจ คนอเมริกันเฉื่อยเกินไป กับสงครามนอกบ้านตนเอง คงต้องมีเหตุการณ์มากระตุ้นต่อมให้ตื่นตระหนกกันหน่อย

    Morgan ไม่ได้เก่งด้านการเงินอย่างเดียว หรือลงทุนเรื่องรางรถไฟเพื่อไว้ใช้ต่อรองกับรัฐบาลในเวลาจำเป็น เขาพยายามซื้อบริษัทเดินเรือด้วย คือ The Cunard ของอังกฤษ แต่ยังไม่สำเร็จ ในฐานะที่เขาเป็นตัวแทนซื้อสินค้าสงครามให้อังกฤษ ที่ต้องขนส่งทางเรือ เขาจึงมีสายใยกับอังกฤษในเรื่องการเดินเรือด้วย

    ” Lusitania” เป็นเรือโดยสารระดับหรูของ Cunard ที่แล่นข้ามไปมาระหว่าง ลิเวอร์พูลของอังกฤษกับนิวยอร์คของอเมริกา เมื่อ Lusitania แล่นออกจากท่าเรือที่นิวยอร์ค เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 1915 ไปได้ 6 วัน ก็ถูกเรือดำน้ำของเยอรมัน ยิงด้วยตอร์ปิโดจมดิ่งสู่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติก มีผู้โดยสารตาย 1,195 คน เป็นคนอเมริกัน 195 คน

    ทำไมเยอรมันถึงโหดเหี้ยม ยิงเรือโดยสาร ละเมิดกฏการเดินเรือระหว่างประเทศในยามสงคราม?
    Lusitania ได้ถูกนำมาเข้าอู่ในเดือนพฤษภาคม 1913 เพื่อติดตั้งเกราะหุ้มเรือเพิ่ม พร้อมติดตั้งปืนกล รวมทั้งรางกระสุน ที่ดาดฟ้าของเรือ ปืนใหญ่ชนิดกำลังแรง 12 กระบอก ถูกชักรอกขึ้นไปติดตั้ง แม้หน้าตาจะบอกว่าเป็นเรือโดยสาร แต่สรีระ กลับกลายเป็นเรือรบ รายการทั้งหมดนี้ เป็นข้อมูลสาธารณะ ที่เปิดเผยอยู่ที่พิพิธภัณท์ด้านการเดินเรือที่อังกฤษ
    Lusitania ออกจากอู่เข้าไปประจำการณ์ ในฐานะกองเรือรบ เพื่อทำหน้าที่เป็นเรือขนส่งอาวุธระหว่างอเมริกากับอังกฤษ

    หลังจากสอบสวนอยู่หลายปี จึงได้มีรายงานออกมาว่า สินค้าที่ Lusitania บรรทุกในวันถูกตอร์ปิโดร์นั้น มี pyroxyline หรือ gun cotton (วัตถุระเบิดแรงสูง) 600 ตัน กระสุน 6 ล้านนัด กระสุนดาวกระจาย 1,248 หีบ และมีกระสุนปืนอีกไม่ทราบจำนวนอยู่ชั้นล่างสุดของเรือ นอกจากนี้ในรายการบอกว่ามีสินค้าประเภท เนยแข็ง น้ำมันหมู ขนสัตว์ และอื่นๆ อีกหลายตัน ซึ่งเข้าใจว่า เป็นการแสดงรายการสินค้าปลอมทั้งหมด มีชื่อ J P Mogan Company เป็นผู้ส่งสินค้า

    ระหว่างที่ Wilson และ Morgan กำลังแต่งบทฆาตกรรมหมู่ เพื่อนำอเมริกาเข้าสู่สงคราม ทางอังกฤษ โดยหลอด Churchill ก็รับหน้าที่เขียนบททางฝั่งอังกฤษให้สอดรับกัน

    เมื่อ Lusitania กำลังแล่นออกจากท่าเรือที่นิวยอร์ค Juno เรือรบคุ้มกันของอังกฤษ ก็กำลังออกมาจากชายฝั่งของไอร์แลนด์ เพื่อมาคุ้มกัน Lusitania ในแถบน่านน้ำเปิด แต่เมื่อ Lusitania แล่นมาถึงจุดนัดพบ Juno ยังไม่มา กัปตัน Lusitania คิดว่า เพราะหมอกลงจัด จึงพลัดกับ Juno

    แต่ความจริง Juno ถูกสั่งให้ถอยกลับมาที่เมือง Queenstown เป็นคำสั่งที่ออกมา โดยที่รู้แน่ว่า Lusitania กำลังมาที่จุดนัดพบ และเป็นบริเวณที่รู้กันว่า เรือดำน้ำเยอรมันมักออกมาปฏิบัติการ ยิ่งไปกว่านั้น Lusitania ถูกสั่งให้ลดจำนวนถ่านหินที่ใช้เดินเครื่องไม่ใช่เพราะกำลังขาดแคลนถ่านหิน แต่เป้าที่เคลื่อนที่ช้า ย่อมง่ายต่อการถูกเป็นเป้า Lusitania จึงแล่นมาด้วยอัตราความเร็วเพียง 75% ของความเร็วปรกติ

    ระหว่างนั้น หลอด Churchill ยืนดูความเคลื่อนไหวของ Lusitania อย่างเงียบขรึม ผ่านจอเรดาร์ที่แสดงให้เห็น Lusitania กำลังแล่นเข้ามาในบริเวณ ที่วงแดงเอาไว้ว่า เป็นบริเวณ ที่เรือ 2 ลำ ถูกตอร์ปิโดร์ของเยอรมัน ยิงจมเมื่อวันก่อน
    Lusitania กำลังแล่นด้วยความเร็ว 19 น๊อตตรงเข้าไปในใจกลางของวงแดง โดยไม่มีใครแสดงอาการใด หรือส่งสัญญานใด กับ Lusitania

    ดูเหมือนจะมีเพียงคนเดียวคือ ผู้บังคับการ Joseph Kenworthy ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่กี่วันถูกหลอด Churchill เรียกไปพบ เพื่อให้เขียนคำตอบว่า จะมีผลกระทบทางการเมืองอย่างใดหรือไม่ ถ้าเรือโดยสาร ที่มีผู้โดยสารอเมริกันเดินทางมาด้วย แล้วถูกยิงจมดิ่งมหาสมุทร ผุ้บังคับการ Kenworthy เดินออกมาจากห้อง ด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียนต่อผู้บังคับบัญชาของเขา ต่อมาในปี 1927 เขาเขียนหนังสือชื่อ The Freedom of Sea ซึ่งเขาเขียนถึงเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า ” …Lusitania ถูกสั่งให้แล่นโดยลดความเร็ว เข้าไปในบริเวณที่เป็นที่รู้อยู่ว่า จะมีเรือดำน้ำเยอรมันคอยอยู่ โดยเรือคุ้มกันภัยของ Lusitania ได้ถอนตัวไม่มาตามนัด…”

    ในวันที่ Lusitania กำลังจะชะตาขาด Col. House อยู่ที่อังกฤษ เขามีหมายกำหนดการที่จะต้องเข้า พบ กษัตริย์ George ที่ 5 (ปู่ของพระราชินี Elizabeth ที่2) โดย Sir Edward Grey เป็นคนนำเข้าพบ ระหว่างเดินทาง Sir Grey ถามเขาว่า อเมริกาจะทำอย่างไร ถ้าเยอรมันจมเรือโดยสารที่มีคนอเมริกันอยู่ด้วย คำตอบของ House ตามที่เขาเขียนไว้ในบันทึกของเขา คือ “… ผมบอกเขาว่า ถ้ามันเกิดเหตุเช่นนั้นจริง ไฟของความโกรธแค้นคงลุกโพลงขึ้นในอเมริกา และมันคงพาให้เราเข้าสู่สงคราม..”

    เมื่อถึงวัง Buckingham กษัตริย์ George ที่ 5 ก็ถามเรื่องเดียวกัน แต่กษัตริย์ไม่อ้อมค้อม ถาม House ตรงๆ ว่า “… ถ้าเขาจมเรือ Lusitania ที่มีคนอเมริกันโดยสารมาด้วย…”

    4 ชั่วโมง หลังจากคำสนทนา กล้องส่องของเรือดำน้ำเยอรมัน ก็เห็นควันสีดำ พุ่งขึ้นมาจาก Lusitania ตอร์ปิโดลูกแรก ยิงถูกหัวเรือที่แล่นมาอย่างช้าๆ อย่างจัง ตอร์ปิโดลูกที่ 2 พร้อมยิง แต่อันที่จริงไม่จำเป็น เพราะหลังจากโดนลูกแรก Lusitania ซึ่งบรรทุกระเบิดมาเต็ม ก็มีการระเบิดอย่างแรง และจมหายไปทั้งลำ ในเวลาไม่เกิน 18 นาที

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    9 พ.ค. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – ที่แท้ก็โจร 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร” ตอน 4 ระหว่างที่ ประธานาธิบดี Wilson ยังแต่งบทหลอกคนอเมริกันไม่ได้ว่า ทำไมเขาซึ่งหาเสียงในตอนสมัครเลือกตั้งว่า ” He kept us out of war ” เขาไม่พาเราเข้าสงคราม แต่ตอนนี้ มันถึงเวลา ถึงบท ที่จะต้องพากันเข้าสงครามหมดแล้ว เขาจะต้มประชาชนของเขาอย่างไรดี ให้พร้อมใจสนับสนุน พวกวอลสตรีท และพรรคพวกที่ส่วนใหญ่เป็นนายทุนชาวยิว ที่กุมสื่อเกือบทั้งหมดอยู่ในมือ ต่างระดมเรียกสื่อในสังกัด ให้หิ้วกระป๋องสีมาหมดเมือง แล้วข่าวย้อมสี ที่มีภาพเยอรมันเป็นผู้ร้าย ผู้ทำลายสันติภาพของโลก ก็กระจายออกมาเต็มทุกพื้นที่ของอเมริกา ในรูปแบบต่างๆกัน สื่อย้อมไม่ทันใจ คนอเมริกันเฉื่อยเกินไป กับสงครามนอกบ้านตนเอง คงต้องมีเหตุการณ์มากระตุ้นต่อมให้ตื่นตระหนกกันหน่อย Morgan ไม่ได้เก่งด้านการเงินอย่างเดียว หรือลงทุนเรื่องรางรถไฟเพื่อไว้ใช้ต่อรองกับรัฐบาลในเวลาจำเป็น เขาพยายามซื้อบริษัทเดินเรือด้วย คือ The Cunard ของอังกฤษ แต่ยังไม่สำเร็จ ในฐานะที่เขาเป็นตัวแทนซื้อสินค้าสงครามให้อังกฤษ ที่ต้องขนส่งทางเรือ เขาจึงมีสายใยกับอังกฤษในเรื่องการเดินเรือด้วย ” Lusitania” เป็นเรือโดยสารระดับหรูของ Cunard ที่แล่นข้ามไปมาระหว่าง ลิเวอร์พูลของอังกฤษกับนิวยอร์คของอเมริกา เมื่อ Lusitania แล่นออกจากท่าเรือที่นิวยอร์ค เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 1915 ไปได้ 6 วัน ก็ถูกเรือดำน้ำของเยอรมัน ยิงด้วยตอร์ปิโดจมดิ่งสู่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติก มีผู้โดยสารตาย 1,195 คน เป็นคนอเมริกัน 195 คน ทำไมเยอรมันถึงโหดเหี้ยม ยิงเรือโดยสาร ละเมิดกฏการเดินเรือระหว่างประเทศในยามสงคราม? Lusitania ได้ถูกนำมาเข้าอู่ในเดือนพฤษภาคม 1913 เพื่อติดตั้งเกราะหุ้มเรือเพิ่ม พร้อมติดตั้งปืนกล รวมทั้งรางกระสุน ที่ดาดฟ้าของเรือ ปืนใหญ่ชนิดกำลังแรง 12 กระบอก ถูกชักรอกขึ้นไปติดตั้ง แม้หน้าตาจะบอกว่าเป็นเรือโดยสาร แต่สรีระ กลับกลายเป็นเรือรบ รายการทั้งหมดนี้ เป็นข้อมูลสาธารณะ ที่เปิดเผยอยู่ที่พิพิธภัณท์ด้านการเดินเรือที่อังกฤษ Lusitania ออกจากอู่เข้าไปประจำการณ์ ในฐานะกองเรือรบ เพื่อทำหน้าที่เป็นเรือขนส่งอาวุธระหว่างอเมริกากับอังกฤษ หลังจากสอบสวนอยู่หลายปี จึงได้มีรายงานออกมาว่า สินค้าที่ Lusitania บรรทุกในวันถูกตอร์ปิโดร์นั้น มี pyroxyline หรือ gun cotton (วัตถุระเบิดแรงสูง) 600 ตัน กระสุน 6 ล้านนัด กระสุนดาวกระจาย 1,248 หีบ และมีกระสุนปืนอีกไม่ทราบจำนวนอยู่ชั้นล่างสุดของเรือ นอกจากนี้ในรายการบอกว่ามีสินค้าประเภท เนยแข็ง น้ำมันหมู ขนสัตว์ และอื่นๆ อีกหลายตัน ซึ่งเข้าใจว่า เป็นการแสดงรายการสินค้าปลอมทั้งหมด มีชื่อ J P Mogan Company เป็นผู้ส่งสินค้า ระหว่างที่ Wilson และ Morgan กำลังแต่งบทฆาตกรรมหมู่ เพื่อนำอเมริกาเข้าสู่สงคราม ทางอังกฤษ โดยหลอด Churchill ก็รับหน้าที่เขียนบททางฝั่งอังกฤษให้สอดรับกัน เมื่อ Lusitania กำลังแล่นออกจากท่าเรือที่นิวยอร์ค Juno เรือรบคุ้มกันของอังกฤษ ก็กำลังออกมาจากชายฝั่งของไอร์แลนด์ เพื่อมาคุ้มกัน Lusitania ในแถบน่านน้ำเปิด แต่เมื่อ Lusitania แล่นมาถึงจุดนัดพบ Juno ยังไม่มา กัปตัน Lusitania คิดว่า เพราะหมอกลงจัด จึงพลัดกับ Juno แต่ความจริง Juno ถูกสั่งให้ถอยกลับมาที่เมือง Queenstown เป็นคำสั่งที่ออกมา โดยที่รู้แน่ว่า Lusitania กำลังมาที่จุดนัดพบ และเป็นบริเวณที่รู้กันว่า เรือดำน้ำเยอรมันมักออกมาปฏิบัติการ ยิ่งไปกว่านั้น Lusitania ถูกสั่งให้ลดจำนวนถ่านหินที่ใช้เดินเครื่องไม่ใช่เพราะกำลังขาดแคลนถ่านหิน แต่เป้าที่เคลื่อนที่ช้า ย่อมง่ายต่อการถูกเป็นเป้า Lusitania จึงแล่นมาด้วยอัตราความเร็วเพียง 75% ของความเร็วปรกติ ระหว่างนั้น หลอด Churchill ยืนดูความเคลื่อนไหวของ Lusitania อย่างเงียบขรึม ผ่านจอเรดาร์ที่แสดงให้เห็น Lusitania กำลังแล่นเข้ามาในบริเวณ ที่วงแดงเอาไว้ว่า เป็นบริเวณ ที่เรือ 2 ลำ ถูกตอร์ปิโดร์ของเยอรมัน ยิงจมเมื่อวันก่อน Lusitania กำลังแล่นด้วยความเร็ว 19 น๊อตตรงเข้าไปในใจกลางของวงแดง โดยไม่มีใครแสดงอาการใด หรือส่งสัญญานใด กับ Lusitania ดูเหมือนจะมีเพียงคนเดียวคือ ผู้บังคับการ Joseph Kenworthy ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่กี่วันถูกหลอด Churchill เรียกไปพบ เพื่อให้เขียนคำตอบว่า จะมีผลกระทบทางการเมืองอย่างใดหรือไม่ ถ้าเรือโดยสาร ที่มีผู้โดยสารอเมริกันเดินทางมาด้วย แล้วถูกยิงจมดิ่งมหาสมุทร ผุ้บังคับการ Kenworthy เดินออกมาจากห้อง ด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียนต่อผู้บังคับบัญชาของเขา ต่อมาในปี 1927 เขาเขียนหนังสือชื่อ The Freedom of Sea ซึ่งเขาเขียนถึงเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า ” …Lusitania ถูกสั่งให้แล่นโดยลดความเร็ว เข้าไปในบริเวณที่เป็นที่รู้อยู่ว่า จะมีเรือดำน้ำเยอรมันคอยอยู่ โดยเรือคุ้มกันภัยของ Lusitania ได้ถอนตัวไม่มาตามนัด…” ในวันที่ Lusitania กำลังจะชะตาขาด Col. House อยู่ที่อังกฤษ เขามีหมายกำหนดการที่จะต้องเข้า พบ กษัตริย์ George ที่ 5 (ปู่ของพระราชินี Elizabeth ที่2) โดย Sir Edward Grey เป็นคนนำเข้าพบ ระหว่างเดินทาง Sir Grey ถามเขาว่า อเมริกาจะทำอย่างไร ถ้าเยอรมันจมเรือโดยสารที่มีคนอเมริกันอยู่ด้วย คำตอบของ House ตามที่เขาเขียนไว้ในบันทึกของเขา คือ “… ผมบอกเขาว่า ถ้ามันเกิดเหตุเช่นนั้นจริง ไฟของความโกรธแค้นคงลุกโพลงขึ้นในอเมริกา และมันคงพาให้เราเข้าสู่สงคราม..” เมื่อถึงวัง Buckingham กษัตริย์ George ที่ 5 ก็ถามเรื่องเดียวกัน แต่กษัตริย์ไม่อ้อมค้อม ถาม House ตรงๆ ว่า “… ถ้าเขาจมเรือ Lusitania ที่มีคนอเมริกันโดยสารมาด้วย…” 4 ชั่วโมง หลังจากคำสนทนา กล้องส่องของเรือดำน้ำเยอรมัน ก็เห็นควันสีดำ พุ่งขึ้นมาจาก Lusitania ตอร์ปิโดลูกแรก ยิงถูกหัวเรือที่แล่นมาอย่างช้าๆ อย่างจัง ตอร์ปิโดลูกที่ 2 พร้อมยิง แต่อันที่จริงไม่จำเป็น เพราะหลังจากโดนลูกแรก Lusitania ซึ่งบรรทุกระเบิดมาเต็ม ก็มีการระเบิดอย่างแรง และจมหายไปทั้งลำ ในเวลาไม่เกิน 18 นาที สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 9 พ.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 244 Views 0 Reviews
  • ต้มข้ามศตวรรษ – ที่แท้ก็โจร 1 – 3
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร”

    ตอน 1

    ขณะตัดสินใจเข้าทำสงครามโลก ในเดือนสิงหาคม 1914 อังกฤษ กระเป๋าแบน เศรษฐกิจร่องแร่ง และทองสำรองใน Bank of England ใกล้จะแห้งขอดอย่างน่าตกใจ อังกฤษไม่อยู่ในสภาพที่จะทำสงครามได้เลย อังกฤษรู้ตัวดี แต่อังกฤษก็เดินหน้าประกาศสงครามกับเยอรมันอย่างท่าดี ถ้าไม่ใช่เป็นนักพนันระดับเซียน ที่ลักไก่ เกจนหมดหน้าตัก ก็ต้องเป็นนักวางแผนที่เลือดเย็นและล้ำลึกอย่างน่ากลัว

    เดือนตุลาคม 1914 อังกฤษส่งคณะทำงานพิเศษ จากฝ่ายกิจกรรมสงครามของตนไปวอชิงตัน เพื่อเจรจาให้ทางวอชิงตันจัดการให้ภาคเอกชนของอเมริกา เป็นผู้ส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ สัมภาระและกำลังบำรุงให้ เพราะอเมริกาในฐานะประเทศเป็นกลางอย่างเป็นทางการ จะทำในฐานะประเทศไม่ได้ เลยเลี่ยงให้เอกชนออกหน้า

    อังกฤษเลือก J P Morgan & Co เป็นตัวแทนแต่ผู้เดียวในการจัดซื้อ Sole Purchasing Agent ดูเผินๆ เหมือนกับเป็นเรื่องเสี่ยงมาก ที่เลือกตัวแทนรายเดียว แต่เนื่องจากเป็นบทหนึ่งของละครลวงโลก เราจะเห็นว่า มันมีการเตรียมการอย่างแยบยลมา แล้ว ที่ให้อเมริกามี Federal Reserve System ที่สามารถทำให้ J P Morgan และพวก ซึ่งก็เป็นผู้บริหาร และเจ้าของ Federal Reseve Bank สามารถบริหารความเสี่ยงของตน ผ่านการควบคุมหนี้ของรัฐบาล พร้อมกับการควบคุมการพิมพ์ธนบัตรของประเทศในขณะเดียวกัน

    ด้วยวิธีการนี้ อังกฤษจึงสามารถเดินหน้า ทำสงครามได้อย่างสบายใจ อเมริกา โดยนักธุรกิจ เช่น Rockefeller, Morgan, Carnegie ฯลฯ ก็สบายใจ พวกเขาผลิต และขายสินค้า ส่งให้อังกฤษ ทำให้พากันรวยหนักกันขึ้นไปอีก และโดยไม่ต้องห่วงเรื่องจะต้องเสียภาษีเงินได้ก้อนใหญ่ให้ รัฐบาล เพราะบทในละครลวงโลก เรื่องภาษีนี้ ก็ได้มีจัดการหาทางออก เตรียมใว้เรียบร้อยแล้ว โดยนาย Wilson ได้ยอมให้แก้กฏหมายของอเมริกา ในปี 1913 ให้มูลนิธิเพื่อการกุศล ได้รับยกเว้น ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ และบรรดานายทุนเศรษฐีโตครรวยต่างๆของอเมริกา ก็พากันจดทะเบียนตั้งมูลนิธิ และโอนทรัพย์สินของตนไปไว้ในมูลนิธิ เพื่อเลี่ยงภาษี เช่น มูลนิธิ Rockefeller มูลนิธิ Carnegie มูลนิธิ Ford เรียบร้อยก่อนที่จะได้อังกฤษ มาเป็นลูกหนี้
    นี่คือ ประชาธิปไตยแบบ ตะหวักตะบวยของอเมริกา ที่ยังมีสมันน้อยหลงชื่นชม

    Morgan ทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้รัฐบาลอังกฤษ ในการจัดซื้อ อาวุธ กระสุน เครื่องแบบ เคมี ฯลฯ สาระพัด ที่จำเป็นสำหรับการทำสงครามในสมัย ค.ศ. 1914 และในฐานะเป็นตัวแทนดูแลด้านการ เงินด้วย Morgan ไม่ใช่แค่เลือกว่า “จะซื้ออะไร ” เขาเป็นผู้เลือกด้วยว่า “จะซื้อจากใคร” ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ ที่กลุ่มธุรกิจในเครือข่ายของ Morgan และ Rockefeller คือกลุ่มที่ได้รับเลือกไปก่อน และรวยไปก่อน

    เมื่อ British War Office ถามประธาน J P Morgan คนใหม่คือ J P Morgan Jr. หรือที่เพื่อนเรียกว่า Jack ซึ่งขึ้นมารับตำแหน่งแทนพ่อที่ตายไปเมื่อ ปี 1913 ว่า รัฐบาลของ Wilson มีปัญหาหรือไม่ ที่สถาบันการเงินใหญ่ของอเมริกา เข้ามาช่วยเหลืออังกฤษอย่างเปิดเผย เกี่ยวกับการสงคราม

    Jack ตอบว่า ไม่มีปัญหาครับเจ้านาย ไม่กระทบกับความเป็นกลางของรัฐบาลอเมริกัน อย่างแน่นอนที่สุด เพราะว่า Morgan ทำธุรกิจกับ British War Office และรัฐบาลของฝรั่งเศส เป็นการทำธุรกิจตามปรกติธรรมดา เพื่อเพิ่มปริมาณการค้าขายต่อกัน ไม่ใช่เป็นข้อตกลงทางการเมือง หรือการฑูตแต่อย่างใด กลิ้งได้พริ้วจริงๆไอ้หนู

    เดือนมกราคม 1915 Jack ไปพบกับประธานาธิบดี Wilson ที่ทำเนียบ White House เพื่อหารือเรื่องดังกล่าว Wilson ยืนยันว่า เขาไม่มีข้อขัดข้อง ในการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม Morgan หรือผู้อื่น ในเรื่องที่หารือนั้น

    ก็คงทำให้เข้าใจได้ว่า ไม่มีใครต้มใคร หลอกใครมาเข้าฉาก เป็นการสมัครใจมาร่วมเล่นละครกันทั้งนั้น

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร”

    ตอน 2

    ในปี ค.ศ. 1915 เมื่อสงครามเริ่มใหม่ๆ E.I. Dupont de Nemours & Co แห่ง Delaware ได้รับเงิน 100 ล้านเหรียญ จากอังกฤษ ผ่าน J P Morgan เพื่อขยายแผนกวัตถุระเบิด ภายในไม่กี่เดือน Dupont ขยายตัวจากบริษัทเล็กๆ ที่ไม่มีใครรู้จัก เป็นบริษัทอยู่แถวหน้าทางอุตสา หกรรม Hercules Powder และ Monsanto Chemical โตตามไปด้วย บริษัทเหล็กกล้า และเหล็กดิบ ก็งอกงาม เหล็กดิบราคาขึ้น จากตันละ 13 เหรียญ เป็น ตันละ 42 เหรียญ
    Bethlehem Steel, US Steel, Westinghouse Electric, Remington Arms, Colt Firearms ได้รับใบสั่งซื้อสินค้ามาเป็นกอง ตั้งสูง จนผลิตไม่ทัน อุตสาหกรรมเหล็กอย่างเดียว กำไรเพิ่มจาก 23 ล้านเหรียญ ในปี 1914 เป็น 224 ล้านเหรียญ ในปี 1917 และระหว่างปี 1914-1917 Anaconda Copper ของ William Rockefeller ได้กำไรโดดจาก 9 ล้านเหรียญ เป็น 25 ล้านเหรียญ ส่วนทรัพย์สินของ บริษัท Phelps Dodge ซึ่งเป็นนายทุนใหญ่ในการส่งให้ Wilson ไปนั่งที่ White House ขี้นไป 400 %

    เฉพาะปี 1916 ขณะที่เศรษฐกิจทั่วไป ของอเมริกากำลังขาลาก แค่การส่งสินค้าออกเกี่ยวกับอาวุธ ให้แก่อังกฤษ และฝรั่งเศส อย่างเดียว มูลค่าสูงถึง 1,290 พันล้านเหรียญแล้ว มันเป็นโอกาสทองคำ ของคนบางกลุ่มในอเมริกา ก่อนที่อเมริกาจะเข้าสู่สงครามโลก

    J P Morgan ได้จัดหาอาวุธยุทธปัจจัยให้รัฐบาล อังกฤษ ฝรั่งเศส และอิตาลี เป็นมูลค่าทั้งหมด ประมาณ 5 พันล้านเหรียญ ทั้งหมด ซื้อโดยเครดิต ที่ J P Morgan เป็นผู้จัดการให้ เงินจำนวนดังกล่าวคิดเป็นมูลค่าในปัจจุบัน เท่ากับประมาณ 9 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งยังไม่เคยมีสถาบันการเงินส่วนบุคคลใด เคยทำมาก่อน

    มันเป็นจำนวนมโหฬาร พอที่จะทำให้เกิดซึนามิทางการเงินได้ ถ้ามีการผิดนัดไม่ชำระเงิน

    เดือนเมษายน 1915 ประมาณ 2 ปี ก่อนอเมริกาจะเข้าสูสงครามโลก ครั้งที่ 1 อย่างเป็นทางการ Thomas W Lamont หุ้นส่วนคนหนึ่งของ J P Morgan ได้กล่าวสุนทรพจน์ที่มีความหมายมาก แต่มีน้อยคน ที่ให้ความสนใจอย่างจริงจังที่ American Academy of Political Science ในเมือง Philadelphia

    ” เรา (อเมริกา) ได้เปลี่ยนสภาพ จากเป็นลูกหนี้ กลายมาเป็นเจ้าหนี้ ใบสั่งซื้อสินค้าที่เราได้รับ กองสูงเป็นตั้ง ผู้ผลิตหลายรายของเรา รวมทั้งผู้ขาย ได้ธุรกิจอย่างมหัศจรรย์จากสงครามนี้ ใบสั่งซื้อสินค้าสงคราม มียอดสูงเป็นล้านๆเหรียญ และมันกำลังส่งผลไปถึงธุรกิจอื่นๆ ทั่วไปด้วย แต่จุดสำคัญอยู่ที่การปรับตัวดีขึ้นของธุรกิจของเรา ทำให้อเมริกากลายเป็นปัจจัยใหญ่ในตลาดเงินกู้ระหว่างประเทศ
    จะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต หลายคนเชื่อว่า ต่อไปนิวยอร์ค อาจจะเหนือกว่าลอนดอนในการเป็นศูนย์กลางตลาดเงินของโลก เราอาจกลายเป็นศูนย์กลางการค้าของโลก… มันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้สูง….

    แต่ทั้งหมดนี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญสองสามอย่าง อย่างหนึ่งคือ ระยะเวลาของการทำสงคราม…. ถ้าสงครามจบเร็ว เยอรมัน ซึ่งขณะนี้การส่งสินค้าออกถูกตัดขาดเกือบหมด จะกลับมาเป็นคู่แข่งสำคัญทันที

    ฉะนั้น เราจะเป็นเจ้าหนี้จำนวนมหาศาลหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับ “ระยะเวลา” ของการทำสงคราม ถ้ามันนานพอ เราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลง ที่ดอลล่าร์จะกลายเป็นตัวเทียบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ แทนปอนด์สเตอริงก์”

    สุนทรพจน์นี้ ทำให้เห็นเป้าหมาย และการพัฒนา ให้เงินกู้ระหว่างประเทศ กลายเป็นอาวุธทางยุทธศาสตร์ของ J P Morgan ในระหว่างการทำสงครามโลกครั้งที่ 1 และหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ไปจนถึงการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างน่ากลัว และชั่วยิ่ง

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร”

    ตอน 3

    นโยบายของ J P Morgan ตามแนวที่เราเข้าใจจากสุนทรพจน์ของ Lamont ดูเหมือนจะราบรื่น เป็นไปตามแผน แต่พอถึงปลายปี 1916 จนเริ่มเข้าเดือนแรกของปี 1917 ข่าวลือเกี่ยวกับรัสเซียชักมาแปลก และ ในเดือนกุมภาพันธ์ ก็เป็นจริงตามข่าว ซาร์นิโคลัสที่ 2 ของรัสเซีย ประกาศสละ
    บัลลังค์ หลังจากมีการปฏิวัติ โดยคนชื่อไม่ดัง Alexandre Kerensky กองทัพรัสเซียระส่ำ เยอรมันดีใจ ไม่ต้องรบทั้ง 2 แนว จึงทุ่มกำลังมาทางด้านตะวันตกเต็มที่ และอังกฤษอาจกลายเป็นฝ่ายแพ้สงคราม !

    Morgan และพวก เริ่มออกอาการ ไอ้ที่กลัวว่าจะเกิด ทำท่าจะเกิดจริงๆ สงครามอาจจะจบเร็วกว่าที่คิด โดยเยอรมันเป็นฝ่ายชนะ และนั่นคือหายนะ ของ Morgan อังกฤษและพวก ซึ่งรวมถึงอเมริกาด้วย
    นาย Walter Hines Page ซึ่งเคยเป็นผู้ดูแล General Education Board ของ Rockefeller ก่อนได้รับเลือกให้ไปเป็นฑูตอเมริกา ประจำลอนดอน ขณะนั้น ได้ทำหนังสือลงวันที่ 5 มีนาคม 1917 ถึง ประธานาธิบดี Wilson

    ” ผมคิดว่า สถานการณ์ปัจจุบัน มีความกดดันสูงเกินกว่าที่ Morgan ในสถานะตัวแทนทางการเงินของรัฐบาลอังกฤษ และฝรั่งเศสจะรับได้ จำเป็นที่จะต้องมีการหารือกันเป็นการด่วน ….หากเราจะเข้าไปทำสงครามกับเยอรมัน คงเป็นการช่วยฝ่ายสัมพันธมิตรอย่างยิ่งยวด และในกรณีดังกล่าว รัฐบาลเราน่าจะทำ ถ้าสามารถทำได้คือ ช่วยลงทุนให้เงินกู้กับอังกฤษ ฝรั่งเศส หรือค้ำประกันเงินกู้ให้เขา ….แต่เราจะต้องเข้าร่วมทำสงครามกับเยอรมันด้วย เราถึงจะให้เงินกู้โดยตรง หรือให้การค้ำประกันได้…”

    4 อาทิตย์หลังจากได้รับจดหมายของฑูต Page ประธานาธิบดี Wilson ซึ่งตอนหาเสียงลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี สมัยที่ 2 ในปี 1916 ประกาศไว้ว่า เราเป็นฝ่ายไม่ทำสงคราม ก็พาอเมริกาเข้าสู่สงคราม ตามบทละครลวงโลก

    Wilson แถลงต่อสภาสูง เพื่อขอทำสงครามกับเยอรมัน ด้วยเหตุผลว่า เยอรมันละเมิดกฏการเดินเรือในน่านน้ำที่เป็นกลาง โดยใช้เรือดำน้ำโจมตีเรือของอเมริกาเรือขนส่งสินค้าของอังกฤษ และฝรั่งเศส สภาสูงลงมติอย่างท่วมท้น ให้อำนาจเขาประกาศสงครามกับเยอรมัน

    กระทรวงการคลังของอเมริกา ให้การสนับสนุน ที่อเมริกาจะออกพันธบัตร Liberty Bond เพื่อระดมเงินจากชาวอเมริกัน สนับสนุนให้อังกฤษทำสงครามต่อ โดยนาย Benjamin Strong ประธานธนาคารกลางของอเมริกา Federal Reserve Bank ซึ่งมาจาก กลุ่ม Morgan บอกว่า ตามกฎหมาย Federal Reserve Act ที่เพิ่งออกในปี 1913 ทำได้สบายมาก และเงินงวดแรก ที่ได้จากการขายพันธบัตร Liberty War ให้ชาวบ้าน ถูกนำมาใช้หนี้ ที่อังกฤษมีกับ Morgan จำนวน 400 ล้านเหรียญก่อนรายการอื่น

    สรุปง่ายๆว่า Wilson เอาเงินชาวบ้านมาใช้หนี้ให้เศรษฐี Morgan หรืออาจจะเป็น Rothschild ไม่แนใจ
    จากวันที่อเมริกาประกาศสงครามกับ เยอรมันอย่างเป็นทางการ ในเดือนเมษายน 1917 จนถึงวันที่มีการลงนามสัญญาสงบ ศึกกับเยอรมัน ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 1918 อเมริกาให้เงินกู้กับ สัมพันมิตร ยุโรป เป็นจำนวนประมาณ 9 พันล้านเหรียญ เงินดังกล่าว ไม่ได้ไปถึงมือผู้กู้ ส่วนใหญ่กลับไปอยู่ที่กลุ่ม Morgan, Kuhn Loeb และ Rockefeller เพื่อจ่ายเป็นค่าสินค้าสงครามที่ส่งให้กับฝ่ายสัมพันธมิตร เงินกู้ดังกล่าวนี้ เป็นจำนวนต่างหาก นอกเหนือจากที่อังกฤษให้ J P Morgan เป็นตัวแทนระดมเงินกู้ต้ังแต่เริ่มทำสงคราม จนถึงสงครามเลิก อีกจำนวนมหาศาล

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    8 พ.ค. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – ที่แท้ก็โจร 1 – 3 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร” ตอน 1 ขณะตัดสินใจเข้าทำสงครามโลก ในเดือนสิงหาคม 1914 อังกฤษ กระเป๋าแบน เศรษฐกิจร่องแร่ง และทองสำรองใน Bank of England ใกล้จะแห้งขอดอย่างน่าตกใจ อังกฤษไม่อยู่ในสภาพที่จะทำสงครามได้เลย อังกฤษรู้ตัวดี แต่อังกฤษก็เดินหน้าประกาศสงครามกับเยอรมันอย่างท่าดี ถ้าไม่ใช่เป็นนักพนันระดับเซียน ที่ลักไก่ เกจนหมดหน้าตัก ก็ต้องเป็นนักวางแผนที่เลือดเย็นและล้ำลึกอย่างน่ากลัว เดือนตุลาคม 1914 อังกฤษส่งคณะทำงานพิเศษ จากฝ่ายกิจกรรมสงครามของตนไปวอชิงตัน เพื่อเจรจาให้ทางวอชิงตันจัดการให้ภาคเอกชนของอเมริกา เป็นผู้ส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ สัมภาระและกำลังบำรุงให้ เพราะอเมริกาในฐานะประเทศเป็นกลางอย่างเป็นทางการ จะทำในฐานะประเทศไม่ได้ เลยเลี่ยงให้เอกชนออกหน้า อังกฤษเลือก J P Morgan & Co เป็นตัวแทนแต่ผู้เดียวในการจัดซื้อ Sole Purchasing Agent ดูเผินๆ เหมือนกับเป็นเรื่องเสี่ยงมาก ที่เลือกตัวแทนรายเดียว แต่เนื่องจากเป็นบทหนึ่งของละครลวงโลก เราจะเห็นว่า มันมีการเตรียมการอย่างแยบยลมา แล้ว ที่ให้อเมริกามี Federal Reserve System ที่สามารถทำให้ J P Morgan และพวก ซึ่งก็เป็นผู้บริหาร และเจ้าของ Federal Reseve Bank สามารถบริหารความเสี่ยงของตน ผ่านการควบคุมหนี้ของรัฐบาล พร้อมกับการควบคุมการพิมพ์ธนบัตรของประเทศในขณะเดียวกัน ด้วยวิธีการนี้ อังกฤษจึงสามารถเดินหน้า ทำสงครามได้อย่างสบายใจ อเมริกา โดยนักธุรกิจ เช่น Rockefeller, Morgan, Carnegie ฯลฯ ก็สบายใจ พวกเขาผลิต และขายสินค้า ส่งให้อังกฤษ ทำให้พากันรวยหนักกันขึ้นไปอีก และโดยไม่ต้องห่วงเรื่องจะต้องเสียภาษีเงินได้ก้อนใหญ่ให้ รัฐบาล เพราะบทในละครลวงโลก เรื่องภาษีนี้ ก็ได้มีจัดการหาทางออก เตรียมใว้เรียบร้อยแล้ว โดยนาย Wilson ได้ยอมให้แก้กฏหมายของอเมริกา ในปี 1913 ให้มูลนิธิเพื่อการกุศล ได้รับยกเว้น ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ และบรรดานายทุนเศรษฐีโตครรวยต่างๆของอเมริกา ก็พากันจดทะเบียนตั้งมูลนิธิ และโอนทรัพย์สินของตนไปไว้ในมูลนิธิ เพื่อเลี่ยงภาษี เช่น มูลนิธิ Rockefeller มูลนิธิ Carnegie มูลนิธิ Ford เรียบร้อยก่อนที่จะได้อังกฤษ มาเป็นลูกหนี้ นี่คือ ประชาธิปไตยแบบ ตะหวักตะบวยของอเมริกา ที่ยังมีสมันน้อยหลงชื่นชม Morgan ทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้รัฐบาลอังกฤษ ในการจัดซื้อ อาวุธ กระสุน เครื่องแบบ เคมี ฯลฯ สาระพัด ที่จำเป็นสำหรับการทำสงครามในสมัย ค.ศ. 1914 และในฐานะเป็นตัวแทนดูแลด้านการ เงินด้วย Morgan ไม่ใช่แค่เลือกว่า “จะซื้ออะไร ” เขาเป็นผู้เลือกด้วยว่า “จะซื้อจากใคร” ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ ที่กลุ่มธุรกิจในเครือข่ายของ Morgan และ Rockefeller คือกลุ่มที่ได้รับเลือกไปก่อน และรวยไปก่อน เมื่อ British War Office ถามประธาน J P Morgan คนใหม่คือ J P Morgan Jr. หรือที่เพื่อนเรียกว่า Jack ซึ่งขึ้นมารับตำแหน่งแทนพ่อที่ตายไปเมื่อ ปี 1913 ว่า รัฐบาลของ Wilson มีปัญหาหรือไม่ ที่สถาบันการเงินใหญ่ของอเมริกา เข้ามาช่วยเหลืออังกฤษอย่างเปิดเผย เกี่ยวกับการสงคราม Jack ตอบว่า ไม่มีปัญหาครับเจ้านาย ไม่กระทบกับความเป็นกลางของรัฐบาลอเมริกัน อย่างแน่นอนที่สุด เพราะว่า Morgan ทำธุรกิจกับ British War Office และรัฐบาลของฝรั่งเศส เป็นการทำธุรกิจตามปรกติธรรมดา เพื่อเพิ่มปริมาณการค้าขายต่อกัน ไม่ใช่เป็นข้อตกลงทางการเมือง หรือการฑูตแต่อย่างใด กลิ้งได้พริ้วจริงๆไอ้หนู เดือนมกราคม 1915 Jack ไปพบกับประธานาธิบดี Wilson ที่ทำเนียบ White House เพื่อหารือเรื่องดังกล่าว Wilson ยืนยันว่า เขาไม่มีข้อขัดข้อง ในการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม Morgan หรือผู้อื่น ในเรื่องที่หารือนั้น ก็คงทำให้เข้าใจได้ว่า ไม่มีใครต้มใคร หลอกใครมาเข้าฉาก เป็นการสมัครใจมาร่วมเล่นละครกันทั้งนั้น นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร” ตอน 2 ในปี ค.ศ. 1915 เมื่อสงครามเริ่มใหม่ๆ E.I. Dupont de Nemours & Co แห่ง Delaware ได้รับเงิน 100 ล้านเหรียญ จากอังกฤษ ผ่าน J P Morgan เพื่อขยายแผนกวัตถุระเบิด ภายในไม่กี่เดือน Dupont ขยายตัวจากบริษัทเล็กๆ ที่ไม่มีใครรู้จัก เป็นบริษัทอยู่แถวหน้าทางอุตสา หกรรม Hercules Powder และ Monsanto Chemical โตตามไปด้วย บริษัทเหล็กกล้า และเหล็กดิบ ก็งอกงาม เหล็กดิบราคาขึ้น จากตันละ 13 เหรียญ เป็น ตันละ 42 เหรียญ Bethlehem Steel, US Steel, Westinghouse Electric, Remington Arms, Colt Firearms ได้รับใบสั่งซื้อสินค้ามาเป็นกอง ตั้งสูง จนผลิตไม่ทัน อุตสาหกรรมเหล็กอย่างเดียว กำไรเพิ่มจาก 23 ล้านเหรียญ ในปี 1914 เป็น 224 ล้านเหรียญ ในปี 1917 และระหว่างปี 1914-1917 Anaconda Copper ของ William Rockefeller ได้กำไรโดดจาก 9 ล้านเหรียญ เป็น 25 ล้านเหรียญ ส่วนทรัพย์สินของ บริษัท Phelps Dodge ซึ่งเป็นนายทุนใหญ่ในการส่งให้ Wilson ไปนั่งที่ White House ขี้นไป 400 % เฉพาะปี 1916 ขณะที่เศรษฐกิจทั่วไป ของอเมริกากำลังขาลาก แค่การส่งสินค้าออกเกี่ยวกับอาวุธ ให้แก่อังกฤษ และฝรั่งเศส อย่างเดียว มูลค่าสูงถึง 1,290 พันล้านเหรียญแล้ว มันเป็นโอกาสทองคำ ของคนบางกลุ่มในอเมริกา ก่อนที่อเมริกาจะเข้าสู่สงครามโลก J P Morgan ได้จัดหาอาวุธยุทธปัจจัยให้รัฐบาล อังกฤษ ฝรั่งเศส และอิตาลี เป็นมูลค่าทั้งหมด ประมาณ 5 พันล้านเหรียญ ทั้งหมด ซื้อโดยเครดิต ที่ J P Morgan เป็นผู้จัดการให้ เงินจำนวนดังกล่าวคิดเป็นมูลค่าในปัจจุบัน เท่ากับประมาณ 9 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งยังไม่เคยมีสถาบันการเงินส่วนบุคคลใด เคยทำมาก่อน มันเป็นจำนวนมโหฬาร พอที่จะทำให้เกิดซึนามิทางการเงินได้ ถ้ามีการผิดนัดไม่ชำระเงิน เดือนเมษายน 1915 ประมาณ 2 ปี ก่อนอเมริกาจะเข้าสูสงครามโลก ครั้งที่ 1 อย่างเป็นทางการ Thomas W Lamont หุ้นส่วนคนหนึ่งของ J P Morgan ได้กล่าวสุนทรพจน์ที่มีความหมายมาก แต่มีน้อยคน ที่ให้ความสนใจอย่างจริงจังที่ American Academy of Political Science ในเมือง Philadelphia ” เรา (อเมริกา) ได้เปลี่ยนสภาพ จากเป็นลูกหนี้ กลายมาเป็นเจ้าหนี้ ใบสั่งซื้อสินค้าที่เราได้รับ กองสูงเป็นตั้ง ผู้ผลิตหลายรายของเรา รวมทั้งผู้ขาย ได้ธุรกิจอย่างมหัศจรรย์จากสงครามนี้ ใบสั่งซื้อสินค้าสงคราม มียอดสูงเป็นล้านๆเหรียญ และมันกำลังส่งผลไปถึงธุรกิจอื่นๆ ทั่วไปด้วย แต่จุดสำคัญอยู่ที่การปรับตัวดีขึ้นของธุรกิจของเรา ทำให้อเมริกากลายเป็นปัจจัยใหญ่ในตลาดเงินกู้ระหว่างประเทศ จะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต หลายคนเชื่อว่า ต่อไปนิวยอร์ค อาจจะเหนือกว่าลอนดอนในการเป็นศูนย์กลางตลาดเงินของโลก เราอาจกลายเป็นศูนย์กลางการค้าของโลก… มันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้สูง…. แต่ทั้งหมดนี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญสองสามอย่าง อย่างหนึ่งคือ ระยะเวลาของการทำสงคราม…. ถ้าสงครามจบเร็ว เยอรมัน ซึ่งขณะนี้การส่งสินค้าออกถูกตัดขาดเกือบหมด จะกลับมาเป็นคู่แข่งสำคัญทันที ฉะนั้น เราจะเป็นเจ้าหนี้จำนวนมหาศาลหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับ “ระยะเวลา” ของการทำสงคราม ถ้ามันนานพอ เราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลง ที่ดอลล่าร์จะกลายเป็นตัวเทียบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ แทนปอนด์สเตอริงก์” สุนทรพจน์นี้ ทำให้เห็นเป้าหมาย และการพัฒนา ให้เงินกู้ระหว่างประเทศ กลายเป็นอาวุธทางยุทธศาสตร์ของ J P Morgan ในระหว่างการทำสงครามโลกครั้งที่ 1 และหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ไปจนถึงการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างน่ากลัว และชั่วยิ่ง นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร” ตอน 3 นโยบายของ J P Morgan ตามแนวที่เราเข้าใจจากสุนทรพจน์ของ Lamont ดูเหมือนจะราบรื่น เป็นไปตามแผน แต่พอถึงปลายปี 1916 จนเริ่มเข้าเดือนแรกของปี 1917 ข่าวลือเกี่ยวกับรัสเซียชักมาแปลก และ ในเดือนกุมภาพันธ์ ก็เป็นจริงตามข่าว ซาร์นิโคลัสที่ 2 ของรัสเซีย ประกาศสละ บัลลังค์ หลังจากมีการปฏิวัติ โดยคนชื่อไม่ดัง Alexandre Kerensky กองทัพรัสเซียระส่ำ เยอรมันดีใจ ไม่ต้องรบทั้ง 2 แนว จึงทุ่มกำลังมาทางด้านตะวันตกเต็มที่ และอังกฤษอาจกลายเป็นฝ่ายแพ้สงคราม ! Morgan และพวก เริ่มออกอาการ ไอ้ที่กลัวว่าจะเกิด ทำท่าจะเกิดจริงๆ สงครามอาจจะจบเร็วกว่าที่คิด โดยเยอรมันเป็นฝ่ายชนะ และนั่นคือหายนะ ของ Morgan อังกฤษและพวก ซึ่งรวมถึงอเมริกาด้วย นาย Walter Hines Page ซึ่งเคยเป็นผู้ดูแล General Education Board ของ Rockefeller ก่อนได้รับเลือกให้ไปเป็นฑูตอเมริกา ประจำลอนดอน ขณะนั้น ได้ทำหนังสือลงวันที่ 5 มีนาคม 1917 ถึง ประธานาธิบดี Wilson ” ผมคิดว่า สถานการณ์ปัจจุบัน มีความกดดันสูงเกินกว่าที่ Morgan ในสถานะตัวแทนทางการเงินของรัฐบาลอังกฤษ และฝรั่งเศสจะรับได้ จำเป็นที่จะต้องมีการหารือกันเป็นการด่วน ….หากเราจะเข้าไปทำสงครามกับเยอรมัน คงเป็นการช่วยฝ่ายสัมพันธมิตรอย่างยิ่งยวด และในกรณีดังกล่าว รัฐบาลเราน่าจะทำ ถ้าสามารถทำได้คือ ช่วยลงทุนให้เงินกู้กับอังกฤษ ฝรั่งเศส หรือค้ำประกันเงินกู้ให้เขา ….แต่เราจะต้องเข้าร่วมทำสงครามกับเยอรมันด้วย เราถึงจะให้เงินกู้โดยตรง หรือให้การค้ำประกันได้…” 4 อาทิตย์หลังจากได้รับจดหมายของฑูต Page ประธานาธิบดี Wilson ซึ่งตอนหาเสียงลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี สมัยที่ 2 ในปี 1916 ประกาศไว้ว่า เราเป็นฝ่ายไม่ทำสงคราม ก็พาอเมริกาเข้าสู่สงคราม ตามบทละครลวงโลก Wilson แถลงต่อสภาสูง เพื่อขอทำสงครามกับเยอรมัน ด้วยเหตุผลว่า เยอรมันละเมิดกฏการเดินเรือในน่านน้ำที่เป็นกลาง โดยใช้เรือดำน้ำโจมตีเรือของอเมริกาเรือขนส่งสินค้าของอังกฤษ และฝรั่งเศส สภาสูงลงมติอย่างท่วมท้น ให้อำนาจเขาประกาศสงครามกับเยอรมัน กระทรวงการคลังของอเมริกา ให้การสนับสนุน ที่อเมริกาจะออกพันธบัตร Liberty Bond เพื่อระดมเงินจากชาวอเมริกัน สนับสนุนให้อังกฤษทำสงครามต่อ โดยนาย Benjamin Strong ประธานธนาคารกลางของอเมริกา Federal Reserve Bank ซึ่งมาจาก กลุ่ม Morgan บอกว่า ตามกฎหมาย Federal Reserve Act ที่เพิ่งออกในปี 1913 ทำได้สบายมาก และเงินงวดแรก ที่ได้จากการขายพันธบัตร Liberty War ให้ชาวบ้าน ถูกนำมาใช้หนี้ ที่อังกฤษมีกับ Morgan จำนวน 400 ล้านเหรียญก่อนรายการอื่น สรุปง่ายๆว่า Wilson เอาเงินชาวบ้านมาใช้หนี้ให้เศรษฐี Morgan หรืออาจจะเป็น Rothschild ไม่แนใจ จากวันที่อเมริกาประกาศสงครามกับ เยอรมันอย่างเป็นทางการ ในเดือนเมษายน 1917 จนถึงวันที่มีการลงนามสัญญาสงบ ศึกกับเยอรมัน ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 1918 อเมริกาให้เงินกู้กับ สัมพันมิตร ยุโรป เป็นจำนวนประมาณ 9 พันล้านเหรียญ เงินดังกล่าว ไม่ได้ไปถึงมือผู้กู้ ส่วนใหญ่กลับไปอยู่ที่กลุ่ม Morgan, Kuhn Loeb และ Rockefeller เพื่อจ่ายเป็นค่าสินค้าสงครามที่ส่งให้กับฝ่ายสัมพันธมิตร เงินกู้ดังกล่าวนี้ เป็นจำนวนต่างหาก นอกเหนือจากที่อังกฤษให้ J P Morgan เป็นตัวแทนระดมเงินกู้ต้ังแต่เริ่มทำสงคราม จนถึงสงครามเลิก อีกจำนวนมหาศาล สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 8 พ.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 389 Views 0 Reviews
  • นักพัฒนาเกมหวั่น AI แย่งบทบาทสร้างสรรค์ – เทคโนโลยีที่ทั้งช่วยและท้าทายวงการเกม

    AI กำลังกลายเป็นเครื่องมือทรงพลังในอุตสาหกรรมเกม แต่ก็สร้างความกังวลไม่น้อยในหมู่นักพัฒนาและศิลปิน ว่าจะกลายเป็นผู้แย่งงานแทนที่จะเป็นผู้ช่วย.

    ลองนึกภาพว่าเกมที่คุณเล่นทุกวันนี้ อาจมีฉาก ตัวละคร หรือแม้แต่บทพูดที่สร้างขึ้นโดย AI ทั้งหมด โดยไม่ผ่านมือมนุษย์เลยแม้แต่น้อย นั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมเกมทั่วโลก

    จากการศึกษาของ Totally Human Media พบว่า เกือบ 20% ของเกมบน Steam ปีนี้ใช้ AI ในการพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นเกมดังอย่าง Call of Duty: Black Ops 6 หรือเกมจำลองชีวิต Inzoi. AI ถูกใช้ในหลายด้าน เช่น การพากย์เสียง การวาดภาพประกอบ หรือแม้แต่ช่วยเขียนโค้ด

    Ethan Hu จาก Meshy.ai เผยว่า การสร้างโมเดล 3D ที่เคยใช้เวลา 2 สัปดาห์และงบประมาณ 1,000 ดอลลาร์ ตอนนี้ใช้เวลาแค่ 1 นาทีและต้นทุนเพียง 2 ดอลลาร์. นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับทีมพัฒนาเกม

    แต่ไม่ใช่ทุกคนจะต้อนรับ AI ด้วยรอยยิ้ม

    แม้ AI จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความเร็วในการผลิตเกม แต่ก็สร้างความกังวลในหมู่คนทำงาน โดยเฉพาะเรื่อง การลดตำแหน่งงาน และ คุณภาพของงานที่ AI สร้างขึ้น

    นักพัฒนาจากสตูดิโอในฝรั่งเศสเผยว่า โมเดล 3D ที่สร้างโดย AI มักจะ “วุ่นวาย” และต้องใช้เวลาซ่อมแซมเท่ากับการสร้างใหม่. ขณะที่ผู้เล่นเองก็เริ่มจับผิดว่าเกมใดใช้ AI โดยไม่แจ้งล่วงหน้า เช่นกรณีเกม The Alters ที่ถูกวิจารณ์หนักหลังพบข้อความที่สร้างโดย AI โดยไม่ได้ระบุไว้ก่อน

    AI ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเกมอย่างแพร่หลาย
    เกือบ 20% ของเกมบน Steam ปี 2025 ใช้ AI ในการพัฒนา
    ใช้ในงานพากย์เสียง ภาพประกอบ และเขียนโค้ด
    ลดต้นทุนและเวลาในการสร้างโมเดล 3D อย่างมหาศาล

    บริษัทใหญ่เริ่มลงทุนใน AI
    EA ร่วมมือกับ Stability AI
    Microsoft พัฒนาโมเดล AI ชื่อ Muse
    Ubisoft และ Quantic Dream ยังไม่เปิดเผยแนวทาง

    ความกังวลจากนักพัฒนาเกม
    กลัวการลดตำแหน่งงานจากการใช้ AI
    ผลงานที่สร้างโดย AI ยังต้องแก้ไขมาก
    ขาดความโปร่งใสในการแจ้งผู้เล่นว่าใช้ AI

    ความเสี่ยงด้านภาพลักษณ์และความเชื่อมั่น
    ผู้เล่นอาจไม่พอใจหากพบว่าเกมใช้ AI โดยไม่แจ้ง
    นักลงทุนยังไม่ใช้ AI เป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจ
    การไม่ใช้ AI อาจทำให้สตูดิโอเสียเปรียบในการแข่งขัน

    AI ในวงการเกมคือดาบสองคม – ทั้งช่วยให้สร้างสรรค์ได้เร็วขึ้น และอาจทำให้มนุษย์ถูกลดบทบาทลง หากคุณเป็นนักเล่นเกมหรือผู้พัฒนาเกม นี่คือช่วงเวลาที่ต้องตั้งคำถามว่า “เรายังควบคุมเกมอยู่ หรือ AI กำลังถือจอยแทนเรา?”

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/04/video-game-creators-fear-ai-could-grab-the-controller
    🎮 นักพัฒนาเกมหวั่น AI แย่งบทบาทสร้างสรรค์ – เทคโนโลยีที่ทั้งช่วยและท้าทายวงการเกม AI กำลังกลายเป็นเครื่องมือทรงพลังในอุตสาหกรรมเกม แต่ก็สร้างความกังวลไม่น้อยในหมู่นักพัฒนาและศิลปิน ว่าจะกลายเป็นผู้แย่งงานแทนที่จะเป็นผู้ช่วย. ลองนึกภาพว่าเกมที่คุณเล่นทุกวันนี้ อาจมีฉาก ตัวละคร หรือแม้แต่บทพูดที่สร้างขึ้นโดย AI ทั้งหมด โดยไม่ผ่านมือมนุษย์เลยแม้แต่น้อย นั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมเกมทั่วโลก จากการศึกษาของ Totally Human Media พบว่า เกือบ 20% ของเกมบน Steam ปีนี้ใช้ AI ในการพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นเกมดังอย่าง Call of Duty: Black Ops 6 หรือเกมจำลองชีวิต Inzoi. AI ถูกใช้ในหลายด้าน เช่น การพากย์เสียง การวาดภาพประกอบ หรือแม้แต่ช่วยเขียนโค้ด Ethan Hu จาก Meshy.ai เผยว่า การสร้างโมเดล 3D ที่เคยใช้เวลา 2 สัปดาห์และงบประมาณ 1,000 ดอลลาร์ ตอนนี้ใช้เวลาแค่ 1 นาทีและต้นทุนเพียง 2 ดอลลาร์. นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับทีมพัฒนาเกม 😨 แต่ไม่ใช่ทุกคนจะต้อนรับ AI ด้วยรอยยิ้ม แม้ AI จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความเร็วในการผลิตเกม แต่ก็สร้างความกังวลในหมู่คนทำงาน โดยเฉพาะเรื่อง การลดตำแหน่งงาน และ คุณภาพของงานที่ AI สร้างขึ้น นักพัฒนาจากสตูดิโอในฝรั่งเศสเผยว่า โมเดล 3D ที่สร้างโดย AI มักจะ “วุ่นวาย” และต้องใช้เวลาซ่อมแซมเท่ากับการสร้างใหม่. ขณะที่ผู้เล่นเองก็เริ่มจับผิดว่าเกมใดใช้ AI โดยไม่แจ้งล่วงหน้า เช่นกรณีเกม The Alters ที่ถูกวิจารณ์หนักหลังพบข้อความที่สร้างโดย AI โดยไม่ได้ระบุไว้ก่อน ✅ AI ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเกมอย่างแพร่หลาย ➡️ เกือบ 20% ของเกมบน Steam ปี 2025 ใช้ AI ในการพัฒนา ➡️ ใช้ในงานพากย์เสียง ภาพประกอบ และเขียนโค้ด ➡️ ลดต้นทุนและเวลาในการสร้างโมเดล 3D อย่างมหาศาล ✅ บริษัทใหญ่เริ่มลงทุนใน AI ➡️ EA ร่วมมือกับ Stability AI ➡️ Microsoft พัฒนาโมเดล AI ชื่อ Muse ➡️ Ubisoft และ Quantic Dream ยังไม่เปิดเผยแนวทาง ‼️ ความกังวลจากนักพัฒนาเกม ⛔ กลัวการลดตำแหน่งงานจากการใช้ AI ⛔ ผลงานที่สร้างโดย AI ยังต้องแก้ไขมาก ⛔ ขาดความโปร่งใสในการแจ้งผู้เล่นว่าใช้ AI ‼️ ความเสี่ยงด้านภาพลักษณ์และความเชื่อมั่น ⛔ ผู้เล่นอาจไม่พอใจหากพบว่าเกมใช้ AI โดยไม่แจ้ง ⛔ นักลงทุนยังไม่ใช้ AI เป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจ ⛔ การไม่ใช้ AI อาจทำให้สตูดิโอเสียเปรียบในการแข่งขัน AI ในวงการเกมคือดาบสองคม – ทั้งช่วยให้สร้างสรรค์ได้เร็วขึ้น และอาจทำให้มนุษย์ถูกลดบทบาทลง หากคุณเป็นนักเล่นเกมหรือผู้พัฒนาเกม นี่คือช่วงเวลาที่ต้องตั้งคำถามว่า “เรายังควบคุมเกมอยู่ หรือ AI กำลังถือจอยแทนเรา?” 🎮✨ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/04/video-game-creators-fear-ai-could-grab-the-controller
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Video game creators fear AI could grab the controller
    Generative artificial intelligence models capable of dreaming up ultra-realistic characters and virtual universes could make for cheaper, better video games in future, but the emerging technology has artists and developers on edge.
    0 Comments 0 Shares 191 Views 0 Reviews
  • ต้มข้ามศตวรรษ – โคตรเหี้ยม 1 – 3
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 8 “โคตรเหี้ยม”

    ตอน 1

    หนังสือ Forbes Magazine ฉบับลงวันที่ 19 ธันวาคม 1983 เขียนว่า “ครึ่งหนึ่ง ของ 10 อันดับแรก ของธนาคารเยอรมันนั้น ตั้งอยู่ที่ Frankfurt และระบบการเงินของโลกปัจจุบัน ซึ่งพัฒนามาจากระบบการเก็บภาษี และวิธีการจ่ายเงิน ที่ใช้ในสมัย Babylon ก็เกิดขึ้นครั้งแรกที่เมือง Frankfurt-on-Main ซึ่งอยู่ในแคว้น Hesse

    Mayer Amschel Bauer ค้นพบว่า แม้ว่าการให้เงินกู้กับชาวนาหรือธุรกิจเล็กๆ จะทำกำไรได้ แต่กำไร ที่เป็นกอบเป็นกำกว่าแยะ คือกำไร ที่ได้มาจากการให้เงินกู้กับรัฐบาลต่างๆ

    Mayer Amschel เกิดที่เมือง Frankfurt ในปี ค.ศ. 1743 เขาแต่งงานกับ Gutta Schnapper เขาฝึกงานอยู่ที่ธนาคาร Oppenheim เมือง Hannover อยู่ 3 ปี ระหว่างนั้นเขาได้มีโอกาสดูแลและบริการ Baron Von Estorff ซึ่งเป็นที่ปรึกษาใหญ่ให้กับ Landgrave Frederick ที่ II แห่ง Hesse ซึ่งเป็นคนรวยที่สุดในยุโรปขณะนั้น Frederick มีทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 70 ถึง 100 ล้านฟลอริน (florins) ซึ่งเป็นมรดกที่ได้มาจากพ่อคือ Wilhelm ที่ 8 น้องชายของกษัตริย์สวีเดน

    Boron Von Estorff บอกกับ Landgrave ว่า Mayer Amschel นี้ ฉลาดเป็นกรด ในการคิดวิธีการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนดีเยี่ยม Landgrave บอก ไปตามตัว Mayer Amschel มาพบเราเดี๋ยวนี้เลย

    ช่วงเวลาเดียวกัน George ที่ 3 กษัตริย์ของอังกฤษกำลังปวดหัว กับการกระด้างกระเดื่องของคนอเมริกัน ซึ่งอังกฤษถือว่า ยังเป็นเมืองขึ้นของตนอยู่ จึงคิดส่งทหารไปปราบคนอเมริกัน ซึ่งถนัดสู้ในสนามรบที่เป็นที่ ทุ่งกว้าง Mayer Amschel ได้โอกาส จึงเสนอให้ Landgrave รับจ้าง Goerge ที่ 3 ที่จะหาหนุ่มล่ำชาว Hesse 16,800 คน ไปช่วยรบ การรับจ้าง จัดหาคนไปรบให้อังกฤษครั้งนี้ ทำให้ Landgrave รวยขึ้นอีกแยะ แต่ Mayer Amschel รวยขึ้นในจำนวนมากกว่า
    แต่แผนการทำมาหากินของ Mayer Amschel กับ Landgrave ก็จบลงเร็ว เพราะ Landgrave อายุสั้น ตายเมื่ออายุเพียง 25 ปี Mayer Amschel จึงย้ายไปเกาะพี่ชายของ Landgrave คือ Elector Wilhelm ที่ 1 ซึ่งเกิดปีเดียวกับ Mayer Amschel และดูเหมือนจะเป็นลูกค้า (หรือ เหยื่อ) รายใหม่ ที่ทำให้ Mayer Amschel รุ่งเรืองกว่า เพราะอยู่ในมือของเขามากกว่าน้องชาย ซึ่งเอาใจ (หรือต้ม) ยากกว่า การตายกระทันหันของ Landgrave ดูเหมือนจะทำให้ Mayer Amschel ได้กลายเป็นผู้ดูแลทรัพย์สินกองใหญ่ที่สุดในยุโรป

    เมื่อร่ำรวยขึ้น (อย่างมาก) Mayer Amschel ก็เอาโล่ห์แดง ติดไว้ที่ประตูหน้าบ้าน ในเมือง Judengasse ซึ่งเขาแบ่งกันอยู่กับครอบครัว Schiff และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “Rothschild” ตามป้ายชื่อ เมื่อ Mayer Amschel Rothschild ตายในปี ค.ศ 1812 เขาทิ้งสมบัติประมาณ 1,000 ล้านแฟรงค์ ให้แก่ลูกชายของเขา ที่มีอยู่ 5 คน

    ลูกคนโต Anselm ได้รับมอบหมายให้ดูแลธนาคารที่ Frankfurt แต่ Anselm ไม่มีลูก เมื่อเขาตาย ธนาคารนี้จึงถูกปิดลง

    ลูกคนที่ 2 Solomon ถูกส่งไป Vienna ที่ ออสเตรีย เพื่อดูแลธุรกิจการธนาคาร ซึ่งเคยถูกผูกขาดอยู่ในมือของชาวยิวเพียง 5 ตระกูล

    ลูกคนที่ 3 Nathan ตั้งสาขา London หลังจากไปทำกำไรจากธุรกิจสิ่งทอในเมือง Manchester ซึ่งทำให้เขาได้รับตำแหน่งเป็นบุคคล ที่วงการธุรกิจเกรงกลัว และเกลียดที่สุด

    ลูกคนที่ 4 Karl ไปเมือง Naples ที่อิตาลี และได้เป็นหัวหน้าองค์กรลึกลับ ชื่อ Alta Vendita

    ลูกคนที่ 5 James ตั้ง House of Rothschild สาขาปารีส ที่ฝรั่งเศส
    ลูกทั้ง 5 คนของ Mayer Amschel เริ่มปฎิบัติภาระกิจ ตามที่พ่อมอบหมายคือ ครอบงำรัฐบาลของแต่ละประเทศ ที่พวกเขากระจายกันอยู่ โดยการให้กู้เงินแก่รัฐบาลเหล่านั้น ภายใต้เครื่องหมายการค้า ลูกธนู 5 ดอก

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 8 “โคตรเหี้ยม”

    ตอน 2

    Federic Morton เขียนไว้ในคำนำของหนังสือเรื่อง “The Rothschilds” ว่า
    ” เป็นเวลานานติดต่อกันกว่า 150 ปี ที่ตระกูล Rothschild เป็นผู้อยู่เบื้องหลังประวัติศาสตร์ของยุโรปตะวันตก การไม่ปล่อยเงินกู้ให้แก่เอกชน แต่ปล่อยเงินกู้ให้กับประเทศต่างๆ แทน ทำให้พวกเขาได้กำไรอย่างสูงยิ่ง มีบางคนเคยพูดว่า ความรวยของตระกูล Rothschild มาจากการล้มละลายของหลายประเทศนั่นเอง”

    หนังสือพิมพ์ Chicago Evening American ของตระกูล Hearst เศรษฐีอีกคนหนึ่งของอเมริกา ฉบับลงวันที่ 3 ธันวาคม 1923 เขียนว่า

    “พวก Rothschild จะ เป็นผู้เริ่มสงคราม หรือเป็นผู้ระงับสงครามก็ได้ พวกเขาสามารถสร้าง หรือ ทำลาย อาณาจักรใดก็ได้ การล้มละลายของนโปเลียน เป็นการเกิดขึ้นของพวก Rothschild นโปเลียนถูกวางยาพิษทีละน้อย จนถึงแก่ความตายในที่สุด (นโปเลียนเป็นโรคปวดท้องเป็นประจำ รูปภาพของนโปเลียนส่วนมาก จะเห็นเอามือสอดเข้าไปในเสื้อ เพื่อกดท้องที่ปวดอยู่เสมอ) ผู้ที่วางยาพิษก็คือสายลับของตระกูล Rothschild นั่นเอง”

    New York Evening Post วันที่ 22 กรกฎาคม 1924 ระบุว่า Kaiser ของเยอรมัน ต้องหารือกับ Rothschild เพื่อให้แน่ใจว่าตนเองควรทำสงครามหรือไม่ นายกรัฐมนตรีของ Kaiser คือ Bethmann Hollweg ซึ่งเป็นคนหนึ่งที่ทำให้เยอรมันถล่ำตัวเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 ก็เป็นสมาชิกของตระกูล Bethmann เจ้าของธนาคารที่อยู่ใน Frankfurt และเป็นญาติกับ Rothschild
    หลังจากนโปเลียนถูกกำจัดพ้นทางไป ราชวงศ์ใหญ่ที่เหลืออยู่ในสายตาของ Rothschild คือ ราชวงศ์ของอังกฤษ ราชวงศ์ของเยอรมัน และราชวงศ์ของรัสเซีย

    Rothschild เล็งเป้าแรก ไปที่ราชวงศ์ Romanov ของรัสเซีย ซึ่งเป็นราชวงศ์ที่ร่ำรวยมาก และลงทุนไว้ทั่วทั้งในยุโรปและอเมริกา แต่ที่สำคัญ เป็นราชวงศ์ที่ Rothschild เกลียดที่สุด และแสดงความเกลียดอย่างเปิดเผย

    Tsar Nicholas ที่ I ก็ขึ้นชื่อว่าไม่ชอบยิวและแสดงความไม่ชอบอย่างเปิดเผย ด้วยการพยายามผลักดัน ไปจนถึงขับไล่ ให้พวกยิวออกไปจากรัสเซีย แต่มีพวกยิวทำมาหากินอยู่ในรัสเซียมากมาย ขณะเดียวกันพวกยิวก็อ้างว่า Tsar นั้น ทารุณข่มเหงยิวอย่างรุนแรง Rothschild ซึ่งพื้นเพเป็นชาวยิว จึงวางแผนอย่างรอบคอบก่อนจะเข้าไปค้าขาย หรือทำลายอาณาจักรรัสเซีย

    เงินกู้จาก Bank of England 800,000 ปอนด์ ที่ยื่นให้กับนาย Peabody ในปี 1853 จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ Peabody และ Morgan มีภาพเป็นอเมริกัน ไม่มีกลิ่นยิวเจือปน เงื่อนไข 4 ข้อ ของ Peabody เมื่อ ตอนจะหาทายาทมารับช่วงธุรกิจของเขา น่าจะเป็นของเขาเพียงข้อสุดท้าย ส่วน 3 ข้อแรก คงเป็นเงื่อนไขของนายทุนตัวจริง ที่ต้องการให้ J P Morgan ถูกสร้างเสร็จสมบูรณ์ออกมาเป็นอังกฤษแท้ แม้จะมีหน้าเป็นบริษัทอเมริกัน แต่ก็ต้องออกกลิ่นอังกฤษปน นับเป็นการมองการณ์ไกลอย่างยิ่งของ เจ้าพ่อ Rothschild

    ธุรกิจเงินทุนไม่ว่าจะในตลาด London หรือ Wall Street มีลูกค้าหลากหลาย บางรายอยากค้าแต่กับพวกยิวด้วยกัน บางรายก็ขออย่าให้พวกยิวมาเข้าใกล้ Rothschild เป็นยิวที่ “รู้จัก” ลูกค้าของตัวเองดี ใครอยากได้เงินกลิ่นไหน เขาจัดการให้ได้ก็แล้วกัน

    J. P Morgan จึงมีไว้สำหรับพวกไม่เอายิว พวกหัวสูงไฮโซ รัฐบาลของทั้งอังกฤษ และอเมริกา และสำหรับพวกที่อยากจะคุยแต่กับ พวกยิวด้วยกัน ก็มี Kuhn Loeb ของ Jacob Schiff เพื่อนบ้านที่โตมาด้วยกัน และที่ Rothschild เป็นผู้ลงทุน และให้ Schiff เป็นคนออกหน้า

    Rothschild ยังมีคนออกหน้า ให้เขาหนุนอีกหลายราย โดยไม่มีใครรู้ เขาน่าจะเป็นคนเล่นซ่อนแอบเก่งตั้งแต่เด็ก
    ประมาณปี ค.ศ. 1850 กว่า ซึ่งเป็นช่วงที่ Tsar Nicholas ที่ I ปกครองรัสเซีย Alfonse Rothschild หูไว จมูกไว รู้ว่ารัสเซียมีแหล่งน้ำมันแยะ เขาจึงเข้าไปลงทุนที่ Baku ซึ่งขณะนั้นอยู่ในรัฐ Azerbaijun ประมาณปีค.ศ 1870 ถึงปี ค.ศ. 1880 เขามีโรงกลั่นน้ำมันใน Baku ประมาณ 200 แห่ง และเริ่มส่งน้ำมันไปทั่วยุโรปผ่าน ตะวันออกกลาง ทางรถไฟ Baku – Batumi ทำท่าว่าจะสั้นไป สำหรับการส่งน้ำมัน เขาต้องหาทางเส้นทางใหม่ คลองสุเอชยาวถึง 4,000 ไมล์ น่าสนใจ แต่มันยังอยู่ในความดูแลของฝรั่งเศส แล้วเขาก็วางแผนเรื่อง Palestine ซึ่งจะต้องมีคนของพวกเขาไปอยู่ที่นั่น เพื่อดูแลผลประโยชน์แถวนั้นของพวกเขา

    เมื่อรัฐบาลอียิปต์ล้มละลายในปี ค.ศ. 1874 อังกฤษตกลงซื้อคลองสุเอชมาจากรัฐบาล อียิปต์ ด้วยเงินกู้ของ Rothschild ทั้งหมด ในการประชุมผู้ถือหุ้น Suez Canal บริษัทการเงินกลุ่มของ Rothschild ฝั่งอังกฤษ เช่น Baring Brothers, Morgan Grenfell และ Lazard Brothers นั่งเคียงรัฐบาลอังกฤษ

    แม้ว่าจะถูกกดดันจาก Tsar Nicholas เรื่องยิว แต่ Rothschild ก็ยังขุดน้ำมันต่อ แค่นั้นรู้สึกจะยังไม่เป็นการท้าทาย Tsar ถึงใจ ขณะนั้น Standard Oil ของ Rockefeller ก็ไปขุดน้ำมันที่ Baku ด้วย ยักษ์ใหญ่เจอกัน แม้ตอนแรกจะตีกัน แต่เพื่อผลประโยชน์ ยักษ์เปลี่ยนใจมาจับมือกัน วางแผนแบ่งเขตขุดน้ำมันกัน ตกลงกันเองเสร็จ เหมือนไม่เห็นหัวเจ้าของแผ่นดิน มันทำอย่างนี้มาร้อยกว่าปีแล้ว สมันน้อย เข้าใจไหม พวกมันไม่เคยเห็นหัวเจ้าของแผ่นดิน !

    คราวนี้ Tsar Nicholas ที่ II ซึ่งขึ้นมาครองราชย์แทนพ่อ และดำเนินตามนโยบายของพ่อที่ให้ย ิวออกไปจากรัสเซีย ไม่ยอมให้ Rothschild เฉี่ยวหัว ยื่นเงื่อนไขกลับไปที่ Rothschild ถ้าจะขุดน้ำมันต่อ ก็อพยพเอาพวกยิวออกไปจากรัสเซียด้วย Rothschild ตอบเงื่อนไขของ Tsar ด้วยการขายหุ้นบริษัทของตัว ที่กำลังขุดน้ำมันที่ Baku ทิ้ง
    Rothschild เลือกยิว หรือเลือกหักหน้า Tsar Nicholas นั่นเอง !
    Rothschild ขายหุ้นทั้งหมดที่ตระกูลถืออยู่ในธุรกิจน้ำมันที่ Baku ให้ Royal Dutch Shell เพราะ Rothschild “ประเมิน” ว่าอีกไม่นานเกินรอ การเมืองในรัสเซียน่าจะเกิดปัญหาใหญ่

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 8 “โคตรเหี้ยม”

    ตอน 3

    แม้จะรู้ว่าคนอังกฤษ ชื่นชมเงินของเขา มากกว่าตัวและเทือกเถายิวของเขา Rothschild ก็คบคนอังกฤษ และสนับสนุนการเงินให้ โดยเฉพาะที่จะเป็นประโยชน์ต่อการทำธุรกิจของเขาและ ทำให้ตระกูลเขา มีอิทธิพล เหนือรัฐบาล รวมทั้งราชวงศ์อังกฤษด้วย

    Cecil Rhodes ชาวอังกฤษนักผจญภัย และนักล่าอาณานิคมตัวจริง เข้าไปทำเหมืองทองและ เหมืองเพชรที่ South Africa ในช่วงประมาณปี ค.ศ.1889 โดยมี Rothschlid เป็นผู้สนับสนุนเงินทุน เหมืองทองที่ Rhodes ขุดได้ ส่งมาที่อังกฤษ หลอมเป็นแท่งเก็บเป็นทองสำรองของ Bank of England ที่มี Rothschild เป็นตัวแทน กำไรท่วม ตอนหลัง Rhodes เข้าไปทำสงครามกับพวก Boers (คนดัชท์ ที่ไปตั้งรกรากใน South Africa) Rothschild ขนกองทัพของอังกฤษไปช่วยปล้นต่อ ถือเป็นวีรกรรมความชั่ว ที่ประวัติศาสตร์ของคน South Africa ไม่คิดลืม

    Rhodes มีความฝันที่จะให้อังกฤษแผ่อาณาจักรและอิทธิพลไปทั่วโลก อาณานิคมทั้งปวงจะต้องอยู่ภายใต้ระบบอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นด้าน การเงิน การค้า หรือการศึกษา และที่สำคัญ ทำให้อเมริกา กลับมาอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ เพื่อให้ได้ตามเป้าหมาย เขาตั้งสมาคมลับชื่อ the Round Table กับพรรคพวก ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน เช่น Lord Alfred Milner, Lord Balfour , Lord Albert Grey และนอกจากนั้น เขาทำพินัยกรรม ยกทรัพย์สินจำนวนมากมหาศาลทั้งหมดของเขา ตั้งเป็นกองทุนชื่อ Rhodes Trust เพื่อดำเนินการตามวัถตุประสงค์ พร้อมให้ทุนการศึกษากับ พวก Anglo Saxon ที่มีแววว่าจะสืบทอดอุดมการณ์ของเขาได้ ทุนนี้ยังมีอยู่จนถึงทุกวันนี้
    (อดีตประธานาธิบดี Bill Clinton ก็เป็นคนหนึ่ง ที่ได้รับทุน Rhodes ไปเรียนที่มหาวิทยาลัย Oxford ของอังกฤษ แต่เขาไม่เรียนจนจบ เปลี่ยนใจกลับมาเรียนที่ มหาวิทยาลัย Yale แทน)

    เมื่อ Rhodes ตาย ผู้ที่เป็นหัวหน้า the Round Table ต่อมา และดูแลกองทุนของ Rhodes คือ Lord Alfred Milner ที่มีอำนาจไม่น้อยกว่านายกรัฐมนตรีอังกฤษ Lloyd George และ Rothschild ก็มีชื่อ เป็นหนึ่งในผู้ดูแลกองทุนนี้ด้วย

    สมาชิก Round Table เกือบทั้งหมด มีตำแหน่งอยู่ในรัฐบาลอังกฤษ ทั้งตำแหน่งใหญ่มาก และใหญ่น้อย และเป็นที่ปรึกษาสำคัญของราชวงศ์ เช่น Lord Esher ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านการเมือง ให้ราชวงศ์อังกฤษ ประมาณ 25 ปี ตั้งแต่ คศ 1895 ถึง 1920 (สมัย พระนาง Victoria , กษัตริย์ Edward ที่ 7 และ กษัตริย์ George ที่ 5)

    แม้ก่อนทำสงครามโลก อังกฤษจะ จับมือรัสเซีย เอามาอยู่ข้างเดียวกันเพื่อรบกับเยอรมัน และแม้รัสเซียจะมีกษัตริย์ปกครอง เช่นเดียวกับอังกฤษและเยอรมัน แถมเป็นญาติกันอีก โดยซารินา ราชินีของรัสเซีย เป็นหลานยายของพระนางวิกตอเรีย แต่ดูเหมือนราชวงศ์ของรัสเซีย จะสนิทใกล้ชิดกับเยอรมันมากกว่าอังกฤษ และด้วยนิสัยขี้ระแวงของอังกฤษ อังกฤษจึงไม่ค่อยวางใจ ในจุดยืนของราชวงค์โรมานอฟของรัสเซีย ดังนั้น ถ้าจะให้เลือกใครมาปกครองรัสเซีย อังกฤษคงเลือกผู้ที่อังกฤษคิดว่า ควบคุมได้ และเป็นประโยชน์ต่ออังกฤษ

    จึงไม่เป็นเรื่องเกินความคาดหมาย ที่ Round Table จะสนับสนุนให้รัฐบาลอังกฤษ รับรองพวก Bolsheviks อาจมีคนคิดว่าข่าวกรองของ Round Table ไม่แม่นยำหรือไง ไม่รู้ว่า พวก Bolsheviks นั้น มีทั้งฝ่ายที่อเมริกาสนับสนุน และฝ่ายที่เยอรมันสนับสนุน Round Table น่าจะรู้ดีว่าใครกันแน่ ที่คุม หรือชักใย รัฐบาลเยอรมันขณะนั้น ขณะเดียวกัน การเดินตามอเมริกาสนับสนุนปฏิวัติกำมะลอ ของ Bolsheviks ก็น่าจะเป็นเรื่องหมาป่าอังกฤษ จับมือ หรือตามประกบหมาป่าอเมริกัน ในการออกล่ารัสเซียนั่นเอง

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    6 พ.ค. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – โคตรเหี้ยม 1 – 3 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 8 “โคตรเหี้ยม” ตอน 1 หนังสือ Forbes Magazine ฉบับลงวันที่ 19 ธันวาคม 1983 เขียนว่า “ครึ่งหนึ่ง ของ 10 อันดับแรก ของธนาคารเยอรมันนั้น ตั้งอยู่ที่ Frankfurt และระบบการเงินของโลกปัจจุบัน ซึ่งพัฒนามาจากระบบการเก็บภาษี และวิธีการจ่ายเงิน ที่ใช้ในสมัย Babylon ก็เกิดขึ้นครั้งแรกที่เมือง Frankfurt-on-Main ซึ่งอยู่ในแคว้น Hesse Mayer Amschel Bauer ค้นพบว่า แม้ว่าการให้เงินกู้กับชาวนาหรือธุรกิจเล็กๆ จะทำกำไรได้ แต่กำไร ที่เป็นกอบเป็นกำกว่าแยะ คือกำไร ที่ได้มาจากการให้เงินกู้กับรัฐบาลต่างๆ Mayer Amschel เกิดที่เมือง Frankfurt ในปี ค.ศ. 1743 เขาแต่งงานกับ Gutta Schnapper เขาฝึกงานอยู่ที่ธนาคาร Oppenheim เมือง Hannover อยู่ 3 ปี ระหว่างนั้นเขาได้มีโอกาสดูแลและบริการ Baron Von Estorff ซึ่งเป็นที่ปรึกษาใหญ่ให้กับ Landgrave Frederick ที่ II แห่ง Hesse ซึ่งเป็นคนรวยที่สุดในยุโรปขณะนั้น Frederick มีทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 70 ถึง 100 ล้านฟลอริน (florins) ซึ่งเป็นมรดกที่ได้มาจากพ่อคือ Wilhelm ที่ 8 น้องชายของกษัตริย์สวีเดน Boron Von Estorff บอกกับ Landgrave ว่า Mayer Amschel นี้ ฉลาดเป็นกรด ในการคิดวิธีการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนดีเยี่ยม Landgrave บอก ไปตามตัว Mayer Amschel มาพบเราเดี๋ยวนี้เลย ช่วงเวลาเดียวกัน George ที่ 3 กษัตริย์ของอังกฤษกำลังปวดหัว กับการกระด้างกระเดื่องของคนอเมริกัน ซึ่งอังกฤษถือว่า ยังเป็นเมืองขึ้นของตนอยู่ จึงคิดส่งทหารไปปราบคนอเมริกัน ซึ่งถนัดสู้ในสนามรบที่เป็นที่ ทุ่งกว้าง Mayer Amschel ได้โอกาส จึงเสนอให้ Landgrave รับจ้าง Goerge ที่ 3 ที่จะหาหนุ่มล่ำชาว Hesse 16,800 คน ไปช่วยรบ การรับจ้าง จัดหาคนไปรบให้อังกฤษครั้งนี้ ทำให้ Landgrave รวยขึ้นอีกแยะ แต่ Mayer Amschel รวยขึ้นในจำนวนมากกว่า แต่แผนการทำมาหากินของ Mayer Amschel กับ Landgrave ก็จบลงเร็ว เพราะ Landgrave อายุสั้น ตายเมื่ออายุเพียง 25 ปี Mayer Amschel จึงย้ายไปเกาะพี่ชายของ Landgrave คือ Elector Wilhelm ที่ 1 ซึ่งเกิดปีเดียวกับ Mayer Amschel และดูเหมือนจะเป็นลูกค้า (หรือ เหยื่อ) รายใหม่ ที่ทำให้ Mayer Amschel รุ่งเรืองกว่า เพราะอยู่ในมือของเขามากกว่าน้องชาย ซึ่งเอาใจ (หรือต้ม) ยากกว่า การตายกระทันหันของ Landgrave ดูเหมือนจะทำให้ Mayer Amschel ได้กลายเป็นผู้ดูแลทรัพย์สินกองใหญ่ที่สุดในยุโรป เมื่อร่ำรวยขึ้น (อย่างมาก) Mayer Amschel ก็เอาโล่ห์แดง ติดไว้ที่ประตูหน้าบ้าน ในเมือง Judengasse ซึ่งเขาแบ่งกันอยู่กับครอบครัว Schiff และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “Rothschild” ตามป้ายชื่อ เมื่อ Mayer Amschel Rothschild ตายในปี ค.ศ 1812 เขาทิ้งสมบัติประมาณ 1,000 ล้านแฟรงค์ ให้แก่ลูกชายของเขา ที่มีอยู่ 5 คน ลูกคนโต Anselm ได้รับมอบหมายให้ดูแลธนาคารที่ Frankfurt แต่ Anselm ไม่มีลูก เมื่อเขาตาย ธนาคารนี้จึงถูกปิดลง ลูกคนที่ 2 Solomon ถูกส่งไป Vienna ที่ ออสเตรีย เพื่อดูแลธุรกิจการธนาคาร ซึ่งเคยถูกผูกขาดอยู่ในมือของชาวยิวเพียง 5 ตระกูล ลูกคนที่ 3 Nathan ตั้งสาขา London หลังจากไปทำกำไรจากธุรกิจสิ่งทอในเมือง Manchester ซึ่งทำให้เขาได้รับตำแหน่งเป็นบุคคล ที่วงการธุรกิจเกรงกลัว และเกลียดที่สุด ลูกคนที่ 4 Karl ไปเมือง Naples ที่อิตาลี และได้เป็นหัวหน้าองค์กรลึกลับ ชื่อ Alta Vendita ลูกคนที่ 5 James ตั้ง House of Rothschild สาขาปารีส ที่ฝรั่งเศส ลูกทั้ง 5 คนของ Mayer Amschel เริ่มปฎิบัติภาระกิจ ตามที่พ่อมอบหมายคือ ครอบงำรัฐบาลของแต่ละประเทศ ที่พวกเขากระจายกันอยู่ โดยการให้กู้เงินแก่รัฐบาลเหล่านั้น ภายใต้เครื่องหมายการค้า ลูกธนู 5 ดอก นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 8 “โคตรเหี้ยม” ตอน 2 Federic Morton เขียนไว้ในคำนำของหนังสือเรื่อง “The Rothschilds” ว่า ” เป็นเวลานานติดต่อกันกว่า 150 ปี ที่ตระกูล Rothschild เป็นผู้อยู่เบื้องหลังประวัติศาสตร์ของยุโรปตะวันตก การไม่ปล่อยเงินกู้ให้แก่เอกชน แต่ปล่อยเงินกู้ให้กับประเทศต่างๆ แทน ทำให้พวกเขาได้กำไรอย่างสูงยิ่ง มีบางคนเคยพูดว่า ความรวยของตระกูล Rothschild มาจากการล้มละลายของหลายประเทศนั่นเอง” หนังสือพิมพ์ Chicago Evening American ของตระกูล Hearst เศรษฐีอีกคนหนึ่งของอเมริกา ฉบับลงวันที่ 3 ธันวาคม 1923 เขียนว่า “พวก Rothschild จะ เป็นผู้เริ่มสงคราม หรือเป็นผู้ระงับสงครามก็ได้ พวกเขาสามารถสร้าง หรือ ทำลาย อาณาจักรใดก็ได้ การล้มละลายของนโปเลียน เป็นการเกิดขึ้นของพวก Rothschild นโปเลียนถูกวางยาพิษทีละน้อย จนถึงแก่ความตายในที่สุด (นโปเลียนเป็นโรคปวดท้องเป็นประจำ รูปภาพของนโปเลียนส่วนมาก จะเห็นเอามือสอดเข้าไปในเสื้อ เพื่อกดท้องที่ปวดอยู่เสมอ) ผู้ที่วางยาพิษก็คือสายลับของตระกูล Rothschild นั่นเอง” New York Evening Post วันที่ 22 กรกฎาคม 1924 ระบุว่า Kaiser ของเยอรมัน ต้องหารือกับ Rothschild เพื่อให้แน่ใจว่าตนเองควรทำสงครามหรือไม่ นายกรัฐมนตรีของ Kaiser คือ Bethmann Hollweg ซึ่งเป็นคนหนึ่งที่ทำให้เยอรมันถล่ำตัวเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 ก็เป็นสมาชิกของตระกูล Bethmann เจ้าของธนาคารที่อยู่ใน Frankfurt และเป็นญาติกับ Rothschild หลังจากนโปเลียนถูกกำจัดพ้นทางไป ราชวงศ์ใหญ่ที่เหลืออยู่ในสายตาของ Rothschild คือ ราชวงศ์ของอังกฤษ ราชวงศ์ของเยอรมัน และราชวงศ์ของรัสเซีย Rothschild เล็งเป้าแรก ไปที่ราชวงศ์ Romanov ของรัสเซีย ซึ่งเป็นราชวงศ์ที่ร่ำรวยมาก และลงทุนไว้ทั่วทั้งในยุโรปและอเมริกา แต่ที่สำคัญ เป็นราชวงศ์ที่ Rothschild เกลียดที่สุด และแสดงความเกลียดอย่างเปิดเผย Tsar Nicholas ที่ I ก็ขึ้นชื่อว่าไม่ชอบยิวและแสดงความไม่ชอบอย่างเปิดเผย ด้วยการพยายามผลักดัน ไปจนถึงขับไล่ ให้พวกยิวออกไปจากรัสเซีย แต่มีพวกยิวทำมาหากินอยู่ในรัสเซียมากมาย ขณะเดียวกันพวกยิวก็อ้างว่า Tsar นั้น ทารุณข่มเหงยิวอย่างรุนแรง Rothschild ซึ่งพื้นเพเป็นชาวยิว จึงวางแผนอย่างรอบคอบก่อนจะเข้าไปค้าขาย หรือทำลายอาณาจักรรัสเซีย เงินกู้จาก Bank of England 800,000 ปอนด์ ที่ยื่นให้กับนาย Peabody ในปี 1853 จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ Peabody และ Morgan มีภาพเป็นอเมริกัน ไม่มีกลิ่นยิวเจือปน เงื่อนไข 4 ข้อ ของ Peabody เมื่อ ตอนจะหาทายาทมารับช่วงธุรกิจของเขา น่าจะเป็นของเขาเพียงข้อสุดท้าย ส่วน 3 ข้อแรก คงเป็นเงื่อนไขของนายทุนตัวจริง ที่ต้องการให้ J P Morgan ถูกสร้างเสร็จสมบูรณ์ออกมาเป็นอังกฤษแท้ แม้จะมีหน้าเป็นบริษัทอเมริกัน แต่ก็ต้องออกกลิ่นอังกฤษปน นับเป็นการมองการณ์ไกลอย่างยิ่งของ เจ้าพ่อ Rothschild ธุรกิจเงินทุนไม่ว่าจะในตลาด London หรือ Wall Street มีลูกค้าหลากหลาย บางรายอยากค้าแต่กับพวกยิวด้วยกัน บางรายก็ขออย่าให้พวกยิวมาเข้าใกล้ Rothschild เป็นยิวที่ “รู้จัก” ลูกค้าของตัวเองดี ใครอยากได้เงินกลิ่นไหน เขาจัดการให้ได้ก็แล้วกัน J. P Morgan จึงมีไว้สำหรับพวกไม่เอายิว พวกหัวสูงไฮโซ รัฐบาลของทั้งอังกฤษ และอเมริกา และสำหรับพวกที่อยากจะคุยแต่กับ พวกยิวด้วยกัน ก็มี Kuhn Loeb ของ Jacob Schiff เพื่อนบ้านที่โตมาด้วยกัน และที่ Rothschild เป็นผู้ลงทุน และให้ Schiff เป็นคนออกหน้า Rothschild ยังมีคนออกหน้า ให้เขาหนุนอีกหลายราย โดยไม่มีใครรู้ เขาน่าจะเป็นคนเล่นซ่อนแอบเก่งตั้งแต่เด็ก ประมาณปี ค.ศ. 1850 กว่า ซึ่งเป็นช่วงที่ Tsar Nicholas ที่ I ปกครองรัสเซีย Alfonse Rothschild หูไว จมูกไว รู้ว่ารัสเซียมีแหล่งน้ำมันแยะ เขาจึงเข้าไปลงทุนที่ Baku ซึ่งขณะนั้นอยู่ในรัฐ Azerbaijun ประมาณปีค.ศ 1870 ถึงปี ค.ศ. 1880 เขามีโรงกลั่นน้ำมันใน Baku ประมาณ 200 แห่ง และเริ่มส่งน้ำมันไปทั่วยุโรปผ่าน ตะวันออกกลาง ทางรถไฟ Baku – Batumi ทำท่าว่าจะสั้นไป สำหรับการส่งน้ำมัน เขาต้องหาทางเส้นทางใหม่ คลองสุเอชยาวถึง 4,000 ไมล์ น่าสนใจ แต่มันยังอยู่ในความดูแลของฝรั่งเศส แล้วเขาก็วางแผนเรื่อง Palestine ซึ่งจะต้องมีคนของพวกเขาไปอยู่ที่นั่น เพื่อดูแลผลประโยชน์แถวนั้นของพวกเขา เมื่อรัฐบาลอียิปต์ล้มละลายในปี ค.ศ. 1874 อังกฤษตกลงซื้อคลองสุเอชมาจากรัฐบาล อียิปต์ ด้วยเงินกู้ของ Rothschild ทั้งหมด ในการประชุมผู้ถือหุ้น Suez Canal บริษัทการเงินกลุ่มของ Rothschild ฝั่งอังกฤษ เช่น Baring Brothers, Morgan Grenfell และ Lazard Brothers นั่งเคียงรัฐบาลอังกฤษ แม้ว่าจะถูกกดดันจาก Tsar Nicholas เรื่องยิว แต่ Rothschild ก็ยังขุดน้ำมันต่อ แค่นั้นรู้สึกจะยังไม่เป็นการท้าทาย Tsar ถึงใจ ขณะนั้น Standard Oil ของ Rockefeller ก็ไปขุดน้ำมันที่ Baku ด้วย ยักษ์ใหญ่เจอกัน แม้ตอนแรกจะตีกัน แต่เพื่อผลประโยชน์ ยักษ์เปลี่ยนใจมาจับมือกัน วางแผนแบ่งเขตขุดน้ำมันกัน ตกลงกันเองเสร็จ เหมือนไม่เห็นหัวเจ้าของแผ่นดิน มันทำอย่างนี้มาร้อยกว่าปีแล้ว สมันน้อย เข้าใจไหม พวกมันไม่เคยเห็นหัวเจ้าของแผ่นดิน ! คราวนี้ Tsar Nicholas ที่ II ซึ่งขึ้นมาครองราชย์แทนพ่อ และดำเนินตามนโยบายของพ่อที่ให้ย ิวออกไปจากรัสเซีย ไม่ยอมให้ Rothschild เฉี่ยวหัว ยื่นเงื่อนไขกลับไปที่ Rothschild ถ้าจะขุดน้ำมันต่อ ก็อพยพเอาพวกยิวออกไปจากรัสเซียด้วย Rothschild ตอบเงื่อนไขของ Tsar ด้วยการขายหุ้นบริษัทของตัว ที่กำลังขุดน้ำมันที่ Baku ทิ้ง Rothschild เลือกยิว หรือเลือกหักหน้า Tsar Nicholas นั่นเอง ! Rothschild ขายหุ้นทั้งหมดที่ตระกูลถืออยู่ในธุรกิจน้ำมันที่ Baku ให้ Royal Dutch Shell เพราะ Rothschild “ประเมิน” ว่าอีกไม่นานเกินรอ การเมืองในรัสเซียน่าจะเกิดปัญหาใหญ่ นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 8 “โคตรเหี้ยม” ตอน 3 แม้จะรู้ว่าคนอังกฤษ ชื่นชมเงินของเขา มากกว่าตัวและเทือกเถายิวของเขา Rothschild ก็คบคนอังกฤษ และสนับสนุนการเงินให้ โดยเฉพาะที่จะเป็นประโยชน์ต่อการทำธุรกิจของเขาและ ทำให้ตระกูลเขา มีอิทธิพล เหนือรัฐบาล รวมทั้งราชวงศ์อังกฤษด้วย Cecil Rhodes ชาวอังกฤษนักผจญภัย และนักล่าอาณานิคมตัวจริง เข้าไปทำเหมืองทองและ เหมืองเพชรที่ South Africa ในช่วงประมาณปี ค.ศ.1889 โดยมี Rothschlid เป็นผู้สนับสนุนเงินทุน เหมืองทองที่ Rhodes ขุดได้ ส่งมาที่อังกฤษ หลอมเป็นแท่งเก็บเป็นทองสำรองของ Bank of England ที่มี Rothschild เป็นตัวแทน กำไรท่วม ตอนหลัง Rhodes เข้าไปทำสงครามกับพวก Boers (คนดัชท์ ที่ไปตั้งรกรากใน South Africa) Rothschild ขนกองทัพของอังกฤษไปช่วยปล้นต่อ ถือเป็นวีรกรรมความชั่ว ที่ประวัติศาสตร์ของคน South Africa ไม่คิดลืม Rhodes มีความฝันที่จะให้อังกฤษแผ่อาณาจักรและอิทธิพลไปทั่วโลก อาณานิคมทั้งปวงจะต้องอยู่ภายใต้ระบบอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นด้าน การเงิน การค้า หรือการศึกษา และที่สำคัญ ทำให้อเมริกา กลับมาอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ เพื่อให้ได้ตามเป้าหมาย เขาตั้งสมาคมลับชื่อ the Round Table กับพรรคพวก ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน เช่น Lord Alfred Milner, Lord Balfour , Lord Albert Grey และนอกจากนั้น เขาทำพินัยกรรม ยกทรัพย์สินจำนวนมากมหาศาลทั้งหมดของเขา ตั้งเป็นกองทุนชื่อ Rhodes Trust เพื่อดำเนินการตามวัถตุประสงค์ พร้อมให้ทุนการศึกษากับ พวก Anglo Saxon ที่มีแววว่าจะสืบทอดอุดมการณ์ของเขาได้ ทุนนี้ยังมีอยู่จนถึงทุกวันนี้ (อดีตประธานาธิบดี Bill Clinton ก็เป็นคนหนึ่ง ที่ได้รับทุน Rhodes ไปเรียนที่มหาวิทยาลัย Oxford ของอังกฤษ แต่เขาไม่เรียนจนจบ เปลี่ยนใจกลับมาเรียนที่ มหาวิทยาลัย Yale แทน) เมื่อ Rhodes ตาย ผู้ที่เป็นหัวหน้า the Round Table ต่อมา และดูแลกองทุนของ Rhodes คือ Lord Alfred Milner ที่มีอำนาจไม่น้อยกว่านายกรัฐมนตรีอังกฤษ Lloyd George และ Rothschild ก็มีชื่อ เป็นหนึ่งในผู้ดูแลกองทุนนี้ด้วย สมาชิก Round Table เกือบทั้งหมด มีตำแหน่งอยู่ในรัฐบาลอังกฤษ ทั้งตำแหน่งใหญ่มาก และใหญ่น้อย และเป็นที่ปรึกษาสำคัญของราชวงศ์ เช่น Lord Esher ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านการเมือง ให้ราชวงศ์อังกฤษ ประมาณ 25 ปี ตั้งแต่ คศ 1895 ถึง 1920 (สมัย พระนาง Victoria , กษัตริย์ Edward ที่ 7 และ กษัตริย์ George ที่ 5) แม้ก่อนทำสงครามโลก อังกฤษจะ จับมือรัสเซีย เอามาอยู่ข้างเดียวกันเพื่อรบกับเยอรมัน และแม้รัสเซียจะมีกษัตริย์ปกครอง เช่นเดียวกับอังกฤษและเยอรมัน แถมเป็นญาติกันอีก โดยซารินา ราชินีของรัสเซีย เป็นหลานยายของพระนางวิกตอเรีย แต่ดูเหมือนราชวงศ์ของรัสเซีย จะสนิทใกล้ชิดกับเยอรมันมากกว่าอังกฤษ และด้วยนิสัยขี้ระแวงของอังกฤษ อังกฤษจึงไม่ค่อยวางใจ ในจุดยืนของราชวงค์โรมานอฟของรัสเซีย ดังนั้น ถ้าจะให้เลือกใครมาปกครองรัสเซีย อังกฤษคงเลือกผู้ที่อังกฤษคิดว่า ควบคุมได้ และเป็นประโยชน์ต่ออังกฤษ จึงไม่เป็นเรื่องเกินความคาดหมาย ที่ Round Table จะสนับสนุนให้รัฐบาลอังกฤษ รับรองพวก Bolsheviks อาจมีคนคิดว่าข่าวกรองของ Round Table ไม่แม่นยำหรือไง ไม่รู้ว่า พวก Bolsheviks นั้น มีทั้งฝ่ายที่อเมริกาสนับสนุน และฝ่ายที่เยอรมันสนับสนุน Round Table น่าจะรู้ดีว่าใครกันแน่ ที่คุม หรือชักใย รัฐบาลเยอรมันขณะนั้น ขณะเดียวกัน การเดินตามอเมริกาสนับสนุนปฏิวัติกำมะลอ ของ Bolsheviks ก็น่าจะเป็นเรื่องหมาป่าอังกฤษ จับมือ หรือตามประกบหมาป่าอเมริกัน ในการออกล่ารัสเซียนั่นเอง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 6 พ.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 470 Views 0 Reviews
  • เปิดตัว Mini PC ดีไซน์ Apple แต่หัวใจ AMD: Orico Omini Series

    ลองนึกภาพว่า Mac Mini และ Mac Pro ถูกย่อส่วนลงมาในขนาดเล็กจิ๋ว แต่ภายในกลับขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง AMD Ryzen แถมยังรองรับ Windows และ Linux ได้เต็มรูปแบบ — นี่คือสิ่งที่ Orico บริษัทเทคโนโลยีจากจีนกำลังนำเสนอผ่านซีรีส์ใหม่ “Omini Plus” และ “Omini Pro”

    Orico ซึ่งปกติเน้นผลิตอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล ก้าวเข้าสู่ตลาด Mini PC ด้วยดีไซน์ที่ชวนให้นึกถึงผลิตภัณฑ์ของ Apple แต่ภายในกลับเลือกใช้ขุมพลังจาก AMD Ryzen รุ่นใหม่ล่าสุด

    Omini Plus มาในทรงคล้าย Mac Mini ใช้ Ryzen 5 7535H (หรือชื่อใหม่ Ryzen 5 150) พร้อม RAM DDR5 16GB และ SSD 2TB ในตัว ขนาดเล็กเพียง 0.8 ลิตร แต่พอร์ตเชื่อมต่อจัดเต็มมาก

    Omini Pro ดูคล้าย Mac Pro ขนาดย่อ ใช้ Ryzen 7 8845HS พร้อม GPU Radeon 780M รองรับ AI processing ด้วย NPU ในตัว และสามารถอัปเกรด RAM ได้สูงสุดถึง 256GB พร้อม SSD สูงสุด 8TB

    ทั้งสองรุ่นรองรับ Windows 11 และ Linux เหมาะกับสายทำงานที่ต้องการความแรงในขนาดกะทัดรัด และยังมีดีไซน์ที่ดูพรีเมียมแบบ Apple แต่ไม่ต้องจ่ายแพงเท่า

    เปิดตัว Mini PC สไตล์ Apple จาก Orico
    Omini Plus ดีไซน์คล้าย Mac Mini ใช้ Ryzen 5 150
    Omini Pro ดีไซน์คล้าย Mac Pro ใช้ Ryzen 7 8845HS พร้อม GPU Radeon 780M
    รองรับ Windows 11 และ Linux เต็มรูปแบบ
    พอร์ตเชื่อมต่อครบครัน: USB4, HDMI 2.1, DisplayPort, Ethernet ฯลฯ
    Omini Plus ราคาเปิดตัวประมาณ $535 (พรีออเดอร์ $478)
    Omini Pro เริ่มต้นที่ $435 (พรีออเดอร์ $380)
    รองรับ AI processing ด้วย NPU ในรุ่น Pro
    เหมาะกับงาน productivity และ casual gaming

    สาระเพิ่มเติมจากวงการ Mini PC
    แนวโน้ม Mini PC ปี 2025 เน้นพลัง AI และประหยัดพลังงาน
    Qualcomm และ Huawei ก็เปิดตัว Mini PC ที่บางเฉียบและแรงไม่แพ้กัน
    Zotac แข่งเปิดตัว Mini PC ที่อ้างว่า “เล็กที่สุดในโลก”
    Thunderbolt 5 eGPU Dock ใหม่สามารถติดตั้ง Mini PC ได้โดยตรง

    https://www.tomshardware.com/desktops/mini-pcs/apple-mac-pro-and-mac-mini-clones-launch-with-amd-ryzen-cpus-perfect-mini-pcs-for-those-who-love-apples-aesthetics-but-still-need-windows-or-linux
    🖥️ เปิดตัว Mini PC ดีไซน์ Apple แต่หัวใจ AMD: Orico Omini Series ลองนึกภาพว่า Mac Mini และ Mac Pro ถูกย่อส่วนลงมาในขนาดเล็กจิ๋ว แต่ภายในกลับขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง AMD Ryzen แถมยังรองรับ Windows และ Linux ได้เต็มรูปแบบ — นี่คือสิ่งที่ Orico บริษัทเทคโนโลยีจากจีนกำลังนำเสนอผ่านซีรีส์ใหม่ “Omini Plus” และ “Omini Pro” Orico ซึ่งปกติเน้นผลิตอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล ก้าวเข้าสู่ตลาด Mini PC ด้วยดีไซน์ที่ชวนให้นึกถึงผลิตภัณฑ์ของ Apple แต่ภายในกลับเลือกใช้ขุมพลังจาก AMD Ryzen รุ่นใหม่ล่าสุด 💠 Omini Plus มาในทรงคล้าย Mac Mini ใช้ Ryzen 5 7535H (หรือชื่อใหม่ Ryzen 5 150) พร้อม RAM DDR5 16GB และ SSD 2TB ในตัว ขนาดเล็กเพียง 0.8 ลิตร แต่พอร์ตเชื่อมต่อจัดเต็มมาก 💠 Omini Pro ดูคล้าย Mac Pro ขนาดย่อ ใช้ Ryzen 7 8845HS พร้อม GPU Radeon 780M รองรับ AI processing ด้วย NPU ในตัว และสามารถอัปเกรด RAM ได้สูงสุดถึง 256GB พร้อม SSD สูงสุด 8TB ทั้งสองรุ่นรองรับ Windows 11 และ Linux เหมาะกับสายทำงานที่ต้องการความแรงในขนาดกะทัดรัด และยังมีดีไซน์ที่ดูพรีเมียมแบบ Apple แต่ไม่ต้องจ่ายแพงเท่า ✅ เปิดตัว Mini PC สไตล์ Apple จาก Orico ➡️ Omini Plus ดีไซน์คล้าย Mac Mini ใช้ Ryzen 5 150 ➡️ Omini Pro ดีไซน์คล้าย Mac Pro ใช้ Ryzen 7 8845HS พร้อม GPU Radeon 780M ➡️ รองรับ Windows 11 และ Linux เต็มรูปแบบ ➡️ พอร์ตเชื่อมต่อครบครัน: USB4, HDMI 2.1, DisplayPort, Ethernet ฯลฯ ➡️ Omini Plus ราคาเปิดตัวประมาณ $535 (พรีออเดอร์ $478) ➡️ Omini Pro เริ่มต้นที่ $435 (พรีออเดอร์ $380) ➡️ รองรับ AI processing ด้วย NPU ในรุ่น Pro ➡️ เหมาะกับงาน productivity และ casual gaming ✅ สาระเพิ่มเติมจากวงการ Mini PC ➡️ แนวโน้ม Mini PC ปี 2025 เน้นพลัง AI และประหยัดพลังงาน ➡️ Qualcomm และ Huawei ก็เปิดตัว Mini PC ที่บางเฉียบและแรงไม่แพ้กัน ➡️ Zotac แข่งเปิดตัว Mini PC ที่อ้างว่า “เล็กที่สุดในโลก” ➡️ Thunderbolt 5 eGPU Dock ใหม่สามารถติดตั้ง Mini PC ได้โดยตรง https://www.tomshardware.com/desktops/mini-pcs/apple-mac-pro-and-mac-mini-clones-launch-with-amd-ryzen-cpus-perfect-mini-pcs-for-those-who-love-apples-aesthetics-but-still-need-windows-or-linux
    0 Comments 0 Shares 166 Views 0 Reviews
  • สะเทือนวงการคริปโต: จีน-อังกฤษร่วมมือคืน 61,000 Bitcoin ที่ถูกขโมย มูลค่ากว่า $6.7 พันล้าน แต่เหยื่ออาจไม่ได้คืนเต็มจำนวน

    คดีใหญ่สะเทือนโลกคริปโต เมื่อทางการอังกฤษยึด Bitcoin กว่า 61,000 เหรียญจาก Zhimin Qian หรือที่รู้จักในชื่อ Yadi Zhang “ราชินีบิตคอยน์” ผู้หลอกลวงนักลงทุนจีนกว่า 128,000 รายผ่านโครงการลงทุนปลอมระหว่างปี 2014–2017 โดยเงินที่ได้ถูกแปลงเป็นคริปโตและอสังหาริมทรัพย์เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ

    หลังจากการจับกุมและยึดกระเป๋าเงินดิจิทัลในปี 2018 ซึ่งตอนนั้น Bitcoin มีมูลค่าเพียง ~$3,300 ต่อเหรียญ มูลค่ารวมของเหรียญที่ยึดได้อยู่ที่ประมาณ $200 ล้าน แต่ในปี 2025 มูลค่าของ Bitcoin พุ่งทะลุ $110,000 ต่อเหรียญ ทำให้ยอดรวมพุ่งขึ้นเป็นกว่า $6.7 พันล้าน!

    แม้จะดูเหมือนข่าวดีสำหรับเหยื่อ แต่การคืนเงินกลับไม่ง่าย เพราะทางการจีนต้องพิสูจน์ว่าเงินที่ใช้ซื้อ Bitcoin มาจากการหลอกลวงจริง ไม่ได้ปะปนกับเงินจากอาชญากรรมอื่น และทางการอังกฤษยังมีเสียงแตก บางฝ่ายเสนอให้คืนเฉพาะมูลค่าที่เหยื่อสูญเสีย ไม่ใช่มูลค่าปัจจุบันของ Bitcoin

    นอกจากนี้ ยังมีความกังวลว่าอังกฤษอาจเก็บ Bitcoin ไว้บางส่วน ซึ่งอาจสร้างความตึงเครียดทางการทูตกับจีน และนำไปสู่การต่อสู้ทางกฎหมายที่ยืดเยื้อ

    อังกฤษยึด Bitcoin กว่า 61,000 เหรียญจาก Zhimin Qian
    มูลค่าปัจจุบันกว่า $6.7 พันล้าน
    เป็นผลจากการหลอกลวงนักลงทุนจีนกว่า 128,000 ราย

    จีน-อังกฤษร่วมมือกันเพื่อคืนเงินให้เหยื่อ
    ต้องพิสูจน์ว่าเงินที่ใช้ซื้อ Bitcoin มาจากการหลอกลวง
    ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ติดต่อเหยื่อ

    มูลค่า Bitcoin เพิ่มขึ้นกว่า 30 เท่าจากปี 2018
    จาก ~$3,300 เป็น ~$110,000 ต่อเหรียญ
    ทำให้ยอดรวมพุ่งจาก $200 ล้านเป็น $6.7 พันล้าน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptomining/chinese-and-british-authorities-work-together-to-determine-how-to-return-61-000-stolen-bitcoins-worth-usd6-7-billion-victims-expected-to-have-hard-time-recouping-losses-despite-seizure
    💰 สะเทือนวงการคริปโต: จีน-อังกฤษร่วมมือคืน 61,000 Bitcoin ที่ถูกขโมย มูลค่ากว่า $6.7 พันล้าน แต่เหยื่ออาจไม่ได้คืนเต็มจำนวน คดีใหญ่สะเทือนโลกคริปโต เมื่อทางการอังกฤษยึด Bitcoin กว่า 61,000 เหรียญจาก Zhimin Qian หรือที่รู้จักในชื่อ Yadi Zhang “ราชินีบิตคอยน์” ผู้หลอกลวงนักลงทุนจีนกว่า 128,000 รายผ่านโครงการลงทุนปลอมระหว่างปี 2014–2017 โดยเงินที่ได้ถูกแปลงเป็นคริปโตและอสังหาริมทรัพย์เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ หลังจากการจับกุมและยึดกระเป๋าเงินดิจิทัลในปี 2018 ซึ่งตอนนั้น Bitcoin มีมูลค่าเพียง ~$3,300 ต่อเหรียญ มูลค่ารวมของเหรียญที่ยึดได้อยู่ที่ประมาณ $200 ล้าน แต่ในปี 2025 มูลค่าของ Bitcoin พุ่งทะลุ $110,000 ต่อเหรียญ ทำให้ยอดรวมพุ่งขึ้นเป็นกว่า $6.7 พันล้าน! แม้จะดูเหมือนข่าวดีสำหรับเหยื่อ แต่การคืนเงินกลับไม่ง่าย เพราะทางการจีนต้องพิสูจน์ว่าเงินที่ใช้ซื้อ Bitcoin มาจากการหลอกลวงจริง ไม่ได้ปะปนกับเงินจากอาชญากรรมอื่น และทางการอังกฤษยังมีเสียงแตก บางฝ่ายเสนอให้คืนเฉพาะมูลค่าที่เหยื่อสูญเสีย ไม่ใช่มูลค่าปัจจุบันของ Bitcoin นอกจากนี้ ยังมีความกังวลว่าอังกฤษอาจเก็บ Bitcoin ไว้บางส่วน ซึ่งอาจสร้างความตึงเครียดทางการทูตกับจีน และนำไปสู่การต่อสู้ทางกฎหมายที่ยืดเยื้อ ✅ อังกฤษยึด Bitcoin กว่า 61,000 เหรียญจาก Zhimin Qian ➡️ มูลค่าปัจจุบันกว่า $6.7 พันล้าน ➡️ เป็นผลจากการหลอกลวงนักลงทุนจีนกว่า 128,000 ราย ✅ จีน-อังกฤษร่วมมือกันเพื่อคืนเงินให้เหยื่อ ➡️ ต้องพิสูจน์ว่าเงินที่ใช้ซื้อ Bitcoin มาจากการหลอกลวง ➡️ ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ติดต่อเหยื่อ ✅ มูลค่า Bitcoin เพิ่มขึ้นกว่า 30 เท่าจากปี 2018 ➡️ จาก ~$3,300 เป็น ~$110,000 ต่อเหรียญ ➡️ ทำให้ยอดรวมพุ่งจาก $200 ล้านเป็น $6.7 พันล้าน https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptomining/chinese-and-british-authorities-work-together-to-determine-how-to-return-61-000-stolen-bitcoins-worth-usd6-7-billion-victims-expected-to-have-hard-time-recouping-losses-despite-seizure
    0 Comments 0 Shares 234 Views 0 Reviews
  • SpaceX รับดีล $2 พันล้านจากโครงการ Golden Dome ของทรัมป์ — เตรียมส่งดาวเทียม 600 ดวงติดตามภัยคุกคามทางอากาศ

    SpaceX ของ Elon Musk คาดว่าจะได้รับเงินทุนกว่า $2 พันล้านจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพื่อร่วมพัฒนาโครงการ Golden Dome ซึ่งเป็นระบบป้องกันขีปนาวุธระดับชาติที่ใช้ดาวเทียมกว่า 600 ดวงในการติดตามเป้าหมายเคลื่อนที่ทางอากาศ

    Golden Dome เป็นโครงการป้องกันขีปนาวุธที่ประกาศโดยประธานาธิบดี Donald Trump และรัฐมนตรี Pete Hegseth ในเดือนพฤษภาคม 2025 โดยมีเป้าหมายสร้างระบบป้องกันที่สามารถสกัดขีปนาวุธจากทุกทิศทาง — แม้แต่จากอวกาศ

    SpaceX จะมีบทบาทสำคัญในระบบ “Air Moving Target Indicator” ซึ่งใช้ดาวเทียมกว่า 600 ดวงในการติดตามเป้าหมายที่เคลื่อนที่เร็ว เช่น ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกและอากาศยานไร้คนขับ

    เงินทุนนี้มาจาก “One Big Beautiful Bill” ที่ทรัมป์ลงนามในเดือนกรกฎาคม 2025 โดยยังไม่มีการระบุชื่อผู้รับเหมาหลักอย่างเป็นทางการ แต่แหล่งข่าวระบุว่า SpaceX จะเป็นหนึ่งในผู้รับงานหลัก

    นอกจาก SpaceX ยังมีบริษัทอื่นที่เสนอเทคโนโลยีเข้าร่วม เช่น Anduril, Palantir, Lockheed Martin, Northrop Grumman และ L3Harris โดยรัฐบาลไม่ต้องการพึ่งพาบริษัทเดียวเพื่อหลีกเลี่ยง “vendor lock” ที่อาจทำให้ราคาสูงและนวัตกรรมชะงัก

    รายละเอียดของดีล SpaceX
    รับเงินทุน $2 พันล้านจากกระทรวงกลาโหม
    พัฒนาเครือข่ายดาวเทียม 600 ดวงสำหรับระบบติดตามเป้าหมาย
    เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Golden Dome

    โครงการ Golden Dome
    ระบบป้องกันขีปนาวุธขั้นสูงของสหรัฐฯ
    ใช้ดาวเทียม, interceptor, command & control และโครงสร้างพื้นฐานอื่น
    ได้รับแรงบันดาลใจจาก Iron Dome ของอิสราเอล
    คาดว่ามีงบรวมอย่างน้อย $175 พันล้าน และอาจสูงกว่านั้น

    ความเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง
    Gen. Chance Saltzman ระบุว่า “เราพึ่งพาอุตสาหกรรมในการแสดงศักยภาพ”
    Sen. Rick Scott เตือนว่าไม่ควรพึ่งพาบริษัทเดียวในการสร้างระบบป้องกัน
    Pentagon ชี้ว่าการผูกขาดอาจขัดขวางนวัตกรรมและเพิ่มต้นทุน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/elon-musks-spacex-will-reportedly-receive-usd2-billion-for-trumps-golden-dome-project-system-to-include-up-to-600-satellites-to-track-fast-moving-airborne-targets
    🛰️💰 SpaceX รับดีล $2 พันล้านจากโครงการ Golden Dome ของทรัมป์ — เตรียมส่งดาวเทียม 600 ดวงติดตามภัยคุกคามทางอากาศ SpaceX ของ Elon Musk คาดว่าจะได้รับเงินทุนกว่า $2 พันล้านจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพื่อร่วมพัฒนาโครงการ Golden Dome ซึ่งเป็นระบบป้องกันขีปนาวุธระดับชาติที่ใช้ดาวเทียมกว่า 600 ดวงในการติดตามเป้าหมายเคลื่อนที่ทางอากาศ Golden Dome เป็นโครงการป้องกันขีปนาวุธที่ประกาศโดยประธานาธิบดี Donald Trump และรัฐมนตรี Pete Hegseth ในเดือนพฤษภาคม 2025 โดยมีเป้าหมายสร้างระบบป้องกันที่สามารถสกัดขีปนาวุธจากทุกทิศทาง — แม้แต่จากอวกาศ SpaceX จะมีบทบาทสำคัญในระบบ “Air Moving Target Indicator” ซึ่งใช้ดาวเทียมกว่า 600 ดวงในการติดตามเป้าหมายที่เคลื่อนที่เร็ว เช่น ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกและอากาศยานไร้คนขับ เงินทุนนี้มาจาก “One Big Beautiful Bill” ที่ทรัมป์ลงนามในเดือนกรกฎาคม 2025 โดยยังไม่มีการระบุชื่อผู้รับเหมาหลักอย่างเป็นทางการ แต่แหล่งข่าวระบุว่า SpaceX จะเป็นหนึ่งในผู้รับงานหลัก นอกจาก SpaceX ยังมีบริษัทอื่นที่เสนอเทคโนโลยีเข้าร่วม เช่น Anduril, Palantir, Lockheed Martin, Northrop Grumman และ L3Harris โดยรัฐบาลไม่ต้องการพึ่งพาบริษัทเดียวเพื่อหลีกเลี่ยง “vendor lock” ที่อาจทำให้ราคาสูงและนวัตกรรมชะงัก ✅ รายละเอียดของดีล SpaceX ➡️ รับเงินทุน $2 พันล้านจากกระทรวงกลาโหม ➡️ พัฒนาเครือข่ายดาวเทียม 600 ดวงสำหรับระบบติดตามเป้าหมาย ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Golden Dome ✅ โครงการ Golden Dome ➡️ ระบบป้องกันขีปนาวุธขั้นสูงของสหรัฐฯ ➡️ ใช้ดาวเทียม, interceptor, command & control และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ➡️ ได้รับแรงบันดาลใจจาก Iron Dome ของอิสราเอล ➡️ คาดว่ามีงบรวมอย่างน้อย $175 พันล้าน และอาจสูงกว่านั้น ✅ ความเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง ➡️ Gen. Chance Saltzman ระบุว่า “เราพึ่งพาอุตสาหกรรมในการแสดงศักยภาพ” ➡️ Sen. Rick Scott เตือนว่าไม่ควรพึ่งพาบริษัทเดียวในการสร้างระบบป้องกัน ➡️ Pentagon ชี้ว่าการผูกขาดอาจขัดขวางนวัตกรรมและเพิ่มต้นทุน https://www.tomshardware.com/tech-industry/elon-musks-spacex-will-reportedly-receive-usd2-billion-for-trumps-golden-dome-project-system-to-include-up-to-600-satellites-to-track-fast-moving-airborne-targets
    0 Comments 0 Shares 262 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/yjK9a7LtwfI?si=_tEths2zC0OVbdhw
    https://youtu.be/yjK9a7LtwfI?si=_tEths2zC0OVbdhw
    0 Comments 0 Shares 40 Views 0 Reviews
  • QNAP เปิดตัว NAS ระดับดาต้าเซ็นเตอร์สำหรับใช้ในบ้าน! ความจุสูงถึง 19.2TB ด้วย SSD แบบ “ruler”

    QNAP เปิดตัว NAS รุ่น TBS-h574TX ที่ใช้ SSD แบบ E1.S หรือ “ruler form factor” ซึ่งปกติใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์ มาพร้อมความจุสูงสุด 19.2TB และราคาสูงถึง $4,399

    QNAP สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว NASbook TBS-h574TX ที่ใช้ SSD แบบ EDSFF E1.S หรือที่เรียกว่า “ruler SSD” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์ระดับสูง โดยนำมาใช้ใน NAS สำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและความจุมหาศาล

    รุ่นนี้รองรับ SSD ได้ถึง 5 ตัว และมีให้เลือกทั้งแบบ 9.6TB และ 19.2TB โดยใช้ SSD ขนาด 1.92TB และ 3.84TB ตามลำดับ (ใน RAID 0) หากใช้ RAID 5 จะได้ความจุประมาณ 7.68TB และ 15.36TB ตามลำดับ

    แม้จะสามารถซื้อ NAS รุ่นนี้แบบเปล่าและติดตั้ง SSD เองได้ แต่ QNAP ก็เสนอรุ่นที่ติดตั้งมาแล้วพร้อมใช้งาน โดยใช้ SSD ที่ไม่เปิดเผยผู้ผลิต (อาจเป็น Solidigm, Kioxia หรือ Micron)

    ตัวเครื่องใช้พลังงานประมาณ 46W และมาพร้อมพอร์ต Thunderbolt 4, Ethernet 2.5Gb และ 10Gb, USB 3.2 Gen 2 และ HDMI 1.4b รองรับ 4K ที่ 30Hz

    แม้จะใช้ SSD PCIe 4.0 แต่ตัว NAS รองรับแค่ PCIe 3.0 x2 ทำให้ความเร็วถูกจำกัดอยู่ที่ประมาณ 1,400 MB/s ในการอ่าน/เขียนแบบ sequential และ 70,000 IOPS สำหรับการเขียนแบบสุ่ม

    QNAP เปิดตัว NAS รุ่น TBS-h574TX ใช้ SSD แบบ E1.S
    ความจุสูงสุด 19.2TB ด้วย SSD ขนาด 3.84TB x 5
    มีรุ่น 9.6TB ด้วย SSD ขนาด 1.92TB x 5
    รองรับ RAID 0 และ RAID 5

    สเปกของ NAS
    ใช้ Intel Core i5-1235U (12th Gen) พร้อม RAM 16GB
    มีรุ่นอื่นที่ใช้ i5-1340PE และ i3-1320PE แต่ไม่รวม SSD
    พอร์ตเชื่อมต่อ: Thunderbolt 4, Ethernet 2.5Gb/10Gb, USB 3.2 Gen 2, HDMI 1.4b

    ประสิทธิภาพและการใช้งาน
    Sequential read/write ~1,400 MB/s
    Random write ~70,000 IOPS
    ใช้พลังงาน ~46W พร้อมอะแดปเตอร์ 120W

    การรับประกัน
    ตัว NAS รับประกัน 3 ปี
    SSD รับประกัน 5 ปีหรือจนถึง TBW ที่กำหนด

    ความเร็วของ SSD ถูกจำกัดด้วยอินเทอร์เฟซ PCIe 3.0 x2
    แม้ใช้ SSD PCIe 4.0 แต่ความเร็วไม่เต็มประสิทธิภาพ
    อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วสูงสุดในการอ่าน/เขียน

    ราคาสูงและไม่เปิดเผยผู้ผลิต SSD
    รุ่น 19.2TB ราคา $4,399 ซึ่งสูงกว่ารุ่น 9.6TB ถึง 52%
    ไม่สามารถตรวจสอบคุณภาพ SSD ได้เพราะไม่มีข้อมูลผู้ผลิต

    https://www.tomshardware.com/pc-components/nas/qnaps-new-nas-brings-exotic-data-center-form-factor-into-your-house-massive-es-1-ssds-for-up-to-19-2tb-of-storage-for-usd4-399
    🖥️🏠 QNAP เปิดตัว NAS ระดับดาต้าเซ็นเตอร์สำหรับใช้ในบ้าน! ความจุสูงถึง 19.2TB ด้วย SSD แบบ “ruler” QNAP เปิดตัว NAS รุ่น TBS-h574TX ที่ใช้ SSD แบบ E1.S หรือ “ruler form factor” ซึ่งปกติใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์ มาพร้อมความจุสูงสุด 19.2TB และราคาสูงถึง $4,399 QNAP สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว NASbook TBS-h574TX ที่ใช้ SSD แบบ EDSFF E1.S หรือที่เรียกว่า “ruler SSD” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์ระดับสูง โดยนำมาใช้ใน NAS สำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและความจุมหาศาล รุ่นนี้รองรับ SSD ได้ถึง 5 ตัว และมีให้เลือกทั้งแบบ 9.6TB และ 19.2TB โดยใช้ SSD ขนาด 1.92TB และ 3.84TB ตามลำดับ (ใน RAID 0) หากใช้ RAID 5 จะได้ความจุประมาณ 7.68TB และ 15.36TB ตามลำดับ แม้จะสามารถซื้อ NAS รุ่นนี้แบบเปล่าและติดตั้ง SSD เองได้ แต่ QNAP ก็เสนอรุ่นที่ติดตั้งมาแล้วพร้อมใช้งาน โดยใช้ SSD ที่ไม่เปิดเผยผู้ผลิต (อาจเป็น Solidigm, Kioxia หรือ Micron) ตัวเครื่องใช้พลังงานประมาณ 46W และมาพร้อมพอร์ต Thunderbolt 4, Ethernet 2.5Gb และ 10Gb, USB 3.2 Gen 2 และ HDMI 1.4b รองรับ 4K ที่ 30Hz แม้จะใช้ SSD PCIe 4.0 แต่ตัว NAS รองรับแค่ PCIe 3.0 x2 ทำให้ความเร็วถูกจำกัดอยู่ที่ประมาณ 1,400 MB/s ในการอ่าน/เขียนแบบ sequential และ 70,000 IOPS สำหรับการเขียนแบบสุ่ม ✅ QNAP เปิดตัว NAS รุ่น TBS-h574TX ใช้ SSD แบบ E1.S ➡️ ความจุสูงสุด 19.2TB ด้วย SSD ขนาด 3.84TB x 5 ➡️ มีรุ่น 9.6TB ด้วย SSD ขนาด 1.92TB x 5 ➡️ รองรับ RAID 0 และ RAID 5 ✅ สเปกของ NAS ➡️ ใช้ Intel Core i5-1235U (12th Gen) พร้อม RAM 16GB ➡️ มีรุ่นอื่นที่ใช้ i5-1340PE และ i3-1320PE แต่ไม่รวม SSD ➡️ พอร์ตเชื่อมต่อ: Thunderbolt 4, Ethernet 2.5Gb/10Gb, USB 3.2 Gen 2, HDMI 1.4b ✅ ประสิทธิภาพและการใช้งาน ➡️ Sequential read/write ~1,400 MB/s ➡️ Random write ~70,000 IOPS ➡️ ใช้พลังงาน ~46W พร้อมอะแดปเตอร์ 120W ✅ การรับประกัน ➡️ ตัว NAS รับประกัน 3 ปี ➡️ SSD รับประกัน 5 ปีหรือจนถึง TBW ที่กำหนด ‼️ ความเร็วของ SSD ถูกจำกัดด้วยอินเทอร์เฟซ PCIe 3.0 x2 ⛔ แม้ใช้ SSD PCIe 4.0 แต่ความเร็วไม่เต็มประสิทธิภาพ ⛔ อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วสูงสุดในการอ่าน/เขียน ‼️ ราคาสูงและไม่เปิดเผยผู้ผลิต SSD ⛔ รุ่น 19.2TB ราคา $4,399 ซึ่งสูงกว่ารุ่น 9.6TB ถึง 52% ⛔ ไม่สามารถตรวจสอบคุณภาพ SSD ได้เพราะไม่มีข้อมูลผู้ผลิต https://www.tomshardware.com/pc-components/nas/qnaps-new-nas-brings-exotic-data-center-form-factor-into-your-house-massive-es-1-ssds-for-up-to-19-2tb-of-storage-for-usd4-399
    0 Comments 0 Shares 181 Views 0 Reviews
  • Examples Of Every Letter Being Silent, With The Exception Of…

    You probably already know that English features many, many words with silent letters—letters that appear in the word but aren’t pronounced and often make us wonder what they are even doing there. For example, the letter B in the words debt and thumb. Or whatever the heck is going on in the words colonel, queue, and bourgeoisie.

    Even though you’re probably already familiar with silent letters, you might not realize just how many words in English actually use them. To demonstrate just how common these silent letters actually are, we quietly gathered up a list of as many examples of silent letters as we could find.

    It should be noted that silent letters often depend on pronunciation and regional accents, which we have noted at points in our list.

    Silent A words

    The letter A is silent in a bunch of words that include -ea, such as bread, dread, head, thread, and spread. The letter A also remains quiet in a bunch of adverbs that end in -ically, such as basically, stoically, logically, frantically, fanatically, magically, and tragically. A few words also have a silent A at the beginning that doesn’t seem to do much of anything, such as aisle and aesthetic.

    Silent B words

    The letter B likes to silently follow the letter M at the end of many words, such as in dumb, plumb, crumb, thumb, numb, succumb, lamb, limb, climb, tomb, comb, bomb, and womb. The letter B also seems to also slip in silently before the letter T in words like debt, doubt, and subtle.

    Silent C words

    When it comes to the letter C, it seems to remain silent when it follows the letter S. There are many examples of this, such as science, scissors, scent, ascent, crescent, descent, descend, disciple, scene, obscene, fluorescent, abscess, fascinate, and muscle.

    The silent C also shows up in a few other weird words such as czar, acquire, indict, and yacht. Yacht is so fancy that it even slips a silent H in there too.

    Silent D words

    The letter D is silent in some words that pair it up with the letter G, as in bridge, ridge, edge, ledge, and hedge. It also doesn’t have much to say in some pronunciations of the words handsome and handkerchief. Lastly, the first D in the word Wednesday seems to have taken the day off.

    Silent E words

    The letter E quietly resides in the middle of the word vegetable. However, there are tons and tons more silent E‘s out there. The letter E often goes unpronounced at the end of many, many words that include but are certainly not limited to the words imagine, plaque, brute, debate, excite, make, due, true, crime, grace, goose, axe, die, dye, bike, eke, pie, use, toe, cage, dude, mute, candle, and adore.

    Silent F words

    This one will depend on how you pronounce the word fifth, which has two common pronunciations: one in which both F‘s are pronounced and one in which the second F is not (as if it were spelled “fith”). As far as we know, this silent F pronunciation of fifth is the only example in English of a word with a silent F.

    Silent G words

    For whatever reason, the letter G likes to stay quiet when it is paired up with the letter N. Examples include gnaw, gnarly, gnostic, gnat, gnash, gnome, champagne, cologne, align, assign, benign, sign, feign, foreign, and reign. The letter G also often keeps quiet when it sees the letter H, as in sigh, high, sight, light, bright, night, fight, though, and thorough.

    Silent H words

    We have already listed quite a few words with silent Hs but there are plenty more to find. The letter H is sometimes silent when placed at the beginning of words such as hour, heir, honor, herb, homage, and honest. The letter H is silent in many words where it follows the letter C, such as anchor, archive, chaos, character, Christmas, charisma, chemical, choreography, chorus, choir, and echo. The letter H is also silent in words where it follows the letter W, as in when, where, which, why, whine, whistle, and white. Finally, the letter H doesn’t seem to be doing much at all in the words ghost and rhyme.

    Silent I words

    Compared to the other vowels, the letter I seems to love to be heard. We could only find a few words that feature a silent I, such as business, suit, and fruit.

    Silent J words

    Based on our, ahem, totally professional research, the only English word to have a silent J is … marijuana. And interestingly, it’s tough to find a language with a silent J. J just loves to be heard.

    Silent K words

    The letter K is silent at the beginning of lots of words where it is followed by the letter N. Some examples of this include knife, knight, knob, knock, knit, knuckle, knee, kneel, knick-knack, knowledge, know, knot, and knoll.

    Silent L words

    The letter L is silent in the words including should, could, would, half, calf, chalk, talk, walk, folk, and yolk. The silent L in the word salmon is also pretty fishy.

    Silent M words

    After looking high and low, the only words we could find with a silent M are ones that begin with mn, such as mnemonic and similarly derived terms, but maybe we just need something to help us remember others.

    Silent N words

    The letter N seems to be shy around the letter M as it doesn’t speak up in words like autumn, column, condemn, solemn, and hymn.

    Silent O words

    The letter O is silent in some words that pair it with fellow vowels E and U, such as people, jeopardy, leopard, rough, tough, enough, trouble, and double.

    Silent P words

    The letter P is often silent in words that pair it with the letter S, as in psalm, psyche, psychology, pseudoscience, pseudonym, and corps. It is also silent in many technical words that include the prefixes pneumato-, pneumano-, and pneumo-, such as pneumonia and pneumatic. The letter P is also silent in a few other oddball words such as raspberry, receipt, and pterodactyl.

    Silent Q words

    The letter Q mostly makes its presence felt whenever it appears. The word lacquer seems to be the sole example of a word with a silent Q that we could manage to find.

    Silent R words

    Besides the common pronunciation of the word February that leaves out the first R, the existence (or nonexistence) of silent R’s largely depends on whether you have a rhotic or non-rhotic accent. For example, a person with a non-rhotic Boston accent will likely employ several silent R’s following vowels in the sentence My sister parked her car near Harvard Yard.

    Silent S words

    The Silent S appears in several different words, including island, isle, aisle, apropos, debris, bourgeois, and viscount.

    Silent T words

    One pattern we could find for the Silent T occurs when it is paired with the letter L in words like whistle, bristle, thistle, bustle, hustle, and castle. The letter T is also silent in a lot of French loanwords such as ballet, gourmet, rapport, ricochet, buffet, crochet, valet, debut, and beret. Besides that, the silent T appears in a random assortment of other words, such as asthma, mortgage, tsunami, soften, listen, fasten, glisten, and moisten.

    Silent U words

    U must get nervous around G‘s because it can’t seem to say anything when it comes after them in words like guard, guide, guilt, guitar, guess, disguise, guest, guilt, guise, baguette, dialogue, monologue, league, colleague, rogue, vague, and tongue. You can also find a silent U in words like build, biscuit, circuit, and laugh.

    Silent V words

    We looked as hard as we could for words with a silent V, but we sadly came up empty. Some sources claim that V is the only letter in English that is never silent, and we couldn’t find any examples to prove that claim wrong. Poetic contractions like e’er and ne’er do cut it right out, though.

    Silent W words

    The letter W gets tongue-tied around the letter R and is often silent when placed before it in words like wrack, wrench, wreath, wrestle, wrangle, wrist, wrong, wring, wrought, write, writ, wrinkle, wraith, wrap, wrath, wretch, wreck, writhe, wry, wrapper, and playwright. A handful of other words also feature a silent W, such as answer, sword, two, and who.

    Silent X words

    Unless we made an embarrassing mistake, we are pretty sure the letter X is silent in the words faux and faux pas. As it is in other French-derived words, such as roux and doux and some plurals, like choux and reseaux (the plurals of chou and reseau, respectively).

    Silent Y words

    The letter Y is another one that depends on pronunciation to be silent. For example, one pronunciation of the word beyond [ bee-ond ] could be considered to contain a silent Y.

    Silent Z Words

    A handful of French loanwords have that special je ne sais quoi of a silent Z, including rendezvous and laissez-faire.

    สงวนลิขสิทธิ์ © 2025 AAKKHRA & Co.
    Examples Of Every Letter Being Silent, With The Exception Of… You probably already know that English features many, many words with silent letters—letters that appear in the word but aren’t pronounced and often make us wonder what they are even doing there. For example, the letter B in the words debt and thumb. Or whatever the heck is going on in the words colonel, queue, and bourgeoisie. Even though you’re probably already familiar with silent letters, you might not realize just how many words in English actually use them. To demonstrate just how common these silent letters actually are, we quietly gathered up a list of as many examples of silent letters as we could find. It should be noted that silent letters often depend on pronunciation and regional accents, which we have noted at points in our list. Silent A words The letter A is silent in a bunch of words that include -ea, such as bread, dread, head, thread, and spread. The letter A also remains quiet in a bunch of adverbs that end in -ically, such as basically, stoically, logically, frantically, fanatically, magically, and tragically. A few words also have a silent A at the beginning that doesn’t seem to do much of anything, such as aisle and aesthetic. Silent B words The letter B likes to silently follow the letter M at the end of many words, such as in dumb, plumb, crumb, thumb, numb, succumb, lamb, limb, climb, tomb, comb, bomb, and womb. The letter B also seems to also slip in silently before the letter T in words like debt, doubt, and subtle. Silent C words When it comes to the letter C, it seems to remain silent when it follows the letter S. There are many examples of this, such as science, scissors, scent, ascent, crescent, descent, descend, disciple, scene, obscene, fluorescent, abscess, fascinate, and muscle. The silent C also shows up in a few other weird words such as czar, acquire, indict, and yacht. Yacht is so fancy that it even slips a silent H in there too. Silent D words The letter D is silent in some words that pair it up with the letter G, as in bridge, ridge, edge, ledge, and hedge. It also doesn’t have much to say in some pronunciations of the words handsome and handkerchief. Lastly, the first D in the word Wednesday seems to have taken the day off. Silent E words The letter E quietly resides in the middle of the word vegetable. However, there are tons and tons more silent E‘s out there. The letter E often goes unpronounced at the end of many, many words that include but are certainly not limited to the words imagine, plaque, brute, debate, excite, make, due, true, crime, grace, goose, axe, die, dye, bike, eke, pie, use, toe, cage, dude, mute, candle, and adore. Silent F words This one will depend on how you pronounce the word fifth, which has two common pronunciations: one in which both F‘s are pronounced and one in which the second F is not (as if it were spelled “fith”). As far as we know, this silent F pronunciation of fifth is the only example in English of a word with a silent F. Silent G words For whatever reason, the letter G likes to stay quiet when it is paired up with the letter N. Examples include gnaw, gnarly, gnostic, gnat, gnash, gnome, champagne, cologne, align, assign, benign, sign, feign, foreign, and reign. The letter G also often keeps quiet when it sees the letter H, as in sigh, high, sight, light, bright, night, fight, though, and thorough. Silent H words We have already listed quite a few words with silent Hs but there are plenty more to find. The letter H is sometimes silent when placed at the beginning of words such as hour, heir, honor, herb, homage, and honest. The letter H is silent in many words where it follows the letter C, such as anchor, archive, chaos, character, Christmas, charisma, chemical, choreography, chorus, choir, and echo. The letter H is also silent in words where it follows the letter W, as in when, where, which, why, whine, whistle, and white. Finally, the letter H doesn’t seem to be doing much at all in the words ghost and rhyme. Silent I words Compared to the other vowels, the letter I seems to love to be heard. We could only find a few words that feature a silent I, such as business, suit, and fruit. Silent J words Based on our, ahem, totally professional research, the only English word to have a silent J is … marijuana. And interestingly, it’s tough to find a language with a silent J. J just loves to be heard. Silent K words The letter K is silent at the beginning of lots of words where it is followed by the letter N. Some examples of this include knife, knight, knob, knock, knit, knuckle, knee, kneel, knick-knack, knowledge, know, knot, and knoll. Silent L words The letter L is silent in the words including should, could, would, half, calf, chalk, talk, walk, folk, and yolk. The silent L in the word salmon is also pretty fishy. Silent M words After looking high and low, the only words we could find with a silent M are ones that begin with mn, such as mnemonic and similarly derived terms, but maybe we just need something to help us remember others. Silent N words The letter N seems to be shy around the letter M as it doesn’t speak up in words like autumn, column, condemn, solemn, and hymn. Silent O words The letter O is silent in some words that pair it with fellow vowels E and U, such as people, jeopardy, leopard, rough, tough, enough, trouble, and double. Silent P words The letter P is often silent in words that pair it with the letter S, as in psalm, psyche, psychology, pseudoscience, pseudonym, and corps. It is also silent in many technical words that include the prefixes pneumato-, pneumano-, and pneumo-, such as pneumonia and pneumatic. The letter P is also silent in a few other oddball words such as raspberry, receipt, and pterodactyl. Silent Q words The letter Q mostly makes its presence felt whenever it appears. The word lacquer seems to be the sole example of a word with a silent Q that we could manage to find. Silent R words Besides the common pronunciation of the word February that leaves out the first R, the existence (or nonexistence) of silent R’s largely depends on whether you have a rhotic or non-rhotic accent. For example, a person with a non-rhotic Boston accent will likely employ several silent R’s following vowels in the sentence My sister parked her car near Harvard Yard. Silent S words The Silent S appears in several different words, including island, isle, aisle, apropos, debris, bourgeois, and viscount. Silent T words One pattern we could find for the Silent T occurs when it is paired with the letter L in words like whistle, bristle, thistle, bustle, hustle, and castle. The letter T is also silent in a lot of French loanwords such as ballet, gourmet, rapport, ricochet, buffet, crochet, valet, debut, and beret. Besides that, the silent T appears in a random assortment of other words, such as asthma, mortgage, tsunami, soften, listen, fasten, glisten, and moisten. Silent U words U must get nervous around G‘s because it can’t seem to say anything when it comes after them in words like guard, guide, guilt, guitar, guess, disguise, guest, guilt, guise, baguette, dialogue, monologue, league, colleague, rogue, vague, and tongue. You can also find a silent U in words like build, biscuit, circuit, and laugh. Silent V words We looked as hard as we could for words with a silent V, but we sadly came up empty. Some sources claim that V is the only letter in English that is never silent, and we couldn’t find any examples to prove that claim wrong. Poetic contractions like e’er and ne’er do cut it right out, though. Silent W words The letter W gets tongue-tied around the letter R and is often silent when placed before it in words like wrack, wrench, wreath, wrestle, wrangle, wrist, wrong, wring, wrought, write, writ, wrinkle, wraith, wrap, wrath, wretch, wreck, writhe, wry, wrapper, and playwright. A handful of other words also feature a silent W, such as answer, sword, two, and who. Silent X words Unless we made an embarrassing mistake, we are pretty sure the letter X is silent in the words faux and faux pas. As it is in other French-derived words, such as roux and doux and some plurals, like choux and reseaux (the plurals of chou and reseau, respectively). Silent Y words The letter Y is another one that depends on pronunciation to be silent. For example, one pronunciation of the word beyond [ bee-ond ] could be considered to contain a silent Y. Silent Z Words A handful of French loanwords have that special je ne sais quoi of a silent Z, including rendezvous and laissez-faire. สงวนลิขสิทธิ์ © 2025 AAKKHRA & Co.
    0 Comments 0 Shares 296 Views 0 Reviews
More Results